You are on page 1of 102

บทความที่ 1

เรื่อง สัตว์อพยพเคลื่อนย้ายกลับถิ่นกำเนิดได้อย่างไร

ธรรมชาติมีปรากฏการณ์ที่สร้างความพิ ศวงงงงวยให้แ ก่ม นุษย์ม ากมายหลายประการ หนึ่งในนั้นที่ท ำให้ ศาสตราจารย์


ชีววิทยา Kenneth Lohmann แห่งมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา สหรัฐอเมริกา รู้สึกทึ่งเป็นอย่างยิ่งก็คือ เต่าทะเล ท่านกล่าวกับ
นักข่าว Voice of America ว่า “เมื่อลูกเต่าทะเลออกมาจากไข่ ก็คลานลงทะเลท่องเที่ยวหากินไปในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไ พศาล
ซึ่งมันไม่เคยรู้จักมาก่อน และพอถึงเวลาวางไข่ขยายพันธุ์ก็สามารถว่ายน้ำกลับมายังชายฝั่งทะเลถิ่นกำเนิดได้อย่างถูกต้อง มันทำได้
อย่างไร? ... มันมีเครื่องมือหรือญาณวิเศษอันใดช่วยนำทางมันกลับบ้าน”

นอกจากเต่าทะเล ยังมีสัตว์ที่มีการเคลื่อนย้ายกลับถิ่นเดิม อยู่อีกหลายอย่าง เช่น ฝูงวัวในทวีปแอฟริกา ปลาแซลมอน


และนกบางชนิด มีนกนางแอ่น นกเป็ดน้ำ นกพิราบสื่อสาร เป็นต้น สัตว์เหล่านี้จะมีการอพยพเคลื่อนย้ายจากถิ่ นเดิม ไปยั ง แหล่ ง
ต่างๆ ที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์หรือสถานที่ที่มีภูมิอากาศเหมาะสมต่อการดำรงชีวิต และเมื่อถึงฤดูกาลที่เอื้ออำนวยหรือถึงระยะเวลา
ที่จะขยายพันธุ์ก็จะเดินทางกลับมายังถิ่นเดิม มันทำได้อย่างไร? ทำไมจึงไม่หลงทาง?

นักวิทยาศาสตร์อธิบ ายว่า สัตว์เหล่านี้อาศัยเครื่องช่วยหลายอย่างแตกต่างกัน เช่น ใช้ตำแหน่งดวงอาทิตย์ ภูมิป ระเทศ


กระแสน้ำอุ่ นน้ ำเย็ น ในมหาสมุท ร เสีย งคลื่นความถี ่สู งที่ม นุ ษย์ไ ม่ไ ด้ย ิ น ประสาทสัม ผัสทางจมู ก เช่น กลิ่นฝน ตลอดจน
สนามแม่เหล็กโลก ทั้งนี้สัตว์บางชนิดอาจอาศัยเครื่องช่วยหลายๆ อย่างประกอบกัน

ในบรรดาสัตว์ท ี่มีการเคลื่อนย้ายกลับ ถิ่นเดิมนี้ ศาสตราจารย์ Lohmann สนใจเต่าทะเลและปลาแซลมอนเป็นพิเศษ


เพราะในมหาสมุทรที่เวิ้งว้างกว้างใหญ่คงยากที่จะหาสิ่งใดเป็นสิ่งสังเกตสำหรับ การเดินทางกลับ บ้าน หลังจากได้ ศึก ษาเรื่ อ งนี้อ ยู่
นาน ก็ได้เสนอทฤษฎีเบื้องต้นโดยตั้งเป็นสมมุติฐานว่า เต่าทะเล ปลาแซลมอน นกนางแอ่น และนกเป็ดน้ำ ล้วนมีคุณสมบัติพิเศษ
อยู่สองประการ ประการแรกคือ มี particle ของสารแม่เหล็กในสมอง ซึ่งสามารถปรับตัวตามแนวเส้นแรงของสนามแม่เหล็กโลก
ได้ ค ล้ า ยกับ เข็ม ทิ ศ particle นี ้ จ ึ ง ทำให้ ส ามารถรั บ สั ม ผัส จากสนามแม่เ หล็ก โลกได้ และ สามารถแยกความแตกต่ าง
สนามแม่เหล็กโลกในแต่ล ะที่ได้ ส่วนคุณสมบัติอีกประการหนึ่งคือ มีกระบวนการเคมีพิเศษเกี่ยวกับการมองเห็น ช่วยให้ม องเห็น
สนามแม่เหล็กโลกหรือเห็นแสงที่มีลักษณะสีสันต่างกันตามอิทธิพลของสนามแม่เหล็กโลก กระบวนการเคมีพิเศษนี้จึงทำให้สามารถ
รับสัมผัสและแยกความแตกต่างสนามแม่เหล็กโลกในแต่ละที่ได้เช่นกัน

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
เนื่องจากสนามแม่เหล็กโลกในบริเวณต่างๆ ของพื้นโลกมีความแตกต่างกัน นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าสมองของสัต ว์เหล่ า นี้
สามารถบันทึกและจดจำลักษณะของสนามแม่เหล็กในถิ่นเดิม ซึ่งเป็นแหล่งที่เกิดของมันไว้ในสมองได้ ดังนั้นเมื่อ ถึ งเวลาเดิ นทาง
อพยพกลับถิ่นเดิม จึงใช้สนามแม่เหล็กโลกเป็นเข็มทิศบอกทิศทางและตำแหน่งแห่งที่ได้

ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ศาสตราจารย์ Lohmann จึงตั้งทฤษฎีในเชิงสมมุติฐานว่า คุณสมบัติของปลาแซลมอน เต่า


ทะเล นกนางแอ่น และนกเป็ดน้ำทั้งสองประการดังกล่าวข้างต้น ทำให้สามารถรับสัมผัสและแยกความแตกต่างของสนามแม่เหล็ก
โลกในอาณาบริเวณต่างๆ ได้ และด้วยความสามารถทั้งสองประการนี่เองที่ท ำให้สัตว์เหล่านี้สามารถเดินทางกลับมาถิ่นเดิมได้
ถูกต้อง

ตารางสรุปข้อความที่กำหนดและเลขกำกับบทความที่ 1 และที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ

เลขกำกับ ข้อความที่กำหนด ที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ


01 เดินทางกลับมาถิ่นเดิมได้ถูกต้อง
02 เต่าทะเล
03 นกนางแอ่น
04 นกเป็ดน้ำ
05 ปลาแซลมอน
06 มี particle ของสารแม่เหล็กในสมอง
07 มีกระบวนการเคมีพิเศษเกี่ยวกับการมองเห็น
08 สัตว์ที่มีการเคลื่อนย้ายกลับถิ่นเดิม
09 สามารถแยกความแตกต่างสนามแม่เหล็กโลกในแต่ละที่
10 สามารถรับสัมผัสจากสนามแม่เหล็กโลก

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
บทความที่ 2

เรื่อง อนาคตราคาสินค้าเกษตรของไทย

ครึ่งปีแรกของ พ.ศ.2551 ถือเป็นปีทองของสินค้าเกษตรของไทย ราคาข้าวสูงขึ้นจนชาวนาเร่งปลูกข้าวกันเป็น การใหญ่


ส่วนชาวไร่ต่างก็ย ิ้ม แย้ม แจ่ม ใสเพราะราคาข้าวโพดสูงขึ้น รวมทั้งมันสำปะหลังและผลผลิตทางการเกษตรประเภทอื่น เช่น
ยางพารา แต่พอย่างเข้าช่วงครึ่งปีหลังราคาสินค้าเหล่านี้กลับ ลดลงเรื่อยๆ จนเกษตรกร ทั้งชาวนาและชาวไร่ ต้องออกมาชุ ม นุม
ประท้วงปิดถนนเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งช่วยเหลือ ปัจจัยอะไรช่วยให้ราคาสินค้าเหล่านี้เพิ่มสู งขึ้นในระยะแรก และเพราะเหตุใดราคา
จึงตกลงอย่างต่อเนื่องมาจนถึงต้นปีใหม่ 2552 ซึ่งเป็นช่วงที่เสนอบทวิเคราะห์บทนี้

คงจำกันได้ว่าในช่วงต้นปี พ.ศ.2551 ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงระดับสูงสุดคือ 147 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลเมื่อ


เดือนกรกฎาคม ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสินค้าสูงขึ้นแทบทุกประเภทรวมทั้งต้นทุนการผลิตสินค้าจำพวกอาหาร นอกจากนี้ ราคา
น้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นอย่างคาดเดาไม่ถูกว่าจะไปหยุดที่จุดใด ยังเป็นเหตุให้เกิดการปลูกพืชทดแทนน้ำมันกันเป็นการใหญ่ รวมทั้งเกิด
ความพยายามหาพลังงานทางเลือกอื่นมาทดแทนพลังงานจากน้ำมั น เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม เป็นต้น

การปลูกพืชทดแทนน้ำมันที่สามารถนำมาแปรรูปเป็นพลังงานได้ เช่น แอลกอฮอล์ ไบโอดีเซล ทำให้ พื้นที่การเกษตรและ


ผลผลิตอาหารลดลง เมื่อเป็นเช่นนี้สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ การกักตุนอาหาร เพราะประเทศที่เน้นการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมและ
ประเทศในตะวันออกกลางผู้ผลิตน้ำมันทั้งหลายมีความวิตกว่าในอนาคตโลกจะขาดแคลนอาหาร

จากที่กล่าวมาข้างต้นคงเห็นได้ชัดเจนว่าเหตุผลสำคัญที่ทำให้ร าคาสินค้าอาหาร ทั้งราคาข้าว ข้าวโพด และ ราคามัน


สำปะหลังสูงขึ้นเรื่อยๆ ก็คือการที่ผลผลิตอาหารลดลงเพราะหันไปใช้พื้นที่ปลูกพืชทดแทนน้ำมัน รวมทั้งการกักตุนอาหาร และการ
ที่ต้นทุนการผลิตสินค้าจากน้ำมันแพงดังกล่าวข้างต้น ราคาสินค้าเกษตรที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้หวังกันว่ า อนาคตเกษตรกรไทย
กำลังสดใส และชาวนาชาวไร่จะเริ่มลืมตาอ้าปากได้

แต่แ ล้วความหวังที่วาดไว้ก็เริ่มจางหายไปเมื่อ ปัญหาหนี้เสียของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐ ฯเริ่ม พ่นพิษ สถาบัน


การเงินขนาดใหญ่ในสหรัฐฯประสบความหายนะถึงขั้นล้ม ละลาย ในเดือนกันยายนรัฐบาลสหรัฐต้องเข้าควบคุม กิจการของบริ ษัท
สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยรายใหญ่ของสหรัฐ 2 บริษัทคือ Fannie Mae และ Freddie Mac เนื่องจากปัญหาการขาดทุนในตลาดสินเชื่ อ
การเข้าช่วยเหลือสถาบันการเงินทั้ง 2 แห่งนี้คือสัญญาณของวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในตลาดสินเชื่อของสหรัฐ ซึ่งต่อมาได้ส่งผล
สะเทือนต่อตลาดการเงินโลกอย่างรุนแรง เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงเรื่อยๆ จนถึงขั้นเศรษฐกิจถดถอย

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
ภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย ซึ่งเกิดจากปัญหาหนี้เสียดังกล่าวข้างต้น ส่งผลให้ราคาน้ำมันลดลงอย่างรวดเร็ว จากที่เคยขึ้น
ไปสูงสุดกว่าบาร์เรลละ 147 เหรีย ญสหรัฐฯลงมาเหลือประมาณ 40 เหรีย ญสหรัฐฯเท่านั้น นอกจากนี้ย ังเป็นเหตุให้ราคาข้าว
ข้าวโพด และมันสำปะหลังลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

สำหรับแนวโน้มราคาสินค้าเกษตรไทยในปี 2552 นี้ เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรได้คาดการณ์ไว้ว่ า ภาวะ


วิกฤติเศรษฐกิจโลกถดถอยจะกระทบกับภาคการเกษตรของไทยในปี 2552 อย่างแน่นอน แต่เนื่องจากสินค้าเกษตรและอาหารยั งมี
ความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต ดังนั้นจึงคาดว่าจะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจไม่สาหัสเหมือนภาคอุตสาหกรรม

ตารางสรุปข้อความที่กำหนดและเลขกำกับบทความที่ 2 และที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ

เลขกำกับ ข้อความที่กำหนด ที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ


11 การกักตุนอาหาร
12 ต้นทุนการผลิตสินค้าสูงขึ้น
13 ปลูกพืชทดแทนน้ำมัน
14 ปัญหาหนี้เสียของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯ
15 พื้นที่การเกษตรและผลผลิตอาหารลดลง
16 ราคาข้าวโพดสูงขึ้น
17 ราคาข้าวสูงขึ้น
18 ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น
19 ราคามันสำปะหลังสูงขึ้น
20 เศรษฐกิจโลกถดถอย

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
บทความที่ 3

เรื่อง ลุยฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจโลก สศก. แนะทางสว่างแก้ปัญหาสินค้าเกษตร

ในภาวะที่ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโลกแทบจะมองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เศรษฐกิจของไทยก็ได้รับผลกระทบจาก
เศรษฐกิจโลกด้วย จนหน่วยงานต่างๆ ได้ออกมาปรับลดประมาณการการขยายตัวเศรษฐกิจของปีนี้ลงไปตามกัน ผลกระทบย่อม
เกิดขึ้นตามมาเป็นระลอก และที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งคือกลุ่มเกษตรกรซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ

เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาอันเป็นระยะที่ย่างเข้าไตรมาสที่สองของปีนี้ เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.)


ได้สรุปสถานการณ์ภาคการเกษตรของไทยว่า ไตรมาสแรกของปี 2552 นี้ อัตราการเจริญเติบโตของผลิตภัณฑ์ม วลรวมภาคเกษตร
ลดลง 1.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2551

ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโลกก่อให้เกิดผลกระทบหลายอย่าง ที่สำคัญต่อภาคการเกษตรของไทยก็คือทำให้ทั่วโลกลดการใช้
จ่ายเพื่อการบริโภคลง รวมทั้งทำให้ภาพรวมของการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารลดลง นอกจากนี้วิกฤตเศรษฐกิจโลกยั งทำให้
เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าและประเทศไทยชะลอตัว ด้วย การชะลอตัวของเศรษฐกิจดั งกล่าวก็ส่งผลโดยตรงอีกทางหนึ่ งที่ท ำให้
ปัญหาการลดค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคและปัญหาการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารลดลงมีความรุนแรงยิ่งขึ้น

เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ เกษตรกรไทยก็ต้องลำบากแน่นอน เมื่อการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคและการส่งออกสินค้ าเกษตร


และอาหารลดลง สิ่ งที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ย งไม่ไ ด้ก็คือผลกระทบต่อราคาพืชผลการเกษตรของไทย คือทำให้ ราคาข้าวลดลง
รวมทั้งราคายางพารา น้ำมันปาล์ม และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง นอกจากนี้การที่ภ าวะเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าและของไทยชะลอตัว
ยังทำให้การลงทุนภาคการเกษตรลดลงด้วย จากการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนในภาคสินค้าเกษตรในช่วงไตรมาสแรกนี้ พบว่า
ลดลงถึง 37.3%

เลขาธิการ สศก. ยังได้วิเคราะห์แนวโน้มการส่งออกและราคาสินค้าในปีนี้ พร้อมกับ แนะมาตรการแก้ไขปัญหาราคา


สินค้าเกษตรตกต่ำด้วย ตัวอย่างเช่น

มาตรการในการลดปัญหาข้าวและผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังราคาตกต่ ำคือ ต้องเร่งส่งเสริมการส่งออกไปตลาดที่ยังมี


ศักยภาพ เช่น ตลาดแอฟริกายังคงมีความต้องการนำเข้าข้าวจำนวนมาก ส่วนมันสำปะหลังก็ควรขยายการส่งออกสู่อินเดีย
นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย รัสเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นตลาดที่ยังมีศักยภาพ อีกมาตรการหนึ่งคือ ส่งเสริมการส่งออกสิน ค้าเกษตร
คุณภาพดี ไปยังประเทศที่ต้องการสินค้าที่มีคุณภาพ เช่น ส่งเสริมตลาดข้าวคุณภาพดีในตะวันออกกลางและจีนซึ่งเป็นประเทศคู่ค้ า
ที่ยังมีกำลังซื้อ ส่วนผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังนอกจากขยายการส่งออกดังกล่าว ก็ต้องเน้นการทำให้มีคุณภาพที่ดี สะอาด และลดการ

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
ปลอมปน รวมทั้งผลักดันการแปรรูปในประเทศเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมด้วย ที่สำคัญคือการขยายการผลิตเอ
ทานอลในประเทศ เพราะจะช่วยดึงผลผลิตเข้าสู่การแปรรูปได้มากขึ้น

นอกจากมาตรการดังกล่าวข้างต้น ยังมีอีกมาตรการหนึ่งที่จะช่วยลดปัญหาราคาข้าวและราคาผลิตภั ณฑ์มั น สำปะหลั ง


ตกต่ำคือ การประกันราคาพืชผลการเกษตร แต่เนื่องจากประเทศไทยก็ประสบปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวเช่นเดียวกับประเทศอื่ นๆ
ทั่วโลก รายได้ภาครัฐก็ลดลงอย่างชัดเจน จึงจำเป็นต้องใช้มาตรการและแนวทางแก้ไขปัญหาหลายๆ วิธีไปพร้อมกัน

ตารางสรุปข้อความที่กำหนดและเลขกำกับบทความที่ 3 และที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ

เลขกำกับ ข้อความที่กำหนด ที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ


01 การลดค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภค
02 การส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารลดลง
03 ประกันราคาพืชผลการเกษตร
04 ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังราคาตกต่ำ
05 มาตรการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ
06 ราคาข้าวลดลง
07 วิกฤตเศรษฐกิจโลก
08 เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าและประเทศไทยชะลอตัว
09 ส่งเสริมการส่งออกไปตลาดที่ยังมีศักยภาพ
10 ส่งเสริมการส่งออกสินค้าเกษตรคุณภาพดี

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
บทความที่ 4

เรื่อง นกในอเมริกาหลายชนิด เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์

องค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนหลายแห่งในสหรัฐอเมริกา ได้ร่วมมือกันสำรวจและเสนอมาตรการในการอนุรั กษ์ แ ละเพิ่ม


จำนวนนกหลายชนิดที่กำลังตกอยู่ในภาวะเสี่ย งต่อการสูญพันธุ์ และได้สรุป ออกมาเป็นรายงานชื่อ The State of the Birds,
United States of America, 2009 ซึ่งมีข้อมูลและข้อเสนอที่น่าสนใจมาก

ผลการสำรวจพบว่านกในสหรัฐฯซึ่งมีอยู่ม ากมายหลากหลายพันธุ์กว่า 800 ชนิด ทั้งนกป่า นกบ้าน นกในทุ่งหญ้ า นก


ชายฝั่งทะเล นกในพื้นที่แห้งแล้ง รวมทั้งนกในเกาะฮาวาย ปรากฏว่าประมาณ 67 ชนิดกำลังถูกคุม คามอย่างหนักจนอาจสู ญ พัน ธุ์
และอีก 187 ชนิดมีจำนวนลดลงจนน่าเป็นห่วง ต้นเหตุที่ทำให้นกเหล่านี้ลดจำนวนลงมีหลายอย่าง เช่น การขยายพื้นที่ ก่ อสร้ า ง
อาคารบ้านเรือน การขยายพื้นที่ทำการเกษตรและปศุสัตว์ การปลูกพืชทดแทนพลังงาน การตัดไม้ทำลายป่า การก่อมลพิษเพิ่ม ขึ้น
ตลอดจนภาวะโลกร้อน รายงานฉบับนี้ได้วิเคราะห์สาเหตุที่ท ำให้นกแต่ละประเภทมีจำนวนน้อยลง และได้เสนอแนะมาตรการแก้ไ ข
ปัญหาไว้ด้วย ในบทความนี้จะเลือกกรณีของนกที่อาศัยอยู่ในทุ่งหญ้ามานำเสนอ

ในขณะนี้พบว่ามีนกในทุ่งหญ้า 4 ชนิดเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ เมื่อเทียบกับปี ค.ศ. 1968 ปรากฏว่า จำนวนนก Northern


Bobwhite ลดลง และพบว่านกกระจอก Grasshopper มีจำนวนน้อยลงอย่างชัดเจน ส่วนที่น่าห่วงคือนก Greater Prairie-
Chicken รวมทั้งเหยี่ยว Aplomado กำลังเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์

สาเหตุที่ทำให้นกในทุ่งหญ้าทั้งสี่ชนิดลดจำนวนลง และเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มีอยู่สองประการ สาเหตุป ระการแรกคือ


การขยายพื้นที่ทำการเกษตรและปศุสัตว์ เพราะการขยายพื้นที่เพื่อการนี้ท ำให้พื้นที่ทุ่งหญ้าซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของนกเหล่านี้น้ อยลงๆ
ถึงแม้ว่าจะมีการทำปศุสัตว์ซึ่งจะต้องมีการปลูกหญ้าสำหรับเลี้ย งสัตว์ม ากพอควร ซึ่งน่าจะช่วยชดเชยพื้นที่ทุ่งหญ้าได้ แต่กลับ
เป็นไปในทางตรงกันข้าม เพราะหญ้าที่ปลูกไว้ก็ต้องถูกสัตว์ที่เลี้ยงไว้จำนวนมากกินเป็นอาหารไปเรื่อยๆ รวมทั้งมีการเผาหญ้าที่ ใช้
เลี้ยงสัตว์ค่อนข้างบ่อยเพื่อปลูกใหม่ และที่สำคัญคือเผาหญ้ากันในช่วงที่นกกำลังทำรัง นอกจากการทำเกษตรพื ช พั นธุ์ ธัญ ญาหาร
และปศุสัตว์ดังกล่าว ยังมีการปลูกพืชทดแทนน้ำมันมากขึ้นด้วย ทำให้พื้นที่ทุ่งหญ้าน้อยลง

สาเหตุประการที่สองที่ทำให้นกในทุ่งหญ้าทั้งสี่ชนิดลดจำนวนลงก็คือ ภาวะโลกร้อน อากาศที่ร้อนขึ้นทำให้เกิด ความแห้ ง


แล้ง ทุ่งหญ้าอันเป็นที่อยู่อาศัยรวมทั้งอาหารต่างๆ ของนกเหล่านี้จึงลดลงๆ สาเหตุทั้งสองประการดังกล่าวนี่ เองที่ท ำให้ น กในทุ่ง
หญ้าทั้งสี่ชนิดลดลงหรือเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
ในรายงานได้เสนอมาตรการแก้ปัญหา ซึ่งได้มาจากการวิเคราะห์ส ถานการณ์ของคณะผู้เขียนรายงานอย่ า งรอบด้ า น
มาตรการแรกคือการทำการเกษตรแบบอนุรักษ์พื้นที่ทุ่งหญ้า มาตรการที่สองคือการตัดหญ้าหรือ การเผาหญ้าให้สอดคล้อ งกั บวิถี
ชีวิตของนก แนวทางทั้งสองนี้ได้รับการสนับสนุนและชดเชยค่าใช้จ่ายจากโครงการ Farm Conservation Programs อีกมาตรการ
หนึ่งที่เสนอไว้คือการขยายโครงการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่ม น้ำให้ครอบคลุม พื้นที่ทุ่งหญ้าด้วย เพื่อให้ได้ประโยชน์ทั้งนกในพื้ นที่ ชุ่ม น้ ำและ
ในทุ่งหญ้า

คณะผู้เขียนรายงานเชื่อว่ามาตรการทั้ง 2-3 ประการดังกล่าวข้างต้น นอกจากจะช่วยยับ ยั้งปัญหาที่ น กในทุ่ งหญ้ า ทั้ งสี่


ชนิดมีจำนวนลดลงหรือเสี่ย งต่อการสูญพันธุ์ ยังจะช่วยให้นกเหล่านี้ค่ อยๆ เพิ่มจำนวนขึ้นในเวลาไม่นานเช่นเดีย วกั บ นกอีกหลาย
ชนิดที่เคยช่วยกันอนุรักษ์มาแล้ว

ตารางสรุปข้อความที่กำหนดและเลขกำกับบทความที่ 4 และที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ

เลขกำกับ ข้อความที่กำหนด ที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ


11 การขยายพื้นที่ทำการเกษตรและปศุสัตว์
12 การทำการเกษตรแบบอนุรักษ์พื้นที่ทุ่งหญ้า
13 การเผาหญ้าให้ส อดคล้องกับวิถีชีวิตของนก
14 การวิเคราะห์สถานการณ์ของคณะผู้เขียนรายงาน
15 จำนวนนก Northern Bobwhite ลดลง
16 นกกระจอก Grasshopper มีจำนวนน้อยลง
17 ภาวะโลกร้อน
18 มาตรการแก้ปัญหา
19 สาเหตุที่ทำให้นกในทุ่งหญ้าทั้งสี่ชนิดลดจำนวนลง
20 เหยี่ยว Aplomado กำลังเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
บทความที่ 5

เรื่อง ทางรอดชีวิตของเต่าทะเลสีเขียวในฮ่องกง

เมื่อปี พ.ศ. 2547 สหภาพอนุรักษ์ธรรมชาติระหว่างประเทศจัดให้เต่าทะเลสีเขีย วอยู่ในกลุ่มสัตว์ที่ใกล้จะสูญพันธุ์ องค์กร


อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ Earthtrust ประเมินว่า ปัจจุบันทั่วโลกมีเต่าทะเลสีเขียวเพศเมียวัยผสมพันธุ์อยู่ ไม่ถึง 2 แสนตัว

เต่าทะเลสีเขีย วได้ชื่อตามสีของตัวมันเอง เมื่อโตเต็ม ที่อาจมีน้ำหนักมากกว่า 150 กิโลกรัม มีแ หล่งอาศัย ในน่านน้ำ


ประเทศต่างๆ ทั่วโลก แหล่งที่ม ีเต่าทะเลพันธุ์นี้อาศัย อยู่มากที่สุดได้แ ก่ป ระเทศคอสตาริกา และแถบแนวปะการังยักษ์ Great
Barrier Reef ในออสเตรเลีย สำหรับที่ฮ่องกงนั้นมีเต่าทะเลสีเขียวอาศัยอยู่ไม่มากนัก

ขณะนี้สถานการณ์ของเต่าทะเลสีเขียวในน่านน้ำฮ่องกงตกอยู่ในภาวะเลวร้าย รัฐบาลฮ่องกงเองก็กำลังพยายามฟื้นฟู
จำนวนประชากรเต่าทะเลสีเขียวให้เพิ่ม ขึ้นอีกครั้ง คุณ K.S. Cheung เจ้าหน้าที่อนุร ักษ์ป ่าชายเลนและพันธุ์สัตว์ของกระทรวง
การเกษตร การประมง และการอนุรักษ์ของฮ่องกงกล่าวว่า ขณะนี้ได้กำหนดมาตรการอนุรักษ์เต่าทะเลสีเขียวขึ้นมา คือการห้าม
รุกล้ำพื้นที่ว างไข่ ข องมันในช่วงฤดูวางไข่ ได้แ ก่ช่วงตั้งแต่เดือนมิถ ุนายนถึงตุลาคม โดยกำหนดพื้นที่ห าด Sham wan บนเกาะ
แลมม่าเป็นเขตอนุรักษ์เพื่อให้เต่าทะเลสีเขียวขึ้นไปทำรังและวางไข่ โดยมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลรักษาความปลอดภัยบริเวณเขตนั้ นเป็น
อย่างดีและมีประสิทธิภาพ

คุณ K.S. Cheung เล่าว่า ภัยคุกคามเต่าทะเลสีเขียวมีหลายอย่าง ทั้งมลพิษในทะเล การทำประมง การดำน้ำ และเรือ


เร็วซึ่งล้วนเป็นอันตรายต่อตัวเต่าในทะเล แต่ภัยคุกคามสำคัญที่สุดของเต่าพันธุ์นี้ก็คือการที่ ชาวต่างชาตินิยมบริโภคเนื้อและไข่เต่า
ทะเลสีเขียวมากนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นไข่เต่าหรือตัวเต่าซึ่งเป็นอาหารอันโอชะและเป็นที่นิยมมากของชาวจีนแผ่นดินใหญ่ รวมทั้งชาว
มาเลเซียและอินโดนีเซีย ผลก็คือนอกจากทำให้ จำนวนเต่าลดลง จำนวนไข่เต่าทะเลสีเขียวก็พลอยลดลงด้วย ส่วนการพัฒนาพื้นที่
ชายฝั่งก็เป็นภัยคุกคามสำคัญเช่นกันทั้งต่อตัวเต่าเองและไข่ของมัน นอกจากนี้ ไม่เฉพาะภัยจากชาวต่างชาติเท่านั้น ยังมีภัยคุกคาม
จากชาวบ้านที่เป็นคนจนด้วย เพราะคนจนในฮ่องกงบริโภคเนื้อและไข่เต่าเป็นอาหารในยามขาดแคลน แม้จะต้องลักลอบเข้าไปใน
เขตหวงห้ามซึ่งเสี่ยงต่อการถูกจับกุมก็ตาม

นอกจากเหตุดังกล่าวข้างต้น การรุกล้ำพื้นที่วางไข่เต่าทะเลสีเขียวก็เป็นเหตุสำคัญประการหนึ่งเพราะไม่เพีย งเป็ นเหตุให้


สูญเสียไข่เต่าเท่านั้น แต่ยังเป็นภัย ต่อตัวเต่าเองด้วยเพราะมักถูกจับไปพร้อมกับไข่ของมัน ดังเช่นการทำประมงในเขตหวงห้ าม
นอกจากตัวเต่าจะติดอวนจับปลา ชาวประมงยังชอบลักลอบขึ้นฝั่งไปยังชายหาดที่วางไข่ เพื่อเอาไข่รวมทั้งตัวเต่าไปเป็นอาหาร จึง
เป็นอีกเหตุหนึ่งที่ท ำให้เต่าทะเลสีเขีย วและไข่เต่ามีจำนวนลดลง ดังนั้นมาตรการอนุรักษ์ที่ห้ามรุกล้ำพื้นที่วางไข่ซึ่ ง ครอบคลุม การ
ห้ามทำประมงในเขตหวงห้าม จึงน่าจะช่วยลดปัญหาการสูญเสียไข่เต่าและตัวเต่าอย่างได้ผล

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
มาตรการอนุรักษ์เต่าทะเลสีเขียวอีกอย่างหนึ่งที่น่าจะช่วยยับยั้งปัญหาการลดจำนวนเต่าและไข่เต่าได้ก็คือ การห้ามขาย
เนื้อและไข่เต่าทะเลสีเขีย วรวมทั้งผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ผลิตจากมัน มาตรการนี้เป็นข้อตกลงระหว่างประเทศว่าด้วยการค้ าสั ตว์ ที่ใ กล้
สูญพันธุ์ ซึ่งบรรดานักอนุรักษ์ในฮ่องกงต่างหวังว่าความพยายามนี้รวมทั้งมาตรการอื่นๆ จะช่วยชีวิตและช่วยเพิ่มจำนวนเต่ าทะเลสี
เขียวในฮ่องกงและทั่วโลกได้

ตารางสรุปข้อความที่กำหนดและเลขกำกับบทความที่ 5 และที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ

เลขกำกับ ข้อความที่กำหนด ที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ


01 การทำประมงในเขตหวงห้าม
02 การพัฒนาพื้นที่ชายฝั่ง
03 การห้ามขายเนื้อและไข่เต่า
04 การห้ามรุกล้ำพื้นที่วางไข่
05 ไข่เต่ามีจำนวนลดลง
06 คนจนในฮ่องกงบริโภคเนื้อและไข่เต่า
07 จำนวนเต่าลดลง
08 ชาวต่างชาตินิยมบริโภคเนื้อและไข่เต่า
09 ภัยคุกคามเต่าทะเลสีเขียว
10 มาตรการอนุรักษ์เต่าทะเลสีเขียว

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
บทความที่ 6

เรื่อง ปัญหาวัยรุ่น ต้นเหตุและทางแก้

เวลารับรู้ปัญหาของวัยรุ่น หลายคนมีความหงุดหงิด ไม่พอใจ เบื่อ รู้สึกว่าทำไมเด็กไม่เลือกสิ่งที่ดีให้กับ ตนเอง ทำไมต้อง


สร้างปัญหา จนมีคนจำนวนหนึ่งอยากจัดการแก้ปัญหาด้วยความรุนแรง แต่ในความเป็นจริงพฤติกรรมที่ปรากฏให้เห็นมีเหตุปัจ จัย
หลายอย่างเชื่อมโยงกัน ที่น่าคิ ดคือทำไมเด็กบางคนมีป ัญหาพฤติกรรม เช่น ติดยาเสพย์ติด เล่นการพนัน ชอบความรุนแรง มี
ปัญหาเรื่องเพศ เป็นต้น แต่ทำไมเด็กบางคนไม่มีปัญหาทั้งๆ ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เสี่ยง

ผู้อำนวยการสถาบันราชานุกูลอธิบายถึงปัญหานี้ว่า ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดปัญหาวัยรุ่นมีมากมาย ที่สำคัญคือปัจจัย เสี่ย ง


ในครอบครัว ปัจจัยเสี่ยงในชุมชนและสังคม และปัจจัยเสี่ยงในตัวเด็กเอง ดังนั้นหากจะแก้ไขปัญหาก็ต้องลดปัจจัย เสี่ย งต่างๆ และ
สร้างปัจจัยปกป้องเพิ่มขึ้นซึ่งที่สำคัญก็คือภูมิคุ้มกันในตัวเด็ก

ปัจจัยเสี่ยงในครอบครัวส่วนใหญ่เกิดจากวิธีการเลี้ยงดูเด็กที่ไม่ถูกต้อง เช่น ตามใจลูกมากเกินไป ไม่รู้วิธีที่จะจูงใจเด็กให้


ทำตามคำสั่งของพ่อแม่ บางครอบครัวใช้วิธีบังคับรุนแรงแต่ไม่เคยแก้ปัญหาได้ บางครอบครัวมีปัญหาความขัดแย้งในครอบครัว จน
เด็กไม่อยากกลับบ้าน ในที่สุดก็มีกลุ่มของตนเองและรู้สึกว่าตนเป็นส่วนหนึ่ งของกลุ่มมากกว่าของครอบครัว บางครอบครัวส่งเสริม
พฤติกรรมที่เป็นปัญหา มองว่าปัญหามาจากเพื่อนหรือคนอื่น ปกป้องเด็กในทางที่ผิด ไม่ฝึกเด็กให้รับผิดชอบการกระทำของตนเอง
นอกจากนี้การที่ตัวพ่อแม่เองมีปัญหาทางด้านพฤติกรรมด้วย ก็เลยกลายเป็นเรื่องของลูกปูเดินตามพ่อแม่ ปู

สำหรับปัจจัยเสี่ยงในตัวเด็กก็เป็นผลมาจากครอบครัวเช่นกัน โดยเฉพาะการไม่ได้รับการยอมรับจากคนในครอบครัว ถูก


มองว่าเป็นแกะดำ ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่อง จะทำให้เด็กมีความคิดต่อต้านสังคม ไม่ยอมรับกติกาการอยู่ร่วมกัน มองพฤติกรรมที่เ ป็น
ปัญหาว่าเป็นความทันยุคทันสมัยและทำให้เป็นที่ยอมรับในกลุ่ม

เหตุสำคัญของปัญหาวัยรุ่นอีกอย่างหนึ่งคือปัจจัยเสี่ยงในชุมชนและสังคม ได้แก่การที่เด็กเข้าถึงอบายมุข เหล้า ยา อาวุธ


สื่อลามก และสิ่งยั่วยุทั้งหลายได้โดยง่าย เมื่อทัศนคติของชุมชนเองก็ยอมรับสิ่งเหล่านี้และผู้ใหญ่เองก็ทำผิดให้เด็กเห็น เด็กก็ย่อมซึม
ซับรับเอาพฤติกรรมที่เป็นปัญหามาปฏิบัติบ้าง

ปัจจัยเสี่ยงทั้งสามประการล้วนเป็นเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ทั้งปัญหาติดยาเสพย์ติด ติดสุรา ติดการพนัน ชอบความ


รุนแรง ตลอดจนการมั่วสุมทางเพศและปัญหาอื่นๆ ดังนั้นหนทางในการแก้ปัญหาก็คือ ต้องป้องกันหรือลดความเสี่ยงต่างๆ ลง และ
ที่สำคัญคือการสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยวิธีการเลี้ยงดูเด็กอย่างถูกต้องนั่นเอง ภูมิคุ้มกันสำคัญที่จะต้องช่วยกัน

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
สร้างให้เกิดขึ้นในตัวเด็กได้แ ก่ การช่วยให้เด็กมีเป้าหมายในชีวิต มีบุคลิกภาพที่มั่นคง และมีความเชื่อในสิ่งที่ถูกต้อง ในวัยรุ่นการมี
เป้าหมายในชีวิตเป็นเรื่องสำคัญ ครอบครัวต้องช่วยให้เด็กค้นพบสิ่งที่ตนต้องการและมีความหวังในอนาคต จะทำให้เด็กมุ่ งมั่ น ใน
ความสำเร็จมากกว่าที่จะใช้เวลากับ สิ่งยั่วยุ สำหรับ บุคลิกภาพที่ม ั่นคงเป็นผลมาจากการที่เด็กมีความเชื่อมั่นในคนร อบข้า ง
โดยเฉพาะพ่อและแม่ เชื่อมั่นว่าพ่อแม่สามารถให้คำแนะนำที่ดี พูดคุยปัญหากับ พ่อแม่ไ ด้ ทำให้มั่นใจในตนเอง ซึ่งจะสัม พั นธ์ กับ
ความมั่นใจว่าตนสามารถมีชีวิตที่ดีแม้จะแวดล้อมด้วยสิ่งที่เป็นปัญหา ส่วนการมีความเชื่อในสิ่งที่ถูกต้อ งจะเกิ ดขึ้ นได้ ก็ด้ วยการ
ปลูกฝังและอบรมสั่งสอนมาตั้งแต่วัยเด็ก ให้เด็กสามารถแยกแยะสิ่งที่ถูกต้องได้ แม้จะเห็นคนอื่นทำสิ่งที่ผิดก็ยังยืนหยัด ที่จะทำสิ่ งที่
ถูกต้องต่อไป

ภูมิคุ้มกันทั้งสามประการนี้นอกจากจะช่วยป้องกันปัญหาวัยรุ่นทั้งหลายดังกล่าวข้างต้น ยังจะช่วยให้วั ย รุ่ นมี อ นาคตที่


สดใส และเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัว สังคม และประเทศชาติต่อไป

ตารางสรุปข้อความที่กำหนดและเลขกำกับบทความที่ 6 และที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ

เลขกำกับ ข้อความที่กำหนด ที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ


11 ชอบความรุนแรง
12 ติดยาเสพย์ติด
13 ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดปัญหาวัยรุ่น
14 ปัจจัยเสี่ยงในครอบครัว
15 ปัจจัยเสี่ยงในชุมชนและสังคม
16 ภูมิคุ้มกันในตัวเด็ก
17 มีความเชื่อในสิ่งที่ถูกต้อง
18 มีปัญหาเรื่องเพศ
19 มีเป้าหมายในชีวิต
20 วิธีการเลี้ยงดูเด็กอย่างถูกต้อง

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
บทความที่ 7

เรื่อง พระราชดำรัสในวันเสด็จออกมหาสมาคม

ในมหามงคลวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกมหาสมาคมเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2552 อันเป็นวัน


เฉลิม พระชนมพรรษา 82 พรรษา คนไทยทุกคนล้วนมีความปิติย ินดีเป็นที่สุดที่เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ห ัวทรงมีพระ
พลานามัยแข็งแรงขึ้น ดิฉันเชื่อว่าประชาชนชาวไทยทุกคนล้วนมุ่งหวังให้พระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ทรงสบายพระราชหฤทัย
และทรงมีความสุข จึงอยากให้พวกเราน้อมนำพระราชดำรัส ในวันเสด็จออกมหาสมาคมมาพินิจพิจารณา และน้อมรับ มาปฏิบัติ
อย่างจริงจัง

หลังจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร นายกรัฐมนตรี และประธานรัฐสภา กราบบังคมทูลถวายพระพร


เสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสตอบดังนี้

"ขอขอบพระทัยและขอบใจท่านทั้งหลายเป็นอย่ างยิ่งที่มีไมตรีจิต พรั่งพร้อมกันมาให้พรวันเกิดด้วยถ้อยคำที่เลื อกสรรมา


จากใจจริง ซึ่งปรารถนาดี มุ่งหมายให้ข้าพเจ้ามีความสุขความสวัสดีโดยประการต่างๆ ความสุขความสวัสดีของข้าพเจ้าจะเกิดขึ้ นได้
ก็ด้วยบ้านเมืองของเรามีความเจริญมั่นคง เป็นปกติสุข ความเจริญมั่นคงทั้ งนั้นจะสำเร็จผลเป็นจริงไปได้ก็ด้วยทุกคนทุกฝ่ ายในชาติ
มุ่งที่จะปฏิบัติหน้าที่ข องตนให้เต็ม กำลังด้วยสติรู้ตัว ด้วยปัญญารู้คิด และด้วยความสุจริตจริงใจ โดยเห็นแก่ป ระโยชน์ส่ ว นรวมยิ่ ง
กว่าส่วนอื่น

จึงขอให้ท่านทั้งหลายในที่นี้ซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่สำคัญอยู่ในสถาบั นหลักของประเทศ และชาวไทยทุกคนทุกหมู่ เหล่ าทำ


ความเข้าใจในหน้าที่ข องตนให้กระจ่าง แล้วตั้งจิตตั้งใจให้เที่ย งตรงหนักแน่นที่จะปฏิบ ัติห น้าที่ข องตนให้ดีท ี่สุด เพื่อให้สำเร็จ
ประโยชน์ส่วนรวมอันไพบูลย์ คือชาติบ้านเมืองอันเป็นถิ่นที่อยู่ที่ทำกินของเรา มีความเจริญมั่นคงยั่งยืนไป

ขออำนาจแห่งคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิท ธิ์ จงคุ้มครองรักษาท่านให้ปราศจากทุกข์ปราศจากภัย และอำนวยสุข สิริ


สวัสดิ์พิพัฒนมงคลให้สำเร็จผลขึ้นแก่ท่านทั่วหน้ากัน"

หากคนไทยน้อมนำพระราชดำรัสในวันเสด็จออกมหาสมาคมมาพิจารณาไตร่ตรองจะพบว่า พระราชดำรัสมีใ จความ


สำคัญอยู่สองประการ ประการแรกคือ สิ่งที่จะทำให้พระองค์ทรงมีค วามสุข สวัสดีตามคำกราบบังคมทูลถวายพระพร ส่วนใจ
ความสำคัญประการที่สองเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ พวกเราทุกคนคือ สิ่งที่ทรงขอให้คนไทยทุกคนปฏิบัติ

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
สำหรับสิ่งที่จะทำให้พระองค์ทรงมีความสุขได้แก่การที่บ้านเมืองมีค วามเจริญมั่นคง และบ้านเมืองเป็นปกติสุข ส่วนสิ่งที่
ทรงขอให้คนไทยปฏิบัติก็คือ ทรงขอให้ตั้งใจให้เที่ย งตรงหนักแน่นที่จะปฏิบัติห น้าที่ข องตนให้ดีที่สุด ปฏิบัติหน้าที่อย่า งเต็ มกำลั ง
ด้วยสติรู้ตัว ปฏิบัติหน้าที่ด้วยปัญญารู้คิด ด้วยความสุจริตจริงใจและปฏิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์ส่วนรวมยิ่งกว่าส่วนอื่น

หากประชาชนคนไทยทุกคนทุกหมู่เหล่าปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างเต็มกำลัง ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจริงใจ ด้วยสติ


ปัญญา โดยมุ่งประโยชน์ส่วนรวมดังกล่าวข้างต้ น ย่อมยังผลให้บ้านเมืองเป็นปกติสุขและมีความเจริญมั่นคงอย่างแน่นอน

ดิฉันเห็นว่า สิ่งที่จะทำให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีความสุขทั้งสองประการดังกล่าวข้างต้นย่อมอำนวยความสุข
ให้แก่คนไทยอย่างทั่วหน้าเช่นกัน ดังนั้นสิ่งที่ทรงขอให้พวกเราปฏิบัติอันเป็นสิ่ง ที่ทรงปฏิบัติมาแล้วอย่างต่อเนื่อ งยาวนาน จึงมิใช่
การปฏิบัติเพื่อความสุขของพระองค์เท่านั้น แต่เพื่อความสุขของพสกนิกรของพระองค์นั่นเอง นี่คือพระมหากรุณาธิ คุ ณอั นยิ่ ง ใหญ่
ของพระมหากษัตริย์พระองค์นี้

ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ตารางสรุปข้อความที่กำหนดและเลขกำกับบทความที่ 7 และที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ

เลขกำกับ ข้อความที่กำหนด ที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ


01 บ้านเมืองเป็นปกติสุข
02 บ้านเมืองมีความเจริญมั่นคง
03 ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจริงใจ
04 ปฏิบัติหน้าที่ด้วยปัญญารู้คิด
05 ปฏิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์ส่วนรวม
06 ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง
07 พระราชดำรัส ในวันเสด็จออกมหาสมาคม
08 สิ่งที่จะทำให้พระองค์ทรงมีความสุข
09 สิ่งที่ทรงขอให้คนไทยทุกคนปฏิบัติ

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
บทความที่ 8
เรื่อง ปัญหานิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด

วันที่ 29 กันยายน พ.ศ.2552 ศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้ร ะงับโครงการ 76 โครงการ มูลค่ากว่าสี่แสนล้า นบาทที่ นิคม


อุตสาหกรรมมาบตาพุด คดีนี้สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน และประชาชนชาวมาบตาพุดฟ้องหน่วยงานของรัฐและรัฐมนตรีที่
เกี่ยวข้องรวม 8 รายว่าร่วมกันออกคำสั่งโดยไม่ถูกต้องตามมาตรา 67 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ที่กำหนดให้โครงการ
หรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ด้านทรัพยากรธรรมชาติ และด้าน
สุข ภาพของประชาชนในชุม ชน จะกระทำมิไ ด้ เว้นแต่จะได้ศึกษาผลกระทบในด้านต่างๆ และจัดให้ มีกระบวนการรับฟังความ
คิดเห็นประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียก่อน รวมทั้งให้องค์กรอิสระให้ความเห็นก่อน องค์กรอิสระดังกล่าวประกอบด้วยผู้แ ทนองค์ กร
เอกชนด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ และผู้แทนสถาบันอุดมศึกษาที่จัดการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อม

แต่ภ ายหลังรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มีผลใช้บ ังคับ เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ.2550 ผู้ถ ูกฟ้องคดีท ั้ง 8 ยังคงรับ เรื่อง
พิจารณา หรืออนุมัติ อนุญาตให้ดำเนินโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุม ชนอย่างรุนแรง โดยเมื่อถึงปี พ .ศ.
2552 มีโครงการที่อนุมัติหลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ถึงกว่า 76 โครงการเช่น โครงการแยกก๊าซธรรมชาติ และโครงการผลิตสาร
อะคริโลไนไตรล์ ของเครือการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย โครงการผลิตโพลีเอททีลีน และโครงการผลิต NBR LATEX ของเครือ
ปูนซีเมนต์ไทย เป็นต้น

ผู้ฟ้องคดีจึงขอให้ศาลกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองใดๆ เพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษา โดยขอให้ศาล


มีคำสั่งระงับโครงการหรือกิจกรรม จำนวน 76 โครงการ ที่กำลังดำเนินการในพื้นที่ตำบลมาบตาพุด อำเภอบ้านฉาง และใกล้เคีย ง
จังหวัดระยอง ไว้เป็นการชั่วคราวก่อนศาลจะมีคำพิพากษา

ศาลพิเคราะห์ว่า จากคำชี้แจงของผู้ฟ้องและผู้ถูกฟ้องคดี ประกอบกับรายงานการประชุมของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และที่ 2


รวมทั้งการประกาศเขตควบคุมมลพิษ เมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ.2552 แสดงให้เห็นข้อเท็จจริงที่ตรงกันว่า โครงการต่างๆ ในนิคม
อุตสาหกรรมมาบตาพุด รวมทั้งโครงการที่อนุมัติหลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงจริง ทั้งด้าน
คุณภาพสิ่งแวดล้อม ด้านทรัพยากรธรรมชาติ และด้านสุขภาพของประชาชนในชุมชน

ด้วยเหตุผลสองประการคือ โครงการที่อนุมัติหลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชุมชน และที่


สำคัญคือ มีลักษณะเป็นโครงการที่ไม่ทำตามข้อยกเว้นก่อนดำเนินการตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ซึ่งได้แก่ ไม่ศึกษาผลกระทบก่อน
ไม่จัดให้ม ีกระบวนการรับ ฟังความคิดเห็นประชาชนและผู้ม ีส่วนได้เสีย และไม่ให้องค์กรอิส ระให้ความเห็นก่อนมีการดำเนิน
โครงการด้วย ศาลจึงมีคำสั่งให้ระงับโครงการไว้เป็นการชั่วคราว คำสั่งนี้จึงยังผลให้โครงการที่อนุมัติหลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ซึ่ง

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
ครอบคลุม โครงการแยกก๊าซธรรมชาติ โครงการผลิตสารอะคริโลไนไตรล์ โครงการผลิตโพลีเอททีลีน และโครงการผลิต NBR
LATEX ดังกล่าวข้างต้นถูกยับยั้งไว้ทั้งหมด

นี่คือบทเรียนราคาแพงที่ผู้เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนจะต้องตระหนักและป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ

ตารางสรุปข้อความที่กำหนดและเลขกำกับบทความที่ 8 และที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ

เลขกำกับ ข้อความที่กำหนด ที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ


10 เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง
11 โครงการที่อนุมัติหลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญ
12 โครงการผลิตโพลีเอททีลีน
13 โครงการแยกก๊าซธรรมชาติ
14 ด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม
15 ด้านทรัพยากรธรรมชาติ
16 ด้านสุขภาพ
17 ไม่ทำตามข้อยกเว้นก่อนดำเนินการ
18 ไม่ศึกษาผลกระทบก่อน
19 ไม่ให้องค์กรอิสระให้ความเห็นก่อน
20 ศาลจึงมีค ำสั่งให้ระงับโครงการ

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
บทความที่ 9

เรื่อง เมษายน ปีเสือดุ

เดือนเมษายนปีนี้กล่าวได้ว่าเป็นปีเสือดุ เพราะมีเรื่องราวร้อนแรงเกิดขึ้นมากมายทั้งในบ้านเราและบ้านเขา วันที่ 10


เมษายน เป็นวันที่คนไทยต้องบาดเจ็บล้ม ตายจำนวนมากที่สี่แยกคอกวัวจากการขอคืนพื้นที่ถนนราชดำเนิน ส่วนการชุม นุม ที่แ ยก
ราชประสงค์ก็ก่อให้เกิดผลกระทบมากมาย ทั้งทางด้านการค้าขาย การท่องเที่ยว และด้านอื่นๆ ขณะที่เขียนคอลัม น์ นี้ก็ ยังมองไม่
ออกว่าปัญหาความขัดแย้งในบ้านเราจะจบลงอย่างไร จึงขอพาคุณผู้อ่านเปลี่ย นสมองจากความเครีย ดในบ้านเราไปมองดูปั ญหาที่
อื่นบ้าง

เมื่อสองวันก่อนคือวันที่ 14 เมษายน ภูเขาไฟที่ไอซ์แลนด์เกิดระเบิดขึ้นมา ภูเขาไฟชื่อเรียกยาก (ชื่อว่า Eyjafjallajokull)


ลูกนี้พ่นเถ้าถ่านจำนวนมหาศาลออกมาและถูกกระแสลมพัดพาไปปกคลุม เกือบทั่วยุโรป ทั้งประเทศอังกฤษ โรมาเนีย ฮังการี
สโลเวเนีย โครเอเชีย สวิสเซอร์แลนด์ ตลอดจนประเทศกลุ่มสแกนดิเนเวียและอิตาลีตอนเหนือ

เถ้าถ่านจากภูเขาไฟลูกนี้มีลักษณะพิเศษ คือแทนที่เศษวัสดุที่พวยพุ่งออกมาจะเผาไหม้หมดจนเป็นผงขี้เถ้าดังเถ้าถ่ า นจาก


ภูเขาไฟลูกอื่นๆ กลับมีลักษณะเป็นผงเศษแก้วและเศษโลหะ ซึ่งเป็นอันตรายมากต่อเครื่องยนต์และพื้นผิวด้านนอกของเครื่อ งบิ น
รวมทั้งกลไกของระบบนำทาง ดังนั้นเถ้าถ่านจำนวนมหาศาลจากเจ้า Eyjafjallajokull จึงส่งผลกระทบมากมาย ที่สำคัญคือทำให้
ต้องหยุดการบินในยุโรปเกือบครึ่งหนึ่ง นอกจากนี้ยังทำให้สุขภาพประชาชนแย่ลง เพราะสูดหายใจเอาผงเถ้าถ่านเข้าไป รวมทั้ง
ทำให้พืชผลการเกษตรเสียหาย เพราะถูกเถ้าถ่านปกคลุมไปทั่ว

การที่การบินในยุโรปต้องหยุดไปอันเป็นผลมาจากเถ้าถ่านจำนวนมากเช่นนี้ ก่อให้เกิดผลเสียหายตามมาหลายประการ ที่


เห็นผลทันตาก็คือ การบินสูญเสียรายได้มหาศาลถึงวันละกว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ประการต่อมาคือการท่องเที่ยว ผู้คนที่
เดินทางไปท่องเที่ยวยุโรปตกค้างอยู่ที่สนามบิน จำนวนมาก ผู้ที่วางแผนจะไปเที่ยวยุโรปก็ต้องเปลี่ยนแผน ชาวยุโรปที่ไปเที่ยวที่อื่นก็
กลับ บ้านไม่ไ ด้ ทำให้ ธุรกิจการท่องเที่ยวเสียหายมาก และที่กระทบกระเทือนมากอีกประการหนึ่งคือทำให้ การขนส่งสินค้า
หยุดชะงัก ทั้งจากยุโรปไปที่อื่นและจากที่อื่นมายุโรป

ความเสียหายทั้งสามประการดังกล่าวข้างต้น ทำให้เครดิตและค่าเงินยูโรลดลง และที่น่าเป็นห่วงคือทำให้การฟื้นตัวทาง


เศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มนี้ที่กำลังเริ่มดีขึ้นกลับลดลง จนเกรงกันว่าจะส่งผลกระทบไปถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกด้วย

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
ความเสียหายจากภูเขาไฟระเบิดครั้งนี้ไม่มีใครพยากรณ์ได้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไหร่หรือจะกลับรุนแรงยิ่งขึ้น เพราะเป็นเรื่อง
ของภัยธรรมชาติที่มนุษย์ไม่อาจควบคุมได้ แต่ความเสียหายที่กำลังเกิดขึ้นที่บ้านเราเป็นเหตุการณ์ที่เกิดจากความขัดแย้งของมนุษย์
โดยแท้ ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งทางความคิดหรือผลประโยชน์ใดๆ ก็ตาม ผู้ ที่จะควบคุมและระงับเหตุการณ์ความรุนแรงต่างๆ ได้ก็
คือมนุษย์ ดังนั้นคนไทยทุกคนทุกหมู่เหล่าต้องพร้อมใจช่วยกันหาทางออกให้ไ ด้ โดยยึดประโยชน์ข องประเทศชาติเป็นที่ตั้ ง
ไม่เช่นนั้น "เราจะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง"

ตารางสรุปข้อความที่กำหนดและเลขกำกับบทความที่ 9 และที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ

เลขกำกับ ข้อความที่กำหนด ที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ


01 การเกษตรเสียหาย
02 การขนส่งสินค้าหยุดชะงัก
03 การบินสูญเสียรายได้มหาศาล
04 การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
05 เครดิตและค่าเงินยูโรลดลง
06 เถ้าถ่านจำนวนมหาศาล
07 ธุรกิจการท่องเที่ยวเสียหาย
08 เป็นผงเศษแก้วและเศษโลหะ
09 สุขภาพประชาชนแย่ลง
10 หยุดการบินในยุโรปเกือบครึ่งหนึ่ง

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
บทความที่ 10

เรื่อง คลายเครียดด้วยการสร้างความสุข

ช่วงต้นเดือนพฤษภาคมดิฉันได้ห ยุดงานติดต่อกันสามวันคือ เสาร์ อาทิตย์ และจันทร์ซึ่งเป็นวันหยุด ชดเชยวั น แรงงาน


ปกติหากหยุดติดต่อกันเช่นนี้ดิฉันจะต้องชวนเพื่อนๆ ไปเที่ยวต่างจังหวัด แต่คราวนี้ไม่มีกระจิตกระใจที่จะไปไหนเพราะความทุกข์
ใจกับเหตุการณ์บ้านเมืองตลอดเดือนเมษายนที่เพิ่งผ่านไป หยิบหนังสือพิมพ์มาอ่านเจอคอลัม น์หนึ่งเขียนเรื่องวิธีคลายเครียด ทำให้
นึกถึงหนังสือที่คุณลุงให้เมื่อวันไปรดน้ำขอพรวันสงกรานต์ เป็นหนังสือที่ร วบรวมบทความดีๆ ไว้ 4 -5 เรื่อง หนึ่งในนั้นคือเรื่อง
ความสุข ของพระธรรมปิฎก (ป. อ. ปยุตโต) ทราบว่าขณะนี้ท่านมีสมณศักดิ์เป็น พระพรหมคุณาภรณ์ พออ่านจบก็อยากเผยแพร่
ให้ท่านผู้อ่านได้รับรู้บ้าง เผื่อจะช่วยให้พอสร้างความสุขขึ้นมาได้บ้างท่ามกลางความเครียดรอบตัว

พระพรหมคุณาภรณ์กล่าวไว้ว่า ความสุขของมนุษย์ส่วนใหญ่เกิดจากความพึง พอใจที่ได้ในสิ่งที่อยากได้ อยากได้อะไรแล้ว


ได้ตามที่ต้องการก็มีความสุข จึงเป็นความสุข ต้องแสวงหาให้ไ ด้ม าซึ่งสิ่งที่อยากได้ ประเด็นที่น่าคิดคือ ทำอย่างไรเราจึ ง จะสร้ า ง
ความสุขให้มีขึ้นได้ในตัวเองโดยไม่ต้องแสวงหาหรือพึ่งพาเหตุปัจจัย ภายนอกมากนัก ท่านจึงแบ่งความสุ ข ออกเป็น 5 ขั้นตามเหตุ
ที่มาของความสุข

ความสุขขั้นที่ 1 เป็นความสุขที่เกิดจากการเสพย์สิ่งที่ผ่านเข้ามาทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย เช่นลิ้นได้ลิ้มรสอาหารที่อร่อย


ถูกปาก หูได้ยินเสียงเพลงอันไพเราะ ได้ยินเสียงสรรเสริญเยินยอ ตาเห็นสิ่งที่สวยงาม เห็นคนมาพินอบพิเทาเอาอกเอาใจ เป็นต้น
ความสุขขั้นที่ 1 จึงขึ้นกับปัจจัยภายนอก ต้องแสวงหาด้วยวิธีการต่างๆ บางครั้งถึงกับ ต้องแย่งชิงเบียดเบียนกั นเพื่ อให้ไ ด้สิ่ งที่ ต น
ปรารถนามาเสพย์ ดังนั้นความสุข ขั้นที่ 1 จึงมีลักษณะเป็นความสุขที่ต้องหา ต้องได้ ต้องเอา รวมทั้งเป็นความสุ ขที่ ฝ่า ยหนึ่ งได้
ฝ่ายหนึ่งอด

ความสุขขั้นที่ 2 เป็นความสุขที่เกิดจากการให้ด้วยความเมตตาหรือความศรัทธา เช่นแม่ให้ลูกเมื่อ เห็ นลู กมี ค วามสุข


ตนเองก็มีความสุข หรือให้เพื่อมนุษย์ที่เดือดร้อน เมื่อเขาพ้นทุกข์และมีความสุขขึ้น เราก็พลอยสุขไปด้วย หรือให้องค์กรการกุ ศล
หรือให้วัดที่ตนศรัทธาเชื่อถือ ก็จะรู้สึกมีความสุขที่ได้มีส่วนในการสร้างบุญกุศล ได้ทำนุบำรุงพระศาสนา เป็นต้น ดังนั้นความสุข ขั้น
นี้จึงมีลักษณะเป็นความสุขร่วมกัน

ความสุขขั้นที่ 3 เกี่ยวข้องกับธรรมชาติของมนุษย์ มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ต้องอยู่รวมกันเป็นหมู่เหล่า ดังนั้น การที่ได้อยู่ ใน


สังคมที่เอื้อเฟื้อเกื้อกูล กัน รวมทั้งได้อยู่ในธรรมชาติแวดล้อมที่เหมาะสม อุดมสมบูรณ์ ปลูกพืชผักผลไม้ทำไร่ทำนาได้ ผลดี จึงเป็น
ที่มาของความสุขขั้นที่ 3

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
ความสุขขั้นที่ 4 เป็นความสุขที่เกิดจากการปรุงแต่งจิตใจ ไม่ปรุงแต่งทุกข์ คือไม่เก็บเอาเรื่องที่ไม่ พอใจมาครุ่ น คิ ด ให้ ใจ
เศร้าหมองขุ่นมัว แต่ให้ปรุงแต่งสุข คือเก็บเอาแต่เรื่องที่ดีม าปรุงแต่งใจให้สบาย ส่วนความสุขขั้นที่ 5 เป็นความสุข ที่เ กิด จากการ
พัฒนาจิตใจจนเกิดปัญญา รู้เท่าทันสิ่งต่างๆ ความความเป็นจริง ไม่ยึดติดกับสิ่งใด ใจเป็นอิสระ มีความสุขสบายกับ ทุกสิ่งทุก อย่า ง
แม้แต่จะเสพย์สุขขั้นที่ 1 ก็เสพย์ได้อย่างสบายใจ ไม่กังวลว่าจะมีม าให้เสพย์ตลอดไปหรือไม่ เพราะใจอยู่ในขั้น "มีก็ไ ด้ ไม่มีก็ไ ด้"
หรือแม้แต่ "มีก็ได้ ไม่มีก็ดี" ตรงข้ามกับผู้ที่ติดสุขขั้นที่ 1 ซึ่งเป็นขั้นที่ "ต้องมีให้ได้ ไม่ มีอยู่ไม่ได้" พอได้มาเสพย์สักพักก็เกิด ความเคย
ชิน ต้องดิ้นรนแสวงหามาเสพย์ให้มากขึ้น ให้วิจิตรพิสดารขึ้น เหมือนติดยาเสพย์ติดที่ต้องเพิ่มปริมาณยาขึ้นเรื่อยๆ

พอเขียนมาถึงตรงนี้ทำให้ฉุกคิดขึ้นมาว่า รากเหง้าของปัญหาความวุ่นวายในบ้านเมืองเราน่าจะเป็นเพราะการติ ด อยู่ ใ น


ความสุขขั้นที่ 1 ทำให้ต้องหาต้องได้ต้องเอาด้วยวิธีการต่างๆ แม้แต่ต้องต่อสู้ฆ่าฟันกัน ดิฉันจึงขอเชิญชวนให้หั นมาสนใจในการ
"สร้างความสุข" ด้วย แทนที่จะดิ้นรน "หาความสุข" แต่เพียงอย่างเดียว

ตารางสรุปข้อความที่กำหนดและเลขกำกับบทความที่ 10 และที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ

เลขกำกับ ข้อความที่กำหนด ที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ


11 การที่ได้อยู่ในสังคมที่เอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน
12 การเสพย์สิ่งที่ผ่านเข้ามาทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย
13 การให้ด้วยความเมตตาหรือความศรัทธา
14 ความสุข
15 ความสุขขั้นที่ 1
16 ความสุขขั้นที่ 2
17 ความสุขขั้นที่ 3
18 เป็นความสุขที่ต้องหา ต้องได้ ต้องเอา
19 เป็นความสุขที่ฝ่ายหนึ่งได้ฝ่ายหนึ่งอด
20 เป็นความสุขร่วมกัน

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
บทความที่ 11

เรื่อง วัยรุ่นไทยทำลายสถิติเอเชีย

เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ.2553 ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัวมหาวิ ท ยาลัย มหิดล


กล่าวต่อที่ประชุมเวที "ศาลายาเสวนานโยบายสาธารณะ" ครั้งที่ 6 เรื่อง "แม่วัยใสเรื่องใหญ่ต้องร่วมใจหาทางออก" ว่า องค์การ
อนามัยโลกระบุว่า ค่าเฉลี่ยของหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีทั่วโลกอยู่ที่ 65 ต่อ 1,000 คน ทวีปเอเชียอยู่ที่ 56 ต่อ 1,000 คน
โดยประเทศไทยมีค่าเฉลี่ยสูงสุดในทวีปเอเชียคือ 70 ต่อ 1,000 คน

ปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นมีมากมาย ข้อมูลจากแหล่งต่างๆ พบว่าปัญหาและผลกระทบที่ตามมามีหลายอย่าง เช่น ต้อง


หยุดการเรียน ติดโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัม พันธ์อื่นๆ รวมทั้งเชื้อไวรัสตับอักเสบบี หลายคนไปทำแท้งกับหมอเถื่อนจนเกิด
ภาวะแทรกซ้อนรุนแรงตามมา เช่น ติดเชื้อโรคจนต้องตัดมดลูกทิ้ง ผู้ที่ตั้งครรภ์ต่อไปก็มักมีความผิดปกติได้แก่ ครรภ์ เป็นพิษ (ความ
ดันโลหิตสูง การทำงานของไตผิ ดปกติ และอาจมีอาการชักได้) คลอดก่อนกำหนด คลอดลำบากเพราะกระดูก เชิ งกรานยั ง
เจริญเติบโตไม่สมบูรณ์จนต้องผ่าท้องคลอด อัตราตายของเด็กที่คลอดสูง มีภาวะซึมเศร้าหลังคลอด หรือมีปัญหารุนแรงถึงกับ ฆ่าตัว
ตาย

จากข้อมูลข้างต้นคงเห็นได้ชัดเจนว่าต้องหาทางแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วน สิ่งที่จะต้องทำความเข้าใจกับปัญหานี้ ที่


สำคัญคือ ปัจจัยเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น และแนวทางป้องกันปัญหา

พบว่าปัจจัยเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ ในวัยรุ่นมีห ลายประการ ที่สำคัญได้แก่ มีการศึกษาเล่าเรีย นน้อยเนื่อ งจากครอบครัว


ยากจน ขาดความรู้เรื่องเพศศึกษาและเรื่องการคุมกำเนิด ค่านิยมทางเพศเปลี่ยนไป ถือว่าการได้มีเพศสัมพันธ์เร็วเป็นเรื่องทันสมัย
ดื่มเหล้าหรือเสพสารเสพติด ทำให้ขาดสติและความยั้งคิดหรือถูกล่อลวงชักจูงได้ง่าย ขาดการเอาใจใส่จากพ่อแม่ ไม่เห็นคุณค่า
ของตนเอง ต้องการความรัก ทำให้ตัดสินใจมีเพศสัมพันธ์ เป็นต้น ปัจจัยทั้ง 4-5 ประการดังกล่าวนี่เองที่เป็นสาเหตุของปั ญหาการ
ตั้งครรภ์ในวัยรุ่น

เมื่อรู้สาเหตุ เราก็สามารถกำหนดแนวทางป้องกันปัญหาได้ด้วยวิธีการหลายๆ อย่าง ที่สำคัญคือ พ่อแม่ผู้ปกครองต้ อง


เอาใจใส่ดูแล ให้ความรักความอบอุ่น วางตัวให้ลูกรู้สึกสนิทสนม สามารถปรึกษาหารือปัญหาต่างๆ ได้ นอกจากนี้ทางบ้านและทาง
โรงเรียนจะต้องช่วยกันอบรมสั่งสอน ให้ความรู้เรื่องเพศศึกษา ข้อควรระวังในการคบเพื่อนต่างเพศ ชี้ให้เห็นปัญหาและผลกระทบ
ที่จะเกิดขึ้นตามมาจากการมีเพศสัม พันธ์และการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร แนะนำให้หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์และยาเสพ
ติดต่างๆ เป็นต้น วิธีการต่างๆ เหล่านี้จะช่วยป้องกันและลดปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นลงได้ม าก

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้มีบทบาทสำคัญที่สุดในการลดหรือเพิ่มปัญหาก็คือ ตัววัยรุ่นเอง ปัจจุบันวัยรุ่นไทยรับเอาวัฒนธรรม วิถี
ชีวิต และเทคโนโลยีจากต่างประเทศมาใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่เราขาดการคัดกรองสิ่งที่เรารับ เข้ามาว่าดีหรือไม่อย่างไร เช่น เรา
ละเลยวัฒนธรรมไทยเรื่องการรักนวลสงวนตัวหันไปตามอย่างวัยรุ่นอเมริกันเรื่องการมีเพศสัม พันธ์ก่อนแต่งงาน รับเอาแฟชั่นและ
กิจกรรมบันเทิงเริงรมย์จากวัยรุ่นเกาหลีและญี่ปุ่น แต่สิ่งดีๆ ของเขาเรากลับไม่เอามาใช้ เช่น ความรับผิดชอบต่อตนเองของวัย รุ่ น
อเมริกันซึ่งจะต้องทำงานหาเงินเล่าเรียนเองหลังจบมัธยมปลาย ความขยันขันแข็งมุมานะพยายามของวัยรุ่นญี่ปุ่น เป็นต้น ดังนั้นจึง
ขอฝากข้อคิดในประเด็นนี้ไว้ให้วัยรุ่นไทยซึ่งเป็นอนาคตของชาติได้นำไปพิจารณาไตร่ตรอง

ตารางสรุปข้อความที่กำหนดและเลขกำกับบทความที่ 11 และที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ

เลขกำกับ ข้อความที่กำหนด ที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ


01 ขาดการเอาใจใส่จากพ่อแม่
02 ค่านิยมทางเพศเปลี่ยนไป
03 ดื่มเหล้าหรือเสพสารเสพติด
04 แนวทางป้องกันปัญหา
05 ปัจจัยเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น
06 ปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น
07 พ่อแม่ผู้ปกครองต้องเอาใจใส่ดูแล
08 สิ่งที่จะต้องทำความเข้าใจกับปัญหานี้
09 หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์
10 ให้ความรู้เรื่องเพศศึกษา

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
บทความที่ 12

เรื่อง จุดอ่อนของคนไทย

ในโอกาสวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม ดิฉันและเพื่อนๆ อีก 4 คนนัดกันชวนคุณแม่มารับประทานอาหารและสังสรรค์กั นที่


บ้านดิฉัน ขณะที่คุณแม่ทั้งห้าคนนั่งดูละครทีวีเรื่องโปรด พวกลูกๆ ก็คุยกันเรื่องสัพเพเหระต่อที่โต๊ะอาหาร พอหมดเรื่องคุย ก็หันมา
วิจารณ์เหตุการณ์บ้านเมืองว่ามีปัญหาไม่หยุดไม่หย่อน ลงท้ายก็มาโทษกันเองว่าเป็นเพราะคนไทยมีจุดอ่อนอย่างนั้นอย่างนี้ เรื่องนี้
คงติดอยู่ในหัวเพื่อนคนหนึ่ง วันรุ่งขึ้นจึงส่งบทความที่เอามาจาก internet มาให้ เป็นเรื่อง จุดอ่อนของคนไทย 10 ประการ ใน
มุม มองของคุณวิกรม กรมดิษฐ์ (คุณวิกรม กรมดิษ ฐ์ เป็นผู้ก่อตั้งและเป็นประธานบริหารบริษัท อมตะ คอร์ป อเรชัน จำกัด เป็น
เจ้าของโครงการนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร รวมทั้งมีบริษัทในเครืออมตะอีกหลายแห่ง) แม้จะมีบางประการที่ดิฉันไม่เห็นด้ วยนั ก
แต่ก็ต้องเปิดใจกว้างรับฟังไว้เพื่อนำมาใคร่ครวญไตร่ตรองดูในภายหลัง

จุดอ่อนดังกล่าวได้แ ก่ รู้จักหน้าที่ของตัวเองต่ำมาก การศึกษายังไม่ท ันสมัย มองอนาคตไม่เป็น ไม่จริงจังในความ


รับผิดชอบต่อหน้าที่ การกระจายความเจริญยังไม่เต็มที่ การบังคับใช้กฎหมายไม่เข้มแข็ง อิจฉาตาร้อน เอ็นจีโอบ้านเราค้านลูก เดีย ว
ยังไม่พร้อมในเวทีโลก และสุดท้ายคือ คนไทยเลี้ยงลูกไม่เป็น จุดอ่อนทั้ง 10 นี้ดิฉันขอนำมาขยายความเพียงบางประการเท่าที่เ นื้ อที่
จะอำนวย

ประการแรกคือ รู้จักหน้าที่ของตัวเองต่ำมากโดยเฉพาะหน้าที่ต่อสังคม ลักษณะของจุดอ่อนข้อนี้ที่เห็นได้ชัดคื อ มีส ำนึก


ต่อสังคมส่วนรวมต่ำ และ มือใครยาวสาวได้สาวเอา หลายคนแสวงหาอำนาจเพื่อจะตักตวงผลประโยชน์ จนมีคำพูดว่าธุรกิจ
การเมือง ธุร กิจราชการ ธุร กิจการศึกษา ลักษณะของจุด อ่อ นทั้ งสองอย่า งดั งกล่า วทำให้ บ ้า นเมือ งเราไม่เ จริ ญ เท่ าที ่ค วร
ประเทศชาติล้าหลังไปเรื่อยๆ

ประการต่อมาคือ การศึกษายังไม่ทันสมัย ซึ่งที่สำคัญคือเรื่องภาษา เป็นเหตุให้คนไทยขาดโอกาสในการแข่งขันกับ


ต่างชาติในเวทีต่างๆ ประเทศอื่นๆ รู้จักคนไทยน้อยมากเนื่องจากคนไทยขี้อาย ไม่กล้าแสดงออก ไม่มั่นใจในตัวเอง การที่คนไทยมี
โอกาสในการแข่งขันกับต่างชาติน้อยหรือไม่มี ทำให้บ้านเมืองเราไม่เจริญพอที่จะแข่งขันกับชาติอื่นๆ ในเวทีโลก

จุดอ่อนของคนไทยประการสุดท้ายที่ข อนำมาอธิบ ายในที่ นี้คือ คนไทยมองอนาคตไม่เป็น โดยมีลักษณะเด่นเท่า ที่


สังเกตเห็นคือ คนไทยกว่าร้อยละ 70 ไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนในอนาคต ทำงานกันแบบวันต่อวัน แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ไปวั นๆ
น้อยนักที่จะวางแผนให้ตัวเองอย่างเป็นระบบและอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ชอบพึ่งพาสิ่งงมงายและโชคชะตา พอใจทำงานแบบตำ
ข้าวสารกรอกหม้อ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บ้านเมืองเราไม่เจริญเช่นกัน

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
ดิฉันมีความเห็นว่าคนเราถ้ารู้ตัวว่ามีจุดอ่อนอย่างไร ก็ย่อมหาทางปรับปรุงแก้ไขจุดอ่อนนั้นได้ จึงขอเชิญชวนท่านที่ส นใจ
หารายละเอีย ดเรื่องจุดอ่อนของคนไทย 10 ประการจาก internet มาอ่านเพิ่ม เติม หากพบว่าเรายังมีจุดอ่อนอยู่ก็จะได้นำมา
พิจารณาหาวิธีปรับปรุงพัฒ นาตนเอง รวมทั้งนำไปอบรมสั่งสอนลูกหลานด้วย เพื่อจะได้แก้จุดอ่อนประการสุดท้ายที่คุ ณวิกรมว่าไว้
คือ คนไทยเลี้ยงลูกไม่เป็น

ตารางสรุปข้อความที่กำหนดและเลขกำกับบทความที่ 12 และที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ

เลขกำกับ ข้อความที่กำหนด ที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ


11 การศึกษายังไม่ทันสมัย
12 แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปวันๆ
13 ขาดโอกาสในการแข่งขันกับต่างชาติ
14 จุดอ่อนของคนไทย
15 บ้านเมืองเราไม่เจริญ
16 มองอนาคตไม่เป็น
17 มีสำนึกต่อสังคมส่วนรวมต่ำ
18 มือใครยาวสาวได้สาวเอา
19 ไม่มีเป้าหมายที่ชัดแจนในอนาคต
20 รู้จักหน้าที่ของตัวเองต่ำมาก

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
บทความที่ 13

เรื่อง ปีกระต่ายเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวจริงหรือ

ในช่วงปลายปี พ.ศ.2553 คลื่นความรุนแรงของภาวะเศรษฐกิจหดตัวทั่วโลกเริ่มบรรเทาเบาบางลงจนนักธุร กิ จหลายคน


รวมทั้งนักเศรษฐศาสตร์บ างคนตั้งความหวังว่า ปีหน้าฟ้าใหม่ซึ่งเป็นปีกระต่ายนำโชคการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะราบรื่ น แต่
บรรดานักเศรษฐศาสตร์อีกหลายคนกลับเห็นว่า เศรษฐกิจโลกจะยังคงเปราะบางและจะไม่ฟื้นตัวอย่างราบรื่นดังที่คาดการณ์ เพราะ
เกิดภาวะการฟื้นตัวที่ไม่เท่าเทียมกันของเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆ ของโลก

Hans Timmer นักเศรษฐศาสตร์ที่ธนาคารโลก กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้เกิดความไม่ส มดุลของการฟื้นตัวดั งกล่ าว ก็คือ


สภาพการณ์ท ี่การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในเอเชียเป็นไปอย่างเข้มแข็งในขณะที่ เศรษฐกิจประเทศตะวันตกกลับมี
ปัญหา

ในขณะนี้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศกำลังพัฒ นาทั้งหลาย โดยเฉพาะเศรษฐกิจประเทศในเอเชียขยายตั ว


เข้มแข็งและคึกคักเป็ นอย่างมาก เช่น เศรษฐกิจของจีน และเศรษฐกิจของอินเดีย รวมทั้งเศรษฐกิจประเทศในอาเซี ยนหลาย
ประเทศ

หากเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกเป็นไปในทิศทางเดียวกัน อนาคตเศรษฐกิจโลกก็คงจะสดใส แต่ในขณะ


ที่ห ลายประเทศในเอเชีย กำลัง ก้ าวไปในทางบวก เศรษฐกิจประเทศตะวั น ตกกลับ มีป ั ญหา ซึ่งเกิดจากภาวะว่ างงานสู ง ใน
สหรัฐอเมริกา และวิกฤติการณ์ด้านหนี้สิ้นในประเทศกรีซ รวมทั้งวิกฤติการณ์ด้านหนี้สินในประเทศไอร์แลนด์ หลังจากไอร์แลนด์
มีวิกฤติการณ์ด้านหนี้สิน จนกลายเป็นประเทศที่สองต่อจากกรีซในเขตใช้เงินยูโรที่ต้องขอรับความช่วยเหลือจากประเทศต่างๆ ใน
การกอบกู้ฐานะ เศรษฐกิจประเทศอื่นๆ ในยุโรปที่มีหนี้สินล้นพ้นก็มีท่าทางว่าจะล่มเช่นกัน อย่าง ปอร์ตุเกสและสเปน

เนื่องจากเศรษฐกิจโลกเชื่อมโยงติดต่อถึงกัน ทำให้บรรดาผู้เชี่ยวชาญทางด้านเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่เริ่มเห็นพ้ อ งกั นมาก


ขึ้นจนเป็นข้อสรุปก่อนย่ างเข้าปีกระต่ายว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะไม่ราบรื่นดังที่ตั้งความหวังไว้ เพราะเศรษฐกิจมีก ารฟื้น
ตัวหรือขยายตัวไม่เท่าเทียมกัน

สำหรับประเทศไทย ภาวะเศรษฐกิจที่กำลังดีขึ้นอย่างช้าๆ หลังจากได้รับ ผลกระทบอย่างหนักจากเหตุก ารณ์ วุ่ นวายใน


บ้านเมือง ก็คงได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีท่าว่าจะไม่ฟื้นตัวอย่างราบรื่น เพราะการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
ขึ้นอยู่กับการส่งออกสินค้าในสัดส่วนค่อนข้างสูง ถ้าเศรษฐกิจโลกมีปัญหา เราก็ย่อมได้รับผลกระทบไปด้วย ดังนั้นทั้งภาครัฐ เอกชน
นักการเมือง และประชาชนทุกๆ ฝ่ายไม่ว่าจะมีความคิดเห็นแตกต่างกันอย่างไร ก็ต้องระวังอย่าให้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายดั งที่ผ่า นมา
อันเป็นปัจจัยภายในที่มีผลลบอย่างรุนแรงต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของบ้านเรา จะได้เตรียมพร้อมรับ มือ กับ ศึ กภายนอกแต่
เพียงด้านเดียว

ตารางสรุปข้อความที่กำหนดและเลขกำกับบทความที่ 13 และที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ

เลขกำกับ ข้อความที่กำหนด ที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ


01 การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะราบรื่น
02 ภาวะการฟื้นตัวที่ไม่เท่าเทียมกัน
03 ภาวะว่างงานสูงในสหรัฐอเมริกา
04 วิกฤติการณ์ด้านหนี้สินในประเทศกรีซ
05 เศรษฐกิจของจีน
06 เศรษฐกิจของอินเดีย
07 เศรษฐกิจประเทศตะวันตกกลับมีปัญหา
08 เศรษฐกิจประเทศในอาเซียน
09 เศรษฐกิจประเทศในเอเชียขยายตัวเข้มแข็ง
10 ไอร์แลนด์มีวิกฤติการณ์ด้านหนี้สิน

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
บทความที่ 14

เรื่อง ใกล้สิ้นปีเสือ เสือใกล้จะสูญพันธุ์

ช่ ว งปลายปี เ สื อ ระหว่ า งวั น ที ่ 21 - 24 พฤศจิ ก ายน พ.ศ.2553 มี ก ารประชุ ม นานาชาติ เ พื ่ อ การอนุ ร ั ก ษ์เสือ
(International Tiger Conservation Forum) ที่เมืองเซนปีเตอร์สเบิก ประเทศรัสเซีย ด้วยความเป็นห่วงว่าเสือ ใกล้ จ ะสู ญพัน ธุ์
จนรุ่นลูกรุ่นหลานอาจไม่มีโอกาสเห็นเสือตัวจริง ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ป่ากล่าวว่า ขณะนี้จำนวนเสือในโลกลดลงมากจนเหลื อแค่
3,200 ตัว เมื่อเทีย บกับ ศตวรรษที ่แ ล้ว ซึ่ ง มี อยู่ ป ระมาณ 100,000 ตัว ที่ประชุ ม นานาชาติเ พื่ อ การอนุ รั กษ์เ สื อ ดั ง กล่ า ว
ประกอบด้วย ประเทศรัสเซีย จีน อินเดีย บังคลาเทศ ภูฐาน เนปาล และประเทศในภูมิภาคอาเซีย นรวม 13 ประเทศซึ่งรวมทั้ ง
ประเทศไทย ประเทศเหล่านี้ล้วนเป็นประเทศที่มีเสืออาศัยอยู่ในป่า ผลที่ได้จากการประชุมก็คือมาตรการเพิ่มจำนวนเสือ

ในปัจจุบันอวัยวะเสือเป็นที่ต้องการมาก อวัยวะเหล่านี้ได้แก่ กระดูกและเล็บเสือ ซึ่งนำไปใช้ปรุงยารักษาโรคหลายอย่ า ง


เช่น ข้ออักเสบ กะโหลกและหนังสือใช้เป็นเครื่องประดับบ้าน เนื้อและอวัยวะเพศเสือ ใช้เป็นอาหารและยาบำรุงกำลัง เขี้ยวเสือใช้
ทำเครื่องรางของขลัง เป็นต้น จึงมีการลักลอบล่าเสือจากป่าเพื่อนำไปขายในตลาดมืด โดยชำแหละแยกขายเป็นชิ้นส่ว นหรือแม้แ ต่
ขายทั้งตัวก็มี มีข้อมูลว่าในตลาดมืดแถบเอเชีย ใต้ เสือตัวหนึ่งขายได้ราคาถึงหนึ่งแสนเหรีย ญสหรัฐอเมริกา การปราบปรามการ
ลักลอบล่าและค้าเสือรวมทั้งสัตว์ป่าอื่นๆ ไม่ค่อยได้ผล เพราะกำลังคนและงบประมาณในการดูแลรักษาผืนป่าและการกวดขัน จับ กุม
การลักลอบล่าสัตว์มีไม่เพียงพอ การบังคับใช้กฎหมายเพื่อจัดการกับ ตลาดมืดก็ไม่มีความเข้มแข็งจริงจัง คณะทำงานที่ทำการศึ กษา
เรื่องนี้รายงานผลการสำรวจว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เสือถูกฆ่าไปมากกว่า 1,000 ตัวในแถบเอเชีย ส่วนใหญ่คือประเทศอินโดนีเซีย
ไทย และเวีย ดนาม ส่วนตลาดมืดแหล่งใหญ่อยู่บริเวณชายแดนพม่ากับจีนและอินเดีย ชายแดนไทยกับ มาเลเซีย และชายแดน
รัสเซียกับจีน

การที่อวัยวะเสือเป็นที่ต้องการมาก เพื่อนำไปบริโภคเป็นอาหาร ใช้ท ำยา ทำเครื่องประดับ และใช้ป ระโยชน์ต่างๆ


ดังกล่าวข้างต้นนี่เอง ที่เป็นต้นเหตุสำคัญที่ท ำให้เสือใกล้จะสูญพันธุ์ นอกจากนี้ สาเหตุสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ การบุกรุก ผื นป่า
อันเป็นที่อยู่อาศัยของมันเพื่อใช้เป็นที่ทำกิน ทำถนนหนทาง ทำเขื่อนกักเก็บ น้ำ ตลอดจนทำเหมืองแร่และการทำประโยชน์อื่นๆ

จากการศึกษาถึงสาเหตุของปัญหา มาตรการเพิ่มจำนวนเสือซึ่งเป็นผลจากการประชุม ดังกล่าวข้างต้นจึงประกอบด้วยข้ อ


ปฏิบัติหลายประการ ได้แก่ การเพิ่มพื้นที่ป่าในประเทศที่มีเสืออาศัย อยู่ การปราบปรามตลาดมืดค้าเสืออย่างจริงจัง การบังคับ ใช้
กฎหมายห้ามล่าสัตว์ป ่าที่เป็นสัตว์สงวนอย่างเข้มข้น การจัดตั้งองค์กรนานาชาติเพื่อติดตามดูแ ลการกระทำผิดกฎหมายและ
ประสานงานให้ม ีการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น และเพื่อให้บ ังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ธนาคารโลกและ
กองทุน Worldwide Fund for Nature จึงให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนเงินในระยะแรกนี้รวม 180 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
เมื่อเห็นความเอาจริงเอาจังของผู้นำ 13 ประเทศที่เข้าร่วมประชุม ตลอดจนการสนับสนุนด้านการเงินขององค์กรระดับ
โลก จึงเป็นที่น่ามั่นใจได้ว่ามาตรการเพิ่มจำนวนเสือจะช่วยยับยั้งปัญหาที่กลัวกันว่าเสือใกล้จะสูญพันธุ์ไ ด้อย่างมีประสิทธิผล และ
อาจเป็นไปตามความคาดหวังของเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยที่ไปร่วมประชุมว่าอีก 5 ปีจำนวนเสือในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นเท่าตัว

ตารางสรุปข้อความที่กำหนดและเลขกำกับบทความที่ 14 และที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ

เลขกำกับ ข้อความที่กำหนด ที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ


11 กระดูกและเล็บเสือ
12 การปราบปรามตลาดมืดค้าเสือ
13 การเพิ่มพื้นที่ป่า
14 ที่ประชุมนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์เสือ
15 เนื้อและอวัยวะเพศเสือ
16 ประเทศไทย
17 ประเทศรัสเซีย
18 มาตรการเพิ่มจำนวนเสือ
19 เสือใกล้จะสูญพันธุ์
20 อวัยวะเสือเป็นที่ต้องการมาก

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
บทความที่ 15

เรื่อง ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ผลกระทบต่อไทย

หลายคนคงไม่ร ู้ว่าอาเซีย น หรือสมาคมประชาชาติแ ห่งเอเชีย ตะวันออกเฉีย งใต้ (Association of South East Asian
Nations หรือ ASEAN) มีบ ทบาทมากน้อยเพียงใดต่อไทยซึ่งเป็นประเทศหนึ่งในบรรดาสมาชิกสิบ ประเทศ อาเซีย นมีผลต่อเรา
หลายด้าน ที่ผ่านมาเร็วๆ นี้ก็คือข้อตกลงเขตการค้ าเสรีอาเซีย นหรืออาฟต้า (AFTA) ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553
ตามข้อตกลงนี้ ไทยต้องยกเลิกโควตาสินค้าเกษตร 23 รายการและลดภาษีเป็น 0% เช่น น้ำนมดิบ กระเทีย ม พริกไทย ข้าว
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ น้ำมันถั่วเหลือง และบางรายการลดภาษีเป็น 5% เช่น เมล็ดกาแฟ มันฝรั่ง เนื้อมะพร้าวแห้ง โชคดีที่เมื่อปีที่ผ่าน
มา ปรากฏว่าในภาพรวมไทยสามารถส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารไปยังกลุ่มประเทศอาเซีย นได้ม ากขึ้น แต่อีกไม่กี่ปีข้างหน้าเรา
จะใจเย็นอยู่ไม่ได้เพราะประชาคมอาเซียนกำลังจะเกิดขึ้น ผู้นำอาเซียนได้เห็นพ้องกันให้จัดตั้งประชาคมอาเซีย นที่ประกอบด้วย 3
เสาหลัก ได้แ ก่ ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซีย น และประชาคมสังคม-วัฒนธรรม
อาเซียน ในปี พ.ศ. 2558 ประชาคมที่จะทำให้เกิดผลกระทบต่ อเราทั้ ง ผลทางด้า นบวกและผลทางด้านลบมากที่ส ุด ก็คื อ
ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เพราะมีข้อตกลงที่เรียกว่า ความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน (Asean Trade in Goods Agreement -
ATIGA) ซึ่งมีวัตถุป ระสงค์ว่า "เพื่อให้ป ระสบผลสำเร็จในการเคลื่อนย้ายสินค้าอย่างเสรีภ ายในอาเซีย นซึ่งเป็นหลักการสำคัญ
หลักการหนึ่งในการรวมตัวเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียวกัน เพื่อให้มี การรวมกลุ่มเศรษฐกิจในเชิงลึกยิ่งขึ้น" การยกเลิกภาษีห รือ
โควตาสินค้าต่างๆ ตามข้อตกลง AFTA ดังกล่าวข้างต้นเพิ่มขึ้นอย่างกว้างขวาง

ดังนั้นเมื่อเกิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน การค้าขาย การลงทุน และการประกอบธุรกิจต่างๆ จะเปิดกว้างในหมู่สมาชิก


ทั้ง 10 ประเทศ สินค้าออกของเราจะมีตลาดใหญ่ขึ้น และคนไทยจะสามารถไปลงทุนทำธุรกิจหรือไปทำงานได้ในประเทศสมาชิ ก
ทุกประเทศ โอกาสในการประกอบอาชีพของคนไทยจะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ทั้งสองประการนี้คือผลทางด้านบวกที่เห็นได้ชั ดเจน
จากการตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน นอกจากนี้ยังมีผลด้านบวกอื่นๆ อีกหลายอย่างซึ่งจะไม่ขอกล่าวในที่นี้

เมื่อมีผลทางด้านบวกก็มักจะมีผลทางด้านลบด้วย ประการแรกคือ ประเทศสมาชิกอื่นก็ส่งสินค้าออกได้ อย่างเสรีเช่ นกั น


ซึ่งจะทำให้ความหวังของเราที่จะมีตลาดสินค้าส่งออกใหญ่ข ึ้นไม่เป็นไปตามคาด เพราะสินค้าออกของเรามีคู่แ ข่งสำคัญหลาย
รายการ เช่น ข้าว คู่แข่งก็คือ เวียดนามและพม่า ยางพาราก็มีมาเลเซียและอินโดนีเซียเป็นคู่แข่ง แม้แต่ตลาดข้าวในประเทศก็ อ าจ
ถูกโจมตีด้วยข้าวจากประเทศอื่นที่มีร าคาถูกกว่าแต่คุณภาพใกล้เคีย งกัน ผลลบอีกอย่างหนึ่งก็คือ คนชาติอื่นก็ไปทำงานได้ ในทุก
ประเทศของอาเซียน ทำให้ความหวังที่ว่าโอกาสในการประกอบอาชีพของเราเพิ่มขึ้นกลับ เป็นไปในทิศทางตรงกันข้ามได้ แม้แ ต่
งานดีๆ ในบ้านเราก็อาจถูกคนชาติอื่นในอาเซีย นเข้ามาแย่งงาน

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
อีกไม่นานก็จะถึงปี พ.ศ. 2558 ในเวลาที่เหลืออีกเพีย ง 3-4 ปีเราจะต้องเตรียมความพร้อมอย่างจริงจัง ไม่เช่นนั้นผลใน
ด้านดีทั้งสองอย่างก็จะเจออุปสรรคขัดขวางดังกล่าวข้างต้นอย่างหลีกเลี่ย งไม่ได้ ส่วนจะเตรียมความพร้อมกันอย่างไรคงต้ องพู ดกั น
ยืดยาว

ตารางสรุปข้อความที่กำหนดและเลขกำกับบทความที่ 15 และที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ

เลขกำกับ ข้อความที่กำหนด ที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ


01 คนชาติอื่นก็ไปทำงานได้ในทุกประเทศของอาเซียน
02 ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน
03 ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
04 ประชาคมสังคม-วัฒนธรรมอาเซียน
05 ประชาคมอาเซียน
06 ประเทศสมาชิกอื่นก็ส่งสินค้าออกได้อย่างเสรี
07 ผลทางด้านบวก
08 ผลทางด้านลบ
09 สินค้าออกของเราจะมีตลาดใหญ่ขึ้น
10 โอกาสในการประกอบอาชีพของคนไทยจะเพิ่มขึ้น

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
บทความที่ 16

เรื่อง เตรียมพร้อมรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

เมื่อประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2558 ไทยน่าจะได้ป ระโยชน์ห ลายๆ ด้าน ที่สำคัญคือ ตลาดสินค้า


ส่งออกของเราจะเพิ่มขึ้น และคนของเราจะมีลู่ทางประกอบอาชีพกว้างขวางขึ้น เพราะสามารถไปลงทุนทำธุรกิจหรือไปทำงานได้ ใน
ทุกประเทศที่เป็นสมาชิกอาเซีย น เพื่อให้ประโยชน์หรือผลทางด้านบวกเกิดขึ้นได้เต็มที่ เรามี สิ่งที่ต้องเร่งปรับปรุ งพั ฒนากั นอย่ า ง
จริงจังหลายอย่าง ที่จริงเรื่องนี้มีหลายฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชนได้พูดกันมานาพอสมควร แต่คนของเรายังไม่ค่ อยจะตื่ น ตั วกั น นัก
แม้ขณะนี้ดูเหมือนจะสายเกินไป เพราะอีกเพียง 3-4 ปีก็จะเข้า พ.ศ. 2558 แล้ว แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

ถ้าพิจารณาจากผลทางด้านบวกดังกล่าวข้างต้นก็คงระบุไ ด้เลยว่า สิ่งที่ต้องพัฒนาให้สอดคล้องกันคือ สินค้าส่งออก และ


ความรู้ค วามสามารถของคนไทย สินค้าออกของเราจะต้องเป็นเช่นไรจึงจะแข่งขันกับ สิ นค้าชาติอื่นได้ คำตอบก็คือ ต้องมี
คุณภาพสูงและต้นทุนต่ำ สินค้าออกของเราหลายรายการมีคู่แข่งที่เป็นประเทศสมาชิกอาเซียน เราต้ องพัฒนากระบวนการผลิ ตทุก
ขั้นตอนให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพ และหามาตรการลดต้นทุนทุกๆ ขั้นตอนให้สินค้าของเรามี ต้นทุนต่ำ เช่น ข้าว ต้องปรับ ปรุงตั้ งแต่
เรื่องการใช้พันธุ์ข้าวที่เหมาะสมกับ พื้นที่แต่ละแห่ง การปลูก การเก็บเกี่ยว การสีข้าว หาทางลดราคาเมล็ดพันธุ์ ราคาปุ๋ ย ส่งเสริม
การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ และลดต้นทุนการขนส่ง ถ้าการผลิตสินค้าแต่ละอย่างดำเนินการในลักษณะนี้ สินค้าส่งออกของเราต้องแข่ งขั นได้
แน่นอน

สำหรับเรื่องความรู้ความสามารถของคนไทยนั้น ก็ต้องพิจารณาว่าเราต้องมีความรู้ความสามารถอะไรบ้างจึงจะแข่งขั นกับ


คนชาติอื่นได้ ที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ ทักษะภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้ติดต่อสื่อสารกับคนชาติอื่นๆ และหากสามารถใช้ภ าษา
ของคนในประเทศกลุ่ม อาเซีย นได้อีก 1-2 ภาษาก็จะยิ่งได้เปรีย บ ความสามารถและทักษะในการบริหารจัดการและการเป็น
ผู้ประกอบการก็สำคัญ เพราะหากเราจะประกอบธุรกิจของเราเองก็ต้องมีทักษะเหล่านี้ ที่จริงเรื่องความรู้และทั กษะที่ส ำคั ญและ
จำเป็นสำหรับ ยุคที่โลกมีการเปิดเขตการค้าเสรี (Free Trade Areas - FTA) มากขึ้นเรื่อยๆ นอกเหนือจากประชาคมเศรษฐกิจ
อาเซีย น ได้ม ีผู้ศึกษาวิเคราะห์สถานการณ์แ ละรวบรวมไว้เป็น "ทักษะและความรู้สำหรับ ยุคศตวรรษที่ 21" (Twenty First
Century Skills and Knowledge) ซึ่งเป็นความรู้ความสามารถที่คนไทยจำเป็น ต้องมีเพื่อรองรับ การเปิดประชาคมเศรษฐกิจ
อาเซียนเช่นกัน อาทิ ความรู้ความเข้าใจสังคมและวัฒ นธรรมของประเทศต่างๆ ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ความรู้เรื่องเศรษฐกิจและ
การเงิน ทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ทักษะการทำงานร่วมกัน ฯลฯ ด้วยทักษะต่างๆ เหล่านี้ของคนไทย และ
ด้วยคุณภาพและต้นทุนของสินค้าออกของไทยที่นอกเหนือจากจะมีคุณภาพสูงยังมีต้นทุนต่ำด้วย จะทำให้ ไทยสามารถแข่ง ขัน กับ
ประเทศอื่นในอาเซียนได้และทำให้ไทยยืนอยู่ในประชาคมอาเซียนได้อย่างสง่างาม

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
ที่กล่าวมาเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งกระทำ สำหรับ นักเรีย นและนิสิตนักศึกษาซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญของชาติย ิ่งต้อง
ตระหนักในเรื่องนี้ และเร่งพัฒนาตนเองให้มีความรู้ความสามารถและทักษะต่างๆ ดังกล่าวข้างต้น ทักษะเหล่านี้จะหวังพึ่งการเรีย น
ในห้องเรีย นแต่อย่างเดีย วไม่ไ ด้ ต้องใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ อย่าเสียเวลากับ เกมคอมพิวเตอร์หรือโทรศั พ ท์มือ ถือ ให้ม ากนั ก
ต้องแบ่งเวลาให้เป็น ไม่เช่นนั้นจะเสียใจภายหลัง

ตารางสรุปข้อความที่กำหนดและเลขกำกับบทความที่ 16 และที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ

เลขกำกับ ข้อความที่กำหนด ที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ


11 ความรู้ความสามารถของคนไทย
12 คุณภาพสูง
13 ต้นทุนต่ำ
14 ทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
15 ทักษะในการบริหารจัดการ
16 ทักษะภาษาอังกฤษ
17 ไทยยืนอยู่ในประชาคมอาเซียนได้อย่างสง่างาม
18 ไทยสามารถแข่งขันกับประเทศอื่นในอาเซียนได้
19 สิ่งที่ต้องเร่งปรับปรุงพัฒนา
20 สินค้าส่งออก

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
บทความที่ 17
เรื่อง อนาคตของประเทศ บทวิเคราะห์จากแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 11

ขณะนี้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 สำหรับช่วงปี พ.ศ. 2555-2559 ได้ประกาศออกมาแล้ว แผน


ฉบับ นี้วิเคราะห์ว่ า สถานการณ์ปั จ จุ บัน และอนาคตจะมี อะไรบ้ า งเกิดขึ้ น ซึ่งที่สำคัญ คื อการเปลี ่ย นแปลงระดับ โลกและ
ระดับประเทศที่มีผลกระทบต่อไทย การเปลี่ยนแปลงบางอย่ างก็ทำให้เกิดความเสี่ย งในการพัฒนาประเทศ เช่น การเปลี่ย นแปลง
ภูมิอากาศโลกที่ทำให้เกิดภัย พิบัติรุนแรง ซึ่งเราเองก็โดนเรื่องน้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อปีที่แล้ว บางอย่างก็ทำให้เกิ ดทั้ ง ความเสี่ย งและ
โอกาสในการพัฒนาประเทศ

ในฐานะเยาวชนของชาติ นักเรีย นจำเป็นต้องรู้ว่าอนาคตของประเทศจะเป็นอย่างไร จึงขอนำสาระสำคัญบางส่วนที่


วิเคราะห์ไว้ในแผนฉบับ นี้มาถ่ายทอดให้ท ราบ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงประการที่ทำให้เกิดทั้งโอกาสและ ความเสี่ยงในการ
พัฒนาประเทศ ได้แก่ การปรับตัวเข้าสู่เศรษฐกิจโลกแบบหลายศูนย์กลาง ปัญหาความมั่นคงทางอาหารและพลังงานโลก และการ
เปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศเรา เป็นต้น

การปรับตัวเข้าสู่เศรษฐกิจโลกแบบหลายศูนย์กลาง เช่น การรวมกลุ่มภายใต้กรอบการค้าเสรีของอาเซียนกับ จี น ญี่ปุ่น


และอินเดีย การเป็นประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ. 2558 จะมีผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของไทย ถ้าเราเตรียมการ
ไว้พร้อม ผลของการเปลี่ยนแปลงนี้ก็จะเป็นโอกาสในการพัฒ นาประเทศ แต่หากเราไม่พร้อมก็ย่อมเป็นความเสี่ยงที่น่าวิตก

ปัญหาสำคัญระดับโลกประการต่อมาคือ ปัญหาความมั่นคงทางด้านอาหาร ความต้องการสินค้าอาหารจะสู งขึ้นจากการ


เพิ่มประชากรโลก แต่การผลิตจะลดน้อยลงด้วยข้อจำกัดด้านพื้นที่และการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ ในฐานะที่ไทยเป็นแหล่งผลิต
อาหารสำคัญของโลกก็ควรมีผลเป็นโอกาส แต่หากเราประมาทโอกาสก็จะกลายเป็นความเสี่ย ง เพราะต้องแข่งขันกับ ประเทศใน
อาเซียนด้วยกัน เช่น เวียดนาม

สำหรับ การเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจของไทย แนวโน้ม อัตราการขยายตัวและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจอยู่ใน


เกณฑ์ดี ทั้งภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรม และการท่องเที่ย ว มีการเชื่อมโยงทำให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
โดยเฉพาะด้านการค้าและการลงทุน ถ้าเราสามารถแก้ไขจุดอ่ อน เช่นกฎหมาย กติกา และระเบียบทางเศรษฐกิจที่ไ ม่เ อื้อ ต่ อการ
จัดระบบการแข่งขันที่เป็นธรรมและเหมาะสมกับ การเปลี่ย นแปลงทางเศรษฐกิจก็จะเกิดเป็นโอกาส แต่ถ้าทำไม่ได้หรือทำล่ าช้ า ก็
ย่อมเป็นความเสี่ยง

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
เพื่อให้เราสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็ นต้องเสริมสร้างภูมิคุ้มกันประเทศ ได้แก่ ยึดมั่นใน
สถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งยึดโยงคนในชาติให้เกาะเกี่ย วกันอย่างแน่นแฟ้น วิจัยและพัฒนาความรู้และเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อ
เป็นฐานในการพัฒ นาประเทศและการพัฒ นาศักยภาพของคนไทย ส่งเสริมค่านิยมและวัฒนธรรมที่ดีงาม ซึ่งยึดโยงคนไทยให้เป็น
ปึกแผ่นและลดความขัดแย้งในสังคมไทย ส่งเสริมภาคการเกษตร ซึ่งเป็นฐานรายได้หลักและความมั่นคงด้านอาหารของประเทศ
รวมทั้งสร้างความเข้มแข็งของชุมชนท้องถิ่น ให้เป็นพลังหลักในการพัฒ นารากฐานของประเทศให้มั่นคง ภูมิคุ้มกันดังกล่าวจะช่วย
ทำให้เกิดโอกาสและลดความเสี่ยงในการพัฒ นาประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตารางสรุปข้อความที่กำหนดและเลขกำกับบทความที่ 17 และที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ

เลขกำกับ ข้อความที่กำหนด ที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ


01 การเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจของไทย
02 ความเสี่ยงในการพัฒนาประเทศ
03 ปัญหาความมั่นคงทางด้านอาหาร
04 พัฒนาความรู้และเทคโนโลยีที่ทันสมัย
05 เศรษฐกิจโลกแบบหลายศูนย์กลาง
06 ส่งเสริมค่านิยมและวัฒนธรรมที่ดีงาม
07 ส่งเสริมภาคการเกษตร
08 สถานการณ์ปัจจุบันและอนาคต
09 สร้างความเข้มแข็งของชุมชนท้องถิ่น
10 โอกาสในการพัฒนาประเทศ

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
บทความที่ 18
เรื่อง แผนป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย

เมื่อกลางเดือน ม.ค. 2555 ที่ผ่านมา เลขาธิการคณะกรรมการพัฒ นาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ใ ห้สัม ภาษณ์ กับ


สื่อมวลชน เรื่องแผนระยะสั้นและยาวเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ซึ่งที่ประชุมให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่ 6 มกราคม โดย
อธิบายว่า เริ่มต้นด้วยการพิจารณาปัญหาที่ทำให้เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ เมื่อปีก่อน ได้แก่ ปริมาณน้ำฝนมากขึ้นถึงร้อยละ 40 พื้นที่
แถบต้นน้ำถูกบุกรุกทำลาย ระบบข้อมูลทรัพยากรน้ำของประเทศยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ และแหล่งกักเก็บน้ำตามธรรมชาติ
ถูกบุกรุก ซึ่งได้สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งที่เป็นมูลค่าความเสียหายและค่าเสียโอกาสจากการเกิดอุท กภัย ด้า น
การจัดการน้ำ การสาธารณูปโภคสาธารณูปการ แหล่งศิลปวัฒนธรรม ภาคเกษตร อุตสาหกรรม ความสูญเสียด้านสังคม บ้านเรือน
ประชาชนและความเสียหายด้านสิ่งแวดล้อม

จากปัญหาทั้ง 4 ที่กล่าวมาข้างต้นนี้ เป็นที่มาของแผนระยะสั้นและยาว ซึ่งมีทั้งหมด 8 แผน ประกอบด้วย

1. แผนงานฟื้นฟูอนุรักษ์ป่าและระบบนิเวศน์ ซึ่งเป็นแผนระยะยาว โดยเป็นการฟื้นฟูป่าเพื่อดูดซับและชะลอน้ำ รวมถึง


พัฒนาแผนการใช้ประโยชน์ที่ดินให้สอดคล้องกับสภาพภูมิสังคม อาทิ การจัดทำโครงการอนุรักษ์ดินและน้ำ การส่งเสริม ให้มีก าร
ปลูกป่าเศรษฐกิจ และจัดทำป่าชุมชน นอกจากนี้ยังจะมีการยกร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องอีกด้วย

2. แผนงานการบริหารจัดการเขื่อนเก็บ น้ำหลัก และจัดทำแผนบริหารจัดการน้ำของประเทศประจำปีเป็นแผนปฏิบั ติก าร


เพื่อบรรเทาปัญหาในระยะเร่งด่วน เพื่อให้สามารถป้องกันและบรรเทาปัญหาอุท กภัย ที่จะเกิดขึ้นในแต่ละปีไ ด้ โดยจะพัฒ นา
แผนการบริห ารจัดการน้ำในเขื่อนที่สำคัญ จัดทำแผนการบริห ารน้ำในกรณีต่างๆ (Scenario) และนำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวข้องสู่
สาธารณชน

3. แผนงานฟื้นฟูและปรับปรุงประสิทธิภ าพสิ่งก่อสร้างเดิมหรือตามแผนที่วางไว้ เป็นแผนปฏิบัติการทั้ งระยะสั้ นและ


ระยะยาว เพื่อป้องกันและบรรเทาปัญหาน้ำท่วม ทั้งการปรับปรุงคันกั้นน้ำ ขุดคลอง การดำเนินการตามแนวพระราชดำริ การเพิ่ม
ประสิทธิภาพในการระบายน้ำและบริหารจัดการน้ำหลากในพื้นที่เฉพาะ

4. แผนงานพัฒนาคลังข้อมูล ระบบพยากรณ์ และเตือนภัย ซึ่งเป็นแผนที่สร้างขึ้นมาเพื่อบรรเทาปัญหาทั้งในระยะสั้นและ


ระยะยาว เพื่อให้มีข้อมูลที่จำเป็นในการบริห ารจัดการน้ำ และมีแบบจำลองเตือนภัยที่มีประสิทธิภ าพ รวมถึงมีองค์กรในการเตือ น
ภัยที่มีเอกภาพ ซึ่งมีแนวทางการดำเนินการ โดยการจัดตั้งศูนย์คลังข้อมูลน้ำแห่งชาติ

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
5. แผนงานเผชิญเหตุเฉพาะพื้นที่ โดยเฉพาะระบบป้องกันบรรเทาอุทกภัย ในพื้นที่ที่มีความสำคัญโดยมีแ นวทาง อาทิ
การจัดเตรียมแผนคมนาคมเมื่อเกิดอุทกภัย การแก้ไขน้ำเน่าเสียจากน้ำท่วมขัง และจัดทำแผนช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ไ ด้รับผลกระทบ ซึ่ง
แผนงานเผชิญเหตุเฉพาะที่นี้ เป็นแผนระยะสั้นและระยะยาว

6. แผนงานกำหนดพื ้นที ่รองรั บน้ ำ เป็นแผนระยะสั้นและแผนระยะยาว เพื่อกำหนดพื้นที่ร องรับ น้ำ นองในเขต


เจ้าพระยาตอนบนและตอนล่าง รวมถึงการกำหนดมาตรการชดเชยความเสียหายเป็นกรณีพิเศษสำหรับพื้นที่ที่ถูกกำหนดเป็ น พื้นที่
รับน้ำ

7. แผนงานปรับปรุงองค์กรเพื่อบริห ารจัดการน้ำ ให้มีองค์กรบริห ารจัดการแบบบูร ณาการที่สามารถตั ดสิ น ใจได้อ ย่ าง


ฉับพลันในยามวิกฤติ ในลักษณะ Single command

8. แผนงานสร้างความเข้ าใจ การยอมรับและการมีส่วนร่วมในการบริห ารจัดการอุทกภัยขนาดใหญ่ของทุกภาคส่วน เพื่อ


ไม่ให้เกิดปัญหาการต่อต้านการดำเนินงานของภาครัฐในการแก้ปัญหาอุทกภัยในภาพรวม

อย่างไรก็ตามรัฐบาลเองก็บอกว่าถึงจะมีหลายแผนที่เริ่มดำเนินการไปบ้างแล้ว แต่ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่า จะไม่มีปั ญหา


น้ำท่วม แต่ถึงมีก็จะไม่รุนแรงเหมือนปีก่อน ดังนั้นเราจะต้องไม่ประมาท ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ ชิด จะได้ วางแผนและ
สามารถรับมือได้ทันท่วงที

ตารางสรุปข้อความที่กำหนดและเลขกำกับบทความที่ 18 และที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ

เลขกำกับ ข้อความที่กำหนด ที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ


11 น้ำฝนมากขึ้นถึงร้อยละ 40
12 ปัญหาที่ทำให้เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่
13 แผนงานกำหนดพื้นที่รองรับน้ำ
14 แผนงานฟื้นฟูอนุรักษ์ป่าและระบบนิเวศน์
15 แผนงานเผชิญเหตุเฉพาะพื้นที่
16 แผนงานฟื้นฟูและปรับปรุงประสิทธิภาพสิ่งก่อสร้างเดิม
17 แผนระยะยาว
18 แผนระยะสั้น
19 พื้นที่แถบต้นน้ำถูกบุกรุกทำลาย
20 แหล่งกักเก็บน้ำตามธรรมชาติถูกบุกรุก

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
บทความที่ 19
เรื่อง ป่าพรุควนเคร็ง

ชื่อ “พรุควนเคร็ง” เรียกตามสภาพภูมิศาสตร์ คือ พรุ หมายถึง พื้นที่มีน้ำตลอดเวลา ควน หมายถึง ที่สูง เคร็ง หมายถึง
แหล่งน้ำ อยู่ในเขตอำเภอเชียรใหญ่ เฉลิมพระเกียรติ ร่อนพิบูลย์ ชะอวด หัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช และอำเภอควนชนุน
จังหวัดพัทลุง มีพื้นที่ประมาน 223,320 ไร่ มีกระจูด ปรือ และเสม็ดขึ้นอยู่ทั่วไป พื้นที่ส่วนน้อยที่เป็นที่สูงเป็นที่อยู่อาศัยของราษฎร
ทรัพยากรสำคัญ คือ กระจุด ชาวพรุควนเคร็งแทบทุกครัวเรือนทำเส้นกระจูดขาย และสานเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อใช้เองและจำหน่าย
รายได้หลักจึงมาจากกระจูด

เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ข่าวใหญ่ข่าวหนึ่งที่เป็นที่สนใจกันมาก คือ ไฟไหม้ป่าพรุควนเคร็งเสีย หายไปกว่าหมื่ นไร่ ซึ่ง


รวมพื้นที่ของโครงการศึกษาพันธุ์ไม้เสม็ดขาวครบวงจรในพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เกือบ
2,000 ไร่ จากการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนโดยผู้ใหญ่จากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องพอสรุปได้ว่า ขณะนี้ป่าพรุควนเคร็ง เสีย หาย
มาก และยังผลให้สูญเสียแหล่งรายได้ส ำคัญของชาวบ้าน ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชคนปัจจุบันกล่าวว่า เมื่อ 12 ปีก่อน
สภาพป่าพรุควนเคร็งยังอุดมสมบูร ณ์มาก การบุกรุกป่าทำสวนปาล์ม น้ำมันก็เพิ่งเริ่มมีประปราย “แต่เมื่อกลับมาเป็น ผู้ว่ าราชการ
จังหวัดก็พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในช่วง 10 ปีเศษมากมาย ที่ดีก็มี เช่น การคมนาคมขนส่งดีขึ้น มีสิ่งอำนวยความสะดวก
ที่ทันสมัยเพิ่มขึ้น แต่ที่ทำให้ป่าพรุควนเคร็งเสียหายก็มีมากเช่นกัน ที่เห็นชัด คือ ไฟป่าเกิดบ่อยและรุนแรงขึ้น พื้นที่ป่าจำนวนมาก
ถูกบุกรุกทำการเกษตร เช่น การทำสวนปาล์มและสวนยางพารา รวมทั้งมี การปิดกั้นเส้นทางไหลเวียนน้ำ ในป่าพรุจากการตั ดถนน
ผ่านป่าพรุ แต่ไม่ทำสะพานหรือท่อระบายน้ำใต้ถ นนให้เพีย งพอ และจากการทำร่องสวนและยกคูดินเพื่อปลูกพืช นอกจากนี้ยั งมี
ปัญหาระดับน้ำในป่าพรุลดลง เนื่องจากต้องแบ่งน้ำไปใช้เพื่อการเกษตรมากขึ้น และจากการที่มีฝนน้อยมากโดยเฉพาะในปี นี้ จน
จังหวัดนครศรีธรรมราชประสบภัยแล้งซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดดังกล่าวว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน

สำหรับเรื่องไฟป่านั้น เหตุสำคัญที่ท ำให้ เกิดไฟป่าบ่อยและรุนแรงขึ้น คือการลักลอบเผาป่าด้วยจุดประสงค์ ต่ า งๆ เช่น


เพื่อสะดวกในการหาปลาเนื่องจากพื้นที่ส่ว นที่ไ ฟไหม้จะเป็นหลุมเป็นบ่อที่มีน้ำขังซึ่งมีปลาอยู่อาศัยและหลบภั ย เป็ นจำนวนมาก
หรือเพื่อเผาหญ้าและวัชพืชในพื้นที่ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเอกชน แต่ควบคุมไฟไม่ดีทำให้ไฟลุกลามออกมานอกพื้นที่

การที่ป่าพรุเสีย หายมาจากเหตุต่างๆ ดังกล่าวข้างต้น นอกจากทำให้แหล่งรายได้ หลักของชาวพรุควนเคร็ ง คื อ กระจูด


สูญเสียไป ยังทำให้แหล่งเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำลดลง และนกป่าไม่มีที่อยู่อาศัยและแพร่พันธุ์ เพราะป่าพรุเป็นที่อยู่ อ าศัย ของนกน้ ำ
จำนวนมาก จนได้เป็นพื้นที่ชุ่มช่ำน้ำที่มีความสำคัญระดับ นานาชาติตามสนธิสัญญาแรมซาร์ นอกจากนี้ยังทำให้ แหล่งกักเก็บน้ำ

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
และบำบัด น้ำเสียลดลงด้วย เพราะป่าพรุควนเคร็งเป็นเหมือนแก้มลิงรองรับกักเก็บ น้ำและช่วยบำบัดน้ำเสียก่อนที่จะไหลลงสู่
ทะเลสาบสงขลา

ขณะที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกำลังวางแผนแก้ไขปัญหา เช่น เร่งจัดการกับผู้ที่เข้าไปบุกรุกพื้นที่ ป้องปรามและดำเนินคดีอย่า ง


จริงจังกับผู้ลักลอบเผาป่า สร้างท่อระบายน้ำใต้ถนนที่ตัดผ่านป่าพรุ บริหารจัดการเรื่องน้ำไม่ให้น้ำในป่าพรุต่ำกว่าระดับน้ำทะเลเกิ น
20 เซนติเมตร หากทุกฝ่ายร่วมมือกันแก้ปัญหาอย่างจริงจังในระยะยาวน่าจะสามารถฟื้นฟูป่าพรุควนเคร็งให้ก ลับ มาอยู่ ใ นสภาพ
อุดมสมบูรณ์ได้ดังเดิม

ตารางสรุปข้อความที่กำหนดและเลขกำกับบทความที่ 19 และที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ

เลขกำกับ ข้อความที่กำหนด ที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ


01 การปิดกั้นเส้นทางไหลเวียนน้ำ
02 การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในช่วง 10 ปีเศษ
03 เกิดไฟป่าบ่อยและรุนแรงขึ้น
04 นกป่าไม่มีที่อยู่อาศัยและแพร่พันธุ์
05 ขณะนี้ป่าพรุควนเคร็งเสียหายมาก
06 พื้นที่ป่าจำนวนมากถูกบุกรุก
07 ระดับน้ำในป่าพรุลดลง
08 สูญเสียแหล่งรายได้สำคัญ
09 แหล่งกักเก็บน้ำและบำบัดน้ำเสียลดลง
10 แหล่งเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำลดลง

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
บทความที่ 20
เรื่อง อะไรจะเกิดขึ้นนับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2558

ประเทศในกลุ่มอาเซีย นจะรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซีย น และมีผลอย่างจริงจังในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2558


นับแต่วันนั้นภูมิภาคนี้จะเปลี่ยนไปมากอย่างที่หลายคนอาจคิดไม่ถึง

เมื่อประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศรวมตัวกันเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียว ข้อตกลงของประชาคมเศรษฐกิ จ


อาเซียนทำให้การเคลื่อนย้ายสินค้า การลงทุนทำธุร กิจต่างๆ และการเคลื่อนย้ายแรงงานฝีมือทำได้อย่างเสรี บรรยากาศการค้ า
และการลงทุนจะสะดวกมากขึ้นจากการลด/เลิกข้อจำกัด และกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่างๆ

เมื่อการเคลื่อนย้ายสินค้าทำได้อย่างเสรี จะทำให้ไทยขยายการส่งออกสินค้าได้เพิ่ม ขึ้น เช่น เกษตรกรไทยจะส่ ง ออก


สินค้าได้มากขึ้น ไม่ใช่จำหน่ายเฉพาะตลาดภายในประเทศที่มีประชากร 69 ล้านคน แต่จะเพิ่มสูงถึง 590 ล้านคนในตลาดอาเซีย น
แต่ในขณะเดียวกันการเปิดเสรีในการเคลื่อนย้ายสินค้าก็จะทำให้ ประเทศอาเซียนอื่นขยายการส่งออกสิ นค้าได้มากขึ้นเช่นกัน ทำ
ให้ข้อดีที่ไทยจะเพิ่มการส่งออกสินค้าได้มากขึ้นนั้นลดลง เพราะสินค้าประเทศอื่นที่มีความหลากหลาย และ/หรือคุณภาพดี กว่ า
และ/หรือราคาถูกกว่าจะแข่งขันกับ สินค้าส่งออกของไทยหรือแม้แต่แ ย่งตลาดภายในประเทศ ไทยจึงจำเป็นต้องเร่งปรับ ปรุง
ประสิทธิภาพและคุณภาพการผลิตเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับสินค้าของประเทศอื่น

การที่แรงงานฝีมือหรือกลุ่ม วิชาชีพ เช่น แพทย์ พยาบาล วิศวกร สถาปนิก นักบัญชี ของประเทศต่างๆ ในกลุ่ม อาเซีย น
สามารถไปทำงานในประเทศสมาชิกอาเซีย นอื่นได้อย่างเสรี ผลที่ตามมาก็จะเป็นไปในทำนองเดีย วกันกับเรื่องการส่งออกสินค้า คือ
แรงงานฝีมือของไทยจะหางานทำได้ง่ายขึ้น แต่ก็จะมีอุปสรรคขัดขวางที่สำคัญคือ คนไทยมีจุดอ่อนเรื่องภาษาอังกฤษประการหนึ่ง
และอีกประการหนึ่ง คือ ชาติอาเซียนอื่นก็เคลื่อนย้ายแรงงานได้อย่างเสรีเช่นเดียวกัน หากไทยไม่เก่งพอ ภาษาไม่ดีพอ แทนที่เรา
จะหางานได้ง่ายขึ้นกลับจะถูกคนชาติอื่นแย่งงาน

สำหรับ เรื่องการลงทุนทำธุร กิจ ไทยสามารถลงทุนทำธุรกิจในประเทศอาเซียนอื่นได้ เนื่องจากมี การเปิดเสรีในการ


ลงทุน แต่อย่าลืม ว่าคนอื่นก็ท ำได้เช่นกัน จึงต้องวางแผนและเตรีย มการให้พร้อมอย่างเต็ม ที่ก่อนเริ่ม เปิดประชาคมเศรษฐกิจ
อาเซียน

เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียนได้บรรยายพิเศษที่มหาวิทยาลัยราชภัฏ นครปฐม


เรื่อง “กลยุทธ์การรับมือกับประชาคมอาเซียน” มีผู้เข้าร่วมรับฟังกว่า 1,000 คน ประเด็นหนึ่งที่ ดร.สุรินทร์ ย้ำเตือน คือ

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
ภาษาอังกฤษจะเป็น “Working language of ASEAN” เมื่อเรารู้ตัวว่าคนไทยมีจุดอ่อนเรื่องภาษาอังกฤษ ถ้าเราไม่เร่งปรับ ปรุ ง
แก้ไขพัฒนาตนเอง ประโยชน์ที่คนไทยควรจะได้จะลดลง โดยเฉพาะเรื่องการหางานทำ เพราะคนของเราต้องแข่งขันกับ คนชาติอื่ น
ในตลาดที่โตกว่าตลาดไทยเกือบสิบเท่า เราต้องเก่งจริงดีจริง และต้องมีทักษะที่เป็นเลิศจริงๆ จึงจะเอาตัวรอดได้

ตารางสรุปข้อความที่กำหนดและเลขกำกับบทความที่ 20 และที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ

เลขกำกับ ข้อความที่กำหนด ที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ


11 การเคลื่อนย้ายแรงงานฝีมือทำได้อย่างเสรี
12 การเคลื่อนย้ายสินค้าทำได้อย่างเสรี
13 การเปิดเสรีในการลงทุน
14 ข้อตกลงของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
15 คนไทยมีจุดอ่อนเรื่องภาษาอังกฤษ
16 ชาติอาเซียนอื่นก็เคลื่อนย้ายแรงงานได้อย่างเสรี
17 ไทยจะเพิ่มการส่งออกสินค้าได้มากขึ้น
18 ไทยสามารถลงทุนทำธุรกิจในประเทศอาเซียนอื่นได้
19 ประเทศอาเซียนอื่นขยายการส่งออกสินค้าได้มากขึ้น
20 แรงงานฝีมือของไทยจะหางานทำได้ง่ายขึ้น

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
บทความที่ 21
เรื่อง เด็กไทยกับไอที..เด็กล็อค

“ปัญหาเด็กในปี 2556 นี้ ขอเรียกว่าเด็กล็อค คือล็อคนิ้ว ล็อคตัวเอง และล็อคเวลา” รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์
คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2556 การล็อคนิ้ว ล็อคตัวเอง ล็อคเวลา ก็คือการใช้เ วลา
มากเกินควรกับไอที ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต

จากผลวิจัยพบว่าเด็กและเยาวชนให้ระบบไอทีเพื่อการเรียนรู้เพีย งร้อยละ 20 ส่วนร้อยละ 80 ใช้เพื่อการบันเทิงและเกม


การล็อคทั้งตัวเองและเวลาเช่นนี้ย ่อมเกิดผลเสียตามมาหลายประการ จากเวที “คุม เข้ม เด็กเล่นเกม : ลิดรอนสิท ธิ หรือช่วย
สร้างสรรค์” ในการประชุมคณะกรรมการการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ (คจ.สช.) ครั้งที่ 5 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-20 ธันวาคม
2555 สรุปว่าการที่เด็กจำนวนมากใช้เวลามากเกินควรกับไอทีทำให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เกิดผลด้านลบต่อพัฒนาการ และได้รับ
ผลร้ายจากการรับเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมผ่านทางซอฟท์แวร์ เกม เว็บไซต์

ที่ว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพก็คือ ร่างกายอ่อนแอเจ็บป่วยง่าย เพราะอยู่กับไอทีจนไม่มีเวลาออกกำลังกายหรือเล่ น กีฬ า


อีกทั้งสายตาก็มักจะเสียไปด้วย เพราะวันๆ จ้องอยู่ที่หน้าจอ นอกจากนี้สุขภาพจิตอาจแปรปรวนกลายเป็นเด็กที่มีพฤติกรรมรุนแรง
ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์กล่าวในที่ประชุม คจ.สช.ว่า สถิติของการติดเกมและมีพฤติกรรมรุนแรง
จนต้องบำบัดรักษาเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี

นอกจากเรื่องสุขภาพแล้ว การล็อคตัวเองหรือล็อคเวลาจนไม่มีเวลาทำกิจกรรมสร้างสรรค์อื่น เช่น การทำกิจกรรมบำเพ็ญ


ประโยชน์ การร่วมกิจกรรมชมรมต่างๆ ในสถานศึกษา หรือแม้แต่การพบปะพูดคุยสังสรรค์กับ พ่อแม่ญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูง ย่อม
ทำให้เกิดผลลบต่อพัฒนาการของตัวเด็กเอง ซึ่งที่สำคัญคือ ทำให้ขาดทักษะทางสังคมและขาดทักษะในการติดต่อสื่อสาร

ปัจจุบันร้านเกมที่เปิดให้บริการทั่วประเทศกว่า 30,000 ร้าน พอๆ กับจำนวนสถานศึกษา ร้านเกมเหล่า นี้ ส่ว นใหญ่ไ ม่


จำกัดเวลา ไม่มีการป้องกันการเข้าถึงเว็บไซต์ลามก เว็บไซต์ล่อลวง หรือเกมรุนแรงที่ไม่เหมาะสมกับเด็ก ดังนั้ นผลร้ายจากการรับ
เนื้อหาที่ไ ม่เหมาะสมตามที่ คจ.สช. กล่าวข้างต้นก็คือ ถูกล่อลวงเพื่อกระทำทางเพศ ถูกล่อลวงเพื่อประสงค์ทรัพย์สิน และถูก
ล่อลวงเพื่อค้ามนุษย์

ทำไมเด็กและเยาวชนไทยจำนวนมากถึงกลายเป็นเด็กล็อคจนเกิดผลเสียใหญ่หลวงเช่นนี้ ความคิดเห็นจากเวทีในการ
ประชุม คต.สช. กล่าวว่าต้นตอที่สำคัญ ก็คือ ภาคธุรกิจร้านเกมเห็นเด็กเป็นเหยื่อ เด็กขาดพื้นที่และกิจกรรมที่เหมาะสม และ

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
ครอบครัว ไม่ด ูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด หรือไม่เข้าใจกระทั่งว่าปล่อยให้ลูกเล่นเกมจนติดและกลายเป็นเด็กล็อคนั้นส่งผลเสีย
อย่างไร

ที่ประชุม คจ.สช. เสนอให้ผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนช่วยเร่งแก้ไขปัญหาด้วยวิธีต่างๆ ได้แก่ ขจัดสื่อร้ายขยายสื่ อดี ซึ่งจะ


ช่วยป้องกันปัญหาการถูกล่อลวงเพื่อกระทำการทางเพศและการล่อลวงอื่นๆ ปรับปรุงกฎหมายด้านสื่อให้มีความทันสมัย ควบคุม
เวลาและเนื้อหาการให้บริการไอทีทั้งในร้านอินเตอร์เ น็ตและเนื้อหาในเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดอาการล็อ คตั วเองและ
เวลา ยังป้องกันการถูกล่อลวงต่างๆ ดังกล่าว จัดหาพื้นที่และกิจกรรมที่เหมาะสมสำหรับเด็กและเยาวชน ซึ่งช่วยทำให้ก ารล็ อค
ตัวเองและล็อคเวลากับไอทีลดลง เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ที่จะแก้ปัญหาได้ดีที่ สุดก็คือตัวเด็กและเยาวชนเอง โดยรู้จักผิดชอบชั่ว
ดี และรับผิดชอบในการพัฒนาตนไปในทางที่ถูกที่ควร

ตารางสรุปข้อความที่กำหนดและเลขกำกับบทความที่ 21 และที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ

เลขกำกับ ข้อความที่กำหนด ที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ


01 ขจัดสื่อร้ายขยายสื่อดี
02 ขาดทักษะทางสังคม
03 ภาคธุรกิจร้านเกมเห็นเด็กเป็นเหยื่อ
04 ควบคุมเวลาและเนื้อหาการให้บริการไอที
05 จัดหาพื้นที่และกิจกรรมที่เหมาะสม
06 ถูกล่อลวงเพื่อกระทำทางเพศ
07 ครอบครัวไม่ดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด
08 ร่างกายอ่อนแอเจ็บป่วยง่าย
09 ล็อคเวลา
10 ล็อคตัวเอง

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
บทความที่ 22

เรื่อง พิษภัยของมลพิษ

ข่าวฮือฮาข่าวหนึ่งเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2556 คือการประกาศขายวัด ดังภาพและคำบรรยายภาพจากหนั ง สือ พิ ม พ์


ไทยรัฐ

“หลวงปู่พุทธอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย (ธรรมอิสระ) อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ขึ้นป้ายขนาดยาว 10 เมตร สูง 6 เมตร


ติดที่รั้ววัด ประกาศขายวัดในราคาถูก เนื่องจากทนกลิ่นเหม็นของโรงงานผลิตอาหารสัตว์ที่อยู่ตรงข้ามวัดไม่ได้”

เรื่องมลพิษก่อปัญหาให้สังคมไทยมานาน และนับวันจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ มลพิษมีหลายประเภทที่ทำพิษจนวั ดทนไม่ไ ด้ก็


คือ มลพิษทางอากาศหรืออากาศเสีย ซึ่งหมายถึงภาวะที่มีอากาศที่มีสารเจือปนอยู่ในปริม าณที่สูงกว่าปกติและเป็นเวลานาน
พอที่จะทำให้เกิดผลกระทบต่า งๆ เช่น อันตรายต่อมนุษย์ สัตว์ พืช สิ่งแวดล้อม และทรัพย์ สารเจือปนดังกล่าว กองอนามัย
สิ่งแวดล้อม สำนักอนามัยกทม.เรียกว่า สารมลพิษทางอากาศ ซึ่งมีหลายอย่าง เช่น ฝุ่นละลอง กลิ่น ควัน ละอองไอ ก๊าซหลาย
ชนิด ฯลฯ

ความเจริญเติบ โตทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้กรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ห ลายเมืองเกิด ปั ญหาการจราจร


ติดขัดเข้าขั้นวิกฤติ รถยนต์และยานพาหนะต่างๆ ซึ่งเผาผลาญน้ำมันมากขึ้นจึงเป็นที่ม าของก๊าซหลายชนิดที่ เป็ นสารมลพิษ ทาง
อากาศ เช่น ก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ก๊าซออกไซด์ของไนโตรเจน รวมทั้งสารตะกั่ว กลิ่นท่อไอเสีย และ
ฝุ่นละอองขนาดเล็กซึ่งเป็นสารไฮโดรคาร์บอน

โรงงานประเภทต่างๆ ที่เพิ่ม ขึ้นอย่างมากมายบริเวณชานเมือง นิคมอุตสาหกรรมหรือแม้แต่ในแหล่งใกล้ชุม ชนก็เป็น


ต้นเหตุสำคัญที่ทำให้อากาศเสีย เช่น โรงงานอาหารสัตว์ทำให้เกิดกลิ่นจนต้องประกาศขายวัด โรงงานปู นซิเมนต์ทำให้เกิดฝุ่นละออง
โรงไฟฟ้าถ่านหินเป็นที่มาของก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ โรงงานอุตสาหกรรมทำให้เกิดควัน ฯลฯ

ผลกระทบที่เกิดจากสารมลพิษทางอากาศมีม ากมาย ที่สำคัญได้แก่ อันตรายต่อมนุษย์ เช่น ป่วยเป็นโรคผิว หนั ง โรค


ระบบทางเดินหายใจหรือแม้แ ต่โรคมะเร็ง อันตรายต่ อสัตว์โดยหายใจเอาอากาศที่มีมลพิษปะปนอยู่หรือโดยกิ น หญ้ า หรื อ พืช ที่มี
มลพิษทางอากาศตกสะสมอยู่ในปริมาณมากและอันตรายต่อพืช เช่น ใบพืชสีจางลง ใบเหลือง ดอกกล้วยไม้เป็นรอยด่าง มีสีจางลง
เป็นจุด นอกจากนี้ผลกระทบที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ อันตรายต่อภาวะแวดล้อมจนบรรยาก าศแปรปรวนไปทั่วโลก อุณหภูมิ
บรรยากาศโลกเฉลี่ยสูงขึ้น น้ำแข็งที่ขั้วโลกละลาย ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น เกิดภัยแล้ง น้ำท่วม เกิดลมพายุบ่อยและรุนแรงขึ้น ฯลฯ

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
เมื่อวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2556 กรมคุม มลพิษจัดกิจกรรม D-day ประกาศว่าจะเริ่ม บังคับ ใช้กฎหมายมาตรา 80
พ.ร.บ.ส่งเสริม และรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 อย่างจริงจัง ที่จริงกฎหมายประกาศและกฎกระทรวงเกี่ย วกับ
มลพิษมีอยู่หลายฉบับ การบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง จะเป็นมาตรการสำคัญในการลดสารมลพิษในอากาศ รวมทั้งเป็นการ
ป้องกันหรือลดอันตรายต่อ มนุษย์ สัตว์ พืช และอื่นๆ นอกจากนี้ก็ควรเร่งดำเนินการแก้ปัญหาการจราจรติดขัด และสร้างจิตสำนึก
ที่ดีให้ผู้ประกอบการที่เป็นแหล่งก่อมลพิษด้วย

ตารางสรุปข้อความที่กำหนดและเลขกำกับบทความที่ 22 และที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ

เลขกำกับ ข้อความที่กำหนด ที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ


11 กลิ่น
12 ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์
13 การบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
14 ผลกระทบ
15 ฝุ่นละออง
16 ยานพาหนะต่างๆ
17 โรงงานประเภทต่างๆ
18 สารมลพิษทางอากาศ
19 อันตรายต่อพืช
20 อันตรายต่อมนุษย์

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
บทความที่ 23
เรื่อง เหตุใดจึงคัดค้านการสร้างเขื่อนแม่วงก์

ข่าวที่หลายคนให้ความสนใจคือ การคัดค้านการสร้างเขื่อนแม่วงก์ โดยเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2556 นายศศิน เฉลิมลาภ


เลขาธิการมูลนิธิสืบ นาคะเสถียร พร้อมด้วยกลุ่มอนุรักษ์ต่างๆ ได้ออกเดินทางจากอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ อ.แม่วงก์ จ.นครสวรรค์
ซึ่งเป็นจุดก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ มุ่งหน้าไปยังกรุงเทพมหานคร เพื่อคัดค้านการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์

เขื่อนแม่วงก์เป็นโครงการสร้างเขื่อนที่บริเวณเขาสบกก ต.แม่เล่ย์ อ.แม่วงก์ จ.นครสวรรค์ มีลักษณะเป็นเขื่อนหินทิ้งแกน


ดินเหนีย ว สูง 57 เมตร กว้าง 10 เมตร สันเขื่อนยาว 730 เมตร เก็บน้ำได้ 250 ล้านลูกบาศก์เมตร ได้ร ับ อนุม ัติงบประมาณ
ก่อสร้างทั้งสิ้น 13,280 ล้านบาท เป็นเขื่อนที่จะใช้เวลาก่อสร้าง 8 ปี เมื่อสร้างเสร็จจะมีพื้นที่น้ำท่วมอย่างน้อย 12,375 ไร่

เขื่อนแม่วงก์มี ประโยชน์ หรือข้อดีอย่างไรจึงทำให้ร ัฐบาลพยายามผลักดันให้สร้างเขื่อนนี้ ที่จริงกรมชลประทานริเริ่ม


โครงการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2525 แต่ถูกตีกลับจากคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องหลายครั้งให้ไปศึกษาผลกระทบต่ างๆ เพิ่มเติม ครั้งหลังสุด
คือ ปี พ.ศ.2545 คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติม ีม ติย ังไม่เห็นชอบต่อรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม ให้กรม
ชลประทานหาทางเลือกของที่ตั้งโครงการ และศึกษาเพิ่มเติมการบริห ารจัดการลุ่ม น้ำทั้งระบบในลักษณะบูรณาการ แต่อย่างไรก็
ตาม หลังจากน้ ำท่วมใหญ่เมื่อปี พ.ศ.2554 คณะรัฐมนตรีไ ด้ม ีม ติเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2555 เห็นชอบในหลักการให้ดำเนิ น
โครงการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ โดยรวมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการบริห ารจัดการน้ำมูลค่า 350,000 ล้านบาทของรัฐบาล ทั้งนี้ด้วย
เห็นว่าเขื่อนนี้มีข้อดีคือ จะช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วม และจะช่วยลดปัญหาภัยแล้งได้อีกด้วย

ส่วนกลุ่มผู้คัดค้านการสร้างเขื่ อนคือ เครือข่ายองค์กรอนุรักษ์ด้านสิ่งแวดล้อมซึ่งประกอบด้วยองค์กรต่า งๆ 24 องค์กร


โดยมีนายศศิน เฉลิม ลาภ เลขาธิการมูลนิธิสืบ นาคะเสถียร เป็นแกนนำในการเดินคัดค้านเขื่อนแม่วงก์ ได้ห ยิบ ยก ข้อเสียหรือ
ผลกระทบของเขื่อนแม่วงก์ข ึ้นมาคัดค้านการสร้างเขื่อน โดยเฉพาะรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุข ภาพ (EHIA:
Environment and Health Impact Assessment) ที่ยังละเลยข้อมูลสำคัญทางธรรมชาติและระบบนิเวศเป็นอย่างมาก

จากเรื่อง “ทำไม!!...ต้องค้านเขื่อนแม่วงก์” ของเครือข่ายองค์กรอนุรักษ์ด้านสิ่งแวดล้อม และเรื่อง “เมื่อแก้น้ำท่ วมไม่ไ ด้


แก้ภัยแล้งไม่ได้ แล้วเหตุผลของ ‘เขื่อนแม่วงก์’ คืออะไร?” ของมูลนิธิโลกสีเขียว ซึ่งเผยแพร่เมื่อปีกลาย ได้กล่าวถึงข้อเสียของเขื่อน
ไว้ห ลายประการ เช่น ทำลายป่าต้นน้ำ ง่ายต่อการลักลอบล่าสัตว์ป่า จะเกิดการลักลอบตัดไม้จำนวนมาก และสูญเสียแหล่ง
อาหารและที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า ตัวอย่างข้อเสียดังกล่าวเกิดเนื่องจากเหตุการณ์ต่างๆ กล่าวคือ บริเวณที่น้ำจะท่วมกว่า 12,000
ไร่เป็นป่าอุดมสมบูรณ์ในบริเวณที่ราบต่ำริมน้ำซึ่งเป็นแหล่งอาหาร และที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าจำนวนมาก การที่ใช้เวลาก่อสร้างถึง

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
8 ปี จะทำให้เกิดการลั กลอบตัดไม้จำนวนมาก โดยเฉพาะส่วนที่นอกเหนือจากไม้ในบริเวณที่น้ำจะท่วม รวมทั้งทำให้ลัก ลอบล่า
สัตว์ป่าได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีเหตุผลสำคัญอีกข้อคือ การที่เก็บน้ำได้ 250 ล้านลูกบาศก์เมตรนั้นถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับ ปริม าณ
น้ำที่ท่วมเมื่อปี พ.ศ.2554 คือเพียงร้อยละ 1 และสามารถจ่ายน้ำให้พื้นที่ทำการเกษตรบริเวณใต้เขื่อนได้เพีย งบางส่ว น ไม่คุ้ม การ
ลงทุนและการสูญเสียระบบนิเวศ การที่เก็บน้ำได้น้อยดังกล่าวทำให้ลดข้อดีของเขื่อนทั้งสองข้อที่กล่าวข้างต้น คือแก้ปัญหาน้ำท่วม
และลดปัญหาภัยแล้ง

ส่วนรัฐบาลและกลุ่มผู้สนับ สนุนให้สร้า งเขื่อนก็โต้แย้งว่า เรื่องการแก้ป ัญหาน้ำท่วมต้องมองในภาพรวมของโครงการ


บริหารจัดการน้ำทั้งหมด ซึ่งมีทั้งเขื่อนขนาดใหญ่และเล็กหลายๆ เขื่อน รวมทั้งเขื่อนแม่วงก์ พื้นที่ป่าเหนือเขื่อนที่น้ำจะท่วมก็ถื อว่ า
น้อยมากเมื่อเทีย บกับ ผืนป่าตะวันตกทั้งหมด ส่วนการโจมตีเรื่อ งการให้ความเห็นชอบกับ รายงาน EHIA นั้น รัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมก็ออกมาชี้แจงเมื่อวันที่ 16 กันยายนว่า คณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงาน
การวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม มีมติให้กรมชลประทานกลับไปทำรายงานเพิ่มเติม ซึ่งจะมีการนำรายงานฉบับดังกล่าวเข้ าสู่การ
พิจารณาของคณะกรรมการอีกครั้ง

ขณะที่เขียนบทความฉบับ นี้ยังไม่ทราบว่าเรื่องเขื่อนแม่วงก์จะลงเอยอย่างไร แต่คาดว่าคงเป็นเรื่องยาวที่ ต้อ งติด ตามกั น


ต่อไป

ตารางสรุปข้อความที่กำหนดและเลขกำกับบทความที่ 23 และที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ

เลขกำกับ ข้อความที่กำหนด ที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ


01 เก็บน้ำได้ 250 ล้านลูกบาศก์เมตร
02 เกิดการลักลอบตัดไม้จำนวนมาก
03 แก้ปัญหาน้ำท่วม
04 ข้อเสียหรือผลกระทบ
05 เขื่อนแม่วงก์
06 ง่ายต่อการลักลอบล่าสัตว์ป่า
07 ประโยชน์
08 เป็นเขื่อนที่จะใช้เวลาก่อสร้าง 8 ปี
09 ลดปัญหาภัยแล้ง
10 สูญเสียแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
บทความที่ 24
เรื่อง ราคายางตกต่ำ เกษตรกรชาวสวนยางปิดถนน

ช่วยหลายเดือนที่ผ่านมา ชาวเกษตรกรสวนยางทางภาคใต้ออกมาประท้วงปิดถนนเป็นระยะๆ ทำให้การสัญจรทาง


รถยนต์ไ ปมาภาคใต้แ ทบเป็นอัม พาตหลายครั้ง ปัญหาสำคัญก็คือ เกษตรกรชาวสวนยางขาดทุน จึงออกมาเรีย กร้องให้รัฐบาล
ดำเนินมาตรการช่วยเหลืออย่างจริงจังเพื่อให้ราคายางสูงขึ้น เหตุ การณ์เริ่มคลี่คลายลงเมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 10 กันยายน
ให้เงินสนับ สนุนปัจจัยการผลิตไร่ละ 2,520 บาท รายละไม่เกิน 25 ไร่ มาตรการนี้ชาวสวนยางยังไม่พอใจ เป็นแต่เพีย ง “ยอมรับ
สภาพ” ตามที่ประธานชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย คุณเพิก เลิศวังพง กล่าวเมื่อวันที่ 10 กันยายน ในรายการ ตอบ
โจทย์ไทยพีบีเอส ต่อมาเหตุการณ์ที่สงบไปกลับวุ่นวายขึ้นมาอีกเมื่อชาวบ้านมาปักหลักเปิดเวทีปราศรัยปิดถนนเพชรเกษม อ.บาง
สะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในช่วงค่ำวันที่ 26 ตุลาคม เรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการให้ราคายางพาราเพิ่มเป็นกิโลกรัมละ 100
บาท และปาล์มน้ำมันกิโลกรัมละ 6 บาท ขณะที่เขียนบทความนี้ก็ยังไม่ทราบว่าเรื่องราวจะจบลงอย่างไร ระหว่างรอสถานการณ์
จึงขอหยิบยกเรื่องการขาดทุนของชาวสวนยาง ซึ่งเป็นต้นเหตุของการประท้วงปิดถนนขึ้นมาวิเคราะห์ว่า ปัจจัยที่เกี่ยวข้อ งกั บ การ
ขาดทุนของเกษตรกรชาวสวนยาง ประกอบด้วยอะไรบ้าง ซึ่งเมื่อรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ แล้วพบว่ามีอยู่หลายประการ

ประการแรกก็คือ ราคายางในตลาดโลกตกต่ำ ราคายางพาราในตลาดโลกจะขึ้นหรือลงขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง เช่น


ความต้องการยางจากต่างประเทศ ราคาน้ำมัน อัตราการแลกเปลี่ยนเงินตรา เศรษฐกิจโลก อุตสาหกรรมยานยนต์ และราคาตลาด
ล่วงหน้า สำหรับความต้องการยางจากต่างประเทศลดลง จะทำให้ราคายางในตลาดโลกลดลง สำหรับราคาน้ำมัน นั้ น คงเป็ นที่ น่า
สงสัยว่ามีผลต่อราคายางอย่างไร ถ้าราคาน้ำมันสูงขึ้น การทำยางสังเคราะห์จะลดลงเพราะต้องใช้ผลิตภัณฑ์จากน้ำมันด้วย จึ งหัน
มาใช้ย างธรรมชาติม ากขึ้น ทำให้ร าคายางสูงขึ้น ส่วนภาวะเศรษฐกิจโลกมีผลตรงไปตรงมา ขณะนี้ เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวไม่ดี
เท่าที่ควร ทำให้ราคายางในตลาดโลกตกต่ำ เป็นที่น่าสังเกตว่าขณะนี้ร าคาตลาดโลกกำหนดโดยผู้ซื้อ ในฐานะที่ประเทศผู้ป ลูกยาง
รายใหญ่ของโลกเป็นประเทศในกลุ่มอาเซีย น จึงควรเร่งดำเนินการร่วมมือกันเพื่อให้มีอำนาจต่อรองในการกำหนดราคาตลาดโลก

ประการต่อมาคือ ความต้องการใช้ยางในประเทศอยู่ในระดับต่ำ ถึงแม้ความต้องการในประเทศจะไม่มีบทบาทต่อราคา


ยางสูงเท่าความต้องการของตลาดโลก แต่ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องแก้ไข เพราะเมื่ อเทีย บกับ ประเทศอินโดนีเซีย และมาเลเซีย
ปรากฏว่าอุตสาหกรรมการทำผลิตภัณฑ์จากยางพารา เช่น ถุงมือยาง ถุงยางอนามัย ได้รับการส่งเสริมจนเป็นสินค้าส่งออก ดังนั้น
เพื่อลดปัญหาประการนี้ ไทยจะต้องสนับสนุนอุตสาหกรรมปลายน้ำในประเทศอย่างจริงจัง คือสนับ สนุนอุตสาหกรรมการทำ
ผลิตภัณฑ์จากยางพารา

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
ปัจจัย อีกประการหนึ่งคือ พันธุ์ต้นยางของไทยไม่ดีพอเมื่อเทียบกับ มาเลเซีย ต้นยางของเราเริ่มให้น้ำยางช้ากว่าและ
ปริมาณน้อยกว่า ดังนั้นสิ่งหนึ่งที่จะต้องดำเนินการปรับปรุงพัฒ นาอย่างจริงจังเพื่อให้ครบวงจร ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ
อย่างที่นิยมพูดๆ กันก็คือ การพัฒนาพันธุ์ยาง เพื่อลดปัญหาเรื่องพันธุ์ยางซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นน้ำ ส่วนกลางน้ำก็คื อปรับ ปรุง
ประสิทธิภาพการทำยางแผ่น และปลายน้ำก็คือส่งเสริมอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์จากยางพารา รวมทั้งการรวมตัวกันของประเทศผู้
ปลูกยางในกลุ่มอาเซียน เพื่อสร้างพลังในการกำหนดราคาตลาดโลกดังกล่าวข้างต้น

ประการสุดท้ายที่จะยกมากล่าวในบทความนี้คือเรื่องต้นทุนของชาวสวนยางสูง ซึ่งประกอบด้วยต้นทุนค่ าแรงกรี ดยาง


และต้นทุนค่าปุ๋ย เรื่องการใช้ปุ๋ยน้ำนักวิชาการแนะนำว่าควรศึกษากันอย่างจริงจังในขณะนี้ให้ปุ๋ย เหมาะสมหรือไม่ ให้ม ากเกินไป
หรือถี่เกินจำเป็นหรือเปล่า หากใช้ปุ๋ยอินทรีย์จะลดต้นทุนได้หรือไม่ มากน้อยเพียงใด ส่วนเรื่องต้นทุนค่าแรงนั้นคงลดได้ยาก เพราะ
ปฏิบัติกันมานานแล้วว่าจะแบ่งให้คนกรีดยางซึ่งต้องทำงานหนักมากร้อยละ 40 หรือ 50 จากราคายาง จนกลายเป็นวัฒนธรรมก็ว่า
ได้ ไม่เหมือนกับทางมาเลเซียที่ให้ค่าแรงเป็นรายวัน

ที่กล่าวมาได้พูดถึงแนวทางแก้ไขปัญหาในระยะกลางและระยะยาวไว้ด้วย ส่วนการแก้ปัญหาระยะสั้นคือ การเผชิญหน้า


ระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มผู้ปิดถนนประท้วงนั้น ก็ขอภาวนาให้ลงเอยกันได้ด้วยดี อย่าให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงอย่างที่เกิดขึ้น ในบริเวณ
ควนหนองหงส์ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2556 อีก

ตารางสรุปข้อความที่กำหนดและเลขกำกับบทความที่ 24 และที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ

เลขกำกับ ข้อความที่กำหนด ที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ


11 การพัฒนาพันธุ์ยาง
12 ความต้องการใช้ยางในประเทศอยู่ในระดับต่ำ
13 ต้นทุนของชาวสวนยางสูง
14 ต้นทุนค่าปุ๋ย
15 ต้นทุนค่าแรง
16 ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการขาดทุน
17 พันธุ์ต้นยางของไทยไม่ดีพอ
18 ราคายางในตลาดโลกตกต่ำ
19 เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวไม่ดีเท่าที่ควร
20 สนับสนุนอุตสาหกรรมปลายน้ำในประเทศ

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
บทความที่ 25
เรื่อง ปฏิรูปประเทศไทย

ขณะที่เขียนบทความนี้คือ ช่วงต้นเดือนมีนาคม พ.ศ.2557 บ้านเมืองกำลังตกอยู่ในความขัดแย้งทางการเมืองอย่างรุ นแรง


ผู้ที่สนใจติดตามข่าวสารทางการเมืองคงทราบดีว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร แต่ในที่นี้จะกล่าวถึงเรื่องการปฏิรูปประเทศไทยซึ่ งหยิบ
ยกขึ้นมาเป็นข้อขัดแย้งสำคัญ ฝ่ายรัฐบาลรักษาการต้องการให้เลือกตั้งก่อนปฏิรูป ส่วนฝ่าย กปปส. ซึ่งมีชื่อเต็ม ยาวมาก คือ
คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ต้องการ
ให้ปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง

ที่จริงเรื่องการปฏิรูปประเทศมีการพูดถึงและพยายามดำเนินการมาหลายปี เมื่อกลางปีที่แล้วก็มีการประชุมสมัชชาปฏิรูป
ระดับชาติ ครั้งที่ 3 พ.ศ.2556 ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค มีการพิจารณาและมีมติร วม 7 เรื่อง ในบทความนี้จ ะสรุป
สาระสำคัญบางประการของเรื่องแรกคือ การป้องกันและปราบปรามการทุจริ ต โดยสรุปจากเอกสารหลักและมติของการประชุม

การทุจริต หรือที่เรียกกันติดปากว่าคอร์รัปชันนั้น องค์กรความโปร่งใสสากลจำแนกรูปแบบของการคอร์รัปชันของภาครัฐ


ไว้น่าสนใจ กล่าวคือ การคอร์ร ัป ชันขนาดใหญ่ เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ร ะดับ สูง เพื่อให้ผู้นำหรือผู้บริหารประเทศ ได้รับ
ผลประโยชน์จากการใช้ทรัพยากรของชาติ ถ้าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐระดับ กลางและระดับ ล่างต่อประชาชนทั่วไป จัดเป็น
การคอร์รัปชันขนาดเล็ก การยักยอกคือ การที่เจ้าหน้าที่นำเงินหรือสิ่งของราชการมาใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตน การมีผลประโยชน์
ทับซ้อนคือ การขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวกับผลประโยชน์ส่วนรวม การอุปถัมภ์และการเลือกที่รักมัก ที่ชั ง เป็นการเล่น
พวกโดยไม่คำนึงถึงคุณสมบัติและความเหมาะสม ส่วนการติดสินบนเป็นการเสนอหรือการให้ผลประโยชน์เพื่อจูงใจให้เกิดการ
กระทำผิดกฎหมาย

ปรากฏว่าการคอร์รัปชันที่จำแนกไว้ โดยองค์กรความโปร่งใสสากล พบได้ในบ้านครบถ้วนทั้ง 7 รูปแบบ ภาพลักษณ์คอร์


รัปชันไทยในสายตาของต่างชาติอยู่ในระดับที่ย่ำแย่มาก ตลอดระยะเวลา 15 ปีที่องค์กร Transparency International จัดทำดัชนี
ภาพลักษณ์คอร์รัปชัน เปรียบเทียบกันระหว่างประเทศต่างๆ ทั่วโลก ประเทศไทยมีคะแนนอยู่ ระหว่าง 2.8-3.8 จากคะแนนเต็ม 10
มาโดยตลอด มหาวิทยาลัยหอการค้าสำรวจความคิดเห็นประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐในปี พ.ศ.2555 พบว่านับวั น สถานการณ์ยิ่ ง
เลวร้าย เช่น กลุ่มผู้ประกอบการร้อยละ 85.9 ตอบว่าต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะให้ข้าราชการ โดยต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะร้อยละ 30-35 ของ
วงเงินงบประมาณโครงการ

เมื่อศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตในแง่มุมต่างๆ ดังตัวอย่างที่กล่าวมาเพีย งบางส่วน สมัชชาปฏิรูปฯ จึงมี มติเรื่อง


การป้องกันและปราบปรามคอร์รัปชัน 5 มาตรการดังนี้

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
ให้ใช้พลังทางสังคมเป็นกลไกหลัก ในการสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามทุจริตอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยระบุ
วิธีการไว้ชัดเจนคือ ให้จัดตั้งกลไกคณะกรรมการร่วมภาครัฐ ภาคธุร กิจเอกชน ภาคประชาสังคม และองค์กรที่เกี่ย วข้อง เช่น
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยให้สนับสนุนการดำเนินการในด้านต่างๆ รวมทั้งงบประมาณ

ใช้มาตรการทางกฎหมายภาษีอากรในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตอย่างจริงจัง เช่น ตรวจสอบความสุจริตของ


การประเมินภาษีและเปิดเผยแบบแสดงรายงานการเสียภาษีเงินได้ห้าปีย้อนหลังของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทั้งระดับ ชาติแ ละ
ท้องถิ่น รวมทั้งข้าราชการระดับสูง

ปฏิรูประบบงานปราบปรามการทุจริต ของชาติอย่างเร่งด่วน เช่น ให้ ป.ป.ช. ปฏิรูปกระบวนการทำงานทั้ งระบบอย่า ง


จริงจัง ให้สนับสนุนกลุ่มเครือข่ายอาสาสมัครแจ้งเตือนเหตุทุจริต ให้พัฒนาระบบงานด้านสินบนนำจับอย่างเป็นรูปธรรม

เปิด เผยข้อมูล การจัดซื้อจั ดจ้างของรัฐ เพื่อสังคมสามารถเข้าถึงและตรวจสอบได้โดยง่าย เช่น ข้อมูลและสัญญาการ


จัดซื้อจัดจ้างทุกโครงการที่มีวงเงินหนึ่งแสนบาทขึ้นไป ให้ภาคประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ ตั้งแต่เริ่ม
โครงการจนเสร็จสิ้นโครงการ มาตรการข้อนี้แหละจะช่วยลดปัญหาการจ่ายเงินใต้โต๊ะดังกล่าวข้างต้นลงได้มาก

มาตรการสุดท้ายคือให้ป ฏิร ูป กระบวนการคัดสรรบุคคลผู้ท ี่จะเข้ามาใช้อำนาจรัฐทุกตำแหน่งให้ม ีความโปร่งใสและ


ตรวจสอบได้ เช่น กระบวนการสรรหา แต่งตั้ง และโยกย้ายข้าราชการระดับสูง

มาตรการทั้ง 5 ข้อที่สมัชชาปฏิรูปมีมติออกมานี้ จะช่วยป้องกันรูปแบบการคอร์รัปชันทุกรูปแบบที่องค์กรโปร่ ง ใสสากด


จำแนกไว้ดังกล่าวข้างต้นได้อย่างมีประสิทธิผล

ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในขณะนี้ไม่ว่าจะลงเอยอย่างไร การปฏิรูปประเทศก็คงจะต้องเกิดขึ้ น อย่ า งหลีก เลี่ย ง


ไม่ได้ สิ่งที่สมัชชาปฏิรูประดับชาติสรุปไว้ครั้งที่3 นี้ รวมทั้งสองครั้งก่อนควรจะได้รับการพิจารณาอย่างจริงจัง

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
ตารางสรุปข้อความที่กำหนดและเลขกำกับบทความที่ 25 และที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ

เลขกำกับ ข้อความที่กำหนด ที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ


01 การคอร์รัปชันขนาดเล็ก
02 การคอร์รัปชันที่จำแนกไว้
03 การติดสินบน
04 การมีผลประโยชน์ทับซ้อน
05 จ่ายเงินใต้โต๊ะร้อยละ 30-35
06 ใช้มาตรการทางกฎหมายภาษีอากร
07 ปฏิรูประบบงานปราบปรามการทุจริต
08 เปิดเผยข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐ
09 มติเรื่องการป้องกันและปราบปรามคอร์รัปชัน
10 ให้ใช้พลังทางสังคมเป็นกลไกหลัก

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
บทความที่ 26
เรื่อง ปัญหาเรื่องข้าว

นอกจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ปัญหาใหญ่อีกเรื่องหนึ่งในขณะนี้คือ ปัญหาที่เกิดจากโครงการรับ จำนำข้ าว


ชาวนาจำนวนมากยังไม่ได้รับเงินเพราะรัฐบาลรักษาการไม่ได้เตรียมเงินกู้ไว้ก่อนที่จะยุบ สภา ทั้งๆ ที่โครงการนี้ข าดทุ นหลายแสน
ล้าน ที่จริงปัญหาเรื่องข้าวมีม านานหลายสิบปีแล้ว ชาวนาส่วนใหญ่ของประเทศขายข้าวเปลือกได้ในราคาต่ำ ต้องตกเป็นหนี้ทั้ง ใน
และนอกระบบ บ้างถึงกับต้องขายที่นาแล้วเช่าที่ท ำกิน การค้าข้าวในตลาดโลกที่ไทยครองตำแหน่งผู้ส่งออกข้ าวรายใหญ่ ที่สุ ดมา
นาน ก็ต้องเสียแชมป์ให้อินเดียและเวียดนามไปแล้วสองปีซ้อน ส่วนตลาดข้าวในอาเซียนนั้น เวียดนามชนะไทยมาตั้งแต่ปี 2548

นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญข้าวหลายคน ได้วิเคราะห์ป ัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาเรื่องข้าวแต่ละปัญหาไว้อย่าง


ครอบคลุมตั้งแต่การผลิตจนถึงการส่งออก ต่างก็ไม่เห็นด้วยกับการแก้ปัญหาเฉพาะจุดคือ เน้นการแก้ปัญหาราคาข้าวเปลือ กตกต่ ำ
ด้วยวิธีการรับจำนำ หรือชดเชย หรือประกันราคาข้าวเท่านั้น บทความนี้จะสรุปสาระสำคัญจากเอกสารที่เกี่ยวข้องของ ดร.อัท ธ์
พิศาลวานิช นายปราโมทย์ วานิชานนท์ และนักวิชาการอีกหลายท่านว่ามองปัญหาในภาพรวมทั้งระบบอย่างไร

ปัญหาข้าวไทยมีหลายอย่าง ถ้ามองตั้งแต่ต้ นทางก็คือ การปลูกข้าว ปรากฏว่าผลผลิตต่อไร่ข องเราต่ำมากเมื่อ เทีย บกับ


คู่แข่งสำคัญก็คือ เวียดนาม เช่น ช่วงปี พ.ศ.2552-2553 เราผลิตได้เฉลี่ย 454.4 กิโลกรัมต่อไร่ ในขณะที่เวียดนามทำได้ 803.2
กิโลกรัม ต่อไร่ เพราะรัฐบาลเวียดนามทุ่มงบประมาณหลายพันล้านบาทต่อปีในการสนับสนุนการวิจัย และพัฒ นาพันธุ์ข้าว และ
ช่วยเหลือเกษตรกรในการเพิ่มปริม าณการผลิต โดยพัฒนาพื้นที่ป ลูกข้าวให้มีศักยภาพมากขึ้น ดังนั้นเพื่อแก้ไขปัญหาผลผลิตต่ อไร่
ต่ำ เราจำเป็นต้องวิจัย พัฒ นาเพื่อปรับปรุงพันธุ์ข้าวให้ได้ผลผลิตสูงและมีคุณภาพดี รวมทั้งพัฒนาพื้นที่เพาะปลู กข้ าวให้ เหมาะสม
ยิ่งขึ้น

นอกจากปริมาณผลผลิต ปัญหาสำคัญต่อมาคือ ต้นทุนการผลิตของเราสูง ได้แก่ ต้นทุนค่าปุ๋ยเคมี ค่ายาฆ่าแมลงและโรค


พืช ค่าเช่าเครื่องจักร เช่น รถไถนา และค่าแรงงาน เป็นต้น ส่วนต้นทุนการผลิตของเวีย ดนามนั้นต่ำกว่าไทย เนื่องจากยังคงใช้
แรงงานคนในครัวเรือนเป็นหลัก การใช้ปุ๋ยและยาปราบศัตรูพืชก็ยังมีปริมาณน้อยกว่าชาวนาไทยมาก

ปัจจุบันมีระบบชลประทานอยู่ในพื้นที่เพาะปลูกข้าวเพีย งประมาณร้อยละ 30 ของพื้นที่ปลูกข้าว ส่วนอีกร้อยละ 70 ต้อง


พึ่งพาน้ำฝนเป็นหลัก ในขณะที่เวียดนามมีระบบชลประทานกระจายอยู่ในพื้นที่ เพาะปลูกมากถึงร้อยละ 50 ดังนั้นปัญหาเรื่อ งข้ าว
เราอีกอย่างหนึ่งก็คือ ระบบชลประทานในพื้นที่เพาะปลูกมีจำกัด

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
เมื่อมองต่อจากปัญหาการผลิตไปจนถึงการส่งออก ก็พบว่าปัญหาใหญ่ของเราอีกประการหนึ่งก็คือ ราคาส่งออกข้าวไทย
สูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน เห็นได้จากราคาข้าวสารชนิด 5% ในปี พ.ศ.2550 ราคาส่งออกของเวียดนามต่ำกว่าไทยอยู่เ พีย ง 20
เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน แต่ในปี 2552 เวียดนามต่ำกว่าไทยถึง 169 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ทำให้เวียดนามสามารถแย่งตลาดข้า วจาก
ไทยได้ ถ้าเราหันกลับมาเน้นกลยุท ธ์ทางการตลาดข้าวที่ผู้ซื้อนิยมบริโภค เช่น ข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมปทุมธานี ซึ่งผู้บ ริโภคพร้อม
จัดซื้อในราคาที่แ พงกว่าข้าวทั่วไป ก็จะช่วยลดปัญหาเรื่องการแข่งขันราคาข้าวได้ ประเด็นเรื่องการค้าข้าวในตลาดโลกนี้ ทำให้
มองเห็นไปถึงปัญหาข้าวไทยอีกข้อหนึ่งคือ เราขาดการสร้างตราสินค้าข้าวไทยให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภคในต่ างประเทศว่ าข้ าว
ไทยมีสายพันธุ์ที่ดีอยู่มากมาย

ที่กล่าวมาเป็นตัวอย่างบางประการของปัญหาข้าวไทย ส่วนแนวทางการแก้ป ัญหาได้เสนอไปบ้างแล้ว เช่น การ วิจัย


พัฒนาเพื่อปรับปรุงพันธุ์ข้าวให้ไ ด้ผลผลิตสูงและมีคุณภาพดีเพื่อแก้ปัญหาผลผลิตต่อไร่ต่ำ ที่จะเพิ่ม เติม ก็ คื อ ปัญหาต้นทุนการ
ผลิตสูง ดังกล่าวไว้นั้นจะแก้ไขอย่างไร เมื่อรู้ว่าต้นทุนเรามีหลายอย่าง ทั้งค่าปุ๋ยเคมี ค่ายาฆ่าแมลงและโรคพืช ค่าเช่าเครื่อ งจักร
เช่น รถไถนา และค่าแรงงาน เป็นต้น ก็ต้องแก้ไขโดยลดต้นทุนให้ตรงจุด ได้แก่ รณรงค์ให้ใช้ปุ๋ยอินทรีย์มากขึ้น ผลักดันให้มีการ
รวมกลุ่มเกษตรชาวนากว้างขวางขึ้น และจัดหาเครื่องจักรให้กลุ่มเกษตรกรใช้ร่วมกัน ไม่ต้องต่างคนต่างหาซื้อหรือหาเช่ ามาใช้เ อง
เป็นต้น

รัฐบาลชุดต่อไปตลอดจนหน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน จะต้องร่วมมือร่วมใจกั นแก้ ปัญ หาเรื่อ ง


ข้าวไทยอย่างจริงจังให้ข้าวไทยกลับมาเป็นสินค้าส่งออกที่สร้างรายได้ให้ประเทศเป็นลำดับ ต้นๆ ดังเช่นในอดีต ให้คนไทยได้บ ริโภค
ข้าวที่มีคุณภาพ และที่สำคัญคือ ให้ชาวนาไทย ผู้ทนลำบากตรากตรำผลิตข้าวเพื่อชาวไทยและชาวโลกจำนวนมากสามารถลืม ตาอ้า
ปากได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดีข ึ้น พ้นจากความทุกข์ย ากที่ไ ด้รับมาช้านาน และอย่าลืม คำกล่าวที่ว่า "ทุกข์ข องชาวนาคือ ทุกข์ข อง
แผ่นดิน"

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
ตารางสรุปข้อความที่กำหนดและเลขกำกับบทความที่ 26 และที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ

เลขกำกับ ข้อความที่กำหนด ที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ


11 ค่ายาฆ่าแมลงและโรคพืช
12 จัดหาเครื่องจักรให้กลุ่มเกษตรกร
13 ต้นทุนการผลิตสูง
14 แนวทางแก้ไขปัญหาเรื่องข้าว
15 ปัญหาข้าวไทย
16 ผลผลิตต่อไร่ต่ำ
17 รณรงค์ให้ใช้ปุ๋ยอินทรีย์มากขึ้น
18 ระบบชลประทานในพื้นที่เพาะปลูกมีจำกัด
19 ราคาส่งออกข้าวไทยสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน
20 วิจัยพัฒนาเพื่อปรับปรุงพันธุ์ข้าว

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
บทความที่ 27
เรื่อง การล่วงละเมิดทางเพศ...ภัยใกล้ตัวสตรี

การล่วงเกินหรือการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กและสตรีเป็นปัญหาที่มีม านาน ข่าวครึกโครมที่สะเทือนสังคมในช่ว งที่ผ่ าน


มาคือ การข่มขืนฆ่าเด็กหญิงในขบวนรถไฟแล้วโยนศพทิ้งข้างทาง และข่าวการข่มขืนฆ่านักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า จังหวัด
สุราษฎร์ธานี

ที่จริง ความหมายของการล่วงละเมิดทางเพศประกอบด้วยการกระทำหลายอย่าง ไม่ได้จำกัดเฉพาะการข่ม ขื นกระทำ


ชำเรา หรือข่มขืนฆ่าดังตัวอย่างเหตุการณ์ที่กล่าวข้างต้นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการทำอนาจาร ตั้งแต่เบาไปหาหนัก เช่น การล่วงเกิน
ทางเพศด้วยท่าที ท่าทาง คำพูด หรือด้วยสายตา ตลอดจนการกระทำที่ส่อเจตนาล่วงละเมิดทางเพศ ได้แก่ การถูกเนื้อต้องตัว การ
แตะต้องลูบคลำบริเวณของสงวน การกอดจูบ เป็นต้น นอกจากนี้ การล่วงละเมิดทางเพศไม่ได้เกิดกับผู้ห ญิงเท่านั้น แม้ผู้ชายก็ถูก
กระทำได้ แต่ในที่นี้จะกล่าวเฉพาะเหตุป ัจจัย และแนวทางป้องกันแก้ไขการล่วงละเมิดทางเพศที่เกิดขึ้นกับผู้ห ญิง โดยจะสรุป
สาระสำคัญบางประเด็นที่คุณสมชาย เจริญอำนวยสุข ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงพัฒ นา
สังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แสดงความเห็นเมื่อเร็วๆ นี้ในรายการเจาะข่าวเช้านี้ (ช่วงวิเคราะห์เจาะลึก) ของสถานีวิท ยุจุฬ าฯ
ซึ่งดำเนินรายการโดย ดร.ธีรารัตน์ พันทวี

สำหรับเหตุปัจจัยนั้นมีอยู่หลายอย่าง แต่ละอย่างล้วนมีส่วนก่อให้เกิดการกระทำที่ถือว่าเป็นการล่วงละเมิดทางเพศ ไม่ว่า


จะเป็นการกระทำอนาจาร การข่มขืนกระทำชำเรา จนรุนแรงถึงขั้นข่มขืนฆ่าดังเหตุการณ์ท ี่เป็นข่ าวครึกโครมไปทั่วโลกอยู่ใน
ขณะนี้ เหตุโดยพื้นฐานคือ เรื่องค่านิยมทางด้านเพศที่มี ทัศนคติว่าผู้ชายมีอำนาจมากกว่าผู้หญิง เพราะผู้หญิงเป็นเพศที่ อ่อ นแอ
กว่า อยู่ในอาณัติของผู้ชาย จะกระทำอะไรอย่างไรก็ได้ และเมื่อมีเหตุปัจจัยอื่นประกอบ ได้แ ก่ สถานที่เอื้ออำนวย เช่น เป็นที่
เปลี่ยว แสงสว่างไม่เพียงพอ หรือประจวบกับโอกาสเหมาะ เช่น ผู้หญิงเดินมาคนเดียว หรือมีสิ่งกระตุ้นจนทำให้ข าดความยับ ยั้ง ชั่ง
ใจ ซึ่งที่สำคัญคือ สุราและยาเสพติด เป็นต้น

การล่วงละเมิดทางเพศที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากในบ้านเรา เป็นเพราะการลงโทษผู้กระทำผิดเบาเกิ นไปหรืออย่างไร


ประเด็นนี้คุณอำนวยมีความเห็นว่า โทษที่กฎหมายกำหนดเหมาะสมแล้ว เพราะโทษขั้นสูงสุดก็คือ ประหารชีวิต ดังที่ศาลได้ตัดสิ น
ให้ประหารชีวิตจำเลยที่ข่มขืนฆ่าเด็กหญิงบนรถไฟ แต่จุดอ่อนในขณะนี้คือ กระบวนการที่จะนำผู้กระทำผิดขึ้นมาถึ ง ศาลยุ ติธรรม
เช่น มีการยอมความกันได้ หรือไกล่เกลี่ยให้ยอมรับเงินตอบแทน อย่างไรก็ตาม เรื่องการเพิ่มโทษหรือแก้จุดอ่อนดั งกล่ า วยัง นับ ว่า
เป็นการตั้งรับ ที่สำคัญกว่าคือ ต้องเน้นเรื่องแนวทางการป้องกันไม่ให้มีการกระทำที่เป็นการล่วงละเมิดทางเพศเกิดขึ้น ที่สำคัญคือ
การปรับปรุงแก้ไขพื้นที่เสี่ยง เพื่อป้องกันไม่ให้มีสถานที่เอื้ออำนวยต่อการล่วงละเมิดทางเพศ โดยเฉพาะพื้นที่สาธารณะ เช่น บน

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
รถไฟ รถโดยสารสาธารณะ ถนนหาทางที่เปลี่ยว มืด แสงสว่างไม่เพีย งพอ เรื่องสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ การให้ค วามรู้เรื่องการ
ป้องกันการถูกล่วงละเมิดทางเพศ เป็นต้นว่า ให้รู้ว่าการกระทำอย่างไรเป็นความเสี่ยงหรือเป็นการเอื้ออำนวยต่อการถูกล่ว งละเมิ ด
ทางเพศ เช่น การไม่รักนวลสงวนตัว การแต่งการที่ล่อแหลม การแสดงท่าทีกิริย าที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ระมัดระวังที่ ส่อถึ ง การยั่ วยุ
การเดินบนถนนตรอกซอกซอยที่มืดและเปลี่ย ว บริเวณที่ดินหรือตีกรกร้ าง โดยเฉพาะเวลากลางคืน แนวทางการป้ อ งกั นทั้ ง สอง
ประการดังกล่าวนี้ จะช่วยลดปัญหาการกระทำทุกอย่างที่จัดเป็นการล่วงละเมิดทางเพศลงได้

คุณอำนวยย้ำในช่วงท้ายว่า ทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม ต้องเน้นเรื่องการป้องกัน โดยเริ่ม จากจุด


เล็กที่สุดคือ ครอบครัว ให้ม ีความรู้ในการป้องกัน ให้สื่อสารกันระหว่างสมาชิกครอบครัว ช่วยให้ครอบครัวมีความเข้ม แข็งทาง
เศรษฐกิจ มีอาชีพ ไม่มียาเสพติดและอบายมุข ชุมชนต้องมีหน่วยงานต่างๆ จัดการให้ความรู้และดูแลให้ทุกพื้นที่มี ความปลอดภัย
ปราศจากปัจจัยเสี่ยง ทั้งนี้มีความมั่นใจว่า "ตำบลเข้มแข็งไร้ความรุนแรง" ซึ่งกำลังพยายามดำเนินการให้เกิดขึ้นให้ได้ 1,000 ตำบล
ภายในปีงบประมาณ 2558 นี้ จะเป็นกำลังสำคัญในการป้องกันแก้ปัญหาความรุนแรง ซึ่งรวมถึงปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศด้วย

ตารางสรุปข้อความที่กำหนดและเลขกำกับบทความที่ 27 และที่ว่างสำหรับร่ างรหัสคำตอบ

เลขกำกับ ข้อความที่กำหนด ที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ


01 การข่มขืนกระทำชำเรา
02 การข่มขืนฆ่า
03 การทำอนาจาร
04 การปรับปรุงแก้ไขพื้นที่เสี่ยง
05 การให้ความรู้เรื่องการป้องกัน
06 ความหมายของการล่วงละเมิดทางเพศ
07 ทัศนคติว่าผู้ชายมีอำนาจมากกว่าผู้หญิง
08 แนวทางป้องกันแก้ไข
09 สถานที่เอื้ออำนวย
10 เหตุปัจจัย

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
บทความที่ 28
เรื่อง ความสุขของคนอาเซียน

เมื่อไม่นานมานี้ผู้เขียนได้ดูรายการของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสเรื่อง ความสุขของคนอาเซียน ซึ่งเคยออกอากาศมาแล้ว


รู้สึกแปลกใจว่าทำไมประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลกประเทศหนึ่งคือ สิงคโปร์ จึงเป็นประเทศที่มีพลเมืองมีความสุ ข น้อยที่สุ ด ในโลก
ในขณะที่ประเทศเวียดนามซึ่งประชากรมีร ายได้น้อยกว่ามากมายหลายเท่าจึงมีความสุขมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของอาเซียน และ
เป็นอันดับสองของโลก ทำให้รู้สึกข้องใจจนต้องตามไปดูร ายการย้อนหลังของไทยพีบีเอสคือ รายการ Asean Beyond 2015 ซึ่ง
ออกอากาศครั้งแรกเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้

ความสุขของคนอาเซียน ที่จะเล่าสู่กันฟังเป็นข้อสรุป ของ The Happy Planet Index (HPI) ซึ่งเป็นองค์กรที่สำรวจ


ประชากรโลกแต่ละประเทศว่ามีความสุขมากน้อยเพียงใด ปรากฏว่า 40 อันดับแรกของโลกเป็นประเทศกลุ่มอาเซียนถึง 5 ประเทศ
คือ เวียดนาม อินโดนีเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ และลาว โดยอยู่ในอันดับ 2, 14, 20, 24 และ 37 ตามลำดับ แต่ความสุขของคนอาเซีย น
ที่จะกล่าวในบทความนี้จะไม่ครอบคลุมประเทศอาเซีย นทั้ง 10 ประเทศ จะพูดถึงเฉพาะความสุขของคนสิงคโปร์ และความสุขของ
คนเวียดนามและคนลาว

เกิดอะไรขึ้นกับ ความสุขของคนสิงคโปร์ ทำไม HPI จึงสรุป ว่าประชากรสิงคโปร์ม ีความสุขน้อยที่สุด ชาวสิงคโปร์ชื่อ


เลีย ง เซ เฮีย ง ซึ่งเป็นชายวัย เกษียณอายุจากการทำงาน เจ้าของบล็อกชื่อดังที่วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลสิงคโปร์ โดยเน้น
ประเด็นเรื่องคนยากจนและคนไร้บ ้าน และมีชาวสิงคโปร์ติดตามงานเขานับ ล้านคน ให้สัม ภาษณ์ท ีม งานผู้จัดทำรายการถึ ง
สถานการณ์ของสิงคโปร์ ว่ามีคนทำงานราว 2 ล้านคน แต่ คนทำงานกว่า 460,000 คนมีรายได้ต่ำ คือ ต่ำกว่า 1,500 ดอลลาร์
สิงคโปร์ต่อเดือน คนทำงานชาวสิงคโปร์มีชั่วโมงทำงานต่อสัปดาห์มากที่สุดในโลก คือ 48 ชั่วโมง ในขณะที่สิงคโปร์เป็นประเทศที่
มีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลก เพียง 2 สถานการณ์ก็ลดความสุขของคนสิงคโปร์ลงมากมายอยู่แล้ว แต่ยังมีอีกสถานการณ์หนึ่งคือ คน
สิงคโปร์กว่าครึ่งหนึ่งอยู่กับความกลัว ความกลัวที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจคือ กลัวว่าหากล้มป่วยลงจะไม่มีเงินพอเสี ย ค่ ารัก ษาพยาบาล
เพราะรัฐบาลจะไม่ช่วยเลย กลัวว่าหากเกษียณอายุจากการทำงานจะไม่มีเงินใช้จ่ายจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต เพราะเงินบำนาญเป็น
เงินของตัวเองทั้งสิ้น ไม่มีเงินสมทบจากรัฐบาล ต้องภาวนาว่าอย่าให้ตกงาน อย่าให้เจ็บป่วย เพราะถ้าเป็นเช่ น นั้ นก็ อ าจต้อ งขาย
ทรัพย์สินขายบ้านกลายเป็นคนไร้บ้านอยู่อาศัย นอกจากนี้ยังกลัวถูกปรับ เงิน เพราะสิงคโปร์เป็นเมืองแห่งการถูกปรั บ มีป้ายห้าม
กระทำการต่างๆ พร้อมบอกค่าปรับมากมาย สูงสุดคือ 10,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ถ้าให้อาหารลิง แท็กซี่ทำผิดกฎจราจรจะถูกปรับ
ครั้งละ 300 ดอลลาร์สิงคโปร์ซึ่งก็คือ ครึ่งหนึ่งของรายได้แต่ละวัน สถานการณ์แต่ละอย่างที่กล่าวมานี่เองที่บั่นทอนความสุข ของคน
สิงคโปร์ และทำให้คนสิงคโปร์มีรอยยิ้มน้อยที่สุดในโลก จนรัฐบาลต้องทุ่มเงินจำนวนมากเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ผู้คนยิ้มให้กัน

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
ส่วนประเทศเวียดนามและลาวนั้น ถึงแม้จะเป็นประเทศกำลังพัฒ นาและมีผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือ GDP เทียบ
ไม่ได้เลยกับสิงคโปร์ แต่ผู้คนกลับมีความสุขมากกว่าคนสิงคโปร์ จากการติดตามชีวิตความเป็นอยู่ข องผู้คน สัมภาษณ์ครูสอนดนตรี
และสอนคณิตศาสตร์ชาวเวีย ดนาม 2 คนและครูสอนวรรณคดีชาวลาวอีก 1 คน โดยทีมงานผู้ท ำรายการ เห็นชัดเจนว่ า ความสุข
ของคนเวียดนามและคนลาวมีอยู่ 2 ประการเป็นอย่างน้อย ที่สำคัญคือ ความสุขจากการได้ทำงานที่ชอบ ครูทั้งสามคนเล่ า ว่ ามี
ความสุขมากขณะที่สอนนักเรีย น ได้เห็นนักเรียนเข้าใจและทำได้ในสิ่งที่สอนก็ยิ่งมีความสุข ครูทั้ง 3 คนยืนยันว่ามีความสุข ทั้ งๆ ที่
เงินเดือนค่อนข้างน้อย เมื่อถามว่าทำอย่างไรจึงจะพอค่าใช้จ่าย คำตอบคือ ครูเวียดนามหารายได้เสริมจากการสอนพิเศษ ส่วนครู
ลาวได้จากการรับทำพิธีสู่ขวัญในโอกาสต่างๆ และลดค่าใช้จ่ายเรื่องอาหารการกินโดยปลูกพืชผักสวนครัวและเลี้ยงไก่ไว้กินไข่

สำหรับการดำเนินชีวิตประจำวันของคนทั้งสองประเทศ คนในทีม งานที่อยู่ใ นเมืองใหญ่ๆ อย่างกรุงเทพฯ บอกว่ารู้สึก


อิจฉามากเพราะตนเองต้องรีบออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืด เดินทางฝ่าการจราจรอันคับ คั่งนานนับชั่วโมงกว่ าจะถึงที่ทำงาน ตรงข้าม
กับครูลาวท่านนั้น พอตื่นเช้าก็นึ่งข้าวเหนีย ว เดินตามสบายกับลูกสาวออกจากบ้านซึ่งอยู่ในซอยเล็กๆ มารอตักบาตรที่ริมถนน พอ
รับพรจากพระเสร็จก็เดินกลับบ้าน ช่วยทำกับข้าวแล้วรับประทานข้าวเช้าร่วมกัน เสร็จแล้วจึงแต่งตัวเดินทางด้ วยรถเมล์ไ ปสอน
หนังสือ เมื่อมองโดยภาพรวมแล้วสรุปได้ว่า ความสุขจากการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายคือ ความสุขอีกประการหนึ่งของคนเวีย ดนามและ
คนลาว

หวังว่าผู้มีโอกาสได้อ่านบทความนี้ คงได้ข้อคิดบางอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองบ้างไม่ม ากก็น้อย โดยเฉพาะเรื่องการ


ดำเนินชีวิตให้มีความสุขโดยไม่ต้องพึ่งพาวัตถุและปัจจัยภายนอกมากนัก หากท่านสนใจ ผู้เขียนบทความนี้ขอแนะนำให้หาหนัง สือที่
กล่าวถึงเรื่องความสุข ซึ่งพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต) เขียนไว้ลหลายเล่มมาอ่าน แล้วท่านจะรู้สึกว่ามีความสุขมากขึ้น

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
ตารางสรุปข้อความที่กำหนดและเลขกำกับบทความที่ 28 และที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ

เลขกำกับ ข้อความที่กำหนด ที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ


11 คนทำงานกว่า 460,000 คนมีรายได้ต่ำ
12 คนสิงคโปร์กว่าครึ่งหนึ่งอยู่กับความกลัว
13 ความสุขของคนเวียดนามและคนลาว
14 ความสุขของคนสิงคโปร์
15 ความสุขของคนอาเซียน
16 ความสุขจากการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย
17 ความสุขจากการได้ทำงานที่ชอบ
18 ชั่วโมงทำงานต่อสัปดาห์มากที่สุดในโลก
19 มีรอยยิ้มน้อยที่สุดในโลก
20 สถานการณ์ของสิงคโปร์

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
บทความที่ 29
เรื่อง ความสุขของมนุษย์

สืบเนื่องจากบทความที่แล้วเรื่อง "ความสุขของคนอาเซีย น" ผู้เขียนแนะนำให้หาหนังสือที่กล่าวถึงเรื่องความสุข ซึ่งพระ


พรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต) เขียนไว้หลายเล่มมาอ่าน ปรากฏว่ามีผู้อ่านหลายท่านขอให้นำสาระสำคัญมาเผยแพร่ด้วย บทความ
นี้จึงจะกล่าวถึงความสุขซึ่งสรุปจากปาฐกถาธรรมและหนังสือที่พระพรหมคุณาภรณ์กล่าวถึงความสุขไว้หลายแง่มุม

ความสุขคือ การได้สนองความต้องการ คือความสมอยากสมปรารถนา เช่น อยากรับประทานอะไรแล้วได้รับประทานก็มี


ความสุข มีพระพุท ธพจน์ว่า นิพพานเป็นสุข อย่างสูงสุด แสดงว่าความสุข มีหลายขั้น หลายระดับ หลายประเภท บทความนี้จะ
กล่าวถึงประเภทหรือขั้นของความสุข 5 ขั้น ซึ่งผู้เขียนเห็นว่า หากผู้อ่านได้ทำความเข้าใจให้ชัดเจน จะเป็นประโยชน์อย่างมาก

ความสุขขั้นที่ 1 คือ ความสุขจากการเสพสิ่งบำรุงบำเรอหรือวัตถุภ ายนอกที่นำมาปรนเปรอทั้งทางตา หู จมูก ลิ้น หรือ


กายสัมผัสของเรา เช่น เมื่อได้เห็นได้ยินเสีย งที่ชอบใจ หรือได้ลิ้มรสอาหารที่ถูกปากก็จะมีความสุข หากขาดสิ่งบำรุง บำเรอชีวิ ต ก็
หมดสุข คำว่า ต้องมีให้ได้ ไม่มีไม่ได้ จึงเป็นลักษณะเด่นของความสุขขั้นนี้คือ ต้องได้ ต้องเอา เมื่อได้มาก็มีความสุข แต่สักพักก็เคย
ชิน อยากได้สิ่งที่เลิศหรูกว่าเดิม จึงต้องหามาเพิ่ม แม้จะได้มาด้วยการทุจริตคดโกงก็ไม่ละอาย เหมือนคนติดยาเสพติ ดที่ ต้ อ งการ
ปริมาณยามากขึ้นเรื่อยๆ ความสุขขั้นที่ 1 จึงนำมาซึ่งการแย่งชิงเบียดเบียนทั้งเพื่อนมนุษย์หรือสังคม ตลอดจนธรรมชาติสิ่งแวดล้อม
ความสุขขั้นนี้จึงเป็นความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น

ความสุขขั้นที่ 2 เป็นความสุขที่เกิดจากการให้ด้วยความเมตตากรุณา หรือด้วยความศรัทธา เช่น พ่อแม่ให้ลูก เพื่อนช่วย


เพื่อน ให้การทำนุบำรุงศาสนา ให้ความร่วมมือช่วยเหลือส่วนรวม เมื่อให้แล้วเห็นผู้รับมีความสุข เห็นสังคมและธรรมชาติแวดล้อมดี
ขึ้น ผู้ให้ก็มีความสุขที่ทำให้สิ่งดีงามเกิดขึ้น ความสุขจากการให้จึงเป็นความสุขทั้งผู้ให้และผู้รับ แต่ต้องให้ด้วยจิตเมตตากรุณ าหรือ
ศรัทธาจึงจะเป็นความสุขขั้นที่ 2 หากให้เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ เช่น ให้สินบน ก็คงตกอยู่ในวังวนของการแสวงหาทรัพย์ม าซื้ อสิ่ง
บำรุงบำเรอเพื่อความสุขขั้นแรก แม้จะเบียดเบียนทำลายประเทศชาติก็ไม่รู้สึกผิด

ความสุขขั้นที่ 3 คือ ความสุขที่สอดคล้องกับธรรมชาติของมนุษย์ มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ต้องอยู่รวมกันเป็ น ครอบครัว


ชุมชน และสังคม ต้องอยู่อาศัยท่ามกลางธรรมชาติแวดล้อม และต้องทำงานเลี้ยงชีพ ดังนั้นความสุขขั้นที่ 3 จึงประกอบด้วยการได้
อยู่ในสังคมที่เอื้อเฟื้อช่วยเหลือกัน ไม่เอารัดเอาเปรียบเบียดเบียนกัน การได้อยู่ในธรรมชาติแวดล้อมที่เกื้อกูลต่อชีวิต เช่น ฝนตก
ต้องตามฤดูกาล ไม่มีภัยแล้งหรือน้ำท่วม รวมทั้งการทำการงานแล้วได้ผลงานที่แท้จริงตามธรรมชาติของงาม

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
ข้อความที่ว่า ได้ผลงานที่แท้จริงตามธรรมชาติของงาน พระพรหมคุณาภรณ์ย กตัวอย่างเรื่องการทำสวนว่ า ถ้าคนทำ
สวนต้องการผลงานตรงตามธรรมชาติของงานคือ ต้นไม้เจริญเติบโตออกดอกออกผล เมื่อผลงานออกมาตรงตามความต้องการก็ จะ
มีความสุข จัดเป็นความสุขขั้นที่ 3 แต่ถ้ามองข้ามขั้นคือ ต้องการเงินค่าจ้างทำสวน ความสุขจะไปผูกอยู่กับจำนวนเงินที่จะนำไปหา
ความสุขขั้นที่ 1 เหมือนนักเรียนถ้าต้องการเป็นไปตามธรรมชาติข องการเรีย นคือ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ เมื่อเกิดการเรีย นรู้ ก็ จะมี
ความสุข แต่ถ ้าต้องการมุ่งไปที่คะแนนหรือเงินรางวัล ความสุข ก็จะผูกอยู่กับ คะแนนหรือเงินรางวัล ดังนั้นความสุข ขั้นที่ 1 จึง
สามารถลดความสุขที่เกิดจากการทำงานแล้วได้ผลตามธรรมชาติของงาน รวมทั้งบั่นทอนความสุขจากการได้อยู่ในสังคมที่เ อื้อ เฟื้อ
ช่วยเหลือกัน และจากการได้อยู่ในธรรมชาติแวดล้อมที่เกื้อกูลต่อชีวิตด้วย เพราะความสุขขั้นที่ 1 นำมาซึ่งการแย่งชิงเบียดเบีย นทั้ง
เพื่อนมนุษย์ สังคม ตลอดจนธรรมชาติแ วดล้อมดังกล่าวข้างต้น แต่ในทางตรงกันข้าม ความสุขจากการให้ ไม่ว่าให้ความช่วยเหลือ
เพื่อนมนุษย์ สังคม ช่วยอนุรักษ์ฟื้นฟูธรรมชาติแวดล้อม กลับช่วยส่งเสริมให้เกิดองค์ประกอบเกี่ยวกับสังคมและธรรมชาติแ วดล้อม
ของความสุขขั้นที่ 3

ความสุขขั้นที่ 4 คือ ความสุขจากการปรุงแต่งจิตใจ มนุษย์สามารถปรุงแต่งจิตใจให้ทุกข์หรือสุข ก็ไ ด้ แต่ส่วนใหญ่มัก จะ


ปรุงแต่งทุกข์คือ เก็บเอาอารมณ์ที่ไม่ดี ที่ขัดหู ขัดตา ขัดใจ มาครุ่นคิดให้ไม่สบายใจ จึงควรเก็บเอาแต่อารมณ์ที่ ดีม าปรุ งแต่ ง ใจให้
สบาย แม้แต่หายใจก็ฝึกปรุงแต่งความสุขไปด้วย เช่น หายใจเข้า ทำใจให้เบิกบาน เวลาหายใจออก ก็ทำใจให้โปร่งเบา คือฝึกปรุง
แต่งจิตให้ร่าเริงเบิกบาน อิ่มใจ มีความสุข จนถึงขั้นมีสมาธิคือ จิตอยู่กับสิ่งที่ต้องการ ไม่มีอะไรมารบกวน

ความสุขขั้นที่ 5 คือ ความสุขเหนือการปรุงแต่ง เป็นความสุขที่เกิดจากการพัฒ นาปัญญาจนเห็นแจ้ง รู้เท่าทันความจริง


ของโลกและชีวิต วางจิตลงตัวสนิท กับทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นจิตที่สบาย ไม่มีอะไรกวน คนที่จิตลงตัวเช่นนี้จะมีความสุ ข ประจำตั วอยู่
ตลอดเวลา เป็นความสุขเต็มอิ่มอยู่ข้างใน ไม่ต้องหาจากข้างนอก แม้จะมีสิ่งบำรุงบำเรออันเป็นความสุขขั้นที่ 1 ก็เสพสุข โดยไม่ยึ ด
ติดและห่วงกังวลว่าสิ่งนั้นจะหมดไป เพราะเห็นแจ้งแล้วว่าไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน จึงเป็นผู้ที่มีชีวิตที่พร้อมที่จะทำเพื่อคนอื่นได้ เต็มที่

ความสุขขั้นที่ 1 เป็นความสุขที่ต้องแสวงหา ส่วนความสุขขั้นที่ 2-5 เป็นความสุขที่สร้างขึ้นได้ มนุษย์เป็นสัตว์โลกที่ฝึกได้


พัฒนาได้ ทั้งร่างกายและจิตใจ จึงขอเชิญชวนให้พัฒนาตนจนสามารถสร้างความสุขขึ้นมาได้ภายในตนเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาสิ่งบำรุง
บำเรอภายนอกมากนัก

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
ตารางสรุปข้อความที่กำหนดและเลขกำกับบทความที่ 29 และที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ

เลขกำกับ ข้อความที่กำหนด ที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ


01 การได้อยู่ในสังคมที่เอื้อเฟื้อช่วยเหลือกัน
02 ความสุขจากการเสพสิ่งบำรุงบำเรอ
03 ความสุขทั้งผู้ให้และผู้รับ
04 ความสุขที่เกิดจากการให้
05 ความสุขที่สอดคล้องกับธรรมชาติของมนุษย์
06 ความสุขเหนือการปรุงแต่ง
07 ได้ผลงานที่แท้จริงตามธรรมชาติของงาน
08 ได้อยู่ในธรรมชาติแวดล้อมที่เกื้อกูลต่อชีวิต
09 ต้องมีให้ได้ ไม่มีไม่ได้
10 ประเภทหรือขั้นของความสุข

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
บทความที่ 30
เรื่อง เด็กไทยกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ก่อนวันเด็กแห่งชาติ 1 วันคือ เมื่อวันที่ 9 มกราคม พ.ศ.2558 ในรายการเจาะข่าวเช้านี้ของสถานีวิทยุจุฬาฯ ดร.ธีร ารัตน์


พันทวี ได้พูดคุยสัมภาษณ์รัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีคือ ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ ว่าเด็กไทยจะช่วยสร้า งชาติไ ด้
อย่างไรผ่านวิท ยาศาสตร์แ ละเทคโนโลยี ผู้เขีย นเห็นว่าถ้านักเรีย นได้ อ่า นบทความนี้ น่าจะเกิดความสนใจและตั้ งใจเรีย น
วิทยาศาสตร์กันมากขึ้น ถ้าคนไทยจำนวนมากเก่งวิทยาศาสตร์ สิ่งที่จะตามมาซึ่งจะช่วยให้ประเทศสามารถแข่งขันกับนานาชาติไ ด้
ในเวทีโลก ก็คือ นวัตกรรม เทคโนโลยีใหม่ๆ และทรัพย์สินทางปัญญา

ถึงแม้ว่าเด็กและเยาวชนส่วนหนึ่งเก่งวิท ยาศาสตร์แ ละเทคโนโลยีม าก จนได้ร ับ รางวัลระดับ นานาชาติดังที่ม ีข ่าวเป็น


ระยะๆ แต่เมื่อมองในภาพรวมยังถือว่ามีจำนวนน้อย กล่าวคือ เด็กไทยสนใจเรียนต่อด้านวิทยาศาสตร์น้อย และแม้จะมีการเรีย น
การสอนวิทยาศาสตร์อยู่ในทุกหลักสูตรทุกระดับ ตั้งแต่ประถมศึกษาจนอุดมศึกษา แต่ก็ไม่ตั้งใจเรียนวิทยาศาสตร์

ในสภาพการณ์ปัจจุบันของเรา มีเหตุปัจจัยหลายประการที่ท ำให้คนส่วนใหญ่ไม่สนใจเรีย นต่อด้านวิทยาศาสตร์ หรือถึง


เรียนตามหลักสูตรก็เรีย นแบบไม่ตั้งใจ เรียนแบบท่องจำ หรือเรียนเพียงเพื่อสอบให้ผ่าน ปัจจัยที่สำคัญประการแรกคือ ขาดแรง
บันดาลใจ ดร.พิเชฐ กล่าวว่า จะต้องหาต้นแบบที่เก่งและประสบความสำเร็จทางด้านวิทยาศาสตร์และเป็นที่เด็กๆ เห็นว่าเท่ อยาก
เอาเป็นแบบอย่าง มาช่วยพูดช่วยเล่าประสบการณ์เพื่อให้เห็นประโยชน์ เห็นคุณค่า และกระตุ้นความสนใจวิชาวิทยาศาสตร์ ทาง
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเองก็มีกิจกรรมหลายอย่างสนับสนุนการสร้างแรงบันดาลใจ มีถนนสายวิทยาศาสตร์ ซึ่งในช่วง
วันเด็กแห่งชาติปีนี้จัดเพิ่มเป็น 3 วัน และจัดเพิ่มขึ้นหลายแห่ง มีสถาบันดาราศาสตร์แห่งชาติที่มีกล้องดูดาวซึ่งมีข นาดใหญ่ที่สุ ดใ น
อาเซียนที่ดอยอินทนนท์ นอกจากจะให้ความรู้แก่ผู้ที่มีโอกาสไปเยี่ยมชม ยังได้เผยแพร่ข้อมูลความรู้ด้านดาราศาสตร์ไปยัง ศู นย์การ
เรีย นรู้ข องจังหวัดต่างๆ ด้วย เพื่อสร้างความพิศวงและความสนใจอยากรู้อยากเห็นแก่เด็กนักเรีย นและผู้สนใจ มีพิพิธภัณฑ์
วิทยาศาสตร์ที่จังหวัดปทุมธานี มีรถคาราวานวิทยาศาสตร์กระจายความรู้ไปตามโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศ เป็นต้น

ปัจจัย ต่อมาคื อ ในโรงเรีย นส่ ว นใหญ่ กระบวนการเรีย นรู้ว ิ ชาวิ ทยาศาสตร์ ยั งไม่ดี เนื่องจากขาดแคลนครู ส อน
วิทยาศาสตร์ที่เก่งๆ ปัญหานี้กำลังหาทางแก้ไ ข เช่น ขอให้มหาวิทยาลัย 5 แห่งเข้าไปช่วยปรับ ปรุงพัฒ นาการเรีย นการสอนวิช า
วิทยาศาสตร์ และกำลังพิจารณาหาทางให้ผู้เรีย นจบสาขาวิทยาศาสตร์โดยตรงเป็น ครู ผู้สอน ดังที่หลายประเทศทำกั น หาวิธีลด
ภาระงานครู และสนับสนุนครูในการพัฒ นากระบวนการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ รวมทั้งกำลังสนับสนุนให้เกิดการเรีย นการสอนใน
สถานประกอบการจริงโดยส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือกันระหว่างภาคการศึกษากับภาคเอกชน ซึ่งนอกจากเป็นการเรียนรู้นอก
ห้องเรียน ยังจะช่วยสร้างความรู้ความเข้าใจถึงประโยชน์ข องการนำวิทยาศาสตร์ไปประยุกต์ใช้ในการประกอบกิจการ

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
ปัจจัยประการสุดท้ายคือ เรื่องตำแหน่งการงานสำหรับผู้เรียนจบทางด้านวิทยาศาสตร์ ปัจจุบันกล่าวได้ว่า งานที่จะรองรั บ
ยังมีน้อย สำหรับ แนวทางแก้ป ัญหานี้ ดร.พิเชฐ มี ความเห็นว่าควรหาทางสนับ สนุนและชี้แนะให้ภาคการผลิตของเอกชน เห็น
ความสำคัญของการมีห น่วยวิจัย พัฒ นาดังเช่นบริษัทใหญ่ๆ ในต่างประเทศ เพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิต เพิ่ม คุณภาพผลิตภั ณฑ์
ตลอดจนสร้างนวั ตกรรมและทรั พย์สิ นทางปั ญญา ในระยะยาวจะได้สามารถแข่งขัน กับ ประเทศอื่นไ ด้ใ นเวทีโลก ดังนั้น ถ้ า
ภาคเอกชนมีงานวิจัย พัฒ นาเพิ่มขึ้น ตำแหน่งงานรองรับ นักวิทยาศาสตร์ก็จะมีม ากขึ้นสำหรับทรัพย์สินทางปัญญา ประเทศเรามี
ศักยภาพที่จะทำให้เกิดขึ้นได้ม ากพอควร เพราะในภาครัฐเช่นสถาบันอุดมศึกษา มีผู้ม ีความรู้ความสามารถไม่น้อยที่มีผลงาน
วิชาการที่สามารถนำมาต่อยอดได้ แต่เนื่องจากจุดประสงค์หลักของภาครัฐไม่ใช่การทำธุรกิจเพื่อหารายได้ จึงมีงานที่เป็นทรัพย์สิ น
ทางปัญญาเกิดขึ้นไม่มาก ขณะนี้จึงกำลังดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายให้ภาครัฐและเอกชนสามารถแบ่งผลประโยชน์กันได้ห าก
ร่วมมือกันนำผลงานทางวิชาการของคนในภาครัฐมาพัฒนาเป็นทรัพย์สินทางปัญญา

ปัจจัยที่กล่าวข้างต้นยังมีผลต่อกันและกันคือ เหตุที่เด็กขาดแรงบันดาลใจยังเกิดจากปัจจัยสองประการหลังด้ วย ขณะนี้


กระทรวงวิท ยาศาสตร์แ ละเทคโนโลยีกำลังพยายามบูรณาการกับกระทรวงและหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อหา
แนวทางและวิธีการแก้ไขทั้งสามประการที่กล่าวมาได้ เนื่องจากเห็นว่าการที่เด็กไทยส่วนใหญ่ ไม่ตั้งใจเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ และ
เรียนต่อด้านวิทยาศาสตร์น้อย ย่อมเป็นอุปสรรคขัดขวางความหวังที่จะให้คนไทยจำนวนมากเก่งวิทยาศาสตร์

ในขณะที่ห ลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการแก้ไขปัญหา เด็ กไทยก็ควรปรับมุมมองของตนเกี่ยวกับ การเรีย นวิชา


วิท ยาศาสตร์ด้วยคือ มองให้เห็นคุณค่าว่าในอนาคตวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนี่แหละจะเป็นเครื่องมือที่มีความสำคัญในการ
พัฒนาตนเองและประเทศชาติ ให้สามารถแข่งขันกับชาติอื่นๆ ได้ เพราะเมื่อประเทศเรามีคนจำนวนมากเก่งวิทยาศาสตร์ ก็จะทำให้
เรามีนวัตกรรม มีทรัพย์สินทางปัญญา ตลอดจนเทคโนโลยีใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งสามารถเป็นแหล่งรายได้ห ลั กอี กอย่ า ง
หนึ่งของประเทศนอกเหนือจากภาคเกษตรกรรมและการท่องเที่ยว

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
ตารางสรุปข้อความที่กำหนดและเลขกำกับบทความที่ 30 และที่ว่างสำหรับร่ างรหัสคำตอบ

เลขกำกับ ข้อความที่กำหนด ที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ


11 กระบวนการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ยังไม่ดี
12 ขาดแรงบันดาลใจ
13 คนไทยจำนวนมากเก่งวิทยาศาสตร์
14 งานที่จะรองรับยังมีน้อย
15 ทรัพย์สินทางปัญญา
16 เทคโนโลยีใหม่ๆ
17 นวัตกรรม
18 ไม่ตั้งใจเรียนวิชาวิทยาศาสตร์
19 เรียนต่อทางด้านวิทยาศาสตร์น้อย
20 สภาพการณ์ปัจจุบัน

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
บทความที่ 31
เรื่อง ร้านเหล้ารอบสถานศึกษา

สถานบริการที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือร้านเหล้าที่ตั้งอยู่ร อบๆ หรือบริเวณใกล้เคียงสถานศึกษา เป็นเรื่องที่พูด


กันมานานแล้วว่าเป็นแหล่งทำลายเยาวชนของชาติ แทบทุกคืนจะมีนิสิตนักศึกษามั่วสุม ในร้านเหล้าใกล้มหาวิท ยาลัย เป็ นจำนวน
มาก ซึ่งทำให้เกิดผลเสียตามมามากมาย ที่เห็นชัดเจนก็คือ ทำให้เสียสุขภาพ และที่น่ากลัวก็คือ ทำให้เกิดการทะเลาะวิว าทกัน ทั้ง
ระหว่างนักศึกษาด้วยกันเองหรือกับ วัย รุ่นกลุ่มอื่นที่ม าใช้บ ริการ และมีห ลายครั้งที่รุนแรงจนถึงขั้นบาดเจ็บ ล้มตายดังเป็นข่าว
ครึกโครมเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2558 คือนักศึกษามหาวิทยาลัยรังสิตคนหนึ่งซึ่งเป็นนักฟุตบอลดาวรุ่ง ถูกกลุ่ม วัย รุ่นขับ
รถจักรยานยนต์ไล่ยิงจนเสียชีวิตทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกันมาก่อน ส่วนเพื่อนอีก 3 คนบาดเจ็บ จากโดนมีดแทง 1 คน และถูกฟัน 2 คน

ที่จริงมีความพยายามรณรงค์ต่อต้านร้านขายเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ใกล้สถานศึกษามานานแล้ว คุณชูวิท ย์ จันทรส


เลขานุการเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัย แอลกอฮอล์ (ครปอ.) ให้สัมภาษณ์สถานีวิทยุจุฬ าฯ เมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่า นมาว่า คร
ปอ. เกิดขึ้ นเมื่อ พ.ศ.2549 จากการรวมตัวของภาคองค์กรจำนวนมาก เช่น องค์กรผู้ไ ด้รับผลกระทบจากเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์
องค์กรงดเหล้า ฯลฯ ได้ดำเนินการรณรงค์ต่อต้านการดื่มแอลกอฮอล์และผลกระทบที่ตามมาอย่างต่อเนื่องที่สำคัญคือ การผลักดัน
จนมีการประกาศใช้พระราชบัญญัติควบคุมเครื่อ งดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ข้อดีประการหนึ่งของพระราชบัญญัติฉบับนี้คือ ให้ออก
ประกาศเพิ่มเติมได้ในเรื่องที่เกี่ยวข้อง ครปอ. อาศัยข้อดีนี้ผลักดันให้เกิดมาตรการขึ้นหลายอย่าง เช่น ห้ามดื่ม แอลกอฮอล์บ นรถ
ห้ามจำหน่ายสุราในวันสำคัญทางพระพุท ธศาสนา ล่าสุดคือ ห้ามจำหน่ายสุราบนรถไฟและสถานีรถไฟ สำหรับร้านเหล้าใกล้เ คีย ง
สถานศึกษานั้นได้รณรงค์ต่อต้านมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 พยายามเสนอรัฐบาลทุกยุคให้กำหนดเขตห้ามขายเหล้ารอบสถานศึกษา แต่
ไม่มีรัฐบาลไหนกล้าทำอย่างจริงจัง ทาง ครปอ. ได้ศึกษาวิจัยผลกระทบมานานและต่อเนื่อง พบว่าร้านเหล้าเหล่ านี้มีก ลยุท ธ์ห ลาย
รูปแบบที่จะดึงดูดให้นิสิตนักศึกษามาอุดหนุนร้านของตน เช่น มีโปรโมชั่น "ลดแลกแจกแถม" มีการแจกใบปลิวโฆษณาอย่างเปิดเผย
ทั้งหน้าทางเข้ามหาวิทยาลัยกระทั่งในหอพักนักศึกษา บ้างก็มุ่งเป้าไปที่นักศึกษาหญิง เช่น ถ้ารวมกลุ่มกันมา 4 คนจะแถมเหล้าให้
1 ขวด หลายร้านเปิดจนเกือบสว่าง โดยพอเที่ยงคืนก็ปิดหน้าร้านแต่หันไปเปิดหลังร้านแทน ทำให้นักศึกษาหลายคนเมาจนหัวราน้ำ
ต้องลากถูลู่ถูกังกันกลับ หอพักอย่างหมดสภาพ ผลเสียจากการที่นักศึกษามั่วสุมกันในร้านเหล้ารอบมหาวิทยาลัยเช่น นี้ นอกจากที่
กล่าวข้างต้น ยังทำให้ผลการเรียนตกต่ำ จนบางคนเรียนไม่จบ รวมทั้งมีเรื่องร้ายๆ ตามมาคือ การพนันและยาเสพติ ด ช่วงที่คุณชู
วิท ย์ให้สัม ภาษณ์คือ ต้นเดือนกรกฎาคมนั้น ทาง ครปอ. กำลังร่วมมือกับ หลายกลุ่ม ช่วยกันเร่งรัดผลักดันให้กำหนดเขตห้าม
จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ร อบสถานศึกษา และในที่สุด พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ได้ลงนามใน ประกาศ
สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดสถานที่หรือบริเวณห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รอบสถานศึกษา เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ.
2558 และอีกสองวันต่อมาคือ วันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ.2558 ก็มีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบ

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
แห่งชาติ (คสช.) ที่ 22/2558 เรื่อง มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทาง และการ
ควบคุมสถานบริเวณหรือสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ

คำสั่ง คสช. ที่ 22/2558 ครอบคลุมสองเรื่องใหญ่ๆ คือ เรื่องการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ กับเรื่องการควบคุม


สถานบริการ ซึ่งจะรวมถึงร้านจำหน่ายสุร าทั้งหลายไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกลสถานศึกษา สำหรับคำสั่ง คสช. ที่ 22/2558 ที่เกี่ย วกับ
การควบคุมสถานบริการประกอบด้วยสาระสำคัญหลายข้อ ที่สำคัญคือ ห้ามผู้มีอายุต่ำกว่ายี่สิบปีเข้าไปใช้ บ ริ การ ข้อนี้จะรวม
สถานบริการทุกประเภทคือ ไม่ใช่ห ้ามเฉพาะร้านขายเหล้าเท่านั้นเช่นเดียวกับ ข้อต่อไปคือ ห้ามเปิดทำการเกินเวลา ส่วนข้อที่
เกี่ยวกับร้านขายเหล้าก็คือ ห้ามขายสุราเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด ห้ามขายสุราแก่ผู้ที่มีอายุต่ำกว่ายี่สิบปี สำหรับ ข้อที่ ครปอ.
เรียกร้องมาหลายปีคือ กำหนดเขตปลอดร้านเหล้ารอบสถานศึกษานั้น ปรากฏว่าเป็นสาระสำคัญทั้งใน คำสั่ง คสช. ที่ 22/2558
และในประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีที่กล่าวข้างต้นคือ ห้ามมีสถานที่ขายสุราอยู่ใกล้ส ถานศึกษาหรือหอพั ก ในบริ เ วณใกล้เ คีย ง
สถานศึกษา สำหรับประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีมีข้อกำหนดด้วยว่าห้ามขายสุราในสถานที่หรือบริเวณซึ่งอยู่ในระยะ 300 เมตร
จากรั้วหรือแนวเขตของสถานศึกษาระดับอาชีวศึกษาหรือสถาบันอุดมศึกษาของรัฐและเอกชน

นอกจากที่กล่าวมา คำสั่ง คสช. ที่ 22/2558 ยังมีบทลงโทษผู้ฝ่าฝืนค่อนข้างรุนแรง เช่น ให้ปิดสถานบริการ 5 ปี หากอยู่


ใกล้สถานศึกษาให้ปิดอย่างถาวร ถ้าเจ้าหน้าที่ปล่อยปะละเลย ให้ดำเนินการลงโทษทั้งทางแพ่ง อาญา และทางปกครอง

สาระสำคัญแต่ละข้อดังกล่าวข้างต้น ย่อมมีผลชัดเจนที่จะลดปัญหานักศึกษามั่วสุมในร้านเหล้ารอบมหาวิทยาลัย
รวมทั้งผลเสียที่ตามมาและถ้าเยาวชนอันเป็นอนาคตของชาติมีจิตใจที่เข้มแข็ง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับสุราและอบายมุขทั้งปวง ปัญหาเหล่านี้
ย่อมหมดไปแน่นอน

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
ตารางสรุปข้อความที่กำหนดและเลขกำกับบทความที่ 31 และที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ

เลขกำกับ ข้อความที่กำหนด ที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ


01 เกิดการทะเลาะวิวาทกัน
02 คำสั่ง คสช. ที่ 22/2558
03 นักศึกษามั่วสุมในร้านเหล้ารอบมหาวิทยาลัย
04 ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
05 ผลการเรียนตกต่ำ
06 เสียสุขภาพ
07 ห้ามขายสุราแก่ผู้ที่มีอายุต่ำกว่ายี่สิบปี
08 ห้ามเปิดทำการเกินเวลา
09 ห้ามผู้มีอายุต่ำกว่ายี่สิบปีเข้าไปใช้บริการ
10 ห้ามมีส ถานที่ขายสุราอยู่ใกล้สถานศึกษา

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
บทความที่ 32
เรื่อง ปัญหาขยะล้นเมือง

ข่าวใหญ่ห น้าหนึ่งที่ปรากฏในหน้าหนังสือพิม พ์แ ละในโทรทัศน์เมื่อต้นเดือนกันยายน พ.ศ.2558 คือ ชาวบ้านในตำบล


เชียงรากใหญ่และตำบลใกล้เคีย งในอำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานีจำนวนกว่า 200 คน ร่วมกันแก่โลงศพและเผาโลงศพแสดงการ
คัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะในพื้นที่ โดยให้เหตุผลว่าพื้นที่ที่กำหนดจะสร้างโรงไฟฟ้าไม่เหมาะสม เพราะอยู่ใกล้ชุม ชนที่มีผู้อยู่
อาศัยกว่า 2,000 ครัวเรือน อยู่ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา มีคลองย่อยโดยรอบถึง 21 สาย อีกทั้งเป็นแหล่งอนุรักษ์ เพื่อผลิตน้ำประปา
ด้วย

เรื่องขยะล้นเมืองเป็นปัญหาที่มีม าอย่างต่อเนื่องยาวนาน กองขยะที่สะสมจนสูงเป็นภูเขาเลากาในที่ต่างๆ ก่อให้เกิดผล


เสียหายมากมาย ได้แก่ มลพิษทางอากาศ ดังเหตุการณ์ไ ฟไหม้บ่อขยะบนเนื้อที่ 150 ไร่ในซอยแพรกษา 8 จังหวัดสมุท รปราการ
ทำให้เกิดควันพิษสูงเกิดมาตรฐานหลายเท่า ควันไฟที่คละคลุ้งเป็นบริเวณกว้าง ทำให้ต้องอพยพผู้คนที่อยู่ละแวกใกล้เคีย งไปอยู่ใ นที่
พักพิงชั่วคราว หรือน้ำเน่าเสียจากกองขยะไหลลงแม่น้ำลำคลอง หรือการแพร่ระบาดของเชื้อโรค เป็นต้น

สถานการณ์ขยะในปัจจุบันเป็นอย่างไร มีคำตอบที่ชัดเจนมากในรายการเดินหน้าประเทศไทย เรื่อง “สถานการณ์ข ยะ


ของไทย” ซึ่งเผยแพร่เมื่อ 3-4 เดือนก่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบัน มีขยะ
ตกค้างจำนวนมหาศาลถึง 30 ล้านตัน ซึ่งด้วยงบประมาณแผ่นดินที่จัดสรรไว้ในแต่ละปี จะต้องใช้เวลา 3 ถึง 5 ปีจึงจะจัดการได้
หมด และที่น่าเป็นห่วงคือ แต่ละปีมีขยะเกิดใหม่ถึงกว่า 23 ล้านตันโดยที่ไม่นับรวมขยะของกรุงเทพมหานคร ขยะที่ตกค้างและขยะ
ที่เกิดขึ้นใหม่จำนวนมากในแต่ละปี นี่เองที่ทำให้เกิดผลเสียที่กล่าวข้างต้น ทั้งมลพิษทางอากาศ น้ำเน่าเสีย รวมทั้งเป็นแหล่งแพร่
ของเชื้อโรค

รัฐบาลในยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จัดให้การแก้ป ัญหาขยะเป็นวาระแห่งชาติ ดังนั้นทุกหน่วยงานที่


เกี่ยวข้องทั้งในระดับ กระทรวง กรม และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตลอดจนประชาชน จะต้องร่วมมือกันอย่างจริง จั ง นโยบาย
ของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาขยะ ประกอบด้วยมาตรการหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือ สร้างโรงไฟฟ้าใช้พลังงานจากขยะซึ่งทำให้
เกิดปัญหาการแห่และเผาโลงศพประท้วงคัดค้านการสร้างโรงไฟฟ้าในตำบลเชียงรากใหญ่ดังกล่าว ที่จริงการกำจัดขยะโดยนำมาใช้
ประโยชน์ เช่น ทำปุ๋ย ผลิตก๊าซสำหรับการหุงต้ม หรือนำมาเผาให้ไ ด้พลังงานความร้อนเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าเป็นเรื่องที่ดีม าก แต่
เพราะไม่ทำความเข้าใจหรือไม่รับ ฟังความเห็นของประชาชนผู้อาจได้รับ ผลกระทบ หรือแม้แต่มีผลประโยชน์ทับ ซ้ อ นดั งที่ มีก าร
กล่าวหาว่ามีการแก้ผังเมืองให้พื้นที่ตำบลเชีย งรากใหญ่สร้างโรงไฟฟ้าขยะได้นั้น ทำให้โครงการนี้ต้องสะดุดลง

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
มาตรการต่อมาคือ กำหนดให้พื้นที่ที่สร้างขยะต้องรับผิดชอบกำจัดขยะ จะได้ไม่ต้องถกเถียงกันว่าจะเอาขยะไปกำจัด ใน
พื้นที่ใด คือท้องถิ่นแต่ละแห่งต้องรับผิดชอบขยะที่คนในชุมชนของตนก่อขึ้น โดยกำหนดเป็นมาตรการอีกข้อหนึ่งคือ ต้องดำเนินการ
ฝังกลบขยะอย่างถูกวิธี ถ้าไม่มีพื้นที่พอที่จะฝังกลบขยะ ก็ต้องทำการเผาขยะด้วยวิธี การที่ถูกต้องโดยไม่ ก่ อ ให้ เกิ ด ผลกระทบต่ อ
สภาพแวดล้อม หากขยะในชุม ชนมีน้อยและไม่คุ้มที่จะดำเนินการฝังกลบหรือเผาขยะ ก็ให้ร วมกลุ่ม กันเพื่อบริห ารจัดการขยะ
ร่วมกัน อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น นายวัลลภ พริ้งพงษ์ ให้ข้อมูลว่าปัจจุบันมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอยู่ 7,851
องค์กร แต่ละท้องถิ่นสร้างขยะมากน้อยต่างกัน หากมีขยะเกิน 500 ตันต่อวันถือว่าเป็นชุมชนขนาดใหญ่ ระหว่าง 300-500 ตันต่อ
วันเป็นขนาดกลาง น้อยกว่า 300 ตันต่อวันจัดเป็นขนาดเล็ก จึงให้มีการรวมกลุ่ม กัน ขณะนี้รวมกลุ่มกันได้ 151 กลุ่ม ทั้งนี้แ ต่ละ
กลุ่มจะต้องหาพื้นที่เพื่อดำเนินการกำจัดขยะด้วยวิธีที่เหมาะสมกับบริบทของกลุ่ม ซึ่งอาจใช้วิธีเผาขยะทิ้ง เผาขยะเพื่อเอาพลั งงาน
ความร้อนมาผลิตกระแสไฟฟ้า ทำก๊าซหุงต้ม หรือฝังกลบอย่างถูกวิธี

มีตัวอย่างการดำเนินการฝังกลบขยะอย่างถูกวิธี คือ ศูนย์จัดการขยะอย่างคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมของชุ ม ชนที่ต ำบลมหา


พราหมณ์ อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผู้ว่าราชการจังหวัดคือ นายอภิชาต โตดิลกเวชช์ เล่าให้ฟั งว่ า ขยะตกค้า ง
สะสมในจังหวัดถือว่ามีจำนวนมากเป็นลำดับ ต้นๆ ของประเทศคือ มีป ระมาณกว่าสองแสนสามหมื่นตัน รัฐบาลมอบหมายให้
กระทรวงมหาดไทยดำเนิ นการให้เป็นต้นแบบในการกำจัดขยะ โดยตั้งศูนย์กำจัดขยะดังกล่าวขึ้นเพื่อทำการฝังกลบอย่า งถูก วิธีแ ละ
เผาขยะเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า ขณะนี้ได้ขนย้ายขยะตกค้างในกลางเมืองมาฝังกลบหมดแล้ว ที่นี่มีบ่อฝังกลบขยะ 2 บ่อ บ่อละ 125
ไร่ ลึก 11 เมตร ฝังกลบขยะได้ 4 ชั้น ชั้นละ 2 เมตร รองรับขยะเกิดใหม่วันละพันตันได้ 30 กว่าปี ก้นบ่อเป็นดิน สั งเคราะห์ที่ น้ำ
ผ่านเข้าออกไม่ได้ ปากบ่อคลุมด้วยวัสดุสังเคราะห์กันน้ำ น้ำเสียที่ออกจากบ่อขยะจะไหลไปลงบ่อบำบัดน้ำเสีย และนำมาใช้ ใหม่ไ ด้
สำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานขยะกำลังเริ่มก่อสร้าง

มาตรการที่กล่าวมาจะลดขยะตกค้างและขยะเกิดใหม่ ส่วนอีกมาตรการหนึ่งคือ การรณรงค์ให้แต่ละคนช่วยกั นลดขยะ


จะลดขยะที่เกิดขึ้นใหม่ในแต่ละปี ดังนั้นในฐานะที่เป็นพลเมืองของประเทศ ทุกคนต้องมีจิตสำนึกร่วมกันในการแก้ปั ญหาขยะล้น
เมือง แต่ละคนจะต้องลดการสร้า งขยะลงให้ไ ด้ม ากที่สุ ด ต้องช่วยกันแย กขยะที่สามารถนำมาใช้ซ้ ำได้ ต้องพยายามเลิก ใช้
ถุงพลาสติกและกล่องโฟมซึ่งใช้เวลานานมากกว่าจะย่อยสลายหมด หากทุกคนร่วมมือร่วมใจกัน ประเทศเราจะสามารถแก้ปั ญหา
ขยะได้อย่างยั่งยืน

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
ตารางสรุปข้อความที่กำหนดและเลขกำกับบทความที่ 32 และที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ

เลขกำกับ ข้อความที่กำหนด ที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ


11 ขยะที่เกิดขึ้นใหม่จำนวนมากในแต่ละปี
12 ดำเนินการฝังกลบขยะอย่างถูกวิธี
13 นโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาขยะ
14 น้ำเน่าเสีย
15 พื้นที่ที่สร้างขยะต้องรับผิดชอบกำจัดขยะ
16 มลพิษทางอากาศ
17 มีขยะตกค้างจำนวนมหาศาล
18 รณรงค์ให้แต่ละคนช่วยกันลดขยะ
19 สถานการณ์ขยะในปัจจุบัน
20 สร้างโรงไฟฟ้าใช้พลังงานจากขยะ

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
บทความที่ 33
เรื่อง ทฤษฎีใหม่… หนึ่งในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้

วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ.2559 เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูม ิพลอดุลยเดชฯ ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จ


สวรรคต เป็นวันที่ประชาชนชาวไทยทั่วทั้งประเทศหลั่งน้ำตาด้วยความโศกเศร้า ด้วยความอาลัย และด้วยความสำนึก ในพระมหา
กรุณาธิคุณหาที่สุดมิไ ด้ ตลอด 70 ปีแห่งการครองราชย์ พระองค์ทรงงานหนักเป็นอย่างยิ่งเพื่อพสกนิกร พระองค์ไ ด้พระราชทาน
โครงการในพระราชดำริ พระบรมราโชวาท และพระราชดำรัส ไว้เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนมากมายเหลือคณานับ หนึ่งในนั้น
ที่จะอัญเชิญมาเผยแพร่ในบทความนี้คือ การทำเกษตรด้วยทฤษฎีใหม่ ซึ่งสรุปจากบทความวิชาการบนเว็บ ไซต์มูล นิ ธิชั ย พัฒ นา
และจากวีดิทัศน์บนเว็บไซต์บ้านสวนพอเพีย ง โดยมีสาระสำคัญดังนี้

เกษตรกรในประเทศส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อย มีที่ดินทำกินเฉลี่ยครอบครัวละประมาณ 15 ไร่ ปัญหาที่เกษตรกร


ส่วนใหญ่เผชิญอยู่อันดับแรกก็คือ ปัญหาขาดแคลนน้ำทำการเกษตรเนื่องจากพื้ นที่อยู่นอกเขตชลประทาน ถัดมาคือ สามารถ
เพาะปลูกได้เพียงปีล ะครั้งในช่วงฤดูฝน เพราะเมื่อไม่มีน้ำจากระบบชลประทานมาช่วยก็ต้องพึ่งพาน้ำฝนอย่างเดีย ว ปีใดฝนแล้ง
หรือฝนทิ้งช่วง พืชผลก็จะยิ่งเสียหาย ปัญหาแต่ละอย่างนี้เองที่ทำให้เกษตรกรอยู่ในภาวะไม่พออยู่พอกิน และภาวะตกเป็นหนี้ สิน
เพราะต้องไปกู้ยืมเงินมาเป็นค่ากินอยู่ ค่าเมล็ดพันธุ์ และค่าปุ๋ยค่ายากำจัดศัตรูพืช ปีใดไม่ได้ผลผลิตหรือได้น้อย หนี้สินก็ยิ่งเพิ่ม พูน
มากขึ้น

ด้วยพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมของในหลวงรัชกาลที่ 9 จึงได้พระราชทานพระราชดำริเพื่อช่วยเหลือ
เกษตรกรที่ประสบความยากลำบากดังกล่าว พระราชดำรินี้ทรงเรียกว่า “ทฤษฎีใหม่” เพื่อเป็นแนวทางหรือหลักการในการบริห าร
จัดการที่ดินและน้ำ เพื่อใช้ทำการเกษตรในที่ดินขนาดเล็กให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยใช้ตัวเลขร้อยละ 30, 30, 30 และ 10 เป็น
แนวทางในการแบ่งสัดส่วนพื้นที่

การทำเกษตรด้วยทฤษฎีใหม่ ประกอบด้วยการแบ่งที่ดินที่เกษตรกรมีอยู่ออกเป็นส่วนๆ เพื่ อใช้ประโยชน์ดัง นี้ ส่วนแรก


ขุดสระเก็บน้ำในพื้นที่ร้อยละ 30 ไว้ใช้หน้าแล้ง ตัวเลขร้อยละที่กล่าวในที่นี้จะเป็นตัวเลขโดยประมาณ หากอยู่ใกล้ แ หล่ ง น้ ำ ที่
สามารถนำมาเติมสระได้ก็อาจใช้พื้นที่ไม่ถึงร้อยละ 30 เช่น ถ้ามีที่ดินอยู่ 15 ไร่ อาจใช้พื้นที่ส่วนนี้ 3 ไร่ ขุดสระลึกประมาณ 4 เมตร
และจุน้ำได้ประมาณ 19,000 ลูกบาศก์เมตร น้ำปริมาณนี้เพียงพอที่จะสำรองไว้ใช้ในฤดูแล้งและใช้เลี้ยงปลา สำหรับพื้นที่ส่วนที่สอง
และสาม กำหนดให้ใช้พื้นที่ทำนาร้อยละ 30 และปลูกพืชร้อยละ 30 พื้นที่ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 10 ประมาณ 2 ไร่ ใช้เป็นที่อ ยู่
อาศัยและอื่นๆ เช่น ถนน คันดิน กองฟาง ลานตาก กองปุ๋ยหมัก โรงเรือน โรงเพาะเห็ด คอกสัตว์ ไม้ดอกไม้ ประดับ พืชผักสวนครัว
หลังบ้าน

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
การใช้ประโยชน์พื้นที่ด้วยทฤษฎีใหม่ดังกล่าวนี้ก่อนที่จะทรงเผยแพร่ พระองค์ทรงศึกษาคำนวณและทดลองปฏิบั ติจ นแน่
พระทัย เช่น พื้นที่ทำนาหรือเพาะปลูกพืช จะใช้น้ำในช่วงฤดูแล้งประมาณ 1,000 ลูกบาศก์เมตรต่อพื้นที่ 1 ไร่ ถ้าพื้นที่ส่วนนี้มี 10
ไร่ก็ต้องใช้น้ำ 10,000 ลูกบาศก์เมตร สระขนาดดังกล่าวข้างต้นซึ่งจุน้ำได้ 19,000 ลูกบาศก์เมตร เมื่อคำนวณการสูญเสียน้ำจากการ
ระเหยและอื่นๆ จะเหลือเพีย งพอกับการทำนา และปลูกพืชต่างๆ ในฤดูแ ล้ง ดังนั้นการขุดสระเก็บ น้ำในพื้นที่ร ้อยละ 30 ไว้ใช้
หน้าแล้ง ย่อมสามารถแก้ห รือลดปัญหาที่เกษตรกรส่วนใหญ่เผชิญอยู่ไ ด้ทั้งสองประการและเมื่อดูภ าพรวมทั้งหมดของการใช้
ประโยชน์ในที่ดินส่วนต่างๆ จะเห็นว่าการทำเกษตรด้วยทฤษฎีใหม่จะทำให้เกษตรกรมีอาหารพอกินตลอดปีทั้งครอบครัว ได้
รวมทั้งจะมีรายได้จากผลิตผลที่เหลือจากการบริโภค ผลทั้งสองประการนี้ย่อมสามารถลดภาวะไม่พออยู่พอกินและภาวะตกเป็น
หนี้เป็นสินได้อย่างแน่นอน ดังที่เกษตรกรหลายครอบครัวได้น้อมนำไปปฏิบัติจนประสบความสำเร็จมาแล้ว

พื้นที่ท ี่เป็นต้นแบบของทฤษฎีใหม่คือ ที่ดินในอำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ และพื้นที่ใกล้วัดมงคลชัยพัฒ นา จังหวัด


สระบุรี พื้นที่ทั้งสองแห่งนี้เป็นผลการดำเนินการเกษตรทฤษฏีใหม่ที่ สะท้อนให้เห็นถึงพระวิริยะอุตสาหะและความตั้งพระทัย มั่นของ
ในหลวงรัชกาลที่ 9 หากใครได้มีโอกาสชมวีดิทัศน์เรื่องทฤษฏีใหม่บ นเว็บไซต์บ้านสวนพอเพีย งซึ่งเผยแพร่ผ่านทาง Youtube จะ
เห็นได้ว่ากว่าพระองค์จะเสด็จไปถึงแปลงทดลองในที่ดินอำเภอเขาวงนั้น ต้องทรงผจญกับการเดินทางที่ยากลำบาก ผ่านทางเกวีย น
ที่ขรุขระจนรถยนต์พระที่นั่งแกว่งไปมา แล้วต้องเสด็จพระราชดำเนินต่อด้วยพระบาทผ่านเส้นทางที่แคบ คดเคี้ยว ขรุขระ เป็นหลุม
เป็นบ่อ นับเป็นเส้นทางทรงงานที่ลำบากมาก

เป็นเวลาล่วงมาแล้วกว่า 20 ปี ความสำเร็จของโครงการทฤษฎี ใหม่ท ี่เขาวงนี้ชี้ ให้เห็นว่า ในหลวงทรงวางรากฐาน


การเกษตรไว้อย่างเป็นระบบเพื่อพสกนิกรของพระองค์ ดังนั้นทฤษฎีใหม่ขั้นต้นดังที่ได้กล่าวมาก่อนหน้านี้ เมื่อเกษตรกรเข้าใจและ
ลงมือปฏิบัติจนได้ผลแล้ว เพื่อให้เกิดผลสมบูร ณ์ยิ่งขึ้นก็ควรดำเนินการต่อไปตามทฤษฎีใหม่ขั้นที่สองและสาม จะได้พัฒ นาตนเอง
ไปสู่ขั้นพออยู่พอกินและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจนเกิดเป็นความสุขที่ยั่งยืนดังพระประสงค์ข องในหลวงที่ทรงตั้ ง พระราชหฤทัย ที่ จะ
พระราชทานประโยชน์สุขให้แก่พสกนิกรชาวไทยของพระองค์ได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
ตารางสรุปข้อความที่กำหนดและเลขกำกับบทความที่ 33 และที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ

เลขกำกับ ข้อความที่กำหนด ที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ


01 การทำเกษตรด้วยทฤษฎีใหม่
02 ขาดแคลนน้ำทำการเกษตร
03 ขุดสระเก็บน้ำในพื้นที่ร้อยละ 30 ไว้ใช้หน้าแล้ง
04 ใช้พื้นที่ทำนาร้อยละ 30 และปลูกพืชร้อยละ 30
05 ตกเป็นหนี้เป็นสิน
06 ปัญหาที่เกษตรกรส่วนใหญ่เผชิญอยู่
07 เพาะปลูกได้เพียงปีละครั้งในช่วงฤดูฝน
08 มีรายได้จากผลิตผลที่เหลือจากการบริโภค
09 มีอาหารพอกินตลอดปีทั้งครอบครัว
10 ไม่พออยู่พอกิน

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
บทความที่ 34
เรื่อง อาหารริมทางภัยใกล้ตัว...

ช่วงกลางปีที่แล้ว สำนักข่าว CNN ของสหรัฐอเมริกาได้จัดอันดับเมืองที่มี Street Food หรืออาหารริมทางดีที่สุด ในโลก


ว่ามี 23 เมือง โดยกรุงเทพฯ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นที่หนึ่งของโลก เมืองที่ได้รับการจัดอันดับรองๆ ลงไป ได้แ ก่ โตเกีย วของ
ญี่ปุ่น ฮอนโนลูลูของฮาวาย เดอบานของอัฟริกาใต้ เป็นต้น ส่วนเมืองที่ได้อันดับที่ 23 คือปักกิ่งของจีน

นอกจากผู้เขีย นบทความ ชาวกรุงเทพฯ และคนไทยหลายคนคงปลื้มใจกับ ข่าวนี้ แต่เมื่อได้อ่านบทวิเคราะห์เกี่ยวกับ


อาหารริมทางในกรุงเทพฯ เรื่อง “ตีแ ผ่ด้านมืด …สตรีทฟู้ดเมืองกรุง” ในโพสต์ท ูเดย์ออนไลน์ วันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2560 ซึ่ ง
สัมภาษณ์อาจารย์สง่า ดามาพงษ์ ที่ปรึกษากระทรวงสาธารณสุขและนักวิชาการด้านโภชนา กับ ดร. วัลลภ สุวรรณดี ประธานที่
ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รวมทั้งเมื่อได้ฟังการสัมภาษณ์อาจารย์สง่า ดามาพงษ์ เกี่ยวกับเรื่องนี้ในรายการแชร์เล่ าข่ าว
เด็ด สถานีวิทยุ FM 100.5 เมื่อวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2560 ทำให้ผู้เขียนบทความรู้สึกตกใจและกังวลเรื่องสุขภาพอนามัย ของคน
กรุงและนักท่องเที่ยว จึงขอสรุปสาระสำคัญมาให้อ่านกัน

ด้วยลักษณะเด่นของอาหารริม ทางในกรุงเทพฯ คือ รสชาติอร่อยราคาไม่แพง และมีให้เลือกหลากหลายทั้งกลางวัน


กลางคืน จึงทำให้เป็นที่นิยมชมชอบในหมู่นักท่องเที่ยว ตลอดจนคนไทยจำนวนมาก และทำให้ได้รับการจัดอัน ดับ ให้ เป็ นที่ห นึ่ ง
ของโลก ซึ่งถือเป็นด้านบวก แต่ในทางกลับ กันอาจารย์สง่า ดามาพงษ์ กลับไม่หลงใหลได้ป ลื้ม กับข่าวนี้ เพราะห่วงเรื่ อ งสุ ข ภาพ
อนามัยของผู้บริโภค ลองอ่านบทสัมภาษณ์ของอาจารย์สง่าบางตอน

“…ปัญหาที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ เรื่องสุขภาพอนามัย สาเหตุสำคัญที่สุดคือ เจ้าของร้านผู้สัม ผัสอาหารและผู้ป รุ งอาหาร


ขาดความรู้ขาดทักษะ เช่น ผัดผักบุ้งไฟแดงจะต้องล้างผักให้สะอาดก่อน 2-3 น้ำ เพราะผักบุ้งมีสารปนเปื้อนเยอะ บางร้านเอาปลา
กระป๋องหมดอายุม าผัด บางร้านก็เอาเด็กลูกจ้างมาเสิร์ฟโดยไม่เคยฝึกเลยว่าเวลาจับแก้วน้ำ ไม่ควรจับปากแก้ ว บางร้านมีน้ ำ แค่
กะละมังเดียวใช้ล้างจานเป็นร้อยใบ ผู้บ ริโภคก็ม ักง่าย กินอะไรก็ได้ที่ม ันใกล้ตัวที่มันอร่อยโดยไม่เลือกร้าน ไม่สนว่าร้านนี้จะใช้
ผ้าขี้ริ้วกับผ้าเช็ดเขีย งผืนเดียวกัน ยอมให้คนขายข้าวมันไก่ใช้มือเปล่าหยิบชิ้นไก่โปะลงบนข้าว แล้วใช้มือข้างเดีย วกั นนั้ นหยิ บ เงิน
ทอนให้ลูกค้า ร้านก๋วยเตี๋ยวหลายร้านมีน้ำแค่ถังเดียว ไม่มีก๊อกน้ำต่อสายมาลงถัง พอเรากินเสร็จก็เอาชาม ตะเกียบ ช้อนไปจุ่มๆ ใน
ถัง แล้วไปใส่ก๋วยเตี๋ยวให้คนอื่นกินต่อ…”

จะเห็นว่าสาเหตุที่มาของปัญหาด้านลบ ก็คือคนขายอาหารขาดความรู้ขาดทักษะ หรืออาจเป็นความมักง่ายของคนขาย


อาหาร ปัญหาด้านลบมีอะไรบ้าง อันดับแรกหากใครใส่ใจสังเกตบ้างก็จะเห็นชัดคือ ภาชนะใส่อาหารสกปรก นอกจากนี้ยังมีปัญหา
อื่นอีกดังที่อาจารย์สง่ากล่าวว่า

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
“…อีกอย่างคื อ อาหารริม ทางที่ปรุงไม่ถูกสุขอนามัย อาจเต็ม ไปด้วยสารก่อมะเร็ง เชื้อโรค หรือพยาธิในลาบก้อยสุกๆ
ดิบๆ ผลร้ายที่จะเกิดขึ้นอันดับแรกคือ ท้องร่วง ต่อมาคือ โรคทางเดินอาหารติดเชื้อ เช่น อาหารเป็นพิษ โรคมะเร็งจากโลหะหนัก
ปนเปื้อนในผักที่ล้างไม่ดี ไหนจะโรคอ้วนเพราะอาหารริมทางส่วนใหญ่เป็นพวกผัดกับ ทอด มันระยับเลย เช่น ไก่ทอด หมูท อด ผัด
ซีอิ้ว ผัดไทย ผัดกระเพรา รวมทั้งอาหารรสเค็มจากการใส่ผงชูรสและเครื่องปรุงที่มีโซเดียมมากๆ นำไปสู่ความดันโลหิตสูง ”

ดังนั้นปัญหาถัดมาซึ่งร้ายขึ้นไปอีกขั้นก็คือ อาหารมีเชื้อโรคและพยาธิปะปน มีสารพิษและสารก่อมะเร็งในอาหาร และ


เป็นอาหารที่อาจนำไปสู่โรคหลายโรค เช่น โรคอ้วน ความดันโลหิตสูง

อย่างไรก็ตาม สาเหตุของปัญหาดังกล่าวอาจไม่ใช่แค่ว่าคนขายอาหารขาดความรู้ขาดทักษะและความมักง่ายของคนขาย
อาหารเท่านั้น เขาอาจจะมีความรู้ แต่สถานที่และสิ่งเอื้ออำนวยความสะดวกในการปรุงและการขายอาหารไม่พร้อม ทำให้ดูว่าเขา
มักง่าย หากมีการให้ความรู้และจัดที่ทางให้เหมาะสม สภาพการณ์คงดีขึ้นดังที่ ดร. วัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาผู้ว่าราชการ
กรุงเทพมหานครกล่าวว่า

“...ผู้ค้าอาหารริมทางก็ไม่ต่างจากผู้ค้าหาบเร่แผงลอยอื่นๆ ที่ตั้งร้านเกะกะกีดขวางบนทางเท้า และที่หนักกว่าเพื่อนก็ คือ


มีการปรุงอาหาร ตั้งวางเตา หม้อก๋วยเตี๋ยว กระทะ และเตาร้อนๆ บนทางเท้า ประชาชนที่ผ่านไปมาต้องเสี่ยงอันตราย ครั้นจะลงไป
เดินบนถนนก็เสี่ยงถูกรถชน ผลสำหรับอาหารริมทางที่ดีคือ ไปรวมเป็นสัดเป็นส่วนเหมือนตลาดโต้รุ่ ง โดยเช่าเจ้าของที่ ดินที่ เขามีที่
ทิ้งขยะ มีห้องน้ำห้องท่า มีที่ล้างชาม มีก๊อกน้ำครบครัน…”

ปัญหาด้านลบดังกล่าวข้างต้นย่อมลดหรือทำลายสิ่งที่เราภูมิใจ ทั้งการที่กรุงเทพฯ ได้รับการจัดอันดับ ให้ เป็ นที่ห นึ่ งของ


โลกในด้านอาหารริม ทาง รวมทั้งการที่เป็นที่นิยมชมชอบในหมู่นักท่องเที่ยว ดังนั้นผู้ค้าอาหารริม ทางทั้งหลายและหน่วยงานที่
เกี่ยวข้องต้องเร่งแก้ไขอย่างจริงจัง

ในขณะที่สาเหตุข องปัญหายังไม่ได้รับ การแก้ไข ผู้ท ี่จำเป็นต้องฝากท้องหลายมื้อไว้กับอาหารริม ทาง ควรปฏิบ ัติตาม


คำแนะนำของอาจารย์สง่า

“ต้องมีความรู้และทักษะในการเลือกร้าน สังเกตจากตัวร้านว่าน่าไว้ใจได้ เช่น ช้อนส้อมจานชามล้างสะอาด วางเป็น


ระเบียบ คนขายสวมผ้ากันเปื้อน ผ้าคลุมศีรษะ โต๊ะเก้าอี้ เครื่องปรุงวางดูดี ไม่มีผ้าขี้ริ้วดำปิ๊ ดปี๋ ฯลฯ”

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
ตารางสรุปข้อความที่กำหนดและเลขกำกับบทความที่ 34 และที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ

เลขกำกับ ข้อความที่กำหนด ที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ


11 คนขายอาหารขาดความรู้ขาดทักษะ
12 ความมักง่ายของคนขายอาหาร
13 ได้รับการจัดอันดับให้เป็นที่หนึ่งของโลก
14 เป็นที่นิยมชมชอบในหมู่นักท่องเที่ยว
15 ภาชนะใส่อาหารสกปรก
16 มีสารพิษและสารก่อมะเร็งในอาหาร
17 มีให้เลือกหลากหลายทั้งกลางวันกลางคืน
18 รสชาติอร่อยราคาไม่แพง
19 อาหารมีเชื้อโรคและพยาธิ
20 อาหารริมทางในกรุงเทพฯ

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
บทความที่ 35

เรื่อง น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้

ช่วงก่อนพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 สื่อต่างๆ ได้นำเสนอโครงการใน


พระราชดำริม ากมายหลายโครงการ ผู้เขียนเลือกเรื่องราวเกี่ยวกับ โครงการหลวงมานำเสนอในบทความนี้ เพื่อน้อมรำลึ ก ใ นพระ
มหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้

ภาคเหนือของประเทศไทยมีภ ูมิประเทศเป็นภูเขาหรือดอยจำนวนมาก มีชุม ชนชาวเขาเผ่าต่างๆ อาศัย อยู่เป็นแห่งๆ


ระหว่างที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับที่พระตำหนักภูพิงค์ร าชนิเวศน์เมื่อประมาณ 50 ปี
ก่อน ได้เสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมเยียนชาวเขาหลายแห่ง ทรงพบว่า ชาวเขาส่วนใหญ่ม ีความเป็นอยู่ยากจนข้นแค้น วิถ ีการ
ดำเนินชีวิตของชาวเขาก่อให้เกิดปัญหาหลายอย่าง ที่สำคัญคือ ปัญหาการปลูกฝิ่น เพราะฝิ่นสามารถปลูกได้ดีบ นดอยที่มีอ ากาศ
หนาวเย็น จึงเป็นแหล่งของการแพร่ร ะบาดยาเสพติด ปัญหาถัดมาคือ การทำไร่เลื่อนลอยเพื่อปลูกข้าวไร่และข้าวโพด เมื่อสภาพ
ดินเสื่อมโทรมก็แผ้วถางป่าย้ายที่ท ำไร่ไปเรื่อยๆ และปัญหาอีกอย่างหนึ่งคือ ป่าต้นน้ำถูกทำลาย ทรงมีพระราชดำริว่าจะต้องหาทาง
ให้ชาวเขาได้ปลูกพืชอย่างอื่นแทนการปลูกฝิ่น ให้มีรายได้พอสมควร และได้อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง หลังจากที่ทรงศึกษาหาข้ อมูล
และให้ทดลองปฏิบัติเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาแล้ว จึงทรงตั้งโครงการหลวงขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2512 โดยทรงสละพระราชทรัพย์ส่วน
พระองค์ร่วมกับ เงินสมทบจากมิตรประเทศเป็นทุนดำเนินงาน และทรงให้หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี เป็นผู้อำนวยการโครงการเมื่ อปี
พ.ศ. 2535 ทรงให้เปลี่ยนสถานภาพของโครงการ ตั้งเป็นมูลนิธิโครงการหลวงเพื่อให้เป็นองค์กรการกุศลที่ถาวร

หลักการและการดำเนินงานของโครงการหลวงมีหลายอย่าง หลักการสำคัญที่ทรงให้นำมาใช้ คือ ช่วยให้เขาช่วยตัวเอง


ได้ ไม่ใช่ช่วยโดยการให้ข้าวของเงินทองไปเรื่อยๆ เพราะให้เท่าไหร่ก็คงไม่พอและไม่มีที่สิ้นสุ ด ดังพระราชดำรัสที่ในหลวงรัชกาลที่ 9
เคยพระราชทานไว้ว่า “เราไม่ควรให้ปลาแก่เขา แต่ควรจะให้เบ็ดตกปลาและสอนให้รู้จักวิธีตกปลาจะดีกว่า ”

สำหรับการดำเนินงานของโครงการหลวงจะมีพื้นฐานมาจากศึกษา วิจัย และพัฒนา โดยมุ่งศึกษาไม้ดอกและพื ชผัก เขต


หนาว การเลี้ยงสัตว์แ ละทำประมง ตลอดจนงานด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมเพื่อให้ไ ด้องค์ความรู้ที่เหมาะสมกับ สภาพพื้ นที่สู ง ของ
ประเทศไทย การดำเนินงานที่สำคัญของโครงการหลวง ได้แก่ ส่งเสริมการปลูกไม้ดอกและพืชผักเขตหนาว พัฒนาการเลี้ย งสั ตว์
และประมง และทำการตลาดอย่างครบวงจร

การส่งเสริมการปลูกไม้ด อกและพืชผักเขตหนาวในโครงการหลวงแต่ละแห่งจะมีความแตกต่างกันตามผลการวิ จัย ว่า


พื้นที่บนดอยแห่งใดเหมาะสมกับการปลูกพืชผักผลไม้ชนิดใด งานการวิจัยประกอบด้วย สถานีวิจัยจำนวน 4 แห่ง และศูนย์พัฒนา

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
โครงการหลวงอีก 38 แห่ง และเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ทรงให้ตั้งโครงการหลวงแห่งที่ 39 ขึ้นที่บ้านเลอตอ ตำบลแม่ตื่น อำเภอ
แม่ระมาด จังหวัดตาก พืชผักผลไม้ของโครงการหลวงมีหลากหลายมาก เช่น สตรอว์เบอร์รี พีช กีวีฟรุต เสาวรส กาแฟอาราบิก้ า
กะหล่ำปลีรูปหัวใจ เบบี้ฮ่องเต้ ยอดชาโยเต้ ว่านสี่ทิศ ไฮเดรนเยีย บีโกเนีย สับปะรดสี

สำหรับการพัฒนาการเลี้ยงสัตว์และประมง ในระยะแรกได้พระราชทานสัตว์เลี้ยงพันธุ์ดี เช่น กระบือ สุกร ไก่ และแกะ


ให้ชาวเขาหลายหมู่บ้านนำไปเลี้ย ง ระยะหลังโครงการหลวงได้รับ การสนับสนุนสัตว์เลี้ยงพันธุ์ดีจากหน่วยงานราชการและองค์ กร
ต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ จึงมีการเลี้ยงสัตว์หลากหลายพันธุ์ เช่น ไก่เบรส สุกรพันธุ์เปียแตรง สุกรพันธุ์เหมยซาน กวาง แพะนม
ควายนม และกระต่ายพันธุ์เนื้อ และเมื่อทางโครงการได้ฟื้นฟูสภาพป่าต้นน้ำและพัฒ นาแหล่งน้ำ การทำประมงก็ดำเนินไปได้ ด้วยดี
นอกจากสัตว์น้ำที่เลี้ยงกันทั่วไป ยังสามารถเลี้ยงและขยายพันธุ์สัตว์น้ ำที่มีราคาสูงได้ด้วย เช่น ปูขน ปลาเรนโบว์เทร้าต์ และปลาสะ
เตอร์เจี้ยน ซึ่งนิยมนำไข่มาทำคาร์เวีย

การดำเนินการที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของโครงการ คือ ทำการตลาดอย่างครบวงจรโดยควบคุม และประกันคุณภาพ


ผลผลิตในระดับมาตรฐานสากลทุกขั้นตอน ตั้งแต่การผลิต การคัดเลือกและการบรรจุผลผลิตตลอดจนการขนส่งและการกระจาย
สินค้าไปสู่ตลาด ผลผลิตที่ไ ด้บางส่วนจะใช้บ ริโภคในครัวเรือนและวางขายในตลาดท้องถิ่น ผลผลิตส่วนใหญ่จะขายผ่านระบบ
การตลาดของโครงการหลวงและบางส่วนจะนำมาพัฒ นาเป็นผลิตภัณฑ์หรือนำมาแปรรูป เช่น ผลิตภัณฑ์ดอกไม้แห้ง น้ำเสาวรส น้ำ
มะเขือเทศ น้ำพีช สตรอว์เบอร์รีอบแห้ง มะม่วงอบแห้ง และแคนตาลูปอบแห้ง

การดำเนินงานของโครงการหลวงดังกล่าว ยังผลให้ชาวเขามีงานทำอย่างสม่ำเสมอตลอดทั้งปีและมีรายได้เ พีย งพอต่อ


การดำรงชีพอย่างสุข สบายพอสมควร ผลทั้งสองประการนี้จึงสามารถระงับ ยับยั้งปัญหาที่เกิดจากวิถีการดำเนิ นชี วิ ตของชาวเขา
ดังกล่าวในตอนต้นได้อย่างยั่งยืน

เรื่องโครงการหลวงที่นำเสนอในบทความนี้ เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งในโครงการพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งมีอยู่


มากมายถึงราว 4,500 โครงการ โครงการหลวงมิใช่ “ช่วยชาวเขา” ให้ม ีความเป็นอยู่ท ี่ดีขึ้นเท่านั้น แต่ ย ัง “ช่วยชาวเรา” และ
“ช่วยชาวโลก” ด้วย คือ ช่วยลดปัญหายาเสพติด ยับยั้งการทำลายป่าต้นน้ำ และถ่ายทอดความรู้ในการพัฒ นาพื้ น ที่สู ง ให้ น านา
ประเทศนำไปประยุกต์ใช้

“ปวงพสกนิกรชาวไทยน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ตราบนิจนิรันดร์ ”

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
ตารางสรุปข้อความที่กำหนดและเลขกำกับบทความที่ 35 และที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ

เลขกำกับ ข้อความที่กำหนด ที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ


01 การทำไร่เลื่อนลอย
02 ช่วยให้เขาช่วยตัวเองได้
03 ทำการตลาดอย่างครบวงจร
04 ปัญหาการปลูกฝิ่น
05 ป่าต้นน้ำถูกทำลาย
06 พัฒนาการเลี้ยงสัตว์และประมง
07 มีงานทำอย่างสม่ำเสมอ
08 มีรายได้เพียงพอ
09 ส่งเสริมการปลูกไม้ดอกและพืชผักเขตหนาว
10 หลักการและการดำเนินงานของโครงการหลวง

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
บทความที่ 36
เรื่อง แรงบันดาลใจจากในหลวงรัชกาลที่ 9

พระราชกรณียกิจนานัป การ ตลอดจนแนวทางในการดำเนินชีวิตและการประกอบอาชีพ ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทร


มหาภูมิพลอดุลยเดชฯ บรมนาถบพิตรพระราชทานไว้ในแผ่นดินนี้ เช่น การทำเกษตรผสมผสาน ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การทำ
เกษตรทฤษฎีใหม่ และโครงการในพระราชดำริประมาน 4,500 โครงการ ได้สร้างแรงบันดาลใจให้พสกนิกรของพระองค์ห ลายคน
หลายกลุ่ม และหลายชุมชนนำไปปฏิบ ัติ จนมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นและมีความสุข มากขึ้น ดังตัวอย่างที่สรุปจากรายการ The
insider ของสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2560 และจากเวปไซต์ baanwin.com อันเป็นเรื่องของครอบครัว
เล็กๆ ครอบครัวหนึ่งที่เปลี่ย นวิถีชีวิตจากการเป็นพนักงานบริษัทในเมืองกรุงไปเป็นเกษตรกรเต็มรูปแบบที่ตำบลบ้านซ่ อ ง อำเภอ
พนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา

คุณปราณี สังอ่อนดี ซึ่งจบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านบริหารธุร กิจจากมหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์เ ล่า ว่ า ได้


แต่งงานกับคุณสมโชค เบ้าทอง และเดินทางจากบ้านเกิดไปทำงานเป็นพนักงานบริษัทที่กรุงเทพฯ เมื่อ พ.ศ. 2548 ต่อมาเมื่อ พ.ศ.
2550 มีลูกชาย คือ เด็กชายชนะพล เบ้าทอง หรือน้องวิน ก็เริ่มคิดถึงอนาคตว่าจะทนอยู่ในคอนโดมีเนียมเล็กๆ ที่เช่าอยู่ หรือจะกู้
เงินซื้อบ้านที่กรุงเทพฯ แล้วทำงานเป็นลูกจ้างต่อไป แต่เมื่อนึกถึงที่ดินซึ่งได้รับจากพ่อแม่ก็นึกถึงแนวปฏิบัติและตัวอย่างในการพลิ ก
ฟื้นผืนดินให้อุดมสมบูรณ์ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานไว้ จึงตัดสินใจกลับภูมิลำเนาเดิม

สภาพเดิมของที่ดินมรดก 6 ไร่ เป็นที่รกร้างไม่มีคนอยู่อาศัยมาเป็นเวลา 10 ปี สิ่งปลูกสร้างที่เหลืออยู่มีแค่ห้องน้ำกับ คอก


วัวเก่าๆ แต่ด้วยแรงบันดาลใจจากในหลวงรัชกาลที่ 9 และด้วยคำแนะนำช่วยเหลือจากศูนย์ศึกษาการพัฒ นาเขาหินซ้อนอัน
เนื่องมาจากพระราชดำริ สามีภรรยาคู่นี้ก็สามารถเปลี่ยนพื้นที่แห่งนี้ให้เป็นศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงแบบเกษตรผสมผสาน และ
เป็นต้นแบบเกษตรทฤษฎีใหม่ของอำเภอพนมสารคาม

แนวทางการพัฒนาที่ดิน 6 ไร่ ที่มีอยู่ก็คือ แนวทางที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานไว้นั่นเอง ได้แ ก่ การทำเกษตร


ผสมผสาน และการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ แนวทางทั้งสองประการทำให้เกิดการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังนี้

พื้นที่ร้อยละ 50 ใช้ปลูกพืชผักผลไม้และเลี้ยงสัตว์ เช่น ปลูกกล้วย มะพร้าว มะนาว พืชผักสวนครัว เลี้ยงเป็ ด เลี้ย งไก่
เลี้ยงกบ เลี้ยงวัว

พื้นที่ร้อยละ 30 ใช้ทำนาข้าวและให้วัวกินหญ้า ในช่วงที่ไม่ได้ทำนา ขณะนี้มีวัวอยู่ 9 ตัว โดยเริ่มต้นจากวัว พ่ อ พัน ธุ์แ ม่


พันธุ์ 2 ตัวที่ได้รับจากพ่อแม่ วัวเหล่านี้เปรียบได้กับเงินออมของบ้าน หากต้องการใช้เงินก้อนก็จะขายวัว ถ้าตัวยังเล็กจะขายได้สาม

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
หมื่นบาทขึ้นไป แต่ถ้าตัวโตเต็มที่ จะขายได้ประมาณตัวละแสนกว่าบาท นอกจากเป็นเงินออม วัวที่มีอยู่ทั้ง 9 ตัว ยังสร้างรายได้
สม่ำเสมอจากการขายขี้วัวอีกด้วย โดยทำเป็นปุ๋ยคอกขายได้ถุงละ 30 บาท

ขุดสระน้ำเลี้ยงปลาร้อยละ 10 เหตุที่ใช้พื้นที่สำหรับขุดสระไม่ม ากนักเพราะบริเวณนั้นไม่ข าดแคลนน้ ำทำการเกษตร


สระน้ำที่นี่จึงเน้นการเลี้ยงปลา เช่น ปลาตะเพียนเพื่อจำหน่ายและบริโภค

เป็นที่อยู่อาศัยและทำประโยชน์อื่นๆ ร้อยละ 10 เช่น เตรียมผลิตผลเพื่อนำไปจำหน่าย แปรรูปไข่เป็ดสดเป็นไข่เค็ม คุณ


ปราณีเล่าว่าเป็ดที่มีอยู่ราว 200 ตัวจะให้ไข่มากกว่าเดือนละ 1,200 ฟอง ถ้าขายเป็นไข่สดจะได้กำไรน้อยมาก แต่พอทำเป็นไข่เค็ม
จะได้กำไรถึงฟองละสองบาทกว่า นอกจากนี้ยังมีการเลี้ยงปลาดุกในโอ่งซีเมนต์ข นาดใหญ่ด้วย

สิ่งที่เกิดขึ้นจากการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ท ั้ง 4 ส่วน คือ ทำให้ครอบครัวนี้ม ีอาหารการกินอุดมสมบูรณ์ มีแ หล่งอาหาร


หลากหลาย วันที่คุณณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำทีมงาน The insider มาถ่ายทำรายการ
คุณปราณีใช้เวลาไม่นานทำอาหารให้ลูกชายคือ น้องวินและเด็กหญิงใบบัวที่มากับ ทีมงานรับประทานอย่างเอร็ดอร่อย โดยใช้
วัตถุดิบที่มีอยู่มาทำกับข้าวคือ เก็บไข่เป็ดและเด็ดยอดชะอมที่ปลูกไว้มาทำไข่เจียวชะอม และช้อนปลาดุกจากโอ่งซีเมนต์ม าทำปลา
ดุกทอด

นอกจากอาหารการกินจะอุดมสมบูรณ์ การใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าวข้างต้นยังทำให้ครอบครัวนี้ได้ใช้ชีวิตร่วมกั นอย่า ง


มีความสุข และมีรายได้ไว้จับจ่ายใช้ส อยอย่างพอเพียง โดยมีรายได้เฉลี่ยประมาณเดือนละ 15,000 บาท ซึ่งเป็นรายได้จ ากการ
ขายไข่เค็ม 4,500 บาท ขายผักและผลไม้ 4,300 บาท ขายปุ๋ยคอกที่ได้จากขี้วัวแห้ง 1,800 บาท ขายน้ำส้มควันไม้ที่ได้จากการเผา
ถ่านสำหรับไล่แมลง 1,200 บาท และยังมีรายได้จากการขายไข่เป็ดสด ถ่านไม้ กบ ไข่ไก่ และเมล็ดพันธุ์พืชอีก 3,200 บาท ทั้งนี้ยัง
ไม่รวมรายได้จากการขายวัวเมื่อจำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่

บางคนอาจเข้าใจว่าปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ท ำให้โครงการในพระราชดำริประสบความสำเร็จก็คือ พระบารมีข องใน


หลวงรัชกาลที่ 9 แต่ในความเป็นจริงยังมีตัวอย่างจำนวนมากที่ได้รับแรงบันดาลใจและนำแนวทางที่พระราชทานไว้ม าปรับ ใช้ จ น
ประสบความสำเร็จ ดังครอบครัวที่นำเสนอในบทความนี้ ที่สามารถเปลี่ยนวิถีชีวิตอันเร่งรีบวุ่นวายในเมืองกรุง มาเป็นเกษตรกรที่ มี
อาหารการกินอุดมสมบูรณ์ มีรายได้พอเพียง และทั้งพ่อแม่ลูกได้ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข

“ธ สถิตในดวงในไทยนิรันดร์”

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
ตารางสรุปข้อความที่กำหนดและเลขกำกับบทความที่ 36 และที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ

เลขกำกับ ข้อความที่กำหนด ที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ


11 การทำเกษตรทฤษฎีใหม่
12 การทำเกษตรผสมผสาน
13 ขุดสระน้ำเลี้ยงปลา
14 ใช้ทำนาข้าวและให้วัวกินหญ้า
15 ได้ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข
16 แนวทางการพัฒนาที่ดิน 6 ไร่
17 ปลูกพืชผักผลไม้และเลี้ยงสัตว์
18 เป็นที่อยู่อาศัยและทำประโยชน์อื่นๆ
19 มีรายได้ไว้จับจ่ายใช้สอยอย่างพอเพียง
20 มีอาหารการกินอุดมสมบูรณ์

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
บทความที่ 37

เรื่อง พิษภัยของการบริโภคอาหารรสเค็ม

ผู้ที่สนใจดูแลรักษาสุขภาพตนเองคงสังเกตเห็นว่าในสื่อหลายแหล่ง ทั้งสื่อหลักและสื่อออนไลน์ ได้ให้ความรู้ เรื่ อ งการ


บริโภคอาหารรสเค็มซึ่งมีโซเดียมสูงว่าทำให้เกิดโรคได้หลายโรค ขณะเขียนบทความนี้ สื่อของเครือข่ายลดบริโภคเค็มกำลังเสนอให้
เก็บภาษีความเค็มจากอาหาร เครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยว ฯลฯ ที่มีความเค็มสูงและกรมสรรพสามิตก็กำลังพิจารณาว่าจะเก็บภาษี ความ
เค็มหรือไม่อย่างไร

แหล่งโซเดียมสำคัญที่สุดที่เข้าสู่ร่างกายด้วยการบริโภคก็คือ เกลือ องค์การอนามัยโลกแนะนำให้กินโซเดียมไม่เกิน 2,000


มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งเทีย บได้กับเกลือ 5 กรัม หรือประมาณ 1 ช้อนชาต่อวัน จากผลการสำรวจของกระทรวงสาธารณสุขร่วมกับ
สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล รวมทั้งข้อมูลจากสำนักงานกองทุนสนับ สนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พบว่า คนไทย
ส่วนใหญ่ได้รับโซเดียมเกินกว่าสองเท่าของปริมาณที่ควรได้รับ โซเดียมเป็นแร่ธาตุที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย มีบทบาทสำคัญในการ
ควบคุมความสมดุลของความเป็นกรดด่างและปริมาณน้ำในส่วนต่างๆ ของร่างกาย ในภาวะปกติโซเดียมส่วนใหญ่จะอยู่ในน้ำส่ วนที่
อยู่นอกเซลล์และในเลือดส่วนที่เรียกว่า พลาสมา เมื่อร่างกายได้รับ โซเดียมมากเกินไปก็จะดึงน้ำออกจากเซลล์ม าคั่ งอยู่ น อกเซลล์
และคั่งในหลอดเลือด ทำให้เกิดการคั่งของน้ำและโซเดียมในอวัยวะต่างๆ นอกจากนี้ ไตก็ต้องทำงานหนักมากขึ้นในการขับ โซเดีย ม
ออกจากร่างกาย ดังนั้นการบริโภคอาหารรสเค็มจัดจึงทำให้เกิดโรคต่างๆ ได้ ที่สำคัญคือ ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจขาดเลือด โรค
หลอดเลือดสมองและโรคไต เป็นต้น

ในการประชุม พิจารณามาตรการการควบคุม โซเดียมในอาหารเมื่อวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ.2560 โดยเครือข่ายลดบริ โภค


เค็ม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และองค์การอนามัย โลก มีข้อมูลว่า
คนไทยป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงร้อยละ 21.4 หรือ 11.5 ล้านคน โรคไตร้อยละ 17.5 หรือ 7.6 ล้านคน โรคหัวใจขาดเลื อด
ร้อยละ 1.4 หรือ 0.75 ล้านคน โรคหลอดเลือดสมองร้อยละ 1.1 หรือ 0.5 ล้านคน โดยโรคกลุ่มนี้เกิดจากพฤติกรรมการบริโภคที่ไ ม่
ถูกต้องของประชาชนที่ชื่นชอบอาหารรสชาติเค็ม ซึ่งเป็นอาหารที่มีเกลือหรือโซเดียมสูง

เมื่อทราบถึงพิษภัย ของการบริโภคอาหารรสเค็ม ก็ควรหันมาใส่ใจเรื่องอาหารการกิ นมากขึ้ น จากข้อมูลของกอง


โภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พบว่า ผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรสที่ครัวเรือนคนไทยนิยมใช้กันมาก 5 ลำดับ แรกคือ
น้ำปลา ซีอิ๊วขาว เกลือ กะปิ และซอสหอยนางรมนั้น ล้วนแต่มีโซเดียมสูง เช่น เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ มีโซเดียม 6,000 มิลลิกรัม น้ำปลา
1 ช้อนโต๊ะ มีโซเดีย ม 1,160 – 1,420 มิลลิกรัม ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ มีโซเดีย ม 1,150 มิลลิกรัม กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ มีโซเดียม
1,430 - 1,490 มิลลิกรัม ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ มีโซเดียม 420 – 490 มิลลิกรัม นอกจากนี้ยังพบว่าพฤติกรรมการบริโภค

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
อาหารมื้อหลักของคนไทย มากกว่าร้อยละ 30 จะซื้อกินนอกบ้านทั้ง 3 มื้อ โดยเฉพาะกลุ่ม ที่ท ำงานหรือใช้ชีวิตนอกบ้าน เช่น
ข้าราชการ นักเรีย น นิสิตนักศึกษา พนักงานรัฐวิสาหกิจ และลูกจ้างทั่วไป และมากกว่าร้อยละ 70 ของกลุ่ม ที่ อาศัย อยู่ในเขต
เทศบาลซื้ออาหารกลางวันนอกบ้าน อาหารที่ร ับประทานบ่อยในแต่ละวันได้แ ก่ ข้าวราดแกง ก๋วยเตี๋ยว อาหารจานเดีย ว และ
อาหารตามสั่ง

ขณะนี้องค์กรหลายแห่งทั้งภาครัฐและเอกชน ได้ทำการรณรงค์ให้ลดการบริโภคเค็มกันอย่างกว้างขวาง ทำให้เกิดการ


ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารในหมู่ประชาชนจำนวนไม่น้อย ได้แก่ ปรับเปลี่ยนนิสัยให้กินอาหารจืดลง รับประทานอาหาร
สดตามธรรมชาติ ชิม อาหารก่อนเติม เครื่องปรุงรส ปรุงอาหารโดยเติม เกลือ น้ำปลา หรือซอสปรุงรสต่างๆ ให้น้อยที่สุด เพื่อให้
คุ้นเคยกับอาหารรสจืด หลีกเลี่ยงอาหารเค็ม เช่น ปลาเค็ม หมูเค็ม เนื้อเค็ม เบคอน ไส้กรอก ลดหรือเลิกการใส่ผงชูร สในอาหาร
เพราะผงชูรสก็คือ โมโนโซเดียมกลูตาเมต หากใส่มากและบ่อยเกินไปร่างกายจะได้รับ โซเดียมมาก ไม่กินอาหารสำเร็ จรูป และกึ่ง
สำเร็จรูปที่มีเกลือปริมาณมาก

การรณรงค์ให้ลดการบริโภคเค็มของภาคส่วนต่างๆ นอกจากทำให้พฤติกรรมการกินอาหารเค็มเปลี่ยนแปลงไปดั งกล่า ว


ยังทำให้อาหารหลายอย่างมีการปรับปรุงสูตร ตัวอย่างเช่น ซอสปรุงรสลดโซเดียม น้ำปลาสูตรโซเดียมต่ำ น้ำมะเขือเทศดอยคำ
สูตรโซเดียมต่ำ ปลาร้าลดโซเดียม นอกจากนี้ยังมีการรณรงค์ให้ร่วมกันลงชื่อเพื่อร้องเรีย นต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและ
ยา ให้ออกมาตรการลดปริมาณโซเดียมลงร้อยละ 10ในผงปรุงรสของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทุกยี่ห ้อภายในปี พ.ศ. 2562 เนื่องจาก
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปซึ่งเป็นอาหารใกล้ตัวและเป็นที่นิยมอย่างมากนั้น ในแต่ละซองประกอบด้วยผงปรุงรสที่มีปริมาณโซเดีย มเฉลี่ย ถึง
1,500 – 2,000 มิลลิกรัมซึ่งเกือบเท่าหรือเท่ากับ ปริม าณทั้งหมดที่ควรบริโภคในแต่ละวัน ขณะเขียนบทความนี้มี ผู้ร่วมลงชื่ อแล้ว
กว่า 23,000 คน

พฤติกรรมการกินอาหารที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งอาหารสูตรโซเดีย มต่ำหรือสูตรลดโซเดียมดังตัวอย่างที่กล่าวมา จะ


สามารถป้องกันหรือลดโรคทั้งหลายที่เกิดจากการบริโภคอาหารรสเค็มได้ ดังนั้นนักเรียน นิสิตนักศึกษาซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญ ในการ
พัฒนาประเทศชาติ จึงควรปฏิบัติตนให้ถูกต้องในการบริโภคอาหาร ทั้งนี้นอกจากลดเค็ม ยังต้องลดหวาน ลดมัน และควรให้ความรู้
แก่พ่อแม่ตลอดจนญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงด้วย

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
ตารางสรุปข้อความที่กำหนดและเลขกำกับบทความที่ 37 และที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ

เลขกำกับ ข้อความที่กำหนด ที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ


01 การบริโภคอาหารรสเค็ม
02 การรณรงค์ให้ลดการบริโภคเค็ม
03 ความดันโลหิตสูง
04 น้ำปลาสูตรโซเดียมต่ำ
05 ปรับเปลี่ยนนิสัยให้กินอาหารจืดลง
06 ปลาร้าลดโซเดียม
07 โรคไต
08 โรคหัวใจขาดเลือด
09 หลีกเลี่ยงอาหารเค็ม
10 อาหารหลายอย่างมีการปรับปรุงสูตร

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
บทความที่ 38

เรื่อง ธนาคารปูม้า

ช่วงหยุดยาวเสาร์อาทิตย์ต่อเนื่องวันรัฐธรรมนูญ เพื่อนชวนผู้เขีย นไปเที่ยวระยองและจันทบุรี ขณะนั่งกินปูม้า นึ่ งที่ แ สน


อร่อย เพื่อนเล่าให้ฟังว่าเดี๋ย วนี้มีปูม้ากินตลอดทั้งปีเพราะมีธนาคารปูม้า ด้วยความสนใจจึงหาข้อมูลเพิ่มเติม จนได้ความรู้เรื่อง
ธนาคารปูม้าจากสื่อหลายรายการมาเล่าสู่กันฟัง เช่น จากรายการเดินหน้าประเทศไทย กบนอกกะลา และรายการไปตามฝัน

ปัจจุบ ันมีธนาคารปูม ้าอยู่ห ลายร้อยแห่งตามจังหวัดที่อยู่ริม ทะเล ตัวอย่างที่จะกล่าวในบทความนี้เป็นกิจกรรมของ


ธนาคารปูม้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานของศูนย์ศึกษาการพัฒ นาอ่าวคุ้งกระเบนในพระราชดำริซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลคลองขุด อำเภอท่า
ใหม่ จังหวัดจันทบุรี

หลายปีก่อนหน้านี้จำนวนปูม้าในทะเลลดลงอย่างมาก ชาวประมงต้องออกเรือไปไกลกว่าเดิมเพื่อจับปลามาทดแทน บ้าง


ก็เลิกทำประมงไปหางานอื่นทำ สาเหตุที่ทำให้จำนวนปูม้าลดลงมีหลายประการ ที่สำคัญคือ จับปูม้าจำนวนมากเกินไป โดยทั่วไป
ชาวประมงชายฝั่งจะใช้ลอบสำหรับ ดักปูวางไว้หลายๆ จุดในทะเลหรือจับปูโดยใช้อวนขนาดเล็ก แต่เมื่อปูม้าเป็นที่ นิย มและราคา
สูงขึ้นก็จับ ปูกันอย่างมากมายโดยใช้เครื่องมือทำประมงทุกรูป แบบ บางท้องที่เจออวนลากอวนรุนของเรือประมงขนาดใหญ่
ชาวประมงชายฝั่งก็แทบหมดทางทำมาหากิน เมื่อจับปูกันมากเช่นนี้การขยายพันธุ์ตามธรรมชาติก็ย่อมไม่ทันกับจำนวนที่ถู ก จับ ไป
นอกจากจะจับปูไ ปเป็นจำนวนมาก ยังมีสาเหตุสำคัญอีกประการหนึ่งคือ ตัดวงจรการขยายพันธุ์ของปูม้า เนื่องจากชาวประมง
ไม่ได้แยกแยะว่าปูที่จับได้นั้นมีขนาดเล็กเกินไปหรือไม่ หรือว่าเป็นปูไข่ที่กำลังจะขยายพันธุ์

ในปัจจุบันชุมชนชาวประมงพื้นบ้านได้ช่วยกันแก้ปัญหาอย่างเข้มแข็ง โดยได้กำหนดกติการ่วมกันว่าจะไม่จับปูกันอย่า งไม่


บันยะบันยัง จะช่วยกันดูแลไม่ให้เรือประมงขนาดใหญ่ที่ใช้อวนลากหรืออวนรุนซึ่งผิดกฎหมายเข้ามาจับสัต ว์น้ำในเขตประมงชายฝั่ ง
ตาข่ายของอวนหรือลอบที่ใช้จับปูจะต้องมีตาขนาดใหญ่เพื่อไม่ให้ติดปูที่มีข นาดเล็ก และหากมีปูขนาดเล็กติดมาในอวนหรือ ในลอบ
ดักปูก็จะปล่อยลงทะเลเพื่อให้มีโอกาสเติบ โตและขยายพันธุ์ ตัวอย่างเช่น ชาวประมงพื้นบ้านตกลงกันว่า ถ้าปูที่มีขนาดต่ ำกว่า 8
เซนติเมตรจะปล่อยกลับลงสู่ทะเล และปีต่อไปจะเพิ่มเป็น 10 เซนติเมตร นอกจากนี้ยังมีข้อตกลงที่สำคัญคือ หากจับได้ปูไ ข่ที่มีไ ข่
ออกมาอยู่นอกกระดองก็จะรวบรวมไข่ปูไปส่งให้ธนาคารปูม้าเพื่อทำการเพาะพันธุ์ปูม้าต่อไป ความร่วมมือของชุมชนชาวประมง
ดังกล่าวนี่เอง ที่ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาที่เป็นสาเหตุทั้งสองประการที่ทำให้จำนวนปูม้าลดลงได้เป็นอย่างดี และทำให้ปูม้าในทะเล
มีจำนวนเพิ่มขึ้น

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
งานของศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนฯ มีหลายอย่าง กิจกรรมของธนาคารปูม้าเป็นงานส่วนหนึ่งของศูนย์นี้ โดย
มีกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านบริเวณหาดเจ้าหลาว อำเภอท่าใหม่ และตำบลสนามชัย อำเภอนายายอามให้ความร่วมมือ เมื่อชาวประมง
จับปูมาได้ก็จะแยกปูม้าที่มีไข่ติดอยู่นอกกระดองออกมา ชาวประมงจะใช้แปรงขนนิ่มช่วยกันเขี่ยไข่ปูลงไปในถังน้ำ แล้วรวบรวมไป
ส่งให้ธนาคารปูม้า หลังจากนั้นจะเทไข่ปูลงไปในถังเพาะฟักซึ่งมีอยู่หลายถังเชื่อมต่อกันและมีร ะบบเติม น้ำหมุนเวีย น เมื่อไข่ปูฟัก
เป็นตัว ลูกปูจะว่ายน้ำขึ้นมาหาแสงที่ด้านบนซึ่งมีท่อน้ำล้นให้ลูกปูไหลลงไปในสวิง แล้วรวบรวมลูกปูใ ส่ถั ง น้ ำ เพื่ อ นำไปปล่อ ยใน
แหล่งน้ำที่เหมาะสม

ธนาคารปูม ้ามีข ้อมูลว่า ปูไ ข่นอกกระดองหนึ่งตัวจะมีไข่ป ระมาณ 300,000 ถึง 700,000 ฟอง จะเหลือรอดได้เป็นปู
ประมาณร้อยละ 1 คือประมาณ 3,000 – 7,000 ตัว ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนมากทีเดียว ดังนั้นกิจกรรมของธนาคารปูม้าจึงมีส่วนสำคั ญ
ที่ทำให้ปูม้าในทะเลมีจำนวนเพิ่มขึ้น

นอกจากการดำเนินกิจกรรมของธนาคารปูม้า ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนฯ ยังได้ดำเนินงานอีกหลายอย่างที่เป็น


การพัฒนา อนุรักษ์ ฟื้นฟู และจัดการทรัพยากรชายฝั่งทะเลบริเวณพื้นที่อ่าวคุ้งกระเบนและพื้นที่ใกล้เคีย งให้เ กิ ด ความสมดุ ลใน
ระบบนิเวศและการใช้ป ระโยชน์ ดังนั้น งานของศูนย์ศึกษาการพัฒ นาอ่าวคุ้งกระเบนฯ จึงสามารถแก้ไ ขหรือลดปัญหาอีกสอง
ประการที่เป็นสาเหตุที่ทำให้จำนวนปูม้าลดลง ประการแรกคือ แก้ปัญหาการบุกรุกทำลายป่าชายเลนซึ่งเป็นแหล่งอนุบ าลตัวอ่ อน
ของสัตว์ทะเลทั้งหลายรวมทั้งปูม้า และอีกประการหนึ่งคือ แก้ปัญหาแหล่งน้ำบริเวณป่าชายเลนเน่าเสียซึ่งทำให้ตัว อ่อ นของสัต ว์
ทะเลเติบโตได้ยากหรือตายไป ดังนั้นงานของศูนย์ศึกษาการพัฒ นาอ่าวคุ้งกระเบนฯ ที่นอกเหนือจากงานธนาคารปูม้า จึงเป็นเหตุ
ปัจจัยที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่ทำให้ปูม้าในทะเลมีจำนวนเพิ่มขึ้น

ปัจจุบันชาวประมงมีฐานะความเป็นอยู่ดี ขึ้นเนื่องจากปูม้าในทะเลมีจำนวนเพิ่มขึ้น นอกจากจะมีรายได้เพิ่ม ขึ้น จากการ


ขายปู ครอบครัวของชาวประมงยังมีงานทำที่สามารถสร้างรายได้ไม่น้อยจากการต้มหรือนึ่งปูและแกะเนื้อ ปูข ายให้ นั ก ท่อ งเที่ ย ง
รับประทาน

งานของศูนย์ศึกษาการพัฒ นาอ่าวคุ้งกระเบนในพระราชดำริ ได้ช่วยแก้ปัญหาและเพิ่มจำนวนปูม้าอย่างมีประสิทธิผล เป็น


ต้นแบบของธนาคารปูม้าในท้องที่ต่างๆ และช่วยให้ทรัพยากรจากท้องทะเลคืนความอุดมสมบูร ณ์ นับเป็นพระมหากรุณ าธิ คุณหา
ที่สุดมิได้

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
ตารางสรุปข้อความที่กำหนดและเลขกำกับบทความที่ 38 และที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ

เลขกำกับ ข้อความที่กำหนด ที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ


11 การบุกรุกทำลายป่าชายเลน
12 กิจกรรมของธนาคารปูม้า
13 ความร่วมมือของชุมชนชาวประมง
14 งานของศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนฯ
15 จับปูม้าจำนวนมากเกินไป
16 ชาวประมงมีฐานะความเป็นอยู่ดีขึ้น
17 ตัดวงจรการขยายพันธุ์ของปูม้า
18 ปูม้าในทะเลมีจำนวนเพิ่มขึ้น
19 สาเหตุที่ทำให้จำนวนปูม้าลดลง
20 แหล่งน้ำบริเวณป่าชายเลนเน่าเสีย

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
บทความที่ 39

ปัญหาการใช้สารเคมีทางการเกษตร

สารเคมีทางการเกษตรที่ใช้ในประเทศไทยมีหลายชนิด ที่ใช้อย่างแพร่หลายและใช้เป็นจำนวนมากมีอยู่ 3 ชนิด ได้แก่ พา


ราควอต ไกลโฟเสต และคลอร์ไพริฟอส ขณะเขียนบทความนี้กำลังมีประเด็นที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งและโต้เถีย งอย่า งกว้ า งขวาง
คือเรื่องควรจะแบนหรือไม่แบนสารเคมีดังกล่าว เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2562 คณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติห้ามสารเคมีท าง
การเกษตรทั้ง 3 ชนิดไม่ให้มีการใช้อีกต่อไป โดยห้ามนำเข้า จำหน่าย หรือครอบครองตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2562 เป็นต้นไป
แต่เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 คณะกรรมการวัตถุอันตรายชุดใหม่กลับมีมติให้ขยายเวลาการห้ามใช้พาราควอตและคลอร์
ไพริฟอสออกไปจนถึงวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2563 ส่วนไกลโฟเสตให้ใช้ต่อไปภายใต้การควบคุมและจำกัดการใช้ มติคณะกรรมการ
ฯ วันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 จึงมีผลเปลี่ยนแปลงแก้ไขมติคณะกรรมการฯ เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม เพื่อให้เข้าใจความเป็ นมา
ของความขัดแย้งที่เกิดขึ้น จะขอเริ่มต้นด้วยการอธิบายว่าสารเคมีทั้งสามตัวคืออะไร

ไกลโฟเสต เป็นสารกำจัดหญ้าและวัชพืชชนิดต่างๆ ออกฤทธิ์โดยยับ ยั้งเอนไซม์ที่ใช้ใน shikimate pathway ซึ่งเป็น


กระบวนการสร้างกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช คือ phenylalanine, tyrosine และ tryptophan ส่วนใหญ่
ไกลโฟเสตจะดูดซึมทางใบแล้วกระจายไปในส่วนต่างๆ ของพืชรวมทั้งราก มีฤทธิ์ทำให้พืชหยุดการเติบ โตได้รวดเร็ว ไกลโฟเสตจะ
ยับยั้งเฉพาะการเจริญเติบโต แต่ไม่ยับยั้งการงอกของเมล็ดพืช

พาราควอต เป็นสารกำจัดหญ้าและวัชพืชเช่นกัน ออกฤทธิ์โดยยับยั้งกระบวนการสังเคราะห์แสงของพื ช มีจุดเด่น คือ


ออกฤทธิ์ได้รวดเร็ว ทนต่อการชะล้างด้วยน้ำหรือฝน และเมื่อถูกกับดิน ฤทธิ์ของสารจะลดลง จึงนิยมใช้กำจัดหญ้าและวัชพืน ในการ
ทำไร่ทำนาที่ไม่มีการไถพรวนดิน

คลอร์ไ พริ ฟอส เป็นสารฆ่าหนอนและแมลง จัดอยู่ในกลุ่ม organophosphate ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทโดยยับยั้ง


เอนไซม์ที่มีชื่อว่า acetylcholinesterase กรมวิชาการเกษตรแนะนำให้ใช้กำจัดหนอนและแมลงศัตรูพืชหลายชนิ ด เช่น หนอน
เจาะสมอฝ้าย เพลี้ยจักจั่น ผีเสื้อข้าวเปลือก ด้วงงวงข้าว ด้วงงวงข้าวโพด มอดแป้ง หนอนเจาะฝัก หนอนหน้าแมว แมลงดำหนาม
และด้วงงวงในกล้วย

นอกจากเป็นสารกำจัดศัตรูพืชดังกล่าวข้างต้น ในอีกด้านหนึ่งสารเคมีทั้งสามชนิดกลับมีโทษต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม คือ


ทำให้เกิดโรคและความเจ็บป่วยในมนุษย์ห ลายอย่าง เช่น องค์การอนามัย โลกเตือนว่า ไกลโฟเสตอาจเป็นสารก่อมะเร็ ง ในมนุ ษย์
คือมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดหนึ่ง โดยพบว่าสัม พันธ์กับ การสัม ผัสสารนี้ในการทำเกษตรกรรม และยังมีห ลักฐานว่าไกลโฟเสต
สามารถทำให้เกิดมะเร็งในสัตว์ทดลอง สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ว่าในสหรัฐอเมริกาบริษัทผู้ผลิตและ

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
จำหน่ายไกลโฟเสตกำลังเผชิญกับคดีฟ้องร้องราว 42,700 คดีที่กล่าวหาบริษัทว่าไกลโฟเสตเป็นสารก่อมะเร็งต่อพวกเขา สำหรับ
พาราควอตจะก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อที่สัมผัสกับสาร ผิวหนังเป็นแผลพุพอง หากสัมผัสกับตาจะทำให้ ต าบวมแดง
อักเสบ ประสิทธิภาพในการมองเห็นลดลง หากบริโภคจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองลำคอปอด และหายใจไม่ออก และส่งผลต่อ
การทำงานของตับ ในประเทศโลกที่สามนิยมใช้พาราควอตเป็นยาพิษสำหรับ การฆ่าตัวตาย เนื่องจากเป็นสารพิษที่มีจำหน่ ายทั่วไป
และราคาไม่แ พง ส่วนคลอร์ไพริ ฟอสเข้าสู่ร ่างกายได้ท ั้งทางปาก ผิวหนัง และจากการสูดดม ทำให้ม ีอาการคลื่นไส้ วิงเวีย น
อ่อนเพลีย กล้ามเนื้อหดตัวเป็นหย่อมๆ แน่นหน้าอก อาเจียน ท้องเดิน ตาพร่า น้ำลายออกมากกว่าปกติ หากรุนแรงจะหมดสติ
หายใจลำบาก และหยุดหายใจ นอกจากทำให้คนเจ็บ ป่วย สารเคมีทั้งสามชนิดยังทำให้เกิดภาวะสารพิษปนเปื้อนและตกค้ า งใน
สิ่งแวดล้อมและอาหาร เนื่องจากใช้ไม่ถูกวิธีหรือใช้ในปริม าณมากเกินไป เช่น คลอร์ไพริฟอสหากถูกชะล้างปนเปื้อนลงไปในแหล่ ง
น้ำก็จะเป็นพิษต่อปลา หากใช้ในระยะที่พืชมีดอกกำลังจะบานก็จะเป็นพิษต่อผึ้ง หากใช้ไม่ระมัดระวังก็จะเป็นพิษต่ อตั วห้ ำและตัว
เบียนซึ่งเป็นแมลงที่สามารถช่วยกำจัดแมลงอื่นๆ ที่เป็นแมลงศัตรูพืชได้ หากไม่ เว้นระยะเวลาก่อนเก็บเกี่ย วผลผลิตหลังพ่ นสารครั้ ง
สุดท้ายอย่างน้อย 7-14 วัน ก็จะทำให้สารพิษตกค้างในพืชผักผลไม้ ภาวะที่สารพิษปนเปื้อนและตกค้างเช่นนี้ ในระยะยาวจะมีผล
ทำให้เกิดโรคและความเจ็บป่วยในมนุษย์ได้อีกด้วย

โรคและความเจ็บ ป่วยในมนุ ษย์ รวมทั้งภาวะสารพิษปนเปื้ อนและตกค้า งในสิ่ งแวดล้ อมนี่เองทำให้ เกิ ด มติค ณะ
กรรมการฯ วันที่ 22 ตุลาคม ที่มีผลห้ามสารเคมีทั้งสามชนิดไม่ให้มีการนำเข้าจำหน่าย และครอบครอง แต่ห ลังจากนั้ นมี ค วาม
เคลื่อนไหวคัดค้านมตินี้อย่างรุนแรงด้วยเหตุผลต่างๆ เป็นต้นว่า ถ้าหากยกเลิกสารทั้งสามชนิดแล้วจะให้ เกษตรกรใช้อ ะไรทดแทน
สารเคมีอื่นที่ไม่ถูกห้ามก็มีประสิทธิภาพน้อยกว่าและราคาแพงกว่า จะให้จัดการสารเคมีที่เหลืออยู่ในสต็อกเป็นจำนวนมากอย่ างไร
สารฆ่าวัชพืชก็ไ ม่ไ ด้ใช่ว่าจะตกค้างในอาหารได้ง่ายๆ อย่างที่กลัวกัน เพราะหากเกษตรกรฉีดพ่นสารโดนพืชผักมันก็จ ะตาย
เช่นเดีย วกับ วัชพืช ประเทศสหรัฐอเมริกาก็ท ำหนังสือคัดค้านการห้ามสารไกลโฟเสตว่าจะทำให้พืชบางอย่างเช่น ถั่วเหลืองไม่
สามารถนำเข้ามาขายในไทยได้ ประเด็นนี้ทำให้กลุ่มผู้ผลิตอาหารสัตว์เกรงว่าจะขาดวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต จึงร่วมกันคัด ค้า นการ
ห้ามสารเคมีทั้งสามชนิดเช่นกัน จนในที่สุดจึงมี มติค ณะกรรมการฯ วันที่ 27 พฤศจิกายน ซึ่งมีผลเปลี่ยนแปลงแก้ไ ขมติเมื่ อวั นที่
22 ตุลาคม ดังกล่าวในตอนต้น

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
ตารางสรุปข้อความที่กำหนดและเลขกำกับบทความที่ 39 และที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ

เลขกำกับ ข้อความที่กำหนด ที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ


01 ไกลโฟเสต
02 คลอร์ไพริฟอส
03 พาราควอต
04 มติคณะกรรมการฯ วันที่ 22 ตุลาคม
05 มติคณะกรรมการฯ วันที่ 27 พฤศจิกายน
06 โรคและความเจ็บป่วยในมนุษย์
07 สารกำจัดหญ้าและวัชพืช
08 สารเคมีทางการเกษตร
09 สารฆ่าหนอนและแมลง
10 สารพิษปนเปื้อนและตกค้างในสิ่งแวดล้อม

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
บทความที่ 40

PM2.5 ภัยร้ายใกล้ตัว

ช่วงแรกของเดือนธันวาคม พ.ศ. 2562 คนไทยได้สัมผัสกับอากาศหนาวเย็นอยู่หลายวัน แต่ในขณะเดียวกันภัย ตัว น้อยๆ


คือฝุ่นละอองที่เรีย กกันว่า PM2.5 ก็คืบคลานเข้ามาก่อปัญหาอย่างเงียบๆ เนื่องจาก PM2.5 มีผลกระทบต่อสุขภาพมนุ ษย์ จึงขอ
สรุป ประเด็นที่ค วรรู้เกี่ยวกับ PM2.5 จากสื่อต่างๆ และจากบทความของหัวหน้า สาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค
ภาควิชาอายุรศาสตร์ ซึ่งเผยแพร่ในเวปไซต์ข องคณะแพทยศาสตร์ศิริร าชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ.
2562 ประเด็นที่จะกล่าวถึงได้แ ก่ PM2.5 คืออะไร มีแหล่งที่มาจากไหนบ้าง ระดับที่ผลกระทบต่อมนุษย์คือมากน้อยเพีย งใด และ
จะมีวิธีการป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างไร

PM ย่อมาจากคำว่า Particulate Matter หมายถึงอนุภาคหรือวัตถุที่มีขนาดเล็กมาก ส่วนตัวเลข 2.5 หมายถึงขนาดของ


อนุภ าคที่ม ีเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 2.5 ไมโครเมตรลงมา PM2.5 จะแขวนลอยอยู่ในอากาศรวมกับ ไอน้ำ ควัน และก๊าซต่างๆ
เนื่องจากมันมีข นาดเล็กจึงสามารถนำพาสารต่างๆ ล่องลอยในอากาศรอบตัวเราได้ ถ้ามีมากจะทำให้เห็นเป็นหมอกควั น PM2.5
และสารหลายชนิดที่อยู่บ นผิวของมันเป็นอันตรายต่อมนุษย์ ระดับที่มีผลกระทบต่อมนุษย์ คือระดับที่เกินค่ ามาตรฐาน องค์การ
อนามัยโลกกำหนดค่ามาตรฐานไว้เป็น 3 ระดับตามค่าเฉลี่ยของ PM2.5 ใน 24 ชั่วโมง คือระดับ 1, 2 และ 3 มีค่ามาตรฐานเท่ากับ
75, 50 และ 25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรตามลำดับ สำหรับประเทศไทยกรมควบคุมมลพิษชี้แ จงว่า คณะกรรมการสิ่งแวดล้อม
แห่งชาติได้กำหนดให้ค่ามาตรฐานระดับ 2 มาตั้งแต่ พ.ศ. 2553 เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ สังคม และความเป็นไปได้ข อง
เทคโนโลยีในบ้านเรา

ขณะเขียนบทความนี้หลายพื้นที่ในประเทศมีค่า PM2.5 สูงเกินมาตรฐาน ระดับที่มีผลกระทบต่อมนุษย์เช่นนี้จะทำให้เกิ ด


โรคได้ เพราะมันมีขนาดเล็กมากจนสามารถผ่านลงไปได้ลึกถึงถุงลมที่เป็นส่วนปลายสุดของปอด ทำให้เกิดปฏิกิริย าต่อถุ ง ลมและ
หลอดลมย่อย (Bronchiole) รวมทั้งยังสามารถเล็ดรอดผ่านผนังถุงลมแล้วไชชอนผ่านเส้นเลือดฝอยเข้าสู่กระแสโลหิต และกระจาย
ตัวแทรกซึมไปทั่วร่างกายของเราได้ ความเสียหายที่เกิดต่อปอดเป็นผลจากการกระตุ้นให้เกิดสารอนุมูลอิสระ ลดระบบต้านอนุมูล
อิสระ รบกวนดุลแคลเซียมจนทำให้เกิดการอักเสบ และกระตุ้นยีนที่เกี่ย วข้องกับ การหลั่งสารอักเสบซึ่งเป็ น อั น ตรายต่อ เนื้ อเยื่ อ
ดังนั้นจึงทำให้คนเป็นโรคต่างๆ ได้ ดังนี้

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
• ทำให้คนที่มีโรคระบบการหายใจเรื้อรังเป็นโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ โรคถุงลมโป่งพอง โรคหืด
• ทำให้คนที่มีโรคระบบหัวใจและหลอดเลือดเรื้อรัง เป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
• ในระยะยาวส่งผลให้การทำงานของปอดถดถอย ทำให้เป็นโรคถุงลมโป่งพองได้ แม้จะไม่สูบบุหรี่ก็ตาม
และอาจมีส่วนทำให้เป็นมะเร็งปอดเพิ่มขึ้น

สำหรับแหล่งที่มาที่สำคัญของ PM2.5 คือมาจากการก่อสร้างและจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงที่ไม่สมบูรณ์ เช่น จากการเผา


วัชพืชในพื้นที่เกษตรกรรม จากเครื่องยนต์ข องยานพาหนะในท้องถนน และจากกระบวนการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรม
PM2.5 จะสะสมในบรรยากาศได้ง่ายขึ้นถ้าฝุ่นกระจายออกไปนอกพื้นที่ได้น้อยลง เช่น จังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงต้น ปีมัก มีก ารเผา
วัชพืชกันมากและตัวเมืองมีภูเขาล้อมรอบ จึงเป็นแอ่งกระทะที่ขัง PM2.5 ไว้ได้ง่าย ส่วนในกรุงเทพมหานคร ในช่วงปลายปีถึงต้ นปี
ฝุ่นจะถูกขังอยู่ในพื้นที่ได้ง่ายเนื่องจากลมอับและมีตึกสูงจำนวนมาก

สำหรับ แนวทางการป้องกันแก้ไ ขปัญหานั้นจำเป็นต้องใช้ห ลายมาตรการร่วมกัน ได้แ ก่ มาตรการ ลดการใช้รถยนต์


ส่วนตัว โดยเพิ่มประสิทธิภาพและส่งเสริม ให้คนนิยมเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชน เช่น เพิ่มรถไฟฟ้า เพิ่มรถโดยสารประจำทาง
ลดราคาค่าโดยสาร รวมทั้งใช้เครื่องยนต์ที่มีการเผาไหม้อย่างสมบูร ณ์และมีเครื่องมือดักจับอนุภ าคที่ห ลงเหลื อไม่ ใ ห้กระจายตัว
ออกมา ถัดมาคือมาตรการควบคุมการก่อสร้างให้มีฝุ่นน้อยที่สุด รื้อถอนและทำลายสิ่งก่อสร้างที่ไม่ใช้งานแล้วอย่างถูกวิธี และอีก
มาตรการที่สำคัญคือห้ามการเผาพื้นที่เพื่อทำเกษตรกรรม ตลอดจนการเผาป่าและการเผาขยะ โดยต้องบังคับ ใช้ก ฎหมายอย่ าง
จริงจัง มาตรการเหล่านี้จะสามารถลด ป้องกัน หรือยับยั้งไม่ให้ปริมาณ PM2.5 สูงถึงระดับที่มีผลกระทบต่อมนุษย์ รวมทั้งสามารถ
ลดหรือป้องกันความเจ็บป่วยซึ่งก็คือโรคต่างๆ ที่กล่าวข้างต้น

ในกรณีที่มาตรการที่กล่าวมาไม่ได้ผล คือยังมี PM2.5 สูงเกินค่ามาตรฐาน เราต้องรู้จักป้องกันตนเอง คือหากเป็นผู้ป่วยที่


เป็นโรคระบบการหายใจหรือโรคหัวใจเรื้อรังก็ไม่ควรออกนอกบ้าน หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ให้ใส่ห น้ากากอนามัยชนิ ด พิเ ศษที่ เรีย กว่า
N95 ซึ่งสามารถดักจับ อนุภ าคขนาดจิ๋วได้ถึง 0.3 ไมโครเมตร โดยต้องสวมให้ถูกต้องคือให้กระชับ กับรูปหน้ า สำหรับ คนทั่ วไปที่
จำเป็นต้องออกนอกบ้านอย่างน้อยให้ใส่ห น้ากากอนามัยธรรมดาซึ่งยังพอกรองอนุภ าคขนาดประมาณ 2 – 3 ไมโครเมตรได้ แค่ต้อง
ใส่ให้ถูกต้องเช่นกัน คือหันด้านที่เป็นสีเขีย วและเป็นมั นกว่าออกด้านนอก และปรับขอบที่มีแผ่นเสริม ความแข็ งแรงให้ เข้ ารู ป กับ
ด้านบนของจมูก

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
ตารางสรุปข้อความที่กำหนดและเลขกำกับบทความที่ 40 และที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ

เลขกำกับ ข้อความที่กำหนด ที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ


11 กระบวนการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรม
12 กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
13 การป้องกันและแก้ไขปัญหา
14 การเผาวัชพืชในพื้นที่เกษตรกรรม
15 ควบคุมการก่อสร้างให้มีฝุ่นน้อยที่สุด
16 ถุงลมโป่งพอง
17 ประเด็นที่ควรรู้เกี่ยวกับ PM2.5
18 ระดับที่มีผลกระทบต่อมนุษย์
19 ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว
20 แหล่งที่มา

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
บทความที่ 41

ร่วมแรงร่วมใจสู้ภัยโควิด-19

ในวันปิดประชุมสมัชชาอนามัย โลกสมัยที่ 73 เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัย โลก


ดร.ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ได้กล่าวชื่นชมประเทศไทยว่าเป็นตัวอย่างอันยอดเยี่ยมที่สามารถควบคุมการระบาดของโรคโควิ ด -
19 ได้แ ม้จะยังไม่มีวัคซีน คำกล่าวนี้เห็นได้ชัดจากตัวเลขผู้ป่วยโรคโควิด -19 คือขณะเขียนบทความนี้เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน
ปรากฏว่าทั่วโลกมีผู้ป่วยโรคโควิด-19 สะสมทะลุ 55 ล้านคน และเสียชีวิตกว่า 1 ล้าน 3 แสนคน แต่ไทยมีผู้ป่วยโรคนี้เพียง 3,878
คนและเสียชีวิต 60 คน

ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก นักวิชาการ รวมทั้งสื่อหลายแหล่งทั้งในและนอกประเทศมีความเห็นว่า ปัจจัยที่ช่ว ยให้


ไทยควบคุ ม โรคโควิ ด -19 ได้ ดี ม ี ห ลายอย่ า ง เช่ น ความต่ อ เนื ่ อ งในการพั ฒ นาระบบสาธารณะสุ ข มานานกว่ า 40 ปี
การมี ป ระสบการณ์ จ ากการบริ ห ารจั ด การโรคระบาดที ่เ คยเกิด ขึ ้น มาแล้ว เช่ น โรค SARS (Severe Acute Respiratory
Syndrome) เมื่อปี พ.ศ.2546 และที่สำคัญคือ ความร่วมมือของประชาชนส่วนใหญ่ การปฏิบัติงานอย่างจริงจังของภาครัฐ และ
ความเข้มแข็งของอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) ซึ่งมีจำนวนมากกว่าหนึ่งล้านคนทั่วประเทศ

เพื่อให้เข้าใจว่าปัจจัย ดังกล่าวข้างต้นช่วยให้เราควบคุม โรคได้อย่า งไร คงต้องสรุป ให้เ ห็นภาพก่อนว่าโรคโควิด -19


ติดต่อและระบาดได้อย่างไร

โรคโควิด-19 เป็นโรคติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจ เชื้อไวรัสที่เป็นต้นเหตุข องโรคจะเข้าไปอยู่และเพิ่ม จำนวนมากขึ้น


ในเซลล์ข องเยื่อบุทางเดินหายใจตั้งแต่จมูก ช่องคอ หลอดลม ท่อลม จนถึงถุงลมของปอด เมื่อผู้ป ่วยพูด ไ อ จาม หรือตะโกน
เชื้อไวรัสจะกระจายออกมาทางละอองฝอยจากปากและจมูกผู้ป ่วย เชื้อไวรัสสามารถอยู่ในละอองฝอยรวมทั้งอยู่บนพื้นผิวที่
ปนเปื้อนละอองฝอยเหล่านี้ไ ด้นานพอควร หากใครได้รับเชื้อไวรัสเข้าไปในร่างกายผ่านทางปาก จมูก หรือตาซึ่งมีท่อน้ำตาเชื่ อมต่อ
ลงไปในโพรงจมู ก ก็จะมีโอกาสติดเชื้อและป่วยเป็นโรคโควิด -19 ได้ เมื่อทราบช่องทางการติดเชื้อเช่นนี้ ก็จะเข้าใจเหตุผลว่า
ทำไมการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า การเว้นระยะห่างทางสังคม และการล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่หรือทำความสะอาดมือ
ด้วยแอลกอฮอล์ จึงสามารถลดการแพร่เชื้อจากผู้ป่วยและป้องกันการติดเชื้อจากผู้ป่วยได้

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
ในแง่ตัว ผู้ ป ่ วยที่ ติ ดเชื ้อ โรคโควิด -19 แล้ว ไม่ว่าจะมีอ าการเจ็บ ป่ว ยหรื อไม่ ม ี อ าการก็ ต าม การใส่ห น้า กากและ
การเว้นระยะห่างทางสังคม จะช่วยลดการกระจายเชื้อโรคในละอองฝอยจากปากและจมูกของผู้ป่วยไปสู่ผู้อื่น เพราะหากสวมใส่
หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย อย่างถูกต้อง จะสามารถป้องกันละอองฝอยไม่ให้แพร่กระจายได้แม้จะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ตาม
หากไม่ใส่หน้ากากละอองฝอยที่ออกจากปากและจมูกผู้ป่วยจะออกไปได้ไกลราวหนึ่งเมตร ถ้าร้องตะโกนหรือไอจามรุนแรง อาจจะ
ออกไปได้ไกลกว่านั้น ดังนั้นการใส่ห น้ากากและการเว้นระยะห่างทางสังคมจึงสามารถลดการแพร่เชื้อจากตัวผู้ป่วยได้ เช่นเดีย วกัน
การล้างมือบ่อยๆ จะช่วยฆ่าเชื้อไวรัสที่ติดอยู่ที่มือ หากไปจับต้องสัมผัสสิ่งต่างๆ เช่น ลูกบิดประตู ราวบันได ปุ่มที่กดในลิฟต์ จะได้
ไม่แพร่เชื้อจากผู้ป่วยผ่านทางสิ่งที่สัมผัสไปสู่ผู้อื่น

สำหรับคนที่ยังไม่ติดเชื้อ การสวมหน้ากากาและการเว้นระยะห่างทางสังคมจะช่วยลดโอกาสการติดเชื้อจากละอองฝอย
ที่กระจายออกมาจากปากและจมูกของผู้ป่วย ส่วนการล้างมือบ่อยๆ จะช่วยฆ่าเชื้อไวรัสที่ติดมือมาจากการจับต้องสัมผัส กับ สิ่ งของ
ต่างๆ ที่ป นเปื้อนละอองฝอยของผู้ติดเชื้อ ถึงแม้จะเผลอเอามือมาโดนปาก จมูก หรือขยี้ตา หากมือเราสะอาดปราศจากเชื้อ
ก็มีโอกาสน้อยที่จะติดโรค

ดังนั้น ปัจจัยที่ช่วยให้ไทยควบคุมโรคโวคิด -19 ได้ดี ก็คือความร่วมมือของประชาชนส่วนใหญ่ซึ่งได้แ ก่ การสวมหน้ากาก


การล้างมือบ่อยๆ และการเว้นระยะห่างทางสังคมนั่นเอง

นอกจากการสวมหน้ากาก การเว้นระยะห่างทางสังคม และการล้างมือบ่อยๆ ยังมีมาตรการสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ส ามารถ


ลดการแพร่เชื้อจากผู้ป ่ วยและป้ อ งกั น การติดเชื้ อ จากผู้ ป่วย มาตรการนั้นคือ การสอบสวนโรคและการจัด การกลุ่ม เสี่ย ง
อย่ า งมี ป ระสิ ท ธิ ภ าพซึ ่ ง เกิ ด ขึ ้ น จากการปฏิ บ ั ต ิ ง านอย่ า งจริ ง จั ง ของภาครั ฐ และจากความเข้ ม แข็ ง ของ อสม.
ในส่วนของภาครัฐ ได้จัดตั้งศูนย์บริห ารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (ศบค.) ขึ้น ได้ท ำงาน
ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ ผู้บ ริห ารและนักวิชาการด้านการแพทย์แ ละสาธารณสุข ได้ออกมาตรการควบคุม โรคหลายอย่าง เช่น
ปิดสถานบริการและสถานบันเทิง งดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตรวจคัดกรองและกักตัวผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง และที่ทำอย่างต่อเนื่ อ งคื อ
การประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลความรู้แก่ประชาชน ดังนั้นการปฏิบัติงานอย่างจริงจังของภาครัฐ นอกจากช่วยทำให้เกิดการจัดการกลุ่ม
เสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ ยังช่วยทำให้เกิดความร่วมมือของประชาชนส่วนใหญ่ด้วย

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
สำหรับ อสม. ซึ่งนายแพทย์อมร นนทสุต เป็นต้นคิดและก่อตั้งขึ้นเมื่อกว่าสี่ สิบปีก่อน ถือได้ว่าเป็นขุมกำลังหลักของ
กระทรวงสาธารณสุขในการควบคุมโรคโควิด -19 ปัจจุบันมี อสม. กระจายอยู่ทั่วประเทศประมาณ 1 ล้าน 5 หมื่นคน ความเข้มแข็ง
ของ อสม. นอกจากช่วยทำให้เกิดการจัดการกลุ่มเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ ยังช่วยทำให้เกิดความร่วมมือของประชาชนส่ ว นใหญ่
ด้วยเช่นกัน

ในขณะที่เขียนบทความนี้ ยังไม่มียารักษาหรือวัคซีนป้องกันโรคโควิด -19 ออกมาใช้ สำหรับประเทศไทยคาดว่ากว่า จะได้


ใช้วัคซีนคงไม่เร็วไปกว่ากลางปี พ.ศ.2564 ดังนั้นเพื่อป้องกันการระบาดระลอกสองของโรคโควิด -19 คนไทยจำเป็นต้อ งใช้
“วัคซีนแบบไทย” ต่อไปคือ ร่วมมือกันอย่างจริงจังและต่อเนื่องในการสวมหน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ และเว้นระยะห่ า งทางสั ง คม
ขณะนี้โรคโควิด-19 ในประเทศเพื่อนบ้านเราโดยเฉพาะเมีย นมาร์กำลังระบาดอย่างหนัก หากคนไทย “การ์ดตก” เราอาจหนีไ ม่พ้น
การระบาดระลอกสอง

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
ตารางสรุปข้อความที่กำหนดและเลขกำกับบทความที่ 41 และที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ

เลขกำกับ ข้อความที่กำหนด ที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ


01 การจัดการกลุ่มเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ
02 การติดเชื้อจากผู้ป่วย
03 การปฏิบัติงานอย่างจริงจังของภาครัฐ
04 การแพร่เชื้อจากผู้ป่วย
05 ความเข้มแข็งของ อสม.
06 ความร่วมมือของประชาชนส่วนใหญ่
07 ปัจจัยที่ช่วยให้ไทยควบคุมโควิด-19 ได้ดี
08 ล้างมือบ่อยๆ
09 เว้นระยะห่างทางสังคม
10 สวมหน้ากาก

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
บทความที่ 42

เหรียญสองด้านของ Social Media

สื่อ Social Media ที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันมีหลายอย่าง เช่น Facebook, Google, Twitter, Instagram,


Line สื่อเหล่านี้ล้วนมีอิทธิพลอย่างมากต่อผู้ใช้ เราต้องมองให้เห็นข้อดีข้อเสียหรือ “เหรียญสองด้าน” ของสื่อที่เราใช้ ต้องเข้าใจให้
ชัดเจนว่าการใช้ Social Media ทำให้เกิดข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง และจะใช้สื่ออย่างไรจึงจะได้ประโยชน์เต็มที่

ข้อดีท ี่เห็นชัดเจนอันเกิดจากการใช้ Social Media ก็คือ ช่วยทำให้เราติดต่อ สื่อสารกันได้อย่างรวดเร็ว รับ รู้ข ้อมูล
ข่าวสารได้อย่างกว้างขวาง และค้นหาข้อมูล ความรู้ได้ง่ายขึ้น สำหรับ ข้อเสียที่พูดถึงกันบ่อยๆ ก็คือทำให้ผู้ใช้สื่อถูกหลอกลวง
โดยเฉพาะจากเพื่อนหน้าใหม่ที่เพิ่งรู้จักกันผ่านสื่อ หรือทำให้ได้รับข้อมูลความรู้ที่ไม่น่าเชื่อถือ ได้รับข่าวปลอมข่าวหลอกลวง เหล่านี้
เป็นข้อเสียที่ทราบกันทั่วไป แต่การใช้ Social Media ยังทำให้เกิดข้อเสีย บางประการที่ห ลายคนอาจไม่ท ราบหรื อ คาดไม่ ถึ งเลย
นั่นก็คือข้อเสียที่เกี่ยวโยงกับเบื้องหลังของระบบปฏิบัติการของสื่ อเหล่านี้

เพื่อให้รู้เท่าทันเบื้องหลังดังกล่าว ผู้เขียนบทความจะนำเสนอประเด็นสำคัญให้ได้รับรู้กัน โดยสรุปจากบทความที่มีห ลาย


คนวิเคราะห์ไว้ และจากภาพยนตร์สารคดีเรื่อง The Social Dilemma ซึ่ง Netflix เผยแพร่เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ.2563 เนื้อหา
ของภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ม าจากการสัมภาษณ์ผู้ที่เคยทำงานและเคยมีบ ทบาทหน้าที่ในการพัฒ นาสื่อยักษ์ใหญ่หลายบริษัท รวมทั้ง
ผู้มีชื่อเสียงทางด้านการวิเคราะห์วิจารณ์สื่อ Social Media เช่น ผู้ออกแบบด้านจริยธรรมของ Google ผู้ร่วมลงทุน Facebook ใน
ยุคเริ่ม ต้น ผู้สร้างเทคโนโลยี Virtual Reality (VR) และ Shoshana Buboff ศาสตราจารย์เกียรติคุณของ Harvard University
ผู้เขียนเรื่อง “The Age of Surveillance Capitalism” ซึ่งมีผู้แปลว่า “ยุคแห่งทุนนิยมสอดแนม”

Google ตั้งขึ้นมาเมื่อปี พ.ศ.2541 และต่อมาได้ครอบครองตลาดการค้นข้อมูล ในอิ นเทอร์เน็ ต ระยะแรก Google


ยังไม่เน้นเรื่องการหารายได้จากการโฆษณาสินค้า แต่จากการดำเนินงานทำให้ Google เข้าใจในสิ่งที่ตัวเองทำอยู่คือ ข้อมูลของคน
ที่เข้ามาใช้บริการสามารถนำมาสร้างประโยชน์ได้

เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเข้าไปใช้ Google หรือ Social Media อื่นๆ ข้อมูลของเราจะถูกบันทึกไว้ตลอด เช่น ค้นหาเรื่องอะไร


ดูภาพหรือคลิป อะไร ใช้เวลานานเท่าใด คุยกับใครบ้าง กดไลก์กดแชร์เรื่องอะไร ดูโฆษณาอะไร สั่งซื้อสินค้าอะไร มันรู้กระทั่งว่า
ใครกำลังดูร ูป อดี ต คู่ร ัก ในโทรศั พท์ม ื อถือ รู้สึกโดดเดี่ย วซึม เศร้ าตอนไหน ฯลฯ ข้อมูลเหล่านี้ AI (Artificial Intelligence –
ปัญญาประดิษฐ์) ของระบบจะนำไปวิเคราะห์และสังเคราะห์ออกมาเป็นพฤติกรรมของผู้ใช้ว่าเป็นคนอย่างไร น่าจะกระตุ้ นหรือ
ชักจูงได้ด้วยวิธีใด แล้วให้ AI ของระบบเรีย นรู้เพิ่ม เติม เช่น ถ้าส่งคลิป นี้ห รือโฆษณารูปแบบนี้เข้าไปแทรกสิ่งที่กำลังดูอะไรอยู่

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
จะมีการตอบสนองตามที่ระบบตั้งเป้าไว้หรือไม่ คือให้เราสนใจ ดูสิ่งที่ระบบนำเสนอ อยู่กับสื่อนานที่สุ ด และเข้ามาใช้บ่ อยที่ สุด
เมื่อระบบสามารถทำเช่นนี้ได้ ประโยชน์ที่จะได้รับก็คือรายได้จากการโฆษณา เพราะเมื่อเขารู้นิสัยและความสนใจของเรา ก็สามารถ
ส่งโฆษณาที่สอดคล้องกับ ความสนใจตรงมาที่เราเป็นรายบุคคลได้เลย เข้ากับหลักการที่ว่า “หัวใจของโฆษณาคือ โฆษณาให้ตรงกับ
เป้าหมาย”

เมื่อทราบกระบวนการทำงานของสื่อโซเชียลมีเดียเช่นนี้แล้วก็คงพอมองภาพออกว่า การใช้ Social Media สามารถทำให้


เกิดสิ่งเลวร้ายขึ้นมาได้ห ลายอย่าง เช่น ทำให้คนจำนวนมากตกเป็นเหยื่อของการโฆษณาสินค้า ทำให้ คนจำนวนมากเสพติ ดสื่อ
ออนไลน์อย่างเกินเยียวยาโดยเฉพาะเยาวชน เพราะเป้าหมายของมันคือ โน้มน้าวให้ผู้ใช้สื่อติดใจ ชอบใจ และอยู่กับมันให้มากและ
นานที่สุด พบว่าเยาวชนที่เสพติดสื่อมีอัตราการป่วยเป็นโรคซึมเศร้าหรือแม้แต่การฆ่าตัวตายสูงขึ้นมาก เพราะเกิดการเปรีย บเทีย บ
กันในโลกออนไลน์ว่าตนเองด้อยกว่าผู้อื่น ได้รับการกดไลก์กดแชร์น้อย หรือได้รับคำวิจารณ์ในเชิงลบ นอกจากนี้ยั งเกิ ดข้ อเสีย ที่
น่ากลัวอีกอย่างหนึ่งคือ ทำให้ ส ังคมแตกแยกทางความคิดอย่างรุนแรง หากในโลกออนไลน์ม ีความคิดเห็นแตกต่างกันไม่ว่า
ด้านเศรษฐกิจ สังคม หรือการเมือง ถ้าเราเข้าไปอ่านความเห็นของฝ่ายหนึ่ง ระบบ AI ของสื่อจะนำเสนอความคิดเห็นของฝ่ ายนั้ น
เข้ามาเรื่อยๆ เพราะมันวิเคราะห์ว่าเราชอบเรื่องเช่นนั้น พอมากเข้าๆ ความคิดของเราก็จะเริ่มเอนเอีย งจนตัดสินใจเลือกว่าจะ
เข้าข้างฝ่ายใด หากผู้เสพสื่อส่วนใหญ่ในสังคมใดรู้ไ ม่เท่าทันระบบการทำงานของสื่อ ติดตามแต่สิ่งที่สื่อป้อนมาให้โดยไม่อ่าน
ความเห็นของอีกฝ่ายหนึ่ง และยังไม่ตรวจสอบด้วยว่าข้อมูลที่ไ ด้รับมานั้นจริงหรือไม่ ในที่สุดสังคมนั้นอาจเกิดการแบ่ งขั้ วแบ่ งฝ่ าย
และแตกแยกกันอย่างกว้างขวางและรุนแรง

เมื่อรู้ข้อดีข้อเสียที่เกิดจากการใช้ Social Media ก็จะสามารถกำหนดแนวทางการใช้ Social Media อย่างเหมาะสมได้


ซึ่งมีอยู่หลายวิธี แต่ละวิธีจะสามารถป้องกันหรือลดข้อเสีย รวมทั้งช่วยทำให้เกิดข้อดีที่กล่าวมาได้อย่างเต็มที่ วิธีเหล่านี้มีห ลายวิธี
เช่น ต้องจัดสรรเวลาใช้สื่อให้พอเหมาะพอควรว่าจะใช้สื่อวันละกี่ชั่วโมง เพื่อทำอะไรบ้าง ต้องตรวจสอบเมื่อสงสัย ว่า อาจได้รับ
ข่าวปลอม เป็นวิธีที่จำเป็นยิ่งในยุคนี้ที่มีข่าวปลอมในโลกออนไลน์เยอะมาก ต้องรับข้อมูลความคิดเห็นรอบด้า น วิธีนี้จะช่วยให้
เราไม่ตกเป็นเหยื่อของการยุย งปลุกปั่นจนเกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายในสังคม และวิธีที่สำคัญที่สุดคือ ต้องรู้เท่าทันระบบการทำงาน
และเป้าหมายของสื่อ จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของระบบปฏิบัติการของ Social Media

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์
ตารางสรุปข้อความที่กำหนดและเลขกำกับบทความที่ 42 และที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ

เลขกำกับ ข้อความที่กำหนด ที่ว่างสำหรับร่างรหัสคำตอบ


11 การใช้ Social Media
12 คนจำนวนมากเสพติดสื่อออนไลน์
13 ค้นหาข้อมูลความรู้ได้ง่าย
14 จัดสรรเวลาใช้สื่อให้พอเหมาะพอควร
15 ตรวจสอบเมื่อสงสัยว่าอาจได้รับข่าวปลอม
16 แนวทางการใช้ Social Media อย่างเหมาะสม
17 รับข้อมูลความคิดเห็นรอบด้าน
18 รู้เท่าทันระบบการทำงานและเป้าหมายของสื่อ
19 สังคมแตกแยกทางความคิดอย่างรุนแรง
20 สื่อสารกันได้อย่างรวดเร็ว

เอกสารข้อสอบชุดนี้รวบรวมและเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้เตรียมสอบและนักเรียนทุกระดับชั้น
ห้ามมิให้นำไปใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์

You might also like