Professional Documents
Culture Documents
บทที่ 3 เกณฑ์การประเมินจุดคราก
บทที่ 3 เกณฑ์การประเมินจุดคราก
บทที่ 3 เกณฑ์การประเมินความแข็งแรงของวัสดุ
(b)
(a)
Criteria Equations
1. Maximum Principal Stress 1 = Y, 3 = -Y
2. Maximum Principal Strain (1- (2+ 3) = Y, (3- (1+ 2) = -Y
3. Total Strain Energy ( 1
2
)
+ 22 + 32 − 2 ( 1 2 + 2 3 + 1 3 ) = Y 2
4. Maximum Shear Stress 1- 3 = Y
5. Shear Strain Energy ( 1 − 2 ) + ( 2 − 3 ) + ( 1 − 3 ) = Y 2
2 2 2
(a) (b)
(1-2) = k (3.1)
( + y ) ( + y ) + 4 xy2
2
x
1, 2 =
x
(3.2)
2 2
3 = 0
U = ij d ij = ( d 1 1 + 2 d 2 + 3d 3 ) (3.4)
ij
( − ( 2 + 3 ) )
1
แทนสมการความสัมพันธ์ระหว่างความเค้นและความเครียด ดังเช่น 1 = 1
E
เป็ นต้น ลงไปในสมการ 3.4 แล้วทาการหาปริพนั ธ์ (Integrate) จะได้
(
12 + 22 + 32 ) − 2
U = E ( 1 2 + 2 3 + 1 3 ) (3.5)
2E
U v = d = ( m d + md + md )
(3.6)
( m + m + m )
U v =
2
m2 3 (1 − 2 ) m2
Uv = = (3.7)
2k 2E
หรือสามารถเขียนได้ใหม่ ดังนี้
(1 − 2 )( 1 + 2 + 3 )
2
Uv = (3.8)
6E
เมื่อนาความหนาแน่นพลังงานความเครียดเชิงปริมาตร, Uv
ไปหักออกจากความหนาแน่นของพลังงานความเครียดทัง้ หมด, U
เราจะได้ความหนาแน่นพลังงานความเครียดเชิงบิดเบน, Us
(distortion strain energy density) *[Us = U-Uv]
( ) − 2
(1 − 2 ) 1 + 2 + 3 ( )
2
12 + 22 + 32
Us = E ( 1 2 + 2 3 + 1 3 ) −
(3.9)
2E 6E
หรือ
1 + −
( ) 1 2( ) + ( ) + ( )
2 2 2
−3 −3
2 1
Us = (3.10)
6E
(1 + ) Y 2
Us = (3.11)
3E
( ) + ( ) + ( )
2 2 2
1 −2 2 −3 1 −3 = 2Y 2 (3.12)
12 − 1 2 + 22 = Y 2 (3.13)
( ) + ( ) + ( )
2 2 2
1 −2 2 −3 1 −3 2Y 2
= (3.14)
3 3
3.4 เปรียบเทียบเกณฑ์การประเมิ นจุดครากระหว่างเทรสก้าและฟอนมิ สเซส
ผลการเปรียบเทียบในรูปที่ 3.3
ได้มาจากชิน้ ส่วนทดสอบทีเ่ ป็ นท่อผนังบางรับความดันภายในและแรงในแนวแกน
เพือ่ ทาให้เกิดสถานะของความเค้นหลักสองแกน (principal biaxial stress state)
ชิน้ ส่วนทดสอบทามาจากโลหะชนิดต่างๆ ดังแสดงในตาราง 3.2
จากรูปจะเห็นว่าความแตกต่างระหว่างค่าความแข็งแรงสูงสุดในการรับแรงดึงและแรงอัดจะแสด
งด้วยจุด A และ C บนวงกลมซึง่ สัมผัสกับแกนความเค้นเฉือน,
ความเสียหายเนื่องจากสถานะของความเค้นสองแกน
จะเกิดขึน้ ทีจ่ ุดบนเส้นสัมผัสทีเ่ ชื่อมระหว่างวงกลมของแผนภูมวิ งกลมมอห์ทงั ้ สอง
© ผศ. ดร. ศุภฤกษ์ ศิริเวทิน สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ พ.ศ. 2548
เอกสารประกอบการสอนวิชา กลศาสตร์ ของแข็งขั้นกลาง (Intermediate Mechanics of Solids) 47
c
2 = 1 − c (3.15)
t
1 2
+ =1 (3.16)
t c
c + t
2 = c − 1 (3.17)
t
1 ( 1 + 2 )
+ =1 (3.18)
t c
รูปที่ 3.6
จะเปรียบเทียบผลการทดลองความแข็งแรงของเหล็กหล่อสีเทาด้วยเกณฑ์การประเมินต่างๆ
ในการเตรียมชิน้ ส่วนทดสอบจะต้องทาการขัดผิวให้เรียบ
เพือ่ หลีกเลีย่ งผลกระทบความเสียหายทีเ่ กิดขึน้ เนื่องจากแฟกเตอร์ความเรียบผิว (Surface
factor) ในการทดสอบจะแขวนน้าหนักไว้ตรงกลางของชิน้ ส่วนทดสอบ
เพือ่ ให้ชน้ิ ส่วนรับโมเมนต์ดดั สลับไปมา ในขณะทีช่ น้ิ ส่วนทดสอบกาลังหมุนอยู่
WL 1
M = (3.19)
2
32 M 16WL 1
max = = (3.20)
d 3
d 3
ในการทดสอบจะนับจานวนวงรอบจนกระทังชิ ่ ้นส่วนทดสอบแตกหัก
ซึง่ เราจะเรียกค่าความเค้นทีท่ าให้ช้นิ ส่วนแตกหักนี้ว่า ค่าความเค้นล้าตัว (fatigue stress), Sf
แต่ถา้ หากว่าทาการทดสอบไปจนจานวนวงรอบมากกว่า 106 – 107
แล้วชิน้ ส่วนทดสอบยังไม่แตกหัก ก็จะยุตกิ ารทดสอบ แล้วเพิม่ น้าหนักแขวนใหม่
แล้วทาการทดสอบเช่นนี้ต่อไป โดยเพิม่ น้าหนักขึน้ เรื่อยๆ กราฟที่
พล็อตระหว่าง ค่าความเค้นล้าตัว กับ จานวนวงรอบ จะใช้สเกลแบบ log-log
ดังเช่นกราฟในรูปที่ 3.9 ซึง่ ได้จากการทดสอบเหล็กเหนียวทัวไป ่ เราจะเรียกกราฟนี้ว่า แผนภูมิ
S-N
0 .9 S u
(0 .9 S u )2
1
− log
Sf = Se
3
N (3.21)
Se
หรือในทางกลับกันเราสามารถหาจานวนวงรอบได้จาก
3
−
S f Se 0 .9 S u
log
N = 2
Se
(0 .9 S u )
(3.22)
( max + min )
m =
2
(3.23)
( max − min )
a =
2
m a a Se ( Su − S y )
+ =1 (3.27)
Su Se m Su ( S y − Se )
a Se ( Su − S y )
a +m = Sy
m Su ( S y − Se )
n1 n2 n3 ni
+ + + ....... + 1 (3.28)
N1 N2 N3 Ni