Professional Documents
Culture Documents
ห ัวข้อ 8
หล ักการพยาบาลแบบองค์รวมสำหร ับผูใ้ หญ่ทม ี่ คี วามเจ็บป่วย
เฉียบพล ัน ฉุกเฉิน และวิกฤต ตามปัญหาทีพ ่ บบ่อยในระบบ
ประสาท: Traumatic brain injury, Cerebrovascular diseases
ผศ.ดร. วราวรรณ อุดมความสุข
รศ.ดร.น ัทธมน วุทธานนท์
บทนำ
ระบบประสาททำหน ้าทีค ่ วบคุมและประสานการทำงานของระบบ
อวัยวะต่างๆของร่างกายให ้ดำรงชวี ต ิ อยูไ่ ด ้ อันตรายหรือภาวะเจ็บป่ วยที่
้ อย่างเฉียบพลันต่อระบบประสาทจึงเป็ นภาวะคุกคามต่อช วี ต
เกิดขึน ิ ของ
บุคคลอย่างมาก อันตรายหรือภาวะเจ็บป่ วยทีพ ่ บบ่อย ได ้แก่ การบาด
เจ็บทีส่ มอง และโรคหลอดเลือดสมองตีบหรือแตก
การบาดเจ็บทีส ่ มอง (Traumatic brain injury)
ความหมาย การบาดเจ็บทีก ่ อ
่ ให ้เกิดการเปลีย ่ นแปลงการทำงานของ
สมอง หรือเกิดพยาธิสภาพในสมองอันเนือ ่ งจากมีแรงภายนอกสมอง
มากระทบ (สวิง ปั นจัยสห ี ์ นครชย ั เผือ
่ นปฐม และกุลพัฒน์ วีรสาร,
2556)
สาเหตุ
พบมากทีส ่ ด
ุ เกิดจากอุบต ั เิ หตุจราจร สว่ นสาเหตุอน ื่ ๆ ได ้แก่ ถูก
ทำร ้าย เชน ่ ถูกตี ยิงหรือแทงบริเวณศรี ษะ เป็ นต ้น อุบต ั เิ หตุจากกีฬา
และหกล ้มหรือตกจากทีส ่ งู
พยาธิสรีรภาพ
่ มีแรงภายนอกมากระทบจะพบการบาดเจ็บของหนังศรี ษะ
เมือ
(scalp injuries) เชน ่ ฉีกขาด บวมช้ำ ถลอก เป็ นต ้น; บาดเจ็บของกระดูก
กะโหลกศรี ษะ (skull injuries) เชน ่ แตกในตำแหน่งฐานกะโหลก
123
สมองกระทบกระเทือน (concussions)
อาการทางคลินก ิ ทีพ ่ บ ได ้แก่ หมดสติประมาณ 5 นาทีหรือน ้อย
กว่าแล ้วกลับมารู ้สติ มีอาการสูญเสย ี ความจำก่อนและหลังการเกิด
อุบต ั เิ หตุ มักพบอาการปวดศรี ษะ มึนงง อาจบ่นคลืน ้
่ ไสอาเจี ยน
สมองช้ำ (contusions)
อาการขึน ้ กับตำแหน่งทีช ่ ้ำ เชน ่ สมองใหญ่ช้ำ (cerebral
contusion) หากเป็ นสว่ น Temperal lobe ในผู ้ทีย ่ ังรู ้สติจะพบอาการ
กระวนกระวาน (agitate) สบ ั สน (confuse); Frontal lobe มีอาการอัมพาต
ครึง่ ซก ี (hemiparesis) หรือตำแหน่ง Frontotemporal จะพบความ
บกพร่องในการสอ ื่ สาร
ขณะทีก ่ ้านสมองช้ำ (brain stem contusion) มักพบมีอาการหมด
สติอย่างน ้อย 2-3 ชวั่ โมง หรือเป็ นวัน หรือเป็ นสป ั ดาห์โดยอาจรู ้สติมา
บ ้างเป็ นพักๆ ร่วมกับการเปลีย ่ นแปลงลักษณะการหายใจ รูมา่ นตา การ
เคลือ ่ นไหวของลูกตาและความเคลือ ่ นไหวของร่างกาย ทัง้ นีห ้ ากช ้ำที่
สว่ น Reticular activating system จะหมดสติถาวร การบาดเจ็บทีเ่ กิดกับ
ก ้านสมองมักมีบาดเจ็บต่อ hypothalamus ด ้วยซงึ่ จะสง่ ผลต่อการทำงาน
ของระบบประสาทอัตโนมัต ิ ทำให ้พบมีไข ้สูง ชพ ี จรและหายใจเร็ว
การร ักษา
เนือ
่ งจากแรงภายนอกทีม ่ ากระแทก จะสง่ ผลให ้มีการบาดเจ็บของ
สมอง (brain injury) เป็ น 2 ระยะ คือ การบาดเจ็บของสมองระยะปฐมภูม ิ
(primary brain injury) เป็ นการบาดเจ็บของสมองทีเ่ กิดขึน ้ ทันทีภายหลัง
จากแรงมากระทบ เชน ่ เนือ ้ สมองช้ำ หลอดเลือดฉีกขาด เป็ นต ้น สำหรับ
การบาดเจ็บของสมองระยะทุตย ิ ภูม ิ (secondary brain injury) เกิดจาก
ผลทีต ่ ามมาภายหลังการบาดเจ็บปฐมภูมโิ ดยอาจเกิดตามหลังทันทีหรือ
หลายชวั่ โมงหรือเป็ นวันก็ได ้ เชน ่ สมองบวม ภาวะขาดออกซเิ จน
(hypoxia) พร่องสมดุลอิเลคโตรลัยต์ เป็ นต ้น สง่ ผลให ้เนือ ้ สมองหรือ
เซลล์ประสาทเสย ี หายมากขึน ้ ดังนัน ้ การรักษาภายหลังการบาดเจ็บที่
สมองจึงเป็ นการป้ องกันการบาดเจ็บของสมองทุตย ิ ภูมเิ ป็ นส ว่ นใหญ่
การดูแลผู ้ทีม ่ รี ะดับความรุนแรงของการบาดเจ็บทีส ่ มองระดับปาน
กลางถึงรุนแรง ในเบือ ้ งต ้นจึงเน ้นดูแลตามการชว่ ยชวี ต ิ ผู ้ได ้รับบาดเจ็บ
ขัน้ สูง (Advanced trauma life support [ATLS]) โดยดูแลทางเดิน
หายใจให ้โล่ง (airway) ชว่ ยหายใจ (breathing) และ ดูแลการไหลเวียน
เลือด (circulation) ทัง้ นีภ ้ าวะขาดออกซเิ จนและภาวะ
คาร์บอนไดออกไซด์คงั่ (hypercapnia) มักเกิดขึน ้ ในระยะแรกของการ
resuscitation การใสท ่ อ ่ ชว่ ยหายใจในระยะเวลาทีร่ วดเร็วจะชว่ ยลดการ
บาดเจ็บระยะทุตย ิ ภูมท ิ เี่ ป็ นผลจากภาวะทัง้ สองได ้ นอกจากนีก ้ ารให ้สาร
น้ำกลุม ่ isotonic solution ทางหลอดเลือดดำอย่างเพียงพอมีความ
สำคัญในการชว่ ยรักษาระดับสญ ั ญาณชพ ี และทำให ้ความดันกำซาบใน
125
ผู ้ป่ วยทีว่ น
ิ จ
ิ ฉั ยได ้ว่าเป็ นโรคหลอดเลือดสมองจากการขาดเลือด
มีขน ั ้ ตอนการรักษา ดังนี้
1) เฝ้ าระวังไม่ให ้เกิดภาวะพร่องออกซเิ จนในเลือดและการหายใจ
ผิดปกติ โดยดูแลให ้ O2 sat ≥ 92%
2) ให ้ยาลดความดันโลหิต โดยหาก SBP > 220 mmHg. หรือ
DBP >120 mmHg. ให ้ Captopril 6.25-12.5 mg ทางปาก หรือ
Nicardipine 5 mg/hr. ทางหลอดเลือดดำ ทัง้ นีจ ้ ะไม่ให ้ Nifedipine อม
ใต ้ลิน ้ หรือทางปากเพราะไม่สามารถทำนายผลได ้แน่นอนและไม่สามารถ
ปรับลดยาได ้หากความดันโลหิตต่ำลง
3) ให ้สารน้ำทางหลอดเลือดดำเพือ ่ คงสมดุลสารน้ำในร่างกาย ใน
ภาวะขาดน้ำ ให ้สารละลายกลุม ่ isotonic solution
4) งดน้ำ-อาหารทางปาก ในกรณีผู ้ป่ วยซม ึ ลง หรือมีแนวโน ้มจะ
ต ้องรับการผ่าตัด
5) รักษาอาการหรือโรคร่วมอืน ่ ๆ เชน ่ ให ้ยาลดไข ้ ยาป้ องกันชก ั
ยาหลอดเลือดหัวใจเป็ นต ้น
สำหรับผู ้ป่ วยทีว่ น ิ จิ ฉั ยเป็ นโรคหลอดเลือดสมองจากหลอดเลือด
สมองแตก การผ่าตัดเพือ ่ หยุดเลือดและนำพยาธิสภาพทีเ่ กิดขึน ้ ออกไป
เพือ่ ป้ องกันภาวะแทรกซอนจากความดั ้ นในกะโหลกศรี ษะสูงมีความ
จำเป็ น
ขณะทีก ่ ารป้ องกันการเกิดซ้ำของโรค ในกรณีการตีบหรืออุดตันไม่
ได ้มีสาเหตุจากหัวใจรักษาด ้วยการให ้ยาต ้านเกล็ดเลือด (antiplatelet)
หรือหากวินจ ิ ฉั ยได ้ว่ามีสาเหตุจากลิม ่ เลือดหัวใจ จะให ้ยาการแข็งตัว
ของเลือด อาจใชการผ่ ้ าตัดหลอดเลือดคาโรติด (carotid
endarterectomy) หรือใสส ่ ายสวนขยายหลอดเลือดคาโรติด (carotid
angiography) รวมทัง้ แนะนำการปรับปลีย ่ นพฤติกรรมการดำเนินชวี ต ิ และ
การบริโภคควบคูไ่ ปด ้วย
ภาวะแทรกซอ ้ นในผูท
้ ม
ี่ ป
ี ญั หาเจ็บป่วยระบบประสาท
จากพยาธิสรีรภาพในผู ้ทีม ่ คี วามเจ็บป่ วยเฉียบพลันของระบบ
ประสาทและการรักษาทีเ่ กีย ่ วข ้อง จะพบได ้ว่าภาวะแทรกซอนส ้ ำคัญทัง้
ในระยะวิกฤต ระยะก่อนผ่าตัดและหลังผ่าตัด คือภาวะความดันใน
กะโหลกศรี ษะสูง (increased intracranial pressure) ซงึ่ สง่ ผลให ้สมอง
สูญเสยี หน ้าทีอ
่ ย่างถาวรหากให ้การดูแลไม่เหมาะสมได ้
ภาวะความด ันในกะโหลกศรี ษะสูง เป็ นกลุม ่ อาการทีเ่ กิดการ
่ นแปลงทางระบบประสาทอย่างเฉียบพลัน สง่ ผลให ้ขาดความ
เปลีย
สมดุลระหว่างปริมาตรและความดันภายในกะโหลกศรี ษะ โดยจะพบ
ความดันในกะโหลกศรี ษะ (intracranial pressure-ICP) มีคา่ มากกว่า 20
mmHg.
129
ในระยะแรกของการขาดเลือดของสมอง ศูนย์การไหลเวียน
(vasomotor center) จะถูกกระตุ ้น ความดันโลหิตจะเพิม ่ ขึน ่ คงไว ้ซงึ่
้ เพือ
การไหลเวียนเลือดไปเลีย ้ งสมอง จึงพบค่าความดันซส ี โตลิคสูงขึน ้ ใน
ขณะทีค ่ วามดันไดแอสโตลิคคงเดิม ทำให ้พบค่าความดันระหว่างซส ี โต
ลิคและไดแอสโตลิคกว ้าง (widen pulse pressure) หัวใจเต ้นชา้
(bradycardia) หากได ้รับการแก ้ไขได ้ทันท่วงที ความดันกำซาบของ
สมองจะกลับมาปกติ หากไม่ได ้รับการแก ้ไขจะทำให ้ความดันใน
กะโหลกศรี ษะสูงขึน้ อย่างต่อเนือ
่ งจะดันเนือ
้ สมองจากตำแหน่งทีม ่ ค
ี วาม
130
ดันสูงไปยังทีม ่ ค
ี วามดันต่ำกว่า เกิดการเคลือ ่ นของเนือ ้ สมอง (brain
herniation) ทำให ้หลอดเลือดสมองและเนือ ้ สมองถูกกด และขาดเลือด
ไปเลีย ้ ง สง่ ผลให ้เนือ ้ สมองตายในทีส ่ ด
ุ
อาการและอาการแสดง ระยะแรกทีค ่ วามดันในกะโหลกศรี ษะ
เริม
่ เสย ี สมดุลจะแสดงอาการของ Cushing 's triad คือ ความดันโลหิต
ชว่ งหัวใจบีบ (systolic blood pressure) สูง ค่าความดันระหว่างชว่ งหัวใจ
บีบและคลายตัวกว ้าง (widened pulse pressure) และหัวใจเต ้นชาลง ้
(bradycardia) ในระยะต่อมาจะมีการเปลีย ่ นแปลงระดับความรู ้สก ึ ตัว
ปวดศรี ษะ อาจปวดรุนแรงหรือเมือ ่ เคลือ ่ นไหวเนือ ่ งจากมีความดันใน
หลอดเลือดดำและแดงในสมอง อาเจียนพุง่ โดยไม่มอ ี าการคลืน่ ไสนำ ้
(projectile vomiting) เนือ ่ งจากมีการกระตุ ้นศูนย์ควบคุมอาเจียนทีส ่ มอง
สว่ น Medulla รูมา่ นตาเปลีย ่ นแปลง มักพบจอประสาทตาบวม
(papilledema) ทำให ้มีตามัว มองภาพไม่ชด ั
การประเมินทางการพยาบาล
1. การซก ั ประวัต:ิ ซก ั ประวัตก ิ ารบาดเจ็บหรือเหตุการณ์ทท ี่ ำให ้
เกิดความเจ็บป่ วย ปั จจัยเสย ี่ งทีส่ นั บสนุนการเกิดโรค เชน ่ ความดัน
โลหิตสูง เบาหวาน หัวใจ สูบบุหรี่ ดืม ่ แอลกอฮอล์ หากผู ้ป่ วยไม่สามารถ
ให ้ข ้อมูลได ้ควรสอบถามผู ้ชว่ ยเหลือหรือผู ้ทีอ ่ ยูใ่ นเหตุการณ์ ประวัตก ิ าร
รักษา
2. การตรวจร่างกาย: โดยประเมินทางระบบประสาท ดังนี้
2.1 ประเม น ิ ระดับ ความรู ้ส ก ึ ตัว (level of consciousness:
LOC) แบ่ง ออกเป็ น 1) Alert หมายถ งึ ผู ้ป่ วยรู ้ส ก ึ ตัว ดี สามารถตอบ
สนองต่อสงิ่ กระตุ ้นได ้ถูกต ้องและรวดเร็ว 2) Drowsy หมายถึง ผู ้ป่ วยง่วง
ตอบสนองต่อสงิ่ กระตุ ้นลดลง ซม ึ มากขึน ้ 3) Stuporous หมายถึง ผู ้ป่ วย
หลับเป็ นสว่ นใหญ่ ปลุกไม่คอ ่ ยตืน ่ แต่ยังตอบสนองต่อความเจ็บปวดได ้
อย่างมีความหมาย เชน ่ หยิก จะสามารถเอามือมาปั ด ได ้ 4) Semicoma
หมายถึง ผู ้ป่ วยใกล ้หมดสติ ไม่ตอบสนองต่อสงิ่ กระตุ ้นอืน ่ นอกจากความ
เจ็บปวด และ 5) Coma หมายถึง หมดสติ ไม่ต อบสนองต่อ การกระตุ ้น
ใดๆ
ปั จจุบน ้
ั นิยมใชการประเมิ น Glasgow Coma Scale (GCS) ซงึ่
ประเมินพฤติกรรมการตอบสนอง 3 ด ้านคือ 1) การลืมตา (eye opening)
2) การสอ ื่ สาร (verbal response) และ 3) การเคลือ ่ นไหว (motor
response) ค่าคะแนนอยูร่ ะหว่าง 3-15 โดยคะแนนมาก หมายถึงมีระดับ
ความรู ้สก ึ ตัวดี คะแนน < 8 หมายถึงอยูใ่ นภาวะ coma (ตารางที่ 1)
2.2 ประเมินปฏิกริ ย ิ ารูมา่ นตา (pupillary response)
เป็ นการตรวจการตอบสนองของรูมา่ นตาต่อแสง คือ ดูขนาด รูปร่างของรู
ม่านตา (pupil) ปกติจะมีรป ู ร่างกลมเท่ากันทัง้ 2 ข ้าง ขนาดของรูมา่ นตา
อยูใ่ นชว่ ง 2 – 6 มิลลิเมตร
131
เหยียดแขน (extension – 2
decerebrate)
ไม่เคลือ
่ นไหวเลย 1
ข้อวินจ ิ ฉ ัยการพยาบาล
1. การกำซาบของเนือ ้ เยือ ่ สมองเปลีย ่ นแปลงเนือ ่ งจากภาวะความ
ดันในกะโหลกศรี ษะสูง
2. แบบแผนการหายใจไม่มป ี ระสท ิ ธิภาพเนือ ่ งจากระดับความรู ้สก ึ
ตัวลดลง/มีการเสย ี หน ้าทีข ่ องระบบประสาท
3. ขาดประสท ิ ธิภาพในการทำทางเดินหายใจให ้โล่งเนือ ่ งจาก
ระดับความรู ้สก ึ ตัวลดลง
4. ความสามารถในการปฏิบต ั กิ จิ วัตรประจำวันลดลงเนือ ่ งจากมี
อาการชา อ่อนแรง เดินเซ หรือการรับสม ั ผัสบกพร่อง
ข้อวินจ ิ ฉ ัยทางการพยาบาลที่ 1 การกำซาบของเนือ ้ เยือ ่ สมอง
เปลีย ่ นแปลงเนือ ่ งจากภาวะความดันในกะโหลกศรี ษะสูง
การพยาบาล
1. จัดท่านอนศรี ษะสูงไม่เกิน 30 องศาเพือ ่ ให ้ความดันในกะโหลก
ศรี ษะลดลงโดยแรงดันกำซาบสมองไม่เปลีย ่ นแปลง เมือ ่ อยูใ่ นท่านอน
ศรี ษะสูงสง่ ผลให ้มีการแพร่กระจายของน้ำไขสน ั หลังสูช ่ อ ่ งว่าง
ไขสน ั หลังอย่างอิสระและมีการไหลกลับของเลือดดำสูห ่ วั ใจได ้สะดวก
ขึน้ เนือ่ งจากคุณสมบัตข ิ องของเหลวในน้ำไขสน ั หลังทำให ้มีการไหล
กลับของเลือดทันที นอกจากนัน ้ 70-80 % ของเลือดใน สมองอยูใ่ น
หลอดเลือด จึงทำให ้ความดันในกะโหลกศรี ษะลดลงเมือ ่ จัดท่าศรี ษะสูง
เพราะการจัดท่านอนศรี ษะสูงสง่ ผลให ้ความดันโลหิตลดต่ำลง เพราะ
เลือดในร่างกายสว่ นบนไหลไปสูห ่ ลอดเลือดดำสว่ นปลายจากแรงดึงดูด
ของโลก สง่ ผลให ้ปริมาณเลือดไหลกลับสูห ่ วั ใจลดลงและความดัน
โลหิตลดลง
2. จัดท่านอนให ้ศรี ษะและคออยูใ่ นแนวเดียวกัน หลีกเลีย ่ งบิดหมุน
ซาย ้ ขวา และขณะพลิกตะแคงตัวควรพลิกตะแคงแบบท่อนซุง นอกจาก
้ การจัดท่าศรี ษะและคอทีอ
นัน ่ ยูใ่ นลักษณะก ้ม แหงน หรือ บิดหมุนซาย- ้
ขวา ทำให ้ความดันในกะโหลกศรี ษะเพิม ่ เพราะการจัดท่าดังกล่าวอาจ
ทำให ้มีการกดหรือบีบหลอดเลือดดำ jugular vein สง่ ผลกระทบต่อการ
ไหลกลับของเลือดดำและการระบายของน้ำไขสน ั หลัง ผลทีต ่ ามมาเกิด
ภาวะเลือดดำคัง่ ในสมองทำให ้ความดันในกะโหลกศรี ษะเพิม ่ สูงขึน ้
3. ดูแลทางเดินหายใจให ้โล่งโดยการดูดเสมหะเมือ ่ มีข ้อบ่งช ใี้ น
การดูดเสมหะ เพราะการดูดเสมหะในผู ้ป่ วยบาดเจ็บทีศ ่ รี ษะเนือ ่ งจากการ
ดูดเสมหะทำให ้เกิดการระคายเคืองต่อเยือ ่ บุหลอดลม เป็ นการกระตุ ้นให ้
เกิดปฏิกริ ย ิ าการไอ ซงึ่ ทำให ้เพิม ่ ความดันในทรวงอกและชอ ่ งท ้องสง่ ผล
ให ้เลือดดำไหลกลับสูห ่ วั ใจลดลงเกิดภาวะเลือดดำคัง่ และทำให ้เกิด
ภาวะความดันในกะโหลกศรี ษะสูงขึน ้ นอกจากนัน ้ การดูดเสมหะทำให ้มี
การดูดออกซเิ จนออกไป จึงทำให ้มีภาวะคาร์บอนไดออกไซด์คงั่ สง่ ผล
ให ้หลอดเลือดสมองขยายตัว ทำให ้เกิดภาวะเลือดดำคัง่ ในสมอง เกิด
136
การพยาบาล
1. ดูแลทางเดินหายใจ โดยการจัดท่าให ้เหมาะสม ในผู ้ป่ วยทีไ่ ม่
ึ ตัว ควรใส่ airway เพือ
ค่อยรู ้สก ่ ป้ องกันลิน
้ ตก ในรายทีม ่ เี สมหะอยูล ่ ก
ึ ใน
หลอดลมและไม่สามารถไอหรือบ ้วนออกได ้ ควรพิจารณาการใสท ่ อ่ ชว่ ย
หายใจ (Endotracheal tube) และดูดเสมหะทุกครัง้ ทีม ่ เี สมหะ
2. ดูแลให ้ได ้รับออกซเิ จนอย่างเพียงพอ
3. ติดตามผลการตรวจวิเคราะห์แก๊สในหลอดเลือดแดง ซ งึ่ ควร
จะมีคา่ PaO2 มากกว่า
70 มม.ปรอท และ PaCo2 25 – 35 มม.ปรอท ในรายทีม ่ ป
ี ั ญหาปอด
ทำหน ้าทีแ ่ ลกเปลีย่ นแก๊สได ้น ้อยลงอาจใชเครื ้ อ่ งชว่ ยหายใจชนิดความ
ดันบวกขณะหายใจออก เพือ ่ รักษาระดับออกซเิ จนในเลือดแดง ขณะ
เดียวกันยังชว่ ยลดความดันในสมองลงได ้
4. ประเมินการหายใจผู ้ป่ วยทุก 15 นาที – 1 ชว่ั โมง สงั เกต
ลักษณะ และอัตราการหายใจ
ี งเสมหะในปอดเป็ นระยะ เพือ
ฟั งเสย ่ ประเมินการอุดตันของเสมหะ ทำให ้
รบกวนการแลกเปลีย ่ นอากาศในปอดลดลงและเกิดคาร์บอนไดออกไซด์
้ อดในสมองขยายเลือดไปคัง่ ในสมองมากขึน
คัง่ ทำให ้เสนเลื ้ เพิม
่ ความ
ดันในกะโหลกศรี ษะ
บรรณานุกรม
ธนัฐ วานิยะพงค์. (2558). Management of closed and brain death.
เชย ี งใหม่: คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชย ี งใหม่.
สวิง ปั นจัยสหี ์ นครชยั เผือ
่ นปฐม และกุลพัฒน์ วีรสาร. (2556). แนวทาง
เวชปฏิบต ั ก
ิ รณีสมองบาดเจ็บ. กรุงเทพ: ธนาเพลส.
Black, J.M., & Hawks, J.H. (2009). Medical-surgical nursing: Clinical
management for positive outcomes (8thed.). St. Louis:
Saunders.
Ignatavicius, D.D., & Workman, M.L. (2010). Medical-surgical
nursing: Patient-centered collaborative care (6thed.). St. Louis:
Saunders/Elsevier.
Smeltzer, S.C., Bare, B.G., Hinkle, J.L., & Cheever, K.H. (2008).
Textbook of medical-surgical nursing (11thed.). Philadelphia:
Lippincott Williams & Wilkins.