Professional Documents
Culture Documents
เนื้อหา ปก.M.60
เนื้อหา ปก.M.60
1. บทบาทของปื นกล
ปื นกลเป็ นอาวุธยิงสนับสนุนพลปื นเล็กทั้งในการเข้าตีและตั้งรับ ปื นกลเป็ นอาวุธที่มีสมรรถนะในการยิง
ต่อที่หมายด้วยอานาจการยิงเป็ นกลุ่มก้อน และมีความแม่นยาซึ่ งปฏิบตั ิอยูข่ า้ งหลังของอานาจการยิงของอาวุธ
ประจากาย สามารถสนับสนุนพลปื นเล็กด้วยกลุ่มการยิงอย่างหนาแน่นโดยใกล้ชิดและต่อเนื่องตามความจาเป็ น
เพื่อให้บรรลุภารกิจที่รับมอบในการเข้าตีสามารถทาการยิงระยะไกล การยิงป้ องกันระยะใกล้และการยิงป้ องกัน
ขั้นสุ ดท้าย โดยใช้เป็ นอาวุธทาการตั้งยิงเป็ นหน่วย อยูเ่ ป็ นส่ วนหนึ่งของหน่วยยิงในการตั้งรับ
2. คาจากัดความ
ก.กล่าวทัว่ ไป
ปื นกลแบบ เอ็ม 60 ระบายความร้อนด้วยอากาศ บรรจุกระสุ นด้วยสายเป็ นอาวุธอัตโนมัติที่มีการทางาน
ด้วยแก๊ส (รู ปที่ 1) เป็ นอาวุธยิงจากท่าลูกเลื่อนเปิ ดป้ อนกระสุ นเข้าปื นด้วยสายกระสุ นโลหะชนิ ดข้อต่อ ปื นทุก
กระบอกจะได้รับจ่ายลากล้องปื น 2 ลากล้อง เป็ นอาวุธที่จดั ระยะหน้าลูกเลื่อนแบบตายตัว ซึ่งทาให้เปลี่ยน
ลากล้องได้รวดเร็ ว
ข.เครื่ องเล็ง
ปื นกลแบบ เอ็ม 60 มีศูนย์หน้าติดแน่นอยูก่ บั ลากล้องเป็ น ใบศูนย์หลังติดตั้งอยูบ่ นฐานมีแหนบ
แบบกระดก (รู ปที่ 2) สามารถที่จะพับศูนย์หลังไปข้างหน้าให้อยูต่ ามแนวพื้นระดับได้ในเมื่อเคลื่อนย้ายปื น
แผ่นมาตราระยะยิงติดอยูท่ ี่ใบศูนย์หลัง โดยมีเครื่ องหมายทุก ๆ ระยะยิง 100 เมตร ตั้งแต่ 300 เมตร จนถึง
ระยะยิงหวังผลสู งสุ ด 1,100 เมตร การเปลี่ยนระยะยิงอาจจะทาโดยใช้กรอบเลื่อนศูนย์หรื อควงมุมสู งก็ได้
กรอบเลื่อนศูนย์หลังมักใช้สาหรับการแก้มุมสู งที่เป็ นหลักใหญ่ ๆ ควงมุมสู งนั้นใช้ในการปรับรายละเอียด
เช่นในระหว่างการยิงปรับศูนย์ปืน ควงมุมสู งเมื่อหมุน 4 คลิก จะแก้มุมสู งของปื นได้ 1 มิลเลียม ศูนย์
สามารถปรับทางทิศไปทางขวาหรื อทางซ้ายข้างละ 5 มิลเลียม จาก 0 ควงมุมทิศ ติดตั้งอยูท่ างด้านซ้ายของตัวศูนย์
1 คลิก ของควงมุมทิศจะแก้ทางทิศได้เท่ากับ 1 มิลเลียม
รูปที่ 1 ปื นกลแบบ เอ็ม 60 ติดตั้งขาทรายแลขาหยัง่
ค.ห้ ามไก
แผ่นห้ามไกติดตั้งอยูท่ างด้านซ้ายของเรื อนเครื่ องลัน่ ไก โดยมีตวั หนังสื อ S (SAFE) และตัวหนังสื อ
F (FIRE) บอกตาแหน่งไว้ เมื่ออยูใ่ นท่าห้ามไกลูกเลื่อนจะดึงมาข้างหลังไม่ได้ หรื อจะปลดให้เคลื่อนที่ไป
ข้างหน้าก็ไม่ได้ คันรั้งลูกเลื่อนติดอยูก่ บั ทางด้านข้างขวาของปื น สาหรับดึงลูกเลื่อนมาข้างหลัง ทุกครั้งที่
ดึงลูกเลื่อนมาข้างหลังด้วยมือ จะต้องดันคันรั้งลูกเลื่อนกลับไปอยูใ่ นตาแหน่งข้างหน้าเสมอ
ค.ปลอกป้ องกันแสง
มีปลอกป้ องกันแสง ซึ่ งติดอยูต่ ่อจากปากลากล้อง ร่ องเซาะของปลอกป้ องกันแสงนี้ จะเกิดอาการ
สั่นในระหว่างทาการยิงและขจัดแสงและควันให้หมดไป
จ.ขาทราย
ปื นกลแบบ เอ็ม 60 สามารถยิงอย่างได้ผลในเมื่อปื นกลติดตั้งขาทราย เหล็กพาดบ่ามีไว้เพื่อรองรับ
ด้านท้ายของปื น ด้ามหิ้วปื นมีไว้สาหรับนาปื นเคลื่อนที่ในระยะใกล้ ๆ และสามารถจัดให้เบนหลบพ้นจาก
เส้นเล็งของพลยิงได้
ฉ.ขาหยัง่
ขาหยัง่ แบบ เอ็ม122 จัดไว้เพื่อทา ให้ปืนเกิดความมัน่ คงในระหว่างการตั้งยิงปื นกลเอ็ม 60 การยิง
ปื นจากขาหยัง่ จะทาให้เกิดความแม่นยามาก และบังคับปื นได้ง่าย
รูปที่ 4 การปลดกลอนยึดพานท้ าย
3.3 การถอดชุ ดเครื่ องรั บแรงถอย
ชุดเครื่ องรับแรงถอยประกอบด้วย แผ่นกลอนเครื่ องรับแรงถอย และเครื่ องรับแรงถอย (รู ปที่ 3)
3.3.1.ใช้อุง้ มือดันท้ายเครื่ องแรงถอยแล้วกดเบาๆ(รู ปที่5) ถอดแผ่นกลอนเครื่ องรับแรงถอยออกจาก
ทางตอนบนของโครงลูกเลื่อน (รู ปที่5)
3.3.2ดึงเครื่ องรับแรงถอยออกช้าๆ เพื่อให้แหนบส่ งก้านสู บค่อยๆขยายตัวออกจนกระทัง่ หัวแหนบ
ส่ งก้านสู บโผล่ออกมาทางด้านหลังของโครงลูกเลื่อน (รู ปที่ 6 )
3.3.3 ดึงแกนเครื่ องรับแรงถอยออกจากช่องหัวแหนบส่ งก้านสู บ (รู ปที่ 6 )
3.4 การถอดชุ ดเคลื่อนที่
ชุดเคลื่อนที่ประกอบด้วย ก้านสู บ ลูกสู บ ลูกเลื่อน แหนบส่ งก้านสู บ และแกนแหนบส่ งก้านสู บ
3.4.1 ดึงแกนแหนบส่ งก้านสู บ และแหนบออกจากโครงลูกเลื่อนแล้วแยกออกจากกัน
3.4.2 ใช้มือซ้ายจับที่ดา้ มปื น แล้วดึงคันรั้งลูกเลื่อนมาข้างหลังจนกระทัง่ ลูกเลื่อนหลุดออกจากช่อง
ที่ลากล้องปื น แล้วคงดึงก้านสู บและลูกเลื่อนมาข้างหลังต่อไป โดยจับที่หวั ลูกเบี้ยว (รู ปที่ 7)
รูปที่ 14 ชุดขาทราย
5.2 การกางขาทราย การปรับและการพบขาทราย
ก. การกางขาทราย วิธีกางขาทรายให้ดึงขาทรายมาข้างหลัง (กดแหนบบังคับ) แล้วด้นลงข้างล่าง
(รู ปที่ 17 ) ขาทรายจะเข้าที่โดยอัตโนมัติ เมื่อกางออกถึงที่ (รปที่17)
ข. การปรับขาทราย การปรับขาทรายให้ยาวนั้นกระทาโดยดึงพลัว่ ขาทรายออก กระเดื่องขาทราย
จะขัดอยูใ่ นช่องทิ่แกนพลัว่ ขาทราย และจะยึดให้อยูต่ ามที่ๆที่ตอ้ งการได้ การปรับขาทรายให้ส้นเข้านั้นให้
กดกระเดื่องยืดขาทราย แล้วดันพลัว่ ขาทรายขึ้นข้างบน (รู ปที่ 17)
ค. การพับขาทราย วิธีพบั ขาทรายให้อยูใ่ นท่าเก็บขาทรายนั้น ให้ดึงขาทรายลงข้างล่าง ( กดแหนบ
บังคับ ) แล้วพับขาทรายให้เข้าทีจนกระทัง่ ยืดแน่นอยูด่ า้ นลากล้องปื น
รูปที่ 15 การกางขาทราย
รูปที่ 16 การปรับพลัว่ ขาทราย
รูปที่ 17 ขาหยัง่ แบบ เอ็ม 112
รูปที่ 18 เรื อนควงมุมส่ าย และควงมุมสู ง เดือยปื น และฐานปื น
รูปที่ 19 ปื นเมื่อเทียบกับขาหยัง่
รูปที่ 20 การติดตั้งเรื อนควงมุมส่ ายและควงมุมสู ง
รูปที่ 21 การถอดเรื อนควงมุมส่ ายและควงมุมสู ง
ตอนที่ 2 ขาหยัง่ เอ็ม 122
รายการทัว่ ไป
ขาหยัง่ เอ็ม 122 ประกอบด้วย ตัวขาหยัง่ เรื อนควงมุมส่ าย และมุมสู ง เดือยปื นและฐานปื น
ก.ตัวขาหยัง่ ประกอบด้วย หัวขาหยัง่ ซึ่ งมีช่องรับเดือยปื นและกลอนยึดเดือยปื น และกลอนยืด
เดือยปื นขาหยัง่ หน้า 1 ขา ขาหยัง่ หลัง 2 ขา และราวคานส่ ายปื น (รู ปที่ 34 )ราวคานส่ ายปื นติดอยูก่ บั ขาหยัง่
หลังทั้งสองขา และเป็ นเครื่ องรองเรื อนควงมุมส่ ายและมุมสู ง บนราวคานได้สลักมาตราเอาไว้ โดยแบ่งเป็ น
ผาตราส่ วนใหญ่ 100 มิลเลียม และมาตราสวนย่อยขีดละ 5 มิลเลียม จากจุดศูนย์กลางมีมาตราทางด้านซ้าย
450 มิลเลียมและทางด้านขวา 425 - 430 มิลเลียม มีปลอกราวส่ ายปื นเพื่อเชื่อมต่อราวสายปื นนกับขาหยัง่ อัน
หลัง เพื่อพับเก็บขาทรายได้ ขอบหยุดราวส่ ายปื นมีไว้เพื่อกางและพับขาหยัง่ มีกลอนยึดปลอกราวส่ ายปื น
อยูท่ ี่ขาหยัง่ ข้างขวา เพื่อยึดขาหยัง่ เมื่อกางขาหยัง่ ออก (รู ปที่ 34)
ข. เรื อนควงมุมส่ ายและควงมุมสู ง (รู ปที่ 35) ประกอบด้วย
1. ก้านต่อควงมุมสู งซึ่ งจะติดเข้ากับแผ่นฐานตัวปื น ซึ่ งอยูใ่ ต้โครงลูกเลื่อน
2. ตัวควงมุมส่ ายสร้างให้มีคลิกเป็ นมิลเลีม หมุน 1 คลิก จะเปลี่ยนไป 1 มิลเลียม ที่ควงมุมส่ ายได้
สลักมาตราเอาไว้ โดยแบ่งเป็ นขีดย่อย 1 มิลเลียม มีท้ งั หมด 25 มิลเลียม เมื่อใช้ควงมุมส่ ายนี้ ปื นสามารถที่
จะส่ ายได้ ประมาณ 100 มิลเลียม (ทางขวา 50 มิลเลียม และทางชัาย 50 มิลเลียม จากจุดศูนย์กลาง)
3. ควงมุมสู ง ประกอบด้วย แกนควงมุมสู งตอนบน และตอนล่าง ควงมุมสู งนี้ได้สร้างไว้ให้มีคลิก
เป็ นมิลเลียม 1 คลิก จะเปลี่ยนมุมสู งไป 1 มิลเลียม บนควงมุมสู งได้ทามาตราเอาไว้ โดยแบ่งเป็ นมาตราส่ วน
ใหญ่ขีดละ 5 มิลเลียม และมาตราส่ วนย่อย ส่ วนละ 1 มิลเลียม การอ่านมาตราส่ วนให้อ่านตรงดรรชนีช้ ี
มาตรา แกนควงมุมสู งตอนบนแบ่งเป็ นขีดช่องละ 50 มิลเลียม สามารถเปลี่ยนมุมสู งได้ท้ งั หมด 400 มิลเลียม
ด้านบน 200 มิลเลียม และด้านล่าง 200 มิลเลียม จากจุด 0
4. เลื่อนราวส่ ายปื นพร้อมกับคันยึดเลื่อนราวส่ ายปื น ชิ้นส่ วนเหล่านี้ทาไว้เพื่อให้เกิดความรวดเร็ ว
ในการเลื่อนปื นบนราวสายปื น การอ่านมาตราต้องอ่านทางขอบซ้ายของเลื่อนราวส่ ายปื น
5. เดือยปื นและฐานปื น (รู ปที่ 35) ประกอบด้วยฐานปื นซึ่งเป็ นที่ติดตัวปื นและเดือยปื นซึ่งจะสวม
เข้ากับหัวขาหยัง่
ค. การติดตั้งปื น
ก. การติดตั้งปื น ._
1. สวมเดือยปื นและฐานปื นลงในช่องสวมเดือยปื น (รู ปที่ 19)
2. จัดสลักหน้า (อยูใ่ นชุดลองลากล้องปื น) เข้ายึดเดือยฐานปื นอันหน้า
3. ลดโครงลูกเลื่อนจนสลักตัวหลังยึดติดอยูภ่ ายใต้กลอนฐานปื น
ข. การประกอบเรื อนควงมุมส่ ายและควงมุมสู ง
1. เมื่อปื นติดตั้งอยูบ่ นขาหยัง่ แล้ว ให้ปลดกลอนบังคับฐานปื น แล้วยกท้ายปื นขึ้น
2. สวมช่องรับแผ่นติดตัวปื นเข้ากับแผ่นติดตัวปื น จากทางด้านหลัง แล้วดันไปข้างหน้า (รู ปที่ 20)
สลักกลอนยึดจะเข้าที่ตามอัตโนมัติอยูข่ า้ งใต้แผ่นติดตัวปื น
3. ลดท้ายปื นลงแล้ววางเลื่อนราวส่ ายปื น (โดยให้คนั ยึดเลื่อนราวส่ ายปื นอยูข่ า้ งหลัง) ลงบนราว
ส่ ายปื น แล้วหมุนคันยึดเลื่อนราวส่ ายปื นเข้าที่จนแน่น
ง. การถอดขึ้นออกจากขาหยัง่
1. การถอดเรื อนควงมุมส่ ายและควงมุมสู ง ให้ปลดคันยึดเลื่อนราวส่ ายปื นออกแล้วยกท้ายปื นขึ้น
กดเหล็กปลดเหล็กยึดลงข้างล่าง แล้วดึงเรื อนควงมาทางด้านหลังตรงๆให้หลุดออกจากแผ่นติดตัวปื น (รู ปที่21)
2. ดันกลอนบังคับฐานปื นให้กลับไปอยู่ ในท่าต่า ยืนถอดอยูท่ างด้านซ้ายของปื น แล้วจับด้ามหิ้ ว
ปื นด้วยมือซ้าย ใช้มือขวากดกลอนฐานปื น แล้วยกท้ายปื นให้สูงขึ้นช้า ๆ แล้วถอดสลักยึดตัวหลังออกจาก
ภายใต้กลอนฐานปื น วางมือขวาลงบนพานท้ายปื น ดึงปื นมาข้างหลังช้า ๆ กดลงบนพานท้ายปื นแล้วยกปื น
ออกจากขาหยัง่
การปฏิบัตแิ ละการทางานของปื น
การปฏิบัติต่อปื น
1.กล่าวทัว่ ไป
ปื นกลแบบ เอ็ม ๖๐ เมื่อจะบรรจุ ทาการยิง เลิกบรรจุ และตรวจปื นนั้นจะปฏิบตั ิในขณะที่ลูก
เลื่อนอยูใ่ นตาแหน่ง เปิ ดลูกเลื่อน ก่อนที่จะดึงลูกเลื่อนมาข้างหลังแผ่นห้ามไกจะต้องเลื่อนอยูใ่ นตาแหน่ง
"ยิง" (FIRE) เสี ยก่อน
2.การบรรจุ 5 ขั้น
1. แผ่นห้ามไก ให้อยูใ่ นตาแหน่งยิง (FIRE)
2.ดึงลูกเลื่อนมาข้างหลัง โดยดึงที่คนั รั้งลูกเลื่อน
3. ในเมือลูกเลื่อนถูกยึดอยูข่ า้ งหลังด้วยกระเดื่องไก แล้วให้เลื่อนคันรั้งลูกเลื่อนกลับไปข้างหน้า
แล้วจัดแผ่นห้ามไกให้อยูใ่ นตาแหน่ง (SAFE)
4.ยกฝาปิ ดห้องลูกเลือนขึ้น ตรวจดูวา่ เครื่ องป้ อนกระสุ น โครงลูกเลื่อนและรังเพลิงสะอาด (รู ปที่ 22)
5.วางกระสุ นนัดแรกของสายกระสุ นลงบนร่ องเครื่ อง ป้ อนกระสุ น แล้วปิ ดห้องลูกเลื่อนตรวจดูให้
แน่วา่ กระสุ นยังคงวางอยูใ่ นร่ องของเครื่ องป้ อนกระสุ น (รู ปที่ 22)
3.การเลิกบรรจุ
1.ดึงลูกเลื่อนมาข้างหลัง จัดแผ่นห้ามไกอยูใ่ นตาแหน่ง (SAFE) แล้วดันคันรั้งลูกเลื่อนกลับไป
ข้างหน้า ยกฝาปิ ดห้องลูกเลือนขึ้นแล้วถอดกระสุ นหรื อสายกระสุ นออกจากเครื่ องป้ อนกระสุ น
4. การตรวจปื น
ก. ภายหลังที่ ปื นเลิกบรรจุแล้ว
1.ตรวจดูฝาปิ ดห้องลูกเลื่อน เครื่ องป้ อนกระสุ น โครงลูกเลื่อน รังเพลิง ว่าปลอดภัยดี ไม่มีอะไร
ตกค้างกยู่
2. เสร็ จแล้วจัดแผ่นห้ามไก่ให้อยูใ่ นตาแหน่งยิง (FIRE) แล้วเหนี่ยวไก เสร็ จแล้วเลื่อนแผ่นห้ามไก
อยูใ่ นตาแหน่งห้ามไก (SAFE)
3.ในระหว่างการฝึ กเรื่ องเครื่ องกลไก ปื นจะปลอดภัย เมื่อลูกเลื่อนอยูข่ า้ งหน้าสุ ด ห้ามไกตั้งอยูท่ ี่
SAFE และยกฝาปิ ดห้องลูกเลื่อนขึ้น ในระหว่างการฝึ กยิงด้วยกระสุ นจริ ง ควรใช้แส้ทาความสะอาดปื น
สอดเข้าไปในลากล้องปื น จนกระทัง่ เห็นปลายแส้อยูด่ า้ นในของโดรงลูกเลื่อน แล้วถอดออก
การทางานของเครื่ องกลไก
1.กล่าวทัว่ ไป
ก. ถ้าจะกล่าวถึงความรู ้เบื้องต้นของการทางานของเครื่ องกลไก ปื นกล เอ็ม 60 แล้วชุดพลประจา
ปี นต้องมีความรู ้ดีกว่า โดยสามารถจัดการทางานของปื น และสามารถแก้ไขเหตุติดขัดซึ่ งเกิดขึ้นในระหว่าง
การยิงได้
ข. อาวุธปื นกลได้ออกแบบ ให้มีการทางานของเครื่ องกลไกอย่างอัดโนมัติ ปื นจะลัน่ ออกไปได้
นานเท่านานตราบที่กระสุ นยังคงป้ อนเข้าในปื น/เละเหนี่ยวไก่ไว้ทุกๆครั้งที่ยงิ กระสุ นออกไป 1 นัด ขึ้นส่ วน
ของเครื่ องกลไกปื นจะเกิดการทางานพร้อม ๆ กัน ในเวลาเดียวกัน และจะแบ่งออกเพื่อความมุ่งหมายในการ
สอนให้เข้าใจเท่านั้น ลาดับขั้นของการปฏิบตั ิการของปื นเรี ยกว่า วงรอบของการทางานของปื น
ค. เพื่อให้เกิดความเข้าใจได้ง่ายจึงแบ่งวงรอบของการทางานของปื นเป็ น 8 ขั้น ดังนี้.-
1. การป้อนกระสุ น กระสุ นนัดหนึ่งจะต้องเข้าอยูท่ ี่ร่องเครื่ องป้ อนกระสุ น
2.การเข้าสู่ รังเพลิง กระสุ นนัดหนึ่งจะถูกดันออกจากสายกระสุ น และเข้าสู่ รังเพลิง
3. การขัดกลอน ลูกเลื่อนจะขัดกลอนอยูท่ ี่ดา้ นในของช่องขัดกลอนที่ลากล้อง
4.การยีง เข็มแทงชนวนจะกระแทกและจุดจอกกระทบแตกที่จานท้ายปลอกกระสุ น
5. การปลดกลอน ถูกเลื่อนจะปลดกลอนออกจากช่องขัดกลอนที่ลากล้องปื น
6. การรั้งปลอกระสุ น ปลอกกระสุ นเปล่าจะถูกดึงออกจากรังเพลิง
7.การคัดปลอกกระสุ น ปลอกกระสุ นเปล่าจะกระเด็นออกจากโครงลูกเลื่
8.การขึ้นนก กระเดื่องไกจะเข้าขัดแง่ยดึ กระเดื่องไกที่กา้ นสู บ
รูปที่ 22 การป้อนกระสุ นเมื่อยังไม่ ได้บรรจุ และบรรจุกระสุ นแล้ว
วงรอบของการทางานของเครื่ องกลไก
วงรอบของการทางานของเครื่ องกลไก จะเริ่ มต้นเมื่อใส่ กระสุ นนัดแรกเข้าไปยังช่องเครื่ องป้อน
กระสุ น และแล้วเหนี่ยวไกมาข้างหลัง เพื่อปลดกระเดื่องไกให้หลุดจากแง่ยดึ กระเดื่องไก (รู ปที่ 23) ปื นจะ
หยุดยิงต่อเมื่อปล่อยไก และกระเดื่องจะเข้าขัดกับแง่ยดึ กระเดื่องไกที่กา้ นสู บเมื่อยังคงเหนี่ยวไกมาข้างหลัง
อยู่ ด้านหลังของกระเดื่องไกจะต่าลงพันจากแง่ยดึ ของกระเดื่องไกจึงทาให้กา้ นสู บและลูกเลื่อนเคลื่อนที่ไป
ข้างหน้าได้ดว้ ยแรงของแหนบก้านสู บขณะที่ปืนจะเริ่ มทางาน วงรอบของการทางานจะเริ่ มต้น
รูปที่ 24 การป้อนกระสุ น
ข. การเข้าสู่ รังเพลิง
1. ขณะที่ลูกเลื่อนเคลื่อนที่ไปข้างหน้า แง่ขดั กลอนลูกเลื่อนตอนบนจะดันเข้ากับขอบจานท้าย
กระสุ น (รู ปที่ 25) แรงกดของช่องบังคับกระสุ นด้านหน้าและต้านหลังจะบังคับกระสุ นเอาไว้ขณะเมื่อแง่ขดั
กลอนตอนบนของลูกเลื่อนสัมผัสเข้า ช่องบังคับกระสุ นด้านหน้าจะป้ องกันอาการเคลื่อนไหวด้านหน้าของ
สายกระสุ น ในขณะที่กระสุ นถูกถอดออกจากสายกระสุ น
2.แง่ขดั กลอนลูกเลื่อนตอนบน จะนากระสุ นเคลื่อนที่ไปข้างหน้าลาดด้านหลังรังเพลิงจะบังคับให้
ปลายหัวกระสุ นกดต่าลงเข้าสู่ รังเพลิง (รู ปที่ 26)
รูปที่ 25 การเลื่อนขณะสัมผัสกับกระสุ น
รูปที่ 26 กระสุ นถูกดันเข้ าสู่ รังเพลิง
3. เมื่อกระสุ นเข้าถึงที่ในรังเพลิงจนสุ ดแล้ว ขอรั้งปลอกระสุ นจะอ้าออกจับขอบจานท้ายปลอกกระสุ น
และเหล็กดันปลอกกระสุ นซึ่ งอยูท่ ี่หน้าลูกเลื่อนกดให้จมลงไป
ค. การขัดกลอน ขณะเมื่อกระสุ นเข้าสู่ เพลิงแล้ว ลูกเลื่อนก็เข้าขัดกลอนที่ทา้ ยลากล้องปื น แง่ขดั กลอน
อันบนและอันล่างจะสัมผัสเข้ากับพื้นร่ องลูกเลื่อนภายในช่องขัดกลอนลูกเลื่อน และแล้วลูกเลื่อนจะหมุนตัว
ตามเข็มนาฬิกา ก้านสู บยังคงเคลื่อนที่ไปข้างหน้าต่อไปเพราะเดือยก้านสู บสวมอยูใ่ นช่องรับที่ลูกเลื่อน เมื่อ
ลูกเลื่อนหมุนตัวตามเข็มนาฬิกา 1/4 รอบ (รู ปที่27) จะเป็ นการขัดกลอนอย่างสมบูรณ์
รูปที่ 27 ปื นกาลังขัดกลอนพร้ อมที่จะยิง
ง. การยิง หลังจากลูกเลื่อนเคลื่อนที่ไปข้างหน้าสุ ด และอยูใ่ นท่าขัดกลอนแล้ว ก้านสู บยังคงเคลื่อนที่
ไปช้างหน้าโดยอิสระได้อีกชัว่ ระยะสั้นๆ อันหนึ่ง เดือยก้านสู บที่ยนั อยูร่ ะหว่างขอบจานเข็มแทงชนวนจะ
ดันเข็มแทงชนวนให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้า ปลายเข็มชนวนจะโผล่ผา่ นรู ที่หน้าลูกเลื่อน ออกไปกระแทกเข้า
กับจอกกระทบแตกของกระสุ นและจุดชนวนขึ้น (รู ปที่ 28 )
รูปที่ 28 เมื่อยิง
จ. การปลดกลอน
1. หลังจากกระสุ นถูกจุดและขับดันลูกกระสุ นผ่านพ้นรู แก๊สไปแล้วแก็สบางส่ วนจะขยายตัวไหล
เข้าไปในกระบอกแก๊ส โดยผ่านรู แก๊ส จะเกิดขยายตัวอย่างรวดเร็ วเข้าดันต่อหัวลูกสู บให้เคลื่อนที่ถอยมา
ข้างหลังด้วย (รู ปที่ 29)
2.ขณะที่กนั สู บเคลื่อนที่ถอยมาช้างหลังต่อไปนั้น เดือยก้านสู บซึ่ งสวมอยูใ่ นช่องรับเดือยที่ลูกเลื่อน
จะบังคับให้ลูกเลื่อนเริ่ มตันหมุนทวนเข็มนาฬิกา แง่ขดั กลอนอันบนและอันล่างที่ถูกเลื่อนจะสัมผัสเข้ากับ
ร่ องรับด้านในของซ่องชัดกลอน ลูกเลื่อนจะหมุนไป 1/4 รอบ( ทวนเข็มนาฬิกา) เป็ นการปลดกลอนลูกเลื่อน
ออกจากช่องขัดกลอนที่ทา้ ยลากล้อง การปลดกลอนจะเริ่ มเมื่อเดือยก้นสู บสัมผัสเข้ากับส่ วนโค้งของช่อง
เดือยที่ลูกเลื่อน และสิ้ นสุ ดลงเมื่อลูกเลื่อนพ้นออกจากปลายของช่องขัดกลอน
รูปที่ 29 อาการดันของแก๊สขณะเมื่อปลดกลอนลูกเลื่อน
ฉ. การรั้งปลอกกระสุ น ขณะเมื่อกาลังปลดกลอนอยู่ ขอรั้งปลอกกระสุ นจะเริ่ มต้นทางาน อากาหมุน
ของลูกเลื่อน (ตอนปลดกลอน ) ทาให้ปลอกกระสุ นหลวมจากรังเพลิง ขณะก้านสู บและลูกเลื่อนเคลื่อนที่
ถอยไปข้างหลัง ขอรั้งปลอกกระสุ น (จับอยูท่ ี่ขอบจานท้ายปลอกกระสุ น) จะดึงปลอกกระสุ นเปล่าออกจาก
รังเพลิง (รู ปที่ 30)
รูปที่ 30 การรั้งและคัดปลอกกระสุ น
ช.การคัดปลอกกระสุ น ขณะที่ปลอกกระสุ นถูกถอนออกจากรังเพลิง แหนบเหล็กคัดปลอกกระสุ นจะ
ขยายตัว เหล็กคัดปลอกกระสุ นจะดันจานท้ายปลอกกระสุ น บังคับให้ดา้ นหน้าของปลอกกระสุ นเบนหัว
ออกทางด้านขวารองโครงลูกเลื่อน ขณะที่ลูกเลื่อนยังคงเคลื่อนที่ถอยมาข้างหลังอาการดันของเหล็กคัด
ปลอกกระสุ น ต่อจานท้ายปลอกกระสุ น และขอรั้งปลอกกระสุ นจะจับขอบจานท้ายไว้ทางขวา จึงทาให้
ปลอกกระสุ นกระเด็นออกจากปื น เมื่อปลอกกระสุ นเคลื่อนที่มาถึงช่องคัดปลอกกระสุ น( รู ปที่ 30) สาย
กระสุ นร่ วงจะถูกบังคับให้กระเด็นออกตรงช่องคัดสายกระสุ น ในขณะเมื่อลูกเลื่อนเคลื่อนที่ถอยมาข้างหลัง
จึงทาให้กระสุ นนัดต่อไปเข้าอยูใ่ นร่ องเครื่ องป้ อนกระสุ น
ซ. การขึ้นนก
1.ขณะที่แก๊สขยายตัวเข้าไปดันลูกสู บมาข้างหลัง ก้านสู บจะเคลื่อนถอยมาอย่างเดียวในขั้นต้นโดย
ลูกเลื่อนไม่ถอย เมื่อเดือยของก้านสู บสัมผัสกับขอบจานเข็มแทงชนวนด้านหลัง จะทาให้เข็มแทงชนวนถอย
ตัวออกจากจอกกระทบแตกของปลอกกระสุ นที่ยงิ่ แล้ว เดือยของก้านสู บยังคงเคลื่อนที่ถอยมาข้างหลังต่อไป
จนกดขอบจานเข็มแทงชนวนอย่างเต็มที่ โดยดันแหนบเข็มแทงชนวนให้อดั ตัว (รู ปที่ 28)
2. ตราบเท่าที่ยงั เหนี่ยวไกมาข้างหลังอยู่ ปื นจะยังคงเริ่ มต้นทางานตามสาดับทั้ง 7 ต่อไป อีกเป็ น
อัตโนมัติ เมื่อปล่อยไก กระเดื่องไกจะเข้ายึดอยูก่ บั แง่ยดึ กระเดื่องไก วงรอบของการทางานจะหยุดลงและ
ปื นจะยังขึ้นนกอยู่ (รู ปที่ 23)
การทีป่ ื นไม่ ทางาน เหตุตดิ ขัดวิธีแก้ไขเหตุติดขัด
การบารุ งรักษา และการทาลายปื น
การทีป่ ี นไม่ ทางาน เหตุติดขัด และวิธีแก้ ไขเหตุติดขัด
ก. การทีป่ ื นไม่ ทางาน
1.การที่ปืนไม่ทางาน คือ การที่เครื่ องกลไกของปื นทางานบกพร่ องติดขัด ไม่เป็ นไปตามปกติ การ
ที่กระสุ นผิดรู ป หรื อการที่พลประจาปื นปฏิบตั ิต่อปื นไม่ถูกต้อง จะไม่นบั ว่าเป็ นสาเหตุของการที่ปืนไม่
ทางาน สาเหตุของปื นไม่ทางาน 2 ประการ ในสาเหตุทวั่ ไปของปื นกล แบบ เอ็ม 60 คือ การทางานของปื น
ฝื ดช้า และการทางานของปื นติดต่อกันเรื่ อยไป
2. การที่ปืนทางานฝื ดช้า และวิธีแก้ไข การที่ปืนเกิดการทางานช้า ตามปกติสาเหตุเกิดจากปื นมี
การเสี ยดสี ข้ ึนมาก โดยปื นสกปรกมีข้ ีเขม่า ขาดการหล่อลื่นที่ถูกต้อง ชิ้นส่ วนชารุ ดสึ กหรอ หรื อเนื่องจาก
แก็สระบายออกมากเกินไป ตามธรรมดาการที่แก๊สระบายหนีออกมากเกินไป จะเนื่ องจากจุกรู แก๊สหลวม
หรื อหลุดหาย ควรทาความสะอาดและหล่อลื่นปื นเสี ยตรวจแก้ชิ้นส่ วนที่ชารุ ดสึ กหรอโดยตลอดแล้ว เอา
ชิ้นส่ วนอะไหล่ใหม่ใส่ เข้าที่ตามความจาเป็ น
3. การที่ปืนทางานติดต่อกันเรื่ อยไปและวิธีแก้ไข การที่ปืนทางานติดต่อกันเรื่ อยไป คือ การที่ปืน
ยังคงยิงติดต่อกันออกไปทั้งๆ ที่ได้ปล่อยไกแล้ว ซึ่ งสาเหตุอาจเนื่องมาจากกระเดื่องไกสึ กหรอ แง่ยดื
กระเดื่องไกสึ ก หรื อปื นถอยมาข้างหลังน้อย (คือส่ วนเคลื่อนที่ถอยมาข้างหลังพอที่จะป้ อนกระสุ นใหม่และ
ยิงนัดใหม่เท่านั้น ไม่ถอยมาช้างหลังอีก พอที่จะให้กระเดื่องไกเข้าขัดกับแง่ยดื กระเดื่องไก สาเหตุเกิดจาก
แรงดันแก็สน้อยหรื อตัวก้านสู บมีข้ ีเขม่ามากเกินไป)
4.ถ้าเป็ นเกิดบกพร่ องในกรณี เช่นนี้ ให้ปืนยังคงเล็งไปยังที่หมายจนกว่าจะหยุดป้ อนกระสุ นหรื อ
จนกว่ากระสุ นหมด วิธีแก้ไขที่ดีที่สุดในการที่จะให้ปืนหยุดยิงย่อมขึ้นอยูก่ บั ปั จจัยหลายประการ เช่น
จานวนกระสุ นที่เหลืออยูใ่ นสายกระสุ น ปื นตั้งยิงในลักษณะไหนจัดให้มีพลยิงผูช้ ่วยอยูห่ รื อไม่ในขณะนั้น
เช่นตัวอย่าง ในการยิงตะลุมบอนโดยใช้กระเป๋ ากระสุ นติดอยูก่ บั ปี น พลยิงยังต้องเคลื่อนที่ไปข้างหน้าและ
รักษาระดับปื นให้เล็งต่อเป้าหมายจนกว่ากระสุ นจะหมด ในการยิงกรณี อื่นๆ ควรพิจารณาในชั้นต้น คือ
รักษาระดับของปื นให้ยงิ ไปยังเป้ าหมาย อย่างไรก็ดี พลยิงหรื อพลยิงผูช้ ่วยอาจจะปฏิบตั ิต่อปื นให้หยุดยิงได้-
1. ยกผาปิ ดห้องลูกเลื่อนขึ้น จะเป็ นการหยุดการป้ อนกระสุ น
2. จับสายกระสุ นบิดขวางหรื อถอดกระสุ นออกจากสาย เพื่อหยุดการป้อนกระสุ น
3. จับคันรั้งลูกเลื่อนให้แน่น แล้วดึงมาข้างหลัง เพื่อหยุดลูกเลื่อนไม่ให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้า
4. เมื่อปื นหยุดยิงแล้ว ให้ถอดปื นออกแล้วตรวจดูกระเดื่องไก และแง่ยดึ กระเดื่องไกว่าชารุ ดสึ ก
หรอแค่ไหน ตรวจดูระบบของแก๊สว่าจุกรู แก็ส ท่อต่อกระบอกสู บ และเป็ นเกลียวกระบอกสู บชันแน่นไหม
ทาความสะอาดก้านสู บเปลี่ยนชิ้นส่ วนใหม่เท่าที่จาเป็ น
ข. เหตุติดขัด
เหตุติดขัด คือ การที่วงรอบของการทางานของปื นไม่เป็ นปกติ สาเหตุจากปื นทางานไม่ถูกต้อง หรื อเนื่องจาก
กระสุ นผิดรู ป เหตุติดขัดแบ่งออกตามความสัมพันธ์เกี่ยวข้องของวงรอบของการทางานของปื นต่างๆ ได้
แสดงไว้ในตารางที่ 2 โดยบอกถึงสาเหตุและวิธีแก้ไขไว้
การทีป่ ื นไม่ ทางานและเหตุติดขัด
การที่ปืนไม่ทางานหรื อติดขัด อาจจะเนื่องมาจากสาเหตุ วิธีแก้ไข
ไม่ป้อนกระสุ น แรงดั้นของแก๊สไม่เพียงพอ ทาความสะอาดรู แก๊ส
ขอรั้งกระสุ นหรื อแหนบชารุ ด ส่ งคืนหน่วยเหนือ
ช่องบังคับกระสุ นอันหน้า ส่ งคืนหน่วยเหนือ
และอันหลังชารุ ด
กลอนฝาปิ ดห้องลูกเลื่อนชารุ ด ส่ งคืนหน่วยเหนือ
แหนบคันเลื่อนสายกระสุ นชารุ ด ส่ งคืนหน่วยเหนือ
ลูกเบี้ยวชารุ ด ส่ งคืนหน่วยเหนือ
การหล่อลื่นไม่เพียงพอ ให้การหล่อลื่น
กระสุ นหรื อสายกระสุ นชารุ ด เปลี่ยนใหม่
บรรจุสายกระสุ นผิดทาง กลับสายกระสุ นเสี ยใหม่
แหนบส่ งก้านสู บชารุ ดอ่อนล้า เปลี่ยนแหนบใหม่
มีสิ่งกีดขวางในโครงลูกเลื่อนนา เอาออกเสี ย
ไม่นากระสุ นเข้ารังเพลิง ปลอกกระสุ นบวมผิดรู ป ถอดกระสุ นนัดนั้นออก
กระบอกสู บมีเขม่ามาก ทาความสะอาดเขม่าออก
โครงลูกเลื่อนมีเขม่ามาก ทาความสะอาดเขม่าออก
กระสุ นชารุ ด เปลี่ยนกระสุ นใหม่
ปื นไม่ลนั่ เข็มแทงชนวนชารุ ดหรื อหัก เปลี่ยนเข็มแทงชนวนใหม่
การที่ปืนไม่ทางานหรื อติดขัด อาจจะเนื่องมาจากสาเหตุ วิธีแก้ไข
ไม่ร้ ังปลอกกระสุ น แหนบเข็มแทงชนวนชารุ ดหรื อหัก เปลี่ยนแหนบใหม่
กระสุ นผิดรู ป เปลี่ยนกระสุ น
รังเพลิงสกปรก ทาความสะอาดหรื อเปลี่ยน
แหนบส่ งก้านสู บล้าหรื อชารุ ด เปลี่ยนแหนบใหม่
ขอรั้งหรื อแหนบหัก เปลี่ยนใหม่
ถอยมาข้างหลังน้อย ทาความสะอาดรู แก๊ส, ก้านสู บ
และหล่อลื่น
ลูกสู บใส่ กลับทาง ใส่ ใหม่ให้ถูก
ไม่คดั ปลอกกระสุ น เหล็กดัดปลอกกระสุ นหรื อ
แหนบหักหรื อชารุ ด ทาความสะอาดหรื อเปลี่ยน
ชิ้นส่ วนใหม่
ไม่ข้ ึนนก กระเดื่องไกหัก สงคืนหน่วยเหนือ
แง่ยดึ กระเดื่องไกสึ ก ส่ งคืนหน่วยเหนือ
แกนกระเดื่องไกหรื อแหนบ
หักหรื อชารุ ด ส่ งคืนหน่วยเหนือ
มีสิ่งกีดขวางในโครงลูกเลื่อน ทาความสะอาดตามความต้องการ
ถอยมาข้างหลังน้อย ทาความสะอาดรู แก๊ส
ปื นยิงติดต่อกันตลอดเวลา กระเดื่องไกหักหรื อสึ กหรอ ส่ งคืนหน่วยเหนือ
แง่ยดึ กระเดื่องไกที่กา้ น สู บสึ กส่ งคืนหน่วยเหนื อ
ปื นทางานฝื ดข้า เกิดการเสี ยดสี มาก ทาความสะอาดแล้วหล่อลื่น
แก๊สระบายหนีออกมากเกินไป ขันหรื อเปลี่ยนจุกรู แก๊สใหม่
ค. การแก้ ไขเหตุติดขัดทันทีทนั ใด
1. การแก้ไขเหตุติดขัดทันทีพนั ใด คือ การปฏิบตั ิต่อเป็ นเพื่อลดเหตุติดขัดลงโดยปราศการ
ตรวจสอบถึงสาเหตุ การแก้ไขแบบนี้ตอ้ งกระทาทันทีภายในเวลา 10 วินาที รวมทั้งเวลาที่ตอ้ งรอคอย
ในขณะเมื่อลากล้องมีความร้อนสู ง อาจเป็ นสาเหตุให้กระสุ นลัน่ ออกไปได้เอง การยิงกระสุ นจานวน 150
นัด ในเวลา 2 นาที อาจจะทาให้ลากล้องร้อนสู งพอที่จะเป็ นต้นเหตุให้กระสุ นลัน่ ออกไปเองได้
ข้างหน้าใน 5 วินาทีแรก เพื่อรอดูวา่ เป็ นอาจจะเกิดการลัน่ ช้า)
2. ถ้าเกิดการติดขัดขึ้น ให้รอคอยประมาณ 5 วินาที (ลูกเลื่อนยังคงต้องอยูข่ า้ งหน้าใน 5 วินาทีแรก
เพื่อรอดูวา่ ปื นอาจจะเกิดการลัน่ ช้า
3. หลังจากรอแล้ว 5 วินาที ให้ยกฝาปิ ดห้องลูกเลื่อนขึ้นแล้วถอดกระสุ น และสายกระสุ นออกจาก
เครื่ องป้อนกระสุ น
4. ดึงคันรั้งลูกเลื่อนมาข้างหลัง ตรวจให้แน่วา่ กระเดื่องไกเข้าขัดกับแง่ยดึ กระเดื่องไกที่กา้ นสู บแล้ว
ปิ ดฝาปิ ดห้องลูกเลื่อนทันที แล้วผลักคันรั้งลูกเลื่อนให้อยูใ่ นตาแหน่งหน้าสุ ด
5.ในระหว่างที่ดึงให้ลูกเลื่อนถอยมาข้างหลัง จงสังเกตดูวา่ มีกระสุ นถูกรั้งและคัดออกมาหรื อไม่
ก. ถ้ากระสุ นไม่ถูร้ ังออกมาให้เหนี่ยวไก พยายามยิงกระสุ นออกไปใหม่ (ถ้ากระสุ นไม่ลนั่ และ
ลากล้องร้อน ต้องคอยอย่างน้อยที่สุด 5 นาที ในขณะนั้นลูกเลื่อนยังคงอยูใ่ นตาแหน่งหน้าสุ ด เพื่อป้ องกัน
ความเสี ยหายหรื อเกิดการบาดเจ็บในกรณี กระสุ นลัน่ เอง)
ภายหลังการรอ 5 นาที แล้วให้ถอดกระสุ นนัดนั้นออกโดยใช้แส้ทาความสะอาดสอดเข้าไปทางปากลากล้อง
ปื นดันออกมา
ข. ถ้ากระสุ นถูกรั้งออกมาหรื อเมื่อกระสุ นหลุดออกมาจากรังเพลิงแล้วให้ตรวจปื นและกระสุ น
เพื่อค้นหาสาเหตุของการติดขัด
ค.ภายหลังการตรวจอาวุธแล้ว ให้บรรจุกระสุ นใหม่ ทาการเล็งไปยังเป้ าหมาย และพยายามยิงต่อไป
การบารุ งรักษา และการทาลาย
ก. กล่าวทัว่ ไป
การบารุ งรักษาปื นกล แบบ เอ็ม 60 นั้น หมายรวมถึงการตรวจการทาความสะอาดและการเปลี่ยน
ทดแทนชิ้นส่ วนปื น เจ้าหน้าที่และการจัดในการบารุ งรักษาอย่างสมบูรณ์ จะกล่าวไว้ใน ทน. 9-1005-224-12
ทน. 9-1005-22-20 และหัวข้อบทเรี ยน1005-224-10
ข. การตรวจ
การตรวจจะเริ่ มต้นเมื่อได้ถอดปื นออกมาเป็ นชิ้นส่ วนใหญ่ๆ 6 ชิ้นส่ วนแล้ว
1. พานท้ายปื น
ก. ต้องไม่แตกร้าว สวมพอเหมาะกับโครงลูกเลื่อน
ข. ร่ องสวมพานท้ายต้องไม่แตกร้าว คดงอ หรื อชารุ ด
ค. เหล็กพาดบ่า และกลอนยึดควรจะทางานได้ถูกต้อง
ง. ยางรองพานท้ายและชิ้นส่ วนอื่นๆ ของปื นควรจะได้ทาการตรวจอย่าให้ทาความสะอาดด้วย
วัตถุทาความสะอาดที่หา้ มทา ส่ วนต่างๆ เหล่านี้ ทาความสะอาดวัสดุที่หา้ มแล้วจะทาให้ยางนุ่ม และจะไม่
สามารถใช้การได้
2.ชุดเครื่ องรับแรงถอย
ก.รับแรงถอยจะบรรจุอยูด่ า้ นใน ตรงกับแผ่นยางรองพานท้าย ไม่ควรมีน้ ามันอยูข่ า้ งใน
ข. แผ่นกันเครื่ องรับแรงถอย และร่ องแผ่นกันเครื่ องรับแรงถอยต้องไม่ชารุ ด แตกร้าว หรื อคดงอ
ค.แกนเครื่ องรับแรงถอย ต้องสวมเข้าในช่องแกนหัวแหนบส่ งก้านสู บอย่างง่าย
3.ชุดเคลื่อนที่
ก. แง่ยึดกระเดื่องไก ต้องไม่ปรากฏร่ องรอยว่าเกิดสึ กหรอ (การสึ กหรอมากบางทีจะแสดงถึงว่าการ
ลัน่ ไกกระทาไม่ถูกต้อง)
ข. ลูกเบี้ยว แป้ นลูกเลื่อน สลักแป้ นลูกเลื่อน และโครงลูกเบี้ยว ควรได้รับการตรวจดูวา่ ยังคงใช้ได้อยู่
ค. เข็มแทงชนวน ควรจะตรวจดูความสึ กหรอของปลายเข็มแทงชนวน
ง. ก้านสู บ แหนบส่ งก้านสู บ และแหนบเข็มแทงชนวนจะต้องไม่คดงอหรื อหัก
จ.เหล็กตัดปลอกกระสุ น และขอรั้งปลอก จะต้องได้รับการตรวจดูวา่ ชิ้นสวนนั้นๆ อยูใ่ นลักษณะมี
แหนบดันอยู่ และไม่บิ่นหรื อสึ กหรอ
4.ชุดเรื อนเครื่ องลัน่ ไก
ก.กระเดื่องไก ต้องไม่ปรากฏร่ องรอยว่ามีการสึ กหรอมาก (การสึ กหรอมากบางทีจะแสดงถึงว่าการ
ลัน่ ไกกระทาไม่ถูกต้อง)
ข.ควรจะได้ทาการตรวจหาการแตกร้าวใกล้ๆ กับสลักเรื อนเครื่ องลัน่ ไก
ค.ดูให้แน่วา่ ใบแหนบมีลกั ษณะคดงออย่างถูกต้อง
ง.แผ่นห้ามไกควรจะทางานเป็ นปกติ(เมื่อตั้งแผ่นห้ามไก SAFE แล้วเหนี่ยวไกกระเดื่องไกต้องไม่
เคลื่อนตัว และเมื่อตั้งแผ่นห้ามไกที่ยงิ FIRE จะต้องเคลื่อนตัวได้
5. ชุดลากล้องปื น
ก. ปลอกป้ องกันแสงต้องขันแน่น (ต้องตรวจดูท้ งั 2 ลากล้อง) ศูนย์หน้าและแกนยึดลากล้องปื น
ต้องไม่คดงอ แตกร้าว หรื อชารุ ด
ข.ชุดขาทรายต้องตรวจดูวา่ ทางานอย่างถูกต้อง
ค.รู แก๊สที่กระบอกสู บต้องสะอาด
ง.ลูกสู บและกระบอกสู บต้องไม่ชารุ ด และลูกสู บต้องเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ ความกว้างระหว่าง
ผนังกระบอกสู บด้านในกับลูกสู บจะต้องเล็กพอที่การเคลื่อนที่ของลูกสู บเป็ นการทาความสะอาดตัวเองด้วย
ระบบแก๊สควรจะทาการถอดและทาความสะอาดในเมื่อปื นเกิดอาการยิงฝื ดช้าเท่านั้น และสาเหตุอย่างอื่นที่ทา
ให้เกิดอาการยิงฝื ดช้ามักจะไม่ค่อยพบนัก หรื อควรถอดเพื่อการฝึ กสอนไม่บ่อยครั้งนัก
6.ชุดโครงลูกเลื่อน
ก.ไม้รองลากล้องปื น เหล็กปิ ดฝาห้องลูกเลื่อน เครื่ องป้ อนกระสุ น คันรั้งลูกเลื่อน และโครงลูก
เลื่อน ต้องไม่แตกร้าว หรื อคดงอ
ข.แผ่นคันเลื่อนสายกระสุ นและก้านต่อแผ่นคันเลื่อนสายกระสุ นเครื่ องช่วยป้ อนกระสุ น เครื่ องยึด
สายกระสุ น และกลอนยึดลากล้องปื น ต้องตรวจดูวา่ ทางานเรี ยบร้อย
ค.แผ่นศูนย์หลังระยะยิงต้องมองเห็นชัด หมุดเกลียวแผ่นระยะยิงต้องต้องไม่สึกหรอหรื อชารุ ด
รวมถึงว่าต้องไม่หลวม และขันแน่น
7.เครื่ องยึดปื น
ก.เรื อนควงมุมสายและควงมุมสู งต้องไม่ฝืด ตัวเลขมาตราควรอ่านได้ง่าย
ข.เดือยปื นต้องสวมพอดี และกลอนยึดเดือยปื นจะต้องยึดเดือยปื นเข้ากับช่องยึดเดือยปื นอย่างแน่น
ค.กลอนยึดปลอกขาหยัง่ ทางานปกติและคานราวส่ ายปื นแน่นมัน่ คง
8. ถุงลากล้องอะไหล่ (รู ปที่ 31)
ก.เครื่ องมือบารุ งรักษาปื น จะต้องมีการตรวจว่ามีอยูอ่ ย่างสมบูรณ์ และสามารถใช้การได้
ข. ถุงลากล้องอะไหล่ตอ้ งไม่ลา้ งมากเกินไป เพราะการล้างบ่อยๆ จะทาให้ไม่กนั น้ า เพราะผ้าใบจะเสื่ อ
รูปที่ 33 พลยิงกาลังกางขาทรายออก
2.3 การตรวจของพลยิงผู้ช่วย
2.3.1 พลยิงผูช้ ่วยอยูใ่ นท่านอนเริ่ มต้นตรวจกระสุ นก่อน
2.3.2 นาเอาแส้ทาความสะอาด และเครื่ องมือควบออกจากถุงลากล้องอะไหล่ แล้วประกอบแส้เข้าด้วยกัน
2.3.3 เสร็ จแล้วพลยิงผูช้ ่วยนา เรื อนควงมุมส่ าย และเรื อนควงมุมสู งออกมา (รู ปที่ 19)
2.3.3.1 หมุนด้วยแป้ นควงมุมสู งให้เส้นเกลียวโผล่ต่ากว่าตัวควงมุมสู งประมาณ 1 1/2นิ้ว
2.3.3.2 หมุนปลอกแกนควงมุมสู ง ให้เส้นเกลียวโผล่ต่าจากตัวแป้ นควงประมาณ 1 1/2นิ้ว
2.3.3.3 หมุนแป้ นควงมุมสู งจนกระทัง่ จานวนเกลียวแต่ละข้างมีเท่ากัน
2.3.3.4 ตรวจสลักก้านต่อของตัวก้านต่อ เพื่อดูวา่ ทางานถูกต้องและมีแรงดึงของแหนบ
2.3.3.5 นาเรื อนควงมุมส่ ายและควงมุมสู งเข้าที่ แล้วนาลากล้องอะไหล่ออกมาจากถุงลากล้องอะไหล่
2.3.4 การตรวจลากล้องอะไหล่ พลยิงผูช้ ่วย
2.3.4.1 ตรวจดูลากล้อง และรู ระบายแก๊สตอนหน้าของท่อต่อกระบอกสู บว่าปลอดภัย
2.3.4.2 ตรวจดูปลอกป้ องกันแสงไม่แตกร้าว
2.3.4.3 ตรวจดูศูนย์หน้าขันแน่นและใบศูนย์ไม่ชารุ ดเสี ยหาย
2.3.4.4 ตรวจดูขาทรายทางานได้ถูกต้อง
2.3.4.5 ตรวจท่อต่อกระบอกสู บ จุกรู แก๊ส และเป็ นเกลียวกระบอกสู บโดยใช้เครื่ องมือควบขันให้แน่น
2.3.4.6 ตรวจดูทา้ ยลากล้องปื นอยูใ่ นลักษณะปลอดภัย
2.3.5 พลยิงผูช้ ่วยจะทาการตรวจเครื่ องมือเครื่ องใช้อย่างเรี ยบร้อยต่อเมื่อนาลากล้องอะไหล่เข้าเก็บในถุง
ปิ ดฝาถุงแยกท่อนแส้ทาความสะอาดเข้าเก็บ แล้วนาเครื่ องมือควบเข้าเก็บในกระเป๋ าเครื่ องประกอบ แล้ว
ตรวจดูเหล็กถอดปลอกกระสุ นแปรงทาความสะอาดลากล้อง แปรงทาความสะอาดรังเพลิง แปรงทาความ
สะอาดห้องลูกเลื่อน และถุงมือกันความร้อน ว่ายังสามารถใช้การได้
2.4 การตรวจของพลกระสุ น
2.4.1 พลกระสุ นอยูท่ ่านอน ทาการตรวจกระสุ น
2.4.2 เมื่อเสร็ จแล้วทาการตรวจขาหยัง่ ดังนี้
2.4.2.1 ตรวจดูวา่ ขาหยัง่ พับเข้าหากันได้เกือบสนิ ท
2.4.2.2 ตรวจดูกลอนปลอกขาหยัง่ ว่ามีแหนบยึดและยังใช้งานได้
2.4.2.3 ตรวจดูกลอนยึดเดือยปื นว่าได้ยดึ ติดอยูภ่ ายในช่องรับเดือยปื น และเดือยปื นสามารถหมุน
ตัวในช่องรับอย่างอิสระ
2.4.2.4 ตรวจเดือยฐานปื นอันหน้าไม่สกปรกและชี้ไปข้างหน้า
2.4.2.5 ปลดกลอนบังคับฐานปื นลง
2.4.2.6 กดกลอนฐานปื นดูวา่ ไม่สกปรก และมีแรงดันของแหนบ
2.4.3 การปฏิบตั ิตามนี้ เป็ นการตรวจเครื่ องเมื่อเครื่ องใช้ของพลกระสุ น
2.5 การรายงานการตรวจเครื่ องมือเครื่ องใช้ แล้วเมื่อได้ตรวจเครื่ องมือเครื่ องใช้แล้ว พลประจาปื นแต่ละ
คนต้องรายงานดังนี้
2.5.1 พลกระสุ นรายงาน “พลกระสุ นเรี ยบร้อย” หรื อรายงานข้อบกพร่ อง
รูปที่ 33 พลยิงกาลังตรวจรังเพลิง
2.5.2 พลยิงผูช้ ่วยรายงาน “พลกระสุ น และพลยิงผูช้ ่วยเรี ยบร้อย”หรื อรายงานข้อบกพร่ อง
2.5.3 พลยิงรายงาน “ทั้งหมดเรี ยบร้อย” หรื อรายงานข้อบกพร่ อง
2.5.4 ในระหว่างการตรวจถ้าพบข้อบกพร่ องไม่เรี ยบร้อยให้รายงานด้วย
รูปที่ 34 พลยิงกาลังตรวจลากล้องและรูระบายแก๊ส
2.6 การนาปื นตั้งยิง
การนาปื นตั้งยิง ผบ.หมู่ จะออกคาสั่งตั้งยิงและให้สัญญาณดังนี้
“ปื นตั้งยิงตรงนี้” (ชี้ที่ต้ งั ยิงให้กบั ปื น) “ข้างหน้า” (ชี้ตรงไปยังทิศทางที่ยงิ )“ตั้งยิง” (กามือชี้ในทิศทางที่
กาหนดให้ปืนเข้าตั้งยิง)
2.6.1 เมื่อได้รับคาบอกคาสั่ง “ตั้งยิง” พลยิงจะลุกขึ้นยืนจับด้ามหิ้วปื นด้วยมือซ้าย มือขวาจับด้านบน
ของพานท้ายปื น ยกปื นอยูใ่ นท่าถือปื นโดยให้ปากลากล้องปื นไปข้างหน้า แล้วเคลื่อนที่ไปเข้าที่ต้ งั (รู ปที่ 20)
2.6.2 เมื่อปื นนาเข้าถึงที่ต้ งั ยิงแล้ว พลยิงวางปื นลงที่พ้นื แล้วพลยิงหมอบนอนอยูด่ า้ นหลังปื น จัดด้าม
หิ้วปื นให้อยูใ่ นท่าที่ไม่บงั ขวางในระหว่างทาการเล็งและยิงจัดแนวปื นไปในทิศทางที่จะยิงแล้วยกศูนย์หลัง
ขึ้น (รู ปที่ 21) แล้วเปิ ดฝาปิ ดห้องลูกเลื่อนนากระสุ นนัดแรกเข้าบรรจุในร่ องเครื่ องป้ อนกระสุ นแล้วปิ ดฝา
ห้องลูกเลื่อน (ตรวจดูวา่ กระสุ นต้องไม่หล่นออกมาจากร่ องเครื่ องป้ อนกระสุ น) เสร็ จแล้วยกเหล็กพาดบ่าขึ้น
ประทับปื นวางเหล็กพาดบ่าลงบนไหล่ทาท่ายิงอย่างถูกต้อง (รู ปที่ 22)
2.6.3 พลยิงผูช้ ่วยรอเวลาจนพลยิงทาท่านอนแล้ว พลยิงผูช้ ่วยจะเคลื่อนที่มาถึงที่ต้ งั ยิงแล้วทาท่านอน
ตะแคงสะโพกข้างซ้ายติดพื้น เท้าทั้งสองชี้ไปข้างหลังอยูท่ างด้านซ้ายของปื น วางถุงลากล้องอะไหล่ขนาน
กับทิศทางของปื น ให้ทางด้านปิ ดตรงไปยังปื น แล้วเปิ ดถุงลากล้องอะไหล่ออกมา กางขาทรายออกวางลา
กล้องอะไหล่ลงบนถุงให้ลากล้องอยูข่ า้ งหน้า และอยูใ่ นระดับเดียวกับปากลากล้องปื นที่ต้ งั ยิง (รู ปที่ 22)
26.4 พลกระสุ นรอเวลาจนผูช้ ่วยพลยิงทาท่านอนแล้ว พลกระสุ นจะเคลื่อนที่มาถึงที่ต้ งั ยิง แล้วตั้งขา
หยัง่ หนึ่งทางด้านซ้ายของลากล้องปื นในแนวเดียวกับปื นให้หวั ขาหยัง่ หันออกจากปื น ปลดสายรัดขาหยัง่
ออกแล้วจึงตั้งขาหยัง่ ทั้งสองต่อไป แล้วออกไปทางซ้ายของที่ต้ งั ปื นห่างประมาณ 10 เมตร ในท่านอนยิง
แล้วเตรี ยมยิงไป ณ พื้นที่ที่หมายด้วยอาวุธประจากายของตน (รู ปที่ 23)
2.6.5 ถ้าจาต้องปรับขาทราย พลยิงผูช้ ่วยจะคืบตัวไปข้างหน้า ใช้มือซ้ายจับที่คานหัวขาทราย ยกปากลา
กล้องปื น พลยิงผูช้ ่วยต้องสวมถุงมือ แล้วจัดความสู งของ
ขาทรายด้วยมือขวา
2.6.6 เมื่อปื นพร้อมที่จะยิง (รู ปที่ 24) พลยิงจะเลื่อนแผ่นห้ามไกตั้งอยูท่ ี่FIRE แล้วรายงาน “พร้อม” พล
ยิงผูช้ ่วยให้สัญญาณ “พร้อม” ไปยังผูบ้ งั คับหมู่
รูปที่ 35 พลยิงผู้ช่วยถอดเรื อนควงมุมส่ ายและควงมุมสู งออกมาตรวจ
2.7 การเปลีย่ นลากล้องปื น
เพื่อให้เกิดความชานาญและรวดเร็ วในการเปลี่ยนลากล้องปื นเรื่ องนี้ จึงได้กาหนดไว้ในการฝึ กพล
ประจาปื นด้วยการปฏิบตั ิกระทาดังต่อไปนี้
2.7.1 เมื่อพลยิงรายงาน “พร้อม” และพลยิงผูช้ ่วยให้สัญญาณ “พร้อม”ผูบ้ งั คับหมู่ออกคาสั่ง “เปลี่ยน
ลากล้อง”
2.7.2 พลยิงวางพานท้ายปื นกับพื้นแล้ว จัดแผ่นห้ามไกอยูท่ ี่ “ห้ามไก”(SAFE) แล้วยกคันกลอนยึดลา
กล้องปื นด้วยมือขวา เลื่อนไปข้างหลังแล้ววางจับอยูท่ ี่ดา้ นบนของพานท้ายปื น ใช้มือซ้ายรองอยูข่ า้ งใต้ของ
รองลากล้องปื น มือขวากดพานท้ายปื นลงเพื่อให้ปากลากล้องปื นยกขึ้น แล้วใช้มือซ้ายยกปากลากล้องปื นขึ้น
(รู ปที่ 25
2.7.3 พลยิงผูช้ ่วย (สวมถุงมือทนความร้อน) จับลากล้องตรงเรื อนกระบอกแก๊สถอดออกจากปื น แล้ว
วางให้ทา้ ยลากล้องปื นอยูบ่ นถุงอะไหล่ จับลากล้องปื นอะไหล่ตรงเรื อนกระบอกแก๊สสอดเข้าไปในร่ องลา
กล้องปื น
2.7.4 พลยิงพับคันกล้องยึดลากล้องปื นลง เลื่อนแผ่นห้ามไกตั้งอยูท่ ี่ FIREทาท่ายิงที่ถูกต้องแล้ว
รายงาน “พร้อม” พลยิงผูช้ ่วยให้สัญญาณ “พร้อม” แก่ ผบ.หมู่
รูปที่ 36 พลยิงนาปื นเข้ าที่ต้งั ยิง
2.8 การเลิกตั้งยิง
ในการปฏิบตั ิต่อปื นเพื่อเลิกตั้งยิง ผบ.หมู่ ออกคาสั่งและให้สัญญาณเลิกยิง พลยิงและพลยิงผูช้ ่วยทวน
คาสั่ง
2.8.1 เมื่อได้รับคาสัง่ “เลิกยิง” พลกระสุ นเคลื่อนที่มายังที่ต้ งั ยิงโดยสะพายอาวุธประจากายไว้ เก็บ
กระเป๋ ากระสุ นซึ่งวางไว้ เก็บขาหยัง่ ปื นแล้วนามาอยูท่ ี่เดิมซึ่ งอยูข่ า้ งหลังที่ต้ งั ปื นประมาณ 15 ก้าว ก้มตัวลง
ทาท่านอนโดยจัดให้ขาหยัง่ ปื นอยูข่ า้ งหน้าหัวขาหยัง่ อยูท่ างด้านซ้าย
2.8.2 พลยิงผูช้ ่วยพับขาหยัง่ ของลากล้องอะไหล่ แล้วนาเข้าเก็บในถุง ก่อนที่จะลุกขึ้นต้องตรวจดูวา่ ถุง
ลากล้องอะไหล่ปืนมีลากล้องอะไหล่และเรื อนควงมุมส่ ายควงมุมุสูงอยู่ แล้ว กลับ ไปยังทีเดิม ซึ่งอยูข่ า้ งหลัง
ทีต้ งั ยิง ประมาณ 10 ก้าว แล้วรออยูใ่ นท่านอน พลยิงผูช้ ่วยใช้เวลาขณะนี้ปิดฝาถุงลากล้องอะไหล่ให้เรี ยบร้อย
ในเมื่อไม่สามารถปฏิบตั ิได้ ณ ที่ต้ งั ปื น
รูปที่ 37 พลยิงเตรียมปื นทาการยิง
2.8.3 พลยิงวางพานท้ายปื นลงบนพื้น โดยให้ลูกเลื่อนอยูด่ า้ นหลังเลื่อนแผ่นห้ามไกไปตั้งอยูท่ ี่ SAFE
แล้วยกฝาปิ ดห้องลูกเลื่อนขึ้นถอดกระสุ นออกจากเครื่ องป้ อนกระสุ นนาเข้าใส่ คืนในกระเป๋ ากระสุ นแล้วปิ ด
ฝากระเป๋ ากระสุ น พลยิงตรวจดูรังเพลิงว่าปลอดภัยปิ ดฝาปิ ดห้องลูกเลื่อน ดันแผ่นห้ามไกไปตั้งที่ FIRE แล้ว
เหนี่ยวไก แล้วเลื่อนแผ่นห้ามไกตั้งอยูท่ ี่ SAFE มือขวาปิ ดเหล็กพาดบ่าลง และมือซ้ายพับศูนย์หลังลง มือซ้าย
จับด้ามหิ้วปื น มือขวาจับที่พานท้ายปื นลุกขึ้นยืน ให้เท้าขวาเป็ นจุดหมุน หมุนตัวโดยที่ปืนไม่หมุนตามคล้าย
กับยกปื นด้วยสะโพกด้านซ้ายแล้วเคลื่อนที่ไปยังที่เดิม (รู ปที่ 26) เมื่อเคลื่อนที่มาถึงที่เดิมมองตรวจดูวา่ พล
กระสุ น และพลยิงผูช้ ่วยอยู่ ณ ที่เดิมแล้ว ทาท่านอนโดยให้ปืนอยูด่ า้ นขวา พับขาทรายให้แนบตามลากล้อง
ปื น แล้วรายงาน “พร้อม” ไปยัง ผบ.หมู่
รูปที่ 38 พลยิงอยู่ในท่ าตั้งยิง
รูปที่ 43 กรวยการยิงและรูปอาการกระจาย
2.13 รู ปอาการกระจาย และกึ่งกลางกลุ่มกระสุ นตก พื้นที่ซ่ ึ งกรวยการยิงไปตกยังพื้นดินหรื อบนที่
หมาย เรี ยกว่า รู ปอาการกระจาย (รู ปที่ 43 และ 44)
2.1.3.1 ขนาดและรู ปร่ างของอาการกระจายจะเปลี่ยนไป เมื่อระยะยิงถึงเป้าหมายเปลี่ยนไป และ
เมื่อยิงไปยังภูมิประเทศที่มีลกั ษณะแตกต่างกันบนพื้นที่ลาดเสมอ
หรื อพื้นระดับรู ปอาการกระจายจะมีรูปร่ างเป็ นยาวรี (ยาวและแคบ) (รู ปที่ 44) เมื่อระยะ
หมายเพิ่มมากขึ้นเกินกว่า 500 เมตร รู ปอาการกระจายจะสั้นและกว้างกว่าเมื่อทาการยิงลงบนพื้นที่ลาดต่า
รู ปอาการกระจายจะยาว เมื่อทาการยิงลงบนพื้นที่ลาดขึ้นรู ปอาการกระจายจะสั้น เรื่ องความกว้างของรู ป
อาการกระจายนั้น ลักษณะของภูมิประเทศไม่ค่อยจะมีผลกระทบกระเทือนมากนัก
2.13 2 กึ่งกลางรู ปอาการกระจายจะเรี ยกว่า กึ่งกลางกลุ่มกระสุ นตก กึ่งกลางกลุ่มกระสุ นตกอยู่
ณ ตาบลเล็งในเมื่อปื นได้ทาการปรับศูนย์ได้อย่างถูกต้องแล้ว
2.1.3.3 เมื่อทาการยิงเป้ าหมายในระยะที่มากกว่า 700 เมตร กระสุ นวิถีจะไม่สูงเกินความเฉลี่ย
ของคนยืน (รู ปที่45)
รูปที่ 44 ขนาดและรูปร่ างของรูปอาการกระจาย
รูปที่ 45 ย่ านอันตราย
2.2 ประเภทการยิง
การยิงของปื นกลเบา แบ่งประเภทการยิงเกี่ยวกับ พื้นที่ เป้ าหมายและเกี่ยวกับปื น
ก.การยิงเกี่ยวกับพื้นที่ (รู ปที่46) ได้แก่
1.การยิงกวาด คือ เมื่อกึ่งกลางกรวยการยิงไม่สูงเกิน 1 เมตรในเมื่อทาการยิงบนพื้นที่ระดับ
และพื้นที่ลาดเสมอ ระยะ 600 เมตร เป็ นระยะไกลสุ ดที่จะทาการยิงกวาด
2 การยิงมุมกระสุ นตกใหญ่ เกิดขึ้นเมื่อพื้นที่อนั ตรายมีขอบเขตจากัดเฉพาะรู ปอาการกระจาย
การยิงมุมกระสุ นตกใหญ่จะเกิดขึ้นเมื่อทาการยิงระยะไกลๆ เมื่อยิงจากพื้นที่สูงไปยังพื้นที่ต่า และเมื่อยิงไป
ยังพื้นที่สูงลาดชัน
รูปที่ 51 ทิศทางทั่วไป
4.2 คาสั่งเตือน หัวข้อคาสั่งยิงข้อนี้ เพื่อเตือนพลประจาปื นทุกคนให้พร้อมที่จะรับคาสั่งต่อไป ผบ หมู่
อาจจะให้คาสั่งเตือนแก่พลประจาปื นทั้ง 2 กระบอก หรื อเพียงกระบอกเดียวก็ได้ ย่อมขึ้นอยูก่ บั สถานการณ์
เมื่อได้รับคาสั่งเตือนพลยิงผูช้ ่วยต้องตรวจดู ผบ.หมู่ เสมอ เพื่อสื่ อคาสั่งของ ผบ.หมู่ ต่อไปยังพลยิง คาสั่ง
เตือนตัวยวาจาประกอบด้วย "ภารกิจยิง"ซึ่งเป็ นการประกาศเตือนพลยิงว่าได้ตรวจพบที่หมายแล้วและจะทา
การยิง ถ้าให้ปืนทั้งทาการยิง ผบ.หน่วย จะสั่งว่า "ภารกิจการยิง" ถ้าต้องการให้ปืนกระบอกหนึ่งทาการยิง
เขาจะออกคาสัง่ ว่า "ปื นหมายเลขหนึ่ง (สอง) ภารกิจยิง" ถ้าต้องการให้ปืนทั้งสองเตรี ยมตัว แต่ทาการยิง
เพียงกระบอกเดียว จะต้องสั่งว่า "ภารกิจยิงปื นหมายเลขหนึ่ง (สอง)"
4.3 ทิศทาง หัวข้อคาสั่งยิงข้อนี้บ่งถึงทิศทางทัว่ ๆ ไปของเป้ าหมาย และอาจจะบอกด้วยวิธีเดียว หรื อบอก
ผสมวิธีก็ได้ ดังนี้ -
1. บอกด้วยวาจา ผบ.หมู่ บอกทิศทางของเป้ าหมาย โดยถือความสัมพันธ์กบั ที่ต้ งั ยิงของปื นตามที่ได้
แสดงไว้( รู ปที่51)
2. บอกด้วยการชี้ ผบ.หมู่ สามารถบอกทิศทางของเป้ าหมายที่เล็กหรื อปกปิ ดกาบังด้วยการชี้ ด้วยแขน
หรื อใช้ปืนกลเล็งตรงไปยังเป้ าหมายนั้น เมื่อทาการชี้ดว้ ยแขน ให้ทหารยืนข้างหลังแล้วมองข้างหลังแล้ว
มองข้ามผ่านไหลเล็งตามแนวแขนออกไปยังปลายนิ้วชี้จนถึงเป้ าหมาย เมื่อใช้เล็งด้วยปื นไปยังเป้ าหมาย ให้
ทหารมองผ่านศูนย์ปืนออกไปเพื่อให้เห็นเป้าหมาย
3. ด้วยการใช้กระสุ นส่ องวิถี วิธีช้ ีดว้ ยกระสุ นส่ องวิถีเป็ นวิธีที่รวดเร็ วและแน่นอนวิธีหนึ่ง เพื่อกาหนด
ทิศทางเป้ าหมายซึ่ งเห็นไม่ค่อยชัด เมื่อใช้วธิ ี น้ ี ผบ. หมู่ ควรจะบอกทิศทางชั้นตันให้พลประจาปี นเพ่งดูไปยัง
พื้นที่ที่ตอ้ งการก่อน เพื่อให้ลดการเสี ยการจู่โจมให้นอ้ ยที่สุด การยิงกระสุ นส่ งวิถี ผบ. หมู่ ไม่ควรจะยิง
จนกว่าจะได้ให้คาสั่งอื่นทุกอื่นหัวข้อแล้ว ยกเว้นแต่คาสั่งเริ่ มยิง เมื่อใช้วธิ ี น้ ีบอกเป้ าหมาย ผบ. หมู่ อาจจะ
ใช้อาวุธประจากายของตนหรื อจะยิงกระสุ นนัดหนึ่ง หรื อหลายนัดจากปื นกลเบาก็ได้ เมื่อยิงกระสุ นส่ องวิถี
ไปแล้วให้คาสั่งข้อสุ ดท้ายคือคาสั่งเริ่ มยิง และเป็ นสัญญาณเริ่ มยิง เช่นตัวอย่าง
"ภารกิจยิง"
"ข้างหน้า"
"หลุมที่ต้ งั ปี น"
"คอยดูกระสุ นส่ องวิถีขา้ พเจ้า"
(แล้วยิงออกไป)
ผบ.หมู่ ยิงอาวุธประจากาย หรื อปื นกลออกไปยังหลุมที่ต้ งั ปื นข้าศึก และแล้วพลยิงประจาปื นในหมู่ก็เริ่ ม
ยิงออกไป
4. บอกด้วยตาบลหลัก การบอกทิศทางของเป้าหมายอีกวิธีหนึ่งสาหรับกาหนดเป้ าหมายที่ปกปิ ดกาบัง
โดยการใช้ตาบลหลักซึ่ งเห็นได้ง่าย ลักษณะภูมิประเทศที่สะดุดตาและสิ่ งที่คนก่อสร้างขึ้นย่อมเป็ นตาบล
หลักอย่างดี ผบ.หมู่ และพลประจาปื นทั้งหมดต้องทาความคุน้ เคยกับลักษณะภูมิประเทศและการใช้ถอ้ ยคา
ให้ถูกต้อง (รส. 21-26 )ในเมื่อทาการใช้ตาบลหลัก คาว่า "ตาบลหลัก" จะต้องบอกในคาสั่ง แล้วจึงจะบอก
ลักษณะและต้องสัง่ คาว่า"ป้ าหมาย" แล้วจึงบอกลักษณะเป้ าหมายการที่ตอ้ งทาเช่นนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการ
สับสน ควรจะบอกทิศทางทัว่ ไปของตาบลหลัก ตัวอย่างบางคาสั่งยิงในการอ้างตาบลหลักมีดงั นี้
ภารกิจหนึ่ง ปี นหมายเลขหนึ่ง
ข้างหน้า
ตาบลหลัก ต้นสนเดี่ยว
เป้าหมาย รถยนต์บรรทุก
ในบางครั้งเป้ าหมายต้องระบุถึงตาบลหลักซ้อน เช่นตัวอย่าง
ปี นหมายเลขหนึ่ง ภารกิจยิง
ข้างหน้า ทางขวา
ตาบลหลัก บ้านหลังคาแดง ทางซ้ายของกองฟางที่อยูท่ างซ้ายของโรงนา
เป้าหมาย ปื นกล
การใช้นิ้วมือวัด ย่อมนามาใช้เพื่อให้พลประจาปื นได้พิจารณาวัดด้วยขวาหรื อซ้ายของตาบลหลัก เช่น
ตัวอย่าง
ภารกิจยิง
ข้างหน้า ทางซ้าย
ตาบลหลัก สี่ แยกถนนไปทางขวา 4 นิ้วมือ
เป้าหมาย ทหารเป็ นแนว
เมื่อติดตั้งปื นอยูบ่ นขาหยัง่ ระยะห่างจากตาบลหลักย่อมสามารถที่จะหาได้อย่างแน่นอน เพราะในเมื่อพล
ยิงกาลังยิงปื นที่ติดตั้งบนขาหยัง่ ระยะห่างจะนับเป็ นมิลเลียม เว้นแต่กาหนดไว้อย่างอื่น ดังนั้นคาว่า "มิ
ลเลียม" จึงไม่จาเป็ นต้องสั่ง เช่นตัวอย่าง
ภารกิจยิง
ข้างหน้า
ตาบลหลัก ซากรถถัง
ซ้าย สี่ ศูนย์
เป้าหมาย แถวทหาร
5. ลักษณะของเป้าหมาย ลักษณะของเป้าหมายเป็ นการวาดภาพของที่หมายให้พลประจาปื นเกิดมโนภาพ
พลประจาปื นต้องเรี ยนรู ้แบบต่างๆ ของเป้ าหมาย เพื่อที่จะได้ทาการยิงได้อย่างถูกต้อง ผบ.หมู่ ควรจะอธิบาย
สั้นๆ แต่แน่นอน เช่นตัวอย่าง
ข้าศึกลงรบเดินดิน ใช้คาว่า ทหารยึดเป็ นแนว แถวทหาร
อาวุธอัตโนมัติ ใช้คาว่า ปื นกล
ยานยนต์หุม้ เกราะ ใช้คาว่า รถถัง
ยานยนต์ไม่หุม้ เกราะ ใช้คาว่า รถยนต์บรรทุก
เครื่ องบินหรื อเฮลิคอปเตอร์ ใช้คาว่า เครื่ องบิน
ถ้าเป็ นหมายอยูใ่ นที่ปกปิ ดกาบัง ไม่จาเป็ นต้องบอกลักษณะของเป้ าหมาย การใช้นิ้วมือวัดหรื อการวัด
เป็ นมิลเลียม ย่อมใช้กบั เป้ าหมายที่มีความกว้างเป็ นแนว ในเมื่อปี กของเป้าหมายที่มีความกว้างเป็ นแนว ใน
เมื่อปี กของเป้ าหมายไม่สามารถที่จะกาหนดได้
6. ระยะยิง ระยะยิงไปยังเป้ าหมายต้องบอกให้แก่พลประจาปื นได้ทราบเพื่อให้พลประจาปื นได้มอง
ตรวจดูวา่ เป้ าหมายไกลเท่าใด และจะได้รู้ทนั ทีวา่ ควรจะตั้งศูนย์ปืนที่ศูนย์หลังเท่าใด ระยะยิงควรจะบอกเป็ น
เมตร ในเมื่อได้ใช้หน่วยในการวัดมาตรฐานเป็ นเมตรอยูแ่ ล้ว คาว่า เมตร ไม่ตอ้ งสั่งสาหรับปื นกล ระยะยิงที่
หาได้แล้วจะต้องสั่งเป็ นจานวนร้อยและจานวนพัน เช่น ตัวอย่าง สามร้อย, หนึ่งพัน, หนึ่งพันหนึ่งร้อย หัวข้อ
คาสั่งยิงข้อนี้อาจจะข้ามไปในเมื่อพลยิงสามารถหาระยะยิงด้วยตนเอง แต่อย่างไรก็ดี ในบางสถานการณ์ก็ยงิ
กราดผสม, ยิงกราดตลอด หรื อยิงกราดคลายปื น
7.วิธีการยิง หัวข้อคาสั่งยิงข้อนี้หมายรวมถึงการปฏิบตั ิต่อปื นและจัดจังหวะการยิง
1. การปฏิบตั ิต่อปื น ต้องปฏิบตั ิตามที่อธิ บายไว้ในประเภทการอิงซึ่งจะต้องเกี่ยวกับปื น (ข้อ 71.3 โดย
ต้องสั่งดังนี้ ยิงเฉพาะตาบล, ยิงกราดทางข้าง, ยิงกราดทางลึก , ยิงกราดผสม , ยิงกราดตลอด หรื อกราดคลายปื น
2. จังหวะการยิง สั่งเพื่อควบคุมจังหวะการยิง มีจงั หวะการยิง 3 จังหวะที่อาจจะต้องสั่งแก่ปืน คือ ยิง
ต่อเนื่อง ยิงเร็ ว และยิงเร็ วสู งสุ ด
8.คาสั่งเริ่ มยิง ถ้าต้องหวังผลในการยิงจู่โจม คาสั่งเริ่ มยิงจะต้องสั่งออกไปเลยไม่ตอ้ งหยุดชะงัก สิ่ งที่
สาคัญอย่างยิง่ ยวดในการยิงปื นกลบ่อยๆ ครั้ง จะต้องดารงอานาจการยิงให้มีประสิ ทธิผลมากที่สุดด้วยปื นกล
ทั้ง 2 กระบอกตั้งคู่ยงิ ในเวลาเดียวกัน เพื่อให้บงั เกิดผล ผบ.หมู่ อาจจะใช้คาสั่งให้เริ่ มยิงด้วยคาว่า "คอยฟัง
คาสั่งข้าพเจ้า" เมื่อพลยิงพร้อมที่จะองต่อเป้าหมายจะรายงาน "พร้อม" ให้กบั พลยิงผูช้ ่วยซึ่งจะเป็ นผูใ้ ห้
สัญญาณ "พร้อม" แก่ ผบ. หมู่ และแล้ว ผบ. หมู่ จะให้คาสั่ง "เริ่ มยิง" ในเวลาที่ตอ้ งการ เช่นตัวอย่าง
ภารกิจยิง
ข้างหน้า
แถวทหาร
คอยฟังคาสั่งข้าพเจ้า (หยุดสั่ง จนกระทัง่ พลประจาปื นพร้อมและยิงได้ตามโอกาสที่ตอ้ งการ)
เริ่ มยิง
9. คาสั่งยิงต่อมา
ก.ถ้าพลยิงปรับการยิงเป้ าไม่ถูกที่หมาย ผบ.หมู่ ต้องพยายามแก้ไข โดยออกคาสัง่ หรื อให้สัญญาณ
แก้ไขตามที่ตอ้ งการ ในเมื่อได้รับคาสั่งการแก้ไขแล้ว พลยิงต้องแก้ไขปื นและคงทาการยิงติดต่อกันไปโดย
ไม่ตอ้ งรอฟังคาสั่งใดๆ อีก เมื่อทาการยิงอยูภ่ ายใต้การควบคุมของ ผบ.หมู่ พลยิงผูช้ ่วยจะต้องคอยเฝ้า ผบ.หมู่
จะสั่งการ แล้วสั่งคาสั่งไปยังพลยิง
ข. การปรับแก้ทางทิศควรจะกระทาก่อนเสมอ เช่น ขวา หนึ่ง ศูนย์ หรื อ ซ้าย ห้า การปรับแก้ทางระยะ
จะกระทาต่อมา เช่น เพิม่ ห้า หรื อ ลด หนึ่ง ห้า คาบอกคาสั่งเหล่านี้อาจจะบอกด้วยวาจาหรื อใช้แขน และมือ
สัญญาณ การปรับแก้ปืนทั้งในทางทิศและทางระยะ ต้องถือเป็ นมิลเลียม เมือปื นติดตั้งบนขาหยัง่ สาหรับ
ปื นที่ติดตั้งบนขาทรายหรื อติดตั้งบนยานพาหนะ การแก้ทางทิศและทางระยะจะกระทาโดยคาสั่งหรื อให้
สัญญาณ “เลื่อนไป ทางซ้าย ( ขวา) หรื อ ลด (เพิ่ม)" คาว่า "มิลเลียม" จะไม่สั่งในคาสั่งยิงต่อมานี้
ค การแก้ในเรื่ องจังหวะการยิงของปื นจะสั่งด้วยวาจา หรื อด้วยแขน และสัญญาณ
สัญญาณ (ข้อ 80.2)
ง. ในการให้ปืนหยุดทาการยิง ผบ.หมู่ จะสั่ง "หยุดยิง" หรื อให้สัญญาณหยุดยิง (ข้อ 80.5 พลประจาปี น
ยังคงอยูใ่ นท่าเตรี ยมพร้อมและการยิงยังคงตรงไปยังที่หมายเดิมอยูเ่ มื่อได้รับคาสั่ง "เริ่ มยิง"
จ. ในการสิ้ นสุ ดของการเตรี ยมพร้อม ผบ.หมู่ จะตะโกนสั่งว่า "หยุดยิง” จบจากการยิง
10. หัวข้อคาสั่งยิงที่สงสัยและการแก้ไข
1. หัวข้อคาสัง่ ยิงที่สงสัย เมื่อพลยิงเกิดการสงสัยในหัวข้อคาสัง่ ยิงตอนใดตอนหนึ่ง ให้พลยิงทวน
คาสั่งยิงที่สงสัยโดยออกเสี ยงสู ง เพื่อแสดงถึงเป็ นคาถาม ผบหมู่ จะต้องออกคาสั่งว่า "ได้สั่งว่า" แล้วซ้ าขอ
คาสั่งที่สงสัย และให้คาสั่งยิงต่อไป
2. การแก้ไข
ก.คาสั่งยิง่ เริ่ มแรก เมื่อ ผบ หมู่ ให้ออกคาสั่งยิงเริ่ มแรกผิด ผบ.หมู่ตอ้ งรี บแก้ไขคาสั่งนั้น โดยส่ งว่า
"ผิดหยุด" และแล้วให้คาสัง่ ยิงที่ถูกต้องออกไป เช่น ตัวอย่าง
ภารกิจยิง
ข้างหน้า
ทหารยึดปื นเป็ นแนว
ห้าร้อย
ผิดหยุด
หกร้อย
ยิงกราดทางข้าง
คอยฟังคาสั่งข้าพเจ้า
ข. คาสั่งยิงต่อมา เมื่อ ผบ. หมู่ ออกคาสั่งยิงต่อมาผิด ผบ.หมู่ อาจจะแก้ไขโดยสั่งว่า "ผิดหยุด" และ
แล้วทวนคาสั่งยิงต่อมาทั้งหมด เช่น ตัวอย่าง
ซ้าย ห้า, ต่า หนึ่ง
ผิดหยุด
ซ้าย ห้า, ต่า หนึ่ง ศูนย์
3.คาสั่งย่อ, คาสั่งยิงอย่างไม่เป็ นทางการ
ก.คาสั่งยิงไม่ตอ้ งการข้อความที่สมบูรณ์ หรื อเป็ นทางการเพื่อให้เกิดผลนักในสนามรบ คาสั่งยิง
ของ ผบ.หมู่ มักจะรวมหัวข้อคาสั่งยิงทั้งหมดเข้าด้วยกัน โดยที่ ผบ.หมู่ จะใช้หวั ข้อที่จาเป็ นเท่านั้น
วางอานาจการยิงลงบนที่หมายให้อย่างรวดเร็ ว และปราศจากข้อสงสัยอีกด้วย ถึงอย่างไรก็ดีในระหว่างการ
ฝึ กขั้นต้นๆ ควรจะใช้หวั ข้อคาสั่งยิงทั้งหมดเพื่อปลูกนิสัยพลประจาปื นเพื่อให้เกิดการใช้ความคิด และ
ปฏิกิริยาอาการที่ถูกต้องในเมื่อทาการยิงต่อที่หมาย ภายหลังจากที่พลประจาปื นได้รับการฝึ กขั้นต้นในเรื่ อง
คาสั่งยิงมาแล้ว ควรจะได้รับการสอนถึงการปฏิบตั ิตามคาสั่งยิงสั้นๆ อย่างไม่เป็ นทางการ โดยใช้วธิ ี การ
ควบคุมทุกวิธีตอ่ ไปนี้ เป็ นตัวอย่างคาสั่งยิงอย่างไม่เป็ นทางการ โดยใช้วธิ ีการควบคุมทุกวิธี
ภารกิจยิง ปื นหมายเลขหนึ่ง
ตาบลหลัก หลังคายุง้
ซ้าย สาม ศูนย์ (ปื นติดตั้งอยูบ่ นขาหยัง่ )
เป้าหมาย ปื นกล
เริ่ มยิง
ข. เมื่อได้เตรี ยมแผ่นจดระยะไว้แล้ว (ข้อ 114 และ 115 ผบ.หมู่ สามารถที่จะวางการยิงลงบนเป้าหมาย
ได้ โดยที่พลยิงไม่แลเห็นเป้ าหมาย โดยออกคาสั่งเพียงคาสั่งเตือน ลักษณะเป้าหมายและคาสั่งเริ่ มยิง ผบ หมู่
จะกาหนดเป้าหมายได้โดยใช้หมายเลขแทน แล้วใช้คาสั่งนี้ของเป้ าหมายแทนการเรี ยกชื่อเป้าหมาย เช่นตัวอย่าง
ปื น หมายเลข หนึ่ง
เป้าหมาย หมายเลข สาม
คอยฟังคาสัง่ ข้าพเจ้า
เริ่ มยิง
ค. แขนและมือสัญญาณ ถ้า ผบ.หมู่ ต้องการให้ปืนกลกระบอกหนึ่งทาการยิงต่อรถบรรทุกจอดอยู่
ระยะประมาณ 400 เมตร ผบ.หมู่ จะขว้างก้อนกรวดที่จะให้ยงิ พลยิง หรื อพลยิงผูช้ ่วยจะหันกลับมาดู ผบ.หมู่
ผบ.หมู่ จะชี้ไปยังเป้าหมาย
พลยิงผูช้ ่วย เมื่อปื นพร้อมที่จะยิง ก็ให้สัญญาณแก่ ผบ.หมู่ ผบ.หมู่ จะให้สัญญาณ “ เริ่ มยิง”
ง.สัญญาณที่เตรี ยมไว้ล่วงหน้า สมมุติวา่ ปื นกลทั้งคู่วางตั้งสนับสนุนด้วยการยิง ณ ที่หมาย ผบ.หมู่
ต้องการจะย้ายการยิงในเวลาที่เหมาะอันหนึ่ง ในเมื่อเวลานั้นมาถึง ผบ.หมู่ จะยิงลูกระเบิดควันสี ทางยาว
และเมื่อพลยิงเห็นสัญญาณขึ้นก็จะย้ายการยิงไปยังตาบลที่เตรี ยมไว้ล่วงหน้าทันที
จ. การติดต่อเป็ นบุคคล สมมุติวา่ ปื นทั้งสองกระบอกกาลังยิงอยูเ่ ป้ าหมายเดียวกัน ผบ. หมู่ จะเคลื่อนที่
ไปยังปื นที่ตอ้ งการให้ยา้ ยการยิง เรี ยกให้พลยิงฟังคาสั่งชี้เป้ าหมายใหม่ให้แล้วออกคาสั่ง "เริ่ มยิง"
ฉ. การขยายความของ รปจ.
1. รปจ.-ค้น-ยิง-ตรวจ
ก. ค้น พลประจาปื นต้องค้นหาที่หมายในเขตของตน
ข.ยิง พลยิงต้องเริ่ มยิงทันที อย่างอัตโนมัติ ไปยังเป้าหมายที่เหมาะสมซึ่งปรากฏขึ้นในเขตของตน
ค. ตรวจ ขณะเมื่อพลยิงกาลังทาการยิง พลยิงผูช้ ่วยจะต้องตรวจดู ผบ.หมู่ เสมอ เพื่อรอรับคาสั่ง
2. รปจ. ในการยิงตอบข้าศึก พลประจาปื นต้องได้รับการฝึ กให้ทาการยิงตอบโดยไม่ตอ้ งมีคาสั่ง
โดยเพ่งเล็งยิงอาวุธอัตโนมัติขา้ ศึก
3. รปจ. ในการย้ายการยิง พลยิงควรจะได้รับการฝึ กให้ยงิ ต่อที่หมายปื นกลอย่างเหมาะสมในเขต
การยิงของตน และให้ยา้ ยการยิงได้อย่างอัตโนมัติไปยังเป้ าหมายที่มีอนั ตรายมากกว่าที่ปรากฏให้เห็น
4. รปจ. จังหวะการยิง เมื่อพลยิงยิงต่อเป้ าหมาย เขาต้องยิงด้วย จังหวะการยิงให้มีอานาจการยิง
เหนื อกว่าเท่าที่จาเป็ น และแล้วค่อยๆ ลดจังหวะการยิงลงมาเพียงพอที่จะรักษาอานาจการยิงเหนื อกว่าเอาไว้
5. รปจ. การสนับสนุนช่วยเหลือร่ วมกัน
ก. เมื่อปื นกลทั้งสองกระบอกทาการยิงเป้ าหมายเดียวกันอยู่ ปื นกระบอกหนึ่งเกิดการติดขัด
หยุดยิงลง ปื นอีกกระบอกหนึ่งต้องเพิ่มจังหวะการยิงขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมเป้าหมาย
ข. เมื่อต้องการปื นเพียงกระบอกเดียวทาการยิงเป้าหมาย และ ผบ.หมู่ ให้ปืนทั้งสองกระบอก
เตรี ยมตัวไว้ ปื นกระบอกเตรี ยมตัวไว้ ปื นกระบอกที่ไม่ได้ยงิ จะต้องวางการเล็งลงบนเป้ าหมาย และติดตาม
การเคลื่อนไหวของเป้ าหมายอยูต่ ลอด เพื่อที่จะสามารถยิงแทนอีกกระบอกหนึ่งซึ่ งปื นอาจไม่ทางานหรื อ
หยุดยิงลงก่อนที่เป้ าหมายจะถูกจากัด
11.แขนและมือสัญญาณ
เนื่องจากเสี ยงอันสับสนในสนามรบ และเมื่อมาพิจารณาถึงระยะห่างของที่ต้ งั ปื นกับ ผบ.หมู่ แล้ว
ย่อมมีความจาเป็ นอย่างยิง่ ที่ตอ้ งใช้แขน และมือสัญญาณเป็ นเครื่ องมือในการควบคุมการยิงปื นกล เมื่อ
ต้องการให้พลประจาปื นเพียง 1 กระบอก ปฏิบตั ิการหรื อให้เคลื่อนที่ สัญญาณเบื้องต้นที่จะให้คือ ชี้มือไปยัง
พลประจาปื นเพื่อให้ปฏิบตั ิการ เมื่อมีความจาเป็ น พลยิงผูช้ ่วยจะเป็ นผูถ้ ่ายทอดสัญญาณทั้งมวลให้แก่พลยิง
สัญญาณธรรมดาง่ายๆ ที่สุดในการควบคุมการยิงมีดงั ต่อไปนี้
1.พลยิงผูช้ ่วยให้สัญญาณว่า พลยิงพร้อมที่จะยิงแล้ว กระทาโดยการยกมือขวาขึ้นเหนื อศีรษะตรงไปยัง
ผบ.หมู่ (รู ปที่ 52)
รูปที่ 52 สัญญาณพร้ อม
2. สัญญาณเริ่ มยิง ผบ.หมู่ ใช้มือโดยให้อุง้ มืออยูข่ า้ งล่างยืดออกไปข้างลาตัวของ ผบ. หมู่ ประมาณ
แนวเอวแล้วเลื่อนมือให้ได้ระดับไปข้างหน้าลาตัวของ ผบ. หมู่ (รู ปที่ 53)ถ้าต้องการให้ยงิ่ เร็ วขึ้นให้ขยับมือ
ให้เร็ ว ถ้าต้องการให้ยงิ ช้าลงให้ลดการเคลื่อนไหวของมือลง
รูปที่ 53 สัญญาณเริ่มยิง
3. สัญญาณให้แก้ทางทิศและทางระยะในเมื่อปื นติดตั้งอยูบ่ นขาหยัง่ คือ เหยียดแขนและมือไปใน
ทิศทางที่ตอ้ งการจะแก้ แล้วเหยียดนิ้วแสดงถึงจานวนที่ตอ้ งการให้แก้เท่าที่จาเป็ น นิ้วมือแยกห่างกันพอที่ให้
พลยิงผูช้ ่วยแลเห็นได้ง่าย แต่ละนิ้วหมายความต้องการแก้นิ้วละ 1 มิลเลียม (รู ปที่ 54) ถ้าประสงค์จะแก้
มากกว่า 5 มิลเลียม ผบ.หมู่ ต้องทามือตามจานวนครั้งที่จาเป็ น เพื่อแสดงถึงจานวนเต็มที่ตอ้ งการให้แก้ เซ่น
ตัวอย่าง ขวาเก้า จะแสดงโดยเหยียดมืออกไปครั้งที่ 1 พร้อมกับเหยียดนิ้ว 5 นิ้ว และครั้งที่ 2 เหยียดนิ้ว 4 นิ้ว
รวมเป็ น 9 นิ้วด้วยกัน
รูปที่ 54 การปรับการยิงเมื่อปื นติดตั้งบนขาหยัง่
4. สัญญาณในการแก้ทางทิศและทางระยะ เมื่อปื นติดตั้งอยูบ่ นขาหยัง่ ติดตั้งบนยานพาหนะ
กระทาโดยเหยียดแขนและมือไปในทิศทางที่ตอ้ งการจะแก้โดยการเหยียดแขนและมือไปในทิศทางที่
ต้องการ จะแก้โดยเหยียดนิ้วมือให้ติดกัน (รู ปที่ 55) ถ้าพลยิงแก้ไม่ถูกหรื อแก้ไปเพียงเล็กน้อย ก็ให้สัญญาณ
ต่อไปเรื่ อยๆ จนกว่าการยิงจะตรงพื้นที่ที่ตอ้ งการ
รูปที่ 56 สัญญาณหยุดยิง
รูปที่ 58 เป้าหมายทางลึก
5.เป้ าหมายที่พ้นื ที่ ในคู่มือเล่มนี้ หมายถึง เป้าหมายที่มีความกว้างและมีความลึกต้องใช้การยิงกราด
ผสมให้มากขึ้น เป้ าหมายแบบนี้จะเกิดขึ้น เมื่อข้าศึกอยูใ่ นพื้นที่แห่งหนึ่งแต่ไม่ทราบพื้น
ที่ที่แน่นอน เช่น ที่หมายที่เป็ นยอดเขาย่อมเป็ นเป้ าพื้นที่
ค. การกระจายการยิง การรวมกาลังยิง และจังหวะการยิง
ยิงด้วยปื นหนึ่งหรื อสองกระบอก ตามปกติวธิ ี การปฏิบตั ิการยิงต่อเป้ าหมายโดย
ในสนามรบนั้นรู ปร่ างขนาดและธรรมชาติของเป้ าหมาย อาจจาเป็ นต้องใช้อานาจการยิงด้วยปื นหนึ่ง
หรื อสองกระบอก ตามปกติวิธีการปฏิบตั ิการยิงต่อเป้ าหมายโดยทัว่ ไปย่อมเหมือนกันทั้งปื นกระบอกเดียว
หรื อใช้ปืนตั้งคู่
ก. การกระจายการยิงและการรวมกาลังยิง
1. การกระจายการยิง เป็ นการปฏิบตั ิในทางกว้างในทางลึก หรื อรวมทั้ง
อย่างเข้าด้วยกัน การกระจายการยิงอย่างถูกต้องนั้น พลยิงต้องรู ้วา่ จะเล็งที่ใด และจะปรับการยิงอย่างไรและ
จะส่ ายปื นไปในทางใด
2. จุดเริ่ มแรกของการวางปื นและปรับทางปื น พลยิงจะต้องทาการทาการยิงและทาการปรับ ณ
ตาบลหนึ่งที่แน่นอนในพื้นเป้ าหมาย สิ่ งสาคัญอย่างยิง่ คือ การยิงปรับทางปื นอย่างกล้ารวดเร็ วและต่อเนื่ อง
ผบ.หมู่ ย่อมต้องใช้กล้องส่ องสองตาเป็ นเครื่ องให้ความสะดวกในการปรับการยิง พลยิงต้องมัน่ ใจว่าการยิง
ของตนนั้นกึ่งกลางกลุ่มกระสุ นตกอยูต่ รงฐานของเป้ าหมาย เพื่อให้ได้ผลอย่างสู งสุ ดจากการยิงทุกๆ นัด
การปฏิบตั ิการยิงดังนี้ ครึ่ งบนของกรวยการยิงจะถูกเป้ าหมาย และกระสุ นวิถีครึ่ งล่างของรู ปอาก"
กระจายอาจจะแฉลบกระดอนเข้าหาเป้าหมาย (รู ปที่ 59)
4.เป้าหมายทางลึก
เป้าหมายทางลึกต้องยิงด้วยวิธียงิ กราดทางลึก เมื่อบอกระยะยิงแล้ว ควรจะบอกจุดกึ่งกลางเป้ าหมาย
ให้ดว้ ย
4.1 ปี นวางสองกระบอก ตาบลเล็งเริ่ มแรกของปื นทั้งสองกระบอกต้องอยูต่ รงจุดกึ่งกลาง ซึ่ งคงเป็ นจุด
ที่แบ่งเป้ าหมายนัน่ เองเมื่อใช้การยิงตามแนว (ข้อ 71 2 4) ก็ไม่จาเป็ นที่จะต้องปรับต่อจุดกึ่งกลางขอเป้าหมาย
เพราะว่าแกนทางยาวของรู ปอาการกระจายจะเป็ นเครื่ องชดเชยในความผิดทางระยะยิง หลังจากที่กระสุ น
ชุดแรกอิงออกไปแล้วปื นหมายเลขหนึ่งจะยิงต่าลงมาจนถึงปลายเป้าหมายด้านใกล้ และปื นหมายเลขสองจะ
ยิงเพิ่มไกลขึ้นไปยังปลายเป้ าหมายด้านไกล และแล้วพลอิงทั้งสองจะยิงทวนกลับทิศทางของตนจนมาถึงจุด
กึ่งกลางเป้ าหมาย (รู ปที่ 64)
4.2ปื นวางกระบอกเดียว ตาบลที่เล็งปื นเริ่ มแรกในเมื่อยิงด้วยพลยิงคนเดียวจะอยูท่ ี่จุดกึ่งกลางของ
เป้ าหมายทางลึก เว้นแต่อีกส่ วนหนึ่งของเป้ าหมายมีความสาคัญยิง่ กล่าวแล้ว พลยิงลดปื นลงมาหาปลายด้าน
ใกล้ แล้วยิงกลับขึ้นไปหาปลายด้านไกล (รู ปที่ 64)
รูปที่ 67 การยิงเป้าหมายในอากาศ
การปรับการยิง ค. และ ป.
1. การปรับการยิง ค. และ ป.
1.1 กล่าวนา
ก. แม้วา่ วิวฒั นาการในการค้นหาเป้ าหมายและตรวจการณ์ดว้ ยเครื่ องมืออิเล็กทรอนิกส์กาลังก้าวหน้า
ไปก็ตาม แต่การยิงอย่างได้ผลของอาวุธปื นใหญ่ และเครื่ องยิงลูกระเบิดก็ยงั คงขึ้นอยูก่ บั ผูต้ รวจการณ์ดว้ ย
สายตาเป็ นส่ วนมากผูต้ รวจการณ์ซ่ ึ งตรวจการณ์ดว้ ยสายตาเป็ นเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งของชุดหลักยิงตามปกติก็
จะเป็ นผูท้ ี่เห็นข้าศึก กาลังฝ่ ายเรา และการยิงของหน่วยรบต่างๆ ที่กระทาต่อข้าศึกด้วยตาจริ งๆ
ข. อาวุธปื นใหญ่และเครื่ องยิงลูกระเบิด เป็ นอาวุธที่สามารถทาการยิงได้ดว้ ยวิธีเล็งตรง คือการที่พล
ประจาอาวุธมองเห็นเป้าหมาย หรื อด้วยวิธีเล็งจาลองซึ่งพลประจาอาวุธ มองไมเห็น เป้ า หมาย ซึ่งวิธีหลังนี้
เป็ นวิธีหลักที่ใช้กนั อยู่ มีองค์ประกอบสาคัญในการที่จะทาการยิงถูกเป้ าหมายอยู่ 3 ส่ วน เรี ยกว่า ชุดหลักยิง
ประกอบด้วย ส่ วนยิง ศูนย์อานวยการยิง และผูต้ รวจการณ์
วิธีปฏิบตั ิของผูต้ รวจการณ์ที่จะกล่าวต่อไปเป็ นการตรวจการณ์เฉพาะด้วยสายตา ซึ่งรวมการตรวจ
การณ์ทางพื้นดินของผูต้ รวจการณ์หน้า และการตรวจการณ์โดยทหารเหล่าพลรบไว้ดว้ ย
ค. เป้ าหมายที่จะทาการยิงด้วย ป. หรื อ ค. ควรมีความเหมาะสมและคุม้ ค่า หากผูต้ รวจการณ์หรื อทหาร
พลรบตรวจพบทหารข้าศึกเพียง 2 - 3 คน ซึ่ งสามารถใช้อาวุธปื นเล็กหรื อปื นกลทาการยิงได้ ก็ไม่จาเป็ นต้อง
ขอให้ ป. หรื อ ค. ทาการยิงต่อเป้ าหมายนั้น อาจเป็ นการสิ้ นเปลืองทั้งเวลา และจานวนกระสุ น พึงจาไว้วา่
กระสุ นปื นใหญ่หรื อลูกระเบิดยิงมีน้ าหนักมากก่อให้เกิดปั ญหาในการลาเลียงทดแทนอยูบ่ า้ ง เป้ าหมายที่
เหมาะจะทาการยิงด้วย ป.หรื อ ค. ได้แก่
1) หน่วยทหารในที่โล่งหรื อหลุมเปิ ด ทหารขุดดินในสนามรบ
2) ปื นกล
3) อาวุธหนัก เช่น ปื นใหญ่ หรื อเครื่ องยิงลูกระเบิด
4) ที่รวมพล
5) รถบรรทุกที่จอดหรื อเคลื่อนที่
6) ทหารราบที่ปฏิบตั ิร่วมกับรถถัง
7) คลังกระสุ น
8) ที่ตรวจการณ์
9) ที่ต้ งั อาวุธมัน่ คงแข็งแรง
10) พื้นที่ซ่ ึ งต้องการสร้างฉากควัน
11) เป้ าหมายที่อยูห่ ลังที่กาบัง เช่น ตึก หรื อเนิน
1.2 บทบาทของผูต้ รวจการณ์ในการยิงเป้าหมาย
ก. เมื่อผูต้ รวจการณ์คน้ พบเป้ าหมายและหาที่ต้ งั ของเป้ าหมายซึ่ งอยูบ่ นพื้นที่ได้แล้วผูต้ รวจการณ์ก็ส่งคาขอยิง
เพื่อทาลายหรื อตัดรอนกาลังต่อเป้ าหมายไปยังศูนย์อานวยการยิง (ศอย.) หลังจากที่อาวุธได้ทาการยิงไปแล้ว
ผูต้ รวจการณ์ก็รายงานผลความเสี ยหายของเป้ าหมายที่เกิดขึ้นเนื่ องจากการยิงนั้นๆ เมื่อจาเป็ นผูต้ รวจการณ์
จะต้องปรับการยิง เพื่อให้ได้ผลการยิงสู งสุ ดต่อเป้ าหมายตามที่ตอ้ งการ ผูต้ รวจการณ์จะต้องนาความสามารถ
ในการตรวจการณ์ และความรู ้เกี่ยวกับสถานการณ์การรบมาใช้ประโยชน์ เพื่อช่วยให้หน่วยของตนได้รับ
ข่าวสารอย่างเพียงพอตลอดเวลา ยิง่ กว่านั้นผูต้ รวจการณ์ตอ้ งทราบและเข้าใจวิธีปฏิบตั ิของศูนย์อานวยการยิง
เป็ นอย่างดีอีกด้วย เมื่อนามาประกอบกับการตัดสิ นใจของตน ก็จะช่วยให้ชุดหลักยิงสามารถปฏิบตั ิภารกิจได้
เต็มที่สมความมุ่งหมาย
ข. ผูต้ รวจการณ์จะต้องเข้าใจการดาเนินภารกิจยิง ว่ามีข้ นั ตอนในการปฏิบตั ิแบ่งออกเป็ น 2 ขั้น คือ
1) ขั้นปรับการยิง หลังจากที่อาวุธได้ทาการยิงมาให้ตามคาขอยิงของผูต้ รวจการณ์ หากตาบลระเบิดที่
ตรวจได้ไม่ตรงเป้ าหมาย หรื อใกล้พอที่จะทาอันตรายต่อเป้ าหมายได้ตามความต้องการ ผูต้ รวจการณ์จะแก้ไข
ให้ตาบลระเบิดเข้าสู่ เป้ าหมายโดยเร็ วที่สุด เพื่อขอให้อาวุธทาการยิงหาผลต่อไป
2) ขั้นการยิงหาผล เมื่ออาวุธได้ทาการยิงนัดแรกหรื อชุดแรกมาแล้ว ผูต้ รวจการณ์ตรวจตาบลระเบิดได้
วางเป้ าหมาย หรื อผูต้ รวจการณ์ได้ปรับการยิงแล้ว ก็จะนาเข้าสู ข้ นั การยิงหาผลหน่วยยิงจะทาการยิงมาด้วย
จานวนอาวุธ และกระสุ นตามความต้องการ
ค. การยิงซึ่ งกระทาต่อเป้ าหมายโดยความมุ่งหมายต่างๆ เช่น ตัดรอนกาลัง รบกวนหรื อทาลายนั้นแบ่ง
ออกเป็ น 2 ประเภท คือ
1) การยิงเป็ นพื้นที่ ส่ วนใหญ่กระทาการยิงต่อเป้ าหมายมีวญ ิ ญาณซึ่ งเคลื่อนที่ได้ เช่น คน สัตว์ ซึ่ ง
รวมทั้งยานพาหนะด้วย กระทาเพื่อตัดรอนกาลังโดยการวางการยิงอย่างหนาแน่นลงบนพื้นที่แห่งหนึ่งด้วย
การจู่โจมและรวดเร็ ว ต้องการให้เกิดอันตรายต่อเป้ าหมายด้วยอานาจจากสะเก็ดจากการระเบิดของลูกกระสุ น
ไม่จาเป็ นต้องให้ถูกเป้ าหมายโดยตรง ตามปกติจะยิงด้วยอาวุธ 1 หรื อ 2 กระบอก ในขั้นปรับการยิง ส่ วนใน
ขั้นยิงหาผลจะใช้อาวุธจานวนมากพอที่จะทาให้เกิดอันตรายต่อเป้ าหมายตามที่ตอ้ งการ ซึ่ งอาจเป็ นหมวด
กองร้อยหรื อมากกว่าก็ได้
2) การยิงประณี ต กระทาโดยการวางจุดปานกลางมณฑลของกลุ่มการยิงต่อเป้าหมายเป็ นจุดเล็กๆ ซึ่ง
อยูก่ บั ที่เพื่อทาลายเป้ าหมาย ซึ่ งเรี ยกว่า "การยิงทาลาย" หรื อหาตัวแก้ ซึ่ งเรี ยกว่า "การยิงหาหลักฐาน" ฯลฯ
ใช้อาวุธเพียงกระบอกเดียวทาการยิงตั้งแต่ปรับการยิงจนจบขั้นยิงหาผล
สรุ ป
ผูต้ รวจการณ์อาจเป็ นใครก็ได้ไม่จาเป็ นต้องเป็ นผูต้ รวจการณ์หน้าของ ป. หรื อ ค. เมื่อผูใ้ ดเห็นเป้าหมาย
กาหนดที่ต้ งั เป้ าหมาย ส่ งคาขอยิงและทาการปรับการยิงให้กบั ป.หรื อ ค.ผูน้ ้ นั ก็ทาหน้าที่เป็ นผูต้ รวจการณ์
หน้าให้กบั ป. หรื อ ค ในขณะนั้น
ชุดหลักยิงซึ่งประกอบด้วย ผูต้ รวจการณ์ ศูนย์อานวยการยิง และส่ วนยิง มีแต่ผตู ้ รวจการณ์เท่านั้นที่เห็น
เป้าหมาย ฉะนั้นการที่จะทาให้กระสุ น ถูกเป้ หมายอย่างแม่นยาและรวดเร็ วเพียงใดนั้น ย่อมขึ้นอยูก่ บั ผูต้ รวจ
การณ์เป็ นสาคัญ
การส่ งคาขอยิงของผูต้ รวจการณ์น้ นั เมื่อพบเป้าหมาย กาหนดที่เป้ าหมายแล้วก็จะส่ งคาขอยิงไปยังศูนย์
อานวยการยิง และทาการปรับการยิงโดยส่ งตัวแก้ไปยังศูนย์อานวยการยิง
ศูนย์อานวยการยิง เมื่อรับคาขอยิงหรื อตัวแก้จากผูต้ รวจการณ์แล้ว เจ้าหน้าที่ในศูนย์อานวยการยิงก็จะทา
การแปลงหลักฐานที่ได้จากผูต้ รวจการณ์ ให้เป็ นคาสั่งยิงแล้วสั่งไปยังส่ วนยิง
ส่ วนยิงรับคาสั่งจากศูนย์อานวยการยิงแล้ว ทาการตั้งหลักฐานยิงแล้วทาการยิงไปยังเป้ าหมาย
่ งลูกระเบิด แบบ 88 ขนาด 60 มม.
เครืองยิ
1. กล่าวนา
อาวุธเครื่ องยิงลูกระเบิด เป็ นอาวุธกระสุ นวิถีโค้งที่ทหารราบมีไว้ในอัตราเพื่อเสริ มกาลังยิงของทหารราบ
เอง ที่จะยิงทาลายเป้ าหมายที่อยูห่ ลังที่กาบัง ทหารราบได้มีอาวุธเล็งตรง คือ บรรดาอาวุธซึ่งมีวถิ ีราบ และยัง
ได้มีอาวุธเล็งจาลอง คือ บรรดาอาวุธซึ่งมีกระสุ นวิถีโค้ง เมื่อทหารราบมีอาวุธที่กล่าวแล้วข้างต้นในหน่วย
ทหารราบเองจึงทาให้ทหารราบบรรลุภารกิจหลักทางยุทธวิธี เข้าตี ตั้งรับ เป็ นส่ วนใหญ่ เพราะทหารราบเป็ น
ผูเ้ ข้าถึงพื้นที่ของข้าศึกด้วยการยิงและการเคลื่อนที่ เข้ายึดพื้นที่ขา้ ศึกไว้ดว้ ยการป้ องกันตนเองขั้นต้นด้วยอาวุธ
ของตนเอง หรื อขับไล่หรื อไล่ติดตามข้าศึกออกไปด้วยการยิงระยะใกล้ในขั้นต้นของอาวุธตนเอง
2. ลักษณะทัว่ ไป
เครื่ องยิงลูกระเบิด ขนาด 60 มม.จัดอยูใ่ นประเภทอาวุธประจาหน่วยปั จจุบนั นี้ ทบ.ไทยมีใช้อยูห่ ลายแบบ
เป็ นอาวุธกระสุ นวิถีโค้ง ปฏิบตั ิการยิงด้วยวิธีเล็งจาลอง หรื อปฏิบตั ิการยิงด้วยวิธีเล็งตรงได้เมื่อมองเห็นเป้าหมาย
ความแม่นยาที่เกิดจากผลการยิงของเครื่ องยิงลูกระเบิดนี้ผใู ้ ช้อาวุธจะต้องศึกษาให้มีความเข้าใจอย่างแท้จริ ง
แล้วฝึ กจนเกิดความชานาญตามลาดับขั้นการฝึ กในหลักเกณฑ์กาหนดไว้ทุกตาแหน่งตามหน้าที่ ในอัตราการ
จัดของหน่วยจนสามารถผ่านการทดสอบมาตรฐานการฝึ กที่กาหนดไว้น้ นั ได้ จะเป็ นผูท้ ี่มีความสามารถใช้อาวุธ
ได้อย่างมีประสิ ทธิ ภาพ
ลักษณะของเครื่ องยิงลูกระเบิด เป็ นอาวุธที่มีลากล้องภายในเกลี้ยง บรรจุลูกระเบิดทางปากลากล้องด้วย
มือทีละนัด ทาการยิงด้วยมุมสู งเครื่ องยิงชนิดแบบที่เป็ นมาตรฐาน มีชิ้นส่ วนใหญ่ ๆ 3 ชิ้นส่ วน และสามารถ
ถอดออกจากกันได้ มีน้ าหนักเบา สามารถนาไปในภูมิประเทศได้ดว้ ยพลประจาเครื่ องยิงเพียงคนเดียว กล้อง
เล็งที่ใช้กบั เครื่ องยิงใช้กล้องเล็ง เอ็ม 4 เป็ นเครื่ องช่วยเล็งของเครื่ องยิงด้วยมุมสู ง และมุมทิศ
ค. ขนาด 60 มม. แบ่งออกได้ ดังนี้
1. ค.88 ขนาด 60 มม. สหรัฐอเมริ กา
- เอ็ม 2
- เอ็ม 19
- ที 18 อี 1 (เครื่ องยิงถือ)
2. ค.ขนาด 60 มม. ศอว.ทบ.
- เอ 1
- เอ 2
- เอ 3 (คอมมานโด)
รู ปที่ 1 เครื่ องยิงลูกระเบิด ขนาด 60 มม. แบบเอ็ม 2 แผ่ นฐานเอ็ม 5
รูปที่ 2 เครื่ องยิงลูกระเบิด ขนาด 60 มม. แบบ เอ็ม 19 แผ่นฐาน เอ็ม 5
รูปที่ 4 ลากล้อง
รูปที่ 5 ขาหยัง่
รูปที่ 6 แผ่นฐาน
ค. ขนาด 60 มม. แบบ 88 (สหรัฐอเมริกา)
ค. เครื่ องพร้อม เอ็ม 2 42.0 ปอนด์
ค. เครื่ องพร้อม เอ็ม 19 45.2 ปอนด์
ค. ที 18 อี 6 20.5 ปอนด์
ค. ขนาด 60 มม. ศอว.ศอพท.
ค. เครื่ องพร้อม เอ 1 41.88 ปอนด
ค. เครื่ องพร้อม เอ็ม 2 44.09 ปอนด์
ค. เครื่ องพร้อม เอ 3 (คอมมานโด) 24.25 ปอนด์
4. ขีปนวิธี
ระยะยิงไกลสุ ด ขึ้นอยูก่ บั ลูกระเบิดยิงแต่ละชนิดที่ใช้ทาการยิง
ค. ขนาด 60 มม. แบบ 88 (สหรัฐอเมริกา)
- ลย./สังหาร บ.49 ป.2 1,790 เมตร
- ลย./ควัน บ.302 1,450 เมตร
- ลย./ส่ องแสง บ.83 ป.1 1,000 เมตร
- ลย./ซ้อมยิง บ.50 ป.2 1,790 เมตร
- ลย./ฝึ กยิง บ.69 225 เมตร
ค. ขนาด 60 มม. ศอว.ศอพท. ลย./สั งหาร
- ไกลสุ ด ส่ วนบรรจุ 4 1,800 เมตร
- ใกล้สุด ส่ วนบรรจุ 0 100 เมตร
อัตราการยิง
- สู งสุ ด 30 นัด/นาที
- ต่อเนื่ อง 18 นัด/นาที
หมายเหตุ ถ้ายิงด้วยความเร็ วสู งสุ ดนานเกินกว่า 1 นาที จะทาให้แก๊สรั่วออกทางเครื่ องปิ ดท้าย
5. การทางานของเครื่ องกลไก
ลักษณะการทางานของเครื่ องกลไก เครื่ องยิงทาการยิงลูกระเบิดออกไปได้ดว้ ยการหย่อนลูกระเบิดยิง
พร้อมนัดลงทางปากลากล้อง โดยเอาทางครี บหางลงไปในลากล้องแล้วปล่อยลูกระเบิดยิง มุมสู งของลา
กล้องและน้ าหนักของลูกระเบิดยิงเองจะทาให้ลูกระเบิดยิงเลื่อนลงไปท้ายลากล้อง เมื่อถึงท้ายจอกกระทบ
แตกของส่ วนบรรจุหลักที่หางของลูกระเบิดยิงจะกระแทกกับเข็มแทงชนวนซึ่ งโผล่ยนื่ ออกมาจากเครื่ องปิ ด
ท้ายประมาณ 1/20 นิ้ว ก็จะเกิดการจุดระเบิดของส่ วนบรรจุหลักเป็ นประกายเปลวเพลิงจากการระเบิดของ
ส่ วนบรรจุหลักจะไปจุดส่ วนบรรจุเพิ่ม ด้วยการเผาไหม้ของส่ วนบรรจุจะกลายเป็ นแก๊สผลักดันให้ลูกระเบิด
ยิงพุง่ ขึ้นข้างบนและออกจากลากล้องปื นไป ที่ตวั ลูกระเบิดยิงจะมีแหวนกันแก๊สอยูด่ ว้ ยทาหน้าที่ป้องกัน
แก๊สรั่วไหลออกไปก่อนที่ลูกระเบิดยิงจะพ้นจากปากลากล้องและทาหน้าที่ประคองลูกระเบิดยิงในขณะ
เคลื่อนที่อยูใ่ นลากล้องด้วยสลักนิรภัยที่ชนวนหัวของลูกระเบิดยิงจะป้ องกันมิให้ชนวนอยูใ่ นลักษณะพร้อม
ทางาน เพื่อความปลอดภัยจนกว่าลูกระเบิดยิงจะพ้นจากปากลากล้องไปแล้วประมาณ 4-5 วินาทีเมื่อลูก
ระเบิดยิงพ้นจากปากลากล้องไปแล้วภายในลากล้องจะว่างเปล่า พร้อมที่จะทาการยิงลูกระเบิดยิงนัดต่อไป
ทันที
6. ลูกระเบิดยิงด้ าน
แบ่งออกเป็ น 2 ลักษณะ คือ ด้านนอก และด้านใน
1. ด้านใน หมายถึง เมื่อบรรจุลูกระเบิดยิงลงไปในลากล้องแล้ว ไม่ลนั่ ออกไปลักษณะเช่นนี้อาจเกิด
จากจอกกระทบแตกของส่ วนบรรจุหลักไม่ทางานหรื อเข็มแทงชนวนที่เครื่ องปิ ดท้ายลากล้องหักหรื อชารุ ด
เมื่อปรากฏว่าลูกระเบิดยิงด้านในลากล้อง จะต้องคอยอย่างน้อย 30 วินาที ห้ามมิให้ชะโงกหน้าไปดูในลา
กล้องซึ่ งอาจจะได้รับอันตรายจากการลัน่ ออกมาของลูกระเบิดยิง กรณี ลูกระเบิดยิงด้านในลากล้องให้เทลูก
ระเบิดยิงออกจากปากลากล้องด้วยการคลายด้ามเกลียวเร่ งปลอกรัดลากล้องพอให้ปลอกรัดลากล้องหลวม
แล้วหมุนลากล้องให้เดือยท้ายลากล้องพ้นออกจากการขัดกับช่องรับเดือยท้ายลากล้อง แล้วยกท้ายลากล้อง
ให้สูงขึ้นลูกระเบิดยิงจะเลื่อนออกมา และคอยใช้มือ รองรับไว้ นาลวดสลักนิรภัยสวมเข้าตาแหน่งเดิมที่
ชนวนหัว นาลูกระเบิดยิงด้านแยกไว้เพื่อหาสาเหตุการด้านจัดเครื่ องยิงเข้าที่แล้วใช้ลูกระเบิดยิงนัดใหม่ทา
การยิงต่อไป
2. ด้านนอก หมายถึง เมื่อทาการยิงลูกระเบิดยิงออกไปแล้วกระทบที่เป้ าหมายไม่ระเบิดขึ้น ลักษณะ
เช่นนี้เกิดจากการไม่ทางานของชนวนหัวลูกระเบิดยิง การด้านของลูกระเบิดยิงในลักษณะเช่นนี้ อนั ตรายมาก
เนื่องจากชนวนหัวของลูกระเบิดยิงพร้อมที่จะทางานได้ทุกขณะ เมื่อตรวจพบลูกระเบิดยิงด้านนอกห้ามแตะ
ต้องตัวลูกระเบิดยิง ให้ทา
เครื่ องหมายไว้ดว้ ยธงหรื อสลักทาสี ขาวไว้ แล้ว รายงานให้เจ้าหน้าที่ สพ.ทบ.มาทาลายต่อไป
7. กล้องเล็ง เอ็ม 4
กล้องเล็ง เอ็ม 4 เป็ นอุปกรณ์สาหรับตั้งเครื่ องยิงให้ตรงทิศ และตั้งมุมสู งให้กบั เครื่ องยิงได้ตามระยะที่
ต้องการ กล้องเล็งนี้สวมอยูท่ ี่แท่นรับก้านเครื่ องเล็งด้านซ้ายของเครื่ องยิง เป็ นเครื่ องเล็งมาตรฐานที่ใช้กบั
เครื่ องยิง ขนาด 60 มม. เอ 1, เอ 2, เอ 3 และค.88 เอ็ม 2 และเอ็ม 19 ประกอบด้วยชิ้นส่ วนต่าง ๆ ดังนี้
- กล้องสอบการเล็ง
- ศูนย์เปิ ด เส้นเล็งหางม้าสี ดา
- ควงมุมทิศ ดรรชนีช้ ีมาตรา มาตรามุมสู งส่ วนใหญ่ มาตรามุมสู งส่ วนย่อย
- หลอดระดับมุมสู ง
- หลอดระดับแก้เอียง
- ก้านกล้องเล็งและกระเดื่องก้านกล้องเล็ง
รู ปที่ 7 กล้องเล็ง เอ็ม 4
วิธีใช้ กล้องเล็ง เอ็ม 4
1. นากล้องเล็งออกจากกล่อง สวมเข้ากับแท่นรับกล้องเล็งตรวจดูวา่ เข้าที่สนิทเรี ยบร้อยแล้ว
2. ตั้งมุมสู งและมุมทิศตามที่ตอ้ งการ ตามคาสัง่ ยิงหรื อจากตารางยิงให้ถูกต้อง
3. หมุนควงสู ง ปรับหวอดระดับทางสู ง หมุนควงส่ าย ปรับแนวเส้นเล็ง แล้วปรับหวอดระดับทางข้าง
จนกระทัง่ เส้นเล็งอยูข่ อบซ้ายของหลักเล็ง การยิง 3 นัดแรกให้ถอดกล้องเล็งออกก่อน เพื่อให้พลัว่ ของแผ่น
ฐานฝังตัวแน่นกับพื้น การกระทบกระเทือนมาก ๆ อาจทาให้ชิ้นส่ วนที่บอบบางชารุ ดได้
4. การถอดกล้องเล็งออกจากแท่นรับก้านกล้องเล็ง มือซ้ายจับกล้องเล็ง หัวแม่มือกับนิ้วชี้ขวาผลัก
กระเดื่องก้านกล้องเล็งไปทางขวาจนสุ ด มือซ้ายดึงกล้องเล็งขึ้นข้างบน ให้กล้องเล็งหลุดออกมา ตั้งมุมสู ง 40
องศา มุมทิศ 0 มิลเลียม เก็บเข้ากล่องกล้องเล็ง
8. เครื่ องให้ แสง เอ็ม 37
เครื่ องให้แสงนี้ใช้เป็ นเครื่ องช่วยเล็งในเวลากลางคืนของกล้องเล็ง เอ็ม 4 ใช้ถ่านไฟฉายขนาด 1 1/2 โวลต์
มีปลายสาย 2 อัน ใช้ส่องสว่างในกล้องสอบการเล็งหนึ่งอัน และใช้ส่องดูมาตรามุมสู งและมุมทิศอีกหนึ่งอัน
ถ้าหน่วยไม่มีจะพัฒนาดัดแปลงโดยใช้ไฟฉายขนาดเล็กปิ ดด้วยกระดาษสี ดา เจาะรู เล็ก ๆ ให้แสงสว่างผ่าน
เพียงพอที่จะใช้ส่องด้านหน้าทางข้างชิดกล้องสอบการเล็ง จะเห็นเส้นสี ขาวในกล้องสอบการเล็ง เป็ น สี แดง
9. ไฟฉายหัวหลักเล็ง เอ็ม 41
ใช้ประกอบเครื่ องให้แสง เอ็ม 37 เมื่อต้องการเล็งในเวลากลางคืน วางสวมไว้บนหัวหลักเล็ง เอ็ม 10 หรื อ
หลักเล็งเพิ่มที่เตรี ยมไว้มีขนาดเท่ากัน บางครั้งจา เป็ นต้องเตรี ยมไว้หลายๆ อัน โดยดัดแปลงไว้ให้มีลกั ษณะ
ใกล้เคียงหรื อเหมือนกันได้ วิธีเล็ง ให้เส้นเล็ง ที่หลอดไฟฉายหัวหลักเล็งอยูด่ า้ นบน เส้นเล็งในกล้องตรวจสอบ
การเล็งต่อเป็ นแนวดิ่งอยูด่ า้ นล่าง
10. หลักเล็ง เอ็ม 10
เป็ นหลักเล็งที่ทาด้วยเหล็กยาว 25 1/2 นิ้ว มีมาตรามิลเลียมที่บรรทัดวัดมุม หรื อชี้ทิศทางยิงขั้นต้นให้เครื่ องยิง
ถ้าใช้มาตราวัดมุมเป็ นมิลเลียมให้ยดึ หลักเล็งอยูห่ ่างตา 18 นิ้ว ห่างกันขีดละ 10 มิลเลียม จาก 0 ไปทางขวา
และทางซ้ายข้างละ 100 มิลเลียม หลักเล็งนี้จะใช้ไม้ทาแทนได้ขนาดโดยประมาณ คือ 2 นิ้ว X 1 นิ้ว ยาว 2 ฟุต
หมายเหตุ ความสัมพันธ์ของควงส่ ายกับควงแก้เอียง คือ หมุนควงส่ าย 1 รอบ และหมนุ ควงแก้เอียงไป 1-9
รอบ ไปในทิศทางเดียวกันจะทาให้หลอดระดับไม่เปลี่ยนแปลง
11. ลูกระเบิดยิง
ลูกระเบิดยิงที่ใช้กบั เครื่ องยิงลูกระเบิด ขนาด 60 มม. เป็ นลูกระเบิดยิงครบนัด กล่าวถึงลูกระเบิดยิงทั้ง
นัด เครื่ องหมายและหลักฐานทางขีปนวิธี ลูกระเบิดยิงที่ใช้กบั ค.88 ขนาด 60 มม. แบ่งประเภทตามลักษณะ
การใช้มีอยู่ 5 ประเภท
ลูกระเบิดยิงชนิดสังหาร
ลูกระเบิดยิงชนิดควัน
ลูกระเบิดยิงชนิดส่ องแสง
ลูกระเบิดยิงชนิดฝึ กยิง
ลูกระเบิดยิงชนิดซ้อมยิง
รู ปที่ 8 ลูกระเบิดยิงสั งหารแบบ 49 ป.2 พร้ อมด้ วยชนวน บ.525
11.1 ลูกระเบิดยิงสังหาร บ.49 ป.2 (รู ปที่ 2)
ก.ลูกระเบิดยิงชนิดนี้ เป็ นลูกระเบิดยิงชนิดสังหารมาตรฐานที่ใช้กบั เครื่ องยิงลูกระเบิดขนาด 60 มม.
และใช้มากกว่าชนิดอื่นๆ ส่ วนใหญ่ใช้สังหารบุคคล และได้ผลมาก ในการทาให้บาดเจ็บ เพราะว่าสะเก็ด
ระเบิดสามารถกระจายไปได้รอบตัวในทันทีที่ลูกระเบิด ตกกระทบพื้นหรื อวัตถุแข็งอื่นๆ มียา่ นฉกรรจ์กว้าง
ประมาณ 18 เมตร และอีก 9 เมตร
ข.ลูกระเบิดยิงสังหาร ประกอบด้วย ตัวลูกระเบิด หางลูกระเบิด ซึ่ งขันเกลียวติดอยูต่ อนท้ายลูกระเบิด
และชนวน (บ.525 หรื อ บ.525 ป.1) ซึ่ งติดอยูต่ อนท้ายของลูกระเบิดดินระเบิดทีเอ็นที หนัก 0.34 ปอนด์ ที่
บรรจุอยูใ่ นตัวลูกระเบิด และถูกจุดด้วยดินขยายการประทุที่บรรจุอยูต่ อนฐานของชนวนในโอกาสที่เกิดการ
กระทบ สาหรับรายละเอียดเกี่ยวกับชนวนกระทบแตกไว หางลูกระเบิด เป็ นที่บรรจุส่วนบรรจุหลัก และเมื่อ
เกิดการลุกไหม้ทาให้สามารถติดถุงดินส่ วนบรรจุเพิ่มได้ดว้ ย หางลูกระเบิดยังช่วยรักษาการทรงตัวของลูก
ระเบิดขณะที่วงิ่ ไปในอากาศ ถ้าใช้ส่วนบรรจุเพิ่ม 4 ส่ วนบรรจุกบั ลูกระเบิดยิงหนัก 3 ปอนด์ (โดยประมาณ
สามารถทาการยิงได้ในระยะไกลสุ ด 1,790 เมตร (โดยประมาณ)
9. ดินระเบิดแท่งแอมโมเนียมไนเตรท 40 ปอนด์
9.1 คุณลักษณะ แอมโมเนียมไนเตรท 40 ปอนด์ (รู ปที่ 8) เปลือกเป็ นโลหะทรงกระบอกบรรจุดินระเบิด
แอมโมเนียมไนเตรท 30 ปอนด์ เป็ นดินระเบิดหลัก และมีดินระเบิดทีเอ็นที 10 ปอนด์ เป็ นดินขยายการระเบิด
อยูต่ รงกลางบริ เวณที่เสี ยบเชื้อปะทุ มีรูสาหรับเสี ยบเชื้อปะทุ 2 รู รู หนึ่งสาหรับเสี ยบเชื้อปะทุชนวน เอ็ม 7
หรื อเชื้ อปะทุไฟฟ้า เอ็ม 6 อีกรู หนึ่งสาหรับร้อยชนวนฝักแคระเบิดผ่าน และผูกเงื่อนที่ปลายชนวนฝักแคระเบิด
หมุดระหว่างรู เสี ยบเชื้ อปะทุท้ งั สองสาหรับผูกชนวนฝักแคเวลา สายไฟเชื้ อปะทุไฟฟ้า หรื อชนวนฝักแคระเบิด
ให้ติดแน่น ห่วงโลหะที่อยูด่ า้ นบนดินระเบิดใช้สาหรับร้อยเชือกหย่อนดินระเบิดลงไปในหลุม
9.2 การใช้ แอมโมเนียมไนเตรท มีอตั ราความเร็ วในการระเบิดต่า ดังนั้น จึงไม่เหมาะต่อการใช้ในการ
ระเบิดตัดและระเบิดแตกหัก อย่างไรก็ตาม ผลของการระเบิดก่อให้เกิดแรงดันของแก๊สทาให้เกิดการผลักดัน
หรื อการอุม้ ยก ซึ่งทาให้เหมาสาหรับงานทาหลุมและคูดิน ระเบิดแท่ง แอมโมเนีย มไนเตรท 40 ปอนด์ ได้
ออกแบบเพื่อเป็ นดินระเบิด มาตรฐานในการทาหลุมเนื่องจากปริ มาณของดินระเบิดมีเป็ นจานวนมาก จึงอาจ
นาไปใช้ในการทาลายอาคารและป้ อมค่าย และการระเบิดทาลายตอม่อสะพาน
9.3 ประโยชน์ ขนาดและรู ปร่ างของดินระเบิดนี้ เหมาะในการทาหลุมระเบิด และราคาก็ไม่แพงกว่าดิน
ระเบิดชนิดอื่น ๆ
9.4 ขีดจากัด แอมโมเนียมไนเตรท ดูดความเปี ยกชื้นได้ง่าย ทาให้ยากในการจุดระเบิด ต้องตรวจตราให้
แน่นอนว่าไม่มีน้ าเข้าไปในดินระเบิดและรู เสี ยบเชื้อปะทุ มิฉะนั้น แล้วจะทาให้ดินระเบิดไม่ระเบิด
แอมโมเนียมไนเตรทจะต้องจุดระเบิดด้วยการจุดระเบิดคู่
รู ปที่ 8 ดินระเบิดแอมโมเนี่ยมไนเตรท
10. ไดนาไมต์ทางทหาร เอ็ม 1 (1/2 ปอนด์)
10.1 คุณลักษณะ ไดนาไมต์ทางทหาร เอ็ม 1 (รู ปที่ 9) มีอาร์ ดีเอ็กซ์เป็ นดินระเบิดหลักและไม่มีไนโทร
กลีเซอรี นบรรจุอยู่ ทาให้ปลอดภัยในการเก็บรักษา จับถือ และการขนส่ งดีกว่าดิน ไดนาไมต์ทางการค้า
ไดนาไมต์ทางทหาร เอ็ม 1 มีขนาดหนัก 1/2 ปอนด์ ห่อหุ ม้ ด้วยกระดาษฉาบพาราฟิ น มีขนาเส้นผ่าศูนย์กลาง
1 1/4 นิ้ว มีความยาว 8 นิ้ว
10.2 การใช้ ไดนาไมต์ทางทหาร เอ็ม 1 ใช้ในงานช่างทัว่ ไป ในงานแหล่งดินแหล่งหิ นและสามารถใช้
ทาลายใต้น้ าได้
10.3 ประโยชน์ ไดนาไมต์ทางทหาร เอ็ม 1 ไม่แข็งตัวถ้าเก็บในที่เย็นไม่ไหลเยิม้ ถ้าเก็บในที่ร้อน
ส่ วนผสมไม่ดูดหรื อเก็บความชื้น มีความปลอดภัยในการขนส่ ง การเก็บรักษาการจับถือ จึงสามารถใช้ใน
พื้นที่การรบได้
10. 4 ขีดจากัด ไดนาไมต์ทางทหาร เอ็ม 1 เชื่อถือได้ในการวางใต้น้ าเพียง 24ชัว่ โมงเท่านั้น ดินชนิดนี้
มีความไวในการใช้จะต้องอัดลงไปในรู ให้แน่นไม่ให้มีช่องว่าง เพื่อ ผลในการทาลาย
รู ปที่ 10 ดินระเบิดเซฟชาร์ จ
12. ดินระเบิดบังกะโลตอร์ปิโด เอ็ม 1 เอ 1 และเอ็ม 1 เอ 2
12.1 คุณลักษณะดินระเบิดชนิดนี้ประกอบด้วยบังกะโลตอร์ ปิโด 10 ท่อน (รู ปที่ 11) แต่ละท่อนห่อหุ ม้
ด้วยโลหะยาว 5 ฟุต และมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 1/8 นิ้ว และมีรูเสี ยบเชื้อปะทุท้ งั สองข้างแบบ เอ็ม 1 เอ 1 บรรจุ
ด้วยดินระเบิดอมาตอล และมีดินระเบิดทีเอ็นที 4 นิ้ว เป็ นดินขยายการระเบิดที่ปลายทั้งสองด้านแบบ เอ็ม 1
เอ 2 เหมือนกับ เอ็ม 1 เอ 1 แต่ผดิ กันที่ดินระเบิดหลักใช้ดินระเบิดคอมโปซิ ชนั่ บี และดินขยายการระเบิดใช้
ดินระเบิดคอมโปซิ ชนั่ เอ 3 รู เสี ยบเชื้อปะทุท้ งั สองด้านสามารถใช้จุกเกลียวมาตรฐานแต่ละชุดจะมีปลอก
ข้อต่อและมีหวั ครอบ
12.2 การใช้บงั กะโลตอร์ ปิโด ใช้ในการกวาดล้างเครื่ องกีดขวางประเภทลวดหนาม และสนามทุ่นระเบิด
ตอนที่ 3
อุปกรณ์ในการจุดระเบิด
ชนวนฝักแคเวลา
ชนวนฝักแคเวลาสามารถจุดด้วยไม้ขีด หรื อเครื่ องจุดชนวนเป็ นตัวถ่วงเวลา เพื่อให้เกิดความปลอดภัยใน
การจุดระเบิดมีอยู่ 2 ชนิด คือ ชนวนปลอดภัย และชนวนฝักแคเวลาเอ็ม 700 ซี่งสามารถสับเปลี่ยนกันใช้ได้
1. ชนวนฝักแคเวลาปลอดภัย (Safety fuse) ใช้ในการทาลายทัว่ ๆ ไป ประกอบด้วย ดินหุ ม้ ห่ อด้วยวัสดุ
ป้ องกันน้ าซึ มมีหลายสี แต่ส่วนมากแล้วจะเป็ นสี ส้ม อัตราการลุกไหม้ 30 - 45 วินาที/ฟุต จึงต้องทดสอบ
การลุกไหม้จะเหมือนกันหรื อแตกต่างกันอยูท่ ี่สภาพอากาศและก่อนที่จะนาไปใช้ทุกม้วนจะต้องทดสอบการ
ลุกไหม้ก่อนเพื่อความปลอดภัย โดยเฉพาะในการใช้ใต้น้ าการลุกไหม้อาจจะเร็ วขึ้น จึงต้องมีการทดสอบการ
ลุกไหม้ในน้ าด้วย
รู ปที่ 12 ชนวนฝักแคเวลาแบบปลอดภัย
2. ชนวนฝักแคเวลา เอ็ม 700 (รู ปที่ 13)
ชนวนชนิ ดนี้เหมือนกับชนวนฝักแคเวลาแบบปลอดภัย และการใช้ก็ใช้เหมือนแต่สามารถกาหนดเวลา
การลุกไหม้ได้แน่นอนกว่าชนวนฝักแคเวลาแบบธรรมดา สี เป็ นสี เขียวเข้ม มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.2 นิ้ว ห่อหุ ม้
ด้วยพลาสติกผิวเรี ยบ ในระยะ 1 ฟุต จะมีแถบสี เหลืองคาด 1 แถบ ในระยะ 5 ฟุต มีแถบคาด 2 แถบ แถบคาด
นี้เพื่อให้ง่ายในการวัดระยะชนวนฝักแคเวลามีอตั ราการลุกไหม้ 40 วินาที/ฟุต แต่อย่างไรก็ตามก่อนที่จะ
นาไปใช้ตอ้ งมีการทดสอบอัตราการลุกไหม้เหมือนกับชนวนฝักแคเวลาปลอดภัยเสมอ (ชนวนฝักแคเวลานี้
ความยาว 1 ฟุต จะมีระยะเผือ่ ไว้อีก 6 นิ้ว ในระยะ 5 ฟุต จึงมีความยาว 90 นิ้ว)
รู ปที่ 13 ชนวนฝักแคเวลา
3. การบรรจุหีบห่อ
3.1 ชนวนฝักแคเวลาแบบปลอดภัย
3.1.1 ชนวนฝักแคเวลา 1 ม้วน ยาว 50 ฟุต บรรจุ 2 ม้วนต่อ 1 กล่อง และ30 กล่อง (3,000 ฟุต) บรรจุใน
ลังไม้ ขนาด 24 พ × 15 พ × 12 ฝ นิ้ว น้ าหนักรวมทั้งลัง หนัก71.8 ปอนด์
3.1.2 1 ม้วน 50 ฟุต 2 ม้วนต่อ 1 กล่อง 5 กล่อง บรรจุในกระป๋ องโลหะ และ 8 กระป๋ อง (4,000 ฟุต)
บรรจุในลังไม้ ขนาด 30 1/8 × 15 1/8 × 14 7/8 นิ้ว น้ าหนักรวมทั้งลัง 94 ปอนด์
ชนวนฝักแคระเบิด
1. คุณลักษณะชนวนฝักแคระเบิดมีวตั ถุระเบิดพีอีทีเอ็น หรื ออาร์ดีเอ็กซ์ บรรจุอยูต่ รง แกนกลาง หุม้ ด้วย
ชั้นบาง ๆ ของแอสฟัลต์ เปลือกนอกเป็ นพลาสติก ชนวนฝักแคระเบิดเป็ นสื่ อในการส่ งผ่านคลื่นระเบิด ณ
จุดหนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง อัตราความเร็ ว ระหว่าง 20,000 - 24,000 ฟุตต่อวินาที (FM 1968)
2. การใช้ชนวนฝักแคระเบิดใช้ในการระเบิด และเป็ นตัวจุดระเบิดดินระเบิดอื่น เมื่อวัตถุระเบิดที่บรรจุ
อยูใ่ นแกนกลางถูกจุดระเบิดด้วยเชื้อปะทุหรื อเครื่ องจุดอื่น มันจะส่ งผ่านคลื่นระเบิดไปยังดินระเบิด โดยไม่
จากัดจานวน
3. ข้อควรระวังในการใช้ ปลายของชนวนฝักแคระเบิดจะต้องมีเครื่ องป้ องกันน้ าซึ มเข้าไป เพื่อป้ องกัน
ความชื้นเข้าไป เมื่อใช้ชนวนฝักแคระเบิดในน้ าหรื อทิ้งไว้หลาย ๆ ชัว่ โมงก่อนทาการจุดระเบิด จะต้องตัด
ชนวนฝักแคระเบิดทิ้งก่อน 6 นิ้ว เพื่อป้ องกันความชื้ นที่หลงเหลืออยูท่ ี่ปลายสายชนวนฝักแคระเบิดให้หมด
ไป เพื่อการป้ องกันความผิดพลาด(ล้มเหลว) ในการระเบิด
รู ปที่ 14 ชนวนฝักแคระเบิด
เชื้ อปะทุ
เชื้อปะทุใช้สาหรับจุดวัตถุระเบิดแรงสู ง ได้ออกแบบขึ้นมาสาหรับเสี ยบใส่ เข้าไปในรู เสี ยบเชื้ อปะทุ และ
สามารถใช้กบั เครื่ องจุดระเบิดได้ ใช้ในกิจการทหารมี 2 ชนิด คือ เชื้อปะทุชนวนและเชื้อปะทุไฟฟ้า
1. เชื้ อปะทุไฟฟ้ า (รู ปที่ 15) ใช้ในการจุดระเบิดด้วยระบบไฟฟ้าระเบิดขึ้นด้วยเครื่ องกาเนิดไฟฟ้ าชนิ ดต่าง ๆ
เช่น เครื่ องจุดระเบิดแบตเตอรี่ ที่สามารถหาได้ ที่ใช้อยู่ 2 ชนิด คือ ที่ใช้ในกิจการทหารและทางการค้า ทาง
ทหารเป็ นแบบทันทีทนั ใด ทางการค้าทั้งแบบทันทีทนั ใด และถ่วงเวลา แบบถ่วงเวลาของการค้า สามารถ
ถ่วงเวลาตั้งแต่ 0.025 วินาที ถึง 12 วินาที สาหรับแบบถ่วงเวลาที่ใช้ทางทหารสามารถถ่วงเวลาได้ต้ งั แต่ 1.00
วินาที ถึง 1.53วินาที เชื้อปะทุไฟฟ้ามีสายไฟความยาวขนาดต่าง ๆ สาหรับต่อกับวงจรไฟฟ้า โดยมากตาม
ปกติสายคู่ยาว 12 ฟุต เพื่อป้ องกันอุบตั ิเหตุจุดระเบิดก่อนเวลา ปลายสายจะทาการลัดวงจรไว้ ซึ่ งจะต้องไม่
แยกออกจากกันก่อนทาการจุดระเบิด เชื้อปะทุไฟฟ้าทางทหารที่มาตรฐาน คือ เชื้อปะทุไฟฟ้าแบบ M 6
รู ปที่ 15 เชื้อปะทุไฟฟ้ า
2. เชื้ อปะทุชนวน (รู ปที่ 16) เชื้อปะทุชนวนจะถูกทาให้ระเบิดขึ้นด้วยชนวนฝักแคเวลาเครื่ องจุดระเบิดและ
ชนวนฝักแคระเบิด เชื้อปะทุชนวนไม่สามารถจุดระเบิดใต้น้ า
หรื อที่เปี ยกชื้นได้ เพราะว่ายากในการป้ องกันน้ าซึ มเข้าได้ แต่ถา้ มีความจาเป็ นจริ ง ๆ แล้ว ก็
ต้องหาเครื่ องป้ องกันน้ าซึ มปิ ดทับให้ดี เชื้อปะทุชนวนทางการค้ามีแบบ J 1, แบบ 6 และเบอร์ 8
ส่ วนทางทหารก็มีเชื้ อปะทุชนวนแบบ M 7
รู ปที่ 16 เชื้อปะทุชนวนทางทหาร
คีมบีบเชื้อปะทุ เอ็ม 2
คีมบีบเชื้อปะทุ เอ็ม 2 (รู ปที่ 17) ใช้ในการบีบเชื้ อปะทุชนวนให้ติดกับชนวนฝักแคเวลา ฐานเครื่ องจุด
ระเบิด มาตรฐานหรื อ ชนวนฝักแคระเบิด เพื่อให้ติดแน่นไม่สามารถที่จะดึงให้หลุดออกมาได้จะมีปุ่มเพื่อ
ป้ องกันไม่ให้คีมบีบเชื้ อปะทุ บีบเชื้อปะทุมากเกินไปอยูท่ ี่ดา้ มคีมด้านหนึ่ง ช่องว่างของปากคีม ด้านนอกใช้
สาหรับบีบ เชื้อปะทุให้ติด ช่องว่างด้านในใช้สาหรับตัดชนวนฝักแคเวลา หรื อชนวนฝักแคระเบิด ปลายด้าน
หนึ่งของคีมมีปลายแหลมใช้สาหรับเจาะดินระเบิดให้เป็ นรู สาหรับเสี ยบเชื้อปะทุเข้าไป ปลายอีกด้านหนึ่ง
แบนสาหรับใช้เป็ นไขควง คีมบีบเชื้อปะทุทาด้วยวัสดุอโลหะที่บอบบาง จึงต้องไม่ใช้ในความมุ่งหมายอื่น
ซึ่งอาจจะทาให้คีมนี้เสี ยหายได้ ปากของคีมจะต้องระวังรักษาให้สะอาด และใช้สาหรับตัดชนวนฝักแค
ระเบิดหรื อฝักแคเวลาเท่านั้น
ชุดล้อม้วนสาย เทปคานวณ
พลัว่ เหล็ก สว่านขุดดิน
รู ปที่ 28 เครื่ องมือขุดหลุม รู ปที่ 29 เครื่ องมือชุดทาลาย
รู ปที่ 29 เครื่ องมือชุดทาลายระบบเชื้อปะทุชนวน