Professional Documents
Culture Documents
และการจัดทำประมวลกฎหมาย
อ.หทัยกาญจน์ กำเหนิดเพชร
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
การรับกฎหมายสมัยใหม่จากตะวันตก
การรับกฎหมายอังกฤษ
การรับกฎหมายภาคพื้นยุโรป
การเลือกระบบกฎหมาย
การจัดทำประมวลกฎหมายของไทย
การจัดทำกฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ. 127
การจัดทำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
การจัดทำประมวลกฎหมายวิธพ
ี ิจารณาความและกฎหมายอื่นๆ
การรับกฎหมายสมัยใหม่จากตะวันตก
ประเทศไทยจำเป็ นต้ องปฏิรป
ู กฎหมายและการศาลเสียใหม่ เพื่อให้ หลุดพ้นจาก
การสูญเสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ประกอบกับกฎหมายไทยทีม่ ีอยู่เดิมมี
ความไม่เหมาะสมกับกาลสมัย
ประเทศญีป
่ ุ่ นเป็ นประเทศแรกในเอเชียที่สามารถเปลี่ยนแปลงระบบกฎหมายของ
ตนเองให้ ทนั สมัยตามอย่างตะวันตกได้ โดยการส่งผู้แทนไปดูงานด้ านการปรับปรุง
กิจการด้ านกฎหมายที่ทวีปยุโรป และได้ จ้างนักกฎหมายชาวเยอรมันและฝรั่งเศสมา
ช่วยในการร่างกฎหมาย
่ ุ่ น จึงให้ หาผู้เชี่ยวชาญจาก
รัชกาลที่ 5 ทรงเห็นว่าไทยควรใช้วิธีการเดียวกับญีป
ต่างประเทศเข้ ามารับราชการในไทยหลายคน เช่น นายโรลัง ยัคมินส์ , นายริชาร์ด
เกอร์กแปตริก ชาวเบลเยี่ยม และนายโตจิกิ มาเซา ชาวญี่ปุ่น เป็ นต้ น
การรับกฎหมายจากตะวันตกของไทย มีลกั ษณะดังนี้
1.การรับกฎหมายอังกฤษมาใช้ในระยะแรก
เริ่มด้ วยการนำหลักกฎหมายอังกฤษมาใช้ ในกฎหมายวิธสี บัญญัติ คือ ในปี
พ.ศ. 2437 ได้ ประกาศยกเลิกการพิจารณาคดีแบบจารีตนครบาล โดย
ประกาศใช้ พระราชบัญญัติพิจารณาความมีโทษทางอาญาขึ้นใช้ แทน และ
ประกาศใช้ พระราชบัญญัติกระบวนพิจารณาความแพ่ง โดยมีพ้ ืนฐานมาจาก
กฎหมายอังกฤษ
ศาลไทยยังถือเอาจารีตประเพณีด้านพาณิชย์ของอังกฤษมาใช้ หลายเรื่อง เช่น
เรื่องสินจ้ าง หลักกฎหมายปิ ดปาก ทรัสตี (พาณิชย์) เป็ นต้ น และเรื่องเจตนา
ร้ าย ในกฎหมายอาญา
นอกจากนี้ หลักกฎหมายอังกฤษยังถูกนำไปสอนในโรงเรียนกฎหมายโดย
พระองค์เจ้ ารพีฯ
หลักกฎหมายปิ ดปาก หรือ estoppel หลักกฎหมายที่ไม่ยอมให้ อ้างหรือพิสจู น์
ข้ อเท็จจริงให้ ผดิ ไปจากที่กฎหมายสันนิษฐานไว้ ไม่ว่าข้ อสันนิษฐานนั้นจะเป็ นจริง
หรือไม่ เช่น
ม.407 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
“บุคคลใดกระทำการตามอำเภอใจเหมือนหนึ่งว่าเพื่อชำระหนี้ โดยรู้อยู่ว่าตนไม่มี
ความผูกพันที่จะต้ องชำระ ท่านว่าผู้น้นั หามีสทิ ธิท่ีจะได้ รับคืนทรัพย์ไม่”
มาตรา 411
“บุคคลใดได้ กระทำการเพื่อชำระหนี้เป็ นการอันฝ่ าฝื น ข้ อห้ ามตามกฎหมายหรือศีล
ธรรมอันดี ท่านว่าบุคคลนั้นหาอาจจะ เรียกร้ องคืนทรัพย์ได้ ไม่”
เจตนาร้าย หรือ เถยจิต หรือ Mens Rea
องค์ประกอบความผิดของกฎหมายอาญาของประเทศคอมมอนลอว์ ประกอบด้ วย
1. ส่วนที่เป็ นการกระทำในสิ่งที่ผดิ กฎหมาย (Actus Reus) และ
2. ส่วนที่เป็ นเจตนาร้ ายหรือจิตใจที่ช่ัวร้ าย (Mens Rea) – เจตนากระทำความ
ผิด และประมาทเลินเล่อโดยรู้ตัว
2. การรับกฎหมายแบบภาคพื้ นยุโรป
ภายหลังจากที่รัชกาลที่ 5 ทรงเลือกใช้ระบบกฎหมายแบบภาคพื้ นยุโรป
อิทธิพลของกฎหมายอังกฤษก็ค่อยๆ ลดความสำคัญลงไป
โดยพระองค์ได้ จ้างนักกฎหมายชาวญี่ปุ่นและฝรั่งเศสมาเป็ นที่ปรึกษาช่วยงาน
นายโรลัง ยัคมินส์
หลักกฎหมายในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หลายเรื่อง ไทยได้ ลอกเลียน
มาจากกฎหมายของภาคพื้นยุโรป เช่น หนี้ ทรัพย์ เอกเทศสัญญา
ครอบครัว(บางเรื่อง)
และได้ มีการปรับปรุงการเรียนการสอนในโรงเรียนกฎหมายให้ สอดคล้ องกับ
ระบบกฎหมายแบบภาคพื้นยุโรปมากยิ่งขึ้น
การเลือกระบบกฎหมาย
ในการนำเอาหลักกฎหมายตะวันตกมาใช้ ในการปฏิรป
ู กฎหมาย ก็มีระบบกฎหมาย
ที่อยู่ในข่ายให้ พิจารณา 2 ระบบ คือ ระบบกฎหมายอังกฤษ (Common
Law) และระบบกฎหมายแบบประมวลกฎหมาย (Civil Law)
แต่ในขณะเดียวกันประเทศอังกฤษก็เป็ นประเทศที่มีอท
ิ ธิพลต่อประเทศไทยมาก
และนักกฎหมายในสมัยนั้นก็ส ำเร็จการศึกษาจากประเทศอังกฤษหลายท่าน
กรมหมื่นราชบุรีฯ ได้ เสนอให้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ าเจ้ าอยู่หัวใช้ ระบบกฎหมาย
อังกฤษ ที่พระองค์ทรงมีความชำนาญ เป็ นหลักในการปฏิรูปกฎหมายไทย
แต่กรมพระยาดำรงราชานุ ภาพทรงสนับสนุนให้ เลือกระบบกฎหมายแบบประมวล
กฎหมาย
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั ทรงเห็นเลือกระบบประมวลกฎหมาย
( Civil Law)เป็ นหลักในการปฏิรูประบบกฎหมาย เนือ่ งจากกฎหมายไทยแต่เดิม
มีลกั ษณะเป็ นลายลักษณ์อกั ษรอยู่แล้วจึ งง่ายทีจ่ ะเปลีย่ นกฎหมายไทยให้สอดคล้องกับ
ระบบประมวลกฎหมาย
ส่วนกฎหมายอังกฤษก็มีอท
ิ ธิพลเช่นเดียวกัน เช่น เรื่องล้ มละลาย ซื้อขาย ตัว๋ เงิน
การร่างประมวลกฎหมายวิธสี บัญญัต ิ
ในสมัยรัชกาลที่ 5 มีการออกกฎหมายวิธสี บัญญัติใช้ บังคับไปพลางก่อน เมื่อ ร.ศ.
115 และกฎหมายลักษณะพยาน ร.ศ. 113
มีการประกาศใช้ พระธรรมนูญศาลยุติธรรม และพระราชบัญญัติวิธพ ี ิจารณาความ
แพ่ง ในปี ร.ศ. 127
การจัดทำร่างประมวลกฎหมายวิธพ ี ิจารณาความได้ เริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 2453 แต่ได้
มาทำอย่างจริงจังเมื่อ พ.ศ. 2475
จนกระทั้งแล้ วเสร็จในปี พ.ศ. 2477 ได้ มีการประกาศใช้ พระธรรมนูญศาล
ยุติธรรม ประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความแพ่ง และประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณา
ความอาญา มีผลใช้ บังคับเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2478
กฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา
เรอเน่ กียอง มีบทบาทสำคัญในการจัดทำร่างกฎหมายวิธพ
ี ิจารณาความอาญาอย่างมาก
โดยได้ เสนอให้
1) อาศัยระบบกฎหมายไทยที่มีอยู่เป็ นหลัก
2) สำหรับกฎหมายต่างประเทศ ให้ ดูกฎหมายของแอฟริกาใต้ และลังกา ที่ดูตัวอย่างจาก
ประเทศฮอนแลนด์
3) ระบบการสอบสวนเป็ นแบบ ให้ ศาลเป็ นผู้ท ำการสอบสวน (ตามที่ใช้ อยู่)
ทำอย่างจริงจังหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 (เริ่มตั้งคณะกรรมการ
ตั้งแต่ พ.ศ.2457)
กรมร่างกฎหมายมอบหมายให้ นายเรมี เดอปลังเตโรส ยกร่างประมวลกฎหมายฯ จนแล้ ว
เสร็จในปี พ.ศ.2476 และประกาศใช้ เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2478 และมีผลใช้
บังคับในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2478
มีข้อพิจารณาบางประการเกี่ยวกับการร่างประมวลกฎหมายวิธพ
ี ิจารณาความอาญา
เรื่องการจำกัดอำนาจฟ้ องคดีอาญา – ควรให้ ท้งั พนักงานอัยการและผู้เสียหายฟ้ อง
คดีอาญาได้ ด้วย
การสอบสวน – ควรทำโดยพนักงานฝ่ ายปกครอง และพนักงานอัยการ ซึ่งช่วงแรก
ไทยให้ ศาลเป็ นผู้ท ำการสอบสวน โดยยึดหลักกฎหมายอังกฤษ
การฎีกา – ฎีกาได้ เฉพาะปัญหาข้ อกฎหมาย ไม่สามารถฎีกาปัญหาข้ อเท็จจริงได้
แต่ฎกี าได้ ในความผิดทุกประเภท
ต่อมากงสุลใหญ่องั กฤษ คัดค้ าน โดยเฉพาะเรื่องระบบการสอบสวน
ไทยจึงได้ ยกกฎหมายของแอฟริกาใต้ ซ่ึงผสมผสานกฎหมายของอังกฤษและภาค
พื้นยุโรปเพื่อต่อสู้กบั อังกฤษ
กฎหมายวิธีพจิ ารณาความแพ่ง
การร่ างประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ใช้เค้าโครงเดิมของพระราชบัญญัติ
วิธีพิจารณาความแพ่ง ร.ศ. 127 ที่กรมหลวงราชบุรีฯ เป็ นผูม้ ีบทบาทสำคัญในการร่ าง
โดยอาศัยกฎหมายของอังกฤษและอินเดียเป็ นหลัก
ระหว่าง พ.ศ.2454 – 2457 นายริ วแิ อร์ ชาวฝรั่งเศส ได้รับมอบหมายให้เป็ นผูย้ กร่ าง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง โดยได้อาศัยบทบัญญัติเดิม และเพิ่มเติม
กฎหมายฝรั่งเศส และกฎข้อบังคับว่าด้วยวิธีพิจารณาในศาลกงสุ ลของอังกฤษใน
ประเทศไทย พ.ศ. 2441 ไว้ดว้ ย
ต่อมา พ.ศ. 2457 นายชาร์ ลส์ เลเวส์ก ได้รับมอบหมายให้เป็ นผูย้ กร่ างต่อจากนายริ วิ
แอร์ และทำจนแล้วเสร็ จในปี พ.ศ. 2478 และได้มีการประกาศใช้ในวันที่ 1 ตุลาคม
2478
อิทธิพลขอกฎหมายอังกฤษ
1. การนำกฎหมายอังกฎหมายมาใช้ในระยะแรก โดยเฉพาะหลักเรื่องการพาณิชย์
โดยเป็ นการหยิบมาใช้ เป็ นส่วนๆ
สินจ้ าง กฎหมายปิ ดปาก ทรัสตี
ล้ มละลาย พยาน ซื้อขาย หุ้นส่วน ตัว๋ เงิน
2. คำสอนในโรงเรียนกฎหมาย
หลักกฎหมายอังกฤษถูกนำมาสอนในโรงเรียนกฎหมายด้ วย รวมทั้ง
แนวคิดทางนิติปรัชญาของจอห์น ออสติน (สำนักกฎหมายบ้ านเมือง)
อิทธิพลของกฎหมายภาคพืน้ ยุโรป
1. กฎหมายอาญา ใช้ แนวคิดของประเทศที่ใช้ ประมวลกฎหมายเป็ นหลัก ประกอบ
กับหลักกฎหมายเก่าของไทย (อั้งยี่ ซ่องโจร ปล้ นทรัพย์)
2. กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีโครงร่างและแนวคิดจากกฎหมายภาคพื้นยุโรป
โดย 4 บรรพแรก อาศัยโครงของเยอรมันเป็ นหลัก (แต่ไทยแยกเอกเทศสัญญา
ไว้ ต่างหาก) กล่าวคือ
1. บรรพ 1 บรรพ 2 เลียนแบบจากญี่ปุ่น
2. บรรพ 3 มีกฎหมายอังกฤษปนอยู่ เรื่อง ตัว๋ เงิน หุ้นส่วนบริษัท
3. บรรพ 4 ใช้ ตามแบบซีวิลลอว์ เช่น กรณีกรรมสิทธิ์เหนือ
อสังหาริมทรัพย์ ผู้มีช่ ือในทะเบียนย่อมมีสทิ ธิดีกว่า ส่วนสังหาริมทรัพย์
ผู้ใดครอบครองทรัพย์โดยสุจริตย่อมมีสทิ ธิดีกว่า
การผสมผสานความคิดสมัยใหม่เข้ากับสังคมไทย
ในการรับกฎหมายจากต่างประเทศนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ าเจ้ าอยู่หัว
ทรงมีพระราชดำรัสให้ ดูกฎหมายของต่างชาติได้ แต่อย่าตามไปเสียหมดทีเดียว
ควรเลือกเอามาในสิ่งที่ดี และยกเลิกสิ่งที่ไม่ดี โดยควรให้ สอดคล้ องกับธรรมเนียม
ของเราแต่เดิมด้ วย
เรื่องการห้ ามผู้สบ
ื สันดานฟ้ องผู้บุพการี หรือคดีอทุ ลุม เป็ นต้ น
1. กม.สมัยสุโขทัย
2. ก.ม.อยุธยา (คัมภีร์พระธรรมศาสตร์)
3. ก.ม.รัตนโกสินทร์ตอนต้ น (กฎหมายตราสามดวง)
4. มูลเหตุในการปฏิรปู กฎหมาย รัชกาลที่ 4
5. การปฏิรปู การศาลและกฎหมายในสมัย รัชกาลที่ 5