Professional Documents
Culture Documents
การออกแบบห้องแยกเดี่ยวผู้ป่วย (Isolation Room Design)
การออกแบบห้องแยกเดี่ยวผู้ป่วย (Isolation Room Design)
นายสุพจน์ เตชะอ�ำนวยวิทย์
ผู้จัดการฝ่ายการตลาด
บริษัท ไทยเอ็นจิเนียริ่งสเปเชียลลิซ จ�ำกัด
บทคัดย่อ
บทความนี้มุ่งที่จะสรุปเกี่ยวกับการออกแบบห้องแยก ที่มีอยู่ กับสภาพความงานจริงพร้อมทั้งปัญหาที่เคยเกิดขึ้น
เดี่ยวผู้ป่วย (Isolation Room Design) โดยเฉพาะ ผู้ป่วย จากการออกแบบและติดตัง้ ในอดีดทีผ่ า่ นมา ให้มคี วามเข้าใจ
แพร่เชื้อในระบบทางเดินหายใจ เช่น วัณโรค หวัดนก ซาร์ ได้งา่ ยขึน้ และเหมาะกับสภาพอากาศในเมืองไทยซึง่ เป็นเขต
เป็นต้น ซึ่งเคยท�ำให้โลกเกิดความตื่นตัว มีหลายหน่วยงาน ร้อนชื้น ง่ายต่อการระบาดของโรค เพื่อป้องกันการระบาด
เสนอแนวทางการออกแบบห้องแยกเดีย่ วผูป้ ว่ ย เช่น สถาบัน ของโรคไม่ ให้ลุกลามไปได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเพื่อ
สถาปนิกอเมริกา (American Institute of Architects), ป้องกัน บุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องเกี่ยวข้องกับผู้ป่วย,
ASHRAE, ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (Centers for บุคคลที่มาติดต่อกับทางสถาบันทางการแพทย์ สภาพ
Disease Control and Prevention), การบริหารความ แวดล้ อ ม และ เจ้ า หน้ า ที่ ส นั บ สนุ น เช่ น ฝ่ า ยบ� ำ รุ ง
ปลอดภัยและสุขภาพของผูป้ ระกอบวิชาชีพ (OSHA) เป็นต้น รักษาระบบปรับอากาศ พนักงานท�ำความสะอาด เป็นต้น
และเอกสารดังกล่าว มีอยู่จ�ำนวนมาก แม้ว่าโรคดังกล่าวจะ อย่างไรก็ตามบทความนี้ก็สามารถน�ำเสนอโดยสรุปเพียง
สามารถควบคุมได้แล้ว แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังและป้องกัน ส่วนที่จ�ำเป็นต่อการออกแบบ ซึ่งผู้อ่านที่สนใจสามารถดู
ไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของโรค ดังนั้นจึงได้รวบรวมและ รายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเอกสารเฉพาะเรื่อง
สรุปแนวทางการออกแบบห้องแยกเดีย่ วผูป้ ว่ ยจากข้อมูลต่าง
56 บทความวิชาการ ชุดที่ 17
Isolation Room Design
การระบายอากาศ
การระบายอากาศในห้องแยกเดี่ยวผู้ป่วยนั้นนับว่ามี
ความส�ำคัญต่อการป้องกันการระบาดของโรค เพราะการ
ระบายอากาศสามารถลดความเสี่ยงต่อการระบาดของโรค รูปที่ 1ก แสดงทิศทางการไหลของกระแสลมส�ำหรับห้อง
ได้ 2 แนวทาง คือ การเจือจาง (Dilute) และ การน�ำออก แยกเดี่ยวผู้ป่วย
(Removal)
58 บทความวิชาการ ชุดที่ 17
Isolation Room Design
จากรูปที่ 2 เป็นลักษณะการออกแบบการกระจายลม
และทิศทางการไหลของลมทั้งดีและไม่ดีซึ่งเสนอโดยหน่วย
งานหลายแห่งเช่น ศูนย์ควบคุมโรคอเมริกนั , OSHA เป็นต้น
2. จะต้องออกแบบการกระจายการหมุนเวียนอากาศ
ภายในห้อง ให้อากาศใหม่ผสมกับอากาศเดิมภายในห้อง
มากทีส่ ดุ (Maximum Mixing Rate) ไม่กอ่ ให้เกิดจุดอับหรือ
รูป 1ข. แสดงทิศทางกระแสลมทางเดียวในแนวนอน จุดที่อากาศนิ่งภายในห้อง มีบางความเห็น ก�ำหนดถึง
การวิเคราะห์อายุของอากาศ (Age-Of-Air Analysis)
หมายถึง เวลาของอากาศทีหยุดนิง่ อยูก่ บั ที่ โดยไม่หมุนเวียน
หรือระบายออก หากนานเกินกว่าการหมุนเวียนของอากาศ
แต่ละรอบ เช่น ก�ำหนดการหมุนเวียนอากาศเท่ากับ 12 รอบ
ต่อชั่วโมง อายุของอากาศที่จะอยู่ภายในห้อง ย่อมเท่ากับ
60 นาที ÷ 12 รอบต่อนาที = 5 นาที หากมีอากาศหยุดนิ่ง
อยู่ ณ จุดใดจุดหนึ่งนานเกินกว่า 5 นาที ย่อมถือว่าจุดนั้น
รูป 1ค. แสดงทิศทางกระแสลมทางเดียวในแนวตั้ง
คือ จุดอับ ดังนั้นจึงควรจัดเครื่องเรือนเครื่องใช้ภายในห้อง
จากรูป 1ก, 1ข หรือ 1ค ข้างต้น เป็นตัวอย่างการ อย่าให้มีสิ่งกีดขวางกระแสลม หัวจ่ายลม นับว่ามีผลต่อ
ออกแบบท่อลมเข้าและออกจากห้องเพื่อควบคุมทิศทาง ทิศทางและระยะทางของกระแสลมภายในห้อง หัวจ่าย
กระแสลมให้ไหลไปในทางเดียวกัน เพือ่ ควบคุมไมให้อากาศ ที่มีคอเล็ก ช่วยเพิ่มความเร็วลม ท�ำให้ลมไปได้ไกล แต่มี
จากผู้ป่วยมากระทบคนที่ต้องเข้าใกล้ผู้ป่วย ข้อเสีย คือ การกระจายลมอาจไม่สามารถกระจายไปทัว่ ห้อง
รูปที่ 2 แสดงการจัดวางแนวหัวจ่ายและดูดออกส�ำหรับห้องแยกเดี่ยวผู้ป่วยแบบแรงดันลบที่ก�ำหนดโดยสถาบันต่างๆ
สมาคมวิศวกรรมปรับอากาศแห่งประเทศไทย 59
การออกแบบห้องแยกเดี่ยวผู้ป่วย
60 บทความวิชาการ ชุดที่ 17
Isolation Room Design
62 บทความวิชาการ ชุดที่ 17
Isolation Room Design
ข้อก�ำหนดเรื่องแรงดันลบของห้อง
ศูนย์ควบคุมโรคอเมริกา ได้ก�ำหนดแรงดันลบภายใน กราฟที่ 1 แสดงให้เห็นถึงรอยรัว่ ทีเ่ กิดขึน้ ต่อการรักษา
ห้ อ งแยกเดี่ ย วผู ้ ป ่ ว ยต้ อ งมี ร ะดั บ ต�่ ำ กว่ า ห้ อ งรอบข้ า ง ระดับแรงดันภายในห้องและปริมาณลมรั่วที่เกิดขึ้น เพื่อ
ไม่น้อยกว่า 0.25 ปาสคาล (0.001 นิ้วน�้ำ) ซึ่งนับว่ามีระดับ ป้องกันไม่ให้เกิดการรัว่ ของอากาศภายในห้องผูป้ ว่ ยแรงดัน
น้อยมาก โดยก�ำหนดให้ใช้ติดตั้งเครื่องมือวัดความดันต่าง ลบสู่ภายนอก แม้มีรอยรั่วเพียงเล็กน้อย อากาศที่เกิดการ
(Differential Pressure Gauge) ซึ่งมีทั้งชนิดแสดงผลอย่าง รั่วซึมก็อาจท�ำให้แรงดันห้องเกิดปัญหา ดังนั้นจึงจ�ำเป็น
เดียว หรือ แบบสามารถส่งสัญญาณไปสูร่ ะบบควบคุมอาคาร ต้องมีการอุดรอยรัว่ ตามแนวต่อต่างๆภายในห้อง และควรมี
อื่น หรือ เป็นแบบสวิตช์ ซึ่ง เปิด-ปิด ด้วยการตั้งค่าแรงดัน ห้องเฉลียง (Anteroom) เหมือนห้องกันชน
ต่าง (Differential Pressure) เมื่อเบี่ยงเบนจากต่าที่ตั้งไว้ ประโยชน์ของการจัดให้มหี อ้ งเฉลียง (Anteroom) ก่อน
โดยท�ำสัญญาณเตือนความผิดปรกติของแรงดันห้องท�ำงาน เข้าห้องผูป้ ว่ ยนัน้ เพือ่ เป็นกันชนป้องกันห้องผูป้ ว่ ยไม่ให้เกิด
ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณเสียงหรือสัญญาณแสง แรงดันเป็นบวกหรือมีอากาศเล็ดลอดจากห้องผูป้ ว่ ยสูบ่ ริเวณ
สมาคมวิศวกรรมปรับอากาศแห่งประเทศไทย 63
การออกแบบห้องแยกเดี่ยวผู้ป่วย
64 บทความวิชาการ ชุดที่ 17
Isolation Room Design
การค�ำนวณปริมาณลม รูปต่อไปแสดงถึงแบบของซุ้มผู้ป่วยชั่วคราวเพื่อเป็น
จากปริมาตรข้างต้นเท่ากับ 1,000 ลบ.ฟุต ก�ำหนดให้ ทางเลือกกรณีที่ขาดทั้งสถานที่และงบประมาณสนับสนุน
มีอากาศหมุนเวียนภายในห้องไม่นอ้ ยกว่า 12 รอบต่อชัว่ โมง
ดังนั้น ปริมาณลมที่ต้องจ่ายเข้าสู่ห้องต้องไม่น้อยกว่า
12,000 ลบ.ฟุตต่อชัว่ โมง หรือ 200 ลบ.ฟุตต่อนาที (12,000
÷ 60 = 200) กรณีตามรูปที่ 4 หากก�ำหนดให้มกี ารดูดอากาศ
ออกรวมเท่ากับ 300 ลบ.ฟุตต่อนาที มีข้อพิจารณาว่า ควร
ดูดออกจากหัวดูดลมออกภายในห้องผู้ป่วยและดูดลมออก
ทางห้องน�้ำเท่าไหร่จึงจะเหมาะสม
1. ควรจะดู ด ลมออกจากภายในห้ อ งเองทิ้ ง 250
ลบ.ฟุตต่อนาที และจากออกน�้ำอีก 50 ลบ.ฟุตต่อนาที หรือ
2. ดูดลมจากภายในห้อง 200 ลบ.ฟุตต่อนาทีและ
ดูดลมออกจากห้องน�้ำ 100 ลบ.ฟุตต่อนาที
รูปที่ 5 ซุ้มแยกผู้ป่วยแพร่เชื้อที่ประกอบชุดดูดอากาศ
พร้อมแผ่นกรองอากาศประสิทธิภาพสูง (HEPA Filter)
ทางเลือกที่เหมาะสมและเหตุผล
ควรดูดลมห้องจากห้อง 250 ลบ.ฟุตต่อนาที และ
ดูดลมออกจากห้องน�้ำอีก 50 ลบ.ฟุตต่อนาที เนื่องจาก จะ
ท�ำให้ห้องผู้ป่วยนั้นมีสภาวะแรงดันภายในห้องเป็นลบ หรือ
ต�่ำกว่าห้องเฉลียงหรือห้องข้างเคียง ในขณะที่แบบที่ 2 นั้น
จะท�ำให้แรงดันภายในห้องเท่ากับห้องข้างเคียง ซึ่งไม่
สอดคล้องกับบทบัญญัติตามที่หลายหน่วยงานก�ำหนด
สมาคมวิศวกรรมปรับอากาศแห่งประเทศไทย 65
การออกแบบห้องแยกเดี่ยวผู้ป่วย
สรุป
ห้ อ งแยกเดี่ ย วผู ้ ป ่ ว ยชนิ ด แรงดั น ลบนั้ น ควรมี การ แพทย์ทเี่ กีย่ วข้อง ผูป้ ว่ ยอืน่ ๆ ภายในโรงพยาบาล ญาติมติ ร
ออกแบบเพื่ อ ป้ อ งกั น การแพร่ ร ะบาดของโรค ซึ่ ง ต้ อ ง ของผูป้ ว่ ยทีม่ าเยีย่ ม ฝ่ายบ�ำรุงรักษาตลอดจนถึงสิง่ แวดล้อม
พิจารณาตามความเหมาะสมกับสถานที่มาตรฐานกลาง โดยเฉพาะบริเวณใกล้เคียงที่เป็นชุมชน โดยไม่ดูดอากาศที่
โดยยึดหลักการส�ำคัญ คือ การปกป้องบุคลากรทางการ ปนเปื้อนเชื้อสู่บรรยากาศในรัศมีต�่ำกว่าที่ก�ำหนดไว้
เอกสารอ้างอิง
[1] Francis J.Curry National Tuberculosis Center, Isolation Room; Design, Assessment, and
Upgrade (1999)
[2] Pranab K. Chowdhury & Samta Bajaj; HVAC Design Criteria for Isolation Rooms,
July-September 2002
[3] Mar Ortega, Josep Mensa; Preventive Isolation in the Emergency Department,
Emergencias2009, 21:36-41
[4] Duncan Phillips, and Glenn Schuyler; Infectious Disease Control Issues; Principles of
Isolation Room Design; Technotes, Issue No.22
[5] Duncan Phillips, Ray J. Sinclair, and Glenn D.Schuyler; Isolation Room Ventilation Design
Case Studies.
[6] Kevin Moon; Design of Hospital Isolation Rooms; Business Briefing; Hospital Engineering &
Facility Management 2004
[7] Victoria Advisory Committee on Infection Control 2007; Guideline for the Classification and
Design of Isolation Rooms in Health Care Facilities.
66 บทความวิชาการ ชุดที่ 17