Professional Documents
Culture Documents
1. ความรับผิดเพือ
่ ละเมิด
2. ค่าสินไหมทดแทน
3. นิรโทษกรรม
4. อายุความ
ความรับผิดเพือ
่ ละเมิด
สาหรับความรับผิดเพือ่ ละเมิด ซึง่ ประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์กาหนดไว้นน
้ั
สามารถแบ่งหมวดหมูเ่ ป็ น 3 ประการ คือ
1. ความรับผิดเพือ
่ ละเมิดอันเกิดจากการกระทาของตนเอง
2. ความรับผิดเพือ
่ ละเมิดอันเกิดจากการกระทาของผูอ ้ น
ื่
3. ความรับผิดเพือ่ ละเมิดอันเกิดทรัพย์กอ
่ ให้เกิดความเสียหาย
เกิดจากการกระทาของตนเอง เกิดจากการกระทาของผูอ
้ น
ื่ เกิดจากทรัพย์
มาตรา 421
การใช้สท
ิ ธิเกินส่วน
มาตรา 422
ความเสียหายเกิดจาก มาตรา 434 ความรับผิดของผู้
มาตรา 427
การฝ่ าฝื นกฎหมาย ความรับผิดของตัวการ ครองโรงเรือนหรือสิง่ ปลูกสร้าง
มาตรา 423
กล่าวหรือไขข่าวซึง่ ฝ่ า
ฝื นต่อความจริง
มาตรา 429
มาตรา 428 ความรับผิดของผู้ มาตรา 436 ความรับผิดของผูอ
้ ยู่
ความรับผิดชอบของ
ว่าจ้างทาของ ในโรงเรือนกรณีของตก
บิดามารดาหรือผูอ
้ นุบาล
1. ความรับผิดเพือ
่ ละเมิดอันเกิดจากการกระทาของตนเอง
** ข้าราชการได้รบ
ั มอบหมายให้อยูเ่ วรรักษาราชการ
ปรากฏว่ามีทรัพย์สน ิ ทางราชการหายไปขณะทีร่ าชการซึง่ มาอยูเ่ วรหลับนอน ดังนี้
ถือไม่ได้วา่ ข้าราชการผูน ้ น ้ ั จงใจหรือประมาทเลินเล่อทาให้ทรัพย์สน ิ หายไป ไม่เป็ นละเมิด
(ฎีกา 167/2532)
** ข้าราชการทีไ ่ ด้รบั มอบหมายให้มาอยูเ่ วร แต่ไม่มาอยูเ่ วร
และในวันดังกล่าวทรัพย์สน ิ ของราชการหายไป
ศาลฎีกาก็วน ิ ิจฉัยว่าไม่ใช่เหตุโดยตรงทาให้ทรัพย์สน ิ ถูกลัก (ฎีกา 1996/2523)
** ถ้าข้าราชการผูน ้ น้ ั มีหน้าทีเ่ ป็ นเวรยามรักษาความปลอดภัย
ไม่ได้อยูเ่ วรยามเป็ นเหตุให้ทรัพย์สน ิ หาย ศาลฎีกาถือว่าเป็ นเหตุโดยตรง จาเลยต้องรับผิด
(ฎีกา 400/2534)
ข้อยกเว้นความผิดในกรณี หมิน
่ ประมาท
1. มีทางได้เสียในการส่งข่าว
์ ามรัฐธรรมนูญ
2. เอกสิทธิต
3. ์ ามประมวลกฎหมายอาญา
เอกสิทธิต
4. ความยินยอมไม่เป็ นการละเมิด
1. สามีภริยา (ต้องจดทะเบียนสมรสแล้ว)
2. ตัวการร่วมด้วยกัน (ผูร
้ ว่ มกระทาผิด)
3. บุคคลพวกทีแ ่ อบดู แอบฟัง แอบรูเ้ ห็นโดยละเมิด
2. ความรับผิดเพือ
่ ละเมิดอันเกิดจากการกระทาของผูอ
้ น
ื่
ตารางเปรียบเทียบการจ้างแรงงานกับจ้างทาของ
1. นายจ้าง-ลูกจ้าง 1. ผูว
้ า่ จ้าง-ผูร้ บั จ้าง
2. ไม่ถือเอาความสาเร็จของงาน 2. ถือเอาความสาเร็จของงาน
3. นายจ้างต้องร่วมรับผิดกับลูกจ้าง 3. ผูว
้ า่ จ้างไม่ตอ
้ งรับผิดร่วมกับผูร้ บั จ้าง
4. 4.
นายจ้างมีอานาจสัง่ การหรือบังคับบัญชาลู ผูว้ า่ จ้างไม่มอ
ี านาจสัง่ การหรือบังคับบัญชาผู้
กจ้างได้ รับจ้างได้
นายจ้างมีสท
ิ ธิไล่เบีย้ ลูกจ้าง
มาตรา 426 ่ ได้ใช้คา่ สินไหมทดแทนให้แก่บค
“นายจ้างซึง ุ คลภายนอก
เพือ่ ละเมิดอันลูกจ้างได้ทานัน
้ ชอบทีจ่ ะได้ชดใช้จากลูกจ้างนัน
้ ”
การทีน่ ายจ้างจะไล่เบีย้ เอาจากลูกจ้างได้นน ้ั
คงไล่เบีย้ ได้เฉพาะค่าสินไหมทดแทนทีน ่ ายจ้างต้องรับผิดใช้ให้แก่ผูเ้ สียหายจากผลทีล่ ูกจ้า
งกระทาละเมิดในทางการทีจ่ า้ ง
แต่ถา้ เป็ นค่าเสียหายอย่างอืน ่ ซึง่ ไม่ใช่ผลโดยตรงจากการกระทาละเมิด
นายจ้างจะไล่เบีย้ ไม่ได้ เช่น ค่าฤชาธรรมเนียมในการขึน ้ ศาล
ค่าทนายความต่อสูค ้ ดีของนายจ้าง ฯลฯ
ข้อสังเกตุ
นายจ้างมีสท ิ ธิเรียกดอกเบีย้ นับแต่วน ั ทีน
่ ายจ้างได้ใช้เงินให้แก่ผูเ้ สียหายไป
จะเรียกดอกเบีย้ นับแต่วน ั ผิดนัดคือวันละเมิดไม่ได้
** สิทธิไล่เบีย้ จากลูกจ้างตามมาตรา 426
นัน
้ นายจ้างต้องได้ใช้คา่ สินไหมทดแทนให้แก่บค ุ คลภายนอกไปแล้ว
หากยังไม่ใช่ก็ยงั ไม่มส ี ท
ิ ธิไล่เบีย้ (ฎีกา 3373/2545)
ข้อสังเกตพิเศษ
** คาพิพากษาฎีกาทัง้ 3 เรือ
่ งเป็ นการใช้ให้ผูอ ้ นื่ ขับรถยนต์ไปในกิจการหรือ
เพือ ่ ประโยชน์ของผูใ้ ช้ จะถือได้วา่ ผูข ้ บั รถยนต์เป็ นตัวแทนผูใ้ ช้
ต่างกับการใช้ให้ผูอ ้ น
ื่ ยืมรถยนต์ไปใช้ในกิจการหรือเพือ ่ ประโยชน์ของผูย้ ืม
ผูย้ ืมจึงไม่ใช่ตวั แทนของผูใ้ ห้ยืม เมือ่ ยืมรถไปชนผูอ ้ น ื่ ผูใ้ ห้ยืมไม่ต้องรับผิดด้วย (ฎีกา
5519-5550/2541)
** ใช้ให้ผูอ
้ น
ื่ ขับรถหรือเรือ โดยผูใ้ ช้น่งั ไปด้วย ถือว่าผูถ
้ ูกใช้เป็ นตัวแทนโดยปริยาย
(ฎีกา 1627/2544, 3147/2532)
ข้อสังเกต
การเป็ นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย คือ
กรณี ทเี่ ด็กเกิดจากบิดามารดาทีไ่ ด้จดทะเบียนกันแล้ว
กรณี ทเี่ ด็กเกิดจากบิดามารดาทีไ่ ม่ได้จดทะเบียนสมรสกันจะเป็ นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมา
ยก็ตอ่ เมือ่ บิดามารดาได้สมรสกันภายหลัง
หรือบิดามารดาได้จดทะเบียนว่าเป็ นบุตรหรือศาลพิพากษาว่าเป็ นบุตร (มาตรา 1547)
ดังนัน
้ กรณี ทบ ี่ ด
ิ ามารดารับรองบุตรโดยข้อเท็จจริง
เช่นให้ใช้นามสกุลหรือให้การอุปการะเลีย้ งดู
ยังไม่ทาให้เป็ นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายคงก่อให้เกิดสิทธิในการรับมรดกของบิดาเท่านั้
น (มาตรา 1627)
ข้อสังเกต
คาพิพากษาฎีกาวินิจฉัยว่า
การทีผ ่ ูเ้ ยาว์ไปกระทาละเมิดทีอ่ น
ื่ โดยบิดามารดาไม่รเู ้ ห็นด้วย
บิดามารดาไม่อาจยกขึน ้ ปฏิเสธความรับผิดได้ (ฎีกา 9774/2544)
1) ผูค
้ รอง ใช้ความระมัดระวังตามสมควร
โรงเรือน สิง่ ปลูกสร้าง
434 เพือ
่ ป้ องกันความเสียหายนัน
้ แล้ว
ต้นไม้ กอไผ่ 2) เจ้าของ (เจ้าของแก้ตวั ไม่ได้เลย)
ของตกหล่นหรือทิง้ ขว้าง
436 บุคคลผูอ
้ ยูใ่ นโรงเรือน ไม่มก
ี ฎหมายกาหนดให้แก้ตวั ได้
จากโรงเรือน
437
ยานพาหนะฯ 1) ผูค
้ วบคุม 1) เหตุสด
ุ วิส ัย
หรือทรัพย์อน
ั ตราย 2) ผูค
้ รอง 2) ความผิดของผูเ้ สียหายเอง
3) เจ้าของ
(ถ้าผูค
้ รองหรือ/และ
เจ้าของอยูด
่ ว้ ย
ต้องร่วมรับผิด)
้ เพราะสัตว์
ความเสียหายเกิดขึน
ความเสียหายอันเกิดโรงเรือนหรือสิง่ ปลูกสร้าง
มาตรา 434 ้ เพราะเหตุทโี่ รงเรือน
“ถ้าความเสียหายเกิดขึน
หรือสิง่ ปลูกสร้างอย่างอืน ่ ก่อสร้างไว้ ชารุดบกพร่องก็ดี หรือบารุงรักษาไม่เพียงพอก็ดี
ท่านว่าผูค ้ รองโรงเรือนหรือสิง่ ปลูกสร้างนัน ้ ๆ จาต้องใช้คา่ สินไหมทดแทน
แต่ถา้ ผูค
้ รองได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควร เพือ่ ปัดป้ องมิให้เกิดเสียหายฉะนัน ้ แล้ว
ท่านว่าผูเ้ ป็ นเจ้าของจาต้องใช้คา่ สินไหมทดแทน
บทบัญญัตท ิ กี่ ล่าวมาในวรรคก่อนนัน ้
ให้ใช้บงั คับได้ตลอดถึงความบกพร่องในการปลูกหรือคา้ จุนต้นไม้หรือกอไผ่ดว้ ย
ในกรณี ทก ี่ ล่าวมาในสองวรรคข้างต้นนัน ้
ถ้ายังมีผูอ้ น ื่ อีกทีต ่ อ้ งรับผิดชอบในการก่อให้เกิดเสียหายนัน ้ ด้วยไซร้
ท่านว่าผูค ้ รองหรือเจ้าของจะใช้สท ิ ธิไล่เบีย้ เอาแก่ผูน
้ น
้ ั ก็ได้”
หลักเกณฑ์ความรับผิดตามมาตรา 434 วรรคแรก
1) ความเสียหายเกิดจากโรงเรือน หรือสิง ่ ปลูกสร้างอย่างอืน
่
2) โรงเรือนหรือสิง่ ปลูกสร้างนัน
้ ชารุดบกพร่อง หรือบารุงรักษาไม่เพียงพอ
หลักเกณฑ์ความรับผิดตามมาตรา 434 วรรคสอง
1) ความเสียหายเกิดจากต้นไม้หรือกอไผ่
2) ต้นไม้หรือกอไผ่นน ้ ั มีความบกพร่องในการปลูกหรือคา้ จุน
คาอธิบายเพิม ่ เติม
1) สิง
่ ปลูกสร้าง
(ฎีกา
2959/2516) ป้ ายโฆษณาติดตัง้ บนดาดฟ้ าตึก ผูเ้ ช่าสถานทีต
่ ด
ิ ตัง้ เป็ นผูค
้ รอบครองป้ าย
ผูร้ บั จ้างติดตัง้ และดูแลป้ ายไม่ใช่ผูค
้ รอบครองร่วมด้วย ป้ ายติดตัง้ ไม่ตรงตามแบบแปลน
จึงถูกพายุตามธรรมดาพัดพังลงมาทาให้โจทก์เสียหาย ผูเ้ ช่าต้องรับผิด
2) ถ้าผูค
้ รอบครองรับผิดแล้ว เจ้าของก็ไม่ตอ ้ งรับผิด (ฎีกา 1358-1359/2496)
3) พายุมาแรงตามฤดูกาล ไม่ใช่เหตุสด ุ วิสยั
4) เปรียบเทียบกับเรือ
่ งของตกหล่นจากโรงเรือน (ม.436)
1. เจ้าของหรือผูค
้ รอบครองเป็ นผูร้ บั ผิด 1. บุคคลผูอ
้ ยูใ่ นโรงเรือนเป็ นผูร้ บั ผิด
2.ความเสียหายจากโรงเรือน 2.
หรือสิง่ ปลูกสร้างหรือต้นไม้หรือกอไผ่ ความเสียหายจากของตกหล่นจากโรงเรือน
การทีบ
่ ค
ุ คลผูอ ้ ได้ 2 กรณีคอ
้ ยูใ่ นโรงเรือนจะต้องรับผิดตามมาตรา 436 อาจเกิดขึน ื
ความเสียหายเกิดจากยานพาหนะ
มาตรา 437 “บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแลยานพาหนะอย่างใดๆ
อันเดินด้วยกาลังเครือ่ งจักรกล บุคคลนัน ้ จะต้องรับผิดชอบเพือ่ การเสียหายอันเกิดแต่ยาน
พาหนะนัน ้ เว้นแต่จะพิสจู น์ ได้วา่ การเสียหายนัน้ เกิดแต่เหตุสด
ุ วิสยั
หรือเกิดเพราะความผิดของผูต ้ อ้ งเสียหายนัน
้ เอง”
ความเสียหายจากทรัพย์ตามมาตรา 437 มี 2 ประเภทคือ
1) ยานพาหนะอันเดินด้วยเครือ ่ งจักรกล
2) ทรัพย์อน
ั ตราย แบ่งออกเป็ น 3 ประเภทคือ
2.1 ทรัพย์อนั ตรายโดยสภาพ ได้แก่ ทรัพย์ทเี่ กิดอันตรายแก่รา่ งกาย ชีวต
ิ
ทรัพย์สน ิ ได้โดยสภาพของตัวทรัพย์เอง เช่น กระแสไฟฟ้ า น้ามันเบนซิน น้ากรด
ลูกระเบิด แก๊ส เป็ นต้น
2.2 ทรัพย์อน ั ตรายโดยความมุง่ หมายทีใ่ ช้ ได้แก่
ทรัพย์โดยสภาพของมันเองไม่เกิดอันตราย แต่โดยการใช้ทาให้เกิดอันตรายขึน ้ เช่น
เอาอาวุธปื นมาบรรจุกระสุนในลากล้อง เอาบัง้ ไฟหรือพลุมาใช้จุด
เอาสารเคมีอน ั เป็ นพิษมาปรุงแต่งเพือ่ ทาอันตรายคน หรือเพือ ่ ใช้ฆา่ แมลง เป็ นต้น
2.3 ทรัพย์อน ั ตรายโดยอาการกลไกของทรัพย์ ได้แก่ พวกเครือ ่ งจักรกลต่างๆ
ซึง่ ไม่ใช่ยานพาหนะตามมาตรา 437 วรรคแรก แต่มอ ี าการกลไกจักรกลทีม ่ อ
ี ยูใ่ นตัวเอง
เช่น เครือ ่ งจักรต่างๆ เลือ่ ย จักรไส ชิงช้าสวรรค์ เรือเหาะ สไลเดอร์ เครือ่ งตัดกระดาษ
รถตักดิน เป็ นต้น ทรัพย์เหล่านี้จะเป็ นทรัพย์อ ันตรายในขณะทีก ่ าลังทางานอยู่
หลักเกณฑ์ความรับผิดตามมาตรา 437 วรรคแรก
(ความเสียหายเกิดจากยานพาหนะอันเดินด้วยเครือ
่ งจักรกล)
1) ยานพาหนะต้องเดินด้วยเครือ
่ งจักรกล
2)ความเสียหายต้องเกิดขึน ้ ในขณะทีย่ านพาหนะฯ นัน ้ เดินด้วยเครือ่ งจักรกลอยู่
3) ความเสียหายเป็ นผลโดยตรงซึง ้ จากยานพาหนะทีเ่ ดินด้วยเครือ
่ เกิดขึน ่ งจักรกล
4) ความเสียหายต้องเกิดแก่บค ุ คล ทรัพย์สน ิ
หรือยานพาหนะอืน ่ ทีม
่ ไิ ด้เดินด้วยกาลังเครือ่ งจักรกล
ค่าสินไหมทดแทน
มาตรา 438 “ค่าสินไหมทดแทนจะพึงใช้โดยสถานใดเพียงใดนัน
้
ให้ศาลวินิจฉัยตามควรแก่พฤติการณ์ และความร้ายแรงแห่งละเมิด
อนึ่งค่าสินไหมทดแทนนัน ้
ได้แก่การคืนทรัพย์สน ิ อันผูเ้ สียหายต้องเสียไปเพราะละเมิด หรือใช้ราคาทรัพย์สน
ิ นัน
้
้ นัน
รวมทัง้ ค่าเสียหายอันจะพึงบังคับให้ใช้เพือ่ ความเสียหายอย่างใด ๆ อันได้กอ่ ขึน ้ ด้วย”
มาตรา 438 วรรคแรก การกาหนดค่าสินไหมทดแทนเพือ ่ การละเมิด
ศาลจะต้องใช้ดุลพินิจในขอบเขตทีก
่ ฎหมายกาหนดไว้ คือ
ในการกาหนดค่าสินไหมทดแทนนัน ้
1) ศาลจะต้องพิเคราะห์พฤติการแห่งละเมิด และ
2) ความร้ายแรงแห่งละเมิด
ดอกเบีย้ ในราคาทรัพย์
มาตรา 440 “ในกรณี ทต
ี่ อ้ งใช้ราคาทรัพย์อนั ได้เอาของเขาไปก็ดี
ในกรณี ทต
ี่ อ้ งใช้ราคาทรัพย์อนั ลดน้อยลงเพราะบุบสลายก็ดี
ฝ่ ายผูต้ อ้ งเสียหายจะเรียกดอกเบี้ยในจานวนเงินทีจ่ ะต้องใช้
คิดตัง้ แต่เวลาอันเป็ นฐานทีต่ ง้ ั แห่งการประมาณราคานัน
้ ก็ได้”
คาอธิบายเพิม
่ เติม
การใช้ราคาทรัพย์ เป็ นหน้าทีต ่ อ
่ เนื่องจากการคืนทรัพย์ กล่าวคือ
ในกรณี ทผ ี่ กู้ ระทาละเมิดไม่สามารถคืนทรัพย์ทเี่ อามาได้เพราะเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง
ไม่วา่ จะเป็ นอุบตั เิ หตุหรือเป็ นการพ้นวิส ัยก็ดี ก็ให้ผูก ้ ระทาละเมิดชดใช้ราคาทรัพย์
หรือใช้ราคาค่าลดน้อยลงเป็ นจานวนเงินโดยตรง และเมือ่ เป็ นหนี้เงิน
ผูเ้ สียหายก็มส ี ทิ ธิเรียกดอกเบีย้ ได้
ในเรือ่ งการคิดดอกเบีย้ นี้
กฎหมายให้คด ิ ตัง้ แต่เวลาอันเป็ นฐานทีต ่ ง้ ั แห่งการประมาณราคานัน ้ คือ
ตัง้ แต่วนั ทาละเมิดนั่นเอง เพือ ่ ให้สอดคล้องกับ ป.พ.พ.มาตรา 206 และมาตรา 224
วรรคแรก
ดอกเบีย้ ในราคาทรัพย์ = เริม ่ นับตัง้ แต่วน ั ทาละเมิด
การอ้างหลุดพ้นเพราะได้ใช้แก่ผูค
้ รองทรัพย์
มาตรา 441 “ถ้าบุคคลจาต้องใช้คา
่ สินไหมทดแทน เพือ่ ความเสียหายอย่างใดๆ
เพราะเอาสังหาริมทรัพย์ของเขาไปก็ดี หรือเพราะทาของเขาให้บบ ุ สลายก็ดี
เมือ่ ใช้คา่ สินไหมทดแทนให้แก่บค ุ คลซึง่ เป็ นผูค
้ รองทรัพย์นน ้ ั อยู่ ในขณะทีเ่ อาไป
หรือขณะทีท ่ าให้บบ
ุ สลายนัน
้ แล้ว ท่านว่าเป็ นอันหลุดพ้นไปเพราะการทีไ่ ด้ใช้ให้เช่นนัน ้
แม้กระทัง่ บุคคลภายนอกจะเป็ นเจ้าของทรัพย์ หรือมีสท ิ ธิอย่างอืน่ เหนือทรัพย์นน ้ั
เว้นแต่สท ิ ธิของบุคคลภายนอกเช่นนัน ้ จะเป็ นทีร่ อู ้ ยูแ
่ ก่ตนหรือมิได้รู ้
เพราะความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของตน”
หลักสาคัญของมาตรา 441
1) เอาสังหาริมทรัพย์ไป หรือทาให้สงั หาริมทรัพย์บบ ุ สลาย
2) ใช้คา ่ สินไหมทดแทนแก่ผค ู้ รองทรัพย์เต็มจานวนหนี้
3) ใช้ให้ผูค ้ รองทรัพย์ขณะเอาไป หือทาให้บบ ุ สลาย
4) ชดใช้โดยสุจริต หรือไม่ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
ข้อยกเว้น
1) รูอ
้ ยูแ ่ ล้วว่าผูค
้ รองทรัพย์มใิ ช่เจ้าของทรัพย์
2) ไม่รเู ้ พราะความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
ค่าสินไหมทดแทนเพือ
่ ละเมิด
เสียหายต่อทรัพย์ เสียหายต่อชีวต
ิ เสียหายต่อร่างกายอนามัย
5) ค่าขาดไร้อป
ุ การะ(ม.443 ว.ท้าย) 5)ค่าความเสียหายอย่างอืน
่ อันมิใช่ตวั
(ม.446)
6) ค่าชดใช้ขาดการงาน (ม.445)
ค่าสินไหมทดแทนแก่ชีวต
ิ
มาตรา 443 “ในกรณี ทาให้เขาถึงตายนัน
้ ค่าสินไหมทดแทนได้แก่คา่ ปลงศพ
รวมทัง้ ค่าใช้จา่ ยอันจาเป็ นอย่างอืน ่ ๆ อีกด้วย
ถ้ามิได้ตายในทันที ค่าสินไหมทดแทน
ได้แก่คา่ รักษาพยาบาลรวมทัง้ ค่าเสียหายทีต ่ อ้ งขาดประโยชน์ ทามาหาได้เพราะไม่สามาร
ถประกอบการงานนัน ้ ด้วย
ถ้าว่าเหตุทต ี่ ายลงนัน ้
ทาให้บค ุ คลหนึ่งคนใดต้องขาดไร้อป ุ การะตามกฎหมายไปด้วยไซร้
ท่านว่าบุคคลคนนัน ้ ชอบทีจ่ ะได้รบั ค่าสินไหมทดแทนเพือ่ การนัน้ ”
มาตรา 445 “ในกรณี ทาให้เขาถึงตาย หรือให้เสียหายแก่รา่ งกายหรืออนามัยก็ดี
ในกรณี ทาให้เขาเสียเสรีภาพก็ดี ถ้าผูต ้ อ้ งเสียหายมีความผูกพันตามกฎหมาย
จะต้องทาการงานให้เป็ นคุณแก่บค ุ คลภายนอกในครัวเรือน
หรืออุตสาหกรรมของบุคคลภายนอกนัน ้ ไซร้
ท่านว่าบุคคลผูจ้ าต้องใช้คา่ สินไหมทดแทนนัน ้ จะต้องใช้คา่ สินไหมทดแทนให้แก่บค ุ คลภา
ยนอก เพือ่ ทีเ่ ขาต้องขาดแรงงานอันนัน ้ ไปด้วย”
ค่าสินไหมทดแทนกรณี ทาให้ตายตามมาตรา 443 และ 445
แยกตามลักษณะของค่าสินไหมทดแทนได้ดงั นี้
1) ค่าปลงศพ (มาตรา 443 วรรค 1) ==> ทายาท * กรณี บต ุ รนอกกฏหมาย
บิดาต้องรับรองโดยพฤติการณ์ แล้ว
2) ค่าใช้จา
่ ยอันจาเป็ นในอืน
่ ๆ เกีย่ วกับการจัดการศพ (มาตรา 443 วรรค 1) ==>
ทายาท
3) ค่ารักษาพยาบาลก่อนตาย (มาตรา 443 วรรค 2) ==> ทายาท
4) ค่าขาดประโยชน์ ทามาหาได้กอ ่ นตาย (มาตรา 443 วรรค 2) ==> ทายาท
5) ค่าขาดไร้อป
ุ การะ (มาตรา 443 วรรคท้าย)
หมายถึงค่าสินไหมทดแทนทีผ ่ ท ุ คลซึง่ ผูต
ู้ าละเมิดให้แก่บค ้ ายมีหน้าทีต
่ อ
้ งอุปการะไว้
ตามกฎหมายครอบครัว
โดยไม่จาต้องพิจารณาว่าในทางข้อเท็จจริงจะได้มก ี ารอุปการะกันหรือไม่
และไม่จาเป็ นต้องพิจารณาว่าผูต
้ ายมีรายได้หรือไม่ มีหลักเกณฑ์ 3 ประการคือ
5.1 ผูถ
้ ก
ู ทาละเมิดจะต้องได้ถงึ แก่ความตายเท่านัน
้
5.2 ผูถ
้ ก
ู ทะละเมิดมีหน้าทีต
่ อ
้ งอุปการะเลีย้ งดูบค
ุ คลตามกฎหมายครอบครัว
5.3 ความตายทาให้บค
ุ คลนัน
้ ต้องขาดไร้อป
ุ การะ
ผูท
้ ม
ี่ ส
ี ท
ิ ธิเรียกค่าขาดไร้อป
ุ การะ ได้แก่
(ก) สามีภริยาทีถ ่ ูกต้องตามกฎหมาย คือ
สามีภริยาทีไ่ ด้มก
ี ารจดทะเบียนสมรสกันแล้ว
(ข) บิดามารดาทีช
่ อบด้วยกฎหมาย
(ค) บุตรทีช
่ อบด้วยกฎหมาย รวมทัง้ บุตรบุญธรรม เฉพาะทีเ่ ป็ นผูเ้ ยาว์
หรือทุพพลภาพ หาเลีย้ งตนเองไม่ได้เท่านัน
้
(ง) ผูร้ บั บุตรบุญธรรม (กรณี ทลี่ ก
ู บุญธรรมเสียชีวต
ิ )
6) ค่าชดใช้ขาดแรงงานของบุคคลภายนอก (มาตรา 445)
6.1 ค่าขาดแรงงานในครัวเรือน
(ก) สามีหรือภรรยาทีช
่ อบด้วยกฏหมาย
หากคูส่ มรสคนหนึ่งถูกทาละเมิดให้ตายหรือให้เสียหายแก่รา่ งกายหรืออนามัย
คูส่ มรสอีกคนหนึ่งขาดแรงงานในครัวเรือน ย่อมมีสทิ ธิเรียกค่าชดใช้การขาดแรงงานได้
(ข) ผูใ้ ช้อานาจปกครองบุตร
ตามกฎหมายครอบครัวบัญญัตใิ ห้ผูใ้ ช้อานาจปกครองมีอานาจทีจ่ ะให้บต
ุ รทาการงานตาม
ความจาเป็ นและฐานานุรูปตามมาตรา 1567(3)
ดังนัน
้ หากบุตรถูกทาละเมิดให้ตายหรือให้เสียหายแก่รา่ งกายหรืออนามัย
บิดามารดาผูใ้ ช้อานาจปกครองก็สามารถฟ้ องร้องเรียกค่าขาดแรงงานตามมาตรา 445 ได้
6.2 ค่าขาดแรงงานในอุตสาหกรรม
สรุปเกีย่ วกับค่าขาดแรงงาน
1) บุตรอายุ 19 ปี มิใช่แรงงานในการขับรถยนต์ของบ้าน เรียกค่าขาดแรงงานไม่ได้
2) อุตสาหกรรมของบุคคลภายนอก เช่น นายจ้าง
** ถ้าลูกจ้างถึงแก่ความตาย สัญญาจ้างย่อมระงับลง
นายจ้างเรียกร้องตามมาตรานี้ไม่ได้
3) ค่าสินไหมทดแทนกรณี ทาให้เสียหายแก่รา ่ งกายและอนามัย
(ไม่ทาให้ถงึ แก่ความตาย)
3.1 ค่าใช้จา
่ ยอันตนต้องเสียไป
** ค่าแท็กซีท ่ ภ
ี่ ริยาไปโรงพยาบาล ค่าแท็กซีท ่ น
ี่ ่งั ไปทางานเพราะเดินไม่ได้
** ค่าใช้จา่ ยเดีย่ วกับรักษาพยาบาล ค่าพาหนะไปโรงพยาบาล
** ค่าโดยสารเครือ ่ งบินไปต่างประเทศเพือ
่ ให้ผูเ้ ชีย่ วชาญรักษา
3.2 ค่าเสียความสามารถในการประกอบการงานทัง้ ในปัจจุบน ั และอนาคต
3.3 ค่าขาดแรงงาน
ค่าสินไหมทดแทนแก่รา่ งกายและอนามัย
ค่าสินไหมทดแทนในกรณีละเมิดเป็ นเหตุให้ผูอ
้ น
ื่ เสียหายแก่รา่ งกาย หรืออนามัย มี 5
ประเภทคือ
1) ค่าใช้จา่ ยอันตนต้องเสียไป (มาตรา 444 วรรค 1)
2) ค่าขาดประโยชน์ ทามาหาได้ระหว่างเจ็บป่ วย (มาตรา 444 วรรค 1)
3) ค่าเสียความสามารถประกอบการงาน (มาตรา 444 วรรค 1)
4) ค่าชดใช้ขาดแรงงาน (มาตรา 445)
5) ค่าเสียหายมิใช่ตวั เงิน (มาตรา 446)
- รับสภาพโดยสัญญา (ทายาทฟ้ องแทนได้)
- ฟ้ องคดีไว้แล้ว (ทายาทฟ้ องแทนได้)
ค่าสินไหมทดแทนเพือ
่ ความเสียหายแก่ชือ
่ เสียง และสิทธิอน
ื่ ๆ
มาตรา 447 “บุคคลใดทาให้เขาต้องเสียหายแก่ชือ
่ เสียง เมือ่ ผูต
้ อ้ งเสียหายร้องขอ
ศาลจะสั่งให้บค ุ คลนัน
้ จัดการตามควร
เพือ่ ทาให้ชือ่ เสียงของผูน้ น
้ ั กลับคืนดีแทนให้ใช้คา่ เสียหาย
หรือทัง้ ให้ใช้คา่ เสียหายด้วยก็ได้”
หลักสาคัญของมาตรา 447
กรณี ทจี่ ะเรียกค่าสินไหมทดแทนตามมาตรา 447 นี้
ย่อมหมายถึงการละเมิดต่อชือ ่ เสียงตามมาตรา 423 เพราะถ้าเป็ นการละเมิดตามมาตรา 420
ศาลย่อมสั่งให้ตามมาตรา 447 ไม่ได้
ตามมาตรา 447 ให้เรียกร้องได้ 3 กรณีคอ ื
1) ให้ใช้คา ่ เสียหาย
2) ให้จด ั การให้ชือ ่ เสียงกลับคืนดี
3) ให้ใช้คา ่ เสียหาย และให้จดั การให้ชือ่ เสียงกลับคืนดี
ซึง่ เป็ นดุลพินิจของศาลทีจ่ ะเลือกสัง่ อย่างใดก็ได้
ตามควรแก่พฤติการณ์ และความร้ายแรงแห่งละเมิด
ในทางปฎิบตั ก ิ ารให้ชือ ่ เสียงกลับคืนดี ศาลมักจะนาประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 332
มาใช้บงั คับโดยอนุโลม
นิรโทษกรรม
การป้ องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
มาตรา 449 “บุคคลใดเมือ
่ กระทาการป้ องกันโดยชอบด้วยกฎหมายก็ดี
กระทาตามคาสัง่ อันชอบด้วยกฎหมายก็ดี หากก่อให้เกิดเสียหายแก่ผูอ้ น
ื่ ไซร้
ท่านว่าบุคคลนัน ้ หาต้องรับผิดใช้คา่ สินไหมทดแทนไม่
ผูต
้ อ้ งเสียหายอาจเรียกค่าสินไหมทดแทนจากผูเ้ ป็ นต้นเหตุ
ให้ตอ้ งป้ องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย หรือจากบุคคลผูใ้ ห้คาสั่งโดยละเมิดนัน
้ ก็ได้”
หลักสาคัญของมาตรา 449
“การป้ องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย” ใน ป.พ.พ. มิได้กาหนดไว้
ดังนัน
้ ต้องอาศัยเทียบเคียง ป.อาญา โดยนา ป.อาญา มาตรา 68 มาใช้
มาตรา
68 “ผูใ
้ ดจาต้องกระทาการใดเพือ่ ป้ องกันสิทธิของตน
หรือของผูอ้ น
ื่ ให้พน ้ อันตรายซึง่ เกิด
จากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็ นภยันตรายทีใ่ กล้จะถึง ถ้าได้กระทาพอส
มควรแก่เหตุ การกระทานัน
้ เป็ นการป้ องกันโดยชอบด้วยกฎหมายผูน ้ น
้ ั ไม่มคี วามผิด ”
ฉะนัน
้ หลักในเรือ
่ งการป้ องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตาม ป.อาญา
ทีจ่ ะนามาใช้กบั มาตรา 449 นัน
้ มีหลักเกณฑ์อยู่ 5 ประการ คือ
1) มีภยันตรายต่อสิทธิของตนหรือสิทธิตอ ่ ผูอ้ น
ื่
2) ภยันตรายทีเ่ กิดขึน้
ต้องเป็ นภยันตรายทีเ่ กิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายด้วย
3) ภยันตรายนัน้ ใกล้จะถึง
4) ผูก้ ระทาจาต้องกระทาเพือ่ ป้ องกันสิทธิของตน หรือของผูอ
้ น
ื่
5) การกระทานัน ้ ได้กระทาไปพอสมควรแก่เหตุ
หมายเหตุ
1) ผูต
้ อ
้ งเสียหายเรียกค่าสินไหมทดแทนจากผูใ้ ห้
การกระทาตามคาสั่งโดยชอบด้วยกฎหมาย
“ทาตามคาสั่งโดยชอบด้วยกฎหมาย” ใน ป.พ.พ. มิได้กาหนดไว้
ดังนัน
้ ต้องอาศัยเทียบเคียง ป.อาญา โดยนา ป.อาญา มาตรา 70 มาใช้
มาตรา 70 "ผูใ้ ดกระทาตามคาสั่งของเจ้าพนักงาน แม้คาสั่งนัน
้ จะมิชอบด้วยกฎหมาย
ถ้าผูก
้ ระทามีหน้าทีห ่ รือเชือ่ โดยสุจริตว่ามีหน้าทีต
่ อ้ งปฏิบตั ต
ิ าม ผูน
้ น
้ ั ไม่ตอ้ งรับโทษ
้ เป็ นคาสั่ง ซึง่ มิชอบด้วยกฎหมาย"
เว้นแต่จะรูว้ า่ คาสั่งนัน
มาตรา 70 เป็ นเรือ ่ งการทีผ ่ ูก
้ ระทาความผิดไม่ตอ ้ งรับโทษ
เพราะผูก ้ ระทาได้กระทาตามคาสั่งของเจ้าพนักงาน ซึง่ มีหลักเกณฑ์ดงั นี้
1. กระทาตามคาสั่งของเจ้าพนักงาน
2. คาสัง ่ นัน
้ มิชอบด้วยกฎหมาย แต่
3. ผูก
้ ระทามีหน้าทีต ่ อ
้ งกระทา หรือเชือ ่ โดยสุจริตว่ามีหน้าทีต
่ อ
้ งกระทา
4. ผูก้ ระทาไม่รวู ้ า่ คาสัง่ นัน
้ เป็ นคาสั่งทีม่ ช
ิ อบด้วยกฎหมาย
หมายเหตุ ผูต
้ อ
้ งเสียหายเรียกค่าสินไหมทดแทนจากผูใ้ ห้คาสั่งโดยละเมิด
การกระทาด้วยความจาเป็ นเพือ
่ ป้ องกันภัย
มาตรา 450 “ถ้าบุคคลทาบุบสลาย หรือทาลายทรัพย์สงิ่ หนึ่งสิง่ ใด
เพือ่ จะบาบัดปัดป้ องภยันตรายซึง่ มีมาเป็ นสาธารณะโดยฉุ กเฉิน
ท่านว่าไม่จาต้องใช้คา่ สินไหมทดแทน
หากความเสียหายนัน ้ ไม่เกินสมควรแก่เหตุภยันตราย
ถ้าบุคคลทาบุบสลาย หรือทาลายทรัพย์สงิ่ หนึ่งสิง่ ใด
เพือ่ จะบาบัดปัดป้ องภยันตรายอันมีแก่เอกชนโดยฉุ กเฉิน ผูน ้ น
้ ั จะต้องใช้คน
ื ทรัพย์นน
้ั
ถ้าบุคคลทาบุบสลาย หรือทาลายทรัพย์สงิ่ หนึ่งสิง่ ใด
เพือ่ จะป้ องกันสิทธิของตนหรือของบุคคลภายนอกจากภยันตรายอันมีมาโดยฉุ กเฉิน
เพราะตัวทรัพย์นน ้ ั เองเป็ นเหตุ บุคคลเช่นว่านี้หาต้องรับผิดใช้คา่ สินไหมทดแทนไม่
หากว่าความเสียหายนัน ้ ไม่เกินสมควรแก่เหตุ
แต่ถา้ ภยันตรายนัน ้ เพราะความผิดของบุคคลนัน
้ เกิดขึน ้ เองแล้ว
ท่านว่าจาต้องรับผิดใช้คา่ สินไหมทดแทนให้”
หลักสาคัญของมาตรา 450
วรรคแรก เป็ นภัยสาธารณะโดยฉุ กเฉิน ผูก ้ ระทาไม่ตอ ้ งใช้คา่ สินไหมทดแทน
วรรคสอง เป็ นภัยเอกชนและทรัพย์นน ้ ั มิได้กอ
่ ให้เกิด ผูก้ ระทาต้องใช้คน
ื ทรัพย์
วรรคสาม เป็ นภัยเอกชน
แต่ทรัพย์นน ้ เอง ผูก
้ ั ก่อภัยขึน ้ ระทาไม่ตอ
้ งใช้คา่ สินไหมทดแทนถ้าได้กระทาไปพอสมคว
รแก่เหตุ
หมายเหตุ ถ้าเป็ นความผิดของตนเองแล้วจะอ้างมาตรา 450 วรรคสามไม่ได้
- - -
ุ สลายหรือทาลายทรัพย์ ทาให้บบ
ทาให้บบ ุ สลายหรือทาลายทรัพย์ ทาให้บบ
ุ สลายหรือทาลายทรัพย์
-
ไม่ได้เกิดจากความผิดของตน
การป้ องกันสมดังสิทธิ
มาตรา 451 “บุคคลใช้กาลังเพือ
่ ป้ องกันสิทธิของตน
ถ้าตามพฤติการณ์ จะขอให้ศาลหรือเจ้าหน้าทีช ่ ว่ ยเหลือให้ทนั ท่วงทีไม่ได้
และถ้ามิได้ทาในทันใด
ภัยมีอยูด
่ ว้ ยการทีต
่ นจะได้สมดังสิทธินน ้ ั จะต้องประวิงไปมากหรือถึงแก่สาบสูญได้ไซร้
ท่านว่าบุคคลนัน ้ หาต้องรับผิดใช้คา่ สินไหมทดแทนไม่
การใช้กาลังดังกล่าวมาในวรรคก่อนนัน ้
ท่านว่าต้องจากัดครัดเคร่งแต่เฉพาะทีจ่ าเป็ นเพือ่ จะบาบัดปัดป้ องภยันตรายเท่านัน
้
ถ้าบุคคลผูใ้ ดกระทาการดังกล่าวมาในวรรคต้น
เพราะหลงสันนิษฐานพลาดไปว่ามีเหตุอนั จาเป็ นทีจ่ ะทาได้โดยชอบด้วยกฎหมายไซร้
ท่านว่าผูน ้ น
้ ั จะต้องรับผิดใช้คา่ สินไหมทดแทนให้แก่บคุ คลอืน
่
แม้ทง้ ั การทีห ่ ลงพลาดไปนัน้ จะมิใช่เป็ นเพราะความประมาทเลินเล่อของตน ”
หลักสาคัญของมาตรา 451
1) มีสท
ิ ธิตามกฎหมาย
2) ใช้กาลังป้ องกันสิทธิของตน
3) ไม่อาจขอให้ศาลหรือเจ้าหน้าทีช
่ ว่ ยเหลือได้ท ันท่วงที
2) ความเสียหายเกิดจากสัตว์ของผูอ
้ น
ื่
3) สัตว์เข้ามาทาความเสียหายในอสังหาริมทรัพย์
** การกระทาทีจ
่ ะได้รบั นิรโทษกรรมตามมาตรา 452
จะต้องเป็ นกรณี ทส ี ัตว์เข้ามาทาความเสียหายในอสังหาริมทรัพย์และผูค ้ รอบครองอสังหาริ
มทรัพย์สามารถจับและยึดเป็ นประกันค่าสินไหมทดแทนได้
** ข้อน่ าสังเกตว่า คาว่า “ผูค ้ รอบครอง” หมายถึง
ผูท
้ ยี่ ด
ึ ถือครอบครองอสังหาริมทรัพย์ จะยึดถือครองครอบให้ฐานะเจ้าของ
หรือผูเ้ ช่าหรือผูอ ้ าศัยก็ได้
** ผูม ้ ส ี ท
ิ ธิจบั สัตว์และยึดเป็ นประกันค่าสินไหมทดแทนตามมาตรา 452 จะต้องเป็ นผู้
ครองอสังหาริมทรัพย์ ถ้าเป็ นผูค ้ รอบครอง สังหาริมทรัพย์
ไม่มส ี ท
ิ ธิทจี่ ะจับและยึดเป็ นประกันค่าสินไหมทดแทน
และสัตว์นน ้ ั ต้องเป็ นสัตว์ทม ี่ เี จ้าของ ถ้าเป็ นสัตว์ทไี่ ม่มเี จ้าของ
หรือสัตว์ทเี่ จ้าของสละกรรมสิทธิแ ์ ล้ว
ถ้าเป็ นสัตว์ทไี่ ม่มเี จ้าของไม่เข้าตามนี้สตั ว์นน ้ ั จะต้องเข้าไปทาความเสีย หาย
หากสัตว์ไม่กอ ่ ความเสียหาย ผูค ้ รองจะร้องใช้สท ิ ธิตามมาตรานี้ไม่ได้
** การทีจ ่ ะเป็ นนิรโทษกรรมตามมาตรานี้
สัตว์นน ้ ั จะต้องเข้ามาทาความเสียหายในอสังหาริมทรัพย์นน ้ั
อาจเป็ นความเสียหายต่อบุคคลหรือต่อทรัพย์
ในกรณี ทเี่ ป็ นความเสียหายต่อทรัพย์จะทาความเสียหายต่ออสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมท
รัพย์ก็ได้ แต่ตอ ้ งอยูใ่ นอสังหาริมทรัพย์
อายุความ
อายุความฟ้ องร้องเรียกค่าเสียหายในมูลละเมิด
มาตรา 448 “สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดแต่มลู ละเมิดนัน
้
ท่านว่าขาดอายุความเมือ่ พ้นปี หนึ่งนับแต่วนั ทีผ
่ ต
ู้ อ้ งเสียหายรูถ้ งึ การ
ละเมิดและรูต
้ วั ผูจ้ ะพึงต้องใช้คา่ สินไหมทดแทน หรือเมือ่ พ้นสิบปี นับ แต่วน
ั ทาละเมิด ”
หลักสาคัญของมาตรา 448
การนับอายุความฟ้ องเรียกค่าเสียหายจากมูลละเมิด ซึง่ มีความผิดอาญารวมอยูด
่ ว้ ย
ต้องบังคับตามมาตรา 448 วรรคสอง กล่าวคือ อายุความไหนยาวกว่ากัน
ให้นาอายุความนัน ้ มาบังคับใช้
ส่วนกรณี การนับอายุความทั่วไป ในการฟ้ องเรียกค่าเสียหายในมูลละเมิดนัน
้
ต้องใช้มาตรา 448 วรรคแรกบังคับ คือ
1) ห้ามฟ้ องเมือ ่ พ้น 1 ปี นับแต่ผูเ้ สียหายรูถ
้ งึ การละเมิด
และรูต
้ วั ผูจ้ ะพึงต้องใข้คา่ สินไหมทดแทน หรือ
2) ห้ามฟ้ องเมือ
่ พ้น 10 ปี นับแต่วน ั ทาละเมิด
กล่าวคือ อายุความจะเริม ่ นับเมือ่ ผูเ้ สียหายรูถ
้ ึงการละเมิด
และรูต ้ วั ผูจ้ ะพึงต้องใช้คา่ สินไหมทดแทน โดยต้องรูค ้ รบถ้วนทัง้ 2 ประการ
ถ้ารูถ
้ งึ การละเมิดแต่ยงั ไม่รต ู ้ วั ผูจ้ ะพึงต้องใช้คา่ สินไหมทดแทน ยังไม่เริม ่ นับอายุความ
(ฏีกา 1358/2508)
ข้อสังเกต
** รูต
้ วั ผูพ
้ งึ ต้องชดใช้คา่ สินไหมทดแทน
รวมถึงตัวบุคคลทีต ่ อ
้ งร่วมรับผิดกับผูท
้ าละเมิดด้วย
** อย่างไรก็ดี อายุความตามมาตรา 448 วรรคแรก มีกาหนดยาวทีส่ ด ุ 10 ปี
นับแต่วน ั ทาละเมิด (ไม่วา่ ผูเ้ สียหายจะรูห ้ รือไม่ร)ู ้ เมือ่ พ้นกาหนดดังกล่าว
สิทธิเรียกร้องย่อมขาดอายุความ
ข้อควรระวัง
อายุความกรณี ฟ้องเรียกทรัพย์คน ื หรือใช้ราคาแทนการคืนทรัพย์
ไม่มก
ี ฎหมายบัญญัตไิ ว้เฉพาะ ต้องใช้อายุความตามมาตรา 193/30 คือ 10 ปี
จึงไม่ตกอยูภ
่ ายใต้บงั คับมาตรา 448 วรรคแรก