Microwave Engineering

4/19/2021 สภาวิศวกร
ส
สภาวิศวกร | Council of engineers
ขอ
กร
วิชา : Microwave Engineering
ิ ว
เนือหาวิชา : 129 : Maxwell’s equations and boundary Conditions
าวศ
ข ้อที 1 :
สภ
สมการ ในข ้อใดคือกฎของฟาราเดย์ (Faraday’s law)
1:
2:
3:
4:
1 : ทีรอยต่อของตัวกลางทัวๆ ไป
2 : ทีรอยต่อของตัวกลางชนิดไดอิเล็กตริก
3 : ทีรอยต่อของตัวกลางชนิดผนังไฟฟ้ าหรือตัวนํ าไฟฟ้ าสมบูรณ์
4 : ทีรอยต่อของตัวกลางชนิดผนังแม่เหล็ก
เงือนไขขอบเขต (Boundary condition) ในข ้อใดทีสนามไฟฟ้ าในแนวสัมผัส (Tangential component) มีคา่ เท่ากับศูนย์
1 : เงือนไขขอบเขตทีเกิดขึนระหว่างอากาศกับผนังตัวนํ าไฟฟ้ าสมบูรณ์
2 : เงือนไขขอบเขตทีเกิดขึนระหว่างไดอิเล็กตริกกับผนังตัวนํ าไฟฟ้ าสมบูรณ์
3 : เงือนไขขอบเขตทีเกิดขึนระหว่างอากาศกับไดอิเล็กตริก
4 : ถูกมากกว่า 1 ข ้อ
Intrinsic impedance ของอากาศมีคา่ เท่าใด
1:
2:
3:
4:
ธิ
สท
ิ
วน
1:
สง
203.170.248.248/memexam/main/app4011.php?aSubj=23&aDb=0 1/72
ส
2:
ขอ
3:
กร
4:
ิ ว
ข ้อที 6 : าวศ
Intrinsic impedance ของไดอิเล็กตริกมีคา่ เท่าใด
สภ
1:
2:
3:
4:
กรณีทตั ี วกลางทีหนึงเป็ นไดอิเล็กตริกและตัวกลางทีสองเป็ นตัวนํ าไฟฟ้ าสมบูรณ์ เงือนไขขอบเขต ข ้อใดไม่สอดคล ้องกับสมการของแมกซ์เวลล์ (Maxwell’s equation
1:
2:
3:
4:
Intrinsic impedance ของตัวกลางใด ๆ มีคา่ เท่าใด
1:
2:
3:
4:
1 : ตัวนํ าไฟฟ้ าสมบูรณ์ (Perfect conductor)

2 : ไดอิเล็กตริกทีไม่มกี ารสูญเสีย (Lossless dielectric)
3 : ไดอิเล็กตริกทีมีการสูญเสีย (Lossy dielectric)
4 : ไม่มข ี ้อใดถูก
ข ้อที 10 :
ข ้อใดเป็ นสมการของแมกซ์เวลล์ (Maxwell’s equation) ของสนามแม่เหล็กไฟฟ้ าทีแปรผันตามเวลา
ธิ
สท
1:
ิ
2:
วน
สง
3:
ส
ขอ
4:
กร
ข ้อที 11 :
ิ ว
ข ้อใดถูกต ้อง
1: าวศ
สภ
2:
3:
4:
ข ้อที 12 :
สมการของแมกซ์เวลล์ (Maxwell’s equation) ข ้อใดไม่ถก
ู ต ้อง
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 13 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 14 :
ธิ
1:
สท
2:
ิ
3:
วน
4:
สง
ส
ขอ
ข ้อที 15 :
ความถีข ้อใดอยูใ่ นย่านสเปกตรัมของไมโครเวฟ
กร
1 : 100 kHz
2 : 100 MHz
ิ ว
3 : 4 GHz
4 :
าวศ
ไม่มข
ี ้อใดถูก
สภ
ข ้อที 16 :
ข ้อใดถูก
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 17 :
สมการใดทีมีพจน์ของกระแสกระจัด (Displacement current)
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 18 :
สมการความต่อเนือง (Continuity equation) แสดงความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณในข ้อใด
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 19 :
ค่า Loss tangent ของตัวกลางทัวไปคือข ้อใด
1:
2:
3:
4:
ธิ
สท
ข ้อที 20 :
ิ
วน
สง
1:
ส
2:
ขอ
3:
4:
กร
ิ ว
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 22 :
เงือนไขขอบเขตใดหมายถึง Electric wall
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 23 :
เงือนไขขอบเขตใดหมายถึง Magnetic wall
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 24 :
ธิ
สท
1:
ิ
2:
วน
3:
สง
ส
ขอ
4:
กร
ข ้อที 25 :
ิ ว
าวศ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 26 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 27 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 28 :
เงือนไขขอบเขต (Boundary conditions) สําหรับสนามแม่เหล็กไฟฟ้ าแสดงความสัมพันธ์อย่างไร
1 : แสดงความสัมพันธ์ระหว่างสนามไฟฟ้ าและสนามแม่เหล็กทีรอยต่อ
2 : แสดงความสัมพันธ์ระหว่างกระแสและประจุทรอยต่
ี อ
3 : แสดงความสัมพันธ์ระหว่างสนามแม่เหล็กและกระแสทีรอยต่อ
4 : แสดงความสัมพันธ์ระหว่างสนามไฟฟ้ าและประจุทรอยต่
ี อ
ข ้อที 29 :
ธิ
สท
ิ
วน
สง
ส
ขอ
1:
2:
กร
3:
ิ ว
4:
าวศ
สภ
ข ้อที 30 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 31 :
คลืนระนาบทีเคลือนทีในทิศทาง +z ข ้อใดผิด
1 : ความเข ้มสนามไฟฟ้ าและแม่เหล็ก ไม่แปรตาม x และ y แต่แปรตาม z
2 : สนามแม่เหล็กไฟฟ้ ามีทศ
ิ ทางตังฉากกับทิศทางการเคลือนที
3:
4:
ข ้อที 32 :
1 : 15 mA/m
2 : 30 mA/m
3 : 45 mA/m
4 : 60 mA/m
ข ้อที 33 :
1:
2:
3:
4:
ธิ
สท
ิ
ข ้อที 34 :
วน
คลืนTEM (Transverse Electromagnetic) แพร่กระจายในทิศทาง z องค์ประกอบของสนามแม่เหล็กไฟฟ้ าใดบ ้างทีต ้องเป็ นศูนย์
1:
สง
ส
2:
ขอ
3:
4:
กร
ิ ว
คลืนTEM (Transverse Electromagnetic) แพร่กระจายในทิศทาง zข ้อใดถูก
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 36 :
Impedance ของตัวนํ า หาได ้จากสมการใด
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 37 :
ความต ้านทานพิวของตัวนํ า (Surface resistance) หาได ้จากข ้อใด
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 38 :
1:
2:
3:
4:
ธิ
สท
ิ
ข ้อที 39 :
ย่านความถี L – band ตรงกับข ้อใด
วน
1 : 1.0 – 2.0 GHz

2 : 2.0 – 4.0 GHz
สง
ส
3 : 4.0 – 8.0 GHz
ขอ
4 : 8.0 – 12.0 GHz
กร
ข ้อที 40 :
ิ ว
ย่านความถี S – band ตรงกับข ้อใด
1
2
:
:
1.0
2.0 าวศ
–
–
2.0 GHz
4.0 GHz
3 : 4.0 – 8.0 GHz
สภ
4 : 8.0 – 12.0 GHz
ข ้อที 41 :
ย่านความถี UWB – band ตรงกับข ้อใด
1 : 3.1 – 10.6 GHz
2 : 12.0 – 18.0 GHz
3 : 18.0 – 26.0 GHz
4 : 26.0 – 40.0 GHz
ข ้อที 42 :
สมการ ในข้อใดผิด
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 43 :
สมการ ในข้อใดคือกฎของเกาส์ (Gauss’s law)
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 44 :
สมการ ในข้อใดคือ Ampere circuit law
1:
2:
3:
4:
ธิ
ข ้อที 45 :
สท
ค่า Loss tangent ของตัวกลางไดอิเล็กตริ กคือข้อใด

ิ
1:
วน
2:
สง
ส
ขอ
3:
4:
กร
ิ ว
าวศ
เนือหาวิชา : 130 : Transmission-line theory
ข ้อที 46 :
สภ
1 : 2
2 : 4
3 : 6
4 : 10
ข ้อที 47 :
1 : 0.0
2 : 0.2
3 : 0.5
4 : 1.0
ข ้อที 48 :
สาย Coaxial มีขนาดเส ้นผ่านศูนย์กลางด ้านในของตัวนํ าอันนอกเท่ากับ 2.3 cm เส ้นผ่านศูนย์กลางของตัวนํ าอันในเท่ากับ 1 cm มีสารไดอิเล็กตริกระหว่างตัวนํ าทังสอ
อิเล็กตริกเท่ากับ 2.25 อยากทราบว่าสาย Coaxial มีคา่ Characteristic impedance เท่าใด
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 49 :
สาย Coaxial ยาว 30 m มีการสูญเสีย 1.8 dB ทีความถี 2 GHz ถ ้าป้ อนกําลังงาน 100 mW เข ้าทางอินพุต กําลังงานเอาต์พต
ุ ทีออกทางปลายสายจะมีคา่ เท่าใด
1 : 98.2 mW
2 : 81.8 mW
3 : 75.6 mW
4 : 66.0 mW
ข ้อที 50 :
ธิ
สท
1 : 12.64 mW
ิ
2 : 15.45 mW
3 : 18.06 mW
วน
4 : 20.15 mW
สง
ส
ขอ
ข ้อที 51 :
ในการใช ้งานสายนํ าสัญญาณต ้องคํานึงถึงค่าอัตราส่วนคลืนนิง (SWR) เพราะเหตุใด
1 : เพือรักษาค่า Characteristic impedance ให ้ตํา
กร
2 : เพือให ้การเชือมต่ออุปกรณ์สง่ ผ่านกําลังงานได ้สูงสุด
3 : เพือลด Ohmic loss
ิ ว
4 : เพือลด Skin depth
าวศ
สภ
ข ้อที 52 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 53 :
1:
2:
3:
4:
ธิ
สท
ข ้อที 54 :
ิ
Voltage reflection coefficient มีคา่ 0.712 จะเกิด Return loss เท่าใด

วน
1 : 3.55 dB
2 : 2.95 dB
3 : 2.55 dB
สง
ส
4 : 1.95 dB
ขอ
กร
ข ้อที 55 :
อัตราส่วนคลืนนิง (SWR) ของสายนํ าสัญญาณจะมีคา่ เท่าใด เมือวัดแรงดันสูงสุดได ้ 50 V และแรงดันตําสุดได ้ 30 V
ิ ว
1 : 1.11 dB
2
3
:
:
2.22
3.33าวศdB
dB
4 : 4.44 dB
สภ
ข ้อที 56 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 57 :
1 : 1
2 : 2
3 : 3
4 : 4
ข ้อที 58 :
ธิ
สท
ิ
วน
1:
2:
สง
ส
3:
ขอ
4:
กร
ิ ว
ข ้อที 59 :
าวศ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 60 :
1 : 0.5 nH/m
2 : 5 nH/m
3 : 50 nH/m
4 : 500 nH/m
ข ้อที 61 :
1 : 2.53 dB
2 : 3.35 dB
3 : 4.12 dB
4 : 5.02 dB
ข ้อที 62 :
1:
2:
ธิ
สท
3:
ิ
4:
วน
สง
ส
ขอ
ข ้อที 63 :
กร
ิ ว
าวศ
สภ
1 : 1
2 : 3
3 : 5
4 : 6
ข ้อที 64 :
1 : 0.25 m
2 : 0.50 m
3 : 0.75 m
4 : 1.00 m
ข ้อที 65 :
1 : 14.50 dB
2 : 15.00 dB
3 : 15.56 dB
4 : 16.50 dB
ข ้อที 66 :
1 Neper จะมีคา่ กี dB
1 : 8.68 dB
2 : 6.86 dB
3 : 8.86 dB
4 : 6.88 dB
ข ้อที 67 :
ธิ
สท
1:
ิ
2:
วน
3:
สง
4:
ส
ขอ
ข ้อที 68 :
กร
ิ ว
1:
าวศ
สภ
2:
3:
4:
ข ้อที 69 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 70 :
1:
2:
3:
4:
ธิ
สท
ิ
ข ้อที 71 :
วน
สง
ส
ขอ
1:
2:
กร
3:
ิ ว
4:
าวศ
สภ
ข ้อที 72 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 73 :
ความเร็วเฟสของคลืนในสายนํ าสัญญาณมีคา่ เท่าใด
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 74 :
ค่า Return loss (RL) หาได ้จากสมการใด
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 75 :
สายนําสัญญาณทีไม่มีการสู ญเสี ยถูกต่อเข้ากับโหลดความต้านทาน 150 Ω ทําให้เกิดค่าอัตราส่ วนคลืนนิง (SWR) เท่ากับ 3 จะมีค่าสัมประสิ ทธิการสะท้อน (Reflection coefficient) ขนาดเท
1 : 0.2
2 : 0.3
3 : 0.4
4 : 0.5
ข ้อที 76 :
สายนําสัญญาณทีไม่มีการสู ญเสี ยถูกต่อเข้ากับโหลดความต้านทาน 150 Ω ทําให้เกิดค่าอัตราส่ วนคลืนนิง (SWR) เท่ากับ 3 ค่า Characteristic impedance ทีเป็ นไปได้ของสายนําสัญญาณนีมี
1 : 50 Ω
2 : 60 Ω
3 : 150 Ω
ธิ
4 : 180 Ω
สท
ิ
วน
ข ้อที 77 :
นําสัญญาณทีไม่มีการสู ญเสี ยมีค่า Characteristic impedance 50 Ω ถูกต่อเข้ากับโหลดความต้านทาน 150 Ω จะทําให้เกิดค่า Return loss ประมาณเท่าใด
สง
ส
1 : 4 dB
ขอ
2 : 6 dB
3 : 8 dB
4 : 10 dB
กร
ิ ว
ข ้อที 78 :
าวศ
Voltage reflection coefficient มีค่า 0.2 จะเกิด Return loss ประมาณเท่าใด
1 : 10 dB
สภ
2 : 12 dB
3 : 14 dB
4 : 16 dB
ข ้อที 79 :
Voltage reflection coefficient มีค่า 0.5 จะเกิด Return loss ประมาณเท่าใด
1 : 6 dB
2 : 8 dB
3 : 10 dB
4 : 12 dB
ข ้อที 80 :
อัตราส่ วนคลืนนิง (SWR) มีค่าเท่ากับ 4 dB จะเกิด Return loss ประมาณเท่าใด
1 : 4 dB
2 : 7 dB
3 : 10 dB
4 : 13 dB
ข ้อที 81 :
อัตราส่ วนคลืนนิง (SWR) มีค่าเท่ากับ 6 dB จะเกิด Return loss ประมาณเท่าใด
1 : 9.6 dB
2 : 11.2 dB
3 : 12.4 dB
4 : 13 dB
ข ้อที 82 :
จงหาค่า Characteristic impedance ของสายนําสัญญาณทีไม่มีการสู ญเสี ยทีมีค่า L = 8 µH/m และ C = 20 pF/m เมือ R, G มีค่าน้อยมากๆ
1 : 70 Ω
2 : 50 Ω
3 : 30 Ω
4 : 20 Ω
ข ้อที 83 :
จงหาค่า Characteristic impedance ของสายนําสัญญาณทีไม่มีการสู ญเสี ยทีมีค่า L = 20 µH/m และ C = 8 pF/m เมือ R, G มีค่าน้อยมากๆ
1 : 70 Ω
2 : 50 Ω
3 : 30 Ω
4 : 20 Ω
ธิ
ข ้อที 84 :
สท
สัมประสิ ทธิการสะท้อนจะมีค่าเท่าใด เมือวัดแรงดันในสายนําสัญญาณสู งสุ ดได้ 5 V และแรงดันตําสุ ดได้ 4 V

ิ
1 : 1/5
2 : 1/9
วน
3 : 1/12
4 : 1/15
สง
ส
ขอ
ข ้อที 85 :
จงหาค่าอัตราส่ วนคลืนนิง (SWR) ของสาย Coaxial ทีมีค่า Characteristic impedance 50 Ω ต่อกับโหลด + j100 Ω
กร
1 : 2
2 : 20
ิ ว
3 : 200
4 : ∞
าวศ
สภ
ข ้อที 86 :
จงหาค่าอัตราส่ วนคลืนนิง (SWR) ของสาย Coaxial ทีมีค่า Characteristic impedance 50 Ω ต่อกับโหลด + j50 Ω
1 : 2
2 : 20
3 : 200
4 : ∞
ข ้อที 87 :
สายนําสัญญาณทีไม่มีการสู ญเสี ยต่อกับโหลด 100 Ωมีค่า Characteristic impedance 50 Ω ค่า Insertion loss มีค่าประมาณเท่าใด
1 : -2.0 dB
2 : -2.5 dB
3 : -3.0 dB
4 : -3.5 dB
ข ้อที 88 :
1 : 0.588
2 : 0.258
3 : 0.158
4 : 0.058
ข ้อที 89 :
1: = 0.2
2: = 0.3
3: = 0.4
ธิ
4: = 0.5
สท
ิ
วน
ข ้อที 90 :
สง
ส
ขอ
กร
ิ ว
าวศ
สภ
1 : 1
2 : 2
3 : 3
4 : 4
เนือหาวิชา : 131 : S parameters
ข ้อที 91 :
1 : Non-reciprocal network
2 : Lossless network
3 : Matched network
4 : Active network
ข ้อที 92 :
S-parameter ของวงจร 2 พอร์ต ในข ้อใดเป็ นคุณสมบัตข
ิ อง Reciprocal network
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 93 :
S-parameter ของวงจรสองพอร์ต ในข ้อใดเป็ นคุณสมบัตข
ิ อง Lossless network
1:
2:
3:
ธิ
สท
4:
ิ
วน
ข ้อที 94 :
สง
ส
ขอ
กร
ิ ว
1 : 2.5 dB
2 : 4.4 dB
3
4
:
:
าวศ
14.0 dB
16.5 dB
สภ
ข ้อที 95 :
1 : สัมประสิทธิการสะท ้อนจากพอร์ตที 1 ไปพอร์ตที 2

2 : สัมประสิทธิการสะท ้อนจากพอร์ตที 2 ไปพอร์ตที 1
3 : สัมประสิทธิการส่งผ่านจากพอร์ตที 1 ไปพอร์ตที 2
4 : สัมประสิทธิการส่งผ่านจากพอร์ตที 2 ไปพอร์ตที 1
ข ้อที 96 :
1 : Reflection coefficient ที port 1

2 : Transmission coefficient ที port 1
3 : Incident wave ที port 1
4 : Attenuation factor ที port 1
ข ้อที 97 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 98 :
ธิ
สท
ิ
วน
สง
ส
ขอ
1:
กร
2:
ิ ว
3:
าวศ
4:
สภ
ข ้อที 99 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 100 :
1 : มากกว่า 1
2 : น ้อยกว่า 1
3 : เท่ากับ 1
4 : ไม่สามารถบอกได ้
ข ้อที 101 :
1:
2:
3:
4 : ไม่สามารถบอกได ้
ข ้อที 102 :
S-parameter ของวงจรสองพอร์ตในข ้อใด คือ Insertion loss
1:
ธิ
2:
สท
3:
ิ
4 : ไม่มข
วน
สง
ส
ขอ
ข ้อที 103 :
S-parameter ของวงจรสองพอร์ตในข ้อใด คือ Reflection coefficient
กร
1:
2:
ิ ว
3:
าวศ
สภ
ข ้อที 104 :
S-parameter ของวงจรสองพอร์ตในข ้อใด คือ Transmission coefficient
1:
2:
3:
ข ้อที 105 :
S-parameter ของวงจรสามพอร์ตในข ้อใด ทีแสดงว่ามีการแมตช์ทงสามพอร์
ั ต
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 106 :
1:
2:
ธิ
สท
3:
4 : ไม่มข
ี ้อถูก
ิ
วน
สง
ข ้อที 107 :
ส
ถ ้าต ้องการวิเคราะห์วงจรสองพอร์ตสองวงจร ทีต่อแบบอนุกรมกัน ควรใช ้พารามิเตอร์ในข ้อใด
ขอ
1 : S
2 : Z
3 : Y
กร
4 : ABCD
ิ ว
ถ ้าต ้องการวิเคราะห์วงจรสองพอร์ตสองวงจร ทีต่อแบบ Cascade ควรใช ้พารามิเตอร์ในข ้อใด
สภ
1 : S
2 : Z
3 : Y
4 : ABCD
ข ้อที 109 :
ถ ้าต ้องการวิเคราะห์วงจรสองพอร์ตสองวงจร ทีต่อแบบขนานกัน ควรใช ้พารามิเตอร์ในข ้อใด
1 : S
2 : Z
3 : Y
4 : ABCD
ข ้อที 110 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 111 :
ธิ
สท
ิ
วน
สง
ส
ขอ
กร
ิ ว
าวศ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 112 :
S- parameter ของวงจรสองพอร์ตในข ้อใดมีคา่ Reflection coefficient ตําสุดทีพอร์ต 1 เมือพอร์ต 2 ถูกแมตช์
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 113 :
ธิ
สท
ิ
วน
1:
สง
ส
ขอ
2:
กร
3:
ิ ว
4:
าวศ
สภ
ข ้อที 114 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 115 :
1:
2:
ธิ
สท
3:
ิ
วน
สง
4:
ส
ขอ
ข ้อที 116 :
กร
ิ ว
าวศ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 117 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 118 :
ธิ
สท
ิ
วน
สง
ส
ขอ
กร
ิ ว
าวศ
สภ
1 : แบบอนุกรม
2 : แบบขนาน
3 : แบบคาสเคด
4 : ไม่มข
ข ้อที 119 :
4 : ไม่มข
ข ้อที 120 :
ธิ
สท
ิ
วน
สง
ส
ขอ
4 : ไม่มข
กร
ข ้อที 121 :
ิ ว
าวศ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 122 :
1:
2:
3:
ธิ
สท
4:
ิ
วน
ข ้อที 123 :
สง
ส
ขอ
กร
ิ ว
าวศ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 124 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 125 :
ธิ
สท
ิ
วน
สง
ส
ขอ
กร
ิ ว
าวศ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 126 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 127 :
1:
2:
ธิ
สท
3:
ิ
4:
วน
สง
ส
ขอ
ข ้อที 128 :
กร
ิ ว
าวศ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 129 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 130 :
1:
2:
3:
4:
เนือหาวิชา : 132 : Using Smith charts
ข ้อที 131 :
ถ ้าพล็อตค่าอิมพีแดนซ์ของวงจร RC แปรตามความถีลงบน Z Smith chart ค่าดังกล่าวจะอยูบ
่ ริเวณใดของแผ่นภาพ
1 : ด ้านบน
ธิ
2 : ด ้านล่าง
สท
3 : ด ้านซ ้าย
4 : ด ้านขวา
ิ
วน
สง
ข ้อที 132 :
ส
ขอ
1 : 0.5 - j0.5 S
กร
2 : 0.5 + j0.5 S
3 : 1 – j0.5 S
4 : 1 + j0.5 S
ิ ว
าวศ
สภ
ข ้อที 133 :
1 : 3.388 + j2.647 S
2 : 0.1833 - j0.1432 S
3:
4:
ข ้อที 134 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 135 :
เมือลากเส ้น ตามวง SWR มีคา่ คงทีบน Smith chart หนึงรอบ จะเทียบเท่าความยาวของสายนํ าสัญญาณเท่าใด
1:
2:
3:
4:
ธิ
สท
ข ้อที 136 :
ิ
วน
สง
ส
ขอ
กร
ิ ว
าวศ
สภ
1 : Resistance
2 : Reactance
3 : ค่าขนาดของ Impedance
4 : ค่ามุมของ Impedance
ข ้อที 137 :
1 : Resistance
2 : Reactance
3 : ค่าขนาดของ Impedance
4 : ค่ามุมของ Impedance
ข ้อที 138 :
ธิ
1 : จุด A มีคา่ เป็ น 0 จุด B มีคา่ อนันต์

2 : จุด A มีคา่ อนันต์ จุด B มีคา่ เป็ น 0
สท
3 : จุด A มีคา่ เป็ น 1 จุด B มีคา่ เป็ น 0

ิ
4 : จุด A มีคา่ เป็ น 0 จุด B มีคา่ เป็ น 1

วน
สง
ส
ขอ
ข ้อที 139 :
กร
ิ ว
าวศ
1:
สภ
2:
3:
4:
ข ้อที 140 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 141 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 142 :
1:
2:
3:
4:
ธิ
สท
ข ้อที 143 :
ิ
วน
สง
ส
ขอ
1:
2:
3:
กร
4:
ิ ว
าวศ
ข ้อที 144 :
สภ
สายนํ าสัญญาณชนิดไม่มก
ี ารสูญเสีย เมือลัดวงจรทีปลายสาย (Short circuit) จะมีคา่ Normalized reactance ทีขาเข ้าเท่ากับ -j0.6 ให ้หาความยาวของสายนํ าสัญญา
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 145 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 146 :
วงกลมนอกสุดของ Smith chart แสดงค่า Resistance เท่าใด
1 : 0
2 : 0.5
3 : 1
4 : 2
ข ้อที 147 :
จุดทีอยูบ่ นเส ้นผ่านศูนย์กลางของวงกลม Smith chart แสดงค่า Reactance เท่าใด
1:
2:
3:0
4:
ข ้อที 148 :
1 : วงกลม Constant Resistance

2 : วงกลม Constant Reactance
3 : เส ้นผ่านศูนย์กลางด ้านซ ้าย
ธิ
4 : เส ้นผ่านศูนย์กลางด ้านขวา
สท
ิ
วน
ข ้อที 149 :
สง
ส
ขอ
1 : วงกลม Constant Resistance
กร
2 : วงกลม Constant Reactance
ิ ว
าวศ
สภ
ข ้อที 150 :
ตําแหน่งแมตช์โหลด จะแสดงบนส่วนใดของ Smith chart
1 : บนวงกลมนอกสุด
2 : จุดศูนย์กลาง
ข ้อที 151 :
เมือกําหนดจุดโหลดบนวงกลม Smith chart ได ้แล ้วค่าขนาดสัมประสิทธิการสะท ้อน จะได ้จากระยะจากจุดศูนย์กลางมายังโหลดทีเทียบอ่านค่าจากสเกลส่วนใด
1 : สเกลบนเส ้นผ่านศูนย์กลางด ้านขวามือ
2 : สเกลบนเส ้นผ่านศูนย์กลางด ้านซ ้ายมือ
3 : สเกล Standing wave
4 : สเกล Reflection
ข ้อที 152 :
เมือกําหนดจุดโหลดบนวงกลม Smith chart ได ้แล ้วค่า VSWR จะได ้จากระยะจากจุดศูนย์กลางมายังโหลดทีเทียบอ่านค่าจากสเกลส่วนใด
1 : สเกลบนเส ้นผ่านศูนย์กลางด ้านขวามือ
2 : สเกลบนเส ้นผ่านศูนย์กลางด ้านซ ้ายมือ
3 : สเกล Standing wave
4 : ถูกมากกว่าหนึงข ้อ
ข ้อที 153 :
1 :
2 :
3 :
4 :
ข ้อที 154 :
1 :
2 :
3 :
4 :
ข ้อที 155 :
ธิ
1 :
2 :
สท
3 :
ิ
4 :
วน
สง
ส
ขอ
ข ้อที 156 :
เมือจะนํ าค่า Impedance ไปใช ้บน Smith chart จะต ้องนอร์มอลไลซ์ (Normalized) ด ้วยค่า Impedance ของอะไร
1 : Load impedance
กร
2 : Characteristic impedance
3 : Input impedance
ิ ว
4 : Wave impedance
าวศ
สภ
ข ้อที 157 :
ตําแหน่ง Impedance ของสายนํ าสัญญาณบน Smith chart เมือเลือนไปหา Load จะต ้องเลือนอย่างไร
1 : เลือนตามวงกลม Constant Resistance
2 : เลือนตามวงกลม Constant Reactance
3 : เลือนตามวงกลม Constant ิ
VSWR ตามเข็มนาฬกา
4 : เลือนตามวงกลม Constant VSWR ทวนเข็มนาฬกาิ
ข ้อที 158 :
กรณีเกิด Standing wave บนสายนํ าสัญญาณ ตําแหน่งทีเกิดแรงดันสูงสุดจะอยูห
่ า่ งกันเท่าใด
1 :
2 :
3 :
4 :
ข ้อที 159 :
กรณีเกิด Standing wave บนสายนํ าสัญญาณ ตําแหน่งทีเกิดแรงดันตําสุดจะอยูห
่ า่ งกันเท่าใด
1 :
2 :
3 :
4 :
ข ้อที 160 :
1 : ตําแหน่งแรงดันสูงสุดจะอยูใ่ กล ้โหลดมากกว่าตําแหน่งแรงดันตําสุด
2 : ตําแหน่งแรงดันตําสุดจะอยูใ่ กล ้โหลดมากกว่าตําแหน่งแรงดันสูงสุด
3 : ตําแหน่งแรงดันสูงสุดจะเกิดทีโหลด
4 : ตําแหน่งแรงดันตําสุดจะเกิดทีโหลด
ข ้อที 161 :
1 :
2 :
3 :
4 :
ข ้อที 162 :
1 : 0.62
2 : 0.72
ธิ
3 : 0.82
4 : 0.92
สท
ิ
วน
ข ้อที 163 :
สง
ส
ขอ
1 :
2 :
กร
3 :
4 :
ิ ว
าวศ
ข ้อที 164 :
สภ
1 :
2 :
3 :
4 :
ข ้อที 165 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 166 :
จุดศูนย์กลางของ Smith chart แสดงค่า Normalized reactance เท่าใด
1 : +j
2 : 0
3 : -j0.5
4 : -j
ข ้อที 167 :
จุดศูนย์กลางของ Smith chart แสดงค่า Normalized resistance เท่าใด
1 : 0
2 : 0.5
3 : 1
4 : 2
ข ้อที 168 :
สายนําสัญญาณชนิดไม่มีการสู ญเสี ย เมือเปิ ดวงจรทีปลายสาย (Open circuit) จะมีค่า Normalized reactance ทีขาเข้าเท่ากับ -j0.7 ให้หาความยาวของสายนําสัญญาณ
1 : 0.152
2 : 0.215
3 : 0.240
4 : 0.340
ข ้อที 169 :
สายนําสัญญาณ Ω มีโหลด ZL จะเกิด VSWR = และแรงดันตําสุ ดจุดแรกจะห่างจากโหลด 5 cm ความยาวคลืนในสาย 40 cm แรงดันสู งสุ ดจุดแรกจะอยูห่ ่างจากโหลดเท่าใด
1 : 5 cm
2 : 10 cm
3 : 15 cm
ธิ
4 : 20 cm
สท
ิ
วน
ข ้อที 170 :
สายนําสัญญาณ 50Ω มีโหลด 150 Ω ต่ออยูป่ ลายสาย แรงดันสู งสุ ดจะห่างจากโหลดประมาณเท่าใด
สง
ส
1 : 0.25
ขอ
2 : 0.30
3 : 0.40
4 : 0.50
กร
ิ ว
ข ้อที 171 :
าวศ
หากค่าอิมพีแดนซ์ของโหลดทีปรากฏบน Smith chart มีค่าเท่ากับ 2 – j0.5 Ω เมือสายนําสัญญาณมีค่า Characteristic impedance 50 Ω ถามว่าค่าอิมพีแดนซ์ทีแท้จริ งของโหลดนีมีค่าเท่าใด
1 : 100 - j25 Ω
สภ
2 : 200 - j50 Ω
3 : 50 – j20 Ω
4 : 50 - j50 Ω
ข ้อที 172 :
ถ้าบน Smith chart อ่านค่าอิมพีแดนซ์ (Z) ได้ 0.2 Ω Admittance Y จะมีค่าเท่าใด
1 : 2 S
2 : 3 S
3 : 4 S
4 : 5 S
เนือหาวิชา : 133 : Impedance matching
ข ้อที 173 :
1 :
2 :
3 :
4 :
ข ้อที 174 :
1 :
2 :
3 :
4 :
ข ้อที 175 :
1 :
2 :
3 :
4 :
ข ้อที 176 :
1 :
2 :
ธิ
3 :
สท
4 :
ิ
วน
สง
ข ้อที 177 :
ส
ขอ
1 :
2 :
กร
3 :
4 :
ิ ว
าวศ
ข ้อที 178 :
สภ
1 :
2 :
3 :
4 :
ข ้อที 179 :
1 :
2 :
3 :
4 :
ข ้อที 180 :
1 :
2 :
3 :
4 :
ข ้อที 181 :
1 :
2 :
3 :
4 : ได ้ทังข ้อ 1 และ 3
ข ้อที 182 :
Short-stub และ Open-stub ทีมี Input impedance เท่ากันจะมีความยาวต่างกันอยูเ่ ท่าใด
1 :
2 :
3 :
4 :
ข ้อที 183 :
ในการต่อแมตซ์แบบ Double-stub tuning ระยะห่างระหว่าง Stub ข ้อใดทีผิด
1 :
2 :
ธิ
3 :
4 :
สท
ิ
วน
ข ้อที 184 :
สง
ส
ขอ
1 : 1.125
2 : 1.200
กร
3 : 1.250
4 : 1.300
ิ ว
าวศ
ข ้อที 185 :
สภ
1 :
2 :
3 :
4 :
ข ้อที 186 :
1 :
2 :
3 :
4 :
ข ้อที 187 :
1 : 1.20
2 : 1.25
3 : 1.30
4 : 1.50
ข ้อที 188 :
ี ารทําแมตช์ชงิ (Matching) ของสายนํ าสัญญาณ
ข ้อใดทีไม่ใช่วธิ ก
1 : Half-wave transformer
2 : Single stub
3 : Double stub
4 : Tapered lines
ข ้อที 189 :
1 :
2 :
3 :
4 :
ข ้อที 190 :
1 :
ธิ
2 :
3 :
สท
4 :
ิ
วน
สง
ข ้อที 191 :
ส
ี ารแบบใดทีจะทํามาใช ้เพิมแบนท์วด
วิธก ิ ท์ของวงจรแมตช์ชงิ (Matching)
ขอ
1 : Double stub
2 : Quarter-wave transformer
3 : Multisection quarter-wave transformer
กร
4 : ไม่มข
ี ้อถูก
ิ ว
สภ
1 :
2 :
3 :
4 :
ข ้อที 193 :
Single-stub มีข ้อดีกว่า Double-stub อย่างไร
1 : กําหนดตําแหน่งของจุดต่อสตับได ้
2 : สามารถจะแมตช์กบ ั โหลดได ้ทุกค่า
3 : มีความยุง่ ยากซับซ ้อนน ้อยกว่า
4 : มีคําตอบถูกมากกว่า 1 ข ้อ
ข ้อที 194 :
Double-stub มีข ้อดีกว่า Single-stub อย่างไร
1 : กําหนดตําแหน่งของจุดต่อสตับได ้
2 : สามารถจะแมตช์กบ ั โหลดได ้ทุกค่า
3 : มีความยุง่ ยากซับซ ้อนน ้อยกว่า
4 : มีคําตอบถูกมากกว่า 1 ข ้อ
ข ้อที 195 :
1 : แบบ TEM
2 : แบบ TE
3 : แบบ TM
ข ้อที 196 :
ธิ
สท
ิ
วน
1:
สง
2:
ส
3:
ขอ
4:
กร
ข ้อที 197 :
ิ ว
าวศ
สภ
1 :
2 :
3 :
4 :
ข ้อที 198 :
1 :
2 :
3 :
4 :
ข ้อที 199 :
1 :
2 :
3 :
4 :
ข ้อที 200 :
1 :
ธิ
2 :
3 :
สท
4 :
ิ
วน
สง
ข ้อที 201 :
ส
ขอ
1 :
2 :
กร
3 :
4 :
ิ ว
าวศ
ข ้อที 202 :
สภ
1:
2:
3:
4:
ข้อที 203 :
1 : 2.0
2 : 2.2
3 : 2.6
4 : 2.8
ข้อที 204 :
1 : 1.3
2 : 1.4
3 : 1.5
4 : 1.6
ข้อที 205 :
1 : 80 Ω
2 : 64 Ω
3 : 50 Ω
4 : 24 Ω
ธิ
สท
ข้อที 206 :
ิ
วน
สง
ส
1 : 1.1
ขอ
2 : 1.2
3 : 1.3
4 : 1.4
กร
ิ ว
ข้อที 207 :
าวศ
Stub-tuning ทีต่ อกับสายนําสั ญญาณไมโครสตริปเป็ นการต่ อแบบใด
1 : Series stub
สภ
2 : Shunt stub
3 : Tuning screw
4 : ไม่ มข
ี ้ อถูก
ข้อที 208 :
วิธีการแมตช์ ชิงแบบใดทีทําให้ เกิด Equal-ripple
1 : Binomial transformer
2 : Butterworth transformer
3 : Chebyschev transformer
ข้อที 209 :
วิธีการแมตช์ ชิงแบบใดทีทําให้ เกิด Maximally flat
1 : Binomial transformer
2 : Elliptic
3 : Chebyschev transformer
เนือหาวิชา : 134 : Microwave transmission lines and waveguides
ข้อที 210 :
คลืนโหมด ใดทีไม่สามารถส่งผ่านท่อนําคลืนหน้าต ัดรูปสีเหลียมได้
1 : TE
2 : TM
3 : TEM
4 : ผิดทุกข้อ
ข้อที 211 :
1 : ความเข้มสนามไฟฟ้าเป็นศูนย์ทผน ี ังด้านข้าง
2 : สนามไฟฟ้าจะตงฉากก
ั ับผน ังต ัวนําทุกด้าน
3 : สนามแม่เหล็กภายในท่อนําคลืนจะวนเป็นวงต่อเนืองก ัน
4 : สนามแม่เหล็กตามแนวแกนท่อนําคลืนเป็นศูนย์
ข้อที 212 :
1 : 3 GHz
2 : 4 GHz
3 : 5 GHz
ธิ
4 : 6 GHz
สท
ิ
วน
ข้อที 213 :
สง
ส
ขอ
1:
2:
กร
3:
4:
ิ ว
าวศ
ข้อที 214 :
สภ
1 : 7.0 cm
2 : 7.5 cm
3 : 8.2 cm
4 : 11.4 cm
ข้อที 215 :
1:
2:
3:
4:
ข้อที 216 :
ั อใดไม่ใชง้ านในย่านไมโครเวฟ
สายนําสญญาณข้
1 : Waveguide
2 : Coaxial cable
3 : Stripline
4 : Unshielded twisted pair cable
ข้อที 217 :
คลืนโหมด (Mode) ใดทีไม่สามารถเดินทางภายในท่อนําคลืนหน้าต ัดรูปวงกลมได้
1 : TEM
2 : TE
3 : TM
4 : TE และ TM
ข้อที 218 :
คลืนโหมด (Mode) ใดทีสามารถเดินทางภายใน Stripline ได้
1 : TEM
2 : TE
3 : TM
4 : ถูกทุกข้อ
ข้อที 219 :
1:
2:
3:
ธิ
4:
สท
ิ
วน
ข้อที 220 :
คลืนในโหมดใดที ไม่มอ
ี งค์ประกอบของสนามแม่เหล็กและสนามไฟฟ้าในทิศทางการเคลือนทีของคลืน
สง
ส
1 : TEM
ขอ
2 : TE
3 : TM
4 : ไม่มข
ี อ
้ ถูก
กร
ิ ว
ข้อที 221 :
าวศ
คลืนโหมดใดทีมีองค์ประกอบของสนามแม่เหล็กตามทิศทางการเคลือนทีของคลืน
1 : TEM
สภ
2 : TE
3 : TM
4 : ไม่มข
ี อ
้ ถูก
ข้อที 222 :
1:
2:
3:
4:
ข้อที 223 :
1 : 9-11 GHz
2 : 12-15 GHz
3 : 13-16 GHz
4 : 16-19 GHz
ข้อที 224 :
1 : เพิมขึน
2 : ลดลง
3 : เท่าเดิม
4 : ข้อมูลไม่พอ
ข้อที 225 :
1 : เพิมขึน
2 : ลดลง
3 : เท่าเดิม
4 : ข้อมูลไม่พอ
ข้อที 226 :
ข้อใดไม่ถก
ู ต้อง
ํ หร ับทําวงจรรวมของไมโครเวฟ มากกว่าท่อนําคลืน (Waveguide )
1 : Microstripมีขนาดเล็ก จึงเหมาะสา
ั
2 : Microstripมีการสูญเสียของสญญาณมากกว่ าท่อนําคลืน (Waveguide )
3 : Microstripมีราคาถูก และออกแบบสร้างง่ายกว่าท่อนําคลืน(Waveguide )
4 : Microstripสามารถทนและร ับกําล ังได้มากกว่าท่อนําคลืน (Waveguide )
ธิ
สท
ิ
ข้อที 227 :
วน
สง
1:
ส
2:
ขอ
3:
4:
กร
ิ ว
ข้อที 228 :
1: าวศ
แผ่น Iris ในท่อนําคลืนรูปใด มีคณ
ุ สมบ ัติเป็น Shunt inductor
2:
สภ
3:
4:
ข้อที 229 :
ั
สายนําสญญาณใดต่
อไปนีมีคณ
ุ สมบ ัติทางแม่เหล็กไฟฟ้าใกล้เคียงก ับสายโคแอกเชียลมากทีสุด
1 : Circular waveguide
2 : Coplanar waveguide
3 : Strip line
4 : Microstrip
ข้อที 230 :
แผ่น Iris ในท่อนําคลืนรูปใด มีคณ
ุ สมบ ัติเป็น Shunt capacitor
1:
2:
3:
4:
ข้อที 231 :
1:
2:
3:
4:
ข้อที 232 :
1:
2:
3:
4:
ข้อที 233 :
1 : 1.33 GHz
2 : 3.0 GHz
3 : 4.33 GHz
4 : 100 MHz
ธิ
สท
ข้อที 234 :
ิ
วน
1 : น้อยกว่า 6.55 GHz

2 : มากกว่า 13.10 GHz
สง
3 : มากกว่า 6.55 GHz และน้อยกว่า 13.10 GHz

ส
4 : ทีความถี 6.55 GHz เท่านน
ั
ขอ
กร
ข้อที 235 :
ั
สายนําสญญาณประเภทใด ั
ทีสามารถส่งสญญาณรบกวนออกสู
ภ ั
่ ายนอกได้ (สมมติให้สายนําสญญาณในทุ ั
กต ัวเลือกเป็นสายนําสญญาณสมบู
รณ์)
ิ ว
1 : สายคูข่ นาน
าวศ
2 : สตริปไลน์
3 : สายโคแอกเชียล
4 : มีขอ
้ ถูกมากกว่า 1 ข้อ
สภ
ข้อที 236 :
1 : 16 GHz
2 : 19 GHz
3 : 26 GHz
4 : 31 GHz
ข้อที 237 :
1:
2:
3:
4:
ข้อที 238 :
1:
2:
3:
4:
ข้อที 239 :
1:
2:
3:
4:
ข้อที 240 :
1:
2:
3:
4:
ธิ
สท
ข้อที 241 :
ิ
วน
1:
2:
สง
3:
ส
4:
ขอ
กร
ข้อที 242 :
ิ ว
1:
2: าวศ
3:
สภ
4:
ข้อที 243 :
1 : 3.0 cm
2 : 2.4 cm
3 : 2.14 cm
4 : 1.5 cm
ข้อที 244 :
ั
สายนําสญญาณไมโครเวฟชนิ
ดใดทีมีคา่ การลดทอนตําทีสุด
1 : Coaxial cable
2 : Waveguide
3 : Strip line
4 : Microstrip
ข้อที 245 :
ั อใดทีนิยมใชใ้ นย่านความถี VHF
สายนําสญญาณในข้
1 : Microstrip
2 : สาย Coaxial
3 : ท่อนําคลืน
4 : เสน้ ใยนําแสง
ข้อที 246 :
ั
สายนําสญญาณชนิ
ดใดต่อไปนีทีมีการสูญเสียน้อยทีสุดในย่านความถี Ka Band
1 : Microstrip
2 : สาย Coaxial
3 : ท่อนําคลืน
4 : Stripline
ข้อที 247 :
ั
สายนําสญญาณแบบใดที
ไม่ได้สน ับสนุนการเดินทางคลืนหล ักแบบ TEM
1 : Stripline
2 : Microstip
3 : Coaxial cable
4 : Two-wire line
ข้อที 248 :
ธิ
สท
1 : ไม่มโี หมดใดผ่านได้
ิ
2:
3:
วน
4:
สง
ส
ขอ
ข้อที 249 :
Dominant Mode ในการส่งผ่านคลืนของ ท่อนําคลืนหน้าต ัดรูปสีเหลียมจ ัตุร ัส คือโหมดใด
1:
กร
2:
3:
ิ ว
4:
าวศ
สภ
ข้อที 250 :
ํ หร ับการส่งผ่านคลืนของท่อนําคลืนหน้าต ัดรูปวงกลม คือโหมดใด
Dominant Mode สา
1:
2:
3:
4:
ข้อที 251 :
1:
2:
3:
4:
เนือหาวิชา : 135 : Microwave resonators and filters
ข้อที 252 :
วงจรไมโครเวฟในข้อใดทีมีการทํางานของวงจรไม่อยูใ่ นล ักษณะของMicrowave resonator
1 : วงจร Filter
2 : วงจร Circulator
3 : วงจร Frequency Meter
4 : วงจร Tuned Amplifier
ข้อที 253 :
ั
คุณสมบ ัติในข้อใดทีทําให้วงจรกรองสญญาณชนิ ่ งความถีผ่านทีแคบ และให้การจูนทีมีความแม่นยํามาก
ด Cavity resonator มีชว
1 : Low Q
2 : High Q
3 : Inductive Reactance
4 : Capacitive Reactance
ข้อที 254 :
การปร ับจูน (Tuning) อุปกรณ์ Cavity resonator คือการปร ับแต่งคุณสมบ ัติใดในข้อต่อไปนี
1 : ค่า Q-factor
2 : ค่า Output power
3 : ค่า Resonant frequency
4 : มีขอ้ ถูกมากกว่า 1 ข้อ
ข้อที 255 :
้ ล ักจูน (Tuning screw) ให้วางลงในบริเวณทีมีเสน
การปร ับจูน Cavity resonator โดยการใชส ้ แรงของสนามไฟฟ้าสูงสุด จะเป็นการปร ับจูนคุณสมบ ัติใ
1 : ปริมาตรของ Cavity resonator
2 : ค่าความเหนียวนําของ Cavity resonator
ธิ
3 : ค่าความเก็บประจุของ Cavity resonator

สท
4 : ค่าความต้านทานของ Cavity resonator

ิ
วน
สง
ข้อที 256 :
ส
ข้อใดคือคุณสมบ ัติของต ัวกรองความถีในทางอุดมคติ
ขอ
1 : มีคา่ Insertion loss ใน Pass band เท่าก ับศูนย์
2 : มีคา่ Attenuation ใน Stop band เท่าก ับอน ันต์
3 : มีคา่ Phase response ใน Pass band เป็นเชิงเสน ้
กร
4 : มีขอ ้ ถูกมากกว่า 1 ข้อ
ิ ว
ข้อที 257 :าวศ
สภ
1:
2:
3:
4:
ข้อที 258 :
ในการทําให้เกิด Cavity perturbation โดยการปร ับสล ักจูน (Tuning screw) ทีใส่เข้า Cavity เพือว ัตถุประสงค์อะไร
1 : เพือทําให้ Cavity มีโครงสร้างทีแข็งแรงขึน
2 : เพือให้ Dielectric loss ลดลง
3 : เพือให้ Resonant frequency เปลียนแปลง
4 : เพือให้ Loss ลดลง
ข้อที 259 :
1:
2:
3:
4:
ข้อที 260 :
1 : เพิมขึน 100 %
2 : เพิมขึน 50 %
3 : ลดลง 100 %
4 : ลดลง 50 %
ข้อที 261 :
ธิ
สท
ิ
1:
2:
วน
3:
4:
สง
ส
ขอ
ข้อที 262 :
กร
1 : 36.5 pF
ิ ว
2 : 3.65 pF
าวศ
3 : 0.365 pF
4 : 0.0365 pF
สภ
ข้อที 263 :
1:5
2:6
3:7
4:8
ข้อที 264 :
1 : C1=C3
2 : L1=L2
3 : C1
4 : C1>C2
ข้อที 265 :
ข้อใดถูกต้องเกียวก ับค่า Q ของ Cavity resonator
1 : เมือ Q สูงขึนทําให้ Bandwidth แคบลง
2 : เมือ Q สูงขึนทําให้ Bandwidth กว้างขึน
3 : เมือ Q ลดลดทําให้ Bandwidth คงที
4 : เมือ Q สูงขึนทําให้ Bandwidth คงที
ข้อที 266 :
1 : LC- series resonant circuit

2 : LC- parallel resonant circuit
3 : RLC- series resonant circuit
4 : RLC- parallel resonant circuit
ข้อที 267 :
ข้อใดเป็นชนิดของ Filter ในระบบไมโครเวฟ
1 : Butterworth filter
2 : Chebyshev filter
3 : Elliptic filter
4 : มีขอ้ ถูกมากกว่า 1 ข้อ
ข้อที 268 :
้ ล ักการวงจรเรโซแนนซ ์
อุปกรณ์ใดต่อไปนีใชห
ธิ
1 : Frequency meter
สท
2 : Vector voltmeter
ิ
3 : Network analyzer
วน
สง
ส
ข้อที 269 :
ขอ
1 : 5 GHz
กร
2 : 6 GHz
3 : 7 GHz
ิ ว
4 : 8 GHz
าวศ
สภ
ข้อที 270 :
ข้อใดไม่เกียวข้องก ับค่า Q ของวงจรเรโซเนเตอร์
1 : ความถีใชง้ าน
2 : พล ังงานทีสะสมในอุปกรณ์รแ ี อคแตนซ ์
3 : กําล ังไฟฟ้าทีสูญเสียในวงจร
ั
4 : ขนาดสญญาณของแหล่ งจ่าย
ข้อที 271 :
้ ง
วงจร Band pass filter ทีออกแบบโดยใชฟ ั
ั ก์ชนแบบ Butterworth จะมีคณ
ุ สมบ ัติทเด่ ั
ี นชดเฉพาะต ัวอย่างไร
ั เร็ว
1 : มีความลาดชนที
2 : การสูญเสียเนืองจากการสะท้อนกล ับตํา
3 : มีผลตอบสนองการส่งผ่านแบบราบเรียบ
4 : มีผลตอบสนองเชิงเฟสแบบเชิงเสน้
ข้อที 272 :
1 : 5.53 GHz
2 : 5.00 GHz
3 : 4.50 GHz
4 : 4.20 GHz
ข้อที 273 :
1 : 1.37
2 : 2.25
3 : 2.51
4 : 2.70
ข้อที 274 :
1 : Low-pass filter
2 : Power divider
3 : Directional coupler
4 : Band pass filter
ข้อที 275 :
1 : Low-pass filter
ธิ
2 : Power divider
สท
ิ
วน
สง
ส
ขอ
ข้อที 276 :
กร
1:3
2:4
ิ ว
3:5
าวศ
4:6 สภ
ข้อที 277 :
1:
2:
3:
4:
ข้อที 278 :
Low-pass filter ชนิดใดทีให้ผลตอบสนองทีแบนราบทีสุด (Flattest) ใน Pass band เมือมี Order ทีเท่าก ัน
1 : Butterworth
2 : Chebyshev
3 : Elliptic
4 : Linear phase
ข้อที 279 :
วิธก
ี ารในข้อใดเป็นวิธอ
ี อกแบบวงจรกรองความถีย่านไมโครเวฟ
1 : Image parameter method
2 : Insertion loss method
3 : Butterworth method
4 : มีขอ
้ ถูกมากกว่า 1 ข้อ
ข้อที 280 :
Group delay ของ Low-pass filter ชนิดใดทีมีล ักษณะเป็น Maximally flat function
1 : Butterworth
2 : Chebyshev
3 : Elliptic
4 : Linear phase
ข้อที 281 :
Kuroda’s identities ใน Filter implementation มีประโยชน์อย่างไร
1 : ใชแ ้ ยก Transmission line stubs ให้หา่ งก ันทางกายภาพได้
2 : ใชแ ้ ปลง Series stubs ให้เป็น Shut stubs หรือ Shunt stubs ให้เป็น Series stubs ได้
3 : ใชเ้ ปลียนค่า Characteristic impedance ทีไม่เหมาะสมให้เป็นค่าทีเหมาะสมได้
ข้อที 282 :
การออกแบบวงจรกรองความถีโดยใช ้ Lumped-element อาศยหล
ั ักการในข้อใด
1 : Richard’s transformation
2 : Kuroda’s identities
3 : Insertion loss method
ธิ
4 : ถูกมากกว่า 1 ข้อ
สท
ิ
วน
ข้อที 283 :
ข้อใดทีนําหล ักการของไมโครเวฟเรโซแนนซไ์ ปประยุกต์ใชง้ าน
สง
ส
1 : MIXER
ขอ
2 : Oscillator
3 : Attenuator
4 : Circulator
กร
ิ ว
าวศ
ข้อที 284 :
สภ
1 : Series LC resonant circuit
2 : Parallel LC resonant circuit
3 : Series RLC resonant circuit
4 : Parallel RLC resonant circuit
ข้อที 285 :
1 : Series LC resonant circuit

2 : Parallel LC resonant circuit
3 : Series RLC resonant circuit
4 : Parallel RLC resonant circuit
ข้อที 286 :
์ นิ
หล ักการเรโซแนนซท ี ยมใชใ้ นงานไมโครสติปเป็นแบบใด
1:
2:
3:
4:
ข้อที 287 :
์ ําไปใชใ้ นวงจร Filter แบบใด
หล ักการเรโซแนนซน
2 : Low pass filter
3 : High pass filter
4 : Very high pass filter
เนือหาวิชา : 136 : Microwave network analysis
ข้อที 288 :
1 : วงจรสองพอร์ตนีเป็นวงจรข่ายภาวะย้อนกล ับ (Reciprocal) และวงจรมีการสูญเสีย

2 : วงจรสองพอร์ตนีไม่เป็นวงจรข่ายภาวะย้อนกล ับ (Non-reciprocal) และวงจรมีการสูญเสีย
3 : วงจรสองพอร์ตนีไม่เป็นวงจรข่ายภาวะย้อนกล ับ (Non-reciprocal) และวงจรไม่มก
ี ารสูญเสีย
4 : วงจรสองพอร์ตนีเป็นวงจรข่ายภาวะย้อนกล ับ (Reciprocal) และวงจรไม่มก
ี ารสูญเสีย
ข้อที 289 :
1:
2:
ธิ
3:
สท
4:
ิ
วน
ข้อที 290 :
สง
ส
ขอ
1:
2:
กร
3:
4:
ิ ว
าวศ
ข้อที 291 :
สภ
1:
2:
3:
4:
ข้อที 292 :
1:
2:
3:
4:
ข้อที 293 :
ข้อใดคือการกระตุน
้ (Excitation) ในคาวิต ี
1:
2:
3:
4:
ข้อที 294 :
1 : Loop feed
2 : Probe feed
3 : Aperture feed
4 : ไม่มข
ี อ
้ ถูก
ข้อที 295 :
1:
2:
3:
4:
ข้อที 296 :
1:
ธิ
2:
3:
สท
4:
ิ
วน
สง
ข้อที 297 :
ส
ขอ
1:
2:
กร
3:
4:
ิ ว
าวศ
ข้อที 298 :
สภ
1:
2:
3:
4:
ข้อที 299 :
การยุบ Signal flow graph ในข้อใดแสดงถึงการใช ้ Splitting rule
1:
2:
3:
4 : ถูกทงข้
ั อ 2 และ 3
ข้อที 300 :
การหาความสมพั ันธ์ระหว่างต ัวแปรใน Signal flow graph จะใชก
้ ฏในข้อใด
1 : กฎของ Snell
2 : กฎของ Ampere
3 : กฎของ Mason
4 : ไม่มข
ี อ
้ ใดถูก
ข้อที 301 :
จากรูปเป็นอุปกรณ์ไมโครเวฟชนิดใด
1 : E-plane Tee
2 : H-plane Tee
3 : Magic Tee
4 : Flexible Tee
ข้อที 302 :
1 : E-plane Tee
2 : H-plane Tee
3 : Magic Tee
4 : Flexible Tee
ข้อที 303 :
1 : Phase shifter
2 : Waveguide to Coaxial adapter
ธิ
4 : Attenuator
สท
ิ
วน
ข้อที 304 :
สง
ั
คลืนไมโครเวฟมีความยาวคลืนในสายมีคา่ 37.5 cm เดินทางในสายนําสญญาณ ้ ทีมีความยาว 3 m และ 93.75 cm ทีปลายสาย คลืนไมโครเวฟจ
2 เสน
ส
1:
ขอ
2:
3:
4:
กร
ิ ว
าวศ
ข้อที 305 :
อุปกรณ์ใดทีใชเ้ พือทําให้เกิดการกระตุน
้ (Excitation) สนามแม่เหล็กในท่อนําคลืน
1 : Probe
สภ
3 : Loop
4 : Cavity
ข้อที 306 :
1:
2:
3:
4:
ข้อที 307 :
1:
2:
3:
4:
ข้อที 308 :
1:
2:
3:
4:
ข้อที 309 :
1:
2:
3:
4:
ข้อที 310 :
1:
2:
3:
4:
ธิ
สท
ิ
วน
ข้อที 311 :
สง
ส
1:
ขอ
2:
3:
4:
กร
ิ ว
าวศ
ข้อที 312 :
สภ
1:
2:
3:
4:
ข้อที 313 :
1:
2:
3:
4:
ข้อที 314 :
1 : A = 0, B = 1, C = 0 และ D = 1
2 : A = 1, B = 0, C = 1 และ D = 1
3 : A = 1, B = 1, C = 0 และ D = 1
4 : A = 1, B = 1, C = 0 และ D = 0
ข้อที 315 :
1 : A = 0, B = 1, C = 0 และ D = 1
2 : A = 1, B = 0, C = 1 และ D = 1
3 : A = 1, B = 1, C = 0 และ D = 1
4 : A = 1, B = 1, C = 0 และ D = 0
ข้อที 316 :
1 : A = 3, B = 1, C = 14 และ D = 5
2 : A = 3, B = 1, C = 5 และ D = 14
3 : A = 3, B = 5, C = 1 และ D = 14
4 : A = 3, B = 14, C = 5 และ D = 1
ข้อที 317 :
1:
2:
3:
ธิ
4:
สท
ิ
วน
ข้อที 318 :
สง
ส
ขอ
1:
2:
กร
3:
4:
ิ ว
าวศ
ข้อที 319 :
สภ
Parameters ใดต่อไปนีของวงจรสองพอร์ตทีต้องหาจากการ Open circuit ทีพอร์ตอย่างเดียว
1 : Z-parameters
2 : Y-parameters
3 : ABCD-parameters
4 : S-parameters
ข้อที 320 :
1 : Lossless network
2 : Symmetrical network
3 : Reciprocal network
4 : มีคา
ํ ตอบถูกมากกว่า 1 ข้อ
ข้อที 321 :
Insertion Loss (IL) ของวงจรสองพอร์ตทีมีคณ
ุ สมบ ัติเป็น Lossless reciprocal network มีคา่ เท่าใด
1:
2:
3:
4:
เนือหาวิชา : 137 : Power dividers and directional Couplers
ข้อที 322 :
2 : Circulator
3 : Power divider
4 : Waveguide switch
ข้อที 323 :
1 : RL = 16 dB
2 : RL = 26 dB
3 : RL = 36 dB
4 : RL = 46 dB
ข้อที 324 :
์ งสามพอร์
ในกรณีของวงจรแบ่งกําล ังสามพอร์ต (Three-port power divider) ทีอยูใ่ นสภาวะย้อนกล ับ (Reciprocity) และมีการแมตชท ั ั ัน
ต ความสมพ
ใดถูก
ธิ
1:
สท
2:
ิ
3:
4:
วน
สง
ส
ข้อที 325 :
ขอ
ั
1 : สญญาณที เข้าจากพอร์ต 1 จะออกไปทีพอร์ต 2 พอร์ตเดียว
กร
ั
2 : สญญาณที เข้าจากพอร์ต 1 จะออกไปทีพอร์ต 2 และ 3
ั
3 : สญญาณที เข้าจากพอร์ต 1 จะออกไปทีพอร์ต 2, 3 และ 4
ิ ว
4 : สญญาณทีั เข้าจากพอร์ต 1 จะสะท้อนกล ับไปทีพอร์ต 1
าวศ
สภ
ข้อที 326 :
1:
2:
3:
4:
ข้อที 327 :
อุปกรณ์สามพอร์ตในข้อใดทีมีล ักษณะไร้สภาวะย้อนกล ับ ไม่มก ์ งสามพอร์
ี ารสูญเสีย และมีการแมตซท ั ต
1 : Diplexer
2 : Hybrid coupler
3 : Circulator
4 : Mixer
ข้อที 328 :
1 : เอาต์พต ุ พอร์ต 2 และ 3 มีกา

ํ ล ังเป็นครึงหนึงของอินพุตพอร์ต 1
2:
3:
4 : ไม่มก
ี า
ํ ล ังออกทีพอร์ต 4
ข้อที 329 :
1 : 24 dBm
2 : 20 dBm
3 : 15 dBm
4 : 10 dBm
ข้อที 330 :
1 : 2.0 kW
2 : 4.0 kW
3 : 6.5 kW
4 : 7.2 kW
ข้อที 331 :
ธิ
1 : 0.25 W
สท
2 : 0.50 W
3 : 0.75 W
ิ
4 : 1.50 W
วน
สง
ส
ข้อที 332 :
ขอ
1 : Low pass filter
กร
2 : Power divider
ิ ว
าวศ
สภ
ข้อที 333 :
1:0W
2 : 0.25 W
3 : 0.50 W
4 : ไม่สามารถตอบได้เนืองจากข้อมูลไม่พอ
ข้อที 334 :
1 : 0.1 mW
2 : 0.25 mW
3 : 0.50 mW
4 : ไม่สามารถตอบได้เนืองจากข้อมูลไม่พอ
ข้อที 335 :
1:
2:
3:
4:
ข้อที 336 :
1:
2:
3:
4:
ข้อที 337 :
ั
1 : สญญาณที เข้าพอร์ต 1 จะไปออกทีพอร์ต 2
ั
2 : สญญาณที เข้าพอร์ต 1 จะไปออกทีพอร์ต 2 และพอร์ต 3
ั
3 : สญญาณที เข้าพอร์ต 1 จะไปออกทีพอร์ต 3
4 : สญญาณทีั เข้าพอร์ต 1 จะไปออกทีพอร์ต 3 และพอร์ต 2
ข้อที 338 :
อุปกรณ์สามพอร์ตในอุดมคติในข้อใด มีคณ
ุ สมบ ัติทจะใช
ี เ้ ป็น Combiner ได้
ธิ
1 : Hybrid coupler
สท
3 : Resistive power divider
ิ
4 : Circulator
วน
สง
ส
ขอ
ข้อที 339 :
อุปกรณ์สามพอร์ตในอุดมคติในข้อใด มีคณ
ุ สมบ ัติมส
ี ภาวะย้อนกล ับ และไร้การสูญเสีย
1 : Hybrid coupler
กร
2 : Resistive power divider
3 : Wilkinson power divider
ิ ว
4 : ผิดทุกข้อ
าวศ
สภ
ข้อที 340 :
อุปกรณ์ในอุดมคติในข้อใดต่อไปนีทีสามารถออกแบบให้มค
ี ณ ์ ก
ุ สมบ ัติ Reciprocal และแมตชท ุ พอร์ตได้
1 : อุปกรณ์ 1 พอร์ต
ข้อที 341 :
การวิเคราะห์แบบ Even-odd mode สามารถวิเคราะห์อป
ุ กรณ์ในอุดมคติในข้อใด
1 : Ring hybrid
2 : Branch-line hybrid
3 : Wilkinson power divider
ข้อที 342 :
1:
2:
3:
4:
ข้อที 343 :
1 : I = 16 dB
2 : I = 26 dB
3 : I = 36 dB
4 : I = 46 dB
ข้อที 344 :
1:
2:
3:
4:
ข้อที 345 :
1:
ธิ
2:
3:
สท
4:
ิ
วน
สง
ข้อที 346 :
ส
ขอ
1:
2:
กร
3:
4:
ิ ว
าวศ
ข้อที 347 :
สภ
1 : D = 2 dB
2 : D = 4 dB
3 : D = 6 dB
4 : D = 8 dB
ข้อที 348 :
2 : Circulator
3 : Power divider
4 : T-Junction
ข้อที 349 :
1:
2:
3:
4:
ข้อที 350 :
1:
2:
3:
4:
ข้อที 351 :
1:
2:
3:
4:
ข้อที 352 :
ข้อใดทีเป็นอุปกรณ์สามพอร์ต
1 : T-junction
ธิ
2 : Mixer
3 : Wilkinson divider
สท
4:
ิ
วน
สง
ข้อที 353 :
ส
ี
ข้อใดทีเป็นอุปกรณ์สพอร์
ต
ขอ
1 : T-junction
2 : Mixer
กร
4:
ิ ว
าวศ
ข้อที 354 :
สภ
1 : T-junction E-plane waveguide

2 : T-junction H-plane waveguide
3 : Magic-T
ข้อที 355 :
1 : T-junction E-plane waveguide

2 : T-junction H-plane waveguide
3 : Magic-T
ข้อที 356 :
1 : ไม่มส ั
ี ญญาณออกที พอร์ต 1
2 : ผลรวมของกําล ังงานจะออกทีพอร์ต 1
3 : ไม่มส ั
ี ญญาณออกที พอร์ต 4
4 : ผลรวมของกําล ังงานจะออกทีพอร์ต 4
ข้อที 357 :
1 : Rat-race
2 : Tapered coupled line hybrid
3 : Magic-T
4 : Branch-line coupler
เนือหาวิชา : 138 : Microwave measurement and Applications
ข้อที 358 :
อุปกรณ์ในข้อใด สามารถว ัดความยาวคลืนไมโครเวฟทีเดินทางในท่อนําคลืนได้โดยตรง
1 : Frequency meter
2 : Slotted line waveguide
3 : Cross directional coupler
4 : Waveguide to coaxial adapter
ข้อที 359 :
ผลรวมของกําล ังงาน 10 dBm และ 10 dBW มีคา่ เท่าใด
1 : 20 dBm
ธิ
2 : 20 dBW
สท
3 : 50 dBm
ิ
4 : 50 dBW
วน
สง
ส
ขอ
ข้อที 360 :
กร
1 : 6.2
2 : 6.8
ิ ว
3 : 7.2
าวศ
4 : 7.6
สภ
ข้อที 361 :
เครืองมือใดทีสามารถใชใ้ นการว ัดค่า VSWR แทน Network analyzer ได้
1 : Transmission line
2 : Inverse pendulum
3 : Protocal analyzer
4 : Slotted line
ข้อที 362 :
ถ้าต้องการให้กา
ํ ล ังงานภายใน Coaxial ลดลงจาก 200 mW เป็น 20 mW อุปกรณ์ Attenuator ต้องมีคา่ Attenuation เท่าใด
1 : 20 dB
2 : 10 dB
3 : 5 dB
4 : 3 dB
ข้อที 363 :
เมือต่อ 3-dB attenuator เข้าไป กําล ังงานภายใน Coaxial จะลดลงจาก 100 mW เหลือเป็นเท่าใด
1 : 97 mW
2 : 75 mW
3 : 50 mW
4 : 3 mW
ข้อที 364 :
1:
2:
3:
4:
ข้อที 365 :
1:
2:
3:
4:
ข้อที 366 :
เครืองมือทีจําเป็นมากทีสุด ในการวิเคราะห์ S-parameter ของวงจรไมโครเวฟ คือข้อใด
2 : Oscilloscope
ธิ
3 : Spectrum analyzer
4 : SWR meter
สท
ิ
วน
ข้อที 367 :
สง
ระด ับกําล ังงาน (Power level) ขนาด 0 dBm มีคา่ เท่าใด

ส
1 : 0 mW
ขอ
2 : 1 mW
3 : 10 mW
4 : 100 mW
กร
ิ ว
าวศ
ข้อที 368 :
เมือ log 2 = 0.30 ค่าระด ับกําล ังงาน 0.5 mW จะมีคา่ กี dBm
1 : 0.3 dBm
สภ
2 : –0.3 dBm
3 : 3 dBm
4 : -3 dBm
ข้อที 369 :
Power 1 Watt มีคา่ กี dBm
1 : 0 dBm
2 : -30 dBm
3 : 30 dBm
4 : 1 dBm
ข้อที 370 :
1:
2:
3:
4:
ข้อที 371 :
เตาอบไมโครเวฟทีใชง้ านในคร ัวเรือน โดยทวไปใช
ั ้ หล่งกําเนิดชนิดใด
แ
1 : Klystron
2 : Magnetron
3 : Traveling wave tube
4 : Triode tube
ข้อที 372 :
เตาอบไมโครเวฟทีใชง้ านในคร ัวเรือน โดยทวไปใช
ั ้ วามถีเท่าไร
ค
1 : 2.45 GHz
2 : 2.54 GHz
3 : 4.25 GHz
4 : 4.52 GHz
ข้อที 373 :
1:
2:
3:
4:
ธิ
สท
ข้อที 374 :
ิ
Pulsed radar ทํางานโดยหล ักการใด

1 : Pulsed Code Modulation
วน
2 : Pulsed Amplitude Modulation

3 : Pulsed Width Modulation
สง
4 : Pulse Spread Spectrum

ส
ขอ
ข้อที 375 :
กร
ิ ว
1:
2:
3: าวศ
4:
สภ
ข้อที 376 :
ข้อใดเป็นการแพร่คลืนไมโครเวฟ
1 : Surface wave
2 : Sky wave
3 : Ground wave
4 : Line-of-Sight
ข้อที 377 :
ความถีไมโครเวฟย่าน 4-6 GHz นําไปใชง้ านประเภทใด
1 : Radar
2 : Microwave oven
3 : Medical application
4 : Satellite communication
ข้อที 378 :
อุปกรณ์ชนิดใดทีไม่ใช่การประยุกต์ใชง้ านไมโครเวฟ
1 : Radar
2 : Remote sensing
3 : X-Ray
4 : GPS
ข้อที 379 :
ี ว้ ัดค่าอะไรได้
Slotted line เป็นอุปกรณ์ทใช
1 : Power factor
2 : Frequency
3 : VSWR
4 : ไม่มข
ี อ
้ ใดถูกต้อง
ข้อที 380 :
อุปกรณ์ Waveguide detector ใชว้ ัดค่าอะไรได้
1 : Power factor
2 : Power
3 : Impedance
4 : Frequency
ข้อที 381 :
เครืองมือทีใชใ้ นการว ัดความถีไมโครเวฟคือข้อใด
1 : Oscilloscope
2 : SWR meter
ธิ
สท
ิ
วน
สง
ข้อที 382 :
ส
เครืองมือชนิดใดทีจําเป็นต้องใช ้ Sweep generator
ขอ
1 : Oscilloscope
2 : SWR meter
กร
ิ ว
ข้อที 383 :าวศ ั
เครืองมือชนิดใดทีสามารถว ัดสญญาณได้
ในโดเมนของเวลา
สภ
1 : Oscilloscope
2 : SWR meter
ข้อที 384 :
อุปกรณ์ทสี าํ ค ัญใน Microwave power meter คืออะไร
1 : Detector
2 : Mixer
3 : Sensor
4 : Phase lock loop
ข้อที 385 :
อุปกรณ์ชนิดใดทีใชเ้ ปลียนกําล ังงานไมโครเวฟเป็นพล ังงานความร้อนทีใชใ้ น Microwave power meter
1 : Resistor
2 : Thermistor
3 : ถูกมากกว่า 1 ข้อ
4 : ไม่มข
ี อ
้ ถูก
ข้อที 386 :
Sensor แบบใดทีไม่ได้ใชใ้ น Microwave power meter
1 : Barretter
2 : Thermister
3 : Thermocouple
4 : Strain gauge
ข้อที 387 :
เครืองมือชนิดใดทีใชว้ ัดสญญาณ
ั Spurious
1 : Oscilloscope
4 : ไม่มข
ี อ
้ ถูก
ข้อที 388 :
ระบบ Radar อุปกรณ์ทใช
ี แ้ ยกสญญาณจากเครื
ั ้ ายอากาศต ัวเดียวก ันเรียกว่าอะไร
องส่งและเครืองร ับโดยใชส
1 : Isolator
2 : Mixer
3 : Duplexer
4 : Multiplexer
ธิ
ข้อที 389 :
สท
ระบบ Radar ทีเครืองส่งและเครืองร ับอยูต

่ า
ํ แหน่งเดียวก ันเรียกว่าอะไร
ิ
1 : Fixed radar
วน
2 : Primary radar
3 : Secondary radar
4 : Standing radar
สง
ส
ขอ
ข้อที 390 :
กร
้ าระยะเป้าหมายไม่เคลือนที
ระบบ Radar แบบใดทีเหมาะสมจะใชห
1 : Pulse radar
ิ ว
2 : Secondary radar
าวศ
3 : CW Doppler radar
4 : Tracking radar
สภ
ข้อที 391 :
1 : 15 km
2 : 20 km
3 : 25 km
4 : 30 km
ข้อที 392 :
ข้อใดทีไม่ใช่การประยุกต์ใชไ้ มโครเวฟในระบบเรดาร์
1 : Altimetry
2 : Missile guidance
3 : Speed measurement
4 : Atmospheric humidity profile
ข้อที 393 :
ข้อใดทีใชก้ ารประยุกต์ใชไ้ มโครเวฟในระบบ Radiometer
1 : Altimetry
3 : Speed measurement
ข้อที 394 :
ข้อใดทีไม่ใช่การประยุกต์ใชไ้ มโครเวฟในระบบ Radiometer
2 : Ocean surface wind speed
3 : Atmospheric temperature profile
ข้อที 395 :
การลดทอนคลืนไมโครเวฟในบรรยากาศจากโมเลกุลของก๊าซออกซิเจนเกิดทีความถีใด
1 : 10.0 GHz
2 : 22.2 GHz
3 : 60.0 GHz
4 : 90.0 GHz
ข้อที 396 :
เตาไมโครเวฟทีใชใ้ นงานอุตสาหกรรมจะใชค
้ วามถีใด
1 : 915 MHz
2 : 950 MHz
ธิ
3 : 1575 MHz
สท
4 : ไม่มข
ี อ
้ ถูก
ิ
วน
สง
ข้อที 397 :
ส
จากรู ปคือสายนําสั ญญาณชนิดใด
ขอ
กร
1 : Waveguides
ิ ว
2 : Microstrip
3 : CPW
าวศ
4 : Coaxial
สภ
ข้อที 398 :
1: Waveguides
2: Microstrip
3: CPW
4: Coaxial
ข้อที 399 :
1: Waveguides
2: Microstrip
3: CPW
4: Coaxial
ข้อที 400 :
1: Waveguides
2: Microstrip
3: CPW
4: Coaxial
สภาวิศวกร 487/1 ซอย รามคําแหง 39 (เทพลีลา 1) แขวงพล ับพลา เขตว ังทองหลาง กรุงเทพฯ 10310 สายด่วน 1303 โทรสาร 02-93
@ สงวนลิขสิทธิ 2555 สภาวิศวกร : ติดต่อสภาวิศวกร | Contact

Microwave Engineering

Uploaded by

Document Information

Copyright

Available Formats

Share this document

Share or Embed Document

Sharing Options

Did you find this document useful?

Is this content inappropriate?

Copyright:

Available Formats

Microwave Engineering

Uploaded by

Copyright:

Available Formats

4/19/2021 สภาวิศวกร

1 : ตัวนํ าไฟฟ้ าสมบูรณ์ (Perfect conductor)

คลืนTEM (Transverse Electromagnetic) แพร่กระจายในทิศทาง z องค์ประกอบของสนามแม่เหล็กไฟฟ้ าใดบ ้างทีต ้องเป็ นศูนย์

ความต ้านทานพิวของตัวนํ า (Surface resistance) หาได ้จากข ้อใด

1 : 1.0 – 2.0 GHz

ค่า Loss tangent ของตัวกลางไดอิเล็กตริ กคือข้อใด

Voltage reflection coefficient มีคา่ 0.712 จะเกิด Return loss เท่าใด

สัมประสิ ทธิการสะท้อนจะมีค่าเท่าใด เมือวัดแรงดันในสายนําสัญญาณสู งสุ ดได้ 5 V และแรงดันตําสุ ดได้ 4 V

เนือหาวิชา : 131 : S parameters

1 : สัมประสิทธิการสะท ้อนจากพอร์ตที 1 ไปพอร์ตที 2

1 : Reflection coefficient ที port 1

เนือหาวิชา : 132 : Using Smith charts

1 : จุด A มีคา่ เป็ น 0 จุด B มีคา่ อนันต์

3 : จุด A มีคา่ เป็ น 1 จุด B มีคา่ เป็ น 0

4 : จุด A มีคา่ เป็ น 0 จุด B มีคา่ เป็ น 1

1 : วงกลม Constant Resistance

เนือหาวิชา : 133 : Impedance matching

เนือหาวิชา : 134 : Microwave transmission lines and waveguides

1 : น้อยกว่า 6.55 GHz

3 : มากกว่า 6.55 GHz และน้อยกว่า 13.10 GHz

เนือหาวิชา : 135 : Microwave resonators and filters

3 : ค่าความเก็บประจุของ Cavity resonator

4 : ค่าความต้านทานของ Cavity resonator

1 : LC- series resonant circuit

1 : Series LC resonant circuit

เนือหาวิชา : 136 : Microwave network analysis

1 : วงจรสองพอร์ตนีเป็นวงจรข่ายภาวะย้อนกล ับ (Reciprocal) และวงจรมีการสูญเสีย

เนือหาวิชา : 137 : Power dividers and directional Couplers

1 : เอาต์พต ุ พอร์ต 2 และ 3 มีกา

1 : T-junction E-plane waveguide

1 : T-junction E-plane waveguide

เนือหาวิชา : 138 : Microwave measurement and Applications

ระด ับกําล ังงาน (Power level) ขนาด 0 dBm มีคา่ เท่าใด

Pulsed radar ทํางานโดยหล ักการใด

2 : Pulsed Amplitude Modulation

4 : Pulse Spread Spectrum

ระบบ Radar ทีเครืองส่งและเครืองร ับอยูต

You might also like