Professional Documents
Culture Documents
4. วรรณคดีสมัยอยุธยาตอนกลาง
4. วรรณคดีสมัยอยุธยาตอนกลาง
เสื อโคคาฉันท์
เนือ้ หา :
• เสื อโคเป็ นนิทานพื้นเมืองที่มีการเล่าต่อกันมาช้านาน อันเป็ น
เรื่ องราวระหว่างลูกเสื อกับลูกโคซึ่งต่างมีมิตรไมตรี อนั ดีต่อกัน
• ภายหลังฤาษีเสกให้เป็ นคนทั้ง 2 ตัว
- เสื อให้ชื่อว่า พหลวิชัย มีฐานะเป็ นพี่
-โคให้เป็ นคนมีชื่อว่า คาวี มีฐานะเป็ นน้อง
เสื อโคคาฉันท์
• ต่อมาทั้งสองกราบลาพระฤาษีเพื่อไปยังเมืองจันทบูรนคร
• คาวีได้เจอกับยักษ์ทาการต่อสู้กนั คาวีฆ่ายักษ์ได้ พระเจ้ามคธผู ้
ครองเมืองนั้นจึงยกพระธิดาพระนามว่า สุ รสุ ดาเป็ นพระชายา
• แต่คาวีมีความกตัญญูต่อพี่พหลวิชยั จึงกราบทูลให้พระราชทาน
ให้กบั พหลวิชยั
• คาวีจากพหลวิชยั เพื่อเดินทางต่อไปจนถึงเมืองร้างเมืองหนึ่ง มี
นามว่ารมยนคร ที่เมืองนี้มีความอดยากถึงขนาดนกอินทรีย์ตอ้ ง
จับผูค้ นมากินเป็ นอาหาร
เสื อโคคาฉันท์
๏ สมใจสมเด็จท้าว ยศภูมิชื่นชม
นัง่ แนบจะหวังสม เสน่หด้วยพระอรอร
๏ ด้วยเดชะบุญนาง รัศมิเปล่ งคือไฟฟอน
ร้ อนองคภูธร คือดัง่ เพลิงมาเผาผลาญ
๏ แต่น้ นั จะเขาใกล้ อรองคเยาวมาลย์
บได้กเ็ ดือดดาล ฤไทยโศกเสนหา ฯ
คาวีเผยม่ านแกล้ งว่ าเป็ นท้ าวยศภูมหิ ลังพิธีทาให้ เป็ นหนุ่ม
๏ จึ่งให้เผยม่านมณฑล พิธีแย่งยล
บรมรู ปภูบาล
๏ โนเนหนุ่มเหน้าบัวบาน สดใสเพ็ญพาล
คือเทพยแกล้งหล่อเหลา
๏ ฟ้ อเฟ้ กล้องแกล้งกลเกลา กาเยนทรอันเอา
มโนภิรมย์สาวสนม
๏ ต่างต่างกราบแล้วบังคม ถวายกรประนม
สรรเสริ ญสมเด็จธิ บดินทร์
สมุทรโฆษคาฉันท์
สมุทรโฆษคาฉันท์ เป็ นวรรณคดีที่มาจากเรื่ อง สมุทโฆสชาดก ใน
ปัญญาสชาดก
ผู้แต่ ง: ผูแ้ ต่งสมุทรโฆษคาฉันท์ มี 3 คน คือ
1. พระมหาราชครู แต่งตอนต้น
2. สมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระราชนิพนธ์ตอนกลาง
3. สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส (พระ
ราชนิพนธ์ในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยการกราบทูลอาราธนาของกรมหมื่น
ไกรสรวิชิต และพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงษาธิ ราชสนิท)
สมุทรโฆษคาฉันท์
**สามหาว=ก้ าวร้ าว
ลักษณะเด่ นในเรื่องสมุทรโฆษคาฉันท์
• เรื่ องสมุทรโฆษยังมีการแทรกเรื่ องการเสด็จคล้องช้ างของพระสมุทรโฆษ
๏ ราชาเสด็จคชผายผัน ควาญแทงบังคัล
แลแล่นคคล้ายคือภมร
๏ ท้าวไทไล่ทนั กุญชร หนึ่งงามงางอน
พันฦกนิแรงราวี
๏ ท้าวทายบาศพรัดซัดที เดียวต้องหัดถี
แลตรู ตระเนตรบมิคลา
๏ หมอปรวดปรวดบาศตรึ งตรา พลชวักซ้ายขวา
แลสารกระลับผันผาย
ลักษณะเด่ นในเรื่องสมุทรโฆษคาฉันท์
• การแทรกลักษณะของการแต่ งทานองนิราศ ถ้าหากพระเอกหรื อ
นางเอกมีบทบาทที่จะต้องเดินทางแล้ว ไม่วา่ จะเป็ นระยะสั้น
หรื อระยะยาว จะต้องมีการพรรณนาราพึงราพันบุคคลอันเป็ นที่
รักอยูเ่ สมอ เช่น
• ตอนพระสมุทรโฆษเสด็จไปคล้ องช้ าง ก็ทรงคานึงถึงนางสุ รสุ ดา
พระมเหสี
• ตอนทีพ่ ระสมุทรโฆษกับนางพินทุมดีพลัดพรากจากกัน
ตอนพระสมุทรโฆษคานึงถึงนางสุ รสุ ดา
๏ นางนกและนกผู้ สองหากรู้เสนหา
จรรจวนโดยภาษา สัตวเล่นหลากหลายกล
๏ นกผูต้ ่างรวงรัง และประนังกันแข่งขน
เหยือ่ ป้ อนปากเมียตน และตระเหิ รตระหวลกัน
๏ พระแลคณานก และตระดกมนะมรรษ์
ใจจงพธูสวรร- คและท้าววังเวงใจ
ตอนทีพ่ ระสมุทรโฆษคร่าครวญถึงนางพินทุมดี
๏ พระสงกาฝันใช่ฝัน เยียใดจาบัล-
ยท้าวก็ท่าวเททรวง
๏ ถนัดล่ มหล้ าฟ้าปั่นปวง ถนัดภูผาหลวง
และท่ าวมาทับทรวงศรี
๏ ทบทนโศกากษัตรี ย ์ จงทุกข์เทพี
และท้าวก็พาษปธารา
ธรรมชาติร่วมรับรู้ ความทุกข์ ของพระสมุทรโฆษ
๏ พระเสด็จรถทองกรี ฑา พลโยธาหา
ทังไพรคิรีสบสถาน
๏ ค้นคว้าป่ าดงพงพนานต์ เทินเขาถ้ าธาร
ชาเราะชรลองดองไพร
……………………………………..
๏ ไพรสงัดสัตว์พนสณฑ์สบ นกหคเหิ รสงบ
บร้องสาเนียงขานขัน
ธรรมชาติร่วมรับรู้ ความทุกข์ ของพระสมุทรโฆษ (ต่ อ)
๏ ลมก็บพัดพฤกษาพรรณ ก็บติงสักอัน
และสร้อยบไขรสขจร
๏ คชสารลืมบงซ้างซอน กลางดงไกรสร
เสนาะและลืมไหล้สาร
๏ เนื้อเบื้อลืมกินเกลียงดาล กินทุกข์ทุกสถาน
ลันลุงด้วยพระราชา
๏ ทุกทิศท้าวหาเหลือหา บมิพบพนิดา
และพระพิลาปสมพอง ฯ
ลักษณะเด่ นในเรื่องสมุทรโฆษคาฉันท์
• บทโลมนาง เป็ นบทกวีที่มกั ปรากฏในวรรณคดีไทย เพราะ
พระเอกนางเอกได้มาพบกันและแสดงบทรักต่อกัน
• ในสมุทรโฆษคาฉันท์ ปรากฏในตอนที่เทพอุม้ สมพระสมุทร
โฆษและนางพินทุมดีแล้วเกิดเป็ นบทอัศจรรย์ข้ ึน
บทอัศจรรย์ ระหว่ างพระสมุทรโฆษกับนางพินทุมดี
๏ นาภีแนบนาภีมล ทรวงแนบชิดชน
บรรทับและเบียดบัวศรี
๏ นางน้องในใจเปรมปรี ด์ ิ กรกรรนฤบดี
และนาบสู้ขดั ขาม
๏ พระเชยชมแก้มเกลากาม โลมน้องโฉมงาม
ตระการตระกองกรรฐา
** กรรฐา = คอ
บทอัศจรรย์ ระหว่ างพระสมุทรโฆษกับนางพินทุมดี (ต่ อ)
๏ เชยชิดรสโอษฐสุ รา มือพานแนวนา-
ภีทอ้ งสรแทบทรวงสมร
๏ นมน้องตราติดอกอร เอวองค์พระกร
กระหวัดกระเหม่นกามา
๏ สองเสวยสุ ขสุ ดสงกา ชมลาภมหา
อันเทพยแสร้งเอาสม
**นาภี=สะดือ
ลักษณะเด่ นในเรื่องสมุทรโฆษคาฉันท์
• บทชมโฉม เมื่อกล่าวถึงตัวละครเอก กวีมกั จะชมโฉม โดยชม
ทุกๆส่ วนของร่ างกาย เปรี ยบเทียบกับสิ่ งที่ถือว่าเป็ นความงาม
ตามแบบฉบับ เช่น
- ใบหน้างามเหมือนพระจันทร์
- หูเหมือนกลีบบัว
- จมูกเหมือนขอ
- ลาขาเหมือนลากล้วย
- คิ้วก่งเหมือนคันศร
ตัวอย่ างชมโฉมนางพินทุมดี
๏ พักตรากฤดิอนั บริ สุท- ธิ พบูและโสภา
ดุจจันทรโสฬสกลา และนะแน่งนะนวลอนงค์
๏ กรรณาคือกลีบกมลโก- มลกามแกล้งผจง
ทรงกาญจนกุณฑลยรรยง มณี พรายพิราราม
๏ นาสาลายองคือขอคานวณ กลควรคือขอกาม
แก้มปรางประโลมรสยายาม คนใดต้องก็ติดใจ
ตัวอย่ างชมโฉมนางพินทุมดี
๏ ลาขาคือกาญจนกทลี และลาเพ็ญลาพาลใส
สองนมชชิดวิจิตรใน อกอาสน์แก้วโฉมเฉลา
๏ คิว้ ค้อมคือกงกลกุทณ ั - ฑอันก่งและแกล้งเกลา
พระเนตรพรายพิมลเพรา และพพริ้ งยิง่ ตายอง
๏ ริ มโอษฐพรายคือมณี ไพ- ฑูรยรัตนเรื องรอง
ยิม้ แย้มและค่าใครและบปอง แก่อนงคสงคม
**กทลี = กล้ วย กุทณ ั ฑ์ = เกาทัณฑ์ , ธนู
คุณค่ าของสมุทรโฆษคาฉันท์
คุณค่ าทางด้ านอักษรศาสตร์
• มีสานวนโวหารที่ไพเราะ กวีเลือกใช้คาได้เหมาะสมกับฉันท์
• มีการเล่นเสี ยง เล่นคา ใช้คาซ้ า เพื่อให้เกิดความไพเราะและให้
ผูอ้ ่านเกิดจินตนาการ
ตัวอย่ างการเลือกใช้ คา
• กวีสามารถเลือกใช้ คาเรียกผู้หญิงได้ หลากหลาย เช่น
เทพี พนิดา แก้วกัลยา เสาวภาค สุ ดารัตน์
นุชนงคราญ อรอนุช เยาวเรศ ยอดยุพิน อ่อนไท
• การเลือกใช้ คาเลียนเสี ยงธรรมชาติ
หึ่งหึ่งเสี ยงมธุรสกรอึง คู่เคี้ยเคียงคลึง
บคลากุสุมสาทร
ตัวอย่ างการซ้าคา
• ดังตัวอย่างในตอนที่พระสมุทรโฆษต้องลอยอยูใ่ นน้ าหลังจากที่
เกิดเหตุการณ์ ขาดขอนไม้กบั นางพินทุมดี ซึ่งพระสมุทรโฆษ
หมดเรี่ ยวแรงและ สุ ดที่จะคิดถึงฝั่งแล้ว
๏ ฟองฟัดซัดสู่ สมุทรทารุ ดพิริยพล
พ่างเพียงจะวายชนม์ ชิวาตม์
๏ เหลือทนเหลือทุกขเหลือจะถอนอสประสาส
เหลือถวิลเทวษอนาถ อนิจ
๏ สุ ดแรงสุ ดที่จะร่ าราจวนกาสรวญสุ ดคิด
พึ่งใครก็สุดจิตร ราพึง
๏ แสนโศกแสนทุกขแสนแสวงสานักนิ์สานึง
แสนร้อนเร่ งร้อนรึ ง อุรา
๏ หาเพื่อนหาผูจ้ ะพักพานักนิพน้ จะหา
หาฝั่งก็เห็นฟ้ า กับฟอง
ตัวอย่ างการเล่ นคา
๏ ไก่ ฟ้าวานหว้ายฟ้า เสาะสื บหานราบาล
ผึง้ พ้องพึง่ พบพาน บพิตรด้วยช่วยเอ็นดู
๏ เนืองนกบเอื้อนเอา ธุระเราเร่ งอดสู
สังเวชแต่ตนตู อันไร้เพื่อนในเถื่อนพนม
คุณค่ าทางด้ านความรู้
• เรื่องป่ าหิมพานต์ สื บเนื่องมาจากไตรภูมิพระร่ วง ซึ่งในเรื่ อง
สมุทรโฆษคาฉันท์ได้กล่าวถึงสระอโนดาต ตอนที่พระสมุทร
โฆษกับนางพินทุมดีได้พระขรรค์จากพิทยาธรมาเที่ยว
๏ พลางอุม้ องคอนงค์อนุชพนิดา
ลงสรงชลาสิ น- ธุธาร
๏ ในอโนดาตนิราสมุทินสลิลพิศาล
เสมออมฤตยโสรจสนาน ภิรมย์
๏ เย็นเยือกระงับปริ ฬาหะกายจิตรสม-
บูรณ์สุขชื่นชม สาราญ
๏ เก็บโกมุทสุ คนธ์อุบลปทมบาน
ประดับองคนงพาล พธู
๏ พลางเมิลหมู่มตั สยาชลาจรพหู
ผุดดาคคล่าดู คคล้าย
๏ กุง้ กั้งกุมภิลมกรกระฉ่อนชลก็วา่ ย
กดกาและกริ มกราย กระตรับ
คุณค่ าทางด้ านความรู้
• เรื่ องการจัดทัพ แสดงให้เห็นวิธีการจัดทัพในสมัยโบราณว่า
ประกอบไปด้วยกองทัพพลอย่างไรบ้าง
• รวมถึงความพิถีพิถนั ในการเลือกคนเข้าประจาแต่ละกองของ
พระสมุทรโฆษเพื่อเตรี ยมรบกับกษัตริ ยท์ ี่จะเข้ามาสู้รบเพื่อแย่ง
นางพินทุมดี
ตัวอย่ างพระสมุทรโฆษเตรียมพล
๏ หาผูร้ ู ้ศิลป์ บขาม แม่นแจ้งเจียรยาม
คานวณคานับโหรา
๏ หาผูห้ าญยอดโยธา ขอขันอาสา
คค้อยบคลาคาไหน
๏ หาทวยเมธาส่ างใส รู ้รี่ร่วมใจ
อริ นทรแสร้งใส่ กล
๏ หาผูห้ า้ วหบทบทน แกว่นแกล้วกลางรณ
แลแรงสมรรถอาจทยาน
โคลงพาลีสอนน้ อง
โคลงพาลีสอนน้ อง มีที่มาจากรามเกียรติ์ ตัดเอาตอนพาลีสอน
สุ ครี พเกี่ยวกับการทางานรับราชการ
ผู้แต่ ง: สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
ทานองแต่ ง: แต่งเป็ นโคลงสี่ สุภาพ มีโคลงทั้งหมด 32 บท
วัตถุประสงค์ ในการแต่ ง: เพื่อใช้ในการอบรมสัง่ สอนข้าราชการ
เนือ้ หาโคลงพาลีสอนน้ อง
นักสนมกรมชะแม่แม้น สาวสวรรค์
นางในไพบูลย์พรรณ แน่งน้อย
เฝ้ าไทภูทรงธรรม ธิปราช
อย่าใฝ่ ใยเสน่ห์คล้อย เนตรเลี้ยวเรี ยมแสวง
ให้ ร้ ู จักเวลาทีเ่ หมาะสมในการเข้ าเฝ้ ากราบบังคมทูลกษัตริย์
ทูลพิดกิจแจ้งจัด ประการใด
คอยดูเมื่อภูวไนย ย่องแย้ม
แปรผันบัณฑูรไข ยสิ งหนาท
จึ่งค่อยชะลอยเติมแต้ม เมื่อท้าวสุ ขสานต์
ชอบทูลมูลเหตุห้ นั จึ่งทูล
มิชอบประกอบอาดูร หยุดยั้ง
เกรงนเรนทรสูร เคืองค่อง
หฤทยางค์หมางหม่นตั้ง แต่ร้อนสกนธ์กรม
รู้ จกั สารวมในการเข้ าเฝ้ ากษัตริย์
นัยหนึ่งพึ่งเฟ่ าท้าว นฤบดี
อย่าใกล้นกั ศักดิ์ศรี ท่านไท้
ทะนงจะจงมี ทวิโทษ
อย่าไกลนัยน์เนตรให้ นเรนทร์พร้องถามถึง
บริโภคอาหารแต่ พอประมาณก่ อนเข้ าเฝ้ ากษัตริย์
ผู้แต่ ง: สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
ทานองแต่ ง: แต่งเป็ นโคลงสี่ สุภาพ มีความยาวเพียง 12 บท
เท่านั้น
วัตถุประสงค์ ในการแต่ ง: เพื่อแสดงถึงหลักการปฏิบตั ิของ
กษัตริ ยผ์ คู้ รองเมืองที่พึงมีต่อราษฎร
เนือ้ หาโคลงทศรถสอนพระราม
ผู้แต่ ง: สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
ทานองแต่ ง: แต่งเป็ นโคลงสี่ สุภาพ มีโคลงทั้งหมด 63 บท
วัตถุประสงค์ ในการแต่ ง: เพื่อใช้เป็ นหลักปฏิบตั ิของข้าราชการ
ผูใ้ หญ่
เนือ้ หาโคลงราชสวัสดิ์
เมื่อไทให้แห่งราช พัทธยา
รางวัลสรรพเสนา เลิศล้ า
ผูช้ อบประกอบแสวงหา คุณเลิศ
จงนบสงบเสงี่ยมน้ า จิตเชื้อสุ ทธิสาร
คุณค่ าของโคลงราชสวัสดิ์
• ในด้ านปกครอง
มองเห็นการปกครองสมัยนั้นว่าได้มีความต้องการที่จะให้
บ้านเมืองใช้ธรรมเป็ นอานาจ ไม่ใช่ใช้อานาจเป็ นธรรม กษัตริ ยจ์ ึง
ใช้ธรรมในการปกครองประเทศชาติบา้ นเมือง
อนิรุทธคาฉันท์
ผู้แต่ ง: กล่าวกันมาว่า ศรีปราชญ์ บุตรพระมหาราชครู เป็ นผูแ้ ต่ง
เรื่ องที่เล่ากันนั้นว่าพระมหาราชครู เป็ นกวีมีชื่อเสี ยง เป็ นคนสาคัญ
ในรัชกาลสมเด็จพระนารายน์มหาราช แต่งหนังสื อเรื่ องสมุทรโฆษ
ขึ้นเป็ นคาฉันท์
ศรี ปราชญ์เป็ นบุตรมีอุปนิสยั เป็ นอนุชาตในทางกวีอยู่ เห็น
บิดาแต่งฉันท์กล็ องแต่งบ้าง
เมื่อบิดาเห็นกล่าวบริ ภาษว่า ยังหน้าศรี ปราชญ์เผยอจะแต่ง
ฉันท์กบั เขาด้วย
ศรี ปราชญ์ขดั ใจจึงพยายามแต่งฉันท์อนิรุทธเรื่ องนี้จนสาเร็ จ
แต่ ไม่ แต่ งคานมัสการตามประเพณีแต่ งบทกลอนเป็ น
เรื่องราวซึ่งกวีอนื่ ๆ ประพฤติกนั เป็ นแบบแผนมาแต่ ก่อน เพราะ
ไม่ อยากจะกล่ าวคาเคารพบิดา
หนังสื อฉันท์อนิรุทธเรื่ องนี้จึงมิได้มีคานมัสการข้างต้น เล่า
กันมาดังนี้
ทานองแต่ ง: แต่งเป็ นคาฉันท์ กาพย์ และมีร่ายปนอยูด่ ว้ ย
วัตถุประสงค์ : เพื่อแสดงให้เห็นว่าตนก็สามารถแต่งเรื่ องยาวได้
เหมือนกัน
เนือ้ หาอนิรุทธคาฉันท์
• กล่าวถึงพระนารายณ์ได้อวตาร (แบ่งภาคมาเกิด) เป็ น
พระกฤษณะ อยูใ่ นโลกมนุษย์ เป็ นเจ้าเมืองอยูเ่ มืองทราวดี
๏ ปางพระจักรีแปรเปน กฤษณราญรอนเข็ญ
อรินทรเสี้ยนสยบนา
๏ เสด็จแสดงเนาในเมืองทวา รพดีสมญา
คือวิษณุโลกบปาน
• พระองค์ทรงมีพระราชนัดดา (หลาน) ชื่อพระอนิรุทธ เป็ นผู้
สามารถเชี่ยวชาญในการรบ และมีพระสิ ริโฉมงดงาม
๏ พระอยูเ่ สวยสุ ข
ในทวาบรยุค เลิศล้ าลือสาย
มีเจ้าพระเจ้า อันเลิศลือชาย
ฟ้ าหล้าเหมือนหมาย แกว่นแกล้วกามบุตร์
๏ แง่งามโถงเถง
ทหารนักเลง แกว่นกล้าการยุทธ
ประกาศโดยนาม พระศรี อนิรุทธ
เยาวราชอันอุด ดมเลิศแดนไตร
กามบุตร์ หมายความว่ า อนิรุทธเป็ นลูกพระกามเทพ คือ พระปรัทยุมน์
เนือ้ หาอนิรุทธคาฉันท์
• ครั้นทั้งสองพระองค์ทรงตื่นขึ้น ต่างก็เศร้าโศกถวิลหากันและกัน
• นางพิจิตรเลขา พระพี่เลี้ยงของพระนางอุษาได้วาดภาพเทวดาและ
พระราชาทั้งหลายที่มีอยูใ่ ห้นางดู เมื่อถึงรู ปพระอนิรุทธ นางอุษาก็
จาได้วา่ พระอนิรุทธ คือผูท้ ี่มาอยูร่ ่ วมกับนางในคืนนั้น
• นางพิจิตรเลขาพระพี่เลี้ยงอาสาไปสะกดเอาพระอนิรุทธมายังโสณิ นคร
• ท้าวกรุ งพานรู ้ความจริ งจึงสัง่ ทหารให้มาล้อมจับ พระอนิรุทธถูกจับได้
แล้วให้จองจาไว้ที่หน้าพระลาน
อนิรุทธคาฉันท์
• ฝ่ ายนารทฤษีเหาะผ่านมาพอดี เห็นพระอนิรุทธหลานของ
พระกฤษณะเสี ยท่าเขา จึงเหาะไปแจ้งพระกฤษณะให้ทราบ
• พระกฤษณะโมโหจึงยกทัพไปปราบปราม ผลปรากฏว่าพระเจ้า
กรุ งพานพ่ายแพ้ แต่พระกฤษณะไม่ประหารยอมไว้ชีวติ แต่ตอ้ ง
ตัดแขนทิ้ง และให้เป็ นนายทวารคือเป็ นยามเฝ้ าประตู
• ส่ วนพระอนิรุทธและพระนางอุษาได้ครองคู่กนั ตลอดชีวติ
ตัวอย่ างพระอนิรุทธลาพระกฤษณะประพาสป่ า
๏ บัดนั้นสมเด็จหลาน กฤษณเทพจักรี
ราลึกพนาลี สุ ขรมยกรี ฑา
๏ เสด็จไปบังคมพระ อัยกาธิ เบศร์ ลา
จักไปพนาทวา พนพฤกษศีขร
๏ เถื่อนถ้ าพนาลี คชสี หองค์อร
กวางทรายรมัง่ มร สัตวสมสกอหลาย
ตัวอย่ างการร่าลาระหว่ างพระอนิรุทธกับนางสนม
๏ อ้ าอรอนงคทิพยลัก ษณสานักนิสาวสวรรค์
สุ ดสวาทแลแม่ฤทยหรร ษแก่พี่อย่าสงไสย
๏ อ้ าพระเสด็จพนผูเ้ ดียว บมีเพื่อนเปนเพื่อนไป
เพื่อนพระพเนจรจะไกล บุรีรมยเมืองแมน
๏ อ้ าอรอุบลบวรภาค ยจงอยูอ่ ย่าได้แคลน
ถึงเรี ยมจะไปพนในแดน ยลสัตวชมชาย
๏ อ้ าพระจะละสนมบาเรอ บริ รักษแหล่หลาย
จักอยูท่ รเล่หชีวิตถวาย ดังฤพระจะทันเห็น
ตัวอย่ างตอนที่พระอนิรุทธล่ าสั ตว์
๏ อนิรุทธโน้มน้าวเกาทัณฑ์ ผาดแผลงศรศัลย์
ด้วยเดชอานาจศรศิลป์
๏ ปลายศรส่ องตายองยิน ยวนตานฤบดินทร์
ทรดาลรลวยลืมหนี .......
๏ ต้องกวางทรายตายเหลือตรัง กึกก้องไพรกรัง
สระท้านสระเทื้อนดงดร
๏ เหม้นหมีหมูเถื่อนซอกซอน ตายคือลูกมรณ์
ก็ตื่นทั้งห้องหิ มพานต์
ตัวอย่ างก่ อนที่พระอนิรุทธจะบรรทมหลับได้ ไหว้ พระไทร
๏ สนธยากรภุมบุษ ปบังคมบาบวงสรณ
พระไทรบริ มณ ฑลเทพยสิ งศักดิ์
๏ อ้าพระจรรโลงโลก ยแลโลกยรังรักษ์
เป็ นที่พานักภัก ดิแก่เทพคนธรรพ์
๏ จงรักษรักษา พลพิรียโจษจรร
นฤโศกนฤศัลย์ นฤภัยนฤโทษ
๏ อ้าพระพเพรี้ ยมพราย พรรณรายรัศมิชวยโชติ์
พระหากจะปองโปรด ชคสัตวอาไศรย
ตัวอย่ างพระไทรใคร่ ครวญจะอุ้มสมพระอนิรุทธ
๏ ท้าวนี้ผใู้ ดหนอ มานอนเดียวสมบูรณ์เฉลา
เอองคเน่งเนา ณในรถมลังเมลือง
๏ เสด็จด้วยจตุรพยูห แลมาอยูจ่ รลิวเมือง
เอองคเดียวเรื อง รัศมีจนั ทรมณฑล
๏ ควรนางบาเรอรัก ษพระบาทนฤมล
ลูบไล้สุธาคน ธลออลอบองค์
๏ ควรนางตระกองเอว อรรแถ้งแทบบรรทมทรง
สมเสน่หบาทบง กชพักตรพิมพ์ทอง
ตัวอย่ างพระไทรใคร่ ครวญจะอุ้มสมพระอนิรุทธ
๏ ตริ ใคร่ จะแทนคุณ พระคุณรสายศักดิ์
สายสวาทผูใ้ ดจัก จะคู่องคอรกาม
๏ จะเอาประสบสม บุรณภาคยเพ็ญงาม
สาวสวรรคนงราม บรางเสมอศศิโฉม
๏ ใคร่ โทจะเท่าเทียม ทาเนียมพักตรเล้าโลม
เล้าลูบตระโบมโสม รู ปกฤตย์ฤดีดาย
๏ นางใดจะคู่ควร สารวลสุ ขเปรมปราย
เปรมปรี ดิชมชาย ชานัลแนบตรหวนหรรษ์
๏ บเห็นสุ ดาใด สุ ดาพานเพ็ญจันทร์
สงวนศรีคในครร ภปรางทองบลอดลม
เทพารักษ์ นาพระอนิรุทธไปหานางอุษา
๏ เทพารักษ์บงั นิทรา อนิรุทธราชา
บันทมในราตรี กาล
๏ เทพาอุม้ เอาภูบาล จากรถแก้วกาญจน์
รัศมีพพรายพัฬเหา
๏ ถ่อมถนอมนฤบดีเสด็จเทา ข้ามเศขรเขา
คือฝาแลตัวเตรี ยบกัน
๏ พระภาคศศิพระจันทร์ คือกลดกั้งพรรณ
แลส่ องประทะรัศมี
๏ ผยองย่องเวลาเหิ รลี ลายังสุ ทธศรี
สานักนิพานสุ ดา
ตอนพระอนิรุทธครวญหลังจากพรากนางสุ ดา
๏ จึงวาดนแน่งโฉม อนิรุทธราชา
นางเอาขดานมา บันทับทรวงก็ไห้โหย
๏ อ้านี้และรู ปท้าว อันมาชมมาชายโชย
จานองกระอืดโอย ทุกขทรวงรลวงกาม
๏ ผิวพี่เอนดูนอ้ ง อัญเชิญช่วยมาดับความ
ร้อนเร่ าคือเพลิงลาม ลันลุงแดกาเดาดง
ตอนท้ าวกรุงพานโกรธพระอนิรุทธและเรียกพลยักษ์
๏ กรุ งพานครั้นได้ฟัง ทั้งสองตาก็เปล่งเปน
ไฟลุกประปลาบเอน รด่าวตึงกระเบงแขน
๏ สามโลกยนี้ใคร และจะอาจมาดูแคลน
ใคร่ สรวลแก่ตกั แตน มาวิง่ ไฟบกลัวเกรง
๏ ตระบัดก็ให้เท้ง กระทุ่มเภรี ยครื นเครง
กึกก้องบันลือเลวง ทั้งเมืองพานสยบแสยง
๏ เรี ยบพยุหเสนา จัตุรงคซรู แซรง
แกล้วกล้ากาแหงแรง รยืนยักษยักษา
ตอนนารทฤษีเหาะมาพบพระอนิรุทธถูกจองจา
๏ ปางนั้นนารทบันดาล ดีดพิณเหาะทยาน
มาโดยทิฆมั พรพราย
๏ บัดเหาะเหิ รมาใกล้กราย เมืองพานเฉิ ดฉาย
คือโสนิบูรบุรี
๏ เลงเห็นหลานพระจักรี ต้องศรไกรสี ห์
จานาจานองจองจา
ตอนพระกฤษณะไม่ ประหารพระเจ้ ากรุงพาน ยอมไว้ ชีวติ