Engineering Drawings PDF

งวน
สภาวิศวกร | Council of engineers
อส
วิชา : Engineering Drawings
รข
เนือหาวิชา : 709 : Introduction/Lettering
ข ้อที 1 :
ก
เส ้นแบบใด ใช ้ในการแสดงเพือบอกศูนย์กลางของวงกลม
ิ ว
าวศ
1:
2:
3:
สภ
4:
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
อัตราส่วน (scale) 1:3 หมายถึง
1 : ขนาดในภาพเขียนจะใหญ่กว่าขนาดจริง 3 เท่า
2 : ขนาดในภาพเขียนจะเล็กกว่าขนาดจริง 3 เท่า
3 : การบอกขนาดในภาพเขียน จะระบุขนาดทีใหญ่กว่าขนาดจริง 3 เท่า
4 : การบอกขนาดในภาพเขียน จะระบุขนาดทีเล็กกว่าขนาดจริง 3 เท่า
เส ้นเต็มบาง (Continuous thin line) ใช ้ในกรณีใดได ้บ ้าง
1 : เส ้นรอบรูป ขอบทีเห็นชัด
2 : เส ้นรอบรูป ขอบทีถูกบัง
3 : เส ้นลายตัด
4 : เส ้นผ่านศูนย์กลาง
ในงานเขียนแบบทีใช ้กลุม
่ เส ้น 0.5, 0.35, และ 0.25 มิลลิเมตร การเขียนเส ้นประ (เส ้นขอบชินงานทีถูกบัง) ใช ้ขนาดเส ้นเท่าใด
1 : 0.5 มิลลิเมตร
4 : ขนาดใดก็ได ้
พืนผิวระนาบเอียงทีถูกกําหนดให ้.........................กับระนาบหนึงระนาบของสามระนาบหลักในระบบพิกด
ั ฉากจะ.......................กับอีกสองระนาบที
เหลือของระบบพิกดั ฉาก
1 : ขนาน, ทํามุมเอียง
2 : ตังฉาก, ทํามุมเอียง
3 : ตังฉาก, ขนาน
4 : ทํามุมเอียง, ขนาน
ขนาดกระดาษ A4 มีขนาดความกว ้างและยาวเท่าไร
1 : 210 x 297
2 : 297 x 420
3 : 420 x 594
4 : 594 x 840
ิ
ิ ธ
สท
การเขียนเส ้นผ่านศูนย์กลางของวงกลม ใช ้เส ้นใด

วน
งวน
1 : เส ้นเต็มหนัก
2 : เส ้นเต็มบาง
3 : เส ้นศูนย์กลางเล็ก
อส
4 : เส ้นศูนย์กลางใหญ่
รข
ก
ถ ้าใช ้เส ้นศูนย์กลางใหญ่แทนเส ้นศูนย์กลางเล็กในการเขียนแบบแล ้วจะเกิดอะไรขึน
ิ ว
าวศ
1 : เหมือนเดิม
2 : แบบแปรความหมายผิด
3 : งานนันต ้องการปรับปรุง
สภ
4 : ต ้องตรวจสอบขนาดตรงเส ้นกําหนด
การเอียงของตัวอักษรทีเหมาะสมควรเอียง
1 : 15 องศา กับแนวดิงเอียงด ้านหน ้า

2 : 75 องศา กับแนวดิงเอียงด ้านหลัง
3 : 15 องศา กับแนวดิงเอียงด ้านหลัง
4 : 75 องศา กับแนวนอนเอียงด ้านหน ้า
ข ้อที 10 :
คําว่า "King" เมืออักษร "K" สูง 10 ม.ม อักษร "ing" สูงเท่าใด
1 : 7 ม.ม.
2 : 5 ม.ม.
3 : 3 ม.ม.
4 : 2.5 ม.ม.
ข ้อที 11 :
คําว่า "King" เมืออักษร "K" สูง 10 ม.ม. ขนาดเส ้นทีใช ้เขียนตัวอักษรมีความหนาเท่าใด
1 : 0.25 ม.ม.
2 : 0.35 ม.ม.
3 : 0.5 ม.ม.
4 : 1.0 ม.ม.
ข ้อที 12 :
ถ ้าเส ้นตรงวัดได ้ 50 ม.ม.ใช ้มาตราส่วน 1 : 5 จะเขียนเส ้นนันลงในแบบเท่าไร
1 : 250 ม.ม.
2 : 25 ม.ม.
3 : 10 ม.ม.
4 : 5 ม.ม.
ข ้อที 13 :
ถ ้าเส ้นตรงวัดได ้ 50 ม.ม. ใช ้มาตราส่วน 2 : 1 จะเขียนเส ้นนันลงในแบบเท่าไร
1 : 100 ม.ม.
2 : 25 ม.ม.
3 : 10 ม.ม.
4 : 5 ม.ม.
ิ
ิ ธ
สท
ข ้อที 14 :
เส ้นใดใช ้เป็ นเส ้นช่วยกําหนดขนาด

วน
งวน
1 : เส ้นเต็มหนัก
3 : เส ้นศูนย์กลางใหญ่
อส
4 : เส ้นศูนย์กลางเล็ก
รข
ข ้อที 15 :
ก
ข ้อใคต่อไปนีเป็ นการใช ้งานของเส ้นศูนย์กลาง
ิ ว
าวศ
1 : แสดงรอยตัดย่นระยะของรูป
2 : ช่วยให ้ขนาด
3 : แสดงแนวการหมุนของชินส่วน(Trajectory)
สภ
4 : แสดงลายตัด
ข ้อที 16 :
การเว ้นระยะตัวอักษร ควรจะเว ้นระยะอย่างไร
1 : พิจารณาจากระยะห่างระหว่างตัวอักษร ให ้มีระยะเท่าๆ กัน

2 : พิจารณาจากตําแหน่งกึงกลางตัวอักษรตัวแรก และกึงกลางตัวอักษรตัวหลังให ้มีระยะเท่าๆ กัน
3 : พิจารณาจากพืนทีว่างระหว่างตัวอักษร ให ้มีพนที
ื เท่าๆ กัน
4 : พิจารณาจากพืนทีว่าง และระยะห่าง ให ้มีขนาดเท่าๆ กัน
ข ้อที 17 :
จากรูป ข ้อใดกล่าวถึงเส ้น A, B, C และ D ได ้ถูกต ้อง
1 : VISIBLE LINE, CENTER LINE, HIDDEN LINE AND SECTION LINE

2 : VISIBLE LINE, HIDDEN LINE, CENTER LINE AND SECTION LINE
3 : SECTION LINE, HIDDEN LINE, CENTER LINE AND VISIBLE LINE
4 : SECTION LINE, HIDDEN LINE, VISIBLE LINE AND CENTER LINE
ข ้อที 18 :
ดินสอเขียนแบบข ้อใดมีไส ้ดินสอแข็งทีสุด
1 : 3H
2 : HB
3:B
4 : 2B
ข ้อที 19 :
กระดาษขนาด A 4 เป็ นกีเท่าของ A 1
1 : 1/8
2 : 1/4
3:4
4:8
ข ้อที 20 :
ข ้อใดกล่าวถูกต ้องเกียวกับการเขียนตัวเลขเศษส่วน(lettering fraction)

ิ
ิ ธ
สท
ั ผัสกับเครืองหมายเศษส่วน
1 : ตัวเลขต ้องไม่สม
2 : ตําแหน่งกึงกลางของตัวส่วนต ้องตรงกับตัวเศษ
3 : ไม่ใช ้เครืองหมายเศษส่วนแบบเอียงยกเว ้นเมือมีพนที
ื แคบในการเขียน
วน
งวน
4 : ถูกทุกข ้อ
อส
ข ้อที 21 :
รข
ข ้อใดไม่ใช่มาตรฐานในงานเขียนแบบ
ก
1 : มอก.
2 : ISO
3 : AISI ิ ว
าวศ
4 : ASHRAE
สภ
ข ้อที 22 :
ในทางสากล นิยมวาง Title Box ไว ้ทีตําแหน่งใดของกระดาษ
1 : บนซ ้าย
2 : ล่างขวา
3 : ล่างซ ้าย
4 : บนขวา
ข ้อที 23 :
หลักสากล ในการเขียนแบบ มีเส ้นใดบ ้างทีต ้องลงนํ าหนักของเส ้นให ้หนาและเข ้ม
1 : visible line, center line, dimension & extension line

2 : visible line, break line, cutting plane
3 : visible line, center line, break line
4 : visible line, hidden line, section line
ข ้อที 24 :
การเขียนเส ้นศูนย์กลาง (center line) ในข ้อใดถูกต ้องทีสุด
1:
2:
3:
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
ก รข
4: ิ ว
าวศ
ข ้อที 25 :
สภ
อุปกรณ์เขียนแบบข ้อใดใช ้วัดตรวจสอบความยาว และแบ่งเส ้นตรงเป็ นส่วนย่อยๆได ้
1 : ไม ้บรรทัด
2 : ดีไวเดอร์
3 : เซ็ทสามเหลียมวัดมุมได ้
4 : เพลตสําหรับทําโค ้ง
ข ้อที 26 :
ข ้อใดคือประโยชน์ของไม ้ที
1 : ใช ้เขียนเส ้นระดับ
2 : ใช ้กดไม่ให ้กระดาษเขียนแบบเคลือนทีในขณะเขียนแบบ
3 : เป็ นฐานรองรับฉากสามเหลียม
4 : ข ้อที 1. และ ข ้อที 3. ถูกต ้อง
ข ้อที 27 :
ไส ้ดินสอเบอร์ใดมีความเข ้มน ้อยทีสุด
1 : 2B
2 : HB
3 : 4H
4:F
ข ้อที 28 :
ไส ้ดินสอเบอร์ใดมีความเข ้มมากทีสุด
1 : 2B
2 : HB
3 : 4H
4:F
ข ้อที 29 :
จากรูปทีกําหนดให ้ มุม A มีคา่ เท่าใด
1 : 45 องศา
2 : 125 องศา
ิ
ิ ธ
3 : 135 องศา
สท
4 : 145 องศา
วน
งวน
ข ้อที 30 :
บรรทัดสามเหลียมตามรูปทีกําหนดให ้ มีมม
ุ เท่าใดบ ้าง
อส
ก รข
ิ ว
1 : 60, 45, 30 องศา
าวศ
2 : 90, 60, 30 องศา
3 : 90, 45, 30 องศา
4 : 45, 30, 90 องศา
สภ
ข ้อที 31 :
จากรูปทีกําหนดให ้ มุม B มีคา่ เท่าใด
1 : 5 องศา
2 : 10 องศา
3 : 15 องศา
4 : 25 องศา
ข ้อที 32 :
จากรูปทีกําหนดให ้ มุม C มีคา่ เท่าใด
1 : 5 องศา
2 : 10 องศา
3 : 15 องศา
4 : 25 องศา
ข ้อที 33 :
จากรูปทีกําหนดให ้ มุม D มีคา่ เท่าใด
1 : 45 องศา
2 : 75 องศา
3 : 135 องศา
4 : ผิดทุกข ้อ
ิ
ิ ธ
สท
ข ้อที 34 :
วน
งวน
จากรูปทีกําหนดให ้ มุม E มีคา่ เท่าใด
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
1 : 75 องศา
2 : 105 องศา
3 : 115 องศา
สภ
4 : 135 องศา
ข ้อที 35 :
กระดาษขนาด A3 ทีใช ้ในงานเขียนแบบมีขนาดเท่าใด
1 : 297 คูณ 210 ตารางมิลลิเมตร

ข ้อที 36 :
การเขียนตัวอักษรงานเขียนแบบใช ้เส ้นขนาดใด
1 : (1/10)h
2 : (2/10)h
3 : (7/10)h
4 : (10/10)h
ข ้อที 37 :
ภาพใดแสดงเกลียวตามแบบมาตรฐาน
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 38 :
ภาพใดแสดง เกลียวน๊อตตามแบบมาตรฐาน
1:
ิ
ิ ธ
สท
2:
วน
งวน
อส
3:
ก รข
4:
ิ ว
าวศ
ข ้อที 39 :
สภ
มาตราส่วนใดเป็ นมาตราส่วนขยาย
1 : 2:1
2 : 1:2.5
3 : 1:5
4 : 1:1
ข ้อที 40 :
ขอบชินงานยาว 120 มม. ใช ้มาตราส่วน 1:2.5 ต ้องเขียนยาวเท่าใด
1 : 300 มม.
2 : 48 มม.
3 : 120 มม.
4 : 25 มม.
ข ้อที 41 :
ขนาดในแบบยาว 30 มม. เมือใช ้มาตราส่วน 5:1 จะเขียนขนาดเท่าใด
1:5
2 : 30
3:6
4 : 150
ข ้อที 42 :
มาตราส่วนใดเป็ นมาตราส่วนย่อมาตรฐาน
1 : 2:1
2 : 1:3
3 : 1:2
4 : 1:4
ข ้อที 43 :
เส ้นมือเปล่าใช ้เมือไร
1 : แสดงลายตัดชินงาน
2 : ขอบชินงานทีมองเห็น
3 : ขอบชินงานทีมองไม่เห็น
4 : เส ้นตัดย่อส่วน
ข ้อที 44 :
ตัวเลขใดเขียนผิดจากมาตรฐาน
ิ
ิ ธ
1:
สท
วน
งวน
อส
2:
รข
3:
ก
4: ิ ว
าวศ
สภ
ข ้อที 45 :
ความสูงใด ทีไม่ใช่ความสูงตัวอักษรมาตรฐาน
1 : h = 2.5 มม.
2 : h = 3.0 มม.
3 : h = 3.5 มม.
4 : h = 7.0 มม.
ข ้อที 46 :
ขนาดเส ้นใด เขียนอักษรมาตรฐานเทียบกับความสูง
1 : 1/10
2 : 2/10
3 : 3/10
4 : 5/10
ข ้อที 47 :
อักษรพิมพ์ใหญ่สงู เท่าไร
1 : 7/10
2 : 8/10
3 : 9/10
4 : 10/10
ข ้อที 48 :
แบบใดเขียนได ้ถูกตามเงือนไข
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 49 :
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
เมือไรเขียนแบบหน ้าแปลนครึงภาพ แทนการเขียนแบบสมบูรณ์เต็มภาพ ดังรูปต่อไปนี
อส
ก รข
ิ ว
1 : เมือเป็ นหน ้าแปลนกลม
าวศ
2 : เมือมีเนือทีจํากัด
3 : เมือ 2 ข ้างเหมือนกัน
4 : เมือรูปร่างสมมาตร
สภ
ข ้อที 50 :
การเขียนแบบหน ้าแปลนอย่างง่ายทีสุดเขียนอย่างไร
1 : เขียนแบบเพียงครึงภาพ
2 : เขียนย่อส่วน
3 : แสดงรูยดึ ไว ้ภาพด ้านหน ้าโดยตรง
4 : ไม่แสดงสัญลักษณ์คณ ุ ภาพผิว
ข ้อที 51 :
เส ้นลูกโซ่บาง ไม่ใช ้แสดงเส ้นอะไร
1 : เส ้นศูนย์กลาง
2 : วงกลมตัดบางส่วน
3 : เส ้นตัดเลือนแนว
4 : อ ้างอิงการแปรรูปชินงาน
ข ้อที 52 :
เส ้นเต็มบางไม่ใช ้แสดงเส ้นอะไร
1 : เส ้นกําหนดขนาด
2 : เส ้นแนวพับชินงาน
3 : เส ้นโคนเกลียว
4 : ชุบแข็งเพียงบางส่วน
ข ้อที 53 :
เส ้นทะแยงมุมแสดงด ้วยเส ้นอะไร
1 : เส ้นเต็มหนา
2 : เส ้นลูกโซ่หนา
4 : เส ้นประ
ข ้อที 54 :
มาตราส่วนใดไม่อยูใ่ นมาตราส่วยย่อ
1:1:2
2:1:3
3:1:5
4 : 1 : 10
ิ
ิ ธ
ข ้อที 55 :
สท
วน
งวน
เส ้นเต็มบาง (เส ้นทแยงมุมในรูปสีเหลียมบน) แสดงถึงอะไร
อส
ก รข
1 : ไม่ชบ
ุ แข็ง
ิ ว
2 : แสดงถึงพืนราบ
าวศ
3 : แสดงกรรมวิธแ ี ปรสภาพงานพิเศษ
4 : ส่วนเสริมตัดออกได ้
สภ
ข ้อที 56 :
ภาพคันโยกเส ้นลูกโซ่คอ
ื อะไร
1 : คันโยก 2 อัน 3 ตําแหน่ง

2 : คันโยกเดียว 2 ตําแหน่ง
3 : เพิมได ้อีก 2 คันโยก
4 : ให ้ระวังการเลือนเกิน
ข ้อที 57 :
มาตราส่วน 1:5 เป็ นมาตราส่วนแบบใด
1 : มาตราส่วนเท่าของจริง
2 : มาตราส่วนย่อ
3 : มาตราส่วนขยาย
4 : ไม่ใช่มาตราส่วนทีใช ้ในการเขียนแบบ
ข ้อที 58 :
มาตราส่วน 5:1 เป็ นมาตราส่วนแบบใด
1 : มาตราส่วนเท่าของจริง
2 : มาตราส่วนย่อ
3 : มาตราส่วนขยาย
4 : ไม่ใช่มาตราส่วนทีใช ้ในการเขียนแบบ
ข ้อที 59 :
ข ้อใดเป็ นการเรียงลําดับไส ้ดินสอจากอ่อนไปแข็งทีใช ้ในการเขียนแบบทีถูกต ้อง
1 : 6H, 4H, 2H, F

2 : 4H, 3H, 2H, B
3 : B, HB, 2H, 3H
4 : HB, 2H, 3H, 4H
ข ้อที 60 :
ิ
ิ ธ
เส ้นเต็มบางใช ้เขียนเส ้นใดต่อไปนี

สท
1 : เส ้นแสดงลายตัด เส ้นชี เส ้นบอกขนาด

2 : เส ้นขอบรูปทีถูกบัง เส ้นแสดงแนวตัด เส ้นลายไม ้
วน
งวน
3 : เส ้นตัดแตก เส ้นผ่านศูนย์กลาง เส ้นแสดงขอบเขตการชุบแข็ง
4 : ไม่มคี ําตอบทีถูกต ้อง
อส
รข
ข ้อที 61 :
จากรูปข ้างล่างนีตําแหน่ง A, B, C เป็ นเส ้นชนิดใดตามลําดับ
ก
ิ ว
าวศ
สภ
1 : เส ้นเต็มหนา เส ้นมือเปล่า เส ้นประ

2 : เส ้นเต็มหนา เส ้นเต็มบาง เส ้นประ
3 : เส ้นเต็มหนา เส ้นมือเปล่า เส ้นลูกโซ่หนา
4 : เส ้นเต็มหนา เส ้นลูกโซ่หนา เส ้นมือเปล่า
ข ้อที 62 :
่ ายในรูปวงกลม โดยทีเส ้นรอบวงของวงกลมลากผ่านมุมทุกมุมของรูปแปดเหลียมพอดี ข ้อใดต่อไปนีกล่าวถูกต ้อง

การเขียนรูปแปดเหลียมอยูภ
1 : มุมทุกมุมภายในรูปแปดเหลียมมีขนาดเท่ากับ 150 องศา

2 : รัศมีของวงกลม ยาวเท่ากับเส ้นตรงทีลากจากมุมหนึงผ่านจุดศูนย์กลางไปยังมุมตรงข ้ามของรูปแปดเหลียม (across corners)
3 : เส ้นผ่านศูนย์กลางของวงกลม ยาวเท่ากับความยาวด ้านของรูปแปดเหลียม
4 : เส ้นผ่านศูนย์กลางของวงกลม ยาวเท่ากับเส ้นตรงทีลากจากมุมหนึงผ่านจุดศูนย์กลางไปยังมุมตรงข ้ามของรูปแปดเหลียม (across corners)
ข ้อที 63 :
การวัดขนาดความยาวในงานเขียนแบบตามมาตรฐาน ISO (International Standards Organization) ใช ้ระบบหน่วยการวัดในข ้อใด
1 : หน่วยอังกฤษ (English units)

2 : หน่วยตะวันตก (Western units)
3 : หน่วยเมตริก (Metric units)
4 : องศาและเรเดียล (Degrees and radians)
ข ้อที 64 :
จากรูปห ้าเหลียมด ้านเท่าทีกําหนดให ้ มุม COE มีคา่ เป็ นกีองศา
1 : 60 องศา
ิ
ิ ธ
2 : 100 องศา
สท
3 : 120 องศา
4 : 144 องศา
วน
งวน
เนือหาวิชา : 710 : Orthographic Projection
ข ้อที 65 :
อส
สัญลักษณ์ของมุมที 1 (First Angle) เป็ นอย่างไร
ก รข
1:
ิ ว
าวศ
2:
สภ
3:
4:
ข ้อที 66 :
เส ้นบนภาพเขียน (Drawings) อาจมีความหมาย หมายถึง
1 : ระนาบทีมองเห็นเป็ นสัน (Edge View)

2 : รอยตัดระหว่างระนาบสองอัน (Intersection)
3 : ขอบของระนาบโค ้ง (Surface Limit)
ข ้อที 67 :
ข ้อใดถูกต ้องเกียวกับขนาดของระนาบ “A” ในรูป Front View
1 : เป็ นขนาดจริง (True Shape)

2 : เป็ นขนาดทีเล็กลง (Foreshortened)
3 : เป็ นขนาดทีใหญ่ขน ึ (Enlarge)
4 : อาจมีขนาดเท่าขนาดจริง หรือใหญ่ขน ึ หรือเล็กลงก็ได ้
ข ้อที 68 :
ข ้อใดถูกต ้องเกียวกับขนาดของระนาบ “A” ในรูป Right Side View
1 : เป็ นขนาดจริง (True Shape)

2 : เป็ นขนาดทีเล็กลง (Foreshortened)
3 : เป็ นขนาดทีใหญ่ขน ึ (Enlarge)
4 : อาจมีขนาดเท่าขนาดจริง หรือใหญ่ขน ึ หรือเล็กลงก็ได ้
ข ้อที 69 :
ระนาบ "P" ในรูป Top Views สัมพันธ์กบ

ั ระนาบใดในรูป Front View และ Right Side View
ิ
ิ ธ
1 : a กับ A
สท
2 : b กับ B
3 : a และเห็นเป็ นเส ้น (Edge View) "C" ในรูป Right Side View
4 : เห็นเป็ นเส ้น (Edge View) "c" ในรูป Front View และ "C" ในรูป Right Side View
วน
งวน
อส
ข ้อที 70 :
จากภาพฉายระบบ Third Angle Projection ทีกําหนดให ้ ระนาบ “P” ในรูป Top Views สัมพันธ์กบ
ั ข ้อใดในรูป Front View
ก รข
ิ ว
าวศ
1:a
2 : เห็นเป็ นเส ้น (Edge View) “b”
3 : เห็นเป็ นเส ้น (Edge View) “c”
สภ
4:d
ข ้อที 71 :
จากภายฉายระบบ Third Angle Projection ทีกําหนดให ้ ระนาบ “P” ในรูป Top Views สัมพันธ์กบ
ั ข ้อใดในรูป Front View
1:a
4:d
ข ้อที 72 :
ระนาบ “P” ในรูป Front View สัมพันธ์กบ

ั ระนาบใดในรูป Right Side View
1:a
4:d
ข ้อที 73 :
การแสดงภาพของวัตถุด ้วยภาพฉาย (Projection) ในลักษณะต่อไปนี เรียกว่า
1 : ภาพฉายออร์โทกราฟิ ก (Orthographic Projection) และ ภาพฉายไอโซเมทริกซ์ (Isometric Projection)

2 : ภาพฉายไอโซเมทริกซ์ (Isometric Projection)
3 : ภาพฉายออร์โทกราฟิ ก (Orthographic Projection)
4 : ภาพฉายออบบริก (Oblique Projection)
ข ้อที 74 :
การแสดงภาพของวัตถุด ้วยภาพฉาย (Projection) ในลักษณะต่อไปนี เรียกว่า

ิ
ิ ธ

สท
4 : ภาพฉายเพอสเปกทีพ (Perspective Projection)
วน
งวน
ข ้อที 75 :
การแสดงภาพของวัตถุด ้วยภาพฉาย (Projection) ในลักษณะข ้างล่างนี เรียกว่า
อส
รข
ก
ิ ว
าวศ
สภ
ข ้อที 76 :
การแสดงภาพของวัตถุด ้วยภาพฉาย (Projection) ในลักษณะข ้างล่างนี เรียกว่า

ข ้อที 77 :
รูป Orthographic Drawing ข ้างล่างนี สัมพันธ์กบ

ั วัตถุในข ้อใด
1:
2:
3:
4 : ไม่มข
ี ้อใดถูก
ข ้อที 78 :
รูป Orthographic Drawing ข ้างล่างนี สัมพันธ์กบ

ั วัตถุในข ้อใด
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
1:
ก รข
ิ ว
าวศ
2:
สภ
3:
4 : ไม่มข
ข ้อที 79 :
รูป Pictorial Drawing ข ้างล่างนี สัมพันธ์กบ

ั รูป Orthographic ในรูปใด
1:
2:
3:
4:
ิ
ิ ธ
สท
ข ้อที 80 :
วน
งวน
กําหนดวัตถุดงั รูป ภาพฉายรูปใดเขียนได ้ถูกต ้อง
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
1:
สภ
2:
3:
4:
ข ้อที 81 :
กําหนดวัตถุดงั ภาพด ้านล่าง ภาพใดต่อไปนีเป็ นการวางภาพฉายแบบออร์โธกราฟฟิ ก แบบมุมที 1 ได ้ถูกต ้อง
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 82 :
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
เป็ นสัญลักษณ์การเขียนแบบภาพฉายตามข ้อใด
อส
รข
1 : การเขียนภาพฉายมุมที 1 (First Angle Projection)
ก
2 : การเขียนภาพฉายมุมที 2 (Second Angle Projection)
3 : การเขียนภาพฉายมุมที 3 (Third Angle Projection)
ิ ว
4 : การเขียนภาพฉายมุมที 5 (Fifth Angle Projection)
าวศ
สภ
ข ้อที 83 :
การเขียนภาพฉายมุมที 1 (First Angle Projection) เป็ นการเขียนแบบภาพฉายระบบใด
1 : ระบบยุโรป
2 : ระบบอเมริกน ั
3 : ระบบเอเชีย
4 : ระบบญีปุ่ น
ข ้อที 84 :
ข ้อใดเป็ นภาพแสดงมุมมองทีถูกต ้อง ตามทิศทางลูกศรชีของภาพสามมิตท ี าหนดให ้ (ภาพในข ้อสอบได ้ละเว ้นเส ้นผ่านศูนย์กลางของวงกลมหรือ
ิ กํ
ทรงกระบอก)
1:
2:
3:
ิ
ิ ธ
4:
สท
วน
งวน
ข ้อที 85 :
ภาพแสดงมุมมองทีหายไปของภาพฉายต่อไปนีคือข ้อใด
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 86 :
1:
2:
3:
ิ
ิ ธ
4:
สท
วน
ข ้อที 87 :
งวน
จงเลือกภาพฉายด ้านบนให ้ตรงกับภาพฉายด ้านหน ้า และภาพฉายด ้านข ้างทีกําหนดให ้
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
1:
สภ
2:
3:
4:
ข ้อที 88 :
เมือพิจารณาเส ้นตรงเส ้นหนึง พบว่าเส ้นความยาวจริงของเส ้นตรงนีปรากฏทีภาพด ้านหน ้า และภาพด ้านบน ภาพด ้านข ้างจะปรากฏเป็ นรูปร่างใด
1 : เส ้นตรงความยาวไม่จริง
2 : เส ้นตรงความยาวจริง
3 : จุด
4 : เส ้นเอียงความยาวไม่จริง
ข ้อที 89 :
ในการพิจารณาเส ้นตรงเส ้นหนึง หากพบว่าทีภาพด ้านหน ้าปรากฏเป็ นเส ้นความยาวไม่จริงของเส ้นตรงเส ้นนี ทีภาพด ้านข ้างปรากฏเป็ นเส ้นความยาว
จริง เส ้นตรงเส ้นนีจะปรากฏบนภาพด ้านบนในลักษณะใด
1 : จุด
2 : เส ้นความยาวจริง
3 : เส ้นโค ้ง
4 : เส ้นความยาวไม่จริง
ข ้อที 90 :
พิจารณาระนาบหนึง พบว่าทีภาพด ้านหน ้าและภาพด ้านข ้างปรากฏเป็ นสันหรือขอบของระนาบ ทีภาพด ้านบนจะปรากฏเป็ นรูปร่างใด
1 : ระนาบทีแสดงขนาดจริง
2 : ระนาบทีแสดงขนาดเล็กกว่าความเป็ นจริง
3 : ระนาบทีแสดงขนาดใหญ่กว่าความเป็ นจริง
4 : สันหรือขอบของระนาบ
ข ้อที 91 :
พิจารณาระนาบหนึง พบว่าทีภาพด ้านข ้างและภาพด ้านบนปรากฏเป็ นระนาบทีมีขนาดไม่เท่ากับขนาดจริงของระนาบนี ภาพด ้านหน ้าจะปรากฏเป็ นรูป
ร่างใด
1 : ระนาบทีมีขนาดเล็กว่าขนาดจริงของระนาบนี
2 : ระนาบทีมีขนาดใหญ่วา่ ขนาดจริงของระนาบนี
3 : สันหรือขอบของระนาบ
4 : ระนาบทีมีขนาดเท่ากับขนาดจริงของระนาบ
ิ
ิ ธ
สท
ข ้อที 92 :
วน
งวน
ภาพฉายออร์โธกราฟิ กในข ้อใด ทีสอดคล ้องกับรูปไอโซเมตริกต่อไปนี
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
1:
2:
3:
ิ
ิ ธ
4:
สท
วน
งวน
ข ้อที 93 :
องค์ประกอบของการเขียนภาพฉายตังฉาก ของระบบการวางภาพแบบมุมที 1 ประกอบด ้วยอะไรบ ้าง ตามลําดับ
อส
1 : คนมอง ฉากรับภาพ วัตถุ
2 : วัตถุ ฉากรับภาพ คนมอง
รข
3 : คนมอง วัตถุ ฉากรับภาพ
4 : ฉากรับภาพ วัตถุ คนมอง
ก
ิ ว
าวศ
ข ้อที 94 :
จากภาพฉาย ออร์โธกราฟิ ก ทีกําหนดให ้ ภาพไอโซเมตริก ใดถูกต ้อง

สภ
1:
ิ
ิ ธ
สท
วน
3:
2:
สภ
าวศ
ิ ว
ก รข
อส
วน งวน
สท
ิ ธ
ิ
งวน
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
4:
ข ้อที 95 :
ในการเขียนภาพฉายตังฉาก 3 ด ้าน (Orthographics) ถ ้าต ้องการดูความสูงของวัตถุ สามารถดูได ้จากภาพฉายด ้านใด
1 : ทัง 3 ด ้าน
2 : ด ้านหน ้า - ด ้านบน
3 : ด ้านข ้าง - ด ้านบน
4 : ด ้านหน ้า - ด ้านข ้าง
ข ้อที 96 :
ภาพ 3 มิตใิ นข ้อใดทีไม่สอดคล ้องกับภาพด ้านบน ทีกําหนดให ้โดยไม่คํานึงถึงเส ้น CENTER LINE
1:
2:
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
ก รข
3:
ิ ว
าวศ
สภ
4:
ข ้อที 97 :
ระนาบ A ในภาพฉายตังฉากทีกําหนดให ้คือระนาบประเภทใด
1 : ระนาบปกติ
2 : ระนาบเอียง
3 : ระนาบตรง
4 : ระนาบเทเอียง
ข ้อที 98 :
จากมุมมองภาพด ้านบน(top view)ของการฉายภาพ(orthographic projection) ทีกําหนดให ้ ภาพในคําตอบข ้อใดไม่สามารถเป็ นภาพด ้านหน ้า(front
view)ของมุมมองภาพด ้านบนนีได ้
1:
2:
ิ
ิ ธ
สท
3:
วน
งวน
อส
รข
4:
ก
ข ้อที 99 :
ิ ว
าวศ
มุมมองภาพด ้านบนดังรูป สอดคล ้องกับวัตถุในข ้อใด
สภ
1:
2:
3:
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
4:
ข ้อที 100 :
ภาพสามมิตภ
ิ าพใดสอดคล ้องกับภาพฉายทีกําหนดให ้
1:
2:
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
3:
สภ
4:
ข ้อที 101 :
จากรูป ระนาบ A, B, C, D และ E เป็ นระนาบแบบใดตามลําดับ
1 : Normal Plane, Inclined Plane, Normal Plane, Oblique Plane and Normal Plane
2 : Normal Plane, Oblique Plane, Normal Plane, Oblique Plane and Normal Plane
3 : Normal Plane, Inclined Plane, Normal Plane, Inclined Plane and Normal Plane
4 : Normal Plane, Oblique Plane, Normal Plane, Inclined Plane and Normal Plane
ข ้อที 102 :
ข ้อใดคือการวางภาพระบบมุมที 3.
1 : Right Side View อยูม

่ ม ุ บนซ ้าย,Front View อยูม ่ ม ุ บนขวา,Top View อยูม ่ มุ ล่างขวา
2 : Right Side View อยูม่ ม ุ บนขวา,Front View อยูม ่ ม ุ ล่างขวา,Top View อยูม ่ ม ุ บนซ ้าย
3 : Right Side View อยูม ่ ม ุ ล่างขวา,Front View อยูม ่ ม ุ ล่างซ ้าย,Top View อยูม ่ ม ุ บนซ ้าย
4 : Right Side View อยูม ่ ม ุ ล่างซ ้าย,Front View อยูม่ ม ุ บนขวา,Top View อยูม ่ ม ุ ล่างขวา
ข ้อที 103 :
ข ้อใดคือการวางภาพระบบมุมที 1.
1 : Right Side View อยูม

่ ม ุ บนซ ้าย,Front View อยูม ่ ม ุ บนขวา,Top View อยูม ่ มุ ล่างขวา
2 : Right Side View อยูม่ ม ุ บนขวา,Front View อยูม ่ ม ุ ล่างขวา,Top View อยูม ่ ม ุ บนซ ้าย
3 : Right Side View อยูม ่ ม ุ ล่างขวา,Front View อยูม ่ ม ุ ล่างซ ้าย,Top View อยูม ่ ม ุ บนซ ้าย
ิ
ิ ธ
4 : Right Side View อยูม ่ ม ุ ล่างซ ้าย,Front View อยูม่ ม ุ บนขวา,Top View อยูม ่ ม ุ ล่างขวา
สท
วน
งวน
ข ้อที 104 :
จากรูปทีกําหนดให ้ด ้านไม่ถก
ู ต ้อง
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
1 : ด ้านบน
2 : ด ้านหน ้า
3 : ด ้านข ้าง
4 : ถูกหมดทุกข ้อ
ข ้อที 105 :
ภาพไอโซเมตริก ในข ้อใดทีสัมพันธ์กบ

ั ภาพฉาย ด ้านบน ด ้านหน ้า และ ด ้านข ้างขวา ทีกําหนดให ้
1:
ิ
ิ ธ
สท
2:
วน
งวน
อส
ก รข
3:
ิ ว
าวศ
สภ
4:
ข ้อที 106 :
ภาพไอโซเมตริกในข ้อใด ทีสัมพันธ์กบ

ั ภาพฉาย ด ้านบน ด ้านหน ้า และ ด ้านข ้างขวา ทีกําหนดให ้
1:
2:
3:
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
ก รข
4:
ิ ว
าวศ
ข ้อที 107 :
สภ
ข ้อใดถูกต ้อง
1:
2:
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
3:
4:
ข ้อที 108 :
จากภาพสามมิต ิ และภาพด ้านหน ้าทีกําหนดให ้ รูปใดคือภาพด ้านบน

ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
1:
ก รข
ิ ว
าวศ
2:
สภ
3:
4:
ข ้อที 109 :
จากภาพสามมิตท
ิ กํ
ี าหนดให ้ รูปใดคือภาพด ้านบน
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 110 :
เส ้นออบบริก (Oblique line) คือ
1 : เป็ นเส ้นทีแสดงการตัดวัตถุเพือให ้มองเห็น หรือแสดงส่วนทีมีลก

ั ษณะซับซ ้อนของวัตถุ ซึงไม่สามารถแสดงด ้วยภาพฉาย Orthographics ได ้
2 : เป็ นเส ้นทีแสดงให ้เห็นว่ามีเนือวัตถุบงั เส ้นอยู่
3 : เป็ นเส ้นทีวางตัวขนานกับระนาบอ ้างอิง 1 ระนาบ
4 : เป็ นเส ้นทีไม่วางตัวขนานกับระนาบอ ้างอิงใดเลย
ิ
ิ ธ
ข ้อที 111 :
สท
เส ้น miter line ต ้องมีมม

ุ เท่าใด
วน
1 : 15
งวน
2 : 30
3 : 45
4 : 60
อส
รข
ข ้อที 112 :
จากภาพทีกําหนดให ้ เป็ นภาพฉายของวัตถุเสมือนจริงแบบ Isometric อยากทราบวัตถุนจะมี

ี จํานวนของพืนผิวเท่าใด
ก
ิ ว
าวศ
สภ
1 : 10
2 : 11
3 : 12
4 : 13
ข ้อที 113 :
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
จากรูปทีกําหนดให ้ พืนผิวใดอยูด
่ ้านบนทีสุด
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
1:H
2:D
3:A
4:E
ข ้อที 114 :
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
จากรูปทีกําหนดให ้ พืนผิวใดอยูด
่ ้านหน ้าทีสุด
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
1:J
2:B
3:C
4:K
ข ้อที 115 :
1:
2:
3:
4:
ิ
ิ ธ
ข ้อที 116 :
สท
วน
งวน
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
1:
สภ
2:
3:
4:
ข ้อที 117 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 118 :
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
จากรูปทีกําหนดให ้ พืนผิวใดอยูร่ ะดับเดียวกันกับพืนผิว G
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
1:K
2:H
3:J
4 : H และ K
ข ้อที 119 :
จากรูปทีกําหนดให ้ พืนผิวใดอยูส
่ งู ทีสุด
1:F
2:B
3:A
4 : A และ B
ิ
ิ ธ
สท
ข ้อที 120 :
วน
งวน
จากรูปทีกําหนดให ้ พืนผิวใดอยูร่ ะดับเดียวกันกับพืนผิว D
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
1:C
2:B
3:E
4:F
ข ้อที 121 :
จากภาพฉายในระบบมุมที 3 ทีกําหนดให ้ พืนผิวใดอยูส

1 : ผิวที 1
ข ้อที 122 :
จากภาพฉายในระบบมุมที 3 ทีกําหนดให ้ พืนผิวใดเป็ นพืนผิวเอียง

ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
1 : พืนผิวที 25
ข ้อที 123 :
จากภาพฉายในระบบมุมที 3 ทีกําหนดให ้ พืนผิวใดอยูส

ข ้อที 124 :
จากภาพฉายในระบบมุมที 3 ทีกําหนดให ้ พืนผิวใดเป็ นพืนผิวเอียง
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
ข ้อที 125 :
อส
ภาพใดเป็ นภาพจากด ้านทีลูกศรชี
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 126 :
แบบงานสวมต่อกันต่อไปนีเป็ นงานสวมต่ออะไร
1 : แท่งสีเหลียม 2 อันมีขนาดเท่ากัน
2 : แท่งสามเหลียม 2 อัน
3 : แท่งทรงกระบอกตัน 2 อัน
4 : ทรงกระบอก 2 อันมีขนาดเท่ากัน
ข ้อที 127 :
ภาพด ้านข ้างภาพในแสดงตามแบบมาตรฐาน
1:
ิ
ิ ธ
สท
2:
วน
งวน
อส
3:
รข
4:
ก
ข ้อที 128 : ิ ว
าวศ
ภาพใดแสดงเกลียวในตามแบบมาตรฐาน
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 129 :
ภาพด ้านบนทีถูกต ้องคือภาพใด
1:
2:
3:
4:
ิ
ิ ธ
สท
ข ้อที 130 :
วน
งวน
ภาพฉายขวามือแสดงชินงานด ้านใด
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
1 : ภาพด ้านหน ้า
2 : ภาพด ้านบน
สภ
3 : ภาพด ้านล่าง
4 : ภาพด ้านข ้างขวา
ข ้อที 131 :
ภาพด ้านหน ้าและด ้านบนเหมือนกัน ภาพใดเป็ นภาพด ้านข ้างทีถูกมาตรฐาน
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 132 :
ภาพด ้านหน ้าและภาพด ้านบนเหมือนกัน ชินงานไม่ใช่ทรงกลม ภาพด ้านข ้างทีถูกต ้องคือภาพใด

ิ
ิ ธ
สท
1:
วน
งวน
อส
2:
ก รข
ิ ว
าวศ
3:
สภ
4:
ข ้อที 133 :
ภาพด ้านหน ้าและภาพด ้านบนเหมือนกัน ชินงานไม่ใช่ทรงกลม ภาพด ้านข ้างทีถูกต ้องคือภาพใด
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 134 :
ภาพฉาย 3 ด ้านชุดใด ทีแสดงลักษณะภาพ 3 มิต ิ ได ้ถูกต ้อง

ิ
ิ ธ
1:
สท
วน
งวน
อส
รข
2:
ก
ิ ว
าวศ
3:
สภ
4:
ข ้อที 135 :
ภาพใด เป็ นภาพด ้านหน ้าของภาพ 3 มิตต

ิ ามทิศทางลูกศร
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 136 :
จาพภาพฉายด ้านข ้างของทรงกรวย เมือมองตามมุมมองด ้านบน พืนทีภาคตัดเอียงผ่านปลายทรงกรวยเป็ นลักษณะใด

ิ
ิ ธ
1 : วงกลม
สท
2 : วงรี
3 : สามเหลียม
4 : พาราโบลา
วน
งวน
อส
ข ้อที 137 :
จากภาพฉายด ้านข ้างของทรงกรวย เมือมองตามมุมมองด ้านบน พืนทีภาคตัดเอียงกับแกนทรงกรวยเป็ นลักษณะใด
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
1 : สามเหลียม
3 : วงรี
4 : วงกลม
ข ้อที 138 :
ภาพด ้านบนพืนทีภาคตัดทรงกระบอก เป็ นลักษณะใด
1 : วงรี
2 : วงกลม
3 : ครึงวงกลม
ข ้อที 139 :
ภาพด ้านบนพืนทีภาคตัดทรงกระบอกเป็ นลักษณะใด
1 : วงรี
3 : ครึงวงกลม
4 : วงกลม
ข ้อที 140 :
ทรงกระบอกทีมีขนาดเท่ากันสวมต่อกันตามแนวเส ้นศูนย์กลางโดยตรง แบบทีถูกต ้องคือแบบใด
1:
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
รข
2:
ก
ิ ว
าวศ
สภ
3:
4:
ข ้อที 141 :
จากภาพด ้านข ้างทรงกระบอกตัด จงหาภาพด ้านหน ้าทีถูกต ้อง
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 142 :
ภาพใดคือภาพด ้านหน ้าของภาพ 3 มิตท

ิ กํ
ี าหนดให ้
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
1:
ก รข
2:
ิ ว
าวศ
สภ
3:
4:
ข ้อที 143 :
ภาพใดคือภาพด ้านหน ้าของภาพ 3 มิต ิ ทีกําหนดให ้
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 144 :

ิ
ิ ธ
สท
1:
วน
งวน
อส
2:
ก รข
3: ิ ว
าวศ
สภ
4:
ข ้อที 145 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 146 :
1:
ิ
ิ ธ
2:
สท
วน
งวน
อส
3:
ก รข
4: ิ ว
าวศ
ข ้อที 147 :
สภ
ภาพใดคือภาพด ้านข ้างของภาพ 3 มิต ิ ทีกําหนดให ้
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 148 :
1:
2:
ิ
ิ ธ
สท
3:
วน
งวน
อส
4:
รข
ก
ข ้อที 149 :
ิ ว
าวศ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 150 :
1:
2:
3:
4:
ิ
ิ ธ
สท
ข ้อที 151 :
วน
งวน
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
1:
สภ
2:
3:
4:
ข ้อที 152 :
ภาพใดคือภาพด ้านบนของภาพ 3 มิต ิ ทีกําหนดให ้
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 153 :

ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
1:
ก รข
2:
ิ ว
าวศ
3:
สภ
4:
ข ้อที 154 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 155 :
1:
ิ
ิ ธ
สท
2:
วน
งวน
อส
3:
ก รข
4:
ิ ว
าวศ
ข ้อที 156 :
สภ
จากภาพด ้านหน ้าทีกําหนด จงเลือกภาพด ้านข ้าง
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 157 :
1:
2:
3:
ิ
ิ ธ
4:
สท
วน
งวน
ข ้อที 158 :
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
1:
สภ
2:
3:
4:
ข ้อที 159 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 160 :

ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
1:
ก รข
2:
ิ ว
าวศ
สภ
3:
4:
ข ้อที 161 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 162 :
จากภาพด ้านหน ้าทีกําหนด จงเลือกภาพด ้านบน
1:
ิ
ิ ธ
สท
2:
วน
งวน
อส
3:
ก รข
4:
ิ ว
าวศ
ข ้อที 163 :
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 164 :
1:
2:
ิ
3:
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
4:
รข
ก
ข ้อที 165 :
ิ ว
าวศ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 166 :
1:
2:
3:
4:
ิ
ิ ธ
สท
ข ้อที 167 :
วน
งวน
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
1:
สภ
2:
3:
4:
ข ้อที 168 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 169 :

ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
1:
ก รข
2:
ิ ว
าวศ
สภ
3:
4:
ข ้อที 170 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 171 :
1:
ิ
ิ ธ
สท
2:
วน
งวน
อส
3:
ก รข
4:
ิ ว
าวศ
ข ้อที 172 :
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 173 :
1:
2:
3:
ิ
ิ ธ
สท
4:
วน
งวน
อส
ข ้อที 174 :
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 175 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 176 :
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
1:
สภ
2:
3:
4:
ข ้อที 177 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 178 :

ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
1:
ก รข
2:
ิ ว
าวศ
สภ
3:
4:
ข ้อที 179 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 180 :
1:
ิ
ิ ธ
สท
2:
วน
งวน
อส
3:
ก รข
4:
ิ ว
าวศ
ข ้อที 181 :
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 182 :
1:
2:
3:
ิ
ิ ธ
สท
4:
วน
งวน
อส
ข ้อที 183 :
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 184 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 185 :

ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
1:
ก รข
2:
ิ ว
าวศ
3:
สภ
4:
ข ้อที 186 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 187 :
1:
ิ
ิ ธ
2:
สท
วน
งวน
อส
3:
ก รข
4:
ิ ว
าวศ
ข ้อที 188 :
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 189 :
1:
2:
3:
ิ
ิ ธ
สท
4:
วน
งวน
อส
ข ้อที 190 :
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 191 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 192 :
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
1:
สภ
2:
3:
4:
ข ้อที 193 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 194 :

ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
1:
ก รข
2:
ิ ว
าวศ
3:
สภ
4:
ข ้อที 195 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 196 :
1:
ิ
ิ ธ
สท
2:
วน
งวน
อส
3:
ก รข
4:
ิ ว
าวศ
ข ้อที 197 :

สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 198 :
จงหาภาพด ้านหน ้าทีถูกต ้องของภาพ 3 มิต ิ ทีกําหนดให ้
1:
2:
3:
4:
ิ
ิ ธ
สท
ข ้อที 199 :
วน
งวน
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
1:
สภ
2:
3:
4:
ข ้อที 200 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 201 :

ิ
ิ ธ
สท
1:
วน
งวน
อส
2:
ก รข
3:
ิ ว
าวศ
4:
สภ
ข ้อที 202 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 203 :
จงหาภาพด ้านบนทีถูกต ้องของภาพ 3 มิต ิ ทีกําหนดให ้
1:
2:
ิ
ิ ธ
สท
3:
วน
งวน
อส
4:
รข
ก
ข ้อที 204 :
ิ ว
าวศ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 205 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 206 :
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
1:
สภ
2:
3:
4:
ข ้อที 207 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 208 :
จงหาภาพด ้านข ้างทีถูกต ้องของภาพ 3 มิต ิ ทีกําหนดให ้

ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
1:
ก รข
2:
ิ ว
าวศ
สภ
3:
4:
ข ้อที 209 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 210 :
1:
ิ
ิ ธ
สท
2:
วน
งวน
อส
3:
รข
วก
4:
วศิ
ข ้อที 211 :
า
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 212 :
1:
2:
3:
ิ
ิ ธ
4:
สท
วน
ข ้อที 213 :
งวน
อส
รข
1: วก
า วศิ
สภ
2:
3:
4:
ข ้อที 214 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 215 :

ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
1:
ก รข
2:
ิ ว
าวศ
สภ
3:
4:
ข ้อที 216 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 217 :
1:
ิ
ิ ธ
สท
2:
วน
งวน
อส
3:
รข
วก
4:
วศิ
ข ้อที 218 :
า
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 219 :
1:
2:
3:
ิ
ิ ธ
4:
สท
วน
งวน
ข ้อที 220 :
อส
รข
วก
า วศิ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 221 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 222 :

ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
1:
รข
วก
2: วศิ
า
สภ
3:
4:
ข ้อที 223 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 224 :
1:
ิ
ิ ธ
สท
2:
วน
งวน
อส
3:
ก รข
4:
ิ ว
าวศ
ข ้อที 225 :
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 226 :
1:
2:
3:
ิ
ิ ธ
สท
4:
วน
งวน
ข ้อที 227 :
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 228 :
จงเลือกภาพทีตรงกับภาพ 3 มิตท
ิ กํ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 229 :
จงเลือกภาพทีตรงกับภาพ 3 มิต ิ ทีกําหนดให ้

ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
1:
รข
วก
2: วศิ
า
สภ
3:
4:
ข ้อที 230 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 231 :
1:
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
2:
รข
3:
วก
า วศิ
สภ
4:
ข ้อที 232 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 233 :
1:
2:
ิ
ิ ธ
สท
3:
วน
งวน
อส
4:
รข
วก
ข ้อที 234 :

า วศิ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 235 :
1:
2:
3:
ิ
ิ ธ
4:
สท
ข ้อที 236 :
วน
งวน
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
1:
สภ
2:
3:
4:
ข ้อที 237 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 238 :

ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
1:
รข
2:
วก
า วศิ
สภ
3:
4:
ข ้อที 239 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 240 :
1:
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
2:
รข
3:
วก
า วศิ
สภ
4:
ข ้อที 241 :
ข ้อใดเป็ นภาพแสดงมุมมองทีถูกต ้อง ตามทิศทางลูกศรชีของภาพสามมิตท

ิ กํ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 242 :

ิ กํ
ิ
ิ ธ
สท
1:
วน
งวน
อส
2:
รข
วก
3: า วศิ
4:
สภ
ข ้อที 243 :

ิ กํ
1:
2:
3:
4 : ไม่มข
ข ้อที 244 :
1:
2:
ิ
ิ ธ
สท
3:
วน
งวน
อส
4:
รข
ข ้อที 245 :
ก
ิ ว
าวศ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 246 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 247 :
มุมมองภาพช่วยทีแสดงรูปร่างทีแท ้จริงของพืนผิว จะต ้องฉายไปจาก.................เสมอ
1 : ระนาบอ ้างอิง (Reference plane)

2 : มุมมองด ้านหน ้า (Front view)
ิ
ิ ธ
3 : มุมมองภาพช่วยทีหนึง (Primary auxiliary view)

สท
4 : มุมมองทีขอบ (Edge view) ของรูปร่างทีแท ้จริงของพืนผิว
วน
งวน
ข ้อที 248 :
การฉายภาพแบบใด ทีมีการฉายจุดไปยังจุดยึดเพียงจุดเดียว
อส
1 : การฉายภาพระบบมุมมองทีหนึง (First angles projection)
2 : การฉายภาพระบบมุมมองทีสาม (Third angles projection)
รข
3 : การฉายภาพแบบแอคโซโนเมตริก (Axonometric projection)
4 : การฉายภาพแบบเพอสเปคทีฟ (Perspective projection)
ก
ิ ว
าวศ
ข ้อที 249 :
ภาพแสดงมุมมองทีหายไปของภาพฉายต่อไปนี คือข ้อใด

สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 250 :

ิ กํ
1:
2:
ิ
ิ ธ
สท
3:
วน
งวน
อส
4:
รข
ข ้อที 251 :
วก
า วศิ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 252 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 253 :
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
การวางตําแหน่งรูปภาพฉายออร์โธกราฟฟิ คแบบมุมที 1 รูปใดถูกต ้องเมือกําหนดการมองดังรูป
อส
รข
วก
า วศิ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 254 :

ิ
ิ ธ
สท
1:
วน
งวน
อส
รข
2:
วก
า วศิ
สภ
3:
4:
ข ้อที 255 :
1:
2:
3:
ิ
ิ ธ
สท
4:
วน
งวน
ข ้อที 256 :
รูปทีกําหนดให ้ต่อไปนีค่าทีหายไปคือค่าอะไร
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 257 :
1:
2:
3:
4 : ไม่มค
ี ําตอบทีถูกต ้อง
ข ้อที 258 :
1:
2:
ิ
ิ ธ
3:
สท
4 : ไม่มข
ี ้อใดถูกต ้อง
วน
งวน
ข ้อที 259 :
อส
รข
วก
า วศิ
สภ
1:
2:
3:
4 : ไม่มข
ข ้อที 260 :
จงเรียงลําดับลักษณะของชินงานจากรูปทีกําหนดให ้ดังต่อไปนี
1 : รันเอาท์ ฟิ ลเล็ต ขอบมน

2 : ขอบมน ฟิ ลเล็ต ดายเอาท์
3 : ฟิ ลเล็ต ขอบมน ดายเอาท์
4 : รันเอาท์ ฟิ ลเล็ต ดายเอาท์
ข ้อที 261 :
รูปด ้านบนรูปใดให ้ความหมายทีถูกต ้องกับรูปด ้านหน ้าทีกําหนดให ้ต่อไปนี

ิ
ิ ธ
สท
1:
วน
งวน
อส
รข
2:
วก
า วศิ
3:
สภ
4 : ไม่มค
ี ําตอบทีถูกต ้อง
ข ้อที 262 :
ลักษณะของเส ้นประทีพบกันในรูปใดไม่ถก
ู ต ้อง
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 263 :
ภาพด ้านหน ้าทีกําหนดให ้ยังขาดความสมบูรณ์ รูปใดเป็ นภาพด ้านหน ้าทีถูกต ้อง
1:
ิ
ิ ธ
สท
2:
วน
งวน
อส
รข
3:
4 : ไม่มข
วก
ข ้อที 264 :
วศิ
า
สภ
1:
2:
3:
4 : ไม่มข
ข ้อที 265 :
1:
2:
ิ
ิ ธ
สท
3:
4 : ข ้อ 1 และ 2 ถูกต ้อง
วน
งวน
อส
ข ้อที 266 :
ภาพด ้านบนทีกําหนดให ้ยังขาดความสมบูรณ์ รูปใดเป็ นภาพด ้านบนทีถูกต ้อง
รข
วก
า วศิ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 267 :
1:
2:
3:
4:
ิ
ิ ธ
สท
ข ้อที 268 :
วน
งวน
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 269 :
ภาพด ้านข ้างทีกําหนดให ้ยังขาดความสมบูรณ์ รูปใดเป็ นภาพด ้านข ้างทีถูกต ้อง
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 270 :
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
ภาพด ้านข ้างทีกําหนดให ้ยังขาดความสมบูรณ์ รูปใดเป็ นภาพด ้านข ้างทีถูกต ้อง
อส
รข
วก
า วศิ
สภ
1:
2:
3:
4 : ไม่มข
ข ้อที 271 :
เพือให ้ภาพ Orthographic ข ้างล่างสมบูรณ์ ต ้องเติมเส ้นอีกกีเส ้น
1:0
2:2
3:4
4:6
ข ้อที 272 :
เลือก Top View ให ้เหมาะสมกับ Front View ทีกําหนดให ้

ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
รข
วก
1:
า วศิ
สภ
2:
3:
4:
ข ้อที 273 :
เลือก Front View ให ้เหมาะสมกับ Top View ทีให ้
1:
2:
3:
4:
ิ
ิ ธ
สท
ข ้อที 274 :
วน
งวน
จากภาพ Orthographic ทีกําหนดให ้ จงเลือก Left Side View ทีเหมาะสม
อส
รข
วก
า วศิ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 275 :
เลือก Side View ของภาพ Orthographic ทีให ้

ิ
ิ ธ
1:
สท
วน
งวน
อส
2:
ก รข
3:
ิ ว
าวศ
สภ
4:
ข ้อที 276 :
จากรูป Orthographic ของเส ้นทางเดินท่อนํ า จงหาความยาวรวมทังหมดของท่อ
1 : 200 m
2 : 230 m
3 : 260 m
4 : 280 m
ข ้อที 277 :
จากรูป Orthographic ทีกําหนดให ้ จงบอกชือมุมมอง (View) ให ้ถูกต ้อง
1 : View 1 = Front view, View 2 = Side view

2 : View 1 = Front view, View 2 = Top view
3 : View 1 = Top view, View 2 = Front view
ิ
ิ ธ
4 : View 1 = Side view, View 2 = Top view

สท
ข ้อที 278 :
วน
งวน
เลือก Right-side View ของภาพ Orthographic ทีกําหนดให ้
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 279 :
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
จากรูป Front View และ Side View ทีกําหนดให ้ จงเลือก Top View ทีถูกต ้อง
อส
รข
วก
า วศิ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 280 :
เลือกภาพวาด Oblique ทีเหมาะสมทีสุด
1:
ิ
ิ ธ
สท
2:
วน
งวน
อส
รข
3:
วก
า วศิ
สภ
4:
ข ้อที 281 :
ข ้อใดคือ front view ของรูป Isometric ทีให ้
1:
2:
3:
4:
ิ
ิ ธ
สท
ข ้อที 282 :
วน
งวน
ข ้อใดคือ front view ของ top view ทีกําหนดให ้
อส
รข
วก
า วศิ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 283 :
ข ้อใดไม่สามารถเป็ น right-side view ของภาพ Orthographic ทีให ้

ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
รข
1:
ก
ิ ว
าวศ
2:
สภ
3:
4:
ข ้อที 284 :
ข ้อใดคือมุมมองทีหายไป
1:
2:
3:
ิ
ิ ธ
สท
วน
4:
งวน
อส
ข ้อที 285 :
จงเลือกภาพ orthographic ทีถูกต ้อง
รข
วก
า วศิ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 286 :
จากรูป orthographic หากมองจากทิศทางของ front view ข ้อใดถูกต ้อง

ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
1 : Surface K is in front of Surface M and Surface F is in front of Surface L
2 : Surface N is above Surface P and Surface H is in front of Surface K
3 : Surface P is above Surface R and Surface G is in front of Surface M
อส
4 : Surface D is in front of Surface E and Surface Q is above Surface P
รข
ข ้อที 287 :
ก
รูปใดเป็ น Sectional View ของรูป Top View ทีกําหนดให ้
ิ ว
าวศ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 288 :
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
เลือกภาพวาด Isometric ของภาพ Orthographic ทีกําหนดให ้
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 289 :
เลือกภาพ Isometric ทีมีทผิ

ี ด
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
ก รข
1:
ิ ว
าวศ
สภ
2:
3:
4:
ข ้อที 290 :
เรียงลําดับความสูงของผิว A, B, C, D จากตําสุดไปสูงสุด
1 : A, C, B, D
2 : D, A, B, C
3 : C, D, A, B
4 : D, B, A, C
ิ
ิ ธ
ข ้อที 291 :
สท
ข ้อใดคือภาพ orthographic ทีถูกต ้องในทุกมุมมอง

วน
งวน
อส
ก รข
1:
ิ ว
าวศ
สภ
2:
3:
4:
ข ้อที 292 :
ข ้อใดคือ Top View ของภาพ 3 มิตท

ิ ให
ี ้
1:
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
ก รข
2:
ิ ว
าวศ
สภ
3:
4:
ข ้อที 293 :
จากรูป Orthographic ของเส ้นทางเดินท่อนํ า จงหาความยาวรวมทังหมดของท่อ
1 : 240
2 : 280
3 : 320
4 : 360
ข ้อที 294 :
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
รูปใดเป็ น Orthographic ของรูป Isometric ทีให ้
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
1:
2:
3:
4:
ิ
ิ ธ
สท
ข ้อที 295 :
วน
งวน
ข ้อใดไม่สามารถเป็ น side view ของภาพ front view ทีให ้
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 296 :
ข ้อใดเป็ นภาพฉาย orthographic ทีถูกต ้อง
1:
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
2:
สภ
3:
4:
ข ้อที 297 :
เลือกภาพ Isometric ของภาพ orthographic ทีให ้
1:
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
ก รข
2:
ิ ว
าวศ
สภ
3:
4:
ข ้อที 298 :
เลือกภาพ Isometric ทีเขียนได ้ถูกต ้องทีสุด
1:
2:
3:
ิ
ิ ธ
สท
วน
4:
งวน
อส
ข ้อที 299 :
ข ้อใดคือภาพฉาย orthographic ของภาพสามมิตท

ิ ให
ี ้
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 300 :
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
ภาพ orthographic ข ้างล่างเป็ นของวัตถุใด
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 301 :
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
วัตถุในภาพ orthographic นีใส่กล่องขนาดใดได ้พอดีทสุ
ี ด
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
1 : 160x160x120
2 : 110x150x160
3 : 130x110x155
4 : 105x155x150
ข ้อที 302 :
ภาพ orthographic ทีให ้เป็ นของวัตถุใด
1:
2:
3:
ิ
ิ ธ
สท
4:
วน
งวน
ข ้อที 303 :
ข ้อใดคือ Top View ของภาพ Orthographic ทีให ้
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 304 :
ต ้องแก ้ไขภาพ Orthographic อย่างไรเพือให ้ภาพสมบูรณ์
1 : ไม่ต ้องแก ้ไข

2 : เติมเส ้นทึบหนึงเส ้น
3 : เติมเส ้นประหนึงเส ้น
4 : เติมเส ้นทึบและเส ้นประอย่างละหนึงเส ้น
ิ
ิ ธ
สท
ข ้อที 305 :
วน
งวน
ข ้อใดเป็ น side view ของภาพ front view ทีให ้
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 306 :
ข ้างล่างเป็ นภาพ Isometric และ Orthographic ของวัตถุเดียวกัน มุม ABC ใน Top view มีคา่ เท่าใด
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
1 : 67.38 องศา
2 : 60 องศา
3 : 56.31องศา
อส
4 : 30องศา
รข
ข ้อที 307 :
ก
ข ้อใดคือ front view ของรูป orthographic ทีให ้
ิ ว
าวศ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 308 :
วัตถุในภาพ orthographic สามารถประกอบกับวัตถุใดได ้ พอดีทสุ

ี ด
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
1:
สภ
2:
3:
4:
ข ้อที 309 :
รูปใดเป็ น Orthographic ของรูป Isometric ทีให ้

ิ
ิ ธ
สท
1:
วน
งวน
อส
ก รข
2:
ิ ว
าวศ
สภ
3:
4:
ข ้อที 310 :
ภาพ Orthographic ในข ้อใดไม่ตรงกับภาพ Isometric
1:
2:
ิ
ิ ธ
สท
3:
วน
งวน
อส
รข
ก
ิ ว
าวศ
4:
สภ
ข ้อที 311 :
ในภาพฉายตามแนวเส ้นสายตาทีกําหนด มีเส ้นประกีเส ้น
1:2
2:3
3:4
4:5
เนือหาวิชา : 711 : Orthographic Drawings

ข ้อที 312 :
ข ้อใดเป็ นการวางตําแหน่งของวัตถุทให
ี ้ได ้ถูกต ้องตามหลักของภาพฉายแบบออร์โธกราฟฟิ ก
1:
2:
3:
ิ
ิ ธ
สท
ข ้อที 313 :
วน
งวน
ภาพใดไม่ใช่ภาพในการเขียนรูป Drawing แบบ 3 View?
1 : Front View
อส
2 : Right Side View
3 : Top View
4 : Contruction View
รข
ก
ข ้อที 314 :
ิ ว
าวศ
ขนาดของวัตถุในมิตใิ ดจะเห็นได ้บนภาพด ้านบน (Top View) และ ภาพด ้านหน ้า (Front View) ?
1 : ความกว ้าง
2 : มุมเอียงใดๆ
สภ
3 : ความสูง
4 : ความลึก
ข ้อที 315 :
ขนาดของวัตถุในมิตใิ ดจะเห็นได ้บนภาพด ้านข ้าง (Side View) และ ภาพด ้านหน ้า (Front View) ?
1 : ความกว ้าง
2 : ความสูง
3 : ความลึก
4 : ความยาว
ข ้อที 316 :
รูป Pictorial Drawing ในข ้อใด สัมพันธ์กบ

ั รูป Orthographic Drawing ข ้างล่างนี
1:
2:
3:
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
รข
4:
ก
ิ ว
าวศ
ข ้อที 317 :

สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 318 :

ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
รข
1:
ก
ิ ว
าวศ
สภ
2:
3:
4:
ข ้อที 319 :
รูปเขียน Orthographic Drawing ข ้างล่างนี สัมพันธ์กบ

ั รูป Pictorial Drawing ในข ้อใด?
1:
2:
3:
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
รข
4:
ก
ิ ว
าวศ
ข ้อที 320 :

สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 321 :

ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
รข
1:
ก
ิ ว
าวศ
สภ
2:
3:
4:
ข ้อที 322 :

1:
2:
ิ
ิ ธ
สท
3:
วน
งวน
อส
รข
4:
ก
ิ ว
าวศ
ข ้อที 323 :
ชนิดของฉายภาพลักษณะใดไม่ถอ
ื ว่าเป็ นภาพ PICTORIAL
สภ
1 : AXONOMETRIC PROJECTION
2 : OBLIQUE PROJECT
3 : MULTIVIEW PROJECTION
4 : PERSPECTIVE PROJECT
5 : ISOMATRIC PROJECTION
ข ้อที 324 :
จากภาพฉาย Orthographics ทีกําหนดให ้ ภาพ Isometric ในข ้อใดถูกต ้อง
1:
2:
3:
ิ
ิ ธ
4:
สท
5 : ไม่มข
วน
งวน
ข ้อที 325 :
จากภาพฉาย Orthographics ทีกําหนดให ้ภาพ Isometric ในข ้อใดถูกต ้อง
อส
รข
วก
า วศิ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 326 :
จากภาพฉาย Orthographics ทีกําหนดให ้ภาพ Isometric ในข ้อใดถูกต ้อง

ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
รข
1:
ก
ิ ว
าวศ
สภ
2:
3:
4:
ข ้อที 327 :
จากรูปทีกําหนดให ้ ถ ้าระยะ A มีความยาวเท่ากับ 4 และวงกลม C มีขนาดเส ้นผ่านศูนย์กลางเท่ากับ 3 จงหาขนาดของรัศมี R
1 : 5.5
2:7
3:5
4 : 4.5
ข ้อที 328 :
จากรูปทีกําหนดให ้ ถ ้าระยะ A มีความยาวเท่ากับ 5 และระยะ B มีความยาวเท่ากับ 4.5 วงกลม C มีขนาดเส ้นผ่านศูนย์กลางเท่ากับ 2 จงหาขนาดเส ้น
ผ่านศูนย์กลางของวงกลม D
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
รข
วก
าวศิ
สภ
1:3
2 : 3.5
3:4
4 : 4.5
ข ้อที 329 :
จากรูปทีกําหนดให ้ ถ ้าระยะ C มีความยาวเท่ากับ 4 และระยะ D มีความยาวเท่ากับ 2 และวงกลม B มีขนาดเส ้นผ่านศูนย์กลางเท่ากับ 2 จงหาขนาด

ของเส ้นผ่านศูนย์กลางของวงกลม A
1:1
2:2
3 : 2.5
4:3
ข ้อที 330 :
จากรูปทีกําหนดให ้ ถ ้าระยะรัศมี R เท่ากับ 5 และระยะ D ยาวเท่ากับ 2 และวงกลม B มีขนาดเส ้นผ่านศูนย์กลางเป็ น 2 เท่าของวงกลม A จงหาขนาด
ของรัศมีของวงกลม A
ิ
ิ ธ
สท
1 : 1.5
2:2
วน
3 : 2.5
งวน
4:3
อส
ข ้อที 331 :
รข
มุมมองภาพช่วย (Auxiliary view) จะใช ้แสดงงานเขียนแบบในข ้อใด
1 : แสดงรูปร่างทีแท ้จริงของงานเกลียว
วก
2 : แสดงภาพขยายของมุมชินงาน
3 : แสดงขนาดและรูปร่างทีแท ้จริงของพืนผิวเอียง
4 : แสดงความขรุขระของพืนผิวภาพช่วย
า วศิ
สภ
เนือหาวิชา : 712 : Pictorial Drawing

ข ้อที 332 :
ข ้อใดเป็ นความหมายทีถูกต ้องของ Isometric Circle
1 : เป็ นรูปวงรีทปรากฏเห็
ี นเป็ นวงกลมในภาพ Isometric Projection
2 : เป็ นรูปวงกลมบนระนาบ Isometric Plane ทีปรากฏเห็นเป็ นวงรีในภาพ Isometric Projection
3 : เป็ นรูปวงกลมทีปรากฏเห็นเป็ นขนาดจริงในภาพ Pictorial Drawing
4 : เป็ นรูปวงกลมทีใช ้ช่วยในการสร ้างรูป Isometric Projection
ข ้อที 333 :
ข ้อใดถูกต ้องเกียวกับขนาดของระนาบต่างๆ ของกล่องสีเหลียมจัตรุ ัสในรูป Isometric Projection
1 : ระนาบ “a” จะมีขนาดเล็กกว่าขนาดจริง และระนาบ “b”, “c”, และ “d” จะเป็ นขนาดจริง
2 : ระนาบ “a” จะมีขนาดใหญ่กว่าขนาดจริง และระนาบ “b”, “c”, และ “d” จะเป็ นขนาดจริง
3 : ระนาบ “a” จะมีขนาดจริง และระนาบ “b”, “c”, และ “d” จะเป็ นขนาดเล็กกว่าขนาดจริง
4 : ไม่สามารถบอกได ้ว่าระนาบ “a” มีขนาดใหญ่กว่าขนาดจริง หรือเท่ากับขนาดจริง หรือเล็กกว่าขนาดจริง
ข ้อที 334 :
ข ้อใดถูกต ้องเกียวกับขนาดของระนาบต่างๆ ของกล่องสีเหลียมจัตรุ ัสในรูป Isometric Drawings
1 : ระนาบ “a” จะมีขนาดเล็กกว่าขนาดจริง และระนาบ “b”, “c”, และ “d” จะเป็ นขนาดจริง
2 : ระนาบ “a” จะมีขนาดใหญ่กว่าขนาดจริง และระนาบ “b”, “c”, และ “d” จะเป็ นขนาดจริง
3 : ระนาบ “a” จะมีขนาดจริง และระนาบ “b”, “c”, และ “d” จะเป็ นขนาดเล็กกว่าขนาดจริง
4 : ไม่สามารถบอกได ้ว่าระนาบ “a” มีขนาดใหญ่กว่าขนาดจริง หรือเท่ากับขนาดจริง หรือเล็กกว่าขนาดจริง
ข ้อที 335 :
การเขียนภาพแบบออบบลิก (Oblique drawing) ในข ้อใดเรียกว่าภาพฉายแบบคาวาเลีย (Cavalier projection) ของกล่องสีเหลียมจัตตุรัส

ิ
ิ ธ
1:
สท
วน
งวน
อส
รข
วก
า วศิ
2:
สภ
3:
4:
ข ้อที 336 :
1 : 75 องศา
2 : 60 องศา
3 : 45 องศา
4 : 30 องศา
ข ้อที 337 :
ภาพเขียนแบบออบบริก (Oblique) มีกชนิ

ี ด?
1:5
2:2
ิ
ิ ธ
3:3
สท
4:4
วน
งวน
ข ้อที 338 :
รูปเขียนออบบริก (Oblique Drawing) ใช ้มุมเท่าใดในการเขียนรูป
อส
1 : 50 องศา
2 : 60 องศา
รข
3 : 75 องศา
4 : 90 องศา
วก
ข ้อที 339 :
า วศิ
การเขียนความลึกของรูปออบบริก (Oblique) แบบ Cabinet จะมีความยาวเท่าใด
สภ
1 : ครึงหนึงของความยาวจริง
2 : 1/4 ของความยาวจริง
3 : เท่ากับความยาวจริง
ข ้อที 340 :
การเขียนความลึกของรูปออบบริก (Oblique) แบบ Cavalier จะมีความยาวเท่าใด
1 : ครึงหนึงของความยาวจริง
3 : เท่ากับความยาวจริง
ข ้อที 341 :
การเขียนความลึกของภาพไอโซเมทริกซ์ (Isometric) ใช ้มุมเขียนเท่าไร
1 : 100 องศา
2 : 30 องศา
3 : 75 องศา
4 : 45 องศา
ข ้อที 342 :
ข ้อใดคือวัตถุประสงค์หลักในการเขียนรูปไอโซเมทริกซ์ (Isometric)
1 : เพือแสดงวัตถุในมุมมอง 3 มิต ิ
2 : เพือแสดงตําแหน่งของวัตถุ
3 : เพือแสดงสีและสภาพผิวของวัตถุ
4 : เพือแสดงการสร ้างวัตถุ
ข ้อที 343 :
โดยทัวไปแล ้ว เราจะไม่เขียนเส ้นใดบนรูปเขียนไอโซเมทริกซ์ (Isometric)
1 : เส ้นเต็ม (Visible line)

2 : เส ้นประ (Hidden line)
3 : เส ้นบอกศูนย์กลางวงกลม (Center Line)
4 : เส ้นร่าง (Contruction Line)
ข ้อที 344 :
ข ้อใดต่อไปนีไม่ถก
ู ต ้อง
1 : แกนเอียงของภาพออบบลิก (Oblique) ทํามุม 45 กับแนวระดับ

2 : ภาพออบบลิกทัวไป(General oblique) ระยะตามแกนเอียงจะมีขนาดเป็ น 1/2 หรือ 1 เท่าของความยาวจริง ทังนีขึนกับความเหมาะสม
ิ
ิ ธ
3 : มุมทีปรากฏบนภาพไอโซเมตริกซ์ จะเป็ นขนาดจริงเสมอ

สท
4 : ภาพวาดไอโซเมตริกซ์ เป็ นภาพทีมีแกนอย่างน ้อยสองแกนทํามุม 30 องศากับแนวระดับ
วน
งวน
ข ้อที 345 :
ข ้อใดต่อไปนีเป็ นข ้อจํากัดความของการเขียนภาพสามมิต ิ
อส
1 : ใช ้เป็ นเครืองมือในการสือสารความคิดกับผู ้อืนได ้
2 : สามารถแสดงรายละเอียดของภาพได ้ครบถ ้วน
รข
3 : สามารถเข ้าใจได ้โดยไม่ต ้องเรียนรู ้มาก่อน
4 : ใช ้ในขณะออกแบบได ้สะดวก
ก
ิ ว
าวศ
ข ้อที 346 :
ภาพชนิดใดทีเสมือนภาพจริงทีมนุษย์มองเห็นมากทีสุด
สภ
1 : Perspective
2 : Oblique
3 : Trimetric
ข ้อที 347 :
ข ้อใดถูกต ้องทีสุดเรืองรัศมีความโค ้งของส่วนโค ้งในภาพ Isometric เมือเทียบกับรัศมีความโค ้งจริง
1 : มีคา่ เท่าเดิม
2 : มีคา่ มากกว่าเดิม
3 : มีคา่ น ้อยกว่าเดิม
4 : มีคา่ ไม่คงที
ข ้อที 348 :
ข ้อใดกล่าวไม่ถก
ู ต ้องในการเขียนภาพ Pictorial
1 : ต ้องเขียนเส ้นประหรือเส ้นทีถูกบังด ้วยเสมอ เพือความชัดเจนของภาพ

2 : ไม่นย ิ มเขียนเส ้นประหรือเส ้นทีถูกบังลงในภาพ
3 : เป็ นรูปทีแสดงภาพได ้ทัง 3 มุมมองหลักไว ้ในภาพเดียว
4 : ใช ้เขียนประกอบกับภาพฉายตังฉากเพือช่วยให ้เข ้าใจได ้ง่ายยิงขึน
ข ้อที 349 :
ภาพฉายออบบริก (Oblique Projection) จะมีมม

ุ มองด ้านใดเป็ นขนาดจริง
1 : ด ้านหน ้า
2 : ด ้านบน
3 : ด ้านข ้างขวา
4 : ด ้านบนและด ้านหน ้า
ข ้อที 350 :
เหตุใดในทางวิศวกรรม จึงนิยมใช ้การฉายภาพแบบ Isometric Projection มากกว่า Perspective Projection
1 : การเขียนแบบภาพฉาย Isometric มีความสมจริงมากกว่า

2 : การเขียนแบบภาพฉาย Isometric มีความสวยงามมากกว่า
3 : การเขียนแบบภาพฉาย Isometric มีความถูกต ้องของสัดส่วนและขนาดมากกว่า
4 : การเขียนแบบภาพฉาย Isometric สามารถทําได ้ง่ายและสะดวกรวดเร็วกว่า
5 : การเขียนแบบภาพฉาย Isometric สามารถใช ้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ชว่ ยในการสร ้างภาพได ้
ข ้อที 351 :
ข ้อใดกล่าวถึงภาพฉาย 3 มิต ิ แบบ Clinographic Projection ได ้ถูกต ้อง
1 : จะแสดงมิตท
ิ างความลึกอยูร่ ะหว่างครึงหนึงของขนาดจริงถึงขนาดเท่ากับขนาดจริง ของขนาดชินงาน
ิ
ิ ธ
2 : จะแสดงมิตทิ างความลึกเท่ากับครึงหนึงของขนาดจริงวัตถุ
สท
3 : จะแสดงมิตท ิ างความลึกเท่ากับขนาดจริงของวัตถุ
4 : จะแสดงมิตท ิ างความกว ้างอยูร่ ะหว่างครึงหนึงของขนาดจริงถึงขนาดเท่ากับขนาดจริง ของขนาดวัตถุ
วน
งวน
ข ้อที 352 :
อส
การเขียนภาพแบบ ออบบริก(Oblique) ข ้อใดมีความเหมาะสมใน
ก รข
ิ ว
าวศ
1:
สภ
2:
3:
4:
5 : ข ้อที 1. และ ข ้อที 3. เหมาะสม
ข ้อที 353 :
จงเลือกภาพไอโซเมตริก ให ้ตรงกับภาพฉายด ้านหน ้า และภาพฉายด ้านข ้างทีกําหนดให ้
1:
ิ
ิ ธ
สท
2:
วน
งวน
อส
3:
ก รข
4: ิ ว
าวศ
ข ้อที 354 :
สภ
จงเลือกภาพไอโซเมตริก ให ้ตรงกับภาพฉายด ้านหน ้า และภาพฉายด ้านบนทีกําหนดให ้
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 355 :
จงเลือกภาพไอโซเมตริก ให ้ตรงกับภาพฉายทีกําหนดให ้
ิ
ิ ธ
สท
วน
1:
งวน
อส
2:
ก รข
3:
ิ ว
าวศ
สภ
4:
ข ้อที 356 :
จงเลือกภาพไอโซเมตริก ให ้ตรงกับภาพฉายทีหนดให ้
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 357 :
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
รข
1:
ก
ิ ว
าวศ
สภ
2:
3:
4:
ข ้อที 358 :
1:
ิ
ิ ธ
2:
สท
วน
งวน
อส
รข
3:
ก
ิ ว
าวศ
สภ
4:
ข ้อที 359 :
1:
2:
3:
ิ
ิ ธ
4:
สท
วน
ข ้อที 360 :
งวน
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 361 :
1:
2:
ิ
ิ ธ
สท
3:
วน
งวน
อส
รข
4:
ก
ข ้อที 362 : ิ ว
าวศ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 363 :
การเขียนภาพไอโซเมตริก (Isometric drawings) เป็ นการเขียนแบบในหมวดหมูใ่ ด
1 : การเขียนแบบออบลิค (Oblique drawings)

2 : การเขียนแบบพิคโทเรียล (Pictorial drawings)
3 : การเขียนแบบไดเมตริค (Dimetric drawings)
4 : การเขียนแบบเพอสเปคทีฟ (Perspective drawings)
ข ้อที 364 :
รูปแบบของการเขียนแบบสามมิตท
ิ มี
ี มม
ุ มองใกล ้เคียงกับการมองด ้วยสายตาของคนเรามากทีสุดคือข ้อใด
1 : เพอสเปคทีฟ (Perspective)
2 : ออบบลิก (Oblique)
ิ
ิ ธ
3 : ไตรเมตริก (Trimetric)
สท
4 : ไอโซเมตริก (Isometric)
วน
งวน
ข ้อที 365 :
ิ องกล่องสีเหลียมในมุมมองของภาพไอโซเมตริก จะต ้องใช ้เส ้นตรงจํานวนกีเส ้น

ถ ้าต ้องการสร ้างรูปสามมิตข
อส
1 : 8 เส ้น
2 : 9 เส ้น
รข
3 : 10 เส ้น
4 : 12 เส ้น
ก
ิ ว
าวศ
ข ้อที 366 :
จากรูปทีกําหนดให ้ เป็ นงานเขียนแบบชนิดใด

สภ
1 : 1-point perspective
2 : 2-point perspective
3 : Isometric
4 : Dimetric
เนือหาวิชา : 713 : Dimensioning

ข ้อที 367 :
แบบใดแสดงการกําหนดขนาดส่วนโค ้งถูกต ้อง
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 368 :
การแสดงค่าแบบงานสวมทีถูกเป็ นแบบใด
1:
ิ
ิ ธ
สท
2:
วน
3:
งวน
4:
อส
รข
ข ้อที 369 :
ภาพบอกขนาดมิตข
ิ ้อใดไม่เหมาะสม
วก
า วศิ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 370 :
บริเวณ(แรเงา)ใดควรงดเว ้นการบอกขนาด
1:
2:
ิ
ิ ธ
สท
3:
วน
งวน
อส
ก รข
4:
ิ ว
าวศ
ข ้อที 371 :
สภ
การบอกขนาดในภาพใดก่อให ้เกิดความคลาดเคลือนน ้อยทีสุด
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 372 :
เมือให ้พืนทีแรเงาสีดําเป็ นบริเวณทีควรหลีกเลียง การกําหนดขนาดแบบเส ้นตรงควรหลีกเลียงบริเวณใด
1:
ิ
ิ ธ
สท
2:
วน
งวน
อส
รข
วก
3:
า วศิ
สภ
4:
ข ้อที 373 :
เมือให ้พืนทีแรเงาสีดําเป็ นบริเวณทีควรหลีกเลียง การกําหนดขนาดมุมควรหลีกเลียงบริเวณใด
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 374 :
การกําหนดขนาดงานสวมข ้อใด ทีกําหนดขนาดไว ้ถูกต ้อง

ิ
ิ ธ
สท
1:
วน
งวน
อส
รข
2:
วก
า วศิ
สภ
3:
4:
ข ้อที 375 :
1 : รูคว ้านคงที
2 : เพลาคงที
3 : รูคว ้านและเพลาคงที
4 : ขนาดกําหนดคงที
ข ้อที 376 :
1 : งานสวมอิสระ
2 : งานสวมพอดี
3 : งานสวมคลอน
4 : งานสวมอัด
ข ้อที 377 :
เส ้นกําหนดขนาดควรห่างจากขอบชินงานอย่างน ้อยเท่าใด
1 : 8 มม.
2 : 10 มม.
3 : 12 มม.
4 : 14 มม.
ิ
ข ้อที 378 :
ิ ธ
สท
วน
งวน
เงือนไขขนาดใดทีใส่ผด
ิ
อส
รข
วก
า วศิ
สภ
1:8
2 : 15
3 : 16
4 : 30
ข ้อที 379 :
แบบใดถูกต ้องตามเงือนไข
1:
2:
3:
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
รข
วก
า วศิ
สภ
4:
ข ้อที 380 :
ขนาด 30 ในการบอกขนาดต่อไปนีหมายถึงอะไร
1 : ขนาดกําหนดให ้
2 : ขนาดโตสุด
3 : ขนาดเล็กสุด
4 : ขนาดทีวัดได ้
ข ้อที 381 :
งานกลึงชินใด แสดงสัญลักษณ์ได ้ถูกต ้อง
1:
2:
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
รข
วก
า วศิ
สภ
3:
4:
ข ้อที 382 :
สัญลักษณ์คณ
ุ ภาพผิวงานอันใดถูก
1:
2:
3:
ิ
ิ ธ
สท
4:
วน
งวน
อส
ข ้อที 383 :
ถ ้าตัวอักษรงานเขียนแบบสูง "h" ขนาดเส ้นทีใช ้เขียนตัวอักษรมีขนาดเท่าใด
รข
1 : 1/10h
2 : 2/10h
วก
3 : 7/10h
4 : 10/10h วศิ
า
ข ้อที 384 :
สภ
ข ้อกําหนดในการกําหนดขนาด ข ้อใดกล่าวไม่ถก
ู ต ้อง
1 : ควรหลีกเลียงการกําหนดขนาดระหว่างเส ้นประ กับเส ้นประ

2 : ถ ้ามีเส ้นบอกขนาดทียาวไม่เท่ากันซ ้อนกันหลายเส ้นบนด ้านเดียวกันของชินงาน เส ้นบอกขนาดทียาวทีสุดควรวางไว ้ใกล ้ผิววัตถุมากทีสุด
3 : ถ ้างานเขียนแบบไม่ได ้เขียนตามมาตราส่วนทีแน่นอน จะต ้องเขียน “NOT TO SCALE” ลงในแบบ
4 : โดยทัวไป การกําหนดขนาดของเส ้นผ่านศูนย์กลางจะใช ้กับวงกลม ส่วนการกําหนดขนาดของค่ารัศมีจะใช ้กับส่วนโค ้ง
ข ้อที 385 :
จากรูปทีกําหนดให ้ ถ ้าระยะ C ยาวเท่ากับ 1.00 ระยะ F จะมีความยาวเท่าใด
1 : 0.135
2 : 0.197
3 : 0.260
4 : 0.323
ข ้อที 386 :
จากรูปทีกําหนดให ้ ถ ้าระยะ A ยาวเท่ากับ 1.25 ระยะ E จะมีความยาวเท่าใด
1 : 0.25
2 : 0.38
3 : 0.50
4 : 0.62
ิ
ิ ธ
สท
ข ้อที 387 :
วน
งวน
จากรูปทีกําหนดให ้ ระยะ A มีคา่ เท่าใด
อส
รข
วก
า วศิ
สภ
1:9
2 : 10
3 : 15
4 : 17
ข ้อที 388 :
จากรูปทีกําหนดให ้ ค่ารัศมี R มีคา่ เป็ นเท่าใด
1 : 1.8
2 : 0.9
3 : 0.75
4 : 0.375
ข ้อที 389 :
ข ้อใดไม่เหมาะสมสําหรับการให ้ขนาด
1 : หลีกเลียงการตัดกันของเส ้นบอกขนาด(Dimension lone)

2 : ใช ้เส ้นรอบรูปเป็ นเส ้นช่วยให ้ขนาด(Extension line)
3 : กําหนดขนาดลงภายในภาพตัด(Section view)
4 : ลากเส ้นช่วยให ้ขนาดตัดกับเส ้นรอบรูป
ข ้อที 390 :
ข ้อใดผิดหลักการบอกขนาด
ิ
ิ ธ
สท
1:
วน
งวน
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
2:
3:
4:
ข ้อที 391 :
จากรูปข ้อใดบอกขนาดได ้ถูกต ้องทีสุด

ิ
ิ ธ
1:
สท
วน
งวน
อส
รข
วก
า วศิ
สภ
2:
3:
4:
ข ้อที 392 :
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
จากรูปทีกําหนดให ้ รูเจาะถูกสวมอยูก
่ บ
ั หมุด จงหาระยะจากขอบ A ถึงขอบ B ทีมากทีสุด
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
1 : 82.2
2 : 82.3
3 : 82.4
4 : 82.5
ข ้อที 393 :
การกําหนดขนาดในข ้อใดถูกต ้องทีสุด
1:
ิ
ิ ธ
สท
วน
3:
2:
สภ
าวศ
ิ ว
ก รข
อส
วน งวน
สท
ิ ธ
ิ
งวน
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
4:
ข ้อที 394 :
การกําหนดระยะเผือข ้อใดต่อไปนีเขียนไม่ถก
ู ต ้อง
1:
2:
3:
4:
5 : ผิดมากกว่า 1 ข ้อ
ข ้อที 395 :
จงหาขนาด X ทีน ้อยและมากทีสุด ตามลําดับ
1 : 1.85 และ 1.95

ิ
ิ ธ
2 : 2.03 และ 2.13

สท
3 : 1.85 และ 2.13

4 : 1.95 และ 2.03
5 : ไม่มข
วน
งวน
อส
ข ้อที 396 :
จากรูป ORTHOGRAPHICS ทีกําหนดให ้เพือกําหนดขนาดของรูปจะต ้องมีการให ้ขนาดทังหมด จํานวนกีจุดจึงเหมาะสมและสมบูรณ์
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
1:4
2:5
3:6
4:7
5:8
ข ้อที 397 :
จากรูปข ้อใดอธิบายลักษณะรูเจาะ ได ้ถูกต ้อง
1 : เส ้นผ่านศูนย์กลางใน 0.50 เจาะทะลุตลอด เส ้นผ่านศูนย์กลางนอก ขนาด 0.75 เจาะแบบ Counter bore ลึก 0.25
2 : เส ้นผ่านศูนย์กลางใน 0.50 เจาะทะลุตลอด เส ้นผ่านศูนย์กลางนอก ขนาด 0.75 เจาะแบบ Countersink ลึก 0.25
3 : เส ้นผ่านศูนย์กลางใน 0.75 เจาะทะลุตลอด เส ้นผ่านศูนย์กลางนอก ขนาด 0.50 เจาะแบบ Counter bore ลึก 0.25
4 : เส ้นผ่านศูนย์กลางใน 0.75เจาะทะลุตลอด เส ้นผ่านศูนย์กลางนอก ขนาด 0.50เจาะแบบ Countersink ลึก 0.25
ข ้อที 398 :
ข ้อใดกล่าวได ้ถูกต ้องทีสุด
1 : A เรียกว่า เส ้นบอกขนาด , C เรียกว่า เส ้นช่วยบอกขนาด

2 : A เรียกว่า เส ้นช่วยบอกขนาด, C เรียกว่า เส ้นบอกขนาด
3 : A เรียกว่า เลขบอกขนาด , C เรียกว่า เส ้นบอกขนาด
4 : A เรียกว่า เส ้นช่วยบอกขนาด , C เรียกว่า เส ้นช่วยบอกขนาด
ข ้อที 399 :
การกําหนดขนาดข ้อใดถูกต ้องทีสุด

ิ
ิ ธ
สท
1:
วน
งวน
อส
2:
รข
วก
3: วศิ
า
สภ
4:
ข ้อที 400 :
การกําหนดขนาดดังรูปมีทผิ
ี ดกีที
1 : 3 ที
2 : 4 ที
3 : 5 ที
4 : ไม่ผดิ เลย
ข ้อที 401 :
เลข 8 ของรหัสสกรู M8 x 30 DIN 931-5.6 หมายถึงอะไร
1 : ระยะพิตเกลียว
2 : ขนาดเส ้นผ่าศูนย์กลางโคนเกลียว
3 : ขนาดเส ้นผ่าศูนย์กลางศูนย์เกลียว
4 : ขนาดเส ้นผ่าศูนย์กลางกําหนด
ข ้อที 402 :
ขนาดเส ้นผ่าศูนย์กลางเกลียวกําหนดไว ้อย่างไร
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 403 :
รหัสใดแสดงรหัสเกลียวมาตรฐาน
1 : 10 M
2 : 18 M x 1.5
3 : 20 x 40 Tr
4 : S 12 x 2
ิ
ิ ธ
ข ้อที 404 :
สท
ขนาดเกลียวมาตรฐานไม่ได ้กําหนดทีใด
วน
1 : เส ้นผ่าศูนย์กลางยอดเกลียว
งวน
2 : ความยาวเกลียวใช ้งานได ้
3 : ตัวสกรูรวมปลายสกรู
4 : เกลียวในลึกรวมรูเรียว
อส
รข
ข ้อที 405 :
ก
แบบใดให ้ขนาดถูกตามเงือนไข
ิ ว
าวศ
1:
สภ
2:
3:
4:
ข ้อที 406 :
รัศมีใดไม่ถก
ู ตามมาตรฐาน
1 : 12
2 : 70
3:3
4:4
ข ้อที 407 :
เขียนแบบใดจึงถูกตามเงือนไข
1:
2 : R 30
3 : R=30
4 : 30 R
ข ้อที 408 :
เขียนแบบใดจึงถูกตามเงือนไข
1:
2:
3:
4:
ิ
ิ ธ
สท
ข ้อที 409 :
วน
งวน
การกําหนดขนาดข ้อใดผิด
อส
รข
วก
วศิ
1 : 22
2 : R10
า
3 : 11
สภ
4 : R12
ข ้อที 410 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 411 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 412 :
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
1:
รข
2:
วก
วศิ
3:
า
สภ
4:
ข ้อที 413 :
ข ้อความใดถูกต ้องตามเงือนไข
1 : กําหนดระยะรูด ้วย เส ้นศูนย์กลางเสมอ

2 : กําหนดระยะรูด ้วย เส ้นรอบวงเสมอ
3 : ชินงานมีรห ู ลายรูเท่ากัน ให ้กําหนดขนาดทุกรู
4 : อย่าใช ้เส ้นศูนย์กลางรูแทนเส ้นช่วยกําหนดขนาด
ข ้อที 414 :
กําหนดขนาดวิธใี ดทีเข ้ามาตรฐานเขียนแบบ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 415 :
กําหนดขนาดวิธใี ดทีเข ้ามาตรฐานเขียนแบบ
1:
2:
ิ
ิ ธ
สท
3:
วน
งวน
อส
4:
รข
ข ้อที 416 :
วก
ข ้อความทีถูกทีสุดคือข ้อความใด
1 : ลูกศรให ้เขียนด ้วยดินสอเท่านัน

วศิ
2 : ลูกศรมีมมุ ปลายแหลม 25 องศา
า
3 : ลูกศรแสดงปลายเส ้นกําหนดขนาด
สภ
4 : ลูกศรเลือกเขียนได ้หลายขนาด
ข ้อที 417 :
เส ้นกําหนดขนาดควรห่างจากขอบชินงานอย่างน ้อยเท่าใด
1 : 8 มม.
2 : 10 มม.
3 : 12 มม.
4 : 14 มม.
ข ้อที 418 :
เส ้นกําหนดขนาดควรห่างกันอย่างน ้อยเท่าใด
1 : 10 มม.
2 : 9 มม.
3 : 8 มม.
4 : 7 มม.
ข ้อที 419 :
เงือนไขใดทีกําหนดขนาดได ้ตามมาตรฐาน
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 420 :
เงือนไขใดกําหนดขนาดได ้มาตรฐาน
ิ
ิ ธ
สท
1:
วน
งวน
อส
2:
รข
3:
ก
ิ ว
าวศ
4:
สภ
ข ้อที 421 :
เงือนไขขนาดใดทีไม่เกียวข ้องกับขอบ (B)
1:5
2:6
3 : 10
4 : 25
ข ้อที 422 :
เงือนไขขนาดใดทีใส่ผด
ิ
1:8
2 : 15
3 : 16
4 : 30
ข ้อที 423 :
กฎการเขียนเส ้นกําหนดขนาดข ้อใดถูกต ้อง
1 : เส ้นกําหนดขนาดต ้องไม่ทบ ั กัน

2 : ให ้เว ้นจุดทีเส ้นกําหนดขนาดทับกัน
3 : เส ้นกําหนดขนาดใช ้กับเส ้นช่วยกําหนดขนาด เท่านัน
4 : เส ้นกําหนดขนาดต ้องไม่อยูก ่ ลางขอบงาน
ิ
ิ ธ
สท
ข ้อที 424 :
วน
งวน
กําหนดขนาดใดตรงมาตรฐาน
อส
ก รข
1 : ขนาด 5 ตรงมาตรฐาน
ิ ว
2 : ขนาด 16 ตรงมาตรฐาน
าวศ
3 : ทัง 5 และ 16 ไม่ตรงมาตรฐาน
4 : ทัง 5 และ 16 ตรงมาตรฐาน
สภ
ข ้อที 425 :
กําหนดขนาดชินงานสมมาตรอย่างไร
1 : สมมาตรกับเส ้นศูนย์กลาง
2 : ทํามุมกับเส ้นศูนย์กลาง
3 : ไม่เกียวกัน
4 : จากขอบบนเสมอ
ข ้อที 426 :
การกําหนดขนาดอ ้างอิงในวงเล็บ (45) หมายถึง อะไร
1 : สําหรับงานผลิตไม่จําเป็ นต ้องใช ้
2 : สําหรับงานผลิตไม่จําเป็ นต ้องใช ้
3 : ขนาดจําเป็ นต ้องแน่นอนมาก
4 : สําหรับงานประกอบให ้ตรวจสอบอีกครัง
ข ้อที 427 :
จากภาพสองมุมมองทีกําหนดให ้ ถ ้าให ้ทําการบอกขนาด จะต ้องบอกขนาดด ้วยเส ้นบอกขนาดกีเส ้น จึงถือว่ามีการบอกขนาดทีสมบูรณ์
1 : 6 เส ้น
2 : 7 เส ้น
3 : 8 เส ้น
4 : 9 เส ้น
ข ้อที 428 :
ข ้อใดให ้ขนาด (Dimensioning) ได ้ถูกต ้องทีสุด
1:
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
ก รข
2:
ิ ว
าวศ
สภ
3:
4:
ข ้อที 429 :
จุดศูนย์กลาง A และจุดศูนย์กลาง B ห่างกันเท่าใด
1 : 70
2 : 72
3 : 75
4 : 80
ข ้อที 430 :
ข ้อใดให ้ขนาด ได ้เหมาะสมทีสุด

ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
1:
สภ
2:
3:
4:
ข ้อที 431 :
ข ้อใดเขียน center line ได ้ถูกต ้องทีสุด
1:
ิ
ิ ธ
สท
2:
วน
งวน
อส
รข
3:
วก
า วศิ
4:
สภ
เนือหาวิชา : 714 : Section

ข ้อที 432 :
ภาพตัด (Section) ต่อไปนี เป็ นภาพตัดแบบใด
1 : Full Section
2 : Half Section
3 : Broken-out Section
4 : Rotated Section
ข ้อที 433 :
ภาพตัด (Section) ต่อไปนี เป็ นภาพตัดแบบใด
1 : Full Section
2 : Half Section
4 : Rotated Section
ข ้อที 434 :
การเขียนเส ้นลายตัดของภาพตัด จะต ้องเอียงทํามุมกับแนววางของชินงานเป็ นมุมเท่าใด
1 : 90 องศา
2 : 60 องศา
3 : 45 องศา
4 : 30 องศา
ข ้อที 435 :
ข ้อใดเป็ นสัญลักษณ์มาตรฐานทีแสดงเส ้นลายตัดของทองเหลือง
1:
2:
3:
ิ
ิ ธ
4:
สท
วน
งวน
ข ้อที 436 :
ภาพนีเป็ นภาพตัดประเภทใด
อส
รข
วก
า วศิ
สภ
1 : ตัดเต็ม
2 : ตัดมาตรฐาน
3 : ตัดธรรมดา
4 : ตัดออก
ข ้อที 437 :
เมือไรใช ้ภาพตัดประเภทนี
1 : เฉพาะเหล็กโครงสร ้าง
2 : เฉพาะงานเครืองประดับ
3 : ชินงานประกอบกันไม่น ้อยกว่า 3 ชิน
4 : ภาพตัดชินงานแคบมาก
ข ้อที 438 :
ภาพตัดภาพใดถูกต ้อง
1:
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
ก รข
2:
ิ ว
าวศ
สภ
3:
4:
ข ้อที 439 :
จากรูปเป็ นภาพตัดประเภทใด
1 : Full Section
2 : Offset Section
4 : Half Section
ข ้อที 440 :
ข ้อใดกล่าวไม่ถก
ู ต ้อง
1 : การลากเส ้นตัด (Section Line) โดยปกติให ้เอียงทํามุมประมาณ

30 องศา, 45 องศา หรือ 60 องศา
2 : นํ าหนักของเส ้น Section Line เท่ากับ Center Line
3 : นํ าหนักของเส ้น Cutting Plane Line เท่ากับ Visible Line
4 : ในการเขียนภาพตัดจะไม่ปรากฏ Hidden Line เสมอ
ิ
ิ ธ
ข ้อที 441 :
สท
การตัดแบบใดถือได ้ว่าเป็ นการตัดแบบ Full section แบบหนึง

วน
งวน
1 : Partial section
2 : Offset section
3 : Broken-out section
อส
4 : Half section
รข
ข ้อที 442 :
ก
จากภาพไอโซเมตริก ทีกําหนดให ้ควรเขียนภาพตัดแบบใด จึงมีความเหมาะสมทีสุด
ิ ว
าวศ
สภ
1 : Full section
2 : Half section
3 : Offset section
4 : Aligned section
ข ้อที 443 :
ข ้อใดถูกต ้องทีสุดในการเขียนภาพ sectional view
1 : ภาพตัดครึง(half section)เป็ นการเขียนแบบตัดออก 1/2 ส่วน โดยตัดแยกตามเส ้นศูนย์กลาง

2 : นํ าหนักของแสดงแนวการตัด(cutting plane line)เท่ากับนํ าหนักของเส ้นศูนย์กลาง(center line)
3 : ในการเขียนภาพ sectional view ขอบงานทีมองไม่เห็น(ปกติแสดงด ้วยเส ้นประ)จะเขียนแสดงด ้วยเส ้นเต็มหนา
4 : ในการเขียนภาพ sectional view จะแสดงภาพฉายอย่างน ้อยสองด ้านเสมอ
ข ้อที 444 :
การเขียนเส ้นรอยตัดใดถูก
1:
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
ก รข
2:
ิ ว
าวศ
สภ
3:
4 : ข ้อ 1. และ ข ้อ 2. ถูก
ข ้อที 445 :
ภาพตัดใด สอดคล ้องกับรูปทีกําหนดให ้ สําหรับแนวตัด A-A
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 446 :
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
จากรูปทีกําหนดให ้ ข ้อใดคือภาพตัดตามแนวตัด C-C
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
1:
2:
3:
4:
5:
ข ้อที 447 :
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
จากรูปทีกําหนดให ้ ข ้อใดคือภาพตัดตามแนวตัด A-A
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
1:
2:
3:
4:
5:
ข ้อที 448 :
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
จากรูปทีกําหนดให ้ ข ้อใดคือภาพตัดตามแนวตัด B-B
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
1:
2:
3:
4:
5:
ข ้อที 449 :
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
จากรูปทีกําหนดให ้ แสดงวิธก
ี ารตัดภาพแบบใด
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
1 : Offset Section
2 : Full Section
3 : Half Section
4 : Broken out Section
ข ้อที 450 :
1 : Full Section
2 : Broken out Section
3 : Offset Section
4 : Removed Section
ข ้อที 451 :
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
1 : Offset Section
2 : Full Section
3 : Half Section
อส
4 : Revolved Section
รข
ข ้อที 452 :
ก
การตัดภาพแบบ Half Section เหมาะสําหรับชินส่วนประเภทใด
ิ ว
าวศ
1 : ชินส่วนทีไม่มรี ายละเอียดภายในมากนัก
2 : ชินส่วนทีมีรายละเอียดภายในมาก
3 : ชินส่วนทีมีลกั ษณะของรูปทรงสมมาตร
สภ
4 : ชินส่วนทีต ้องการแสดงรายละเอียดเฉพาะจุด
ข ้อที 453 :
การตัดภาพแบบ Broken Out Section เหมาะสําหรับชินส่วนประเภทใด
1 : ชินส่วนทีต ้องการแสดงรายละเอียดเฉพาะส่วน
2 : ชินส่วนทีมีรปู ทรงสมมาตร
3 : ชินส่วนทีมีรายละเอียดภายในซับซ ้อน
ั ซ ้อนมากนัก
4 : ชินส่วนทีมีรายละเอียดภายในไม่ซบ
ข ้อที 454 :
ข ้อใดแสดงการลงลายตัดทีถูกต ้อง
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 455 :
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
จากภาพตัดทีกําหนดให ้ แสดงการตัดภาพของวัสดุชนิดใด
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
1 : ทองแดง
2 : เหล็กเหนียว
3 : เหล็กหล่อ
4 : ไทเทเนียม
ข ้อที 456 :
3 : ฉนวนกันความร ้อน
4 : ทองเหลือง
ข ้อที 457 :
4 : ทองเหลือง
ข ้อที 458 :
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
2 : ยาง
3 : คอนกรีต
ข ้อที 459 :
การแสดงเส ้นลวดลายภาพตัด(Section Line) ของภาพ Isometric จะต ้องเขียนเส ้นทํามุมกับแนวระดับเท่าใด
1 : 30 องศา
2 : 45 องศา
3 : 60 องศา
4 : 90 องศา
ข ้อที 460 :
ภาพใดเป็ นการแสดงภาพตัดทีถูกต ้อง
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 461 :
จากภาพฉายในระบบมุมที 3 ทีกําหนดให ้ ภาพใดแสดงการตัดภาพทีถูกต ้อง
1:
ิ
ิ ธ
2:
สท
3:
วน
งวน
อส
4:
รข
ข ้อที 462 :
ก
ถ ้าวัตถุมล ั ษณะรูปทรงทีสมมาตร ควรใช ้การตัดภาพด ้วยวิธใี ดจึงจะเหมาะสมทีสุด
ี ก
ิ ว
าวศ
1 : Broken-Out Section
2 : Half Section
3 : Offset Section
4 : Revolved Section
สภ
ข ้อที 463 :
ภาพนีเป็ นภาพตัดประเภทใด
1 : ตัดเต็ม
2 : ตัดมาตรฐาน
3 : ตัดธรรมดา
4 : ตัดออก
ข ้อที 464 :
การตัดเต็ม ให ้ตัดตามแนวใด
1 : เส ้นศูนย์กลางแนวนอน
2 : เส ้นศูนย์กลางแนวดิง
3 : เส ้นศูนย์กลางแนวใดก็ได ้
4 : เส ้นใดก็ได ้ตามความเหมะสม
ข ้อที 465 :
เส ้นลายตัด เขียนด ้วยเส ้นอะไร
1 : เส ้นลูกโซ่บาง
2 : เส ้นประบาง
3 : เส ้นมือเปล่าบาง
ข ้อที 466 :
เส ้นลายตัดเอียงเท่าใด
1 : 15 degree
2 : 30 degree
3 : 45 degree
4 : 60 degree
ข ้อที 467 :
พืนทีภาคตัดยิงแคบ ยิงต ้องเป็ นอย่างไร

ิ
ิ ธ
1 : ระยะห่าง เส ้นลายตัดยิงต ้องลดลง

สท
2 : ระยะห่าง เส ้นลายตัดยิงต ้องกว ้างขึน

3 : เส ้นลายตัดต ้องเอียงมากขึน
4 : เส ้นลายตัดต ้องเอียงน ้อยลง
วน
งวน
อส
ข ้อที 468 :
ภาพตัดใดเขียนได ้ถูกต ้อง
ก รข
ิ ว
าวศ
1:
สภ
2:
3:
4:
ข ้อที 469 :
ภาพตัดใด ตัดไม่ถก
ู ตามมาตรฐาน
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 470 :
ภาพด ้านบนภาพใดทีตัดถูกต ้อง

ิ
ิ ธ
1:
สท
2:
วน
งวน
3:
อส
4:
รข
ก
ข ้อที 471 :
ิ ว
าวศ
มุมมอง (views) ในข ้อใดทีใช ้แสดงรายละเอียดทีมีอยูภ
่ ายในเนือชินงาน
1 : มุมมองปกติ (Regular views)

2 : มุมมองภาพตัด (Section views)
สภ
3 : มุมมองภาพออบลิค (Oblique views)

4 : มุมมองภาพช่วย (Auxiliary views)
ข ้อที 472 :
เส ้นทีใช ้ลากผ่านชินงานโดยมีตวั อักษรกํากับไว ้ทีปลายทังสองด ้าน เพือนํ าไปเขียนมุมมองภาพตัด คือเส ้นในข ้อใด
1 : เส ้นแสดงลายตัด (Hatch line)

2 : เส ้นเงา (Phantom line)
3 : เส ้นแสดงระนาบตัด (Cutting plane line)
4 : เส ้นตัดมือเปล่า (Free hand Break line)
ข ้อที 473 :
การเขียนแบบภาพตัด ทีแสดงการผ่าครึงชินงานออกเป็ นสองชินส่วนเท่ากัน เรียกว่าการตัดแบบใด
1 : ตัดเต็ม (Full section)

2 : ตัดตามแนว (Aligned section)
3 : ตัดหมุน (Revolve section)
4 : ตัดครึง (Half section)
ข ้อที 474 :
ข ้อใดเป็ นมุมมองภาพตัดหมุนทีถูกต ้อง ของรูปทีกําหนดให ้
1:
2:
3:
ิ
ิ ธ
สท
วน
4:
งวน
อส
ข ้อที 475 :
ภาพใดเป็ นภาพตัดตามมาตรฐาน
ก รข
ิ ว
าวศ
1:
สภ
2:
3:
4:
ข ้อที 476 :
ทําไมจึงแสดงแบบด ้วยการตัดครึงเดียว
1 : ประหยัดการเขียนเส ้นลายตัด
2 : ชินงานทียกเว ้นไม่ตดั
3 : เพือแสดงส่วนทีขาดไป
4 : เมือเป็ นชินงานเหลียม
ข ้อที 477 :
การตัดครึงให ้ตัดส่วนใด
1 : ไม่กําหนดไว ้แน่นอน
2 : ส่วนซ ้าย
3 : ส่วนบน
4 : ส่วนล่างและส่วนขวา
ข ้อที 478 :
การตัดครึงให ้แบ่งส่วนด ้วยอะไร
1 : เส ้นมือเปล่า
2 : เส ้นศูนย์กลาง
4 : เส ้นเต็มหนา
ข ้อที 479 :
การตัดเฉพาะส่วนแสดงด ้วย เส ้นอะไร
2 : เส ้นมือเปล่า
4 : ไม่ต ้องแสดงเส ้น
ิ
ิ ธ
สท
ข ้อที 480 :
วน
งวน
แบบนีมีอะไรไม่ถก
ู ต ้อง
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
1 : ตัดเฉพาะส่วนแสดงด ้วยเส ้นเต็มบาง
2 : ควรเขียนเป็ นภาพตัดเต็ม
3 : เส ้นลายตัดชินเดียวกันไปทางเดียวกัน
4 : เขียนถูกต ้องแล ้ว
สภ
ข ้อที 481 :
แบบใดเป็ นภาพตัดครึง
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 482 :
ภาพใดเป็ นภาพตัดทีถูกต ้อง
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 483 :
ิ
ิ ธ
สท
ภาพใด เป็ นภาพตัดทีถูกต ้อง

วน
งวน
อส
1:
ก รข
2:
ิ ว
าวศ
3:
สภ
4:
ข ้อที 484 :
การตัดเฉพาะส่วน ตัดอย่างไร
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 485 :
เส ้นคูข
่ นานสันๆ ในแบบหมายถึงอะไร
1 : กําหนดขนาดสมมาตร
2 : ยอมให ้ศูนย์กลางเปลียนแนวได ้
3 : แสดงถึงเส ้นสมมาตร
4 : แสดงเส ้นศูนย์กลางทียกขึน
ข ้อที 486 :
ภาพด ้านหน ้าตัดหมุนภาพใดแสดงไว ้ถูกต ้อง หากเขียนภาพฉายด ้านข ้างได ้ดังภาพซ ้ายมือ
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
1:
ก รข
ิ ว
าวศ
2:
สภ
3:
4:
ข ้อที 487 :
ภาพใดแสดงการตัดเคลือนผิด
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 488 :
ภาพใดเป็ นภาพตัดหมุนสมบูรณ์ในตัวทีถูกต ้อง
1:
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
รข
2:
ก
ิ ว
าวศ
3:
สภ
4:
ข ้อที 489 :
แบบหน ้าแปลนนีแสดงอะไร
1 : เขียนแบบผิด
2 : วงกลมศูนย์รย
ู ด
ึ
3 : ขอบหน ้าแปลน
4 : แสดงครึงภาพ
ข ้อที 490 :
ต ้องการเห็นรูเป็ นภาพตัดทัง 3 รู จะใช ้รหัสอะไร
1 : ไม่มรี หัสเฉพาะ
3 : เส ้นลูกโซ่หนากับลูกศร
4 : เส ้นลูกโซ่ ลูกศรและตัวพยัญชนะ
ข ้อที 491 :
ภาพขยายการตัดบางส่วนออกมาแสดงด ้วยอะไร
1 : วงกลม เส ้นบางและตัวเลข
2 : วงกลม เส ้นบางและตัวพยัญชนะ
3 : วงกลม เส ้นลูกโซ่และตัวเลข
4 : วงกลม เส ้นลูกโซ่และตัวพยัญชนะ
ิ
ิ ธ
ข ้อที 492 :
สท
การเขียนแบบขอบหน ้าแปลนอย่างง่าย แสดงด ้วยอะไร

วน
งวน
1 : แสดงครึงภาพด ้านบน
2 : แสดงขอบหน ้าแปลนด ้วยเส ้นเต็มบาง
3 : แสดงขอบหน ้าแปลนด ้วยเส ้นเต็มหนา
อส
4 : แสดงเฉพาะรูยด
ึ
รข
ข ้อที 493 :
ก
ตําแหน่งรูยด
ึ หน ้าแปลนแสดงทีใด
ิ ว
าวศ
1 : ภาพด ้านหน ้า
2 : ภาพด ้านข ้าง
3 : วงกลมศูนย์รย ู ด
ึ
สภ
4 : ในภาพตัดเต็ม
ข ้อที 494 :
ภาพใดแสดงรูในเกลียวตามแบบมาตรฐาน
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 495 :
ภาพตัดภาพใดแสดงเป็ นภาพตัดด ้านหน ้าของภาพทางซ ้ายถูกต ้องตามมาตรฐานในเขียนแบบ
1:
2:
ิ
ิ ธ
สท
3:
วน
งวน
อส
รข
4:
ก
ข ้อที 496 :
ิ ว
าวศ
ภาพตัดครึงภาพใดเขียนถูกต ้องมาตรฐาน
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 497 :
ภาพประกอบภาพใดเขียนถูกมาตรฐาน
1:
2:
3:
ิ
ิ ธ
สท
4:
วน
งวน
ข ้อที 498 :
ภาพตัดเฉพาะส่วนภาพใด เขียนถูกมาตรฐาน
อส
ก รข
1: ิ ว
าวศ
สภ
2:
3:
4:
ข ้อที 499 :
ภาพตัดใดเขียนไม่ถก
ู มาตรฐาน
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 500 :
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
ข ้อใดเป็ น Sectional view ทีเหมาะสมทีสุดสําหรับ top view ทีให ้
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 501 :
ภาพใดเป็ น Half-section ทีถูกต ้องของภาพ Top view ทีกําหนดให ้

ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
รข
วก
1: า วศิ
สภ
2:
3:
4:
ข ้อที 502 :
ภาพใดเป็ น Full-section ทีถูกต ้องของภาพ Top view ทีกําหนดให ้
1:
ิ
ิ ธ
2:
สท
วน
งวน
อส
รข
3:
ก
ิ ว
าวศ
สภ
4:
ข ้อที 503 :
การแสดงภาพตัดแบบใดทีเหมาะสมทีสุด
1:
2:
3:
4:
เนือหาวิชา : 715 : Freehand Sketch

ิ
ิ ธ
ข ้อที 504 :
สท
ข ้อใดไม่ถก
ู ต ้องของการเขียนแบบด ้วยมือเปล่า (Freehand Sketching)
1 : ใช ้เครืองมือและอุปกรณ์ในการเขียนแบบน ้อย
วน
งวน
2 : เขียนได ้อย่างรวดเร็ว
3 : ได ้มาตราส่วนทีแน่นอน
4 : ไม่ถกู ต ้องมากกว่า 1 ข ้อ
อส
รข
ข ้อที 505 :
ก
การเขียนเส ้นตรงด ้วยมือเปล่าให ้ตรง มีหลักในการลากอย่างไร
ิ ว
1 : ให ้สายตามองตามดินสออยูต ่ ลอดเวลา
าวศ
2 : แบ่งเส ้นลากเป็ นเส ้นสันๆ ต่อกัน
3 : ลากอย่างช ้าๆ จับดินสอให ้แน่น
4 : ถูกข ้อที 2. และ ข ้อที 3.
สภ
ข ้อที 506 :
วัตถุประสงค์ของการสเก็ตภาพคือข ้อใด
1 : เพือให ้ได ้ภาพทีสวยงาม

2 : เพือให ้ได ้ขนาดทีถูกต ้อง
3 : เพือนํ าเสนอแนวความคิดต่อผู ้อืนได ้อย่างรวดเร็ว
4 : เพือให ้เส ้นมีความคมชัด
ข ้อที 507 :
ข ้อใดคือสิงทีสําคัญทีสุดในการสเก็คภาพ
1 : ต ้องได ้สเกลทีถูกต ้อง

2 : ต ้องให ้ได ้สัดส่วนทีถูกต ้อง
3 : ต ้องให ้ได ้ความสวยงาม
4 : ต ้องเขียนให ้ได ้อย่างรวดเร็ว
ข ้อที 508 :
เครืองมือทีใช ้ในการสเก็ตภาพ คือข ้อใด
1 : ดินสอ, ไม ้บรรทัด, ยางลบ

2 : ดินสอ, เศษกระดาษ, ยางลบ
3 : ดินสอ, ไม ้บรรทัด, วงเวียน
4 : ดินสอ, วงเวียน, ไม ้บรรทัด
ข ้อที 509 :
วัตถุประสงค์ในการใช ้กระดาษตารางสําหรับการสเก็ตภาพ คือข ้อใด
1 : เพือให ้ได ้สัดส่วน

2 : เพือให ้สเกลทีถูกต ้อง
3 : เพือให ้ได ้เส ้นตรง
4 : เพือให ้เขียนรูปสีเหลียมได ้ง่ายขึน
ข ้อที 510 :
ข ้อดีของการสเก็ตภาพ เมือเปรียบเทียบกับการเขียนแบบด ้วยเครืองมือ คือข ้อใด
1 : ได ้ขนาดทีมีความถูกต ้อง
2 : ไม่ต ้องมีทก
ั ษะในการเขียนแบบมากนัก
3 : ใช ้ดินสอ และเศษกระดาษเป็ นเครืองมือเท่านัน
4 : แบบทีได ้มีความสวยงามกว่า
ิ
ิ ธ
เนือหาวิชา : 716 : Other/Application

สท
ข ้อที 511 :
วน
งวน
ภาพต่อไปนีแสดงสัญลักษณ์แนวเชือมอะไร
อส
รข
วก
1 : แนวเชือมชนฉาก 2 ด ้าน
วศิ
2 : แนวเชือมกลาง 2 ด ้าน
า
3 : แนวเชือมมุม 2 ด ้าน
สภ
4 : แนวเชือม V 2 ด ้าน
ข ้อที 512 :
รหัสต่อไปนีหมายถึงอะไร
1 : แนวเชือมทีต ้องเชือมทีงานติดตัง
2 : แนวเชือมต ้องผ่านการตรวจความปลอดภัย
3 : แนวเชือมต ้องทาสีกนั สนิม
4 : แนวเชือมต ้องอบคลายความเครียด
ข ้อที 513 :
ตารางรายการแบบอยูท
่ ตํ
ี าแหน่งใดในกระดาษเขียนแบบ
1 : ด ้านล่างขวามือ
2 : ด ้านล่างซ ้ายมือ
3 : ด ้านล่างตรงกลาง
4 : อยูต่ ําแหน่งใดก็ได ้แล ้วแต่เหมาะสม
ข ้อที 514 :
เกลียวระบบเมตริก M 12 x 1.75 หมายความว่าอย่างไร
1 : เกลียวระบบเมตริก ความยาว 12 มิลลิเมตร เส ้นผ่านศูนย์กลาง 1.75 มิลลิเมตร

2 : เกลียวระบบเมตริก จํานวนเกลียว 12 เกลียวต่อความยาว 1 มิลลิเมตรขนาดเส ้นผ่านศูนย์กลาง 1.75 มิลลิเมตร
3 : เกลียวระบบเมตริก ขนาดเส ้นผ่านศูนย์กลาง 12 มิลลิเมตร จํานวนเกลียว 1.75 เกลียวต่อความยาว 1 มิลลิเมตร
4 : เกลียวระบบเมตริก ขนาดเส ้นผ่านศูนย์กลาง 12 มิลลิเมตร ระยะพิท 1.75 มิลลิเมตร
ข ้อที 515 :
เกลียวระบบยูนไิ ฟ (Unified) 5/8 - 18 UNR F หมายความว่าอย่างไร
1 : เกลียวขนาดเส ้นผ่าศูนย์กลาง(Normal major diameter) 5/8 นิว จํานวนเกลียว 18 เกลียวต่อนิว ชนิดละเอียด

2 : เกลียวขนาดเส ้นผ่าศูนย์กลาง(Normal major diameter) 18 นิว จํานวนเกลียว 5/8 เกลียวต่อนิว ชนิดละเอียด
3 : เกลียวขนาดเส ้นผ่าศูนย์กลาง(Normal major diameter) 5/8 นิว ระยะพิท(pitch) 18 นิว ชนิดละเอียด
4 : เกลียวขนาดเส ้นผ่าศูนย์กลาง(Normal major diameter) 5/8 นิว จํานวนเกลียว 18 เกลียวต่อนิว ชนิดเกรด F
ข ้อที 516 :
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
จากรูปทีกําหนดให ้ ถ ้านํ าหน ้าตัด A หมุนรอบแกน B จะได ้รูปทรงใด
อส
ก รข
ิ ว
าวศ
สภ
1 : รูปทรงกลม
2 : รูปทรงรี
3 : รูปทรงโดนัท
ข ้อที 517 :
ประโยชน์ของการเขียนภาพช่วย(Auxiliary view) คือข ้อใด
1 : ใช ้แสดงเส ้นทีมองไม่เห็น
2 : ใช ้แสดงรูปร่างจริงของวัตถุ
3 : ใช ้แสดงภาพลายตัดของวัตถุ
4 : เพือลดเวลาการเขียนภาพฉาย
ข ้อที 518 :
เมือต ้องการเขียนภาพช่วย เส ้นทีฉายจากพืนผิวเอียง จะต ้องทํามุมเท่าใด
1 : 60 องศา
2 : 45 องศา
3 : 90 องศา
ข ้อที 519 :
จากภาพทีกําหนดให ้ เป็ นภาพแบบใด
1 : Isometric Projection
2 : Perspective Projection
3 : Oblique Projection
4 : Multiview Projection
ข ้อที 520 :
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
จากภาพทีกําหนดให ้ เป็ นภาพชนิดใด
อส
รข
วก
า วศิ
สภ
1 : Isometric
2 : Oblique
3 : Multiview
4 : Perspective
ข ้อที 521 :
1 : Isometric
2 : Multiview
3 : Perspective
4 : Oblique
ข ้อที 522 :
ิ
ิ ธ
สท
วน
งวน
อส
รข
วก
า วศิ
สภ
1 : Isometric
2 : Perspective
3 : Oblique
4 : Multiview
ข ้อที 523 :
หากวัตถุในรูปทําจากวัสดุทมี
ี คา่ ความหนาแน่น 10000 kg/m3 วัตถุนจะมี
ี นําหนักเท่าใด
1 : 4.6315 kg
2 : 4.5688 kg
3 : 4.5060 kg
4 : 4.3116 kg
สภาวิศวกร 487/1 ซอย รามคําแหง 39 (เทพลีลา 1) แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ 10310 สายด่วน 1303 โทรสาร 02-935-6695
@ สงวนลิขสิทธิ 2555 สภาวิศวกร : ติดต่อสภาวิศวกร | Contact

Engineering Drawings PDF

Uploaded by

Document Information

Original Title

Copyright

Available Formats

Share this document

Share or Embed Document

Sharing Options

Did you find this document useful?

Is this content inappropriate?

Copyright:

Available Formats

Engineering Drawings PDF

Uploaded by

Copyright:

Available Formats

งวน

สภาวิศวกร | Council of engineers

อัตราส่วน (scale) 1:3 หมายถึง

เส ้นเต็มบาง (Continuous thin line) ใช ้ในกรณีใดได ้บ ้าง

ขนาดกระดาษ A4 มีขนาดความกว ้างและยาวเท่าไร

การเขียนเส ้นผ่านศูนย์กลางของวงกลม ใช ้เส ้นใด

1 : 15 องศา กับแนวดิงเอียงด ้านหน ้า

คําว่า "King" เมืออักษร "K" สูง 10 ม.ม อักษร "ing" สูงเท่าใด

คําว่า "King" เมืออักษร "K" สูง 10 ม.ม. ขนาดเส ้นทีใช ้เขียนตัวอักษรมีความหนาเท่าใด

ถ ้าเส ้นตรงวัดได ้ 50 ม.ม.ใช ้มาตราส่วน 1 : 5 จะเขียนเส ้นนันลงในแบบเท่าไร

ถ ้าเส ้นตรงวัดได ้ 50 ม.ม. ใช ้มาตราส่วน 2 : 1 จะเขียนเส ้นนันลงในแบบเท่าไร

เส ้นใดใช ้เป็ นเส ้นช่วยกําหนดขนาด

การเว ้นระยะตัวอักษร ควรจะเว ้นระยะอย่างไร

1 : พิจารณาจากระยะห่างระหว่างตัวอักษร ให ้มีระยะเท่าๆ กัน

จากรูป ข ้อใดกล่าวถึงเส ้น A, B, C และ D ได ้ถูกต ้อง

1 : VISIBLE LINE, CENTER LINE, HIDDEN LINE AND SECTION LINE

ดินสอเขียนแบบข ้อใดมีไส ้ดินสอแข็งทีสุด

กระดาษขนาด A 4 เป็ นกีเท่าของ A 1

ข ้อใดกล่าวถูกต ้องเกียวกับการเขียนตัวเลขเศษส่วน(lettering fraction)

ในทางสากล นิยมวาง Title Box ไว ้ทีตําแหน่งใดของกระดาษ

หลักสากล ในการเขียนแบบ มีเส ้นใดบ ้างทีต ้องลงนํ าหนักของเส ้นให ้หนาและเข ้ม

1 : visible line, center line, dimension & extension line

การเขียนเส ้นศูนย์กลาง (center line) ในข ้อใดถูกต ้องทีสุด

อุปกรณ์เขียนแบบข ้อใดใช ้วัดตรวจสอบความยาว และแบ่งเส ้นตรงเป็ นส่วนย่อยๆได ้

ไส ้ดินสอเบอร์ใดมีความเข ้มน ้อยทีสุด

จากรูปทีกําหนดให ้ มุม A มีคา่ เท่าใด

จากรูปทีกําหนดให ้ มุม B มีคา่ เท่าใด

จากรูปทีกําหนดให ้ มุม C มีคา่ เท่าใด

จากรูปทีกําหนดให ้ มุม D มีคา่ เท่าใด

กระดาษขนาด A3 ทีใช ้ในงานเขียนแบบมีขนาดเท่าใด

1 : 297 คูณ 210 ตารางมิลลิเมตร

การเขียนตัวอักษรงานเขียนแบบใช ้เส ้นขนาดใด

ขอบชินงานยาว 120 มม. ใช ้มาตราส่วน 1:2.5 ต ้องเขียนยาวเท่าใด

ขนาดในแบบยาว 30 มม. เมือใช ้มาตราส่วน 5:1 จะเขียนขนาดเท่าใด

ขนาดเส ้นใด เขียนอักษรมาตรฐานเทียบกับความสูง

เส ้นลูกโซ่บาง ไม่ใช ้แสดงเส ้นอะไร

เส ้นเต็มบางไม่ใช ้แสดงเส ้นอะไร

เส ้นทะแยงมุมแสดงด ้วยเส ้นอะไร

1 : คันโยก 2 อัน 3 ตําแหน่ง

มาตราส่วน 1:5 เป็ นมาตราส่วนแบบใด

มาตราส่วน 5:1 เป็ นมาตราส่วนแบบใด

ข ้อใดเป็ นการเรียงลําดับไส ้ดินสอจากอ่อนไปแข็งทีใช ้ในการเขียนแบบทีถูกต ้อง

1 : 6H, 4H, 2H, F

เส ้นเต็มบางใช ้เขียนเส ้นใดต่อไปนี

1 : เส ้นแสดงลายตัด เส ้นชี เส ้นบอกขนาด

จากรูปข ้างล่างนีตําแหน่ง A, B, C เป็ นเส ้นชนิดใดตามลําดับ

1 : เส ้นเต็มหนา เส ้นมือเปล่า เส ้นประ

่ ายในรูปวงกลม โดยทีเส ้นรอบวงของวงกลมลากผ่านมุมทุกมุมของรูปแปดเหลียมพอดี ข ้อใดต่อไปนีกล่าวถูกต ้อง

1 : มุมทุกมุมภายในรูปแปดเหลียมมีขนาดเท่ากับ 150 องศา

การวัดขนาดความยาวในงานเขียนแบบตามมาตรฐาน ISO (International Standards Organization) ใช ้ระบบหน่วยการวัดในข ้อใด

1 : หน่วยอังกฤษ (English units)

จากรูปห ้าเหลียมด ้านเท่าทีกําหนดให ้ มุม COE มีคา่ เป็ นกีองศา

เส ้นบนภาพเขียน (Drawings) อาจมีความหมาย หมายถึง

1 : ระนาบทีมองเห็นเป็ นสัน (Edge View)

ข ้อใดถูกต ้องเกียวกับขนาดของระนาบ “A” ในรูป Front View

1 : เป็ นขนาดจริง (True Shape)

ข ้อใดถูกต ้องเกียวกับขนาดของระนาบ “A” ในรูป Right Side View

1 : เป็ นขนาดจริง (True Shape)

ระนาบ "P" ในรูป Top Views สัมพันธ์กบ

ระนาบ “P” ในรูป Front View สัมพันธ์กบ

การแสดงภาพของวัตถุด ้วยภาพฉาย (Projection) ในลักษณะต่อไปนี เรียกว่า

1 : ภาพฉายออร์โทกราฟิ ก (Orthographic Projection) และ ภาพฉายไอโซเมทริกซ์ (Isometric Projection)

การแสดงภาพของวัตถุด ้วยภาพฉาย (Projection) ในลักษณะต่อไปนี เรียกว่า