You are on page 1of 15

บทความวิจยั

การบูรณาการบทบาทของเภสัชกรด้านการคุ้มครองผูบ้ ริ โภคในระบบสุขภาพชุมชน

พงษ์ศกั ดิ ์ นาต๊ะ1,2, พักตร์วภิ า สุวรรณพรหม3,รัตนาภรณ์ อาวิพนั ธ์3

1นักศึกษาบัณฑิตศึกษา สาขาการจัดการเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่


2กลุ่มงานเภสัชกรรมและคุม
้ ครองผูบ้ ริโภค โรงพยาบาลเทิง จังหวัดเชียงราย
3ภาควิชาบริบาลเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาการบูรณาการบทบาทของเภสัชกรด้านการคุ้มครองผูบ้ ริโภคในระบบสุขภาพชุมชน วิ ธีการ:
การศึกษานี้เป็ นวิจยั เชิงคุณภาพโดยการสัมภาษณ์เชิงลึกเภสัชกรและผู้เกีย่ วข้องในระบบสุขภาพชุมชน การสังเกตกระบวนการ
ทางานของเภสัชกร และการวิจยั เอกสารรวบรวมผลงานของเภสัชกร การวิจยั เก็บข้อมูลระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2558 ถึง
กรกฎาคม 2559 การวิเคราะห์ขอ้ มูลใช้การตีความและให้ความหมายข้อมูลเชิงคุณภาพ ผลการวิ จยั : การบูรณาการงานคุม้ ครอง
ผู้บริโภคในระบบสุขภาพชุมชนไม่ได้มุ่งเน้นเฉพาะประเด็นทางกฎหมาย ที่เน้นการควบคุมหรือกากับตัวผลิตภัณฑ์ให้มคี วาม
ปลอดภัยเท่านัน้ แต่เป็ นการก้าวออกจากบริบทของกฎหมายไปหาประชาชนในฐานะผูบ้ ริโภคทีไ่ ด้รบั ผลกระทบโดยตรงจากการ
บริโภค มิติของปั ญหาจึงเชื่อมโยงอยู่กบั บริบททางสังคมและวัฒนธรรมของคนในชุมชน กระบวนการแก้ไขปั ญหาจึงเป็ นการ
ออกแบบร่วมกับชุมชนภายใต้บริบทของชุมชน โดยการค้นหาและพัฒนาศักยภาพของชุมชน บนพืน้ ฐานความรูข้ องชุมชนร่วมกับ
ฐานความรูท้ างวิชาการของเภสัชกรแบบผสมผสาน ด้วยกระบวนการจัดการความรู้ ทท่ี าให้ชุมชนเกิดการเรียนรู้ทจ่ี ะนาไปสู่การ
่ น สรุป:การเปิ ดบทบาทด้านการคุม้ ครองผูบ้ ริโภคในบริบทชุมชน
เฝ้ าระวังปั ญหาจนเป็ นวิถปี กติของชุมชนอย่างต่อเนื่องและยังยื
ของเภสัช กรต้องอาศัยการบูรณาการความรู้ ทักษะ และความชานาญในหลายสาขาเข้าด้วยกัน ทัง้ ความรู้ทางเภสัชศาสตร์
สังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ ฯลฯ ทีต่ อ้ งได้รบั การพัฒนาและฝึกฝน อีกทัง้ ต้องปรับเปลีย่ นกระบวนทัศน์ในการทางานของเภสัชกร
ให้กา้ วข้ามฐานคติทางความคิดแบบวิทยาศาสตร์ไปสู่แนวคิดแบบองค์รวมทีไ่ ม่มุ่งเน้นตนเองเป็ นศูนย์กลางของความรู้ แต่เป็ น
การน้อมตัวเองลงไปหาความรู้ทม่ี อี ยู่ในชุมชนและบูรณาการเข้าด้วยกัน จนเกิดเป็ นความรู้ทเ่ี ป็ นแบบแผนปฏิบตั ขิ องชุมชน การ
ให้คุณค่าและความหมายต่อตนเองและงานทีป่ ระโยชน์สขุ ของสาธารณะ การมองคนอื่นอย่างเท่าเทียม การเห็นตนเองและคนอื่น
เป็ นมนุ ษย์ท่มี คี วามสุขทุกข์ร่วมกันในสังคม เป็ นการยกระดับการทางานด้านการคุ้มครองผู้บริโภคของเภสัชกรให้มคี ุณ ค่าและ
ความหมายต่อเพื่อนมนุษย์ เพื่อเยียวยาสังคมตามแนวทางของระบบสุขภาพชุมชนอย่างแท้จริง
คาสาคัญ: เภสัชกร การคุม้ ครองผูบ้ ริโภค การบูรณาการ ระบบสุขภาพชุมชน กระบวนทัศน์

รับต้นฉบับ: 17 ธ.ค. 2560, ได้รบั บทความฉบับปรับปรุง: 10 ก.พ. 2561, รับลงตีพมิ พ์: 24 ก.พ. 2561
ผูป้ ระสานงานบทความ: พงษ์ศกั ดิ ์ นาต๊ะ กลุ่มงานเภสัชกรรมและคุม้ ครองผูบ้ ริโภค โรงพยาบาลเทิง ถ.พิศาล ต.เวียง อ.เทิง จ.เชียงราย 57160 E-
mail: Pongsak_nata@yahoo.com
RESEARCH ARTICLE

Integrating Pharmacist’s Roles in Health Consumer Protection


into Community Health System
Pongsak Nata1,2, Puckwipa Suwannaprom3, Ratanaporn Awiphan3

1Graduate Student in Pharmacy Management, Faculty of Pharmacy Chiang Mai University


2Department of Pharmacy and Health Consumer Protection, Thoeng Hospital, Chiang Rai
3Department of Pharmaceutical Care, Faculty of Pharmacy Chiang Mai University

Abstract
Objective: To explore the integration of pharmacist’s roles in health consumer protection into community health
system. Method: This study was qualitative research collecting the data by conducting in-depth interview with
pharmacists and those in community health system, observing pharmacists’ work process and doing documentary
research on pharmacists’ work. Data collection was conducted between November 2015 and July 2016. Data were
analyzed through interpreting and examining the meaning of qualitative data. Results: Integration of the works on
consumer protection practice into community health system was not limited only to those related to law enforcement
targeting on the control and supervision of health products to ensure safety of use. Instead, it was a step out of legal
context to reach the public as a consumer directly affected by consuming health products. Dimension of the problems
on consumer protection, hence, were related to social and cultural context in the community. Resolution of the problems
was inevitably in collaboration with the community within its context to identify its potential and empower the community
on its knowledge base together with pharmacists’ scientific one by using knowledge management process leading to
learning of community and the continuous and sustainable monitoring of the problems as its normal way of life.
Conclusion: Expanding of the roles of pharmacists on consumer protection in community context requires the integration
of knowledge, skills and expertise from various disciplines, including pharmaceutical sciences, social sciences and
humanities etc., that needs to be trained. Pharmacists need to shift their paradigm of working to step over ideology of
scientific thinking and adopting a holistic view by deserting the idea of oneself as a center of knowledge. The shift
equates bending down oneself to the existing knowledge within the community and integrating it to become practical
knowledge for the community, valuing and meaning giving on self and work that benefits the mankind, respecting the
others, and viewing oneself and others as human sharing happiness and suffering in society. The shift enhances values
and meaning of the work on consumer protection in community for humanity in remedying the society consistent to the
real philosophy of community health system.
Keywords: pharmacist, consumer protection, integration, community health system, paradigm

62
บทนา เป็ น รู ป แบบหนึ่ ง ของการแสดงบทบาทให้ ส อดคล้อ งกับ
สุ ข ภาพชุ ม ชนเป็ นปรัช ญาแนวคิด ในการตรา ทิศ ทางของระบบสุขภาพชุมชน อย่ า งไรก็ตามการแสดง
กฎหมายด้านสุขภาพ (1, 2) ที่ประเทศใช้ในการขับเคลื่อน บทบาทดังกล่าวยังไม่ถูกสังเคราะห์เพื่อกาหนดเป็ นแนวทาง
ไปสู่สงั คมแห่งสุขภาวะของคนไทย แนวคิดนี้มพี ้นื ฐานมา ปฏิบตั ทิ ช่ี ดั เจน ทาให้งานเภสัชกรรมปฐมภูมดิ าเนินไปตาม
จากสาธารณสุ ข มูล ฐานซึ่ง เป็ น แนวคิด สากลที่ไ ด้ร ับ การ ความพร้อ มของทรัพ ยากรและปั จ จัย หนุ น เสริม ที่แ ต่ ล ะ
ยอมรับ ที่ผ่ า นการสัง เคราะห์ใ ห้ส อดคล้อ งกับ บริบ ทด้า น หน่ วยงานมี (10) และความพึงพอใจในงานนี้ของเภสัชกร
สุขภาพของประเทศทีเ่ ปลีย่ นแปลงไป แนวคิดนี้มพี น้ื ฐานมา เป็ นปั จจัยสาคัญทีท่ าให้เภสัชกรทางานด้านเภสัชกรรมปฐม
จากประสบการณ์ในการดาเนินนโยบายด้านสาธารณสุขมูล ภู มิ (11) สะท้ อ นให้ เ ห็ น ว่ า บทบาทดั ง กล่ า วไม่ ไ ด้ ถู ก
ฐานในอดีตที่ผ่านมา และเกิดจากความต้องการในการรื้อ กาหนดให้ยดึ ถือปฏิบตั โิ ดยทัวไป ่ ประกอบกับแนวทางการ
ฟื้ นงานสาธารณสุ ข มู ล ฐานขึ้น มาอีก ครัง้ ผ่ า นเครื่อ งมือ พัฒ นาบทบาทเภสัช กรรมปฐมภู มิมีค วามแตกต่ า งกัน
บริการปฐมภูมิ (3-5) การเกิดขึน้ ของนโยบายหลักประกัน ระหว่างองค์กรหลากหลายทีเ่ กี่ยวข้อง ทาให้แบบแผนการ
สุขภาพถ้วนหน้ า กองทุนสนับสนุ นการสร้างเสริมสุขภาพ แสดงบทบาทดังกล่าวมีความหลากหลายตามไปด้วย
และพระราชบั ญ ญั ติ สุ ข ภาพแห่ ง ชาติ พ .ศ. 2550 คื อ การวิจยั นี้มวี ตั ถุประสงค์เพื่อตอบคาถามว่า เภสัช
ตัว อย่ า งของความพยายามในการ “บู ร ณาการ” ความ กรบูร ณาการบทบาทด้า นการคุ้ม ครองผู้บ ริโ ภคในระบบ
ร่วมมือจากภาคส่วนทีเ่ กี่ยวข้องเข้าด้วยกันเพื่อจัดระเบียบ สุ ข ภาพชุ ม ชนอย่ า งไรในระบบสุ ข ภาพชุ ม ชน และใน
สังคมสุขภาพขึน้ ใหม่ภายใต้แนวคิดสุขภาพชุมชน ความท้า กระบวนการนัน้ เภสัช กรรมีก ระบวนทัศ น์ อ ย่ า งไรในการ
ทายคือการพัฒนาแนวคิดดังกล่าวให้เกิดขึน้ ให้เป็ นทีย่ อมรับ บู ร ณาการ ผลการวิจ ัย จะช่ ว ยอธิบ ายและแสดงให้เ ห็น
ในสัง คมวงกว้า งและการจัด การกับ ความไร้ร ะเบีย บของ หลักการพืน้ ฐานของการบูรณาการบทบาทดังกล่าว อันจัก
ระบบสุขภาพในปั จจุบนั น าไปสู่ ก ารพัฒ นาบทบาทวิช าชีพ เภสัช กรรมในระบบ
หลัก การบู ร ณาการ (integration) เป็ นหลัก การ สุขภาพชุมชนให้มคี วามชัดเจนต่อไป
หนึ่ ง ของระบบบริก ารปฐมภู มิ ท่ีเ ป็ น ส่ ว นหนึ่ ง ของระบบ
สุขภาพชุมชน (6) โดยเป็ นการรวมเข้าด้วยกันของคน กลุ่ม วิ ธีการวิ จยั
คน องค์ก ร องค์ค วามรู้ วิท ยาการ ฯลฯ ที่เ กี่ย วข้อ งกับ การวิจยั นี้ได้รบั อนุมตั จิ ากคณะกรรมการจริยธรรม
สุขภาพอย่างผสมผสาน เพื่อให้เกิดความร่วมมือในระดับ วิจยั ของคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เลขที่
ต่าง ๆ ในการดูแลกลุ่มเป้ าหมาย หลักการนี้ให้ความสาคัญ 30/2558 รับ รอง ณ วัน ที่ 25 กัน ยายน 2558 การวิจ ัย มี
กับความเชื่อมโยง ความสัมพันธ์ระหว่างหน่ วยย่อย โดยมี ระเบียบวิธวี จิ ยั ดังนี้
เป้ าหมายร่วมเป็ นตัวกากับกระบวนการขับเคลื่อนให้ไปใน รูปแบบการวิ จยั
ทิศทางเดียวกัน ทัง้ ยังต้องคานึงถึง “บริบท” ที่เป็ นอยู่ใ น การวิจยั นี้เป็ นการวิจยั เชิงคุณภาพแบบการศึกษา
ขณะนั ้น เพื่ อ หวั ง ผลให้ เ กิ ด การปรั บ เปลี่ ย นวิ ถี ชี วิ ต เฉพาะกรณี (case study approach) (12) รู ป แบบเป็ น
พฤติก รรม หรือ ธรรมเนี ย มปฏิบ ัติ เ กี่ย วกับ สุข ภาพ ที่จ ะ การศึกษาเชิงพรรณนาและมุ่งหาคาอธิบายด้วยการตีความ
น าไปสู่สุข ภาวะที่เ ป็ น เป้ า หมายสูง สุ ด ของระบบสุ ข ภาพ และให้ความหมายชุดประสบการณ์ของเภสัชกรผู้ให้ขอ้ มูล
ชุมชน (7, 8) ในการแสดงบทบาทด้า นการคุ้ม ครองผู้บ ริโ ภคในระบบ
มูลเหตุ ดงั กล่าวทาให้วิชาชีพทางการแพทย์และ สุขภาพชุมชน
สาธารณสุขมีการปรับ กระบวนทัศน์ ใ นการทางานเพื่อ ให้ ผูใ้ ห้ข้อมูล
สอดคล้ อ งกับ ระบบสุ ข ภาพที่ เ ปลี่ ย นไป เช่ น เดี ย วกับ ผู้ใ ห้ข้อ มูล เป็ น ผู้ ท่ีมีป ระสบการณ์ ม าก คือ เป็ น
“วิชาชีพเภสัชกรรม” ที่มบี ทบาทตามกฎหมายในการดูแล เภสัช กรที่มีประสบการณ์ ในการทางานด้านการคุ้มครอง
สุขภาพด้านเภสัชกรรมและการคุ้มครองผู้บริโภค (ด้านยา ผู้บริโภคในชุมชนมาเป็ นระยะเวลานาน มีผลงานในด้านนี้
และผลิตภัณฑ์สุขภาพ) เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัย เป็ นที่ประจักษ์ และได้รบั การยอมรับในวิชาชีพเภสัชกรรม
ในการใช้ยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ (9) การแสดงบทบาท สหวิชาชีพ หรือสังคมในวงกว้างอย่างน้อยในระดับจังหวัดที่
วิช าชีพ เภสัชกรรมภายใต้แนวทาง “เภสัช กรรมปฐมภูมิ” เภสัชกรสังกัดอยู่ การคัดเลือกผู้ให้ขอ้ มูลใช้การเลือกแบบ

63
ยึดจุดมุ่งหมายของการศึกษา (purposeful sampling) (12) ผลการวิ จยั และอภิ ปรายผล
และการคัดเลือกแบบเจาะจง (13) ร่วมกับการแนะนาต่อกัน การวิเคราะห์ขอ้ มูล พบว่า การบูรณาการบทบาท
ไป (snow-ball technique) (12) โดยเริ่ ม ต้ น จากที ม วิ จ ัย เภสัชกรด้านการคุม้ ครองผูบ้ ริโภคในระบบสุขภาพชุมชนมี
พิจารณาร่วมกันเพื่อค้นหาเภสัชกรทีม่ ปี ระสบการณ์ในการ ความสัม พัน ธ์ก ับ ปรัช ญาและแนวคิด ของระบบสุ ข ภาพ
ท างานคุ้ ม ครองผู้ บ ริ โ ภคเชิง รุ ก และมี ก ารประสานกับ ชุ ม ชนอย่ า งชัด เจน ประเด็ น หลัก ที่ พ บในการวิ จ ัย มี 4
หน่ วยงานอื่นในชุมชนเพื่อแก้ไขปั ญหาในพื้นที่ และได้รบั ประเด็นสาคัญ คือ 1) การทาความเข้าใจปั ญหาการคุม้ ครอง
การยอมรับ ในวงการวิช าชีพ เภสัช กรรม และ/หรือ ใน ผู้บริโภคในมิติท่เี ป็ นองค์รวม 2) การใช้กระบวนการมีส่วน
ระดับประเทศ เภสัชกรท่านดังกล่าวเป็ นผู้แนะนาเภสัชกร ร่วมของชุมชนภายใต้บริบทของชุมชนในการแก้ปัญหา 3)
ผูใ้ ห้ขอ้ มูลรายอื่น ๆ รวมทัง้ หมด 3 คน ผูว้ จิ ยั ยังเก็บข้อมูล การบูรณาการบทบาทเภสัชกรด้านการคุม้ ครองผูบ้ ริโภคใน
เพิ่ม เติม จากผู้ใ ห้ข้อ มูลเสริม ที่เ ภสัชกรผู้ใ ห้ข้อ มูลหลักให้ ระบบสุขภาพชุมชน และ 4) การปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์
คาแนะนา ได้แก่ บุคลากรวิชาชีพอื่นหรือบุคลากรในองค์กร ของเภสัชกรในการดาเนินงานให้สอดคล้องกับปรัชญาและ
อื่น ที่ท างานร่ ว มกัน กับ เภสัช กรผู้ใ ห้ข้อ มูล หลัก การเก็บ แนวคิดข้างต้น ดังมีรายละเอียด ดังนี้
ข้อ มูลจากผู้ให้ข้อ มูลเสริม เดิมมีเ ป้ าหมายเพื่อ การยืนยัน 1. การทาความเข้าใจปัญหาด้านการคุ้มครองผูบ้ ริโภค
ข้อมูล (triangulation) (12) ทีไ่ ด้จากเภสัชกรผูใ้ ห้ขอ้ มูลหลัก การด าเนิ น งานของเภสัช กรด้ า นการคุ้ ม ครอง
เท่านัน้ แต่เมื่อได้พูดคุย ผูใ้ ห้ขอ้ มูลเสริมนี้ไม่เพียงแต่เป็ นผู้ ผู้บ ริโ ภคในระบบสุ ข ภาพชุ ม ชน เริ่ม ต้ น จาการท าความ
ยืนยันข้อมูลเท่านัน้ แต่ยงั สามารถให้ขอ้ มูล ทีเ่ ป็ นประโยชน์ เข้าใจปั ญหาด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ผลการวิจยั สะท้อน
ต่อการวิเคราะห์ขอ้ มูลอีกด้วย ผูว้ จิ ยั จึงได้ใช้ขอ้ มูลเหล่านี้ใน ให้เห็นมุมมองของเภสัชกรต่อปั ญหาการคุม้ ครองผูบ้ ริโภค
การเขียนรายงานการวิจยั ด้วย ในชุมชนว่ามีลกั ษณะดังต่อไปนี้
วิ ธี ก ารเก็ บ รวบรวมข้ อ มู ล และตรวจสอบ 1.1 ผูบ้ ริโภคอยู่ในภาวะจายอมและตกเป็ นเหยือ่
คุณภาพ พฤติกรรมการบริโภคยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพไม่
หลัง จากติด ต่ อ ประสานงานชี้แ จงโครงการและ เหมาะสมในชุมชน เป็ นผลจากการใช้ชุด ความรู้และความ
ได้รบั การตอบรับจากเภสัชกรผูใ้ ห้ขอ้ มูลแล้ว ผูว้ จิ ยั เดินทาง เชื่อทีช่ ุมชนผลิตขึน้ เองผ่านการบอกต่อถึงผลของผลิตภัณฑ์
ไปพบผู้ให้ขอ้ มูล ณ พื้นที่ปฏิบตั ิงาน ผู้วิจยั ใช้เทคนิคการ เมื่อได้ทดลองใช้ด้วยตนเอง และผ่านการโฆษณาชวนเชื่อ
เก็บข้อมูลหลายวิธแี บบผสมผสาน เพื่อให้ได้ขอ้ มูลจากชุด โดยผู้ประกอบการ ชุด ความรู้และความเชื่อนี้ สมั พัน ธ์ก ับ
ประสบการณ์ ของผู้ให้ขอ้ มูล ที่เพียงพอสาหรับการตีความ ความหวัง ของประชาชนที่ต้อ งการจะพ้น จากความทุ ก ข์
และให้ความหมาย ประกอบด้วย การสังเกตกระบวนการ ทรมานจากความเจ็บป่ วย เช่น ผูป้ ่ วยโรคเรือ้ รัง ผูป้ ่ วยนอน
ทางานแบบมีส่วนร่วม การสัมภาษณ์ เชิงลึก ในผู้ให้ข้อมูล ติดบ้านติดเตียง ผู้สูงอายุ เงื่อนไขเหล่านี้นาพาผู้ป่วยไปสู่
หลัก และการสนทนากลุ่ ม กับ บุค คลที่ท างานร่วมกับผู้ให้ การแสวงหายาและผลิต ภัณฑ์สุข ภาพเพื่อ เยียวยาความ
ข้อมูลหลัก เครื่องมือในการศึกษาคือตัว ผู้วจิ ยั ซึ่งรวบรวม ทุกข์ของตนเอง ผู้ป่วยเหล่านี้จงึ เป็ นกลุ่มเป้ าหมายหลักใน
ข้อ มูลโดยใช้วิธีการเชิง คุณภาพ (12, 13) ผู้วิจ ัย ใช้เครื่อง การโฆษณาชวนเชื่อของผู้ประกอบการ ความหวัง ที่จะพ้น
บันทึกเสียงและการจดบันทึกในการบันทึกข้อมูล การเก็บ จากความทุกข์ทรมานเป็ น ที่มาของการระบาดของยาและ
ข้อ มูล ท าระหว่ า งเดือ นพฤศจิกายน 2558 ถึง กรกฎาคม ผลิ ต ภั ณ ฑ์ สุ ข ภาพในชุ ม ชน ดัง ค ากล่ า ว “คนไข้เ ขารอ
2559 ภายหลัง จากการลงพื้น ที่แ ต่ ละครัง้ ผู้วิจ ัย วิเ คราะห์ ความหวังอยู่ พอเห็นคนมาขายก็ซ้อื ” (อสม.1)
ข้อมูลเบือ้ งต้นร่วมกับการศึกษาเอกสารผลงานของเภสัชกร นอกจากนี้ พฤติก รรมการใช้ย าและผลิต ภัณฑ์
การวิ เคราะห์ข้อมูล สุขภาพไม่เหมาะสมเป็ นภาวะจายอมของผูบ้ ริโภคต่อสภาพ
การศึ ก ษาใช้ ก ระบวนการวิเ คราะห์ ข้อ มู ล เชิง เศรษฐกิจและสังคมทีผ่ ลักดันให้ต้องใช้ร่างกายทางานหนัก
คุณภาพ (12) โดยการนาข้อมูล ที่ได้จ ากภาคสนามแต่ ละ เพื่อหาเลี้ยงปากท้องตนเองและครอบครัว เมื่อร่างกายมี
ครัง้ มาวิเ คราะห์เบื้องต้น เมื่อ ได้ เ ก็บ ข้อมูล เพิ่มเติมจะนา ความติ ด ขัด ไม่ ส ามารถท างานหรื อ ท างานได้ น้ อ ยลง
ข้อมูลทัง้ หมดมาวิเคราะห์ร่วมกันอีกครัง้ หนึ่ง ประชาชนกลุ่มนี้จะแสวงหายาเพื่อแก้ไขอุปสรรคหรือความ
ติด ขัด ในการดารงชีวิต ประจ าวัน เหล่ า นี้ เพื่อ ให้ร่ า งกาย

64
สามารถกลับไปทางานต่อได้เป็ นปกติ ดังคากล่าว “ชีวติ จริง “.....ในปั จ จุบนั มัน สามารถสร้างภาพมายาของ
เนีย่ บางคนมันต้องใช้น่ะ อย่างยาแก้ปวดยาซองอย่างนี้น่ะ ผลิ ต ภั ณ ฑ์ สิ น ค้ า ที ไ่ ม่ จํ า ต้ อ งบริ โ ภคให้ ก ลายเป็ น ของ
มันไม่มที างเลือก” (เภสัชกรผูใ้ ห้ขอ้ มูล) จําเป็ นต้องบริโภคไปเสียแล้ว ไม่ว่าจะเป็ นครีมหน้าขาว ครีม
ยาทีท่ าให้เกิดชุดความรูแ้ ละความเชื่อเหล่านี้มคี ุณ สาวสะพรัง่ น้าํ มันนวดฟิตปั ง๋ พลังหนุ่ม ไปจนกระทัง่ วิตามิน
ลักษณะเฉพาะคือสามารถตอบสนองต่อภาวะผิดปกติของ อาหารเสริม และหยู ก ยาต่ า ง ๆ มากมาย” (หนั ง สือ ถอด
ร่ า งกายที่เ ห็น ผลรวดเร็ว ยาสเตีย รอยด์ถู ก น ามาใช้เ ป็ น บทเรียนของเภสัชกรผูใ้ ห้ขอ้ มูล)
เครื่องมือต่อรองกับความทุกข์และความหวังของประชาชน 1.3 ปั ญ หาคุ้ ม ครองผู้บ ริ โ ภคเป็ นปั ญ หาเชิ ง
มากที่สุด ด้วยฤทธิท์ างเภสัชวิทยาของสเตียรอยด์ ท่ีอ อก ระบบ
ฤทธิหลายระบบทั
์ วร่
่ างกายและเห็นผลในเวลาอันสัน้ ทาให้ ปั ญ หาด้า นการคุ้มครองผู้บ ริโภคเป็ นปั ญหาเชิง
อาการผิดปกติของร่างกาย เช่น อาการปวด อาการไข้ ภาวะ ระบบที่มปี ั จจัยเกีย่ วข้องหลากหลาย ตัง้ แต่ คนขาย แหล่ง
เบื่ออาหาร ดีข้นึ อย่างทันตาเห็น ทาให้ผู้ป่วยพึงพอใจใน กระจายยา ช่องทางจาหน่ ายและการส่งเสริมการขาย เช่น
ฤทธิของยาและใช้
์ ยาต่อเนื่อง กลายเป็ นชุดความรูแ้ ละความ การโฆษณาผ่านสถานีวทิ ยุ การขายตรง รถเร่ทม่ี าพร้อมกับ
เชื่อของชุมชนทีผ่ ลิต ส่งต่อ แพร่กระจาย และฝั งแน่ นอยู่ใน มหรสพพืน้ บ้าน เหล่านี้คอื มิตดิ า้ นกว้างของปั ญหาด้านการ
ชุมชน ดังคากล่าว คุม้ ครองผูบ้ ริโภค
“(พูดถึงยาสเตียรอยด์)...แกบอกว่ามันกินมาเยอะ “เรามองว่า สังคมมัน dynamic ไปเรือ่ ย ๆ วันนี้กนิ
แล้ว กินมาเป็ น 10 ปี แล้ว จากทีบ่ อกว่ายีห่ อ้ นี้ด.ี ..กินได้ปีนึง ยาตัวนี้ วันหนึง่ ก็อาจจะมียาตัวอืน่ ๆ ทีไ่ ม่ใช่ยาตัวนี้ หรือ
ก็ เ ปลี ย่ นมาเป็ น อี ก ยี ห่ ้ อ นึ ง ที ว่ ่ า ดี ก็ กิ น มาอี ก เรื อ่ ย ๆ” อาจจะทําให้คนเป็ นโรคตับ คือมันจะมี product อืน่ หรือมี
(พยาบาลวิชาชีพ) พฤติกรรมอืน่ เดีย๋ วคนก็จะป่ วยอีกน่ะ” (เภสัชกรผูใ้ ห้ขอ้ มูล)
1.2 ปั ญ หาการคุ้ ม ครองผู้บ ริ โ ภคมี ล ัก ษณะ ในมิติเชิงลึก การใช้ยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพไม่
แพร่กระจาย เหมาะสมในชุมชนเป็ นปั ญหาเชิงพฤติกรรมส่วนบุคคลทีม่ ี
การแพร่กระจายของยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพไม่ ความซับซ้อน การทีผ่ ปู้ ่ วยเรียนรูท้ จ่ี ะใช้ยาด้วยตนเองเพราะ
เหมาะสมในชุมชน สัมพันธ์กบั ความทุกข์จากความเจ็บป่ วย ภาวะจายอมทางสุขภาพ และให้คุณค่ากับผลลัพธ์ทด่ี ขี องยา
ของประชาชนในชุมชน เมื่อความทุกข์ได้รบั การเยียวยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพโดยไม่สนใจผลกระทบระยะยาว เกิด
ความนิยมในตัวผลิตภัณฑ์จะขยายไปในวงกว้างผ่านการ เป็ น ชุ ด ความรู้แ ละความเชื่อ ที่ถู ก ผลิต ซ้ า จนกลายเป็ น
บอกต่อเล่าขาน การแพร่กระจายจะดาเนินผ่านช่องทางที่ ค่านิยมปกติทฝ่ี ั งลึก พฤติกรรมผูบ้ ริโภคจึงเป็ นเพียงปลาย
ประชาชนเข้าถึงง่าย เช่น ร้านขายของชา การขายตรง การ เหตุ ของปั ญหา ที่ ย ั ง มี ปั จจั ย ด้ า นลึ ก ที่ เ กี่ ย ว ข้ อ ง อี ก
แฝงมากับรถเร่ มหรสพพืน้ บ้าน และวิทยุชุมชน จนเกิดผล หลากหลาย ทาให้ปัญหาด้านการคุ้มครองผู้บริโภคมีความ
กระทบในวงกว้างทีย่ ากต่อการควบคุม ดังคากล่าว “มันเต็ม ละเอียดอ่อนและซับซ้อน
ไปหมด มันฮิตกินกันทัง้ หมู่บ้าน แล้วมันโฆษณาทางวิทยุ “ความรูส้ กึ ของคนทีก่ นิ ส่วนใหญ่เค้าจะบอกว่า ขอ
ชุมชน” (อสม.) แค่ว่าวันนี้ฉันไม่ทรมาน ฉันยังมีชวี ติ อยู่พอแล้ว ถ้าถามว่า
การแพร่กระจายนี้ยงั มีความสัมพันธ์กบั วิถใี นการ เค้ า รู้ ม ัย๊ เค้ า รู้ ก ัน ทุ ก คน พี ช่ ายเขาก็ ต ายแล้ ว กิ น แบบ
ดู แ ลสุ ข ภาพและค่ า นิ ย มทางสัง คมที่เ ปลี่ย นแปลงไปต่ อ เดียวกันนีล่ ะ พีส่ าวเค้าก็ตายแล้ว กินเหมือนกัน พากันกิน
ร่างกาย วิถีและค่านิยมเหล่านี้ถูกกระตุ้นและสร้างขึ้นโดย จนตาย” (พยาบาลวิชาชีพ)
การท าให้สุ ข ภาพเป็ น สิน ค้า เช่ น การดู แ ลสุ ข ภาพด้ว ย 1.4 ปั ญหาด้านคุ้มครองผู้บริ โภคเชื่ อมโยงกับ
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทีพ่ ยายามทาให้คุณค่าเหมือนเป็ นยา ประเด็นทางกฎหมาย
ผลิตภัณฑ์ลดความอ้วน ผลิตภัณฑ์เพื่อผิวขาวกระจ่างใส การเข้ า มาของยาและผลิ ต ภั ณ ฑ์ สุ ข ภาพไม่
ผลิตภัณฑ์สาหรับภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ชุดความ เหมาะสมในชุ มชนส่วนใหญ่ แ ฝงตัวมาอย่ างผิดกฎหมาย
เชื่อ นี้ พ ร้อ มที่จ ะผลิต ได้เ สมอเมื่อ มีค วามทุ ก ข์ ห รือ ความ เช่น การปลอมปนยาสเตียรอยด์ในยาแผนโบราณและหลอก
ต้องการชนิดใหม่เกิดขึน้ ในชุมชน ขายให้กบั ผูป้ ่ วยกลุ่มเป้ าหมาย การซุกซ่อนขายยาห้ามขาย
ในร้ า นขายของช าในชุ ม ชน และในบางกรณี ท้ า ทาย

65
กฎหมายโดยการโฆษณาชวนเชื่ออย่างเปิ ดเผยผ่านสือ่ วิทยุ ความรู้ การสังเคราะห์ และออกแบบการแก้ไขปั ญหาร่วมกัน
ชุมชน เป็ นต้น ปั ญหาการคุม้ ครองผูบ้ ริโภคจึงเชื่อมโยงกับ ระหว่างชุมชนกับเภสัชกร จนกลายเป็ นวิธกี ารแก้ปัญหาที่
ประเด็นทางกฎหมายอย่างแยกกันไม่ออก เหมาะสมและชุมชนยอมรับ
“การนํ าสารสเตียรอยด์มาผสมในยานํ้ าสมุนไพร “มันเป็ นกระบวนการในชุมชน เหมือนกับผ่านการ
แผนโบราณทีไ่ ด้รบั การขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย... กระทําของตัวเขาเอง กินแล้วมันเป็ นอย่างนี้นะ เคสที ่ 1 เคส
แต่เมือ่ เภสัชกรลงไปติดตามตรวจสอบในสถานทีผ่ ลิต ผล ที ่ 2 เห็นมัยยายนั
๊ น้ เห็นไหมยายนี้ มันก็เหมือนกับเรียนรู้
วิเ คราะห์กลับ ไม่พ บว่า มีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์แต่ ด้ว ยตัว ของเขาเอง ยกตัว อย่ า งไปได้เ รือ่ ย ๆ คนนัน้ เป็ น
อย่างใด แต่ยาเหล่านี้เมือ่ ขายนอกจังหวัด (ทีเ่ ป็ นแหล่งผลิต) อย่างนี้นะ เค้าก็จะคุยไปเรือ่ ย ๆ” (พยาบาลวิชาชีพ)
กลับพบว่ามีสารสเตียรอยด์ผสมอยู่” (หนังสือถอดบทเรียน 2.2 การสร้ า งพลัง เครื อ ข่ า ยในการจัด การ
ของเภสัชกรผูใ้ ห้ขอ้ มูล) ปัญหาการคุ้มครองผูบ้ ริโภคในชุมชน
การเริ่ ม ต้ น จากการท าความเข้า ใจปั ญ หาการ
2. กระบวนการในการแก้ปัญหา บริโ ภคไม่ เ หมาะสมในชุ ม ชน ท าให้ เ ภสัช กรเห็น ความ
กระบวนการแก้ปั ญ หาของเภสัช กรใช้วิธีก ารที่ ซับ ซ้ อ นของปั ญหาว่ า มี ปั จจัย ที่ เ กี่ ย วข้ อ งหลากหลาย
หลากหลาย จากข้อมูลการวิจยั กระบวนการแก้ปัญ หามี กระบวนการแก้ปัญหาไม่สามารถจัดการได้ด้วยวิธกี ารใด
ลักษณะสาคัญ 3 ประการได้แก่ วิธกี ารหนึ่งหรือหน่ วยงานใดหน่ วยงานหนึ่งเพียงลาพัง แต่
2.1 การสร้างพลังให้กบั ชุดความรูใ้ หม่และการ ต้องอาศัยความร่วมมือจากชุมชนในลักษณะเครือข่ายการ
จัดการความรูใ้ นชุมชน ดาเนินงาน การออกแบบกระบวนการแก้ปัญหาจึง เป็ นการ
พฤติ ก รรมการใช้ ย าและผลิต ภัณ ฑ์สุ ข ภาพไม่ ค้ น หาและประเมิน ศัก ยภาพของชุ ม ชน แล้ ว เชื่อ มโยง
เหมาะสมในชุมชนเป็ นผลจากการใช้ชุดความรู้ และความ ประเด็นปั ญหาการคุ้มครองผู้บริโภคเข้าไปเพื่อให้เกิดการ
เชื่อเดิมที่เกิดขึน้ ผ่านการเรียนรู้ ส่งต่อ และฝั งแน่ นจนเป็ น เรียนรูแ้ ละออกแบบวิธกี ารแก้ปัญหาร่วมกัน
วิถปี กติของชุมชน โดยไม่รสู้ กึ ว่าเป็ นความผิดหรือความไม่ “ชุมชนเค้ามีศกั ยภาพ มันมีทงั ้ ความรู้ ทัง้ วิธีการ
เหมาะสม การด าเนิ น งานของเภสัช กรเพื่ อ แก้ ปั ญหา เอาตัวรอด เพียงแต่ว่ามันอาจจะเป็ นกระบวนการทีม่ นั ไม่
ดังกล่าวจึงเป็ นการสร้างชุดความรู้ใหม่ให้กบั ชุมชนว่า “ยา เจ๋ง มันอาจจะไม่เจ๋งมาก แต่กระบวนการจัดการความรู้มนั
และผลิตภัณฑ์สุขภาพเหล่านัน้ เป็ นอันตราย ผิดกฎหมาย เป็ นตัวไปเจียระไน” (เภสัชกรผูใ้ ห้ขอ้ มูล)
และไม่ควรบริโภค” เพื่อให้ชุดความรู้ใหม่น้ีค่ อย ๆ ปรากฏ ในการเข้าไปมีส่วนร่วมของเภสัชกรในการพัฒนา
โผล่ ขยายตัว และท าให้ชุ ด ความรู้ แ ละความเชื่อ เดิม ลด เครือข่ายคุม้ ครองผูบ้ ริโภคในชุมชน เภสัชกรไม่ได้มุ่งการนา
ความสาคัญลง ในการสร้างพลังให้กบั ชุดความรูใ้ หม่ เภสัช ประเด็น ปั ญ หาด้า นการคุ้ม ครองผู้บ ริโ ภคเข้า ไปเพื่ อ ให้
กรดาเนินการผ่านหลักฐานเชิงประจักษ์ ท่เี กิดขึน้ ในชุมชน เครือข่ายดาเนินการแก้ปัญหาในทันที แต่ เป็ นการเข้าไป
เพื่อ ให้ชุ ม ชนประจัก ษ์ ถึง ผลผลิต ของชุ ด ความเชื่อ เดิม ที่ เรียนรู้และพัฒนาความสัมพันธ์จนเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ
ได้ ร ั บ การเยี ย วยาด้ ว ยชุ ด ความรู้ ใ หม่ โดยการน า แล้ ว จึง พัฒ นากระบวนการขับ เคลื่อ นเพื่ อ แก้ ปั ญ หาไป
สถานการณ์ปัญหาทีเ่ กิดขึน้ จริงในชุมชนและมีผลกระทบสูง ด้วยกัน
มาเปิ ดเผยให้ชุมชนได้รบั รู้ เช่น กรณีผู้ป่วยเสียชีวิตหรือ “ลองเปลีย่ นจากวิธเี ดิม ๆ ทีเ่ รามักเอางานคุม้ ครอง
ผูป้ ่ วยทีไ่ ด้รบั ผลกระทบรุนแรงในชุมชนมาเป็ นตัวอย่างการ ผู้บริโภคด้านสุขภาพของเราเป็ นตัวตัง้ แล้วคอยมองหาว่า
เรีย นรู้ โดยการตัง้ ค าถามกับ ชุ ม ชนว่ า “ปรากฏการณ์ ที ่ ใครเกีย่ วข้องกับเรา มาเป็ นการมองว่ามีใคร หรือเครือข่าย
เ กิ ด ขึ้ น ชุ ม ช น รู้ สึ ก อ ย่ า ง ไ ร แ ล ะ จ ะ ทํ า อ ย่ า ง ไ รกั บ อะไรในชุมชนบ้าง...ลองเข้าไปพูดคุย เรียนรู้ว่าเขาทํางาน
ปรากฏการณ์ นั น้ ” การด าเนิ น งานเน้ น การแลกเปลี่ย น อะไร” (หนังสือถอดบทเรียนของเภสัชกรผูใ้ ห้ขอ้ มูล)
พูดคุย และสร้างความสัมพันธ์ในแนวราบไม่ให้มอี านาจของ บทบาทของเภสัช กรในการพัฒ นาเครื อ ข่ า ย
การควบคุ ม ก ากับ สัง่ การ หรือ ตัด สิน ด้ว ยแนวคิด และ คุ้ม ครองผู้บ ริโ ภคในชุ ม ชน คือ เป็ น ผู้จุ ด ประกาย สร้า ง
วิธีการของเภสัชกร ทัง้ นี้เป็ นการเปิ ดพื้นที่ให้มีการแสดง ประเด็น และหนุ น เสริม วิช าการให้ เ ครือ ข่ า ยเกิด ความ
ความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง ทาให้เกิดการแลกเปลี่ยนชุด ตระหนักและขับเคลื่อนเพื่อแก้ปัญหา ด้วยบทบาทหน้ า ที่

66
และความชานาญในเรื่องยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ ทาให้ ปลอมแล้วหลอกขายในราคาแพงโดยการเร่โฆษณาขายใน
เภสัชกรเป็ น ที่พ่งึ ของเครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคทางด้าน ชุมชนเป็ นระยะเวลาสัน้ ๆ พอได้เงินจากประชาชนแล้วก็
วิช าการเมื่อ มีก ารหยิบ ยกประเด็น ของยาและผลิต ภัณฑ์ ออกจากพืน้ ทีไ่ ป และทิง้ ความทุกข์ทรมานไว้ให้ประชาชน
สุขภาพมาเป็ นวาระพัฒนาร่วมกัน “ก็มคี นกังวลว่า ไม่อยากเอากฎหมายไปจับ ตรงนี้
“ถ้าเป็ นประเด็นนี้ก็จะเป็ นเภสัชกรทีต่ ้องมาช่วย เราต้องเข้าใจให้ดี ถ้าคนมันจะตายเนีย่ ถ้าเรามัวสนใจมิตวิ ธิ ี
เราไม่เข้าใจ เราก็จะปรึกษากัน เภสัชกรก็จะมาช่วยหนุ น คิดว่าเค้าใช้เพือ่ อะไร กินเพราะคนมีความคิดยังไง ผมคิดว่า
เสริ ม ในงานของพวกเรา คล้ า ยกับ ว่ า เภสัช กรจะเป็ น มันต้องประยุกต์แบบสมดุลไง คือเข้าใจเค้าด้วย แต่ปัญหาที ่
นักวิชาการของสมาคม” (ตัวแทนเครือข่ายภาคประชาชนใน มันรุนแรงต้องเบรกให้ได้ก่อน” (เภสัชกรผูใ้ ห้ขอ้ มูล)
พืน้ ทีท่ างานของเภสัชกรผูใ้ ห้ขอ้ มูล) เภสัชกรมีบทบาทในการชี้ประเด็นความผิดตาม
การมีสว่ นร่วมเป็ นหัวใจสาคัญของการจัดการแบบ กฎหมาย แต่ ใ นการบัง คับ ใช้ก ฎหมายเพื่อ การคุ้ม ครอง
เครือข่าย เพราะปั ญหาการคุม้ ครองผูบ้ ริโภคเป็ นปั ญหาเชิง ผูบ้ ริโภค เภสัชกรต้องอาศัยอานาจของหน่วยงานหรือบุคคล
ระบบทีม่ คี วามซับซ้อน ทีต่ ้องอาศัยมุมมองทีห่ ลากหลายใน อื่นที่เกี่ยวข้องเข้าไปร่วมจัดการ เช่น นายอาเภอ ตารวจ
การทาความเข้าใจและออกแบบวิธแี ก้ปัญหาให้ครอบคลุม ผูน้ าชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิน่ การมีส่วนร่วมของ
ทัง้ ระบบ การออกแบบกระบวนการทางานทีท่ าให้แต่ละส่วน หน่ ว ยงานที่เ กี่ย วข้อ งนี้ นอกจากจะท าให้ก ารบัง คับ ใช้
ตระหนักในบทบาทของตนเอง และการกาหนดเป้ าหมาย กฎหมายได้ ผ ลดีแ ล้ ว ยัง ท าให้ เ กิ ด ความร่ ว มมือ ในการ
ร่วมที่สอดคล้องกับความต้องการของแต่ละส่วน ทาให้เกิด ดาเนินงานด้านการบังคับใช้กฎหมายอีกด้วย
พลัง ร่ ว มในการขับ เคลื่อ นระบบให้ไ ปในทิศ ทางเดีย วกัน “คือ ช่ ว งทีพ่ วกเราไปตรวจร้า นค้า มีเ ทศบาลกับ
ภายใต้ศกั ยภาพของแต่ละส่วนทีอ่ ยู่คนละทีก่ นั แต่เชื่อมโยง รพ.สต. และตํารวจไปด้วย คือไปยึดเขา...คือใช้กฎหมาย
กันเป็ นระบบ ด้วย แล้วก็ได้ความร่วมมือด้วย” (เภสัชกรผูใ้ ห้ขอ้ มูล)
“เป็ น การกระตุ้ น ให้ ทุ ก เครื อ ข่ า ยที เ่ ข้ า มาร่ ว ม นอกจากการบังคับใช้กฎหมายโดยตรงแล้ว เภสัช
ทํางาน เกิดความตืน่ ตัวเพราะเห็นภาพชัดเจนว่าตนเองมี กรยังพัฒนาเครือข่ายเฝ้ าระวังการกระทาผิดกฎหมายด้าน
ความสําคัญและมีบทบาทหน้า ทีอ่ ย่างไรในวงจรการแก้ไข การคุม้ ครองผูบ้ ริโภคในชุมชนเพื่อช่วยลดแรงปะทะ และทา
ปั ญหา ทํ า ให้ เ กิ ด การมี ส่ ว นร่ ว มในการแก้ ไ ขปั ญหา ” ให้การบังคับใช้กฎหมายทาได้ง่ายขึน้ การพัฒนาเครือข่าย
(หนังสือถอดบทเรียนของเภสัชกรผูใ้ ห้ขอ้ มูล) เป็ นการใช้กระบวนการแบบมีส่วนร่วม เช่น เวทีประชาคม
2.3 การบังคับด้วยกฎหมาย เพื่อให้ชุมชนกาหนดกฎเกณฑ์ทางสังคมขึน้ มาควบคุม และ
การบัง คับ ใช้ก ฎหมายเป็ น เครื่อ งมือ ที่จ าเป็ นใน กากับการกระทาผิดกฎหมายด้านการคุม้ ครองผูบ้ ริโภคเอง
การดาเนินงานด้านการคุม้ ครองผูบ้ ริโภคในชุมชน อย่างไรก็ พลังเครือข่ายชุมชนเหล่านี้เป็ นเหมือนด่านหน้าในการดัก
ตามการบัง คับ ใช้ ก ฎหมายเป็ นเพีย งส่ ว นหนึ่ ง ของการ จับและจัดการปั ญหาด้วยตนเองก่อนทีจ่ ะถึงเจ้าหน้าที่
ดาเนินงาน ที่ต้องทาควบคู่กบั วิธีการอื่นเสมอเพื่อให้การ “บางครัง้ ก็เป็ นรถเรีย่ ไร ก็ไม่ให้เข้าหมู่บ้าน รถเร่
แก้ปัญหามีความครอบคลุม ขายยาก็ไม่อยากให้เข้าหมู่บ้าน ถ้าเข้านีค่ ือเค้าก็จะใช้กฎ
“การแก้ปัญหาคุม้ ครองผูบ้ ริโภคด้านสุขภาพ ไม่ได้ ของหมู่บ้าน คือปรับ บางทีตามกฎหมายมันไม่มี ก็ใช้กฎ
มีแนวทางเดียวเท่านัน้ บางกรณีอาจจะต้องใช้กฎหมาย บาง ของหมู่บา้ นแทน” (อสม.)
กรณีอาจจะต้องใช้พลังขับเคลือ่ นของสังคม หรือบางกรณีก็
อาจจะใช้แ ค่ วิธีก ารง่ า ย ๆ ทีค่ ิด ค้ น โดยชาวบ้ า นก็พ อ” 3. การบูรณาการบทบาทของเภสัชกรด้านการคุ้มครอง
(หนังสือถอดบทเรียนของเภสัชกรผูใ้ ห้ขอ้ มูล) ผูบ้ ริโภคในระบบสุขภาพชุมชน
การบังคับใช้กฎหมายเป็ นเครื่องมือ ที่เภสัชกรใช้ การอธิบายบทบาทของเภสัชกรในระบบสุขภาพ
ในการแก้ปัญหาในกรณีวกิ ฤติทต่ี ้องระงับเหตุอย่างเร่งด่วน ชุมชนด้วยกรอบแนวคิดการบูรณาการช่วยให้เห็นบทบาท
อันเกิดจากการกระทาผิดกฎหมายโดยฉกฉวยผลประโยชน์ ของเภสัชกรทีส่ อดคล้องกับปรัชญา แนวคิด และเป้ าหมาย
อย่างขาดศีลธรรม และสร้างผลกระทบต่อสุขภาพชีวติ และ ของระบบสุขภาพชุมชนได้ชดั เจนมากขึน้ ดังมีรายละเอียด
ทรัพ ย์สิน ของผู้บ ริโ ภคอย่ า งรุ น แรง เช่ น การโฆษณายา ดังนี้

67
3.1 การบูรณาการภายในระบบงานเภสัชกรรม ในระบบงานสาธารณสุข ที่ให้ความสาคัญกับการ
การขยายบทบาทด้านการคุ้มครองผู้บริโภคด้าน ส่งเสริมสุขภาพ และสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนใน
ยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพเข้าไปในชุมชน เริ่มต้นจากการ การจัด การสุ ข ภาพของตนเอง การออกแบบระบบงาน
เห็นผู้ป่วยที่ได้รบั ผลกระทบจากการใช้ผลิตภัณฑ์ดงั กล่าว คุ้ ม ครองผู้ บ ริโ ภคให้เ ข้า ไปเชื่อ มโยงกับ ระบบการดู แ ล
ที่ม ารับ บริก ารในโรงพยาบาล แล้ ว พยายามเชื่อ มโยง ประชาชนกลุ่มต่าง ๆ เหล่านี้ เป็ นรูปแบบหนึ่งของการบูร
ประเด็นปั ญหานี้กบั กระบวนการเชิงป้ องกันเพื่อไม่ให้ปัญหา ณาการ ตัว อย่ า งจากการวิจ ัย ที่สะท้อ นภาพดังกล่ า ว คือ
เกิดขึน้ อีก โดยมองเชื่อมโยงไปถึงสาเหตุต้นตอของปั ญหา การบูรณาการแผนการทางานด้านการคุม้ ครองผูบ้ ริโภคกับ
ในชุมชนว่า “ประชาชนได้ยาหรือผลิตภัณฑ์สุขภาพเหล่านี้ ระบบงานส่ ง เสริ ม สุ ข ภาพเด็ ก วั ย เรี ย น เพื่ อ พั ฒ นา
มาอย่างไร” กระบวนการทีเ่ ข้ามาตอบสนองคือการคุม้ ครอง กระบวนการทางานร่วมกันระหว่างกลุ่มงานเภสัชกรรมกับ
ผูบ้ ริโภคในชุมชน “คนไข้แพ้ยามา ช็อคมา เป็ นยาตัว ทีท่ ํา กลุ่มงานด้านการส่งเสริมสุขภาพ เป็ นต้น
ให้ไปทํางานในชุมชน ขึ้นเวรบ่ายอย่างนี้ล่ะค่ะ พยาบาล ER “เพือ่ ไม่ให้เสียโอกาสดีทีว่ งิ ่ เข้ามาหา ดังนัน้ ฝ่ าย
ตามให้ไปช่วยดูหน่ อย กินยาเม็ดสีเหลืองมา แค่เอามือจับ คุ้ม ครองผู้บ ริโ ภคจึง อาสาเป็ น เจ้า ภาพในการจัด ประชุ ม
มันก็ตดิ คนไข้สนั ่ ความดันตก” (เภสัชกรผูใ้ ห้ขอ้ มูล) ระดมสมอง โดยเชิญตัวแทนเจ้าหน้าทีส่ าธารณสุข ตัวแทน
นอกจากการพบปั ญหาในผู้ป่วยที่มารับบริการที่ ครูจากสถานศึกษาทัง้ ครู อย.น้อย และครูทเี ่ กีย่ วข้องกับงาน
โรงพยาบาลแล้ว การเปิ ดพืน้ ทีก่ ารทางานของเภสัชกรด้าน สาธารณสุขต่าง ๆ ตลอดจนตัวแทนจากเขตพื้น ทีก่ ารศึกษา
การบริบาลเภสัชกรรมเพื่อดูแลผู้ป่วยต่ อเนื่องที่บ้าน เป็ น ในจัง หวัด มาประชุ ม หารือ ในการ แก้ ไ ขปั ญ หาร่ ว มกัน ”
การเปิ ดโอกาสให้เภสัชกรได้ลงไปสัมผัสปั ญหาการใช้ย า (หนังสือถอดบทเรียนของเภสัชกรผูใ้ ห้ขอ้ มูล)
ของผู้ป่วยในบริบทชุมชน ทาให้เภสัชกรเห็นปั ญหาการใช้ 3.3 การบูรณาการในระบบสุขภาพชุมชน
ยาในมิติท่ีแตกต่ างออกไป ปั ญหาเหล่านี้เชื่อมโยงอยู่ก ับ เครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคในชุมชนดังอธิบายใน
ปั ญหาการดูแลผูป้ ่ วยในโรงพยาบาลทีต่ ้องแก้ไขไปพร้อม ๆ ข้อ 2.2 เป็ นรูปแบบของการบูรณาการงานคุม้ ครองผูบ้ ริโภค
กัน เข้าไปในระบบสุขภาพชุมชน ทีเ่ กิดจากการรวมกันของคน
“งานเภสัชกรรมปฐมภูมิ มันทําให้เราเริม่ ไปเยีย่ ม ในชุมชนเพื่อให้เกิดความร่วมมือในการแก้ปัญหาทีน่ าไปสู่
บ้าน แต่ก่อนไม่รู้จกั ยาประดงหมอเสาร์ นกเป็ ด ไม่รู้จกั ไป เป้ าหมายที่แตกต่างหลากหลาย ลักษณะร่วมประการหนึ่ง
เห็นทีบ่ า้ นคนไข้ เฮ้ย! มีอย่างนี้ดว้ ย” (เภสัชกรผูใ้ ห้ขอ้ มูล) ของเครือข่ายเหล่านี้คอื การขับเคลื่อนไปเพื่อความเป็ นปกติ
3.2 การบู ร ณาการกับ ระบบงานอื่ นในระบบ สุขของสังคม ซึง่ เป็ นลักษณะร่วมของเครือข่ายทีเ่ ภสัชกรใช้
สาธารณสุข ในการพิจารณาเพื่อเข้าไปพัฒนาระบบบูรณาการ
ในระบบสุขภาพทีน่ าด้วยประเด็นทางสาธารณสุข การบู ร ณาการในลัก ษณะนี้ ห วัง ผลเพื่อ ให้ เ กิด
พฤติ ก รรมบริโ ภคยาและผลิต ภัณ ฑ์สุ ข ภาพเป็ นปั ญ หา ความร่วมมือในการขับเคลื่อนประเด็นการคุม้ ครองผูบ้ ริโภค
พืน้ ฐานทีเ่ กีย่ วข้องกับประชาชนทุกกลุ่มโดยเฉพาะในบริบท ด้านยาและผลิตภัณฑ์สขุ ภาพเชิงประเด็น เช่น เครือข่ายเฝ้ า
ชุมชน เช่น ปั ญหาการแสวงหายาและผลิตภัณฑ์สุขภาพมา ระวังปั ญหาสเตียรอยด์ เครือข่ายร้านขายของชาคุณภาพ
ใช้ด้วยตนเองในกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง พฤติกรรมการใช้ยา เครือข่ายเฝ้ าระวังโฆษณา แล้วพัฒนาเป็ นองค์กรการทางาน
บรรเทาอาการปวดในกลุ่มประชากรวัยทางาน การบริโภค คุ้ ม ครองผู้ บ ริโ ภคขึ้น มาในชุ ม ชน เพื่ อ ให้ ก ระบวนการ
ขนมเกินพอดีในกลุ่มเด็กนักเรียน ลักษณะดังกล่าวเป็ นการ ขับเคลื่อนเพื่อแก้ปัญหาการคุม้ ครองผูบ้ ริโภคกลายเป็ นวิถี
เอื้อ ให้ ส ามารถบู ร ณาการกระบวนการท างานด้ า นการ ปกติของชุมชน ทีจ่ ะเป็ นส่วนหนึ่งในการสร้างสังคมสุขภาวะ
คุม้ ครองผูบ้ ริโภคเข้ากับกระบวนการดูแลกลุ่มเป้ าหมายต่าง อันเป็ นเป้ าหมายสูงสุดของระบบสุขภาพชุมชน
ๆ เหล่านี้ได้เป็ นอย่างดี “การดํา เนิ น งานคุ้มครองผู้บริโภคในชุมชน ควร
“แต่ พ วกเราพบว่ า งานคุ้ ม ครองผู้ บ ริโ ภคด้ า น มุ่งเน้นรูปแบบการทํางาน “เชิงรุก” โดยการเผยแพร่ความรู้
สุ ข ภาพมัน สามารถแทรกเข้า ไปได้ ทุ ก งาน แบบไม่ ต้ อ ง ต่าง ๆ ทีเ่ กีย่ วข้อง รวมทัง้ จัดกระบวนการ “เชือ่ มโยง” เพือ่ ให้
พยายามยัดเยียดด้วยซํ้า ” (หนังสือถอดบทเรียนของเภสัช ภาคีเครือข่าย ตลอดจนประชาชนในชุมชนมีความเข้มแข็ง
กรผูใ้ ห้ขอ้ มูล) และมีส่ ว นร่ ว มในการเฝ้ าระวัง ความเสีย่ งให้ก ับ ตนเอง

68
ครอบครัว ไปจนถึง “ชุ ม ชน” ในรูป แบบเครือ ข่า ยองค์ก ร การมองปั ญหาการคุ้ ม ครองผู้ บ ริ โ ภคอย่ า ง
ผู้บริโภคในชุมชน” (หนังสือถอดบทเรีย นของเภสัชกรผู้ให้ เชื่อ มโยงเป็ น ระบบ ท าให้เ ภสัช กรเห็น ปั จ จัย เกี่ย วข้อ ง
ข้อมูล) หลากหลาย การแก้ปัญหาจึงไม่ได้มุ่งเน้นทีร่ ะดับปั จเจกเป็ น
สาคัญ แต่มุ่งเน้นการจัดการเชิงระบบเพื่อแก้ไขปั ญหาจาก
4. กระบวนทัศน์การบูรณาการบทบาทเภสัชกรในระบบ เหตุ ปั จ จัย แวดล้อ มที่เ ชื่อ มโยงอยู่ก ับ ตัว ปั จ เจก โดยมอง
สุขภาพชุมชน ตนเองเป็ นส่วนหนึ่งของระบบทีต่ อ้ งเข้าไปเกีย่ วข้องสัมพันธ์
การวิเคราะห์กระบวนทัศน์ (paradigm) ของเภสัช กับส่วนอื่น ๆ จึงจะสามารถแก้ปัญหาได้อย่างครอบคลุม
กรในการบูรณาการบทบาทด้านการคุม้ ครองผูบ้ ริโภคด้าน “พอตอนหลังเราทํางานคุม้ ครองผูบ้ ริโภค เวลาเรา
ยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพในระบบสุขภาพชุมชน แสดงให้ มอง มันจะเห็นภาพทัง้ หมด เห็นเป็ นระบบ แล้วมันทําให้การ
เห็น การเคลื่อ นย้า ยกระบวนทัศ น์ (paradigm shift) ของ ออกแบบมันมีเหตุมผี ล แต่มนั ไม่ใช่เหตุผลทางวิทยาศาสตร์
เภสัชกรจากฐานคติทางความคิดเดิม ทีม่ ุ่งเน้นความเป็ นภว ทัง้ หมด มันเป็ นเหตุเป็ นผลเชิงสังคมศาสตร์” (เภสัชกรผู้ให้
วิส ัย (objective) ไปสู่ก ระบวนทัศ น์ ท่ีมีค วามเป็ น อัต วิสยั ข้อมูล)
(subjective) ที่ มี ค วามสอดคล้ อ งกั บ แนวคิ ด ของระบบ 4.2 ความเป็ นอัตวิ สยั และการใช้ (อานาจของ)
สุขภาพชุมชน ดังนี้ ความรู้
4.1 การมองในมิ ติที่เป็ นองค์รวม และเชื่อมโยง ความเป็ น อัตวิสยั ของเภสัชกรในการบูร ณาการ
การทางานอย่างเป็ นระบบ บทบาทด้านการคุ้มครองผู้บริโภคในชุมชน แสดงให้เห็น
การมองพฤติกรรมการบริโภคยาและผลิตภัณฑ์ จากวิธกี ารมองปั ญหาการใช้ยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพจาก
สุ ข ภาพของผู้ บ ริ โ ภคว่ า ไม่ ไ ด้ เ กิด ขึ้น เองเพี ย งล าพัง ที่ มุ ม มองของผู้ บ ริโ ภค โดยไม่ ตัด สิน ด้ ว ยชุ ด ความรู้ ห รือ
เกีย่ วกับแค่เฉพาะตัวผลิตภัณฑ์และผูบ้ ริโภคเท่านัน้ แต่เป็ น มุมมองของตนเอง เป็ นการก้าวข้ามกาแพงความรูข้ องเภสัช
ผลจากปั จ จัย แวดล้อ มที่ห ลากหลายและซับ ซ้อ น ตัง้ แต่ กร จาก “ยาแก้ความเจ็บป่ วย” ไปสู่ “ยาแก้ทุกข์” หรือ “ยา
ความรูแ้ ละความเชื่อของประชาชนทีผ่ กู โยงอยู่กบั ความหวัง เพิม่ ทุกข์” เป็ นการก้าวข้ามการมองปั ญหาแบบภววิสยั ซึ่ง
ทีจ่ ะหลุดพ้นจากความทุกข์จากความเจ็บป่ วย และความบีบ เป็ นการมองจากมุมมองของตนเอง ไปสู่การทาความเข้าใจ
คัน้ ทางสังคมให้ต้องใช้ร่างกายทางานหนัก เพื่อตอบสนอง ปั ญหาในมุมมองของชุมชนทีม่ มี ติ ทิ างสังคมและวัฒนธรรม
ต่ อระบบทุนจนเกิดความเจ็บป่ วย กลายเป็ นวงจร ความ เข้ามาเกีย่ วข้อง
ทุกข์-ความหวัง-การแสวงหาทางบรรเทาทุกข์-ความทุกข์ “เราก็จะไปบอกชาวบ้านว่า อันนี้นะยาไม่เหมาะสม
ซ้ า ซาก มุ ม มองนี้ เ ป็ นการมองปั ญ หาด้ า นการคุ้ ม ครอง อันนัน้ คือมุมมองของเราไง ทีน้ ีชาวบ้านเค้าไม่ได้มองยาไม่
ผู้บริโภคอย่างเป็ นองค์รวมที่ทาให้เภสัชกรเข้าใจมิติความ เหมาะสมหรอก เค้ า มองยาว่ า เป็ น เครือ่ งช่ ว ยชีวิต เขา”
เป็ นมนุ ษย์ของผูบ้ ริโภค โดยไม่ตดั สินพฤติกรรมการบริโภค (เภสัชกรผูใ้ ห้ขอ้ มูล)
ว่าเป็ นความผิดของผูบ้ ริโภค แต่มองลึกเข้าไปถึงความทุกข์ ทัศ นะการมองความรู้ ด ัง กล่ า วของเภสัช กรยัง
ที่อ ยู่ เ บื้อ งหลัง ของปั ญ หา ท าให้ก ระบวนการแก้ปั ญ หา แสดงให้เห็นอีกจากการบูรณาการงานคุม้ ครองผูบ้ ริโภคใน
ดาเนินอยู่บนพื้นฐานความเข้าใจและเห็นใจ ตลอดจนมอง ระบบสุ ข ภาพชุ ม ชนด้ว ยการจัด การความรู้ (knowledge
ตนเองและผู้บริโภคอย่างเท่าเทียมในฐานะที่ต่างคนต่ างก็ management) ที่เ น้ น การเปิ ดพื้ น ที่ใ ห้ มีก ารแลกเปลี่ ย น
เป็ น ส่ ว นหนึ่ ง ของสัง คมที่ต้ อ งร่ ว มกัน เยีย วยาและแก้ไ ข ความรู้ร ะหว่ างชุมชนกับเภสัชกร โดยให้ค วามสาคัญกับ
ปั ญหาไปด้วยกัน ความรู้เดิมของชุมชน และปรับแนวทางการใช้ความรู้ของ
“เวลาเรามองเนี ย่ มัน จะไม่ เ ห็น แค่ ผู้ป่ วย ไม่ ไ ด้ เภสัช กรให้สอดคล้อ งกับ แนวทางของชุ ม ชน เพื่อ ให้เ กิด
มองเห็นแค่ตัวยา แต่ มองคนทีอ่ ยู่รอบข้างด้วย เราจะเห็น ความรูแ้ ละวัฒนธรรมใหม่ในการจัดการปั ญหาในชุมชน
ด้านลึกของวิธคี ดิ เค้า ปั จจัย ทีม่ นั มีผลต่อตัวเขา แล้วก็เห็น “แต่ ว่ า มัน อาศัย การไปเรีย นรู้จ ากชุ ม ชน คือ เรา
แนวทางในการทีจ่ ะออกแบบเครือ่ งไม้เครือ่ งมือ หรือว่าทํา เชือ่ มัน่ ในชุ มชน เราก็เ อาข้อ มูล ทีเ่ รามีไปแลกเปลีย่ นกับ
ให้ม ัน เกิด ระบบเพือ่ ให้ค นเหล่ า นี้ ไ ด้ร ับ ความปลอดภัย ” ชุมชน แล้วชุมชนเค้าก็จะระดมสมองกันคิดเครือ่ งมือ ตอนที ่
(เภสัชกรผูใ้ ห้ขอ้ มูล) เราไปช่วยเค้าคิดเนีย่ เรามองว่า เราไม่ได้เป็ นเจ้าหน้าทีไ่ ง

69
เราก็คือ คนหนึ ่ง ในชุ ม ชน มัน ก็เ ลยทํ า ให้ เ กิด การสร้ า ง ปั จจัยจากตัวผูบ้ ริโภคเอง ปั ญหาเหล่านี้มคี วามซับซ้อนและ
เครือ่ งมือทีช่ ุมชนเค้าโอเค” (เภสัชกรผูใ้ ห้ขอ้ มูล) ต้องการการทาความเข้าใจอย่างลึกซึ้งมากกว่าแค่การมอง
การปรับ เปลี่ย นกระบวนทัศ น์ ข องเภสัช กรใน ปรากฏการณ์ ท่เี กิดขึน้ เพียงผิวเผิน แล้วลงมือแก้ไขปั ญหา
การบูรณาการงานคุม้ ครองผูบ้ ริโภคในระบบสุขภาพชุมชน จากมุมมองของเภสัชกรเท่านัน้ อีกทัง้ ปั ญหามีมิติทงั ้ ด้าน
เกิดจากการเรียนรูจ้ ากการปฏิบตั จิ ริงด้วยตนเองและพัฒนา กว้างและลึก ในมิตดิ า้ นกว้างต้องอาศัยความร่วมมือจากผูม้ ี
กระบวนการทางานต่อเนื่อง จนเกิดความเข้าใจและเรียนรู้ ส่วนเกีย่ วข้องทีห่ ลากหลายเข้ามาร่วมดาเนินการ ในขณะที่
ว่า ทีส่ ดุ แล้วปั ญหาการคุม้ ครองผูบ้ ริโภคในชุมชนไม่หยุดนิ่ง ด้า นลึก จ าเป็ น ต้ อ งอาศัย การบู ร ณาการศาสตร์แ ละองค์
แต่ เปลี่ยนแปลงเป็ นพลวัตรเช่นเดียวกับปั ญหาของสังคม ความรูห้ ลายแขนงเข้าด้วยกัน เพื่อใช้ในการแก้ไขปั ญหาทัง้
ด้านอื่น ๆ ที่สงั คมต้องร่วมกันเยียวยาด้วยพลังความรูข้ อง ในระดับบุคคล ครอบครัว และชุมชนอย่างเป็ นระบบ
ชุมชนเอง เภสัชกรเป็ นฟั นเฟื องตัวหนึ่งทีจ่ ะร่วมกับฟั นเฟื อง การบูรณาการเป็ นแนวคิดในการแก้ปัญหาที่เ กิด
ตัวอื่น ๆ เพื่อขับเคลื่อนสังคมแห่งสุขภาวะไปด้วยกัน จากการคิด การมอง และการจัดการแบบแยกส่ วน การบูร
“ผมว่ า มัน น่ า จะเลยระยะทีย่ าก คือ มัน จะมีอ ยู่ ณาการให้ความสาคัญกับความเชื่อมโยง ความสัมพันธ์ และ
ช่วงหนึง่ ทีเ่ รารู้สกึ ว่า ทําไมปั ญหามันเยอะ มันแก้ไม่หมด ความร่วมมือระหว่างหน่ วยย่อย โดยมีเป้ าหมายร่วมเป็ นตัว
ตอนนั น้ จะรู้ สึก ว่ า มัน ยาก แต่ พ อตอนหลัง ๆ เราเข้า ใจ กากับกระบวนการขับเคลื่อนให้ไปในทิศทางเดียวกัน โดย
ศัก ยภาพชุ ม ชนมากขึ้น ผมมองว่ า ตรงนัน้ มัน ไม่ย าก คือ ค านึ ง ถึง บริบ ทที่เ ป็ น อยู่ในขณะนัน้ (7) การบูร ณาการใน
ปั ญหาคงมีอยู่ แต่ ว่าเรามองว่า เดี๋ยวสังคมมันจะมีการจัด ระบบสุขภาพมีความหลากหลาย เช่น การบูรณาการเชิง
สมดุลของมันเอง” (เภสัชกรผูใ้ ห้ขอ้ มูล) ระบบ (systemic integration) (7) ซึ่ ง เป็ นการบู ร ณาการ
ทัศนะในการมองคนอื่นอย่างเท่าเทียม เชื่อมันใน ่ ระหว่ า งระบบบริการเพื่อ ให้เ กิดความร่ ว มมือ ในการดูแล
ศักยภาพของคน และมองตนเองเป็ นส่วนหนึ่งของสังคมทีม่ ี กลุ่ ม เป้ า หมาย เช่ น การบูร ณาการระบบการดูแ ลผู้ป่ วย
หน้าทีใ่ นการทาให้สงั คมเป็ นปกติสุข เป็ นทัศนะในการมอง ต่อเนื่องกับระบบการดูแลผูป้ ่ วยเฉพาะโรคเพื่อเชื่อมต่อการ
ตนเอง คนอื่น และงานอย่างมีคุณค่า ทัศนะนี้เป็ นการรักษา ดูแลเข้าไปในชุมชน การบูรณาการองค์ก ร (organisation
ความสัมพันธ์เชิงบวกกับบริบทแวดล้อมด้านการคุ้มครอง integration) (14) เป็ น การบูร ณาการระดับ โครงสร้า งของ
ผู้บริโภค ทาให้การทางานและชีวิตของเภสัชกรที่ทางาน การบริห ารจัด การ หวัง ผลให้เ กิด องค์ก รที่มีก ารบริห าร
ด้านการคุม้ ครองผูบ้ ริโภคมีความหมายต่อเพื่อนมนุษย์ และ จัดการร่วม ตัวอย่างทีเ่ ป็ นรูปธรรม ได้แก่ การจัดโครงสร้าง
ทาให้เภสัชกรทางานโดยไม่ทุกข์และลงมือทาในส่วนทีท่ าได้ การบริหารจัดการระบบสุขภาพแบบเขตบริการสุขภาพของ
อย่างดีทส่ี ุด การทางานนี้จงึ มีคุณค่าและความหมายต่อการ กระทรวงสาธารณสุ ข ที่ แ บ่ ง ระดั บ สถานบริ ก ารตาม
มีชวี ติ อยู่และดาเนินต่อไปของเภสัชกรแม้จะเป็ นงานที่ยาก ศักยภาพในการจัดบริการ และบริหารคน งาน เงินร่วมกัน
และหนัก ระดับเขตบริการสุขภาพ การบูรณาการแบบแผนการทางาน
“เราไปทําสิง่ ทีร่ ู้สกึ ว่ามีประโยชน์ กบั เค้าเนีย่ เรา (normative integration) (15) เป็ น การบู ร ณาการในระดับ
ไม่ได้มองว่า เราไปทําบุญคุณกับเค้านะ พอเราทําแล้ว เรา วิสยั ทัศน์ แนวคิด ค่านิยม และวัฒนธรรมองค์กร (7) วิธนี ้ี
เห็นเค้ามีชวี ติ เค้ามีคุณภาพชีวติ ดี เค้ามีความสุข หรือว่า เป็ น การบู ร ณาการที่มีค วามเป็ น รู ป ธรรมน้ อ ยที่สุ ด แต่ มี
ไม่ได้ต้องการการยอมรับอะไรนะ คือมันเป็ นความสุขไง” ความสาคัญต่อความยังยื ่ นของระบบมากทีส่ ุด (15) เพราะมี
(เภสัชกรผูใ้ ห้ขอ้ มูล) ผลต่อความสัมพันธ์และแบบแผนการทางานร่วมกันของคน
ใ นระ บ บ กา รบู ร ณาการกระบ วนกา รดู แ ล (clinical
สรุปผลและข้อเสนอแนะ integration or professional integration) เป็ นการบูรณาการ
การบูรณาการบทบาทเภสัชกรด้านการคุ้มครอง กระบวนการดูแลระหว่างสหสาขาวิชาชีพ (15) เพื่อแสวงหา
ผูบ้ ริโภคในระบบสุขภาพชุมชนเริม่ ต้นจาการทาความเข้าใจ ความร่ ว มมื อ ในการดู แ ลกลุ่ ม เป้ าหมายเฉพาะกลุ่ ม
ปั ญหาคุ้ ม ครองผู้ บ ริ โ ภคว่ า เป็ นปั ญหาเชิ ง ระบบ โดย ตัวอย่างเช่น การพัฒนาแนวทางการดูแลผูป้ ่ วยสาขาต่าง ๆ
พฤติกรรมบริโภคเป็ นผลจากบริบทแวดล้อม ตัง้ แต่ ระบบ ร่วมกันระหว่างโรงพยาบาลเครือข่ายที่ดูแลตามแผนการ
เศรษฐกิจ ค่ า นิ ย มทางสัง คม วัฒ นธรรมของชุ ม ชน และ จัดระบบบริการสุขภาพ (service plan) (16) เป็ นต้น การบูร

70
ณาการยังมีระดับของความเข้มข้น (intensity) ทีแ่ ตกต่างกัน ผูป้ ่ วยทีไ่ ด้รบั ผลกระทบจากการใช้ยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ
ระดั บ แรก คื อ การเชื่ อ มโยง (linkage) ที่ แ ต่ ล ะส่ ว น ไม่เหมาะสมในชุมชนเป็ นตัวเชื่อม แต่ละระบบงานอาจแยก
(participants) มีความเป็ นอิสระต่อกัน แต่เชื่อมโยงกันด้วย การบริหารจัดการออกจากกันแต่ มีก ารก าหนดเป้ า หมาย
การสือ่ สารเพื่อให้เกิดความเข้าใจระหว่างกันในกระบวนการ ร่วมและเชื่อมโยงข้อมูลการดูแลผูป้ ่ วยเข้าด้วยกัน การวาง
ดู แ ล (14) การบู ร ณาการระดั บ การประสานงาน (co- ระบบเพื่อให้มกี ารดักจับ และรายงานกรณีผปู้ ่ วยเหล่านี้จาก
ordination) มีรปู แบบและโครงสร้างชัดเจนกว่าการเชือ่ มโยง ระบบงานเภสัช กรรมในโรงพยาบาลแล้ ว เชื่อ มโยงกับ
เพราะมีก ารเชื่อ มโยงระบบงานเข้า ด้ว ยกัน และใช้ข้อ มู ล ระบบงานคุม้ ครองผูบ้ ริโภค เป็ นการพัฒนาระบบงานเภสัช
ร่วมกันอย่างเป็ นระบบ และประสานผลลัพธ์การดูแลระหว่าง กรรมให้ค รอบคลุ ม การดูแลทัง้ ในระดับ บุค คล ครอบครัว
กัน (17) การบูรณาการระดับสูงหรือแบบเต็มรูปแบบ (full และชุมชน และครอบคลุมมิติมงั ้ การส่งเสริม ป้ องกัน และ
integration) (7) เป็ นการบู ร ณาการในระดับ การบริห าร รักษา
ทรัพยากรร่วมกัน มีลกั ษณะใกล้เคียงกับการจัดองค์กรย่อย การบูรณาการระบบงานคุ้มครองผู้บริโภคเข้ากับ
ขึน้ มารองรับระบบการดูแลเฉพาะกลุ่ม (7) กระบวนการทางานของกลุ่ มงานอื่นในระบบสาธารณสุข
การบูรณาการบทบาทด้านการคุ้มครองผู้บริ โภค เพื่อดูแลสุขภาพกลุ่มเป้ าหมาย เช่น การดูแลสุขภาพตาม
ในระบบสุขภาพชุมชนที่พบจากการวิจยั นี้ อยู่ในลักษณะที่ ช่วงวัย (แม่และเด็ก จนถึง ผูส้ งู อายุ ) ผูป้ ่ วยกลุ่มโรคต่าง ๆ
เภสัชกรทางานบนพืน้ ฐานสภาพปั ญหาทีเ่ กิดขึน้ จริงในพืน้ ที่ เป็ นการพัฒนาบทบาทของเภสัชกรทีแ่ สดงให้เห็นถึงการบูร
(problem based management) โดยไม่ ไ ด้ม องหรือ ตัด สิน ณาการเชิง ระบบ (systemic integration) (7) เพื่อ ให้ เ กิด
ปั ญ หาจากมุ ม มองของเภสัช กรเอง แต่ เ ป็ น การประเมิน ความร่วมมือในการดูแลกลุ่มเป้ าหมาย ซึ่งเป็ นการขยาย
สถานการณ์ ท่เี ชื่อมโยงกับบริบททางสังคมและวัฒนธรรม ขอบเขตงานคุ้มครองผู้บริโภคให้ครอบคลุมกลุ่มเป้ าหมาย
ของชุ ม ชน (context based management) และแสดงให้ มากขึน้ ลักษณะดังกล่าวส่งผลดีต่อทัง้ กลุ่มเป้ าหมายในด้าน
เห็น ลัก ษณะของการบู ร ณาการที่ห ลากหลายในระดับ ที่ ที่ ไ ด้ ร ั บ บทเรี ย นที่ ผ่ า นการบู ร ณาการแล้ ว และกั บ ทัง้
แตกต่ า งกัน ตัง้ แต่ ก ารบูร ณาการภายในระบบงานเภสัช บุคลากรทางด้านสาธารณสุขในด้านการบริหารทรัพยากรให้
กรรมไปจนถึง การบู ร ณาการในระบบสุ ข ภาพชุ ม ชน ที่ สมประโยชน์ และทาให้เกิดบรรยากาศการทางานร่วมกัน
ทัง้ หมดเป็ นระบบที่เชื่อมโยงกัน เพื่อส่งเสริมให้ระบบงาน อย่างสร้างสรรค์
เภสัช กรรมเป็ น ส่ว นหนึ่ ง ในการสร้า งสุข ภาวะของชุ มชน การบูรณาการงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภคเข้า
ดังนี้ ไปในระบบสุข ภาพชุมชนเป็ นการบูร ณาการที่มีขอบเขต
การบูรณาการระบบงานคุ้มครองผู้บริโภคเข้ากับ กว้ า งมากที่ สุ ด เป็ นการบู ร ณาการความร่ ว มมื อ (co-
ระบบงานอื่นเฉพาะภายในระบบงานเภสัชกรรมเป็ นการบูร ordination integration) (14) ของภาคส่วนต่าง ๆ ในชุมชน
ณาการเชิงระบบ (systemic integration) (7) คือ เป็ นการบูร เพื่อ ให้ชุ ม ชนขับ เคลื่อ นกระบวนการแก้ปั ญ หาคุ้ม ครอง
ณาการแนวทางและผังการดาเนินงานทัง้ หมดเข้าด้วยกัน ผู้ บ ริโ ภคเชิง ประเด็น เช่ น เครือ ข่ า ยเฝ้ าระวัง ปั ญหาส
เป็ นระบบงานเภสัชกรรมและคุม้ ครองผูบ้ ริโภค (pharmacy เตี ย รอยด์ ใ นชุ ม ชน เครือ ข่ า ยร้ า นขายของช าคุ ณ ภาพ
and health consumer protection system) ภ า ย ใ ต้ เครื อ ข่ า ยเฝ้ าระวั ง โฆษณา แล้ ว พั ฒ นาเป็ นองค์ ก ร
เป้ าหมายเดี ย วกัน คื อ ความปลอดภัย ในการใช้ ย าและ (organization integration) (14) ก า ร ท า ง า น ด้ า น ก า ร
ผลิตภัณฑ์สุขภาพของประชาชน แต่ละระบบงานต่างมีสว่ น คุ้ ม ครองผู้ บ ริโ ภคขึ้น มาในชุ ม ชน เพื่ อ ให้ ก ระบวนการ
ร่ ว มต่ อ เป้ า หมายนี้ เพราะปั ญ หาการใช้ย าของผู้บ ริโ ภค ขั บ เ ค ลื่ อ น เ พื่ อ แ ก้ ปั ญ ห า เ ป็ น วิ ถี ป ก ติ (normative
(ผู้ป่ วย) ตัง้ แต่ ปั ญ หาความร่ ว มมือ ในการใช้ย า การเกิด integration) (7, 15) ของชุมชนในการจัดการสุขภาพตนเอง
อุ บ ัติ ก ารณ์ ไ ม่ พึ ง ประสงค์ จ ากการใช้ ย า ไปจนถึ ง การ กระบวนการพัฒ นาเครือ ข่า ยเพื่อ จัด การปั ญ หา
แสวงหายาและผลิ ต ภั ณ ฑ์ สุ ข ภาพมาดู แ ลตนเองของ การคุ้ม ครองผู้บ ริโ ภคในชุ ม ชน เป็ น การเรีย นรู้โ ดยการ
ประชาชน ล้วนเป็ นปั ญหาร่วมในเชิงพฤติกรรมของผูบ้ ริโภค ปฏิบตั ิจริง บนพื้นฐานการมีส่วนร่วมและความสัมพันธ์ ทด่ี ี
ทั ง้ สิ้ น การบู ร ณาการในลั ก ษณะนี้ เ ป็ นการเชื่ อ มโยง ของคนในเครือข่าย โดยมีการถอดบทเรียนเพื่อให้เกิดการ
(linkage) หรื อ ประสานงาน (co-ordination) (7) โดยมี เรียนรูแ้ ละปรับปรุงระบบ ซึง่ เป็ นการยกระดับทักษะ ความ

71
ชานาญ และจิตสานึก ที่ดีให้กบั ชุมชน กระบวนการนี้ เป็ น การแลกเปลี่ยนเพื่อให้องค์ความรูไ้ ด้เผยตัวอย่างอิสระ จน
การวางรากฐาน ให้ แ ก่ ชุ ม ชนโดยท าให้ ชุ ม ชนเห็ น น าไปสู่ ก ระบวนการขับ เคลื่ อ นเพื่ อ แก้ ปั ญหาด้ า นการ
ความสาคัญของปั ญหาด้านการคุม้ ครองผู้บริโภค และเกิด คุม้ ครองผูบ้ ริโภคภายใต้วถิ แี ละแนวทางของชุมชน
การเรียนรู้ในการเฝ้ าระวังและจัดการปั ญหาด้วยชุมชนเอง 3) การบูรณาการงานคุ้มครองผู้บริโภคเข้าไปใน
โดยเภสัช กรมีบ ทบาทในการหนุ น เสริม ให้ร ะบบมีค วาม ระบบสุขภาพชุมชนของเภสัชกรสะท้อนภาพการพัฒนาด้วย
เข้มแข็งมากขึน้ ปั ญหาด้านคุม้ ครองผูบ้ ริโภคมีความเป็ นพล หลัก การบูร ณาการที่อิง อยู่ก ับ บริบ ทของชุ ม ชน (context
วัตรแปรเปลีย่ นไปตามกระแสบริโภคของสังคม การจัดการ based) ที่เ ป็ น หลัก การสาคัญ ในการพัฒ นาระบบสุข ภาพ
ปั ญหาทีละเรื่องเป็ นการแก้ปัญหาที่ไม่รู้จบ แต่ถ้าเภสัชกร ชุ ม ช นให้ มี ค วาม ยั ง่ ยื น (7, 18, 19) ก ระ บ ว นการให้
สามารถส่ง เสริม ให้ชุ มชนเข้า ใจสภาพปั ญหา เผชิญหน้ า ความสาคัญกับวิถีเดิมของเครือข่าย โดยการเข้าไปเรียนรู้
และจัดการกับปั ญหาสุขภาพด้วยตัวเองได้ ชุมชนจะเกิด จนเข้าใจ ร่วมกับการพัฒนาความสัมพันธ์จนเกิดความไว้
สมดุลด้วยตัวเอง โดยเภสัชกรเป็ นส่วนหนึ่งในการเข้าไปจัด เนื้ อ เชื่อ ใจ ตลอดจนเรีย นรู้แ ละพัฒ นาระบบบู ร ณาการ
สมดุลดังกล่าว ร่วมกัน จนวิถกี ารคุม้ ครองผูบ้ ริโภคเป็ นส่วนหนึ่งของระบบ
การบู ร ณาการบทบาทของเภสัช กรด้ า นการ สุขภาพชุมชน การบูรณาการในลักษณะนี้หวังผลเพื่อให้เกิด
คุ้ม ครองผู้บ ริโ ภคด้า นยาและผลิต ภัณฑ์สุข ภาพในระบบ ความร่วมมือ โดยมุ่งให้ระบบขับเคลื่อนประเด็นการคุม้ ครอง
สุขภาพชุมชนมีลกั ษณะเฉพาะทีส่ อดคล้องกับหลักการของ ผู้บริโภคภายใต้บริบทและวิถีเดิมของชุมชนด้วยชุมชนเอง
การบูรณาการ (7, 14, 15) และปรัชญา-แนวคิดของระบบ อย่างยังยื ่ น
สุขภาพชุมชน (18, 19) ได้แก่ การบูรณาการดังกล่าวเกิดขึน้ ไม่เพียงแต่เฉพาะใน
1) การมีส่ ว นร่ ว ม (participation) และการท าให้ กระบวนการทางานเท่านัน้ แต่เป็ นผลจากการเปลีย่ นแปลง
เกิดเป้ าหมายร่วม (comprehensive goal) เป็ นความจาเป็ น ในระดับ กระบวนทัศ น์ ข องเภสัช กรผู้ร ับ ผิด ชอบงานด้ว ย
พืน้ ฐานของการบูรณาการในระบบสุขภาพชุมชนทีจ่ ะทาให้ กระบวนทัศน์เป็ นกระบวนทางความคิด การรับรู้ วิธคี ดิ และ
แต่ละส่วนมองเห็นทิศทางในการขับเคลื่อนร่วมกัน (7) การ การสะท้อนความคิดให้เป็ นความหมายหรือให้มคี ุณค่าทีเ่ ป็ น
เปิ ดพืน้ ทีใ่ ห้เกิดการแลกเปลีย่ นกันระหว่างความรูข้ องเภสัช แบบแผน กระบวนทัศน์เป็ นการคิดหรือทัศนะพื้นฐานของ
กร และความรู้ ข องชุ ม ชนบนพื้น ฐานความสัม พัน ธ์ ท่ีดี มนุ ษ ยชาติ ท่ีด ารงอยู่ ใ นช่ ว งเวลาหนึ่ ง การเคลื่อ นย้ า ย
นาไปสูก่ ารกาหนดเป้ าหมายร่วมอย่างแท้จริง แบบแผนของ กระบวนทัศ น์ จ ะเกิ ด ขึ้น ก็ ต่ อ เมื่ อ กระบวนทัศ น์ เ ดิ ม ไม่
การเข้าไปมีส่วนร่วมของเภสัชกรในระบบบูร ณาการ คือ สามารถตอบคาถามหรือแก้ปัญหาต่อปรากฏการณ์ทเ่ี กิดขึน้
การเคารพองค์ค วามรู้ข องชุ ม ชนและการไม่ ตัด สิน ด้ ว ย ณ ช่วงเวลานัน้ ๆ ได้ (20)
มุมมองและความรูข้ องตนเอง แบบแผนนี้ก่อให้เกิดแนวทาง ทัศนะแบบองค์รวม (holism) เป็ นกระบวนทัศน์ใน
การบู ร ณาการเป้ าหมายการท างานด้ า นการคุ้ ม ครอง การมองสุขภาพบนพืน้ ฐานความสัมพันธ์ของกาย-จิต-สังคม
ผูบ้ ริโภคเข้ากับเป้ าหมายร่วมคือ “สุขภาพดี” ของชุมชน (bio-psycho-social) มี ผ ลลั พ ธ์ คื อ “สุ ข ภาพดี ” หรื อ “สุ ข
2) การจัด การความรู้บ นพื้น ฐานความสัม พัน ธ์ ภาวะ” มากกว่าแค่ “หายป่ วย” (8, 21, 22) กระบวนการเพื่อ
(management based on relationship) ในการบู ร ณาการ นาไปสู่เป้ าหมายในทัศนะแบบองค์รวมนี้วางอยู่บนพื้นฐาน
บทบาทด้านการคุ้มครองผู้บริโภคเข้าไปในระบบสุขภาพ ของความเข้า ใจว่ า ไม่ สามารถแยกส่ว นใดส่ว นหนึ่ งของ
ชุมชนของเภสัชกร มีความสอดคล้องกับปรัชญาและแนวคิด ระบบมาศึกษา แล้วนาสิง่ ทีไ่ ด้จากการศึกษามาอธิบายระบบ
ของระบบสุ ข ภาพชุ ม ชนที่ใ ห้ค วามส าคัญ และเชื่อ มัน่ ใน ทัง้ มวลได้ (23) ทัศ นะดัง กล่ า วเป็ นการมองชีวิตแตกต่ าง
ศั ก ยภาพของคนและชุ ม ชน (18) กระบวนการนี้ ใ ห้ ออกไปจากกระบวนทัศน์แบบวิทยาศาสตร์ ท่มี องชีวติ เป็ น
ความสาคัญกับการพัฒนาและรักษาความสัมพันธ์ก ับ คน กลไกไปสูม่ ติ ขิ องแนวคิดกระบวนระบบ (systemic thinking)
และเครือข่าย โดยบูรณาการให้มคี วามเป็ นธรรมชาติ และ กระบวนการแก้ปั ญ หาภายใต้ท ัศ นะนี้ จึง เป็ น การแก้เ ชิง
มองตนเองและคนอื่นอย่า งเท่า เทียม ตลอดจนเชื่อมันใน ่ ระบบอย่างเชื่อมโยง เนื่องจากปั ญหาที่เกิดขึน้ อยู่ในระดับ
ความรู้และศักยภาพของชุมชน ลักษณะเหล่านี้นาไปสู่การ ของระบบทัง้ หมดไม่ใช่สว่ นใดส่วนหนึ่งเพียงลาพัง (23)
ยอมรับ การให้เกียรติซง่ึ กันและกัน และการเปิ ดพืน้ ทีใ่ ห้กบั

72
การมองและตี ค วามปั ญหาด้ า นการคุ้ ม ครอง โดย John Kania และ Mark Kramer (24) ที่ระบุเงื่อนไขที่
ผู้บริโภคของเภสัชกรที่ได้จากการวิจยั นี้ มีความแตกต่าง ท าให้ เ กิ ด ความส าเร็ จ ในการแก้ ปั ญหาที่ ซ ั บ ซ้ อ น ซึ่ ง
จากเดิม ที่เ น้ น การตัด สิน ผิด ถู ก และการกระท าเพื่อ ให้ คล้ายคลึงกับผลในการวิจยั นี้ คือ 1) การทาให้เกิดเป้ าหมาย
เป็ นไปตามกฎหมายและกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ซึง่ เป็ น ร่ ว มที่เ ป็ น เหมือ นเข็ม ทิศ ที่ก าหนดให้แ ต่ ละส่ว นในระบบ
การมองและกระท าต่ อ ปั ญหาด้ ว ยกระบวนทัศ น์ แ บบ บู ร ณาการขั บ เคลื่ อ นไปในทิ ศ ทางเดี ย วกั น 2) การ
วิทยาศาสตร์ มุมมองทีพ่ บเป็ นการมองปั ญหาด้วยกระบวน แลกเปลีย่ นเรียนรูท้ ต่ี ่อเนื่องทีจ่ ะนาไปสู่ความเข้าใจร่วมและ
ทั ศ น์ อ งค์ ร วมที่ ถื อ ว่ า พฤติ ก รรมการบริ โ ภคยาและ วัฒนธรรมร่วมทีม่ ลี กั ษณะคล้ายคลึงกับการบูรณาการแบบ
ผลิตภัณฑ์สุขภาพของผู้บริโภคเป็ นผลจากการขับดันของ แผนการทางาน (normative integration) 3) การส่งเสริมให้
ปั จจัยแวดล้อมที่ซบั ซ้อน การมองปั ญหาในทัศนะนี้ทาให้ แต่ ล ะส่ ว นสร้ า งสรรค์ กิจ กรรมภายใต้ บ ริบ ทตนเองที่จ ะ
เ ภ สั ช ก ร เ ข้ า ใ จ มิ ติ ค ว า ม เ ป็ น ม นุ ษ ย์ ข อ ง ผู้ บ ริ โ ภ ค น าไปสู่ เ ป้ าหมายร่ ว ม (mutually reinforcing activity) 4)
กระบวนการแก้ปัญหาจึงดาเนิน อยู่บนพื้น ฐานของความ การท าให้ ทุ ก ฝ่ ายวั ด ผลส าเร็ จ ของงาน ที่ เ หมื อ นกั น
เข้าใจ และมุ่งเน้นการจัดการเชิงระบบเพื่อแก้ไขปั ญหาจาก โดยเฉพาะอย่า งยิ่ง ในส่วนที่สาคัญ และ 5) การมีอ งค์กร
เหตุ ปั จ จัย แวดล้อ มที่เ ชื่อ มโยงอยู่ ก ับ ตัว ปั จ เจก การเข้า แ ก น ก ล า ง (backbone support organizations) ที่ ค อ ย
ใจความเป็ น องค์ร วมและการเชื่อ มโยงไปสู่ก ระบวนการ สนั บ สนุ น ให้เ กิด เงื่อ นไขส าคัญ ทัง้ 4 ประการที่ก ล่ า วมา
แก้ปัญหาอย่างเป็ นระบบของเภสัชกร เป็ นการก้าวพ้นจาก ข้างต้น อันเป็ นปั จจัยแห่งความสาเร็จของการแก้ปัญหาทีม่ ี
การเอาตนเองเป็ นศูนย์กลางการแก้ปัญหาไปสู่การแสวงหา ความซับ ซ้อ น และต้ อ งอาศัย การสานพลัง ระหว่ า งภาคี
ความร่วมมือในการแก้ปัญหาทัง้ ระบบอย่างยังยื ่ น เครือ ข่ า ย เภสัช กรในการวิจ ัย นี้ ท าหน้ า ที่เ ปรีย บเสมือ น
การใช้ความรูด้ า้ นการคุม้ ครองผูบ้ ริโภคของเภสัช องค์กรแกนกลางในทฤษฎีน้ี
กรเพื่อแก้ไขปั ญหาในชุมชน ไม่ได้จาเพาะอยู่แค่ความรูด้ า้ น ดังได้กล่าวข้างต้น การวิจยั นี้มีวตั ถุประสงค์ เพื่อ
ยา ผลิตภัณฑ์สุขภาพ และกฎหมายทีเ่ กีย่ วข้องเท่านัน้ แต่ สะ ท้ อ นแ นว คิ ด แ ละ ห ลั ก กา รพื้ น ฐา น (fundamental
ไ ด้ ข ย า ย ข อบเข ตไ ป ถึ ง คว าม รู้ ด้ า นมนุ ษ ยศาสตร์ concept) ของบทบาทเภสัชกรด้านการคุม้ ครองผูบ้ ริโภคใน
สังคมศาสตร์ การจัดการความรู้ การคิดเชิงระบบ ตลอดจน ภาคปฏิบ ัติก ารระดับ ชุ ม ชนที่จ ะต่ อ ยอดสู่ก ารปฏิบ ัติแ ละ
การบูรณาการความรูเ้ หล่านี้เข้าด้วยกันจนกลายเป็ นทักษะ พัฒ นาองค์ค วามรู้ใ ห้มีค วามชัด เจนมากขึ้น การท าวิจ ัย
ความรู้ และความชานาญเฉพาะด้าน ประกอบกับการใช้ เพิ่ม เติม เพื่อ ให้เ ห็น รายละเอียดที่ชดั เจนขึ้น โดยใช้กรอบ
ความรูเ้ หล่านี้ในการทางานของเภสัชกรไม่ได้เอาตนเองเป็ น แนวคิดหรือทฤษฎีอ่นื ใดมาช่วยอธิบายล้วนมีสว่ นส่งเสริมให้
ศูนย์กลางของความรู้ แต่เป็ นการบูรณาการความรู้เหล่านี้ การพัฒ นาบทบาทเภสัช กรด้า นการคุ้มครองผู้บริโภคใน
เข้ากับบริบทของชุมชนในลักษณะการเรียนรูร้ ่วมกัน เพื่อให้ ระบบสุ ข ภาพชุ ม ชนมี ค วามชัด เจนมากขึ้น ซึ่ ง จะเป็ น
กระบวนการแก้ปัญหากลมกลืนไปกับวิถีชวี ติ ของชุมชน จน คุ ณูป การในการพัฒนาบทบาทด้านนี้ ให้มีค วามก้าวหน้ า
เป็ นกระบวนการที่ชุมชนสามารถจัดการปั ญหาด้วยตนเอง มากยิง่ ๆ ขึน้ ไป
ได้ ความรู้ ทักษะ และความชานาญในลักษณะนี้จาเป็ นต้อง
ได้ร ับ การฝึ ก ฝนและเรีย นรู้อ ย่ า งต่ อ เนื่ อ งเพื่อ ให้สามารถ กิ ตติ กรรมประกาศ
ทางานร่วมกับชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก า ร วิ จ ั ย นี้ เ ป็ น ส่ ว น ห นึ่ ง ข อ ง วิ ท ย า นิ พ น ธ์
การวิจ ัย นี้ มุ่ ง เน้ น อธิบ ายการบูร ณาการบทบาท ประกอบการศึก ษาในหลัก สูต รเภสัช ศาสตรมหาบัณ ฑิต
ของเภสัช กรด้า นการคุ้ม ครองผู้บ ริโ ภคในการแก้ปั ญ หา สาขาวิ ช าการจั ด การเภสั ช กรรม คณะเภสั ช ศาสตร์
ชุ ม ชน โดยใช้ก รอบทฤษฎีข องการบู ร ณาการและระบบ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทีผ่ นู้ ิพนธ์ช่อื แรกได้รบั แรงบันดาลใจ
สุขภาพชุมชนเป็ นหลัก (ศึกษากรอบแนวคิดการบูรณาการ กาลังใจ และข้อเสนอแนะจาก ผศ.ดร.พักตร์วิภา สุวรรณ
และระบบสุขภาพชุมชนในบทความเรื่องการบูรณาการใน พรหม และ ผศ.ดร.รัตนาภรณ์ อาวิพนั ธ์ ขอบพระคุณ พญ.
ระบบสุ ข ภาพชุ ม ชน) อย่ า งไรก็ ต ามยัง มี แ นวคิ ด อื่ น ที่ สุพตั รา ศรีวนิชชากร และ นพ.วรวุฒิ โฆวัชรกุล (ผูอ้ านวย
น่ าสนใจที่ใช้อธิบายการแก้ปัญหาในระดับชุมชนให้มคี วาม การโรงพยาบาลสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ) และทีมงานทุก
ชัดเจนมากขึน้ เช่น แนวคิด collective impact framework ท่ า น ที่ช่ ว ยเปิ ดมุ ม มองและเพิ่ม เติ ม แนวคิด ของระบบ

73
สุข ภาพชุ ม ชนให้ ขอบพระคุ ณ รศ.ดร.ลือ ชัย ศรีเ งิน ยวง possibility; 2011; Oct 12-14; Nonthaburi, Thailand.
คณบดี ค ณะสัง คมศาสตร์ มหาวิท ยาลัย มหิด ล ในการ Nonthaburi: Sahamitr printing and publishing; 2011.
ประสิท ธิป์ ระสาทวิช าการวิจ ัย เชิง คุ ณ ภาพ ขอบคุ ณ ผู้ใ ห้ p. 8-24.
ข้อมูลทุกท่านทีเ่ ป็ นมนุ ษย์อนั ทรงคุณค่าที่เสียสละแรงกาย 9. Office of the Civil Service Commission. Standard for
แรงใจในการวิวฒ ั น์วชิ าชีพเภสัชกรรมให้มคี วามก้าวหน้า job specification [online]. 2000 [cited Aug 31, 2017].
Available from: www.ocsc.go.th/job/specification/
เอกสารอ้างอิ ง officer
1. National Health Act B.E. 2550. Royal Gazette No. 124, 10. Jaisa-ard R, Kanjanarach T. Needs for competency
Part 16A (Mar 19, 2007). improvement in pharmacy service at primary care
2. National Health Committee Declaration No. 126 in level. Isan Journal of Pharmaceutical Sciences
2009 on charter of national health system. Royal 2014;10: 69-79.
Gazette No.126, Special 175D special (Dec 2, 2009) 11. Chirunthorn R, Singpaiboonporn N, Lohanavakul P,
3. Srivanichakorn S. Community health: the turning point Treratthanapaiboon P. Factors affecting the role
of health service system quality. In: Atikamanon S, performance of pharmacists in primary care units
editor. Conceptual framework of primary care service (PCU): a case study in the upper southern region of
and practice in community health. Nonthaburi: Office Thailand. Songklanagarind Medical Journal. 2006; 24:
of Community Based Health Care Research and 504-16.
Development; 2007. p.2-20. 12. Photisita C. Science and art of quality research.
4. Kimchai K. 30 years of primary health care. Bangkok: Amarin Printing&Publishing; 2001.
Proceedings of summary of primary health care 13. Yod-Damnern-Attig B, Tangchonlatip K. Analytic of
practice and orientation to primary health care qualitative data: data management interpret and
development in the 4th decade in Northeast Thailand search of meaning. Nakon-pratom: Institute for Popu-
conference; 2008 Sep 17-19; Udon Thani, Thailand. lation and Social Research, Mahidol University; 1999.
2009. p. 1-25. 14. Shaw S, Rosen R, Rumbold B. An overview of
5. Chuengsatiansup K. Primary health care primary care integrated care in the NHS: What is integrated care?
and community health: lesson learned challenge and London: Nuffield Trust; 2011.
new context of public sector health. Proceeding of 15. Valentijn PP, Schepman SM, Opheij W, Bruijnzeels
community health and primary care expo; 2009 Feb MA. Understanding integrated care: a comprehensive
18-20; Nonthaburi, Thailand. 2009. p. 1-24. conceptual framework based on the integrative
6. Srivanichakorn S, Atikamanon S, Chalordech B, functions of primary care. Int J Integr Care 2013;13:1-
Surakitkoson T, Sukpordee N. Primary care services; 12.
services that closed to heart and home. Nonthaburi: 16. Health Administration Division, Ministry of Public
Health Care Reform Office; 2002. Health. Service plan. Proceedings of seminar for
7. Kodner D. All Together Now: A Conceptual Exploration provincial service plan development; 2012 Feb 29;
of Integrated Care. Healthc Q. 2009;13(special issue): Bangkok, Thailand. 2012. p. 1-4.
6-15. 17. Yodpetch S. Integration of elder long term care
8. Wasi P. New concepts of management in community system. Bangkok: Thai Health Promotion Foundation;
health system development. In: Srivanichakorn S, 2009.
Pratum-nan S, editors. Proceeding of community 18. Tepsongkroh P, Tepsongkroh J, Saksoong A,
health&primary care expo; new management new Siripaisan S, Promkaew P, Natee W. Community

74
capital based knowledge management for sustainable 21. Thongtavee C. Paradigm: meaning structure and
development of quality of life in Songkhla Lake Basin shifting [online]. 2004 [cited Aug 31, 2017]. Available
watershed area. Journal of Community Development from: v1.midnightuniv.org/midnight2545/document977
and Life Quality. 2013;1: 217-31. 3.html.
19. Wasi P. Community health system development; 22. Chuengsatiansup K. To new imagination to the heart
community well-being the base of all well-beings. of health system. In: Atikamanon S, editor.
Bangkok: National Health Security Office; 2006. Conceptual framework of primary care service and
20. Panich W. Knowledge management in community practice in community health: Office of Community
health system development. In: Srivanichakorn S, Based Health Care Research and Development;2007.
Pratum-nan S, editors. Proceeding of community 23. Wangwinyoo N. Health paradigm and deep ecology.
health&primary care expo; new management new Health systems research institute Bangkok; 2003.
possibility; 2011; Oct 12-14; Nonthaburi, Thailand. 24. Kania J, Kramer M. Collective impact. Stanford Social
Nonthaburi: Sahamitr Printing and Publishing; 2011. Innovation Review. 2011;9: 35-41.
p. 68-73.

75

You might also like