Professional Documents
Culture Documents
นายวันมงคล บุตรหา
โครงงานนี้เป็ นส่วนหนึ่งของวิชาภาษาไทยสาหรับอุดมศึกษา
ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2561
สถาบันการพละศึกษา วิทยาเขตศรีสะเกษ
โครงงานภาษาไทยสะกดคา
นายวันมงคล บุตรหา
โครงงานนี้เป็ นส่วนหนึ่งของวิชาภาษาไทยสาหรับอุดมศึกษา
ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2561
สถาบันการพละศึกษา วิทยาเขตศรีสะเกษ
ชือ
่ : นายวันมงคล บุตรหา
ชือ
่ เรือ
่ ง : โครงงานภาษาไทยสะกดคา
รายวิชา : การศึกษาระบบสือ่ ทางไกล
ครูทป
ี่ รึกษา :
ปี การศึกษา : 2561
บทคัดย่อ
25 กันยายน 2561
สารบัญ
เรือ
่ ง หน้า
บทคัดย่อ
....................................................................................................................
.............................ก
กิตติกรรมประกาศ
....................................................................................................................
..............ข
สารบัญตาราง
....................................................................................................................
......................ค
บทที่ 1 บทนา................................................................................................
........................................3
1. แนวคิดทีม ่ าของโครงงาน.............................................................................
.................................... 3
2. วัตถุประสงค์ของโครงงาน……………….....………………………………....………………………………………
……..3
3. ขอบเขตของโครงงาน.................................................................................
......................................4
4. วิธีการดาเนินการ.......................................................................................
......................................4
5. ประโยชน์ ทไี่ ด้รบั ........................................................................................
.......................................4
6. นิยามศัพท์...............................................................................................
.......................................4
บทที่ 2 เอกสารทีเ่ กีย่ วข้อง...............................................................................
....................................5
1. การจัดการเรียนการสอนแบบเน้นผูเ้ รียนเป็ นสาคัญ...........................................
............................10
2. การจัดการเรียนการสอนแบบประสานห้าแนวคิดหลัก……………………………………………………
……..17
3. ความหมายของคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน.............................................................
...............................23
บทที่ 3 วิธีการดาเนินงานโครงงาน……………………………………………………...………………………………
…26
1. วัสดุ อุปกรณ์
เครือ
่ งมือ……………………………………………………………………………………………………26
2. ขัน ้ ตอนการดาเนินงาน..............................................................................
..................................26
บทที่ 4 ผลการดาเนินงาน…………………………………………………………………………………………………….2
7
บทที่ 5 สรุป อภิปรายและข้อเสนอแนะ……………………………………………………………………….………
…30
ข้อเสนอแนะในด้านการสอน..............................................................................
...................................30
ข้อเสนอแนะในด้านการวิจยั ครัง้ ต่อไป..................................................................
................................32
สารบัญตาราง
หน้า
ตารางที่ 1 แสดงคะแนนทีน
่ กั ศึกษาทดสอบจากคะแนนเต็ม 20 คะแนน…....…………………
……….……27
ตารางที่ 2 แสดงคะแนนทีน
่ กั ศึกษาสอบได้จากคะแนนเต็ม 20 คะแนน…….…………...……
……………....27
บทที่ 1
บทนา
1.แนวคิดทีม
่ าของโครงงาน
ภาษาไทยเป็ นเอกลักษณ์ ประจาชาติ
เป็ นสมบัตท ิ างวัฒนธรรมอันก่อให้เกิดความเป็ นเอกภาพ
และเสริมสร้างบุคลิกภาพของคนในชาติให้มค ี วามเป็ นไทย
เป็ นเครือ
่ งมือในการติดต่อสือ่ สารความเข้าใจและความสัมพันธ์ทด ี่ ีตอ
่ กัน
ทาให้สามารถประกอบกิจธุรการงานและดารงชีวต ิ ร่วมกันในสังคมประชาชาติได้อย่างสัน
ติสขุ และเป็ นเครือ
่ งมือในการแสวงหาความรู ้ ประสบการณ์
จากแหล่งข้อมูลสารสนเทศต่างๆ เพือ ่ พัฒนาความรู ้ ความคิด วิเคราะห์ วิจารณ์
และสร้างสรรค์ให้ท ันต่อการเปลีย่ นแปลงทางสังคม และความก้าวหน้า ทางวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีตลอดจนนาไปใช้ในการพัฒนาอาชีพให้มค ี วามมั่นคง ทางสังคมและเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ยงั เป็ นสือ่ ทีแ
่ สดงภูมป ิ ญ
ั ญาของบรรพบุรุษด้านวัฒนธรรม ประเพณี ชีวทัศน์
โลกทัศน์ และสุนทรียภาพ
โดยบันทึกไว้เป็ นวรรณคดีและวรรณกรรมอันลา้ ค่า ภาษาไทยจึงเป็ นสมบัตข ิ องชาติทค
ี่ ว
รค่าแก่การเรียนรู ้ เพือ่ อนุรกั ษ์ และสืบสานให้คงอยูค่ ชู่ าติไทยตลอดไป
ทักษะการเรียนรูท
้ สี่ าคัญในรายวิชาภาษาไทย คือ การฟัง การพูด การอ่าน
และการเขียน ซึง่ ทักษะการเขียนเป็ นทักษะทีส่ าคัญสาหรับการเรียนขัน ้ พื้นฐาน
หากผูเ้ รียนไม่สามารถเขียนสะกดคาให้ถูกต้องได้
จะส่งผลกระทบกับนักเรียนในเรือ ่ งการเรียนแต่ละวิชา
จึงเห็นควรว่าจะมีการทาแบบฝึ กหัดเพือ ่ ให้นกั เรียนได้ฝึกการเขียนสะกดคา
เพือ
่ จะได้นาไปใช้ในชีวต ิ ประจาวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
captivate คือ
โปรแกรมสร้างสือ่ การเรียนการสอนการนาเสนอทีส่ ามารถโต้ตอบกับผูเ้ รียนได้อย่างดีเยีย่
มจุดเด่นคือ
สร้างแบบจาลองการใช้ซอฟแวร์ซงึ่ ผูใ้ ช้งานสามารถทาตามสือ่ การสอนได้ท ันที นอกจาก
นี้ยงั สามารถสร้างแบบทดสอบให้คะแนนและประเมินผลได้ในตัว
ผูจ้ ดั ทาได้คด
ิ สือ่ ทีจ่ ะนามาสอนนัน
้ คือ cai สือ่ การเรียนการสอน
จะสอนในเรือ ่ งของการสะกดคาให้กบั นักศึกษาชัน ้ ปี ที่ 1
2.วัตถุประสงค์
1. เพือ
่ ให้นกั เรียนฝึ กทักษะการเขียนและสะกดคาได้ถูกต้อง
2. เพือ ้
่ ให้นกั เรียนใช้ภาษาไทยได้อย่างถูกต้องยิง่ ขึน
3.ขอบเขตของโครงงาน
นักศึกษาในชัน
้ ปี ที่ 1สถาบันการพละศึกษา วิทยาเขตศรีสะเกษ
อาเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ
4.วิธีการดาเนินงาน
1. ประชุมเพือ่ นๆภายในกลุม ่ ชี้แจงเพือ่ สร้างความเข้าใจให้เพือ
่ นทราบ
2. สารวจ ศึกษาค้นคว้าข้อมูลจากแหล่งต่างๆ
3. วิเคราะห์ขอ ้ มูลหรือนาข้อมูลทีไ่ ด้มาวิเคราะห์ผลเพือ
่ ดาเนินการโครงงาน
4. วางแผนการดาเนินงาน ปฏิบตั งิ านให้บรรลุวตั ถุประสงค์ของโครงการทีต ่ ง้ ั ไว้
5. ดาเนินการให้เป็ นไปตามแผนการดาเนินงาน
โดยใช้กระบวนการจัดการความรู ้ (KM)
6. ติดตาม ประเมินผลความก้าวหน้าและผลการดาเนินงานโครงการ
7. สรุปผลโครงการ รายงานผลการดาเนินงานกับอาจารย์ผูส
้ อน
6.นิยามศัพท์
1.สือ่ การสอน หมายถึง วัสดุ อุปกรณ์ หรือวิธก
ี ารใด ๆ
ก็ตามทีเ่ ป็ นตัวกลางหรือพาหะ
ในการถ่ายทอดความรู ้ ทัศนคติ ทักษะและประสบการณ์ ไปสูผ ่ ูเ้ รียน
สือ
่ การสอนแต่ละชนิดจะมีคณ ุ สมบัตพ
ิ เิ ศษและมีคณ
ุ ค่าในตัวของมันเองในการเก็บและแส
ดงความหมายทีเ่ หมาะสมกับเนื้อหาและเทคนิควิธีการใช้อย่างมีระบบ
2.คอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน (CAI) หมายถึง
สือ่ การเรียนการสอนทางคอมพิวเตอร์รูปแบบหนึ่ง
ซึง่ ใช้ความสามารถของคอมพิวเตอร์ในการนาเสนอสือ ่ ประสมอันได้แก่ ข้อความ ภาพนิ่ง
กราฟิ ก แผนภูมิ กราฟ วีดีทศั น์ ภาพเคลือ
่ นไหว และเสียง เพือ่ ถ่ายทอดเนื้อหาบทเรียน
หรือองค์ความรูใ้ นลักษณะที่
ใกล้เคียงกับการสอนจริงในห้องเรียนมากทีส่ ด ุ โดยมีเป้ าหมายทีส่ าคัญก็คอ
ื
สามารถดึงดูดความสนใจของผูเ้ รียน และกระตุน ้ ให้เกิดความต้องการที่ จะเรียนรู ้
3. สือ่ การเรียนรู ้ หมายถึง ทุกสิง่ ทุกอย่างรอบตัวผูเ้ รียนทีช
่ ว่ ยผูเ้ รียนเกิดการเรียนรู ้
ไม่วา่ จะเป็ นวัสดุ อุปกรณ์ วิธกี าร คน สัตว์ สิง่ ของ หรือแนวความคิดทีถ ่ า่ ยทอดความรู ้
ความเข้าใจ เพิม ่ ประสบการณ์
หรือเป็ นเครือ ่ งมือทีก
่ ระตุน
้ ให้เกิดการแสวงหาความรูด ้ ว้ ยตนเอง
บทที่ 2
เอกสารทีเ่ กีย่ วข้อง
2. การจัดการเรียนการสอนแบบประสานห้าแนวคิดหลัก
รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบประสานห้า แนวคิดหลักหรือแบบซิปป
า ( CIPPA MODEL )
รูปแบบการจัดการเรียนการสอนสาคัญทีก ่ าลังได้รบั ความสนใจก็คอ
ื การจัดกา
รเรียนการสอนโดยยึดผูเ้ รียนเป็ นศูนย์กลางแบบซิปปา CIPPA หรือแบบประสาน 5
แนวคิดหลักทีพ่ ฒ
ั นาโดย รศ. ดร. ทิศนา แขมณี สาระสาคัญของหลักการสอนแบบ
CIPPA ซึง่ ระบุไว้วา่ ในการจัดการเรียนการสอนโดยให้ผเู้ รียนเป็ นศูนย์กลาง จะต้อง
ประกอบด้วยกิจกรรมการเรียนรู ้ ดังนี้
1. นักศึกษาจะต้องมีสว่ นร่วมในการสร้างความรู ้ ( Construction )
แนวคิดการสรรค์สร้างความรู ้ หมายถึง การส่งเสริมให้ผเู้ รียนสร้างความรู ้
ตามแนวคิดของ
( Constructivism ) การมีโอกาสปฏิสมั พันธ์และเรียนรูจ้ ากผูอ
้ น
ื่ ( Interaction )
2. นักศึกษาจะมีโอกาสพูดคุยแลกเปลีย่ นความคิดเห็นหรือความรูก
้ น
ั ภายในกลุ่
ม ในห้องเรียน
ในสถาบัน หรือในชุมชนทีน ่ กั เรียนอยู่ เรียกว่าเป็ นการปฏิสมั พันธ์ทางสังคม นอกจากจ
ะได้รบั ความรู ้ ยังมีโอกาสเรียนรูก ้ ารอยูด
่ ว้ ยกันในสังคมหรือการปฏิส ัมพันธ์ทางอารมณ์
คือมีโอกาสรับรูค ้ วามรูส้ ก
ึ จากสิง่ ต่าง ๆ หรือมีอารมณ์ รว่ มต่อเหตุการณ์ ได้ดว้ ยตนเอง
3. นักศึกษาจะต้องมีการเคลือ
่ นไหวร่างกาย ( Physical Praticipation ) นั
กศึกษาได้มโี อกาสแสดง
บทบาทในกิจกรรมการเรียนการสอนโดยเคลือ ่ นไหวร่างกาย เพือ ่ ช่วยให้ประสาทรับรูข
้ อ
งผูเ้ รียนตืน
่ ตัว กระฉับกระเฉง นักศึกษาจะได้มส
ี ว่ นร่วมทางร่างกายและเกิดความพร้อ
มในการเรียนรู ้
4. นักศึกษาจะต้องได้เรียนรูเ้ กีย่ วกับกระบวนการ ( Process Learning
) นักศึกษาได้มโี อกาส
ใช้กระบวนการเป็ นเครือ่ งมือในการเรียนรู ้ หรือการได้รบั ความรูจ้ ากการตอบคาถาม กา
รอภิปราย การแลกเปลีย่ นความรูจ้ ากเพือ ่ น เป็ นการส่งเสริมให้ผูเ้ รียนได้เรียนรูก ้ ระบว
นการต่าง
ๆ อันเป็ นเครือ่ งมือทีผ
่ ูเ้ รียนสามารถนาไปใช้ได้ตลอดชีวต ิ นักศึกษาจะต้องมีโอกาสนาคว
ามรูไ้ ปใช้ ( application ) นักศึกษามีโอกาสนาความรูท ้ ส ้ เองไปใช้ประโยชน์ ใ
ี่ ร้างขึน
นสถานการณ์ อน ื่
ๆ ทีม ่ ค
ี วามคล้ายคลึงหรือเกีย่ วข้องกัน การส่งเสริมให้ผูเ้ รียนนาความรูท ้ ไี่ ด้เรียนรูไ้ ปปร
ะยุกต์ใช้อ ันจะช่วยให้ผูเ้ รียนเกิดการถ่ายโอนการเรียนรู ้ ( นวลจิตต์ เชาวกีรติพงศ์ .
2542 : 16-17 )
ขัน
้ ตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรูแ
้ บบซิปปา
กรมวิชาการ ( 2544 : 64-
65 ) กล่าวว่า การจัดกิจกรรมการเรียนรูต ้ ามรูปแบบซิปปา มีองค์ประกอบสาคัญ ดัง
กล่าว ครูสามารถเลือกรูปแบบ วิธีสอน หรือกิจกรรมใด ๆ
ก็ได้ทส
ี่ ามารถทาให้ผูเ้ รียนเกิดการถ่ายโอนการเรียนรูต ้ ามองค์ประกอบทัง้ 5 การจัดกิจ
กรรมสามารถจัดกิจกรรมใดก่อน - หลัง
ได้โดยมิตอ ้ งเรียงลาดับ และเพือ ่ ให้ครูผูส
้ อนทีต
่ อ้ งการนาหลักการของรูปแบบซิปปาได้ส
ะดวก
รศ. ดร. ทิศนา แขมมณี ได้จดั ลาดับขัน
้ ตอนการสอนเป็ น 7 ขัน
้ ดังนี้
1. ขัน
้ การตรวจสอบความรูเ้ ดิม ( Cl )
1. ต้องให้นกั เรียนรูค
้ วามหมายของคานัน
้ เสียก่อน โดยครูเป็ นผูบ
้ อก หรือโดยอาศัย
พจนานุกรม แล้วให้นกั เรียนอภิปรายซา้ ข้อสาคัญ คานัน
้ ต้องเป็ นคาทีง่ า่ ย ๆ
ไม่ซบั ซ้อน
2. ต้องให้นกั เรียนอ่านออกเสียงคาได้ถก ู ต้องชัดเจน จะช่วยให้นกั เรียนรูจ้ กั คา
นัน ้ ทัง้ รูปคา และการออกเสียง
้ ได้แม่นยายิง่ ขึน
3 ต้องให้นกั เรียนเห็นรูปคานัน
้ ๆ ว่าประกอบด้วย สระ พยัญชนะ อะไรบ้าง
ถ้าเป็ นคาหลายพยางค์ ควรแยกให้เด็กดูดว้ ย ถ้าทาได้
4. ต้องให้นกั เรียนลองเขียนคานัน
้ ๆ ทัง้ ดูแบบและไม่ดแ
ู บบ
้ ๆ ไปใช้ ซึง่ อาจใช้ในการเขียนบร
5. ต้องสร้างสถานการณ์ ให้นกั เรียนนาคานัน
รยายเรือ
่ งราว หรือเขียนในกิจกรรมการเรียนทีเ่ หมาะสมกับวัย
ฮอร์น ( Horn
. 1954 : 19 - 20 ) ได้เสนอแนะกิจกรรมการสอนเขียนเพือ
่ ให้เด็กสนใจ และมีท ั
ศนคติทด
ี่ ต
ี อ
่ การสอนเขียนคา ไว้ดงั นี้
1. ให้นกั เรียนได้รถ
ู ้ งึ คุณค่าในความสามารถของตน
ทีจ่ ะนาการเขียนคาไปใช้กบั วิชาอืน ่ ๆ
2. ให้นกั เรียนเข้าใจถึงการเขียนคาในบทเรียนต่าง
ๆ และมีการแก้ไขได้ถกู ต้อง
3. ให้นกั เรียนได้ทราบถึงผลการเขียนด้วยตนเอง ครูเป็ นผูก
้ ระตุน
้ ชี้แนะเ
ท่านัน
้
4. ในแต่ละสัปดาห์ครูทาแผนภูมก
ิ า้ วหน้าในการเขียนคาของนักเรียนแต่ล
ะคน
5. ให้นกั เรียนมีสว่ นร่วมในการตัง้ จุดมุง่ หมายของการเขียน อันจะช่วยใ
ห้นกั เรียนมีสว่ นร่วมในการแสดงความดิดเห็นและรับผิดชอบอีกด้วย
6. ครูและนักเรียนควรจะได้แสดงท่าทางประกอบเพือ
่ อธิบายความหมายของ
คาให้เข้าใจ
้ ด้วย
ยิง่ ขึน
7. นักเรียนทีเ่ ก่งได้ชว่ ยเหลือนักเรียนทีอ่ อ่ น
ไพฑูรย์ ธรรมแสง ( 2519 : 23 - 24 ) ได้เสนอความคิดเห็นว่า
วิธีการฝึ กเขียน
สะกดคาควรใช้กจิ กรรมหลาย ๆ อย่างปนกัน เช่น
1. ก่อนอืน
่ ต้องให้เด็กรูจ้ ุดมุง่ หมายของการเขียนคา เพือ
่ ให้เด็กเขียนสะกด
คาได้ถูกวรรคตอนและลายมือเป็ นระเบียบเรียบร้อย
2. ให้เด็กรวบรวมคาทีเ่ ขียนผิดบ่อย
ๆ จากหนังสือพิมพ์ ป้ ายโฆษณา พร้อมทัง้ อธิบายได้วา่ ผิดตรงไหน
3. ให้มก
ี ารสะกดตัวบนกระดานดา
4. ให้ชว่ ยกันเขียนคายากด้วยอักษรงาม ๆ ปิ ดแผ่นป้ ายประกาศในห้องเ
รียน
5. ผูกคายากเป็ นร้อยกรองให้ทอ่ งจา
6. ส่งเสริมให้เปิ ดพจนานุกรมเมือ่ สงสัย
7. กาหนดศัพท์ให้เขียนเป็ นประโยค หรือเป็ นเรือ
่ งราว
8.ใช้กจิ กรรมเขียนประกาศ โฆษณา ชี้แจงการเขียนรายงาน เป็ นกิจก
รรมร่วมกับการ
เขียนคาบอก
9. ถ้าบอกให้เขียนเป็ นเรือ
่ งราว ต้องให้เด็กทาความเข้าใจเรือ
่ งทีจ่ ะเขียน
ได้อก
ี ด้วยก่อน
รวมทัง้ คาศัพท์ทยี่ ากด้วย
10. เมือ่ เขียนผิด ชี้แจงให้เด็กทราบว่าผิดอย่างไร แล้วแก้ไข
การเขียนคาทีถ
่ ูกต้องนัน
้ คือความสามารถเขียนคาโดยเรียงได้ลาดับพยัญชนะ
สระ วรรณยุกต์ ตัวสะกดได้ถูกต้อง
การสอนเขียนคาเป็ นทักษะทีต ่ อ
้ งอาศัยการฝึ กฝนจึงต้องใช้กจิ กรรมหลายๆ อย่าง เพือ
่ ให้
เด็กเกิดความเพลิดเพลิน และจดจาคาต่าง ๆ
ได้แม่นยา และสามารถนาไปใช้ประโยชน์ดา้ นอืน ่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย
มาตรา 22 การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่า
ผูเ้ รียนทุกคนมีความสามารถเรียนรูแ ้ ละพัฒนาตนเองได้
และถือว่าผูเ้ รียนมีความสาคัญทีส่ ด
ุ
กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผูเ้ รียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตาม
ศักยภาพ (กระทรวงศึกษาธิการ, 2545)
จากสาระตามพระราชบัญญัตก ิ ารศึกษาแห่งชาติ พ.
ศ. 2542 มาตรา 22 ดังกล่าว จะเห็นว่าสือ่ การเรียนการสอน
นับว่าเป็ นปัจจัยสาคัญอย่างยิง่ ทีจ่ ะส่งเสริมและสนับสนุนให้ผูเ้ รียนเป็ นศูนย์กลางการเรียน
รูไ้ ด้หรือผูเ้ รียนเป็ นสาคัญ สือ่ การเรียนการสอนประเภท “คอมพิวเตอร์ชว่ ยสอนเอง
นับว่าเป็ นสือ่ ประเภทหนึ่งทีใ่ ห้ผลสัมฤทธิท ์ างการเรียนสูง ทัง้ นี้
เนื่องจากคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอนมีคุณสมบัตใิ นการนาเสนอแบบหลายสือ่
(Multimedia) ด้วยคอมพิวเตอร์
และการเรียนทีใ่ ช้เครือ ่ งคอมพิวเตอร์เป็ นเครือ่ งมือเป็ นเพิม
่ ความน่ าสนใจให้แก่ผูเ้ รียน
ความหมายของคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน
คอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน (Computer Assisted Instruction) หรือ ซีเอไอ
(CAI) มีผูส ้ รุปความหมายไว้คล้ายคลึงกันหลายความหมาย ดังต่อไปนี้
คอมพิวเตอร์ชว่ ยสอนหรือโปรแกรมช่วยสอน
คือสือ่ ทีใ่ ช้ในการเรียนการสอนอันหนึ่ง CAI คล้ายกับสือ่ การสอนอืน ่ ๆ เช่น
วิดีโอช่วยสอน บัตรคาช่วยสอน โปสเตอร์
แต่คอมพิวเตอร์ชว่ ยสอนจะดีกว่าตรงทีต ่ วั สือ่ การสอน ซึง่ ก็คอ
ื คอมพิวเตอร์นน้ั
สามารถโต้ตอบกับนักเรียนได้ ไม่วา่ จะเป็ นการรับคาสั่งเพือ ่ มาปฏิบตั ิ
ตอบคาถามหรือไม่เช่นนัน ้ คอมพิวเตอร์ก็จะเป็ นฝ่ ายป้ อนคาถาม (นัยนา เอกบูรณวัฒน์ ,
2539)
คอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน (CAI : Computer Assisted
Instruction) หมายถึง การประยุกต์นาคอมพิวเตอร์มาช่วยในการเรียนการสอน
โดยมีการพัฒนาโปรแกรมขึน ้ เพือ ่ นาเสนอเนื้อหาในรูปแบบต่าง ๆ เช่น
การเสนอแบบติวเตอร์ (Tutorial) แบบจาลองสถานการณ์ (Simulations) หรือ
แบบการแก้ไขปัญหา (Problem Solving) เป็ นต้น
การเสนอเนื้อหาดังกล่าวเป็ นการเสนอโดยตรงไปยังผูเ้ รียนผ่านทางจอภาพหรือแป้ นพิมพ์
โดยเปิ ดโอกาสให้ผูเ้ รียนได้มส ี ว่ นร่วม
วัสดุทางการสอนคือโปรแกรมหรือ Courseware ซึง่ ปกติจะถูกจัดเก็บไว้ในแผ่นดิสก์หรื
อหน่ วยความจาของเครือ่ ง
พร้อมทีจ่ ะเรียกใช้ได้ตลอดเวลา การเรียนในลักษณะนี้ ในบางครัง้ ผูเ้ รียนจะต้องโต้ตอบ
หรือตอบคาถามเครือ ่ งคอมพิวเตอร์ดว้ ยการพิมพ์
การตอบคาถามจะถูกประเมินโดยคอมพิวเตอร์ และจะ
เสนอแนะขัน ้ ตอนหรือระดับในการเรียนขัน ้ ต่อ ๆ ไป
กระบวนการเหล่านี้เป็ นปฏิกริ ยิ าทีเ่ กิดขึน ้
ระหว่างผูเ้ รียนกับคอมพิวเตอร์ (ศิรช ิ ยั สงวนแก้ว, 2534)
คอมพิวเตอร์ชว่ ยสอนหรื CAI คือ
การนาคอมพิวเตอร์มาใช้ในการเรียนการสอนโดยใช้โปรแกรมการเรียน
การเรียนการสอนทีผ ่ า่ นคอมพิวเตอร์ประเภทใดก็ตาม กล่าวได้วา่ เป็ น
คอมพิวเตอร์ชว่ ยสอนหรือ CAI มีคาทีใ่ ช้ในความหมายเดียวกันกับ CAI ได้แก่ Compu
ter-Assisted Learning (CAL) , Computer-aided Instruction (CaI) ,
Computer-aided Learning (CaL) เป็ นต้น (Hannafin & Peck, 1988)
คอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน หรือบทเรียนซีเอไอ (Computer-Assisted
Instruction; Computer-Aided Instruction : CAI) คือ
การจัดโปรแกรมเพือ ่ การเรียนการสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์เป็ นสือ่ ช่วยถ่ายโยงเนื้อหาควา
มรูไ้ ปสูผ ่ ูเ้ รียน และปัจจุบน ั ได้มก ี ารบัญญัตศ ิ พ
ั ท์ทใี่ ช้เรียกสือ่ ชนิดนี้วา่
“คอมพิวเตอร์ชว่ ยการสอน” (วุฒช ิ ยั ประสารสอน, 2543)
จากความดังกล่าว
สามารถสรุปความหมายของ “คอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน” หรือ CAI คือ
การนาคอมพิวเตอร์มาเป็ นเครือ ่ งมือสร้างให้เป็ นโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพือ ่ ให้ผูเ้ รียนนาไ
ปเรียนด้วยตนเองและเกิดการเรียนรู ้ ในโปรแกรมประกอบไปด้วย เนื้อหาวิชา
แบบฝึ กหัด แบบทดสอบ ลักษณะของการนาเสนอ อาจมีทง้ ั ตัวหนังสือ ภาพกราฟิ ก
ภาพเคลือ ่ นไหว สีหรือเสียง เพือ ่ ดึงดูดให้ผเู้ รียนเกิดความสนใจมากยิง่ ขึน ้
รวมทัง้ การแสดงผลการเรียนให้ทราบทันทีดว้ ยข้อมูลย้อนกลับ (Feedback) แก่ผูเ้ รียน
และยังมีการจัดลาดับวิธก ี ารสอนหรือกิจกรรมต่าง ๆ
เพือ ่ ให้เหมาะสมกับผูเ้ รียนในแต่ละคน
ทัง้ นี้จะต้องมีการวางแผนการในการผลิตอย่างเป็ นระบบในการนาเสนอเนื้อหาในรูปแบบ
ทีแ
่ ตกต่างกัน
คาภาษาอังกฤษทีใ่ ช้เรียก คอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน ได้แก่ Computer
Assisted Instruction (CAI), Computer Aided Instruction (CAI), Computer
Assisted Learning (CAL), Computer Aided Learning (CAL), Computer
Based Instruction (CBI), Computer Based Training (CBT), Computer
Administered Education (CAE) , Computer Aided Teaching
(CAT) แต่คาทีน ่ ิยมใช้ท่วั ไปในปัจจุบ ันได้แก่ Computer Assisted
Instruction หรือ CAI
นอกจากนัน ้
คอมพิวเตอร์ชว่ ยสอนเองยังมีลกั ษณะทีเ่ รียกว่า “บทเรียนสาเร็จรูป”
แต่เป็ นบทเรียนสาเร็จรูปโดยการใช้ไมโครคอมพิวเตอร์เป็ นตัวกลางแทนสิง่ พิมพ์หรือสือ่
ประเภทต่าง ๆ
ทาให้บทเรียนสาเร็จรูปในคอมพิวเตอร์มศ ี กั ยภาพเหนือกว่าบทเรียนสาเร็จรูปในรูปแบบ
อืน
่ ๆ
ทัง้ หมดโดยเฉพาะมีความสามารถทีเ่ กือบจะแทนครูทเี่ ป็ นมนุษย์ได้มข ี น
้ ั ตอนการสร้างแล
ะ
การพัฒนาบทเรียนเช่นเดียวกับบทเรียนสาเร็จรูปประเภทอืน ่ ๆ (ไพโรจน์ ตีรณธนากุล,
2528)
จากลักษณะของสือ่ ทีเ่ ป็ น “บทเรียนสาเร็จรูป” และสือ่ ทีเ่ ป็ น “คอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน” จึงสา
มารถสรุปเป็ นความหมายของ“บทเรียนสาเร็จรูปคอมพิวเตอร์การสอน” (Computer
Instruction Package :CI Package ) ว่าหมายถึง
บทเรียนสาเร็จรูปทีส่ ร้างขึน ้ ในลักษณะซอฟต์แวร์สาเร็จรูป (Package
Software) นาไปสอน (Instruction) เนื้อหาใหม่
โดยใช้คอมพิวเตอร์เป็ นเครือ ่ งมือในการเรียนการสอนบทเรียนหรือนาเสนอบทเรียน
ผูเ้ รียนสามารถเรียนด้วยตนเองได้ตามระดับความสามารถของตนเอง
ในบทเรียนมีแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิท ์ างการเรียน เพือ่ ทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน
จุดเด่นทีส่ าคัญของบทเรียน คือ การนาเสนอเนื้อหาในลักษณะหลายสือ่
(Multimedia) ได้แก่ประเภท ข้อความ (Text) รูปภาพ (Image) ภาพเคลือ ่ นไหว
(Animation) ภาพวิดีโอ (Video)และเสียง
(Audio) โดยทีผ ่ ูเ้ รียนจะมีโอกาสได้ปฏิสมั พันธ์
(Interactive) กับบทเรียนโดยผ่านเครือ ่ งไมโครคอมพิวเตอร์ได้ตลอดเวลา
บทที่ 3
วิธีการดาเนินงานโครงงาน
ข้อพึงระวังของการใช้คอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน
ผูส
้ อนจะต้องมีความพร้อม ความชานาญในการสอนคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน
ผูส้ อนควรมีการวางแผน และเตรียมความพร้อมให้แก่ผูเ้ รียนให้รอบคอบ
ก่อนนาคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอนไปใช้อย่างเหมาะสม
การผลิตคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอนทีไ่ ด้มาตรฐานเป็ นสิง่ สาคัญมาก
หากคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอนไม่ได้รบั การออกแบบอย่างเหมาะสม
จะทาให้ผูเ้ รียนรูส้ ก ึ เบือ่ หน่ ายและไม่ตอ
้ งการใช้คอมพิวเตอร์ชว่ ยสอนนัน้ ๆ
ผูท ้ ส ี่ นใจสร้างคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอนควรทีค ่ านึงเวลาในการผลิตว่า
คอมพิวเตอร์ชว่ ยสอนทีไ่ ด้มาตรฐานนัน ้ ต้องใช้เวลาเท่าไร
บทที่ 4
ผลการดาเนินงาน
ตารางที่ 2 แสดงคะแนนทีน
่ กั เรียนสอบได้จากคะแนนเต็ม 20 คะแนน
ที่ ชือ่ - สกุล ่ อนเรียน คะแนนเฉลียหลั
คะแนนเฉลียก่ ่ งเรียน
1 นายภานุพงศ์ คลังฤทธ์ 30% 55%
2 นายทวีศกั ดิ ์ สาเภา 45% 50%
3 นายธนดล แสงสกุล 45% 75%
4 นายปฏิภาน พิมพ์สา 35% 50%
5 นายสายฟ้ า วัยวัฒน์ 35% 55%
รวม 32% 56%
บทที่ 5
สรุป อภิปรายและข้อเสนอแนะ
จากโครงงานภาษาไทยสะกดคานักศึกษาทีเ่ ขียนสะกดคาไม่ถูกต้องของนักศึกษาชั้
นปี ที่ 1 ของสถาบันการพละศึกษา
วิทยาเขตศรีสะเกษ จานวน 5 คน พบว่าการใช้แบบฝึ กทักษะการเขียนสะกดคา ทาให้
ผลสัมฤทธิใ์ นการเขียนสะกดคาภายหลังการทดลองสูงกว่าผลสัมฤทธิใ์ นการเขียนสะกดคา
ก่อนทดลอง ร้อยละ 56 อยูใ่ นเกณฑ์พอใช้ เพิม
่ ขึน้ จากเดิม ร้อยละ 24 ซึง่ แต่ละคน
มีคะแนนสูงขึน ้ คือ
1. นายภานุพงศ์ คลังฤทธ์ เพิม ้ ร้อยละ
่ ขึน 25
2. นายทวีศกั ดิ ์ สาเภา เพิม ้ ร้อยละ
่ ขึน 5
3. นายธนดล แสงสกุล เพิม ้ ร้อยละ
่ ขึน 25
4. นายปฏิภาน พิมพ์สา เพิม ้ ร้อยละ
่ ขึน 15
5. นายสายฟ้ า วัยวัฒน์ เพิม ้ ร้อยละ
่ ขึน 20
ข้อเสนอแนะ
1. ข้อเสนอแนะในด้านการเรียนการสอน
1.1 จากผลการดาเนินงาน พบว่า
แบบฝึ กทักษะการเขียนสะกดคายากทาให้นกั ศึกษาเกิดการ เรียนรูไ้ ด้อย่างมีประสิทธิภาพ
จึงควรได้รบั การส่งเสริมให้ครูผูส
้ อนได้มก
ี ารสร้างแบบ
ฝึ กโดยวิเคราะห์คามาก่อนว่าคาใดเป็ นคายากสาหรับนักศึกษาและใช้แบบฝึ กเข้าช่วยใน
การสอนสะกดคา จะเป็ นการช่วยลดภาระและเวลาในการสอนของอาจารย์ลงไปได้ เพราะ
แบบฝึ กลักษณะนี้สามารถใช้สอนนอกเวลาได้และเด็กเรียนด้วยตนเองเป็ นรายบุคคล
ได้อกี ด้วย
1.2 การสอนเขียนสะกดคาเป็ นเรือ ่ งทีเ่ ด็กไม่คอ่ ยชอบเรียน
โดยเฉพาะเด็กทีม ่ ป
ี ญ ั หาด้าน
การเขียนจะรูส้ กึ เบือ่ หน่ ายและวิตกกังวลทุกครัง้ ทีจ่ ะต้องเรียนเรือ่ งการเขียนสะกดคา ดัง
นัน
้ อาจารย์จงึ ต้องหาวิธแ ี ละรูปแบบทีจ่ ะทาบทเรียนให้สนุกสนานน่ าสนใจ
โดยหากิจกรรม แปลก ๆ ใหม่ ๆ มาประกอบการสอนอยูเ่ สมอ
การใช้แบบฝึ กการเขียนสะกดคาจะช่วยแก้
ปัญหาความแตกต่างระหว่างบุคคลในเรือ ่ งนี้ได้และเป็ นวิธีหนึ่งทีท
่ าให้นกั เรียนไม่เบือ่
หน่ ายการเรียน ในการสร้างแบบฝึ กหัดสาหรับนักศึกษาระดับอุดมศึกษานัน ้ ควรมีรูป
ภาพประกอบให้มากและรูปภาพนัน ้ ต้องแจ่มชัดพอทีจ่ ะสือ่ ความหมายได้ตามระดับ
ความสามารถของผูเ้ รียน
แบบฝึ กแต่ละชุดไม่ควรให้มค ี ามากและใช้เวลาในการทานานจน เกินไป
1.3 ในการสอนเขียนสะกดคา
อาจารย์ควรเน้นทีค ่ วามหมายของคาก่อนเพราะจะช่วยทาให้นกั ศึกษาเขียนสะกดคาได้ดข ี ึ้
น โดยเฉพาะคาพยางค์เดียวเพราะมีคาพ้องเสียงอยูม ่ าก
ถ้าอาจารย์ผูส ้ อนยังไม่มแ ี บบฝึ กหัด อย่างน้อยควรใช้บตั รคา บัตรความหมายคา
เปิ ดโอกาสให้นกั ศึกษาเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนการสอนด้วย
จากการทีผ ่ วู้ จิ ยั สังเกตพบในกลุม ่ ควบคุม ถ้า
ครัง้ ใดทีอ่ าจารย์ผูส ้ อนใช้บตั รคาและบัตรความหมาย
นักศึกษาจะสนใจและรูส้ ก ึ สนุกสนานที่
จะได้เข้าร่วมกิจกรรมกับอาจารย์ดงั นัน ้ อาจารย์ไม่ควรสอนการเขียนสะกดคาวิธีการให้น ั
กเรียน เขียนตามคาบอกและทาแบบฝึ กหัดคาถูก-ผิด เท่านัน ้
ควรสอนคาและความหมายของคา ก่อนทุกครัง้ ทีจ่ ะมีการเขียนตามคาบอก
จะช่วยให้นกั เรียนเขียนสะกดคาได้ดีขน ึ้
1.4 ควรมีการสนับสนุนและร่วมมือกันในกลุม ่ อาจารย์ผูส
้ อนกลุม
่ ทักษะภาษาไทย
โดยการ สร้างแบบฝึ กทักษะการเขียนสะกดคาในแต่ละบทเรียน
โดยนาคาทีม ่ ค
ี วามยากปานกลาง ถึงยากมากในบทเรียนนัน ้ ๆ มาสร้างเป็ นแบบฝึ ก
เพือ
่ ให้สมั พันธ์กบั คูม
่ อ
ื การสอนภาษา ไทย แบบเรียนภาษาไทย
ให้เด็กได้ฝึกในเวลาทาการสอนแต่ละบทเรียน
1.5 อาจารย์ควรเป็ นแบบอย่างทีด
่ ีในการเขียนสะกดคาให้แก่ผูเ้ รียน
และอาจารย์ทก
ุ คนในสถาบันควร ร่วมมือกันแก้ไข
ถ้าพบว่าเด็กนักศึกษาคนใดเขียนสะกดคาผิดจะต้องแก้ไขให้ถูกต้องทันที อย่าปล่อยทิง้ ไว้
เพราะจะทาให้นกั ศึกษาเกิดความคงทนในคาผิดนัน
้ ๆ
้ นี้
1.6 แบบฝึ กทักษะการเขียนสะกดคายากของผูว้ จิ ยั ได้สร้างขึน
ได้รวบรวมคายากของพจนาณุ กรมไทย จึงสมควร
ใช้แบบฝึ กนี้เพือ่ สอนซ่อมเสริมนักเรียนตอนปลายปี หรือเลือกสอนเฉพาะแบบฝึ กที่
สัมพันธ์กบั เนื้อหาในแต่ละบทเรียน
1.7 ในการทาแบบฝึ กแต่ละครัง้ ของนักศึกษา
อาจารย์ผูส ้ อนจะต้องเฉลยทันทีและชี้แจงข้อ บกพร่อง
ข้อสังเกตในการทีจ่ ะแก้ไขและจดจา เพือ ่ ให้นกั เรียนทราบความสามารถของ ตน
พร้อมทัง้ แนวทางในการแก้ไขและพัฒนาความสามารถในการเขียนสะกดคาของตน
้ ในครัง้ ต่อไปได้
ให้ดียงิ่ ขึน
1.8 ในการสอนเขียนสะกดคาแต่ละครัง้ ควรมีทง้ ั คาทีค
่ อ่ นข้างง่ายจนไปถึงคายาก
ส่วนคา
ทีม
่ ค ้ และควรสอนให้มค
ี วามยากมากอาจารย์จะต้องใช้เวลาฝึ กให้มากยิง่ ขึน ี วามสัมพันธ์ก ั
นทัง้ ทักษะการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน
โดยเฉพาะการอ่านสะกดคาจะมีสว่ นช่วยให้ นักเรียนเขียนสะกดคาได้ถก ้
ู ต้องขึน
2.1ควรศึกษาผลความก้าวหน้าในการเขียนสะกดคาจากการสอนซ่อมเสริมผูเ้ รียนทีอ่ อ่ นท
าง ด้านการเขียนสะกดคา โดยใช้แบบฝึ กทักษะการเขียนสะกดคายาก
2.2 ควรศึกษาผลของการใช้แบบฝึ กทักษะการเขียนสะกดคายาก
เปรียบเทียบกับการใช้ เกม หรือกิจกรรมอืน่ ๆ ในการสอนเขียนสะกดคา
ทีส่ ง่ ผลต่อการพัฒนาการเขียนสะกดคาของนักศึกษา
เอกสารอ้างอิง