You are on page 1of 130

รข
สภาวิศวกร | Council of engineers


วิชา : Engineering Materials

ิ ว
าวศ
เนือหาวิชา : 238 : 01 Metals
สภ
ข ้อที 1 :
แร่ Bauxite ทีเป็ นวัตถุดบ
ิ ในการถลุงอะลูมเิ นียม มีสารประกอบใดเป็ นสารประกอบหลัก
1 : Bayer
2 : Al2O3
3: Al2(SO4)3
4 : Na3AlF6

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 2 :
เหล็กหล่อ หมายถึง เหล็กทีมีปริมาณของธาตุคาร์บอนผสมอยูร่ ะหว่างค่าดังข ้อใด
1 : 0.022 - 6.7 % โดยนํ าหนัก
2 : 1.2 - 6.7 % โดยนํ าหนัก
3 : 2.0 - 4.3 % โดยนํ าหนัก
4 : 2.0 - 6.7 % โดยนํ าหนัก

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 3 :
เหล็กกล ้าคาร์บอนปานกลาง มีปริมาณของธาตุคาร์บอนผสมอยูเ่ ป็ นปริมาณเท่าใด
1 : 0.40 % โดยปริมาตร
2 : 0.40 % โดยนํ าหนัก
3 : 0.04 % โดยปริมาตร
4 : 0.04 % โดยนํ าหนัก

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 4 :
้ ตเป็ นผลิตภัณฑ์ในข ้อใด
เหล็กกล ้าคาร์บอนตํา มักนิยมนํ ามาใชผลิ
ธิ

1 : ตัวถังรถยนต์
สท

2 : ลูกสูบ
3 : มีดกลึง

4 : ดอกสว่าน
วน

คําตอบทีถูกต ้อง : 1
สง
ขอ

รข
ข ้อที 5 :
เหล็กกล ้าคาร์บอนปานกลางมีคา่ ความแข็ง (Hardness) เป็ นอย่างไร เทียบกับเหล็กกล ้าคาร์บอนสูงภายใต ้เงือนไข
สภาวะการอบชุบเหมือนกัน


1 : น ้อยกว่า

ิ ว
2 : มากกว่า

าวศ
3 : เท่ากัน
4 : ไม่สามารถระบุได ้ว่าเป็ นอย่างไร
สภ
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 6 :
ข ้อใดต่อไปนีไม่ใชว่ ต
ั ถุประสงค์ของการเติมธาตุโครเมียม (Cr) ในเหล็กกล ้าผสมสูง (High alloy steels)
1 : ลดการผุกร่อน
2 : เพิมความแข็งแรง
3 : เพิมความเหนียว ขึนรูปง่าย
4 : เพิมความสามารถในการต ้านทานการคืบ (Creep)

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 7 :
ในกระบวนการผลิตเหล็กหล่อเหนียว (Nodular cast iron) ธาตุใดทีเติมลงไปเพือทําให ้แกรไฟต์รวมตัวกันเป็ น
อนุภาคทรงกลม
1 : โครเมียม
2 : ซเี รียม
3 : คาร์บอน
4 : โคบอลต์

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 8 :
ทองเหลือง (Brass) คือโลหะผสมของธาตุหลักธาตุใด
1 : ทองแดง และเงิน
2 : ทองแดง และดีบกุ
3 : ทองแดง และตะกัว
4 : ทองแดง และสงั กะส ี

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
ธิ

ข ้อที 9 :
โลหะผสมสูงกลุม
่ ซูเปอร์อล ่ Nickel-based superalloys มักนิยมนํ าไปใชงานใดในปั
ั ลอย (Superalloys) เชน ้ จจุบน

สท

1 : ใบพัดในเครืองกังหันก๊าซในเครืองบินไอพ่น

2 : อุปกรณ์ภายในเครืองคอมพิวเตอร์เชน ่ ฮาร์ดดิสค์
วน

3 : ลูกสูบเครืองยนต์
4 : มีดกลึง
สง

คําตอบทีถูกต ้อง : 1
ขอ

รข
ข ้อที 10 :
โลหะใดไม่ใชโ่ ลหะทนไฟ (Refractory Metal)


1 : ทังสเตน
2 : โมลิบดินัม

ิ ว
3 : แทนทาลัม

าวศ
4 : เยอรมันเนียม

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
สภ

ข ้อที 11 :
โลหะใดจัดเป็ นโลหะมีสกุล (Noble Metal)
1 : ทังสเตน
2 : แพลตินัม
3 : ซลิ ก
ิ อน
4 : เยอรมันเนียม

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 12 :
ข ้อใดคือลักษณะเด่นของโลหะทัวไป
1 : เป็ นฉนวนความร ้อนทีดี
2 : เป็ นตัวนํ าความร ้อนทีดี
3 : เป็ นตัวต ้านทานการกัดกร่อนทีดี
4 : มีความยืดหยุน ่ สูง

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 13 :
โลหะใดจัดเป็ นโลหะหนัก
1 : แมกนีเซย ี ม
2 : อะลูมเิ นียม
3 : เบอริลเลียม
4 : โมลิบดินัม

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 14 :
โลหะใดทีไม่ควรนํ ามาเป็ นภาชนะบรรจุอาหาร
ธิ

1 : อะลูมเิ นียม
สท

2 : ตะกัว
3 : ดีบก

4 : เหล็กกล ้าไร ้สนิม


วน

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
สง
ขอ

รข
ข ้อที 15 :
โลหะใดไม่เหมาะสมสําหรับนํ ามาทําเป็ นกระทะเพือปรุงอาหาร


1 : อะลูมเิ นียม
2 : เหล็กกล ้าไร ้สนิม

ิ ว
3 : ทองแดง

าวศ
4 : แมกนีเซย ี ม

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
สภ

ข ้อที 16 :
พิวเตอร์ (Pewter) คือ โลหะผสมใด
1 : ดีบก
ุ ผสม
2 : ทองแดงผสม
3 : อะลูมเิ นียมผสม
4 : ไทเทเนียมผสม

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 17 :
้ าเป็ นชนส
โลหะใดทีนํ ามาใชทํ ิ ว่ นเครืองบินน ้อยทีสุด
1 : ไทเทเนียม
2 : อะลูมเิ นียม
3 : สงั กะส ี
4 : นิกเกิล

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 18 :
เหล็กกล ้าไร ้สนิมเกรด 18-8 หมายถึง เหล็กกล ้าทีผสมโลหะชนิดใดเป็ นปริมาณสูงสุดสองชนิดแรก
1 : โครเมียม-นิเกิล
2 : ไทเทเนียม-นิเกิล
3 : โครเมียม-ซลิ ก
ิ อน
4 : ไทเทเนียม-ซล ิ ก
ิ อน

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 19 :
้ มเิ นียมเป็ นสว่ นผสมหลักได ้
ผลิตภัณฑ์ใดทีไม่สามารถใชอะลู
ธิ

1 : วงล ้อรถยนต์
สท

2 : ตัวถังรถยนต์
3 : กระป๋ องนํ าอัดลม

4 : ้
ไสหลอดไฟ
วน

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
สง
ขอ

รข
ข ้อที 20 :
เหล็กหล่อชนิดใดต่อไปนีสามารถทนแรงกระแทกได ้ดีทสุ
ี ด


1 : เหล็กหล่อเทา
2 : เหล็กหล่อขาว

ิ ว
3 : เหล็กหล่อผสมโครเมียมสูง

าวศ
4 : เหล็กหล่ออบเหนียว

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
สภ

ข ้อที 21 :
เหล็กชนิดใดต่อไปนีสามารถกลึงเพือตกแต่งขึนรูปได ้ง่ายทีสุด
1 : เหล็กกล ้าชุบแข็ง
2 : เหล็กหล่อขาว
3 : เหล็กหล่อกราไฟต์กลม
4 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมเฟร์ไรต์

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 22 :
เหล็กกล ้าชนิดใดมีสภาพดึงยืดได ้ (Ductility) มากทีสุด ภายใต ้สภาวะการอบชุบทีเหมือนกัน
1 : เหล็กกล ้าคาร์บอนตํา
2 : เหล็กกล ้าคาร์บอนปานกลาง
3 : เหล็กกล ้าคาร์บอนสูง
4 : เหล็กกล ้าเครืองมือ

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 23 :
ในกระบวนการผลิตเหล็กหล่อเทา ธาตุใดทีต ้องเติมลงไปเพือทําให ้คาร์บอนรวมตัวกันเป็ นกราไฟต์
1 : อะลูมเิ นียม
2 : ิ ก
ซล ิ อน
3 : แคลเซย ี ม
4 : แมกนีเซย ี ม

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 24 :
ข ้อใดไม่ใชส่ มบัตข
ิ องเหล็กกล ้าคาร์บอนตํา
ธิ

1 : มีความเหนียวสูง
สท

2 : สามารถตกแต่งขึนรูปได ้ง่าย
3 : สามารถชุบแข็งได ้ง่าย

4 : ไม่สามารถรับแรงกระแทกได ้มาก
วน

คําตอบทีถูกต ้อง : 3
สง
ขอ

รข
ข ้อที 25 :
ข ้อใดไม่ใชส่ มบัตเิ ด่นของอะลูมเิ นียม


1 : นํ าหนักเบา
2 : ทนอุณหภูมไิ ด ้สูง

ิ ว
3 : อ่อนแต่เหนียว

าวศ
4 : นํ าความร ้อนได ้ดี

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
สภ

ข ้อที 26 :
บรอนซ ์ คือ โลหะผสมชนิดใด
1 : ทองแดงผสมดีบก ุ
2 : อะลูมเิ นียมผสมทองแดง
3 : ดีบก
ุ ผสมตะกัว
4 : นิเกิลผสมไทเทเนียม

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 27 :
ข ้อใดคือลักษณะเด่นของเหล็กหล่อขาว
1 : แข็ง ยากต่อการตกแต่ง
2 : อ่อน เหนียว ตกแต่ง-ขึนรูปได ้ง่าย
3 : ั
รับแรงอัดและแรงสนสะเทื อนได ้ดี
4 : ไม่ทนต่อการเสยี ดส ี

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 28 :
เหล็กหล่อเทาต่างจากเหล็กหล่อขาวอย่างไร
1 : ิ ก
เหล็กหล่อเทามีซล ิ อนเป็ นสว่ นผสม แต่เหล็กหล่อขาวไม่ม ี
2 : เหล็กหล่อเทามีกราไฟต์อส ิ ระเป็ นสว่ นหนึงของโครงสร ้าง แต่เหล็กหล่อขาวไม่ม ี
3 : เหล็กหล่อเทามีความแข็งมากกว่าเหล็กหล่อขาว
4 : เหล็กหล่อเทาสามารถรับแรงกระแทกได ้น ้อยกว่าเหล็กหล่อขาว

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 29 :
ผลิตภัณฑ์ใดไม่ควรเลือกทําจากเหล็กกล ้าคาร์บอนตํา
ธิ

1 : ใบมีดกลึง
สท

2 : ลวด
3 : เหล็กแผ่น

4 : ท่อ
วน

คําตอบทีถูกต ้อง : 1
สง
ขอ

รข
ข ้อที 30 :
ในกระบวนการผลิตเหล็กหล่อกราไฟต์กลม ธาตุใดทีต ้องเติมลงไปเพือทําให ้กราไฟต์อส
ิ ระเป็ นทรงกลม


1 : อะลูมเิ นียม
2 : ิ ก
ซล ิ อน

ิ ว
3 : แคลเซย ี ม

าวศ
4 : แมกนีเซย ี ม

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
สภ

ข ้อที 31 :
เหล็กกล ้าผสมชนิดใดทีไม่สามารถชุบแข็งได ้ดี
1 : เหล็กกล ้าโมลิบดินัม
2 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมออสเทไนต์
3 : เหล็กกล ้าแมงกานีส
4 : เหล็กกล ้าโครเมียม

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 32 :
็ ต์
เหล็กกล ้าถูกแบ่งแยกออกจากเหล็กหล่อด ้วยปริมาณคาร์บอนกีเปอร์เซน
1 : 1%
2 : 2%
3 : 3%
4 : 4%

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 33 :
ธาตุผสมใดทีมีสว่ นสําคัญในการทําให ้เหล็กกล ้าไร ้สนิมทนต่อการเกิดสนิมในบรรยากาศปกติ และต ้องมีปริมาณธาตุ
อย่างน ้อยสุดเท่าใด
1 : 13% โดยนํ าหนักโครเมียม
2 : 8% โดยนํ าหนักโครเมียม
3 : 13% โดยนํ าหนักนิเกิล
4 : 8% โดยนํ าหนักนิเกิล

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 34 :
ธิ

ข ้อความใดต่อไปนีเป็ นการกล่าวทีถูกต ้อง


สท

1 : เหล็กกล ้า Hypoeutectoid plain-carbon คือเหล็กกล ้าทีมีปริมาณคาร์บอนมากกว่า 0.8% โดยนํ าหนัก


2 : ้ ใชในงานก่
เหล็กเสนที ้ อสร ้างทําจากเหล็กหล่อ

3 : ธาตุทมี
ี บทบาทในการทําให ้เหล็กกล ้าไร ้สนิมสามารถทนต่อการกัดกร่อนได ้ดีคอ
ื โครเมียม
วน

4 : เหล็กหล่อเป็ นโลหะผสมประเภท Ferrous ทีมีปริมาณคาร์บอนน ้อยกว่า 2.4% โดยนํ าหนัก


สง

คําตอบทีถูกต ้อง : 3
ขอ

รข
ข ้อที 35 :
โลหะใดต่อไปนีมีจด
ุ หลอมเหลวทีตําทีสุด
1 : ทองแดง


2 : ทองแดงผสมสงั กะส ี

ิ ว
3 : ทองแดงผสมเหล็ก

าวศ
4 : ทองแดงผสมนิเกิล

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
สภ

ข ้อที 36 :

ชนงานใดต่ อไปนีมีความแข็งแรงสูงสุด
1 : เหล็กกล ้าคาร์บอนตําชุบแข็ง
2 : เหล็กกล ้าคาร์บอนปานกลางชุบแข็ง
3 : เหล็กกล ้าผสมตําชุบแข็ง
4 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมออสเทไนต์ชบ
ุ แข็ง

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 37 :
โลหะชนิดใดต่อไปนีทีเหมาะสมสําหรับทําเครืองยนต์ (Engine block) สําหรับรถแข่งมากทีสุด
1 : เหล็กกล ้า (Steel) เนืองจากหล่อง่ายทีสุด
2 : เหล็กกล ้าไร ้สนิม (Stainless steel) เพราะทนต่อการเกิดสนิมได ้ดี
3 : อะลูมเิ นียมผสม (Aluminium alloy) เพราะมีนําหนักเบา
4 : โลหะผสมยิงยวด (Superalloy) เพราะทนอุณหภูมส ิ งู ได ้ดี

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 38 :
วัสดุแม่เหล็กถาวรชนิดใดต่อไปนีทีให ้กําลังแม่เหล็กสูงสุด
1 : เหล็กคาร์บอน
2 : อัลนิโค (Alnico)
3 : เฟร์ไรต์ (Hard Ferrite)
4 : นิโอดิเมียม-บอรอน (NdFeB)

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 39 :
เหล็กเสน้ เหล็กข ้ออ ้อย ทีใชในงานก่
้ อสร ้างทัวไป เป็ นเหล็กในกลุม
่ ใด
1 : เหล็กกล ้าคาร์บอนตํา
ธิ

2 : เหล็กกล ้าคาร์บอนปานกลาง
สท

3 : เหล็กกล ้าคาร์บอนสูง

4 : เหล็กกล ้าผสม
วน

คําตอบทีถูกต ้อง : 1
สง

ข ้อที 40 :
ขอ

โลหะชนิดใดต่อไปนีสามารถนํ ามารีดเย็นเป็ นแผ่นบางได ้ง่ายทีสุด

รข
1 : อะลูมเิ นียม
2 : ทองแดง


3 : ทองเหลือง
4 : เหล็กกล ้าไร ้สนิม

ิ ว
าวศ
คําตอบทีถูกต ้อง : 1
สภ
ข ้อที 41 :
โลหะชนิดใดต่อไปนีขึนรูปเย็นได ้ยากทีสุด
1 : ทองเหลือง (Brass)
2 : เหล็กกล ้าคาร์บอนตํา (Low carbon steel)
3 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมเฟร์ไรต์ (Ferritic stainless steel)
4 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมออสเทไนต์ (Austenetic stainless steel)

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 42 :
โลหะชนิดใดต่อไปนีทีเหมาะสําหรับการผลิตวงล ้อรถยนต์มากทีสุด
1 : อะลูมเิ นียมบริสท
ุ ธิ
2 : อะลูมเิ นียมผสมซล ิ คิ อน
3 : อะลูมเิ นียมผสมทองแดง
4 : อะลูมเิ นียมผสมแมงกานีส

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 43 :
โลหะชนิดใดต่อไปนีไม่เกิดสนิม
1 : เหล็กกล ้าไร ้สนิม
2 : ทองแดง
3 : อะลูมเิ นียม
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ผิด

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 44 :
เหล็กกล ้าชนิดใดต่อไปนีเหมาะสําหรับใชงานที
้ อุณหภูมส
ิ งู
1 : เหล็กกล ้าคาร์บอนสูง (High carbon steel)
2 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมเฟร์ไรต์ (Ferritic stainless steel)
ธิ

3 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมออสเทไนต์ (Austenetic stainless steel)


สท

4 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมมาร์เทนไซต์ (Martensitic stainless steel)


คําตอบทีถูกต ้อง : 3
วน
สง

ข ้อที 45 :
เหล็กหล่อชนิดใดต่อไปนีเหมาะสําหรับงานทีต ้องทนต่อการสก
ึ หรอได ้ดี
ขอ

1 : เหล็กหล่อเทา (Gray cast iron)

รข
2 : เหล็กหล่อขาว (White cast iron)
3 : เหล็กหล่อเหนียว (Ductile iron)
4 : เหล็กหล่ออบเหนียว (Malleable iron)


ิ ว
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 46 :
าวศ
สภ
โลหะชนิดใดต่อไปนีเหมาะสําหรับการผลิตถังไฮโดรเจนเหลวสําหรับยานอวกาศมากทีสุด
1 : อะลูมเิ นียมผสมทองแดง
2 : อะลูมเิ นียมผสมลิเทียม
3 : อะลูมเิ นียมผสมซล ิ ค
ิ อน
4 : อะลูมเิ นียมผสมสงั กะส ี

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 47 :
โลหะกลุม ่ ใดต่อไปนีเหมาะสําหรับผลิตกระดูกเทียม (Surgical implants) มากทีสุด
1 : อะลูมเิ นียมผสม (Aluminium alloys)
2 : ไทเทเนียมผสม (Titanium alloys)
3 : แมกนีเซย ี มผสม (Magnesium alloys)
4 : ทองแดงผสม (Copper alloys)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 48 :
ข ้อใดไม่ใชค่ ณ
ุ ลักษณะเด่นของเหล็กกล ้าคาร์บอน
1 : ทนทานการกัดกร่อนได ้ดี
2 : มีสมบัตท
ิ างกลอยูใ่ นเกณฑ์ดจ ้
ี งึ สามารถนํ าไปใชงานได ้หลากหลายทางวิศวกรรม
3 : เหล็กกล ้าทีมีปริมาณคาร์บอนตํามักนํ าไปใชทํ ้ าเหล็กเสน้ เหล็กข ้ออ ้อย สําหรับอุตสาหกรรมก่อสร ้าง
4 : สามารถขึนรูปได ้ทังร ้อนและเย็น

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

เนือหาวิชา : 239 : 02 Engineering polymers

ข ้อที 49 :
ข ้อใดไม่ใชว่ ส
ั ดุพอลิเมอร์
ธิ

1 : ยาง (Rubber)
2 : พลาสติก (Plastic)
สท

3 : ไม ้ (Wood)

4 : แก ้ว (Glass)
วน

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
สง

ข ้อที 50 :
ขอ

ยางทีผ่านกระบวนการ Vulcanization แล ้ว จัดเป็ นพอลิเมอร์ประเภทใด

รข
1 : พอลิเมอร์แบบสายโซต ่ รง (Linear polymer)
2 : พอลิเมอร์แบบครอสลิงค์ (Crosslinked polymer)


3 : พอลิเมอร์แบบสายเดียว (Single chain polymer)
4 : พอลิเมอร์แบบกิง (Branched polymer)

ิ ว
าวศ
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
สภ
ข ้อที 51 :
ข ้อใดเป็ นพอลิเมอร์แบบโครงข่าย (network)
1 : พอลิสไตรีน (Polystyrene)
2 : ฟี นอลฟอร์มลั ดีไฮด์ (Phenol-formaldehyde)
3 : พอลิเอทธิลนี (Polyethylene)
4 : พอลิพรอพิลน ี (Polypropylene)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 52 :
ข ้อใดเป็ นลักษณะของเทอร์โมพลาสติก (Thermoplastic)
1 : แข็งตัวเมือถูกความร ้อน และอ่อนตัวเมือลดอุณหภูม ิ
2 : อ่อนตัวเมือถูกความร ้อน แต่กลับมาแข็งตัวเมือลดอุณหภูม ิ
3 : แข็งตัวเมือถูกความร ้อน และไม่สามารถทําให ้อ่อนตัวได ้อีก
4 : แข็งตัวเมือถูกความร ้อน แต่สามารถทําให ้อ่อนตัวได ้เมือลดอุณหภูม ิ

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 53 :
็ ติง (Thermosetting)
พอลิเมอร์ใดต่อไปนีเป็ นเทอร์โมเซต
1 : พอลิพรอพิลนี (Polypropylene)
2 : พอลิเอทธิลน
ี (Polyethylene)
3 : พอลิเอสเทอร์ไม่อมตั
ิ ว (Unsaturated polyester)
4 : พอลิไวนีลคลอไรด์ (Polyvinyl chloride)

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 54 :
ข ้อใดต่อไปนีกล่าวไม่ถก
ู ต ้อง
1 : โคพอลิเมอร์ (Copolymer) ประกอบด ้วย มอนอเมอร์มากกว่าหนึงชนิดเรียงต่อกัน
2 : อัลเทอร์เนตโคพอลิเมอร์ (Alternate copolymer) ประกอบด ้วย มอนอเมอร์มากกว่าหนึงชนิดเรียงต่อแบบ
ธิ

สลับกัน
สท

3 : แรนดอมโคพอลิเมอร์ (Random copolymer) ประกอบด ้วย มอนอเมอร์มากกว่าหนึงชนิดเรียงต่อแบบสุม ่


4 : กราฟท์โคพอลิเมอร์ (Graft copolymer) ประกอบด ้วย มอนอเมอร์มากกว่าหนึงชนิดเรียงต่ออยูใ่ นสายโซท่ ี


เป็ นเสนตรง
วน

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
สง
ขอ

รข
ข ้อที 55 :
ปั จจัยใดมีผลต่อสมบัตเิ ชงิ กลของพอลิเมอร์แบบกึงผลึก (Semicrystalline polymers)


1 : นํ าหนักโมเลกุล (Molecular weight)
2 : ระดับของสภาพเป็ นผลึก (Degree of crystallinity)

ิ ว
3 : การอบอ่อน (Annealing)

าวศ
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
สภ

ข ้อที 56 :

จากกราฟความเค ้น-ความเครียด (Stress-strain plot) กราฟเสนใดแสดงสมบั
ตขิ องวัสดุยด
ื หยุน
่ (Elastomeric
polymer)

1 : I
2 : II
3 : III
4 : IV

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 57 :
พอลิเมอร์ใดต่อไปนีเป็ นเทอร์โมพลาสติก (Thermoplastics)
1 : PVC
2 : Epoxy resins
3 : Polyester
4 : Melamine

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 58 :
่ อลิเมอร์
ข ้อใดต่อไปนีไม่ใชพ
ธิ

1 : พอลิเอทิลน ี (Polyethylene)
สท

2 : พอลิคาร์โบเนต (Polycarbonate)

3 : ิ ค
ซล ิ อนคาร์ไบด์ (Silicon carbide)
4 : ซลิ โิ คน (Silicone)
วน

คําตอบทีถูกต ้อง : 3
สง
ขอ

รข
ข ้อที 59 :
ี ํา
เพราะเหตุใดยางรถยนต์จงึ มีสด


1 : เนืองจากต ้องสม ั ผัสถนนซงมี
ึ ความสกปรก จึงผสมสด ี ําลงไป
2 : ่ ารเสริมแรงชนิดหนึงซงมี
เนืองจากต ้องการให ้มีความแข็งแรงขึน จึงใสส ึ สดี ําลงไป

ิ ว
3 : เพือให ้ง่ายต่อการดูแลรักษา

าวศ
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
สภ

ข ้อที 60 :
ี มบัตเิ ชงิ กลในข ้อใดต่อไปนีมากกว่าวัสดุวศ
โดยทัวไปพอลิเมอร์มส ิ วกรรมชนิดอืนๆ
1 : Tensile Strength
2 : Modulus of Elasticity
3 : Yield Strength
4 : Elongation

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 61 :
วัตถุดบ ้
ิ ทีใชในการผลิ
ตพอลิเมอร์มาจากแหล่งใด
1 : แก๊สธรรมชาติ
2 : นํ ามันปิ โตรเลียม
3 : ผลิตผลทางการเกษตร
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 62 :
่ ก
ข ้อใดต่อไปนีไม่ใชล ั ษณะหรือสมบัตข
ิ องเทอร์โมเซตติง (Thermosetting)
1 : มีโครงสร ้างตาข่าย
2 : นํ ามาขึนรูปใหม่ไม่ได ้
3 : ทนแรงกระแทกได ้ดี
4 : ทนความร ้อนได ้ดี

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 63 :
ข ้อใดต่อไปนีไม่ใชโ่ ครงสร ้างของโคพอลิเมอร์ (Copolymer)
ธิ

1 : โครงสร ้างแบบบล็อก (Block)


สท

2 : โครงสร ้างแบบสลับ (Alternating)


3 : โครงสร ้างแบบเชงิ เสน้ (Linear)

4 : ่ (Random)
โครงสร ้างแบบสุม
วน

คําตอบทีถูกต ้อง : 3
สง
ขอ

รข
ข ้อที 64 :

ขวดพลาสติกใสทีใชบรรจุ
นําอัดลมในท ้องตลาดมักทําด ้วยพอลิเมอร์ชนิดใด


1 : พอลิโพรพิลนี (Polypropylene)
2 : พอลิสไตรีน (Polystyrene)

ิ ว
3 : พอลิเอทิลน
ี เทอร์ฟาทาเลต (Polyethylene terephthalate)

าวศ
4 : พอลิเมทิล เมทาครีเลต (Polymethyl methacrylate)

คําตอบทีถูกต ้อง : 3
สภ

ข ้อที 65 :

เราสามารถเพิมสมบัตใิ นการรับแรงกระแทกให ้กับพลาสติกทีเปราะได ้โดยการผสมสงใดต่
อไปนีลงไปในพลาสติก
1 : ยาง (Rubber)
2 : สารเสริมแรง (Reinforcing filler)
3 : สารป้ องกันการแตกหักของสายโซโ่ มเลกุล (Stabilizer)
4 : สารเพิมเนือ (Extender)

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 66 :
ถ ้านํ าขวดพลาสติกทีทําจากพอลิเอทิลน ิ
ี ไปบรรจุนําอัดลมและปิ ดฝาให ้แน่น จะเกิดสงใดขึ

1 : ไม่มส ิ
ี งใดเปลี
ยนแปลง
2 : นํ าอัดลมจะมีสท ี จางลง

3 : แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จะระเหยออกไป
4 : ปริมาณของนํ าอัดลมจะลดลง

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 67 :
ข ้อใดต่อไปนีไม่เป็ นความจริง
1 : โดยทัวไป พอลิเมอร์มค ี า่ การนํ าความร ้อนทีตํากว่าโลหะมาก
2 : โดยทัวไป อากาศมีคา่ การนํ าความร ้อนทีตํากว่าพอลิเมอร์มาก
3 : โดยทัวไป พอลิเมอร์มค ี า่ สมั ประสทิ ธิของการขยายตัวเมือได ้รับความร ้อนมากกว่าโลหะ
4 : โดยทัวไป เซรามิกมีคา่ สม ั ประสทิ ธิของการขยายตัวเมือได ้รับความร ้อนมากกว่าพอลิเมอร์

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 68 :
กระบวนการในข ้อใดต่อไปนีเป็ นกระบวนการสร ้างพอลิเมอร์จากมอนอเมอร์
ธิ

1 : Monomerization
สท

2 : Polymerization
3 : Hydration

4 : Annealing
วน

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
สง
ขอ

รข
ข ้อที 69 :

เทฟลอน (Teflon) คือชอทางการค ้าของพอลิเมอร์ในข ้อใด


1 : Polystyrene
2 : Polyurethane

ิ ว
3 : Polytetrafluoroethylene

าวศ
4 : Polyvinyl chloride

คําตอบทีถูกต ้อง : 3
สภ

ข ้อที 70 :
พลาสติกในข ้อใดทีสามารถนํ ามาให ้ความร ้อนแล ้วหลอมเหลวเพือนํ าไปขึนรูปใหม่ได ้
1 : ไนลอน
2 : เมลามีน
3 : เบคาไลท์
4 : อีพอกซ ี

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 71 :
ข ้อใดจัดเป็ นวัสดุอล
ี าสโตเมอร์
1 : เมลามีน
2 : อะคริลค ิ
3 : ซลิ โิ คน
4 : เทฟลอน

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 72 :
ข ้อใดกล่าวไม่ถก
ู ต ้อง
1 : เทอร์โมเซตติงมีความแข็งแกร่งสูง เนืองจากมีโครงสร ้างตาข่ายทีแน่นหนา
2 : เทอร์โมพลาสติกแสดงพฤติกรรมทางความร ้อนด ้วยการเปลียนแปลงสมบัตท ิ างกายภาพเพียงอย่างเดียว
3 : อีลาสโตเมอร์แสดงพฤติกรรมทางความร ้อนด ้วยการเปลียนแปลงทางกายภาพและทางเคมีโดยมีโครงสร ้าง
ตาข่ายหลวมๆ เกิดขึน
4 : เทอร์โมเซตติงสามารถนํ ามาให ้ความร ้อนแล ้วหลอมเหลวเพือนํ าไปขึนรูปใหม่ได ้

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 73 :
ธิ

ข ้อใดกล่าวเกียวกับ Tg ของพอลิเมอร์ถก
ู ต ้องทีสุด
สท

1 : Tg เป็ นอุณหภูมท ี บ่้ งบอกการเปลียนสถานะของพอลิเมอร์จากแข็งเปราะเป็ นหลอมเหลว


ิ ใช
2 : ถ ้าพอลิเมอร์ถกู นํ าไปใชงาน ้ ณ อุณหภูมสิ งู กล่าว Tg พอลิเมอร์นันจะมีความแข็งเปราะ

3 : Tg เป็ นสมบัตทิ างความร ้อนของพอลิเมอร์ทแสดงการเปลี


ี ยนสถานะในสว่ นทีเป็ นอสณ ั ฐาน (Amorphous
วน

region)
4 : ถ ้า Tg ของพอลิเมอร์เท่ากับ -20oC แสดงว่า เมือนํ ามาใชงาน ้ ณ อุณหภูมห ิ ้อง (25oC) จะมีความแข็งเปราะ
สง

คําตอบทีถูกต ้อง : 3
ขอ

รข
เนือหาวิชา : 240 : 03 Engineering ceramics


ข ้อที 74 :

ิ ว
ิ าทีเกิดขึนเมือผสมซเี มนต์กบ
ปฏิกริ ย ั นํ าคือปฏิกริ ย
ิ าใด

าวศ
1 : ปฏิกริ ย
ิ า Hydration
2 : ปฏิกริ ยิ า Oxidation
3 : ปฏิกริ ย ิ า Reduction
สภ
4 : ปฏิกริ ย ิ า Dehydration

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 75 :
การเติมแร่ยป ั (Gypsum) ลงในซเี มนต์มวี ต
ิ ซม ั ถุประสงค์อย่างไร
1 : เพือลดต ้นทุนวัตถุดบ ิ
2 : เพือควบคุมเวลาการแข็งตัวของซเี มนต์
3 : เพือเพิมความแข็งแรงให ้กับซเี มนต์
4 : เพือให ้ซเี มนต์มอ ้
ี ายุการใชงานที
นานขึน

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 76 :
ทําไมเซรามิกโดยทัวไปมีสมบัตท
ิ แข็
ี ง (Hard) และเปราะ (Brittle) กว่าโลหะ
1 : การเคลือนทีของ Dislocation เกิดขึนในเซรามิกได ้ง่ายกว่าโลหะ
2 : เซรามิกทัวไปยึดกันด ้วยพันธะแวนเดอร์วาลส ์ แต่โลหะยึดกันด ้วยพันธะโลหะ
3 : ในเซรามิก ระนาบอะตอมเกิดการเลือน (Slip) ได ้บางระนาบเท่านัน
4 : เซรามิกมีความหนาแน่นสูงกว่าโลหะ

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 77 :
ข ้อใดไม่ใชส่ มบัตข
ิ องเซรามิก
1 : เป็ นฉนวนทังทางความร ้อนและไฟฟ้ า
2 : ความต ้านทานต่อแรงกระแทกตํา
3 : ทนต่อแรงดึงได ้ดี
4 : เฉือยต่อการเกิดปฏิกริ ย
ิ าเคมี

คําตอบทีถูกต ้อง : 3
ธิ

ข ้อที 78 :
สท

ข ้อใดไม่ใชผ่ ลทีเกิดจากการเกิดรูพรุน (Porosity) ในเนืออิฐทนไฟ


1 : อิฐทนไฟเป็ นฉนวนทางความร ้อนทีดีขน



วน

2 : อิฐทนไฟสามารถทนต่อการเปลียนแปลงอุณหภูมไิ ด ้ดีขน

3 : อิฐทนไฟมีความต ้านทานต่อการผุกร่อนดีขน

4 : อิฐทนไฟมีความแข็งแรงลดลง
สง

คําตอบทีถูกต ้อง : 3
ขอ

รข
ข ้อที 79 :
วัสดุในข ้อใดเหมาะทีจะทําเป็ นวัสดุขด
ั ถู (Abrasive material)


1 : เหล็ก

ิ ว
2 : อะลูมนิ า

าวศ
3 : พอลิเอทิลนี
4 : ไม ้
สภ
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 80 :
Glass transition temperature คืออะไร
1 : อุณหภูมจ
ิ ด ุ หลอมเหลว (Melting point) ของแก ้ว
2 : อุณหภูมทิ แก ี ้วมีสภาพการนํ าไฟฟ้ า
3 : อุณหภูมท ิ แก ี ้วเปลียนจากสภาพทีมีความหนืดสูงเป็ นสภาพทีแข็งและเปราะ
4 : อุณหภูมท ิ แก ี ้วกลายเป็ นไอ

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 81 :
ข ้อใดไม่ใชเ่ ซรามิกวิศวกรรม (Engineering ceramic)
1 : พอร์ซเิ ลน (Porcelain)
2 : อะลูมน ิ า (Alumina)
3 : ซลิ ก
ิ อนไนไตรด์ (Silicon nitride)
4 : เซอร์โคเนีย (Zirconia)

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 82 :
เซรามิกลักษณะใดทีไม่เหมาะสมสําหรับการนํ ามาใชทํ
้ าเป็ นกระดูกเทียม
1 : เซรามิกทีมีสมบัตต
ิ ้านทานการผุกร่อนทีดี
2 : เซรามิกทีมีความหนาแน่นสูง
3 : เซรามิกทีมีความแข็งแรงสูง
4 : เซรามิกทีสามารถยึดติดกับเนือเยือได ้ดี

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 83 :
ธิ

ทําไมปั จจุบน ่ อะลูมน


ั นิยมนํ าเซรามิกวิศวกรรม เชน ้ าหัวเทียนแทนโลหะ
ิ า (Alumina) มาใชทํ
สท

1 : เซรามิกมีความแข็งแรงมากกว่าโลหะทีอุณหภูมส
ิ งู
2 : เซรามิกเป็ นวัสดุเปราะกว่าโลหะ

3 : เซรามิกมีการนํ าไฟฟ้ าทีดีกว่าโลหะ


วน

4 : เซรามิกมีความหนาแน่นตํากว่าโลหะ
สง

คําตอบทีถูกต ้อง : 1
ขอ

รข
ข ้อที 84 :
ข ้อใดกล่าวถูกต ้อง
1 : การขึนรูปแก ้วจะทําขณะทีแก ้วมีสภาพเป็ นของเหลวทีมีความหนืดสูง


2 : การขึนรูปแก ้วจะเกิดปฏิกริ ย
ิ า Sintering

ิ ว
3 : แก ้วโดยทัวไปเป็ นของแข็งทีมีผลึก

าวศ
4 : หลังจากขึนรูปแก ้วแล ้วต ้องนํ าแก ้วไปอบและเผา

คําตอบทีถูกต ้อง : 1
สภ

ข ้อที 85 :
การเพิมความแข็งแรงให ้กับแก ้วโดยวิธเี ทมเปอร์ (Temper) หรือ Chemical treatment มีหลักการอย่างไร
1 : ทําให ้เกิดความเค ้นแรงดึงทีผิวและความเค ้นแรงอัดภายในเนือแก ้ว
2 : ทําให ้เกิดความเค ้นแรงอัดทีผิวและความเค ้นแรงดึงภายในเนือแก ้ว
3 : ทําให ้เกิดความเค ้นแรงอัดในเนือแก ้ว
4 : ทําให ้เกิดความเค ้นแรงดึงในเนือแก ้ว

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 86 :
เซรามิกประเภทใดมีความเหนียว (Toughness) ดีทสุ
ี ดทีอุณหภูมห
ิ ้อง
1 : ิ ก
ซล ิ อนไนไตรด์ (Silicon nitride)
2 : ซลิ กิ อนคาร์ไบด์ (Silicon carbide)
3 : อะลูมน ิ า (Alumina)
4 : Partially stabilized zirconia

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 87 :
Glass-ceramic แตกต่างจาก แก ้ว (Glass) อย่างไร
1 : แก ้วโปร่งใสแต่ Glass-ceramic ไม่โปร่งใส
2 : แก ้วไม่นําไฟฟ้ า แต่ Glass-ceramic นํ าไฟฟ้ า
3 : แก ้วนํ าความร ้อนได ้ไม่ด ี แต่ Glass-ceramic สามารถนํ าความร ้อนได ้
4 : แก ้วทนการเปลียนแปลงความร ้อน (Thermal shock) ได ้ แต่ Glass-ceramic ทนไม่ได ้

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 88 :
Pyroelectric ceramic มีสมบัตเิ ด่นในข ้อใด
1 : สามารถเปลียนสมบัตท
ิ างกลให ้เป็ นสมบัตไิ ฟฟ้ า
ธิ

2 : สามารถเปลียนสมบัตทิ างไฟฟ้ าให ้เป็ นสมบัตท ิ างกล


สท

3 : สามารถเปลียนสมบัตท ิ างไฟฟ้ าให ้เป็ นสมบัตท ิ างเคมี


4 : สามารถเปลียนสมบัตท ิ างความร ้อนให ้เป็ นสมบัตท ิ างไฟฟ้ า


วน

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
สง

ข ้อที 89 :
ขอ

เซรามิกประเภทแก ้วต่างจากเซรามิกโดยทัวไปอย่างไร

รข
1 : แก ้วไม่มผ
ี ลึก แต่เซรามิกโดยทัวไปเป็ นโครงสร ้างทีมีผลึก (Crystalline)
2 : แก ้วสามารถดึงยืดได ้ แต่เซรามิกโดยทัวไปมีสมบัตเิ ปราะ


3 : แก ้วทนแรงดึงได ้ดี แต่เซรามิกทนแรงอัดได ้ดี
4 : แก ้วทนทานต่อสารเคมีได ้ดี แต่เซรามิกโดยทัวไปเกิดปฏิกริ ย ิ าได ้ง่าย

ิ ว
าวศ
คําตอบทีถูกต ้อง : 1
สภ
ข ้อที 90 :
ผลิตภัณฑ์ใดต่อไปนีไม่จําเป็ นต ้องใชวั้ สดุเซรามิก
1 : กระสวยอวกาศ
2 : เตาเผา
3 : ลูกถ ้วยไฟฟ้ า (Electrical insulator)
4 : มีดผ่าตัด

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 91 :
ข ้อใดไม่ชว่ ยทําให ้วัสดุทผลิ
ี ตจากอะลูมน
ิ า (Alumina) มีสมบัตโิ ปร่งแสง (Translucent) ได ้
1 : อะลูมน ิ าทีใชมี้ ความบริสท
ุ ธ์สงู มาก
2 : เป็ นวัสดุผลึกเดียว (Single crystal)
3 : การจัดเรียงตัวของผลึกมีทศ ิ ทางใกล ้เคียงกันมาก
4 : ขอบเกรน (Grain boundary) มีความหนามาก

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 92 :
กระถางปลูกต ้นไม ้ โอ่งดิน อิฐมอญ จัดเป็ นเซรามิกประเภทใด
1 : Stoneware
2 : Earthenware
3 : Porcelain
4 : Bone China

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 93 :

วัสดุทนไฟทีใชในเตาเผาอุ
ณหภูมส
ิ งู มักทําจากวัสดุในข ้อใดต่อไปนี
1 : CaO
2 : Feldspar
ธิ

3 : Cement
สท

4 : Mullite

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
วน
สง

ข ้อที 94 :
วัสดุแบเรียมไททาเนต (BaTiO3) มีโครงผลึกแบบใด
ขอ

1 : โครงผลึกซเี ซย
ี มคลอไรด์

รข
2 : โครงผลึกโซเดียมคลอไรด์
3 : โครงผลึกฟลูออไรด์
4 : โครงผลึกเพอรอฟสไกต์


ิ ว
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 95 :
าวศ
สภ
ข ้อใดไม่ใชว่ ส ิ เิ กต
ั ดุโครงสร ้างซล
1 : อะลูมน ิ า
2 : ควอทซ ์
3 : ไมก ้า
4 : ทัลค์

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 96 :
วัสดุเซรามิกมีพันธะชนิดใด
1 : พันธะโลหะ
2 : พันธะโควาเลนต์
3 : พันธะไอออนิก
4 : พันธะไอออนิกร่วมพันธะโควาเลนต์

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

เนือหาวิชา : 241 : 04 Asphalt wood and concrete

ข ้อที 97 :
ไม ้จัดเป็ นวัสดุประเภทใด
1 : วัสดุเชงิ ประกอบ
2 : พอลิคาร์บอเนต
3 : พอลิไวนิลคลอไรด์
4 : พอลิเมอร์

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 98 :
เพราะเหตุใดไม ้จึงรับแรงดัด (Bending force) ได ้ดี
1 : ้
เสนใยเรี ยงตัวในทิศใดทิศหนึง
ธิ

2 : มีความเหนียวสูง
สท

3 : เนือไม ้มีความหนาแน่นสูง

4 : ไม ้มีนําหนักเบา
วน

คําตอบทีถูกต ้อง : 1
สง

ข ้อที 99 :
ขอ

ข ้อใดเป็ นสว่ นประกอบหลักของยางมะตอย (Asphalt)

รข
1 : ธาตุคาร์บอน (C) และ ไนโตรเจน (N)
2 : ธาตุคาร์บอน (C) และ ไฮโดรเจน (H)


3 : ธาตุคาร์บอน (C) และ ั เฟอร์ (S)
ซล
4 : ธาตุคาร์บอน (C) และ ออกซเิ จน (O)

ิ ว
าวศ
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
สภ
ข ้อที 100 :
ไม ้มีสมบัตท
ิ างกลตามข ้อใด
1 : เท่ากันทุกทิศทาง
2 : ความแข็งแรงตามแนวความยาวมากกว่าแนวขวาง
3 : ความแข็งแรงขนานเสนใยตํ้ ากว่าความแข็งแรงตังฉาก
4 : โมดูลสั เท่ากันทุกทิศทาง

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 101 :
ยางมะตอย (Asphalt) และยางมะตอยผสม (Asphalt mix) มีสมบัตต
ิ า่ งกันอย่างไร
1 : ี ดทาน (Friction) มากกว่ายางมะตอยผสม
ยางมะตอยมีแรงเสย
2 : ยางมะตอยผสมมีแรงเสยี ดทาน (Friction) มากกว่ายางมะตอย
3 : ยางมะตอยและยางมะตอยผสมใชทํ ้ าพืนรับแรงทีมีสมบัตใิ กล ้เคียงกัน
4 : ยางมะตอยแข็งแรงมากกว่ายางมะตอยผสม

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 102 :

การใชคอนกรี ้ อให ้รับแรงประเภทใด
ตในการก่อสร ้าง คอนกรีตถูกใชเพื
1 : แรงดึง (Tension)
2 : แรงอัด (Compression)
3 : แรงเฉือน (Shear)
4 : แรงบิด (Torsion)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 103 :
ความสามารถในการทํางาน (Workability) ของคอนกรีตสามารถทดสอบด ้วยวิธใี ด
1 : การทดสอบความล ้า (Fatigue test)
2 : ้
การทดสอบโดยใชแรงอั ด (Compressive test)
ธิ

3 : การทดสอบความแข็งแบบบริเนลล์ (Brinell)
สท

4 : การทดสอบการยุบตัว (Slump test)


คําตอบทีถูกต ้อง : 4
วน
สง

ข ้อที 104 :
สว่ นประกอบหลักของคอนกรีตคือข ้อใด
ขอ

1 : ทราย (Sand) หินฟั นม ้า (Feldspar) และซเี มนต์ (Cement)

รข
2 : หินย่อย (Aggregate) หินฟั นม ้า (Feldspar) และซเี มนต์ (Cement)
3 : ทราย (Sand) หินย่อย (Aggregate) และซเี มนต์ (Cement)
4 : ทราย (Sand) หินย่อย (Aggregate) และบิทเู มน (Bitumen)


ิ ว
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

าวศ
เนือหาวิชา : 242 : 05 Phase equilibrium diagrams and their interpretation
สภ

ข ้อที 105 :
สมการ delta ferrite + L --> austenite เรียกปฏิกริ ย
ิ านีว่าปฏิกริ ย
ิ าใด
1 : Eutectoid
2 : Eutectic
3 : Peritectic
4 : Peritectoid

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 106 :
ข ้อใดไม่ใชข่ ้อมูลทีสามารถทราบได ้จากแผนภาพเฟส (Phase diagram)
1 : สภาพการละลายได ้ของธาตุหนึงในอีกธาตุหนึง
2 : อุณหภูมท
ิ สารเริ
ี มหลอมละลาย
3 : ความดันทีสารเปลียนเฟส
4 : ปริมาตรของสารทีหลอมเหลว

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 107 :
ข ้อใดไม่ใชข่ ้อมูลทีสามารถทราบได ้จากแผนภาพเฟส (Phase diagram)
1 : อุณหภูมท
ิ โลหะผสมเริ
ี มแข็งตัวเป็ นของแข็ง
2 : สภาพการละลายได ้ของธาตุหนึงในอีกธาตุหนึง ณ สภาวะสมดุล
3 : เฟสต่างๆ ทีมีอยูใ่ นเนือวัสดุ
4 : ขนาดและรูปร่างของโครงสร ้างจุลภาค

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 108 :
ธิ
สท

วน
สง
ขอ

ข ้อใดคือปฏิกริ ย
ิ าทีเกิดขึนในแผนภาพเฟสของ Fe-Fe3C ทีกําหนดให ้

ก รข
ิ ว
าวศ
สภ

1 : Peritic, Eutectic, Eutectoid


2 : Peritectic, Eutectic, Eutectoid
3 : Peritectic, Eutectic, Eutectertic
4 : Peritectic, Eutectic, Monotectic

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 109 :
ธิ
สท

วน
สง
ขอ

ปฏิกริ ย ็ ต์โดยนํ าหนัก
ิ ายูเทกทอยด์ (Eutectoid) ของเหล็กกล ้าคาร์บอน เกิดทีปริมาณคาร์บอนกีเปอร์เซน

ก รข
ิ ว
าวศ
สภ

1 : 0.025%
2 : 0.8%
3 : 2.0%
4 : 4.3%

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 110 :
โครงสร ้างใดคือโครงสร ้างของเหล็กกล ้าคาร์บอนสว่ นผสมยูเทกทอยด์ทเย็ ้ ผ่านปฏิกริ ย
ี นตัวอย่างชาๆ ิ ายูเทคทอยด์
เรียกโครงสร ้างทีเกิดขึนว่าอะไร
1 : เฟร์ไรต์ (Ferrite)
2 : เพอร์ไลต์ (Pearlite)
3 : ออสเทไนต์ (Austenite)
4 : ซเี มนไทต์ (Cementite)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 111 :
ข ้อใดไม่ใชข่ ้อมูลทีได ้จากการอ่านแผนภาพเฟสในสภาวะทีสมดุล
ธิ

1 : ชนิดของเฟสทีเกิดขึน
2 : ปริมาณของเฟสทีเกิดขึน
สท

3 : อุณหภูมท
ิ สารเริ
ี มแข็งตัว (Solidify) หรือหลอมเหลว (Melt)

4 : ชนิดของโครงสร ้างผลึกของเฟสทีเกิดขึน
วน

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
สง

ข ้อที 112 :
ขอ

สารละลาย (Solution) และของผสม (Mixture) แตกต่างกันอย่างไร

รข
1 : สารละลายจะเกิดการแยกกันของสารทําให ้เกิดเฟสมากกว่าหนึงเฟส ของผสมจะเกิดเป็ นเนือเดียวกันมีเพียง
หนึงเฟส


2 : สารละลายจะเกิดเฉพาะในของเหลวเท่านัน ของผสมจะเกิดจากการผสมของเหลวและของแข็งด ้วยกัน
3 : สารละลายจะเกิดเป็ นเนือเดียวกันมีเพียงหนึงเฟส ของผสมจะเกิดการแยกกันของสารทําให ้เกิดเฟสมากกว่า

ิ ว
หนึงเฟส

าวศ
4 : สารละลายจะเกิดจากการรวมกันของของเหลวและของแข็งเป็ นเฟสเดียว ของผสมจะเกิดจากการรวมกันของ
สารทําให ้กลายเป็ นเฟสเดียว
สภ
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 113 :
เสน้ Liquidus มีความสําคัญอย่างไร
1 : ภายใต ้สภาวะทีสมดุล เฟสจะเป็ นเฟสของเหลวทังหมดทีอุณหภูมต ิ ํากว่าเสน้ Liquidus
2 : ภายใต ้สภาวะทีสมดุล อุณหภูมท
ิ อยู ่ ํากว่าเสน้ Liquidus เฟสของเหลวเปลียนเป็ นเฟสของแข็ง
ี ต
3 : ภายใต ้สภาวะทีสมดุล เฟสของแข็งชนิดหนึงจะเริมเกิดเป็ นเฟสของแข็งมากกว่าหนึงชนิดทีเสน้ Liquidus
4 : ภายใต ้สภาวะทีสมดุล อุณหภูมสิ งู กว่าเสน้ Liquidus เฟสของเหลวเริมเกิดเป็ นเฟสของแข็งทังหมด

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 114 :
เสน้ Solidus มีความสําคัญอย่างไร
1 : ภายใต ้สภาวะทีสมดุล เฟสของแข็งชนิดหนึงจะเริมเกิดเป็ นเฟสของแข็งมากกว่าหนึงชนิดทีเสน้ Solidus
2 : ภายใต ้สภาวะทีสมดุล อุณหภูมท
ิ อยู
ี ต ่ ํากว่าเสน้ Solidus จะประกอบด ้วยเฟสของเหลวและเฟสของแข็ง
3 : ภายใต ้สภาวะทีสมดุล อุณหภูมทิ อยู
ี ต ่ ํากว่าเสน้ Solidus เฟสของเหลวจะเปลียนเป็ นเฟสของแข็งทังหมด
4 : ภายใต ้สภาวะทีสมดุล อุณหภูมท ิ อยู
ี ส ่ งู กว่าเสน้ Solidus จะประกอบด ้วยเฟสของแข็งทังหมด

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 115 :
ข ้อใดไม่ใชล่ ก
ั ษณะของเสน้ Solvus
1 : ภายใต ้สภาวะทีสมดุล เฟสของแข็งชนิดหนึงจะเริมเกิดเป็ นเฟสของแข็งมากกว่าหนึงชนิดทีเสน้ Solvus
2 : ภายใต ้สภาวะทีสมดุล อุณหภูมท ิ อยู ่ ํากว่าเสน้ Solvus จะประกอบด ้วยเฟสของเหลวและเฟสของแข็ง
ี ต
3 : ภายใต ้สภาวะทีสมดุล เสน้ Solvus จะเป็ นเสนแสดงขี
้ ดจํากัดการละลาย (Solubility limit) ของเฟสของแข็ง
สองเฟส
4 : ภายใต ้สภาวะทีสมดุลอุณหภูมท ิ เหนื
ี อเสน้ Solvus เป็ นเฟสของแข็งทังหมด

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
ธิ

ข ้อที 116 :
ข ้อใดไม่ทําให ้เกิด Isomorphous systems
สท

1 : โครงสร ้างผลึกของแต่ละธาตุมโี ครงสร ้างแบบเดียวกัน


2 : ธาตุแต่ละตัวต ้องรวมกันเกิดเป็ นสารประกอบ (Compound)


วน

3 : ขนาดของอะตอมทังสองธาตุมค ี วามแตกต่างกันไม่เกิน 15%


4 : ธาตุแต่ละตัวควรมีคา่ Valence electron เหมือนกัน
สง

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
ขอ

รข
ข ้อที 117 :
จากแผนภาพเฟสของทองแดง (Cu) – นิกเกิล (Ni) โลหะผสมประกอบด ้วยทองแดง 47%โดยนํ าหนักและนิกเกิล
ี ส ประกอบด ้วยเฟสอะไร
53% โดยนํ าหนัก ที 1300 องศาเซลเซย


ิ ว
าวศ
สภ

1 : เฟสของเหลว และเฟสของแข็ง α
2 : เฟสของแข็ง α
3 : เฟสสารประกอบ Cu-Ni
4 : เฟสของเหลว

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 118 :
จากแผนภาพเฟสของทองแดง (Cu) – นิกเกิล (Ni) โลหะผสมประกอบด ้วยทองแดง 30% โดยนํ าหนักและนิกเกิล
70% โดยนํ าหนัก ถูกให ้ความร ้อนจากอุณหภูมห
ิ ้อง อยากทราบว่าเฟสของเหลวเริมเกิดขึนทีอุณหภูมใิ ด
ธิ
สท

วน
สง
ขอ

ก รข
ิ ว
าวศ
สภ

1 : ประมาณ 1200 ี ส
องศาเซลเซย
2 : ประมาณ 1300 องศาเซลเซยี ส
3 : ประมาณ 1350 องศาเซลเซย ี ส
4 : ประมาณ 1380 องศาเซลเซย ี ส

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 119 :
ข ้อใดไม่เกียวข ้องกับการเกิดโครงสร ้างแกน (Cored structure)
1 : เกิดในสภาวะทีไม่สมดุล
2 : เกิดจากความเข ้มข ้นของสว่ นประกอบทางเคมี (Chemical composition) ในแต่ละสว่ นต่างกัน
3 : สามารถแก ้ไขได ้โดยการทํากรรมวิธที างความร ้อน (Heat treatment)
4 : การเย็นตัวลงอย่างชาๆ้

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 120 :
จากแผนภาพเฟสของทองแดง (Cu) – นิเกิล (Ni) โลหะผสมประกอบด ้วยทองแดง 47%โดยนํ าหนักและนิเกิล
ี ส ประกอบด ้วยเฟสสองเฟส คือ เฟสของแข็ง α ซงมี
53%โดยนํ าหนักที 1300 องศาเซลเซย ึ สว่ นประกอบโดยนํ า
ึ ่
หนักของทองแดง 42% และ นิเกิล 58% และเฟสของเหลวซงมีสวนประกอบโดยนํ าหนักของทองแดง 55% และ
ธิ
สท

วน
สง
ขอ

็ ต์โดยนํ าหนักของเฟสทังสองของโลหะผสมนี
นิเกิล 45% อยากทราบเปอร์เซน

ก รข
ิ ว
าวศ
สภ

1 : ็ ต์ของเฟสของเหลว
เปอร์เซน คือ 61.5% และ ็ ต์ของเฟสของแข็ง
เปอร์เซน α คือ 38.5%
2 : เปอร์เซน็ ต์ของเฟสของเหลว คือ 38.5% และ เปอร์เซน็ ต์ของเฟสของแข็ง α คือ 61.5%
3 : เปอร์เซน ็ ต์ของเฟสของเหลว คือ 44.5% และ เปอร์เซน ็ ต์ของเฟสของแข็ง α คือ 55.5%
4 : เปอร์เซน ็ ต์ของเฟสของเหลว คือ 55.5% และ เปอร์เซน ็ ต์ของเฟสของแข็ง α คือ 44.5%

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 121 :
ธิ
สท

วน
สง
ขอ

จากแผนภาพเฟสของทองแดง (Cu) – นิกเกิล (Ni) ค่า Degree of freedom บนเสน้ Liquidus มีคา่ เท่าใด

ก รข
ิ ว
าวศ
สภ

1 : Degree of freedom = 0
2 : Degree of freedom = 1
3 : Degree of freedom = 2
4 : Degree of freedom = 3

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 122 :
จากแผนภาพเฟสของทองแดง (Cu) – สงั กะส ี (Zn) ในชว่ งอุณหภูมต ิ งแต่
ั 500 องศาเซลเซยี ส ถึง 750 องศา
เซลเซย ี ส ของโลหะผสมทีมีเปอร์เซน
็ ต์โดยนํ าหนักของสงั กะสต
ี งแต่
ั 60% ถึง 100% มีปฏิกริ ย
ิ า Invariant ใดเกิด
ธิ
สท

วน
สง
ขอ

ขึนบ ้าง

ก รข
ิ ว
าวศ
สภ

1 : Eutectic reaction และ Eutectoid reaction


2 : Peritectic reaction และ Eutectoid reaction
3 : Eutectic reaction และ Peritectoid reaction
4 : Monotectic reaction และ Eutectoid reaction

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 123 :
ธิ
สท

วน
สง
ขอ

จากแผนภาพเฟสของ นิกเกิล (Ni)- ไททาเนียม (Ti) มีปฏิกริ ย
ิ า Invariant ใดเกิดขึนบ ้าง

ก รข
ิ ว
าวศ
สภ

1 : Monotectic reaction, Peritectic reaction และ Eutectoid reaction


2 : Monotectic reaction, Peritectic reaction และ Peritectoid reaction
3 : Peritectic reaction, Eutectic reaction และ Eutectoid reaction
4 : Eutectoid reaction, Peritectoid reactionและ Peritectic reaction

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 124 :
จากแผนภาพเฟสของทองแดง (Cu) – เงิน (Ag) โลหะผสมประกอบด ้วยทองแดง 10% โดยนํ าหนักและเงิน
90%โดยนํ าหนัก ถูกให ้ความร ้อนจนเกิดเฟสของแข็ง และเฟสของเหลว ถ ้าสว่ นประกอบของเฟสของเหลวประกอบ
ธิ
สท

วน
สง
ขอ

ด ้วยเงิน (Ag) 85%โดยนํ าหนัก อยากทราบว่าโลหะผสมนีถูกให ้ความร ้อนถึงอุณหภูมเิ ท่าใด

ก รข
ิ ว
าวศ
สภ

1 : ประมาณ 750 ี ส
องศาเซลเซย
2 : ประมาณ 800 องศาเซลเซยี ส
3 : ประมาณ 850 องศาเซลเซย ี ส
4 : ประมาณ 950 องศาเซลเซย ี ส

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 125 :
จากแผนภาพเฟสของทองแดง (Cu) – สงั กะส ี (Zn) โลหะผสมประกอบด ้วยทองแดง 20%โดยนํ าหนักและสงั กะส ี
ี ส ประกอบด ้วยเฟสอะไร
80%โดยนํ าหนัก ที 598 องศาเซลเซย
ธิ
สท

วน
สง
ขอ

ก รข
ิ ว
าวศ
สภ

1 : เฟสของเหลว และเฟสของแข็ง δ
2 : เฟสของเหลว และเฟสของแข็ง ε
3 : เฟสของแข็ง ε
4 : เฟสของเหลว เฟสของแข็ง δ และเฟสของแข็ง ε

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 126 :
จากแผนภาพเฟสของทองแดง (Cu) – เงิน (Ag) โลหะผสมประกอบด ้วยทองแดง 10%โดยนํ าหนัก และเงิน
90%โดยนํ าหนัก ถูกให ้ความร ้อนจนเกิดเฟสของแข็ง β และเฟสของเหลว ถ ้าสว่ นประกอบของเฟสของเหลว
ธิ
สท

วน
สง
ขอ

็ ต์โดยนํ าหนัก
ประกอบด ้วยเงิน (Ag) 85% โดยนํ าหนัก อยากทราบว่าเฟสของแข็ง β ประกอบด ้วยเงินกีเปอร์เซน

ก รข
ิ ว
าวศ
สภ

1 : ประมาณ 90% โดยนํ าหนัก


2 : ประมาณ 95% โดยนํ าหนัก
3 : ประมาณ 5% โดยนํ าหนัก
4 : ประมาณ 10% โดยนํ าหนัก

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 127 :
จากแผนภาพเฟสของทองแดง (Cu) – นิกเกิล (Ni) โลหะผสมประกอบด ้วยทองแดง 30%โดยนํ าหนักและนิเกิล
ี ส ประกอบด ้วยเฟสอะไร
70%โดยนํ าหนัก ที 1350 องศาเซลเซย
ธิ
สท

วน
สง
ขอ

ก รข
ิ ว
าวศ
สภ

1 : เฟสของเหลว
2 : เฟสของเหลว และเฟสของแข็ง α
3 : เฟสของแข็ง α
4 : เฟสของสารประกอบระหว่างทองแดงและนิเกิล

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 128 :
จากแผนภาพเฟสของทองแดง (Cu) – สงั กะส ี (Zn) โลหะผสมประกอบด ้วยทองแดง 20%โดยนํ าหนักและสงั กะส ี
ี ส ประกอบด ้วยเฟสอะไร
80%โดยนํ าหนัก ที 800 องศาเซลเซย
ธิ
สท

วน
สง
ขอ

ก รข
ิ ว
าวศ
สภ

1 : เฟสของเหลว
2 : เฟสของเหลว และเฟสของแข็ง δ
3 : เฟสของเหลว และเฟสของแข็ง ε
4 : เฟสของแข็ง γ

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 129 :
จากแผนภาพเฟสของทองแดง (Cu) – สงั กะส ี (Zn) โลหะผสมประกอบด ้วยทองแดง 20%โดยนํ าหนักและสงั กะส ี
ี ส ประกอบด ้วยเฟสอะไร
80%โดยนํ าหนัก ที 500 องศาเซลเซย
ธิ
สท

วน
สง
ขอ

ก รข
ิ ว
าวศ
สภ

1 : เฟสของเหลว
2 : เฟสของแข็ง ε
3 : เฟสของแข็ง δ
4 : เฟสของเหลว และเฟสของแข็ง ε

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 130 :
จากแผนภาพเฟสของตะกัว (Pb) – ดีบกุ (Sn) โลหะผสมประกอบด ้วยดีบก
ุ 40%โดยนํ าหนักและตะกัว 60%โดยนํ า
ี ส ประกอบด ้วยเฟสอะไรบ ้าง
หนัก ที 150 องศาเซลเซย
ธิ
สท

วน
สง
ขอ

ก รข
ิ ว
าวศ
สภ

1 : เฟสของแข็งสองชนิดคือ (α Pb) และ (βSn)


2 : เฟสของแข็ง (α Pb) และเฟสของเหลว
3 : เฟสของแข็ง (βSn) และเฟสของเหลว
4 : เฟสของเหลว

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 131 :
จากแผนภาพเฟสของตะกัว (Pb) – ดีบก ุ (Sn) โลหะผสมประกอบด ้วยดีบกุ 61.9%โดยนํ าหนักและตะกัว
38.1%โดยนํ าหนัก ที 183 องศาเซลเซยี ส ประกอบด ้วยเฟสอะไรบ ้าง
ธิ
สท

วน
สง
ขอ

ก รข
ิ ว
าวศ
สภ

1 : เฟสของแข็งสองชนิดคือ (α Pb) และ (βSn) และเฟสของเหลว


2 : เฟสของแข็ง (α Pb) และเฟสของเหลว
3 : เฟสของแข็ง (βSn) และเฟสของเหลว
4 : เฟสของแข็งสองชนิดคือ (α Pb) และ (βSn)

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 132 :
ธิ
สท

วน
สง
ขอ

จากแผนภาพเฟสของตะกัว (Pb) – ดีบก
ุ (Sn) บริเวณทีเป็ น α มีความหมายว่าอย่างไร

ก รข
ิ ว
าวศ
สภ

1 : เฟสสารละลายของแข็ง (α Pb) ทีมีโครงสร ้างผลึกของดีบก


ุ และตะกัวอยูร่ ว่ มกัน
2 : เฟสสารละลายของแข็ง (α Pb) ทีมีโครงสร ้างผลึกของตะกัว และมีอะตอมของดีบก ุ แทรกอยูใ่ นโครงสร ้าง
3 : เฟสสารละลายของแข็ง (α Pb) ทีมีโครงสร ้างผลึกแตกต่างจากโครงสร ้างของดีบก ุ และตะกัว
4 : เฟสสารละลายของแข็ง (α Pb) ทีมีโครงสร ้างผลึกของดีบกุ และมีอะตอมของตะกัวแทรกอยูใ่ นโครงสร ้าง

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 133 :
ข ้อใดไม่ใชล่ ก
ั ษณะของโครงสร ้างจุลภาคของสว่ นประกอบ Eutectic
1 : Lamellar
2 : Rodlike
3 : Globular
4 : Homogeneous
ธิ

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
สท

ข ้อที 134 :
วน

ปฏิกริ ย ่ ฏิกริ ย
ิ าต่อไปนี ข ้อใดไม่ใชป ิ า Invariant
1 : Eutectic reaction
สง

2 : Monotectic reaction
3 : Peritectoid reaction
ขอ

4 : Oxidation reaction

รข
คําตอบทีถูกต ้อง : 4


ิ ว
าวศ
ข ้อที 135 :
จากแผนภาพเฟสของทองแดง (Cu) – นิกเกิล (Ni) ค่า Degree of freedom ระหว่างเสน้ Solidus และ Liquidus มี
สภ

ค่าเท่าใด
1 : Degree of freedom = 0
2 : Degree of freedom = 1
3 : Degree of freedom = 2
4 : Degree of freedom = 3

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 136 :
ข ้อใดต่อไปนีเป็ นปฏิกริ ย
ิ า Monotectic

1:
2:
3:
ธิ

4:
สท

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

วน

ข ้อที 137 :
สง

กรรมวิธก ี ารชุบทีใชตั้ วกลางชนิดใดต่อไปนี ทีทําให ้เกิดอัตราการคายความร ้อนจากชนงานมากที


ิ สุด
1 : อากาศปกติ
ขอ

2 : อากาศในเตาอบ

รข
3 : นํ าเปล่า
4 : นํ ามัน


คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ิ ว
กรรมวิธก
าวศ
ข ้อที 138 :

ี ารอบชนิดใดต่อไปนี ทําให ้ชนงานมี
ความแข็งแรงสูงทีสุด
สภ
1 : การอบในกระบวนการ (Process annealing)
2 : การอบปรกติ (Normalizing)
3 : การอบอ่อนเต็มที (Full annealing)
4 : สเฟี ยรอยไดซงิ (Spheroidizing)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 139 :

ในการอบอ่อนเต็มที (Full annealing) ชนงานถู
กทําให ้เย็นลงด ้วยตัวกลางชนิดใด
1 : อากาศปรกตินอกเตาอบ
2 : อากาศในเตาอบ
3 : นํ าเปล่า
4 : นํ ามัน

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 140 :

ในการอบปรกติ (Normalizing) ชนงานถู
กทําให ้เย็นลงด ้วยตัวกลางชนิดใด
1 : อากาศปรกตินอกเตาอบ
2 : อากาศในเตาอบ
3 : นํ าเปล่า
4 : นํ ามัน

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 141 :
้ ของเหล็กกล ้าคาร์บอนตําทีมีโครงสร ้างออสเทไนต์ (Austenite)
ข ้อใดคือโครงสร ้างทีได ้จากการเย็นตัวอย่างชาๆ
1 : เพอร์ไลต์ (Pearlite) และ เฟร์ไรต์ (Ferrite)
2 : เพอร์ไลต์ (Pearlite) และ ซเี มนไทต์ (Cementite)
3 : เบไนต์ (Bainite)
4 : มาร์เทนไซต์ (Martensite)
ธิ

คําตอบทีถูกต ้อง : 1
สท

วน

ข ้อที 142 :
จากแผนภาพการแปลงคงอุณหภูม ิ (Isothermal transformation diagram) ของเหล็กกล ้าคาร์บอน 1.13 wt%C
สง


ข ้อใดคือโครงสร ้างสุดท ้ายของชนงานเหล็ กกล ้าคาร์บอน 1.13 wt%C ขนาดเล็กทีถูกอบทีอุณหภูม ิ 920 องศา
เซลเซย ี ส จนมีโครงสร ้างเป็ นออสเทไนต์ (Austenite) ตลอดทังชนก่
ิ อนทําให ้เย็นตัวลงอย่างรวดเร็ว จนชนงานมี

ขอ

ี ส และแชช
อุณหภูม ิ 400 องศาเซลเซย ่ นงานไว
ิ ้ทีอุณหภูมน
ิ นาน
ี 1 นาที ก่อนทําให ้เย็นตัวถึงอุณหภูมห
ิ ้อง

ก รข
ิ ว
าวศ
สภ

1 : ออสเทไนต์ (Austenite) และ เบไนต์ (Bainite)


2 : ออสเทไนต์ (Austenite) เบไนต์ (Bainite) และ มาร์เทนไซต์ (Martensite)
3 : เบไนต์ (Bainite) และ มาร์เทนไซต์ (Martensite)
4 : ซเี มนไทต์ (Cementite) เบไนต์ (Bainite)และ มาร์เทนไซต์ (Martensite)

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 143 :
ข ้อใดคือวัตถุประสงค์ของการอบปรกติ (Normalizing)
1 : เพือปรับปรุงสมบัตเิ ชงิ กลให ้ดีขน

2 : เพือปรับปรุงโครงสร ้างให ้สมําเสมอ
3 : เป็ นการทําลายความเครียดภายใน
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
ธิ

ข ้อที 144 :
ข ้อใดคือวัตถุประสงค์ของการอบอ่อน (Annealing)
สท

1 : เพือเพิมความแข็งแรง

2 : เพือให ้ได ้โครงสร ้างทีมีความอ่อนตัวสูง


วน

3 : เพือเพิมความแข็งให ้กับวัสดุ
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก
สง

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
ขอ

รข
ข ้อที 145 :
ข ้อใดคือปั จจัยทีมีผลต่อความแข็งของเหล็กกล ้าคาร์บอนปานกลาง


1 : ปริมาณคาร์บอน
2 : อุณหภูมก ิ อ
่ นการชุบแข็ง

ิ ว
3 : อัตราการชุบแข็ง

าวศ
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
สภ

ข ้อที 146 :
โครงสร ้างเพอร์ไลต์ (Pearlite) ในเหล็กกล ้าเป็ นโครงสร ้างทีได ้จากปฏิกริ ย
ิ าอะไร
1 : ยูเทกติก (Eutectic)
2 : ยูเทกทอยด์ (Eutectoid)
3 : เพริเทกติก (Peritectic)
4 : เพริเทกทอยด์ (Peritectoid)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 147 :
ในภาวะสมดุล ณ อุณหภูมต ิ ํากว่าอุณหภูมย
ิ เู ทคทอยด์เล็กน ้อย โครงสร ้างเหล็กกล ้าคาร์บอนตํา (0.2wt%C)
ประกอบด ้วยโครงสร ้างของเฟสกึงเสถียร (Metastable phase) ใดบ ้าง และเกิดขึนในปริมาณเท่าใด
ธิ
สท

1 : เฟร์ไรต์ (Ferrite) 80% และ เพอร์ไลต์ (Pearlite) 20%


2 : เฟร์ไรต์ (Ferrite) 20% และ เพอร์ไลต์ (Pearlite) 80%


วน

3 : เฟร์ไรต์ (Ferrite) 75% และ เพอร์ไลต์ (Pearlite) 25%


4 : เฟร์ไรต์ (Ferrite) 25% และ เพอร์ไลต์ (Pearlite) 75%
สง

คําตอบทีถูกต ้อง : 3
ขอ

รข
ข ้อที 148 :
ลักษณะโครงสร ้างบริเวณรอบรอยเชอม ื (HAZ) ในเหล็กกล ้าคาร์บอนตําสว่ นทีติดกับบริเวณหลอมเหลว (Fusion

zone) ของรอยเชอมคื อ ข ้อใดต่อไปนี


1 : โครงสร ้างมีขนาดเกรนหยาบ

ิ ว
2 : โครงสร ้างมีขนาดเกรนละเอียด

าวศ
3 : โครงสร ้างเป็ นมาร์เทนไซต์ (Martensite)
4 : โครงสร ้างเป็ นเบไนต์ (Bainite)
สภ
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 149 :
จากแผนภาพเฟสดีบก ุ -ตะกัว โครงสร ้างของโลหะผสมดีบก
ุ และตะกัวทีอุณหภูมต
ิ ํากว่า 183˚C เล็กน ้อย ประกอบ
ด ้วยเฟส Proeutectic α 73.2% โดยนํ าหนัก และเฟสของ Eutectic (α + β) 26.8% โดยนํ าหนัก สว่ นผสมของ
โลหะนีคือข ้อใด

1 : ดีบก
ุ 20% และตะกัว 80% โดยนํ าหนัก
2 : ดีบก ุ 25% และตะกัว 75% โดยนํ าหนัก
3 : ดีบก ุ 30% และตะกัว 70% โดยนํ าหนัก
4 : ดีบก ุ 35% และตะกัว 65% โดยนํ าหนัก

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 150 :
จากแผนภาพเฟสดีบก ุ -ตะกัว โลหะผสมของดีบก
ุ 85% และตะกัว 15% โดยนํ าหนัก จํานวน 750 กรัมทีอุณหภูมส
ิ งู
กว่า 183˚C เล็กน ้อย ประกอบด ้วยเฟส Proeutectic β กีกรัม
ธิ
สท

วน
สง
ขอ

ก รข
ิ ว
าวศ
สภ

1 : 323.4
2 : 482.6
3 : 526.7
4 : 651.2

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 151 :
จากแผนภาพเฟสดีบก ุ -ตะกัว โลหะผสมของดีบกุ 85% และตะกัว 15% โดยนํ าหนัก จํานวน 750 กรัมทีอุณหภูมต
ิ ํา
กว่า 183˚C เล็กน ้อย ประกอบด ้วยเฟส α กีกรัม
ธิ
สท

วน
สง
ขอ

ก รข
ิ ว
าวศ
สภ

1 : 323.65
2 : 240.64
3 : 120.75
4 : 94.36

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 152 :
จากแผนภาพเฟสของทองแดง (Cu) – เงิน (Ag) โครงสร ้างของโลหะผสมทองแดงและเงินทีอุณหภูมต ิ ํากว่า
779˚C เล็กน ้อย ประกอบด ้วยเฟส Proeutectic α 68% โดยนํ าหนัก และเฟสของ Eutectic (α + β) 32% โดยนํ า
ธิ
สท

วน
สง
ขอ

หนัก สว่ นผสมของโลหะนีคือข ้อใด

ก รข
ิ ว
าวศ
สภ

1 : ทองแดง 10% และเงิน 90% โดยนํ าหนัก


2 : ทองแดง 15% และเงิน 85% โดยนํ าหนัก
3 : ทองแดง 20% และเงิน 80% โดยนํ าหนัก
4 : ทองแดง 25% และเงิน 75% โดยนํ าหนัก

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 153 :
โลหะผสมของทองแดง 70% และ เงิน 30% โดยนํ าหนัก จํานวน 800 กรัม ทีอุณหภูมต ี ส
ิ ํากว่า 779 องศาเซลเซย
เล็กน ้อย จะมีเฟสใดเกิดขึนบ ้างและเกิดขึนเป็ นจํานวนเท่าใด
ธิ
สท

วน
สง
ขอ

ก รข
ิ ว
าวศ
สภ

1 : เฟส (Cu) 410.5 กรัม และเฟส (Ag) 389.5 กรัม


2 : เฟส (Cu) 501.7 กรัม และเฟส (Ag) 298.3 กรัม
3 : เฟส (Cu) 524.6 กรัม และเฟส (Ag) 275.4 กรัม
4 : เฟส (Cu) 588.8 กรัม และเฟส (Ag) 211.5 กรัม

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 154 :
โลหะผสมของทองแดง 70% และ เงิน 30% โดยนํ าหนัก จํานวน 800 กรัม ทีอุณหภูมส ี ส
ิ งู กว่า 779 องศาเซลเซย
เล็กน ้อย จะมีเฟสใดเกิดขึนบ ้างและเกิดขึนเป็ นจํานวนเท่าใด
ธิ
สท

วน
สง
ขอ

ก รข
ิ ว
าวศ
สภ

1 : เฟส (Cu) 610.5 กรัม และเฟส (Ag) 189.5 กรัม


2 : เฟส (Cu) 510.7 กรัม และเฟส (Ag) 298.3 กรัม
3 : เฟส (Cu) 524.6 กรัม และเฟส (Ag) 275.4 กรัม
4 : เฟส (Cu) 730 กรัม และเฟส (Ag) 70 กรัม

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 155 :
ธิ
สท

วน
สง
ขอ

จากแผนภาพเฟสของ นิกเกิล (Ni)- ไททาเนียม (Ti) ข ้อใดคือปฏิกริ ย
ิ า Eutectic ทีเกิดขึน

ก รข
ิ ว
าวศ
สภ

1:
2:
3:
4:

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 156 :
ธิ
สท

วน
สง
ขอ

จากแผนภาพเฟสของ นิกเกิล (Ni) - ไททาเนียม (Ti) ข ้อใดคือปฏิกริ ย
ิ า Peritectic ทีเกิดขึน

กรข
ิ ว
าวศ
สภ

1:
2:
3:
4:

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 157 :

ในระบบ Ternary ซงประกอบด ้วยสว่ นประกอบ 3 ชนิด อยากทราบว่าถ ้าให ้อุณหภูมสิ ามารถเปลียนแปลงได ้ แต่
ความดันมีคา่ คงที จะมีจํานวนเฟสเกิดขึนได ้มากทีสุดพร ้อมกันกีเฟสทีอุณหภูมแิ ละสว่ นประกอบเดียวกัน
1 : 5
2 : 4
3 : 3
ธิ

4 : 2
สท

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
วน

ข ้อที 158 :
สง

จากแผนภาพเฟสทองแดง-เงิน ถ ้าโลหะผสมของทองแดง 70% และ เงิน 30% โดยนํ าหนัก จํานวน 800 กรัม ที
ี ส จะมีเฟสใดเกิดขึนบ ้างและเกิดขึนเป็ นจํานวนเท่าใด
อุณหภูม ิ 800 องศาเซลเซย
ขอ

ก รข
ิ ว
าวศ
สภ

1 : เฟส (Cu) 610.5 กรัม และเฟสของเหลว 189.5 กรัม


2 : เฟส (Cu) 549.6 กรัม และเฟสของเหลว 250.4 กรัม
3 : เฟส (Cu) 580.6 กรัม และเฟสของเหลว 219.4 กรัม
4 : เฟส (Cu) 730 กรัม และเฟสของเหลว 70 กรัม

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 159 :
ข ้อใดต่อไปนีไม่ใชเ่ ฟสในเหล็กกล ้าคาร์บอน (Carbon steel)
1 : เหล็กบริสทุ ธิ
2 : เฟร์ไรต์ (Ferrite)
3 : ซเี มนไทต์ (Cementite)
4 : ออสเทไนต์ (Austenite)

คําตอบทีถูกต ้อง : 1
ธิ
สท

ข ้อที 160 :
ซเี มนไทต์ (Cementite) ในเหล็กกล ้าคาร์บอนเป็ นเฟส (Phase) ชนิดใด
วน

1 : ธาตุบริสท
ุ ธิ
2 : สารละลายของแข็ง (Solid solution)
สง

3 : สารประกอบ (Compound)
4 : สารประกอบระหว่างโลหะ (Intermetallic compound)
ขอ

รข
คําตอบทีถูกต ้อง : 3


ิ ว
ข ้อที 161 :

าวศ
ี ส จะได ้โครงสร ้างใด
เหล็กกล ้าคาร์บอน 0.8wt%C ชุบในนํ าเย็นจากอุณหภูม ิ 1000 องศาเซลเซย
สภ

1 : มาร์เทนไซต์ (Martensite)
2 : เฟร์ไรต์ (Ferrite)
3 : เพอร์ไลต์ (Pearlite)
4 : ออสเทไนต์ (Austenite)

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 162 :
ธิ
สท

วน
สง
ขอ

โลหะผสมในข ้อใดต่อไปนีทีสามารถเพิมความแข็งแรงโดยการบ่มแข็ง (Age hardening) ได ้

ก รข
ิ ว
าวศ
สภ

1 : Al + 4wt%Cu
2 : Al + 8wt%Cu
3 : Al + 12wt%Cu
4 : Al + 16wt%Cu

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 163 :
ธิ
สท

วน
สง
ขอ

เฟสของแข็งเฟสแรกทีเกิดจากการแข็งตัวจากสภาวะของเหลวของ Al+20wt%Si คือข ้อใด

ก รข
ิ ว
าวศ
สภ

1 : (Al)
2 : (Si)
3 : Eutectic ((Al)+(Si))
4 : ิ ไิ ซด์
สารประกอบอะลูมเิ นียมซล

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 164 :
ธิ
สท

วน
สง
ขอ

โครงสร ้างงานหล่อทองเหลือง (Zn+ 20wt%Cu) โดยทัวไป จะเป็ นดังในข ้อใด

ก รข
ิ ว
าวศ
สภ

1 : สารละลายของแข็ง (Solid solution) สว่ นผสมเท่ากันทุกตําแหน่ง


2 : สารละลายของแข็ง (Solid solution) ลักษณะเป็ นเดนไดรท์ (Dendrite)
3 : สารประกอบ (Compound) สว่ นผสมเท่ากันทุกตําแหน่ง
4 : สารประกอบ (Compound) ลักษณะเป็ นเดนไดรท์ (Dendrite)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 165 :
ธิ
สท

วน
สง
ขอ

ชว่ งการแข็งตัว (Freezing range) ของโลหะผสม Cu + 40wt%Ni มีคา่ ประมาณเท่าใด

ก รข
ิ ว
าวศ
สภ

1 : ี ส
10 องศาเซลเซย
2 : 40 องศาเซลเซยี ส
3 : 100 องศาเซลเซย ี ส
4 : 150 องศาเซลเซย ี ส

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 166 :
ธิ
สท

วน
สง
ขอ

้ ในภาวะสมดุล การแข็งตัวจะเริมต ้นและสนสุ
โลหะผสม Cu + 40wt%Ni แข็งตัวอย่างชาๆ ิ ดทีอุณหภูมใิ ดโดย

ก รข
ิ ว
าวศ
สภ

ี ส)
ประมาณ (องศาเซลเซย
1 : เริมต ้น 1455 ิ ด
สนสุ 1085
2 : เริมต ้น 1455 ิ ด
สนสุ 1240
3 : เริมต ้น 1280 ิ ด
สนสุ 1240
4 : เริมต ้น 1280 สนสุิ ด 1085

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 167 :
โครงสร ้างทีเกิดขึนจากการแข็งตัวของโลหะผสม Pb + 30wt%Sn ในภาวะสมดุล ประกอบด ้วยโครงสร ้างยูเทกติก
(Eutectic microconstituent) ประมาณเท่าใด
ธิ
สท

วน
สง
ขอ

ก รข
ิ ว
าวศ
สภ

1 : 16%
2 : 26%
3 : 36%
4 : 46%

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 168 :
ข ้อมูลในข ้อใดต่อไปนีทีไม่สามารถหาได ้จากแผนภาพเฟส (Phase diagram)
1 : ชนิดของเฟสในภาวะสมดุล
2 : สว่ นผสมของเฟสในภาวะสมดุล
3 : ปริมาณของเฟสในภาวะสมดุล
4 : รูปร่างของเฟสในภาวะสมดุล

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
ธิ
สท

ข ้อที 169 :
โครงสร ้างทีได ้จากกระบวนการมาร์เทมเปอริง (Martempering) คือโครงสร ้างใด
วน

1 : เฟร์ไรต์ (Ferrite)
2 : เพอร์ไรต์ (Pearite)
สง

3 : เบไนต์ (Bainite)
4 : มาร์เทนไซต์ (Martensite)
ขอ

รข
คําตอบทีถูกต ้อง : 4


ิ ว
ข ้อที 170 :

าวศ
ธาตุใดสง่ เสริมให ้เกิดแกรไฟต์ (Graphite) แทนทีจะเกิดคาร์ไบด์ (Carbide) ในเหล็กหล่อ
1 : Cr
2 : Mn
สภ
3 : Mo
4 : Si

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 171 :
วัตถุประสงค์หลักของการอบคืนไฟ (Tempering) คือข ้อใด
1 : เพิมความแข็งให ้กับเพอร์ไลต์ (Pearlite)
2 : เพิมความแข็งให ้กับมาร์เทนไซต์ (Martensite)
3 : เพิมความเหนียวให ้กับเพอร์ไลต์ (Pearlite)
4 : เพิมความเหนียวให ้กับมาร์เทนไซต์ (Martensite)

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 172 :
การอบปรกติ (Normalizing) สําหรับเหล็กกล ้า 0.2wt%C ควรอบทีอุณหภูมใิ ด (องศาเซลเซย
ี ส)
1 : 700
2 : 800
3 : 950
4 : 1050

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 173 :
อุณหภูมท มเพือเพิมความแข็ง (Aging) สําหรับโลหะผสม Al + 4wt%Cu คือข ้อใด (องศา
ิ เหมาะสมในการบ่

เซลเซย ี ส)
ธิ
สท

วน
สง
ขอ

รข

ิ ว
าวศ
สภ

1 : 200
2 : 400
3 : 500
4 : 600

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 174 :
ธิ
สท

วน
สง
ขอ

ในการหล่อโลหะผสม Cu + 10wt%Sn จะเกิดปฏิกริ ย
ิ าเพริเทกติก (Peritectic) ได ้หรือไม่

ก รข
ิ ว
าวศ
สภ

1 : ไม่สามารถเกิดได ้ เพราะสว่ นผสมไม่ใชส ่ ว่ นผสมเพริเทกติก


2 : ไม่สามารถเกิดได ้ เพราะปริมาณดีบก ุ น ้อยเกินไป
3 : สามารถเกิดได ้ในกรณีทการแข็
ี งตัวเป็ นไปอย่างไม่สมดุล
4 : สามารถเกิดได ้ในทุกกรณี ไม่วา่ การแข็งตัวจะเป็ นแบบสมดุลหรือไม่กต
็ าม

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 175 :
ั เจน
โครงสร ้างงานหล่อของโลหะชนิดใดต่อไปนีทีจะไม่มเี ดนไดรต์ (Dendrite) ปรากฏให ้เห็นอย่างชด
1 : ทองเหลือง
2 : อะลูมเิ นียมผสมซล ิ ค
ิ อน
3 : เหล็กกล ้าคาร์บอนตํา
4 : เหล็กกล ้าไร ้สนิม
ธิ

คําตอบทีถูกต ้อง : 3
สท

ข ้อที 176 :
วน

การเปลียนเฟสจากออสเทไนต์ (Austenite) เป็ นเบไนต์ (Bainite) ของเหล็กกล ้าคาร์บอน 0.8wt%C ทีอุณหภูม ิ


300 องศาเซลเซยี ส เกิดขึนได ้ค่อนข ้างชา้ เพราะเหตุใด
สง
ขอ

ก รข
ิ ว
าวศ
สภ

1 : แรงผลัก (Driving force) ตํา เนืองจากอุณหภูมต ิ ําเกินไป


2 : อัตราการแพร่ซมึ (Diffusion rate) ของคาร์บอนตําเกินไป
3 : อัตราการแพร่ซม ึ (Diffusion rate) ของเหล็กตําเกินไป
4 : เหล็กมีปริมาณคาร์บอนสูงเกินไป

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

เนือหาวิชา : 243 : 06 Mechanical properties and testing

ข ้อที 177 :
แท่งทองเหลืองทรงกระบอกขนาดเสนผ่ ้ านศูนย์กลาง 10 มม. ยาว 150 มม. ได ้รับความร ้อนทีอุณหภูมหิ ้อง (25
องศาเซลเซย ี ส) จนมีอณุ หภูมถิ งึ 160 องศาเซลเซยี ส ทําให ้เสนผ่
้ านศูนย์กลางของแท่งทองเหลืองมีขนาดเพิมขึน
เท่าไร กําหนดให ้ค่าสมั ประสทิ ธิการขยายตัวทางความร ้อนของทองเหลือง คือ 20.0 (องศาเซลเซย ี ส x 10-6) และ
ค่า Poisson’s Ratio = 0.34
1 : 0.0095 มม.
2 : 0.0270 มม.
3 : 0.0345 มม.
4 : 0.0375 มม.

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
ธิ
สท

ข ้อที 178 :

วัสดุสว่ นใหญ่ในกลุม
่ ใดทีเปราะ (Brittle) มากทีสุด
1 : พลาสติก
วน

2 : ยาง
3 : โลหะ
สง

4 : เซรามิก
ขอ

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ก รข
ข ้อที 179 :

ิ ว
วัสดุสว่ นใหญ่ในกลุม
่ ใดมีสภาพยืดหยุน
่ ได ้ (Ductile) มากทีสุด

าวศ
1 : โลหะ
2 : เซรามิก
3 : พอลิเมอร์
วัสดุเชงิ ประกอบ
สภ
4 :

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 180 :
วัสดุสว่ นใหญ่ในกลุม
่ ใดมีความแข็งตึง (Stiffness) มากทีสุด
1 : โลหะ
2 : เซรามิก
3 : พลาสติก
4 : ยาง

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 181 :
ี รูปทีอุณหภูมส
การครีพ (Creep) ของวัสดุโลหะ หมายถึง การเสย ิ งู ในลักษณะใด
ี รูปถาวรของวัสดุ (Plastic deformation) เนืองจากได ้รับแรงดึงเกินจุดคราก (Yield point) เป็ นเวลา
1 : การเสย
นานๆ
2 : การเสยี รูปชวคราวของวั
ั สดุ (Elastic deformation) เนืองจากได ้รับแรงดึงเกินจุดคราก (Yield point) เป็ น
เวลานานๆ
3 : การเสย ี รูปถาวรของวัสดุ (Plastic deformation) เนืองจากได ้รับแรงดึงตํากว่าจุดคราก (Yield point) เป็ น
เวลานานๆ
4 : การเสย ี รูปชวคราวของวั
ั สดุ (Elastic deformation) เนืองจากได ้รับแรงดึงตํากว่าจุดคราก (Yield point) เป็ น
เวลานานๆ

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 182 :
วัสดุในข ้อใดต่อไปนีมีความแข็ง (Hardness) มากทีสุด
1 : เหล็กหล่อขาว
2 : เหล็กกล ้าเครืองมือ
3 : อะลูมน
ิ า
4 : แท่งนาโนเพชร
ธิ

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
สท

วน

ข ้อที 183 :
ี รูปอย่างไม่สมําเสมอ (Non-uniform deformation)
ภายใต ้แรงดึงอย่างไรทีทําให ้เหล็กกล ้าคาร์บอนตําเสย
สง


1 : ใชแรงดึ
งน ้อยกว่าความต ้านแรงคราก (Yield strength)

2 : ใชแรงดึ
งมากกว่าความต ้านแรงคราก (Yield strength)
ขอ


3 : ใชแรงดึ
งน ้อยกว่าความต ้านแรงดึง (Tensile strength)

รข

4 : ใชแรงดึงมากกว่าความต ้านแรงดึง (Tensile strength)

คําตอบทีถูกต ้อง : 4


ิ ว
าวศ
ข ้อที 184 :
ี งพลังงานทีวัสดุดด
สมบัตใิ ดบ่งชถึ ู กลืนไว ้ในชว่ งการเสย
ปลดแรงกระทําออกแล ้ว พลังงานนีจะต ้องถูกคลายกลับคืนมา
ี รูปชวคราวของวั
ั สดุ (Elastic deformation) และเมือมีการ
สภ
1 : ความเหนียว (Toughness)
2 : มอดุลสั ของรีซเิ ลียนซ ์ (Modulus of resilience)
3 : ความแข็งแรง (Strength)
4 : อัตราสว่ นของปั วซอง (Poisson’s ratio)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 185 :
ี งพลังงานทีวัสดุดด
สมบัตใิ ดบ่งชถึ ิ
ู กลืนไว ้ก่อนทีชนงานแตกหั

1 : มอดุลสั ของสภาพยืดหยุน ่ (Modulus of elasticity)
2 : ความแข็งแรง (Strength)
3 : ความเหนียว (Toughness)
4 : อัตราสว่ นของปั วซอง (Poisson’s ratio)

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 186 :

สมบัตใิ ดบ่งชการเปลี
ยนแปลงขนาดของแท่งโลหะตามทิศทางการดึงเทียบกับขนาดเดิมในทิศทางนันต่อการ
เปลียนแปลงขนาดของแท่งโลหะในทิศทางตังฉากกับทิศทางการดึงเทียบกับขนาดเดิมในทิศทางนัน
1 : มอดุลสั ของสภาพยืดหยุน ่ (Modulus of elasticity)
2 : ความแข็งแรง (Strength)
3 : ความเหนียว (Toughness)
4 : อัตราสว่ นของปั วซอง (Poisson’s ratio)

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 187 :
เซรามิกสามารถรับแรงชนิดใดได ้ดีทสุ
ี ด
1 : แรงดึง (Tension)
2 : แรงอัด (Compression)
ธิ

3 : แรงบิด (Torsion)
4 : แรงกระแทก (Impact)
สท

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
วน
สง

ข ้อที 188 :

ชนงานในลั ี รูปด ้วยการดึงมากทีสุด
กษณะใดทีต ้านทานการเสย
ขอ

1 : ิ
ชนงานที มีความแข็งตึงมาก (Stiffness)

รข
2 : ิ
ชนงานที มีความเหนียวมาก (Toughness)
3 : ิ
ชนงานที มีสภาพดึงยืดได ้มาก (Ductility)
4 : ชนงานทีิ มีความแข็งแรงสูง (Strength)


ิ ว
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 189 :
าวศ
สภ
การทดสอบใดทีเหมาะสมสําหรับหาค่าความเหนียว (Toughness) ของวัสดุมากทีสุด
1 : Impact test
2 : Bending test
3 : Creep test
4 : Hardness test

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 190 :
เครืองวัดความแข็งแบบบริเนลเหมาะสมสําหรับวัดความแข็งของวัสดุชนิดใดต่อไปนีมากทีสุด
1 : เหล็กหล่อเทา
2 : ยางพารา
3 : ั
ไม ้สก
4 : พลาสติก

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 191 :
้ านศูนย์กลาง 15 มิลลิเมตร นํ าไปทดสอบด ้วยแรงดึง (Tension) 24.5 กิโลนิว
แท่งโลหะผสมของอลูมเิ นียมมีเสนผ่

ตัน ถ ้าเสนผ่านศูนย์กลางของโลหะผสมนีกลายเป็ น 14.5 มิลลิเมตร จงหาค่าความเค ้นทางวิศวกรรม (Engineering
stress) ในหน่วย MPa
1 : 139
2 : 148
3 : 160
4 : 183

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 192 :
วัสดุในข ้อใดต่อไปนีมีความแข็งแรง (Strength) มากทีสุด
1 : ท่อนาโนคาร์บอน
ธิ

2 : เหล็กหล่อเทา
3 : ไททาเนียมผสมนิเกิล
สท

4 : เพชร

วน

คําตอบทีถูกต ้อง : 1
สง

ข ้อที 193 :
ขอ

ข ้อใดถูกต ้อง

รข

1 : ความเค ้นจริง คือ แรงกระทําต่อหนึงหน่วยพืนทีของชนงานเริ
มต ้นก่อนรับแรง

2 : ความเค ้นทางวิศวกรรม คือ แรงกระทําต่อหนึงหน่วยพืนทีของชนงานในขณะใด ๆ



3 : ความเครียดจริง คือ การเปลียนแปลงความยาวของชนงานต่ ิ
อหนึงหน่วยความยาวของชนงานเริ มต ้นก่อนการ
เปลียนแปลง

ิ ว
4 : ความเครียดทางวิศวกรรม คือ การเปลียนแปลงความยาวของชนงานต่ิ ิ
อหนึงหน่วยความยาวของชนงานเริม

าวศ
ต ้นก่อนการเปลียนแปลง

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
สภ

ข ้อที 194 :
จงคํานวณค่ามอดุลสั ของสภาพยืดหยุน ่ (Modulus of elasticity) ของวัสดุ M จากข ้อมูลต่อไปนี วัสดุ M ได ้รับแรง
ึ ี ั
ดึง (Tension) ซงทําให ้เกิดการเสยรูปอย่างชวคราว (Elastic deformation) โดยมีคา่ ความเค ้นทางวิศวกรรม
(Engineering stress) เท่ากับ 500 MPa และความเครียดทางวิศวกรรม (Engineering strain) เท่ากับ 0.001
1 : 500 GPa
2 : 50 GPa
3 : 5 GPa
4 : 0.5 GPa

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 195 :

ภายใต ้แรงดึง (Tension) อย่างไรทีทําให ้ชนงานเส ี รูปแบบยืดหยุน
ย ่ (Elastic deformation)
1 : ้
ใชแรงดึ งน ้อยกว่าความต ้านแรงคราก (Yield strength)
2 : ้
ใชแรงดึ งมากกว่าความต ้านแรงคราก (Yield strength)
3 : ้
ใชแรงดึ งน ้อยกว่าความต ้านแรงดึง (Tensile strength)
4 : ้
ใชแรงดึงมากกว่าความต ้านแรงดึง (Tensile strength)

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 196 :

ภายใต ้แรงดึง (Tension) อย่างไรทีทําให ้ชนงานเส ี รูปอย่างถาวร (Plastic deformation)

1 : ้
ใชแรงดึ งน ้อยกว่าความต ้านแรงคราก (Yield strength)
2 : ้
ใชแรงดึ งมากกว่าความต ้านแรงคราก (Yield strength)
3 : ้
ใชแรงดึ งน ้อยกว่าความต ้านแรงดึง (Tensile strength)
4 : ใชแรงดึ ้ งมากกว่าความต ้านแรงดึง (Tensile strength)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
ธิ

ข ้อที 197 :

ภายใต ้แรงดึง (Tension) อย่างไรทีทําให ้ชนงานอะลู ี รูปอย่างถาวรและสมําเสมอตลอดทังชนงาน
มเิ นียมเสย ิ
สท

(Uniform-plastic deformation)

1 : ้
ใชแรงดึ งน ้อยกว่าความต ้านแรงคราก (Yield strength)
วน

2 : ้
ใชแรงดึงมากกว่าความต ้านแรงคราก (Yield strength)
3 : ้
ใชแรงดึ งมากกว่าความต ้านแรงคราก (Yield strength) แต่น ้อยกว่าความต ้านแรงดึง (Tensile strength)
4 : ใชแรงดึ ้ งมากกว่าความต ้านแรงดึง (Tensile strength)
สง

คําตอบทีถูกต ้อง : 3
ขอ

รข
ข ้อที 198 :
ความสามารถในการเปลียนแปลงรูปร่างของวัสดุกอ
่ นการแตกหัก หมายถึง สมบัตข
ิ ้อใด


ิ ว
1 : ความแข็งตึง (Stiffness)

าวศ
2 : สภาพดึงยืดได ้ (Ductility)
3 : ความยืดหยุน่ (Resilience)
4 : ความล ้า (Fatigue)
สภ
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 199 :
ข ้อใดกล่าวผิด เกียวกับกฎของฮุก (Hooke’s law)
1 : ความสม ั พันธ์ของความเค ้น (Stress) และความเครียด (Strain) ทีแปรผันตรงซงกั ึ นและกัน
2 : ค่าคงทีของการแปรผันทีเป็ นไปตามกฎของฮุก คือ ค่ามอดุลส ั สภาพยืดหยุน
่ (Modulus of elasticity)
3 : การเสย ี รูปทีเกิดขึนซงความเค
ึ ึ นและกันนี เรียกว่า การ
้น (Stress) และความเครียด (Strain) แปรผันตรงซงกั
เสยี รูปอย่างถาวร (Plastic deformation)
4 : ค่ามอดุลส ั สภาพยืดหยุน่ เป็ นค่าทีบอกถึงความแข็งตึง (Stiffness) ของวัสดุในการต ้านทานต่อการเสย ี รูปแบบ
ยืดหยุน ่ (Elastic deformation) ของวัสดุ

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 200 :
ความล ้า (Fatigue) ของวัสดุหมายถึงอะไร
1 : การยืดตัวทีละน ้อย เนืองจากวัสดุรับแรงเป็ นเวลานาน
2 : วัสดุมค ํ
ี วามแข็งแรงลดลง เนืองจากรับแรงซาซาก
3 : ึ ิ ํ
การสกหรอของชนงาน เนืองจากรับแรงซาซากเป็ นเวลานาน
4 : การแตกร ้าวของชนงาน ิ ํ
เนืองจากรับแรงซาซากเป็ นเวลานาน

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 201 :
การทดสอบความแข็งของเหล็กหล่อเทา (Gray cast iron) ควรใชวิ้ ธท
ี ดสอบแบบใด
1 : บริเนลล์ (Brinell)
2 : วิกเกอร์ส (Vickers)
3 : รอคเวลล์ ซ ี (Rockwell C)
4 : รอคเวลล์ เอ (Rockwell A)

คําตอบทีถูกต ้อง : 1
ธิ
สท

ข ้อที 202 :

สภาพดึงยืดได ้ (Ductility) ของโลหะสามารถทดสอบได ้โดยวิธใี ด


วน

1 : ้
การทดสอบโดยใชแรงดึ ง (Tensile test)
2 : การทดสอบความแข็ง (Hardness test)
สง

3 : ้
การทดสอบโดยใชแรงกระแทก (Impact test)
4 : การทดสอบความล ้า (Fatigue test)
ขอ

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ก รข
ข ้อที 203 :

ิ ว
จงคํานวณค่าความเครียดทางวิศวกรรม (Engineering strain) ของวัสดุรป ู ร่างเป็ นแท่งยาว 2.2 เมตร และพืนทีหน ้า

าวศ

ตัดเป็ นรูปสเหลี
ยมจัตรุ ัสมีความยาวแต่ละด ้านเท่ากับ 50 มิลลิเมตร เมือนํ าไปรับแรงดึงปรากฏว่าความยาวเพิมขึน
เป็ น 2.202 เมตร
1 : 0.09
สภ
2 : 0.009
3 : 0.0009
4 : 0.00009

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 204 :
จงคํานวณค่าความเค ้นทางวิศวกรรม (Engineering stress) ของวัสดุรป ้ านศูนย์กลาง 10
ู ทรงกระบอกเสนผ่
มิลลิเมตร ยาว 1 เมตร และถูกรับแรงดึงขนาด 50,000 N
1 : 640 GPa
2 : 640 MPa
3 : 640 kPa
4 : 640 Pa

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 205 :
ลวดทองแดงยาว 500 มิลลิเมตร มีคา่ มอดุลส
ั ของสภาพยืดหยุน ่ (Modulus of elasticity) 110 GPa ถูกดึงด ้วยแรง

ดึงจนมีความเค ้น 350 MPa หากการเสยรูปทีเกิดขึนนีเป็ นการเสยี รูปแบบยืดหยุน
่ (Elastic deformation) ลวด
ทองแดงจะถูกยืดออกจนมีความยาวเปลียนแปลงไปจากเดิมกีมิลลิเมตร
1 : 0.016
2 : 0.16
3 : 1.6
4 : 16

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 206 :
ั พันธ์ระหว่างความเค ้นและความเครียดดังรูป จากผลการ
เมือนํ าวัสดุ A และวัสดุ B มาทดสอบแรงดึงได ้ความสม
ทดสอบ ข ้อใดต่อไปนีเปรียบเทียบสมบัตข ิ องวัสดุ A และวัสดุ B ได ้ถูกต ้องทีสุด
ธิ
สท

วน

1 : วัสดุ A มีความแข็งตึง (Stiffness) มากกว่าวัสดุ B


2 : วัสดุ A มีความเหนียว (Toughness) มากกว่าวัสดุ B
สง

3 : วัสดุ A มีความยืดหยุน
่ (Resilience) มากกว่าวัสดุ B
4 : วัสดุ A มีสภาพดึงยืดได ้ (Ductility) มากกว่าวัสดุ B
ขอ

รข
คําตอบทีถูกต ้อง : 1


ิ ว
ข ้อที 207 :

าวศ
แท่งโลหะมีพนที ี
ื หน ้าตัดเป็ นรูปสเหลียมผืนผ ้า มีขนาดกว ้างเท่ากับ 7 เซนติเมตร ความหนาเท่ากับ 3 เซนติเมตร ทํา
จากเหล็กกล ้าเกรด 1020 ซงมี ึ คา่ ความต ้านแรงดึง (Tensile strength) เท่ากับ 380 MPa และค่าความต ้านแรง
คราก (Yield strength) เท่ากับ 180 MPa เมือแท่งโลหะนีได ้รับแรงดึง 25,000 นิวตัน จะเกิดการเสย ี รูปอย่างไร
ี รูปแบบยืดหยุน
สภ
1 : เกิดการเสย ่
2 : เกิดการเสยี รูปอย่างถาวรโดยเสย ี รูปอย่างสมําเสมอตลอดทังชนงาน

3 : เกิดการเสย ี รูปอย่างถาวรโดยเสย ี รูปอย่างไม่สมําเสมอตลอดทังชนงาน

4 : เกิดการเสย ี รูปอย่างถาวรโดยเสย ี รูปอย่างไม่สมําเสมอตลอดทังชนงานและแตกหั
ิ ก

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 208 :

ชนงานทดสอบชนิ ดหนึงเมือได ้รับความเค ้น 30,000 lb/in2 จะก่อให ้เกิดความเครียดเท่ากับ 0.05 จงคํานวณหาค่า
มอดุลส ั ของสภาพยืดหยุน ิ
่ (Modulus of elasticity) ในหน่วย lb/in2 ของชนงานทดสอบนี

1:
2:
3:
4:

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 209 :
หากต ้องการเปรียบเทียบการเปลียนแปลงขนาดของวัสดุตามทิศทางการดึงต่อการเปลียนแปลงขนาดในทิศทางตัง
ฉากกับทิศทางการดึงของวัสดุชนิดต่างๆ ควรนํ าสมบัตข
ิ องวัสดุในข ้อใดต่อไปนีมาพิจารณาเปรียบเทียบ
1 : ความเค ้น (Stress)
2 : อัตราสว่ นของปั วซอง (Poisson’s ratio)
3 : ความเหนียว (Toughness)
4 : มอดุลสั ของสภาพยืดหยุน ่ (Modulus of elasticity)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 210 :
วัสดุในข ้อใดต่อไปนีมีความแข็ง (Hardness) มากทีสุด
1 : พอลิไวนิลคลอไรด์
ธิ

2 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมมาเทนไซต์


3 : เหล็กหล่อเทา
สท

4 : ซลิ ก
ิ อนคาร์ไบด์

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
วน
สง

ข ้อที 211 :
ขอ

ิ งถูกดึงจนขาดเป็ น 2 สว่ น พบว่าบริเวณรอยขาดแยกแตกแบบราบเรียบ แสดงว่าวัสดุนน่
วัสดุชนหนึ ี าจะมีสมบัต ิ

รข
อย่างไร
1 : มีความแข็งตึง (Stiffness) สูง และความแข็ง (Hardness) สูง


2 : มีความแข็งตึง (Stiffness) สูง และสภาพดึงยืดได ้ (Ductility) สูง
3 : มีความแข็ง (Hardness) ตํา และสภาพดึงยืดได ้ (Ductility) สูง

ิ ว
4 : มีความแข็ง (Hardness) ตํา และสภาพดึงยืดได ้ (Ductility) ตํา

าวศ
คําตอบทีถูกต ้อง : 1
สภ
ข ้อที 212 :
ข ้อใดเป็ นภาพแสดงการเกิดครีพ (Creep) ของวัสดุ
1 :
2 :
3 :
4 :

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 213 :

เมือนํ าชนงานทดสอบที ้ านศูนย์กลางเริมต ้น 12.5 มม. มาทดสอบแรงดึงปรากฎว่า
มีความยาวเริมต ้น 50 มม. เสนผ่
ได ้ความสม ั พันธ์ระหว่างแรงทีใชดึ้ งกับระยะยืดดังรูป ค่ายังมอดุลส
ั ของวัสดุนมี
ี คา่ เป็ นเท่าไร

1 : 18 GPa
2 : 18 MPa
3 : 37 GPa
4 : 37 MPa

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 214 :

เมือนํ าชนงานทดสอบที ้ านศูนย์กลางเริมต ้น 12.5 มม. มาทดสอบแรงดึงปรากฎว่า
มีความยาวเริมต ้น 50 มม. เสนผ่
ได ้ความสม ั พันธ์ระหว่างแรงทีใชดึ้ งกับระยะยืดดังรูป ค่า yield strength at 0.2% offset ของวัสดุนมี
ี คา่ เป็ นเท่าไร

1 : 67 GPa
2 : 67 MPa
3 : 90 GPa
4 : 90 MPa

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
ธิ
สท

ข ้อที 215 :
การทดสอบวัดค่าความแข็งแบบใดทีไม่ใชกั้ บวัสดุโลหะ
วน

1 : บริเนล (Brinell)
2 : วิกเกอร์ส (Vickers)
สง

3 : นูป (Knoop)
4 : ชอร์ (Shore)
ขอ

รข
คําตอบทีถูกต ้อง : 4


ิ ว
ข ้อที 216 :

าวศ
เมือนํ าวัสดุเหนียวไปทําการทดสอบแรงดึงจะให ้ค่าผลทดสอบเป็ นอย่างไร
1 : มอดุลสั ของสภาพยืดหยุน ่ (Modulus of elasticity) มากๆ
2 : ความแข็งแรง (Strength) น ้อยๆ
็ ต์การยืดตัว (Percentage elongation) มากๆ
สภ
3 : เปอร์เซน
4 : มอดุลส ั ของรีซเิ ลียนซ ์ (Modulus of resilience) น ้อยๆ

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 217 :
ข ้อใดไม่ใชค่ า่ ทีได ้จากการทดสอบแรงดึง
1 : มอดุลสั ของสภาพยืดหยุน ่ (Modulus of elasticity)
2 : ความแข็งแรง (Strength)
3 : เปอร์เซน็ ต์การยืดตัว (Percentage elongation)
4 : ความแข็ง (Hardness)

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 218 :

เสนกราฟ S-N เป็ นผลทีได ้จากการทดสอบสมบัตด
ิ ้านใดของวัสดุ
1 : แรงดัด (Bending)
2 : ความล ้า (Fatigue)
3 : การครีพ (Creep)
4 : แรงกระแทก (Impact)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 219 :
ค่าเปอร์เซน็ ต์การลดลงของพืนทีหน ้าตัด (Percent reduction in area) จากการทดสอบแรงดึงเป็ นค่าทีแสดงสมบัต ิ
ใดของวัสดุ
1 : สภาพดึงยืดได ้ (Ductility)
2 : มอดุลส
ั ของสภาพยืดหยุน ่ (Modulus of elasticity)
3 : ความแข็งแรง (Strength)
4 : มอดุลสั ของรีซเิ ลียนซ ์ (Modulus of resilience)

คําตอบทีถูกต ้อง : 1
ธิ
สท

ข ้อที 220 :
ข ้อใดไม่ใชผ่ ลทีได ้จากการทดสอบความล ้า (Fatigue)
วน

1 : ขีดจํากัดความล ้า (Fatigue limit)


2 : ความแข็งแรงต่อความล ้า (Fatigue strength)
สง

3 : ้
อายุการใชงานเนื องจากความล ้า (Fatigue life)
4 : ความเหนียวต่อความล ้า (Fatigue toughness)
ขอ

รข
คําตอบทีถูกต ้อง : 4


ิ ว
ข ้อที 221 :

าวศ
จากการทดสอบสมบัตด
ิ ้านการดึงของอะลูมเิ นียม ตําแหน่งใดในกราฟแสดงจุดเริมเกิดปรากฏการณ์คอคอดของวัสดุ
สภ
1 : A
2 : B
3 : C
4 : D

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 222 :

เมือนํ าชนงานทดสอบที ้ านศูนย์กลางเริมต ้น 10 มม. มาทดสอบแรงดึงปรากฏว่าได ้
มีความยาวเริมต ้น 50 มม. เสนผ่
ความสม ั พันธ์ระหว่างแรงทีใชดึ้ งกับความยาวทีเปลียนไปดังรูป ถามว่าวัสดุนมี
ี คา่ ความต ้านแรงดึง (Tensile
strength) เป็ นเท่าไร

1 : 191 Pa
2 : 764 Pa
3 : 191 MPa
4 : 764 MPa

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 223 :
จากการทดสอบสมบัตด
ิ ้านการดึงของอะลูมเิ นียม ตําแหน่งใดในกราฟแสดงจุดคราก (Yield point) ของวัสดุ

1 : A
2 : B
3 : C
4 : D

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 224 :
จากกราฟข ้างล่างเป็ นผลการทดสอบสมบัตข
ิ องวัสดุด ้านใด
ธิ
สท

1 : ทดสอบความล ้า (Fatigue)
2 : ทดสอบการครีพ (Creep)
วน

3 : ทดสอบแรงอัด (Compression)
4 : ทดสอบแรงดัด (Bending)
สง

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
ขอ

รข
ข ้อที 225 :
ปรากฏการณ์คอคอด (Necking) ของการทดสอบแรงดึงวัสดุเหล็กกล ้าคาร์บอนตําเริมเกิดขึนในชว่ งใด


1 : ก่อนถึงจุดคราก (Yield point)

ิ ว
2 : เมือถึงจุดคราก (Yield point)

าวศ
3 : จุดความเค ้นสูงสุด
4 : จุดแตกหัก
สภ
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 226 :
ข ้อใดกล่าวเกียวกับขีดจํากัดความล ้า (Fatigue limit) ถูกต ้อง
1 : เป็ นค่าความเค ้นสลับสูงสุดทีไม่กอ ่ ให ้เกิดความล ้า
2 : ้
ขีดจํากัดอายุการใชงานเมื ํ
อได ้รับแรงกระทําซาไปซ ํ
ามา
3 : ถ ้าได ้รับความเค ้นสลับมากกว่าขีดจํากัดนีจะไม่ทําให ้เกิดความเสย ี หายจากความล ้า
4 : ี หายจากความล ้า
ถ ้าได ้รับความเค ้นสลับน ้อยกว่าขีดจํากัดนีจะทําให ้เกิดความเสย

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 227 :
ข ้อใดกล่าวเกียวกับผลการทดสอบความล ้าในภาพข ้างล่างได ้ถูกต ้อง

1 : ถ ้าวัสดุได ้รับความเค ้นสลับทีี 50 MPa ้


จะมีอายุการใชงาน 1,000,000 รอบ
2 : ถ ้าวัสดุได ้รับความเค ้นสลับทีี 40 MPa จะมีอายุการใชงาน้ 1,000,000 รอบ
3 : ถ ้าวัสดุได ้รับความเค ้นสลับทีี 30 MPa จะมีอายุการใชงาน ้ 1,000,000 รอบ
4 : ถ ้าวัสดุได ้รับความเค ้นสลับทีี 20 MPa จะไม่เกิดความเสย ี หายเนืองจากความล ้า

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 228 :
แท่งไนลอนมีพนที ี
ื หน ้าตัดเป็ นรูปสเหลี
ยมผืนผ ้า มีขนาดกว ้างเท่ากับ 7 เซนติเมตร ความหนาเท่ากับ 3 เซนติเมตร
ึ คา่ ความต ้านแรงดึง (Tensile strength) เท่ากับ 75 MPa และค่าความต ้านแรงคราก (Yield strength) เท่ากับ
ซงมี
50 MPa ควรให ้แท่งไนลอนได ้รับแรงดึงเท่าใดจึงจะไม่เกิดการเสย ี รูปอย่างถาวร
1 : 50 kN
2 : 150 kN
3 : 50 MN
4 : 150 MN

คําตอบทีถูกต ้อง : 1
ธิ
สท

ข ้อที 229 :
แท่งไนลอนมีพนที ื หน ้าตัดเป็ นรูปวงกลม มีขนาดเสนผ่้ านศูนย์กลาง เท่ากับ 5 เซนติเมตร ซงมี
ึ คา่ ความต ้านแรงดึง
วน

(Tensile strength) เท่ากับ 75 MPa และค่าความต ้านแรงคราก (Yield strength) เท่ากับ 50 MPa เมือแท่งไนลอน
นีได ้รับแรงดึง 20 กิโลนิวตัน จะเกิดการเสยี รูปอย่างไร
สง

ี รูปอย่างถาวรโดยเสย
1 : เกิดการเสย ี รูปอย่างไม่สมําเสมอตลอดทังชนงานและแตกหั
ิ ก
2 : เกิดการเสยี รูปอย่างถาวรโดยเสยี รูปอย่างสมําเสมอตลอดทังชนงาน

ขอ

ี รูปอย่างถาวรโดยเสย
3 : เกิดการเสย ี รูปอย่างไม่สมําเสมอตลอดทังชนงาน

รข

4 : เกิดการเสยรูปแบบยืดหยุน่

คําตอบทีถูกต ้อง : 4


ิ ว
าวศ
เนือหาวิชา : 244 : 07 Physical and chemical properties and testing
สภ
ข ้อที 230 :
วัสดุสว่ นใหญ่ในกลุม ั ประสท
่ ใดมีสม ิ ธิการขยายตัวเนืองจากความร ้อนมากทีสุด
1 : โลหะ
2 : เซรามิก
3 : พอลิเมอร์
4 : วัสดุเชงิ ประกอบ

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 231 :
วัสดุสว่ นใหญ่ในกลุม ั ประสท
่ ใดมีสม ิ ธิการขยายตัวเนืองจากความร ้อนน ้อยทีสุด
1 : โลหะ
2 : เซรามิก
3 : พอลิเมอร์
4 : วัสดุเชงิ ประกอบ

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 232 :
วัสดุสว่ นใหญ่ในกลุม
่ ใดสามารถนํ าความร ้อนได ้ดีทสุ
ี ด
1 : โลหะ
2 : เซรามิก
3 : พอลิเมอร์
4 : วัสดุเชงิ ประกอบ

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 233 :
วัสดุชนิดใดเหมาะสําหรับนํ ามาทําเป็ นตัวนํ าความร ้อนได ้ดีทสุ
ี ด
1 : เหล็กกล ้าไร ้สนิม
2 : อะลูมเิ นียม
3 : พลาสติก
ธิ

4 : กระจก
สท

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
วน

ข ้อที 234 :
สง

่ งว่างของแถบพลังงาน (Energy band gap) กว ้าง


วัสดุประเภทใดทีมีชอ
1 : สารตัวนํ า (Conductor)
ขอ

2 : สารกึงตัวนํ า (Semiconductor)

รข
3 : ฉนวน (Insulator)
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ผิด


คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ิ ว
ข ้อที 235 :าวศ
โครงสร ้างอิเล็กตรอนของสารกึงตัวนํ าทางไฟฟ้ า (Semiconductor) คือข ้อใด
สภ
1 : โครงสร ้างของสารทีมีอเิ ล็กตรอนไม่เต็มแถบเวเลนซ ์ (Valance band)
2 : โครงสร ้างของสารทีระดับพลังงานของแถบการนํ า (Conduction band) ซอนอยู ้ ก
่ บ
ั ระดับพลังงานของแถบเว
เลนซ ์ (Valance band)
3 : โครงสร ้างของสารทีมีอเิ ล็กตรอนเต็มแถบเวเลนซ ์ (Valance band) แต่ชอ
่ งว่างระหว่างแถบเวเลนซ ์
(Valance band) และแถบการนํ า (Conduction band) ห่างกันไม่มาก
4 : โครงสร ้างของสารทีมีอเิ ล็กตรอนเต็มแถบเวเลนซ ์ (Valance band) แต่ชอ่ งว่างระหว่างแถบเวเลนซ ์
(Valance band) และแถบการนํ า (Conduction band) ห่างกันมาก

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 236 :
โครงสร ้างของสารตัวนํ าไฟฟ้ าคือข ้อใด
1 : โครงสร ้างของสารทีมีอเิ ล็กตรอนไม่เต็มแถบเวเลนซ ์ (Valance band)

2 : โครงสร ้างของสารทีระดับพลังงานของแถบการนํ า (Conduction band) ซอนอยู
ก ่ บ
ั ระดับพลังงานของแถบเว
เลนซ ์ (Valance band)
3 : ถูกทังข ้อ 1 และ 2
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ผิด

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 237 :
แม่เหล็กถาวร (Hard magnet) หมายถึงข ้อใด
1 : วัสดุทง่ี ายต่อการทําเป็ นแม่เหล็ก
2 : วัสดุทสามารถรั
ี กษาภาวะการเป็ นแม่เหล็กได ้ดี
3 : วัสดุทต ้
ี ้องใชสนามแม่ เหล็กภายนอกน ้อยเพือทําเป็ นแม่เหล็ก
4 : เหล็กทีมีสนามแม่เหล็กตกค ้างอยูภ ่ ายใน

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 238 :

แม่เหล็กชวคราว (Soft magnet) หมายถึงข ้อใด
ธิ

1 : วัสดุทง่ี ายต่อการทําเป็ นแม่เหล็ก


2 : วัสดุทสามารถลบล
ี ้างอํานาจแม่เหล็กได ้ง่าย
สท

3 : วัสดุทต ้
ี ้องใชสนามแม่เหล็กภายนอกน ้อยเพือทําเป็ นแม่เหล็ก

4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก
วน

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
สง

ข ้อที 239 :
ขอ

อุณหภูมค
ิ รู ี (Curie temperature) คือ อุณหภูมใิ ด

รข
1 : อุณหภูมท
ิ เกิี ดการเปลียนโครงสร ้างผลึก
2 : อุณหภูมทิ เกิี ดการเปลียนสภาพความเป็ นแม่เหล็ก


3 : อุณหภูมท ิ ความจุ
ี ความร ้อนจําเพาะมีคา่ คงที
4 : อุณหภูมท ิ ของแข็
ี งมีความหนืดลดลง

ิ ว
าวศ
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
สภ
ข ้อที 240 :
เมือแสงตกกระทบวัสดุใดๆ ปรากฏการณ์ใดสามารถเกิดขึนได ้บ ้าง
1 : แสงสะท ้อนกลับ
2 : แสงผ่านทะลุโดยเกิดการหักเหขึนภายใน
3 : แสงถูกดูดกลืน
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 241 :
ี ี จะเกิดปรากฏการณ์ใดขึน
เมือแสงตกกระทบลงบนวัสดุโปร่งใส (Transparent) ไม่มส
1 : แสงสะท ้อนกลับ
2 : แสงผ่านทะลุโดยเกิดการหักเหขึนภายใน
3 : แสงถูกดูดกลืน
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 242 :
้ กการใดในการเปลียนพลังงานจากแสงให ้เป็ นพลังงานไฟฟ้ า
เซลล์แสงอาทิตย์ (Solar cell) ใชหลั
1 : การดูดกลืนพลังงานของแสงในสารกึงตัวนํ า
2 : การหักเหของคลืนแสงในสารกึงตัวนํ า
3 : การสะท ้อนของแสงทีผิวของสารกึงตัวนํ า
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 243 :
วัสดุใดต่อไปนีมีคา่ ความเป็ นแม่เหล็กตําทีสุด
1 : วัสดุไดอะแมกนิตก ิ (Diamagnetic material)
2 : วัสดุพาราแมกนิตก ิ (Paramagnetic material)
ธิ

3 : วัสดุเฟร์โรแมกนิตก ิ (Ferromagnetic material)


สท

4 : วัสดุเฟร์รแ
ิ มกนิตก
ิ (Ferrignetic material)

คําตอบทีถูกต ้อง : 1
วน
สง

ข ้อที 244 :
้ กการใดในการทํางาน
ไดโอดเปล่งแสง (Light emitting diode, LED) ใชหลั
ขอ

1 : การสะท ้อนแสง (Reflection)

รข
2 : การดูดกลืนแสง (Absorption)
3 : การหักเหของแสง (Refraction)
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก


ิ ว
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 245 :
าวศ
สภ
้ กการใดในการทํางาน
แว่นขยาย (Magnifier) ใชหลั
1 : การสะท ้อนแสง (Reflection)
2 : การดูดกลืนแสง (Absorption)
3 : การหักเหของแสง (Refraction)
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 246 :
โลหะในข ้อใดต่อไปนีมีสภาพนํ าไฟฟ้ า (Electrical conductivity) น ้อยทีสุด
1 : ทองแดงบริสท ้
ุ ธิ ทีใชงาน ณ อุณหภูมต
ิ ํา
2 : ทองแดงบริสท ้
ุ ธิ ทีใชงาน ณ อุณหภูมสิ งู
3 : ้
ทองแดงผสมนิเกิลและผ่านกระบวนการรีดเย็น ทีใชงาน ณ อุณหภูมต
ิ ํา
4 : ้
ทองแดงผสมนิเกิลและผ่านกระบวนการรีดเย็น ทีใชงาน ณ อุณหภูมสิ งู

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 247 :
โลหะในข ้อใดต่อไปนีมีสภาพต ้านทานไฟฟ้ า (Electrical resistivity) น ้อยทีสุด
1 : ทองแดงบริสท ้
ุ ธิ ทีใชงาน ณ อุณหภูมต
ิ ํา
2 : ทองแดงบริสท ้
ุ ธิ ทีใชงาน ณ อุณหภูมสิ งู
3 : ้
ทองแดงผสมนิเกิลและผ่านกระบวนการรีดเย็น ทีใชงาน ณ อุณหภูมต
ิ ํา
4 : ้
ทองแดงผสมนิเกิลและผ่านกระบวนการรีดเย็น ทีใชงาน ณ อุณหภูมสิ งู

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 248 :
ถ ้าต ้องการเพิมสภาพนํ าไฟฟ้ า (Electrical conductivity) ให ้กับสารกึงตัวนํ า (Semiconductor) ควรทําอย่างไร
1 : ลดอุณหภูมก ้
ิ ารใชงาน
2 : เติมสารเจือปน
3 : นํ าไปผ่านกระบวนการขึนรูปเย็น
ธิ

4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก
สท

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

วน

ข ้อที 249 :
สง

ถ ้าต ้องการเพิมสภาพนํ าไฟฟ้ า (Electrical conductivity) ให ้กับสารตัวนํ า (Conductor) ควรทําอย่างไร


1 : ลดอุณหภูมก ้
ิ ารใชงาน
ขอ

2 : เติมสารเจือปน

รข
3 : นํ าไปผ่านกระบวนการขึนรูปเย็น
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก


คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ิ ว
ข ้อที 250 :
เมือสม
าวศ
ั ผัสโต๊ะไม ้และโต๊ะเหล็กทีตังอยูใ่ นห ้องปรับอากาศบริเวณเดียวกัน เราจะรู ้สก
ึ โต๊ะเย็นไม่เท่ากันอย่างไร
สภ
1 : โต๊ะเหล็กเย็นกว่า เพราะเหล็กมีความจุความร ้อนมากกว่าไม ้
2 : โต๊ะเหล็กเย็นกว่า เพราะเหล็กถ่ายเทความร ้อนได ้ดีกว่าไม ้
3 : โต๊ะเหล็กเย็นกว่า เพราะเหล็กมีความหนาแน่นมากกว่าไม ้
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 251 :

ถ ้าให ้ความร ้อนกับชนงานที ิ
มีความหนามากจะเกิดสงใดขึ

1 : ิ
ชนงานบวมขึ ิ
น เนืองจากการขยายตัวทางความร ้อนทีผิวชนงานมากกว่ า
2 : ิ
ชนงานหดตั วลง เนืองจากการหดตัวภายในชนงาน ิ
3 : ิ
ผิวชนงานเกิ ิ
ดการแตกร ้าว เนืองจากการหดตัวภายในชนงาน
4 : ิ
เกิดความเค ้นอัด (Compressive stress) ทีผิวชนงาน ิ
และความเค ้นดึง (Tensile stress) ภายในชนงาน

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 252 :
เพราะเหตุใดจึงเห็นสใี นวัสดุโปร่งใส (Transparent) บางชนิด
1 : แสงทีสง่ ผ่านถูกดูดกลืนไปในบางชว่ งความยาวคลืน
2 : แสงทีสง่ ผ่านเกิดการหักเหขึนภายในเนือวัสดุ
3 : มีการผสมเม็ดสล ี งในเนือวัสดุ
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 253 :
ข ้อใดต่อไปนีทําให ้เกิดสนิมไม่มส ี นผิวชนงานเหล็
ี บ ิ ื
กกล ้าทีมีรอยขีดข่วนในบรรยากาศทีมีความชน
1 : ิ
ผิวชนงานถู กเคลือบด ้วยสงั กะส ี
2 : ิ
ผิวชนงานถู กเคลือบด ้วยโครเมียม
3 : ิ
ผิวชนงานถู กเคลือบด ้วยดีบกุ
4 : ผิวชนงานถูิ ็ ทําความสะอาดด ้วยนํ าสะอาดเป็ นประจํา
กเชด
ธิ

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
สท

วน

ข ้อที 254 :
ข ้อความใดต่อไปนีเป็ นการกล่าวทีถูกต ้อง
สง

1 : เงินมีคา่ สภาพนํ าไฟฟ้ า (Electrical conductivity) ดีกว่าทอง


ขอ

2 : ลวดตัวนํ าทีมีขนาดพืนทีหน ้าตัดมากมีการนํ าไฟฟ้ าแย่กว่าลวดตัวนํ าทีมีขนาดพืนทีหน ้าตัดน ้อยกว่าในวัสดุ

รข
เดียวกันทีมีความยาวเท่ากัน
3 : อะลูมเิ นียมมีคา่ สภาพต ้านทานไฟฟ้ า (Electrical resistivity) มากกว่าเพชร
4 : อุณหภูมไิ ม่มผี ลต่อความสามารถในการนํ าไฟฟ้ าในวัสดุทเป็ ี นโลหะ


ิ ว
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

าวศ
ข ้อที 255 :
สภ
ข ้อความใดต่อไปนีเป็ นการกล่าวทีผิด
1 : N-type เป็ นสารกึงตัวนํ าประเภท Extrinsic semiconductor
2 : อุณหภูมส ิ งู มีผลต่อความสามารถในการนํ าไฟฟ้ าในวัสดุทเป็
ี นสารกึงตัวนํ า
3+
3 : การเติม (Doping) ด ้วยธาตุโบรอน (B ) เข ้าไปแทนทีซล ิ กิ อน (Si4+) ในโครงสร ้างผลึกทําให ้เกิดเป็ นสาร
กึงตัวนํ าแบบ N-type
4 : การแพร่ (Diffusion) มีบทบาทอย่างมากในการทําสารกึงตัวนํ าประเภท Extrinsic semiconductor

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 256 :
วัสดุสว่ นใหญ่ในกลุม
่ ใดต่อไปนีมีจด
ุ หลอมเหลว (Melting point) สูงทีสุด
1 : เซรามิก
2 : โลหะ
3 : พอลิเมอร์
4 : ไม ้

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 257 :
ลวดทองเหลืองยาว 1 เมตร ถูกทําให ้ร ้อนจนมีอณ
ุ หภูมส
ิ งู 70 องศาเซลเซย ี ส จากอุณหภูม ิ 30 องศาเซลเซย
ี ส ขณะ
ทีปลายทังสองข ้างถูกยึด จงหาขนาดของความเค ้นทีเกิดขึนในหน่วย MPa กําหนดให ้ค่ามอดูลส ั ของสภาพยืดหยุน

(Modulus of elasticity) ของทองเหลืองมีคา่ 97 GPa และสม ั ประสท
ิ ธิการขยายตัวเนืองจากความร ้อน
(Coeffeicient of thermal expansion) ของทองเหลืองมีคา่ 20×10-6 องศาเซลเซย ี ส-1
1 : +0.08
2 : -0.08
3 : +77.60
4 : -77.60

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 258 :
ธิ

วัสดุในข ้อใดต่อไปนีเกิดการขยายตัวเนืองจากความร ้อนสูงทีสุด


สท

1 : ซลิ ก
ิ า
2 : เหล็กกล ้า

3 : พอลิเอทิลน ี
วน

4 : อะลูมน ิ า

คําตอบทีถูกต ้อง : 3
สง
ขอ

ข ้อที 259 :

รข
วัสดุในข ้อใดต่อไปนีมีคา่ ความจุความร ้อนสูงทีสุด
1 : แก ้ว


2 : ทังสเตน

ิ ว
3 : พอลิไวนิลคลอไรด์

าวศ
4 : อะลูมเิ นียม

คําตอบทีถูกต ้อง : 3
สภ

ข ้อที 260 :
วัสดุในข ้อใดต่อไปนีสามารถนํ าไฟฟ้ าได ้ดีขนเมื
ึ ออุณหภูมล
ิ ดลง
1 : อะลูมเิ นียม
2 : ิ ก
ซล ิ อน
3 : พอลิเอสเทอร์
4 : แคดเมียมซล ั ไฟด์

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 261 :
การทํางานของอุปกรณ์วด
ั แสงทัวไปในการถ่ายภาพเกียวข ้องกับปรากฏการณ์ใด
1 : การเปล่งแสง (Luminescence)
2 : การนํ าไฟฟ้ าด ้วยแสง (Photoconductivity)
3 : การเรืองแสงแบบฟลูออเรสเซนซ ์ (Fluorescence)
4 : การเรืองแสงแบบฟอสฟอเรสเซนซ ์ (Phosphorescence)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 262 :
เพราะเหตุใดพอลิเมอร์ทมี
ี ความเป็ นผลึกสูงจึงไม่โปร่งใส (Transparent)
1 : การมีผลึกทําให ้เกิดการเปล่งแสงมาก
2 : การมีผลึกทําให ้เกิดการเรืองแสงมาก
3 : การมีผลึกทําให ้เกิดการกระเจิงของแสงในเนือวัสดุมาก
4 : ั
การมีผลึกทําให ้อิเล็กตรอนเลือนระดับชนพลั
งงานได ้มาก

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 263 :

หากต ้องการตรวจสอบวัสดุตวั อย่างว่าเป็ นแม่เหล็กถาวร (Hard magnet) หรือแม่เหล็กชวคราว (Soft magnet) ควร
พิจารณาจากสมบัตใิ นข ้อใดต่อไปนี
ธิ

1 : ค่าความไวต่อสภาพแม่เหล็ก (Magnetic susceptibility)


สท

2 : ค่าความสามารถซม ึ ซบ
ั แม่เหล็ก (Magnetic permeability)

3 : ้
เสนโค ิ เทอรีซส
้งฮส ิ (Hysteresis loop)
4 : ค่าคงทีไดอิเล็กทริก (Dielectric constant)
วน

คําตอบทีถูกต ้อง : 3
สง
ขอ

รข
ข ้อที 264 :
ข ้อใดต่อไปนีไม่ใชว่ ส
ั ดุไดอะแมกนิตก


1 : อะลูมน
ิ ัมออกไซด์ (Al2O3)

ิ ว
2 : แมกนีไทต์ (Fe3O4)

าวศ
3 : ทองแดง (Cu)
4 : สงั กะส ี (Zn)
สภ
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 265 :
ข ้อใดไม่ใชแ่ ม่เหล็กถาวร
1 : วัสดุไดอะแมกนิตก ิ
2 : วัสดุพาราแมกนิตก ิ
3 : วัสดุเฟร์โรแมกนิตก ิ
4 : ข ้อ 1 และ 2 ถูก

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

เนือหาวิชา : 245 : 08 Structures of materials

ข ้อที 266 :
พันธะใดเป็ นพันธะทางกายภาพ (Physical bond)
1 : พันธะโลหะ (Metallic bond)
2 : พันธะไอออนิก (Ionic bond)
3 : พันธะโควาเลนซ ์ (Covalent bond)
4 : พันธะแวนเดอร์วาลส ์ (Van der Waals bond)

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 267 :
โครงสร ้างผลึกชนิดใดมีการจัดเรียงอะตอมอย่างหนาแน่นทีสุด
1 : โครงสร ้างลูกบาศก์อย่างง่าย (Simple cubic)
2 : โครงสร ้างลูกบาศก์กงกลางเซล
ึ (Body-centered cubic)
3 : โครงสร ้างลูกบาศก์กงกลางผิ
ึ วหน ้า (Face-centered cubic)
4 : โครงสร ้างออร์โทรอมบิกกึงกลางฐาน (Base-centered orthorhombic)

คําตอบทีถูกต ้อง : 3
ธิ
สท

ข ้อที 268 :
โครงสร ้างของออสเทไนต์ (Austenite) ในเหล็กกล ้า มีโครงสร ้างผลึกรูปแบบใด

1 : Body-centered cubic (BCC)


วน

2 : Face-centered cubic (FCC)


3 : Hexagonal close-packed (HCP)
สง

4 : Body-centered cubic (BCC) และ Face-centered cubic (FCC)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
ขอ

รข
ข ้อที 269 :


วัสดุชนิดใดต่อไปนีมีพันธะหลักเป็ นพันธะโคเวเลนต์ (Covalent bond)

ิ ว
1 : Ni

าวศ
2 : SiC
3 : H2O ระหว่างโมเลกุล
4 : MgO
สภ
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 270 :
ี ส มีโครงสร ้างผลึกแบบ Body-centered cubic (BCC) โดยมีคา่ lattice parameter
ทังสเตนที 20 องศาเซลเซย
0.3165 นาโนเมตร (nm) จงคํานวณหาค่ารัศมีอะตอมของโลหะทังสเตนในหน่วยนาโนเมตร (nm)
1 : 0.1371
2 : 0.1432
3 : 0.2315
4 : 0.7309

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 271 :
กําหนดให ้ a, b, c คือค่าความยาวแต่ละด ้านของหน่วยเซลล์ และ α, β, γ คือมุมระหว่างด ้าน ถ ้าพบว่าโครงสร ้าง
ผลึกแบบหนึงมีคา่ a≠b≠c และ α = β = γ = 90 องศา อยากทราบว่าโครงสร ้างผลึกนีมีชอว่ ื าอะไร
1 : Cubic
2 : Tetragonal
3 : Orthorhombic
4 : Monoclinic

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 272 :
กําหนดให ้ a, b, c คือค่าความยาวแต่ละด ้านของหน่วยเซลล์ และ α, β, γ คือมุมระหว่างด ้าน ถ ้าพบว่าโครงสร ้าง
ผลึกแบบหนึงมีคา่ a = b = c และ α = β = γ = 90 องศา มีอะตอมอยูต ่ ามมุมทุกมุม และมีอะตอมอยูก ่ งกลาง

ื าอะไร
หน ้าทังหกหน ้าของหน่วยเซลล์ อยากทราบว่าโครงสร ้างผลึกนีมีชอว่
1 : Simple cubic
2 : Body-centered cubic
3 : Simple orthorhombic
4 : Face-centered cubic
ธิ

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
สท

ข ้อที 273 :
วน

โครงสร ้างผลึกแบบ body-centered cubic (BCC) ในหนึงหน่วยเซลล์ (Unit cell) ประกอบด ้วยกีอะตอม
1 : 1 อะตอม
สง

2 : 2 อะตอม
3 : 3 อะตอม
ขอ

4 : 4 อะตอม

รข
คําตอบทีถูกต ้อง : 2


ิ ว
าวศ
ข ้อที 274 :
โครงสร ้างผลึกแบบ Face-centered cubic (FCC) ในหนึงหน่วยเซลล์ (Unit cell) ประกอบด ้วยกีอะตอม
1 : 1 อะตอม
สภ
2 : 2 อะตอม
3 : 3 อะตอม
4 : 4 อะตอม

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 275 :
โครงสร ้างผลึกแบบ Hexagonal closed pack (HCP) ในหนึงหน่วยเซลล์ (Unit cell) ประกอบด ้วยกีอะตอม
1 : 2 อะตอม
2 : 4 อะตอม
3 : 6 อะตอม
4 : 8 อะตอม

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 276 :
ข ้อใดต่อไปนีมีโครงสร ้างแบบ Closed-pack
1 : Body-centered tetragonal
2 : Body-centered cubic
3 : Face-centered cubic
4 : Base-centered orthorhombic

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 277 :
พลาสติกใสจะมีโครงสร ้างภายในเป็ นแบบใด
1 : ไม่มคี วามเป็ นผลึก
2 : มีความเป็ นผลึกทีมีขนาดเล็กกว่าความยาวคลืนแสง
3 : ข ้อ 1 และ 2 ถูก
4 : ข ้อ 1 และ 2 ผิด

คําตอบทีถูกต ้อง : 3
ธิ
สท

ข ้อที 278 :
ข ้อใดไม่ใชส่ าเหตุททํ
ี าให ้พอลิเมอร์ชนิดทีสามารถเกิดโครงสร ้างผลึกได ้มีลก
ั ษณะเป็ นแบบกึงผลึก
วน

(Semicrystalline) เท่านัน
ั ซอน
1 : เพราะพอลิเมอร์มโี ครงสร ้างผลึกทียุง่ ยากซบ ้
สง

2 : เพราะพอลิเมอร์มส ี ายโซโ่ มเลกุลทียาวมาก


3 : เพราะการจัดเรียงตัวให ้เป็ นระเบียบของทุกโมเลกุลของพอลิเมอร์ทําได ้ยาก
ขอ

ี ายโซโ่ มเลกุลทีสนเกิ
4 : เพราะพอลิเมอร์มส ั นไป

รข
คําตอบทีถูกต ้อง : 4


ิ ว
าวศ
ข ้อที 279 :
ปริมาณความเป็ นผลึกของพอลิเมอร์มผ
ี ลต่อความหนาแน่นของพอลิเมอร์ชนิดนันอย่างไร
1 : ปริมาณผลึกทีมากขึน ทําให ้ความหนาแน่นเพิมขึน
สภ
2 : ปริมาณผลึกทีมากขึน ทําให ้ความหนาแน่นลดลง
3 : ปริมาณผลึกทีมากขึน อาจทําให ้ความหนาแน่นเพิมขึนหรือลดลงก็ได ้
4 : ปริมาณผลึกไม่มผ
ี ลต่อความหนาแน่น

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 280 :
พันธะเคมีทเกิ ่ ลักของโมเลกุลพอลิเมอร์คอ
ี ดในสายโซห ื พันธะชนิดใด
1 : พันธะโคเวเลนต์ (Covalent bond)
2 : พันธะไอออนิก (Ionic bond)
3 : พันธะโลหะ (Metallic bond)
4 : พันธะแวนเดอร์วาลส ์ (Van der Waals bond)

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 281 :
โครงสร ้างโมเลกุลของพอลิเอทิลนี (Polyethylene) แบบกิง (Branched) มีสมบัตต
ิ า่ งจากโครงสร ้างโมเลกุลของ
พอลิเอทิลน ้
ี แบบเสนตรง (Linear) อย่างไร
1 : ความแข็งแรงเพิมขึน
2 : ความเป็ นผลึกลดลง
3 : การยืดและหดตัวลดลง
4 : ความทนต่อการถูกขีดข่วนเพิมขึน

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 282 :
ข ้อใดคือคําจํากัดความของ Tg (Glass transition temperature)
1 : อุณหภูมท ิ สายโซ
ี ร่ องของโมเลกุลพอลิเมอร์สามารถเคลือนทีได ้
2 : อุณหภูมท ิ สายโซ
ี ห ่ ลักของโมเลกุลพอลิเมอร์สามารถเคลือนทีได ้
3 : อุณหภูมใิ นการเกิดผลึก
4 : อุณหภูมใิ นการหลอมเหลว
ธิ

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
สท

ข ้อที 283 :
วน

ถ ้านํ าพอลิเมอร์ทมี
ี โครงสร ้างภายในเป็ นแบบกึงผลึก (Semicrystalline polymer) มาอบทีอุณหภูมสิ งู กว่า Tg
(Glass transition temperature) ประมาณ 10 – 20 องศาเซลเซย ี ส เป็ นเวลา 24 ชวโมง
ั ผลทีได ้จะเป็ นอย่างไร
สง

1 : สภาพดึงยืดได ้ (Ductility) เพิมขึน


2 : ความแข็งแรงทีจุดคราก (Yield strength) ลดลง
ขอ

3 : ค่ามอดุลส
ั สภาพยืดหยุน
่ (Modulus of elasticity) เพิมขึน

รข
4 : ความแข็ง (Hardness) ลดลง

คําตอบทีถูกต ้อง : 3


ิ ว
าวศ
ข ้อที 284 :
พอลิเมอร์ทไม่ี สามารถเกิดโครงสร ้างผลึกได ้ คือพอลิเมอร์ชนิดใดต่อไปนี
สภ
1 : พอลิเอทิลน
ี (Polyethylene)
2 : พอลิเอทิลนี เทเรฟทาเลต (Polyethylene terephthalate)
3 : ไนลอน (Nylon)
4 : พอลิสไตรีน (Polystyrene)

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 285 :
ข ้อใดคือโครงสร ้างผลึกของมาร์เทนไซต์ (Martensite)
1 : Face-centered cubic (FCC)
2 : Body-centered cubic (BCC)
3 : Body-centered tetragonal (BCT)
4 : Face-centered tetragonal (FCT)

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 286 :
ข ้อใดคือโครงสร ้างผลึกของเบไนต์ (Bainite)
1 : Face-centered cubic (FCC)
2 : Body-centered cubic (BCC)
3 : Body-centered tetragonal (BCT)
4 : Face-centered tetragonal (FCT)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 287 :

โครงสร ้างจุลภาคของรอยเชอมเหล็ กกล ้าไร ้สนิมออสเทไนต์ (Austenite stainless steel) บริเวณพืนทีหลอมเหลว
(Fusion zone) ประกอบด ้วยเฟสต่างๆ ดังในข ้อใดต่อไปนี
1 : ออสเทไนต์ (Austenite)
2 : ออสเทไนต์ (Austenite) และ เฟร์ไรต์ (Ferrite)
3 : ออสเทไนต์ (Austenite) และ เพอร์ไลต์ (Pearlite)
4 : ออสเทไนต์ (Austenite) และ คาร์ไบด์ (Carbide)
ธิ

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
สท

วน

ข ้อที 288 :
การเกิดข ้อบกพร่องแบบ Schottky มักเกิดกับผลึกทียึดกันด ้วยพันธะชนิดใด
สง

1 : พันธะโลหะ (Metallic bond)


2 : พันธะโควาเลนท์ (Covalent bond)
ขอ

3 : พันธะไอออนิก (Ionic bond)

รข
4 : พันธะแวนเดอร์วาลส ์ (Van der Waals bond)

คําตอบทีถูกต ้อง : 3


ิ ว
ข ้อที 289 :
าวศ
ทําไมข ้อบกพร่องแบบ Frenkel มักเกิดกับ Cation มากกว่า Anion
สภ
1 : Cation มีขนาดใหญ่กว่า Anion
2 : Anion มีขนาดใหญ่กว่า Cation
3 : การแทรกของ Anion ในผลึกเกิดได ้ง่ายกว่า
4 : Anion มักจะอยูไ่ ม่เป็ นระเบียบ

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 290 :
ทําไมแกรไฟต์ (Graphite) ถึงสามารถหลุดออกเป็ นแผ่นๆได ้ง่าย
1 : ั
ระหว่างชนของโครงสร ้างแกรไฟต์ยด ึ กันด ้วยพันธะไอออนิก (Ionic bond)
2 : ั
ระหว่างชนของโครงสร ้างแกรไฟต์ไม่มก ี ารยึดกันด ้วยพันธะใดๆ
3 : ั
ระหว่างชนของแกรไฟต์ ยด
ึ กันด ้วยพันธะโควาเลนท์ (Covalent bond)
4 : ั
ระหว่างชนของโครงสร ้างแกรไฟต์เป็ นพันธะแวนเดอร์วาลส ์ (Van der Waals bond)

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 291 :
ข ้อใดต่อไปนีไม่ใชโ่ ครงสร ้างผลึกของเซรามิก
1 : BaTiO3
2 : NaCl
3 : Al2O3
4 : CH4

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 292 :
ข ้อใดไม่ถก
ู ต ้องเมือกล่าวถึงโครงสร ้างของแก ้ว
1 : แก ้วมีโครงสร ้างเป็ นตาข่าย (Network structure) ทีมีทศ
ิ ทางไม่แน่นอน
2 : พันธะของโครงสร ้างของแก ้วยึดกันด ้วยพันธะไอออนิก (Ionic bond)
3 : แก ้วมีโครงสร ้างแบบไม่เป็ นผลึก
4 : โครงสร ้างของแก ้วเกิดจากการยึดกันของ SiO44 -
ธิ
สท

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

วน

ข ้อที 293 :
โครงสร ้างผลึกแบบ Perovskite มีความสําคัญสําหรับวัสดุประเภทใด
สง

1 : Pyroelectric material
2 : Piezoelectric material
ขอ

3 : Semiconductor

รข
4 : Capacitor

คําตอบทีถูกต ้อง : 2


ิ ว
าวศ
ข ้อที 294 :
ข ้อใดไม่ใชอ่ งค์ประกอบของอะตอม
สภ
1 : นิวเคลียร์
2 : นิวตรอน
3 : อิเล็กตรอน
4 : โปรตอน

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 295 :
พันธะในข ้อใดต่อไปนีมีความแข็งแรงน ้อยทีสุด
1 : พันธะไอออนิก
2 : พันธะแวนเดอร์วาลส ์
3 : พันธะโลหะ
4 : พันธะไฮโดรเจน

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 296 :
ิ ทีสุด (closed pack)
โครงสร ้างผลึกในข ้อใดต่อไปนีทีอะตอมมีการบรรจุแบบชด
1 : FCC และ BCC
2 : FCC และ HCP
3 : BCC และ HCP
4 : Simple cubic และ HCP

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 297 :
พันธะใดต่อไปนีเกิดขึนระหว่างโมเลกุลของนํ าในนํ าแข็ง
1 : พันธะโคเวเลนซ ์
2 : พันธะไอออนิก
3 : พันธะไฮโดรเจน
4 : พันธะโลหะ
ธิ

คําตอบทีถูกต ้อง : 3
สท

ข ้อที 298 :
วน

ั เท่ากับ
สารประกอบของ LiAg มีหน่วยเซลล์เป็ นแบบ Simple cubic และอะตอมทังสองชนิดต่างมีเลขโคออร์ดเิ นชน
8 ดังนัน หน่วยเซลล์ดงั กล่าวนีจะมีลก
ั ษณะเหมือนกับผลึกในข ้อใด
สง

1 : NaCl
2 : ZnS
ขอ

3 : CsCl

รข
4 : AgCl

คําตอบทีถูกต ้อง : 3


ิ ว
ข ้อที 299 :
าวศ
ข ้อใดกล่าวถึงพันธะไอออนิกไม่ถก
ู ต ้อง
ึ คา่ อิเลคโตรเนกาติวต
สภ
1 : เป็ นพันธะทีเกิดระหว่างธาตุโลหะและธาตุอโลหะซงมี ิ ต่
ี างกันมากๆ
2 : เป็ นพันธะทีเกิดแรงยึดเหนียวระหว่างไอออนบวกและไอออนลบ
3 : ขนาดของไอออนยิงมีขนาดใหญ่พลังงานพันธะจะยิงมีคา่ เพิมมากขึน
4 : ของแข็งทีเกิดพันธะไอออนิกจะมีการจัดเรียงไอออนให ้มีความเป็ นกลางทางไฟฟ้ า

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 300 :
พันธะทีเกิดขึนระหว่างสายโซโ่ มเลกุลของพอลิเมอร์เป็ นพันธะชนิดใด
1 : พันธะแวนเดอร์วาลส ์ (Van der Waals bond)
2 : พันธะโลหะ (Metallic bond)
3 : พันธะไอออนิก (Ionic bond)
4 : พันธะโควาเลนซ ์ (Covalent bond)

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 301 :
ตําหนิแบบใดพบได ้เฉพาะในเซรามิกเท่านัน
1 : ตําหนิแบบชอ่ งว่าง (Vacancy)
2 : ตําหนิแบบดิสโลเคชน ั (Dislocation)
3 : ตําหนิแบบชอตกี (Schottky defect)
4 : ตําหนิแบบแทรกชอ ่ งว่างระหว่างอะตอม (Interstitial defect)

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 302 :
โดยทัวไปอะตอมโลหะมีการจัดเรียงตัวของโครงสร ้างเป็ นอย่างไร
1 : ผลึกเดียว (Single crystal)
2 : หพุผลึก (Polycrystalline)
3 : กึงผลึก (Semi-crystalline)
4 : อสณั ฐาน (Amorphous)
ธิ

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
สท

ข ้อที 303 :
วน

เหตุใดยาง (Rubber) สามารถดึงยืดได ้มากและกลับคืนสูร่ ป


ู ร่างเดิมหลังปล่อยแรงกระทํา
1 : เพราะโครงสร ้างโมเลกุลเป็ นแบบสายโซต ่ รง (Linear polymer) สูง
สง

2 : เพราะโครงสร ้างโมเลกุลเป็ นแบบโครงร่างตาข่าย (Network polymer) สูง



3 : เพราะโครงสร ้างมีการเชอมต่ อระหว่างสายโซโ่ มเลกุลในระดับหนึง (Lightly crosslinked polymer)
ขอ

4 : เพราะโครงสร ้างโมเลกุลเป็ นแบบกิงก ้าน (Branched polymer) สูง

รข
คําตอบทีถูกต ้อง : 3


ิ ว
าวศ
ข ้อที 304 :
ปฏิกริ ย ื
ิ าใดทีทําให ้เกิดการเชอมสายโซ โ่ มเลกุลในยาง (Rubber)
1 : Polymerization
สภ
2 : Oxidation
3 : Condensation
4 : Vulcanization

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 305 :
ข ้อใดคือลักษณะเด่นของวัสดุอล
ิ าสโตเมอร์ (Elastomer)
1 : มีความแข็งและความแข็งแรงสูง
2 : มีสภาพดึงยืดได ้สูงและกลับคืนสูส ่ ภาพเดิมหลังปล่อยแรงกระทํา
3 : ทนความร ้อนได ้สูง
4 : ํ
สามารถขึนรูปซาได ้เมือให ้ความร ้อน

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 306 :
เหตุใดโลหะจึงมีการนํ าไฟฟ้ าและความร ้อนได ้ดี
1 : เพราะโครงสร ้างมีความเป็ นผลึกสูง
2 : เพราะโครงสร ้างมีการจัดเรียงตัวของอะตอมหนาแน่น
3 : เพราะโครงสร ้างมีอเิ ล็กตรอนอิสระ
4 : เพราะโครงสร ้างมีทงแอนไอออนและแคทไอออน
ั (Anion and cation)

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 307 :
เหล็กกล ้าคาร์บอนตํามีการจัดเรียงของโครงสร ้างอะตอมอย่างไรทีอุณหภูมห
ิ ้อง
1 : Body-centered cubic (BCC)
2 : Face-centered cubic (FCC)
3 : Body-centered tetragonal (BCT)
4 : Face-centered tetragonal (FCT)

คําตอบทีถูกต ้อง : 1
ธิ
สท

ข ้อที 308 :

สงใดต่ อไปนีไม่สามารถพบได ้ในวัสดุผลึกเดียว (Single crystal)
วน

1 : ตําหนิแบบชอ่ งว่าง (Vacancy)


2 : รอยต่อระหว่างเกรน (Grain boundary)
สง

3 : รอยต่อระหว่างเฟส (Phase boundary)


4 : ตําหนิแบบแทรกชอ ่ งว่างระหว่างอะตอม (Interstitial defect)
ขอ

รข
คําตอบทีถูกต ้อง : 2


ิ ว
ข ้อที 309 :

าวศ
่ ั จจัยทีมีผลต่อการจัดเรียงตัวของโครงสร ้างอะตอมในเซรามิก
ข ้อใดต่อไปนีไม่ใชป
1 : ชนิดของตําหนิ
2 : ขนาดของอะตอม
สภ
3 : สมดุลประจุของโครงสร ้าง
4 : ชนิดของอะตอม

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 310 :
ข ้อใดคือลักษณะทัวไปของพอลิเมอร์ชนิดเทอร์โมเซตติง (Thermosetting)
1 : มีโครงสร ้างโมเลกุลเป็ นแบบโครงร่างตาข่าย (Network) สามารถขึนรูปใหม่ได ้เมือให ้ความร ้อน
2 : มีโครงสร ้างโมเลกุลเป็ นแบบสายโซต ่ รง (Linear) สามารถขึนรูปใหม่ได ้เมือให ้ความร ้อน
3 : มีโครงสร ้างโมเลกุลเป็ นแบบโครงร่างตาข่าย (Network) ไม่สามารถขึนรูปใหม่ได ้เมือให ้ความร ้อน
4 : มีโครงสร ้างโมเลกุลเป็ นแบบกิง (Branched) ไม่สามารถขึนรูปใหม่ได ้เมือให ้ความร ้อน

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 311 :

ตําหนิแบบใดไม่สามารถเพิมความแข็งแรงให ้ชนงานโลหะได ้
1 : ตําหนิแบบแทนที (Substitutional defect)
2 : ตําหนิแบบแทรกตัวในชอ ่ งว่าง (Interstitial defect)
3 : ตําหนิแบบชอ่ งว่าง (Vacancy)
4 : ตําหนิแบบดิสโลเคชน ั (Dislocation)

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 312 :
ข ้อใดคือลักษณะของตําหนิแบบชอตกี (Schottky defect)
1 : เกิดการแทรกตัวของแคทไอออน และเกิดชอ ่ งว่างของแคทไอออนในโครงสร ้าง
2 : ่ งว่างของแอนไอออนในโครงสร ้าง
เกิดการแทรกตัวของแอนไอออน และเกิดชอ
3 : เกิดการแทรกตัวของแอนไอออน และเกิดชอ่ งว่างของแอนไอออนในโครงสร ้าง
4 : ่ งว่างของแคทไอออนและแอนไอออนในโครงสร ้าง
เกิดชอ

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
ธิ
สท

ข ้อที 313 :

ข ้อใดต่อไปนีกล่าวไม่ถก
ู ต ้องเกียวกับโครงสร ้างพอลิเมอร์
พันธะทีเกิดขึนภายในและระหว่างสายโซโ่ มเลกุลเป็ นพันธะโควาเลนต์
วน

1 :
2 : โครงสร ้างโมเลกุลหลักประกอบไปด ้วยคาร์บอนและไฮโดรเจน
3 : สายโซโ่ มเลกุลโดยทัวไปมีนําหนัก 10,000 ถึง 1,000,000 กรัมต่อโมล
สง

4 : มีโครงสร ้างทังแบบธรรมชาติและแบบสงั เคราะห์


ขอ

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ก รข
ข ้อที 314 :

ิ ว
กําหนดให ้ไอออน Zn2+ และ S2- มีขนาดรัศมี 0.074 และ 0.184 นาโนเมตร ตามลําดับ จากตารางต่อไปนี จง

าวศ
ทํานายลักษณะรูปแบบโครงสร ้างผลึกของสารประกอบ ZnS

่ นขนาดของแคทไอออน
อ ัตราสว
ต่อแอนไอออน (rcation/ ranion) รูปแบบโครงสร้างผลึกเซรามิก
สภ
< 0.155 linear
0.155 - 0.225 Triangular
0.225 - 0.414 Tetrahedral
0.414 - 0.732 Octahedral
0.732 - 1.0 Cubic

1 : Triangular
2 : Tetrahedral
3 : Octahedral
4 : Cubic

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

เนือหาวิชา : 246 : 09 Processing-Structure relationships

ข ้อที 315 :
ข ้อใดต่อไปนีถูกต ้องทีสุด
้ าเหล็กโครงสร ้าง BCC ระหว่างการขึนรูปเย็น (Cold
1 : เหล็กโครงสร ้าง FCC มีความแข็งแรงเพิมขึนชากว่
working)
2 : การเคลือน (Dislocation) ในผลึกโครงสร ้าง FCC สามารถเคลือนทีได ้ยากกว่าในผลึกโครงสร ้าง BCC
3 : การเคลือน (Dislocation) ในผลึกโครงสร ้าง FCC สามารถเคลือนทีได ้ง่ายกว่าในผลึกโครงสร ้าง HCP
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ผิด

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 316 :
การชุบแข็งเหล็กกล ้าคาร์บอนปานกลาง ต ้องทําการเผาเหล็กจนได ้โครงสร ้างใดก่อนทําให ้เย็นตัวอย่างรวดเร็ว
1 : เฟร์ไรต์ (Ferrite)
2 : ออสเทไนต์ (Austenite)
3 : ซเี มนไทต์ (Cementite)
4 : มาร์เทนไซต์ (Martensite)
ธิ

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
สท

วน

ข ้อที 317 :
เหล็กหล่อขาว (White cast iron) มีโครงสร ้างจุลภาคดังในข ้อใดต่อไปนี
สง

1 : เฟร์ไรต์ และ เพอร์ไลต์ (Ferrite & Pearlite)


2 : ซเี มนไทต์ และ เพอร์ไลต์ (Cementite & Pearlite)
ขอ

3 : เฟร์ไรต์ และ แกรไฟต์ (Ferrite & Graphite)

รข
4 : เพอร์ไลต์ และ แกรไฟต์ (Peartite & Graphite)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2


ิ ว
าวศ
ข ้อที 318 :
้ จากโครงสร ้างออสเทไนต์
ข ้อใดคือโครงสร ้างของเหล็กกล ้าคาร์บอนปานกลางทีได ้จากการปล่อยให ้เย็นอย่างชาๆ
(Austenite)
สภ
1 : Cementite + Pearlite
2 : Ferrite + Pearlite
3 : Bainite + Pearlite
4 : Martensite + Pearlite

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 319 :
ข ้อใดคือโครงสร ้างจุลภาคของเหล็กกล ้าคาร์บอนทีผ่านการเผาด ้วยอุณหภูมค
ิ งทีประมาณ 730 - 750 องศา
เซลเซย ี ส เป็ นเวลานาน 20 ชวโมง

1 : เพอร์ไลต์หยาบ (Coarse pearlite)
2 : เพอร์ไลต์ละเอียด (Fine pearlite)
3 : สเฟี ยรอยไดต์ (Spheroidite)
4 : เบไนต์แบบขนนก (Feathery bainite)

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 320 :
่ งว่างขึนภายในชนงาน
ในกระบวนการหล่อโลหะ เมือโลหะทีหลอมเหลวเกิดการแข็งตัว และเกิดโพรงชอ ิ ึ อว่า
ซงถื
เป็ นความบกพร่องประเภทใด
1 : ความบกพร่องแบบจุด
2 : ความบกพร่องแบบเสน้
3 : ความบกพร่องแบบระนาบ
4 : ความบกพร่องแบบปริมาตร

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 321 :
ข ้อใดกล่าวไม่ถก
ู ต ้อง
1 : Equiaxed grains เป็ นเกรนทีเกิดจากผลึกทีโตสมําเสมอในทุกทิศทาง
2 : Columnar grains พบบริเวณทีนํ าโลหะสม ั ผัสกับผิวแม่พมิ พ์
ธิ

3 : Equiaxed grains เกิดเนืองจากนํ าโลหะเย็นตัวอย่างรวดเร็ว


4 : Columnar grains มิทศ ่ ายในของแม่พม
ิ ทางเติบโตเข ้าสูภ ิ พ์
สท

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
วน

เนือหาวิชา : 247 : 10 Structure-Property relationships


สง
ขอ

รข
ข ้อที 322 :
เพราะเหตุใดเหล็กแผ่นทีผ่านกระบวนการขึนรูปด ้วยวิธรี ด
ี เย็น (Cold rolling) จึงมีความแข็งมากกว่าเหล็กแผ่นทีผลิต
ด ้วยวิธรี ด
ี ร ้อน (Hot rolling)


1 : การรีดเย็นทําให ้แผ่นเหล็กเกิด Work hardening โดยไม่ทําให ้เกิดผลึกใหม่ (Recrystallization)

ิ ว
2 : การรีดเย็นทําให ้มีความเค ้นตกค ้าง (Residual stress) บนผิวเหล็กแผ่นน ้อยกว่าการรีดร ้อน

าวศ
3 : การรีดเย็นทําให ้ผิวเหล็กแผ่นเกิดออกไซด์มากกว่าการรีดร ้อน
4 : การรีดเย็นทําให ้โครงสร ้างจุลภาคมีขนาดใหญ่ขน ึ
สภ
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 323 :
่ นตอนในการเกิ
ขันตอนใดต่อไปนี ไม่ใชข ั ดปฏิกริ ย ั
ิ าพอลิเมอร์ไรเซชนแบบเติ
ม (Addition Polymerization)
1 : ขันเริมต ้นปฏิกริ ย
ิ า (Initiation)
2 : ขันตอนการดําเนินไปของปฏิกริ ย ิ า (Propagation)
3 : ขันตอนการเกิดโครงสร ้างตาข่าย (Vulcanization)
4 : ขันตอนการสนสุ ิ ดปฏิกริ ย ิ า (Termination)

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 324 :
เหล็กกล ้าคาร์บอนปานกลาง (0.4wt%C) ในข ้อใดต่อไปนี มีความแข็งมากทีสุด
1 : อบทีอุณหภูม ิ 1050 องศาเซลเซย ี ส ปล่อยให ้เย็นในเตา
2 : อบทีอุณหภูม ิ 1050 องศาเซลเซย ี ส ปล่อยให ้เย็นในอากาศ
3 : ี ส ปล่อยให ้เย็นในเตา
อบทีอุณหภูม ิ 950 องศาเซลเซย
4 : อบทีอุณหภูม ิ 950 องศาเซลเซยี ส ปล่อยให ้เย็นในนํ า

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 325 :
โครงสร ้างทีทนต่อการคืบ (Creep) ได ้ดีทสุ
ี ดคือ ข ้อใดต่อไปนี
1 : ผลึกเดียว (Single crystal)
2 : โครงสร ้างทีมีเกรนขนาดใหญ่
3 : โครงสร ้างทีมีเกรนขนาดเล็ก
4 : โครงสร ้างทีมีเกรนรูปร่างเรียวยาว

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 326 :
ธิ

โครงสร ้างของเหล็กกล ้าคาร์บอนในข ้อใดต่อไปนีทีทนต่อแรงกระแทกทีอุณหภูมต


ิ ําได ้ดีทสุ
ี ด
สท

1 : ออสเทไนต์ (Austenite) เกรนขนาดใหญ่


2 : เฟร์ไรต์ (Ferrite) เกรนขนาดใหญ่

3 : ออสเทไนต์ (Austenite) เกรนขนาดเล็ก


วน

4 : เฟร์ไรต์ (Ferrite) เกรนขนาดเล็ก


สง

คําตอบทีถูกต ้อง : 3
ขอ

รข
ข ้อที 327 :
สารประกอบออกไซด์ประเภทใดทีชว่ ยทําให ้ความหนืดของแก ้วตําลง
1 : ์Na2O


2 : Al2O3

ิ ว
3 : SiO2
4 : TiO2
าวศ
คําตอบทีถูกต ้อง : 1
สภ

ข ้อที 328 :
การเติมสาร Intermediate oxides ในแก ้วเพือประโยชน์อะไร
1 : เพือให ้สามารถขึนรูปแก ้วได ้ง่ายขึน
2 : เพือให ้แก ้วมีความหนืดตําลง
3 : เพือปรับปรุงสมบัตข ิ องแก ้ว
4 : เพือทําให ้แก ้วหลอมตัวทีอุณหภูมต ิ ําลง

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 329 :
การเติมสาร Glass-modifying oxide ในแก ้วเพือประโยชน์อะไร
1 : เพือให ้แก ้วมีความต ้านทานต่อการเปลียนแปลงอุณหภูม ิ (Thermal shock resistance)
2 : เพือให ้แก ้วมีความหนืดตําลง
3 : เพือให ้แก ้วมีความแข็งสูงขึน
4 : เพือให ้แก ้วมีผลึกเกิดขึน

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 330 :
ในกรรมวิธก ื
ี ารเชอมช ิ
นงานเหล็ กกล ้าคาร์บอนสูง (High carbon steel) โครงสร ้างทางจุลภาคในบริเวณกระทบร ้อน

(Heat-affected zone) ของชนงานสามารถเกิ ดการเปลียนแปลงได ้เป็ นอะไร
1 : เพอร์ไลต์หยาบ และเฟร์ไลต์ (Coarse Pearlite & Ferrite)
2 : เพอร์ไลต์หยาบ และซเี มนไทต์ (Coarse Pearlite & Cementite)
3 : เพอร์ไลต์ละเอียด และเฟร์ไลต์ (Fine Pearlite & Ferrite)
4 : เพอร์ไลต์ละเอียด และซเี มนไทต์ (Fine Pearlite & Cementite)

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 331 :
ธิ

อุณหภูมท ิ เหมาะสมในการเผาเหล็
ี กสําหรับกระบวนการชุบแข็งควรอยูใ่ นชว่ งใด และเพราะเหตุใด
สท

1 : มากกว่า 727 ี ส
องศาเซลเซย เพราะเหล็กสามารถเปลียนโครงสร ้างเป็ นออสเทไนต์ (Austenite) ได ้ทังหมด

2 : มากกว่า 912 องศาเซลเซยี ส เพราะเหล็กสามารถเปลียนโครงสร ้างเป็ นออสเทไนต์ (Austenite) ได ้ทังหมด


3 : มากกว่า 727 องศาเซลเซย ี ส ื
เพราะประหยัดพลังงานเชอเพลิงมากทีสุด
วน

4 : มากกว่า 912 องศาเซลเซย ี ส ื


เพราะประหยัดพลังงานเชอเพลิงมากทีสุด
สง

คําตอบทีถูกต ้อง : 1
ขอ

รข
ข ้อที 332 :
ข ้อใดต่อไปนีถูกต ้อง เมือให ้พอลิเอทิลน ้ จนถึงอุณหภูมห
ี ทีหลอมเหลวค่อยๆเย็นตัวลงอย่างชาๆ ิ ้อง
ั ฐาน


1 : พอลิเอทิลน
ี จะยังคงเป็ นพอลิเมอร์อสณ
2 : พอลิเอทิลนี จะตกผลึก

ิ ว
3 : พอลิเอทิลน ี จะมีสมบัตคิ ล ้ายแก ้ว

าวศ
4 : พอลิเอทิลน ี จะมีบางบริเวณทีมีสมบัตค
ิ ล ้ายแก ้ว และมีบางบริเวณทีมีสมบัตค
ิ ล ้ายยาง

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
สภ

ข ้อที 333 :
เหล็กกล ้าไร ้สนิมชนิดใดต่อไปนีทีแม่เหล็กดูดไม่ตด

1 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมเฟร์ไรต์ (Ferritic stainless steel)
2 : เหล็กกล ้าไร ้สนิม ออสเทนไนต์ (Austenitic stainless steel)
3 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมมาร์เทนไซต์ (Martensitic stainless steel)
4 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมดูเพล็กซ ์ (Duplex stainless steel)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 334 :
ข ้อความใดต่อไปนีเป็ นการกล่าวทีผิด
1 : วัสดุทมี
ี โครงสร ้างผลึกแบบ FCC มีคา่ การจัดเรียงตัวของอะตอม (Atomic packing factor, APF) มากกว่า
วัสดุทมี
ี โครงสร ้างผลึกแบบ BCC
2 : วัสดุทมีี เกรนเป็ นจํานวนมากมีความแข็งแรงมากกว่าวัสดุทมี ี เกรนจํานวนน ้อยกว่าในปริมาตรเดียวกันของวัสดุ
ชนิดเดียวกัน
3 : วัสดุทมี ี เกรนเป็ นจํานวนมากมีการนํ าไฟฟ้ าทีแย่กว่าวัสดุทมี
ี เกรนจํานวนน ้อยกว่าในปริมาตรเดียวกันของวัสดุ
ชนิดเดียวกัน
4 : วัสดุทมี ี ความบกพร่องประเภทจุดแบบ Self-interstitial มีความแข็งน ้อยกว่าวัสดุทไม่ ี มคี วามบกพร่องประเภท
จุดของวัสดุชนิดเดียวกัน

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 335 :
่ งทะลุผา่ นแผ่นบางของอะลูมเิ นียมออกไซด์ (Al2O3) ได ้ทังหมด ข ้อใดคือโครงสร ้างของ
ถ ้าแสงสามารถสอ
อะลูมเิ นียมออกไซด์แผ่นนัน
1 : ผลึกเดียว (Single crystal)
2 : พหุผลึก (Polycrystal) เนือแน่นไม่มช ่ งว่างภายใน
ี อ
3 : ่ งว่างภายใน
พหุผลึก (Polycrystal) ทีมีชอ
4 : ั ฐาน (Amorphous)
อสณ

คําตอบทีถูกต ้อง : 1
ธิ
สท

ข ้อที 336 :
วน

่ งทะลุผา่ นแผ่นบางของอะลูมเิ นียมออกไซด์ (Al2O3) ได ้บางสว่ น ข ้อใดคือโครงสร ้างของ


ถ ้าแสงสามารถสอ
อะลูมเิ นียมออกไซด์แผ่นนัน
สง

1 : ผลึกเดียว (Single crystal)


2 : พหุผลึก (Polycrystal) เนือแน่นไม่มช ่ งว่างภายใน
ี อ
ขอ

่ งว่างภายใน
3 : พหุผลึก (Polycrystal) ทีมีชอ

รข

4 : อสณฐาน (Amorphous)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2


ิ ว
าวศ
ข ้อที 337 :
่ งทะลุผา่ นแผ่นบางของอะลูมเิ นียมออกไซด์ (Al2O3) ได ้ ข ้อใดคือโครงสร ้างของอะลูมเิ นียม
ถ ้าแสงไม่สามารถสอ
ออกไซด์แผ่นนัน
สภ
1 : ผลึกเดียว (Single crystal)
2 : พหุผลึก (Polycrystal) เนือแน่นไม่มช ่ งว่างภายใน
ี อ
3 : ่ งว่างภายใน
พหุผลึก (Polycrystal) ทีมีชอ
4 : ั ฐาน (Amorphous)
อสณ

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 338 :
ี รูปจากการดึงได ้ง่ายทีสุด
ในโลหะชนิดเดียวกัน ลักษณะทางโครงสร ้างจุลภาคใดต่อไปนีทีสามารถเสย
1 : มีเกรนเป็ นทรงกลม
2 : มีเกรนเป็ นรูปเข็ม
3 : มีเกรนเป็ นรูปแผ่น
4 : เท่ากันในทุกลักษณะของโครงสร ้าง

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 339 :
ี รูปจากการดึงได ้ง่ายทีสุด
โครงสร ้างผลึกชนิดใดต่อไปนีสามารถเสย
1 : Hexagonal closed-pack (HCP)
2 : Face-centered cubic (FCC)
3 : Body-centered cubic (BCC)
4 : Simple cubic (SC)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 340 :
เพราะเหตุใดเซอร์โคเนียมออกไซด์ (ZrO2) ทีผสมด ้วยอิเทียมออกไซด์ (Y2O3) หรือทีเรียกว่า Yttria-stabilized
้ นตัวตรวจวัดปริมาณก๊าซออกซเิ จน (Oxygen sensor) ได ้
zirconia (YSZ) จึงสามารถนํ ามาใชเป็
1 : เนืองจากการผสมอิเทียมออกไซด์ทําให ้เกิดชอ ่ งว่างของประจุบวก (Cation vacancy) ขึนในโครงสร ้างผลึก
ของเซอร์โคเนียมออกไซด์ ทําให ้ออกซเิ จนไอออนสามารถเคลือนทีเข ้ามาได ้ จึงสามารถใชตรวจวั
้ ดปริมาณ
ออกซเิ จนได ้
ธิ

2 : เนืองจากการผสมอิเทียมออกไซด์ทําให ้เกิดชอ ่ งว่างของประจุลบ (Anion vacancy) ขึนในโครงสร ้างผลึก


สท

ของเซอร์โคเนียมออกไซด์ ทําให ้ออกซเิ จนไอออนสามารถเคลือนทีเข ้ามาได ้ จึงสามารถใชตรวจวั้ ดปริมาณ


ออกซเิ จนได ้
3 : เนืองจากอิเทียมไอออนมีขนาดเล็กกว่าเซอร์โคเนียมไอออน เมือผสมกันแล ้วเกิดการแทนทีของประจุบวกขึน
วน

สง่ ผลให ้โครงสร ้างผลึกของเซอร์โคเนียมออกไซด์เกิดการหดตัว ทําให ้ออกซเิ จนไอออนสามารถเคลือนทีเข ้ามา



ได ้ จึงสามารถใชตรวจวั ดปริมาณออกซเิ จนได ้
สง

4 : เนืองจากเนืองจากอิเทียมไอออนมีขนาดใหญ่กว่าเซอร์โคเนียมไอออน เมือผสมกันแล ้วเกิดการแทนทีของ


ประจุบวกขึน สง่ ผลให ้โครงสร ้างผลึกของเซอร์โคเนียมออกไซด์เกิดการขยายตัว ทําให ้ออกซเิ จนไอออนสามารถ

เคลือนทีเข ้ามาได ้ จึงสามารถใชตรวจวัดปริมาณออกซเิ จนได ้
ขอ

รข
คําตอบทีถูกต ้อง : 2


ิ ว
ข ้อที 341 :

าวศ
ทําไมเซรามิกทีมีโครงสร ้างคล ้ายกับผลึกเดียว (Like a single crystal) ถึงยอมให ้แสงผ่านได ้ (Translucent)
1 : เนืองจากภายในเกรนมีการจัดเรียงอะตอมทีเกือบจะอยูใ่ นทิศทางเดียวกัน
2 : เนืองจากขอบเกรนมีความหนา
สภ
3 : เนืองจากภายในเกรนมีธาตุอนมาแทรก

4 : ่ งว่างเกิดขึนภายในเกรน
เนืองจากมีชอ

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 342 :
โครงสร ้างจุลภาคระหว่างเพอร์ไลต์หยาบ (Coarse pearlite) และเพอร์ไลต์ละเอียด (Fine pearlite) โครงสร ้างใดมี
ความแข็งแรงมากกว่า และเพราะอะไร
1 : เพอร์ไลต์หยาบแข็งแรงมากกว่า เพราะมีปริมาณคาร์บอนอิสระมากกว่า
2 : เพอร์ไลต์ละเอียดแข็งแรงมากกว่า เพราะมีปริมาณคาร์บอนอิสระมากกว่า
3 : เพอร์ไลต์หยาบแข็งแรงมากกว่า เพราะมีขนาดของเกรนใหญ่กว่า
4 : เพอร์ไลต์ละเอียดแข็งแรงมากกว่า เพราะมีขนาดของเกรนเล็กกว่า

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 343 :
จงเรียงลําดับโครงสร ้างจุลภาคทีมีความแข็งจากมากไปน ้อย
1 : เพอร์ไลต์ (Pearlite), เบไนต์ (Bainite), มาร์เทนไซต์ (Martensite)
2 : เบไนต์ (Bainite), เพอร์ไลต์ (Pearlite), มาร์เทนไซต์ (Martensite)
3 : มาร์เทนไซต์ (Martensite), เบไนต์ (Bainite), เพอร์ไลต์ (Pearlite)
4 : เบไนต์ (Bainite), มาร์เทนไซต์ (Martensite), เพอร์ไลต์ (Pearlite)

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 344 :
โครงสร ้างของเหล็กกล ้าสเฟี ยรอยไดซ ์ (Spheroidized steel) มีสมบัตท
ิ างกลอย่างไร และเพราะอะไร
1 : มีความแข็งสูง เพราะปรากฏโครงสร ้างของซเี มนไทต์ (Cementite) แบบแท่ง
2 : มีความอ่อนตัวสูง เพราะปรากฏโครงสร ้างของซเี มนไทต์ (Cementite) แบบกลม
3 : มีความแข็งสูง เพราะปรากฏโครงสร ้างของกราไฟต์ (Graphite) แบบแท่ง
4 : มีความอ่อนตัวสูง เพราะปรากฏโครงสร ้างของกราไฟต์ (Graphite) แบบกลม

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
ธิ
สท

ข ้อที 345 :
เซรามิกทัวไปมีคา่ ของสมบัตใิ นข ้อใดน ้อยกว่าของโลหะทัวไป
วน

1 : Hardness
2 : Thermal insulation
สง

3 : Toughness
4 : Chemical resistance
ขอ

รข
คําตอบทีถูกต ้อง : 3


ิ ว
ข ้อที 346 :

าวศ
ี รูปทรงอย่างถาวรได ้สูง
วัสดุในข ้อใดสามารถดูดกลืนพลังงานไว ้ก่อนทีจะเสย
1 : แผ่นพลาสติกพอลิสไตรีน
2 : แผ่นยาง
สภ
3 : แผ่นกระจก
4 : แผ่นสงั กะส ี

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 347 :
ข ้อใดกล่าวถึงกระบวนการเกิดผลึกใหม่ (Recrystallization) ไม่ถก
ู ต ้อง

1 : ต ้องเกิดการเปลียนรูปน ้อยทีสุดค่าหนึงจึงจะสามารถเกิดผลึกใหม่ได ้
2 : ถ ้าปริมาณการเปลียนรูปน ้อยจะทําให ้อุณหภูมใิ นการเกิดผลึกใหม่สงู ขึน
3 : ขนาดเกรนสุดท ้ายหลังการเกิดผลึกใหม่จะขึนอยูก ่ บ
ั ปริมาณการเปลียนรูป
4 : โลหะบริสท ุ ธิมีอณ
ุ หภูมก
ิ ารเกิดผลึกใหม่สงู กว่าโลหะผสม

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 348 :
ข ้อใดไม่ใชก่ ารเปลียนแปลงภายในเนือโลหะในชว่ งการคืนตัว (Recovery) เมือนํ าโลหะทีผ่านการขึนรูปเย็นมา
ทําการอบอ่อน
1 : ความแข็งแรงลดลงเล็กน ้อย
2 : ความเค ้นตกค ้างลดลง
3 : ั
จํานวนดิสโลเคชนเพิ มขึน
4 : ความอ่อนตัวเพิมขึน

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 349 :
กระบวนการอัดรีด (Extrusion) เป็ นขันตอนหนึงทีนํ ามาใชขึ้ นรูปผลิตภัณฑ์พลาสติกต่างๆ ยกเว ้นข ้อใด
1 : ท่อนํ า
2 : ยางรถยนต์
3 : ฉนวนหุ ้มสายไฟ
4 : ถุงพลาสติก
ธิ

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
สท

ข ้อที 350 :
วน

การทําให ้เหล็กกล ้าคาร์บอนตําเย็นตัวอย่างรวดเร็ว (Quenching) สง่ ผลต่อโครงสร ้างจุลภาคและสมบัตท


ิ างกล
อย่างไร
สง

1 : โครงสร ้างจุลภาคมีขนาดเกรนหยาบ ความแข็งแรงตํา


2 : โครงสร ้างจุลภาคมีขนาดเกรนหยาบ ความแข็งแรงสูง
ขอ

3 : โครงสร ้างจุลภาคมีขนาดเกรนละเอียด ความแข็งแรงตํา

รข
4 : โครงสร ้างจุลภาคมีขนาดเกรนละเอียด ความแข็งแรงสูง

คําตอบทีถูกต ้อง : 4


ิ ว
ข ้อที 351 :
าวศ ื
ในงานโลหกรรมผง (Powder metallurgy) ขันตอนใดทีทําให ้ชนงานมี
ความแข็งแรงเพิมขึนอย่างมาก
สภ
1 : Mixing
2 : Pressing
3 : Sintering
4 : Machining

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 352 :
ข ้อใดคือลักษณะโครงสร ้างและสมบัตท
ิ พบได
ี ้ในพอลิเมอร์ชนิดเทอร์โมเซตติง (Thermosetting)
1 : โครงสร ้างแบบสายโซต ่ รง มีความแข็งสูง
2 : โครงสร ้างแบบโครงตาข่าย (Network) มีสภาพดึงยืดตํา
3 : โครงสร ้างแบบกิง ต ้านทานการกัดกร่อนได ้ดี
4 : โครงสร ้างแบบครอสลิงค์ (Crosslink) มีสภาพดึงยืดสูง

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 353 :

ในการผลิตเสนใยพอลิ
เมอร์มก ้
ั มีการดึงยืด (Stretching) หลังจากการผลิตเสนใยแล ้ว เพราะสาเหตุใดเป็ นหลัก
1 : เพิมความยาวของเสนใย ้
2 : เพิมเงางามของเสนใย ้
3 : ชว่ ยให ้ง่ายต่อการจัดเก็บเสนใย

4 : เพิมความแข็งแรงของเสนใย ้

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 354 :
เหตุใดเหล็กกล ้าไร ้สนิมจึงมีความต ้านทานการเกิดสนิมได ้ดี
1: ึ ว่ ยสร ้างชนฟิ
มีธาตุนเิ กิลผสมอยู่ ซงช ั ลม ิ
์ นิเกิลออกไซด์ป้องกันการเกิด Oxidation ทีผิวชนงานได ้ดี
2: มีธาตุโครเมียมผสมอยู่ ซงช ึ ว่ ยสร ้างชนฟิ
ั ลม ิ
์ โครเมียมออกไซด์ป้องกันการเกิด Oxidation ทีผิวชนงานได ้ดี
3: มีธาตุโครเมียมผสมอยู่ ซงช ึ ว่ ยสร ้างชนฟิ
ั ลม ิ
์ โครเมียมคาร์ไบด์ป้องกันการเกิด Oxidation ทีผิวชนงานได ้ดี
4: มีธาตุอะลูมเิ นียมผสมอยู่ ซงช ึ ว่ ยสร ้างชนฟิ
ั ลม ิ
์ อะลูมเิ นียมออกไซด์ป้องกันการเกิด Oxidation ทีผิวชนงานได ้
ดี
ธิ

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
สท

วน

ข ้อที 355 :
ข ้อใดเรียงลําดับโครงสร ้างเหล็กกล ้าทีมีความแข็งมากไปน ้อย
สง

1 : ซเี มนไทต์ > เพอร์ไลต์ > มาร์เทนไซต์


2 : มาร์เทนไซต์ > เพอร์ไลต์ > เบไนต์
ขอ

3 : เบไนต์ > เพอร์ไลต์ > เฟร์ไรต์

รข
4 : มาร์เทรไซต์ > เฟร์ไรต์ > ซเี มนไทต์

คําตอบทีถูกต ้อง : 3


ิ ว
ข ้อที 356 :
าวศ
ในการให ้ความร ้อนเพือขึนรูปผลิตภัณฑ์แก ้ว (Glass product) จําเป็ นต ้องพิจารณาสมบัตใิ ดเป็ นหลัก
สภ
1 : ความหนืด
2 : ความหนาแน่น
3 : ความใส
4 : ความแข็ง

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 357 :
ข ้อใดเรียงลําดับตัวกลางทีชว่ ยในการชุบแข็งเหล็กกล ้าจากน ้อยไปมากได ้ถูกต ้อง
1 : นํ า, อากาศ, เตา
2 : นํ ามัน, อากาศ, เตา
3 : เตา, นํ า, นํ ามัน
4 : อากาศ, นํ ามัน, นํ า

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 358 :
ข ้อใดไม่ใชส่ าเหตุของการขึนรูปหัวน ้อตหรือตะปู ด ้วยวิธก
ี ารอัดขึนรูปเย็น (Cold forging)
1 : เพิมความแข็ง
2 : เพิมความแข็งแรง
3 : เพิมความแข็งได ้ขนาดรูปร่างทีแม่นยํา
4 : เพิมสภาพดึงยืดได ้ดีขน

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 359 :
ี ความเป็ นผลึกมากขึน สง่ ผลต่อสมบัตโิ ดยทัวไปอย่างไร
โครงสร ้างพอลิเมอร์ทมี
1 : มีจด
ุ หลอมเหลวสูงขึน
2 : มีความแข็งแรงมากขึน
3 : มีความสามารถในการละลายดีขน

4 : มีความหนาแน่นมากขึน
ธิ

คําตอบทีถูกต ้อง : 3
สท

ข ้อที 360 :
วน

ข ้อใดเปรียบเทียบโครงสร ้างหรือสมบัตริ ะหว่างผลิตภัณฑ์แก ้ว (Glass product) และกลาสเซรามิก (Glass


ceramic) ไม่ถกู ต ้อง
สง

ั ฐาน กลาสเซรามิกมีโครงสร ้างผลึก


1 : ผลิตภัณฑ์แก ้วมีโครงสร ้างอสณ
2 : ผลิตภัณฑ์แก ้วมีลก
ั ษณะใส กลาสเซรามิกมีลกั ษณะขุน่ ทึบ
ขอ

3 : ผลิตภัณฑ์แก ้วมีความแข็งแรงสูง กลาสเซรามิกมีความแข็งแรงตํา

รข
4 : ผลิตภัณฑ์แก ้วนํ าความร ้อนได ้ตํา กลาสเซรามิกนํ าความร ้อนได ้สูง

คําตอบทีถูกต ้อง : 3


ิ ว
าวศ
ข ้อที 361 :
ในการเตรียมผลิตภัณฑ์เซรามิกดิน (Clay product) มักจะคัดแยกขนาดอนุภาคของดินแล ้วนํ ามาผสมกันใน
อัตราสว่ นต่างๆ เพราะสาเหตุใด
สภ
1 : ลดราคาต ้นทุน
2 : ลดปริมาณรูพรุน
3 : ลดปริมาณนํ าทีต ้องใช ้
4 : ลดความแข็งเปราะ

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 362 :
ขันตอนใดต่อไปนีไม่สามารถชว่ ยเพิมความแข็งแรงให ้กับผลิตภัณฑ์เทอร์โมพลาสติก
1 : ้
การใชความเครียดเหนียวนํ าให ้เกิดโครงสร ้างผลึก
2 : การเพิมความยาวเฉลียของสายโซโ่ มเลกุล
3 : การผสมสารเติมแต่ง (Filler)
4 : การหลอมผนึก (Sintering) ของสายโซโ่ มเลกุล

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 363 :
ั พันธ์ระหว่างกระบวนการและโครงสร ้างได ้ถูกต ้อง
ข ้อใดแสดงความสม
1 : การสงั เคราะห์พอลิเมอร์แบบเติม (Addition polymerization) ทําให ้เกิดพอลิเมอร์แบบโครงร่างตาข่าย

2 : การหลอมผนึก (Sintering) ในเซรามิกทําให ้โครงสร ้างอนุภาคดินเชอมติ ดกันโดยมีรพ
ู รุนเพิมมากขึน
3 : การรีดร ้อนแผ่นโลหะทําให ้โครงสร ้างจุลภาคมีเกรนละเอียด
4 : การชุบแข็งแบบตกตะกอนในโลหะผสม ต ้องทําให ้โครงสร ้างของแข็งเกิดการละลายอย่างยิงยวด (Super
saturated solid solution) ก่อนทําให ้เกิดการตกตะกอน

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 364 :
กระบวนการใดต่อไปนีไม่สามารถชว่ ยเพิมความแข็งแรงให ้กับชนงานโลหะได
ิ ้
1 : การทําคาร์บไู รซงิ (Carburizing)
2 : การทําสเฟี ยร์รอยไดซงิ (Spheroidizing)
3 : การรีดเย็น
ธิ

4 : การอัดขึนรูป
สท

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

วน

ข ้อที 365 :
สง

หากมีการเพิมปริมาณธาตุคาร์บอนให ้กับเหล็กกล ้า จะมีผลต่อโครงสร ้างและสมบัตอ


ิ ย่างไร
1 : เกิดปริมาณเฟสเฟร์ไรต์มากขึน มีความแข็งเพิมขึน
ขอ

2 : เกิดปริมาณเฟสเฟร์ไรต์มากขึน มีความแข็งลดลง

รข
3 : เกิดปริมาณเฟสซเี มนไทต์มากขึน มีความแข็งเพิมขึน
4 : เกิดปริมาณเฟสซเี มนไทต์มากขึน มีความแข็งลดลง


คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ิ ว
ข ้อที 366 : าวศ
เหตุใดการผลิตดอกสว่านแบบหัวเพชรจึงออกแบบให ้ผลิตเป็ นผลึกเพชรเคลือบบนแกนโลหะ แทนทีการออกแบบ
สภ
เป็ นดอกสว่านเพชรทังแท่ง
1 : เพิมความเหนียวให ้กับดอกสว่าน
2 : เพิมความแข็งให ้กับดอกสว่าน
3 : เพิมความทนต่อความร ้อนให ้กับดอกสว่าน
4 : เพิมความต ้านทานการกัดกร่อนให ้กับดอกสว่าน

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 367 :
ข ้อใดกล่าวถูกต ้องเกียวกับวัสดุกลุม
่ อิลาสโตเมอร์ (Elastomer)
1 : ไม่สามารถนํ ามารีไซเคิล (Recycle) ได ้เลย
2 : มีโครงสร ้างชนิด Crosslink
3 : มักจะขึนรูปด ้วยวิธก
ี ารขึนรูปด ้วยความร ้อน (Thermoforming)
4 : อุณหภูมกิ ารเปลียนสภาพเป็ นแก ้วมีคา่ สูงกว่าอุณหภูมห
ิ ้อง

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 368 :
ข ้อใดจับคูผ
่ ลิตภัณฑ์กบ
ั กระบวนการผลิตทีเหมาะสมได ้ไม่ถก
ู ต ้อง
1 : ท่อประปา ผลิตด ้วยกระบวนการ Extrusion
2 : ั ท์ ผลิตด ้วยกระบวนการ Injection molding
แป้ นกดโทรศพ
3 : ยางแผ่นปูพน
ื ผลิตด ้วยกระบวนการ Compression molding
4 : ขวดแกลลอน ผลิตด ้วยกระบวนการ Thermoforming

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 369 :
้ สทีใชปกคลุ
จุดประสงค์หลักในการใชแก๊ ้ ื
ม (Shielding gas) จําพวก Ar, He หรือ CO2 ในการเชอมด ้วยไฟฟ้ า คือข ้อ
ใด
1 : ชว่ ยให ้โครงสร ้างจุลภาคบริเวณรอยเชอมมี
ื เกรนละเอียด
2 : ชว่ ยในการหลอมละลายระหว่างลวดเชอมกั ื ิ
บชนงาน
ธิ

3 : ป้ องกันออกซเิ จนทําปฏิกริ ย
ิ ากับรอยเชอม ื
สท

4 : ไม่ทําให ้เกิดสารมลทิน (Slag) ในแนวเชอม ื


คําตอบทีถูกต ้อง : 3
วน
สง

ข ้อที 370 :
ในการพิจารณาเลือกวัสดุสําหรับทดแทนชนส
ิ ว่ นชวี ภาพ ควรคํานึงถึงปั จจัยใดเป็ นอันดับแรก
ขอ

1 : ความแข็งแรง

รข
2 : ความทนทานต่อสารเคมี
3 : ความเหนียว
4 : ความเข ้ากันได ้กับชวี ภาพ


ิ ว
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 371 :
าวศ
สภ
ข ้อใดต่อไปนีกล่าวถูกต ้อง
1 : กระบวนการคาร์บไู รซงิ (Carburizing) ใชเพิ
้ มความต ้านทานการกัดกร่อนให ้กับเหล็กกล ้า
2 : กระบวนการ Condensation polymerization ใชส้ งั เคราะห์พอลิเมอร์ ซงเกิึ ดผลิตภัณฑ์ข ้างเคียง
(Byproduct) เสมอ
3 : กระบวนการอบ (Drying) ผลิตภัณฑ์เซรามิกดิน (Clay product) ใชไล่ ้ ความชนหลั
ื งจากกระบวนการหลอม
ผนึก (Sintering)

4 : กระบวนการ Tempering ใชลดความเค ้นตกค ้างในผลิตภัณฑ์แก ้ว (Glass product)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 372 :
ข ้อใดกล่าวไม่เหมาะสมเกียวกับการเลือกใชวั้ สดุประกอบ
1 : เฟสเนือพืนโลหะมีความเหนียวสูง เฟสเสริมแรงเซรามิกชว่ ยเพิมความแข็ง
2 : ี ํ าหนักเบา เฟสเสริมแรงโลหะชว่ ยเพิมความแข็งแรง
เฟสเนือพืนพอลิเมอร์มน
3 : เฟสเนือพืนเซรามิกทนการกัดกร่อนดี เฟสเสริมแรงเซรามิกชว่ ยเพิมความแข็งทีอุณหภูมส
ิ งู
4 : เฟสเนือพืนโลหะทนความร ้อนได ้ดี เฟสเสริมแรงพอลิเมอร์ชว่ ยเพิมความแข็ง

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 373 :
ข ้อใดต่อไปนีกล่าวไม่ถก
ู ต ้องเกียวกับโครงสร ้างและสมบัตข
ิ องพอลิเมอร์
1 : โครงสร ้างแบบโครงตาข่าย (Network) มีความยืดหยุน ่ รง
่ สูงกว่าโครงสร ้างแบบสายโซต
2 : ่
โครงสร ้างแบบสายโซตรงสามารถขึนรูปใหม่ได ้เมือให ้ความร ้อน
3 : โครงสร ้างแบบกิงมีจด
ุ หลอมเหลวตํากว่าแบบสายโซต ่ รง
4 : โครงสร ้างแบบสายโซต ่ รงมีความหนาแน่นมากกว่าแบบกิง

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 374 :
ข ้อใดต่อไปนีกล่าวไม่ถก
ู ต ้อง
1 : กระบวนการ Polymerization ในพอลิเมอร์ ทําให ้เกิดการเชอมต่ ื อของสายโซโ่ มเลกุล
ธิ

2 : กระบวนการ Sintering ในงานโลหกรรมผง เป็ นการหลอมผนึกอนุภาคทําให ้เกิดความแข็งแรง


3 : ิ า Hydration ทําให ้ซเี มนต์เกิดการแข็งตัว
ปฎิกริ ย
สท

4 : ปฎิกริ ยิ า Vitrification เกิดขึนในกระบวนการหลอมแก ้ว ทําให ้มีรพ


ู รุนสูง

วน

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
สง

ข ้อที 375 :
ขอ

ข ้อใดกล่าวถูกต ้องเกียวผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์

รข
1 : โครงสร ้างทีมีความยาวสายโซส ่ งู จะมีความแข็งแรงตํา
2 : โครงสร ้างทีมีความหนาแน่นสูงจะมีความเหนียวสูง


3 : โครงสร ้างทีมีความเป็ นผลึกสูงจะป้ องกันการซม ึ ผ่านของก๊าซได ้ดี
4 : โครงสร ้างแบบโครงร่างตาข่ายจะเกิดการะลายได ้ดี

ิ ว
าวศ
คําตอบทีถูกต ้อง : 3
สภ
ข ้อที 376 :
กระบวนการทางความร ้อนอาจสง่ ผลให ้เหล็กกล ้าไร ้สนิมมีความเปราะและเสยงต่
ี อการแตกตามรอยขอบเกรนมากขึน
เพราะเหตุใด
1 : ิ
อาจทําให ้เกิดการแพร่ของโครเมียมออกไปจากชนงานมากขึน
2 : อาจทําให ้เกิดสารประกอบโครเมียมคลอไรด์ทขอบเกรนมากขึ
ี น
3 : อาจทําให ้เกิดสารประกอบโครเมียมคาร์ไบด์ทขอบเกรนมากขึ
ี น
4 : อาจทําให ้เกิดสารประกอบโครเมียมออกไซด์ทขอบเกรนมากขึ
ี น

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 377 :
ข ้อใดต่อไปนีเปรียบเทียบข ้อมูลระหว่างเหล็กกล ้าเกรด AISI 1010 และ AISI 304 ได ้ถูกต ้อง
1 : เหล็กกล ้าเกรด AIS 1010 ต ้านทานการกัดกร่อนได ้ดีกว่า เกรด AISI 304
2 : เหล็กกล ้าเกรด AIS 1010 มีปริมาณธาตุนเิ กิลมากกว่า เกรด AISI 304
3 : เหล็กกล ้าเกรด AIS 1010 มีโครงสร ้างผลึกเป็ นแบบ BCC แต่เกรด AISI 304 เป็ นแบบ FCC
4 : เหล็กกล ้าเกรด AIS 1010 มีราคาสูงกว่าเกรด AISI 304

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 378 :
ข ้อใดคือลักษณะโครงสร ้างผลึกและสมบัตเิ ด่นของวัสดุเพียโซอิเล็กทริก (Piezoelectric material)
1 : ั ฐาน สามารถเปลียนแรงทางกลเป็ นแม่เหล็กได ้
โครงสร ้างอสณ
2 : โครงสร ้างผลึกแบบสมมาตร สามารถเปลียนแรงทางกลเป็ นความร ้อนได ้
3 : โครงสร ้างผลึกแบบสมมาตร สามารถเปลียนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นความร ้อนได ้
4 : โครงสร ้างผลึกแบบไม่สมมาตร สามารถเปลียนแรงทางกลเป็ นไฟฟ้ าได ้

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 379 :
กระบวนการประกอบแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส ์ นิยมหลอมโลหะบัดกรี เชน ่ ตะกัว-ดีบก ื
ุ ของตัววงจรรวมเชอมติดกับ

ทองแดงบนแผ่นวงจร ทําให ้เกิดชนสารประกอบเช งิ โลหะ (Intermetallic compound) ชนิด ทองแดง-ดีบกุ ระหว่าง
ธิ

กลาง ซงช ึ นสารประกอบเช


ั งิ โลหะนีมีข ้อดีและข ้อเสย ี อย่างไร
สท

1 : ชว่ ยให ้ตัววงจรยึดเกาะกับแผงวงจร และนํ าไฟฟ้ าได ้ดีขนึ


2 : ชว่ ยเพิมการนํ าไฟฟ้ าได ้ดีขน
ึ แต่มรี อยต่อความเปราะสูง

3 : ชว่ ยให ้ตัววงจรยึดเกาะกับแผงวงจร แต่ลดสภาพการนํ าไฟฟ้ า


วน

4 : ชว่ ยเพิมการนํ าไฟฟ้ า และทนความร ้อนได ้ดีขน ึ

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
สง
ขอ

ข ้อที 380 :

รข
การเหนียวนํ าให ้เกิดโครงสร ้างผลึกด ้วยความเครียด (Strain-induced crystallization) ในระหว่างกระบวนการเป่ า
ขึนรูป (Blow molding) ขวดพลาสติก สง่ ผลต่อผลิตภัณฑ์ทได ี ้อย่างไร


1 : มีความแข็งแรงและความใสมากขึน

ิ ว
2 : มีสภาพดึงยืดและความขุน
่ มากขึน

าวศ
3 : มีความแข็งและความสามารถในการละลายลดลง
4 : มีสภาพดึงยืดและความแข็งลดลง

คําตอบทีถูกต ้อง : 1
สภ

เนือหาวิชา : 248 : 11 Methods and tools for structure investigation

ข ้อที 381 :

ถ ้าต ้องการวิเคราะห์โครงสร ้างจุลภาคของชนงานโลหะด ้วยกล ้องจุลทรรศน์แบบแสง (Optical microscope) ควร

เตรียมชนงานอย่ างไร
1 : ิ
ขัดผิวชนงานให ้เรียบ
2 : ิ
ขัดผิวชนงานให ิ
้เรียบและกัดผิวชนงานด ้วยกรด
3 : ิ
ขัดผิวจนชนงานมี ความบางมาก ๆ
4 : ไม่ต ้องเตรียมผิวชนงานิ

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 382 :
ถ ้าต ้องการวิเคราะห์ลก ี ารหล่อ ควรเลือกใช ้
ั ษณะทางโครงสร ้างจุลภาคของห ้องเครืองยนต์ดเี ซลทีผ่านกรรมวิธก
เครืองมือใด
1 : มาตรวัดการเลียวเบนของรังสเี อกซ ์ (X-ray diffractometer)
2 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบสอ ่ งผ่าน (Transmission electron microscope)
3 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบกราดวิเคราะห์ (Scanning electron microscope)
4 : กล ้องถ่ายรูปดิจต
ิ อล (Digital camera)

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 383 :
ถ ้าต ้องการตรวจสอบการยึดติดของผลิตภัณฑ์วงจรรวม (Integrated circuit) บนแผงวงจรรวม (Printed circuit
้ องมือใด
board) ด ้วยการยึดพืนผิว (Surface mount) ควรเลือกใชเครื
1 : กล ้องถ่ายรูปดิจต
ิ อล (Digital camera)
2 : กล ้องจุลทรรศน์แบบแสง (Optical microscope)
3 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบสอ ่ งผ่าน (Transmission electron microscope)
4 : มาตรวัดการเลียวเบนของรังสเี อ็กซ ์ (X-ray diffractometer)
ธิ

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
สท

ข ้อที 384 :
วน


ถ ้าต ้องการวิเคราะห์การกระจายตัวของเฟสทีเกิดขึนจากกระบวนการเชอมยึ ดติดของผลิตภัณฑ์วงจรรวม
้ องมือใด
(Integrated circuit) บนแผงวงจรรวม (Printed circuit board) ควรเลือกใชเครื
สง

1 : มาตรวัดการเลียวเบนของรังสเี อกซ ์ (X-ray diffractometer)


2 : กล ้องจุลทรรศน์แบบแสง (Optical microscope)
ขอ

3 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบกราดวิเคราะห์ (Scanning electron microscope)

รข
่ งผ่าน (Transmission electron microscope)
4 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบสอ

คําตอบทีถูกต ้อง : 3


ิ ว
าวศ
ข ้อที 385 :
้ องมือใด
ถ ้าต ้องการวิเคราะห์โครงสร ้างผลึกของวัสดุ ควรเลือกใชเครื
มาตรวัดการเลียวเบนของรังสเี อกซ ์ (X-ray diffractometer)
สภ
1 :
2 : กล ้องจุลทรรศน์แบบแสง (Optical microscope)
3 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบกราดวิเคราะห์ (Scanning electron microscope)
4 : กล ้องถ่ายรูปดิจต
ิ อล (Digital camera)

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 386 :
ถ ้าต ้องการวิเคราะห์ทศ ิ ก
ิ ทางการเรียงตัวของอะตอมในแว่นผลึกซล ้ องมือใด
ิ อน (Silicon wafer) ควรเลือกใชเครื
1 : กล ้องจุลทรรศน์แบบแสง (Optical microscope)
2 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบกราดวิเคราะห์ (Scanning electron microscope)
3 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบสอ ่ งผ่าน (Transmission electron microscope)
4 : กล ้องถ่ายรูปดิจต
ิ อล (Digital camera)

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 387 :
้ องมือใด
ถ ้าต ้องการบันทึกภาพของท่อนํ าทีเกิดการผุกร่อน ควรเลือกใชเครื
1 : กล ้องถ่ายรูปดิจต
ิ อล (Digital camera)
2 : กล ้องจุลทรรศน์แบบแสง (Optical microscope)
3 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบกราดวิเคราะห์ (Scanning electron microscope)
4 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบสง่ ผ่าน (Transmission electron microscope)

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 388 :
ถ ้าต ้องการวิเคราะห์รป ้ องมือใด
ู ร่างของผลึกนาโนคาร์บอนทีผลิตได ้ ควรเลือกใชเครื
1 : มาตรวัดการเลียวเบนของรังสเี อกซ ์ (X-ray diffractometer)
2 : กล ้องจุลทรรศน์แบบแสง (Optical microscope)
3 : เครืองวัดการเรืองแสงของรังสเี อกซ ์ (X-ray fluorescence spectroscope)
4 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบสอ ่ งผ่าน (Transmission electron microscope)
ธิ

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
สท

วน

ข ้อที 389 :
้ องมือใด
ถ ้าต ้องการวิเคราะห์โครงสร ้างจุลภาคของก ้อนโลหะด ้วยกําลังขยายขนาด 5,000 เท่า ควรเลือกใชเครื
สง

1 : Optical microscope
2 : Optical spectroscope
ขอ

3 : Scanning electron microscope

รข
4 : Scanning tunneling electron microscope

คําตอบทีถูกต ้อง : 3


ิ ว
ข ้อที 390 :
ข ้อใดไม่ใชสาวศ
่ งที
ิ กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบกราดวิเคราะห์ (Scanning electron microscope) สามารถให ้ผล
การวิเคราะห์ได ้
สภ
1 : การกระจายตัวของเฟส
2 : ลักษณะพืนผิวทีแตกหัก
3 : ิ
โครงสร ้างผลึกของเฟสต่างๆ ในชนงาน
4 : ิ
รูปร่างของเฟสต่างๆ ในชนงาน

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 391 :
้ องมือใด
ถ ้าต ้องการวิเคราะห์โครงสร ้างการจัดเรียงตัวของอะตอมต่างๆ ควรเลือกใชเครื
1 : มาตรวัดการเลียวเบนของรังสเี อกซ ์ (X-ray diffractometer)
2 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบกราดวิเคราะห์ (Scanning electron microscope)
3 : กล ้องจุลทรรศน์แบบแสง (Optical microscope)
4 : กล ้องถ่ายรูปดิจต
ิ อล (Digital camera)

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 392 :
ึ ษาโครงสร ้างผลึกด ้วยเทคนิคการเลียวเบนของรังสเี อ็กซ ์
กฏในข ้อใดต่อไปนีทีจําเป็ นต่อการศก
1 : Pauli exclusion principle
2 : Bragg’s law
3 : Hund’s rule
4 : Lever rule

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 393 :
เครืองมือใดต่อไปนีสามารถใชถ่้ ายภาพโครงสร ้างจุลภาคได ้กําลังขยายทีสูงทีสุด
1 : มาตรวัดการเลียวเบนของรังสเี อกซ ์ (X-ray diffractometer)
2 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบกราดวิเคราะห์ (Scanning electron microscope)
3 : กล ้องจุลทรรศน์แบบแสง (Optical microscope)
4 : กล ้องถ่ายรูปดิจต
ิ อล (Digital camera)
ธิ

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
สท

วน

ข ้อที 394 :
เครืองมือใดต่อไปนีสามารถใชถ่้ ายภาพอนุภาคขนาด 30 นาโนเมตร ได ้ชด
ั เจนทีสุด
สง

1 : มาตรวัดการเลียวเบนของรังสเี อกซ ์ (X-ray diffractometer)


่ งผ่าน (Transmission electron microscope)
2 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบสอ
ขอ

3 : กล ้องจุลทรรศน์แบบแสง (Optical microscope)

รข
4 : กล ้องถ่ายรูปดิจต
ิ อล (Digital camera)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2


ิ ว
ข ้อที 395 :
าวศ
เครืองมือใดสามารถใชวิ้ เคราะห์วส
ั ดุได ้ทังโครงสร ้างจุลภาคและโครงสร ้างผลึก
สภ
1 : กล ้องถ่ายรูปดิจต
ิ อล (Digital camera)
2 : กล ้องจุลทรรศน์แบบแสง (Optical microscope)
3 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบสอ ่ งผ่าน (Transmission electron microscope)
4 : มาตรวัดการเลียวเบนของรังสเี อกซ ์ (X-ray diffractometer)

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 396 :
ในการเปรียบเทียบโครงสร ้างจุลภาคระหว่างแผ่นเหล็กกล ้าทีผ่านกระบวนการรีดร ้อนและทีผ่านกระบวนการรีดเย็น
้ องมือใด
ควรเลือกใชเครื
1 : มาตรวัดการเลียวเบนของรังสเี อกซ ์ (X-ray diffractometer)
2 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบสอ ่ งผ่าน (Transmission electron microscope)
3 : กล ้องจุลทรรศน์แบบแสง (Optical microscope)
4 : กล ้องถ่ายรูปดิจต
ิ อล (Digital camera)

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

เนือหาวิชา : 249 : 12 Metals processing

ข ้อที 397 :

ในการดึงเหล็กให ้เป็ นเสนลวด ้ งในชว่ งใด
ต ้องใชแรงดึ
1 : ไม่เกินความต ้านแรงคราก (Yield strength)
2 : ไม่เกินความต ้านแรงดึง (Tensile strength)
3 : มากกว่าความต ้านแรงคราก (Yield strength) แต่ไม่เกินความต ้านแรงดึง (Tensile strength)
4 : มากกว่าความต ้านแรงดึง (Tensile strength) แต่ไม่ถงึ จุดแตกหัก (Fracture point)

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 398 :

ในการตัดชนงานต ้องเลือกมีดตัดอย่างไร
1 : ิ
มีดตัดต ้องมีความแข็งมากกว่าชนงาน
2 : ิ
มีดตัดต ้องมีความแข็งแรงมากกว่าชนงาน
ธิ

3 : ิ
มีดตัดต ้องมีความเหนียวมากกว่าชนงาน
สท

4 : มีดตัดทนความร ้อนได ้ดี


คําตอบทีถูกต ้อง : 1
วน
สง

ข ้อที 399 :
ข ้อใดคือข ้อดีของการขึนรูปด ้วยการหล่อแบบหล่อทราย (Sand casting)
ขอ

1 : ผลิตได ้เร็ว คราวละมาก ๆ

รข
2 : ต ้นทุนแบบหล่อตํา
3 : ิ
ชนงานมี ผวิ เรียบ ไม่ต ้องตกแต่งเพิม
4 : ิ
ขนาดชนงานมี ความแม่นยําสูง


ิ ว
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 400 :
าวศ
สภ
การขึนรูปเย็น (Cold working) หมายถึง การขึนรูปด ้วยแรงทางกล ณ อุณหภูมใิ ด
1 : อุณหภูมต
ิ ํากว่าอุณหภูมห ิ ้อง
2 : อุณหภูมติ ํากว่าอุณหภูมก ิ ารเกิดผลึก (Crystallization temperature)
3 : อุณหภูมต ิ ํากว่าอุณหภูมก ิ ารตกผลึกใหม่ (Recrystallization temperature)
4 : อุณหภูมต ิ ํากว่าอุณหภูมก ิ ารเปลียนสภาพจากเปราะเป็ นดึงยืดได ้ (Ductile-brittle transition temperature)

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 401 :
กรรมวิธก ิ
ี ารทางความร ้อนใด คือ การเผาชนงานที ื
ขึนรูปด ้วยผงโลหะ เพือให ้ผงโลหะเชอมติ
ดกัน
1 : การอบอ่อน (Annealing)
2 : การอบปกติ (Normalizing)
3 : การอบคืนตัว (Tempering)
4 : การอบซนิ เตอร์ (Sintering)

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 402 :
กรรมวิธก ี ารขึนรูปโลหะใดต่อไปนีทีก่อให ้เกิดการสูญเปล่าของวัตถุดบ
ิ น ้อยทีสุด
1 : การหล่อด ้วยแม่พมิ พ์ทราย (Sand casting)
2 : การหล่อแบบใชแม่้ แบบ (Die casting)
3 : การขึนรูปโลหะผง (Powder Metallurgy)
4 : การตกแต่ง (Machining)

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 403 :
ในการขึนรูปเย็น (Cold working) ข ้อใดต่อไปนีถูกต ้องทีสุด
1 : ิ
ควบคุมขนาดของชนงานให ้เทียงตรงได ้ยาก
2 : เกิดออกไซด์ทผิ ิ
ี วชนงาน
3 : ิ
ชนงานมี ความแข็ง (Hardness) มากขึน
ธิ

4 : เกิดการตกผลึกใหม่ (Recrystallization)
สท

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

วน

ข ้อที 404 :
สง

ข ้อใดคือข ้อดีของการขึนรูปร ้อน (Hot working) ของโลหะ



1 : สามารถลดขนาดชนงานได ้คราวละมาก ๆ
ขอ


2 : สามารถควบคุมขนาดของชนงานได ้ง่าย

รข

3 : ชนงานมีความแข็งเพิมมากขึน

4 : ผิวชนงานเรี
ยบ เงางาม


คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ิ ว
ข ้อที 405 :าวศ
ข ้อใดคือข ้อด ้อยของการขึนรูปร ้อน (Hot working) ของโลหะ
สภ
1 : ิ
ควบคุมขนาดของชนงานให ้เทียงตรงได ้ยาก
2 : ิ
ชนงานมีความเปราะมากขึน
3 : ิ
เกิดความเค ้นตกค ้างภายในเนือชนงานมากขึ น
4 : ิ
ชนงานมีสภาพดึงยืด (Ductility) ลดลง

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 406 :
ข ้อใดคือข ้อดีของการขึนรูปเย็น (Cold working) ของโลหะ
1 : ิ
ได ้ผิวชนงานเรี
ยบเป็ นมัน สะอาด
2 : ิ
ชนงานมี ความแข็งเพิมมากขึน
3 : สามารถควบคุมขนาดของชนงานไดิ ้ง่าย
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 407 :
กรรมวิธก ี ารผลิตใดต่อไปนีสามารถผลิตหัวค ้อนได ้แข็งแรงทีสุด
1 : การหล่อขึนรูป (Casting)
2 : การทุบขึนรูป (Forging)
3 : การตกแต่งขึนรูป (Machining)
4 : การอัดรีด (Extrusion)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 408 :
ในการหล่อชนส ิ ว่ นอะลูมเิ นียมผสม ธาตุผสมชนิดใดทีทําให ้จุดหลอมเหลวของอะลูมเิ นียมตําลงมากทีสุด
1 : ทองแดง
2 : ซลิ ค
ิ อน
3 : นิเกิล
4 : แมงกานีส
ธิ

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
สท

วน

ข ้อที 409 :
ิ ว่ นงานหล่ออะลูมเิ นียมเป็ นจํานวนมาก ควรเลือกใชกรรมวิ
ถ ้าต ้องการผลิตชนส ้ ธกี ารหล่อชนิดใดต่อไปนี
สง

1 : การหล่อด ้วยแม่พม
ิ พ์ทราย (Sand Casting)
2 : การหล่อจากแบบพอกหุน ่ (Investment casting)
ขอ

้ แบบ (Die casting)
3 : การหล่อแบบใชแม่

รข
4 : การหล่อแบบต่อเนือง (Continuous casting)

คําตอบทีถูกต ้อง : 3


ิ ว
ชนงานโลหะทีาวศ
ข ้อที 410 :
ิ ผ่านการขึนรูปด ้วยกรรมวิธก
ี ารรีดเย็น (Cold rolling) จะมีลก
ั ษณะใด
สภ
1 : ผิวเรียบ ความแข็งแรงลดลง
2 : ผิวเรียบ ความแข็งแรงเพิมขึน
3 : ผิวหยาบ ความแข็งแรงลดลง
4 : ผิวหยาบ ความแข็งแรงเพิมขึน

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 411 :

การหล่อชนงานเครื ้
องประดับ นิยมใชการหล่
อแบบใด
1 : การหล่อด ้วยแม่พมิ พ์ทราย (Sand casting)
2 : การหล่อจากแบบพอกหุน ่ (Investment casting)
3 : การหล่อแบบใชแม่้ แบบ (Die casting)
4 : การหล่อแบบต่อเนือง (Continuous casting)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 412 :

ประแจ (Wrench) ทีสามารถใชงานได ้ทนทาน เป็ นผลิตภัณฑ์ทมั
ี กจะได ้จากการขึนรูปด ้วยกรรมวิธใี ดต่อไปนี
1 : การรีด (Rolling)
2 : การทุบขึนรูป (Forging)
3 : การหล่อ (Casting)
4 : การอัดรีด (Extrusion)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 413 :
ลวดสําหรับใชทํ
้ าตะปู เป็ นผลิตภัณฑ์ทมั
ี กจะได ้จากกรรมวิธก
ี ารขึนรูปใดต่อไปนี
1 : การรีดร ้อน (Hot rolling)
2 : การอัดรีด (Extrusion)
3 : การดึงรีด (Drawing)
4 : การรีดเย็น (Cold rolling)
ธิ

คําตอบทีถูกต ้อง : 3
สท

ข ้อที 414 :
วน

มีดกลึงทีมีความเหนียว (Toughness) มาก จะมีผลต่อการกลึงอย่างไร



1 : สามารถใชความเร็ วสูงได ้
สง


2 : สามารถกินลึกชนงานได ้คราวละมาก ๆ

3 : กลึงได ้ชนงานผิ
วเรียบ
ขอ

ึ ดี
4 : มีดกลึงทนต่อการสก

รข
คําตอบทีถูกต ้อง : 2


ิ ว
าวศ
ข ้อที 415 :

ถ ้าต ้องการตัดแต่งชนงานให ้
้เป็ นร่องรูปตัว L ดังรูปข ้างล่างนี ควรเลือกใชกรรมวิ
ธกี ารใด
สภ

1 : การกลึง (Turning)
2 : การกัด (Milling)
3 : การไส (Shaping)
4 : การเจาะ (Drilling)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 416 :

ในการแล่นประสาน (Brazing) เพือทําให ้แผ่นเหล็กสองแผ่นเชอมติ ้
ดกัน ควรเลือกใชลวดเช ื
อมชนิ
ดใดต่อไปนี
1 : เหล็กกล ้า
2 : อะลูมเิ นียม
3 : ทองแดง
4 : ทองเหลือง

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 417 :
รูขนึ (Riser) ในงานหล่อมีไว ้เพืออะไร
1 : เพือให ้นํ าโลหะล ้นออกมานอกแบบ
2 : เพือให ้นํ าโลหะในสว่ นรูขน ิ ว่ นงานหล่อขณะแข็งตัว
ึ (Riser) เติมเต็มในชนส
3 : เพือให ้มีการหดตัวหลังการเย็นตัวของงานหล่อ
4 : เพือเพิมนํ าหนักในการกดทับแบบงานหล่อ

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 418 :
ธิ

ปากแม่แบบ (Gate) ในงานหล่อมีไว ้เพืออะไร


สท

1 : เป็ นชอ่ งสําหรับนํ าโลหะวิงเข ้าแม่แบบ


2 : เป็ นชอ ่ งสําหรับเทนํ าโลหะ

3 : เป็ นชอ ่ งวิงของรูขน


ึ (Riser)
วน

4 : เป็ นรูไอของแบบหล่อทราย

คําตอบทีถูกต ้อง : 1
สง
ขอ

ข ้อที 419 :

รข
วัสดุในข ้อใดต่อไปนีมีความแข็ง (Hardness) สูงทีสุด
1 : เหล็กกล ้าความเร็วรอบสูง (High speed steel)


2 : เหล็กกล ้าคาร์บอนสูง (High carbon steel)

ิ ว
3 : อะลูมน
ิ า (Alumina)
4 : Cubic boron nitride

าวศ
คําตอบทีถูกต ้อง : 4
สภ

ข ้อที 420 :
วัสดุในข ้อใดต่อไปนีมีความเหนียว (Toughness) สูงทีสุด
1 : เหล็กกล ้าคาร์บอนสูง (High carbon steel)
2 : เหล็กกล ้าความเร็วรอบสูง (High speed steel)
3 : อะลูมน
ิ า (Alumina)
4 : Cubic boron nitride

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 421 :
เหล็กกล ้าชนิดใดต่อไปนีตัดแต่งได ้ยากทีสุด
1 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมเฟร์ไรต์ (Ferritic stainless steel)
2 : เหล็กกล ้าคาร์บอนตํา (Low carbon steel)
3 : เหล็กกล ้าผสม (Alloy steel)
4 : เหล็กกล ้าเครืองมือ (Tool steel)

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 422 :
ี ารรีดร ้อน (Hot rolling) ควรเลือกใชลู้ กรีดแบบใด
ในการรีด Slab เพือให ้ได ้เหล็กแผ่น (Sheet metal) ด ้วยกรรมวิธก
และความเร็วรอบอย่างไร เพือลดขนาดอย่างรวดเร็ว
1 : ควรใชลู้ กรีดขนาดใหญ่ ผิวหยาบ และความเร็วสูง
2 : ควรใชลู้ กรีดขนาดใหญ่ ผิวหยาบ และความเร็วรอบตํา
3 : ควรใชลู้ กรีดขนาดใหญ่ ผิวละเอียด และความเร็วรอบสูง
4 : ควรใชลู้ กรีดขนาดใหญ่ ผิวละเอียด และความเร็วรอบตํา

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 423 :
ในการขึนรูปร ้อน (Hot working) ของโลหะ ควรใชอุ้ ณหภูมท
ิ มากกว่
ี าค่าใด
ธิ

1 : อุณหภูมต
ิ กผลึก (Recrystallization Temperature)
สท

2 : อุณหภูมยิ เู ทกทอยด์ (Eutectoid Temperature)


3 : อุณหภูมย ิ เู ทกติก (Eutectic Temperature)


4 : อุณหภูมจ ิ ด
ุ หลอมเหลว (Melting Temperature)
วน

คําตอบทีถูกต ้อง : 1
สง
ขอ

รข
ข ้อที 424 :
Anodizing คืออะไร


1 : การชุบผิวเหล็กให ้สวยงาม
2 : การชุบแข็งนิเกิล

ิ ว
3 : การชุบแข็งผิวอะลูมเิ นียม

าวศ
4 : การทําอะลูมเิ นียมให ้อ่อน

คําตอบทีถูกต ้อง : 3
สภ

ข ้อที 425 :
โลหะในข ้อใดต่อไปนีสามารถหล่อได ้ง่ายทีสุด
1 : เหล็กหล่อเทา (Gray cast iron)
2 : เหล็กหล่อขาว (White cast iron)
3 : เหล็กหล่อเหนียว (Ductile cast iron)
4 : เหล็กหล่ออบเหนียว (Malleable cast iron)

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 426 :
กระบวนการในข ้อใดต่อไปนีสามารถชุบแข็งผิวเหล็กทีให ้ความแข็งสูงทีสุด
1 : คาร์บไู รซงิ (Carburizing)
2 : ไนไตร์ดงิ (Nitriding)
3 : ้
ใชกระแสเหนี ยวนํ า (Induction hardening)
4 : ้
ใชเปลวเพลิ ง (Flame hardening)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 427 :

การลดปั ญหาการแตกร ้าวในการเชอมเหล็ กกล ้าผสมตําสามารถทําได ้โดยวิธใี ดต่อไปนี
1 : ิ
ให ้ความร ้อนชนงานก่ ื
อนเชอม
2 : ิ
อบชนงานหลั ื
งการเชอม
3 : ใชก๊้ าซเฉือยคลุมขณะเชอม ื
4 : ื
เชอมโดยใช กํ้ าลังไฟฟ้ าตํา

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 428 :
กระบวนการผลิตในข ้อใดต่อไปนีทีเหมาะทีสุดในการผลิตใบพัดของเครืองกังหันก๊าซ (Gas turbine blades)
ธิ

1 : การหล่อด ้วยแม่พมิ พ์ทราย (Sand casting)


สท

2 : การหล่อแบบใชแม่้ แบบ (Die casting)


3 : การหล่อจากแบบพอกหุน ่ (Investment casting)

4 : การทุบขึนรูป (Forging)
วน

คําตอบทีถูกต ้อง : 3
สง
ขอ

รข
ข ้อที 429 :
กรรมวิธใี ดต่อไปนีสามารถผลิตแผ่นเหล็กกล ้าทีมีขนาดเทียงตรงตามทีต ้องการได ้ดีทสุ
ี ด


1 : การรีดร ้อน (Hot rolling)
2 : การรีดเย็น (Cold rolling)

ิ ว
3 : การทุบขึนรูป (Forging)

าวศ
4 : การดึงรีด (Drawing)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
สภ

ข ้อที 430 :
ข ้อใดไม่ใชก่ ลไกการเพิมความแข็งแรงให ้กับอะลูมเิ นียมและอะลูมเิ นียมผสม
1 : การขึนรูปเย็น (Cold working)
2 : การขึนรูปร ้อน (Hot working)
3 : การชุบแข็งแบบตกตะกอน (Precipitate hardening)
4 : การทําให ้เป็ นสารละลายของแข็ง (Solid solution)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 431 :
กรรมวิธใี ดต่อไปนีเหมาะสําหรับผลิตภัณฑ์โลหะทีมีจด
ุ หลอมเหลวสูงและมีสภาพการดึงยืดได ้น ้อย
1 : การหล่อแบบพอกหุน ่ (Investment casting)
2 : การอัดรีด (Extrusion)
3 : กรรมวิธโี ลหะผง (Powder metallurgy)
4 : การรีดร ้อน (Hot rolling)

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 432 :
กระบวนการใดทีเหมาะสมสําหรับการขึนรูปแผ่นโลหะให ้เป็ นชนงานรู
ิ ปถ ้วย
1 : การหล่อขึนรูป (Casting)
2 : การทุบขึนรูป (Forging)
3 : การลากขึนรูป (Deep drawing)
4 : การอัดรีด (Extrusion)

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 433 :

กรรมวิธใี ดต่อไปนีไม่สามารถเพิมความแข็งแรงให ้ชนงานโลหะได ้
ธิ

1 : การรีดร ้อน (Hot rolling)


สท

2 : การรีดเย็น (Cold rolling)


3 : การทุบขึนรูป (Forging)

4 : การดึงรีด (Drawing)
วน

คําตอบทีถูกต ้อง : 1
สง
ขอ

รข
ข ้อที 434 :

การอบปกติ (Normalizing) ของเหล็กกล ้าคาร์บอนตํา จะต ้องมีการให ้ความร ้อนและการเย็นตัวของชนงานอย่
างไร


1 : ิ
ให ้ความร ้อนจนชนงานเปลียนโครงสร ้างเป็ นออสเทไนต์และเฟร์ไรต์ และปล่อยให ้เย็นตัวในเตาอบ

ิ ว
2 : ิ
ให ้ความร ้อนจนชนงานเปลียนโครงสร ้างเป็ นออสเทไนต์ทงหมด
ั และปล่อยให ้เย็นตัวในอากาศ

าวศ
3 : ิ
ให ้ความร ้อนจนชนงานเปลียนโครงสร ้างเป็ นออสเทไนต์ทงหมด
ั และปล่อยให ้เย็นตัวในนํ า
4 : ิ
ให ้ความร ้อนจนชนงานเปลียนโครงสร ้างเป็ นออสเทไนต์และซเี มนไทต์ และปล่อยให ้เย็นตัวในนํ า
สภ
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

เนือหาวิชา : 250 : 13 Ceramics processing

ข ้อที 435 :
ผลิตภัณฑ์เซรามิกในข ้อใดเหมาะกับการขึนรูปโดยการอัด (Pressing)
1 : อ่างล ้างหน ้า
2 : กระเบืองปูพนและผนั
ื ง
3 : แจกัน
4 : ถ ้วยกาแฟ

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 436 :
ผลิตภัณฑ์เซรามิกในข ้อใดเหมาะกับการขึนรูปโดยการหล่อแบบ (Slip casting)
1 : อ่างล ้างหน ้า
2 : กระเบืองปูพนและผนั
ื ง
3 : โอ่งมังกร
4 : ท่อระบายนํ า

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 437 :
ผลิตภัณฑ์เซรามิกในข ้อใดเหมาะกับการขึนรูปโดยการอัดรีด (Extrusion)
1 : สุขภัณฑ์ในห ้องนํ า
2 : ถ ้วยกาแฟ
3 : กระเบืองมุงหลังคา
4 : ท่อนํ าทิง

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
ธิ
สท

ข ้อที 438 :

ข ้อใดต่อไปนีจะไม่เกิดขึนเมือให ้ความร ้อนกับเซรามิกในกระบวนการอบแห ้ง (Drying)


วน

1 : นํ าระหว่างอนุภาคถูกขจัดออก
2 : สารอินทรียถ ์ ก
ู ขจัดออก
3 : ผลิตภัณฑ์หลังอบมีขนาดใหญ่ขน ึ
สง

4 : ผลิตภัณฑ์หลังอบมีความแข็งแรงตําและเปราะ
ขอ

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ก รข
ข ้อที 439 :

ิ ว
ข ้อใดต่อไปนีไม่เกิดขึนในกระบวนการ Sintering

าวศ
1 : Solid-state diffusion
2 : ื
อนุภาคเกิดการเชอมต่ ั ผัสกับอนุภาคอืน
อกันบริเวณทีสม
3 : เกิดการหลอมละลายเป็ นของเหลว
่ งว่างระหว่างอนุภาคมีขนาดเล็กลง
สภ
4 : ชอ

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 440 :
ในการขึนรูปเซรามิกชนิดทีมีดน ี ารหล่อแบบ (Slip casting) ใชวั้ สดุ
ิ เป็ นองค์ประกอบหลัก (Clay products) โดยวิธก
ใดเป็ นแบบหล่อ
1 : ทราย
2 : โลหะ
3 : ยาง
4 : ปูนปลาสเตอร์

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 441 :
ในการผลิตเซรามิกชนิดทีมีดนิ เป็ นองค์ประกอบหลัก (Clay products) ด ้วยวิธก
ี ารหล่อแบบ (Slip casting) แบบที

ใชในการขึ นรูปควรมีลก
ั ษณะอย่างไรและเพราะเหตุใด
1 : เนืองจากผลิตภัณฑ์ทได
ี ้มีการขยายขนาด จึงต ้องทําให ้แบบมีขนาดเล็กกว่างานจริง
2 : เนืองจากผลิตภัณฑ์ทได
ี ้มีจะมีขนาดเท่าเดิม ดังนันแบบจะมีขนาดเท่างานจริง
3 : เนืองจากผลิตภัณฑ์ทไดี ้มีการหดตัว จึงต ้องทําให ้แบบมีขนาดใหญ่กว่างานจริง
4 : ผลิตภัณฑ์ทได
ี ้อาจจะหดตัวหรือขยายตัวก็ได ้ การเผือขนาดแบบแล ้วแต่ชนิดของผลิตภัณฑ์

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 442 :
กระจก เป็ นผลิตภัณฑ์ทมั
ี กจะได ้จากการขึนรูปแบบใด
1 : การเป่ า (Blowing)
2 : การอัด (Pressing)
3 : การดึง (Drawing)
4 : การอัดรีด (Extrusion)

คําตอบทีถูกต ้อง : 3
ธิ
สท

ข ้อที 443 :
ผลิตภัณฑ์ประเภทใดขึนรูปโดยการเป่ า (Blowing)
วน

1 : ขวดแก ้ว
2 : จานแก ้ว
สง

3 : กระจก
4 : เลนส ์
ขอ

รข
คําตอบทีถูกต ้อง : 1


ิ ว
ข ้อที 444 :

าวศ
ข ้อใดไม่ใชว่ ต
ั ถุประสงค์ในการใชดิ้ นเป็ นวัตถุดบ
ิ ในเซรามิกดังเดิม (Conventional ceramics)
1 : ดินชว่ ยในเรืองความเหนียวขณะขึนรูปทําให ้ขึนรูปได ้ง่าย
2 : ดินชว่ ยให ้เซรามิกคงรูปอยูไ่ ด ้ขณะเผา
ดินชว่ ยให ้เซรามิกมีความหนาแน่นสูง
สภ
3 :
4 : ดินมีราคาถูก

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 445 :
ิ สําหรับผลิตเซรามิก ทําไมจึงต ้องมีการควบคุมการกระจายขนาดอนุภาค (Particle size
ในการบดผสมวัตถุดบ
distribution)
1 : เพือให ้วัตถุดบ
ิ หลอมตัวได ้ง่าย
2 : เพือให ้วัตถุดบิ สามารถอัดตัวกันเพือให ้มีชอ่ งว่างน ้อยทีสุด
3 : เพือให ้วัตถุดบ ิ ผสมกันได ้ดียงขึ
ิ น
4 : เพือให ้วัตถุดบ ิ ไม่เกิดการหดตัวหลังให ้ความร ้อน

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 446 :

ถ ้าต ้องการขึนรูปท่อเซรามิกทีมีความยาวและมีหน ้าตัดเหมือนกันตลอดความยาวชนงาน 1 เมตร ควรขึนรูปด ้วยวิธใี ด
1 : การอัด (Pressing)
2 : การอัดรีด (Extrusion)
3 : การฉีด (Injection)
4 : การเป่ า (Blowing)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 447 :
ในกระบวนการอบ ทําไมผลิตภัณฑ์เซรามิกทีผนังมีความหนามากมีแนวโน ้มทีจะเกิดการแตกได ้ง่ายกว่าเซรามิกทีมี
ผนังบาง
1 : การหดตัวทีผิว (Surface) กับเนือสว่ นใน (Interior) มีคา่ แตกต่างกัน
2 : ผลิตภัณฑ์ผนังหนาต ้องอบทีอุณหภูมส ิ งู กว่าผลิตภัณฑ์ผนังบาง
3 : นํ าในเนือสว่ นใน (Interior) ของผลิตภัณฑ์ผนังหนาสามารถกําจัดออกได ้ง่าย
4 : ผลิตภัณฑ์ผนังหนามีความแข็งแรงน ้อยกว่าผลิตภัณฑ์ผนังบาง
ธิ

คําตอบทีถูกต ้อง : 1
สท

ข ้อที 448 :
วน

การเกิดเป็ นเนือแก ้ว (Vitrification) จะทําให ้เกิดผลในข ้อใด


ั ประสท
1 : สม ิ ธิการขยายตัวเนืองจากความร ้อน (Coefficient of thermal expansion) ตําลง
สง

2 : การนํ าความร ้อน (Thermal conductivity) ตําลง


3 : การนํ าไฟฟ้ า (Electrical conductivity) ดีขน

ขอ

ี รูป (Warpage) ตําลง
4 : การเสย

รข
คําตอบทีถูกต ้อง : 1


ิ ว
าวศ
ข ้อที 449 :
ในเซรามิกแบบดังเดิม (Conventional ceramic) การเติม Flux จะมีประโยชน์ในเรืองใด
1 : ทําให ้ผลิตภัณฑ์เกิดเป็ นเนือแก ้ว
สภ
2 : ทําให ้การเกิดเป็ นเนือแก ้วสามารถเกิดทีอุณหภูมต
ิ ําลง
3 : ไม่ให ้ผลิตภัณฑ์เกิดการหดตัว
4 : ทําให ้มีความเปราะน ้อยลง

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 450 :
ข ้อใดเป็ นกระบวนการทีสําคัญทีใชในการทํ
้ ากระจกนิรภัย (Safety glass) สําหรับกระจกหน ้ารถ
1 : Pressing
2 : Drying
3 : Tempering
4 : Blowing

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 451 :

กระบวนการในข ้อใดต่อไปนีทําให ้ชนงานเซรามิ
กมีความหนาแน่นและความแข็งแรงเพิมขึนมาก
1 : Drying
2 : Pressing
3 : Casting
4 : Sintering

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 452 :
ขวดเบียร์เป็ นผลิตภัณฑ์ทมั
ี กจะได ้จากกรรมวิธก
ี ารขึนรูปใดต่อไปนี
1 : Pressing
2 : Extrusion
3 : Blowing
4 : Casting

คําตอบทีถูกต ้อง : 3
ธิ
สท

ข ้อที 453 :
กระจกหน ้าต่างเป็ นผลิตภัณฑ์ทมั
ี กจะได ้จากกรรมวิธก
ี ารขึนรูปใดต่อไปนี
วน

1 : Pressing
2 : Drawing
สง

3 : Blowing
4 : Casting
ขอ

รข
คําตอบทีถูกต ้อง : 2


ิ ว
ข ้อที 454 :

าวศ
ข ้อใดกล่าวเกียวกับกรรมวิธท
ี างความร ้อนของแก ้วไม่ถก
ู ต ้อง
1 : การอบอ่อนแก ้วทําเพือลดปริมาณความเค ้นตกค ้างของชนงาน ิ
้ จนถึงอุณหภูมห
2 : การอบอ่อนแก ้วทําได ้โดยการให ้ความร ้อนถึงจุดอ่อนตัวแล ้วปล่อยให ้เย็นตัวชาๆ ิ ้อง
สภ
3 : การเพิมความแข็งให ้กับแก ้ว (Glass tempering) ทําได ้โดยการให ้ความร ้อนถึงจุดอ่อนตัว แล ้วทําให ้เย็น
ตัวอย่างรวดเร็วโดยการเป่ าลม

4 : ชนงานที เย็นตัวอย่างรวดเร็วจากการเพิมความแข็งให ้กับแก ้ว (Glass tempering) จะทําให ้เกิดความเค ้นอัดที
ผิวและเกิดความเค ้นแรงดึงทีเนือภายใน

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

เนือหาวิชา : 251 : 14 Polymers processing

ข ้อที 455 :
ผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์ทได
ี ้จากการขึนรูปด ้วยเครืองอัดรีด (Extrusion) จะมีลก
ั ษณะแบบใด
1 : เป็ นภาชนะกลวง
2 : รูปร่างลักษณะซบ ั ซอนมาก

3 : ิ
รูปร่างหน ้าตัดเหมือนกันตลอดความยาวของชนงาน
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 456 :
ิ มใชกั้ บพอลิเมอร์ชนิดเทอร์โมพลาสติก (Thermoplastic)
กระบวนการขึนรูปชนิดใดทีไม่นย
1 : การฉีดขึนรูป (Injection molding)
2 : การเป่ าขึนรูป (Blow molding)
3 : การอัดรีด (Extrusion)
4 : การอัดเข ้ากับแบบ (Compression molding)

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 457 :
ข ้อใดคือสว่ นประกอบทีสําคัญของเครืองขึนรูปแบบฉีด (Injection molding)
1 : หน่วยฉีด (Injection unit)
2 : หน่วยจับยึด (Clamping unit)
3 : แม่พม ิ พ์ (Mold)
ธิ

4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก
สท

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
วน

ข ้อที 458 :
สง

ท่อพลาสติก เป็ นผลิตภัณฑ์ทได


ี ้จากการขึนรูปแบบใด
1 : การฉีดขึนรูป (Injection molding)
ขอ

2 : การเป่ าขึนรูป (Blow molding)

รข
3 : การอัดรีด (Extrusion)
4 : การอัดเข ้ากับแบบ (Compression molding)


คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ิ ว
าวศ
ข ้อที 459 :
ขวดพลาสติก เป็ นผลิตภัณฑ์ทมั
ี กจะได ้จากการขึนรูปแบบใด
สภ
1 : การฉีดขึนรูป (Injection molding)
2 : การเป่ าขึนรูป (Blow molding)
3 : การอัดรีด (Extrusion)
4 : การอัดเข ้ากับแบบ (Compression molding)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 460 :
้ นสว่ นผสมในยางรถยนต์ เป็ นสารเติมแต่งชนิดใด
ผงถ่าน (Carbon black) ทีใชเป็
1 : ส ี (Colorant)
2 : สารเสริมแรง (Reinforcing filler)
3 : สารไม่เสริมแรง (Non-reinforcing filler)
4 : สารป้ องกันการติดไฟ (Flame retardant)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 461 :
ผลิตภัณฑ์ททํ ี าจากพอลิเมอร์ชนิดใดต่อไปนีมีการหดตัวหลังกระบวนการขึนรูปมากทีสุด
1 : วัสดุยด
ื หยุน
่ (Elastomer)
2 : เทอร์โมเซตติง (Thermosetting)
3 : เทอร์โมพลาสติกชนิดทีเกิดโครงสร ้างผลึก (Crystalline thermoplastic)
4 : เทอร์โมพลาสติกชนิดทีไม่เกิดโครงสร ้างผลึก (Non-crystalline thermoplastic)

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 462 :

สารเติมแต่งชนิดไม่เสริมแรง (Non-reinforcing filler) นิยมใชผสมในพอลิ
เมอร์กอ
่ นทําการขึนรูปเพราะเหตุใด
1 : เพือให ้สสี วยขึน
2 : เพือลดต ้นทุน
3 : ้
เพือให ้ใชในช ว่ งอุณหภูมท
ิ กว
ี ้างขึน
4 : ้
เพือใชในการหล่ อลืน
ธิ

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
สท

วน

ข ้อที 463 :
้ นท่อสายยางได ้ ถ ้าหากเติมสารเติมแต่งชนิดใดลงไป
พอลิไวนิล คลอไรด์ (Polyvinyl chloride) สามารถนํ ามาใชเป็
สง

ในกระบวนการผลิต
1 : สารหล่อลืน (Lubricant)
ขอ

2 : สารเสริมแรง (Reinforcing filler)

รข
3 : สารป้ องกันการแตกหักของสายโซโ่ มเลกุล (Stabilizer)
4 : สารพลาสติไซเซอร์ (Plasticizer)


คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ิ ว
ข ้อที 464 :าวศ
เพราะเหตุใดกระบวนการขึนรูปแบบอัดเข ้ากับแบบ (Compression molding) จึงนิยมใชกั้ บพอลิเมอร์ชนิดเทอร์โม
สภ
เซตติง (Thermosetting) มากกว่าพอลิเมอร์ชนิดเทอร์โมพลาสติก (Thermoplastic)
1 : ประหยัดพลังงาน เนืองจากในกระบวนการผลิตเทอร์โมเซตติง มีความต ้องการใชอุ้ ณหภูมท
ิ ตํ
ี ากว่าใน
กระบวนการผลิตเทอร์โมพลาสติก
2 : การขึนรูปเทอร์โมเซตติง ไม่จําเป็ นต ้องมีการหล่อเย็น
3 : ผลิตภัณฑ์ทได
ี ้จากการขึนรูปเทอร์โมเซตติง มีผวิ ทีเป็ นมันวาวกว่า

4 : ใชเวลาในการขึ นรูปน ้อยกว่า

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 465 :

สารเติมแต่งทีนิยมใชในการทํ าให ้ยางเกิดโครงสร ้างตาข่าย (Network) ขณะขึนรูปคือข ้อใด
1 : หินปูน
2 : กํามะถัน
3 : ผงถ่าน
4 : ขีผึง

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 466 :
กระบวนการขึนรูปพอลิเมอร์โดยวิธก ี ารอัดรีดเป่ าขึนรูป (Extrusion blow molding) จะมีความแตกต่างจาก
กระบวนการขึนรูปโดยวิธก
ี ารฉีดเป่ าขึนรูป (Injection blow molding) อย่างไร
1 : ชนิดของพอลิเมอร์ทใช ้
ี แตกต่ างกัน
2 : ผลิตภัณฑ์ทได ี ้เป็ นภาชนะกลวง
3 : รูปร่างผลิตภัณฑ์ทได ี ้มีความซบ ั ซอนเหมื
้ อนกัน

4 : เทคนิคทีใชในการเป่ าด ้วยวิธก
ี ารฉีดเป่ าขึนรูป (Injection blow molding) ยุง่ ยากกว่าการเป่ าด ้วยวิธก
ี ารอัด
รีดเป่ าขึนรูป (Extrusion blow molding)

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 467 :

ชอนพลาสติ กตักไอศกรีม เป็ นผลิตภัณฑ์ทมั
ี กจะได ้จากการขึนรูปแบบใด
ธิ

1 : การหล่อ (Casting)
2 : การอัดเข ้าแบบ (Compression molding)
สท

3 : การฉีดขึนรูป (Injection molding)


4 : การอัดรีด (Extrusion)
วน

คําตอบทีถูกต ้อง : 3
สง

ข ้อที 468 :
ขอ

กล่องพลาสติกใสสําหรับใสข
่ นมเค ้กชนเล็
ิ กๆ เป็ นผลิตภัณฑ์ทมั
ี กจะได ้จากการขึนรูปแบบใด

รข
1 : การขึนรูปด ้วยความร ้อน (Thermo-forming)
2 : การอัดเข ้าแบบ (Compression molding)


3 : การฉีดขึนรูป (Injection molding)
4 : การเป่ าขึนรูป (Blow molding)

ิ ว
าวศ
คําตอบทีถูกต ้อง : 1
สภ
ข ้อที 469 :
จานข ้าวเมลามีน (Melamine) เป็ นผลิตภัณฑ์ทมั
ี กจะได ้จากการขึนรูปแบบใด
1 : การอัดรีด (Extrusion)
2 : การอัดเข ้าแบบ (Compression molding)
3 : การฉีดขึนรูป (Injection molding)
4 : การเป่ าขึนรูป (Blow molding)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 470 :
ยางลบดินสอ เป็ นผลิตภัณฑ์ทมั
ี กจะได ้จากการขึนรูปแบบใด
1 : การอัดรีด (Extrusion)
2 : การอัดเข ้าแบบ (Compression molding)
3 : การฉีดขึนรูป (Injection molding)
4 : การเป่ าขึนรูป (Blow molding)

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 471 :
สารเติมแต่งประเภทใดต่อไปนีใชส้ ําหรับลดความรุนแรงของอัคคีภย
ั ทีเกิดขึนกับวัสดุพอลิเมอร์
1 : Stabilizer
2 : Colorant
3 : Flame retardant
4 : Filler

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 472 :
แผ่นฟิ ลม์ พลาสติกเป็ นผลิตภัณฑ์ทมั
ี กจะได ้จากกรรมวิธก
ี ารขึนรูปใดต่อไปนี
1 : Injection molding
2 : Extrusion
ธิ

3 : Compression molding
สท

4 : Blow molding

วน

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
สง

ข ้อที 473 :
ขอ

ขันตอนใดต่อไปนีทีไม่เกียวข ้องกับการสงั เคราะห์พอลิเมอร์แบบเติม (Addition polymerization)

รข
1 : Initiation
2 : Termination


3 : Condensation
4 : Propagation

ิ ว
าวศ
คําตอบทีถูกต ้อง : 3
สภ
ข ้อที 474 :
ผลิตภัณฑ์ในข ้อใดไม่สามารถขึนรูปด ้วยกระบวนการฉีด (Injection molding) ได ้
1 : เปลือกหุ ้มสายเคเบิล
2 : ใบพัดลม
3 : แผ่นซดี ี
4 : ฝาครอบโทรศพ ั ท์มอ
ื ถือ

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 475 :
แกลลอนนํ ามันควรผลิตด ้วยกระบวนการขึนรูปใด
1 : การฉีดขึนรูป (Injection molding)
2 : การเป่ าขึนรูป (Blow molding)
3 : การอัดรีด (Extrusion)
4 : การอัดเข ้าแบบ (Compression molding)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 476 :
พอลิเมอร์ชนิดใดนิยมขึนรูปด ้วยกระบวนการอัดเข ้าแบบ (Compression molding)
1 : พอลิสไตรีน (Polystyrene)
2 : พอลิเอทธิลนี (Polyethylene)
3 : พอลิพรอพิลน ี (Polypropylene)
4 : ฟี นอลฟอร์มลั ดีไฮด์ (Phenol-formaldehyde)

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 477 :
ผลิตภัณฑ์ใดทีไม่สามารถขึนรูปได ้ด ้วยกระบวนการอัดรีด (Extrusion)
1 : สายยางฉีดนํ า
2 : เคสโทรศพ ั ท์มอ
ื ถือ
ธิ

3 : หลอดกาแฟ
สท

4 : แผ่นฟิ ลม
์ พลาสติก

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
วน
สง

เนือหาวิชา : 252 : 15 Composite materials


ขอ

ข ้อที 478 :

รข
วัตถุประสงค์หลักในการพัฒนาวัสดุเชงิ ประกอบ (Composites) คือข ้อใด
1 : เพิมความรวดเร็วในการผลิตและประสท ิ ธิภาพการผลิต


2 : ลดต ้นทุนการผลิต เพิมความสามารถในการแข่งขัน
3 : ปรับปรุงสมบัตบ ิ
ิ างประการของชนงาน ่ ความแข็งแรง
เชน

ิ ว
4 : ิ
ลดผลกระทบต่อสงแวดล ้ พยากรให ้คุ ้มค่า
้อมและใชทรั

าวศ
คําตอบทีถูกต ้อง : 3
สภ
ข ้อที 479 :
วัสดุในข ้อใดต่อไปนีไม่ใชว่ ส
ั ดุเชงิ ประกอบ (Composites)
1 : ทังสเตนคาไบด์ (Tungsten carbide)
2 : เซอร์เมท
3 : คอนกรีตเสริมเหล็ก (Reinforced concrete)
4 : พรีเพรก

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 480 :
ผลิตภัณฑ์ใดต่อไปนีทีนิยมผลิตจากวัสดุเชงิ ประกอบ (Composites)
1 : ถ ้วยกาแฟ
2 : หม ้อหุงข ้าว
3 : ไม ้เทนนิส
4 : กรอบแว่นตา

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 481 :
ไฟเบอร์กลาส (Fiberglass) เป็ นวัสดุชนิดใด
1 : วัสดุเชงิ ประกอบ (Composite) ทีมีอล
ี าสโตเมอร์ (Elastomer) เป็ นโครงสร ้างพืน (Matrix)

2 : วัสดุเชงิ ประกอบ (Composite) ทีมีเซรามิก (Ceramic) เป็ นโครงสร ้างพืน


3 : วัสดุเชงิ ประกอบทีมีแก ้ว (Glass) เป็ นโครงสร ้างพืน (Matrix)

4 : วัสดุเชงิ ประกอบ (Composite) ทีมีเทอร์โมเซท (Thermoset) เป็ นโครงสร ้างพืน (Matrix)

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 482 :
ธิ

ใยแก ้ว (Glass fibers) ประกอบด ้วยสารประกอบชนิดใดมากทีสุด


สท

1 : SiO2

2 : Al2O3
3 : CaO
วน

4 : MgO
สง

คําตอบทีถูกต ้อง : 1
ขอ

รข
ข ้อที 483 :
เซอร์เมท (Cermet) เป็ นวัสดุชนิดใด


1 : เซรามิก
2 : วัสดุเชงิ ประกอบ (Composite) มีโลหะเป็ นโครงสร ้างพืน (Matrix)

ิ ว
3 : วัสดุเชงิ ประกอบ (Composite) มีเซรามิกเป็ นโครงสร ้างพืน (Matrix)

าวศ
4 : โลหะชนิดหนึง มีความแข็งสูง ใชเป็้ นมีดกลึง

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
สภ

ข ้อที 484 :

เคฟลาร์ (Kevlar) เป็ นเสนใยชนิ
ดใด
1 : ้
เสนใยธรรมชาติ
2 : ้
เสนใยพอลิ เมอร์สงั เคราะห์
3 : ้
เสนใยแก ้ว
4 : ้
เสนใยคาร์ บอน

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 485 :

กระบวนการในข ้อใดต่อไปนีทีใชในการผลิ ้
ตเสนใยคาร์
บอน (Carbon fibers)
1 : Pyrolysis
2 : Hydrolysis
3 : Synthesis
4 : Analysis

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 486 :
วัสดุเชงิ ประกอบ (Composite) ชนิดใดต่อไปนีทีเหมาะสําหรับผลิตก ้านสูบ (Connecting rods) ในเครืองยนต์
1 : อะลูมเิ นียมเสริมใยแก ้ว (Glass fibers)
2 : อะลูมเิ นียมเสริมใยซลิ ก
ิ อนคาร์ไบด์ (SiC)
3 : อะลูมเิ นียมเสริมใยหิน (Asbestos)
4 : อะลูมเิ นียมเสริมใยเหล็ก (Steel)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 487 :
ข ้อใดต่อไปนีเป็ นวัสดุเชงิ ประกอบทีมีสมบัตแ
ิ บบไอโซทรอปิ ก
ธิ

1 : คานไม ้
สท

2 : โครงเครืองบินไฟเบอร์กลาส
3 : ยางรถยนต์เสริมแรงด ้วยคาร์บอนแบล็ก

4 : ิ ว่ นกระสวยอวกาศทําจากเสนใยยาวเคฟลาร์
ชนส ้ และอีพอกซ ี (Kevlar-epoxy)
วน

คําตอบทีถูกต ้อง : 3
สง
ขอ

รข
ข ้อที 488 :
ข ้อใดไม่ใชวิ้ ธเี พิมความแข็งแรงให ้กับวัสดุเชงิ ประกอบ


1 : ลดขนาดของอนุภาคให ้เล็กลง
2 : ้
ลดความยาวเสนใยเสริ ั
มแรงให ้สนลง

ิ ว
3 : เพิมแรงยึดเหนียวระหว่างเนือพืนและอนุภาคเสริมแรง

าวศ
4 : ปรับการกระจายตัวของอนุภาคในเนือพืนให ้สมําเสมอ

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
สภ

ข ้อที 489 :
ข ้อใดต่อไปนี คือหน ้าทีของเฟสกระจายตัว (Disperse phase) ในวัสดุเชงิ ประกอบ
1 : เป็ นตัวกลางในการถ่ายโอนแรงจากภายนอกให ้กับวัสดุผสม
2 : เสริมสมบัตขิ องวัสดุผสมให ้ดีขน

3 : ป้ องกันความเสยี หายของเฟสเนือพืน (Matrix) จากสภาพแวดล ้อม
4 : ลดต ้นทุนการผลิต

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 490 :
ข ้อใดจัดเป็ นวัสดุเชงิ ประกอบ (Composites)
1 : อะลูมเิ นียม+ผงคาร์ไบด์
2 : พอลิพรอพิลน ี +พอลิเอทิลน

3 : พีวซ ี ยางไนไตรล์
ี +
4 : อะลูมเิ นียม+ซลิ ก
ิ อน

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 491 :
ข ้อใดกล่าวไม่ถก
ู ต ้อง
1 : สารเสริมแรงสว่ นมากมีความเหนียวสูง
2 : การทํา PMC ชว่ ยเพิมความแข็งแรงให ้สูงขึน
3 : การทํา MMC ชว่ ยเพิมความต ้านทานต่อการเกิดครีพให ้สูงขึน
4 : การทํา CMC ชว่ ยเพิมความเหนียวให ้สูงขึน

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 492 :
้ าวัสดุเชงิ ประกอบแบบโครงสร ้าง (Structural composite)
สารเสริมแรงชนิดใดใชทํ
ธิ

1 : ้
เสนใยแก ั
้วชนิดสน
สท

2 : วิสเกอร์ซลิ กิ อนคาร์ไบด์
3 : ผงทังสเตนคาร์ไบด์

4 : แผงรังผึง
วน

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
สง
ขอ

รข
ข ้อที 493 :
คอนกรีตเป็ นวัสดุเชงิ ประกอบ (Composites) ทีมีวส
ั ดุชนิดใดเป็ นเฟสเนือพืน (Matrix)


1 : หิน
2 : ซเี มนต์

ิ ว
3 : ยิปซมั

าวศ
4 : ทราย

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
สภ

ข ้อที 494 :
วิสเกอร์เป็ นวัสดุเสริมแรงทีมีลก
ั ษณะเป็ นอย่างไร
1 : อนุภาคผงเม็ดกลม
2 : ี
อนุภาครูปทรงสเหลียม
3 : ้
เสนใยผลึ กเดียว
4 : ้
เสนลวด

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 495 :
ข ้อใดไม่ใชผ่ ลของการทําวัสดุเชงิ ประกอบ (Composites) ทีมีโลหะเป็ นเฟสเนือพืน (Matrix)
1 : เพิมความเหนียว
2 : เพิมความต ้านทานต่อการสกึ หรอ
3 : เพิมมอดุลส
ั จําเพาะ
4 : เพิมความต ้านทานต่อการเกิดครีพ (Creep)

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 496 :
วัสดุเซอร์เมท (Cermet) เป็ นวัสดุเชงิ ประกอบ (Composite) ทีมีลก
ั ษณะเป็ นอย่างไร
1 : วัสดุเซรามิกเป็ นโครงสร ้างพืน (Matrix) เสริมแรงด ้วยโลหะ
2 : วัสดุโลหะเป็ นโครงสร ้างพืน (Matrix) และเสริมแรงด ้วยเซรามิก
3 : วัสดุพอลิเมอร์เป็ นโครงสร ้างพืน (Matrix) และเสริมแรงด ้วยเซรามิก
4 : วัสดุพอลิเมอร์เป็ นโครงสร ้างพืน (Matrix) และเสริมแรงด ้วยโลหะ

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

สภาวิศวกร 487/1 ซอย รามคําแหง 39 (เทพลีลา 1) แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ 10310 สายด่วน
1303 โทรสาร 02-935-6695
@ สงวนลิขสิทธิ 2555 สภาวิศวกร : ติดต่อสภาวิศวกร | Contact

You might also like