Professional Documents
Culture Documents
เรื่องตัวแปร
คําชี้แจงใหนักเรียนอานบทคัดยอโครงงานตอไปนี้และตอบคําถามตอไปนี้
โครงงานที่ 1 เรื่องการศึกษาเปรียบเทียบวิธีการเก็บรักษามะนาวที่มีผลตอความสดของมะนาว
บทคัดยอ
การเก็บรักษาความสดของมะนาว สวนใหญแลวจะใชวิธีการเก็บไวในตูเย็นหรือเครื่องทําความเย็น
แตหากเรามีวิธีเก็บรักษาความสดของมะนาวโดยไมใชตูเย็นหรือเครื่องทําความเย็น ซึง่ จะเปนประโยชนตอ
ผูบริโภคเองดวย ทั้งประหยัดและคุมคา โดยวิธีการที่ไดเลือกมาคือ การนํามะนาวไปหมกในเกลือ ทรายและ
ขาวสาร รวมถึงการนําหนังสือพิมพมาหอมะนาวอีกดวย
ผลจากการทดลองพบวา วิธีที่เหมาะแกการเก็บรักษาความสดของมะนาวไดดีที่สุด โดยไมใช
เครื่องทําความเย็นหรือตูเ ย็น คือ การหมกทราย เพราะจะใหปริมาณน้ําที่มากกวามะนาวที่เก็บรักษาดวย
วิธีการอื่น ๆ ซึง่ ผลที่ไดคือ ทั้ง 3 ลูก มีปริมาณน้ําเฉลี่ย 83 มิลลิลิตร และใหวิตามินซีไดมากทีส่ ุดเชนกัน ซึ่งผล
ที่ไดคือ มะนาวทั้ง 3 ลูก เฉลี่ยแลวใหวิตามินซีมากถึง 7 หยด รวมทั้งมีคา pH เทากับ 5 ดวย
บทคัดยอ
บทคัดยอ
บทคัดยอ
โครงงานนีเ้ ปนการศึกษาความสามารถในการดูดซับน้ํามันของไสหญาปลองไฮมีนาชีน
(Hymenachneacutigluma) ซึ่งเปนวัชพืชชนิดหนึ่งที่มีน้ําหนักเบาและมีรูพรุนคลายฟองน้ํา รวมทั้งการศึกษา
ถึงกลไกในการดูดซับน้ํามัน โดยไดนําไสหญาปลองมาศึกษาความสามารถในการดูดซับน้ํามันตาง ๆ ไดแก
น้ํามันดิบ น้ํามันเตา น้ํามันดีเซล และน้ํามันหลอลื่น เปรียบเทียบกับวัสดุสงั เคราะหที่ใชกําจัดคราบน้ํามันใน
แหลงน้ํา พบวา ไสหญาปลองมีความสามารถในการดูดซับน้าํ มันขางตนไดเทากับ 54.6, 87.7, 51.3, และ
80.1 g/g ตามลําดับ ในขณะที่วัสดุสงั เคราะหดูดซับน้ํามันขางตนไดเทากับ 5.7, 7.0, 6.2, and 6.1 g/g
ตามลําดับหรือไสหญาปลองมีความสามารถในการดูดซับน้ํามันที่นํามาใชทดลองไดดีกวาวัสดุสงั เคราะหถึง
ประมาณ 10 เทาและพบวาทัง้ ไสหญาปลองและวัสดุสังเคราะหดูดซับน้ํานอยมากเมื่อเทียบกับน้ํามัน คือ 0.8
g/g และ 0.3 g/g ตามลําดับ และเมื่อนําน้ํามันตาง ๆขางตนมาผสมกับน้ําในอัตราสวน 1:1พบวา ไสหญา
ปลองดูดซับน้ํามันและน้ําในอัตราสวนเทากับ 5.4:1, 34.8:1, 10.2:1, และ 17.1:1 ตามลําดับ ในขณะที่วัสดุ
สังเคราะหดูดซับน้ํามันและน้ําในอัตราสวนเทากับ 4.6:1, 13.1:1, 4.1:1, และ 14.6:1 ตามลําดับ
จากการศึกษาลักษณะโครงสรางทางกายภาพในระดับเซลล พบวา น้ํามันที่ถูกดูดซึมสวนใหญอยู
ภายในชองวางระหวางเซลลในเนื้อเยื่อ Aerenchyma ซึ่งเปนสวนประกอบของไสหญาปลอง และบางสวนอยู
ภายในเซลลที่เปนโครงสรางของเนื้อเยื่อ หลังจากไดวัดขนาดชองวางในโครงสราง จึงสรุปไดวา การดูดซึม
น้ํามันในโครงสรางเกิดจากแรง Adhesion ระหวางโมเลกุลของของเหลวกับผนังของชองวาง นอกจากนี้ยงั ได
ศึกษาถึงลักษณะพื้นผิวของไสหญาปลอง พบวา มีคุณสมบัตเิ ปน hydrophobic หรือเปนแบบไมมีขั้ว จึงดูด
ซับน้ํามันไดดีกวาน้ํา ดังนั้น ไสหญาปลองจึงมีความเหมาะสมที่จะนําไปใชดูดซับคราบน้ํามันในแหลงน้าํ รวมทั้ง
ไมมีผลกระทบตอสิง่ แวดลอม และเปนวัชพืชที่ไมมมี ูลคา
บทคัดยอ
บทคัดยอ
ศึกษาการทํากระดาษหอมจากผักตบชวา โดยนําผักตบชวาสดและผักตบชวาแหงมาหั่นเปนชิ้นเล็กๆ
แลวตมฟอกสีดวยสบู นํามาปนละเอียดโดยเติมน้ําและแปงเปยกเพื่อทําเยื่อกระดาษ แลวตีเยื่อกระดาษที่ใน
ตะแกรงทําใหกระดาษใหสม่ําเสมอ แลวยกขึ้นตากแดดใหแหง ทําการใสสีและอบกลิน่ กระดาษที่ได
เปรียบเทียบคุณภาพของกระดาษที่ไดจากผักตบชวาสดและผักตบชวาแหง พบวากระดาษจากผักตบชวาแหง
มีคุณภาพดีกวาโดยมีความเหนียวกวาและไมเกิดเชื้อรา
บทคัดยอ
ถานไมที่ใชเปนเชื้อเพลิงในชีวิตประจําวันมักจะไดจากไมยืนตนและนิยมใช คือถานจากไมโกงกาง
การทดลองนี้ไดนําเอาเปลือกลูกยางมาทําถาน และไดตรวจสอบคุณภาพของถาน โดยการทดลองหาปริมาณ
ความรอนเปรียบเทียบลักษณะการลุกไหม และปริมาณการใชถานตอชั่วโมงกับถานจากตนไมอื่น ๆ ไดแก
โกงกางไมยางพาราและไมเงาะ ผลการทดลองปรากฏวาถานที่ใหปริมาณความรอนสูงสุดคือถานไมโกงกาง ซึ่ง
ใหความรอนเทากับ 173.50 cal / g อันดับ สองคือ ถานไมเงาะใหปริมาณความรอนเทากับ 134.26cal/g
อันดับสามคือถานเปลือกลูกยางพาราใหปริมาณความรอนเทากับ 125.33 cal/g ถานที่ใหปริมาณความรอน
นอยที่สุดคือถานไมยางพาราซึง่ ใหเทากับ102.78 cal / g ในแงของการลุกไหมและปริมาณถานที่ใชตอชั่วโมง
ปรากฏวาถานที่ลุกไหมเร็วและใชจํานวนมากทีส่ ุดคือถานเปลือกลูกยางพาราใชเทากับ39 g/hrและนอยทีส่ ุด
คือถานไมโกงกางเทากับ 28 g/hr
บทคัดยอ
โครงงานนีม้ ีวัตถุประสงคเพื่อสรางเครื่องอบพริกใหมปี ระสิทธิภาพสูงสุดซึง่ จะเปนประโยชนแกชาวไร
พริกทีม่ ีปญ หาในการตากพริก โดยจัดชุดการทดลองทัง้ หมด 7 ชุดการทดลอง ดังนี้
ชุดที่ 1เปรียบเทียบรูปทรงเครื่องอบพริกพบวารูปทรงสามเหลี่ยมที่ใชอบพริกจะทําใหพริกแหงเร็ว
ที่สุด เนื่องจากสามารถรองรับแสงแดดไดดีกวารูปทรง
การทดลองชุดที่ 2 เปรียบเทียบวัสดุรองพื้นที่ดีทสี่ ุดทําใหพริกแหงเร็วที่สุดอคืออแกลบเผาอเนื่องจาก
สามารถดูดความรอนไดดีกวาวัสดุชนิดอื่น
การทดลองชุดที่ 3 เปรียบเทียบแกลบสูงแกลบต่ํา โดยใชแกลบเผารองพื้นความสูงตางกัน ผลการ
ทดลองพบวาแกลบสูงจะทําใหพริกแหงเร็วกวาแกลบต่ํา
ผลการทดลองชุดที่ 4เปรียบเทียบพลาสติกคลุม 2 ชนิด คือพลาสติกใสไมมสี ีและพลาสติกใสมีสี
พบวาพลาสติกใสไมมีสีดกี วาพลาสติกใสมีสี และพบวาพลาสติกทีบ่ างกวาแสงจะทะลุผานเขาเครื่องอบไดดีกวา
การทดลองชุดที่ 5 เปรียบเทียบพลาสติกที่ใชคลุมชนิดพลาสติกใสไมมสี ีกับพลาสติกสีดํา พบวา
พลาสติกสีดําจะดูดความรอนไดดีกวาพริกจะแหงเร็วกวา
การทดลองชุดที่ 6 เปรียบเทียบปริมาณแสง พบวาปริมาณแสงมากกวาพริกจะแหงเร็วกวา
การทดลองชุดที่ 7 เปรียบเทียบพลาสติกทีม่ ีรูพรุนและไมมรี พู รุน ผลการทดลองพบวา พลาสติกที่ใช
คลุมชนิดทีไ่ มมรี ูพรุนจะทําใหพริกแหงไดเร็วกวา
บทคัดยอ
สกัดสารจากเปลือกมังคุดแบบสกัดเย็น โดยใชอัตราสวนระหวางเปลือกมังคุดสดกับน้ําเปน 2: 10
โดยใชมวล/ปริมาตร จะไดสารละลายจากเปลือกมังคุดสดสีสมอมน้ําตาลเขมและคอยๆจางลงจนไมมสี ี จาก
การเตรียมมาตรฐานโดยใชสารละลายโซเดียมไฮโปคลอไรด ความเขมขนรอยละ 0.1, 0.5, 1.0 ,3.0และ5.0
โดยปริมาตรลําดับหลังทดสอบกับสารสกัดจากเปลือกมังคุดพบวาไดสารละลายสีสมอมน้ําตาลสีสมออน สีสม
อมเหลืองออน และสีเหลืองออน ตามลําดับ เมื่อนําสารสกัดที่ไดไปทดสอบกับสารละลายจากอาหารชนิดตาง
ๆ พบวา สารละลายจากเตาหูออน หนอไมดอง ถัว่ งอกจากตลาด ถั่วงอกเพาะเอง ลูกชิ้นปลาไมมียหี่ อ และ
ปลาหมึกจะไดสารละลายเปนสีสม อมน้ําตาลออน สีสมออน สีสม อมน้ําตาลเขม สีสมอมน้ําตาลเขม สีสมอม
น้ําตาลเขมตามลําดับเมื่อนําไปเทียบกับสีของสารละลายมาตรฐานพบวาถั่วงอกเพาะเองและปลาหมึกไมพบ
สารฟอกสี เตาหูออน ถั่วงอกจากตลาดและหนอไมดอง ไดสขี องสารละลายเทากับสีของสารละลายมาตรฐาน
ซึ่งใชจากสารละลายโซเดียมไฮโปคลอไรดเปนรอยละ 3.0 และ 1.0 สวนลูกชิ้นปลาเทียบกับสีมาตรฐานที่ใช
โซเดียมไฮโปคลอไรด เขมขนรอยละ 3.0 แสดงวาอาหารที่ตรวจพบสารฟอกขาวจากกลุม ตัวอยางที่นํามาไดแก
เตาหูออน ถั่วงอกจากตลาดหนอไมดอง และลูกชิ้นปลา สวนถั่วงอกที่เพาะเองและปลาหมึกสดจากตลาด ไม
พบสารฟอกขาว
ตัวแปรตน คือ ชนิดของอาหารที่ใชทดสอบ
ตัวแปรตาม คือ ปริมาณสารที่วัดไดโซเดียมไฮโปคลอไรด
ตัวแปรควบคุม คือ ปริมาณสารที่ใชทดสอบ ปริมาณอาหาร
ตัวแปรแทรกซอน คือ สารสกัดจากเปลือกมังคุด
โครงงานที่ 10
บทคัดยอ