You are on page 1of 310

วิชา : Hazardous Waste Engineering

เนือ้ หาวิชา : 638 l Types and Characteristics of Hazardous Wastes

ข้อที่ 1 ถ้ามีการปนเปื้ อนของโทลูอีน (Toluene) ลงในน้ าใต้ดิน จงหาว่าโทลูอีนจะมีการเคลื่อนที่อย่าง


1 : จมตัวลงไปสู่ ดา้ นล่างจากนั้นจึงลอยน้ า
2 : ลอยน้ าแล้วค่อยๆจมตัวลงสู่ ดา้ นล่าง
3 : ลอยไปกับนาโดยไม่มีการจมตัวเลย
4 : จมตัวลงไปใต้ทอ้ งน้ าโดยไม่มีการลอย
1
ถูกต้อง ข้อที่ 2 : ถ้ามีการปนเปื้ อนของโดยแนพธาลีน (Naphthalene) ลงในน้ าใต้ดิน จงหาว่าแนพธาลีนจะมีก
1: จมตัวลงไปสู่ ดา้ นล่างจากนั้นจึงลอยน้ า
2 : ลอยน้ าแล้วค่อยๆจมตัวลงสู่ ดา้ นล่าง
3 : ลอยไปกับน้ าโดยไม่มีการจมตัวเลย
4 : จมตัวลงไปใต้ทอ้ งน้ าโดยไม่มีการลอย
1
ถูกต้อง ข้อที่ 3 : ในการเก็บสารไตรคลอโรเอทิลีน (Trichloroethylene) ซึ่ งมีจุดวาบไฟ (Flash point) ที่อุณหภ
1 : ไม่เกิด เพราะสารไตรคลอโรเอทิลีนแยกเก็บไว้ในถังเฉพาะ ไม่มีการปนเปื้ อนกับสารอื่นๆ จึง ไม่เก
2 : เกิด เพราะสารไตรคลอโรเอทิลีนต้องเก็บไว้ในถังพลาสติก เมื่อใส่ ในถังเหล็กจะทาให้สาร ไตรคล
3 : เกิด เพราะสารไตรคลอโรเอทิลีนในลังมีอุณหภูมิสูงกว่าจุดวาบไฟ
4 : ไม่เกิด เพราะสารไตรคลอโรเอทิลีนเป็ นสารเฉื่ อย
1
ถูกต้อง ข้อที่ 4 : สารเคมีใดต่อไปนี้สามารถอยูร่ ่ วมกันได้โดยไม่เกิดปั ญหาหรื ออุบตั ิภยั ตามมา
1 : กรดซัลฟิ วริ กเข้มข้นและโซเดียมไฮดรอกไซด์เข้มข้น
2 : กรดไนตริ กเข้มข้นและน้ า
3 : กรดฟอสฟอริ กและไซยาไนด์
4 : กรดไฮโดรคลอริ กเข้มข้นและโซเดียมคลอไรด์เข้มข้น
1
ถูกต้อง ข้อที่ 5 : สารใดต่อไปนี้หากสัมผัสกับน้ าแล้วจะเกิดการลุกติดไฟ
FALSE 1 : เมททานอล (methanol)
FALSE 2 : เบนซิ น (benzene)
FALSE 3 : โปตัสเซี ยมคลอไรด์ (potassium chloride)
FALSE 4 : โซเดียมในรู ปของโลหะ (sodium metal)
FALSE
ข้อที่ 6 : รถบรรทุกสารเคมีทาสารเอนดริ น (endrin) หกรัวไหลลงสู่ ถนนดิน ถ้าความเข้มขันเริ่ มต้นขอ
FALSE 1 : 9 ปี
FALSE 2 : 19 ปี
FALSE 3 : 29 ปี
FALSE 4 : 39 ปี
FALSE
ข้อที่ 7 : สารที่ใช้ในการกาจัดแมลงสารใดที่ไม่จดั ว่าเป็ นสารในกลุ่มของ Organochlorine Insecticide
FALSE 1 : DDT
FALSE 2 : Lindane
FALSE 3: Endosulfan
FALSE 4: Malathion
FALSE
ข้อที่ 8 : จงคานวณหาค่าคงที่ของเฮนรี่ สาหรับสาร Perchloroetylene ที่ความดันไอ 90 มม.ปรอทเมื่อค
FALSE 1 : 0.07 บรรยากาศ. ลบ.ม./โมล
FALSE 2 : 0.58 บรรยากาศ, ลบ.ม./โมล
FALSE 3 : 1.39 บรรยากาศ, ลบ.ม./โมส
FALSE 4 : 4.38 บรรยากาศ. ลบ.ม./โมล
FALSE
ข้อที่ 9 : หากพิจารณาว่าสารใดจะละลายในน้ าได้มากหรื อน้อย ควรพิจารณาลักษณะสมบัติใดของสา
FALSE 1: Water Reactivity
FALSE 2 : Water Solubility
FALSE 3: Specific Gravity
FALSE 4 : Water/Vapor Pressure
FALSE
ข้อที่ 10 : หากพิจารณาว่าสารใดจะถูกดูดซับในดินได้มากหรื อน้อย ลักษณะสมบัติใดของสารบอกคุณ
FALSE 1 : Octanol-water partition coefficient (Kow)
FALSE 2 : Organic matter-water partition coefficient (Kom)
FALSE 3: Soil matter-water partition coefficient (Kd)
FALSE 4: Organic carbon-water partition coefficient (Koc)
FALSE
ข้อที่ 11 : ข้อใดต่อไปนี้ถูก
FALSE 1: โครเมียมเป็ นโลหะหนักที่มีชนิ ดของประจุอยู่ 2 ชนิ ดเท่านั้น คือ ประจุ +6 และ ประจุ +3 2 : ลักษณ
ํ ่สุดเมื่อเทียบกับอาร์ เซนิ คที่มีประจุ หมาย
FALSE 3 : อาร์ เซนิ คชนิ ดที่มีประจุ +5 เป็ นสารที่มีความเป็ นพิษต่าที
FALSE 4 : โครเมียมที่มีประจุ +6 เป็ นสารที่มีความเป็ นพิษต่าทีํ ่สุดเมื่อเทียบกับโครเมียมที่มีประจุหมาย เลขอ
FALSE
ข้อที่ 12 : ชื่ อสารที่เป็ นที่รู้จกั กันโดยทัว่ ไปในข้อใดต่อไปนี้ มีชื่อวิทยาศาสตร์ ของสารนั้นผิด
FALSE 1: PCE = Tetrachloroethylene Ro
FALSE 2 : Xylene = Methylphenol
FALSE 3 : Toluene = Phenylmethane 7
FALSE 4 : PCDF = Polychlorinated dibenzofurans
FALSE
ข้อที่ 13 : สภาวิศวกร ถ้าเกิดเหตุการณ์ที่มีการรั่วไหลของของเสี ยอันตรายลงในแม่น้ าแห่ งหนึ่ง ค่าคงท
FALSE 1: Water solubility
FALSE 2 : Organic carbon-water partition coefficient (Koc)
FALSE 3: Henry's constant
FALSE 4 : Reference dose (RfD)
FALSE
ข้อที่ 14 : สาร CFC เป็ นสารที่ตอ้ งควบคุม เนื่องจากจัดอยูใ่ นประเภทใด
FALSE 1 : Flammable
FALSE 2 : Reactive
FALSE 3: Corrosive
FALSE 4: Persistent
FALSE
ข้อที่ 15 : สารไดออกซิ นเป็ นสารอันตรายในประเภทใด
FALSE 1: Toxic
FALSE 2 : Reactive
FALSE 3 : Corrosive
FALSE 4 : Ignitable
FALSE
ข้อที่ 16 : สาร Carcinogen คือสารที่มีคุณสมบัติอย่างไร
FALSE 1 : สารเคมีที่ระเบิดได้เมื่อถูกความชื้ น
FALSE 2 : สารที่อาจก่อให้เกิดมะเร็ งในสิ่ งมีชีวิต
FALSE 3 : สารที่อาจมีผลให้เกิดการกลายพันธุ์ของสิ่ งมีชีวิต
FALSE 4 : สารที่มีส่วนทาให้เกิดปรากฏการณ์เรื อนกระจก
FALSE
ข้อที่ 17 : แหล่งกาเนิ ดของเสี ยอันตรายประเภทใดที่จดั เป็ น Non-Point Source
FALSE 1 : น้ าเสี ยจากโรงงานที่มีโลหะหนักปนเปื้ อน
FALSE 2 : สลัดจ์จากระบบบาบัดน้ าเสี ยของโรงงานปิ โตรเลียม
FALSE 3 : น้ าเสี ยจากห้องปฏิบตั ิการวิจยั ของมหาวิทยาลัย
FALSE 4 : น้ าที่ไหลผ่านพื้นที่เพาะปลูกที่ใช้ปุ๋ยเคมี และยาฆ่าแมลงปริ มาณมาก
FALSE
ข้อที่ 18 : ข้อใดไม่ใช่ลกั ษณะของ Incompatible Waste
FALSE 1: ของเสี ยอันตรายที่ผสมกับสารอื่นแล้วเกิดปฏิกิริยาที่ก่อให้เกิดก๊าซพิษ
FALSE 2 : ของเสี ยอันตรายที่ผสมกับสารอื่นแล้วเกิดปฏิกิริยาที่ก่อให้เกิดความร้อนสู ง
FALSE 3 : ของเสี ยอันตรายที่ผสมกับสารอื่นแล้วเกิดปฏิกิริยาที่ก่อให้เกิดการลุกไหม้
FALSE 4 : ของเสี ยซึ่ งไม่สามารถบดอัดได้ มิฉะนั้นอาจเกิดระเบิดขึ้น
FALSE
ข้อที่ 19 : สมบัติหรื อลักษณะในข้อใดดังต่อไปนี้ของสิ่ งปฏิกูลหรื อวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว ที่ไม่พบในประก
FALSE 1 : เป็ นสารไวไฟ
FALSE 2 : เป็ นสารระเหยง่าย
FALSE 3 : เป็ นสารกัดกร่ อน
FALSE 4 : เป็ นสารที่ถูกชะล้างได้
FALSE
ํ าอุณหภูมิห้อง
ข้อที่ 20 : ข้อใดถูกที่สุดสาหรับสารอินทรี ยท์ ี่มี flash point ต่ากว่
FALSE 1 : ระเหยเป็ นไอได้ง่ายที่อุณหภูมิห้อง
FALSE 2 : สามารถละลายน้ าได้น้อย
FALSE 3 : มีความเป็ นพิษน้อย
FALSE 4 : สามารถติดไฟได้เองที่อุณหภูมิห้อง
FALSE
ข้อที่ 21 : ข้อใดถูกที่สุดสาหรับสารอินทรี ยท์ ี่มีความสามารถในการละลายน้ ามาก
FALSE 1: เมื่อรั่วไหลสู่ สิ่งแวดล้อม มักจะคงอยูไ่ ด้นาน
FALSE 2 : มีความดันไอน้อย
FALSE 3 : มักจะมีมวลโมเลกุลสู ง
FALSE 4 : สามารถดูดซับกับตะกอนดินได้น้อย
FALSE

ข้อที่ 22 : ข้อใดถูกที่สุดสาหรับสารอินทรี ยท์ ี่มีความถ่วงจาเพาะน้อยกว่าหนึ่ง เมื่อเปรี ยบเทียบกับน้ า)


FALSE 1 : ต้องแยกตัวจากน้ าและลอยอยูเ่ หนื อน้ าเสมอ
FALSE 2 : มีความหนาแน่ นน้อยกว่านี้
FALSE 3 : มีความสามารถในการละลายน้ าน้อย
FALSE 4 : เป็ นสารไฮโดรคาร์ บอนที่มีมวลโมเลกุลตา
FALSE
ข้อที่ 23 : ข้อใดไม่ถูกต้องสาหรับสารอินทรี ยท์ ี่มีคลอรี น (Chlorine) เป็ นองค์ประกอบอยูม่ าก
FALSE 1: เมื่อรั่วไหลสู่ สิ่งแวดล้อม มักจะคงอยูไ่ ด้นาน
FALSE 2 : เมื่อผ่านกระบวนการเผาทาลาย อาจจะได้สารกลุ่มไดออกซิ น (dioxin) เป็ นผลิตภัณฑ์
FALSE 3 : มักจะมีความเป็ นพิษสู ง
FALSE 4 : สามารถสะลายน้ าได้ดี
FALSE
ข้อที่ 24 : ข้อใดถูกที่สุดสาหรับสารเคมีกาจัดวัชพืชและแมลง
FALSE 1 : มักจะมีคลอรี น หรื อฟอสเฟตเป็ นองค์ประกอบ
FALSE 2 : สามารถสลายตัวง่าย ไม่สะสมในสิ่ งแวดล้อม และในสิ่ งมีชีวิต
FALSE 3 : มักจะไม่เป็ นพิษต่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
FALSE 4 : มักจะละลายน้ าได้น้อย
FALSE
ข้อที่ 25 : ของผสมในข้อใดอาจจะเกิดระเบิดหรื อติดไฟได้เอง
FALSE 1 : ส่ วนผสมของสารทาละลายอินทรี ยก์ บั เถ้าลอย
FALSE 2 : ส่ วนผสมของสารละลายที่มีสารตัวทาละลายอินทรี ยแ์ ละกรดอินทรี ย ์
FALSE 3 : ส่ วนผสมของสารพวกเปอร์ ออกไซด์หรื อคลอรี นกับสารทาละลายอินทรี ย ์
FALSE 4 : ถ่านกัมมันต์ที่ใช้แล้วในกระบวนการบาบัดสี จากน้ าและกรดอินทรี ยเ์ จือจาง
FALSE
ข้อที่ 26 : การกระทาในข้อใดเป็ นสิ่ งที่สมควรเพือ่ การลดอันตรายหรื อสารพิษเกิดขึ้น
FALSE 1 : การใช้ปูนขาวเพือ่ ทาเสถียรขยะอันตรายประเภทแบตเตอรี่ รถยนต์ใช้แล้ว
FALSE 2 : การทิ้งส่ วนผสมของกรดจากกระบวนการกัดแต่งผิวโลหะและเศษผงโลหะไว้ในภาชนะปิ ด รวมก
FALSE 3 : การทิ้งส่ วนผสมของสารทาละลายอินทรี ยจ์ ากการล้างชิ้นงานรวมกับสารละลายกรด
FALSE 4 : การผสมปูนซี เมนต์กบั สลัดจ์จากกระบวนการตกตะกอนเคมีน้ าทิง้ โรงชุบโลหะ
FALSE
ข้อที่ 27 : จากข้อมูลลักษณะสมบัติทางเคมีกายภาพในตาราง เมื่อมีการรั่วไหลของสารดังกล่าวสู่ สิ่งแว
FALSE

1:D>C>B>A
FALSE 2 : A > B > C > D
FALSE 3 : A > C > B > D
FALSE 4 : B > C > A > D
FALSE
ข้อที่ 28 : สารใดสามารถบ่งชี้ว่ามีความเสี่ ยงของการปนเปื้ อนของสารอันตรายจากน้ าทิ้งโรงงานหลอ
FALSE 1 : ตะกัว่
FALSE 2 : ไซยาไนต์
FALSE 3 : ยูเรเนี ยม
FALSE 4 : แคลเซี ยม
FALSE
ข้อที่ 29 : ข้อไม่ใช่ผลที่เกิดจากปฏิกิริยาของการผสมกันของของเสี ยอันตรายที่ปนกันไม่ได้
FALSE 1 : เกิดระเบิด
FALSE 2 : เกิดไฟไหม้
FALSE 3 : เกิดความร้อนสู ง
FALSE 4 : เกิดปฏิกิริยานิ วเคลียร์
FALSE
ข้อที่ 30 : ในการจัดแบ่งประเภทสารอันตราย ข้อใดไม่ใช่สารที่เป็ นก๊าซติดไฟได้ง่าย
FALSE 1 : Propane
FALSE 2 : Hydrogen
FALSE 3 : Butadiene
FALSE 4 : Xenon
FALSE
ข้อที่ 31 : เมื่อแคลเซี ยมคาร์ ไบด์โดนน้ าหรื อความชื้ นในบรรยากาศ จะเกิดสารลุกติดไฟได้ คือสารอะ
FALSE 1: แคลเซี ยมไฮดรอกไซด์
FALSE 2 : อะเซทิลีน 0
FALSE 3 : แคลเซี ยมออกไซด์
FALSE 4 : คาร์ บอนไดออกไซด์
FALSE
ข้อที่ 32 : ข้อใดไม่ใช่คุณสมบัติของกากของเสี ยอันตราย
FALSE 1: corrosivity
FALSE 2 : reactivity
FALSE 3 : degradability
FALSE 4 : ignitability
FALSE
ข้อที่ 33 : สารประเภทตัวทาละลายจะพบในกากของเสี ยจากโรงงานประเภทไหน
FALSE 1 : กากของเสี ยจากอุตสาหกรรมพลาสติก
FALSE 2 : กากของเสี ยจากอุตสาหกรรมใยสังเคราะห์
FALSE 3 : กากของเสี ยจากโรงงานอิเล็กโทรนิ กส์
FALSE 4 : กากของเสี ยจากโรงไฟฟ้ าถ่านหิ น
FALSE
ข้อที่ 34 : แหล่งกาเนิ ดสาคัญที่สุดของสารไดอ๊อกซิ นคือข้อใด
FALSE 1 : หลุมฝังกลบปลอดภัย (Secure Landfill)
FALSE 2 : เตาเผาขยะ
FALSE 3 : หลุมฝังกลบขยะชุมชน (Sanitary landfill)
FALSE 4 : การหมักปุ๋ ย
FALSE
ข้อที่ 35 : ข้อใดต่อไปนี้จดั เป็ นของเสี ยอันตรายประเภทสารพิษ (Toxicity)
FALSE 1 : ถังบรรจุก๊าซหุ งต้ม
FALSE 2 : ถังบรรจุก๊าซออกซิ เจน
FALSE 3 : กระป๋ องบรรจุยาฆ่าแมลง 8
FALSE 4 : ขวดเครื่ องดื่มแอลกอฮอล์
FALSE
ข้อที่ 36 : แหล่งใดที่ก่อให้เกิดการปนเปื้ อนของแคดเมียมสู่ สิ่งแวดล้อมมากที่สุด
FALSE 1 : โรงงานผลิตพลาสติก
FALSE 2 : โรงงานชุบโลหะ
FALSE 3 : โรงงานผลิตกระดาษ
FALSE 4 : โรงงานทาแก้ว
FALSE
ข้อที่ 37 : สารเคมีใดที่ใช้เป็ นยาฆ่าแมลง
FALSE 1 : TNT
FALSE 2 : PCB
FALSE 3 : BTEX
FALSE 4 : DDT
FALSE
ข้อที่ 38 : ถ้ามีการสัมผัสสารอันตรายที่มีฤทธิ์ เป็ นกรดสู งควรปฏิบตั ิเช่นไร
FALSE 1 : ล้างด้วยน้ าสบู่
FALSE 2 : ล้างด้วยน้ าสะอาด
FALSE 3 : ประคบด้วยน้ าแข็ง
FALSE 4 : ล้างด้วยเบสก่อนเพือ่ ปรับสภาพให้เป็ นกลาง
FALSE
ข้อที่ 39 : คุณสมบัติ carcinogenicity ของสารคือข้อใด
FALSE 1: การติดเชื้ อ
FALSE 2 : การระคายเคือง
FALSE 3 : การก่อให้เกิดมะเร็ ง
FALSE 4 : การกัดกร่ อน
FALSE
ข้อที่ 40 : ไดออกซิ น มีองค์ประกอบของอะไรบ้าง
FALSE 1 : C, 0, H, P
FALSE 2 : C, 0, H, CI
FALSE 3 : C, 0, P, CI
FALSE 4 : C, 0, H, S
FALSE
ข้อที่ 41 : ยาฆ่าแมลงที่มีคลอรี นเป็ นองค์ประกอบ คือสารเคมีกลุ่มใด
FALSE 1: ออร์ กาโนคลอขึ้น
FALSE 2 : ออร์ กาโนฟอสเฟต
FALSE 3 : คาร์ บาเมต
FALSE 4 : ไพรี ทรอยด์
FALSE
ข้อที่ 42 : สารก่อมะเร็ งที่มกั พบในน้ าประปาที่มีการฆ่าเชื้ อโรคด้วยสารคลอรี น คือข้อใด
FALSE 1: benzene
FALSE 2 : dioxin
FALSE 3 : trichloroethylene
FALSE 4 : trihalomethane
FALSE
ข้อที่ 43 : ข้อใดสามารถวิเคราะห์ได้ดว้ ยเครื่ อง Inductively Coupled Plasma Spectrometer (ICPs)
FALSE 1: VOC
FALSE 2 : Heavy metals
FALSE 3 : Furan
FALSE 4 : Dioxin
FALSE
ข้อที่ 44 : น้ าเสี ยจากอุตสาหกรรมชุบโครเมียม มักจะพบสารชนิ ดใดปนเปื้ อน
FALSE 1 : Phenol
FALSE 2 : Cyanide
FALSE 3: Dioxin
FALSE 4: Toluene
FALSE
ข้อที่ 45 : น้ าเสี ยปนเปื้ อนด้วยฟอร์ มาดีไฮด์ พบได้ในแหล่งน้ าเสี ยใด
FALSE 1: น้ าเสี ยอุตสาหกรรมผลิตนม N”
FALSE 2 : น้ าเสี ยอุตสาหกรรมผลิตแนู ตเตอรี่
FALSE 3 : น้ าเสี ยโรงพยาบาล
FALSE 4 : น้ าเสี ยอุตสาหกรรมผลิตเคลกอฮอล์
FALSE
ข้อที่ 46 : ข้อใดจัดเป็ นสาร Polycyclic Aromatic Hydrocarbons
FALSE 1 : Pyrene
FALSE 2 : Benzene
FALSE 3: Toluene
FALSE 4 : Xylene
FALSE
ข้อที่ 47 : ข้อใดเป็ นวิธีสกัดสารอนิ นทรี ยอ์ นั ตรายและสารอินทรี ยอ์ นั ตรายตามประกาศกระทรวงอุตส
FALSE 1 : Synthetic Precipitation Leaching Procedure (SPLP)
FALSE 2 : Toxicity Characteristic Leaching Procedure (TCLP)
FALSE 3: Waste Extraction Test (WET)
FALSE 4 : Sequencing Extraction Procedure (SEP)
FALSE
ข้อที่ 48 : น้ าเสี ยที่เกิดจากการวิเคราะห์ค่าซี โอดี ในห้องปฏิบตั ิการมักจะพบโลหะชนิ ดใดปนเปื้ อน
FALSE 1 : ปรอท แคดเมียม และ เงิน
FALSE 2 : ปรอท ตะกัว่ และโครเมียม
FALSE 3 : ปรอท ตะกัว่ และเงิน
FALSE 4 : ปรอท โครเมียม และ เงิน
FALSE
ข้อที่ 49 : ข้อใดไม่ใช่ลกั ษณะสมบัติที่จาแนกของเสี ยอันตราย
FALSE 1 : ถูกชะล้างได้
FALSE 2 : ติดไฟง่าย
FALSE 3 : เกิดปฏิกิริยาง่าย
FALSE 4 : ทาให้เกิดโรค
FALSE
ข้อที่ 50 : ข้อใดไม่ใช่ลกั ษณะสมบัติของโพลีคลอริ เนตเด็ดไบฟี นิ ล (Poly Chlorinated Biphenyl, PCB
FALSE 1 : มีความคงตัวสู ง
FALSE 2 : ละลายน้ าได้ง่าย
FALSE 3 : ไวไฟ
FALSE 4 : ระเหยช้า
FALSE
ข้อที่ 51 : Arochlor 1242 หมายถึงสารที่ประกอบด้วยคลอรี นกี่เปอร์ เซ็นต์
FALSE 1 : 24
FALSE 2:12
FALSE 3:42
FALSE 4:02
FALSE
ข้อที่ 52 : ดีดีที่(DDT) เป็ นยาฆ่าแมลงจาพวกใด
FALSE 1 : Chlorinated hydrocarbon
FALSE 2 : Chlorinated hydrocarbon
FALSE 3 : Biphenyl Chlorinated hydrocarbon
FALSE 4 : Diphenyl Chlorinated hydrocarbon
FALSE
ข้อที่ 53 : ข้อใดต่อไปนี้ไม่เป็ นลักษณะสมบัติของสิ่ งปฏิกูลหรื อวัสดุที่ไม่ใช้แล้วประเภทสารไวไฟ ตา
FALSE 1 : เป็ นสารออกซิ ไดเซอร์ (Oxidizer)
FALSE 2 : เป็ นสารที่ไม่ใช่ของเหลวแต่สามารถลุกเป็ นไฟได้
FALSE ํ า 60 องศาเซลเซี ยส
3 : เป็ นของเหลวที่มีจุดวาบไฟ (Flash point) ต่ากว่
FALSE 4 : เป็ นสารกัมมันตรังสี
FALSE
ข้อที่ 54 : ข้อใดต่อไปนี้ไม่เป็ นลักษณะสมบัติของสิ่ งปฏิกูลหรื อวัสดุที่ไม่ใช้แล้วประเภทสารที่เกิดปฏ
FALSE 1 : เป็ นสารซึ่ งเมื่อผสมกับน้ า จะทาให้เกิดมีก๊าซพิษ
FALSE 2 : เป็ นสารซึ่ งทาปฏิกิริยาอย่างรุ นแรงกันน้ า,
FALSE 3 : เป็ นสารซึ่ งเมื่อถูกทาให้ร้อนในที่จากัดจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาระเบิดรุ นแรงได้
FALSE 4 : เป็ นสารที่ระเหยได้อย่างรวดเร็ วและไม่ทาปฏิกิริยากับอากาศ
FALSE
ข้อที่ 55 : ข้อใดเป็ นหน่ วยของค่าความเป็ นพิษ LD50 (Lethal Dose 50)
FALSE 1 : ส่ วนในล้านส่ วน 6
FALSE 2 : มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม
FALSE 3 : มิลลิกรัมต่อลิตร
FALSE 4 : มิลลิกรัม
FALSE
ข้อที่ 56 : ข้อใดเป็ นหน่ วยของค่าความเป็ นพิษ LC50 (Lethal Concentration 50)
FALSE 1 : ส่ วนในล้านส่ วน
FALSE 2 : มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม
FALSE 3 : มิลลิกรัมต่อนาที
FALSE 4 : มิลลิกรัมต่อเซลล์
FALSE
ข้อที่ 57 : สารโพลีคลอริ เนตเด็ดไบฟี นิ ล (Poly Chlorinated Biphenyl, PCB) สามารถพบได้ในวัสดุใด
FALSE 1 : หม้อแปลงไฟฟ้ า
FALSE 2 : ก๊าซที่ใช้ในการเชื่ อม
FALSE 3 : ฉนวนและวัสดุก่อสร้าง
FALSE 4 : น้ ามันเครื่ อง
FALSE
ข้อที่ 58 : ข้อใดต่อไปนี้ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับสารฆ่าแมลงประเภทออร์ แกโนคลอรี น (organochlorine)
FALSE 1 : ดีดีที และเอนโดซัลแฟน นับเป็ นสารประเภทนี้
FALSE 2 : ถูกห้ามจาหน่ ายและใช้ แล้วในประเทศไทย
FALSE 3 : สะสมได้มากในสิ่ งมีชีวิต
FALSE 4 : มีพิษร้ายแรง แต่ถูกย่อยสลายได้ง่ายในธรรมชาติ
FALSE
ข้อที่ 59 : สารในข้อใดก่อให้เกิดโรค methemoglobinemia หรื อ blue baby ในเด็กที่ได้รับในปริ มาณม
FALSE 1 : ตะกัว่
FALSE 2 : ไนเตรท
FALSE 3 : ปรอท
FALSE 4 : ซัลไฟด์
FALSE
ข้อที่ 60 สภาวิศวกร เครื่ องมือวิเคราะห์ในข้อใดใช้วิเคราะห์โลหะหนักในตัวอย่างน้ า
FALSE 1 : X-ray fluorescence spectroscope (XRF)
FALSE 2 : Atomic absorption spectrophotometer (AAS)
FALSE 3 : Gas Chromatography (GC)
FALSE 4 : Environmental Scanning Electron Microscopy (ESEM)
FALSE
ข้ อที่ 61 เครื่ องมือวิเคราะห์ในข้อใด ใช้วิเคราะห์สารอินทรี ยร์ ะเหยง่าย
FALSE 1 : X-ray fluorescence spectroscope (XRF)
FALSE 2 : Atomic absorption spectrophotometer (AAS)
FALSE 3 : Gas Chromatography (GC)
FALSE 4 : Environmental Scanning Electron Microscopy (ESEM)
FALSE
ข้อที่ 62 : มลพิษกลุ่มใดที่ไม่ได้มีแหล่งกาเนิ ดมาจาก Anthropogenic source
FALSE 1 : NO
FALSE 2 : SO,
FALSE 3: Volatile organic compounds (VOCs)
FALSE 4 : Radon
FALSE
ข้อที่ 63 : HA (Hazardous waste – Absolute entry) ในประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่ องการกาจัด
FALSE 1 : สิ่ งปฏิกูลหรื อวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่ผปู ้ ระกอบการสามารถทาการโต้แย้งว่าสิ่ งปฏิกูลหรื อวัสดุที่ ไม่ใช
FALSE 2 : สิ่ งปฏิกูลหรื อวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่มีคุณสมบัติเป็ นสารที่เป็ นอันตรายต่อสุ ขอนามัยหรื อสิ่ ง แวดล้อม
FALSE 3 : สิ่ งปฏิกูลหรื อวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่มีคุณสมบัติเป็ นสารซึ่ งเมื่อถูกทาให้ร้อนในที่จากัดจะก่อให้ เกิดป
FALSE 4 : สิ่ งปฏิกูลหรื อวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่มีคุณสมบัติเป็ นของเสี ยอันตราย
FALSE
ข้อที่ 64 : HM (Hazardous waste - Mirror entry) ในประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่ องการกาจัดสิ่ ง
FALSE 1: สิ่ งปฏิกูลหรื อวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่มีคุณสมบัติเป็ นของเสี ยอันตราย
FALSE 2 : สิ่ งปฏิกูลหรื อวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่ผปู ้ ระกอบการสามารถทาการโต้แย้งว่าสิ่ งปฏิกูลหรื อวัสดุที่ไม่ใช้แ
FALSE 3 : สิ่ งปฏิกูลหรื อวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่มีคุณสมบัติเป็ นสารที่เป็ นอันตรายต่อสุ ขอนามัยหรื อสิ่ ง แวดล้อม
FALSE 4 : สิ่ งปฏิกูลหรื อวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่มีคุณสมบัติเป็ นสารซึ่ งเมื่อถูกทาให้ร้อนในที่จากัดจะก่อให้ เกิดป
FALSE
ข้อที่ 65 : คุณสมบัติขอ้ ใดสามารถบอกได้ว่าของเสี ยอันตรายนั้นสามารถระเหยสู่ บรรยากาศได้
FALSE 1 : Solubility
FALSE 2 : Ignitability
FALSE 3 : Toxicity
FALSE 4: Vapor pressure
FALSE
ข้อที่ 66 : ถังบรรจุสาร Chlorobenzene (ความหนาแน่ น 1.106 กก./ลิตร) มีสารนี้อยูใ่ นถัง 30 ลิตร หก
FALSE 1 : 3.318 มิลลิกรัมต่อลิตร
FALSE 2 : 33.18 มิลลิกรัมต่อลิตร
FALSE 3 : 36.87 มิลลิกรัมต่อลิตร
FALSE 4 : 368.67 มิลลิกรัมต่อลิตร
FALSE
ข้อที่ 67 : ความเข้มข้นของโครเมียมในน้ าเสี ย 200 มก./ลิตร ถ้าน้ าเสี ยมีปริ มาตร 30 ลิตร และเกิดการ
FALSE 1 : 3.33 มก./กก.
FALSE 2 : 3.00 มก./ลิตร
FALSE 3 : 3.33 มก./ลิตร
FALSE 4 : 3.00 มก./กก.
FALSE
ข้อที่ 68 : สารใดต่อไปนี้เมื่อปนเปื้ อนแล้วมีแนวโน้มที่จะระเหยได้ง่ายที่สุด
FALSE 1: Methyl isobutyl ketone (Vapor Pressure = 15 mm Hg)
FALSE 2: Methyl ethyl ketone (Vapor pressure = 77.5 mm Hg)
FALSE 3 : Methyl formate (Vapor Pressure = 476 mm Hg)
FALSE 4: Methyl chloride (Vapor Pressure = 3,790 mm Hg
FALSE
ข้อที่ 69 : รังสี หรื ออนุ ภาคใดต่อไปนี้มีความสามารถในการทะลุทะลวงสู งสุ ด
FALSE 1 : อัลฟา
FALSE 2 : เบตา
FALSE 3 : แกมม่า
FALSE 4 : ซี ตา้
FALSE
ข้อที่ 70 : สาร PCB ได้รั่วไหลลงในน้ าใต้ดิน โดยซึ มผ่านชั้นดิน พบว่าน้ าใต้ดินมีสาร PCB0.2 มก./ล
FALSE 1 : 4,200 มก./กก.
FALSE 2 : 4,400 มก./กก.
FALSE 3 : 4,900 มก./กก.
FALSE 4 : 5,300 มก./กก.
FALSE
ข้อที่ 71 : พื้นที่ในข้อใดที่เราสามารถตรวจพบสาร BTEX ปนเปื้ อนในชั้นดิน
FALSE 1 : ปั้ มน้ ามัน
FALSE 2 : โรงงานผลิตยา
FALSE 3 : ไร่ เกษตรกรรม
FALSE 4 : โรงงานผลิตนม
FALSE
ข้อที่ 72 : สารอันตรายที่ใช้ในกระบวนการแต่งแร่ ในเหมืองทองคา คือ
FALSE 1 : สารปรอท
FALSE 2 : สารตะกัว่
FALSE 3 : สารหนู
FALSE 4 : ไซยาไนด์
FALSE
ข้อที่ 73 : สารเคมีชนิ ดหนึ่งมีค่าคงที่อตั ราเร็ วปฏิกิริยาอันดับหนึ่ง 0.02 ต่อวัน สารนี้จะมีเวลาครึ่ งชีวิต
FALSE 1: 15 วัน
FALSE 2 : 25 วัน
FALSE 3 : 35 วัน
FALSE 4 : 45 วัน
FALSE
ข้อที่ 74 : สารในข้อใดถอดูดซับด้วยดินได้มากที่สุด
FALSE 1: 2,3,74-TCDD (log Kow = 6.64)
FALSE 2 : Naphthalene (log KoW = 3.36)
FALSE 3 : Trichloroethylene (log Kow = 2.42)
FALSE 4 : Benzene (log Kow = 2.13)
FALSE
ข้อที่ 75 : สารอันตรายที่พบมากในประเทศไทย ซึ่ งเป็ นประเทศเกษตรกรรม มักเป็ นพวกสารป้ องกัน
FALSE 1 : ฟอสเฟต
FALSE 2 : อีเทอร์
FALSE 3 : ออร์ กาโนคลอรี น
FALSE 4 : ดีดีที่
FALSE
ข้อที่ 76 : สัญลักษณ์น้ ีแสดงของเสี ยอันตรายประเภทใด
FALSE

1 : สารควบคุมอุณหภูมิ ขณะการขนส่ ง
FALSE 2 : สารที่เป็ นก๊าซความดันสู ง
FALSE 3 : สารอันตรายเบ็ดเตล็ด
FALSE 4 : สารแพร่ เชื่ อ
FALSE
ข้อที่ 77 : สัญลักษณ์น้ ีแสดงของเสี ยอันตรายประเภทใด
FALSE

1 : poison
FALSE 2 : toxic
FALSE 3 : danger
FALSE 4 : biohazard
FALSE
ข้อที่ 78 : สัญลักษณ์น้ ีแสดงของเสี ยอันตรายประเภทใด
FALSE

1 : poison
FALSE 2 : Corrosive
FALSE 3: explosive
FALSE 4 : flammable
FALSE
ข้อที่ 79 : น้ ายาทาความสะอาดห้องน้ าจัดเป็ นของเสี ยอันตราย เพราะมีลกั ษณะสมบัติในข้อใด
FALSE 1 : Corrosivity
FALSE 2 : Ignitability
FALSE 3 : Flammability
FALSE 4 : Explosivity
FALSE
ข้อที่ 80 : ควรเก็บสารเคมีที่เป็ นของเหลวและไวไฟด้วยวิธีใด
FALSE 1: เก็บในตูเ้ ย็นสาหรับเก็บสารโดยเฉพาะ
FALSE 2 : เก็บในที่มืดและอากาศถ่ายเทได้ดี
FALSE 3 : เก็บให้ห่างจากความชื่ นและความร้อน
FALSE 4 : จัดเก็บในขวดสี ชา เพือ่ ลดความผลกระทบจากแสงแดด
FALSE
ข้อที่ 81 : ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมเรื่ อง การกาจัดสิ่ งปฏิกูลหรื อวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ. 2548 ได
FALSE 1 : น้อยกว่า 2 หรื อ มากกว่า 1
FALSE 2 : น้อยกว่า 4 หรื อ มากกว่า 10
FALSE 3 : น้อยกว่า 2 หรื อ มากกว่า 2.5
FALSE 4 : น้อยกว่า 4 หรื อ มากกว่า 12.5
FALSE
ข้อที่ 82 : การวิเคราะห์ตวั อย่างแก๊สโซลีนต้องใช้เครื่ องมือชนิ ดใด
FALSE 1: Gas chromatography
FALSE 2 : Liquid chromatography
FALSE 3 : Fluorescence spectroscopy
FALSE 4 : Infrared spectroscopy
FALSE
ข้อที่ 83 : สารนิ กเกิลคลอไรด์เป็ นสารอันตรายเนื่องจากจัดอยูใ่ นประเภทใด
FALSE 1 : Toxic
FALSE 2 : Reactive
FALSE 3 : Corrosive
FALSE 4 : Persistent
FALSE
ข้อที่ 84 : สี ทาบ้านที่ใช้อยูท่ วั่ ไปมีสารใดเป็ นองค์ประกอบ ที่เมื่อเหลือใช้จดั เป็ นของเสี ยอันตราย
FALSE 1 : อาร์ เซนิ ก จัดเป็ นของเสี ยอันตราย
FALSE 2 : ปิ โตรเคมี จัดเป็ นของเสี ยอันตราย
FALSE 3 : แอสเบสตอส จัดเป็ นของเสี ยอันตราย
FALSE 4 : ไซยาไนด์ จัดเป็ นของเสี ยอันตราย
FALSE
ข้อที่ 85 : ข้อใดไม่ใช่สารอินทรี ยร์ ะเหยง่ายที่เป็ นสารก่อมะเร็ ง (Carcinogen)
FALSE 1: Trichloroethylene
FALSE 2 : Vinyl Chloride
FALSE 3 : Xylene
FALSE 4 : Haloacetic Acid
FALSE
ข้อที่ 86 : ข้อใดคือคุณสมบัติของสารที่มีหนาแน่ นน้อยกว่าน้ า
FALSE 1 : ละลายเนื้อเดียวกันกับน้ าได้
FALSE 2 : มีความถ่วงจาเพาะมากกว่าหรื อเท่ากับหนึ่ง เมื่อเปรี ยบเทียบกับน้ า )
FALSE 3 : แยกตัวออกจากน้ า และลอยอยูเ่ หนื อผิวน้ า
FALSE 4 : เป็ นสารไฮโดรคาร์ ออมที่มีมวลโมเลกุลสู ง
FALSE
ข้อที่ 87 : ข้อใดไม่ถูกต้องสัจหรับสารกลุ่มโลหะหนัก
FALSE 1 : ถูกนาไปใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตพลาสติก สี ถ่านไฟฉาย
FALSE 2 : บางชนิ ดเป็ นธาตุอาหารสาคัญต่อสิ่ งมีชีวิต
FALSE 3 : ความเป็ นพิษมีค่าแปรผันตามค่าเลขออกซิ เดชัน
FALSE 4 : มีค่าความถ่วงจาเพาะตั้งแต่ 3 ขึ้นไป
FALSE
ข้อที่ 88 : Butadiene จัดเป็ นของเสี ยอันตรายประเภทใด
FALSE 1 : สารติดไฟง่าย
FALSE 2 : สารกัมมันตรังสี
FALSE 3 : สารระเบิดได้
FALSE 4 : สารออกซิ ไดซ์
FALSE
ข้อที่ 89 : โซเดียมไฮดรอกไซด์ จัดเป็ นสารประเภทใด
FALSE 1 : สารที่สมั ผัสกับน้ าแล้วได้ก๊าซไวไฟ
FALSE 2 : สารกัดกร่ อน
FALSE 3 : สารกัมมันตรังสี
FALSE 4 : ของเหลวไวไฟ
FALSE
ข้อที่ 90 : ข้อใดไม่ใช่ของเสี ยอันตรายที่มกั จะพบในโรงพยาบาล
FALSE 1 : ขยะติดเชื้ อ
FALSE 2 : น้ าเสี ยปนเปื้ อนด้วยฟอร์ มาลดีไฮด์
FALSE 3 : ขยะที่ปนเปื้ อนสารกัมมันตรังสี 60
FALSE 4 : น้ าเสี ยปนเปื้ อนด้วยไนเตรท
FALSE
ข้อที่ 91 : ข้อใดไม่ใช่ คุณสมบัติของ Polychlorinated Dibenzodioxins (PCDDs)
FALSE 1: เป็ นผลึกไม่มีสี แต่มีกลิ่นอน
FALSE 2 : ละลายน้ าได้เล็กน้อย แต่ละลายได้ดีในไขมัน
FALSE 3 : น้ าหนักโมเลกุล เท่ากับ 321.96
FALSE 4 : จุดหลอมเหลว 300 องศาเซลเซี ยส สลายตัวที่ 700 องศาเซลเซี ยส
FALSE
ข้อที่ 92 : - หน่ วยงานในสหรัฐอเมริ กา EPA มีชื่อเต็มว่า
FALSE 1 : Energy Production Agency
FALSE 2 : Environmental Protection Agency
FALSE 3: Energy Production Agenda
FALSE 4 : Environmental Protection Agenda
FALSE
ข้อที่ 93 : สารชนิ ดใดไม่จดั อยูใ่ นกลุ่มยาฆ่าแมลง (Pesticides)
FALSE 1 : Endrin
FALSE 2 : Heptachlor
FALSE 3 : Lindane
FALSE 4 : Cresol
FALSE
ข้อที่ 94 : กฎหมายใดในสหรัฐอเมริ กาที่ดาเนิ นการด้านการควบคุมของเสี ยอันตราย
FALSE 1: OSHA และ RCRA
FALSE 2 : CERCLA และ OSHA
FALSE 3 : USGS และ RCRA
FALSE 4 : RCRA และ CERCLA
FALSE
ข้อที่ 95 : กฎหมายในสหรัฐอเมริ กา RCRA มีชื่อเต็มว่า
FALSE 1 : Recycle Company Resource Agency
FALSE 2 : Resource Compensation and Recovery Act
FALSE 3 : Resource Conservation and Recovery Act
FALSE 4 : Resource Company Recycle Agency
FALSE

ข้อที่ 96 : กฎหมายในสหรัฐอเมริ กา CERCLA มีชื่อเต็มว่า


FALSE 1 : Comprehensive Environmental Response, Compensation, and Liability Agency
FALSE 2 : Comprehensive Environmental Response, Conservation, and Liability Act
FALSE 3 : Comprehensive Environmental Response, Conservation, and Liability Agency
FALSE 4: Comprehensive Environmental Response, Compensation, and Liability Act
FALSE
ข้อที่ 97 : ข้อใดจัดเป็ นสารอนิ นทรี ย ์ (Inorganic)
FALSE 1 : Barium
FALSE 2 : Benzene
FALSE 3 : Bromoform
FALSE 4 : Benzidine
FALSE
เนื้อหาวิชา : 639 : 2. Toxicology
FALSE
ข้อที่ 98 : ผลจากการได้รับสารเคมีในข้อใด เป็ นการเกิดเนื้องอกในร่ างกายของผูไ้ ด้รับสารเคมีน้ นั
FALSE 1 : Carcinogenic effect
FALSE 2 : Mutagenic effect
FALSE 3 : Teratogenic effect
FALSE 4: Immunogenic effect
FALSE
ข้อที่ 99 : ผลจากการได้รับสารเคมีในข้อใด เป็ นการเกิดการกลายพันธุ์ในเซลล์ในร่ างกายของผูไ้ ด้รับ
FALSE 1 : Carcinogenic effect
FALSE 2 : Mutagenic effect
FALSE 3 : Teratogenic effect
FALSE 4: Immunogenic effect
FALSE
ข้อที่ 100 : ผลจากการได้รับสารเคมีในข้อใด เป็ นการเกิดการผิดปกติในตัวอ่อนในร่ างกายของผูไ้ ด้รับ
FALSE 1 : Carcinogenic effect
FALSE 2 : Mutagenic effect
FALSE 3: Teratogenic effect
FALSE 4: Immunogenic effect
FALSE
ข้อที่ 101 : สารเคมีใดต่อไปนี้มีระดับความเป็ นพิษสู งสุ ด
FALSE 1: Malathion LD50 = 100 มก./กก.)
FALSE 2 : Dieldrin (1950 = 10.0 มก./กก.)
FALSE 3 : Dicofo (LD50 = 690 มก./กก.)
FALSE 4 : Demeton (LD50 = 1.70 มก./กก.)
FALSE
ข้อที่ 102 : ค่าความเข้มข้นของสารเคมีในอากาศที่ปลอดภัยสาหรับผูป้ ฏิบตั ิงานจะได้รับในระยะเวลา
FALSE 1 : Threshold Limit Value - Short Term Exposure Limit (TLV-STEL)
FALSE 2 : Threshold Limit Value - Time Weighted Average (TLV-TWA)
FALSE 3 : Threshold Limit Value - Ceiling Exposure Limit (TLV-C)
FALSE 4: Permissible Exposure Limit (PEL)
FALSE
ข้อที่ 103 : หากพิจารณาถึงระดับความเข้มข้นของสารเคมีต่อวันที่สามารถรับเข้าสู่ ร่างกายได้ไม่ว่าจะ
FALSE 1 : Reference dose (RfD)
FALSE 2 : Threshold limit value (TLV)
FALSE 3 : Slope Factor (SF)
FALSE 4: Carcinogen class
FALSE
ข้อที่ 104 : ค่าใดต่อไปนี้ใช้ในการหาความเสี่ ยงในการเกิดมะเร็ ง
FALSE 1 : Reference dose (RfD)
FALSE 2 : Threshold limit value (TLV)
FALSE 3 : Slope Factor (SF)
FALSE 4: Carcinogen class
FALSE
ข้อที่ 105 : หากพิจารณาตาม carcinogen class ที่จาแนกโดยระบบของ US EPA ของสารต่อไปนี้ Bro
FALSE 1 : Bromoform, Chromium(VI), 1,2-Dichlorobenzene, Formaldehyde, Hexachloroethane
FALSE 2 : Bromoform, 1,2-Dichlorobenzene, Formaldehyde, Hexachloroethane
FALSE 3 : Bromoform, Chromium(VI), Formaldehyde
FALSE 4 : Bromoform, Formaldehyde
FALSE
ข้อที่ 106 : คาศัพท์ใดต่อไปนี้ที่ใช้ในการเรี ยก การพบความเข้มข้นของสารปนเปื้ อน ที่สะสมในปลาห
FALSE 1 : Biomagnification
FALSE 2 : Bioaugmentation
FALSE 3 : Biosorption
FALSE 4: Biostimulation
FALSE
ข้อที่ 107 : Chronic Effect คือ
FALSE 1 : ผลร้ายรุ นแรงที่เกิดขึ้นต่อสุ ขภาพอย่างเฉี ยบพลันอันเกิดจากการได้รับสารอันตราย
FALSE 2 : ผลร้ายที่เกิดขึ้นต่อสุ ขภาพจากการได้รับสารอันตรายเป็ นเวลาต่อเนื่องยาวนาน
FALSE 3 : ผลที่เกิดขึ้นจากปรากฏการณ์เรื อนกระจก
FALSE 4 : ผลร้ายที่เกิดกับสุ ภาพจากการได้รับสารพิษมากกว่าหนึ่งชนิ ด
FALSE
ข้อที่ 108 : Acute Effect มีความหมายตามข้อใด
FALSE 1 : ผลร้ายรุ นแรงที่เกิดขึ้นต่อสุ ขภาพอย่างเฉี ยบพลันอันเกิดจากการได้รับสารอันตราย
FALSE 2 : ผลร้ายที่เกิดขึ้นต่อสุ ขภาพจากการได้รับสารอันตรายเป็ นเวลาต่อเนื่องยาวนาน
FALSE 3 : ผลที่เกิดขึ้นจากปรากฏการณ์เรื อนกระจก
FALSE 4 : ผลร้ายที่เกิดกับสุ ภาพจากการได้รับสารพิษมากกว่าหนึ่งชนิ ด
FALSE
ข้อที่ 109 : การสู ดไอปรอทเข้าไปทีละน้อย แต่เป็ นเวลานาน ๆ ทาให้เกิดผลต่อระบบใด
FALSE 1 : ระบบทางเดินอาหาร
FALSE 2 : ระบบประสาท
FALSE 3 : ระบบทางเดินหายใจ
FALSE 4 : ระบบขับถ่าย
FALSE
ข้อที่ 110 : 1 0 ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องที่สุดเกี่ยวกับค่า LC50
FALSE 1: ค่าความเข้มข้นของสารเคมีในอากาศที่ทาให้สตั ว์ทดลองเสี ยชีวิตไปเป็ นจานวนครึ่ งหนึ่งใน กลุ่มท
FALSE 2 : ปริ มาณของสารเคมีซ่ ึ งเมื่อสัตว์ที่ใช้ในการทดลองได้รับเข้าสู่ ร่างกายเพียงครั้งเดียว แล้ว ทาให้สตั ว
FALSE 3 : ค่าความเข้มข้นของสารเคมีในอากาศที่ปลอดภัยสาหรับผูป้ ฏิบตั ิงานจะได้รับในระยะเวลาไม่ เกิน
FALSE 4 : ค่าความดังของเสี ยง ที่ปลอดภัยสาหรับผูป้ ฏิบตั ิงานจะได้รับในระยะเวลาไม่เกิน 50 ชัว่ โมง ทางาน
FALSE
ข้อที่ 111 : ข้อใดกล่าวถูกต้องที่สุดเกี่ยวกับค่า No Observed Adverse Effect Level (NOAEL)
FALSE 1 : ความเข้มขันในอากาศ ที่ตาที ่ ํ ่สุดที่ทาให้สตั ว์ทดลองเริ่ มเสี ยชีวิต
FALSE 2 : ปริ มาณของสารเคมีที่มากที่สุดที่สตั ว์ทดลองรับได้แล้ว ไม่ทาให้เกิดความเป็ นพิษหรื อผล เสี ย
FALSE 3 : ปริ มาณของสารเคมีที่น้อยที่สุด ซึ่ งได้รับทุกวันแล้วทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของร่ างกาย อย่างใด
FALSE 4 : ปริ มาณของสารเคมีที่ผปู ้ ฏิบตั ิงานจะสัมผัสกับสารเคมีได้อย่างปลอดภัย
FALSE
ข้อที่ 112 : ข้อใดไม่ใช่ปัจจัยที่สาคัญที่มีผลต่อร่ างกายมนุ ษย์เนื่องจากสารพิษเข้าสู่ ร่างกาย
FALSE 1 อายุ
FALSE 2 : น้ าหนัก
FALSE 3 : สัญชาติ
FALSE 4 : เพศ
FALSE
ข้อที่ 113 : โรคอิไตอิไต (Itai-itai disease) เกิดจากการได้รับสารใด
FALSE 1 : แคดเมียม (Cadmium: Cd)
FALSE 2 : สารหนู (Arsenic: As)
FALSE 3 : ปรอท (Mercury: Hg)
FALSE 4 : ตะกัว่ (Lead: Pb)
FALSE
ข้อที่ 114 : โรคมนามาตะ (Minamata disease) เกิดจากการได้รับสารใด
FALSE 1 : แคดเมียม (Cadฒนา: Cd)
FALSE 2 : สารหนู (Arsenic: As)
FALSE 3 : ปรอท (Mercury: Hg)
FALSE 4 : ตะกัว่ (แeaa: Pb)
FALSE
ข้อที่ 115 : ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่ผลกระทบต่อสุ ขภาพจากของเสี ยอันตราย
FALSE 1 : สารบางชนิ ดก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพันธุ กรรม
FALSE 2 : ส่ งผลกระทบต่อสุ ขภาพของมนุ ษย์ เช่น การเกิดโรคภัยไข้เจ็บอันเนื่องมาจากโลหะหนัก
FALSE 3 : ทาให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังและอวัยวะต่างๆ ของร่ างกาย
FALSE 4 : ทาให้กระดูกหัก เช่น การล้มทับของถังเก็บสารเคมีอนั ตราย
FALSE
ข้อที่ 116 : สารใดที่ทาให้เกิดโรค Berylicosis
FALSE 1 : นิ กเกิล
FALSE 2 : ลิเทียม
FALSE 3 : โบรมีน
FALSE 4 : เบริ ลเลียม
FALSE
ข้อที่ 117 : จงคานวณเวลาครึ่ งชีวิต (Half life) ของเมทิลเมอคิวรี ในร่ างกายของคนที่ได้รับ โดยการส
FALSE 1 : 56 วัน
FALSE 2 : 39.6 วัน
FALSE 3 : 2 วัน
FALSE 4 : 0.03 วัน
FALSE
ข้อที่ 118 : ความเป็ นพิษ (Toxicity) ของสารใดๆ ต่อร่ างกายมนุ ษย์ ไม่ข้ ึนกับข้อใด
FALSE 1 : เส้นทางการได้รับ
FALSE 2 : ปริ มาณที่ได้รับ
FALSE 3 : สมบัติของสาร
FALSE 4 : อุณหภูมิของร่ างกาย
FALSE
ข้อที่ 119 : ค่า TLV (Threshold Limit Values) เป็ นค่าที่กาหนดระดับการได้รับการได้รับสารอันตราย
FALSE 1 : การกิน
FALSE 2 : การสัมผัสทางผิวหนัง
FALSE 3 : การหายใจ
FALSE 4 : การมองเห็น
FALSE
ข้อที่ 120 : ไซยาไนด์ก่อให้เกิดพิษแบบเฉี ยบพลันต่อร่ างกายแบบใด
FALSE 1 : หายใจติดขัด ชักและหมดสติ
FALSE 2 : ปวดศีรษะ เหนื่อยล้าเสี ยงดังในหู ระคายเคืองตาและทางเดินหายใจ
FALSE ํ
3 : อาเจียน ปอดบวมน้ า วิงเวียน ชีพจรอ่อนและเต้นไม่สม่าเสมอ ชัก
FALSE 4 : เกิดการระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร ลาไส้ คลื่นไส้อาเจียน และท้องร่ วง
FALSE
ข้อที่ 121 : ถ้าชายผูห้ นึ่งมีน้ าหนักตัว 70 กก. รับประทานปลาโดยเฉลี่ย 6.5 กรัมต่อวัน ปลาที่รับประท
FALSE 1 : 6.9 มก./กก./วัน
FALSE 2 : 0.0069 มก./กก./วัน
FALSE 3 : 9.8 มก./กก./วัน
FALSE 4 : 0.000098 มก./กก./วัน
FALSE
ข้อที่ 122 : ค่า LD50 ของ Mercury(II) chloride มีค่าเท่ากับ 41 มก./กก. จงคานวณหาค่าที่จะไม่ก่อให
FALSE 1 : 3.28 กรัม
FALSE 2 : 2.66 กรัม
FALSE 3 : 2.84 กรัม
FALSE 4 : 3.01 กรัม
FALSE
ข้อที่ 123 : ระดับของเครื่ องป้ องกันภัยส่ วนบุคคล ตามข้อกาหนดของ US EPA ที่มีการป้ องกันสู งสุ ด
FALSE 1:A
FALSE 2:B
FALSE 3:C
FALSE 4:D
FALSE
ข้อที่ 124 : ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับการปฐมพยาบาลผูป้ ่ วยที่กลืนกินกรดไฮโดรคลอริ ก
FALSE 1 : ห้ามทาให้อาเจียนโดยเด็ดขาด
FALSE 2 : ใช้น้ ายาบ้วนปาก ถ้าผูป้ ่ วยยังมีสติ
FALSE 3 : กระตุน้ ให้อาเจียนทันที
FALSE 4 : ให้ดื่มนม ถ้าผูป้ ่ วยยังมีสติ
FALSE
ข้อที่ 125 : ข้อใดไม่เกี่ยวข้องกับเอกสารข้อมูลความปลอดภัยสารเคมี หรื อ SDS (Safety Data Sheet)
FALSE 1 : ควรจัดให้มีไว้ในบริ เวณปฏิบตั ิงานเพือ่ ให้ผปู ้ ฏิบตั ิงานใช้อา้ งอิงได้
FALSE 2 : มีขอ้ มูลเกี่ยวกับลักษณะของสารหรื อวัตถุอนั ตราย
FALSE 3 : มีขอ้ มูลของอาการที่เกิดขึ้นเมื่อสารพิษเข้าสู่ ร่างกาย
FALSE 4 : ผูป้ ฏิบตั ิงานจาเป็ นต้องใส่ ขอ้ มูลก่อนการใช้งานสารเคมี
FALSE
ข้อที่ 126 : ข้อใด ไม่ใช่ องค์ประกอบของเอกสารข้อมูลความปลอดภัยสารเคมี หรื อ SDS (Safety Dat
FALSE 1 : ข้อมูลส่ วนบุคคลที่เกี่ยวกับผูใ้ ช้งานสารเคมี
FALSE 2 : ข้อมูลเกี่ยวกับการกาจัด
FALSE 3 : ข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการปฐมพยาบาล
FALSE 4 : ข้อมูลเกี่ยวกับพิษวิทยา
FALSE
ข้อที่ 127 : ข้อใด ไม่ใช่ ข้อควรปฏิบตั ิในการเก็บรวบรวมของเสี ยอันตราย
FALSE 1 : แยกการเก็บสารเคมีตามประเภทอันตราย
FALSE 2 : ใช้ตดู ้ ูดควัน เป็ นที่เก็บรวบรวมสารเคมี
FALSE 3 : สารเคมีไวไฟ ควรเก็บให้ห่างจากประกายไฟ
FALSE 4 : บันทึกชนิ ดและปริ มาณของเสี ยที่เกิดขึ้น
FALSE
ข้อที่ 128 : Acute toxicity test ไม่รวม ถึงการทดสอบใด
FALSE 1 : การประมาณค่เD50
FALSE 2 : การทดสอบ eye limitation
FALSE 3 : การประเมินผล skin irritation
FALSE 4 : การประเมินฏิทธิ์ ก่อกลายพันธ์
FALSE
ข้อที่ 129 : การทดสอบพิษทางพันธุ กรรม คือข้อใด
FALSE 1 : Ames Test
FALSE 2 : Draize test
FALSE 3 : LD50 test
FALSE 4 : TEA test
FALSE
ข้อที่ 130 : ข้อใดไม่ใช่โรคที่เกิดจากพิษของโลหะหนัก
FALSE 1 : โรคไข้ดา
FALSE 2 : โรคไข้ดาโรคอิไต - อิไต
FALSE 3 : โรคมนามะตะ
FALSE 4 : โรคเด็กตัวเขียว (Blue Baby)
FALSE
ข้อที่ 131 : ศาลปกครองสู งสุ ดก็ได้มีคาพิพากษาให้กรมควบคุมมลพิษ จ่ายค่าเสี ยหายชดเชยให้แก่ประ
FALSE 1 : อาการพิษทางประสาท และสมอง ทาให้ทรงตัวไม่อยู่ เกิดอาการประสาทหลอน ซึ มไม่รู้สึก ตัว ชัก
FALSE 2 : ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร ลาไส้ คลื่นไส้อาเจียน และท้องร่ วง ในกรณี ที่อาการรุ นแรง อุจจาระ
FALSE 3 : ไอและปวดศีรษะอย่างรุ นแรง ต่อมาจะมีอาการเป็ นไข้ หายใจอึดอัด ต่อมาปากจะเปื่ อยเป็ น แผลอัก
FALSE 4 : คลื่นไส้ วิงเวียน อ่อนเพลีย กล้ามเนื้อกระตุก ม่านตาหรี่ เล็กลง น้ าลายฟูมปาก อุจจาระ ปั สสาวะรา
FALSE
ข้อที่ 132 : จากค่า LD50 ให้โดยวิธีการกิน (oral route) สาหรับมนุ ษย์ ข้อใดเรี ยงลาดับจากความเป็ นพ
FALSE

1 : Aspirin > DDT> Parathion > Malathion


FALSE 2 : DDT> Parathion > Malathion > Aspirin
FALSE 3 : Aspirin > Malathion > Parathion > DDT
FALSE 4 : Aspirin > DDT> Malathion > Parathion
FALSE
ข้อที่ 133 : ข้อใดไม่ใช่ การจาแนกความเป็ นอันตราย (Hazard classification) ตาม ประกาศกระทรวง
FALSE 1 : ความเป็ นอันตรายทางกายภาพ (Physical hazards)
FALSE 2 : ความเป็ นอันตรายต่อสุ ขภาพ (Health hazards)
FALSE 3 : ความเป็ นอันตรายต่อสิ่ งแวดล้อม (Environmental hazards)
FALSE 4 : ความเป็ นอันตรายต่อการเกิดเพลิงไหม้ (Fire hazards)
FALSE
ข้อที่ 134 : Additive effect คือข้อใด
FALSE 1 : การตอบสนองต่อการเกิดพิษของสารพิษที่ทาให้เกิดพิษไปในทิศทางเดียวกัน การตอบ สนองจะเป
FALSE 2 : การตอบสนองต่อการเกิดพิษจากสารพิษชนิ ดหนึ่งซึ่ งปกติไม่เป็ นพิษต่ออวัยวะเป้ าหมาย แต่ สามา
FALSE 3 : การที่สารพิษชนิ ดหนึ่งสามารถไปยับยั้งการเกิดพิษจากสารพิษอีกชนิ ดหนึ่งได้ สารพิษดัง่ กล่าวถูก
FALSE 4 : การตอบสนองต่อการเกิดพิษที่เกิดขึ้นจากสารสองชนิ ด เป็ นอิสระต่อกัน
FALSE
ข้อที่ 135 : ประชาชนในพื้นที่ร่อนพิบูลย์ ที่ดื่มน้ าบาดาลปนเปื้ อนสารหนู มีอาการของพิษสารหนู (Ar
FALSE 1 : ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร ลาไส้ คลื่นไส้อาเจียน และท้องร่ วง ในกรณี ที่อาการรุ นแรง อุจจาระ
FALSE 2 : อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ ระบบทางเดินอาหารผิดปกติ ดับอาจถูกทาลาย เกิดการ เปลี่ยนสี ขอ
FALSE 3 : มีอาการระบบประสาทกล้ามเนื้อ มีอาการสั่นกระตุกของกล้ามเนื้อ เปลือกตาริ มฝี ปาก ลิ้น และนิ้ว
FALSE 4 : ไอและปวดศีรษะอย่างรุ นแรง ต่อมาจะมีอาการเป็ นไข้ หายใจอึดอัด ต่อมาปากจะเปื่ อยเป็ น แผลอัก
FALSE
ข้อที่ 136 : สารหนู หรื อ Arsenic มีค่า No Observed Adverse Effect Level (NOAEL) ในหนู ทดลองเท
FALSE 1:40 มก.
FALSE 2 : 4 มก.
FALSE 3 : 0.04 มก.
FALSE 4 : 0.004 มก.
FALSE
ข้อที่ 137 : ข้อใดกล่าวถูกต้อง สาหรับ MATERIAL SAFETY DATA SHEET (MSDS)
FALSE 1 : ควรจัดให้มีไว้ในบริ เวณปฏิบตั ิงานเพือ่ ให้ผปู ้ ฏิบตั ิงานใช้อา้ งอิงได้
FALSE 2 : มีขอ้ มูลเกี่ยวกับลักษณะของสารหรื อวัตถุอนั ตราย
FALSE 3 : มีขอ้ มูลของอาการที่เกิดขึ้นเมื่อสารพิษเข้าสู่ ร่างกาย
FALSE 4 : ถูกทุกข้อ
FALSE
เนื้อหาวิชา : 640 : 3. Treatment Processes
FALSE
ข้อที่ 138 : ข้อใดมิใช่ปัจจัยของการเผาไหม้ ในเตาเผาขยะอันตราย
FALSE 1 เวลา (Time)
FALSE 2 : สภาพความร้อน (Thermal condition)
FALSE 3 : ความปั่ นป่ วน (Turbulence)
FALSE 4 : อุณหภูมิ (Temperature)
FALSE
ข้อที่ 139 : สารในข้อใดไม่ใช่สารออกซิ ไดส์ที่ใช้ในการบาบัดของเสี ยอันตราย
FALSE 1 : โอโซน
FALSE 2 : ไฮโดรเจนเปอร์ ออกไซด์
FALSE 3 : แคดเมียมคลอไรดัง
FALSE 4 : คลอรี น
FALSE
ข้อที่ 140 ข้อใดไม่ใช่ตะกอนผลึกอนิ นทรี ยท์ ี่เกิดจากกระบวนการตกตะกอน(precipitation)
FALSE 1 : hydroxides
FALSE 2 : silicates
FALSE 3: glaciate
FALSE 4 : carbonates
FALSE
ข้อที่ 141 : ข้อพิจารณาในการเลือกใช้วิธีการในการบาบัดและกาจัดของเสี ยอันตรายข้อใดต่อไปนี้ถูก
FALSE 1 : ของเสี ยอันตรายที่มีคลอรี นเป็ นส่ วนประกอบ ควรนาไปบาบัดด้วยวิธีการย่อยสลายทาง ชีวภาพ
FALSE 2 : ของเสี ยอันตรายที่มีโครงสร้างมีกิ่งก้านสาขาของสารอินทรี ยม์ าก สามารถย่อยสลายทาง ชีวภาพได
FALSE 3 : ของเสี ยอันตรายที่เป็ นสารประกอบ aromatic สามารถย่อยสลายได้ยากกว่าสารประกอบ อินทรี ยใ์
FALSE 4 : ของเสี ยอันตรายกลุ่มของสารอินทรี ยท์ ี่มีโพลีเมอร์ เป็ นส่ วนประกอบ จะย่อยสลายทาง ชีวภาพได้ด
FALSE
ข้อที่ 142 : สารอันตรายชนิ ดใดต่อไปนี้มีแนวโน้มที่จะย่อยสลายทางชีวภาพได้ดีที่สุด
FALSE 1: ไนโตรเบนซี น (C6HNO2)
FALSE 2 : เอทานอล (C2H5OH)
FALSE 3 : คลอโรฟอร์ ม (CHCly)
FALSE 4 : คลอโรเบนซิ น (C6H5CI)
FALSE
ข้อที่ 143 : สารอันตรายใดต่อไปนี้มีแนวโน้มที่จะกาจัดด้วยวิธี reduction ได้ดีที่สุด
FALSE 1 : CH3CI
FALSE 2 : CH2Cl2
FALSE 3 : CHCl)
FALSE 4 : CCl4
FALSE
ข้อที่ 144 : 0 สาร Pyrene มีลกั ษณะสมบัติต่อไปนี้ Structure: poly aromatic hydrocarbon (4 benzene
FALSE 1 : UW0 Zone oxidation
FALSE 2 : sorption by activated carbon
FALSE 3 : membrane filtration
FALSE 4 : air stripping
FALSE
ข้อที่ 145 : สาร Carbon tetrachloride มีลกั ษณะสมบัติต่อไปนี้ Structure: aliphatic hydrocarbon with
FALSE 1 : UV/ozone oxidation
FALSE 2 : sorption by activated carbon
FALSE 3 : aerobic biodegradation
FALSE 4 : air stripping
FALSE
ข้อที่ 146 : ถ้าในน้ าเสี ยมีสาร Toluene และ 24 dichlorophenol ผสมอยูใ่ นน้ าเสี ยเดียวกัน ควรจะบาบด
FALSE 1 : air stripping
FALSE 2 : UV/ozone oxidation
FALSE 3 : activated carbon
FALSE 4 : aerobic biodegradation
FALSE
ข้อที่ 147 : Off-Site Treatment หมายถึงข้อใด
FALSE 1: การบาบัดของเสี ยอันตรายที่ใช้เทคโนโลยีที่ลายุ้ํ ค
FALSE 2 : การบาบัดของเสี ยอันตรายในโรงบาบัดที่ปิดมิดชิดเพือ่ กันการรั่วไหลของสารอันตราย
FALSE 3 : การบาบัดของเสี ยนอกพื้นที่ที่เป็ นแหล่งกาเนิ ดของเสี ยนั้น
FALSE 4 : การบาบัดของเสี ยอันตรายที่ไม่ได้มาตรฐานและผิดกฎหมาย
FALSE
ข้อที่ 148 : สารที่ใช้ในการตกผลึกตะกอนของโครเมียมในน้ าเสี ยคือข้อใด
FALSE 1: ซัลเฟอร์ ไดออกไซด์ และปูนขาว
FALSE 2 : สารส้น และ ปูนขาว
FALSE 3 : ซัลเฟอร์ ไดออกไซด์ และสารส้ม
FALSE 4 : สารส้ม และ เฟอร์ ริกไดออกไซด์
FALSE
ข้อที่ 149 : การบาบัดของเสี ยจากโรงงานชุบโลหะที่มีไซยาไนด์เจือปน ด้วยการเติมสารละลายไฮโปค
FALSE 1 : Neutralization
FALSE 2 : Coagulation
FALSE 3 : Oxidation
FALSE 4: Reduction
FALSE
ข้อที่ 150 : การบาบัดวิธีใด ที่ไม่ใช่การบาบัดทางเคมี
FALSE 1: Oxidation
FALSE 2 : Precipitation
FALSE 3 : Reverse Osmosis
FALSE 4 : Reduction
FALSE
ข้อที่ 151 : SDS -Safety Data Sheet คือข้อใด
FALSE 1 : เอกสารที่ใช้กากับเพือ่ ติดตามการเกิด การขนส่ ง และ การกาจัดของเสี ยอันตราย
FALSE 2 : เอกสารบันทึกการใช้สารอันตราย เพือ่ ให้เกิดความปลอดภัยในการใช้
FALSE 3 : เอกสารบันทึกการใช้สารอันตราย เพือ่ ให้เกิดความปลอดภัยในการใช้
FALSE 4 : การติดตามดูแลการจัดเก็บของเสี ยอันตรายของโรงงาน โดยภาครัฐ
FALSE
ข้อที่ 152 : ให้เรี ยงลาดับแนวคิดในการจัดการของเสี ยอันตรายต่อไปนี้ โดยเรี ยงจากที่พึงประสงค์มาก
FALSE 1: 3), 1), 2), 5), 4),0), 7)
FALSE 2 : 6), 3), 4), 5), 2), 1),7)
FALSE 3 : 6), 1), 3), 5), 4),2), 7)
FALSE 4 : 6), 3), 5), 1)/2), 4), 7)
FALSE
ข้อที่ 153 ต น้ าปนเปื้ อนด้วย Benzene จะต้องได้รับการบาบัดจนความเข้มขันลดลงจาก 200 ไมโครก
FALSE

1 : 3 นาที
FALSE 2 : 8 นาที
FALSE 3 : 22 นาที
FALSE 4 : 33 นาที
FALSE
ข้อที่ 154 : ข้อใดเป็ นระบบที่ไม่เหมาะสมในการกาจัดสารอินทรี ยร์ ะเหยออกจากน้ า
FALSE 1 : Air Stripping
FALSE 2 : Activated Carbon Adsorption
FALSE 3 : Chemical Oxidation
FALSE 4 : Naturalization
FALSE
ข้อที่ 155 : สารเคมีใดไม่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยา Oxidation
FALSE 1: Ozone
FALSE 2 : Hydrogen Peroxide
FALSE 3 : Hydroxide ion
FALSE 4 : Permanganate
FALSE
ข้อที่ 156 : ข้อใดเป็ นเป็ นกระบวนการหลักที่มีประสิ ทธิ ภาพและง่ายที่สุดในการบาบัดน้ าเสี ยที่มีโลห
FALSE 1 : Biological Process
FALSE 2 : Filtration
FALSE 3 : Reverse Osmosis
FALSE 4 : Precipitation
FALSE
ข้อที่ 157 : ข้อใดเป็ นข้อจากัดของระบบ Air Stripping
FALSE 1 : เป็ นระบบที่มีขนาดใหญ่
FALSE 2 : ไม่สามารถใช้กาจัดสารอินทรี ยร์ ะเหย
FALSE 3 : อาจจะมีการสะสมของจุลชีพและตะกรันในระบบ
FALSE 4 : ไม่สามารถกาจัดสารอินทรี ยไ์ ด้อย่างมีประสิ ทธิ ภาพ
FALSE
ข้อที่ 158 : ของเสี ยอันตรายใดที่สามารถกาจัดด้วยวิธีไล่ดว้ ยอากาศ
FALSE 1 : พวกตัวทาละลาย
FALSE 2 : พวกโลหะหนัก
FALSE 3 : พวกกรด-ด่าง
FALSE 4 : พวกสารกัมมันตภาพรังสี
FALSE
ข้อที่ 159 : การกรองแบบออสโมซิ สผันกลับไม่ควรนามาใช้กาจัดสารในกลุ่มใด
FALSE 1 : กาจัดสารอินทรี ยร์ ะเหย
FALSE 2 : กาจัดของแข็งแขวนลอย
FALSE 3 : กาจัดสารอนิ นทรี ยล์ ะลาย
FALSE 4 : กาจัดสารอินทรี ยล์ ะลาย
FALSE
ข้อที่ 160 :ข้อใดผิดเกี่ยวกับการย่อยสลายทางชีวภาพ
FALSE 1 : สารที่มีการแตกแขนงจะย่อยสลายยาก
FALSE 2 : Aromatic จะย่อยสลายยากกว่า Aliphatic
FALSE 3 : Aliphatic แบบโซ่ยาวแนวเดียวจะย่อยสลายยาก
FALSE 4 : Aromatic ที่มี Halogen เกาะจะย่อยสลายยาก
FALSE
ข้ อที่ 161 : นํำ้ เสี ยจำกแหล่ งกํำเนิ ดใดต่ อไปนี ้ ที่อำจจะบํำบัดด้ วยระบบบํำบัดทำงชีวภำพได้
FALSE 1: น้ าทิ้งจากโรงพิมพ์
FALSE 2 : นาทิ้งจากโรงพยาบาล
FALSE 3 : น้ าทิง้ จากโรงงานแบตเตอรี่
FALSE 4 : น้ าทิ้งจากเหมืองแร่
FALSE
ข้อที่ 162 : การบาบัดโดยกองดินไม่เหมาะสมกับกรณี ใด
FALSE 1 : ดินปนเปื้ อนที่มีสารอินทรี ยน์ ้อย
FALSE 2 : ดินปนเปื้ อนด้วยสารฟี นอล น้ ามันดินจากถ่านหิ น
FALSE 3 : บริ เวณพื้นที่ลุ่ม
FALSE 4 : พื้นที่ที่ไกลจากแหล่งน้ าชุมชน
FALSE
ข้อที่ 163 : ข้อใดต่อไปนี้จดั เป็ นการบาบัดของเสี ยอันตรายทางกายภาพ (Physical Treatment)
FALSE 1 : การดูดซับด้วยคาร์ บอน
FALSE 2 : การย่อยสลายแบบ aerobic
FALSE 3 : การเผา
FALSE 4 : การทา Precipitation
FALSE
ข้อที่ 164 : ข้อใดต่อไปนี้จดั เป็ นการบาบัดของเสี ยอันตรายทางเคมี (Chemical Treatment)
FALSE 1 : การกรอง
FALSE 2 : การทาสะเทินกรดด่าง
FALSE 3 : การหมักทาปุ๋ ย
FALSE 4 : การเหวี่ยงด้วยแรงหนี ศูนย์กลาง
FALSE
ข้อที่ 165 : ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่วิธีการกาจัดขยะอันตราย
FALSE 1: การปรับเสถียรและการฝังกลบ
FALSE 2 : การหมักทาย
FALSE 3 : การเผาทาลายด้วยเตาเผาปูนซี เมนต์
FALSE 4 : การบาบัดน้ าเสี ยชุบโลหะ
FALSE
่ ํ าเท่าใด
ข้อที่ 166 : โดยปกติแล้วเตาเผาขยะพิษหรื อขยะอันตรายจะต้องมีอุณหภูมิไม่ตากว่
FALSE 1 : 500 องศาเซลเซี ยส
FALSE 2 : 800 องศาเซลเซี ยส
FALSE 3 : 1500 องศาเซลเซี ยส
FALSE 4 : 2000 องศาเซลเซี ยส
FALSE
ข้อที่ 167 : ข้อใดไม่ใช่วิธีการกาจัดมูลฝอยติดเชื้ อตามกฎกระทรวงสาธารณสุ ขว่าด้วยการกาจัดมูลฝอ
FALSE 1 : การทาลายเชือด้วยสารเคมี (Chemical Disinfection)
FALSE 2 : เตาเผา (Incineration)
FALSE 3 : การทาลายเชื้ อด้วยไอน้ า (Steam Sterilization / Autoclaving)
FALSE 4 : การทาลายเชื้ อด้วยแรงดัน (Pressure Sterilization)
FALSE
ข้อที่ 168 : ข้อใดเป็ นการกาจัดขยะอันตรายที่ไม่ควรกระทามากที่สุด
FALSE 1 : เผากลางแจ้ง
FALSE 2 : เผาในเตาเผาโรงปูนซี เมนต์
FALSE 3 : การฝังกลบแบบ Secure Landfill
FALSE 4 : เผาในเตาเผาแบบ Multiple-chamber incinerators
FALSE
ข้อที่ 169 : ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่ขอ้ ดีของการกาจัดขยะอันตรายด้วยเตาเผา
FALSE 1 : ประหยัดพื้นที่
FALSE 2 : ลดมลพิษ
FALSE 3 : ค่าใช้จ่ายต่าํ
FALSE 4 : ได้พลังงานทดแทน
FALSE
ข้อที่ 170 : ของเสี ยอันตรายในข้อใดต่อไปนี้ที่สามารถทาการกาจัดด้วยวิธีไล่ดว้ ยอากาศ
FALSE 1: กลุ่มสารกัดกร่ อน
FALSE 2 : กลุ่มสารกัมมันตภาพรังสี
FALSE 3 : กลุ่มตัวทาละลาย
FALSE 4 : กลุ่มโลหะหนัก
FALSE
ข้อที่ 171 : กระบวนการหลังการเผาโดยเตาเผา (Incinerator) เศษเถ้าที่เหลือต่างๆจากกระบวนการเผา
FALSE 1 : ฝังกลบลงในดิน
FALSE 2 : ฝังกลบอย่างปลอดภัย
FALSE 3 : เผาอีกครั้งจนได้เถ้าสี ขาว
FALSE 4 : นาไปผ่านน้ ากลัน่
FALSE
ข้อที่ 172 : การทาลายเชื้ อด้วยสารเคมีในมูลฝอยติดเชื้ อควรราดด้วยสารใด
FALSE 1 : Sodium Hydroxide
FALSE 2 : Sodium Hypochlorite
FALSE 3: Ammonium Hydroxide
FALSE 4: Ammonium Hypochlorite
FALSE
ข้อที่ 173 : อุปกรณ์ในข้อใดไม่ใช่อุปกรณ์ในระบบ Air pollution Control ของเตาเผาขยะอันตราย
FALSE 1 : electrostatic precipitator
FALSE 2 : Scrubber
FALSE 3 : air sparking
FALSE 4 : fabric filter
FALSE
ข้อที่ 174 : การบาบัดน้ าเสี ยที่มีไซยาไนด์ปนเปื้ อนไม่สามารถกาจัดโดยสารเคมีชนิ ดใด
FALSE 1 : โซเดียมไฮดรอกไซด์
FALSE 2 : โซเดียมไฮโปคลอไรท์
FALSE 3 : โซเดียมคลอไรด์
FALSE 4 : ปูนขาว
FALSE
ข้อที่ 175 : วิธีการที่เหมาะสมในการกาจัดและบาบัดกากสารกัมมันตรังสี ได้แก่ขอ้ ใด
FALSE 1 : Cement Based
FALSE 2 : Pozzolanic
FALSE 3 : surface Encapsulation
FALSE 4 : Glassification
FALSE
ข้อที่ 176 : สารในข้อใดไม่ใช่สารที่เกิดจากการย่อยสลายเตตตระคลอโรเอทิลีน (PCE) ภายใต้สภาวะ
FALSE 1 : ไตรคลอโรเอทิลีน (TCE)
FALSE 2 : ไดคลอโรเอทิลีน (DCE)
FALSE 3 : ไวนิ ลคลอไรด์ (VC)
FALSE 4 : เพนตะคลอโรเอทิลีน (PCE)
FALSE
ข้อที่ 177 : ในการบาบัดของเสี ยอันตราย กระบวนการใดต่อไปนี้ที่ไม่เหมาะสมในการบาบัดน้ าเสี ยที่ม
FALSE 1: การแลกเปลี่ยนอิออน
FALSE 2 : การตกตะกอนทางเคมี
FALSE 3 : การเผาไหม้
FALSE 4 : การใช้เมมเบรน
FALSE
ข้อที่ 178 : ในการบาบัดของเสี ยอันตรายที่มีสารอินทรี ยค์ ลอรี น (chlorinated organicsปนเปื้ อนด้วย ก
FALSE 1 : การแลกเปลี่ยนอิออน
FALSE 2 : การตกตะกอนทางเคมี
FALSE 3 : การเผาไหม้ในเตาเผาอุณห
FALSE 4 : การหล่อก้อนแข็ง
FALSE
ข้อที่ 179 : ข้อใดไม่ใช่การบาบัดด้วยวิธี advanced oxidation
FALSE 1 : Fenton's reagent
FALSE 2 : Ozone
FALSE 3 : UV
FALSE 4: Activated Carbon Sorption
FALSE
ข้อที่ 180 1 ข้อใดไม่ใช่การบาบัดของเสี ยอันตรายด้วยกระบวนการที่ใช้ membrane
FALSE 1: Reverse osmosis
FALSE 2 : Electrodialysis
FALSE 3: Ultrafiltration
FALSE 4 : Sand Filtration
FALSE
ข้อที่ 181 : ข้อใดเป็ นการป้ องกันการเกิดสารกลุ่มไดออกซิ น (Dioxin) และฟูราน (Furan) ในระหว่าง
FALSE 1 : เติมอากาศให้เพียงพอขณะทาการเผาที่อุณหภูมิ 340°C
FALSE 2 : พ่นสารละลายคลอรี นในเตาเผา
FALSE 3 : ติดตั้งระบบ Electrostatic precipitator ในเตาเผา
FALSE 4 : เผาที่อุณหภูมิสูงกว่า 1200 °C ให้เกิดการเผาไหม้ที่สมบูรณ์
FALSE
ข้อที่ 182 : ข้อใดเกี่ยวข้องกับการกาจัดขยะอันตราย
FALSE 1 : Secure Landfill
FALSE 2 : Sanitary Landfill
FALSE 3 : Composting
FALSE 4: Municipal Landfill
FALSE
ข้อที่ 183 : ของเสี ยอันตรายในข้อใดไม่เหมาะสมในการบาบัดด้วยกระบวนการ Chemical oxidationr
FALSE 1: น้ าที่ปนเปื้ อน Cr (VI) ใช้กระบวนการ Reduction
FALSE 2 : น้ าที่ปนเปื้ อน Fe (II) ใช้กระบวนกูร Oxidation
FALSE 3 : น้ าที่ปนเปื้ อน สาร Phenol ใช้กระบวนการ Oxidation
FALSE 4 : น้ าที่ปนเปื้ อน Benzene ใช้กระบวนการ Reduction
FALSE
ข้อที่ 184 : ข้อใดเป็ นวิธีการควบคุม NOX ในเตาเผาขยะอันตราย
FALSE 1: Selective catalytic reduction
FALSE 2 : Bag filter house
FALSE 3: Electrostatic precipitator
FALSE 4 : Cyclone 6
FALSE
ข้อที่ 185 : ข้อใดคือวิธีการควบคุมการเกิดแก๊สคาร์ บอนมอนนอกไซด์ (CO) ในการเผาอันตราย
FALSE 1 : ทาให้เตาเผามีปริ มาณออกซิ เจนเพียงพอ
FALSE 2 : ทาให้เตาเผามีความร้อนเพียงพอ
FALSE 3 : ทาให้เตาเผามีเชื้ อเพลิงเกินพอ

FALSE 4 : ทาให้เตาเผามีการกวนผสมอย่างสม่าเสมอ
FALSE
ข้อที่ 186 : ขยะติดเชื้ อจากโรงพยาบาลควรกาจัดด้วยวิธีการใด
FALSE 1 : ฝังกลบ
FALSE 2 : เผาในเตาเผาขยะโรงพยาบาล
FALSE 3 : เติมสารเคมีเพือ่ ฆ่าเชื้ อโรค แล้วนาไปฝังกลบ
FALSE 4 : ฆ่าเชื้ อด้วย UV แล้วทิ้งรวมกับขยะชุมชน
FALSE
ข้อที่ 187 : ของเสี ยในกลุ่มปนเปื้ อนด้วยโลหะหนักควรกาจัดอย่างไร
FALSE 1 : Air stripping
FALSE 2 : Landfill
FALSE 3: Incineration
FALSE 4: Chemical fixation
FALSE
ข้อที่ 188 : Afterburner ในเตาเผา Rotary Kiln ของเดาเผาขยะอันตรายมีไว้เพือ่ อะไร
FALSE 1 : เพือ่ กาจัดก๊าซพิษต่างๆจากการเผาให้เหลือเพียง H2 และ 0)
FALSE 2 : เพือ่ กาจัด CO
FALSE 3 : เพือ่ กาจัด HCI
FALSE 4 : เพือ่ กาจัด CO)
FALSE
ข้อที่ 189 : วิธีใดใช้ในการแยกเถ้าลอยออกจากก๊าซจากการเตาเผา
FALSE 1 : Granular Filtration
FALSE 2 : Baghouse filter
FALSE 3 : Filter press
FALSE 4: Belt press
FALSE
ข้อที่ 190 : น้ าเสี ยมีสาร Phenol 500 มก./ล. มีอตั ราการไหลเท่ากับ 200 ลบ.ม.ต่อวัน ใช้สาร H202 แล
FALSE 1: ปริ มาณ H20) ที่ตอ้ งการใช้เท่ากับ 200 กิโลกรัมต่อวันและปริ มาณ Fe2+ ที่ตอ้ งการใช้ เท่ากับ 10.00
FALSE 2 : ปริ มาณ H202 ที่ตอ้ งการใช้เท่ากับ 250 กิโลกรัมต่อวันและปริ มาณ Fe2+ ที่ตอ้ งการใช้ เท่ากับ 17.5
FALSE 3 : ปริ มาณ H20) ที่ตอ้ งการใช้เท่ากับ 250 กิโลกรัมต่อวันและปริ มาณ Fe2+ ที่ตอ้ งการใช้ เท่ากับ 12.5
FALSE 4 : ปริ มาณ H2O2 ที่ตอ้ งการใช้เท่ากับ 300 กิโลกรัมต่อวันและปริ มาณ Fe2+ ที่ตอ้ งการใช้ เท่ากับ 15.
FALSE
ข้อที่ 191 : กระบวนการบาบัดและกาจัดของเสี ยที่มีโลหะหนักละลายปนเปื้ อนอยูไ่ ด้แก่
FALSE 1 : Coagulation + Sedimentation + Solidification + Landfill
FALSE 2 : Precipitation + Stabilization + Solidification + Landfill
FALSE 3: Activated Sludge + Precipitation + Landfill
FALSE 4 : Neutralization + Coagulation + Sedimentation + Landfill
FALSE
ข้อที่ 192 : ข้อความใดต่อไปนี้ถูกต้องตามหลักวิชาการในการปรับเสถียรขยะอันตราย
FALSE 1 : กากอุตสาหกรรมอันตรายที่เป็ นสารอนิ นทรี ย ์ เช่น เถ้าลอยที่มีโลหะหนัก สามารถนาไปฝัง กลบได
FALSE 2 : การปรับเสถียรไม่สามารถประยุกต์ใช้กบั การฟื้ นฟูพ้นื ดินปนเปื้ อนสารมลพิษในบริ เวณกว้าง
FALSE 3 : กากที่ผ่านกระบวนการปรับเสถียรและทาเป็ นก้อนแข็งจะสามารถซึ มผ่านน้ าได้ดีข้ ึน
FALSE 4 : ต้องปรับเสถียรของเสี ยที่ปนเปื้ อนด้วยโลหะหนักและหล่อก้อนแข็งด้วยปูนซี เมนต์ก่อนฝัง กลบใน
FALSE
ข้อที่ 193 : ข้อใดไม่ใช่มลพิษที่อาจจะเกิดจากการเผาขยะอันตราย
FALSE 1: ก๊าซกรด
FALSE 2 : โลหะหนัก
FALSE 3 : ไดออกซิ น
FALSE 4 : ไบโอติน
FALSE
ข้อที่ 194 : ข้อพิจารณาในการเลือกใช้วิธีการในการบาบัดและกาจัดของเสี ยอันตรายข้อใดต่อไปนี้ไม่ถ
FALSE 1 : ของเสี ยอันตรายที่เป็ นสารอินทรี ยท์ ี่มีโครงสร้างทางเคมีแบบแขนงจะถูกดูดซับได้ง่ายกว่า แบบเส
FALSE 2 : ของเสี ยอันตรายที่เป็ นสารอินทรี ยท์ ี่แตกตัวได้น้อยจะถูกดูดซับได้ดีกว่าสารอินทรี ยท์ ี่แตกตัว ได้ม
FALSE 3 : ของเสี ยอันตรายที่เป็ นสารอินทรี ยท์ ี่มีน้ าหนักโมเลกุลน้อยจะถูกดูดซับได้ดีกว่าสารอินทรี ยท์ ี่ มีน้ า
FALSE 4 : ของเสี ยอันตรายที่เป็ นสารอินทรี ยท์ ี่ละลายน้ าได้น้อยจะถูกดูดซับได้ดีกว่าสารอินทรี ยท์ ี่มี ละลายน
FALSE
ข้อที่ 195 : ของเสี ยจากโรงงานปิ โตรเลียมไม่เหมาะจะจัดการด้วยวิธีใด
FALSE 1 : Conventional Anaerobic Digestion
FALSE 2 : Land Farming
FALSE 3 : Augmented Activated Sludge
FALSE 4 : High Temperature Incineration
FALSE
ข้อที่ 196 : ข้อใดไม่ใช่ตะกอนผลึกอนิ นทรี ยท์ ี่เกิดจากกระบวนการตกตะกอน(precipitation)
FALSE 1 : hydroxides
FALSE 2 : silicates
FALSE 3 : glaciate
FALSE 4 : carbonates
FALSE
ข้อที่ 197 : สารเคมีใดนิ ยมใช้ในการตกตะกอนน้ าเสี ยจากอุตสาหกรรมชุบโลหะ
FALSE 1 : โซเดียมไฮดรอกไซด์
FALSE 2 : เฟอร์ ริกคลอไรด์
FALSE 3 : กรดไนตริ ก
FALSE 4 : กรดบอริ น
FALSE
ข้อที่ 198 : วิธีการใดต่อไปนี้ ที่ไม่เหมาะสมกับการกาจัดขยะอินทรี ยอ์ นั ตรายที่สุด
FALSE 1 : Secure landfill
FALSE 2 : Incineration
FALSE 3 : Solidification
FALSE 4 : Co-processing
FALSE
ข้อที่ 199 : Density, Leachability, Compressive Strength เป็ นคุณสมบัติจาเป็ นของของเสี ยที่ตอ้ งทดส
FALSE 1 : เผา
FALSE 2 : ฝังกลบในหลุมฝังกลบปลอดภัย
FALSE 3 : การตกตะกอน
FALSE 4 : รี ไซเคิล
FALSE
ข้อที่ 200 : วิธีการ Chemical Fixation ใช้กาจัดของเสี ยประเภทใด
FALSE 1: ของเสี ยที่ระเหยได้ง่าย
FALSE 2 : ของเสี ยที่ทาปฏิกิริยาได้ง่าย
FALSE 3 : ของเสี ยที่เป็ นโลหะหนัก
FALSE 4 : ของเสี ยที่ไวไฟ
FALSE
ข้อที่ 201 : การทาให้เตาเผามีปริ มาณออกซิ เจนเพียงพออยูต่ ลอดเวลามีจุดประสงค์เพือ่ อะไร
FALSE 1 : เพือ่ ควบคุมการเกิดแก๊สมีเทน
FALSE 2 : เพือ่ ควบคุมการเกิดแก๊สออกไซด์ของไนโตรเจน
FALSE 3 : เพือ่ ควบคุมการเกิดไดออกซิ น
FALSE 4 : เพือ่ ควบคุมการเกิดแก๊สคาร์ บอนมอนนอกไซด์
FALSE
ข้อที่ 202 : การบาบัดน้ าเสี ยที่มีไซยาไนด์ปนเปื้ อนสามารถกาจัดได้ดว้ ยสารเคมีชนิ ดใด
FALSE 1: โซเดียมคลอไรด์
FALSE 2 : โซเดียมไฮโปคลอไรท์
FALSE 3 : เคลเซี ยม ไฮดรอกไซด์
FALSE 4 : แคลเซี ยมคาร์ บอเนต
FALSE
ข้อที่ 203 : วัสดุชนิ ดใดที่นิยมใช้ในการดูดซับสลัดจ์ที่ปนเปื้ อนน้ ามัน Oil sludge)
FALSE 1 : Soil
FALSE 2 : Fly ash
FALSE 3 : Kiln dust
FALSE 4 : ถูกทุกข้อ
FALSE
ข้อที่ 204 : กระบวนการใดนิ ยมใช้ในการจัดการของเสี ยประเภทนิ วเคลียร์ (Nuclear waste)
FALSE 1 : Jacketing Systems
FALSE 2 : Macroencapsulation
FALSE 3 : Thermoplastic Microencapsulation
FALSE 4 : Vitrification
FALSE
ข้อที่ 205 : จงหาประสิ ทธิ ภาพในการทาลายฤทธิ์ ของสลัดจ์อาร์ เซนิ ก ซึ่ งมีปริ มาณอาร์ เซนิ กในสลัดจก
FALSE 1 : ประสิ ทธิ ภาพในการลดอาร์ เซนิ กเท่ากับร้อยละ 67.5
FALSE 2 : ประสิ ทธิ ภาพในการลดอาร์ เซนิ กเท่ากับร้อยละ 93.2
FALSE 3 : ประสิ ทธิ ภาพในการลดอาร์ เซนิ กเท่ากับร้อยละ 13.8
FALSE 4 : ประสิ ทธิ ภาพในการลดอาร์ เซนิ กเท่ากับร้อยละ 77.3
FALSE
ข้อที่ 206 : การกาจัดมูลฝอยติดเชื้ อตามกฎกระทรวงสาธารณสุ ขว่าด้วยการกาจัดมูลฝอยติดเชื้ อ พ.ศ. 2
FALSE ่ ํ า 300 องศาเซลเซี ยส ห้องเผาควันอุณหภูมิไม่ตา่ ํ กว่า 500 อ
1: ห้องเผามูลฝอยติดเชื่ ออุณหภูมิไม่ตากว่
FALSE ่ ํ า 760 องศาเซลเซี ยส ห้องเผาควันอุณหภูมิไม่ตา่ ํ กว่า 1000
2 : ห้องเผามูลฝอยติดเชื่ ออุณหภูมิไม่ตากว่
FALSE 3 : ห้องเผามูลฝอยติดเชื้ ออุณหภูมิไม่ตากว่่ ํ า 800 องศาเซลเซี ยส ห้องเผาควันอุณหภูมิไม่ตา่ ํ กว่า 1000
FALSE 4 : ห้องเผามูลฝอยติดเชื้ ออุณหภูมิไม่ตากว่ ่ ํ า 800 องศาเซลเซี ยส ห้องเผาควันอุณหภูมิไม่ตา่ ํ กว่า 1200
FALSE
ข้อที่ 207 : การเผาทาลายกากอุตสาหกรรมในเตาเผาปูนซี เมนต์ในประเทศไทย มักเป็ นเตาเผาประเภท
FALSE 1 : เตาเผาแบบแผงตะกรับกล (Mechanism Stoker Incinerator)
FALSE 2 : เตาเผาแบบใช้ตวั กลางนาความร้อน (Fluidized Bed Incinerator)
FALSE 3 : เตาเผาแบบหมุน (Rotary Kiln)
FALSE 4 : เตาเผาแบบแผงตะกรับหมุน (Rotary Grate Stoker Incinerator)
FALSE
ข้อที่ 208 : การกาจัดของเสี ยอันตรายโดยการเผาในเตาเผาปูนซี เมนต์ มีอุณหภูมิในการเผาประมาณเท
FALSE 1 : 500 องศาเซลเซี ยส
FALSE 2 : 1200 องศาเซลเซี ยส
FALSE 3 : 1400 องศาเซลเซี ยส
FALSE 4 : 2000 องศาเซลเซี ยส
FALSE
ข้อที่ 209 : ข้อใดไม่ใช่ขอ้ ดีของการกาจัดของเสี ยอันตรายโดยการเผาในเตาเผาปูนซี เมนต์
FALSE 1 : ลดปั ญหามลพิษ เนื่องจากอุณหภูมิห้องเผาเฉลี่ยสู งกว่าเตาเผาของเสี ยโดยทัว่ ไป ซึ่ ง สามารถเผาทา
FALSE 2 : เถ้าจากการเผากาจัดของเสี ยกลายเป็ นปูนเม็ดได้เช่นกัน ซึ่ งต่างจากเตาเผาทัว่ ไป ที่ตอ้ งนา เถ้าไปกา
FALSE 3 : สามารถใช้ของเสี ย ทดแทนวัตถุดิบ และเชื้ อเพลิง ในกระบวนการผลิตปูนได้
FALSE 4 : มีระบบดักจับมลพิษทางอากาศ ทั้ง NOx SOx และ Dioxin
FALSE
ข้อที่ 210 : โรงงานแห่ งหนึ่ง ได้ส่งของเสี ยจาระบีใช้แล้วมากาจัดโดยการเผาในเตาเผาปูนซี เมนต์ ของ
FALSE 1: เชื้ อเพลิงทดแทน 1 ตัน ต่อ ถ่านหิ น 2 ตัน
FALSE 2 : เชื้ อเพลิงทดแทน 2 ตัน ต่อ ถ่านหิ น 1 ตัน
FALSE 3 : เชื้ อเพลิงทดแทน 6 ลบ.ม. ต่อ ถ่านหิ น 2 ลบ.ม.
FALSE 4 : เชื้ อเพลิงทดแทน 2 ลบ.ม. ต่อ ถ่านหิ น 1 ลบ.ม.
FALSE
ข้อที่ 211 : A6 กฎกระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เรื่ อง กาหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดการกา
FALSE 1 : ห้าเท่าของครึ่ งชีวิต
FALSE 2 : สิ บเท่าของครึ่ งชีวิต
FALSE 3 : ห้าสิ บเท่าของครึ่ งชีวิต
FALSE 4 : หนึ่งร้อยเท่าของครึ่ งชีวิต
FALSE
ข้อที่ 212 : หน่ วยงานใดรับผิดชอบในการกาจัดของเสี ยกากกัมมันตรังสี ของโรงงานอุตสาหกรรม
FALSE 1 : สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์ แห่ งชาติ
FALSE 2 : สานักงานปรมาณู แห่ งชาติ
FALSE 3 : กรมโรงงานอุตสาหกรรม
FALSE 4 : กรมควบคุมมลพิษ
FALSE
ข้อที่ 213 : ข้อใดเป็ นการกาจัดกากกัมมันตรังสี ที่มีครึ่ งชีวิตยาว และมีระดับความแรงรังสี สูง ที่เหมาะ
FALSE 1 : ตกตะกอนเคมี แล้วฝังกลบแบบปลอดภัย
FALSE 2 : เผาให้สลายตัวที่อุณหภูมิสูง ภายใต้แรงดันสู ง
FALSE 3 : ดูดซับด้วย Activated Carbon ที่เคลือบด้วย Silver Nitrate
FALSE 4 : ทาเสถียรด้วยคอนกรี ตแล้วฝังกลบแบบปลอดภัย
FALSE
ข้อที่ 214 : ข้อใดเป็ นการจัดการน้ ามันเครื่ องใช้แล้วที่ดีที่สุด
FALSE 1 : การใช้เป็ นเชื้ อเพลิงทางเลือกสาหรับเตาเผาปูนซี เมนต์
FALSE 2 : การนาไปใช้ประโยชน์ (reuse) เช่น ใช้ทาไม้แบบสาหรับคอนกรี ต ใช้ทาไม้ป้องกันปลวก มอด แล
FALSE 3 : นาไปรี ไซเคิล (recycle) โดยกรองเอาสิ่ งสกปรกออก และเติมสารโซเดียมคลอไรด์
FALSE 4 : นาไปผ่านกระบวนการเพือ่ นากลับมาใช้ใหม่ ด้วยการกลัน่
FALSE
ข้อที่ 215 : ข้อใดเป็ นวิธีการกาจัดไดออกซิ นจากอากาศที่เกิดจากเตาเผาขยะที่ถูกต้อง
FALSE 1 : ระบบบาบัดอากาศแบบเปี ยก (Wet Scrubber System)
FALSE 2 : ระบบเครื่ องดักฝัน (Dust Collection System)
FALSE 3 : ระบบถ่านกัมมันต์ (Activated Carbon System)
FALSE 4 : ระบบกรองชีวภาพ (Biofiltration System)
FALSE
ข้อที่ 216 : ข้อใดไม่เหมาะสมกับการบาบัดของเสี ยของแข็งปนเปื้ อนสารอินทรี ยใ์ นรู ปของแข็ง
FALSE 1: Land Treatment
FALSE 2 : Composting
FALSE 3 : Air stripping
FALSE 4 : Soil Piles
FALSE
ข้อที่ 217 : ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับกาจัดของเสี ยหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ใช้แล้ว
FALSE 1: บดให้เป็ นชิ้นเล็กๆ แล้วผสมกับปูนซี เมนต์ หล่อเป็ นก้อนแข็ง จากนั้นนาไปฝังกลบแบบ ปลอดภัย
FALSE 2 : นาไปแยกปรอท และฟอสฟอรัสออก จากนั้นบดแก้วให้เป็ นชิ้นเล็กๆ ก่อนนาไปหลอมใช้ใหม่
FALSE 3 : นาไปเผาที่เตาเผาของเสี ยอันตราย จากนั้นนากากไปฝังกลบแบบปลอดภัย
FALSE 4 : นาไปแยกปรอทออก จากนั้นนาไปปรับเสถียรแล้วฝังกลบในหลมฝังกลบขยะอันตราย
FALSE
ข้อที่ 218 : ข้อใดเป็ นการกาจัดน้ าเสี ยปนเปื้ อนไซยาไนด์ จากเหมืองทอง ที่เหมาะสมที่สุด
FALSE 1 : การไล่ดว้ ยไอน้ า (Air Stripping)
FALSE 2 : การออกซิ เดชันทางเคมี (Chemical Oxidation)
FALSE 3 : การดูดซับด้วยถ่านกัมมันต์ (Activated Carbon Adsorption)
FALSE 4 : การกาจัดด้วยถังกรองชีวภาพ (Bio Filtration)
FALSE
ข้อที่ 219 : ข้อใดไม่ใช่สารที่ใช้ในการทาปฏิกิริยาของกระบวนการออกซิ เดชันทางเคมี (Chemical Ox
FALSE 1 : โอโซน
FALSE 2 : ไฮโดรเจนเปอร์ ออกไซด์
FALSE 3 : Chlorinated Hydrocarbon )
FALSE 4 : คลอรี น
FALSE
ข้อที่ 220 : การดูดซับด้วยถ่านกัมมันต์ (Activated Carbon Adsorption) เหมาะสมในการกาจัดสารมล
FALSE 1: สารอินทรี ยร์ ะเหยง่ายในอากาศ
FALSE 2 : โลหะหนัก
FALSE 3 : DNAPEs ในน้ า
FALSE 4 : ไซยาไนด์ในน้ าเสี ย
FALSE
ข้อที่ 221 : กลไกใดที่ไม่ได้เกิดขึ้นเมื่อมีการดูดซับด้วยถ่านกัมมันต์ (Activated Carbon Adsorption)
FALSE 1 : การแพร่ ผ่านในรู พรุ น
FALSE 2 : การเคลื่อนที่ในชั้นฟิ ล์ม
FALSE 3 : การทาปฏิกิริยาที่พ้น
ื ผิว
FALSE 4 : การดูดติดผิว
FALSE
ข้อที่ 222 : ของเสี ยชนิ ดใดที่เหมาะสมสาหรับการกาจัดเตาเผาปูนซี เมนต์
FALSE 1 : ผ้าและถุงมือที่เปื้ อนน้ ามัน
FALSE 2 : กากของเสี ยปนเปื้ อนโลหะหนัก
FALSE 3 : กากของเสี ยที่มีกมั ตรังสี ระดับต่าํ
FALSE 4 : กากตะกอน CaSO4
FALSE
ข้อที่ 223 : ไอโอดีน-131 มีคุณสมบัติเป็ นสารกัมมันตรังสี ที่มีความคงตัวต่าํ ใช้ในการรักษามะเร็ งต่อม
FALSE 1 : 40 วัน
FALSE 2 : 80 วัน
FALSE 3 : 400 วัน
FALSE 4 : 800 วัน
FALSE
ข้อที่ 224 : ข้อใดเป็ นการจับคู่ของสาร ในกระบวนการออกซิ เดชันทางเคมี (Chemical Oxidation) ที่ไ
FALSE 1 : คลอรี น ทาปฏิกิริยาน โครเมียม 61
FALSE 2 : เฟอร์ รัสซัลเฟต ทาปฏิกิริยากับ โครเมียม 6"
FALSE 3 : โอโซน ทาปฏิกิริยากับ ไซยาไนด์
FALSE 4 : โอโซน ทาปฏิกิริยากับสารอินทรี ย ์ (CH2Cl2)
FALSE
ข้ อที่ 225 : ในกำรกํำจัดด้ วยระบบกำรไล่ ด้วยอำกำศ (Air Stripping) หำกต้ องกำรกํำจัด นํำ้ ที่ปนเปื ้ อน
FALSE 1 : 271 ลบ.ม./ วัน
FALSE 2 : 265.3 ลบ.ม./วัน
FALSE 3 : 365.3 ลบ.ม./ วัน
FALSE 4 : 369.3 ลบ.ม./วัน
FALSE
ข้อที่ 226 : การกาจัดมลพิษด้วยระบบ การไล่ดว้ ยอากาศ (Air Stripping) เหมาะสมสาหรับของเสี ยปร
FALSE 1: น้ าเสี ยที่ปนเปื้ อนด้วยเบนซี น (Benzene) ค่าคงที่เฮนรี่ 4.4 x 103 atm-m/mol ความเข้ม ขัน 100 มคก
FALSE 2 : น้ าใต้ดินที่ปนเปื้ อนด้วยคลอโรฟอร์ ม (Chloroform) ค่าคงที่เฮนรี่ 2.95 x 103 atmm3/mol ความเข้ม
FALSE 3 : น้ าใต้ดินที่ปนเปื้ อนด้วย เอนดริ น (Endrin) ค่าคงที่เฮนรี่ 4.00 x 107 atm-m /mol ความ เข้มข้น 300
FALSE 4 : ดินปนเปื้ อนด้วยแอนทราซี น (Atrazine) ค่าคงที่เฮนรี่ 2.63 x 10° atm-m/mol ความ เข้มข้น 100 มค
FALSE
ข้อที่ 227 : การกาจัดมลพิษด้วยระบบการไล่ดว้ ยไอน้ า (Stream Stripping) เหมาะสมสาหรับของเสี ยป
FALSE 1 : น้ าเสี ยที่ปนเปื้ อนด้วยเบนซี น (Bentene) ค่าคงที่เฮนรี่ 4.4 x 10-3 atm-m/mol ความเข้ม ขัน 100 มค
FALSE 2 : น้ าใต้ดินที่ปนเปื้ อนด้วยคลอโรฟอร์ ม Chloroform) ค่าคงที่เฮนรี่ 2.95 x 10 atmเm/mol ความเข้มข
FALSE 3 : น้ าใต้ดินที่ปนเปื้ อนด้วยเอนดริ น (Endrin) ค่าคงที่เฮนรี่ 4.00 x 107 atm-m/mol ความ เข้มข้น 300
FALSE 4 : ดินปนเปื้ อนด้วยแอนทราซี น (Atrazine) ค่าคงที่เฮนรี่ 2.63 x 10-9 atm-m/mol ความเข้ม ขัน 100 ม
FALSE
ข้อที่ 228 : ตามกฎกระทรวงสาธารณสุ ขว่าด้วยการกาจัดมูลฝอยติดเชื้ อ พ.ศ. 2545 กาหนดให้ตรวจสอ
FALSE 1: เชื้ อบัคเตร
FALSE 2 : เชื้ อไวรัส
FALSE 3 : ปาราสิ ต
FALSE 3 : เชื้ อบะซิ ลลัสสะเทียโรเธอร์ โมฟิ ลลัส
FALSE
ข้อที่ 229 : ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับการกรองผ่านเยือ่ กรองแบบ Reverse Osmosis
FALSE 1 : ตัวถูกละลายจะถูกแยกจากสารละลายโดยใช้ความดันที่มีค่าสู งกว่าความดันออสโมติกเป็ น ตัวบังค
FALSE 2 : น้ าและตัวถูกละลายที่มีโมเลกุลขนาดเล็กจะเคลื่อนที่ผ่านเยือ่ กรองขณะที่ตวั ถูกละลาย โมเลกุลขน
FALSE 3 : เยือ่ กรองจะแยกประจุชนิ ดต่างๆ ออกจากน้ าโดยการใช้ความต่างศักย์ไฟฟ้ าเป็ นแรงขับดัน ให้เกิดก
FALSE ่ํ
4 : ตัวถูกละลายที่มีค่าคงที่เฮนรี ตาจะแยกผ่ านเยือ่ กรองขณะที่สารอื่นจะค้างอยูบ่ นเยือ่ กรอง
FALSE
ข้อที่ 230 : ในการกาจัด trichloroethylene (TCE) ด้วยโอโซน ค่าคงที่อตั ราเร็ วปฏิกิริยาอันดับหนึ่งมีค
FALSE 1 : 1693.14 วัน
FALSE 2 : 693.14 วินาที
FALSE 3 : 993.56 วินาที
FALSE 4 : 356.45 วินาที
FALSE
ข้อที่ 231 : สารกัมมันตรังสี ซีเซี ยม -137 (CS-137) มีค่าครึ่ งชีวิต 30 ปี ค่าคงที่อตั ราเร็ วปฏิกิริยาอันดับ
FALSE 1 : 0.693 ปี
FALSE 2 : 0.693 ต่อปี
FALSE 3 : 30 ปี
FALSE 4 : 0.023 ต่อปี
FALSE
ข้อที่ 232 : จงคานวณปริ มาณออกซิ เจนที่ตอ้ งการในการย่อยสลายอย่างสมบูรณ์ของ AIkene (C7H12
FALSE 1: 6.66 กรัม 3 กรัม AIkene
FALSE 2 : 3.33 กรัม 02/ กรัม Alkene
FALSE 3 : 10.0 กรัม 02/ กรัม AIkene
FALSE 4 : 96 กรัม- 02/ กรัม Alkene
FALSE
ข้อที่ 233 : ในการกาจัดของเสี ยสารอินทรี ยด์ ว้ ยวิธีทางชีววิทยา ค่าคงที่อตั ราเร็ วปฏิกิริยาอันดับหนึ่งใน
FALSE 1: 11.51 ลบ.ม.
FALSE 2 : 23.03 ลบ.ม.
FALSE 3 : 0.5 ลบ.ม.
FALSE 4 : 50 ลบ.ม.
FALSE
ข้อที่ 234 : น้ าเสี ยที่ปนเปื้ อนไซยาไนด์ ในรู ป NaCN ความเข้มข้น 500 มก./ล. ปริ มาณ 100 ลบ.ม./วัน
FALSE 2NaCN + 5 C2 +12 NaOH --> N2 + Na2CO3 +1ONaCl + 6H20
FALSE น้ าหนักโมเลกุล CI = 35.5, Na =23,C=12, N=14
FALSE
1 : 3.5 กก./วัน
FALSE 2 : 49 กก./วัน
FALSE 3 : 35.5 กก./วัน
FALSE 4 : 88.7 กก./วัน
FALSE
ข้อที่ 235 : ต้องใช้ถ่านกัมมันต์ปริ มาณเท่าไร ในการบาบัดน้ าเสี ยที่มีการปนเปื้ อนของ Xylene ที่มีควา
FALSE 1 : 197.7 กก./วัน
FALSE 2 : 1,97740 กก./วัน
FALSE 3 : 163.8 กก./วัน
FALSE 4 : 1,638.50 กก./วัน
FALSE
วิชา : 641 :4. Stabilization and Solidification
FALSE
ข้อที่ 236 : ข้อใดไม่ใช่ผลของการใช้กระบวนการปรับเสถียรภาพ (stabilizer)
FALSE 1: ลดการเคลื่อนที่ออกของสารปนเปื้ อนสู่ สิ่งแวดล้อม
FALSE 2 : ปรับค่าพีเอชของสารปนเปื้ อน
FALSE 3 : ลดความเป็ นพิษ
FALSE 4 : บาบัดของเสี ย
FALSE
ข้อที่ 237 : การทดสอบการชะละลายเพือ่ ตรวจสอบสมบัติหรื อลักษณะการเป็ นของเสี ยอันตราย (TCL
FALSE 1 : การเทของเสี ยอันตรายร่ วมกับขยะจากบ้านเรื อน
FALSE 2 : การเทของเสี ยอันตรายใน monofill
FALSE 3 : การทิ้งบนดิน
FALSE 4 : การทิ้งในแม่น้ าลาคลอง
FALSE
ข้อที่ 238 : ของเสี ยอันตรายที่หล่อให้เป็ นก้อนแข็งก่อนนาไปฝังกลบไม่จาเป็ นต้องทดสอบลักษณะส
FALSE 1 : Hardness
FALSE 2 : Compressive Strength
FALSE 3 : Leachability
FALSE 4 : Density
FALSE
ข้อที่ 239 : ข้อใดไม่ไช่วตั ถุประสงค์ในการนากากอุตสาหกรรมอันตรายมาปรับเสถียรและทาเป็ นก้อน
FALSE 1: เพือ่ ลดความเป็ นพิษของกากอุตสาหกรรมอันตราย
FALSE 2 : เพือ่ นากากอุตสาหกรรมกลับมาใช้ในกระบวนการผลิตใหม่
FALSE 3 : เพือ่ ลดอัตราการปลดปล่อยสารพิษของกากอุตสาหกรรมอันตราย
FALSE 4 : เพือ่ บาบัดกากอุตสาหกรรมอันตรายก่อนนาไปฝังกลบ
FALSE
ข้อที่ 240 : ข้อใดไม่จดั เป็ นกลไกการปรับเสถียรและทาเป็ นก้อนแข็ง
FALSE 1: Macroencapsulation a: Microencapsulation
FALSE 2 : Adsorption และ Absorption
FALSE 3 : Precipitation
FALSE 4 : Vapolization
FALSE
ข้อที่ 241 : สารในข้อใดเหมาะสาหรับการปรับเสถียรและทาเป็ นก้อนแข็งกากปนเปื้ อนน้ ามันที่สุด
FALSE 1 : ซี เมนต์
FALSE 2 : ปูนขาว
FALSE 3 : ดินเหนี ยวดัดแปลง
FALSE 4: Pozzolans
FALSE
ข้อที่ 242 : ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับการปรับเสถียรและทาเป็ นก้อนแข็งโดยใช้ซีเมนต์
FALSE 1 : ไม่เหมาะกับกากปนเปื้ อนโลหะหนัก
FALSE 2 : ไม่เหมาะกับกากปนเปื้ อนสารทาละลายอินทรี ย ์
FALSE 3 : ไม่สามารถบาบัดกรดได้
FALSE 4 : ไม่เหมาะกับกากที่มีความชื้ นสู ง
FALSE
ข้อที่ 243 : ตะกอนโลหะหนักชนิ ดใดที่ตอ้ งเปลี่ยนรู ปให้เป็ นโลหะซัลไฟด์ก่อนเข้าสู่ กระบวนการทาใ
FALSE 1 : อาร์ เซนิ ค
FALSE 2 : โครเมียม
FALSE 3 : แมงกานี ส
FALSE 4 : ปรอท
FALSE
ข้อที่ 244 : สารเคมีชนิ ดใดนิ ยมใช้ในกระบวนการปรับเสถียรของเสี ยอันตราย
FALSE 1 : โซเดียมไฮดรอกไซด์
FALSE 2 : โซเดียมไฮโปคลอไรท์
FALSE 3 : แคลเซี ยมออกไซด์
FALSE 4 : ไฮโดรเจนเปอร์ ออกไซด์
FALSE
ข้อที่ 245 : การกาจัดตะกอนที่มีแคดเมียมปนเปื้ อนต้องเติมสารเคมีชนิ ดใด เพือ่ ให้อยูใ่ นรู ปตะกอนที่ไ
FALSE 1: ปูนขาว
FALSE 2 : ไฮโดรเจนเปอร์ ออกไซด์
FALSE 3 : ไฮโดรเจนซัลไฟด์
FALSE 4 : โกเดียมไฮโปคลอไรท์
FALSE
ข้อที่ 246 : สารประกอบของโลหะหนักชนิ ดใดมีสถานะที่เสถียร เมื่อหล่อให้เป็ นก้อนแข็งก่อนนาไป
FALSE 2 : ปรอทซัลไฟด์
FALSE 3 : แคดเมียมไฮดรอกไซด์
FALSE 4 : โครเมียมไซยาเนต
FALSE
ข้อที่ 247 : ของเสี ยอันตรายที่หล่อให้เป็ นก้อนแข็งก่อนนาไปฝังกลบต้องมีลกั ษณะสมบัติเช่นใด
FALSE 1 : ปริ มาณความเข้มข้นของสารอันตรายในน้ าสกัด ต่ากว่ ํ าเกณฑ์มาตรฐาน
FALSE 2 : มีลกั ษณะสมบัติเป็ นกลาง
FALSE 3 : สามารถรับแรงอัด ซึ่ งทดสอบตามมาตรฐาน ASRM D - 2166 ได้ไม่น้อยกว่า 3.5 กิโลกรัมต่อตารา
FALSE ่ ํ า 1.15 ตันต่อลูกบาศก์เมตร
4 : มีค่าความหนาแน่ นไม่ตากว่
FALSE
ข้อที่ 248 : ค่าสัดส่ วนน้ าต่อซี เมนต์ (w/c) ที่นิยมใช้ในการหล่อของเสี ยอันตรายให้เป็ นก้อนแข็งมีค่าเท
FALSE 1 : 0.25
FALSE 2 : 0.50
FALSE 3 : 0.75
FALSE 04:01.0
FALSE
ข้อที่ 249 : ของเสี ยชนิ ดใดใช้ผสมกับของเสี ยอันตรายในกระบวนการหล่อให้เป็ นก้อนแข็งได้
FALSE 1 : ตะกอนของเสี ยอุตสาหกรรม
FALSE 2 : เถ้าลอย
FALSE 3 : ตะกอนน้ าเสี ยชุมชน
FALSE 4 : ตะกอนจากระบบแอนแอโรบิก
FALSE
ข้อที่ 250 : 6 ปฏิกิริยาที่เกิดในกระบวนการหล่อของเสี ยอุตสาหกรรมด้วยซี เมนต์ คือข้อใด
FALSE 1 : Neutralization
FALSE 2 : Oxidation
FALSE 3 : Pozzolanic
FALSE 4 : Reduction
FALSE
ข้อที่ 251 : มาตรฐานกาลังรับแรงอัดของสิ่ งปฏิกูลที่ผ่านกระบวนการทาให้เป็ นก้อนแข็งตามประกาศ
่ ํ า 15 กิโลกรัม ต่อลูกบาศก์เมตร
FALSE 1 : ไม่ตากว่
่ ํ า 1.5 กิโลกรัม ต่อลูกบาศก์เมตร
FALSE 2 : ไม่ตากว่
่ ํ า 35 กิโลกรัม ต่อลูกบาศก์เมตร
FALSE 3 : ไม่ตากว่
FALSE ่ ํ า 3.5 กิโลกรัม ต่อลูกบาศก์เมตร
4 : ไม่ตากว่
FALSE
ข้อที่ 252 : มาตรฐานความหนาแน่ นของสิ่ งปฏิกูลที่ผ่านกระบวนการทาให้เป็ นก้อนแข็งตามประกาศ
FALSE ่ ํ า 1.15 ตัน ต่อลูกบาศก์เมตร
1 : ไม่ตากว่
FALSE ่ ํ า 11.5 ตัน ต่อลูกบาศก์เมตร
2 : ไม่ตากว่
FALSE ่ ํ า 11.5 กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
3 : ไม่ตากว่
FALSE 4 : ไม่ตากว่่ ํ า 1.15 กิโลกรัม ต่อลูกบาศก์เมตร
FALSE
ข้อที่ 253 : การทาเสถียรหลอดฟลูออเรสเซนส์ที่ใช้แล้ว ต้องใช้สารเคมีประเภทใด
FALSE 1 : คลอไรด์
FALSE 2 : ไฮดรอกไซด์
FALSE 3 : ซัลไฟด์
FALSE 4 : ถูกทุกข้อ
FALSE
ข้อที่ 254 : สารในข้อใดต่อไปนี้ มารถใช้เป็ นตัวประสาน (binder) ในการทาเสถียรและทาให้เป็ นก้อน
FALSE 1 : ซี เมนต์
FALSE 2 : ดินเหนี ยว
FALSE 3 : เถ้าลอยถ่านหิ น
FALSE 4 : ZEOLITE (0
FALSE
ข้อที่ 255 ในการทาเสถียรและทาให้เป็ นก้อนโดยใช้ปูนซี เมนต์น้ นั สารประกอบใดในซี เมนต์ที่สร้างค
FALSE 1 : แคลเซี ยมออกไซด์
FALSE 2 : แคลเซี ยมซัลเฟต
FALSE 3 : แคลเซี ยมคาร์ บอเนต
FALSE 4 : แคลเซี ยมซิ ลิเกต
FALSE
ข้อที่ 256 : ในการทาเสถียรและทาให้เป็ นก้อนโดยใช้ปูนซี เมนต์น้ นั วัสดุใดที่สามารถช่วยสร้างความ
FALSE 1 : ปอซโซลาน
FALSE 2 : มวลรวม
FALSE 3 : หิ นปูน
FALSE 4 : ไฟเบอร์ กลาส
FALSE
ข้อที่ 257 : ในการบาบัดของเสี ยที่มีโลหะหนักด้วยการตกตะกอนนั้น โลหะหนักใดที่จาเป็ นต้องผ่าน
FALSE 1 : Pb
FALSE 2 : Ba
FALSE 3 : As (III)
FALSE 4 : As (V)
FALSE
ข้อที่ 258 : อะไรคือข้อเสี ยของการบาบัดแบบ Solidification
FALSE 1 : ราคาแพง
FALSE 2 : เกิด Sludge
FALSE 3 : ไม่เหมาะสาหรับของเสี ยที่มีสารอินทรี ย ์
FALSE 4 : ถูกทุกข้อ
FALSE
ข้อที่ 259 : วัสดุขอ้ ใดที่มกั ใช้ในการจัดการขยะอันตรายให้อยูใ่ นสภาวะเสถียรมากที่สุด
FALSE 1 : Portland cement
FALSE 2 : Pozzolans
FALSE 3: Lime
FALSE 4 : ถูกทุกข้อ
FALSE
ข้อที่ 260 : การทดสอบในข้อใดที่ไม่ได้แสดงประสิ ทธิ ภาพในการปรับเสถียร
FALSE 1 : leaching test
FALSE 2 : toxicity test
FALSE 3 : chemical test
FALSE 4 : biological test
FALSE
ข้อที่ 261 : ข้อใดต่อไปนี้ถูกต้องมากที่สุดในการปรับเสถียรและทาก้อนแข็งกากอุตสาหกรรม
FALSE 1 : เป็ นการกาจัดกากอุตสาหกรรมขั้นสุ ดท้าย
FALSE 2 : สามารถลดความเป็ นพิษและปริ มาตรกากอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิ ทธิ ภาพ
FALSE 3 : กากมีการเปลี่ยนแปลงน้อยมากหลังจากผ่านกระบวนการนี้
FALSE 4 : สามารถใช้กบั กากอุตสาหกรรมทุกประเภท
FALSE
ข้อที่ 262 : ข้อใดคือวิธีในการบาบัด Cr(VI)
FALSE 1: ในการทาเสถียรและทาให้เป็ นก้อนโดยใช้ปูนซี เมนต์น้ นั จาเป็ นต้องผ่านกระบวนการทาเสถียร โด
FALSE 2 : ในการทาเสถียรและทาให้เป็ นก้อน โดยใช้ปูนซี เมนต์น้ นั จาเป็ นต้องผ่านกระบวนการทาเสถียร โด
FALSE 3 : ในการทาเสถียรและทาให้เป็ นก้อนโดยจะปูนซี เมนต์น้ นั จาเป็ นต้องผ่านกระบวนการทาเสถียร โด
FALSE 4 : ในการทาเสถียรและทาให้เป็ นก้อนโดยใช้ปูนซี เมนต์น้ นั จาเป็ นต้องผ่านกระบวนการทาเสถียร โด
FALSE
ข้อที่ 263 : ตะกอนปรอทเป็ น โลหะหนักที่ตอ้ งเปลี่ยนรู ปให้อยูใ่ นรู ปใดก่อนเข้าสู่ กระบวนการทาให้เ
FALSE 1: โลหะคลอไรด์
FALSE 2 : โลหะฟลูออไร
FALSE 3: โลหะออกไซด์
FALSE 4: โลหะซื้ อไปต์
FALSE
ข้อที่ 264 : ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับกระบวนการ Vitrification
FALSE 1 : ใช้กบั ของเสี ยที่มีความเป็ นพิษสู ง
FALSE 2 : ใช้อุณหภูมิ 1000-1200 องศาเซลเซี ยส
FALSE 3 : ค่าใช้จ่ายในการดาเนิ นการสู ง
FALSE 4 : ใช้ของเสี ยผสมกับกระบวนการหลอมแก้ว
FALSE
ข้อที่ 265 : วัสดุชนิ ดใดไม่จดั เป็ น Natural poZZolanic materials
FALSE 1: Volcanic lava masses
FALSE 2 : Deposits of hydrated silicic acid
FALSE 3 : Fly ash
FALSE 4 : Diatomaceous earth
FALSE
ข้อที่ 266 : สารเคมีขอ้ ใดไม่สามารถใช้ในการปรับเสถียรได้
FALSE 1 : แคลเซี ยมไฮดรอกไซด์
FALSE 2 : โซเดียมซัลไฟด์
FALSE 3 : แคลเซี ยมไฮโปคลอไรด์
FALSE 4 : เมโซพอร์ รัส ซิ ลิกา
FALSE
ข้อที่ 267 : ข้อใดคือกลไก detoxification
FALSE 1: เปลี่ยนจากองค์ประกอบเดิมทางเคมี ไปเป็ นองค์ประกอบที่มีความเป็ นพิษน้อยลง หรื อไม่ เป็ นพิษเ
FALSE 2 : สารเคมีอนั ตรายจะถูกดูดติดผิวของสารตัวกลาง
FALSE 3 : สารเคมีอนั ตรายจะถูกดูดซับไว้ในผลึกโครงสร้างขนาดเล็ก
FALSE 4 : การย่อยสลายทางชีวภาพ ไปเป็ นองค์ประกอบที่มีความเป็ นพิษน้อยลง หรื อไม่เป็ นพิษเลย
FALSE
ข้อที่ 268 : ข้อใดไม่ใช่ปัญหาของการใช้ซีเมนต์ในการทาเสถียรของเสี ยประเภทสารประกอบอะโรมา
FALSE 1: อาจเกิดสารระเหยออกมาในช่วงของการผสม
FALSE 2 : เกิดปั ญหาของการคงตัวในระยะยาว
FALSE 3 : อาจทาให้แข็งตัวช้า
FALSE 4 : อาจเด็ดการระเบิดได้
FALSE
ข้อที่ 269 : สารที่ใช้ทาก้อนแข็งแบบใดที่ไม่เหมาะสมสาหรับสารกัมมันตรังสี
FALSE 1 : ซี เมนต์
FALSE 2 : เทอร์ โมพลาสติก
FALSE 3 : ปูนขาว
FALSE 4 : Vitrification
FALSE
ข้อที่ 270 : การทาเสถียรในข้อใดที่ทาให้ปริ มาตรลดลง
FALSE 1 : ซี เมนต์
FALSE 2 : เทอร์ โมพลาสติก
FALSE 3 : ปูนขาว
FALSE 4 : Vitrification
FALSE
ข้อที่ 271 : รหัสเลข 3 หลัก ของการปรับเสถียร/ตรึ งทางเคมีโดยใช้ซีเมนต์หรื อวัสดุ poZZolanic (che
FALSE 1 : 068
FALSE 2 : 071
FALSE 3 : 073
FALSE 4 : 099
FALSE
ข้อที่ 272 : ข้อใดคือปฏิกิริยา hydration ในการทาให้เป็ นก้อนแข็งด้วยซี เมนต์
FALSE 1: Al2(S04)3. 18 H28 x 6 HCO3 --> 2AI(OH)3 + 3s042" +6C02 + 18 H20
FALSE 2 : 3 Zn + 2 FeCl3 --> ZnCl2 + 2 Fe
FALSE 3 : 203CaO.SiO2 +6 H2O ---> 3 Cao.2SiO2.3H2O + 3 Ca(OH)2
FALSE 4 : Me(OH)2 IN CO3 --> MeCO3 + 2 H30
FALSE
เนื้อหาวิชา 642 :5. Land Disposal
FALSE
ข้อที่ 273 : ข้อใดต่อไปนี้เป็ นเกณฑ์ที่สาคัญที่สุดในการคัดเลือกพื้นที่สาหรับการฝังกลบของเสี ยอันตร
FALSE 1: ระยะห่ างระหว่างแหล่งกาเนิ ดของเสี ยและพื้นที่ฝังกลบ
FALSE 2 : สภาพทางธรณี วิทยาของพื้นที่ฝังกลบ
FALSE 3 : สภาพภูมิประเทศของพื้นที่ฝังกลบ
FALSE 4 : ระบบนิ เวศวิทยาในบริ เวณพื้นที่ฝังกลบ
FALSE
ข้อที่ 274 : สิ่ งที่ตอ้ งให้ความสาคัญมากที่สุดในการฝังกลบของเสี ยอันตรายคือข้อใด
FALSE 1 : ก๊าซมีเทนที่เกิดขึ้น
FALSE 2 : การทรุ ดตัวของพื้นที่หลังการฝังกลบ
FALSE 3 : การปนเปื้ อนของน้ าใต้ดิน
FALSE 4 : กลิน และพาหะนาโรค
FALSE
ข้อที่ 275 : ข้อใดคือคุณสมบัติสาคัญของ Secure Landfill
FALSE 1: มีช้ นั กันซึ มรองพื้นหลุมอย่างน้อย 2 ชั้น
FALSE 2 : มีท่อระบายน้ าชะขยะเฉพาะชั้นกันซึ มชุดล่างสุ ด
FALSE 3 : ท่อระบายน้ าชะขยะต้องทาด้วยกระเบื้องเท่านั้นเพือ่ กันการกัดกร่ อน
FALSE 4 : ถูกทุกข้อ
FALSE
ข้อที่ 276 : ข้อใดไม่จดั เป็ นการกาจัดแบบ Land Disposal
FALSE 1 : Landfill
FALSE 2 : Injection Well
FALSE 3 : Drying Bed
FALSE 4 : Waste Piles
FALSE
ข้อที่ 277 : Secure Landfill เหมาะกับขยะประเภทใด
FALSE 1 : ของเสี ยประเภทกระดาษ
FALSE 2 : ของเสี ยจากครัวเรื อน
FALSE 3 : ของเสี ยจากตลาดสด
FALSE 4 : ของเสี ยประเภทภาชนะบรรจุสารเคมี
FALSE
ข้อที่ 278 : แผ่นพลาสติกที่ใช้ปดาดในหลุมฝังกลบของเสี ยอันตรายทาจากวัสดุในข้อใด
FALSE 1 : High Density Polypropylene
FALSE 2 : High Density Polyethylene
FALSE 3 : Low Density Polypropylene
FALSE 4 : Low Density Polyethylene
FALSE
ข้อที่ 279 : ข้อใดที่ไม่ควรพบในหลุมฝังกลบขยะอันตราย
FALSE 1 : Double layer Liner System
FALSE 2 : Leachate control system
FALSE 3 : Enriched gas เช่น Methane
FALSE 4: Cover system
FALSE
ข้อที่ 280 : Extraction Well หมายถึงข้อใด
FALSE 1 : บ่อที่ใช้สาหรับบาบัดน้ าเสี ยอันตราย ด้วยการดูดสารอันตรายออกจากน้ า
FALSE 2 : บ่อที่ใช้อดั น้ าดีเพือ่ เจือจางน้ าใต้ดินที่ถูกปนเปื้ อนให้อยูใ่ นมาตรฐานที่ยอมรับได้
FALSE 3 : บ่อที่ใช้ดูดน้ าใต้ดินที่ถูกปนเปื้ อนขึ้นมาเพือ่ นาไปบาบัด
FALSE 4 : บ่อที่ใช้อดั น้ าเสี ยอันตรายที่บาบัดแล้วสู่ ช้ นั ใต้ดิน
FALSE
ข้อที่ 281 : ข้อใดไม่ใช่องค์ประกอบหลักของระบบฝังกลบกากอุตสาหกรรม
FALSE 1: ระบบป้ องกันน้ าชะ
FALSE 2 : ระบบควบคุมและระบายก๊าซ
FALSE 3 : ระบบระบายน้ าใต้ดิน
FALSE 4 : พื้นที่กนั ชน
FALSE
ข้อที่ 282 : ข้อใดไม่ใช่ระบบป้ องกันและติดตามผลกระทบสิ่ งแวดล้อมในหลุมฝังกลบ
FALSE 1 : ระบบติดตามนาชะกากอุตสาหกรรม
FALSE 2 : ระบบติดตามตรวจสอบก๊าซ
FALSE 3 : ระบบติดตามตรวจสอบดิน
FALSE 4 : ระบบติดตามตรวจสอบน้ าใต้ดิน
FALSE
ข้อที่ 283 : ข้อใดไม่ใช่ประโยชน์ของการปิ ดทับหลุมฝังกลบ
FALSE 1: ช่วยลดปริ มาณน้ าชะกากของเสี ย
FALSE 2 : ช่วยป้ องกันกลิ่น
FALSE 3 : ช่วยป้ องกันการกัดเซาะ
FALSE 4 : ช่วยเพิม่ อัตราการย่อยสลาย
FALSE
ข้อที่ 284 : สาเหตุใดจึงจาเป็ นต้องมีปิดทับหลุมฝังกลบ
FALSE 1 : ช่วยลดปริ มาณน้ าชะกาก
FALSE 2 : ช่วยป้ องกันกลิ่น
FALSE 3 : ช่วยป้ องกันการกัดเซาะ
FALSE 4 : ถูกทุกข้อ
FALSE
ข้อที่ 285 : ปั จจุบนั ไม่อนุ ญาตให้กาจัดของเสี ยชนิ ดใดโดย Secure Landfill
FALSE 1 : PCBs
FALSE 2 : Cyanides
FALSE 3 : Halogenated organic compounds
FALSE 4 : ถูกทุกข้อ
FALSE
ข้อที่ 286 : ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับ Secure Landfill
FALSE 1: ชั้นฝังกลบต้องสู งกว่าระดับน้ าใต้ดินอย่างน้อย 10 ฟุต
FALSE 2 : ชั้นฝังกลบต้องปูดว้ ยแผ่นAIDPE อย่างน้อย 2 ชั้น
FALSE 3 : บนชั้นฝังกลบต้องปูดว้ ยแผ่น
FALSE 4 : ถูกทุกข้อ
FALSE
ข้อที่ 287 : หลุมฝังกลบอย่างปลอดภัย (Secure Landfil) ที่นาวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่เป็ นของเสี ยอันตรายท
FALSE 1: โรงงานประเภท 101
FALSE 2 : โรงงานประเภท 104
FALSE 3 : โรงงานประเภท 105
FALSE 4 : โรงงานประเภท 106
FALSE
ข้อที่ 288 : ข้อใดไม่ใช่องค์ประกอบของหลุมฝังกลบที่ตอ้ งมี ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่ อ
FALSE 1 : ระบบกันซึ ม
FALSE 2 : ระบบรวบรวมก๊าซ
FALSE 3 : ระบบการตรวจสอบการรั่วไหล
FALSE 4 : ระบบบาบัดน้ าเสี ย
FALSE
ข้อที่ 289 : ข้อใดเป็ นหน้าที่ของ Geotextile ในชั้นป้ องกันของหลุมฝังกลบของเสี ยอันตราย
FALSE 1: ป้ องกันการซึ มผ่านของน้ าชะ
FALSE 2 : มีลกั ษณะเป็ นตาข่ายเพือ่ การระบายน้ า
FALSE 3 : รองรับน้ าหนักของหลุมฝังกลบให้มีความแข็งแรงและสามารถรองรับน้ าหนักได้หลังจากปิ ด หลุม
FALSE 4 : ช่วยกรองเศษขยะขนาดเล็ก เพือ่ ป้ องกันการอุดตันของชั้นทราย
FALSE
ข้อที่ 290 : ข้อใดเป็ นหน้าที่ของชั้นดินเหนี ยวในชั้นป้ องกันของหลุมฝังกลบของเสี ยอันตราย
FALSE 1 : ป้ องกันการซึ มผ่านของน้ าชะ
FALSE 2 : เป็ นชั้นรองรับการซึ มผ่านของน้ าชะ หาก HDPE ชั้นที่สองชารุ ดหรื อเสื่ อมสภาพ
FALSE 3 : รองรับน้ าหนักของหลุมฝังกลบให้มีความแข็งแรงและสามารถรองรับน้ าหนักได้หลังจากปิ ด หลุม
FALSE 4 : ช่วยกรองเศษขยะขนาดเล็ก เพือ่ ป้ องกันการอุดตันของชั้นทราย
FALSE
ข้อที่ 291 : ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมกับการเป็ นที่ต้ งั หลุมฝังกลบของเสี ยอันต
FALSE 1: พื้นที่น้ าท่วม (Flood plains) จะเป็ นการยุง่ ยากมากถ้าในกรณี หลุมฝังกลบเกิดน้ าท่วม
FALSE 2 : พื้นที่ชุ่มน้ า (Wetland) เพราะว่าจะเกิดผลกระทบต่อระบบนิ เวศน์พ้นื ที่ชุ่มน้ าได้ ตลอดจน การควบ
FALSE 3 : แม่น้ า (River) ไม่ควรเลือกสถานที่ฝังกลบใกล้แม่น้ ามากเกินไป กล่าวคือ ควรอยูห่ ่ างจาก แม่น้ ามา
FALSE 4 : พื้นที่ที่ไม่คงตัว (Unstable Areas) ได้แก่ บริ เวณที่เกิดจากการพังทลายของดินหรื อโคลน พื้นที่บริ เ
FALSE
ข้อที่ 292 : ข้อใดไม่ใช่เกณฑ์การเลือกที่ต้ งั ด้านทางธรณี วิทยาของพื้นที่ สาหรับหลุมฝังกลบของเสี ยอ
FALSE 1 : ไม่ขวางทางน้ าเพือ่ ป้ องกันการชะและการแพร่ กระจายของมลสารสู่ แหล่งน้ าธรรมชาติ
FALSE 2 : มีแนวกันชนรอบพื้นที่เพือ่ ป้ องกันความราคาญที่อาจก่อให้แก่พ้น ื ที่ขา้ งเคียง
FALSE 3 : สามารถรองรับน้ าหนักได้มากกว่าน้ าหนักของเสี ยและอุปกรณ์ที่จะกดทับบนหลุมเพือ่ ป้ องกัน การ
FALSE 4 : ควรตั้งบนพื้นที่ที่มีช้ นั ดินเป็ นดินเหนี ยว เพือ่ ป้ องกันการซึ มผ่านของน้ าชะขยะสู่ สิ่งแวดล้อม
FALSE
ข้อที่ 293 : บ่อตรวจสอบน้ าใต้ดิน (Monitoring well) มีไว้เพือ่ อะไร
FALSE 1 : เพือ่ ตรวจสอบโอกาสปนเปื้ อนของมลพิษจากหลุมฝังกลบต่อแหล่งน้ าใต้ดิน
FALSE 2 : เพือ่ ตรวจสอบระดับน้ าใต้ดิน (well head)
FALSE 3 : เพือ่ ตรวจสอบการปนเปื้ อนของของมลพิษจากหลุมฝังกลบจาก Surface Runoff
FALSE 4 : เพือ่ ตรวจสอบคุณภาพน้ าชะกากตามแนวทาง Toxicity characteristic leaching procedure
FALSE
ข้อที่ 294 : การเก็บน้ าใต้ดินของบ่อตรวจสอบน้ าใต้ดิน ต้องวิเคราะห์พารามิเตอร์ ใด
FALSE 1 : pH, EC, TDS, BOD5, COD, Hydrocarbon
FALSE 2: pH, EC, TDS, Alkalinity, Chloride BOD, COD, Hydrocarbon
FALSE 3: pH, EC, TDS, As, Cu, Cr, Cd, Pb, Mg, Ni, Zn
FALSE 4 : pH, EC, TDS, As, Cu, Cr, Cd, Pa, Hg, Ni, Zn, Hydrocarbon
FALSE
ข้อที่ 295 : ความถี่ของการตรวจสอบบ่อติดตามตรวจสอบน้ าใต้ดินของหลุมฝังกลบของเสี ยอันตรายใ
FALSE 1 : สัปดาห์ละ 1 ครั้ง
FALSE 2 : เดือนละ 1 ครั้ง
FALSE 3 : ปี ละ 2 ครั้ง
FALSE 4 : ปี ละ 1 ครั้ง
FALSE
ข้อที่ 296 ความถี่ของการตรวจสอบบ่อติดตามตรวจสอบน้ าใต้ดิน ในช่วงการดูแลหลุมฝังกลบของเส
FALSE 1 : สัปดาห์ละ 1 ครั้ง
FALSE 2 : เดือนละ 1 ครั้ง
FALSE 3 : ปี ละ 2 ครั้ง
FALSE 4 : ปี ละ 1 ครั้ง
FALSE
ข้อที่ 297 : บริ ษทั ในข้อใดรับอนุ ญาตให้กาจัดของเสี ยอันตรายด้วยวิธีกาจัดโดยหลุมฝังกลบของเสี ยอ
FALSE 1 : บริ ษทั ปูนซี เมนต์นครหลวง จากัด (มหาชน)
FALSE 2 : บริ ษทั บริ หารและพัฒนาเพือ่ การอนุ รักษ์สิ่งแวดล้อม จากัด
FALSE 3 : บริ ษทั บางปู เอนไวรอนเมนทอล คอมเพล็กซ์ จากัด
FALSE 4 : บริ ษทั สยามเวสท์ แมเนจเม้นท์ คอนซัลแทนท์ จากัด
FALSE
ข้อที่ 298 : จากประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่ อง การกาจัดสิ่ งปฏิกูลหรื อวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ. 25
FALSE 1 : ต้องใช้ใบกากับการขนส่ ง
FALSE 2 : ต้องมีขอ้ มูลผลวิเคราะห์ทางเคมีและกายภาพของสิ่ งปฏิกูลหรื อวัสดุที่ไม่ใช้แล้วก่อนการดา เนิ นกา
FALSE 3 : ต้องมีผคู ้ วบคุมดูแลระบบป้ องกันสิ่ งแวดล้อม
FALSE 4 : ต้องมีวิศวกรสิ่ งแวดล้อมเพือ่ ควบคุมการดาเนิ นงานให้เป็ นไปตามหลักวิชาการ
FALSE
ข้อที่ 299 : ข้อใดไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเกณฑ์การคัดเลือกพื้นที่จดั ตั้งศูนย์กาจัดของเสี ยอันตรายจากชุมชน
FALSE ํ วง 100 ปี
1 : ไม่ต้ งั อยูใ่ นพื้นที่น้ าท่วมถึง พิลารณาคาบการเกิดซ้าในช่
FALSE 2 : ไม่ต้ งั อยูใ่ นพื้นที่ลุ่มน้ าชั้น ที่ 1 และ 2
FALSE 3 : สภาพภูมิประเทศ ความลาดชันไม่เกิน 15%
FALSE 4 : อยูเ่ หนื อระดับน้ าใต้ดินอย่างน้อย 1.5 เมตร
FALSE
ข้อที่ 300 : ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับคุณสมบัติของชั้นดินเหนี ยวที่ใช้เป็ นวัสดุกนั ซึ มในชั้นป้ องกันข
FALSE 1 : มีค่ากชมผ่านน้ า 105 ซม./วินาที หนาอย่างต่าํ 0.3 เมตร
FALSE 2 : มีค่าการซึ มผ่านน้ า 107 ซม./วินาที หนาอย่างต่าํ 0.9 เมตร
FALSE 3 : มีค่าการซึ มผ่านน้ า 10-12 ซม./วินาที หนาอย่างต่าํ 0.3 เมตร
FALSE 4 : มีค่าการซึ มผ่านน้ า 10-12 ซม./วินาที หนาอย่างต่าํ 0.9 เมตร
FALSE
ข้อที่ 301 : ข้อใดเป็ นการจัดการสิ่ งปฏิกูลหรื อวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว ที่เป็ นของเสี ยอันตราย ตามประกาศกร
FALSE 1 : ฝังกลบตามหลักสุ ขาภิบาล
FALSE 2 : อัดฉี ดลงบ่อใต้ดินหรื อชั้นดินใต้ทะเล
FALSE 3 : หมักทาปุ๋ ยหรื อสารปรับปรุ งคุณภาพดิน
FALSE 4 : ถมทะเลหรื อที่ลุ่ม (land reclamation)
FALSE
ข้อที่ 302 : ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับตาแหน่ งของระบบตรวจสอบ (Monitoring) น้ าใต้ดิน 1 : มีจาน
FALSE 2 : มีจานวนบ่ออย่างน้อย 4 บ่อ อยูต่ าแหน่ งเหนื อทิศทางการไหลของน้ าใต้ดิน 2 บ่อ และใต้ ทิศทางก
FALSE 3 : มีจานวนบ่ออย่างน้อย 5 บ่อ อยูต่ าแหน่ งเหนื อทิศทางการไหลของน้ าใต้ดิน 1 บ่อ และใต้ ทิศทางก
FALSE 4 : มีจานวนบ่ออย่างน้อย 6 บ่อ อยูต่ าแหน่ งเหนื อทิศทางการไหลของน้ าใต้ดิน 2 บ่อ และใต้ ทิศทางก
FALSE
ข้อที่ 303 : ข้อใดไม่ใช่การออกแบบการปิ ดหลุมฝังกลบ
FALSE 1: การปิ ดหลุมฝังกลบตามที่ออกแบบไว้ดว้ ยดินถมบดอัดแน่ นหนา 30 เซนติเมตร
FALSE 2 : ผิวดินมีความลาดชันอย่างน้อยร้อยละ 3 เพือ่ ลดการซึ มผ่านของน้ าลงสู่ ช้ น
ั ของเสี ย
FALSE 3 : ชั้นระบายน้ า ประกอบด้วย วัสดุสงั เคราะห์แบบ geonet ที่มีค่าสัมประสิ ทธิ การซึ มผ่านของ น้ า ไม
FALSE 4 : ดินชั้นบนเป็ นดินธรรมดาที่เหมาะสมสาหรับปลูกพืชคลุมดินเป็ นชั้นบนสุ ดมีความหนา 90 เซนติเ
FALSE
ข้อที่ 304 : ข้อใดไม่ใช่ขอ้ ควรปฏิบตั ิหลังจากปิ ดหลุมฝังกลบของเสี ยอันตราย
FALSE 1 : ดูแลรักษาระดับและความลาดชันของผิวดินและพืชที่ใช้ปกคลุมหลุมฝังกลบ
FALSE 2 : ตรวจสอบการปนเปื้ อนน้ าใต้ดิน ต่อไปอีกเป็ นเวลาอย่างน้อย 30 ปี
FALSE 3 : รายงานผลการติดตามตรวจสอบการปนเปื้ อน ทั้งดิน น้ า และอากาศ แก่หน่ วยงานที่ เกี่ยวข้อง 6
FALSE 4 : ดูแลระบบรวบรวมกาซมีเทนเพือ่ ไปผลิตกระแสไฟฟ้ าให้อยูใ่ นสภาพที่ดี
FALSE
ข้อที่ 305 : หลุมฝังกลบของเสี ยอันตรายของ บริ ษทั โปรเฟสชัน่ แนล เวสต์ เทคโนโลยี (1999) จากัด
FALSE 1 : นครนายก
FALSE 2 : ระยอง
FALSE 3 : สระแก้ว
FALSE 4 : อยุธยา
FALSE
ข้อที่ 306 : ข้อใดไม่ใช่ขอ้ ควรคานึ งในการบาบัดของเสี ยอันตรายแบบอัดฉี ดลงบ่อใต้ดิน (undergroun
FALSE 1 : ชั้นหิ นมีช่องรู พรุ นที่จะรับของเสี ยอันตราย และโดยรอบเป็ นชั้นที่น้ าซึ มผ่านไม่ได้
FALSE 2 : ต้องอัดฉี ดน้ าให้ลึกลงไปถึงชั้นเกลือหิ น หรื อชั้นที่ไม่ลึกกว่าชั้นน้ าจืด
FALSE 3 : บ่อรับของเสี ยอันตรายต้องตั้งในพื้นที่มีความเสถียร ไม่มีรอยเลื่อนในชั้นหิ น ไม่มีความเสี่ ยง ของก
FALSE 4 : ไม่ต้ งั อยูใ่ นพื้นที่ป่าสงวนที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางชีวภาพ
FALSE
ข้อที่ 307 : ข้อใดคือความเสี่ ยงของการบาบัดของเสี ยอันตรายแบบอัดฉี ดลงบ่อใต้ดิน (underground in
FALSE 1 : การกระจายของมลพิษออกสู่ ช้ นั ใต้ดิน เนื่องจากความบกพร่ องของบ่อเก็บของเสี ย
FALSE 2 : การกระจายของมลพิษ ออกสู่ ช้ นั ใต้ดิน เนื่องการฉี กขาดของแผ่นวัสดุกนั ซึ ม
FALSE 3 : การเกิดเพลิงไหม้ เนื่องจากกาซมีเทนจากการย่อยสลายสารประกอบไฮโดรคาร์ บอน
FALSE 4 : การกระจายของมลพิษสู่ สิ่งแวดล้อม เนื่องจากการปนเปื้ อนในน้ าผิวดิน
FALSE
ข้อที่ 308 : รหัสเลข 3 หลัก ของการฝังกลบอย่างปลอดภัยเมื่อทาการปรับเสถียรหรื อทาให้เป็ นก้อนแข
FALSE 1 : 068
FALSE 2 : 071
FALSE 3 : 073
FALSE 4 : 099
FALSE
ข้อที่ 309 : ข้อใดเรี ยงลาดับถูกต้องจากข้างบนไปข้างล่าง ระบบกันซึ ม 2 ชั้น ของหลุมฝังกลบแบบปล
FALSE 1 : ชั้นทราย 30 ซม. ปูทบั ด้วย Geotextile / ระบบรวบรวมน้ าชะ/ HDPE 1.5 มม. / Geonet ปู ทับด้วย
FALSE 2 : ชั้นทราย 60 ซม. ปูทบั ด้วย Geotextile / ระบบรวบรวมน้ าชะ/ HDPE 1.5 มม. /ชั้นดิน เหนี ยว/ HD
FALSE 3 : ชั้นทราย 60 ซม. ปูทบั ด้วย Geotextile / HDPE 1.5 มม. /ชั้นดินเหนี ยว 60 ซม. / Geonet ปูทบั ด้วย
FALSE 4 : ชั้นทราย 30 ซม. ปูทบั ด้วย Geotextile / ระบบรวบรวมนาชะ/ ชั้นระบายอากาศ/HDPE 1.5 มม. / G
FALSE
ข้อที่ 310 : ข้อใดไม่ใช่เงื่ อนไขที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้กาหนดให้ บริ ษทั โปรเฟสชัน่ แนล เวสต
FALSE 1: ให้ปรับปรุ งคุณภาพน้ าใต้ดินให้มีคุณภาพเป็ นไปตามมาตรฐานคุณภาพน้ าใต้ดิน
FALSE 2 : ให้ดาเนิ นการซ่อมแซมและจัดหาวัสดุที่ใช้ปิดคลุมหลุมฝังกลบของเสี ยอันตราย และหลุมฝัง กลบ
FALSE 3 : ให้ปรับปรุ งคุณภาพดินให้มีคุณภาพเป็ นไปตามมาตรฐานคุณภาพดินที่ใช้ประโยชน์เพือ่ การ อยูอ่ า
FALSE 4 : ให้ปรับปรุ งคุณภาพอากาศให้ได้มาตรฐาน
FALSE
ข้อที่ 311 : ข้อใดเป็ นปั ญหาสาคัญของ geotextile ที่ใช้ในหลุมฝังกลบของเสี ยอันตราย ในระยะดาเนิ น
FALSE 1 : ความคงทนต่อ ultraviolet light 6
FALSE 2 : clogging
FALSE 3 : ความคงทนต่อ abrasion
FALSE 4 : Impact resistance
FALSE
เนื้อหาวิชา : 643 : 6. Site Remediation
FALSE
ข้อที่ 312 : กระบวนการบาบัดและฟื้ นฟูพ้นื ที่ที่ถูกปนเปื้ อนในข้อใด ที่สามารถทาในดิน ณ จุดที่ถูกปน
FALSE 1 : การเผา (Incineration)
FALSE 2 : รี เวอร์ ส ออสโมซิ ส (Reverse Osmosis)
FALSE 3 : การสกัดไอระเหยจากดิน (Soil vapor extraction)
FALSE 4 : การล้างดิน (Soil washing)
FALSE
ข้อที่ 313 : Superfund เป็ นกองทุนที่จดั ตั้งในสหรัฐอเมริ กามีวตั ถุประสงค์เพือ่ ข้อใด
FALSE 1: ช่วยเหลือผูป้ ระสบภัยจากอุบตั ิภยั ที่เกิดจากสารอันตราย
FALSE 2 : ใช้เป็ นค่าใช้จ่ายในการทาความสะอาดพื้นที่ที่ปนเปื้ อนสารอันตรายที่ไม่สามารถหาผูร้ ับผิด ชอบไ
FALSE 3 : จัดตั้งหน่ วยงานตอบโต้อุบตั ิภยั กรณี ฉุกเฉิ นจากสารอันตราย
FALSE 4 : ช่วยเหลือประเทศยากจนที่มีปัญหาสิ่ งแวดล้อมที่ถูกปนเปื้ อนด้วยสารอันตราย
FALSE
ข้อที่ 314 : In-Situ Treatment หมายถึงข้อใด
FALSE 1 : การบาบัดของเสี ยอันตรายที่ใช้เทคโนโลยีที่ลายุ้ํ ค
FALSE 2 : การบาบัดของเสี ยอันตรายในโรงบาบัดที่ปิดมิดชิดเพือ่ กันการรั่วไหลของสารอันตราย
FALSE 3 : การบาบัดของเสี ยภายในบริ เวณพื้นที่ที่เป็ นแหล่งกาเนิ ดของเสี ยนั้น
FALSE 4 : การบาบัดและกาจัดของเสี ยอันตราย ณ จุดที่เป็ นพื้นที่ที่ปนเปื้ อนสารอันตราย
FALSE
ข้อที่ 315 : การทา Containment หมายถึงข้อใด
FALSE 1: การป้ องกันการซึ มของสารอันตรายสู่ ช้ นั ใต้ดิน
FALSE 2 : ภาชนะที่จดั เตรี ยมพิเศษสาหรับบรรจุของเสี ยอันตรายก่อนนาไปกาจัด
FALSE 3 : ภาชนะใส่ สารดูดซับของเสี ยอันตรายกรณี เกิดการหกหล่น หรื อรั่วไหล
FALSE 4 : ถังบาบัดของเสี ยอันตรายด้วยวิธีทางเคมี
FALSE
ข้อที่ 316 : ข้อใด ไม่ใช่การทา Bioremediation
FALSE 1 : การเติมจุลินทรี ยพ์ ิเศษลงในดินที่ลูกปนเปื้ อนเพือ่ ทาลายสารพิษในดิน
FALSE 2 : การเติมสารอาหารให้จุลินทรี ยท์ ี่มีอยูแ่ ล้วในดินเพือ่ เพิม่ ประสิ ทธิ ภาพในการทาลายสารพิษ ของจุล
FALSE 3 : การเติมอากาศให้กบั จุลินทรี ยท์ ี่มีอยูแ่ ล้วในดินหรื อชั้นน้ าใต้ดินเพือ่ เพิม่ ประสิ ทธิ ภาพในการ ทาลา
FALSE 4 : การเติมสารเคมีลงในดินเพือ่ ทาลายสารพิษในดิน
FALSE
ข้อที่ 317 : ในการสกัดสารระเหยง่ายออกจากดินสิ่ งที่ขาดไม่ได้คือข้อใด
FALSE 1: การบาบัดก๊าซหรื อไอของสารปนเปื้ อนก่อนปล่อย
FALSE 2 : สารวจว่าความดันปั้ มคงที่หรื อไม่
FALSE 3 : เปลี่ยนตัวทาละลายที่ใช้สกัด
FALSE 4 : นาไประเหยเอาไอน้ าออกให้หมด
FALSE
ข้อที่ 318 : ข้อใดไม่ใช่ขอ้ ดีของการนาขึ้นมากาจัด
FALSE 1 : สามารถเลือกวิธีกาจัดได้ง่าย
FALSE 2 : มีแนวโน้มที่จะกาจัดได้ง่าย
FALSE 3 : ไม่ก่อให้เกิดมลพิษบริ เวณพื้นดิน
FALSE 4 : รู ้ถึงประสิ ทธิ ภาพที่แท้จริ งของการบาบัด
FALSE
ข้อที่ 319 : ในประเทศไทย พบของเสี ยอันตรายประเภทใดมากที่สุด
FALSE 1 : ตะกอนและของแข็งโลหะหนัก
FALSE 2 : ตัวทาละลาย (solvent)
FALSE 3 : น้ าเสี ยล้างอัดรู ป
FALSE 4 : ขยะติดเชื้ อ
FALSE
ข้อที่ 320 : ในการบาบัดของเสี ยอันตรายด้วยวิธีทางชีวภาพ (Bioremediation) ที่ปนเปื้ อนในชั้นดินถ้า
FALSE 1: In situ
FALSE 2 : Ex situ
FALSE 3 : Out sitน
FALSE 4 : Above situ
FALSE
ข้อที่ 321 : กระบวนการในข้อใดต่อไปนี้ ที่เป็ นการให้ความร้อนที่ไม่สูงแก่ ดิน สลัดจ์ ตะกอนที่ปนเป
FALSE 1 : Air sparging
FALSE 2 : Soil venting
FALSE 3 : Thermal desorption
FALSE 4: Catalytic oxidation
FALSE
ข้อที่ 322 : ข้อใดเป็ นกระบวนการบาบัดฟื้ นฟูที่ปนเปื้ อน โดยใช้กระบวนการทางธรรมชาติในการเก็บ
FALSE 1: Natural Attenuation
FALSE 2 : Natural Elimination
FALSE 3 : Self Purification
FALSE 4: Conservation
FALSE
ข้อที่ 323 : ในการบาบัดฟื้ นฟูพ้นื ที่ปนเปื้ อนเมื่อต้องเข้าไปสารวจอาคารที่เก็บถังสารเคมีที่ไม่ทราบชน
FALSE 1 : A
FALSE 2 : B
FALSE 3:C
FALSE 4 : D
FALSE
ข้อที่ 324 : วิธีการบาบัดฟื้ นฟูพ้นื ที่ปนเปื้ อนในข้อใด ที่เป็ นวิธีที่ได้รับการยอมรับ ใช้มานานและมีขอ้
FALSE 1 : Phytoremediation
FALSE 2 : Pump and treat
FALSE 3 : Microwave extraction
FALSE 4 : Vitrification
FALSE
ข้อที่ 325 : การบาบัดฟื้ นฟูพ้นื ที่ในพื้นที่ที่ปนเปื้ อนด้วย Benzene ที่มีดินเป็ นดินร่ วนปนทราย ในข้อใ
FALSE 1: In-situ Stabilization/Solidification
FALSE 2 : Thermal desorption
FALSE 3: In-situ vartification
FALSE 4 : Soil Vapor extraction
FALSE
ข้อที่ 326 : ในการบาบัดฟื้ นฟูพ้นื ที่ปนเปื้ อน การขุดดินปนเปื้ อนขึ้นมาเพือ่ ทาการบาบัดแบบ ex-situ จ
FALSE 1: ค่าใช้จ่ายสู ง 0
FALSE 2 : เกิดปั ญหาเนื่องจากฝุ่ น
FALSE 3 : ทาให้สารปนเปื้ อนระเหยสู่ บรรยากาศ
FALSE 4 : ถูกทุกข้อ
FALSE
ข้อที่ 327 : ชั้นดินที่ชุ่มด้วยน้ าบาดาล เรี ยกว่าอย่างไร
FALSE 1 : Vadose Zone
FALSE 2 : Saturated zone
FALSE 3 : Aquifer
FALSE 4: Aquitard
FALSE
ข้อที่ 328 : ชั้นดินที่อยูเ่ หนื อระดับน้ าบาดาลและไม่อิ่มตัวหรื อชุ่มน้ าบาดาล เรี ยกว่าอย่างไร
FALSE 1: Vadose zone
FALSE 2 : Saturated zone
FALSE 3: Aquifer
FALSE 4: Aquitard
FALSE
ํ ด
ข้อที่ 329 : ดินชนิ ดใดต่อไปนี้มี Hydraulic conductivity ต่าสุ
FALSE 1 : ดินเหนี ยว
FALSE 2 : ดินร่ วน
FALSE 3 : ดินทราย
FALSE 4 : กรวด
FALSE
ข้อที่ 330 : จงเรี ยงลาดับความสาคัญในการบาบัดฟื้ นฟูพ้นื ที่ปนเปื้ อน จากมากไปน้อย
FALSE 1 : น้ าบาดาล น้ าผิวดินปนเปื้ อน ดินปนเปื้ อน
FALSE 2 : ถังสารเคมีรั่ว ดินปนเปื้ อน น้าบาดาลปนเปื้ อน
FALSE 3 : ดินปนเปื้ อน ถังสารเคมีรั่ว นามาดาลปนเปื้ อน
FALSE 4 : น้ าผิวดินปนเปื้ อน น้ าบาดาลปนเปื้ อน ดินปนเปื้ อน
FALSE
ข้อที่ 331 : ข้อใดไม่อยูใ่ นขั้นตอนในการบาบัดฟื้ นฟูพ้นื ที่ปนเปื้ อนสารอันตราย
FALSE 1 : การปล่ยให้ธรรมชาติบาบัด โดยมีการตรวจติดตามและดูแล
FALSE 2 : การจากัดหรื อกาหนดการใช้ประโยชน์ที่ดิน
FALSE 3 : การตรวจภาพถ่ายทางอากาศในอดีต ของบริ เวณที่มีการปนเปื้ อน
FALSE 4 : การหาสารที่ปนเปื้ อนกลับไปใช้ใหม่
FALSE
ข้อที่ 332 : ข้อใดเป็ นการบาบัดดินปนเปื้ อน โดยใช้ความร้อนในการเผาไหม้สารอินทรี ยร์ ะเหยง่ายแล
FALSE 1: Thermal destruction
FALSE 2 : Thermal desorption
FALSE 3 : Vitrification
FALSE 4 : Soil vapor extraction
FALSE
ข้อที่ 333 : ข้อใดเป็ นการบาบัดดินปนเปื้ อน โดยใช้ความร้อนในการระเหยสารอินทรี ยร์ ะเหยง่ายและ
FALSE 1 : Thermal destruction
FALSE 2 : Thermal desorption
FALSE 3 : Vitrification
FALSE 4 : Soil vapor extraction
FALSE
ข้อที่ 334 : สารในข้อใดเมื่อปนเปื้ อนในดินและน้ าบาดาลจะเกิด Light Aqueous Phase Liquid (LNA
FALSE 1 : ไตรคลอโรอีธีน (TCE)
FALSE 2 : เบนซี น (Benzene)
FALSE 3 : โครเมียม (Chromium)
FALSE 4 : ถูกทุกข้อ
FALSE
ข้อที่ 335 : สารในข้อใดเมื่อปนเปื้ อนในดินและน้ าบาดาลจะเกิด Dense Aqueous Phase Liquid (DNA
FALSE 1: ไตรคลอโรอีธีน (TCE)
FALSE 2 : เบนซี น (Benzene)
FALSE 3 : โครเมียม (Chromium)
FALSE 4 : ถูกทุกข้อ
FALSE
ข้ อที่ 336 : ข้อใดต่อไปนี้ผิด เกี่ยวกับการบาบัดดินที่ปนเปื้ อนแบบ ex-situ bioremediation
FALSE 1 : โดยทัว่ ไปแล้ว จะใช้เวลาในการบาบัดน้อย
FALSE 2 : โดยทัว่ ไปแล้ว จะมีค่าใช้จ่ายสู ง
FALSE 3 : อาจมีประสิ ทธิ ภาพไม่ดี ในการบาบัดดินที่แบ่งชั้นมาก
FALSE 4 : อาจใช้กระบวนการหมัก (composting)
FALSE
ข้อที่ 337 : การบาบัดฟื้ นฟูพ้นื ที่ปนเปื้ อนแบบใดต่อไปนี้ เป็ นการบาบัดโดยใช้พืช
FALSE 1 : Bioventing
FALSE 2 : Phytoremediation
FALSE 3 : Soil flushing
FALSE 4 : ถูกทุกข้อ
FALSE
ข้อที่ 338 : การบาบัดฟื้ นฟูพ้นื ที่ปนเปื้ อนแบบใดต่อไปนี้ เป็ นการบาบัดโดยใช้ไฟฟ้ าความต่างศักย์สูง
FALSE 1 : solidification
FALSE 2: chemical extraction
FALSE 3 : vitrification
FALSE 4 : incineration
FALSE
ข้อที่ 339 : ถ้าพบว่า soil distribution coefficient (Kd) ของ Cr(VI) ในหน้าดินที่ปนเปื้ อนด้วยกรดโคร
FALSE 1 : ใช่ เนื่องจาก Cr(VI) จะถูกชะละลายไปอย่างช้าๆ
FALSE 2 : ใช่ เนื่องจาก Cr(VI) จะถูกชะละลายไปอย่างรวดเร็ ว
FALSE 3 : ไม่ใช่ เนื่องจาก Cr(VI) จะไม่ถูกชะละลาย
FALSE 4 : ไม่ใช่ เนื่องจาก Cr(VI) จะถูกรี ดิวซ์เป็ น Cr(III) อย่างรวดเร็ ว
FALSE
ข้อที่ 340 : สภาวิศวกร ดินที่ปนเปื้ อนด้วยไซลีน (Kylene) ในปริ มาณ 3500 mg/kg จะต้องใช้เวลาบาบ
FALSE 1 : 36 วัน
FALSE 2 : 114 วัน
FALSE 3 : 235 วัน
FALSE 4 : 479 วัน
FALSE
ข้อที่ 341 : ในการ กระบวนการใดต่อไปนี้ที่เป็ นการเป่ าอากาศลงไปในชั้นน้ าบาดาล เพือ่ ไล่ให้สารเค
FALSE 1 : Air stripping
FALSE 2 : Air Sparging
FALSE 3 : aeration
FALSE 4 : soil venting
FALSE
ข้อที่ 342 : ผลการวิเคราะห์ดินจากพื้นที่ปนเปื้ อนของโรงงานที่ใช้กรดโครมิก มีดงั นี้
FALSE

ค่า soil distribution Coefficient (Kg) ของ Cr(VI) เป็ นเท่าใด


FALSE 1 : 0.50 มิลลิลิตรต่อกรัม
FALSE 2 : 0.59 มิลลิลิตรต่อกรัม
FALSE 3 : 0.63 มิลลิลิตรต่อกรัม
FALSE 4 : 0.70 มิลลิลิตรต่อกรัม
FALSE
ข้อที่ 343 : ข้อใดเป็ นการบาบัดฟื้ นฟูพ้นื ที่ปนเปื้ อนของเสี ยอันตรายแบบที่ทาในพื้นที่ (in-situ remedi
FALSE 1 : Supercritical fluid extraction
FALSE 2 : Incineration
FALSE 3 : Soil vapor extraction
FALSE 4 : มีขอ้ ถูกมากกว่า 1 ข้อ
FALSE
ข้อที่ 344 : ข้อใดเป็ นการบาบัดฟื้ นฟูพ้นื ที่ปนเปื้ อนของเสี ยอันตรายแบบที่ทานอกพื้นที่ (ex-situ reme
FALSE 1 : Air spargings
FALSE 2 : Bioventing
FALSE 3 : Permeable reactive barrier
FALSE 4 : Thermal desorption
FALSE
ข้อที่ 345 : ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับการบาบัดฟื้ นฟูพ้นื ที่ปนเปื้ อนของเสี ยอันตรายด้วยวิธี in-situ biorem
FALSE 1 : ปริ มาณออกซิ เจนมักเป็ นตัวจากัดอัตราเร็ วปฏิกิริยา
FALSE 2 : สามารถใช้ไฮโดรเจน เปอร์ ออกไซด์ในการเติมออกซิ เจนได้
FALSE 3 : เพือ่ ให้ปฏิกิริยาดาเนิ นไปอย่างรวดเร็ ว อาจต้องมีการเติมสารอาหารที่จาเป็ นด้วย
FALSE 4 : ถูกทุกข้อ
FALSE
ข้อที่ 346 : ถ้าไตรคลอโรเอธิ ลีน (TCE) ที่ปนเปื้ อนในน้ าใต้ดินมีการย่อยสลายทางชีวภาพ และมีเวลา
FALSE 1 : 14.4 ต่อวัน
FALSE 2 : 0.069 ต่อวัน
FALSE 3 : 0.00019 ต่อวัน
FALSE 4 : ไม่มีขอ้ ใดถูก
FALSE
ข้อที่ 347 : กระบวนการบาบัดฟื้ นฟูพ้นื ที่ปนเปื้ อนทางชีวภาพ (bioremediation) ในข้อใดที่เป็ นการให
FALSE 1 : Bioventing
FALSE 2 : Bioconcentration
FALSE 3 : Biostimulation
FALSE 4 : Bioaugmentation
FALSE
ข้อที่ 348 : เมื่อมีรั่วไหลของสาร DNAPL (Dense Non Aqueous Phase Liquid) ลงสู่ น้ าใต้ดิน มีวิธีกา
FALSE 1 : Vertical Barrier Wall
FALSE 2 : Air Sparging
FALSE 3 : Horizontal Barrier
FALSE 4 : Air Stripping
FALSE
ข้อที่ 349 : ข้อใดเป็ นวิธีการที่เหมาะสมในการจัดการพื้นที่ที่มีการปนเปื้ อนด้วยสารอินทรี ยร์ ะเหย (V
FALSE 1 : Pump and Treat
FALSE 2 : Vertical Barrier Wall
FALSE 3 : Soil Vapor Extraction (SVE)
FALSE 4 : Horizontal Barrier
FALSE
ข้อที่ 350 : ถังบรรจุ PCE (Perchloroethylene) มีสาร PCE อยู่ 20 ลิตร ถูกเททิ้งลงบ่อน้ าใต้ดินที่มีปริ ม
FALSE 1:52.5 ไมโครกรัมต่อลิตร
FALSE 2 : 64.9 ไมโครกรัมต่อลิตร
FALSE 3 : 74.5 ไมโครกรัมต่อลิตร
FALSE 4 : 75.9 ไมโครกรัมต่อลิตร
FALSE
ข้อที่ 351 : น้ าเสี ยปริ มาตร 10 ลูกบาศก์เมตร ถูกทิ้งลงบนดินที่มีมวลเท่ากับ 1100 กิโลกรัม โดยน้ าเสี ย
FALSE 1 : 151.25 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม
FALSE 2 : 165.11 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม
FALSE 3 : 170.45 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม
FALSE 4 : 181.82 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม
FALSE
ข้อที่ 352 : ในบ่อน้ า 4000 ลูกบาศก์เมตร มีสาร Malathion หกกระจายลง ทาให้น้ าในบ่อมีความเข้มข
FALSE 1 : 5,27 มิลลิกรัมต่อลิตร
FALSE 2 : 5.83 มิลลิกรัมต่อลิตร
FALSE 3 : 6.07 มิลลิกรัมต่อลิตร
FALSE 4 : 6.44 มิลลิกรัมต่อลิตร
FALSE
ข้อที่ 353 : ข้อใดเป็ น การทา Bioremediation
FALSE 1: การเดิมจุลินทรี ยล์ งไปในดินที่ถูกปนเปื้ อนเพือ่ ทาลายสารพิษในดิน
FALSE 2 : การเติมอากาศและสารอาหารให้กบั จุลทรี ยท์ ี่มีอยูแ่ ล้วในดินเพือ่ เพิม่ ประสิ ทธิ ภาพในการทาลายสา
FALSE 3 : การสร้างจุลินทรี ยช์ นิ ดพิเศษ เพือ่ ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมพื้นที่ดินที่ตอ้ งการทาลายสารพิษ
FALSE 4 : ถูกทุกข้อ
FALSE
ข้อที่ 354 : วิธีการบาบัดแบบ In-Situ Treatment หมายถึงข้อใด
FALSE 1: การบาบัดของเสี ยอันตรายชนิ ดพิเศษที่ตอ้ งใช้เทคโนโลยีสร้างขึ้น โดยเฉพาะ
FALSE 2 : การบาบัดของเสี ยอันตราย ณ จุดที่บนพื้นที่ปนเปื้ อน โดยตรง
FALSE 3 : การบาบัดของเสี ยอันตรายโดยนาของเสี ยออกจากบริ เวณปนเปื้ อนแล้วไปบาบัดในห้องปฏิบตั ิการ
FALSE 4 : มีขอ้ ถูกมากกว่า 1 ข้อ
FALSE
ข้อที่ 355 : บ่อที่ใช้อดั น้ าเสี ยอันตรายที่บาบัดแล้วสู่ ช้ นั ใต้ดิน หมายถึงบ่อใด
FALSE 1 : Recharge Well
FALSE 2 : Confined Aquifer Well
FALSE 3 : Extraction Well
FALSE 4: Observed Well
FALSE
ข้อที่ 356 : สารปนเปื้ อนชนิ ดใดยังไม่สามารถใช้ Phytowermediation ประยุกต์ในการบาบัดได้
FALSE 1 : PCBs
FALSE 2 : PAHs
FALSE 3: Chlorinated solvents
FALSE 4 : ถูกทุกข้อ
FALSE
ข้อที่ 357 : ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับ Phytoremediation
FALSE 1: สารอินทรี ยท์ กชนิ ดสามารถดูดซึ มได้ดว้ ยพืช
FALSE 2 : ความสามารคในการดูดซึ มสารอินทรี ยพ์ ิจารณาจากค่า Kow
FALSE 3 : ethylbenene ไม่สามารถดูดซึ มได้บริ เวณรากของพืช
FALSE 4 : benzene มีความสามารถในการระเหยได้ตากว่ ่ ํ า toluene
FALSE
ข้อที่ 358 : ข้อใดไม่ใช่การบาบัดแบบ Phytoremediation
FALSE 1 : Phytoextraction
FALSE 2 : Phytodegradation
FALSE 3 : Phytovolatilization
FALSE 4 : Photooxidation
FALSE
ข้อที่ 359 : ข้อใดเป็ นวิธีป้องกันของเสี ยอันตรายออกไปสู่ สิ่งแวดล้อมรอบนอก
FALSE 1 : ขุดสร้างกาแพงดินเหนี ยวรอบพื้นที่ปนเปื้ อน
FALSE 2 : เพิม่ อุณหภูมิใต้ดินเพือ่ ให้ของเสี ยอันตรายระเหยขึ้นมา
FALSE 3 : ขุดสร้างกาแพงดินเหนี ยวรอบพื้นที่และสู บน้ าออก
FALSE 4 : สู บของเสี ยอันตรายออกจากพื้นที่โดยตรง
FALSE
ข้อที่ 360 : การบาบัดดินที่ปนเปื้ อนของเสี ยอันตรายด้วยกระบวนการทางชีววิทยาคือข้อใด
FALSE 1: อัดอากาศลงไปใต้ดินเพือ่ ไล่ของเสี ยอันตรายออก
FALSE 2 : เพิม่ อุณหภูมิใต้ดินเพือ่ ให้ของเสี ยอันตรายระเหยขึ้นมา
FALSE 3 : เติมอาหารและอากาศลงใต้ดินเพือ่ ให้แบคทีเรี ยกาจัดของเสี ยอันตราย
FALSE 4 : สู บอากาศใต้ดินที่ปนเปื้ อนของเสี ยอันตรายออกมาบาบัด
FALSE
เนื้อหาวิชา : 644 : 7. Management
FALSE
ข้อที่ 361 : Manifest คือข้อใด
FALSE 1 : เอกสารที่ใช้กากับเพือ่ ติดตามการเกิด การขนส่ ง และ การกาจัดของเสี ยอันตราย
FALSE 2 : การเก็บรวบรวมขยะอันตรายด้วยแรงคนเป็ นหลัก
FALSE 3 : เอกสารกากับสารอันตราย เพือ่ ให้รายละเอียดตัวสาร วิธีการใช้ และวิธีแก้ไขกรณี หกหล่น
FALSE 4 : การติดตามดูแลการจัดเก็บของเสี ยอันตรายของโรงงาน โดยภาครัฐ
FALSE
ข้อที่ 362 : หน่ วยงานใดของรัฐมีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับของเสี ยอันตรายโดยตรง
FALSE 1 : สานักงานแผนและนโยบายสิ่ งแวดล้อม
FALSE 2 : การนิ คมอุตสาหกรรมแห่ งประเทศไทย
FALSE 3 : กรมควบคุมมลพิษ
FALSE 4 : กรมโรงงานอุตสาหกรรม
FALSE
ข้อที่ 363 : ลาดับความสาคัญในการจัดการของเสี ยอันตราย (Hazardous Waste Management Hierarc
FALSE 1 : 2-1-3-4
FALSE 2 : 3-4-2-1
FALSE 3 : 3-4-1-2
FALSE 4 : 1-2-3-4
FALSE
ข้อที่ 364 : หน่ วยงานใดดังต่อไปนี้ของประเทศสหรัฐอเมริ กา ที่มีหน้าที่รับผิดชอบคล้ายกับกรมควบค
FALSE 1 : U.S.GS
FALSE 2 : U.S.MC
FALSE 3 : U.S.DOE
FALSE 4 : U.S.EPA
FALSE
ข้อที่ 365 : ในแง่ของการคัดแยกของเสี ยอันตราย ข้อปฏิบตั ิใดไม่ควรกระทา
FALSE 1 : แยกของเสี ยอันตรายที่เป็ นอันตรายออกจากขยะทัว่ ไป
FALSE 2 : ใช้น้ าฉี ดล้างพื้นที่มีวสั ดุอนั ตรายอยูบ่ นพื้นบางส่ วน
FALSE 3 : ไม่นาของเสี ยอันตรายที่เป็ นของแข็งผสมกับน้ าแล้วทิ้งลงท่อระบายน้ า
FALSE 4 : มีแบบพิมพ์เขียวแสดงรายละเอียดการวางท่อระบายน้ า
FALSE
ข้อที่ 366 : รถขนขยะประเภทใดไม่เหมาะที่จะใช้กบั ขยะอันตรายและขยะรี ไซเคิล
FALSE 1: รถอัดขยะชนิ ด 6 ล้อ
FALSE 2 : รถยนต์บรรทุกขยะแบบเปิ ดข้าง
FALSE 3 : รถบรรทุกเทท้าย 6 ล้อ
FALSE 4 : รถยนต์บรรทุกขยะแบบขอเกี่ยว
FALSE
ข้อที่ 367 : การเก็บไฮโดรเจนเปอร์ ออกไซด์ควรทาอย่างไร เพือ่ ป้ องอันตรายอันอาจเกิดขึ้นได้
FALSE 1 : จัดเก็บในขวดสี ชา เพือ่ ลดความรุ นแรงจากแสงแดด
FALSE 2 : เก็บในตูเ้ ย็นสาหรับเก็บสารโดยเฉพาะ
FALSE 3 : เก็บให้ห่างจากน้ าและความร้อน
FALSE 4 : เก็บในที่มืดและอากาศถ่ายเทได้ดี
FALSE
ข้อที่ 368 : การเก็บอีเทอร์ ควรทาอย่างไร เพือ่ ป้ องอันตรายอันอาจเกิดขึ้นได้
FALSE 1 : จัดเก็บในขวดสี ชา เพือ่ ลดความรุ นแรงจากแสงแดด
FALSE 2 : เก็บในตูเ้ ย็นสาหรับเก็บสารโดยเฉพาะ
FALSE 3 : เก็บให้ห่างจากน้ าและความร้อน
FALSE 4 : เก็บในที่มืดและอากาศถ่ายเทได้ดี
FALSE
ข้อที่ 369 : สิ่ งที่ตอ้ งมีการกาหนดสาหรับการขนส่ งกากของเสี ยอันตราย คือข้อต่อไปนี้ ยกเว้นข้อใด
FALSE 1 : เส้นทางที่ใช้ในการเดินทางโดยละเอียด
FALSE 2 : รายชื่ อคนขับ และผูร้ ่ วมทาง
FALSE 3 : ชนิ ดของยานพาหนะที่ใช้ในการขนส่ ง
FALSE 4 : ปริ มาณของสารเคมีที่ใช้ในการขนส่ ง
FALSE
ข้อที่ 370 : การคัดแยกกระป๋ องสเปรย์ที่ใช้แล้วให้ทาดังต่อไปนี้ ยกเว้นข้อใด
FALSE 1: จัดเก็บไว้ในภาชนะที่ปิดมิดชิด ชา ลังไม้
FALSE 2 : เจาะกระป๋ องและบีบให้แบนไล่อากาศออกให้หมด
FALSE 3 : ถอดฝาฉี ดสเปรย์ออก
FALSE 4 : แยกเป็ นขยะประเภทกระป๋ องโลหะ
FALSE
ข้อที่ 371 : Poly Chlorinated Biphenyls (PCBs) เป็ นสารอันตรายและไม่มีการนาเข้ามาตั้งแต่ ปี 2518
FALSE 1: ถังเก็บประจุไฟฟ้ า
FALSE 2 : กากของเสกจากกิจกรรมล้างภาพ
FALSE 3 : กากของเสี ยจากโรงงานชุบโลหะ
FALSE 4 : ไม่มีการพบอีก ตั้งแต่ปี 2520 เป็ นต้นมา
FALSE
ข้อที่ 372 : ข้อใดคือปั ญหาของของเสี ยอันตราย
FALSE 1: การเก็บรวบรวมและขนส่ งของเสี ยอันตรายยังไม่ถูกต้องเหมาะสม
FALSE 2 : การขาดการบาบัดหรื อกาจัดอย่างถูกวิธี
FALSE 3 : การลักลอบทิ้งของเสี ยอันตรายในสถานที่สาธารณะ
FALSE 4 : ถูกทุกข้อ
FALSE
ข้อที่ 373 : สาเหตุของปั ญหาของเสี ยอันตรายคือข้อใด
FALSE 1 : ระบบการจัดการของเสี ยอันตรายยังไม่ครอบคลุมครบทุกแหล่งกาเนิ ด
FALSE 2 : ระบบกาจัดของเสี ยอันตรายที่มีอยูไ่ ม่เพียงพอ
FALSE 3 : ประชาชนยังขาดความรู ้ และความเข้าใจถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น จากของเสี ยอันตรายที่ขาด การจัด
FALSE 4 : ถูกทุกข้อ
FALSE
ข้อที่ 374 : อนุ สญ
ั ญาสตอกโฮล์มว่าด้วยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน คืออะไร
FALSE 1 : SOPs
FALSE 2 : POPs
FALSE 3 : STPs
FALSE 4: OPTS
FALSE ข้อที่ 375 :สนธิ สญ ั ญาที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายของเสี ยอันตรายข้ามเขตแดนคือข้อใด
FALSE
1: สนธิ สญั ญาเกียวโต
FALSE 2 : สนธิ สญั ญาบาเซล
FALSE 3 : สนธิ สญ ั ญาเจนนี วา
FALSE 4 : สนธิ สญ ั ญาสตอกโฮล์ม
FALSE
ข้อที่ 376 : อนุ สญั ญาใดเกี่ยวข้องกับการคุม้ ครองสุ ขภาพอนามัยของมนุ ษย์และสิ่ งแวดล้อมจากสารม
FALSE 1 : สนธิ สญั ญาเกียวโต
FALSE 2 : สนธิ สญ ั ญาบาเซล
FALSE 3 : สนธิ สญ ั ญาเจนี วา
FALSE 4 : สนธิ สญ ั ญาสตอกโฮล์ม
FALSE
ข้อที่ 377 : ผลิตภัณฑ์ทางการค้าของสารพีซีบี (PCB) มีหมายเลข 4 ตัวตามหลังชื่ อทางการค้าซึ่ งหมาย
FALSE 1 : เปอร์ เซ็นต์คลอรี น
FALSE 2 : จานวนอะตอมคลอรี น
FALSE 3 : เปอร์ เซ็นต์ฟอสเฟต
FALSE 4 : จานวนอะตอมฟอสเฟต
FALSE
ข้อที่ 378 : สิ่ งปฏิกูลหรื อวัสดุที่ไม่ใช้แล้วดังต่อไปนี้ ได้รับการยกเว้นไม่ตอ้ งปฏิบตั ิตามประกาศกระท
FALSE 1 : กากกัมมันตรังสี
FALSE 2 : น้ าเสี ยที่ส่งไปบาบัดนอกบริ เวณโรงงานทางท่อส่ ง
FALSE 3 : สิ่ งปฏิกูลหรื อวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่ไม่เป็ นของเสี ยอันตราย จากสานักงาน บ้านพักอาศัย
FALSE 4 : ถูกทุกข้อ
FALSE
ข้อที่ 379 : ตามกฎหมาย ผูป้ ระกอบการต้องไม่ครอบครองสิ่ งปฏิกูลหรื อวัสดุที่ไม่ใช้แล้วไว้ภายในโร
FALSE 1 : 30 วัน
FALSE 2 : 60 วัน
FALSE 3 : 90 วัน
FALSE 4 : 120 วัน
FALSE
ข้อที่ 380 : สิ่ งใดที่ผปู ้ ระกอบกิจการบาบัดหรื อกาจัดสิ่ งปฏิกูลหรื อวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว ต้องมีตามกฎหมา
FALSE 1: แผนการป้ องกันอุบตั ิภยั เพือ่ รองรับเหตุฉุกเฉิ น
FALSE 2 : รายงานการเงินประจาปี
FALSE 3 : รายงานกระบวนการบาบัดและสารเคมีที่ใช้โดยละเอียด
FALSE 4 : ถูกทุกข้อ 2
FALSE
ข้อที่ 381 ผูค้ รอบครองของเสี ยอันตรายในข้อใดต่อไปนี้ ที่ได้รับการยกเว้นให้ไม่ตอ้ งปฏิบตั ิตามกฎห
FALSE 1 : มีของเสี ยอันตรายในครอบครอง 2000 กิโลกรัมต่อเดือน ขึ้นไป
FALSE 2 : มีของเสี ยอันตรายในครอบครอง 1000 กิโลกรัมต่อเดือน ขึ้นไป
FALSE 3 : มีของเสี ยอันตรายในครอบครองไม่เกิน 500 กิโลกรัมต่อเดือน
FALSE 4 : มีของเสี ยอันตรายในครอบครองไม่เกิน 100 กิโลกรัมต่อเดือน
FALSE
ข้อที่ 382 : ข้อใดไม่ถูกต้องเกี่ยวกับรหัสของชนิ ดและประเภทของสิ่ งปฏิกูลหรื อวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว ตาม
FALSE 1 : มีการกาหนดรหัสเฉพาะของสิ่ งปฏิกูลหรื อวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว โดยใช้รหัสเลข 7 หลัก
FALSE 2 : เลข 2 หลักกลาง แสดงถึงกระบวนการเฉพาะในการประกอบกิจการที่ทาให้เกิดสิ่ งปฏิกล หรื อวัสด
FALSE 3 : เลข 2 หลักแรกแสดงถึงประเภทของการประกอบกิจการ
FALSE 4 : เลข 2 หลักสุ ดท้าย แสดงถึงลักษณะเฉพาะของสิ่ งปฏิกูลหรื อวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว
FALSE
ข้อที่ 383 : การทดสอบสิ่ งปฏิกูลหรื อวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว โดยนามาสกัดด้วยวิธี Waste Extraction Test (
FALSE 1: มีค่าไม่เกินค่า TTLC แต่มีค่าเท่ากับหรื อมากกว่าค่า STLC ของสารนั้น
FALSE 2 : มีค่าไม่เกินค่า STLC แต่มีค่าเท่ากับหรื อมากกว่าค่า TTLC ขอ
FALSE 3 : มีค่าไม่เกินค่า STLC แต่มีค่าเท่ากับหรื อมากกว่าค่า TCLP ของสารนั้น
FALSE 4 : มีค่าไม่เกินค่า TCLP แต่มีค่าเท่ากับหรื อมากกว่าค่า STLC ของสารนั้น
FALSE
ข้อที่ 384 : ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่ องการกาจัดสิ่ งปฏิกูลหรื อวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว (พ.ศ. 2548)
FALSE 1 : ขั้นตอนและวิธีการปฏิบตั ิในการตอบสนองต่ออัคคีภยั การระเบิด หรื อการรั่วไหล
FALSE 2 : การเตรี ยมการกับหน่ วยงานท้องถิ่น
FALSE 3 : แผนการหนี ภยั สาหรับบุคลากรของสถานประกอบการ
FALSE 4 : ถูกทุกข้อ
FALSE
ข้อที่ 385 : การสกัดด้วยวิธี Waste Extraction Test (WET) เพือ่ วิเคราะห์หาค่าสารที่ระเหยได้ เช่น tric
FALSE 1 : เติมน้ าสกัดลงในตัวอย่าง จากนั้นนาของผสมไปไล่อากาศด้วยก๊าซไนโตรเจน
FALSE 2 : ไล่อากาศและออกซิ เจนออกจากน้ าสกัด ก่อนที่จะเติมลงในตัวอย่าง
FALSE 3 : ใส่ น้ าสกัดลงในตัวอย่างในขวดที่มีฝาปิ ดมิดชิด
FALSE 4 : ถูกทุกข้อ
FALSE
ข้อที่ 386 : น้ าสกัดที่ใช้ในวิธี Waste Extraction Test (WET) เป็ นสารใด
FALSE 1 : กรดซัลฟิ วริ กและกรดไนตริ ก
FALSE 2 : กรดอะซิ ติก
FALSE 3 : กรดซิ ตริ ก
FALSE 4 : กรดไฮโดรคลอริ ก
FALSE
ข้อที่ 387 : โรงงานที่จะประกอบกิจการปรับสภาพของเสี ยรวม ที่เป็ นสิ่ งปฏิกูลหรื อวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว ต
FALSE 1 : 101
FALSE 2 : 105
FALSE 3 : 106
FALSE 4 : ผิดทุกข้อ
FALSE
ข้อที่ 388 : โรงงานที่จะประกอบกิจการคัดแยก และ/หรื อฝังกลบสิ่ งปฏิกูลหรื อวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว ต้องข
FALSE 1 : 101
FALSE 2 : 105
FALSE 3 : 106
FALSE 4 : ผิดทุกข้อ
FALSE
ข้อที่ 389 : โรงงานที่จะประกอบกิจการนากลับมาใช้ประโยชน์สิ่งปฏิกูลหรื อวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว ต้องขอ
FALSE 1 : 101
FALSE 2 : 105
FALSE 3 : 106
FALSE 4 : ผิดทุกข้อ
FALSE
ข้อที่ 390 : การปฏิบตั ิในข้อใดไม่ จัดเป็ นการลดมลพิษที่แหล่งกาเนิ ด
FALSE 1 : การลดการใช้น้ าในการล้างผลิตภัณฑ์
FALSE 2 : การบาบัดโลหะหนักในน้ าเสี ยให้ได้มาตรฐานก่อนปล่อยสู่ สิ่งแวดล้อม
FALSE 3 : การจัดระเบียบสถานที่ในโรงงานให้เรี ยบร้อยและเป็ นระเบียบ
FALSE 4 : การเปลี่ยนไปใช้สารเคมีที่เป็ นอันตรายน้อยลงในกระบวนการผลิต
FALSE ข้อที่ 391 : การปฏิบตั ิในข้อใดเป็ นการลดมลพิษที่แหล่งกาเนิ ด
FALSE 1 : การแยกของเสี ยอันตรายออกจากของเสี ยไม่อนั ตราย
FALSE 2 : การนาสารเคมีกลับมาใช้ใหม่ในกระบวนการผลิต
FALSE 3 : การเผาทาลายของเสี ยในโรงงาน
FALSE 4 : การแลกเปลี่ยนของเสี ยกับโรงงานอื่น
FALSE
ข้อที่ 392 : ข้อใดเป็ นการปฏิบตั ิที่ไม่ถูกต้อง
FALSE 1 : การแยกของเสี ยอันตรายออกจากของเสี ยไม่อนั ตราย
FALSE 2 : การทาสะเทินสารเคมีที่เป็ นกรดหรื อด่าง ก่อนส่ งบริ ษทั รับกาจัดของเสี ย
FALSE 3 : การเก็บสารเคมีในห้องทดลองให้เป็ นระเบียบบนชั้น เรี ยงตามตัวอักษรของชื่ อสาร
FALSE 4 : มีคาตอบมากกว่าหนึ่งข้อ
FALSE
ข้อที่ 393 : ข้อใดต่อไปนี้ที่กาหนดให้ผผู ้ ลิตเครื่ องใช้ไฟฟ้ าที่ส่งไปจาหน่ ายในประเทศในกลุ่ม EU รับ
FALSE 1: WEEE
FALSE 2 : ISO
FALSE 3 : GRI
FALSE 4 : EMS
FALSE
ข้อที่ 394 : ข้อใดต่อไปนี้มีการกาหนดปริ มาณโลหะหนักในผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ ส่ งไปจาหน่ ายในประเท
FALSE 1 : WEEE
FALSE 2 : RoHS
FALSE 3 : IEEE
FALSE 4 : EMS
FALSE
ข้อที่ 395 : ข้อใดไม่เกี่ยวข้องกับ “Resource Conservation and Recovery Act (RCRA)”
FALSE 1 : "Cradle-to-grave" concept
FALSE 2 : Hazardous waste identification system
FALSE 3 : Hazard Ranking System
FALSE 4 : Manifest System
FALSE
ข้อที่ 396 : ข้อใดคือคาจากัดความของ Material safety data sheet (MSDS)
FALSE 1 : เอกสารกากับการขนส่ งแสดงรายละเอียดการติดตามการขนส่ งวัตถุอนั ตราย
FALSE 2 : เอกสารชุดตัวเลขโดยแต่ละชุดจะหมายถึง สารที่สามารถแสดงสู ตรได้ในเชิงอะตอม การจับ ของอ
FALSE 3 : เอกสารข้อมูลความปลอดภัยเคมีภณั ฑ์ แสดงรายละเอียดความปลอดภัยเบื้องต้นทางด้าน ข้อมูลกา
FALSE 4 : ผิดทุกข้อ
FALSE
ข้อที่ 397 : กระบวนการดาเนิ นการตามระบบเอกสารกากับการขนส่ งของเสี ยอันตราย (Manifest syst
FALSE 1: 1 ฉบับ (ฉบับที่ 1)
FALSE 2 : 2 ฉบับ (ฉบับที่ 1 และ 2)
FALSE 3 : 1 ฉบับ (ฉบับที่ 2)
FALSE 4 : 2 ฉบับ (ฉบับที่ 2 และ 6)
FALSE
ข้อที่ 398 : การขนย้ายของเสี ยอันตรายต้องขออนุ ญาตองค์กรใด
FALSE 1 : กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ งแวดล้อม
FALSE 2 : สานักจัดการของเสี ยและขยะอันตราย
FALSE 3 : การนิ คมอุตสาหกรรมแห่ งประเทศไทย
FALSE 4 : กรมโรงงานอุตสาหกรรม
FALSE
ข้อที่ 399 : กองทุนประเภท Superfund เป็ นกองทุนที่จดั ตั้งในที่ใด และเพือ่ จุดประสงค์ใด
FALSE 1 : จัดที่เยอรมัน เพือ่ ช่วยเหลือผูท้ ี่ประสบภัยจากสารอันตราย
FALSE 2 : จัดที่เยอรมัน เพือ่ ช่วยเหลือสาหรับโรงงานที่ตอ้ งการค่าใช้จ่ายในการบาบัดจากการปนเปื้ อนสาร อ
FALSE 3 : จัดที่อเมริ กา เพือ่ เป็ นค่าใช้จ่ายในการทาความสะอาดพื้นที่ที่ปนเปื้ อนสารอันตรายที่ไม่สามารถหาผ
FALSE 4 : จัดที่อเมริ กา เพือ่ แก้ปัญหาที่เกิดจากการปนเปื้ อนของเสี ยอันตรายในแหล่งแม่น้ า หรื อ มหาสมุทร
FALSE
ข้อที่ 400 : ข้อใดไม่ใช่ผลประโยชน์จากการที่ไทยได้เข้าร่ วมลงนามกับอนุ สญ ั ญาบาเซล (Basel Conv
FALSE 1: ได้รับสิ ทธิ ในการส่ งออกของเสี ยอันตราย ไปกาจัดในประเทศภาคีซ่ ึ งมีเทคโนโลยีที่เหมาะสม และ
FALSE 2 : จะได้รับความคุม้ ครอง และความช่วยเหลือทั้งทางด้านวิชาการ และด้านการเงิน จากกองทุนหมุนเ
FALSE 3 : จะได้รับความช่วยเหลือด้านวิชาการ และเทคโนโลยีต่างๆ จากประเทศภาคีที่พฒั นาแล้ว เพือ่ ปรับป
FALSE 4 : สามารถค้าขายกับประเทศภาคี และนอกภาคี ในการส่ งออก และนาเข้าเกี่ยวกับของเสี ยอันตรายได
FALSE
ข้อที่ 401 : ข้อใดไม่ใช่ กฎหมายหลัก 3 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับการจัดการสารอันตรายในประเทศไทย
FALSE 1 : พระราชบัญญัติวตั ถุอนั ตราย
FALSE 2 : พระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์
FALSE 3 : พระราชบัญญัติคุม้ ครองแรงงาน
FALSE 4 : พระราชบัญญัติเทศบาล
FALSE
ต้ดิน จงหาว่าโทลูอีนจะมีการเคลื่อนที่อย่างไร ในน้ าโดยให้ค่าความสามารถในการละลายน้ า (water solubility) ของโทลูอีน เท่ากับ 546 มก./ล. และค่าความถ่วง

ne) ลงในน้ าใต้ดิน จงหาว่าแนพธาลีนจะมีการ เคลื่อนที่อย่างไรในน้ า ให้ค่าความสามารถในการละลายน้ า (water solubility) ของแนพธาลีน เท่ากับ 31.9 มก./ล. แ

ene) ซึ่ งมีจุดวาบไฟ (Flash point) ที่อุณหภูมิ 32.2 องศาเซลเซี ยส บรรจุในถังเหล็กในอาคารเก็บสารเคมีแห่ งหนึ่ง พบว่าสารเคมีในถังมีอุณหภูมิ ร้อนถึง 138 องศ
ไหลลงสู่ ถนนดิน ถ้าความเข้มขันเริ่ มต้นของเอน ดในที่เกิดการปนเปื้ อนในดินเป็ น 7800 มก./ล. และมีค่า k = 0.00229 ต่อวัน จงหาว่าเมื่อไรความ เข้มข้นของเอน

oroetylene ที่ความดันไอ 90 มม.ปรอทเมื่อค่า คงที่เฮนรี่ = ความดันไอ (บรรยากาศ) (ค่าการละลาย (โมลต่อลบ.ม.) (ค่า water solubility 275 มก./ลิตร และน้ าหนัก
ของเสี ยอันตรายลงในแม่น้ าแห่ งหนึ่ง ค่าคงที่ใดดังต่อไปนี้ ที่ สามารถใช้ในการประมาณว่าจะมีการสะสมของของเสี ยนั้น ในดินตะกอนแม่น้ าหรื อสิ่ งมีชีวิตในน้ า
าง เมื่อมีการรั่วไหลของสารดังกล่าวสู่ สิ่งแวดล้อม สารใดน่ าจะมีการสะสมได้ดีในดินตะกอนได้ดีที่สุดจากมากไปน้อย ที่สภาวะสมดุลลักษณะสมบัติทางเคมีกาย
ชั้นดิน พบว่าน้ าใต้ดินมีสาร PCB0.2 มก./ล. จง คานวณหาค่าความเข้มข้นของสาร PCB ที่ถูกดูดซับในดิน กาหนดให้ดินมีสารอินทรี ย ์ 5% และ ค่า KOC ของ PCB
งปฏิกูลหรื อวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ. 2548 ได้แบ่ง ประเภทของขยะอันตรายตามลักษณะสมบัติของสาร (Characteristics-based) ออกเป็ น 5 ประเภท โดยสารกลุ่มท
ยระบบของ US EPA ของสารต่อไปนี้ Bromoform : class B2 1,1,1-Trichloroethane: class D 1,2- Dichlrobenzene: class D Formaldehyde: class B1 Hexachloro
ปลาโดยเฉลี่ย 6.5 กรัมต่อวัน ปลาที่รับประทานนี้ถูก จับมาจากแหล่งน้ าที่ปนเปื้ อนด้วยไตรคลอโรเอธิ ลีน (TCE) ที่มีความเข้มข้น 100 ppb ถ้าค่า bioconcentration
บคุมมลพิษ จ่ายค่าเสี ยหายชดเชยให้แก่ประชาชน ในหมู่คลิต้ ีล่าง อาเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ที่ได้รับผลกระทบจากสารตะกัว่ โดยประชาชน ในพื้นที่มีล
rse Effect Level (NOAEL) ในหนู ทดลองเท่ากับ 0.008 มก./กก./วัน หากกาหนดให้ค่า safety factor = 100 เมื่อขนาดที่เหมาะสมที่ประชาชนในพื้นที่ปนเปื้ อนด้ว
re: poly aromatic hydrocarbon (4 benzene rings), log Kow = 5.32, KOH = 1x1010 M-1sec-1, n H = 1.87x10-5 atm'm3/mole ayun ว่าในการบาบัดสารนี้ออกจา

ปนี้ Structure: aliphatic hydrocarbon with 4 chlorines, log Kow = 2.73, KOH < 2x10 Mlsecr1, ค่า H' = 1.24 จงหาว่าในการบาบัดสารนี้ ออกจากน้ าเสี ย วิธีการใ
enol ผสมอยูใ่ นน้ าเสี ยเดียวกัน ควรจะบาบัดด้วย วิธีการใด โดยพิจารณาจากลักษณะสมบัติของสารแต่ละชนิ ด คือ Toluene : log Kow = 2.58, KOH = 3x10 M se
ตรายต่อไปนี้ โดยเรี ยงจากที่พึงประสงค์มากที่สุดลง ไป 1) การแลกเปลี่ยน หรื อขาย ให้เป็ นวัตถุดิบสาหรับโรงงานอื่น 2) การเผาเพือ่ นาพลังงานความ ร้อน และ/ห

บัดจนความเข้มขันลดลงจาก 200 ไมโครกรัมต่อลิตร เหลือ 0.02 ไมโครกรัมต่อลิตร ในถังปฏิกิริยาไหลแบบกวนสมบูรณ์ โดยให้ทาปฏิกิริยากับ UV/Ozone ถ้าค
ลเท่ากับ 200 ลบ.ม.ต่อวัน ใช้สาร H202 และ เหล็กในรู ป Fe2+ เพือ่ กาจัดสาร Phenol ได้ถึง 99% จงคานวณหาปริ มาณของสาร H202 และ Fe2+ ที่ตอ้ งการใช้กาจ
ากาจัดโดยการเผาในเตาเผาปูนซี เมนต์ ของเสี ยดัง กล่าวมีค่าความร้อน 10,000 กิโลแคลอรี /กิโลกรัม จะสามารถใช้เป็ นเชื้ อเพลิงทดแทน แทน ถ่านหิ น ที่มีค่าควา
รื่ อง กาหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดการกาก กัมมันตรังสี พ.ศ. 2546 กาหนดให้เก็บกักกากกัมมันตรังสี ระดับรังสี ตา่ ํ ครึ่ งชีวิตสั้น ที่มีค่าครึ่ งชีวิต น้อยกว่าหนึ่งร้อ
ที่มีความคงตัวต่าํ ใช้ในการรักษามะเร็ งต่อมไทรอยด์ หรื อคอหอยพอก มีค่าครึ่ งชีวิตของการสลายตัวประมาณ 8 วัน ตามกฎกระทรวงกฎกระทรวง วิทยาศาสตร์ แ

Stripping) หำกต้ องกำรกํำจัด นํำ้ ที่ปนเปื ้ อนด้ วย โท ลอื่ น 100 มก./ล. ให้ มีควำมเข้ มข้ น 1 มก./ล. มีปริ มำณนํำ้ เสี ย 100 ลบ.ม. ต่ อวัน โดยค่ ำคงที่ของ เฮนรี่ ของ โทล
วิทยา ค่าคงที่อตั ราเร็ วปฏิกิริยาอันดับหนึ่งในการย่อย สลายเท่ากับ 0.2 /วัน หากโรงงานมีน้ าเสี ยปนเปื้ อนของเสี ยดังกล่าว 1 ลบ.ม./วัน ความเข้มข้น 10 มก./ล. แล

น้ าเสี ยที่มีการปนเปื้ อนของ Xylene ที่มีความเข้มข้น 200 มก./ล. ให้เหลือ 20 มก./ล. ปริ มาณน้ าเสี ย 100 ลบ.ม. ต่อวัน กาหนดให้ค่าคงที่ของฟรุ นดิช (K) มีค่า 50
มีโดยใช้ซีเมนต์หรื อวัสดุ poZZolanic (chemical fixation using cementitious and/or poZZolanic material) ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่ องการกาจัดสิ่ ง
เมื่อทาการปรับเสถียรหรื อทาให้เป็ นก้อนแข็งแล้ว (secure landfill of stabilized and/or solidified wastes) ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่ อง การกาจัดสิ่ งป
ในปริ มาณ 3500 mg/kg จะต้องใช้เวลาบาบัดอย่างน้อยเท่าใด เพือ่ ให้เหลือความปนเปื้ อนของไซลีนในดิน 100 mg/kg เมื่อการย่อยสลายทางชีวภาพมีค่าคงที่ อัตร
ต้ดินมีการย่อยสลายทางชีวภาพ และมีเวลาครึ่ งชีวิต (half life) เท่ากับ 10 ปี สมมติว่าการย่อยสลายนี้เป็ นแบบ exponential ไตรคลอโรเอธิ ลีนจะมีค่า คงที่ของอัตร
อยู่ 20 ลิตร ถูกเททิ้งลงบ่อน้ าใต้ดินที่มีปริ มาตร 500,000 ลบ.ม. จงคานวณหาค่าความเข้มข้นของสาร PCE ในน้ าใต้ดิน (กาหนดให้ความหนาแน่ น ของสาร PCE

ดินที่มีมวลเท่ากับ 1100 กิโลกรัม โดยน้ าเสี ยดัง กล่าวมีความเข้มข้นของสารแคดเมียมเท่ากับ 20 มิลลิกรัมต่อลิตร จงคานวณหาค่าความเข้มข้น ของสารแคดเมียม

หกกระจายลง ทาให้น้ าในบ่อมีความเข้มข้นของ สาร Malathion ถึง 8 มิลลิกรัมต่อลิตร วิศวกรสิ่ งแวดล้อมได้เสนอใช้ดิน 800 กิโลกรัม เพือ่ ทา หน้าที่ดูดซับสาร
ย (Hazardous Waste Management Hierarchy) ที่กาหนดโดย U.S. EPA ในข้อใดต่อไปนี้ที่เรี ยงลาดับได้อย่างถูกต้อง 1) การบาบัด 2) การทิง้ 3) การลดที่จุดกาเนิ ด
ถแสดงสู ตรได้ในเชิงอะตอม การจับ ของอะตอม และโครงสร้าง 3 มิติ ซึ่ งประกอบด้วยชุดตัวเลขไม่เกิน 9 หลัก (XXXXXX-XX-X) ใช้ สาหรับตรวจสอบความ

บการขนส่ งของเสี ยอันตราย (Manifest system) ผูก้ าเนิ ดของเสี ยอันตราย (Hazardous waste generator) จะต้องมีเอกสารกากับการ ขนส่ งของเสี ยอันตราย (Hazard
229 ต่อวัน จงหาว่าเมื่อไรความ เข้มข้นของเอนดริ นในดินจะเหลือเป็ น 0.001 มก./ล. เมื่อสมการการสลายตัวของเอนดริ น คือ In (c/c0) = -kt
ics-based) ออกเป็ น 5 ประเภท โดยสารกลุ่มที่มีลกั ษณะเป็ นสารกัดกร่ อน (Corrosive substance) นั้นจะมีค่าพีเอชเป็ น อย่างไร
มีความเข้มข้น 100 ppb ถ้าค่า bioconcentration factor (BCF) ของ TCE มีค่าเป็ น 10.6 ลิตรต่อกก. ค่า Chronic daily intake (CDI) มีค่าเป็ นเท่าไร
ดที่เหมาะสมที่ประชาชนในพื้นที่ปนเปื้ อนด้วย สารหนู ที่มีน้ าหนักตัว 50 กก. สามารถรับประทานได้ในแต่ละวัน(Acceptable daily intake, ADI) ไม่ควรเกินเท่า
Toluene : log Kow = 2.58, KOH = 3x10 M sec1, ค่า H' = 0.275 2,4 dichlorophenol: log Kow = 3.08, KOH = 4x10° Mr sec1H' = 2.7x101
อื่น 2) การเผาเพือ่ นาพลังงานความ ร้อน และ/หรื อ ไฟฟ้ ามาใช้ 3) การแยก และลดปริ มาณของเสี ยที่เกิดขึ้น 4) การบาบัด 5) รี ไซเคิล เพือ่ ใช้ในกระบานการผลิต 6

มบูรณ์ โดยให้ทาปฏิกิริยากับ UV/Ozone ถ้าความเข้มข้นของ Oxidant มีค่าคงที่ โดยมีผลคูณค่าคงที่อตั ราการเกิดปฏิกิริยาและ ความเข้มข้นของoxidant (k) เป็ น
าณของสาร H202 และ Fe2+ ที่ตอ้ งการใช้กาจัด กาหนดให้จะใช้ 2.5 ก.H2O2 ต่อ 1 ก.Phenol พร้อมด้วย 0.05 มก.Fe2+ ต่อการใช้ 1 มก.H202
ต่าํ ครึ่ งชีวิตสั้น ที่มีค่าครึ่ งชีวิต น้อยกว่าหนึ่งร้อยวัน ไว้กี่วนั ก่อนที่จะระบายเข้าสู่ ระบบระบายน้ าทิ้ง หรื อขจัดรวมกับมูลฝอยทัว่ ไป ได้ เo
น ตามกฎกระทรวงกฎกระทรวง วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เรื่ อง กาหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดการกากกัมมันตรังสี พ.ศ. 2546 ต้องเก็บไอโอดีน-131 ไว้กี่วนั

00 ลบ.ม. ต่ อวัน โดยค่ ำคงที่ของ เฮนรี่ ของ โทลูอีน คื อ 0.27 ที่ 25 องศำเซลเซี ยส (หน่ วยของค่ ำคงที่คือ ควำมเข้ มข้ น/ควำมเข้ ม ขัน เทียบในปริ มำตรที่เท่ ำกัน) จงค
กล่าว 1 ลบ.ม./วัน ความเข้มข้น 10 มก./ล. และต้องบาบัดให้ความเข้มข้นลดลงเหลือ 1 มก./ล. ต้องใช้ถงั ปฏิกิริยาที่มีขนาดบรรจุ ของเหลวเท่าไร (สมการปฏิกิริย
อใช้ดิน 800 กิโลกรัม เพือ่ ทา หน้าที่ดูดซับสาร Malathion ในบ่อได้ โดยมีค่าคงที่ของ Langmuir Isotherm a เท่ากับ 0.01 และ b เท่ากับ 4.5 จงคานวณหาว่าน้ าในบ
ปฏิกิริยาและ ความเข้มข้นของoxidant (k) เป็ น 0.05 ต่อวินาที จงใช้สูตรที่ให้คานวณเวลากักพักของถัง ปฏิกิริยานี้

You might also like