Professional Documents
Culture Documents
เรื่อง
ตำนำนพระธำตุดอยตุง
โครงการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์อารยธรรมลุ่มน้้าโขง มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
๒
ตำนำนพระธำตุดอยตุง
*******
๑.แนวทำงในกำรศึกษำและปริวรรต
การศึกษาเรื่องต้านาน อุ ษณีย์ ธงไชย ได้กล่าวไว้ใน จารึกและต้านาน หลักฐานที่สร้างขึ้นภายใต้
อิทธิพลของพุทธศาสนาลังกาวงศ์ พ.ศ.๒๕๔๐ ตอนหนึ่งว่า
"...ต้านานส่วนใหญ่เริ่มเขียนขึ้นเมื่อประมาณปลายพุทธศตวรรษที่ ๒๐ ถึงต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๑ ซึ่ง
เป็นระยะที่พุทธศาสนาลังกาวงศ์มีความเจริญมากในเขตภูมิภาคแถบนี้ และส่วนใหญ่ เขียนโดยพระสงฆ์ ท้าให้
ต้านานได้รับอิทธิพลจากพุทธศาสนาลังกาวงศ์สูงมาก จนกลายเป็น ลักษณะเด่นของหลักฐานประเภทนี้..." และ
"...ในสมัยรัตนโกสินทร์ โดยเฉพาะสมัยรัชกาลที่ ๔ ได้มีความตื่นตัวมากในการค้นหา "เรื่อง" หรือ"ความรู้" ของ
เมืองต่างๆ โดยเฉพาะเมืองประเทศราช เพื่อสะดวกในการปกครองเมืองเหล่านี้ ฉะนั้น งานเขียนเกี่ยวกับเมือง
ต่างๆ ได้ถูกค้นหาและเรียบเรียงขึ้นใหม่จ้านวนมาก ซึ่งรวมทั้งงานเขียนต่างๆ ที่เกี่ยวกับล้านนาด้วย เชื่อว่าในสมัย
ดังกล่าวได้มีการค้นหา การแปลและเรียบเรียงงานเขียนที่เกี่ยวเนื่องกับล้านนาขึ้นมากมาย โดยเฉพาะงานเขียนที่มี
ลักษณะแบบต้านาน..."
จากการศึ ก ษาเรื่ อ งต้ า นานในล้ า นนา ศ.ดร.อุ ด ม รุ่ ง เรื องศรี ได้ ใ ห้ ค วามเห็ น ว่ า ในล้ า นนานั้ น มี
วรรณกรรมประเภทต้านานอยู่เป็นจ้านวนมาก ซึ่งต้านานส่วนใหญ่ จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับพุทธศาสนา หรือพุทธกิจ
ของพระพุทธเจ้า และศาสนสถานทางพุทธศาสนา โดยจะผูกเรื่องราวของพระพุทธเจ้า การเสด็จพุทธด้าเนินมายัง
ดิน แดนล้ านนาเพื่อ "ไว้พระธาตุ" คือประทานเกสาธาตุห รือประทับรอยพระพุทธบาทและตรัส ท้านายถึง
ความส้าคัญของสถานที่นั้นๆ ในอนาคต ว่าจะเป็นที่ตั้งแห่งพุทธศาสนาที่มีความเจริญรุ่งเรืองสืบไปเป็นแกนหลัก
นอกจากนั้น ยังมีต้านานอีกกลุ่มหนึ่งที่ให้ร่องรอยถึงความเป็นมาของการตั้งถิ่นฐานในล้านนา เช่น
ต้านานเชียงแสน ต้านานดอยตุง และ ต้านานสุวัณณะโคมฅ้า เป็นต้น
ข้อสังเกตประการหนึ่งคือว่า แม้ว่า ต้านานจะให้รายละเอียดของข้อมูลได้ดี แต่ต้านานก็มีจุดด้อย
เนื่องจากต้านานส่วนใหญ่จะเป็นการคัดลอกสืบเนื่องกันมาโดยมิได้ระบุว่าผู้ใดเป็นผู้แต่งและแต่งขึ้นแต่เมื่อใด การ
ให้ข้อมูลไว้นั้นก็มักบอกปีที่จารหรือคัดลอกเท่านั้น
แต่อย่างไรก็ตามจากการศึกษาเรื่องต้านานนักวิชาการได้พบว่า หากใช้หลักฐานอื่นประกอบเพื่อยืนยัน
อายุของต้านานแล้ว คงจะมีแต่ ต้านานดอยตุง เท่านั้นที่มีหลักฐานรองรับ โดยพบว่ามีรูปฤาษีหล่อด้วยทองส้าฤทธิ์
สูงประมาณ ๖๐ เซนติเมตร ปัจจุบันอยู่ที่ห้องสุโขทัย พิพิธภัณฑ์ฯพระนคร เลขทะเบียน T.62,ช.ส.๕๘ สร้างเมื่อ
พ.ศ.๒๑๔๗ ค้าจารึกอักษรธรรมล้านนาซึ่งอยู่ที่ฐานของรูปหล่อฤาษีนั้นมีทั้งค้าไหว้พระธาตุ ดอยตุงและต้านานพระ
๓
ธาตุดอยตุงปรากฏอยู่ โดยเฉพาะต้านานดอยตุงที่จารึกไว้นั้นสอดคล้องกับต้านานดอยตุงซึ่งปรากฏอยู่ในใบลาน
ส่วนต้านานเรื่องอื่น แม้จะเป็นเรื่องที่ยอมรับกันว่าเก่าแก่ แต่ก็ไม่มีหลักฐานอื่นรองรับโดยชัดเจนเท่าที่ควร
ตำนำนพระธำตุดอยตุง
หากนับต้านานพระธาตุดอยตุงในฐานะที่เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม นับว่า เป็นสิ่งที่มีคุณค่าที่
แสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาทางด้านวรรณกรรมและภาษาที่คงเหลืออยู่ในรูปแบบของลายลักษณ์อักษรที่ชัดเจนที่สุด
ซึ่งสามารถน้าไปประกอบในการสืบค้นทางประวัติศาสตร์และโบราณดคีขององค์พระธาตุด อยตุงได้ในระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม การจะถือเอาต้านานที่มีการจารึกเป็นหลักนั้นคงมิได้เพราะมีการผูกเรื่องราวต่างๆ คล้าย
เรื่องแต่ง แต่ก็พอคงเหลือเค้าความจริงอยู่บ้างบางส่วน ดังนั้น เราจึงไม่อาจถือเอาต้านานทั้งหมดมาเป็นหลักฐาน
ยืนยันในความเป็นจริงได้ทั้ง หมด กระนั้น เมื่อมองในแง่ของมรดกทางภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ด้านวรรณกรรม
และภาษาแล้ว จะพบว่าต้านานพระธาตุดอยตุงนั้นล้วนจารึกหรือจารหรือเขียนด้วยอักษรธรรมล้านนา ต้นฉบับที่
เก่าที่สุด คือฉบับที่พบที่วัดหมื่นล้าน จังหวัดเชียงใหม่ ปี พ.ศ.๒๓๕๕ และฉบับที่มีอายุน้อยที่สุดคือต้นฉบับจากวัด
แม่ค้าน้้าลัด อ้าเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ปี พ.ศ.๒๕๐๒1
พระธาตุดอยตุงมีต้านานที่เกี่ยวข้องหรือที่กล่าวถึงโดยตรงมีสองต้านาน คือต้านานพระธาตุดอยตุง กับ
ต้านานถ้้าปุ่ม ถ้้าปลา ถ้้าเปลวปล่องฟ้า แม้ต้นฉบับเดิมของ ๒ ต้านานนี้ไม่มีแล้วคงเหลือแต่ฉบับคัดลอก ซึ่งส่วน
ใหญ่จะคัดลอกลงบนใบลาน แต่อย่างไรก็ตามในคัมภีร์ใบลานที่จารึกนั้นบางคัมภีร์ก็มิได้เล่าหรือเขียนเรื่องต้านาน
พระธาตุดอยตุงเป็นผูกเดียวหรือฉบับเดียวมักมีเรื่องอื่นเขียนปนไว้บ้าง จึงมีความจ้าเป็นที่ต้องมีการอ่านและโดย
เทียบกันหลายๆ ผูกหรือหลายฉบับเพื่อให้ได้เนื้อหาและข้อความที่ชัดเจนมากที่สุด
อย่างไรก็ตามการศึกษาต้านานพระธาตุเจ้าดอยตุงที่จะศึกษาในครั้งนี้มุ่งหมายที่เรื่องความงามและคุณค่า
ทางภาษาและวรรณกรรมล้านนาเป็นหลัก โดยไม่ต้องมีการวิเคราะห์ในส่วนของเนื้อเรื่องหรือเนื้อหาในเชิงลึก แต่
จะมุ่งให้เห็นการเขียนและการร้อยเรียงเรื่องราวและภาษาที่ใช้และตัวอักษรที่ใช้เป็นหลัก หรือเลือกน้าเสนอใน
รูปแบบของความงามด้านวรรณศิลป์เป็นหลัก เพื่อให้เห็นถึงความส้าคัญของความเป็นมรดกทางภูมิปัญญาทางด้าน
ภาษาและวรรณกรรมล้านนา ให้เป็นมรดกของแผ่นดินสืบไป
แม้ว่าต้านานที่กล่าวถึงพระธาตุด อยตุงจะมีอยู่หลายต้านาน แต่ต้านานที่มีการกล่าวถึงพระธาตุดอยตุง
โดยตรงและมีการคัดลอกสืบๆกันรวมทั้งการเล่าสืบกันมาแบบมุขปาฐะที่มีการกล่าวถึงพระธาตุดอยตุงโดยตรงมี
เพียงสองต้านาน คือต้านานพระธาตุดอยตุง และต้านานถ้้าปุ่ม ถ้้าปลา ถ้้าเปลวปล่องฟ้า
1
คณะกรรมการค้ นคว้ าวิจยั ประวัติพระธาตุดอยตุง,ประวัติพระธาตุดอยตุง,มูลนิธิแม่ฟา้ หลวงในพระราชูถมั ภ์สมเด็จพระศรีนคริทนาบรมราช
ชนนี วังสระปทุม กรุงเทพฯ และสถาบันวิจยั สังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่,ฮันส์ เพนธ์ บรรณาธิการ (พิมพ์จาน่าย : มูลนิธิแม่ฟา้ หลวง และ
ธนาคารไทยพาณิชย์,๒๕๓๖ [พิมพ์ครัง้ ที่ ๑]),หน้ า ๑๔
๔
ในต้านานพระธาตุดอยตุงเนื้อหาส่วนใหญ่จะเล่าเรื่องเกี่ยวกับพระบรมสารีริกธาตุบนดอยตุง โดยจะเล่า
ตั้ ง แต่ พ ระพุ ท ธเจ้ า เสด็ จ มาและมี พุ ท ธท้ า นาย การบรรจุ พ ระบรมสารี ริ ก ธาตุ ที่ น้ า มาจากอิ น เดี ย ซึ่ ง จะเล่ า
ประกอบการมีอภินิหารด้วย ว่าได้น้ามาบรรจุไว้เหนือดอยที่มีหินก้อนเดียวกันกับพระธาตุชุดแรก และเล่าเรื่องราว
การท้านุบ้ารุงพระบรมสารีริกธาตุตามห้วงยุคสมัยต่างๆ
๓.เนื้อเรื่องย่อจำกต้นฉบับ
เพื่อให้ผู้อ่านได้ทราบเนื้อหาเบื้องต้นก่อนจะน้าเข้าไปสู่การอ่านต้นฉบับที่ปริวรรตแล้วนั้น เห็นควรท้า
ความเข้าใจในเนื้ อเรื่ องเบื้องต้น ก่อน ในคัมภีร์ใบลานที่ จารึกนั้นเนื้ อเรื่องจะเริ่มต้นด้ว ยภาษาบาลี ที่กล่ าวถึง
พระพุ ท ธเจ้ า ทั้ ง ๔ พระองค์ ที่ ล่ ว งมาแล้ ว ภั ท รกั ป นี้ ห ลั ง จากบิ ณ ฑบาตที่ เ มื อ งราชคฤห์ และเมื อ งมิ ถิ ล าแล้ ว
ทุกพระองค์ก็จะเสด็จมายังภูเขานี้ แลประทับนั่งบนยอดเขา และในอนาคตพระศรีอริยเมตไตรก็จะทรงมีพระจริยา
วัตรอย่างนี้ เช่นกัน
๕
หัวหน้าของปู่จ้าวลาวจกคือพญาอชุตตราชแห่งเมืองเชียงแสน ลาวจกและพรรคพวกท้าไร่ท้านาบนภูเขา
โดยใช้จอบเป็นเครื่องมือ ท้ามาค้าขายกับชนที่อยู่พื้นราบที่เชิงดอยที่ดอยท่า เมืองไล่ และเมืองบวบ
พระพุทธองค์ทรงผินพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก แล้วทรงท้านายว่าที่แห่งนี้ต่อไปจะเป็นเมืองส้าคัญ
เป็นที่ตั้งพระพุทธศาสนาตราบต่อเท่าห้าพันพระวัสสา และหลังจากที่พระพุทธเจ้าทรงเสด็จปรนิพพานไปแล้ว
ดูกด้ามมีดเบื้องซ้ายจะถูกน้ามาประดิษฐานไว้บนดอยตุง พระพุทธเจ้าตรัสกับพระอานนท์ว่า ให้พระมหากัสสปะ
เถระน้าพระอัฐิมาประดิษฐานในหินนี้ที่มีรูปลักษณะเหมือนมะนาวผ่าครึ่ง
จากนั้ น พระอานนท์ไ ด้น้ า น้้ า จากบ่ อน้้ า ทางทิ ศตะวัน ตกเฉี ยงใต้ข องเชิ งดอย มาให้ พระพุท ธเจ้า ฉั น
พระพุทธเจ้ าตรั สกับสาวกว่า พระพุทธเจ้ าสามองค์ก่อน คือ พระกกุสั นธะ พระโกนาคมนะ และพระกัสสปะ
หลังจากบิณฑบาตรในเมืองมิถิลาแล้วก็ได้เสด็จมาที่นี่ และประทับนั่งบนหินก้อนนี้เช่นกัน และหลังจากนั้นก็จะ
เสด็จไปฉันอาหารที่ในถ้้าปุ่ม ซึ่งจริยาวัตรนี้แม้พระอริยเมตไตรก็จะทรงกระท้าเช่นนี้เช่นกัน
๖
เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จมาถ้้าปุ่มเสวยภัตตาหารแล้วก็จะทรงจริยาวัตรดังพระพุทธเจ้าองค์ และจะทรง
ท้านายว่าในอนาคตจะมีลิงมาดูแลรักษาถ้้านี้
ต่อมาเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จไปยังสระน้้าซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของถ้้าซึ่งอยู่เชิงเขาลูกหนึ่ง สระนี้ได้รับน้้าจาก
ล้าธารที่ไหลออกมาจากภูเขา ณ ที่แห่งนี้พระพุทธเจ้าทรงอธิฐานให้ปลาที่ได้รับบิณฑบาตมานั้นกลับฟื้นขึ้น มาใหม่
แล้วทรงปล่อยในสระ ด้วยเหตุนี้ปลาที่อยู่ในสระจึงมีลายเป็นเส้นขวางล้าตัว (ตามรอยไม้ตาหีบใช้หนีบปลาเวลาปิ้ง)
๔.เนื้อหำจำกคัมภีร์ใบลำน ควำมงำมทำงด้ำนภำษำและวรรณกรรมที่เป็นมรดกภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม
เพื่อให้เห็นความส้าคัญและความงามทางด้านภาษาและวรรณกรรมที่ถือว่าเป็นมรดกทางภูมิปัญญาทาง
วัฒนธรรมที่เล่าเรื่องต้านานพระธาตุดอยตุง และต้านานที่เกี่ยวข้องกับพระธาตุดอยตุงอีกต้านานหนึ่ง คือต้านาน
ถ้้าปุ่ม ถ้้าปลา ถ้้าเปลวปล่องฟ้า โดยใช้หลักการปริวรรตที่คงรูปศัพท์เดิมให้มากที่สุดเพื่อให้ผู้าอ่านได้เห็นความงาม
ในภาษาและวรรณกรรมล้านนาเรื่องนี้โดยตรง ทั้งนี้ท้ายบทได้น้าภาพถ่ายใบลานต้านานทั้งสองต้านานมาไว้ให้ผู้สน
ลองอ่านเพื่อเสริมอรรถรสดังกล่าวด้วย แต่อาจมีข้อจ้ากัดในเรื่องของภาพถ่ายที่อาจไม่ชัดเท่าที่ควร จึงเป็นอีกหนึ่ง
วาระที่ต้องมีการติดตามและบันทึกภาพถ่ายใบลานให้มีความคมชัดมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะได้จัดท้าในโอกาสต่อไปในภาย
หน้าเพื่อรักษามรดกทางภูมิปัญญาของแผ่นดินสืบไป
ตำนำนพระธำตุดอยตุง
นโมตสฺสตฺถุ
อิมสฺมึ ภทฺทกปฺเป จตุพุทฺธา พุชฺฌิตวา กกุสนฺโธ โกนาคมโน กสฺสโป โคตโม ราชคเห จรนฺติ ปิณฺฑาย จ มิถิลาย
นคเร จรนฺติ ปิณฺฑาย อตีตา จ พุทธา โน อิมสฺมึ ปพฺพเต คิริมตเก นิสิทิตฺวา เมตฺเตยฺโย อนาค เต จรติ ปิณฺฑาย
ราชคเห อิมสฺมึ ฐาเน สิริสุภวรมงฺคลอุตฺตโมฬารกถา
มุนิราช
สาตราอันนี้ไซร้ เป็นที่ตั้งไว้นบน้อมไหว้ครบย้าแยง บูชาคารวะ แก่นร เทวอินทา พรหม จตุโลกปาลา
อสุรา สุรครุฑ ภุชค ขัตติยราชเทวี เสนาธิปติ เศรษฐี คหบดี ทังหลาย ก้าหญิงชาย เพื่อหื้อพ้นจากอบาย จุ๊ตน จุ๊คน
ดีหลี
ตอนที่ ๑
ทีนี้ จักกล่าวต้า นานมหาธาตุพระพุทธเจ้ามีในภูเขาตั้งอยู่ท่ามกลาง เป็นเฉลิมเกศเกล้าเกศีนคร ราชธานี
ศรีเมืองยวนเชียงแสนแล
ยังมีภูเขา ๓ อัน ตั้งอยู่ปัจฉิมทิศแห่งชยบุรี แล ล้้าภูเขา ๓ อันนั้น อัน ๑ ชื่อภูเขาท่า ตั้งอยู่ทิศ อุตตร กล้้า
เหนือ อัน ๑ ชื่อภูเขาย่าเจ้า อยู่ท่ามกลาง อัน ๑ ชื่อ ภูเขาปู่เจ้า ตั้งอยู่ทางทักขิณะ แล้วล้าดับเป็นดั่งก้อนเส้าประ
สุมกันนั้น
นิทานเขา ๓ ก้อนนี้ ปณฺฑิตา นักปราชญ์เจ้าเปิงรู้ดั่งนี้เต๊อะ ในเมื่อพระพุทธเจ้าแห่งเรายังธอรมาน วันนั้น
ยังมีมิลักขุผัวเมีย ผู้ผัวชื่อ ปู่เจ้าลาวจก ผู้เมียชื่อ ย่าเจ้าลาวจก และบุ คคลทั้ง ๒ ผัวเมียมีจกเจา แลคน แล ๕๐๐
ลูก ลวดได้ชื่อว่า ลาวจก แล บุคคลทัง ๒ ก็อยู่เลี้ยงชีวิตอินทรีย์ด้วยของไร่ของสวน มีต้นว่า ถั่ว งา ฟัก แฟง แตง
เต้า พริก ขิง หื้อลาวจกทังหลายเอาไปขายแก่ชาวเมืองทังหลาย เลี้ยงชีวิต แล
๘
2
แม่น ้าโขง
๙
กุ๊กเครือ ขมิ้นเครือ เครือเขาขม แก้หมื่นมาง รางไก๊ รางแกง แตงเถื่อน หมูปอย เทียนด้า หลอดแมน จ๊ะลิว ลืมด้า
และลูกไม้ทังหลายต่างๆ ดวงดอกต่างๆ เพื่อกรุณาคนทังหลายเหตุนั้นยาทังหลายมวลมีในดอยตุงทังมวลวิเศษนัก
เซิ่งยาทิพย์ใช้ได้พันช่อง ด้วยเตชะมหาฤาษีเจ้าทังหลายอธิษฐาน แล
เมื่อนั้น มหาฤาษีทังหลาย เอาไม้ขุดดินกิ่ววันตกมหาธาตุเจ้า แล้วอธิษฐานเป็นเขต เพื่อบ่หื้อคนทังหลาย
กระท้าอนาทร แล คืออันใต้นั้น ฤาษีทังหลายเอาไม้ไล่ขุดเถิงตีนเขา ก็อธิษฐานน้้าไหลออกมาไปด้วยตีนเขา คนทัง
หลายเรียกว่า แม่ไล่ ว่าอั้น ตราบเท่าบัดนี้ แล น้้าอันนั้นไหลไปเถิงที่ใด ที่นั้นชื่อว่า เมืองไล่ แล หนทิศกล้้าเหนือ
ฤาษีทังหลาย เอาไม้รักขุดกุ่นลงเถิงตีนเขา ก็อธิษฐานน้้าไหลออกมา คนทังหลายเรียกว่า แม่รักต่อเท่าบัดนี้ แล เจ้า
ฤาษีทังหลายอยู่อุปัฏฐากมหาธาตุเจ้าตราบอายุ กันจุติ (ก็) เมือเกิดในพรหมโลกจุ๊ตน แล
เมื่อพระพุทธเจ้านิพพานไปได้ ๒๘๐ ปีมีฤาษีตน ๑ ชื่อ สุริยเทพา ลุกแต่ป่าหิมพานต์มาอุปัฏฐากมหาธาตุ
เจ้า ก็แปลงบรรณศาลาอยู่ภูเขาลูก ๑ ชื่อว่า ดอยดินแดง มีทิศกล้้าวันตกมหาธาตุเจ้า ฤาษีตนนั้นมีตโปกล้าแข็ง รู้
ชาติหลัง ๘ กัป รู้ชาติหน้า ๘ กัป มีเตชฤทธีก้าลังมากนัก ก็ไปน้าเอามายังธาตุพระพุทธเจ้าแต่เมืองราชคหะ ๑๕
องค์ เท่าม้อนหมากถั่วแดง ๕ องค์ เท่าเม็ดข้าวสารหักเกิ่ง ๕ องค์ เท่าพันธุ์ผักกาด ๕ องค์ ใส่โกศแก้วปทมราคลูก
เท่าหมากน้้า เอามาด้วยลวงอากาศเถิงเขาดินแดง ก็อธิษฐานหื้อหินก้อน ๑ บุแต่พื้นแผ่นดินออกมา พ้นดิน ๗ ศอก
มีรูปสงสฐานดั่งช้างมูบอว่ายหน้าสู่ทิศทางใต้ ฤาษีเจ้าเอาโกศแก้วตั้งเหนือหินก้อนนั้น อธิษฐานหื้ อจมลง ประมาณ
๕ ศอก ที่นั้นสรีธาตุพระพุทธเจ้าก็กระท้าปาฏิหาริย์เบ่งฉัพพรรณรังสี ๖ ประการ ทั่วสกลเมืองยวนเชียงแสน และ
ฤาษีเจ้าก่อเจดีย์เหนือหลังหินสูง ๗ ศอก เป็นที่ฐาปนาธาตุพระพุทธเจ้า เป็นที่ไหว้สักการบูชาแก่มนุษย์ (และ)
เทวดาทังหลาย ฤาษีเจ้าก็อยู่อุปัฏฐากธาตุพระพุทธเจ้า ตราบต่อเท่าอายุแห่งตน แล
เมื่อนั้น ยังมีลวงค้า ๒ ตัว มาแต่เขาคิชฌกูฏ เพื่อว่าจักไปกินหน่อเงินหน่อค้าใน สุวณฺณปพฺพ้
มาจับอยู่เหนือผาก้อน ๑ ชื่อว่า ผารุ้งเผือก มีทิศ อุตตร มหาธาตุเจ้า ไกลประมาณ ๕๐๐ วา ลวงค้า ๒ ตัวก็ไหว้
ธาตุพระพุทธเจ้า เพื่อบ่หื้อเป็นอนทรายแก่ตน แล้วก็บินไปกินหน่อเงินหน่อค้าดามอันมัก แล้วก็คาบเอาก้อนค้าเท่า
หมากตาล มาบูชามหาธาตุเจ้า ก็วางไว้เหนือผารังรุ้งเผือก แล้วก็บินเมือสู่ที่อยู่ตน แล ชาติลวงค้าจับที่ใดก็ย่อมมีค้า
ที่นั้น แล
สุริยเทพาฤาษีเจ้า ก็อยู่อุปัฏฐากมหาธาตุเจ้ามีอายุ ๑๐๐ ปี กันจุติก็เมือเกิดพรหมโลก แล แรกแต่นั้นไป
หน้า คนทังหลายเรียกว่า มหาธาตุเจ้าช้างมูบ ตราบต่อเท่าบัดนี้ แล
วรปุญฺญเขตชินธาตุเจ้า พระท้านายประดิษฐานสิ่งสัตตรูปใน ธชปพฺพต้ เป็นเฉลิมเกศเกล้าเกศีในนครบุรี
เมืองยวนเชียงแสน สวัสดีวุฒิจ้าเริญเป็นด้วยกวิรบัณฑิตมากนัก แล ผู้ใดบ่พรากผา ๓ ก้อนอันพระท้านาย เทียร
ย่อมวุฒิจ้าเริญด้วยเตชนุภาวะอันตวรชินธาตุเจ้า บัญญัติไว้
เมื่อพระพุทธเจ้านิพพานนาน ๓๐๐ ปี ยังมีเทวบุตรตน ๑ ชื่อว่า กัมมปติสโร เอาไม้นิโครธต้น ๑ แต่เมืองกุ
สินารายมาปลูกไว้ทิศอุตตระมหาธาตุช้างมูบ สูง ๗ ศอก วิเศษยิ่งนัก มีจตุสาขา ๔ อัน บุคคลผู้ใดปรารถนาใคร่ได้
๑๗
พุ ท ธเขตอรั ญ ญป่ า ดอยทั ง มวลในที่ นั้ น แล มั ก ว่ า อย่ า หื้ อ คนอนาครยั ง ต้ น ไม้ ลู ก ไม้ และสั ต ว์ ทั ง หลายอั น มี
(นอกจากนั้นก็) ปลงไว้ยังราชมนุสสทานไว้อุปัฏฐากพระพุทธเจ้าและเจติยเจ้า มีคน ๑๐ ครัว แล ครัวอ้ายหมื่น ๑
ครัวสามตวง ๑ ครัวกัญญา ๑ ครัวทิดน้อยขัน ๑ ครัวอ้ายน้อย ๑ ครัวอ้ายช้อย ๑ ครัวงัวเงิน ๑ ครัวทิดน้อยบุญ ๑
ครัวคันธะ ๑ ครัวโชติรส ๑ เขาทังหลาย ๑๐ เรือนนี้ก็ปลงเป็นทานหยาดน้้าตกเหนือหน้าแผ่นดิน
(แล้ว) ก็แช่งไว้ว่าฉันนี้ “อาชญาท้าวพญา เสนาอามาตย์ ขุนบ้าน ขุนเมือง ขุนที่ ขุนแค้วน ผู้ใดรีดม้างค้ากู
หื้อมันผู้นั้นนิราศคลาดจากลูกเมียเผ่าพันธุ์วงศา หื้อลงไปไหม้นรกอันมีชื่อว่าอวีจี แล้วหื้อเป็นเปรต ทุกขเวทน า
เต๊อะ พระพุทธเจ้าเกิดมากู้เม็ดหินเม็ดทราย อย่าหื้อมันหันสักตน เต๊อะ แม่นบุคคลผู้ใดยังกับตามอาชญาพระองค์กู
จุ่งหื้อวุฒิจ้าเริญศรีสวัสดี แท้ ดีหลี”
พระราชเจ้าแผ่นปฐวี ภวภวา ก็ปลงราชอาชญาแล้ว ก็หยาดน้้าหื้อเป็นทานด้วยประการดั่งนี้ แล เสนาอา
มาตย์พร่้าพร้อมจุ๊ตนอันอยู่ในเมืองปิงเชียงใหม่ ก็ร่วมรู้ยังสากสีและสักขีทานจุ๊คน แล
กัน (เถ้าเมืองศรีมังคละไป) รอดเชียงแสน ผู้เสวยเมืองเชียงแสนแล้ว มีเสนาอามาตย์ทังหลายเป็นทักขิณ
สักขิทาน มีแสนเถ้าเมืองมังคละ หมื่นนาหลัง อาจารย์สัมมสธรรมศรีเมือง ปากนายหนังสือสาครหมื่นฟ้อนเชี ยง
แสน เป็นสักขิทานรู้ แล ภายในเวียงมีมหาสังฆราชเจ้าวัดพระหลวง ภายนอกเวียงมีสังฆราชเจ้าวัดพระครู สังฆราช
เจ้าวัดป่าแดงหลวง ล้้านั้นสังฆเจ้าทังหลายก็เป็นอธิปติจุ๊ตนแท้ ดีหลี
เหตุดั่งอั้นพระสังฆเจ้าทังหลาย อันเป็นโบราณธรรมจารีต ก็มีค้าปุจฉาโจทนาเซิ่งกันไปมาว่าดั่งนี้
“ติรตฺนา จ คุรุกา ติโลกา คุรุก้ ขตฺติโย คุรุกา เอก้ อินฺทสีลาจตฺต้ คุรุก้ ปิตุมาตา คุรุอุปชฺฌาน้ คุรุกาวจน้
คุรุก้ ดั่งนี้
อมฺโภ ปุริโส ปณฺฑิโต ค้าอันสั่งสอนก็ดี ค้าแช่งแล้วได้สบถก็ดี แห่งพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ก็ดี ค้ามหากษัตรา
ก็ดี ก็เป็นอันหนักกว่าหนักฉัตรหินของพญาอินทา แล ค้าแห่งพระพุทธเจ้า และธรรมะ สังฆะค้าแก้วทัง ๓ ประการ
คุรุก้ ยังหนักกว่าฉัตรหินแห่งพญาอินทาเล่า คุรุก ยังหนักกว่าครูบาจารย์เล่าติโลกโต คุรุก้ ค้าไตรรัตนะ ก็แควนเป็น
หนักกว่าโลกทัง ๓ เล่าด่าย”
สังฆเจ้าก็ปุจฉา แล้วกล่าวอรรถบาลีบทว่า “ภูเตน วุตย้ อเภเทยฺย้ มฺตต้ ตโต มตา โบราณสั่งสอนทิสา
จารย์กล่าวกว่าฉันนี้ ง้วนพิษอันมีในโลกนี้ บุคคลผู้ใดกินก็เท่าตายผู้เดียวพอตนแท้ แล ดั่งข้าแก้วทัง ๓ นี้ เป็นข้า
โอกาสหยาดน้้าตกแผ่นดินไหวแล้ว ผู้ใดป๊อยรีดม้างเอาข้าเป็นคนก็ดี ใส่เวียกใส่การก็ดี และใช้สอยกระท้าบาปไหม
หื้อฉิบหายเสียด้วยค้าเคียดก็ดี บุคคลผู้นั้นยังยิ่งกว่าผู้กินง้วนพิษด่าย เหตุกินง้วนพิษเท่าตายมันผู้เดียว ไผบ่ตายจิ่ม
แล กระท้าร้ายแก่ข้าแก้วทัง ๓ นั้น ผู้กระท้าก็ผิดแต่ปัจจุบันและวินาศฉิบหายทังลูกทังเมีย และพืชตระกูลสืบ
ลูกหลานเหลนหลีดหลี้ ตราบ ๑๗ เช่นตระกูล กันจุติก็ไปไหม้อบายทัง ๔ เหตุดั่งอั้นผู้กระท้ารายแก่แก้วทัง ๓ ก็
เป็นอันหนักกว่ากินพิษง้วนเพื่ออั้น แล เหตุนั้นเป็นอันบ่ควรจักกระท้ากรรมกระท้า ภุญษิสาวกอนุตสา สนกมม แท้
แล”
๒๔
ลักษณะของการผูกเรื่องมีการน้าเรื่องพุทธประวัติมาผูกกับคติความเชื่อท้องถิ่นเล่าผ่านสิ่งของและสภาพแวดล้อม
ในขณะนั้นเป็นหลัง ซึ่งอาจมีตรงบ้างหรือคลาดเคลื่อนไปบ้างจากสิ่งที่เป็นจริง แต่กระนั้นก็ท้าให้เห็นว่า ผู้แต่ง
ต้านานนี้ได้อาศัยภาษาท้องถิ่นและผูกเรื่องราวต่างในลักษณะของการเล่าแบบต้านานมีเนื้อหากระซับและแทรก
ภาษาบาลีเพื่อให้เกิดส้านวนที่น่าติดตามและคิดตามได้ไม่น้อย
จากต้านานดังกล่า ว ท้าให้มองเห็นลักษณะเด่นของส้านวนหรือเรื่องราวที่ปรากฏท้าให้พระธาตุดอยตุง
กลายเป็นพระธาตุที่มีความศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่ย้าเกรงมากยิ่งขึ้น เพราะถือว่าพระธาตุดอยตุงนั้นเป็นสถานที่ที่
พระพุทธเจ้าทุกพระองค์จะต้องเสด็จมา และการสร้างก็เกิดจากอภินิหารหรือการท้านายของพระพุทธเจ้า และมี
เหล่าสาวกน้าพระธาตุมาประดิษฐานไว้ รวมทั้งในต้านานยังได้เล่าถึงบทบาทของกษัตริย์ทุกพระองค์ที่ปกครองใน
ดินแดนแห่งนี้ล้วนถวายความเคารพและทรงท้านุบ้ารุงมาอย่างต่เนื่อง
จะสังเกตเห็นว่าต้านานพระธาตุดอยตุงนี้มีความเด่นทั้งทางด้านภาษาที่ใช้คือใช้อักษรธรรมล้านนา ภาษา
ที่ใช้คือภาษาถิ่นเหนือ แม้จะมีบางค้าที่คล้ายภาษาไทยกลางปะปนอยู่บ้าง ซึ่งนักวิชาการมองมาเป็นการแต่งหรือ
เขียนเพิ่มเติมภายหลัง แต่กระนั้น เรายังถือว่าภาษาที่ใช้ส่วนใหญ่คือภาษาไทยถิ่นเหนือแทบทั้งหมด และประการ
ส้าคัญในต้านานทั้งสองต้านาน คือต้านานพระธาคตุด อยตุง และต้านานถ้้าปุ่ม ถ้้าปลา ถ้้าเปล่วปล่องฟ้า การผูก
เรื่อง ค้าขึ้นต้นและการลงท้ายเรื่อง หรือแม้แต่การด้าเนินเรื่องบางค้าก็ใช้กลวิธีแทรกด้วยภาษาบาลี
จากลักษณะเด่นของต้านานที่ปรากฏในรูปลายลักษณ์อักษรแล้วเรื่องราวในต้านานได้มีอิทธิพลต่อวิถีชีวิต
ของผู้คนในพื้นที่มีการเล่าแบบมุขปาฐะต่อๆกันมาอีกทอดหนึ่ง ดังนั้น ความส้าคัญของต้านานจึงส่งต่อความเชื่อ
ความศรัทธาของผู้คนมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน
อย่างไรก็ตามน้อยคนนักที่จะได้อ่านต้นฉบับต้านานพระธาตุดอยตุง และต้านานถ้้าปุ่ม ถ้้าปลา ถ้้าเปล่ว
ปล่องฟ้า คงเหลือเพียงการเล่าแบบมุขปาฐะ จึงน่าเสียดายหากไม่มีการน้าต้นฉบับมาเผยแพร่ทั้งในรูปแบบของ
ปริวรรตและในรูปแบบต้นฉบับที่เป็นตัวอักษรล้านนาโดยตรง
ท้าให้เห็นความรู้ความสามารถของปราชญ์ล้านนาในสมัยก่อนว่า การผูกเรื่องราวต่างๆนั้นผู้ผูกหรือแต่งต้านาน
จะต้องเป็นผู้มีความรู้หรือเข้าใจเรื่องราวต่างๆมากพอควร
จากต้านานที่ มีการบันทึกและมีการคัดลอกต่อๆกันมานี้ อาจมีบ้างที่มีการคัดลอกทั้งที่สมบูรณ์
และไม่สมบูรณ์อยู่หลายฉบับ กระนั้น ในจังหวัดเชียงรายหรือที่วัดพระธาตุดอยตุงยังมิได้มีการรวบรวบอย่างเป็น
ทางการที่จ ะมี การน้ า เสนอหรื อ จั ด ท้า ส้ าเนาในลั กษณะต่า งๆเพื่ อ ให้ ผู้ คนทั่ ว ไปได้เ ห็ น ได้ อ่ านและรั บ รู้สิ่ ง ที่ มี
ความส้าคัญต่อคติความเชื่อของประชาชนที่มีมาอย่างยาวนานนี้ได้ หากนานวันไปอาจสูญหายก็เป็นได้ หรือมีความ
คลาดเคลื่อนไปก็น่าเสียดายไม่น้อย
๒. บทบำทของชุมชนที่มตี ่อมรดกภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม
ชุมชนในเขตพื้นที่วัดพระธาตุดอยตุง และพื้นที่ใกล้เคียงได้อาศัยคติความเชื่อที่ผูกโยงมาปฏิบัติ
ทางวัฒนธรรม เช่น ประเพณีขึ้นธาตุหรือสรงน้้าพระธาตุดอยตุง ความเชื่อในการเดินขึ้นพระธาตุที่เชื่อว่าจะมี
อานิสงส์มาก เพราะถือว่าเป็นพระธาตุที่ศักดิ์สิทธิ์รวมทั้งความเชื่อที่ว่าหากใครได้ไปสักการะพระธาตุดอยตุงซึ่งเป็น
หนึ่งในประธาตุประจ้าปีเกิดคือปีกุน แล้วถือว่าเป็นกุศลยิ่ง และการได้ไปไหว้พระธาตุก็ถือว่าได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นข้า
ทาสพระธาตุอีกทางหนึ่งด้วย
การปฏิบัติตนของชุมชนที่เด่นชัดที่สุดคือชุมชนชาวชาติพันธุ์ที่อาศัยโดยรอบพระธาตุดอยตุงซึ่ง
เมื่อถึงเวลาประเพณีที่ส้าคัญเช่น ประเพณีสงน้้าพระธาตุเดือนหกเป็ง หรือเพ็ญเดือนหก(เดือนเหนือ) กลุ่มพี่น้อง
ชาติพันธุ์จะแต่งตัวตามชาติพันธุ์น้าข้าวเปลือกและเงินทองของมีค่ามาถวายพระธาตุและนั่งเฝ้าดูแลพระธาตุตลอด
ช่วงวัน
ปัจจุบันจังหวัดเชียงรายถือว่าเป็นงานส้าคัญของจัดหวัดที่ทุกภาคส่วนจะได้มีส่วนร่วมในการขึ้นไป
นมัสการพระธาตุดอยตุงซึ่งสืบเนื่องมาจากความเชื่อในต้านานพระธาตุดอยตุงเช่นกัน
๒๘
๓. รูปภำพ
ภาพถ่ายใบลาน ต้านานพระธาตุดอยตุง และต้านานถ้้าปุ่ม ถ้้าปลา ถ้้าเปลวปล่องฟ้า
ฉบับวัดห้วยไคร้ ต.ห้วยไคร้ อ.แม่สาย จ.เชียงราย