Professional Documents
Culture Documents
ผศ.ดร.ภญ.ชุลีกร สอนสุวิทย์
หลักเกณฑ์ วธิ ีการทีด่ ใี นการเตรียมยาปราศจากเชื้อ (Sterile preparations) ในโรงพยาบาล
ความเสี่ยงระดับปานกลาง(Medium-Risk Level)
-การเตรี ยมที่ตอ้ งเตรี ยมจากผลิตภัณฑ์ปราศจากเชื้อชนิ ดเดิมหลายครั้งเพื่อเตรี ยมให้ผป ู ้ ่ วยหลายรายหรื อเตรี ยมให้
ผูป้ ่ วยรายเดียวแต่เตรี ยมจานวนหลายครั้ง (batched antibiotics or other small volume parenterals)
-การเตรี ยมที่ตอ้ งใช้เทคนิคปราศจากเชื้อหลายขั้นตอน (TPN or other multiple-ingredient CSPs)
-การเตรี ยมที่ตอ้ งใช้ระยะเวลานานเนื่ องจากขบวนการเตรี ยมมีความซับซ้อน
-ไม่มีการเติม bacteriostatic agents ลงไปใน CSPs ที่เตรี ยม และ CSPs นั้นมีการบริ หารยาให้แก่ผป ู ้ ่ วยเป็ นระยะเวลานาน
หลายวัน (chemotherapy or pain management administered via infusion device)
-low-risk level CSPs ที่มีขบวนการประกันคุณภาพเข้าไปควบคุมในทุกขั้นตอนการเตรี ยม
-จาเป็ นต้องมีการทวนสอบถึงเทคนิ คปราศจากเชื้อที่ถูกต้องภายใต้สภาวะท้าทายและกดดันของบุคลากรผูเ้ ตรี ยม
เป็ นประจาทุกปี
กระบวนวิชา การเตรี ยมยาในโรงพยาบาล ((51569)
ผศ.ดร.ภญ.ชุลีกร สอนสุวิทย์
ความเสี่ยงระดับสู ง (High-Risk Level)
-ผลิตภัณฑ์ที่ถูกเตรี ยมมาจากส่ วนผสมที่ไม่ปราศจากเชื้อ
-เตรี ยมจากส่ วนผสมที่ปราศจากเชื้อแต่ภายใต้สภาวะที่ต่ากว่า ISO Class 5
-ระยะห่ างระหว่างการเตรี ยมและการฆ่าเชื้อมากกว่า 6 ชัว่ โมง
-ไม่มีเอกสารรับรองความบริ สุทธิ์ของส่ วนประกอบแต่ใช้เพียงแค่การคาดการณ์ หน้าที่ | 2
ISO 1 10 2
ISO 2 100 24 10 4
3. การเก็บยา
-การเก็บยาต้องระวังการปะปนกันของยา
-สภาวะการจัดเก็บ (อุณหภูมิ แสง ความชื้น) ให้เหมาะสมกับยาแต่ละชนิ ด
-ยาที่มีความเข้มข้นต่างกันควรแยกวางห่ างจากกันอย่างเพียงพอเพือ่ ป้ องกันความผิดพลาดในการหยิบไปใช้
-สารละลายอิเลกโทรไลท์เข้มข้นควรแยกเก็บจากยาอื่นๆอย่างชัดเจน
- มีการติดฉลากหรื อเขียนชื่อสามัญทางยาและความเข้มข้นอย่างชัดเจนไว้บนกล่องสาหรับเก็บยาในคลัง
-มีระบบการเฝ้าระวังและป้ องกันความผิดพลาดจากยาที่มีชื่อยาคล้ายกัน (look-alike drug names)
-CSPs ที่เตรี ยมเรี ยบร้อยแล้วและรอตรวจเช็คจะต้องกาหนดพื้นที่สาหรับวางหรื อจัดเก็บอย่างชัดเจน ให้แยกออก
จาก CSPs ที่มีการตรวจเช็คเรี ยบร้อยแล้ว
การสงวนยา
6.
-หน่วยงานควรมีการนโยบายในการสงวนที่อาจขาดตลาด (แต่ยาต้องคงสภาพและยังคงปราศจากเชื้อ) และมี
ผลกระทบต่อการปฏิบตั ิการเตรี ยมผสมยา
-โดยปกติแล้ว ผลิตภัณฑ์ที่ถูกใช้แล้วแต่ยงั มียาเหลืออยู่ เช่น vial ที่มีหลาย dose หรื อ ยาที่อยูใ่ นภาชนะบรรจุขนาด
ใหญ่ จะถูกนาออกจากตูป้ ราศจากเชื้อหรื อบริ เวณที่เตรี ยมยาและจะไม่นามาใช้อีก หากหน่วยงานมีนโยบายชัดเจนในกรณี ที่
มีการขาดตลาดของยานั้น อาจกาหนดให้สามารถนายานั้นมาใช้เตรี ยมต่อได้ แต่ตอ้ งไม่เกิน 6 ชัว่ โมงหลังจากเริ่ มเจาะเข็มเข้า
ไปในภาชนะบรรจุยานั้น
กระบวนวิชา การเตรี ยมยาในโรงพยาบาล ((51569)
ผศ.ดร.ภญ.ชุลีกร สอนสุวิทย์
-ต้องกาหนดให้ชดั เจนด้วยว่าจะเก็บรักษาอย่างไรเพื่อให้ยานั้นมีความคงตัวและยังคงปราศจากเชื้อ
มีวธิ ี การ
อย่างไรในการแยกยานั้นออกจากบริ เวณเตรี ยมผสมยา และเภสัชกรต้องทาการประเมินอย่างสม่าเสมอว่ายานั้นเป็ นไปตาม
นโยบายหรื อไม่
-Heparin และ insulin vials ห้ามอยูใ่ นตูป
้ ลอดเชื้อพร้อมกัน
หน้าที่ | 5
7. การเตรี ยม Source/Bulk Containers เพื่อใช้สาหรับการเตรี ยม multiple doses หรื อ batches
-ควรมีวธิ ี การมาตรฐานการในการเตรี ยมและการตรวจสอบการเตรี ยม Source/Bulk Containers
-เภสัชกรทาการตรวจเช็คตัวทาละลายและยาก่อนที่จะทาการเตรี ยม Source/Bulk Containers
- Source/bulk containers ที่ถูกเตรี ยมขึ้นจะต้องติดฉลากให้ครบถ้วน ได้แก่ ชื่อยา ความเข้มข้น ตัวทาละลาย วันที่เตรี ยม
ชื่อผูเ้ ตรี ยม ชื่อผูต้ รวจเช็ค (IDC) และ beyond use date
8. เทคโนโลยี/เครื่ องผสมยาอัตโนมัติ
เช่น IV Workflow Software, เครื่ องผสมยาปราศจากเชื้ออัตโนมัติ
- หน่วยงานจะต้องมีการพัฒนาแผนการปฏิบตั ิงานเพื่อนาสิ่ งเหล่านี้ มาใช้เพื่อการผสมยาปราศจากเชื้อ
-ต้องมีการบารุ งรักษา การทวนสอบ การสอบเทียบและการรับรอง software และเครื่ องมือเหล่านี้ เป็ นประจา และ
ต้องมีเอกสารหลักฐานด้วยเสมอ
-software จะต้องมีการ update และต้องทดสอบการใช้ก่อนเสมอ
9. การควบคุมคุณภาพและการตรวจสอบความถูกต้องของ CSPs
-บุคลากรทุกคนสามารถบอกให้หยุดการเตรี ยมผสมหากมีขอ้ สงสัยเกี่ยวกับการเตรี ยม
-ต้องมีการตรวจเช็คด้วยตาโดยบุคลากรที่มีคุณภาพ ว่า CSPs ที่เตรี ยมมีความถูกต้องทั้งยาและตัวทาละลายทั้งในด้าน
ของปริ มาตรและความเข้มข้น
-ในกรณี ที่ไม่ได้ใช้ IV workflow software จะต้องมีการตรวจเช็คด้วยตาก่อนการเติมลงไปในภาชนะผลิตภัณฑ์สุดท้าย
เพื่อให้มนั่ ใจว่าส่วนประกอบทุกชนิดนั้นถูกชนิดและปริ มาณ โดยเฉพาะอย่างยิง่ ผลิตภัณฑ์ต่อไปนี้ chemotherapy, PN admixtures,
pediatric and neonatal preparations, pharmacy prepared source/bulk containers, preparations requiring the use of multidose vials of high-alert medications
(e.g., insulin, concentrated electrolytes, heparin), CSPs administered via high-risk routes of administration (e.g., intrathecal, epidural, and intraocular)
-ห้ามใช้ Proxy methods เช่น SYRINGE PULL-BACK METHOD การตรวจสอบการเตรี ยม chemotherapeutic, complex,
pediatric/neonatal or high-alert CSPs และจะหากต้องใช้จะต้องมี actual, original source containers (medication and diluent) อยูใ่ ห้ตรวจสอบ
ด้วยเสมอ
-การตรวจสอบความถูกต้องของการเตรี ยมผสมโดยการตรวจดูจากการเขียนลงไปในฉลากว่าได้เติมอะไรลงไป
เท่าไรบนผลิตภัณฑ์เตรี ยมผสมนั้นไม่ควรใช้เป็ นวิธีเดียวที่ใช้ตรวจสอบ ควรมีวธิ ีตรวจสอบความถูกต้องอื่นร่ วมด้วย
-ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นระหว่างการเตรี ยมผสมที่ตรวจพบก่อนที่จะถูกจ่ายออกไปให้แก่ผป ู ้ ่ วยจะต้องทาการบันทึกไว้
เป็ นหลักฐานและต้องรายงานไปยังระบบของหน่วยงานด้วยเพราะนาไปวิเคราะห์และนาไปสู่การป้องกันแก้ไข
-มีการประเมินความเสี่ ยงและนาไปใช้ก่อนที่จะมีการปรับเปลี่ยนขบวนการทางาน
-ใช้ขอ้ มูล medication error ของในและนอกหน่วยงานมาปรับใช้ในการปรับปรุ งขบวนการทางาน
บรรณานุกรม
1. ASHP Guidelines on Compounding Sterile Preparation. Drug distribution and control: preparation and handing-guidelines. 2 USP 36
<797>Pharmaceutical compoundingsterile preparations
2. USP 36. <797>Pharmaceutical compounding-sterile preparations.
3. ISMP. Proceeding from the ISMP sterile preparation compounding safety summit: Guidelines for SAFE preparation of sterile compounds. yppp
4. Ericson AK. ISMP updates best practices, sterile compounding guidelines. Pharmacy Today. August 2016.
5. Eric S Kastango. The ASHP Discussion guide for compounding sterile preparations: summary and implementation of USP chapter <797>. ASHP
ASHP
6. กลุ่มเภสัชกรสาขาโรคมะเร็ ง สมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล (ประเทศไทย) มาตรฐานการปฏิบตั ิงาน ด้านการบริ การผสม
และจ่ายยาเคมีบาบัด