Professional Documents
Culture Documents
สารบัญ
บทบรรณาธิการ 3
ความเคลื่อนไหวในแวดวง 4
ทัศนะชาวบ้าน 9
วิโรจน์ เตรียมตระการผล 10
ดวงพร เลาหกุล 13
ครรชิต แสนอุบล 14
สหรัฐ เจตมโนรมย์ 15
มองหาเรื่อง 19
ถนนสายจิตวิทยาการปรึกษา
ก้าวแรกบนถนนสายจิตวิทยาการปรึกษา 20
สมภพ แจ่มจันทร์
ครั้งแรกกับพระ 21
สุทธิพันธุ์ สุทธิศันสนีย์
ซาววัน ณ ห้วยฮ่องไคร้ 22
บ้านมกรา
บทบรรณาธิการ
สมภพ แจ่มจันทร์
ผม เชื่อว่าทุกคนที่เป็นนักอ่าน ไม่วันใดก็วันหนึ่งย่อมเกิดอาการอยาก
ลงมือเขียนอะไรสักอย่าง และคนที่เคยขีดๆ เขียนๆ อะไรบางอย่าง
ย่อมมีสักครั้งที่อยากเผยแพร่สิ่งที่ตนเองถ่ายทอดออกมาเป็นตัวอักษรให้ผู้อื่น
มีโอกาสทำหนังสือรวมเรื่องสั้นของตัวเองกับเพื่อนๆ และน้องๆ ที่ภาค และอีก
เล่มกับเพื่อนต่างคณะ ซึ่งตอนนี้เป็นนักหนังสือพิมพ์อยู่ที่มติชน หนังสือเล่มนี้มี
กิจกรรมเปิดตัวเป็นจริงเป็นจังที่สุดตั้งแต่ผมเคยมีส่วนร่วมมา มีการสัมภาษณ์
ได้ร่วมรับรู้ ผมเองก็เป็นหนึ่งในนักอ่านที่วันดีคืนดีเกิดอาการอยากขีดเขียน และวางขายในงานเปิดตัวที่ชั้นล่างของศูนย์เรียนรวมของมหาวิทยาลัย มีคน
อะไรสักอย่างขึ้นมา และในที่สุดเมื่อเขียนบ่อยเข้าก็อยากเผยแพร่สิ่งที่ตัวเอง ซื้อหนังสือและมาขอลายเซ็นต์ผมด้วย ซึ่งก็ค่อนข้างจะเป็นสถานการณ์ที่แปลก
ถ่ายทอดออกมา ประหลาดอยู่พอสมควรสำหรับผม
ความคิดฝันอยากทำวารสารเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาตรี ผมเคย
เป็นบรรณาธิการวารสารของชุมนุมจิตวิทยา ซึ่งออกมาอย่างกระท่อนกระแท่น
ได้ 4 ฉบับในปีการศึกษานั้น เนื้อหาของมันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าความเพ้อเจ้อ เอก - สมภพ แจ่มจันทร์
ของนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่พยายามทำในสิ่งที่ตัวเองไม่สามารถ มานึกย้อนดูก็ทั้ง บรรณาธิการจำเป็น
ภูมิใจและทั้งอายไปพร้อมๆ กันเมื่อนึกถึงมัน นอกจากวารสารของชุมนุม ผมยัง http://blackdogsworld.wordpress.com
บ้านมกรา
ความเคลื่อนไหวในแวดวง
เมื่อเดือนกรกฎาคมมาถึง ก็เป็นอันรู้กันในบรรดาพี่น้องจิตวิทยา-
การปรึกษาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยว่า เทศกาลรับปริญญามาถึงแล้ว
วันรับปริญญาเป็นวันที่ทุกคนรอคอย กว่าจะเดินทางมาถึงวันนี้ก็ใช้เวลาไม่น้อยมากบ้าง
น้อยบ้างตามแต่เหตุปัจจัยของแต่ละคน หลังจากหน้าดำคร่ำเครียดกับการปั่นวิทยานิพนธ์
และการสู้รบปรบมือกับกรรมการสอบ ในปีนี้ มีบัณฑิตจิตวิทยาการปรึกษาจบใหม่ 11 คน
ด้วยกัน วารสารบ้านมกรา จึงขออาสาชวนพี่น้องทุกท่านร่วมยินดี (แม้จะย้อนหลัง
ไปหน่อยก็ตาม หึหึ) กับทุกคนที่จบในปีนี้ มาดูกันเลยดีกว่าว่ามีใครเข้ารับปริญญาในปีนี้บ้าง
บ้านมกรา
หทัยทิพย์ ไชยวาที (วิกกี้)
ปริญญาโท รุ่น 22
ชื่อวิทยานิพนธ์ “ประสบการณ์ด้านจิตใจของหญิงตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์“
ประวัติการศึกษา 1. โรงเรียนสตรีระนอง
2. จุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
อาชีพปัจจุบัน อิสระ
ความสนใจ จิตรกรรมเทคนิคสีน้ำและเทคนิคสีน้ำมัน
บ้านมกรา
สิริกาญจน์ สง่า (ปอย)
ปริญญาโท รุ่น 21
ชื่อวิทยานิพนธ์ “ผลของกลุ่มจิตวิทยาพัฒนาตนและการปรึกษาแนว
พุทธ ต่อ ความเข้มแข็งอดทนของนักศึกษา“
ประวัติการศึกษา สาขาจิตวิทยา คณะสังคมศาสตร์ ม.นเรศวร
อาชีพปัจจุบัน ประกอบอาชีพอิสระ
ความสนใจ พุทธปรัชญา, จิตวิทยาแนวพุทธ, การปรึกษาเชิงจิตวิทยา
แนวพุทธ ตามแนว รศ.ดร.โสร่ีช์ โพธิแก้ว,
การสำรวจภายในตน (introspection),
บ้านมกรา
วิยะดา แซ่ตั้ง (เล้ง) สุภาวดี ดิสโร (สุ)
ปริญญาโท รุ่น 21 ปริญญาโท รุ่น 21
ชื่อวิทยานิพนธ์ “ ผลของกลุ่มจิตวิทยาพัฒนาตนและการปรึกษา ชื่อวิทยานิพนธ์ “ผลของกลุ่มจิตวิทยาพัฒนาตนและการปรึกษา
แนวพุทธต่อความรู้สึกสอดคล้องกลมกลืนในชีวิตของนักศึกษามหาวิทยาลัย“ แนวพุทธต่อความสามารถในการฟื้นพลังของนักศึกษามหาวิทยาลัย“
ประวัติการศึกษา 1. โรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย ประวัติการศึกษา 1. โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย
2. คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2. การบริหารทรัพยากรมนุษย์
อาชีพปัจจุบัน นักทรัพยากรบุคคลปฏิบัติการ กลุ่มงานพัฒนาบุคคล คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
สำนักงานเลขานุการกรม กรมเจ้าท่า อาชีพปัจจุบัน นักจิตวิทยา ภาควิชาจิตเวช คณะแพทยศาสตร์
ความสนใจ ปรัชญา, จิตวิทยา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
ความสนใจ การประยุกต์การปรึกษาเชิงจิตวิทยาแนวพุทธกับ
การทำงานเชิงจิตเวชสำหรับเด็ก, จิตวิทยาเด็ก
บ้านมกรา
ส่งมา อย่าอาย
บทความ ภาพวาด งานวิชาการ บทวิจารณ์ เรื่องสั้น ความคิดเห็น
บทเพลง กวี วรรณกรรม ภาพถ่าย งานทดสอบ แนวคิด
ผลทดลอง งานวิจัย บันทึก ภาพล้อ มุมมอง สิ่งประดิษฐ์ นิทาน
ประสบการณ์ งานศิลปะ บทสัมภาษณ์ เรื่องแปล งานประพันธ์
เล่าข่าว การ์ตูน บทคัดย่อ นวัตกรรม เรื่องเล่า กาพย์กลอน
ผม เคยร้องไห้ตอนไปโรงเรียนครั้งแรกตอนเรียนชั้น
เตรียมอนุบาลในช่วงฤดูร้อนก่อนเปิดเทอมหลัง
จากเห็นแม่เดิลับตาออกจากประตูโรงเรียนไป ก่อนหน้า
นี้และหลังจากนี้ผมอาจจะเคยร้องไห้ไม่รู้กี่ครั้ง (ซึ่งก็คง
จะมากเอาการอยู่) แต่การร้องไห้ครั้งนี้เป็น “ครั้งแรก”
ของรอยน้ำตาที่ไหลเป็นทางผ่านสองแก้มที่ยังติดตรึงอยู่
ในใจแม้ว่าวันเวลาจะล่วงเลยมายาวนานจนเด็กน้อยคนนั้น
ทีน่ ง่ั ร้องไห้บนม้าโยกของโรงเรียนกลาเป็นผูใ้ หญ่ (ทีโ่ ตแต่ตวั
แต่ใจยังไม่ยอมโตตาม)สำหรับผม คำว่า “ครั้งแรก” มีความ-
หมายมากกว่าลำดับทางภววิสัย (objective) ที่หมายถึง
ลำดับแรกหรือลำดับที่หนึ่ง แต่มันยังมีความหมายในเชิง
อัตวิสัย (subjective) อีกด้วย เพราะ “ครั้งแรก” ในห้วง
สำนึกและความทรงจำของเรามักเกิดขึ้นพร้อมกับคุณค่า
และความหมายบางอย่างวารสาร “บ้านมกรา” ฉบับ
ปฐมฤกษ์นี้ มาพร้อมกับเรื่องหลักในเล่มคือ “ครั้งแรก”
เป็ น หั ว ข้ อ ที ่ พ วกเราตกลงใจโดยที ่ ไ ม่ ไ ด้ ผ ่ า นกระบวน-
การกลั่นกรองอะไรมาก ที่มาที่ไปของ “ครั้งแรก” ในฉบับ
นี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าที่มันสอดคล้องกับ “ครั้งแรก” ของ
วารสารฉบับนี้ (เอากันง่ายๆ แบบนี้แหละ) ผม(เอก) กับ
พี่ก๊ะจะพาทุกท่านไปสัมผัสกับ “ครั้งแรก” ของพี่น้อง
จิตวิทยาการปรึกษาหลายท่านที่สละเวลาและตอบรับด้วย
ความยินดีในการบอกเล่าถึง “ครั้งแรก” ของตนเอง
มาติดตามกันเลยครับว่าครั้งแรกของใครเป็นอย่างไรบ้าง
บ้านมกรา
ชายหนุ่มหน้าตี๋สูงยาวเข่าดีผู้ซึ่งเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัวอย่างต่อเนื่อง
เพื่อเข้าถึงศิลปะของการใช้ชีวิต(ล่าสุดเพิ่งเข้าคอร์สเรียนทำอาหาร
มาหมาดๆ สาวๆ ท่านไหนสนใจอยากได้เป็นพ่อบ้าน ติดต่อด่วน)
“ครั้งแรก” ของโรจน์เรียบเรียงจากการสนทนาในบ่ายวันหนึ่ง
กับชายหนุ่มอีกคนในรุ่นเดียวกัน “ก๊ะ”
สัณห์ชาย โมสิกรัตน์
10 บ้านมกรา
เรามองว่าการเรียนเป็นการทำเพือ่ ความสุนทรีย์ การเรียนเป็นวิถที างเพือ่ ให้ถงึ การเข้าถึง
ดังนัน้ เราเลยใช้การเรียนเพือ่ การเข้าถึงในสิง่ ทีอ่ ยากรู้ มากกว่าการเรียนเพือ่ ไปทำงาน
เป็นการเรียนเพือ่ ให้รจู้ กั ศิลปะของการใช้ชวี ติ
ชะอำ
วิโรจน์ เตรียมตระการผล
ชื ่ อ ของสถานที ่ แ ห่ ง ความทรงจำที ่ เ พื ่ อ นร่ ว มรุ ่ น ของผม
คนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา หลังจากนั่งเงียบไปนานเมื่อได้ยินคำ
ถามที่ผมถามเขาว่า “โรจน์ ถ้าพูดถึงครั้งแรก โรจน์นึกถึงอะไร?” วิโรจน์
เตรียมตระกาลผล หรือ โรจน์ ที่พี่ๆ น้องๆ ชาวจิตวิทยาการปรึกษาแห่งจุฬาลง-
CO19
ดับแรกก็จะพฤกษศาสตร์ อันดับสองก็มารีน (Marine Science)”
ตลอดระยะที่โรจน์เรียนอยู่ในสาขาวิชาพฤกศาสตร์ โรจน์ได้รับโอกาสใน
การศึกษาสาขาวิชาทางด้านวิทยาศาสตร์ซึ่งศึกษาเกี่ยวกับธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง
กรณ์มหาวิทยาลัยรู้จักกันดี ด้วยรอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้ากับเสียงหัวเราะ ตามที่เขาปรารถนา “พอได้มาเรียนก็รู้สึกว่าชอบมากขึ้น เพราะว่ามันไม่ได้ไป
ที่มีอยู่เสมอ จึงทำให้ความเป็นคนพูดน้อยของเขาไม่เป็นอุปสรรคของใครที่ต้อง เที่ยวป่าแบบแตะๆ แต่ว่าเราได้เข้าไปเดินป่า เข้าไปพิจารณาต้นไม้แต่ละต้นอ
การจะเข้าไปรู้จักทักทาย และสำหรับผมที่เรียนรุ่นเดียวกับโรจน์มาตลอดสี่ปี ย่างจริงจัง ไปดูสภาพแวดล้อม ไปดูความเป็นอยู่ของมัน” การเข้าไปสัมผัสรวม
ได้เที่ยวเล่นเฮฮาและร่วมกิจกรรมทำงานกันมาหลายอย่าง จึงอ้างได้อย่างสะดวก ทั้งความรู้ในทางวิชาการ ที่โรจน์ได้จากทั้งห้องเรียนและผืนป่าตามธรรมชาติ
ใจว่าโรจน์เป็นเพื่อนสนิทที่สุดคนหนึ่งของผม แต่เมื่อโรจน์กล่าวว่าชะอำคือสถาน หล่อหลอมให้โรจน์เกิดรัก รักในธรรมชาติ เพราะความรู้และประสบการณ์เหล่า
ที่ซึ่งเขานึกถึงสำหรับคำว่า “ครั้งแรก” นั้น ก็ชวนให้ผมนึกสงสัยและอยากติดตา นั้นได้ทำให้เขาเห็นว่า ชีวิตความเป็นอยู่อันสะดวกสะบายที่เขาคุ้นเคยในเมือง
มถามเข้าไปถึงที่ไปที่มาว่าเพราะอะไรที่เมืองชายทะเลที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ใหญ่นั้น ล้วนเป็นผลผลิตที่กำเนิดจากธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ซึ่งอยู่ห่างไกลจากที่
แห่งนี้ กลายเป็นสถานที่ซึ่งเพื่อนผมคนนี้ยกย่องสำหรับ “ครั้งแรก” ของเขา เขาอยู่ และหลังจากที่โรจน์เรียนจบในปี 2545 โรจน์มิได้หยุดการสำรวจความยิ่ง
ใหญ่ของธรรมชาติไว้กับประสบการณ์และความรู้ที่เขามี เขาเลือกที่จะเรียนรู้ใน
“พอดีตอนนั้นเรียนจบม.ปลาย เขาก็เลยชวนๆกันไปเที่ยวเป็นครั้งแรกที่ ศาสตร์ที่แตกต่างจากเดิมโดยได้เข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาโท สาขาวิชา
ไปชะอำ” โรจน์เล่าให้ผมฟังถึงความประทับใจของเด็กหนุ่มชาวกรุง ซึ่งทางบ้านทำ จิตวิทยาการปรึกษา คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และขณะเดียวกัน
อาชีพค้าขายจนไม่ค่อยได้มีโอกาสไปเที่ยวต่างจังหวัด ยกเว้นจะเป็นช่วงเทศกาล โรจน์ก็ใช้เวลาว่างกับการเรียนรู้ศาสตร์อื่นๆอีกหลายอย่าง จนเป็นที่คุ้นชินสำหรับ
ตามประเพณี เช่น เชงเม้ ที่จะออกต่างจังหวัดไปร่วมพิธีกรรมตามประเพณีนั้นๆ เพื่อนฝูงของเขาที่จะได้รู้ว่า
ดังนั้นเมื่อโรจน์เมื่อโรจน์ได้ไปชะอำกับเพื่อนฝูง จึงครั้งแรกในการเที่ยวต่างจังหวัด เขากำลั ง เรี ย นอะไรใหม่ ๆ
ของเขา “แวบแรกที่ลงไปเห็นทะเลครั้งแรกนี่ โอ้โห ! ตระการตามาก (หัวเราะ) ไม่ ว ่ า จะเป็ น นวดแผนไทย
แล้วพอดีเป็นเวลาบ่ายด้วย ทะเลกำลังสะท้อนแสงระยิบระยับ” และภาพอันสวย ไทเก็ก ภาษาจีน กู่เจิง ฯลฯ
งามน่าตื่นตะลึงของท้องทะเล หาดทรายและท้องฟ้าเบื้องหน้า ก็กลายเป็นจุดเริ่ม และขณะที ่ ผ มคุ ย กั บ โรจน์
ต้นของแรงบันดาลใจของเด็กหนุ่มในวัยที่ต้องคิดถึงการเลือกเส้นทางชีวิตของตน อยู่นี้ โรจน์ได้เรียนศาสตร์
หลังจากจบมัธยมปลาย ที่ทำให้โรจน์เลือกเรียนสาขาวิชาพฤกษศาสตร์ ของจุฬา- ของการทำอาหารเป็นประ-
ลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นอันดับหนึ่ง “ส่วนตัวไม่ได้คิดว่าจะเรียนไปเพื่อทำงานอยู่ สบการณ์ เ พิ ่ ม เติ ม ล่ า สุ ด
แล้ว (หัวเราะ) ก็เลยเลือกเรียนพฤกษศาสตร์เพราะว่ารู้สึกว่ามันได้ออกไปสัมผัส โรจน์ ก ล่ า วถึ ง มุ ม มองที ่ ท ำ
อะไรเยอะมากมายกว่าในห้องเรียน เป็นการเรียนเพื่อตอบสนองความต้องการ ให้เขาหมั่นศึกษาความรู้และทักษะใหม่ๆอยู่เสมอว่า “อาจมีความคิดคล้ายๆ
มั้ง” นักปรัชญาจีนโบราณมั้ง ชีวิตของผู้ชายนั้นต้องเรียนความรู้ โคลงกลอน กวี
เรียนการเขียนอักษรจีน ดนตรี แล้วก็การปกครอง แต่เรามองว่าการเรียน
แต่ชะอำอันเป็นเมืองท่องเที่ยว กลับไม่ได้ทำให้ความปรารถนาที่จะออก เป็นการทำเพื่อความสุนทรีย์ การเรียนเป็นวิถีทางเพื่อให้ถึงการเข้าถึง ดังนั้นเรา
ไปสัมผัสกับบรรยากาศอันห่างไกลจากเมืองกรุงของโรจน์ในตอนนั้นเป็นไปเพื่อ เลยใช้การเรียนเพื่อการเข้าถึงในสิ่งที่อยากรู้ มากกว่าการเรียนเพื่อไปทำงาน
การเที่ยวเล่นสนุกสนาน หากแต่เป็นไปเพื่อการเติมเต็มความเข้าใจในธรรม- เป็นการเรียนเพื่อให้รู้จักศิลปะของการใช้ชีวิต”
ชาติและโลกที่เขาอาศัยอยู่ “มันอาจเป็นเพราะพื้นฐานเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ ก็
เลยไม่ได้มองไปทางการท่องเที่ยวสนุกสนาน แต่มองไปทางการได้มองเห็นความ การศึกษาสรรพวิชาและประสบการณ์หลากหลายที่โรจน์เข้าไปสั
ยิ่งใหญ่ของธรรมชาติมากกว่า เพราะฉะนั้นตอนที่เลือกสายวิทยาศาสตร์ เลือกอัน มผัสโดยเฉพาะอย่างยิ่งไทเก็ก ทำให้โรจน์ได้มุมมองในวิถีทางของชีวิตและกา
บ้านมกรา 11
รงานสำหรับตน เมื่อผมถามว่าตอนนี้ยังมีอะไรที่อยากเรียนรู้เพิ่มเติมอีกไหม หมายของการเชื่อมโยงโดยการปฏิบัติ...เชื่อมโยงถึงการที่เรากำลังเชื่อมโยงกับ
โรจน์ตอบว่า “สำหรับตอนนี้ไม่มีแล้ว ตอนนี้สิ่งที่แสวงหาคือการใช้ชีวิตอย่างไร คนที่อยู่ข้างหน้า เชื่อมโยงกับตัวเราเองในการเคลื่อนไหว มือซ้ายเชื่อมโยงกับขา
ในสังคมมากกว่า เพราะจากที่เรียนมาก็ได้มุมมองหลายๆอย่างที่ครบ ขวาได้อย่างไร...มันก็ทำให้เหมือนกับว่าในการเคลื่อนไหวทุกๆครั้ง มันก็จะเป็น
ที่รู้สึกว่าเต็มที่แล้ว แล้วก็รู้สึกว่าได้เจอกับสิ่งที่แสวงหาในการเรียนไทเก็ก เพราะ อีกมุมมองที่แตกต่างจากการเดินในชีวิตปกติ พอเราเริ่มรู้สึกถึงตรงนี้มันก็ริ่มรู้สึก
ฉะนั้นตอนนี้ก็เลยมองว่าเราจะใช้ยังไงกับความรักของเราในสิ่งที่เราเรียนมาเนี่ย ว่า เราสามารถมีชีวิตที่ต่างจากคนอื่นได้โดยไม่แตกต่าง”
ให้มันประสานกับชีวิตในสังคม เราสามารถหางานอะไรที่เราสามารถไปอยู่ตรง
นั้นแล้ว เราสามารถมีความสุขตรงนั้นได้ การเรียนมาทั้งหมดนี้ทำให้ได้ขบคิด” มาถึงตรงจุดนี้ ผมได้เห็นเส้นทางของชีวิตที่โรจน์เริ่มเดินทางจากชะอำ
จากนั ้ น โรจน์ ก ็ ไ ด้ ใ ห้ ค วามหมายของการงานที ่ ต กตะกอนจากประสบ- ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้เขาสนใจสำรวจธรรมชาติอันกว้างใหญ่และทำให้โรจน์
การณ์ของเขาว่า มันคือการดำรงอยู ซึ่งล้วนแต่เหมาะสมไปตามแต่ละบุคคลและ ได้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และธรรมชาติ ธรรมชาติที่โรจน์ได้สัมผัสและ
สภาพการณ์ จึงไม่ควรที่จะตีค่าว่าการงานประเภทใดมีค่าสูงต่ำกว่ากัน ดังที่โรจน์ สร้างความรักในโลก อันเป็นสถานที่พักพิงและเป็นแหล่งกำเนิดชีวิตให้แม้แต่
ได้ยกตัวอย่างไว้ว่า “การทำงานในออฟฟิศมันแค่การดำรงอยู่ มันก็เหมือนกับ ผู้ที่อยู่ในเมืองใหญ่ห่างไกลจากป่าเขาเช่นเขา ความรักและความสนใจใคร่รู้ ได้
การที่เราทำนา ทำอะไรอย่างอื่นนั่นแหละ เพียงแต่ว่าพอเราอยู่ในสังคมเมือง นำพาให้เขาได้เดินทางสำรวจเข้าไปในความคิดและจิตใจของมนุษย์ผ่านทักษะ
สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป การทำมาหากินมันก็อยู่ในอีกรูปแบบหนึ่ง คนทำนา และความรู้ที่ต่างๆนาๆ หลากหลายรูปแบบ ทั้งหมดได้มาผสานให้เกิดภาพ
เขาก็มีความสุขได้กับการทำนา คนทำงานออฟฟิศเขาก็มีความสุขได้กับการทำ ที่ชัดเจนในวิถีการดำเนินชีวิตที่สัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมและการงานรอบตัวอย่าง
ออฟฟิศ มันสำคัญที่ว่าเราได้รู้ความหมายของเราเองมากกว่า ไม่ใช่ว่าเราทำงาน สงบสุขผ่านการฝึกไทเก็ก แล้วสุดท้ายก่อนที่จะจากกัน โรจน์ได้ย้ำถึงความพอ
ออฟฟิศแล้วเราก็ไปหาอะไรมาเติมเต็มแบบมั่วๆซั่วๆ ไปกินเหล้าไปทำอะไร ใจในปรัชญาการใช้ชีวิตที่เขาได้รับจากประสบการณ์การฝึกไทเก็ก ที่ความสุข
อย่างนี้...มันอยู่ที่การให้คุณค่าของตัวเราเองมากกว่า งานมันก็แค่การดำรงชีวิต สงบนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ต้องขวนขวาย หากเกิดจากการเคลื่อนไหวที่สอดคล้องลื่นไหล
ทำ มีเงิน แล้วเราก็หาทางพัฒน หาทางเติบโตของเราขึ้นมาเอง อย่าไป ไปกับธรรมชาติ “อาจจะเป็นเพราะว่าที่ผ่านมาเราแสวงหาความสงบมั้ง จุดที่เรา
หวังว่าจะได้บริษัทที่ดี อย่าไปหวังว่าจะได้ออฟฟิศที่เขาให้ความสำคัญกับการ อยู่แล้วรู้สึกสงบ แต่พอมาเรียนไทเก็กแล้วเรารู้สึกว่าเราสงบในการทำไทเก็ก
พัฒนาบุคคลมากมาย วิถีทางมันอยู่ เลยไม่ต้องหาจุดเปลี่ยนอีก แทนที่เราจะไปป่าไปอะไรอย่างนี้เพื่อหาความสงบ
แทนที่เราจะไปป่าไปอะไร ที่เราที่จะเดินมากกว่า” ตอนนี้มันไม่ใช่ ธรรมชาติมันอยู่รอบตัวเรา แค่เงยหน้ามองท้องฟ้าก็เห็นธรรมชาติ
อย่ า งนี ้ เ พื ่ อ หาความสงบ แล้ว สำคัญที่ว่าเราเชื่อมโยงกับมันได้รึเปล่า ถ้าเราเชื่อมโยงได้มันก็อยู่กับเรา
ตอนนีม้ นั ไม่ใช่ จากความประทับใจในธรรม- ไม่ต้องไปแสวงหาที่ไหนอีก เดี๋ยวนี้ความสุขสงบมันเกิดขึ้นง่าย แค่วันอาทิตย์หรือ
ชาติที่นำให้โรจน์ได้เข้ามาสัมผัสและ ตอนเช้าซักวันหนึ่งเราได้มีโอกาส มีเวลาสบายๆ ไม่ต้องตื่นเช้า ไม่ต้องทำงานอะไร
แค่ ว ั น อาทิ ต ย์ ห รื อ ตอน ทำความเข้ า ใจในสายใยของการ อย่างนี้ก็โอเค พอใจแล้ว”
เช้าซักวันหนึ่งเราได้มีโอกา ดำรงอยู่ร่วมกันผ่านต้นไม้ ใบหญ้า
ส มีเวลาสบายๆ ไม่ตอ้ งตืน่ และขุนเขา จนถึงจิตวิทยาการปรึกษา จากเวลาเพียงสั้น ที่ผมได้สนทนากับโรจน์อย่างลึกซึ้งซึ่งไม่ค่อยเกิดขึ้
ไม่ต้องทำงานอะไรอย่างนี้ ที่โรจน์ได้รับมุมมองของการมีชีวิต นนักในการพบปะตามปกติ การได้พูดคุยกันอย่างลึกซึ้งเช่นนี้ได้ทำให้ผมเห็น
ก็โอเค พอใจแล้ว อย่างสัมพันธ์กลมกลืนกับสรรพสิ่ง ความเป็นหนึ่งเดียวกันของโรจน์ ซึ่งภาพที่ผมนึกถึงเมื่อพบเจอกันเสมอๆ คือโรจน์
จากรศ.ดร.โสรีช์ โพธิแก้ว ที่มักจะ กับคำพูดน้อย รอยยิ้มเรื่อย สลับกับเสียงหัวเราะสั้นๆ ของเขา ความเรียบ
ชี้ชวนให้ลูกศิษย์ใคร่ครวญอยู่เสมอ ง่ายบางเบาเช่นนั้นช่างเป็นบรรยากาศให้ผู้ที่สัมผัสกับเขารู้สึกสบาย ไม่อึดอัด
ทั้งหมดนั้นเปรียบเหมือนเมล็ดพันธุ์และปุ๋ยแห่งความเข้าใจ ที่รอคอยให้สายฝน ระมัดระวังตัว แต่ขณะเดียวกันที่เมื่อความอิสระที่โรจน์หยิบยื่นให้นั้น ราวไร้ขอบ
พร่างพรมลงมาให้เมล็ดพันธ์แห่งความเข้าใจนั้นก็จะกระเทาะเปลือกออกมาหยั่ง เขตจนบางครั้งบางคนก็เล่นสนุกสนานจนเผลอเกินขอบเขต โรจน์ก็จะแสดงออก
รากและเติบโต สายฝนนั้นก็เปรียบได้กับไทเก็ก ที่เมื่อโรจน์ได้เริ่มต้นฝึก ประสบ- อย่างตรงไปตรงมาไม่ปิดบัง นั่นมักจะเป็นความประหลาดใจของผมกับเพื่อนๆ
การณ์และความรู้ที่สั่งสมมาให้ตกผลึก กระจ่างภาพให้โรจน์ได้เห็นหลักของความ พี่ๆ น้องๆ ในจิตวิทยาการปรึกษาเสมอๆ บรรยากาศที่เคยปลอดโปล่งโล่งสะอาด
เคลื่อนไหวตามธรรมชาติ ที่โรจน์กล่าวว่าอันเป็นท่วงท่าในดำเนินชีวิตอย่างสุข กลับพลิกฟ้ากลายเป็นเมฆครึ้มฝนสลับเสียงฟ้าคำราม แต่นั่นกลับทำให้ผมรู้สึก
สงบร่วมกับสรรพสิ่ง “การเรียนจิตวิทยาทำให้เรามองกลับมาที่ตัวเราเอง แล้ว ว่าไม่ต้องกริ่งเกรงหรือคิดกลับหน้ากลับหลังเพื่อสร้างสรรกริยาท่าทีเหมาะสม
สิ่งที่อาจารย์สอนพยายามชวนให้เราได้มองการเชื่อมโยงระหว่างของตัวเรากับ ในการอยู่กับโรจน์ การได้ฟังสิ่งที่โรจน์บอกเล่าถึงมุมมองที่ตนมีต่อชีวิตเช่นนี้
ธรรมชาติรอบตัว แต่สุดท้ายก็ยังเข้าไม่ถึง โดยส่วนตัวนะ (หัวเราะ) แต่การเรียน ทำให้เห็นว่าการเคลื่อนไหวในสัมพันธภาพกับผู้คนรอบข้างที่เรียบเงียบ อบอุ่น
ไทเก็กมันเหมือนกับการปฏิบัติ มันก็คือการเคลื่อนไหวอันสุขสงบ และมันก็เป็น กว้างขวาง และชื่นบาน สร้างให้ผู้ที่สัมผัสเขายังคงการเคลื่อนไหวไปร่วมกันอย่าง
คำถามชวนให้มองว่า ในชีวิตของเราก็เคลื่อนไหวทุกวันทำไมเราไม่สุขสงบเช่นนั้น อิสระลื่นไหล หากแต่ไม่เพลี่ยงพล้ำ
มันมีอะไรที่เป็นความแตกต่างกับกาเคลื่อนไหวสองแบบ แล้วมันก็ขยายมาถึงชีวิต ล่วงเกิน และหลุดลอยนัน้ มีความเป็น
ในเมืองว่า ชีวิตในเมืองเราก็เหมือนกันทุกวัน แล้วทำไมเราถึงเชื่อมโยงไม่ได้กับ เนื้อเดียวกันที่เกิดจากแก่นที่อยู่แกน
ความยิ่งใหญ่ที่อยู่รอบตัว” ในของโรจน์โดยส่วนตัวของผม แม้
ตลอดมาเราจะไม่ค่อยได้คุยลึกซึ้งจน
“ถ้ามองไปในเต๋า มักจะพูดถึงการเชื่อมโยงตนเองเข้ากับสภาวะแวดล้อม สัมผัสโรจน์ที่แก่นกลางข้างใน หาก
การดำรงอยู่โดยที่เราก็เคลื่อนไหวเป็นกระแสเดียวกับสิ่งแวดล้อมแต่ไม่ได้หมาย แต่ภาพที่เขาอยู่ร่วมกับผู้อื่นที่ผม
ความว่าเราเป็นสิ่งแวดล้อม เราก็เป็นมนุษย์ของเรา แต่เราเป็นหนึ่งกับธรรมชาติ มองมาอยู่เสมอ นั่นทำให้ผมมักมอง
ก็เลยรู้สึกว่าแม้ว่าไทเก็กมันจะไม่ได้สอนหลักตรงนั้นชัดเจน เหล่าซือคงไม่ได้มา โรจน์อย่างเพื่อนและครู ผู้ที่ได้แสดง
นั่งพูดอะไรอย่างนั้น แต่คงเพราะว่ามันเป็นมวยที่เกิดจากแก่นแห่งความเป็นเต๋า ตัวอย่างของความเป็นหนึ่งเดียวกัน
ตรงนั้น ก็เลยรู้สึกว่าในการปฏิบัติ เหมือนกับการนั่งสมาธิเราไม่ต้องมาพูดถึงหลัก จากภายในกับภายนอก ที่ธรรมดา
ธรรมอะไรอีกเมื่อเราปฏิบัติ แต่ถ้าเราเข้าใจการนั่งสมาธิอย่างแท้จริง เราเข้าถึง เรียบง่าย และลื่นไหล เป็นอิสระใน
ความสงบได้ในแบบนั้น เพราะฉะนั้นมันเลยเหมือนกับว่า เราสามารถเข้าถึงความ วิถีของตนเอง
12 บ้านมกรา
ครูใหญ่สาวชาวลำพู ผู้อุทิศตนให้กับการสอนเด็กๆ ที่โรงเรียนมงคลวิทยา
ด้วยสโลแกน “เราสอนนักเรียนด้วยความรัก ความรู้ และความเป็นครูอย่างแท้จริง”
และใช้เวลาว่างส่วนหนึ่งในการเขียนบล็อกบอกเล่าประสบการณ์ในการเรียนรู้กับเด็กๆ
คลิ๊กเข้าไปทักทายหรือทำความรู้จักกับเธอเพิ่มเติมได้ที
http://gotoknow.org/blog/dd290850
ดวงพร เลาหกุล
2525 เมื่อได้ยินคำว่า “ครั้งแรก” นึกถึงอะไร
นึกถึงใจที่ตื่นเต้น รอคอย จดจ่อ อยากให้มาถึง
นึกถึงความสดใหม่ในการรับรู้ ควบคู่ไปกับพลังในการทุ่มเทลงไป
นึกถึงความชื่นใจ..เอ๊ะ..คิดได้อย่างไงเนี่ย
นึกถึงการไม่คาดหวัง และ ให้อภัยหากผิดพลาด..ก็มันเป็น “ครั้งแรก..” นี่นะ
แต่บางเวลา..กว่าจะเป็น “ครั้งแรก”
นึกถึงความหวาดวิตก กังวลว้าวุ่น
จะทำได้ไหม จะเป็นอย่างไร ทำไมต้องทำ(วะ)
วนเวียน หลีกหนี ควรทำดี หรือ ไม่ทำ คิดย้ำ ซ้ำทวน
บ้านมกรา 13
“มหา” หรือ อดีต “หลวงพี่” เปรียญ 8 ขอพี่น้องจิตวิทยาการปรึกษา
ปัจจุบันกำลังฝึกฝนวิทยายุทธการเป็น counselor แนวพุทธอยู่ที่มหาวิทยาลัย
ราชภัฎจันทรเกษม และกำลังทำวิทยานิพนธ์หัวข้อ “ผลของกลุ่มพัฒนาตน
CO22
และการปรึกษาเชิงจิตวิทยาแนวพุทธต่ออุเบกขา”
ครรชิต แสนอุบล
14 บ้านมกรา
หนุ่มเชียงราขนาดกระทัดรัดที่กำลังปักหลักเขียนหนังสือ
และทำงานด้านฝึกอบรมอยู่ที่เชียงใหม่ รวมถึงเป็นอาสาสมัคร
ของมูลนิธิหมู่บ้านพลัมแห่งประเทศไทย ตีชอบอ่านการ์ตูน
และเทิดทูนพี่ป๊อดโมเดิร์นด็อกเป็นชีวิตจิตใจ ผลงานล่าสุดของเขา
ที่กำลังติดอันดับหนังสือขายดีคือ “5 วันที่ฉันตื่นกับติช นัท ฮันห์”
พิมพ์ครั้งที่ 5 แล้ว ใครยังไม่ได้อ่าน รีบมามาอ่านด่วน
สหรัฐ เจตมโนรมย์
CO18
ตอน ได้รับโจทย์นี้จากอีเมล์ที่น้องเอกส่งมาให้ ผมใช้เวลาคิดอยู่
หลายวันว่าผมจะเล่าอะไรเกี่ยวกับ ‘ครั้งแรก’ ในชีวิตดี
พอได้ทบทวนอย่างนี้ ผมจึงได้พบว่า ได้เผชิญกับ ‘ครั้งแรก’ มานับไม่ถ้วน
หลาย ‘เคย’ ข้างบนทำให้ผมรู้สึกประหม่า ตื่นเต้นแกมดีใจในขณะนั้น
แต่ขณะนี้กับหลาย ‘เคย’ ข้างบนเช่นกันที่ผมรู้สึกเฉยๆ และผมมีแนวโน้มที่จะ
ชินกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นซ้ำ
มีหลายเรื่องที่หลงลืมไปแล้วก็มานึกออกเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเพราะความตั้งใจ
จะเขียนบทความนี้แหละ แถมมันยังทำให้ยิ้มให้กับตัวเองใน ‘ครั้งนั้น’ ได้อีก
บางครั้ง ความเคยชินเกิดขึ้นมากจนทำให้ ‘ความสดใหม่’ ที่เคย
มีอยู่จางบางไป ทั้งที่หากมองให้ลึกซึ้งแล้ว การกระทำของเราในครั้งนี้ ล้วนเป็น
ผมเคยเข้าประกวดร้องเพลงของโรงเรียน (ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าตัวเองจังหวะ ‘ครั้งแรก’ เสมอวันใหม่ผ่านเข้ามาในชีวิตอยู่ตลอด และความสดใหม่ของ
นรกขนาดไหน) เคยมุดรั้วโรงเรียนในเย็นวันแรกของการเรียนชั้น ม.1 เคย ‘ครั้งแรก’ ก็อยู่ตรงนั้นเสมอ แม้ว่าการกระทำที่คล้ายกันนั้นจะเคยเกิดขึ้นแล้วก็
โดดเรียนพิเศษแล้วไปเที่ยวน้ำตกกับเพื่อนๆ เคยบอกแม่ว่า “เดี๋ยวมานะ” ตาม เมื่อเห็นได้ดังนี้ เราก็จะสามารถดื่มด่ำ ‘ครั้งแรก’ ได้อีกครั้ง อย่างคืนที่ผ่านมา
แล้วไปอยู่ในเทคยันตีสี่ เคยประกาศหน้าเสาธงของโรงเรียนต่อหน้านักเรียน ผมหยิบกีตาร์ตัวโปรดขึ้นมาดีดอีกครั้งหลังจากไม่ได้แตะมานานเมื่อวางกีตาร์
3 พันกว่าคน เคยประกวดดาวเดือนของคณะ เคยได้พบอาจารย์โสรีช์ครั้ ลง ความรู้สึกเมื่อได้จับกีตาร์ครั้งแรกตอน ม.3 มาเยือนปลายนิ้วมือข้างซ้ายของ
งแรกที่งานเลี้ยงศิษย์เก่า มช. ขณะนั้นผมฝึกงานอยู่ที่โรงพยาบาลสมเด็จ ผม
เจ้าพระยา (ชื่อในตอนนั้น) ได้ไปบ้านมกราหนแรกตอนปี 2546 เคยพูด
กับฝรั่งตัวเป็นๆ ตอนอยู่ ม.2 และเคยทำโน่นทำนี่อีกเยอะแยะ ‘ครั้งแรก’ ปรากฏขึ้นแล้ว!!
บ้านมกรา 15
Psychological Counseling
การปรึกษาเชิงจิตวิทยา
Human Resource Development
หลักสูตรพัฒนาบุคลากรในองค์กรธุรกิจ การศึกษา และอื่นๆ
Research
การวิจัย
กลุ่มรู้จักใจ
http://roojakjai.wordpress.com/
ข้อมูลเพิ่มเติม
080-2010202, 086-6884451, 085-1518995
มองอนาคตผ่านกราฟชีวิต
ตอบคำถามชีวิตผ่านสำรับไพ่
ติดตามข่าวดีได้ที่นี่ วารสารบ้านมกรา
18 บ้านมกรา
มองหาเรื่อง
คนกลางน้ำ
เหมาะสมของพื้นที่นั้น ความชุ่มชื้นของสายธารชีวิตในดินแดนที่แตกต่างห่างไกล
ประตู หากแต่กระแสน้ำที่เห็นเป็นกระแสไหลเวียนในลีลาเฉพาะแบบในลำน้ำน้อยใหญ่อื่นๆ
นั้น ประกอบด้วยความอุดมที่ไหลรินมาจากขุนเขาอันห่างไกล อันเป็นต้นกำเนิดของ
น้ำสายนั้น
ก้าวแรกบนถนนสายจิตวิทยาการปรึกษา
สมภพ แจ่มจันทร์
20 บ้านมกรา
ครั้งแรกกับพระ
สุทธิพันธุ์ สุทธิศันสนีย์
บ้านมกรา 21
ประสบการณ์ยี่สิบวันกับการศึกษาเกษตรทฤษฎีใหม่
ซาววัน ณ ห้วยฮ่องไคร้
สัณห์ชาย โมสิกรัตน์
ตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ณ ศูนย์ศึกษา
การพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
22 บ้านมกรา
แต่ละศูนย์ฯล้วนห่างไกลจากกรุงเทพฯ ดังนั้นไม่ว่าจะเข้าอบรมที่ศูนย์ใดก็ต้อง 3. งานศึกษาและพัฒนาที่ดิน
เดินทางไกลและต้องค้างแรมด้วยแน่นอน ดังนั้นพอนึกถึงบรรยากาศปลายฝน 4. งานศึกษาและทดสอบการปลูกพืช
ต้นหนาว การได้สัมผัสกับสายฝนในป่าเขา ก็จะเป็นโอกาสที่จะหย่อนใจและผละ 5. งานศึกษาและพัฒนาเกษตรกรรมแบบประณีต
จากสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย สามารถตั้งใจเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ผ่านเข้ามา 6. งานศึกษาและพัฒนาปศุสัตว์และโคนม
ในการอบรมครั้งนี้อย่างเต็มที่ ผมเลยเลือกเข้าอบรมที่ศูนย์ศึกษาพัฒนาห้วยฮ่อง 7. งานศึกษาและพัฒนาการประมง
ไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงใหม่ อย่างไม่ลังเลสงสัยอะไรมาก 8. งานอนุรักษ์และพัฒนาพันธุ์กบ
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้ง 9. งานขยายผลของศูนย์ศึกษาการพัฒนา ทำหน้าที่ถ่ายทอดเทคโนโลยี
อยู่ในอำเภอดอยสะเก็ดจังหวัดเชียงใหม่ ก่อกำเนิดในปี พ.ศ. 2525 บริเวณป่า และการพัฒนาสู่หมู่บ้านรอบศูนย์ฯ ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด 18 หมู่บ้าน
ขุนแม่กวงที่เป็นที่ตั้งของศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ฯ เดิมเป็นป่าเสื่อม เมื่อผมไปถึงศูนย์ศึกษาพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ฯ ผมเป็นคนเดียวในกลุ่มผู้
โทรมแทบไม่มีราษฎรอยู่อาศัยเนื่องจากความแห้งแล้ง ดินไม่ดี เพาะปลูกอะไร
ก็ไม่เจริญงอกงาม ดังนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงมีพระราชประสงค์ที่
จะให้พื้นที่นี้เป็นศูนย์กลางในการศึกษาทดลองที่เหมาะสมกับพื้นที่ภาคเหนือ
โดยต้นทางเป็นการศึกษาสภาพพื้นที่ป่าไม้ต้นน้ำลำธารและปลายทางเป็นการ
ศึกษาด้านการประมงตามอ่างเก็บน้ำต่างๆ ระหว่างทางนั้นคือการเกษตรกรรม
เพื่อให้เป็น “พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต” และเป็นศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ
(One Stop Service) ที่ประชาชนจะเข้าไปเรียนรู้และนำไปปฏิบัติได้ พระองค์
ทรงพระราชทานพระราชดำริที่จะใช้ลุ่มน้ำดังกล่าว เป็นลุ่มน้ำสำหรับศึกษา
พื้นที่ 8,500 ไร่
ในการพัฒนารูปแบบต่างๆ โดยใช้ระบบน้ำชลประทานเป็นแกนนำมีการใช้
ถูกจัดสรรให้แก่ส่วน
ฝายต้นน้ำ (ฝายแม้ว) และเหมืองไส้ไก่ในการส่งความชุ่มชื่นไปทั่วผืนป่าผลที่
งานต่างๆได้ใช้เป็นใน
เกิดขึ้น คือนับตั้งแต่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้เริ่มต้นดำเนินการ พื้นที่ งานศึกษาของตน
8,500 ไร่ ซึ่งใช้ดำเนินการอยู่ 1,200 ไร่ ส่วนที่เหลือเป็นพื้นที่ป่า ในปัจจุบันพื้น ซึ่งล้วนสอดประสาน
ที่เหล่านั้นกลายสภาพเป็นป่าเต็งรังและป่าเบญจพรรณที่ชุ่มชื้นอุดมสมบูรณ์ กันอย่างกลมกลืน
มีพันธุ์ไม้ตามธรรมชาติและสัตว์ป่าท้องถิ่นกลับเข้ามาอาศัย ปริมาณน้ำฝนเพิ่ม นอกเหนือจากนั้นก็เป็น
ขึ้นหลายเท่าตัว ทำให้ระยะเวลาเกือบสามสิบปีที่ผ่านมานั้น การเกิดไฟป่าลดลง ผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์
ได้ถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ ความหลากหลายของงานการศึกษาของศูนย์ศึกษาการ
พัฒนาห้วยฮ่องไคร้ฯ จึงมีกลุ่มงานที่ดำเนินการทั้งหมด 9 กลุ่มงาน เพื่อให้ครอบ เข้ารับการอบรมทั้งหมดที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ทุกคนต่างเรียกผม
คลุมกับการพัฒนาที่เหมาะสมในพื้นที่ ได้แก่ ว่าเป็น “คนไทย” แต่ไม่ใช่ “คนเมือง” ทั้งๆที่ผมมาจากพื้นที่เมืองหลวงของ
1. งานศึกษาและพัฒนาแหล่งน้ำ ทำหน้าที่พัฒนาต้นน้ำ คงความชุ่มชื้น ประเทศไทยแท้ๆ! (คนเชียงใหม่จะเรียกคนต่างจังหวัดแถบภาคกลางว่าคนไทย
ให้ผืนป่า สร้างแนวกันไฟแบบป่าเปียก และสร้างแหล่งน้ำบริเวณศูนย์ แล้วเรียกคนเหนือด้วยกันว่าคนเมือง) ระยะเวลายี่สิบวันที่ได้พูดคุยกับคนที่เข้า
2. งานศึกษาและพัฒนาป่าไม้ ทำหน้าที่บริหารจัดการผืนป่าและสัตว์ป่า รับการอบรมด้วยกัน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในหมู่บ้านรอบศูนย์ฯ เป็นบริเวณที่ได้รับ
บ้านมกรา 23
พาหนะที่ใช้เดินทางเวลาไป ในการทำมาหาเลี้ยงชีพก็ยิ่งปรากฏชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อผมได้มีโอกาสไปเยี่ยม
ดูงานตามที่ต่างๆระหว่าง เยียนเกษตรกรตัวอย่าง ซึ่งล้วนเป็นผู้ที่ได้นำความรู้ที่รับมาจากทางศูนย์ศึกษา
การอบรม ถึงแม้จะไม่ค่อย การพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ฯ นำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ของตน
สะดวกสบายนัก จนเกิดความมั่นคงและมั่งคั่ง มีศักยภาพที่จะพัฒนากิจกรรมการงานของตนเอง
แต่กลับสร้างประสบการณ์
และผู้อื่นให้เจริญเติบโตต่อไปได้ ทั้งหมดนี้เป็นภาพสะท้อนแนวทางการพัฒนา
ดีๆได้หลายอย่าง
ตามที่ในหลวงเคยมีพระราชดำรัสไว้ว่า “...การช่วยเหลือสนับสนุนประชาชนใน
การประกอบอาชีพและตั้งตัว ให้มีความพอกินพอใช้ก่อนอื่นเป็นพื้นฐานนั้น
เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะผู้ที่มีอาชีพและฐานะเพียงพอที่จะพึ่งตนเอง
ย่อมสามารถสร้างความเจริญก้าวหน้าระดับที่สูงขึ้นต่อไปได้โดยแน่นอน ส่วน
การถือหลักที่จะส่งเสริมความเจริญ ให้ค่อยเป็นไปตามลำดับ ด้วยความรอบ-
คอบระมัดระวังและประหยัดนั้น ก็เพื่อป้องกันความผิดพลาด ล้มเหลว และเพื่อ
ให้บรรลุผลสำเร็จได้แน่นอนบริบูรณ์...” (พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทาน
ปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเกษตร-
ศาสตร์ วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม 2517
ตลอดระยะเวลา 20 วันของการอบรม หลักสูตร เกษตรทฤษฎีใหม่ตาม
แนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นส่วนหนึ่งของโครงการต้นกล้าอาชีพ
การถ่ายทอดเทคโนโลยีและการสนับสนุนการพัฒนาจากทางศูนย์ศึกษาการ (โครงการเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงาน เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมใน
พัฒนาห้วยฮ่องไคร้ฯ เขาเหล่านั้นต่างมีความสนใจที่จะเข้าอบรมหลักสูตร ชุมชน) มีระยะเวลาการอบรมทั้งสิ้น 20 วัน หลักสูตรที่ผมไปอบรมนั้นเป็นรุ่นที่ 5
“เกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” เนื่องมาจากเคยได้ ของศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ฯ เริ่มอบรมตั้งแต่วันที่ 2 -21 กันยายน
เห็นตัวอย่างของเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จจากการนำองค์ความรู้และแนว พ.ศ. 2552 ผมพบว่านี่คือโอกาสของผู้ที่ไม่รู้จักจนถึงผู้ที่เพียงรู้จักแต่ยังไม่เคยไ
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่ทางศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ฯเป็นผู้ถ่าย
ทอดและให้การสนับสนุน แล้วเมื่อได้ลองเข้ามารับการอบรมตามหลักสูตรต่างๆ ผู้อำนาวยการศูนย์ฯ
ที่ทางศูนย์มีบริการให้อย่างหลากหลายตามความสนใจ เมื่อได้กลับไปลองทำ ให้โอวาทในพิธีเปิด
ตามที่ได้รับการอบรมก็ค่อยๆประสบความสำเร็จและพัฒนาต่อยอดได้มากขึ้น การอบรม
เรื่อยๆ สามารถลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และมีทักษะความรู้กว้างขวาง มีวิถีการ
ดำเนินชีวิตที่มั่นคงลดความเสี่ยงได้มากขึ้น และบางรายยังได้มีการรวมกลุ่ม เกิด
การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เป็นการเพิ่มอำนาจในการผลิตและจำหน่ายให้ดียิ่ง
ขึ้น ผลของการพัฒนาที่เกิดขึ้นกับทั้งบุคคลและชุมชน ก่อให้เกิดความกระตือ
รือร้นที่จะเข้ามาเรียนรู้เพิ่มเติม และชักชวนญาติมิตรที่ไม่เคยเข้ามาให้ได้โอกาส
ในการสัมผัสประสบการณ์และรับความรู้ที่ทางศูนย์มีบริการ ส่วนผู้ที่อยู่ไกลออก
ไปจากพื้นที่บริการของทางศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ฯ ยกตัวอย่างเช่น ด้ทดลองกระทำเกษตรทฤษฎีใหม่และแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ได้เข้ามา
อำเภอเมือง อำเภอสันทราย อำเภอเชียงดาว อำเภอพร้าว และอำเภอสันป่าตอง ทำความรู้จักและได้สัมผัสกับประสบการณ์ ได้เห็นตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม เป็น
ต่างมีความต้องการที่หลากหลายออกไป อาทิ ต้องการรับสิทธิในทุนและปัจจัย จุดเริ่มต้นของการโน้มนำเอาแนวทางตามพระราชดำริไปใช้เป็นส่วนหนึ่งใน
การผลิตไว้เริ่มต้นในการทำเกษตร ซึ่งคาดหวังว่าทางรัฐบาลหรือทางศูนย์ศึกษา การดำเนินชีวิตหลังเสร็จสิ้นการฝึกอบรม ส่วนผู้ที่ดำเนินชีวิตอยู่ในแนวทางของ
การพัฒนาห้วยฮ่องไคร้จะจัดหาให้, หาหนทางในการเพิ่มรายได้และความมั่น- เกษตรทฤษฎีใหม่และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอยู่แล้ว ก็มีโอกาสได้ทบทวน
คงทางเศรษฐกิจให้กับตนเองและครอบครัว, ต้องการหาวิธีทำให้ที่ดินของตน และเพิ่มเติมความรู้ สร้างความชำนาญและหลากหลายในทักษะทางเกษตร-
หรือครอบครัวได้ทำประโยชน์ให้มากกว่าที่เป็นอยู่, เสริมความรู้และทักษะใน กรรมของตน ขยายโอกาสในการพัฒนาความเจริญก้าวหน้าให้กับตนเองและ
การทำเกษตรให้มากและหลายหลายยิ่งขึ้น, มีอาหารที่ปลอดภัยจากสารพิษซึ่ง ชุมชนของตนยิ่งขึ้น มีโอกาสได้พบปะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ รวมกลุ่มคนที่มี
ได้ จ ากการผลิ ต ด้ ว ยตั ว เอง ความสนใจไปในทางเดียวกัน เป็นการเริ่มต้นเครือข่ายในการแลกเปลี่ยนช่วย
เป็นต้นสำหรับผมแล้ว ความ เหลือปัจจัยการผลิต ผลิตผล และเทคนิควิธีการภายในชุมชนและระหว่างชุมชน
เชื ่ อ มั ่ น และศรั ท ธาที ่ ค นหมู ่ เกริ่นไปคร่าวๆกับที่ไปที่มาของหลักสูตร เกษตรทฤษฎีใหม่ตาม
บ้านรอบศูนย์แสดงออก ดูจะ แนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตามโครงการต้นกล้าอาชีพ ที่ผมผู้อ่อน
ยืนยันถึงความสำเร็จซึ่งได้รับ ความรู้และประสบการณ์ทางการเกษตรได้เข้าไปสัมผัสมา ในฉบับถัดๆไป
การพิสูจน์แล้วว่า องค์ความ (ถ้ายังมีแรงทำกันต่อ) ผมจะเล่าถึงประสบการณ์และความรู้ที่ได้รับมาจากการ
รู ้ ท ี ่ ท างศู น ย์ เ ผยแพร่ ใ ห้ ก ั บ อบรมตลอด 20 วันนี้ เผื่อจะเป็นแนวทางในการนำไปประยุกต์กับชีวิตของ
ประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สมาชิกบ้านมกรา หรืออาจช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการเข้าไปฝึกอบรมใน
ผู้ที่อยู่ในหมู่บ้านรอบศูนย์นั้น หลักสูตรอื่นๆ ที่ทางศูนย์ศึกษาการพัฒนาตามแนวพระราชดำริที่มีอยู่ 6 ศูนย์
สามารถนำไปปฏิบัติจนประ- ทั่วประเทศไทย เปิดให้อบรมอยู่เสมอตลอดทั้งปี
สบความสำเร็จได้จริง แล้ว
ภาพความสำเร็จจากการดำ-
เนิ น ชี ว ิ ต ตามแนวปรั ช ญา
เศรษฐกิจพอเพียง โดยมี
ส่วนงานแต่ละส่วนอยู่กันไกลๆทั้งนั้น เกษตรทฤษฎี ใ หม่ เ ป็ น วิ ถีทาง
24 บ้านมกรา
ประกาศคณะก่อการ
เรื่อง การเปิดรับอาสาสมัคร
หากท่านทำเพื่อหมู่ชน มิใช่ส่วนตัว
หากท่านทำเพื่อสืบสานความรู้ มิใช่พอกพูนเงินทอง
เราต้องการท่าน มาร่วมเป็นสหายร่วมงานกับเรา
ขอเชิญนิสิตบัณฑิตศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่หรือสำเร็จการศึกษาอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการในสาขา
วิชาจิตวิทยาการปรึกษา คณะจิตวิทยา แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้มีความสามารถและความสนใจ ร่วม
สร้างสรรวารสารออนไลน์เพื่อสื่อสารระหว่างพี่น้องชาวบ้านมกรา ในตำแหน่ง กองบรรณาธิการ และช่างภาพ