Professional Documents
Culture Documents
เสนอ
อาจารย์ อารยา ข้อค้า
จัดทาโดย
นางสาวซีรีน ขวัญคาวิน 6611166208
นางสาวนัศซานา ยืนยงค์ 6611166211
นายภานุวฒ
ั น์ จันทร์ทรง 6611166221
นางสาวสุภาพร ผลภิญโญ 6611166230
รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา ฟิสิกส์สาหรับวิทยาศาสตร์สุขภาพ
สาขาวิชา สาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566
ก
รายงาน
เรื่อง เครื่องมือทางการแพทย์ เครื่อง Madnetic resonance imaging MRI
เสนอ
อาจารย์ อารยา ข้อค้า
จัดทาโดย
นางสาวซีรีน ขวัญคาวิน 6611166208
นางสาวนัศซานา ยืนยงค์ 6611166211
นายภานุวฒ
ั น์ จันทร์ทรง 6611166221
นางสาวสุภาพร ผลภิญโญ 6611166230
รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา ฟิสิกส์สาหรับวิทยาศาสตร์สุขภาพ
สาขาวิชา สาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566
ช
คานา
รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา ฟิสิกส์สาหรับวิทยาศาสตร์สุขภาพ ชั้นปีที่ 1 โดยมีจุดประสงค์
เพื่อการศึกษาหาความรู้ใน เรื่อง เครื่องมือ Madnetic resonance imaging MRI เนื้อหาจะประกอบไปด้วย
หลักการทางานของเครื่องมือ อาการแบบไหนที่ควรมารับการตรวจ MRI วิธีใฃ้เครื่องมือ ประโยฃน์ของ
เครื่องมือ อันตรายจากเครื่องมือ และกรณีศึกษา หรือตัวอย่าง การนาเครื่องมือไปใช้ทางการแพทย์
คณะผู้จัดทาหวังว่า รายงานเล่มนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน หรือนักเรียน นักศึกษาที่กาลังหาข้อมูล
เรื่องนี้อยู่ หากมีข้อแนะนาหรือข้อผิดพลาดประการใด คณะผู้จัดทาขอน้อมรับไว้และขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
คณะผู้จัดทา
นางสาวซีรีน ขวัญคาวิน
นางสาวนัศซานา ยืนยงค์
นายภานุวัฒน์ จันทร์ทรง
นางสาวสุภาพร ผลภิญโญ
ค
สารบัญ
เรื่อง หน้า
คานา ก
สารบัญ ข
เครื่องมือ Madnetic resonance imaging MRI 1
หลักการทางาน 1-2
(อาการแบบไหนที่ควรมารับการตรวจ MRI)
วิธีการใช้งาน 2-4
- MRI ตรวจส่วนไหนของร่างกาย
- วิธีการตรวจ MRI
- การเตรียมตัวก่อน และหลังตรวจ MRI
- การตรวจด้วยเครื่อง MRI ใช้เวลานานเท่าไหร่
- ถ้ามีปัญหาระหว่างตรวจต้องทาอย่างไร
- ต้องเข้าอุโมงค์ กลัวที่แคบสามารถตรวจได้ไหม
ประโยชน์ของเครื่องMRI 5
อันตรายจากเครื่องMRI 6
กรณีศึกษา หรือ ตัวอย่าง การนาเครื่องมือไปใช้ทางการแพทย์ 7
อ้างอิง
1
หลักการทางานของเครื่องMRI
เครื่อง MRI ประกอบด้วยแม่เหล็กซึ่งมีไฮโดรเจนอะตอม เมื่อร่างกายอยู่ท่ามกลางสนามแม่เหล็ก ร่างกาย
ก็จะมีโมเลกุลของน้า เครื่อง MRI ส่งสัญญาณวิทยุ เข้าไปกระตุ้นอวัยวะ ทาให้เกิดการกาทอน (Resonance)
ตามหลักการของฟิสิกส์ เมื่อเครื่องหยุดการส่งสัญญาณวิทยุแล้ว ร่างกายก็จะปล่อยไฮโดรเจนอะตอม เข้าสู่
อุปกรณ์เข้ารับสัญญาณ ออกมาเป็นสัญญาณภาพบนจอ อาศัยการส่งคลื่นวิทยุไปยังผู้ป่วยที่นอนอยู่ใน
สนามแม่เหล็กความเข้มสูง เมื่อหยุดกระตุ้นด้วยคลื่นวิทยุนิวเคลียสของอะตอมจะกลับเข้าสู่ภาวะระดับ
พลังงานปกติก็จะปลดปล่อยคลื่นวิทยุออกมาเป็นสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งเราสามารถบันทึกคลื่นวิทยุที่
เนื้อเยื่อปล่ยออกมาแล้วนามาประมวลผล และสร้างภาพอวัยวะต่างๆ โดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะได้ภาพที่
มีรายละเอียดของเนื้อเยื่อสูง และสามารถแสดงภาพได้ทุกระนาบของผู้ป่วย
2
อาการแบบไหนที่ควรมารับการตรวจ MRI
– ในผู้ที่เป็นพาหะไวรัสตับอักเสบบี ควรมาตรวจ MRI ของช่องท้อง หามะเร็งตับ
– มีประวัติว่าบิดาหรือมารดาเป็นเส้นเลือดในสมองแตก สมองโป่งพอง (Intracerebral Aneurysm) ควรมา
ตรวจ MRA เส้นเลือดสมอง
– เป็นโรคลมชัก
– มีอาการปวดหัว แขนขาอ่อนแรง หมดสติบ่อยๆ ความจาเสื่อมสับสน คลื่นใส้อาเจียน อาการวิงเวียนศีรษะ
คล้ายบ้านหมุน เสียการทรงตัว
ปากเบี้ยว หนังตาตก ลิ้นชาแข็ง ควรมาตรวจ MRI สมอง
– ปวดคอ ปวดหลัง ชาลงแขนหรือลาตัว ขาลีบ แขนหรือขาอ่อนแรง แขนขากระตุก สมรรถภาพทางเพศลดลง
ควบคุมปัสสาวะ อุจจาระไม่ได้ ควรมาตรวจ MRI ของกระดูกสันหลัง
– หายใจหอบเหนื่อย หายใจไม่อิ่ม ไอเรื้อรังไม่มีสาเหตุ เจ็บหน้าอก กลืนน้าหรืออาหารลาบาก ควรมาตรวจ
MRI ของทรวงอก
– ตัวเหลืองตาเหลืองคลื่นไส้อาเจียน เจ็บบริเวณชายโครง ท้องโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ควรมาตรวจ MRI ของช่อง
ท้องหรือท่อทางเดินน้าดีและถุงน้าดี
– ปวดท้องน้อยเป็นประจา มีเลือดออกจากช่องคลอด ปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะขัด ควรมาตรวจ MRI ของ
อุ้งเชิงกราน
– ได้รับอุบัติเหตุที่ข้อไม่ว่าจะเป็นข้อเข่า ข้อไหล่ ข้อศอก ข้อมือ ข้อนิ้ว ข้อตะโพก ข้อเท้า ควรมาตรวจ
MRI ของข้อนั้นๆ
วิธีใช้งานเครื่อง MRI
วิธีการตรวจ MRI เมื่อผู้ป่วยนอนลงบนเตียง เจ้าหน้าที่จะจัดตาแหน่งท่านอน และติดแถบรัดกันผู้ป่วย
ขยับ ติดเครื่องวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ที่ด้านซ้ายของหน้าอก และติดเครื่องวัดการหายใจไว้ที่หน้าท้อง ระหว่างการ
ตรวจจะมีเจ้าหน้าที่แจ้งผู้ป่วยให้กลั้นหายใจ ไม่เกิน20 วินาที เป็นระยะๆ ผู้ป่วยที่รับการฉีดสารทึบรังสีจะต้อง
ตรวจเลือดหาการทางานในไต ก่อนตรวจ MRI หลังจากนั้นแพทย์จะฉีดสารทึบรังสีเข้าที่เส้นเลือดดา
3
MRI ตรวจส่วนไหนของร่างกาย
- MRI สมอง สามารถตรวจได้ทุกเพศ ทุกวัย แม้ว่าจะไม่มีอาการทางสมอง โดยตรวจเนื้อสมอง และเส้น
เลือดสมอง หากมีอาการปวดหัว ความจาเสื่อม มึนหัว อาเจียน เห็นภาพซ้อน ควรมาตรวจ MRI สมอง
- MRI ช่องท้อง และกระดูกเชิงกราน สามารถตรวจได้ทุกเพศ ทุกวัย หรือหญิงตั้งครรภ์ ตรวจหาเนื้องอก
มะเร็งตับ นิ่ว ความผิดปกติของมดลูก และต่อมลูกหมาก
- MRI กระดูกสันหลัง สามารถตรวจให้เห็นถึง หากมีอาการปวดหลัง แขนขาอ่อนแรง อั้นปัสสาวะ
อุจจาระไม่ได้ หรือผู้ที่ประสบอุบัติเหตุมีปัญหา เรื่องหมอนรองกระดูก ควรมาตรวจ MRI กระดูกสันหลัง
เพื่อแพทย์จะได้วางแผนในการรักษา
- MRI กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อ สามารถตรวจให้เห็นถึงการฉีกขาดของกล้ามเนื้อ ในกระดูก หรือการฉีกขาด
ของกระดูกอ่อน ทาให้วางแผนการรักษา น้าในเข่า ข้อศอก หรือข้อนิ้ว
- MRI เส้นเลือด สามารถตรวจเส้นเลือดดา และเส้นเลือดแดง เพื่อหาความผิดปกติของการไหลเวียน
เลือด
วิธีการตรวจ MRI
- เมื่อผู้ป่วยนอนลงบนเตียง เจ้าหน้าที่จะจัดตาแหน่งท่านอน และติดแถบรัดกันผู้ป่วยขยับ
- ติดเครื่องวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ที่ด้านซ้ายของหน้าอก และติดเครื่องวัดการหายใจไว้ที่หน้าท้อง
- ระหว่างการตรวจจะมีเจ้าหน้าที่แจ้งผู้ป่วยให้กลั้นหายใจ ไม่เกิน20 วินาที เป็นระยะๆ
- ผู้ป่วยที่รับการฉีดสารทึบรังสีจะต้องตรวจเลือดหาการทางานในไต ก่อนตรวจ MRI หลังจากนั้น
แพทย์จะฉีดสารทึบรังสีเข้าที่เส้นเลือดดา
ถ้ามีปัญหาระหว่างตรวจต้องทาอย่างไร
ขณะตรวจอยู่ หากผู้รับการตรวจรู้สึกผิดปกติหรือมีเหตุฉุกเฉิน เช่น ไอ จาม หรือสาลัก สามารถบีบลูกยาง
ฉุกเฉินที่เจ้าหน้าที่เตรียมไว้ให้ เพื่อหยุดตรวจชั่วคราวได้ ในขณะที่ท่านทาการตรวจอยู่ในเครื่องจะมีเจ้าหน้าที่
ดูแลท่านตลอดเวลา ถ้ามีปัญหาขัดข้องอะไร ท่านสามารถบอกได้โดยผ่านไมโครโฟนที่อยู่ภายในเครื่อง
นอกจากนี้ระหว่างการตรวจเครื่องจะมีเสียงดังเป็นระยะๆ ไม่ต้องกลัว เพราะจะมีฟองน้าหรือหูฟังอุดหูเพื่อลด
เสียงให้
ต้องเข้าอุโมงค์ กลัวที่แคบสามารถตรวจได้ไหม
ด้วยการตรวจด้วยเครื่อง MRI ผู้ป่วยจะต้องเข้าไปในเครื่องที่มีลักษณะเป็นอุโมงค์ โดยก่อนตรวจจะทาการ
สอบถามซักประวัติและประเมินความกลัวที่แคบก่อนว่ามากน้อยเพียงใด ถ้าท่านทราบมาก่อนว่ากลัวที่แคบ
ควรแจ้งให้ทราบในวันที่นัดตรวจ เพื่อจะได้ประเมินการเตรียมตัวให้ โดยก่อนตรวจเจ้าหน้าที่จะอธิบายลักษณะ
การตรวจ พร้อมให้ดูเครื่องและฟังเสียงการทางานของเครื่อง ทั้งนี้ขณะทาการตรวจยังสามารถติดต่อกับผู้ทา
การตรวจภายนอกได้ตลอดเวลา และให้ญาติอยู่ภายในห้องตรวจได้ด้วย หากกรณีที่ผู้รับการตรวจมีความกลัว
มากจนไม่สามารถจะตรวจได้ แพทย์จะให้ทานยาคลายเครียด หรืออาจจะต้องได้รับยานอนหลับ หรือยาสลบ
ก่อนตรวจ
5
ประโยชน์ของเครื่องMRI
MRI สามารถให้ภาพที่แยกความแตกต่างระหว่างเนื้อเยื่อต่างๆ ได้ชัดเจน ทาให้มีความถูกต้องแม่นยาใน
การ วินิจฉัยโรคมากยิ่งขึ้น อีกทั้งสามารถทาการตรวจได้ ในทุกๆระนาบ ไม่ใช่เฉพาะแนวขวางอย่างเอกซเรย์
คอมพิวเตอร์ ใช้ได้ดีกับส่วนที่ไม่ใช่กระดูก (non bony parts) คือเนื้อเยื่อ (soft tissues) โดยเฉพาะสมอง
เส้นประสาทไขสันหลัง และเส้นประสาทในร่างกาย (CT scan ดูภาพกระดูกได้ดีกว่า) ใช้ได้ดีกับ กล้ามเนื้อ
เส้นเอ็นยึดกระดูกและกล้ามเนื้อ สามารถตรวจเส้นเลือดได้โดย ไม่ต้องเสี่ยงกับการฉีดสารทึบรังสีและการสวน
สายยางเพื่อฉีดสี ซึ่งมีประโยชน์ ต่อวงการแพทย์แผนปัจจุบันเป็นอย่างมาก เพราะมีความปลอดภัยสูงและ
ค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างต่า นอกจากนี้ยัง สะดวกสบายกว่าเพราะไม่จาเป็นต้องเตรียมตัวใดๆ ทั้งก่อนและหลังการ
ตรวจ คนไข้สามารถกลับบ้านได้ทันทีที่ตรวจเสร็จ ไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดใดๆ แก่ร่างกายของคนไข้ รวมถึง
ไม่มีอันตรายจากรังสีตกค้าง เพราะไม่ใช้คลื่นรังสี
ประโยชน์จากMRI
1. สามารถให้ภาพที่แยกความแตกต่างระหว่างเนื้อเยื่อ ได้อย่างชัดเจน ทาให้มีความถูกต้องแม่นยาใน
การวินิจฉัยโรคมากยิ่งขึ้น
2. ใช้ได้ดีกับการตรวจสมอง เส้นประสาทไขสันหลัง เส้นประสาทในร่างกาย กล้ามเนื้อ ตรวจเส้นเลือด
ได้ โดยไม่ต้องเสี่ยงกับการฉีดสารทึบรังสี และการสวนสายยาง ซึ่งมีประโยชน์ต่อวงการแพทย์แผน
ปัจจุบัน
3. การตรวจด้วยเครื่อง MRI ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อเนื้อเยื่อเพราะไม่ใช้คลื่นรังสี
4. ปัจจุบันการตรวจด้วยเครื่อง MRI สามารถตรวจพบความผิดปกติได้อย่างรวดเร็ว มีประโยชน์ในการ
วินิจฉัยโรค สามารถบอกขอบเขตของโรคได้ทาให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาโรคต่อไป
6
อันตรายจากเครื่องMRI
ข้อพึงระวังของการตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า MRI ผู้ป่วยที่กลัวการอยู่ในที่แคบ ไม่สามารถนอนในอุโมงค์ตรวจ
ได้ (claustrophobic)
1. ควรหลีกเลี่ยงในรายที่มีโลหะฝังอยู่ในร่างกาย เช่น
- ที่ผ่าตัดติดคลิปอุดหลอด
- เลือดในโรคเส้นเลือดโป่งพอง (Aneurism Clips)
- metal plates ในคนที่ดามกระดูก
- ผู้ป่วยที่เปลี่ยนข้อเทียม
- ผู้ป่วยที่ใส่ลิ้นหัวใจเทียม (Artificial Cardiac valve)
4.ผู้ที่เคยได้รับอุบัติเหตุที่ลูกตา และสงสัยว่าจะมีโลหะชิ้นเล็กๆกระเด็นเข้าไปในลูกตาหรือมีอาชีพเกี่ยวข้องกับ
โลหะ และมีความเสี่ยงต่อการมีโลหะชิ้นเล็กๆ กระเด็นเข้าลูกตา ซึ่งถ้าเข้าไปอยู่ในสนามแม่เหล็กอาจมีการ
เคลื่อนที่ของโลหะชิ้นนั้นก่อให้เกิดอันตรายได้ (ภาพเอกซเรย์ธรรมดาของตาจะช่วยบอกได้ว่ามีหรือไม่มีโลหะ
อยู่ในลูกตา)