Professional Documents
Culture Documents
จุดประสงค์การเรียนรู้ (นำาทาง)
1. สามารถบอกความแตกต่างระหว่างต้นทุนมาตรฐานและ
มาตรฐานต้นทุนได้
2. สามารถคำานวณผลต่างของวัตถุดิบทางตรงและค่าแรงงานทาง
ตรงได้อย่างถูกต้อง
3. สามารถอธิบายและแปลความหมายเก่ียวกับผลต่างท่ีคำานวณ
ได้ว่ามีความหมายอย่างไรได้
4. สามารถบันทึกบัญชีเก่ียวกับผลต่างท่ีเกิดขึ้นได้
สาระสำาคัญ
วั ต ถุ ประสงค์ ท่ีสำา คั ญ ของการดำา เนิ น ธุ ร กิ จ ท่ีฝ่ ายบริ ห ารจะต้ อ ง
คำา นึงถึงก็คือความต้องการให้กิจการบรรลุทัง้ประสิ ท ธิภ าพ (Effective)
คือความสัมพันธ์ระหว่างปั จจัยการผลิตท่ีนำาเข้าและผลท่ีได้จากการผลิต
เช่น กิจการกำา หนดว่าในการผลิต 1 ชัว่โมง จะได้สินค้าจำา นวน 100
ชิน ้ และประสิ ทธิ ผล (Efficiency) คือความพยายามท่ีจะกระทำา ให้บรรลุ
ตามเป้ าหมายท่ีกำา หนด เช่ น เป้ าหมายกำา หนดการทำา งานวั น ละ 8
ชั ว่โมง ซ่ ึงจะผลิ ตสิ นค้ าได้ 1,000 ชิน ้ ต่อ วัน ซ่ ึงในทางปฏิบั ติจ ริ ง
อาจบรรลุ ทั ง้ ประสิ ท ธิ ภ าพและประสิ ท ธิ ผ ล หรื อ บรรลุ เ พี ย งอย่ า งใด
อย่ า งหน่ ึง ถ้ า กิ จ การทำา การผลิ ต สิ น ค้ า ได้ 1,000 ชิ น ้ แต่ ใ ช้ เ วลา 10
ชัว่โมง จะถือว่าบรรลุประสิทธิผลแต่ขาดประสิทธิภาพ
เม่ ือ กิ จ การกำา หนดเป้ าหมายในการดำา เนิ น งานในรู ป ของ
ประสิทธิภาพ และประสิทธิผลไว้ กิจการก็จำา เป็ นต้องมีการวัดผลการ
ดำาเนินงานจริงว่าบรรลุทัง้ประสิทธิภาพ และประสิทธิผลหรือไม่ การ
กำา หนดให้ มี เ คร่ ือ งมื อ วั ด ผลการทำา งานกั บ หลั ก เกณฑ์ ใ ดหลั ก เกณฑ์
หน่ ึงท่ีเหมาะสม จึงเป็ นจุดกำาเนิดของต้นทุนมาตรฐาน กิจการจึง
ต้องกำาหนดต้นทุนมาตรฐานขึ้น70 เป็ นเกณฑ์ เพ่ ือนำามาเปรียบเทียบกับ
ผลการปฏิบัติงานจริง ซ่ ึงสามารถวัดออกมาได้ว่าการดำา เนินงานจริง
บรรลุทัง้ประสิทธิภาพและประสิทธิผลหรือไม่ จึงทำาให้เกิดการวิเคราะห์
ผลต่างของต้นทุนการผลิต ซ่ ึงประกอบด้วย
1. การวิเคราะห์ผลแตกต่างวัตถุดิบทางตรง
2. การวิเคราะห์ผลแตกต่างค่าแรงงานทางตรง
3. การวิเคราะห์ผลต่างค่าใช้จา่ ยการผลิต
เน้ือหา
1 ความหมายของต้นทุนมาตรฐาน
2 การกำาหนดต้นทุนมาตรฐาน
3 ประโยชน์ของต้นทุนมาตรฐาน
4 ประเภทของต้นทุนมาตรฐาน
5 การวิเคราะห์ผลต่างต้นทุนวัตถุดิบทางตรง
6 การวิเคราะห์ผลต่างต้นทุนค่าแรงงาน
วิธีการกำาหนดต้นทุนมาตรฐาน
วิธีการบัญชีต้นทุนท่ีใช้ในการผลิตโดยทัว่ ๆ ไปเป็ นระบบต้นทุน
รวม (Full Cost) ซ่ ึงเป็ นระบบท่ีนิยมใช้ และเป็ นท่ียอมรับตามหลักการ
บั ญ ชี อั น เป็ น ท่ีย อมรั บ โดยทั ว่ ไป ซ่ ึง ต้ น ทุ น จะแบ่ ง อย่ า งชั ด เจนออก
เป็ น ต้ น ทุ น การผลิ ต ต้ น ทุ น ในการขายและบริ ห าร ในการคำา นวณ
ต้ น ทุ น จะคำา นวณเม่ ือ ดำา เนิ น การผลิ ต เสร็ จ สิ น ้ แล้ ว ความไม่ มี
ประสิทธิภาพจากการผลิตจะถูกรายงานเม่ ือสิน ้ กระบวนการผลิตแล้ว
ซ่ ึงการรายงานอาจล่า ช้า เกิ นไปจนฝ่ ายบริห ารไม่สามารถควบคุ ม และ
แก้ไขข้อผิดพลาดได้ทันเวลา ด้วยเหตุนีจ้ึงต้องมีการกำาหนดต้นทุนขึ้น
เพ่ ือ ช่ ว ยในการควบคุ ม ดู แ ลต้ น ทุ น การผลิ ต ภายใต้ ส ถานการณ์ ท ่ี
กำา หนดซ่ ึง เรี ย กว่ า ต้ น ทุ น มาตรฐาน ซ่ ึง เป็ นคำา ท่ีค ล้ า ยคลึ ง กั น Cost
Standards ซ่ ึงเป็ นต้นทุนท่ีกำาหนดขึ้นล่วงหน้าอย่างมีหลักเกณฑ์เก่ียว
กับ ต้น ทุน การผลิ ตเช่ นกั น ใช้ สำา หรั บกิ จการท่ีตัง้ ขึ้ น ใหม่ Cost Standard
ไม่สามารถอ้างอิงทางบัญชีได้ แต่ใช้เป็ นเคร่ ืองเปรียบเทียบกับต้นทุนท่ี
เกิดขึ้นจริง และเม่ ือกิจการดำา เนินงานได้ 2-3 ปี กิจการก็จะปรับปรุง
Cost Standards และนำามาใช้เป็ น Standard Cost
สำาหรับวิธีการกำาหนดต้นทุนมาตรฐาน แบ่งออกเป็ น 5
1. วิธีการทางวิศวกรรม เทคนิคทางวิศวกรรมสามารถใช้เป็ น
แนวทางในการกำา หนดต้ น ทุ น ต่ อ หน่ ว ยท่ีเ หมาะสม เช่ น การศึ ก ษา
เวลาและการเคล่ ือ นไหวของการทำา งาน การสุ่ ม ตั ว อย่ า งงาน ทำา ให้
ทราบได้ ว่ า การทำา งานของคนงานในแต่ ล ะงาน ผู้ ท ่ีทำา งานเร็ ว ผู้ ท ่ี
ทำา งานระดั บ ปานกลาง หรื อ ผู้ ท ่ีทำา งานช้ า จะใช้ เ วลาทำา งานเท่ า ใด
เพ่ ือเป็ นแนวทางในการกำาหนดมาตรฐานของเวลาได้
2. การวิเคราะห์ ข้อ มูล จากการทำา งานในอดีต แม้ ว่าข้ อมู ลใน
อดีตจะมีจุดด้อยเพราะแตกต่างจากสถานการณ์ในปั จจุบัน แต่ก็ไม่ควร
ละเลยข้อมูลในอดีตโดยเฉพาะข้อมูลในปี ท่ีเพ่ิงผ่านมา เพราะข้อมูลใน
อดี ต สามารถใช้ ค าดคะเนต้ น ทุ น หรื อ ข้ อ มู ล ในอนาคตได้ เช่ น
ชัว่โมงแรงงานทางตรงท่ีใช้ในการผลิตสินค้าของปี ท่ีผ่านมา ควร
นำา มาประเมินว่าผลการผลิตมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด เพ่ ือจะ
นำามากำาหนดเวลาการทำางานมาตรฐานในปี ต่อ ๆ ไป
3. ความเห็ น ของผู้ บริ ห ารเก่ีย วกับ อนาคต ผู้ บ ริ ห ารด้ า นต่ า ง ๆ
เช่น ด้านบุคลากร ด้านการผลิต การจัดซ้ือ จะต้องรับผิดชอบการ
ดำาเนินงาน เพ่ ือให้ได้ผลตามเป้ าหมายท่ีได้กำาหนดไว้ ผู้บริหารเหล่านี้
จะเก่ีย วข้ อ งกั บ การกำา หนดต้ น ทุ น มาตรฐานและมี ส่ ว นสำา คั ญ ท่ีต้ อ ง
พิจารณา คือ ผู้จัดการฝ่ า ยจัดซ้ือจะทราบถึ งภาวะต่ าง ๆ ทั ง้ทางด้า น
ราคาวั ตถุดิบ ผู้ ขาย รวมถึ งแนวโน้ มในอนาคต ผู้จัด การฝ่ ายบุ ค คล
สามารถใช้ข้อมูลท่ีสมเหตุสมผลเก่72 ียวกับแรงงานในอนาคตได้
ในการกำาหนดต้นทุนมาตรฐานจะประกอบด้วยข้อมูลท่ีเก่ียวข้อง
2 ประเภทคือ
1. ปริมาณมาตรฐาน (Quantity Standard) เป็ นการกำา หนดต้นทุน
มาตรฐานล่วงหน้าเก่ียวกับจำานวนวัตถุดิบทางตรง และจำานวนชัว่โมง
แรงงานทางตรง ท่ีใ ช้ สำา หรั บ การผลิ ต สิ น ค้ า 1 หน่ ว ย เพ่ ือ
ประโยชน์ในการควบคุมการใช้วัตถุดิบทางตรง และชัว่โมงแรงงานทาง
ตรงให้เหมาะสมกับการผลิต เป็ นการป้ องกันการสูญเสียวัตถุดิบทาง
ตรงหรือการใช้ชัว่โมงแรงงานทางตรงมากเกินปกติ
2. ร า ค า ม า ต ร ฐ า น (Price Standard) เ ป็ น ก า ร กำา ห น ด ต้ น ทุ น
มาตรฐานล่ ว งหน้ า เก่ีย วกั บ การจ่ า ยเงิ น ซ้ือ วั ต ถุ ดิ บ ทางตรงต่ อ หน่ ว ย
และการจ่ า ยค่ า แรงงานทางตรงท่ีใ ช้ ใ นการผลิ ต สิ น ค้ า ต่ อ หน่ ว ย
เป็ นการควบคุมการซ้ือวัตถุดิบทางตรงและการจ่ายค่าแรงงานทางตรง
ให้เหมาะสมกับการผลิตซ่ ึงจะทำาให้ต้นทุนการผลิตไม่สูงเกินปกติ
ดั ง นั น
้ การกำา หนดต้ น ทุ น มาตรฐานของปั จจั ย การผลิ ต ใดก็ คื อ
การกำาหนดมาตรฐานปริมาณและมาตรฐานราคาของปั จจัยการผลิตนัน ้
เป็ นการกำา หนดต้ น ทุ น มาตรฐานต่ อ การผลิ ต ผลิ ต ภั ณ ฑ์ 1 หน่ ว ย
ประกอบด้วยต้นทุนมาตรฐานวัตถุดิบทางตรง ต้นทุนมาตรฐานค่าแรง
งานทางตรง และต้นทุนมาตรฐานค่าใช้จ่ายการผลิต
ตัวอย่าง
บริษัท กัลยา จำากัด ทำาการผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้สัก ซ่ ึงต้นทุน
มาตรฐานท่ีกำาหนดไว้สำาหรับการผลิตโต๊ะ 1 ตัว ประกอบด้วย
วัตถุดบ
ิ ทางตรง ไ ม้ สั ก ช นิ ด 5 หุ น ข น า ด 2 × 10 เ ม ต ร
จำานวน 5 แผ่น @ 250 บาท
ค่าแรงงานทางตรง ใช้ช่างฝี มือ ระดับอัตราค่าจ้างชัว่โมงละ 25
บาท ใช้เวลาทำางาน 2 ชัว่โมง
จากตั ว อย่ า งการวิ เ คราะห์ ม าตรฐานการผลิ ต สำา หรั บ โต๊ ะ 1 ตั ว
ประกอบด้วย
ปริมาณมาตรฐาน - วัตถุดิบทางตรง คือ ไม้สัก จำา นวน
5 แผ่น
- ค่า แรงงานทางตรง คื อ ชั ว่ โมงทำา งาน 2
ชัว่โมง
ราคามาตรฐาน - วัตถุดิบทางตรง คือ ราคาไม้สักแผ่น
ละ 250 บาท
- อัตราค่าจ้าง คือ ชัว่โมงละ 25 บาท
ประโยชน์ของต้นทุนมาตรฐาน
การนำา ต้ น ทุ น มาตรฐานมาใช้ ใ นกิ จ การจะมี ป ระโยชน์ ต่ อ ฝ่ าย
บริหาร คือ
1. เป็ นเคร่ ือ งมื อในการควบคุ มต้ นทุ นการผลิตให้ เป็ นไปตามท่ี
กิจการกำา หนดไว้ ถ้าไม่มีต้นทุนมาตรฐานก็ไม่สามารถควบคุมความ
เหมาะสมของต้ น ทุ น ท่ีใ ช้ ใ นการผลิ ต ได้ เม่ ือ มี ก ารวิ เ คราะห์ เ ปรี ย บ
เที ย บระหว่ า งต้ น ทุ น การผลิ ต ตามมาตรฐานท่ีกำา หนดกั บ ต้ น ทุ น การ
ผลิตท่ีจ่ายจริงและมีผลแตกต่างเกิดขึ้นฝ่ ายบริหารจะต้องวิเคราะห์หา
73
สาเหตุท่ีมาของผลแตกต่าง และหาทางปรับปรุงแก้ไขในกรณีท่ีต้นทุน
จริ งสู งกว่า ต้น ทุน มาตรฐานท่ีกำา หนด หรือ ท่ีวิ เคราะห์ไ ว้ ว่ า เป็ น ผล
ต่างท่ีไม่พอใจ
2. ใช้ ใ นการวางแผนการดำา เนิ น งานในรู ป ของการจั ด ทำา งบ
ประมาณต่ า ง ๆ ท่ีเ ก่ีย วข้ อ งกั บ การผลิ ต เช่ น งบประมาณการซ้ือ
วั ต ถุ ดิบ งบประมาณการใช้ วั ต ถุ ดิ บ งบประมาณค่ า แรงงานทางตรง
งบประมาณค่ า ใช้ จ่ า ยการผลิ ต งบประมาณเงิ น สด ซ่ ึง ทั ง้ ต้ น ทุ น
มาตรฐานและต้นทุนโดยประมาณมีลักษณะท่ีคล้ายคลึงกัน คือต่างก็
แสดงแผนการใช้ ต้น ทุ น การผลิ ต เหมื อ นกั น แต่ ต่า งกั น ท่ีต้น ทุ น โดย
ประมาณเป็ นต้นทุนท่ีกำาหนดขึ้นล่วงหน้า โดยไม่คำานึงถึงประสิทธิภาพ
และประสิ ท ธิ ผ ลในการผลิ ต แต่ จ ะมี ก ารปรั บ ปรุ ง ให้ ส อดคล้ อ งกั บ
ต้นทุนจริง
3. ช่วยในการตีราคาสินค้าคงเหลือ ตามรายงานการวิจัยของ NAA
6
ได้กล่าวว่ากิจการส่วนใหญ่บันทึกบัญชีสินค้าสำา เร็จรูป ต้นทุน ขาย
และงานระหว่างทำาด้วยต้นทุนมาตรฐาน เน่ ืองจากการตีราคาด้วยวิธีนี้
สะดวก รวดเร็วกว่าการใช้ข้อมูลจริง แต่มีส่ิงท่ีควรระวังคือจะต้องใช้
ต้นทุนมาตรฐานท่ีมาจากมาตรฐานปั จจุบัน ได้ปรับมาตรฐานให้แสดง
ผลกระทบจากระดับ ราคาในขณะนั น ้ เรี ย บร้ อ ยแล้ ว เพ่ ือ ให้ร าคา
สินค้าคงเหลือแสดงต้นทุนท่ีใกล้เคียงความเป็ นจริงมาก
ท่ีสุ ด มิ ฉ ะนั น้ จะทำา ให้ ร ายการสิ น ค้ า คงเหลื อ ต่ า งๆ ในงบดุ ล แสดง
ต้นทุนท่ีสูงหรือต่ำา กว่าความจริงซ่ ึงจะมีผลกระทบกับกำา ไรสุทธิประจำา
งวด
4. เป็ นแนวทางในการกำา หนดราคาขาย เน่ ือ งจากต้ น ทุ น
มาตรฐานเป็ นต้ น ทุ น ท่ีกำา หนดไว้ ล่ ว งหน้ า อย่ า งมี ห ลั ก เกณฑ์ แ ละ
เป็ นต้นทุนมาตรฐานปั จจุบัน จึงทำาให้การกำาหนดราคาขายเป็ นไปตาม
หลั ก เกณฑ์ ม าตรฐานปั จจุ บั น รวมทั ง้ กิ จ การอาจนำา ปั จจั ย อ่ ืน ๆ มา
พิจารณาประกอบการกำา หนดราคาขาย จึงทำา ให้ราคาขายเป็ นไปตาม
กลไกของตลาด
5. ทำา ให้ฝ่ายผลิตมีความระมัดระวังในการปฏิบัติงานท่ีจะมีผลก
ระทบต่อต้นทุนการผลิตท่ีรับผิดชอบอยู่ เพราะต้นทุนมาตรฐานเป็ น
ตัวควบคุมต้นทุนการผลิตให้เป็ นไปตามท่ีมาตรฐานกำาหนดไว้เก่ียวกับ
การใช้วัตถุดิบและการใช้ชัว่โมงแรงงานทางตรง เป็ นการส่งเสริมให้มี
การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ กิจการควรมีระบบการตอบแทน
พนั ก งานเพ่ ือ เป็ น การจู ง ใจให้ พ นั ก งานปฏิ บั ติ ต ามมาตรฐานท่ีว างไว้
และเป็ นการช่ ว ยวั ด ผลการปฏิ บั ติ ง านของพนั ก งานให้ เ ป็ นไปตาม
ประสิทธิภาพและประสิทธิผลท่ีกำาหนดไว้
6. ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการจัดทำา บัญชี เน่ ืองจาก
กิจการสามารถใช้ต้นทุนมาตรฐานในการตีราคาสินค้าคงเหลือได้ทันที
สามารถคำานวณต้นทุนสินค้าสำา เร็จรูปทันทีโดยไม่ต้องรอรวบรวมจาก
ต้นทุนท่ีเกิดขึ้นจริง ลดเวลาในการจัดทำางบประกอบงบการเงิน และ
ลงบัญชีได้ง่ายกว่าเดิม
74
ประเภทของต้นทุนมาตรฐาน
การกำา หนดต้น ทุน มาตรฐานของแต่ล ะกิ จ การย่ อ มแตกต่ า งกั น
กล่าวคือ ในแต่ละกิจการต้องการให้ต้นทุนมาตรฐานท่ีมีความตึงมาก
น้อยไม่เท่ากัน โดยทัว่ไปแล้วประเภทของต้นทุนมาตรฐาน แบ่ง
ออกเป็ น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
1. มาตรฐานอุ ด มคติ หรื อ มาตรฐานตามทฤษฎี (Ideal or
Theoretical Standards) เป็ นการกำา หนดมาตรฐานท่ีสมบูรณ์แบบ ซ่ ึงแสดง
ระดับการผลิตท่ีมีประสิทธิภาพสูงสุดโดยมีต้นทุนการผลิตท่ีต่ำาสุดภาย
ใต้สถานการณ์ดำาเนินงานท่ีเป็ นไปได้ และเคร่ ืองจักรอุปกรณ์ท่ีดีท่ีสุด
ตามมาตรฐานนีจ้ะไม่เผ่ ือไว้สำา หรับการสูญเสี ยระหว่างการผลิ ต เป็ น
มาตรฐานท่ีไม่อาจเกิดขึ้นได้จริง แต่ถูกกำาหนดขึ้นเพ่ ือเป็ นแรงจูงใจให้
พนักงานทำางานอย่างมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
2. มาตรฐานท่ีพึ ง พอใจในปั จจุ บั น (Current Attainable Standards)
เป็ นการกำาหนดมาตรฐาน ณ ระดับท่ีกิจการสามารถทำาการผลิตได้จริง
ภายใต้สภาวการณ์ปัจจุบัน โดยมีการเผ่ ือไว้สำาหรับการสูญเสียระหว่าง
การผลิตตามปกติ และการชำารุดเสียหายของเคร่ ืองจักรอุปกรณ์ต่าง ๆ
ในทางปฏิ บั ติ กิ จ การต่ า ง ๆ นิ ย มกำา หนดต้ น ทุ น มาตรฐานท่ีร ะดั บ นี้
เพราะสามารถปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถนำาไปวัดการ
ปฏิบัติงานของพนักงานได้อย่างดี
มาตรฐานท่ีพึ ง พอใจในปั จจุ บั น จะแบ่ ง ตามสภาวการณ์ ใ น
ปั จจุบันได้ 3 ระดับ คือ
2.1 มาตรฐานท่ีพอปฏิบัติได้ (Practical Standards) เป็ นระดับการ
ผลิตท่ีกิจการสามารถผลิตได้จริงในระดับสูงสุด โดยกิจการได้ใช้ปัจจัย
การผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ มีการเผ่ ือสำาหรับการสูญเสียตามปกติไว้
แล้ ว และหากกิ จ การลดปริ ม าณการผลิ ต ต่ำา กว่ า ระดั บ นี แ ้ สดงว่ า
กิจการยังใช้ปัจจัยการผลิตท่ีมีอยู่ไม่เต็มท่ี
2.2 มาตรฐานปกติ (Normal Standards) เป็ นระดั บ การผลิ ต ถั ว
เฉล่ียจากข้อมูลในอดีตระยะยาวประมาณ 3 - 5 ปี โดยคำา นึงถึงความ
ต้องการของสินค้าท่ีแตกต่างกันตามวงจรเศรษฐกิจในแต่ละช่วงและ
ไม่ มี ก ารตั ด การสู ญ เสี ย สิ น
้ เปลื อ ง ความไม่ มี ป ระสิ ท ธิ ภ าพออกไป
ระดับมาตรฐานปกติจึงต่ำากว่าระดับมาตรฐานท่ีพอปฏิบัติได้
2.3 มาตรฐานท่ีค าดว่ า จะผลิ ต (Expected Standards) เป็ น
มาตรฐานท่ีเกิดจากการคาดคะเนความต้องการสินค้าของผู้บริโภคใน
อนาคต เม่ ือนำาระดับมาตรฐานนีม ้ ากำาหนดการผลิตจะแสดงให้เห็นว่า
กิจการสามารถทำางานได้สูง ต่ำา หรือเท่ากับระดับท่ีคาดว่าจะผลิตหรือ
ไม่
การวิเคราะห์ผลต่างต้นทุนมาตรฐาน
การวิ เ คราะห์ ผ ลต่ า งเป็ นหั ว ใจสำา คั ญ ของระบบบั ญ ชี ต้ น ทุ น
มาตรฐาน เน่ ืองจากต้นทุนมาตรฐานช่วยลดความยุ่งยากในการ
บันทึกบัญชี และเป็ นตัวกำาหนดให้กิจการทราบว่าต้นทุนการผลิตท่ีเกิด
ขึ้นภายใต้การดำาเนินงานท่ีมีประสิทธิภาพควรเป็ นเท่าใด ส่วนต้นทุน
การผลิตท่ีเกิดขึ้นจริงจะทำา ให้ก75ิจการทราบว่าได้จ่ายต้นทุนไปแล้วเป็ น
จำานวนเท่าใด เม่ ือมีผลต่างต้นทุนเกิดขึ้นในงวดใดย่อมแสดงว่าผลการ
ดำา เนิ น งานจริ ง แตกต่ า งไปจากมาตรฐานท่ีว างไว้ และกิ จ การควรจะ
วิเคราะห์หาสาเหตุเพ่ ือหาแนวทางแก้ไขหรือปรับปรุงเม่ ือผลต่างท่ีเกิด
ขึ้นเป็ นผลต่างท่ีไม่น่าพอใจ และคงถือปฏิบัติอยู่ต่อไปถ้าพบว่าผลต่าง
นัน้ น่าพอใจ
ก่ อ นท่ีกิ จ การจะมี ก ารวิ เ คราะห์ ผ ลต่ า งต้ น ทุ น มาตรฐานทุ ก
ประเภท ควรจะต้องพิจารณาและคำา นึงถึงมาตรฐานท่ีกำา หนดไว้เสีย
ก่อนว่าเป็ นมาตรฐานท่ีดีพอหรือไม่ ใช้ได้กับสภาวการณ์และสภาพ
เศรษฐกิจในปั จจุบันหรือไม่ เพราะบางครัง้มาตรฐานท่ีตัง้ไว้นานอาจ
ล้าสมัย หรือมีการเก็บข้อมูลไม่ถูกต้อง
การวิเคราะห์ผลต่างจะถูกวิเคราะห์ตามต้นทุนการผลิต แบ่งออก
เป็ น 3 ส่วน คือ
1. การวิเคราะห์ผลต่างของวัตถุดิบทางตรง
2. การวิเคราะห์ผลต่างของค่าแรงงานทางตรง
3. การวิเคราะห์ผลต่างของค่าใช้จ่ายการผลิต
การบันทึกบัญชีเก่ียวกับผลต่างวัตถุดิบทางตรง
วิธีการบันทึกบัญชีสำาหรับต้นทุนมาตรฐาน มีวิธีการบันทึกบัญชี
ได้ ห ลายวิ ธี กล่ า วคื อ จะมี ก ารบั น ทึ ก ต้ น ทุ น การทั ง้ หมดด้ ว ยต้ น ทุ น
มาตรฐาน หรือจะบันทึ กต้ นทุ นการผลิตทั ง้หมดด้ว ยต้ น ทุน จริ งและ
บั น ทึ ก ต้ น ทุ น มาตรฐานไว้ เพ่ ือ เป็ นการควบคุ ม ต้ น ทุ น เท่ า นั น ้ วิ ธีก าร
บันทึกบัญชีท่ีเก่ียวกับต้นทุนมาตรฐานท่ีนิยมใช้กันมี 3 วิธี คือ
วิธีท่ี 1 วิธี Single Plan ตามวิธีนีจ้ะมีลักษณะท่ีสำาคัญคือ
1.1 ต้นทุนวัตถุดิบ ต้นทุนผลิตสินค้าสำาเร็จรูป และต้นทุน
ขายจะตีราคาตามราคามาตรฐาน
1.2 จะบั น ทึ ก บั ญ ชี ต้ น ทุ น วั ต ถุ ดิ บ ท่ีเ บิ ก ใช้ เ ข้ า บั ญ ชี ง าน
ระหว่างทำาด้วยราคาตาม
มาตรฐาน
1.3 บัญชีวัตถุดิบคงเหลือ และงานระหว่างทำาคงเหลือปลาย
งวดจะแสดงด้วยราคามาตรฐาน
การบั น ทึ ก บั ญ ชี เ ก่ีย วกั บ วั ต ถุ ดิ บ ทางตรงตามระบบต้ น ทุ น
มาตรฐานตามวิธี Single Plan จะบันทึกการเบิกวัตถุดิบไปใช้ในบัญชีงาน
ระหว่างทำา ด้วยต้นทุนมาตรฐาน รายการท่ีเก่ียวกับวัตถุดิบมี 2 ช่วงคือ
เม่ ือ ซ้ือ วั ตถุ ดิบ และเม่ ือ เบิก ใช้ วัตถุ ดิบ ส่ วนผลต่ า งท่ีเกิด ขึ้ น มี วิ ธีก าร
บั น ทึ กบั ญชี ไ ด้ 3 วิ ธี ซ่ ึงจะใช้ วิ ธีใ ดก็ ขึ้น อยู่ กั บ วิ ธีก ารและจั ง หวะเวลา
ท่ีทำาการวิเคราะห์ผลต่าง คือ
1. บั น ทึ ก ผลต่ า งทั น ที ท ่ีซ้ือ ตามวิ ธี นี ก ้ ิ จ การจะบั น ทึ ก
จำานวนวัตถุดิบท่ีซ้ือตามราคามาตรฐาน และจะบันทึกผลต่างเน่ ืองจาก
ราคาทันทีท่ีรับวัตถุดิบจากผู้ขาย โดย
วัตถุดบ
ิ (จำานวนท่ีซ้ือจริง ราคาตาม XX -
มาตรฐาน/หน่วย)
ผลต่างเน่ ืองจากราคาวัตถุดิบ U หรือ F XX -
เจ้าหนี้ (จำานวนท่ีซ้ือจริง ราคาท่ีซ้ือ
จริง / หน่วย)
บันทึกรายการซ้ือวัตถุดิบด้วยราคา
มาตรฐาน 77
* ผลต่างเน่ ืองจากราคาท่ีพอใจ(F) จะบัน
ทึกบัญชีดา้ น
เครดิต
งานระหว่างทำา (จำานวนท่ีใช้ตามมาตรฐาน ราคา XX -
ตามมาตรฐาน)
*ผลต่างเน่ ืองจากจำานวน U หรือ F XX -
วัตถุดบ ิ (จำานวนท่ีใช้จริง ราคาตาม
มาตรฐาน)
บันทึกการเบิกวัตถุดบ ิ ไปใช้ในการผลิต
*ผลต่างเน่ ืองจากจำานวนท่ีไม่พอใจ (U)
จะบันทึกบัญชีด้านเดบิต
วัตถุดบ
ิ (จำานวนท่ีซ้ือจริง ราคาจริง/หน่วย) XX -
เจ้าหนี้ XX -
บันทึกการซ้ือวัตถุดิบเป็ นเงินเช่ ือ
78
วัตถุดบ
ิ (จำานวนท่ีซ้ือจริง ราคามาตรฐาน/ XX -
หน่วย)
*ผลต่างเน่ ืองจากราคา U หรือ F XX -
เจ้าหนี้ (จำานวนท่ีซ้ือจริง ราคาจริง /
หน่วย)
บันทึกการซ้ือวัตถุดิบ XX -
งานระหว่างทำา(จำานวนท่ีใช้ตามมาตรฐาน ราคา XX -
มาตรฐาน / หน่วย)
*ผลต่างเน่ ืองจากจำานวน U หรือ F
วัตถุดิบ (จำานวนท่ีใช้จริง ราคา XX -
มาตรฐาน / หน่วย)
บันทึกการเบิกวัตถุดบ
ิ ไปใช้ในการผลิต XX -
ผลต่างเน่ ืองจากราคาวัตถุดิบใช้ไป
{จำานวนท่ีใช้จริง (ราคาจริง – ราคาตาม
มาตรฐาน)}
ผลต่างเน่ ืองจากราคา
โอนปิ ดผลต่างเน่ ืองจากราคาวัตถุดิบเม่ ือ
ซ้ือ
ไปยังผลต่างเน่ ืองจากราคาวัตถุดิบใช้ไป
ตัวอย่าง
บริษัท กรรณิการ์ จำากัด ได้ทำาการผลิตตุ๊กตาหมี จำานวน 10,000
ตัว ต้นทุนมาตรฐานในการผลิตตุ๊กตาหมี 1 ตัว ประกอบด้วย
วัตถุดบ ิ ทางตรง 4 กิโลกรัม ๆ ละ 5 บาท
ค่าแรงงานทางตรง 3 ชัว่โมง ๆ ละ 7.25 บาท
กิ จ การได้ ซ้ือ วั ต ถุ ดิ บ ทั ง้ สิ น
้ 50,000 กิ โ ลกรั ม ๆ ละ 5.10 บาท
ในการผลิตได้เบิกวัตถุดิบไปใช้จำานวน 39,000 กิโลกรัม ชัว่โมงแรงงาน
ทางตรงท่ีเกิดขึ้น 29,800 ชัว่โมง อัตราค่าจ้างชัว่โมงละ 7.30 บาท
จากโจทย์ตัวอย่าง จะแยกวิเคราะห์ผลต่างของวั ตถุ ดิบ ทางตรง
ออกเป็ น
1. ผลต่างเน่ ืองจากราคาวัตถุดิบ
1.1 ผลต่างเน่ ืองจากราคาเม่ ือซ้ือ = (ราคาท่ีซ้ือจริ ง /หน่วย - ราคาท่ีซ้ือ
ตามมาตรฐาน / หน่วย)
× จำานวนหน่วยท่ีซ้ือ
79
= ( 5.10 –5 ) × 50,000
= 5,000 u
การบันทึกบัญชี
1 บันทึกผลต่างวัตถุดิบทันทีท่ีซ้ือ
74
2 บันทึกผลต่างวัตถุดิบเม่ ือเบิกใช้
วัตถุดบ
ิ (จำานวนท่ีซ้ือจริง ราคาจริง/หน่วย) XX -
เจ้าหนี้ XX -
บันทึกการซ้ือวัตถุดิบเป็ นเงินเช่ ือ
82
จากตัวอย่างเดิม
วัตถุดบ
ิ (จำานวนท่ีซ้ือจริง ราคาจริง/หน่วย) XX -
เจ้าหนี้ XX -
บันทึกการซ้ือวัตถุดิบเป็ นเงินเช่ ือ
สินค้าสำาเร็จรูป(จำานวนหน่วยท่ีเสร็จ X ต้นทุน XX -
มาตรฐาน/หน่วย) XX -
งานระหว่างทำา จำานวนหน่วยท่ีผลิตเสร็จ
X ต้นทุนจริง/หน่วย)
*ผลต่างท่ีได้จากการวิเคราะห์
บันทึกต้นทุนผลิตสินค้าสำาเร็จรูปและผล
ต่างท่ีเกิดขึ้น 83
จากตัวอย่างเดิม
การบันทึกบัญชีเก่ียวกับผลต่างค่าแรงงาน
งานระหว่างทำา(ช.ม.ทำางานมาตรฐาน อัตราค่า X -
จ้างมาตรฐาน/ชม.) X
*ผลต่างเน่ ืองจากประสิทธิภาพแรงงาน
U หรือ F XX -
*ผลต่างเน่ ืองจากอัตราค่าจ้าง U หรือ F
ค่าแรงงาน(ช.ม.ทำางานจริง อัตราค่า
จ้างจริง/ช.ม.)
โอนค่าแรงงานเข้าเป็ นต้นทุนการผลิต
ผลต่างท่ีเป็ น U จะบันทึกทางด้านเดบิต
และถ้าเป็ น F
จะบันทึกด้านเครดิต
จ า ก ตั ว อ ย่ า ง เ ดิ ม ก า ร วิ เ ค ร า ะ ห์ ผ ล ต่ า ง ค่ า แ ร ง ง า น
1. ผลต่างเน่ ืองจากประสิทธิภาพแรงงาน = (ชัว่โมงทำางานจริง –
ชัว่โมงทำางานตาม
มาตรฐาน) × อัตราค่าจ้าง
มาตรฐาน / ชม.
= (29,800 – 30,000) X 7.25
= - 1,450 F
ก า ร บั น ทึ ก บั ญ ชี
ลักษณะท่ีสำาคัญของการบัญชีต้นทุนมาตรฐานคือ
1. ไม่มีการคำานวณต้นทุนการผลิตจริงต่อหน่วย จะมีแต่ยอดรวม
ต้นทุนจริงและยอดรวมต้นทุนมาตรฐานเท่านัน ้
2. ถึงแม้ต้นทุนมาตรฐานจะเป็86นเพียงการคาดคะเน แต่เช่ ือถือได้
เพราะได้มีการวิเคราะห์ ผลต่างและตรวจสอบหาสาเหตุของผลต่างเพ่ ือ
นำามาใช้ในการปรับปรุงใหม่
3. จะต้องมีการปรับปรุงต้นทุนมาตรฐานใหม่เม่ ือสภาวการณ์
เปล่ียนไปเช่น ราคาวัตถุดิบสูงขึ้น ต้นทุนมาตรฐานของวัตถุดิบจะต้อง
ปรับปรุงใหม่ เป็ นต้น
4. กิจการใช้ต้นทุนมาตรฐาน เพ่ ือเป็ นมาตรการในการควบคุม
ต้นทุนการผลิตท่ีเกิดขึ้นและดูแลการปฏิบัติงานของพนักงาน
5. ต้นทุนมาตรฐานจะช่วยให้ฝ่ายผลิตทราบถึงต้นทุนการผลิต
และปรับปรุงแก้ไขเม่ ือมีปัญหาเก่ียวกับ
5.1 การซ้ือและการใช้วัตถุดบ
ิ สูงหรือต่ำากว่าท่ีมาตรฐานกำาหนด
5.2 การจ่ายค่าแรงงานและการใช้ชัว่โมงการทำางานสูงหรือต่ำา
กว่าท่ีมาตรฐานกำาหนด
วิธีการบัญชีเก่ียวกับผลต่างในวันสิน ้ งวด
ในการวิเคราะห์ผลต่างระหว่างต้นทุนการผลิตจริงกับต้นทุนการ
ผลิตตามมาตรฐาน จะมี
ผลต่างเกิดขึ้น ซ่ ึงผลต่างนีจ้ะต้องนำาไปแสดงไว้ในงบการเงินในวันสิน
้
งวดบัญชี มีวิธีท่ีปฏิบัติกัน คือ
1. แบ่งผลต่างสุทธิท่ีได้โอนเข้าบัญชีต้นทุนขาย งานระหว่างทำา
ปลายงวด และสิน ค้า คงเหลื อปลายงวดตามอั ตราส่ วนของคงเหลื อ
ตามวิธีนีจ้ะถือเป็ นการปรับยอดค่าใช้จ่ายและสินค้าคงเหลือให้เป็ นต้น
ทุ น จริ ง โดยถื อ หลั ก ท่ีว่ า ต้ น ทุ น มาตรฐานมี ไ ว้ เ พ่ ือ แสดงผลการ
ดำาเนินงานให้ผู้บริหารทราบ แต่ไม่ควรนำามาจัดทำารายงานทางการเงิน
2. แสดงผลต่างสุทธิในงบกำาไรขาดทุน โดยบวกผลต่างสุทธิท่ีน่า
พอใจ เข้าบัญชีต้นทุนขาย หรือหักผลต่างสุทธิท่ีไม่น่าพอใจเข้าบัญชี
ต้นทุนขาย โดย
กิจการ………….
งบกำาไรขาดทุน
สำาหรับระยะเวลา……………………สิน ้ สุด…………………….
ขาย (จำานวนขายจริง ราคาขาย)
XX
หัก ต้นทุนสินค้าท่ีขายตามมาตรฐาน (จำานวนท่ีขายจริง
ราคามาตรฐาน) XX
กำาไรขัน
้ ต้นตามมาตรฐาน
XX
บวก ผลต่างสุทธิท่ีน่าพอใจ
หรือ
หัก ผลต่างสุทธิท่ีไม่นา่ พอใจ
XX
กำาไรขัน้ ต้นหลังจากการปรับผลต่าง
XX
หัก ค่าใช้จ่ายในการดำาเนินงาน
87
XX
กำาไรสุทธิ XX
3. จากการวิเคราะห์หาสาเหตุแล้ว ถ้าพบว่าผลต่างเกิดขึ้นจากการ
ใช้อัตราท่ีไม่ถูกต้อง จะต้องโอนผลต่างนัน
้ เข้าบัญชีสินค้าสำา เร็จรูปคง
เหลือ หรือต้นทุนขาย และจะต้องมีการปรับปรุงต้นทุนมาตรฐานใหม่
4. ถ้าพบว่าผลต่างท่ีเกิดขึ้ นมี สาเหตุม าจากการดำา เนิ น งานท่ีผิ ด
ปกติ หรือไม่เป็ นไปตาม
ท่ีกิจการได้กำา หนดไว้ เช่น ไฟไหม้, น้ำาท่วม ผลต่างดังกล่าวจะโอน
ปิ ดเข้าบัญชีขาดทุนกรณีพิเศษในงบกำาไรขาดทุน
88
ตำาราและหนังสืออ่านประกอบ
ก่ิงกนก พิทยานุคุณ และคณะ การบัญชีต้นทุน กรุงเทพ ฯ :
โรงพิมพ์ชวนพิมพ์, 2536.
หน้า 130 – 139
ดวงมณี โกมารทัต การบัญชีต้นทุน กรุงเทพ ฯ : สำานักพิมพ์แห่ง
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,
2543. หน้า 390 – 408
เยาวพา ณ นคร การบัญชีต้นทุน 2 กรุงเทพ ฯ : ส. เอเชียเพรส (1989)
จำากัด, 2545. หน้า
122 – 140
สมาคมนักบัญชีและผู้สอบบัญชีรับอนุญาตแห่งประเทศไทย ศัพท์
บัญชี กรุงเทพ ฯ :
บริษัท พี.เอ.ลิฟว่ิง จำากัด, 2540. หน้า 84 – 85.
สุชาดา สถาวรวงศ์ ศุภลักษณ์ เลิศแก้วศรี การบัญชีต้นทุนและ
การบัญชีเพ่ ือการจัดการ
กรุงเทพ ฯ : สำานักพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2546.
หน้า 154 – 176.
NAA Research Slries No. 13 “ NAA Bulletin No. 29 .” In Accountants’ cost Handbook .
Edited by Robert I Dickey. New York : The Ronald Press Company 1960. P .157
89
แบบทดสอบประเมินผลท้ายหน่วยการเรียนท่ี 3
จงตอบคำาถามต่อไปนี้
1. จงอธิบายความหมายของต้นทุนมาตรฐาน
2. วิธีการกำาหนดต้นทุนมาตรฐานมีอะไรบ้าง
3. จงบอกประโยชน์ของต้นทุนมาตรฐาน
4. การวิเคราะห์ผลต่างของวัตถุดิบทางตรงมีก่ีชนิด อะไรบ้าง
5. การวิเคราะห์ผลต่างของค่าแรงงานทางตรงมีก่ีชนิด อะไรบ้าง
6. วาดการวิเคราะห์สาเหตุท่ีทำาให้เกิดผลต่างของวัตถุดิบทางตรงมีอะไร
บ้าง
90
แบบฝึ กหัดท้ายหน่วยการเรียนท่ี 3
ให้ทำา 1. ให้บันทึกรายการเก่ียวกับวัตถุดิบทางตรงโดยสมมติว่า
1. บัญชีวัตถุดบิ จะบันทึกในราคามาตรฐาน
2. บัญชีวัตถุดบ ิ จะบันทึกในราคาจริง
91
2. คำานวนวัตถุดิบทางตรงคงเหลือปลายงวด
ข้อ 4 บริษัทแห่งหน่ ึง กำาหนดต้นทุนมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ต่อ
หน่วยไว้ดังนี้
วัตถุดบิ ทางตรง 2 หลา ๆ ละ 0.52 บาท
แรงงานทางตรง 2 ชัว่โมง ๆ ละ 3.25 บาท
ค่าใช้จา่ ยการผลิต 2 ชัว่โมง ๆ ละ 1.75 บาท
บริษัทผลิตสินค้าได้ 7,600 หน่วย ซ้ือวัตถุดิบทางตรงมา
25,000 หลา ในราคา
หลาละ 0.50 บาท ปรากฎว่าใช้วัตถุดบ ิ ไปจริง 12,000 หลา
ให้ทำา คำานวณผลแตกต่างจากต้นทุนมาตรฐานสำาหรับวัตถุดิบทางตรง
และค่าแรงงานทางตรง
ให้ทำา คำานวณผลต่างของวัตถุดบ
ิ เม่ ือซ้ือ และเม่ ือใช้
ข้อ 12 แผ่นต้นทุนมาตรฐานเก่ียวกับวัตถุดิบท่ีต้องใช้ในการผลิต
ผลิตภัณฑ์ ก 100 หน่วย มีดังนี้
จำานวนมาตรฐาน ราคามาตรฐาน/หน่วย
ต้นทุนมาตรฐานรวม
วัตถุดบิ อ 105 ก.ก. 0.70 บาท 7.50 บาท
วัตถุดบ ิ ว 560 ฟุต 0.40 บาท 224.00
บาท
ชิน
้ ส่วน ซ 102 ฟุต 1.20 บาท 122.40
บาท
419.90 บาท
การซ้ือและการใช้วัตถุดิบสำาหรับเดือนสิงหาคม มีดังนี้
ประเภทวัตถุดบ ิ จำานวนท่ีซ้ือ ราคา / หน่วย จำานวน
หน่วยท่ีใช้
อ 40,000 ก.ก. 0.65 บาท 33,000 ก.ก.
ว 150,000 ฟุต 0.45 บาท 161,000 ฟุต
ซ 32,000 ฟุต 1.30 บาท 31,200 ฟุต
กิจการผลิตผลิตภัณฑ์ได้ 30,000 หน่วย
ให้ทำา คำานวณผลต่างเก่ียวกับวัตถุดิบท่ีซ้ือในเดือนสิงหาคม
95