You are on page 1of 59

hàn y ǔ hǎoxué

ภาษาจีนไม่ ยาก 汉语好学 พืน้ ฐาน 2


ตามกรอบมาตรฐานการเรี ยนรู้
และสาระการเรี ยนรู้ หมวดวิชาภาษาต่างประเทศ (ภาษาจีน)
ตามหลักเกณฑ์และวิธีการจัดการศึกษานอกโรงเรี ยน หลักสูตรการศึกษา
ขันพื
้ ้นฐาน พุทธศักราช 2544
และ
หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขันพื ้ ้นฐาน พุทธศักราช
2551

สถาบันพัฒนาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยภาคเหนือ
สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
สานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศึกษาธิการ
คานา
สืบเนื่องจากสานักงานส่งเสริ มการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ตระหนักและเห็นความสาคัญของการ
ส่งเสริ มการเรี ยนการสอนภาษาจีน สาหรับประชาชนที่อยูน่ อกระบบโรงเรี ยนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของ
ประเทศ เนื่องจากประเทศจีนมีอตั ราการเจริ ญเติบโต ทางเศรษฐกิจสูงที่สดุ ติดต่อกัน และในอนาคตภาษาจีนก็ยิ่งมี
ความสาคัญขึ ้นเรื่ อยๆ ผู้ที่มีความสามารถด้ านภาษาจีนย่อมได้ เปรี ยบในตลาดการแข่งขันด้ านธุรกิจการสมัครงานหรื อ
การทางานในอนาคต ปี งบประมาณ 2552 ได้ มอบหมายให้ สถาบัน กศน.ภาคเหนือ พัฒนาเอกสารแผนการสอน
ภาษาจีนง่ายนิดเดียว โดยเน้ นการเรี ยนแบบปฏิบตั ิจริ งเน้ นการพูด ฟั งมากกว่าการอ่านและเขียน ซึง่ เป็ นการเรี ยนรู้จากสิง่
ที่ใกล้ ตวั หรื อสิง่ ที่เกี่ยวกับชีวิตประจาวัน ซึง่ เป็ นการเรี ยนแบบธรรมชาติ เอกสารการสอนภาษาจีนง่ายนิดเดียว จานวน
15 บท ออกแบบจัดทาแผนการสอนรวมทังสิ ้ ้น 48 ชัว่ โมง
สถาบัน กศน.ภาคเหนือ ขอขอบคุณสานักงานส่งเสริ มการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
ขอขอบคุณที่ปรึกษา คณะผู้เขียน และคณะผู้รับผิดชอบทุกท่าน ที่ให้ ความร่วมมือและช่วยเหลือในการจัดทาเอกสาร
เล่มนี ้ ไว้ ณ โอกาสนี ้ด้ วย และหวังว่าเอกสารเล่มนี ้ จะเป็ นประโยชน์ตอ่ ผู้เรี ยน และต่อการจัดการเรี ยนการสอน
ภาษาจีนของสถานศึกษา และหากผู้อา่ นท่านใดมีข้อเสนอแนะ โปรดแจ้ งให้ ทราบด้ วย จะขอขอบพระคุณยิ่ง

( นายประเสริ ฐ หอมดี)
ผู้อานวยการสถาบัน กศน.ภาคเหนือ
กันยายน 2552
สารบัญ
หน้ า

คานา
สารบัญ ก
บทนา 1

第一课 : 网上聊天 5
บทที่ 1 แชทบนเวป

第二 课 : 时间 16
บทที่ 2 เวลา

第三课 : 我们的国家 24
บทที่ 3 ประเทศของเรา

第四课 : 买东西 32
ซือ้ ของ
บทที่ 4
บรรณานุกรม 39

ภาคผนวก 41
 พินอิน

55
รายชื่อผู้ร่วมพัฒนาสื่อ

****************************
บทนา
ความสาคัญของภาษาจีน
ปัจจุบนั ประเทศไทยไม่สามารถหลีกเลี่ยงกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกที่มีการเชื่อมโยงกัน
ทุกด้ านโดยเฉพาะเศรษฐกิจและสังคม ขณะนี ้สาธารณรัฐประชาชนจีนถือเป็ นประเทศหนึง่ ที่ขยายตัวทาง
เศรษฐกิจอย่างมัน่ คง และมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจของโลกในทุกภูมิภาค สาธารณรัฐประชาชนจีน มี
มูลค่าการค้ าการลงทุนกับไทยเกือบ 20,000 ล้ านเหรี ยญสหรัฐ และมีแนวโน้ มจะสูงขึ ้นอย่างต่อเนื่อง
และรวดเร็ วในอนาคตอันใกล้ จึงจาเป็ นอย่างยิ่งที่จะต้ องเสริมสร้ างความเข้ มแข็งในการใช้ ภาษาจีนให้ แก่
คนไทยเพื่อให้ มีขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลก
หากมองถึงความสาคัญของภาษาจีนแล้ วนัน้ ภาษาจีนเป็ นภาษาที่สาคัญของทวีปเอเชียมา
ช้ านาน เนื่องจากประเทศจีนเป็ นแหล่งอารยธรรม ที่ยิ่งใหญ่หนึง่ ในสองของทวีป ดังนันการบั ้ นทึก
ความรู้และวิทยาการต่างๆ จึงเป็ นภาษาจีน ไม่วา่ จะเป็ นความรู้ด้านปรัชญา ประวัติศาสตร์
วิทยาศาสตร์ เป็ นต้ น ด้ วยสภาพภูมิศาสตร์ ตา่ งๆ ทังขนาดของประเทศ
้ จานวนประชากร การเมือง การ
ปกครอง และเศรษฐกิจที่มีการเจริ ญเติบโตอย่างต่อเนื่องทาให้ ภาษาจีนกลางเป็ นภาษาหนึง่ ของเอเชียที่
ใช้ ในองค์การสหประชาชาติ ยิ่งเพิ่มความสาคัญให้ กบั ภาษาจีนเป็ นอย่างมาก การที่คนต่างประเทศ
อย่าง เช่น คนไทยมีโอกาสที่จะศึกษาภาษาจีนกลางแล้ วนัน้ ย่อมถือว่ามีประโยชน์อย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่
สามารถใช้ ภาษาเพื่อการสื่อสารทัว่ ไปแล้ ว เราสามารถใช้ ภาษาเพื่อสร้ างความเจริ ญก้ าวหน้ าในด้ าน
ต่างๆ ทังในระดั
้ บบุคคลและระดับประเทศ เช่น การศึกษาความรู้วิทยาการการประกอบธุรกิจการ
ลงทุน และการสร้ างความสัมพันธ์อนั ดีระหว่างประเทศ
ลักษณะของภาษาจีน
ลักษณะของภาษาจีนในประเทศไทย จะมีความหลากหลายของสาเนียงซึง่ แปรเปลี่ยนไปตาม
ภูมิภาคแต่ภาษาจีนก็มีความเป็ นเอกภาพอยูใ่ นตัวนัน่ คือตัวอักษรจีน เป็ นตัวอักษรที่มีวิวฒ ั นาการมา
จากภาพ หรื อถ้ ามองอย่างนักศิลปะแล้ วก็คือ หนึง่ ตัวอักษร ก็คือหนึง่ ภาพนัน่ เอง เพื่อความเป็ น
เอกภาพของประเทศจีนทางรัฐบาลจีนจึงกาหนดให้ “ภาษาจีนกลาง”หรื อที่ชาวต่างชาติเรี ยกว่า ”
แมนดาริน”เป็ นภาษากลางที่ใช้ ในการติดต่อสื่อสาร ถึงแม้ วา่ ในประเทศไทยจะมีชาวจีนอาศัยอยูเ่ ป็ น
จานวนมากก็ตามและมีการใช้ ภาษาจีนที่หลากหลาย ได้ แก่ ภาษาจีนแต้ จิ๋ว ภาษาจีนกวางตุ้ง
ภาษาจีนไหหลา ภาษาจีนฮกเกี ้ยน ภาษาจีนแคะ ซึง่ ล้ วนเป็ นภาษาท้ องถิ่นของชาวจีนในปัจจุบนั ที่อยู่
ในประเทศไทย
ภาษาจีนกลางแนวใหม่ เรียนกันอย่ างไร
มีคนจานวนมากกล่าวว่าการเรี ยนภาษาจีนนันยากกว่
้ าการเรี ยนภาษาอังกฤษ ซึง่ ในทาง
กลับกันก็มีคนเป็ นจานวนมากที่สามารถเรี ยนภาษาจีนได้ ดี พร้ อมทังน ้ าภาษาจีนมาใช้ ใน
ชีวิตประจาวัน และศึกษาต่อในระดับที่สงู ตลอดจนการทางาน ฉะนันการที ้ ่แต่ละคนสามารถเรี ยน
ภาษาจีนได้ หรื อไม่ได้ นนั ้ น่าจะมาจากหลายๆ ปัจจัย แต่มีปัจจัยสาคัญและที่สามารถพัฒนาและ
ปรับปรุงได้ คือ การเริ่มเรี ยนที่มาจากมาตรฐานการอ่านออกเสียงภาษาจีนในรูปแบบใหม่ (พินอิน) ซึง่
นาเอาตัวอักษรโรมัน (ภาษาอังกฤษ) มาใช้ เป็ นตัวบอกลักษณะการออกเสียง
ภาษาจีนกลางมาตรฐานใช้ การออกเสียงแบบสาเนียงเหนือโดยเฉพาะปักกิ่งเป็ นหลักการทับเสียง
ภาษาจีน มาตรฐานนี ้มีทาไว้ เป็ นตัวอักษรละติน (เช่นตัวอักษรที่ใช้ ในภาษาอังกฤษ) มีชื่อเรี ยกว่า ฮัน่ อวี่ พินอิน
hàn y ǔ pīnyīn hàn y ǔ pīnyīn

( 汉语拼音) และใช้ กนั ทัว่ ไปในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ( 汉语拼音) หรื อ พินอิน


hàn y ǔ pīnyīn

คือ อะไร พินอิน หรื อ ( 汉语拼音) ความหมาย ตามตัวอักษร คือ การถอดเสียงภาษาจีน) หรื อที่
เรามักจะเรี ยกย่อๆ ว่า “พินอิน” พินอิน คือ ระบบในการถ่ายถอดเสียง ภาษาจีน มาตรฐาน ด้ วย
ตัวอักษรโรมัน ความหมายของ พินอิน คือ "การรวมเสียงเข้ าด้ วยกัน" (โดยนัยก็คือการเขียนแบบ
สัทศาสตร์ การสะกด การถ่ายถอดเสียง หรื อการทับศัพท์) พินอิน เริ่มต้ นในปี พ.ศ. 2501 และเริ่มใช้
กันในปี พ.ศ. 2522 โดย รัฐบาลของสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยใช้ แทนที่ระบบการถ่ายถอดเสียง
แบบเก่า เช่น ระบบเวดและไจลส์ และระบบ เปอ เพอ เมอ เฟอ (จู้อิน ฝูเฮ่า) นอกจากนี ้ ยังมีการ
ออกแบบระบบอื่น ๆ สาหรับนาไปใช้ กบั ภาษาพูดของจีนในถิ่นต่าง ๆ และภาษาของชนกลุม่ น้ อยที่ไม่
ใช้ ภาษาฮัน่ ในสาธารณรัฐประชาชนจีนด้ วย
นับแต่นนมาพิ
ั้ นอิน ก็เป็ นที่ยอมรับจากสถาบันนานาชาติหลายแห่ง รวมทังรั้ ฐบาลสิงคโปร์
หอสมุดรัฐสภาอเมริกนั และสมาคมหอสมุดอเมริ กนั โดยถือว่าเป็ นระบบการถ่ายถอดเสียงที่เหมาะสม
สาหรับภาษาจีนกลาง ครัน้ ปี พ.ศ. 2522 องค์การมาตรฐานนานาชาติ (ISO) ก็ได้ รับเอา พินอินเป็ น
ระบบมาตรฐาน (ISO 7098) ในการถ่ายทอดเสียงภาษาจีนปัจจุบนั ด้ วยอักษรโรมัน (The standard
romanization for modern chinese) สิ่งสาคัญที่ต้องระลึกไว้ ก็คือ “พินอิน” นันเป็้ นการทับศัพท์ด้วยอักษร
โรมัน (Romanization) มิใช่การถ่ายถอดเสียงแบบภาษาอังกฤษ (Anglicization) นัน่ คือ การกาหนดให้ ใช้
ตัวอักษรตัวหนึง่ สาหรับแทนเสียงหนึง่ ๆ ในภาษาจีนไว้ อย่างตายตัว เช่น b และ d ในระบบพินอิน
เป็ นเสียง "ป" และ "ต" ตามลาดับ ซึง่ แตกต่างจากระบบการออกเสียงส่วนใหญ่ ไม่ว่าอังกฤษ ฝรั่งเศส
หรื อภาษาอื่นในยุโรป ขณะที่อกั ษร j หรื อ q นันมี ้ เสียงไม่ตรงกับในภาษาอังกฤษเลย กล่าวสัน้ ๆ ก็
คือ “พินอิน” มุง่ ที่จะใช้ อกั ษรโรมัน เพื่อแทนเสียงใดเสียงหนึง่ โดยเฉพาะ เพื่อความสะดวกในการเขียน
มิได้ ยืมเสียงจากระบบของอักษรโรมันมาใช้ การใช้ ระบบนี ้นอกจากทาให้ ชาวต่างชาติเขียนอ่าน
ภาษาจีนได้ สะดวกแล้ ว ยังสามารถใช้ กบั คอมพิวเตอร์ ได้ สะดวกอย่างยิ่งด้ วย
การถ่ายถอดเสียงภาษาจีน (ที่เขียนด้ วยอักษรโรมันในระบบพินอิน) ด้ วยอักษรไทย โปรด
สังเกตว่า บางหน่วยเสียงในภาษาจีนไม่มีหน่วยเสียงที่ตรงกันในภาษาไทยจึงต้ องอนุโลมใช้ อกั ษรที่ใกล้ เคียง
ในที่นี ้จึงมีอกั ษรไทยบางตัวที่ต้องใช้ แทนหน่วยเสียงในภาษาจีนมากกว่าหนึง่ หน่วยเสียง ทังนี้ ้เพื่อเป็ น
"เกณฑ์อย่างคร่าว ๆ" สาหรับการเขียนคาทับศัพท์ภาษาจีน (รายละเอียดแนบไว้ ในภาคผนวก)
dìyīkè wǎngshàngliáotiān
:
第一课 网 上 聊天
บทที่ 1 : แชทบนเวป

y ī shēng c í

一、 生 词 คาศัพท์
ที่ ตัวอักษร พินอิน คาแปล
1. 喜欢 xǐhuān ชอบ
请问 qǐnɡ ขอถามหน่อย
2. wèn

3. 真高兴 zhēn ɡāo xìnɡ ดีใจจริง


4. 认识 rèn shi รู้จกั
5. 互相 hù xiānɡ ซึ่ งกันและกัน
6. 介绍 jiè shào แนะนาตัว
7. 贵姓 ɡuì xìnɡ นามสกุลอะไร
8. 语伴 yǔ bàn เพื่อนเรี ยนภาษา
9. 上网 shànɡ wǎnɡ เล่นอินเตอร์ เน็ต
10. 聊天 liáotiān แชท พูดคุยบนเน็ต
11. 正在 zhènɡ zài เพิ่งจะ
12. 有趣 yǒu qù มีรสชาติ
13. 跟 ɡēn กับ
14. 身体 shēn tǐ ร่างกาย สุขภาพ
15. 欢迎 huān yínɡ ยินดี
16. 什么 shén me อะไร
17. 意思 yìsi ความหมาย
18. 了解 liáojiě เข้ าใจ
19. 88 bābā ลาก่อน
20. 再见 zàijiàn พบกันใหม่
è r k è wénhuìhuà

二、1课文会话 บทเรี ยนสนทนา


xiǎolóng h é xiǎohóng t ā m e n x ǐ huanshàngwǎngliáotiān y ǒ u y ī tiānxiǎohóngxiǎng g ē n zhōng g u ó r é n liáo

小龙 和小红他们喜欢 上 网聊天。 有一天小红 想 跟 中 国人聊


tiān j i ù j ì n q ù y í g è b ǐ jiào y ǒ u míng d e wǎngzhàn

天,就进去一个比较有名的网站。เสี่ยวหลงและเสี่ยวหง พวกเขาชอบแชทบน
เวปไซด์ วันหนึง่ เสี่ยวหงอยากแชทกับคนจีนและฝึ กภาษาจีน จึงเข้ าไปในเวปไซด์หนึง่ ซึง่ ค่อนข้ างมี
ชื่อเสียง
xiǎo hóng n ǐ hǎo y ǒ u r é n g ē n w ǒ shuō h u à m a

小 红: 你好!有人跟我说话吗?
เสี่ยวหง สวัสดี ! มีคนจะพูดกับฉันไหม
xiǎolóng n ǐ hǎo duì b u q ǐ n ǐ shuō b a n ǐ cóng n ǎ e r d ǎ d í

小龙: 你好! 对不起,你说吧!你从哪儿打的?


เสี่ยวหลง สวัสดี ขอโทษ คุณพูดซิ คุณเข้ าเน็ตที่ไหนกันรึ
xiǎo hóng tàiguó n ǐ n e

小 红: 泰国,你呢?
เสี่ยวหง ประเทศไทย
xiǎolóng w ǒ y ě zàitàiguó

小龙: 我也在泰国。
เสี่ยวหลง ฉันก็อยู่ที่ประเทศไทยเหมือนกัน
w ǒ s h ì t à i g u ó x u é shēng w ǒ zhèng z à i x u é h à n y ǔ xiǎng g ē n zhōng g u ó r é n liáo
xiǎo hóng 我是泰国学 生 ,我 正 在学汉语, 想 跟 中 国人 聊
小 红: tiān n ǐ n e

天,你呢?
เสี่ยวหง ฉันเป็ นนักศึกษาชาวไทย เพิ่งเรี ยนภาษาจีน อยากจะแชทกับคนจีน คุณล่ะ
huānyíng n ǐ w ǒ s h ì zhōng g u ó r é n y ě s h ì x u é shēng y ě xiǎng g ē n t à i g u ó r é n
xiǎolóng 欢迎你。我是 中 国人也是学 生 ,也 想 跟泰国人
小龙: liáotiān zuòtài y ǔ bàn

聊天。做泰语伴 。
ยินดีครับ ผมก็เป็ นนักศึกษาเหมือนกัน อยากแชทกับคนไทยช่วยเหลือการเรี ยน
เสี่ยวหลง
ภาษาไทย
xiǎo hóng qǐng w è n n ǐ g u ì xìng w ǒ k ě y ǐ jiào n ǐ shén m e míng z ì

小 红: 请问 你贵姓? 我可以 叫你什么名字?


เสี่ยวหง ขอถามหน่อย คุณนามสกุลอะไร ฉันจะเรี ยกชื่อคุณว่าอะไร
xiǎolóng w ǒ xìng l ǐ jiàolónglóng n ǐ n e

小龙: 我姓李,叫龙龙,你呢?
เสี่ยวหลง ผมแซ่หลี่ ชื่อหลงหลง เธอล่ะ
xiǎo hóng w ǒ xìng y è jiào hónghóng

小 红: 我姓叶叫 红红。
เสี่ยวหง ฉันแซ่เยี่ย ชื่อหงหง
xiǎolóng w ǒ zhēn g ā o xìng r è n s h i n ǐ

小龙: 我真高兴认识你。
เสี่ยวหลง รู้จกั เธอฉันดีใจมาก
xiǎo hóng w ǒ y ě h ě n g ā o xìng r è n s h i n ǐ n ǐ shēn t ǐ h ǎ o m a

小 红: 我也很高兴认识你。你身体好吗?
เสี่ยวหง ฉันก็ดีใจที่ได้ ร้ ูจกั เธอ สุขภาพของเธอเป็ นอย่างไรบ้ าง
xiǎolóng hěnhǎo n ǐ n e

小龙: 很好,你呢?
เสี่ยวหง สบายดี เธอล่ะ
xiǎo hóng w ǒ y ě hěnhǎo xièxiè

小 红: 我也很好,谢谢。
เสี่ยวหง ฉันก็สบายดี ขอบคุณ
xiǎolóng w ǒ j u é d e j ī n tiānzhēn y ǒ u q ù x i à c ì z à i liáo b a

小龙: 我觉得今天真有趣,下次再聊吧!88。
เสี่ยวหง วันนี ้ผมรู้สกึ สนุกมาก โอกาสหน้ าแชทกันใหม่นะครับ 88
xiǎo hóng shén m e y ì s i

小 红: 88 什么意思?
เสี่ยวหง 88 คืออะไรกัน
xiǎolóng jiùshì z à i jiàn
小龙: 88就是 Bye bye 再见!
เสี่ยวหง 88 คือ ลาก่อน พบกันใหม่
xiǎo hóng ò w ǒ liǎo j i ě l e z à i jiàn

小 红: 哦!88 Bye bye 我了解了,再见,88。


เสี่ยวหง อ้ อ 88 คือลาก่อน ฉันเข้ าใจแล้ ว พบกันใหม่ 88
sān j ī běn j ù shì

三、基本句式 โครงสร้ างประโยคพืน้ ฐาน

1. ประโยคพื ้นฐานภาษาจีนจะประกอบด้ วยโครงสร้ างประโยค “ประธาน + กริยา +


zhǔ y ǔ b ù fen wèi y ǔ b ù fen

กรรม”มีสองส่วน คือ ส่วนภาคประธาน主语部分และส่วนภาคแสดง谓语部分ส่วนภาค


ประธาน คือ ส่วนที่ผ้ พู ดู กล่าวถึงเพื่อบอกให้ ร้ ูวา่ หมายถึงใคร ส่วนภาคแสดงหมายถึงข้ อความตามหลัง
เพื่อบอกกริยาอาการ หรื อสภาพการณ์ของภาคประธาน ซึง่ ส่วนภาคประธานและส่วนภาคแสดงต่างมี
zhǔ y ǔ b ù fen zhǔ y ǔ

2. คาหลักหนึง่ คา คาหลักในส่วนภาคประธาน主语部分เรี ยกว่า 主语 (บท


wèi y ǔ b ù fen wèi y ǔ xiǎolóng h é

ประธาน) ส่วนคาหลักในส่วนภาคแสดง 谓语部分เรี ยกว่า 谓语 (บทกิริยา) เช่น 小龙 和


xiǎohóng t ā m e n x ǐ huanshàngwǎngliáotiān

小红他们 喜欢 上 网聊天 。เสี่ยวหลงและเสี่ยวหง พวกเขาชอบแชทบนเวปไซด์


y ě

2. “也”เป็ นคากริยาวิเศษณ์ ที่ใช้ ขยายคากริ ยา คาคุณศัพท์ หรื อ คาประเภทอื่นที่ทาหน้ าที่เป็ น


บทกริยาเพื่อบอกขอบเขต ระดับ ความถี่ ลักษณะของกริ ยาอาการ แสดงความหมายว่า “เป็ น” ของ
w ǒ y ě hěngāo

ประเภทเดียวกัน มีกริยาอาการหลายกริยาอาการ หรื อมีลกั ษณะสภาพหลายสภาพ เช่น我也很高


xìng r è n s h i n ǐ hěn

兴认识你。รู้จกั คุณฉันก็ดีใจมาก很เป็ นคาวิเศษณ์บอกระดับ มีความหมายว่า “มาก”ซึง่ มักจะ


w ǒ hěnhǎo w ǒ h ě n g ā o xìng

ใช้ ขยายหน้ า คาคุณศัพท์ เช่น我很好 。 ฉันสบายดี 我很高兴。ฉันดีใจมาก


n e

3. “呢”ใช้ ตอ่ ท้ ายวลี หรื อประโยคที่กล่าวถึงมาก่อนเพื่อเป็ นการย้ อนถาม เช่น


w ǒ hěnhǎo n ǐ n e

我很好,你呢?ฉันสบายดี คุณล่ะ(เป็ นอย่างไร)

s ì h à n z ì b ǐ shùn

四、汉字笔顺ลาดับเขียนตัวอักษรจีน

qǐng
(1) 请

wèn
(2)问

nín
(3)您
guì
(4)贵

xìng
(5) 性

zhēn
(6) 真

gāo
(7)高

xìng
(8) 兴

rèn
(9)认

shí
(10) 识
liàn x í

五、练习 แบบฝึ กหัด


y ī h à n z ì liàn x í

(一)汉字练习。ฝึ กเขียนลาดับการเขียนอักษรจีน

qǐng

wèn

zào j ù

คาสั่ง วิธีการสร้ างประโยค 造句 ให้ เขียนประโยคเหล่านี ้ ประโยคละ 10 ครัง้ และให้ อ่านออกเสียง


ดัง ๆอย่างตังใจ
้ ประโยคละ 10 ครัง้
qǐng w è n n ǐ g u ì xìng

1. 请问你贵姓? ขอถามหน่อยคุณนามสกุล(แซ่)อะไร
qǐng w è n n ǐ d e b à b a z à i j i ā m a

2. 请问你的爸爸在家吗?ขอถามหน่อยคุณพ่อคุณอยูบ่ ้ านไหม
qǐng w è n y í n háng z ě n m e z ǒ u

3. 请问银行怎么走?ขอถามหน่อยไปธนาคารไปทางไหน
qǐng w è n z h è f ù j ì n y ǒ u y ī yuàn m a

4. 请问这附近有医院吗?ขอถามหน่อย ละแวกนี ้มีโรงพยาบาลไหม


nín

nínhǎo

5. 您好?สวัสดีคะ่ ท่าน

guì

xìng

n í n g u ì xìng

6. 您贵姓?ท่านนามสกุลอะไร
w ǒ xìng l ǐ

7. 我姓李。ฉันนามสกุล(แซ่)หลี่
w ǒ xìng y è

8. 我姓叶 。ฉันนามสกุล(แซ่)เยี่ย

zhēn

gāo

xìng

rèn

shí

r è n s h i n ǐ w ǒ h ě n g ā o xìng

9. 认识你我很高兴。รู้จกั เธอฉันดีใจมาก
w ǒ h ě n g ā o xìngjiàn d à o n ǐ

10.我很高兴见到你。ฉันดีใจมากที่พบกับคุณ
è r d ú x i à mian d e p ī n y ī n bìng f ā n y ì c h é t à i y ǔ

(二) 读下 面 的拼音 并 翻译成泰语。ให้ อา่ นพินอินข้ างล่างนี ้ และแปลเป็ นไทยให้


ถูกต้ อง

1) xǐhuān
อ่านว่า ___________
แปลว่า ___________
2) zàijiàn
อ่านว่า ___________
แปลว่า ___________
3) jiè shào
อ่านว่า ___________
แปลว่า ___________
4) huān yínɡ
อ่านว่า ___________
แปลว่า ___________
5) zhènɡ zài
อ่านว่า ___________
แปลว่า ___________
6) shànɡ wǎnɡ
อ่านว่า ___________
แปลว่า ___________
7) liáotiān
อ่านว่า ___________
แปลว่า ___________
8) ɡuì xìnɡ
อ่านว่า ___________
แปลว่า ___________
9) zàijiàn
อ่านว่า ___________
แปลว่า ___________
10) qǐnɡ wèn
อ่านว่า ___________
แปลว่า ___________
sān t ì huàn

(三)替换 ใช้ แทนประโยคขีดเส้ นใต้ ในตาราง


w ǒ j u é d e j ī n tiānzhēn y ǒ u q ù x i à c ì z à i liáo hǎowán míngtiān

xiǎolóng 我觉得今天真有趣,下次再聊 好玩、明天


小龙 : b a hěnkāixīn y ǐ hòu

吧!88。 很开心、以后
เกร็ดน่ ารู้
n ǐ hǎo

การทักทายในภาษาจีนนัน้ จะใช้ คาว่า 你好! ซึง่ เป็ นคาทักทายกันในวาระต่างๆและก็ใช้ กนั


n ǐ menhǎo

้ 2 คนขึ ้นไปเราก็จะใช้ คาว่า你们好! ถ้ าเป็ นผู้


โดยทัว่ ไปถ้ าหากว่าจะทักทายในกลุม่ ที่เราพูดคุยด้ วยตังแต่
nínhǎo

อาวุโสกว่าเราจะใช้ คาว่า 您好!เพื่อเป็ นการให้ เกียรติผ้ ทู ี่เราทักทาย แต่ถ้าหากว่าเราอยากจะทักทายผู้อื่น โดยที่


n ǐ hǎo

ไม่อยากทีจ่ ะใช้ คาว่า你好! เราสามารถ นาชื่อ หรื อว่า ตาแหน่ง ของบุคคลมาใส่ไว้ ด้านหน้ าก็ได้
qǐngwèn

请 问 แปลว่าขอถาม นี่เป็ นคาถามอย่างสุภาพ และให้ เกียรติกบั ผู้ที่ผ้ ถู กู ถามอย่างมากเมื่อมีคาว่าสวัสดี แล้ วก็


zàijiàn n ǐ shēn t ǐ hǎo m a n ǐ zěn

ต้ องมีคาว่า ลาก่อนฉะนัน้ คาว่า ลาก่อน เราจะใช้ คาว่า再 见 !คาว่า 你 身 体好吗?หรื อ 你 怎


m e yàng

么 样 ?คุณเป็ นอย่างไรบ้ าง สุขภาพคุณเป็ นอย่างไรบ้ าง หรื อ คุณเป็ นอย่างไรบ้ าง ซึง่ ความหมายโดยรวมแล้ ว


hěnhǎo b ú tài

นัน้ แปลว่า คุณเป็ นอย่างไรบ้ างนัน้ เราสามารถใช้ แทนกันได้ ได้ สว่ นคาตอบนัน้ 很好 หรื อ 不太
hǎo

好 ตามลักษณะอาการ ของเราเอง ในช่วงเวลานัน้ เมื่อเขามีน ้าใจไต่ถามทุกข์สขุ เราก็ควรกล่าวคาขอบคุณ


xièxiè

谢谢。
d ì è r k è shíjiān
第二课:时 间

บทที่ 2 : เวลา

yī shēng c í
一 、 生 词 คาศัพท์
ที่ ตัวอักษรจีน พินอิน คาแปล
1. 时间 shíjiān เวลา
2. 现在 xiànzài ตอนนี ้ ปัจจุบนั
3. 几点 jǐdiǎn กี่โมง นาฬิกา
4. 分 fēn วินาที
5. 刻 kè สิบห้ านาที
6. 差 chà เหลืออีก ขาดอีก
7. 半 bàn ครึ่ง
8. 秒 miǎo วินาที
9. 每天 meǐtiān ทุกวัน
10. 练气功 liàn qì ɡōnɡ ฝึ กชี่กง
11. 多长 duō chánɡ นานเท่าไร
12. 差不多 chà bù duō ประมาณ
13. 必须 bì xū จาเป็ น
14. 坚持 jiān chí ต่อเนื่องติดต่อ
15. 天天 tiān tiān ทุกวัน
16. 上午 shànɡ wǔ ตอนเช้ า
17. 下午 xià wǔ ตอนบ่าย
18. 晚上 wǎn shànɡ กลางคืน
19. 挺好 tǐnɡ hǎo ดีมาก
20. 但是 dàn shì แต่วา่
è r k è wénhuìhuà

二、课文会话บทเรี ยนสนทนา
z à i f à n diàn l ǐ xiǎo lóng jiàn d à o d à míng t ā m e n liǎng g è r é n w è n s h í jiān

在饭店 里小 龙 见 到大明 他们 两 个人问时间。


ในร้ านอาหาร เสี่ยวหลงพบเสี่ยวหมิง เขาสองคนถามเวลา
xiǎolóng xiàn z à i j ǐ diǎn l e

小龙 现在几点了 ?
เสี่ยวหลง ตอนนี ้กี่โมงแล้ ว
xiǎo h ǎ i b ā diǎn s h í f ē n xiǎolóng n ǐ g à n shén m e

小海 八点十分。小龙,你干什么?
เสี่ยวห่าย แปดโมงสิบนาที เธอจะทาอะไรหรื อ
xiǎolóng j ī n tiānshàng w ǔ j i ǔ diǎn w ǒ y à o q ù liàn q ì gōng

小龙 今天 上 午九点我要去练气功。
เสี่ยวหลง วันนี ้เก้ าโมงเช้ าฉันจะไปฝึ กชี่กง
xiǎo h ǎ i n ǐ liàn l e d u ō cháng s h í jiān l e

小海 你练了多 长 时间了?
เสี่ยวห่าย เธอฝึ กมานานเท่าไรแล้ ว
xiǎolóng y ǐ jīngliàn l e h ǎ o j ǐ nián l e

小龙 已经练了好几年了。
เสี่ยวหลง ฝึ กมาตังหลายปี
้ แล้ วละ
xiǎo h ǎ i m ě i tiān n ǐ liàn d u ō cháng s h í jiān

小海 每天你练多 长 时间?
เสี่ยวห่าย ทุกวันเธอฝึ กใช้ เวลานานเท่าไร
xiǎolóng c h à b u d u ō liàn y í g è zhōng t ó u

小龙 差不多练一个 钟 头。
เสี่ยวหลง อย่างน้ อยๆฝึ กหนึง่ ชัว่ โมง
xiǎo h ǎ i xiào g u ǒ z ě n m e yàng

小海 效果怎么样?
เสี่ยวห่าย ผลเป็ นอย่างไร
xiǎolóng tǐng h ǎ o d e liàn q ì gōng d u ì w ǒ shēn t ǐ h ě n y ǒ u h ǎ o c h u

小龙 挺好的。练气功对我身体很有好处。
n ǐ y ě l á i liànliàn b a

你也来练练吧。
เสี่ยวหลง ดีมากเลย ฝึ กชี่กงเกิดประโยชน์กบั สุขภาพของฉัน เธอไปฝึ กกับ
ฉันเถอะ
xiǎo h ǎ i liàn q ì gōng b ì x ū jiān c h í tiān tiān liàn w ǒ y ě h ě n xiǎng liàn

小海 练气 功必 须坚 持天 天练 ,我也 很 想 练 ,
d à n s h ì gōng z u ò t à i máng m é i y ǒ u s h í jiān

但是工作太忙,没有时间。
เสี่ยวห่าย การฝึ กชี่กงจาเป็ นต้ องฝึ กต่อเนื่องทุกวัน ตัวของฉันเองก็อยากฝึ ก
เหมือนกันแต่งานยุง่ มาก ไม่มีเวลา
y ī j ī běn j ù shì

一、基本句式โครงสร้ างประโยคพื ้นฐาน


xiàn z à i j ǐ diǎn

1.การบอกเวลา 现在几点 ?ตอนนี ้กี่โมง การถามเวลาในภาษาจีนกลางประโยค


xiàn z à i j ǐ diǎn

คาถามที่ใช้ ถามเวลาในภาษาจีนพูดว่า “现在几点?” ซึง่ แปลว่า ตอนนี ้กี่โมง เวลาตอบให้ ตอบ


xiàn z à i diǎn diǎn

ว่า现在.......点。ซึง่ แปลว่า ตอนนี ้.......โมง (นาฬิกา) โดยต้ องมีคาว่า 点 ที่แปลว่า โมงหรื อ


นาฬิกา ตามหลังตัวเลขที่บอกเวลาทุกครัง้ การบอกเวลาในภาษาจีน มีหลักการพูดสรุปได้ ดงั นี ้
s ā n diǎ n

3 :00 三点 สามโมงหรื อนาฬิกา


q ī diǎnlíng j i ǔ f ē n

7 :09七点零九分 เจ็ดโมงหรื อนาฬิกากับอีกเก้ านาที


b ā diǎn è r s h í w ǔ f ē n

8 :25八点二十五分 แปดโมงหรื อนาฬิกา 25 นาที


j i ǔ diǎn y í k è

9 :15 九点一刻 เก้ าโมงหรื อนาฬิกากับอีกสิบห้ านาที


j i ǔ diǎn s ā n s h í f ē n

9 :30九点三十分 เก้ าโมงหรื อนาฬิกา 30 นาที


s h í y ī diǎn b à n

11 :30 十一点半 สิบเอ็ดโมงครึ่ง


s h í è r diǎn s ì s h í w ǔ f ē n

12 :45十二点四十五分 สิบสองโมงสี่สิบห้ านาที


s h í diǎn s ā n k è

10 :45十点三刻 สิบโมงกับอีกสี่สิบห้ านาที (หรื อ)


c h à y í k è s h í y ī diǎn

10 :45差一刻十一点 อีกสิบห้ านาทีสิบเอ็ดโมง


liǎngdiǎn w ǔ s h í f ē n

2 :50 两 点五十分 บ่ายสองโมงห้ าสิบนาที


c h à s h í f ē n s ā n diǎn

2 :50差十分三点 อีกสิบนาที บ่ายสามโมง


s h í jiān c í

2. 时间词คาบอกเวลา
shàng w ǔ xià w ǔ

คาบอกเวลา เช่น 上 午 ซึง่ แปลว่า ช่วงเช้ า ตอนเช้ า下午ซึง่ แปลว่า ช่วงบ่าย ตอนบ่าย
w ǎ n shang

晚 上 ซึง่ แปลว่า ช่วงเย็น ตอนเย็น ในการใช้ ให้ วางไว้ หน้ าภาคแสดง อาจจะวางไว้ หน้ าหรื อหลัง
shàng w ǔ xià w ǔ w ǎ n shang

ประธานก็ได้ และหากมีคาบอกเวลาว่ากี่โมง คาว่า 上 午、下午、晚 上 ให้ วางไว้ ด้านหน้ า


j ī n tiānshàng w ǔ j i ǔ diǎn w ǒ y à o q ù liàn q ì gōng

ของคาว่าบอกเวลาว่ากี่โมง เช่น今天 上 午九点我要去练气功。วันนี ้เก้ าโมงเช้ าฉัน


จะไปฝึ กชี่กง
b a

3. การใช้ ประโยค吧 หากวางต่อท้ ายในประโยคบอกเล่าจะหมายถึง เถอะ ใช้ เพื่อเป็ นการ


n ǐ y ě l á i liànliàn b a

ชักชวนหรื อทาให้ ประโยคนันๆ


้ ดูนมุ่ นวลขึ ้น เช่น你也来练练吧。 แต่หากใช้ ในประโยค
t ā k ě néng b ú z h ī d à o

คาถามแล้ ว 吧 จะหมายถึง กระมัง หรื อ มัง๊ ซึง่ จะแสดงถึงการคาดเดา เช่น 她可能不知道


b a

吧?เขา(ผู้หญิง)อาจจะไม่ร้ ูมงั๊
hǎo hǎojiǔ

4. การใช้ คาว่า 好 วางหน้ าคาศัพท์บอกจานวนที่ชดั เจน เช่น 好久 หมายถึงตังนานใน



y ǐ jīngliàn l e h ǎ o j ǐ nián l e

บทสนทนานี ้ตัวอย่างประโยคเช่น已经练了好几年了。ฝึ กมาตังหลายปี


้ แล้ วละ
èr h à n z ì b ǐ shùn

二、汉字笔顺 ลาดับเขียนตัวอักษรจีน

shí

(1) 时
jiān

(2)间

xiàn

(2) 现
zài

(3) 在

diǎn

(3)点

fēn

(4)分

k è

(5)刻

chà

(6)差

bàn

(7)半

miǎo

(8)秒
liàn x í

五、练习 แบบฝึ กหัด


hàn z ì liàn x í

(一) 汉字 练 习 ฝึ กเขียนลาดับการเขียนอักษรจีน
xiàn

zài

zào j ù

คาสัง่ วิธีการสร้ างประโยค 造句 ให้ เขียนประโยคเหล่านี ้ ประโยคละ 10 ครัง้ และให้ อ่านออกเสียง


ดัง ๆอย่างตังใจ
้ ประโยคละ 10 ครัง้
xiàn z à i h ě n d u ō r é n x ǐ huān w á n diàn n ǎ o

1. 现在很多人喜欢玩电脑。สมัยนี ้คนส่วนใหญ่ชอบเล่นคอมพิวเตอร์
xiàn z à i s h ì shén m e s h í h ò u

2. 现在是什么时候?ตอนนี ้เป็ นเวลาไหนแล้ ว(เช้ า สาย บ่าย ค่า)


z ǎ o shang shàng w ǔ xià w ǔ w ǎ n shang

(早 上 、 上 午、下午、晚 上 )

xiàn z à i s h ì shén m e s h í jiān zhōng w ǔ s h í è r diǎn b à n l e

3. A:现在是什么时间?B: 中 午十二点半了。ตอนนี ้เป็ นเวลากี่โมงแล้ ว


เวลาเที่ยงครึ่ง
n ǐ z ě n m e xiàn z à i c á i l á i

4. A:你怎么现在才来?ทาไมเธอป่ านนี ้เพิ่งมา


duì b u q ǐ w ǒ c h ē huài l e

B: 对不起,我车坏了。ขอโทษครับ รถผมเสีย

shí


jiān

s h í jiān j i ù s h ì shēngmìng

5. 时间就是 生 命。เวลาคือชีวิต
t ā s u ī r á n x u é h à n y ǔ d e s h í jiān b ù c h d à n s h ì shuō d e h ě n h ǎ o

6. 她虽然学汉语的时间不长,但是说得很好。แม้ วา่ เธอเรี ยน


ภาษาจีนไม่นานนัก แต่เธอก็พดู ภาษาจีนได้ ดีมาก
w ǒ m e n d ǎ wǎng q i ú d ǎ l e d u ō cháng s h í jiān l e

7. A: 我们打网球打了多 长 时间了?พวกเราใช้ เวลาตีเทนนิสนานเท่าไรแล้ ว


d ǎ l e c h à b u d u ō y í g è xiǎo s h í l e

B: 打了差不多一个小时了。ตีมาประมาณหนึ่งชัว่ โมงแล้ ว
n ǐ y ó u l e d u ō cháng s h í jiān l e

8. A: 你 游 了多 长 时间了?เธอว่ายน ้านานเท่าไรแล้ ว
w ǒ y ó u l e y í g è xiǎo s h í l e

B: 我游了一个小时了。ฉันว่ายมาหนึง่ ชัว่ โมงแล้ ว


háiyóu m a

A: 还游吗?จะว่ายอีกไหม
b ù xiǎng y ó u l e

B: 不 想 游了。ไม่อยากว่ายแล้ ว

diǎn

fēn


xiàn z à i l i ù diǎn b ā f ē n

9. 现在六点八分。ตอนนี ้หกโมงแปดนาที
k è

s h í y ī diǎn s ā n k è

10. 11.45 十一点三刻。สิบเอ็ดโมงสี่สิบห้ านาที

chà

c h à w ǔ f ē n s h í è r diǎn

11. 11.55 差五分十二点。ขาดอีกห้ านาทีเวลาเที่ยง


bàn

j i ǔ diǎn b à n

12. 9.30 九点半。เก้ าโมงครึ่ง

miǎo

y ī f ē n zhōng y ǒ u l i ù s h í miǎo

13. 一分 钟 有六十秒 หนึง่ นาทีมีหกสิบวินาที


è r t ì huàn c í y ǔ

(二) 替换词语。นาคาศัพท์ที่ให้ มาแทนที่คาศัพท์ที่ขีดเส้ นใต้


xiàn z à i j ǐ diǎn
11:35 12:10
1) A : 现在几点?
xiàn z à i 3:45 8:15
B : 现在 7:25 。 2:30 5:20
2:55 4:25
n ǐ z u ò l e d u ō cháng s h í jiān d e h u ǒ c h ē

A : 你 坐了多 长 时间(的)火车?
z u ò l e b ā g è d u ō xiǎo s h í

B : 坐了八个多小时。
xué hàn y ǔ y ī nián d u ō

学 汉语 一年多
t ī z ú qiú y í g è xià w ǔ

踢 足球 一个下午
tīng yīnyuè b à n g è xiǎo s h í

听 音乐 半个小时

เกร็ดน่ ารู้
xīng q ī

สาหรับเรื่ องของ วันในภาษาจีน ก็ให้ ใส่ตวั เลขลงไปหลังคาว่า 星期ซึง่ หมายถึงสัปดาห์


tiān

ไล่ตงแต่
ั ้ 1-6 คือตังแต่
้ วนั จันทร์ ถึงวันเสาร์ แต่พอเป็ นวันอาทิตย์ก็ให้ ใส่คาว่า天 ที่ แปลว่า วัน
xīng q ī tiān l ǐ b à i tiān

ลงไปแทนคือ星期天หรื อใช้ คาว่า 礼拜天


dì sān kè w ǒ men d e guó jiā
:
第 三 课 我们的国家
บทที่ 3 ประเทศของเรา

yī shēng c í
( 一) 生 词 คาศัพท์
ที่ ตัวอักษรจีน พินอิน คาแปล
1. 饭 店里 fàn diàn lǐ ในร้ านอาหาร
2. 国家 ɡuó jiā ประเทศ
3. 时差 Shíchā เวลาที่ตา่ งกัน
4. 季节 jìjié ฤดูกาล
5. 春季 chūnjì ฤดูใบไม้ ผลิ
6. 夏季 xiàjì ฤดูร้อน
7. 秋季 qiūjì ฤดูใบไม้ ร่วง
8. 冬季 dōnɡjì ฤดูหนาว
9. 寒季 hánjì ฤดูหนาว
10. 热季 rèjì ฤดูร้อน
11. 雨季 yǔjì ฤดูฝน
12.. 拜访 bàifǎnɡ เยี่ยมเยียน
13. 泰国 Tài ɡuó ประเทศไทย
14. 中国 Zhōnɡ ɡuó ประเทศจีน
15. 爸爸 bàbà พ่อ
16.. 妈妈 māmā แม่
17. 周末 zhōu mò วันหยุด
18. 当然 dānɡ rán แน่นอน
19. 不一样 bù yí yànɡ ไม่เหมือนกัน
20. 住 zhù อาศัย
è r k è wénhuìhuà

(二)课文会话 บทเรี ยนสนทนา


z à i f à n diàn l ǐ xiǎolóng h é d à míng t ā m e n liǎng g è r é n jiǎng g u ó j i ā

在饭 店里小龙和大明他们 两 个人 讲 国家
ในร้ านอาหาร เสี่ยวหลงกับต้ าหมิง เขาสองคนสนทนากันเกี่ยวกับประเทศของตนเอง
d à míng xiǎolóng n ǐ m e n g u ó j i ā s h í jiān g ē n t à i g u ó b ù y í yàng b a

大 明 : 小龙,你们国家时间跟泰国不一样吧?
ต้ าหมิง เสี่ยวหลงประเทศของเธอกับประเทศไทยแตกต่างกันไหม
xiǎo lóng dāng r á n b ù y ī yàng y ǒ u y í g è xiǎo s h í d e s h í c h ā n e

小 龙 : 当然不一样,有一个小时的时差呢。
เสี่ยวหลง แน่นอนแตกต่างกัน มีอยูอ่ ย่างหนึง่ คือเวลาที่แตกต่างกัน
d à míng n ǐ men n à e r zǎoháishìtàiguózǎo

大 明 : 你们那儿早还是泰国早?
ต้ าหมิง เวลาประเทศไหนเร็วกว่าหรื อประเทศไทยเร็ วกว่า
zhōng g u ó b ǐ z h è e r z ǎ o y í g è xiǎo s h í xiàn z à i zhōng g u ó s h í è r diǎn
xiǎo lóng 中 国比这儿早一个小时。现在 中 国十二点
小 龙 : duō w ǒ m e n c á i s h í y ī diǎn

多,我们才十一点。
ประเทศจีนเร็ วกว่าประเทศไทย1ชัว่ โมง ตอนนี ้ที่ประเทศจีนเวลาสิบสองโมง
เสี่ยวหลง
พวกเราเพิ่งสิบเอ็ดโมง
d à míng j ì j i é g ē n t à i g u ó y í yàng m a

大 明 : 季节跟泰国一样吗?
ต้ าหมิง ฤดูกาลกับประเทศไทยเหมือนประเทศไทยไหม
xiǎo lóng y ě b ù y ī yàng zhōng g u ó y ǒ u chūn xià qiū dōng s ì g è j ì j i é

小 龙 : 也不一样, 中 国有春、夏、秋、冬四个季节。
ก็ไม่เหมือนอีก ประเทศจีนมีฤดูใบไม้ ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ ร่วงและ ฤดูหนาว
เสี่ยวหลง
สี่ฤดู
d à míng
: tàiguóyǒuhán r è y ǔ sān g è j ì jié
大 明 泰国有寒、热、雨三个季节。
ต้ าหมิง ประเทศไทยมีสามฤดู ฤดูหนาว ฤดูร้อนและฤดูฝน สามฤดู
xiǎo lóng d à míng n ǐ jiā l ǐ yǒu j ǐ kǒurén
:
小 龙 大明,你家里有几口人?
เสี่ยวหลง ต้ าหมิงบ้ านเธอมีคนกี่คน
d à míng yǒusānkǒurén n ǐ n e
:
大 明 有三口人,你呢?
ต้ าหมิง มีสามคน เธอล่ะ
xiǎo lóng w ǒ jiā y ě yǒusānkǒurén
:
小 龙 我家也有三口人。
เสี่ยวหลง ฉันก็มีสามคน
d à míng n ǐ l á i t à i g u ó z h ù d u ō cháng s h í jiān l e
:
大 明 你来泰国住多 长 时间了?
ต้ าหมิง เธอมาอยู่ประเทศไทยนานเท่าไรแล้ ว
w ǒ y ǐ jīng z h ù z h è l ǐ liǎngnián l e w ǒ b à b a m ā m ā y ě láitàiguó
:
xiǎo lóng 我已经住这里 两 年了。我爸爸妈妈也来泰国
小 龙 gōng z u ò

工作。
เสี่ยวหลง ก็ประมาณเกือบสองปี แล้ วนะ พ่อแม่ของฉันก็มาทางานที่ประเทศไทย
d à míng zhōu m ò w ǒ xiǎng q ù n ǐ j i ā b à i fǎng n ǐ d e b à b a m ā m ā k ě y ǐ m a
:
大 明 周末我 想 去你家拜访你的爸爸妈妈,可以吗?
ต้ าหมิง ฉันจะไปบ้ านเธอเยี่ยมเยียนพ่อแม่เธอได้ ไหม
xiǎo lóng k ě y ǐ zhōu m ò jiàn
:
小 龙 可以,周末见。
เสี่ยวหลง ได้ วันหยุดพบกัน
d à míng zhōu m ò jiàn
:
大 明 周末见。
ต้ าหมิง วันหยุดพบกัน
sān j ī běn j ù shì

(三)、基本句式 โครงสร้ างประโยคพื ้นฐาน

1. ประโยคพื ้นฐานภาษาจีนจะประกอบด้ วยโครงสร้ างประโยค “ประธาน + กริยา + กรรม” เช่น


t ā m e n liǎng g è r é n jiǎng g u ó j i ā

他们 两 个人 讲 国家。 เขาทังสองคนพู
้ ดคุยกันเรื่ องของประเทศของตนเอง
kǒu

2. “口” โดยปกติจะแปลว่าปาก แต่ในที่นี ้เป็ นลักษณะนามเฉพาะของสมาชิกในครอบครัวมีกี่


n ǐ jiā l ǐ yǒu j ǐ kǒurén yǒusānkǒurén

คน你家里有几口人?ครอบครัวของคุณมีกี่คน? 有三口人。คาตอบมี 3 คน
n e yǒ u sā n kǒ u r é n

3. “呢 ”ใช้ ตอ่ ท้ ายวลี หรื อประโยคที่กล่าวถึงมาก่อนเพื่อเป็ นการย้ อนถาม เช่น 有 三 口 人 ,


n ǐ n e

你呢? มีสามคนแล้ วคุณล่ะ


s ì h à n z ì b ǐ shùn

(四)、汉字笔顺ลาดับเขียนตัวอักษรจีน

jiā

(1)家

tíng

(2)庭

bài

(3)拜

fǎng

(4)访
w ǔ h à n z ì liàn x í

(五) 汉字练习 ฝึ กเขียนลาดับการเขียนอักษรจีน

jiā

tíng


zào j ù

คาสั่ง วิธีการสร้ างประโยค 造句 ให้ เขียนประโยคเหล่านี ้ ประโยคละ 10 ครัง้ และให้ อ่านออกเสียง


ดัง ๆอย่างตังใจ
้ ประโยคละ 10 ครัง้
xiàn z à i n ǐ d e j i ā z à i n ǎ e r

5. A: 现在你的家在哪儿?ปัจจุบนั บ้ านของเธออยูท่ ี่ไหน


zàitàiguó

B: 在泰国。อยู่ประเทศไทย
w ǒ j i ā tíng y ǒ u s ì k ǒ u r é n b à b a m ā m ā g ē g ē h é w ǒ

6. 我家庭有四口人,爸爸、妈妈、哥哥和我。ครอบครัวของฉันมี สี่
คน มีพอ่ แม่ พี่ชายและฉัน
zhèshì w ǒ d e jiā l ó u shàng y ǒ u s ā n jiān w ò s h ì y ǒ u y í g è d à k è tīng y í g è hěn

7. 这是我的家。楼 上 有三间卧室,有一个大客厅,一个很
d à d e c h ú fáng w ǒ jiā rán b ú tài d à dànshìhěnshūshì

大的厨房。我家虽然不太大,但是很舒适。
นี่คือบ้ านของฉัน มี 3 ห้ องนอน มีห้องรับแขก 1 ห้ อง มีห้องครัวขนาดใหญ่ 1 ห้ อง แม้ วา่
บ้ านของฉันจะไม่ใหญ่โตมาก แต่ก็สขุ สบายและชื่นมื่น

bài

fǎng

访
shàng g è xīng q ī w ǒ m e n y ì q ǐ q ù b à i fǎng l e y ī w è i l ǎ o s h ī

上 个星期,我们一起去拜访了一位老师。เมื่ออาทิตย์ก่อนพวกเรา
4.
ไปคารวะ เยี่ยมเยียนอาจารย์ทา่ นหนึง่
x i à g è xīng q ī w ǒ m e n y ì q ǐ d ǎ suan q ù b à i fǎng d u ō y ī w è i l ǎ o s h ī

5.. 下个星期,我们一起打算去拜访多 一位老师。อาทิตย์หน้ า


พวกเราวางแผนไปคารวะเยี่ยมเยียนอาจารย์อีกท่านหนึง่

ใช้ คาในสี่เหลี่ยมข้ างล่างนี ้แทนคาที่ขีดเส้ นใต้ ใน ใช้ คาในสี่เหลี่ยมข้ างล่างนี ้แทนคาที่


ข้ อ A ขีดเส้ นใต้ ในข้ อ B
tā tā sān

他 他 三
tā tā sì

她 她 四
t ā men t ā men

他们 他们
n ǐ men w ǒ men

你们 我们
liù liàn x í t ì huànliàn x í

(六)练习 แบบฝึ กหัด 替换练习 จงฝึ กใช้ คาแทน


n ǐ guójiāyǒu j ǐ g è j ì jié w ǒ guójiāyǒusān j ì jié

(1) A : 你国家有几个季节? B : 我国家有三季节。

n ǐ z u ì x ǐ huanshén m e j ì j i é

(2) A : 你最喜欢什么季节?
w ǒ z u ì x ǐ huan y ǔ j ì

B :我最喜欢雨季。

ใช้ คาในสี่เหลี่ยมข้ างล่างนี ้แทนคาที่ขีดเส้ นใต้ ใน ใช้ คาในสี่เหลี่ยมข้ างล่างนี ้แทนคาที่ขีด


ข้ อ 2 A เส้ นใต้ ในข้ อ B
mā ma tā yé yé tā chūn j ì rèjì

妈 妈 她 爷 爷 他 春季 热季
jiě jie tā nǎi nǎi tā xià j ì yǔjì

姐 姐 她 奶 奶 她 夏季 雨季
gē ge tā dì dì tā qiū j ì

哥 哥 他 弟 弟 他 秋季
mèi mei tā gū gū tā dōng j ì

妹 妹 她 姑 姑 她 冬季
hán j ì

寒季
b à b a

เกร็ดน่ ารู้ คาใช้ เรี ยกบุคคลต่าง ๆในครอบครัวใช้ ได้ ทงทั


ั ้ ว่ ไปเช่น爸爸พ่อ ทางการ
f ù qī n mā m a m ǔ qī n

เรี ยกว่า父亲 妈妈แม่หรื อ 母亲


dìsìkè mǎidōng x ī
:
第四课 买东西
บทที่ 4 : ซือ้ ของ

y ī shēng c í

一、 生 词 คาศัพท์
ที่ ตัวอักษร พินอิน คาแปล
1. 欢迎 huān yínɡ ยินดี
คากล่าวต้ อนรับเมื่อแขกมา
2. 光临 ɡuānɡ lín
เยือน
3. 水果市场 shuǐ ɡuǒ shì chǎnɡ ตลาดผลไม้
4. 苹果 pínɡ ɡuǒ แอปเปิ ล
5. 芒果 mánɡ ɡuǒ มะม่วง
6. 龙眼 lónɡ yǎn ลาใย
7. 红毛丹 hónɡ máo dān เงาะ
8. 西瓜 xī ɡuā แตงโม
9. 枣子 zǎo zi พุทรา
10. 柠檬 nínɡ ménɡ มะนาว
11. 樱桃 yīnɡ táo เชอร์ รี
12. 一公斤 yī ɡōnɡ jīn หนึง่ กิโลกรัม
13. 一共 yí ɡònɡ รวมทังหมด้
14. 需要 xū yào ต้ องการ
15. 多少钱 duō shǎo qián ราคาเท่าไร
16. [泰]铢 [tài]zhū บาท (เงินบาทไทย)
17. 可以 kě yǐ ได้
18. 便宜 pián yi ถูก, ราคาถูก
19. 一点儿 yì diǎnr นิดหน่อย
20. 给 ɡěi ให้
21. 钱 qián เงิน
22. 包子 bāo zi ซาลาเปา
23. 名片 mínɡ piàn นามบัตร
24. 铅笔 qiān bǐ ดินสอ
25. 烧麦 shāo mài ขนมจีบ
26. 颜色笔 yán sè bǐ ดินสอสี
27. 信 xìn จดหมาย
28. 还 hái ยัง
29. 下次 xià cì โอกาสหน้ า
30. 再来 zài lái มาอีกครัง้

è r k è wén huì huà


二、课文会话 บทเรียนสนทนา
z à i shuǐ g u ǒ s h ì chǎng l ǐ d à míng y à o m ǎ i y ì x i ē shuǐ g u ǒ

在水果市 场 里大明要买一些水果。ที่ตลาดผลไม้ ต้ าหมิง ไปซื ้อผลไม้


m à i shuǐ g u ǒ d e
: n í n h ǎ o n í n m ǎ i shén m e
卖水果的
rén 您好,您买什么?

แม่ค้าผลไม้ สวัสดีคะ่ ท่านจะซื ้ออะไรคะ
d à míng w ǒ m ǎ i píng g u ǒ d u ō shǎoqián y ī gōng j ī n

大明 我买苹果 ,多少钱一公斤?
ต้ าหมิง ฉันต้ องการซื ้อแอปเปิ ล ราคากิโลกรัมละเท่าไร
m à i shuǐ g u ǒ d e
:
卖水果的 tài zhū

rén 50 [泰] 铢。

แม่ค้าผลไม้ ห้ าสิบบาท
d à míng máng g u ǒ n e

大明 芒果呢?
ต้ าหมิง มะม่วงล่ะ( ราคากิโลกรัมละเท่าไร)
m à i shuǐ g u ǒ d e
:
卖水果的 tài zhū

rén 20 [泰] 铢。

แม่ค้าผลไม้ ยี่สิบบาท
d à míng tàiguì l e xíng m a
: pián y i y ī diǎn é r

大明 太贵了,便宜一点儿。行吗 ?
ต้ าหมิง ราคาถูกลงอีกหน่อยได้ ไหมครับ
píng g u ǒ suàn máng g u ǒ zhū y à o d u ō shǎo
m à i shuǐ g u ǒ d e
:
卖水果的 苹果算45芒果15铢!要多少?
rén

แม่ค้าผลไม้ แอปเปิ ลคิดสี่สิบห้ าบาท มะม่วงสิบห้ าบาท จะซื ้อเท่าไรคะ
píng g u ǒ y à o s ā n gōng j ī n máng g u ǒ y à o y ī gōng j ī n y í gòng d u ō
:
d à míng 苹果要三公斤,芒果要一公斤。一共多
大明 shǎoqián

少钱?
แอปเปิ ลซื ้อสามกิโลกรัม มะม่วงซื ้อหนึง่ กิโลกรัม รวมทังหมดเท่
้ าไร
ครับ
m à i shuǐ g u ǒ d e
:
卖水果的 tài zhū qǐng w è n n í n h á i x ū y à o diǎn é r shén m e

rén 150 [泰] 铢。请问您还需要点儿什么 ?



แม่ค้าผลไม้ : หนึง่ ร้ อยห้ าสิบบาท ขอถามหน่อยค่ะ คุณต้ องการอะไรอีกไหมคะ
d à míng
: b ú yào l e g ě i n ǐ qián

大明 不要了,给你钱。
ต้ าหมิง : ไม่ต้องการแล้ ว , ให้ เงินครับ
m à i shuǐ g u ǒ d e
:
卖水果的 xiè xiè huānyíng n í n x i à c ì z à i l á i

rén 谢 谢 !欢迎您下次再来!

แม่ค้าผลไม้ : ขอบคุณค่ะ โอกาสหน้ าเชิญใหม่นะคะ

sān j ī běn j ù shì

三、基本句式 โครงสร้ างประโยคพืน้ ฐาน


gěi

1. ประโยค “给” + ประธาน + คานาม เป็ นโครงสร้ างประโยคที่ใช้ พดู ในขณะที่ผ้ พู ดู ส่ง
g ě i n ǐ qián

สิ่งของให้ กบั คูส่ นทนา ดังตัวอย่างประโยค给你钱。


zài zài

2、ประโยค “再+ กริยา”“再” เป็ นคากริยาวิเศษณ์ หมายถึง “อีกครัง้ ” ในการใช้ จะวางไว้


huānyíng n í n x i à c ì

หน้ าคากริยา ซึง่ แสดงถึงว่าจะกระทากริยานัน้ ๆ อีกครัง้ หนึง่ ดังตัวอย่างประโยค欢迎您下次


zàilái

再来。
s ì h à n z ì b ǐ shùn

四、汉字笔顺 ลาดับเขียนตัวอักษรจีน
huān
(1) 欢

yíng
(2) 迎

guāng
(5) 光
lín
(5)临

qǐng
(3) 请

w ǔ h à n z ì liàn x í

五 汉字练习 ฝึ กเขียนลาดับการเขียนอักษรจีน
huān

yíng

guāng

lín

zào j ù

คาสัง่ วิธีการสร้ างประโยค 造句 ให้ เขียนประโยคเหล่านี ้ ประโยคละ 10 ครัง้ และให้ อ่านออกเสียง


ดัง ๆอย่างตังใจ
้ ประโยคละ 10 ครัง้
huānyíngguānglín

1. 欢迎光临。ยินดีต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ
rèlièhuānyíng

2. 热烈欢迎。ยินดีต้อนรับ

qǐng

qǐng w è n

3. 请问 ขอถามหน่อย
qǐng z u ò

4. 请坐 เชิญนัง่
qǐng j ì n

5. 请进 เชิญเข้ ามา

liù liàn x í

六、练习แบบฝึ กหัด
y ī t ì huàn y ǔ k u ò zhǎn

(一)替换与扩展。ให้ นาคาศัพท์ที่กาหนดให้ มาแทนคาที่ขีดเส้ นใต้ ในประโยคให้ สมบูรณ์


n í n m ǎ i shén m e

1、您买什么?
w ǒ m ǎ i píng g u ǒ

我买 苹果。
lóng y ǎ n zǎo z i

龙眼 枣子
hóng m á o d ā n níngméng

红毛丹 柠檬
x ī guā yīng t á o

西瓜 樱桃
g ě i n ǐ qián

2、给你钱。
bāo z i shāo m a i

包子 烧麦
míngpiàn yán s è b ǐ

名片 颜色笔
qiān b ǐ xìn

铅笔 信

เกล็ดน่ ารู้
ในการซื ้อของเราจะบูรณาการความรู้ภาษาจีนหลาย ๆอย่างเช่นเรื่ องของการทอนเงิน
shén m e y á n s è d e yǒu

ตัวเลข สีสนั ประเภท เช่น什么颜色的" สีอะไร หรื อความต้ องการเช่นประโยคคาถาม 有


meiyǒu

没有…?หมายถึงมีหรื อไม่มี
บรรณานุกรม
บริหารงานการศึกษานอกโรงเรี ยน,สานัก. หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขัน้
พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ : กลุม่ พัฒนาการศึกษานอกโรงเรี ยน 2551.
. กรอบมาตรฐานการเรี ยนรู้ และสาระการเรี ยนรู้ หมวดวิชา
ภาษาต่ างประเทศ (ภาษาจีน) ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการจัดการศึกษานอกโรงเรียน
หลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2544. กรุงเทพฯ : กลุม่ พัฒนาการศึกษานอก
โรงเรี ยน 2549.
พัฒนาการศึกษานอกโรงเรี ยน,กลุม่ . 中文好容易 ภาษาจีนง่ ายนิดเดียว.
กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ดอกเบี ้ย, 2552.
หวางกวนหวินและเฉินเหว่ยกวง.初学中文 ภาษาจีนสาหรั บผู้เริ่มต้ นใน 3 ก้ าว. กรุงเทพฯ :
โรงพิมพ์ดอกหญ้ า, 2549.
国家汉语国际推广领导小组办公室。 国际汉语教学通用课程
大纲。北京:2008。
郭正艳。小学生组词造句词 。吉林:2006。
龙国涛。学前儿童应知应会书。吉林:2005。
杨寄洲。汉语教程第二册(上)北京:2002。

เวปไซด์
http://www.jiewfudao.com อัพเดท 21 สิงหาคม 2552
http://www.china2learn.com อัพเดท 15 กรกฎาคม 2549
http://www.lovechineseclub.com อัพเดท 10 สิงหาคม 2552
http://www.ticthai.com อัพเดท 15 สิงหาคม 2552
ภาคผนวก
พินอิน
hàn y ǔ pīnyīn
พินอิน หรื อ ฮัน่ อวี่พินอิน (汉 语 拼 音 ) คือ ระบบในการถ่ายถอดเสียงภาษาจีน
มาตรฐาน ด้ วยตัวอักษรโรมัน ความหมาย ของ พินอิน คือ "การรวมเสียงเข้ าด้ วยกัน"
( การเขียนแบบสัทศาสตร์ การสะกด การถ่ายถอดเสียง หรื อการทับศัพท์) มีส่วนประกอบทังหมด
้ 5 ส่วน
คือ ตัวอักษรโรมัน สัทอักษรแทนเสียงพยัญชนะ สัทอักษรแทนเสียงสระ เครื่ องหมายวรรณยุกต์และ
หลักการเขียนตัวสะกด ดังนี ้
z ì m ǔ biǎo
1.字母 表 :ตัวอักษรโรมันในการถอดเสียงตัวอักษรจีน

Aa Bb Cc Dd Ee Ff Gɡ Hh
Ii Jj Kk Ll Mm Nn Oo Pp
Qq Rr Ss Tt Uu Ww Xx Yy Zz

shēng m ǔ biǎo
2. 声 母 表 :สัทอักษรแทนเสียงพยัญชนะ 21 รูป 23 เสียง

b p m f d t n l g k h j q x zh ch sh r z c s y w
1 1

1
เสียงพยัญชนะ y และ w เป็ นเสียงพยัญชนะกึ่งสระ ใช้ เขียนแทนเสียงสระ i และ u ตามลาดับ เมื่อเป็ นเสียงสระผสมซึง่ อยูใ่ น
ตาแหน่งต้ นพยางค์ และใช้ เขียนไว้ หน้ าสระเดี่ยว i และ u ตามลาดับ เมื่อไม่ได้ ปรากฏร่วมกับเสียงพยัญชนะอื่น นอกจากนี ้ยังเขียน y
ไว้ หน้ าเสียงสระ ü ทังที
้ ่เป็ นสระเดี่ยวและสระผสม เมื่อไม่ได้ ปรากฏร่วมกับเสียงพยัญชนะอื่น
shēng m ǔ yùn m ǔ
“พินอิน” คล้ ายกับระบบประสมเสียงในภาษาไทย มีทงั ้ พยัญชนะ 声 母 สระ 韵 母 และ

shēngdiào
วรรณยุกต์ 声 调

yùn m ǔ biǎo
3.韵母 表 :สัทอักษรแทนเสียงสระ 37 รูป 39 เสียง แบ่งเป็ น

ชุดที่ 1 ประกอบด้ วย a(อา) o(โอ) e(เออ) ê (เอ) -i (อือ) -i (อรื อ) er (เออร์ – ม้ วนลิ ้น)

ai(อาย) ei(เอย) ao(อาว) ou(โอว) an(อาน) en(เอิน) ang(อาง) eng(เอิง) ong(โอง)


ชุดที่ 2 ประกอบด้ วย i(อี) ia(เอีย) iao(เอียว) ie(อีเย ) iou (อิว) ian(เอียน) in(
อิน) iang(เอียง) ing(อิง) iong(อี+โอง)
ชุดที่ 3 ประกอบด้ วย u(อู) ua(วา) uo(อัว) uai(อวย) uei(อุย) uan(วาน) uen(
อุน) uang(วาง) ueng(เวิง)
ชุดที่ 4 ชุดนี ้เวลาออกเสียงต้ องทาปากกลม มี 4 ตัว ประกอบด้ วย ü(อวี ) üe(เอวีย)
üan(เวียน) ün (วิน)
หมายเหตุ : เสียง อวี ในชุดที่4 นี ้เขียนไว้ เป็ นเพียงแนวทางใกล้ เคียงเท่านัน้ ความจริงตัว
อักษรไทยไม่สามารถสะกดเสียงชุดที่ 4 นี ้ได้ ถกู ต้ อง
shēngdiào f ú hào
4. 声 调 符号:เสียงวรรณยุกต์ในภาษาจีนกลางมี 4 เสียง เครื่ องหมายที่ใช้ แทนเสียง

วรรณยุกต์ในภาษาจีนกลาง มีดงั นี ้

— เสียงหนึง่ (เสียง 1) / เสียงสอง (เสียง 2)

ˇ เสียงสาม (เสียง 3) \ เสียงสี่ (เสียง 4)

เครื่ องหมายวรรณยุกต์ทงสี
ั ้ ่เสียงจะอยูบ่ นเสียงสระหลัก
pī nxiě guī z é
5.拼 写 规 则: หลักการเขียนตัวสะกด → หลักการสะกดรวมเสียงเข้ าด้ วยกันของระบบพิน
อิน อวัยวะส่วนต่าง ๆ ที่ใช้ ในการออกเสียง

1. ริมฝี ปากบน shàngchún


上 唇
2. ริมฝี ปากล่าง xiàchún
下唇
3. ฟั นบน shàngchǐ
上 齿
4. ฟั นล่าง xiàchǐ
下齿
5. ปุ่ มเหงือก y á chuáng
牙 床
6. เพดานแข็ง yìng è
硬腭
7. เพดานอ่อน ruǎn è
软腭
8. ลิ ้นไก่ xiǎoshé
小舌
9. ปลายลิ ้น shéjiān
舌尖
10. กลางลิ ้น shézhōng
舌 中
11. โคนลิ ้น shémiàn
舌面
12. โพรงจมูก b í qiāng
鼻 腔
13. ช่องปาก kǒuqiāng
口 腔
14. ลาคอ hóulóng
喉咙
15. กล่องเสียง hóu

16. หลอดอาหาร xiāohuàdào
消 化道
17. หลอดลม q ì guǎn
气管
18. เส้ นเสียง shēngdài
声 带
เสียงเกิดจากลมที่ปอดเดินทางผ่านหลอดลมขึ ้นมาไปยังช่องปาก หรื อโพรงจมูก จึงกลาย
ออกมาเป็ นเสียงที่เราได้ ยินกัน แต่ในระหว่างที่เดินทางผ่านช่องปาก จะผ่านกระบวนการพาสเจอร์ ไรซ์
เสียก่อนจึงจะกลายเป็ นเสียงในภาษานัน้ ๆ ซึง่ ระหว่างที่เสียงผ่านช่องปากนี ้ใช้ 3 กระบวนท่า คือ
ตาแหน่งของลิ ้น ความสูงต่าของลิ ้น และริมฝี ปาก เราต้ องรู้วา่ เสียงนี ้ เสียงนันในภาษาจี
้ นใช้ ตาแหน่ง
ใดของลิ ้น หรื อริมฝี ปากอยู่ในลักษณะไหน เราถึงจะสามารถออกเสียงนัน้ ๆ ได้ อย่างถูกต้ อง ชัดเจน
ลักษณะการออกเสียง
1. เสียงที่เกิดจากริมฝี ปาก b [ p]เสียงโฆษะ ไม่พน่ ลม กักลมไว้ ที่ริมฝี ปาก ริมฝี ปาก
ชิดกันแน่น กักลมไว้ ในช่องปากและระเบิดลมออกมาอย่างรวดเร็ว รุนแรง โดยทัว่ ไปเรี ยกว่า “ เสียงไม่
พ่นลม” เทียบเสียงในภาษาไทย “ป” p [p‘]เสียงโฆษะ พ่นลม กักลมไว้ ที่ริมฝี ปาก ตาแหน่งการ
ออกเสียงเหมือน b ใช้ แรงในการขับลมออกมา โดยทัว่ ไปเรี ยกว่า “ เสียงพ่นลม” เทียบเสียงใน
ภาษาไทย “พ(ผ)”m [m]เสียงนาสิก ไม่พน่ ลม กักลมไว้ ที่ริมฝี ปาก ริมฝี ปากชิดกันแน่น เพดาน
อ่อนและลิ ้นต่าลง ลมออกจากช่องจมูก เส้ นเสียงสัน่ สะเทือน เทียบเสียงในภาษาไทย “ม” f [f]
เสียงสอดแทรก เกิดจากริมฝี ปากและฟั น ฟั นบนแตะริมฝี ปากล่าง ลมสอดแทรกออกมาจากระหว่าง
กลาง เส้ นเสียงไม่สนั่ สะเทือน เทียบเสียงในภาษาไทย “ฟ(ฝ)”

2. เสียงที่เกิดจากปลายลิน้ d [t] เสียงโฆษะ ไม่พน่ ลม กักลมไว้ ที่ปลายลิ ้น ปลาย


ลิ ้นดันไว้ ที่เหงือก กักลมไว้ ในช่องปาก เลื่อนปลายลิ ้นลงอย่างรวดเร็ วให้ ลมระเบิดออกมาอย่างรุนแรง
เส้ นเสียงไม่สนั่ สะเทือน เทียบเสียงในภาษาไทย “ต” t [t‘]เสียงโฆษะ พ่นลม กักลมไว้ ที่ปลาย
ลิ ้น ตาแหน่งการออกเสียงเหมือนกับ d ต้ องพ่นลมขณะลมถูกระเบิดออกมาจากในช่องปาก เทียบ
เสียงในภาษาไทย “ท (ถ)” n [n]เสียงนาสิก กักลมไว้ ที่ปลายลิ ้น ปลายลิ ้นดันเหงือกไว้ เพดาน
อ่อนและลิ ้นต่าลง ช่องจมูกเปิ ดออก เส้ นเสียงสัน่ สะเทือน เทียบเสียงในภาษาไทย “น” l [l]เสียงที่
เปล่งออกโดยการใช้ ปลายลิ ้นแตะฟั นบน เกิดจากการกักลมไว้ ที่ปลายลิ ้น ปลายลิ ้นดันเหงือกไว้ ค่อน
ไปด้ านหลังมากกว่า n เล็กน้ อย ลมออกทางด้ านข้ างทังสองของลิ
้ ้นส่วนหน้ า เส้ นเสียงสัน่ สะเทือน
เทียบเสียงในภาษาไทย “ล”

3. เสียงที่เกิดจากโคนลิน้ ɡ[k]เสียงโฆษะ ไม่พน่ ลม เสียงเกิดจากโคนลิ ้น โคนลิ ้นดัน


เพดานอ่อนไว้ และให้ โคนลิ ้นห่างออกจากเพดานอ่อนอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ ลมถูกระเบิดออกมา เส้ น
เสียงไม่สนั่ สะเทือน เทียบเสียงในภาษาไทย “ก” k [k‘]เสียงโฆษะ พ่นลม เสียงเกิดจากการกัก
ลมไว้ ที่โคนลิ ้น ตาแหน่งการออกเสียงเหมือนกับ ɡ ต้ องพ่นลมขณะลมถูกระเบิดออกมาจากในช่อง
ปาก เส้ นเสียงไม่สนั่ สะเทือน เทียบเสียงในภาษาไทย “ ค ( ข )” h [x]เสียงเสียดแทรก เกิด
จากการกักลมไว้ ที่โคนลิ ้น โคนลิ ้นวางอยูใ่ กล้ เพดานอ่อน ลมถูกสอดแทรกออกมาจากตรงกลาง เส้ น
เสียงไม่สนั่ สะเทือน เทียบเสียงในภาษาไทย “ ฮ ( ห )”

4. เสียงที่เกิดจากด้ านหน้ าปลายลิน้ z [ts]เสียงกึ่งโฆษะกึ่งสอดแทรก ไม่พน่ ลม


เกิดจากการกักลมไว้ ที่ด้านหน้ าปลายลิ ้นขณะออกเสียงปลายลิ ้นวางราบเรี ยบ และดันอยูด่ ้ านหลังฟั น
เทียบเสียงในภาษาไทย “ จือ ” c [ts‘]เสียงกึ่งโฆษะกึ่งสอดแทรก พ่นลม เกิดจากการกักลมไว้
ที่ด้านหน้ าปลายลิ ้น ตาแหน่งการออกเสียงเหมือนกับ z และต้ องพ่นลมออกมาอย่างแรง เทียบเสียง
ในภาษาไทย “ ชือ ” s [s]เสียงโฆษะ กักลมไว้ ที่ด้านหน้ าปลายลิ ้น ปลายลิ ้นอยูใ่ กล้
ด้ านหลังฟั นล่าง ลมจะถูกสอดแทรกออกมาจากตรงกลางระหว่างตรงกลางลิ ้นต่อตรงกลางฟั นด้ านบน
เทียบเสียงในภาษาไทย “ซือ”

5. เสียงที่เกิดจากด้ านหลังปลายลิน้ zh [tş] เสียงกึ่งโฆษะกึ่งสอดแทรก ไม่พน่ ลม


กักลมไว้ ที่ด้านหลังลิ ้น ปลายลิ ้นม้ วนขึ ้นมาแตะเพดานแข็ง ลมสอดแทรกและระเบิดออกมาจากตรง
กลางระหว่างปลายลิ ้นและเพดานแข็ง เส้ นเสียงไม่สนั่ สะเทือน เทียบเสียงในภาษาไทย “จรื อ” ch
[tş‘]เสียงกึ่งโฆษะกึ่งสอดแทรก พ่นลม กักลมไว้ ที่ด้านหลังลิ ้น ตาแหน่งการออกเสียงเหมือนกับ
zh เทียบเสียงในภาษาไทย “ ชรื อ ”sh [ş]เสียงโฆษะ เกิดการกักลมไว้ ที่ด้านหลังลิ ้น ม้ วน
ปลายลิ ้นขึ ้นมาแตะเพดานแข็ง ลมสอดแทรกออกมาจากตรงกลางระหว่างปลายลิ ้นและเพดานแข็ง
เส้ นเสียงไม่สนั่ สะเทือน เทียบเสียงในภาษาไทย “ซรื อ” r [z] เสียงสอดแทรกและสัน่ สะเทือน
เกิดจากการกักลมไว้ ที่หลังปลายลิ ้น ตาแหน่งการออกเสียงเหมือนกับ sh แต่เป็ นเสียงสัน่ สะเทือน
เทียบเสียงในภาษาไทย “ยรื อ”
6. เสียงที่เกิดจากลิน้ ส่ วนหน้ า j [tç]เสียงกึ่งโฆษะกึ่งสอดแทรก ไม่พน่ ลม เกิดจาก
การกักลมไว้ ที่ปลายลิ ้น ลิ ้นส่วนหน้ าแตะเพดานแข็ง ปลายลิ ้นดันด้ านส่วนหน้ าและเพดานแข็ง เส้ น
เสียงไม่สนั่ สะเทือน เทียบเสียงในภาษาไทย “จี” q[tç‘]เสียงกึ่งโฆษะกึ่งสอดแทรก พ่นลม เกิด
จากการกักลมไว้ ที่ลิ ้นส่วนหน้ า ตาแหน่งการออกเสียงเหมือนกับ j แต่ต้องพ่นลมแรงขึ ้น เทียบเสียงใน
ภาษาไทย “ชี” x[ç] เสียงสอดแทรก เกิดจากการกักลมไว้ ที่ลิ ้นส่วนหน้ า ลิ ้นส่วนหน้ าอยูใ่ กล้
กับเพดานแข็งลมสอดแทรกออกมาจากตรงกลางระหว่างลิ ้นส่วนหน้ ากับเพดานแข็ง เส้ นเสียงไม่
สัน่ สะเทือน เทียบเสียงในภาษาไทย “ซี ” y[y]อัฒสระ เสียงเกิดที่หน้ าลิ ้น (ปุ่ มเหงือก) เสียงก้ อง
เทียบเสียงในภาษาไทย “อี ” w[w]อัฒสระ เสียงเกิดที่ริมฝี ปาก เสียงก้ อง เทียบเสียงใน
ภาษาไทย “อู ” เสียงพยัญชนะต้ นในภาษาจีนกลางทัง้ 21 รูป 23 เสียง ที่ได้ กล่าวมาแล้ วนัน้
สามารถจัดตามลักษณะของเสียงและตาแหน่งที่เกิดของเสียงเป็ นตารางดังนี ้
เสียงพยัญชนะต้ นในภาษาจีนกลาง2

2
รศ.ประพิณ มโนมัยวิบูลย์. ไวยากรณ์จีนกลาง. กรุ งเทพฯ : โครงการตาราคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2541. หน้า5.
ลักษณะของเสียง กักและกึ่ง กักและกึ่ง นาสิกก้ อง เสียดแทรก เสียด ข้ างลิน้
ตาแหน่ งที่เกิด เสียดแทรก เสียดแทรก ไม่ ก้อง แทรก และ
เสียง ไม่ ก้อง ไม่ ก้อง ก้ อง อัฒสระ
ไม่ พ่นลม พ่ นลม ก้ อง
ริมฝี ปาก b[p] p[p‘] m[m] f[f] w[w]

ปุ่ มเหงือก d[t] t[t‘] n[n] l[l]

ปลายลิ ้น-ฟั น z[ts] c[ts‘] s[s]

ปลายลิ ้น-เพดาน zh[tş] ch[tş‘] sh[ş] r[z]

แข็ง

หน้ าลิ ้น(ปุ่ มเหงือก) j[tç] q[tç‘] x[ç] y[y]

เพดานอ่อน(โคน ɡ[k] k[k‘] h[x]

ลิ ้น)
guó j ì yīnbiāo
หมายเหตุ ตัวอักษรในวงเล็บใหญ่[ ]คือ ตัวสัทอักษรสากล (国 际 音 标 :
International Phonetic Alphabets)
เสียงพยัญชนะสะกด
เสียงพยัญชนะสะกดในภาษาจีนกลางมี 2 เสียง3 สัทอักษรที่แทนเสียงพยัญชนะสะกด มี
ดังนี ้

สัทอักษร คาอธิบาย ตัวอย่ าง


n เทียบได้ กบั มาตรา กน (แม่กน) 看 kàn ดู

ng เทียบได้ กบั มาตรา กง (แม่กง) 忙 máng ยุ่ง

yùn m ǔ
韵母 เสียงสระ
เสียงสระ คือ ส่วนหลังพยางค์เสียง มีสระเดี่ยวและสระผสมและสระนาสิกรวม 37 รูป 39
เสียงแบ่งเป็ น ดังนี ้

3
รศ.ประพิณ มโนมัยวิบูลย์. ไวยากรณ์จีนกลาง. กรุ งเทพฯ : โครงการตาราคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2541. หน้า6.
1. เสียงสระเดี่ยว เสียงสระเดี่ยวในภาษาจีนกลางมี 10 เสียง คือ
a(อา) e(เออ) ê(เอ) -i(อือ) -i(อรื อ) o(โอ) u(อู) ü(อวี) er(เออร์ -ม้ วนลิ ้น) i(อี)
2. เสียงสระผสม เสียงสระผสมในภาษาจีนกลางมี 13 เสียง แบ่งเป็ น
2.1 เสียงสระผสมสองเสียงมี 9 เสียง คือ
ai(อาย) ei(เอย) ao(อาว) ou(โอว)
ia(เอีย) ie(อีเย) ua(วา) uo(อัว) üe(เอวีย)

2.2 เสียงสระผสมสามเสียงมี 4 เสียง คือ


iao(เอียว) iou(อิว) uai(อวย) uei (อุย)

3. เสียงสระนาสิกมี 16 เสียง คือ


an(อาน) en(เอิน) ang (อาง) eng(เอิง) ong(โอง)
ian(เอียน) in(อิน) iang (เอียง) ing(อิง) iong(อี-โอง)
uan(วาน) uen(อุน) uang (วาง) ueng(เวิง)
üan(เอยวีน) ün(วิน)
ตารางเสียงสระในภาษาจีนกลาง
i u ü

a ia ua

o uo

e ie üe

-i

-i

er

ai uai

ei ui (uei)

ao iao
ou iu (iou)

an ian uan üan

en in (ien) uen (un) ün (ün)

ang iang uang

eng ing (ieng) ueng

ong iong

ลักษณะการออกเสียง
dā n yùn mǔ
1. เสียงสระเดี่ยว (单 韵母)มีทงหมด
ั้ 10 หน่วยเสียง ได้ แก่
a [A] e [ɤ] ê [e] i [i] o [o] u [u] ü [y] -i [ɿ] -i [ʅ] er [er]
ɑจาก http://www.human.nu.ac.th/206111/web-add/3-1.htm
a[A]ปากอ้ ากว้ างสุด ระดับของลิ ้นอยู่ต่าสุด ริมฝี ปากไม่เป็ นวงกลม เทียบเสียงใน
ภาษาไทย “อา”
e [r]ปากอ้ ากว้ างพอประมาณ ระดับของลิ ้นอยูร่ ะดับสูงกลาง ค่อนไปทางด้ านหลัง ริ ม
ฝี ปากไม่กลม เทียบเสียงในภาษาไทย “เออ”
ê [ε]เวลาออกเสียงปากอ้ ากว้ างครึ่งหนึง่ ระดับของลิ ้นค่อนข้ างต่า เอาลิ ้นส่วนหน้ าไป
ดันหลังฟั นล่างๆไว้ ริมฝี ปากไม่กลม เทียบเสียงในภาษาไทยคล้ ายกับเสียงในภาษาไทย “เอ” แต่เสียง
จะสันกว่
้ า
i [i]ปากอ้ ากว้ างน้ อยที่สดุ ริ มฝี ปากฉีกออก ระดับลิ ้นสูง ค่อนไปทางด้ านหน้ า
เทียบเสียงในภาษาไทย “อี”
o [o]ปากอ้ ากว้ างพอประมาณ ระดับของลิ ้นอยูร่ ะดับสูงกลาง ค่อนไปทาง
ด้ านหลัง ริมฝี ปากกลม เทียบเสียงในภาษาไทย “โอ”
u [u]ปากอ้ ากว้ างน้ อยที่สดุ ริ มฝี ปากกลมที่สดุ ระดับลิ ้นสูง ค่อนไปทางด้ านหลัง
เทียบเสียงในภาษาไทย “อู”
ü [y]ระดับลิ ้นเหมือนกับการออกเสียง[i] แต่ริมฝี ปากกลม รูปปากในการออก
เสียงใกล้ เคียงกับ[u]เทียบเสียงในภาษาไทย “ยวี”
-i [ɿ]เวลาออกเสียงลิ ้นส่วนหน้ ายื่นไปแตะหลังฟั นบนพ่นลมออกมาเล็กน้ อย ริม
ฝี ปากไม่กลมเสียงนี ้จะปรากฏอยูเ่ ฉพาะหลังพยัญชนะ z c s (zi ci si) เทียบเสียงในภาษาไทย “อือ”
-i [∫]เวลาออกเสียงปลายลิ ้นกระดกขึ ้นเกือบจะแตะเพดานแข็งส่วนหน้ าพ่นลมออกมา
เล็กน้ อย ริมฝี ปากไม่กลม เสียงนี ้จะปรากฏอยูเ่ ฉพาะหลังพยัญชนะ zh ch sh r (zhi chi shi ri)
เทียบเสียงในภาษาไทย “อรื อ”
er[er]เวลาออกเสียงลิ ้นส่วนหน้ ายื่นไปแตะหลังฟั นบนพ่นลมออกมาเล็กน้ อย ริ ม
ฝี ปากไม่กลมเสียงนี ้จะปรากฏอยูเ่ ฉพาะหลังพยัญชนะ z c s (zi ci si) เทียบเสียงในภาษาไทย “เออร์ ”
f ù yùn m ǔ
2. เสียงสระผสม (复 韵 母) มีทงหมด
ั้ 8 หน่วยเสียงได้ แก่

ai เสียงนี ้เกิดจากการสะกดหรื อผสมกันระหว่าง เสียงสระ a + i เทียบเสียงภาษาไทย


คือ เสียง “อา + อี” = “ไอ”หรื ออาย
ei เสียงนี ้เกิดจากการสะกดหรื อผสมกันระหว่างเสียง สระ e + i เทียบเสียงภาษาไทย
คือเสียง “เออ + อี” = “เอย”
ao เสียงนี ้เกิดจากการสะกดหรื อผสมกันระหว่างเสียง สระ a + o เทียบเสียง
ภาษาไทย คือเสียง “อา +โอ ” = “เอา”หรื ออาว
ou เสียงนี ้เกิดจากการสะกดหรื อผสมกันระหว่างเสียง สระ o + u เทียบเสียง
ภาษาไทยคือเสียง “โอ +อู ” = “โอว”
ie เสียงนี ้เกิดจากการสะกดหรื อผสมกันระหว่างเสียง สระ i + ê เทียบเสียงภาษาไทย
คือเสียง “เยีย”
üe เวลาออกเสียงตัวนี ้ให้ ยน่ ริ มฝี ปากเข้ าหากันพร้ อมทังเปล่
้ งเสียง “เยวีย” เพราะ
เสียงนี ้เกิดจากการสะกดหรื อผสมกันระหว่างเสียงสระ ü + ê
ข้ อสังเกต เสียงสระ ê มีเสียงเทียบเคียงในภาษาไทยได้ กบั เสียง“เอ ”แต่ไม่มี
ปรากฏให้ เห็นในกลุม่ เสียงสระตัวเดียว เพราะมีเสียงลักษณะพิเศษ และแตกต่างออกไปจากเสียงสระ
ตัวอื่นๆ เวลาสะกดหรื อผสมเข้ ากันกับ i หรื อ ü จึงมีรูปเป็ น ie และ üe
iu เสียงนี ้เกิดจากการสะกดหรื อผสมกันระหว่างเสียง สระ i + ou = iou แต่เขียน
ย่อลงเหลือเป็ น iu เทียบเสียงเคียงในภาษาไทยได้ กบั เสียง “ยิว”
ui เสียงนี ้เกิดจากการสะกดหรื อผสมกันระหว่างเสียง สระ u + ei = uei แต่เขียน
ย่อลงเหลือเป็ น ui เทียบเสียงภาษาไทยคือเสียง “วุย”
b í yùn m ǔ
3. เสียงสระผสมนาสิก (鼻 韵 母)มีทงหมด ั้ 9 หน่วยเสียง ได้ แก่
an เทียบเสียงภาษาไทยคือเสียง “ อาน ”
en เทียบเสียงภาษาไทยคือเสียง “ เอิน ”
in เทียบเสียงภาษาไทยคือเสียง “ อิน ”
un เทียบเสียงภาษาไทยคือเสียง “ วุน ”
ün เทียบเสียงภาษาไทยคือเสียง “ อู ยิน ” เวลาออกเสียงให้ หอ่ ริมฝี ปากเข้ าหา
กันพร้ อมทังเปล่
้ งเสียง ยวิน เพราะเสียงนี ้มีเสียง ü ซึง่ ปกติเราต้ องห่อปาก
ang เทียบเสียงภาษาไทยคือเสียง “ อัง ”
eng เทียบเสียงภาษาไทยคือเสียง “ เอิง ”
ing เทียบเสียงภาษาไทยคือเสียง “ อิง ”
ong เทียบเสียงภาษาไทยคือเสียง “ อง ”
é r huàyīn
4. เสียงม้ วนลิน้ (儿 化 音 )มี 1 หน่วยเสียง ได้ แก่
เสียง er การออกเสียงเหมือน [e]ในขณะเดียวกันปลายลิ ้นต้ องม้ วนงอไป
แตะเพดานแข็ง
shēngdiào
声 调 เสียงวรรณยุกต์ เสียงวรรณยุกต์ในภาษาจีนกลางมี 4 เสียง มีเครื่ องหมายที่ใช้ แทน
เสียงวรรณยุกต์ในภาษาจีนกลางมีดงั นี ้

เครื่องหมาย ระดับเสียง ตัวอย่ าง

ˉ เสียงหนึง่ (เสียง 1) สูงระดับ 55 八 ปา bā แปด

ˊ เสียงสอง (เสียง 2) สูง-ขึ ้น 35 拔 ป๋ า bá ดึง

ˇ เสียงสาม (เสียง 3) ต่า-ตก-ขึ ้น 214 靶 ป่ า bǎ เป้า

ˋ เสียงสี่ (เสียง 4) สูง-ตก 51 爸 ป้า bà พ่อ

พยางค์เสียงวรรณยุกต์ที่แตกต่างกันแสดงความหมายที่แตกต่างกันไปด้ วย

แผนภาพเสียงวรรณยุกต์ ในภาษาจีนกลาง
gāo
↓5 高 สูง
bàngāo
↓4 半高 ครึ่งสูง
zhōng
↓3 中 กลาง
bànzhōng
↓2 半 中 ครึ่งต่า

↓1 低 ต่า

เสียงวรรณยุกต์ทงั ้ 4 เสียงในภาษาจีนกลาง หากเทียบกับเสียงวรรณยุกต์ในภาษาไทยแล้ วจะเห็น


เป็ นดังนี ้
เสียงหนึง่ ของภาษาจีนกลางใกล้ เคียงกับเสียงสามัญในภาษาไทย ต่างกันตรงที่
ระดับเสียงหนึง่ ในภาษาจีนคือ อยูใ่ นระดับสูง 55 ส่วนเสียงสามัญของไทยคืออยูใ่ นระดับกลาง 33
เสียงสองและเสียงสี่ ในภาษาจีนกลางนันใกล้
้ เคียงกับเสียงจัตวาและเสียงโทใน
ภาษาไทย ระดับเสียงสองในภาษาจีนกลางเป็ น 35 ขณะที่เสียงจัตวาในภาษาไทยเป็ น 24 ระดับ
เสียงสี่ในภาษาจีนกลางเป็ น 51 ขณะที่เสียงโทในภาษาไทยเป็ น 41
เสียงวรรณยุกต์ในภาษาจีนกลางไม่อาจเทียบกับเสียงวรรณยุกต์ทงห้ ั ้ าเสียงใน
ภาษาไทย คือ เสียงสาม ซึ่งมีระดับเสียงเป็ น 214
ลักษณะการออกเสียง
1. เสียงวรรณยุกต์ ท่ ี 1 เรี ยกว่า เสียงสูงราบ ซึง่ ใกล้ เคียงกับเสียงวรรณยุกต์
ภาษาไทยเสียงสามัญ แต่แนวเสียงต้ องอยูใ่ นโทนเสียงสูงราบ โดยมีเครื่ องหมายหรื อสัญลักษณ์แทน
เสียงเป็ น “ ˉ ”
2. เสียงวรรณยุกต์ ท่ ี 2 เรี ยกว่า เสียงขึ ้นสูง ซึง่ ใกล้ เคียงกับเสียงวรรณยุกต์
ภาษาไทย เสียงจัตวา โดยมีเครื่ องหมายหรื อสัญลักษณ์แทนเสียงเป็ น “ ˊ ”
3. เสียงวรรณยุกต์ ท่ ี 3 เรี ยกว่าเสียงลงต่าแล้ วขึ ้น ซึ่งใกล้ เคียงกับเสียง
วรรณยุกต์ภาษาไทยเสียงไม้ เอก โดยมีเครื่ องหมายหรื อสัญลักษณ์แทนเสียงเป็ น “ ˇ ”
4. เสียงวรรณยุกต์ ท่ ี 4 เรี ยกว่าเสียงลงต่าตลอด ซึง่ ใกล้ เคียงกับเสียง
วรรณยุกต์ภาษาไทย เสียงไม้ โท โดยมีเครื่ องหมายหรื อสัญลักษณ์แทนเสียงเป็ น “ ˋ ”
ตัวอย่ าง เช่น

八 ( แปด ) 拔 ( ถอน ) 靶 ( เป้า ) 爸 ( พ่อ )


ปา ป๋ า ป่ า ป้า
bā bá bǎ bà
妈 ( แม่ ) 麻 ( ชา ) 马 ( ม้ า ) 骂 ( ด่า )
มา หมา หม่า ม่า
mā má mǎ mà

ตาแหน่ งของเครื่ องหมายเสียงวรรณยุกต์ ในภาษาจีนกลาง


ตาแหน่ งของ สระเดี่ยวและสระนาสิก สระผสมและสระนาสิก
เครื่องหมายวรรณยุกต์
อยูบ่ น a ā ā āo -iā -iāo
ān -uā -uāi
āng -iān -uān -
üān
-iān -uāng
อยูบ่ น o ō ōu -uō
-ōng -iōng
อยูบ่ น e ē ēi iē üē (ue)
ēr
ēn
eng
อยูบ่ น i -ī -uī
-īn
-īng
อยูบ่ น u -ū -iū
-ūn
อยูบ่ น ü -ǖ (ū)
-ǖn (ūn)

การวางเครื่ องหมายแทนเสียงวรรณยุกต์ในภาษาจีนกลาง ให้ วางเครื่ องหมายไว้


เหนือเสียงสระหลัก เช่น mā má mǎ mà หากเป็ นสระผสมก็ให้ เขียนเครื่ องหมายวรรณยุกต์ไว้
เหนือรูปสระที่เป็ นสระหลัก เช่น lāo móu qĭng pèi
เมื่อต้ องวางเครื่ องหมายวรรณยุกต์บนสระ i ต้ องตัดจุดบนตัว i ออกไปก่อน เช่น
jī lí bǐ nì สระ -ü -üe -üɑn - ün เมื่อตามหลังพยัญชนะ j
q x y ต้ องตัดจุดบน ü ออกไปก่อน เช่น jǖ → jū qüé → qué
xüǎn → xuǎn yǜn → yùn จะคงไว้ เมื่อตามหลัง n l เท่านัน้ เช่น nǚ lǜ
lüè nüè
qīngshēng
เสียงเบา( 轻 声 )
ในภาษาจีนยังมีพยางค์เสียงที่ไม่มีวรรณยุกต์ ไม่วา่ ตัวอักษรจีนนันเดิ
้ มจะมีพยางค์
เสียงแทนเสียงใดอยูก่ ็ตาม เวลาออกเสียงจะเบาและสันมาก ้ พยางค์เสียงเหล่านี ้ เรี ยกว่า เสียงเบา
ซึง่ เสียงที่เปล่งออกมานัน้ จะรับอิทธิพลจากพยางค์เสียงตัวหน้ า เวลาเขียนตัวสะกด เสียงเบานี ้จะไม่
มีเครื่ องหมายวรรณยุกต์ เช่น

妈妈 我们 好的 爸爸
māma wǒmen hǎode bàba

ข้ อสังเกต ในการเขียนพินอิน พยางค์เสียงเบาจะไม่มีเครื่ องหมายวรรณยุกต์


pīnyīn
การสะกดหรื อการผสมเสียงของภาษาจีนกลาง 拼 音

โดยปกติทวั่ ไปแล้ ว พยางค์ในภาษาจีนส่วนมากจะเกิดจากเสียงพยัญชนะ เสียงสระ


และเสียงวรรณยุกต์ผสมกัน ตัวอย่างเช่น

m → ǎ → mǎ (马)
b → ǎ → bǎi (白)
j → iǔ → jiǔ (九)
sh → uǐ → shuǐ (水)
h → uā → huā (花)
x → i→ónɡ→ xióng 熊)
แต่ในภาษาจีน มีบางพยางค์ที่เกิดจากเสียงสระและเสียงวรรณยุกต์เท่านัน้
โดยเฉพาะ พยางค์ที่เกิดจาก เสียงสระ i กับเสียงสระ u ตัวอย่างเช่น คาว่า “一” yī มาจากเสียง
สระตัว i และเสียงวรรณยุกต์เสียงที่หนึง่ ดังนันเวลาสะกดพิ
้ นอิน ต้ องเติมตัว y เข้ าไปเขียนเป็ น yī

และคาว่า “五” มาจากเสียงสระ u และเสียงวรรณยุกต์เสียงที่สามเวลาสะกดพินอินต้ องเติมตัว “w”
เข้ าไปเขียนเป็ น wǔ
biàndiào
变 调 การเปลี่ยนเสียง
d e biàndiào
1.“一”的 变 调 การเปลี่ยนเสียงของคาว่า“一”yī ที่แปลว่า“หนึง่ ”
เสียงเดิมของคาว่า“一”ที่เป็ น คาบ่งตัวเลขคือ เสียงที่หนึ่ง เมื่ออ่านโดดๆ หรื อเป็ นตัวเลขหรื อ
จานวนนับ จะอ่านเป็ นเสียงเดิม แต่จะเปลี่ยนเสียงตามเสียงที่อยูม่ าตามหลัง คือ ถ้ าพยางค์เสียงที่อยู่
ตามหลัง“一”เป็ นเสียงที่หนึ่ง เสียงที่สองและเสียงที่สาม“一”จะอ่านออกเสียงเป็ นเสียงที่สี่ ถ้ าพยางค์
เสียงที่อยู่ตามหลัง“一”เป็ นเสียงที่สี่หรื อเสียงเบา“一”จะอ่านออกเสียงเป็ นเสียงที่สอง
1)อ่านจานวนตัวเลขทัว่ ไป

一、二、三…… yī、 èr 、sán…… หนึง่ สองและ สาม

2)อ่านออกเสียงตามพยางค์ที่ตามหลัง เช่น

一天 yìtiān หนึง่ วัน “一” + เสียงที่หนึง่


一年 yì nián หนึง่ ปี “一” + เสียงที่สอง
一本 yìběn หนึง่ เล่ม “一 ”+ เสียงที่สาม
一日 yí rì หนึง่ วัน “一 ”+ เสียงที่สี่
一个 yíge หนึง่ อัน “一 ”+ เสียงเบา
2.“不”的变调 การเปลี่ยนเสียงของตัว“不”bù ปู้ ที่แปลว่า“ไม่”
เสียงวรรณยุกต์ของคาว่า“不”คือ เสียงที่สี่ แต่เมื่ออยูห่ น้ าพยางค์ที่มีเสียงที่สี่ ให้
อ่านออกเสียงเป็ นเสียงที่สอง และเมื่ออยู่หน้ าพยางค์เสียงที่หนึง่ เสียงที่สองและเสียงที่สาม
“不”จะอ่านออกเสียงเป็ นเสียงที่สี่ดงั เดิม ตัวอย่างเช่น
(不吃) bù chī ไม่กิน “不” + เสียงที่หนึง่
(不忙) bù máng ไม่ยงุ่ “不” + เสียงที่สอง
(不好) bù hǎo ไม่ดี “不” + เสียงที่สาม
(不去) bú qù ไม่ไป “不” + เสียงที่สี่
d ì sānshēnglián d ú
3. 第 三 声 连 读 หลักการอ่านออกเสียงของเสียงที่สามเมื่ออยูซ่ ้ อนกัน
1)很好 (hěn hǎo) เมื่อมีเสียงที่สามซ้ อนกันสองพยางค์ ให้ ลดเสียงที่สามพยางค์
แรกเป็ นเสียงที่สอง อ่านเป็ น “ hén hǎo” แต่เวลาเขียนตัวสะกดวรรณยุกต์ก็ยงั คงไว้ ซงึ่
เครื่ องหมายวรรณยุกต์เดิม

2)我很好 (Wǒ hěn hǎo) เมื่อมีเสียงที่สามซ้ อนกันอยูส่ ามพยางค์ เวลาอ่าน


ออกเสียง โดยทัว่ ไปแล้ วก็จะลดเสียงสองพยางค์แรกเป็ นเสียงที่สอง อ่านว่า “ Wó hén hǎo”
3)我也很好 (Wǒ yě hěn hǎo) เมื่อมีเสียงที่สามซ้ อนกันอยู่ สี่พยางค์
โดยทัว่ ไปสามารถอ่านออกเสียงได้ สองแบบ แบบที่หนึง่ ให้ ลดเสียงที่สามของ สามพยางค์แรกให้
เป็ นเสียงที่สอง อ่านเป็ น “ Wó yé hén hǎo” แบบที่สอง อ่านออกเสียงพยางค์แรกเป็ นเสียงที่
สามคงเดิม พยางค์ที่สองและพยางค์ที่สาม ให้ ลดเสียง เป็ นเสียงที่สอง อ่านเป็ น “ Wǒ yé hén
hǎo”
g é yīn f ú hào
隔 音 符 号 เครื่ องหมายวรรคเสียง เมื่อพยางค์เสียงที่ขึ ้นต้ นด้ วย a、o、e ตามอยูห่ ลัง
พยางค์เสียงอื่น หากระยะแบ่งเขตของพยางค์เกิดความสับสนจะใช้ เครื่ องหมาย ’ มาคัน่ กลาง เช่น
คาว่า 西安 เมืองซีอาน เขียนเป็ น Xī’āān และคาว่า 天安门 เทียนอันเหมิน
เขียนเป็ น Tiān’ānmén เป็ นต้ น
รายชื่อผู้พัฒนาสื่อการสอนภาษาจีนไม่ ยาก 中文好学
ตามกรอบมาตรฐานการเรี ยนรู้
และสาระการเรี ยนรู้ หมวดวิชาภาษาต่ างประเทศ (ภาษาจีน)
คณะที่ปรึกษา
1. นายประเสริฐ หอมดี ผู้อานวยการสถาบัน กศน. ภาคเหนือ
2. นางนาถยา ผิวมัน่ กิจ ผู้ชว่ ยผู้อานวยการสถาบัน กศน. ภาคเหนือ
3. นายนิรันดร์ ยงไสว หัวหน้ ากลุม่ จัดการศึกษานอกโรงเรี ยน
4. นายสมชาย ฐิ ตริ ัตนอัศว์ กลุม่ พัฒนาการศึกษานอกโรงเรี ยน
คณะผู้เชี่ยวชาญโครงสร้ างเนือ้ หา
5. นางสาวอรวรรณ พนาพันธ์ สถาบันกศน.ภาคเหนือ
6. นางสาวพิมพาพร อินทจักร์ สถาบันกศน.ภาคเหนือ
7. นางดวงทิพย์ แก้ วประเสริฐ สถาบันกศน.ภาคเหนือ
8. ดร.กิตติธน ยงประพัฒน์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
9.นายวิราช ทูลแก้ ว มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
10.นางสาวประนอม ลางาม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
11.นางสาวกิตติยา ชูวิทย์เจริญกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
คณะผู้เขียน
12. นางจารุณี แก้ วประภา ศูนย์ กศน. อาเภอเมือง จังหวัดพะเยา
13. นายชาญณรงค์ ฤดีใจ ศูนย์ กศน. อาเภอเมือง จังหวัดพะเยา
14. นายปิ ยะ นพศิริวงศ์ ศูนย์ กศน. อาเภอแม่ทา จังหวัดลาพูน
15. นายเจริญชัย มิตตอุทิศชัยกุล ศูนย์ กศน. อาเภอเมือง จังหวัดแม่ฮอ่ งสอน
16. นายวิวรรธน์ ธนนนทพิรักษ์ สมาคมกวางสีประเทศไทย กรุงเทพมหานคร
17. นางดาริณี นันทาวรนุช ศบข.ดอนเมือง กรุงเทพมหานคร
18. นายกิตติฤกษ์ ชัยนันท์ ศูนย์ กศน. อาเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่
19. นางสาวคนธรส ชัยศิริ สถาบัน กศน. ภาคเหนือ จังหวัดลาปาง
20. นางวิลาสินี ธนบุญเรื อง สานักงาน กศน. จังหวัดน่าน
21. นายชาคริต ไชยวรรณ โรงเรี ยนแจ้ หม่ วิทยา จังหวัดลาปาง
22. นายนิติวรรษ เชียงส่ง โรงเรี ยนวารี เชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
คณะบรรณาธิการ
ภาษาจีน
23. Mr.Yao ke jing มหาวิทยาลัยราชมงคล วิทยาเขตล้ านนา จังหวัดลาปาง
24. Mr.Wang tu bao โรงเรี ยนประชาวิทย์ จังหวัดลาปาง
25. Ms.Liyini โรงเรี ยนประชาวิทย์ จังหวัดลาปาง
26. Mr.Lizhi โรงเรี ยนประชาวิทย์ จังหวัดลาปาง
27. Ms.Luchaoxian โรงเรี ยนเทศบาล 4 จังหวัดลาปาง
ภาษาไทย
28. นางสาวคนธรส ชัยศิริ สถาบัน กศน. ภาคเหนือ จังหวัดลาปาง

ผู้พมิ พ์ และออกแบบปก
นางสาวคนธรส ชัยศิริ สถาบัน กศน. ภาคเหนือ จังหวัดลาปาง

เลขานุการโครงการ
นางสาวคนธรส ชัยศิริ สถาบัน กศน. ภาคเหนือ จังหวัด

You might also like