Professional Documents
Culture Documents
สติกมาสเตอร์
Stigmasterol หรือที่เรียกว่า stigmasterin หรือ wulzen antistiffness factor เป็นหนึ่งใน
สังเคราะห์และกึ่งสังเคราะห์ในอุตสาหกรรมยา
ข้อก หนดที่เกี่ยวข้อง:
ดูหัวข้อทั้งหมด
สติกมาสเตอร์
Rizwan Ashraf, Haq Nawaz Bhatti ใน Centum of Valuable Plant Bioactives, 2021
10.5.1 ฤทธิ์ต้านมะเร็ง
Stigmasterols ในท นองเดียวกัน สเตอรอลจากพืชอื่นๆ ได้
แสดงให้
เห็นคุณสมบัตต
ิ ้านมะเร็งที่น่า
อัศจรรย์ต่อเซลล์มะเร็งชนิดต่างๆ ผ่านกลไกการออกฤทธิ์ที่แตกต่างกัน มี
รายงานจาก Stigmasterol ส หรับ
คุณสมบัตต
ิ ้านมะเร็งต่อเซลล์มะเร็งหลายชนิด ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จ กัดเพียงมะเร็งเต้านม มะเร็งปอด
แม้ว่าฤทธิ์ต้านมะเร็งของสติกมาสเตอรอลจะยังไม่ได้
รับการส รวจอย่างเต็มที่ แต่นักวิจัยบางคนได้
เสนอทฤษฎี
บางอย่างที่สามารถควบคุมมะเร็งได้
โดยใช้
สติกมาสเตอรอลโดยการขับสารที่ก่อให้
เกิดมะเร็ง ในเรื่องนี้ สติ
กมาสเตอร์อลสามารถศึกษาฤทธิ์ต้านมะเร็งได้
ผ่านพารามิเตอร์ของชั้นใต้ดิน เช่น ความสามารถในการก จัด
ความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน การควบคุมความเสียหายของดี
เอ็นเอ การวัดการเปลี่ยนแปลงทางจุล
บุกรุก และบางครั้งก็
ส่งเสริมการตายของเซลล์มะเร็ง (Guarneri et al., 2006) กลไกการออกฤทธิ์บางอย่าง
ส หรับฤทธิ์ต้านมะเร็งของสติกมาสเตอรอลถูกกล่าวถึงโดยสังเขป
Machine Translated by Google
สติกมาสเตอร์อลเป็นสเตอรอลจากพืชที่ส คัญที่สามารถยับยั้งการพัฒนาของเซลล์มะเร็ง
ต่างๆ ได้
โดยการยับยั้งการส่งเสริมและการเจริญเติบโตของการตายของเซลล์มะเร็ง การยับยั้งนี้
อาจเกิดจากการกระตุ้นเอนไซม์แคสเปส (เอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายการควบคุมเซลล์
ที่ควบคุมการตายของเซลล์) สเตอรอลจากพืช stig masterol เมื่อรวมเข้ากับเยื่อ
หุ้มเซลล์จะเพิ่มกิจกรรมของเอนไซม์แคสเปสโดยท ให้
เกิดการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างเมมเบ
รนและความลื่นไหลโดยแทนที่คอเลสเตอรอลของเมมเบรน การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเมมเบรน
เหล่านี้
เพิ่มการไหลออกของโปรตีนภายในเซลล์และนอกเซลล์ และส่งผลต่อเส้นทางการส่งสัญญาณ
ที่กระตุ้นเอนไซม์แคสเปส อีกวิธี
หนึ่งที่ช่วยในการหลีกเลี่ยงมะเร็งคือการยับยั้ง
มะเร็งที่ส่งเสริมสายพันธุ์หรือการก จัดอนุมูลอิสระ
อนุมูลอิสระเหล่านี้
เป็นชนิดของออกซิเจนปฏิกิริยา (ROS) ที่ผลิตในร่างกายโดยการเกิด
ออกซิเดชันของเซลล์เครียดที่สามารถท ลายดีเอ็นเอ และอาจเริ่มต้นหรือเพิ่มจ นวน
มะเร็งในร่างกาย และการแตกของห่วงโซ่นี้
อาจช่วยควบคุมการเพิ่มจ นวนมะเร็ง (มิชลินี et
al., 2016).
การศึกษาทางจุลพยาธิวิทยาของผิวหนังที่ได้
รับการรักษาด้วยไดเมทิลเบนแซนทราซีน (DMBA)
พบว่ามี
การท ลายผิวหนังอย่างรุนแรงและได้
ศึกษาผลของสติกมาสเตอร์อลต่อการซ่อมแซมความ
เสียหายของผิวหนัง DMBA เป็นสารกดภูมิคุ้มกันและสารก่อมะเร็งในระดับห้องปฏิบัติ
การที่จงใจชักนให้
เกิดมะเร็ง และส่วนใหญ่ใช้
ส หรับการศึกษาศักยภาพในการต้านมะเร็งใน
หลอดทดลอง เมื่อความเสียหายที่ผิวหนังของ DMBA ได้
รับการรักษาด้วย stigmasterol ซึ่ง
สกัดจาก A. indica จะสังเกตเห็นการซ่อมแซมในชั้นผิวหนังและชั้นผิวหนังชั้นนอกที่
เสื่อมโทรม การเปลี่ยนแปลงทางเนื้อเยื่อวิทยาที่พบในผิวหนังชั้นหนังแท้
และใต้
ผิวหนัง
นั้นสัมพันธ์กับฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของสติกมาสเตอรอล แม้ว่าโครงสร้างโดยรวมของสติ
กมาสเตอรอลจะแสดงฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่น่าอัศจรรย์
Machine Translated by Google
พบว่ามี
หมูไ่ ฮดรอกซิลอยูบ
่ นวงแหวนอะโรมาติกของสติกมาสเตอรอลส์ซึ่งมีหน้าที่ในการต้าน
อนุมูลอิสระ ผลกระทบเพิ่มเติมได้
รับการประเมินโดยการทดสอบ Comet ซึ่งแสดงให้
เห็นว่า DMBA
ก่อให้
เกิดความเสียหายของ DNA อย่างมี
นัยส คัญใน lym phocytes ผลการวิจัยจากการศึกษา
ต่างๆ เหล่านี้
บ่งชี้
ว่าศักยภาพในการต้านมะเร็งของ stigmasterol อาจเนื่องมาจาก
คุณสมบัตใิ นการต่อต้านยีนและสารต้านอนุมูลอิสระ (Ali et al., 2015)
> อ่านบทเต็ม
บทบาทของเชื้อราเอนโดไฟต์ชายเลนใน ผูป
้่วยเบาหวาน
21.3.1.1 Avicennia sp
> อ่านบทเต็ม
สปีชี
สท
์ ี่ก หนดมักจะมี
สเตอรอล ค็อกเทล ที่ซับซ้อน โดยมี
คอมปอนด์หลักสองสามตัวและ
ตัวรองหลายตัว ความหลากหลายของสเตอรอลเกี่ยวข้องกับ (1) จ นวนอะตอมของคาร์บอน (27
ถึง 29) ตามที่กล่าวไว้
ข้างต้น และ (2) จ นวนและต แหน่งของอิออนที่ไม่อิ่มตัว ซึ่งเรียก
กันทั่วไปว่า : ส่วนใหญ่ 5 และ 7 บนนิวเคลียสของสเตียรอยด์ และ 22 และ 24 บนโซ่
ด้านข้าง (รูปที่ 9) นอกจากนี้ สเต อรอล สามารถอยูใ่ นรูปแบบอิสระหรือคอนจูเกต กล่าว
คือ สเตอรอล เอซิลเอสเทอร์ที่มก
ีรดไขมันต่างๆ หรือสเตอรอล อะซิลกลูโคไซด์ โดยที่มอยอิตี
น้ ตาลเชื่อมโยงกับ 3-OH ของสเตอรอลและกับกรดไขมัน (Eichenberger, 1977; กรุ
นวัลด์, 1980).
มะเดื่อ 9. โครงสร้างของคอเลสเตอรอลและไฟโตสเตอรอลที่เป็นตัวแทน
สเตอรอลที่กินเข้าไปจะขึ้นอยูก
่ ับการกระทของเอนไซม์หลายประเภท: (1) เอนไซม์ไฮโดรไลติก (เอสเท
อเรสหรือไกลโคซิเดส) จากล ไส้
ของแมลง (ดูหัวข้อ 5) ซึ่งจะปล่อยสเตอรอลอิสระออกจากคอนจูเกต
(2) รี
ดักเตส และ/หรือ ออกซิเดส และ (3) เอ็นไซม์ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการที่เรียกว่า
“ดี
อัลคิเลชั่น” ปฏิกิริยา (2) และ (3) ได้
รับการตรวจสอบอย่างกว้างขวางตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ
1960 โดยการผสมผสานกลยุทธ์ต่างๆ เข้าด้วยกัน: การทดลองการให้
อาหารด้วยอาหารที่มสี
เต
อรอลหนึ่งชนิด การศึกษาการเผาผลาญ ในร่างกาย ด้วย สเตอรอลที่ติดฉลาก [1H] หรือ [14C] ซึ่ง
ช่วยให้
สามารถแยกตัวกลางที่ติดฉลากได้ การศึกษาเกี่ยวกับเอนไซม์โดยใช้
เนื้อเยื่อที่แยก
ได้
หรือสารเตรียมที่ปราศจากเซลล์ และการสังเกตผลของตัวยับยั้งทางเภสัชวิทยาต่างๆ ของ
ปฏิกิริยาที่รู้จักในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม/มนุษย์ (เช่น สารลดคอเลสเตอรอลในเลือด) วิถี
ทางชีวเคมี
ทั้งหมดได้
รับการอธิบายอย่างถี่ถ้วน อย่างน้อยก็
เกี่ยวกับเมแทบอลิซึมของสเตอร
อลจากพืช 5 ที่พบบ่อยที่สุด ( บทวิจารณ์: Fujimoto et al., 1985b; Svoboda and
Thompson, 1985; Svoboda and Feldlaufer, 1991; Svoboda and Weirich, 1995; Svoboda,
1999) และสรุปไว้
ในรูปที่ 10
Machine Translated by Google
> อ่านบทเต็ม
Terpenes
Christophe Wiart PharmD, PhD, ใน สารประกอบตะกั่วจากพืชสมุนไพรส หรับ
การรักษาโรคมะเร็ง 2013
Machine Translated by Google
Phytopharmacology
เป็นที่ทราบกันดี
ว่าพืชมี
ชุดของ campesterol, stigmasterol และ sitosterol
อนุพันธ์ 122 triterpenes เช่น lupeol และ -amyrin-3-acetate, 123 the tigliane-type
diterpenes 12-deoxy phorbol-13-hexadecanoate, 12-deoxyphorbol-13-acetate,-
124 ลังดูอิน A, prostratin, 125 12-deoxyphorbaldehyde-13-acetate, 12-deoxyphor
baldehyde-13-hexadecacetate, 12-deoxyphorbol-13- (9Z) -octadecanoate-20-acetate, 12-
deoxyphorbol-13-decanoate, 126 fischerosides AC,127 ent-abietane diterpenes langduin
B, 17-acetoxyjolkinolide A และ B, jolkinolide A และ B, 17-hydroxyjolki nolide A
และ B,128 7,11,12-trihydroxy-ent-abieta-8(14), 13 (15)-dien-16,12-olide, 17-
acetoxyjolkinolide B, 13-hydroxy-ent-abiet- 8(14)-en-7-one,126 the pimarane diterpene
3 R,17-dihydroxy-ent-pimara -8(14), 15-diene126 diterpenes ที่ผิดปกติซึ่งมี langduin
C129 และ D130 และฟี
นอลบางชนิด เช่น scopoletin, physcion และ 2,4-dihydroxy-6-
methoxy-1-acetophenone.123
คุณสมบัตต
ิ ้านมะเร็งของพืชเป็นหนี้ ent-abietane 17-acetoxyjolkino lide A และ
B.131,132
> อ่านบทเต็ม
นาโนเอนแคปซูเลชันของเอ็นไซม์ เปปไทด์ที่
ออกฤทธิ์ทางชีวภาพ และโมเลกุลชีวภาพ
Muhammed Yusuf Çağlar, ... İbrahim Gülseren, ใน การห่อหุ้มนาโนของ ส่วนผสมออก
ฤทธิ์ทางชีวภาพในอาหาร, 2017
8.4 ไฟโตสเตอรอล
ไฟโตส เตอรอล เป็นกลุ่มของไฟ โตเคมิคอล ที่มสี
ารประกอบ เช่น สติกมาสเตอรอล, - ซิโทสเตอรอล
และ แคมเปสเตอรอล สตานอลจากพืช ซึ่งพบได้
ตามธรรมชาติที่ความเข้มข้นต่กว่าสเตอรอล สามารถ
ผลิตได้
โดยการเติมไฮโดรเจนของ ไฟโตสเตอรอล ความเข้มข้นของไฟโตสเตอรอลในน้ มันพืชมี
ตั้งแต่ 0.1% ถึง 1.0% (ชัยสิทธิ์, อี
เลียส, แมคเคลเมนท์, และเด็คเกอร์, 2550) และการบริโภคไฟโต
สเตอรอลโดยทั่วไปอยูใ่ นช่วง 200 ถึง 400 มก./วัน การ ผลิต อาหาร เสริมไฟโตสเตอรอล ได้
รับความนิยม
เนื่องจากความสามารถของไฟโตสเตอรอลในการลดโคเลสเตอรอลไลโปโปรตีนความหนาแน่นรวมและความ
หนาแน่นต่ในมนุษย์โดยการยับยั้งการดูดซึมของโคเลสเตอรอลในอาหาร (Wong, 2001; Ostlund, 2004)
ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ การรวมไฟโตสเตอรอลในสูตรอาหารค่อนข้างท้าทายเนื่องจากมี
จุดหลอมเหลวสูง
และมี
แนวโน้มที่จะก่อตัวเป็นผลึกที่ไม่ละลายน้ อย่างไรก็ตาม PUFA esterified phytosterols
แสดงให้
เห็นถึงความสามารถในการละลายที่สูงขึ้น เมื่อกลืนกินไฟโตสเตอรอลเอสเทอร์เข้าไป ไลเปส จะ
ไฮโดรไลซ์กรดไขมันเพื่อผลิตไฟโตสเตอรอลอิสระ
ไฟโตสเตอรอลส่วนใหญ่ถูกเติมเข้าไปใน อาหารที่มไี
ขมันสูง (เช่น มาการีน) ซึ่งการละลายและการกระจา
ยตัวค่อนข้างง่าย การแนะนไฟโตสเตอรอลในอาหารที่มน
ี้เป็นส่วนประกอบต้องถูกระงับหรือท ให้
เป็นอิมัลชัน ผลิตภัณฑ์ออกซิเดชันของ Phytosterol ได้
รับการสังเกตในระบบแบบจ ลอง น้ มัน และ
ผลิตภัณฑ์อาหาร (Bortolomeazzi, Cordaro, Pizzale, & Conte, 2003; Cercaci, Rodriguez-
Estrada, Lercker, & Decker, 2007; Dutta, 1997; Lambelet et al., พ.ศ. 2546 ซูปาส จุ
นทูเนน แลม
ปี และปิโรเนน พ.ศ. 2547) ยังไม่ชัดเจนว่าไฟโตสเตอรอลที่ถูกออกซิไดซ์มแี
นวโน้มที่จะสูญเสีย
คุณสมบัตอ
ิ อกฤทธิ์ทางชีวภาพ หรือแสดงให้
เห็นถึงผลกระทบที่เป็นพิษในร่างกายในลักษณะที่
คล้ายกับคอเลสเตอรอลที่ถูกออกซิไดซ์หรือไม่ เช่นเดียวกับไลปิดออกฤทธิ์ทางชีวภาพอื่นๆ ที่ไวต่อ
ปฏิกิริยาออกซิเดชัน นาโนเอนแคปซูเลชันของไฟโตสเตอรอลอาจเพิ่มความคงตัวในการออกซิเดชันของพวกมันและ
ท ให้
การดูดซึมของพวกมันดี
ขึ้น
> อ่านบทเต็ม
27.10.1 4-Desmethylsterols
จากคลาส 4- desmethylsterol , โคเลสเตอรอล, แคม เพส เตอรอล, แคมเพส ตานอล, สติกมาส เทอรอล,
คลอโรสเตอรอล, ซิโทส เตอรอล, Δ5-avenasterol, Δ5,24-stigmastadienol, Δ7-stigmastenol และ
Δ7-avenasterol สามารถตรวจพบได้
ในน้ มันมะกอก (Paganuzzi and Leoni, 1979; Ben itez-
Sánchez et al., 2003; Azadmard-Damirchi et al., 2005) Sitosterol เป็น predom inant
ตามด้วย Δ5-avenasterol และ campesterol รูปที่ 27.5 แสดง โครมาโตแกรม GC ทั่วไป ของ 4-
desmethylsterols ของน้ มันมะกอก องค์ประกอบและปริมาณของ ไฟโตสเตอรอ ลในน้ มันมะกอกได้
รับผลกระทบจากพันธุ์ ปี
ที่ปลูก ระดับความสุกของผล ระยะเวลาในการเก็บรักษาผลไม้
ก่อนการสกัดน้ มัน
และวิธี
การสกัดน้ มัน ตาราง 27.2
แสดงระดับ 4-desmethylsterol ตามมาตรฐานการค้าของ International Olive Oil Council
(IOOC, 2003) เบนิเตซ-ซานเชซ และคณะ (2003) ได้
รายงานปริมาณ 4-desmethylsterol ทั้งหมดใน
น้ มันมะกอกของยุโรป แอฟริกาเหนือ และตุรกี
ที่ 1000 ppm, 1800–2300 ppm และ 1100–1700
ppm ตามล ดับ (ตารางที่ 27.3)
Machine Translated by Google
ที่ 27.3)
= Δ7-avenasterol
ที่แตกต่างกัน
ไม่มรี
ายงาน
ใน น้ มันมะกอกบริสุทธิ์ มี
ความสัมพันธ์ที่ดม
ีากระหว่างความเสถียรและความเข้ม
ข้นของสเตอรอลทั้งหมด -sitosterol และ Δ5-avenasterol (Gutiérrez et al.,
1999) ระดับ 4-desmethylsterol จะไม่แตกต่างกันอย่างมากในระหว่างการสุกของผลมะกอก
ยกเว้นการลดปริมาณ sterols และ -sitosterol และการเพิ่มขึ้น ของระดับ Δ5-avenas
terol การลดลงของสเตอรอลทั้งหมดเป็นเพราะสเตอรอลก่อตัวในระยะแรกของการท ให้
สุก และ
เมื่อปริมาณน้ มันเพิ่มขึ้นในช่วงเวลานี้ สเตอรอลจึงถูกเจือจาง การลดลงของ
-sitosterol นั้นเหมือนกับการเพิ่มขึ้นของ Δ5-avenas terol ซึ่งบ่งชี้
ว่ามี
เอนไซม์
desaturase ที่เปลี่ยน -sitosterol เป็น Δ5-avenasterol (Gutiérrez et al.,
1999) อิทธิพลของอุณหภูมใิ นการเก็บรักษาผลมะกอกที่มต
ี่อ องค์ประกอบส เตอรอลมี
ความ
ส คัญมากกว่าอิทธิพลของเวลาเก็บรักษา ปริมาณสเตอรอลทั้งหมดเพิ่มขึ้นที
ละน้อยตามเวลา
ในการเก็บรักษามะกอก และการเพิ่มขึ้นนี้
จะมากกว่าส หรับผลมะกอกที่เก็บไว้
ที่อุณหภูมิ
แวดล้อมมากกว่าการเก็บที่อุณหภูมต
ิ ่ (5 °C) (Gutiérrez et al., 2000)
Stigmasterol เกี่ยวข้องกับพารามิเตอร์คุณภาพต่างๆ ของน้ มันมะกอกบริสุทธิ์
สารประกอบนี้
ในระดับสูงมี
ความสัมพันธ์กับความเป็นกรดสูงและคุณภาพทางประสาทสัมผัสต่
(Gutiérrez et al., 2000) Ranalli และคณะ (2002) เปรียบเทียบกลุ่ม ไฟโต สเต
อรอ ลของเมล็ดพืช เนื้อ และน้ มันมะกอกทั้งเมล็ด น้ มัน เมล็ด พืช พบ
ว่ามี
ปริมาณ 4-desmethylsterols ทั้งหมด (สูงกว่า 2.3 เท่า), sitosterol, campesterol,
clerosterol, Δ5-24-stigmastadienol, Δ7-stigmastenol และ Δ7-avenasterol เมื่อ
เทียบกับน้ มันสกัดอื่นๆ น้ มันจากเนื้อและผลมะกอกมี
ปริมาณ 4-
desmethylsterols เท่ากัน
> อ่านบทเต็ม
บราสซิโนสเตียรอยด์
J. Li ใน สารานุกรมพันธุ
ศาสตร์ของเบรนเนอร์ (ฉบับที่สอง) 2013
การสังเคราะห์และการเผาผลาญ
บราสซิโนสเตียรอยด์ สังเคราะห์จาก ไฟโต สเตอรอลหลักสาม ชนิด ได้แก่ แคมเพสเตอ รอล ซิโตส
เทรอล และสติกมาสเตอร์อล ซึ่ง ทั้งหมดนี้
เป็นโคเลสเตอรอล C24-alkylated ซึ่งท
หน้าที่เป็นส่วนประกอบทั่วไปของเยื่อหุ้มเซลล์ การเปลี่ยนแปลงของไฟโทสเตอรอล
เหล่านี้ ไป เป็นบราสซิโนสเตียรอยด์ที่ออกฤทธิ์ทางชีวภาพ นั้นเกี่ยวข้องกับ
ปฏิกิริยาหลักดังต่อไปนี้: (1) การลดพันธะคู่ Δ5 ที่เกี่ยวข้องกับ DET2 สเตียรอยด์ 5-
reductase (2) การเพิ่มกลุ่มไฮดรอกซิลเชิงนิเวศที่ C22 และ C23, (3 ) อี
พเี
มอไรเซชัน ของ
หมู่ 3-ไฮดรอกซิลเป็นหมู่ 3-ไฮดรอกซิล (4) การก่อรูปของหมู่ 2-ไฮดรอกซิล และ (5) การ เกิด
ออกซิเดชัน ของ C6 และการออกซิเดชันประเภทเบเยอร์–วิลลิเจอร์ที่ตามมาเพื่อก่อรูปแอลกอฮอล์/
คี
โตนและ ฟังก์ชันแลคโตนที่ C6 ตามล ดับ (รูปที่ 2) ขึ้นอยูก
่ ับเวลาที่ ไฮดรอกซิเลชัน C22
(ก่อนหรือหลังการลด Δ5) และการเกิดออกซิเดชันของ C6 (ทันที
หลังจากการลดลง Δ5 หรือที่
ขั้นตอนที่สามถึงขั้นตอนสุดท้าย) บราสซิโนสเตียรอยด์
เส้นทางการสังเคราะห์ทางชีวภาพเรียกว่าเส้นทางออกซิเดชั น C22 หรือ C6 ในช่วงต้นและปลายที่
Machine Translated by Google
> อ่านบทเต็ม
เคมี
ของพัลส์—จุลธาตุ
Anamika Tripathi, ... Ashish Rawson, ใน Pulse Foods (ฉบับที่สอง), 2021
4.2.7 ไฟโตสเตอรอล
พัลส์มไี
ฟโตสเตอรอลในปริมาณเล็กน้อย ซึ่งซิโตสเตอรอล (มี
มากที่สุด) สติกมาสเต
อร์อล และแคมเปสเตอรอลเป็นไฟโตสเตอรอลหลักที่มอี
ยูใ่ นพัลส์ (Singh et al., 2017) (รูป
ที่ 4.1) สารประกอบเหล่านี้
ยังมี
มากมายเช่น sterol glucosides และ esterified
sterol glucosides โดย -sitosterol คิดเป็น 83% ของ glycolipids ในแป้ง
ถั่วเขียวสกัดน้ มัน (Sánchez-Vioque et al., 1998) ไรอันและคณะ (2007) รายงานว่า
ปริมาณไฟโตสเตอรอลทั้งหมดในพัลส์อยูใ่ นช่วงตั้งแต่ 134 มก. 100 ก.-1 (ถั่วไต) ถึง 242
มก. 100 ก.-1 (ถั่ว) ในขณะที่ปริมาณซิโตสเตอรอลรวมอยูร่ ะหว่าง 160 มก. 100 ก.-1 (ถั่วชิก
พี) ) ถึง 85 มก. 100 ก.-1 (ถั่วเนย) ถั่วชิกพี
และถั่วลันเตามี
แคมเปสเตอรอลในระดับสูง (21.4
และ 25.0 มก. 100 ก.-1 ตามล ดับ) ปริมาณ Stigmasterol สูงกว่าในเนยถั่ว (86 มก.
100 ก.-1) เช่นเดียวกับปริมาณสควาลีนในถั่ว (1.0 มก. 100 ก.-1)
> อ่านบทเต็ม
16.3.2.8 ไฟโตสเตอรอล
มี
การระบุ สเตี ยรอยด์มากกว่า 200 ชนิดในพืช ไฟโตสเตอรอลที่เกิดขึ้นมากที่สุด
คือ สติกมาสเตอร์อล -ซิโทสเตอรอล และ แคมเปสเตอรอล แหล่งอาหารของไฟโตสเตอรอล
ได้แก่ ถั่ว เมล็ดพืช ผลไม้ ผัก น้ มันพืช และซีเรียล ปริมาณไฟโตสเตอรอล
โดยเฉลี่ยต่อวันอยูท
่ ี่ประมาณ 250 มก. โครงกระดูกเคมี
ประกอบด้วย
cyclopentanophenanthrine ผสมและมอยอิตแ
ีอลกอฮอล์ ไฟโตส เตอรอล สามารถแบ่งออกเป็น
สองประเภทตามระดับของความอิ่มตัว: สเตอรอล (พันธะคูท
่ ี่ C-5) และสตานอล (สเตอรอลอิ่ม
ตัว) สเตอรอลมี
อยูม
่ ากมายในธรรมชาติและถูกดูดซึมได้
อย่างมี
ประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับสตา
นอล
> อ่านบทเต็ม
ผลพลอยได้
จากการแปรรูปน้ มันถั่วเหลืองและ
การใช้
ประโยชน์
John B. Woerfel ใน คู่มือปฏิบัตขิ องการแปรรูปและการใช้
ถั่วเหลือง 1995
สเตอรอลใช้
ในการผลิตยา Stigmasterol จากน้ มันถั่วเหลืองใช้
ในการผลิต progesterone และ
corticoids ในขณะที่ -sitosterol ใช้
ในการผลิตเอสโตรเจน ยาคุมก เนิด ยาขับปัสสาวะ และ
ฮอร์โมนเพศชาย (28)
> อ่านบทเต็ม