You are on page 1of 25

การฝึ กปฏิบตั งิ านวิชาชีพเภสัชกรรม

ชุมชน ผลัด 1 ร้านยา


Pharmax สาขาเพียวเพลส

DRU
นศภ.วัชรี พงษ์ ระดาวัลย์ ชัน ้ ปี ที่
4
มหาวิทยาลัยหัวเฉี ยวเฉลิมพระเกียรติ

G
REVI
Pataday ®

 Olopatadine hydrochloride ophthalmic solution 0.2%


 Antihistamine โดยยามี ก ลไกการออกฤทธิโ์ ดยตัว ยาจะยับ ยัง้ การหลั่ง
สารฮี ส ตามี น ( Histamine )จาก Mast cell และเป็ น Selective
histamine H1 antagonist หรือ H1 antagonist ด้วยกลไกดังกล่าวจึง
ส่งผลให้อาการภูมแ ิ พ้ในตา/ในเยือ่ ตาทุเลาลงและดีขนึ้
 เป็ นยาใช้เฉพาะทีแ
่ ต่สามารถถูกดูดซึมจากเยือ่ เมือกเช่นเยือ
่ ตาเข้าสูร่ า่ งกาย
ได้เช่นกัน โดยยาทีก
่ ระจายตัวในกระแสเลือดจะจับ
กับพลาสมาโปรตีนประมาณ 55% ร่างกายต้องใช้เวลาประมาณ 8 - 12
ชั่วโมงในการกาจัดยาออกจากกระแสเลือดโดยผ่านทิง้ ไปกับปัสสาวะและ
Pataday ®
 Administration ( cont. )
 ผูใ้ หญ่ : ยาขนาดความเข้มข้น 0.1% ให้หยอดตา
ครัง้ ละ 1 หยดวันละ 2 ครัง้ หรือ ขนาดความเข้มข้น 0.2 และ 0.7%
ให้หยอดตาครัง้ ละ 1 หยดวันละครัง้
 เด็กอายุตา่ กว่า 3 ปี : ห้ามใช้ยานี้
้ ไป :
 เด็กอายุตง้ ั แต่ 3 ปี ขึน ขนาดการใช้ยานี้ตอ้ งเป็ นไปตามดุลย
พินิจของแพทย์ผรู้ กั ษาเท่านัน ้
 อาการข้างเคียงทีไ่ ม่พงึ ประสงค์จากการใช้ยา
 ผลต่อตา เช่น มีอาการระคายเคืองหรือปวดตา ทาให้ตาแห้ง ตาพร่า
ตาแพ้แสง ก่อให้เกิดความผิดปกติของกระจกตา/กระจกตาอักเสบ คัน
ตา เปลือกตา/หนังตาบวม
 ผลต่อระบบประสาท เช่น ปวดศีรษะ การรับรูค ้ วามรูส้ ก
ึ ร้อนหรือ
เย็นลดลง การรับรสชาติเปลีย่ นไป
 ผลต่อระบบทางเดินหายใจ เช่น โพรงจมูกแห้ง เยือ่ จมูกอักเสบ
Pataday ®
 ข้อควรระวังการใช้ Olopatadine เช่น
 ห้ามใช้กบั ผูท้ แ ี่ พ้ยานี้
 ห้ามปรับขนาดการใช้ยานี้ดว้ ยตนเองหรือใช้ยานี้นานเกินคาสั่ง
แพทย์
 ห้ามใช้ยานี้กบั สตรีตง้ ั ครรภ์ สตรีทใี่ ห้นมบุตร เด็ก และผูส้ งู อายุ
โดยไม่มีคาสั่งแพทย์
 ห้ามหยอดตาขณะใส่คอนแทคเลนส์
 ห้ามใช้ยานี้ทม ี่ ีการปนเปื้ อนเช่น ฝุ่ นผงหรือมีตะกอนเกิดขึน ้
 ล้างมือให้สะอาดทัง้ ก่อนและหลังใช้ยานี้
 กรณีใช้ในรูปแบบยาหยอดตา ห้ามยานี้เข้าช่องปากหรือเข้าจมูก
 หากมีอาการตาพร่าหรือการมองเห็นไม่ชดั หลังหยอดยานี้ ให้
หลีกเลีย่ งการขับขีย่ านพาหนะและ/หรือการทางานกับเครือ ่ งจักร
เพราะอาจเกิดอุบตั เิ หตุได้งา่ ย
 ปฏิบตั ต
ิ วั ตามคาแนะนาของแพทย์อย่างเคร่งครัด
Twynsta ®

Telmisartan

 Telmisartan และ Amlodipine


 Telmisartan เป็ นยาในกลุม ่ Angiotensin II receptor antagonist
ซึ่งออกฤทธิโ์ ดยการจับกับ Receptor ทีอ ่ ยูใ่ นผนังหลอดเลือดซึง่ ถูก
เรียกว่า AT1 receptor (Angiotensin 1 receptor) ส่งผลให้
Angiotensin II ไม่สามารถแสดงฤทธิท ์ ท
ี่ าให้หลอดเลือดหดตัว จึงเกิด
การคลายตัว ของหลอดเลื อ ดตามมา นอกจากนี้ ย งั ส่ง ผลลดการหลั่ง สาร
Twynsta ®
 มีวางจาหน่ ายตัง้ แต่ ปี ค.ศ.1999 (พ.ศ.2542) ภายใต้ชอ ื่ การค้าว่า “
Micardis”
 หลังการดูดซึมจากระบบทางเดินอาหาร ยาเทลมิซาร์แทนจะกระจาย
ตัวในกระแสเลือดได้ ประมาณ 42 –100% จากนัน ้ จะเข้ารวมตัวกับ
พลาสมาโปรตี น ได้ ม ากกว่ า 99.5% ปกติ ร่ า งกายต้ อ งใช้ เ วลา
ประมาณ 24 ชั่วโมง เพือ ่ กาจัดยานี้ ออกจากกระแสเลือดโดยผ่า นไป
กับอุจจาระ
 Administration
 ใช้รกั ษาโรคความดันโลหิตสูง:
 ผูใ้ หญ่ : เริม ่ ต้นรับประทานยา 40 มิลลิกรัม วันละครัง้ ขนาดที่
คงระดับการรักษาอยูท ่ ี่ 40 – 80 มิลลิกรัม วันละครัง้
 ลดความเสีย่ งการเกิดโรคหัวใจ และโรคหลอดเลือด:
 ผูใ้ หญ่ : รับประทานยา 80 มิลลิกรัม วันละครัง้
Twynsta ®
 อนึ่ง :
 สามารถรับประทานยานี้ ก่อนหรือหลัง อาหารก็ได้
 ยังไม่มีขอ ้ มูลทางคลินิกด้านความปลอดภัยและขนาดยานี้ ในเด็ ก การ
ใช้ยานี้ในเด็กจึงอยูใ่ นดุลพินิจของแพทย์ผรู้ กั ษาเป็ นกรณี ๆไไป
 หลังการใช้ยานี้ ตัวยาจะเริม ่ แสดงฤทธิก์ ารลดความดันโลหิต ซึง่ อาจใช้
เวลาประมาณ 2 สัป ดาห์ เพื่อ การปรับ ขนาดรับ ประทานที่เหมาะสม
และจะเห็ น ประสิท ธิผ ลสู ง สุ ด ของการใช้ย านี้ แพทย์ จึง มัก นัด ผู้ ป่ วย
ประมาณ 4 สัปดาห์ หลังเริม ่ รับประทานยานี้
 การใช้เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ เช่น กล้ามเนื้ อหัวใจขาด
เลือด แพทย์มกั พิจารณาใช้ยานี้ กบ ั กลุ่มผูป
้ ่ วยที่มีอายุ
้ ไป
55 ปี ขึน
 ไม่ต้องปรับขนาดรับประทานในผู้ป่วยโรคไต และผู้ที่ต้อ งฟอกเลือ ด
ล้างไต
 สาหรับ ผู้ป่ วยโรคตับ แพทย์ ม กั ให้เ ริ่ม รับ ประทานยานี้ ใ นขนาดต่า ๆไ
Twynsta ®
 อาการข้างเคียงทีไ่ ม่พงึ ประสงค์จากการใช้ยา
 ผลต่อระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องเสียหรือท้องผูก อาหารไม่ยอ ่ ย
คลืน
่ ไส้ ปวดท้อง ท้องอืด อาเจียน ปากแห้ง รูส้ ก
ึ ไม่สบายในช่องท้อง
กระเพาะอาหารอักเสบ เกิดริดสีดวงทวาร ลาไส้อกั เสบ กรดไหลย้อน
ปวดฟัน
 ผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด เช่น ความดันโลหิตตา่ หรือไม่ก็สงู
ชีพจรเต้นผิดปกติ หัวใจเต้นผิดจังหวะ(Atrial
fibrillation) หัวใจล้มเหลว
 ผลต่อระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ โรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน
ไซนัสอักเสบ คออักเสบ หลอดลมอักเสบ หอบหืด เยือ่ จมูกอักเสบ
หยุดหายใจ
 ผลต่อกล้ามเนื้อ เช่น ปวดหลัง ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ กล้ามเนื้ อ
เกร็งตัว/เป็ นตะคริว ปวดเส้นเอ็น อาจเกิดภาวะ
กล้ามเนื้อลายสลาย
Twynsta ®
 อาการข้างเคียงทีไ่ ม่พงึ ประสงค์จากการใช้ยา ( ต่อ )
 ผลต่อระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น ท่อปัสสาวะอักเสบ หลั่งน้าอสุจิ
ลาบาก
 ผลต่อระบบภูมค ิ ม
ุ้ กันต้านทานโรค เช่น เกิดการติดเชื้อ อย่างเชื้อราได้
ง่าย เกิดฝี ได้งา่ ย หูชน ้ ั -กลางอักเสบ
 ผลต่อระบบการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย เช่น เกิดภาวะเบาหวาน
ระดับเกลือโพแทสเซียมในเลือดสูง และคอเลสเตอรอลในเลือดสูง
ผูป
้ ่ วยบางรายอาจมีภาวะน้าตาลในเลือดตา่
 ผลต่อระบบเลือด เช่น โลหติจาง เกิดภาวะ Eosinophilia ,
Thrombocytopenia เฉี ยบพลัน Creatinine ในเลือดเพิม ่ สูง
 ผลต่อตับ เช่น ตับทางานผิดปกติ/ตับอักเสบ ค่าเอนไซม์การทางาน
ของตับในเลือดสูงขึน ้
 ผลต่อตา เช่น เยือ่ ตาอักเสบ
Trajenta ®

Linagliptin

 Linagliptin
 เป็ นยาในกลุม
่ Dipeptidyl peptidase-4 inhibitor ( DPP-4 Inhibitor
) โดยยาจะไปลดระดับGlucagon จากตับอ่อน ซึ่งเป็ นฮอร์โมนทีค ่ อยทา
ให้ระดับน้าตาลในกระแสเลือดเพิม ้ ขณะเดียวกันยานี้ ยงั จะคอยเพิม
่ สูงขึน ่
การหลั่ งฮอร์โมนอินซูลินจากตับอ่อนเช่นกันที่ช่วยกระตุ้นให้ ร่างกายใช้

น้าตาลในเลือดได้มากยิง่ ขึน
Trajenta ®
 ยาสามารถถูก ดูดซึมจากระบบทางเดินอาหารเข้าสู่กระแสเลื อ ดเพีย ง
ประมาณ 30% และจะรวมตัว กับ พลาสมาโปรตีนในกระแสเลื อ ดได้
ประมาณ 75%-99% ก่อนทีจ่ ะถูกขับทิง้ ไปกับปัสสาวะ การใช้ยานี้ ให้
ได้ประสิทธิภาพ ผู้ป่วยต้องควบคุมอาหารร่วมด้วย ทัง้ นี้ ในการรักษา
สามารถใช้ linagliptin แบบเดี่ย วๆไ หรื อ จะใช้ร่ว มกับ ยารัก ษา
โรคเบาหวานตัวอืน ่ ก็ได้
 Administration
 ผูใ้ หญ่ : รับประทาน 5 มิลลิกรัม วันละ 1 ครัง้ ก่อนหรือหลัง
อาหารก็ได้
 เด็ก : ยังไม่มีขอ ้ มูลทางคลินิก ถึงการใช้ยานี้กบั ผูป
้ ่ วยเบาหวานที่
เป็ นเด็ก การใช้ยานี้ ในเด็ก จึงอยูใ่ นดุลพินิจของแพทย์ผู้ รกั ษาเป็ น
กรณีๆไไป
** ไม่ตอ ้ งปรับขนาดรับประทานยานี้ ในผูส ้ ูงอายุ หรือในผูป ้ ่ วยด้วย
โรคตับ โรคไต **
Trajenta ®
 ข้อควรระวังการใช้ เช่น
 ห้ามใช้กบั ผูท ้ แ
ี่ พ้ยานี้
 ห้ามใช้ยานี้กบั ผูป ้ ่ วยโรคเบาหวานประเภทมีเลือดเป็ นกรด
(Diabetic ketoacidosis)
 ห้ามนายานี้ไปรักษาผูป ้ ่ วยเบาหวานประเภทที่ 1
 ห้ามปรับขนาดรับประทานด้วยตนเอง
 ระวังการใช้ยานี้กบั เด็ก สตรีตง้ ั ครรภ์ สตรีทอ ี่ ยูใ่ นภาวะให้นมบุตร
และผูส้ งู อายุ ด้วยยานี้ยงั ไม่มีการศึกษาทางคลินิกทีแ ่ น่ ชดั กับผูป
้ ่ วย
กลุม
่ นี้
 หยุดการใช้ยานี้ทน ั ทีหากผูป ้ ่ วยมีอาการตับอ่อนอักเสบ แล้วรีบพบ
แพทย์/มาโรงพยาบาลโดยเร็ว โดยไม่ตอ้ งรอถึงวันนัด
 ปฏิบต ั ต ิ ามคาสั่ งแพทย์ พยาบาล เภสัชกร อย่างเคร่งครัด และมา
พบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามนัดทุกครัง้
Edarbi ®

Azilsartan
medoxomil
 Azilsartan medoxomil
 เป็ นยาในกลุม่ Angiotensin II receptor antagonist
 หลังการรับประทาน ยาจะผ่านกระบวนการ Hydrolyzed ในระบบ
ทางเดินอาหารจนกลายเป็ นสารทีอ่ อกฤทธิ ์ จากนัน ้ จึงจะถูกดูดซึมเข้าสู่
กระแสเลือดประมาณ 60% และร่างกายต้องใช้เวลาประมาณ 11
ชั่วโมงเป็ นอย่างตา่ เพือ
่ กาจัดยานี้ทงิ้ ไปกับอุจจาระและปัสสาวะ
Edarbi ®
 Administration
 ผูใ้ หญ่ : เริม
่ ต้นรับประทานยาขนาด 40 มิลลิกรัม วันละ1ครัง้ หาก
จาเป็ น แพทย์อาจเพิม ่ ขนาดรับประทานเป็ น 80 มิลลิกรัม วันละ1
ครัง้ โดยสามารถรับประทานยานี้ ก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ และต้อง
รับประทานยานี้ตอ่ เนื่องตรงตามเวลาเดียวกันในแต่ละวันตามแพทย์
สั่ง
 ห้ามใช้ยานี้กบั เด็ก
 อาการข้างเคียงทีไ่ ม่พงึ ประสงค์
 ผลต่อระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องเสีย คลืน ่ ไส้
 ผลต่อระบบประสาท เช่น วิงเวียน ปวดศีรษะ
 ผลต่อระบบเผาผลาญพลังงานของร่างกาย เช่น กรดยูรค ิ ในเลือด
เพิม ้
่ ขึน
 ผลต่อระบบทางเดินหายใจ เช่น มีอาการไอ
 ผลต่อผิวหนัง เช่น เกิดผืน ่ คัน
Edarbi ®
 ข้อควรระวังการใช้ เช่น
 ห้ามใช้กบั ผูท ้ ม
ี่ ีประวัตแ ิ พ้ยานี้
 ห้ามใช้ยานี้กบั สตรีมีครรภ์/ตัง้ ครรภ์ สตรีทอ ี่ ยูใ่ นภาวะให้นมบุตร
 ห้ามใช้ยาทีม ่ ีสภาพเปลี่ยนไปจากเดิม เช่น เม็ดยาแตกหัก สี เม็ดยา
เปลีย่ น
 ห้ า มปรับ ขนาดรับ ประทาน หรื อ หยุ ด การใช้ ย านี้ โดยมิ ไ ด้ ข อ
คาปรึกษาจากแพทย์
 ระวังการใช้ยานี้กบั ผูป ้ ่ วย โรคหัวใจล้มเหลว ผูป ้ ่ วยโรคตับ โรคไต ผู้
ที่มีเส้นเลือดตีบที่บริเวณสมอง(โรคหลอดเลือดสมอง)หรือที่หวั ใจ
(โรคหลอดเลือดหัวใจ) ผูป ้ ่ วยโรคเบาหวาน
 ตรวจสอบความดัน โลหิต เป็ นประจ าสม่ า เสมอตามแพทย์ แ นะน า
หากพบว่าความดันโลหิตผิดปกติ ไม่ว่าจะสูงหรือต่า ให้รี บกลับมา
พบแพทย์/มาโรงพยาบาลทันที
Dexilant ®
Dexlansoprazol
e

 Dexlansoprozole
 เป็ นยาในกลุม ่ proton pump inhibitor (PPI) หรือทีเ่ รียกกันว่า ยา
ยั บ ยั้ ง ก า ร ห ลั่ ง ก ร ด อ อ ก ฤ ท ธิ ์ โ ด ย ยั บ ยั้ ง ก า ร ท า ง า น ข อ ง
Hydrogen/potassium adenosine triphosphatase ซึ่งอยู่
ภายในGastric parietal cells ทาให้การแลกเปลีย่ นไฮโดรเจน
ไอออน กับ โปแตสเซียมไอออน เปลี่ยนแปลงจากเดิม จนทาให้การ
หลั่งกรดในกระเพาะอาหารลดน้อยลงในทีส่ ด ุ
Dexilant ®
 ยากลุม
่ นี้สามารถนามารักษาได้หลายอาการ เช่น
 อาหารไม่ยอ ่ ย (Dyspepsia)
 แผลในกระเพาะอาหารและลาไส้/แผลเปบติค (Peptic ulcer
disease)
 โรคกรดไหลย้อน (GERD)
 โรคกรดไหลย้อนเข้ากล่องเสียง (Laryngopharyngeal reflux)
 รักษาสภาวะของการเปลีย่ นแปลงของหลอดอาหารส่วนล่าง เนื่องจาก
การอัก เสบเรื้ อ รัง จากการไหลย้ อ นของกรดในกระเพาะอาหาร
(Barrett esophagus)
 โร ค ห ล อ ด อ าห าร อัก เ ส บจ าก เ ม็ ด เ ลื อ ดข า วช นิ ดอี โ อ สิ โ น ฟิ ล
(Eosinophilic esophagitis)
 ป้ องกันการเกิดแผลในกระเพาะด้วยภาวะเสีย่ งต่างๆไ เช่น ได้รบ ั ยาก
ลุม่ steroid , NSAIDs
 รักษาอาการโรคเนื้ องอกในตับอ่อนหรือในลาไส้เล็กส่วนต้น ด้วยผล
Dexilant ®
 อาการข้างเคียงอันไม่พงึ ประสงค์ เช่น
 ท าให้ก ารย่อ ยอาหารกลุ่ม โปรตีน น้ อ ยลง จนอาจก่อ ให้เ กิด การแ พ้
อาหารประเภทเนื้อสัตว์ทรี่ บั ประทานเข้าไปได้
 สามารถกระตุน ้ ให้รา่ งกายมีอาการแพ้ยา
 การใช้ยากลุม ่ นี้กบั หญิงตัง้ ครรภ์อาจก่อให้เกิดโรคหืดในทารก
 อาจท าให้ ร่ า งกายผู้ใ ช้ ย าขาดสารอาหาร เช่ น วิ ต ามิ น บี 12 ธาตุ
แมกนีเซียม ธาตุแคลเซียม และธาตุเหล็ก เป็ นต้น,
 ผลข้างเคียงในระยะสัน ้ อืน
่ ๆไ เช่น คลืน
่ ไส้ อาเจียน ปวดท้อง อ่อนเพลีย
วิงเวียน ผืน
่ คัน ท้องอืด ท้องผูก วิตกกังวล ซึมเศร้า
 ผลข้างเคียงทีเ่ กิดขึน้ ได้ในระยะยาว เช่น ภาวะไตอักเสบเฉี ยบพลัน จนถึง
ไตอักเสบเรื้อรัง และอาจเป็ นโรคไตเรื้อรังในทีส่ ด ุ นอกจากนี้ยงั พบว่าการ
้ ไปอาจก่อให้เกิดภาวะ/โรคกระดูกพรุนได้อก
ใช้ยาเกิน 1 ปี ขึน ี ด้วย
Dexilant ®
 Dexilant® (Dexlansoprazole) เป็ นยาทีม ่ ีจุดเด่นกว่า PPIs อืน ่ โดย
เป็ น PPIs ตัวแรกและตัวเดียว ที่เป็ น delayed release มีการ
ปลดปล่อยตัวยาสองครัง้ คือ ครัง้ แรกที่ 1-2 ชม.และ ครัง้ ทีส ่ อง 4-5 ชม.
หลังรับประทานยา ทาให้สามารถออกฤทธิไ์ ด้นาน 24 ชั่วโมง อีกทัง้ อาหาร
ไม่มีผลต่อการดูดซึม ทาให้รบ ั ประทานยาได้โดยไม่ตอ ้ ง
คานึงถึงมื้ออาหาร ขณะที่ lansoprazole ต้องรับประทานก่อนอาหาร
 มี ก า ร ศึ ก ษ า เ พื่ อ เ ป รี ย บ เ ที ย บ ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ ก า ร รั ก ษ า ร ะ ห ว่ า ง
dexlansozprazole กั บ lansoprazoleโ ด ย เ ป็ น ก า ร ศึ ก ษ า ข อ ง
Sharma P et al, 2009 แบบ RCT ในผูป ้ ่ วย erosive esophagitis
4092 คน แบ่งเป็ น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มทีไ่ ด้รบ ั dexlansoprazole 60
หรือ 90 mg หรือ lansoprazole30 mg วันละ 1 ครัง้
นาน 8 สัปดาห์ ผลการศึกษาพบว่า จานวนผูป ้ ่ วยที่สามารถรักษาแผลได้
คือ 92-95% และ 86-92% ในกลุ่ม ที่ไ ด้ร บ ั dexlansoprazole และ
lansoprazoleตามลาดับ แต่ไม่แตกต่างกันอย่างมีนยั สาคัญทางสถิติ แต่มี
Dexilant ®

 มีการเสนอให้ใช้ dexlansoprazole 90 mg สาหรับผูป ้ ่ วย erosive


esophagitis ระดับปานกลางถึงรุนแรง ที่ใช้ lansoprazoleนาน 8
สัป ดาห์แล้ว ไม่ได้ผล อย่างไรก็ ตามแนวทางในการใช้ย าในขนาด 90
mg ไม่ได้เป็ นขนาดยาทีร่ บั รองเป็ นข้อบ่งใช้ของยานี้
จากข้อมูลข้างต้น สามารถสรุปได้วา่ dexlansoprazole แตกต่าง
กับ lansoprazole ในด้านรูปแบบของของการปลดปล่อยตัวยา ระยะเวลา
Resolor ®
Prucalopride

 Prucalopride
 เป็ นยาในกลุม ่ Selective serotonin receptor agonists ทีอ ่ อก
ฤทธิค์ ล้ายกับ Serotonin โดยตัว ยากลุ่ม นี้ จ ะจับ กับ Serotonin
receptor หรือทีเ่ รียกว่า 5-HT receptor (5-hydroxytryptamine
receptor) ก็ ได้ ซึ่ง จะพบในสมอง ในระบบทางเดินอาหาร ใน
กล้ามเนื้ อเรียบ ในหลอดเลือด ในเกล็ ดเลือดและใน
ระบบประสาทส่ว นปลาย นอกจากนี้ ย งั มี ผ ลท าให้ล าไส้บี บ ตัว อย่า ง
Resolor ®
 มีขอ้ บ่งใช้ในการรักษาอาการท้องผูกเรื้อรังในผูป ้ ่ วยทีใ่ ช้ยาระบายกลุม ่
laxatives แต่ไม่ได้ผล
 ขนาดและวิธีการบริหารยา
 ผูใ้ หญ่ 2 mg วันละ 1 ครัง้
 ผูส้ งู อายุ (อายุมากกว่า 65 ปี ขึน ้ ไป) เริม
่ ต้นใช้ยา ขนาด 1 mg
วันละ 1 ครัง้ โดยสามารถเพิม ่ ขนาดยาเป็ น 2 mg วันละ 1 ครัง้
รับประทานยาพร้อมอาหารหรือรับประทาน ขณะทีท ่ อ ้ งว่างในเวลา
ใดของวันก็ได้
 ข้อควรระวังการใช้ยา selective serotonin receptor agonist
เช่น
 ห้ามใช้กบั ผูท ้ แ
ี่ พ้ยาในกลุม ่ นี้หรือแพ้ยากลุม ่ Sulfonamides
 ห้ามใช้ยานี้กบั ผูท ้ ม
ี่ ีประวัตเิ ป็ นโรคหัวใจล้มเหลว ผูป ้ ่ วยโรค
กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ผูป ้ ่ วยความดันโลหิตสูง ผูป ้ ่ วยโรคตับ
ระยะรุนแรง
Brilinta ®

Ticagrelor

 Ticagrelor
 เป็ น antiplatelet drug ในกลุม ่ ADP receptor antagonist
 มีขอ้ บ่งใช้ ในการป้ องกันArterial thrombosis เช่น ในภาวะ/โรค
กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉี ยบพลัน (Myocardial infarction), เจ็บ/แน่ น
หน้าอกจากกล้ามเนื้ อหัวใจขาดเลือด (Angina pectoris), หลอด
เลือดสมองขาดเลือด (Ische mic stroke) แต่นิยมใช้เพือ ่ ป้ องกันการ
กลับเป็ นซ้าในผูท
้ ีเ่ คยเป็ นมาก่อน (Secondary preven tion)
Brilinta ®
 ข้อห้ามการใช้ยาต้านเกล็ดเลือด ดังนี้ เช่น
 ห้ามใช้ Aspirin, Clopidogrel, Ticlo pidine ในผูท ้ ีม
่ ีแผลหรือมี
เลื อ ดออกในกระเพาะอาหารหรื อ ล าไส้ (ภาวะเลื อ ดออกในทางเดิน
อาหาร)
 ห้ามใช้แอสไพรินในผู้ที่มีอาการโรคหืด โรคลมพิษ หรือมีโพรงจมู ก
อักเสบแบบเฉี ยบพลันจากการแพ้ยากลุม ่ เอ็นเสด (NSAID)
 ห้า มใช้ย ากลุ่ม นี้ ใ นผู้มี โ รคหรื อ ภาวะเลื อ ดออก เช่น โรคฮี โ มฟี เลี ย
(Hemophilia, โรคเลือดแข็งตัวช้า), Thrombocytopenia (ภาวะ
เ ก ล็ ด เ ลื อ ด ต่ า ) , เ ลื อ ด อ อ ก ใ น ส ม อ ง จ า ก ส า เ ห ตุ ต่ า ง ๆไ เ ช่ น
โรคหลอดเลือดสมองชนิดเลือดออก, เลือดออกในทางเดินอาหาร เป็ น
ต้น
 มีโรคตับทีอ่ าการรุนแรง (Severe hepatic impairment)
 การใช้ยาต้านเกล็ดเลือดในผูส ้ ูงอายุ
 ผูส้ ูงอายุที่มีการทางานของตับหรือไตบกพร่อง อาจส่งผลต่อ การออก
เอกสารอ้างอิง
http://haamor.com/th
www1.si.mahidol.ac.th/km
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/19183157
https://drug.pharmacy.psu.ac.th/Question
http://www.medscape.com
ณัฐวุธ สิบหมู.่ เภสัชวิทยา. 2. กรุงเทพฯ : โฮลิสติก พับลิชชิง่
, 2552

You might also like