You are on page 1of 74

7/2/2019 สภาวิศวกร

วิชา : Engineering Materials


เนือหาวิชา : 238 : 01 Metals

ข ้อที 1 :
แร่ Bauxite ทีเป็ นวัตถุดบ
ิ ในการถลุงอะลูมเิ นียม มีสารประกอบใดเป็ นสารประกอบหลัก

1 : Bayer
2: Al2O3
3: Al2(SO4)3
4: Na3AlF6
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 2 :
เหล็กหล่อ หมายถึง เหล็กทีมีปริมาณของธาตุคาร์บอนผสมอยูร่ ะหว่างค่าดังข ้อใด

1 : 0.022 - 6.7 % โดยนํ าหนัก


2 : 1.2 - 6.7 % โดยนํ าหนัก
3 : 2.0 - 4.3 % โดยนํ าหนัก
4 : 2.0 - 6.7 % โดยนํ าหนัก
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 3 :
เหล็กกล ้าคาร์บอนปานกลาง มีปริมาณของธาตุคาร์บอนผสมอยูเ่ ป็ นปริมาณเท่าใด

1 : 0.40 % โดยปริมาตร
2 : 0.40 % โดยนํ าหนัก
3 : 0.04 % โดยปริมาตร
4 : 0.04 % โดยนํ าหนัก
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 4 :
เหล็กกล ้าคาร์บอนตํา มักนิยมนํ ามาใช ้ผลิตเป็ นผลิตภัณฑ์ในข ้อใด

1 : ตัวถังรถยนต์
2 : ลูกสูบ
3 : มีดกลึง
4 : ดอกสว่าน
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 5 :
เหล็กกล ้าคาร์บอนปานกลางมีคา่ ความแข็ง (Hardness) เป็ นอย่างไร เทียบกับเหล็กกล ้าคาร์บอนสูงภายใต ้เงือนไขสภาวะการอบชุบเหมือนกัน

1 : น ้อยกว่า
2 : มากกว่า
3 : เท่ากัน
4 : ไม่สามารถระบุได ้ว่าเป็ นอย่างไร
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 6 :
ข ้อใดต่อไปนีไม่ใช่วต
ั ถุประสงค์ของการเติมธาตุโครเมียม (Cr) ในเหล็กกล ้าผสมสูง (High alloy steels)

1 : ลดการผุกร่อน
2 : เพิมความแข็งแรง
3 : เพิมความเหนียว ขึนรูปง่าย
4 : เพิมความสามารถในการต ้านทานการคืบ (Creep)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 7 :
ในกระบวนการผลิตเหล็กหล่อเหนียว (Nodular cast iron) ธาตุใดทีเติมลงไปเพือทําให ้แกรไฟต์รวมตัวกันเป็ นอนุภาคทรงกลม

1 : โครเมียม
2 : ซีเรียม
3 : คาร์บอน
4 : โคบอลต์
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 8 :
ทองเหลือง (Brass) คือโลหะผสมของธาตุหลักธาตุใด

1 : ทองแดง และเงิน
2 : ทองแดง และดีบก ุ
3 : ทองแดง และตะกัว
4 : ทองแดง และสังกะสี
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 9 :
โลหะผสมสูงกลุม ั ลอย (Superalloys) เช่น Nickel-based superalloys มักนิยมนํ าไปใช ้งานใดในปั จจุบน
่ ซูเปอร์อล ั

1 : ใบพัดในเครืองกังหันก๊าซในเครืองบินไอพ่น
2 : อุปกรณ์ภายในเครืองคอมพิวเตอร์เช่น ฮาร์ดดิสค์

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 1/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
3 : ลูกสูบเครืองยนต์
4 : มีดกลึง
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 10 :
โลหะใดไม่ใช่โลหะทนไฟ (Refractory Metal)

1 : ทังสเตน
2 : โมลิบดินัม
3 : แทนทาลัม
4 : เยอรมันเนียม
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 11 :
โลหะใดจัดเป็ นโลหะมีสกุล (Noble Metal)

1 : ทังสเตน
2 : แพลตินัม
3 : ซิลก
ิ อน
4 : เยอรมันเนียม
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 12 :
ข ้อใดคือลักษณะเด่นของโลหะทัวไป

1 : เป็ นฉนวนความร ้อนทีดี


2 : เป็ นตัวนํ าความร ้อนทีดี
3 : เป็ นตัวต ้านทานการกัดกร่อนทีดี
4 : มีความยืดหยุน ่ สูง
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 13 :
โลหะใดจัดเป็ นโลหะหนัก

1 : แมกนีเซียม
2 : อะลูมเิ นียม
3 : เบอริลเลียม
4 : โมลิบดินัม
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 14 :
โลหะใดทีไม่ควรนํ ามาเป็ นภาชนะบรรจุอาหาร

1 : อะลูมเิ นียม
2 : ตะกัว
3 : ดีบก

4 : เหล็กกล ้าไร ้สนิม
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 15 :
โลหะใดไม่เหมาะสมสําหรับนํ ามาทําเป็ นกระทะเพือปรุงอาหาร

1 : อะลูมเิ นียม
2 : เหล็กกล ้าไร ้สนิม
3 : ทองแดง
4 : แมกนีเซียม
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 16 :
พิวเตอร์ (Pewter) คือ โลหะผสมใด

1 : ดีบก
ุ ผสม
2 : ทองแดงผสม
3 : อะลูมเิ นียมผสม
4 : ไทเทเนียมผสม
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 17 :
โลหะใดทีนํ ามาใช ้ทําเป็ นชินส่วนเครืองบินน ้อยทีสุด

1 : ไทเทเนียม
2 : อะลูมเิ นียม
3 : สังกะสี
4 : นิกเกิล
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 18 :
เหล็กกล ้าไร ้สนิมเกรด 18-8 หมายถึง เหล็กกล ้าทีผสมโลหะชนิดใดเป็ นปริมาณสูงสุดสองชนิดแรก

1 : โครเมียม-นิเกิล
2 : ไทเทเนียม-นิเกิล
3 : โครเมียม-ซิลกิ อน
4 : ไทเทเนียม-ซิลก ิ อน
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 2/74
7/2/2019 สภาวิศวกร

ข ้อที 19 :
ผลิตภัณฑ์ใดทีไม่สามารถใช ้อะลูมเิ นียมเป็ นส่วนผสมหลักได ้

1 : วงล ้อรถยนต์
2 : ตัวถังรถยนต์
3 : กระป๋ องนํ าอัดลม
4 : ไส ้หลอดไฟ
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 20 :
เหล็กหล่อชนิดใดต่อไปนีสามารถทนแรงกระแทกได ้ดีทสุ
ี ด

1 : เหล็กหล่อเทา
2 : เหล็กหล่อขาว
3 : เหล็กหล่อผสมโครเมียมสูง
4 : เหล็กหล่ออบเหนียว
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 21 :
เหล็กชนิดใดต่อไปนีสามารถกลึงเพือตกแต่งขึนรูปได ้ง่ายทีสุด

1 : เหล็กกล ้าชุบแข็ง
2 : เหล็กหล่อขาว
3 : เหล็กหล่อกราไฟต์กลม
4 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมเฟร์ไรต์
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 22 :
เหล็กกล ้าชนิดใดมีสภาพดึงยืดได ้ (Ductility) มากทีสุด ภายใต ้สภาวะการอบชุบทีเหมือนกัน

1 : เหล็กกล ้าคาร์บอนตํา
2 : เหล็กกล ้าคาร์บอนปานกลาง
3 : เหล็กกล ้าคาร์บอนสูง
4 : เหล็กกล ้าเครืองมือ
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 23 :
ในกระบวนการผลิตเหล็กหล่อเทา ธาตุใดทีต ้องเติมลงไปเพือทําให ้คาร์บอนรวมตัวกันเป็ นกราไฟต์

1 : อะลูมเิ นียม
2 : ซิลก
ิ อน
3 : แคลเซียม
4 : แมกนีเซียม
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 24 :
ข ้อใดไม่ใช่สมบัตข
ิ องเหล็กกล ้าคาร์บอนตํา

1 : มีความเหนียวสูง
2 : สามารถตกแต่งขึนรูปได ้ง่าย
3 : สามารถชุบแข็งได ้ง่าย
4 : ไม่สามารถรับแรงกระแทกได ้มาก
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 25 :
ข ้อใดไม่ใช่สมบัตเิ ด่นของอะลูมเิ นียม

1 : นํ าหนักเบา
2 : ทนอุณหภูมไิ ด ้สูง
3 : อ่อนแต่เหนียว
4 : นํ าความร ้อนได ้ดี
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 26 :
บรอนซ์ คือ โลหะผสมชนิดใด

1 : ทองแดงผสมดีบก ุ
2 : อะลูมเิ นียมผสมทองแดง
3 : ดีบก
ุ ผสมตะกัว
4 : นิเกิลผสมไทเทเนียม
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 27 :
ข ้อใดคือลักษณะเด่นของเหล็กหล่อขาว

1 : แข็ง ยากต่อการตกแต่ง
2 : อ่อน เหนียว ตกแต่ง-ขึนรูปได ้ง่าย
3 : รับแรงอัดและแรงสันสะเทือนได ้ดี
4 : ไม่ทนต่อการเสียดสี
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 28 :
เหล็กหล่อเทาต่างจากเหล็กหล่อขาวอย่างไร

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 3/74
7/2/2019 สภาวิศวกร

1 : เหล็กหล่อเทามีซล ิ ก
ิ อนเป็ นส่วนผสม แต่เหล็กหล่อขาวไม่ม ี
2 : เหล็กหล่อเทามีกราไฟต์อส ิ ระเป็ นส่วนหนึงของโครงสร ้าง แต่เหล็กหล่อขาวไม่ม ี
3 : เหล็กหล่อเทามีความแข็งมากกว่าเหล็กหล่อขาว
4 : เหล็กหล่อเทาสามารถรับแรงกระแทกได ้น ้อยกว่าเหล็กหล่อขาว
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 29 :
ผลิตภัณฑ์ใดไม่ควรเลือกทําจากเหล็กกล ้าคาร์บอนตํา

1 : ใบมีดกลึง
2 : ลวด
3 : เหล็กแผ่น
4 : ท่อ
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 30 :
ในกระบวนการผลิตเหล็กหล่อกราไฟต์กลม ธาตุใดทีต ้องเติมลงไปเพือทําให ้กราไฟต์อส
ิ ระเป็ นทรงกลม

1 : อะลูมเิ นียม
2 : ซิลก
ิ อน
3 : แคลเซียม
4 : แมกนีเซียม
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 31 :
เหล็กกล ้าผสมชนิดใดทีไม่สามารถชุบแข็งได ้ดี

1 : เหล็กกล ้าโมลิบดินัม
2 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมออสเทไนต์
3 : เหล็กกล ้าแมงกานีส
4 : เหล็กกล ้าโครเมียม
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 32 :
เหล็กกล ้าถูกแบ่งแยกออกจากเหล็กหล่อด ้วยปริมาณคาร์บอนกีเปอร์เซ็นต์

1 : 1%
2 : 2%
3 : 3%
4 : 4%
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 33 :
ธาตุผสมใดทีมีสว่ นสําคัญในการทําให ้เหล็กกล ้าไร ้สนิมทนต่อการเกิดสนิมในบรรยากาศปกติ และต ้องมีปริมาณธาตุอย่างน ้อยสุดเท่าใด

1 : 13% โดยนํ าหนักโครเมียม


2 : 8% โดยนํ าหนักโครเมียม
3 : 13% โดยนํ าหนักนิเกิล
4 : 8% โดยนํ าหนักนิเกิล
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 34 :
ข ้อความใดต่อไปนีเป็ นการกล่าวทีถูกต ้อง

1 : เหล็กกล ้า Hypoeutectoid plain-carbon คือเหล็กกล ้าทีมีปริมาณคาร์บอนมากกว่า 0.8% โดยนํ าหนัก


2 : เหล็กเส ้นทีใช ้ในงานก่อสร ้างทําจากเหล็กหล่อ
3 : ธาตุทมี
ี บทบาทในการทําให ้เหล็กกล ้าไร ้สนิมสามารถทนต่อการกัดกร่อนได ้ดีคอ
ื โครเมียม
4 : เหล็กหล่อเป็ นโลหะผสมประเภท Ferrous ทีมีปริมาณคาร์บอนน ้อยกว่า 2.4% โดยนํ าหนัก
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 35 :
โลหะใดต่อไปนีมีจด
ุ หลอมเหลวทีตําทีสุด

1 : ทองแดง
2 : ทองแดงผสมสังกะสี
3 : ทองแดงผสมเหล็ก
4 : ทองแดงผสมนิเกิล
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 36 :
ชินงานใดต่อไปนีมีความแข็งแรงสูงสุด

1 : เหล็กกล ้าคาร์บอนตําชุบแข็ง
2 : เหล็กกล ้าคาร์บอนปานกลางชุบแข็ง
3 : เหล็กกล ้าผสมตําชุบแข็ง
4 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมออสเทไนต์ชบ
ุ แข็ง
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 37 :
โลหะชนิดใดต่อไปนีทีเหมาะสมสําหรับทําเครืองยนต์ (Engine block) สําหรับรถแข่งมากทีสุด

1 : เหล็กกล ้า (Steel) เนืองจากหล่อง่ายทีสุด


2 : เหล็กกล ้าไร ้สนิม (Stainless steel) เพราะทนต่อการเกิดสนิมได ้ดี
3 : อะลูมเิ นียมผสม (Aluminium alloy) เพราะมีนําหนักเบา
4 : โลหะผสมยิงยวด (Superalloy) เพราะทนอุณหภูมส ิ งู ได ้ดี

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 4/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 38 :
วัสดุแม่เหล็กถาวรชนิดใดต่อไปนีทีให ้กําลังแม่เหล็กสูงสุด

1 : เหล็กคาร์บอน
2 : อัลนิโค (Alnico)
3 : เฟร์ไรต์ (Hard Ferrite)
4 : นิโอดิเมียม-บอรอน (NdFeB)
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 39 :
เหล็กเส ้น เหล็กข ้ออ ้อย ทีใช ้ในงานก่อสร ้างทัวไป เป็ นเหล็กในกลุม
่ ใด

1 : เหล็กกล ้าคาร์บอนตํา
2 : เหล็กกล ้าคาร์บอนปานกลาง
3 : เหล็กกล ้าคาร์บอนสูง
4 : เหล็กกล ้าผสม
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 40 :
โลหะชนิดใดต่อไปนีสามารถนํ ามารีดเย็นเป็ นแผ่นบางได ้ง่ายทีสุด

1 : อะลูมเิ นียม
2 : ทองแดง
3 : ทองเหลือง
4 : เหล็กกล ้าไร ้สนิม
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 41 :
โลหะชนิดใดต่อไปนีขึนรูปเย็นได ้ยากทีสุด

1 : ทองเหลือง (Brass)
2 : เหล็กกล ้าคาร์บอนตํา (Low carbon steel)
3 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมเฟร์ไรต์ (Ferritic stainless steel)
4 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมออสเทไนต์ (Austenetic stainless steel)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 42 :
โลหะชนิดใดต่อไปนีทีเหมาะสําหรับการผลิตวงล ้อรถยนต์มากทีสุด

1 : อะลูมเิ นียมบริสท
ุ ธิ
2 : อะลูมเิ นียมผสมซิลค ิ อน
3 : อะลูมเิ นียมผสมทองแดง
4 : อะลูมเิ นียมผสมแมงกานีส
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 43 :
โลหะชนิดใดต่อไปนีไม่เกิดสนิม

1 : เหล็กกล ้าไร ้สนิม


2 : ทองแดง
3 : อะลูมเิ นียม
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ผิด
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 44 :
เหล็กกล ้าชนิดใดต่อไปนีเหมาะสําหรับใช ้งานทีอุณหภูมส
ิ งู

1 : เหล็กกล ้าคาร์บอนสูง (High carbon steel)


2 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมเฟร์ไรต์ (Ferritic stainless steel)
3 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมออสเทไนต์ (Austenetic stainless steel)
4 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมมาร์เทนไซต์ (Martensitic stainless steel)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 45 :
เหล็กหล่อชนิดใดต่อไปนีเหมาะสําหรับงานทีต ้องทนต่อการสึกหรอได ้ดี

1 : เหล็กหล่อเทา (Gray cast iron)


2 : เหล็กหล่อขาว (White cast iron)
3 : เหล็กหล่อเหนียว (Ductile iron)
4 : เหล็กหล่ออบเหนียว (Malleable iron)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 46 :
โลหะชนิดใดต่อไปนีเหมาะสําหรับการผลิตถังไฮโดรเจนเหลวสําหรับยานอวกาศมากทีสุด

1 : อะลูมเิ นียมผสมทองแดง
2 : อะลูมเิ นียมผสมลิเทียม
3 : อะลูมเิ นียมผสมซิลคิ อน
4 : อะลูมเิ นียมผสมสังกะสี
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 47 :

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 5/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
โลหะกลุม
่ ใดต่อไปนีเหมาะสําหรับผลิตกระดูกเทียม (Surgical implants) มากทีสุด

1 : อะลูมเิ นียมผสม (Aluminium alloys)


2 : ไทเทเนียมผสม (Titanium alloys)
3 : แมกนีเซียมผสม (Magnesium alloys)
4 : ทองแดงผสม (Copper alloys)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 48 :
ข ้อใดไม่ใช่คณ
ุ ลักษณะเด่นของเหล็กกล ้าคาร์บอน

1 : ทนทานการกัดกร่อนได ้ดี
2 : มีสมบัตท
ิ างกลอยูใ่ นเกณฑ์ดจ ี งึ สามารถนํ าไปใช ้งานได ้หลากหลายทางวิศวกรรม
3 : เหล็กกล ้าทีมีปริมาณคาร์บอนตํามักนํ าไปใช ้ทําเหล็กเส ้น เหล็กข ้ออ ้อย สําหรับอุตสาหกรรมก่อสร ้าง
4 : สามารถขึนรูปได ้ทังร ้อนและเย็น
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

เนือหาวิชา : 239 : 02 Engineering polymers

ข ้อที 49 :
ข ้อใดไม่ใช่วส
ั ดุพอลิเมอร์

1 : ยาง (Rubber)
2 : พลาสติก (Plastic)
3 : ไม ้ (Wood)
4 : แก ้ว (Glass)
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 50 :
ยางทีผ่านกระบวนการ Vulcanization แล ้ว จัดเป็ นพอลิเมอร์ประเภทใด

1 : พอลิเมอร์แบบสายโซ่ตรง (Linear polymer)


2 : พอลิเมอร์แบบครอสลิงค์ (Crosslinked polymer)
3 : พอลิเมอร์แบบสายเดียว (Single chain polymer)
4 : พอลิเมอร์แบบกิง (Branched polymer)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 51 :
ข ้อใดเป็ นพอลิเมอร์แบบโครงข่าย (network)

1 : พอลิสไตรีน (Polystyrene)
2 : ฟี นอลฟอร์มลั ดีไฮด์ (Phenol-formaldehyde)
3 : พอลิเอทธิลนี (Polyethylene)
4 : พอลิพรอพิลน ี (Polypropylene)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 52 :
ข ้อใดเป็ นลักษณะของเทอร์โมพลาสติก (Thermoplastic)

1 : แข็งตัวเมือถูกความร ้อน และอ่อนตัวเมือลดอุณหภูม ิ


2 : อ่อนตัวเมือถูกความร ้อน แต่กลับมาแข็งตัวเมือลดอุณหภูม ิ
3 : แข็งตัวเมือถูกความร ้อน และไม่สามารถทําให ้อ่อนตัวได ้อีก
4 : แข็งตัวเมือถูกความร ้อน แต่สามารถทําให ้อ่อนตัวได ้เมือลดอุณหภูม ิ
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 53 :
พอลิเมอร์ใดต่อไปนีเป็ นเทอร์โมเซ็ตติง (Thermosetting)

1 : พอลิพรอพิลน ี (Polypropylene)
2 : พอลิเอทธิลนี (Polyethylene)
3 : พอลิเอสเทอร์ไม่อมตั
ิ ว (Unsaturated polyester)
4 : พอลิไวนีลคลอไรด์ (Polyvinyl chloride)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 54 :
ข ้อใดต่อไปนีกล่าวไม่ถก
ู ต ้อง

1 : โคพอลิเมอร์ (Copolymer) ประกอบด ้วย มอนอเมอร์มากกว่าหนึงชนิดเรียงต่อกัน


2 : อัลเทอร์เนตโคพอลิเมอร์ (Alternate copolymer) ประกอบด ้วย มอนอเมอร์มากกว่าหนึงชนิดเรียงต่อแบบสลับกัน
3 : แรนดอมโคพอลิเมอร์ (Random copolymer) ประกอบด ้วย มอนอเมอร์มากกว่าหนึงชนิดเรียงต่อแบบสุม ่
ี นเส ้นตรง
4 : กราฟท์โคพอลิเมอร์ (Graft copolymer) ประกอบด ้วย มอนอเมอร์มากกว่าหนึงชนิดเรียงต่ออยูใ่ นสายโซ่ทเป็
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 55 :
ปั จจัยใดมีผลต่อสมบัตเิ ชิงกลของพอลิเมอร์แบบกึงผลึก (Semicrystalline polymers)

1 : นํ าหนักโมเลกุล (Molecular weight)


2 : ระดับของสภาพเป็ นผลึก (Degree of crystallinity)
3 : การอบอ่อน (Annealing)
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 56 :
จากกราฟความเค ้น-ความเครียด (Stress-strain plot) กราฟเส ้นใดแสดงสมบัตข
ิ องวัสดุยด
ื หยุน
่ (Elastomeric polymer)

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 6/74
7/2/2019 สภาวิศวกร

1:I
2 : II
3 : III
4 : IV
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 57 :
พอลิเมอร์ใดต่อไปนีเป็ นเทอร์โมพลาสติก (Thermoplastics)

1 : PVC
2 : Epoxy resins
3 : Polyester
4 : Melamine
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 58 :
ข ้อใดต่อไปนีไม่ใช่พอลิเมอร์

1 : พอลิเอทิลน ี (Polyethylene)
2 : พอลิคาร์โบเนต (Polycarbonate)
3 : ซิลค ิ อนคาร์ไบด์ (Silicon carbide)
4 : ซิลโิ คน (Silicone)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 59 :
ี ํา
เพราะเหตุใดยางรถยนต์จงึ มีสด

1 : เนืองจากต ้องสัมผัสถนนซึงมีความสกปรก จึงผสมสีดําลงไป


ี ําลงไป
2 : เนืองจากต ้องการให ้มีความแข็งแรงขึน จึงใส่สารเสริมแรงชนิดหนึงซึงมีสด
3 : เพือให ้ง่ายต่อการดูแลรักษา
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 60 :
โดยทัวไปพอลิเมอร์มส
ี มบัตเิ ชิงกลในข ้อใดต่อไปนีมากกว่าวัสดุวศ
ิ วกรรมชนิดอืนๆ

1 : Tensile Strength
2 : Modulus of Elasticity
3 : Yield Strength
4 : Elongation
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 61 :
ิ ทีใช ้ในการผลิตพอลิเมอร์มาจากแหล่งใด
วัตถุดบ

1 : แก๊สธรรมชาติ
2 : นํ ามันปิ โตรเลียม
3 : ผลิตผลทางการเกษตร
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 62 :
ข ้อใดต่อไปนีไม่ใช่ลก
ั ษณะหรือสมบัตข
ิ องเทอร์โมเซตติง (Thermosetting)

1 : มีโครงสร ้างตาข่าย
2 : นํ ามาขึนรูปใหม่ไม่ได ้
3 : ทนแรงกระแทกได ้ดี
4 : ทนความร ้อนได ้ดี
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 63 :
ข ้อใดต่อไปนีไม่ใช่โครงสร ้างของโคพอลิเมอร์ (Copolymer)

1 : โครงสร ้างแบบบล็อก (Block)


2 : โครงสร ้างแบบสลับ (Alternating)
3 : โครงสร ้างแบบเชิงเส ้น (Linear)
4 : โครงสร ้างแบบสุม่ (Random)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 64 :
ขวดพลาสติกใสทีใช ้บรรจุนําอัดลมในท ้องตลาดมักทําด ้วยพอลิเมอร์ชนิดใด

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 7/74
7/2/2019 สภาวิศวกร

1 : พอลิโพรพิลนี (Polypropylene)
2 : พอลิสไตรีน (Polystyrene)
3 : พอลิเอทิลน
ี เทอร์ฟาทาเลต (Polyethylene terephthalate)
4 : พอลิเมทิล เมทาครีเลต (Polymethyl methacrylate)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 65 :
เราสามารถเพิมสมบัตใิ นการรับแรงกระแทกให ้กับพลาสติกทีเปราะได ้โดยการผสมสิงใดต่อไปนีลงไปในพลาสติก

1 : ยาง (Rubber)
2 : สารเสริมแรง (Reinforcing filler)
3 : สารป้ องกันการแตกหักของสายโซ่โมเลกุล (Stabilizer)
4 : สารเพิมเนือ (Extender)
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 66 :
ถ ้านํ าขวดพลาสติกทีทําจากพอลิเอทิลน
ี ไปบรรจุนําอัดลมและปิ ดฝาให ้แน่น จะเกิดสิงใดขึน

1 : ไม่มส ิ
ี งใดเปลี
ยนแปลง
2 : นํ าอัดลมจะมีสท ี จางลง

3 : แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จะระเหยออกไป
4 : ปริมาณของนํ าอัดลมจะลดลง
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 67 :
ข ้อใดต่อไปนีไม่เป็ นความจริง

1 : โดยทัวไป พอลิเมอร์มค ี า่ การนํ าความร ้อนทีตํากว่าโลหะมาก


2 : โดยทัวไป อากาศมีคา่ การนํ าความร ้อนทีตํากว่าพอลิเมอร์มาก
3 : โดยทัวไป พอลิเมอร์มค ี า่ สัมประสิทธิของการขยายตัวเมือได ้รับความร ้อนมากกว่าโลหะ
4 : โดยทัวไป เซรามิกมีคา่ สัมประสิทธิของการขยายตัวเมือได ้รับความร ้อนมากกว่าพอลิเมอร์
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 68 :
กระบวนการในข ้อใดต่อไปนีเป็ นกระบวนการสร ้างพอลิเมอร์จากมอนอเมอร์

1 : Monomerization
2 : Polymerization
3 : Hydration
4 : Annealing
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 69 :
เทฟลอน (Teflon) คือชือทางการค ้าของพอลิเมอร์ในข ้อใด

1 : Polystyrene
2 : Polyurethane
3 : Polytetrafluoroethylene
4 : Polyvinyl chloride
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 70 :
พลาสติกในข ้อใดทีสามารถนํ ามาให ้ความร ้อนแล ้วหลอมเหลวเพือนํ าไปขึนรูปใหม่ได ้

1 : ไนลอน
2 : เมลามีน
3 : เบคาไลท์
4 : อีพอกซี
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 71 :
ข ้อใดจัดเป็ นวัสดุอล
ี าสโตเมอร์

1 : เมลามีน
2 : อะคริลค ิ
3 : ซิลโิ คน
4 : เทฟลอน
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 72 :
ข ้อใดกล่าวไม่ถก
ู ต ้อง

1 : เทอร์โมเซตติงมีความแข็งแกร่งสูง เนืองจากมีโครงสร ้างตาข่ายทีแน่นหนา


2 : เทอร์โมพลาสติกแสดงพฤติกรรมทางความร ้อนด ้วยการเปลียนแปลงสมบัตท ิ างกายภาพเพียงอย่างเดียว
3 : อีลาสโตเมอร์แสดงพฤติกรรมทางความร ้อนด ้วยการเปลียนแปลงทางกายภาพและทางเคมีโดยมีโครงสร ้างตาข่ายหลวมๆ เกิดขึน
4 : เทอร์โมเซตติงสามารถนํ ามาให ้ความร ้อนแล ้วหลอมเหลวเพือนํ าไปขึนรูปใหม่ได ้
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 73 :
ข ้อใดกล่าวเกียวกับ Tg ของพอลิเมอร์ถก
ู ต ้องทีสุด

1 : Tg เป็ นอุณหภูมท ิ ใชี ้บ่งบอกการเปลียนสถานะของพอลิเมอร์จากแข็งเปราะเป็ นหลอมเหลว


2 : ถ ้าพอลิเมอร์ถกู นํ าไปใช ้งาน ณ อุณหภูมส
ิ งู กล่าว Tg พอลิเมอร์นันจะมีความแข็งเปราะ
3 : Tg เป็ นสมบัตทิ างความร ้อนของพอลิเมอร์ทแสดงการเปลี
ี ยนสถานะในส่วนทีเป็ นอสัณฐาน (Amorphous region)
o
4 : ถ ้า Tg ของพอลิเมอร์เท่ากับ -20 C แสดงว่า เมือนํ ามาใช ้งาน ณ อุณหภูมห ิ ้อง (25oC) จะมีความแข็งเปราะ

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 8/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

เนือหาวิชา : 240 : 03 Engineering ceramics

ข ้อที 74 :
ปฏิกริ ย
ิ าทีเกิดขึนเมือผสมซีเมนต์กบ
ั นํ าคือปฏิกริ ย
ิ าใด

1 : ปฏิกริ ย
ิ า Hydration
2 : ปฏิกริ ยิ า Oxidation
3 : ปฏิกริ ย ิ า Reduction
4 : ปฏิกริ ย ิ า Dehydration
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 75 :
การเติมแร่ยป
ิ ซัม (Gypsum) ลงในซีเมนต์มวี ต
ั ถุประสงค์อย่างไร

1 : เพือลดต ้นทุนวัตถุดบิ
2 : เพือควบคุมเวลาการแข็งตัวของซีเมนต์
3 : เพือเพิมความแข็งแรงให ้กับซีเมนต์
ี ายุการใช ้งานทีนานขึน
4 : เพือให ้ซีเมนต์มอ
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 76 :
ทําไมเซรามิกโดยทัวไปมีสมบัตท
ิ แข็
ี ง (Hard) และเปราะ (Brittle) กว่าโลหะ

1 : การเคลือนทีของ Dislocation เกิดขึนในเซรามิกได ้ง่ายกว่าโลหะ


2 : เซรามิกทัวไปยึดกันด ้วยพันธะแวนเดอร์วาลส์ แต่โลหะยึดกันด ้วยพันธะโลหะ
3 : ในเซรามิก ระนาบอะตอมเกิดการเลือน (Slip) ได ้บางระนาบเท่านัน
4 : เซรามิกมีความหนาแน่นสูงกว่าโลหะ
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 77 :
ข ้อใดไม่ใช่สมบัตข
ิ องเซรามิก

1 : เป็ นฉนวนทังทางความร ้อนและไฟฟ้ า


2 : ความต ้านทานต่อแรงกระแทกตํา
3 : ทนต่อแรงดึงได ้ดี
4 : เฉือยต่อการเกิดปฏิกริ ย
ิ าเคมี
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 78 :
ข ้อใดไม่ใช่ผลทีเกิดจากการเกิดรูพรุน (Porosity) ในเนืออิฐทนไฟ

1 : อิฐทนไฟเป็ นฉนวนทางความร ้อนทีดีขน



2 : อิฐทนไฟสามารถทนต่อการเปลียนแปลงอุณหภูมไิ ด ้ดีขน

3 : อิฐทนไฟมีความต ้านทานต่อการผุกร่อนดีขน

4 : อิฐทนไฟมีความแข็งแรงลดลง
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 79 :
วัสดุในข ้อใดเหมาะทีจะทําเป็ นวัสดุขด
ั ถู (Abrasive material)

1 : เหล็ก
2 : อะลูมนิ า
3 : พอลิเอทิลนี
4 : ไม ้
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 80 :
Glass transition temperature คืออะไร

1 : อุณหภูมจ
ิ ด ุ หลอมเหลว (Melting point) ของแก ้ว
2 : อุณหภูมทิ แก ี ้วมีสภาพการนํ าไฟฟ้ า
3 : อุณหภูมท ิ แก ี ้วเปลียนจากสภาพทีมีความหนืดสูงเป็ นสภาพทีแข็งและเปราะ
4 : อุณหภูมท ิ แก ี ้วกลายเป็ นไอ
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 81 :
ข ้อใดไม่ใช่เซรามิกวิศวกรรม (Engineering ceramic)

1 : พอร์ซเิ ลน (Porcelain)
2 : อะลูมนิ า (Alumina)
3 : ซิลก
ิ อนไนไตรด์ (Silicon nitride)
4 : เซอร์โคเนีย (Zirconia)
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 82 :
เซรามิกลักษณะใดทีไม่เหมาะสมสําหรับการนํ ามาใช ้ทําเป็ นกระดูกเทียม

1 : เซรามิกทีมีสมบัตติ ้านทานการผุกร่อนทีดี
2 : เซรามิกทีมีความหนาแน่นสูง
3 : เซรามิกทีมีความแข็งแรงสูง
4 : เซรามิกทีสามารถยึดติดกับเนือเยือได ้ดี
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 9/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
ข ้อที 83 :
ทําไมปั จจุบน ิ า (Alumina) มาใช ้ทําหัวเทียนแทนโลหะ
ั นิยมนํ าเซรามิกวิศวกรรม เช่น อะลูมน

1 : เซรามิกมีความแข็งแรงมากกว่าโลหะทีอุณหภูมส
ิ งู
2 : เซรามิกเป็ นวัสดุเปราะกว่าโลหะ
3 : เซรามิกมีการนํ าไฟฟ้ าทีดีกว่าโลหะ
4 : เซรามิกมีความหนาแน่นตํากว่าโลหะ
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 84 :
ข ้อใดกล่าวถูกต ้อง

1 : การขึนรูปแก ้วจะทําขณะทีแก ้วมีสภาพเป็ นของเหลวทีมีความหนืดสูง


2 : การขึนรูปแก ้วจะเกิดปฏิกริ ย
ิ า Sintering
3 : แก ้วโดยทัวไปเป็ นของแข็งทีมีผลึก
4 : หลังจากขึนรูปแก ้วแล ้วต ้องนํ าแก ้วไปอบและเผา
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 85 :
การเพิมความแข็งแรงให ้กับแก ้วโดยวิธเี ทมเปอร์ (Temper) หรือ Chemical treatment มีหลักการอย่างไร

1 : ทําให ้เกิดความเค ้นแรงดึงทีผิวและความเค ้นแรงอัดภายในเนือแก ้ว


2 : ทําให ้เกิดความเค ้นแรงอัดทีผิวและความเค ้นแรงดึงภายในเนือแก ้ว
3 : ทําให ้เกิดความเค ้นแรงอัดในเนือแก ้ว
4 : ทําให ้เกิดความเค ้นแรงดึงในเนือแก ้ว
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 86 :
เซรามิกประเภทใดมีความเหนียว (Toughness) ดีทสุ
ี ดทีอุณหภูมห
ิ ้อง

1 : ซิลก
ิ อนไนไตรด์ (Silicon nitride)
2 : ซิลกิ อนคาร์ไบด์ (Silicon carbide)
3 : อะลูมน ิ า (Alumina)
4 : Partially stabilized zirconia
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 87 :
Glass-ceramic แตกต่างจาก แก ้ว (Glass) อย่างไร

1 : แก ้วโปร่งใสแต่ Glass-ceramic ไม่โปร่งใส


2 : แก ้วไม่นําไฟฟ้ า แต่ Glass-ceramic นํ าไฟฟ้ า
3 : แก ้วนํ าความร ้อนได ้ไม่ด ี แต่ Glass-ceramic สามารถนํ าความร ้อนได ้
4 : แก ้วทนการเปลียนแปลงความร ้อน (Thermal shock) ได ้ แต่ Glass-ceramic ทนไม่ได ้
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 88 :
Pyroelectric ceramic มีสมบัตเิ ด่นในข ้อใด

1 : สามารถเปลียนสมบัตท
ิ างกลให ้เป็ นสมบัตไิ ฟฟ้ า
2 : สามารถเปลียนสมบัตทิ างไฟฟ้ าให ้เป็ นสมบัตท ิ างกล
3 : สามารถเปลียนสมบัตท ิ างไฟฟ้ าให ้เป็ นสมบัตท ิ างเคมี
4 : สามารถเปลียนสมบัตท ิ างความร ้อนให ้เป็ นสมบัตท ิ างไฟฟ้ า
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 89 :
เซรามิกประเภทแก ้วต่างจากเซรามิกโดยทัวไปอย่างไร

1 : แก ้วไม่มผ
ี ลึก แต่เซรามิกโดยทัวไปเป็ นโครงสร ้างทีมีผลึก (Crystalline)
2 : แก ้วสามารถดึงยืดได ้ แต่เซรามิกโดยทัวไปมีสมบัตเิ ปราะ
3 : แก ้วทนแรงดึงได ้ดี แต่เซรามิกทนแรงอัดได ้ดี
4 : แก ้วทนทานต่อสารเคมีได ้ดี แต่เซรามิกโดยทัวไปเกิดปฏิกริ ย ิ าได ้ง่าย
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 90 :
ผลิตภัณฑ์ใดต่อไปนีไม่จําเป็ นต ้องใช ้วัสดุเซรามิก

1 : กระสวยอวกาศ
2 : เตาเผา
3 : ลูกถ ้วยไฟฟ้ า (Electrical insulator)
4 : มีดผ่าตัด
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 91 :
ข ้อใดไม่ชว่ ยทําให ้วัสดุทผลิ
ี ตจากอะลูมน
ิ า (Alumina) มีสมบัตโิ ปร่งแสง (Translucent) ได ้

1 : อะลูมน ิ าทีใช ้มีความบริสท


ุ ธ์สงู มาก
2 : เป็ นวัสดุผลึกเดียว (Single crystal)
3 : การจัดเรียงตัวของผลึกมีทศ ิ ทางใกล ้เคียงกันมาก
4 : ขอบเกรน (Grain boundary) มีความหนามาก
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 92 :
กระถางปลูกต ้นไม ้ โอ่งดิน อิฐมอญ จัดเป็ นเซรามิกประเภทใด

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 10/74
7/2/2019 สภาวิศวกร

1 : Stoneware
2 : Earthenware
3 : Porcelain
4 : Bone China
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 93 :
วัสดุทนไฟทีใช ้ในเตาเผาอุณหภูมส
ิ งู มักทําจากวัสดุในข ้อใดต่อไปนี

1 : CaO
2 : Feldspar
3 : Cement
4 : Mullite
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 94 :
วัสดุแบเรียมไททาเนต (BaTiO3) มีโครงผลึกแบบใด

1 : โครงผลึกซีเซียมคลอไรด์
2 : โครงผลึกโซเดียมคลอไรด์
3 : โครงผลึกฟลูออไรด์
4 : โครงผลึกเพอรอฟสไกต์
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 95 :
ข ้อใดไม่ใช่วส
ั ดุโครงสร ้างซิลเิ กต

1 : อะลูมน ิ า
2 : ควอทซ์
3 : ไมก ้า
4 : ทัลค์
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 96 :
วัสดุเซรามิกมีพันธะชนิดใด

1 : พันธะโลหะ
2 : พันธะโควาเลนต์
3 : พันธะไอออนิก
4 : พันธะไอออนิกร่วมพันธะโควาเลนต์
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

เนือหาวิชา : 241 : 04 Asphalt wood and concrete

ข ้อที 97 :
ไม ้จัดเป็ นวัสดุประเภทใด

1 : วัสดุเชิงประกอบ
2 : พอลิคาร์บอเนต
3 : พอลิไวนิลคลอไรด์
4 : พอลิเมอร์
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 98 :
เพราะเหตุใดไม ้จึงรับแรงดัด (Bending force) ได ้ดี

1 : เส ้นใยเรียงตัวในทิศใดทิศหนึง
2 : มีความเหนียวสูง
3 : เนือไม ้มีความหนาแน่นสูง
4 : ไม ้มีนําหนักเบา
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 99 :
ข ้อใดเป็ นส่วนประกอบหลักของยางมะตอย (Asphalt)

1 : ธาตุคาร์บอน (C) และ ไนโตรเจน (N)


2 : ธาตุคาร์บอน (C) และ ไฮโดรเจน (H)
3 : ธาตุคาร์บอน (C) และ ซัลเฟอร์ (S)
4 : ธาตุคาร์บอน (C) และ ออกซิเจน (O)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 100 :
ไม ้มีสมบัตท
ิ างกลตามข ้อใด

1 : เท่ากันทุกทิศทาง
2 : ความแข็งแรงตามแนวความยาวมากกว่าแนวขวาง
3 : ความแข็งแรงขนานเส ้นใยตํากว่าความแข็งแรงตังฉาก
4 : โมดูลสั เท่ากันทุกทิศทาง
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 101 :
ยางมะตอย (Asphalt) และยางมะตอยผสม (Asphalt mix) มีสมบัตต
ิ า่ งกันอย่างไร

1 : ยางมะตอยมีแรงเสียดทาน (Friction) มากกว่ายางมะตอยผสม

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 11/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
2 : ยางมะตอยผสมมีแรงเสียดทาน (Friction) มากกว่ายางมะตอย
3 : ยางมะตอยและยางมะตอยผสมใช ้ทําพืนรับแรงทีมีสมบัตใิ กล ้เคียงกัน
4 : ยางมะตอยแข็งแรงมากกว่ายางมะตอยผสม
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 102 :
การใช ้คอนกรีตในการก่อสร ้าง คอนกรีตถูกใช ้เพือให ้รับแรงประเภทใด

1 : แรงดึง (Tension)
2 : แรงอัด (Compression)
3 : แรงเฉือน (Shear)
4 : แรงบิด (Torsion)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 103 :
ความสามารถในการทํางาน (Workability) ของคอนกรีตสามารถทดสอบด ้วยวิธใี ด

1 : การทดสอบความล ้า (Fatigue test)


2 : การทดสอบโดยใช ้แรงอัด (Compressive test)
3 : การทดสอบความแข็งแบบบริเนลล์ (Brinell)
4 : การทดสอบการยุบตัว (Slump test)
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 104 :
ส่วนประกอบหลักของคอนกรีตคือข ้อใด

1 : ทราย (Sand) หินฟั นม ้า (Feldspar) และซีเมนต์ (Cement)


2 : หินย่อย (Aggregate) หินฟั นม ้า (Feldspar) และซีเมนต์ (Cement)
3 : ทราย (Sand) หินย่อย (Aggregate) และซีเมนต์ (Cement)
4 : ทราย (Sand) หินย่อย (Aggregate) และบิทเู มน (Bitumen)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

เนือหาวิชา : 242 : 05 Phase equilibrium diagrams and their interpretation

ข ้อที 105 :
สมการ delta ferrite + L --> austenite เรียกปฏิกริ ย
ิ านีว่าปฏิกริ ย
ิ าใด

1 : Eutectoid
2 : Eutectic
3 : Peritectic
4 : Peritectoid
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 106 :
ข ้อใดไม่ใช่ข ้อมูลทีสามารถทราบได ้จากแผนภาพเฟส (Phase diagram)

1 : สภาพการละลายได ้ของธาตุหนึงในอีกธาตุหนึง
2 : อุณหภูมท
ิ สารเริ
ี มหลอมละลาย
3 : ความดันทีสารเปลียนเฟส
4 : ปริมาตรของสารทีหลอมเหลว
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 107 :
ข ้อใดไม่ใช่ข ้อมูลทีสามารถทราบได ้จากแผนภาพเฟส (Phase diagram)

1 : อุณหภูมท
ิ โลหะผสมเริ
ี มแข็งตัวเป็ นของแข็ง
2 : สภาพการละลายได ้ของธาตุหนึงในอีกธาตุหนึง ณ สภาวะสมดุล
3 : เฟสต่างๆ ทีมีอยูใ่ นเนือวัสดุ
4 : ขนาดและรูปร่างของโครงสร ้างจุลภาค
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 108 :

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 12/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
ข ้อใดคือปฏิกริ ย
ิ าทีเกิดขึนในแผนภาพเฟสของ Fe-Fe3C ทีกําหนดให ้

1 : Peritic, Eutectic, Eutectoid


2 : Peritectic, Eutectic, Eutectoid
3 : Peritectic, Eutectic, Eutectertic
4 : Peritectic, Eutectic, Monotectic
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 109 :
ปฏิกริ ย
ิ ายูเทกทอยด์ (Eutectoid) ของเหล็กกล ้าคาร์บอน เกิดทีปริมาณคาร์บอนกีเปอร์เซ็นต์โดยนํ าหนัก

1 : 0.025%
2 : 0.8%
3 : 2.0%
4 : 4.3%
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 110 :
ี นตัวอย่างช ้าๆ ผ่านปฏิกริ ย
โครงสร ้างใดคือโครงสร ้างของเหล็กกล ้าคาร์บอนส่วนผสมยูเทกทอยด์ทเย็ ิ ายูเทคทอยด์ เรียกโครงสร ้างทีเกิดขึนว่าอะไร

1 : เฟร์ไรต์ (Ferrite)
2 : เพอร์ไลต์ (Pearlite)
3 : ออสเทไนต์ (Austenite)
4 : ซีเมนไทต์ (Cementite)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 111 :
ข ้อใดไม่ใช่ข ้อมูลทีได ้จากการอ่านแผนภาพเฟสในสภาวะทีสมดุล

1 : ชนิดของเฟสทีเกิดขึน
2 : ปริมาณของเฟสทีเกิดขึน
3 : อุณหภูมท
ิ สารเริ
ี มแข็งตัว (Solidify) หรือหลอมเหลว (Melt)
4 : ชนิดของโครงสร ้างผลึกของเฟสทีเกิดขึน
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 13/74
7/2/2019 สภาวิศวกร

ข ้อที 112 :
สารละลาย (Solution) และของผสม (Mixture) แตกต่างกันอย่างไร

1 : สารละลายจะเกิดการแยกกันของสารทําให ้เกิดเฟสมากกว่าหนึงเฟส ของผสมจะเกิดเป็ นเนือเดียวกันมีเพียงหนึงเฟส


2 : สารละลายจะเกิดเฉพาะในของเหลวเท่านัน ของผสมจะเกิดจากการผสมของเหลวและของแข็งด ้วยกัน
3 : สารละลายจะเกิดเป็ นเนือเดียวกันมีเพียงหนึงเฟส ของผสมจะเกิดการแยกกันของสารทําให ้เกิดเฟสมากกว่าหนึงเฟส
4 : สารละลายจะเกิดจากการรวมกันของของเหลวและของแข็งเป็ นเฟสเดียว ของผสมจะเกิดจากการรวมกันของสารทําให ้กลายเป็ นเฟสเดียว
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 113 :
เส ้น Liquidus มีความสําคัญอย่างไร

1 : ภายใต ้สภาวะทีสมดุล เฟสจะเป็ นเฟสของเหลวทังหมดทีอุณหภูมต ิ ํากว่าเส ้น Liquidus


2 : ภายใต ้สภาวะทีสมดุล อุณหภูมท
ิ อยู ่ ํากว่าเส ้น Liquidus เฟสของเหลวเปลียนเป็ นเฟสของแข็ง
ี ต
3 : ภายใต ้สภาวะทีสมดุล เฟสของแข็งชนิดหนึงจะเริมเกิดเป็ นเฟสของแข็งมากกว่าหนึงชนิดทีเส ้น Liquidus
4 : ภายใต ้สภาวะทีสมดุล อุณหภูมสิ งู กว่าเส ้น Liquidus เฟสของเหลวเริมเกิดเป็ นเฟสของแข็งทังหมด
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 114 :
เส ้น Solidus มีความสําคัญอย่างไร

1 : ภายใต ้สภาวะทีสมดุล เฟสของแข็งชนิดหนึงจะเริมเกิดเป็ นเฟสของแข็งมากกว่าหนึงชนิดทีเส ้น Solidus


2 : ภายใต ้สภาวะทีสมดุล อุณหภูมท
ิ อยู
ี ต ่ ํากว่าเส ้น Solidus จะประกอบด ้วยเฟสของเหลวและเฟสของแข็ง
3 : ภายใต ้สภาวะทีสมดุล อุณหภูมทิ อยู
ี ต ่ ํากว่าเส ้น Solidus เฟสของเหลวจะเปลียนเป็ นเฟสของแข็งทังหมด
4 : ภายใต ้สภาวะทีสมดุล อุณหภูมท ิ อยู
ี ส ่ งู กว่าเส ้น Solidus จะประกอบด ้วยเฟสของแข็งทังหมด
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 115 :
ั ษณะของเส ้น Solvus
ข ้อใดไม่ใช่ลก

1 : ภายใต ้สภาวะทีสมดุล เฟสของแข็งชนิดหนึงจะเริมเกิดเป็ นเฟสของแข็งมากกว่าหนึงชนิดทีเส ้น Solvus


2 : ภายใต ้สภาวะทีสมดุล อุณหภูมท ิ อยู ่ ํากว่าเส ้น Solvus จะประกอบด ้วยเฟสของเหลวและเฟสของแข็ง
ี ต
3 : ภายใต ้สภาวะทีสมดุล เส ้น Solvus จะเป็ นเส ้นแสดงขีดจํากัดการละลาย (Solubility limit) ของเฟสของแข็งสองเฟส
4 : ภายใต ้สภาวะทีสมดุลอุณหภูมท ิ เหนื
ี อเส ้น Solvus เป็ นเฟสของแข็งทังหมด
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 116 :
ข ้อใดไม่ทําให ้เกิด Isomorphous systems

1 : โครงสร ้างผลึกของแต่ละธาตุมโี ครงสร ้างแบบเดียวกัน


2 : ธาตุแต่ละตัวต ้องรวมกันเกิดเป็ นสารประกอบ (Compound)
3 : ขนาดของอะตอมทังสองธาตุมค ี วามแตกต่างกันไม่เกิน 15%
4 : ธาตุแต่ละตัวควรมีคา่ Valence electron เหมือนกัน
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 117 :
จากแผนภาพเฟสของทองแดง (Cu) – นิกเกิล (Ni) โลหะผสมประกอบด ้วยทองแดง 47%โดยนํ าหนักและนิกเกิล 53% โดยนํ าหนัก ที 1300 องศาเซลเซียส
ประกอบด ้วยเฟสอะไร

1 : เฟสของเหลว และเฟสของแข็ง α
2 : เฟสของแข็ง α
3 : เฟสสารประกอบ Cu-Ni
4 : เฟสของเหลว
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 118 :
จากแผนภาพเฟสของทองแดง (Cu) – นิกเกิล (Ni) โลหะผสมประกอบด ้วยทองแดง 30% โดยนํ าหนักและนิกเกิล 70% โดยนํ าหนัก ถูกให ้ความร ้อนจากอุณหภูม ิ
ห ้อง อยากทราบว่าเฟสของเหลวเริมเกิดขึนทีอุณหภูมใิ ด

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 14/74
7/2/2019 สภาวิศวกร

1 : ประมาณ 1200 องศาเซลเซียส


2 : ประมาณ 1300 องศาเซลเซียส
3 : ประมาณ 1350 องศาเซลเซียส
4 : ประมาณ 1380 องศาเซลเซียส
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 119 :
ข ้อใดไม่เกียวข ้องกับการเกิดโครงสร ้างแกน (Cored structure)

1 : เกิดในสภาวะทีไม่สมดุล
2 : เกิดจากความเข ้มข ้นของส่วนประกอบทางเคมี (Chemical composition) ในแต่ละส่วนต่างกัน
3 : สามารถแก ้ไขได ้โดยการทํากรรมวิธท
ี างความร ้อน (Heat treatment)
4 : การเย็นตัวลงอย่างช ้าๆ
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 120 :
จากแผนภาพเฟสของทองแดง (Cu) – นิเกิล (Ni) โลหะผสมประกอบด ้วยทองแดง 47%โดยนํ าหนักและนิเกิล 53%โดยนํ าหนักที 1300 องศาเซลเซียส ประกอบ
ด ้วยเฟสสองเฟส คือ เฟสของแข็ง α ซึงมีสว่ นประกอบโดยนํ าหนักของทองแดง 42% และ นิเกิล 58% และเฟสของเหลวซึงมีสว่ นประกอบโดยนํ าหนักของ
ทองแดง 55% และ นิเกิล 45% อยากทราบเปอร์เซ็นต์โดยนํ าหนักของเฟสทังสองของโลหะผสมนี

1 : เปอร์เซ็นต์ของเฟสของเหลว คือ 61.5% และ เปอร์เซ็นต์ของเฟสของแข็ง α คือ 38.5%


2 : เปอร์เซ็นต์ของเฟสของเหลว คือ 38.5% และ เปอร์เซ็นต์ของเฟสของแข็ง α คือ 61.5%
3 : เปอร์เซ็นต์ของเฟสของเหลว คือ 44.5% และ เปอร์เซ็นต์ของเฟสของแข็ง α คือ 55.5%
4 : เปอร์เซ็นต์ของเฟสของเหลว คือ 55.5% และ เปอร์เซ็นต์ของเฟสของแข็ง α คือ 44.5%
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 121 :

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 15/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
จากแผนภาพเฟสของทองแดง (Cu) – นิกเกิล (Ni) ค่า Degree of freedom บนเส ้น Liquidus มีคา่ เท่าใด

1 : Degree of freedom = 0
2 : Degree of freedom = 1
3 : Degree of freedom = 2
4 : Degree of freedom = 3
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 122 :
จากแผนภาพเฟสของทองแดง (Cu) – สังกะสี (Zn) ในช่วงอุณหภูมต ิ งแต่
ั 500 องศาเซลเซียส ถึง 750 องศาเซลเซียส ของโลหะผสมทีมีเปอร์เซ็นต์โดยนํ าหนัก
ของสังกะสีตงแต่
ั 60% ถึง 100% มีปฏิกริ ย
ิ า Invariant ใดเกิดขึนบ ้าง

1 : Eutectic reaction และ Eutectoid reaction


2 : Peritectic reaction และ Eutectoid reaction
3 : Eutectic reaction และ Peritectoid reaction
4 : Monotectic reaction และ Eutectoid reaction
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 123 :

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 16/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
จากแผนภาพเฟสของ นิกเกิล (Ni)- ไททาเนียม (Ti) มีปฏิกริ ย
ิ า Invariant ใดเกิดขึนบ ้าง

1 : Monotectic reaction, Peritectic reaction และ Eutectoid reaction


2 : Monotectic reaction, Peritectic reaction และ Peritectoid reaction
3 : Peritectic reaction, Eutectic reaction และ Eutectoid reaction
4 : Eutectoid reaction, Peritectoid reactionและ Peritectic reaction
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 124 :
จากแผนภาพเฟสของทองแดง (Cu) – เงิน (Ag) โลหะผสมประกอบด ้วยทองแดง 10% โดยนํ าหนักและเงิน 90%โดยนํ าหนัก ถูกให ้ความร ้อนจนเกิดเฟสของแข็ง
และเฟสของเหลว ถ ้าส่วนประกอบของเฟสของเหลวประกอบด ้วยเงิน (Ag) 85%โดยนํ าหนัก อยากทราบว่าโลหะผสมนีถูกให ้ความร ้อนถึงอุณหภูมเิ ท่าใด

1 : ประมาณ 750 องศาเซลเซียส


2 : ประมาณ 800 องศาเซลเซียส
3 : ประมาณ 850 องศาเซลเซียส
4 : ประมาณ 950 องศาเซลเซียส
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 125 :

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 17/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
จากแผนภาพเฟสของทองแดง (Cu) – สังกะสี (Zn) โลหะผสมประกอบด ้วยทองแดง 20%โดยนํ าหนักและสังกะสี 80%โดยนํ าหนัก ที 598 องศาเซลเซียส

ประกอบด ้วยเฟสอะไร

1 : เฟสของเหลว และเฟสของแข็ง δ
2 : เฟสของเหลว และเฟสของแข็ง ε
3 : เฟสของแข็ง ε
4 : เฟสของเหลว เฟสของแข็ง δ และเฟสของแข็ง ε
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 126 :
จากแผนภาพเฟสของทองแดง (Cu) – เงิน (Ag) โลหะผสมประกอบด ้วยทองแดง 10%โดยนํ าหนัก และเงิน 90%โดยนํ าหนัก ถูกให ้ความร ้อนจนเกิดเฟสของแข็ง
β และเฟสของเหลว ถ ้าส่วนประกอบของเฟสของเหลวประกอบด ้วยเงิน (Ag) 85% โดยนํ าหนัก อยากทราบว่าเฟสของแข็ง β ประกอบด ้วยเงินกีเปอร์เซ็นต์โดยนํ า
หนัก

1 : ประมาณ 90% โดยนํ าหนัก


2 : ประมาณ 95% โดยนํ าหนัก
3 : ประมาณ 5% โดยนํ าหนัก
4 : ประมาณ 10% โดยนํ าหนัก
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 127 :

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 18/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
จากแผนภาพเฟสของทองแดง (Cu) – นิกเกิล (Ni) โลหะผสมประกอบด ้วยทองแดง 30%โดยนํ าหนักและนิเกิล 70%โดยนํ าหนัก ที 1350 องศาเซลเซียส
ประกอบด ้วยเฟสอะไร

1 : เฟสของเหลว
2 : เฟสของเหลว และเฟสของแข็ง α
3 : เฟสของแข็ง α
4 : เฟสของสารประกอบระหว่างทองแดงและนิเกิล
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 128 :
จากแผนภาพเฟสของทองแดง (Cu) – สังกะสี (Zn) โลหะผสมประกอบด ้วยทองแดง 20%โดยนํ าหนักและสังกะสี 80%โดยนํ าหนัก ที 800 องศาเซลเซียส

ประกอบด ้วยเฟสอะไร

1 : เฟสของเหลว
2 : เฟสของเหลว และเฟสของแข็ง δ
3 : เฟสของเหลว และเฟสของแข็ง ε
4 : เฟสของแข็ง γ
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 129 :

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 19/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
จากแผนภาพเฟสของทองแดง (Cu) – สังกะสี (Zn) โลหะผสมประกอบด ้วยทองแดง 20%โดยนํ าหนักและสังกะสี 80%โดยนํ าหนัก ที 500 องศาเซลเซียส

ประกอบด ้วยเฟสอะไร

1 : เฟสของเหลว
2 : เฟสของแข็ง ε
3 : เฟสของแข็ง δ
4 : เฟสของเหลว และเฟสของแข็ง ε
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 130 :
จากแผนภาพเฟสของตะกัว (Pb) – ดีบก
ุ (Sn) โลหะผสมประกอบด ้วยดีบก
ุ 40%โดยนํ าหนักและตะกัว 60%โดยนํ าหนัก ที 150 องศาเซลเซียส ประกอบด ้วยเฟส

อะไรบ ้าง

1 : เฟสของแข็งสองชนิดคือ (α Pb) และ (βSn)


2 : เฟสของแข็ง (α Pb) และเฟสของเหลว
3 : เฟสของแข็ง (βSn) และเฟสของเหลว
4 : เฟสของเหลว
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 131 :

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 20/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
จากแผนภาพเฟสของตะกัว (Pb) – ดีบก
ุ (Sn) โลหะผสมประกอบด ้วยดีบก
ุ 61.9%โดยนํ าหนักและตะกัว 38.1%โดยนํ าหนัก ที 183 องศาเซลเซียส ประกอบด ้วย

เฟสอะไรบ ้าง

1 : เฟสของแข็งสองชนิดคือ (α Pb) และ (βSn) และเฟสของเหลว


2 : เฟสของแข็ง (α Pb) และเฟสของเหลว
3 : เฟสของแข็ง (βSn) และเฟสของเหลว
4 : เฟสของแข็งสองชนิดคือ (α Pb) และ (βSn)
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 132 :
จากแผนภาพเฟสของตะกัว (Pb) – ดีบก
ุ (Sn) บริเวณทีเป็ น α มีความหมายว่าอย่างไร

1 : เฟสสารละลายของแข็ง (α Pb) ทีมีโครงสร ้างผลึกของดีบก


ุ และตะกัวอยูร่ ว่ มกัน
2 : เฟสสารละลายของแข็ง (α Pb) ทีมีโครงสร ้างผลึกของตะกัว และมีอะตอมของดีบก ุ แทรกอยูใ่ นโครงสร ้าง
3 : เฟสสารละลายของแข็ง (α Pb) ทีมีโครงสร ้างผลึกแตกต่างจากโครงสร ้างของดีบก ุ และตะกัว
4 : เฟสสารละลายของแข็ง (α Pb) ทีมีโครงสร ้างผลึกของดีบกุ และมีอะตอมของตะกัวแทรกอยูใ่ นโครงสร ้าง
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 133 :
ข ้อใดไม่ใช่ลก
ั ษณะของโครงสร ้างจุลภาคของส่วนประกอบ Eutectic

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 21/74
7/2/2019 สภาวิศวกร

1 : Lamellar
2 : Rodlike
3 : Globular
4 : Homogeneous
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 134 :
ปฏิกริ ย
ิ าต่อไปนี ข ้อใดไม่ใช่ปฏิกริ ย
ิ า Invariant

1 : Eutectic reaction
2 : Monotectic reaction
3 : Peritectoid reaction
4 : Oxidation reaction
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 135 :
จากแผนภาพเฟสของทองแดง (Cu) – นิกเกิล (Ni) ค่า Degree of freedom ระหว่างเส ้น Solidus และ Liquidus มีคา่ เท่าใด

1 : Degree of freedom = 0
2 : Degree of freedom = 1
3 : Degree of freedom = 2
4 : Degree of freedom = 3
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 136 :
ข ้อใดต่อไปนีเป็ นปฏิกริ ย
ิ า Monotectic

1:

2:

3:

4:
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 137 :
ี ารชุบทีใช ้ตัวกลางชนิดใดต่อไปนี ทีทําให ้เกิดอัตราการคายความร ้อนจากชินงานมากทีสุด
กรรมวิธก

1 : อากาศปกติ
2 : อากาศในเตาอบ
3 : นํ าเปล่า
4 : นํ ามัน
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 138 :
กรรมวิธก
ี ารอบชนิดใดต่อไปนี ทําให ้ชินงานมีความแข็งแรงสูงทีสุด

1 : การอบในกระบวนการ (Process annealing)


2 : การอบปรกติ (Normalizing)
3 : การอบอ่อนเต็มที (Full annealing)
4 : สเฟี ยรอยไดซิง (Spheroidizing)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 139 :
ในการอบอ่อนเต็มที (Full annealing) ชินงานถูกทําให ้เย็นลงด ้วยตัวกลางชนิดใด

1 : อากาศปรกตินอกเตาอบ
2 : อากาศในเตาอบ
3 : นํ าเปล่า

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 22/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
4 : นํ ามัน
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 140 :
ในการอบปรกติ (Normalizing) ชินงานถูกทําให ้เย็นลงด ้วยตัวกลางชนิดใด

1 : อากาศปรกตินอกเตาอบ
2 : อากาศในเตาอบ
3 : นํ าเปล่า
4 : นํ ามัน
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 141 :
ข ้อใดคือโครงสร ้างทีได ้จากการเย็นตัวอย่างช ้าๆ ของเหล็กกล ้าคาร์บอนตําทีมีโครงสร ้างออสเทไนต์ (Austenite)

1 : เพอร์ไลต์ (Pearlite) และ เฟร์ไรต์ (Ferrite)


2 : เพอร์ไลต์ (Pearlite) และ ซีเมนไทต์ (Cementite)
3 : เบไนต์ (Bainite)
4 : มาร์เทนไซต์ (Martensite)
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 142 :
จากแผนภาพการแปลงคงอุณหภูม ิ (Isothermal transformation diagram) ของเหล็กกล ้าคาร์บอน 1.13 wt%C ข ้อใดคือโครงสร ้างสุดท ้ายของชินงานเหล็กกล ้า
คาร์บอน 1.13 wt%C ขนาดเล็กทีถูกอบทีอุณหภูม ิ 920 องศาเซลเซียส จนมีโครงสร ้างเป็ นออสเทไนต์ (Austenite) ตลอดทังชินก่อนทําให ้เย็นตัวลงอย่างรวดเร็ว
จนชินงานมีอณ ิ
ุ หภูม ิ 400 องศาเซลเซียส และแช่ชนงานไว ้ทีอุณหภูมน
ิ นาน
ี 1 นาที ก่อนทําให ้เย็นตัวถึงอุณหภูมห
ิ ้อง

1 : ออสเทไนต์ (Austenite) และ เบไนต์ (Bainite)


2 : ออสเทไนต์ (Austenite) เบไนต์ (Bainite) และ มาร์เทนไซต์ (Martensite)
3 : เบไนต์ (Bainite) และ มาร์เทนไซต์ (Martensite)
4 : ซีเมนไทต์ (Cementite) เบไนต์ (Bainite)และ มาร์เทนไซต์ (Martensite)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 143 :
ข ้อใดคือวัตถุประสงค์ของการอบปรกติ (Normalizing)

1 : เพือปรับปรุงสมบัตเิ ชิงกลให ้ดีขน



2 : เพือปรับปรุงโครงสร ้างให ้สมําเสมอ
3 : เป็ นการทําลายความเครียดภายใน
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 144 :
ข ้อใดคือวัตถุประสงค์ของการอบอ่อน (Annealing)

1 : เพือเพิมความแข็งแรง
2 : เพือให ้ได ้โครงสร ้างทีมีความอ่อนตัวสูง
3 : เพือเพิมความแข็งให ้กับวัสดุ
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 145 :
ข ้อใดคือปั จจัยทีมีผลต่อความแข็งของเหล็กกล ้าคาร์บอนปานกลาง

1 : ปริมาณคาร์บอน
2 : อุณหภูมก ิ อ
่ นการชุบแข็ง
3 : อัตราการชุบแข็ง
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 23/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 146 :
โครงสร ้างเพอร์ไลต์ (Pearlite) ในเหล็กกล ้าเป็ นโครงสร ้างทีได ้จากปฏิกริ ย
ิ าอะไร

1 : ยูเทกติก (Eutectic)
2 : ยูเทกทอยด์ (Eutectoid)
3 : เพริเทกติก (Peritectic)
4 : เพริเทกทอยด์ (Peritectoid)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 147 :
ในภาวะสมดุล ณ อุณหภูมต ิ ํากว่าอุณหภูมย
ิ เู ทคทอยด์เล็กน ้อย โครงสร ้างเหล็กกล ้าคาร์บอนตํา (0.2wt%C) ประกอบด ้วยโครงสร ้างของเฟสกึงเสถียร (Metastable
phase) ใดบ ้าง และเกิดขึนในปริมาณเท่าใด

1 : เฟร์ไรต์ (Ferrite) 80% และ เพอร์ไลต์ (Pearlite) 20%


2 : เฟร์ไรต์ (Ferrite) 20% และ เพอร์ไลต์ (Pearlite) 80%
3 : เฟร์ไรต์ (Ferrite) 75% และ เพอร์ไลต์ (Pearlite) 25%
4 : เฟร์ไรต์ (Ferrite) 25% และ เพอร์ไลต์ (Pearlite) 75%
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 148 :
ลักษณะโครงสร ้างบริเวณรอบรอยเชือม (HAZ) ในเหล็กกล ้าคาร์บอนตําส่วนทีติดกับบริเวณหลอมเหลว (Fusion zone) ของรอยเชือมคือ ข ้อใดต่อไปนี

1 : โครงสร ้างมีขนาดเกรนหยาบ
2 : โครงสร ้างมีขนาดเกรนละเอียด
3 : โครงสร ้างเป็ นมาร์เทนไซต์ (Martensite)
4 : โครงสร ้างเป็ นเบไนต์ (Bainite)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 149 :
จากแผนภาพเฟสดีบก ุ -ตะกัว โครงสร ้างของโลหะผสมดีบก
ุ และตะกัวทีอุณหภูมต
ิ ํากว่า 183˚C เล็กน ้อย ประกอบด ้วยเฟส Proeutectic α 73.2% โดยนํ าหนัก และ
เฟสของ Eutectic (α + β) 26.8% โดยนํ าหนัก ส่วนผสมของโลหะนีคือข ้อใด

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 24/74
7/2/2019 สภาวิศวกร

1 : ดีบก
ุ 20% และตะกัว 80% โดยนํ าหนัก
2 : ดีบกุ 25% และตะกัว 75% โดยนํ าหนัก
3 : ดีบก ุ 30% และตะกัว 70% โดยนํ าหนัก
4 : ดีบก ุ 35% และตะกัว 65% โดยนํ าหนัก
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 150 :
จากแผนภาพเฟสดีบก
ุ -ตะกัว โลหะผสมของดีบก
ุ 85% และตะกัว 15% โดยนํ าหนัก จํานวน 750 กรัมทีอุณหภูมส
ิ งู กว่า 183˚C เล็กน ้อย ประกอบด ้วยเฟส

Proeutectic β กีกรัม

1 : 323.4
2 : 482.6
3 : 526.7
4 : 651.2
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 151 :

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 25/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
จากแผนภาพเฟสดีบก
ุ -ตะกัว โลหะผสมของดีบก
ุ 85% และตะกัว 15% โดยนํ าหนัก จํานวน 750 กรัมทีอุณหภูมต
ิ ํากว่า 183˚C เล็กน ้อย ประกอบด ้วยเฟส α กีกรัม

1 : 323.65
2 : 240.64
3 : 120.75
4 : 94.36
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 152 :
จากแผนภาพเฟสของทองแดง (Cu) – เงิน (Ag) โครงสร ้างของโลหะผสมทองแดงและเงินทีอุณหภูมต ิ ํากว่า 779˚C เล็กน ้อย ประกอบด ้วยเฟส Proeutectic α
68% โดยนํ าหนัก และเฟสของ Eutectic (α + β) 32% โดยนํ าหนัก ส่วนผสมของโลหะนีคือข ้อใด

1 : ทองแดง 10% และเงิน 90% โดยนํ าหนัก


2 : ทองแดง 15% และเงิน 85% โดยนํ าหนัก
3 : ทองแดง 20% และเงิน 80% โดยนํ าหนัก
4 : ทองแดง 25% และเงิน 75% โดยนํ าหนัก
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 153 :

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 26/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
โลหะผสมของทองแดง 70% และ เงิน 30% โดยนํ าหนัก จํานวน 800 กรัม ทีอุณหภูมต
ิ ํากว่า 779 องศาเซลเซียส เล็กน ้อย จะมีเฟสใดเกิดขึนบ ้างและเกิดขึนเป็ น

จํานวนเท่าใด

1 : เฟส (Cu) 410.5 กรัม และเฟส (Ag) 389.5 กรัม


2 : เฟส (Cu) 501.7 กรัม และเฟส (Ag) 298.3 กรัม
3 : เฟส (Cu) 524.6 กรัม และเฟส (Ag) 275.4 กรัม
4 : เฟส (Cu) 588.8 กรัม และเฟส (Ag) 211.5 กรัม
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 154 :
โลหะผสมของทองแดง 70% และ เงิน 30% โดยนํ าหนัก จํานวน 800 กรัม ทีอุณหภูมส
ิ งู กว่า 779 องศาเซลเซียส เล็กน ้อย จะมีเฟสใดเกิดขึนบ ้างและเกิดขึนเป็ น

จํานวนเท่าใด

1 : เฟส (Cu) 610.5 กรัม และเฟส (Ag) 189.5 กรัม


2 : เฟส (Cu) 510.7 กรัม และเฟส (Ag) 298.3 กรัม
3 : เฟส (Cu) 524.6 กรัม และเฟส (Ag) 275.4 กรัม
4 : เฟส (Cu) 730 กรัม และเฟส (Ag) 70 กรัม
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 155 :

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 27/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
จากแผนภาพเฟสของ นิกเกิล (Ni)- ไททาเนียม (Ti) ข ้อใดคือปฏิกริ ย
ิ า Eutectic ทีเกิดขึน

1:

2:

3:

4:
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 156 :
จากแผนภาพเฟสของ นิกเกิล (Ni) - ไททาเนียม (Ti) ข ้อใดคือปฏิกริ ย
ิ า Peritectic ทีเกิดขึน

1:

2:

3:

4:

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 28/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 157 :
ในระบบ Ternary ซึงประกอบด ้วยส่วนประกอบ 3 ชนิด อยากทราบว่าถ ้าให ้อุณหภูมส
ิ ามารถเปลียนแปลงได ้ แต่ความดันมีคา่ คงที จะมีจํานวนเฟสเกิดขึนได ้มาก
ทีสุดพร ้อมกันกีเฟสทีอุณหภูมแ
ิ ละส่วนประกอบเดียวกัน

1:5
2:4
3:3
4:2
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 158 :
จากแผนภาพเฟสทองแดง-เงิน ถ ้าโลหะผสมของทองแดง 70% และ เงิน 30% โดยนํ าหนัก จํานวน 800 กรัม ทีอุณหภูม ิ 800 องศาเซลเซียส จะมีเฟสใดเกิดขึน

บ ้างและเกิดขึนเป็ นจํานวนเท่าใด

1 : เฟส (Cu) 610.5 กรัม และเฟสของเหลว 189.5 กรัม


2 : เฟส (Cu) 549.6 กรัม และเฟสของเหลว 250.4 กรัม
3 : เฟส (Cu) 580.6 กรัม และเฟสของเหลว 219.4 กรัม
4 : เฟส (Cu) 730 กรัม และเฟสของเหลว 70 กรัม
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 159 :
ข ้อใดต่อไปนีไม่ใช่เฟสในเหล็กกล ้าคาร์บอน (Carbon steel)

1 : เหล็กบริสท ุ ธิ
2 : เฟร์ไรต์ (Ferrite)
3 : ซีเมนไทต์ (Cementite)
4 : ออสเทไนต์ (Austenite)
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 160 :
ซีเมนไทต์ (Cementite) ในเหล็กกล ้าคาร์บอนเป็ นเฟส (Phase) ชนิดใด

1 : ธาตุบริสท
ุ ธิ
2 : สารละลายของแข็ง (Solid solution)
3 : สารประกอบ (Compound)
4 : สารประกอบระหว่างโลหะ (Intermetallic compound)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 161 :

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 29/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
เหล็กกล ้าคาร์บอน 0.8wt%C ชุบในนํ าเย็นจากอุณหภูม ิ 1000 องศาเซลเซียส จะได ้โครงสร ้างใด

1 : มาร์เทนไซต์ (Martensite)
2 : เฟร์ไรต์ (Ferrite)
3 : เพอร์ไลต์ (Pearlite)
4 : ออสเทไนต์ (Austenite)
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 162 :
โลหะผสมในข ้อใดต่อไปนีทีสามารถเพิมความแข็งแรงโดยการบ่มแข็ง (Age hardening) ได ้

1 : Al + 4wt%Cu
2 : Al + 8wt%Cu
3 : Al + 12wt%Cu
4 : Al + 16wt%Cu
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 163 :

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 30/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
เฟสของแข็งเฟสแรกทีเกิดจากการแข็งตัวจากสภาวะของเหลวของ Al+20wt%Si คือข ้อใด

1 : (Al)
2 : (Si)
3 : Eutectic ((Al)+(Si))
4 : สารประกอบอะลูมเิ นียมซิลไิ ซด์
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 164 :
โครงสร ้างงานหล่อทองเหลือง (Zn+ 20wt%Cu) โดยทัวไป จะเป็ นดังในข ้อใด

1 : สารละลายของแข็ง (Solid solution) ส่วนผสมเท่ากันทุกตําแหน่ง


2 : สารละลายของแข็ง (Solid solution) ลักษณะเป็ นเดนไดรท์ (Dendrite)
3 : สารประกอบ (Compound) ส่วนผสมเท่ากันทุกตําแหน่ง
4 : สารประกอบ (Compound) ลักษณะเป็ นเดนไดรท์ (Dendrite)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 165 :

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 31/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
ช่วงการแข็งตัว (Freezing range) ของโลหะผสม Cu + 40wt%Ni มีคา่ ประมาณเท่าใด

1 : 10 องศาเซลเซียส
2 : 40 องศาเซลเซียส
3 : 100 องศาเซลเซียส
4 : 150 องศาเซลเซียส
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 166 :
โลหะผสม Cu + 40wt%Ni แข็งตัวอย่างช ้าๆ ในภาวะสมดุล การแข็งตัวจะเริมต ้นและสินสุดทีอุณหภูมใิ ดโดยประมาณ (องศาเซลเซียส)

1 : เริมต ้น 1455 สินสุด 1085


2 : เริมต ้น 1455 สินสุด 1240
3 : เริมต ้น 1280 สินสุด 1240
4 : เริมต ้น 1280 สินสุด 1085
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 167 :

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 32/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
โครงสร ้างทีเกิดขึนจากการแข็งตัวของโลหะผสม Pb + 30wt%Sn ในภาวะสมดุล ประกอบด ้วยโครงสร ้างยูเทกติก (Eutectic microconstituent) ประมาณเท่าใด

1 : 16%
2 : 26%
3 : 36%
4 : 46%
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 168 :
ข ้อมูลในข ้อใดต่อไปนีทีไม่สามารถหาได ้จากแผนภาพเฟส (Phase diagram)

1 : ชนิดของเฟสในภาวะสมดุล
2 : ส่วนผสมของเฟสในภาวะสมดุล
3 : ปริมาณของเฟสในภาวะสมดุล
4 : รูปร่างของเฟสในภาวะสมดุล
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 169 :
โครงสร ้างทีได ้จากกระบวนการมาร์เทมเปอริง (Martempering) คือโครงสร ้างใด

1 : เฟร์ไรต์ (Ferrite)
2 : เพอร์ไรต์ (Pearite)
3 : เบไนต์ (Bainite)
4 : มาร์เทนไซต์ (Martensite)
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 170 :
ธาตุใดส่งเสริมให ้เกิดแกรไฟต์ (Graphite) แทนทีจะเกิดคาร์ไบด์ (Carbide) ในเหล็กหล่อ

1 : Cr
2 : Mn
3 : Mo
4 : Si
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 171 :
วัตถุประสงค์หลักของการอบคืนไฟ (Tempering) คือข ้อใด

1 : เพิมความแข็งให ้กับเพอร์ไลต์ (Pearlite)


2 : เพิมความแข็งให ้กับมาร์เทนไซต์ (Martensite)
3 : เพิมความเหนียวให ้กับเพอร์ไลต์ (Pearlite)
4 : เพิมความเหนียวให ้กับมาร์เทนไซต์ (Martensite)
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 172 :
การอบปรกติ (Normalizing) สําหรับเหล็กกล ้า 0.2wt%C ควรอบทีอุณหภูมใิ ด (องศาเซลเซียส)

1 : 700
2 : 800
3 : 950
4 : 1050
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 33/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
ข ้อที 173 :
อุณหภูมท
ิ เหมาะสมในการบ่
ี มเพือเพิมความแข็ง (Aging) สําหรับโลหะผสม Al + 4wt%Cu คือข ้อใด (องศาเซลเซียส)

1 : 200
2 : 400
3 : 500
4 : 600
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 174 :
ในการหล่อโลหะผสม Cu + 10wt%Sn จะเกิดปฏิกริ ย
ิ าเพริเทกติก (Peritectic) ได ้หรือไม่

1 : ไม่สามารถเกิดได ้ เพราะส่วนผสมไม่ใช่สว่ นผสมเพริเทกติก


2 : ไม่สามารถเกิดได ้ เพราะปริมาณดีบก ุ น ้อยเกินไป
3 : สามารถเกิดได ้ในกรณีทการแข็
ี งตัวเป็ นไปอย่างไม่สมดุล
4 : สามารถเกิดได ้ในทุกกรณี ไม่วา่ การแข็งตัวจะเป็ นแบบสมดุลหรือไม่กต
็ าม
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 175 :
โครงสร ้างงานหล่อของโลหะชนิดใดต่อไปนีทีจะไม่มเี ดนไดรต์ (Dendrite) ปรากฏให ้เห็นอย่างชัดเจน

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 34/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
1 : ทองเหลือง
2 : อะลูมเิ นียมผสมซิลคิ อน
3 : เหล็กกล ้าคาร์บอนตํา
4 : เหล็กกล ้าไร ้สนิม
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 176 :
การเปลียนเฟสจากออสเทไนต์ (Austenite) เป็ นเบไนต์ (Bainite) ของเหล็กกล ้าคาร์บอน 0.8wt%C ทีอุณหภูม ิ 300 องศาเซลเซียส เกิดขึนได ้ค่อนข ้างช ้า เพราะ

เหตุใด

1 : แรงผลัก (Driving force) ตํา เนืองจากอุณหภูมต ิ ําเกินไป


2 : อัตราการแพร่ซม ึ (Diffusion rate) ของคาร์บอนตําเกินไป
3 : อัตราการแพร่ซม ึ (Diffusion rate) ของเหล็กตําเกินไป
4 : เหล็กมีปริมาณคาร์บอนสูงเกินไป
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

เนือหาวิชา : 243 : 06 Mechanical properties and testing

ข ้อที 177 :
แท่งทองเหลืองทรงกระบอกขนาดเส ้นผ่านศูนย์กลาง 10 มม. ยาว 150 มม. ได ้รับความร ้อนทีอุณหภูมห ิ ้อง (25 องศาเซลเซียส) จนมีอณ
ุ หภูมถ
ิ งึ 160 องศา
เซลเซียส ทําให ้เส ้นผ่านศูนย์กลางของแท่งทองเหลืองมีขนาดเพิมขึนเท่าไร กําหนดให ้ค่าสัมประสิทธิการขยายตัวทางความร ้อนของทองเหลือง คือ 20.0 (องศา
เซลเซียส x 10-6) และค่า Poisson’s Ratio = 0.34

1 : 0.0095 มม.
2 : 0.0270 มม.
3 : 0.0345 มม.
4 : 0.0375 มม.
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 178 :
วัสดุสว่ นใหญ่ในกลุม
่ ใดทีเปราะ (Brittle) มากทีสุด

1 : พลาสติก
2 : ยาง
3 : โลหะ
4 : เซรามิก
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 179 :
วัสดุสว่ นใหญ่ในกลุม
่ ใดมีสภาพยืดหยุน
่ ได ้ (Ductile) มากทีสุด

1 : โลหะ
2 : เซรามิก
3 : พอลิเมอร์
4 : วัสดุเชิงประกอบ
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 180 :
วัสดุสว่ นใหญ่ในกลุม
่ ใดมีความแข็งตึง (Stiffness) มากทีสุด

1 : โลหะ
2 : เซรามิก
3 : พลาสติก
4 : ยาง
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 181 :
การครีพ (Creep) ของวัสดุโลหะ หมายถึง การเสียรูปทีอุณหภูมส
ิ งู ในลักษณะใด

1 : การเสียรูปถาวรของวัสดุ (Plastic deformation) เนืองจากได ้รับแรงดึงเกินจุดคราก (Yield point) เป็ นเวลานานๆ


2 : การเสียรูปชัวคราวของวัสดุ (Elastic deformation) เนืองจากได ้รับแรงดึงเกินจุดคราก (Yield point) เป็ นเวลานานๆ
3 : การเสียรูปถาวรของวัสดุ (Plastic deformation) เนืองจากได ้รับแรงดึงตํากว่าจุดคราก (Yield point) เป็ นเวลานานๆ

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 35/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
4 : การเสียรูปชัวคราวของวัสดุ (Elastic deformation) เนืองจากได ้รับแรงดึงตํากว่าจุดคราก (Yield point) เป็ นเวลานานๆ
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 182 :
วัสดุในข ้อใดต่อไปนีมีความแข็ง (Hardness) มากทีสุด

1 : เหล็กหล่อขาว
2 : เหล็กกล ้าเครืองมือ
3 : อะลูมน
ิ า
4 : แท่งนาโนเพชร
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 183 :
ภายใต ้แรงดึงอย่างไรทีทําให ้เหล็กกล ้าคาร์บอนตําเสียรูปอย่างไม่สมําเสมอ (Non-uniform deformation)

1 : ใช ้แรงดึงน ้อยกว่าความต ้านแรงคราก (Yield strength)


2 : ใช ้แรงดึงมากกว่าความต ้านแรงคราก (Yield strength)
3 : ใช ้แรงดึงน ้อยกว่าความต ้านแรงดึง (Tensile strength)
4 : ใช ้แรงดึงมากกว่าความต ้านแรงดึง (Tensile strength)
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 184 :
สมบัตใิ ดบ่งชีถึงพลังงานทีวัสดุดด
ู กลืนไว ้ในช่วงการเสียรูปชัวคราวของวัสดุ (Elastic deformation) และเมือมีการปลดแรงกระทําออกแล ้ว พลังงานนีจะต ้องถูก
คลายกลับคืนมา

1 : ความเหนียว (Toughness)
ั ของรีซเิ ลียนซ์ (Modulus of resilience)
2 : มอดุลส
3 : ความแข็งแรง (Strength)
4 : อัตราส่วนของปั วซอง (Poisson’s ratio)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 185 :
สมบัตใิ ดบ่งชีถึงพลังงานทีวัสดุดด
ู กลืนไว ้ก่อนทีชินงานแตกหัก

1 : มอดุลส
ั ของสภาพยืดหยุน ่ (Modulus of elasticity)
2 : ความแข็งแรง (Strength)
3 : ความเหนียว (Toughness)
4 : อัตราส่วนของปั วซอง (Poisson’s ratio)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 186 :
สมบัตใิ ดบ่งชีการเปลียนแปลงขนาดของแท่งโลหะตามทิศทางการดึงเทียบกับขนาดเดิมในทิศทางนันต่อการเปลียนแปลงขนาดของแท่งโลหะในทิศทางตังฉาก
กับทิศทางการดึงเทียบกับขนาดเดิมในทิศทางนัน

1 : มอดุลส
ั ของสภาพยืดหยุน ่ (Modulus of elasticity)
2 : ความแข็งแรง (Strength)
3 : ความเหนียว (Toughness)
4 : อัตราส่วนของปั วซอง (Poisson’s ratio)
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 187 :
เซรามิกสามารถรับแรงชนิดใดได ้ดีทสุ
ี ด

1 : แรงดึง (Tension)
2 : แรงอัด (Compression)
3 : แรงบิด (Torsion)
4 : แรงกระแทก (Impact)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 188 :
ชินงานในลักษณะใดทีต ้านทานการเสียรูปด ้วยการดึงมากทีสุด

1 : ชินงานทีมีความแข็งตึงมาก (Stiffness)
2 : ชินงานทีมีความเหนียวมาก (Toughness)
3 : ชินงานทีมีสภาพดึงยืดได ้มาก (Ductility)
4 : ชินงานทีมีความแข็งแรงสูง (Strength)
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 189 :
การทดสอบใดทีเหมาะสมสําหรับหาค่าความเหนียว (Toughness) ของวัสดุมากทีสุด

1 : Impact test
2 : Bending test
3 : Creep test
4 : Hardness test
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 190 :
เครืองวัดความแข็งแบบบริเนลเหมาะสมสําหรับวัดความแข็งของวัสดุชนิดใดต่อไปนีมากทีสุด

1 : เหล็กหล่อเทา
2 : ยางพารา
3 : ไม ้สัก
4 : พลาสติก

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 36/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 191 :
แท่งโลหะผสมของอลูมเิ นียมมีเส ้นผ่านศูนย์กลาง 15 มิลลิเมตร นํ าไปทดสอบด ้วยแรงดึง (Tension) 24.5 กิโลนิวตัน ถ ้าเส ้นผ่านศูนย์กลางของโลหะผสมนีกลาย
เป็ น 14.5 มิลลิเมตร จงหาค่าความเค ้นทางวิศวกรรม (Engineering stress) ในหน่วย MPa

1 : 139
2 : 148
3 : 160
4 : 183
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 192 :
วัสดุในข ้อใดต่อไปนีมีความแข็งแรง (Strength) มากทีสุด

1 : ท่อนาโนคาร์บอน
2 : เหล็กหล่อเทา
3 : ไททาเนียมผสมนิเกิล
4 : เพชร
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 193 :
ข ้อใดถูกต ้อง

1 : ความเค ้นจริง คือ แรงกระทําต่อหนึงหน่วยพืนทีของชินงานเริมต ้นก่อนรับแรง


2 : ความเค ้นทางวิศวกรรม คือ แรงกระทําต่อหนึงหน่วยพืนทีของชินงานในขณะใด ๆ
3 : ความเครียดจริง คือ การเปลียนแปลงความยาวของชินงานต่อหนึงหน่วยความยาวของชินงานเริมต ้นก่อนการเปลียนแปลง
4 : ความเครียดทางวิศวกรรม คือ การเปลียนแปลงความยาวของชินงานต่อหนึงหน่วยความยาวของชินงานเริมต ้นก่อนการเปลียนแปลง
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 194 :
จงคํานวณค่ามอดุลส ั ของสภาพยืดหยุน ่ (Modulus of elasticity) ของวัสดุ M จากข ้อมูลต่อไปนี วัสดุ M ได ้รับแรงดึง (Tension) ซึงทําให ้เกิดการเสียรูปอย่าง
ชัวคราว (Elastic deformation) โดยมีคา่ ความเค ้นทางวิศวกรรม (Engineering stress) เท่ากับ 500 MPa และความเครียดทางวิศวกรรม (Engineering strain) เท่ากับ
0.001

1 : 500 GPa
2 : 50 GPa
3 : 5 GPa
4 : 0.5 GPa
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 195 :
ภายใต ้แรงดึง (Tension) อย่างไรทีทําให ้ชินงานเสียรูปแบบยืดหยุน
่ (Elastic deformation)

1 : ใช ้แรงดึงน ้อยกว่าความต ้านแรงคราก (Yield strength)


2 : ใช ้แรงดึงมากกว่าความต ้านแรงคราก (Yield strength)
3 : ใช ้แรงดึงน ้อยกว่าความต ้านแรงดึง (Tensile strength)
4 : ใช ้แรงดึงมากกว่าความต ้านแรงดึง (Tensile strength)
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 196 :
ภายใต ้แรงดึง (Tension) อย่างไรทีทําให ้ชินงานเสียรูปอย่างถาวร (Plastic deformation)

1 : ใช ้แรงดึงน ้อยกว่าความต ้านแรงคราก (Yield strength)


2 : ใช ้แรงดึงมากกว่าความต ้านแรงคราก (Yield strength)
3 : ใช ้แรงดึงน ้อยกว่าความต ้านแรงดึง (Tensile strength)
4 : ใช ้แรงดึงมากกว่าความต ้านแรงดึง (Tensile strength)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 197 :
ภายใต ้แรงดึง (Tension) อย่างไรทีทําให ้ชินงานอะลูมเิ นียมเสียรูปอย่างถาวรและสมําเสมอตลอดทังชินงาน (Uniform-plastic deformation)

1 : ใช ้แรงดึงน ้อยกว่าความต ้านแรงคราก (Yield strength)


2 : ใช ้แรงดึงมากกว่าความต ้านแรงคราก (Yield strength)
3 : ใช ้แรงดึงมากกว่าความต ้านแรงคราก (Yield strength) แต่น ้อยกว่าความต ้านแรงดึง (Tensile strength)
4 : ใช ้แรงดึงมากกว่าความต ้านแรงดึง (Tensile strength)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 198 :
ความสามารถในการเปลียนแปลงรูปร่างของวัสดุกอ
่ นการแตกหัก หมายถึง สมบัตข
ิ ้อใด

1 : ความแข็งตึง (Stiffness)

2 : สภาพดึงยืดได ้ (Ductility)
3 : ความยืดหยุน่ (Resilience)
4 : ความล ้า (Fatigue)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 199 :
ข ้อใดกล่าวผิด เกียวกับกฎของฮุก (Hooke’s law)

1 : ความสัมพันธ์ของความเค ้น (Stress) และความเครียด (Strain) ทีแปรผันตรงซึงกันและกัน


2 : ค่าคงทีของการแปรผันทีเป็ นไปตามกฎของฮุก คือ ค่ามอดุลส ั สภาพยืดหยุน่ (Modulus of elasticity)
3 : การเสียรูปทีเกิดขึนซึงความเค ้น (Stress) และความเครียด (Strain) แปรผันตรงซึงกันและกันนี เรียกว่า การเสียรูปอย่างถาวร (Plastic deformation)
4 : ค่ามอดุลสั สภาพยืดหยุน่ เป็ นค่าทีบอกถึงความแข็งตึง (Stiffness) ของวัสดุในการต ้านทานต่อการเสียรูปแบบยืดหยุน่ (Elastic deformation) ของวัสดุ

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 37/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 200 :
ความล ้า (Fatigue) ของวัสดุหมายถึงอะไร

1 : การยืดตัวทีละน ้อย เนืองจากวัสดุรับแรงเป็ นเวลานาน


2 : วัสดุมค
ี วามแข็งแรงลดลง เนืองจากรับแรงซําซาก
3 : การสึกหรอของชินงาน เนืองจากรับแรงซําซากเป็ นเวลานาน
4 : การแตกร ้าวของชินงาน เนืองจากรับแรงซําซากเป็ นเวลานาน
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 201 :
การทดสอบความแข็งของเหล็กหล่อเทา (Gray cast iron) ควรใช ้วิธท
ี ดสอบแบบใด

1 : บริเนลล์ (Brinell)
2 : วิกเกอร์ส (Vickers)
3 : รอคเวลล์ ซี (Rockwell C)
4 : รอคเวลล์ เอ (Rockwell A)
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 202 :
สภาพดึงยืดได ้ (Ductility) ของโลหะสามารถทดสอบได ้โดยวิธใี ด

1 : การทดสอบโดยใช ้แรงดึง (Tensile test)


2 : การทดสอบความแข็ง (Hardness test)
3 : การทดสอบโดยใช ้แรงกระแทก (Impact test)
4 : การทดสอบความล ้า (Fatigue test)
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 203 :
จงคํานวณค่าความเครียดทางวิศวกรรม (Engineering strain) ของวัสดุรป ู ร่างเป็ นแท่งยาว 2.2 เมตร และพืนทีหน ้าตัดเป็ นรูปสีเหลียมจัตรุ ัสมีความยาวแต่ละด ้าน
เท่ากับ 50 มิลลิเมตร เมือนํ าไปรับแรงดึงปรากฏว่าความยาวเพิมขึนเป็ น 2.202 เมตร

1 : 0.09
2 : 0.009
3 : 0.0009
4 : 0.00009
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 204 :
ู ทรงกระบอกเส ้นผ่านศูนย์กลาง 10 มิลลิเมตร ยาว 1 เมตร และถูกรับแรงดึงขนาด 50,000 N
จงคํานวณค่าความเค ้นทางวิศวกรรม (Engineering stress) ของวัสดุรป

1 : 640 GPa
2 : 640 MPa
3 : 640 kPa
4 : 640 Pa
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 205 :
ลวดทองแดงยาว 500 มิลลิเมตร มีคา่ มอดุลส ั ของสภาพยืดหยุน
่ (Modulus of elasticity) 110 GPa ถูกดึงด ้วยแรงดึงจนมีความเค ้น 350 MPa หากการเสียรูปทีเกิด
ขึนนีเป็ นการเสียรูปแบบยืดหยุน
่ (Elastic deformation) ลวดทองแดงจะถูกยืดออกจนมีความยาวเปลียนแปลงไปจากเดิมกีมิลลิเมตร

1 : 0.016
2 : 0.16
3 : 1.6
4 : 16
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 206 :
เมือนํ าวัสดุ A และวัสดุ B มาทดสอบแรงดึงได ้ความสัมพันธ์ระหว่างความเค ้นและความเครียดดังรูป จากผลการทดสอบ ข ้อใดต่อไปนีเปรียบเทียบสมบัตข
ิ องวัสดุ
A และวัสดุ B ได ้ถูกต ้องทีสุด

1 : วัสดุ A มีความแข็งตึง (Stiffness) มากกว่าวัสดุ B


2 : วัสดุ A มีความเหนียว (Toughness) มากกว่าวัสดุ B
3 : วัสดุ A มีความยืดหยุน
่ (Resilience) มากกว่าวัสดุ B
4 : วัสดุ A มีสภาพดึงยืดได ้ (Ductility) มากกว่าวัสดุ B
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 207 :
แท่งโลหะมีพนที
ื หน ้าตัดเป็ นรูปสีเหลียมผืนผ ้า มีขนาดกว ้างเท่ากับ 7 เซนติเมตร ความหนาเท่ากับ 3 เซนติเมตร ทําจากเหล็กกล ้าเกรด 1020 ซึงมีคา่ ความต ้าน
แรงดึง (Tensile strength) เท่ากับ 380 MPa และค่าความต ้านแรงคราก (Yield strength) เท่ากับ 180 MPa เมือแท่งโลหะนีได ้รับแรงดึง 25,000 นิวตัน จะเกิดการ
เสียรูปอย่างไร

1 : เกิดการเสียรูปแบบยืดหยุน

2 : เกิดการเสียรูปอย่างถาวรโดยเสียรูปอย่างสมําเสมอตลอดทังชินงาน
3 : เกิดการเสียรูปอย่างถาวรโดยเสียรูปอย่างไม่สมําเสมอตลอดทังชินงาน
4 : เกิดการเสียรูปอย่างถาวรโดยเสียรูปอย่างไม่สมําเสมอตลอดทังชินงานและแตกหัก
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 38/74
7/2/2019 สภาวิศวกร

ข ้อที 208 :
ชินงานทดสอบชนิดหนึงเมือได ้รับความเค ้น 30,000 lb/in2 จะก่อให ้เกิดความเครียดเท่ากับ 0.05 จงคํานวณหาค่ามอดุลส
ั ของสภาพยืดหยุน
่ (Modulus of
elasticity) ในหน่วย lb/in2 ของชินงานทดสอบนี

1:

2:

3:

4:
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 209 :
หากต ้องการเปรียบเทียบการเปลียนแปลงขนาดของวัสดุตามทิศทางการดึงต่อการเปลียนแปลงขนาดในทิศทางตังฉากกับทิศทางการดึงของวัสดุชนิดต่างๆ ควร
นํ าสมบัตข
ิ องวัสดุในข ้อใดต่อไปนีมาพิจารณาเปรียบเทียบ

1 : ความเค ้น (Stress)
2 : อัตราส่วนของปั วซอง (Poisson’s ratio)
3 : ความเหนียว (Toughness)
4 : มอดุลส
ั ของสภาพยืดหยุน ่ (Modulus of elasticity)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 210 :
วัสดุในข ้อใดต่อไปนีมีความแข็ง (Hardness) มากทีสุด

1 : พอลิไวนิลคลอไรด์
2 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมมาเทนไซต์
3 : เหล็กหล่อเทา
4 : ซิลก
ิ อนคาร์ไบด์
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 211 :

วัสดุชนหนึ
งถูกดึงจนขาดเป็ น 2 ส่วน พบว่าบริเวณรอยขาดแยกแตกแบบราบเรียบ แสดงว่าวัสดุนน่
ี าจะมีสมบัตอ
ิ ย่างไร

1 : มีความแข็งตึง (Stiffness) สูง และความแข็ง (Hardness) สูง


2 : มีความแข็งตึง (Stiffness) สูง และสภาพดึงยืดได ้ (Ductility) สูง
3 : มีความแข็ง (Hardness) ตํา และสภาพดึงยืดได ้ (Ductility) สูง
4 : มีความแข็ง (Hardness) ตํา และสภาพดึงยืดได ้ (Ductility) ตํา
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 212 :
ข ้อใดเป็ นภาพแสดงการเกิดครีพ (Creep) ของวัสดุ

1:
2:
3:
4:
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 213 :
เมือนํ าชินงานทดสอบทีมีความยาวเริมต ้น 50 มม. เส ้นผ่านศูนย์กลางเริมต ้น 12.5 มม. มาทดสอบแรงดึงปรากฎว่าได ้ความสัมพันธ์ระหว่างแรงทีใช ้ดึงกับระยะยืด
ดังรูป ค่ายังมอดุลส
ั ของวัสดุนมี
ี คา่ เป็ นเท่าไร

1 : 18 GPa
2 : 18 MPa
3 : 37 GPa
4 : 37 MPa
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 214 :
เมือนํ าชินงานทดสอบทีมีความยาวเริมต ้น 50 มม. เส ้นผ่านศูนย์กลางเริมต ้น 12.5 มม. มาทดสอบแรงดึงปรากฎว่าได ้ความสัมพันธ์ระหว่างแรงทีใช ้ดึงกับระยะยืด
ดังรูป ค่า yield strength at 0.2% offset ของวัสดุนมี
ี คา่ เป็ นเท่าไร

1 : 67 GPa
2 : 67 MPa
3 : 90 GPa
4 : 90 MPa
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 215 :
การทดสอบวัดค่าความแข็งแบบใดทีไม่ใช ้กับวัสดุโลหะ

1 : บริเนล (Brinell)
2 : วิกเกอร์ส (Vickers)
3 : นูป (Knoop)
4 : ชอร์ (Shore)
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 39/74
7/2/2019 สภาวิศวกร

ข ้อที 216 :
เมือนํ าวัสดุเหนียวไปทําการทดสอบแรงดึงจะให ้ค่าผลทดสอบเป็ นอย่างไร

1 : มอดุลสั ของสภาพยืดหยุน ่ (Modulus of elasticity) มากๆ


2 : ความแข็งแรง (Strength) น ้อยๆ
3 : เปอร์เซ็นต์การยืดตัว (Percentage elongation) มากๆ
4 : มอดุลส ั ของรีซเิ ลียนซ์ (Modulus of resilience) น ้อยๆ
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 217 :
ข ้อใดไม่ใช่คา่ ทีได ้จากการทดสอบแรงดึง

1 : มอดุลสั ของสภาพยืดหยุน ่ (Modulus of elasticity)


2 : ความแข็งแรง (Strength)
3 : เปอร์เซ็นต์การยืดตัว (Percentage elongation)
4 : ความแข็ง (Hardness)
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 218 :
เส ้นกราฟ S-N เป็ นผลทีได ้จากการทดสอบสมบัตด
ิ ้านใดของวัสดุ

1 : แรงดัด (Bending)
2 : ความล ้า (Fatigue)
3 : การครีพ (Creep)
4 : แรงกระแทก (Impact)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 219 :
ค่าเปอร์เซ็นต์การลดลงของพืนทีหน ้าตัด (Percent reduction in area) จากการทดสอบแรงดึงเป็ นค่าทีแสดงสมบัตใิ ดของวัสดุ

1 : สภาพดึงยืดได ้ (Ductility)
2 : มอดุลส
ั ของสภาพยืดหยุน ่ (Modulus of elasticity)
3 : ความแข็งแรง (Strength)
4 : มอดุลสั ของรีซเิ ลียนซ์ (Modulus of resilience)
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 220 :
ข ้อใดไม่ใช่ผลทีได ้จากการทดสอบความล ้า (Fatigue)

1 : ขีดจํากัดความล ้า (Fatigue limit)


2 : ความแข็งแรงต่อความล ้า (Fatigue strength)
3 : อายุการใช ้งานเนืองจากความล ้า (Fatigue life)
4 : ความเหนียวต่อความล ้า (Fatigue toughness)
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 221 :
จากการทดสอบสมบัตด
ิ ้านการดึงของอะลูมเิ นียม ตําแหน่งใดในกราฟแสดงจุดเริมเกิดปรากฏการณ์คอคอดของวัสดุ

1:A
2:B
3:C
4:D
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 222 :
เมือนํ าชินงานทดสอบทีมีความยาวเริมต ้น 50 มม. เส ้นผ่านศูนย์กลางเริมต ้น 10 มม. มาทดสอบแรงดึงปรากฏว่าได ้ความสัมพันธ์ระหว่างแรงทีใช ้ดึงกับความยาวที
เปลียนไปดังรูป ถามว่าวัสดุนมี
ี คา่ ความต ้านแรงดึง (Tensile strength) เป็ นเท่าไร

1 : 191 Pa
2 : 764 Pa
3 : 191 MPa
4 : 764 MPa
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 223 :
จากการทดสอบสมบัตด
ิ ้านการดึงของอะลูมเิ นียม ตําแหน่งใดในกราฟแสดงจุดคราก (Yield point) ของวัสดุ

1:A
2:B
3:C
4:D
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 224 :
จากกราฟข ้างล่างเป็ นผลการทดสอบสมบัตข
ิ องวัสดุด ้านใด

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 40/74
7/2/2019 สภาวิศวกร

1 : ทดสอบความล ้า (Fatigue)
2 : ทดสอบการครีพ (Creep)
3 : ทดสอบแรงอัด (Compression)
4 : ทดสอบแรงดัด (Bending)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 225 :
ปรากฏการณ์คอคอด (Necking) ของการทดสอบแรงดึงวัสดุเหล็กกล ้าคาร์บอนตําเริมเกิดขึนในช่วงใด

1 : ก่อนถึงจุดคราก (Yield point)


2 : เมือถึงจุดคราก (Yield point)
3 : จุดความเค ้นสูงสุด
4 : จุดแตกหัก
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 226 :
ข ้อใดกล่าวเกียวกับขีดจํากัดความล ้า (Fatigue limit) ถูกต ้อง

1 : เป็ นค่าความเค ้นสลับสูงสุดทีไม่กอ ่ ให ้เกิดความล ้า


2 : ขีดจํากัดอายุการใช ้งานเมือได ้รับแรงกระทําซําไปซํามา
3 : ถ ้าได ้รับความเค ้นสลับมากกว่าขีดจํากัดนีจะไม่ทําให ้เกิดความเสียหายจากความล ้า
4 : ถ ้าได ้รับความเค ้นสลับน ้อยกว่าขีดจํากัดนีจะทําให ้เกิดความเสียหายจากความล ้า
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 227 :
ข ้อใดกล่าวเกียวกับผลการทดสอบความล ้าในภาพข ้างล่างได ้ถูกต ้อง

1 : ถ ้าวัสดุได ้รับความเค ้นสลับทีี 50 MPa จะมีอายุการใช ้งาน 1,000,000 รอบ


2 : ถ ้าวัสดุได ้รับความเค ้นสลับทีี 40 MPa จะมีอายุการใช ้งาน 1,000,000 รอบ
3 : ถ ้าวัสดุได ้รับความเค ้นสลับทีี 30 MPa จะมีอายุการใช ้งาน 1,000,000 รอบ
4 : ถ ้าวัสดุได ้รับความเค ้นสลับทีี 20 MPa จะไม่เกิดความเสียหายเนืองจากความล ้า
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 228 :
แท่งไนลอนมีพนที
ื หน ้าตัดเป็ นรูปสีเหลียมผืนผ ้า มีขนาดกว ้างเท่ากับ 7 เซนติเมตร ความหนาเท่ากับ 3 เซนติเมตร ซึงมีคา่ ความต ้านแรงดึง (Tensile strength)
เท่ากับ 75 MPa และค่าความต ้านแรงคราก (Yield strength) เท่ากับ 50 MPa ควรให ้แท่งไนลอนได ้รับแรงดึงเท่าใดจึงจะไม่เกิดการเสียรูปอย่างถาวร

1 : 50 kN
2 : 150 kN
3 : 50 MN
4 : 150 MN
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 229 :
ื หน ้าตัดเป็ นรูปวงกลม มีขนาดเส ้นผ่านศูนย์กลาง เท่ากับ 5 เซนติเมตร ซึงมีคา่ ความต ้านแรงดึง (Tensile strength) เท่ากับ 75 MPa และค่าความ
แท่งไนลอนมีพนที
ต ้านแรงคราก (Yield strength) เท่ากับ 50 MPa เมือแท่งไนลอนนีได ้รับแรงดึง 20 กิโลนิวตัน จะเกิดการเสียรูปอย่างไร

1 : เกิดการเสียรูปอย่างถาวรโดยเสียรูปอย่างไม่สมําเสมอตลอดทังชินงานและแตกหัก
2 : เกิดการเสียรูปอย่างถาวรโดยเสียรูปอย่างสมําเสมอตลอดทังชินงาน
3 : เกิดการเสียรูปอย่างถาวรโดยเสียรูปอย่างไม่สมําเสมอตลอดทังชินงาน
4 : เกิดการเสียรูปแบบยืดหยุน

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

เนือหาวิชา : 244 : 07 Physical and chemical properties and testing

ข ้อที 230 :
วัสดุสว่ นใหญ่ในกลุม ั ประสิทธิการขยายตัวเนืองจากความร ้อนมากทีสุด
่ ใดมีสม

1 : โลหะ
2 : เซรามิก
3 : พอลิเมอร์
4 : วัสดุเชิงประกอบ
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 231 :
วัสดุสว่ นใหญ่ในกลุม ั ประสิทธิการขยายตัวเนืองจากความร ้อนน ้อยทีสุด
่ ใดมีสม

1 : โลหะ
2 : เซรามิก
3 : พอลิเมอร์
4 : วัสดุเชิงประกอบ
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 232 :
วัสดุสว่ นใหญ่ในกลุม
่ ใดสามารถนํ าความร ้อนได ้ดีทสุ
ี ด

1 : โลหะ
2 : เซรามิก
3 : พอลิเมอร์
4 : วัสดุเชิงประกอบ
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 233 :

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 41/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
วัสดุชนิดใดเหมาะสําหรับนํ ามาทําเป็ นตัวนํ าความร ้อนได ้ดีทสุ
ี ด

1 : เหล็กกล ้าไร ้สนิม


2 : อะลูมเิ นียม
3 : พลาสติก
4 : กระจก
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 234 :
่ งว่างของแถบพลังงาน (Energy band gap) กว ้าง
วัสดุประเภทใดทีมีชอ

1 : สารตัวนํ า (Conductor)
2 : สารกึงตัวนํ า (Semiconductor)
3 : ฉนวน (Insulator)
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ผิด
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 235 :
โครงสร ้างอิเล็กตรอนของสารกึงตัวนํ าทางไฟฟ้ า (Semiconductor) คือข ้อใด

1 : โครงสร ้างของสารทีมีอเิ ล็กตรอนไม่เต็มแถบเวเลนซ์ (Valance band)


2 : โครงสร ้างของสารทีระดับพลังงานของแถบการนํ า (Conduction band) ซ ้อนอยูก ่ บ
ั ระดับพลังงานของแถบเวเลนซ์ (Valance band)
่ งว่างระหว่างแถบเวเลนซ์ (Valance band) และแถบการนํ า (Conduction band) ห่างกันไม่มาก
3 : โครงสร ้างของสารทีมีอเิ ล็กตรอนเต็มแถบเวเลนซ์ (Valance band) แต่ชอ
4 : โครงสร ้างของสารทีมีอเิ ล็กตรอนเต็มแถบเวเลนซ์ (Valance band) แต่ชอ่ งว่างระหว่างแถบเวเลนซ์ (Valance band) และแถบการนํ า (Conduction band) ห่างกันมาก
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 236 :
โครงสร ้างของสารตัวนํ าไฟฟ้ าคือข ้อใด

1 : โครงสร ้างของสารทีมีอเิ ล็กตรอนไม่เต็มแถบเวเลนซ์ (Valance band)


2 : โครงสร ้างของสารทีระดับพลังงานของแถบการนํ า (Conduction band) ซ ้อนอยูก
่ บ
ั ระดับพลังงานของแถบเวเลนซ์ (Valance band)
3 : ถูกทังข ้อ 1 และ 2
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ผิด
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 237 :
แม่เหล็กถาวร (Hard magnet) หมายถึงข ้อใด

1 : วัสดุทง่ี ายต่อการทําเป็ นแม่เหล็ก


2 : วัสดุทสามารถรั
ี กษาภาวะการเป็ นแม่เหล็กได ้ดี
3 : วัสดุทต ี ้องใช ้สนามแม่เหล็กภายนอกน ้อยเพือทําเป็ นแม่เหล็ก
4 : เหล็กทีมีสนามแม่เหล็กตกค ้างอยูภ ่ ายใน
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 238 :
แม่เหล็กชัวคราว (Soft magnet) หมายถึงข ้อใด

1 : วัสดุทง่ี ายต่อการทําเป็ นแม่เหล็ก


2 : วัสดุทสามารถลบล
ี ้างอํานาจแม่เหล็กได ้ง่าย
3 : วัสดุทต ี ้องใช ้สนามแม่เหล็กภายนอกน ้อยเพือทําเป็ นแม่เหล็ก
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 239 :
อุณหภูมค
ิ รู ี (Curie temperature) คือ อุณหภูมใิ ด

1 : อุณหภูมท
ิ เกิี ดการเปลียนโครงสร ้างผลึก
2 : อุณหภูมทิ เกิี ดการเปลียนสภาพความเป็ นแม่เหล็ก
3 : อุณหภูมท ิ ความจุ
ี ความร ้อนจําเพาะมีคา่ คงที
4 : อุณหภูมท ิ ของแข็
ี งมีความหนืดลดลง
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 240 :
เมือแสงตกกระทบวัสดุใดๆ ปรากฏการณ์ใดสามารถเกิดขึนได ้บ ้าง

1 : แสงสะท ้อนกลับ
2 : แสงผ่านทะลุโดยเกิดการหักเหขึนภายใน
3 : แสงถูกดูดกลืน
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 241 :
ี ี จะเกิดปรากฏการณ์ใดขึน
เมือแสงตกกระทบลงบนวัสดุโปร่งใส (Transparent) ไม่มส

1 : แสงสะท ้อนกลับ
2 : แสงผ่านทะลุโดยเกิดการหักเหขึนภายใน
3 : แสงถูกดูดกลืน
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 242 :
เซลล์แสงอาทิตย์ (Solar cell) ใช ้หลักการใดในการเปลียนพลังงานจากแสงให ้เป็ นพลังงานไฟฟ้ า

1 : การดูดกลืนพลังงานของแสงในสารกึงตัวนํ า

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 42/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
2 : การหักเหของคลืนแสงในสารกึงตัวนํ า
3 : การสะท ้อนของแสงทีผิวของสารกึงตัวนํ า
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 243 :
วัสดุใดต่อไปนีมีคา่ ความเป็ นแม่เหล็กตําทีสุด

1 : วัสดุไดอะแมกนิตก ิ (Diamagnetic material)


2 : วัสดุพาราแมกนิตก ิ (Paramagnetic material)
3 : วัสดุเฟร์โรแมกนิตก ิ (Ferromagnetic material)
4 : วัสดุเฟร์รแ
ิ มกนิตก
ิ (Ferrignetic material)
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 244 :
ไดโอดเปล่งแสง (Light emitting diode, LED) ใช ้หลักการใดในการทํางาน

1 : การสะท ้อนแสง (Reflection)


2 : การดูดกลืนแสง (Absorption)
3 : การหักเหของแสง (Refraction)
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 245 :
แว่นขยาย (Magnifier) ใช ้หลักการใดในการทํางาน

1 : การสะท ้อนแสง (Reflection)


2 : การดูดกลืนแสง (Absorption)
3 : การหักเหของแสง (Refraction)
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 246 :
โลหะในข ้อใดต่อไปนีมีสภาพนํ าไฟฟ้ า (Electrical conductivity) น ้อยทีสุด

1 : ทองแดงบริสท ุ ธิ ทีใช ้งาน ณ อุณหภูมติ ํา


2 : ทองแดงบริสท ุ ธิ ทีใช ้งาน ณ อุณหภูมสิ งู
3 : ทองแดงผสมนิเกิลและผ่านกระบวนการรีดเย็น ทีใช ้งาน ณ อุณหภูมต
ิ ํา
4 : ทองแดงผสมนิเกิลและผ่านกระบวนการรีดเย็น ทีใช ้งาน ณ อุณหภูมสิ งู
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 247 :
โลหะในข ้อใดต่อไปนีมีสภาพต ้านทานไฟฟ้ า (Electrical resistivity) น ้อยทีสุด

1 : ทองแดงบริสท ุ ธิ ทีใช ้งาน ณ อุณหภูมติ ํา


2 : ทองแดงบริสท ุ ธิ ทีใช ้งาน ณ อุณหภูมสิ งู
3 : ทองแดงผสมนิเกิลและผ่านกระบวนการรีดเย็น ทีใช ้งาน ณ อุณหภูมต
ิ ํา
4 : ทองแดงผสมนิเกิลและผ่านกระบวนการรีดเย็น ทีใช ้งาน ณ อุณหภูมสิ งู
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 248 :
ถ ้าต ้องการเพิมสภาพนํ าไฟฟ้ า (Electrical conductivity) ให ้กับสารกึงตัวนํ า (Semiconductor) ควรทําอย่างไร

1 : ลดอุณหภูมก ิ ารใช ้งาน


2 : เติมสารเจือปน
3 : นํ าไปผ่านกระบวนการขึนรูปเย็น
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 249 :
ถ ้าต ้องการเพิมสภาพนํ าไฟฟ้ า (Electrical conductivity) ให ้กับสารตัวนํ า (Conductor) ควรทําอย่างไร

1 : ลดอุณหภูมก ิ ารใช ้งาน


2 : เติมสารเจือปน
3 : นํ าไปผ่านกระบวนการขึนรูปเย็น
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 250 :
เมือสัมผัสโต๊ะไม ้และโต๊ะเหล็กทีตังอยูใ่ นห ้องปรับอากาศบริเวณเดียวกัน เราจะรู ้สึกโต๊ะเย็นไม่เท่ากันอย่างไร

1 : โต๊ะเหล็กเย็นกว่า เพราะเหล็กมีความจุความร ้อนมากกว่าไม ้


2 : โต๊ะเหล็กเย็นกว่า เพราะเหล็กถ่ายเทความร ้อนได ้ดีกว่าไม ้
3 : โต๊ะเหล็กเย็นกว่า เพราะเหล็กมีความหนาแน่นมากกว่าไม ้
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 251 :
ถ ้าให ้ความร ้อนกับชินงานทีมีความหนามากจะเกิดสิงใดขึน

1 : ชินงานบวมขึน เนืองจากการขยายตัวทางความร ้อนทีผิวชินงานมากกว่า


2 : ชินงานหดตัวลง เนืองจากการหดตัวภายในชินงาน
3 : ผิวชินงานเกิดการแตกร ้าว เนืองจากการหดตัวภายในชินงาน
4 : เกิดความเค ้นอัด (Compressive stress) ทีผิวชินงาน และความเค ้นดึง (Tensile stress) ภายในชินงาน
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 43/74
7/2/2019 สภาวิศวกร

ข ้อที 252 :
เพราะเหตุใดจึงเห็นสีในวัสดุโปร่งใส (Transparent) บางชนิด

1 : แสงทีส่งผ่านถูกดูดกลืนไปในบางช่วงความยาวคลืน
2 : แสงทีส่งผ่านเกิดการหักเหขึนภายในเนือวัสดุ
3 : มีการผสมเม็ดสีลงในเนือวัสดุ
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 253 :
ข ้อใดต่อไปนีทําให ้เกิดสนิมไม่มส ี นผิวชินงานเหล็กกล ้าทีมีรอยขีดข่วนในบรรยากาศทีมีความชืน
ี บ

1 : ผิวชินงานถูกเคลือบด ้วยสังกะสี
2 : ผิวชินงานถูกเคลือบด ้วยโครเมียม
3 : ผิวชินงานถูกเคลือบด ้วยดีบก

4 : ผิวชินงานถูกเช็ดทําความสะอาดด ้วยนํ าสะอาดเป็ นประจํา
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 254 :
ข ้อความใดต่อไปนีเป็ นการกล่าวทีถูกต ้อง

1 : เงินมีคา่ สภาพนํ าไฟฟ้ า (Electrical conductivity) ดีกว่าทอง


2 : ลวดตัวนํ าทีมีขนาดพืนทีหน ้าตัดมากมีการนํ าไฟฟ้ าแย่กว่าลวดตัวนํ าทีมีขนาดพืนทีหน ้าตัดน ้อยกว่าในวัสดุเดียวกันทีมีความยาวเท่ากัน
3 : อะลูมเิ นียมมีคา่ สภาพต ้านทานไฟฟ้ า (Electrical resistivity) มากกว่าเพชร
4 : อุณหภูมไิ ม่มผี ลต่อความสามารถในการนํ าไฟฟ้ าในวัสดุทเป็ ี นโลหะ
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 255 :
ข ้อความใดต่อไปนีเป็ นการกล่าวทีผิด

1 : N-type เป็ นสารกึงตัวนํ าประเภท Extrinsic semiconductor


2 : อุณหภูมสิ งู มีผลต่อความสามารถในการนํ าไฟฟ้ าในวัสดุทเป็
ี นสารกึงตัวนํ า
3 : การเติม (Doping) ด ้วยธาตุโบรอน (B3+) เข ้าไปแทนทีซิลก ิ อน (Si4+) ในโครงสร ้างผลึกทําให ้เกิดเป็ นสารกึงตัวนํ าแบบ N-type
4 : การแพร่ (Diffusion) มีบทบาทอย่างมากในการทําสารกึงตัวนํ าประเภท Extrinsic semiconductor
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 256 :
วัสดุสว่ นใหญ่ในกลุม
่ ใดต่อไปนีมีจด
ุ หลอมเหลว (Melting point) สูงทีสุด

1 : เซรามิก
2 : โลหะ
3 : พอลิเมอร์
4 : ไม ้
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 257 :
ลวดทองเหลืองยาว 1 เมตร ถูกทําให ้ร ้อนจนมีอณ ุ หภูมสิ งู 70 องศาเซลเซียส จากอุณหภูม ิ 30 องศาเซลเซียส ขณะทีปลายทังสองข ้างถูกยึด จงหาขนาดของ
ความเค ้นทีเกิดขึนในหน่วย MPa กําหนดให ้ค่ามอดูลส ั ของสภาพยืดหยุน ่ (Modulus of elasticity) ของทองเหลืองมีคา่ 97 GPa และสัมประสิทธิการขยายตัว
เนืองจากความร ้อน (Coeffeicient of thermal expansion) ของทองเหลืองมีคา่ 20×10-6 องศาเซลเซียส-1

1 : +0.08
2 : -0.08
3 : +77.60
4 : -77.60
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 258 :
วัสดุในข ้อใดต่อไปนีเกิดการขยายตัวเนืองจากความร ้อนสูงทีสุด

1 : ซิลก
ิ า
2 : เหล็กกล ้า
3 : พอลิเอทิลน ี
4 : อะลูมนิ า
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 259 :
วัสดุในข ้อใดต่อไปนีมีคา่ ความจุความร ้อนสูงทีสุด

1 : แก ้ว
2 : ทังสเตน
3 : พอลิไวนิลคลอไรด์
4 : อะลูมเิ นียม
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 260 :
วัสดุในข ้อใดต่อไปนีสามารถนํ าไฟฟ้ าได ้ดีขนเมื
ึ ออุณหภูมล
ิ ดลง

1 : อะลูมเิ นียม
2 : ซิลก
ิ อน
3 : พอลิเอสเทอร์
4 : แคดเมียมซัลไฟด์
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 261 :

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 44/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
การทํางานของอุปกรณ์วด
ั แสงทัวไปในการถ่ายภาพเกียวข ้องกับปรากฏการณ์ใด

1 : การเปล่งแสง (Luminescence)
2 : การนํ าไฟฟ้ าด ้วยแสง (Photoconductivity)
3 : การเรืองแสงแบบฟลูออเรสเซนซ์ (Fluorescence)
4 : การเรืองแสงแบบฟอสฟอเรสเซนซ์ (Phosphorescence)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 262 :
เพราะเหตุใดพอลิเมอร์ทมี
ี ความเป็ นผลึกสูงจึงไม่โปร่งใส (Transparent)

1 : การมีผลึกทําให ้เกิดการเปล่งแสงมาก
2 : การมีผลึกทําให ้เกิดการเรืองแสงมาก
3 : การมีผลึกทําให ้เกิดการกระเจิงของแสงในเนือวัสดุมาก
4 : การมีผลึกทําให ้อิเล็กตรอนเลือนระดับชันพลังงานได ้มาก
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 263 :
หากต ้องการตรวจสอบวัสดุตวั อย่างว่าเป็ นแม่เหล็กถาวร (Hard magnet) หรือแม่เหล็กชัวคราว (Soft magnet) ควรพิจารณาจากสมบัตใิ นข ้อใดต่อไปนี

1 : ค่าความไวต่อสภาพแม่เหล็ก (Magnetic susceptibility)


2 : ค่าความสามารถซึมซับแม่เหล็ก (Magnetic permeability)
3 : เส ้นโค ้งฮิสเทอรีซส
ิ (Hysteresis loop)
4 : ค่าคงทีไดอิเล็กทริก (Dielectric constant)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 264 :
ข ้อใดต่อไปนีไม่ใช่วส
ั ดุไดอะแมกนิตก

1 : อะลูมน
ิ ัมออกไซด์ (Al2O3)
2 : แมกนีไทต์ (Fe3O4)
3 : ทองแดง (Cu)
4 : สังกะสี (Zn)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 265 :
ข ้อใดไม่ใช่แม่เหล็กถาวร

1 : วัสดุไดอะแมกนิตก ิ
2 : วัสดุพาราแมกนิตก ิ
3 : วัสดุเฟร์โรแมกนิตก ิ
4 : ข ้อ 1 และ 2 ถูก
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

เนือหาวิชา : 245 : 08 Structures of materials

ข ้อที 266 :
พันธะใดเป็ นพันธะทางกายภาพ (Physical bond)

1 : พันธะโลหะ (Metallic bond)


2 : พันธะไอออนิก (Ionic bond)
3 : พันธะโควาเลนซ์ (Covalent bond)
4 : พันธะแวนเดอร์วาลส์ (Van der Waals bond)
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 267 :
โครงสร ้างผลึกชนิดใดมีการจัดเรียงอะตอมอย่างหนาแน่นทีสุด

1 : โครงสร ้างลูกบาศก์อย่างง่าย (Simple cubic)


2 : โครงสร ้างลูกบาศก์กงกลางเซล
ึ (Body-centered cubic)
3 : โครงสร ้างลูกบาศก์กงกลางผิ
ึ วหน ้า (Face-centered cubic)
4 : โครงสร ้างออร์โทรอมบิกกึงกลางฐาน (Base-centered orthorhombic)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 268 :
โครงสร ้างของออสเทไนต์ (Austenite) ในเหล็กกล ้า มีโครงสร ้างผลึกรูปแบบใด

1 : Body-centered cubic (BCC)


2 : Face-centered cubic (FCC)
3 : Hexagonal close-packed (HCP)
4 : Body-centered cubic (BCC) และ Face-centered cubic (FCC)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 269 :
วัสดุชนิดใดต่อไปนีมีพันธะหลักเป็ นพันธะโคเวเลนต์ (Covalent bond)

1 : Ni
2 : SiC
3 : H2O ระหว่างโมเลกุล
4 : MgO
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 270 :

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 45/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
ทังสเตนที 20 องศาเซลเซียส มีโครงสร ้างผลึกแบบ Body-centered cubic (BCC) โดยมีคา่ lattice parameter 0.3165 นาโนเมตร (nm) จงคํานวณหาค่ารัศมีอะตอม
ของโลหะทังสเตนในหน่วยนาโนเมตร (nm)

1 : 0.1371
2 : 0.1432
3 : 0.2315
4 : 0.7309
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 271 :
กําหนดให ้ a, b, c คือค่าความยาวแต่ละด ้านของหน่วยเซลล์ และ α, β, γ คือมุมระหว่างด ้าน ถ ้าพบว่าโครงสร ้างผลึกแบบหนึงมีคา่ a≠b≠c และ α = β = γ = 90
องศา อยากทราบว่าโครงสร ้างผลึกนีมีชอว่ื าอะไร

1 : Cubic
2 : Tetragonal
3 : Orthorhombic
4 : Monoclinic
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 272 :
กําหนดให ้ a, b, c คือค่าความยาวแต่ละด ้านของหน่วยเซลล์ และ α, β, γ คือมุมระหว่างด ้าน ถ ้าพบว่าโครงสร ้างผลึกแบบหนึงมีคา่ a = b = c และ α = β = γ = 90
องศา มีอะตอมอยูต ่ ามมุมทุกมุม และมีอะตอมอยูก
่ งกลางหน
ึ ้าทังหกหน ้าของหน่วยเซลล์ อยากทราบว่าโครงสร ้างผลึกนีมีชอว่ ื าอะไร

1 : Simple cubic
2 : Body-centered cubic
3 : Simple orthorhombic
4 : Face-centered cubic
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 273 :
โครงสร ้างผลึกแบบ body-centered cubic (BCC) ในหนึงหน่วยเซลล์ (Unit cell) ประกอบด ้วยกีอะตอม

1 : 1 อะตอม
2 : 2 อะตอม
3 : 3 อะตอม
4 : 4 อะตอม
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 274 :
โครงสร ้างผลึกแบบ Face-centered cubic (FCC) ในหนึงหน่วยเซลล์ (Unit cell) ประกอบด ้วยกีอะตอม

1 : 1 อะตอม
2 : 2 อะตอม
3 : 3 อะตอม
4 : 4 อะตอม
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 275 :
โครงสร ้างผลึกแบบ Hexagonal closed pack (HCP) ในหนึงหน่วยเซลล์ (Unit cell) ประกอบด ้วยกีอะตอม

1 : 2 อะตอม
2 : 4 อะตอม
3 : 6 อะตอม
4 : 8 อะตอม
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 276 :
ข ้อใดต่อไปนีมีโครงสร ้างแบบ Closed-pack

1 : Body-centered tetragonal
2 : Body-centered cubic
3 : Face-centered cubic
4 : Base-centered orthorhombic
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 277 :
พลาสติกใสจะมีโครงสร ้างภายในเป็ นแบบใด

1 : ไม่มค ี วามเป็ นผลึก


2 : มีความเป็ นผลึกทีมีขนาดเล็กกว่าความยาวคลืนแสง
3 : ข ้อ 1 และ 2 ถูก
4 : ข ้อ 1 และ 2 ผิด
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 278 :
ข ้อใดไม่ใช่สาเหตุททํ
ี าให ้พอลิเมอร์ชนิดทีสามารถเกิดโครงสร ้างผลึกได ้มีลก
ั ษณะเป็ นแบบกึงผลึก (Semicrystalline) เท่านัน

1 : เพราะพอลิเมอร์มโี ครงสร ้างผลึกทียุง่ ยากซับซ ้อน


2 : เพราะพอลิเมอร์มส ี ายโซ่โมเลกุลทียาวมาก
3 : เพราะการจัดเรียงตัวให ้เป็ นระเบียบของทุกโมเลกุลของพอลิเมอร์ทําได ้ยาก
4 : เพราะพอลิเมอร์มส ี ายโซ่โมเลกุลทีสันเกินไป
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 279 :
ปริมาณความเป็ นผลึกของพอลิเมอร์มผ
ี ลต่อความหนาแน่นของพอลิเมอร์ชนิดนันอย่างไร

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 46/74
7/2/2019 สภาวิศวกร

1 : ปริมาณผลึกทีมากขึน ทําให ้ความหนาแน่นเพิมขึน


2 : ปริมาณผลึกทีมากขึน ทําให ้ความหนาแน่นลดลง
3 : ปริมาณผลึกทีมากขึน อาจทําให ้ความหนาแน่นเพิมขึนหรือลดลงก็ได ้
4 : ปริมาณผลึกไม่มผ ี ลต่อความหนาแน่น
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 280 :
พันธะเคมีทเกิ
ี ดในสายโซ่หลักของโมเลกุลพอลิเมอร์คอ
ื พันธะชนิดใด

1 : พันธะโคเวเลนต์ (Covalent bond)


2 : พันธะไอออนิก (Ionic bond)
3 : พันธะโลหะ (Metallic bond)
4 : พันธะแวนเดอร์วาลส์ (Van der Waals bond)
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 281 :
โครงสร ้างโมเลกุลของพอลิเอทิลน
ี (Polyethylene) แบบกิง (Branched) มีสมบัตต ี แบบเส ้นตรง (Linear) อย่างไร
ิ า่ งจากโครงสร ้างโมเลกุลของพอลิเอทิลน

1 : ความแข็งแรงเพิมขึน
2 : ความเป็ นผลึกลดลง
3 : การยืดและหดตัวลดลง
4 : ความทนต่อการถูกขีดข่วนเพิมขึน
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 282 :
ข ้อใดคือคําจํากัดความของ Tg (Glass transition temperature)

1 : อุณหภูมท ิ สายโซ่
ี รองของโมเลกุลพอลิเมอร์สามารถเคลือนทีได ้
2 : อุณหภูมท ิ สายโซ่
ี หลักของโมเลกุลพอลิเมอร์สามารถเคลือนทีได ้
3 : อุณหภูมใิ นการเกิดผลึก
4 : อุณหภูมใิ นการหลอมเหลว
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 283 :
ถ ้านํ าพอลิเมอร์ทมี
ี โครงสร ้างภายในเป็ นแบบกึงผลึก (Semicrystalline polymer) มาอบทีอุณหภูมส
ิ งู กว่า Tg (Glass transition temperature) ประมาณ 10 – 20
องศาเซลเซียส เป็ นเวลา 24 ชัวโมง ผลทีได ้จะเป็ นอย่างไร

1 : สภาพดึงยืดได ้ (Ductility) เพิมขึน


2 : ความแข็งแรงทีจุดคราก (Yield strength) ลดลง
3 : ค่ามอดุลส
ั สภาพยืดหยุน ่ (Modulus of elasticity) เพิมขึน
4 : ความแข็ง (Hardness) ลดลง
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 284 :
พอลิเมอร์ทไม่
ี สามารถเกิดโครงสร ้างผลึกได ้ คือพอลิเมอร์ชนิดใดต่อไปนี

1 : พอลิเอทิลน
ี (Polyethylene)
2 : พอลิเอทิลนี เทเรฟทาเลต (Polyethylene terephthalate)
3 : ไนลอน (Nylon)
4 : พอลิสไตรีน (Polystyrene)
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 285 :
ข ้อใดคือโครงสร ้างผลึกของมาร์เทนไซต์ (Martensite)

1 : Face-centered cubic (FCC)


2 : Body-centered cubic (BCC)
3 : Body-centered tetragonal (BCT)
4 : Face-centered tetragonal (FCT)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 286 :
ข ้อใดคือโครงสร ้างผลึกของเบไนต์ (Bainite)

1 : Face-centered cubic (FCC)


2 : Body-centered cubic (BCC)
3 : Body-centered tetragonal (BCT)
4 : Face-centered tetragonal (FCT)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 287 :
โครงสร ้างจุลภาคของรอยเชือมเหล็กกล ้าไร ้สนิมออสเทไนต์ (Austenite stainless steel) บริเวณพืนทีหลอมเหลว (Fusion zone) ประกอบด ้วยเฟสต่างๆ ดังในข ้อ
ใดต่อไปนี

1 : ออสเทไนต์ (Austenite)
2 : ออสเทไนต์ (Austenite) และ เฟร์ไรต์ (Ferrite)
3 : ออสเทไนต์ (Austenite) และ เพอร์ไลต์ (Pearlite)
4 : ออสเทไนต์ (Austenite) และ คาร์ไบด์ (Carbide)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 288 :
การเกิดข ้อบกพร่องแบบ Schottky มักเกิดกับผลึกทียึดกันด ้วยพันธะชนิดใด

1 : พันธะโลหะ (Metallic bond)

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 47/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
2 : พันธะโควาเลนท์ (Covalent bond)
3 : พันธะไอออนิก (Ionic bond)
4 : พันธะแวนเดอร์วาลส์ (Van der Waals bond)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 289 :
ทําไมข ้อบกพร่องแบบ Frenkel มักเกิดกับ Cation มากกว่า Anion

1 : Cation มีขนาดใหญ่กว่า Anion


2 : Anion มีขนาดใหญ่กว่า Cation
3 : การแทรกของ Anion ในผลึกเกิดได ้ง่ายกว่า
4 : Anion มักจะอยูไ่ ม่เป็ นระเบียบ
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 290 :
ทําไมแกรไฟต์ (Graphite) ถึงสามารถหลุดออกเป็ นแผ่นๆได ้ง่าย

1 : ระหว่างชันของโครงสร ้างแกรไฟต์ยด ึ กันด ้วยพันธะไอออนิก (Ionic bond)


2 : ระหว่างชันของโครงสร ้างแกรไฟต์ไม่มก ี ารยึดกันด ้วยพันธะใดๆ
3 : ระหว่างชันของแกรไฟต์ยด ึ กันด ้วยพันธะโควาเลนท์ (Covalent bond)
4 : ระหว่างชันของโครงสร ้างแกรไฟต์เป็ นพันธะแวนเดอร์วาลส์ (Van der Waals bond)
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 291 :
ข ้อใดต่อไปนีไม่ใช่โครงสร ้างผลึกของเซรามิก

1 : BaTiO3
2 : NaCl
3 : Al2O3
4 : CH4
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 292 :
ข ้อใดไม่ถก
ู ต ้องเมือกล่าวถึงโครงสร ้างของแก ้ว

1 : แก ้วมีโครงสร ้างเป็ นตาข่าย (Network structure) ทีมีทศ


ิ ทางไม่แน่นอน
2 : พันธะของโครงสร ้างของแก ้วยึดกันด ้วยพันธะไอออนิก (Ionic bond)
3 : แก ้วมีโครงสร ้างแบบไม่เป็ นผลึก
4 : โครงสร ้างของแก ้วเกิดจากการยึดกันของ SiO44 -
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 293 :
โครงสร ้างผลึกแบบ Perovskite มีความสําคัญสําหรับวัสดุประเภทใด

1 : Pyroelectric material
2 : Piezoelectric material
3 : Semiconductor
4 : Capacitor
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 294 :
ข ้อใดไม่ใช่องค์ประกอบของอะตอม

1 : นิวเคลียร์
2 : นิวตรอน
3 : อิเล็กตรอน
4 : โปรตอน
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 295 :
พันธะในข ้อใดต่อไปนีมีความแข็งแรงน ้อยทีสุด

1 : พันธะไอออนิก
2 : พันธะแวนเดอร์วาลส์
3 : พันธะโลหะ
4 : พันธะไฮโดรเจน
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 296 :
โครงสร ้างผลึกในข ้อใดต่อไปนีทีอะตอมมีการบรรจุแบบชิดทีสุด (closed pack)

1 : FCC และ BCC


2 : FCC และ HCP
3 : BCC และ HCP
4 : Simple cubic และ HCP
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 297 :
พันธะใดต่อไปนีเกิดขึนระหว่างโมเลกุลของนํ าในนํ าแข็ง

1 : พันธะโคเวเลนซ์
2 : พันธะไอออนิก
3 : พันธะไฮโดรเจน
4 : พันธะโลหะ

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 48/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 298 :
สารประกอบของ LiAg มีหน่วยเซลล์เป็ นแบบ Simple cubic และอะตอมทังสองชนิดต่างมีเลขโคออร์ดเิ นชันเท่ากับ 8 ดังนัน หน่วยเซลล์ดงั กล่าวนีจะมีลก
ั ษณะ
เหมือนกับผลึกในข ้อใด

1 : NaCl
2 : ZnS
3 : CsCl
4 : AgCl
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 299 :
ข ้อใดกล่าวถึงพันธะไอออนิกไม่ถก
ู ต ้อง

1 : เป็ นพันธะทีเกิดระหว่างธาตุโลหะและธาตุอโลหะซึงมีคา่ อิเลคโตรเนกาติวต


ิ ต่
ี างกันมากๆ
2 : เป็ นพันธะทีเกิดแรงยึดเหนียวระหว่างไอออนบวกและไอออนลบ
3 : ขนาดของไอออนยิงมีขนาดใหญ่พลังงานพันธะจะยิงมีคา่ เพิมมากขึน
4 : ของแข็งทีเกิดพันธะไอออนิกจะมีการจัดเรียงไอออนให ้มีความเป็ นกลางทางไฟฟ้ า
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 300 :
พันธะทีเกิดขึนระหว่างสายโซ่โมเลกุลของพอลิเมอร์เป็ นพันธะชนิดใด

1 : พันธะแวนเดอร์วาลส์ (Van der Waals bond)


2 : พันธะโลหะ (Metallic bond)
3 : พันธะไอออนิก (Ionic bond)
4 : พันธะโควาเลนซ์ (Covalent bond)
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 301 :
ตําหนิแบบใดพบได ้เฉพาะในเซรามิกเท่านัน

1 : ตําหนิแบบช่องว่าง (Vacancy)
2 : ตําหนิแบบดิสโลเคชัน (Dislocation)
3 : ตําหนิแบบชอตกี (Schottky defect)
4 : ตําหนิแบบแทรกช่องว่างระหว่างอะตอม (Interstitial defect)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 302 :
โดยทัวไปอะตอมโลหะมีการจัดเรียงตัวของโครงสร ้างเป็ นอย่างไร

1 : ผลึกเดียว (Single crystal)


2 : หพุผลึก (Polycrystalline)
3 : กึงผลึก (Semi-crystalline)
4 : อสัณฐาน (Amorphous)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 303 :
เหตุใดยาง (Rubber) สามารถดึงยืดได ้มากและกลับคืนสูร่ ป
ู ร่างเดิมหลังปล่อยแรงกระทํา

1 : เพราะโครงสร ้างโมเลกุลเป็ นแบบสายโซ่ตรง (Linear polymer) สูง


2 : เพราะโครงสร ้างโมเลกุลเป็ นแบบโครงร่างตาข่าย (Network polymer) สูง
3 : เพราะโครงสร ้างมีการเชือมต่อระหว่างสายโซ่โมเลกุลในระดับหนึง (Lightly crosslinked polymer)
4 : เพราะโครงสร ้างโมเลกุลเป็ นแบบกิงก ้าน (Branched polymer) สูง
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 304 :
ปฏิกริ ย
ิ าใดทีทําให ้เกิดการเชือมสายโซ่โมเลกุลในยาง (Rubber)

1 : Polymerization
2 : Oxidation
3 : Condensation
4 : Vulcanization
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 305 :
ข ้อใดคือลักษณะเด่นของวัสดุอล
ิ าสโตเมอร์ (Elastomer)

1 : มีความแข็งและความแข็งแรงสูง
2 : มีสภาพดึงยืดได ้สูงและกลับคืนสูส่ ภาพเดิมหลังปล่อยแรงกระทํา
3 : ทนความร ้อนได ้สูง
4 : สามารถขึนรูปซําได ้เมือให ้ความร ้อน
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 306 :
เหตุใดโลหะจึงมีการนํ าไฟฟ้ าและความร ้อนได ้ดี

1 : เพราะโครงสร ้างมีความเป็ นผลึกสูง


2 : เพราะโครงสร ้างมีการจัดเรียงตัวของอะตอมหนาแน่น
3 : เพราะโครงสร ้างมีอเิ ล็กตรอนอิสระ
4 : เพราะโครงสร ้างมีทงแอนไอออนและแคทไอออน
ั (Anion and cation)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 49/74
7/2/2019 สภาวิศวกร

ข ้อที 307 :
เหล็กกล ้าคาร์บอนตํามีการจัดเรียงของโครงสร ้างอะตอมอย่างไรทีอุณหภูมห
ิ ้อง

1 : Body-centered cubic (BCC)


2 : Face-centered cubic (FCC)
3 : Body-centered tetragonal (BCT)
4 : Face-centered tetragonal (FCT)
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 308 :
สิงใดต่อไปนีไม่สามารถพบได ้ในวัสดุผลึกเดียว (Single crystal)

1 : ตําหนิแบบช่องว่าง (Vacancy)
2 : รอยต่อระหว่างเกรน (Grain boundary)
3 : รอยต่อระหว่างเฟส (Phase boundary)
4 : ตําหนิแบบแทรกช่องว่างระหว่างอะตอม (Interstitial defect)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 309 :
ข ้อใดต่อไปนีไม่ใช่ปัจจัยทีมีผลต่อการจัดเรียงตัวของโครงสร ้างอะตอมในเซรามิก

1 : ชนิดของตําหนิ
2 : ขนาดของอะตอม
3 : สมดุลประจุของโครงสร ้าง
4 : ชนิดของอะตอม
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 310 :
ข ้อใดคือลักษณะทัวไปของพอลิเมอร์ชนิดเทอร์โมเซตติง (Thermosetting)

1 : มีโครงสร ้างโมเลกุลเป็ นแบบโครงร่างตาข่าย (Network) สามารถขึนรูปใหม่ได ้เมือให ้ความร ้อน


2 : มีโครงสร ้างโมเลกุลเป็ นแบบสายโซ่ตรง (Linear) สามารถขึนรูปใหม่ได ้เมือให ้ความร ้อน
3 : มีโครงสร ้างโมเลกุลเป็ นแบบโครงร่างตาข่าย (Network) ไม่สามารถขึนรูปใหม่ได ้เมือให ้ความร ้อน
4 : มีโครงสร ้างโมเลกุลเป็ นแบบกิง (Branched) ไม่สามารถขึนรูปใหม่ได ้เมือให ้ความร ้อน
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 311 :
ตําหนิแบบใดไม่สามารถเพิมความแข็งแรงให ้ชินงานโลหะได ้

1 : ตําหนิแบบแทนที (Substitutional defect)


2 : ตําหนิแบบแทรกตัวในช่องว่าง (Interstitial defect)
3 : ตําหนิแบบช่องว่าง (Vacancy)
4 : ตําหนิแบบดิสโลเคชัน (Dislocation)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 312 :
ข ้อใดคือลักษณะของตําหนิแบบชอตกี (Schottky defect)

1 : เกิดการแทรกตัวของแคทไอออน และเกิดช่องว่างของแคทไอออนในโครงสร ้าง


2 : เกิดการแทรกตัวของแอนไอออน และเกิดช่องว่างของแอนไอออนในโครงสร ้าง
3 : เกิดการแทรกตัวของแอนไอออน และเกิดช่องว่างของแอนไอออนในโครงสร ้าง
4 : เกิดช่องว่างของแคทไอออนและแอนไอออนในโครงสร ้าง
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 313 :
ข ้อใดต่อไปนีกล่าวไม่ถก
ู ต ้องเกียวกับโครงสร ้างพอลิเมอร์

1 : พันธะทีเกิดขึนภายในและระหว่างสายโซ่โมเลกุลเป็ นพันธะโควาเลนต์
2 : โครงสร ้างโมเลกุลหลักประกอบไปด ้วยคาร์บอนและไฮโดรเจน
3 : สายโซ่โมเลกุลโดยทัวไปมีนําหนัก 10,000 ถึง 1,000,000 กรัมต่อโมล
4 : มีโครงสร ้างทังแบบธรรมชาติและแบบสังเคราะห์
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 314 :
กําหนดให ้ไอออน Zn2+ และ S2- มีขนาดรัศมี 0.074 และ 0.184 นาโนเมตร ตามลําดับ จากตารางต่อไปนี จงทํานายลักษณะรูปแบบโครงสร ้างผลึกของ
สารประกอบ ZnS

อ ัตราส่วนขนาดของแคทไอออน
รูปแบบโครงสร้างผลึกเซรามิก
ต่อแอนไอออน (rcation/ ranion)
< 0.155 linear
0.155 - 0.225 Triangular
0.225 - 0.414 Tetrahedral
0.414 - 0.732 Octahedral
0.732 - 1.0 Cubic

1 : Triangular
2 : Tetrahedral
3 : Octahedral
4 : Cubic
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

เนือหาวิชา : 246 : 09 Processing-Structure relationships

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 50/74
7/2/2019 สภาวิศวกร

ข ้อที 315 :
ข ้อใดต่อไปนีถูกต ้องทีสุด

1 : เหล็กโครงสร ้าง FCC มีความแข็งแรงเพิมขึนช ้ากว่าเหล็กโครงสร ้าง BCC ระหว่างการขึนรูปเย็น (Cold working)
2 : การเคลือน (Dislocation) ในผลึกโครงสร ้าง FCC สามารถเคลือนทีได ้ยากกว่าในผลึกโครงสร ้าง BCC
3 : การเคลือน (Dislocation) ในผลึกโครงสร ้าง FCC สามารถเคลือนทีได ้ง่ายกว่าในผลึกโครงสร ้าง HCP
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ผิด
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 316 :
การชุบแข็งเหล็กกล ้าคาร์บอนปานกลาง ต ้องทําการเผาเหล็กจนได ้โครงสร ้างใดก่อนทําให ้เย็นตัวอย่างรวดเร็ว

1 : เฟร์ไรต์ (Ferrite)
2 : ออสเทไนต์ (Austenite)
3 : ซีเมนไทต์ (Cementite)
4 : มาร์เทนไซต์ (Martensite)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 317 :
เหล็กหล่อขาว (White cast iron) มีโครงสร ้างจุลภาคดังในข ้อใดต่อไปนี

1 : เฟร์ไรต์ และ เพอร์ไลต์ (Ferrite & Pearlite)


2 : ซีเมนไทต์ และ เพอร์ไลต์ (Cementite & Pearlite)
3 : เฟร์ไรต์ และ แกรไฟต์ (Ferrite & Graphite)
4 : เพอร์ไลต์ และ แกรไฟต์ (Peartite & Graphite)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 318 :
ข ้อใดคือโครงสร ้างของเหล็กกล ้าคาร์บอนปานกลางทีได ้จากการปล่อยให ้เย็นอย่างช ้าๆ จากโครงสร ้างออสเทไนต์ (Austenite)

1 : Cementite + Pearlite
2 : Ferrite + Pearlite
3 : Bainite + Pearlite
4 : Martensite + Pearlite
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 319 :
ข ้อใดคือโครงสร ้างจุลภาคของเหล็กกล ้าคาร์บอนทีผ่านการเผาด ้วยอุณหภูมค
ิ งทีประมาณ 730 - 750 องศาเซลเซียส เป็ นเวลานาน 20 ชัวโมง

1 : เพอร์ไลต์หยาบ (Coarse pearlite)


2 : เพอร์ไลต์ละเอียด (Fine pearlite)
3 : สเฟี ยรอยไดต์ (Spheroidite)
4 : เบไนต์แบบขนนก (Feathery bainite)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 320 :
ในกระบวนการหล่อโลหะ เมือโลหะทีหลอมเหลวเกิดการแข็งตัว และเกิดโพรงช่องว่างขึนภายในชินงาน ซึงถือว่าเป็ นความบกพร่องประเภทใด

1 : ความบกพร่องแบบจุด
2 : ความบกพร่องแบบเส ้น
3 : ความบกพร่องแบบระนาบ
4 : ความบกพร่องแบบปริมาตร
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 321 :
ข ้อใดกล่าวไม่ถก
ู ต ้อง

1 : Equiaxed grains เป็ นเกรนทีเกิดจากผลึกทีโตสมําเสมอในทุกทิศทาง


2 : Columnar grains พบบริเวณทีนํ าโลหะสัมผัสกับผิวแม่พม ิ พ์
3 : Equiaxed grains เกิดเนืองจากนํ าโลหะเย็นตัวอย่างรวดเร็ว
4 : Columnar grains มิทศ ่ ายในของแม่พม
ิ ทางเติบโตเข ้าสูภ ิ พ์
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

เนือหาวิชา : 247 : 10 Structure-Property relationships

ข ้อที 322 :
เพราะเหตุใดเหล็กแผ่นทีผ่านกระบวนการขึนรูปด ้วยวิธรี ด
ี เย็น (Cold rolling) จึงมีความแข็งมากกว่าเหล็กแผ่นทีผลิตด ้วยวิธรี ด
ี ร ้อน (Hot rolling)

1 : การรีดเย็นทําให ้แผ่นเหล็กเกิด Work hardening โดยไม่ทําให ้เกิดผลึกใหม่ (Recrystallization)


2 : การรีดเย็นทําให ้มีความเค ้นตกค ้าง (Residual stress) บนผิวเหล็กแผ่นน ้อยกว่าการรีดร ้อน
3 : การรีดเย็นทําให ้ผิวเหล็กแผ่นเกิดออกไซด์มากกว่าการรีดร ้อน
4 : การรีดเย็นทําให ้โครงสร ้างจุลภาคมีขนาดใหญ่ขน ึ
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 323 :
ขันตอนใดต่อไปนี ไม่ใช่ขนตอนในการเกิ
ั ดปฏิกริ ย
ิ าพอลิเมอร์ไรเซชันแบบเติม (Addition Polymerization)

1 : ขันเริมต ้นปฏิกริ ย
ิ า (Initiation)
2 : ขันตอนการดําเนินไปของปฏิกริ ย ิ า (Propagation)
3 : ขันตอนการเกิดโครงสร ้างตาข่าย (Vulcanization)
4 : ขันตอนการสินสุดปฏิกริ ย ิ า (Termination)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 324 :

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 51/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
เหล็กกล ้าคาร์บอนปานกลาง (0.4wt%C) ในข ้อใดต่อไปนี มีความแข็งมากทีสุด

1 : อบทีอุณหภูม ิ 1050 องศาเซลเซียส ปล่อยให ้เย็นในเตา


2 : อบทีอุณหภูม ิ 1050 องศาเซลเซียส ปล่อยให ้เย็นในอากาศ
3 : อบทีอุณหภูม ิ 950 องศาเซลเซียส ปล่อยให ้เย็นในเตา
4 : อบทีอุณหภูม ิ 950 องศาเซลเซียส ปล่อยให ้เย็นในนํ า
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 325 :
โครงสร ้างทีทนต่อการคืบ (Creep) ได ้ดีทสุ
ี ดคือ ข ้อใดต่อไปนี

1 : ผลึกเดียว (Single crystal)


2 : โครงสร ้างทีมีเกรนขนาดใหญ่
3 : โครงสร ้างทีมีเกรนขนาดเล็ก
4 : โครงสร ้างทีมีเกรนรูปร่างเรียวยาว
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 326 :
โครงสร ้างของเหล็กกล ้าคาร์บอนในข ้อใดต่อไปนีทีทนต่อแรงกระแทกทีอุณหภูมต
ิ ําได ้ดีทสุ
ี ด

1 : ออสเทไนต์ (Austenite) เกรนขนาดใหญ่


2 : เฟร์ไรต์ (Ferrite) เกรนขนาดใหญ่
3 : ออสเทไนต์ (Austenite) เกรนขนาดเล็ก
4 : เฟร์ไรต์ (Ferrite) เกรนขนาดเล็ก
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 327 :
สารประกอบออกไซด์ประเภทใดทีช่วยทําให ้ความหนืดของแก ้วตําลง

1 : ์Na2O
2 : Al2O3
3 : SiO2
4 : TiO2
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 328 :
การเติมสาร Intermediate oxides ในแก ้วเพือประโยชน์อะไร

1 : เพือให ้สามารถขึนรูปแก ้วได ้ง่ายขึน


2 : เพือให ้แก ้วมีความหนืดตําลง
3 : เพือปรับปรุงสมบัตข ิ องแก ้ว
4 : เพือทําให ้แก ้วหลอมตัวทีอุณหภูมต ิ ําลง
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 329 :
การเติมสาร Glass-modifying oxide ในแก ้วเพือประโยชน์อะไร

1 : เพือให ้แก ้วมีความต ้านทานต่อการเปลียนแปลงอุณหภูม ิ (Thermal shock resistance)


2 : เพือให ้แก ้วมีความหนืดตําลง
3 : เพือให ้แก ้วมีความแข็งสูงขึน
4 : เพือให ้แก ้วมีผลึกเกิดขึน
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 330 :
ในกรรมวิธก
ี ารเชือมชินงานเหล็กกล ้าคาร์บอนสูง (High carbon steel) โครงสร ้างทางจุลภาคในบริเวณกระทบร ้อน (Heat-affected zone) ของชินงานสามารถเกิด
การเปลียนแปลงได ้เป็ นอะไร

1 : เพอร์ไลต์หยาบ และเฟร์ไลต์ (Coarse Pearlite & Ferrite)


2 : เพอร์ไลต์หยาบ และซีเมนไทต์ (Coarse Pearlite & Cementite)
3 : เพอร์ไลต์ละเอียด และเฟร์ไลต์ (Fine Pearlite & Ferrite)
4 : เพอร์ไลต์ละเอียด และซีเมนไทต์ (Fine Pearlite & Cementite)
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 331 :
อุณหภูมท
ิ เหมาะสมในการเผาเหล็
ี กสําหรับกระบวนการชุบแข็งควรอยูใ่ นช่วงใด และเพราะเหตุใด

1 : มากกว่า 727 องศาเซลเซียส เพราะเหล็กสามารถเปลียนโครงสร ้างเป็ นออสเทไนต์ (Austenite) ได ้ทังหมด


2 : มากกว่า 912 องศาเซลเซียส เพราะเหล็กสามารถเปลียนโครงสร ้างเป็ นออสเทไนต์ (Austenite) ได ้ทังหมด
3 : มากกว่า 727 องศาเซลเซียส เพราะประหยัดพลังงานเชือเพลิงมากทีสุด
4 : มากกว่า 912 องศาเซลเซียส เพราะประหยัดพลังงานเชือเพลิงมากทีสุด
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 332 :
ี ทีหลอมเหลวค่อยๆเย็นตัวลงอย่างช ้าๆ จนถึงอุณหภูมห
ข ้อใดต่อไปนีถูกต ้อง เมือให ้พอลิเอทิลน ิ ้อง

1 : พอลิเอทิลน
ี จะยังคงเป็ นพอลิเมอร์อสัณฐาน
2 : พอลิเอทิลนี จะตกผลึก
3 : พอลิเอทิลน ี จะมีสมบัตคิ ล ้ายแก ้ว
4 : พอลิเอทิลน ี จะมีบางบริเวณทีมีสมบัตค
ิ ล ้ายแก ้ว และมีบางบริเวณทีมีสมบัตค
ิ ล ้ายยาง
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 333 :
เหล็กกล ้าไร ้สนิมชนิดใดต่อไปนีทีแม่เหล็กดูดไม่ตด

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 52/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
1 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมเฟร์ไรต์ (Ferritic stainless steel)
2 : เหล็กกล ้าไร ้สนิม ออสเทนไนต์ (Austenitic stainless steel)
3 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมมาร์เทนไซต์ (Martensitic stainless steel)
4 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมดูเพล็กซ์ (Duplex stainless steel)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 334 :
ข ้อความใดต่อไปนีเป็ นการกล่าวทีผิด

1 : วัสดุทมี
ี โครงสร ้างผลึกแบบ FCC มีคา่ การจัดเรียงตัวของอะตอม (Atomic packing factor, APF) มากกว่าวัสดุทมี ี โครงสร ้างผลึกแบบ BCC
2 : วัสดุทมี
ี เกรนเป็ นจํานวนมากมีความแข็งแรงมากกว่าวัสดุทมี ี เกรนจํานวนน ้อยกว่าในปริมาตรเดียวกันของวัสดุชนิดเดียวกัน
3 : วัสดุทมีี เกรนเป็ นจํานวนมากมีการนํ าไฟฟ้ าทีแย่กว่าวัสดุทมี
ี เกรนจํานวนน ้อยกว่าในปริมาตรเดียวกันของวัสดุชนิดเดียวกัน
4 : วัสดุทมี ี ความบกพร่องประเภทจุดแบบ Self-interstitial มีความแข็งน ้อยกว่าวัสดุทไม่ี มค
ี วามบกพร่องประเภทจุดของวัสดุชนิดเดียวกัน
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 335 :
ถ ้าแสงสามารถส่องทะลุผา่ นแผ่นบางของอะลูมเิ นียมออกไซด์ (Al2O3) ได ้ทังหมด ข ้อใดคือโครงสร ้างของอะลูมเิ นียมออกไซด์แผ่นนัน

1 : ผลึกเดียว (Single crystal)


2 : พหุผลึก (Polycrystal) เนือแน่นไม่มช ่ งว่างภายใน
ี อ
่ งว่างภายใน
3 : พหุผลึก (Polycrystal) ทีมีชอ
4 : อสัณฐาน (Amorphous)
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 336 :
ถ ้าแสงสามารถส่องทะลุผา่ นแผ่นบางของอะลูมเิ นียมออกไซด์ (Al2O3) ได ้บางส่วน ข ้อใดคือโครงสร ้างของอะลูมเิ นียมออกไซด์แผ่นนัน

1 : ผลึกเดียว (Single crystal)


2 : พหุผลึก (Polycrystal) เนือแน่นไม่มช ่ งว่างภายใน
ี อ
่ งว่างภายใน
3 : พหุผลึก (Polycrystal) ทีมีชอ
4 : อสัณฐาน (Amorphous)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 337 :
ถ ้าแสงไม่สามารถส่องทะลุผา่ นแผ่นบางของอะลูมเิ นียมออกไซด์ (Al2O3) ได ้ ข ้อใดคือโครงสร ้างของอะลูมเิ นียมออกไซด์แผ่นนัน

1 : ผลึกเดียว (Single crystal)


2 : พหุผลึก (Polycrystal) เนือแน่นไม่มช ่ งว่างภายใน
ี อ
่ งว่างภายใน
3 : พหุผลึก (Polycrystal) ทีมีชอ
4 : อสัณฐาน (Amorphous)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 338 :
ในโลหะชนิดเดียวกัน ลักษณะทางโครงสร ้างจุลภาคใดต่อไปนีทีสามารถเสียรูปจากการดึงได ้ง่ายทีสุด

1 : มีเกรนเป็ นทรงกลม
2 : มีเกรนเป็ นรูปเข็ม
3 : มีเกรนเป็ นรูปแผ่น
4 : เท่ากันในทุกลักษณะของโครงสร ้าง
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 339 :
โครงสร ้างผลึกชนิดใดต่อไปนีสามารถเสียรูปจากการดึงได ้ง่ายทีสุด

1 : Hexagonal closed-pack (HCP)


2 : Face-centered cubic (FCC)
3 : Body-centered cubic (BCC)
4 : Simple cubic (SC)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 340 :
เพราะเหตุใดเซอร์โคเนียมออกไซด์ (ZrO2) ทีผสมด ้วยอิเทียมออกไซด์ (Y2O3) หรือทีเรียกว่า Yttria-stabilized zirconia (YSZ) จึงสามารถนํ ามาใช ้เป็ นตัวตรวจ
วัดปริมาณก๊าซออกซิเจน (Oxygen sensor) ได ้

1 : เนืองจากการผสมอิเทียมออกไซด์ทําให ้เกิดช่องว่างของประจุบวก (Cation vacancy) ขึนในโครงสร ้างผลึกของเซอร์โคเนียมออกไซด์ ทําให ้ออกซิเจนไอออนสามารถเคลือนทีเข ้ามาได ้ จึง
สามารถใช ้ตรวจวัดปริมาณออกซิเจนได ้
2 : เนืองจากการผสมอิเทียมออกไซด์ทําให ้เกิดช่องว่างของประจุลบ (Anion vacancy) ขึนในโครงสร ้างผลึกของเซอร์โคเนียมออกไซด์ ทําให ้ออกซิเจนไอออนสามารถเคลือนทีเข ้ามาได ้ จึง
สามารถใช ้ตรวจวัดปริมาณออกซิเจนได ้
3 : เนืองจากอิเทียมไอออนมีขนาดเล็กกว่าเซอร์โคเนียมไอออน เมือผสมกันแล ้วเกิดการแทนทีของประจุบวกขึน ส่งผลให ้โครงสร ้างผลึกของเซอร์โคเนียมออกไซด์เกิดการหดตัว ทําให ้
ออกซิเจนไอออนสามารถเคลือนทีเข ้ามาได ้ จึงสามารถใช ้ตรวจวัดปริมาณออกซิเจนได ้
4 : เนืองจากเนืองจากอิเทียมไอออนมีขนาดใหญ่กว่าเซอร์โคเนียมไอออน เมือผสมกันแล ้วเกิดการแทนทีของประจุบวกขึน ส่งผลให ้โครงสร ้างผลึกของเซอร์โคเนียมออกไซด์เกิดการขยายตัว
ทําให ้ออกซิเจนไอออนสามารถเคลือนทีเข ้ามาได ้ จึงสามารถใช ้ตรวจวัดปริมาณออกซิเจนได ้
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 341 :
ทําไมเซรามิกทีมีโครงสร ้างคล ้ายกับผลึกเดียว (Like a single crystal) ถึงยอมให ้แสงผ่านได ้ (Translucent)

1 : เนืองจากภายในเกรนมีการจัดเรียงอะตอมทีเกือบจะอยูใ่ นทิศทางเดียวกัน
2 : เนืองจากขอบเกรนมีความหนา
3 : เนืองจากภายในเกรนมีธาตุอนมาแทรก

่ งว่างเกิดขึนภายในเกรน
4 : เนืองจากมีชอ
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 342 :
โครงสร ้างจุลภาคระหว่างเพอร์ไลต์หยาบ (Coarse pearlite) และเพอร์ไลต์ละเอียด (Fine pearlite) โครงสร ้างใดมีความแข็งแรงมากกว่า และเพราะอะไร

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 53/74
7/2/2019 สภาวิศวกร

1 : เพอร์ไลต์หยาบแข็งแรงมากกว่า เพราะมีปริมาณคาร์บอนอิสระมากกว่า
2 : เพอร์ไลต์ละเอียดแข็งแรงมากกว่า เพราะมีปริมาณคาร์บอนอิสระมากกว่า
3 : เพอร์ไลต์หยาบแข็งแรงมากกว่า เพราะมีขนาดของเกรนใหญ่กว่า
4 : เพอร์ไลต์ละเอียดแข็งแรงมากกว่า เพราะมีขนาดของเกรนเล็กกว่า
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 343 :
จงเรียงลําดับโครงสร ้างจุลภาคทีมีความแข็งจากมากไปน ้อย

1 : เพอร์ไลต์ (Pearlite), เบไนต์ (Bainite), มาร์เทนไซต์ (Martensite)


2 : เบไนต์ (Bainite), เพอร์ไลต์ (Pearlite), มาร์เทนไซต์ (Martensite)
3 : มาร์เทนไซต์ (Martensite), เบไนต์ (Bainite), เพอร์ไลต์ (Pearlite)
4 : เบไนต์ (Bainite), มาร์เทนไซต์ (Martensite), เพอร์ไลต์ (Pearlite)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 344 :
โครงสร ้างของเหล็กกล ้าสเฟี ยรอยไดซ์ (Spheroidized steel) มีสมบัตท
ิ างกลอย่างไร และเพราะอะไร

1 : มีความแข็งสูง เพราะปรากฏโครงสร ้างของซีเมนไทต์ (Cementite) แบบแท่ง


2 : มีความอ่อนตัวสูง เพราะปรากฏโครงสร ้างของซีเมนไทต์ (Cementite) แบบกลม
3 : มีความแข็งสูง เพราะปรากฏโครงสร ้างของกราไฟต์ (Graphite) แบบแท่ง
4 : มีความอ่อนตัวสูง เพราะปรากฏโครงสร ้างของกราไฟต์ (Graphite) แบบกลม
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 345 :
เซรามิกทัวไปมีคา่ ของสมบัตใิ นข ้อใดน ้อยกว่าของโลหะทัวไป

1 : Hardness
2 : Thermal insulation
3 : Toughness
4 : Chemical resistance
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 346 :
วัสดุในข ้อใดสามารถดูดกลืนพลังงานไว ้ก่อนทีจะเสียรูปทรงอย่างถาวรได ้สูง

1 : แผ่นพลาสติกพอลิสไตรีน
2 : แผ่นยาง
3 : แผ่นกระจก
4 : แผ่นสังกะสี
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 347 :
ข ้อใดกล่าวถึงกระบวนการเกิดผลึกใหม่ (Recrystallization) ไม่ถก
ู ต ้อง

1 : ต ้องเกิดการเปลียนรูปน ้อยทีสุดค่าหนึงจึงจะสามารถเกิดผลึกใหม่ได ้
2 : ถ ้าปริมาณการเปลียนรูปน ้อยจะทําให ้อุณหภูมใิ นการเกิดผลึกใหม่สงู ขึน
3 : ขนาดเกรนสุดท ้ายหลังการเกิดผลึกใหม่จะขึนอยูก ่ บ
ั ปริมาณการเปลียนรูป
4 : โลหะบริสท ุ ธิมีอณ
ุ หภูมก
ิ ารเกิดผลึกใหม่สงู กว่าโลหะผสม
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 348 :
ข ้อใดไม่ใช่การเปลียนแปลงภายในเนือโลหะในช่วงการคืนตัว (Recovery) เมือนํ าโลหะทีผ่านการขึนรูปเย็นมาทําการอบอ่อน

1 : ความแข็งแรงลดลงเล็กน ้อย
2 : ความเค ้นตกค ้างลดลง
3 : จํานวนดิสโลเคชันเพิมขึน
4 : ความอ่อนตัวเพิมขึน
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 349 :
กระบวนการอัดรีด (Extrusion) เป็ นขันตอนหนึงทีนํ ามาใช ้ขึนรูปผลิตภัณฑ์พลาสติกต่างๆ ยกเว ้นข ้อใด

1 : ท่อนํ า
2 : ยางรถยนต์
3 : ฉนวนหุ ้มสายไฟ
4 : ถุงพลาสติก
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 350 :
การทําให ้เหล็กกล ้าคาร์บอนตําเย็นตัวอย่างรวดเร็ว (Quenching) ส่งผลต่อโครงสร ้างจุลภาคและสมบัตท
ิ างกลอย่างไร

1 : โครงสร ้างจุลภาคมีขนาดเกรนหยาบ ความแข็งแรงตํา


2 : โครงสร ้างจุลภาคมีขนาดเกรนหยาบ ความแข็งแรงสูง
3 : โครงสร ้างจุลภาคมีขนาดเกรนละเอียด ความแข็งแรงตํา
4 : โครงสร ้างจุลภาคมีขนาดเกรนละเอียด ความแข็งแรงสูง
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 351 :
ในงานโลหกรรมผง (Powder metallurgy) ขันตอนใดทีทําให ้ชืนงานมีความแข็งแรงเพิมขึนอย่างมาก

1 : Mixing
2 : Pressing

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 54/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
3 : Sintering
4 : Machining
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 352 :
ข ้อใดคือลักษณะโครงสร ้างและสมบัตท
ิ พบได
ี ้ในพอลิเมอร์ชนิดเทอร์โมเซตติง (Thermosetting)

1 : โครงสร ้างแบบสายโซ่ตรง มีความแข็งสูง


2 : โครงสร ้างแบบโครงตาข่าย (Network) มีสภาพดึงยืดตํา
3 : โครงสร ้างแบบกิง ต ้านทานการกัดกร่อนได ้ดี
4 : โครงสร ้างแบบครอสลิงค์ (Crosslink) มีสภาพดึงยืดสูง
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 353 :
ในการผลิตเส ้นใยพอลิเมอร์มก
ั มีการดึงยืด (Stretching) หลังจากการผลิตเส ้นใยแล ้ว เพราะสาเหตุใดเป็ นหลัก

1 : เพิมความยาวของเส ้นใย
2 : เพิมเงางามของเส ้นใย
3 : ช่วยให ้ง่ายต่อการจัดเก็บเส ้นใย
4 : เพิมความแข็งแรงของเส ้นใย
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 354 :
เหตุใดเหล็กกล ้าไร ้สนิมจึงมีความต ้านทานการเกิดสนิมได ้ดี

1 : มีธาตุนเิ กิลผสมอยู่ ซึงช่วยสร ้างชันฟิ ลม


์ นิเกิลออกไซด์ป้องกันการเกิด Oxidation ทีผิวชินงานได ้ดี
2 : มีธาตุโครเมียมผสมอยู่ ซึงช่วยสร ้างชันฟิ ลม ์ โครเมียมออกไซด์ป้องกันการเกิด Oxidation ทีผิวชินงานได ้ดี
3 : มีธาตุโครเมียมผสมอยู่ ซึงช่วยสร ้างชันฟิ ลม ์ โครเมียมคาร์ไบด์ป้องกันการเกิด Oxidation ทีผิวชินงานได ้ดี
4 : มีธาตุอะลูมเิ นียมผสมอยู่ ซึงช่วยสร ้างชันฟิ ลม ์ อะลูมเิ นียมออกไซด์ป้องกันการเกิด Oxidation ทีผิวชินงานได ้ดี
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 355 :
ข ้อใดเรียงลําดับโครงสร ้างเหล็กกล ้าทีมีความแข็งมากไปน ้อย

1 : ซีเมนไทต์ > เพอร์ไลต์ > มาร์เทนไซต์


2 : มาร์เทนไซต์ > เพอร์ไลต์ > เบไนต์
3 : เบไนต์ > เพอร์ไลต์ > เฟร์ไรต์
4 : มาร์เทรไซต์ > เฟร์ไรต์ > ซีเมนไทต์
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 356 :
ในการให ้ความร ้อนเพือขึนรูปผลิตภัณฑ์แก ้ว (Glass product) จําเป็ นต ้องพิจารณาสมบัตใิ ดเป็ นหลัก

1 : ความหนืด
2 : ความหนาแน่น
3 : ความใส
4 : ความแข็ง
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 357 :
ข ้อใดเรียงลําดับตัวกลางทีช่วยในการชุบแข็งเหล็กกล ้าจากน ้อยไปมากได ้ถูกต ้อง

1 : นํ า, อากาศ, เตา
2 : นํ ามัน, อากาศ, เตา
3 : เตา, นํ า, นํ ามัน
4 : อากาศ, นํ ามัน, นํ า
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 358 :
ข ้อใดไม่ใช่สาเหตุของการขึนรูปหัวน ้อตหรือตะปู ด ้วยวิธก
ี ารอัดขึนรูปเย็น (Cold forging)

1 : เพิมความแข็ง
2 : เพิมความแข็งแรง
3 : เพิมความแข็งได ้ขนาดรูปร่างทีแม่นยํา
4 : เพิมสภาพดึงยืดได ้ดีขน

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 359 :
โครงสร ้างพอลิเมอร์ทมี
ี ความเป็ นผลึกมากขึน ส่งผลต่อสมบัตโิ ดยทัวไปอย่างไร

1 : มีจด
ุ หลอมเหลวสูงขึน
2 : มีความแข็งแรงมากขึน
3 : มีความสามารถในการละลายดีขน

4 : มีความหนาแน่นมากขึน
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 360 :
ข ้อใดเปรียบเทียบโครงสร ้างหรือสมบัตริ ะหว่างผลิตภัณฑ์แก ้ว (Glass product) และกลาสเซรามิก (Glass ceramic) ไม่ถก
ู ต ้อง

1 : ผลิตภัณฑ์แก ้วมีโครงสร ้างอสัณฐาน กลาสเซรามิกมีโครงสร ้างผลึก


2 : ผลิตภัณฑ์แก ้วมีลกั ษณะใส กลาสเซรามิกมีลก ั ษณะขุน ่ ทึบ
3 : ผลิตภัณฑ์แก ้วมีความแข็งแรงสูง กลาสเซรามิกมีความแข็งแรงตํา
4 : ผลิตภัณฑ์แก ้วนํ าความร ้อนได ้ตํา กลาสเซรามิกนํ าความร ้อนได ้สูง
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 55/74
7/2/2019 สภาวิศวกร

ข ้อที 361 :
ในการเตรียมผลิตภัณฑ์เซรามิกดิน (Clay product) มักจะคัดแยกขนาดอนุภาคของดินแล ้วนํ ามาผสมกันในอัตราส่วนต่างๆ เพราะสาเหตุใด

1 : ลดราคาต ้นทุน
2 : ลดปริมาณรูพรุน
3 : ลดปริมาณนํ าทีต ้องใช ้
4 : ลดความแข็งเปราะ
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 362 :
ขันตอนใดต่อไปนีไม่สามารถช่วยเพิมความแข็งแรงให ้กับผลิตภัณฑ์เทอร์โมพลาสติก

1 : การใช ้ความเครียดเหนียวนํ าให ้เกิดโครงสร ้างผลึก


2 : การเพิมความยาวเฉลียของสายโซ่โมเลกุล
3 : การผสมสารเติมแต่ง (Filler)
4 : การหลอมผนึก (Sintering) ของสายโซ่โมเลกุล
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 363 :
ข ้อใดแสดงความสัมพันธ์ระหว่างกระบวนการและโครงสร ้างได ้ถูกต ้อง

1 : การสังเคราะห์พอลิเมอร์แบบเติม (Addition polymerization) ทําให ้เกิดพอลิเมอร์แบบโครงร่างตาข่าย


2 : การหลอมผนึก (Sintering) ในเซรามิกทําให ้โครงสร ้างอนุภาคดินเชือมติดกันโดยมีรพ ู รุนเพิมมากขึน
3 : การรีดร ้อนแผ่นโลหะทําให ้โครงสร ้างจุลภาคมีเกรนละเอียด
4 : การชุบแข็งแบบตกตะกอนในโลหะผสม ต ้องทําให ้โครงสร ้างของแข็งเกิดการละลายอย่างยิงยวด (Super saturated solid solution) ก่อนทําให ้เกิดการตกตะกอน
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 364 :
กระบวนการใดต่อไปนีไม่สามารถช่วยเพิมความแข็งแรงให ้กับชินงานโลหะได ้

1 : การทําคาร์บไู รซิง (Carburizing)


2 : การทําสเฟี ยร์รอยไดซิง (Spheroidizing)
3 : การรีดเย็น
4 : การอัดขึนรูป
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 365 :
หากมีการเพิมปริมาณธาตุคาร์บอนให ้กับเหล็กกล ้า จะมีผลต่อโครงสร ้างและสมบัตอ
ิ ย่างไร

1 : เกิดปริมาณเฟสเฟร์ไรต์มากขึน มีความแข็งเพิมขึน
2 : เกิดปริมาณเฟสเฟร์ไรต์มากขึน มีความแข็งลดลง
3 : เกิดปริมาณเฟสซีเมนไทต์มากขึน มีความแข็งเพิมขึน
4 : เกิดปริมาณเฟสซีเมนไทต์มากขึน มีความแข็งลดลง
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 366 :
เหตุใดการผลิตดอกสว่านแบบหัวเพชรจึงออกแบบให ้ผลิตเป็ นผลึกเพชรเคลือบบนแกนโลหะ แทนทีการออกแบบเป็ นดอกสว่านเพชรทังแท่ง

1 : เพิมความเหนียวให ้กับดอกสว่าน
2 : เพิมความแข็งให ้กับดอกสว่าน
3 : เพิมความทนต่อความร ้อนให ้กับดอกสว่าน
4 : เพิมความต ้านทานการกัดกร่อนให ้กับดอกสว่าน
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 367 :
ข ้อใดกล่าวถูกต ้องเกียวกับวัสดุกลุม
่ อิลาสโตเมอร์ (Elastomer)

1 : ไม่สามารถนํ ามารีไซเคิล (Recycle) ได ้เลย


2 : มีโครงสร ้างชนิด Crosslink
3 : มักจะขึนรูปด ้วยวิธก
ี ารขึนรูปด ้วยความร ้อน (Thermoforming)
4 : อุณหภูมกิ ารเปลียนสภาพเป็ นแก ้วมีคา่ สูงกว่าอุณหภูมหิ ้อง
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 368 :
ข ้อใดจับคูผ
่ ลิตภัณฑ์กบ
ั กระบวนการผลิตทีเหมาะสมได ้ไม่ถก
ู ต ้อง

1 : ท่อประปา ผลิตด ้วยกระบวนการ Extrusion


2 : แป้ นกดโทรศัพท์ ผลิตด ้วยกระบวนการ Injection molding
3 : ยางแผ่นปูพนื ผลิตด ้วยกระบวนการ Compression molding
4 : ขวดแกลลอน ผลิตด ้วยกระบวนการ Thermoforming
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 369 :
จุดประสงค์หลักในการใช ้แก๊สทีใช ้ปกคลุม (Shielding gas) จําพวก Ar, He หรือ CO2 ในการเชือมด ้วยไฟฟ้ า คือข ้อใด

1 : ช่วยให ้โครงสร ้างจุลภาคบริเวณรอยเชือมมีเกรนละเอียด


2 : ช่วยในการหลอมละลายระหว่างลวดเชือมกับชินงาน
3 : ป้ องกันออกซิเจนทําปฏิกริ ย
ิ ากับรอยเชือม
4 : ไม่ทําให ้เกิดสารมลทิน (Slag) ในแนวเชือม
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 370 :
ในการพิจารณาเลือกวัสดุสําหรับทดแทนชินส่วนชีวภาพ ควรคํานึงถึงปั จจัยใดเป็ นอันดับแรก

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 56/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
1 : ความแข็งแรง
2 : ความทนทานต่อสารเคมี
3 : ความเหนียว
4 : ความเข ้ากันได ้กับชีวภาพ
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 371 :
ข ้อใดต่อไปนีกล่าวถูกต ้อง

1 : กระบวนการคาร์บไู รซิง (Carburizing) ใช ้เพิมความต ้านทานการกัดกร่อนให ้กับเหล็กกล ้า


2 : กระบวนการ Condensation polymerization ใช ้สังเคราะห์พอลิเมอร์ ซึงเกิดผลิตภัณฑ์ข ้างเคียง (Byproduct) เสมอ
3 : กระบวนการอบ (Drying) ผลิตภัณฑ์เซรามิกดิน (Clay product) ใช ้ไล่ความชืนหลังจากกระบวนการหลอมผนึก (Sintering)
4 : กระบวนการ Tempering ใช ้ลดความเค ้นตกค ้างในผลิตภัณฑ์แก ้ว (Glass product)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 372 :
ข ้อใดกล่าวไม่เหมาะสมเกียวกับการเลือกใช ้วัสดุประกอบ

1 : เฟสเนือพืนโลหะมีความเหนียวสูง เฟสเสริมแรงเซรามิกช่วยเพิมความแข็ง
2 : เฟสเนือพืนพอลิเมอร์มน
ี ํ าหนักเบา เฟสเสริมแรงโลหะช่วยเพิมความแข็งแรง
3 : เฟสเนือพืนเซรามิกทนการกัดกร่อนดี เฟสเสริมแรงเซรามิกช่วยเพิมความแข็งทีอุณหภูมส
ิ งู
4 : เฟสเนือพืนโลหะทนความร ้อนได ้ดี เฟสเสริมแรงพอลิเมอร์ชว่ ยเพิมความแข็ง
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 373 :
ข ้อใดต่อไปนีกล่าวไม่ถก
ู ต ้องเกียวกับโครงสร ้างและสมบัตข
ิ องพอลิเมอร์

1 : โครงสร ้างแบบโครงตาข่าย (Network) มีความยืดหยุน่ สูงกว่าโครงสร ้างแบบสายโซ่ตรง


2 : โครงสร ้างแบบสายโซ่ตรงสามารถขึนรูปใหม่ได ้เมือให ้ความร ้อน
3 : โครงสร ้างแบบกิงมีจด
ุ หลอมเหลวตํากว่าแบบสายโซ่ตรง
4 : โครงสร ้างแบบสายโซ่ตรงมีความหนาแน่นมากกว่าแบบกิง
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 374 :
ข ้อใดต่อไปนีกล่าวไม่ถก
ู ต ้อง

1 : กระบวนการ Polymerization ในพอลิเมอร์ ทําให ้เกิดการเชือมต่อของสายโซ่โมเลกุล


2 : กระบวนการ Sintering ในงานโลหกรรมผง เป็ นการหลอมผนึกอนุภาคทําให ้เกิดความแข็งแรง
3 : ปฎิกริ ย
ิ า Hydration ทําให ้ซีเมนต์เกิดการแข็งตัว
4 : ปฎิกริ ยิ า Vitrification เกิดขึนในกระบวนการหลอมแก ้ว ทําให ้มีรพ
ู รุนสูง
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 375 :
ข ้อใดกล่าวถูกต ้องเกียวผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์

1 : โครงสร ้างทีมีความยาวสายโซ่สงู จะมีความแข็งแรงตํา


2 : โครงสร ้างทีมีความหนาแน่นสูงจะมีความเหนียวสูง
3 : โครงสร ้างทีมีความเป็ นผลึกสูงจะป้ องกันการซึมผ่านของก๊าซได ้ดี
4 : โครงสร ้างแบบโครงร่างตาข่ายจะเกิดการะลายได ้ดี
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 376 :
กระบวนการทางความร ้อนอาจส่งผลให ้เหล็กกล ้าไร ้สนิมมีความเปราะและเสียงต่อการแตกตามรอยขอบเกรนมากขึนเพราะเหตุใด

1 : อาจทําให ้เกิดการแพร่ของโครเมียมออกไปจากชินงานมากขึน
2 : อาจทําให ้เกิดสารประกอบโครเมียมคลอไรด์ทขอบเกรนมากขึ
ี น
3 : อาจทําให ้เกิดสารประกอบโครเมียมคาร์ไบด์ทขอบเกรนมากขึ
ี น
4 : อาจทําให ้เกิดสารประกอบโครเมียมออกไซด์ทขอบเกรนมากขึ
ี น
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 377 :
ข ้อใดต่อไปนีเปรียบเทียบข ้อมูลระหว่างเหล็กกล ้าเกรด AISI 1010 และ AISI 304 ได ้ถูกต ้อง

1 : เหล็กกล ้าเกรด AIS 1010 ต ้านทานการกัดกร่อนได ้ดีกว่า เกรด AISI 304


2 : เหล็กกล ้าเกรด AIS 1010 มีปริมาณธาตุนเิ กิลมากกว่า เกรด AISI 304
3 : เหล็กกล ้าเกรด AIS 1010 มีโครงสร ้างผลึกเป็ นแบบ BCC แต่เกรด AISI 304 เป็ นแบบ FCC
4 : เหล็กกล ้าเกรด AIS 1010 มีราคาสูงกว่าเกรด AISI 304
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 378 :
ข ้อใดคือลักษณะโครงสร ้างผลึกและสมบัตเิ ด่นของวัสดุเพียโซอิเล็กทริก (Piezoelectric material)

1 : โครงสร ้างอสัณฐาน สามารถเปลียนแรงทางกลเป็ นแม่เหล็กได ้


2 : โครงสร ้างผลึกแบบสมมาตร สามารถเปลียนแรงทางกลเป็ นความร ้อนได ้
3 : โครงสร ้างผลึกแบบสมมาตร สามารถเปลียนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นความร ้อนได ้
4 : โครงสร ้างผลึกแบบไม่สมมาตร สามารถเปลียนแรงทางกลเป็ นไฟฟ้ าได ้
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 379 :
กระบวนการประกอบแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ นิยมหลอมโลหะบัดกรี เช่น ตะกัว-ดีบก ุ ของตัววงจรรวมเชือมติดกับทองแดงบนแผ่นวงจร ทําให ้เกิดชันสารประกอบ
เชิงโลหะ (Intermetallic compound) ชนิด ทองแดง-ดีบก
ุ ระหว่างกลาง ซึงชันสารประกอบเชิงโลหะนีมีข ้อดีและข ้อเสียอย่างไร

1 : ช่วยให ้ตัววงจรยึดเกาะกับแผงวงจร และนํ าไฟฟ้ าได ้ดีขนึ


2 : ช่วยเพิมการนํ าไฟฟ้ าได ้ดีขน
ึ แต่มรี อยต่อความเปราะสูง
3 : ช่วยให ้ตัววงจรยึดเกาะกับแผงวงจร แต่ลดสภาพการนํ าไฟฟ้ า
4 : ช่วยเพิมการนํ าไฟฟ้ า และทนความร ้อนได ้ดีขน ึ

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 57/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 380 :
การเหนียวนํ าให ้เกิดโครงสร ้างผลึกด ้วยความเครียด (Strain-induced crystallization) ในระหว่างกระบวนการเป่ าขึนรูป (Blow molding) ขวดพลาสติก ส่งผลต่อ
ผลิตภัณฑ์ทไดี ้อย่างไร

1 : มีความแข็งแรงและความใสมากขึน
2 : มีสภาพดึงยืดและความขุน
่ มากขึน
3 : มีความแข็งและความสามารถในการละลายลดลง
4 : มีสภาพดึงยืดและความแข็งลดลง
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

เนือหาวิชา : 248 : 11 Methods and tools for structure investigation

ข ้อที 381 :
ถ ้าต ้องการวิเคราะห์โครงสร ้างจุลภาคของชินงานโลหะด ้วยกล ้องจุลทรรศน์แบบแสง (Optical microscope) ควรเตรียมชินงานอย่างไร

1 : ขัดผิวชินงานให ้เรียบ
2 : ขัดผิวชินงานให ้เรียบและกัดผิวชินงานด ้วยกรด
3 : ขัดผิวจนชินงานมีความบางมาก ๆ
4 : ไม่ต ้องเตรียมผิวชินงาน
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 382 :
ถ ้าต ้องการวิเคราะห์ลก ี ารหล่อ ควรเลือกใช ้เครืองมือใด
ั ษณะทางโครงสร ้างจุลภาคของห ้องเครืองยนต์ดเี ซลทีผ่านกรรมวิธก

1 : มาตรวัดการเลียวเบนของรังสีเอกซ์ (X-ray diffractometer)


2 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบส่องผ่าน (Transmission electron microscope)
3 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบกราดวิเคราะห์ (Scanning electron microscope)
4 : กล ้องถ่ายรูปดิจต
ิ อล (Digital camera)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 383 :
ถ ้าต ้องการตรวจสอบการยึดติดของผลิตภัณฑ์วงจรรวม (Integrated circuit) บนแผงวงจรรวม (Printed circuit board) ด ้วยการยึดพืนผิว (Surface mount) ควรเลือก
ใช ้เครืองมือใด

1 : กล ้องถ่ายรูปดิจต
ิ อล (Digital camera)
2 : กล ้องจุลทรรศน์แบบแสง (Optical microscope)
3 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบส่องผ่าน (Transmission electron microscope)
4 : มาตรวัดการเลียวเบนของรังสีเอ็กซ์ (X-ray diffractometer)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 384 :
ถ ้าต ้องการวิเคราะห์การกระจายตัวของเฟสทีเกิดขึนจากกระบวนการเชือมยึดติดของผลิตภัณฑ์วงจรรวม (Integrated circuit) บนแผงวงจรรวม (Printed circuit
board) ควรเลือกใช ้เครืองมือใด

1 : มาตรวัดการเลียวเบนของรังสีเอกซ์ (X-ray diffractometer)


2 : กล ้องจุลทรรศน์แบบแสง (Optical microscope)
3 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบกราดวิเคราะห์ (Scanning electron microscope)
4 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบส่องผ่าน (Transmission electron microscope)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 385 :
ถ ้าต ้องการวิเคราะห์โครงสร ้างผลึกของวัสดุ ควรเลือกใช ้เครืองมือใด

1 : มาตรวัดการเลียวเบนของรังสีเอกซ์ (X-ray diffractometer)


2 : กล ้องจุลทรรศน์แบบแสง (Optical microscope)
3 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบกราดวิเคราะห์ (Scanning electron microscope)
4 : กล ้องถ่ายรูปดิจต
ิ อล (Digital camera)

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 386 :
ถ ้าต ้องการวิเคราะห์ทศ ิ อน (Silicon wafer) ควรเลือกใช ้เครืองมือใด
ิ ทางการเรียงตัวของอะตอมในแว่นผลึกซิลก

1 : กล ้องจุลทรรศน์แบบแสง (Optical microscope)


2 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบกราดวิเคราะห์ (Scanning electron microscope)
3 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบส่องผ่าน (Transmission electron microscope)
4 : กล ้องถ่ายรูปดิจต
ิ อล (Digital camera)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 387 :
ถ ้าต ้องการบันทึกภาพของท่อนํ าทีเกิดการผุกร่อน ควรเลือกใช ้เครืองมือใด

1 : กล ้องถ่ายรูปดิจต
ิ อล (Digital camera)
2 : กล ้องจุลทรรศน์แบบแสง (Optical microscope)
3 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบกราดวิเคราะห์ (Scanning electron microscope)
4 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบส่งผ่าน (Transmission electron microscope)
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 388 :
ู ร่างของผลึกนาโนคาร์บอนทีผลิตได ้ ควรเลือกใช ้เครืองมือใด
ถ ้าต ้องการวิเคราะห์รป

1 : มาตรวัดการเลียวเบนของรังสีเอกซ์ (X-ray diffractometer)


2 : กล ้องจุลทรรศน์แบบแสง (Optical microscope)

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 58/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
3 : เครืองวัดการเรืองแสงของรังสีเอกซ์ (X-ray fluorescence spectroscope)
4 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบส่องผ่าน (Transmission electron microscope)
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 389 :
ถ ้าต ้องการวิเคราะห์โครงสร ้างจุลภาคของก ้อนโลหะด ้วยกําลังขยายขนาด 5,000 เท่า ควรเลือกใช ้เครืองมือใด

1 : Optical microscope
2 : Optical spectroscope
3 : Scanning electron microscope
4 : Scanning tunneling electron microscope
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 390 :
ิ กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบกราดวิเคราะห์ (Scanning electron microscope) สามารถให ้ผลการวิเคราะห์ได ้
ข ้อใดไม่ใช่สงที

1 : การกระจายตัวของเฟส
2 : ลักษณะพืนผิวทีแตกหัก
3 : โครงสร ้างผลึกของเฟสต่างๆ ในชินงาน
4 : รูปร่างของเฟสต่างๆ ในชินงาน
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 391 :
ถ ้าต ้องการวิเคราะห์โครงสร ้างการจัดเรียงตัวของอะตอมต่างๆ ควรเลือกใช ้เครืองมือใด

1 : มาตรวัดการเลียวเบนของรังสีเอกซ์ (X-ray diffractometer)


2 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบกราดวิเคราะห์ (Scanning electron microscope)
3 : กล ้องจุลทรรศน์แบบแสง (Optical microscope)
4 : กล ้องถ่ายรูปดิจต
ิ อล (Digital camera)
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 392 :
กฏในข ้อใดต่อไปนีทีจําเป็ นต่อการศึกษาโครงสร ้างผลึกด ้วยเทคนิคการเลียวเบนของรังสีเอ็กซ์

1 : Pauli exclusion principle


2 : Bragg’s law
3 : Hund’s rule
4 : Lever rule
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 393 :
เครืองมือใดต่อไปนีสามารถใช ้ถ่ายภาพโครงสร ้างจุลภาคได ้กําลังขยายทีสูงทีสุด

1 : มาตรวัดการเลียวเบนของรังสีเอกซ์ (X-ray diffractometer)


2 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบกราดวิเคราะห์ (Scanning electron microscope)
3 : กล ้องจุลทรรศน์แบบแสง (Optical microscope)
4 : กล ้องถ่ายรูปดิจต
ิ อล (Digital camera)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 394 :
เครืองมือใดต่อไปนีสามารถใช ้ถ่ายภาพอนุภาคขนาด 30 นาโนเมตร ได ้ชัดเจนทีสุด

1 : มาตรวัดการเลียวเบนของรังสีเอกซ์ (X-ray diffractometer)


2 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบส่องผ่าน (Transmission electron microscope)
3 : กล ้องจุลทรรศน์แบบแสง (Optical microscope)
4 : กล ้องถ่ายรูปดิจต
ิ อล (Digital camera)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 395 :
เครืองมือใดสามารถใช ้วิเคราะห์วส
ั ดุได ้ทังโครงสร ้างจุลภาคและโครงสร ้างผลึก

1 : กล ้องถ่ายรูปดิจต
ิ อล (Digital camera)
2 : กล ้องจุลทรรศน์แบบแสง (Optical microscope)
3 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบส่องผ่าน (Transmission electron microscope)
4 : มาตรวัดการเลียวเบนของรังสีเอกซ์ (X-ray diffractometer)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 396 :
ในการเปรียบเทียบโครงสร ้างจุลภาคระหว่างแผ่นเหล็กกล ้าทีผ่านกระบวนการรีดร ้อนและทีผ่านกระบวนการรีดเย็น ควรเลือกใช ้เครืองมือใด

1 : มาตรวัดการเลียวเบนของรังสีเอกซ์ (X-ray diffractometer)


2 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบส่องผ่าน (Transmission electron microscope)
3 : กล ้องจุลทรรศน์แบบแสง (Optical microscope)
4 : กล ้องถ่ายรูปดิจต
ิ อล (Digital camera)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

เนือหาวิชา : 249 : 12 Metals processing

ข ้อที 397 :
ในการดึงเหล็กให ้เป็ นเส ้นลวด ต ้องใช ้แรงดึงในช่วงใด

1 : ไม่เกินความต ้านแรงคราก (Yield strength)


2 : ไม่เกินความต ้านแรงดึง (Tensile strength)
3 : มากกว่าความต ้านแรงคราก (Yield strength) แต่ไม่เกินความต ้านแรงดึง (Tensile strength)
4 : มากกว่าความต ้านแรงดึง (Tensile strength) แต่ไม่ถงึ จุดแตกหัก (Fracture point)

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 59/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 398 :
ในการตัดชินงานต ้องเลือกมีดตัดอย่างไร

1 : มีดตัดต ้องมีความแข็งมากกว่าชินงาน
2 : มีดตัดต ้องมีความแข็งแรงมากกว่าชินงาน
3 : มีดตัดต ้องมีความเหนียวมากกว่าชินงาน
4 : มีดตัดทนความร ้อนได ้ดี
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 399 :
ข ้อใดคือข ้อดีของการขึนรูปด ้วยการหล่อแบบหล่อทราย (Sand casting)

1 : ผลิตได ้เร็ว คราวละมาก ๆ


2 : ต ้นทุนแบบหล่อตํา
3 : ชินงานมีผวิ เรียบ ไม่ต ้องตกแต่งเพิม
4 : ขนาดชินงานมีความแม่นยําสูง
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 400 :
การขึนรูปเย็น (Cold working) หมายถึง การขึนรูปด ้วยแรงทางกล ณ อุณหภูมใิ ด

1 : อุณหภูมต
ิ ํากว่าอุณหภูมห ิ ้อง
2 : อุณหภูมติ ํากว่าอุณหภูมก ิ ารเกิดผลึก (Crystallization temperature)
3 : อุณหภูมต ิ ํากว่าอุณหภูมก ิ ารตกผลึกใหม่ (Recrystallization temperature)
4 : อุณหภูมต ิ ํากว่าอุณหภูมก ิ ารเปลียนสภาพจากเปราะเป็ นดึงยืดได ้ (Ductile-brittle transition temperature)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 401 :
กรรมวิธก
ี ารทางความร ้อนใด คือ การเผาชินงานทีขึนรูปด ้วยผงโลหะ เพือให ้ผงโลหะเชือมติดกัน

1 : การอบอ่อน (Annealing)
2 : การอบปกติ (Normalizing)
3 : การอบคืนตัว (Tempering)
4 : การอบซินเตอร์ (Sintering)
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 402 :
กรรมวิธก
ี ารขึนรูปโลหะใดต่อไปนีทีก่อให ้เกิดการสูญเปล่าของวัตถุดบ
ิ น ้อยทีสุด

1 : การหล่อด ้วยแม่พมิ พ์ทราย (Sand casting)


2 : การหล่อแบบใช ้แม่แบบ (Die casting)
3 : การขึนรูปโลหะผง (Powder Metallurgy)
4 : การตกแต่ง (Machining)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 403 :
ในการขึนรูปเย็น (Cold working) ข ้อใดต่อไปนีถูกต ้องทีสุด

1 : ควบคุมขนาดของชินงานให ้เทียงตรงได ้ยาก


2 : เกิดออกไซด์ทผิี วชินงาน
3 : ชินงานมีความแข็ง (Hardness) มากขึน
4 : เกิดการตกผลึกใหม่ (Recrystallization)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 404 :
ข ้อใดคือข ้อดีของการขึนรูปร ้อน (Hot working) ของโลหะ

1 : สามารถลดขนาดชินงานได ้คราวละมาก ๆ
2 : สามารถควบคุมขนาดของชินงานได ้ง่าย
3 : ชินงานมีความแข็งเพิมมากขึน
4 : ผิวชินงานเรียบ เงางาม
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 405 :
ข ้อใดคือข ้อด ้อยของการขึนรูปร ้อน (Hot working) ของโลหะ

1 : ควบคุมขนาดของชินงานให ้เทียงตรงได ้ยาก


2 : ชินงานมีความเปราะมากขึน
3 : เกิดความเค ้นตกค ้างภายในเนือชินงานมากขึน
4 : ชินงานมีสภาพดึงยืด (Ductility) ลดลง
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 406 :
ข ้อใดคือข ้อดีของการขึนรูปเย็น (Cold working) ของโลหะ

1 : ได ้ผิวชินงานเรียบเป็ นมัน สะอาด


2 : ชินงานมีความแข็งเพิมมากขึน
3 : สามารถควบคุมขนาดของชินงานได ้ง่าย
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 407 :

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 60/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
กรรมวิธก
ี ารผลิตใดต่อไปนีสามารถผลิตหัวค ้อนได ้แข็งแรงทีสุด

1 : การหล่อขึนรูป (Casting)
2 : การทุบขึนรูป (Forging)
3 : การตกแต่งขึนรูป (Machining)
4 : การอัดรีด (Extrusion)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 408 :
ในการหล่อชินส่วนอะลูมเิ นียมผสม ธาตุผสมชนิดใดทีทําให ้จุดหลอมเหลวของอะลูมเิ นียมตําลงมากทีสุด

1 : ทองแดง
2 : ซิลคิ อน
3 : นิเกิล
4 : แมงกานีส
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 409 :
ถ ้าต ้องการผลิตชินส่วนงานหล่ออะลูมเิ นียมเป็ นจํานวนมาก ควรเลือกใช ้กรรมวิธก
ี ารหล่อชนิดใดต่อไปนี

1 : การหล่อด ้วยแม่พมิ พ์ทราย (Sand Casting)


2 : การหล่อจากแบบพอกหุน ่ (Investment casting)
3 : การหล่อแบบใช ้แม่แบบ (Die casting)
4 : การหล่อแบบต่อเนือง (Continuous casting)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 410 :
ชินงานโลหะทีผ่านการขึนรูปด ้วยกรรมวิธก
ี ารรีดเย็น (Cold rolling) จะมีลก
ั ษณะใด

1 : ผิวเรียบ ความแข็งแรงลดลง
2 : ผิวเรียบ ความแข็งแรงเพิมขึน
3 : ผิวหยาบ ความแข็งแรงลดลง
4 : ผิวหยาบ ความแข็งแรงเพิมขึน
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 411 :
การหล่อชินงานเครืองประดับ นิยมใช ้การหล่อแบบใด

1 : การหล่อด ้วยแม่พมิ พ์ทราย (Sand casting)


2 : การหล่อจากแบบพอกหุน ่ (Investment casting)
3 : การหล่อแบบใช ้แม่แบบ (Die casting)
4 : การหล่อแบบต่อเนือง (Continuous casting)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 412 :
ประแจ (Wrench) ทีสามารถใช ้งานได ้ทนทาน เป็ นผลิตภัณฑ์ทมั
ี กจะได ้จากการขึนรูปด ้วยกรรมวิธใี ดต่อไปนี

1 : การรีด (Rolling)
2 : การทุบขึนรูป (Forging)
3 : การหล่อ (Casting)
4 : การอัดรีด (Extrusion)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 413 :
ลวดสําหรับใช ้ทําตะปู เป็ นผลิตภัณฑ์ทมั
ี กจะได ้จากกรรมวิธก
ี ารขึนรูปใดต่อไปนี

1 : การรีดร ้อน (Hot rolling)


2 : การอัดรีด (Extrusion)
3 : การดึงรีด (Drawing)
4 : การรีดเย็น (Cold rolling)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 414 :
มีดกลึงทีมีความเหนียว (Toughness) มาก จะมีผลต่อการกลึงอย่างไร

1 : สามารถใช ้ความเร็วสูงได ้
2 : สามารถกินลึกชินงานได ้คราวละมาก ๆ
3 : กลึงได ้ชินงานผิวเรียบ
4 : มีดกลึงทนต่อการสึกดี
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 415 :
ถ ้าต ้องการตัดแต่งชินงานให ้เป็ นร่องรูปตัว L ดังรูปข ้างล่างนี ควรเลือกใช ้กรรมวิธก
ี ารใด

1 : การกลึง (Turning)
2 : การกัด (Milling)
3 : การไส (Shaping)

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 61/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
4 : การเจาะ (Drilling)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 416 :
ในการแล่นประสาน (Brazing) เพือทําให ้แผ่นเหล็กสองแผ่นเชือมติดกัน ควรเลือกใช ้ลวดเชือมชนิดใดต่อไปนี

1 : เหล็กกล ้า
2 : อะลูมเิ นียม
3 : ทองแดง
4 : ทองเหลือง
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 417 :
รูขนึ (Riser) ในงานหล่อมีไว ้เพืออะไร

1 : เพือให ้นํ าโลหะล ้นออกมานอกแบบ


2 : เพือให ้นํ าโลหะในส่วนรูขน
ึ (Riser) เติมเต็มในชินส่วนงานหล่อขณะแข็งตัว
3 : เพือให ้มีการหดตัวหลังการเย็นตัวของงานหล่อ
4 : เพือเพิมนํ าหนักในการกดทับแบบงานหล่อ
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 418 :
ปากแม่แบบ (Gate) ในงานหล่อมีไว ้เพืออะไร

1 : เป็ นช่องสําหรับนํ าโลหะวิงเข ้าแม่แบบ


2 : เป็ นช่องสําหรับเทนํ าโลหะ
3 : เป็ นช่องวิงของรูขน ึ (Riser)
4 : เป็ นรูไอของแบบหล่อทราย
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 419 :
วัสดุในข ้อใดต่อไปนีมีความแข็ง (Hardness) สูงทีสุด

1 : เหล็กกล ้าความเร็วรอบสูง (High speed steel)


2 : เหล็กกล ้าคาร์บอนสูง (High carbon steel)
3 : อะลูมน
ิ า (Alumina)
4 : Cubic boron nitride
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 420 :
วัสดุในข ้อใดต่อไปนีมีความเหนียว (Toughness) สูงทีสุด

1 : เหล็กกล ้าคาร์บอนสูง (High carbon steel)


2 : เหล็กกล ้าความเร็วรอบสูง (High speed steel)
3 : อะลูมน
ิ า (Alumina)
4 : Cubic boron nitride
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 421 :
เหล็กกล ้าชนิดใดต่อไปนีตัดแต่งได ้ยากทีสุด

1 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมเฟร์ไรต์ (Ferritic stainless steel)


2 : เหล็กกล ้าคาร์บอนตํา (Low carbon steel)
3 : เหล็กกล ้าผสม (Alloy steel)
4 : เหล็กกล ้าเครืองมือ (Tool steel)
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 422 :
ี ารรีดร ้อน (Hot rolling) ควรเลือกใช ้ลูกรีดแบบใด และความเร็วรอบอย่างไร เพือลดขนาดอย่าง
ในการรีด Slab เพือให ้ได ้เหล็กแผ่น (Sheet metal) ด ้วยกรรมวิธก
รวดเร็ว

1 : ควรใช ้ลูกรีดขนาดใหญ่ ผิวหยาบ และความเร็วสูง


2 : ควรใช ้ลูกรีดขนาดใหญ่ ผิวหยาบ และความเร็วรอบตํา
3 : ควรใช ้ลูกรีดขนาดใหญ่ ผิวละเอียด และความเร็วรอบสูง
4 : ควรใช ้ลูกรีดขนาดใหญ่ ผิวละเอียด และความเร็วรอบตํา
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 423 :
ในการขึนรูปร ้อน (Hot working) ของโลหะ ควรใช ้อุณหภูมท
ิ มากกว่
ี าค่าใด

1 : อุณหภูมต
ิ กผลึก (Recrystallization Temperature)
2 : อุณหภูมยิ เู ทกทอยด์ (Eutectoid Temperature)
3 : อุณหภูมย ิ เู ทกติก (Eutectic Temperature)
4 : อุณหภูมจ ิ ด
ุ หลอมเหลว (Melting Temperature)
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 424 :
Anodizing คืออะไร

1 : การชุบผิวเหล็กให ้สวยงาม
2 : การชุบแข็งนิเกิล
3 : การชุบแข็งผิวอะลูมเิ นียม
4 : การทําอะลูมเิ นียมให ้อ่อน
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 62/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
ข ้อที 425 :
โลหะในข ้อใดต่อไปนีสามารถหล่อได ้ง่ายทีสุด

1 : เหล็กหล่อเทา (Gray cast iron)


2 : เหล็กหล่อขาว (White cast iron)
3 : เหล็กหล่อเหนียว (Ductile cast iron)
4 : เหล็กหล่ออบเหนียว (Malleable cast iron)
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 426 :
กระบวนการในข ้อใดต่อไปนีสามารถชุบแข็งผิวเหล็กทีให ้ความแข็งสูงทีสุด

1 : คาร์บไู รซิง (Carburizing)


2 : ไนไตร์ดงิ (Nitriding)
3 : ใช ้กระแสเหนียวนํ า (Induction hardening)
4 : ใช ้เปลวเพลิง (Flame hardening)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 427 :
การลดปั ญหาการแตกร ้าวในการเชือมเหล็กกล ้าผสมตําสามารถทําได ้โดยวิธใี ดต่อไปนี

1 : ให ้ความร ้อนชินงานก่อนเชือม
2 : อบชินงานหลังการเชือม
3 : ใช ้ก๊าซเฉือยคลุมขณะเชือม
4 : เชือมโดยใช ้กําลังไฟฟ้ าตํา
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 428 :
กระบวนการผลิตในข ้อใดต่อไปนีทีเหมาะทีสุดในการผลิตใบพัดของเครืองกังหันก๊าซ (Gas turbine blades)

1 : การหล่อด ้วยแม่พมิ พ์ทราย (Sand casting)


2 : การหล่อแบบใช ้แม่แบบ (Die casting)
3 : การหล่อจากแบบพอกหุน ่ (Investment casting)
4 : การทุบขึนรูป (Forging)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 429 :
กรรมวิธใี ดต่อไปนีสามารถผลิตแผ่นเหล็กกล ้าทีมีขนาดเทียงตรงตามทีต ้องการได ้ดีทสุ
ี ด

1 : การรีดร ้อน (Hot rolling)


2 : การรีดเย็น (Cold rolling)
3 : การทุบขึนรูป (Forging)
4 : การดึงรีด (Drawing)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 430 :
ข ้อใดไม่ใช่กลไกการเพิมความแข็งแรงให ้กับอะลูมเิ นียมและอะลูมเิ นียมผสม

1 : การขึนรูปเย็น (Cold working)


2 : การขึนรูปร ้อน (Hot working)
3 : การชุบแข็งแบบตกตะกอน (Precipitate hardening)
4 : การทําให ้เป็ นสารละลายของแข็ง (Solid solution)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 431 :
กรรมวิธใี ดต่อไปนีเหมาะสําหรับผลิตภัณฑ์โลหะทีมีจด
ุ หลอมเหลวสูงและมีสภาพการดึงยืดได ้น ้อย

1 : การหล่อแบบพอกหุน ่ (Investment casting)


2 : การอัดรีด (Extrusion)
3 : กรรมวิธโี ลหะผง (Powder metallurgy)
4 : การรีดร ้อน (Hot rolling)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 432 :
กระบวนการใดทีเหมาะสมสําหรับการขึนรูปแผ่นโลหะให ้เป็ นชินงานรูปถ ้วย

1 : การหล่อขึนรูป (Casting)
2 : การทุบขึนรูป (Forging)
3 : การลากขึนรูป (Deep drawing)
4 : การอัดรีด (Extrusion)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 433 :
กรรมวิธใี ดต่อไปนีไม่สามารถเพิมความแข็งแรงให ้ชินงานโลหะได ้

1 : การรีดร ้อน (Hot rolling)


2 : การรีดเย็น (Cold rolling)
3 : การทุบขึนรูป (Forging)
4 : การดึงรีด (Drawing)
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 434 :
การอบปกติ (Normalizing) ของเหล็กกล ้าคาร์บอนตํา จะต ้องมีการให ้ความร ้อนและการเย็นตัวของชินงานอย่างไร

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 63/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
1 : ให ้ความร ้อนจนชินงานเปลียนโครงสร ้างเป็ นออสเทไนต์และเฟร์ไรต์ และปล่อยให ้เย็นตัวในเตาอบ
2 : ให ้ความร ้อนจนชินงานเปลียนโครงสร ้างเป็ นออสเทไนต์ทงหมด
ั และปล่อยให ้เย็นตัวในอากาศ
3 : ให ้ความร ้อนจนชินงานเปลียนโครงสร ้างเป็ นออสเทไนต์ทงหมด
ั และปล่อยให ้เย็นตัวในนํ า
4 : ให ้ความร ้อนจนชินงานเปลียนโครงสร ้างเป็ นออสเทไนต์และซีเมนไทต์ และปล่อยให ้เย็นตัวในนํ า
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

เนือหาวิชา : 250 : 13 Ceramics processing

ข ้อที 435 :
ผลิตภัณฑ์เซรามิกในข ้อใดเหมาะกับการขึนรูปโดยการอัด (Pressing)

1 : อ่างล ้างหน ้า
2 : กระเบืองปูพนและผนั
ื ง
3 : แจกัน
4 : ถ ้วยกาแฟ
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 436 :
ผลิตภัณฑ์เซรามิกในข ้อใดเหมาะกับการขึนรูปโดยการหล่อแบบ (Slip casting)

1 : อ่างล ้างหน ้า
2 : กระเบืองปูพนและผนั
ื ง
3 : โอ่งมังกร
4 : ท่อระบายนํ า
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 437 :
ผลิตภัณฑ์เซรามิกในข ้อใดเหมาะกับการขึนรูปโดยการอัดรีด (Extrusion)

1 : สุขภัณฑ์ในห ้องนํ า
2 : ถ ้วยกาแฟ
3 : กระเบืองมุงหลังคา
4 : ท่อนํ าทิง
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 438 :
ข ้อใดต่อไปนีจะไม่เกิดขึนเมือให ้ความร ้อนกับเซรามิกในกระบวนการอบแห ้ง (Drying)

1 : นํ าระหว่างอนุภาคถูกขจัดออก
2 : สารอินทรียถ ์ ก
ู ขจัดออก
3 : ผลิตภัณฑ์หลังอบมีขนาดใหญ่ขน ึ
4 : ผลิตภัณฑ์หลังอบมีความแข็งแรงตําและเปราะ
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 439 :
ข ้อใดต่อไปนีไม่เกิดขึนในกระบวนการ Sintering

1 : Solid-state diffusion
2 : อนุภาคเกิดการเชือมต่อกันบริเวณทีสัมผัสกับอนุภาคอืน
3 : เกิดการหลอมละลายเป็ นของเหลว
4 : ช่องว่างระหว่างอนุภาคมีขนาดเล็กลง
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 440 :
ในการขึนรูปเซรามิกชนิดทีมีดน ี ารหล่อแบบ (Slip casting) ใช ้วัสดุใดเป็ นแบบหล่อ
ิ เป็ นองค์ประกอบหลัก (Clay products) โดยวิธก

1 : ทราย
2 : โลหะ
3 : ยาง
4 : ปูนปลาสเตอร์
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 441 :
ในการผลิตเซรามิกชนิดทีมีดน ี ารหล่อแบบ (Slip casting) แบบทีใช ้ในการขึนรูปควรมีลก
ิ เป็ นองค์ประกอบหลัก (Clay products) ด ้วยวิธก ั ษณะอย่างไรและเพราะ
เหตุใด

1 : เนืองจากผลิตภัณฑ์ทได
ี ้มีการขยายขนาด จึงต ้องทําให ้แบบมีขนาดเล็กกว่างานจริง
2 : เนืองจากผลิตภัณฑ์ทไดี ้มีจะมีขนาดเท่าเดิม ดังนันแบบจะมีขนาดเท่างานจริง
3 : เนืองจากผลิตภัณฑ์ทได ี ้มีการหดตัว จึงต ้องทําให ้แบบมีขนาดใหญ่กว่างานจริง
4 : ผลิตภัณฑ์ทได
ี ้อาจจะหดตัวหรือขยายตัวก็ได ้ การเผือขนาดแบบแล ้วแต่ชนิดของผลิตภัณฑ์
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 442 :
กระจก เป็ นผลิตภัณฑ์ทมั
ี กจะได ้จากการขึนรูปแบบใด

1 : การเป่ า (Blowing)
2 : การอัด (Pressing)
3 : การดึง (Drawing)
4 : การอัดรีด (Extrusion)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 443 :
ผลิตภัณฑ์ประเภทใดขึนรูปโดยการเป่ า (Blowing)

1 : ขวดแก ้ว

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 64/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
2 : จานแก ้ว
3 : กระจก
4 : เลนส์
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 444 :
ั ถุประสงค์ในการใช ้ดินเป็ นวัตถุดบ
ข ้อใดไม่ใช่วต ิ ในเซรามิกดังเดิม (Conventional ceramics)

1 : ดินช่วยในเรืองความเหนียวขณะขึนรูปทําให ้ขึนรูปได ้ง่าย


2 : ดินช่วยให ้เซรามิกคงรูปอยูไ่ ด ้ขณะเผา
3 : ดินช่วยให ้เซรามิกมีความหนาแน่นสูง
4 : ดินมีราคาถูก
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 445 :
ในการบดผสมวัตถุดบ
ิ สําหรับผลิตเซรามิก ทําไมจึงต ้องมีการควบคุมการกระจายขนาดอนุภาค (Particle size distribution)

1 : เพือให ้วัตถุดบ
ิ หลอมตัวได ้ง่าย
2 : เพือให ้วัตถุดบิ สามารถอัดตัวกันเพือให ้มีชอ่ งว่างน ้อยทีสุด
3 : เพือให ้วัตถุดบ ิ ผสมกันได ้ดียงขึ
ิ น
4 : เพือให ้วัตถุดบ ิ ไม่เกิดการหดตัวหลังให ้ความร ้อน
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 446 :
ถ ้าต ้องการขึนรูปท่อเซรามิกทีมีความยาวและมีหน ้าตัดเหมือนกันตลอดความยาวชินงาน 1 เมตร ควรขึนรูปด ้วยวิธใี ด

1 : การอัด (Pressing)
2 : การอัดรีด (Extrusion)
3 : การฉีด (Injection)
4 : การเป่ า (Blowing)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 447 :
ในกระบวนการอบ ทําไมผลิตภัณฑ์เซรามิกทีผนังมีความหนามากมีแนวโน ้มทีจะเกิดการแตกได ้ง่ายกว่าเซรามิกทีมีผนังบาง

1 : การหดตัวทีผิว (Surface) กับเนือส่วนใน (Interior) มีคา่ แตกต่างกัน


2 : ผลิตภัณฑ์ผนังหนาต ้องอบทีอุณหภูมส ิ งู กว่าผลิตภัณฑ์ผนังบาง
3 : นํ าในเนือส่วนใน (Interior) ของผลิตภัณฑ์ผนังหนาสามารถกําจัดออกได ้ง่าย
4 : ผลิตภัณฑ์ผนังหนามีความแข็งแรงน ้อยกว่าผลิตภัณฑ์ผนังบาง
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 448 :
การเกิดเป็ นเนือแก ้ว (Vitrification) จะทําให ้เกิดผลในข ้อใด

1 : สัมประสิทธิการขยายตัวเนืองจากความร ้อน (Coefficient of thermal expansion) ตําลง


2 : การนํ าความร ้อน (Thermal conductivity) ตําลง
3 : การนํ าไฟฟ้ า (Electrical conductivity) ดีขน

4 : การเสียรูป (Warpage) ตําลง
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 449 :
ในเซรามิกแบบดังเดิม (Conventional ceramic) การเติม Flux จะมีประโยชน์ในเรืองใด

1 : ทําให ้ผลิตภัณฑ์เกิดเป็ นเนือแก ้ว


2 : ทําให ้การเกิดเป็ นเนือแก ้วสามารถเกิดทีอุณหภูมต
ิ ําลง
3 : ไม่ให ้ผลิตภัณฑ์เกิดการหดตัว
4 : ทําให ้มีความเปราะน ้อยลง
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 450 :
ข ้อใดเป็ นกระบวนการทีสําคัญทีใช ้ในการทํากระจกนิรภัย (Safety glass) สําหรับกระจกหน ้ารถ

1 : Pressing
2 : Drying
3 : Tempering
4 : Blowing
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 451 :
กระบวนการในข ้อใดต่อไปนีทําให ้ชินงานเซรามิกมีความหนาแน่นและความแข็งแรงเพิมขึนมาก

1 : Drying
2 : Pressing
3 : Casting
4 : Sintering
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 452 :
ขวดเบียร์เป็ นผลิตภัณฑ์ทมั
ี กจะได ้จากกรรมวิธก
ี ารขึนรูปใดต่อไปนี

1 : Pressing
2 : Extrusion
3 : Blowing
4 : Casting
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 65/74
7/2/2019 สภาวิศวกร

ข ้อที 453 :
กระจกหน ้าต่างเป็ นผลิตภัณฑ์ทมั
ี กจะได ้จากกรรมวิธก
ี ารขึนรูปใดต่อไปนี

1 : Pressing
2 : Drawing
3 : Blowing
4 : Casting
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 454 :
ข ้อใดกล่าวเกียวกับกรรมวิธท
ี างความร ้อนของแก ้วไม่ถก
ู ต ้อง

1 : การอบอ่อนแก ้วทําเพือลดปริมาณความเค ้นตกค ้างของชินงาน


2 : การอบอ่อนแก ้วทําได ้โดยการให ้ความร ้อนถึงจุดอ่อนตัวแล ้วปล่อยให ้เย็นตัวช ้าๆ จนถึงอุณหภูมห
ิ ้อง
3 : การเพิมความแข็งให ้กับแก ้ว (Glass tempering) ทําได ้โดยการให ้ความร ้อนถึงจุดอ่อนตัว แล ้วทําให ้เย็นตัวอย่างรวดเร็วโดยการเป่ าลม
4 : ชินงานทีเย็นตัวอย่างรวดเร็วจากการเพิมความแข็งให ้กับแก ้ว (Glass tempering) จะทําให ้เกิดความเค ้นอัดทีผิวและเกิดความเค ้นแรงดึงทีเนือภายใน
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

เนือหาวิชา : 251 : 14 Polymers processing

ข ้อที 455 :
ผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์ทได
ี ้จากการขึนรูปด ้วยเครืองอัดรีด (Extrusion) จะมีลก
ั ษณะแบบใด

1 : เป็ นภาชนะกลวง
2 : รูปร่างลักษณะซับซ ้อนมาก
3 : รูปร่างหน ้าตัดเหมือนกันตลอดความยาวของชินงาน
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 456 :
ิ มใช ้กับพอลิเมอร์ชนิดเทอร์โมพลาสติก (Thermoplastic)
กระบวนการขึนรูปชนิดใดทีไม่นย

1 : การฉีดขึนรูป (Injection molding)


2 : การเป่ าขึนรูป (Blow molding)
3 : การอัดรีด (Extrusion)
4 : การอัดเข ้ากับแบบ (Compression molding)
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 457 :
ข ้อใดคือส่วนประกอบทีสําคัญของเครืองขึนรูปแบบฉีด (Injection molding)

1 : หน่วยฉีด (Injection unit)


2 : หน่วยจับยึด (Clamping unit)
3 : แม่พม ิ พ์ (Mold)
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 458 :
ท่อพลาสติก เป็ นผลิตภัณฑ์ทได
ี ้จากการขึนรูปแบบใด

1 : การฉีดขึนรูป (Injection molding)


2 : การเป่ าขึนรูป (Blow molding)
3 : การอัดรีด (Extrusion)
4 : การอัดเข ้ากับแบบ (Compression molding)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 459 :
ขวดพลาสติก เป็ นผลิตภัณฑ์ทมั
ี กจะได ้จากการขึนรูปแบบใด

1 : การฉีดขึนรูป (Injection molding)


2 : การเป่ าขึนรูป (Blow molding)
3 : การอัดรีด (Extrusion)
4 : การอัดเข ้ากับแบบ (Compression molding)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 460 :
ผงถ่าน (Carbon black) ทีใช ้เป็ นส่วนผสมในยางรถยนต์ เป็ นสารเติมแต่งชนิดใด

1 : สี (Colorant)
2 : สารเสริมแรง (Reinforcing filler)
3 : สารไม่เสริมแรง (Non-reinforcing filler)
4 : สารป้ องกันการติดไฟ (Flame retardant)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 461 :
ผลิตภัณฑ์ททํ
ี าจากพอลิเมอร์ชนิดใดต่อไปนีมีการหดตัวหลังกระบวนการขึนรูปมากทีสุด

1 : วัสดุยด
ื หยุน
่ (Elastomer)
2 : เทอร์โมเซตติง (Thermosetting)
3 : เทอร์โมพลาสติกชนิดทีเกิดโครงสร ้างผลึก (Crystalline thermoplastic)
4 : เทอร์โมพลาสติกชนิดทีไม่เกิดโครงสร ้างผลึก (Non-crystalline thermoplastic)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 462 :

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 66/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
สารเติมแต่งชนิดไม่เสริมแรง (Non-reinforcing filler) นิยมใช ้ผสมในพอลิเมอร์กอ
่ นทําการขึนรูปเพราะเหตุใด

1 : เพือให ้สีสวยขึน
2 : เพือลดต ้นทุน
3 : เพือให ้ใช ้ในช่วงอุณหภูมท
ิ กว
ี ้างขึน
4 : เพือใช ้ในการหล่อลืน
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 463 :
พอลิไวนิล คลอไรด์ (Polyvinyl chloride) สามารถนํ ามาใช ้เป็ นท่อสายยางได ้ ถ ้าหากเติมสารเติมแต่งชนิดใดลงไปในกระบวนการผลิต

1 : สารหล่อลืน (Lubricant)
2 : สารเสริมแรง (Reinforcing filler)
3 : สารป้ องกันการแตกหักของสายโซ่โมเลกุล (Stabilizer)
4 : สารพลาสติไซเซอร์ (Plasticizer)
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 464 :
เพราะเหตุใดกระบวนการขึนรูปแบบอัดเข ้ากับแบบ (Compression molding) จึงนิยมใช ้กับพอลิเมอร์ชนิดเทอร์โมเซตติง (Thermosetting) มากกว่าพอลิเมอร์ชนิด
เทอร์โมพลาสติก (Thermoplastic)

1 : ประหยัดพลังงาน เนืองจากในกระบวนการผลิตเทอร์โมเซตติง มีความต ้องการใช ้อุณหภูมท


ิ ตํ
ี ากว่าในกระบวนการผลิตเทอร์โมพลาสติก
2 : การขึนรูปเทอร์โมเซตติง ไม่จําเป็ นต ้องมีการหล่อเย็น
3 : ผลิตภัณฑ์ทไดี ้จากการขึนรูปเทอร์โมเซตติง มีผวิ ทีเป็ นมันวาวกว่า
4 : ใช ้เวลาในการขึนรูปน ้อยกว่า
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 465 :
สารเติมแต่งทีนิยมใช ้ในการทําให ้ยางเกิดโครงสร ้างตาข่าย (Network) ขณะขึนรูปคือข ้อใด

1 : หินปูน
2 : กํามะถัน
3 : ผงถ่าน
4 : ขีผึง
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 466 :
กระบวนการขึนรูปพอลิเมอร์โดยวิธก
ี ารอัดรีดเป่ าขึนรูป (Extrusion blow molding) จะมีความแตกต่างจากกระบวนการขึนรูปโดยวิธก
ี ารฉีดเป่ าขึนรูป (Injection
blow molding) อย่างไร

1 : ชนิดของพอลิเมอร์ทใช ี ้แตกต่างกัน
2 : ผลิตภัณฑ์ทได ี ้เป็ นภาชนะกลวง
3 : รูปร่างผลิตภัณฑ์ทได ี ้มีความซับซ ้อนเหมือนกัน
4 : เทคนิคทีใช ้ในการเป่ าด ้วยวิธก
ี ารฉีดเป่ าขึนรูป (Injection blow molding) ยุง่ ยากกว่าการเป่ าด ้วยวิธก
ี ารอัดรีดเป่ าขึนรูป (Extrusion blow molding)
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 467 :
ช ้อนพลาสติกตักไอศกรีม เป็ นผลิตภัณฑ์ทมั
ี กจะได ้จากการขึนรูปแบบใด

1 : การหล่อ (Casting)
2 : การอัดเข ้าแบบ (Compression molding)
3 : การฉีดขึนรูป (Injection molding)
4 : การอัดรีด (Extrusion)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 468 :
กล่องพลาสติกใสสําหรับใส่ขนมเค ้กชินเล็กๆ เป็ นผลิตภัณฑ์ทมั
ี กจะได ้จากการขึนรูปแบบใด

1 : การขึนรูปด ้วยความร ้อน (Thermo-forming)


2 : การอัดเข ้าแบบ (Compression molding)
3 : การฉีดขึนรูป (Injection molding)
4 : การเป่ าขึนรูป (Blow molding)
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 469 :
จานข ้าวเมลามีน (Melamine) เป็ นผลิตภัณฑ์ทมั
ี กจะได ้จากการขึนรูปแบบใด

1 : การอัดรีด (Extrusion)
2 : การอัดเข ้าแบบ (Compression molding)
3 : การฉีดขึนรูป (Injection molding)
4 : การเป่ าขึนรูป (Blow molding)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 470 :
ยางลบดินสอ เป็ นผลิตภัณฑ์ทมั
ี กจะได ้จากการขึนรูปแบบใด

1 : การอัดรีด (Extrusion)
2 : การอัดเข ้าแบบ (Compression molding)
3 : การฉีดขึนรูป (Injection molding)
4 : การเป่ าขึนรูป (Blow molding)
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 471 :
สารเติมแต่งประเภทใดต่อไปนีใช ้สําหรับลดความรุนแรงของอัคคีภย
ั ทีเกิดขึนกับวัสดุพอลิเมอร์

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 67/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
1 : Stabilizer
2 : Colorant
3 : Flame retardant
4 : Filler
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 472 :
แผ่นฟิ ลม
์ พลาสติกเป็ นผลิตภัณฑ์ทมั
ี กจะได ้จากกรรมวิธก
ี ารขึนรูปใดต่อไปนี

1 : Injection molding
2 : Extrusion
3 : Compression molding

4 : Blow molding
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 473 :
ขันตอนใดต่อไปนีทีไม่เกียวข ้องกับการสังเคราะห์พอลิเมอร์แบบเติม (Addition polymerization)

1 : Initiation
2 : Termination
3 : Condensation
4 : Propagation
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 474 :
ผลิตภัณฑ์ในข ้อใดไม่สามารถขึนรูปด ้วยกระบวนการฉีด (Injection molding) ได ้

1 : เปลือกหุ ้มสายเคเบิล
2 : ใบพัดลม
3 : แผ่นซีด ี
4 : ฝาครอบโทรศัพท์มอ ื ถือ
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 475 :
แกลลอนนํ ามันควรผลิตด ้วยกระบวนการขึนรูปใด

1 : การฉีดขึนรูป (Injection molding)


2 : การเป่ าขึนรูป (Blow molding)
3 : การอัดรีด (Extrusion)
4 : การอัดเข ้าแบบ (Compression molding)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 476 :
พอลิเมอร์ชนิดใดนิยมขึนรูปด ้วยกระบวนการอัดเข ้าแบบ (Compression molding)

1 : พอลิสไตรีน (Polystyrene)
2 : พอลิเอทธิลนี (Polyethylene)
3 : พอลิพรอพิลน ี (Polypropylene)
4 : ฟี นอลฟอร์มลั ดีไฮด์ (Phenol-formaldehyde)
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 477 :
ผลิตภัณฑ์ใดทีไม่สามารถขึนรูปได ้ด ้วยกระบวนการอัดรีด (Extrusion)

1 : สายยางฉีดนํ า
2 : เคสโทรศัพท์มอ ื ถือ
3 : หลอดกาแฟ
4 : แผ่นฟิ ลม
์ พลาสติก
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

เนือหาวิชา : 252 : 15 Composite materials

ข ้อที 478 :
วัตถุประสงค์หลักในการพัฒนาวัสดุเชิงประกอบ (Composites) คือข ้อใด

1 : เพิมความรวดเร็วในการผลิตและประสิทธิภาพการผลิต
2 : ลดต ้นทุนการผลิต เพิมความสามารถในการแข่งขัน
3 : ปรับปรุงสมบัตบิ างประการของชินงาน เช่น ความแข็งแรง
4 : ลดผลกระทบต่อสิงแวดล ้อมและใช ้ทรัพยากรให ้คุ ้มค่า
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 479 :
วัสดุในข ้อใดต่อไปนีไม่ใช่วส
ั ดุเชิงประกอบ (Composites)

1 : ทังสเตนคาไบด์ (Tungsten carbide)


2 : เซอร์เมท
3 : คอนกรีตเสริมเหล็ก (Reinforced concrete)
4 : พรีเพรก
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 480 :
ผลิตภัณฑ์ใดต่อไปนีทีนิยมผลิตจากวัสดุเชิงประกอบ (Composites)

1 : ถ ้วยกาแฟ

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 68/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
2 : หม ้อหุงข ้าว
3 : ไม ้เทนนิส
4 : กรอบแว่นตา
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 481 :
ไฟเบอร์กลาส (Fiberglass) เป็ นวัสดุชนิดใด

1 : วัสดุเชิงประกอบ (Composite) ทีมีอล


ี าสโตเมอร์ (Elastomer) เป็ นโครงสร ้างพืน (Matrix)

2 : วัสดุเชิงประกอบ (Composite) ทีมีเซรามิก (Ceramic) เป็ นโครงสร ้างพืน


3 : วัสดุเชิงประกอบทีมีแก ้ว (Glass) เป็ นโครงสร ้างพืน (Matrix)

4 : วัสดุเชิงประกอบ (Composite) ทีมีเทอร์โมเซท (Thermoset) เป็ นโครงสร ้างพืน (Matrix)


คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 482 :
ใยแก ้ว (Glass fibers) ประกอบด ้วยสารประกอบชนิดใดมากทีสุด

1 : SiO2
2 : Al2O3
3 : CaO
4 : MgO
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 483 :
เซอร์เมท (Cermet) เป็ นวัสดุชนิดใด

1 : เซรามิก
2 : วัสดุเชิงประกอบ (Composite) มีโลหะเป็ นโครงสร ้างพืน (Matrix)
3 : วัสดุเชิงประกอบ (Composite) มีเซรามิกเป็ นโครงสร ้างพืน (Matrix)
4 : โลหะชนิดหนึง มีความแข็งสูง ใช ้เป็ นมีดกลึง
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 484 :
เคฟลาร์ (Kevlar) เป็ นเส ้นใยชนิดใด

1 : เส ้นใยธรรมชาติ
2 : เส ้นใยพอลิเมอร์สงั เคราะห์
3 : เส ้นใยแก ้ว
4 : เส ้นใยคาร์บอน
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 485 :
กระบวนการในข ้อใดต่อไปนีทีใช ้ในการผลิตเส ้นใยคาร์บอน (Carbon fibers)

1 : Pyrolysis
2 : Hydrolysis
3 : Synthesis
4 : Analysis
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 486 :
วัสดุเชิงประกอบ (Composite) ชนิดใดต่อไปนีทีเหมาะสําหรับผลิตก ้านสูบ (Connecting rods) ในเครืองยนต์

1 : อะลูมเิ นียมเสริมใยแก ้ว (Glass fibers)


2 : อะลูมเิ นียมเสริมใยซิลกิ อนคาร์ไบด์ (SiC)
3 : อะลูมเิ นียมเสริมใยหิน (Asbestos)
4 : อะลูมเิ นียมเสริมใยเหล็ก (Steel)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 487 :
ข ้อใดต่อไปนีเป็ นวัสดุเชิงประกอบทีมีสมบัตแ
ิ บบไอโซทรอปิ ก

1 : คานไม ้
2 : โครงเครืองบินไฟเบอร์กลาส
3 : ยางรถยนต์เสริมแรงด ้วยคาร์บอนแบล็ก
4 : ชินส่วนกระสวยอวกาศทําจากเส ้นใยยาวเคฟลาร์และอีพอกซี (Kevlar-epoxy)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 488 :
ข ้อใดไม่ใช ้วิธเี พิมความแข็งแรงให ้กับวัสดุเชิงประกอบ

1 : ลดขนาดของอนุภาคให ้เล็กลง
2 : ลดความยาวเส ้นใยเสริมแรงให ้สันลง
3 : เพิมแรงยึดเหนียวระหว่างเนือพืนและอนุภาคเสริมแรง
4 : ปรับการกระจายตัวของอนุภาคในเนือพืนให ้สมําเสมอ
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 489 :
ข ้อใดต่อไปนี คือหน ้าทีของเฟสกระจายตัว (Disperse phase) ในวัสดุเชิงประกอบ

1 : เป็ นตัวกลางในการถ่ายโอนแรงจากภายนอกให ้กับวัสดุผสม


2 : เสริมสมบัตขิ องวัสดุผสมให ้ดีขน

3 : ป้ องกันความเสียหายของเฟสเนือพืน (Matrix) จากสภาพแวดล ้อม

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 69/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
4 : ลดต ้นทุนการผลิต
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 490 :
ข ้อใดจัดเป็ นวัสดุเชิงประกอบ (Composites)

1 : อะลูมเิ นียม+ผงคาร์ไบด์
2 : พอลิพรอพิลน ี +พอลิเอทิลน

3 : พีวซ ี ยางไนไตรล์
ี +
4 : อะลูมเิ นียม+ซิลก
ิ อน
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 491 :
ข ้อใดกล่าวไม่ถก
ู ต ้อง

1 : สารเสริมแรงส่วนมากมีความเหนียวสูง
2 : การทํา PMC ช่วยเพิมความแข็งแรงให ้สูงขึน
3 : การทํา MMC ช่วยเพิมความต ้านทานต่อการเกิดครีพให ้สูงขึน
4 : การทํา CMC ช่วยเพิมความเหนียวให ้สูงขึน
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 492 :
สารเสริมแรงชนิดใดใช ้ทําวัสดุเชิงประกอบแบบโครงสร ้าง (Structural composite)

1 : เส ้นใยแก ้วชนิดสัน
2 : วิสเกอร์ซลิ ก
ิ อนคาร์ไบด์
3 : ผงทังสเตนคาร์ไบด์
4 : แผงรังผึง
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 493 :
คอนกรีตเป็ นวัสดุเชิงประกอบ (Composites) ทีมีวส
ั ดุชนิดใดเป็ นเฟสเนือพืน (Matrix)

1 : หิน
2 : ซีเมนต์
3 : ยิปซัม
4 : ทราย
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 494 :
วิสเกอร์เป็ นวัสดุเสริมแรงทีมีลก
ั ษณะเป็ นอย่างไร

1 : อนุภาคผงเม็ดกลม
2 : อนุภาครูปทรงสีเหลียม
3 : เส ้นใยผลึกเดียว
4 : เส ้นลวด
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 495 :
ข ้อใดไม่ใช่ผลของการทําวัสดุเชิงประกอบ (Composites) ทีมีโลหะเป็ นเฟสเนือพืน (Matrix)

1 : เพิมความเหนียว
2 : เพิมความต ้านทานต่อการสึกหรอ
3 : เพิมมอดุลส
ั จําเพาะ
4 : เพิมความต ้านทานต่อการเกิดครีพ (Creep)
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 496 :
วัสดุเซอร์เมท (Cermet) เป็ นวัสดุเชิงประกอบ (Composite) ทีมีลก
ั ษณะเป็ นอย่างไร

1 : วัสดุเซรามิกเป็ นโครงสร ้างพืน (Matrix) เสริมแรงด ้วยโลหะ


2 : วัสดุโลหะเป็ นโครงสร ้างพืน (Matrix) และเสริมแรงด ้วยเซรามิก
3 : วัสดุพอลิเมอร์เป็ นโครงสร ้างพืน (Matrix) และเสริมแรงด ้วยเซรามิก
4 : วัสดุพอลิเมอร์เป็ นโครงสร ้างพืน (Matrix) และเสริมแรงด ้วยโลหะ
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

เนือหาวิชา : :

ข ้อที 497 :
ความล ้า (Fatigue) หมายถึงเหตุการณ์ใด

1 : การยืดตัวอย่างช ้าๆ ของวัสดุ


2 : การแตกหักของวัสดุ เนืองจากได ้รับแรงดึง
3 : การแตกหักของวัสดุ เนืองจากได ้รับแรงกด
4 : การแตกหักของวัสดุ เนืองจากได ้รับแรงแบบซําไปซํามา
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 498 :

วัสดุชนหนึ ิ มารับแรงซึงก่อให ้เกิดความเค ้นเท่ากับ 200 MPa โดยเป็ นการรับแรงดึงสลับ
งมีความต ้านแรงคราก (Yield strength) เท่ากับ 300 MPa เมือนํ าวัสดุชนนี
ิ งกล่าวมีโอกาสทีจะเกิดการแตกหักประเภทใดมากทีสุด
กับการรับแรงอัด ซึงอาจทําให ้วัสดุชนดั

1 : แตกหักแบบเปราะ
2 : แตกหักแบบเหนียว
3 : ความล ้า (Fatigue)
4 : ความคืบ (Creep)

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 70/74
7/2/2019 สภาวิศวกร
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 499 :
ข ้อใดกล่าวผิด เกียวกับการแตกหักของวัสดุ

1 : การแตกหักแบบเหนียว (Ductile fracture) จะเกิดหลังจากการเสียรูปอย่างถาวร (Plastic deformation) และการขยายรอยแตก (Crack) จะเกิดอย่างช ้าๆ
2 : การแตกหักแบบเปราะ (Brittle fracture) จะเกิดโดยไม่มก
ี ารเสียรูปอย่างถาวร (Plastic deformation) ซึงมีการขยายรอยแตก (Crack) ได ้รวดเร็ว
3 : การเกิดคอคอด (Necking) ของวัสดุจะเกิดขึนก่อนการแตกหักแบบเหนียว (Ductile fracture) และแบบเปราะ (Brittle fracture) เสมอ
ี ยว เช่น พอลิเมอร์ และเหล็กกล ้าบางชนิด จะสามารถดูดกลืนพลังงานทีใช ้ในการทําให ้วัสดุแตกหักได ้มากกว่าวัสดุทเปราะ
4 : วัสดุทเหนี ี เช่น เซรามิก
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 500 :
โลหะผสมทองแดงถูกใช ้งานโดยได ้รับความเค ้นแบบวัฏจักร (Cycle stresses) ที 25 องศาเซลเซียส เมือถูกใช ้ไปนานระยะหนึงเกิดการแตกหักขึนแม ้ว่าความเค ้น
ทีได ้รับมีคา่ น ้อยกว่าค่าความต ้านแรงคราก ความเสียหายนีเป็ นการแตกหักแบบใด

1 : การแตกร ้าวเนืองจากการคืบ (Creep fracture)


2 : การแตกหักล ้า (Fatigue fracture)
3 : การแตกร ้าวเปราะ (Brittle fracture)
4 : การแตกร ้าวเหนียว (Ductile fracture)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 501 :
ความเสียหายเนืองจากการคืบ (Creep) มักเกิดขึนเมือโลหะถูกนํ าไปใช ้งานในสภาวะใด

1 : ใช ้งานทีอุณหภูมหิ ้อง และได ้รับความเค ้นแบบวัฏจักร (Cycle stresses) เป็ นเวลานาน


2 : ใช ้งานทีอุณหภูมต ิ ํากว่าอุณหภูมห ิ ้อง และได ้รับความเค ้นแบบวัฏจักร (Cycle stresses) เป็ นเวลานาน
3 : ใช ้งานทีอุณหภูมต ิ ํากว่าอุณหภูมห ิ ้อง และได ้รับความเค ้นคงทีเป็ นเวลานาน
4 : ใช ้งานทีอุณหภูมส ิ งู และได ้รับความเค ้นคงทีเป็ นเวลานาน
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 502 :
โลหะในข ้อใดต่อไปนีมีความต ้านทานการกัดกร่อน (Corrosion resistance) ในบรรยากาศปกติน ้อยทีสุด

1 : เหล็กกล ้า
2 : เหล็กหล่อ
3 : อะลูมเิ นียม
4 : ทองแดง
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 503 :
โลหะในข ้อใดต่อไปนีมีความต ้านทานการกัดกร่อน (Corrosion resistance) ในบรรยากาศปกติสงู ทีสุด

1 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมเฟอร์ไรต์ (Ferritic stainless steel)


2 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมมาร์เทนไซต์ (Martensitic stainless steel)
3 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมออสเทไนต์ (Austenitic stainless steel)
4 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมแปซิฟิก (Pacific stainless steel)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 504 :
โลหะในข ้อใดต่อไปนีควรนํ ามาเคลือบผิวเหล็กเพือป้ องกันการเกิดสนิมและเพิมความแข็งให ้กับเหล็ก

1 : สังกะสี
2 : โครเมียม
3 : อะลูมเิ นียม
4 : ดีบก

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 505 :
ุ ธิ เพราะเหตุใดเทพีเสรีภาพจึงมีสเี ขียว
เทพีเสรีภาพทํามาจากทองแดงบริสท

1 : มีการทาสีเขียวเพือป้ องกันการผุกร่อน
2 : เกิดการผุกร่อนทีผิวเกิดเป็ นทองแดงออกไซด์สเี ขียว
3 : เกิดการผุกร่อนทีผิวเกิดเป็ นทองแดงซัลเฟตสีเขียว
4 : เกิดการผุกร่อนทีผิวเกิดเป็ นทองแดงคลอไรด์สเี ขียว
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 506 :

1 : Cd เกิดการกัดกร่อน และ Cd เป็ นขัวแคโทด


2 : Cd เกิดการกัดกร่อน และ Cu เป็ นขัวแคโทด
3 : Cu เกิดการกัดกร่อน และ Cd เป็ นขัวแคโทด
4 : Cu เกิดการกัดกร่อน และ Cu เป็ นขัวแคโทด
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 71/74
7/2/2019 สภาวิศวกร

ข ้อที 507 :

1 : +0.740 Volts
2 : -0.740 Volts
3 : +0.066 Volts
4 : -0.066 Volts
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 508 :
ปฏิกริ ย
ิ าทีขัวแอโนดควรเป็ นอย่างไร

1:

2:

3:

4:
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 509 :
ปฏิกริ ย
ิ าทีขัวแคโทดควรเป็ นอย่างไร

1:

2:

3:

4:
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 510 :
สมการของการเกิดรีดอกซ์ควรเป็ นอย่างไร

1:

2:

3:

4:
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 511 :

1 : -0.3814 Volts
2 : +0.3814 Volts
3 : -0.7628 Volts
4 : +0.7628 Volts
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 72/74
7/2/2019 สภาวิศวกร

ข ้อที 512 :
โลหะทีสัมผัสกับสารละลายนํ าไฟฟ้ าได ้แล ้วเกิดการกัดกร่อนทีพืนผิวนันเป็ นผลของการเกิดปฏิกริ ย
ิ าใด

1 : ปฏิกริ ย
ิ ารีดก ั ชัน โลหะเกิดการสูญเสียอิเลคตรอน
2 : ปฏิกริ ยิ ารีดก ั ชัน โลหะได ้รับอิเลคตรอน
3 : ปฏิกริ ย ิ าออกซิเดชัน โลหะได ้รับอิเลคตรอน
4 : ปฏิกริ ย ิ าออกซิเดชัน โลหะเกิดการสูญเสียอิเลคตรอน
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 513 :
วัสดุชนิดใดเมือเกิดการแตกหักจะมีลก
ั ษณะเป็ นผิวทีเรียบ

1 : พอลิเอทิลน ี
2 : เหล็กกล ้าคาร์บอนตํา
3 : อะลูมเิ นียม
4 : เซรามิก
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 514 :
ลักษณะการแตกหักของวัสดุในข ้อใดทีแสดงว่าวัสดุนันมีการแตกหักแบบเปราะ

1 : ผิวรอยแตกหักมีลก ั ษณะเรียบราบ
2 : เกิดรอยหยักของการยืดตัวเป็ นเส ้นของวัสดุบริเวณผิวแตกหัก
3 : เกิดคอคอดขึนจนเป็ นปลายแหลมก่อนแตกหัก
4 : ผิวแตกหักมีลกั ษณะเป็ นถ ้วยและโคน
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 515 :
จากการทดสอบสมบัตก
ิ ารทนแรงดึง คาดว่าวัสดุนมี
ี รอยแตกหักเป็ นอย่างไร

1 : ผิวแตกหักมีลกั ษณะเป็ นถ ้วยและโคน


2 : เกิดคอคอดขึนจนเป็ นปลายแหลมก่อนแตกหัก
3 : เกิดรอยหยักของการยืดตัวเป็ นเส ้นของวัสดุบริเวณผิวแตกหัก
4 : ผิวรอยแตกหักมีลก ั ษณะเรียบราบ
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 516 :
ข ้อใดเป็ นลักษณะการแตกหักแบบเปราะ

1:
2:
3:
4:
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 517 :
ข ้อใดเป็ นลักษณะการเสือมสภาพของพอลิเมอร์เมืออยูใ่ นของเหลว

1 : สายโซ่โมเลกุลขาดจากกัน (Chain scission)


2 : เกิดออกไซด์ทผิี ว
3 : พองบวม
4 : แข็งตัวมากขึน
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 518 :
ข ้อใดไม่ใช่ปัจจัยของการเสือมสภาพของพอลิเมอร์ททํ
ี าให ้สายโซ่โมเลกุลขาดจากกัน (Chain scission)

1 : ของเหลว
2 : ความร ้อน
3 : รังสียวู ี
4 : ออกซิเจน
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 519 :
สภาพแวดล ้อมใดไม่สง่ ผลต่อการกัดกร่อนของเหล็กกล ้าคาร์บอนตํา

1 : นํ าเกลือ
2 : ขีผึงเหลว
3 : สารละลายกรด
4 : ความชืน
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 520 :
ข ้อใดเป็ นลักษณะการแตกหักของวัสดุเซรามิก

1 : เกิดคอคอดขึนจนเป็ นปลายแหลมก่อนแตกหัก
2 : เกิดรอยหยักของการยืดตัวเป็ นเส ้นของวัสดุบริเวณผิวแตกหัก
3 : ผิวรอยแตกหักมีลก ั ษณะเรียบราบ
4 : ผิวแตกหักมีลกั ษณะเป็ นถ ้วยและโคน
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 73/74
7/2/2019 สภาวิศวกร

ข ้อที 521 :
ในการทดสอบวัสดุพบว่าให ้ค่าทนแรงกระแทกตํามาก แสดงว่าวัสดุนันมีลก
ั ษณะการแตกหักแบบใด

1:
2:
3:
4:
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 522 :
วัสดุชนิดใดมีความต ้านทานการครีพ (Creep) มากทีสุด

1:A
2:B
3:C
4:D
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 523 :
วัสดุชนิดใดมีอายุการใช ้งานมากทีสุดภายใต ้การรับแรงกระทําคงที

1:A
2:B
3:C
4:D
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 524 :
วัสดุชนิดใดมีอายุการใช ้งานมากทีสุดภายใต ้การรับแรงกระทําซําไปซํามาด ้วยความเค ้น 30 MPa

1:A
2:B
3:C
4:D
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 525 :
ถ ้าต ้องการเลือกวัสดุไปใช ้งานโดยได ้รับแรงกระทําซําไปซํามาด ้วยความเค ้น 20 MPa วัสดุชนิดใดปลอดภัยจากการแตกหักมากทีสุด

1:A
2:B
3:C
4:D
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 526 :
ปั จจัยใดไม่ใช่วธิ ก
ี ารลดการพองบวมของพอลิเมอร์ทอยู
ี ใ่ นของเหลว

1 : เพิมครอสลิงค์ในโครงสร ้างโมเลกุลพอลิเมอร์
2 : เพิมความเป็ นกิงก ้านของโครงสร ้างโมเลกุลพอลิเมอร์
3 : เพิมนํ าหนักโมเลกุลของพอลิเมอร์
4 : เพิมปริมาณผลึกในโครงสร ้างโมเลกุลพอลิเมอร์
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 527 :
ั ษณะการเสือมสภาพของไนลอนเมือถูกนํ าไปใช ้งานในสภาวะทีมีนํา
ข ้อใดไม่ใช่ลก

1 : บวมพอง
2 : การเกิดออกไซด์ทผิี ว
3 : ความแข็งแรงลดลง
4 : มีความอ่อนตัว
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 528 :
ี ไปใช ้งานทีอุณหภูมต
ถ ้านํ าวัสดุพอลิพรอพิลน ิ ํากว่าอุณหภูม ิ Tg วัสดุนันจะมีลก
ั ษณะการแตกหักแบบใด

1 : เกิดคอคอดขึนจนเป็ นปลายแหลมก่อนแตกหัก
2 : เกิดรอยหยักของการยืดตัวเป็ นเส ้นของวัสดุบริเวณผิวแตกหัก
3 : ผิวรอยแตกหักมีลก ั ษณะเรียบราบ
4 : ผิวแตกหักมีลกั ษณะเป็ นถ ้วยและโคน
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33&aMajid=0 74/74

You might also like