Principle of Commu

อ
3/4/2020 สภา ศวกร
รข
สภาวิศวกร | Council of engineers
ก
ชา : Principles of Communications
ิ ว
าวศ
เ อหา ชา : 885 :
สภ
ข ้อที 1 :
่ งค์ประกอบพืนฐานของระบบสอสาร
ข ้อใดไม่ใชอ ื
1 : transmitter
2 : antenna
3 : noise
4 : receiver
คําตอบทีถูกต ้อง : 3
ื
องค์ประกอบในระบบสอสารที ั ญาณข่าวสารให ้เหมาะกับการสง่ ผ่านตัวกลาง เรียกว่า
ทําหน ้าทีปรับสญ
อะไร
1 : modulator
2 : multiplexer
3 : attenuator
4 : amplifier
ั ญาณตําสุด ทีระยะทางการสง่ และความถีเดียวกัน
Transmission media ข ้อใดต่อไปนีมีคา่ การลดทอนสญ
1 : สายโคแอกเชย ี ล
2 : ท่อนํ าคลืน
3 : ้
เสนใยแก ้วนํ าแสง
4 : อากาศ
ั ญาณสูงสุด ทีระยะทางการสง่ และความถีเดียวกัน
Transmission media ข ้อใดต่อไปนีมีคา่ การลดทอนสญ
ธิ
สท
3 : ้
เสนใยแก ้วนํ าแสง
4 : อากาศ
ิ
วน
สง
ขอ
203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=113&aDb=0 1/98
อ
ข ้อใดต่อไปนีไม่ใชร่ ะบบสอสารไร
ื ้สาย
รข
1 : FTTx
2 : WLAN
ก
3 : LTE
4 : GPS
ิ ว
าวศ
สภ
ื
ระบบสอสารใดที
สญั ญาณไม่มก
ี ารมอดูเลต
1 : plain telephone system
2 : microwave communication system
3 : satellite communication system
4 : optical communication system
ื
หน ้าทีหลักของวงจรมอดูเลตในระบบสอสารคื
ออะไร
1 : ั ญาณไฟฟ้ า
เปลียนข่าวสารเป็ นสญ
2 : สง่ ข่าวสารไปกับคลืนพาห์
3 : เปลียนสญ ั ญาณแอนะล็อกเป็ นสญ
ั ญาณดิจท
ิ ล
ั
4 : ขยายสญ ั ญาณให ้แรงขึน
หน ้าทีสําคัญของวงจรดีมอดูเลตในระบบสอสารคื
ื ออะไร
1 : เปลียนสญ ั ญาณดิจท
ิ ล ั ญาณแอนะล็อก
ั เป็ นสญ
2 : ั ญาณรบกวนในระบบสอสาร
กําจัดสญ ื
3 : แยกข่าวสารออกจากคลืนพาห์
4 : ขยายสญ ั ญาณให ้แรงขึน
ข ้อใดไม่ใชร่ ะบบสอสารแบบ
ื simplex
1 : ระบบโทรศพ ั ท์เคลือนที
2 : ระบบกระจายคลืนวิทยุ
3 : ระบบกระจายคลืนโทรทัศน์
ธิ
4 : ระบบเคเบิลทีว ี
สท
ิ
วน
สง
ข ้อที 10 :
ข ้อใดไม่ใชร่ ะบบสอสารแบบ
ื duplex
ขอ
อ
1 : ระบบโครงข่ายอินเตอร์เนต
รข
2 : ระบบกระจายคลืนโทรทัศน์ดจิ ท
ิ ล
ั
3 : ระบบโทรศพั ท์เคลือนที
4 : ระบบเรดาห์
ก
ิ ว
ข ้อที 11 :
าวศ
สภ
แถบความถีในระบบโทรทัศน์ดจิ ท ั มีชว่ งความถีอยูใ่ นย่านใด
ิ ล
1 : VHF
2 : UHF
3 : SHF
4 : EHF
ข ้อที 12 :
ื
หน ้าทีของสายอากาศในระบบสอสารคื
ออะไร
1 : กรองสญ ั ญาณคลืนแม่เหล็กไฟฟ้ า
2 : ผสมสญ ั ญาณกับคลืนแม่เหล็กไฟฟ้ า
3 : ั ญาณไฟฟ้ า
เปลียนคลืนแม่เหล็กไฟฟ้ าเป็ นสญ
4 : ั
ตัดสญญาณรบกวนจากคลืนแม่เหล็กไฟฟ้ า
ข ้อที 13 :
ื
วิทยุสมัครเล่นเป็ นการสอสารแบบใด
1 : simplex
2 : half duplex
3 : full duplex
4 : multiplex
ข ้อที 14 :
ื
ระบบสอสารใดต่
อไปนีมีแบนด์วด
ิ ท์หรืออัตราข ้อมูลสูงสุด
1 : ื
ระบบสอสารไร ้สาย
2 : ื
ระบบสอสารใยแก ้วนํ าแสง
3 : ื
ระบบสอสารไมโครเวฟ
4 : ื
ระบบสอสารดาวเที ยม
ธิ
สท
ิ
วน
ข ้อที 15 :
ในปั จจุบน ั ท์มอ
ั โทรศพ ี กั้ นมากขึนในระบบสอสาร
ื ถือเป็ นอุปกรณ์ทใช ื ื นํ าพาข ้อมูล
อยากทราบว่า สอที
สง
ระหว่างโทรศพ ั ท์มอ
ื ถือกับสถานีฐานคืออะไร
ี ง
1 : คลืนเสย
ขอ
อ
2 : คลืนแม่เหล็กไฟฟ้ าย่าน EHF
รข
3 : คลืนแม่เหล็กไฟฟ้ าย่าน UHF
4 : คลืนแม่เหล็กไฟฟ้ าย่าน HF
ก
ิ ว
ข ้อที 16 :
ข ้อใดไม่ใชข
าวศ
่ ้อดีของระบบสอสารใยแก
ื ้วนํ าแสง
สภ
1 : ติดตังระบบได ้ง่าย
2 : ทนต่อสญ ั ญาณรบกวน
3 : อัตราการสง่ ข ้อมูลสูง
4 : แบนด์วดิ ท์สงู
ข ้อที 17 :
ี งวิทยุเป็ นระบบสอสารแบบใด
ระบบกระจายเสย ื
1 : half duplex
2 : full duplex
3 : simplex
4 : multiplex
ข ้อที 18 :
ข ้อใดไม่ใชข่ ้อดีของระบบสอสารดาวเที
ื ยม
1 : การลดทอนสญ ั ญาณตํา
2 : เพืมจํานวนผู ้รับได ้เป็ นจํานวนมาก
3 : ขอบเขตการให ้บริการกว ้าง
4 : ติดตังสถานีภาคพืนดินได ้ง่าย
ข ้อที 19 :
ื
ระบบสอสารใดไม่ ้
ใชสายอากาศ
1 : optical communication system
2 : telephone communication system
3 : microwave communication system
4 : telemetering system
ธิ
สท
ิ
วน
ข ้อที 20 :
ี งวิทยุแบบ AM อยูใ่ นย่านใด
แถบความถีของระบบกระจายเสย
สง
1 : 150 kHz ถึง 280 kHz

2 : 280 kHz ถึง 530 kHz
3 : 530 kHz ถึง 1610 kHz
ขอ
อ
4 : 50 MHz ถึง 88 MHz
รข
ก
ิ ว
าวศ
ข ้อที 21 :
ี งวิทยุแบบ FM อยูใ่ นย่านใด
แถบความถีของระบบกระจายเสย
สภ
3 : 100 MHz ถึง 300 MHz
ข ้อที 22 :
ื าน UHF มีชว่ งความถีอยูใ่ นย่านใด
แถบความถีในระบบสอสารย่
1 : 300 kHz ถึง 3 MHz
4 : 300 MHz ถึง 3 GHz
ข ้อที 23 :
ื าน VHF มีชว่ งความถีอยูใ่ นย่านใด
1 : 300 kHz ถึง 3 MHz
ข ้อที 24 :
ื าน SHF มีชว่ งความถีอยูใ่ นย่านใด
4 : 3 GHz ถึง 30 GHz
ธิ
สท
ข ้อที 25 :
ิ
ื าน EHF มีชว่ งความถีอยูใ่ นย่านใด

วน

สง

ขอ
อ
ก รข
ข ้อที 26 :
ิ ว
ื
ระบบสอสารประกอบด ้วยเครืองสง่ ทีมีกําลัง 30 W สายนํ าสญ
ั ญาณทีมีการลดทอน 1 dB/km ระยะทางใน
าวศ
ื
การสอสาร 10 km ให ้คํานวณหากําลังทีเครืองรับ
1 : 0.3 W
2 : 3W
สภ
3 : 6W
4 : 10 W
ข ้อที 27 :
ื
ระบบสอสารประกอบด ้วยเครืองสง่ ทีมีกําลัง 100 W สายนํ าสญ
ั ญาณทีมีการลดทอน 1 dB/km ระยะ
ื
ทางในการสอสาร 10 km ให ้คํานวณหากําลังทีเครืองรับ
1 : 0.3 W
2 : 3W
3 : 6W
4 : 10 W
เ อหา ชา : 886 :
ข ้อที 28 :
ั ญาณแบบกําหนดได ้ (deterministic signal)
ข ้อใดเป็ นสญ
1 : ั ญาณรูปไซน์
สญ
2 : สญั ญาณเสย ี งพูด
3 : สญ ั ญาณภาพ
4 : สญ ั ญาณรบกวน
ข ้อที 29 :
ั ญาณแบบสุม
ข ้อใดเป็ นสญ ่ (random signal)
1 : ั ญาณไฟตรงจากแบตเตอรี
สญ
2 : สญั ญาณรูปสเหลี
ี ยม
3 : สญ ั ญาณเสย ี งพูด
4 : สญ ั ญาณรูปสามเหลียม
ธิ
สท
ิ
วน
ข ้อที 30 :
ั ญาณ f(t) มีสมการเป็ น
สญ
สง
จะมีแอมปลิจด ั ญาณเท่าใด
ู ของสญ
ขอ
อ
1 : 10
รข
2 : 20
3 : 50
4 : 2
ก
ิ ว
ข ้อที 31 :
าวศ
สภ
ั ญาณ f(t) มีสมการเป็ น
สญ
ั ญาณเท่าใด
จะมีความถีของสญ
1 : 5 Hz
2 : 25 Hz
3 : 50 Hz
4 : 100 Hz
ข ้อที 32 :
ั ญาณขันบันไดแบบหนึงหน่วยทีถูกหน่วงเวลาไป 3 วินาที เขียนแทนด ้วยสมการในข ้อใด
สญ
1 : u(t+3)
2 : 3u(t)
3 : -3u(t)
4 : u(t-3)
ข ้อที 33 :
ข ้อใดเป็ นคุณสมบัตข ั ญาณกําลัง
ิ องสญ
1 : มีขนาดของสญ ั ญาณจํากัด
2 : มีพลังงานของสญ ั ญาณทีมากกว่าศูนย์และไม่เป็ นค่าอนันต์
3 : มีกําลังงานเฉลียของสญั ญาณทีมากกว่าศูนย์และไม่เป็ นค่าอนันต์
4 : มีความถีของสญ ั ญาณไม่เป็ นค่าอนันต์
ข ้อที 34 :
ผลตอบสนองสญ ั ญาณอิมพัลสข
์ องระบบนํ าไปใชประโยชน์
้ อะไร
1 : ้ จารณาผลตอบสนองตลอดย่านความถี
ใชพิ
2 : ้ จารณาระยะทางในการสอสาร
ใชพิ ื
ธิ
3 : ใชพิ้ จารณาเวลาทีใชในการส
้ ื
อสาร
สท
4 : ใชพิ ้ จารณาเสถียรภาพในการสอสาร
ื
ิ
วน
สง
ข ้อที 35 :
ขอ
อ
เมือกําหนดให ้ x(t) เป็ นอินพุตของระบบ และ y(t) เป็ นเอาต์พต
ุ ของระบบ อยากทราบว่า สมการของระบบ
รข
ในข ้อใดเป็ นระบบแบบเชงิ เสน้
1 : y(t) = 10x2 (t)+5
ก
2 : y(t) = 3x3 (t)
ิ ว
3 : y(t) = exp(x(t))
าวศ
4 : y(t) = 0.5x(t)
สภ
ข ้อที 36 :
ในข ้อใดเป็ นระบบแบบไม่แปรค่าตามเวลา
1 : y(t) = 2
2 : y(t) = 10x(t)
3 : y(t) = 4tx(t)
4 : y(t) = tx(t)+2
ข ้อที 37 :
ในข ้อใดเป็ นระบบแบบมีหน่วยความจํา
1 : y(t) = x(t)+1
2 : y(t) = 3x2(t)
3 : dy(t)/dt +10y(t) = x(t)
4 : y(t) = 9tx(t)+4
ข ้อที 38 :
ั ญาณทีเกิดขึนได ้ทุกเวลาโดยมีรป
สญ ั ญาณซากั
ู ร่างของสญ ํ นในชว่ งเวลาทีจํากัด เรียกสญ
ั ญาณแบบนีว่า
อะไร
1 : ั ญาณมีคาบ
สญ
2 : สญั ญาณไม่มคี าบ
3 : สญ ั ญาณแบบกําหนดได ้
4 : สญ ั ญาณแบบสุม
่
ธิ
ข ้อที 39 :
ั ญาณทีเพียงรู ้ค่าพารามิเตอร์บางตัวของสญ
สญ ั ญาณ ก็สามารถแทนสญ
ั ญาณนันด ้วยโมเดลทาง
สท
ั ญาณแบบนีว่าอะไร
คณิตศาสตร์ได ้ เรียกสญ
ิ
สญ
วน
2 : สญั ญาณไม่มค ี าบ
3 : สญ ั ญาณรูปไซน์
4 : สญ ั ญาณกําลัง
สง
ขอ
อ
รข
ข ้อที 40 :
ั ญาณทีไม่มก ั ญาณโดยตรง จึงไม่สามารถเขียนให ้
ก
สญ ี ฎเกณฑ์ทแน่
ี นอนในการอธิบายพฤติกรรมของสญ
ั ทางคณิตศาสตร์ได ้ เรียกสญ
อยูใ่ นรูปฟั งก์ชน ั ญาณแบบนีว่าอะไร
ิ ว
าวศ
สญ
2 : สญั ญาณไม่มคี าบ
3 : สญ ั ญาณแบบกําหนดได ้
4 : สญ ั ญาณแบบสุม
่
สภ
ข ้อที 41 :
1 : 0
2 : 1
3 : t
4 : อนันต์
ข ้อที 42 :
1 : 0
2 : 1
3 : t
4 : อนันต์
ข ้อที 43 :
1:
2:
3:
4:
ธิ
ข ้อที 44 :
สท
ิ
วน
สง
ขอ
อ
ั ญาณ x(t) แสดงในรูปข ้าล่าง รูปของสญ
ถ ้ากําหนดให ้สญ ั ญาณ x(2t) คือข ้อใด
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
1:
2:
3:
ธิ
สท
4:
ิ
วน
สง
ข ้อที 45 :
ขอ
อ
ถ ้ากําหนดให ้สญ ั ญาณ x(t/2) คือข ้อใด
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
1:
2:
3:
ธิ
สท
ิ
วน
4:
สง
ขอ
อ
รข
ข ้อที 46 :
ั ญาณ x[n] แสดงในรูปข ้าล่าง รูปของสญ
ถ ้ากําหนดให ้สญ ั ญาณ x[n-2] คือข ้อใด
ก
ิ ว
าวศ
สภ
1:
2:
3:
ธิ
สท
4:
ิ
วน
สง
ข ้อที 47 :
ขอ
อ
เมือป้ อนสญั ญาณรูปไซน์ขนาด 10 โวลต์ ความถี 10 กิโลเฮริ ตซ ์ ให ้กับโหลด 1 โอห์ม อยากทราบว่า จะ
รข
ทําให ้เกิดกําลังเฉลียเท่าใด
1 : 10 วัตต์
ก
2 : 50 วัตต์
3 : 100 วัตต์
ิ ว
4 : 10 กิโลวัตต์
าวศ
สภ
ข ้อที 48 :
ในข ้อใดเป็ นระบบแบบเชงิ เสนที้ ไม่แปรค่าตามเวลา
1 : y(t) = 10x3(t)
2 : y(t) = 3x(t)+5
3 : dy(t)/dt +4y(t) = x(t)
4 : y(t) = 0.5tx(t)
ข ้อที 49 :
ถ ้ากําหนดให ้
ั ญาณนีมีเฟสต่างกันเท่าใด
อยากทราบว่า สญ
1 :
2 :
3 :
4 :
ข ้อที 50 :
ั ญาณในข ้อใดเป็ นสญ
สญ ั ญาณไม่มค
ี าบ (non-periodic signal)
1 :
2 :
3 :
4 :
ข ้อที 51 :
ธิ
ั ญาณ x(t) = sin2t มีคาบ (periodic) เท่าใด

สญ
สท
1 :
ิ
2 :
วน
3 :
4 :
สง
ขอ
อ
รข
ข ้อที 52 :
ถ ้ากําหนดให ้สญ ั ญาณ x(t)u(1-t) คือข ้อใด
ก
ิ ว
าวศ
สภ
1:
2:
3:
ธิ
สท
ิ
4:
วน
สง
ข ้อที 53 :
ขอ
อ
ถ ้ากําหนดให ้สญ ั ญาณ x(t)[u(t)-u(t-1)] คือข ้อใด
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
1:
2:
3:
ธิ
4:
สท
ิ
วน
ข ้อที 54 :
สง
ขอ
อ
ถ ้ากําหนดให ้สญ ั ญาณข ้อใดถูกต ้อง
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
1:
2:
3:
ธิ
4:
สท
ิ
วน
ข ้อที 55 :
สง
ขอ
อ
ั ญาณ x(t) แสดงในรูปข ้าล่าง สามารถเขียนในเทอมของ unit step function ได ้อย่างไร
สญ
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
1 : x(t) =t [u(t) – u(t-2)]
2 : x(t) =t [u(t) – u(2t)]
3 : x(t) =(t/2)[u(t) – u(t-2)]
4 : x(t) =(t/2)[u(t) – u(2t)]
ข ้อที 56 :
ั ญาณ x(t) = cos (t/3) + sin (t/4) มีคาบ (period) เท่าใด
สญ
1 :
2 :
3 :
4 :
ข ้อที 57 :
สญ ั ญาณกําลัง (power signal)
1 : x(t) = A sin t
2 : x(t) = A [u(t+1) – u(t-1)]
3 : x(t) = e–2t
4 : x(t) = t u(t)
ข ้อที 58 :
สญ ั ญาณพลังงาน (energy signal)
1 : x(t) = A sin t
2 : x(t) = A [u(t+1) – u(t-1)]
3 : x(t) = e–2t
4 : x(t) = t u(t)
ธิ
สท
ิ
วน
เ อหา ชา : 887 :
สง
ข ้อที 59 :
เมือแปลงสญ ั ญาณมีคาบโดยใชอนุ
้ กรมฟูเรียร์จะได ้สเปกตรัมเป็ นแบบใด
ขอ
อ
1 : สเปกตรัมแบบไม่ตอ ่ เนือง
รข
2 : สเปกตรัมแบบต่อเนือง
3 : สเปกตรัมแบบเชงิ เสน้
4 : สเปกตรัมแบบคงที
ก
ิ ว
ข ้อที 60 :
าวศ
สภ
้ กรมฟูเรียร์แบบตรีโกณจะได ้สเปกตรัมเป็ นแบบใด
2 : สเปกตรัมแบบด ้านเดียว
3 : สเปกตรัมแบบสองด ้าน
ข ้อที 61 :
้ กรมฟูเรียร์แบบเอกซโ์ พเนนเชย
ี ลจะได ้สเปคตรัมเป็ นแบบใด
2 : สเปกตรัมแบบด ้านเดียว
3 : สเปกตรัมแบบสองด ้าน
ข ้อที 62 :
ั ญาณมีคาบทีเกิดจากการพล็อตค่าขนาดของฮาร์มอนิกสต
สเปกตรัมของสญ ์ า่ งๆ เทียบกับความถี มีชอว่
ื า
อย่างไร
1 : สเปกตรัมแบบเสน้
3 : สเปกตรัมเชงิ ขนาด
4 : สเปกตรัมเชงิ เฟส
ข ้อที 63 :
ั ญาณมีคาบทีเกิดจากการพล็อตค่าเฟสของฮาร์มอนิกสต
สเปกตรัมของสญ ์ า่ งๆ เทียบกับความถี มีชอว่
ื า
อย่างไร
ธิ
3 : สเปกตรัมเชงิ ขนาด
สท
4 : สเปกตรัมเชงิ เฟส
ิ
วน
สง
ข ้อที 64 :
ขอ
อ
ั ญาณมีคาบรูปสเหลี
สญ ี ั ญาณมีคาบนีมีความถี
ยมมีความถี 10 kHz อยากทราบว่า ฮาร์มอนิกที 5 ของสญ
รข
เท่าใด
1 : 2 kHz
ก
2 : 50 kHz
3 : 5 kHz
ิ ว
4 : 20 kHz
าวศ
สภ
ข ้อที 65 :
ั ญาณมีคาบรูปสเหลี
สญ ี ั ญาณนีมีความถีเท่าใด
ยมมีความถี 2 kHz อยากทราบว่า คลืนมูลฐานของสญ
1 : 0 kHz
2 : 1 kHz
3 : 2 kHz
4 : 4 kHz
ข ้อที 66 :
ั ญาณมีคาบใน 1 นาที พบว่า มีจํานวน 240 ลูกคลืน อยากทราบ
ในการนับจํานวนลูกคลืน (cycle) ของสญ
ั
ว่า สญญาณนีมีความถีเท่าใด
1 : 4 Hz
2 : 60 Hz
3 : 120 Hz
4 : 240 Hz
ข ้อที 67 :
เมือแปลงสญ ั ญาณไม่มค ้
ี าบโดยใชการแปลงฟู
เรียร์จะได ้สเปคตรัมเป็ นแบบใด
3 : สเปกตรัมแบบเชงิ เสน้
4 : สเปกตรัมแบบไม่ตอ ่ เนือง
ข ้อที 68 :
ั ญาณอินพุตทีวงจรมอดูเลต
ข ้อใด คือประโยชน์ของการแปลงฟูเรียร์ของสญ
1 : เพือง่ายต่อการสลับวงจรมอดูเลต
ธิ
2 : ื
เพือง่ายต่อการเชอมต่ อวงจรมอดูเลต
สท
3 : เพือง่ายต่อการสงั เคราะห์วงจรมอดูเลต
ิ
4 : ั ญาณในวงจรมอดูเลตเชงิ เสน้
เพือง่ายต่อการวิเคราะห์สญ
วน
สง
ข ้อที 69 :
ขอ
อ
รข
1 : 0
ก
2 : 10 V
ิ ว
3 : 16 V
าวศ
4 : 16.5 V
สภ
ข ้อที 70 :
1 : 0
2 : 10 Hz
3 : 20 Hz
4 : 60 Hz
ข ้อที 71 :
1 :
2 :
3 :
4 :
ข ้อที 72 :
ั ญาณไฟตรง f(t) = 12 ได ้สเปคตรัมในข ้อใด
การแปลงฟูเรียร์ของสญ
1 :
2 :
3 :
4 :
ข ้อที 73 :
ั ญาณมีคาบ คืออะไร
คลืนมูลฐาน (fundamental wave) ของสญ
ธิ
1 : ค่าไฟตรง
สท
2 : ฮาร์มอนิกที 0
ิ
วน
สง
ขอ
อ
รข
ข ้อที 74 :
ั ญาณ g(t)
สมการในข ้อใดคือการแปลงฟูเรียร์ของสญ
ก
1:
ิ ว
าวศ
2:
3:
4:
สภ
ข ้อที 75 :
1 :
2 :
3 :
4 :
ข ้อที 76 :
1 :
2 :
3 :
4 :
ข ้อที 77 :
1:
2:
ธิ
3:
สท
4:
ิ
วน
สง
ข ้อที 78 :
ขอ
อ
รข
1:
ก
2:
ิ ว
าวศ
3:
4:
สภ
ข ้อที 79 :
ั ญาณ g(t) สามารถแปลงฟูเรียร์ได ้
คุณสมบัตใิ นข ้อใดทีเป็ นเงือนไขให ้สญ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 80 :
ั ญาณในข ้อใดสามารถแปลงฟูเรียร์ได ้ เมือ u(t) คือ unit step function
สญ
1 :
2 :
3 :
4 :
ข ้อที 81 :
1:
2:
ธิ
3:
สท
ิ
4:
วน
สง
ข ้อที 82 :
ขอ
อ
ก รข
1:
ิ ว
าวศ
2:
3:
สภ
4:
ข ้อที 83 :
1 :
2 :
3 :
4 :
ข ้อที 84 :
1 :
2 :
3 :
4 :
ข ้อที 85 :
1 :
2 :
3 :
4 :
ธิ
สท
ิ
วน
ข ้อที 86 :
สง
ขอ
อ
1 :
รข
2 :
3 :
ก
4 :
ิ ว
าวศ
สภ
ข ้อที 87 :
1 :
2 :
3 :
4 :
ข ้อที 88 :
ั ญาณสเหลี
สญ ี ยมมีคาบเวลา 1 ms เมือแปลงอนุกรมฟูเรียร์แล ้ว อยากทราบว่า ฮาร์มอนิกที 2 ของ
สญั ญาณนี มีคา่ ความถีเท่าใด
1 : 1 MHz
2 : 2 MHz
3 : 1 kHz
4 : 2 kHz
ข ้อที 89 :
1 :
2 :
3 :
4 :
ธิ
ข ้อที 90 :
สท
ิ
1 :
วน
2 :
3 :
สง
4 :
ขอ
อ
รข
ข ้อที 91 :
ก
ิ ว
1: าวศ
สภ
2:
3:
4:
ข ้อที 92 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 93 :
ความสม ั พันธ์ของสญ
ั ญาณรูปไซน์กบ
ั เลขเชงิ ซอนตรงกั
้ บข ้อใด
1:
2:
ธิ
3:
สท
4:
ิ
วน
สง
ข ้อที 94 :
ขอ
อ
สมการในข ้อใดคืออนุกรมฟูเรียร์ของสญ ั ญาณรายคาบ g(t) ซงมี
ึ คาบเวลา T โดยที n คือเลขจํานวนเต็ม
รข
ั ประสท
และ an, bn คือสม ิ ธิจํานวนจริง
ก
1:
ิ ว
าวศ
2:
3:
สภ
4:
ข ้อที 95 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 96 :
1:
2:
3:
ธิ
4:
สท
ิ
วน
ข ้อที 97 :
สง
ขอ
อ
รข
1:
ก
2:
ิ ว
าวศ
3:
4:
สภ
ข ้อที 98 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 99 :
1 :
2 :
3 :
4 :
ข ้อที 100 :
ั ญาณขบวนพัลส ์ (pulse train) มีขนาด 10 โวลต์ และค่า duty cycle เท่ากับ 50% อยากทราบว่า ค่า
สญ
เฉลียตามเวลาของสญั ญาณนีมีคา่ เท่าใด
1 : 1 โวลต์
ธิ
2 : 5 โวลต์
สท
3 : 10 โวลต์
4 : 50 โวลต์
ิ
วน
สง
ข ้อที 101 :
ขอ
อ
ก รข
ิ ว
1:
2:
3:
าวศ
สภ
4:
ข ้อที 102 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 103 :
ั ญาณ g(t) = t exp(-2t)u(t)
ข ้อใดคือผลการแปลงฟูเรียร์ของสญ
1:
2:
3:
4:
ธิ
สท
ข ้อที 104 :
ั ญาณ g(t) =sinc(2t)
ข ้อใดคือค่าพลังงานของสญ
ิ
1 : E = 0.5
วน
2 : E = 0.25
3 : E=2
สง
4 : E=4
ขอ
อ
ก รข
ข ้อที 105 :
ิ ว
1: าวศ
สภ
2:
3:
4:
ข ้อที 106 :
ความสม ั พันธ์ของสญ
ั ญาณรูปโคไซน์กบ
ั เลขเชงิ ซอนตรงกั
้ บข ้อใด
1:
2:
3:
4:
เ อหา ชา : 888 :
ข ้อที 107 :
ั ญาณไปควบคุมขนาดของคลืนพาห์ มีชอเรี
การมอดูเลตทีนํ าขนาดของสญ ื ยกว่าอะไร
1 : การมอดูเลตเชงิ ขนาด (amplitude modulation)
2 : การมอดูเลตเชงิ ความถี (frequency modulation)
3 : การมอดูเลตเชงิ มุม (phase modulation)
4 : การมอดูเลตเชงิ เวลา (time modulation)
ธิ
สท
ข ้อที 108 :
ิ
การมอดูเลตเชงิ ความถี (frequency modulation) หมายถึงข ้อใด

วน
1 : ั ญาณไปควบคุมขนาดของคลืนพาห์
การมอดูเลตทีนํ าขนาดของสญ
2 : การมอดูเลตทีนํ าขนาดของสญั ญาณไปควบคุมเวลาของคลืนพาห์
สง
3 : การมอดูเลตทีนํ าขนาดของสญ ั ญาณไปควบคุมค่ามุมของคลืนพาห์

4 : การมอดูเลตทีนํ าขนาดของสญ ั ญาณไปควบคุมความถีของคลืนพาห์
ขอ
อ
รข
ก
ิ ว
ข ้อที 109 :
าวศ
ั ญาณไปควบคุมค่ามุมของคลืนพาห์ มีชอเรี
การมอดูเลตทีนํ าขนาดของสญ ื ยกว่าอะไร
1 : การมอดูเลตเชงิ ขนาด
2 : การมอดูเลตเชงิ ความถี
การมอดูเลตเชงิ มุม
สภ
3 :
4 : การมอดูเลตเชงิ เวลา
ข ้อที 110 :
การมอดูเลตแบบ AM มาจากคําเต็มภาษาอังกฤษว่าอะไร
1 : amateur modulation
2 : alleviative modulation
3 : amplitude modulation
4 : ampere modulation
ข ้อที 111 :
ในการมอดูเลตแบบ FM นัน ตัวอักษรย่อ FM มาจากคําเต็มว่าอะไร
1 : flux modulation
2 : frame modulation
3 : frequency modulation
4 : frequency-time modulation
ข ้อที 112 :
ในการมอดูเลตแบบ PM นัน ตัวอักษรย่อ PM มาจากคําเต็มว่าอะไร
1 : popular modulation
2 : phase modulation
3 : permanent modulation
4 : power modulation
ธิ
ข ้อที 113 :
สท
ข ้อใดคือการมอดูเลตเอเอ็มแบบแถบข ้างคูข
่ จัดคลืนพาห์
ิ
1 : LSB
วน
2 : USB
3 : SSB-SC
สง
4 : DSB-SC
ขอ
อ
รข
ข ้อที 114 :
ก
ข ้อใดคือการมอดูเลตเอเอ็มแบบแถบข ้างเดียว
ิ ว
1 : VSB
าวศ
2 : DSB
3 : SSB
4 : DSB-SC
สภ
ข ้อที 115 :
การสง่ สญั ญาณโทรทัศน์ระบบดิจท
ิ ล ้
ั ทีใชในประเทศไทยเป็ นระบบใด
1 : DVB-2
2 : DVB-1
3 : DVB-T2
4 : DVB-T1
ข ้อที 116 :
ื อเรียกว่า
ในการมอดูเลตแบบ DSB-SC นัน แถบความถีทีเกิดขึนสูงกว่าความถีของคลืนพาห์ มีชอย่
1 : LSB
2 : USB
3 : SSB
4 : ASB
ข ้อที 117 :
ื อเรียกว่าอะไร
ในการมอดูเลตแบบ DSB-SC นัน แถบความถีทีเกิดขึนตํากว่าความถีของคลืนพาห์ มีชอย่
1 : LSB
2 : USB
3 : SSB
4 : ASB
ข ้อที 118 :
ั ญาณข่าวสารรูปไซน์ความถี 2 kHz มอดูเลตแบบ DSB-SC กับคลืนพาห์รป
เมือนํ าสญ ู ไซน์ทความถี
ี 111
ธิ
MHz อยากทราบว่า สญ ั ญาณทีได ้จากการมอดูเลตนีมีแบนด์วด

ิ ท์เท่าใด
สท
1 : 1 MHz
ิ
2 : 2 kHz
วน
3 : 4 kHz
4 : 1.02 MHz
สง
ขอ
อ
รข
ข ้อที 119 :
ั ญาณข่าวสารรูปไซน์ความถี 10 kHz มอดูเลตแบบ SSB กับคลืนพาห์รป
ี 2
MHz อยากทราบว่า สญ ั ญาณทีได ้จากการมอดูเลตนีมีแบนด์วด
ก
1 : 10 kHz
ิ ว
2 : 5 kHz
าวศ
3 : 20 kHz
4 : 2 MHz
สภ
ข ้อที 120 :
ถ ้าหากต ้องการแบนด์วด ั ญาณทีสง่ ออกแคบทีสุด จะเลือกใชการมอดู
ิ ท์ (bandwidth) ของสญ ้ เลตเชงิ
ขนาดชนิดใด
1 : DSB-SC
2 : AM
3 : VSB
4 : SSB
ข ้อที 121 :
ในการมอดูเลตแบบ AM สําหรับวิทยุกระจายเสย
ี ง ถ ้าค่าดัชนีการมอดูเลตมีคา่ มากกว่า 1 จะเรียกว่าอะไร
1 : above modulation
2 : under modulation
3 : over modulation
4 : higher modulation
ข ้อที 122 :
ข ้อใดคือการมอดูเลตเอเอ็มแบบ DSB-SC
1 : durable sideband – super carrier
2 : double sideband – suppressed carrier
3 : double superband – single carrier
4 : double singleband – supply carrier
ข ้อที 123 :
ธิ
ข ้อใดคือการมอดูเลตเอเอ็มแบบ SSB
สท
1 : single sideband
ิ
2 : super sideband
3 : single subcarrier band
วน
4 : supply sideband
สง
ขอ
อ
รข
ข ้อที 124 :
ี งแบบ AM ทีใชงานในประเทศไทย
ระบบวิทยุกระจายเสย ้ มียา่ นความถีของคลืนพาห์อยูใ่ นย่านใด
1 : 120 kHz ถึง 2400 kHz
ก
2 : 200 kHz ถึง 3000 kHz
ิ ว
3 : 540 kHz ถึง 1600 kHz
าวศ
4 : 800 kHz ถึง 8000 kHz
สภ
ข ้อที 125 :
ี งแบบ AM ทีใชงานในประเทศไทย
ระบบวิทยุกระจายเสย ้ มีแบนด์วด
1 : 100 kHz
2 : 50 kHz
3 : 10 kHz
4 : 5 kHz
ข ้อที 126 :
ี ง เมือนํ าสญ
ั ญาณข่าวสารรูปไซน์ความถี 15 kHz มามอดู
เลตกับคลืนพาห์รป
ู ไซน์ทความถี
ี 1 MHz อยากทราบว่า สญ ั ญาณทีได ้จากการมอดูเลตนีมีแบนด์วด
ิ ท์
เท่าใด
1 : 15 kHz
2 : 30 kHz
3 : 1 MHz
4 : 1.05 MHz
ข ้อที 127 :
ั ญาณ SSB จะต ้องใชการดี
ในการดีมอดูเลตสญ ้ มอดูเลตแบบใด
1 : asynchronous demodulation
2 : coherent demodulation
3 : envelope demodulation
4 : amplitude demodulation
ข ้อที 128 :
ธิ
ั ญาณ AM จะต ้องใชการดี

การดีมอดูเลตสญ ้ มอดูเลตแบบใด
สท
1 : amplitude detector
ิ
2 : coherent detector
3 : synchronous detector
วน
4 : envelope detector
สง
ขอ
อ
รข
ข ้อที 129 :
้
การปรับวงจรมอดูเลตแบบ FM นัน จะใชวงจรอะไรต่
อเพิมเข ้าทีอินพุตของวงจรมอดูเลตแบบ FM
1 : differentiator
ก
2 : multiplier
ิ ว
3 : integrator
าวศ
4 : mixer
สภ
ข ้อที 130 :
ี งวิทยุแบบ FM นัน กําหนดให ้มีคา่ ความถีเบียงเบนสูงสุดเท่าใด
ในระบบกระจายเสย
1 : 15 kHz
2 : 50 kHz
3 : 75 kHz
4 : 100 kHz
ข ้อที 131 :
้
การปรับวงจรมอดูเลตแบบ PM ให ้เป็ นวงจรมอดูเลตแบบ FM นัน จะใชวงจรอะไรต่
อเพิมเข ้าทีอินพุตของ
วงจรมอดูเลตแบบ PM
1 : differentiator
2 : multiplier
3 : integrator
4 : mixer
ข ้อที 132 :
ั ญาณข่าวสารรูปไซน์ความถี 10 kHz มามอดูเลตแบบ FM กับคลืนพาห์รป
ถ ้าหากนํ าสญ ู ไซน์ทความถี
ี
500 MHz โดยมีคา่ ดัชนีการมอดูเลตเป็ น 10 อยากทราบว่าการมอดูเลต FM นี เป็ นชนิดใด
1 : wide band FM
2 : narrow band FM
3 : indirect FM
4 : direct FM
ข ้อที 133 :
ในการมอดูเลตแบบ FM วงจรทีทําหน ้าทียกขนาดของสญ ั ญาณข่าวสารในย่านความถีสูงให ้มากขึน เพือ
ธิ
ทําให ้ค่าอัตราสว่ นสญ

ั ญาณต่อสญ
ั ญาณรบกวนมีคา่ เท่ากันตลอดย่านความถีของสญ
ั ญาณข่าวสารนัน
สท
ื ยกว่าอะไร
มีชอเรี
ิ
1 : low-pass filter
วน
2 : multiplier
3 : pre-emphasis
4 : de-emphasis
สง
ขอ
อ
รข
ข ้อที 134 :
้
วงจรทีใชในการมอดู
เลตแบบ FM คือ ข ้อใด
ก
1 : band-pass filter
ิ ว
2 : multiplier
3
4
:
: าวศ
voltage-controlled oscillator
differentiator
สภ
ข ้อที 135 :
ในการมอดูเลต FM เกณฑ์ทใช ้
ี ในการจํ าแนกว่าเป็ น wide band FM หรือ narrow band FM คืออะไร
1 : ค่าความถีเบียงเบนสูงสุด
2 : ดัชนีการมอดูเลต
3 : ความถีของข่าวสาร
4 : ความถีของคลืนพาห์
ข ้อที 136 :
ในการมอดูเลตแบบ FM ถ ้าหากค่าดัชนีการมอดูเลตเป็ น 0.1 อยากทราบว่า การมอดูเลต FM นี เป็ นชนิด
ใด
1 : wide band FM
2 : narrow band FM
3 : indirect FM
4 : direct FM
ข ้อที 137 :
ั ญาณข่าวสารรูปไซน์ความถี 3 kHz มอดูเลตแบบ DSB-SC กับคลืนพาห์รป
ี 500
kHz อยากทราบว่า แถบความถี LSB จะเกิดขึนทีความถีใด
1 : 3 kHz
2 : 500 kHz
3 : 497 kHz
4 : 503 kHz
ธิ
ข ้อที 138 :
สท
ั ญาณข่าวสารรูปไซน์ความถี 4 kHz มามอดูเลตแบบ DSB-SC กับคลืนพาห์รป

ี
400 kHz อยากทราบว่า แถบความถี USB จะเกิดขึนทีความถีใด
ิ
1 : 400 kHz
วน
2 : 404 kHz
3 : 396 kHz
สง
4 : 4 kHz
ขอ
อ
ก รข
ข ้อที 139 :
ิ ว
การมอดูเลตแบบใดเป็ นการมอดูเลตเชงิ เสน้ (linear modulation)
าวศ
1 : DSB-SC
2 : FM
3 : PWM
สภ
4 : PCM
ข ้อที 140 :
ั ญาณ FM
วงจรใดเป็ นวงจรดีมอดูเลตสญ
1 : banpass filter
2 : multiplier
3 : voltage-controlled oscillator
4 : frequency discriminator
ข ้อที 141 :
่ งค์ประกอบพืนฐานของวงจร phase-locked loop
วงจรในข ้อใดไม่ใชอ
1 : high-pass filter
2 : phase detector
3 : voltage-controlled oscillator
4 : loop filter
ข ้อที 142 :
ั ญาณข่าวสารและคลืนพาห์ เมือผ่าน balance modulator จะเป็ นสญ
สญ ั ญาณแบบใด
1 : AM
2 : DSB-SC
3 : USB
4 : LSB
ธิ
ข ้อที 143 :
้
การมอดูเลตแบบใดทีใชแบนด์
วดิ ท์มากสุด
สท
1 : LSB
ิ
2 : USB
วน
3 : VSB
4 : DSB
สง
ขอ
อ
รข
ข ้อที 144 :
การดีมอดูเลตโดยใช ้ envelop detector เหมาะทีจะใชกั้ บสญ
ั ญาณแบบใด
ก
1 : SSB
2 : DSB
ิ ว
3 : VSB
าวศ
4 : AM
สภ
ข ้อที 145 :
ั ญาณแบบใด
การมอดูเลตแบบ phase shift method จะได ้สญ
1 : SSB
2 : DSB-SC
3 : VSB
4 : AM
ข ้อที 146 :
้ ออะไร
วงจร discriminator นํ าไปใชเพื
1 : มอดูเลตสญั ญาณ AM
2 : ดีมอดูเลตสญ ั ญาณ AM
3 : มอดูเลตสญ ั ญาณ FM
4 : ดีมอดูเลตสญ ั ญาณ FM
ข ้อที 147 :
้ ออะไร
วงจร voltage controlled oscillator นํ าไปใชเพื
ข ้อที 148 :
้ ออะไร
วงจร phase-locked loop นํ ามาใชเพื
ั ญาณ AM
ธิ
1 : มอดูเลตสญ
สท
ิ
วน
สง
ข ้อที 149 :
ขอ
อ
้ ออะไร
Armstrong method นํ ามาใชเพื
รข
ก
ิ ว
าวศ
สภ
ข ้อที 150 :
้ ยนสญ
วงจรชนิดใดทีใชเปลี ั ญาณ FM ให ้เป็ นสญ
ั ญาณ AM
1 : filter
2 : multiplier
3 : discriminator
4 : mixer
ข ้อที 151 :
ั ญาณ indirect FM สามารถจะสร ้างได ้จากวงจรอะไร
สญ
1 : mixer
2 : balanced modulator
3 : phase modulator
4 : phase locked loop
ข ้อที 152 :
ั ญาณเข ้าทีความถี 950 MHz ถ ้าต ้องการให ้ได ้ความถี IF เท่ากับ 70
ทีวงจร mixer ของเครืองรับ เมือมีสญ
MHz วงจร local oscillator (LO) จะมีความถีเท่าใด
1 : 140 MHz
2 : 540 MHz
3 : 880 MHz
4 : 900 MHz
ข ้อที 153 :
ั ญาณ vestigial sideband (VSB) ทีใชในระบบโทรทั
สญ ้ ั ญาณจากสว่ นใด
ศน์ เป็ นสญ
1 : lower sideband
2 : upper sideband
ธิ
3 : narrowband
สท
4 : wideband
ิ
วน
สง
ข ้อที 154 :
ั short wave จะใชการมอดู
ระบบวิทยุคลืนสน ้ เลตแบบใด
ขอ
อ
1 : SSB
รข
2 : AM
3 : FM
4 : PM
ก
ิ ว
าวศ
ข ้อที 155 :
สภ
ื
ระบบวิทยุสอสารแบบ ้
CB (citizen band) ย่านความถี 27 MHz ระบบแอนะล็อก (analog) ใชการมอดู
เลตแบบใด
1 : SSB
2 : DSB-SC
3 : AM
4 : FM
ข ้อที 156 :
ในการมอดูเลตแบบ FM ค่า Carson bandwidth มีคา่ เท่าใด เมือ ∆f เป็ นค่าความถีเบียงเบน และ fm
ั ญาณข่าวสาร
เป็ นค่าความถีของสญ
1 : 2fm
2 : 2∆f
3 : ∆f + fm
4 : 2(∆f + fm)
ข ้อที 157 :
การมอดูเลตแบบใดทีได ้แบนด์วด
ิ ท์ตําสุด
1 : SSB
2 : AM
3 : NBFM
4 : NBPM
ข ้อที 158 :
ั ญาณรบกวนได ้ดี
การมอดูเลตแบบใดต่อไปนีทีกําจัดสญ
1 : SSB
2 : DSB-SC
ธิ
3 : AM
สท
4 : FM
ิ
วน
สง
ข ้อที 159 :
้ กการอะไร
ระบบเครืองรับวิทยุแบบแอนะล็อก (analog) โดยทัวไปจะใชหลั
ขอ
อ
1 : phase locked loop
รข
2 : automatic frequency control
3 : superheterodyne
4 : super gain control
ก
ิ ว
ข ้อที 160 :
าวศ
สภ
สว่ นประกอบหลักทีสําคัญของระบบเครืองรับแบบ superheterodyne คืออะไร
1 : mixer
2 : detector
3 : amplifier
4 : coupler
ข ้อที 161 :
ในระบบเครืองรับวิทยุ IF คืออะไร
1 : impedance filter
2 : image frequency
3 : intermediate frequency
4 : information frequency
ข ้อที 162 :
ี 200
MHz ถ ้าต ้องการให ้ดัชนีการมอดูเลตมีคา่ เป็ น 10 อยากทราบว่า ความถีเบียงเบนต ้องมีคา่ เท่าใด
1 : 10 kHz
2 : 30 kHz
3 : 300 kHz
4 : 200 MHz
ข ้อที 163 :
ั ญาณข่าวสารรูปไซน์มามอดูเลตแบบ FM กับคลืนพาห์รป
ี 100 MHz ทําให ้เกิด
ความถีเบียงเบนสูงสุด 200 kHz และ ดัชนีการมอดูเลตเป็ น 10 อยากทราบว่า ความถีของสญั ญาณ
ข่าวสารมีคา่ เท่าใด
1 : 20 kHz
ธิ
2 : 200 kHz
สท
3 : 2 MHz
ิ
4 : 100 MHz
วน
สง
ข ้อที 164 :
ขอ
อ
ในวงจรมิกเซอร์ (mixer) ของเครืองรับหนึง ตัว local oscillator ผลิตสญั ญาณรูปไซน์ความถี 1000 MHz
รข
ั ญาณทีสง่ มาจากเครืองสง่ มีความถี 950 MHz อยากทราบ่า สญ
เมือสญ ั ญาณเงา (image signal) มี
ความถีเท่าใด
ก
1 : 2000 MHz
2 : 1950 MHz
ิ ว
3 : 1900 MHz
าวศ
4 : 1050 MHz
สภ
ข ้อที 165 :
ในวงจรมิกเซอร์ (mixer) ของเครืองรับหนึง มีตวั ออสซลิ เลเตอร์ท ้องถินผลิตสญั ญาณรูปไซน์ความถี 800
MHz เมือสญ ั ญาณทีสง่ มาจากเครืองสง่ มีความถี 900 MHz อยากทราบว่า สญ ั ญาณเงา (image signal)
มีความถีเท่าใด
1 : 100 MHz
2 : 700 MHz
3 : 1600 MHz
4 : 1700 MHz
ข ้อที 166 :
ี ง เมือมีกําลังเฉลียของสญ
ั ญาณ AM ทีสง่ ออกเป็ น 200
ั ญาณไซด์แบนด์เป็ น 40 kW อยากทราบว่า ดัชนีการมอดูเลตมีคา่ เท่าใด
kW และกําลังเฉลียของสญ
1 : 0.6
2 : 0.7
3 : 0.8
4 : 0.9
ข ้อที 167 :
ในการมอดูเลตแบบ AM สําหรับวิทยุกระจายเสยี ง เมือมีกําลังเฉลียของสญ
ั ญาณ AM ทีสง่ ออกเป็ น 100
ั ญาณคลืนพาห์เป็ น 75 kW ดัชนีของการมอดูเลตมีคา่ เท่าใด
kW และกําลังเฉลียของสญ
1 : 0.5
2 : 0.6
3 : 0.7
4 : 0.8
ธิ
สท
ข ้อที 168 :
ั
ในการมอดูเลตแบบ PM ความถีชวขณะจะมี
คา่ สูงสุดเกิดขึนเมือใด
ิ
1 : ค่าขนาดสูงสุดของสญ ั ญาณข่าวสาร
วน
2 : ค่าขนาดตําสุดของสญ ั ญาณข่าวสาร
3 : ั สูงสุดของสญ
ค่าความชน ั ญาณข่าวสาร
สง
4 : ค่าความชนั ตําสุดของสญ ั ญาณข่าวสาร
ขอ
อ
รข
ข ้อที 169 :
ก
ั
ในการมอดูเลตแบบ FM ความถีชวขณะจะมี
คา่ สูงสุดเกิดขึนเมือใด
ิ ว
าวศ
สภ
ข ้อที 170 :
ั
ในการมอดูเลตแบบ FM ความถีชวขณะจะมี
คา่ ตําสุดจะเกิดขึนเมือใด
ข ้อที 171 :
ั ญาณข่าวสารรูปคลืนไซน์ความถี 5 kHz มามอดูเลตแบบ FM กับคลืนพาห์รป
เมือนํ าสญ ู คลืนไซน์ทความถี
ี
ั
20 MHz ทําให ้เกิดความถีเบียงเบนสูงสุด 20 KHz อยากทราบว่า สญญาณทีได ้จากการมอดูเลตนีมีแบนด์
วิดท์ประมาณเท่าใด
1 : 5 kHz
2 : 20 kHz
3 : 25 kHz
4 : 50 kHz
ข ้อที 172 :
ึ สมการเป็ น
ในการมอดูเลตแบบ AM ซงมี
ั ญาณทีได ้จากการมอดูเลตนีมีแบนด์วด
อยากทราบว่าสญ ิ ท์ประมาณเท่าใด
1 : 50 Hz
2 : 100 Hz
3 : 200 Hz
4 : 4000 Hz
ธิ
สท
ิ
ข ้อที 173 :
วน
ในการมอดูเลตแบบ DSB-SC ซงมี
ั ญาณทีได ้จากการมอดูเลตนีมีแบนด์วด
อยากทราบว่า สญ ิ ท์ประมาณเท่าใด
สง
1 : 5000 Hz
2 : 600 Hz
ขอ
อ
3 : 300 Hz
รข
4 : 4700 Hz
ก
ิ ว
ข ้อที 174 :
าวศ ึ สมการเป็ น
ในการมอดูเลตแบบ DSB-SC ซงมี
สภ
ั ญาณทีได ้จากการมอดูเลตนีมีกําลังงานเฉลียเท่าใด ถ ้าสมมติวา่ โหลดมีคา่ 1 โอห์ม
1 : 5 วัตต์
2 : 10 วัตต์
3 : 15 วัตต์
4 : 25 วัตต์
ข ้อที 175 :
ั ญาณทีได ้จากการมอดูเลตนีมีกําลังงานเฉลียเท่าใด ถ ้าสมมติวา่ โหลดมีคา่ 1 โอห์ม

1 : 20 วัตต์
2 : 50 วัตต์
3 : 75 วัตต์
4 : 100 วัตต์
ข ้อที 176 :
้
เครืองมือทางคณิตศาสตร์อะไรทีใชในการวิ ั ญาณ FM
เคราะห์สญ
1 : Fourier series
2 : Taylor series
3 : Bessel function
4 : Gaussian function
ข ้อที 177 :
อยากทราบว่า สญั ญาณทีได ้จากการมอดูเลตนีมีกําลังเฉลียของสญ

ั ญาณไซด์แบนด์เท่าใด ถ ้าสมมติวา่
ธิ
โหลดมีคา่ 1 โอห์ม
สท
1 : 20 วัตต์
ิ
2 : 50 วัตต์
3 : 100 วัตต์
วน
4 : 200 วัตต์
สง
ขอ
อ
รข
ข ้อที 178 :
ั ญาณข่าวสารความถี 14 kHz เกิดความถีเบียงเบนสู
การมอดูเลตแบบ FM คลืนพาห์ความถี 50 MHz สญ
งุด 1.5 kHz จะมีแบนด์วด
ก
1 : 14 kHz
ิ ว
2 : 28 kHz
าวศ
3 : 31 kHz
4 : 36 kHz
สภ
ข ้อที 179 :
1 :
2 :
3 :
4 :
ข ้อที 180 :
1 :
2 :
3 :
4 :
ข ้อที 181 :
1 :
2 :
3 :
4 :
ธิ
สท
ิ
ข ้อที 182 :
วน
สง
1:
2:
3:
ขอ
อ
4:
รข
ก
ิ ว
าวศ
ข ้อที 183 :
สภ
1 :
2 :
3 :
4 :
ข ้อที 184 :
1 :
2 :
3 :
4 :
ข ้อที 185 :
1 : 90 kHz
2 : 120 kHz
3 : 150 kHz
4 : 180 kHz
ข ้อที 186 :
1 : 15 kHz
ธิ
2 : 30 kHz
สท
3 : 45 kHz
ิ
4 : 60 kHz
วน
สง
ข ้อที 187 :
ขอ
อ
ในการมอดูเลตแบบ FM ทีความถีคลืนพาห์ 850 MHz ทําให ้เกิดความถีเบียงเบนสูงสุด 50 kHz และดัชนี
รข
การมอดูเลต 2.0 นัน อยากทราบว่าจะมีแบนด์วด
1 : 100 kHz
ก
2 : 150 kHz
3 : 200 kHz
ิ ว
4 : 250 kHz
าวศ
สภ
ข ้อที 188 :
1 :
2 :
3 :
4 :
ข ้อที 189 :
1 :
2 :
3 :
4 :
ข ้อที 190 :
ั ญาณข่าวสารรูปไซน์ความถี 15 kHz มอดูเลต FM ชนิดแบนด์แคบกับคลืนพาห์รป
ี
ั
50 MHz อยากทราบว่า สญญาณทีได ้จากการมอดูเลตนีมีแบนด์วด ิ ท์ประมาณเท่าใด
1 : 15 kHz
2 : 30 kHz
3 : 50 MHz
4 : 100 MHz
ธิ
ข ้อที 191 :
สท

ี 27 MHz
ั ั
โดยดัชนีการมอดูเลตมีคา่ 10 อยากทราบว่า ตามกฎของคาร์สน (Carson’s rule) สญญาณทีได ้จากการ
ิ
มอดูเลตนีมีแบนด์วดิ ท์ประมาณเท่าใด
วน
1 : 6 kHz
2 : 30 kHz
สง
3 : 33 MHz
4 : 66 MHz
ขอ
อ
ก รข
ข ้อที 192 :
ิ ว
1
2
:
:
าวศ
สภ
3 :
4 :
ข ้อที 193 :
1 : 0.1
2 : 0.3
3 : 0.6
4 : 1.0
ข ้อที 194 :
ี 20 MHz
ทําให ้เกิดความถีเบียงเบนสูงสุด 10 kHz อยากทราบว่า ดัชนีการมอดูเลตมีคา่ เท่าใด
1 : 5
2 : 10
3 : 20
4 : 25
เ อหา ชา : 889 :
ข ้อที 195 :
ั ญาณ (signal power) กับกําลังของสญ
ปริมาณทีเปรียบเทียบระหว่างกําลังของสญ ั ญาณรบกวน (noise
ื
power) ในระบบสอสารเรี ยกว่าอะไร
1 : amplitude-to-noise ratio
ธิ
2 : signal-to-noise ratio
สท
3 : power-to-noise ratio
4 : loss-to-noise ratio
ิ
วน
สง
ข ้อที 196 :
ขอ
อ
ั ญาณมีคา่ เป็ น 2 เท่าของกําลังเฉลียของสญ
ถ ้ากําลังเฉลียของสญ ั ญาณรบกวน อยากทราบว่า มีคา่ SNR
รข
เท่าใด
1 : 3 dB
ก
2 : 30 dB
3 : -3 dB
ิ ว
4 : 30 dB
าวศ
สภ
ข ้อที 197 :
ื
ระบบสอสารที ดีควรมีคา่ SNR เท่าไร
1 : 0 dB
2 : 100 dB
3 : น ้อยทีสุดเท่าทีจะเป็ นได ้
4 : มากทีสุดเท่าทีจะเป็ นได ้
ข ้อที 198 :
ื
ระบบสอสารที ไม่มส ั ญาณรบกวนเลยมีคา่ noise figure เท่าใด
ี ญ
1 : 0 dB
2 : 1 dB
3 : -1 dB
4 : 100 dB
ข ้อที 199 :
ั ญาณรบกวนในระบบทีเรียกว่า thermal noise คือ สญ
สญ ั ญาณรบกวนทีมีสาเหตุจากข ้อใด
1 : inductance
2 : capacitance
3 : resistance
4 : diode
ข ้อที 200 :
ั ญาณรบกวนทีเรียกว่า atmospheric noise คือ สญ
สญ ั ญาณรบกวนทีมีสาเหตุจากข ้อใด
1 : ฟ้ าผ่า
2 : การทํางานของมอเตอร์
ธิ
3 : จุดดับของดวงอาทิตย์
สท
4 : รังสคี อสมิคจากนอกโลก
ิ
วน
สง
ข ้อที 201 :
ั ญาณรบกวนทีมีความหนาแน่นสเปกตรัมกําลังคงทีตลอดทุกค่าความถี มีชอเรี
สญ ื ยกว่าอะไร
ขอ
อ
1 : pink noise
รข
2 : cosmic noise
3 : white noise
4 : atmospheric noise
ก
ิ ว
าวศ
ข ้อที 202 :
สภ
ั ญาณมีคา่ เป็ นครึงหนึงของกําลังเฉลียของสญ
ถ ้ากําลังเฉลียของสญ ั ญาณรบกวน อยากทราบว่า มีคา่ SNR
เท่าใด
1 : 3 dB
2 : 2 dB
3 : -3 dB
4 : -2 dB
ข ้อที 203 :
่ มีผลทําให ้เกิดสญ
เมืออุณหภูมใิ นตัวต ้านทานเพิมขึนทําให ้พาหะในตัวนํ านีเคลือนทีแบบสุม ั ญาณรบกวน
แบบใด
1 : industrial noise
2 : cosmic noise
3 : thermal noise
ข ้อที 204 :
ั ญาณรบกวนทีเกิดจากดวงดาวในจักรวาล เรียกว่าอะไร
สญ
1 : industrial noise
2 : cosmic noise
3 : thermal noise
ข ้อที 205 :
ข ้อใดไม่ใชส่ ญ
ั ญาณรบกวนทีมักเกิดในอุปกรณ์อเิ ล็กทรอนิกสพ
์ วกสารกึงตัวนํ า
1 : comic noise
2 : shot noise
ธิ
3 : thermal noise
สท
4 : flicker noise
ิ
วน
สง
ข ้อที 206 :
ั ญาณรบกวนทีเกิดจากตัวต ้านทานในวงจรไฟฟ้ า เรียกว่าอะไร
สญ
ขอ
อ
1 : thermal noise
รข
2 : short noise
3 : flicker noise
4 : resistor noise
ก
ิ ว
ข ้อที 207 :
าวศ
สภ
ั ญาณรบกวนทีเกิดจากสารกึงตัวนํ าในวงจรไฟฟ้ า เรียกว่าอะไร
สญ
1 : thermal noise
2 : short noise
3 : flicker noise
4 : resistor noise
ข ้อที 208 :
ั ญาณรบกวนทีเกิดจากหลอดสุญญกาศ (vacuum tube) เรียกว่าอะไร
สญ
1 : thermal noise
2 : short noise
3 : flicker noise
4 : resistor noise
ข ้อที 209 :
กําลังงานสญ ั ญาณรบกวน thermal noise หาจากสูตรใด
1 : Pn = KT/B
2 : Pn = 4 RKTB
3 : Pn = KTB
4 : Pn = (KTB)1/2
ข ้อที 210 :
ค่า Boltzmann constant มีคา่ เท่าใด
1 : 1.38 x 10-13 J/K
2 : 1.30x 10-13 J/K
ธิ
3 : 1.80x 10-23 J/K

สท
4 : 1.38 x 10-23 J/K

ิ
วน
สง
ข ้อที 211 :
กําลังงานสญ ั ญาณรบกวน thermal noise เพิมขึนเนืองมาจาก
ขอ
อ
1 : อุณหภูมล ิ ดลง
รข
2 : อุณหภูมเิ พิมขึน
3 : แบนด์วด ิ ท์แคบลง
4 : ื
ความชนเพิ มขึน
ก
ิ ว
ข ้อที 212 :
าวศ
สภ
กําลังงานสญ ั ญาณรบกวน thermal noise เพิมขึนเนืองจาก
1 : อุณหภูมล ิ ดลง
2 : แบนด์วด ิ ท์ลดลง
3 : แบนด์วด ิ ท์เพิมขึน
4 : ื
ความชนเพิ มขึน
ข ้อที 213 :
ั ญาณรบกวนจากตัวต ้านทานทีหาได ้จากสูตร Vn2 = 4 RKTB เป็ นแรงดันแบบใด
แรงดันไฟฟ้ าของสญ
1 : peak
2 : peak-to-peak
3 : dc
4 : rms
ข ้อที 214 :
กําลังงานสญ ั ญาณรบกวนแบบ thermal noise จากสูตร Pn = kTB ค่าอุณหภูม ิ T มีหน่วยเป็ นอะไร
1 : Celsius
2 : Fahrenheit
3 : Kelvin
4 : Kelvin/volt
ข ้อที 215 :
กําลังงานสญ ั ญาณรบกวนแบบ thermal noise จากสูตร Pn = kTB ค่าแบนด์วด
ิ ท์ B มีหน่วยเป็ นอะไร
1 : Hz
2 : kHz
3 : MHz
ธิ
4 : GHz
สท
ิ
วน
สง
ข ้อที 216 :
ื
ในระบบสอสารแอนะล็ ั ญาณรบกวนมากทีสุด
อก การมอดูเลตแบบใดต่อไปนีเกิดสญ
ขอ
อ
1 : analog modulation
รข
3 : phase modulation
4 : pulse modulation
ก
ิ ว
าวศ
ข ้อที 217 :
สภ
ื
ในวงจรสอสาร ค่าอุณหภูมส ั ญาณรบกวนจะเพิมขึนจากสาเหตุใด
ิ ญ
1 : แบนด์วดิ ท์ลดลง
2 : แบนด์วด ิ ท์เพิมขึน
3 : ค่าการลดทอนลดลง
4 : ค่าการลดทอนเพิมขึน
ข ้อที 218 :
ื
ในการออกแบบระบบสอสาร ปกติจะใชค่้ าอุณหภูมห
ิ ้องเท่าใด
1 : 273 K
2 : 290 K
3 : 300 K
4 : 320 K
ข ้อที 219 :
ในระบบการสง่ สญั ญาณแบบ FM หนึงมีคา่ ความถีเบียงเบนสูงสุด 40 kHz เมือเครืองรับมีคา่ ความถีเบียง
เบนเนืองจากสญั ญาณรบกวนเป็ น 400 Hz อยากทราบว่า ค่า SNR ทีเอาต์พต ุ ของเครืองรับนีมีคา่ เท่าใด
1 : 40
2 : 400
3 : 100
4 : 0.01
ข ้อที 220 :
วงจรขยายชนิดหนึงมีคา่ SNR ทีอินพุตเป็ น 10 และค่า SNR ทีเอาต์พต
ุ เป็ น 5 อยากทราบว่า วงจรขยายนี
มีคา่ noise factor เท่าใด
1 : 15
2 : 50
ธิ
3 : 0.5
สท
4 : 2
ิ
วน
สง
ข ้อที 221 :
ขอ
อ
ในการดีมอดูเลตสญั ญาณ DSB-SC โดยใชเครื ้ องรับแบบสม ั พัทธ์ ถ ้าค่า SNR ทีอินพุตของเครืองรับมีคา่ 2
รข
เท่า อยากทราบว่า ทีเอาต์พต
ุ ของเครืองรับนีจะมีคา่ SNR เท่าใด
1 : 0.5 เท่า
ก
2 : 1 เท่า
3 : 2 เท่า
ิ ว
4 : 4 เท่า
าวศ
สภ
ข ้อที 222 :
ในการดีมอดูเลตสญั ญาณ SSB โดยใชเครื้ องรับแบบสม ั พัทธ์ ถ ้าค่า SNR ทีอินพุตของเครืองรับมีคา่ 0.5
เท่า อยากทราบว่า ทีเอาต์พต
1 : 0.5 เท่า
2 : 1 เท่า
3 : 2 เท่า
4 : 4 เท่า
ข ้อที 223 :
ั ญาณ AM ทีมีคา่ ประสท
ในการดีมอดูเลตสญ ิ ธิภาพการมอดูเลต 50% โดยใชเครื ้ องรับแบบสม ั พัทธ์ ถ ้าค่า
SNR ทีอินพุตของเครืองรับมีคา่ 1 เท่า อยากทราบว่า ทีเอาต์พต
1 : 0.5 เท่า
2 : 1 เท่า
3 : 2 เท่า
4 : 4 เท่า
ข ้อที 224 :
ในระบบเครืองรับมี S/N ขาเข ้า 35 dB และมี noise figure เท่ากับ 2 ระบบนีจะมี S/N ขาออกเท่าใด
1 : 32 dB
2 : 33 dB
3 : 37 dB
4 : 38 dB
ข ้อที 225 :
ระบบเครืองรับมี noise figure 3.5 dB จะมีคา่ อุณหภูมส ั ญาณรบกวนสม
ิ ญ ั พัทธ์ (equivalent
ธิ
noise temperature) ประมาณเท่าใด (To = 290 Kelvin)

สท
1 : 360 Kelvin
ิ
2 : 400 Kelvin
วน
3 : 560 Kelvin
4 : 725 Kelvin
สง
ขอ
อ
รข
ข ้อที 226 :
ระบบเครืองรับมีคา่ equivalent noise temperature เท่ากับ 320 Kelvin จะมีคา่ noise figure ประมาณ
เท่าใด (dB) (To = 290 Kelvin)
ก
ิ ว
1 : 3.00 dB
าวศ
2 : 3.23 dB
3 : 3.36 dB
4 : 3.76 dB
สภ
ข ้อที 227 :
วงจรขยายชนิดหนึงมีคา่ noise factor = 1.1 อยากทราบว่า อุณหภูมท
ิ เกิ ั ญาณรบกวนของวงจร
ี ดจากสญ
ขยายนีมีคา่ เท่าใด
1 : 0 K
2 : 1.1 K
3 : 29 K
4 : 290 K
ข ้อที 228 :
วงจรขยายชุดหนึงมีอณ
ุ หภูมส ั ญาณรบกวน 300 Kelvin และแบนด์วด
ิ ญ ั ญาณ
ิ ท์ 5 MHz จะเกิดกําลังสญ
รบกวนเท่าใด
1 : 0.02 µW
2 : 0.04 µW
3 : 0.02 nW
4 : 0.02 pW
ข ้อที 229 :
วงจรขยายชุดหนึง มีอณ
ุ หภูมส ั ญาณรบกวน 300 Kelvin เกิดกําลังสญ
ิ ญ ั ญาณรบกวน 0.1 pW จะมีแบนด์
วิดท์ของสญ ั ญาณรบกวนเท่าใด
1 : 12 MHz
2 : 24 MHz
3 : 36 MHz
4 : 45 MHz
ธิ
สท
ข ้อที 230 :
ิ
ั ญาณรบกวน 0.03 pW และมีแบนด์วด

วงจรขยายชุดหนึง มีกําลังสญ ิ ท์ 6 MHz จะมีอณ
ุ หภูมข ั ญาณ
ิ องสญ
รบกวนเท่าใด
วน
1 : 300 Kelvin
2 : 345 Kelvin
สง
3 : 356 Kelvin
4 : 362 Kelvin
ขอ
อ
รข
ก
ิ ว
ข ้อที 231 :
าวศ
ในระบบการสง่ สญ ั ญาณแบบ DSB-SC ทีมีเครืองรับแบบสม ั พัทธ์ เมือสญั ญาณทีสง่ ออกมีกําลังเฉลีย 500
kW และแบนด์วด ิ ท์ 20 kHz ในขณะทีสญ ั ญาณรบกวนแบบ white Gaussian มีคา่ PSD (power spectral
density) ชนิดด ้านเดียวเป็ น 0.1 W/Hz อยากทราบว่า ค่า SNR ของสญ ั ญาณต่อสญ ั ญาณรบกวนที
เอาต์พต ุ ของเครืองรับนีมีคา่ เท่าใด
สภ
1 : 0.1
2 : 20
3 : 50
4 : 500
ข ้อที 232 :
เมือสญ ั ญาณข่าวสารหนึงมีกําลังเฉลีย 10 kW และ แบนด์วด
ิ ท์ 1 kHz ในขณะทีสญ ั ญาณรบกวนแบบ
white Gaussian มีคา่ PSD (power spectral density) ชนิดสองด ้านเป็ น 0.2 W/Hz อยากทราบว่า ค่า
SNR ของสญ ั ญาณต่อสญั ญาณรบกวนนีมีคา่ เท่าใด
1 : 0
2 : 50
3 : 100
4 : 200
ข ้อที 233 :
ั ญาณข่าวสารทีถูกรบกวนด ้วยสญ
เมือนํ าสญ ั ญาณรบกวนทีมีแบนด์วด ิ ท์ 10 MHz ป้ อนเป็ นอินพุตให ้กับ
วงจรกรองความถีตําผ่านทีมีแบนด์วด
ิ ท์ 10 kHz ถ ้าค่า SNR ทีอินพุตของวงจรกรองนีมีคา่ 0.01 เท่า
อยากทราบว่าค่า SNR ทีเอาต์พตุ ของวงจรกรองจะมีคา่ เท่าใด
1 : 0.01 เท่า
2 : 1 เท่า
3 : 10 เท่า
4 : 100 เท่า
ข ้อที 234 :
ิ ท์ 2 เมกกะเฮริ ตซ ์ จะเกิด noise voltage
ตัวต ้านทาน 400 กิโลโอห์ม ทีอุณหภูม ิ 300 เคลวิน แบนด์วด
ประมาณเท่าใด
ธิ
1 : 110 µV
สท
2 : 115 µV
3 : 120 µV
ิ
4 : 125 µV
วน
สง
ขอ
อ
รข
ข ้อที 235 :
ตัวต ้านทานทีอุณหภูม ิ 300 Kelvin แบนด์วด
ิ ท์ 2 MHz ทําให ้เกิด rms noise voltage เท่ากับ 150 µV ตัว
ต ้านทานมีคา่ เท่าใด
ก
680x103
ิ ว
1 : ohm
าวศ
2 : 700x103 ohm
3 : 720x103 ohm
4 : 780x103 ohm
สภ
ข ้อที 236 :
ั ญาณ (signal power) เท่ากับ 35 µW ถ ้าระบบมีคา่ S/N เท่ากับ 30
ในระบบเครืองรับ ค่ากําลังของสญ
dB ระบบจะมีกําลังของสญ ั ญาณรบกวนเท่าใด
1 : 30 nW
2 : 35 nW
3 : 65 nW
4 : 70 nW
ข ้อที 237 :
ในระบบเครืองรับ มี S/N ขาเข ้า 38 dB และมี noise figure 5 dB ระบบนีจะมี S/N ขาออกเท่าใด
1 : 33 dB
2 : 40 dB
3 : 43 dB
4 : 45 dB
เ อหา ชา : 890 :
ข ้อที 238 :
รูปแบบของข ้อมูลดิจท
ิ ล ั ญาณทีมีระดับ -5 โวลต์ และข ้อมูลบิต 0 แทนด ้วย
ั ทีข ้อมูลบิต 1 แทนด ้วยสญ
สญั ญาณทีมีระดับ +5 โวลต์ สญ ั ญาณรูปแบบนีมีชอเรี
1 : unipolar NRZ
2 : bipolar RZ
3 : bipolar NRZ
4 : unipolar RZ
ธิ
สท
ิ
วน
ข ้อที 239 :
ิ ล
ั ทีข ้อมูลบิต 1 แทนด ้วยสญั ญาณทีมีระดับ 5 โวลต์ในครึงแรกของชว่ งเวลาของ
บิต 1 และระดับสญั ญาณ 0 โวลต์ในครึงหลังของชว่ งเวลาของบิต 1 และข ้อมูลบิต 0 แทนด ้วยสญ ั ญาณที
สง
่ ั ื
มีระดับ 0 โวลต์ตลอดชวงคาบเวลาของบิตนัน สญญาณรูปแบบนีมีชอเรียกว่าอะไร
1 : NRZ mark
ขอ
อ
2 : bipolar RZ
รข
3 : unipolar NRZ
4 : unipolar RZ
ก
ิ ว
าวศ
ข ้อที 240 :
รูปแบบของข ้อมูลดิจทิ ล ั ญาณทีมีระดับ 5 โวลต์ในครึงแรกของชว่ งเวลาของ
ั ทีข ้อมูลบิต 1 แทนด ้วยสญ
สภ
บิต 1 และเป็ น –5 โวลต์ในครึงหลังของชว่ งเวลาของบิต 1 และข ้อมูลบิต 0 แทนด ้วยสญั ญาณทีมีระดับ
่ ่
-5 โวลต์ในครึงแรกของชวงเวลาของบิต 0 และเป็ น 5 โวลต์ในครึงหลังของชวงเวลาของบิต 0 นัน
สญั ญาณรูปแบบนีมีชอเรี
1 : bipolar RZ
2 : Manchester
3 : bipolar NRZ
4 : NRZ mark
ข ้อที 241 :
รูปแบบของข ้อมูลดิจท ั แบบใดทีไม่เหมาะทีจะสง่ ผ่านชอ
ิ ล ่ งสญ
ั ญาณทีมีแบนด์วด
ิ ท์ไม่ครอบคลุมย่านไฟ
ตรง
1 : bipolar RZ
2 : Manchester
3 : unipolar NRZ
4 : Miller
ข ้อที 242 :
ในการสง่ ข ้อมูลดิจท
ิ ล
ั ไบนารีแบบ NRZ ทีมีอต ั ราเร็วในการสง่ ข ้อมูล 20 Mbps ตามกฎของฮาร์ทเลย์ ควร
ใชช้ อ
่ งสญ
ั ญาณทีมีแบนด์วด ิ ท์อย่างน ้อยเท่าใด
1 : 20 MHz
2 : 10 MHz
3 : 5 MHz
4 : 1 MHz
ข ้อที 243 :
การเข ้ารหัสข ้อมูลไบนารีแบบ ASCII ใน 1 ตัวอักษรจะใชกี้ บิต
ธิ
1 : 4 บิต
สท
2 : 7 บิต
3 : 8 บิต
ิ
4 : 16 บิต
วน
สง
ขอ
อ
รข
ข ้อที 244 :
การมอดูเลตสญ ั ญาณดิจท
ิ ล ั ญาณรูปไซน์ทมี
ั ไบนารีโดยข ้อมูลบิต 1 และบิต 0 แทนด ้วยสญ ี ความถีต่างกัน
2 ค่านัน มีชอเรี
ก
1 : PSK
ิ ว
2 : QAM
าวศ
3 : FSK
4 : ASK
สภ
ข ้อที 245 :
ิ ล ั ญาณรูปไซน์ทมี
ั ไบนารีโดยข ้อมูลบิต 1 และบิต 0 แทนด ้วยสญ ี คา่ เฟสต่างกัน
180 องศานัน มีชอเรี
1 : PSK
2 : QAM
3 : FSK
4 : ASK
ข ้อที 246 :
ในการมอดูเลตสญ ิ ล
ั แบบ QAM นัน คําย่อ QAM มาจากคําเต็มว่าอะไร
1 : quick amplitude modulation
2 : quality amplitude modulation
3 : quantity amplitude modulation
4 : quadrature amplitude modulation
ข ้อที 247 :
ิ ล ้ นพาห์หลายความถีคือข ้อใด
ั แบบแบนด์กว ้างทีใชคลื
1 : QPSK
2 : QAM
3 : FSK
4 : OFDM
ข ้อที 248 :
ธิ
สญ ิ ล
ั แบบ NRZ นัน คําย่อ NRZ มาจากคําเต็มว่าอะไร
สท
1 : none ratio zero

ิ
2 : nonreturn to zero
3 : nine return zero
วน
4 : nonreturn ratio zero

สง
ขอ
อ
รข
ข ้อที 249 :
อัตราเร็วในการสง่ ข ้อมูลดิจท
ิ ล ื ยกว่าอะไร
ั ทีมีหน่วยเป็ น บิตต่อวินาที มีชอเรี
1 : bit rate
ก
2 : baud rate
ิ ว
3 : data rate
าวศ
4 : digital rate
สภ
ข ้อที 250 :
อัตราการสง่ ข ้อมูลดิจท
ิ ล ั ลักษณ์ตอ
ั ทีมีหน่วยเป็ น จํานวนสญ ื ยกว่าอะไร
่ วินาที มีชอเรี
1 : bit rate
2 : baud rate
3 : data rate
4 : digital rate
ข ้อที 251 :
้
พอร์ต RS-232 ของเครืองคอมพิวเตอร์ใชการเข ั ญาณดิจท
้ารหัสสญ ิ ล
ั แบบใด
1 : bipolar RZ
2 : bipolar NRZ
3 : unipolar RZ
4 : unipolar NRZ
ข ้อที 252 :
ิ ล
ั ทีข ้อมูลบิต 1 แทนด ้วยสญั ญาณทีมีระดับ 5 โวลต์ และข ้อมูลบิต 0 แทนด ้วย
สญั ญาณทีมีระดับ 0 โวลต์ สญ ั ญาณรูปแบบนีมีชอเรี
1 : unipolar NRZ
2 : bipolar RZ
3 : bipolar NRZ
4 : unipolar RZ
ข ้อที 253 :
การสง่ สญั ญาณดิจท ั ในหนึงวินาทีสง่ ไป 10,000 บิต อยากทราบว่า อัตราเร็วในการสง่ ข ้อมูลมีคา่ เท่าใด
ิ ล
ธิ
1 : 1 kbps
สท
2 : 10 kbps
ิ
3 : 100 kbps
4 : 1 Mbps
วน
สง
ขอ
อ
รข
ข ้อที 254 :
ิ ล
ั แบบ FSK คําย่อ FSK มาจากคําเต็มว่าอะไร
ก
1 : frequency shift keying
2 : frequency scale keying
ิ ว
3 : full shift keying
าวศ
4 : full scale keying
สภ
ข ้อที 255 :
ิ ล
ั แบบ PSK คําย่อ PSK มาจากคําเต็มว่าอะไร
1 : pulse shift keying
2 : pulse scale keying
3 : phase shift keying
4 : phase scale keying
ข ้อที 256 :
ิ ล ั ญาณรูปไซน์ และบิต 0 แทนด ้วย
ั ไบนารีโดยข ้อมูลบิต 1 แทนด ้วยสญ
ั ญาณทีมีระดับ 0 โวลต์นัน มีชอเรี
สญ ื ยกว่าอะไร
1 : PSK
2 : QAM
3 : FSK
4 : ASK
ข ้อที 257 :
ิ ล
ั แบบ DPSK คําย่อ DPSK มาจากคําเต็มว่าอะไร
1 : differential pulse shift keying
2 : differential phase shift keying
3 : derivative pulse shift keying
4 : derivative phase shift keying
ข ้อที 258 :
่ งสญ
ความสามารถของชอ ั ญาณในการสง่ ผ่านข่าวสารได ้โดยไม่มข
ี ้อผิดพลาด เรียกว่าอะไร
ธิ
1 : แบนด์วด
ิ ท์ของชอ ่ งสญั ญาณ
สท
2 : ขนาดของชอ ่ งสญ ั ญาณ

ิ
3 : ความจุของชอ ่ งสญ ั ญาณ

4 : ความยาวของชองสญ ่ ั ญาณ
วน
สง
ขอ
อ
รข
ข ้อที 259 :
ถ ้าแบนด์วด ่ งสญ
ิ ท์ของชอ ั ญาณเป็ น 5 MHz ความจุของชอ
่ งสญ
ั ญาณตามกฎของฮาร์ทเลย์จะมีคา่ เท่าใด
ก
1 : 2.5 Mbps
2 : 5 Mbps
ิ ว
3 : 10 Mbps
าวศ
4 : 20 Mbps
สภ
ข ้อที 260 :
อุปกรณ์ทมีี ทงวงจรมอดู
ั ื ยกว่าอะไร
เลตและวงจรดีมอดูเลตนัน มีชอเรี
1 : CODEC
2 : MODEM
3 : MODDEM
4 : PCM
ข ้อที 261 :
ิ ลั ไบนารีแบบ NRZ ทีมีชว่ งเวลาของ 1 บิตของข ้อมูลเป็ น 1 ไมโครวินาที จะมี
อัตราเร็วในการสง่ ข ้อมูลมีคา่ เท่าใด
1 : 10 kbps
2 : 100 kbps
3 : 800 kbps
4 : 1 Mbps
ข ้อที 262 :
ในการสง่ สญั ญาณดิจท ิ ล
ั ด ้วยความเร็ว 10 Mbps มีความผิดพลาดจํานวน 10 บิตต่อวินาที อยากทราบว่า
ค่า BER (bit error rate) มีคา่ เท่าใด
1 : 1x106
2 : 10x106
3 : 1x10-6
4 : 10x10-6
ธิ
ข ้อที 263 :
สท
ในการสง่ ข ้อมูลดิจทิ ล
ั ไบนารีแบบ Manchester ทีมีอต ั ราเร็วในการสง่ ข ้อมูล 20 Mbps ตามกฎของฮาร์ท
เลย์ ควรใชช้ อ
่ งสญั ญาณทีมีแบนด์วด ิ ท์อย่างน ้อยเท่าใด
ิ
1 : 20 MHz
วน
2 : 10 MHz
3 : 5 MHz
สง
4 : 1 MHz
ขอ
อ
รข
ข ้อที 264 :
ก
ิ ล
ั ไบนารีแบบ RZ ทีมีอต ั ราเร็วในการสง่ ข ้อมูล 10 Mbps ตามกฎของฮาร์ทเลย์ ควรใช ้
่ งสญ ั ญาณทีมีแบนด์วด
ิ ว
ชอ ิ ท์อย่างน ้อยเท่าใด
าวศ
1 : 20 MHz
2 : 10 MHz
3 : 5 MHz
4 : 1 MHz
สภ
ข ้อที 265 :
ในการสง่ สญั ญาณดิจทิ ล
ั มีอต
ั ราบอดเป็ น 100 ตัวอักษร ถ ้าในแต่ละตัวอักษรมีการเข ้ารหัส 10 บิต อยาก
ทราบว่า อัตราเร็วในการสง่ ข ้อมูลมีคา่ เท่าใด
1 : 10 bps
2 : 100 bps
3 : 1 kbps
4 : 10 kbps
ข ้อที 266 :
ิ ล ั ลักษณ์ (symbol) จะใชกี้ บิต
ั ทีมีการมอดูเลตแบบ QPSK นัน แต่ละสญ
1 : 1 บิต
2 : 2 บิต
3 : 3 บิต
4 : 4 บิต
ข ้อที 267 :
ั ทีมีการมอดูเลตแบบ 8-PSK นัน แต่ละสญ
1 : 3 บิต
2 : 4 บิต
3 : 6 บิต
4 : 8 บิต
ธิ
ข ้อที 268 :
สท
ั ทีมีการมอดูเลตแบบ 16-QAM นัน แต่ละสญ
ิ
1 : 3 บิต
วน
2 : 4 บิต
3 : 6 บิต
4 : 8 บิต
สง
ขอ
อ
รข
เ อหา ชา : 891 :
ก
ิ ว
ข ้อที 269 :
าวศ
ั ญาณแอนะล็อกเบสแบนด์มค
ให ้สญ ี วามถีสูงสุดเท่ากับ 2000 เฮริ ตซ ์ ความถีในการสุม
่ (sampling) ตาม
หลักทฤษฎีของ Nyquist อย่างน ้อยทีสุดควรเป็ นเท่าไร
1 : 6000 เฮริ ตซ ์
สภ
2 : 8000 เฮริ ตซ ์
3 : 9000 เฮริ ตซ ์
4 : 4000 เฮริ ตซ ์
ข ้อที 270 :
ั ญาณ m(t) มีสมการเป็ น
สญ
จะมีคา่ ความถีเท่าไร
1 : 100 เฮริ ตซ ์
2 : 200 เฮริ ตซ ์
3 : 450 เฮริ ตซ ์
4 : 500 เฮริ ตซ ์
ข ้อที 271 :
สญ
จะมีความถีเท่าใร
1 : 500 เฮริ ตซ ์
2 : 1000 เฮริ ตซ ์
3 : 2000 เฮริ ตซ ์
4 : 4000 เฮริ ตซ ์
ข ้อที 272 :
สญ
จะมีมม
ุ เฟสเท่าใร
1 : 0 องศา
ธิ
2 : -90 องศา
สท
3 : 90 องศา
ิ
4 : 180 องศา
วน
สง
ข ้อที 273 :
ขอ
อ
สญ
รข
จะมีมม
ุ เฟสเท่าไร
ก
1 : 0 องศา
2 : 90 องศา
ิ ว
3 : 180 องศา
าวศ
4 : 360 องศา
สภ
ข ้อที 274 :
สญ
โวลต์
จะมี amplitude เท่าไร
1 : 2 โวลต์
2 : 20 โวลต์
3 : 200 โวลต์
4 : 2000 โวลต์
ข ้อที 275 :
สญ
โวลต์
จะมี amplitude เท่าไร
1 : 5 โวลต์
2 : 20 โวลต์
3 : 200 โวลต์
4 : 2000 โวลต์
ข ้อที 276 :
สญ
่ ตามทฤษฎีของ Nyquist
ข ้อใดคือความถีของการสุม
1 : 50 เฮริ ตซ ์
2 : 100 เฮริ ตซ ์
3 : 200 เฮริ ตซ ์
4 : 400 เฮริ ตซ ์
ธิ
สท
ิ
ข ้อที 277 :
วน

สญ
สง
ข ้อใดคือ Nyquist interval

1 : 0.01 วินาที
ขอ
อ
รข
3 : 50 เฮริ ตซ ์
4 : 100 เฮริ ตซ ์
ก
ิ ว
ข ้อที 278 :าวศ
สญ
สภ
่ ตามทฤษฎีของ Nyquist
ข ้อใดคือความถีของการสุม
1 : 50 เฮริ ตซ ์
2 : 100 เฮริ ตซ ์
3 : 200 เฮริ ตซ ์
4 : 400 เฮริ ตซ ์
ข ้อที 279 :
สญ
ข ้อใดคือ Nyquist interval

3 : 10 เฮริ ตซ ์
4 : 100 เฮริ ตซ ์
ข ้อที 280 :
ระบบ PCM สญ ั ญาณอินพุตมีแบนด์วด ่ สญ
ิ ท์ 4 kHz อัตราสุม ั ญาณ 6 kHz ใชการเข
้ ้ารหัสแบบ 8
bit/sample ข ้อใดกล่าวถูกต ้อง
1 : ระบบสามารถถอดรหัสได ้โดยไม่มค ี วามผิดเพียน
2 : ระบบเกิด aliasing
3 : ระบบเกิด slope overload distortion
4 : ระบบไม่ม ี quantization distortion
ข ้อที 281 :
่ สญ
ระบบใดไม่เกียวข ้องกับการสุม ั ญาณ
ธิ
1 : pulse amplitude modulation

สท
2 : pulse code modulation

3 : delta modulation
ิ
วน
สง
ขอ
อ
รข
ข ้อที 282 :
ข ้อใดต่อไปนีเกิดเอเลียสซงิ (aliasing)
ก
1 : ่ สญ
สุม ั ญาณไซน์ความถีสูงสุด 10 กิโลเฮริ ตซ ์ ด ้วยความถีสุม่ 20 กิโลเฮริ ตซ ์
2 : สุม่ สญ ั ญาณไซน์ความถี 2 กิโลเฮริ ตซ ์ ด ้วยความถีสุม
่ 6 กิโลเฮริ ตซ ์
ิ ว
3 : สุม ่ สญ ั ญาณสเหลี
ี ยมความถี 3 กิโลเฮริ ตซ ์ ด ้วยความถีสุม
่ 6 กิโลเฮริ ตซ ์
าวศ
4 : ไม่มข ี ้อใดเกิดเอเลียสซงิ (aliasing)
สภ
ข ้อที 283 :
กําหนดให ้สญ ั ญาณแอนะล็อก x(t) มีแบนด์วด ิ ท์จํากัด (band-limited signal) โดยมี f เป็ นความถีมากสุด
ั ่
ของสญญาณ x(t) ข ้อใดคือความถีในการสุมน ้อยสุดของสญ ั ญาณ x(t) เพือจะไม่ให ้เกิดการสูญเสย ี ข ้อมูล
หรือทีเรียกกันว่า เอเลียสซงิ (aliasing)
1 : f/4
2 : f/2
3 : f
4 : 2f
ข ้อที 284 :
ในการสุม ่ สญ
ั ญาณเสย
ี งตามมาตรฐานโทรศพ
ั ท์ ใชความถี
้ เท่าไร
1 : 4 กิโลเฮริ ตซ ์
ข ้อที 285 :
ในการสง่ สญั ญาณแอนะล็อก (analog) โดยเริมจากการแปลงจากสญ ั ญาณแอนะล็อกเป็ นสญ ั ญาณดิส
ครีต (discrete ) ด ้วยความถี 3 เฮริ ตซใ์ นการสุม
่ (sampling) หากต ้องการสง่ สญ
ั ญาณนีเป็ นเวลา 3 วินาที
จะได ้สญั ญาณดิสครีตทังหมดกีค่า
1 : 3 ค่า
2 : 6 ค่า
3 : 9 ค่า
4 : 27 ค่า
ธิ
สท
ข ้อที 286 :
สญ
ิ
วน
่ ด ้วยอัตราสุม
ถ ้าถูกสุม ่ 800 เฮริ ตซ ์ และสญ
ั ญาณทีถูกสุม
่ ถูกสง่ ผ่านวงจรกรองผ่านความถีตําทีมี cutoff
frequency 400 เฮริ ตซ ์ สญ ั ญาณทีออกจากวงจรกรองผ่านความถีตําจะมีความถีเป็ นเท่าใด (สมมุตก ่
ิ ารสุม
สง
เป็ นแบบอุดมคติ)
1 : 350 เฮริ ตซ ์
ขอ
อ
2 : 400 เฮริ ตซ ์
รข
3 : 450 เฮริ ตซ ์
4 : 550 เฮริ ตซ ์
ก
ิ ว
ข ้อที 287 :าวศ ั ญาณ sampling
เมือ fm เป็ นความถีสูงสุดของเบสแบนด์ (baseband) และ fs เป็ นความถีของสญ
สภ
เงือนไขใดทีทําให ้เกิดเอเลียสซงิ (aliasing)
1 : fm=0.5fs
2 : fm=fs
3 : fm=1.5fs
4 : fm=2fs
ข ้อที 288 :
ในการป้ องกันการเกิดเอเลียสซงิ (aliasing) จะใช ้ anti-aliasing filter เป็ นแบบใด
1 : low pass filter
2 : high pass filter
3 : notch filter
4 : band stop filter
ข ้อที 289 :
ั ญาณ baseband มีความถีสูงสุด 15 กิโลเฮริ ตซ ์ ความถีในการสุม
สญ ่ 40 กิโลเฮริ ตซ ์ แปลงเป็ นสญ
ั ญาณ
PCM ใช ้ 12 บิต ต่อ หนึงตัวอย่าง (12 bits per sample) จะมีอต
ั ราบิตข ้อมูล (bit rate) เท่าไร
1 : 360 kbps
2 : 480 kbps
3 : 960 kbps
4 : 1200 kbps
ข ้อที 290 :
การสร ้างสญั ญาณ PCM มีขนตอนเรี
ั ยงตามลําดับอย่างไร
เมือ S/H หมายถึง sample and hold
A/D หมายถึง analogue-to-digital
ธิ
P/S หมายถึง parallel to serial

สท
S/P หมายถึง serial to parallel

D/A หมายถึง digital-to-analogue
ิ
LPF หมายถึง low pass filter

วน
1 : LPF+S/H+P/S
2 : S/H+A/D+P/S
สง
3 : S/H+A/D+S/P
4 : S/H+D/A+P/S
ขอ
อ
รข
ก
ิ ว
ข ้อที 291 :
าวศ
การนํ าสญั ญาณ baseband เดิมจากสญ ั ญาณ PCM มีขนตอนเรี
ั ยงตามลําดับอย่างไร
เมือ S/H หมายถึง sample and hold
A/D หมายถึง analogue-to-digital
P/S หมายถึง parallel to serial
สภ
S/P หมายถึง serial to parallel
D/A หมายถึง digital-to-analogue
LPF หมายถึง low pass filter
1 : S/H+D/A+P/S
2 : S/H+A/D+S/P
3 : S/P+A/D+LPF
4 : S/P+D/A+LPF
ข ้อที 292 :
กระบวนการ quantization อยูใ่ นขันตอนใดของระบบ PCM
1 : sample and hold
2 : analog to digital
3 : digital to analog
4 : parallel to serial
ข ้อที 293 :
สญ
่ ด ้วยอัตราสุม
ถ ้าถูกสุม ่ 900 เฮริ ตซ ์ และสญ
ั ญาณทีถูกสุม
่ ถูกสง่ ผ่านวงจรกรองผ่านความถีตําทีมี cutoff
ิ ์ ั
frequency 600 เฮรตซ สญญาณทีออกจากวงจรกรองผ่านความถีตําจะมีความถีเป็ นเท่าใด
(สมมุตก ิ ารสุม ่ เป็ นแบบอุดมคติ)
1 : 300 เฮริ ตซ ์
2 : 400 เฮริ ตซ ์
3 : 450 เฮริ ตซ ์
4 : 900 เฮริ ตซ ์
ธิ
ข ้อที 294 :
ในการสง่ สญั ญาณแอนะล็อก (analog) โดยเริมจากการแปลงจากสญ ั ญาณแอนะล็อกเป็ นสญ ั ญาณดิส
สท
ครีตด ้วยความถี 10 กิโลเฮริ ตซ ์ หากจํานวนของระดับควอนไทซท

์ ใช ้ ากับ 256 อัตราบิตทีได ้จะมีคา่
ี เท่
ิ
เท่าใด
วน
1 : 60 กิโลบิตต่อวินาที
สง
ขอ
อ
รข
เ อหา ชา : 892 :
ก
ิ ว
ข ้อที 295 :
าวศ
ื มของ DM
ข ้อใดเป็ นชอเต็
1 : digital modulation
สภ
2 : delta modulation
3 : delta modulo
4 : data modulation
ข ้อที 296 :
ื มของ PAM
1 : phase amplitude modulation
2 : pulse asynchronous modulation
3 : pulse amplitude modulation
4 : periodic amplitude modulation
ข ้อที 297 :
ื มของ PCM
1 : pulse control multiplexing
2 : pulse control modulation
3 : pulse code modulation
4 : phase code modulation
ข ้อที 298 :
ื มของ DPCM
1 : delta pulse code modulation
2 : differential pulse code modulation
3 : direct pulse code modulation
4 : direct pulse control modulation
ธิ
สท
ิ
ข ้อที 299 :
ื มของ LPC
วน
1 : linear predictive code

2 : linear phase control
สง
3 : linear phase code

4 : linear predictive control
ขอ
อ
รข
ก
ิ ว
ข ้อที 300 :
าวศ
ั ญาณแอนะล็อกเดิมกลับคืนมาจากการมอดูเลตแบบ PAM นันต ้องใชตั้ วกรองแบบใด
การทีจะนํ าเอาสญ
1 : lowpass filter
2 : highpass filter
สภ
3 : allpass filter
4 : bandpass filter
ข ้อที 301 :
การเปลียนแอมปลิจด ั ญาณจาก pulse amplitude modulation ไปเป็ นค่าตัวเลขตามเวลาเรียกว่า
ู ของสญ
1 : sampling
2 : quantizing
3 : companding
4 : modulating
ข ้อที 302 :
ั ญาณมีความถีสูงสุด 3.4 kHz ถ ้าต ้องการเข ้ารหัสแบบ PCM ทีใชอั้ ตราสุม
สญ ่ 8 kHz และเข ้ารหัสด ้วย 16
่
บิต ข ้อใดเป็ นอัตราบิตของการสงข ้อมูล
1 : 40 kbps
2 : 48 kbps
3 : 64 kbps
4 : 128 kbps
ข ้อที 303 :
่
บิต ข ้อใดเป็ นอัตราบิตการสงข ้อมูล
1 : 8 kbps
2 : 40 kbps
3 : 48 kbps
4 : 64 kbps
ธิ
สท
ิ
ข ้อที 304 :
่ 8 kHz และเข ้ารหัสด ้วย 7
วน
สญ
บิต ข ้อใดเป็ นอัตราบิตการสง่ ข ้อมูลทีถูกต ้อง
สง
1 : 40 kbps
2 : 48 kbps
3 : 56 kbps
ขอ
อ
4 : 64 kbps
รข
ก
ิ ว
าวศ
ข ้อที 305 :
บิต ข ้อใดเป็ นอัตราบิตการสง่ ข ้อมูลทีถูกต ้อง
สภ
1 : 40 kbps
2 : 48 kbps
3 : 56 kbps
4 : 64 kbps
ข ้อที 306 :
จากตารางการเข ้ารหัสเพือเปลียนสญ ั ญาณแอนะล็อกเป็ นดิจท
ิ ล ั ญาณแอนะล็อกมีขนาด 0.7 โวลต์
ั ถ ้าสญ
ข ้อมูลดิจท
ิ ล
ั เอาต์พต
ุ เท่ากับข ้อใด
1 : 00
2 : 01
3 : 10
4 : 11
ข ้อที 307 :
ิ ล
1 : 00
ธิ
2 : 01
3 : 10
สท
4 : 11
ิ
วน
สง
ข ้อที 308 :
ขอ
อ
รข
ิ ล
ก
ิ ว
1 :
าวศ
00
สภ
2 : 01
3 : 10
4 : 11
ข ้อที 309 :
ทําไมต ้องการมีการ modulation ข ้อมูลดิจท
ิ ล
ั
1 : ั ญาณเหมาะสมกับชอ
เพือทําให ้สญ ่ งสญ
ั ญาณ
2 : เพือให ้สามารถสง่ ข ้อมูลได ้เร็วขึน
3 : เพือให ้ไม่สามารถดักฟั งได ้
4 : เพือไม่ให ้สามารถเปลียนแปลงโดยผู ้หวังดีได ้
ข ้อที 310 :
ทําไมต ้องการมีการ encryption ข ้อมูลดิจท
ิ ล
ั
1 : เพือทําให ้สญั ญาณเหมาะสมกับชอ ่ งสญ
ั ญาณ
2 : เพือให ้สามารถสง่ ข ้อมูลได ้เร็วขึน
3 : เพือให ้ไม่สามารถดักจับดูข ้อมูลได ้
4 : เพือให ้สง่ ได ้ไกลขึน
ข ้อที 311 :
้ าหน ้าทีอะไร
Anti-aliasing filter ใชทํ
1 : ั ญาณ sampling
กรองสญ
2 : กรองสญั ญาณข่าวสาร
3 : กรองสญ ั ญาณคลืนพาห์
4 : กรองสญ ิ
ั ญาณนาฬกา
ธิ
สท
ิ
ข ้อที 312 :
ื
ระบบสอสารในประเทศไทย การมัลติเพล็กซใ์ น 1 เฟรม นันมีจํานวนชอ
่ ง (channel) เท่าใด
วน
1 : 12 channels
2 : 24 channels
สง
3 : 32 channels
4 : 64 channels
ขอ
อ
รข
ก
ิ ว
ข ้อที 313 :
าวศ
ื
ระบบสอสารในประเทศไทย การมัลติเพล็กซใ์ น 1 เฟรม นันมีแบนด์วด
1 : 1.5 MHz
2 : 2.0 MHz
สภ
3 : 2.4 MHz
4 : 3.0 MHz
ข ้อที 314 :
การแก ้ไขความผิดพลาดในกระบวนการ quantizing ของระบบ PCM มีวธิ ก
ี ารอย่างไร
1 : companding
2 : aliasing
3 : coding
4 : sampling
ข ้อที 315 :
ระบบ DM มีข ้อดีกว่าระบบ PCM อย่างไร
1 : ความถี sampling ลดลง
2 : สญ ั ญาณรบกวนลดลง
3 : แบนด์วด ิ ท์ลดลง
4 : ป้ องกันการเกิด aliasing
ข ้อที 316 :
้
การมอดูเลตแบบใดทีต ้องใชการเข ้ารหัส
1 : PAM
2 : PWM
3 : PPM
4 : PCM
ธิ
ข ้อที 317 :
สท
ในการสง่ สญั ญาณแอนะล็อกโดยเริมจากการแปลงจากสญ ั ญาณแอนะล็อกเป็ นสญ ั ญาณดิสครีตด ้วย

ิ
ความถี 8 กิโลเฮริ ตซ ์ ถ ้าจํานวนของระดับควอนไทซท

์ ใช ้ ากับ 256 ค่าอัตราบิต (bit rate) ทีได ้มีคา่
ี เท่
วน
เท่าใด
สง
ขอ
อ
รข
ก
ิ ว
ข ้อที 318 :
าวศ
เมือต ้องการสง่ สญ
ั ญาณโทรทัศน์ทมี ั ราบิตสง่ ออก
ี แถบความถี 8 MHz ทีเข ้ารหัสแบบ PCM 8 บิต จะมีอต
เท่าใด
1 : 8 เมกกะบิตต่อวินาที
สภ
ข ้อที 319 :
้
การซอนทั บของสญั ญาณจากการแซมปลิง (sampling) ทําให ้ไม่สามารถนํ าเอาสญ
ั ญาณดังเดิมกลับคืน
มาได ้นัน เกิดจากอะไร
1 : ออสซลิ เลเตอร์ไม่ด ี
2 : การกรองสญ ั ญาณไม่ด ี
3 : การขยายสญ ั ญาณไม่ด ี
4 : การควอนไตซไ์ ม่ด ี
ข ้อที 320 :
้
ระบบ PCM ทีใชในระบบส ื
อสารของประเทศไทย ้
A/D ใชแบบใด
1 : A-law
2 : D-law
3 : u-law
4 : q-law
ข ้อที 321 :
การเกิด aliasing ในกระบวนการ sampling นัน มาจากสาเหตุใด เมือ fs เป็ น sampling frequency และ
fN เป็ น Nyquist frequency
1 : fs < fN
2 : fs = fN
3 : fs > fN
ธิ
4 : fs >> fN
สท
ิ
วน
ข ้อที 322 :
สง
ิ ท์ (B) เท่าใด เมือ fN เป็ น Nyquist frequency

Anti-aliasing filter ควรมีแบนด์วด
ขอ
อ
1 : B = fN
รข
2 : B = 2fN
3 : B > fN
ก
4 : B < fN/2
ิ ว
าวศ
สภ
ข ้อที 323 :
วิธก ่ งสญ
ี าร time division multiplex ทีรวบรวมเอาชอ ั ญาณเสย
ี งโทรศพ
ั ท์ PCM 8 บิต จํานวน 30 ชอ
่ ง
ั ่ ้
สญญาณมาทําการสงนัน จะต ้องใชอัตราบิตเท่าใด
1 : 1.5 เมกกะบิตต่อวินาที
ข ้อที 324 :
จากรูปข ้างล่าง ถ ้าการเป็ นการแปลงสญ ั ด ้วย PCM แล ้วสง่ จากภาคสง่ ไปยังภาครับ สญ
ิ ล ั ญาณ
ก่อนสง่ ผ่าน smoothing filter ทีภาครับมีความแตกต่างกับสญ ั ญาณทีภาคสง่ เนืองจากอะไร (สมมุตก ิ าร
ื
สอสารดิ จทิ ล
ั ไม่มก
ี ารสูญเสยี )
1 : quantization error
2 : over sampling
3 : aliasing
4 : over flow
ข ้อที 325 :
จากรูปข ้างล่าง ถ ้าการเป็ นการแปลงสญ ั ญาณดิจท ั ด ้วย PCM แล ้วสง่ จากภาคสง่ ไปยังภาครับ สญ
ิ ล ั ญาณ
่ ั
ก่อนสงผ่าน smoothing filter ทีภาครับมีความแตกต่างกับสญญาณทีภาคสง จะวิธก ่ ี ารแก ้ไขได ้อย่างไร
(สมมุตก ื
ิ ารสอสารดิ จต
ิ อลไม่มก ี )
ี ารสูญเสย
ธิ
สท
ิ
วน
สง
1 : เพิมจํานวนบิตของการแปลงแอนะล็อกเป็ นดิจท
ิ ล
ั
ขอ
อ
2 : เพิมอัตราสุม่
รข
3 : เพิมความเร็วการสง่ ข ้อมูล
4 : ทําการเข ้ารหัสลับข ้อมูล
ก
ิ ว
าวศ
ข ้อที 326 :
จากรูปข ้างล่าง ถ ้าใชอั้ ตราสุม
่ เท่ากับ 0.5 kHz ข ้อมูลทีได ้จากการแปลงข ้อมูลจากสญ
ั ญาณแอนะล็อกเป็ น
สภ
ิ ล
ั คือข ้อใด
ั ญาณแอนะล็อกเป็ นสญ
ตารางการแปลงสญ ั ญาณดิจท
ิ ล
ั
1 : 01101110
2 : 10101110
3 : 11101110
4 : 01101111
ข ้อที 327 :
่ เท่ากับ 0.25 kHz ข ้อมูลทีได ้จากการแปลงข ้อมูลจากสญ
ั ญาณแอนะล็อก
เป็ นข ้อมูลดิจท
ิ ล
ธิ
สท
ิ
วน
สง
ขอ
อ
ิ ล
ั
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
1 : 0111
2 : 1010
3 : 1110
4 : 0110
ข ้อที 328 :
่ เท่ากับ 1 kHz ข ้อมูลทีได ้จากการแปลงข ้อมูลจากสญ
ั ญาณแอนะล็อกเป็ น
ิ ล
ิ ล
ั
1 : 0101 1010 1111 10

ธิ
2 : 0101 1010 0010 10

สท
3 : 0101 1010 0011 10

4 : 0101 1010 1100 10
ิ
วน
สง
ข ้อที 329 :
ขอ
อ
ในระบบ PCM นัน ถ ้าทํา quantizing ด ้วยสญ ิ ล
ั ขนาด 8 บิต จะมีคา่ (S/N)Q เท่าใด
รข
1 : 20 dB
2 : 24 dB
ก
3 : 36 dB
ิ ว
4 : 48 dB
าวศ
สภ
เ อหา ชา : 893 :
ข ้อที 330 :
ี ารทีทําให ้สามารถสง่ สญ
ข ้อใดคือวิธก ั ญาณหลายๆชุดไปในชอ
่ งสอสารเพี
ื ่ งเดียวได ้โดยไม่รบกวนซงึ
ยงชอ
กันและกัน
1 : modulation
2 : multiplexing
3 : quantization
4 : sampling
ข ้อที 331 :
อใด อการ ล เพลก ญญาณหลายๆ ดมามอ เลต บค นพา ความ แตก าง น เ อ
ใ แถบความ ของ ญญาณเห า อ คนละ านความ ไ เห อม บ น
1 : TDM
2 : FDM
3 : CDM
4 : SDM
ข ้อที 332 :
อใด อการ ล เพลก หนดใ แ ละ ญญาณ วงเวลา แตก าง นในการ ง าน อง อสาร
1 : TDM
2 : FDM
3 : CDM
4 : SDM
ธิ
ข ้อที 333 :
สท
ั ญาณ pilot ในระบบ FM stereo multiplex มีคา่ ความถีเท่าใด

สญ
ิ
1 : 15 kHz
วน
2 : 19 kHz
3 : 38 kHz
4 : 53 kHz
สง
ขอ
อ
รข
ข ้อที 334 :
์ บบสเตอริโอ (stereo multiplex) โดยทัวไปใชส้ ําหรับสง่ ข ้อมูลกีชุด
ก
การมัลติเพลกซแ
ิ ว
1 : 1 ชุด
าวศ
2 : 2 ชุด
3 : 4 ชุด
4 : 6 ชุด
สภ
ข ้อที 335 :
ข ้อใด คือลักษณะของ OFDM
1 : คลืนพาห์ยอ
่ ยมีสเปกตรัมไม่เหลือมกันแต่มค ี ณุ สมบัตก ิ ารขนานกัน
2 : คลืนพาห์ยอ่ ยมีสเปกตรัมเหลือมกันและมีคณ ุ สมบัตก ิ ารขนานกัน
3 : คลืนพาห์ยอ ่ ยมีสเปกตรัมไม่เหลือมกันแต่มค ี ณุ สมบัตก ิ ารตังฉากกัน
4 : คลืนพาห์ยอ ่ ยมีสเปกตรัมเหลือมกันและมีคณุ สมบัตก ิ ารตังฉากกัน
ข ้อที 336 :
ื
ระบบสอสารไร ้
้สาย 4 G ใชการมั ์ บบใด
ลติเพลกซแ
1 : 4G-PM
2 : MIMO
3 : WDM
4 : OFDM
ข ้อที 337 :
ื
MUX ในระบบสอสารคื
ออะไร
1 : multiplexer
2 : multiplier
3 : mixer unit exchanger
4 : multiple exchanger
ข ้อที 338 :
ื
OFDM ในระบบสอสาร คือข ้อใด
ธิ
1 : orthodonal frequency division multiplexing

สท
2 : orthogonal frequency division multiplexing

ิ
3 : optical fiber delay-mode multiplexing

วน
4 : optical fiber delay-time multiplexing
สง
ขอ
อ
ข ้อที 339 :
รข
์ นํ
ข ้อใดคือการมัลติเพลกซท ั ญาณทีมีความยาวคลืนต่างกันมารวมกันแล ้วสง่ ในระบบสอสารผ่
ี าส ญ ื าน
้
เสนใยนํ าแสง
ก
1 : TDM
2 : FDM
ิ ว
3 : CDM
าวศ
4 : WDM
สภ
ข ้อที 340 :
ในการมัลติเพลกซน ์ ันจะนํ าสญ
ั ญาณข ้อมูลหลายๆชุดมามัลติเพลกซก ์ น
ั ทีสถานีสง่ เมือสญ
ั ญาณเหล่านีสง่
ผ่านตัวกลางไปยังสถานีรับแล ้วจะมีอป ุ กรณ์ททํ ั ญาณเหล่านีกลับคืนมาให ้สอดคล ้อง
ี าให ้เกิดการแยกสญ
กับสถานีต ้นทาง อุปกรณ์ดงั กล่าวนีมีชอเรี
1 : modulator
2 : demodulator
3 : decoder
4 : demultiplexer
ข ้อที 341 :
์ บบแบ่งความยาวคลืนมีชอย่
การมัลติเพลกซแ ื อว่าอะไร
1 : WDM
2 : TDM
3 : FDM
4 : OFDM
ข ้อที 342 :
้ อการมัลติเพลกซส
ข ้อใดต่อไปนี ไม่ใชเพื ์ ญ
ั ญาณในระบบสอสาร
ื
1 : เวลา (time)
2 : ความยาวคลืน (wavelength)
3 : โพลาไรซ ์ (polarize)
4 : แอมปลิจด ู (amplitude)
ข ้อที 343 :
ธิ
้ อการมัลติเพลกซส
ข ้อใดต่อไปนี ใชเพื ์ ญ
ั ญาณในระบบสอสาร
ื
สท
1 : แอมปลิจด ู (amplitude)
ิ
2 : โพลาไรซ ์ (polarize)
3 : วงรอบ (cycle)
วน
4 : ความเร็ว (speed)
สง
ขอ
อ
รข
ข ้อที 344 :
์ บบการจัดโพลาไรซ ์ (polarize) มีชอย่
การมัลติเพลกซแ ื อว่าอะไร
1 : WDM
ก
2 : TDM
ิ ว
3 : FDM
าวศ
4 : PDM
สภ
ข ้อที 345 :
ข ้อใด คือข ้อดีของระบบ FDM
1 : ไม่ต ้องการ guard band
2 : ไม่ต ้องการ synchronization
3 : ไม่เกิด intermodulation distortion
4 : ค่า transmission loss ตํา
ข ้อที 346 :
ี ของระบบ FDM
ข ้อใด คือข ้อเสย
1 : การทํา demodulation มีความยุง่ ยาก
2 : การทํา synchronization มีความยุง่ ยาก
3 : เกิด intermodulation distortion
4 : ค่า transmission loss สูง
ข ้อที 347 :
Multiplexer ของเครืองสง่ ในระบบ FDM ประกอบด ้วยอุปกรณ์หลักในข ้อใด
1 : splitter
2 : phase shifter
3 : frequency shifter
4 : mixer/adder
ข ้อที 348 :
Demultiplexer ของเครืองรับในระบบ FDM ประกอบด ้วยอุปกรณ์หลักในข ้อใด
1 : bandpass filter
ธิ
2 : phase shifter
สท
3 : frequency shifter
4 : combiner
ิ
วน
สง
ข ้อที 349 :
ขอ
อ
ข ้อใด คือลักษณะของระบบ synchronous TDM
รข
1 : ้ กการ
ใชหลั interleaving แต่ละเฟรมมีจํานวน timeslot คงที
ใชหลั interleaving แต่ละเฟรมมีจํานวน timeslot ไม่คงที
ก
ใชหลั interlocking แต่ละเฟรมมีจํานวน timeslot คงที
4 : ใชหลั้ กการ interlocking แต่ละเฟรมมีจํานวน timeslot ไม่คงที
ิ ว
าวศ
สภ
ข ้อที 350 :
ข ้อใด ไม่ใชล่ ก
ั ษณะของระบบ statistical TDM
1 : ต ้องการบิตเพือบรรจุ address และ data length
2 : จัดสรร timeslot ตามความต ้องการสง่ ของอุปกรณ์
3 : อัตราข ้อมูลออกตํากว่าอัตราข ้อมูลรวมของอินพุต (aggregate rates)
4 : การสง่ ข ้อมูลเป็ นแบบ circuit switching
ข ้อที 351 :
ข ้อใด คือลักษณะของระบบ statistical TDM
1 : การสง่ ข ้อมูลเป็ นแบบ random switching
2 : การสง่ ข ้อมูลเป็ นแบบ statistic switching
3 : การสง่ ข ้อมูลเป็ นแบบ packet switching
4 : การสง่ ข ้อมูลเป็ นแบบ circuit switching
ข ้อที 352 :
ข ้อใด คือข ้อดีของระบบ TDM
1 : ไม่ต ้องการ guard band
2 : ไม่ต ้องการ synchronization
3 : ไม่เกิด intermodulation distortion
4 : ค่า transmission loss ตํา
ข ้อที 353 :
ข ้อใด ไม่ใชล่ ก
ั ษณะของระบบ CDM (code division multiplexing)
1 : ้ กการ spread spectrum ทําให ้ใชแบนด์
ใชหลั ้ วด
ิ ท์กว ้าง
2 : ทุกชอ ่ งสญั ญาณใช ้ spectrum เดียวกันในชว่ งเวลาเดียวกัน
3 : เกิด interference กับสญ ั ญาณอืนๆ ได ้ค่อนข ้างง่าย
ธิ
4 : แต่ละชอ ่ งสญ
ั ญาณใช ้ code แตกต่างกันทําให ้มีความซบ ั ซอน
้
สท
ิ
วน
สง
ข ้อที 354 :
ในการสง่ สญั ญาณ cable TV ซงใช
ึ การมั
้ ลติเพลกซแ ์ บบ FDM ถ ้าสญ
ั ญาณข่าวสารแต่ละชอ
่ งมีแบนด์วด
ิ ท์
5.5 MHz มี guard band 500 kHz และสายสง่ มีแบนด์วด
ิ ท์ 840 MHz อยากทราบว่า จะสามารถสง่
ขอ
อ
ั ญาณข่าวสารได ้ทังหมดกีชอ
สญ ่ ง
รข
1 : 100 ่ ง
ชอ
2 : 120 ชอ่ ง
ก
3 : 140 ชอ ่ ง
4 : 170 ชอ ่ ง
ิ ว
าวศ
สภ
ข ้อที 355 :
ึ การมั
ิ ท์
สญ ่ ง
1 : 100 ่ ง
ชอ
2 : 120 ชอ่ ง
3 : 140 ชอ ่ ง
4 : 170 ชอ ่ ง
ข ้อที 356 :
ึ การมั
ิ ท์
สญ ่ ง
1 : 100 ่ ง
ชอ
2 : 120 ชอ่ ง
3 : 140 ชอ ่ ง
4 : 170 ชอ ่ ง
ข ้อที 357 :
์ บบแบ่งเวลา G.732 นัน สญ
ตามมาตรฐาน ITU-T การมัลติเพลกซแ ั ญาณระดับ E1 มีอต
ั ราข ้อมูลเท่าไร
1 : 1.544 Mb/s
2 : 2.048 Mb/s
3 : 4.096 Mb/s
4 : 8.448 Mb/s
ข ้อที 358 :
ธิ
์ บบแบ่งเวลานัน สญ
ตามมาตรฐานการมัลติเพลกซแ ั ญาณระดับ T1 มีอต
สท
1 : 1.544 Mb/s
ิ
2 : 2.048 Mb/s
3 : 4.096 Mb/s
วน
4 : 8.448 Mb/s
สง
ขอ
อ
รข
ข ้อที 359 :
์ บบแบ่งเวลานัน สญ
ตามมาตรฐานการมัลติเพลกซแ ั ญาณระดับ DS1 มีอต
1 : 1.544 Mb/s
ก
2 : 2.048 Mb/s
ิ ว
3 : 4.096 Mb/s
าวศ
4 : 8.448 Mb/s
สภ
ข ้อที 360 :
1 : 1.544 Mb/s
2 : 2.048 Mb/s
3 : 8.448 Mb/s
4 : 34.368 Mb/s
ข ้อที 361 :
1 : 1.544 Mb/s
2 : 2.048 Mb/s
3 : 8.448 Mb/s
4 : 34.368 Mb/s
ข ้อที 362 :
1 : 2.048 Mb/s
2 : 8.448 Mb/s
3 : 34.368 Mb/s
4 : 139.264 Mb/s
ข ้อที 363 :
ตามมาตรฐาน ITU-T G.694.2 ของ CWDM (coarse wavelength division multiplexing) กําหนดให ้
่ งสญ
ระยะห่างระหว่างชอ ั ญาณ (channel spacing) มีคา่ เท่าใด
ธิ
1 : 0.8 nm
สท
2 : 1.8 nm
3 : 10 nm
ิ
4 : 20 nm
วน
สง
ขอ
อ
รข
ข ้อที 364 :
ตามมาตรฐาน ITU-T G.694.1 ของ DWDM (dense wavelength division multiplexing) กําหนดให ้
่ งสญ
ระยะห่างระหว่างชอ ั ญาณ (channel spacing) เท่ากับ 100 GHz จะตรงกับความยาวคลืนเท่าใด
ก
1 : 0.8 nm
ิ ว
2 : 1.8 nm
าวศ
3 : 10 nm
4 : 20 nm
สภ
ข ้อที 365 :
ื
ระบบสอสารผ่ ้
านเสนใยนํ ้
าแสงแบบ DWDM ใชงานในช ว่ งความยาวคลืน 1540-1560 nm ถ ้าใชมาตรฐาน
้
่ งสญ
ITU-T G.694.1 ทีกําหนดให ้ระยะห่างระหว่างชอ ั ญาณ (channel spacing) เท่ากับ 100 GHz จะมี
จํานวนชอ ่ งสญ
ั ญาณได ้สูงสุดเท่าไร
1 : ่ งสญ
20 ชอ ั ญาณ
2 : 25 ชอ่ งสญ ั ญาณ
3 : 125 ชอ ่ งสญ ั ญาณ
4 : 200 ชอ ่ งสญ ั ญาณ
ข ้อที 366 :
การมัลติเพลกซแ ์ บบแบ่งเวลาใน 1 เฟรม ใชเวลา ้ 125 ไมโครวินาที ประกอบด ้วยข ้อมูล 30 สล็อต แต่ละ
สล็อตมีข ้อมูล 8 บิต และจําเป็ นต ้องใชข้ ้อมูลเพือการควบคุมอีก 2 สล็อต จะมีอตั ราบิตในการสง่ เท่าไร
1 : 1.544 Mb/s
2 : 1.92 Mb/s
3 : 2.048 Mb/s
4 : 4.096 Mb/s
ข ้อที 367 :
การมัลติเพลกซแ ์ บบแบ่งเวลาใน 1 เฟรม ใชเวลา ้ 125 ไมโครวินาที ประกอบด ้วยข ้อมูล 24 สล็อต แต่ละ
สล็อตมีข ้อมูล 8 บิต และจําเป็ นต ้องใชข้ ้อมูลเพือการควบคุมอีก 1 บิต จะมีอต
ั ราบิตในการสง่ เท่าไร
1 : 1.536 Mb/s
2 : 1.544 Mb/s
3 : 2.048 Mb/s
4 : 4.096 Mb/s
ธิ
สท
ข ้อที 368 :
ิ
บริษัทผู ้ให ้บริการโทรศพ ั ท์มอ ้

ื ถือระบบ FDM ใชแถบความถี ขาขึน (uplink) เท่ากับ 837-849 MHz และ
วน
แถบความถีขาลง (downlink) เท่ากับ 869-881 MHz โดยมี channel spacing เท่ากับ 30 kHz และชอ ่ ง
โทรศพ ั ท์จํานวน 18 ชอ ่ งจะต ้องถูกใชเพื
้ อการควบคุมและการเข ้าถึง อยากทราบว่า ระบบนีจะสามารถ
้ องโทรศพ ั ท์พร ้อมกันได ้จํานวนเท่าไร
สง
รองรับการใชเครื
1 : 382 เครือง
ขอ
อ
รข
ก
ิ ว
ข ้อที 369 :าวศ ั ท์มอ
บริษัทผู ้ให ้บริการโทรศพ ้
ื ถือระบบ FDM ใชแถบความถี ขาขึน (uplink) เท่ากับ 834-849 MHz และ
สภ
แถบความถีขาลง (downlink) เท่ากับ 869-884 MHz โดยมี channel spacing เท่ากับ 30 kHz และชอ ่ ง
ั ่ ้
โทรศพท์จํานวน 18 ชองจะต ้องถูกใชเพือการควบคุมและการเข ้าถึง อยากทราบว่าระบบนีจะสามารถ
รองรับการใชเครื ้ องโทรศพ ั ท์พร ้อมกันได ้จํานวนเท่าไร
เ อหา ชา : 894 :
ข ้อที 370 :
สายอากาศเป็ นอุปกรณ์สําคัญมากทีสุดสําหรับระบบใด
1 : ื
านเสนใยนํ าแสง
2 : ื
3 : ื
ระบบสอสารด ้วยสายทองแดง
4 : ระบบสอสารด ื ้วยสายร่วมแกน
ข ้อที 371 :
ื
ในระบบสอสารจะเกิ ั ญาณมากทีสุดในข ้อใด
ดการลดทอนสญ
1 : สายอากาศ
2 : สายนํ าสญั ญาณ
3 : การแผ่พลังงานในอากาศ
ข ้อที 372 :
สายนํ าสญั ญาณทีใชต่้ อจานดาวเทียมเข ้ากับเครืองรับโทรทัศน์เป็ นแบบใด
ธิ
สท
1 : two-wire line
2 : twisted pair
ิ
3 : supper shielded line

วน
4 : coaxial line
สง
ขอ
อ
ข ้อที 373 :
รข
ั ญาณ
องค์ประกอบใดไม่มใี นแบบจําลองของสายนํ าสญ
1 : ตัวต ้านทาน
ก
2 : ตัวเหนียวนํ า
3 : ตัวเก็บประจุ
ิ ว
4 : ไดโอด
าวศ
สภ
ข ้อที 374 :
สายนํ าสญั ญาณเปิ ดปลายสาย (open stub) ทีมีความยาวน ้อยกว่าหนึงในสความยาวคลื
ี นมีพฤติกรรม
เสมือนอุปกรณ์ใด
2 : รีโซแนนซแ ์ บบอนุกรม
ข ้อที 375 :
สายนํ าสญั ญาณลัดปลายสาย (short stub) ทีมีความยาวน ้อยกว่าหนึงในสความยาวคลื
ข ้อที 376 :
ในการประเมินกําลังรับสง่ (link budget) สําหรับระบบสอสารไร
ื ้
้สายจะใชสมการใด
1 : Friis transmission equation
2 : Nyquist equation
3 : Maxwell equation
4 : Schrodinger equation
ข ้อที 377 :
ื
โดยทัวไป multipath fading จะเกิดขึนในระบบสอสารแบบใด
ธิ
1 : ื
สท
2 : ื
ระบบสอสารด ้วยสายทองแดง
ิ
3 : ื
ระบบสอสารด ้
้วยเสนใยนํ าแสง
4 : ื
ระบบสอสารด ้วยสายโคแอกเซย ี ล
วน
สง
ขอ
อ
รข
ข ้อที 378 :
ปั จจุบน ื ญ
ั สอส ั ญาณใดสามารถสง่ ข ้อมูลได ้มากทีสุด/มีความจุชอ
่ งสญ
ั ญาณมากทีสุด
ก
1 : ้
ิ ว
3 : ท่อนํ าคลืนไมโครเวฟ
าวศ
สภ
ข ้อที 379 :
คลืนวิทยุ (คลืนแม่เหล็กไฟฟ้ า) ใด ๆ ไม่สามารถเดินทางผ่านในตัวกลางวัสดุใดชนิดใด
1 : ปูนซเี มนต์
2 : ฉนวน
3 : ทองแดง
4 : นํ า
ข ้อที 380 :
ดาวเทียมสําหรับถ่ายทอดสญ
ั ญาณโทรทัศน์โคจรครบหนึงรอบใชเวลาเท่
้ าไร
1 : 1 วัน
2 : 1 ั
ชวโมง
3 : 1 สปั ดาห์
4 : 1 เดือน
ข ้อที 381 :
ื
การสอสารผ่ ื ญ
านสอส ั ญาณใดมีความเสยงที
ี ่ งสญ
จะเกิดการรบกวนจากชอ ั ญาณอืนได ้ง่ายทีสุด
2 : ้
4 : อากาศ
ข ้อที 382 :
ี ลจะเป็ นตัวกรองความถีชนิดใด
ธรรมชาติของสายโคแอกเชย
ธิ
1 : ตัวกรองผ่านความถีสูง
2 : .ตัวกรองผ่านความถีตํา
สท
3 : ตัวกรองผ่านแถบความถี
ิ
4 : ตัวกรองผ่านทุกความถี
วน
สง
ข ้อที 383 :
ขอ
อ
ื ญ
การเกิด ISI (intersymbol interference) นันปรากฎขึนในสอส ั ญาณใด
รข
2 : ้
ก
4 : อากาศ
ิ ว
าวศ
สภ
ข ้อที 384 :
พายุสรุ ย ื
ิ ะมีผลกับระบบสอสารใดมากที
สุด
1 : ื
านเสนใยนํ าแสง
2 : ื
ระบบสอสารผ่ านดาวเทียม
3 : ระบบโทรศพั ท์เคลือนที
4 : ระบบโทรศพ ั ท์ใชสาย
้
ข ้อที 385 :
ั ท์แบบเคลือนที
อุปกรณ์ใดขาดไม่ได ้ในเครืองโทรศพ
1 : สาย LAN
2 : ้
ข ้อที 386 :
ั สุด
ดาวเทียมชนิดใดมีคาบการโคจรสนที
1 : LEO (low earth orbit)
2 : MEO (medium earth orbit)
3 : GEO (geostationary earth orbit)
4 : HEO (highly elliptical orbit)
ข ้อที 387 :
ดาวเทียม GEO มีวงโคจรในแนวใดของโลก
1 : แนวเหนือใต ้
2 : ้ นย์สต
แนวเอียงกับเสนศู ู ร
3 : ้ นย์สต
แนวเสนศู ู ร
ธิ
4 : มีทก
ุ แนว
สท
ิ
วน
สง
ข ้อที 388 :
้
การใชงานส ื ญ
อส ั ญาณในข ้อใด ต ้องเลือกพิจารณาค่าอิมพีแดนซค
์ ณ ์ อง
ุ ลักษณะให ้ตรงกับอิมพีแดนซข
ระบบ
ขอ
อ
1 : LAN cable
รข
2 : optical fiber
3 : power line
4 : coaxial line
ก
ิ ว
ข ้อที 389 :
าวศ
สภ
สายสง่ เสนหนึ
้ งมีคา่ อิมพีแดนซค ์ ณ
ุ ลักษณะเป็ น 50 Ω ถ ้าหากต ้องการให ้เกิดการสง่ ผ่านกําลังไฟฟ้ าสูงสุด
อยากทราบว่า ค่าอิมพีแดนซข ์ องแหล่งจ่ายสญั ญาณและตัวภาระ (load) ทีต่อกับสายสง่ นีควรมีคา่ เท่าใด
1 : 25 Ω
2 : 50 Ω
3 : 75 Ω
4 : 100 Ω
ข ้อที 390 :
้
ตัวอย่างการประยุกต์ใชสายอากาศในการส ง่ คลืนสนามใกล ้ คือข ้อใด
1 : ระบบกระจายเสย ี งวิทยุแบบ FM
2 : ระบบการสง่ สญ
ั ญาณผ่านดาวเทียมวงโคจรตํา
3 : ระบบ NFC ของ smart phone
4 : ระบบควบคุมรถบังคับวิทยุ
ข ้อที 391 :
ดาวเทียมไทยคม (THAICOM) มีระดับของวงจรโคจรเป็ นแบบใด
1 : LEO (low earth orbit)
2 : MEO (medium earth orbit)
3 : GEO (geostationary earth orbit)
4 : HEO (highly elliptical orbit)
ข ้อที 392 :
ดาวเทียมไทยคม (THAICOM) มีตําแหน่งของวงจรโคจรเป็ นเท่าใด
1 : 78.5 องศาตะวันออก
2 : 100.5 องศาตะวันตก
3 : 130.5 องศาตะวันออก
ธิ
4 : 175.5 องศาตะวันตก
สท
ิ
วน
ข ้อที 393 :
สง
ดาวเทียมไทยคม (THAICOM) มีรป

ู แบบวงโคจรเป็ นแบบใด
1 : polar orbit
ขอ
อ
2 : inclined orbit
รข
3 : equatorial orbit
4 : normal orbit
ก
ิ ว
าวศ
ข ้อที 394 :
มุมเล็งเห็นดาวเทียมของสายอากาศภาคพืนดินทีพิจารณาอ ้างอิงกับพืนโลกโดยหันสายอากาศขึนในแนว
สภ
ดิง เรียกว่าอะไร
1 : มุมแหลม
2 : มุมเงย
3 : มุมทิศ
4 : มุมดิง
ข ้อที 395 :
มุมเล็งเห็นดาวเทียมของสายอากาศภาคพืนดินทีพิจารณาอ ้างอิงกับทิศเหนือโดยหันสายอากาศกวาดไป
ในระนาบพืนดิน เรียกว่าอะไร
1 : มุมแหลม
2 : มุมเงย
3 : มุมทิศ
4 : มุมดิง
ข ้อที 396 :
ดาวเทียมสํารวจทรัพยากรธรรมชาติของไทย มีชอว่
ื าอะไร
1 : THAICOM
2 : THEOS
3 : ALOS
4 : TERRA
ข ้อที 397 :
ื
ดาวเทียมสอสารดวงแรกของไทย ื าอะไร
มีชอว่
1 : THAICOM
2 : THEOS
3 : ALOS
ธิ
4 : TERRA
สท
ิ
วน
ข ้อที 398 :
สง
ความถีขาขึนของชว่ งความถี C-band สําหรับดาวเทียมมีคา่ เท่าใด

1 : 4 GHz
ขอ
อ
2 : 6 GHz
รข
3 : 8 GHz
4 : 10 GHz
ก
ิ ว
ข ้อที 399 :าวศ
ความถีขาลงของชว่ งความถี C-band สําหรับดาวเทียมมีคา่ เท่าใด
สภ
1 : 4 GHz
2 : 6 GHz
3 : 8 GHz
4 : 10 GHz
ข ้อที 400 :
ความถีขาขึนของชว่ งความถี Ku-band สําหรับดาวเทียมมีคา่ เท่าใด
1 : 10 GHz
2 : 12 GHz
3 : 14 GHz
4 : 16 GHz
ข ้อที 401 :
ความถีขาลงของชว่ งความถี Ku-band สําหรับดาวเทียมมีคา่ เท่าใด
1 : 10 GHz
2 : 12 GHz
3 : 14 GHz
4 : 16 GHz
ข ้อที 402 :
ิ
ดาวเทียมเป็ นสงประดิ ื
ษฐ์ในระบบสอสารที
พัฒนามาจากแนวคิดของใคร
1 : ไอแซก นิวตัน
2 : อัลเบิรต์ ไอน์สไตน์
3 : ์
ชาลส ดาร์วน ิ
4 : อาร์เธอร์ ซ ี คลาร์ก
ธิ
สท
ิ
วน
ข ้อที 403 :
โครงสร ้างสําคัญของเสนใยนํ
้ ึ
าแสงซงแสงเดิ ื ยกว่าอะไร
นทางผ่านได ้ มีชอเรี
สง
1 : core
2 : layer
3 : cladding
ขอ
อ
4 : band
รข
ก
ิ ว
าวศ
ข ้อที 404 :
โครงสร ้างสําคัญของเสนใยแก
้ ึ ้มสว่ น core มีชอเรี
้วนํ าแสงซงหุ ื ยกว่าอะไร
1 : cover
สภ
2 : layer
3 : cladding
4 : band
ข ้อที 405 :
้
เทคนิคทีใชในการมอดู ั ญาณข ้อมูลกับสญ
เลตสญ ั ญาณแสงเป็ นแบบใด
1 : FM : frequency modulation
2 : PM : phase modulation
3 : IM/AM : intensity modulation / amplitude modulation
4 : PCM : pulse code modulation
ข ้อที 406 :
ื
E/O converter ในระบบสอสารเชงิ แสง ใชทํ
1 : ั ญาณไฟฟ้ าเป็ นสญ
แปลงสญ ั ญาณแสง
2 : แปลงสญั ญาณแสงเป็ นสญ ั ญาณไฟฟ้ า
3 : ั ญาณแสง
แปลงสนามไฟฟ้ าเป็ นสญ
4 : แปลงสญ ั ญาณแสงเป็ นสนามไฟฟ้ า
ข ้อที 407 :
ื
O/E converter ในระบบสอสารเชงิ แสง ใชทํ
1 : ั ญาณไฟฟ้ าเป็ นสญ
แปลงสญ ั ญาณแสง
2 : แปลงสญั ญาณแสงเป็ นสญ ั ญาณไฟฟ้ า
3 : ั ญาณแสง
แปลงสนามไฟฟ้ าเป็ นสญ
4 : แปลงสญ ั ญาณแสงเป็ นสนามไฟฟ้ า
ธิ
สท
ข ้อที 408 :
ิ
ื
ในระบบสอสารเชงิ แสง อุปกรณ์ทแปลงส
ี ญั ญาณไฟฟ้ าเป็ นสญ
ั ญาณแสงคืออะไร
วน
1 : photodiode
2 : optical conveter
สง
3 : laser diode
4 : operational amplifier
ขอ
อ
ก รข
ข ้อที 409 :
ิ ว
ื
ในระบบสอสารเชงิ แสง อุปกรณ์ทแปลงส
ี ญั ญาณแสงเป็ นสญ
ั ญาณไฟฟ้ าคืออะไร
าวศ
1 : photodiode
2 : optical converter
3 : laser diode
สภ
4 : operational amplifier
ข ้อที 410 :
เมือกําหนดให ้ความเร็วคลืนแม่เหล็กไฟฟ้ าเป็ น 3x108 m/s และสายสง่ นํ าไปใชงานที
้ ความถี 300 MHz
อยากทราบว่า ความยาวคลืนของสญ ั ญาณทีป้ อนให ้กับสายสง่ นีมีคา่ เท่าใด
1 : 1m
2 : 0.1 m
3 : 10 m
4 : 100 m
ข ้อที 411 :
เมือกําหนดให ้ความเร็วคลืนแม่เหล็กไฟฟ้ าเป็ น 3x108 m/s และสายสง่ เสนหนึ
้ งมีคา่ องค์ประกอบความเร็ว
(velocity factor) เป็ น 0.5 อยากทราบว่า ความเร็วของสญั ญาณในสายสง่ นีมีคา่ เท่าใด
1 : 1.5 x 108 m/s
2 : 3 x 108 m/s
3 : 6 x 108 m/s
4 : 1 x 108 m/s
ข ้อที 412 :
วงโคจรของดาวเทียมแบบ GEO (geostationary earth orbit) มีระดับความสูงจากผิวโลกประมาณ
เท่าใด
1 : 1500 km
2 : 10,000 km
3 : 25,000 km
4 : 35,000 km
ธิ
สท
ิ
วน
ข ้อที 413 :
้ นย์สต
วงโคจรของดาวเทียมทีมีระนาบการโคจรอยูใ่ นแนวเดียวกันกับเสนศู ื ยกกันว่าอะไร
ู ร มีชอเรี
สง
1 : polar orbit
2 : inclined orbit
ขอ
อ
4 : normal orbit
รข
ก
ิ ว
าวศ
ข ้อที 414 :
วงโคจรของดาวเทียมทีมีลก ื ยกกันว่าอะไร
ั ษณะเป็ นวงกลมผ่านขัวโลกเหนือและขัวโลกใต ้ มีชอเรี
1 : polar orbit
สภ
2 : inclined orbit
4 : normal orbit
ข ้อที 415 :
้
เสนใยนํ าแสงชนิดใดทีมีคา่ ดรรชนีหก
ั เหของคอร์ (core) และแคลดดิง (cladding) มีคา่ คงที
1 : ชนิด circular index
2 : ชนิด step index
3 : ชนิด oval index
4 : ชนิด graded index
ข ้อที 416 :
้
เสนใยนํ าแสงชนิดใดทีมีคา่ ดรรชนีหก
ั เหของคอร์ (core) ไม่คงทีและแคลดดิง (cladding) มีคา่ คงที
1 : ชนิด circular index
2 : ชนิด step index
3 : ชนิด oval index
4 : ชนิด graded index
ข ้อที 417 :
้
เสนใยนํ าแสงชนิดใดทียอมให ้แสงในโหมดพืนฐานเพียงโหมดเดียวเท่านันผ่านได ้
1 : ชนิด normal mode
2 : ชนิด single mode
3 : ชนิด multi-mode
4 : ชนิด high mode
ธิ
สท
ข ้อที 418 :
ิ
้
เสนใยนํ าแสงชนิดใดทียอมให ้แสงทุกโหมดการเดินทางสามารถผ่านเข ้าไปได ้
วน
1 : ชนิด normal mode

2 : ชนิด single mode
สง
3 : ชนิด multi-mode
4 : ชนิด high mode
ขอ
อ
ก รข
ข ้อที 419 :
ิ ว
สายสง่ เสนหนึ
้ ี สญ
งมีคา่ การสูญเสย ั ญาณ 3 dB เมือป้ อนสญ ั ญาณทีมีกําลังไฟฟ้ า 100 W ให ้กับสายสง่ นี
าวศ
อยากทราบว่า ค่ากําลังไฟฟ้ าทีปลายสายสง่ นีควรมีคา่ เท่าใด
1 : 10 W
2 : 25 W
สภ
3 : 50 W
4 : 75 W
ข ้อที 420 :
ดาวเทียมไทยคม 8 (THAICOM 8) มียา่ นความถีทีใชรั้ บสง่ สญ
ั ญาณอยูใ่ นย่านใด
1 : V-band
2 : X-band
3 : C-band
4 : Ku-band
ข ้อที 421 :
ื
ในระบบสอสารด ้
้วยเสนใยนํ ้
าแสง เหตุผลทีเลือกใชแสงที
มีความยาวคลืน 1.3 และ 1.55 ไมครอน คือ
อะไร
1 : ั ญาณตํา
ค่าการลดทอนสญ และ ค่า dispersion ตํา
2 : ค่าการลดทอนสญั ญาณสูง และ ค่า dispersion สูง
3 : ค่าการลดทอนสญ ั ญาณตํา และ ค่า dispersion สูง
4 : ค่าการลดทอนสญ ั ญาณสูง และ ค่า dispersion ตํา
ข ้อที 422 :
คุณสมบัตส ิ ําคัญอะไรทีทําให ้แสงสามารถเดินทางเข ้าไปในเสนใยนํ
้ าแสงได ้
1 : การเลียวเบน
2 : การสะท ้อนกลับหมด
3 : การแทรกสอด
4 : การลดทอน
ธิ
สท
ข ้อที 423 :
ิ
ข ้อใดไม่ใชค่ ณ
ุ สมบัตโิ คฮเี รนท์ของแสงเลเซอร์ทใช ้
ี ในระบบส ื
อสารด ้
้วยเสนใยนํ าแสง
วน
1 : เป็ นแสงสเี ดียว

2 : มีความเข ้มสูง
สง
3 : มีทศ ิ ทางไม่แน่นอน
4 : มีเฟสเดียวกัน
ขอ
อ
ก รข
ข ้อที 424 :
ิ ว
ขนาดเสนผ่้ าศูนย์กลางมาตรฐานของเสนใยนํ
้ ้
าแสงทีใชในระบบส ื
อสารมี
คา่ เท่าใด
าวศ
1 : 62.5 µm
2 : 100 µm
3 : 120 µm
สภ
4 : 125 µm
ข ้อที 425 :
ข ้อใดไม่ใชก่ ารสูญเสย
ี สญ
ั ญาณแสงของเสนใยนํ
้ าแสง
1 : bending loss
2 : absorption
3 : scattering loss
4 : physical loss
ข ้อที 426 :
การสูญเสย ี ของสญ
ั ญาณแสงทีเกิดจากเสนใยนํ
้ าแสงโค ้งงอ เรียกว่าอะไร
1 : bending loss
2 : absorption
3 : scattering loss
4 : physical loss
ข ้อที 427 :
การสูญเสย ี ของสญ
ั ญาณแสงทีเกิดจากการดูดกลืนแสงจากเนือสารทีคอร์ของเสนใยนํ
้ าแสง เรียกว่าอะไร
1 : bending loss
2 : absorption
3 : scattering loss
4 : connection loss
ธิ
ข ้อที 428 :
ั ญาณแสดงถึงการสูญเสย
องค์ประกอบใดในแบบจําลองของสายนํ าสญ ี ในตัวกลางซงเป็
ึ นลวดตัวนํ า
สท
1 : ตัวต ้านทานอนุกรม
ิ
2 : ตัวต ้านทานขนาน
วน
สง
ขอ
อ
รข
ข ้อที 429 :
สายนํ าสญั ญาณเปิ ดปลายสาย (open stub) ทีมีความยาวเท่ากับหนึงในสความยาวคลื
ก
ิ ว
2 : รีโซแนนซแ ์ บบขนาน
าวศ
สภ
สภาวิศวกร 487/1 ซอย รามคําแหง 39 (เทพลีลา 1) แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ 10310

สายด่วน 1303 โทรสาร 02-935-6695
ิ ธิ 2555 สภาวิศวกร : ติดต่อสภาวิศวกร | Contact
@ สงวนลิขสท

Principle of Commu

Uploaded by

Document Information

Copyright

Available Formats

Share this document

Share or Embed Document

Sharing Options

Did you find this document useful?

Is this content inappropriate?

Copyright:

Available Formats

Principle of Commu

Uploaded by

Copyright:

Available Formats

อ

3/4/2020 สภา ศวกร

1 : 150 kHz ถึง 280 kHz

ื าน EHF มีชว่ งความถีอยูใ่ นย่านใด

1 : 30 MHz ถึง 300 MHz

3 : 3 GHz ถึง 30 GHz

ั ญาณ x(t) = sin2t มีคาบ (periodic) เท่าใด

การมอดูเลตเชงิ ความถี (frequency modulation) หมายถึงข ้อใด

3 : การมอดูเลตทีนํ าขนาดของสญ ั ญาณไปควบคุมค่ามุมของคลืนพาห์

MHz อยากทราบว่า สญ ั ญาณทีได ้จากการมอดูเลตนีมีแบนด์วด

ั ญาณ AM จะต ้องใชการดี

ทําให ้ค่าอัตราสว่ นสญ

ั ญาณข่าวสารรูปไซน์ความถี 4 kHz มามอดูเลตแบบ DSB-SC กับคลืนพาห์รป

1 : phase locked loop

4 : ค่าความชนั ตําสุดของสญ ั ญาณข่าวสาร

ั ญาณทีได ้จากการมอดูเลตนีมีกําลังงานเฉลียเท่าใด ถ ้าสมมติวา่ โหลดมีคา่ 1 โอห์ม

อยากทราบว่า สญั ญาณทีได ้จากการมอดูเลตนีมีกําลังเฉลียของสญ

ั ญาณข่าวสารรูปไซน์ความถี 3 kHz มามอดูเลตแบบ FM กับคลืนพาห์รป

3 : 1.80x 10-23 J/K

4 : 1.38 x 10-23 J/K

noise temperature) ประมาณเท่าใด (To = 290 Kelvin)

ั ญาณรบกวน 0.03 pW และมีแบนด์วด

1 : none ratio zero

4 : nonreturn ratio zero

2 : ขนาดของชอ ่ งสญ ั ญาณ

3 : ความจุของชอ ่ งสญ ั ญาณ

ั ญาณ m(t) มีสมการเป็ น

ข ้อใดคือ Nyquist interval

ข ้อใดคือ Nyquist interval

1 : pulse amplitude modulation

2 : pulse code modulation

P/S หมายถึง parallel to serial

S/P หมายถึง serial to parallel

LPF หมายถึง low pass filter

ครีตด ้วยความถี 10 กิโลเฮริ ตซ ์ หากจํานวนของระดับควอนไทซท

1 : linear predictive code

3 : linear phase code

ในการสง่ สญั ญาณแอนะล็อกโดยเริมจากการแปลงจากสญ ั ญาณแอนะล็อกเป็ นสญ ั ญาณดิสครีตด ้วย

ความถี 8 กิโลเฮริ ตซ ์ ถ ้าจํานวนของระดับควอนไทซท

ิ ท์ (B) เท่าใด เมือ fN เป็ น Nyquist frequency

1 : 0101 1010 1111 10

2 : 0101 1010 0010 10

3 : 0101 1010 0011 10

ั ญาณ pilot ในระบบ FM stereo multiplex มีคา่ ความถีเท่าใด

1 : orthodonal frequency division multiplexing

2 : orthogonal frequency division multiplexing

3 : optical fiber delay-mode multiplexing

4 : optical fiber delay-time multiplexing

บริษัทผู ้ให ้บริการโทรศพ ั ท์มอ ้

3 : supper shielded line

ดาวเทียมไทยคม (THAICOM) มีรป

ความถีขาขึนของชว่ งความถี C-band สําหรับดาวเทียมมีคา่ เท่าใด

1 : ชนิด normal mode

1 : เป็ นแสงสเี ดียว

สภาวิศวกร 487/1 ซอย รามคําแหง 39 (เทพลีลา 1) แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ 10310

You might also like