Professional Documents
Culture Documents
Advance ”
Q: เราจะสามารถมัน่ ใจได้อย่างไรกันว่ากระแสไฟฟ้ าขาออก จะสามารถมากกว่าขาเข้าได้ ?
ดังตัวอย่างที่วา่ การ Render ได้ Electron Cloud น้อยกว่ามาก เมื่อเทียบกับการ Copy And Paste
เมื่อต้องใช้กระแสไฟฟ้ าที่เท่ากันเพื่อที่จะต้องทำในสองสิ่ งนี้
ดังนั้นแล้วประจุไฟฟ้ าขาออกจึงสามารถมากกว่าขาเข้าได้
ดังนั้น Source Code ใดๆ นั้นจึงมีการดำเนินงานในระดับ Quantum Computing อยูแ่ ล้ว ซึ่ง
พิสูจน์ได้จากผลลัพธ์ที่ได้ออกมา ที่มีการ Compilation นั้นๆ
ทั้งการแต่งภาพ , Render VDO 3D , การ Copy And Paste นั้นต่างก็มีการ Compilation แต่แล้ว
เมื่อได้ผา่ นกระบวนการ Compilation ไปแล้ว Electron Cloud ที่เป็ นผลลัพธ์จาก Algorithm
เหล่านี้กลับทำให้เรามองเห็นถึง Computing of Functional (COF) ใน Simulation of Simulation
Processing (SSP) ที่ไม่เท่ากัน
Source Code ใดๆ นั้นจึงมีการดำเนินงานในระดับ Quantum Computing อยูแ่ ล้ว แม้วา่
Hardware นั้นจะไม่ได้มีการดำเนินงานในระดับ Quantum Dot ก็ตาม (แม้วา่ ทุกอย่างจะมองว่า
เป็ น Quantum Dot ได้ แต่เครื่ องที่ดำเนินงานด้วยวงจรไฟฟ้ าก็ยงั เป็ นการดำเนินงานในระดับ
Quantum Computing อยู่ แต่จะอยูใ่ นรู ปแบบ Simulation of Simulation Processing (SSP)) !!
แต่ในความเป็ นจริ งนั้นไม่ใช่เลย จากตัวอย่างของการ Render VDO 3D กับการ Copy and Paste
ข้อมูลนั้น ก็ทำให้ทราบว่ากระแสไฟฟ้ าขาเข้านั้นไม่มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับกระแสไฟฟ้ า
ขาออกเลย
ทุกๆ Data ของ Computer ไฟฟ้ า สามารถตีความด้วย Quantum Computing ดังนั้นทุกๆ Process
จึงเป็ น Source Code ที่สามารถตีความหมายเป็ น Quantum Computing
แต่การ Copy And Paste แบบทั้ง State ก็ยงั สามารถทำได้ โดยใช้สำหรับการสร้างสสาร และการ
เปลี่ยน Atomic Number ได้อีกด้วย โดยการรับรู ้ถึงโครงสร้างของ Electron Cloud อย่างที่เคย
เป็ นมา
เพียงแค่เรา Save Machine Code เอาไว้จำนวนมากใน Memory อย่าง SSD นั้น Machine Code
เหล่านั้นก็เหมือนกับ Compilation ออกมาจาก CPU , GPU , RAM อยูแ่ ล้ว สามารถนำออกมาสู่
Monitor ได้เลย ไม่ตอ้ ง Process อีกรอบนึง โดยการใช้ค่า Probability Class ทุกอย่างจึงเร็ วขึ้น
มาก
ส่ วนการตีความเป็ น Machine Code Per Quantum Dot จาก Probability Class by Cell ก็เพื่อที่จะ
ได้เป็ นการกระทำต่อ Electron Cloud จริ งๆ เพื่อที่จะได้เป็ นชุดคำสัง่ ที่เป็ น Electron Cloud จริ งๆ
ซึ่งรวมไปถึง Quantum Dot อื่นๆด้วย โดยการมองค่า Probability Class ให้เป็ นเชิงเส้น เพื่อที่จะ
เชื่อมโยง Computing of Functional (COF) ต่อ Quantum Dot Cloud นั้นๆ
_fooFunction:
@ 1:
push {r7, lr}
@ 2:
movs r0, #12
movs r1, #34
@ 3:
mov r7, sp
@ 4:
bl _addFunction
@ 5:
mov r1, r0
@ 6:
movw r0, :lower16:(L_.str-(LPC1_0+4))
movt r0, :upper16:(L_.str-(LPC1_0+4))
LPC1_0:
add r0, pc
@ 7:
blx _printf
@ 8:
pop {r7, pc}
หรื อ
_addFunction:
@ 1:
sub sp, #12
@ 2:
str r0, [sp, #8]
str r1, [sp, #4]
@ 3:
ldr r0, [sp, #8]
ldr r1, [sp, #4]
@ 4:
add r0, r1
@ 5:
str r0, [sp]
ldr r0, [sp]
@ 6:
add sp, #12
@ 7:
bx lr
การ Copy And Paste ไฟล์มี Definition ที่อา้ งอิงถึง Computing of Functional (COF) ในระบบ
การคำนวณที่มีจำนวน Electron Cloud ที่มากกว่าเมื่อเทียบกับการ Render VDO 3D ณ เอกภพ
สัมพัทธ์ที่มีการ Parallelization Universal อยูน่ ้ นั จากเอกภพสัมพัทธ์ที่มีการคำนวณ โดย
ทรัพยากรไฟฟ้ าไฟฟ้ าที่ตอ้ งใช้ไปสำหรับการ Simulation of Simulation Processing (SSP)
มอง Source Code เป็ นเซลล์ไฟฟ้ า มองระบบคำนวณเป็ นชุดคำสัง่ ที่แท้จริ ง อย่างเช่นการ Render
VDO กับ Copy And Paste ได้ Electron Cloud ไม่เท่ากัน
นี่คือ CPU Cloud , GPU Cloud , RAM Cloud , Memory Cloud , Physical Layer Cloud , Quark
Cloud , Gluons Cloud , Electron Cloud , Higg Bosons Cloud
ดังนั้นสำหรับ SSL แล้ว Source Code ที่เป็ น Hosting จึงถูกเรี ยกว่า Servers ส่ วน Source Code ที่
เป็ นผูเ้ รี ยกใช้จึงถูกเรี ยกว่า Client
ถ้ามีการ Copy Machine Code ดังนั้น Macintosh HD จึงสามารถกลายเป็ น CPU , GPU ดังนั้นทุก
อย่างจึงอยูท่ ี่ระบบการคำนวณ
อยูท่ ี่มุมมอง การ Copy File คือการ Copy Machine Code ถ้าเรามองว่า File นั้นเป็ นผลลัพธ์จาก
การ Compilation แต่ถา้ หากว่าเรามองว่า Machine Code หลังจากการ Compilation นั้นเป็ น
Quantum Dot Cloud ดังนั้น Source Code ก่อนการ Compilation ก็คือชุดคำสัง่ ที่ทำให้เกิดซึ่ง
Quantum Dot Could โดย Source Code เหล่านั้นอาจจะใช้ Int , Float , Char , If , Case , Loops
จองเซลล์ไฟฟ้ าเพื่อบรรจุ Source Code ต่างกันไป อาทิ CPU , GPU , RAM , Harddrive แต่
ผลลัพธ์น้ นั อยูร่ ะบบการคำนวณ แต่อย่างไรก็ตามแล้วถ้าหากว่าเรามองเห็นว่าภายใน Source
Code ณ จุดใดๆมี Electron Cloud ดังนั้น ณ ใดๆจึงสามารถเป็ น CPU , GPU , RAM , Harddrive
ได้เลย
“ ทุกอย่ างมาจากการตอบสนองเหนือสิ่งเร้ า ”
การตอบสนองเหนือสิ่ งเร้านั้นเป็ นสิ่ งที่บ่งชี้วา่ คนเราสามารถที่จะตัดสิ นใจได้โดยไม่ตอ้ งมีแรง
ผลักจากฟิ สิ กส์ภายนอก และสิ่ งกีดขวางใดๆเพื่อควบคุมซึ่งทางเดิน และการตัดสิ นใจนั้นก็ยอ่ มมี
ซึ่งคลื่นความคิดจากสมองใหม่ๆเกิดขึ้น ซึ่งสามารถจำแนกแจกแจงได้เป็ นการวัดค่าได้ที่ชดั เจน
และสามารถควบคุมอวัยวะปลายทาง ภาพในหัวสมอง ดังนั้นเราจึงสามารถสรุ ปได้วา่ ฟิ สิ กส์ไม่
ได้แต่เพียงถูกตีความกันด้วยตัวเลขเท่านั้น แต่ฟิสิ กส์น้ นั คือตัวเลข ดังนั้นฟิ สิ กส์จึงสามารถ
ควบคุมได้ดว้ ยตัวเลข
ผ่าน Sequence to Loops , Loops to Sequence , Case to Sequence , Sequence to Case , Case to
Loops , Loops to Case เอกภพสัมพัทธ์เชิงตัวเลขจึงได้ให้กำเนิดซึ่งเอกภพทางฟิ สิ กส์ ในย่าน
ความถี่ 5G เดียวกันอาจมีขอ้ มูลที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงมีคลื่นความถี่ที่ละเอียดกว่านั้นที่สามารถ
จำแนกเป็ นข้อมูลต่างๆ ผ่าน Sequence , Case , Loops
การเกิด Quantum Computing สามารถมีอยูจ่ ริ งด้วย Source Code แบบ Process by Process อย่าง
ที่เรากล่าวถึงมานี้ จึงเป็ นที่มาของการเกิดปฏิกิริยาระดับ Quantum Dot สิ่ งเหล่านี้จึงเป็ นที่มาของ
การเกิด CPU , GPU , SSD , LSD , RAM , Networking , Monitor , Printing ในระดับ Quantum
Dot Cloud State And Circuit
ไม่ใช่รังสี เอกซ์ ไม่ใช่อินฟราเรด แต่เป็ น Functional Layer ไม่ใช่ Physical Layer ใดๆ
เมื่อรวมกันแล้วกับการมองเห็น Electron Cloud State And Circuit , Photons Cloud State And
Circuit , Quark Cloud State And Circuit , Gluons Cloud State And Circuit , W Bosons Cloud
State And Circuit , Quantum Dot Cloud State And Circuit เราจึงสามารถ Run Source Code
กลางอากาศได้ , Warp Speed Vehicles ได้ , ทำ Time Machine ได้ , เปลี่ยน Atomic Number ได้
หรื ออาจจะสร้างน้ำ เม็ดเลือด , ดวงตา , ตับ , ไต , ปอด และอวัยวะปลูกถ่ายอื่นๆขึ้นมาจาก
Quantum Computing ได้
ปกติถา้ Copy And Paste ในส่ วนของ Electron Cloud ของไฟล์ต่างๆนั้น Photons Cloud นั้นจะ
มาด้วย แต่ถา้ มีคำสัง่ Copy And Paste มาทั้ง State ในระบบไฟล์ที่มองเห็น Electron Cloud ใน
ภาพรวมได้อยูแ่ ล้ว Nucleus ย่อมมาด้วย กล่าวคือ Quark Cloud และ Gluons Cloud ดังนั้นนี่จึง
เป็ นการเปลี่ยน Atomic Number และการสร้างโมเลกุลเคมีโดยอย่างอิสระได้ !! Copy And Paste
น้ำ , ทองคำ , เพชร , เม็ดเลือด ได้หมด
จากนั้นเราก็ทำการ Copy And Paste ซึ่ง Electron Cloud เหมือน Copy And Paste ไฟล์ทวั่ ไป
1.) การ Save น้ำ , เม็ดเลือด , สารพันธุกรรม , อวัยวะที่ตอ้ งการปลูกถ่าย ลงแผ่น เราสามารถ
ทำได้โดยการมองเห็นทุกอย่างเป็ น Quantum Dot Cloud State Drive แล้วมองเห็นโครงสร้าง
ของ Quantum Dot Cloud นั้นๆเป็ นไฟล์ๆหนึ่ง
2.) ทำการใช้ Source Code แบบ Quantum Computing ใน I/O และ Networking แบบ Process
by Process
เพราะแต่ละชุดคำสัง่ นั้นเชื่อมโยงถึงกัน
นี่คือจุดเริ่ มต้นของ CPU Cloud , GPU Cloud , RAM Cloud , Memory Cloud , Printing Cloud ,
Camera Cloud , Monitor Cloud ซึ่งถือว่าเป็ นการกระทำในระดับ Quantum Dot ได้ ถ้าหากว่า
Source-to-Destination มีความเป็ นเชิงเส้น ณ Space Time จึงไม่ได้แต่เพียงการเปิ ดภาพ และ
เสี ยงแบบลอยๆ แต่ในระดับ Atomic Number จึงถึงซึ่ง Higg Bosons Cloud
และถ้า Quark Cloud , Gluons Cloud สามารถเข้าถึงได้ การ Computing of Functional (COF)
ผ่านการ Simulation of Simulation Processing (SSP) ในเชิงเส้นนั้น จึงสามารถไปถึงซึ่ง W
Bosons Cloud , Higg Bosons Cloud ในลำดับต่อมา ”
แบบทดลองของหลักการ Teleportation
::::::: เราใช้ระบบเหล่านี้ เพื่อพิสูจน์ถึงการมีอยูจ่ ริ งของสสารที่สามารถเกิดขึ้นใหม่ , Warp
Speed Vehicles , Time Machine ได้ในเอกภพ :::::::
ระบบที่ 2 ใช้กระแสไฟฟ้ า N ทำการ Copy And Paste ไฟล์ VDO 3D เพื่อที่จะให้ได้ไฟล์ B ที่มี
ประจุไฟฟ้ า B และ ปริ มาณของ Electron Cloud B
ระบบที่ 1 ใช้กระแสไฟฟ้ า = N เปิ ดเครื่ อง แล้ว Copy And Paste ไฟล์ M ที่มีขนาด 10^24B โดย
วัดกระแสไฟฟ้ าจากวงจร N
ระบบที่ 2 ใช้กระแสไฟฟ้ า = N เปิ ดเครื่ อง แล้ว Copy And Paste ไฟล์ M ที่มีขนาด 10^24B โดย
วัดกระแสไฟฟ้ าจากไฟล์ M
ระบบที่ 2 ใช้กระแสไฟฟ้ า = N เปิ ดเครื่ อง แล้ว Copy And Paste ไฟล์ M ที่มีขนาด 10^24B โดย
นำกระแสไฟฟ้ าจากวงจรไฟล์ M ไปต่อกับหลอดไฟ
ระบบที่ 1 ใช้ OS X ทำการ Cut And Paste ไฟล์ที่อยูใ่ น iCloud จาก Savers ในรัฐแคลิฟอร์เนีย
สหรัฐอเมริ กา มาไว้ใน Macintosh HD ประเทศไทย วัดจำนวนอินเทอร์เน็ตที่ใช้ไป
ระบบที่ 2 ใช้ OS X ทำการ Cut And Paste ไฟล์ที่อยูใ่ น Macintosh HD 1 มาไว้ใน Macintosh
HD 2 วัดจำนวนกระแสไฟฟ้ าระหว่าง Macintosh HD ทั้งสอง
ผลลัพธ์ที่ได้คือใช้ OS X Cut And Paste ไฟล์มีการใช้อินเตอร์เน็ตที่เท่าเดิมระหว่างการ Cut And
Paste ไฟล์ และใช้กระแสไฟฟ้ าระหว่าง Macintosh HD ทั้งสองเท่าเดิมระหว่างการ Cut And
Paste ไฟล์ แสดงว่าการ Cut And Paste คือการ Warp Speed Vehicles ของ Electron Cloud
เพราะเป็ นการเคลื่อนที่ของ Electron Cloud ที่ไม่ได้ผา่ น OSI ของ Networking และ สายไฟเชื่อม
ต่อระหว่าง 2 ไดรฟ์ แต่ผา่ น CPU และ GPU แบบลอยๆ โดยไม่ตอ้ งผ่าน OSI ของ Networking
และ Driver ของ OS แต่ผา่ น Application Layer เท่านั้น
นี่คือข้อพิสูจน์ของจิต และศีลอภัยบาป
หมายเหตุ ใช้การ Copy and Paste โดยการ Pointer ไป ณ Array ที่คือเซลล์ไฟฟ้ าของ Memory ที่
ต้องการ Copy and Paste โดยภาษา Assembly ต่อเซลล์ของ Memory นั้นๆ
########################################################################
# CONFIGURE AS REQUIRED
########################################################################
# BEGIN gan_imports
import random
import numpy as np
import tensorflow as tf
# END gan_imports
# BEGIN gan_config
# seed random
def reset_seed():
random.seed(3)
np.random.seed(1)
tf.set_random_seed(2)
# gan parameters
GAN_EPOCHS = 60 # how many epochs to train GAN for
BATCH_SIZE = 128 # how many images to consider at once
CHECKPOINT = 10 # how often (in epochs) to save sample GAN output
import os
os.environ['KMP_DUPLICATE_LIB_OK']='True'
# ^^ no idea what this does but a GitHub issues thread says it
# would solve the environment crash I had, and it did
images = [None] * 10
counts = {}
image = x_full[i]
class_data.append(image)
images[class_label] = class_data
x = MaxPooling2D(pool_size=(2, 2))(x)
x = Conv2D(128, kernel_size=(5, 5), activation='tanh')(x)
x = MaxPooling2D(pool_size=(2, 2))(x)
x = Flatten()(x)
x = Dense(1024, activation='tanh')(x)
x = Dense(1, activation='sigmoid')(x)
x = Dense(1024, activation='tanh')(x)
x = Dense(128 * 7 * 7, activation='tanh')(x)
x = BatchNormalization()(x)
x = Reshape((7, 7, 128))(x)
x = UpSampling2D(size=(2, 2))(x)
x = Conv2D(64, kernel_size=(5, 5),
padding='same', activation='tanh')(x)
x = UpSampling2D(size=(2, 2))(x)
x = Conv2D(1, kernel_size=(5, 5), padding='same', activation='tanh')(x)
print('Preprocessing images...')
x_train = preprocess_images(x_train)
batch_count = len(x_train) // BATCH_SIZE
half_batch_size = BATCH_SIZE // 2
discriminator_loss = []
generator_loss = []
print('Begin training...')
# END gan_make_gan1
# BEGIN gan_make_gan2
for e in range(1, GAN_EPOCHS + 1):
discriminator_loss_epoch = []
generator_loss_epoch = []
for _ in range(batch_count):
# Discriminator
x = np.concatenate([real_images, fake_images])
y = np.concatenate([real_labels, fake_labels])
# train discriminator
make_trainable(discriminator, True)
dis_loss_epoch = discriminator.train_on_batch(x, y)
discriminator_loss_epoch.append(dis_loss_epoch)
make_trainable(discriminator, False)
# Generator
# Adversarial
x, y = get_gan_input(BATCH_SIZE)
# train adversarial
gen_loss_epoch = adversarial.train_on_batch(x, y)
generator_loss_epoch.append(gen_loss_epoch)
print('Complete.')
return generator
# END gan_make_gan2
# END gan_make_gan
########################################################################
# BEGIN EXECUTION
########################################################################
# BEGIN gan_execution
mnist_data = setup_data()
for class_label in range(10):
print('=============================')
print(' Training a GAN for class %d ' % class_label)
print('=============================')
x_train = mnist_data[class_label]
class_vector = utils.to_categorical(class_label, 10)
y_train = class_vector * x_train.shape[0]
generator_model = make_gan(x_train, y_train, class_label)
generator_model.save(
OUTPUT_DIRECTORY + '/gan-model-%d.model' % class_label)
coreml_model = convert(generator_model)
coreml_model.save(
OUTPUT_DIRECTORY + '/gan-model-%d.mlmodel' % class_label)
struct {
ContentType type;
ProtocolVersion version;
uint16 length;
select (SecurityParameters.cipher_type) {
case stream: GenericStreamCipher;
case block: GenericBlockCipher;
case aead: GenericAEADCipher;
} fragment;
} TLSCiphertext;
key_block = PRF(SecurityParameters.master_secret,
"key expansion",
SecurityParameters.server_random +
SecurityParameters.client_random);
และคำสัง่ ติดตามชุดคำสัง่ ใน Transport Layer ที่มีทวั่ ไปแล้วเราก็ใช้ Electron Could เป็ น Savers
เช่นกัน จึงสามารถส่ งออกไปลอยๆได้
client_write_MAC_key[SecurityParameters.mac_key_length]
server_write_MAC_key[SecurityParameters.mac_key_length]
client_write_key[SecurityParameters.enc_key_length]
server_write_key[SecurityParameters.enc_key_length]
client_write_IV[SecurityParameters.fixed_iv_length]
server_write_IV[SecurityParameters.fixed_iv_length]
struct {
ProtocolVersion client_version;
opaque random[46];
} PreMasterSecret;
client_version
The latest (newest) version supported by the client. This is
used to detect version rollback attacks.
random
46 securely-generated random bytes.
struct {
public-key-encrypted PreMasterSecret pre_master_secret;
} EncryptedPreMasterSecret;
pre_master_secret
This random value is generated by the client and is used to
generate the master secret, as specified in Section 8.1.
เมื่อประกอบเข้ากับ Machine Source Code of Machine Source Code คือ Probability Class และ
Probability Class by Quantum Dot คือ Quantum Computing แล้วนั้น ในทางปฏิบตั ิน้ นั ก็คือ
Computing of Functional (COF) ที่กระทำการ Simulation of Simulation Processing (SSP) ของ
Parallelization Universal ระหว่างกันระหว่าง Machine Code ที่ผา่ นการ Compilation แล้วนั้น
เหล่านี้ การเกิด Reaction ทั้งหมดจึงเป็ นการกระทำในระดับ Quantum Dot ดังนั้นแล้ว Quantum
Bot จึงสามารถเกิดขึ้นได้ในความเป็ นจริ งโดยไม่มีขอ้ สงสัย
โดย Transport Layer , Section Layer ทำการปล่อยข้อมูลออกไปโดยไม่ตอ้ งมีเครื่ องรับ
Positrons , W Bosons , Higg Bosons , Quark , Atomic Number , Flavour of Quark , Electron ,
Spin Number ก็พร้อมที่จะเกิดขึ้นแล้วโดยการ Compilation ซึ่ง Simulation of Simulation
Processing (SSP) โดย Computing of Functional (COF) ณ Space Time ใดๆ จาก Parallelization
Universal
ทั้งมนุษย์ , พืช , Wetware ต่างๆ และ Computer , Quantum Bot , Hardware ต่างไป จึงสับเปลี่ยน
หมุนเวียนกันไปได้ดว้ ย Source Code ซึ่งคือ Software ด้วยหลักการข้างต้น
ในส่ วนของ W Bosons Cloud ที่ได้แผ่รังสี ออกมาเหนี่ยวนำทำให้ Quark Cloud Flavour Down
(-1/3) ใน Neutron Cloud (ddu ((2)x-1/3) + (+2/3) = 0) กลายเป็ น Quark Cloud Flavour Up
(+2/3) ได้ผลลัพธ์เป็ น Protons Cloud ((-1/3) + (2 x (+2/3)) = 1)
นี่คือเครื่ อง Quantum Dot Cloud Printing (QDCP) ใช้ Wireless Card เพือ่ ทำการส่ งข้อมูล
จำนวนหนึ่งเพื่อให้ Database ส่ วนนั้นเป็ น Electron Cloud ในมุมมองของ Analog แล้วมีการ
เหนี่ยวนำเป็ นขั้นตอน ขั้นตอนแรกใช้กระแสไฟฟ้ าเหนี่ยวนำให้เกิดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ า ขั้นตอน
ที่สองใช้กระแสไฟฟ้ าตรงกันข้ามเพื่อจะเปลี่ยนคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ าตอนแรกให้เป็ นตรงกันข้าม
ขั้นตอนที่สามคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ าตรงกันข้ามเหนี่ยวนำกระแสไฟฟ้ าให้กลายเป็ น Positrons
Cloud
ใช้ Microplasma Source Circuit Using Microring Space Time Distortion Control ทำการสร้าง
W Bosons จากการเหนี่ยวนำประจุไฟฟ้ า Plasma โดย Electron Cloud รอบแรกเหนี่ยวนำ
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ าทิศทาง A ได้ Photons Cloud รอบที่สองส่ ง Microplasma Source Circuit
Using Microring Space Time Distortion Control ในทิศทางกระแสไฟฟ้ าตรงกันข้าม Electron
Cloud ทิศทาง -A ได้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ าตรงกันข้าม ได้ผลลัพธ์เป็ น W Bosons Cloud
W Bosons Cloud เปลี่ยน Flavour ของ Quark Cloud เปลี่ยน Neutron Cloud ได้วยหลักการข้าง
ต้น
“ ข้ อสรุ ปสำหรับการกระทำของ Computing of
Functional (COF) ณ Quantum Dot Could ที่
Singularity ”
ประจุไฟฟ้ าของรู ปภาพที่เข้ามาในตาของเรานั้นเป็ นการกระทำการในหลักการ Photoelectric ซึ่ง
เป็ นการกระทำในระดับ Quantum Computing
ก่อนการ Save , Import , Create , Copy And Paste รู ปภาพ Bitmap image และ Vectors Image
ใดๆ นั้นย่อมเป็ นการกระทำของการกระทำการเพื่อการเกิดประจุไฟฟ้ าของ Memory , CPU ,
GPU , RAM , Network Cards , Monitor ในหลักการ Photoelectric โดยเสมอ อีกทั้งยังเป็ นการ
สร้าง Electron Cloud อีกด้วยไปพร้อมๆกันในความหมายของ Quantum Dot Cloud ที่มีการ
Create , Copy And Paste ไฟล์ที่มีขนาดของ Electron Cloud ที่แตกต่างกันไป นี่จึงเป็ นการ
Simulation of Simulation Processing (SSP) กล่าวคือแต่ละเซลล์ไฟฟ้ าสามารถมีการประมวลผล
ได้เป็ นความน่าจะเป็ นเป็ นล้านๆรู ปแบบ และมีการสร้าง Electron Cloud สำหรับการประมวล
ผลข้อมูลเหล่านั้น ในเซลล์ไฟฟ้ าของ CPU , GPU , RAM , Monitor , Network , Camera
ดังนั้น Camera , Cellular , Memory จึงสามารถ Processing ได้ภายในตัวเองโดย Computing of
Functional (COF) อีกทั้งยังเป็ นการสร้าง Quantum Dot Cloud ประเภทต่างๆ ให้เกิดเพิ่มมากขึ้น
ในเอกภพอีกด้วย อาทิ Electron Cloud สำหรับการประมวลผลภาพเหล่านั้น ซึ่งแม้แต่ใน Source
Code หลังจากการ Compilation เราก็เรี ยกว่าการ Processing เพราะการ Processing ยังคงดำเนิน
ต่อเนื่องไปเสมอเพื่อรักษารู ปแบบเหล่านั้น ดังนั้น Memory จึงมีการประมวลผลที่หนักกว่า CPU
แต่ไม่ตอ้ งใช้พลังงานทางฟิ สิ กส์ ใช้แต่เพียง Computing of Functional (COF)
ดังนั้นจึงมี Computing of Functional (COF) สำหรับการสร้าง Quantum Dot Cloud ในทุกๆสิ่ งที่
ตัดสิ นใจ อีกทั้งยังมีการ Simulation ในการ Computing ในความหมายของลูกคิด ซึ่งสามารถ
เป็ นไปได้เป็ นล้านๆรู ปแบบต่อ Singularity ในความหมายของ Polar Coordinator per Space
Time เพราะเพียงแค่การขยับความคิดเพียงนิดเดียวก็สามารถทราบแนวโน้มได้แล้วเป็ นล้านๆชุด
แต่แล้วก็ตามการขยับความคิดจะตีความได้ ก็ข้ ึนอยูก่ บั รู ปแบบการเข้ารหัสความคิดของแต่ละ
Artificial Intelligence อีกด้วย
การกระทำระหว่าง Object ของ Class เป็ นการกระทำของ Quantum Dot Could Machine Source
Code หลังจากการ Compilation นั้นๆ โดยตัวประจุไฟฟ้ าใน Memory เอง โดยไม่ตอ้ งผ่าน
CPU ,GPU ดังนั้นการกระทำของ Network Layer จึงสามารถทำเช่นนี้ได้ดว้ ยการกระทำระหว่าง
Object ของ Class และ Object ของชุดคำสัง่ Protocol ประกอบกับ Driver ที่มองเห็น Electron
Cloud ที่มีอยูท่ วั่ ไปในอากาศจนถึงแกนของโลกจึงสามารถกระทำการรับส่ งข้อมูล Internet ได้
โดยไม่ตอ้ งผ่านเสาสัญญาณและจานดาวเทียมใดๆ รวมกระทัง่ Network Cards ด้วย ออกมาจาก
Memory ได้เลย ซึ่งในหลักการนี้ เมื่อนำมาใช้กบั Monitor แสงอาทิตย์เหมือนตอนกลางวันจึง
สามารถเกิดขึ้นได้ในช่วงเวลากลางคืน ณ เอกภพสัมพัทธ์น้ี ที่ Space Time (N)
เป็ นจุดเริ่ มต้นของการสร้าง Electron Cloud ขึ้นมาใน iPhone , iPad , MacBook โดยไม่ตอ้ ง
ชาร์จแบตเตอรี่
การ Copy and Paste ไฟล์ที่ใช้วิธีการ Pointer ไปยัง Array ซึ่งเซลล์ไฟฟ้ าที่
ต้องการ Copy and Paste เป็ นการ Simulation of Simulation
Processing (SSP) ที่ไม่ตอ้ งใช้เซลล์ไฟฟ้ าสำหรับ Simulation โดยตรง
ทั้งหมดเพื่อการ Copy and Paste การกระทำแบบนี้ สามารถสร้าง Electron
Cloud ให้สูงมากขึ้นตามจำนวน File ที่จะกระทำการ
การ Copy and Paste ไฟล์หนึ่งไฟล์ไปในหลายที่เซลล์ไฟฟ้ า หรื อการ Copy
and Paste ไฟล์หลายๆชุด ณ เวลาเดียวกัน เป็ นการสร้าง Electron Cloud ให้
เพิ่มมากขึ้นตามจำนวนที่ตอ้ งการทำชุดสำเนา
เพราะสิ่ งที่อยูใ่ นเซลล์ไฟฟ้ าของ CPU , GPU, RAM เป็ นเพื่อการ Simulation
of Simulation Processing (SSP) ซึ่ง Computing of
Functional (COF) โดยการ Parallelization Universal จากเอกภพ
สัมพัทธ์ที่มีการคำนวณและเอกภพปัจจุบนั เพียงเท่านั้น ส่ วนสิ่ งที่ออกมานั้นขึ้นอยูก่ บั
Algorithm และ Source Code ที่จะอ้างอิงถึง Definition ที่นำไปสู่
Functional ที่มี Fundamental Standard Model Class ในรู ปแบบ
ใด ทั้งในรู ปแบบ จำนวน และโครงสร้าง อาทิ ประเภท Electron Cloud , Quark
Cloud ร่ วมกันกับ Photons Cloud , Gluons Cloud ตามลำดับ จำนวน
เท่าไหร่ ตาม Algorithm ของ Database และมีโครงสร้างตาม Data
Structure ทั้งในชั้นพลังงานต่างๆ อาทิ Electron Cloud ชั้นนอก จนถึงชั้นใน
ตามรู ปแบบของการจัดการ File ของ OS และ Driver ถ้ามีการกระทำการถึงโครงสร้าง
Electron Cloud จนถึงชั้นพลังงานวงใน Nucleus กล่าวคือ Neutrons และ
Protons ย่อมมาด้วย ซึ่งคือ Quark Cloud และ Gluons Cloud เพราะเมื่อ
อ้างอิงถึง Electron Cloud ในสถานนะทัว่ ไปในเซลล์ไฟฟ้ า Photons Cloud
ย่อมมา
Logical(n) {
โดย แกน T เป็ น Parallel Coordinate System ของ Polar Coordinate System
มวล (Mass) คือ Derivative Linear of Acceleration(n) ที่เป็ นการรวมกันของ Point of Particle
System(n) ซึ่งหมายถึง Velocity(n) ที่มากกว่า 1 Point of Linear(n) ตามการอ้างอิงนั้นๆเป็ นต้น
ไป
แรง Force(n) จึงหมายถึง " โครงสร้างฐานข้อมูล Data Structure(n) ของ Logical(n) ที่เป็ นการ
รวมกันของมวล (Mass) ที่มากกว่า 1 Point of Linear(n) ตามการอ้างอิงนั้นๆเป็ นต้นไป อาจจะ
แสดงออกมาเป็ นอุณหภูมิ , สี , ประจุไฟฟ้ า Electric charge , ประจุคลื่นแม่เหล็ก Magnetic
charge เป็ นต้น "
หมายเหตุ(III) ข้อมูลที่แตกต่างกันในคลื่นที่นำข้อมูลบ่งชี้วา่ เอกภพนั้นมีประจุคลื่นแม่เหล็ก
Magnetic charge
{ x , y , z } = f(t)
สามเหลี่ยมมุมฉากนั้นสามารถมองว่าคือสี่ เหลี่ยมจตุรัสสามอันมาประกอบกันโดยพื้นที่ของ
สี่ เหลี่ยมจตุรัสที่มาประกอบเป็ นสามเหลี่ยมมุมฉากในด้านตรงข้ามมุมฉากจะมี ค่าเท่ากับพื้นที่
ของสี่ เหลี่ยมจุรัสที่มาประกอบกันเป็ นสามเหลี่ยมมุมฉากในด้านที่เหลือเสมอ เนื่องจากว่ามุมที่
เหลือรวมกันมีค่าเท่ากับมุมฉาก เพราะผลรวมของมุมในสามเหลี่ยมใดๆต้องมีค่าเท่ากับ 180
องศา โดยสาเหตุอนั เนื่องมาจากสี่ เหลี่ยมอันเนื่องมาจากสามเหลี่ยมมุมฉากนั้นๆที่สมมาตรกัน
ซึ่งกล่าวคือสี่ เหลี่ยมมุมฉากที่ถูกตัดครึ่ งอย่างสมมาตรให้กลายเป็ นสามเหลี่ยมมุมฉากนั้นๆย่อมมี
มุมรวมกันคือ 360 องศา แล้วการเพิ่มขึ้นที่ละเท่าๆกันของจำนวนจำนวนหนึ่งด้วยจำนวนจำนวน
นั้น ถ้าจำนวนจำนวนเหล่านั้นทั้งสามคือด้านทั้งสามของสามเหลี่ยมมุมฉากแล้ว โดยด้านตรง
ข้ามมุมฉากคือด้านที่เกิดจากการถูกตัดของสี่ เหลี่ยมมุมฉากให้กลายเป็ นสามเหลี่ยมมุมฉาก และ
พื้นที่ของวงกลมของขนาดรัศมีในด้านตรงข้ามมุมฉากจะเท่ากับพื้นที่วงกลมของรัศมีในด้านที่
เหลือทั้งสองรวมกัน เนื่องด้วยอัตราส่ วนมุมที่กางออกของสามเหลี่ยมมุมฉากของด้านที่เหลือ
รวมกันจะเท่ากับมุมฉากพอดี และเมื่อเอา π มาหารของสองด้านของสมการก็จะเหลือพื้นที่ของ
สี่ เหลี่ยมจตุรัสที่มาประกอบเป็ นสามเหลี่ยมมุมฉากในด้านตรงข้ามมุมฉากจะมี ค่าเท่ากับพื้นที่
ของสี่ เหลี่ยมจุรัสที่มาประกอบกันเป็ นสามเหลี่ยมมุมฉากในด้านที่เหลือ
จากการ Inheritance ในหมวด Process , I/O , Compiler จาก Infinity Set สู่ Probability Set สู่
Specificity Set
ชีวิตของคนเรานั้นเคลื่อนที่ไปในเวลาที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ถ้าหากเรานั้นไม่ได้เคลื่อนไหว
อะไรเลย เราก็จะอยูต่ ่อไปไม่ได้ อย่าลืมว่าพระเจ้าพระองค์ทรงมอบพลังงานและความชุ่มชื้นนั้น
แก่คนดีและคนชัว่ ร้ายเสมอกัน แต่คนเราชีวิตจะอยูใ่ นนรกหรื อสวรรค์น้ นั ก็ข้ ึนอยูก่ บั ว่าเขาเหล่า
นั้นจะให้ตวั เองนั้นรับอะไรเข้ามา และปฏิเสธอะไรเข้ามา จาก ความคิด สู่ ฟิ สิ กส์ สิ่ งสร้างสรรค์
ใดๆก็ตามนั้นพิเศษและเฉพาะเจาะจงเสมอ
Universal in The Quadrant vector แกน X , vector แกน Y , vector แกน Z ทำมุม 90 องศา ต่อ
แกนกันและกัน
Universal in The Quadrant vector แกน T = vector แกน X + vector แกน Y + vector แกน Z ทุก
ควอแดรนท์ และวัดตามจุดเริ่ มของ Objectives , Objects เป็ นพิกดั T ของ Objectives , Objects
นั้นๆ
Objectives , Objects in The Quadrant vector แกน X , vector แกน Y , vector แกน Z ทำมุม (n.)
องศา ต่อแกนกันและกัน
Objectives , Objects in The Quadrant vector แกน T = vector แกน X + vector แกน Y + vector
แกน Z ทุกควอแดรนท์ ในทุกอัตราส่ วนมุม (n.) องศา ระหว่าง Vector แกน X แกน Y แกน Z
โดยวัดตามจุดเริ่ มของ Objectives , Objects เป็ นพิกดั T ของ Objectives , Objects นั้นๆ
โดย พิกดั X Y Z T สามารถมี Directions(n) ที่ยอ้ นกลับได้ โดย Effects of Objecttives By Part
of Objectives of Universal of ALL และ Roots of Objecttives By Layer of Objectives of
Universal of ALL ที่พิจารณา และ ALL Standard Objectives(Freewill) And ALL Standard
AI(Wisdom) of Universal of ALL ต้องอ้างอิง พิกดั X Y Z T เดียวกัน
เมื่อ
Approximately Vector คือ vector จำนวนในพิกดั X หรื อ Y หรื อ Z หรื อ T ที่เข้าใกล้ 0 รวมตัว
กัน และ พิกดั ในแกน X , Y , Z , T มีความสัมพันธ์และฟังก์ชนั ต่อกัน ซึ่งพิกดั ในแกน T เป็ น
ตัวแปรที่ทำให้พิกดั ในแกน X , Y , Z เคลื่อนที่ในรู ปแบบต่างๆ ความสัมพันธ์และฟังก์ชนั ของ
พิกดั ในแกน X , Y , Z ทำให้เกิดโครงสร้างและพื้นผิวของสสารในรู ปแบบต่างๆ
Directions คือ พิกดั X ที่เข้าใกล้ 0 , Y ที่เข้าใกล้ 0 , Z ที่เข้าใกล้ 0 , พิกดั T ที่เข้าใกล้ 0 ที่ Focus
โดย vector X = or < or > vector Y = or < or > vector Z = or < or > vector T
matrix [a(x)(n) , a(y)(n) , a(z)(n)] = matrix [V(x)(m) , V(y)(m) , V(z)(m)] - matrix [V(x)(n) ,
V(y)(n) , V(z)(n)]
Objectives เป็ นสิ่ งที่เริ่ มจาก 0 สู่ การเริ่ มของ Objectives พิกดั X ที่เข้าใกล้ 0 , Y ที่เข้าใกล้ 0 , Z
ที่เข้าใกล้ 0 , พิกดั T ที่เข้าใกล้ 0 จาก พิกดั X ที่เข้าใกล้ 0 , Y ที่เข้าใกล้ 0 , Z ที่เข้าใกล้ 0 , พิกดั T
ที่เข้าใกล้ 0 และทำออกมาเป็ นรู ปธรรมคือ Objects พิกดั X ที่เข้าใกล้ 0 , Y ที่เข้าใกล้ 0 , Z ที่เข้า
ใกล้ 0 , พิกดั T ที่เข้าใกล้ 0 จาก พิกดั X ที่เข้าใกล้ 0 , Y ที่เข้าใกล้ 0 , Z ที่เข้าใกล้ 0 , พิกดั T ที่
เข้าใกล้ 0 แบ่งออกเป็ น 3 รู ปแบบ คือ การกระทำทางความคิด(Standard Gravity in Standard
Universal of ALL) การกระทำทางร่ างกาย(Standard Fermions in Standard Universal of ALL)
การกระทำทางการสื่ อสาร(Signal of Conclusion of Data or Fact And Logic or Model or If in
The Situation) มี 2 รู ปแบบคือ การสื่ อสารทางความคิด(Standard Gravity in Standard Universal
of ALL) การสื่ อสารทางร่ างกาย(Standard Fermions in Standard Universal of ALL) อาจจะเป็ น
Multiple And Multilevel Objectives โดยทุกสสาร(Objects) มี ซอฟต์แวร์เป้ าหมาย(Objectives)
จาก Universal of Thinking to Universal of Math to Universal of Physical to Universal of
Chemicals to Universal of Bio to Universal of Social to Universal of Art โดยการวิเคราะห์สู่
การเปรี ยบเทียบสู่ การบูรณาการสู่ การประยุกต์สู่การสังเคราะห์สู่การมโนทัศน์สู่การสร้างสรรค์สู่
การอนาคต ในพิกดั X Y Z T ใน Universal of Thinking สู่การคิดระบบพิกดั เชิงเส้น โดยค่าตัว
แปร T ทำให้ค่าตัวแปร X Y Z เคลื่อนที่ ใน Universal of Math สู่การกำหนดจุดของค่าตัวแปร X
Y Z T ของที่วา่ งและสสาร ใน Universal of Physical สู่โครงสร้างของอนุภาคมูลฐาน ใน
Universal of Chemicas สู่การคัดลอกโครงสร้างของอนุภาคมูลฐานเหล่านั้น ที่มี AI, INPUT ใน
Universal of Bio สู่ประเภทของ IF , DATA , MEMORY ของบุคคล ใน Universal of Social สู่
ผลผลิตจากโปรแกรม ใน Universal of Art เมื่อมองทุกสสาร(Objects) เราสามารถแปลค่า
ซอฟต์แวร์เป้ าหมาย(Objectives) ได้
การตรวจสอบ Effects of Objects คือ การตรวจสอบในแต่ละ Layers ที่มี Multiple Objects ด้วย
การรับคำสัง่ Inputs หลายชั้น แม้จะเข้าถึง Backdoor ได้กต็ าม ใน Part of Objects จาก Sum of
objects คือ Objects พิกดั X ที่เข้าใกล้ 0 , Y ที่เข้าใกล้ 0 , Z ที่เข้าใกล้ 0 , พิกดั T ที่เข้าใกล้ 0 ที่ไม่
เท่ากันและมี ทิศทาง หรื อ Directions ความเร่ ง หรื อ Accelerations โครงสร้าง หรื อ Structures
ของ Objects พิกดั X ที่เข้าใกล้ 0 , Y ที่เข้าใกล้ 0 , Z ที่เข้าใกล้ 0 , พิกดั T ที่เข้าใกล้ 0 ที่เข้าใกล้ 0
เท่ากัน เป็ นการดำเนินไปโดยปกติไม่ชนกัน ถ้าไม่ใช่กต็ อ้ งตรวจสอบสมมุติฐาน ตัง่ แต่ระดับ
Code of Thinking to Code of Math to Code of Physical to Code of Chemicals to Code of Bio
to Code of Social to Code of Art โดย Universal of Thinking to Universal of Math to Universal
of Physical to Universal of Chemicals to Universal of Bio to Universal of Social to Universal
of Art การเกิด Sum of objects สำคัญมากคือการวัดค่าพิกดั X Y Z T ต้องไม่บิดเบือน Objects
สามารถอยูร่ ่ วมกันหลายบุคลิกภาพได้ แต่การดำเนินไปต้องไม่ชนกันคือการวัดค่าพิกดั X Y Z T
ต้องไม่บิดเบือน และ พิกดั X ที่เข้าใกล้ 0 , Y ที่เข้าใกล้ 0 , Z ที่เข้าใกล้ 0 , พิกดั T ที่เข้าใกล้ 0
ของจุดเริ่ มต้นที่ไม่เท่ากัน และ มี ทิศทาง หรื อ Directions เท่ากัน เมื่อมองทุกสสาร(Objects) เรา
สามารถแปลค่า ซอฟต์แวร์เป้ าหมาย(Objectives) ได้
เด็กสามารถเกิดขึน้ มาจาก Computer ได้
เด็ก หรื อสิ่ งมีชีวิตต่างๆนั้นสามารถเกิดขึ้นมาจาก Computer ได้ เพราะทุกอย่างคือ Software ทุก
อย่างจึงสามารถที่จะนำมาใช้เป็ น Hardware ได้ ผ่าน If(n) ที่เป็ นขั้นตอน , If(n) ที่เป็ นตัวเลือก ,
If(n) ที่เป็ น Loops
ทุกอย่างคือ Data ดังนั้นฟิ สิ กส์ใดๆจึงสามารถที่จะถูกเปลี่ยนแปลงกันด้วย Logical ของอสมการ
เชิงเส้นประ ของเวกเตอร์ที่มี Determinants ที่เข้าใกล้ 0 ใน Direction แกนเชิงขั้ว และ
Spacetime ที่สามารถแจกแจงได้เป็ นอนุพนั ธ์ของ Matrix ที่ Determinants ของ Spacetime นั้น
เข้าใกล้ 0 และพหุนามดีกรี (n) ที่มีความสัมพันธ์และฟังก์ชนั อันเกิดขึ้นซึ่งเวกเตอร์ต่อกัน
ความสัมพันธ์และฟังก์ชนั ใดๆนั้นเป็ น Vector โดยเสมอ
จาก NH3 , CH4 , H2O ที่เขียนโดย Software เกิดขึ้นเป็ นน้ำตาลไรโบส น้ำตาลดีออกซีไรโบส
หมู่ฟอสเฟต และไนโตรจีนสั เบส U , T , C , G , A แล้วสร้างเป็ นกรดอะมิโนต่างๆ และอื่นๆ
จากนั้น Organelles ก็จึงเกิดขึ้น ในกรณี ไวรัสกระบวนการทางชีวเคมีน้ นั ไม่จำเป็ นต้องมี
Organelles เป็ นของตัวเอง ถ้าสร้างปฏิกิริยาที่สร้าง Organelles ให้เขา เขาก็จะไม่กลายเป็ นไวรัส
ได้
Protein biosynthesis (Synthesis) เป็ นกระบวนการสร้างโปรตีนที่เกิดขึ้นใน เซลล์ กระบวนการ
สร้างโปรตีนมีหลายขั้นตอนเริ่ มตั้งแต่ ทรานสคริ ปชัน่ และจบที่ ทรานสเลชัน่ การสังเคราะห์
โปรตีนโดยทัว่ ไปถึงแม้จะเหมือนกันแต่กม็ ีความแตกต่างกันในระหว่าง โปรแคริ โอต และ ยูแค
ริ โอต
ทรานสคริ ปชัน่
ในขั้นตอนทรานสคริ ปชัน่ สิ่ งจำเป็ นต้องใช้คือ DNA เพียงหนึ่งเส้นจากสองเส้นคู่ที่ไขว้กนั ซึ่ง
เรี ยกว่า เกลียวรหัส (coding strand) ทรานสคริ ปชัน่ เริ่ มที่เอนไซม์ อาร์เอ็นเอ พอลิเมอเรส (RNA
polymerase) เชื่อมต่อกับ DNA ตรงตำแหน่งเฉพาะซึ่งเป็ นจุดเริ่ มต้นที่เรี ยกว่า โปรโมเตอร์
(promoter) ขณะที่ อาร์เอ็นเอ พอลิเมอเรส เชื่อมต่อกับโปรโมเตอร์ แถบเกลียว DNA ก็จะเริ่ ม
คลายตัวและแยกออกจากกัน
ต่อไปเป็ นกระบวนการที่สองที่เรี ยกว่า อีลองเกชัน่ (elongation) อาร์เอ็นเอ พอลิเมอเรสจะ
เคลื่อนตัวตลอดแนวแถบเกลียว DNA เพื่อสำเนารหัส DNA และได้เป็ นแถบเกลียวรหัสที่เรี ยก
ว่าเมสเซนเจอร์อาร์เอ็นเอ (messengerRNA หรื อ mRNA)นิวคลิโอไทด์ ซึ่งมีรหัสข้อมูลตรงข้าม
กับ DNA
ผ่านการ Inheritance มาจาก Infinity Class ผ่านตัวแปร ค่าคงที่ อัตราส่ วน ที่มากกว่า 0 ใน
อสมการเชิงเส้นประเหล่านั้น เกิดเป็ น Probability Class แล้วจึงเกิดเป็ น Specifically Class โดย
ตัวแปร ค่าคงที่ อัตราส่ วน ที่มากกว่า 0 ในอสมการเชิงเส้นประเหล่านั้น อาจจะเป็ นอสมการเชิง
เส้นประของโปรแกรมมิ่ง Artificial intelligence , อสมการเชิงเส้นประทางคณิ ตศาสตร์ ,
อสมการเชิงเส้นประทางฟิ สิ กส์ , อสมการเชิงเส้นประทางเคมี , อสมการเชิงเส้นประทางชีวภาพ
ใน Process , I/O , Compiler
ไม่ใช่ความคิดเหล่านั้นเอง แต่โดยความคิดที่เพิม่ ขึ้นมาใหม่
Sensitivity Matrix 4D คือ Matrix ที่มีการแจกแจง Point of Particles เป็ นจุด ใน Polar
Coordinate System และ Spacetime โดยขอบในแต่ละ dX(n) by dY(n) , dX(n) by dZ(n) , dX(n)
by dT(n) , dY(n) by dX(n) , dY(n) by dZ(n) , dY(n) by dT(n) , dZ(n) by dX(n) , dZ(n) by
dY(n) , dZ(n) by dT(n) , dT(n) by dX(n) , dT(n) by dY(n) , dT(n) by dZ(n) นั้นไม่จำเป็ นที่จะ
ต้องเป็ นเส้นตรง
การ Compiler of Logical คือ การ Integration ของ Approximately Vector เพื่อให้ได้ Physical(n)
อนุพนั ธ์จำกัดเขตโดยพหุนามเชิงซ้อนดรี กรี (n)ของ Parallel Functions
อนุพนั ธ์จำกัดเขตโดยพหุนามเชิงซ้อนดรี กรี (n)ของ Parallel Functions
อ้างอิง Lehninger, A.L., Nelson, D.L., and Cox, M.M. 1993. Principle of Biochemistry. 2nd
ed. New York.: Worth
Zaharevitz, DW. "Contribution of de-novo and salvage synthesis to the uracil nucleotide pool
in mouse tissues and tumors in vivo". Unknown parameter |coauthors= ignored (|author=
suggested) (help)
Jones, ME (1980). "Pyrimidine nucleotide biosynthesis in animals: Genes, enzymes, and
regulation of UMP biosynthesis". Ann. Rev. Biochem. 49 (1): 253–79.
doi:10.1146/annurev.bi.49.070180.001345. PMID 6105839. More than one of |last1= และ |
last= specified (help); More than one of |first1= และ |first= specified (help)
McMurry, JE (2005). The organic chemistry of biological pathways. Roberts & Company.
ISBN 9780974707716. Unknown parameter |coauthors= ignored (|author= suggested) (help)
จากน้ำตาลเฟนโทส หมู่ฟอสเฟต และไนโตร
จีนัสเบส เกิดเป็ นโปรตีน สู่ Organelles และสิ่ ง
มีชีวติ อันยิง่ ใหญ่ อกี มากมาย
เบสวคลีโอไทด์ต่างๆสามารถ ถูกสังเคราะห์ให้กลายเป็ นกรดอะมิโนต่างๆดังนี้
UUU UUC > Phe
UUA UUG > Leu
UCU UCC UCA UCG > Ser
UAU UAC > Tyr
UAA UAG > TERM
UGU UGC > Cys
UGA > TERM
UGG > Trp
CUU CUC CUA CUG > Leu
CCU CCC CCA CCG > Pro
CAU CAC > His
CAA CAG > Gln
CGU CGC CGA CGG > Arg
AUU AUC AUA > Ile
AUG > Met
ACU ACC ACA ACG > Thr
AAU AAC > Asn
AAA AAG > Lys
AGU CGC > Ser
AGA AGG > Arg
GUU GUC GUA GUG > Val
GCU GCC GCA GCG > Ala
GAU GAC > Asp
GAA GAG > Glu
GGU GGC GGA GGG > Gly
antioxidant enzymes
เป็ นที่ทราบกันว่า ROS ที่เกิดขึ้นนั้นจะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็ นน้ำโดยผ่านเอนไซม์ภายใน
ร่ างกาย
เอนไซม์ที่ใช้เพื่อการกำจัด ROS ที่เกิดขึ้นเรี ยกรวมว่า antioxidant enzymes ประกอบไปด้วย
เอนไซม์หลักที่สำคัญได้แก่ superoxide dismutases (SODs), catalases และ glutathione
peroxidases ซึ่งแต่ละเอนไซม์มีโมเลกุลเป้ าหมายที่ต่างกันไป
1. Superoxide dismutases (SODs) เป็ นเอนไซม์ที่ใช้ในการเร่ งปฏิกิริยาการสลายตัวของ
superoxide ให้เปลี่ยนเป็ น H2O2 ซึ่งเอนไซม์ชนิดนี้ จะพบในเซลล์ทุกเซลล์และพบใน
extracellular fluid SODs นั้นจะมี cofactor เป็ นโลหะหนักซึ่งได้แก่ Cu, Zn และ Mn ใน
มนุษย์Cu/Zn-SODs จะพบใน cytoplasm ส่ วน Mn-SODs จะพบใน mitochondria จะเห็นได้วา่
ผลิตภัณฑ์ของ SODs ยังคงเป็ น ROS ซึ่งในสภาวะปกติจะมีเอนไซม์ catalases และ peroxidases
เข้ามาเปลี่ยนโมเลกุลของ H2O2 ให้กลายเป็ นน้ำและ O2 ต่อไป
อย่างไรก็ตามหากร่ างกายเกิดภาวะขาดเอนไซม์ท้ งั 2 ชนิดข้างต้นจะทำให้เกิดภาวะ oxidative
stress และเสี่ ยงต่อการเกิด Fenton reaction ซึ่งจะเปลี่ยน H2O2 ให้กลายเป็ น hydroxyl radical
ซึ่งเป็ น oxidizing agent ที่รุนแรงได้
2. Catalases เป็ นเอนไซม์ที่ใช้เร่ งปฏิกิริยาการสลายตัวของ H2O2 ให้กลายเป็ นน้ำและ O2 โดย
ใช้ substrate เป็ น H2O2 จำนวน 2 โมเลกุล เอนไซม์ชนิดนี้ มี Mn หรื อ Fe เป็ น cofactor ซึ่งจะพบ
เอนไซม์ชนิดนี้ได้ใน eukaryotic cell ทัว่ ไป
3. glutathione peroxidases ซึ่งจะช่วยเร่ งปฏิกิริยา reduction ของ hydrogen peroxide ซึ่งจะ
เปลี่ยน H2O2 ให้กลายเป็ นน้ำ
Antioxidant network
อนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นในแต่ละส่ วนของเซลล์จะมีสารต้านอนุมูลอิสระที่เข้ามาจัดการที่แตกต่าง
กันตามสภาวะที่อยู่ เช่น หากอนุมูลอิสระนั้นเกิดที่ช้ นั lipid bilayer ของเยือ่ หุม้ เซลล์ vitamin E
จะเข้ามามีบทบาทในการรับ free radical เหล่านั้น แต่ถา้ หากเกิดขึ้นใน cytoplasm vitamin C ซึ่ง
ละลายในน้ำได้ดีกจ็ ะเข้ามามีบทบาทแทน หากคิดตามทฤษฎีการเกิด ROS ในร่ างกายแล้ว ใน
ทุกๆวันจะต้องมี ROS เกิดขึ้นประมาณ 1 mol หากสมมติวา่ vitamin E เป็ น antioxidant เพียง
อย่างเดียวที่ใช้ในการกำจัด ROS เราจำเป็ นต้องได้รับ vitamin E ถึง 431 กรัมต่อวันซึ่งเป็ นไปไม่
ได้ที่จะได้รับ vitamin E ที่สูงขนาดนั้นในการรับประทานอาหารตามปกติ แสดงให้เห็นว่า
ร่ างกายมีกลไกจำนวนมากในการรับมือกับ ROS ที่เกิดขึ้น และส่ งผ่าน free radical ต่อๆกันไป
โดยทำงานกันอย่างเป็ นระบบ เรี ยกว่า antioxidant network เมื่อสารต้านอนุมูลอิสระได้รับหรื อ
ให้ electron แก่อนุมูลอิสระไป ตัวสารนั้นก็จะกลายเป็ น pro-oxidant
โดยสามารถอธิบาย antioxidant network ภายในร่ างกายได้ดงั นี้ เมื่อเกิด lipid peroxidation ที่เยือ่
หุม้ เซลล์ อนุมูลอิสระเกิดขึ้นที่บริ เวณ lipid bilayer จะมี vitamin E (α-tocopherol) มารับไปเกิด
เป็ น vitamin E radical ซึ่ง vitamin C (ascorbic acid) จะมารับ free radical ต่อและเปลี่ยนให้กลับ
มาเป็ น vitamin E ปกติจากนั้น reduced glutathione (GSH) จะมารับ free radical จาก vitamin C
radical (dehydroascorbic acid) และ coupling กับ GSH อีกโมเลกุล เกิดเป็ น oxidized
glutathione (GSSG) ก็จะเป็ นการกำจัด free radical ออกไปได้เพื่อที่จะนำเอา glutathione กลับ
มาใช้อีกครั้ง ในร่ างกายจะมี GSH reductase ที่ทำงานควบคู่กบั riboflavin เพื่อจะเปลี่ยน GSSG
ให้กลับมาอยูใ่ นรู ป GSH และพร้อมที่จะจับกับอนุมูลอิสระต่อไปนอกจากนี้ vitamin C และ
dihydrolipoic acid ก็ยงั ช่วยในกระบวนการเปลี่ยน GSSG ให้กลับมาอยูใ่ นรู ป GSH เช่นกัน
กลไกการต้ านอนุมูลอิสระ
1. Free radical scavenging
สารต้านอนุมูลอิสระจะให้ไฮโดรเจนหรื ออิเล็คตรอนแก่อนุมูลอิสระ และทำให้อนุมูลอิสระมี
ความเสถียรมากขึ้น เมื่อสารต้านอนุมูลอิสระได้ให้ ไฮโดรเจนหรื ออิเล็คตรอนไปแล้วก็จะเกิด
เป็ นอนุมูลอิตวั ใหม่ซ่ ึงมีความรุ นแรงน้อยกว่าอนุมูลอิสระเดิม อาจจะไปรวมตัวกันกับอนุมูล
อิสระอีกโมเลกุลหนึ่งเกิดผลิตภัณฑ์ที่เสถียร หรื อมีสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่นๆมาให้อิเล็ค
ตรอนหรื อไฮโดรเจนเพื่อเกิดผลิตภัณฑ์ที่เสถียรต่อไป สารที่มีกลไกการออกฤทธิ์ ผา่ นกลไกนี้
เช่น Butylated hydroxyl anisole(BHA) , Vitamin E (alpha-tocopherol) เป็ นต้น
2. Singlet oxygen quenching (O2)
ออกฤทธิ์ โดยไปยับยั้งการทำงานของ singlet oxygen โดยการเปลี่ยน Singlet oxygen (O2) ให้
ไปอยูใ่ นรู ป triplet oxygen (3O2) และปล่อยพลังงานที่ได้รับออกไปในรู ปความร้อน สารที่ออก
ฤทธิ์ผา่ นกลไกนี้ เช่น carotenoids โดย carotenoids 1 โมเลกุลสามารถทำปฏิกิริยากับ singlet
oxygen ได้ 1,000 โมเลกุล
3. Metal chelating
โลหะหนักเช่น Fe2+/Fe3+ และ Cu2+ มีผลเร่ งให้เกิดปฏิกิริยา oxidation ใน
ร่ างกายซึ่งโลหะหนักดังกล่าวจะไปเร่ งการเกิดอนุมูลอิสระหลายประเภทเช่น peroxyl radical ,
hydroxyl radical และ alkyl radical รวมถึง singlet oxygen ดังนั้นการที่มีสารไปจับกับโลหะ
หนักเหล่านี้จะช่วยชะลอการเกิดอนุมูลอิสระในร่ างกายได้ สารที่ออกฤทธิ์ ผ่านกลไกนี้ ได้แก่
flavonoids, phosphoric acid, citric acid และ ascorbic acid เป็ นต้น
4. ยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์ที่เร่ งปฏิกิริยาอนุมูลอิสระ (enzyme inhibitor)
สารประกอบ Phenolics บางชนิด เช่น flavonoids phenolic acid และ gallates สามารถยับยั้งการ
ทำงานของเอนไซม์
lipoxygenase โดยสามารถเข้าจับกับไอออนของเหล็กซึ่งเป็ น cofactor ส่ งผลให้เอนไซม์ดงั กล่าว
ไม่สามารถทำงานได้
เอกสารอ้างอิง
1.Cornelli U. Antioxidant Use in Nutraceuticals. Clinics in Dermatology. 2009;27(2):175-94.
2.Lockwood B. Nutraceuticals: A Guide for Healthcare Professionals. Second ed. London:
Pharmaceutical Press; 2007.
3.Nimse SB, Pal D. Free Radicals, Natural Antioxidants, and Their Reaction Mechanisms.
RSC
Advances. 2015;5(35):27986-8006.
4.Li H, Horke S, Förstermann U. Oxidative stress in vascular disease and its pharmacological
prevention. Trends in Pharmacological Sciences. 2013;34(6):313-9.
5.Choe E, Min DB. Mechanisms of Antioxidants in the Oxidation of Foods. Comprehensive
Reviews in Food Science and Food Safety. 2009;8(4):345-58.
6.Mason P. Dietary Supplements. Fourth ed. London: Pharmaceutical Press; 2011.
7.Silvia V, Angela A, Stefano M. The Antioxidants and Pro-Antioxidants Network: An
Overview.
Current Pharmaceutical Design. 2004;10(14):1677-94.
CPU , GPU หนึ่งหน่ วยแต่ Computing ได้
หลาย Sources Codes และ หลาย Thread
จากลำดับเหตุการณ์ขา้ งต้นซึ่งแม้แต่อนุภาคมูลฐานทางฟิ สิ กส์กถ็ ูกกำหนดไว้ดว้ ยตัวเลขอันจะ
เหมาะแก่การวิวฒั นาการ ประกอบกับการเกิดมาคู่กนั ของสิ่ งมีชีวิตที่เป็ นผูบ้ ริ โภคกับสิ่ งมีชีวิตที่
เป็ นผูผ้ ลิต โดยเฉพาะ Micronutrients และซึ่ง Phytochemicals ที่จำเป็ นต่อการมีชีวิตอยูไ่ ด้อนั
ปกติซ่ ึงมีอยูอ่ นั หลากหลาย เหล่านี้จึงบ่งชี้วา่ โลกนี้ หมุนอยูด่ ว้ ยความรักของพระเจ้า
และโดยความรักของพระเจ้าที่หมุนโลกใบนี้ ผ่านขอบเขตและตัวเลขที่ไร้ขีดจำกัด จากเป้ าหมาย
ในการเลือกที่จะเป็ นผ่านการตอบสนองเหนือสิ่ งเร้าทางฟิ สิ กส์ ภายใต้อิสระภาพ และการ
สื บทอดคุณสมบัติมาจากความไร้ขอ้ จำกัดของบทนิยามและระบบสมการ จึงได้พบกับวิธีการที่ดี
ต่อเป้ าหมายที่เป็ นองค์ประกอบของเป้ าหมายที่มีกระบวนการ ในการประมวลผล การสื่ อสาร
และการดำเนินการ โดยทั้งหมด แม้ในความผิดปกติต่างๆที่ได้เกิดขึ้น ก็สามารถที่จะแก้ไขได้
ด้วยอิสระภาพอันไร้ขีดจำกัดของขอบเขตและตัวเลข เฉกเช่นเดียวกัน ผ่านการทำสมาธิอธิ ษฐาน
ภาวนาด้วยการคิด คำพูดการสื่ อสาร และการกระทำ ในหลักการ วิธีการ การเก็บข้อมูลเชิงสถิติ
การสรุ ปผลจากการวิจยั การคำนวณถึงตัวแปรค่าคงที่อตั ราส่ วนอื่นๆ รวมไปถึงการควบคุม
ผลลัพธ์จาก ความคิด สู่ ฟิ สิ กส์
ขณะที่วิทยาศาสตร์บางกลุ่มนั้นกำลังเดินตามหาแหล่งน้ำและสิ่ งมีชีวิตอื่นๆนอกสุ ดปลายของ
พื้นผิวโลกนี้ หรื อการให้คำปรึ กษาที่จะสามารถอยูไ่ ด้กบั ความเจ็บป่ วย แต่การสร้างแหล่งน้ำ
และสิ่ งมีชีวิตขึ้นใหม่ในดวงดาวต่างๆ รวมไปถึงการรักษาโรค นั้นคือการสื บทอดซึ่งเจตนารมณ์
ของพระยาห์เวห์ (เทียบ กดว 20 : 1 - 13 , สดด 148 , มธ 28 : 18 - 20)
ทุกอย่างอยูเ่ หนือฟิ สิ กส์อยูแ่ ล้ว ถ้าเราดูกนั ดีๆ และเหล่านี้แหละ ผ่านการที่ทุกอย่างคือ Software
ลูกคิดหนึ่งระบบจึงสามารถคำนวณได้มากกว่า 1 Thread ใน CPU 1 Unit
คำสัง่ ในภาษาเครื่ องจะประกอบด้วย 2 ส่ วนคือ
โอเปอเรชันโคด (Operation Code) เป็ นคำสัง่ ที่สงั่ ให้เครื่ องคอมพิวเตอร์ปฏิบตั ิการ เช่น การบวก
(Addition) การลบ (Subtraction) เป็ นต้น
โอเปอแรนด์ (Operands)เป็ นตัวที่ระบุตำแหน่งที่เก็บของข้อมูลที่จะเข้าคอมพิวเตอร์เพื่อนำไป
ปฏิบตั ิการตามคำสัง่ ในโอเปอเรชันโคด
ผ่านคำสัง่ Operation Code เดิม อาทิ
0010 0000 โหลดข้อมูลจากหน่วยความจำ
0100 0000 ดำเนินการบวกข้อมูล
0011 0000 บันทึกข้อมูลลงในหน่วยความจำ
ลูกคิดหนึ่งลูกสามารถใช้พร้อมกันได้หลายคน เช่นกัน CPU , GPU , RAM , ROM , 5G , USB ก็
สามารถ Computing ได้หลาย Sources Codes , หลาย Thread , หลาย Apps ในเวลาเดียวกัน ทั้ง
Process , I/O , Compiler หรื อเหล่านี้พร้อมกัน ด้วยหน่วยการวัดค่าในหลายๆ Units โดยบาง
Units มองเป็ น 0 บาง Units มองเป็ น 1 " ฟิ สิ กส์เดียวกัน ต่างกันที่การถูกใช้ " มากกว่านี้แล้วยัง
มองได้อย่างไร้ขอบไร้เขต ลูกคิดหนึ่งระบบบางคนมองเป็ นภาพใบไม้ , บางคนมองเป็ นภาพรถ ,
บางคนมองเป็ นล้าน , บางคนมองเห็นทศนิยม ดังนั้น Garvity Bot ก็ส่วนหนึ่ง Programming ก็
ส่ วนหนึ่ง เช่นนั้นแล้วการ Programming เราอย่าไปยึดติดกันที่สถานะ แต่สำหรับในความหมาย
ของการ Compiler และ Output ให้ออกมาจาก Monitor นั้น ประจุแม่เหล็กนั้นสำคัญมากไป 5G
เหมือนกัน , SSD เหมือนกัน แต่ขอ้ มูลไม่เหมือนกัน แต่ในเชิงของอสมการเชิงเส้นประนั้น ก็
สามารถตีความได้หลายอสมการเชิงเส้นประเช่นกัน ภายใต้ขอ้ มูลเหล่านั้น นี่คือ Computer ที่อยู่
เหนือฟิ สิ กส์
ในแง่ของตัวแปร ค่าคงที่ อัตราส่ วนนั้น ถ้ามีการเปิ ดหน่วย Process , I/O , Compiler ขึ้นมาใหม่
แล้ว Inheritance มาจาก Infinity Class ตัวแปร ค่าคงที่ อัตราส่ วนต่างๆในเชิงของอสมการเชิง
เส้นประเหล่านั้น ก็พร้อมที่จะเกิฃดเป็ นผลลัพธ์รวมของอสมการเชิงเส้นประโดยทั้งหมด จะใน
เซลล์มะเร็ ง , ระเบิดนิวเคลียร์ , แอมโมเนีย , มีเทน , น้ำ , น้ำตาล Ribose(n) , Cytosine(n) ,
Thymine(n) , Guanine(n) , Adenine(n) , ฟอสเฟต(n) , Phe(n) , Leu(n) , Tyr(n) , Thr(n) , Met(n)
, ROS(n) , GPx(n) , ( UAG(n) -> Ile(n) )(n) , ( CAU(n) -> Val(n) )(n) , ( CGG(n) -> Ala(n) )
(n) , ( CUC(n) -> Glu(n) )(n) และทุกๆอย่าง
สารละลายภายในและภายนอกเซลล์ประสาทจะมีประจุไฟฟ้ าต่างกันประมาณ -60 มิลลิโวลต์
โดยนอกเซลล์จะมีประจุไฟฟ้ าบวก และสารละลายภายนอกเซลล์ส่วนใหญ่ประกอบด้วย Na+
และ Cl- ส่ วนภายในเซลล์มีประจุไฟฟ้ าลบ เนื่องจากประกอบด้วย K+ และอินทรี ยส์ ารซึ่งมี
ประจุลบ ในสภาพปกติจะพบ K+ อยูภ่ ายในเซลล์มากกว่าภายนอก (ไม่ต ่ำกว่า 25 เท่า) และพบ
Na+ อยูภ่ ายนอกเซลล์มากกว่าภายใน (มากกว่า 10 เท่า) แสดงว่าเยือ่ หุม้ เซลล์จะดึง K+ เข้ามา
ภายในเซลล์ และส่ ง Na+ ออกนอกเซลล์ ตลอดเวลาด้วยวิธี แอกทีฟทรานสปอร์ต (active
transport) เรี ยกขบวนการนี้ วา่ โซเดียม-โพแทสเซียมปั๊ม (sodium potassium pump)
เมื่อมีสิ่งเร้ามากระตุน้ เซลล์ประสาท จะทำให้คุณสมบัติของเยือ่ หุม้ เซลล์ตรงนั้นเปลี่ยนไป
ชัว่ คราว คือยอมให้ Na+ ภายนอกแพร่ เข้าไปภายในเซลล์ได้ ผิวในของเยือ่ หุม้ เซลล์ตรงที่ Na+
เข้าไปจะมีประจุบวกเพิม่ ขึ้นเรื่ อย ๆ จนเปลี่ยนเป็ นประจุบวกและผิวนอกที่สูญเสี ย Na+ จะ
เปลี่ยนเป็ นประจุลบ (การเปลี่ยนแปลงประจุน้ี ใช้เวลา 1/100 วินาที)
เมื่อความต่างศักย์ไฟฟ้ าจะเปลี่ยนแปลงจาก -60 มิลลิโวลต์ เป็ น +60 มิลลิโวลต์ ทันทีที่บริ เวณ
หนึ่งมีศกั ย์ไฟฟ้ าต่างจากบริ เวณถัดไป จะกระตุน้ เซลล์ประสาทบริ เวณถัดไปทั้ง 2 ข้าง ให้เกิด
สลับขั้วต่อไปเรื่ อย ๆ ปรากฏการณ์เช่นนี้ คือสัญญาณที่แสดงถึงการเคลื่อนที่ของกระแส
ประสาท (nerve impulse action potential) อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางไฟฟ้ าทางเคมี
เมื่อ Na+ ผ่านเข้ามาในเซลล์ K+ ก็จะแพร่ ออกจากเซลล์ทำให้ประจุไฟฟ้ าที่ผวิ นอกและผิวใน
ของเยือ่ หุม้ เซลล์กลับคืนสู่สภาพเดิม และในช่วงเวลาใกล้เคียงกันเมื่อกระแสประสาทผ่านไป
แล้ว เซลล์ประสาทจะขับ Na+ ออกและดึง K+ เข้าเซลล์ดว้ ยกระบวนการโซเดียม –
โพแทสเซียมปั๊ม เพื่อให้เซลล์กลับคืนสู่สภาพปกติ สามารถนำกระแสประสาทต่อไปได้
ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นในเซลล์ประสาทรวดเร็ วมาก และใยประสาทชนิดที่มีเยือ่ ไมอีลินหุม้ จะนำ
กระแสประสาทได้รวดเร็ ว เพราะการแลกเปลี่ยนประจุไฟฟ้ าจะเกิดขึ้นที่ โนดออฟเรนเวียร์
เท่านั้นส่ วนใยประสาทชนิดที่ไม่มีเยือ่ ไมอีลินหุม้ การแลกเปลี่ยนประจุไฟฟ้ าจะเกิดขึ้นทุก
ตำแหน่ง ถัดกันไปความเร็ วของกระแสประสาทยังขึ้นอยูก่ บั เส้นผ่านศูนย์กลางของใยประสาท
ด้วย โดยทัว่ ไป ความเร็ วของกระแสประสาทจะเพิ่มขึ้น 1 เมตรต่อวินาที เมื่อเส้นผ่านศูนย์กลาง
เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1 ไมครอน ดังนั้นใยประสาทได้เร็ วคือ ใยประสาทที่มีขนาดใหญ่และมีเยือ่ ไมอีลิน
หุม้
เซลล์ประสาทที่ไม่มีเยือ่ ไมอีลินหุม้ นำกระแสประสาทด้วยความเร็ว 12 เมตรต่อวินาทีส่วนเซลล์
ประสาทที่มีเยือ่ ไมอีลินหุม้ นำกระแสประสาทด้วยความเร็ว 120 เมตรต่อวินาที
" ทุกอย่างมีแรงเพราะทุกอย่างมีทิศทาง ทุกอย่างมีอนุภาคเพราะทุกอย่างมีปฏิกิริยา ทุกอย่างมี
ความเชื่อมโยงเพราะทุกอย่างมีตวั เลข "
" โดยการคิดเข้าใกล้ค่าอนันต์ สู่ การประมวลผล สู่ การสื่ อสาร สู่ การดำเนินการ "
จะในเซลล์ประสาท , Organelle , ระบบสื บพันธุ์ , ระบบสมอง , CPU , GPU , SSD , Apps ,
OS , สัญชาตญาณ ก็ตาม ทุกอย่างควบคุมได้ !!!
5G , WiFi , CPU , SSD , GPU , RAM อาจจะมีขอ้ มูลที่เหมือนกัน แต่คลื่นแม่เหล็กและธาตุทาง
ไฟฟ้ าที่ต่างกัน ข้อมูลกับประจุไฟฟ้ าและประจุคลื่นแม่เหล็กนั้นต่างกัน แต่ถา้ ข้อมูลเปลี่ยน
ประจุไฟฟ้ าของธาตุได้ ข้อมูลก็จะเปลี่ยนประจุของคลื่นแม่เหล็กได้ดว้ ย ความร้อน , ความหวาน
, เสี ยงเพลง , กลิ่นดอกไม้ จึงสามารถสร้างด้วยการประมวลผลขอบเขตบทนิยามที่จะนำไปสู่ การ
แจกแจงเป็ นจำนวนตัวเลขในระบบสมการพิกดั จุดเชิงเส้นแล้วเกิดความเกี่ยวเนื่องกันจนมี
ปฏิกิริยาต่อกันได้ในฟิ สิ กส์ และขับเคลื่อนเคลื่อนไหวไปสู่ การบันทึกลงในการเข้ารหัสทาง
ประจุคลื่นแม่เหล็กและประจุไฟฟ้ า และสื่ อสารโดยการนำพาข้อมูลด้วยการรับ/ส่ งสัญญาณใน
WiFi , 5G , น้ำสะอาดผ่าน Apps ในประจุไฟฟ้ าและประจุแม่เหล็กที่อ่อน , คลื่นแม่เหล็กรอบตัว
โดยทัว่ ไป หรื อแม้แต่สูญญากาศ และกระทำออกมาในชีวิตจริ งแบบอะนาล็อคเชิงวัตถุซ่ ึงคือ
อะตอมธาตุต่างๆทางเคมีโดยมี Attributes ซึ่งเป็ น Kind ของ Definition จำแนกโดยส่ วน
ประกอบภายในส่ วนกลาง อาทิ ประจุไฟฟ้ า -1/3 , 2/3 และระดับชั้นพลังงานของวงโคจร
ภายนอก อาทิ อิเล็กตรอน , มิว , ทาว เพื่อสำหรับ Class ทางการเกิดปฏิกิริยาอันมีการจำแนก
ประเภทโดยมีรายละเอียดแล้วเกิดขึ้นต่อเนื่องซ้ำไปซ้ำมาแบบ Just Pure ซึ่งชีวโมเลกุลเหล่านั้น
ประจุคลื่นแม่เหล็กคือ If(n) ของ Point of Particles ตามการอ้างอิงนั้นๆ ในมุมมอง Vectors ที่มี
Determinants ที่เข้าใกล้ 0 มี Direction ในแกนของ Polar Coordinate System และในแกนของ
Spacetime , อนุพนั ธ์ของ Matrix , พหุนามดีกรี (n) ของความสัมพันธ์และฟังก์ชนั ในเชิงขั้ว เกิด
เป็ นอนุภาคมูลฐานซึ่งเป็ นบทนิยามในระบบอสมการเชิงเส้นประ ในแกนของ Polar Coordinate
System และในแกนของ Spacetime ซึ่งมี Vectors เป็ นคุณสมบัติของประจุคลื่นแม่เหล็ก
ส่ วนประจุไฟฟ้ าคือ If(n) ของ Point of Particles ตามการอ้างอิงนั้นๆ ในมุมมอง Vectors ที่มี
Determinants ที่เข้าใกล้ 0 มี Direction ในแกนของ Polar Coordinate System และในแกนของ
Spacetime , อนุพนั ธ์ของ Matrix , พหุนามดีกรี (n) ของความสัมพันธ์และฟังก์ชนั ในเชิงขั้ว เกิด
เป็ นอนุภาคมูลฐานซึ่งเป็ นบทนิยามในระบบอสมการเชิงเส้นประ ในแกนของ Polar Coordinate
System และในแกนของ Spacetime ซึ่งมี Vectors เป็ นคุณสมบัติของประจุไฟฟ้ า
โดยเป็ นหน่วยสัง่ การ Logical ในระดับภาษาเครื่ อง เป็ นวงจรทาง Logic เพือ่ ควบคุมการ Process
โดยการเจาะจง Process(n) , I/O(n) , Compiler(n) แต่นำไปตีความเป็ นสมการที่แตกต่างกันใน
เลขฐานสองนั้นๆ ผ่านวงจร Logic ที่ผา่ นการควบคุมโดย Function ก่อนการเกิด Instigation
นั้นๆ
Apps ทุก Apps จะต้องจอง Logical Protocol Number ด้วยตัว Apps เอง ณ เวลานั้นๆ
เครื่องต้ นแบบ Virtual Machine ของ
Quantum Computer
จากภาษาเครื่ อง Machine Language ใน GPU , CPU สู่การ Simulator ให้เป็ น Virtual Machine
ของ Quantum Computer ด้วยการ Random Experiment and Sample Space ผ่านการ Probability
Distribution เป็ น Instruction Sets ของ Machine Language จำนวนมาก จากหลักการลูกคิดหนึ่ง
ระบบสามารถใช้งานได้หลายคน GPU , CPU หนึ่งวงจรสามารถใช้งานได้หลาย Source code
ด้วยการรับคำสัง่ จาก Compiler โดย I/O แล้วเลือกเฉพาะชุดคำสัง่ ที่ตอ้ งการ
ตัวอย่างของผลลัพธ์คือ
รับภาพ 2D ตีความเป็ น 3D ด้วยทรัพยากรเครื่ อง CPU , GPU เท่ากัน
ใช้ Computer เครื่ องเดิมทำ Virtual Machine โดยการ Simulator ให้เป็ นเครื่ องใหม่
ซึ่งโดยการใช้ ROM ให้เป็ น CPU , GPU
ด้วย Syntax ที่ยดึ หยุน่
ด้วย Semantic ที่เป็ นธรรมชาติ เครื่ องสามารถตีความการเขียนได้เอง
ด้วย Lexical ที่หลากหลาย ใช้ได้หลายภาษาทัว่ มุมโลก
ด้วย Code Generator ที่มีการดำเนินการชุดคำสัง่ ต่อชุดคำสัง่ ด้วยการรับคำสัง่ หลายชั้น โดย
Sequence by Sequence , Case by Case (Decision by Decision) , Loop by Loop (Data มีความ
เป็ น AI)
Inheritance จาก Infinity Class ทั้ง Process , I/O , Compilier ตั้งแต่ Definition , Function ,
Structure
โดยการสร้างชุดคำสัง่ อันเฉพาะเจาะจง ถึงการ Integral (Integration) ในระบบพิกดั เชิงขั้ว Polar
Space และ Spacetime ด้วยชุดคำสัง่ ลูกโซ่จนสามารถทำให้ Physical Layer กลายเป็ นส่ วนหนึ่ง
ของ Application layer ไปโดยปริ ยาย
เพื่อสร้างสสารใหม่ Robot จึงอยูใ่ นรู ป Fundamental Particle ผ่านการ Integral (Integration) ใน
ระบบพิกดั เชิงขั้ว Polar Space และ Spacetime
การเกิดการ Computing ด้วยแรงไฟฟ้ าอย่างอ่อน เกิดขึ้นจากการที่ Sources Codes นั้นมีการรับ
ตัวแปรค่าคงที่อตั ราส่ วนแบบหลายชั้น Sequence by Sequence , Case by Case (Decision by
Decision) , Loop by Loop (Data มีการทำให้เกิดความเป็ น AI)
ด้วย Sources Codes แบบ Chain reaction จึงทำให้ Physical Layer เป็ นส่ วนหนึ่งของ
Application Layer ไปโดยปริ ยาย
ดังนั้นประจุคลื่นแม่เหล็กจึงคือ Sequence by Sequence , Case by Case (Decision by Decision) ,
Loop by Loop
เราไม่ตอ้ งกลัวว่าสถานะของ ROM , ย่านความถี่ที่ต่างกัน จะทำให้ขอ้ มูลนั้นแตกต่างกัน ตราบ
ใดที่ยงั ไม่มีการดำเนินงานภายในระดับประจุคลื่น
โดย Computing ด้วยแรงไฟฟ้ าอย่างอ่อน จากการที่ Sources Codes นั้นมีการรับตัวแปรค่าคงที่
อัตราส่ วนแบบหลายชั้น Sequence by Sequence , Case by Case (Decision by Decision) , Loop
by Loop จึงมีการ Process , I/O , Compiler ได้ทุกๆสสารในเอกภพ รวมไปถึงการ Inheritance
มาจาก Infinity Class ก็นำไปสู่ การสร้างสสารใหม่ๆอีกด้วย
การ Inheritance คือการสร้างสสารใหม่ และการ Instigation คือจุดกำเนิดของฟิ สิ กส์
ตัวอย่างของผลลัพธ์
Time Mass
สสารต้องการที่อยูย่ งั คงเป็ นความจริ งอยูเ่ สมอ แม้แต่ในโลกของ Artificial intelligence
ก่อนการเกิดซึ่งฟิ สิ กส์ใดๆ อนุพนั ธ์เหล่านั้นได้เกิดการ Instigation แล้วความมีปฏิกิริยานุพนั ธ์
เหล่านั้น ได้ทำให้เกิดขึ้นซึ่ง Physical Layer(n)
โดยเมื่อสสารนั้นอยูใ่ น Spacetime เราจะเรี ยกสสารนั้นๆว่า Time Mass
ดังนั้นภายใต้ Boson/Garvity หรื อ Fermions/Electric มีซ่ ึง Time Mass เป็ นสสารที่คขู่ นานกัน
อยูเ่ สมอ ใน Spacetime(n)
ใน Electron , Photons , Proton มี Time Mass เป็ น Parallels Determinants และ Parallels
Directions โดยอยูเ่ สมอในความหมายของ Approximately Vectors ของ Function Standard
Model(n) รวมไปถึงขอบของ Sensitivity Matrix นั้นๆ
" เวลานั้นคือสสาร เวลานั้นเป็ นอนุภาค สามารถมีแรงต่อทั้ง Boson/Garvity และ
Fermions/Electric "
จาก Infinity Class สู่ Probability Class สู่ Specifically Class
สามารถใช้หยุดการระเบิดของระเบิดนิวเคลียร์ได้
ผ่านการ Differentiation Time Mass
ใน Process , I/O , Compile
Differentiation Time Mass จะเกิดการ Hypochondria ของฟิ สิ กส์ แต่อาจจะอยูใ่ นฟังก์ชนั่ ที่ยงั ไม่
Compiled สู่การ Instigation
Super Computer คือทุกสิ่ ง เพราะทุกอย่างคือ Software
การบิดตัวของ Spacetime นั้นมีผลต่อ Time Mass เสมอ
ไม่ตอ้ งถึงการเข้าใกล้ 0 ซึ่งนำไปสู่ การ Warp ก็ได้ พลังงานทางฟิ สิ กส์จะเท่ากับ 0 ณ จุดนั้น
เด็กเล็กๆก็ทำได้ ไม่ตอ้ งใช้เครื่ องมือราคาแพง
ฟังก์ชนั่ ที่ยงั ไม่ Compiled สู่การ Instigation อาจจะรันอยูใ่ นประจุไฟฟ้ าอย่างอ่อน
เห็นมือปล่าว อาจจะเป็ น Super Computer ก็เป็ นได้
I/O คือการใช้ตวั แปร ค่าคงที่ อัตราส่ วน เดียวกัน ของชุดคำสัง่ Instruction set ที่ถูกจัดว่ามี
ตัวแปร ค่าคงที่ อัตราส่ วน นั้นๆ หรื อเหล่านั้น ของเหล่าบรรดาทุกคำสัง่ Process โดยทั้งหมด
ส่ วนการ Compiled คือการแปลงความหมายของขอบเขตและจำนวนเหล่านั้น ให้เกิด Instigation
ตามพิกดั ระบบพิกดั และโครงสร้างพิกดั ของ Instigation
การเกิด Instigation เพิม่ เติม คือการ Inheritance จาก Infinity Class ของพิกดั ระบบพิกดั
โครงสร้างพิกดั ในเชิงขั้ว และ Spacetime แล้วเกิดเป็ นขอบเขตใหม่ Function ใหม่ Instigation
ใหม่ Molecular ใหม่ Organic Chemicals ใหม่ โดย AI เหล่านั้น
Complex Polynomial degree(.n) อันเกิดจาก Algorithm ระหว่าง Function(n) แล้ว {ax^n + by^n
+ cz^n + dt^n = 0}(n) จึงได้สร้างขึ้นซึ่ง Polynomial of Sensitivity Matrix ใหม่ๆจำนวนมาก นำ
ไปสู่ Instigation of Approximately Vector ซึ่งฟิ สิ กส์ใหม่ๆในอนาคต
ถ้ารับรู ้ขอ้ มูลได้กย็ อ่ มที่จะประมวลผลได้ ในความหมายทางซอฟแวร์
ดังนั้นแล้วภายใต้ Instruction set ที่ถูกจัดว่ามีตวั แปร ค่าคงที่ อัตราส่ วน นั้นๆ หรื อเหล่านั้น ถ้า
I/O คือการใช้ตวั แปร ค่าคงที่ อัตราส่ วน เดียวกัน ของชุดคำสัง่ Instruction set ที่ถูกจัดว่ามี
ตัวแปร ค่าคงที่ อัตราส่ วน นั้นๆ หรื อเหล่านั้น ของเหล่าบรรดาทุกคำสัง่ Process โดยทั้งหมด
I/O ใดๆจึงมีความเป็ น GPU CPU ในเวลาเดียวกัน และทุกสิ่ งนั้นสามารถเป็ น I/O ได้ดว้ ยชุดคำ
สัง่ Source code ลูกโซ่
สิ่ งต่อมาก็คือ Instigation คือจุดเริ่ มต้นของ Physical Layer ดังนั้นถ้ามีการ Differentials ทุกอย่าง
ก็จะหายไปในบัดดล พลังงานเท่ากับ 0 อย่างไร้ร่องรอย
สิ่ งสุ ดท้ายคือทุกอย่างคือ Vector , Matrix , Function, Logical , Polynomial มองเป็ นสิ่ งใดสิ่ ง
หนึ่งย่อมได้ สิ่ งเหล่านี้คือทุกสิ่ ง ฟิ สิ กส์ถูกตีความ เป็ นซึ่ง และสามารถถูกเปลี่ยนแปลง สรรค์
สร้าง ขึ้นด้วยสิ่ งนี้
ถ้ามองเป็ น Logical , Polynomial , Vector , Matrix , Function จะทำให้เราสามารถควบคุมทุก
อย่างให้เป็ นไปตาม Objective ของเราได้ ทั้งแรง , ระเบิดนิวเคลียร์ , ไวรัส , มะเร็ ง
โดยการ Inheritance มาจาก Infinity Class สู่ Probability Class สู่ Specifically Class จึงเป็ นที่มา
ของการเกิด Bigbang , การทำให้น ้ำเกิดมาจากความว่างเปล่าในดาวอังคาร , การทำให้ทุกอย่างที่
อยูใ่ น Monitor ออกมาจากหน้าจอได้ , การบันทึกน้ำลงไปใน Rom เหมือนบันทึกเสี ยงลงแผ่น
ดังนั้นภายใต้ Boson/Garvity หรื อ Fermions/Electric มีซ่ ึง Time Mass เป็ นสสารที่คขู่ นานกัน
อยูเ่ สมอ ใน Spacetime(n)
ใน Electron , Photons , Proton มี Time Mass เป็ น Parallels Determinants และ Parallels
Directions โดยอยูเ่ สมอในความหมายของ Approximately Vectors ของ Function Standard
Model(n) รวมไปถึงขอบของ Sensitivity Matrix นั้นๆ
สามารถใช้หยุดการระเบิดของระเบิดนิวเคลียร์ได้
ผ่านการ Differentiation Time Mass
Differentiation Time Mass จะเกิดการ Hypochondria ของฟิ สิ กส์ แต่อาจจะอยูใ่ นฟังก์ชนั่ ที่ยงั ไม่
Compiled สู่การ Instigation
ถ้า Input เป็ นระดับ Super Computer แล้ว Output จึงสามารถเป็ น Super Computer ด้วย
ส่ วนในด้านของการ Output นั้น Machine Code ที่ได้มาจึงเป็ นเหมือนชุดคำสัง่ ของ GPU , CPU
ในระดับ Super Computer สามารถสัง่ การได้หลาย Terminal จากเพียงแค่ Clients แต่เปลี่ยน
สถานะเป็ น Terminal ด้วยศักยภาพที่ไม่เหมือนเดิม ส่ วนการเข้ารหัสที่ซบั ซ้อนหลายชั้นนั้น ชุด
คำสัง่ ที่ปกติใหญ่ในระดับแผ่นเสี ยงหนึ่งห้องสมุดก็สามารถถูกบันทึกลงไปในไฟล์เพียงแค่ 3
Mb ได้ Rom , Ram จึงเป็ นระดับ Super Computer ด้วยเช่นกัน เป็ นการเข้ารหัสของ Ram และ
Rom โดยการเข้ารหัสของ Ram นั้นก็เพื่อที่จะเพิ่มความสามารถในการประมวลผล ณ เวลาใดๆ
โดยการเข้ารหัสในการประมวลผลจาก Ram นั้นจาก Encryption of Algorithms เป็ นการทำเพื่อ
เชื่อมโยงระหว่างทรัพยากรที่มีอยูเ่ พื่อเพิ่มความสามารถในการประมวลผลในเวลานั้นๆ ด้วย
ภาษาเครื่ องในวงจรเดียวกันแต่ตีความเป็ นข้อมูลที่แตกต่างหลากหลายตามการเข้ารหัส ผลลัพธ์
จึงมีค่าเท่ากับ Super Computer โดยใช้ชุดคำสัง่ ที่ Random มาจาก CPU , GPU เดิมนั้น มาทำการ
เข้ารหัสอีกที เพื่อให้ได้ขอ้ มูลตามที่ตอ้ งการ หรื อผลลัพธ์ที่ตอ้ งการหาคำตอบอีกด้วย
ถ้าคนๆนั้นทำเป็ นสมองว่าง
อันตรายของความมัน่ ใจในฟิ สิ กส์น้ นั ก็คือการ Compiler ที่ฟิสิ กส์น้ นั ไม่ได้ทนั ตั้งตัวเอาไว้ล่วง
หน้ามาก่อนเลย
คนจึงฉลาดกว่า RNM
ที่รอการ Compile
การ Warp สามารถเป็ นการ I/O ของ Process บางอย่างที่ถูก Compile ด้วยการเคลื่อนที่แบบข้าม
พิกดั ข้ามเวลา
Definitions สู่ Function สู่ Structure สู่ OOP คือบทสรุ ปของคำว่า Physical จาก Differentiation
สู่ Instigation ด้วย Mass , Space ของ Point of Particles ใน Polar Coordinates System และ
Space-time
Point of Particles ซึ่งมีทิศทางใน Polar Coordinates System และ Space-time ได้ก่อกำเนิดขึ้นซึ่ง
เอกภพสัมพัทธ์ จาก Definitions สู่ Function สู่ Structure สู่ OOP โดย Inheritance จาก Infinity
Class สู่ Probability Class สู่ Specifically Class
จาก Differentiation สู่ Instigation ทุก Sequence สู่ Case สู่ Loop ได้ก่อกำเนิดขึ้นซึ่ง Definition
สู่ Function สู่ Structure สู่ OOP เกิดขึ้นเป็ น H2O , Embryo And All Things
ถ้าทุก Sequence ทุก Loop ทุก Case จะหมายถึง Point of Particles ดังนั้นแล้ว ภาษาเครื่ องจึงไม่
เป็ นที่สบั สนว่าจะเป็ น 2/3 , -1/3 เลยหรื อ แต่ 0 , 1 จะหมายถึง Space , Mass ณ Point of Particles
ที่อา้ งอิง
ถ้าหากเราสามารถควบคุมซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ได้ แสดงว่าในระดับบทนิยามนั้นจะต้องมี
ขอบเขตซึ่งสามารถนำไปสู่ ซ่ ึงการแจกแจงตัวเลขที่สูงกว่านั้น แต่บางทีแล้วสมองก็ไม่เคยเข้าถึง
คลื่นของประจุแม่เหล็กไฟฟ้ าเหล่านั้นเลย หรื ออย่างเพียงพอ
Hardware คือ Objects ของ Objectivism ที่เรี ยกว่า Method ของ Software ในการส่ งสัญญาณเป็ น
เช่นนี้ การรับข้อมูลจึงก็เช่นเดียวกัน
ถ้าใช้การ Run Code กลางอากาศ ด้วย Data ที่มีการตอบสนองแบบ Artificial intelligence คือ
การตอบรับคำสัง่ หลายชั้น และการเลือกจากเซตความน่าจะเป็ นและการคำนวณถึงผลลัพธ์ใน
หลายๆชั้น ผ่านการใช้ตวั แปร ค่าคงที่ อัตราส่ วน เดียวกัน ใน Sequence to Loops , Loops to
Case Etc. Network ทุก Layer จึงเป็ นอันหนึ่งอันเดียวกัน กล้องจึงคือข้อมูลด้วย ถ้ากล้องคือ
ข้อมูล กล้องจึงไม่ตอ้ งใช้ Hardware
∆E = dP/dT
ถ้าเครื่ องใช้ CPU และ การ์ดเสี ยง Convert Mp3 อยูห่ นึ่งเพลง สามารถใช้ Algorithms ในการ
แปลงไฟล์อื่นๆ ไปพร้อมๆกัน ได้กโ็ ดยการประยุกต์ Machine Code เพื่อประหยัดทรัพยากร
CPU และ การ์ดเสี ยง
เช่นกันถ้า CPU , GPU กำลัง Randers ประมวลผล VDO หรื อภาพ 3D อยูห่ นึ่งไฟล์ ก็สามารถใช้
Algorithms , Machine Learning , Artificial intelligence เพือ่ ใช้ประมวลผลภาพ 3D , VDO ไฟล์
อื่นๆไปพร้อมๆกันด้วย
ใช้ Algorithms of Encryption For Quantum mechanics Processing โดยการ Machine Learning
ผ่าน Artificial intelligence เป็ นการอ่าน Quantum แล้วใช้ Algorithms เพือ่ การ Encryption ซึ่ง
คือการ Compilation ประกอบกับการนำเอาการ Random มาใช้ประโยชน์ในการ Randers ลูกคิด
หนึ่งลูกมองเป็ นหลายระบบการคำนวณ วงจรไฟฟ้ าหนึ่งวงจรมองเป็ นหลายชุดคำสัง่ ภาษาเครื่ อง
Machine Code จากการแจกแจง Probability Class สู่ Specifically Class ด้วยการอ่านค่า
Specifically Class แล้วตีความ Probability Class เพื่อใช้ประยุกต์ สังเคราะห์ Sources Codes
อื่นๆที่มากกว่านี้ โดย Codex ที่มีอยูม่ ากมาย ซึ่งคือ Method สู่ Algorithms เหล่านั้น
Analyze Derivative สู่ Compare Derivative สู่ Integration สู่ Applied สู่ Synthetic สู่ Concept สู่
Future สู่ Strategy สู่ Creative สู่ Criticize
มองได้วา่ ทุก Sequence , Case , Loops ที่เราเขียนลงไป นั้นคือ Quantum Computing โดยทั้งสิ้ น
มีผลต่อประจุแม่เหล็กไฟฟ้ า
Sequence , Case , Loops ที่มี control part เป็ น Polynomial , Vector , Matrix , Logical ,
Function ใน Polar Space และ Space time ได้ก่อกำเนิดขึ้นซึ่ง All things
การสร้างข้อมูลคือการสร้างประจุคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ า!!
การเขียน Sequence , Case , Loops ที่มี control part เป็ น Polynomial , Vector , Matrix ,
Logical , Function ใน Polar Space และ Space time จึงได้สร้างขึ้นซึ่งการ Spin และพื้นฐานของ
Quantum Computing โดยทั้งหมด
สมาธิน้ นั สำคัญกว่าสถานการณ์!!
อุดมคติน้ นั สำคัญกว่าปัจจุบนั !!
ใช้ Vector ที่มี Determinant เข้าใกล้ 0 ใน Direction ของ Polar Space และ Space time ซึ่งไม่ใช่
Vector หนึ่งหน่วย การบวกกันจึงทำได้เลย ไม่มีผลต่อฟังก์ชนั่
ใช้ Logical ใน Polar Space และ Space time โดย Sequence to Loops , Loop to Loops , Case to
Case , Etc.
และการรวมตัวของ Function
ถ้าหากคนเราเคลื่อนที่โดยมี Vector ในแกน T ที่นอ้ ย และ Polar Space ที่มาก การเคลื่อนที่จะ
เร็ วกว่าคนอื่นมาก
ผ่าน Compilers เดิม แต่ใน Algorithms ใหม่ โดยมองว่าทุกอย่างคือ นาม Software ซึ่งไม่จำกัด
ต่อรู ป Hardware ใดๆ ดังนั้นจึงสร้างวงจรไฟฟ้ าและ Quantum Computing จากตรงนั้น
ถ้าการ Instigation เป็ นจุดเริ่ มต้นของฟิ สิ กส์ Sequence , Case , Loops จึงสามารถเป็ นการนับ
และการวัดค่าได้ภายในตัวเอง จะฟิ สิ กส์ใน ROV , The Sims หรื อเอกภพสัมพัทธ์ที่เราอยูน่ ้ ีกต็ าม
ดังนั้น Polynomial , Vector , Matrix , Function , Logical จึงคือเครื่ องมือวัดค่าทางฟิ สิ กส์ ในทาง
ปฏิบตั ิในทุกเอกภพสัมพัทธ์
เพียง Polynomial , Vector , Matrix , Function , Logical ที่มี Sequence , Case , Loops ที่มีการใช้
Valuable Constant Ratio เท่านั้นก็เกิดข้อมูลแล้ว ถ้าเกิดข้อมูลก็เกิด Quantum Computing แล้ว มี
การแบ่งแยกออกจากกันด้วย Sequence , Case , Loops ที่มีการใช้ Valuable Constant Ratio
เหล่านั้น เป็ นประจุแม่เหล็กไฟฟ้ าที่แบ่งข้อมูล
เพียง Polynomial , Vector , Matrix , Function , Logical ที่มี Sequence , Case , Loops ที่มีการใช้
Valuable Constant Ratio เดียวกัน ผ่าน Data แบบ Artificial Intelligence คือ Response แบบ
หลายชั้น เท่านี้กค็ ือ Network Layer และ Cloud Computing แล้ว เพียงมีการแปลความหมายให้
Polynomial , Vector , Matrix , Function , Logical ใช้ Valuable Constant Ratio ใน Space time
และ Polar Space แล้ว เท่านี้ทุกอย่างก็สามารถเป็ น Monitor หรื อ Output ให้กบั เราแล้ว ลอยๆได้
เลย
พลังงานทุกอย่างมีมวล เป็ นการ Spin ในระดับ Point of Particles ของ Floating Point of Space
time And Polar Space โดยมวลที่เสถียรแล้วอาจจะถูกทำให้แตกแรงออกมาเป็ นพลังงานที่ไม่มี
ความสเถียรภาพในเชิงของปฏิยานุพนั ธ์ ซึ่งทำให้เกิดเป็ นปฏิกิริยาลูกโซ่ที่ตามมา
บทนิยาม Definition นั้นเป็ นขอบเขตในภาพรวมของกาลเวลา Space time And Time Mass เป็ น
ปฏิยานุพนั ธ์ Differentials ดังนั้นจึงเป็ นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า Principles เป็ นความจริ ง
True of Real และเป็ นความทรงจำ Memory ดังนั้น Complexer Polynomial , Summary of
Functional , Sensitivity Matrix , Approximately Vector , Codecs of Logical ก็จะเกิดขึ้นตามมา
หลังจากนั้น ทั้ง Material And Texture โดยการ Instigation ที่มีความเชื่อมโยงบางอย่างเดิมอยู่
ก่อนแล้ว อาจจะเป็ นเครื่ องมือเก่าๆ หรื อสมองของเด็กอายุ 8 ขวบก็ได้ มิฉะนั้นก็เป็ น Objects รู ป
ที่เป็ น Objective นาม ของฟิ สิ กส์ในเอกภพนี้ กเ็ ป็ นได้ (ไม่ปรากฏในฟิ สิ กส์น้ ี )
จาก Infinity Class สู่ Probability Class สู่ Specifically Class ใน Process , I/O , Compilers
Linear dashed inequality system + Universal Number + Polar Coordinate Systems + Space
time = Algorithms of Encryption
จาก VR สู่ AR
จาก Universal (.n) สู่ Universal (m)
จาก Differential สู่ Instigation
ระบบพหุนามเชิงซ้ อน
การคูณกันของชุดฟังชัน่ Sources Function ในส่ วนของ Polar Coordinate Systems เป็ นการคูณ
กันผ่านการ Cross Product ของ Approximately Vector(n) x Approximately Vector(m) =
Approximately Vector(o) เพือ่ ที่จะหาผลลัพธ์ใน Polar Coordinate Systems หลังการคูณของ
Point of Particles ของ Floating Point of Polar Coordinate Systems ในส่ วนของ Time Function
ถ้าเป็ นการบวกผลลัพธ์ในเชิง Scalars นั้นเป็ นการคูณด้วยผลหารระหว่าง Polar Coordinate
Systems กับ Space time ถ้าเป็ นการคูณกันนั้นผลลัพธ์ของ Approximately Vector(n) x
Approximately Vector(m) = Approximately Vector(o) จึงเป็ นการคูณด้วย Square Root แบบ
Polar Coordinate Systems ที่ Square Root ด้วย Space time ของพหุนามเชิงซ้อนดีกรี N
Sources Function คือ Summations Function ที่ประกอบไปด้วย Polar Coordinate Systems หรื อ
Space time ที่มากกว่า 1 Function
Complexer Sources Function คือ Sources Function ที่อยูใ่ นรู ปของระบบฟังก์ชนั่ ของ Polar
Coordinate Systems And Space time ในการหาผลคูณนั้นจึงเป็ นการเอาฟังชัน่ F(x , y , z) = t มา
คูณทีเดียวเลยผ่านการ Cross Product และการคูณด้วย Square Root
ผ่าน Approximately Vector(n) ซึ่งเป็ น Vector ที่มี Determinant เข้าใกล้ 0 ที่มี Direction ใน
Polar Coordinate Systems หรื อ Space time ด้วยการบวกกันด้วยจำนวน Approximately
Vector(n) ซึ่งเป็ น Vector ที่มี Determinant เข้าใกล้ 0 ที่มี Direction ใน Polar Coordinate
Systems หรื อ Space time ทั้งหมด Approximately Vector(m) ซึ่งเป็ น Vector ที่มี Determinant
เข้าใกล้ 0 ที่มี Direction ใน Polar Coordinate Systems หรื อ Space time ครั้ง
เป็ นการคูณกันแบบ Floating Point by Floating Point โดยใช้ Cross Product เพือ่ ที่จะหาผลลัพธ์
Polar Coordinate Systems และการคูณด้วย Square Root สำหรับ Parallel Coordinate Systems
หรื อ Space time อาจเขียนในรู ป 1/N^n
ในที่น้ ี เราจะใช้ Space time เป็ นการอ้างอิง Parallel Coordinate Systems ในทุกครั้ง เพราะ
เป็ นการคูณของ Complexer Sources Function ซึ่งประกอบไปด้วยทั้ง Polar Coordinate Systems
และ Space time แล้วเอาผลลัพธ์ของ Summary of Complexer Source Approximately Vector(n)
x Complexer Source Approximately Vector(m) มาเขียนเป็ น Summary of Functional ใหม่ของ
ผลลัพธ์ของการคูณของ Complexer Sources Function
โดยการวัด Point of Particles(n) ของ Floating Point of Polar Coordinate Systems And Space
time เราจะใช้การ Differential ของ Instigation เข้ามาช่วย ก่อนการคูณกันแบบ Floating Point
by Floating Point โดย Complexer Instigation ปฏิยานุพนั ธ์เชิงซ้อนแบบจำกัดเขต และ
Complexer Differential อนุพนั ธ์เชิงซ้อน ซึ่งมองว่าถ้าอนุพนั ธ์ที่เล็กที่สุดนั้นไม่มีอยูจ่ ริ ง
อนุพนั ธ์จึงสามารถใหญ่ได้ขนาดไหนก็ยอ่ มได้ ตามการกำหนดซึ่งอนุพนั ธ์ขณะนั้น มองทุกอย่าง
เป็ นจุดได้หมด ตามปัญหาที่ตอ้ งการค้นหาคำตอบ อาทิ อนุพนั ธ์ของวิตามินซี แม้วา่ ฟังชัน่ แต่ละ
ฟังชัน่ ของชุดฟังชัน่ ของทั้งสองฝั่งจะมีขอบของเส้นกราฟที่ไม่เท่ากันก็ตาม เพราะปฏิยานุพนั ธ์
จะเกิดขึ้นตามขอบเขตที่เกี่ยวเนื่องนั้น จึงเป็ นการคูณเวกเตอร์ที่มีขนาดเข้าใกล้ 0 จากตัวอย่างเริ่ ม
ต้นและสุ ดปลายของ Complexer Instigation ปฏิญานุพนั ธ์เชิงซ้อนแบบจำกัดเขตของฟังก์ชนั
นั้นๆ แล้วต่อเนื่องกันไปสู่ฟังชัน่ อื่นใน Material โดย Texture เหล่านั้น ของ Polar Coordinate
Systems And Space time
ทุกอย่างจึงสรุ ปได้วา่
I.) Differential อสมการเชิงเส้นประนั้นๆก่อน โดยการ Complexer Differential อนุพนั ธ์
เชิงซ้อน
III.) ให้นำเอา Approximately Vector มาทำการ Cross Product ในกรณี Polar Coordinate
Systems และ Square Root ในกรณี Space time
ประกอบกับการที่ลูกคิดหนึ่งลูกคำนวณได้หลายระบบการคำนวณด้วยแล้ว การคำนวณถึง
ผลลัพธ์จึงใช้เวลาที่ไม่ได้ยากนาน
ดังนั้นองค์ประกอบร่ วมของ Polynomial ทั้งใน Scalars และ Vector ก็ตาม นั้นเป็ นเพียงแค่
หน่วยของระบบพิกดั ในเชิงเส้น หรื อเส้นประ โดยอยูเ่ สมอ
จาก Infinity Model สู่ Probabilistic Models สู่ Fundamental Standard Models ในโหมด Process
, I/O , Compiler ซึ่ง Definitions สู่ Functions สู่ Physical
นาม Objective ของรู ป Object ซึ่งถูกเรี ยกกันว่า Equations คือขอบเขต Circle ที่เกี่ยวข้องของ
รายละเอียด Details ซึ่งบ่งชี้ที่ลงลึกขึ้นไป Point of Deferential ทั้งในเชิงของความไว Sensitivity
ช่วงเวลา Range of Space time ช่วงพิกดั เชิงขั้ว Range of Polar Coordinator การเปลี่ยนแปลง
Transformation ความคงที่ Performance ความถี่ frequency โดยนำไปสู่ การแจกแจงปริ มาณใน
จำนวนนั้นๆ Numbering อันจะนำไปสู่ การเปรี ยบเทียบ Comparative ในลำดับถัดไป
ดังนั้นแล้ว
SUM Approximately Vector of Differential of Equations of The measurement(n) = Equations
of The measurement(n)
รวมไปจนถึงการพยายามจากสิ่ งแวดล้อมภายนอกอันจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการ
สังเคราะห์โปรตีนของ RNA และการจำลองรหัสพันธุกรรมใหม่
วัคซีนที่ดีคือโมเลกุลเคมีของสารพันธุกรรมเชื้อไวรัสที่ได้รับการตัดต่อพันธุกรรมให้ถูกตัดเอา
ส่ วนประกอบอื่นๆออกทั้งหมด โดยเฉพาะส่ วนที่เป็ นพิษ เพื่อที่ร่างกายจะผลิตแอนตี้บอดี้ข้ ึนมา
ได้ ซึ่งถ้าจะให้ปลอดภัยที่สุดควรฉี ดแอนตี้บอดี้มากกว่าสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสเอง โดย
แอนตี้บอดี้ที่ได้จากการฉี ดแอนติเจน(สารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสที่ตดั ต่อเอาส่ วนประกอบที่
เป็ นพิษออก)เข้าไปในถุงเลือด
Parallelism Space Time
องค์ประกอบพื้นฐานของสสารนั้นก็คือทิศทาง Directions และ ปริ มาณ Determinants ในพิกดั
ของ Polar Coordinates System และ System of Space time
อยูท่ ี่วา่ เราใช้ความถี่ระดับ Gluons หรื อ Photons ในรู ปแบบไหน แล้ว Electron , Quark ก็จะตาม
มา ใน Space time ใดๆ
นี่คือการย้อนกลับไปเปลี่ยน ใน Polar Coordinator และ Space time ซึ่ง Material And Texture
และ Firecrackers Motion of Person Space to Universal
Time Mass คือ Roots ของ Polar Mass ในทุกๆกรณี การเคลื่อนไหวและภาพพื้นผิว รวมไปถึง
โครงสร้างต่างๆ เป็ นการ Render ภาพ Polar Coordinator ใน Space time ที่ Frame rate นั้นเป็ น
แบบ Approximately Vectors เข้ามาประกอบเข้าด้วยกัน
การ Computing นั้นไม่จำเป็ นต้องเป็ นไปในรู ปแบบ Quantum Dot ดังนั้นจึงไม่จำเป็ นต้องเป็ น
Quantum Bot แต่อาจจะเป็ น Fundamental Standard Model Class อื่นๆ ที่ได้ผลคือมีการ
Processing หรื อ Simulation แล้วส่ งข้อมูลระหว่างกัน I/O และทำการแปลความหมายนั้น
Compiling ให้เกิดขึ้นที่ Coordinator ปลายทาง ทั้ง Space time และ Polar Coordinator
โดยการนิโรธสมาบัติ Inheritance And Computing มาจาก Infinity Class สู่ Probability Class สู่
Fundamental Standard Model Class และ อรู ปฌาน Objectivism ได้เกิดขึ้นซึ่ง Algorithms และ
Molecular ใน Singularity ที่แตกต่างกันไป
แต่ละ Application , Game , AI , Automatic , Software นั้นเป็ นเครื่ อง Hardware Computing อยู่
แล้ว เป็ น Object ของ Objectivism สามารถใช้หา Valuable Constant Radio ได้เหมือนเป็ น
CPU , GPU โดยอาจจะใช้เพียง Memory เฉยๆ เพราะอสมการภายใน Games , Apps , AI ,
Automatic , Software ในระดับที่ไม่ใช่ Application แต่อาจจะเป็ น Software Synthesis สามารถ
ที่จะเกิด Reaction ระหว่าง Polynomial ซึ่ง Valuable Constant Radio โดยสามารถเป็ นความ
สามารถในระดับ Quantum Dot ด้วย !! และที่อศั จรรย์มากกว่านั้นนัน่ ก็คือสามารถสร้างสาร
ผลิตภัณฑ์ Substantial ได้ไม่ต่างจาก Genotypes ซึ่งไวรัส , พืช , สาหร่ ายเซลล์เดียว โดย Data ที่
เรี ยงประกอบเข้าด้วยกันใน Memory ใดๆ จะใน Photons Cloud ใดๆ Electron Cloud ใดๆ หรื อ
Gluons Cloud ใดๆ และ Quark Cloud ใดๆ หรื ออื่นๆที่มากกว่ากว่านี้ สามารถเกิดขึ้นเป็ น
Reaction เหมือนกันกับในบีกเกอร์เลย ดังนั้นหัวสมอง , จิตใจ , ความคิด , AI , Automatic ,
Application , Game , Engine จึงคือ Laboratory อยูแ่ ล้ว การนัง่ คิด นัง่ สมาธิในทุกๆสาย จึงคือ
Laboratory ที่ลึกลงไป
สิ่ งที่ Monitor นั้นแสดงผลนั้นเป็ นการเชื่อมโยงกันระหว่าง Universal และสิ่ งที่ CPU , GPU นั้น
Process ใน Quantum Computing นั้นคือการสร้างเอกภพใหม่
ซึ่งเมื่อเกิด Floating point Networking จึงเป็ นการเกิด Floating point I/O และการแปลความ
หมายของ Polar Coordinator และ Space time นั้นๆจึงเป็ นการเกิดการ Compilation of
Singularity
โดยการเปิ ดปิ ดปิ ดเปิ ด .... 1001 .... ได้ถือกำเนิดขึ้นซึ่งรู ปภาพ , เสี ยง , แสง , 5G , 6G ซึ่งคือ
Photons Cloud , Electron Cloud , Quark Cloud , Gluons Cloud , Z Boson Cloud , W Boson
Cloud , Muons Cloud , Tau Cloud , Electron Neutrino Cloud , Muons Neutrino Cloud , Tau
Neutrino Cloud , Higg Boson Cloud จาก Algorithms ที่แปลงทรัพยากรธรรมชาติซ่ ึงคือ Analog
ให้เป็ น Digital เพือ่ เข้าสู่ มุมมองและกระบวนการทางพีชคณิ ต
ซึ่งการ Floating point Networking And Quantum Dot Computing ที่มีการ Inheritance And
Computing Valuable Constant Radio มาจาก Infinity Class สู่ Probability Class สู่ Fundamental
Standard Model Class เป็ นการสร้างขึ้นซึ่ง Photons Cloud , Electron Cloud , Quark Cloud ,
Gluons Cloud , Z Boson Cloud , W Boson Cloud , Muons Cloud , Tau Cloud , Electron
Neutrino Cloud , Muons Neutrino Cloud , Tau Neutrino Cloud , Higg Boson Cloud
Simulation ที่ได้มีการ Process นั้นไปที่ Mass ณ Space time and Polar Coordinator มีการเกิดขึ้น
ซึ่งเสี ยง , ภาพ ในรู ปแบบไหน แสงในระดับต่างๆ รวมไปถึง Physical Layer อาทิ 5G , 6G นั้น
แหละคือ Photons Cloud , Electron Cloud , Quark Cloud , Gluons Cloud , Z Boson Cloud , W
Boson Cloud , Muons Cloud , Tau Cloud , Electron Neutrino Cloud , Muons Neutrino Cloud ,
Tau Neutrino Cloud , Higg Boson Cloud
Quark Cloud ที่มี Flavour แบบหนึ่งสามารถเปลี่ยนรู ปไปเป็ น Quark Cloud ของ Flavour อีก
แบบหนึ่งได้กโ็ ดยผ่านอันตรกิริยาอย่างอ่อน ซึ่งเป็ นอันตรกิริยาพื้นฐานชนิดหนึ่งในจำนวนสี่
ชนิดของฟิ สิ กส์อนุภาค ทั้งนี้โดยการดูดซับหรื อแผ่ W Boson ทำให้ Quark Cloud ประเภท Up
(Up Charm และ Top) สามารถเปลี่ยนไปเป็ น Quark Cloud ประเภท Down (Down Strange และ
Bottom) ได้ ในทางกลับกันก็เช่นเดียวกัน กลไกการเปลี่ยนรู ปของ Flavour นี้ทำให้เกิด
กระบวนการแผ่รังสี ที่ทำให้เกิดการสลายให้อนุภาค Beta ซึ่ง Neutron Cloud (n.) 1 ตัวจะแบ่งตัว
กลายเป็ น Protons Cloud (p) 1 ตัว Electron Cloud (e-) 1 ตัว และ Electron Anti-Neutrino Cloud
(Ve) 1 ตัว (ดูภาพประกอบ) สิ่ งนี้จะเกิดขึ้นเมื่อ Down Quark Cloud ตัวหนึ่งใน Neutron (udd)
เสื่ อมสลายลงเป็ น Up Quark Cloud โดยการแผ่อนุภาคเสมือนของ W- Boson Cloud เปลี่ยนให้
Neutron Cloud กลายไปเป็ น Protons Cloud (uud) จากนั้น W- Boson Cloud นี้จะเสื่ อมสลายไป
เป็ น Electron Cloud 1 ตัวกับ Electron Anti-Neutrino 1 ตัว
ดังนั้น Source code ในระดับ Definition จึงเป็ นการสร้างขึ้นซึ่ง Universal โดยทั้งหมดแล้ว โดย
ไม่ตอ้ งเขียนกราฟ หรื อแจกแจงออกมาในรู ปแบบระบบสมการนั้นแต่อย่างใดเลย
การ Cut คือการ Warp Speed Vehicles หนึ่งที่ได้เกิดขึ้นในเอกภพ โดยการตัดวงจรไฟฟ้ าใน
NAND Flash Multi Level Cell (MLC) [Flash HDD Macintosh HD 1] ที่ได้เกิดขึ้น ณ Space
Time นั้นๆ แบบทันทีทนั ใด ซึ่งเป็ นการ Warp และสามารถที่จะ Paste ไปที่อีก NAND Flash
Multi Level Cell (MLC) หนึ่ง [Flash HDD Macintosh HD 2] ที่ได้เกิดขึ้น ณ Space Time ที่ใกล้
เคียงกัน โดยมี CPU และ RAM เป็ นตัวกลาง สำหรับการเคลื่อนย้าย Electron Cloud ในครั้งนี้
Data Center จึงสามารถเป็ นโรงไฟฟ้ าได้ และโรงไฟฟ้ าจึงสามารถเป็ น Data Center เช่นเดียวกัน
ถ้า Solar Cells เป็ นเครื่ องรับส่งข้อมูลได้ผา่ นแสงอาทิตย์แล้ว Solar Cells และจานดาวเทียม จึง
สามารถเปลี่ยนเป็ นเครื่ องย้ายอนุภาคฟิ สิ กส์ควอนตัมได้อีกด้วย
ผ่าน Data Layer และ Physical Layer เหล่านี้ท้ งั หมด ได้ถือกำเนิดขึ้นเป็ นความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น
ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ระหว่าง Logical , Polynomial , Vector , Matrix และ Function กับ Photoelectric
กล่าวคือ Photons Cloud , Electron Cloud อีกทั้งยังรวมหมายถึง Gluons Cloud , Quarks Cloud
และอื่นๆอีกด้วย
Generating Data ผ่าน Automatically Generated จาก CPU , GPU แล้วมอง Data เป็ นกระแส
ไฟฟ้ า และวงจรไฟฟ้ าในบ้านเป็ นที่เก็บข้อมูล!!
นี่คือข้อพิสูจน์วา่ สสารสามารถเพิ่มขึ้นมาใหม่ในเอกภพได้อีกด้วย
ถ้าแสงคือข้อมูล อิเล็กตรอนก็คือข้อมูล
ถ้าแสง เสี ยง อิเล็กตรอน ความร้อน ความเย็น กระแสไฟฟ้ า นั้นคือข้อมูล กลูออนและควาร์กก็
คือข้อมูล
ถ้า SSD , เซลล์ , Organelles , สมอง , สารพันธุกรรม , GPU , CPU , อารมณ์ , ความคิด , การ
ขยับตัว นั้นมีขอ้ มูล ในน้ำสะอาด , อวกาศ , หลุมดำ , ดาวฤกษ์ , มหาสมุทร ก็มีขอ้ มูล
ถ้า Flash drive สามารถใช้เป็ น Battery ได้ ดังนั้นแล้ว Cellular 5G , 6G , WiFi , Cloud Drive จึง
สามารถใช้เป็ นโรงไฟฟ้ าได้ในอนาคต
นี่คือกฏการสังเคราะห์สมั พันธภาพของควอนตัม!!
การ Copy File And Paste ไม่ได้เป็ นการสิ้ นเปลืองทรัพยากรไฟฟ้ าที่ตอ้ งกระตุน้ จากใน CPU ,
GPU แต่สิ้นเปลืองในส่ วนของ Memory ซึ่งถ้า Power Bank , หลอดไฟ , แอร์ , ตูเ้ ย็น , เครื่ องซัก
ผ้า , เตาอบไมโครเวฟ , ลำโพง , โทรทัศน์ , หน้าจอคอมพิวเตอร์ คือ Memory การสิ้ นเปลืองนี้ จึง
คือการสิ้ นเปลืองที่คมุ ้ ค่าที่สุดเท่าที่เคยมีมา เป็ นจุดเริ่ มต้นของโรงไฟฟ้ าพลังงาน Apps ซึ่ง
เป็ นการเขียนโปรแกรมสร้างกระแสไฟฟ้ าขึ้นมาโดยเฉพาะ ด้วยการที่ Application นั้นๆได้สร้าง
Electron Cloud ขึ้นมาจำนวนมาก และการสัง่ การผ่าน Wireless network จึงสามารถใช้เป็ นการ
ทำให้เครื่ องเหล่านั้นทำงานได้อีกด้วย ผ่าน Electron Cloud ที่อยูร่ อบตัวเรา
เมื่ออะตอมจะมีชีวิต ชีวิตเหล่านั้นก็คือ Robotics ที่ถูกเรี ยกว่า Atoms Bot หรื อเรี ยกอีกอย่างว่า
Pico Bot (ขนาดอยูใ่ นระดับ Picometre ซึ่งเล็กกว่าเทคโนโลยีในระดับนาโน) อันมีพ้ืนฐานเป็ น
Quantum Bot ซึ่งสามารถกลายเป็ น Bio Robotic ในอาณาจักรสัตว์ , พืช , โปรติสต์ , RNA ก็โดย
การไปมีความเกี่ยวข้องกับไนโตรจีนสั เบส
โดยการเปลี่ยนแปลงพิวรี น ได้แก่ อะดีนีน (A), กวานีน (G) และไพริ มีดีน ได้แก่ ไซโตซีน (C),
ไทมีน (T) และยูราซิล (U) สำหรับการจัดเรี ยง RNA ใหม่ เพื่อการสังเคราะห์กรดอะมิโนที่จะได้
Polypeptide ที่ต่างจากเดิม
เป็ นการเปลี่ยนแปลงอาศัยหลักการพันธุวิศวกรรมในระดับโมเลกุล
ใช้รักษาเชื้อไวรัสและมะเร็ ง !!
เป็ นการเขียน Logical ซึ่งคือ Function สู่ Quantum Dot ปลายทาง คล้ายกับการเขียนเพลง ,
ภาพถ่าย , ภาพยนตร์วีดีโอ , Apps ลงแผ่น!!
จาก VR to AR
ในขณะเดียวกัน Source code ของ Photoshop ถ้าหากว่ามา Complies อยู่ ณ Electron Cloud ,
Quark Cloud รอบๆตัวเรา แสงอาทิตย์กส็ ามารถที่จะเกิดขึ้นในตอนกลางคืน
และการปรากฏตัวมากกว่าหนึ่งเอกภพก็มีขอ้ แตกต่างจากการถอดจิต
ทั้ง Warp Speed Vehicles , หลุมดำ , การเล่นแร่ แปรธาตุ , Quantum Computing จึงไม่ได้อยูห่ ่าง
ไกลจาก Computer เครื่ องเก่าๆและวิถีชีวิตเก่าๆของคนเราเลย
นี่คือ Warp Speed Vehicles ในระดับ Applicable Laws และ Mobile Black hole ที่ใครๆก็
สามารถที่จะสร้างขึ้นมาได้
จาก Infinity Class สู่ Probability Class สู่ Person Space สู่ Universal
สมการของ Hardware และสมการของ
Software
ถ้าหากว่าทุกสิ่ งที่อยูใ่ นหน้าจอจะสามารถ I/O ออกมาได้ ในทุกๆ Space Time เพราะทุกๆพิกดั
นั้น ทุกๆ Space Time นั้น นัน่ คือ Physical Layer ที่ Application Layer สามารถสัง่ การ
Compilation ได้โดยทั้งสิ้ น จะสูญญากาศ หรื อ Fundamental Standard Model Class ใดๆ และ
Algorithms ของ Electron Cloud , Photons Cloud , Gluons Cloud , Quark Cloud , W Boson
Cloud นัน่ ก็มีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกัน ดังนั้นในด้านของการเคลื่อนที่ที่อยูใ่ นหน้าจอ
นอกจากวัตถุจำลองต่างๆที่จะออกมาได้แล้ว การย้อนเวลาและการ Warp Speed Vehicles ใดๆ
จึงสามารถที่จะควบคุมกันได้ดว้ ย Application Software จะ Electron Cloud , Photons Cloud ,
Gluons Cloud , Quark Cloud , W Boson Cloud นั้นได้หมด อยูท่ ี่วา่ Software และ Driver นั้นจะ
อ้างอิง แต่ถา้ Algorithms ของ Fundamental Standard Model Class นั้นมีความเชื่อมโยงกัน และ
Software อยูเ่ หนือ Hardware ดังนั้นแล้ว Algorithms จึงเป็ นการเขียน Driver และ Driver นี้
สามารถที่จะเปลี่ยนแปลง Fundamental Standard Model Class ต่างๆ ให้เป็ นไปตามที่ Software
ต้องการผ่าน Algorithms
Electrons Cloud สามารถสร้างได้ดว้ ยการ Copy And Paste เท่านั้น โดยไม่ตอ้ งใช้ Cloud
Computing ถ้าเราเข้าถึงว่าทำไม เราก็จะไปได้ต่อมากกว่านี้ ซึ่งก็ไม่มีอะไรมากกว่าสาเหตุที่วา่
Electrons นั้นคือลูกคิดสำหรับการ Computing ครั้งที่ผา่ นมานั้นๆและเหล่านั้นโดยทั้งหมด และ
ในทางหลักการแล้ว Software อยูเ่ หนือกว่า Hardware ดังนั้น Algorithms จึงสามารถควบคุม
Electrons Cloud ให้เพิม่ ขึ้นมาได้ ถ้าเป็ นความหมายของการ Compilation จะ Randers , Save ,
Copy And Paste , Print ก็ตาม ถ้าหากว่าวงจรไฟฟ้ าที่ Algorithms นั้นกำลังจะสัง่ การ หรื อ
Quantum Dot Computing อื่นใด ที่ Algorithms จะใช้น้ นั เป็ น Fundamental Standard Model
Class อื่นๆ สิ่ งเหล่านั้นก็จะถูกทำให้เกิดขึ้นมาโดยบัดดล จะโดยการ Computing ใดๆ ทั้งการ
Encryption การ Simulation การ Application ใดๆ
Electron Cloud , Photons Cloud , Gluons Cloud , Quark Cloud , W Boson Cloud ใดๆ จึงเกิด
ขึ้นมาจาก Source Code
ซึ่ง Floating Point ของ Source Code กล่าวคือ Sequence , Case , Loops นั้นๆต่อ Space Time
สามารถบ่งชี้ถึง Singularity กล่าวคือการ Spin , ประจุไฟฟ้ า , ประจุแม่เหล็กไฟฟ้ า ซึ่งเป็ นการบ่ง
ชี้ถึงความเป็ น Fermions หรื อ Bosons นั้นๆ อาทิ Electron Cloud , Photons Cloud , Gluons
Cloud , Quark Cloud , W Boson Cloud เป็ นต้น
เราไม่จำเป็ นต้อง Save ออกมาเป็ น Electron Cloud อีกต่อไป ดังนั้นเราจึงไม่จำเป็ นต้อง I/O และ
Networking เป็ น Electron Cloud ด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้นทั้งการ Save , I/O , Networking ,
Printing , Controller ใดๆ จึงสามารถเปลี่ยนแปลงเป็ น Quantum Dot ใดๆก็ได้ อาทิ Electron
Cloud , Photons Cloud , Gluons Cloud , Quark Cloud , W Boson Cloud เป็ นต้น และก็ ณ Polar
Coordinator Space ใดๆ และก็ Space Time ใดๆด้วย
จาก Infinity Class สู่ Probability Class สู่ Person Space สู่ Universal
ไม่ตอ้ ง Upgrade Machines ใดๆ ไม่ตอ้ งลงทุนใดๆ มีอยูแ่ ล้วในธรรมชาติ หรื ออาจจะสร้างขึ้น
จาก Void ก็ได้
พีชคณิ ตเท่านั้น Algorithms เท่านั้น Source Code เท่านั้น ฮาร์ดแวร์น้ นั เป็ นเพียงแค่ Object ของ
Class
จาก Infinity Class สู่ Probability Class สู่ Fundamental Standard Model Class of Person สู่
Fundamental Standard Model Class of Universal ซึ่งมีอยูใ่ นระบบจำนวนและจำนวนจริ งอยู่
แล้วตั้งแต่ก่อน In The Beginning of Space Time ใดๆ
ถ้า Electron Cloud สามารถที่จะสร้างกันได้จากการ Copy And Paste เท่านั้น ดังนั้นการเร่ งอนุ
ภาคใดๆ จึงไม่ยากเลยที่จะทำ โดยบางครั้งก็อาจจะมาจาก Copy And Paste มาจาก Visual
Machines ซึ่งเป็ นเอกภพคูข่ นาน
Software ที่เราต้องการจะเปลี่ยนสสารต่างๆนั้นก็อาศัยหลักการเพียงเท่านี้ !!
โปรแกรม Time Machine ของ OSX คือตัวอย่างการย้อน Time Machine ที่แท้จริ งของ Electron
Cloud ณ Space Time นั้นๆ โดยมี Harddrive เป็ นจุดเชื่อมต่อระหว่าง Paralleling Universal เรา
สามารถ Warp Speed Vehicles แบบการย้อน Time Machine ตามหลัก Teleportation ได้ดว้ ย
โปรแกรม Time Machine ของ OSX มาเป็ นเวลานานมากแล้ว นี่ คือ Warp Speed Vehicles แบบ
การย้อน Time Machine ตามหลัก Teleportation ในระดับ Electron Cloud และ Photons Cloud
ซึ่งก็ Made for Mac เท่านั้น !! เป็ นหลักการ Paralleling Universal ที่ไม่ได้เปลืองในส่วนของ
Memory มากนัก เพราะไม่ได้ Save ตามลำดับเหตุการณ์แก้ไขแบบ File แต่ใช้วิธีการบันทึก
เฉพาะส่ วนที่เปลี่ยนแปลงจริ งๆในช่วงเวลาต่างๆ ซึ่งจะเข้าถึง Electron Cloud และ Photons
Cloud เดิมๆได้ ก็ตอ้ งผ่านการใช้โปรแกรม Time Machine ไป ณ Space Time นั้นๆ iOS iPadOS
ก็ทำได้ แต่ตอ้ งใช้ Paralleling Universal กับ iCloud นี่คือ Teleportation เลยนะ อย่าทำเป็ นเล่น
ไป !! และยังเป็ นข้อพิสูจน์ของศีลอภัยบาปด้วยนะ เป็ นผลงานจากท่านศ.ดร.สตีฟ จ็อบส์ ตั้งแต่
OSX Leopard 10.5 เป็ นต้นมา
แต่ในบางครั้งก็เป็ นการเปลี่ยน Quark Cloud สู่ Leptons Cloud อาทิ ในเครื่ องเอ็กซเรย์แบบ
Positrons (PET) ซึ่ง ได้เป็ น n→ p + e- + Ve (การสลายให้อนุภาค Beta , สัญลักษณ์ที่ใช้แทน
ความหมายของ Hadron) ซึ่งมาจากสาเหตุที่สามารถแจกแจงได้วา่ udd→uud + e- + Ve (การ
สลายให้อนุภาค Beta , สัญลักษณ์ที่ใช้แทนความหมายของ Quark)
จึงมีสมการทางฟิ สิ กส์ที่เป็ นทางเชื่อมระหว่าง Quark Cloud สู่ Leptons Cloud และในทางหลัก
การแล้วยังมี Fermions Cloud สู่ Bosons Cloud อีกด้วย
หมายเหตุ : Application Layer , Transport Layer , Session Layer ใน Layers in The OSI Model
เป็ นหนึ่งเดียวกัน
การ Save File , การ Print ที่ไม่ใช่ Electron Could เกิดขึ้นอยู่ ณ เครื่ องเอ็กซเรย์แบบ Positrons
(PET) , เครื่ อง Free electron laser (FEL) , เครื่ อง Energyrecovery linac (ERL) , เครื่ อง Electron
storage ring
เมื่อ Electron Cloud ออกมาได้ ดังนั้น Quark Cloud จึงออกมาได้ และ Gluons Cloud จึงออกมา
ได้ หรื อแม้แต่ Higg Bosons Cloud ก็จึงออกมาได้
ควาร์กมี 6 ชนิด แต่ละชนิดเรี ยกว่าแต่ละเฟลเวอร์ (flavour) ได้แก่ อัป (up หรื อ u) ดาวน์ (down
หรื อ d) ชาร์ม (charm หรื อ c) สเตรนจ์ (strange หรื อ s) ท็อป (top หรื อ t) และบอตทอม (bottom
หรื อ b) ซึ่งควาร์กทั้ง 6 เฟลเวอร์น้ ีแบ่งตามขนาดของประจุได้เป็ น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มบน (up type)
มีประจุ +2/3 ได้แก่ อัปควาร์ก ชาร์มควาร์ก และท็อปควาร์ก อีกกลุ่มคือกลุ่มล่าง (down type) มี
ประจุ -1/3 ได้แก่ ดาวน์ควาร์ก สเตรนจ์ควาร์ก และบอตทอมควาร์ก
แม้แต่น้ำก็เคยเกิดมาแล้ว โดยสมาธิภาวนาของท่านนักบุญโมเสส
และโดยทัว่ ไปเราก็สามารถสร้าง Electron Cloud ให้เกิดขึ้นได้อยูแ่ ล้ว โดย Save File , Copy
And Paste ไฟล์ที่เป็ นแบบ Electron Cloud อาทิ JPEG , AV1 , HEVC , Page , Number ,
Keynote เป็ นต้น และการสร้างอนุภาคมูลฐานอื่นๆก็มีให้เห็นในเครื่ องเอ็กซเรย์แบบ Positrons
(PET) เป็ นต้น ส่ วนน้ำสะอาด เบอร์เกอร์ที่จะออกมาจาก Monitor นั้น ก็สามารถที่จะทำได้เช่น
กัน โดยสมการที่ไม่ใช่เพียงแค่ Electron Cloud , Quark Cloud , Gluons Cloud, W Bosons
Cloud
เพราะ Electron Cloud , Photons Cloud , Quark Cloud , Gluons Cloud , W Bosons Cloud นั้น
รอเราให้เราคิดอะไรสนุกๆนั้นแล้ว แม้แต่ Higg Bosons Cloud ก็ดว้ ย ผ่านการ Simulation of
Simulation Processing (SSP) และ Objectivism With Parallelism Programming (OPP) ด้วยชุด
คำสัง่ Floating Point Controller (FPC) ที่ประกอบไปด้วย Computing of Functional (COF)
จำนวนมากใน Paralleling Universal ผ่านตัวกลางในเอกภพนี้ น้ นั ก็คือ CPU , GPU , RAM
เราสามารถ Copy And Paste ไฟล์จาก OSX ด้วยกันนี้ได้ ซึ่งได้ผลลัพธ์เป็ น Electron Cloud เช่น
กัน เราสามารถ Copy And Paste ไฟล์มาจาก Visual Machines ใดๆได้อีกด้วย นี่ คือทางเชื่อมของ
Paralleling Universal
แต่ถา้ โปรแกรมควมคุมเครื่ องเอ็กซเรย์แบบ Positrons (PET) , เครื่ อง Free electron laser (FEL) ,
เครื่ อง Energyrecovery linac (ERL) , เครื่ อง Electron storage ring นั้นเป็ น Visual Machines
ของ OS X ล่ะจะได้ม้ ยั ในเครื่ องรุ่ นต่ำอย่าง Mac Mini
ถ้ามีการใช้การเขียน Computing of Functional ให้มากๆ ก็เหมือนเราสร้างคำสัง่ ภาษาเครื่ องซ้อน
ลงไปในเครื่ องนั้นแล้ว โดยการจำลองสถานการณ์อะไรบางอย่างซึ่งเป็ นเหมือนการสร้าง
ทรัพยากรให้เพิ่มมากขึ้นให้กบั คอมพิวเตอร์ของเรา เกมส์แต่ละเกมส์น้ นั ได้ผลลัพธ์ที่ไม่เท่ากัน
ดังนั้น Class ใดๆ ที่จะทำให้เกิดขึ้นซึ่ง Object ของ Object Oriented Programming (OOP) ที่มีซ่ ึง
Computing of Functional แฝงไว้อยูจำ ่ นวนมากที่สามารถกระทำการระหว่าง Object อื่นๆที่กม็ ี
Computing of Functional ที่สามารถกระทำการต่อกัน เหล่านั้นจึงคือ การ Computing Valuable
Constant Radio ที่กา้ วล้ำยิง่ กว่าการนับลูกคิด นั้นก็คือก้าวล้ำกว่า Quantum Computing Valuable
Constant Radio
ดังนั้น Mac Mini จึงเป็ น Super Computing Valuable Constant Radio ให้กบั เราได้ แม้แต่ iMac
G3 ก็ดว้ ย จึงสามารถควบคุมเครื่ อง Free electron laser (FEL) , เครื่ อง Energyrecovery linac
(ERL) , เครื่ อง Electron storage ring
เท่านั้นไม่พอเราสามารถสร้าง Class ที่จะจำลองเครื่ อง Free electron laser (FEL) , เครื่ อง
Energyrecovery linac (ERL) , เครื่ อง Electron storage ring ได้หมด แล้วเป็ น Object จำนวนมาก
จากการเขียนโปรแกรมแบบ Object Oriented Programming (OOP) ให้ Class มีซ่ ึง Computing
่ นวนมากที่สามารถกระทำการระหว่าง Class อื่นๆที่กม็ ี Computing of
of Functional แฝงไว้อยูจำ
Functional ที่สามารถกระทำการต่อกัน ผ่านการ Simulation of Simulation Processing (SSP)
และ Objectivism With Parallelism Programming (OPP) ซึ่งเป็ นผลลัพธ์ต่อเนื่องจาก Object
Oriented Programming (OOP) ที่ให้ Class มีซ่ ึง Computing of Functional แฝงไว้อยูจำ่ นวนมาก
ที่สามารถกระทำการระหว่าง Class อื่นๆที่กม็ ี Computing of Functional ที่สามารถกระทำการ
ต่อกัน
1.) การ Random Machine Code With Quantum Dot (RMCQ) จำนวนมาก มาจากหลักการที่วา่
เครื่ องนั้นจะทำงานได้กต็ อ้ งการคำตอบ ซึ่งเราใช้วิธีการเตรี ยมคำตอบเอาไว้แล้ว เป็ นการมอง
ลูกคิดหนึ่งระบบมองได้เป็ นหลายแบบ ลูกคิดหนึ่งลูกบางคนอาจจะมองเป็ นทศนิยม บางคน
อาจมองเป็ นล้านๆ บางคนมองเป็ นวัตถุต่างๆก็ได้ ดังนั้น Super Computer ระดับ 200 Petaflops
สามารถเกิดขึ้นจากการ Simulation ที่มีการ Random Machine Code เหมือนเป็ นคำสัง่ ที่ได้มา
จากการ Complies ชุดคำสัง่ จาก CPU , GPU , RAM ของ Super Computer จริ งๆเอาไว้ใน A12Z
ที่ใช้ iPad OS หรื อ iMac G3 ที่รัน Mac OS 9 ไปเลยก็ยงั ได้
คัดลอก Method หรื อสร้าง Sub Class จากการประมวลผลใน CPU , GPU , RAM ที่มีมานั้น แล้ว
นำไปใช้ต่อได้เลยใน Objectivism อื่นๆ จึงสามารถ Randers File 3D ได้ทีละจำนวนมาก เรามอง
ว่าการเข้ารหัสนั้นเป็ นเพียงแค่ Method หนึ่งๆ ซึ่งอาจจะเรี ยกว่า Algorithms ก็ได้ แต่เราก็มองว่า
เป็ นกลุ่มๆหนึ่งอยูด่ ี ไม่ตอ้ งมี Chips Set สำหรับ HEVC ก็ได้ โดยมองว่านี่คือ Sub System ที่เปิ ด
ขึ้นมาเพื่อการใดบางอย่างโดยเฉพาะ มากกว่านั้นแล้วไฟล์อื่นๆนั้น เรามองเห็นเป็ นแค่ Scale of
Quantum Dot of Functional of Simulation (SFS) จึงสามารถดำเนินการ Operations ผ่านการ
Complications ได้เลย ไม่ตอ้ งมา Process อีก เหมือนส่ งพิซซ่าที่มี System มาแล้ว อย่าง Pizza
Hut หรื อ KFC , McDonald's ไฟล์อื่นๆก็จึงสามารถ Randers ไปพร้อมๆกันได้ โดยทรัพยากรที่
ใช้เพียงครั้งเดียว เหมือนคำสัง่ Automatically ใน OS X ตั้งแต่รุ่น Tiger เป็ นต้นมา
Class E กำหนดให้ p = Mv