Professional Documents
Culture Documents
บทที่ 6 มอเตอร์เหนีย
่ วนำ 3 เฟส
6.1 บทนำและโครงสร ้ำง 6.8 สมกำรแรงบิดทั่วไป
6.2 กำรเกิดสนำมแม่เหล็กหมุน 6.9 สมกำรแรงบิดขณะหมุนที่ Slip = s ใดๆ
6.3 หลักกำรทำงำน 6.10 ค่ำแรงบิดทั่วไปสูงสุด
6.4 สลิป 6.11 สมกำรแรงบิดเริม
่ หมุน
6.5 ควำมถีข
่ องกระแสในโรเตอร์ 6.12 ค่ำแรงบิดเริม
่ หมุนสูงสุด
6.6 พำรำมิเตอร์ตำ่ งๆ ของโรเตอร์ขณะ ี
6.13 กำลังงำนและกำลังสูญเสย
หยุดนิง่ และขณะหมุนที่ Slip ใดๆ
6.14 กำรเริม
่ เดินเครือ
่ ง
6.7 วงจรสมมูลต่อเฟส
2
6.1 บทนำและโครงสร้ำง
6.1.1 บทนำ
ี่ ใี ชกั้ น
• มอเตอร์เหนี่ยวนำสำมเฟส (Three phase induction motor) เป็ นมอเตอร์ทม
มำกทีส
่ ด
ุ ตำมโรงงำน เนือ
่ งจำก
้ ำย เพียงต่อเข ้ำกับแหล่งจ่ำยไฟสำมเฟสซงึ่ มีอยูแ
• ใชงำนง่ ่ ล ้วตำมโรงงำนทัว่ ๆ ไป
• มีควำมทนทำนสูง
• รำคำไม่แพง (เพรำะมีกำรผลิตและใชกั้ นมำก)
• บำรุงรักษำง่ำย (เกือบไม่ต ้องดูแลเลย)
ิ ธิภำพค่อนข ้ำงสูง
• ประสท
• มีขนำดเล็กกว่ำแบบเฟสเดียว เมือ
่ เปรียบเทียบทีข
่ นำดพิกด
ั เท่ำกัน
3
• สง่ิ ทีส
่ งั เกตได ้จำก Three phase induction motor คือ
6.1.2 โครงสร้ำง
a) b)
a)
b)
A A'
B B'
C C'
a)
b) (Y – connected)
A A' A A'
B B'
c) B B'
d)
C C'
C C'
End ring
3 f supply
a)
3 f supply
Slip ring
b)
Brushes
External
variable
resistor
• มีกำรแบ่งชนิดและประเภทตำมลักษณะของโรเตอร์ คือ
• มอเตอร์เหนีย
่ วนำสำมเฟสแบบกรงกระรอก (Squirrel cage rotor)
• มอเตอร์เหนีย
่ วนำสำมเฟสแบบขดลวดพัน (Wound rotor)
เมือ
่ f คือ ควำมถีข
่ องแหล่งจ่ำย (Hz)
• เหมำะสำหรับงำนทีต
่ ้องกำร Starting torque ไม่สงู นัก
Wound Rotor
• ทีข
่ นำดพิกด ิ ธิภำพตำ่ กว่ำ เนือ
ั เท่ำกันกับ Squirrel cage rotor จะมีประสท ่ งจำกทีโ่ ร
เตอร์มค ี ได ้มำกกว่ำ
ี วำมต ้ำนทำนสูงกว่ำ และเกิดกำลังสูญเสย
• เหมำะสำหรับงำนทีต
่ ้องกำร Starting torque สูงๆ
• มอเตอร์แบบนีเ้ รียกอีกอย่ำงว่ำ Wound rotor motor หรือ Slip ring motor ก็ได ้
14
6.2 กำรเกิดสนำมแม่เหล็กหมุน
a)
กำรพิสจ
ู น์อย่ำงง่ำย
1) เขียนต ้นปลำยของขดลวดทัง้ สำมขดวำงทำมุมกัน
120 องศำ
b) c) d)
2) เขียนทิศทำงกระแสทีเ่ วลำ t ใดๆ ดังนี้
I+ ไหลเข ้ำต ้นขดเป็ น ไหลออกท ้ำยขดเป็ น
I- ไหลเข ้ำต ้นขดเป็ น ไหลออกท ้ำยขดเป็ น
้
3) เขียนเสนแรงสนำมแม่
เหล็กรอบตัวนำย่อยแต่ละอัน
e) f) g
4) เขียนสนำมแม่เหล็กรวมของทัง้ หมด
รูปที่ 6.8 กำรเกิดสนำมแม่เหล็) กหมุน
15
6.3 หล ักกำรทำงำนของมอเตอร์เหนีย
่ วนำสำมเฟส
• ขณะทีข
่ ดลวดของสเตเตอร์รับไฟ 3 เฟสจำกแหล่งจ่ำยทำให ้เกิดสนำมแม่เหล็กหมุนตำมรูปที่ 6.8
• สนำมแม่เหล็กหมุนทีเ่ กิดขึน
้ จะตัดกับตัวนำของโรเตอร์ ทำให ้เกิดแรงเคลือ
่ นเหนี่ยวนำในโรเตอร์
• แรงเคลือ
่ นเหนีย
่ วนำทีไ่ ด ้ก่อให ้เกิดกระแสภำยในวงจรปิ ดของโรเตอร์
F i (l B ) (N) (6-2)
T r F (N-m) (6-3)
• อัตรำสว่ นระหว่ำงควำมเร็วเลือ
่ นต่อ Synchronous speed เรียกว่ำ Slip (s)
Ns Nr
s
Ns
(6-5)
Ns Nr
%s 100%
Ns
• ดังนัน
้ ควำมเร็วของโรเตอร์ (Nr) คำนวณได ้จำก Ns และ Slip ดังนี้
N r (1 s) N s (6-6)
6.5 ควำมถีข
่ องกระแสในโรเตอร์
• f คือ ควำมถีข
่ องกระแสไฟฟ้ ำในโรเตอร์ขณะหยุดนิง่ หรือ ควำมถีข
่ องกระแสไฟฟ้ ำ
บนสเตเตอร์ (ควำมถีข
่ องแหล่งจ่ำย)
• fr คือควำมถีข
่ องกระแสไฟฟ้ ำในโรเตอร์ท ี่ slip ใดๆ เรียกว่ำ Slip frequency
120 f r
Ns Nr (6-7)
P
และจำก
120 f
Ns
P
ดังนัน
้
Ns Nr f (6-8)
r s
Ns f
หรือ
f r sf (6-9)
18
ต ัวอย่ำงที่ 6.1
ก) โรเตอร์หยุดนิง่ (standstill)
ข) โรเตอร์หมุนทีค
่ วำมเร็ว 500 rpm ในทิศเดียวกันกับสนำมแม่เหล็กหมุน
ค) โรเตอร์หมุนทีค
่ วำมเร็ว 500 rpm ในทิศสวนทำงกับสนำมแม่เหล็กหมุน
ง) โรเตอร์หมุนทีค
่ วำมเร็ว 2000 rpm ในทิศเดียวกับสนำมแม่เหล็กหมุน
19
กำหนด
ขณะหยุดนิง่ ขณะหมุนด้วยslip = s
f2 = f fr=sf2
E2 Er=sE2
X2=2f2L2=2fL2 Xr=2frL2=2sf2L2
=s(2f2L2)=sX2
R2 Rr=R2 (Rไม่แปรตำมควำมถี)่
Z2 R2
2 X 22 Zr R2
2 (sX 2 ) 2
R2 Rr R
cos 2 cos r 2
Z2 Zr Zr
E2 Er sE2
I2 Ir
Z2 Zr Zr
21
ต ัวอย่ำงที่ 6.2
มอเตอร์เหนีย
่ วนำ 3 เฟส 4 ขัว้ แบบขดลวดพัน 380 V 50 Hz ขดลวดทีส ่ แบบ D และ
่ เตเตอร์ตอ
ขดลวดทีโ่ รเตอร์ตอ
่ แบบ Y ถ ้ำจำนวนรอบของขดลวดทีโ่ รเตอร์เป็ น 40% ของจำนวนรอบขดลวดที่
่ เข ้ำตัวต ้ำนทำนภำยนอกแบบปรับค่ำได ้ซงึ่ ต่อแบบ Y
สเตเตอร์ และ Slip ring ที่ โรเตอร์ตอ
ข) เมือ
่ โรเตอร์หมุนทีค
่ วำมเร็วเท่ำก ับ 1,425 rpm และ คตท. ภำยนอกทีต
่ อ
่ เข ้ำกับสลิปริงมี
ค่ำเท่ำกับ 3 W/f จงคำนวณหำค่ำต่ำงๆ ดังต่อไปนี้ สลิบ ควำมถีข
่ องกระแสในโรเตอร์ แรงดั นต่อ
เฟส กระแสเฟส และ ค่ำตัวประกอบกำลัง ของโรเตอร์
วิธท
ี ำ
22
23
ั
ข้อสงเกต ต ัวอย่ำงที่ 6.2
มอเตอร์เหนีย
่ วนำ 3 เฟส 4 ขัว้ แบบขดลวดพันขนำด 380 VLL 50 Hz เมือ
่ ต่อแบบที่
่ 1) แบบ D และ 2) แบบ Y และขดลวดทีโ่ รเตอร์ตอ
สเตเตอร์ตอ ่ แบบ Y ถ ้ำจำนวนรอบ
ของขดลวดทีโ่ รเตอร์เป็ น 40% ของจำนวนรอบขดลวดทีส
่ เตเตอร์ และ Slip ring ทีโ่ ร
่ เข ้ำตัวต ้ำนทำนภำยนอกแบบปรับค่ำได ้ซงึ่ ต่อแบบ Y จงหำค่ำ V1 และ E2 ของ
เตอร์ตอ
วงจรสมมูลแบบต่อเฟส Case Y Case D
VLL 380
Vf Y 220 V/ f V1/f Vf D VLL 380 V/ f V1 / f
วิธีทำ 3 3
E2 / f 0.4 380 152 V / f
E2 / f 0.4 220 88 V / f
24
IO
Is Rs Xs I's R2 Xr = sX2
Ir Ic Im
Vs Rc Xm Es E2 R2/s
IO Hypothetical
resistance
Ic Im Calculate by using stand still
parameters (R2, X2, E2) and
together with dynamic resistance
Vs Rc Xm Es Er = sE2
Ns : Nr
STATOR ROTOR
Ns : sNr b)
Is Rs Xs I's R2 X2
STATOR ROTOR
Ir
IO Static
a) Ic Im
resistance
Vs Rc Xm Es E2 R2(1-s)/s
หมำยเหตุ R2 Stand still resistance or Static resistance Calculate by using stand still
Dynamic
resistance
R2 (1 s )
Dynamic resistance STATOR ROTOR
s
c)
6.8 สมกำรแรงบิดทว่ ั ไป
• สมกำรแรงบิดของ DC motor คือ T = KfIa
เมือ
่ f ์ นสเตเตอร์เนือ
เป็ นฟลักซบ ่ งจำกสนำมแม่เหล็กของขดลวดสนำม
Ia คือ กระแสในสว่ นของโรเตอร์ทท
ี่ ำให ้เกิดแรงบิดขับโหลด
ทำนองเดียวกัน สำหรับมอเตอร์เหนีย
่ วนำสำมเฟส
สมกำรแรงบิดทั่วไปคำนวณได ้จำก T fstator I rotor (6-10)
• สว่ นในกรณี ของ f นั น ้ แปรตำมค่ำแรงดัน E2 ซงึ่ E2 และ E1 หรือ Es เป็ นสัดสว่ นต่อกัน
ตำม Effective turn ratio ของจำนวนขดลวดทีส ่ เตเตอร์กบ
ั จำนวนขดลวดทีโ่ รเตอร์
ดังนัน้ จึงแทน f ด ้วยค่ำแรงดัน E2 ทำให ้สมกำร (6-10) สำมำรถเขียนได ้ใหม่เป็ น
R2
cos r (6-14)
R22 sX 2
2
K1fsE2 R2 K 2 sE22 R2
T Slip s 2
R sX
2 2
2
R2 sX 2 2
(6-15)
2 2
27
0 Tmax R2 sX 2
dT
(6-16)
ds
R
s max 2 (6-17)
X2
แทนค่ำ (6-17) ใน (6-15) ได ้
K 2 E22
Tmax (6-18)
2X2
28
ั
ข้อสงเกตสมกำรที ่ (6-17) และ (6-18)
6.11 สมกำรแรงบิดเริม
่ หมุน (Starting torque, Tst)
• ขณะเริม
่ หมุนเทียบได ้กับเหตุกำรณ์เดียวกันกับกรณีหยุดนิง่ ดังนั น
้ จำกตำรำงที่ 1 และ
วงจรสมมูลตำมรูปที่ 6.9 ได ้
E2 E2
Ir I2 (6-19)
Z2 R X 2
2
2
2
R2
cos r cos 2 (6-20)
R X2
2
2
2
6.12 ค่ำแรงบิดเริม
่ หมุนสูงสุด (Maximum starting
torque, Tst,max)
• เนื่องจำกกำรปรับค่ำแรงบิดเริม
่ หมุนเรำสำมำรถควบคุมได ้โดยกำรเปลีย
่ นแปลงค่ ำ R2
(ในกรณีของ wound rotor) โดยกำรปรับค่ำควำมต ้ำนทำนทีน
่ ำต่อแบบ Y และต่อผ่ำนสลิ
ปริงเข ้ำกับขดลวดทีโ่ รเตอร์ของมอเตอร์เหนี่ยวนำแบบขดลวดพัน ดังนั น
้ ค่ำแรงบิดสูงสุด
จึงหำได ้จำกกำรหำอนุพันธุข
์ องสมกำรที่ (6-21) เทียบกับค่ำ R2 ดังนี้
a) b)
ิ พิจำรณำผลของ
• จำกรูปที่ 6.13 ให ้นิสต
กำรปรับค่ำควำมต ้ำนทำนในขดลวดพัน
ของโรเตอร์แบบ wound ทีม
่ ต
ี อ
่ ค่ำ
• Tmax
ิ เรือ
อย่ำลืมบอกนิสต ่ ง
d1 m1
กะ
d2 m2
ี
6.13 กำล ังงำนและกำล ังสูญเสย
a)
Is Rs Xs I's R2 X2
Ir
IO (SCL) (RCL)
Ic Im
Vs Rc Xm Es E2 R2(1-s)/s
(Core loss) (Pconv)
Ns : Nr
STATOR ROTOR
ั พันธ์กบ
รูปที่ 6.17 วงจรสมมูลและควำมสม ั กำลังงำนในสว่ นต่ำงๆ
39
ี
6.13.1 ชนิดของกำล ังงำนและกำล ังสูญเสย
1) กำล ังเข้ำของมอเตอร์ (Pin) คือกำลังไฟฟ้ ำสำมเฟสทีค
่ ำนวณได ้จำกแรงดัน กระแส และ ตัวประกอบ
กำลังทำงด ้ำนสเตเตอร์
2.2) Core losses (Pcore) ได ้แก่ Hysteresis loss และ Eddy current loss มีคำ่ แปรตำมแรงดันกำลัง
สองของทำงด ้ำนสเตเตอร์ (แต่ในบทนีก
้ ำหนดให ้มีคำ่ คงทีท
่ ก
ุ ย่ำนโหลด)
• กำลังออกของสเตเตอร์ (Pout-stator)
• ี ทำงไฟฟ้ ำและเปลีย
กำลังทีเ่ หลือจำกกำรสูญเสย ่ นรูปเป็ นกำลังงำนกล หรือ
• กำลังงงำนไฟฟ้ ำสุทธิสด
ุ ท ้ำย หรือ
• กำลังงำนกลสุทธิเริม
่ ต ้น
ิ ธิภำพของโรเตอร์
6) ประสท
PAG PRCL P N
rotor conv (1 s)% r % (6-24)
PAG PAG Ns
41
8) ี ทีไ่ ม่สำมำรถรวมลงในกำลังสูญเสย
Stray load loss คือกำลังสูญเสย ี ในกลุม
่ ใดๆ
้ ำหนดให ้มีคำ่ เท่ำกับ 1% ของ Pout)
(สำหรับบทนีก
ิ ธิภำพของมอเตอร์เหนีย
10) ประสท ่ วนำสำมเฟส
หมำยเหตุ
Pout
motor 100% 2N s
Pin ่ ws
เมือ (rad / sec)
60
Pout
100% (6-31) 2N m
Pout Losses และ w m (rad / sec)
60
Pin Losses
100%
Pin โดยที่ N มีหน่วยเป็ น rpm
42
6.14 กำรเริม
่ เดินเครือ
่ ง
6.14.1 แบบขดลวดพ ัน โดยกำรใชตั้ วต ้ำนทำนภำยนอกต่อเข ้ำไป เพือ่ จำกัด
กระแสในขณะสตำร์ท ผลของตัว ต ้ำนทำนยั ง ช ่ว ยเพิม
่ แรงบิด เริม
่ หมุน ได ้อีก ด ้วย (รูป ที่
6.13)
3 f supply
Slip ring
Brushes
หมำยเหตุ กำรกลับทำงหมุนของมอเตอร์เหนีย
่ วนำสำมเฟส สำมำรถทำได ้โดยกำรสลับสำยคูใ่ ดคูห
่ นึง่ ทีป
่ ้ อนไฟ
ให ้แก่ ส เตเตอร์ ทิศ ทำงกำรหมุ น ของมอเตอร์เ หนี่ ย วน ำสำมเฟสก็ จ ะกลั บ เป็ นตรงกั น ข ้ำม (หรื อ กำรสลั บ
sequence ทีป
่ ้ อนให ้แก่สเตเตอร์นั่นเอง)
43
6.14.2 แบบกรงกระรอก
พิสจ
ู น์ IL VL
V p VL / 3 Y
I LY I p ( A) D
Z Z Ip Vp
V V
I LD 3I p 3 p 3 L ( A)
Z Z Y
D รูปที่ 6.19 Y-D
Starting circuit
D Z Y
VL / 3
Z 1
I LY
IL
I LD V 3 A
3 L IL
Z A
Z
Ip Vp Ip VL = Vp
VL Z Z
Z
B B
Z Z
C
C
45
ต ัวอย่ำงที่ 6.3
มอเตอร์เหนีย
่ วนำสำมเฟส 6 ขัว้ 50 Hz ให ้กำลังออก 3.3 kW ขณะขับโหลดทีค
่ วำมเร็ว
ี ทำงกลเท่ำกับ 165 W และกำลังสูญเสย
950 rpm เกิดกำลังสูญเสย ี ทีส
่ เตเตอร์เท่ำกับ
250 W จงคำนวณหำ
ก) แรงบิดทีม
่ อเตอร์สร ้ำงขึน
้
ข) แรงบิดขับโหลด
ี ในโรเตอร์
ค) กำลังสูญเสย
ง) กำลังงำนทีเ่ ข ้ำสเตเตอร์
46
ต ัวอย่ำงที่ 6.4
มอเตอร์เหนีย
่ วนำสำมเฟส 380 V 50 Hz 8 ขัว้ ขณะโรเตอร์ไม่หมุนวัดแรงดันทีข
่ วั ้ สลิปริงได ้ 346.5
ี ำ่ ควำมต ้ำนทำน 0.5 W มีแรงบิดสูงสุดทีค
V โรเตอร์มค ่ วำมเร็ว 450 rpm
ขณะขับโหลดหมุนทีค
่ วำมเร็ว 720 rpm ดึงกระแสจำกแหล่งจ่ำย 20 A ทีต
่ ัวประกอบกำลัง
ี เนื่ อ งจำกควำมฝื ดและลมต ้ำนเป็ น 2% ของก ำลัง งำนที่ขับ โหลด
80% ตำมหลั ง มีก ำลั ง สูญ เส ย
จงคำนวณหำ
ี ในขดลวดของโรเตอร์
ก) กำลังสูญเสย
ข) กำลังออกและแรงบิดขับโหลดของมอเตอร์
ิ ธิภำพของมอเตอร์
ค) ประสท
ง) แรงบิดเหนีย
่ วนำทีโ่ รเตอร์ เมือ
่ มอเตอร์หมุนทีค
่ วำมเร็วเท่ำกับ 600 rpm
47
ต ัวอย่ำงที่ 6.5
มอเตอร์เหนีย
่ วนำสำมเฟส 380 V 50 Hz 4 ขัว้ 10 Hp ต่อแบบ Y มีคำ่ พำรำมิเตอร์ตอ
่ เฟส
ทำงด ้ำนสเตเตอร์และโรเตอร์ขณะหยุดนิง่ ดังนี้
R1 = 0.25 W, X1 = 0.5 W, RC = 1,100 W และ XM = 12.5 W
R2 = 0.50 W, X2 = 0.75 W
ต ัวอย่ำงที่ 6.6
มอเตอร์เหนีย
่ วนำสำมเฟส 380 V 50 Hz 20Hp แบบขดลวดพัน ทำงด ้ำนสเตเตอร์ ต่อ
แบบ Y ขณะทีข
่ บ
ั โหลดเต็มที่ กำลังออกทีพ
่ ก
ิ ด
ั มีควำมเร็วเท่ำกับ 1,440 rpm มีคำ่ กำลัง
ี เนื่องจำกควำมฝื ดและลมต ้ำนเท่ำกับ 930.8 W และ Slip ทีท
สูญเสย ่ ำให ้มอเตอร์ เกิด
แรงบิดสูงสุดมีคำ่ เท่ำกับ 40% จงคำนวณค่ำ
ี รวมทีส
ก) กำลังสูญเสย ้
่ เตเตอร์ของมอเตอร์ ถ ้ำขณะทีใ่ ชงำนที
พ ่ ก
ิ ัดดังกล่ำว มอเตอร์ม ี
ิ ธิภำพเท่ำกับ 82.8888% (4 คะแนน)
ประสท
ข) ค่ำแรงบิดเริม
่ หมุนของมอเตอร์ (3 คะแนน)
ค) ค่ำแรงบิดสูงสุดของมอเตอร์ (3 คะแนน)
ต ัวอย่ำง 6.7
มอเตอร์เหนีย
่ วนำสำมเฟสแบบขดลวดพัน 380 V 50 Hz 4 ขัว้ 25 Hp ต่อแบบ Y เมือ
่ ทำกำร
วิเครำะห์คำ่ พำรำมิเตอร์ตอ
่ เฟสทำงด ้ำนสเตเตอร์และโรเตอร์ขณะหยุดนิง่ พบว่ำมีคำ่
R1 = 0.20 W, X1 = 0.50 W, RC = 450 W, XM = 20.0 W
R2 = 0.50 W, X2 = 0.75 W
ี ทำงกลมีคำ่ คงที่ เท่ำกับ 560 W
ถ ้ำกำลังสูญเสย
ก) ขณะทีม
่ อเตอร์ขบ
ั โหลดเต็มที่ ทีค
่ วำมเร็วสลิปเท่ำกับ 5% มีกระแสไหลเข ้ำมอเตอร์ท ี่ P.F. 0.8
ตำมหลัง จงคำนวณค่ำกระแสไหลทีเ่ ข ้ำมอเตอร์
ถ้ำปร ับค่ำ Rext ทีต
่ อ
่ เข้ำก ับขดลวดพ ันของโรเตอร์ เพิม ้ อีก 0.05 W ต่อเฟส จงคำนวณค่ำ
่ ขึน
ข) ควำมเร็วทีท
่ ำให ้เกิดแรงบิดสูงสุดค่ำใหม่และแรงบิดสูงสุดค่ำใหม่
ค) ค่ำแรงบิดเริม
่ หมุนค่ำใหม่