Professional Documents
Culture Documents
โพลาไรเซซันโดยการสะท้อน
เมื่อแสงไม่โพลาไรส์ผ่านแผ่นโพลารอยด์จะออกมาเป็นแสงโพลาไรซ์ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นการทาแสงโพลาไรซ์โดยใช้วิธี
ดูดกลืนแสงยังมีวิธีอื่นอีกที่ให้แสงโพลาไรซ์ คือ การสะท้อนแสงเมื่อให้แสงไม่โพลาไรส์ตกกระทบผิววัตถุ เช่น แก้ว น้า หรือ
กระเบื้องแสงสะท้อนจะเป็นแสงโพลาไรซ์ เมื่อแสงทามุมตกกระทบเป็นค่าเฉพาะค่าหนึ่ง
โพลาไรเซชันโดยการหักเห
เมื่อแสงผ่านเข้าไปในแก้วแสงจะเคลื่อนที่ด้วยอัตราเร็วเท่ากันทุกทิศทาง เพราะแก้วมีดรรชนีหักเหเพียงค่าเดียวแต่เมื่อ
แสงผ่านเข้าไปในผลึกแคลไซต์หรือควอตซ์ แสงจะมีอัตราเร็วไม่เท่ากันทุกทิศทางด้วยเหตุนี้แสงที่ผา่ นแคลไซต์จึงหักเหออกเป็น 2
แนว (double diffraction หรือ birefringence) ดังรูป รังสีหักเหทั้งสองแนวเป็นแสงโพลาไรซ์โดยมีสนามไฟฟ้าของรังสีหักเหแต่
ละรังสีตั้งฉากกัน ซึ่งแสดงด้วยลูกศรและจุดรังสีที่แทนด้วยจุด เรียกว่า รังสีธรรมดา (ordinary ray) มีอัตราเร็วเท่ากันทุกทิศทาง
รังสีที่แทนด้วยลูกศร เรียกว่า รังสีพิเศษ (extraordinary ray) มีอัตราเร็วในผลึกต่างกันในทิศที่ต่างกัน
โพลาไรเซชันโดยการกระเจิงของแสง
เมื่อแสงอาทิตย์ผ่านเข้ามาในบรรยากาศของโลกแสงจะกระทบโมเลกุลของอากาศหรืออนุภาคในบรรยากาศอิเล็กตรอน
ในโมเลกุลจะดูดกลืนแสงที่ตกกระทบนั้นและจะปลดปล่อยแสงนั้นออกมาอีกครั้งหนึ่งในทุกทิศทาง ปรากฏการณ์นี้เรียกว่าการ
กระเจิงของแสง
n = tanp
2. แผ่นโพลาไรเซอร์
3. อินเตอร์ฟีรอมิเตอร์(เครื่องฉายแสงเลเซอร์)
4. รางวางแผ่นโพลาไรเซอร์ให้อยู่ในระนาบเดียวกัน
5. แหล่งกาเนิดแสง
6. Photometer
9. Acrylic plate
วิธีการทดลอง
ตอนที่ 1
1. วัดความเข้มแสงของแสงที่ยังไม่โพลาไรซ์ (อย่าลืมเซตศูนที่เครื่อง photometer)
2. นาแสงที่ยังไม่โพลาไรซ์ไปผ่าน polarizer
3. วัดความเข้มแสงที่มุมต่างๆ และบันทึกผลการทดลอง
ตอนที่ 2
1. นาแสงที่ยังไม่โพลาไรซ์ ผ่าน polarizer 2 อัน ที่ทามุมกัน
2. วัดความเข้มแสงที่มุมต่างๆ และบันทึกผลการทดลอง
ตอนที่ 3
1. นา acrylic ไปวางไว้หน้า interferometer โดยปรับให้มมุ ทีแ่ สงเลเซอร์สะท้อน acrylic แล้วกลับเข้าไปในรูให้
กาเนิดแสงเลเซอร์ เป็น 0
2. ปรับมุมไปเรื่อยๆ จนกระทั่งพบว่าแสงเลเซอร์ที่สะท้อนหายไปหรือจางลงมากที่สุด บันทึกผลการทดลอง
3. เปลี่ยน acrylic เป็น แก้ว แล้วทาการทดลองซ้าตามข้อ 1-2
4. นามุมที่วัดได้ไปคานวณค่าดัชนีหักเห(n)ของ acrylic และ แก้ว
หมายเหตุ นา polarizer ไปวางไว้ระหว่าง acrylic และ interferometer เพื่อกรองแสงโพลาไรซ์ในแนวตั้งออก และ
ช่วยให้เห็นความเปลี่ยนแปลงของความเข้มแสงได้ดียิ่งขึ้น
บันทึกผลและอภิปรายผล
ตอนที่ 1
I0 = 6.6 ± 0.1 lux
I1av = 2.66
𝑆.𝑆. 0.2077
δI1av = = = 0.0453
√𝑆 √21
กราฟแสดงความเข้มแสงและมุมจากการทดลอง
7.00
6.00
5.00
ความเข้มแสง(I)
4.00 I0
3.00 I1
2.00
I2
1.00
0.00
0 50 100 150 200 250 300 350 400
มุม(องศา)
กราฟตามทฤษฎี
กราฟแสดงความเข้มแสงและมุมจากการทดลอง
7.00
6.00
5.00
ความเข้มแสง(I)
4.00 I0
3.00 I1
2.00
I2
1.00
0.00
0 50 100 150 200 250 300 350 400
มุม(องศา)
ตอนที่ 3
เมื่อคานวณค่าที่ได้จากการคานวณ
จะได้ว่า
สรุปผลการทดลอง
จากการทดลองตอนที่ 1 และตอนที่ 2 จะพบว่า ได้ค่า I0 = 6.6 ± 0.1 lux , I1av = 2.66 ± 0.05 lux และ I2 จะได้กราฟ
เป็นกราฟ sine โดยผลการทดลองที่ได้จะมีคา่ น้อยกว่าค่าทางทฤษฎี เนื่องจาก polarizer ที่ใช้ในการทดลอง ถูกใช้มานานทาให้มี
คุณภาพไม่ดเี ท่าที่ควร และทาให้ผลการทดลองผิดเพี้ยงไปจากทฤษฎี
จากการทดลองตอนที่ 3 จะพบว่า คานวณหาค่าของค่าดัชนีหักเหของอะคริลิก และแก้ว ได้ nacrylic = 1.46±0.08 และ
nแก้ว = 1.43±0.05 ตามลาดับ ซึ่งแสงสะท้อนที่ได้ไม่ได้หายไปเลยตามทฤษฎี แต่ได้เป็นจุดที่จางที่สุดแทน เนื่องจากรางที่ใช้วางใน
การทดลองไม่ได้อยู่ในระดับน้าทะเล และpolarizer คุณภาพไม่ดีเท่าที่ควร ทาให้กรองแสงแนวตั้งออกไม่หมด และควรมีฉากรับ
แสง เพื่อให้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของความเข้มแสงได้ดยี ิ่งขึ้น
ข้อเสนอแนะ
1. เนื่องจากมีแสงรบกวนเยอะทั้งจากแฟลชโทรศัพท์และจากข้างนอกห้อง(ในตอนเปิดประตู) ทาให้ค่าความเข้มแสงที่วัดได้
เกิดความคลาดเคลื่อน ควรทาการทดลองในห้องที่มืดสนิทหรือในที่ทมี่ ีแสงรบกวนน้อยกว่านี้จะได้ค่าทีแ่ ม่นยากว่า
2. ฝุ่นละอองและสิ่งปนเปื้อนต่างในอากาศมีเยอะ ทาให้แสงจากแหล่งกาเนิดเกิดการหักเหและสะท้อน ไม่ได้เดินทางเป็น
เส้นตรงทั้งหมดดังในทฤษฎี จึงเสนอให้ใช้เครื่องฟอกอากาศเพื่อลดค่าฝุ่นละอองรวมถึงส่งปนเปื้อนต่าง ๆ ให้มากที่สุด
หรือทาการฉายแสงในพื้นที่ที่เป็นสุญญากาศ เพื่อให้ค่าที่ได้มีความแม่นยามากยิ่งขึ้น
3. แสงจากแหล่งกาเนิดแสงไม่คงที่ ทาให้ค่าความเข้มแสงที่วัดได้ค่อนข้างแกว่ง
4. ในการทดลองตอนที่ 3 หากรางวางแผ่นโพลาไรเซอร์ หรือ Angular translater อย่างใดอย่างหนึ่งเอียงหรือเอียงทั้งคู่
(ไม่ได้ทามุม 90° กับระนาบ) จะทาให้มุมที่วัดได้ ณ ตอนนั้นคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง จึงควรตรวจสอบให้ดีก่อน
ทาการทดลอง(ซึ่งในแลปนี้ไม่ได้เช็คก่อนทาการทดลอง)
5. การสังเกตแสงในการทดลองตอนที่ 3 ควรมีฉากรับแสง เพื่อให้สังเกตการเปลี่ยนแปลงของความเข้มแสงได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
6. จากการทดลองตอนที่ 3 จะพบว่าแสงจากอินเตอร์ฟรี อมิเตอร์ไม่ได้มชี ่วงที่หายไป แต่มีเป็นช่วงที่แสงจางที่สุดแทน เพราะ
โพลาไรเซอร์ที่ใช้คุณภาพไม่ดีพอ จึงกรองแสงแนวตั้งออกได้ไม่หมด
7. โพลาไรเซอร์ที่ใช้ในการทดลองนี้ถูกใช้มานานแล้ว จึงทาให้คุณภาพไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้นจึงเสนอให้ใช้โพลาไรเซอร์ที่
คุณภาพดีกว่านี้ แต่ไม่ควรใช้ของเว็บจีนเพราะมีคุณภาพต่ากว่า
8. เกิด human error จากผู้ทดลองเพราะตาของมนุษย์ไม่สามารถเดาหรือกะประมาณค่าความเข้มแสงจาก photometer
ที่ใช้ในการทดลองนี้ได้แม่นยานัก ควรใช้เป็นเครื่องที่สามารถวัดค่าแบบดิจิตอลได้จะมีความแม่นยามากกว่า