You are on page 1of 45

 คุณสมบัติที่สาํ คัญประโยชน์ & ข้อ จํากัด

เทอร์โมพลาสติกเอลาสโตเมอร์ (TPEs) คืออะไร?


TAGS: ยางทดแทน

เทอร์โมพลาสติก elastomer (TPE) ซึ่งเปิ ดตัวในเชิงพาณิ ชย์เฉพาะในปี 1960 เป็ นวัสดุพอลิเมอร์ ที่มีลกั ษณะของยางเท
อร์ โมเซ็ตวัลคาไนซ์ และเทอร์ โมพลาสติก TPE แสดงความยืดหยุน่ สูงของยางเทอร์โมเซ็ตวัลคาไนซ์ที่อุณหภูมิหอ้ งและความ
สามารถในการประมวลผลที่ดีของเทอร์โมพลาสติกที่อุณหภูมิสูง ความแตกต่างที่สาํ คัญระหว่างเทอร์โมเซ็ตเอลาสโตเมอร์ /
ยางและเทอร์โมพลาสติกอิลาสโตเมอร์ อยู่ในประเภทของพันธะการเชื่อมโยงข้ามในโครงสร้างของพวกเขา

ในความเป็ นจริ งการเชื่อมโยงข้ามเป็ นปัจจัยโครงสร้างที่สาํ คัญซึ่งก่อให้เกิดคุณสมบัติยดื หยุน่ สูง TPEs เป็ นวิธีที่ง่ายที่สุดใน
การบรรลุคุณสมบัติที่โดดเด่นโดยเพียงแค่เปลี่ยนองค์ประกอบการผสมและความหนืดของส่ วนประกอบและส่ วนผสมผสมใน
ราคาที่ต่าํ
อิลาสโตเมอร์เทอร์ โมพลาสติกจะต้องปฏิบตั ิตามลักษณะสําคัญสามอย่าง
ต่อไปนี้:

 ความสามารถในการยืดออกถึงปานกลางและในการกําจัดความเครี ยดให้กลับไปที่สิ่งที่ใกล้เคียงกับรู ปร่ างเดิม


 ประมวลผลเป็ นละลายที่อุณหภูมิสูง
 ไม่มีครี ปที่สาํ คัญ


TPE ถือเป็ นทางเลือกที่มีประสิ ทธิภาพและคุม้ ค่าสําหรับน้ายางยางซิ ลโิ คนและสารประกอบโพลีไวนิลคลอไรด์ (PVC) คุณสมบัติของ
ยางเช่นได้เปิ ดใช้งาน TPE เพื่อแทนที่ยางอย่างมีนยั สําคัญในการใช้งานหลาย วันนี้ พวกเขาจะใช้ในการใช้งานจํานวนมากเช่นกาวรองเท้าอุปกรณ์การ
แพทย์ชิ้นส่ วนรถยนต์ของใช้ในครัวเรื อน ฯลฯ ที่พวกเขามีประโยชน์ความยืดหยุ่นในช่ วงอุณหภูมิกว้าง
วัสดุ TPE มีศกั ยภาพที่จะรี ไซเคิลได้เนื่องจากสามารถขึ้นรู ปอัดรี ดและนํากลับมาใช้ใหม่ได้เช่นพลาสติก แต่มีคุณสมบัติยดื หยุน่ ทัว่ ไปของยางที่ไม่
สามารถรี ไซเคิลได้เนื่องจากลักษณะเทอร์ โมเซต
ติง
ซัพพลายเออร์หลักของเทอร์โมพลาสติกเอลลาสโตเมอร์ (TPE) ได้แก่
:

 Teknor Apex – Telcar®, ซาร์®, มอนพรี น®, นัก®, เฟล็ก®


 ไกรบวร์ก – เทอร์โม®สต์, ฮิป®ซ์, โคป®
 บริษัท RTP – Nylabond™, Permaprene™, Polabond™
 DSM – Arnitel®, คาร์โบซิล®
 Avient (ชื่อเดิม PolyOne) – Dynaflex™, Bergamid™, Maxxam™, Edgetek™ (288),
LubriOne™

»ดูท้งั หมดที่มีอยู่ในเชิงพาณิชย์ เกรดเทอร์ โมพลาสติก Elastomer ในฐานข้ อมูลพลาสติก Omnexus!


ฐานข้อมูลพลาสติกนี้ สามารถใช้ได้กบั ทุกคน
โดยไม่ เสี ยค่ าใช้ จ่าย คุณสามารถกรองตัวเลือกของคุณตามคุณสมบัติ (เครื่ องกลไฟฟ้ า ... ) การใช้ งานโหมดการแปลงและขนาดอื่น ๆ อีกมากมาย
ข้อดี & ข้อเสี ยของ TPEs

ประโยชน์ ี
ข้อเสย

 การประมวลผลทีง่ า่ ยขึน ้  การละลายทีอ ่ ณ


ุ หภูมส ิ งู จํา
การใชพลั ้ งงานทีล ่ ดลง & กัด การใชช้ น ิ้ สว่ นจาก
ต ้นทุนชน ิ้ สว่ นสําเร็จรูปที่ TPEs สําหรับการใชงาน ้
ลดลงเนือ ่ งจากเวลาการ บางอย่าง
ผลิตทีส ั ้ ลง
่ น  ค่าใชจ่้ ายสูงกว่ายางเทอร์
 ใสข ่ น
ึ้ รูปได ้อย่างง่ายดาย โมเซต็
ด ้วยวัสดุโอเลฟิ นเชน ่ PP  แรงเฉือนทีล
่ ะเอียดอ่อน
โดยไม่ต ้องใชกาว ้
 ทนต่ออะโรมาติกต่าํ
 คุณสมบัตฉิ นวนไฟฟ้ าทีด ่ ี
มาก
 ทนความร ้อนและนามั้ํ น
(ภายในชว่ งอุณหภูมท ิ ก
ี่ ํา
หนด)
 ึ ผ่านต่าํ และส ี
การซม
 สามารถผลิตได ้ในเกรด
ความแข็งทีห
่ ลากหลาย

ยางกับ TPE: เมื่อใดที่จะต้ องเลือกอะไร?

ใช้ หลักสู ตรนี้เพื่อควบคุมประสิ ทธิ ภาพของชิ้นส่ วนเอลาสโทเมริ กของคุณมากขึ้นโดยเลือกวัสดุที่เหมาะสม (ยางกับ TPE) ใน


การใช้งานปลายของคุณ (ยางซีลปะเก็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ ... )
การจําแนกประเภทและเคมีของวัสดุ TPE
หลังจากหลายปี ของการพัฒนา TPE สามารถจัดหมวดหมู่ตามวิธีการต่าง ๆ เช่นขึ้นอยูก่ บั บล็อกการสร้างสารเคมีที่เป็ นส่ วนประกอบวิธีการพอลิเมอ
และกระบวนการผลิต โดยทัว่ ไปเทอร์โมพลาสติก elastomers สามารถแบ่งออกเป็ นชั้นเรี ยนต่อไปนี้ :

 โคพอลิเมอร์บล็อกเทอร์โมพลาสติกสไตเรนดิก (SBC หรื อ TPE-S)


 โพลีโอเลฟิ นเทอร์ โมพลาสติก (TPO หรื อ TPE-O)
 เทอร์โมพลาสติกวัลคานิเซต (TPV หรื อ TPE-V) หรื อโลหะผสมเอลาสโทเมอร์ (EA)
 เทอร์โมพลาสติกโพลียรู ี เทนส์เอลาสโตเมอร์ (TPU หรื อ TPE-U)
 เทอร์โมพลาสติกโคพอลิเอสเทอร์ (COPE หรื อ TEEE หรื อ TPE-E)
 เทอร์โมพลาสติกโพลีเอเธอร์บล็อก amides (COPA หรื อ PEBA หรื อ TPE-A)

แต่ละประเภทมีความแตกต่างเล็กน้อยในทางเคมีดงั นั้นจึงมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน

เคมีของเทอร์ โมพลาสติก Elastomers (TPE)

วัสดุ TPE ที่ง่ายที่สุดเป็ นเหมือนโคพอลิเมอร์บล็อก ABA ซึ่ง:

 A เป็ นเทอร์ โมพลาสติกแข็งที่อุณหภูมิหอ้ ง แต่น่ิมที่อุณหภูมิสูง (เช่นสไตรี นโพลีเอทิลีนหรื อโพรพิลีน )


 B เป็ นยางอ่ อน(เช่น polydimethylsiloxane, โพลีบูทาไดน์, โพลีสโนพรี นหรื อโพลี (เอทิลีนโพรพิลีน))

โคพอลิเมอร์ บล็อกเทอร์ โมพลาสติกสไตเรนนิก (SBC หรือ TPE-S)

ยางเทอร์โมพลาสติก Styrenic เป็ นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาวัสดุ TPE และอาจมีความหลากหลายมากที่สุดเนื่องจากสามารถผลิตได้มากกว่าค่า


ความแข็งที่หลากหลาย พวกเขารวมถึงประเภทหลักที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน:

 SBS: 1000000 สไตรี น-บิวทาไดน์-สไตรี นบล็อกโคพอลิเมอร์


 พีพ่ :ี่  สไตรี น-ไอโซพรี น-สไตรี น บล็อกโคพอลิเมอร์
 SEBS: EBS ประมาณ 10000 สไตรี น- เอทิลีน- butylene- สไตรี นบล็อกโคพอลิเมอร์
 ตัวต่ อ: สไตรี น- เอทิลีน- เอทิลีน- butylene- สไตรี นบล็อกโคพอลิเมอร์
 SEPS: 1000000 สไตรี น- เอทิลีน- โพรพิลีน- สไตรี นบล็อกโคพอลิเมอร์
 SEPS-V: สไตรี น- เอทิลีน- โพรพิลีน- สไตรี นบล็อกโคพอลิเมอร์ , ข้าม- เชื่อมโยง

โคพอลิเมอร์ บล็อกสไตเรนิกเป็ นโพลีเมอร์อสัณฐานและทึบแสง พวกเขามีกลุ่มยางที่มีความยาวค่อนข้างสั้นดังนั้นอิลาสโตเมอร์ แต่ละตัวอาจผ่าน


โดเมนที่ยากสองสามโดเมนก่อนที่จะสิ้ นสุ ด ข้อดีต่าง ๆ ของ STYRENIC TPEs รวมถึง:

 ความต้านทานแรงดึงสูงและโมดูลสั
 ความสามารถผิดพลาดที่ดี
 ทนต่อการขัดถูได้ดี
 คุณสมบัติทางไฟฟ้ าที่ดี
 ความหลากหลายขนาดใหญ่ในความแข็ง
 ค่าสัมประสิ ทธิ์ แรงเสี ยดทานสูง (สอดคล้องกับค่าที่สาํ หรับ NR)
 ไม่มีสี & ความโปร่ งใสที่ดี

โครงสร้ าง Styrenic TPEs


(ทีม่ า: Thermoplastic Elastomers, แก้ไขโดย Prof. Adel El-Sonbati)

โพลีโอเลฟิ นเทอร์ โมพลาสติก Elastomer (TPO หรือ TPE-O)

นี่เป็ นคลาสใหม่ในบรรดาวัสดุอิเทอร์โมพลาสติก elastomeric เมื่อเทียบกับโคพอลิเมอร์บล็อกสไตเรนิก พวกเขาเป็ นส่ วนผสมของโพรพิลนี


หรือโพลีเอทิลนี และยางเอทิลนี โพรพิลนี ไดน์ และยางไนไตรล์ (NBR)เพื่อให้องค์ประกอบเอลาโซเมริ ก
TPO ส่ วนใหญ่มีกระบวนการผลิตสองประเภท: หนึ่งคือการผสมประเภทสารประกอบและอื่น ๆ เป็ น
ประเภทเครื่ องปฏิกรณ์ การผสมชนิดสารประกอบรวมถึงวัลคาไนเซชันแบบไดนามิก (TPV) และการผสมเชิงกล (CTPO)
โพลีโอเลฟิ นบล็อกโคพอลิเมอร์ เป็ นโพลีเมอร์อสัณฐานและโปร่ งใส
ํ กเบามากและผ่านการฆ่าเชื้อ
โพลีโอเลฟิ นมีความเฉื่ อยทางเคมีมีความยืดหยุน่ สูงปลอดพิษน้าหนั

เทอร์ โมพลาสติกวัลคานิเซต (TPV หรือ TPE-V)

TPV เป็ นก้าวสําคัญในการพัฒนาโลหะผสมเอลาสโทริ ก TPV กําลังแทนที่ยางวัลคาไนซ์เทอร์โมเซตติงแบบดั้งเดิมในการใช้งานมากขึ้นเรื่ อย ๆ


กลายเป็ นหนึ่งในวัสดุพอลิเมอร์ที่มีแนวโน้มมากที่สุด คลาสของ TPE นี้แตกต่างจากที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้ในที่พวกเขาได้รับคุณสมบัติทางกายภาพ
และเอลาสโทเมอร์ของพวกเขาจากการรวมเทอร์โมพลาสติกต่างๆด้วยกลไกโดยทัว่ ไปยางเทอร์โมเซตและไม่ผา่ นโครงสร้างส่ วนโซ่เช่นในกรณี ของ
บล็อก copolymer TPE
ประกอบด้วยยางซิลิโคน TPV (TPSiV), ยางอะคริ เลต TPV (ACM), TPV ขึ้นอยูก่ บั NR หรื อ ENR, โพลีโอเลฟิ นเอลาสโต

เมอร์ (EOC) / PP TPV)คุณสมบัติของเทอร์ โมพลาสติกวัลคานิเซตส่ วนใหญ่รวมถึง:

 คุณสมบัติอุปสรรคที่ดีเยีย่ ม
 การเสี ยรู ปถาวรขนาดเล็ก
 คุณสมบัติทางกลที่ดี
 คุณสมบัติที่ดีที่อุณหภูมิต่าํ
 ความทนทานต่อความเหนื่อยล้า
 ํ นได้ดี
ทนต่อของเหลวและน้ามั

โลหะผสม Elastomeric เป็ นส่ วนผสมของยางและเทอร์ โมพลาสติกที่สามารถประมวลผลโดยใช้ วิธีการประมวลผลเทอร์ โมพลาสติก

เทอร์ โมพลาสติกโพลียูรีเทนส์ เอลาสโตเมอร์ (TPU หรือ TPE-U)

TPUs เป็ นโคพอลิเมอร์ บล็อกที่มีการเชื่อมโยงกระดูกสันหลังยูรีเทน บล็อกประเภทหนึ่งส่ วนแข็งเกิดขึ้นจากการเพิ่มตัวขยายโซ่ลงในไดโอไซยาเนต


ประเภทอื่น ๆ คือส่ วนที่อ่อนนุ่มและประกอบด้วยโซ่โพลีเอทเทอร์หรื อโพลีเอสเตอร์ที่มีความยืดหยุน่ ยาวนานซึ่งเชื่อมต่อสองส่ วนแข็ง Polyether
หรื อโพลีเอสเตอร์ที่ใช้ TPU มีประโยชน์เฉพาะด้านคุณสมบัติโดยเฉพาะอย่างยิง่ ในเรื่ องความต้านทานต่อสารเคมี

ส่ วนแข็ง: ไดไอโซไซยาเนต, ไดโอลโซ่ส้ นั (ที่ใช้กนั มากที่สุดคือ 1,4-butanediol และในระดับที่นอ้ ยกว่า, 1,6-hexanediol และ
1,4-dihydroxyethoxybenze) ส่ วนอ่อน: ไดโอลโซ่ยาว (โพลีเอสเตอร์ไฮดรอกซิลและโพลีเอเตอร์
ตัวอย่างของโพลีเอสเตอร์ชนิดทัว่ ไปคือโพลีคาร์บอเนตและโพลีแคปโรแลคโตนไกลคอลและในกรณี ของโพลีเอเตอร์โพลี (ออกซิโพรพิลีน) และโพ
ลี (ออกซิเตตราเมทิลีน) ไกลคอล)

TPUs ประกอบด้วยการสลับส่ วนแข็งและโครงสร้ างส่ วนอ่อน


(ทีม่ า: Thermoplastic Elastomers, แก้ไขโดย Prof. Adel El-Sonbati)


ข้อดีของเทอร์โมพลาสติกยูรีเทนยางน้ารวมถึ ง:

 ความต้านทานการขัดถูที่ดี & ความต้านทานการฉี กขาด


 คุณสมบัติความแข็งที่ดี
 ค่าสัมประสิ ทธิ์ แรงเสี ยดทานต่าํ (ขึ้นอยูก่ บั ความแข็ง)
 ออกซิเจนที่ดีโอโซนและทนต่อสภาพอากาศ

เรี ยนรู้ เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการผลิตเทอร์ โมพลาสติกโพลียรู ี เทน (TPU) คุณสมบัติหลักและประโยชน์ ที่ช่วยให้ อุตสาหกรรมต่ างๆสามารถผลิต
ผลิตภัณฑ์ ล่วงหน้ าได้
เทอร์ โมพลาสติกโคพอลิเอสเตอร์ เอลาสโตเมอร์ (COPE หรือ TEEE หรือ TPE-E)

เทอร์ โมพลาสติกโพลีเอสเตอร์ elastomers (TPEEs)เป็ นชนิดของโคพอลิเมอร์เชิงเส้นบล็อกที่มีส่วนผลึกแข็ง (โพลีโพทิลนี เทเรฟทาเลต,


PBT - เฟสผลึกให้ความแข็งแรง) และส่ วนอสัณฐานอ่อน (โพลีเทตราเมทิลีนออกไซด์ไกลคอล, PTMO - ส่ วนต่อเนื่อง)
ความแข็งแกร่ งขั้วและความเป็ นผลึกของส่ วนแข็ง TPEEs ทําให้พวกเขามีความแข็งแรงที่โดดเด่นและทนต่ออุณหภูมิสูงที่ดีเยีย่ มความต้านทานการ
คืบความต้านทานต่อตัวทําละลายและ

ความต้านทานแรงกระแทก อุณหภูมิการเปลีย่ นสถานะคล้ ายแก้ วต่าและความอิ ่มตัวของโพลีเอทเธอร์ส่วนอ่อนทําให้มีความต้านทานต่ออุณหภูมิต่าํ
และความต้านทานต่อริ้ วรอยได้ดีเยี่ยม มันรวมความยืดหยุน่ ที่ยอดเยีย่ มของยางและความสามารถในกระบวนการผลิตของเทอร์ โมพลาสติก
ในแง่ทวั่ ไปลักษณะสําคัญของวัสดุเหล่านี้
คือ:

 คุณสมบัติแบบไดนามิกที่ยอดเยีย่ มเช่นคืบและอ่อนเพลีย
 ํ นและจาระบีได้ดีทนต่อสารเคมีทวั่ ไปได้ดี
ทนต่อน้ามั
 มีความแข็งแรงที่ดีเยี่ยมในช่วงกว้างของอุณหภูมิ
 ทนความร้อนได้ดีเยีย่ ม (ระยะยาว 165°C)
 คุณสมบัติฉนวนไฟฟ้ าที่ดี
 การดูดซึมความชื้นต่าํ
 มิติความมัน่ คงที่ดีเยีย่ ม

เทอร์ โมพลาสติกโพลีอะไมด์ เอลาสโตเมอร์ (COPA หรือ PEBA หรือ TPE-A)

เทอร์โมพลาสติกโพลีเอลาไมด์ (TPE-A) เป็ นคลาสที่พฒั นาขึ้นใหม่ของตัวพ่นโคพอลิเมอร์บล็อก ประกอบด้วยส่วนที่อ่อนนุ่มของโพลีเอสเตอร์


หรื อโพลีเอเธอร์และโพลีเอไมด์แข็ง โพลีเอไมด์สามารถเช่น polyesteramide (PEA), polyetheresteramide (PEEA), โพลี
คาร์บอเนตเอสเตราไมด์ (PCEA) หรื อโพลีเอเธอร์บล็อกอะไมด์ (PE-b-A) คุณสมบัติของเทอร์ โมพลาสติกโพลีเอลาไมด์ อลิ าสโตเมอร์ข้ ึนอยูก่ บั
ชนิดของบล็อกโพลีเอไมด์ประเภทของบล็อกโพลีเอเธอร์และความยาวและจํานวนบล็อก

คุณสมบัติที่สาํ คัญของ TPE-A ได้แก่ :


 กระบวนการผลิตที่ดี
 ทนต่ออุณหภูมิสูง (สูงสุ ด 170 °c)
 ทนต่อตัวทําละลายได้ดี
 ความเสถียรมิติการคืบคลาน
 ความต้านทานการสึ กหรอ
 ความยืดหยุน่ ของอุณหภูมิตํ่ าที่ดี
 ทนต่อแรงกระแทกและการกูค้ ืนที่ยดื หยุน่
 การยึดเหนี่ยวที่ดีเยีย่ มกับวัสดุวิศวกรรมโพลีเอไมด์

โครงสร้ างของอิลาสโตเมอร์ โพลีเอไมด์เทอร์ โมพลาสติก (


ที่มา: Thermoplastic Elastomers, แก้ไขโดย Prof. Adel El-Sonbati)

อิลาสโตเมอร์เทอร์โมพลาสติกชีวภาพ
เพื่อลดการพึ่งพาทรัพยากรที่ไม่หมุนเวียนเช่นปิ โตรเลียมและบรรลุการพัฒนาอย่างยัง่ ยืนของอุตสาหกรรมวัสดุพอลิเมอร์วสั ดุพอลิเมอร์ชีวภาพเป็ นที่
ชื่นชอบของผูค้ นมากขึ้นเรื่ อย ๆ อิลาสโตเมอร์ เทอร์ โมพลาสติกชีวภาพเป็ นวัสดุเทอร์โมพลาสติกเอลลาสโตเมอร์ประเภทหนึ่งซึ่งเตรี ยมจากโมโนเมอร์
ชีวมวลซึ่งมีทรัพยากรที่ยงั่ ยืนมากเพราะโมโนเมอร์ของพวกเขามาจากสิ่ งมีชีวิตในธรรมชาติ
อิลาสโตเมอร์เทอร์ โมพลาสติกชีวภาพทําโดยใช้วตั ถุดิบชีวภาพหลายชนิดเช่นแป้ งตั้งแต่ 30%-50%, น้ามั ํ นละหัง่ & คาโนลา, โพลีออลจากน้าํ
มันพืช & กรดไขมัน, ข้าวโพด &
ํ นถัว่ เหลือง บางส่วนของความนิยมในเชิงพาณิ ชย์ชีวภาพ- based เกรดทีพีรวมถึง:
น้ามั

 เกรด Pebax ของ Arkema ® Rnew® PEBA ที่ใช้ชีวภาพบางส่วน, ยางทดแทน


 Arnitel ของ DSM® ECO L700 & Arnitel® ECO M700 พร้อมเนื้ อหาทดแทน 22%
 ทีวขี อง ARLANXEO ที่ใช้Keltan® Eco EPDM ที่มีช่วงวัสดุชีวภาพระหว่าง 50% & 70%
 เกรด TPE ของ ® Terraprene ของ FKuR มีเนื้อหาชีวภาพสูงถึง 90%
 HEXPOL's Dryflex® Green TPEs ที่มีปริ มาณหมุนเวียนมากกว่า 90%
 Avient's reSound™ OM ใช้วสั ดุทดแทนทางชีวภาพ 35 ถึง 50%

พื้นที่การใช้งานที่สาํ คัญของ TPEs


TPE เป็ นวัสดุที่มีศกั ยภาพในการพิจารณาที่จาํ เป็ นต้องใช้วสั ดุที่มีลมจ้าหรื อวัสดุที่ยดื หยุน่ สําหรับการใช้งาน TPEs มีขอ้ ได้เปรี ยบเหนือยางเทอร์ โม
เซ็ตทัว่ ไปและเทอร์ โมพลาสติกซึ่งรวมถึงต้นทุนที่ลดลงผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสม่าเสมอ ํ / สูงขึ้นความเป็ นพิษและความปลอดภัยที่ดีข้ึนในขณะที่ยงั คง
ให้ประสิ ทธิภาพที่ตรงกับความต้องการการใช้งาน
ดังที่ได้อธิบายไว้ก่อนหน้านี้มีเทคโนโลยี TPE ที่หลากหลายซึ่งมีคุณสมบัติเชิงกลและประสิ ทธิภาพ
การใช้งานที่หลากหลาย การพัฒนาและการใช้งานของพวกเขาในทุกภาคส่ วนตลาดได้นาํ ไปสู่ แอพพลิเคชัน่ ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วมากมายดังแสดงใน
ตารางด้านล่าง

ตลาด โปรแกรม ประยุกต์

ี สภาพอากาศ, รองเท ้าฝุ่ นชอ


ซล ็ ต, กันชน, ภายนอก & ชน ิ้ สว่ น
ภายใน, ภายนอก & ตกแต่งภายใน, แผงหน ้าปั ด, ท่ออากาศ,
grommets ท่อ, ห่อหุ ้มแก ้ว, สายพานขับ, ท่อแรงดันสูง / ต่าํ , เสอ
ื่
สําหรับสกูตเตอร์มอเตอร์, O-rings
ยานยนต์

ี อัดสําหรับประตูและหน ้าต่างซล
ซล ี ไฮดรอลิกทีเ่ รียบง่ายหรือร่วมขึน
้ รูป
ซลี กระจกซลี ท่อ

การก่อสร้าง

ั่ สะเทือนติด, ท่อขาเข ้าและท่อไอเสย


แอนตี-้ การสน ้ํ กลอง
ี , แมวนา,
ระงับพุม ้ พ, เยือ
่ ไม ้, โชคอั ่ หลังคา

อุตสาหกรรม

้ํ
แมวนาแม่เหล็กสําหรับตู ้เย็น, เครือ
่ งมือไฟฟ้ าจับ, การควบคุมระยะ
ไกลครอบคลุม, โทรศพ ั ท์มอ ื ถือครอบคลุม, ผลักดัน- ปุ่ มแผง, โชค้
อัพป้ องกันสําหรับเครือ ่ งดูดฝุ่ น
ผูบ
้ ริโภค

ท่อหายใจ, หลอดฉีดยาแมวนา้ํ 7 เคล็ดลับ, หน ้ากากระบายอากาศ


และถุง, แมวนา,้ํ วาล์ว, สายสวน

การแพทย์
Sheaths สําหรับคอนเดนเซอร์, ปลั๊กและซอ็ กเก็ตหลวม, สายพิเศษ,
สว่ นประกอบโทรศพ ั ท์มอื ถือ

อิเล็กทรอนิกส ์

รายการสําหรับการดํานา้ํ (ครีบ, ดํานา,


้ํ หน ้ากาก) และเล่นสกี (ทีจ
่ ับ
เสาสกี, รองเท ้าสกี), สนิ ค ้ากีฬา, พืน
้ รองเท ้า
รองเท้า &
อุปกรณ์ก ี
ฬา

ในหลายกรณี ช่วงประสิ ทธิภาพของผลิตภัณฑ์ TPE ที่แตกต่างกันทับซ้อนกันและสามารถทําให้การเลือกเกรดที่เฉพาะเจาะจงเป็ นเรื่ องยาก การกํา


หนดข้อกําหนดการใช้งานสภาพแวดล้อมอุณหภูมิอายุยนื ข้อกําหนดด้านประสิ ทธิภาพเฉพาะเป็ นกุญแจสําคัญในการทราบว่าวัสดุ / ผลิตภัณฑ์ใดที่
สามารถเลือกได้สาํ หรับการใช้งานเฉพาะ

คุณสมบัติและการประมวลผลของ TPEs
คุณสมบัติสูงสุ ดที่ประสบความสําเร็ จในวัสดุ TPE ใด ๆ ถูกควบคุมโดยเคมีลกั ษณะขององค์ประกอบและสัณฐานวิทยา คุณสมบัติเฉพาะจะแตกต่าง
กันไปตามสัดส่ วนสัมพัทธ์ของขั้นตอนที่แข็งและอ่อนนุ่มดังนั้นจึงมีวสั ดุ TPE ที่หลากหลายในแต่ละกลุ่ม TPE
- ความแข็งแรงเชิงกลและโมดูลสั (ความแข็ง)การขัดถูความแข็ง (อาจเป็ นช่วงที่ จํากัด ) ชุดการบีบอัดและความตึงเครี ยดและความต้านทานการฉี ก
ขาดของ TPE เหนืออุณหภูมิหอ้ งและต่ากว่ํ าจุดอ่อนได้รับอิทธิพลอย่างมากจากเฟสแข็ง
ช่ วงความแข็งของเทอร์ โมพลาสติกยาง

ํ ณสมบัติแบบไดนามิกและความต้านทานแรงดึง
ความยืดหยุ่น- เฟสอ่อนยืดหยุน่ สร้างคุณสมบัติเหมือนยางของการยืดตัวดัดประสิ ทธิภาพอุณหภูมิต่าคุ
ในระดับหนึ่งโดยอาศัยการตกผลึกที่เกิดจากความเครี ยดของส่ วนโซ่ คุณสมบัติทางไฟฟ้ า - คุณสมบัติของฉนวนไฟฟ้ าขึ้นอยูก่ บั ระดับของขั้วที่มีอยูใ่ น
TPE

วัสดุ TPE ส่ วนใหญ่จะให้ระดับฉนวนไฟฟ้ า ที่นี่วสั ดุ TPO และ TPV ที่ไม่มีข้วั และ SEBS TPE (ขึ้นอยูก่ บั พอลิเมอร์ และสารเติมแต่งอื่น ๆ )
แสดงคุณสมบัติฉนวนไฟฟ้ าที่ดีต่อที่ดีเยีย่ ม คุณสมบัติทางความร้อน - กุญแจสําคัญในประสิ ทธิภาพของ TPE คือคุณสมบัติทางความร้อนทั้งในแง่
ของประสิ ทธิภาพโดยรวมและความสะดวกในการประมวลผลละลาย

อุณหภูมิการเปลี่ยนสถานะคล้ายแก้ว (Tg) ของเฟสแข็งจะควบคุมประสิ ทธิภาพเชิงกลบางส่ วนที่อุณหภูมิหอ้ งขึ้นไปในขณะที่เฟสอ่อนควบคุม


ประสิ ทธิภาพอุณหภูมิหอ้ งย่อยและจุดเปราะ ประสิ ทธิภาพทางเคมี - ความต้านทานต่อสารเคมีจะถูกกําหนดโดยเคมีของ TPE และสัณฐานวิทยา

วัสดุ TPE อสัณฐาน nonpolar, styrenics มีความต้านทานต่อสารเคมีค่อนข้าง จํากัด กับตัวทําละลายที่หลากหลาย ความเสถียรของรังสี ยวู ี -
ความต้านทานสิ่ งแวดล้อมของประเภท TPE เป็ นข้อพิจารณาที่สาํ คัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งสําหรับการใช้งานกลางแจ้งโดยเฉพาะอย่างยิง่ ในภาคยานยนต์

ทุกตระกูล TPE มีความอ่อนไหวต่อผลกระทบของรังสี ยวู ีพลังงานสู ง

คุณสมบ ัติ SBCs TPO (ที ทีว ี TPUs COPEs PEBAs (พี
ประมาณ 300
(SBCs) พีโอ) ประมาณว่า โอบีเอส)
ต ัว
0.89-
0.9-
ความถ่วงจําเพาะ 0.9-1.1 1.1-1.3 1.1-1.3 1.0-1.2
1.0
1.0
35a-
ความแข็งฝั่ง 3a-60d 60a-75d 60a-85d 90a-72d 60a-75d
50d
ขีด จําก ัด อุณหภูมต ่ํ
ิ า,
-70 -60 -60 -70 -65 -40
°C
ขีดจําก ัดอุณหภูมส ิ ง
ู (ต่อ
120 120 135 120 125 170
), °C
ความต้านทานชุดการบีบ F/G (เอฟ/
F P กรัม F/G (เอฟ/จี) F
อ ัดที่ 100 ° C จี)
F/E (F/E)
ความต้านทานต่อ F/G (เอฟ/
P G/E ประมาณค่า G/E G/E
ของเหลวไฮโดรคาร์บอน จี)
ความ
ความต้านทานต่อ F/G (เอฟ/
G/E G/E G/E F/G (เอฟ/จี) P/G
ของเหลว Aq. จี)
P=ยากจน, f=ยุตธิ รรม, g=ดี, e=ทีด
่ เี ยีย
่ ม

วิธีการประมวลผลของ TPE

TPEs มีความน่าสนใจทางเทคโนโลยีมากเพราะสามารถประมวลผลเป็ นเทอร์โมพลาสติกโดยใช้เครื่ องจักรเทอร์โมพลาสติกทัว่ ไปที่มีอยู่ TPE ถู


กนํามาใช้ในกระบวนการผลิตที่สาํ คัญทั้งหมดเช่นการฉี ดขึ้นรู ปการอัดขึ้นรู ปการขึ้นรู ปการขึ้นรู ปปฏิทินการอัดขึ้นรู ปฟิ ล์มและเทอร์โมฟอร์ม
เมื่อถูกความร้อนเทอร์ โมพลาสติกเอลาสโตเมอร์จะแสดงคุณสมบัติ
การไหลที่ดี พวกเขาแข็งตัวอย่างรวดเร็ วในการระบายความร้อน สิ่ งนี้ช่วยให้สามารถใช้อุปกรณ์ประมวลผลเทอร์ โมพลาสติกที่มีประสิ ทธิภาพสูงใน
ขณะที่ประมวลผลเทอร์โมพลาสติกเอลาสโตเมอร์ ผลิตภัณฑ์เอลาสโทริ กหลายชนิดจึงผลิตขึ้ น นอกจากนี้ TPEs ยังต้องการการทบต้นเพียงเล็ก
น้อยหรื อไม่มีเลยและไม่จาํ เป็ นต้องเพิ่มสารเสริ มแรงโคลงหรื อระบบรักษา
สามารถใช้อุปกรณ์ PVC
ทัว่ ไปได้ แนะนําให้อบแห้งที่อุณหภูมิ 80°C เป็ นเวลา 2 ชัว่ โมง และความชื้นสูงสุ ดที่อนุญาตคือ 0.1%

ฉีด

การฉี ดขึ้นรู ปเป็ นเทคนิคที่ใช้มากที่สุดในกระบวนการ TPE เนื่องจากผลผลิตสูงและเนื่องจากเป็ นกระบวนการที่สะอาดโดยไม่มีการก่อของเสี ย มัน


ถูกใช้ในการใช้งานที่หลากหลายตั้งแต่หลอดหรื อโฟมไปจนถึงบทความสําเร็ จรู ป มันสามารถนําไปใช้กบั ร่ วม- หรื อแทรก- ฉี ดของ ในระหว่างการ
ฉี ดขึ้นรู ป TPEs จะทํางานเป็ นเทอร์โมพลาสติกอื่น ๆ ในนักวิ่งที่ร้อนแรงโดยไม่มีปัญหาใหญ่

 อัตราส่ วนการบีบอัดที่แนะนํา: 2:1 ถึง 3:1


 สกรู L / D ที่แนะนํา: 20-24
 แนะนําให้ใช้อุณหภูมิแม่พิมพ์ 25-50 ° C
 แนะนําให้ใช้อุณหภูมิแม่พิมพ์ 160-200 ° C ขึ้นอยูก่ บั ช่วงความแข็ง
อัด รีด

การอัดขึน้ รู ปของ TPEs เป็ นสิ่ งจําเป็ นในการสร้างโปรไฟล์ที่แตกต่างกันมากมาย การใช้เครื่ องอัดรี ดสกรู เดี่ยวนั้นโดดเด่น แต่มีการใช้เครื่ องอัดรี ดอื่น
ๆ เช่นที่ติดตั้งสกรู สามส่ วนหรื อสกรู ก้ นั การอัดขึ้นรู ปยังนําไปใช้กบั รู ปร่ างอื่น ๆ : โฟมหลอดแผ่น ฯลฯ

 อุณหภูมิหลอมเหลว: 180-190 ° C
 ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจะได้รับจากสกรู L / D ของ 24 และอัตราส่ วนการบีบอัด 2.5:1 ถึง 3.5:1

การพิมพ์ 3 มิติ

วัสดุที่มีคุณสมบัติเหมือนยางหรื อยางใช้กนั อย่างแพร่ หลายสําหรับการใช้งานที่หลากหลายซึ่งจําเป็ นต้องใช้คุณสมบัติยดื หยุน่ ของยาง ตั้งแต่การพิมพ์ 3


มิติดว้ ยยางเป็ นเวลานานไม่ได้คิดว่าเป็ นไปได้ (ยางเป็ นวัสดุเทอร์โมเซต) ผูผ้ ลิตเริ่ มมองหาทางเลือกการพิมพ์ 3 มิติให้กบั ยาง เส้นใย TPE เป็ นวัสดุ
การพิมพ์ 3 มิติที่ยดื หยุ่นซึ่งให้ความรู ้สึกและทําหน้าที่เหมือนยางที่มีความยืดหยุน่

TPE มีหลายประเภทโดยมีเทอร์โมพลาสติกโพลียรู ี เทน (TPU) เป็ นเส้นใยการพิมพ์ 3 มิติที่ใช้กนั มากที่สุดสําหรับ FDM และผงสําหรับใช้ใน
เครื่ อง SLS เส้นใยที่มีความยืดหยุน่ สามารถนํามาใช้เพื่อให้ชิ้นส่ วนที่สามารถโค้งงอหรื อต้องยืดหยุน่ เพื่อให้พอดีกบั สภาพแวดล้อมของพวกเขา: จุก,
เข็มขัด, สปริ ง, กรณี โทรศัพท์, และอื่นๆของ

การพิมพ์ 3 มิติ TPE ด้วย Airwolf 3D HD

ยางเทอร์โมพลาสติกที่มีจาํ หน่ายในเชิงพาณิ ชย์

Thermoplastic Elastomers 101: An Ultimate


Guide
0.5
1
1.5
2
2.5
3
3.5
4
4.5
5

Thermoplastic elastomers (TPEs) are one of


the most versatile plastics in today’s market bridging between the service properties of
elastomers and the processing properties of thermoplastics. The cost effectiveness and
design flexibility enable TPEs to be used in many major end-user markets, including
consumer products, electronics, medical devices, automotive, and much more. Explore this
comprehensive guide and learn everything you need to know about TPEs.

Quick Links to the Detailed Profile:

 »  What are Thermoplastic Elastomers (TPEs)?


 »  Advantages & Disadvantages of TPEs
 »  Classification and Chemistries of TPE Materials
 »  Emergence of Bio-based TPEs
 »  Key Application Areas of Thermoplastic Elastomers
 »  Properties and Processing of TPEs

(Continue reading or click to go on specific section of the page)


By  SpecialChem
 Thermoplastic Elastomer: Key Features, Benefits & Limitations
What are Thermoplastic Elastomers (TPEs)?
TAGS:  Rubber Replacement    

Thermoplastic elastomer (TPE), introduced commercially only in the 1960s,


is a polymer material with the characteristics of thermoset vulcanized
rubber and thermoplastic. TPE exhibits high elasticity of thermoset
vulcanized rubber at room temperature and good processability of
thermoplastic at high temperature.

The principal difference between thermoset elastomers/rubbers and


thermoplastic elastomers is in the type of the crosslinking bond in their
structures. In fact, crosslinking is a critical structural factor which
contributes to imparting high elastic properties. TPEs provide the simplest
way of achieving outstanding properties by simply varying the blend
compositions and the viscosity of the components and compounding
ingredients at a low cost.

A thermoplastic elastomer must fulfill the following three essential characteristics:

 The ability to be stretched to moderate elongations and, upon the removal of


stress, return to something close to its original shape
 Processable as a melt at elevated temperature
 Absence of significant creep

TPE is considered as an efficient and cost-effective alternative for latex, silicone


rubber, and polyvinyl chloride (PVC) compounds. Its rubber like properties have
enabled TPE to replace rubber significantly in several applications. Today, they are used
in many applications, like adhesives, footwear, medical devices, automobile parts,
household goods, etc., where they offer elasticity benefits over a wide
temperature range.

TPE materials have the potential to be recyclable since they can be molded, extruded,
and reused like plastics, but they have the typical elastic properties of rubbers which are
not recyclable owing to their thermosetting characteristics.

Some of the key suppliers of thermoplastic elastomers (TPE) are:

 Teknor Apex – Telcar®, Sarlink®, Monprene®, Medalist®, Flexalloy®


 Kraiburg – THERMOLAST®, HIPEX®, COPEC®
 RTP Company – Nylabond™, Permaprene™, Polabond™
 DSM – Arnitel®, CarboSil®
 Avient (Formerly PolyOne) – Dynaflex™, Bergamid™, Maxxam™,
Edgetek™ (288), LubriOne™
» View All Commercially Available Thermoplastic Elastomer Grades in
Omnexus Plastics Database!

This plastic database is available to all, free of charge. You can filter down your options
by property (mechanical, electrical…), applications, conversion mode and many more
dimensions.

Advantages & Disadvantages of TPEs

Advantages Disadvantages

 Simpler processing,  Melting at elevated


lower energy temperature limits the
consumption & lower use of parts from TPEs
finished part costs due for certain applications
to shorter fabrication  Comparatively higher
times cost than thermoset
 Easily be insert molded rubbers
with olefin materials,  Shear sensitive
such as PP, without use
 Low resistance to
of adhesives
aromatics
 Very good electrical
insulation properties
 Heat and oil resistance
(within a specific
temperature range)
 Low permeability and
colorable
 Can be produced in a
variety of hardness
grades

Rubber vs TPE: When to Select What?

Take this course to gain greater control over your elastomeric part
performance by choosing the right material (rubber vs TPE) in your end
application (tires, seals, gaskets, medical equipments…)
Classification and Chemistries of TPE Materials
After years of development, TPE can be categorized based on various methods, i.e.
based on constituent chemical building blocks, methods of polymerization and
processability. Generally, thermoplastic elastomers can be categorized into the following
classes:

 Thermoplastic Styrenic block copolymers (SBC or TPE-S)


 Thermoplastic elastomer polyolefins (TPO or TPE-O)
 Thermoplastic vulcanizates (TPV or TPE-V) or elastomeric alloys (EA)
 Thermoplastic Polyurethanes Elastomer (TPU or TPE-U)
 Thermoplastic copolyester elastomer (COPE or TEEE or TPE-E)
 Thermoplastic polyether block amides (COPA or PEBA or TPE-A)

Each category has a slight difference in its chemistry and therefore offers different
properties.
Chemistries of Thermoplastic Elastomers (TPE)

The simplest TPE materials are like ABA block copolymers, where:

 A is a hard thermoplastic at room temperature but soften at elevated


temperatures (e.g. polystyrene, polyethylene, or polypropylene)
 B is a soft elastomer (e.g. polydimethylsiloxane, polybutadiene,
polyisoprene or poly (ethylene-propylene))

Thermoplastic Styrenic Block Copolymers (SBC or TPE-S)

Styrenic thermoplastic elastomers are the largest group among TPE materials and
probably the most versatile as they can be produced over a variety of hardness values.
They include distinctly different main types:

 SBS: Styrene-butadiene-styrene block copolymer


 SIS: Styrene-isoprene-styrene block copolymer
 SEBS: Styrene-ethylene-butylene-styrene block copolymer
 SEEPS: Styrene-ethylene-ethylene-butylene-styrene block copolymer
 SEPS: Styrene-ethylene-propylene-styrene block copolymer
 SEPS-V: Styrene-ethylene-propylene-styrene block copolymer, cross-linkable

Styrenic block copolymers are amorphous and opaque polymers. They have


elastomer segments with relatively short lengths so each elastomer may pass through a
few hard domains before it ends. The various advantages of styrenic TPEs include:
 High tensile strength and modulus
 Good miscibility
 Good abrasion resistance
 Good electrical properties
 Large variety in hardness
 High friction coefficient (corresponds to that for NR)
 Colorless & good transparency

Styrenic TPEs Structure


(Source: Thermoplastic Elastomers, Edited by Prof. Adel El-Sonbati)

Thermoplastic Elastomer Polyolefins (TPO or TPE-O)

This is relatively a new class among thermoplastic elastomeric materials as compared to


styrenic block copolymers. They are blends
of polypropylene or polyethylene and ethylene-propylene-diene
rubber and nitrile rubber (NBR) to provide an elastomeric element.

TPO mainly has two kinds of production processes: one is blending compound type, and
the other is reactor type. Blending compound type includes dynamic vulcanization (TPV)
and mechanical blending (CTPO).

Polyolefin block copolymers are amorphous and transparent polymers. Polyolefins


are chemically inert, extremely flexible, nontoxic, very light weight and sterile.

Thermoplastic Vulcanizates (TPV or TPE-V)

TPV is a milestone in the development of elastomeric alloys. TPV is replacing traditional


thermosetting vulcanized rubber in more and more applications, becoming one of the
most promising polymer material varieties. This class of TPE differs fundamentally from
those discussed previously in that they derive their physical and elastomeric qualities
from mechanically combining various thermoplastics with, typically, thermoset rubbers
and not via chain segment structure as in the case of block copolymer TPE.

TPVs mainly include silicone rubber TPV (TPSiV), acrylate rubber TPV (ACM), TPV based
on NR or ENR, polyolefin elastomer (EOC) / PP TPV)

The properties of thermoplastic vulcanizates majorly include:

 Excellent barrier properties


 Small permanent deformation
 Good mechanical properties
 Good properties at low temperatures
 Fatigue durability
 Good liquid and oil resistance

Elastomeric alloys are blends of elastomers and thermoplastics that can be processed using
thermoplastic processing methods.

Thermoplastic Polyurethanes Elastomer (TPU or TPE-U)

TPUs are block copolymers with urethane backbone linkages. One type of block, the
hard segment, is formed by the addition of a chain extender to a diisocyanate. The
other type is the soft segment and consists of long flexible polyether or polyester chains
that interconnect two hard segments. Polyether or polyester based TPU offers specific
property benefits, particularly in regard to chemical resistance.

Hard Segments: Diisocyanates, short chain diols (The most commonly used are 1,4-
butanediol and to a lesser extent, 1,6-hexanediol and 1,4-dihydroxyethoxybenze)

Soft Segment: Long chain diols (the hydroxyl-terminated polyesters and polyethers.


Examples of typical polyester types are the polycarbonate and polycaprolactone glycols
and in the case of the polyethers, poly (oxypropylene) and poly (oxytetramethylene)
glycol)
TPUs composed of alternating hard segment and soft segment structures
(Source: Thermoplastic Elastomers, Edited by Prof. Adel El-Sonbati)

Advantages of thermoplastic urethane elastomers include:

 Good abrasion resistance & tear strength


 Good stiffness properties
 Low friction coefficient (depends on hardness)
 Good oxygen, ozone, and weather resistance

Learn more about how Thermoplastic Polyurethane (TPU) is produced, its main
properties and benefits which enable various industries to produce advance products.

Thermoplastic Copolyester Elastomer (COPE or TEEE or TPE-E)

Thermoplastic polyester elastomers (TPEEs) are a type of block linear copolymers


containing a hard-crystalline segment (polybutylene terephthalate, PBT - crystalline
phase, providing strength) and a soft amorphous segment (polytetramethylene oxide
glycol, PTMO - continuous segment).

The rigidity, polarity and crystallinity of the TPEEs hard segment make them have
outstanding strength and excellent high temperature resistance, creep resistance,
solvent resistance and impact resistance. The low glass transition temperature and
saturation of the soft segment polyether make it have excellent low temperature
resistance and aging resistance. It combines the excellent elasticity of rubber and the
processability of thermoplastics.
In more general terms, the key characteristics of these materials are:

 Excellent dynamic properties, for example creep and fatigue


 Exceptional resistance to oils and greases, good general resistance to
chemicals
 Excellent strength over a wide range of temperatures
 Excellent heat resistance (long term 165°C)
 Good electrical insulation properties
 Low moisture absorption
 Excellent dimensional stability

Thermoplastic Polyamide Elastomer (COPA or PEBA or TPE-A)

Thermoplastic polyamide elastomer (TPE-A) is a newly developed class of alternating


block copolymer elastomers. It consists of soft segments of polyesters or polyethers and
a rigid block of polyamide. The polyamide can be for example polyesteramide (PEA),
polyetheresteramide (PEEA), polycarbonate-esteramide (PCEA) or polyether-block-amide
(PE-b-A).

The properties of thermoplastic polyamide elastomers depend strongly on the type


of polyamide block, the type of polyether block and the length and number of blocks.
The key properties of TPE-A include:

 Good processability
 High temperature resistance (up to 170°c)
 Good solvent resistance
 Creep dimensional stability
 Wear resistance
 Good low temperature flexibility
 Impact resistance and elastic recovery
 Excellent bonding to polyamide engineering materials
The structure of thermoplastic polyamide elastomers.
(Source: Thermoplastic Elastomers, Edited by Prof. Adel El-Sonbati)

Bio-based Thermoplastic Elastomers


To reduce dependence on non-renewable resources such as petroleum and achieve
sustainable development of the polymer materials industry, bio-based polymer materials
are favored by more and more people. Bio-based thermoplastic elastomers are a
type of thermoplastic elastomer materials prepared from biomass monomers, whose
resources are very sustainable because their monomers are derived from organisms in
nature.

The bio-based thermoplastic elastomers are made using several bio-based raw
materials, such as starch ranging from 30%–50%, castor & canola oil, polyols from
vegetable oils & fatty acids, corn & soybean oil. Some of the popular commercial bio-
based TPE grades include:

 Arkema's Pebax® Rnew® PEBA grades that are partially bio based,


renewable elastomers
 DSM's Arnitel® ECO L700 & Arnitel® ECO M700 with 22% renewable
content
 ARLANXEO's TPVs based on Keltan® Eco EPDM with bio-based material
range between 50% & 70%
 FKuR's Terraprene® TPE grades having up to 90% bio-based content
 HEXPOL's Dryflex® Green TPEs with renewable content to over 90%
 Avient's reSound™ OM grade utilizing utilize 35 to 50% bio-renewable
content

Key Application Areas of TPEs


A TPE is a potential material for consideration where an elastomeric or flexible material
is needed for the application. The TPEs have advantages over conventional thermoset
rubbers and plasticized thermoplastics, which include reduced costs, more consistent /
higher quality products, improved toxicity and safety while still giving performance that
matches the application requirements.

As previously described, a variety of TPE technologies are available that offer a wide
range of mechanical properties and end-use performance. Their development and use in
all market sectors have led to a very wide range of proven applications as shown in the
table below.

Markets Applications

Weather seals, shock dust boots, bumpers, exterior & interior


parts, exterior & interior trims, instrument panels, air ducts,
pipe grommets, glass encapsulation, drive belts, high/low
pressure pipes, mats for motor scooters, O-rings
Automotive

Extruded seals for doors and windows, simple or co-molded


hydraulic seals, glazing seals, pipe seals

Construction

Anti-vibration mounts, inlet pipes and exhaust manifolds,


seals, drum suspension bushes, shock absorbers, roof
membranes
Industrial

Magnetic seals for refrigerators, power tools handles, remote


control covers, mobile phone covers, push-button panels,
shock absorbing protections for vacuum cleaners
Consumer

Breathing tubes, syringe seals 7 tips, ventilation masks and


bags, seals, valves, catheters

Medical
Sheaths for condensers, plugs and loose sockets, specialty
cables, mobile phone components

Electronics

Items for diving (flippers, snorkels, masks) and skiing (ski


pole handles, ski boots), sports goods, shoe soles
Footwear & Sporting
Goods

In many cases, the performance range of different TPE products overlap and can make
specific grade selection difficult. Defining the end-use requirements, environment,
temperature, longevity, specific performance requirements is key to knowing which
material/product can be selected for a specific end-use application.

Properties and Processing of TPEs


The ultimate properties achieved in any TPE material are governed by the chemistry,
nature of the constituents, and its morphology. A specific property will vary with the
relative proportions of hard and soft phases, so a range of TPE materials are available
within each TPE group.

Mechanical Properties - The mechanical strength and modulus (stiffness),


abrasion, hardness (can be a limited range), compression and tension set, and tear
resistance of the TPE above room temperature and below the softening point are
significantly influenced by the hard phase.
Hardness Range of Thermoplastic Elastomers

Flexibility - The elastic soft phase generates the rubber-like properties of elongation,
flexure, low-temperature performance, dynamic properties, and to some extent tensile
strength by virtue of strain-induced crystallization of chain segments.

Electrical Properties - Electrical insulation properties are dependent on the level of


polarity present in the TPE. Most TPE materials will give a level of electrical insulation.
Here, the essentially nonpolar olefinic TPO and TPV materials and SEBS TPE (dependent
on other compounded polymer and additives) display good to excellent electrical
insulation properties.

Thermal Properties - Key to the performance of TPE is its thermal properties both in
terms of its overall performance and ease of melt processing. The glass transition
temperature (Tg) of the hard phase governs in part the mechanical performance at
room temperature and above, while the soft phase controls the subroom temperature
performance and brittle point.

Chemical Performance - Chemical resistance is determined by the chemistry of the


TPE and its morphology. Nonpolar amorphous TPE materials, styrenics, have somewhat
limited chemical resistance to a broad range of solvents.
UV Stability - The environmental resistance of TPE types is a key consideration
especially for outdoor applications, particularly in the automotive sector. All the TPE
family are susceptible to a greater or lesser extent to the effects of high-energy UV
radiation.

 Properties SBCs TPOs TPVs TPUs COPEs PEBAs


0.89-
Specific Gravity 0.9-1.1 0.9-1.0 1.1-1.3 1.1-1.3 1.0-1.2
1.0
3A- 60A- 35A- 60A- 90A- 60A-
Shore Hardness
60D 75D 50D 85D 72D 75D
Low Temp. Limit, °C -70 -60 -60 -70 -65 -40
High Temp. Limit (Cont.), °C 120 120 135 120 125 170
Compression Set Resistance at
F P G F/G F F/G
100°C
Resistance to Hydrocarbon Fluids F/G P G/E F/E G/E G/E
Resistance to Aq. Fluids G/E G/E G/E F/G P/G F/G
P=Poor, F=Fair, G=Good, E=Excellent

Processing Methods of TPE

TPEs are technologically very attractive because they can be processed as


thermoplastics using existing conventional thermoplastic machinery. TPE is utilized in all
the major fabrication processes, for example, injection molding, extrusion, blow
molding, calendaring, film extrusion, and thermoforming.

When heated, thermoplastic elastomer shows good flow properties. They solidify rapidly
on cooling. This allows for the use of a highly productive thermoplastic processing
equipment while processing thermoplastic elastomer. Several elastomeric products are
hence produced. TPEs also require little or no compounding and do not require the
addition of reinforcing agents, stabilizers, or cure systems.

A typical PVC equipment can be used. Drying at 80°C for 2 hours is recommended and
maximum permissible moisture is 0.1%.

Injection Molding

Injection molding is by far the most used technique in TPE processing due to its high
productivity and because it is a clean process with no waste formation. It is used in a
great variety of applications ranging from tubes or foams to finished articles; it can be
applied to the co- or insert-injection. During injection molding, TPEs behave as the other
thermoplastics in hot runner without major problems.

 Recommended compression ratio: 2:1 to 3:1


 Recommended screw L/D: 20-24
 A mold temperature of 25-50°C is recommended
 A mold temperature of 160-200°C is recommended, depending on hardness
range

Extrusion

The extrusion of TPEs is essential in the shaping of many different profiles. The use of
single-screw extruders is predominant, but some other extruders are used, such as
those equipped with three-section or barrier screws. Extrusion is also applied to other
shapes: foams, tubes, sheets, etc.

 Melt temperature: 180-190°C


 Best results are obtained with screw L/D of 24 and compression ratio of 2.5:1
to 3.5:1

3D Printing

Materials with rubber-like properties or rubber are widely used for a great range of
applications where the elastic properties of rubber are required. Since 3D printing with
rubber was long not thought possible (rubber is a thermoset material), manufacturers
started looking for a 3D printing alternative to rubber.

TPE filament is a flexible 3D printing material that feels and acts much like flexible
rubber. There are several types of TPE, with Thermoplastic polyurethane (TPU) being
the most commonly used among 3D printing filaments for FDM and powder for use in
SLS machines. Flexible filaments can be used to make parts that can bend or must flex
to fit their environment: stoppers, belts, springs, phone cases, and more.

3D Printing TPE with the Airwolf 3D HD


Commercially Available Thermoplastic Elastomers

A Complete Guide on Silicone Rubber – Know More

A Complete Guide on Styrene Butadiene Rubber (SBR) – Discover Here

Explore the Latest News About TPEs/TPVs

Spotlight

Minimize EV battery safety risks


Learn about materials ideal for thermal management systems
Read More

Minimize EV battery safety risks


Learn about materials ideal for thermal management systems
Read More

Minimize EV battery safety risks


Learn about materials ideal for thermal management systems
Read More 1

1 Comments on "Thermoplastic Elastomers 101: An Ultimate Guide"


กระบวนการผลิต : การหลอมอัดรี ด (EXTRUSION)
กระบวนการหลอมอัดรี ด (Extrusion)

ประวัติความเป็ นมา เริ่ มมาจากคําว่า “Extruder” มีรากศัพท์มาจากภาษาละตินระหว่างคําว่า “Ex” ซึ่งมีความหมายว่า ออก


(Out) กับคําว่า “Trudere”  ซึ่ งมีความหมายว่า ผลัก (To Push , To Thrust Out) จากชื่อของลักษณะ
กระบวนการที่แปลว่า “ผลักออก” นี้จึงกลายมาเป็ นชื่อกระบวนการผลิตด้วยวิธีการแบบนี้ วา่ “Extrusion”

เครื่ องอัดรี ด (Extruder) หมายถึงเครื่ องมือที่ใช้ในการอัดรี ดวัสดุหลากหลายประเภทด้วยความดันที่เพียงพอไปสู ่ อุปกรณ์ที่อยู่


ปลายทางเปิ ด (Discharge Opening) ที่ซ่ ึ งจะทําให้วสั ดุเกิดเป็ นรู ปร่ าง ตามที่ตอ้ งการ ชิ้นส่ วนหรื ออุปกรณ์ที่เป็ นปลาย
เปิ ดหรื อทางออกของวัสดุในการก่อตัวเป็ นรู ปร่ างนั้น เรี ยกว่า หัวอัดรี ด (Die) นอกเหนือจากการใช้เครื่ องอัดรี ดในการขึ้นรู ป
พลาสติกหรื อยางแล้ว เครื่ องอัดรี ดยังสามารถใช้ข้ึ นรู ปวัสดุอื่นๆได้อีกหลายประเภท เช่น ดิน (Clay) เซรามิกซ์ (Ceramics)
อาหาร (Food) โลหะ (Metal) เครื่ องอัดรี ดจัดเป็ นเครื่ องมือขึ้นรู ปชิ้นงานที่ใช้งานกันมากที่สุดประเภทหนึ่งในภาค
อุตสาหกรรม หน้าที่หลักที่สาํ คัญอย่างหนึ่งของเครื่ องอัดรี ด คือ การทําให้เกิดความดันที่เพียงพอต่อการอัดรี ดผ่านหัวอัดรี ด โดยที่
ความดันนี้จะขึ้นกับโครงสร้างของหัวอัดรี ด (Die geometry) สมบัติการไหลของวัสดุ (Flow properties) และ
อัตราการไหล (Flow rate)
ชนิดของเครื่ องอัดรี ด
การจําแนกชนิดของเครื่ องอัดรี ดที่ใช้โดยทัว่ ไปสามารถจําแนกตามลักษณะการทํางาน (Mode of Operation) ได้แก่
1. เครื่ องอัดรี ดแบบต่อเนื่อง (Continuous)
สําหรับในแบบต่อเนื่อง เครื่ องมือจะประกอบด้วยชิ้นส่ วนที่มีการหมุน (Rotating member) ซึ่งจะสามารถแยกได้เป็ น 2
ประเภท ได้แก่ เครื่ องอัดรี ดที่ใช้สกรู (Screw) และเครื่ องอัดรี ดที่ใช้ดิสค์ (Disc) หรื อดรัม (Drum)
2. เครื่ องอัดรี ดแบบไม่ต่อเนื่อง (Discontinuous)
ส่ วนในแบบไม่ต่อเนื่อง เครื่ องมือจะประกอบด้วยชิ้นส่ วนที่มีการทํางานซ้ำไปซ้ำมา (Reciprocating member) โดย
ทัว่ ไปจะใช้แรม (Ram) เป็ นอุปกรณ์ที่เคลื่อนที่ไปมาและจะมีการส่ งพอลิเมอร์ในลักษณะที่เป็ นจังหวะซ้ำๆ (Intermittent)
เครื่ องอัดรี ดต่อเนื่องแบบใช้สกรู (Screw Extruder)
เครื่ องอัดรี ดแบบสกรู จะใช้สกรู ในการหมุนเพื่อส่ งผานพอลิเมอร์หลอมด้วยความดันที่เพียงพอไปยังหัวอัดรี ด (Die) เครื่ องอัดรี ด
แบบสกรู ที่ใช้โดยทัว่ ไป นอกจากจะทําหน้าที่ในการอัดรี ดพอลิเมอร์ออกไปยังหัวอัดรี ดแล้ว จะยังมีหน้าที่ในการช่วยให้พอลิเมอร์
หลอมเป็ นเนื้ อเดียวกันด้วยการหมุนของสกรู ทาํ ให้เกิดแรงเฉือน แล้วเกิดความร้อนจากการเฉือนทําให้พอลิเมอร์หลอม โดยเครื่ องอัด
รี ดแบบสกรู สามารถจําแนก ได้ตามจำนวนสกรู ในเครื่ อง ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็ น
1.เครื่ องอัดรี ดแบบสกรู เดี่ยว (Single Screw Extruder) ซึ่งจะมีจาํ นวนสกรู 1 อัน
โดยเครื่ องอัดรี ดแบบสกรู เดี่ยว (Single screw extruder) มีองค์ประกอบสำคัญที่ใช้ในกระบวนการอัดรี ดดังนี้
 ส่ วนป้ อนส่ งสาร (Feeding Section) ในบริ เวณนี้สกรู จะมีสนั สกรู (Flight) ที่มีความลึกมากที่สุดเมื่อเทียบ
กับส่ วนอื่นๆ และวัตถุดิบในบริ เวณนี้ ส่วนใหญ่จะยังคงอยูในสถานะของแข็งในตอนที่เริ่ มเข้าสู่ กระบวนการการอัดรี ด
 ส่ วนกดอัด (Compression or Transition Section) สันสกรู ในบริ เวณนี้ จะมีความลึกลดลงเป็ นเส้น
ตรงจากส่ วนป้ อนส่ งสารไปจนถึงส่ วนส่ งรี ดวัสดุในบริ เวณนี้ จะถูกเปลี่ยนจากสถานะของแข็งไปเป็ นพอลิเมอร์หลอมเหลว
 ส่ วนส่ งรี ด (Metering Section) ในบริ เวณนี้ สันสกรู จะมีความตื้นมากที่สุดเมื่อเทียบกับส่ วนอื่นๆ พอลิเมอร์
หลอมเหลวจากส่ วนกดอัดจะถูกลําเลียงมาที่บริ เวณนี้ เพื่อส่ งเข้าหัวอัดรี ดเป็ นชิ้นงานต่อไป

2.เครื่ องอัดรี ดแบบหลายสกรู (Multi Screw Extruder) ซึ่งจะมีจาํ นวนสกรู มากกว่า 1 อัน
เครื่ องอัดรี ดที่มีจาํ นวนสกรู มากกว่าหรื อเท่ากับสอง เครื่ องอัดรี ดที่จดั อยูใ่ นประเภทนี้เป็ นนิยมและแพร่ หลายมากที่สุดคือเครื่ องอัดรี ด
ที่มีจาํ นวนสกรู เท่ากับ 2 ที่เรี ยกว่า เครื่ องอัดรี ดแบบสกรู คู่ (Twin Screw Extruder) ซึ่งสามารถจําแนกได้เป็ น

 ทิศทางการหมุนของสกรู (direction of screw rotation) แบ่งได้เป็ นสกรู ท้ งั สองหมุนทางเดียวกัน


(corotating) และสกรู ท้ งั สองหมุนสวนทางกัน (counterrotating)

 ระดับการซ้อนเหลื่อมของสันสกรู (degree of meshing) แบ่งได้เป็ น สันสกรู ท้ งั สองไม่ซอ้ นเหลื่อมกัน


(nonintermeshing) และสันสกรู ท้ งั สองซ้อนเหลื่อมกัน (intermeshing) ซึ่งจะแบ่งได้อีกเป็ น ซ้อน
เหลื่อมกันบางส่ วน (partially intermeshing) และ ซ้อนเหลื่อมกันสมบูรณ์ (fully intermeshing)

การเปรี ยบเทียบผลของความเร็วรอบสกรู และความดันที่หวั อัดรี ดต่ออัตราการผลิตและอุณหภูมิการหลอมระหว่างเครื่ อง


หลอมอัดรี ดแบบสกรู คู่และเครื่ องอัดรี ดแบบสกรู เดี่ยว

เครื่ องอัดรี ดยางและการอัดรี ดยาง (Rubber Extrusion)


เครื่ องอัดรี ดยางเป็ นเครื่ องอัดรี ดที่ใช้กนั มาเป็ นศตวรรษแล้ว โดยเครื่ องอัดรี ดยางเครื่ องแรก เป็ นเครื่ องอัดรี ดยางแบบการป้ อนส่ งร้อน
(Hot Feed) คือการป้ อนวัสดุที่ยงั อุ่นอยูจ่ ากเครื่ องบดหรื อเครื่ องผสม จนกระทัง่ ในปี ค.ศ. 1950 จึงได้เริ่ มมีการใช้เครื่ อง
อัดรี ดยางแบบการป้ อนส่ งเย็น (Cold Feed) ยางที่ใช้ในการขึ้นรู ปโดยปกติจะเป็ นยางคอมปาวด์ (Rubber
Compound) ซึ่ งประกอบด้วย ยาง และสารที่ทำให้ยางเกิดการคงรู ป (Cure, Crosslink) รวมถึง สารตัวเติมและสาร
เสริ มแรงต่างๆ การขึ้นรู ปยางจะคล้ายกับการขึ้นรู ปเทอร์ โมเซต ซึ่งโดยความเป็ นจริ งยางก็จดั เป็ นเทอร์ โมเซตชนิดหนึ่ง คือ ยางจะแข็ง
ตัวเมื่อได้รับความร้อนเกินอุณหภูมิการคงรู ป (Curing Temperature, Vulcanization Temperature)
เนื่องจากยางจะเกิดปฏิกิริยาวัลคาไนเซชัน(Vulcanization) ทําให้เกิดโครงสร้างแบบร่ างแห ดังนั้น ในการออกแบบเครื่ อง
อัดรี ดยางหรื อเทอร์โมเซตจะต้องระวังไม่ให้ยางได้รับความร้อนเกินอุณหภูมิการคงรู ปภายในสกรู มิฉะนั้นยางจะแข็งตัวภายในสกรู
และไม่สามารถขึ้นรู ปต่อไปได้

ความแตกต่างระหว่างการหลอมอัดรี ดยางและการหลอมอัดรี ดเทอร์ โมพลาสติก  มีดงั นี้


1. ความยาวของเครื่ องอัดรี ด
2. ระบบการให้ความร้อนและการหล่อเย็น
3. บริ เวณส่ วนป้ อนส่ งสาร
4. การออกแบบสกรู
ในด้านของความยาวของเครื่ องอัดรี ด เครื่ องอัดรี ดยางจะมีความยาวน้อยกว่าของเครื่ องอัดรี ดเทอร์ โมพลาสติก เนื่องมาจากยางมีความ
หนืดสู งทําให้เมื่อยางถูกเฉือนในสกรู จะมีความร้อนเกิดขึ้นสูง การลดความยาวของสกรู จะช่วยรักษาอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นให้อยูในขอบ
เขตจํากัดไม่ทาํ ให้ยางเกิดการคงรู ปในสกรู นอกจากนั้นความยาวของเครื่ องอัดรี ด ยังขึ้นอยูก่ บั อุณหภูมิการป้ อนส่ งสารว่าเป็ นแบบใด
ถ้าเป็ นแบบร้อน คือ การใช้ยางเริ่ มต้นที่ยงั อุ่นอยู่ จากเครื่ องบดหรื อผสม หรื อถ้าเป็ นการป้ อนส่ งสารแบบเย็น ความแตกต่างระหว่าง
L/D ของสกรู จะเป็ นดังนี้ ถ้าเป็ นแบบร้อน L/D จะมีค่าประมาณ 5 และ ถ้าเป็ นแบบเย็น L/D จะมีค่าประมาณ 15-20 และ
พลังงานที่ตอ้ งการสําหรับยางจะต่ำส่ วนหนึ่งเนื่องมาจากยางมักถูกอัดรี ดที่อุณหภูมิค่อนข้างต่ำ (20-120°C) สกรู ของยางโดย
มากมักจะมีความลึกที่คงที่ และมีระยะทางระหวางสันสกรู (Pitch) ที่ลดลงไม่คงที่ (Variable Decreasing Pitch
= VDP) รวมทั้งจะมีช่องสกรู ที่ใหญ่กว่าของพลาสติก เพื่อลดการเฉือนยางลงซึ่งนําไปสู่ การลดความร้อนจากส่ วนหนืด
(Viscous Heat Generation) ที่เกิดขึ้น

เครื่ องอัดรี ดต่อเนื่องแบบไม่ใช้สกรู (Screwless Extruder)


แม้วา่ การอักรี ดโดยใช้สกรู แบบต่อเนื่องจะเป็ นที่นิยม แต่กย็ งั มีเครื่ องอัดรี ดอีกจํานวนหนึ่งซึ่งไม่ได้ใช้สกรู ในการลําเลียงวัสดุแต่ยงั จัด
อยู่ ในประเภทของเครื่ องอัดรี ดแบบต่อเนื่อง ซึ่ งบางครั้ง เครื่ องอัดรี ดเหล่านี้อาจถูกเรี ยกว่า เครื่ องอัดรี ดแบบไม่มีสกรู
(Screwless Extruder) เครื่ องมือเหล่านี้ใช้ ดิสค์ (Disk) หรื อ ดรัม (Drum) ในการอัดรี ดวัสดุโดยการใช้กลไก
การลําเลียงสาร (Donveying Mechanism)
1. Stepped Disk Extruder
หลักการสําคัญของเครื่ องนี้ คือ Stepped Disk ซึ่งอยูใ่ นตําแหน่งที่ห่างจาก Flat Disk เป็ นระยะทางเล็กน้อย เมื่อดิสค์
แผนหนึ่งหมุนโดยมีพอลิเมอร์หลอมอยูใ่ นช่องวางตามแนวแกน (Axial Gap) จะเกิดความดันที่เพิ่มขึ้น (Pressure
Build-Up) ที่ทรานสิ ชนั่ ของช่องว่างอันหนึ่งไปยังช่องว่างอีกอันหนึ่งที่มีขนาดเล็กกว่า แต่ขอ้ เสี ยของ Stepped Disk
Extruder คือ เครื่ องจะยากต่อการทําความสะอาด เนื่องจากลักษณะ การออกแบบที่ซบั ซ้อนของช่องทางการไหลใน
Stepped Disk

2. Drum Extruder
การหลอมอัดรี ดโดยวิธีน้ ี น้ ีวตั ถุดิบจะถูกใส่ จากกรวยเติมสารลงไปยังช่องวางระหว่างโรเตอร์ (Rotor) กับกระบอกหุม้ สกรู โดย
การหมุนของโรเตอร์วสั ดุจะถูกพาไปรอบๆ ในแนวเส้นรอบวงของกระบอกหุม้ สกรู ซึ่งก่อนที่วสั ดุจะถึงกรวยเติมสารเล็กน้อยมันจะ
ชนเข้ากับ Wiper Bar ซึ่ ง Wiper Bar นี้จะทำหน้าที่กวาดเอาพอลิเมอร์หลอมเหลวจากโรเตอร์และเบี่ยงเบนทิศทางการ
ไหลของพอลิเมอร์ไปยังช่องที่จะนําไปสู่ หวั อัดรี ด

3. Diskpack Extruder
การหลอมอัดรี ดโดยวิธีน้ ี น้ ีวตั ถุดิบจะถูกใส่ ลงในช่องตามแนวแกนระหว่างดิสค์ซ่ ึงติดอยูก่ บั แกนที่หมุนได้ วัสดุจะหมุนไปด้วยกับ
ดิสค์จนเกือบครบรอบแล้วจะพบกับ Channel Block ซึ่งจะปิ ดช่องระหว่างดิสค์และเบี่ยงเบนทิศทางการไหลของพอลิเมอร์
ไปยังช่องทางออก (Outlet Channel) หรื อไปยัง Transfer Channel ในกระบอกหุม้ สกรู รู ปร่ างของดิสค์
สามารถถูกออกแบบตามหน้าที่ในการทํางาน เช่น การลําเลียงของแข็ง การ หลอม การระบายไอ การลําเลียงพอลิเมอร์หลอม และการ
ผสม โดย Diskpack Extruder รวมเอาลักษณะของ Drum Extruder และ เครื่ องอัดรี ดแบบสกรู เดี่ยวมาใช้ โดยที่
Dispack Extruder คล้ายกับเครื่ องอัดรี ดแบบสกรู เดี่ยวที่ประกอบด้วยสกรู ที่มี Helix Angle เป็ น 0 และมีสนั สกรู ที่
ลึกมาก การขนส่ งวัสดุไปข้างหน้า (Forward Axial Transport) เกิดขึ้นได้โดย Transport Channel ใน
กระบอกหุม้ สกรู เท่านั้น โดยที่วสั ดุถูกบังคับให้เข้าไปใน Channel นั้น โดย Restrictor Bars (Channel
Block) ซึ่ งคล้ายกับที่เกิดขึ้นใน Drum Extruder การใช้ Restrictor Bars และ Transfer Channel นี้
ทําให้มีลกั ษณะซับซ้อนกว่ากระบอกหุม้ สกรู ของเครื่ องอัดรี ดแบบสกรู เดี่ยว

4. The Elastic Melt Extruder


เครื่ องหลอมอัดรี ด Elastic Melt Extruder ถูกพัฒนาขึ้นในราวปลาย ค.ศ.1950 โดย แมกซ์เวลและสคาโลรา โดยใช้
หลักการพื้นฐานของคุณสมบัติที่เป็ นวิสโคอีลาสติกหรื อที่เรี ยกว่า สมบัติหยุน่ หนืดของพอลิเมอร์โดยเฉพาะส่ วนที่เป็ น อิลาสติก หรื อ
ส่ วนยืดหยุน่ ประเภทหยุน่ หนืดได้รับแรงเฉือน (Shearing) จะเกิดความเค้นฉาก (Normal Stress) ขึ้น ซึ่งไม่เท่ากัน
ในทุกทาง ต่างจากของไหลหนืด (Viscous Fluid) โดยทัว่ ไป ความเค้นฉากนี้ เป็ นตัวการทําให้เกิดการปั๊ มวัสดุข้ ึน
(Pumping Action) โดย Elastic Melt Extruder เป็ นเครื่ องอัดรี ดประเภทเดียวที่ใช้ประโยชน์จากสมบัติหยุน่
หนืดของพอลิเมอร์หลอมในการนำพาพอลิเมอร์หลอมให้เคลื่อนที่ไปเพื่อทำการอัดรี ดชิ้นงานออกมา

เครื่ องอัดรี ดแบบไม่ต่อเนื่อง (Discontinuous Extruder)


1. Ram Extruder
โดยที่ Ram หรื อ Plunger Extruder มีลกั ษณะรู ปร่ างที่เรี ยบง่าย แข็งแรงทนทานและ มีลกั ษณะการทํางานแบบไม่ต่อ
เนื่อง Ram Extruder จัดเป็ นเครื่ องมือประเภท Positive Displacement Device ซึ่งจะสามารถทําให้เกิด
ความดันที่สูงมาก ในเครื่ องมือการขึ้นรู ปสมัยแรกมักจะประกอบด้วย Ram Extruder สําหรับใช้ในการส่ งพอลิเมอร์หลอม
เข้าไปในแม่พิมพ์ ในปัจจุบนั Ram Extruder ถูกใช้ในงานที่ตอ้ งการขนาดของผลิตภัณฑ์ที่ค่อนข้างเล็กและการใช้งานพิเศษ
ที่ตอ้ งการลักษณะของ Positive Displacement และ ความสามารถในการทําให้เกิดความดันที่ดี Ram
Extruder สามารถแบ่งได้เป็ น 2 แบบ ดังนี้

 Single Ram Extruder


Single Ram Extruder จะใช้ในงานอัดรี ดพวกพอลิเมอร์ ที่ข้ ึนรู ปยาก เช่น พอลีเอทธีลีนที่มีน ้ำหนักโมเลกุลสูง
(Ultrahigh Molecular Weight Polyethylene; UHMWPE) หรื อ พอลีเตตระฟลูออโรเอ
ทธี ลีน (PTFE) โดยวิธีการ Solid State Extrusion เป็ นเทคนิคการอัดรี ดที่เริ่ มได้รับความนิยมโดยที่พอลิ
เมอร์ จะถูกบังคับให้เข้าไปในหัวฉีดซึ่ งมีอุณหภูมิต ่ำกว่าจุดหลอมเหลวซึ่งทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรู ปร่ างของพอลิเมอร์
ในหัวฉีดแต่เนื่องจากพอลิเมอร์ยงั อยูใ่ นสถานะของแข็งดังนั้นจึงมีการเกิดการเรี ยงตัวของโมเลกุลที่มีประสิ ทธิภาพมากกว่า
ที่เกิดขึ้นใน Melt Processing ทัว่ ไป เป็ นผลให้ได้สมบัติทางกลที่ดีเยีย่ ม วิธีการของ Solid State
Extrusion สามารถแบ่งได้เป็ น 2 วิธี คือ Direct Solid State Extrusion และ Hydrostatic
Extrusion
ใน Direct Solid State Extrusion นั้น Preformed Solid Rod ของวัสดุ (Billet) จะ
สัมผัสโดยตรงกับ Plunger และผนังของหัวอัดรี ด วัสดุจะถูกอัดรี ดเมื่อ Ram ถูกผลักสู่ หวั อัดรี ดจนเกิดเป็ นชิ้นงาน

ใน Hydrostatic Extrusion ความดันที่จะต้องใช้ในการอัดรี ดจะถูกถ่ายทอดจาก Plunger ไปยัง Billet


โดยผ่านทางสารหล่อลื่น ซึ่ งโดยทัว่ ไปจะใช้ Castor Oil โดย Billet จะต้องมีรูปร่ างที่พอดีกบั หัวอัดรี ดเพื่อ
ป้ องกันการสูญเสี ยของไหล แต่อย่างไรก็ตาม Hydrostatic Fluid จะลดแรงเสี ยดทาน ดังนั้นจึงเป็ นผลให้ความ
ดันในการอัดรี ดลดลงด้วยเช่นกัน
 Multi Ram Extruder
Multi Ram Extruder เกิดขึ้นมาเนื่องจากข้อเสี ยของ Single Ram Extruder คือ เป็ นการทํางาน
แบบไม่ต่อเนื่อง ดังนั้น จึงได้มีความพยายามในการออกแบบ Multi-Ram Extruder เพื่อให้ทาํ งานในลักษณะ
เกือบต่อเนื่องหรื อต่อเนื่องได้ เช่น การอัดรี ดในเครื่ องอัดรี ดรู ปตัว V ตามรู ป ซึ่ง Ram ทั้ง 2 ตัวจะปล่อยเข้าไปใน
กระบอกหุม้ สกรู ซ่ ึ งแกนหลอมหมุนอยู่ ดังนั้น การลําเลียงของแข็งจะเกิดขึ้นในกระบอกสู บ 2 ตัวที่แยกกันแล้วถึงมา
บรรจบกันเป็ นจังหวะสลับกันไป หลังจากนั้นการหลอมกับการลําเลียงพอลิเมอร์หลอมเหลวจะเกิดในบริ เวณวงแหวน
ระหว่างกระบอกหุม้ สกรู กบั แกนหลอมต่อไป ทำให้ได้เนื้อชิ้นงานออกมาค่อข้างต่อเนื่อง แต่ขอ้ เสี ยของวิธีน้ ี คือ ความ
สม่ำเสมอของอัตราการผลิตไม่ค่อยดีนกั เนื่องจากปัจจัยที่อาจทำให้เกิดความแตกต่างของวัตถุดิบที่มาจากทั้งสองกระบอก

เพิม่ เติม : วัสดุพอลิเมอร์ในชีวิตประจำวันและภาคอุตสาหกรรมที่ได้จากกระบวนการหลอมอัดรี ด  Click!!!

Download File : กระบวนการหลอมอัดรี ด (Extrusion)


By : Iceberg Wissen (16 November 2019)

ท่านสามารถสอบถามข้อมูลอื่นๆเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัสดุพอลิเมอร์ได้ที่
PTI WISSEN TEAMS
Polytech Industry Company Limited
Website : www.polytechindustry.co.th
Email: info@ptigroups.com

การขึน
้ รูปผลิตภัณฑ์พลาสติก
      วิธก
ี ารขึน
้ รูปผลิตภัณฑ์พลาสติกมีหลายวิธแ
ี ต่ทสำ
ี่ คัญและนิยมทำ
กันในวงการอุตสาหกรรมพลาสติกมี ดังต่อไปนี้ 

๑. การขึน้ รูปด้วยเครือ
่ งฉีดพลาสติกเข้าแม่พม
ิ พ์
(Injection molding machine) 
      เป็ นวิธก
ี ารขึน
้ รูปผลิตภัณฑ์โดยการฉีดพลาสติกทีกำ ่ ลัง
หลอมเหลวเข ้าสูแ ่ บบพิมพ์ด ้วยความดันสูง เครือ ้
่ งจักรทีใ่ ชในการนี
ม ้ ี
ขนาดค่อนข ้างใหญ่เป็ นทีน ิ มแพร่หลายมีสว่ นประกอบสำคัญ คือ 
่ ย
ฮอปเปอร์ (Hopper) 
      อุปกรณ์สว่ นนีม ้ ล ั ษณะเป็ นกรวยขนาดใหญ่เป็ นสว่ นทีใ่ ชบรรจุ
ี ก ้
เม็ดพลาสติกและสารเติมแต่งเพือ ่ ป้ อนเข ้าเครือ
่ งฉีดพลาสติก  
 

กระบอกฉีดและสกรู (Injector and screw) 


      เป็ นสว่ นสำคัญของเครือ ่ งฉีดพลาสติกทำหน ้าทีห ่ ลอมเหลว
พลาสติกและสร ้างแรงดันเพือ ่ ฉีดพลาสติกหลอมเหลวเข ้าสูแ ่ ม่พม ิ พ์
ประกอบด ้วยกระบอกตรึงติดอยูก ่ บ
ั ทีส่ ว่ นต ้นของกระบอกเป็ นทีต ่ ด
ิ ตัง้
ฮอปเปอร์ตรงสว่ นกลางและสว่ นปลายของกระบอก มีเครือ ่ งให ้ความ
ร ้อนทีส ่ ามารถควบคุมอุณหภูมใิ ห ้คงทีไ่ ด ้ปลายของกระบอกจะต่อเข ้า
กับหัวฉีดภายในของกระบอกนีเ้ ป็ นสกรูทม ี่ ค
ี วามยาวสน ั ้ กว่ากระบอก
เล็กน ้อยมีลก ั ษณะเป็ นเกลียวหยาบหมุนป้ อนสว่ นผสมของพลาสติก
ให ้เคลือ ่ นทีเ่ ข ้าสูก ่ ระบอกสามารถเคลือ ่ นถอยหลังและดันกลับเพือ ่
เพิม ่ แรงดันให ้พลาสติกหลอมเหลวไหลเข ้าสูแ ่ ม่พมิ พ์ 
ห ัวฉีด (nozzle) 
      เป็ นสว่ นต่อปลายกระบอกฉีดพลาสติกเข ้ากับชอ ่ งทางไหลของ
พลาสติกในแม่พม ิ พ์ หัวฉีดมีรขู นาดเล็กเพือ ่ ให ้พลาสติกหลอมเหลว
ไหลผ่านเข ้าสูช ่ อ่ งว่างในแม่พม ิ พ์ด ้วยความรวดเร็ว 
มอเตอร์ข ับสกรู (Drived motor) 
      มอเตอร์ขบ ั สกรูอาจเป็ นมอเตอร์ไฟฟ้ าหรือมอเตอร์ไฮดรอลิก
สำหรับหมุนสกรูและขับดันสกรูเพือ ่ ฉีดพลาสติกทีกำ ่ ลังหลอมเข ้าสู่
ชอ ่ งว่างในแม่พม ิ พ์ 
แม่พม ิ พ์ (mold) 
     เป็ นอุปกรณ์ทม
ี่ ลี ก
ั ษณะเป็ นชอ่ งว่างทีม
่ รี ป
ู ร่างตามผลิตภัณฑ์ท ี่
ต ้องการผลิตแม่พม ิ พ์  โดยทั่วไปมักออกแบบให ้มี ๒ ชน ิ้ เพือ่ ให ้
สะดวกต่อการถอดผลิตภัณฑ์ออกจากแม่พม ิ พ์ นอกจากนีต ้ ้องมีชอ ่ ง
ทางไหลของพลาสติกหลอมเหลวต่อจากหัวฉีดเข ้าสูช ่ อ
่ งว่างในแม่
พิมพ์เรียกว่า สปรู (sprue) 
 

ต ัวหนีบยึดแม่พม ิ พ์ (Hydraulic clamp unit) 


      ตัวหนีบยึดแม่พม ิ พ์ซงึ่ มักเรียกกันว่า แคล ้ม เป็ นกลไกสำหรับเปิ ด
และปิ ดฝาแม่พม ิ พ์ขบ ั เคลือ ่ นด ้วยกำลังไฮดรอลิก  อุปกรณ์สว่ นนีย้ ัง
รวมทัง้ อุปกรณ์ทำความร ้อนเพือ ่ อุน
่ แม่พม
ิ พ์กอ
่ นฉีดและอุปกรณ์
ทำความเย็นเพือ ่ ลดอุณหภูมแ ิ ม่พม
ิ พ์ทำให ้ผลิตภัณฑ์แข็งตัวก่อนถอด
ออกจากแม่พม ิ พ์ 
ชุดควบคุมกลาง (Central control) 
      เป็ นชุดควบคุมเครือ ่ งจักรรวมทุกสว่ น ได ้แก่ อุปกรณ์จา่ ยกระแส
ไฟฟ้ า อุปกรณ์วด ั และควบคุมอุณหภูม ิ อุปกรณ์ควบคุมความดัน และ
อุปกรณ์ตงั ้ เวลา 

้ รูปด้วยเครือ
๒. การขึน ์ รูเดอร์
่ งรีดหรือเอกซท
(Extruder) 
      เครือ ้
่ งจักรทีใ่ ชสำหรั บการขึน้ รูปผลิตภัณฑ์พลาสติกด ้วยการรีดนี้
มีลก ั ษณะคล ้ายกับวิธแ ี รกแต่แตกต่างกันตรงทีเ่ อกซท ์ รูเดอร์ไม่มส ี ว่ น
แม่พม ิ พ์และอุปกรณ์ควบสำหรับแม่พม ิ พ์ตรงปลายกระบอกฉีด
พลาสติกจะติดตัง้ ดาย (die) ซงึ่ มีลก ่ งรีดพลาสติกออกมา
ั ษณะเป็ นชอ

เป็ นเสนหรื อแผ่นทีม ่ รี ป
ู หน ้าตัดตามรูปดาย  การขึน ้ รูปด ้วยวิธนี ี้
สามารถประยุกต์เพือ ่ ผลิตผลิตภัณฑ์ได ้มากมาย เชน ่ ท่อหรือเสน้
พลาสติก ถุงพลาสติก ฟิ ลม ์ แผ่น หรือแท่งพลาสติกทีม ่ รี ป
ู หน ้าตัด
พิเศษ 

้ รูปด้วยแม่พม
๓. การขึน ิ พ์ความร้อน 
เครือ ้
่ งจักรทีใ่ ชในการขึ น
้ รูปผลิตภัณฑ์พลาสติกในลักษณะนีม ้ ักมี
ลักษณะไม่ซบ ั ซอนนั
้ ื่ ตามลักษณะวิธก
กและมักเรียกชอ ี าร คือ 
 การหล่อแบบพิมพ์แบบลดความดัน (Vacuum molding)
 การหล่อแบบพิมพ์แบบอัด (Compression molding)
 การหล่อแบบพิมพ์แบบถ่ายเท (Transfer molding)
 การหล่อแบบพิมพ์แบบขยายตัวด ้วย ความร ้อน (Thermalexpansion
molding)

้ แผ่นด้วยการรีด (Carlendering) 
๔. การขึน
      เป็ นการขึน
้ รูปเป็ นแผ่นด ้วยลูกกลิง้ ชุดละไม่น ้อยกว่า ๓ ลูกขึน
้ ไป
โดยลูกกลิง้ ๒ ลูกแรกจะมีอป ุ กรณ์ให ้ความร ้อนทำให ้พลาสติกอ่อนนิม ่
แล ้วถูกอัดรีดออกมาเป็ นแผ่น 

้ รูปด้วยการจุม
๕. การขึน ่ (Dipping) 
      เป็ นการขึน้ รูปอย่างง่าย มักใชกั้ บพลาสติกชนิดพลาสติซอล เชน

่ งมือชา่ ง 
หุ ้มด ้ามเครือ

๖. การหล่อแบบ (Casting) 
      การขึน
้ รูปด ้วยการหล่อแบบ มักนิยมใชผลิ ้ ตผลิตภัณฑ์พลาสติกที่
มีขนาดใหญ่ เชน ่ เรือเร็ว ตัวถังรถยนต์ ถังเก็บน้ำ รูปปั น
้ เป็ นต ้น
 

 
แหล่งข้อมูล
ื สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน ฯ เล่ม 28 เรือ
ข ้อมูลจากหนังสอ ิ ธิ์
่ งที่ 8 ลิขสท
เป็ นของพระบาทสมเด็จพระเจ ้าอยูห
่ วั
เว็บไซต์ทรูปลูกปั ญญาดอทคอมเป็ นเพียงผู ้ให ้บริการพืน ้ ทีเ่ ผยแพร่ความรู ้เพือ
่ ประโยชน์ของ
สงั คม ข ้อความและรูปภาพทีป่ รากฏในบทความเป็ นการเผยแพร่โดยผู ้ใชงาน ้ หากพบเห็น
ข ้อความและรูปภาพทีไ่ ม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสท ิ ธิ์ กรุณาแจ ้งผู ้ดูแลระบบเพือ ่ ดำเนินการต่อ
ไป

เครื่องฉีดพลาสติก (Injection molding machine)


       ในกระบวนการฉี ดพลาสติกจะประกอบไปด้วยเครื่ องและเครื่ องจักรที่ สำคัญ คือ แม่พิมพ์ฉีด และ เครื่ องฉี ดพลาสติก เม็ดพลาสติกจะถูก
ป้ อนเข้าไปในถังกรวย สกรู ส่งหรื อก้านส่ งจะพาให้เม็ดพลาสติกเคลื่อนที่ผา่ นกระบอกส่ งไปยังแม่พิมพ์โดยผ่านตัวทำความร้อน ทำให้พลาสติก
หลอมละลายผ่านหัวฉี ดและฉี ดเข้าไปในแม่พิมพ์ จากนั้นจะปล่อยให้เย็นและปลดออกจากแม่พิมพ์

You might also like