Professional Documents
Culture Documents
Lab Ch5 Struccon Final
Lab Ch5 Struccon Final
เส้นชัน้ ความสูงของโครงสร้าง
(Structural Contours)
เส้นชัน้ ความสูงของโครงสร้าง (structural contours) คือ เส้นทีล่ ากผ่านระดับความสูง
เท่ากันบนผิวของโครงสร้าง เช่น (1) ผิ วของระนาบเรียบ [รูปที่ 5.1 (ก) และ (ข) และรูปที่ 5.2] ซึ่ง
ตัวอย่างของผิวระนาบเรียบ ได้แก่ ระนาบจากการวางตัวของชัน้ หิน (bedding plane) ดังภาพตัวอย่าง
แสดงในรูปที่ 5.1 (ก) และ (ข) ระนาบจากรอยเลื่อน (fault plane)] และ (2) ผิ วระนาบโค้งหรือกึง่ โค้ง
[รูปที่ 5.1 (ค) และ (ง) และ รูปที่ 5.3] ซึง่ ตัวอย่างของผิวระนาบโค้ง ได้แก่ ผิวระนาบโค้งของชัน้ หินทีเ่ กิด
จากกระบวนการคดโค้ง ดังภาพตัวอย่างแสดงในรูปที่ 5.1 (ค) และ (ง) ผิวระนาบโค้งจากรอยสัมผัส
ตัวอย่างเช่น รอยสัมผัสจากการเลื่อน (fault contact) รอยสัมผัสจากการตกสะสมตะกอน (depositional
contact) หรือรอยสัมผัสจากการขาดความต่อเนื่องของการตกสะสมของตะกอน (unconformity contact)
รูปที ่ 5.1 ตัวอย่างโครงสร้างทางธรณีวทิ ยาทีแ่ สดง (ก) และ (ข) ระนาบเรียบ (ค) และ (ง)
ระนาบโค้ง [ภาพ (ก) (ข) และ (ง) เพียงตา สาตรักษ์ ถ่ายภาพ ภาพ (ค) ณัฐวิโรจน์ ศิลารัตน์ ถ่ายภาพ]
32 คู่มอื ปฏิบตั กิ ารธรณีวิทยาโครงสร้างและธรณีวิทยาภาคสนาม
CI
tan(dip)
HS
รูปที ่ 5.4 (ก) ชัน้ หินทรายโผล่ทรี ่ ะดับ 340 เมตร มีแนวระนาบ 25N และมุมเท 15 (ข) วิธกี าร
สร้างชัน้ ความสูงของโครงสร้าง โดยวิธวี าดภาพ และวิธกี ารคานวณโดยใช้สมการทางเรขาคณิต ในทีน่ ้ ี
โดยกาหนดเส้นชัน้ ความสูงทีร่ ะดับช่วงชัน้ ห่างกัน 100 เมตร (contour interval, CI = 100 m) (ค) ลากเส้น
ขนานกับแนวระดับ (strike) โดยลงชัน้ ความสูงเทียบกับจุดความสูงทีพ่ บชัน้ หินทราย (ง) แผนทีเ่ ส้นชัน้
ความสูงของโครงสร้างของระนาบของหินทราย (structural contour map of top surface sandstone)
36 คู่มอื ปฏิบตั กิ ารธรณีวิทยาโครงสร้างและธรณีวิทยาภาคสนาม
รูปที ่ 5.5 การหาแนวระดับ (strike) และมุมเท (dip) ของระนาบ จากแผนทีเ่ ส้นชัน้ ความสูงของ
โครงสร้างระนาบเรียบ (ก) แผนทีเ่ ส้นชัน้ ความสูงของโครงสร้าง (ข) วิธหี าทิศทางของแนวระดับ วัดตาม
แนวของเส้นชัน้ ความสูง เพราะเส้นชัน้ ความสูงของโครงสร้างขนานกับแนวระดับ การวัดแนวระดับวัด
เทียบกับทิศเหนือของแผนที ่ (ค) วิธกี ารหามุมเทจากการคานวณ และจากการวาดภาพ (ง) ผลทีค่ านวณ
ได้ คือ แนวระดับ 25N และมุมเท 15 ทิศทางของมุมเท ตัง้ ฉากกับแนวระดับและเอียงเทไปในทิศทาง
ทีม่ ตี าแหน่งของเส้นชัน้ ความสูงค่าตา่
หินทีต่ าแหน่ง A และ B ดังแสดงในรูปที่ 5.6 (ก) และ (ข) กาหนดช่วงชัน้ เส้นความสูงทีต่ อ้ งการสร้าง ใน
รูปกาหนดช่วงชัน้ (contours interval, CI) 100 เมตร จากนัน้ ประมาณหาค่าความสูงจากค่าทีท่ ราบ 3
ตาแหน่ง เชื่อมต่อเส้นชัน้ ความสูงผ่านตาแหน่งทีม่ คี วามสูงเท่ากัน ดังแสดงในรูปที่ 5.6 (ค) และ (ง)
พืน้ ฐานจาเป็ นทีต่ อ้ งทราบเพื่อทาให้สามารถสร้าง (create) วิเคราะห์ (analyze) อ่าน (read) หรือ
แปลความหมาย (interpret) แผนทีธ่ รณีวทิ ยาได้อย่างถูกต้อง คือ ต้องทราบลักษณะของรูปแบบหินโผล่
(outcrop pattern) โดยปจั จัยควบคุมการปรากฏของหินโผล่ คือ (1) ระนาบหรือกึง่ โค้ง (2) มุมเทและ
ทิ ศทาง และ (3) ความหนาของหน่ วยหิ น การทีไ่ ด้หยุดทาแบบฝึ กหัด ในทุกๆ ครัง้ ทีแ่ นะนา หาก
สามารถทาได้โดยไม่เกิดความสับสน จะนาไปสูค่ วามเข้าใจทีถ่ ูกต้องในอนาคต อย่าอ่านแบบผ่านๆ โดย
ไม่ลงมือทา ในหัวข้อนี้ ยังอยู่ในเงือ่ นไขของระนาบเรียบ ลาดับต่อไป จะแสดงให้เห็นวิธกี ารนาไป
ประยุกต์ใช้ เช่น หากพบชัน้ หินโผล่ทเ่ี ส้นความสูงของภูมปิ ระเทศ (topographic contours) เดียวกันสอง
ตาแหน่ ง สามารถลากเส้นตรงระหว่างตาแหน่ ง หินโผล่ทงั ้ สองตาแหน่ ง เส้นที่เชื่อมต่อ คือ เส้นแนว
ระดับหรือเส้นชัน้ ความสูงของโครงสร้าง (strike line or structural contours) ดังแสดงในรูปที่ 5.12 (ก)
และ (ข) จุดทีบ่ ริเวณเส้นชัน้ ความสูงของโครงสร้าง (structural contours) ตัดกับเส้นชัน้ ความสูงของภูมิ
ประเทศ (topographic contours) ทีร่ ะดับความสูงทีเ่ ท่ากัน เมื่อลากต่อจุดทีต่ ดั กันเหล่านี้ จะได้ขอบเขต
ทีป่ รากฏของชัน้ หิน [รูปที่ 5.12 (ค) และ (ง)] ในบริเวณทีค่ วามสูงของเส้นชัน้ ความสูงของภูมปิ ระเทศ
(topographic contours) มีค่าความสูงมากกว่าความสูงของเส้นชัน้ ความสูงของโครงสร้าง (structural
contours) แสดงว่าชัน้ หินถูกปิ ดทับ (รูปที่ 5.9, 5.10 และ 5.11) ดังนัน้ สามารถประเมินหาระดับความ
ลึกของชัน้ หิน ที่ถูกปิ ดทับ ใต้ผวิ ดิน เพื่อนามากาหนดความลึกของหลุมเจาะ เมื่อต้องการเจาะสารวจ
เพื่อให้พบผิวบนของชัน้ หินนัน้ หากชัน้ หินนัน้ มีแร่ทส่ี ามารถขุดขึน้ มาใช้ประโยชน์ได้ ความแตกต่างของ
เส้นชัน้ ความสูงของภูมปิ ระเทศ กับเส้นชัน้ ความสูงของโครงสร้าง เท่ากับความลึกทีถ่ ูกฝงั อยู่ใต้ผวิ ดิน
[รูปที่ 5.12 (ง) และ (จ)] การทราบความลึกของชัน้ หินที่มแี ร่ทส่ี ามารถนามาใช้ประโยชน์ได้ ทาให้
วิเคราะห์หาความเหมาะสม หรือประเมินความคุม้ ทุน-ไม่คมุ้ ทุน ทีจ่ ะนาแร่นนั ้ ขึน้ มาใช้ เป็ นต้น
รูปที่ 5.13 แสดงตัวอย่างในกรณีท่วี ดั แนวระดับและมุมเท ในตาแหน่ งใดตาแหน่ งหนึ่ง และ
สามารถเขียนตาแหน่งนัน้ ลงในแผนทีเ่ ส้นชัน้ ความสูงของภูมปิ ระเทศ จะสามารถหาขอบเขตของหินโผล่
44 คู่มอื ปฏิบตั กิ ารธรณีวิทยาโครงสร้างและธรณีวิทยาภาคสนาม
การสร้า งเส้น ชัน้ ความสูง ของระนาบโค้ง มีห ลัก อยู่ว่ า ต้ อ งสร้า งในรูป แบบที เ่ รี ย บง่ า ย
(smooth and simple) พิจารณารูปที่ 5.18 (ก) แสดงแผนทีเ่ ส้นชัน้ ความสูงของภูมปิ ระเทศและมีขอ้ มูล
ทีพ่ บชุดหินทีส่ นใจ 3 ตาแหน่ง เมื่อข้อมูลมีเพียง 3 ตาแหน่ ง การสร้างเส้นชัน้ ภายใต้หลักทีว่ ่า สร้างให้
เรียบง่าย จึงต้องสร้างให้เป็ นระนาบเรียบ [รูปที่ 5.18 (ข)] เมื่อมีขอ้ มูลเพิม่ เติมเข้ามาเรื่อยๆ ดังแสดงใน
รูปที่ 5.18 (ค) และ (ง) จะต้องทาการปรับแก้ ภายใต้ขอ้ มูลใหม่ทพ่ี บ เส้นชัน้ ความสูงของโครงสร้างจึง
ต้องปรับจากระนาบเรียบ ให้สอดคล้องกับข้อมูลใหม่ทเ่ี พิม่ ขึน้ ได้เป็ นระนาบโค้ง หากมีขอ้ มูลเพิม่ มาอีก
จะต้องทาการปรับแก้ เมื่อพบว่าเส้นชัน้ ความสูงของโครงสร้าง ไม่สอดคล้องกับข้อมูล
ที่ 5.19 (ค)] ปรับเส้นตรงให้โค้งในแนวทีส่ อดคล้องกับเส้นทีอ่ ยู่ขา้ งเคียง ดังแสดงในรูปที่ 5.19 (ง) หา
มุมเทและลงตาแหน่งของแนวระดับ (strike) และมุมเท (dip)
รูปที ่ 5.19 (ก) และ (ข) ลักษณะของชัน้ หินหรือหน่ วยหิน ทีม่ รี ะยะของเส้นชัน้ ความสูงของ
โครงสร้างไม่เท่ากัน เนือ่ งจากเป็ นระนาบผิวโค้ง (ค) และ (ง) การเชือ่ มจุดเพือ่ สร้างเส้นชัน้ ความสูง [ทีม่ า
ของภาพ: Fig. 22 โดย Powell, 1992]
และ (ค) หรือค่าของมุมเท ในรูปที่ 5.20 (ข) และ (ง) สามารถแปลความหมายได้ว่า รอยสัมผัสผิวล่างและ
ผิวบนของหินดินเหนียว มีการวางตัวแตกต่างกัน เป็ นต้น
แบบฝึกหัดท้ายบท
แบบฝึ กหัดนี้ มีเฉลยบางข้อ ในภาคผนวก ข ควรลงมือทาก่อนดูเฉลย
1. จงสเกต (sketch) (ก) แผนทีเ่ ส้นชัน้ ความสูงผิวล่าง (bottom surface) ของระนาบเรียบในรูปที่ 5.2
และ (ข) แผนทีเ่ ส้นชัน้ ความสูงผิวล่าง (bottom surface) ของระนาบโค้งในรูปที่ 5.3
2. จงสเกตรูปและสร้างแผนที่เส้นชัน้ ความสูงของโครงสร้าง (ก) ระนาบเรียบ (ข) ระนาบโค้งนู น
(convex) (ค) ระนาบโค้งเว้า (concave) (ง) ระนาบโค้งนูนและโค้งเว้า (ดูเฉลยภาคผนวก ข)
3. จงสร้างแผนทีเ่ ส้นชัน้ ความสูงของโครงสร้าง (ก) ระนาบเรียบมีแนวระดับ 45 (ข) ระนาบเรียบมี
แนวระดับ 90 กาหนดมุมเทได้ตามต้องการ
4. จงสร้างแผนที่เส้นชัน้ ความสูงของโครงสร้าง (ก) ระนาบเรียบมีแนวระดับ 45 และมุมเท 20
(ข) ระนาบเรียบมีแนวระดับ 45 และมุมเท 60
5. จากแผนทีภ่ ูมปิ ระเทศในรูปที่ 5.23 พบชัน้ ถ่านบาง (thin coal bed) โผล่ทผ่ี วิ ดินในตาแหน่ ง A, B
และ C จงหา แนวระดับและมุมเท ของชัน้ ถ่าน (ดูเฉลยภาคผนวก ข)
6. จากแผนทีร่ ปู ที่ 5.23 เมื่อเจาะหลุมสารวจทีต่ าแหน่ ง A พบผิวบนของชัน้ หินดินเหนียวทีค่ วามลึก
60 เมตร ทีต่ าแหน่ง B พบผิวบนของชัน้ หินดินเหนียวทีค่ วามลึก 40 เมตร ทีต่ าแหน่ ง C พบผิว
บนของชัน้ หินดินเหนียวทีค่ วามลึก 120 เมตร จงหาการวางตัวของชัน้ ถ่าน (ดูเฉลยภาคผนวก ข)