You are on page 1of 119

วน

สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

สง
สภาวิศวกร | Council of engineers

ขอ
กร
!ชา : Chemical Engineering Thermodynamics

ิ ว
าวศ
เ%อหา!ชา : 827 : Phase Equilibrium
สภ

ข ้อที2 1 :
ข ้อใดกล่าวได ้ถูกต ้องเกีย
2 วกับสภาวะสมดุลวัฏภาค (phase equilibrium)
1 : ทีส
2 ภาวะสมดุล เอนโทรปี ของระบบจะมีคา่ ตํา2 ทีส2 ด ุ
2 : ทีส2 ภาวะสมดุล เอนโทรปี ของระบบจะมีคา่ สูงทีส 2 ด ุ
3 : ทีส 2 ภาวะสมดุล Gibbs free energy ของระบบจะมีคา่ ตํา2 ทีส2 ด

4 : ทีส 2 ภาวะสมดุล fugacity ของระบบจะมีคา่ ตํา2 ทีส
2 ด ุ
5 :

ข ้อที2 2 :
อากาศและนํI าอยูใ่ นสภาวะสมดุลในถังปิ ดทีอ 2 ณ
ุ หภูม ิ 75°C และความดัน 760 mm Hg จงคํานวณหาสัดส่วนเชิงโมลของนํI าและอากาศแห ้งในวัฏภาคแก๊ส
เมือ2 กําหนดให ้ค่าความดันไอของนํI าที2 75°C เท่ากับ 289 mm Hg

1 : 0 และ 1
2 : 0.38 และ 0.62
3 : 0.5 และ 0.5
4 : ไม่สามารถคํานวณได ้เนือ
2 งจากข ้อมูลไม่เพียงพอ

ข ้อที2 3 :
ความดันไอของนํI าจะเปลีย
2 นแปลงอย่างไร ถ ้าเติมเกลือโซเดียมคลอไรด์ลงไปในนํI าภายใต ้สภาวะอุณหภูมค
ิ งที2

1 : เพิม2 ขึน
I
2 : ไม่เปลีย 2 นแปลง
3 : ลดลง
4 : เป็ นไปได ้ทังI เพิม
2 ขึน
I และลดลง ขึน
I กับว่าเติมเกลือลงไปมากน ้อยเท่าใด

ข ้อที2 4 :
ค่าคงทีข 2 องเฮนรีข
2 น
ึI อยูก
่ บ
ั ค่าอะไรเป็ นหลัก
ก.) อุณหภูม ิ
ข.) ความดัน
ค.) ชนิดตัวทําละลาย
ง.) ชนิดของแก๊ส

1 : ก.) ถึง ง.) ถูกทุกข ้อ


2 : ถูกเฉพาะข ้อ ก.) และ ข.)
3 : ถูกเฉพาะข ้อ ก.) และ ค.)
4 : ถูกเฉพาะข ้อ ค.) และ ง.)

ข ้อที2 5 :
ข ้อใดกล่าวถึงแฟกเตอร์ Ki (หรือสัมประสิทธิข
/ องการกระจายขององค์ประกอบย่อย i) ระบบทีอ
2 ยูภ
่ ายใต ้สภาวะสมดุลไอ-ของเหลวได ้อย่างถูกต ้อง

1 : Ki ไม่ขน
ึI กับอุณหภูม ิ
2 : Ki ไม่ขน ึI กับความดัน
3 : Ki ไม่ขน ึI กับความเข ้มข ้นของสารทีส
2 นใจในวัฎภาคแก๊ส
4 : ผิดทุกข ้อ

ข ้อที2 6 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 1 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

ข ้อใดถูกต ้อง
1 : เส ้นสมดุลในหอดูดซับ (absorption) หาได ้จากกฏของ Henry
2 : เส ้นสมดุลในหอกลัน 2 (distillation) หาได ้จากกฏของ Raoult
3 : สมดุลของหอสกัดหาได ้จากสมดุลสามเหลีย 2 ม (triangular coordinate)
4 : ถูกทังI ข ้อ 1 2 และ 3

ข ้อที2 7 :
ในการสกัดของเหลว สมดุลทีแ 2 สดงการกระจายตัวของตัวถูกละลาย A อยูใ่ นของเหลว B และ S ทีไ2 ม่ผสมกัน (หรือผสมกันได ้เพียงบางส่วน) สามารถแสดง
ด ้วยรูปกราฟพิกด 2 ม (Triangular coordinates) ซึง2 ความเข ้มข ้นทีแ
ั สามเหลีย 2 ทนโดยจุดใดๆ ในแผนภาพสามเหลีย
2 มด ้านเท่านีจ
I ะหมายถึง
1 : ความเข ้มข ้นของสารผสมระหว่าง A และ B
2 : ความเข ้มข ้นของสารผสมระหว่าง A และ C
3 : ความเข ้มข ้นของสารผสมระหว่าง B และ S
4 : ความเข ้มข ้นของสารผสมทังI หมด

ข ้อที2 8 :
หลังจากผสมนํI าส ้มสายชู (กรดนํI าส ้มผสมกับนํI า) กับเฮกเซน อย่างละเท่าๆ กันโดยปริมาตร ของเหลวชัน
I บนควรประกอบไปด ้วยสารอะไรบ ้าง

1 : เฮกเซนเท่านัน I
2 : เฮกเซนและนํI า
3 : เฮกเซนและกรดนํI าส ้ม
4 : เฮกเซน นํI า และกรดนํI าส ้ม

ข ้อที2 9 :
นํ านํI ามันเบนซิน เอทธานอล(C2H5OH) และนํI า อย่างละเท่าๆกันโดยปริมาตร มาผสมกันในถังกวนผสม ณ อุณหภูมแ
ิ ละความดันปกติ จะพบสารประกอบใดที2
ก ้นถังกวน
1 : นํI าเท่านัน
I
2 : นํI าผสมเอทธานอล
3 : นํI ามันเบนซินเท่านัน
I
4 : นํI าผสมเอทธานอลและนํI ามันเบนซิน

ข ้อที2 10 :
การสกัดเอทธานอล(C2H5OH)ทีผ
2 สมกับนํI า ควรเลือกสารตัวทําละลายใด
1 : กรดนํI าส ้ม(CH3COOH)
2 : คาร์บอนเตตระคลอไรด์(CCl4)
3 : อะซิโตน(CH3COCH3)
4 : ฟอร์มล ั ดีไฮด์(HCHO)

ข ้อที2 11 :
ระบบสารบริสท / งึ2 อยูใ่ นสมดุลวัฏภาค (phase equilibrium) จะมีคา่ ตัวแปรใดในแต่ละวัฏภาคทีเ2 ท่ากัน
ุ ธิซ

1 : ศักย์เคมี (chemical potential)


2 : fugacity
3 : อุณหภูม ิ
4 : ถูกทุกข ้อ

ข ้อที2 12 :
คํากล่าวใดต่อไปนีถ
I ก

ก.) กฎของเฮนรี (Henry’s law) จะใช ้ได ้ในกรณีทสี2 ารละลายเป็ นสารละลายอุดมคติ
ข.) กฎของเฮนรี (Henry’s law) จะใช ้ได ้ในกรณีทวี2 ฏ ั ภาคไอประพฤติตวั เป็ นแก๊สอุดมคติ
ค.) กฎของเฮนรี (Henry’s law) จะใช ้ได ้ในกรณีทพ ี2 จิ ารณาสารทีม
2 ค
ี วามเข ้มข ้นในของเหลวตํา2

1 : ก.) ถึง ค.) ถูกทุกข ้อ


2 : ก.) ถึง ค.) ผิดทุกข ้อ
3 : ถูกเฉพาะข ้อ ค.)
4 : ถูกเฉพาะข ้อ ก.) และ ข.)

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 2 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

ข ้อที2 13 :
Modified Raoult’s law แตกต่างจาก Raoult’s law ทีใ2 ด

1 : Raoult’s law ใช ้กับแก๊สอุดมคติ ในขณะที2 Modified Raoult’s law ใช ้กับแก๊สทีไ2 ม่เป็ นแก๊สอุดมคติ

2 : Raoult’s law ใช ้กับสารละลายอุดมคติ ในขณะที2 Modified Raoult’s law ใช ้กับสารละลายทีไ2 ม่เป็ นอุดมคติ
3 : Raoult’s law ใช ้กับสารทีม ี วามเข ้มข ้นในของเหลวสูง ในขณะที2 Modified Raoult’s law ใช ้กับสารทีม
2 ค 2 ค
ี วามเข ้มข ้นในของเหลวตํา2

4 : ถูกเฉพาะข ้อ 1 และ 2

ข ้อที2 14 :
สารผสมใดต่อไปนีส
I ามารถประมาณให ้เป็ นสารละลายอุดมคติได ้

1 : เบนซีนละลายในโทลูอน ี โดยมีสด ั ส่วนความเข ้มข ้นของทังI สองสารใกล ้เคียงกัน


2 : นํI าเกลือทีค
2 วามเข ้มข ้นครึง2 หนึง2 ของความสามารถในการละลายของเกลือในนํI า

2 มเมือ
3 : นํI าเชือ 2 นํI าตาลเริม
2 ตกผลึก
4 : ผิดทุกข ้อ

ข ้อที2 15 :
อากาศทีอ 2 ณ
ุ หภูม ิ 80 F ความดัน 28 psia มีองค์ประกอบดังต่อไปนีI แก๊สไนโตรเจน 78.02 mol% แก๊สออกซิเจน 20.99 mol% แก๊สอาร์กอน 0.94 mol%
แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ 0.05 mol% จงคํานวณหาความดันย่อยของแก๊สอาร์กอน

1 : 0.263 psia
2 : 0.511 psia
3 : 0.804 psia
4 : 1.007 psia

ข ้อที2 16 :
คํากล่าวใดถูกต ้อง
1 : fugacity coefficient ของสารในสารผสมชนิดแก๊สอุดมคติมค ี า่ เท่ากับ fugacity coefficient ของสารนัน I ในสภาวะสารบริสท
ุ ธิท
/ คี2 วามดันย่อย (partial
pressure) ของสารและอุณหภูมเิ ดียวกันกับอุณหภูมข ิ องสารผสม
2 : fugacity ของของเหลวบริสท ุ ธิม
/ ค
ี า่ เท่ากับความดันไอของสารบริสท ุ ธิเ/ สมอ
3 : ปริมาตรของสารละลายจริง (real solution) ทีไ2 ด ้จากการผสมสารบริสท ุ ธิ/ A และ B จะเท่ากับผลรวมของปริมาตรของสารบริสท ุ ธิ/ A และ B
4 : ถูกทุกข ้อ

ข ้อที2 17 :
คํากล่าวใดถูกต ้อง

1 : ถ ้าต ้องการศึกษาสมดุลวัฏภาคไอ-ของเหลวของสารละลายเอทานอลในนํI า Raoult’s law จะให ้ค่าทีเ2 ชือ 2 ถือได ้เสมอ


2 : Activity coefficient ของพอลิเมอร์ในสารละลายทีป 2 ระกอบด ้วยพอลิเมอร์และตัวทําละลายมีคา่ ไม่เท่ากับ 1
3 : การผสมสารบริสท ุ ธิ/ A และ B เข ้าด ้วยกันเป็ นสารละลายอุดมคติ จะเป็ นการดูดความร ้อนเสมอเพราะจําเป็ นต ้องทําลายแรงยึดเหนีย
2 วระหว่างโมเลกุล
ในสารตังI ต ้น
4 : ถูกทุกข ้อ

ข ้อที2 18 :
คํากล่าวใดถูกต ้อง
1 : การอธิบายสมดุลวัฏภาคของเหลว-ไอของสารละลายเอธานอลในนํI าสามารถใช ้ Raoult’s law ได ้
2 : สารผสมแก๊สอุดมคติ (ideal gas mixture) เป็ นสารละลายอุดมคติ (ideal solution) ด ้วย
3 : สมการของ Wilson สามารถใช ้อธิบายการสกัดของเหลว-ของเหลว (Liquid-Liquid Extraction) ได ้ดี
4 : ถูกทุกข ้อ

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 3 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

ข ้อที2 19 :
คํากล่าวใดถูกต ้อง
1 : Fugacity ของแก๊สทีไ2 ม่ใช่แก๊สอุดมคติมค
ี า่ เท่ากับความดันของแก๊สนัน I
2 : Fugacity ของแก๊สทีไ2 ม่ใช่แก๊สอุดมคติจะมีคา่ ใกล ้เคียงกับค่าความดันเฉพาะในสภาวะทีค
2 วามดันตํา2 มาก ๆ

3 : Fugacity coefficient ไม่สามารถมีคา่ เกิน 1 ได ้


4 : Fugacity เป็ นสมบัตข
ิ องแก๊ส ไม่สามารถคํานวณได ้กับสารทีอ
2 ยูใ่ นสถานะของเหลว

ข ้อที2 20 :
ปริมาณใดต่อไปนีไ
I ม่ใช่ตวั แปรทีม
2 น
ี ย
ิ ามทางเทอร์โมไดนามิกส์
1 : molar fugacity
2 : partial molar pressure
3 : partial temperature
4 : ถูกทุกข ้อ

ข ้อที2 21 :

1 : จุด (a)
2 : จุด (b)
3 : จุด (c)
4 : จุด (d)

ข ้อที2 22 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 4 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : จุด (a)
2 : จุด (b)
3 : จุด (c)
4 : จุด (d)

ข ้อที2 23 :

1:

2:

3:

4:

ข ้อที2 24 :
สาร A 100 มิลลิลต
ิ รผสมกับสาร B 50 มิลลิลต
ิ ร ได ้สารละลายทีม
2 ป
ี ริมาตรน ้อยกว่า 150 มิลลิลต
ิ ร เพราะอะไร
1 : แรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลของ A-A น ้อยกว่าแรงดึงดูดระหว่างโมเลกุล B-B
2 : แรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลของ B-B น ้อยกว่าแรงดึงดูดระหว่างโมเลกุล A-A
3 : แรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลของ A-B มากกว่าแรงดึงดูดระหว่างโมเลกุล A-A และแรงดึงดูดระหว่างโมเลกุล B-B
4 : แรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลของ A-B ไม่เท่ากับแรงดึงดูดระหว่างโมเลกุล A-A และแรงดึงดูดระหว่างโมเลกุล B-B

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 5 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

ข ้อที2 25 :
คํากล่าวใดไม่ถก
ู ต ้องเมือ
2 พิจารณาสารผสมระหว่างสาร A และ B
1 : partial molar properties ของสาร A ในสารละลายจะมีคา่ เข ้าใกล ้ molar properties ของสาร A บริสท ุ ธิเ/ มือ2 สัดส่วนเชิงโมลของสาร B เข ้าใกล ้ 0
2 : molar properties ของสารผสมจะมีคา่ เข ้าใกล ้ molar properties ของสาร A บริสทุ ธิเ/ มือ
2 สัดส่วนเชิงโมลของสาร A เข ้าใกล ้ 1
3 : partial molar properties ของสารผสมจะมีคา่ เข ้าใกล ้ molar properties ของสาร A บริสท ุ ธิเ/ มือ
2 สัดส่วนเชิงโมลของสาร A
4 : partial molar properties ของสาร A ในสารละลายจะมีคา่ เข ้าใกล ้ molar properties ของสาร A บริสท ุ ธิเ/ มือ2 สัดส่วนเชิงโมลของสาร A เข ้าใกล ้ 1

ข ้อที2 26 :
ระบบสารผสมซึง2 อยูใ่ นสมดุลวัฏภาค (phase equilibrium) จะมีคา่ ตัวแปรใดในแต่ละวัฏภาคทีเ2 ท่ากัน
1 : ศักย์เคมี (chemical potential) ของสารชนิดเดียวกันในแต่วฏ
ั ภาค
2 : partial molar Gibbs free energy ของสารชนิดเดียวกันในแต่วฏ ั ภาค
3 : fugacity ของสารชนิดเดียวกันในแต่วฏ ั ภาค
4 : ถูกทุกข ้อ

ข ้อที2 27 :

1 : fugacity ของสาร i บริสทุ ธิ/ ในสภาพของเหลวทีอ 2 ณ


ุ หภูมแิ ละความดันเดียวกับระบบ
2 : fugacity ของสาร i บริสท ุ ธิ/ ในสภาพไอทีอ
2 ณ
ุ หภูมแิ ละความดันเดียวกับระบบ
3 : fugacity ของสาร i เมือ
2 อยูใ่ นสารละลายอุดมคติ
4 : Henry’s constant ของสาร i

ข ้อที2 28 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 6 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : fugacity ของสาร i บริสทุ ธิ/ ในสภาพของเหลวทีอ 2 ณ


ุ หภูมแิ ละความดันเดียวกับระบบ
2 : fugacity ของสาร i บริสท ุ ธิ/ ในสภาพไอทีอ
2 ณ
ุ หภูมแิ ละความดันเดียวกับระบบ
3 : fugacity ของสาร i เมือ
2 อยูใ่ นสารละลายอุดมคติ
4 : Henry’s constant ของสาร i

ข ้อที2 29 :

1 : Partial pressure ของสาร i


2 : Vapor pressure ของสาร i
3 : Latent heat ของสาร i
4 : Henry’s constant ของสาร i

ข ้อที2 30 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 7 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : ทุกจุดบนเส ้นประ (a) คํานวณโดยสมมุตใิ ห ้ไอประพฤติตวั เป็ นแก๊สอุดมคติ


2 : ทุกจุดบนเส ้นประ (b) คํานวณโดยสมมุตใิ ห ้ไอประพฤติตวั เป็ นแก๊สอุดมคติ
3 : ทุกจุดบนเส ้นประ (a) คํานวณโดยสมมุตใิ ห ้ของเหลวประพฤติตวั เป็ นสารละลายอุดมคติ
4 : คํากล่าวในข ้อ 1 ถึง 3 ถูกทุกข ้อ

ข ้อที2 31 :

1 : Henry’s law
2 : Lewis/Randall rule
3 : Modified Raoult’s law
4 : Ideal gas law

ข ้อที2 32 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 8 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : Henry’s law
2 : Lewis/Randall rule
3 : Modified Raoult’s law
4 : Ideal gas law

ข ้อที2 33 :
ตัวแปรใดต่อไปนีไ
I ม่มค
ี วามหมายทางกายภาพ

1 : Excess molar Gibbs free energy ของสารละลาย


2 : Excess molar Gibbs free energy ของสารบริสทุ ธิ/ i
3 : Excess partial molar Gibbs free energy ของสาร i ในสารละลาย

4 : ตัวแปรในข ้อ 1 ถึง 3 ทุกตัวมีความหมายทางกายภาพ

ข ้อที2 34 :
สิง2 ใดต่อไปนีม ี า่ เท่ากับศูนย์สําหรับการผสมสารแล ้วเกิดเป็ นสารละลายอุดมคติ
I ค
1 : Enthalpy change of mixing
2 : Entropy change of mixing
3 : Gibbs free energy change of mixing
4 : ตัวแปรในข ้อ 1 ถึง 3 ทุกตัวมีคา่ เท่ากับศูนย์สําหรับการผสมสารแล ้วเกิดเป็ นสารละลายอุดมคติ

ข ้อที2 35 :
ข ้อใดต่อไปนีเI ป็ นหน่วยของ Partial molar enthalpy ของสาร i ในสารละลาย
1 : J
2 : J/kg
3 : J/mol
4 : ถูกทุกข ้อ

ข ้อที2 36 :
พิจารณาสารผสมของแก๊สอุดมคติ (ideal gas mixture) ทีค
2 วามดัน P และอุณหภูม ิ T ข ้อใดต่อไปนีม
I ค
ี า่ เท่ากับ RT/P

1 : Molar volume ของสาร i บริสท


ุ ธิ/
2 : Molar volume ของแก๊สผสม
3 : Partial molar volume ของสาร i ในสารผสม
4 : ถูกทุกข ้อ

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 9 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

ข ้อที2 37 :
ข ้อใดต่อไปนีค
I อ
ื นิยามของ partial pressure ของสาร i ในแก๊สผสม
1 : ความดันทีเ2 หลืออยูห ่ ากนํ าสาร i ออกไปจากระบบแก๊สผสม
2 : ความดันของสาร i บริสท ุ ธิท
/ อ
ี2 ณ
ุ หภูมเิ ดียวกันกับอุณหภูมข ิ องแก๊สผสม
3 : ความดันทีจ 2 ะเกิดขึน
I เมือ
2 ให ้สาร i บริสท ุ ธิอ
/ ยูใ่ นปริมาตรเดียวกันกับปริมาตรของแก๊สผสม
4 : ผิดทุกข ้อ

ข ้อที2 38 :
Partial molar properties ของสาร i ในสารผสมจะมีคา่ เท่ากับ molar properties ของสาร i บริสท
ุ ธิท
/ อ
ี2 ณ
ุ หภูมเิ ดียวกันกับอุณหภูมข
ิ องสารผสมและความดัน
เท่ากับ partial pressure ของสาร i ในสารผสม เมือ
2 ใด
1 : เมือ
2 property ทีก 2 ล่าวถึงนีค
I อ
ื ปริมาตร
2 : เมือ2 สารผสมเป็ นแก๊สอุดมคติ
3 : เมือ 2 สารผสมเป็ นสารละลายอุดมคติในรูปของเหลว
4 : คํากล่าวข ้างต ้นเป็ นจริงเสมอ ไม่มข ี ้อจํากัด

ข ้อที2 39 :
คํากล่าวใดต่อไปนีถ
I ก
ู ต ้องสําหรับสารผสมทีเ2 ป็ นแก๊สอุดมคติ (ideal gas mixture)
1 : Partial molar enthalpy ของสาร i ในสารผสมมีคา่ เท่ากับ molar enthalpy ของสาร i บริสท
ุ ธิ/
2 : Partial molar entropy ของสาร i ในสารผสมมีคา่ เท่ากับ molar entropy ของสาร i บริสท
ุ ธิ/
3 : Partial molar Gibbs free energy ของสาร i ในสารผสมมีคา่ เท่ากับ molar Gibbs free energy ของสาร i บริสท
ุ ธิ/

4 : ผิดทุกข ้อ

ข ้อที2 40 :
สมการ Clausius-Clapeyron เป็ นสมการทีใ2 ช ้ในการคํานวณเกีย
2 วข ้องกับความดันไอของสาร คํากล่าวในข ้อใดไม่ถก
ู ต ้องเกีย
2 วกับสมการ Clausius-Clapeyron
1 : สมการนีใI ช ้ได ้กับสารบริสท ุ ธิเ/ ท่านัน
I
2 : สมการนีใI ช ้ได ้ดีทคี2 วามดันตํา2
3 : ารนีส
I มมุตใิ ห ้ latent heat ของการกลายเป็ นไอมีคา่ คงที2
4 : ถูกทุกข ้อ

ข ้อที2 41 :

1 : สาร A ระเหยยากกว่าสาร B
2 : ทีอ
2 ณ
ุ หภูมเิ ดียวกัน สาร A มีความดันไอมากกว่าสาร B
3 : Critical temperature ของสาร A มีคา่ สูงกว่า critical temperature ของสาร B
4 : ผิดทุกข ้อ

ข ้อที2 42 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 10 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : เส ้นทึบ (a) คือเส ้น bubble line ในขณะทีจ2 ดุ (c) คือจุดเดือดของสารผสม


2 : เส ้นประ (b) คือเส ้น bubble line ในขณะทีจ 2 ดุ (c) คือจุดเดือดของสารผสม
3 : เส ้นประ (b) คือเส ้น dew line ในขณะทีจ2 ด
ุ (c) คือจุด critical point ของสารผสม
4 : ผิดทุกข ้อ

ข ้อที2 43 :

1 : จุด (a)
2 : จุด (b)
3 : จุด (c)
4 : จุด (d)

ข ้อที2 44 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 11 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : จุด (a)
2 : จุด (b)
3 : จุด (c)
4 : จุด (d)

ข ้อที2 45 :

1 : จุด (a)
2 : จุด (b)
3 : จุด (d)
4 : ข ้อมูลในรูปกราฟไม่เพียงพอทีจ
2 ะตอบได ้

ข ้อที2 46 :
คํากล่าวใดถูกต ้องเกีย
2 วกับ fugacity coefficient
1 : ถ ้า fugacity coefficient มีคา่ เท่ากับ 1 หมายความว่าสารเป็ นสารบริสท
ุ ธิใ/ นสถานะแก๊ส
2 : ถ ้า fugacity coefficient มีคา่ เท่ากับ 1 หมายความว่าสารเป็ นสารบริสทุ ธิใ/ นสถานะของเหลว
3 : ถ ้า fugacity coefficient มีคา่ เท่ากับ 1 หมายความว่าสารประพฤติตวั เป็ นแก๊สอุดมคติ
4 : ถ ้า fugacity coefficient มีคา่ เท่ากับ 1 หมายความว่าสารประพฤติตวั เป็ นสารละลายอุดมคติ

ข ้อที2 47 :
ข ้อใดต่อไปนีค
I อ
ื ข ้อจํากัดของ chemical potential ในการคํานวณเกีย
2 วกับสมดุล
1 : Chemical potential มีคา่ เป็ นอนันต์เมือ2 ความดันเข ้าใกล ้ศูนย์
2 : Chemical potential มีคา่ เป็ นอนันต์เมือ
2 อุณหภูมเิ ข ้าใกล ้ศูนย์องศาสัมบูรณ์
3 : Chemical potential มีคา่ ติดลบเมือ2 ความเข ้มข ้นของสารเข ้าใกล ้ศูนย์
4 : คํากล่าวในข ้อ 1 ถึง 3 ถูกทุกข ้อ

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 12 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

ข ้อที2 48 :
ั ต่อเนือ
สมบัตใิ ดต่อไปนีเI ป็ นฟั งก์ชน 2 งในขณะทีเ2 กิดการเปลีย
2 นเฟส
1 : พลังงานภายใน
2 : เอนทาลปี
3 : เอนโทรปี
4 : Gibbs free energy

ข ้อที2 49 :
Chemical potential ของสารจะมีคา่ มากหรือน ้อยขึน
I อยูก
่ บ
ั อะไรบ ้าง
1 : อุณหภูมแ ิ ละความดันของระบบ
2 : Gibbs free energy ของระบบ
3 : ความเข ้มข ้นของสารในระบบ
4 : ถูกทุกข ้อ

ข ้อที2 50 :
คํากล่าวใดต่อไปนีถ
I ก
ู ต ้องเกีย
2 วกับการเปลีย
2 นเฟส
1 : การเปลีย
2 นเฟสจากของเหลวไปเป็ นไอจําเป็ นต ้องผ่านจุดทีร2 ะบบประกอบด ้วย 2 เฟสอันได ้แก่ของเหลวและไอ
2 : สารสามารถเปลีย2 นสภาวะจากจุด triple point ไปยัง critical point ได ้โดยรักษาให ้ระบบประกอบด ้วย 2 เฟสตลอดเวลา
3 : ไอ (vapor) และแก๊ส (gas) มีพฤติกรรมเหมือนกัน
4 : ถูกทุกข ้อ

ข ้อที2 51 :

1 : จุด (a)
2 : จุด (b)
3 : จุด (c)
4 : จุด (d)

ข ้อที2 52 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 13 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : ั ส่วนไอมากกว่าของเหลว
สารประกอบด ้วยไอและของเหลวโดยมีสด
2 : สารประกอบด ้วยไอและของเหลวโดยมีสดั ส่วนของเหลวมากกว่าไอ
3 : สารประกอบด ้วยไอและของเหลวโดยไม่สามารถบอกได ้ว่าสัดส่วนของไอหรือของเหลวมากกว่ากัน
4 : สารเป็ นของเหลวทังI หมด

เ%อหา!ชา : 828 : Vapor/Liquid Equilibrium

ข ้อที2 53 :
แอมโมเนียในถังในสภาวะอุณหภูมแ 2 ําให ้เกิดของเหลวและไออยูใ่ นสมดุลซึง2 กันและกันโดยมีประมาตรของของเหลวอยูป
ิ ละความดันทีท ่ ระมาณครึง2 ถัง หากไอ
แอมโมเนียรั2วออกไปจากถังอย่างช ้ามากๆ อะไรจะเกิดขึน I หากถังไม่มก
ี ารหุ ้มฉนวน

1 : อุณหภูมภ ิ ายในถังจะลดลง
2 : ความดันไอ (vapor pressure) ของแอมโมเนียจะลดลง
3 : สัดส่วนโดยโมลของแอมโมเนียในของเหลวจะลดลง
4 : ผิดทุกข ้อ

ข ้อที2 54 :
ระบบทีป 2 ระกอบด ้วยสารหลายสารทีอ
2 ยูใ่ นสมดุลวัฏภาคไอและของเหลว (vapor/liquid equilibrium) จะมีคา่ ตัวแปรใดในทังI สองวัฏภาคทีเ2 ท่ากัน
1 : ศักย์เคมี (chemical potential) ของสารชนิดเดียวกัน
2 : fugacity ของสารชนิดเดียวกัน
3 : ความดันและอุณหภูม ิ
4 : ถูกทุกข ้อ

ข ้อที2 55 :
คํากล่าวใดต่อไปนีถI ก

ก.) สารผสมมี boiling point ทีส
2 งู ขึน
I เมือ
2 มีความเข ้มข ้นสูงขึน
I
ข.) Boiling point ของสารละลายเป็ นสิง2 ทีน 2 ย
ิ ามไม่ได ้
ค.) Dew point เป็ นสมบัตข
ิ องสารผสมทีเ2 ป็ นไอ ไม่ใช่สมบัตข ิ องสารละลายทีเ2 ป็ นของเหลว
ง.) Bubble point ของสารละลายจะมีคา่ อยูร่ ะหว่าง boiling point ของสารทีเ2 ป็ นองค์ประกอบของสารละลาย
1 : ก.) ถึง ง.) ถูกทุกข ้อ
2 : ก.) ถึง ง.) ผิดทุกข ้อ
3 : ถูกเฉพาะข ้อ ก.) และ ค.)
4 : ถูกเฉพาะข ้อ ก.) และ ง.)

ข ้อที2 56 :
เมือ2 ป้ อนนํI ามันก๊าด(kerosene)เข ้าถังแยก ณ ความดันบรรยากาศ และอุณหภูมริ ะหว่าง dew point temperature กับ bubble point temperature จะได ้
ผลลัพธ์เป็ นอย่างไร
1 : นํI ามันก๊าดเป็ นของเหลวอุณหภูมต ิ ํา2 (subcooled liquid)
2 : นํI ามันก๊าดเป็ นของเหลวอิม 2 ตัว (saturated liquid)
3 : นํI ามันก๊าดเป็ นไอบางส่วน
4 : นํI ามันก๊าดเป็ นไออิม
2 ตัว (saturated vapor)

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 14 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

ข ้อที2 57 :
ทีค2 วามดันรวม 101.32 kPa ถ ้าความดันไอของ A เท่ากับ 135.5 kPa ทีส ั ส่วนโมลของสาร A ในของเหลว (xA) = 0.097 จงหาสัดส่วนโมลของสาร A
2 ด
ในไอ (yA) โดยสมมุตวิ า่ ของเหลวสององค์ประกอบ A และ B นีเI ป็ นสารละลายอุดมคติ (ideal solution)

1 : yA = 0.073
2 : yA = 0.130
3 : yA = 0.748
4 : ไม่มค
ี ําตอบทีถ
2 ก
ู ต ้อง

ข ้อที2 58 :
ทีค2 วามดันรวม 101.32 kPa ถ ้าความดันไอของ A เท่ากับ 135.5 kPa ทีส ั ส่วนโมลของสาร A ในไอ (yA) = 0.1 จงหาสัดส่วนโมลของสาร A ในของเหลว
2 ด
(xA) โดยสมมุตวิ า่ ของเหลวสององค์ประกอบ A และ B นีเI ป็ นสารละลายอุดมคติ (ideal solution)

1 : xA = 0.075
2 : xA = 0.134
3 : xA = 0.748
4 : ไม่มค
ี ําตอบทีถ
2 ก
ู ต ้อง

ข ้อที2 59 :
จงหาสัดส่วนองค์ประกอบของเบนซีน (A) ในของเหลวทีส 2 มดุลที2 95 องศาเซลเซียสกับโทลูอน
ี (B) ทีค
2 วามดันรวม 101.32 kPa โดยความดันไอเบนซีน
เท่ากับ 155.7 kPa และ ความดันไอโทลูอน
ี เท่ากับ 63.3 kPa

1 : xA = 0.41
2 : xA = 0.59
3 : xA = 0.65
4 : ไม่มค
ี ําตอบทีถ
2 ก
ู ต ้อง

ข ้อที2 60 :
จงหาสัดส่วนองค์ประกอบของเบนซีน (A) ในไอทีส 2 มดุลที2 95 องศาเซลเซียสกับโทลูอน
ี (B) ทีค
2 วามดันรวม 101.32 kPa โดยความดันไอเบนซีนเท่ากับ
155.7 kPa และ ความดันไอโทลูอน
ี เท่ากับ 63.3 kPa

1 : xA = 0.90
2 : xA = 0.63
3 : xA = 0.41
4 : ไม่มค
ี ําตอบทีถ
2 ก
ู ต ้อง

ข ้อที2 61 :
2 งมือแยกสารในสภาวะสมดุลไอและของเหลว (vapor/liquid equilibrium) จุดต่างๆ บนเส ้นโค ้งสมดุลเป็ นจุดทีร2 ะบุข ้อมูลใดต่อไปนีI
ในการออกแบบเครือ
1 : ความสัมพันธ์ระหว่างความเข ้มข ้นของสารทีส
2 นใจในทังI สองเฟสทีอ 2 อกจากขัน
I ตอนสมดุล
2 : ความสัมพันธ์ระหว่างความเข ้มข ้นรวมของสารทีส 2 นใจกับความเข ้มข ้นรวมของสารอืน
2 ทีอ
2 อกจากขัน I ตอนสมดุล
3 : ความสัมพันธ์ระหว่างความเข ้มข ้นของสารทีส2 นใจในวัฏภาคของเหลวกับความเข ้มข ้นของสารอืน 2 ทีอ
2 อกจากขัน
I ตอนสมดุล
4 : ความสัมพันธ์ระหว่างความเข ้มข ้นของสารทีส 2 นใจในวัฏภาคไอกับความเข ้มข ้นของสารอืน 2 ทีอ
2 อกจากขันI ตอนสมดุล

ข ้อที2 62 :
ของเหลวทีป 2 ระกอบด ้วยสาร A และ B อยูใ่ นสภาวะสมดุลกับไอของมัน ถ ้าอุณหภูมมิ ความดัน และสัดส่วนโดยโมลของสาร A ในของเหลวผสม ถูกรักษาให ้
คงทีไ2 ม่เปลีย
2 นแปลง ค่าใดต่อไปนีสI ามารถเปลีย2 นแปลงได ้
1 : ความเข ้มข ้นของสาร B ในของเหลว
2 : สัดส่วนโดยโมลของสาร A ในไอ
3 : ความดันย่อยของสาร A ในไอ
4 : คําตอบในข ้อ 1 ถึง 3 นัน
I ไม่สามารถเปลีย
2 นแปลงได ้

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 15 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

ข ้อที2 63 :
คํากล่าวใดต่อไปนีถ
I ก
ู ต ้องเกีย
2 วกับนํI าและอากาศในภาชนะปิ ดทีอ
2 ณ
ุ หภูมห
ิ ้อง ความดันบรรยากาศ
1 : เนือ
2 งจากมีไอนํI าอยูใ่ นเฟสไอ หมายความว่าระบบเลยจุดเดือดของนํI ามาแล ้ว
2 : ระบบยังไม่ถงึ จุดสมดุล หากถึงสมดุล จะต ้องไม่มนี ํI าอยูใ่ นเฟสไอ เนือ
2 งจากอุณหภูมต
ิ ํา2 กว่าจุดเดือดของนํI า
3 : ระบบนีไI ม่ถอ
ื เป็ นระบบสมดุล เนือ2 งจากในเฟสไอมีนํIาและอากาศ แต่ในเฟสของเหลวมีเพียงนํI าเท่านัน I
4 : คํากล่าวในข ้อ 1 ถึง 3 ผิดทุกข ้อ

ข ้อที2 64 :
คํากล่าวใดต่อไปนีไ
I ม่ถก
ู ต ้องสําหรับสารผสม (A และ B) ในสภาวะ azeotrope
1 : มีคา่ ความเข ้มข ้นในเฟสของเหลวเท่ากับความเข ้มข ้นในเฟสไอตลอดเวลา
2 : มีพฤติกรรมการกลายเป็ นไอประหนึง2 เป็ นสารบริสทุ ธิ/
3 : เป็ นสารทีไ2 ม่สามารถกลัน
2 แยกได ้ แต่สามารถแยกได ้ด ้วยกระบวนการ flash
4 : ค่าความดันไอของสาร A ไม่จําเป็ นต ้องเท่ากับค่าความดันไอของสาร B

ข ้อที2 65 :
ปั จจัยใดทีม 2 ผ
ี ลกระทบต่อความดันไอของของเหลว
1 : พืน
I ทีผ
2 วิ ของของเหลว
2 : ความดัน
3 : อุณหภูม ิ
4 : อุณหภูม ิ

ข ้อที2 66 :
ของเหลวผสมระหว่าง acetronitrile และ nitromethane ที2 75°C มีสด ั ส่วนโดยโมลของ acetronitrile ในของเหลวเท่ากับ 0.4 โดยความดันไอของ
acetronitrile และ nitromethane มีคา่ เท่ากับ 81.57 kPa และ 42.14 kPa ตามลําดับ ความดันของระบบ ณ จุด bubble point ทีค2 ํานวณโดยใช ้ Raoult’s
law จะมีคา่ เท่าใด
1 : 61.85 kPa
2 : 57.92 kPa
3 : 46.65 kPa
4 : 81.57 kPa

ข ้อที2 67 :
ั ส่วนโดยโมลของ acetronitrile ในไอเท่ากับ 0.2 โดยความดันไอของ acetronitrile และ
ไอผสมระหว่าง acetronitrile และ nitromethane ที2 75°C มีสด
nitromethane มีคา่ เท่ากับ 81.57 kPa และ 42.14 kPa ตามลําดับ ความดันของระบบ ณ จุด dew point ทีค 2 ํานวณโดยใช ้ Raoult’s law จะมีคา่ เท่าใด
1 : 46.65 kPa
2 : 50.25 kPa
3 : 42.14 kPa
4 : 81.57 kPa

ข ้อที2 68 :
สารผสมระหว่าง acetronitrile และ nitromethane ที2 80°C มีสด ั ส่วนโดยโมลของ acetronitrile ในสารผสมรวมเท่ากับ 0.7 ถ ้า bubble point pressure มี
ค่าเท่ากับ 82.16 kPa และ dew point pressure มีคา่ เท่ากับ 75.41 kPa ข ้อความใดต่อไปนีถ
I ก

1 : ถ ้าความดันของระบบมากกว่า 82.16 kPa ระบบจะเป็ นของเหลวทังI หมด
2 : ถ ้าความดันของระบบน ้อยกว่า 75.41 kPa ระบบจะเป็ นไอทังI หมด
3 : ถ ้าความดันของระบบน ้อยกว่า 82.16 kPa และมากกว่า 75.41 kPa ระบบจะมีไอและของเหลวอยูใ่ นสมดุลกัน
4 : ถูกทุกข ้อ

ข ้อที2 69 :
สารผสมระหว่าง methyl ethyl ketone และ toluene ที2 50°C มีสด ั ส่วนโดยโมลของ methyl ethyl ketone ในสารผสมรวมเท่ากับ 0.61 โดยความดันไอ
ของ methyl ethyl ketone และ toluene มีคา่ เท่ากับ 35.52 kPa และ 12.28 kPa ตามลําดับ ระบบนีจ
I ะมีคา่ bubble point pressure (BUBLP) และ dew
point pressure (DEWP) เท่าใด หากกําหนดให ้ activity coefficient ของ methyl ethyl ketone และ toluene มีคา่ เท่ากับ 1.023 และ 1.135 ตามลําดับ
1 : BUBLP 26.33 , DEWP 20.44 kPa
2 : BUBLP 27.48 , DEWP 20.44 kPa
3 : BUBLP 27.48 , DEWP 22.29 kPa
4 : BUBLP 35.52 , DEWP 12.28 kPa

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 16 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

ข ้อที2 70 :
คํากล่าวใดต่อไปนีถ
I ก
ู ต ้องเกีย
2 วกับความดันไอของสาร
1 : ค่าความดันไอของสารขึน I อยูก
่ บ
ั ความดันและอุณหภูม ิ
2 : ค่าความดันไอของแก๊สอุดมคติขน ึI อยูก
่ บ
ั อุณหภูมเิ ท่านัน
I
3 : ความดันไอของสารขึน I กับความเข ้มข ้นของสารนัน I ในเฟสของเหลว
4 : คํากล่าวในข ้อ 1 ถึง 3 ผิดทุกข ้อ

ข ้อที2 71 :
จากกราฟ P-x-y ของสารผสมระหว่างสาร 1 และสาร 2 ดังรูปต่อไปนีI จุดใดในรูปทีแ
2 สดงถึงสภาวะทีร2 ะบบประกอบไปด ้วยสารสองสารในสองเฟส

1 : จุด (a)
2 : จุด (b)
3 : จุด (c)
4 : จุด (d)

ข ้อที2 72 :
จากกราฟ P-x-y ของสารผสมระหว่างสาร 1 และสาร 2 ดังรูปต่อไปนีI คํากล่าวใดถูกต ้อง

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 17 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : สารบริสท
ุ ธิ/ 1 มีจดุ เดือดสูงกว่าสารบริสท
ุ ธิ/ 2
2 : อุณหภูม ิ Ta มีคา่ สูงกว่าอุณหภูม ิ Tb
3 : จุด (d) และ (e) คือจุดเดือดของสารผสม
4 : ไอของสารผสมนีไ I ม่ประพฤติตวั เป็ นแก๊สอุดมคติ

ข ้อที2 73 :
จากกราฟ P-x-y ของสารผสมระหว่างสาร 1 และสาร 2 ดังรูปต่อไปนีI เมือ
2 พิจารณาสภาวะ ณ จุด (c) คํากล่าวใดถูกต ้อง

1 : สัดส่วนโดยโมลของสาร 1 ในเฟสไอมีคา่ มากกว่าสัดส่วนโดยโมลของสาร 1 ในเฟสของเหลว


2 : สัดส่วนโดยโมลของสาร 1 ในเฟสของเหลวมีคา่ มากกว่าสัดส่วนโดยโมลของสาร 1 ในเฟสไอ
3 : สัดส่วนโดยโมลของสาร 1 ในเฟสไอมีคา่ มากกว่าสัดส่วนโดยโมลของสาร 2 ในเฟสไอ
4 : คํากล่าวในข ้อ 1 และ 3 ถูก

ข ้อที2 74 :
ระบบทีป 2 ระกอบด ้วยสารเดียวทีอ
2 ยูใ่ นสมดุลวัฏภาคไอและของเหลว (vapor/liquid equilibrium) จะมีคา่ ตัวแปรใดในทังI สองวัฏภาคทีเ2 ท่ากัน
1 : Fugacity
2 : Fugacity coefficient
3 : Molar Gibbs free energy
4 : ถูกทุกข ้อ

ข ้อที2 75 :
จากกราฟ T-x-y ของสารผสมระหว่างสาร 1 และสาร 2 ดังรูปต่อไปนีI คํากล่าวใดถูกต ้อง

1 : สารบริสท
ุ ธิ/ 1 มีจด
ุ เดือดสูงกว่าสารบริสท
ุ ธิ/ 2

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 18 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

2 : ความดัน Pa มีคา่ สูงกว่าความดัน Pb


3 : ทังI จุด (e) และจุด (f) คือจุด critical point ของสารผสม
4 : ถูกทุกข ้อ

ข ้อที2 76 :
จากกราฟ T-x-y ของสารผสมระหว่างสาร 1 และสาร 2 ดังรูปต่อไปนีI หากต ้องการเปลีย
2 นสภาวะของระบบจากจุด (d) มาเป็ นจุด (b) จะต ้องทําอย่างไร

1 : ลดความดัน
2 : เพิม
2 ความดัน
3 : เพิม2 อุณหภูม ิ
4 : ลดความดันและเพิม2 อุณหภูม ิ

ข ้อที2 77 :
จากกราฟ T-x-y ของสารผสมระหว่างสาร 1 และสาร 2 ดังรูปต่อไปนีI เมือ
2 พิจารณาสภาวะ ณ จุด (a) คํากล่าวใดถูกต ้อง

1 : สัดส่วนโดยโมลของสาร 1 ในเฟสของเหลวมีคา่ มากกว่าสัดส่วนโดยโมลของสาร 2 ในเฟสของเหลว


2 : สัดส่วนโดยโมลของสาร 1 ในเฟสไอมีคา่ มากกว่าสัดส่วนโดยโมลของสาร 2 ในเฟสไอ
3 : สัดส่วนโดยโมลของสาร 1 ในเฟสของเหลวมีคา่ เท่ากับสัดส่วนโดยโมลของสาร 1 ในเฟสไอ
4 : คํากล่าวในข ้อ 1 และ 2 ถูก

ข ้อที2 78 :
จากกราฟ x-y ของสารผสมระหว่างสาร 1 และสาร 2 ดังรูปต่อไปนีI คํากล่าวใดต่อไปนีถ
I ก

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 19 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : แต่ละจุดบนเส ้นกราฟมีอณุ หภูมเิ ท่ากัน


2 : พฤติกรรมนีสI ามารถทํานายได ้โดยใช ้ Raoult’s law
3 : ระบบทีแ2 สดงด ้วยจุดบนเส ้นกราฟนีทI ก
ุ จุดเป็ นระบบทีป
2 ระกอบด ้วย 2 เฟส
4 : ผิดทุกข ้อ

ข ้อที2 79 :
จากกราฟ x-y ของสารผสมระหว่างสาร 1 และสาร 2 ดังรูปต่อไปนีI คํากล่าวใดต่อไปนีถ
I ก

1 : สารผสมทีค 2 วามเข ้มข ้นของสาร 1 ประมาณ 0.8 ไม่สามารถทําให ้บริสทุ ธิข


/ น
ึI ได ้ด ้วยการกลัน
2
2 : ความเข ้มข ้น ณ จุด critical point ของสารผสมนีอ
I ยูท
่ ป
ี2 ระมาณ 0.8

3 : พฤติกรรมนีสI ามารถทํานายได ้โดยใช ้ Henry’s law


4 : ผิดทุกข ้อ

ข ้อที2 80 :
ข ้อใดต่อไปนีค
I อ
ื หน่วยของ Henry’s constant
1 : J
2 : Pa
3 : mol/l
4 : ไม่มห
ี น่วย

ข ้อที2 81 :
ความดันไอของเมทานอล (methanol) สามารถคํานวณได ้จากสมการ Antoine ต่อไปนีI

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 20 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : -20.1°C
2 : 52.8°C
3 : 64.6°C
4 : ข ้อมูลไม่เพียงพอสําหรับการหาคําตอบ

ข ้อที2 82 :
ความดันไอของเมทานอล (methanol) สามารถคํานวณได ้จากสมการ Antoine ต่อไปนีI

1 : ของเหลว
2 : ไอ
3 : สมดุลระหว่างของเหลวและไอ
4 : ข ้อมูลไม่เพียงพอสําหรับการหาคําตอบ

ข ้อที2 83 :
ถ ้าอากาศสามารถละลายในนํI าภายใต ้ความดันบรรยากาศโดยให ้สัดส่วนโดยโมลของอากาศในของเหลวเท่ากับ 1.35´10-3 ข ้อใดต่อไปนีเI ป็ นค่าทีใ2 กล ้เคียง
กับ Henry’s constant ของอากาศในนํI ามากทีส
2 ด

1 : 50000 kPa
2 : 62000 kPa
3 : 75000 kPa
4 : 90000 kPa

ข ้อที2 84 :
พิจารณาข ้อมูลของค่า Ki สําหรับมีเทน อีเทน และโพรเพนในระบบทีป
2 ระกอบด ้วยไอของมีเทน อีเทน และโพรเพนในสัดส่วนโดยโมลเท่ากับ 0.1, 0.2 และ
0.7 ตามลําดับ ดังแสดงในตารางต่อไปนีI

สารผสมนีม
I ี dew point pressure เท่าใด

1 : 100 psia
2 : 125 psia
3 : 150 psia
4 : มากกว่า 150 psia

ข ้อที2 85 :
พิจารณาข ้อมูลของค่า Ki สําหรับมีเทน อีเทน และโพรเพนในระบบทีป
2 ระกอบด ้วยมีเทน อีเทน และโพรเพนในเฟสของเหลวในสัดส่วนโดยโมลเท่ากับ 0.1,
0.2 และ 0.7 ตามลําดับ ดังแสดงในตารางต่อไปนีI

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 21 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

สารผสมนีม
I ี bubble point pressure เท่าใด

1 : น ้อยกว่า 380 psia


2 : ระหว่าง 380 psia และ 400 psia
3 : มากกว่า 400 psia
4 : ข ้อมูลไม่เพียงพอสําหรับการคํานวณ

ข ้อที2 86 :
ความดันไอของเมทานอล (methanol) และเมทิลอะซิเตต (methyl acetate) สามารถคํานวณได ้จากสมการ Antoine ต่อไปนีI

1 : เมทานอล
2 : เมทิลอะซิเตต
3 : ทังI สองสารมีจดุ เดือดเท่ากัน
4 : ข ้อมูลไม่เพียงพอสําหรับการหาคําตอบ

ข ้อที2 87 :
ความดันไอของเมทานอล (methanol) และเมทิลอะซิเตต (methyl acetate) สามารถคํานวณได ้จากสมการ Antoine ต่อไปนีI

1 : เมทานอล
2 : เมทิลอะซิเตต
3 : ทังI สองสารมี latent heat เท่ากัน
4 : ข ้อมูลไม่เพียงพอสําหรับการหาคําตอบ

ข ้อที2 88 :
คํากล่าวใดต่อไปนีถ
I ก
ู สําหรับ activity coefficient

1 : ั ของอุณหภูมแ
Activity coefficient เป็ นฟั งก์ชน ิ ละความดันเท่านัน I
2 : สารทีม2 ี activity coefficient เท่ากับ 1 ประพฤติตวั เป็ นแก๊สอุดมคติ
3 : Activity coefficient เป็ นสมบัตเิ ฉพาะตัวของสารหนึง2 ๆ
4 : ผิดทุกข ้อ

ข ้อที2 89 :
สารละลายทีป 2 ระกอบด ้วย carbontetrachloride กับ ethanol มีจด ุ azeotrope ทีค2 วามเข ้มข ้น 61.3 mol% ของ carbontetrachloride โดยทีจ 2 ด
ุ เดือดของ
azeotrope นีอ I ยูท
่ ี2 64.95°C ถ ้ากําหนดให ้ความดันไอของ carbontetrachloride และ ethanol ทีอ 2 ณ
ุ หภูม ิ 64.95°C มีคา่ เท่ากับ 530.9 mmHg และ 448.8

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 22 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

mmHg ตามลําดับ ค่า activity coefficient ของ carbontetrachloride ณ จุด azeotrope มีคา่ เท่าใด

1 : 1
2 : 1.432
3 : 1.693
4 : ข ้อมูลไม่เพียงพอต่อการคํานวณ

ข ้อที2 90 :
สารละลายทีป 2 ระกอบด ้วย carbontetrachloride กับ ethanol มีจด ุ azeotrope ทีค2 วามเข ้มข ้น 61.3 mol% ของ carbontetrachloride โดยทีจ 2 ด
ุ เดือดของ
azeotrope นีอ I ยูท
่ ี2 64.95°C ถ ้ากําหนดให ้ความดันไอของ carbontetrachloride และ ethanol ทีอ 2 ณ
ุ หภูม ิ 64.95°C มีคา่ เท่ากับ 530.9 mmHg และ 448.8
mmHg ตามลําดับ ค่า activity coefficient ของ ethanol ณ จุด azeotrope มีคา่ เท่าใด

1 : 1
2 : 1.432
3 : 1.693
4 : ข ้อมูลไม่เพียงพอต่อการคํานวณ

ข ้อที2 91 :
พิจารณาข ้อมูลของค่า Ki สําหรับบิวเทนและเพนเทนในระบบทีป
2 ระกอบด ้วยบิวเทนและเพนเทนในเฟสของเหลวในสัดส่วนทีเ2 ท่ากัน ดังแสดงในตารางต่อไปนีI

สารผสมนีม
I ี bubble point temperature เท่าใด

1 : น ้อยกว่า 50°F
2 : ระหว่าง 50°F และ 65°F
3 : ระหว่าง 65°F และ 70°F
4 : มากกว่า 70°F

ข ้อที2 92 :
คํากล่าวใดต่อไปนีผ
I ด

1 : การผสมแก๊สอุดมคติเข ้าด ้วยกันเป็ นกระบวนการแบบ spontaneous ทีม 2 ี heat of mixing เท่ากับศูนย์
2 : ในสภาวะอุณหภูมแ ิ ละความดันทีไ2 ม่สามารถสมมุตใิ ห ้แก๊สประพฤติตวั เป็ นแก๊สอุดมคติได ้ ก็จะไม่สามารถสมมุตใิ ห ้แก๊สผสมประพฤติตวั เป็ น ideal gas
mixture ด ้วยเช่นกัน
3 : แก๊สผสมทีม2 โี ครงสร ้างโมเลกุลคล ้ายคลึงกันสามารถถือให ้เป็ น ideal solution ได ้
4 : Fugacity ของ 1 โมลเฮกเซนบริสท ุ ธิจ
/ ะมีคา่ เท่ากับ fugacity ของเฮกเซนในสารละลายทีป 2 ระกอบด ้วยเฮกเซนและเฮปเทนอย่างละ 1 โมล

ข ้อที2 93 :
พิจารณาสมดุลระหว่างแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์กบ ั นํI าทีค
2 วามดัน 1 bar อุณหภูม ิ 25°C ถ ้ากําหนดให ้ความดันไอของนํI าทีอ
2 ณ
ุ หภูมน
ิ ม
ีI ค ี า่ เท่ากับ 3.166 kPa
และค่า Henry’s constant ของแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์มค ี า่ เท่ากับ 1651.9 bar ค่าสัดส่วนโดยโมลของแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ทล ี2 ะลายอยูใ่ นของเหลวจะ
มีคา่ เท่าใดหากสมมุตใิ ห ้เฟสไอเป็ น ideal gas mixture และเฟสของเหลวเป็ น ideal solution

1 : 1.31´10-2
2 : 3.16´10-2
3 : 3.58´10-3
4 : 5.86´10-4

ข ้อที2 94 :
พิจารณาสมดุลระหว่างแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์กบ ั นํI าทีค
2 วามดัน 1 bar อุณหภูม ิ 25°C ถ ้ากําหนดให ้ความดันไอของนํI าทีอ
2 ณ
ุ หภูมน
ิ ม
ีI ค
ี า่ เท่ากับ 3.166 kPa
และค่า Henry’s constant ของแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์มค ี า่ เท่ากับ 1651.9 bar ค่าสัดส่วนโดยโมลของแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในเฟสไอจะมีคา่ เท่าใด
หากสมมุตใิ ห ้เฟสไอเป็ น ideal gas mixture และเฟสของเหลวเป็ น ideal solution

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 23 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : 1
2 : 0.999
3 : 0.968
4 : 0.941

ข ้อที2 95 :
พิจารณาสมดุลระหว่าง chloroform และ 1,4-dioxane ซึง2 ไม่สามารถถือให ้เป็ น ideal solution ได ้ ถ ้าสัดส่วนโดยโมลของ chloroform ในของเหลวมีคา่
เท่ากับ 0.1757 ความดันรวมของระบบจะมีคา่ เท่าใด หากสมบัตข ิ องสารทังI สอง ณ อุณหภูมข ิ องระบบเป็ นไปดังตารางต่อไปนีI

1 : 19.63 kPa
2 : 25.33 kPa
3 : 33.56 kPa
4 : 60.11 kPa

ข ้อที2 96 :
พิจารณาสมดุลระหว่าง chloroform และ 1,4-dioxane ซึง2 ไม่สามารถถือให ้เป็ น ideal solution ได ้ ถ ้าสัดส่วนโดยโมลของ chloroform ในของเหลวมีคา่
เท่ากับ 0.1757 สัดส่วนโดยมวลของ chloroform ในเฟสไอจะมีคา่ เท่าใด หากสมบัตข ิ องสารทังI สอง ณ อุณหภูมข ิ องระบบเป็ นไปดังตารางต่อไปนีI

1 : 0.334
2 : 0.482
3 : 0.518
4 : 0.666

ข ้อที2 97 :
ของเหลวผสมทีป 2 ระกอบไปด ้วยเฮกเซน 60 mol% และเฮปเทน 40 mol% ถูกป้ อนเข ้าเครือ2 ง Flash ทีค 2 วามดัน 14.7 psia โดยพบว่า 55% ของสารป้ อน
กลายเป็ นไอ หากข ้อมูลสมดุลของเฮกเซนและเฮปเทนเป็ นไปตามแผนภูมด
ิ ้านล่างนีI อุปกรณ์ Flash นีด
I ําเนินการทีอ
2 ณ
ุ หภูมเิ ท่าใด

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 24 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : 172°F
2 : 178°F
3 : 180°F
4 : 184°F

ข ้อที2 98 :
ของเหลวผสมทีป 2 ระกอบไปด ้วยเฮกเซน 60 mol% และเฮปเทน 40 mol% ถูกป้ อนเข ้าเครือ 2 ง Flash ทีค
2 วามดัน 14.7 psia โดยพบว่า 55% ของสารป้ อน
กลายเป็ นไอ หากข ้อมูลสมดุลของเฮกเซนและเฮปเทนเป็ นไปตามแผนภูมด
ิ ้านล่างนีI ค่าสัดส่วนโดยโมลของเฮกเซนในสารไอมีคา่ เท่าใด

1 : 0.38
2 : 0.50
3 : 0.69
4 : 0.80

เ%อหา!ชา : 829 : Liquid/Liquid Equilibrium

ข ้อที2 99 :
แบบจําลองในข ้อใดสามารถใช ้ในการจําลองระบบสมดุลของเหลว-ของเหลวได ้ ก. NRTL ข. Wilson ค. UNIQUAC
1 : ข ้อ ก และ ข เท่านัน
I

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 25 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

2 : ข ้อ ก และ ค เท่านันI
3 : ข ้อ ข และ ค เท่านัน I
4 : ถูกทุกข ้อ
5 : ไม่มขี ้อใดถูกต ้อง

ข ้อที2 100 :
ต ้องการสกัดกรดอะซิตก ิ จากสารละลายทีม 2 ก
ี รดอะซิตก ิ 40 % และนํI า 60 % และมีอต ั ราการไหลเท่ากับ 100 กิโลกรัม ต่อ วินาที โดยใช ้สารไอโซโพรพิวอี
เทอร์บริสท ุ ธิ/ อัตราการไหล 150 กิโลกรัม ต่อ ชัว2 โมง และกําหนดให ้ความเข ้มข ้นของกรดอะซิตกิ ในสายราฟฟิ เนทมีคา่ เท่ากับ 3 % จงหาอัตราการไหลของ
สารผสมทีอ 2 อกจากสายราฟฟิ เนท

1 : 95.6 กิโลกรัม ต่อ ชัว2 โมง


2 : 55.6 กิโลกรัม ต่อ ชัว2 โมง
3 : 45.6 กิโลกรัม ต่อ ชัว2 โมง
4 : 35.6 กิโลกรัม ต่อ ชัว2 โมง

ข ้อที2 101 :
สําหรับกรณีของเครือ 2 ําคัญทีน
2 งสกัด (Extractor) เหตุผลทีส 2 ย
ิ มกําหนดให ้มีการไหลสวนทางกันของเฟส คือ
1 : ทําให ้สามารถลดพืน I ทีใ2 นการติดตังI
2 : ทําให ้มีคา่ อัตราการถ่ายเทความร ้อนสูง
3 : ทําให ้อัตราการถ่ายเทมวลข ้ามเฟสมีคา่ มาก
4 : ทําให ้สามารถกําหนดสภาวะในการปฏิบต ั ก
ิ ารได ้ง่าย

ข ้อที2 102 :
ลักษณะทีง2 า่ ยทีส
2 ด
ุ ของการสกัดของเหลวด ้วยของเหลวเกีย
2 วข ้องกับระบบกีอ
2 งค์ประกอบ
1 : 1
2 : 2
3 : 3
4 : 4

ข ้อที2 103 :
ข ้อใดบ ้างทีเ2 ป็ นลักษณะเด่นของการสกัดของเหลวด ้วยของเหลว
1 : กระบวนการนีเI ป็ นการแยกสารถูกละลายออกจากสารละลาย โดยอาศัยหลักการความแตกต่างกันของจุดเดือด หรือค่าการระเหยขององค์ประกอบต่างๆ
ในสารละลาย
2 : กระบวนการนีเI ป็ นการแยกสารถูกละลายออกจากสารละลายด ้วยการผสมกับตัวทําละลายอีกชนิดหนึง2
3 : กระบวนการนีเI ป็ นการแยกสารถูกละลายออกจากสารละลายด ้วยการใช ้ เรซิน
4 : กระบวนการนีเI ป็ นการแยกสารถูกละลายออกจากสารละลายด ้วยการต ้ม

ข ้อที2 104 :
โดยทัว2 ไปแล ้วการสกัดของเหลว-ของเหลวแบบขัน
I ตอนเดียวทีม
2 ล
ี ก
ั ษณะพืน
I ฐานทีส
2 ด
ุ มักเกีย
2 วข ้องกับตัวทําละลายกีช
2 นิด
1 : 1 ชนิด
2 : 2 ชนิด
3 : 3 ชนิด
4 : 4 ชนิด

ข ้อที2 105 :
ลักษณะเด่นของวัฏภาคเอ็กซ์แทรค (Extract phase) คือ
1 : เป็ นวัฏภาคของเหลวซึง2 มีความเข ้มข ้นของสารทําละลายสกัด (extract solvent) มาก ในขณะทีม 2 ค
ี วามเข ้มข ้นของสารทําละลายตังI ต ้น (feed
solvent) มาก
2 : เป็ นวัฏภาคของเหลวซึง2 มีความเข ้มข ้นของสารทําละลายสกัดน ้อย ในขณะทีม 2 ค ี วามเข ้มข ้นของสารทําละลายตังI ต ้นมาก
3 : เป็ นวัฏภาคของเหลวซึง2 มีความเข ้มข ้นของสารทําละลายสกัดมาก ในขณะทีม 2 ค ี วามเข ้มข ้นของสารทําละลายตังI ต ้นน ้อย
4 : เป็ นวัฏภาคของเหลวซึง2 มีความเข ้มข ้นของสารทําละลายสกัดน ้อย ในขณะทีม 2 ค ี วามเข ้มข ้นของสารทําละลายตังI ต ้นน ้อย

ข ้อที2 106 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 26 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

ข ้อมูล หรือความรู ้เรือ


2 งใดทีเ2 กีย
2 วข ้องกับการสกัดของเหลวด ้วยของเหลวน ้อยทีส
2 ด

1 : สมดุลระหว่างวัฏภาค
2 : สมดุลมวลสาร
3 : อัตราการไหลของสารป้ อน และผลิตภัณฑ์
4 : อัตราการให ้ความร ้อนทีก
2 บ
ั หอสกัดของเหลวด ้วยของเหลว

ข ้อที2 107 :
อะไรไม่ใช่องค์ประกอบ หรือลักษณะของกราฟสามเหลีย
2 มทีถ
2 ก
ู ต ้อง
1 : โดยมากเป็ นกราฟสามเหลีย 2 มด ้านเท่า หรือสามเหลีย
2 มมุมฉาก
2 : จุดยอดของกราฟสามเหลีย 2 มแทนองค์ประกอบ 100% ของสารแต่ละชนิด
3 : บริเวณทีอ ่ ายใต ้เส ้นโค ้งสมดุล เป็ นส่วนทีส
2 ยูภ 2 ารผสมมีเนือ
I เดียวกัน ไม่แยกวัฏภาค
4 : ผิดทุกข ้อ

ข ้อที2 108 :
ข ้อใดถูกต ้องในเรือ
2 งรูปแบบอุปกรณ์ของหอสกัดของเหลวด ้วยของเหลว (liquid-liquid extractor)
1 : แบบ mixer-settler
2 : แบบ spray column
3 : แบบ sieve-tray
4 : ถูกทุกข ้อ

ข ้อที2 109 :
ในการสกัดของเหลวด ้วยของเหลว (liquid-liquid extraction) สารทีเ2 ป็ นตัวถูกละลาย (solute) ควรมีสมบัตอ
ิ ย่างไร
1 : ควรละลายได ้ในตัวทําละลายทังI สอง
2 : สามารถละลายได ้ในตัวทําละลายเพียงตัวเดียว
3 : ควรแยกออกจากตัวทําละลายได ้ง่าย
4 : ถูกทังI ข ้อ 1 และ 3

ข ้อที2 110 :
ในการสกัดของเหลวด ้วยของเหลว (liquid-liquid extraction) สารทีเ2 ป็ นตัวทําละลาย (solvent) ควรมีสมบัตอ
ิ ย่างไร
1 : ควรละลายได ้ดีในตัวทําละลายเดิม
2 : แยกออกจากตัวถูกละลายได ้ยาก
3 : แยก phase กับตัวถูกละลาย
4 : สามารถละลายตัวถูกละลายได ้ดีกว่าตัวทําละลายเดิม

ข ้อที2 111 :
ข ้อใดถูกต ้องในเรือ
2 งอุปกรณ์สกัดของเหลวด ้วยของเหลว (liquid-liquid extractor) แบบ spray column
1 : ของเหลวทีเ2 บากว่าจะถูกป้ อนเข ้าทีด2 ้านบนของหอ
2 : ของเหลวทีห 2 นักกว่าจะถูกป้ อนเข ้าทีด2 ้านล่างของหอ
3 : ของเหลวทีห 2 นักกว่าจะถูกป้ อนเข ้าทีด2 ้านบนของหอ
4 : ถูกเฉพาะข ้อ 1 และ 3

ข ้อที2 112 :
ในกระบวนการสกัดของเหลวด ้วยของเหลว (liquid extraction) ข ้อใดผิด
1 : ชันI ราฟฟิ เนท (raffinate) คือชัน
I ของเหลวทีม 2 ต
ี วั ถูกละลายและตัวทําละลายไดลูเอนท์เป็ นหลัก
2 : ชัน I สกัด (extract) คือชัน
I ของเหลวทีผ
2 า่ นการสกัดด ้วยตัวทําละลาย
3 : ของเหลวทังI 2 ชนิด ต ้องแยกเฟสกัน
4 : ข ้อ 1 และ 2 ผิด

ข ้อที2 113 :
การออกแบบระบบการสกัดของเหลวด ้วยของเหลวโดยการใช ้กราฟ จะมีการคํานวณปริมาณ minnimum solvent ทีค
2 วรใช ้ ถ ้าเราใช ้ปริมาณน ้อยกว่าทีค
2 ํานวณ
ได ้ จะได ้ผลเช่นใด
1 : จะไม่สามารถละลายตัวถูกละลายออกมาได ้

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 27 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

2 : จะได ้ความเข ้มข ้นของตัวถูกละลายมาก


3 : จะได ้ความเข ้มข ้นของตัวถูกละลายน ้อย
4 : ถูกทังI ข ้อ 1 และ 3

ข ้อที2 114 :
ในการสกัดแยกเอทธานอล(C2H5OH)ทีผ
2 สมในนํI าด ้วยเฮกเซน(C6H14) ความเข ้มข ้นของเอทธานอล ในนํI าควรมีความสัมพันธ์กบ
ั ความเข ้มข ้นของเอทธา
นอลในเฮกเซนอย่างไร
1 : ในนํI าต ้องตํา2 กว่าในเฮกเซน
2 : ในนํI าต ้องตํา2 กว่าค่าสมดุลของความเข ้มข ้นในเฮกเซน
3 : ในนํI าต ้องเท่ากับค่าสมดุลของความเข ้มข ้นในเฮกเซน
4 : ในนํI าต ้องสูงกว่าค่าสมดุลของความเข ้มข ้นในเฮกเซน

ข ้อที2 115 :
ในการสกัดแยกเอทธานอล(C2H5OH)ทีผ
2 สมในนํI าด ้วยเฮกเซน(C6H14) ควรทําการสกัดทีส
2 ภาวะใด
1 : ตํา2 กว่าความดันจุดเดือด(bubble point pressure) ทีอ 2 ณ ุ หภูมห ิ ้อง
2 : เท่ากับความดันจุดเดือด(bubble point pressure) ทีอ 2 ณ ุ หภูมห ิ ้อง
3 : สูงกว่าความดันจุดเดือด(bubble point pressure) ทีอ 2 ณ ุ หภูมห ิ ้อง
4 : ตํา2 กว่าความดันจุดนํI าค ้าง(dew point pressure) ทีอ
2 ณ
ุ หภูมห ิ ้อง

ข ้อที2 116 :
ในการสกัดแยกเอทธานอล(C2H5OH)ทีผ
2 สมในนํI าด ้วยเฮกเซน(C6H14) ถ ้าต ้องการปริมาณเอทธานอลทีส
2 กัดได ้มีคา่ มากทีส
2 ด
ุ ควรกําหนดให ้อัตราการไหล
ของเฮกเซนเป็ นเช่นใด
1 : น ้อยกว่าปริมาณน ้อยทีส 2 ด ุ ทีพ 2 อดีแยกชัน I
2 : เท่ากับปริมาณน ้อยทีส2 ด ุ ทีพ 2 อดีแยกชัน I
3 : มากกว่าปริมาณน ้อยทีส 2 ด ุ ทีพ 2 อดีแยกชัน I
4 : เท่ากับปริมาณมากทีส 2 ด ุ ทีพ 2 อดีแยกชัน I

ข ้อที2 117 :
การสกัดกรดนํI าส ้ม(CH3COOH)ออกจากนํI าส ้มสายชู(CH3COOH + H2O)ด ้วยเฮกเซน(C6H14)โดยใช ้ถังกวนผสมจํานวน 3 ถังอนุกรมกัน โดยป้ อนนํI าส ้ม
สายชูและเฮกเซนอย่างละเท่าๆกันโดยปริมาตรเข ้าในถังกวนใบแรก ใบทีส 2 ามตามลําดับ ปริมาณกรดนํI าส ้มทีส
2 อง และใบทีส 2 กัดได ้เป็ นอย่างไร
1 : เพิม
2 ขึน
I ตามลําดับถังกวน
2 : คงเดิมโดยไม่ขน ึI กับจํานวนถังกวน
3 : ลดลงตามลําดับถังกวน
4 : เปลีย2 นแปลงตามลําดับถังกวน

ข ้อที2 118 :
การสกัดกรดนํI าส ้ม(CH3COOH)ออกจากนํI าส ้มสายชู(CH3COOH + H2O)ด ้วยเฮกเซน(C6H14)โดยใช ้ถังกวนผสม ณ อุณหภูมห
ิ ้อง ควรดําเนินการภายใต ้
ความดันใด
1 : ตํา2 กว่าความดันจุดเดือด(bubble point pressure)
2 : เท่ากับความดันจุดเดือด(bubble point pressure)
3 : สูงกว่าความดันจุดเดือด(bubble point pressure)
4 : ตํา2 กว่าความดันจุดนํI าค ้าง(dew point pressure)

ข ้อที2 119 :
การสกัดกรดนํI าส ้ม(CH3COOH)ออกจากนํI าส ้มสายชู(CH3COOH + H2O)ด ้วยเฮกเซน(C6H14)โดยใช ้ถังกวนผสม ณ ความดันบรรยากาศ ควรดําเนินการ
ภายใตอุณหภูมใิ ด
1 : สูงกว่าอุณหภูมจ ิ ด ุ นํI าค ้าง(dew point temperature)
2 : เท่ากับอุณหภูมจ ิ ด ุ นํI าค ้าง(dew point temperature)
3 : เท่ากับอุณหภูมจ ิ ด ุ เดือด(bubble point temperature)
4 : ตํา2 กว่าอุณหภูมจิ ด ุ เดือด(bubble point temperature)

ข ้อที2 120 :
การสกัดแยกกรดนํI าส ้ม(CH3COOH)จากนํI าส ้มสายชู(CH3COOH + H2O)ด ้วยคลอโรฟอร์ม(CHCl3) โดยใช ้ถังกวนผสมเพียงถังเดียว เพือ
2 ให ้ได ้ความเข ้มข ้น

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 28 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

ของกรดนํI าส ้มในคลอโรฟอร์มสูงสุด ควรป้ อนคลอโรฟอร์มให ้สัมพันธ์กบ


ั นํI าส ้มสายชูอย่างไร
1 : น ้อยกว่าปริมาณน ้อยทีส 2 ด ุ ทีพ 2 อดีแยกชัน I
2 : เท่ากับปริมาณน ้อยทีส2 ด ุ ทีพ 2 อดีแยกชัน I
3 : มากกว่าปริมาณน ้อยทีส 2 ด ุ ทีพ 2 อดีแยกชัน I
4 : เท่ากับปริมาณมากทีส 2 ด ุ ทีพ 2 อดีแยกชัน I

ข ้อที2 121 :
ในการสกัดแยกเอทธานอล(C2H5OH)ทีผ2 สมนํI าด ้วยเฮกเซน(C6H14)ด ้วยถังกวนผสม ถ ้าเปลีย
2 นเป็ นการสกัดแบบต่อเนือ
2 งและป้ อนสารผสมแบบไหลสวนทาง
กันจะเกิดการเปลีย
2 นแปลงอย่างไร
1 : ปริมาณเอทธานอลทีส 2 กัดได ้มีคา่ เพิม 2 ขึน
I
2 : ปริมาณเอทธานอลทีส 2 กัดได ้มีคา่ น ้อยลง
3 : ใช ้ปริมาณเฮกเซนในการสกัดลดลง
4 : ไม่เกิดการเปลีย
2 นแปลง

ข ้อที2 122 :
การสกัดเอทธานอล(C2H5OH)ทีผ
2 สมกับนํI าด ้วยเฮกเซน(C6H14) พิจารณาทีค
2 วามสามารถในการละลายของสารทังI 3 ชนิดควรเป็ นเช่นใด
1 : เอทธานอลละลายในเฮกเซนได ้ดีกว่านํI า
2 : เอทธานอลละลายในนํI าได ้ดีกว่าเฮกเซน
3 : เฮกเซนและนํI าไม่ควรละลายในกันและกัน
4 : ถูกทังI ข ้อ 1 และ 3

ข ้อที2 123 :
การคํานวณออกแบบหอสกัดเอทธานอล(C2H5OH)ผสมนํI าด ้วยเฮปเทน(C7H16) ไม่ต ้องใช ้ข ้อมูลใด
1 : สัดส่วนเอทธานอลทีผ
2 สมนํI า
2 : อัตราการไหลของเฮปเทน
3 : สัดส่วนเอทธานอลในเฮปเทน
4 : สมดุลไอของเหลวของเอทธานอล

ข ้อที2 124 :
การสกัดแยกกรดนํI าส ้ม(CH3COOH)ออกจากนํI าส ้มสายชู(CH3COOH + H2O) ควรเลือกใช ้สารชนิดใด
1 : เมทธานอล(CH3OH)
2 : โทลูอนี (C7H8)
3 : ฟอร์มล
ั ดีไฮด์(HCHO)
4 : อะซิโตน((CH3)2CO)

ข ้อที2 125 :
การสกัดแยกกรดนํI าส ้ม(CH3COOH)ออกจากนํI าส ้มสายชู(CH3COOH + H2O) ด ้วยการใช ้คลอโรฟอร์ม(CHCl3) และชุดถังกวนกับถังแยกชัน
I ของเหลว
จํานวน 5 ชุด สารใดควรพบมากในสายแอ็กแทร็ก(extract)และสายราฟฟิ เนต(raffinate)ตามลําดับ
1 : กรดนํI าส ้ม(CH3COOH) และคลอโรฟอร์ม(CHCl3)
2 : นํI า และคลอโรฟอร์ม(CHCl3)
3 : คลอโรฟอร์ม(CHCl3) และกรดนํI าส ้ม(CH3COOH
4 : คลอโรฟอร์ม(CHCl3) และนํI า

ข ้อที2 126 :
ในการคํานวณหอสกัดทีบ2 รรจุด ้วยแผ่นเจาะรูพรุนจํานวน 12 แผ่น สําหรับแยกอะซิโตน(CH3COCH3)ทีป ี (C7H8)ด ้วยการใช ้นํI า ควรพบสารใดบ ้าง
2 นในโทลูอน
ในสายแอ็กแทร็ก(extract) ตามลําดับมากไปน ้อย
1 : นํI าและอะซิโตน(CH3COCH3)
2 : อะซิโตน(CH3COCH3)และโทลูอน ี (C7H8)
3 : โทลูอน ี (C7H8)และนํI า
4 : นํI า อะซิโตน(CH3COCH3)และโทลูอนี (C7H8)

ข ้อที2 127 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 29 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

ในการแยกอะซิโตน(CH3COCH3)ทีป ี (C7H8)ด ้วยการใช ้นํI า สารใดจะเกิดการถ่ายเทระหว่างเฟสมากทีส


2 นในโทลูอน 2 ด

1 : อะซิโตน
2 : โทลูอน ี
3 : นํI า
4 : นํI า และอะซิโตน

ข ้อที2 128 :
ในการคํานวณออกแบบหน่วยสกัดแยกกรดนํI าส ้ม(CH3COOH)ออกจากนํI าส ้มสายชู(CH3COOH + H2O) ด ้วยคลอโรฟอร์ม(CHCl3) ปริมาณใดทีไ2 ม่
เปลีย2 นแปลง
1 : ความเข ้มข ้นของกรดนํI าส ้ม(CH3COOH)ในนํI าส ้มสายชู(CH3COOH + H2O)
2 : อัตราการไหลของสายแอ็กแทร็ก(extract)
3 : อัตราการไหลของสายราฟฟิ เนต(raffinate)
4 : ผลต่างของอัตราการไหลของสายแอ็กแทร็ก(extract)และสายราฟฟิ เนต(raffinate)

ข ้อที2 129 :
ในการคํานวณออกแบบหน่วยสกัดแยกอะซิโตน(CH3COCH3)ทีป
2 นในโทลูอน
ี (C7H8)ด ้วยนํI า ปริมาณใดไม่คงที2
1 : อัตราการไหลของนํI า
2 : อุณหภูมขิ องการสกัด
3 : ความเข ้มข ้นของอะซิโตน(CH3COCH3)ในนํI า
4 : อัตราส่วนการไหลของนํI าต่อสารอินทรียผ
์ สม

ข ้อที2 130 :
ในการสกัดแยกกรดนํI าส ้ม(CH3COOH)ออกจากนํI าส ้มสายชู(CH3COOH + H2O) โดยการใช ้คลอโรฟอร์ม(CHCl3) ควรพบสารประกอบใดบ ้างในสายราฟฟิ
เนต(raffinate)เรียงตามลําดับจากน ้อยไปมาก
1 : กรดนํI าส ้ม(CH3COOH) และนํI า
2 : กรดนํI าส ้ม(CH3COOH) และคลอโรฟอร์ม(CHCl3)
3 : นํI า และคลอโรฟอร์ม(CHCl3)
4 : คลอโรฟอร์ม(CHCl3) กรดนํI าส ้ม(CH3COOH) และนํI า

ข ้อที2 131 :
ในการสกัดแยกกรดนํI าส ้ม(CH3COOH)ออกจากนํI าส ้มสายชู(CH3COOH + H2O) โดยการใช ้คลอโรฟอร์ม(CHCl3) ควรพบสารประกอบใดบ ้างในสาย
แอ็กแทร็ก(extract)เรียงตามลําดับจากมากไปน ้อย
1 : กรดนํI าส ้ม(CH3COOH) นํI า และคลอโรฟอร์ม(CHCl3)
2 : กรดนํI าส ้ม(CH3COOH) คลอโรฟอร์ม(CHCl3) และนํI า
3 : คลอโรฟอร์ม(CHCl3) กรดนํI าส ้ม(CH3COOH) และนํI า
4 : นํI า คลอโรฟอร์ม(CHCl3) และกรดนํI าส ้ม(CH3COOH

ข ้อที2 132 :
ของเหลวผสมทีป 2 ระกอบด ้วยไอโซเมอร์ของบิวเทน 2 ชนิด ซึง2 ประกอบด ้วยนอร์มอลบิวเทน และไอโซบิวเทน ควรแยกออกจากกันด ้วยวิธก
ี ารใด
1 : การกลัน
2
2 : การสกัด คําตอบ 3: การแพร่ผา่ นเยือ
2
3 : การดูดซึม
4 : การระเหย

ข ้อที2 133 :
การสกัดเอทธานอล(C2H5OH)ทีผ
2 สมนํI าด ้วยสารตัวทําละลายอินทรียท 2 มดุลของเหลวน ้อยกว่า 1.0 ควรใช ้ปริมาณสารตัวทําละลายอย่างไร เพือ
์ ใี2 ห ้ค่าคงทีส 2
สกัดเอทธานอลมากๆ
1 : ปริมาณมากทีส2 ด
ุ ทีพ 2 อดีแยกชันI กับนํI า
2 : ปริมาณมากกว่านํI า แต่ต ้องแยกชัน I กับนํI า
3 : ปริมาณเทียบเท่ากับนํI า
4 : ปริมาณน ้อยกว่านํI า แต่ต ้องแยกชัน I กับนํI า

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 30 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

ข ้อที2 134 :
ในการสกัดแยกกรดนํI าส ้ม(CH3COOH)ออกจากนํI าส ้มสายชู(CH3COOH + H2O) โดยการใช ้คลอโรฟอร์ม(CHCl3)กับหอสกัดทีบ
2 รรจุด ้วยแผ่นเจาะรูจํานวน
18 แผ่น ความเข ้มข ้นของกรดนํI าส ้มในสายราฟฟิ เนต(raffinate)ควรมีลก
ั ษณะอย่างไร
1 : ลดลงจากยอดหอสูก ่ ้นหอ
2 : ไม่ลดลงจากยอดหอสูก ่ ้นหอ
3 : ไม่เปลีย 2 นแปลงจากยอดหอสูก ่ ้นหอ
4 : เพิม
2 ขึน
I จากยอดหอสูก ่ ้นหอ

ข ้อที2 135 :
ในการสกัดแยกกรดนํI าส ้ม(CH3COOH)ออกจากนํI าส ้มสายชู(CH3COOH + H2O) โดยการใช ้คลอโรฟอร์ม(CHCl3)กับหอสกัดทีบ
2 รรจุด ้วยแผ่นเจาะรูจํานวน
20 แผ่น ปริมาณใดไม่คงที2
1 : อัตราการไหลของนํI า
2 : อุณหภูมขิ องการสกัด
3 : ความเข ้มข ้นของกรดนํI าส ้ม
4 : ความดันของการสกัด

ข ้อที2 136 :
ในการคํานวณหอสกัดทีบ 2 รรจุด ้วยแผ่นเจาะรูพรุนจํานวน 10 แผ่น สําหรับแยกอะซิโตน(CH3COCH3)ทีป ี (C7H8)ด ้วยการใช ้นํI า อัตราการไหลของ
2 นในโทลูอน
สารราฟฟิ เนต(raffinate)ภายในหอสกัดควรมีลก ั ษณะอย่างไร
1 : ค่อยๆลดลงจากยอดหอสูก ่ ้นหอ
2 : ไม่ลดลงจากยอดหอสูก ่ ้นหอ
3 : ไม่เปลีย
2 นแปลงจากยอดหอสูก ่ ้นหอ
4 : ค่อยเพิม2 ขึน
I จากยอดหอสูก ่ ้นหอ

ข ้อที2 137 :
โดยทัว2 ไปแล ้วพารามิเตอร์ใดทีม
2 ผ
ี ลกระทบน ้อยทีส
2 ด
ุ ต่อประสิทธิภาพของกระบวนการสกัดแบบไหลสวนทางกันของระบบของเหลว-ของเหลว
1 : อุณหภูมใิ นการสกัดในแต่ละขันI ตอน
2 : ความดันลดทีเ2 กิดขึน
I ในแต่ละขัน
I ตอน
3 : ระยะเวลาของการสกัดในแต่ละขัน I ตอน
4 : อัตราส่วนของความยาวต่อเส ้นผ่าศูนย์กลางของเครือ
2 งสกัด

ข ้อที2 138 :
ข ้อใดไม่ใช่คณ ิ องสารทีใ2 ช ้ในการเลือกตัวทําละลายในกระบวนการสกัด
ุ สมบัตข
1 : สามารถนํ ากลับมาใช ้ได ้ง่าย
2 : มีราคาไม่แพง
3 : ไม่ละลายในของเหลวทีเ2 ป็ นเฟสราฟฟิ เนต
4 : มีความหนาแน่นใกล ้เคียงกับของเหลวทีเ2 ป็ นเฟสราฟฟิ เนต (Raffinate Phase)

ข ้อที2 139 :
กรณีใดต่อไปนีทI ไี2 ม่ใช่เหตุผลทีท 2 งมือสกัดของเหลวได ้รับความนิยมใช ้มากกว่าหอกลัน
2 ําให ้เครือ 2
1 : เมือ2 กระบวนการกลัน 2 ต ้องการใช ้ความร ้อนมากเกินไป
2 : เมือ 2 การเกิดแอซิโอโทรป (Azeotrope) ไปจํากัดระดับขัน I ของการแยก
3 : เมือ 2 การให ้ความร ้อนเป็ นสิง2 ทีต
2 ้องหลีกเลีย
2 ง
4 : เมือ
2 จุดเดือดของของเหลวทีต 2 ้องการสกัดมีคา่ ตํา2 มาก

ข ้อที2 140 :
ในการสกัดโดยวิธ ี liquid-liquid Extraction นิยมสกัดทีค
2 วามดันใด
1 : เท่ากับความดันจุดเดือดของสารละลาย
2 : สูงกว่าความดันจุดเดือดของสารละลาย
3 : ตํา2 กว่าความดันจุดเดือดของสารละลาย
4 : ตํา2 กว่าความดันจุด DEW POINT ของสารละลาย

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 31 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

ข ้อที2 141 :
แผนภาพสามเหลีย 2 มด ้านเท่าทีใ2 ช ้ในการแสดงสมดุลระหว่างของเหลว-ของเหลวทีม
2 ก
ี ารผสมกันเพียงบางส่วนของสารทีเ2 ป็ นตัวทําละลายกับสารทีท 2 ําให ้เจือ
จางนัน I จะมีเส ้นโค ้งการละลาย 2 เส ้น คือ เส ้นโค ้งการละลายของเฟสราฟฟิ เนตและเส ้นโค ้งการละลายของเฟสเอกซ์แทรค การทีป 2 ลายด ้านหนึง2 ของเส ้นโค ้ง
ทังI สองนีจI ะลูเ่ ข ้าหากันทีจ 2 ด
ุ เพลต (Plait point) นัน
I มีความหมายทางกายภาพอย่างไร
1 : I ของของเหลวทังI สองจะมีองค์ประกอบเดียวกัน
ชัน
2 : ชันI ของของเหลวทังI สองจะมีองค์ประกอบแตกต่างกัน
3 : มีการแยกชัน I ของของเหลวทังI สองเฟส
4 : ความเข ้มข ้นของตัวถูกละลายในเฟสราฟฟิ เนตมีคา่ มาก

ข ้อที2 142 :
การสกัดเอทธานอล(C2H5OH)ทีผ
2 สมกับนํI าด ้วยเฮกเซน(C6H14) ควรดําเนินการภายใต ้ความดันใด
1 : ความดันตํา2 กว่าจุดนํI าค ้าง(dew point pressure)
2 : ความดันจุดนํI าค ้าง(dew point pressure)
3 : ความดันระหว่างจุดนํI าค ้าง(dew point pressure)กับจุดเดือด(bubble point pressure)
4 : ความดันสูงกว่าจุดเดือด(bubble point pressure)

ข ้อที2 143 :
2 สมนํI าด ้วยเฮกเซน(C6H14)ด ้วยถังกวนผสม โดยใช ้ปริมาณเฮกเซนน ้อยทีส
ในการสกัดแยกเอทธานอล(C2H5OH)ทีผ 2 ด
ุ ทีพ
2 อดีให ้สามารถสกัดเอทธานอลได ้
จะได ้ผลลัพธ์อย่างไร
1 : ได ้แอ็กแทร็ก(extract)เพียงอย่างเดียว
2 : ได ้ราฟฟิ เนต(raffinate)เพียงอย่างเดียว
3 : ได ้ปริมาณแอ็กแทร็ก(extract)มากกว่าปริมาณราฟฟิ เนต(raffinate)
4 : ได ้ปริมาณแอ็กแทร็ก(extract)เท่ากับปริมาณราฟฟิ เนต(raffinate)

ข ้อที2 144 :
การสกัดแยกกรดนํI าส ้ม(CH3COOH)จากนํI าส ้มสายชู(CH3COOH + H2O)ด ้วยคลอโรฟอร์ม(CHCl3) โดยใช ้ถังกวนผสมเพียงถังเดียว ถ ้าเพิม
2 อัตราการไหล
ของคลอโรฟอร์ม จะเกิดการเปลีย2 นแปลงเช่นใด
1 : ความเข ้มข ้นของกรดนํI าส ้มในสายเอกซ์แทรคเพิม 2 ขึน
I
2 : ความเข ้มข ้นของกรดนํI าส ้มในสายเอกซ์แทรคลดลง
3 : ความเข ้มข ้นของกรดนํI าส ้มในราฟฟิ เนทเพิม
2 ขึน
I
4 : ไม่เกิดการเปลีย
2 นแปลง

ข ้อที2 145 :
เมือ2 ป้ อนนํI ามันก๊าด(kerosene)เข ้าถังแยก ณ ความดันบรรยากาศ และอุณหภูมริ ะหว่าง dew point temperature กับ bubble point temperature จะได ้
ผลลัพธ์เป็ นอย่างไร
1 : นํI ามันก๊าดเป็ นของเหลวอุณหภูมต ิ ํา2 (subcooled liquid)
2 : นํI ามันก๊าดเป็ นของเหลวอิม 2 ตัว (saturated liquid)
3 : นํI ามันก๊าดเป็ นไอบางส่วน
4 : นํI ามันก๊าดเป็ นไออิม
2 ตัว (saturated vapor)

ข ้อที2 146 :
เมือ2 เก็บนํI ามันเบนซิน (gasoline)ไว ้ในถังนํI ามัน ณ อุณหภูมห
ิ ้อง และภายใต ้ความดันสูงกว่า bubble point pressure นํI ามันเบนซินควรมีสภาพอย่างไร
1 : เป็ นของเหลวอุณหภูมต ิ ํา2 (subcooled liquid)
2 : เป็ นของเหลวอิม 2 ตัว (saturated liquid)
3 : เป็ นไอบางส่วน
4 : เป็ นไออิม
2 ตัว (saturated vapor)

ข ้อที2 147 :
เมือ2 เก็บนํI ามันดีเซล (diesel)ไว ้ในถังนํI ามัน ณ ความดันบรรยากาศ และอุณหภูมริ ะหว่าง dew point temperature กับ bubble point temperature นํI ามัน
ดีเซลควรมีสภาพอย่างไร
1 : เป็ นของเหลวอุณหภูมต ิ ํา2 (subcooled liquid)
2 : เป็ นของเหลวอิม 2 ตัว (saturated liquid)
3 : เป็ นของเหลวบางส่วน
4 : เป็ นไออิม
2 ตัว (saturated vapor)

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 32 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

ข ้อที2 148 :
ถ ้าป้ อนนํI ามันเบนซิน (gasoline) เข ้าถังแยก ณ อุณหภูมห
ิ ้อง และความดันตํา2 กว่า dew point pressure จะได ้ผลลัพธ์เป็ นอย่างไร
1 : เป็ นของเหลวอุณหภูมต ิ ํา2 (subcooled liquid)
2 : เป็ นของเหลวอิม 2 ตัว (saturated liquid)
3 : เป็ นไออิม 2 ตัว (saturated vapor)
4 : เป็ นไอยิง2 ยวด (superheated vapor)

ข ้อที2 149 :
การสกัดแยกกรดนํI าส ้ม (CH3COOH) จากนํI าส ้มสายชู (CH3COOH + H2O) ด ้วยคลอโรฟอร์ม (CHCl3) โดยใช ้ถังกวนผสมต่ออนุกรมกันดังรูป

ข ้อใดผิด

1 : พลังงานศักย์เคมีของกรดนํI าส ้มใน E1 มีคา่ เท่ากับพลังงานศักย์เคมีของกรดนํI าส ้มใน R1


2 : พลังงานศักย์เคมีของกรดนํI าส ้มใน R3 มีคา่ มากกว่าพลังงานศักย์เคมีของกรดนํI าส ้มใน E1
3 : พลังงานศักย์เคมีของกรดนํI าส ้มใน E2 มีคา่ น ้อยกว่าพลังงานศักย์เคมีของกรดนํI าส ้มใน R2
4 : พลังงานศักย์เคมีของกรดนํI าส ้มใน E1 มีคา่ น ้อยกว่าพลังงานศักย์เคมีของกรดนํI าส ้มใน R3

ข ้อที2 150 :

ต ้องการแยกอะซิโตนออกจากเบนซีนด ้วยการใช ้นํI าสกัด จุดใดแทนทีค


2 า่ ความเข ้มข ้นของเฟส Extract

1 : 2
2 : 3
3 : 4
4 : 5

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 33 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

ข ้อที2 151 :

ต ้องการแยกอะซิโตนออกจากเบนซีนด ้วยการใช ้นํI าสกัด จุดใดแทนทีค


2 า่ ความเข ้มข ้นของเฟส Raffinate

1 : 2
2 : 3
3 : 4
4 : 5

ข ้อที2 152 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 34 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

2 ต ้นมีของผสมระหว่างเบนซีนและอะซิโตนซึง2 มีอต
เริม I ใส่สารสกัดซึง2 คือนํI าลงไปแล ้วเขย่า จุดใดต่อไปนีเI ป็ นจุดทีเ2 ป็ น
ั ราส่วนการผสมแทนด ้วยจุด F หลังจากนัน
ไปไม่ได ้ของสารผสมก่อนทีข 2 องผสมจะเริม
2 แตกออกเป็ นสองเฟส

1 : 1
2 : 3
3 : 4
4 : 5

ข ้อที2 153 :

2 ต ้นมีของผสมระหว่างเบนซีนและอะซิโตนซึง2 มีอต
เริม I ใส่สารสกัดซึง2 คือนํI าลง
ั ราส่วนการผสมแทนด ้วยจุด F โดยมีของผสมดังกล่าวอยู่ 100 โมล หลังจากนัน

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 35 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

ไปจํานวนหนึง2 แล ้วเขย่า จนได ้ของสารผสมทีม


2 อ
ี ต
ั ราส่วนอยูท
่ จ
ี2 ด
ุ หมายเลข 1 ข ้อใดต่อไปนีค
I อ
ื จํานวนโมลของนํI าทีใ2 ส่เข ้าไปก่อนเขย่า

1 : 11 โมล
2 : 22 โมล
3 : 33 โมล
4 : 44 โมล

ข ้อที2 154 :

2 ต ้นมีของผสมระหว่างเบนซีนและอะซิโตนซึง2 มีอต
เริม ั ราส่วนการผสมแทนด ้วยจุด F โดยมีของผสมดังกล่าวอยู่ 100 โมล หลังจากนัน I ใส่สารสกัดซึง2 คือนํI าลง
I ปล่อยให ้ของผสมแยกออกเป็ นสองเฟส ซึง2 ทังI สองเฟสอยูท
ไปจํานวนหนึง2 แล ้วเขย่า จากนัน ่ จ
ี2 ด
ุ ที2 2 และ จุดที2 5 ข ้อใดต่อไปนีถ
I ก
ู ต ้อง

1 : จุดที2 2 คือ Extract จุดที2 5 คือ Raffinate


2 : จุดที2 2 คือ Raffinate จุดที2 5 คือ Extract
3 : เมือ
2 ปล่อยให ้ของผสมหลังเขย่าเกิดการแยกชัน I ปรากฏว่าของผสมดังกล่าวยังคงละลายเป็ นเนือ
I เดียวกัน
4 : ไม่มขี ้อใดถูก

ข ้อที2 155 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 36 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

2 ต ้นมีของผสมระหว่างเบนซีนและอะซิโตนซึง2 มีอต
เริม I ใส่สารสกัดซึง2 คือนํI าลง
ั ราส่วนการผสมแทนด ้วยจุด F โดยมีของผสมดังกล่าวอยู่ 100 โมล หลังจากนัน
ไปจํานวนหนึง2 แล ้วเขย่า จากนัน ี างตกบนเส ้น Tie Line ในข ้อใด
I ปล่อยให ้ของผสมแยกออกเป็ นสองเฟส ท่านคิดว่าเฟส Extract และเฟส Raffinate จะไม่มท

1 : A
2 : B
3 : C
4 : สามารถอยูไ่ ด ้บนทุก Tie Line ในข ้อ 1 2 และ 3

ข ้อที2 156 :

2 ต ้นมีของผสมระหว่างเบนซีนและอะซิโตนซึง2 มีอต
เริม ั ราส่วนการผสมแทนด ้วยจุด F โดยมีของผสมดังกล่าวอยู่ 100 โมล หลังจากนัน I ใส่สารสกัดซึง2 คือนํI าลง
ไปจํานวนหนึง2 แล ้วเขย่า ท่านคิดว่าของผสมก่อนเกิดการแยกตัวจะมีอต
ั ราส่วนการผสมเข ้าใกล ้จุดใดหากเราเติมนํI าเป็ นจํานวนมาก

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 37 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : F
2 : S
3 : 1
4 : 3

ข ้อที2 157 :

2 ต ้นมีของผสมระหว่างเบนซีนและอะซิโตนซึง2 มีอต
เริม ั ราส่วนการผสมแทนด ้วยจุด F โดยมีของผสมดังกล่าวอยู่ 100 โมล หลังจากนัน I ใส่สารสกัดซึง2 คือนํI าลง
ไปจํานวนหนึง2 แล ้วเขย่า ท่านคิดว่าของผสมก่อนเกิดการแยกตัวจะมีอต
ั ราส่วนการผสมเข ้าใกล ้จุดใดหากเราเติมนํI าเป็ นจํานวนน ้อย
1 : F
2 : S
3 : 1
4 : 3

ข ้อที2 158 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 38 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

2 ต ้นมีของผสมระหว่างเบนซีนและอะซิโตนซึง2 มีอต
เริม ั ราส่วนการผสมแทนด ้วยจุด F โดยมีของผสมดังกล่าวอยู่ 100 โมล หลังจากนัน I ใส่สารสกัดซึง2 คือนํI าลง
ไปจํานวนหนึง2 แล ้วเขย่า จงหาปริมาณนํI าทีน
2 ้อยทีส
2 ด
ุ โดยประมาณทีใ2 ส่ลงไปแล ้วทําให ้ของผสมเริม
2 แยกออกเป็ นสองเฟสหลังจากตังI ของผสมหลังเขย่าไว ้ระยะ
เวลาหนึง2

1 : 6 โมล
2 : 12 โมล
3 : 24 โมล
4 : ไม่มค
ี ําตอบทีถ
2 ก
ู ต ้อง

ข ้อที2 159 :
นํI าส ้มสายชูทอ
ี2 ยูใ่ นสภาวะสมดุลไอของเหลว (Vapor Liquid Equilibrium) การทํานายพฤติกรรมของไอของสารผสมดังกล่าวจําเป็ นต ้องใช ้แบบจําลอง
NRTL-HOC ท่านคิดว่าเหตุผลข ้อใดถูกต ้อง

1 : เนือ
2 งจากเกิดการจับกลุม ่ กันของโมเลกุลกรดนํI าส ้มและโมเลกุลนํI าในเฟสของเหลว จนทําให ้เกิดการกระจายตัวไม่สมํา2 เสมอของอนุภาคในระดับ
โมเลกุล
2 : เนือ2 งจากเกิดการจับกลุม ่ กันของไอกรดนํI าส ้มในเฟสแก๊ส จนทําให ้เกิดความเบีย
2 งเบนออกจากพฤติกรรมของแก๊สอุดมคติแม ้ว่าไอดังกล่าวจะเกิดที2
ความดันตํา2
3 : เหตุผลทังI สองข ้อถูกทังI คู่
4 : ไม่มเี หตุผลข ้อใดถูกต ้อง

ข ้อที2 160 :

ของผสมในตารางไม่ควรใช ้แบบจําลองใด

1 : NRTL
2 : Henry’s Law
3 : Peng & Robinson EOS

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 39 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

4 : SRK EOS

ข ้อที2 161 :

ผลการทดลองสมดุลไอของเหลวระหว่างเอทานอล (C2H5OH) และนอร์มอลเฮปเทน (C7H16) ทีค


2 วามดัน 1 bar ท่านคิดว่าโมเดลใดอธิบายพฤติกรรมของ
สารคูน
่ ไ
ีI ด ้ดี

1 : NRTL
2 : UNIQUAC
3 : UNIFAC
4 : ใช ้ได ้ทุกโมเดล

ข ้อที2 162 :

ของผสมในตารางควรใช ้แบบจําลองใด

1 : NRTL
2 : Henry’s Law
3 : Peng & Robinson EOS
4 : ไม่มข
ี ้อใดถูก

ข ้อที2 163 :

ถ ้าสารประกอบ A และ B เป็ นสารประกอบทีท


2 ราบแต่โครงสร ้างโมเลกุล โดยยังไม่ทราบค่าสมบัตท 2 ๆ ควรใช ้โมเดลใด
ิ างกายภายอืน

1 : NRTL
2 : UNIQUAC
3 : Peng & Robinson EOS
4 : UNIFAC

ข ้อที2 164 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 40 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

หอดูดซับ (Absorber) ดังรูปควรใช ้โมเดลใดในการอธิบาย

1 : NRTL + Henry’s
2 : UNIQUAC
3 : Peng&Robinson EOS
4 : SRK EOS

เ%อหา!ชา : 833 : Chemical Reaction Equilibrium

ข ้อที2 165 :
จงหาองศาความอิสระ(degree of freedom) ของระบบซึง2 มีการสลายตัวบางส่วนของ Calcium carbonate ในบรรยากาศเปิ ด
1:1
2:2
3:3

ข ้อที2 166 :

1 : ระบบทีเ2 กิดปฏิกริ ย
ิ าเคมีต ้องอยูท
่ ส
ี2 ภาวะอุณหภูมแิ ละความดันคงทีเ2 ท่านัน ่ ภาวะสมดุลเคมี
I จึงสามารถเรียกได ้ว่า ระบบเข ้าสูส
2 : N2 คือ สารตังI ต ้นจํากัด และ O2 คือสารตังI ต ้นเกินพอ
3 : O2 และ N2 ทําปฏิกริ ย ิ ากันหมด และไม่มส
ี ารใดเกินพอ
4 : จากข ้อมูลทีใ2 ห ้ ไม่สามารถสรุปได ้

ข ้อที2 167 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 41 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : จุด A
2 : จุด B
3 : จุด C
4 : ไม่มข
ี ้อใดถูก

ข ้อที2 168 :
ข ้อใดต่อไปนีไI ม่ใช่เงือ
2 นไขของสภาวะทีเ2 กิดขึน
I สําหรับระบบทีเ2 กิดปฏิกริ ย ่ มดุล (Chemical Equilibrium)
ิ าเคมีและเข ้าสูส
1 : อุณหภูมแ ิ ละความดันคงที2
2 : พลังงานอิสระของกิ_ บส์มค ี า่ เท่ากับศูนย์
3 : พลังงานอิสระของกิ_ บส์มค ี า่ ตํา2 ทีส
2 ด

4 : ทุกข ้อทีก
2 ล่าวมาเป็ นเงือ
2 นไขทีเ2 กิดขึน I สําหรับระบบทีเ2 กิดปฏิกริ ย ่ มดุล
ิ าเคมีและเข ้าสูส

ข ้อที2 169 :
สภาวะทีร2 ะบบหนึง2 เกิดสมดุลของปฏิกริ ย
ิ าเคมีภายในระบบ ค่าพลังงานอิสระของกิ_ บส์จะมีคา่ อย่างไร
1 : มากทีส2 ด ุ
2 : น ้อยทีส
2 ด ุ และต ้องเท่ากับศูนย์
3 : น ้อยทีส2 ด ุ แต่ไม่จําเป็ นต ้องเท่ากับศูนย์
4 : ค่าใดก็ได ้ขึน I กับอุณหภูมแ ิ ละความดัน

ข ้อที2 170 :
ข ้อใดกล่าวถูกต ้องเกีย
2 วกับระบบหนึง2 ทีเ2 กิดสมดุลของปฏิกริ ย
ิ าเคมีขน
ึI ภายในระบบ
1 : ระบบดังกล่าวต ้องมีอณ
ุ หภูมท ี2 งที2 ซึง2 หมายความว่าระบบไม่เกิดการแลกเปลีย
ิ ค 2 นความร ้อน หรือทีเ2 รียกว่า Thermal Equilibrium
2 : ระบบดังกล่าวต ้องมีความดันคงที2 ซึง2 หมายความว่าระบบไม่เกิดการขยายขอบเขต หรือทีเ2 รียกว่า Mechanical Equilibrium
3 : ระบบดังกล่าวต ้องมีพลังงานอิสระของกิ_ บส์ตํา2 ทีส ุ ซึง2 หมายความว่าสสารภายในระบบไม่เกิดปฏิกริ ย
2 ด ิ าเคมีอก
ี ต่อ หรือทีเ2 รียกว่า Chemical Equilibrium
4 : ถูกทุกข ้อ

ข ้อที2 171 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 42 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1:

2:

3:

4:

ข ้อที2 172 :

1:

2:

3:
4 : ไม่มข
ี ้อใดถูก

ข ้อที2 173 :

1:

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 43 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

2:

3:
4 : ไม่มข
ี ้อใดถูก

ข ้อที2 174 :

1:

2:

3:
4 : ไม่มข
ี ้อใดถูก

ข ้อที2 175 :

1:

2:

3:

4:

ข ้อที2 176 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 44 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1:

2:

3:

4:

ข ้อที2 177 :

1 : K = K1+K2
2 : K = K1/K2
3 : K = K1xK2
4 : K = K2/K1

ข ้อที2 178 :

1 : สมดุลใหม่เลือ
2 นไปทางฝั2 งผลิตภัณฑ์
2 : สมดุลใหม่เลือ2 นไปทางฝั2 งสารตังI ต ้น
3 : ความดันไม่มผ ี ลต่อการเกิดปฏิกริ ย
ิ า
4 : หาคําตอบไม่ได ้เพราะข ้อมูลไม่เพียงพอ

ข ้อที2 179 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 45 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : สมดุลใหม่เลือ
2 นไปทางฝั2 งผลิตภัณฑ์
2 : สมดุลใหม่เลือ2 นไปทางฝั2 งสารตังI ต ้น
3 : ความดันไม่มผ ี ลต่อการเกิดปฏิกริ ย
ิ า
4 : หาคําตอบไม่ได ้เพราะข ้อมูลไม่เพียงพอ

ข ้อที2 180 :

1 : สมดุลใหม่เลือ
2 นไปทางฝั2 งผลิตภัณฑ์
2 : สมดุลใหม่เลือ2 นไปทางฝั2 งสารตังI ต ้น
3 : แก๊ส NO2 ทีฉ
2 ีดเข ้าไปไม่มผ
ี ลต่อการเกิดปฏิกริ ย
ิ า
4 : หาคําตอบไม่ได ้เพราะข ้อมูลไม่เพียงพอ

ข ้อที2 181 :

1 : สมดุลใหม่เลือ 2 นไปทางฝั2 งผลิตภัณฑ์


2 : สมดุลใหม่เลือ 2 นไปทางฝั2 งสารตังI ต ้น
3 : แก๊ส F2 ทีฉ
2 ีดเข ้าไปไม่มผ
ี ลต่อการเกิดปฏิกริ ย
ิ า
4 : หาคําตอบไม่ได ้เพราะข ้อมูลไม่เพียงพอ

ข ้อที2 182 :

1 : สมดุลใหม่เลือ
2 นไปทางฝั2 งผลิตภัณฑ์
2 : สมดุลใหม่เลือ2 นไปทางฝั2 งสารตังI ต ้น
3 : แก๊ส NO2F ทีฉ 2 ีดเข ้าไปไม่มผ
ี ลต่อการเกิดปฏิกริ ย
ิ า
4 : หาคําตอบไม่ได ้เพราะข ้อมูลไม่เพียงพอ

ข ้อที2 183 :

1 : สมดุลใหม่เลือ
2 นไปทางฝั2 งผลิตภัณฑ์
2 : สมดุลใหม่เลือ2 นไปทางฝั2 งสารตังI ต ้น
3 : แก๊ส NO2 ทีฉ
2 ีดเข ้าไปไม่มผ
ี ลต่อการเกิดปฏิกริ ย
ิ า
4 : หาคําตอบไม่ได ้เพราะข ้อมูลไม่เพียงพอ

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 46 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

ข ้อที2 184 :

1 : สมดุลใหม่เลือ 2 นไปทางฝั2 งผลิตภัณฑ์


2 : สมดุลใหม่เลือ 2 นไปทางฝั2 งสารตังI ต ้น
3 : แก๊ส F2 ทีฉ
2 ีดเข ้าไปไม่มผ
ี ลต่อการเกิดปฏิกริ ย
ิ า
4 : หาคําตอบไม่ได ้เพราะข ้อมูลไม่เพียงพอ

ข ้อที2 185 :

1 : สมดุลใหม่เลือ2 นไปทางฝั2 งผลิตภัณฑ์


2 : สมดุลใหม่เลือ 2 นไปทางฝั2 งสารตังI ต ้น
3 : เพิม
2 อุณหภูมข
ิ องระบบไม่มผ ี ลต่อการเกิดปฏิกริ ย
ิ า
4 : หาคําตอบไม่ได ้เพราะข ้อมูลไม่เพียงพอ

ข ้อที2 186 :

1 : สมดุลใหม่เลือ
2 นไปทางฝั2 งผลิตภัณฑ์
2 : สมดุลใหม่เลือ2 นไปทางฝั2 งสารตังI ต ้น
3 : ลดอุณหภูมขิ องระบบไม่มผ ี ลต่อการเกิดปฏิกริ ย
ิ า
4 : หาคําตอบไม่ได ้เพราะข ้อมูลไม่เพียงพอ

ข ้อที2 187 :

1 : สมดุลใหม่เลือ
2 นไปทางฝั2 งผลิตภัณฑ์
2 : สมดุลใหม่เลือ2 นไปทางฝั2 งสารตังI ต ้น
3 : ลดอุณหภูมขิ องระบบไม่มผ ี ลต่อการเกิดปฏิกริ ย
ิ า
4 : หาคําตอบไม่ได ้เพราะข ้อมูลไม่เพียงพอ

ข ้อที2 188 :

1 : สมดุลใหม่เลือ2 นไปทางฝั2 งผลิตภัณฑ์


2 : สมดุลใหม่เลือ 2 นไปทางฝั2 งสารตังI ต ้น
3 : เพิม
2 อุณหภูมข
ิ องระบบไม่มผ ี ลต่อการเกิดปฏิกริ ย
ิ า

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 47 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

4 : หาคําตอบไม่ได ้เพราะข ้อมูลไม่เพียงพอ

ข ้อที2 189 :
ข ้อใดต่อไปนีไI ม่ถก
ู ต ้องเกีย
2 วกับค่าคงทีส
2 มดุลของปฏิกริ ย
ิ าเคมี (K)
1 : การเพิม 2 สารบางชนิดเข ้าสูร่ ะบบเพือ2 รบกวนสมดุล ไม่สง่ ผลต่อค่าคงทีส 2 มดุล
2 : ถ ้าปฏิกริ ย
ิ าเกิดขึน
I ทีค
2 วามดันตํา2 การเพิม 2 รบกวนสมดุล จะไม่สง่ ผลต่อค่าคงทีส
2 ความดันเพือ 2 มดุล
3 : ถ ้านํ าปฏิกริ ย
ิ าหลายขัน I ตอนมารวมกันจนได ้เป็ นปฏิกริ ย
ิ าสุทธิ ค่าคงทีส
2 มดุลสุทธิหาได ้จากการนํ าค่าคงทีส
2 มดุลในแต่ละขัน
I มาบวกกัน
4 : อุณหภูมเิ ป็ นตัวแปรทีส 2 ง่ ผลกระทบโดยตรงกับค่าคงทีส 2 มดุล

ข ้อที2 190 :

1 : a
2 : e
3 : c
4 : j

ข ้อที2 191 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 48 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : h
2 : g
3 : f
4 : ถูกทุกข ้อ

ข ้อที2 192 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 49 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : k
2 : a
3 : b
4 : ถูกมากกว่า 1 ข ้อ

ข ้อที2 193 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 50 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : h g และ f
2 : a b และ c
3 : a b และ k
4 : ถูกมากกว่า 1 ข ้อ

ข ้อที2 194 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 51 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : h g และ f
2 : a b และ c
3 : a b และ k
4 : ถูกมากกว่า 1 ข ้อ

ข ้อที2 195 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 52 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : h g และ f
2 : a b และ c
3 : a b และ k
4 : ถูกมากกว่า 1 ข ้อ

ข ้อที2 196 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 53 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : 1 โมล
2 : 0.5 โมล
3 : 0.25 โมล
4 : ไม่มค
ี ําตอบทีถ
2 ก

ข ้อที2 197 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 54 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : 1 โมล
2 : 0.5 โมล
3 : 0.25 โมล
4 : ไม่มค
ี ําตอบทีถ
2 ก

ข ้อที2 198 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 55 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : 1
2 : 0.5
3 : 0.25
4 : ไม่มค
ี ําตอบทีถ
2 ก

ข ้อที2 199 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 56 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : 1
2 : 0.5
3 : 0.25
4 : ไม่มค
ี ําตอบทีถ
2 ก

ข ้อที2 200 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 57 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : 1
2 : 0.125
3 : 0.25
4 : 0.5

ข ้อที2 201 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 58 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : 1
2 : 0.5
3 : 0.25
4 : 0.1

ข ้อที2 202 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 59 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : 1
2 : 0.5
3 : 0.25
4 : 0.1

ข ้อที2 203 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 60 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : 0.11
2 : 0.333
3 : 0.667
4 : 0.9

ข ้อที2 204 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 61 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : 0.11
2 : 0.2
3 : 0.667
4 : 0.9

ข ้อที2 205 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 62 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : 0.11
2 : 0.36
3 : 0.67
4 : 0.87

ข ้อที2 206 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 63 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : 0.11
2 : 0.25
3 : 0.33
4 : 0.67

ข ้อที2 207 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 64 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : 0.10
2 : 0.20
3 : 0.40
4 : 0.80

ข ้อที2 208 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 65 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : 0.11
2 : 0.22
3 : 0.44
4 : 0.76

ข ้อที2 209 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 66 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : 0.11
2 : 0.17
3 : 0.34
4 : 0.67

ข ้อที2 210 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 67 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : 0.825 โมล
2 : 1.025 โมล
3 : 1.125 โมล
4 : 1.225 โมล

ข ้อที2 211 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 68 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : 0.037
2 : 0.074
3 : 0.148
4 : 0.295

ข ้อที2 212 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 69 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : 0.5
2 : 1.0
3 : 1.5
4 : 2.0

ข ้อที2 213 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 70 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : 0.5
2 : 1.0
3 : 1.5
4 : 2.0

ข ้อที2 214 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 71 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : 0.5
2 : 1.0
3 : 1.5
4 : 2.0

ข ้อที2 215 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 72 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : จุดทุกจุดทีอ I (Chemical Equilibrium)


2 ยูใ่ นรูปที2 1 อยูใ่ นสภาวะสมดุลเคมีทงั I สิน
2 : จุดทุกจุดในรูปที2 1 อยูใ่ นสภาวะคงตัว (Steady State) แต่ไม่มจ ี ด
ุ ใดเลยทีเ2 กิดสภาวะสมดุลเคมี (Chemical Equilibrium)
3 : จุด A B และ C ในรูปที2 1 อยูใ่ นสภาวะคงตัว โดยปฏิกริ ย ิ าทีเ2 กิดขึน I มีทงั I แบบไปข ้างหน ้าและย ้อนกลับ แต่มเี พียงจุด D จุดเดียวเท่านัน
I ทีอ
2 ต
ั ราการเกิด
ปฏิกริ ย
ิ าทังI แบบไปข ้างหน ้าสูงกว่าแบบย ้อนกลับทําให ้เกิดสาร B มากขึน I เรือ 2 ยๆในระบบ
4 : ไม่มข ี ้อใดถูก

เ%อหา!ชา : 834 : Solution Thermodynamics

ข ้อที2 216 :
อากาศทีอ 2 ณ
ุ หภูม ิ 80 F ความดัน 14.7 psia มีองค์ประกอบ ดังต่อไปนีI ก๊าซไนโตรเจน 78.02 mol% ก๊าซออกซิเจน 20.99 mol% ก๊าซอาร์กอน 0.94 mol%
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 0.05 mol% จงคํานวณหาความดันย่อยของก๊าซไนโตรเจน
1 : 8.068 psia
2 : 9.123 psia
3 : 10.204 psia
4 : 11.469 psia
5 :

ข ้อที2 217 :
อากาศทีอ 2 ณ
ุ หภูม ิ 80 F ความดัน 14.7 psia มีองค์ประกอบ ดังต่อไปนีI ก๊าซไนโตรเจน 78.02 mol% ก๊าซออกซิเจน 20.99 mol% ก๊าซอาร์กอน 0.94 mol%
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 0.05 mol% จงคํานวณหาความดันย่อยของก๊าซออกซิเจน
1 : 2.203 psia
2 : 3.086 psia
3 : 4.323 psia
4 : 5.014

ข ้อที2 218 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 73 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

อากาศทีอ2 ณ
ุ หภูม ิ 80 F ความดัน 14.7 psia มีองค์ประกอบ ดังต่อไปนีI ก๊าซไนโตรเจน 78.02 mol% ก๊าซออกซิเจน 20.99 mol% ก๊าซอาร์กอน 0.94 mol%
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 0.05 mol% จงคํานวณหาความดันย่อยของก๊าซอาร์กอน
1 : 0.138 psia
2 : 0.160 psia
3 : 0.184 psia
4 : 1.203 psia

ข ้อที2 219 :
อากาศทีอ 2 ณ
ุ หภูม ิ 80 F ความดัน 14.7 psia มีองค์ประกอบ ดังต่อไปนีI ก๊าซไนโตรเจน 78.02 mol% ก๊าซออกซิเจน 20.99 mol% ก๊าซอาร์กอน 0.94 mol%
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 0.05 mol% จงคํานวณหาความดันย่อยของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
1 : 0.002 psia
2 : 0.007 psia
3 : 0.011 psia
4 : 0.015 psia
5 :

ข ้อที2 220 :
อากาศทีอ 2 ณ
ุ หภูม ิ 80 F ความดัน 14.7 psia มีองค์ประกอบ ดังต่อไปนีI ก๊าซไนโตรเจน 78.02 mol% ก๊าซออกซิเจน 20.99 mol% ก๊าซอาร์กอน 0.94 mol%
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 0.05 mol% จงคํานวณหาร ้อยละโดยนํI าหนักของก๊าซไนโตรเจน
1 : 69.23 %
2 : 72.15 %
3 : 75.43 %
4 : 78.02 %

ข ้อที2 221 :
ก๊าซออกซิเจน 0.9 kg อยูใ่ นถังความดัน 35 psia อุณหภูม ิ 100 F หากต ้องการเพิม 2 ความดันภายในถังเป็ น 45 psia โดยการเติมก๊าซไนโตรเจนเพิม
2 เข ้าไปใน
ถัง จงคํานวณว่าจะต ้องเพิม
2 ก๊าซไนโตรเจนเข ้าไปกีก
2 โิ ลกรัม โดยกําหนดให ้อุณหภูมมิ ค
ี า่ คงที2
1 : 0.098 kg
2 : 0.120 kg
3 : 0.225 kg
4 : 0.307 kg

ข ้อที2 222 :
ของผสมประกอบด ้วย ก๊าซออกซิเจน 21% และ ก๊าซไนโตรเจน 79% ถูกลดอุณหภูมล ิ งจนถึง 80 K ความดัน 0.1 MPa จงหาสัดส่วนโมลของก๊าซไนโตรเจน
ทีส2 ภาวะดังกล่าว โดยกําหนดให ้ Saturated vapor pressure ของไนโตรเจนและออกซิเจนทีส
2 ภาวะดังกล่าวเท่ากับ 0.1370 MPa และ 0.03006 MPa ตาม
ลําดับ
1 : 0.61
2 : 0.70
3 : 0.79
4 : 0.89

ข ้อที2 223 :
ของผสมประกอบด ้วย ก๊าซออกซิเจน 21% และ ก๊าซไนโตรเจน 79% ถูกลดอุณหภูมล ิ งจนถึง 80 K ความดัน 0.1 MPa จงหาสัดส่วนโมลของก๊าซออกซิเจน
ทีส2 ภาวะดังกล่าว โดยกําหนดให ้ Saturated vapor pressure ของไนโตรเจนและออกซิเจนทีส
2 ภาวะดังกล่าวเท่ากับ 0.1370 MPa และ 0.03006 MPa ตาม
ลําดับ
1 : 0.05
2 : 0.08
3 : 0.11
4 : 0.13

ข ้อที2 224 :
ของผสมประกอบด ้วย ก๊าซออกซิเจน 21% และ ก๊าซไนโตรเจน 79% ถูกลดอุณหภูมล ิ งจนถึง 80 K ความดัน 0.1 MPa จงหาสัดส่วนโมลของไนโตรเจน
เหลว ทีส 2 ภาวะดังกล่าว โดยกําหนดให ้ Saturated vapor pressure ของไนโตรเจนและออกซิเจนทีส 2 ภาวะดังกล่าวเท่ากับ 0.1370 MPa และ 0.03006 MPa
ตามลําดับ
1 : 0.35

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 74 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

2 : 0.45
3 : 0.55
4 : 0.65

ข ้อที2 225 :
ของผสมประกอบด ้วย ก๊าซออกซิเจน 21% และ ก๊าซไนโตรเจน 79% ถูกลดอุณหภูมล ิ งจนถึง 80 K ความดัน 0.1 MPa จงหาสัดส่วนโมลของออกซิเจน
เหลว ทีส 2 ภาวะดังกล่าว โดยกําหนดให ้ Saturated vapor pressure ของไนโตรเจนและออกซิเจนทีส 2 ภาวะดังกล่าวเท่ากับ 0.1370 MPa และ 0.03006 MPa
ตามลําดับ
1 : 0.15
2 : 0.24
3 : 0.35
4 : 0.40

ข ้อที2 226 :
ของผสมซึง2 ประกอบด ้วย 6 mol ของก๊าซฮีเลียม และ 4 mol ของก๊าซไนโตรเจน มีอณ ุ หภูม ิ 100 C และความดัน 5 atm ถ ้าของผสมนีข
I ยายตัวแบบ
isentropic จนมีความดัน 3 atm จงคํานวณหาอุณหภูมส ิ ด
ุ ท ้ายของของผสม โดยกําหนดให ้ทุกองค์ประกอบประพฤติตวั แบบก๊าซอุดมคติ และ ค่าความจุความ
ร ้อนจําเพาะของก๊าซฮีเลียม และ ก๊าซไนโตรเจนเท่ากับ 20.78 และ 29.12 J/mol Kตามลําดับ
1 : 26.23 C
2 : 30.26 C
3 : 35.48 C
4 : 39.78 C

ข ้อที2 227 :
ของผสมซึง2 ประกอบด ้วย 6 mol ของก๊าซฮีเลียม และ 4 mol ของก๊าซไนโตรเจน มีอณ ุ หภูม ิ 100 C และความดัน 5 atm ถ ้าของผสมนีข
I ยายตัวแบบ
isentropic จนมีความดัน 3 atm จงคํานวณหาความเปลีย 2 นแปลงของเอนโทรปี ของก๊าซฮีเลียม โดยกําหนดให ้ทุกองค์ประกอบประพฤติตวั แบบก๊าซอุดมคติ
และ ค่าความจุความร ้อนจําเพาะของก๊าซฮีเลียม และ ก๊าซไนโตรเจนเท่ากับ 20.78 และ 29.12 J/mol Kตามลําดับ
1 : 3.5 J/K
2 : - 3.5 J/K
3 : 4.5 J/K
4 : -4.5 J/K

ข ้อที2 228 :
ของผสมซึง2 ประกอบด ้วย 6 mol ของก๊าซฮีเลียม และ 4 mol ของก๊าซไนโตรเจน มีอณ ุ หภูม ิ 100 C และความดัน 5 atm ถ ้าของผสมนีข
I ยายตัวแบบ
isentropic จนมีความดัน 3 atm จงคํานวณหาความเปลีย 2 นแปลงของเอนโทรปี ของก๊าซไนโตรเจน โดยกําหนดให ้ทุกองค์ประกอบประพฤติตวั แบบก๊าซ
อุดมคติ และ ค่าความจุความร ้อนจําเพาะของก๊าซฮีเลียม และ ก๊าซไนโตรเจนเท่ากับ 20.78 และ 29.12 J/mol Kตามลําดับ
1 : 3.5 J/K
2 : - 3.5 J/K
3 : 5.4 J/K
4 : -5.4 J/K

ข ้อที2 229 :
ของผสมซึง2 ประกอบด ้วย 6 mol ของก๊าซฮีเลียม และ 4 mol ของก๊าซไนโตรเจน มีอณ ุ หภูม ิ 200 C และความดัน 5 atm ถ ้าของผสมนีข
I ยายตัวแบบ
isentropic จนมีความดัน 3 atm จงคํานวณหาอุณหภูมส ิ ด
ุ ท ้ายของของผสม โดยกําหนดให ้ทุกองค์ประกอบประพฤติตวั แบบก๊าซอุดมคติ และ ค่าความจุความ
ร ้อนจําเพาะของก๊าซฮีเลียม และ ก๊าซไนโตรเจนเท่ากับ 20.78 และ 29.12 J/mol Kตามลําดับ
1 : 116.4 C
2 : 123.6 C
3 : 134.5 C
4 : 145.8 C

ข ้อที2 230 :
ของผสมซึง2 ประกอบด ้วย 6 mol ของก๊าซฮีเลียม และ 4 mol ของก๊าซไนโตรเจน มีอณ ุ หภูม ิ 250 C และความดัน 5 atm ถ ้าของผสมนีข
I ยายตัวแบบ
isentropic จนมีความดัน 3 atm จงคํานวณหาอุณหภูมส ิ ด
ุ ท ้ายของของผสม โดยกําหนดให ้ทุกองค์ประกอบประพฤติตวั แบบก๊าซอุดมคติ และ ค่าความจุความ
ร ้อนจําเพาะของก๊าซฮีเลียม และ ก๊าซไนโตรเจนเท่ากับ 20.78 และ 29.12 J/mol Kตามลําดับ
1 : 146.3 C
2 : 150.8 C

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 75 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

3 : 158.4 C
4 : 165.6 C

ข ้อที2 231 :
ของผสมซึง2 ประกอบด ้วย 5 mol ของก๊าซฮีเลียม และ 5 mol ของก๊าซไนโตรเจน มีอณ ุ หภูม ิ 100 C และความดัน 4 atm ถ ้าของผสมนีข
I ยายตัวแบบ
isentropic จนมีความดัน 3 atm จงคํานวณหาอุณหภูมส ิ ด
ุ ท ้ายของของผสม โดยกําหนดให ้ทุกองค์ประกอบประพฤติตวั แบบก๊าซอุดมคติ และ ค่าความจุความ
ร ้อนจําเพาะของก๊าซฮีเลียม และ ก๊าซไนโตรเจนเท่ากับ 20.78 และ 29.12 J/mol Kตามลําดับ
1 : 56.3 C
2 : 60.2 C
3 : 65.9 C
4 : 70.5 C

ข ้อที2 232 :
ของผสมซึง2 ประกอบด ้วย 5 mol ของก๊าซฮีเลียม และ 5 mol ของก๊าซไนโตรเจน มีอณ ุ หภูม ิ 100 C และความดัน 4 atm ถ ้าของผสมนีข
I ยายตัวแบบ
isentropic จนมีความดัน 3 atm จงคํานวณหาความเปลีย 2 นแปลงของเอนโทรปี ของก๊าซฮีเลียม โดยกําหนดให ้ทุกองค์ประกอบประพฤติตวั แบบก๊าซอุดมคติ
และ ค่าความจุความร ้อนจําเพาะของก๊าซฮีเลียม และ ก๊าซไนโตรเจนเท่ากับ 20.78 และ 29.12 J/mol Kตามลําดับ
1 : 1.99 J/K
2 : - 1.99 J/K
3 : 1.45 J/K
4 : -1.45 J/K

ข ้อที2 233 :
ของผสมซึง2 ประกอบด ้วย 5 mol ของก๊าซฮีเลียม และ 5 mol ของก๊าซไนโตรเจน มีอณ ุ หภูม ิ 100 C และความดัน 4 atm ถ ้าของผสมนีข
I ยายตัวแบบ
isentropic จนมีความดัน 3 atm จงคํานวณหาความเปลีย 2 นแปลงของเอนโทรปี ของก๊าซไนโตรเจน โดยกําหนดให ้ทุกองค์ประกอบประพฤติตวั แบบก๊าซ
อุดมคติ และ ค่าความจุความร ้อนจําเพาะของก๊าซฮีเลียม และ ก๊าซไนโตรเจนเท่ากับ 20.78 และ 29.12 J/mol Kตามลําดับ
1 : -1.54 J/K
2 : 1.54 J/K
3 : - 1.99 J/K
4 : 1.99 J/K

ข ้อที2 234 :
ของผสมซึง2 ประกอบด ้วย 1 mol ของก๊าซฮีเลียม และ 9 mol ของก๊าซไนโตรเจน มีอณ ุ หภูม ิ 200 C และความดัน 4 atm ถ ้าของผสมนีข
I ยายตัวแบบ
isentropic จนมีความดัน 2 atm จงคํานวณหาอุณหภูมส ิ ด
ุ ท ้ายของของผสม โดยกําหนดให ้ทุกองค์ประกอบประพฤติตวั แบบก๊าซอุดมคติ และ ค่าความจุความ
ร ้อนจําเพาะของก๊าซฮีเลียม และ ก๊าซไนโตรเจนเท่ากับ 20.78 และ 29.12 J/mol Kตามลําดับ
1 : 96.6 C
2 : 112.8 C
3 : 124.1 C
4 : 145.7 C

ข ้อที2 235 :
ของผสมซึง2 ประกอบด ้วย 1 mol ของก๊าซฮีเลียม และ 9 mol ของก๊าซไนโตรเจน มีอณ ุ หภูม ิ 200 C และความดัน 4 atm ถ ้าของผสมนีข
I ยายตัวแบบ
isentropic จนมีความดัน 2 atm จงคํานวณหาความเปลีย 2 นแปลงของเอนโทรปี ของก๊าซฮีเลียม โดยกําหนดให ้ทุกองค์ประกอบประพฤติตวั แบบก๊าซอุดมคติ
และ ค่าความจุความร ้อนจําเพาะของก๊าซฮีเลียม และ ก๊าซไนโตรเจนเท่ากับ 20.78 และ 29.12 J/mol Kตามลําดับ
1 : - 1.52 J/K
2 : 1.52 J/K
3 : -1.65 J/K
4 : 1.65 J/K

ข ้อที2 236 :
ของผสมซึง2 ประกอบด ้วย 1 mol ของก๊าซฮีเลียม และ 9 mol ของก๊าซไนโตรเจน มีอณ ุ หภูม ิ 200 C และความดัน 4 atm ถ ้าของผสมนีข
I ยายตัวแบบ
isentropic จนมีความดัน 2 atm จงคํานวณหาความเปลีย 2 นแปลงของเอนโทรปี ของก๊าซไนโตรเจน โดยกําหนดให ้ทุกองค์ประกอบประพฤติตวั แบบก๊าซ
อุดมคติ และ ค่าความจุความร ้อนจําเพาะของก๊าซฮีเลียม และ ก๊าซไนโตรเจนเท่ากับ 20.78 และ 29.12 J/mol Kตามลําดับ
1 : - 1.52 J/K
2 : -1.65 J/K
3 : 1.52 J/K

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 76 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

4 : 1.65 J/K

ข ้อที2 237 :
ของผสมซึง2 ประกอบด ้วย 1 mol ของก๊าซฮีเลียม และ 9 mol ของก๊าซไนโตรเจน มีอณ
ุ หภูม ิ 200 C และความดัน 4 atm จงคํานวณหาค่าความจุความร ้อน
ของของผสมนีI โดยกําหนดให ้ทุกองค์ประกอบประพฤติตวั แบบก๊าซอุดมคติ และ ค่าความจุความร ้อนจําเพาะของก๊าซฮีเลียม และ ก๊าซไนโตรเจนเท่ากับ
20.78 และ 29.12 J/mol K ตามลําดับ
1 : 27.24 J/mol K
2 : 28.29 J/mol K
3 : 29.5 J/mol K
4 : 30.72 J/mol K

ข ้อที2 238 :
ของผสมซึง2 ประกอบด ้วย 2 mol ของก๊าซฮีเลียม และ 8 mol ของก๊าซไนโตรเจน มีอณ
ุ หภูม ิ 200 C และความดัน 4 atm จงคํานวณหาค่าความจุความร ้อน
ของของผสมนีI โดยกําหนดให ้ทุกองค์ประกอบประพฤติตวั แบบก๊าซอุดมคติ และ ค่าความจุความร ้อนจําเพาะของก๊าซฮีเลียม และ ก๊าซไนโตรเจนเท่ากับ
20.78 และ 29.12 J/mol K ตามลําดับ
1 : 27.45 J/mol K
2 : 29.01 J/mol K
3 : 30.72 J/mol K
4 : 31.5 J/mol K

ข ้อที2 239 :
ของผสมซึง2 ประกอบด ้วย 3 mol ของก๊าซฮีเลียม และ 7 mol ของก๊าซไนโตรเจน มีอณ
ุ หภูม ิ 200 C และความดัน 4 atm จงคํานวณหาค่าความจุความร ้อน
ของของผสมนีI โดยกําหนดให ้ทุกองค์ประกอบประพฤติตวั แบบก๊าซอุดมคติ และ ค่าความจุความร ้อนจําเพาะของก๊าซฮีเลียม และ ก๊าซไนโตรเจนเท่ากับ
20.78 และ 29.12 J/mol K ตามลําดับ
1 : 23.01 J/mol K
2 : 24.5 J/mol K
3 : 25.12 J/mol K
4 : 26.62 J/mol K
5 : 28.04 J/mol K

ข ้อที2 240 :
ของผสมซึง2 ประกอบด ้วย 4 mol ของก๊าซฮีเลียม และ 6 mol ของก๊าซไนโตรเจน มีอณ
ุ หภูม ิ 200 C และความดัน 4 atm จงคํานวณหาค่าความจุความร ้อน
ของของผสมนีI โดยกําหนดให ้ทุกองค์ประกอบประพฤติตวั แบบก๊าซอุดมคติ และ ค่าความจุความร ้อนจําเพาะของก๊าซฮีเลียม และ ก๊าซไนโตรเจนเท่ากับ
20.78 และ 29.12 J/mol K ตามลําดับ
1 : 25.42 J/mol K
2 : 26.62 J/mol K
3 : 27.84 J/mol K
4 : 28.12 J/mol K

ข ้อที2 241 :
ของผสมซึง2 ประกอบด ้วย 5 mol ของก๊าซฮีเลียม และ 5 mol ของก๊าซไนโตรเจน มีอณ
ุ หภูม ิ 200 C และความดัน 4 atm จงคํานวณหาค่าความจุความร ้อน
ของของผสมนีI โดยกําหนดให ้ทุกองค์ประกอบประพฤติตวั แบบก๊าซอุดมคติ และ ค่าความจุความร ้อนจําเพาะของก๊าซฮีเลียม และ ก๊าซไนโตรเจนเท่ากับ
20.78 และ 29.12 J/mol K ตามลําดับ
1 : 24.95 J/mol K
2 : 26.21 J/mol K
3 : 28.54 J/mol K
4 : 30.72 J/mol K

ข ้อที2 242 :
ของผสมซึง2 ประกอบด ้วย 6 mol ของก๊าซฮีเลียม และ 4 mol ของก๊าซไนโตรเจน มีอณ
ุ หภูม ิ 200 C และความดัน 4 atm จงคํานวณหาค่าความจุความร ้อน
ของของผสมนีI โดยกําหนดให ้ทุกองค์ประกอบประพฤติตวั แบบก๊าซอุดมคติ และ ค่าความจุความร ้อนจําเพาะของก๊าซฮีเลียม และ ก๊าซไนโตรเจนเท่ากับ
20.78 และ 29.12 J/mol K ตามลําดับ
1 : 20.12 J/mol K
2 : 22.12 J/mol K
3 : 24.12 J/mol K

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 77 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

4 : 26.12 J/mol K

ข ้อที2 243 :
ของผสมซึง2 ประกอบด ้วย 7 mol ของก๊าซฮีเลียม และ 3 mol ของก๊าซไนโตรเจน มีอณ
ุ หภูม ิ 200 C และความดัน 4 atm จงคํานวณหาค่าความจุความร ้อน
ของของผสมนีI โดยกําหนดให ้ทุกองค์ประกอบประพฤติตวั แบบก๊าซอุดมคติ และ ค่าความจุความร ้อนจําเพาะของก๊าซฮีเลียม และ ก๊าซไนโตรเจนเท่ากับ
20.78 และ 29.12 J/mol K ตามลําดับ
1 : 17.45 J/mol K
2 : 19.06 J/mol K
3 : 21.48 J/mol K
4 : 23.28 J/mol K

ข ้อที2 244 :
ของผสมซึง2 ประกอบด ้วย 8 mol ของก๊าซฮีเลียม และ 2 mol ของก๊าซไนโตรเจน มีอณ
ุ หภูม ิ 200 C และความดัน 4 atm จงคํานวณหาค่าความจุความร ้อน
ของของผสมนีI โดยกําหนดให ้ทุกองค์ประกอบประพฤติตวั แบบก๊าซอุดมคติ และ ค่าความจุความร ้อนจําเพาะของก๊าซฮีเลียม และ ก๊าซไนโตรเจนเท่ากับ
20.78 และ 29.12 J/mol K ตามลําดับ
1 : 20.15 J/mol K
2 : 22.45 J/mol K
3 : 24.21 J/mol K
4 : 26.84 J/mol K

ข ้อที2 245 :
ของผสมซึง2 ประกอบด ้วย 9 mol ของก๊าซฮีเลียม และ 1 mol ของก๊าซไนโตรเจน มีอณ
ุ หภูม ิ 200 C และความดัน 4 atm จงคํานวณหาค่าความจุความร ้อน
ของของผสมนีI โดยกําหนดให ้ทุกองค์ประกอบประพฤติตวั แบบก๊าซอุดมคติ และ ค่าความจุความร ้อนจําเพาะของก๊าซฮีเลียม และ ก๊าซไนโตรเจนเท่ากับ
20.78 และ 29.12 J/mol K ตามลําดับ
1 : 14.32 J/mol K
2 : 16.72 J/mol K
3 : 18.15 J/mol K
4 : 21.61 J/mol K

ข ้อที2 246 :

1 : 44002.45 กิโลจูลต่อชัว2 โมง


2 : 44936.22 กิโลจูลต่อชัว2 โมง
3 : 45432.12 กิโลจูลต่อชัว2 โมง
4 : 46042.07 กิโลจูลต่อชัว2 โมง

ข ้อที2 247 :

1 : 14004.12 กิโลจูลต่อชัว2 โมง


2 : 14492.15 กิโลจูลต่อชัว2 โมง
3 : 14840.62 กิโลจูลต่อชัว2 โมง

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 78 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

4 : 15284.42 กิโลจูลต่อชัว2 โมง

ข ้อที2 248 :

1 : 23015.21 กิโลจูลต่อชัว2 โมง


2 : 23462.31 กิโลจูลต่อชัว2 โมง
3 : 23982.14 กิโลจูลต่อชัว2 โมง
4 : 24268.11 กิโลจูลต่อชัว2 โมง
5 :

ข ้อที2 249 :
ถังบรรจุของผสมอากาศและไอนํI าอิม 2 ตัวที2 240 F ความดัน 55 psia ถ ้าของผสมนีม
I ป
ี ริมาณอากาศแห ้งเท่ากับ 1 kg จงคํานวณหาปริมาตรของถัง โดยกําหนด
ให ้ทีอ
2 ณ
ุ หภูม ิ 240 F นํI ามี saturated vapor pressure เท่ากับ 24.94 psia
1 : 0.54 ลูกบาศก์เมตร
2 : 0.56 ลูกบาศก์เมตร
3 : 0.58 ลูกบาศก์เมตร
4 : 0.60 ลูกบาศก์เมตร

ข ้อที2 250 :
ถังบรรจุของผสมอากาศและไอนํI าอิม 2 ตัวที2 240 F ความดัน 50 psia ถ ้าของผสมนีม
I ป
ี ริมาณอากาศแห ้งเท่ากับ 1 kg จงคํานวณหาปริมาตรของถัง โดยกําหนด
ให ้ทีอ
2 ณ
ุ หภูม ิ 240 F นํI ามี saturated vapor pressure เท่ากับ 24.94 psia
1 : 0.60 ลูกบาศก์เมตร
2 : 0.65 ลูกบาศก์เมตร
3 : 0.68 ลูกบาศก์เมตร
4 : 0.70 ลูกบาศก์เมตร

ข ้อที2 251 :
ถังบรรจุของผสมอากาศและไอนํI าอิม 2 ตัวที2 240 F ความดัน 60 psia ถ ้าของผสมนีม
I ป
ี ริมาณอากาศแห ้งเท่ากับ 1 kg จงคํานวณหาปริมาตรของถัง โดยกําหนด
ให ้ทีอ
2 ณ
ุ หภูม ิ 240 F นํI ามี saturated vapor pressure เท่ากับ 24.94 psia
1 : 0.40 ลูกบาศก์เมตร
2 : 0.42 ลูกบาศก์เมตร
3 : 0.46 ลูกบาศก์เมตร
4 : 0.50 ลูกบาศก์เมตร

ข ้อที2 252 :
ถังบรรจุของผสมอากาศและไอนํI าอิม 2 ตัวที2 240 F ความดัน 35 psia ถ ้าของผสมนีม
I ป
ี ริมาณอากาศแห ้งเท่ากับ 1 kg จงคํานวณหาปริมาตรของถัง โดยกําหนด
ให ้ทีอ
2 ณ
ุ หภูม ิ 240 F นํI ามี saturated vapor pressure เท่ากับ 24.94 psia
1 : 1.42 ลูกบาศก์เมตร
2 : 1.54 ลูกบาศก์เมตร
3 : 1.58 ลูกบาศก์เมตร
4 : 1.61 ลูกบาศก์เมตร

ข ้อที2 253 :
ถังบรรจุของผสมอากาศและไอนํI าอิม 2 ตัวที2 240 F ความดัน 45 psia ถ ้าของผสมนีม
I ป
ี ริมาณอากาศแห ้งเท่ากับ 2 kg จงคํานวณหาปริมาตรของถัง โดยกําหนด
ให ้ทีอ
2 ณ
ุ หภูม ิ 240 F นํI ามี saturated vapor pressure เท่ากับ 24.94 psia

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 79 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : 1.34 ลูกบาศก์เมตร
2 : 1.40 ลูกบาศก์เมตร
3 : 1.48 ลูกบาศก์เมตร
4 : 1.61ลูกบาศก์เมตร

ข ้อที2 254 :
ข ้อใดถูกต ้องทีส
2 ด

1 : สัมประสิทธิฟ/ ก
ู าซิตข
ีI องสารในสารละลายก๊าซอุดมคติเท่ากับสัมประสิทธิฟ / ก
ู าซิตข
ีI องสารบริสท ุ ธิท
/ ค
ี2 วามดันย่อยของสารและอุณหภูมเิ ดียวกัน
2 : ฟูกาซิตข
ีI องของเหลวบริสท ุ ธิม
/ ค
ี า่ เท่ากับความดันไอของสารบริสท
ุ ธิเ/ สมอ
3 : ปริมาตรของสารละลายจริง (Real solution) A และ B ทีไ2 ด ้จากการผสมสารบริสท ุ ธิ/ A และ B จะเท่ากับผลรวมของปริมาตรของสารบริสท ุ ธิ/ A และ B
4 : ถูกทุกข ้อ

ข ้อที2 255 :
ข ้อใดถูกทีส2 ด

1 : สัมประสิทธิก / ม
ั มันต์ (Activity coefficient) ของพอลิเมอร์ในสารละลายทีป 2 ระกอบด ้วยพอลิเมอร์และตัวทําละลายไม่สามารถอธิบายได ้ด ้วยสารละลาย
อุดมคติ
2 : ถ ้าต ้องการศึกษาสมดุลวัฏภาคไอ-ของเหลวของสารละลายเอทานอลในนํI า กฎของราอูลท์ (Raoult law) จะให ้ค่าทีเ2 ชือ 2 ถือได ้เสมอ
3 : การผสมสารละลายสององค์ประกอบ A และ B ทีเ2 ป็ นสารละลายอุดมคติ จะเป็ นการคายความร ้อนเสมอเพราะแรงยึดเหนีย 2 วระหว่างโมเลกุลใน
สารละลายอุดมคติจะแข็งแรงกว่าแรงยึดเหนีย 2 วระหว่างโมเลกุลในสารตังI ต ้น
4 : ถูกทุกข ้อ

ข ้อที2 256 :

1:

2:

3:
4 : ถูกต ้องทุกข ้อ

ข ้อที2 257 :
พิจารณาระบบทีป ่ มดุลจะพบว่าอากาศละลายในนํI า ได ้น ้อยมากซึง2 สมดุลของนํI าในเฟส แก๊สและเฟสของเหลว
2 ระกอบไปด ้วยนํI าและอากาศ ถ ้าให ้ระบบเข ้าสูส
สามารถอธิบายได ้ด ้วยกฎของ Raoult ส่วนสมดุลของอากาศในเฟสแก๊สและเฟสของเหลวจะเป็ นไปตามกฎของ Henry ความจริงข ้อนีเI ป็ นไปตามกฎหรือ
ทฤษฎีใด
1 : กฎเฟสของ Gibbs (Gibbs Phase Rule)
2 : ทฤษฎีของ Gibbs Duhem (Gibbs Duhem Theory)
3 : กฎ Fugacity ของ Lewis (Lewis Fugacity Rule)

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 80 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

4 : ไม่มข
ี ้อใดถูก

ข ้อที2 258 :

1:

2:

3:
4 : ถูกต ้องทุกข ้อ

ข ้อที2 259 :
ข ้อใดกล่าวถูกต ้องเกีย
2 วกับ Gibbs’ Phase Rule สําหรับของผสมทีไ2 ม่มก
ี ารเกิดปฏิกริ ย
ิ าเคมี
1 : ข ้อใดกล่าวถูกต ้องเกีย
2 วกับ Gibbs’ Phase Rule สําหรับของผสมทีไ2 ม่มก ี ารเกิดปฏิกริ ย
ิ าเคมี
2 : Gibbs’ Phase Rule เป็ นกฎทีเ2 กิดขึนI มาจาก กฎข ้อที2 0 1 และ 2 ของ Thermodynamics
3 : Gibbs’ Phase Rule เป็ นกฎทีใ2 ช ้ได ้กับสมบัตท
ิ ข
ี2 น
ึI หรือไม่ขน
ึI กับมวลสารก็ได ้
4 : ถูกต ้องทุกข ้อ

ข ้อที2 260 :
Potential Function ในข ้อใดต่อไปนีม
I ส
ี มบัตเิ ป็ น Partial Property

1:

2:

3:

4:

ข ้อที2 261 :
ค่าสัมประสิทธ์ใดต่อไปนีม
I ส
ี มบัตเิ ป็ น Partial Property

1:

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 81 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

2:
3 : ถูกทังI 1 และ 2
4 : ผิดทังI 1 และ 2

ข ้อที2 262 :

1 : 0.032
2 : 0.054
3 : 0.068
4 : 0.072

ข ้อที2 263 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 82 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : 0.032
2 : 0.054
3 : 0.068
4 : 0.072

ข ้อที2 264 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 83 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : 0.032
2 : 0.054
3 : 0.068
4 : 0.072

ข ้อที2 265 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 84 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : 0.032
2 : 0.054
3 : 0.068
4 : 0.072

ข ้อที2 266 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 85 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : 0.071
2 : 0.063
3 : 0.051
4 : 0.038

ข ้อที2 267 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 86 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : 0.071
2 : 0.063
3 : 0.051
4 : 0.038

ข ้อที2 268 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 87 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : 0.071
2 : 0.063
3 : 0.051
4 : 0.038

ข ้อที2 269 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 88 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : 0.071
2 : 0.063
3 : 0.051
4 : 0.038

ข ้อที2 270 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 89 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : 0.019
2 : 0.023
3 : 0.034
4 : 0.046

ข ้อที2 271 :

1 : เส ้นประ AB
2 : เส ้นโค ้ง AB
3 : เส ้นตรง DE
4 : ไม่มคี ําตอบ

ข ้อที2 272 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 90 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : เส ้นประ AB
2 : เส ้นโค ้ง AB
3 : เส ้นตรง DE
4 : ไม่มคี ําตอบ

ข ้อที2 273 :

1 : จุด A
2 : จุด B
3 : จุด D
4 : จุด E

ข ้อที2 274 :

1 : จุด A
2 : จุด B

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 91 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

3 : จุด D
4 : จุด E

ข ้อที2 275 :

1 : Excess Enthalpy
2 : Partial Enthalpy ของ X
3 : Partial Enthalpy ของ Y
4 : ไม่มข
ี ้อถูก

ข ้อที2 276 :

1 : จุด A
2 : จุด B
3 : จุด D
4 : จุด E

ข ้อที2 277 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 92 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : จุด A
2 : จุด B
3 : จุด D
4 : จุด E

ข ้อที2 278 :

1 : A12 = 3.33 และ A21 = 2.82


2 : A12 = 1.20 และ A21 = 1.04
3 : A12 = 6.66 และ A21 = 3.64
4 : A12 = 3.64 และ A21 = 6.66

ข ้อที2 279 :

1 : A12 = 1.08 และ A21 = 0.94


2 : A12 = 2.56 และ A21 = 2.95
3 : A12 = 6.16 และ A21 = 5.14
4 : A12 = 5.14 และ A21 = 6.16

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 93 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

ข ้อที2 280 :

1 : A12 = 2.95 และ A21 = 2.56


2 : A12 = 2.56 และ A21 = 2.95
3 : A12 = 6.16 และ A21 = 5.14
4 : A12 = 1.28 และ A21 = 1.70

ข ้อที2 281 :

1:

2:

3:

4:

ข ้อที2 282 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 94 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1:

2:

3:

4:

ข ้อที2 283 :

1:

2:

3:

4:

ข ้อที2 284 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 95 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1:

2:

3:

4:

ข ้อที2 285 :

1:

2:

3:

4:

ข ้อที2 286 :
ข ้อใดต่อไปนีกI ล่าวไม่ถก
ู ต ้องเกีย
2 วกับ Excess Property
1 : เป็ นสมบัตท ิ น ี2 ย ิ มใช ้ในการอธิบายเฟสของเหลวในสมดุลไอ-ของเหลว (Vapor-Liquid Equilibrium)
2 : เป็ นสมบัตทิ อ ี2 ธิบายถึงความแตกต่างระหว่างสารละลายจริง (Real Solution) เทียบกับของเหลวอุดมคติ (Ideal Liquid)
3 : เป็ นสมบัตท ิ น ่ วั แปรทีส
ี2 ํ าไปสูต 2 ําคัญตัวหนึง2 สําหรับการคํานวณสมดุลไอ-ของเหลว ทีเ2 รียกว่าค่าสัมประสิทธ์กํามันต์ (Activity Coefficient)
4 : ไม่มขี ้อใดผิด

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 96 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

เ%อหา!ชา : 947 : Fundamental of themodynamics

ข ้อที2 287 :
ข ้อใดต่อไปนีไI ม่ใช่รป
ู แบบของพลังงานทีม
2 อ
ี ยูไ่ ด ้ในระบบตามกฎข ้อทีห
2 นึง2 ทางเทอร์โมไดน
1 : พลังงานภายใน
2 : พลังงานความร ้อน
3 : พลังงานจลน์
4 : พลังงานศักย์

ข ้อที2 288 :
ข ้อใดต่อไปเป็ นรูปแบบของการถ่ายเทพลังงานเข ้า/ออกระบบโดยไม่อาศัยมวลสารตามกฎข ้อทีห
2 นึง2 ทางเทอร์โมไดนามิกส์
1 : งาน
2 : พลังงานภายใน
3 : พลังงานจลน์
4 : พลังงานศักย์

ข ้อที2 289 :
ค่า Gibbs free energy สําหรับแก๊สผสมทีเ2 ป็ นแก๊สอุดมคติจะไม่ขน
ึI กับตัวแปรใด
1 : อุณหภูม ิ
2 : ความเข ้มข ้นขององค์ประกอบสาร
3 : ความดัน
4 : เอนทาลปี

ข ้อที2 290 :
ระบบใดต่อไปนีถI อ
ื เป็ นระบบเปิ ด
1 : นํI าในแก ้วเปิ ด โดยคิดให ้นํI าทีเ2 ป็ นของเหลวและไอนํI าเป็ นระบบ
2 : สารในภาชนะปิ ด โดยถือให ้ภาชนะเป็ นของเขตของระบบ
3 : การอัดแก๊สเข ้าถัง โดยคิดให ้แก๊สทีจ 2 ะไปอยูใ่ นถังเป็ นระบบ
4 : ข ้อ 1 ถึง 3 ทุกข ้อเป็ นระบบปิ ด

ข ้อที2 291 :
เมือ2 ความดันมีคา่ สูงขึน
I สมบัตใิ ดต่อไปนีข
I องสารบริสท
ุ ธิจ
/ ะมีคา่ สูงขึน
I
1 : Normal boiling point
2 : Triple point
3 : Critical point
4 : ไม่มคี ําตอบทีถ
2 ก
ู ต ้อง

ข ้อที2 292 :
แก๊สในข ้อใดเข ้าใกล ้ความเป็ นแก๊สอุดมคติมากทีส
2 ด

1 : Argon ทีค 2 วามดัน 10 บรรยากาศ อุณหภูม ิ 0°C
2 : Carbon dioxide ทีค 2 วามดัน 1 บรรยากาศ อุณหภูม ิ 300°C
3 : ไอนํI าทีอ
2 ณ
ุ หภูมหิ ้อง ความดัน 1 บรรยากาศ
4 : SiH4 ในสภาพทีม 2 ค
ี า่ compressibility factor เท่ากับ 1

ข ้อที2 293 :
ข ้อใดไม่ใช่สมบัตไิ ม่ขน
ึI อยูก
่ บ
ั ปริมาณ (intensive properties)
1 : สมบัตจิ ําเพาะ (specific properties) ทุกชนิด
2 : partial molar properties ทุกชนิด
3 : สัดส่วนโดยโมล (mole fraction)
4 : สมบัตใิ นข ้อ 1 ถีง 3 เป็ น intensive properties ทังI หมด

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 97 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

ข ้อที2 294 :
ข ้อใดกล่าวถึงกฎของเฟส (phase rule) ไม่ถก
ู ต ้อง
1 : ใช ้ได ้กับระบบทีไ2 ม่มป ี ฏิกริ ย
ิ าเคมีเกิดขึน
I
2 : ใช ้กับทังI สมบัตไิ ม่ขน
ึI อยูก่ บั ปริมาณ (intensive properties) และสมบัตข
ิ น
ึI อยูก
่ บ
ั ปริมาณ (extensive properties)
3 : ระบบต ้องอยูท ่ ส
ี2 ภาวะสมดุล
4 : ข ้อ 1 และ 2 ไม่ถก ู ต ้อง

ข ้อที2 295 :
ของผสมซึง2 ประกอบด ้วย 6 mol ของแก๊สฮีเลียม และ 4 mol ของแก๊สไนโตรเจน มีอณ ุ หภูม ิ 100°C และความดัน 5 atm ถ ้าของผสมนีข
I ยายตัวแบบ
isentropic จนมีความดัน 3 atm จงคํานวณหาอุณหภูมส ิ ด
ุ ท ้ายของของผสม โดยกําหนดให ้ทุกองค์ประกอบประพฤติตวั แบบแก๊สอุดมคติ และ ค่าความจุความ
ร ้อนจําเพาะของแก๊สฮีเลียม และ แก๊สไนโตรเจนเท่ากับ 20.78 และ 29.12 J/mol K ตามลําดับ
1 : 26.23°C
2 : 30.26°C
3 : 35.48°C
4 : 39.78°C

ข ้อที2 296 :
ของผสมซึง2 ประกอบด ้วย 6 mol ของแก๊สฮีเลียม และ 4 mol ของแก๊สไนโตรเจน มีอณ ุ หภูม ิ 100°C และความดัน 5 atm ถ ้าของผสมนีข
I ยายตัวแบบ
isentropic จนมีความดัน 3 atm จงคํานวณหาความเปลีย 2 นแปลงของเอนโทรปี ของแก๊สฮีเลียม โดยกําหนดให ้ทุกองค์ประกอบประพฤติตวั แบบแก๊สอุดมคติ
และ ค่าความจุความร ้อนจําเพาะของแก๊สฮีเลียม และ แก๊สไนโตรเจนเท่ากับ 20.78 และ 29.12 J/mol K ตามลําดับ
1 : 3.5 J/K
2 : -3.5 J/K
3 : 4.5 J/K
4 : -4.5 J/K

ข ้อที2 297 :
ของผสมซึง2 ประกอบด ้วย 6 mol ของแก๊สฮีเลียม และ 4 mol ของแก๊สไนโตรเจน มีอณ ุ หภูม ิ 100°C และความดัน 5 atm ถ ้าของผสมนีข
I ยายตัวแบบ
isentropic จนมีความดัน 3 atm จงคํานวณหาความเปลีย 2 นแปลงของเอนโทรปี ของแก๊สไนโตรเจน โดยกําหนดให ้ทุกองค์ประกอบประพฤติตวั แบบแก๊ส
อุดมคติ และ ค่าความจุความร ้อนจําเพาะของแก๊สฮีเลียม และ แก๊สไนโตรเจนเท่ากับ 20.78 และ 29.12 J/mol K ตามลําดับ
1 : 3.5 J/K
2 : -3.5 J/K
3 : 4.5 J/K
4 : -4.5 J/K

ข ้อที2 298 :
แก๊สออกซิเจน 2.0 kg อยูใ่ นถังความดัน 15 psia อุณหภูม ิ 120 F หากต ้องการเพิม 2 ความดันภายในถังเป็ น 50 psia โดยการเติมแก๊สไนโตรเจนเพิม 2 เข ้าไปใน
ถัง จงคํานวณว่าจะต ้องเพิม
2 แก๊สไนโตรเจนเข ้าไปกีก
2 โิ ลกรัม โดยกําหนดให ้อุณหภูมมิ ค
ี า่ คงทีแ
2 ละสมมุตใิ ห ้แก๊สผสมมีพฤติกรรมเป็ นแก๊สอุดมคติ
1 : 0.7 kg
2 : 1.5 kg
3 : 2.3 kg
4 : 4.0 kg

ข ้อที2 299 :
พิจารณาการให ้ความร ้อนกับนํI าในแก ้วเปิ ด โดยถือว่าความหนาแน่นของนํI าไม่เปลีย
2 นแปลงตามอุณหภูมม
ิ ากนักและไม่มก
ี ารระเหยของนํI า ข ้อความใดต่อไปนีI
ถูก
1 : กระบวนการนีเI ป็ นกระบวนการเปลีย
2 นแปลงภายใต ้ความดันคงที2
2 : กระบวนการนีเI ป็ นกระบวนการเปลีย2 นแปลงภายใต ้ปริมาตรคงที2
3 : ถูกทังI ข ้อ 1 และ 2
4 : ผิดทังI ข ้อ 1 และ 2

ข ้อที2 300 :
การไหลของของไหลชนิด incompressible ผ่านช่องแคบภายในท่อ (เช่น การไหลผ่าน orifice) จะทําให ้เกิดสิง2 ใดต่อไปนีI
1 : เกิดการลดลงของเอนทาลปี
2 : เกิดการลดลงความดัน

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 98 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

3 : เกิดการลดลงของเอนโทรปี
4 : ถูกทุกข ้อ

ข ้อที2 301 :
คํากล่าวในข ้อใดต่อไปนีถ
I ก

1 : การขยายตัวของแก๊สจะทําให ้อุณหภูมล
ิ ดลงเสมอ
2 : ในการขยายตัวของแก๊สอุดมคติ การเปลีย2 นแปลงพลังงานภายในจะเท่ากับศูนย์เสมอ
3 : การขยายตัวของของเหลวสามารถทําให ้เกิดการเปลีย
2 นวัฏภาคกลายเป็ นไอได ้
4 : ถูกทุกข ้อ

ข ้อที2 302 :
คํากล่าวในข ้อใดต่อไปนีถ
I ก
ู สําหรับการเปลีย
2 นแปลงสภาวะของแก๊สจากสภาวะ P1 และ T1 ไปยังสภาวะ P2 และ T2

1 : ค่าการเปลีย
2 นแปลงเอนทาลปี ภายใต ้สมมุตฐิ านของแก๊สอุดมคติจะมีคา่ เท่ากับค่าจากการคํานวณโดยถือว่าแก๊สไม่เป็ นแก๊สอุดมคติ หากความดัน P1 =
P2 ถ ้ากําหนดให ้ค่าความจุความร ้อนในทังI สองกรณีมค
ี า่ เท่ากัน
2 : ค่าการเปลีย
2 นแปลงเอนทาลปี ภายใต ้สมมุตฐิ านของแก๊สอุดมคติจะมีคา่ เท่ากับค่าจากการคํานวณโดยถือว่าแก๊สไม่เป็ นแก๊สอุดมคติ หากอุณหภูม ิ T1 =
T2 ถ ้ากําหนดให ้ค่าความจุความร ้อนในทังI สองกรณีมค
ี า่ เท่ากัน
3 : ค่าการเปลีย
2 นแปลงเอนทาลปี ภายใต ้สมมุตฐิ านของแก๊สอุดมคติจะไม่มท
ี างเท่ากับค่าจากการคํานวณโดยถือว่าแก๊สไม่เป็ นแก๊สอุดมคติไม่วา่ จะในกรณี
ใดๆ
4 : ถูกเฉพาะข ้อ 1 และ 2

ข ้อที2 303 :
คํากล่าวในข ้อใดต่อไปนีถ
I ก
ู สําหรับการเปลีย
2 นแปลงสภาวะของแก๊สจากสภาวะ P1 และ T1 ไปยังสภาวะ P2 และ T2

1 : ค่าการเปลีย
2 นแปลงเอนโทรปี ภายใต ้สมมุตฐิ านของแก๊สอุดมคติจะมีคา่ เท่ากับค่าจากการคํานวณโดยถือว่าแก๊สไม่เป็ นแก๊สอุดมคติ หากความดัน P1 =
P2 ถ ้ากําหนดให ้ค่าความจุความร ้อนในทังI สองกรณีมค
ี า่ เท่ากัน
2 : ค่าการเปลีย
2 นแปลงเอนโทรปี ภายใต ้สมมุตฐิ านของแก๊สอุดมคติจะมีคา่ เท่ากับค่าจากการคํานวณโดยถือว่าแก๊สไม่เป็ นแก๊สอุดมคติ หากอุณหภูม ิ T1 =
T2 ถ ้ากําหนดให ้ค่าความจุความร ้อนในทังI สองกรณีมค
ี า่ เท่ากัน
3 : ค่าการเปลีย2 นแปลงเอนโทรปี ภายใต ้สมมุตฐิ านของแก๊สอุดมคติจะไม่มท
ี างเท่ากับค่าจากการคํานวณโดยถือว่าแก๊สไม่เป็ นแก๊สอุดมคติไม่วา่ จะในกรณี
ใด ๆ
4 : ผิดทุกข ้อ

ข ้อที2 304 :
คํากล่าวในข ้อใดต่อไปนีไ
I ม่ถก
ู ต ้องสําหรับแก๊สอุดมคติ
1 : แก๊สอุดมคติไม่มแ
ี รงกระทําระหว่างโมเลกุล
2 : แก๊สอุดมคติไม่มขี นาดโมเลกุล
3 : แก๊สอุดมคติไม่สามารถกลัน2 ตัวเป็ นของเหลวได ้
4 : ถูกทุกข ้อ

ข ้อที2 305 :
2 นสภาวะจากความดัน 5800 kPa และอุณหภูม ิ 425°C ไปเป็ นความดัน 750 kPa และอุณหภูม ิ 325°C ซึง2 ทําให ้ค่าปริมาตร
ไอนํI า 1 กิโลกรัมถูกทําให ้เปลีย
จําเพาะ (specific volume) เปลีย 2 นไปจาก 51.638 cm3/g ไปเป็ น 362.32 cm3/g โดยหากการเปลีย2 นแปลงนีท
I ําให ้พลังงานภายในลดลง 107.1 กิโลจูล เอ
นทาลปี จะเปลีย 2 นไปเท่าใด

1 : +1694.9 kJ
2 : -134.9 kJ
3 : -340.1 kJ
4 : ข ้อมูลไม่เพียงพอในการคํานวณ

ข ้อที2 306 :
เมือ2 เปรียบเทียบการเปลีย
2 นแปลงสภาวะของไอนํI าจากสภาวะ P1 และ T1 ไปยังสภาวะ P2 และ T2 ด ้วยกระบวนการแบบผันกลับได ้และกระบวนการแบบผัน
กลับไม่ได ้ ข ้อความใดต่อไปนีถ
I ก

1 : ความร ้อนทีถ2 า่ ยเทเข ้า/ออกระบบจากทังI สองกระบวนการมีคา่ ไม่เท่ากัน
2 : งานทีถ
2 า่ ยเทเข ้า/ออกระบบจากทังI สองกระบวนการมีคา่ ไม่เท่ากัน

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 99 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

3 : การเปลีย
2 นแปลงเอนทาลปี ของทังI สองกระบวนการมีคา่ เท่ากัน
4 : ถูกทุกข ้อ

ข ้อที2 307 :
ถ ้า residual Gibbs free energy คือค่าความแตกต่างระหว่าง Gibbs free energy ของแก๊สจริงกับ Gibbs free energy ของแก๊สนัน
I เมือ
2 ประพฤติตวั เป็ นแก๊ส
อุดมคติ ข ้อความใดต่อไปนีถ I ก

1 : การคํานวณหา residual Gibbs free energy จําเป็ นต ้องใช ้ equation of state
2 : Residual Gibbs free energy ไม่ขน
ึI กับความดัน
3 : Residual Gibbs free energy ไม่ขน ึI กับอุณหภูม ิ
4 : ผิดทุกข ้อ

ข ้อที2 308 :
ข ้อความใดต่อไปนีถ
I ก

1 : สภาวะสมดุลคือสภาวะเมือ
2 อนุพันธ์ของ Gibbs free energy มีคา่ เท่ากับศูนย์ นั2นคือเมือ
2 Gibbs free energy มีคา่ สูงสุด

2 : การเปลีย
2 นแปลงของระบบใดๆ ก็ตาม จะต ้องมีการเปลีย 2 นแปลงอุณหภูมห ิ รือความดันควบคูไ่ ปด ้วยเสมอ
3 : สภาวะสมดุลระหว่างเฟสเกิดขึน
I เมือ
2 ทุกเฟสมีคา่ Gibbs free energy เท่ากัน
4 : ผิดทุกข ้อ

ข ้อที2 309 :
ข ้อความใดต่อไปนีถ
I ก

1 : เราสามารถคํานวณค่าเอนโทรปี จําเพาะ (specific entropy) ไอนํI าร ้อนยิง2 ยวดได ้ หากทราบค่าเอนทาลปี จําเพาะ (specific enthalpy) เพียงอย่างเดียว
2 : เราสามารถคํานวณค่าความจุความร ้อน (heat capacity) ของไอนํI าร ้อนยิง2 ยวดในสภาวะทีไ2 ม่ใช่แก๊สอุดมคติได ้ หากทราบอุณหภูมเิ พียงอย่างเดียว
3 : เราสามารถคํานวณค่าเอนทาลปี จําเพาะ (specific enthalpy) ไอนํI าร ้อนยิง2 ยวดได ้ หากทราบค่าเอนโทรปี จําเพาะ (specific entropy) และค่าปริมาตร
จําเพาะ (specific volume)
4 : เราสามารถคํานวณค่าพลังงานภายในจําเพาะ (specific internal energy) ไอนํI าร ้อนยิง2 ยวดได ้ หากทราบอุณหภูมเิ พียงอย่างเดียว

ข ้อที2 310 :
2 นสภาวะจากความดัน 5800 kPa และอุณหภูม ิ 425°C ไปเป็ นความดัน 750 kPa และอุณหภูม ิ 325°C ซึง2 ทําให ้ค่าปริมาตร
ไอนํI า 1 กิโลกรัมถูกทําให ้เปลีย
จําเพาะ (specific volume) เปลีย 2 นไปจาก 51.638 cm3/g ไปเป็ น 362.32 cm3/g จงคํานวณว่างานทีเ2 กีย
2 วข ้องมีคา่ เท่าใด โดยไม่สามารถสมมุตใิ ห ้ไอนํI า
ประพฤติตวั เป็ นแก๊สอุดมคติได ้
1 : -1802 kJ
2 : -233 kJ
3 : 11.3 kJ
4 : ข ้อมูลไม่เพียงพอสําหรับการคํานวณ

ข ้อที2 311 :
ไอนํI า 1 กิโลกรัมถูกทําให ้เปลีย
2 นสภาวะจากความดัน 1 kPa และอุณหภูม ิ 225°C ไปเป็ นความดัน 10 kPa และอุณหภูม ิ 100°C โดยการเปลีย 2 นแปลงนีท
I ําให ้
พลังงานภายในลดลง 183.2 กิโลจูล เอนทาลปี จะเปลีย 2 นไปเท่าใดถ ้าสมมุตใิ ห ้ไอนํI าประพฤติตวั เป็ นแก๊สอุดมคติ กําหนดให ้สําหรับไอนํI า ค่า gas constant
(R) มีคา่ เท่ากับ 0.4619 kJ/kg
1 : -125.5 kJ
2 : -183.2 kJ
3 : -240.9 kJ
4 : ข ้อมูลไม่เพียงพอในการคํานวณ

ข ้อที2 312 :
2 นสภาวะจากความดัน 1 kPa และอุณหภูม ิ 225°C ซึง2 มีคา่ เอนโทรปี เท่ากับ 10.0681 kJ/K ไปเป็ นอุณหภูม ิ 100°C ภายใต ้
ไอนํI า 1 กิโลกรัมถูกทําให ้เปลีย
สภาวะความดันคงที2 ถ ้าสมมุตใิ ห ้ไอนํI าประพฤติตวั เป็ นแก๊สอุดมคติโดยมีคา่ ความจุความร ้อนจําเพาะภายใต ้สภาวะความดันคงที2 (Cp) เท่ากับ 1.865 kJ/kg K
ไอนํI าทีส
2 ภาวะสุดท ้ายจะมีคา่ เอนโทรปี เท่าใด
1 : -233.1 kJ/K
2 : 9.5393 kJ/K
3 : 10.6069 kJ/K
4 : ข ้อมูลไม่เพียงพอในการคํานวณ

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 100 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

ข ้อที2 313 :
หากต ้องการคํานวณค่าการเปลีย 2 นแปลงเอนทาลปี ของการเปลีย 2 นสภาวะของไอนํI า 1 กิโลกรัมจากความดัน 1 kPa และอุณหภูม ิ 225°C ไปเป็ นอุณหภูม ิ
100°C ภายใต ้สภาวะความดันคงทีด 2 ้วยกระบวนการ isentropic โดยสมมุตใิ ห ้ไอนํI าประพฤติตวั เป็ นแก๊สอุดมคติและมีคา่ ความจุความร ้อนจําเพาะภายใต ้สภาวะ
ความดันคงที2 (Cp) เท่ากับ 1.865 kJ/kg K การคํานวณเช่นนีจI ะเป็ นไปได ้หรือไม่ หากเป็ นไปได ้คําตอบควรมีคา่ เท่าใด
1 : สามารถคํานวณคําตอบได ้ -233.1 kJ
2 : สามารถคํานวณคําตอบได ้ +233.1 kJ
3 : ไม่สามารถคํานวณคําตอบได ้เนือ
2 งจากข ้อมูลไม่เพียงพอสําหรับการคํานวณ
4 : ไม่สามารถคํานวณคําตอบได ้เนือ2 งจากมีการระบุตวั แปรของระบบมากเกินไป

ข ้อที2 314 :
คํากล่าวใดต่อไปนีถ I ก
ู ต ้องสําหรับการเปลีย
2 นแปลงสภาวะของไอนํI า 1 กิโลกรัมทีป
2 ระพฤติตวั เป็ นแก๊สอุดมคติและมีการเปลีย
2 นแปลงเอนทาลปี เท่ากับ +192.4
kJ โดยไอนํI ามีคา่ ความจุความร ้อนจําเพาะภายใต ้สภาวะความดันคงที2 (Cp) เท่ากับ 1.865 kJ/kg K
1 : อุณหภูมเิ พิม
2 ขึน
I 103.16°C
2 : อุณหภูมล ิ ดลง 103.16°C
3 : ไม่สามารถบอกการเปลีย 2 นแปลงอุณหภูมไิ ด ้เนือ2 งจากไม่ทราบว่าความดันเปลีย 2 นแปลงไปเท่าใด
4 : ไม่สามารถบอกการเปลีย 2 นแปลงอุณหภูมไิ ด ้เนือ2 งจากไม่ทราบว่าอุณหภูมต
ิ งั I ต ้นมีคา่ เท่าใด

ข ้อที2 315 :
คํากล่าวใดต่อไปนีถ
I กู ต ้องสําหรับการเปลีย
2 นแปลงสภาวะของไอนํI า 1 กิโลกรัมทีม
2 ก
ี ารเปลีย
2 นแปลงเอนทาลปี เท่ากับ +192.4 kJ โดยไอนํI ามีคา่ ความจุความ
ร ้อนจําเพาะภายใต ้สภาวะความดันคงที2 (Cp) เท่ากับ 1.865 kJ/kg K ทังI นีค
I วามดันของระบบสูงจนไม่สามารถสมมุตใิ ห ้ประพฤติตวั เป็ นแก๊สอุดมคติ
1 : อุณหภูมเิ พิม
2 ขึน
I 103.16°C
2 : อุณหภูมล ิ ดลง 103.16°C
3 : ไม่สามารถบอกการเปลีย 2 นแปลงอุณหภูมไิ ด ้เนือ2 งจากไม่ทราบว่าความดันเปลีย 2 นแปลงไปจากเท่าใดเป็ นเท่าใด
4 : ไม่สามารถบอกการเปลีย 2 นแปลงอุณหภูมไิ ด ้เนือ2 งจากไม่ทราบว่าอุณหภูมต
ิ งั I ต ้นมีคา่ เท่าใด

ข ้อที2 316 :
คํากล่าวใดต่อไปนีถ
I ก
ู ต ้องสําหรับการเปลีย
2 นแปลงสภาวะของไอนํI า 1 กิโลกรัมทีป
2 ระพฤติตวั เป็ นแก๊สอุดมคติและมีการเปลีย
2 นแปลงเอนทาลปี เท่ากับ +192.4
kJ
1 : เกิดจากการให ้ความร ้อนเข ้าสูร่ ะบบ 192.4 kJ
2 : เกิดจากการถ่ายความร ้อนออกจากระบบ 192.4 kJ
3 : ไม่สามารถบอกถึงความร ้อนทีเ2 กีย 2 วข ้องได ้เพราะไม่ทราบว่ากระบวนการเป็ นกระบวนการชนิดผันกลับได ้หรือไม่
4 : ไม่สามารถบอกถึงความร ้อนทีเ2 กีย 2 วข ้องได ้เพราะไม่ทราบว่ากระบวนการเกิดขึน
I ทีส
2 ภาวะความดันคงทีห
2 รือไม่

ข ้อที2 317 :
คํากล่าวใดต่อไปนีถ
I ก
ู ต ้องสําหรับการเปลีย
2 นแปลงสภาวะของไอนํI า 1 กิโลกรัมทีป
2 ระพฤติตวั เป็ นแก๊สอุดมคติและมีการเปลีย
2 นแปลงพลังงานภายในเท่ากับ
-107.8 kJ
1 : เกิดจากการถ่ายความร ้อนออกจากระบบ 107.8 kJ
2 : ไม่สามารถบอกถึงความร ้อนทีเ2 กีย
2 วข ้องได ้เพราะไม่ทราบว่ากระบวนการเป็ นกระบวนการชนิดผันกลับได ้หรือไม่
3 : ไม่สามารถบอกถึงความร ้อนทีเ2 กีย2 วข ้องได ้เพราะไม่ทราบว่ากระบวนการเกิดขึน I ทีส
2 ภาวะปริมาตรคงทีห
2 รือไม่
4 : ไม่สามารถบอกถึงความร ้อนทีเ2 กีย 2 วข ้องได ้เพราะไม่ทราบว่าอุณหภูมเิ ปลีย
2 นแปลงไปเท่าใด

ข ้อที2 318 :
คํากล่าวใดต่อไปนีถ
I ก
ู ต ้องสําหรับไอนํI า 1 กิโลกรัมทีม
2 ก
ี ารเปลีย
2 นแปลงพลังงานภายในลดลง 107.8 kJ และขยายตัวให ้งาน 52.1 kJ
1 : เกิดจากการถ่ายความร ้อนออกจากระบบ 55.7 kJ
2 : เกิดจากการถ่ายความร ้อนออกจากระบบ 159.9 kJ
3 : ไม่สามารถบอกถึงความร ้อนทีเ2 กีย
2 วข ้องได ้เพราะไม่ทราบว่ากระบวนการเป็ นกระบวนการชนิดผันกลับได ้หรือไม่
4 : ไม่สามารถบอกถึงความร ้อนทีเ2 กีย2 วข ้องได ้เพราะไม่ทราบว่าสามารถสมมุตใิ ห ้ไอนํI าประพฤติตวั เป็ นแก๊สอุดมคติหรือไม่

ข ้อที2 319 :
คํากล่าวใดต่อไปนีถ
I ก
ู ต ้องสําหรับไอนํI า 1 กิโลกรัมทีม
2 ก
ี ารเปลีย
2 นแปลงเอนโทรปี 774.5 J/K ภายใต ้สภาวะอุณหภูมค
ิ งทีท
2 ี2 125°C
1 : เกิดจากการถ่ายความร ้อนเข ้าสูร่ ะบบ 1.945 J
2 : เกิดจากการถ่ายความร ้อนเข ้าสูร่ ะบบ 308.4 kJ
3 : ไม่สามารถบอกถึงความร ้อนทีเ2 กีย 2 วข ้องได ้เพราะไม่ทราบว่ากระบวนการเป็ นกระบวนการชนิดผันกลับได ้หรือไม่
4 : กระบวนการนีเI ป็ นกระบวนการทีเ2 กิดขึน I ได ้เอง (spontaneous process)

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 101 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

ข ้อที2 320 :
คํากล่าวใดต่อไปนีถ
I ก
ู ต ้องสําหรับการเปลีย
2 นแปลงสภาวะของไอนํI า 1 กิโลกรัมภายใต ้อุณหภูมค
ิ งที2 225°C จากความดัน 1 kPa ไปเป็ นความดัน 10 kPa
1 : ไม่มกี ารเปลีย 2 นแปลงพลังงานภายใน
2 : ไม่มก ี ารถ่ายเทความร ้อน
3 : ไม่มก ี ารเปลีย2 นแปลงเอนโทรปี
4 : ข ้อ 1 ถึง 3 ผิดทุกข ้อ

ข ้อที2 321 :
คํากล่าวใดต่อไปนีถ
I ก
ู ต ้องสําหรับการเปลีย
2 นแปลงสภาวะของไอนํI า 1 กิโลกรัมภายใต ้อุณหภูมค
ิ งที2 225°C จากความดัน 1 kPa ไปเป็ นความดัน 10 kPa
1 : ไม่มกี ารเปลีย2 นแปลงเอนทาลปี
2 : จําเป็ นต ้องมีการถ่ายเทงานเข ้า/ออกระบบ
3 : จําเป็ นต ้องมีการถ่ายเทความร ้อนเข ้า/ออกระบบ
4 : ถูกทุกข ้อ

ข ้อที2 322 :
เมือ2 พิจารณานํI าไหลเข ้า/ออกภาชนะด ้วยอัตรา 1 กิโลกรัมต่อวินาที โดยมีการให ้ความร ้อนแก่นํIาด ้วยอัตรา 194.4 kJ/s โดยไม่ม ี shaft work ถ ้ากําหนดให ้ท่อ
เข ้า/ออกมีพน ืI ทีห
2 น ้าตัดเท่ากันและอยูใ่ นระดับเดียวกัน ภายใต ้การไหลในสภาวะคงตัว (steady state) คํากล่าวใดต่อไปนีถI ก
ู ต ้อง
1 : มีการเปลีย 2 นแปลงเอนทาลปี ภายในระบบ
2 : นํI ามีเอนทาลปี สงู ขึน
I 194.4 kJ/kg
3 : นํI ามีพลังงานภายในสูงขึน I 194.4 kJ/kg
4 : ถูกทังI ข ้อ 2 และ 3 ถ ้าถือให ้ค่าความจุความร ้อนของนํI าทีค
2 วามดันคงทีแ
2 ละทีป
2 ริมาตรคงทีม
2 ค
ี า่ เท่ากัน

ข ้อที2 323 :
คํากล่าวใดต่อไปนีถ
I ก
ู ต ้องเกีย
2 วกับการไหลของไอนํI าร ้อนยิง2 ยวด (superheated steam) ผ่านเทอร์ไบน์ (turbine) ทีม
2 ก
ี ารหุ ้มฉนวน จนทําให ้ไอนํI ามีอณ
ุ หภูม ิ
ลดลง
1 : อัตราการไหลเชิงมวลของไอนํI ามีคา่ ลดลงเนือ 2 งจากความหนาแน่นของไอนํI าลดลง
2 : การเปลีย 2 นแปลงพลังงานจลน์และพลังงานศักย์ของไอนํI ามีคา่ สูงกว่าการเปลีย
2 นแปลงเอนทาลปี มาก
3 : นทีไ2 ด ้จากเทอร์ไบน์มค
ี า่ ประมาณเท่ากับการเปลีย
2 นแปลงเอนทาลปี ของไอนํI า
4 : ถูกทุกข ้อ

ข ้อที2 324 :
2 นสภาวะจากความดัน 125 kPa และอุณหภูม ิ 350°C ไปเป็ นความดัน 175 kPa และอุณหภูม ิ 450°C ซึง2 ทําให ้ค่าเอนโทรปี
ไอนํI า 1 กิโลกรัมถูกทําให ้เปลีย
จําเพาะ (specific entropy) เปลีย 2 นไปจาก 8.2823 kJ/kgK ไปเป็ น 8.4341 kJ/kgK หากการเปลีย
2 นแปลงเอนทาลปี มค
ี า่ เท่ากับ 206.2 kJ จงคํานวณว่า
Gibbs free energy มีคา่ เปลีย 2 นแปลงไปเท่าใด
1 : 111.6 kJ
2 : 96.7 kJ
3 : -731.8 kJ
4 : ข ้อมูลไม่เพียงพอสําหรับการคํานวณ

ข ้อที2 325 :
ข ้อความใดต่อไปนีถ
I ก
ู ต ้องสําหรับ Gibbs free energy
1 : ค่าการเปลีย2 นแปลง Gibbs free energy จะมีสญ ั ญลักษณ์ตรงข ้ามกับค่าการเปลีย
2 นแปลงเอนโทรปี ของระบบเสมอ
2 : กระบวนการทีม 2 คี า่ การเปลีย2 นแปลง Gibbs free energy น ้อยกว่าศูนย์หมายความว่ากระบวนการนัน I เป็ นกระบวนการทีเ2 กิดขึน
I เองได ้ (spontaneous
process) เสมอ
3 : กระบวนการทีม 2 คี า่ การเปลีย2 นแปลง Gibbs free energy เท่ากับศูนย์คอ
ื กระบวนการทีผ
2 ันกลับได ้
4 : ผิดทุกข ้อ

ข ้อที2 326 :
ข ้อความใดต่อไปนีถ
I ก
ู ต ้อง
1 : แก๊สสองชนิดทีม 2 อ
ี ณ
ุ หภูมเิ ริม
2 ต ้นเท่ากันและได ้รับความร ้อนเท่ากันภายใต ้สภาวะความดันคงที2 จะมีอณ
ุ หภูมส
ิ ด
ุ ท ้ายเท่ากัน ไม่วา่ แก๊สทังI สองจะประพฤติ
ตัวเป็ นแก๊สอุดมคติหรือไม่

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 102 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

2 : แก๊สสองชนิดทีม 2 อ ี ณ ุ หภูมเิ ริม 2 ต ้นเท่ากันและได ้รับความร ้อนเท่ากันภายใต ้สภาวะความดันคงที2 จะมีอณ ุ หภูมส ิ ด


ุ ท ้ายเท่ากันถ ้าแก๊สทังI สองประพฤติตวั
เป็ นแก๊สอุดมคติเท่านัน I
3 : แก๊สสองชนิดทีม 2 อ ี ณ ุ หภูมเิ ริม 2 ต ้นเท่ากันและได ้รับความร ้อนเท่ากันภายใต ้สภาวะความดันคงที2 จะมีการเปลีย2 นแปลงเอนทาลปี ไปเท่ากัน ไม่วา่ แก๊สทังI
สองจะประพฤติตวั เป็ นแก๊สอุดมคติหรือไม่
4 : แก๊สสองชนิดทีม 2 อ ี ณ ุ หภูมเิ ริม 2 ต ้นเท่ากันและได ้รับความร ้อนเท่ากันภายใต ้สภาวะความดันคงที2 จะมีการเปลีย2 นแปลงเอนทาลปี ไปเท่ากัน ถ ้าแก๊สทังI สอง
ประพฤติตวั เป็ นแก๊สอุดมคติเท่านัน I

ข ้อที2 327 :
สมการใดต่อไปนีใI ช ้ในการคํานวณทีเ2 กีย
2 วข ้องกับแก๊สอุดมคติได ้เท่านัน
I

1:

2:

3:
4:

ข ้อที2 328 :
สมการใดต่อไปนีใI ช ้ในการคํานวณทีเ2 กีย
2 วข ้องกับแก๊สได ้เท่านัน
I

1:

2:

3:
4:

ข ้อที2 329 :
สมการใดต่อไปนีใI ช ้ได ้ในการคํานวณทีเ2 กีย
2 วข ้องกับทังI แก๊สและของเหลว
1 : สมการ Peng-Robinson
2:

3:

4:

ข ้อที2 330 :
ค่าการเปลีย 2 นแปลงเอนทาลปี ของปฏิกริ ย
ิ าเคมีใดต่อไปนีค
I อ
ื ค่า heat of formation

1:

2:

3:
4 : ผิดทุกข ้อ

ข ้อที2 331 :
Standard heat of formation คือค่าการเปลีย ิ าซึง2 เกิดขึน
2 นแปลงเอนทาลปี ของปฏิกริ ย I ทีอ
2 ณ
ุ หภูมเิ ท่าใด
1 : 0°C
2 : 25°C
3 : 100°C
4 : อุณหภูมใิ ดก็ได ้แต่ต ้องระบุให ้ชัดเจน

ข ้อที2 332 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 103 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

ค่า Compressibility factor คืออะไร


1 : ค่าทีบ
2 ง่ บอกว่าแก๊สสามารถโดนอัดได ้มากน ้อยเท่าใด
2 : อัตราส่วนระหว่างปริมาตรของแก๊สจริงต่อปริมาตรของแก๊สนัน I หากมีพฤติกรรมเป็ นแก๊สอุดมคติภายใต ้ความดันและอุณหภูมเิ ดียวกัน
3 : ค่าทีบ2 ง่ บอกว่าแก๊สจะมีปริมาตรลดลงไปมากน ้อยเท่าใดหากได ้รับความดันเพิม
2 ขึน
I 2 เท่า
4 : ผิดทุกข ้อ

ข ้อที2 333 :
ข ้อความใดถูกต ้องสําหรับค่า Compressibility factor (Z)
1 : Z ทีม2 ากกว่า 1 หมายความว่าแก๊สมีแรงดึงดูดเข ้าหากัน
2 : ทีค
2 วามดันสูงมากๆ ค่า Z ของแก๊สส่วนใหญ่จะมีคา่ มากกว่า 1
3 : ค่า Z ไม่ขนึI อยูก
่ บ
ั ธรรมชาติของแรงดึงดูดระหว่างโมเลกุล
4 : ผิดทุกข ้อ

ข ้อที2 334 :
เมือ2 ไอนํI ามี “quality” สูง หมายความว่าอย่างไร
1 : ไอนํI ามีสารปนเปืI อนน ้อย
2 : ไอนํI ามีอากาศปนเปืI อนอยูน ่ ้อย
3 : ไอนํI ามีสดั ส่วนปริมาณนํI าทีเ2 ป็ นของเหลวอยูด
่ ้วยน ้อย
4 : ไอนํI ามีอณ
ุ หภูมส ิ งู

ข ้อที2 335 :
ข ้อความใดถูกต ้องเกีย
2 วกับปรากฎการณ์ Joule-Thomson
1 : เป็ นปรากฎการณ์ทท
ี2 ําให ้อุณหภูมล ิ ดลงเสมอ
2 : เป็ นปรากฎการณ์ทท ี2 ําให ้อุณหภูมส ิ งู ขึน
I เสมอ
3 : ในระหว่างกระบวนการ ค่าเอนทาลปี มค ี า่ คงทีเ2 สมอ
4 : เป็ นปรากฎการณ์ทท ี2 ําให ้ความดันสูงขึน I เสมอ

ข ้อที2 336 :
กระบวนการใดเป็ นกระบวนการทีผ
2 ันกลับได ้
1 : กระบวนการในระบบทีไ2 ม่มแ
ี รงเสียดทาน
2 : กระบวนการเปลีย2 นแปลงทีม2 คี า่ การเปลีย2 นแปลงเอนโทรปี ของระบบรวมกับสิง2 แวดล ้อมแล ้วได ้เท่ากับศูนย์
3 : กระบวนการเปลีย
2 นแปลงทีม 2 คี า่ การเปลีย2 นแปลงเอนโทรปี ของระบบเท่ากับศูนย์
4 : ถูกทุกข ้อ

ข ้อที2 337 :

1:

2:

3:
4 : ข ้อมูลไม่เพียงพอให ้คํานวณได ้

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 104 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

ข ้อที2 338 :

1:

2:

3:

4:

ข ้อที2 339 :

1:

2:

3:
4 : ข ้อมูลไม่เพียงพอให ้คํานวณได ้

เ%อหา!ชา : 948 : Equilibrium model

ข ้อที2 340 :
สารละลายในตารางควรใช ้แบบจําลองใด

1 : Activity Coefficient Model


2 : Equation of State Model
3 : ใช ้ได ้ทังI คู่
4 : ใช ้ไม่ได ้ทังI คู่

ข ้อที2 341 :
ข ้อใดไม่ใช่ข ้อดีของ Activity Coefficient Model
1 : เป็ นกลุม
่ โมเดลทีอ 2 ธิบาย Non-Ideal Solution ได ้ดี
2 : เป็ นกลุม ่ โมเดลทีใ2 ช ้ได ้ทุกสภาวะ ไม่วา่ จะความดันสูง หรือ ความดันตํา2
3 : เป็ นกลุม ่ โมเดลทีใ2 ช ้งานง่ายเพราะไม่ซบ ั ซ ้อนจนเกินไป
4 : เป็ นกลุม่ โมเดลทีอ 2 ธิบายพฤติกรรม Azeotrope ได ้ดี

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 105 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

ข ้อที2 342 :
ข ้อใดไม่ใช่ข ้อดีของ Equation of State Model

1 : เป็ นกลุม
่ โมเดลทีอ 2 ธิบายพฤติกรรมของสารทีส 2 ภาวะเข ้าใกล ้จุดวิกฤต (Critical Point) ได ้ดี
2 : เป็ นกลุม่ โมเดลทีใ2 ช ้ได ้ทุกสภาวะ ไม่วา่ จะความดันสูง หรือ ความดันตํา2
3 : เป็ นกลุม ่ โมเดลทีอ2 ธิบาย Non-Ideal Solution ได ้ดีโดยไม่จําเป็ นต ้องดัดแปลงโมเดลให ้ซับซ ้อน
4 : ทีก
2 ล่าวมาทังI หมดเป็ นข ้อดีของ Equation of State Model ทังI สิน I

ข ้อที2 343 :
ของผสมในตารางไม่ควรใช ้แบบจําลองใด

1 : Modified Raoult’s law โดยใช ้ NRTL สําหรับการหาค่า Activity Coefficient


2 : Henry’s law
3 : Peng & Robinson Equation of State
4 : SRK Equation of State

ข ้อที2 344 :
เพราะเหตุใด ในระบบทีม ี ก๊สละลายอยูใ่ นของเหลวเพียงเล็กน ้อยจึงต ้องใช ้ Henry’s law แทน Raoult’s Law
2 แ
1 : เพราะว่าการละลายของแก๊สในของเหลวมีคา่ น ้อยมากจนหาค่า Activity Coefficient ไม่ได ้
2 : เพราะว่าแก๊สอยูใ่ นสภาวะทีค 2 วบแน่นไม่ได ้ ดังนัน
I จึงหาค่า Vapor Pressure ไม่ได ้
3 : เพราะว่าการใช ้ Raoult’s law จะผิดหลัก Gibb’s Phase Rule สําหรับระบบทีม 2 แ
ี ก๊ส
4 : เป็ นเพราะทังI สามสาเหตุข ้างต ้น

ข ้อที2 345 :
ของผสมในตารางไม่ควรใช ้แบบจําลองใด

1 : Modified Raoult’s law โดยใช ้ Wilson สําหรับการหาค่า Activity Coefficient


2 : Modified Raoult’s law โดยใช ้ NRTL สําหรับการหาค่า Activity Coefficient
3 : Modified Raoult’s law โดยใช ้ UNIQUAC สําหรับการหาค่า Activity Coefficient
4 : Modified Raoult’s law โดยใช ้ UNIFAC สําหรับการหาค่า Activity Coefficient

ข ้อที2 346 :
ข ้อใดไม่ใช่ปัญหาทีเ2 กิดขึน 2 งจากการใช ้ Cubic Equation of State Model
I เนือ
1 : มีความคลาดเคลือ 2 นในการทํานายค่าความหนาแน่นทีส 2 ภาวะเข ้าใกล ้จุดวิกฤต (Critical Point)
2 : มีความคลาดเคลือ 2 นในการทํานายค่าความหนาแน่นโดยเฉพาะอย่างยิง2 ความหนาแน่นของเฟสของเหลว
3 : ค่าฟูกาซิต ีI (Fugacity) ของแก๊สเฟสเกิดความคลาดเคลือ 2 นเป็ นอย่างมาก
4 : การปรับแก ้โมเดลเพือ 2 ประสิทธิภาพในการทํานายสามารถทําได ้ แต่ต ้องแลกมาด ้วยความซับซ ้อนทีเ2 พิม
2 เพิม I ในการใช ้โมเดล
2 สูงขึน

ข ้อที2 347 :
ข ้อใดไม่ใช่ปัญหาทีเ2 กิดขึน 2 งจากการใช ้ Activity Coefficient Model
I เนือ

1 : มีความไม่สอดคล ้องทางอุณหพลศาสตร์ (Thermodynamics Inconsistency) ทีส


2 ภาวะเข ้าใกล ้จุดวิกฤต (Critical Point)

2 : อธิบายสารละลายทีไ2 ม่เป็ นอุดมคติได ้ดี แต่เมือ


2 ไหร่กต็ ามทีส
2 ารละลายดังกล่าวเกิด Azeotrope โมเดลจะทํามีความคลาดเคลือ
2 นสูง
3 : ใช ้ได ้เฉพาะสารละลายทีส 2 ภาวะความดันตํา2 กว่า 5 bar
4 : ทุกข ้อทีก I
2 ล่าวมาเป็ นปั ญหาสําคัญของ Activity Coefficient Model ทังI สิน

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 106 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

ข ้อที2 348 :
ของผสมในตารางควรใช ้แบบจําลองใด

1 : Modified Raoult’s law โดยใช ้ Wilson สําหรับการหาค่า Activity Coefficient


2 : Henry’s law
3 : Peng & Robinson Equation of State
4 : SRK Equation of State

ข ้อที2 349 :

ั บิวเทน (C4H10) โดยใช ้ 2 โมเดลทีแ


กราฟแสดงการทํานายค่าความดันที2 Bubble Point และ Dew Point ของสารละลายมีเทนและนอร์มล 2 ตกต่างกันแสดง
ด ้วยเส ้นประและเส ้นทึบดังรูป
ข ้อใดคือคูโ่ มเดลทีถ ู ใช ้ในการทํานายค่าความดันในกราฟ
2 ก

1 : 1
2 : 2
3 : 3
4 : 4

ข ้อที2 350 :
ในโปรแกรมแบบจําลองกระบวนการ เช่น Aspen Plus การเลือกใช ้ Activity Coefficient Model เช่น NRTL มีความหมายว่า NRTL ถูกใช ้ในการอธิบาย
ี ารพูดถึงว่าโมเดลใดถูกใช ้ในการอธิบายเฟสแก๊ส หากเป็ นเช่นนีท
พฤติกรรมของเฟสของเหลว แต่วา่ ไม่มก I า่ นคิดว่า ในกรณีดงั กล่าวโปรแกรมแบบจําลอง
กระบวนการใช ้โมเดลใดในการอธิบายเฟสแก๊ส
1 : Ideal Gas Model
2 : NRTL Model
3 : SRK โมเดลสมการสถานะ (EOS Model)
4 : Raoult’s Law

ข ้อที2 351 :
ของผสมในตารางควรใช ้แบบจําลองใด

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 107 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : NRTL
2 : NRTL-HOC
3 : NRTL-RK
4 : SRK Equation of State

ข ้อที2 352 :

ของผสมในตารางไม่ควรใช ้แบบจําลองใด

1 : NRTL
2 : Henry’s Law
3 : Peng & Robinson EOS
4 : SRK EOS

ข ้อที2 353 :

ของผสมในตารางควรใช ้แบบจําลองใดต่อไปนีI

1 : NRTL + Henry’s Law


2 : SRK-MHV2 EOS
3 : Peng & Robinson EOS
4 : ไม่มข
ี ้อใดถูก

ข ้อที2 354 :
โมเดลใดไม่จัดอยูใ่ นกลุม
่ Activity Coefficient Model

1 : Van Laar
2 : Margules
3 : SRK
4 : UNIFAC

ข ้อที2 355 :
Activity Coefficient โมเดลใดต่อไปนีไ
I ม่ได ้พิสจ
ู น์มาจากทฤษฏี Local Composition

1 : Wilson
2 : Margules
3 : NRTL
4 : UNIQUAC

ข ้อที2 356 :
EOS ใดไม่จัดอยูใ่ นกลุม
่ Cubic EOS

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 108 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : Virial EOS
2 : Vander Waals EOS
3 : Soave-Redlich-Kwong EOS
4 : Peng&Robinson EOS

ข ้อที2 357 :
ในบรรดา EOS ต่อไปนีI EOS ใดไม่จัดอยูใ่ นกลุม
่ Close Form
1 : Virial EOS
2 : Vander Waals EOS
3 : Soave-Redlich-Kwong EOS
4 : Peng&Robinson EOS

ข ้อที2 358 :

เมือ
2 A1 และ A2 มีพน
ืI ทีเ2 ท่ากัน ข ้อใดถูกต ้อง
1 : P1 = ค่าความดันไอของสาร
2 : เกิดการแยกเฟสออกเป็ นเฟสของเหลวและเฟสไอเนือ 2 งจากค่า Fugacity ของเฟสไอมีคา่ เท่ากับ Fugacity ของเฟสของเหลว
3 : ทีส
2 ภาวะทีม2 ก
ี ารแยกเฟส ค่าความหนาแน่นของสารทีค I 3 ค่าซึง2 จะมีคา่ หนึง2 ใช ้ไม่ได ้เสมอ
2 ํานวณได ้จาก EOS จะมีด ้วยกันทังI สิน
4 : ถูกทุกข ้อ

ข ้อที2 359 :

1:1
2:2

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 109 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

3:3
4:4

ข ้อที2 360 :

ของผสมในตารางควรใช ้แบบจําลองใดต่อไปนีI

1 : NRTL
2 : Raout’s law
3 : Peng & Robinson EOS
4 : ใช ้ได ้ทุกโมเดล

ข ้อที2 361 :
ในหอกลัน 2 นํI ามันทีป ี วั I โมเดลใดมีความเหมาะสมและนิยมใช ้มากทีส
2 ระกอบไปด ้วยสารประกอบไฮโดรคาร์บอนไม่มข 2 ด
ุ ในการอธิบายพฤติกรรมของผสมดัง
กล่าว
1 : NRTL
2 : SRK
3 : Peng & Robinson EOS
4 : ใช ้ได ้ทุกโมเดล

ข ้อที2 362 :
โมเดลในกลุม ่ ใดทีม
2 ค
ี วามสอดคล ้องกันระหว่างเฟสไอและเฟสของเหลวในสภาวะเข ้าใกล ้จุดวิกฤต

1 : Activity Coefficient Model


2 : Equation of State Model
3 : Group Contribution Model

4:

ข ้อที2 363 :

1 : A
2 : B
3 : C
4 : ถูกต ้องทุกตําแหน่ง

ข ้อที2 364 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 110 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : A
2 : B
3 : C
4 : ถูกต ้องทุกตําแหน่ง

ข ้อที2 365 :

1 : A
2 : B
3 : C
4 : D

ข ้อที2 366 :

1 : A
2 : B
3 : C
4 : ผิดมากกว่า 1 ตําแหน่ง

ข ้อที2 367 :

1:1
2:0

3:
4 : ข ้อมูลไม่เพียงพอหาคําตอบไม่ได ้

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 111 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

ข ้อที2 368 :

1 : Raoult’s Law
2 : Van Laar
3 : NRTL
4 : ใช ้ได ้ทุกข ้อทีก
2 ล่าวมา

ข ้อที2 369 :

1 : โมเดลสมการสถานะ (EOS Model)


2 : โมเดลสัมประสิทธ์กม ั มันต์ (Activity Coefficient Model)
3 : ใช ้โมเดลใดก็ได ้ไม่มค ี วามแตกต่างกัน
4 : โมเดลทังI สองกลุม ่ อธิบายของผสมทีแ 2 สดงพฤติกรรม Retrograde ไม่ได ้

ข ้อที2 370 :
Activity Coefficient Model ตัวใดทีไ2 ม่ได ้พิสจ
ู น์ด ้วยทฤษฎี Local Composition
1 : Wilson
2 : NRTL
3 : Margules
4 : UNIQUAC

ข ้อที2 371 :
Activity Coefficient Model ตัวใดทีเ2 ป็ น Group Contribution Method ซึง2 ไม่จําเป็ นต ้องมีพารามิเตอร์ลว่ งหน ้าในการทํานายพฤติกรรมของสาร แต่ใช ้
โครงสร ้างโมเลกุลในการทํานายพฤติกรรมของสารแทน
1 : Wilson
2 : NRTL
3 : UNIFAC
4 : UNIQUAC

ข ้อที2 372 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 112 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : Raoult’s Law
2 : Henry’s Law
3 : ใช ้ 1 และ 2 ร่วมกัน
4 : ใช ้ไม่ได ้

ข ้อที2 373 :

1 : Wilson
2 : NRTL
3 : UNIFAC
4 : ใช ้ได ้ทุกโมเดล

ข ้อที2 374 :

1 : Wilson
2 : UNIQUAC
3 : NRTL
4 : UNIFAC

ข ้อที2 375 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 113 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1 : Raoult’s Law
2 : Henry’s Law
3 : ใช ้ 1 และ 2 ร่วมกัน
4 : ใช ้ไม่ได ้

ข ้อที2 376 :

1 : Raoult’s Law
2 : Van Laar
3 : Electrolyte-NRTL
4 : ใช ้ได ้ทุกข ้อทีก
2 ล่าวมา

ข ้อที2 377 :

1 : Raoult’s Law
2 : Van Laar
3 : Electrolyte-NRTL
4 : Cubic EOS

ข ้อที2 378 :

1 : Raoult’s Law
2 : Cubic EOS
3 : NRTL

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 114 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

4 : ใช ้ได ้ทุกข ้อทีก


2 ล่าวมา

ข ้อที2 379 :

1 : Henry’s Law
2 : Cubic EOS
3 : NRTL
4 : ใช ้ได ้ทุกข ้อทีก
2 ล่าวมา

ข ้อที2 380 :

1 : Raoult’s Law
2 : Van Laar
3 : NRTL
4 : ใช ้ได ้ทุกข ้อทีก
2 ล่าวมา

ข ้อที2 381 :

1 : เพราะ Cubic Equation of State สามารถอธิบาย Gas-Liquid Equilibrium ได ้โดยไม่ต ้องอาศัย Henry’s Law
2 : เพราะ Cubic Equation of State คํานวณค่า Fugacity ทังI เฟสแก๊สและเฟสของเหลวได ้ด ้วยตัวของมันเอง
3 : เหตุผลทีใ2 ห ้มาทังI สองข ้อถูกทังI คู่
4 : เหตุผลทีใ2 ห ้มาทังI สองข ้อผิดทังI คู่

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 115 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

ข ้อที2 382 :
โมเดลในกลุม ่ ใดไม่เหมาะสําหรับการหาสมบัตท
ิ างกายภายของสารบริสท
ุ ธิ/

1 : Equation of State Model


2 : Activity Coefficient Model
3 : เหมาะสมทังI คู่
4 : ไม่เหมาะสมทังI คู่

ข ้อที2 383 :
โมเดลกลุม ่ ใดทีไ2 ม่เหมาะกับการทํานายระบบทีค
2 วามดันสูงกว่า 10 bar
1 : Equation of State Model
2 : Activity Coefficient Model
3 : เหมาะสมทังI คู่
4 : ไม่เหมาะสมทังI คู่

ข ้อที2 384 :
โมเดลกลุม ่ ใดทีไ2 ม่เหมาะกับการทํานายระบบทีเ2 ป็ นของผสมสถานะของเหลวไม่อด
ุ มคติ (Non-ideal liquid mixture)
1 : Equation of State Model
2 : Activity Coefficient Model
3 : เหมาะสมทังI คู่
4 : ไม่เหมาะสมทังI คู่

ข ้อที2 385 :
โมเดลในกลุม ่ ใดได ้รับการพัฒนาบนพืน
I ฐานของ Residual (Departure) Function
1 : Equation of State Model
2 : Activity Coefficient Model
3 : ถูกทังI สองข ้อ
4 : ไม่ถก
ู ทังI สองข ้อ

ข ้อที2 386 :
โมเดลในกลุม ่ ใดได ้รับการพัฒนาบนพืน
I ฐานของ Excess Function
1 : Equation of State Model
2 : Activity Coefficient Model
3 : ถูกทังI สองข ้อ
4 : ไม่ถก
ู ทังI สองข ้อ

ข ้อที2 387 :
หากท่านต ้องการใช ้โปรแกรมแบบจําลองกระบวนการเพือ
2 อธิบายพฤติกรรมของสารกลุม
่ ไฮโดรคาร์บอนในอุตสาหกรรมนํI ามันและแก๊สธรรมชาติ ท่านคิดว่า
ท่านควรใช ้โมเดลใดต่อไปนีI
1 : Peng & Robinson Equation of State
2 : SRK Equation of State
3 : ใช ้ได ้ทังI คู่
4 : ไม่ควรใช ้ทังI คู่

ข ้อที2 388 :
หากท่านต ้องการใช ้โปรแกรมแบบจําลองกระบวนการเพือ 2 แยกอากาศ ท่านคิดว่าท่านควรใช ้ Model ใด
2 อธิบายพฤติกรรมของอากาศในอุตสาหกรรมการกลัน
ต่อไปนีI
1 : Peng & Robinson Equation of State
2 : NRTL
3 : UNIFAC
4 : ไม่มข
ี ้อใดถูก

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 116 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

ข ้อที2 389 :
หากท่านต ้องการใช ้โปรแกรมแบบจําลองกระบวนการเพือ 2 แยกเบนซีน (C6H6) ออกจากไซโคลเฮกเซน (C6H12) ซึง2 มีจด
2 กลัน ุ เดือดใกล ้กันมากจนทําให ้เกิด
สารประกอบ Azeotrope โดยใช ้วิธ ี Extractive Distillation โดยมีสารสกัดคืออานิลน
ิ (C6H5NH2) ท่านคิดว่าท่านควรใช ้ Model ใดต่อไปนีI

1 : UNIQUAC
2 : NRTL
3 : UNIFAC
4 : ถูกทุกข ้อ

ข ้อที2 390 :
หากท่านต ้องการใช ้โปรแกรมแบบจําลองกระบวนการเพือ 2 แยกเอทานอล (C2H5OH) ออกจากนํI า ซึง2 เป็ นสารประกอบทีม
2 กลัน 2 ี Azeotrope โดยใช ้วิธ ี
ี ไกลคอล (C2H6O2) ท่านคิดว่าท่านควรใช ้ Model ใดต่อไปนีI
Extractive Distillation โดยมีสารสกัดคือเอทิลน

1 : UNIQUAC
2 : NRTL
3 : UNIFAC
4 : ถูกทุกข ้อ

ข ้อที2 391 :
หากท่านต ้องการใช ้โปรแกรมแบบจําลองกระบวนการเพือ 2 แยกคลอโรฟอร์ม (CHCl3) ออกจากอาซิโตน (C3H6O) ซึง2 เป็ นสารประกอบทีม
2 กลัน 2 ี Azeotrope
โดยใช ้วิธ ี Extractive Distillation โดยมีสารสกัดคือเบนซีน (C6H6) ท่านคิดว่าท่านควรใช ้ Model ใดต่อไปนีI

1 : UNIQUAC
2 : SRK
3 : Peng & Robinson EOS
4 : ถูกทุกข ้อ

ข ้อที2 392 :
หากท่านต ้องการใช ้โปรแกรมแบบจําลองกระบวนการเพือ 2 แยกแก๊สไฮโดนเจน ออกจากของผสมเบนซีน (C6H6) และ ไซโคลเฮกเซน (C6H12) โดยใช ้
2 กลัน
Stabilizer กลัน 2 วามดันสูง ท่านคิดว่าไม่ควรใช ้ Model ใดต่อไปนีI
2 แยกทีค
1 : UNIQUAC
2 : SRK
3 : Peng & Robinson EOS
4 : ถูกทุกข ้อ

ข ้อที2 393 :
หากท่านต ้องการแยก CO2 ทีผ
2 สมอยูเ่ พียงเล็กน ้อยออกจากของผสมทีม ี ํI าและเอทานอลเป็ นส่วนประกอบ โดยใช ้หอดูดซึม (Absorber) ทีใ2 ช ้ความดันไม่สงู
2 น
มาก (ไม่เกิน 5 bar) ท่านคิดว่าควรใช ้ Model ใดจึงจะเหมาะสม
1 : UNIQUAC
2 : NRTL + Henry’s law
3 : Peng & Robinson EOS
4 : ถูกทุกข ้อ

ข ้อที2 394 :
ท่านคิดว่า สมดุลแก๊สของเหลว (Gas-Liquid Equilibrium) แตกต่างหรือเหมือนกันกับสมดุลไอของเหลว (Vapor-Liquid Equilibrium)
1 : เหมือนกันเพราะแก๊สกับไอมีสมบัตเิ หมือนกัน
2 : เหมือนกันเพราะแก๊สกับไออธิบายได ้ด ้วยโมเดลเดียวกัน
3 : แตกต่างกันเพราะไอควบแน่นได ้แต่แก๊สควบแน่นไม่ได ้
4 : ไม่มข
ี ้อใดถูก

ข ้อที2 395 :
โมเดลประเภทใดทีอ
2 ธิบายพฤติกรรมของสสารในสมดุลแก๊สของเหลว (Gas-Liquid Equilibrium) กับสมดุลไอของเหลว (Vapor-Liquid Equilibrium) ได ้

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 117 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

โดยไม่จําเป็ นต ้องพึง2 Henry’s law


1 : Equation of State Model
2 : Activity Coefficient Model
3 : ทังI 1 และ 2 ไม่จําเป็ นต ้องพึง2 Henry’s law
4 : ทังI 1 และ 2 จําเป็ นต ้องพึง2 Henry’s law ทังI คู่

ข ้อที2 396 :
ในอุตสาหกรรมผลิต แก๊สธรรมชาติ ในเหมืองแก๊สทีม 2 ค
ี วามดันสูงพบว่าการลดความดันอาจทําให ้เกิดการควบแน่นเพิม I ซึง2 พฤติกรรมดังกล่าวเรียกว่า
2 ขึน
Retrograde ซึง2 เป็ นปรากฏการณ์ทข
ี2 องผสมมีสภาวะเข ้าใกล ้จุดวิกฤต ถ ้าท่านต ้องการอธิบายพฤติกรรมของผสมนีI ท่านคิดว่าโมเดลใดอธิบายได ้ดี
1 : NRTL
2 : Peng & Robinson EOS
3 : Van Laar
4 : Virial EOS

ข ้อที2 397 :
สมการสภาวะ (Equation of State) ประเภทใดทีส
2 ามารถทํานายค่าความหนาแน่นได ้ทังI ของเหลวและไอพร ้อมๆกันเมือ
2 ระบบอยูใ่ นสภาวะสมดุลไอ-ของเหลว
1 : Pressure Explicit EOS
2 : Volume Explicit EOS
3 : ทังI 1 และ 2 ทํานายความหนาแน่นของเหลวและไอได ้พร ้อมกัน
4 : ทังI 1 และ 2 ทํานายความหนาแน่นของเหลวและไอได ้เพียงตัวใดตัวหนึง2

ข ้อที2 398 :
สมการสภาวะ (Equation of State) ใดต่อไปนีไ
I ม่อยูใ่ นรูปแบบ Pressure Explicit
1 : SRK EOS
2 : Peng & Robinson EOS
3 : Van der Waals EOS
4 : 1 2 และ 3 เป็ น Pressure Explicit ทังI หมด

ข ้อที2 399 :
สมการสภาวะ (Equation of State) ใดต่อไปนีม
I ท
ี งั I รูปแบบ Pressure Explicit และ Volume Explicit
1 : SRK EOS
2 : Peng & Robinson EOS
3 : Virial EOS
4 : Van der Waals EOS

ข ้อที2 400 :
สมการสภาวะแบบ Cubic (Cubic Equation of State) ใดต่อไปนีม
I ค
ี า่ Compressibility ของสารทีจ
2 ด
ุ วิกฤตใกล ้เคียงกับ ค่า Compressibility ทีค
2 ํานวณได ้
จาก Law of Corresponding state มากทีส
2 ด

1 : SRK EOS
2 : Peng & Robinson EOS
3 : Virial EOS
4 : Van der Waals EOS

ข ้อที2 401 :
การใช ้ Cubic EOS ทํานายค่าความหนาแน่นของสารบริสท
ุ ธิท
/ ส
ี2 ภาวะสมดุลไอ-ของเหลวจะเกิดคําตอบขึน
I 3 ค่าเสมอ ค่าใดต่อไปนีเI ป็ นความหนาแน่นทีไ2 ม่
เกิดขึน I ในความเป็ นจริง
1 : ค่าทีค
2 วามหนาแน่นสูงทีส 2 ด

2 : ค่าความหนาแน่นทีอ 2 ยูร่ ะหว่างค่าสูงและค่าตํา2 สุด
3 : ค่าความหนาแน่นตํา2 ทีส
2 ด ุ
4 : ทุกค่าความหนาแน่นเกิดขึน I ได ้ในความเป็ นจริง

ข ้อที2 402 :

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 118 of 119


สภาวิศวกร 1/5/2564 BE 16:06

1:

2:

3:

4:

สภาวิศวกร 487/1 ซอย รามคําแหง 39 (เทพลีลา 1) แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ 10310 สายด่วน 1303 โทรสาร 02-935-6695
@ สงวนลิขสิทธิ/ 2555 สภาวิศวกร : ติดต่อสภาวิศวกร | Contact

http://203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=238&aDb=0 Page 119 of 119

You might also like