Professional Documents
Culture Documents
ศิลปวัฒนธรรมและภูมปิ ัญญาไทย
สมัยสุโขทัย
สถาปัตยกรรม - เจดีย์ทรงลังกา หรือทรงระฆังคว่า
- เจดีทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ หรือทรงดอกบัวตูม (เป็นเอกลักษณ์ของสุโชทัย)
ประติมากรรม - พระพุทธรูปถือว่างดงามที่สุด โดยเฉพาะปางลีลา (เอกลักษณ์เฉพาะของ
สุโขทัย)
- มีการสร้างพระพุทธรูปสาคัญหลายองค์ เช่น พระพุทธชินราช พระพุทธ
ชินสีห์
- การทาถ้วยชามสังคโลก (ได้รับอิทธิพลจากจีน)
สมัยอยุธยา
สถาปัตยกรรม - นิยมสร้างพระปรางค์ (ได้รับอิมธิพลขากขอม) เช่น วัดไชยวัฒนาราม
- เจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง (เอกลักษณ์ของอยุธยา)
- การสร้างเรือนไทยสาหรับสามัญชน 2 ลักษณะ คือ
1) เรือนไทยเครื่องสับ : ปลูกด้วยไม่ชั้นดีสาหรับชนชั้นไฮโซ
2) เรือนเครื่องผูก : ปลูกด้วยไม้ไผ่ ผูกมัดด้วยเส้นหวายและตอก
ชาวบ้านส่วนใหญ่ใช่อาศัย
ประติมากรรม - พระพุทธรูปอู่ทอง (ศิลปะทวาราวดี + ลพบุร)ี
- พระพุทธรูปทรงเครื่องแบบกษัตริย์
วรรณกรรม - ลิลิตโองการแช่งน้า ถือเป็นวรรณกรรมเล่มแรกของอยุธยา
- ยุ ค รุ่ ง เรื อ งของวรรณกรรมมี 2 สมั ย คื อ สมั ย พระนารายณ์ และ
พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
2
สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
สถาปัตยกรรม - นิยมสร้างเลียนแบบอยุธ ยา เช่ น พระบรมหาราชวัง วัดพระศรี รัตน
ศาสดาราม (สร้างเลียนแบบวัดพระศรีสรรเพชญ์ อยุธยา)
- การสร้างพระปรางค์ เช่ น พระปรางค์ วัด อรุณราชวราราม (วัด ประจา
ร.2)
- เกิดศิลปะแบบพระราชนิยมในสมัย ร.3 (ไทย + จีน) เช่น วัดราช
โอรสาราม
ประติมากรรม - สร้างพระพุทธรูปเรียนแบบอยุธยา
- เริ่มมีการนาตุ๊กตาหินจากจีนเข้ามา
วรรณกรรม - ฟื้นฟูวรรณกรรมสมัยอยุธยา เช่น รามเกียรติ์ สามก๊ก ราชาธิราช ไซฮั่น
- ยุคทองของวรรณกรรม คือ สมัยรัชกาลที่ 2 วรรณกรรมที่สาคัญ ได้แก่
อิเหนา ขุนช้างขุนแผน พระอภัยมณี ลิลิตตะเลงพ่าย โครงโลกนิติ
จิตรกรรม - จิตรกรรมฝาผนัง ไตรภูมิพระร่วง พุทธประวัติ ชาดก รามเกียรติ์
สมัยรัชกาลที่ 4 –พ.ศ.2475
เริ่มได้รับอิทธิพลจากตะวันตกมากขึ้น และนามาผสมผสานกับศิลปะไทย
สถาปัตยกรรม - แบบผสมไทย + ฝรั่ง ได้แก่พระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท อุโบสถวัด
ราชบพิตร
- แบบตะวันตก ได้แก่ พระราชวังสราญรมย์ พระราชวั งบางปะอิน หมู่
พระที่นั่งดุสิต วัดนิเวศธรรมประวัติ วังไกลกังวล พระที่นั่งอนันตสมาคม
- แบบไทย ได้แก่ พระที่นั่งศิวาลัยมหาปราสาท พระที่นั่งอาภรณ์พิโมก
ปราสาท วัดเบญจมบพิตร (สร้างจากหินอ่อน)
3
หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เป็นต้นมา
สถาปัตยกรรม - เริ่มการผสมผสานความคิดแบบตะวันตกมากยิ่งขึ้น
ประติมากรรม - ได้รับอิทธิพลจากชาติตะวันตกมากยิ่งขึ้น
- ปั้ น พระพุ ท ธรู ป ที่ มี ลั ก ษณะเหมื อ นมนุ ษ ย์ จ ริ ง มี ส รี ร ะ กล้ า มเนื้ อ
ที่ชัดเจน เช่น พระศรีศักยทศพลญาณ ประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์ ที่
พุทธมณฑล จ.นครปฐม
- ก่อสร้างอนุสาวรีย์บุคคลสาคัญของชาติ เช่น พระปฐมบรมราชานุสรณ์
รัชกาลที่ 1 พระบรมรูปรัชกาลที่ 6 ที่สวนลุมพินี โดยผู้ปั้นที่มีชื่อเสียง
คือ ศิลป์ พีระศรี (ชาวอิตาลี)
- สร้างอนุสรณ์สถาน เช่น อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
วรรณกรรม - งานประเภทเรื่องสั้น นวนิยาย นิยายเชิงจินตนิยม
- ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เน้นที่งานปลุกใจ ชาตินิยม
- เริ่มมีงานเสียดสีสังคม ล้อการเมือง
- ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เน้นสะท้อนความจริงของชีวิตและสังคม
4
บทบาทของสตรีในประวัตศิ าสตร์ไทย
บุคคลสาคัญในประวัตศิ าสตร์ไทย
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า - ทรงเป็ น สมเด็ จ พระสั ง ฆราชเจ้ า มี บ ทบาทในด้ า นจั ด การการศึ ก ษา
กรมพระยาวชิรญาณวโรรส การศาสนา การปกครองคณะสงฆ์ ในสมัยปฏิรูปประเทศ (สมัย ร.5)
- ทรงนิพนธ์งานต่างๆ ทั้งด้านประวัติศาสตร์ พระศาสนา เช่น พงศาวดาร
สยาม ตานานประเทศไทย นวโกวาท เป็นต้น
สมเด็จฯ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ - ได้รับยกย่องว่าเป็น “พระบิดาแห่งการต่างประเทศของไทย”
พระบรมวงศ์เธอกรมหลวงวงษาธิราชสนิท - ทรงเป็นนักปราชญ์ โดยเฉพาะด้ านการแพทย์ และการต่างประเทศ
อีกทั้งความสามารถด้านงานพระนิพนธ์ด้านภาษา
ยู เ นสโกประกาศยกย่ อ งให้ เ ป็ น บุ ค คลส าคั ญ ของโลกในปี 2551
- สาขาปราชญ์และกวี
สมเด็จฯ กรมพระยาดารงราชานุภาพ - มีบทบาทอย่างมากต่อกระทรวงมหาดไทย การปกครองส่วนภู มิภาค และ
วิชาประวัติศาสตร์ไทย
- เป็นคนไทยคนแรกที่ยูเนสโก ประกาศยกย่องให้เป็นบุคคลสาคัญของโลก
สมเด็จเจ้าฟ้าฯ - ผลงานโดดเด่นด้านสถาปัตยกรรม และศิลปกรรม
กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ - ได้รับสมัญญานามว่า “นายช่างใหญ่แห่งกรุสยาม”
ออกญาโกษาธิบดี (ปาน) - ราชทู ต อยุ ธ ยาที่ ไ ปเจริ ญ สั ม พั น ธไมตรี กั บ ฝรั่ ง เศส ในสมั ย สมเด็ จ
พระนารายณ์
หม่อมราโชทัย - ทาหน้าที่ล่ามหลวงประจาคณะทูตที่ไปเจริญสัมพันธไมตรีกับอังกฤษใน
สมั ย ร.4 (หั ว หน้ า คณะทู ต ในตอนนั้ น คื อ พระยามนตรี สุ ริ ย วงศ์
(ชุ่ม บุนนาค)
- มีผลงานด้านวรรณคดี คือ นิราศลอนดอน
- เป็นผู้พิพากษาศาลต่างประเทศคนแรก
6
ประวัตศิ าสตร์ตะวันตก
สรุป...ก่อนเรียน
2) สมัยกลาง
- หรือที่เรียกกันว่า “ยุคมืด”
- “คริสตจักร พระสันตะปาปา ระบบฟิวดัล” มีอิทธิพลอย่างมากต่อสังคมยุโรป
สมัยฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ (Renaissance)
- เป็นยุครอยต่อระหว่างสมัยกลางและสมัยใหม่
- เป็นการฟื้นฟูศิลปะวิทยาการสมัยกรีกและโรมัน
- มนุษย์เริ่มให้ความสาคัญกับตัวเอง
3) สมัยใหม่
- เริ่มต้นเมื่อ... คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส เดินเรือค้นพบทวีปอเมริกา
- สิ้นสุดเมื่อ... สงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติ ในปี ค.ศ.1945
- Keywords
+ การปฏิรูปศาสนาคริสต์
+ การกาเนิดรัฐชาติ
+ การปฏิวัติวิทยาศาสตร์
+ การปฏิวัติอุตสาหกรรม
+ แนวคิดเรื่องประชาธิปไตย
+ การปฏิวัติครั้งสาคัญของโลก
+ สงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2
4) สมัยปัจจุบัน
- เริ่มต้นเมื่อ... เกิดสงครามเย็นใน ค.ศ.1945 จนถึงปัจจุบัน
9
เริม่ เรียนแล้วนะ
ประวัตศิ าสตร์ตะวันตก (สากล)...
ประวัติศาสตร์สากล แบ่งเป็น 2 ยุค คือ สมัยก่อนประวัติศาสตร์ และสมัยประวัติศาสตร์
1. สมัยก่อนประวัตศิ าสตร์ (ยังไม่มีอักษรใช้ : ใช้เกณฑ์ทางวัตถุเป็นตัวแบ่ง) แบ่งเป็น ยุคหิน กับ ยุคโลหะ
ยุคหินเก่า
- มีการสร้างเครื่องมือเครื่องใช้จากหิน เช่น เครื่องมือกะเทาะแบบหยาบ
หน้าเดียว
- เก็บของป่าเป็นอาหาร ล่าสัตว์ เก็บผลไม้ตามธรรมชาติ ใช้ชีวิตเร่ร่อนอพยพ
ตามฝูงสัตว์
- อาศัยอยู่ตามถ้า เพิงผา เริ่มมีพิธีกรรมบางประการ เช่น ฝังศพ สร้างศิลปะ
บนผนังถ้า มีการใช้ไฟ และมีภาษาพูด
- เครื่องมือเครื่องใช้ยังไม่ประณีต
ยุคหิน - หลักฐานทางประวัติศาสตร์ ได้แก่ โครงกระดูกที่พบในประเทศแซนทาเนีย
(หินเก่า, หินใหม่) เคนยา เอธิโอเบีย ในทวีแอฟริกา
ยุคหินใหม่
- เริ่มทาเครื่องจักสาน
- ปรับปรุงเครื่องมือหินให้มีความประณีตมากขึ้น
- ใช้เปลือกหอยมาทาเครื่องมือ ทาเครื่องปั้นดินเผา
- เริ่มมีการเพาะปลูก (ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสาคัญหรือการเริ่มปฏิวัติ ทาง
เศรษฐกิจครั้งแรกของโลก)
- ตั้งถิ่นฐานเป็นหลักแหล่ง เป็นหมู่บ้าน มีลักษณะเป็นสังคมเกษตรกรรม
- หลักฐานทางประวัติศาสตร์ ได้แก่ มี การค้นพบเครื่องประดั บตกแต่ง และ
อนุสาวรีย์หินที่มีชื่อเสียง คือ สโตนเฮนจ์ ในอังกฤษ สันนิษฐาณว่าสร้างขึ้น
เพื่อใช้คานวณเวลาทางดาราศาสตร์
- มนุษย์เริ่มหล่อ ทองแดง ได้ก่อนเป็นสิ่งแรก
- นาโลหะมาทาเครื่องมือเครื่องใช้แทนหิน เรียกว่า “สาริด” (ทองแดง+ดีบุก)
- เริ่มขยายตัวเป็นชุมชนเมือง
ยุคโลหะ - มีการจัดแบ่งความสัมพันธ์ทางสังคมตามความสามารถ เริ่มมีการแบ่งชนชั้น
(สาริด, เหล็ก) - หมดยุคสาริด เข้าสู่ยุคสมัยเหล็ก ใช้เหล็กผลิตเครื่องมือเครื่องใช้
- เริ่มทาสงครามขยายอาณาเขต และพัฒนาการรวมกลุ่มสังคมจนกลายเป็น
อาณาจักร
- หลักฐานทางประวัติศาสตร์ ได้แก่ หลักฐานที่พบลุ่ม แม่ น้าไทกริสยูเฟรติส
ลุ่มแม่น้าไนล์ ลุ่มแม่น้าสินธุ และลุ่มแม่น้าหวางเหอ (แม่น้าเหลือง)
10
อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
พวกฟินิเชีย
- เป็นชื่อชาวกรีกใช้เรียกพวกแคนาไนต์ ที่อาศัยอยู่ชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเดียน
ในซีเรีย (ปัจจุบัน คือ เลบานอน)
- มีความสามารถทางการค้า สร้างเรือเดินสมุทรและจัดตั้งอาณานิคมหรือเมืองลูก
ก่อนชาวกรีก และเดินเรือไปไกลถึงอังกฤษเพื่อซื้อดีบุก แร่เงินและทองแดงที่
สเปน
- สร้างอาณาจักรคาร์เทจ ทางตอนเหนือของแอฟริกา และอาณาจักรในเกาะซิซิลี
ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และถูกกองทัพโรมันทาลายในสงครามพิวนิค
- ไม่มีผลงานทางวรรณกรรมหรืองานศิลปะที่สาคัญ
- ผลงาน...ทาเครื่องเรือน เครื่องแก้ว เครื่องโลหะและเครื่องประดับ รู้จักย้อมผ้า
โดยใช้สีจากเปลือกหอย
- มรดกที่ส าคัญ...นวัตกรรมตัวอักษรที่ใช้แทนเสียง โดยปรับปรุงมาจากอักษร
เฮียราติกของอียิปต์และอักษรลิ่ม จนเกิดเป็นพยัญชนะ 12 ตัว (ต้นตระกูล
ของอักษรชาติตะวันตก)
พวกฮิบรูหรือยิว
- เป็นชนเผ่าเซมิติก เรื่องราวปรากฏในพันธะสัญญาเก่า
- สร้ างอาณาจัก รและขยายเป็น จั กรวรรดิ อิส ราเอล แต่ไ ม่ ส ามารถรัก ษาไว้ ไ ด้
ถูกอาณาจักรบาบิโลนใหม่กวาดต้อนไปเป็นทาส
- ฮิบรูได้ก่อกบฏต่อจักรวรรดิโนมัน ถูกกองทัพโรมันปราบปรามจนกลายเป็นชน
เผ่าเร่ร่อนอยู่กระจัดกระจายในดินแดนต่างๆ พวกเขาจึงแสวงหาดินแดนแห่ง
คาสัญญา ได้แก่ ดินแดนปาเลสไตน์ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ฝ่ายพันธมิตร
ตกลงให้ตั้งประเทศอิสราเอลขึ้นบนดินแดนปาเลสไตน์ เพิ่อให้เป็นที่อยู่ของชาว
ฮิบรูหรือยิว ซึ่งกลายเป็นปัญหาทางการเมืองที่สาคัญในปัจจุบัน
- มรดกสาคัญ...การนับถือพระเจ้าองค์เดียว (พระยโฮวาห์) หรือ พระเป็นเจ้าใน
ศาสนาคริสต์, พันธสัญญาเดิม (ภาคแรกของคัมภีร์ไบเบิล)
- ศาสนาของฮิบรู คือ ศาสนายูดาห์ เนื่องจากพวกฮิบรูไม่ยอมรับพระเยซูเป็น
บุตรของพระผู้เป็นเจ้าและไม่ยอมรับพันธสัญญาใหม่ ดังนั้นศาสนายูดาห์กับ
ศาสนาคริสต์จึงแยกออกจากกัน
13
อารยธรรมอียปิ ต์
ทั่วไป
- อารยธรรมอียิปต์ตั้งอยู่ บริเวณลุ่มแม่น้าไนล์ ประกอบด้วยพื้นที่ 2 ส่วน คือ
1) อียิปต์บน : จะเป็นส่วนที่เป็นเส้นแม่น้ายาวไหลผ่านหุบเขา ตั้งอยู่
ตอนใต้บริเวณที่ราบจนถึงเมืองอัสวาน
2) อียิปต์ล่าง : อยู่ทางตอนเหนือบริเวณดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้า
ไนล์ที่มีความอุดมสมบูรณ์ อันถือเป็นจุดกาเนิดของอารยธรรมอียิปต์
มีอาณาเขตจดทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและทะเลแดงเหนือนครเมมฟิส
- อียิปต์เป็นเสมือน “โอเอซีสกลางทะเลทราย” และบันทึกของฌอโรโดตัสพูดถึง
อียิปต์ว่า “ของขวัญจากลุ่มน้าไนล์ ” แต่อียิปต์ไม่ค่อยมีทรัพยากรเท่าไหร่นะ
เพราะมีหินทรายเต็มไปหมด
ความโดนเด่น
ด้านการปกครอง
+ มีฟาโรห์เป็นผู้ปกครองสูงสุด สถาปนาอานาจสูงสุดและควบคุม
ขุนนางได้ มีสถานะเป็นกึ่งมนุษย์กึ่งเทพ
ศาสนา
+ นับถือเทพเจ้าหลายองค์ ทั้งธรรมชาติและวิญญาณของฟาโรห์ บูชาเทพ
เจ้าด้วยความเคารพ มีความคิดว่าเทพเจ้ามีความเมตตา
+ เทพเจ้าที่สาคัญ ได้แก่ เทพเจ้ารา (สุริยเทพ:เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์)
เป็นเทพเจ้าสูงสุด, เทพเจ้าโอเอซีส (เทพเจ้าแห่งลุ่มน้าไนล์)
เป็นเทพีแห่งพื้นดิน เทพเฮอรัส เทพเซท เป็นต้น
+ บูชาสัตว์ต่างๆ เพราะเชื่อว่าในสัตว์เหล่านั้นมีวิญญาณของเทพเจ้า
อักษรศาสตร์
+ พัฒนาอักษร “อักษรภาพเฮียโรกลิฟฟิก” เป็นอักษรศักดิ์สิทธิ์ใช้บันทึก
เรื่องราวทางศาสนาและวิทยาการ ต่อมาพัฒนาเป็นตัวเขียนที่ง่ายขึ้น
เพื่อให้เขียนเร็วขึ้นเรียกว่า “อักษรเฮียราติก” เขียนบน “กระดาษ
ปาปิรุส” ที่ทามาจากต้นปาปิรุสที่ขึ้นในแม่น้าไนล์ โดยใช้
ปล้องหญ้ามาตัดเป็นปากกาจิ้มหมึก
+ กระดาษปาปิรุส เป็นกระดาษแผ่นแรกที่ผลิตขึ้นใช้บันทึกบทสวดและ
คาสรรเสริญเทพเจ้า
14
ดาราศาสตร์
+ คานวณปฏิทินแบบสุริยคติ 1 ปี มี 12 เดือน มี 3 ฤดู (ฤดูน้าท่วม
ฤดูไถหว่าน และฤดูเก็บเกี่ยว)
คณิตศาสตร์
+ การคานวณพื้นฐาน เช่น บวก ลบ คูณ หาร
+ วางรากฐานการศึกษาเราขาคณิตและพีชคณิต เช่น วงกลมประกอบด้วย
360 องศา หาความสัมพันธ์ระหว่างเส้นรอบวงกับเส้นผ่าศูนย์กลาง
คานวณหาพื้นที่สามเหลี่ยมปริมาตรของพีระมิด เป็นต้น
+ ความรู้ด้านฟิสิกส์ในการสร้างพีระมิด และวิหาร
การแพทย์
+ คิดค้นการผ่าตัดเพื่อรักษาผู้ป่วย
+ การทามัมมี่ (การใช้น้ายารักษาศพเพื่อไม่ให้เน่าเปื่อย)
+ การคิดค้นวิธีปรุงยาเพื่อรักษาโรคต่างๆ
สถาปัตยกรรม
+ การสร้างพีระมิด (เป็นเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมอียิปต์ ซึ่งเป็น
1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก) เพื่อใช้เป็นสุสานขนาดใหญ่สาหรับ
ฟาโรห์ เนื่องจากมีความเชื่อเรื่องชีวติ หลังความตายและความเป็นอมตะ
+ การสร้างวิหารเพื่อบูชาเทพขนาดใหญ่หลายแห่ง ได้แก่ วิหารคาร์นัก
วิหารอาร์บูซิมเบล
วรรณกรรม
+ ที่สาคัญ คือ คัมภีร์ของผู้ตาย (Book of the Dead) เพื่อใช้เป็น
คู่มือปฏิบัติตัวในการเดินทางสู่ปรโลก
เกษตรกรรม
+ สร้างระบบชลประทาน
+ สินค้าเกษตรที่สาคัญ ได้แก่ ข้าวสาลี ข้าวฟ่าง ข้าวบาเลย์ ปอ
และฝ้าย
การค้า
+ สินค้าส่งออก ได้แก่ ทองคา ข้าวสาลี และผ่าลินิน
+ สินค้านาเข้า ได้แก่ แร่เงิน งาช้าง และไม้ซุง
- ในสมัยปลายราชวงศ์อานาจของฟาโรห์ลดลง อานาจตกไปอยู่กับขุนนางกับพระ
ทาให้เกิดความอ่อนแอสูญเสียอานาจให้แก่ อัสซีเรีย เปอร์เซีย กรีกและโรมัน
ตามลาดับ
- ในกลางศตวรรษที่ 7 อียิปต์หันไปนับถือศาสนาอิสรามและกลายเป็นส่วนหนึ่ง
ของโลกอิสลาม
15
อารยธรรมกรีก
ทั่วไป
- สภาพที่ตั้งเต็มไปด้วยภูเขาและเนินเขา ไม่ค่อยอุดมสมบูรณ์ แต่เนื่องจากติด
กับทะเลอีเจียน ชาวกรีกจึงหันไปสนใจการค้าขายและเดินเรือ
- เกาะครีตเป็นเกาะใหญ่ที่สุ ด และเป็นอู่อารยธรรมของกรีก เกิด อารยธรรม
ไมนวน
การปกครอง
- กรีกปกครองแบบนครรัฐ (city - state) เรียกว่า “โพลิส” หรือ
“อะโครโพลิส” เป็นป้อมปราการที่ตั้งอยู่บนยอดเขา นครรัฐเหล่านี้มีพื้นที่น้อย
ใหญ่แตกต่างกัน และต่างปกครองตนเองอย่างเป็นอิสระ มีย่านการค้าของเมือง
เรียกว่า “อะกอรา”
- การปกครองแบบนครรัฐในกรีก เรียกยุคนี้ว่า “ยุคเฮเลนิก” มีนครรัฐขนาด
ใหญ่และมีบทบาทสาคัญ ได้แก่
1) นครรัฐเอเธนส์ เป็นจุดเริ่มต้นของการปกครองแบบประชาธิปไตย
พลเมืองชายอายุ 21 ปีขึ้นไป มีหน้าที่ปกครองและบริหารบ้านเมือง
โดยตรง มีสภาประชาชนเป็นที่ประชุม แต่ผู้หญิง เด็ก ทาสและคน
ต่างด้าวไม่มีสิทธิทางการเมือง
2) นครรั ฐ สปาตาร์ เป็ น นครรั ฐ ที่ สื บ เชื้ อ สายมาจากพวกดอเรี ย น
เป็นนครรัฐผู้นาทางการทหาร
- เอเธนส์กับสปาตาร์แย่งชิงความเป็นใหญ่กันเสมอจนเกิดสงคราม “เพโลโพนี
เชียน” ผลคือเอเธนส์แพ้และเริ่มเสื่อมอานาจ นครรัฐอื่นเริ่มแย่งชิงอานาจกัน
จนกรีกเริ่มเสื่อมลง ทาให้นครรัฐมาซิโดเนียขึ้นมามีอานาจรัฐของพระบิดาของ
พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช) ต่อมาในสมัยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช
กรีกได้เข้าสู่การเริ่มต้นยุค “เฮเลนิสติก”
ศาสนา
- ชาวกรีกนับถือเทพเจ้าหลายองค์ ได้แก่
1) เทพซุส เป็นมหาเทพสูงสุด
2) เทพเฮรา (อัครมเหสีของซุส) เทพผู้ปกป้องสตรีทั้งหลาย
3) เทพโพไซดอน เจ้าแห่งท้องทะเล
4) เทพฮาเดช เจ้าผู้ครองใต้พิภพและความตาย
5) เทพอะพอลโล เทพเจ้ า แห่ ง แสงสว่ า ง แห่ ง บทกวี แ ละบทเพลง
เทพแห่งการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ และเทพแห่งความสัตย์จริง
16
อารยธรรมโรมัน
- อารยธรรมโรมันตั้งอยู่บนคาบสมุทรอิตาลีที่ยื่นไปในทะเลเมอดิเตอร์เรเนียน
มีผู้คนตั้งถิ่นฐานอยู่ตรงนี้มาก่อนหลายกลุ่ม แต่กลุ่มสาคัญ ได้แ ก่ พวกลาติน
ที่ตั้งบ้านเมืองแถวที่ราบลุ่มละติอูม แม่น้าไทเบอร์
- ก่อนที่โรมจะยิ่งใหญ่มีอารยธรรมดั้งเดิม คือ อารยธรรมอีทรัสกัน
- โรมันพัฒนาจากหมู่บ้านเกษตรกรรมเล็กๆ จนมาเป็นอาณาจักรใหญ่
สมัยกษัตริย์
- ยุคนี้เป็นสมัยการปกครองของพวกอีทรัสกัน มีกษัตริย์ปกครอง
- ประชาชนแบ่งออกเป็น 2 พวก คือ พวกแพทริเชียน และพวกเพลเบียน
สมัยสาธารณรัฐ
- มีการล้มระบอบกษัตริย์ของอีทรัสกัน
- จัด การปกครองแบบสาธารณรัฐ มี ส ภาซี เ นท (สภาขุ นนาง) เลื อกกงสุ ล
ทาหน้าที่ประมุขแทนกษัตริย์
- เกิดประมวลกฎหมายโรมันที่เรียกว่า “กฎหมาย 12 โต๊ะ”
- กองทัพโรมันได้ทาสงครามฟินิเชียน (สงครามพิวนิค) กับอาณาจักรคาร์เทจของ
พวกพิ นี เ ชี ย น และได้ ท าลายอารยธรรมของคาร์ เ ทจได้ จึ ง ขยายอ านาจเข้ า
ครอบครองดินแดนต่างๆ
สมัยจักรวรรดิ
- โรมยุติการปกครองแบบสาธารณรัฐ และเปลี่ยนเป็นระบอบจักรวรรดิอย่างเป็น
ทางการ
- ออกุสตุส ซีซาร์ สถาปนาตนเองเป็นจักรพรรดิพระองค์แรก ถือเป็นจุดเริ่มต้น
จักรวรรดิโรมันที่แผ่ขยายอานาจไปอย่างกว้างขวาง
- เป็นยุคสมัยแห่งความเจริญรุ่งเรืองและสันติภาพ จนได้รับการขนานนามว้า
“สันติภาพแห่งโรม” (Pax Romana)
เหตุการณ์ทั่วไปของโรมัน
- จั ก รพรรดิ ค อนสแตนติ น สถาปนานครสแตนติ น ติ โ นเปิ ล เป็ น เมื อ งหลวง
(ปัจจุบัน คือ นครอิสตันบลู ในประเทศตุรกี) ถือเป็นจุดกาเนิดจักรวรรดิ
ไบเซนไทน์ และยอมรับคริสต์ศาสนาเป็นศาสนาประจาจักรวรรดิ
- ภายหลั ง โรมั น แบ่ ง ออกเป็ น 2 ส่ ว น คื อ จั ก รวรรดิ ไ บเซนไทน์ (โรมั น
ตะวันออก) และ โรมันตะวันตก
18
Test