You are on page 1of 34


รข

รข
สภาวิศวกร | Council of engineers ข ้อที 5 :
เหล็กกล ้าคาร์บอนปานกลางมีคา่ ความแข็ง (Hardness) เป็ นอย่างไร เทียบกับเหล็กกล ้าคาร์บอนสูงภายใต ้เงือนไข
สภาวะการอบชุบเหมือนกัน


วิชา : Engineering Materials 1 : น ้อยกว่า

ิ ว

ิ ว
2 : มากกว่า

าวศ

าวศ
3 : เท่ากัน
เนือหาวิชา : 238 : 01 Metals 4 : ไม่สามารถระบุได ้ว่าเป็ นอย่างไร
สภ

สภ
คําตอบทีถูกต ้อง : 1
ข ้อที 1 :
แร่ Bauxite ทีเป็ นวัตถุดบ
ิ ในการถลุงอะลูมเิ นียม มีสารประกอบใดเป็ นสารประกอบหลัก
1 : Bayer ข ้อที 6 :
2 : Al2O3 ข ้อใดต่อไปนีไม่ใช่วต
ั ถุประสงค์ของการเติมธาตุโครเมียม (Cr) ในเหล็กกล ้าผสมสูง (High alloy steels)
3: Al2(SO4)3 1 : ลดการผุกร่อน
4 : Na3AlF6 2 : เพิมความแข็งแรง
3 : เพิมความเหนียว ขึนรูปง่าย
4 : เพิมความสามารถในการต ้านทานการคืบ (Creep)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 2 :
เหล็กหล่อ หมายถึง เหล็กทีมีปริมาณของธาตุคาร์บอนผสมอยูร่ ะหว่างค่าดังข ้อใด ข ้อที 7 :
1 : 0.022 - 6.7 % โดยนํ าหนัก ในกระบวนการผลิตเหล็กหล่อเหนียว (Nodular cast iron) ธาตุใดทีเติมลงไปเพือทําให ้แกรไฟต์รวมตัวกันเป็ น
2 : 1.2 - 6.7 % โดยนํ าหนัก อนุภาคทรงกลม
3 : 2.0 - 4.3 % โดยนํ าหนัก 1 : โครเมียม
4 : 2.0 - 6.7 % โดยนํ าหนัก 2 : ซีเรียม
3 : คาร์บอน
คําตอบทีถูกต ้อง : 4 4 : โคบอลต์

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
ข ้อที 3 :
เหล็กกล ้าคาร์บอนปานกลาง มีปริมาณของธาตุคาร์บอนผสมอยูเ่ ป็ นปริมาณเท่าใด
1 : 0.40 % โดยปริมาตร ข ้อที 8 :
2 : 0.40 % โดยนํ าหนัก ทองเหลือง (Brass) คือโลหะผสมของธาตุหลักธาตุใด
3 : 0.04 % โดยปริมาตร 1 : ทองแดง และเงิน
4 : 0.04 % โดยนํ าหนัก 2 : ทองแดง และดีบกุ
3 : ทองแดง และตะกัว
คําตอบทีถูกต ้อง : 2 4 : ทองแดง และสังกะสี

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
ข ้อที 4 :
เหล็กกล ้าคาร์บอนตํา มักนิยมนํ ามาใช ้ผลิตเป็ นผลิตภัณฑ์ในข ้อใด


ิ ธ

ิ ธ
1 : ตัวถังรถยนต์ ข ้อที 9 :
โลหะผสมสูงกลุม ั ลอย (Superalloys) เช่น Nickel-based superalloys มักนิยมนํ าไปใช ้งานใดในปั จจุบน
่ ซูเปอร์อล ั
สท

สท
2 : ลูกสูบ
3 : มีดกลึง 1 : ใบพัดในเครืองกังหันก๊าซในเครืองบินไอพ่น
4 : ดอกสว่าน 2 : อุปกรณ์ภายในเครืองคอมพิวเตอร์เช่น ฮาร์ดดิสค์
วน

วน
3 : ลูกสูบเครืองยนต์
คําตอบทีถูกต ้อง : 1 4 : มีดกลึง
สง

สง
คําตอบทีถูกต ้อง : 1
ขอ ขอ

ขอ ขอ
ข ้อที 10 : ข ้อที 15 :
โลหะใดไม่ใช่โลหะทนไฟ (Refractory Metal) โลหะใดไม่เหมาะสมสําหรับนํ ามาทําเป็ นกระทะเพือปรุงอาหาร
กร

กร

1 : ทังสเตน 1 : อะลูมเิ นียม


2 : โมลิบดินัม 2 : เหล็กกล ้าไร ้สนิม
ิ ว

ิ ว

3 : แทนทาลัม 3 : ทองแดง
าวศ

าวศ

4 : เยอรมันเนียม 4 : แมกนีเซียม

คําตอบทีถูกต ้อง : 4 คําตอบทีถูกต ้อง : 4


สภ

สภ

ข ้อที 11 : ข ้อที 16 :
โลหะใดจัดเป็ นโลหะมีสกุล (Noble Metal) พิวเตอร์ (Pewter) คือ โลหะผสมใด
1 : ทังสเตน 1 : ดีบก
ุ ผสม
2 : แพลตินัม 2 : ทองแดงผสม
3 : ซิลก
ิ อน 3 : อะลูมเิ นียมผสม
4 : เยอรมันเนียม 4 : ไทเทเนียมผสม

คําตอบทีถูกต ้อง : 2 คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 12 : ข ้อที 17 :
ข ้อใดคือลักษณะเด่นของโลหะทัวไป โลหะใดทีนํ ามาใช ้ทําเป็ นชินส่วนเครืองบินน ้อยทีสุด
1 : เป็ นฉนวนความร ้อนทีดี 1 : ไทเทเนียม
2 : เป็ นตัวนํ าความร ้อนทีดี 2 : อะลูมเิ นียม
3 : เป็ นตัวต ้านทานการกัดกร่อนทีดี 3 : สังกะสี
4 : มีความยืดหยุน ่ สูง 4 : นิกเกิล

คําตอบทีถูกต ้อง : 2 คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 13 : ข ้อที 18 :
โลหะใดจัดเป็ นโลหะหนัก เหล็กกล ้าไร ้สนิมเกรด 18-8 หมายถึง เหล็กกล ้าทีผสมโลหะชนิดใดเป็ นปริมาณสูงสุดสองชนิดแรก
1 : แมกนีเซียม 1 : โครเมียม-นิเกิล
2 : อะลูมเิ นียม 2 : ไทเทเนียม-นิเกิล
3 : เบอริลเลียม 3 : โครเมียม-ซิลกิ อน
4 : โมลิบดินัม 4 : ไทเทเนียม-ซิลก ิ อน

คําตอบทีถูกต ้อง : 4 คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 14 : ข ้อที 19 :
โลหะใดทีไม่ควรนํ ามาเป็ นภาชนะบรรจุอาหาร ผลิตภัณฑ์ใดทีไม่สามารถใช ้อะลูมเิ นียมเป็ นส่วนผสมหลักได ้
ธิ

ธิ

1 : อะลูมเิ นียม 1 : วงล ้อรถยนต์


สท

สท

2 : ตะกัว 2 : ตัวถังรถยนต์
3 : ดีบก
ุ 3 : กระป๋ องนํ าอัดลม

4 : เหล็กกล ้าไร ้สนิม 4 : ไส ้หลอดไฟ


วน

วน

คําตอบทีถูกต ้อง : 2 คําตอบทีถูกต ้อง : 4


สง

สง
ขอ

ขอ


รข

รข
ข ้อที 20 : ข ้อที 25 :
เหล็กหล่อชนิดใดต่อไปนีสามารถทนแรงกระแทกได ้ดีทสุ
ี ด ข ้อใดไม่ใช่สมบัตเิ ด่นของอะลูมเิ นียม


1 : เหล็กหล่อเทา 1 : นํ าหนักเบา
2 : เหล็กหล่อขาว 2 : ทนอุณหภูมไิ ด ้สูง

ิ ว

ิ ว
3 : เหล็กหล่อผสมโครเมียมสูง 3 : อ่อนแต่เหนียว

าว ศ

าวศ
4 : เหล็กหล่ออบเหนียว 4 : นํ าความร ้อนได ้ดี

คําตอบทีถูกต ้อง : 4 คําตอบทีถูกต ้อง : 2


สภ

สภ
ข ้อที 21 : ข ้อที 26 :
เหล็กชนิดใดต่อไปนีสามารถกลึงเพือตกแต่งขึนรูปได ้ง่ายทีสุด บรอนซ์ คือ โลหะผสมชนิดใด
1 : เหล็กกล ้าชุบแข็ง 1 : ทองแดงผสมดีบก ุ
2 : เหล็กหล่อขาว 2 : อะลูมเิ นียมผสมทองแดง
3 : เหล็กหล่อกราไฟต์กลม 3 : ดีบก
ุ ผสมตะกัว
4 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมเฟร์ไรต์ 4 : นิเกิลผสมไทเทเนียม

คําตอบทีถูกต ้อง : 3 คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 22 : ข ้อที 27 :
เหล็กกล ้าชนิดใดมีสภาพดึงยืดได ้ (Ductility) มากทีสุด ภายใต ้สภาวะการอบชุบทีเหมือนกัน ข ้อใดคือลักษณะเด่นของเหล็กหล่อขาว
1 : เหล็กกล ้าคาร์บอนตํา 1 : แข็ง ยากต่อการตกแต่ง
2 : เหล็กกล ้าคาร์บอนปานกลาง 2 : อ่อน เหนียว ตกแต่ง-ขึนรูปได ้ง่าย
3 : เหล็กกล ้าคาร์บอนสูง 3 : รับแรงอัดและแรงสันสะเทือนได ้ดี
4 : เหล็กกล ้าเครืองมือ 4 : ไม่ทนต่อการเสียดสี

คําตอบทีถูกต ้อง : 1 คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 23 : ข ้อที 28 :
ในกระบวนการผลิตเหล็กหล่อเทา ธาตุใดทีต ้องเติมลงไปเพือทําให ้คาร์บอนรวมตัวกันเป็ นกราไฟต์ เหล็กหล่อเทาต่างจากเหล็กหล่อขาวอย่างไร
1 : อะลูมเิ นียม 1 : ิ ก
เหล็กหล่อเทามีซล ิ อนเป็ นส่วนผสม แต่เหล็กหล่อขาวไม่ม ี
2 : ซิลก
ิ อน 2 : เหล็กหล่อเทามีกราไฟต์อส ิ ระเป็ นส่วนหนึงของโครงสร ้าง แต่เหล็กหล่อขาวไม่ม ี
3 : แคลเซียม 3 : เหล็กหล่อเทามีความแข็งมากกว่าเหล็กหล่อขาว
4 : แมกนีเซียม 4 : เหล็กหล่อเทาสามารถรับแรงกระแทกได ้น ้อยกว่าเหล็กหล่อขาว

คําตอบทีถูกต ้อง : 2 คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 24 : ข ้อที 29 :
ข ้อใดไม่ใช่สมบัตข
ิ องเหล็กกล ้าคาร์บอนตํา ผลิตภัณฑ์ใดไม่ควรเลือกทําจากเหล็กกล ้าคาร์บอนตํา


ิ ธ

ิ ธ
1 : มีความเหนียวสูง 1 : ใบมีดกลึง
สท

สท
2 : สามารถตกแต่งขึนรูปได ้ง่าย 2 : ลวด
3 : สามารถชุบแข็งได ้ง่าย 3 : เหล็กแผ่น
4 : ไม่สามารถรับแรงกระแทกได ้มาก 4 : ท่อ
วน

วน
คําตอบทีถูกต ้อง : 3 คําตอบทีถูกต ้อง : 1
สง

สง
ขอ ขอ

ขอ ขอ
ข ้อที 35 :
ข ้อที 30 : โลหะใดต่อไปนีมีจด
ุ หลอมเหลวทีตําทีสุด
ในกระบวนการผลิตเหล็กหล่อกราไฟต์กลม ธาตุใดทีต ้องเติมลงไปเพือทําให ้กราไฟต์อส
ิ ระเป็ นทรงกลม
กร

กร

1 : ทองแดง
1 : อะลูมเิ นียม 2 : ทองแดงผสมสังกะสี
2 : ซิลก
ิ อน
ิ ว

ิ ว

3 : ทองแดงผสมเหล็ก
3 : แคลเซียม
าวศ

าวศ

4 : ทองแดงผสมนิเกิล
4 : แมกนีเซียม
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
คําตอบทีถูกต ้อง : 4
สภ

สภ

ข ้อที 36 :
ข ้อที 31 : ชินงานใดต่อไปนีมีความแข็งแรงสูงสุด
เหล็กกล ้าผสมชนิดใดทีไม่สามารถชุบแข็งได ้ดี
1 : เหล็กกล ้าคาร์บอนตําชุบแข็ง
1 : เหล็กกล ้าโมลิบดินัม 2 : เหล็กกล ้าคาร์บอนปานกลางชุบแข็ง
2 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมออสเทไนต์ 3 : เหล็กกล ้าผสมตําชุบแข็ง
3 : เหล็กกล ้าแมงกานีส 4 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมออสเทไนต์ชบ
ุ แข็ง
4 : เหล็กกล ้าโครเมียม
คําตอบทีถูกต ้อง : 3
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 37 :
ข ้อที 32 : โลหะชนิดใดต่อไปนีทีเหมาะสมสําหรับทําเครืองยนต์ (Engine block) สําหรับรถแข่งมากทีสุด
เหล็กกล ้าถูกแบ่งแยกออกจากเหล็กหล่อด ้วยปริมาณคาร์บอนกีเปอร์เซ็นต์
1 : เหล็กกล ้า (Steel) เนืองจากหล่อง่ายทีสุด
1 : 1% 2 : เหล็กกล ้าไร ้สนิม (Stainless steel) เพราะทนต่อการเกิดสนิมได ้ดี
2 : 2% 3 : อะลูมเิ นียมผสม (Aluminium alloy) เพราะมีนําหนักเบา
3 : 3% 4 : โลหะผสมยิงยวด (Superalloy) เพราะทนอุณหภูมส ิ งู ได ้ดี
4 : 4%
คําตอบทีถูกต ้อง : 3
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 38 :
ข ้อที 33 : วัสดุแม่เหล็กถาวรชนิดใดต่อไปนีทีให ้กําลังแม่เหล็กสูงสุด
ธาตุผสมใดทีมีสว่ นสําคัญในการทําให ้เหล็กกล ้าไร ้สนิมทนต่อการเกิดสนิมในบรรยากาศปกติ และต ้องมีปริมาณธาตุ
อย่างน ้อยสุดเท่าใด 1 : เหล็กคาร์บอน
2 : อัลนิโค (Alnico)
1 : 13% โดยนํ าหนักโครเมียม 3 : เฟร์ไรต์ (Hard Ferrite)
2 : 8% โดยนํ าหนักโครเมียม 4 : นิโอดิเมียม-บอรอน (NdFeB)
3 : 13% โดยนํ าหนักนิเกิล
4 : 8% โดยนํ าหนักนิเกิล คําตอบทีถูกต ้อง : 4

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 39 :
เหล็กเส ้น เหล็กข ้ออ ้อย ทีใช ้ในงานก่อสร ้างทัวไป เป็ นเหล็กในกลุม
่ ใด
ข ้อที 34 :
1 : เหล็กกล ้าคาร์บอนตํา
ธิ

ธิ

ข ้อความใดต่อไปนีเป็ นการกล่าวทีถูกต ้อง


2 : เหล็กกล ้าคาร์บอนปานกลาง
สท

สท

1 : เหล็กกล ้า Hypoeutectoid plain-carbon คือเหล็กกล ้าทีมีปริมาณคาร์บอนมากกว่า 0.8% โดยนํ าหนัก 3 : เหล็กกล ้าคาร์บอนสูง
2 : เหล็กเส ้นทีใช ้ในงานก่อสร ้างทําจากเหล็กหล่อ

4 : เหล็กกล ้าผสม
3 : ธาตุทมี
ี บทบาทในการทําให ้เหล็กกล ้าไร ้สนิมสามารถทนต่อการกัดกร่อนได ้ดีคอ
ื โครเมียม
วน

วน

4 : เหล็กหล่อเป็ นโลหะผสมประเภท Ferrous ทีมีปริมาณคาร์บอนน ้อยกว่า 2.4% โดยนํ าหนัก คําตอบทีถูกต ้อง : 1
สง

สง

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 40 :
ขอ

ขอ


โลหะชนิดใดต่อไปนีสามารถนํ ามารีดเย็นเป็ นแผ่นบางได ้ง่ายทีสุด 1 : เหล็กหล่อเทา (Gray cast iron)

รข

รข
1 : อะลูมเิ นียม 2 : เหล็กหล่อขาว (White cast iron)
2 : ทองแดง 3 : เหล็กหล่อเหนียว (Ductile iron)
4 : เหล็กหล่ออบเหนียว (Malleable iron)


3 : ทองเหลือง
4 : เหล็กกล ้าไร ้สนิม

ิ ว

ิ ว
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

าว ศ

าว ศ
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 46 :
สภ

สภ
ข ้อที 41 : โลหะชนิดใดต่อไปนีเหมาะสําหรับการผลิตถังไฮโดรเจนเหลวสําหรับยานอวกาศมากทีสุด
โลหะชนิดใดต่อไปนีขึนรูปเย็นได ้ยากทีสุด 1 : อะลูมเิ นียมผสมทองแดง
1 : ทองเหลือง (Brass) 2 : อะลูมเิ นียมผสมลิเทียม
2 : เหล็กกล ้าคาร์บอนตํา (Low carbon steel) 3 : อะลูมเิ นียมผสมซิลคิ อน
3 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมเฟร์ไรต์ (Ferritic stainless steel) 4 : อะลูมเิ นียมผสมสังกะสี
4 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมออสเทไนต์ (Austenetic stainless steel)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 47 :
ข ้อที 42 : โลหะกลุม ่ ใดต่อไปนีเหมาะสําหรับผลิตกระดูกเทียม (Surgical implants) มากทีสุด
โลหะชนิดใดต่อไปนีทีเหมาะสําหรับการผลิตวงล ้อรถยนต์มากทีสุด 1 : อะลูมเิ นียมผสม (Aluminium alloys)
1 : อะลูมเิ นียมบริสท
ุ ธิ 2 : ไทเทเนียมผสม (Titanium alloys)
2 : อะลูมเิ นียมผสมซิลค ิ อน 3 : แมกนีเซียมผสม (Magnesium alloys)
3 : อะลูมเิ นียมผสมทองแดง 4 : ทองแดงผสม (Copper alloys)
4 : อะลูมเิ นียมผสมแมงกานีส
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 48 :
ข ้อที 43 : ข ้อใดไม่ใช่คณ
ุ ลักษณะเด่นของเหล็กกล ้าคาร์บอน
โลหะชนิดใดต่อไปนีไม่เกิดสนิม 1 : ทนทานการกัดกร่อนได ้ดี
1 : เหล็กกล ้าไร ้สนิม 2 : มีสมบัตท
ิ างกลอยูใ่ นเกณฑ์ดจ ี งึ สามารถนํ าไปใช ้งานได ้หลากหลายทางวิศวกรรม
2 : ทองแดง 3 : เหล็กกล ้าทีมีปริมาณคาร์บอนตํามักนํ าไปใช ้ทําเหล็กเส ้น เหล็กข ้ออ ้อย สําหรับอุตสาหกรรมก่อสร ้าง
3 : อะลูมเิ นียม 4 : สามารถขึนรูปได ้ทังร ้อนและเย็น
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ผิด
คําตอบทีถูกต ้อง : 1
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

เนือหาวิชา : 239 : 02 Engineering polymers

ข ้อที 44 :
เหล็กกล ้าชนิดใดต่อไปนีเหมาะสําหรับใช ้งานทีอุณหภูมส
ิ งู
ข ้อที 49 :
1 : เหล็กกล ้าคาร์บอนสูง (High carbon steel) ข ้อใดไม่ใช่วส
ั ดุพอลิเมอร์
2 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมเฟร์ไรต์ (Ferritic stainless steel)


1 : ยาง (Rubber)
ิ ธ

ิ ธ
3 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมออสเทไนต์ (Austenetic stainless steel)
2 : พลาสติก (Plastic)
สท

สท
4 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมมาร์เทนไซต์ (Martensitic stainless steel)
3 : ไม ้ (Wood)
4 : แก ้ว (Glass)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3
วน

วน
คําตอบทีถูกต ้อง : 4
สง

สง
ข ้อที 45 :
เหล็กหล่อชนิดใดต่อไปนีเหมาะสําหรับงานทีต ้องทนต่อการสึกหรอได ้ดี
ข ้อที 50 :
ขอ ขอ

ขอ ขอ
ยางทีผ่านกระบวนการ Vulcanization แล ้ว จัดเป็ นพอลิเมอร์ประเภทใด
1 : พอลิเมอร์แบบสายโซ่ตรง (Linear polymer) ข ้อที 55 :
ปั จจัยใดมีผลต่อสมบัตเิ ชิงกลของพอลิเมอร์แบบกึงผลึก (Semicrystalline polymers)
กร

กร

2 : พอลิเมอร์แบบครอสลิงค์ (Crosslinked polymer)


3 : พอลิเมอร์แบบสายเดียว (Single chain polymer) 1 : นํ าหนักโมเลกุล (Molecular weight)
4 : พอลิเมอร์แบบกิง (Branched polymer) 2 : ระดับของสภาพเป็ นผลึก (Degree of crystallinity)
ิ ว

ิ ว

3 : การอบอ่อน (Annealing)
าวศ

าวศ

คําตอบทีถูกต ้อง : 2 4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
สภ

สภ

ข ้อที 51 :
ข ้อใดเป็ นพอลิเมอร์แบบโครงข่าย (network)
1 : พอลิสไตรีน (Polystyrene) ข ้อที 56 :
2 : ฟี นอลฟอร์มลั ดีไฮด์ (Phenol-formaldehyde) จากกราฟความเค ้น-ความเครียด (Stress-strain plot) กราฟเส ้นใดแสดงสมบัตข
ิ องวัสดุยด
ื หยุน
่ (Elastomeric
3 : พอลิเอทธิลนี (Polyethylene) polymer)
4 : พอลิพรอพิลน ี (Polypropylene)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 52 :
ข ้อใดเป็ นลักษณะของเทอร์โมพลาสติก (Thermoplastic)
1 : แข็งตัวเมือถูกความร ้อน และอ่อนตัวเมือลดอุณหภูม ิ
2 : อ่อนตัวเมือถูกความร ้อน แต่กลับมาแข็งตัวเมือลดอุณหภูม ิ
3 : แข็งตัวเมือถูกความร ้อน และไม่สามารถทําให ้อ่อนตัวได ้อีก
4 : แข็งตัวเมือถูกความร ้อน แต่สามารถทําให ้อ่อนตัวได ้เมือลดอุณหภูม ิ 1 : I
2 : II
คําตอบทีถูกต ้อง : 2 3 : III
4 : IV

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
ข ้อที 53 :
พอลิเมอร์ใดต่อไปนีเป็ นเทอร์โมเซ็ตติง (Thermosetting)
1 : พอลิพรอพิลนี (Polypropylene) ข ้อที 57 :
2 : พอลิเอทธิลน
ี (Polyethylene) พอลิเมอร์ใดต่อไปนีเป็ นเทอร์โมพลาสติก (Thermoplastics)
3 : พอลิเอสเทอร์ไม่อมตั
ิ ว (Unsaturated polyester)
4 : พอลิไวนีลคลอไรด์ (Polyvinyl chloride) 1 : PVC
2 : Epoxy resins
คําตอบทีถูกต ้อง : 3 3 : Polyester
4 : Melamine

คําตอบทีถูกต ้อง : 1
ข ้อที 54 :
ข ้อใดต่อไปนีกล่าวไม่ถก
ู ต ้อง
1 : โคพอลิเมอร์ (Copolymer) ประกอบด ้วย มอนอเมอร์มากกว่าหนึงชนิดเรียงต่อกัน ข ้อที 58 :
2 : อัลเทอร์เนตโคพอลิเมอร์ (Alternate copolymer) ประกอบด ้วย มอนอเมอร์มากกว่าหนึงชนิดเรียงต่อแบบ ข ้อใดต่อไปนีไม่ใช่พอลิเมอร์
ธิ

ธิ

สลับกัน
1 : พอลิเอทิลน ี (Polyethylene)
สท

สท

3 : แรนดอมโคพอลิเมอร์ (Random copolymer) ประกอบด ้วย มอนอเมอร์มากกว่าหนึงชนิดเรียงต่อแบบสุม ่


4 : กราฟท์โคพอลิเมอร์ (Graft copolymer) ประกอบด ้วย มอนอเมอร์มากกว่าหนึงชนิดเรียงต่ออยูใ่ นสายโซ่ท ี 2 : พอลิคาร์โบเนต (Polycarbonate)

เป็ นเส ้นตรง 3 : ซิลค ิ อนคาร์ไบด์ (Silicon carbide)


4 : ซิลโิ คน (Silicone)
วน

วน

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
คําตอบทีถูกต ้อง : 3
สง

สง
ขอ

ขอ


รข

รข
ข ้อที 59 : ข ้อที 64 :
ี ํา
เพราะเหตุใดยางรถยนต์จงึ มีสด ขวดพลาสติกใสทีใช ้บรรจุนําอัดลมในท ้องตลาดมักทําด ้วยพอลิเมอร์ชนิดใด


1 : เนืองจากต ้องสัมผัสถนนซึงมีความสกปรก จึงผสมสีดําลงไป 1 : พอลิโพรพิลนี (Polypropylene)
2 : ี ําลงไป
เนืองจากต ้องการให ้มีความแข็งแรงขึน จึงใส่สารเสริมแรงชนิดหนึงซึงมีสด 2 : พอลิสไตรีน (Polystyrene)

ิ ว

ิ ว
3 : เพือให ้ง่ายต่อการดูแลรักษา 3 : พอลิเอทิลน
ี เทอร์ฟาทาเลต (Polyethylene terephthalate)

าว ศ

าว ศ
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก 4 : พอลิเมทิล เมทาครีเลต (Polymethyl methacrylate)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2 คําตอบทีถูกต ้อง : 3


สภ

สภ
ข ้อที 60 : ข ้อที 65 :
โดยทัวไปพอลิเมอร์มส
ี มบัตเิ ชิงกลในข ้อใดต่อไปนีมากกว่าวัสดุวศ
ิ วกรรมชนิดอืนๆ เราสามารถเพิมสมบัตใิ นการรับแรงกระแทกให ้กับพลาสติกทีเปราะได ้โดยการผสมสิงใดต่อไปนีลงไปในพลาสติก
1 : Tensile Strength 1 : ยาง (Rubber)
2 : Modulus of Elasticity 2 : สารเสริมแรง (Reinforcing filler)
3 : Yield Strength 3 : สารป้ องกันการแตกหักของสายโซ่โมเลกุล (Stabilizer)
4 : Elongation 4 : สารเพิมเนือ (Extender)

คําตอบทีถูกต ้อง : 4 คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 61 : ข ้อที 66 :
วัตถุดบิ ทีใช ้ในการผลิตพอลิเมอร์มาจากแหล่งใด ถ ้านํ าขวดพลาสติกทีทําจากพอลิเอทิลน
ี ไปบรรจุนําอัดลมและปิ ดฝาให ้แน่น จะเกิดสิงใดขึน
1 : แก๊สธรรมชาติ 1 : ไม่มส ิ
ี งใดเปลี
ยนแปลง
2 : นํ ามันปิ โตรเลียม 2 : นํ าอัดลมจะมีสท ี จางลง

3 : ผลิตผลทางการเกษตร 3 : แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จะระเหยออกไป
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก 4 : ปริมาณของนํ าอัดลมจะลดลง

คําตอบทีถูกต ้อง : 4 คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 62 : ข ้อที 67 :
ข ้อใดต่อไปนีไม่ใช่ลก
ั ษณะหรือสมบัตข
ิ องเทอร์โมเซตติง (Thermosetting) ข ้อใดต่อไปนีไม่เป็ นความจริง
1 : มีโครงสร ้างตาข่าย 1 : โดยทัวไป พอลิเมอร์มค ี า่ การนํ าความร ้อนทีตํากว่าโลหะมาก
2 : นํ ามาขึนรูปใหม่ไม่ได ้ 2 : โดยทัวไป อากาศมีคา่ การนํ าความร ้อนทีตํากว่าพอลิเมอร์มาก
3 : ทนแรงกระแทกได ้ดี 3 : โดยทัวไป พอลิเมอร์มค ี า่ สัมประสิทธิของการขยายตัวเมือได ้รับความร ้อนมากกว่าโลหะ
4 : ทนความร ้อนได ้ดี 4 : โดยทัวไป เซรามิกมีคา่ สัมประสิทธิของการขยายตัวเมือได ้รับความร ้อนมากกว่าพอลิเมอร์

คําตอบทีถูกต ้อง : 3 คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 63 : ข ้อที 68 :
ข ้อใดต่อไปนีไม่ใช่โครงสร ้างของโคพอลิเมอร์ (Copolymer) กระบวนการในข ้อใดต่อไปนีเป็ นกระบวนการสร ้างพอลิเมอร์จากมอนอเมอร์


ิ ธ

ิ ธ
1 : โครงสร ้างแบบบล็อก (Block) 1 : Monomerization
สท

สท
2 : โครงสร ้างแบบสลับ (Alternating) 2 : Polymerization
3 : โครงสร ้างแบบเชิงเส ้น (Linear) 3 : Hydration
4 : ่ (Random)
โครงสร ้างแบบสุม 4 : Annealing
วน

วน
คําตอบทีถูกต ้อง : 3 คําตอบทีถูกต ้อง : 2
สง

สง
ขอ ขอ

ขอ ขอ
เนือหาวิชา : 240 : 03 Engineering ceramics
ข ้อที 69 :
เทฟลอน (Teflon) คือชือทางการค ้าของพอลิเมอร์ในข ้อใด
กร

กร

1 : Polystyrene ข ้อที 74 :
2 : Polyurethane
ิ ว

ิ ว

ปฏิกริ ย
ิ าทีเกิดขึนเมือผสมซีเมนต์กบ
ั นํ าคือปฏิกริ ย
ิ าใด
3 : Polytetrafluoroethylene
าวศ

าวศ

4 : Polyvinyl chloride 1 : ปฏิกริ ย


ิ า Hydration
2 : ปฏิกริ ยิ า Oxidation
คําตอบทีถูกต ้อง : 3 3 : ปฏิกริ ย ิ า Reduction
สภ

สภ

4 : ปฏิกริ ย ิ า Dehydration

คําตอบทีถูกต ้อง : 1
ข ้อที 70 :
พลาสติกในข ้อใดทีสามารถนํ ามาให ้ความร ้อนแล ้วหลอมเหลวเพือนํ าไปขึนรูปใหม่ได ้
1 : ไนลอน ข ้อที 75 :
2 : เมลามีน การเติมแร่ยปิ ซัม (Gypsum) ลงในซีเมนต์มวี ต
ั ถุประสงค์อย่างไร
3 : เบคาไลท์
4 : อีพอกซี 1 : เพือลดต ้นทุนวัตถุดบิ
2 : เพือควบคุมเวลาการแข็งตัวของซีเมนต์
คําตอบทีถูกต ้อง : 1 3 : เพือเพิมความแข็งแรงให ้กับซีเมนต์
4 : ี ายุการใช ้งานทีนานขึน
เพือให ้ซีเมนต์มอ

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
ข ้อที 71 :
ข ้อใดจัดเป็ นวัสดุอล
ี าสโตเมอร์
1 : เมลามีน ข ้อที 76 :
2 : อะคริลค ิ ทําไมเซรามิกโดยทัวไปมีสมบัตท
ิ แข็
ี ง (Hard) และเปราะ (Brittle) กว่าโลหะ
3 : ซิลโิ คน
4 : เทฟลอน 1 : การเคลือนทีของ Dislocation เกิดขึนในเซรามิกได ้ง่ายกว่าโลหะ
2 : เซรามิกทัวไปยึดกันด ้วยพันธะแวนเดอร์วาลส์ แต่โลหะยึดกันด ้วยพันธะโลหะ
คําตอบทีถูกต ้อง : 3 3 : ในเซรามิก ระนาบอะตอมเกิดการเลือน (Slip) ได ้บางระนาบเท่านัน
4 : เซรามิกมีความหนาแน่นสูงกว่าโลหะ

คําตอบทีถูกต ้อง : 3
ข ้อที 72 :
ข ้อใดกล่าวไม่ถก
ู ต ้อง
1 : เทอร์โมเซตติงมีความแข็งแกร่งสูง เนืองจากมีโครงสร ้างตาข่ายทีแน่นหนา ข ้อที 77 :
2 : เทอร์โมพลาสติกแสดงพฤติกรรมทางความร ้อนด ้วยการเปลียนแปลงสมบัตท ิ างกายภาพเพียงอย่างเดียว ข ้อใดไม่ใช่สมบัตข
ิ องเซรามิก
3 : อีลาสโตเมอร์แสดงพฤติกรรมทางความร ้อนด ้วยการเปลียนแปลงทางกายภาพและทางเคมีโดยมีโครงสร ้าง
ตาข่ายหลวมๆ เกิดขึน 1 : เป็ นฉนวนทังทางความร ้อนและไฟฟ้ า
4 : เทอร์โมเซตติงสามารถนํ ามาให ้ความร ้อนแล ้วหลอมเหลวเพือนํ าไปขึนรูปใหม่ได ้ 2 : ความต ้านทานต่อแรงกระแทกตํา
3 : ทนต่อแรงดึงได ้ดี
คําตอบทีถูกต ้อง : 4 4 : เฉือยต่อการเกิดปฏิกริ ย
ิ าเคมี

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 73 :
ธิ

ธิ

ข ้อใดกล่าวเกียวกับ Tg ของพอลิเมอร์ถก
ู ต ้องทีสุด
ข ้อที 78 :
สท

สท

1 : Tg เป็ นอุณหภูมท ี ้บ่งบอกการเปลียนสถานะของพอลิเมอร์จากแข็งเปราะเป็ นหลอมเหลว


ิ ใช ข ้อใดไม่ใช่ผลทีเกิดจากการเกิดรูพรุน (Porosity) ในเนืออิฐทนไฟ
2 : ถ ้าพอลิเมอร์ถกู นํ าไปใช ้งาน ณ อุณหภูมส
ิ งู กล่าว Tg พอลิเมอร์นันจะมีความแข็งเปราะ

3 : Tg เป็ นสมบัตทิ างความร ้อนของพอลิเมอร์ทแสดงการเปลี


ี ยนสถานะในส่วนทีเป็ นอสัณฐาน (Amorphous 1 : อิฐทนไฟเป็ นฉนวนทางความร ้อนทีดีขน

วน

วน

region) 2 : อิฐทนไฟสามารถทนต่อการเปลียนแปลงอุณหภูมไิ ด ้ดีขน



o 3 : อิฐทนไฟมีความต ้านทานต่อการผุกร่อนดีขน

4 : ถ ้า Tg ของพอลิเมอร์เท่ากับ -20 C แสดงว่า เมือนํ ามาใช ้งาน ณ อุณหภูมห ิ ้อง (25oC) จะมีความแข็งเปราะ
4 : อิฐทนไฟมีความแข็งแรงลดลง
สง

สง

คําตอบทีถูกต ้อง : 3
คําตอบทีถูกต ้อง : 3
ขอ

ขอ


รข

รข
ข ้อที 84 :
ข ้อใดกล่าวถูกต ้อง
ข ้อที 79 :
วัสดุในข ้อใดเหมาะทีจะทําเป็ นวัสดุขด
ั ถู (Abrasive material) 1 : การขึนรูปแก ้วจะทําขณะทีแก ้วมีสภาพเป็ นของเหลวทีมีความหนืดสูง


2 : การขึนรูปแก ้วจะเกิดปฏิกริ ย
ิ า Sintering
1 : เหล็ก

ิ ว

ิ ว
3 : แก ้วโดยทัวไปเป็ นของแข็งทีมีผลึก
2 : อะลูมนิ า

าวศ

าว ศ
4 : หลังจากขึนรูปแก ้วแล ้วต ้องนํ าแก ้วไปอบและเผา
3 : พอลิเอทิลนี
4 : ไม ้ คําตอบทีถูกต ้อง : 1
สภ

สภ
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 85 :
การเพิมความแข็งแรงให ้กับแก ้วโดยวิธเี ทมเปอร์ (Temper) หรือ Chemical treatment มีหลักการอย่างไร
ข ้อที 80 :
Glass transition temperature คืออะไร 1 : ทําให ้เกิดความเค ้นแรงดึงทีผิวและความเค ้นแรงอัดภายในเนือแก ้ว
2 : ทําให ้เกิดความเค ้นแรงอัดทีผิวและความเค ้นแรงดึงภายในเนือแก ้ว
1 : อุณหภูมจ
ิ ด ุ หลอมเหลว (Melting point) ของแก ้ว 3 : ทําให ้เกิดความเค ้นแรงอัดในเนือแก ้ว
2 : อุณหภูมทิ แก ี ้วมีสภาพการนํ าไฟฟ้ า 4 : ทําให ้เกิดความเค ้นแรงดึงในเนือแก ้ว
3 : อุณหภูมท ิ แก ี ้วเปลียนจากสภาพทีมีความหนืดสูงเป็ นสภาพทีแข็งและเปราะ
4 : อุณหภูมท ิ แก ี ้วกลายเป็ นไอ คําตอบทีถูกต ้อง : 2

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 86 :
เซรามิกประเภทใดมีความเหนียว (Toughness) ดีทสุ
ี ดทีอุณหภูมห
ิ ้อง
ข ้อที 81 :
ข ้อใดไม่ใช่เซรามิกวิศวกรรม (Engineering ceramic) 1 : ซิลก
ิ อนไนไตรด์ (Silicon nitride)
2 : ซิลกิ อนคาร์ไบด์ (Silicon carbide)
1 : พอร์ซเิ ลน (Porcelain) 3 : อะลูมน ิ า (Alumina)
2 : อะลูมนิ า (Alumina) 4 : Partially stabilized zirconia
3 : ซิลก
ิ อนไนไตรด์ (Silicon nitride)
4 : เซอร์โคเนีย (Zirconia) คําตอบทีถูกต ้อง : 4

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 87 :
Glass-ceramic แตกต่างจาก แก ้ว (Glass) อย่างไร
ข ้อที 82 :
เซรามิกลักษณะใดทีไม่เหมาะสมสําหรับการนํ ามาใช ้ทําเป็ นกระดูกเทียม 1 : แก ้วโปร่งใสแต่ Glass-ceramic ไม่โปร่งใส
2 : แก ้วไม่นําไฟฟ้ า แต่ Glass-ceramic นํ าไฟฟ้ า
1 : เซรามิกทีมีสมบัตต
ิ ้านทานการผุกร่อนทีดี 3 : แก ้วนํ าความร ้อนได ้ไม่ด ี แต่ Glass-ceramic สามารถนํ าความร ้อนได ้
2 : เซรามิกทีมีความหนาแน่นสูง 4 : แก ้วทนการเปลียนแปลงความร ้อน (Thermal shock) ได ้ แต่ Glass-ceramic ทนไม่ได ้
3 : เซรามิกทีมีความแข็งแรงสูง
4 : เซรามิกทีสามารถยึดติดกับเนือเยือได ้ดี คําตอบทีถูกต ้อง : 1

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 88 :
Pyroelectric ceramic มีสมบัตเิ ด่นในข ้อใด
ข ้อที 83 :
1 : สามารถเปลียนสมบัตท
ิ างกลให ้เป็ นสมบัตไิ ฟฟ้ า


ิ ธ

ิ ธ
ทําไมปั จจุบน ิ า (Alumina) มาใช ้ทําหัวเทียนแทนโลหะ
ั นิยมนํ าเซรามิกวิศวกรรม เช่น อะลูมน
2 : สามารถเปลียนสมบัตทิ างไฟฟ้ าให ้เป็ นสมบัตท ิ างกล
สท

สท
1 : เซรามิกมีความแข็งแรงมากกว่าโลหะทีอุณหภูมส
ิ งู 3 : สามารถเปลียนสมบัตท ิ างไฟฟ้ าให ้เป็ นสมบัตท ิ างเคมี
2 : เซรามิกเป็ นวัสดุเปราะกว่าโลหะ 4 : สามารถเปลียนสมบัตท ิ างความร ้อนให ้เป็ นสมบัตท ิ างไฟฟ้ า
3 : เซรามิกมีการนํ าไฟฟ้ าทีดีกว่าโลหะ
วน

วน
4 : เซรามิกมีความหนาแน่นตํากว่าโลหะ คําตอบทีถูกต ้อง : 4
สง

สง
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 89 :
ขอ ขอ

ขอ ขอ
เซรามิกประเภทแก ้วต่างจากเซรามิกโดยทัวไปอย่างไร 1 : โครงผลึกซีเซียมคลอไรด์
2 : โครงผลึกโซเดียมคลอไรด์
1 : แก ้วไม่มผ
ี ลึก แต่เซรามิกโดยทัวไปเป็ นโครงสร ้างทีมีผลึก (Crystalline)
3 : โครงผลึกฟลูออไรด์
กร

กร

2 : แก ้วสามารถดึงยืดได ้ แต่เซรามิกโดยทัวไปมีสมบัตเิ ปราะ


4 : โครงผลึกเพอรอฟสไกต์
3 : แก ้วทนแรงดึงได ้ดี แต่เซรามิกทนแรงอัดได ้ดี
4 : แก ้วทนทานต่อสารเคมีได ้ดี แต่เซรามิกโดยทัวไปเกิดปฏิกริ ย ิ าได ้ง่าย
ิ ว

ิ ว

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
าวศ

าวศ

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 95 :
สภ

สภ

ข ้อใดไม่ใช่วส
ั ดุโครงสร ้างซิลเิ กต
ข ้อที 90 :
ผลิตภัณฑ์ใดต่อไปนีไม่จําเป็ นต ้องใช ้วัสดุเซรามิก 1 : อะลูมน ิ า
2 : ควอทซ์
1 : กระสวยอวกาศ
3 : ไมก ้า
2 : เตาเผา
4 : ทัลค์
3 : ลูกถ ้วยไฟฟ้ า (Electrical insulator)
4 : มีดผ่าตัด
คําตอบทีถูกต ้อง : 1
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 96 :
วัสดุเซรามิกมีพันธะชนิดใด
ข ้อที 91 :
ข ้อใดไม่ชว่ ยทําให ้วัสดุทผลิ
ี ตจากอะลูมน
ิ า (Alumina) มีสมบัตโิ ปร่งแสง (Translucent) ได ้ 1 : พันธะโลหะ
2 : พันธะโควาเลนต์
1 : อะลูมน ิ าทีใช ้มีความบริสท
ุ ธ์สงู มาก
3 : พันธะไอออนิก
2 : เป็ นวัสดุผลึกเดียว (Single crystal)
4 : พันธะไอออนิกร่วมพันธะโควาเลนต์
3 : การจัดเรียงตัวของผลึกมีทศ ิ ทางใกล ้เคียงกันมาก
4 : ขอบเกรน (Grain boundary) มีความหนามาก
คําตอบทีถูกต ้อง : 4
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

เนือหาวิชา : 241 : 04 Asphalt wood and concrete

ข ้อที 92 :
กระถางปลูกต ้นไม ้ โอ่งดิน อิฐมอญ จัดเป็ นเซรามิกประเภทใด ข ้อที 97 :
1 : Stoneware ไม ้จัดเป็ นวัสดุประเภทใด
2 : Earthenware 1 : วัสดุเชิงประกอบ
3 : Porcelain 2 : พอลิคาร์บอเนต
4 : Bone China 3 : พอลิไวนิลคลอไรด์
4 : พอลิเมอร์
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 93 :
วัสดุทนไฟทีใช ้ในเตาเผาอุณหภูมส
ิ งู มักทําจากวัสดุในข ้อใดต่อไปนี ข ้อที 98 :
1 : CaO เพราะเหตุใดไม ้จึงรับแรงดัด (Bending force) ได ้ดี
2 : Feldspar 1 : เส ้นใยเรียงตัวในทิศใดทิศหนึง
ธิ

ธิ

3 : Cement 2 : มีความเหนียวสูง
สท

สท

4 : Mullite 3 : เนือไม ้มีความหนาแน่นสูง


4 : ไม ้มีนําหนักเบา
คําตอบทีถูกต ้อง : 4
วน

วน

คําตอบทีถูกต ้อง : 1
สง

สง

ข ้อที 94 :
วัสดุแบเรียมไททาเนต (BaTiO3) มีโครงผลึกแบบใด ข ้อที 99 :
ขอ

ขอ


ข ้อใดเป็ นส่วนประกอบหลักของยางมะตอย (Asphalt) 1 : ทราย (Sand) หินฟั นม ้า (Feldspar) และซีเมนต์ (Cement)

รข

รข
1 : ธาตุคาร์บอน (C) และ ไนโตรเจน (N) 2 : หินย่อย (Aggregate) หินฟั นม ้า (Feldspar) และซีเมนต์ (Cement)
2 : ธาตุคาร์บอน (C) และ ไฮโดรเจน (H) 3 : ทราย (Sand) หินย่อย (Aggregate) และซีเมนต์ (Cement)
4 : ทราย (Sand) หินย่อย (Aggregate) และบิทเู มน (Bitumen)


3 : ธาตุคาร์บอน (C) และ ซัลเฟอร์ (S)
4 : ธาตุคาร์บอน (C) และ ออกซิเจน (O)

ิ ว

ิ ว
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

าว ศ

าว ศ
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

เนือหาวิชา : 242 : 05 Phase equilibrium diagrams and their interpretation


สภ

สภ
ข ้อที 100 :
ไม ้มีสมบัตท
ิ างกลตามข ้อใด
ข ้อที 105 :
1 : เท่ากันทุกทิศทาง สมการ delta ferrite + L --> austenite เรียกปฏิกริ ย
ิ านีว่าปฏิกริ ย
ิ าใด
2 : ความแข็งแรงตามแนวความยาวมากกว่าแนวขวาง
1 : Eutectoid
3 : ความแข็งแรงขนานเส ้นใยตํากว่าความแข็งแรงตังฉาก
2 : Eutectic
4 : โมดูลสั เท่ากันทุกทิศทาง
3 : Peritectic
4 : Peritectoid
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 101 :
ยางมะตอย (Asphalt) และยางมะตอยผสม (Asphalt mix) มีสมบัตต
ิ า่ งกันอย่างไร
ข ้อที 106 :
1 : ยางมะตอยมีแรงเสียดทาน (Friction) มากกว่ายางมะตอยผสม ข ้อใดไม่ใช่ข ้อมูลทีสามารถทราบได ้จากแผนภาพเฟส (Phase diagram)
2 : ยางมะตอยผสมมีแรงเสียดทาน (Friction) มากกว่ายางมะตอย
1 : สภาพการละลายได ้ของธาตุหนึงในอีกธาตุหนึง
3 : ยางมะตอยและยางมะตอยผสมใช ้ทําพืนรับแรงทีมีสมบัตใิ กล ้เคียงกัน
2 : อุณหภูมท
ิ สารเริ
ี มหลอมละลาย
4 : ยางมะตอยแข็งแรงมากกว่ายางมะตอยผสม
3 : ความดันทีสารเปลียนเฟส
4 : ปริมาตรของสารทีหลอมเหลว
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 102 :
การใช ้คอนกรีตในการก่อสร ้าง คอนกรีตถูกใช ้เพือให ้รับแรงประเภทใด
ข ้อที 107 :
1 : แรงดึง (Tension) ข ้อใดไม่ใช่ข ้อมูลทีสามารถทราบได ้จากแผนภาพเฟส (Phase diagram)
2 : แรงอัด (Compression)
1 : อุณหภูมท
ิ โลหะผสมเริ
ี มแข็งตัวเป็ นของแข็ง
3 : แรงเฉือน (Shear)
2 : สภาพการละลายได ้ของธาตุหนึงในอีกธาตุหนึง ณ สภาวะสมดุล
4 : แรงบิด (Torsion)
3 : เฟสต่างๆ ทีมีอยูใ่ นเนือวัสดุ
4 : ขนาดและรูปร่างของโครงสร ้างจุลภาค
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 103 :
ความสามารถในการทํางาน (Workability) ของคอนกรีตสามารถทดสอบด ้วยวิธใี ด
ข ้อที 108 :
1 : การทดสอบความล ้า (Fatigue test)
2 : การทดสอบโดยใช ้แรงอัด (Compressive test)


ิ ธ

ิ ธ
3 : การทดสอบความแข็งแบบบริเนลล์ (Brinell)
สท

สท
4 : การทดสอบการยุบตัว (Slump test)

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
วน

วน
สง

สง
ข ้อที 104 :
ส่วนประกอบหลักของคอนกรีตคือข ้อใด
ขอ ขอ

ขอ ขอ
ข ้อใดคือปฏิกริ ย
ิ าทีเกิดขึนในแผนภาพเฟสของ Fe-Fe3C ทีกําหนดให ้ ปฏิกริ ย
ิ ายูเทกทอยด์ (Eutectoid) ของเหล็กกล ้าคาร์บอน เกิดทีปริมาณคาร์บอนกีเปอร์เซ็นต์โดยนํ าหนัก
กร

กร
ิ ว

ิ ว
าวศ

าวศ
สภ

สภ

1 : Peritic, Eutectic, Eutectoid 1 : 0.025%


2 : Peritectic, Eutectic, Eutectoid 2 : 0.8%
3 : Peritectic, Eutectic, Eutectertic 3 : 2.0%
4 : Peritectic, Eutectic, Monotectic 4 : 4.3%

คําตอบทีถูกต ้อง : 2 คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 109 : ข ้อที 110 :


ี นตัวอย่างช ้าๆ ผ่านปฏิกริ ย
โครงสร ้างใดคือโครงสร ้างของเหล็กกล ้าคาร์บอนส่วนผสมยูเทกทอยด์ทเย็ ิ ายูเทคทอยด์
เรียกโครงสร ้างทีเกิดขึนว่าอะไร
1 : เฟร์ไรต์ (Ferrite)
2 : เพอร์ไลต์ (Pearlite)
3 : ออสเทไนต์ (Austenite)
4 : ซีเมนไทต์ (Cementite)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 111 :
ข ้อใดไม่ใช่ข ้อมูลทีได ้จากการอ่านแผนภาพเฟสในสภาวะทีสมดุล
ธิ

ธิ

1 : ชนิดของเฟสทีเกิดขึน
2 : ปริมาณของเฟสทีเกิดขึน
สท

สท

3 : อุณหภูมท
ิ สารเริ
ี มแข็งตัว (Solidify) หรือหลอมเหลว (Melt)

4 : ชนิดของโครงสร ้างผลึกของเฟสทีเกิดขึน
วน

วน

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
สง

สง

ข ้อที 112 :
ขอ

ขอ


สารละลาย (Solution) และของผสม (Mixture) แตกต่างกันอย่างไร

รข

รข
1 : สารละลายจะเกิดการแยกกันของสารทําให ้เกิดเฟสมากกว่าหนึงเฟส ของผสมจะเกิดเป็ นเนือเดียวกันมีเพียง ข ้อที 117 :
หนึงเฟส จากแผนภาพเฟสของทองแดง (Cu) – นิกเกิล (Ni) โลหะผสมประกอบด ้วยทองแดง 47%โดยนํ าหนักและนิกเกิล
53% โดยนํ าหนัก ที 1300 องศาเซลเซียส ประกอบด ้วยเฟสอะไร


2 : สารละลายจะเกิดเฉพาะในของเหลวเท่านัน ของผสมจะเกิดจากการผสมของเหลวและของแข็งด ้วยกัน
3 : สารละลายจะเกิดเป็ นเนือเดียวกันมีเพียงหนึงเฟส ของผสมจะเกิดการแยกกันของสารทําให ้เกิดเฟสมากกว่า

ิ ว

ิ ว
หนึงเฟส

าว ศ

าว ศ
4 : สารละลายจะเกิดจากการรวมกันของของเหลวและของแข็งเป็ นเฟสเดียว ของผสมจะเกิดจากการรวมกันของ
สารทําให ้กลายเป็ นเฟสเดียว
สภ

สภ
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 113 :
เส ้น Liquidus มีความสําคัญอย่างไร
1 : ภายใต ้สภาวะทีสมดุล เฟสจะเป็ นเฟสของเหลวทังหมดทีอุณหภูมต ิ ํากว่าเส ้น Liquidus
2 : ภายใต ้สภาวะทีสมดุล อุณหภูมท
ิ อยู ่ ํากว่าเส ้น Liquidus เฟสของเหลวเปลียนเป็ นเฟสของแข็ง
ี ต
3 : ภายใต ้สภาวะทีสมดุล เฟสของแข็งชนิดหนึงจะเริมเกิดเป็ นเฟสของแข็งมากกว่าหนึงชนิดทีเส ้น Liquidus
4 : ภายใต ้สภาวะทีสมดุล อุณหภูมสิ งู กว่าเส ้น Liquidus เฟสของเหลวเริมเกิดเป็ นเฟสของแข็งทังหมด

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 114 :
เส ้น Solidus มีความสําคัญอย่างไร
1 : ภายใต ้สภาวะทีสมดุล เฟสของแข็งชนิดหนึงจะเริมเกิดเป็ นเฟสของแข็งมากกว่าหนึงชนิดทีเส ้น Solidus
2 : ภายใต ้สภาวะทีสมดุล อุณหภูมท
ิ อยู
ี ต ่ ํากว่าเส ้น Solidus จะประกอบด ้วยเฟสของเหลวและเฟสของแข็ง
1 : เฟสของเหลว และเฟสของแข็ง α
3 : ภายใต ้สภาวะทีสมดุล อุณหภูมทิ อยู
ี ต ่ ํากว่าเส ้น Solidus เฟสของเหลวจะเปลียนเป็ นเฟสของแข็งทังหมด
2 : เฟสของแข็ง α
4 : ภายใต ้สภาวะทีสมดุล อุณหภูมท ิ อยู
ี ส ่ งู กว่าเส ้น Solidus จะประกอบด ้วยเฟสของแข็งทังหมด
3 : เฟสสารประกอบ Cu-Ni
4 : เฟสของเหลว
คําตอบทีถูกต ้อง : 3
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 115 :
ั ษณะของเส ้น Solvus
ข ้อใดไม่ใช่ลก
ข ้อที 118 :
1 : ภายใต ้สภาวะทีสมดุล เฟสของแข็งชนิดหนึงจะเริมเกิดเป็ นเฟสของแข็งมากกว่าหนึงชนิดทีเส ้น Solvus จากแผนภาพเฟสของทองแดง (Cu) – นิกเกิล (Ni) โลหะผสมประกอบด ้วยทองแดง 30% โดยนํ าหนักและนิกเกิล
2 : ภายใต ้สภาวะทีสมดุล อุณหภูมท ิ อยู ่ ํากว่าเส ้น Solvus จะประกอบด ้วยเฟสของเหลวและเฟสของแข็ง
ี ต 70% โดยนํ าหนัก ถูกให ้ความร ้อนจากอุณหภูมห
ิ ้อง อยากทราบว่าเฟสของเหลวเริมเกิดขึนทีอุณหภูมใิ ด
3 : ภายใต ้สภาวะทีสมดุล เส ้น Solvus จะเป็ นเส ้นแสดงขีดจํากัดการละลาย (Solubility limit) ของเฟสของแข็ง
สองเฟส
4 : ภายใต ้สภาวะทีสมดุลอุณหภูมท ิ เหนื
ี อเส ้น Solvus เป็ นเฟสของแข็งทังหมด

คําตอบทีถูกต ้อง : 2


ข ้อที 116 :
ิ ธ

ิ ธ
ข ้อใดไม่ทําให ้เกิด Isomorphous systems
สท

สท
1 : โครงสร ้างผลึกของแต่ละธาตุมโี ครงสร ้างแบบเดียวกัน
2 : ธาตุแต่ละตัวต ้องรวมกันเกิดเป็ นสารประกอบ (Compound)
วน

วน
3 : ขนาดของอะตอมทังสองธาตุมค ี วามแตกต่างกันไม่เกิน 15%
4 : ธาตุแต่ละตัวควรมีคา่ Valence electron เหมือนกัน
สง

สง
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
ขอ ขอ

ขอ ขอ
นิเกิล 45% อยากทราบเปอร์เซ็นต์โดยนํ าหนักของเฟสทังสองของโลหะผสมนี
กร

กร
ิ ว

ิ ว
าวศ

าวศ
สภ

สภ

1 : ประมาณ 1200 องศาเซลเซียส


2 : ประมาณ 1300 องศาเซลเซียส 1 : เปอร์เซ็นต์ของเฟสของเหลว คือ 61.5% และ เปอร์เซ็นต์ของเฟสของแข็ง α คือ 38.5%
3 : ประมาณ 1350 องศาเซลเซียส 2 : เปอร์เซ็นต์ของเฟสของเหลว คือ 38.5% และ เปอร์เซ็นต์ของเฟสของแข็ง α คือ 61.5%
4 : ประมาณ 1380 องศาเซลเซียส 3 : เปอร์เซ็นต์ของเฟสของเหลว คือ 44.5% และ เปอร์เซ็นต์ของเฟสของแข็ง α คือ 55.5%
4 : เปอร์เซ็นต์ของเฟสของเหลว คือ 55.5% และ เปอร์เซ็นต์ของเฟสของแข็ง α คือ 44.5%
คําตอบทีถูกต ้อง : 3
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 119 :
ข ้อใดไม่เกียวข ้องกับการเกิดโครงสร ้างแกน (Cored structure) ข ้อที 121 :
1 : เกิดในสภาวะทีไม่สมดุล
2 : เกิดจากความเข ้มข ้นของส่วนประกอบทางเคมี (Chemical composition) ในแต่ละส่วนต่างกัน
3 : สามารถแก ้ไขได ้โดยการทํากรรมวิธท
ี างความร ้อน (Heat treatment)
4 : การเย็นตัวลงอย่างช ้าๆ

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 120 :
จากแผนภาพเฟสของทองแดง (Cu) – นิเกิล (Ni) โลหะผสมประกอบด ้วยทองแดง 47%โดยนํ าหนักและนิเกิล
53%โดยนํ าหนักที 1300 องศาเซลเซียส ประกอบด ้วยเฟสสองเฟส คือ เฟสของแข็ง α ซึงมีสว่ นประกอบโดยนํ า
หนักของทองแดง 42% และ นิเกิล 58% และเฟสของเหลวซึงมีสว่ นประกอบโดยนํ าหนักของทองแดง 55% และ
ธิ

ธิ
สท

สท


วน

วน
สง

สง
ขอ

ขอ


จากแผนภาพเฟสของทองแดง (Cu) – นิกเกิล (Ni) ค่า Degree of freedom บนเส ้น Liquidus มีคา่ เท่าใด ขึนบ ้าง

รข

รข


ิ ว

ิ ว
าว ศ

าว ศ
สภ

สภ
1 : Degree of freedom = 0
2 : Degree of freedom = 1
3 : Degree of freedom = 2
4 : Degree of freedom = 3

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
1 : Eutectic reaction และ Eutectoid reaction
2 : Peritectic reaction และ Eutectoid reaction
3 : Eutectic reaction และ Peritectoid reaction
ข ้อที 122 :
4 : Monotectic reaction และ Eutectoid reaction
จากแผนภาพเฟสของทองแดง (Cu) – สังกะสี (Zn) ในช่วงอุณหภูมต ิ งแต่
ั 500 องศาเซลเซียส ถึง 750 องศา
เซลเซียส ของโลหะผสมทีมีเปอร์เซ็นต์โดยนํ าหนักของสังกะสีตงแต่
ั 60% ถึง 100% มีปฏิกริ ย
ิ า Invariant ใดเกิด
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 123 :


ิ ธ

ิ ธ
สท

สท
วน

วน
สง

สง
ขอ ขอ

ขอ ขอ
จากแผนภาพเฟสของ นิกเกิล (Ni)- ไททาเนียม (Ti) มีปฏิกริ ย
ิ า Invariant ใดเกิดขึนบ ้าง ด ้วยเงิน (Ag) 85%โดยนํ าหนัก อยากทราบว่าโลหะผสมนีถูกให ้ความร ้อนถึงอุณหภูมเิ ท่าใด
กร

กร
ิ ว

ิ ว
าวศ

าวศ
สภ

สภ

1 : Monotectic reaction, Peritectic reaction และ Eutectoid reaction 1 : ประมาณ 750 องศาเซลเซียส
2 : Monotectic reaction, Peritectic reaction และ Peritectoid reaction 2 : ประมาณ 800 องศาเซลเซียส
3 : Peritectic reaction, Eutectic reaction และ Eutectoid reaction 3 : ประมาณ 850 องศาเซลเซียส
4 : Eutectoid reaction, Peritectoid reactionและ Peritectic reaction 4 : ประมาณ 950 องศาเซลเซียส

คําตอบทีถูกต ้อง : 3 คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 124 : ข ้อที 125 :


จากแผนภาพเฟสของทองแดง (Cu) – เงิน (Ag) โลหะผสมประกอบด ้วยทองแดง 10% โดยนํ าหนักและเงิน จากแผนภาพเฟสของทองแดง (Cu) – สังกะสี (Zn) โลหะผสมประกอบด ้วยทองแดง 20%โดยนํ าหนักและสังกะสี
90%โดยนํ าหนัก ถูกให ้ความร ้อนจนเกิดเฟสของแข็ง และเฟสของเหลว ถ ้าส่วนประกอบของเฟสของเหลวประกอบ 80%โดยนํ าหนัก ที 598 องศาเซลเซียส ประกอบด ้วยเฟสอะไร
ธิ

ธิ
สท

สท


วน

วน
สง

สง
ขอ

ขอ


ประกอบด ้วยเงิน (Ag) 85% โดยนํ าหนัก อยากทราบว่าเฟสของแข็ง β ประกอบด ้วยเงินกีเปอร์เซ็นต์โดยนํ าหนัก

รข

รข


ิ ว

ิ ว
าวศ

าวศ
สภ

สภ
1 : เฟสของเหลว และเฟสของแข็ง δ
2 : เฟสของเหลว และเฟสของแข็ง ε 1 : ประมาณ 90% โดยนํ าหนัก
3 : เฟสของแข็ง ε 2 : ประมาณ 95% โดยนํ าหนัก
4 : เฟสของเหลว เฟสของแข็ง δ และเฟสของแข็ง ε 3 : ประมาณ 5% โดยนํ าหนัก
4 : ประมาณ 10% โดยนํ าหนัก
คําตอบทีถูกต ้อง : 4
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 126 :
จากแผนภาพเฟสของทองแดง (Cu) – เงิน (Ag) โลหะผสมประกอบด ้วยทองแดง 10%โดยนํ าหนัก และเงิน ข ้อที 127 :
90%โดยนํ าหนัก ถูกให ้ความร ้อนจนเกิดเฟสของแข็ง β และเฟสของเหลว ถ ้าส่วนประกอบของเฟสของเหลว จากแผนภาพเฟสของทองแดง (Cu) – นิกเกิล (Ni) โลหะผสมประกอบด ้วยทองแดง 30%โดยนํ าหนักและนิเกิล
70%โดยนํ าหนัก ที 1350 องศาเซลเซียส ประกอบด ้วยเฟสอะไร


ิ ธ

ิ ธ
สท

สท
วน

วน
สง

สง
ขอ ขอ

ขอ ขอ
กร

กร
ิ ว

ิ ว
าวศ

าวศ
สภ

สภ

1 : เฟสของเหลว
2 : เฟสของเหลว และเฟสของแข็ง α
3 : เฟสของแข็ง α
4 : เฟสของสารประกอบระหว่างทองแดงและนิเกิล

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
1 : เฟสของเหลว
2 : เฟสของเหลว และเฟสของแข็ง δ
3 : เฟสของเหลว และเฟสของแข็ง ε
ข ้อที 128 :
4 : เฟสของแข็ง γ
จากแผนภาพเฟสของทองแดง (Cu) – สังกะสี (Zn) โลหะผสมประกอบด ้วยทองแดง 20%โดยนํ าหนักและสังกะสี
80%โดยนํ าหนัก ที 800 องศาเซลเซียส ประกอบด ้วยเฟสอะไร
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 129 :
จากแผนภาพเฟสของทองแดง (Cu) – สังกะสี (Zn) โลหะผสมประกอบด ้วยทองแดง 20%โดยนํ าหนักและสังกะสี
80%โดยนํ าหนัก ที 500 องศาเซลเซียส ประกอบด ้วยเฟสอะไร
ธิ

ธิ
สท

สท


วน

วน
สง

สง
ขอ

ขอ


รข

รข


ิ ว

ิ ว
าวศ

าวศ
สภ

สภ
1 : เฟสของเหลว 1 : เฟสของแข็งสองชนิดคือ (α Pb) และ (βSn)
2 : เฟสของแข็ง ε 2 : เฟสของแข็ง (α Pb) และเฟสของเหลว
3 : เฟสของแข็ง δ 3 : เฟสของแข็ง (βSn) และเฟสของเหลว
4 : เฟสของเหลว และเฟสของแข็ง ε 4 : เฟสของเหลว

คําตอบทีถูกต ้อง : 2 คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 130 : ข ้อที 131 :


จากแผนภาพเฟสของตะกัว (Pb) – ดีบกุ (Sn) โลหะผสมประกอบด ้วยดีบก
ุ 40%โดยนํ าหนักและตะกัว 60%โดยนํ า จากแผนภาพเฟสของตะกัว (Pb) – ดีบกุ (Sn) โลหะผสมประกอบด ้วยดีบกุ 61.9%โดยนํ าหนักและตะกัว
หนัก ที 150 องศาเซลเซียส ประกอบด ้วยเฟสอะไรบ ้าง 38.1%โดยนํ าหนัก ที 183 องศาเซลเซียส ประกอบด ้วยเฟสอะไรบ ้าง


ิ ธ

ิ ธ
สท

สท
วน

วน
สง

สง
ขอ ขอ

ขอ ขอ
จากแผนภาพเฟสของตะกัว (Pb) – ดีบก
ุ (Sn) บริเวณทีเป็ น α มีความหมายว่าอย่างไร
กร

กร
ิ ว

ิ ว
าวศ

าวศ
สภ

สภ

1 : เฟสของแข็งสองชนิดคือ (α Pb) และ (βSn) และเฟสของเหลว


2 : เฟสของแข็ง (α Pb) และเฟสของเหลว 1 : เฟสสารละลายของแข็ง (α Pb) ทีมีโครงสร ้างผลึกของดีบก
ุ และตะกัวอยูร่ ว่ มกัน
3 : เฟสของแข็ง (βSn) และเฟสของเหลว 2 : เฟสสารละลายของแข็ง (α Pb) ทีมีโครงสร ้างผลึกของตะกัว และมีอะตอมของดีบก ุ แทรกอยูใ่ นโครงสร ้าง
4 : เฟสของแข็งสองชนิดคือ (α Pb) และ (βSn) 3 : เฟสสารละลายของแข็ง (α Pb) ทีมีโครงสร ้างผลึกแตกต่างจากโครงสร ้างของดีบก ุ และตะกัว
4 : เฟสสารละลายของแข็ง (α Pb) ทีมีโครงสร ้างผลึกของดีบกุ และมีอะตอมของตะกัวแทรกอยูใ่ นโครงสร ้าง
คําตอบทีถูกต ้อง : 1
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 132 :
ข ้อที 133 :
ข ้อใดไม่ใช่ลก
ั ษณะของโครงสร ้างจุลภาคของส่วนประกอบ Eutectic
1 : Lamellar
2 : Rodlike
3 : Globular
4 : Homogeneous
ธิ

ธิ

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
สท

สท

ข ้อที 134 :
วน

วน

ปฏิกริ ย
ิ าต่อไปนี ข ้อใดไม่ใช่ปฏิกริ ย
ิ า Invariant
1 : Eutectic reaction
สง

สง

2 : Monotectic reaction
3 : Peritectoid reaction
ขอ

ขอ


4 : Oxidation reaction 2 : อากาศในเตาอบ

รข

รข
3 : นํ าเปล่า
คําตอบทีถูกต ้อง : 4 4 : นํ ามัน


คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ิ ว

ิ ว
าวศ

าวศ
ข ้อที 135 :
จากแผนภาพเฟสของทองแดง (Cu) – นิกเกิล (Ni) ค่า Degree of freedom ระหว่างเส ้น Solidus และ Liquidus มี
ข ้อที 138 :
กรรมวิธก ี ารอบชนิดใดต่อไปนี ทําให ้ชินงานมีความแข็งแรงสูงทีสุด
สภ

สภ
1 : การอบในกระบวนการ (Process annealing)
2 : การอบปรกติ (Normalizing)
3 : การอบอ่อนเต็มที (Full annealing)
4 : สเฟี ยรอยไดซิง (Spheroidizing)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 139 :
ในการอบอ่อนเต็มที (Full annealing) ชินงานถูกทําให ้เย็นลงด ้วยตัวกลางชนิดใด
1 : อากาศปรกตินอกเตาอบ
2 : อากาศในเตาอบ
3 : นํ าเปล่า
4 : นํ ามัน

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ค่าเท่าใด ข ้อที 140 :


ในการอบปรกติ (Normalizing) ชินงานถูกทําให ้เย็นลงด ้วยตัวกลางชนิดใด
1 : Degree of freedom = 0
2 : Degree of freedom = 1 1 : อากาศปรกตินอกเตาอบ
3 : Degree of freedom = 2 2 : อากาศในเตาอบ
4 : Degree of freedom = 3 3 : นํ าเปล่า
4 : นํ ามัน
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 136 :
ข ้อใดต่อไปนีเป็ นปฏิกริ ย
ิ า Monotectic ข ้อที 141 :
ข ้อใดคือโครงสร ้างทีได ้จากการเย็นตัวอย่างช ้าๆ ของเหล็กกล ้าคาร์บอนตําทีมีโครงสร ้างออสเทไนต์ (Austenite)
1: 1 : เพอร์ไลต์ (Pearlite) และ เฟร์ไรต์ (Ferrite)
2: 2 : เพอร์ไลต์ (Pearlite) และ ซีเมนไทต์ (Cementite)
3 : เบไนต์ (Bainite)
3: 4 : มาร์เทนไซต์ (Martensite)


ิ ธ

ิ ธ
4:
คําตอบทีถูกต ้อง : 1
สท

สท
คําตอบทีถูกต ้อง : 3
วน

วน
ข ้อที 142 :
ข ้อที 137 : จากแผนภาพการแปลงคงอุณหภูม ิ (Isothermal transformation diagram) ของเหล็กกล ้าคาร์บอน 1.13 wt%C
สง

สง
กรรมวิธก ี ารชุบทีใช ้ตัวกลางชนิดใดต่อไปนี ทีทําให ้เกิดอัตราการคายความร ้อนจากชินงานมากทีสุด ข ้อใดคือโครงสร ้างสุดท ้ายของชินงานเหล็กกล ้าคาร์บอน 1.13 wt%C ขนาดเล็กทีถูกอบทีอุณหภูม ิ 920 องศา
เซลเซียส จนมีโครงสร ้างเป็ นออสเทไนต์ (Austenite) ตลอดทังชินก่อนทําให ้เย็นตัวลงอย่างรวดเร็ว จนชินงานมี
1 : อากาศปกติ
ขอ ขอ

ขอ ขอ

อุณหภูม ิ 400 องศาเซลเซียส และแช่ชนงานไว ้ทีอุณหภูมน
ิ นาน
ี 1 นาที ก่อนทําให ้เย็นตัวถึงอุณหภูมห
ิ ้อง
ข ้อที 145 :
ข ้อใดคือปั จจัยทีมีผลต่อความแข็งของเหล็กกล ้าคาร์บอนปานกลาง
กร

กร

1 : ปริมาณคาร์บอน
2 : อุณหภูมก ิ อ
่ นการชุบแข็ง
ิ ว

ิ ว

3 : อัตราการชุบแข็ง
าวศ

าวศ

4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
สภ

สภ

ข ้อที 146 :
โครงสร ้างเพอร์ไลต์ (Pearlite) ในเหล็กกล ้าเป็ นโครงสร ้างทีได ้จากปฏิกริ ย
ิ าอะไร
1 : ยูเทกติก (Eutectic)
2 : ยูเทกทอยด์ (Eutectoid)
3 : เพริเทกติก (Peritectic)
4 : เพริเทกทอยด์ (Peritectoid)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 147 :
ในภาวะสมดุล ณ อุณหภูมต ิ ํากว่าอุณหภูมย
ิ เู ทคทอยด์เล็กน ้อย โครงสร ้างเหล็กกล ้าคาร์บอนตํา (0.2wt%C)
ประกอบด ้วยโครงสร ้างของเฟสกึงเสถียร (Metastable phase) ใดบ ้าง และเกิดขึนในปริมาณเท่าใด

1 : ออสเทไนต์ (Austenite) และ เบไนต์ (Bainite)


2 : ออสเทไนต์ (Austenite) เบไนต์ (Bainite) และ มาร์เทนไซต์ (Martensite)
3 : เบไนต์ (Bainite) และ มาร์เทนไซต์ (Martensite)
4 : ซีเมนไทต์ (Cementite) เบไนต์ (Bainite)และ มาร์เทนไซต์ (Martensite)

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 143 :
ข ้อใดคือวัตถุประสงค์ของการอบปรกติ (Normalizing)
1 : เพือปรับปรุงสมบัตเิ ชิงกลให ้ดีขน

2 : เพือปรับปรุงโครงสร ้างให ้สมําเสมอ
3 : เป็ นการทําลายความเครียดภายใน
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
ธิ

ธิ

ข ้อที 144 :
ข ้อใดคือวัตถุประสงค์ของการอบอ่อน (Annealing)
สท

สท

1 : เพือเพิมความแข็งแรง 1 : เฟร์ไรต์ (Ferrite) 80% และ เพอร์ไลต์ (Pearlite) 20%


2 : เพือให ้ได ้โครงสร ้างทีมีความอ่อนตัวสูง 2 : เฟร์ไรต์ (Ferrite) 20% และ เพอร์ไลต์ (Pearlite) 80%
วน

วน

3 : เพือเพิมความแข็งให ้กับวัสดุ 3 : เฟร์ไรต์ (Ferrite) 75% และ เพอร์ไลต์ (Pearlite) 25%


4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก 4 : เฟร์ไรต์ (Ferrite) 25% และ เพอร์ไลต์ (Pearlite) 75%
สง

สง

คําตอบทีถูกต ้อง : 2 คําตอบทีถูกต ้อง : 3


ขอ

ขอ


รข

รข
ข ้อที 148 : ข ้อที 150 :
ลักษณะโครงสร ้างบริเวณรอบรอยเชือม (HAZ) ในเหล็กกล ้าคาร์บอนตําส่วนทีติดกับบริเวณหลอมเหลว (Fusion จากแผนภาพเฟสดีบก ุ -ตะกัว โลหะผสมของดีบก
ุ 85% และตะกัว 15% โดยนํ าหนัก จํานวน 750 กรัมทีอุณหภูมส
ิ งู
zone) ของรอยเชือมคือ ข ้อใดต่อไปนี กว่า 183˚C เล็กน ้อย ประกอบด ้วยเฟส Proeutectic β กีกรัม


1 : โครงสร ้างมีขนาดเกรนหยาบ

ิ ว

ิ ว
2 : โครงสร ้างมีขนาดเกรนละเอียด

าว ศ

าว ศ
3 : โครงสร ้างเป็ นมาร์เทนไซต์ (Martensite)
4 : โครงสร ้างเป็ นเบไนต์ (Bainite)
สภ

สภ
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 149 :
จากแผนภาพเฟสดีบก ุ -ตะกัว โครงสร ้างของโลหะผสมดีบก
ุ และตะกัวทีอุณหภูมต
ิ ํากว่า 183˚C เล็กน ้อย ประกอบ
ด ้วยเฟส Proeutectic α 73.2% โดยนํ าหนัก และเฟสของ Eutectic (α + β) 26.8% โดยนํ าหนัก ส่วนผสมของ
โลหะนีคือข ้อใด

1 : 323.4
2 : 482.6
3 : 526.7
4 : 651.2

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 151 :
จากแผนภาพเฟสดีบก ุ -ตะกัว โลหะผสมของดีบกุ 85% และตะกัว 15% โดยนํ าหนัก จํานวน 750 กรัมทีอุณหภูมต
ิ ํา
กว่า 183˚C เล็กน ้อย ประกอบด ้วยเฟส α กีกรัม


ิ ธ

ิ ธ
1 : ดีบก
ุ 20% และตะกัว 80% โดยนํ าหนัก
สท

สท
2 : ดีบก ุ 25% และตะกัว 75% โดยนํ าหนัก
3 : ดีบก ุ 30% และตะกัว 70% โดยนํ าหนัก
4 : ดีบก ุ 35% และตะกัว 65% โดยนํ าหนัก
วน

วน
คําตอบทีถูกต ้อง : 3
สง

สง
ขอ ขอ

ขอ ขอ
หนัก ส่วนผสมของโลหะนีคือข ้อใด
กร

กร
ิ ว

ิ ว
าวศ

าวศ
สภ

สภ

1 : 323.65
2 : 240.64 1 : ทองแดง 10% และเงิน 90% โดยนํ าหนัก
3 : 120.75 2 : ทองแดง 15% และเงิน 85% โดยนํ าหนัก
4 : 94.36 3 : ทองแดง 20% และเงิน 80% โดยนํ าหนัก
4 : ทองแดง 25% และเงิน 75% โดยนํ าหนัก
คําตอบทีถูกต ้อง : 3
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 152 :
จากแผนภาพเฟสของทองแดง (Cu) – เงิน (Ag) โครงสร ้างของโลหะผสมทองแดงและเงินทีอุณหภูมต ิ ํากว่า ข ้อที 153 :
779˚C เล็กน ้อย ประกอบด ้วยเฟส Proeutectic α 68% โดยนํ าหนัก และเฟสของ Eutectic (α + β) 32% โดยนํ า โลหะผสมของทองแดง 70% และ เงิน 30% โดยนํ าหนัก จํานวน 800 กรัม ทีอุณหภูมต
ิ ํากว่า 779 องศาเซลเซียส
เล็กน ้อย จะมีเฟสใดเกิดขึนบ ้างและเกิดขึนเป็ นจํานวนเท่าใด
ธิ

ธิ
สท

สท


วน

วน
สง

สง
ขอ

ขอ


รข

รข


ิ ว

ิ ว
าวศ

าว ศ
สภ

สภ
1 : เฟส (Cu) 410.5 กรัม และเฟส (Ag) 389.5 กรัม 1 : เฟส (Cu) 610.5 กรัม และเฟส (Ag) 189.5 กรัม
2 : เฟส (Cu) 501.7 กรัม และเฟส (Ag) 298.3 กรัม 2 : เฟส (Cu) 510.7 กรัม และเฟส (Ag) 298.3 กรัม
3 : เฟส (Cu) 524.6 กรัม และเฟส (Ag) 275.4 กรัม 3 : เฟส (Cu) 524.6 กรัม และเฟส (Ag) 275.4 กรัม
4 : เฟส (Cu) 588.8 กรัม และเฟส (Ag) 211.5 กรัม 4 : เฟส (Cu) 730 กรัม และเฟส (Ag) 70 กรัม

คําตอบทีถูกต ้อง : 4 คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 154 : ข ้อที 155 :


โลหะผสมของทองแดง 70% และ เงิน 30% โดยนํ าหนัก จํานวน 800 กรัม ทีอุณหภูมส
ิ งู กว่า 779 องศาเซลเซียส
เล็กน ้อย จะมีเฟสใดเกิดขึนบ ้างและเกิดขึนเป็ นจํานวนเท่าใด


ิ ธ

ิ ธ
สท

สท
วน

วน
สง

สง
ขอ ขอ

ขอ ขอ
จากแผนภาพเฟสของ นิกเกิล (Ni)- ไททาเนียม (Ti) ข ้อใดคือปฏิกริ ย
ิ า Eutectic ทีเกิดขึน จากแผนภาพเฟสของ นิกเกิล (Ni) - ไททาเนียม (Ti) ข ้อใดคือปฏิกริ ย
ิ า Peritectic ทีเกิดขึน
กร

กร
ิ ว

ิ ว
าวศ

าวศ
สภ

สภ

1: 1:
2: 2:
3: 3:
4: 4:

คําตอบทีถูกต ้อง : 1 คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 156 : ข ้อที 157 :


ในระบบ Ternary ซึงประกอบด ้วยส่วนประกอบ 3 ชนิด อยากทราบว่าถ ้าให ้อุณหภูมส ิ ามารถเปลียนแปลงได ้ แต่
ความดันมีคา่ คงที จะมีจํานวนเฟสเกิดขึนได ้มากทีสุดพร ้อมกันกีเฟสทีอุณหภูมแ
ิ ละส่วนประกอบเดียวกัน
1 : 5
2 : 4
3 : 3
ธิ

ธิ

4 : 2
สท

สท

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
วน

วน

ข ้อที 158 :
สง

สง

จากแผนภาพเฟสทองแดง-เงิน ถ ้าโลหะผสมของทองแดง 70% และ เงิน 30% โดยนํ าหนัก จํานวน 800 กรัม ที
อุณหภูม ิ 800 องศาเซลเซียส จะมีเฟสใดเกิดขึนบ ้างและเกิดขึนเป็ นจํานวนเท่าใด
ขอ

ขอ


รข

รข
คําตอบทีถูกต ้อง : 3


ิ ว

ิ ว
ข ้อที 161 :

าวศ

าวศ
เหล็กกล ้าคาร์บอน 0.8wt%C ชุบในนํ าเย็นจากอุณหภูม ิ 1000 องศาเซลเซียส จะได ้โครงสร ้างใด
สภ

สภ
1 : เฟส (Cu) 610.5 กรัม และเฟสของเหลว 189.5 กรัม 1 : มาร์เทนไซต์ (Martensite)
2 : เฟส (Cu) 549.6 กรัม และเฟสของเหลว 250.4 กรัม 2 : เฟร์ไรต์ (Ferrite)
3 : เฟส (Cu) 580.6 กรัม และเฟสของเหลว 219.4 กรัม 3 : เพอร์ไลต์ (Pearlite)
4 : เฟส (Cu) 730 กรัม และเฟสของเหลว 70 กรัม 4 : ออสเทไนต์ (Austenite)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2 คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 159 : ข ้อที 162 :


ข ้อใดต่อไปนีไม่ใช่เฟสในเหล็กกล ้าคาร์บอน (Carbon steel)
1 : เหล็กบริสทุ ธิ
2 : เฟร์ไรต์ (Ferrite)
3 : ซีเมนไทต์ (Cementite)
4 : ออสเทไนต์ (Austenite)

คําตอบทีถูกต ้อง : 1


ิ ธ

ิ ธ
สท

สท
ข ้อที 160 :
ซีเมนไทต์ (Cementite) ในเหล็กกล ้าคาร์บอนเป็ นเฟส (Phase) ชนิดใด
วน

วน
1 : ธาตุบริสท
ุ ธิ
2 : สารละลายของแข็ง (Solid solution)
สง

สง
3 : สารประกอบ (Compound)
4 : สารประกอบระหว่างโลหะ (Intermetallic compound)
ขอ ขอ

ขอ ขอ
โลหะผสมในข ้อใดต่อไปนีทีสามารถเพิมความแข็งแรงโดยการบ่มแข็ง (Age hardening) ได ้ เฟสของแข็งเฟสแรกทีเกิดจากการแข็งตัวจากสภาวะของเหลวของ Al+20wt%Si คือข ้อใด
กร

กร
ิ ว

ิ ว
าวศ

าวศ
สภ

สภ

1 : Al + 4wt%Cu 1 : (Al)
2 : Al + 8wt%Cu 2 : (Si)
3 : Al + 12wt%Cu 3 : Eutectic ((Al)+(Si))
4 : Al + 16wt%Cu 4 : สารประกอบอะลูมเิ นียมซิลไิ ซด์

คําตอบทีถูกต ้อง : 1 คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 163 : ข ้อที 164 :


ธิ

ธิ
สท

สท


วน

วน
สง

สง
ขอ

ขอ


โครงสร ้างงานหล่อทองเหลือง (Zn+ 20wt%Cu) โดยทัวไป จะเป็ นดังในข ้อใด ช่วงการแข็งตัว (Freezing range) ของโลหะผสม Cu + 40wt%Ni มีคา่ ประมาณเท่าใด

รข

รข


ิ ว

ิ ว
าวศ

าวศ
สภ

สภ
1 : 10 องศาเซลเซียส
2 : 40 องศาเซลเซียส
3 : 100 องศาเซลเซียส
4 : 150 องศาเซลเซียส

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
1 : สารละลายของแข็ง (Solid solution) ส่วนผสมเท่ากันทุกตําแหน่ง
2 : สารละลายของแข็ง (Solid solution) ลักษณะเป็ นเดนไดรท์ (Dendrite)
3 : สารประกอบ (Compound) ส่วนผสมเท่ากันทุกตําแหน่ง
ข ้อที 166 :
4 : สารประกอบ (Compound) ลักษณะเป็ นเดนไดรท์ (Dendrite)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 165 :


ิ ธ

ิ ธ
สท

สท
วน

วน
สง

สง
ขอ ขอ

ขอ ขอ
โลหะผสม Cu + 40wt%Ni แข็งตัวอย่างช ้าๆ ในภาวะสมดุล การแข็งตัวจะเริมต ้นและสินสุดทีอุณหภูมใิ ดโดย
กร

กร
ิ ว

ิ ว
าวศ

าวศ
สภ

สภ

ประมาณ (องศาเซลเซียส)
1 : เริมต ้น 1455 สินสุด 1085
2 : เริมต ้น 1455 สินสุด 1240
3 : เริมต ้น 1280 สินสุด 1240
4 : เริมต ้น 1280 สินสุด 1085

คําตอบทีถูกต ้อง : 3 1 : 16%


2 : 26%
3 : 36%
4 : 46%
ข ้อที 167 :
โครงสร ้างทีเกิดขึนจากการแข็งตัวของโลหะผสม Pb + 30wt%Sn ในภาวะสมดุล ประกอบด ้วยโครงสร ้างยูเทกติก
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
(Eutectic microconstituent) ประมาณเท่าใด

ข ้อที 168 :
ข ้อมูลในข ้อใดต่อไปนีทีไม่สามารถหาได ้จากแผนภาพเฟส (Phase diagram)
1 : ชนิดของเฟสในภาวะสมดุล
2 : ส่วนผสมของเฟสในภาวะสมดุล
3 : ปริมาณของเฟสในภาวะสมดุล
4 : รูปร่างของเฟสในภาวะสมดุล

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
ธิ

ธิ
สท

สท

ข ้อที 169 :
โครงสร ้างทีได ้จากกระบวนการมาร์เทมเปอริง (Martempering) คือโครงสร ้างใด
วน

วน

1 : เฟร์ไรต์ (Ferrite)
2 : เพอร์ไรต์ (Pearite)
สง

สง

3 : เบไนต์ (Bainite)
4 : มาร์เทนไซต์ (Martensite)
ขอ

ขอ


รข

รข
คําตอบทีถูกต ้อง : 4


ิ ว

ิ ว
ข ้อที 170 :

าวศ

าวศ
ธาตุใดส่งเสริมให ้เกิดแกรไฟต์ (Graphite) แทนทีจะเกิดคาร์ไบด์ (Carbide) ในเหล็กหล่อ
1 : Cr
2 : Mn
สภ

สภ
3 : Mo
4 : Si

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 171 :
วัตถุประสงค์หลักของการอบคืนไฟ (Tempering) คือข ้อใด
1 : เพิมความแข็งให ้กับเพอร์ไลต์ (Pearlite)
2 : เพิมความแข็งให ้กับมาร์เทนไซต์ (Martensite)
3 : เพิมความเหนียวให ้กับเพอร์ไลต์ (Pearlite)
4 : เพิมความเหนียวให ้กับมาร์เทนไซต์ (Martensite)

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 172 :
การอบปรกติ (Normalizing) สําหรับเหล็กกล ้า 0.2wt%C ควรอบทีอุณหภูมใิ ด (องศาเซลเซียส)
1 : 700
2 : 800 1 : 200
3 : 950 2 : 400
4 : 1050 3 : 500
4 : 600
คําตอบทีถูกต ้อง : 3
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 173 :
อุณหภูมท ิ เหมาะสมในการบ่
ี มเพือเพิมความแข็ง (Aging) สําหรับโลหะผสม Al + 4wt%Cu คือข ้อใด (องศา ข ้อที 174 :
เซลเซียส)


ิ ธ

ิ ธ
สท

สท
วน

วน
สง

สง
ขอ ขอ

ขอ ขอ
ในการหล่อโลหะผสม Cu + 10wt%Sn จะเกิดปฏิกริ ย
ิ าเพริเทกติก (Peritectic) ได ้หรือไม่
กร

กร
ิ ว

ิ ว
าวศ

าวศ
สภ

สภ

1 : แรงผลัก (Driving force) ตํา เนืองจากอุณหภูมต ิ ําเกินไป


2 : อัตราการแพร่ซมึ (Diffusion rate) ของคาร์บอนตําเกินไป
3 : อัตราการแพร่ซม ึ (Diffusion rate) ของเหล็กตําเกินไป
4 : เหล็กมีปริมาณคาร์บอนสูงเกินไป

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

1 : ไม่สามารถเกิดได ้ เพราะส่วนผสมไม่ใช่สว่ นผสมเพริเทกติก เนือหาวิชา : 243 : 06 Mechanical properties and testing


2 : ไม่สามารถเกิดได ้ เพราะปริมาณดีบก ุ น ้อยเกินไป
3 : สามารถเกิดได ้ในกรณีทการแข็
ี งตัวเป็ นไปอย่างไม่สมดุล
4 : สามารถเกิดได ้ในทุกกรณี ไม่วา่ การแข็งตัวจะเป็ นแบบสมดุลหรือไม่กต
็ าม
ข ้อที 177 :
แท่งทองเหลืองทรงกระบอกขนาดเส ้นผ่านศูนย์กลาง 10 มม. ยาว 150 มม. ได ้รับความร ้อนทีอุณหภูมห ิ ้อง (25
คําตอบทีถูกต ้อง : 3
องศาเซลเซียส) จนมีอณ ิ งึ 160 องศาเซลเซียส ทําให ้เส ้นผ่านศูนย์กลางของแท่งทองเหลืองมีขนาดเพิมขึน
ุ หภูมถ
เท่าไร กําหนดให ้ค่าสัมประสิทธิการขยายตัวทางความร ้อนของทองเหลือง คือ 20.0 (องศาเซลเซียส x 10-6) และ
ค่า Poisson’s Ratio = 0.34
ข ้อที 175 :
1 : 0.0095 มม.
โครงสร ้างงานหล่อของโลหะชนิดใดต่อไปนีทีจะไม่มเี ดนไดรต์ (Dendrite) ปรากฏให ้เห็นอย่างชัดเจน
2 : 0.0270 มม.
1 : ทองเหลือง 3 : 0.0345 มม.
2 : อะลูมเิ นียมผสมซิลคิ อน 4 : 0.0375 มม.
3 : เหล็กกล ้าคาร์บอนตํา
4 : เหล็กกล ้าไร ้สนิม คําตอบทีถูกต ้อง : 2
ธิ

ธิ

คําตอบทีถูกต ้อง : 3
สท

สท

ข ้อที 178 :

วัสดุสว่ นใหญ่ในกลุม
่ ใดทีเปราะ (Brittle) มากทีสุด
ข ้อที 176 :
1 : พลาสติก
วน

วน

การเปลียนเฟสจากออสเทไนต์ (Austenite) เป็ นเบไนต์ (Bainite) ของเหล็กกล ้าคาร์บอน 0.8wt%C ทีอุณหภูม ิ


2 : ยาง
300 องศาเซลเซียส เกิดขึนได ้ค่อนข ้างช ้า เพราะเหตุใด
3 : โลหะ
สง

สง

4 : เซรามิก
ขอ

ขอ


คําตอบทีถูกต ้อง : 4 3 : ใช ้แรงดึงน ้อยกว่าความต ้านแรงดึง (Tensile strength)

รข

รข
4 : ใช ้แรงดึงมากกว่าความต ้านแรงดึง (Tensile strength)

คําตอบทีถูกต ้อง : 4


ข ้อที 179 :

ิ ว

ิ ว
วัสดุสว่ นใหญ่ในกลุม
่ ใดมีสภาพยืดหยุน
่ ได ้ (Ductile) มากทีสุด

าวศ

าวศ
1 : โลหะ
2 : เซรามิก ข ้อที 184 :
3 : พอลิเมอร์ สมบัตใิ ดบ่งชีถึงพลังงานทีวัสดุดด
ู กลืนไว ้ในช่วงการเสียรูปชัวคราวของวัสดุ (Elastic deformation) และเมือมีการ
ปลดแรงกระทําออกแล ้ว พลังงานนีจะต ้องถูกคลายกลับคืนมา
สภ

สภ
4 : วัสดุเชิงประกอบ

คําตอบทีถูกต ้อง : 3 1 : ความเหนียว (Toughness)


2 : ั ของรีซเิ ลียนซ์ (Modulus of resilience)
มอดุลส
3 : ความแข็งแรง (Strength)
4 : อัตราส่วนของปั วซอง (Poisson’s ratio)
ข ้อที 180 :
วัสดุสว่ นใหญ่ในกลุม
่ ใดมีความแข็งตึง (Stiffness) มากทีสุด คําตอบทีถูกต ้อง : 2
1 : โลหะ
2 : เซรามิก
3 : พลาสติก
4 : ยาง ข ้อที 185 :
สมบัตใิ ดบ่งชีถึงพลังงานทีวัสดุดด
ู กลืนไว ้ก่อนทีชินงานแตกหัก
คําตอบทีถูกต ้อง : 2 1 : มอดุลส
ั ของสภาพยืดหยุน ่ (Modulus of elasticity)
2 : ความแข็งแรง (Strength)
3 : ความเหนียว (Toughness)
4 : อัตราส่วนของปั วซอง (Poisson’s ratio)
ข ้อที 181 :
การครีพ (Creep) ของวัสดุโลหะ หมายถึง การเสียรูปทีอุณหภูมส
ิ งู ในลักษณะใด คําตอบทีถูกต ้อง : 3
1 : การเสียรูปถาวรของวัสดุ (Plastic deformation) เนืองจากได ้รับแรงดึงเกินจุดคราก (Yield point) เป็ นเวลา
นานๆ
2 : การเสียรูปชัวคราวของวัสดุ (Elastic deformation) เนืองจากได ้รับแรงดึงเกินจุดคราก (Yield point) เป็ น
เวลานานๆ ข ้อที 186 :
3 : การเสียรูปถาวรของวัสดุ (Plastic deformation) เนืองจากได ้รับแรงดึงตํากว่าจุดคราก (Yield point) เป็ น สมบัตใิ ดบ่งชีการเปลียนแปลงขนาดของแท่งโลหะตามทิศทางการดึงเทียบกับขนาดเดิมในทิศทางนันต่อการ
เวลานานๆ เปลียนแปลงขนาดของแท่งโลหะในทิศทางตังฉากกับทิศทางการดึงเทียบกับขนาดเดิมในทิศทางนัน
4 : การเสียรูปชัวคราวของวัสดุ (Elastic deformation) เนืองจากได ้รับแรงดึงตํากว่าจุดคราก (Yield point) เป็ น 1 : มอดุลส
ั ของสภาพยืดหยุน ่ (Modulus of elasticity)
เวลานานๆ 2 : ความแข็งแรง (Strength)
3 : ความเหนียว (Toughness)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3 4 : อัตราส่วนของปั วซอง (Poisson’s ratio)

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 182 :
วัสดุในข ้อใดต่อไปนีมีความแข็ง (Hardness) มากทีสุด
1 : เหล็กหล่อขาว ข ้อที 187 :
2 : เหล็กกล ้าเครืองมือ เซรามิกสามารถรับแรงชนิดใดได ้ดีทสุ
ี ด
3 : อะลูมน
ิ า 1 : แรงดึง (Tension)
4 : แท่งนาโนเพชร 2 : แรงอัด (Compression)


3 : แรงบิด (Torsion)
ิ ธ

ิ ธ
คําตอบทีถูกต ้อง : 4 4 : แรงกระแทก (Impact)
สท

สท
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
วน

วน
ข ้อที 183 :
ภายใต ้แรงดึงอย่างไรทีทําให ้เหล็กกล ้าคาร์บอนตําเสียรูปอย่างไม่สมําเสมอ (Non-uniform deformation)
สง

สง
1 : ใช ้แรงดึงน ้อยกว่าความต ้านแรงคราก (Yield strength) ข ้อที 188 :
2 : ใช ้แรงดึงมากกว่าความต ้านแรงคราก (Yield strength) ชินงานในลักษณะใดทีต ้านทานการเสียรูปด ้วยการดึงมากทีสุด
ขอ ขอ

ขอ ขอ
1 : ชินงานทีมีความแข็งตึงมาก (Stiffness) ข ้อใดถูกต ้อง
2 : ชินงานทีมีความเหนียวมาก (Toughness) 1 : ความเค ้นจริง คือ แรงกระทําต่อหนึงหน่วยพืนทีของชินงานเริมต ้นก่อนรับแรง
3 : ชินงานทีมีสภาพดึงยืดได ้มาก (Ductility)
กร

กร

2 : ความเค ้นทางวิศวกรรม คือ แรงกระทําต่อหนึงหน่วยพืนทีของชินงานในขณะใด ๆ


4 : ชินงานทีมีความแข็งแรงสูง (Strength) 3 : ความเครียดจริง คือ การเปลียนแปลงความยาวของชินงานต่อหนึงหน่วยความยาวของชินงานเริมต ้นก่อนการ
เปลียนแปลง
ิ ว

ิ ว

คําตอบทีถูกต ้อง : 1 4 : ความเครียดทางวิศวกรรม คือ การเปลียนแปลงความยาวของชินงานต่อหนึงหน่วยความยาวของชินงานเริม


าวศ

าวศ

ต ้นก่อนการเปลียนแปลง

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
ข ้อที 189 :
สภ

สภ

การทดสอบใดทีเหมาะสมสําหรับหาค่าความเหนียว (Toughness) ของวัสดุมากทีสุด


1 : Impact test
2 : Bending test ข ้อที 194 :
3 : Creep test จงคํานวณค่ามอดุลส ั ของสภาพยืดหยุน ่ (Modulus of elasticity) ของวัสดุ M จากข ้อมูลต่อไปนี วัสดุ M ได ้รับแรง
4 : Hardness test ดึง (Tension) ซึงทําให ้เกิดการเสียรูปอย่างชัวคราว (Elastic deformation) โดยมีคา่ ความเค ้นทางวิศวกรรม
(Engineering stress) เท่ากับ 500 MPa และความเครียดทางวิศวกรรม (Engineering strain) เท่ากับ 0.001
คําตอบทีถูกต ้อง : 1 1 : 500 GPa
2 : 50 GPa
3 : 5 GPa
4 : 0.5 GPa
ข ้อที 190 :
เครืองวัดความแข็งแบบบริเนลเหมาะสมสําหรับวัดความแข็งของวัสดุชนิดใดต่อไปนีมากทีสุด
คําตอบทีถูกต ้อง : 1
1 : เหล็กหล่อเทา
2 : ยางพารา
3 : ไม ้สัก
4 : พลาสติก ข ้อที 195 :
ภายใต ้แรงดึง (Tension) อย่างไรทีทําให ้ชินงานเสียรูปแบบยืดหยุน
่ (Elastic deformation)
คําตอบทีถูกต ้อง : 1 1 : ใช ้แรงดึงน ้อยกว่าความต ้านแรงคราก (Yield strength)
2 : ใช ้แรงดึงมากกว่าความต ้านแรงคราก (Yield strength)
3 : ใช ้แรงดึงน ้อยกว่าความต ้านแรงดึง (Tensile strength)
4 : ใช ้แรงดึงมากกว่าความต ้านแรงดึง (Tensile strength)
ข ้อที 191 :
แท่งโลหะผสมของอลูมเิ นียมมีเส ้นผ่านศูนย์กลาง 15 มิลลิเมตร นํ าไปทดสอบด ้วยแรงดึง (Tension) 24.5 กิโลนิว
คําตอบทีถูกต ้อง : 1
ตัน ถ ้าเส ้นผ่านศูนย์กลางของโลหะผสมนีกลายเป็ น 14.5 มิลลิเมตร จงหาค่าความเค ้นทางวิศวกรรม (Engineering
stress) ในหน่วย MPa
1 : 139
2 : 148 ข ้อที 196 :
3 : 160 ภายใต ้แรงดึง (Tension) อย่างไรทีทําให ้ชินงานเสียรูปอย่างถาวร (Plastic deformation)
4 : 183 1 : ใช ้แรงดึงน ้อยกว่าความต ้านแรงคราก (Yield strength)
2 : ใช ้แรงดึงมากกว่าความต ้านแรงคราก (Yield strength)
คําตอบทีถูกต ้อง : 1 3 : ใช ้แรงดึงน ้อยกว่าความต ้านแรงดึง (Tensile strength)
4 : ใช ้แรงดึงมากกว่าความต ้านแรงดึง (Tensile strength)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
ข ้อที 192 :
วัสดุในข ้อใดต่อไปนีมีความแข็งแรง (Strength) มากทีสุด
1 : ท่อนาโนคาร์บอน
ธิ

ธิ

2 : เหล็กหล่อเทา ข ้อที 197 :


3 : ไททาเนียมผสมนิเกิล ภายใต ้แรงดึง (Tension) อย่างไรทีทําให ้ชินงานอะลูมเิ นียมเสียรูปอย่างถาวรและสมําเสมอตลอดทังชินงาน
สท

สท

4 : เพชร (Uniform-plastic deformation)


1 : ใช ้แรงดึงน ้อยกว่าความต ้านแรงคราก (Yield strength)


วน

วน

คําตอบทีถูกต ้อง : 1 2 : ใช ้แรงดึงมากกว่าความต ้านแรงคราก (Yield strength)


3 : ใช ้แรงดึงมากกว่าความต ้านแรงคราก (Yield strength) แต่น ้อยกว่าความต ้านแรงดึง (Tensile strength)
4 : ใช ้แรงดึงมากกว่าความต ้านแรงดึง (Tensile strength)
สง

สง

ข ้อที 193 :
คําตอบทีถูกต ้อง : 3
ขอ

ขอ


คําตอบทีถูกต ้อง : 1

รข

รข
ข ้อที 198 :
ความสามารถในการเปลียนแปลงรูปร่างของวัสดุกอ
่ นการแตกหัก หมายถึง สมบัตข
ิ ้อใด


ข ้อที 203 :

ิ ว

ิ ว
1 : ความแข็งตึง (Stiffness) จงคํานวณค่าความเครียดทางวิศวกรรม (Engineering strain) ของวัสดุรป ู ร่างเป็ นแท่งยาว 2.2 เมตร และพืนทีหน ้า

าว ศ

าวศ
ตัดเป็ นรูปสีเหลียมจัตรุ ัสมีความยาวแต่ละด ้านเท่ากับ 50 มิลลิเมตร เมือนํ าไปรับแรงดึงปรากฏว่าความยาวเพิมขึน
2 : สภาพดึงยืดได ้ (Ductility) เป็ น 2.202 เมตร
3 : ความยืดหยุน่ (Resilience)
1 : 0.09
4 : ความล ้า (Fatigue)
สภ

สภ
2 : 0.009
3 : 0.0009
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
4 : 0.00009

คําตอบทีถูกต ้อง : 3
ข ้อที 199 :
ข ้อใดกล่าวผิด เกียวกับกฎของฮุก (Hooke’s law)
1 : ความสัมพันธ์ของความเค ้น (Stress) และความเครียด (Strain) ทีแปรผันตรงซึงกันและกัน ข ้อที 204 :
2 : ค่าคงทีของการแปรผันทีเป็ นไปตามกฎของฮุก คือ ค่ามอดุลส ั สภาพยืดหยุน
่ (Modulus of elasticity) ู ทรงกระบอกเส ้นผ่านศูนย์กลาง 10
จงคํานวณค่าความเค ้นทางวิศวกรรม (Engineering stress) ของวัสดุรป
3 : การเสียรูปทีเกิดขึนซึงความเค ้น (Stress) และความเครียด (Strain) แปรผันตรงซึงกันและกันนี เรียกว่า การ มิลลิเมตร ยาว 1 เมตร และถูกรับแรงดึงขนาด 50,000 N
เสียรูปอย่างถาวร (Plastic deformation)
1 : 640 GPa
4 : ค่ามอดุลสั สภาพยืดหยุน่ เป็ นค่าทีบอกถึงความแข็งตึง (Stiffness) ของวัสดุในการต ้านทานต่อการเสียรูปแบบ
2 : 640 MPa
ยืดหยุน่ (Elastic deformation) ของวัสดุ
3 : 640 kPa
4 : 640 Pa
คําตอบทีถูกต ้อง : 3
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 200 :
ความล ้า (Fatigue) ของวัสดุหมายถึงอะไร
ข ้อที 205 :
1 : การยืดตัวทีละน ้อย เนืองจากวัสดุรับแรงเป็ นเวลานาน ลวดทองแดงยาว 500 มิลลิเมตร มีคา่ มอดุลสั ของสภาพยืดหยุน ่ (Modulus of elasticity) 110 GPa ถูกดึงด ้วยแรง
2 : วัสดุมค
ี วามแข็งแรงลดลง เนืองจากรับแรงซําซาก ดึงจนมีความเค ้น 350 MPa หากการเสียรูปทีเกิดขึนนีเป็ นการเสียรูปแบบยืดหยุน
่ (Elastic deformation) ลวด
3 : การสึกหรอของชินงาน เนืองจากรับแรงซําซากเป็ นเวลานาน ทองแดงจะถูกยืดออกจนมีความยาวเปลียนแปลงไปจากเดิมกีมิลลิเมตร
4 : การแตกร ้าวของชินงาน เนืองจากรับแรงซําซากเป็ นเวลานาน
1 : 0.016
2 : 0.16
คําตอบทีถูกต ้อง : 4
3 : 1.6
4 : 16

ข ้อที 201 : คําตอบทีถูกต ้อง : 3


การทดสอบความแข็งของเหล็กหล่อเทา (Gray cast iron) ควรใช ้วิธท
ี ดสอบแบบใด
1 : บริเนลล์ (Brinell)
2 : วิกเกอร์ส (Vickers) ข ้อที 206 :
3 : รอคเวลล์ ซี (Rockwell C) เมือนํ าวัสดุ A และวัสดุ B มาทดสอบแรงดึงได ้ความสัมพันธ์ระหว่างความเค ้นและความเครียดดังรูป จากผลการ
4 : รอคเวลล์ เอ (Rockwell A) ทดสอบ ข ้อใดต่อไปนีเปรียบเทียบสมบัตข ิ องวัสดุ A และวัสดุ B ได ้ถูกต ้องทีสุด

คําตอบทีถูกต ้อง : 1


ิ ธ

ิ ธ
สท

สท
ข ้อที 202 :
สภาพดึงยืดได ้ (Ductility) ของโลหะสามารถทดสอบได ้โดยวิธใี ด
วน

วน
1 : การทดสอบโดยใช ้แรงดึง (Tensile test) 1 : วัสดุ A มีความแข็งตึง (Stiffness) มากกว่าวัสดุ B
2 : การทดสอบความแข็ง (Hardness test) 2 : วัสดุ A มีความเหนียว (Toughness) มากกว่าวัสดุ B
สง

สง
3 : การทดสอบโดยใช ้แรงกระแทก (Impact test) 3 : วัสดุ A มีความยืดหยุน
่ (Resilience) มากกว่าวัสดุ B
4 : การทดสอบความล ้า (Fatigue test) 4 : วัสดุ A มีสภาพดึงยืดได ้ (Ductility) มากกว่าวัสดุ B
ขอ ขอ

ขอ ขอ

วัสดุชนหนึ
งถูกดึงจนขาดเป็ น 2 ส่วน พบว่าบริเวณรอยขาดแยกแตกแบบราบเรียบ แสดงว่าวัสดุนน่
ี าจะมีสมบัต ิ
คําตอบทีถูกต ้อง : 1 อย่างไร
กร

กร

1 : มีความแข็งตึง (Stiffness) สูง และความแข็ง (Hardness) สูง


2 : มีความแข็งตึง (Stiffness) สูง และสภาพดึงยืดได ้ (Ductility) สูง
3 : มีความแข็ง (Hardness) ตํา และสภาพดึงยืดได ้ (Ductility) สูง
ิ ว

ิ ว

ข ้อที 207 :
4 : มีความแข็ง (Hardness) ตํา และสภาพดึงยืดได ้ (Ductility) ตํา
าวศ

าวศ

แท่งโลหะมีพนที
ื หน ้าตัดเป็ นรูปสีเหลียมผืนผ ้า มีขนาดกว ้างเท่ากับ 7 เซนติเมตร ความหนาเท่ากับ 3 เซนติเมตร ทํา
จากเหล็กกล ้าเกรด 1020 ซึงมีคา่ ความต ้านแรงดึง (Tensile strength) เท่ากับ 380 MPa และค่าความต ้านแรง
คราก (Yield strength) เท่ากับ 180 MPa เมือแท่งโลหะนีได ้รับแรงดึง 25,000 นิวตัน จะเกิดการเสียรูปอย่างไร คําตอบทีถูกต ้อง : 1
สภ

สภ

1 : เกิดการเสียรูปแบบยืดหยุน

2 : เกิดการเสียรูปอย่างถาวรโดยเสียรูปอย่างสมําเสมอตลอดทังชินงาน
3 : เกิดการเสียรูปอย่างถาวรโดยเสียรูปอย่างไม่สมําเสมอตลอดทังชินงาน ข ้อที 212 :
4 : เกิดการเสียรูปอย่างถาวรโดยเสียรูปอย่างไม่สมําเสมอตลอดทังชินงานและแตกหัก ข ้อใดเป็ นภาพแสดงการเกิดครีพ (Creep) ของวัสดุ

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 208 :
ชินงานทดสอบชนิดหนึงเมือได ้รับความเค ้น 30,000 lb/in2 จะก่อให ้เกิดความเครียดเท่ากับ 0.05 จงคํานวณหาค่า
มอดุลส ั ของสภาพยืดหยุน
่ (Modulus of elasticity) ในหน่วย lb/in2 ของชินงานทดสอบนี

1:
2:
3:
4:
1:
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 209 :
หากต ้องการเปรียบเทียบการเปลียนแปลงขนาดของวัสดุตามทิศทางการดึงต่อการเปลียนแปลงขนาดในทิศทางตัง
ฉากกับทิศทางการดึงของวัสดุชนิดต่างๆ ควรนํ าสมบัตข
ิ องวัสดุในข ้อใดต่อไปนีมาพิจารณาเปรียบเทียบ
1 : ความเค ้น (Stress)
2 : อัตราส่วนของปั วซอง (Poisson’s ratio)
3 : ความเหนียว (Toughness)
4 : มอดุลส
ั ของสภาพยืดหยุน ่ (Modulus of elasticity)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
2:

ข ้อที 210 :
วัสดุในข ้อใดต่อไปนีมีความแข็ง (Hardness) มากทีสุด
1 : พอลิไวนิลคลอไรด์
ธิ

ธิ

2 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมมาเทนไซต์


3 : เหล็กหล่อเทา
สท

สท

4 : ซิลก
ิ อนคาร์ไบด์

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
วน

วน
สง

สง

ข ้อที 211 : 3:
ขอ

ขอ


รข

รข


ิ ว

ิ ว
าวศ

าว ศ
สภ

สภ
4:

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 213 : 1 : 67 GPa


เมือนํ าชินงานทดสอบทีมีความยาวเริมต ้น 50 มม. เส ้นผ่านศูนย์กลางเริมต ้น 12.5 มม. มาทดสอบแรงดึงปรากฎว่า 2 : 67 MPa
ได ้ความสัมพันธ์ระหว่างแรงทีใช ้ดึงกับระยะยืดดังรูป ค่ายังมอดุลส
ั ของวัสดุนมี
ี คา่ เป็ นเท่าไร 3 : 90 GPa
4 : 90 MPa

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 215 :
การทดสอบวัดค่าความแข็งแบบใดทีไม่ใช ้กับวัสดุโลหะ
1 : บริเนล (Brinell)
2 : วิกเกอร์ส (Vickers)
3 : นูป (Knoop)
4 : ชอร์ (Shore)

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

1 : 18 GPa ข ้อที 216 :


2 : 18 MPa เมือนํ าวัสดุเหนียวไปทําการทดสอบแรงดึงจะให ้ค่าผลทดสอบเป็ นอย่างไร
3 : 37 GPa 1 : มอดุลสั ของสภาพยืดหยุน ่ (Modulus of elasticity) มากๆ
4 : 37 MPa 2 : ความแข็งแรง (Strength) น ้อยๆ
3 : เปอร์เซ็นต์การยืดตัว (Percentage elongation) มากๆ
คําตอบทีถูกต ้อง : 3 4 : มอดุลส ั ของรีซเิ ลียนซ์ (Modulus of resilience) น ้อยๆ

คําตอบทีถูกต ้อง : 3


ิ ธ

ิ ธ
ข ้อที 214 :
สท

สท
เมือนํ าชินงานทดสอบทีมีความยาวเริมต ้น 50 มม. เส ้นผ่านศูนย์กลางเริมต ้น 12.5 มม. มาทดสอบแรงดึงปรากฎว่า
ได ้ความสัมพันธ์ระหว่างแรงทีใช ้ดึงกับระยะยืดดังรูป ค่า yield strength at 0.2% offset ของวัสดุนมี
ี คา่ เป็ นเท่าไร ข ้อที 217 :
ข ้อใดไม่ใช่คา่ ทีได ้จากการทดสอบแรงดึง
วน

วน
1 : มอดุลสั ของสภาพยืดหยุน ่ (Modulus of elasticity)
2 : ความแข็งแรง (Strength)
สง

สง
3 : เปอร์เซ็นต์การยืดตัว (Percentage elongation)
4 : ความแข็ง (Hardness)
ขอ ขอ

ขอ ขอ
4:D
คําตอบทีถูกต ้อง : 4
คําตอบทีถูกต ้อง : 3
กร

กร
ิ ว

ิ ว

ข ้อที 218 :
าวศ

าวศ

เส ้นกราฟ S-N เป็ นผลทีได ้จากการทดสอบสมบัตด


ิ ้านใดของวัสดุ ข ้อที 222 :
1 : แรงดัด (Bending) เมือนํ าชินงานทดสอบทีมีความยาวเริมต ้น 50 มม. เส ้นผ่านศูนย์กลางเริมต ้น 10 มม. มาทดสอบแรงดึงปรากฏว่าได ้
2 : ความล ้า (Fatigue) ความสัมพันธ์ระหว่างแรงทีใช ้ดึงกับความยาวทีเปลียนไปดังรูป ถามว่าวัสดุนมีี คา่ ความต ้านแรงดึง (Tensile
strength) เป็ นเท่าไร
สภ

สภ

3 : การครีพ (Creep)
4 : แรงกระแทก (Impact)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 219 :
ค่าเปอร์เซ็นต์การลดลงของพืนทีหน ้าตัด (Percent reduction in area) จากการทดสอบแรงดึงเป็ นค่าทีแสดงสมบัต ิ
ใดของวัสดุ
1 : สภาพดึงยืดได ้ (Ductility)
2 : มอดุลส
ั ของสภาพยืดหยุน ่ (Modulus of elasticity)
3 : ความแข็งแรง (Strength)
4 : มอดุลสั ของรีซเิ ลียนซ์ (Modulus of resilience)

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 220 : 1 : 191 Pa


ข ้อใดไม่ใช่ผลทีได ้จากการทดสอบความล ้า (Fatigue) 2 : 764 Pa
1 : ขีดจํากัดความล ้า (Fatigue limit) 3 : 191 MPa
2 : ความแข็งแรงต่อความล ้า (Fatigue strength) 4 : 764 MPa
3 : อายุการใช ้งานเนืองจากความล ้า (Fatigue life)
4 : ความเหนียวต่อความล ้า (Fatigue toughness) คําตอบทีถูกต ้อง : 4

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
ข ้อที 223 :
จากการทดสอบสมบัตด
ิ ้านการดึงของอะลูมเิ นียม ตําแหน่งใดในกราฟแสดงจุดคราก (Yield point) ของวัสดุ
ข ้อที 221 :
จากการทดสอบสมบัตด
ิ ้านการดึงของอะลูมเิ นียม ตําแหน่งใดในกราฟแสดงจุดเริมเกิดปรากฏการณ์คอคอดของวัสดุ
ธิ

ธิ
สท

สท


วน

วน

1 : A
2 : B
สง

สง

1:A 3 : C
2:B 4 : D
3:C
ขอ

ขอ


รข

รข
คําตอบทีถูกต ้อง : 3


ิ ว

ิ ว
ข ้อที 224 :

าวศ

าวศ
จากกราฟข ้างล่างเป็ นผลการทดสอบสมบัตข
ิ องวัสดุด ้านใด
สภ

สภ
1 : ถ ้าวัสดุได ้รับความเค ้นสลับทีี 50 MPa จะมีอายุการใช ้งาน 1,000,000 รอบ
2 : ถ ้าวัสดุได ้รับความเค ้นสลับทีี 40 MPa จะมีอายุการใช ้งาน 1,000,000 รอบ
3 : ถ ้าวัสดุได ้รับความเค ้นสลับทีี 30 MPa จะมีอายุการใช ้งาน 1,000,000 รอบ
4 : ถ ้าวัสดุได ้รับความเค ้นสลับทีี 20 MPa จะไม่เกิดความเสียหายเนืองจากความล ้า

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

1 : ทดสอบความล ้า (Fatigue)
2 : ทดสอบการครีพ (Creep) ข ้อที 228 :
3 : ทดสอบแรงอัด (Compression) แท่งไนลอนมีพนที ื หน ้าตัดเป็ นรูปสีเหลียมผืนผ ้า มีขนาดกว ้างเท่ากับ 7 เซนติเมตร ความหนาเท่ากับ 3 เซนติเมตร
4 : ทดสอบแรงดัด (Bending) ซึงมีคา่ ความต ้านแรงดึง (Tensile strength) เท่ากับ 75 MPa และค่าความต ้านแรงคราก (Yield strength) เท่ากับ
50 MPa ควรให ้แท่งไนลอนได ้รับแรงดึงเท่าใดจึงจะไม่เกิดการเสียรูปอย่างถาวร
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
1 : 50 kN
2 : 150 kN
3 : 50 MN
ข ้อที 225 : 4 : 150 MN
ปรากฏการณ์คอคอด (Necking) ของการทดสอบแรงดึงวัสดุเหล็กกล ้าคาร์บอนตําเริมเกิดขึนในช่วงใด
คําตอบทีถูกต ้อง : 1
1 : ก่อนถึงจุดคราก (Yield point)
2 : เมือถึงจุดคราก (Yield point)
3 : จุดความเค ้นสูงสุด
4 : จุดแตกหัก ข ้อที 229 :
แท่งไนลอนมีพนที ื หน ้าตัดเป็ นรูปวงกลม มีขนาดเส ้นผ่านศูนย์กลาง เท่ากับ 5 เซนติเมตร ซึงมีคา่ ความต ้านแรงดึง
คําตอบทีถูกต ้อง : 3 (Tensile strength) เท่ากับ 75 MPa และค่าความต ้านแรงคราก (Yield strength) เท่ากับ 50 MPa เมือแท่งไนลอน
นีได ้รับแรงดึง 20 กิโลนิวตัน จะเกิดการเสียรูปอย่างไร
1 : เกิดการเสียรูปอย่างถาวรโดยเสียรูปอย่างไม่สมําเสมอตลอดทังชินงานและแตกหัก
ข ้อที 226 : 2 : เกิดการเสียรูปอย่างถาวรโดยเสียรูปอย่างสมําเสมอตลอดทังชินงาน
ข ้อใดกล่าวเกียวกับขีดจํากัดความล ้า (Fatigue limit) ถูกต ้อง 3 : เกิดการเสียรูปอย่างถาวรโดยเสียรูปอย่างไม่สมําเสมอตลอดทังชินงาน
4 : เกิดการเสียรูปแบบยืดหยุน

1 : เป็ นค่าความเค ้นสลับสูงสุดทีไม่กอ ่ ให ้เกิดความล ้า
2 : ขีดจํากัดอายุการใช ้งานเมือได ้รับแรงกระทําซําไปซํามา คําตอบทีถูกต ้อง : 4
3 : ถ ้าได ้รับความเค ้นสลับมากกว่าขีดจํากัดนีจะไม่ทําให ้เกิดความเสียหายจากความล ้า


ิ ธ

ิ ธ
4 : ถ ้าได ้รับความเค ้นสลับน ้อยกว่าขีดจํากัดนีจะทําให ้เกิดความเสียหายจากความล ้า
สท

สท
คําตอบทีถูกต ้อง : 1 เนือหาวิชา : 244 : 07 Physical and chemical properties and testing
วน

วน
ข ้อที 230 :
ข ้อที 227 : วัสดุสว่ นใหญ่ในกลุม ั ประสิทธิการขยายตัวเนืองจากความร ้อนมากทีสุด
่ ใดมีสม
สง

สง
ข ้อใดกล่าวเกียวกับผลการทดสอบความล ้าในภาพข ้างล่างได ้ถูกต ้อง
1 : โลหะ
2 : เซรามิก
ขอ ขอ

ขอ ขอ
3 : พอลิเมอร์ ่ งว่างระหว่างแถบเวเลนซ์
3 : โครงสร ้างของสารทีมีอเิ ล็กตรอนเต็มแถบเวเลนซ์ (Valance band) แต่ชอ
4 : วัสดุเชิงประกอบ (Valance band) และแถบการนํ า (Conduction band) ห่างกันไม่มาก
4 : โครงสร ้างของสารทีมีอเิ ล็กตรอนเต็มแถบเวเลนซ์ (Valance band) แต่ชอ่ งว่างระหว่างแถบเวเลนซ์
กร

กร

คําตอบทีถูกต ้อง : 3 (Valance band) และแถบการนํ า (Conduction band) ห่างกันมาก


ิ ว

ิ ว

คําตอบทีถูกต ้อง : 3
าวศ

าวศ

ข ้อที 231 :
วัสดุสว่ นใหญ่ในกลุม ั ประสิทธิการขยายตัวเนืองจากความร ้อนน ้อยทีสุด
่ ใดมีสม
ข ้อที 236 :
สภ

สภ

1 : โลหะ
โครงสร ้างของสารตัวนํ าไฟฟ้ าคือข ้อใด
2 : เซรามิก
3 : พอลิเมอร์ 1 : โครงสร ้างของสารทีมีอเิ ล็กตรอนไม่เต็มแถบเวเลนซ์ (Valance band)
4 : วัสดุเชิงประกอบ 2 : โครงสร ้างของสารทีระดับพลังงานของแถบการนํ า (Conduction band) ซ ้อนอยูก
่ บ
ั ระดับพลังงานของแถบเว
เลนซ์ (Valance band)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2 3 : ถูกทังข ้อ 1 และ 2
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ผิด

คําตอบทีถูกต ้อง : 3
ข ้อที 232 :
วัสดุสว่ นใหญ่ในกลุม
่ ใดสามารถนํ าความร ้อนได ้ดีทสุ
ี ด
1 : โลหะ
ข ้อที 237 :
2 : เซรามิก
แม่เหล็กถาวร (Hard magnet) หมายถึงข ้อใด
3 : พอลิเมอร์
4 : วัสดุเชิงประกอบ 1 : วัสดุทง่ี ายต่อการทําเป็ นแม่เหล็ก
2 : วัสดุทสามารถรั
ี กษาภาวะการเป็ นแม่เหล็กได ้ดี
คําตอบทีถูกต ้อง : 1 3 : วัสดุทต ี ้องใช ้สนามแม่เหล็กภายนอกน ้อยเพือทําเป็ นแม่เหล็ก
4 : เหล็กทีมีสนามแม่เหล็กตกค ้างอยูภ ่ ายใน

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
ข ้อที 233 :
วัสดุชนิดใดเหมาะสําหรับนํ ามาทําเป็ นตัวนํ าความร ้อนได ้ดีทสุ
ี ด
1 : เหล็กกล ้าไร ้สนิม
ข ้อที 238 :
2 : อะลูมเิ นียม
แม่เหล็กชัวคราว (Soft magnet) หมายถึงข ้อใด
3 : พลาสติก
4 : กระจก 1 : วัสดุทง่ี ายต่อการทําเป็ นแม่เหล็ก
2 : วัสดุทสามารถลบล
ี ้างอํานาจแม่เหล็กได ้ง่าย
คําตอบทีถูกต ้อง : 2 3 : วัสดุทต ี ้องใช ้สนามแม่เหล็กภายนอกน ้อยเพือทําเป็ นแม่เหล็ก
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
ข ้อที 234 :
่ งว่างของแถบพลังงาน (Energy band gap) กว ้าง
วัสดุประเภทใดทีมีชอ
1 : สารตัวนํ า (Conductor)
ข ้อที 239 :
2 : สารกึงตัวนํ า (Semiconductor)
อุณหภูมค ิ รู ี (Curie temperature) คือ อุณหภูมใิ ด
3 : ฉนวน (Insulator)
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ผิด 1 : อุณหภูมท
ิ เกิี ดการเปลียนโครงสร ้างผลึก
2 : อุณหภูมทิ เกิี ดการเปลียนสภาพความเป็ นแม่เหล็ก
ธิ

ธิ

คําตอบทีถูกต ้อง : 3 3 : อุณหภูมท ิ ความจุ


ี ความร ้อนจําเพาะมีคา่ คงที
4 : อุณหภูมท ิ ของแข็
ี งมีความหนืดลดลง
สท

สท

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
ข ้อที 235 :
วน

วน

โครงสร ้างอิเล็กตรอนของสารกึงตัวนํ าทางไฟฟ้ า (Semiconductor) คือข ้อใด


1 : โครงสร ้างของสารทีมีอเิ ล็กตรอนไม่เต็มแถบเวเลนซ์ (Valance band)
สง

สง

ข ้อที 240 :
2 : โครงสร ้างของสารทีระดับพลังงานของแถบการนํ า (Conduction band) ซ ้อนอยูก
่ บ
ั ระดับพลังงานของแถบเว
เมือแสงตกกระทบวัสดุใดๆ ปรากฏการณ์ใดสามารถเกิดขึนได ้บ ้าง
เลนซ์ (Valance band)
ขอ

ขอ


1 : แสงสะท ้อนกลับ 2 : การดูดกลืนแสง (Absorption)

รข

รข
2 : แสงผ่านทะลุโดยเกิดการหักเหขึนภายใน 3 : การหักเหของแสง (Refraction)
3 : แสงถูกดูดกลืน 4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก


คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ิ ว

ิ ว
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

าวศ

าวศ
ข ้อที 246 :
ข ้อที 241 : โลหะในข ้อใดต่อไปนีมีสภาพนํ าไฟฟ้ า (Electrical conductivity) น ้อยทีสุด
สภ

สภ
ี ี จะเกิดปรากฏการณ์ใดขึน
เมือแสงตกกระทบลงบนวัสดุโปร่งใส (Transparent) ไม่มส 1 : ุ ธิ ทีใช ้งาน ณ อุณหภูมต
ทองแดงบริสท ิ ํา
1 : แสงสะท ้อนกลับ 2 : ทองแดงบริสทุ ธิ ทีใช ้งาน ณ อุณหภูมสิ งู
2 : แสงผ่านทะลุโดยเกิดการหักเหขึนภายใน 3 : ทองแดงผสมนิเกิลและผ่านกระบวนการรีดเย็น ทีใช ้งาน ณ อุณหภูมต
ิ ํา
3 : แสงถูกดูดกลืน 4 : ทองแดงผสมนิเกิลและผ่านกระบวนการรีดเย็น ทีใช ้งาน ณ อุณหภูมสิ งู
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก
คําตอบทีถูกต ้อง : 4
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 247 :
ข ้อที 242 : โลหะในข ้อใดต่อไปนีมีสภาพต ้านทานไฟฟ้ า (Electrical resistivity) น ้อยทีสุด
เซลล์แสงอาทิตย์ (Solar cell) ใช ้หลักการใดในการเปลียนพลังงานจากแสงให ้เป็ นพลังงานไฟฟ้ า 1 : ุ ธิ ทีใช ้งาน ณ อุณหภูมต
ทองแดงบริสท ิ ํา
1 : การดูดกลืนพลังงานของแสงในสารกึงตัวนํ า 2 : ทองแดงบริสทุ ธิ ทีใช ้งาน ณ อุณหภูมสิ งู
2 : การหักเหของคลืนแสงในสารกึงตัวนํ า 3 : ทองแดงผสมนิเกิลและผ่านกระบวนการรีดเย็น ทีใช ้งาน ณ อุณหภูมต
ิ ํา
3 : การสะท ้อนของแสงทีผิวของสารกึงตัวนํ า 4 : ทองแดงผสมนิเกิลและผ่านกระบวนการรีดเย็น ทีใช ้งาน ณ อุณหภูมสิ งู
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก
คําตอบทีถูกต ้อง : 1
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 248 :
ข ้อที 243 : ถ ้าต ้องการเพิมสภาพนํ าไฟฟ้ า (Electrical conductivity) ให ้กับสารกึงตัวนํ า (Semiconductor) ควรทําอย่างไร
วัสดุใดต่อไปนีมีคา่ ความเป็ นแม่เหล็กตําทีสุด 1 : ลดอุณหภูมก ิ ารใช ้งาน
1 : วัสดุไดอะแมกนิตก ิ (Diamagnetic material) 2 : เติมสารเจือปน
2 : วัสดุพาราแมกนิตก ิ (Paramagnetic material) 3 : นํ าไปผ่านกระบวนการขึนรูปเย็น
3 : วัสดุเฟร์โรแมกนิตก ิ (Ferromagnetic material) 4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก
4 : วัสดุเฟร์รแ
ิ มกนิตก
ิ (Ferrignetic material)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 249 :
ข ้อที 244 : ถ ้าต ้องการเพิมสภาพนํ าไฟฟ้ า (Electrical conductivity) ให ้กับสารตัวนํ า (Conductor) ควรทําอย่างไร
ไดโอดเปล่งแสง (Light emitting diode, LED) ใช ้หลักการใดในการทํางาน 1 : ลดอุณหภูมก ิ ารใช ้งาน
1 : การสะท ้อนแสง (Reflection) 2 : เติมสารเจือปน
2 : การดูดกลืนแสง (Absorption) 3 : นํ าไปผ่านกระบวนการขึนรูปเย็น
3 : การหักเหของแสง (Refraction) 4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก


ิ ธ

ิ ธ
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก
คําตอบทีถูกต ้อง : 1
สท

สท
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
วน

วน
ข ้อที 250 :
ข ้อที 245 : เมือสัมผัสโต๊ะไม ้และโต๊ะเหล็กทีตังอยูใ่ นห ้องปรับอากาศบริเวณเดียวกัน เราจะรู ้สึกโต๊ะเย็นไม่เท่ากันอย่างไร
สง

สง
แว่นขยาย (Magnifier) ใช ้หลักการใดในการทํางาน 1 : โต๊ะเหล็กเย็นกว่า เพราะเหล็กมีความจุความร ้อนมากกว่าไม ้
1 : การสะท ้อนแสง (Reflection) 2 : โต๊ะเหล็กเย็นกว่า เพราะเหล็กถ่ายเทความร ้อนได ้ดีกว่าไม ้
ขอ ขอ

ขอ ขอ
3 : โต๊ะเหล็กเย็นกว่า เพราะเหล็กมีความหนาแน่นมากกว่าไม ้ 3 : การเติม (Doping) ด ้วยธาตุโบรอน (B3+) เข ้าไปแทนทีซิลก
ิ อน (Si4+) ในโครงสร ้างผลึกทําให ้เกิดเป็ นสาร
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก กึงตัวนํ าแบบ N-type
4 : การแพร่ (Diffusion) มีบทบาทอย่างมากในการทําสารกึงตัวนํ าประเภท Extrinsic semiconductor
กร

กร

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
คําตอบทีถูกต ้อง : 3
ิ ว

ิ ว
าวศ

าวศ

ข ้อที 251 :
ถ ้าให ้ความร ้อนกับชินงานทีมีความหนามากจะเกิดสิงใดขึน ข ้อที 256 :
วัสดุสว่ นใหญ่ในกลุม
่ ใดต่อไปนีมีจด
ุ หลอมเหลว (Melting point) สูงทีสุด
สภ

สภ

1 : ชินงานบวมขึน เนืองจากการขยายตัวทางความร ้อนทีผิวชินงานมากกว่า


2 : ชินงานหดตัวลง เนืองจากการหดตัวภายในชินงาน 1 : เซรามิก
3 : ผิวชินงานเกิดการแตกร ้าว เนืองจากการหดตัวภายในชินงาน 2 : โลหะ
4 : เกิดความเค ้นอัด (Compressive stress) ทีผิวชินงาน และความเค ้นดึง (Tensile stress) ภายในชินงาน 3 : พอลิเมอร์
4 : ไม ้
คําตอบทีถูกต ้อง : 4
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 252 :
เพราะเหตุใดจึงเห็นสีในวัสดุโปร่งใส (Transparent) บางชนิด ข ้อที 257 :
1 : แสงทีส่งผ่านถูกดูดกลืนไปในบางช่วงความยาวคลืน ลวดทองเหลืองยาว 1 เมตร ถูกทําให ้ร ้อนจนมีอณ
ุ หภูมส
ิ งู 70 องศาเซลเซียส จากอุณหภูม ิ 30 องศาเซลเซียส ขณะ
2 : แสงทีส่งผ่านเกิดการหักเหขึนภายในเนือวัสดุ ทีปลายทังสองข ้างถูกยึด จงหาขนาดของความเค ้นทีเกิดขึนในหน่วย MPa กําหนดให ้ค่ามอดูลส ั ของสภาพยืดหยุน

3 : มีการผสมเม็ดสีลงในเนือวัสดุ (Modulus of elasticity) ของทองเหลืองมีคา่ 97 GPa และสัมประสิทธิการขยายตัวเนืองจากความร ้อน
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก -6
(Coeffeicient of thermal expansion) ของทองเหลืองมีคา่ 20×10 องศาเซลเซียส -1

1 : +0.08
คําตอบทีถูกต ้อง : 1
2 : -0.08
3 : +77.60
4 : -77.60
ข ้อที 253 :
ข ้อใดต่อไปนีทําให ้เกิดสนิมไม่มส ี นผิวชินงานเหล็กกล ้าทีมีรอยขีดข่วนในบรรยากาศทีมีความชืน
ี บ คําตอบทีถูกต ้อง : 4

1 : ผิวชินงานถูกเคลือบด ้วยสังกะสี
2 : ผิวชินงานถูกเคลือบด ้วยโครเมียม
3 : ผิวชินงานถูกเคลือบด ้วยดีบก
ุ ข ้อที 258 :
4 : ผิวชินงานถูกเช็ดทําความสะอาดด ้วยนํ าสะอาดเป็ นประจํา วัสดุในข ้อใดต่อไปนีเกิดการขยายตัวเนืองจากความร ้อนสูงทีสุด
1 : ซิลก
ิ า
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
2 : เหล็กกล ้า
3 : พอลิเอทิลน ี
4 : อะลูมนิ า
ข ้อที 254 :
ข ้อความใดต่อไปนีเป็ นการกล่าวทีถูกต ้อง คําตอบทีถูกต ้อง : 3

1 : เงินมีคา่ สภาพนํ าไฟฟ้ า (Electrical conductivity) ดีกว่าทอง


2 : ลวดตัวนํ าทีมีขนาดพืนทีหน ้าตัดมากมีการนํ าไฟฟ้ าแย่กว่าลวดตัวนํ าทีมีขนาดพืนทีหน ้าตัดน ้อยกว่าในวัสดุ
เดียวกันทีมีความยาวเท่ากัน ข ้อที 259 :
3 : อะลูมเิ นียมมีคา่ สภาพต ้านทานไฟฟ้ า (Electrical resistivity) มากกว่าเพชร วัสดุในข ้อใดต่อไปนีมีคา่ ความจุความร ้อนสูงทีสุด
4 : อุณหภูมไิ ม่มผี ลต่อความสามารถในการนํ าไฟฟ้ าในวัสดุทเป็ ี นโลหะ
1 : แก ้ว
ธิ

ธิ

2 : ทังสเตน
คําตอบทีถูกต ้อง : 1
สท

สท

3 : พอลิไวนิลคลอไรด์
4 : อะลูมเิ นียม


วน

วน

ข ้อที 255 : คําตอบทีถูกต ้อง : 3


ข ้อความใดต่อไปนีเป็ นการกล่าวทีผิด
สง

สง

1 : N-type เป็ นสารกึงตัวนํ าประเภท Extrinsic semiconductor


2 : อุณหภูมส
ิ งู มีผลต่อความสามารถในการนํ าไฟฟ้ าในวัสดุทเป็
ี นสารกึงตัวนํ า ข ้อที 260 :
ขอ

ขอ


วัสดุในข ้อใดต่อไปนีสามารถนํ าไฟฟ้ าได ้ดีขนเมื
ึ ออุณหภูมล
ิ ดลง ข ้อใดไม่ใช่แม่เหล็กถาวร

รข

รข
1 : อะลูมเิ นียม 1 : วัสดุไดอะแมกนิตก ิ
2 : ซิลก
ิ อน 2 : วัสดุพาราแมกนิตก ิ


3 : พอลิเอสเทอร์ 3 : วัสดุเฟร์โรแมกนิตก ิ
4 : แคดเมียมซัลไฟด์ 4 : ข ้อ 1 และ 2 ถูก

ิ ว

ิ ว
าว ศ

าวศ
คําตอบทีถูกต ้อง : 1
สภ คําตอบทีถูกต ้อง : 4

สภ
เนือหาวิชา : 245 : 08 Structures of materials
ข ้อที 261 :
การทํางานของอุปกรณ์วด
ั แสงทัวไปในการถ่ายภาพเกียวข ้องกับปรากฏการณ์ใด
1 : การเปล่งแสง (Luminescence) ข ้อที 266 :
2 : การนํ าไฟฟ้ าด ้วยแสง (Photoconductivity) พันธะใดเป็ นพันธะทางกายภาพ (Physical bond)
3 : การเรืองแสงแบบฟลูออเรสเซนซ์ (Fluorescence)
4 : การเรืองแสงแบบฟอสฟอเรสเซนซ์ (Phosphorescence) 1 : พันธะโลหะ (Metallic bond)
2 : พันธะไอออนิก (Ionic bond)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2 3 : พันธะโควาเลนซ์ (Covalent bond)
4 : พันธะแวนเดอร์วาลส์ (Van der Waals bond)

คําตอบทีถูกต ้อง : 4
ข ้อที 262 :
เพราะเหตุใดพอลิเมอร์ทมี
ี ความเป็ นผลึกสูงจึงไม่โปร่งใส (Transparent)
1 : การมีผลึกทําให ้เกิดการเปล่งแสงมาก ข ้อที 267 :
2 : การมีผลึกทําให ้เกิดการเรืองแสงมาก โครงสร ้างผลึกชนิดใดมีการจัดเรียงอะตอมอย่างหนาแน่นทีสุด
3 : การมีผลึกทําให ้เกิดการกระเจิงของแสงในเนือวัสดุมาก
4 : การมีผลึกทําให ้อิเล็กตรอนเลือนระดับชันพลังงานได ้มาก 1 : โครงสร ้างลูกบาศก์อย่างง่าย (Simple cubic)
2 : โครงสร ้างลูกบาศก์กงกลางเซล
ึ (Body-centered cubic)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3 3 : โครงสร ้างลูกบาศก์กงกลางผิ
ึ วหน ้า (Face-centered cubic)
4 : โครงสร ้างออร์โทรอมบิกกึงกลางฐาน (Base-centered orthorhombic)

คําตอบทีถูกต ้อง : 3
ข ้อที 263 :
หากต ้องการตรวจสอบวัสดุตวั อย่างว่าเป็ นแม่เหล็กถาวร (Hard magnet) หรือแม่เหล็กชัวคราว (Soft magnet) ควร
พิจารณาจากสมบัตใิ นข ้อใดต่อไปนี
ข ้อที 268 :
1 : ค่าความไวต่อสภาพแม่เหล็ก (Magnetic susceptibility) โครงสร ้างของออสเทไนต์ (Austenite) ในเหล็กกล ้า มีโครงสร ้างผลึกรูปแบบใด
2 : ค่าความสามารถซึมซับแม่เหล็ก (Magnetic permeability)
3 : เส ้นโค ้งฮิสเทอรีซส
ิ (Hysteresis loop) 1 : Body-centered cubic (BCC)
4 : ค่าคงทีไดอิเล็กทริก (Dielectric constant) 2 : Face-centered cubic (FCC)
3 : Hexagonal close-packed (HCP)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3 4 : Body-centered cubic (BCC) และ Face-centered cubic (FCC)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 264 :
ข ้อใดต่อไปนีไม่ใช่วส
ั ดุไดอะแมกนิตก

ข ้อที 269 :
1 : อะลูมน
ิ ัมออกไซด์ (Al2O3) วัสดุชนิดใดต่อไปนีมีพันธะหลักเป็ นพันธะโคเวเลนต์ (Covalent bond)


ิ ธ

ิ ธ
2 : แมกนีไทต์ (Fe3O4) 1 : Ni
สท

สท
3 : ทองแดง (Cu) 2 : SiC
4 : สังกะสี (Zn) 3 : H2O ระหว่างโมเลกุล
วน

วน
4 : MgO
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
สง

สง
ข ้อที 265 :
ขอ ขอ

ขอ ขอ
ข ้อที 270 :
ทังสเตนที 20 องศาเซลเซียส มีโครงสร ้างผลึกแบบ Body-centered cubic (BCC) โดยมีคา่ lattice parameter
0.3165 นาโนเมตร (nm) จงคํานวณหาค่ารัศมีอะตอมของโลหะทังสเตนในหน่วยนาโนเมตร (nm)
กร

กร

ข ้อที 275 :
1 : 0.1371 โครงสร ้างผลึกแบบ Hexagonal closed pack (HCP) ในหนึงหน่วยเซลล์ (Unit cell) ประกอบด ้วยกีอะตอม
ิ ว

ิ ว

2 : 0.1432 1 : 2 อะตอม
าวศ

าวศ

3 : 0.2315 2 : 4 อะตอม
4 : 0.7309 3 : 6 อะตอม
4 : 8 อะตอม
คําตอบทีถูกต ้อง : 1
สภ

สภ

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 271 :
กําหนดให ้ a, b, c คือค่าความยาวแต่ละด ้านของหน่วยเซลล์ และ α, β, γ คือมุมระหว่างด ้าน ถ ้าพบว่าโครงสร ้าง ข ้อที 276 :
ผลึกแบบหนึงมีคา่ a≠b≠c และ α = β = γ = 90 องศา อยากทราบว่าโครงสร ้างผลึกนีมีชอว่ ื าอะไร ข ้อใดต่อไปนีมีโครงสร ้างแบบ Closed-pack
1 : Cubic 1 : Body-centered tetragonal
2 : Tetragonal 2 : Body-centered cubic
3 : Orthorhombic 3 : Face-centered cubic
4 : Monoclinic 4 : Base-centered orthorhombic

คําตอบทีถูกต ้อง : 3 คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 272 : ข ้อที 277 :


กําหนดให ้ a, b, c คือค่าความยาวแต่ละด ้านของหน่วยเซลล์ และ α, β, γ คือมุมระหว่างด ้าน ถ ้าพบว่าโครงสร ้าง พลาสติกใสจะมีโครงสร ้างภายในเป็ นแบบใด
ผลึกแบบหนึงมีคา่ a = b = c และ α = β = γ = 90 องศา มีอะตอมอยูต ่ ามมุมทุกมุม และมีอะตอมอยูก ่ งกลาง

ื าอะไร
หน ้าทังหกหน ้าของหน่วยเซลล์ อยากทราบว่าโครงสร ้างผลึกนีมีชอว่ 1 : ไม่มคี วามเป็ นผลึก
2 : มีความเป็ นผลึกทีมีขนาดเล็กกว่าความยาวคลืนแสง
1 : Simple cubic 3 : ข ้อ 1 และ 2 ถูก
2 : Body-centered cubic 4 : ข ้อ 1 และ 2 ผิด
3 : Simple orthorhombic
4 : Face-centered cubic คําตอบทีถูกต ้อง : 3

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 278 :
ข ้อใดไม่ใช่สาเหตุททํ
ี าให ้พอลิเมอร์ชนิดทีสามารถเกิดโครงสร ้างผลึกได ้มีลก
ั ษณะเป็ นแบบกึงผลึก
ข ้อที 273 : (Semicrystalline) เท่านัน
โครงสร ้างผลึกแบบ body-centered cubic (BCC) ในหนึงหน่วยเซลล์ (Unit cell) ประกอบด ้วยกีอะตอม
1 : เพราะพอลิเมอร์มโี ครงสร ้างผลึกทียุง่ ยากซับซ ้อน
1 : 1 อะตอม 2 : เพราะพอลิเมอร์มส ี ายโซ่โมเลกุลทียาวมาก
2 : 2 อะตอม 3 : เพราะการจัดเรียงตัวให ้เป็ นระเบียบของทุกโมเลกุลของพอลิเมอร์ทําได ้ยาก
3 : 3 อะตอม 4 : เพราะพอลิเมอร์มส ี ายโซ่โมเลกุลทีสันเกินไป
4 : 4 อะตอม
คําตอบทีถูกต ้อง : 4
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
ธิ

ธิ

ข ้อที 279 :
สท

สท

ข ้อที 274 : ปริมาณความเป็ นผลึกของพอลิเมอร์มผ


ี ลต่อความหนาแน่นของพอลิเมอร์ชนิดนันอย่างไร
โครงสร ้างผลึกแบบ Face-centered cubic (FCC) ในหนึงหน่วยเซลล์ (Unit cell) ประกอบด ้วยกีอะตอม

1 : ปริมาณผลึกทีมากขึน ทําให ้ความหนาแน่นเพิมขึน


1 : 1 อะตอม 2 : ปริมาณผลึกทีมากขึน ทําให ้ความหนาแน่นลดลง
วน

วน

2 : 2 อะตอม 3 : ปริมาณผลึกทีมากขึน อาจทําให ้ความหนาแน่นเพิมขึนหรือลดลงก็ได ้


3 : 3 อะตอม 4 : ปริมาณผลึกไม่มผ
ี ลต่อความหนาแน่น
สง

สง

4 : 4 อะตอม
คําตอบทีถูกต ้อง : 1
คําตอบทีถูกต ้อง : 4
ขอ

ขอ


รข

รข
ข ้อที 280 : ข ้อที 285 :
พันธะเคมีทเกิี ดในสายโซ่หลักของโมเลกุลพอลิเมอร์คอ
ื พันธะชนิดใด ข ้อใดคือโครงสร ้างผลึกของมาร์เทนไซต์ (Martensite)


1 : พันธะโคเวเลนต์ (Covalent bond) 1 : Face-centered cubic (FCC)

ิ ว

ิ ว
2 : พันธะไอออนิก (Ionic bond) 2 : Body-centered cubic (BCC)

าว ศ

าว ศ
3 : พันธะโลหะ (Metallic bond) 3 : Body-centered tetragonal (BCT)
4 : พันธะแวนเดอร์วาลส์ (Van der Waals bond) 4 : Face-centered tetragonal (FCT)
สภ

สภ
คําตอบทีถูกต ้อง : 1 คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 281 : ข ้อที 286 :


โครงสร ้างโมเลกุลของพอลิเอทิลน ี (Polyethylene) แบบกิง (Branched) มีสมบัตต
ิ า่ งจากโครงสร ้างโมเลกุลของ ข ้อใดคือโครงสร ้างผลึกของเบไนต์ (Bainite)
พอลิเอทิลน ี แบบเส ้นตรง (Linear) อย่างไร
1 : Face-centered cubic (FCC)
1 : ความแข็งแรงเพิมขึน 2 : Body-centered cubic (BCC)
2 : ความเป็ นผลึกลดลง 3 : Body-centered tetragonal (BCT)
3 : การยืดและหดตัวลดลง 4 : Face-centered tetragonal (FCT)
4 : ความทนต่อการถูกขีดข่วนเพิมขึน
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 287 :
ข ้อที 282 : โครงสร ้างจุลภาคของรอยเชือมเหล็กกล ้าไร ้สนิมออสเทไนต์ (Austenite stainless steel) บริเวณพืนทีหลอมเหลว
ข ้อใดคือคําจํากัดความของ Tg (Glass transition temperature) (Fusion zone) ประกอบด ้วยเฟสต่างๆ ดังในข ้อใดต่อไปนี
1 : อุณหภูมท ิ สายโซ่
ี รองของโมเลกุลพอลิเมอร์สามารถเคลือนทีได ้ 1 : ออสเทไนต์ (Austenite)
2 : อุณหภูมท ิ สายโซ่
ี หลักของโมเลกุลพอลิเมอร์สามารถเคลือนทีได ้ 2 : ออสเทไนต์ (Austenite) และ เฟร์ไรต์ (Ferrite)
3 : อุณหภูมใิ นการเกิดผลึก 3 : ออสเทไนต์ (Austenite) และ เพอร์ไลต์ (Pearlite)
4 : อุณหภูมใิ นการหลอมเหลว 4 : ออสเทไนต์ (Austenite) และ คาร์ไบด์ (Carbide)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2 คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 283 : ข ้อที 288 :


ถ ้านํ าพอลิเมอร์ทมี
ี โครงสร ้างภายในเป็ นแบบกึงผลึก (Semicrystalline polymer) มาอบทีอุณหภูมส
ิ งู กว่า Tg การเกิดข ้อบกพร่องแบบ Schottky มักเกิดกับผลึกทียึดกันด ้วยพันธะชนิดใด
(Glass transition temperature) ประมาณ 10 – 20 องศาเซลเซียส เป็ นเวลา 24 ชัวโมง ผลทีได ้จะเป็ นอย่างไร
1 : พันธะโลหะ (Metallic bond)
1 : สภาพดึงยืดได ้ (Ductility) เพิมขึน 2 : พันธะโควาเลนท์ (Covalent bond)
2 : ความแข็งแรงทีจุดคราก (Yield strength) ลดลง 3 : พันธะไอออนิก (Ionic bond)
3 : ค่ามอดุลส
ั สภาพยืดหยุน ่ (Modulus of elasticity) เพิมขึน 4 : พันธะแวนเดอร์วาลส์ (Van der Waals bond)
4 : ความแข็ง (Hardness) ลดลง
คําตอบทีถูกต ้อง : 3
คําตอบทีถูกต ้อง : 3


ิ ธ

ิ ธ
ข ้อที 289 :
ข ้อที 284 : ทําไมข ้อบกพร่องแบบ Frenkel มักเกิดกับ Cation มากกว่า Anion
สท

สท
พอลิเมอร์ทไม่ี สามารถเกิดโครงสร ้างผลึกได ้ คือพอลิเมอร์ชนิดใดต่อไปนี
1 : Cation มีขนาดใหญ่กว่า Anion
1 : พอลิเอทิลน
ี (Polyethylene) 2 : Anion มีขนาดใหญ่กว่า Cation
วน

วน
2 : พอลิเอทิลนี เทเรฟทาเลต (Polyethylene terephthalate) 3 : การแทรกของ Anion ในผลึกเกิดได ้ง่ายกว่า
3 : ไนลอน (Nylon) 4 : Anion มักจะอยูไ่ ม่เป็ นระเบียบ
4 : พอลิสไตรีน (Polystyrene)
สง

สง
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
คําตอบทีถูกต ้อง : 4
ขอ ขอ

ขอ ขอ
ข ้อที 290 : ข ้อที 295 :
ทําไมแกรไฟต์ (Graphite) ถึงสามารถหลุดออกเป็ นแผ่นๆได ้ง่าย พันธะในข ้อใดต่อไปนีมีความแข็งแรงน ้อยทีสุด
กร

กร

1 : ระหว่างชันของโครงสร ้างแกรไฟต์ยด ึ กันด ้วยพันธะไอออนิก (Ionic bond) 1 : พันธะไอออนิก


2 : ระหว่างชันของโครงสร ้างแกรไฟต์ไม่มก ี ารยึดกันด ้วยพันธะใดๆ 2 : พันธะแวนเดอร์วาลส์
ิ ว

ิ ว

3 : ระหว่างชันของแกรไฟต์ยด ึ กันด ้วยพันธะโควาเลนท์ (Covalent bond) 3 : พันธะโลหะ


าวศ

าวศ

4 : ระหว่างชันของโครงสร ้างแกรไฟต์เป็ นพันธะแวนเดอร์วาลส์ (Van der Waals bond) 4 : พันธะไฮโดรเจน

คําตอบทีถูกต ้อง : 4 คําตอบทีถูกต ้อง : 2


สภ

สภ

ข ้อที 291 : ข ้อที 296 :


ข ้อใดต่อไปนีไม่ใช่โครงสร ้างผลึกของเซรามิก โครงสร ้างผลึกในข ้อใดต่อไปนีทีอะตอมมีการบรรจุแบบชิดทีสุด (closed pack)
1 : BaTiO3 1 : FCC และ BCC
2 : FCC และ HCP
2 : NaCl
3 : BCC และ HCP
3 : Al2O3
4 : Simple cubic และ HCP
4 : CH4
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 297 :
ข ้อที 292 : พันธะใดต่อไปนีเกิดขึนระหว่างโมเลกุลของนํ าในนํ าแข็ง
ข ้อใดไม่ถก
ู ต ้องเมือกล่าวถึงโครงสร ้างของแก ้ว 1 : พันธะโคเวเลนซ์
1 : แก ้วมีโครงสร ้างเป็ นตาข่าย (Network structure) ทีมีทศ
ิ ทางไม่แน่นอน 2 : พันธะไอออนิก
2 : พันธะของโครงสร ้างของแก ้วยึดกันด ้วยพันธะไอออนิก (Ionic bond) 3 : พันธะไฮโดรเจน
3 : แก ้วมีโครงสร ้างแบบไม่เป็ นผลึก 4 : พันธะโลหะ
4 : โครงสร ้างของแก ้วเกิดจากการยึดกันของ SiO44 -
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 298 :
สารประกอบของ LiAg มีหน่วยเซลล์เป็ นแบบ Simple cubic และอะตอมทังสองชนิดต่างมีเลขโคออร์ดเิ นชันเท่ากับ
ข ้อที 293 : 8 ดังนัน หน่วยเซลล์ดงั กล่าวนีจะมีลก
ั ษณะเหมือนกับผลึกในข ้อใด
โครงสร ้างผลึกแบบ Perovskite มีความสําคัญสําหรับวัสดุประเภทใด
1 : NaCl
1 : Pyroelectric material 2 : ZnS
2 : Piezoelectric material 3 : CsCl
3 : Semiconductor 4 : AgCl
4 : Capacitor
คําตอบทีถูกต ้อง : 3
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 299 :
ข ้อที 294 : ข ้อใดกล่าวถึงพันธะไอออนิกไม่ถก
ู ต ้อง
ธิ

ธิ

ข ้อใดไม่ใช่องค์ประกอบของอะตอม
สท

สท

1 : เป็ นพันธะทีเกิดระหว่างธาตุโลหะและธาตุอโลหะซึงมีคา่ อิเลคโตรเนกาติวต


ิ ต่
ี างกันมากๆ
1 : นิวเคลียร์ 2 : เป็ นพันธะทีเกิดแรงยึดเหนียวระหว่างไอออนบวกและไอออนลบ

2 : นิวตรอน 3 : ขนาดของไอออนยิงมีขนาดใหญ่พลังงานพันธะจะยิงมีคา่ เพิมมากขึน


3 : อิเล็กตรอน
วน

วน

4 : ของแข็งทีเกิดพันธะไอออนิกจะมีการจัดเรียงไอออนให ้มีความเป็ นกลางทางไฟฟ้ า


4 : โปรตอน
คําตอบทีถูกต ้อง : 3
สง

สง

คําตอบทีถูกต ้อง : 1
ขอ

ขอ


ข ้อที 300 : ข ้อใดคือลักษณะเด่นของวัสดุอล
ิ าสโตเมอร์ (Elastomer)

รข

รข
พันธะทีเกิดขึนระหว่างสายโซ่โมเลกุลของพอลิเมอร์เป็ นพันธะชนิดใด 1 : มีความแข็งและความแข็งแรงสูง
1 : พันธะแวนเดอร์วาลส์ (Van der Waals bond) 2 : มีสภาพดึงยืดได ้สูงและกลับคืนสูส่ ภาพเดิมหลังปล่อยแรงกระทํา


2 : พันธะโลหะ (Metallic bond) 3 : ทนความร ้อนได ้สูง
3 : พันธะไอออนิก (Ionic bond) 4 : สามารถขึนรูปซําได ้เมือให ้ความร ้อน

ิ ว

ิ ว
4 : พันธะโควาเลนซ์ (Covalent bond)

าว ศ

าว ศ
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
คําตอบทีถูกต ้อง : 1
สภ

สภ
ข ้อที 306 :
ข ้อที 301 : เหตุใดโลหะจึงมีการนํ าไฟฟ้ าและความร ้อนได ้ดี
ตําหนิแบบใดพบได ้เฉพาะในเซรามิกเท่านัน 1 : เพราะโครงสร ้างมีความเป็ นผลึกสูง
1 : ตําหนิแบบช่องว่าง (Vacancy) 2 : เพราะโครงสร ้างมีการจัดเรียงตัวของอะตอมหนาแน่น
2 : ตําหนิแบบดิสโลเคชัน (Dislocation) 3 : เพราะโครงสร ้างมีอเิ ล็กตรอนอิสระ
3 : ตําหนิแบบชอตกี (Schottky defect) 4 : เพราะโครงสร ้างมีทงแอนไอออนและแคทไอออน
ั (Anion and cation)
4 : ตําหนิแบบแทรกช่องว่างระหว่างอะตอม (Interstitial defect)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 307 :
ข ้อที 302 : เหล็กกล ้าคาร์บอนตํามีการจัดเรียงของโครงสร ้างอะตอมอย่างไรทีอุณหภูมห
ิ ้อง
โดยทัวไปอะตอมโลหะมีการจัดเรียงตัวของโครงสร ้างเป็ นอย่างไร 1 : Body-centered cubic (BCC)
1 : ผลึกเดียว (Single crystal) 2 : Face-centered cubic (FCC)
2 : หพุผลึก (Polycrystalline) 3 : Body-centered tetragonal (BCT)
3 : กึงผลึก (Semi-crystalline) 4 : Face-centered tetragonal (FCT)
4 : อสัณฐาน (Amorphous)
คําตอบทีถูกต ้อง : 1
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 308 :
ข ้อที 303 : สิงใดต่อไปนีไม่สามารถพบได ้ในวัสดุผลึกเดียว (Single crystal)
เหตุใดยาง (Rubber) สามารถดึงยืดได ้มากและกลับคืนสูร่ ป
ู ร่างเดิมหลังปล่อยแรงกระทํา 1 : ตําหนิแบบช่องว่าง (Vacancy)
1 : เพราะโครงสร ้างโมเลกุลเป็ นแบบสายโซ่ตรง (Linear polymer) สูง 2 : รอยต่อระหว่างเกรน (Grain boundary)
2 : เพราะโครงสร ้างโมเลกุลเป็ นแบบโครงร่างตาข่าย (Network polymer) สูง 3 : รอยต่อระหว่างเฟส (Phase boundary)
3 : เพราะโครงสร ้างมีการเชือมต่อระหว่างสายโซ่โมเลกุลในระดับหนึง (Lightly crosslinked polymer) 4 : ตําหนิแบบแทรกช่องว่างระหว่างอะตอม (Interstitial defect)
4 : เพราะโครงสร ้างโมเลกุลเป็ นแบบกิงก ้าน (Branched polymer) สูง
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 309 :
ข ้อที 304 : ข ้อใดต่อไปนีไม่ใช่ปัจจัยทีมีผลต่อการจัดเรียงตัวของโครงสร ้างอะตอมในเซรามิก
ปฏิกริ ย
ิ าใดทีทําให ้เกิดการเชือมสายโซ่โมเลกุลในยาง (Rubber) 1 : ชนิดของตําหนิ
1 : Polymerization 2 : ขนาดของอะตอม


ิ ธ

ิ ธ
2 : Oxidation 3 : สมดุลประจุของโครงสร ้าง
สท

สท
3 : Condensation 4 : ชนิดของอะตอม
4 : Vulcanization
คําตอบทีถูกต ้อง : 1
วน

วน
คําตอบทีถูกต ้อง : 4
สง

สง
ข ้อที 310 :
ข ้อที 305 : ข ้อใดคือลักษณะทัวไปของพอลิเมอร์ชนิดเทอร์โมเซตติง (Thermosetting)
ขอ ขอ

ขอ ขอ
1 : มีโครงสร ้างโมเลกุลเป็ นแบบโครงร่างตาข่าย (Network) สามารถขึนรูปใหม่ได ้เมือให ้ความร ้อน 2 : Tetrahedral
2 : มีโครงสร ้างโมเลกุลเป็ นแบบสายโซ่ตรง (Linear) สามารถขึนรูปใหม่ได ้เมือให ้ความร ้อน 3 : Octahedral
3 : มีโครงสร ้างโมเลกุลเป็ นแบบโครงร่างตาข่าย (Network) ไม่สามารถขึนรูปใหม่ได ้เมือให ้ความร ้อน 4 : Cubic
กร

กร

4 : มีโครงสร ้างโมเลกุลเป็ นแบบกิง (Branched) ไม่สามารถขึนรูปใหม่ได ้เมือให ้ความร ้อน


คําตอบทีถูกต ้อง : 2
ิ ว

ิ ว

คําตอบทีถูกต ้อง : 3
าวศ

าวศ

เนือหาวิชา : 246 : 09 Processing-Structure relationships

ข ้อที 311 :
สภ

สภ

ตําหนิแบบใดไม่สามารถเพิมความแข็งแรงให ้ชินงานโลหะได ้
ข ้อที 315 :
1 : ตําหนิแบบแทนที (Substitutional defect) ข ้อใดต่อไปนีถูกต ้องทีสุด
2 : ตําหนิแบบแทรกตัวในช่องว่าง (Interstitial defect)
1 : เหล็กโครงสร ้าง FCC มีความแข็งแรงเพิมขึนช ้ากว่าเหล็กโครงสร ้าง BCC ระหว่างการขึนรูปเย็น (Cold
3 : ตําหนิแบบช่องว่าง (Vacancy)
working)
4 : ตําหนิแบบดิสโลเคชัน (Dislocation)
2 : การเคลือน (Dislocation) ในผลึกโครงสร ้าง FCC สามารถเคลือนทีได ้ยากกว่าในผลึกโครงสร ้าง BCC
3 : การเคลือน (Dislocation) ในผลึกโครงสร ้าง FCC สามารถเคลือนทีได ้ง่ายกว่าในผลึกโครงสร ้าง HCP
คําตอบทีถูกต ้อง : 3
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ผิด

คําตอบทีถูกต ้อง : 3
ข ้อที 312 :
ข ้อใดคือลักษณะของตําหนิแบบชอตกี (Schottky defect)
1 : เกิดการแทรกตัวของแคทไอออน และเกิดช่องว่างของแคทไอออนในโครงสร ้าง ข ้อที 316 :
2 : เกิดการแทรกตัวของแอนไอออน และเกิดช่องว่างของแอนไอออนในโครงสร ้าง การชุบแข็งเหล็กกล ้าคาร์บอนปานกลาง ต ้องทําการเผาเหล็กจนได ้โครงสร ้างใดก่อนทําให ้เย็นตัวอย่างรวดเร็ว
3 : เกิดการแทรกตัวของแอนไอออน และเกิดช่องว่างของแอนไอออนในโครงสร ้าง
1 : เฟร์ไรต์ (Ferrite)
4 : เกิดช่องว่างของแคทไอออนและแอนไอออนในโครงสร ้าง
2 : ออสเทไนต์ (Austenite)
3 : ซีเมนไทต์ (Cementite)
คําตอบทีถูกต ้อง : 4
4 : มาร์เทนไซต์ (Martensite)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
ข ้อที 313 :
ข ้อใดต่อไปนีกล่าวไม่ถก
ู ต ้องเกียวกับโครงสร ้างพอลิเมอร์
1 : พันธะทีเกิดขึนภายในและระหว่างสายโซ่โมเลกุลเป็ นพันธะโควาเลนต์ ข ้อที 317 :
2 : โครงสร ้างโมเลกุลหลักประกอบไปด ้วยคาร์บอนและไฮโดรเจน เหล็กหล่อขาว (White cast iron) มีโครงสร ้างจุลภาคดังในข ้อใดต่อไปนี
3 : สายโซ่โมเลกุลโดยทัวไปมีนําหนัก 10,000 ถึง 1,000,000 กรัมต่อโมล
1 : เฟร์ไรต์ และ เพอร์ไลต์ (Ferrite & Pearlite)
4 : มีโครงสร ้างทังแบบธรรมชาติและแบบสังเคราะห์
2 : ซีเมนไทต์ และ เพอร์ไลต์ (Cementite & Pearlite)
3 : เฟร์ไรต์ และ แกรไฟต์ (Ferrite & Graphite)
คําตอบทีถูกต ้อง : 1
4 : เพอร์ไลต์ และ แกรไฟต์ (Peartite & Graphite)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
ข ้อที 314 :
กําหนดให ้ไอออน Zn2+ และ S2- มีขนาดรัศมี 0.074 และ 0.184 นาโนเมตร ตามลําดับ จากตารางต่อไปนี จง
ทํานายลักษณะรูปแบบโครงสร ้างผลึกของสารประกอบ ZnS ข ้อที 318 :
ข ้อใดคือโครงสร ้างของเหล็กกล ้าคาร์บอนปานกลางทีได ้จากการปล่อยให ้เย็นอย่างช ้าๆ จากโครงสร ้างออสเทไนต์
อ ัตราส่วนขนาดของแคทไอออน (Austenite)
รูปแบบโครงสร้างผลึกเซรามิก
ธิ

ธิ

ต่อแอนไอออน (rcation/ ranion)


1 : Cementite + Pearlite
สท

สท

< 0.155 linear 2 : Ferrite + Pearlite


0.155 - 0.225 Triangular 3 : Bainite + Pearlite


0.225 - 0.414 Tetrahedral 4 : Martensite + Pearlite
วน

วน

0.414 - 0.732 Octahedral


คําตอบทีถูกต ้อง : 2
0.732 - 1.0 Cubic
สง

สง

1 : Triangular
ขอ

ขอ


4 : ขันตอนการสินสุดปฏิกริ ย
ิ า (Termination)

รข

รข
ข ้อที 319 :
ข ้อใดคือโครงสร ้างจุลภาคของเหล็กกล ้าคาร์บอนทีผ่านการเผาด ้วยอุณหภูมค
ิ งทีประมาณ 730 - 750 องศา คําตอบทีถูกต ้อง : 3
เซลเซียส เป็ นเวลานาน 20 ชัวโมง


1 : เพอร์ไลต์หยาบ (Coarse pearlite)

ิ ว

ิ ว
2 : เพอร์ไลต์ละเอียด (Fine pearlite)

าวศ

าว ศ
ข ้อที 324 :
3 : สเฟี ยรอยไดต์ (Spheroidite) เหล็กกล ้าคาร์บอนปานกลาง (0.4wt%C) ในข ้อใดต่อไปนี มีความแข็งมากทีสุด
4 : เบไนต์แบบขนนก (Feathery bainite)
1 : อบทีอุณหภูม ิ 1050 องศาเซลเซียส ปล่อยให ้เย็นในเตา
สภ

สภ
คําตอบทีถูกต ้อง : 3 2 : อบทีอุณหภูม ิ 1050 องศาเซลเซียส ปล่อยให ้เย็นในอากาศ
3 : อบทีอุณหภูม ิ 950 องศาเซลเซียส ปล่อยให ้เย็นในเตา
4 : อบทีอุณหภูม ิ 950 องศาเซลเซียส ปล่อยให ้เย็นในนํ า

ข ้อที 320 : คําตอบทีถูกต ้อง : 4


ในกระบวนการหล่อโลหะ เมือโลหะทีหลอมเหลวเกิดการแข็งตัว และเกิดโพรงช่องว่างขึนภายในชินงาน ซึงถือว่า
เป็ นความบกพร่องประเภทใด
1 : ความบกพร่องแบบจุด ข ้อที 325 :
2 : ความบกพร่องแบบเส ้น โครงสร ้างทีทนต่อการคืบ (Creep) ได ้ดีทสุ
ี ดคือ ข ้อใดต่อไปนี
3 : ความบกพร่องแบบระนาบ
4 : ความบกพร่องแบบปริมาตร 1 : ผลึกเดียว (Single crystal)
2 : โครงสร ้างทีมีเกรนขนาดใหญ่
คําตอบทีถูกต ้อง : 4 3 : โครงสร ้างทีมีเกรนขนาดเล็ก
4 : โครงสร ้างทีมีเกรนรูปร่างเรียวยาว

คําตอบทีถูกต ้อง : 1
ข ้อที 321 :
ข ้อใดกล่าวไม่ถก
ู ต ้อง
1 : Equiaxed grains เป็ นเกรนทีเกิดจากผลึกทีโตสมําเสมอในทุกทิศทาง ข ้อที 326 :
2 : Columnar grains พบบริเวณทีนํ าโลหะสัมผัสกับผิวแม่พม ิ พ์ โครงสร ้างของเหล็กกล ้าคาร์บอนในข ้อใดต่อไปนีทีทนต่อแรงกระแทกทีอุณหภูมต
ิ ําได ้ดีทสุ
ี ด
3 : Equiaxed grains เกิดเนืองจากนํ าโลหะเย็นตัวอย่างรวดเร็ว
4 : Columnar grains มิทศ ่ ายในของแม่พม
ิ ทางเติบโตเข ้าสูภ ิ พ์ 1 : ออสเทไนต์ (Austenite) เกรนขนาดใหญ่
2 : เฟร์ไรต์ (Ferrite) เกรนขนาดใหญ่
คําตอบทีถูกต ้อง : 2 3 : ออสเทไนต์ (Austenite) เกรนขนาดเล็ก
4 : เฟร์ไรต์ (Ferrite) เกรนขนาดเล็ก

คําตอบทีถูกต ้อง : 3
เนือหาวิชา : 247 : 10 Structure-Property relationships

ข ้อที 322 : ข ้อที 327 :


เพราะเหตุใดเหล็กแผ่นทีผ่านกระบวนการขึนรูปด ้วยวิธรี ด
ี เย็น (Cold rolling) จึงมีความแข็งมากกว่าเหล็กแผ่นทีผลิต สารประกอบออกไซด์ประเภทใดทีช่วยทําให ้ความหนืดของแก ้วตําลง
ด ้วยวิธรี ด
ี ร ้อน (Hot rolling) 1 : ์Na2O
1 : การรีดเย็นทําให ้แผ่นเหล็กเกิด Work hardening โดยไม่ทําให ้เกิดผลึกใหม่ (Recrystallization) 2 : Al2O3
2 : การรีดเย็นทําให ้มีความเค ้นตกค ้าง (Residual stress) บนผิวเหล็กแผ่นน ้อยกว่าการรีดร ้อน
3 : SiO2
3 : การรีดเย็นทําให ้ผิวเหล็กแผ่นเกิดออกไซด์มากกว่าการรีดร ้อน
4 : การรีดเย็นทําให ้โครงสร ้างจุลภาคมีขนาดใหญ่ขน ึ 4 : TiO2


ิ ธ

ิ ธ
คําตอบทีถูกต ้อง : 1 คําตอบทีถูกต ้อง : 1
สท

สท
ข ้อที 323 : ข ้อที 328 :
วน

วน
ขันตอนใดต่อไปนี ไม่ใช่ขนตอนในการเกิ
ั ดปฏิกริ ย
ิ าพอลิเมอร์ไรเซชันแบบเติม (Addition Polymerization) การเติมสาร Intermediate oxides ในแก ้วเพือประโยชน์อะไร
1 : ขันเริมต ้นปฏิกริ ย
ิ า (Initiation) 1 : เพือให ้สามารถขึนรูปแก ้วได ้ง่ายขึน
สง

สง
2 : ขันตอนการดําเนินไปของปฏิกริ ย ิ า (Propagation) 2 : เพือให ้แก ้วมีความหนืดตําลง
3 : ขันตอนการเกิดโครงสร ้างตาข่าย (Vulcanization) 3 : เพือปรับปรุงสมบัตข ิ องแก ้ว
ขอ ขอ

ขอ ขอ
4 : เพือทําให ้แก ้วหลอมตัวทีอุณหภูมต
ิ ําลง 4 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมดูเพล็กซ์ (Duplex stainless steel)

คําตอบทีถูกต ้อง : 3 คําตอบทีถูกต ้อง : 2


กร

กร
ิ ว

ิ ว
าวศ

าวศ

ข ้อที 329 : ข ้อที 334 :


การเติมสาร Glass-modifying oxide ในแก ้วเพือประโยชน์อะไร ข ้อความใดต่อไปนีเป็ นการกล่าวทีผิด
1 : เพือให ้แก ้วมีความต ้านทานต่อการเปลียนแปลงอุณหภูม ิ (Thermal shock resistance) 1 : วัสดุทมี
ี โครงสร ้างผลึกแบบ FCC มีคา่ การจัดเรียงตัวของอะตอม (Atomic packing factor, APF) มากกว่า
สภ

สภ

2 : เพือให ้แก ้วมีความหนืดตําลง วัสดุทมี


ี โครงสร ้างผลึกแบบ BCC
3 : เพือให ้แก ้วมีความแข็งสูงขึน 2 : วัสดุทมีี เกรนเป็ นจํานวนมากมีความแข็งแรงมากกว่าวัสดุทมี ี เกรนจํานวนน ้อยกว่าในปริมาตรเดียวกันของวัสดุ
4 : เพือให ้แก ้วมีผลึกเกิดขึน ชนิดเดียวกัน
3 : วัสดุทมี ี เกรนเป็ นจํานวนมากมีการนํ าไฟฟ้ าทีแย่กว่าวัสดุทมี
ี เกรนจํานวนน ้อยกว่าในปริมาตรเดียวกันของวัสดุ
คําตอบทีถูกต ้อง : 2 ชนิดเดียวกัน
4 : วัสดุทมี ี ความบกพร่องประเภทจุดแบบ Self-interstitial มีความแข็งน ้อยกว่าวัสดุทไม่ ี มคี วามบกพร่องประเภท
จุดของวัสดุชนิดเดียวกัน

ข ้อที 330 : คําตอบทีถูกต ้อง : 4


ในกรรมวิธก ี ารเชือมชินงานเหล็กกล ้าคาร์บอนสูง (High carbon steel) โครงสร ้างทางจุลภาคในบริเวณกระทบร ้อน
(Heat-affected zone) ของชินงานสามารถเกิดการเปลียนแปลงได ้เป็ นอะไร
1 : เพอร์ไลต์หยาบ และเฟร์ไลต์ (Coarse Pearlite & Ferrite)
2 : เพอร์ไลต์หยาบ และซีเมนไทต์ (Coarse Pearlite & Cementite) ข ้อที 335 :
3 : เพอร์ไลต์ละเอียด และเฟร์ไลต์ (Fine Pearlite & Ferrite) ถ ้าแสงสามารถส่องทะลุผา่ นแผ่นบางของอะลูมเิ นียมออกไซด์ (Al2O3) ได ้ทังหมด ข ้อใดคือโครงสร ้างของ
4 : เพอร์ไลต์ละเอียด และซีเมนไทต์ (Fine Pearlite & Cementite) อะลูมเิ นียมออกไซด์แผ่นนัน
1 : ผลึกเดียว (Single crystal)
คําตอบทีถูกต ้อง : 4 2 : พหุผลึก (Polycrystal) เนือแน่นไม่มช ่ งว่างภายใน
ี อ
3 : ่ งว่างภายใน
พหุผลึก (Polycrystal) ทีมีชอ
4 : อสัณฐาน (Amorphous)
ข ้อที 331 :
อุณหภูมท ิ เหมาะสมในการเผาเหล็
ี กสําหรับกระบวนการชุบแข็งควรอยูใ่ นช่วงใด และเพราะเหตุใด คําตอบทีถูกต ้อง : 1

1 : มากกว่า 727 องศาเซลเซียส เพราะเหล็กสามารถเปลียนโครงสร ้างเป็ นออสเทไนต์ (Austenite) ได ้ทังหมด


2 : มากกว่า 912 องศาเซลเซียส เพราะเหล็กสามารถเปลียนโครงสร ้างเป็ นออสเทไนต์ (Austenite) ได ้ทังหมด
3 : มากกว่า 727 องศาเซลเซียส เพราะประหยัดพลังงานเชือเพลิงมากทีสุด ข ้อที 336 :
4 : มากกว่า 912 องศาเซลเซียส เพราะประหยัดพลังงานเชือเพลิงมากทีสุด ถ ้าแสงสามารถส่องทะลุผา่ นแผ่นบางของอะลูมเิ นียมออกไซด์ (Al2O3) ได ้บางส่วน ข ้อใดคือโครงสร ้างของ
อะลูมเิ นียมออกไซด์แผ่นนัน
คําตอบทีถูกต ้อง : 1
1 : ผลึกเดียว (Single crystal)
2 : พหุผลึก (Polycrystal) เนือแน่นไม่มช ่ งว่างภายใน
ี อ
3 : ่ งว่างภายใน
พหุผลึก (Polycrystal) ทีมีชอ
ข ้อที 332 : 4 : อสัณฐาน (Amorphous)
ี ทีหลอมเหลวค่อยๆเย็นตัวลงอย่างช ้าๆ จนถึงอุณหภูมห
ข ้อใดต่อไปนีถูกต ้อง เมือให ้พอลิเอทิลน ิ ้อง
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
1 : พอลิเอทิลน
ี จะยังคงเป็ นพอลิเมอร์อสัณฐาน
2 : พอลิเอทิลนี จะตกผลึก
3 : พอลิเอทิลน ี จะมีสมบัตคิ ล ้ายแก ้ว
4 : พอลิเอทิลน ี จะมีบางบริเวณทีมีสมบัตค
ิ ล ้ายแก ้ว และมีบางบริเวณทีมีสมบัตค
ิ ล ้ายยาง ข ้อที 337 :
ถ ้าแสงไม่สามารถส่องทะลุผา่ นแผ่นบางของอะลูมเิ นียมออกไซด์ (Al2O3) ได ้ ข ้อใดคือโครงสร ้างของอะลูมเิ นียม
ธิ

ธิ

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
ออกไซด์แผ่นนัน
สท

สท

1 : ผลึกเดียว (Single crystal)


2 : พหุผลึก (Polycrystal) เนือแน่นไม่มช ่ งว่างภายใน


ี อ
ข ้อที 333 : 3 : ่ งว่างภายใน
พหุผลึก (Polycrystal) ทีมีชอ
วน

วน

เหล็กกล ้าไร ้สนิมชนิดใดต่อไปนีทีแม่เหล็กดูดไม่ตด


ิ 4 : อสัณฐาน (Amorphous)
1 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมเฟร์ไรต์ (Ferritic stainless steel)
สง

สง

2 : เหล็กกล ้าไร ้สนิม ออสเทนไนต์ (Austenitic stainless steel) คําตอบทีถูกต ้อง : 3


3 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมมาร์เทนไซต์ (Martensitic stainless steel)
ขอ

ขอ


โครงสร ้างจุลภาคระหว่างเพอร์ไลต์หยาบ (Coarse pearlite) และเพอร์ไลต์ละเอียด (Fine pearlite) โครงสร ้างใดมี

รข

รข
ข ้อที 338 : ความแข็งแรงมากกว่า และเพราะอะไร
ในโลหะชนิดเดียวกัน ลักษณะทางโครงสร ้างจุลภาคใดต่อไปนีทีสามารถเสียรูปจากการดึงได ้ง่ายทีสุด
1 : เพอร์ไลต์หยาบแข็งแรงมากกว่า เพราะมีปริมาณคาร์บอนอิสระมากกว่า
1 : มีเกรนเป็ นทรงกลม


2 : เพอร์ไลต์ละเอียดแข็งแรงมากกว่า เพราะมีปริมาณคาร์บอนอิสระมากกว่า
2 : มีเกรนเป็ นรูปเข็ม 3 : เพอร์ไลต์หยาบแข็งแรงมากกว่า เพราะมีขนาดของเกรนใหญ่กว่า

ิ ว

ิ ว
3 : มีเกรนเป็ นรูปแผ่น 4 : เพอร์ไลต์ละเอียดแข็งแรงมากกว่า เพราะมีขนาดของเกรนเล็กกว่า

าว ศ

าว ศ
4 : เท่ากันในทุกลักษณะของโครงสร ้าง
คําตอบทีถูกต ้อง : 4
คําตอบทีถูกต ้อง : 1
สภ

สภ
ข ้อที 343 :
ข ้อที 339 : จงเรียงลําดับโครงสร ้างจุลภาคทีมีความแข็งจากมากไปน ้อย
โครงสร ้างผลึกชนิดใดต่อไปนีสามารถเสียรูปจากการดึงได ้ง่ายทีสุด
1 : เพอร์ไลต์ (Pearlite), เบไนต์ (Bainite), มาร์เทนไซต์ (Martensite)
1 : Hexagonal closed-pack (HCP) 2 : เบไนต์ (Bainite), เพอร์ไลต์ (Pearlite), มาร์เทนไซต์ (Martensite)
2 : Face-centered cubic (FCC) 3 : มาร์เทนไซต์ (Martensite), เบไนต์ (Bainite), เพอร์ไลต์ (Pearlite)
3 : Body-centered cubic (BCC) 4 : เบไนต์ (Bainite), มาร์เทนไซต์ (Martensite), เพอร์ไลต์ (Pearlite)
4 : Simple cubic (SC)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 344 :
ข ้อที 340 : โครงสร ้างของเหล็กกล ้าสเฟี ยรอยไดซ์ (Spheroidized steel) มีสมบัตท
ิ างกลอย่างไร และเพราะอะไร
เพราะเหตุใดเซอร์โคเนียมออกไซด์ (ZrO2) ทีผสมด ้วยอิเทียมออกไซด์ (Y2O3) หรือทีเรียกว่า Yttria-stabilized
1 : มีความแข็งสูง เพราะปรากฏโครงสร ้างของซีเมนไทต์ (Cementite) แบบแท่ง
zirconia (YSZ) จึงสามารถนํ ามาใช ้เป็ นตัวตรวจวัดปริมาณก๊าซออกซิเจน (Oxygen sensor) ได ้ 2 : มีความอ่อนตัวสูง เพราะปรากฏโครงสร ้างของซีเมนไทต์ (Cementite) แบบกลม
1 : เนืองจากการผสมอิเทียมออกไซด์ทําให ้เกิดช่องว่างของประจุบวก (Cation vacancy) ขึนในโครงสร ้างผลึก 3 : มีความแข็งสูง เพราะปรากฏโครงสร ้างของกราไฟต์ (Graphite) แบบแท่ง
ของเซอร์โคเนียมออกไซด์ ทําให ้ออกซิเจนไอออนสามารถเคลือนทีเข ้ามาได ้ จึงสามารถใช ้ตรวจวัดปริมาณ 4 : มีความอ่อนตัวสูง เพราะปรากฏโครงสร ้างของกราไฟต์ (Graphite) แบบกลม
ออกซิเจนได ้
2 : เนืองจากการผสมอิเทียมออกไซด์ทําให ้เกิดช่องว่างของประจุลบ (Anion vacancy) ขึนในโครงสร ้างผลึก คําตอบทีถูกต ้อง : 2
ของเซอร์โคเนียมออกไซด์ ทําให ้ออกซิเจนไอออนสามารถเคลือนทีเข ้ามาได ้ จึงสามารถใช ้ตรวจวัดปริมาณ
ออกซิเจนได ้
3 : เนืองจากอิเทียมไอออนมีขนาดเล็กกว่าเซอร์โคเนียมไอออน เมือผสมกันแล ้วเกิดการแทนทีของประจุบวกขึน
ส่งผลให ้โครงสร ้างผลึกของเซอร์โคเนียมออกไซด์เกิดการหดตัว ทําให ้ออกซิเจนไอออนสามารถเคลือนทีเข ้ามา ข ้อที 345 :
ได ้ จึงสามารถใช ้ตรวจวัดปริมาณออกซิเจนได ้ เซรามิกทัวไปมีคา่ ของสมบัตใิ นข ้อใดน ้อยกว่าของโลหะทัวไป
4 : เนืองจากเนืองจากอิเทียมไอออนมีขนาดใหญ่กว่าเซอร์โคเนียมไอออน เมือผสมกันแล ้วเกิดการแทนทีของ 1 : Hardness
ประจุบวกขึน ส่งผลให ้โครงสร ้างผลึกของเซอร์โคเนียมออกไซด์เกิดการขยายตัว ทําให ้ออกซิเจนไอออนสามารถ 2 : Thermal insulation
เคลือนทีเข ้ามาได ้ จึงสามารถใช ้ตรวจวัดปริมาณออกซิเจนได ้ 3 : Toughness
4 : Chemical resistance
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 341 :
ทําไมเซรามิกทีมีโครงสร ้างคล ้ายกับผลึกเดียว (Like a single crystal) ถึงยอมให ้แสงผ่านได ้ (Translucent) ข ้อที 346 :
1 : เนืองจากภายในเกรนมีการจัดเรียงอะตอมทีเกือบจะอยูใ่ นทิศทางเดียวกัน วัสดุในข ้อใดสามารถดูดกลืนพลังงานไว ้ก่อนทีจะเสียรูปทรงอย่างถาวรได ้สูง
2 : เนืองจากขอบเกรนมีความหนา 1 : แผ่นพลาสติกพอลิสไตรีน


ิ ธ

ิ ธ
3 : เนืองจากภายในเกรนมีธาตุอนมาแทรก
ื 2 : แผ่นยาง
สท

สท
4 : ่ งว่างเกิดขึนภายในเกรน
เนืองจากมีชอ 3 : แผ่นกระจก
4 : แผ่นสังกะสี
คําตอบทีถูกต ้อง : 1
วน

วน
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
สง

สง
ข ้อที 342 :
ข ้อที 347 :
ขอ ขอ

ขอ ขอ
ข ้อใดกล่าวถึงกระบวนการเกิดผลึกใหม่ (Recrystallization) ไม่ถก
ู ต ้อง ข ้อที 352 :
ข ้อใดคือลักษณะโครงสร ้างและสมบัตท
ิ พบได
ี ้ในพอลิเมอร์ชนิดเทอร์โมเซตติง (Thermosetting)
กร

กร

1 : ต ้องเกิดการเปลียนรูปน ้อยทีสุดค่าหนึงจึงจะสามารถเกิดผลึกใหม่ได ้ 1 : โครงสร ้างแบบสายโซ่ตรง มีความแข็งสูง


2 : ถ ้าปริมาณการเปลียนรูปน ้อยจะทําให ้อุณหภูมใิ นการเกิดผลึกใหม่สงู ขึน 2 : โครงสร ้างแบบโครงตาข่าย (Network) มีสภาพดึงยืดตํา
3 : ขนาดเกรนสุดท ้ายหลังการเกิดผลึกใหม่จะขึนอยูก ่ บ
ั ปริมาณการเปลียนรูป
ิ ว

ิ ว

3 : โครงสร ้างแบบกิง ต ้านทานการกัดกร่อนได ้ดี


4 : โลหะบริสท ุ ธิมีอณ
ุ หภูมก
ิ ารเกิดผลึกใหม่สงู กว่าโลหะผสม
าวศ

าวศ

4 : โครงสร ้างแบบครอสลิงค์ (Crosslink) มีสภาพดึงยืดสูง

คําตอบทีถูกต ้อง : 4 คําตอบทีถูกต ้อง : 2


สภ

สภ

ข ้อที 348 : ข ้อที 353 :


ข ้อใดไม่ใช่การเปลียนแปลงภายในเนือโลหะในช่วงการคืนตัว (Recovery) เมือนํ าโลหะทีผ่านการขึนรูปเย็นมา ในการผลิตเส ้นใยพอลิเมอร์มก
ั มีการดึงยืด (Stretching) หลังจากการผลิตเส ้นใยแล ้ว เพราะสาเหตุใดเป็ นหลัก
ทําการอบอ่อน
1 : เพิมความยาวของเส ้นใย
1 : ความแข็งแรงลดลงเล็กน ้อย 2 : เพิมเงางามของเส ้นใย
2 : ความเค ้นตกค ้างลดลง 3 : ช่วยให ้ง่ายต่อการจัดเก็บเส ้นใย
3 : จํานวนดิสโลเคชันเพิมขึน 4 : เพิมความแข็งแรงของเส ้นใย
4 : ความอ่อนตัวเพิมขึน
คําตอบทีถูกต ้อง : 4
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 354 :
ข ้อที 349 : เหตุใดเหล็กกล ้าไร ้สนิมจึงมีความต ้านทานการเกิดสนิมได ้ดี
กระบวนการอัดรีด (Extrusion) เป็ นขันตอนหนึงทีนํ ามาใช ้ขึนรูปผลิตภัณฑ์พลาสติกต่างๆ ยกเว ้นข ้อใด
1: มีธาตุนเิ กิลผสมอยู่ ซึงช่วยสร ้างชันฟิ ลม
์ นิเกิลออกไซด์ป้องกันการเกิด Oxidation ทีผิวชินงานได ้ดี
1 : ท่อนํ า 2: มีธาตุโครเมียมผสมอยู่ ซึงช่วยสร ้างชันฟิ ลม ์ โครเมียมออกไซด์ป้องกันการเกิด Oxidation ทีผิวชินงานได ้ดี
2 : ยางรถยนต์ 3: มีธาตุโครเมียมผสมอยู่ ซึงช่วยสร ้างชันฟิ ลม ์ โครเมียมคาร์ไบด์ป้องกันการเกิด Oxidation ทีผิวชินงานได ้ดี
3 : ฉนวนหุ ้มสายไฟ 4: มีธาตุอะลูมเิ นียมผสมอยู่ ซึงช่วยสร ้างชันฟิ ลม ์ อะลูมเิ นียมออกไซด์ป้องกันการเกิด Oxidation ทีผิวชินงานได ้
4 : ถุงพลาสติก ดี

คําตอบทีถูกต ้อง : 2 คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 350 : ข ้อที 355 :


การทําให ้เหล็กกล ้าคาร์บอนตําเย็นตัวอย่างรวดเร็ว (Quenching) ส่งผลต่อโครงสร ้างจุลภาคและสมบัตท
ิ างกล ข ้อใดเรียงลําดับโครงสร ้างเหล็กกล ้าทีมีความแข็งมากไปน ้อย
อย่างไร
1 : ซีเมนไทต์ > เพอร์ไลต์ > มาร์เทนไซต์
1 : โครงสร ้างจุลภาคมีขนาดเกรนหยาบ ความแข็งแรงตํา 2 : มาร์เทนไซต์ > เพอร์ไลต์ > เบไนต์
2 : โครงสร ้างจุลภาคมีขนาดเกรนหยาบ ความแข็งแรงสูง 3 : เบไนต์ > เพอร์ไลต์ > เฟร์ไรต์
3 : โครงสร ้างจุลภาคมีขนาดเกรนละเอียด ความแข็งแรงตํา 4 : มาร์เทรไซต์ > เฟร์ไรต์ > ซีเมนไทต์
4 : โครงสร ้างจุลภาคมีขนาดเกรนละเอียด ความแข็งแรงสูง
คําตอบทีถูกต ้อง : 3
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 356 :
ข ้อที 351 : ในการให ้ความร ้อนเพือขึนรูปผลิตภัณฑ์แก ้ว (Glass product) จําเป็ นต ้องพิจารณาสมบัตใิ ดเป็ นหลัก
ธิ

ธิ

ในงานโลหกรรมผง (Powder metallurgy) ขันตอนใดทีทําให ้ชืนงานมีความแข็งแรงเพิมขึนอย่างมาก


1 : ความหนืด
สท

สท

1 : Mixing 2 : ความหนาแน่น
2 : Pressing

3 : ความใส
3 : Sintering 4 : ความแข็ง
วน

วน

4 : Machining
คําตอบทีถูกต ้อง : 1
คําตอบทีถูกต ้อง : 3
สง

สง
ขอ

ขอ


รข

รข
ข ้อที 357 : ข ้อที 362 :
ข ้อใดเรียงลําดับตัวกลางทีช่วยในการชุบแข็งเหล็กกล ้าจากน ้อยไปมากได ้ถูกต ้อง ขันตอนใดต่อไปนีไม่สามารถช่วยเพิมความแข็งแรงให ้กับผลิตภัณฑ์เทอร์โมพลาสติก


1 : นํ า, อากาศ, เตา 1 : การใช ้ความเครียดเหนียวนํ าให ้เกิดโครงสร ้างผลึก
2 : นํ ามัน, อากาศ, เตา 2 : การเพิมความยาวเฉลียของสายโซ่โมเลกุล

ิ ว

ิ ว
3 : เตา, นํ า, นํ ามัน 3 : การผสมสารเติมแต่ง (Filler)

าว ศ

าว ศ
4 : อากาศ, นํ ามัน, นํ า 4 : การหลอมผนึก (Sintering) ของสายโซ่โมเลกุล

คําตอบทีถูกต ้อง : 4 คําตอบทีถูกต ้อง : 4


สภ

สภ
ข ้อที 358 : ข ้อที 363 :
ข ้อใดไม่ใช่สาเหตุของการขึนรูปหัวน ้อตหรือตะปู ด ้วยวิธก
ี ารอัดขึนรูปเย็น (Cold forging) ข ้อใดแสดงความสัมพันธ์ระหว่างกระบวนการและโครงสร ้างได ้ถูกต ้อง
1 : เพิมความแข็ง 1 : การสังเคราะห์พอลิเมอร์แบบเติม (Addition polymerization) ทําให ้เกิดพอลิเมอร์แบบโครงร่างตาข่าย
2 : เพิมความแข็งแรง 2 : การหลอมผนึก (Sintering) ในเซรามิกทําให ้โครงสร ้างอนุภาคดินเชือมติดกันโดยมีรพู รุนเพิมมากขึน
3 : เพิมความแข็งได ้ขนาดรูปร่างทีแม่นยํา 3 : การรีดร ้อนแผ่นโลหะทําให ้โครงสร ้างจุลภาคมีเกรนละเอียด
4 : เพิมสภาพดึงยืดได ้ดีขน
ึ 4 : การชุบแข็งแบบตกตะกอนในโลหะผสม ต ้องทําให ้โครงสร ้างของแข็งเกิดการละลายอย่างยิงยวด (Super
saturated solid solution) ก่อนทําให ้เกิดการตกตะกอน
คําตอบทีถูกต ้อง : 4
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 359 :
โครงสร ้างพอลิเมอร์ทมี
ี ความเป็ นผลึกมากขึน ส่งผลต่อสมบัตโิ ดยทัวไปอย่างไร ข ้อที 364 :
1 : มีจด
ุ หลอมเหลวสูงขึน กระบวนการใดต่อไปนีไม่สามารถช่วยเพิมความแข็งแรงให ้กับชินงานโลหะได ้
2 : มีความแข็งแรงมากขึน 1 : การทําคาร์บไู รซิง (Carburizing)
3 : มีความสามารถในการละลายดีขน
ึ 2 : การทําสเฟี ยร์รอยไดซิง (Spheroidizing)
4 : มีความหนาแน่นมากขึน 3 : การรีดเย็น
4 : การอัดขึนรูป
คําตอบทีถูกต ้อง : 3
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 360 :
ข ้อใดเปรียบเทียบโครงสร ้างหรือสมบัตริ ะหว่างผลิตภัณฑ์แก ้ว (Glass product) และกลาสเซรามิก (Glass ข ้อที 365 :
ceramic) ไม่ถกู ต ้อง หากมีการเพิมปริมาณธาตุคาร์บอนให ้กับเหล็กกล ้า จะมีผลต่อโครงสร ้างและสมบัตอ
ิ ย่างไร
1 : ผลิตภัณฑ์แก ้วมีโครงสร ้างอสัณฐาน กลาสเซรามิกมีโครงสร ้างผลึก 1 : เกิดปริมาณเฟสเฟร์ไรต์มากขึน มีความแข็งเพิมขึน
2 : ผลิตภัณฑ์แก ้วมีลกั ษณะใส กลาสเซรามิกมีลก ั ษณะขุน ่ ทึบ 2 : เกิดปริมาณเฟสเฟร์ไรต์มากขึน มีความแข็งลดลง
3 : ผลิตภัณฑ์แก ้วมีความแข็งแรงสูง กลาสเซรามิกมีความแข็งแรงตํา 3 : เกิดปริมาณเฟสซีเมนไทต์มากขึน มีความแข็งเพิมขึน
4 : ผลิตภัณฑ์แก ้วนํ าความร ้อนได ้ตํา กลาสเซรามิกนํ าความร ้อนได ้สูง 4 : เกิดปริมาณเฟสซีเมนไทต์มากขึน มีความแข็งลดลง

คําตอบทีถูกต ้อง : 3 คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 361 : ข ้อที 366 :



ิ ธ

ิ ธ
ในการเตรียมผลิตภัณฑ์เซรามิกดิน (Clay product) มักจะคัดแยกขนาดอนุภาคของดินแล ้วนํ ามาผสมกันใน เหตุใดการผลิตดอกสว่านแบบหัวเพชรจึงออกแบบให ้ผลิตเป็ นผลึกเพชรเคลือบบนแกนโลหะ แทนทีการออกแบบ
อัตราส่วนต่างๆ เพราะสาเหตุใด เป็ นดอกสว่านเพชรทังแท่ง
สท

สท
1 : ลดราคาต ้นทุน 1 : เพิมความเหนียวให ้กับดอกสว่าน
2 : ลดปริมาณรูพรุน 2 : เพิมความแข็งให ้กับดอกสว่าน
วน

วน
3 : ลดปริมาณนํ าทีต ้องใช ้ 3 : เพิมความทนต่อความร ้อนให ้กับดอกสว่าน
4 : ลดความแข็งเปราะ 4 : เพิมความต ้านทานการกัดกร่อนให ้กับดอกสว่าน
สง

สง
คําตอบทีถูกต ้อง : 2 คําตอบทีถูกต ้อง : 1
ขอ ขอ

ขอ ขอ
ข ้อที 367 :
ข ้อใดกล่าวถูกต ้องเกียวกับวัสดุกลุม
่ อิลาสโตเมอร์ (Elastomer)
กร

กร

ข ้อที 372 :
1 : ไม่สามารถนํ ามารีไซเคิล (Recycle) ได ้เลย ข ้อใดกล่าวไม่เหมาะสมเกียวกับการเลือกใช ้วัสดุประกอบ
2 : มีโครงสร ้างชนิด Crosslink
ิ ว

ิ ว

1 : เฟสเนือพืนโลหะมีความเหนียวสูง เฟสเสริมแรงเซรามิกช่วยเพิมความแข็ง
3 : มักจะขึนรูปด ้วยวิธก
ี ารขึนรูปด ้วยความร ้อน (Thermoforming)
าวศ

าวศ

2 : เฟสเนือพืนพอลิเมอร์มน
ี ํ าหนักเบา เฟสเสริมแรงโลหะช่วยเพิมความแข็งแรง
4 : อุณหภูมกิ ารเปลียนสภาพเป็ นแก ้วมีคา่ สูงกว่าอุณหภูมห
ิ ้อง
3 : เฟสเนือพืนเซรามิกทนการกัดกร่อนดี เฟสเสริมแรงเซรามิกช่วยเพิมความแข็งทีอุณหภูมส
ิ งู
4 : เฟสเนือพืนโลหะทนความร ้อนได ้ดี เฟสเสริมแรงพอลิเมอร์ชว่ ยเพิมความแข็ง
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
สภ

สภ

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 368 :
ข ้อใดจับคูผ
่ ลิตภัณฑ์กบ
ั กระบวนการผลิตทีเหมาะสมได ้ไม่ถก
ู ต ้อง
ข ้อที 373 :
1 : ท่อประปา ผลิตด ้วยกระบวนการ Extrusion ข ้อใดต่อไปนีกล่าวไม่ถก
ู ต ้องเกียวกับโครงสร ้างและสมบัตข
ิ องพอลิเมอร์
2 : แป้ นกดโทรศัพท์ ผลิตด ้วยกระบวนการ Injection molding
1 : โครงสร ้างแบบโครงตาข่าย (Network) มีความยืดหยุน ่ สูงกว่าโครงสร ้างแบบสายโซ่ตรง
3 : ยางแผ่นปูพน
ื ผลิตด ้วยกระบวนการ Compression molding
2 : โครงสร ้างแบบสายโซ่ตรงสามารถขึนรูปใหม่ได ้เมือให ้ความร ้อน
4 : ขวดแกลลอน ผลิตด ้วยกระบวนการ Thermoforming
3 : โครงสร ้างแบบกิงมีจด
ุ หลอมเหลวตํากว่าแบบสายโซ่ตรง
4 : โครงสร ้างแบบสายโซ่ตรงมีความหนาแน่นมากกว่าแบบกิง
คําตอบทีถูกต ้อง : 4
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 369 :
จุดประสงค์หลักในการใช ้แก๊สทีใช ้ปกคลุม (Shielding gas) จําพวก Ar, He หรือ CO2 ในการเชือมด ้วยไฟฟ้ า คือข ้อ
ข ้อที 374 :
ใด ข ้อใดต่อไปนีกล่าวไม่ถก
ู ต ้อง
1 : ช่วยให ้โครงสร ้างจุลภาคบริเวณรอยเชือมมีเกรนละเอียด 1 : กระบวนการ Polymerization ในพอลิเมอร์ ทําให ้เกิดการเชือมต่อของสายโซ่โมเลกุล
2 : ช่วยในการหลอมละลายระหว่างลวดเชือมกับชินงาน 2 : กระบวนการ Sintering ในงานโลหกรรมผง เป็ นการหลอมผนึกอนุภาคทําให ้เกิดความแข็งแรง
3 : ป้ องกันออกซิเจนทําปฏิกริ ย
ิ ากับรอยเชือม 3 : ปฎิกริ ย
ิ า Hydration ทําให ้ซีเมนต์เกิดการแข็งตัว
4 : ไม่ทําให ้เกิดสารมลทิน (Slag) ในแนวเชือม 4 : ปฎิกริ ยิ า Vitrification เกิดขึนในกระบวนการหลอมแก ้ว ทําให ้มีรพ
ู รุนสูง

คําตอบทีถูกต ้อง : 3 คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 370 : ข ้อที 375 :


ในการพิจารณาเลือกวัสดุสําหรับทดแทนชินส่วนชีวภาพ ควรคํานึงถึงปั จจัยใดเป็ นอันดับแรก ข ้อใดกล่าวถูกต ้องเกียวผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์
1 : ความแข็งแรง 1 : โครงสร ้างทีมีความยาวสายโซ่สงู จะมีความแข็งแรงตํา
2 : ความทนทานต่อสารเคมี 2 : โครงสร ้างทีมีความหนาแน่นสูงจะมีความเหนียวสูง
3 : ความเหนียว 3 : โครงสร ้างทีมีความเป็ นผลึกสูงจะป้ องกันการซึมผ่านของก๊าซได ้ดี
4 : ความเข ้ากันได ้กับชีวภาพ 4 : โครงสร ้างแบบโครงร่างตาข่ายจะเกิดการะลายได ้ดี

คําตอบทีถูกต ้อง : 4 คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 371 : ข ้อที 376 :


ธิ

ธิ

ข ้อใดต่อไปนีกล่าวถูกต ้อง กระบวนการทางความร ้อนอาจส่งผลให ้เหล็กกล ้าไร ้สนิมมีความเปราะและเสียงต่อการแตกตามรอยขอบเกรนมากขึน


สท

สท

1 : กระบวนการคาร์บไู รซิง (Carburizing) ใช ้เพิมความต ้านทานการกัดกร่อนให ้กับเหล็กกล ้า เพราะเหตุใด


2 : กระบวนการ Condensation polymerization ใช ้สังเคราะห์พอลิเมอร์ ซึงเกิดผลิตภัณฑ์ข ้างเคียง 1 : อาจทําให ้เกิดการแพร่ของโครเมียมออกไปจากชินงานมากขึน


(Byproduct) เสมอ 2 : อาจทําให ้เกิดสารประกอบโครเมียมคลอไรด์ทขอบเกรนมากขึ
ี น
วน

วน

3 : กระบวนการอบ (Drying) ผลิตภัณฑ์เซรามิกดิน (Clay product) ใช ้ไล่ความชืนหลังจากกระบวนการหลอม 3 : อาจทําให ้เกิดสารประกอบโครเมียมคาร์ไบด์ทขอบเกรนมากขึ


ี น
ผนึก (Sintering) 4 : อาจทําให ้เกิดสารประกอบโครเมียมออกไซด์ทขอบเกรนมากขึ
ี น
สง

สง

4 : กระบวนการ Tempering ใช ้ลดความเค ้นตกค ้างในผลิตภัณฑ์แก ้ว (Glass product)


คําตอบทีถูกต ้อง : 3
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
ขอ

ขอ


2 : ขัดผิวชินงานให ้เรียบและกัดผิวชินงานด ้วยกรด

รข

รข
3 : ขัดผิวจนชินงานมีความบางมาก ๆ
ข ้อที 377 : 4 : ไม่ต ้องเตรียมผิวชินงาน
ข ้อใดต่อไปนีเปรียบเทียบข ้อมูลระหว่างเหล็กกล ้าเกรด AISI 1010 และ AISI 304 ได ้ถูกต ้อง


1 : เหล็กกล ้าเกรด AIS 1010 ต ้านทานการกัดกร่อนได ้ดีกว่า เกรด AISI 304 คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ิ ว

ิ ว
2 : เหล็กกล ้าเกรด AIS 1010 มีปริมาณธาตุนเิ กิลมากกว่า เกรด AISI 304

าว ศ

าว ศ
3 : เหล็กกล ้าเกรด AIS 1010 มีโครงสร ้างผลึกเป็ นแบบ BCC แต่เกรด AISI 304 เป็ นแบบ FCC
4 : เหล็กกล ้าเกรด AIS 1010 มีราคาสูงกว่าเกรด AISI 304 ข ้อที 382 :
ถ ้าต ้องการวิเคราะห์ลก ี ารหล่อ ควรเลือกใช ้
ั ษณะทางโครงสร ้างจุลภาคของห ้องเครืองยนต์ดเี ซลทีผ่านกรรมวิธก
สภ

สภ
คําตอบทีถูกต ้อง : 4 เครืองมือใด
1 : มาตรวัดการเลียวเบนของรังสีเอกซ์ (X-ray diffractometer)
2 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบส่องผ่าน (Transmission electron microscope)
ข ้อที 378 : 3 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบกราดวิเคราะห์ (Scanning electron microscope)
ข ้อใดคือลักษณะโครงสร ้างผลึกและสมบัตเิ ด่นของวัสดุเพียโซอิเล็กทริก (Piezoelectric material) 4 : กล ้องถ่ายรูปดิจต
ิ อล (Digital camera)
1 : โครงสร ้างอสัณฐาน สามารถเปลียนแรงทางกลเป็ นแม่เหล็กได ้
2 : โครงสร ้างผลึกแบบสมมาตร สามารถเปลียนแรงทางกลเป็ นความร ้อนได ้ คําตอบทีถูกต ้อง : 3
3 : โครงสร ้างผลึกแบบสมมาตร สามารถเปลียนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นความร ้อนได ้
4 : โครงสร ้างผลึกแบบไม่สมมาตร สามารถเปลียนแรงทางกลเป็ นไฟฟ้ าได ้
ข ้อที 383 :
คําตอบทีถูกต ้อง : 4 ถ ้าต ้องการตรวจสอบการยึดติดของผลิตภัณฑ์วงจรรวม (Integrated circuit) บนแผงวงจรรวม (Printed circuit
board) ด ้วยการยึดพืนผิว (Surface mount) ควรเลือกใช ้เครืองมือใด
1 : กล ้องถ่ายรูปดิจต
ิ อล (Digital camera)
ข ้อที 379 : 2 : กล ้องจุลทรรศน์แบบแสง (Optical microscope)
กระบวนการประกอบแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ นิยมหลอมโลหะบัดกรี เช่น ตะกัว-ดีบก
ุ ของตัววงจรรวมเชือมติดกับ 3 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบส่องผ่าน (Transmission electron microscope)
ทองแดงบนแผ่นวงจร ทําให ้เกิดชันสารประกอบเชิงโลหะ (Intermetallic compound) ชนิด ทองแดง-ดีบกุ ระหว่าง 4 : มาตรวัดการเลียวเบนของรังสีเอ็กซ์ (X-ray diffractometer)
กลาง ซึงชันสารประกอบเชิงโลหะนีมีข ้อดีและข ้อเสียอย่างไร
1 : ช่วยให ้ตัววงจรยึดเกาะกับแผงวงจร และนํ าไฟฟ้ าได ้ดีขนึ คําตอบทีถูกต ้อง : 2
2 : ช่วยเพิมการนํ าไฟฟ้ าได ้ดีขน
ึ แต่มรี อยต่อความเปราะสูง
3 : ช่วยให ้ตัววงจรยึดเกาะกับแผงวงจร แต่ลดสภาพการนํ าไฟฟ้ า
4 : ช่วยเพิมการนํ าไฟฟ้ า และทนความร ้อนได ้ดีขน ึ ข ้อที 384 :
ถ ้าต ้องการวิเคราะห์การกระจายตัวของเฟสทีเกิดขึนจากกระบวนการเชือมยึดติดของผลิตภัณฑ์วงจรรวม
คําตอบทีถูกต ้อง : 2 (Integrated circuit) บนแผงวงจรรวม (Printed circuit board) ควรเลือกใช ้เครืองมือใด
1 : มาตรวัดการเลียวเบนของรังสีเอกซ์ (X-ray diffractometer)
2 : กล ้องจุลทรรศน์แบบแสง (Optical microscope)
ข ้อที 380 : 3 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบกราดวิเคราะห์ (Scanning electron microscope)
การเหนียวนํ าให ้เกิดโครงสร ้างผลึกด ้วยความเครียด (Strain-induced crystallization) ในระหว่างกระบวนการเป่ า 4 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบส่องผ่าน (Transmission electron microscope)
ขึนรูป (Blow molding) ขวดพลาสติก ส่งผลต่อผลิตภัณฑ์ทได ี ้อย่างไร
1 : มีความแข็งแรงและความใสมากขึน คําตอบทีถูกต ้อง : 3
2 : มีสภาพดึงยืดและความขุน
่ มากขึน
3 : มีความแข็งและความสามารถในการละลายลดลง
4 : มีสภาพดึงยืดและความแข็งลดลง ข ้อที 385 :
ถ ้าต ้องการวิเคราะห์โครงสร ้างผลึกของวัสดุ ควรเลือกใช ้เครืองมือใด
คําตอบทีถูกต ้อง : 1
1 : มาตรวัดการเลียวเบนของรังสีเอกซ์ (X-ray diffractometer)


2 : กล ้องจุลทรรศน์แบบแสง (Optical microscope)
ิ ธ

ิ ธ
3 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบกราดวิเคราะห์ (Scanning electron microscope)
สท

สท
เนือหาวิชา : 248 : 11 Methods and tools for structure investigation
4 : กล ้องถ่ายรูปดิจต
ิ อล (Digital camera)
วน

วน
ข ้อที 381 : คําตอบทีถูกต ้อง : 1
ถ ้าต ้องการวิเคราะห์โครงสร ้างจุลภาคของชินงานโลหะด ้วยกล ้องจุลทรรศน์แบบแสง (Optical microscope) ควร
สง

สง
เตรียมชินงานอย่างไร
1 : ขัดผิวชินงานให ้เรียบ
ข ้อที 386 :
ขอ ขอ

ขอ ขอ
ถ ้าต ้องการวิเคราะห์ทศ ิ อน (Silicon wafer) ควรเลือกใช ้เครืองมือใด
ิ ทางการเรียงตัวของอะตอมในแว่นผลึกซิลก ถ ้าต ้องการวิเคราะห์โครงสร ้างการจัดเรียงตัวของอะตอมต่างๆ ควรเลือกใช ้เครืองมือใด
1 : กล ้องจุลทรรศน์แบบแสง (Optical microscope) 1 : มาตรวัดการเลียวเบนของรังสีเอกซ์ (X-ray diffractometer)
กร

กร

2 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบกราดวิเคราะห์ (Scanning electron microscope) 2 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบกราดวิเคราะห์ (Scanning electron microscope)
3 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบส่องผ่าน (Transmission electron microscope) 3 : กล ้องจุลทรรศน์แบบแสง (Optical microscope)
4 : กล ้องถ่ายรูปดิจต
ิ อล (Digital camera) 4 : กล ้องถ่ายรูปดิจต
ิ อล (Digital camera)
ิ ว

ิ ว
าวศ

าวศ

คําตอบทีถูกต ้อง : 3 คําตอบทีถูกต ้อง : 1


สภ

สภ

ข ้อที 387 : ข ้อที 392 :


ถ ้าต ้องการบันทึกภาพของท่อนํ าทีเกิดการผุกร่อน ควรเลือกใช ้เครืองมือใด กฏในข ้อใดต่อไปนีทีจําเป็ นต่อการศึกษาโครงสร ้างผลึกด ้วยเทคนิคการเลียวเบนของรังสีเอ็กซ์
1 : กล ้องถ่ายรูปดิจต
ิ อล (Digital camera) 1 : Pauli exclusion principle
2 : กล ้องจุลทรรศน์แบบแสง (Optical microscope) 2 : Bragg’s law
3 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบกราดวิเคราะห์ (Scanning electron microscope) 3 : Hund’s rule
4 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบส่งผ่าน (Transmission electron microscope) 4 : Lever rule

คําตอบทีถูกต ้อง : 1 คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 388 : ข ้อที 393 :


ู ร่างของผลึกนาโนคาร์บอนทีผลิตได ้ ควรเลือกใช ้เครืองมือใด
ถ ้าต ้องการวิเคราะห์รป เครืองมือใดต่อไปนีสามารถใช ้ถ่ายภาพโครงสร ้างจุลภาคได ้กําลังขยายทีสูงทีสุด
1 : มาตรวัดการเลียวเบนของรังสีเอกซ์ (X-ray diffractometer) 1 : มาตรวัดการเลียวเบนของรังสีเอกซ์ (X-ray diffractometer)
2 : กล ้องจุลทรรศน์แบบแสง (Optical microscope) 2 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบกราดวิเคราะห์ (Scanning electron microscope)
3 : เครืองวัดการเรืองแสงของรังสีเอกซ์ (X-ray fluorescence spectroscope) 3 : กล ้องจุลทรรศน์แบบแสง (Optical microscope)
4 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบส่องผ่าน (Transmission electron microscope) 4 : กล ้องถ่ายรูปดิจต
ิ อล (Digital camera)

คําตอบทีถูกต ้อง : 4 คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 389 : ข ้อที 394 :


ถ ้าต ้องการวิเคราะห์โครงสร ้างจุลภาคของก ้อนโลหะด ้วยกําลังขยายขนาด 5,000 เท่า ควรเลือกใช ้เครืองมือใด เครืองมือใดต่อไปนีสามารถใช ้ถ่ายภาพอนุภาคขนาด 30 นาโนเมตร ได ้ชัดเจนทีสุด
1 : Optical microscope 1 : มาตรวัดการเลียวเบนของรังสีเอกซ์ (X-ray diffractometer)
2 : Optical spectroscope 2 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบส่องผ่าน (Transmission electron microscope)
3 : Scanning electron microscope 3 : กล ้องจุลทรรศน์แบบแสง (Optical microscope)
4 : Scanning tunneling electron microscope 4 : กล ้องถ่ายรูปดิจต
ิ อล (Digital camera)

คําตอบทีถูกต ้อง : 3 คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 390 : ข ้อที 395 :


ิ กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบกราดวิเคราะห์ (Scanning electron microscope) สามารถให ้ผล
ข ้อใดไม่ใช่สงที เครืองมือใดสามารถใช ้วิเคราะห์วส
ั ดุได ้ทังโครงสร ้างจุลภาคและโครงสร ้างผลึก
การวิเคราะห์ได ้
1 : กล ้องถ่ายรูปดิจต
ิ อล (Digital camera)
1 : การกระจายตัวของเฟส 2 : กล ้องจุลทรรศน์แบบแสง (Optical microscope)
ธิ

ธิ

2 : ลักษณะพืนผิวทีแตกหัก 3 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบส่องผ่าน (Transmission electron microscope)


สท

สท

3 : โครงสร ้างผลึกของเฟสต่างๆ ในชินงาน 4 : มาตรวัดการเลียวเบนของรังสีเอกซ์ (X-ray diffractometer)


4 : รูปร่างของเฟสต่างๆ ในชินงาน

คําตอบทีถูกต ้อง : 3
วน

วน

คําตอบทีถูกต ้อง : 3
สง

สง

ข ้อที 396 :
ข ้อที 391 :
ขอ

ขอ


ในการเปรียบเทียบโครงสร ้างจุลภาคระหว่างแผ่นเหล็กกล ้าทีผ่านกระบวนการรีดร ้อนและทีผ่านกระบวนการรีดเย็น

รข

รข
ควรเลือกใช ้เครืองมือใด ข ้อที 401 :
1 : มาตรวัดการเลียวเบนของรังสีเอกซ์ (X-ray diffractometer) กรรมวิธก ี ารทางความร ้อนใด คือ การเผาชินงานทีขึนรูปด ้วยผงโลหะ เพือให ้ผงโลหะเชือมติดกัน


2 : กล ้องจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบส่องผ่าน (Transmission electron microscope) 1 : การอบอ่อน (Annealing)
3 : กล ้องจุลทรรศน์แบบแสง (Optical microscope) 2 : การอบปกติ (Normalizing)

ิ ว

ิ ว
4 : กล ้องถ่ายรูปดิจต
ิ อล (Digital camera) 3 : การอบคืนตัว (Tempering)

าว ศ

าว ศ
4 : การอบซินเตอร์ (Sintering)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3
คําตอบทีถูกต ้อง : 4
สภ

สภ
เนือหาวิชา : 249 : 12 Metals processing
ข ้อที 402 :
กรรมวิธก ี ารขึนรูปโลหะใดต่อไปนีทีก่อให ้เกิดการสูญเปล่าของวัตถุดบ
ิ น ้อยทีสุด
ข ้อที 397 :
ในการดึงเหล็กให ้เป็ นเส ้นลวด ต ้องใช ้แรงดึงในช่วงใด 1 : การหล่อด ้วยแม่พม
ิ พ์ทราย (Sand casting)
2 : การหล่อแบบใช ้แม่แบบ (Die casting)
1 : ไม่เกินความต ้านแรงคราก (Yield strength) 3 : การขึนรูปโลหะผง (Powder Metallurgy)
2 : ไม่เกินความต ้านแรงดึง (Tensile strength) 4 : การตกแต่ง (Machining)
3 : มากกว่าความต ้านแรงคราก (Yield strength) แต่ไม่เกินความต ้านแรงดึง (Tensile strength)
4 : มากกว่าความต ้านแรงดึง (Tensile strength) แต่ไม่ถงึ จุดแตกหัก (Fracture point) คําตอบทีถูกต ้อง : 3

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 403 :
ในการขึนรูปเย็น (Cold working) ข ้อใดต่อไปนีถูกต ้องทีสุด
ข ้อที 398 :
ในการตัดชินงานต ้องเลือกมีดตัดอย่างไร 1 : ควบคุมขนาดของชินงานให ้เทียงตรงได ้ยาก
2 : เกิดออกไซด์ทผิ
ี วชินงาน
1 : มีดตัดต ้องมีความแข็งมากกว่าชินงาน 3 : ชินงานมีความแข็ง (Hardness) มากขึน
2 : มีดตัดต ้องมีความแข็งแรงมากกว่าชินงาน 4 : เกิดการตกผลึกใหม่ (Recrystallization)
3 : มีดตัดต ้องมีความเหนียวมากกว่าชินงาน
4 : มีดตัดทนความร ้อนได ้ดี คําตอบทีถูกต ้อง : 3

คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 404 :
ข ้อใดคือข ้อดีของการขึนรูปร ้อน (Hot working) ของโลหะ
ข ้อที 399 :
ข ้อใดคือข ้อดีของการขึนรูปด ้วยการหล่อแบบหล่อทราย (Sand casting) 1 : สามารถลดขนาดชินงานได ้คราวละมาก ๆ
2 : สามารถควบคุมขนาดของชินงานได ้ง่าย
1 : ผลิตได ้เร็ว คราวละมาก ๆ 3 : ชินงานมีความแข็งเพิมมากขึน
2 : ต ้นทุนแบบหล่อตํา 4 : ผิวชินงานเรียบ เงางาม
3 : ชินงานมีผวิ เรียบ ไม่ต ้องตกแต่งเพิม
4 : ขนาดชินงานมีความแม่นยําสูง คําตอบทีถูกต ้อง : 1

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 405 :
ข ้อใดคือข ้อด ้อยของการขึนรูปร ้อน (Hot working) ของโลหะ
ข ้อที 400 :


ิ ธ

ิ ธ
การขึนรูปเย็น (Cold working) หมายถึง การขึนรูปด ้วยแรงทางกล ณ อุณหภูมใิ ด 1 : ควบคุมขนาดของชินงานให ้เทียงตรงได ้ยาก
สท

สท
2 : ชินงานมีความเปราะมากขึน
1 : อุณหภูมต
ิ ํากว่าอุณหภูมห ิ ้อง 3 : เกิดความเค ้นตกค ้างภายในเนือชินงานมากขึน
2 : อุณหภูมติ ํากว่าอุณหภูมก ิ ารเกิดผลึก (Crystallization temperature) 4 : ชินงานมีสภาพดึงยืด (Ductility) ลดลง
วน

วน
3 : อุณหภูมต ิ ํากว่าอุณหภูมก ิ ารตกผลึกใหม่ (Recrystallization temperature)
4 : อุณหภูมต ิ ํากว่าอุณหภูมก ิ ารเปลียนสภาพจากเปราะเป็ นดึงยืดได ้ (Ductile-brittle transition temperature) คําตอบทีถูกต ้อง : 1
สง

สง
คําตอบทีถูกต ้อง : 3
ขอ ขอ

ขอ ขอ
ข ้อที 406 : ข ้อที 411 :
ข ้อใดคือข ้อดีของการขึนรูปเย็น (Cold working) ของโลหะ การหล่อชินงานเครืองประดับ นิยมใช ้การหล่อแบบใด
กร

กร

1 : ได ้ผิวชินงานเรียบเป็ นมัน สะอาด 1 : การหล่อด ้วยแม่พม


ิ พ์ทราย (Sand casting)
2 : ชินงานมีความแข็งเพิมมากขึน 2 : การหล่อจากแบบพอกหุน ่ (Investment casting)
ิ ว

ิ ว

3 : สามารถควบคุมขนาดของชินงานได ้ง่าย 3 : การหล่อแบบใช ้แม่แบบ (Die casting)


าวศ

าวศ

4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก 4 : การหล่อแบบต่อเนือง (Continuous casting)

คําตอบทีถูกต ้อง : 4 คําตอบทีถูกต ้อง : 2


สภ

สภ

ข ้อที 407 : ข ้อที 412 :


กรรมวิธก ี ารผลิตใดต่อไปนีสามารถผลิตหัวค ้อนได ้แข็งแรงทีสุด ประแจ (Wrench) ทีสามารถใช ้งานได ้ทนทาน เป็ นผลิตภัณฑ์ทมั
ี กจะได ้จากการขึนรูปด ้วยกรรมวิธใี ดต่อไปนี
1 : การหล่อขึนรูป (Casting) 1 : การรีด (Rolling)
2 : การทุบขึนรูป (Forging) 2 : การทุบขึนรูป (Forging)
3 : การตกแต่งขึนรูป (Machining) 3 : การหล่อ (Casting)
4 : การอัดรีด (Extrusion) 4 : การอัดรีด (Extrusion)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2 คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 408 : ข ้อที 413 :


ในการหล่อชินส่วนอะลูมเิ นียมผสม ธาตุผสมชนิดใดทีทําให ้จุดหลอมเหลวของอะลูมเิ นียมตําลงมากทีสุด ลวดสําหรับใช ้ทําตะปู เป็ นผลิตภัณฑ์ทมั
ี กจะได ้จากกรรมวิธก
ี ารขึนรูปใดต่อไปนี
1 : ทองแดง 1 : การรีดร ้อน (Hot rolling)
2 : ซิลคิ อน 2 : การอัดรีด (Extrusion)
3 : นิเกิล 3 : การดึงรีด (Drawing)
4 : แมงกานีส 4 : การรีดเย็น (Cold rolling)

คําตอบทีถูกต ้อง : 2 คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 409 : ข ้อที 414 :


ถ ้าต ้องการผลิตชินส่วนงานหล่ออะลูมเิ นียมเป็ นจํานวนมาก ควรเลือกใช ้กรรมวิธก
ี ารหล่อชนิดใดต่อไปนี มีดกลึงทีมีความเหนียว (Toughness) มาก จะมีผลต่อการกลึงอย่างไร
1 : การหล่อด ้วยแม่พม
ิ พ์ทราย (Sand Casting) 1 : สามารถใช ้ความเร็วสูงได ้
2 : การหล่อจากแบบพอกหุน ่ (Investment casting) 2 : สามารถกินลึกชินงานได ้คราวละมาก ๆ
3 : การหล่อแบบใช ้แม่แบบ (Die casting) 3 : กลึงได ้ชินงานผิวเรียบ
4 : การหล่อแบบต่อเนือง (Continuous casting) 4 : มีดกลึงทนต่อการสึกดี

คําตอบทีถูกต ้อง : 3 คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 410 : ข ้อที 415 :


ชินงานโลหะทีผ่านการขึนรูปด ้วยกรรมวิธก
ี ารรีดเย็น (Cold rolling) จะมีลก
ั ษณะใด ถ ้าต ้องการตัดแต่งชินงานให ้เป็ นร่องรูปตัว L ดังรูปข ้างล่างนี ควรเลือกใช ้กรรมวิธก
ี ารใด
ธิ

ธิ

1 : ผิวเรียบ ความแข็งแรงลดลง
สท

สท

2 : ผิวเรียบ ความแข็งแรงเพิมขึน
3 : ผิวหยาบ ความแข็งแรงลดลง

4 : ผิวหยาบ ความแข็งแรงเพิมขึน
วน

วน

คําตอบทีถูกต ้อง : 2
สง

สง

1 : การกลึง (Turning)
2 : การกัด (Milling)
ขอ

ขอ


3 : การไส (Shaping) 4 : Cubic boron nitride

รข

รข
4 : การเจาะ (Drilling)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
คําตอบทีถูกต ้อง : 2


ิ ว

ิ ว
าวศ

าวศ
ข ้อที 421 :
ข ้อที 416 : เหล็กกล ้าชนิดใดต่อไปนีตัดแต่งได ้ยากทีสุด
ในการแล่นประสาน (Brazing) เพือทําให ้แผ่นเหล็กสองแผ่นเชือมติดกัน ควรเลือกใช ้ลวดเชือมชนิดใดต่อไปนี
1 : เหล็กกล ้าไร ้สนิมเฟร์ไรต์ (Ferritic stainless steel)
สภ

สภ
1 : เหล็กกล ้า 2 : เหล็กกล ้าคาร์บอนตํา (Low carbon steel)
2 : อะลูมเิ นียม 3 : เหล็กกล ้าผสม (Alloy steel)
3 : ทองแดง 4 : เหล็กกล ้าเครืองมือ (Tool steel)
4 : ทองเหลือง
คําตอบทีถูกต ้อง : 4
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 422 :
ข ้อที 417 : ี ารรีดร ้อน (Hot rolling) ควรเลือกใช ้ลูกรีดแบบใด
ในการรีด Slab เพือให ้ได ้เหล็กแผ่น (Sheet metal) ด ้วยกรรมวิธก
รูขนึ (Riser) ในงานหล่อมีไว ้เพืออะไร และความเร็วรอบอย่างไร เพือลดขนาดอย่างรวดเร็ว
1 : เพือให ้นํ าโลหะล ้นออกมานอกแบบ 1 : ควรใช ้ลูกรีดขนาดใหญ่ ผิวหยาบ และความเร็วสูง
2 : เพือให ้นํ าโลหะในส่วนรูขน
ึ (Riser) เติมเต็มในชินส่วนงานหล่อขณะแข็งตัว 2 : ควรใช ้ลูกรีดขนาดใหญ่ ผิวหยาบ และความเร็วรอบตํา
3 : เพือให ้มีการหดตัวหลังการเย็นตัวของงานหล่อ 3 : ควรใช ้ลูกรีดขนาดใหญ่ ผิวละเอียด และความเร็วรอบสูง
4 : เพือเพิมนํ าหนักในการกดทับแบบงานหล่อ 4 : ควรใช ้ลูกรีดขนาดใหญ่ ผิวละเอียด และความเร็วรอบตํา

คําตอบทีถูกต ้อง : 2 คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 418 : ข ้อที 423 :


ปากแม่แบบ (Gate) ในงานหล่อมีไว ้เพืออะไร ในการขึนรูปร ้อน (Hot working) ของโลหะ ควรใช ้อุณหภูมท
ิ มากกว่
ี าค่าใด
1 : เป็ นช่องสําหรับนํ าโลหะวิงเข ้าแม่แบบ 1 : อุณหภูมต
ิ กผลึก (Recrystallization Temperature)
2 : เป็ นช่องสําหรับเทนํ าโลหะ 2 : อุณหภูมยิ เู ทกทอยด์ (Eutectoid Temperature)
3 : เป็ นช่องวิงของรูขน ึ (Riser) 3 : อุณหภูมย ิ เู ทกติก (Eutectic Temperature)
4 : เป็ นรูไอของแบบหล่อทราย 4 : อุณหภูมจ ิ ด
ุ หลอมเหลว (Melting Temperature)

คําตอบทีถูกต ้อง : 1 คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 419 : ข ้อที 424 :


วัสดุในข ้อใดต่อไปนีมีความแข็ง (Hardness) สูงทีสุด Anodizing คืออะไร
1 : เหล็กกล ้าความเร็วรอบสูง (High speed steel) 1 : การชุบผิวเหล็กให ้สวยงาม
2 : เหล็กกล ้าคาร์บอนสูง (High carbon steel) 2 : การชุบแข็งนิเกิล
3 : อะลูมน
ิ า (Alumina) 3 : การชุบแข็งผิวอะลูมเิ นียม
4 : Cubic boron nitride 4 : การทําอะลูมเิ นียมให ้อ่อน


คําตอบทีถูกต ้อง : 4 คําตอบทีถูกต ้อง : 3
ิ ธ

ิ ธ
สท

สท
ข ้อที 420 : ข ้อที 425 :
วน

วน
วัสดุในข ้อใดต่อไปนีมีความเหนียว (Toughness) สูงทีสุด โลหะในข ้อใดต่อไปนีสามารถหล่อได ้ง่ายทีสุด
1 : เหล็กกล ้าคาร์บอนสูง (High carbon steel) 1 : เหล็กหล่อเทา (Gray cast iron)
สง

สง
2 : เหล็กกล ้าความเร็วรอบสูง (High speed steel) 2 : เหล็กหล่อขาว (White cast iron)
3 : อะลูมน
ิ า (Alumina) 3 : เหล็กหล่อเหนียว (Ductile cast iron)
ขอ ขอ

ขอ ขอ
4 : เหล็กหล่ออบเหนียว (Malleable cast iron)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
คําตอบทีถูกต ้อง : 1
กร

กร
ิ ว

ิ ว

ข ้อที 431 :
าวศ

าวศ

ข ้อที 426 : กรรมวิธใี ดต่อไปนีเหมาะสําหรับผลิตภัณฑ์โลหะทีมีจด


ุ หลอมเหลวสูงและมีสภาพการดึงยืดได ้น ้อย
กระบวนการในข ้อใดต่อไปนีสามารถชุบแข็งผิวเหล็กทีให ้ความแข็งสูงทีสุด
1 : การหล่อแบบพอกหุน ่ (Investment casting)
1 : คาร์บไู รซิง (Carburizing) 2 : การอัดรีด (Extrusion)
สภ

สภ

2 : ไนไตร์ดงิ (Nitriding) 3 : กรรมวิธโี ลหะผง (Powder metallurgy)


3 : ใช ้กระแสเหนียวนํ า (Induction hardening) 4 : การรีดร ้อน (Hot rolling)
4 : ใช ้เปลวเพลิง (Flame hardening)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 432 :
ข ้อที 427 : กระบวนการใดทีเหมาะสมสําหรับการขึนรูปแผ่นโลหะให ้เป็ นชินงานรูปถ ้วย
การลดปั ญหาการแตกร ้าวในการเชือมเหล็กกล ้าผสมตําสามารถทําได ้โดยวิธใี ดต่อไปนี
1 : การหล่อขึนรูป (Casting)
1 : ให ้ความร ้อนชินงานก่อนเชือม 2 : การทุบขึนรูป (Forging)
2 : อบชินงานหลังการเชือม 3 : การลากขึนรูป (Deep drawing)
3 : ใช ้ก๊าซเฉือยคลุมขณะเชือม 4 : การอัดรีด (Extrusion)
4 : เชือมโดยใช ้กําลังไฟฟ้ าตํา
คําตอบทีถูกต ้อง : 3
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 433 :
ข ้อที 428 : กรรมวิธใี ดต่อไปนีไม่สามารถเพิมความแข็งแรงให ้ชินงานโลหะได ้
กระบวนการผลิตในข ้อใดต่อไปนีทีเหมาะทีสุดในการผลิตใบพัดของเครืองกังหันก๊าซ (Gas turbine blades)
1 : การรีดร ้อน (Hot rolling)
1 : การหล่อด ้วยแม่พม
ิ พ์ทราย (Sand casting) 2 : การรีดเย็น (Cold rolling)
2 : การหล่อแบบใช ้แม่แบบ (Die casting) 3 : การทุบขึนรูป (Forging)
3 : การหล่อจากแบบพอกหุน ่ (Investment casting) 4 : การดึงรีด (Drawing)
4 : การทุบขึนรูป (Forging)
คําตอบทีถูกต ้อง : 1
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 434 :
ข ้อที 429 : การอบปกติ (Normalizing) ของเหล็กกล ้าคาร์บอนตํา จะต ้องมีการให ้ความร ้อนและการเย็นตัวของชินงานอย่างไร
กรรมวิธใี ดต่อไปนีสามารถผลิตแผ่นเหล็กกล ้าทีมีขนาดเทียงตรงตามทีต ้องการได ้ดีทสุ
ี ด
1 : การรีดร ้อน (Hot rolling) 1 : ให ้ความร ้อนจนชินงานเปลียนโครงสร ้างเป็ นออสเทไนต์และเฟร์ไรต์ และปล่อยให ้เย็นตัวในเตาอบ
2 : การรีดเย็น (Cold rolling) 2 : ให ้ความร ้อนจนชินงานเปลียนโครงสร ้างเป็ นออสเทไนต์ทงหมด
ั และปล่อยให ้เย็นตัวในอากาศ
3 : การทุบขึนรูป (Forging) 3 : ให ้ความร ้อนจนชินงานเปลียนโครงสร ้างเป็ นออสเทไนต์ทงหมด
ั และปล่อยให ้เย็นตัวในนํ า
4 : การดึงรีด (Drawing) 4 : ให ้ความร ้อนจนชินงานเปลียนโครงสร ้างเป็ นออสเทไนต์และซีเมนไทต์ และปล่อยให ้เย็นตัวในนํ า

คําตอบทีถูกต ้อง : 2 คําตอบทีถูกต ้อง : 2


ธิ

ธิ
สท

สท

เนือหาวิชา : 250 : 13 Ceramics processing


ข ้อที 430 :
ข ้อใดไม่ใช่กลไกการเพิมความแข็งแรงให ้กับอะลูมเิ นียมและอะลูมเิ นียมผสม
วน

วน

1 : การขึนรูปเย็น (Cold working) ข ้อที 435 :


2 : การขึนรูปร ้อน (Hot working) ผลิตภัณฑ์เซรามิกในข ้อใดเหมาะกับการขึนรูปโดยการอัด (Pressing)
สง

สง

3 : การชุบแข็งแบบตกตะกอน (Precipitate hardening)


4 : การทําให ้เป็ นสารละลายของแข็ง (Solid solution) 1 : อ่างล ้างหน ้า
2 : กระเบืองปูพนและผนั
ื ง
ขอ

ขอ


3 : แจกัน 3 : ยาง

รข

รข
4 : ถ ้วยกาแฟ 4 : ปูนปลาสเตอร์

คําตอบทีถูกต ้อง : 2 คําตอบทีถูกต ้อง : 4


ิ ว

ิ ว
าว ศ

าว ศ
ข ้อที 436 : ข ้อที 441 :
ผลิตภัณฑ์เซรามิกในข ้อใดเหมาะกับการขึนรูปโดยการหล่อแบบ (Slip casting) ในการผลิตเซรามิกชนิดทีมีดนิ เป็ นองค์ประกอบหลัก (Clay products) ด ้วยวิธก
ี ารหล่อแบบ (Slip casting) แบบที
ใช ้ในการขึนรูปควรมีลก
ั ษณะอย่างไรและเพราะเหตุใด
สภ

สภ
1 : อ่างล ้างหน ้า
2 : กระเบืองปูพนและผนั
ื ง 1 : เนืองจากผลิตภัณฑ์ทได
ี ้มีการขยายขนาด จึงต ้องทําให ้แบบมีขนาดเล็กกว่างานจริง
3 : โอ่งมังกร 2 : เนืองจากผลิตภัณฑ์ทได
ี ้มีจะมีขนาดเท่าเดิม ดังนันแบบจะมีขนาดเท่างานจริง
4 : ท่อระบายนํ า 3 : เนืองจากผลิตภัณฑ์ทไดี ้มีการหดตัว จึงต ้องทําให ้แบบมีขนาดใหญ่กว่างานจริง
4 : ผลิตภัณฑ์ทได
ี ้อาจจะหดตัวหรือขยายตัวก็ได ้ การเผือขนาดแบบแล ้วแต่ชนิดของผลิตภัณฑ์
คําตอบทีถูกต ้อง : 1
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 437 :
ผลิตภัณฑ์เซรามิกในข ้อใดเหมาะกับการขึนรูปโดยการอัดรีด (Extrusion) ข ้อที 442 :
1 : สุขภัณฑ์ในห ้องนํ า กระจก เป็ นผลิตภัณฑ์ทมั
ี กจะได ้จากการขึนรูปแบบใด
2 : ถ ้วยกาแฟ 1 : การเป่ า (Blowing)
3 : กระเบืองมุงหลังคา 2 : การอัด (Pressing)
4 : ท่อนํ าทิง 3 : การดึง (Drawing)
4 : การอัดรีด (Extrusion)
คําตอบทีถูกต ้อง : 4
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 438 :
ข ้อใดต่อไปนีจะไม่เกิดขึนเมือให ้ความร ้อนกับเซรามิกในกระบวนการอบแห ้ง (Drying) ข ้อที 443 :
1 : นํ าระหว่างอนุภาคถูกขจัดออก ผลิตภัณฑ์ประเภทใดขึนรูปโดยการเป่ า (Blowing)
2 : สารอินทรียถ ์ ก
ู ขจัดออก 1 : ขวดแก ้ว
3 : ผลิตภัณฑ์หลังอบมีขนาดใหญ่ขน ึ 2 : จานแก ้ว
4 : ผลิตภัณฑ์หลังอบมีความแข็งแรงตําและเปราะ 3 : กระจก
4 : เลนส์
คําตอบทีถูกต ้อง : 3
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 439 :
ข ้อใดต่อไปนีไม่เกิดขึนในกระบวนการ Sintering ข ้อที 444 :
1 : Solid-state diffusion ั ถุประสงค์ในการใช ้ดินเป็ นวัตถุดบ
ข ้อใดไม่ใช่วต ิ ในเซรามิกดังเดิม (Conventional ceramics)
2 : อนุภาคเกิดการเชือมต่อกันบริเวณทีสัมผัสกับอนุภาคอืน 1 : ดินช่วยในเรืองความเหนียวขณะขึนรูปทําให ้ขึนรูปได ้ง่าย
3 : เกิดการหลอมละลายเป็ นของเหลว 2 : ดินช่วยให ้เซรามิกคงรูปอยูไ่ ด ้ขณะเผา
4 : ช่องว่างระหว่างอนุภาคมีขนาดเล็กลง 3 : ดินช่วยให ้เซรามิกมีความหนาแน่นสูง
4 : ดินมีราคาถูก


คําตอบทีถูกต ้อง : 3
ิ ธ

ิ ธ
คําตอบทีถูกต ้อง : 3
สท

สท
ข ้อที 440 :
วน

วน
ในการขึนรูปเซรามิกชนิดทีมีดน ี ารหล่อแบบ (Slip casting) ใช ้วัสดุ
ิ เป็ นองค์ประกอบหลัก (Clay products) โดยวิธก ข ้อที 445 :
ใดเป็ นแบบหล่อ ในการบดผสมวัตถุดบ
ิ สําหรับผลิตเซรามิก ทําไมจึงต ้องมีการควบคุมการกระจายขนาดอนุภาค (Particle size
สง

สง
1 : ทราย distribution)
2 : โลหะ 1 : เพือให ้วัตถุดบ
ิ หลอมตัวได ้ง่าย
ขอ ขอ

ขอ ขอ
2 : เพือให ้วัตถุดบ
ิ สามารถอัดตัวกันเพือให ้มีชอ่ งว่างน ้อยทีสุด 2 : Drying
3 : เพือให ้วัตถุดบิ ผสมกันได ้ดียงขึ
ิ น 3 : Tempering
4 : เพือให ้วัตถุดบ ิ ไม่เกิดการหดตัวหลังให ้ความร ้อน 4 : Blowing
กร

กร

คําตอบทีถูกต ้อง : 2 คําตอบทีถูกต ้อง : 3


ิ ว

ิ ว
าวศ

าวศ

ข ้อที 446 : ข ้อที 451 :


ถ ้าต ้องการขึนรูปท่อเซรามิกทีมีความยาวและมีหน ้าตัดเหมือนกันตลอดความยาวชินงาน 1 เมตร ควรขึนรูปด ้วยวิธใี ด กระบวนการในข ้อใดต่อไปนีทําให ้ชินงานเซรามิกมีความหนาแน่นและความแข็งแรงเพิมขึนมาก
สภ

สภ

1 : การอัด (Pressing) 1 : Drying


2 : การอัดรีด (Extrusion) 2 : Pressing
3 : การฉีด (Injection) 3 : Casting
4 : การเป่ า (Blowing) 4 : Sintering

คําตอบทีถูกต ้อง : 2 คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 447 : ข ้อที 452 :


ในกระบวนการอบ ทําไมผลิตภัณฑ์เซรามิกทีผนังมีความหนามากมีแนวโน ้มทีจะเกิดการแตกได ้ง่ายกว่าเซรามิกทีมี ขวดเบียร์เป็ นผลิตภัณฑ์ทมั
ี กจะได ้จากกรรมวิธก
ี ารขึนรูปใดต่อไปนี
ผนังบาง
1 : Pressing
1 : การหดตัวทีผิว (Surface) กับเนือส่วนใน (Interior) มีคา่ แตกต่างกัน 2 : Extrusion
2 : ผลิตภัณฑ์ผนังหนาต ้องอบทีอุณหภูมส ิ งู กว่าผลิตภัณฑ์ผนังบาง 3 : Blowing
3 : นํ าในเนือส่วนใน (Interior) ของผลิตภัณฑ์ผนังหนาสามารถกําจัดออกได ้ง่าย 4 : Casting
4 : ผลิตภัณฑ์ผนังหนามีความแข็งแรงน ้อยกว่าผลิตภัณฑ์ผนังบาง
คําตอบทีถูกต ้อง : 3
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 453 :
ข ้อที 448 : กระจกหน ้าต่างเป็ นผลิตภัณฑ์ทมั
ี กจะได ้จากกรรมวิธก
ี ารขึนรูปใดต่อไปนี
การเกิดเป็ นเนือแก ้ว (Vitrification) จะทําให ้เกิดผลในข ้อใด
1 : Pressing
1 : สัมประสิทธิการขยายตัวเนืองจากความร ้อน (Coefficient of thermal expansion) ตําลง 2 : Drawing
2 : การนํ าความร ้อน (Thermal conductivity) ตําลง 3 : Blowing
3 : การนํ าไฟฟ้ า (Electrical conductivity) ดีขน
ึ 4 : Casting
4 : การเสียรูป (Warpage) ตําลง
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 454 :
ข ้อที 449 : ข ้อใดกล่าวเกียวกับกรรมวิธท
ี างความร ้อนของแก ้วไม่ถก
ู ต ้อง
ในเซรามิกแบบดังเดิม (Conventional ceramic) การเติม Flux จะมีประโยชน์ในเรืองใด
1 : การอบอ่อนแก ้วทําเพือลดปริมาณความเค ้นตกค ้างของชินงาน
1 : ทําให ้ผลิตภัณฑ์เกิดเป็ นเนือแก ้ว 2 : การอบอ่อนแก ้วทําได ้โดยการให ้ความร ้อนถึงจุดอ่อนตัวแล ้วปล่อยให ้เย็นตัวช ้าๆ จนถึงอุณหภูมห
ิ ้อง
2 : ทําให ้การเกิดเป็ นเนือแก ้วสามารถเกิดทีอุณหภูมต
ิ ําลง 3 : การเพิมความแข็งให ้กับแก ้ว (Glass tempering) ทําได ้โดยการให ้ความร ้อนถึงจุดอ่อนตัว แล ้วทําให ้เย็น
3 : ไม่ให ้ผลิตภัณฑ์เกิดการหดตัว ตัวอย่างรวดเร็วโดยการเป่ าลม
ธิ

ธิ

4 : ทําให ้มีความเปราะน ้อยลง 4 : ชินงานทีเย็นตัวอย่างรวดเร็วจากการเพิมความแข็งให ้กับแก ้ว (Glass tempering) จะทําให ้เกิดความเค ้นอัดที
ผิวและเกิดความเค ้นแรงดึงทีเนือภายใน
สท

สท

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

คําตอบทีถูกต ้อง : 3
วน

วน

ข ้อที 450 :
เนือหาวิชา : 251 : 14 Polymers processing
สง

สง

ข ้อใดเป็ นกระบวนการทีสําคัญทีใช ้ในการทํากระจกนิรภัย (Safety glass) สําหรับกระจกหน ้ารถ


1 : Pressing
ขอ

ขอ


รข

รข
ข ้อที 455 : ข ้อที 460 :
ผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์ทได
ี ้จากการขึนรูปด ้วยเครืองอัดรีด (Extrusion) จะมีลก
ั ษณะแบบใด ผงถ่าน (Carbon black) ทีใช ้เป็ นส่วนผสมในยางรถยนต์ เป็ นสารเติมแต่งชนิดใด


1 : เป็ นภาชนะกลวง 1 : สี (Colorant)
2 : รูปร่างลักษณะซับซ ้อนมาก 2 : สารเสริมแรง (Reinforcing filler)

ิ ว

ิ ว
3 : รูปร่างหน ้าตัดเหมือนกันตลอดความยาวของชินงาน 3 : สารไม่เสริมแรง (Non-reinforcing filler)

าว ศ

าว ศ
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก 4 : สารป้ องกันการติดไฟ (Flame retardant)

คําตอบทีถูกต ้อง : 3 คําตอบทีถูกต ้อง : 2


สภ

สภ
ข ้อที 456 : ข ้อที 461 :
ิ มใช ้กับพอลิเมอร์ชนิดเทอร์โมพลาสติก (Thermoplastic)
กระบวนการขึนรูปชนิดใดทีไม่นย ผลิตภัณฑ์ททํ ี าจากพอลิเมอร์ชนิดใดต่อไปนีมีการหดตัวหลังกระบวนการขึนรูปมากทีสุด
1 : การฉีดขึนรูป (Injection molding) 1 : วัสดุยด
ื หยุน
่ (Elastomer)
2 : การเป่ าขึนรูป (Blow molding) 2 : เทอร์โมเซตติง (Thermosetting)
3 : การอัดรีด (Extrusion) 3 : เทอร์โมพลาสติกชนิดทีเกิดโครงสร ้างผลึก (Crystalline thermoplastic)
4 : การอัดเข ้ากับแบบ (Compression molding) 4 : เทอร์โมพลาสติกชนิดทีไม่เกิดโครงสร ้างผลึก (Non-crystalline thermoplastic)

คําตอบทีถูกต ้อง : 4 คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 457 : ข ้อที 462 :


ข ้อใดคือส่วนประกอบทีสําคัญของเครืองขึนรูปแบบฉีด (Injection molding) สารเติมแต่งชนิดไม่เสริมแรง (Non-reinforcing filler) นิยมใช ้ผสมในพอลิเมอร์กอ
่ นทําการขึนรูปเพราะเหตุใด
1 : หน่วยฉีด (Injection unit) 1 : เพือให ้สีสวยขึน
2 : หน่วยจับยึด (Clamping unit) 2 : เพือลดต ้นทุน
3 : แม่พม ิ พ์ (Mold) 3 : เพือให ้ใช ้ในช่วงอุณหภูมท
ิ กว
ี ้างขึน
4 : ข ้อ 1 2 และ 3 ถูก 4 : เพือใช ้ในการหล่อลืน

คําตอบทีถูกต ้อง : 4 คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 458 : ข ้อที 463 :


ท่อพลาสติก เป็ นผลิตภัณฑ์ทได
ี ้จากการขึนรูปแบบใด พอลิไวนิล คลอไรด์ (Polyvinyl chloride) สามารถนํ ามาใช ้เป็ นท่อสายยางได ้ ถ ้าหากเติมสารเติมแต่งชนิดใดลงไป
1 : การฉีดขึนรูป (Injection molding) ในกระบวนการผลิต
2 : การเป่ าขึนรูป (Blow molding) 1 : สารหล่อลืน (Lubricant)
3 : การอัดรีด (Extrusion) 2 : สารเสริมแรง (Reinforcing filler)
4 : การอัดเข ้ากับแบบ (Compression molding) 3 : สารป้ องกันการแตกหักของสายโซ่โมเลกุล (Stabilizer)
4 : สารพลาสติไซเซอร์ (Plasticizer)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3
คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 459 :
ขวดพลาสติก เป็ นผลิตภัณฑ์ทมั
ี กจะได ้จากการขึนรูปแบบใด ข ้อที 464 :


ิ ธ

ิ ธ
1 : การฉีดขึนรูป (Injection molding) เพราะเหตุใดกระบวนการขึนรูปแบบอัดเข ้ากับแบบ (Compression molding) จึงนิยมใช ้กับพอลิเมอร์ชนิดเทอร์โม
เซตติง (Thermosetting) มากกว่าพอลิเมอร์ชนิดเทอร์โมพลาสติก (Thermoplastic)
สท

สท
2 : การเป่ าขึนรูป (Blow molding)
3 : การอัดรีด (Extrusion) 1 : ประหยัดพลังงาน เนืองจากในกระบวนการผลิตเทอร์โมเซตติง มีความต ้องการใช ้อุณหภูมท
ิ ตํ
ี ากว่าใน
4 : การอัดเข ้ากับแบบ (Compression molding) กระบวนการผลิตเทอร์โมพลาสติก
วน

วน
2 : การขึนรูปเทอร์โมเซตติง ไม่จําเป็ นต ้องมีการหล่อเย็น
คําตอบทีถูกต ้อง : 2 3 : ผลิตภัณฑ์ทไดี ้จากการขึนรูปเทอร์โมเซตติง มีผวิ ทีเป็ นมันวาวกว่า
4 : ใช ้เวลาในการขึนรูปน ้อยกว่า
สง

สง
คําตอบทีถูกต ้อง : 1
ขอ ขอ

ขอ ขอ
กร

กร

ข ้อที 465 : ข ้อที 470 :


สารเติมแต่งทีนิยมใช ้ในการทําให ้ยางเกิดโครงสร ้างตาข่าย (Network) ขณะขึนรูปคือข ้อใด ยางลบดินสอ เป็ นผลิตภัณฑ์ทมั
ี กจะได ้จากการขึนรูปแบบใด
ิ ว

ิ ว

1 : หินปูน 1 : การอัดรีด (Extrusion)


าวศ

าวศ

2 : กํามะถัน 2 : การอัดเข ้าแบบ (Compression molding)


3 : ผงถ่าน 3 : การฉีดขึนรูป (Injection molding)
4 : ขีผึง 4 : การเป่ าขึนรูป (Blow molding)
สภ

สภ

คําตอบทีถูกต ้อง : 2 คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 466 : ข ้อที 471 :


กระบวนการขึนรูปพอลิเมอร์โดยวิธก ี ารอัดรีดเป่ าขึนรูป (Extrusion blow molding) จะมีความแตกต่างจาก สารเติมแต่งประเภทใดต่อไปนีใช ้สําหรับลดความรุนแรงของอัคคีภย
ั ทีเกิดขึนกับวัสดุพอลิเมอร์
กระบวนการขึนรูปโดยวิธก
ี ารฉีดเป่ าขึนรูป (Injection blow molding) อย่างไร
1 : Stabilizer
1 : ชนิดของพอลิเมอร์ทใช ี ้แตกต่างกัน 2 : Colorant
2 : ผลิตภัณฑ์ทได ี ้เป็ นภาชนะกลวง 3 : Flame retardant
3 : รูปร่างผลิตภัณฑ์ทได ี ้มีความซับซ ้อนเหมือนกัน 4 : Filler
4 : เทคนิคทีใช ้ในการเป่ าด ้วยวิธกี ารฉีดเป่ าขึนรูป (Injection blow molding) ยุง่ ยากกว่าการเป่ าด ้วยวิธก
ี ารอัด
รีดเป่ าขึนรูป (Extrusion blow molding) คําตอบทีถูกต ้อง : 3

คําตอบทีถูกต ้อง : 4

ข ้อที 472 :
แผ่นฟิ ลม์ พลาสติกเป็ นผลิตภัณฑ์ทมั
ี กจะได ้จากกรรมวิธก
ี ารขึนรูปใดต่อไปนี
ข ้อที 467 :
ช ้อนพลาสติกตักไอศกรีม เป็ นผลิตภัณฑ์ทมั
ี กจะได ้จากการขึนรูปแบบใด 1 : Injection molding
2 : Extrusion
1 : การหล่อ (Casting) 3 : Compression molding
2 : การอัดเข ้าแบบ (Compression molding)
3 : การฉีดขึนรูป (Injection molding) 4 : Blow molding
4 : การอัดรีด (Extrusion)
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 473 :
ข ้อที 468 : ขันตอนใดต่อไปนีทีไม่เกียวข ้องกับการสังเคราะห์พอลิเมอร์แบบเติม (Addition polymerization)
กล่องพลาสติกใสสําหรับใส่ขนมเค ้กชินเล็กๆ เป็ นผลิตภัณฑ์ทมั
ี กจะได ้จากการขึนรูปแบบใด
1 : Initiation
1 : การขึนรูปด ้วยความร ้อน (Thermo-forming) 2 : Termination
2 : การอัดเข ้าแบบ (Compression molding) 3 : Condensation
3 : การฉีดขึนรูป (Injection molding) 4 : Propagation
4 : การเป่ าขึนรูป (Blow molding)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3
คําตอบทีถูกต ้อง : 1
ธิ

ธิ

ข ้อที 474 :
สท

สท

ข ้อที 469 : ผลิตภัณฑ์ในข ้อใดไม่สามารถขึนรูปด ้วยกระบวนการฉีด (Injection molding) ได ้


จานข ้าวเมลามีน (Melamine) เป็ นผลิตภัณฑ์ทมั
ี กจะได ้จากการขึนรูปแบบใด

1 : เปลือกหุ ้มสายเคเบิล
1 : การอัดรีด (Extrusion) 2 : ใบพัดลม
วน

วน

2 : การอัดเข ้าแบบ (Compression molding) 3 : แผ่นซีด ี


3 : การฉีดขึนรูป (Injection molding) 4 : ฝาครอบโทรศัพท์มอ ื ถือ
สง

สง

4 : การเป่ าขึนรูป (Blow molding)


คําตอบทีถูกต ้อง : 1
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
ขอ

ขอ


คําตอบทีถูกต ้อง : 1

รข

รข
ข ้อที 475 :
แกลลอนนํ ามันควรผลิตด ้วยกระบวนการขึนรูปใด


ข ้อที 480 :
1 : การฉีดขึนรูป (Injection molding)

ิ ว

ิ ว
ผลิตภัณฑ์ใดต่อไปนีทีนิยมผลิตจากวัสดุเชิงประกอบ (Composites)
2 : การเป่ าขึนรูป (Blow molding)

าว ศ

าว ศ
3 : การอัดรีด (Extrusion) 1 : ถ ้วยกาแฟ
4 : การอัดเข ้าแบบ (Compression molding) 2 : หม ้อหุงข ้าว
3 : ไม ้เทนนิส
สภ

สภ
คําตอบทีถูกต ้อง : 2 4 : กรอบแว่นตา

คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 476 :
พอลิเมอร์ชนิดใดนิยมขึนรูปด ้วยกระบวนการอัดเข ้าแบบ (Compression molding)
ข ้อที 481 :
1 : พอลิสไตรีน (Polystyrene)
ไฟเบอร์กลาส (Fiberglass) เป็ นวัสดุชนิดใด
2 : พอลิเอทธิลนี (Polyethylene)
3 : พอลิพรอพิลน ี (Polypropylene) 1 : วัสดุเชิงประกอบ (Composite) ทีมีอล
ี าสโตเมอร์ (Elastomer) เป็ นโครงสร ้างพืน (Matrix)
4 : ฟี นอลฟอร์มลั ดีไฮด์ (Phenol-formaldehyde)
2 : วัสดุเชิงประกอบ (Composite) ทีมีเซรามิก (Ceramic) เป็ นโครงสร ้างพืน
คําตอบทีถูกต ้อง : 4 3 : วัสดุเชิงประกอบทีมีแก ้ว (Glass) เป็ นโครงสร ้างพืน (Matrix)

4 : วัสดุเชิงประกอบ (Composite) ทีมีเทอร์โมเซท (Thermoset) เป็ นโครงสร ้างพืน (Matrix)

ข ้อที 477 : คําตอบทีถูกต ้อง : 4


ผลิตภัณฑ์ใดทีไม่สามารถขึนรูปได ้ด ้วยกระบวนการอัดรีด (Extrusion)
1 : สายยางฉีดนํ า
2 : เคสโทรศัพท์มอ ื ถือ
ข ้อที 482 :
3 : หลอดกาแฟ
ใยแก ้ว (Glass fibers) ประกอบด ้วยสารประกอบชนิดใดมากทีสุด
4 : แผ่นฟิ ลม
์ พลาสติก
1 : SiO2
คําตอบทีถูกต ้อง : 2 2 : Al2O3
3 : CaO
4 : MgO
เนือหาวิชา : 252 : 15 Composite materials
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 478 :
วัตถุประสงค์หลักในการพัฒนาวัสดุเชิงประกอบ (Composites) คือข ้อใด
ข ้อที 483 :
1 : เพิมความรวดเร็วในการผลิตและประสิทธิภาพการผลิต เซอร์เมท (Cermet) เป็ นวัสดุชนิดใด
2 : ลดต ้นทุนการผลิต เพิมความสามารถในการแข่งขัน
3 : ปรับปรุงสมบัตบ
ิ างประการของชินงาน เช่น ความแข็งแรง 1 : เซรามิก
4 : ลดผลกระทบต่อสิงแวดล ้อมและใช ้ทรัพยากรให ้คุ ้มค่า 2 : วัสดุเชิงประกอบ (Composite) มีโลหะเป็ นโครงสร ้างพืน (Matrix)
3 : วัสดุเชิงประกอบ (Composite) มีเซรามิกเป็ นโครงสร ้างพืน (Matrix)
คําตอบทีถูกต ้อง : 3 4 : โลหะชนิดหนึง มีความแข็งสูง ใช ้เป็ นมีดกลึง

คําตอบทีถูกต ้อง : 2


ิ ธ

ิ ธ
สท

สท
ข ้อที 479 :
วัสดุในข ้อใดต่อไปนีไม่ใช่วส
ั ดุเชิงประกอบ (Composites)
ข ้อที 484 :
1 : ทังสเตนคาไบด์ (Tungsten carbide)
วน

วน
เคฟลาร์ (Kevlar) เป็ นเส ้นใยชนิดใด
2 : เซอร์เมท
3 : คอนกรีตเสริมเหล็ก (Reinforced concrete) 1 : เส ้นใยธรรมชาติ
สง

สง
4 : พรีเพรก 2 : เส ้นใยพอลิเมอร์สงั เคราะห์
3 : เส ้นใยแก ้ว
4 : เส ้นใยคาร์บอน
ขอ ขอ

ขอ ขอ
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
กร

กร

ข ้อที 490 :
ิ ว

ิ ว

ข ้อที 485 : ข ้อใดจัดเป็ นวัสดุเชิงประกอบ (Composites)


าวศ

าวศ

กระบวนการในข ้อใดต่อไปนีทีใช ้ในการผลิตเส ้นใยคาร์บอน (Carbon fibers)


1 : อะลูมเิ นียม+ผงคาร์ไบด์
1 : Pyrolysis 2 : พอลิพรอพิลน ี +พอลิเอทิลน

2 : Hydrolysis 3 : พีวซ ี ยางไนไตรล์
ี +
สภ

สภ

3 : Synthesis 4 : อะลูมเิ นียม+ซิลก


ิ อน
4 : Analysis
คําตอบทีถูกต ้อง : 1
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 491 :
ข ้อที 486 : ข ้อใดกล่าวไม่ถก
ู ต ้อง
วัสดุเชิงประกอบ (Composite) ชนิดใดต่อไปนีทีเหมาะสําหรับผลิตก ้านสูบ (Connecting rods) ในเครืองยนต์
1 : สารเสริมแรงส่วนมากมีความเหนียวสูง
1 : อะลูมเิ นียมเสริมใยแก ้ว (Glass fibers) 2 : การทํา PMC ช่วยเพิมความแข็งแรงให ้สูงขึน
2 : อะลูมเิ นียมเสริมใยซิลกิ อนคาร์ไบด์ (SiC) 3 : การทํา MMC ช่วยเพิมความต ้านทานต่อการเกิดครีพให ้สูงขึน
3 : อะลูมเิ นียมเสริมใยหิน (Asbestos) 4 : การทํา CMC ช่วยเพิมความเหนียวให ้สูงขึน
4 : อะลูมเิ นียมเสริมใยเหล็ก (Steel)
คําตอบทีถูกต ้อง : 1
คําตอบทีถูกต ้อง : 2

ข ้อที 492 :
ข ้อที 487 : สารเสริมแรงชนิดใดใช ้ทําวัสดุเชิงประกอบแบบโครงสร ้าง (Structural composite)
ข ้อใดต่อไปนีเป็ นวัสดุเชิงประกอบทีมีสมบัตแ
ิ บบไอโซทรอปิ ก
1 : เส ้นใยแก ้วชนิดสัน
1 : คานไม ้ 2 : วิสเกอร์ซลิ ก
ิ อนคาร์ไบด์
2 : โครงเครืองบินไฟเบอร์กลาส 3 : ผงทังสเตนคาร์ไบด์
3 : ยางรถยนต์เสริมแรงด ้วยคาร์บอนแบล็ก 4 : แผงรังผึง
4 : ชินส่วนกระสวยอวกาศทําจากเส ้นใยยาวเคฟลาร์และอีพอกซี (Kevlar-epoxy)
คําตอบทีถูกต ้อง : 4
คําตอบทีถูกต ้อง : 3

ข ้อที 493 :
ข ้อที 488 : คอนกรีตเป็ นวัสดุเชิงประกอบ (Composites) ทีมีวส
ั ดุชนิดใดเป็ นเฟสเนือพืน (Matrix)
ข ้อใดไม่ใช ้วิธเี พิมความแข็งแรงให ้กับวัสดุเชิงประกอบ
1 : หิน
1 : ลดขนาดของอนุภาคให ้เล็กลง 2 : ซีเมนต์
2 : ลดความยาวเส ้นใยเสริมแรงให ้สันลง 3 : ยิปซัม
3 : เพิมแรงยึดเหนียวระหว่างเนือพืนและอนุภาคเสริมแรง 4 : ทราย
4 : ปรับการกระจายตัวของอนุภาคในเนือพืนให ้สมําเสมอ
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
คําตอบทีถูกต ้อง : 2
ธิ

ธิ

ข ้อที 494 :
สท

สท

ข ้อที 489 : วิสเกอร์เป็ นวัสดุเสริมแรงทีมีลก


ั ษณะเป็ นอย่างไร

ข ้อใดต่อไปนี คือหน ้าทีของเฟสกระจายตัว (Disperse phase) ในวัสดุเชิงประกอบ


1 : อนุภาคผงเม็ดกลม
วน

วน

1 : เป็ นตัวกลางในการถ่ายโอนแรงจากภายนอกให ้กับวัสดุผสม 2 : อนุภาครูปทรงสีเหลียม


2 : เสริมสมบัตขิ องวัสดุผสมให ้ดีขน
ึ 3 : เส ้นใยผลึกเดียว
3 : ป้ องกันความเสียหายของเฟสเนือพืน (Matrix) จากสภาพแวดล ้อม 4 : เส ้นลวด
สง

สง

4 : ลดต ้นทุนการผลิต
คําตอบทีถูกต ้อง : 3
ขอ

ขอ

รข
ข ้อที 495 :
ข ้อใดไม่ใช่ผลของการทําวัสดุเชิงประกอบ (Composites) ทีมีโลหะเป็ นเฟสเนือพืน (Matrix)


1 : เพิมความเหนียว

ิ ว
2 : เพิมความต ้านทานต่อการสึกหรอ

าว ศ
3 : เพิมมอดุลส
ั จําเพาะ
4 : เพิมความต ้านทานต่อการเกิดครีพ (Creep)
สภ
คําตอบทีถูกต ้อง : 1

ข ้อที 496 :
วัสดุเซอร์เมท (Cermet) เป็ นวัสดุเชิงประกอบ (Composite) ทีมีลก
ั ษณะเป็ นอย่างไร
1 : วัสดุเซรามิกเป็ นโครงสร ้างพืน (Matrix) เสริมแรงด ้วยโลหะ
2 : วัสดุโลหะเป็ นโครงสร ้างพืน (Matrix) และเสริมแรงด ้วยเซรามิก
3 : วัสดุพอลิเมอร์เป็ นโครงสร ้างพืน (Matrix) และเสริมแรงด ้วยเซรามิก
4 : วัสดุพอลิเมอร์เป็ นโครงสร ้างพืน (Matrix) และเสริมแรงด ้วยโลหะ

คําตอบทีถูกต ้อง : 2

สภาวิศวกร 487/1 ซอย รามคําแหง 39 (เทพลีลา 1) แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ 10310 สายด่วน
1303 โทรสาร 02-935-6695
@ สงวนลิขสิทธิ 2555 สภาวิศวกร : ติดต่อสภาวิศวกร | Contact

You might also like