Professional Documents
Culture Documents
1136 มิถิลานคร
1136 มิถิลานคร
มหาบัณฑิต
มิถิลึานคร
พระไพธิสัดว์เสวยพระชาต็ทรงบำเพ็ญป'ญญาบารมี
kalyanamitra.org
ธิ^^^ะข้®}
มหาบณฑิตแห่งมิถิลานคร
ของ
น.ย.แย้ม ประฟ่ฒน์ทอง
kalyanamitra.org
มหาบัณฑิตแห่งมิถิลานคร
น.อ.แย้ม ประพัฒน์ทอง
บทเสริมท้าย (เต้าโครงเรื่องในมหาบัณฑิตแห่งมิถิลานคร)
ดำเนินการจัดพิมพ์ ะ สำนักพิมพ์ธรรมสภา
ธรรมสภา
ได้รับความเมตตาอนุญาตจาก ท่านเจ้าคุณพระสุธรรมถาวร (เจ้าของลิขสิทธ) ให้จัดพิมพ์เผยแพร
การพิมพ์หนังสิอธรรมเป็นอนุสรณ์และที่ระลึก นอกจากเป็นการจัดทำสิ่งซึ่งเป็นประโยชน์ที่คงอยู่ยืนนาน
แล้ว ยังเป็นการบำเพ็ญธรรมทาน คือการให้ธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสสรรเสริญว่าเป็นทานอันยอดเยืยมอึกด้วย
ผู้ปฏิบัติเช่นนี้จึงชื่อไต้ว่าแสดงออกซึ่งญาติธรรม พร้อมไปกับการมีส่วนร่วมเผยแพร่ธรรม เพอส่งเสริมสัมมา
ทรรศนะและธรรมปฏิบัติ อันจะอำนวยประโยชน์สุขที่แท้จริงแก่ประชาชน
ธรรมสภา รับบริการจัดหาต้นฉบับที่อุดมด้วยเนี้อหาสาระ ท่านที่ประสงค์จะจัดพิมพ์หนังสีอธรรมะทีดี
มีคุณภาพเป็นทีระลึกในทุกโอกาสของงานประเพณี เป็นการใช้จ่ายเงินที่มีคุณค่า และให้ประโยชน์อย่างถูกต้อง
ท่านที่ประสงค์จะเผยแพร่เป็นธรรมทาน โปรดติดต่อที่....ธรรมสภา
ด/๕-๖ ถนนปีนเกล้า-พุทธมณฑส เขตตลิ่งช้น กรุงเทพมหานคร ๑๐๑๗๐
kalyanamitra.org
ด่านำ
มหาบัณฑิตแห่งมิถิลานคร
บารมีชาติหนึ่งในทศชาติหรือสิบชาติสุดท้ายของพระโพธิสัตว์ ก่อนที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
พระวิธูร และพระเวสสันดร
สำหรับเรื่องมหาบัณฑิตแห่งมิถิลานครนี้ เป็นพระชาติที่ ๕ ในจำนวน ๑๐ ชาติ คือชาติ
พระโพธิสัตว์ทรงบำเพ็ญปัญญาบารมี ซึ่งผู้เขียนได้ถอดความและเรียบเรียงจากต้นฉบับภาษา
บาลีเป็นภาษาไทย ที่อ่านเข้าใจง่าย
ลักษณะคำประพันธ์จัดอยู่ในประเภทร้อยแก้ว แต่ถึงกระนั้นผู้เขียนก็ยังเลือกใช้ก้อยคำ
ให้เห็นอย่างเด่นชัด
จุดมุ่งหมายในการเขียนเรื่อง มโหสถชาดก ได้แก่ เพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนา
เพื่อให้ความรู้ในด้านพระประวัติของพระพุทธเจัา เพื่อยกย่อง สรรเสริญพระปรึชาสามารถ
ของพระมโหสต และให้ผู้อ่านได้ทราบถึงความฉลาดปราดเปรื่องของพระมโหสถ ชึ่งผู้เซียน
ประทับใจเช่นเดียวกับฉลาดปราดเปรื่องของขงเบังในเรื่องสามก๊ก
ท่านที่ประสงค์จะทราบเนื้อเรื่องโดยย่อของหนังลือเล่มนี้ ขอให้อ่านบทเสริมท้าย ซึ่งเขียน
หนังสือเล่มนี้
ธรรมสภา มีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้จัดพิมพ์หนังสือเรื่องนี้ ให้มีขึ้นไว้ในบรรณโลก
อยู่ในบรรณพิภพ มา ณ โอกาสนี้
ด้วยความสุจริต หวังติ
ธรรมสภาปรารถนาให้โลกได้พบกับความสงบสุข
kalyanamitra.org
สารบญ
หน้า
ภาคที่ ๑ ผู้สำเร็จราชการวิเทหร็® ๓
ตอนทิ ๑ ศุภนิมิต
ตอนที่ ๒ ได้ข่าว
ตอนทิ แววปราชญ์ ๑๒
ตอนท๊ หลักการทดลอง ๒๖
ตอนทิ ๖ ทดลองปริชา ๓๓
ตอน เข้าเสา ๔๓
ตอน รับราชการ ๕๑
ตอน ประเดิมงาน ๕๗
ตอน พระนางอุทุมพร ๖๕
ตอน ปริศนาซ่อนเงื่อน ๗๓
ตอน มีทรัพย์ลับมีบัญญา ๘๒
ตอน คู่ครอง ๙๒
ตอน ครองคู่ ๑0 ๑
kalyanamitra.org
หนา
ดอนที่ ๒๘ สื่บ้ณ#เตหมดพยศ ๒๑๒
ตอนที' ๒๙ ผ้สำเรึจราชการวิเทหรัฐ ๒๑๗
ตอนที่ ๓0 รัดการบ้านเมึอง ๒๒๒
*
ภาคท ๒ มถลาเผช้ญศก
ตอนที่ ๓* รัชทายาทแห่งบ้ญจาละ ๒๓๐
ตอนที่ ๓๒ คู่สรัางของพระอธิราชจุลนึ ๒๓๘
kalyanamitra.org
หนา
บทเสรมทาข ( ๑ } - ( (อ ©ร )
kalyanamitra.org
kalyanamitra.org
ภาคท ๑
ผู้สำเร็จราชการวิเทหฬั
สุภาษตประจำภาค
kalyanamitra.org
๑. ตุภนิมิต
ม่ก่ลในกร ราชธานีของแคว้นวิเทหรัฐในอดีตสมัย เป็นมหานครอันกว้างใหญ่ไพศาลและอุดม
สมบูรณ์ คับคั่งด้วยประชาชน พระเจาว้เทหราช ทรงเป็นจอมราช ทรงปกครองประชาราษฎร์ด้วยทคพิธ-
ทำนุบำรุงบ้านเมืองให้รุ่งเรืองยิ่งร้นไปตลอดเวลา
เปลวเทล็งทให้ความเย็นความขนขมแก่ฝูงประขาน่าอัคจรรย็
พระเจ้าวิเทหราชทรงพระสุบินนึ่แลัว สะดุ้งพระทัยตื่นพระบรรทม ประทับนั่งเหนือพระแท่น
จะทรงทำนายทายทักได้ จะว่ารัายเป็นอันตรายแก่บ้านเมืองหรือพระราชสมบัติก์ไม่ปรากฎซัตในพระสุบิน
จะว่าดีก์มิทรงทราบว่าจะมีเหตุการณ์อันเป็นมงคลสถานใดอุบัติร้น ทรงประทับอยู่ด้วยพระหทัยอันเต็ม
ไปด้วยความวิมติกังขา
kalyanamitra.org
๕
ครั้นรุ่งเซัาท่านราชบัณฑิตผู้เป็นจตุสดมภ์แห่งวิเทหรัฐพากันเข้าเฝ็า ถวายบังคมแล้วท่านเสนก
ราชวัลลภาจารย์ก็กราบทูลถวายชัย แล้วทูลถามถึงความสุขในการบรรทมว่า
ฝ่าละอองธุลีพระบาทในการทรงพระบรรทมเป็นอันดีหรือไฉนพระพุทธเจ้าข้า ”
ตรัสตอบด้วยพระหฤทัยอังมิวายฉงน “ท่านอาจารย์ การพักผ่อนหลับนอนของฉันเมื่อคึนนื่
จะมิความสุขที่ไหนได้”
ทำนายทีเถิด จะดีร้ายประการใด”
ท่านเสนกพิเคราะห์ในลักษณะพระสุบินถี่ล้วนแล้ว เห็นต้องด้วยลักษณะศุภนิมิต ก็กราบทูล
จักทรงพระเจริญด้วยสิริศุภสวัสดํ่พิพัฒนาการถี่งลันพระพุทธเจ้าข้า”
“ท่านอาจารย์ที่ว่าความฝันของฉันจะเป็นศุภมงคลนิมิตนั้น ท่านอังจะแถลงเหตุให้ประจักษ์
ในลักษณะแห่งสุบินได้อย่างไร” รับสั่งลาม
มหาชนเป็นแม่นปน "
kalyanamitra.org
๖
(หง/อนมใด'ท่เดยามระพุทธ(จ้าข้า,’
“ด้วยเหตุผลด้งกราบทูลมาทั้งนึ่ บ่งซัดว่าพระสุบินเป็นศุภนิมิต หากให้จำเริญครีศุภสวัสดํ่
วิเศษอุดมพระพุทธเด้าข้า”
ทรงสดับแล้ว พระหฤทัยก็เต็มตื้นไปด้วยพระปีติปราโมทย์ตรัสถามว่า “เดี๋ยวนึ่บัณฑิตผู้นั้น
อ่ยู่ไหน ท่านอาจารย์จะบอกได้หรือไม่”
ด้วยอำนาจแห่งความเชี่ยวชาญในพยากรณ์ศาสตร์ ท่านเสนกทำนายประหนึ่งเห็นด้วยตาทิพย์
มารดาพระพุทธเด้าข้า”
คำทท่าน(สนกกราบทูลนั้น(ปีนความจรง วันนั้น(ปีนว็นท่ท่านผู้(ปีนมบาบ้ณ'หดแท่งมถลานคร กอ
ปฎลนธในครรภ์มารดา
พระเด้าวิเทหราชทรงสดับแล้ว ทรงกำหนดไว้แม่นยำในพระราชหฤทัย ประหนึ่งว่าล้อยคำ
ของท่านเสนกนั้นได้ประทับแน่นอยู่กับพระมนัสรอยจารึกในศิลา
ล่วงเลยมาได้ ๗ ปี พระเด้าวิเทหราชทรงใฝ่พระทัยในเรื่องบัณฑิตคนที่คำรบ ๕ ตลอดเวลา
สืบเสาะดูทีเผื่อจะได้พบปะผู้เป็นบัณฑิตนั้น แล้วจะได้เรียกเข้ามาชุบเลียงสืบไป”
ราษฎร์อย่างแท้จริงพระพุทธเด้าข้า”
“ล้าเช่นนั้น ฉันรักสั่งให้อำมาตย์ไปสืบเสาะดูตามบ้านทั้ง ๔” รับสั่งพลางเรียกอำมาตย์ ๔ คน
kalyanamitra.org
อำมาตย์ทั้ง ๔ ต่างแยกกันไปตามคามทั้ง ๔ ตำบล ตำบลละ ๑ นาย อำมาตย์ที่ไปบ้านอื่น กุ
ไม่ไตพบเหตุการณ์ชันแปลกประหลาดอันได แต่ดนที่ไปทางตะวันออกได้ไปถึงยวม้ชฌคามตะวันออก เช้า
kalyanamitra.org
๒. ได้ข่าว
ท่านอำมาตย์ซักไช่ไล่เสียงเรืองราวของกุมารผู้!!ณฑิต อย่างละเอียดลออ แล้วก็ทำรายงานถวาย
พระราชา ให้'บุรุษคนหนึ่งเป็นทูตถือไปกราบทูลรายงานของอำมาตย์นั้นกล่าวถึงเรื่องคาลา และสระสวย
ตลอดจนประว้ติของบัณฑิต มีใจความดังต่อไปนี
“ข้าแต่พระสมมุติเทพ ดามทีได้มีพระดำรัสส้งให้ข้าพระพุทธเจ้า 1■ทียาลบเลาะหาท่า'แผูเ้ ป็น
บัณฑิต ณ ยวมีช่ฌคามตะวันออกนั้น บัดนึ่ข้าพระพุทธเจ้าได้ทราบเรื่องราว และได้พบกับท่านบัณฑิต
แล้ว ขอพระราชทานวโรกาสกราบทูลให้ทรงทราบพฤติการณ์,ของท่านบัลเฑิตนั้น ดังต่อไปนี้
แผนผังของตนทุกประการ
ศาลานี้จัดเป็นส่วน กุ มีห้องพักที่จัดไว้เพื่ออนุเคราะห็แก่ประชาชนด้งนี้ ห้องสำหรับหญิง
kalyanamitra.org
๙
น้อยได้กระจายไปในทิศานุทิค
ยิ่งกว่านั้นในกาละชันควร มีการประชุมกันในห้องโถงของศาลา บัณฑิตน้อยนั่งเหนืออาสนะ
kalyanamitra.org
๑
ยอดขวัญของประชาชนชาวยวมัชฌคามตะวันออกทุก *1 คน ในยวมัชฌคามตะวันออกจะเอ่ยข็อมโหสล
กุมารน้อยด้วยความภาคภูมิ และมีมมังการในมโหสถเต็มที่เสมอ ถ้าไปถามผู้หลักผู้ใหญ่ดึงบัณฑิตน้อย ก็
มโหสถกุมารเลย
มูลเหตุที่จะเกิดสรัางศาลาทีได้กราบทูลมาข้างด้นนั้น เนื่องมาจากมโหสถกับเพื่อนเด็กด้วยกัน
แลัวก็ประกาศให้พวกเด็กรู้ทั่วกันว่า
ทั้งเป็นบริเวณที่จะไม่ถูกรบกวนด้วยสัตว์พาหนะก็จะเป็นที่สบายของพวกเรา'’
“เพื่อนเด็กพากันเห็นพ้องด้วยทุกคน มไหสถก็ให้ใปขอเงินกษาปณ์มาคนละกษาปณ์จากบิดา
พุทธเจัาข้า”
พระเรัาวิเทหราชได้ทรงสดับรายงานของอำมาตย์แลัวทรงพระปราโมทย์ยิ่งนัก ตรัสเรียกท่าน
เล่า”
kalyanamitra.org
®®
เหตุเพียงเล็กนัอย ขอได้โปรดทรงพิจารณาเถิดพระพุทธเจ้าข้า”
ได้ทรงฬงลัอยคำของท่านอาจารย์แล้ว มีพระดำรัสให้ทูตผู้นั้นนำกระแสพระราชดำรัสไปแจ้ง-
แก่อำมาตย์ผู้นั้นว่า “ให้คงรออยู่ที่ยวมีชฌคามตะวันออกนั้นต่อไป มีเหตุการณ์อันใดปรากฎให้บอกเข้า
มาอีก"
เป็นอันว่าอำมาตย์ผู้นั้นคงประจำอยู่ ณ สำนักของมโหสถกุมารสึบไป
kalyanamitra.org
๓. แววปราชญ์
ระหว่างที่อำมาตย์ของพระเจ้าวิเทหราชประจำอยู่ ณ สำนักของมโหสถกุมารนั้น ได้ปรากฏ
ให้เยิ่นเย้'อ จึงขอคัดมาแต่บางเรื่องพอเป็นแบบฉบับสนับสนุนปรีชาเท่านั้น
กำลังหลุดลอยลงมาจากปากเหยี่ยว ก็เอามือรองร้บไวัมิทันให้ตกถึงดิน
ลงก็ว่าได้
kalyanamitra.org
๑๓
ทรงเรียกฟ้ามา”
เมื่อพ้งพระดำรัสถามก็กราบทูลว่า “เหตุเพียงเท่านื้ยังเล็กนัอยเกินไปพระพุทธเจ้าข้า ไม่เพียงพอ
ที่จะไท้บุคคลได้นามว่าบัณฑิต”
พระเจ้าวิเทหราชทรงรับสั่ง “ที่จริงก็เป็นเหตุการณ์อันน่าชี่นชมอยู่มาก การทีสามารถเล็งเห็น
ได้ทั้งบนฟ์าบนดินพร้อมกันเช่นนํ่ ควรเป็นเครื่องหมายแห่งปรีชาอันยอดเยี่ยมได้ทีเดียว”
เจ้าช้า”
ทรงสดับแล้วก็ประทับดุษณี รับสั่งไท้ทูตนั้นกลับไปนำพระกระแสรับสั่งไปบอกไท้อำมาตย์
นั้นประจำอยู่ที่ยวมัชฌคามตะวันออก คอยดูเหตุการณ์ต่อไป
ต่อมาวันหนึ่ง สตรีผู้หนึ่งอุ้มลูกไปที่สระโบกขรณีของมโหสถเพื่อจะด้างหนัา นำลูกลงอาบนํ้า
สตรีนั้นตอบว่า “เป็นลูกของฉันเองจ้ะ”
“ความมีบุตรน่ารักเช่นนึ่ เป็นบุญของหญิงอย่างหนึ่งนะจ๊ะ” นางยักษ์กล่าวยอ “ฉันเองเคยมี
kalyanamitra.org
๑๔
“เชิญเถิดจ้ะ” มารดาเด็กอนุญาด
นางยักษ์อุ้มทารกขนชูชมหยอกเย้าเล่นหน่อยหนึ่ง แล้วก็พาหนิใป มารดาเด็กเห็นนางยักษ์จำแลง
เอ็งได้มาจากไหน ลูกของข้าต่างหาก”
“แน์ขั๊ต่ จู่ กุ ก็ว่าเป็นลูกเด้าอย่างนั้นแหละ แล้วยังมีหน้ามาว่าเจ้าของเขาอีก เอาลูกของข้า
มานา” มารดาเด็กเถียงไม่ลดละ
“ไม่ให้! ลูกของช้าต่างหาก ลูกของแกเมื่อไรล่ะ” นางยักษ์จำแลงยึนกราน
ไม่ จะทังคำวินิจฉัยของฉันโดยดีหรือไม่”
หญิงทั้งตู่ต่างรับว่ายอมให้มโหสถวินิจฉัย และจัดตั้งอยู่ในคำวินิจฉัยของมโหลถทุกประการ
มโหสถให้คนขีดเส้นที่พื่น ให้เด็กนอนระหว่างเส้นนั้น แล้วให้นางยักษ์จับมือให้มารดาจับเท้า
พลางบอกว่า “ใครแย่งได้แย่งเอา ใครดึงเด็กทันไปจากเส้นที่ขีดไว้ได้ เด็กก็เป็นลูกของผู้สามารถนั้น”
หญิงทั้งสองต่างดึงเด็ก ฝ่ายหนึ่งดึงด้วยแรงปรารถนาจะกินเป็นอาหาร ฝ่ายหนึ่งดึงด้วยแรงรัก
เป็นอย่างนึ่โดยธรรมดา”
“บัดนึ่เส่า ท่านทั้งหลาย เหตุการณ์ที่ปรากฏ บัดนั้เป็นอย่างไร?” มโหสถซัก “ใค?เป็นแม่เด็ก
คนที่แย่งเด็กไปได้ หรือคนที่ปล่อยเด็กเลียยืนร้องไห้ฟูมฟายอยู่นั้น”
kalyanamitra.org
๑๕
ไปนั้นเป็นผู้ตู่ เป็นผู้ขโมยเด็ก”
แต่เพียงว่าหญิงผู้ได้เด็กไปนั้นมิใช่มารดาแน่นอน”
“นางคนน’ มโหสถพูดพลางซ็มือไปที่นางยักษ์จำแลง “ไม่ใช่หญิงมนุษย์ดอกเป็นยักษ์นิ จะ
แย่งเอาเด็กไปกินเป็นอาหาร”
“พ่อมหาจำเริญ รู้ได้อย่างไร” เลียงประชาชนถามกันเซ็งแซ่
“รู้ได้ที่มีลักษณาการบางอย่างผิดคน” มโหสถตอบ
“ผิดอย่างไร ?”
“ดูชิ นัยน์ตาแข็ง ไม่กระพริบเลย มีนัยน์ตาก็แดงกลํ่าและไม่มีเงาตัว” มโหสถอธิบาย “คน
“เอาไปกิน”
“โอ! ร้ายกาจมากทีเดียว คนอันธพาล!” มโหสถกล่าว “เอ็งช่างไม่สำนึกตนบ้างเลยทีเดียว
นะว่า เป็นเพราะอะไรเอ็งถึงได้มาเกิดเป็นยักษ์นึเช่นนั้ ไม่รู้หรือว่านี่เพราะผลบาปกรรมที่ได้กระที่าไร้
นางยักษ์ได้พ้งเสียงอันไพเราะมากล่าวสอนค่อยส้นตัวได้จากอาการสลบอยู่ในกรรมอันเป็น
บาป ได้รู้ได้สำนึกตนชื้นมา ยิ่งคิดยิ่งเกิดความรันทดในการที่ตนด้องตกมาในกำเนิดอันตาทรามเช่นนี่ พรัอม
ตนเองได้อยู”่ แต่มิได้รู้หนทางอันควรจะตำเนินอย่างไรก็อัตอั้นใจจนใจตื้นตัน
ไปตามปรารถนา
kalyanamitra.org
๑๖
เมือพระเจ้าวิเทหราชได้ทรงสตับรายงานของอำมาตย์ในเรื่องนี่แล้ว ก็ตรัสปรึกษากบท่านเสนก
วินิจฉัยให้เป็นยุติธรรมได้ นเราจะรับตัวเข้ามาหรือยังอาจารย์”
“โปรดยับยั้งในการที่จะรับตัวมโหสถไว้ก่อนเถิดพระพุทธเจ้าข้า” ท่านเสนกทัตทานไว้เพราะ
อัธยาศัยตระหนี่ในลาภยศตามเคย “ที่มโหสกตัดสินก็ยังเป็นเรื่องเล็กน้อย ยังมีช่องที่บุคคลอื่น ๆ อาจลวง
เข้าทักท้วงได้อยู”่
“ฉันเห็นว่าเป็นกิจอันสำคัญยิ่งอยู่แล้ว” รับสั่งยืนยัน “ยังไม่เห็นช่องที่ใครจะล่วงเข้าทักท้วง
ได้ตรงไหน ท่านอาจารย์เห็นอย่างไรลองว่ามาดูก่อน”
“ในเบื้องด้นทีเดียว บุคคลที่มาเผชิญยันยับมโหสกนั้นเป็นยักษินีนี่เป็นข้อที,อาจเห็นเป็นช่อง
คงอยู่ในสำนักของมโหลถสีบไป
kalyanamitra.org
๔. แววปราชญ์ (ตอ)
ชายหนุ่มํเตั้ยแคระ ผิวดำ ชี่อ โคฬกาฬ มีความรักในสาวงาม ซือ นางท้ฆตาลา แต่เพราะ
โคฬกาฬเป็นคนขํ่เหร' เสน่ห์ไนทางรูปสมบัติบกพร่อง มิหนำซํ้าทางทรัพย์สมบัติขาดแคลน แด่อานุภาพ
ปรากฎแล้ว ข้ามีได้เป็นทุกอย่างของแก”
“หามีได้ นางเอย นางเป็นทุกอย่างของข้านั้นแน่นอน” รีบแก้ “แต่นางก็มีบ้ญญา อาจพิจารณา
ไตร่ตรองได้ดี อันกรณียกิจที่บุตรจะพึงปฏิบัติต่อบิดามารดานั้น เป็นฉันใด แม้ละเลยเพิกเฉยมินำพาแล้ว
จะเป็นประการใด จะเป็นคนถูกตำหนิสถานไหน”
“ก็จริงอยู่ แต่กิจการทางนํ่เล่า จะได้ใครขวนขวายจัดแจง” นางแย้งด้วยยังไม่ปรารถนาจะไป
ไร” โคฬกาฬแถลงเป็นการฟินดวามดี
kalyanamitra.org
๑๔
บ้างไหม”
“โอ แกเอ๋ย นี่าในแม่นี่านี่ลึกมาก” ทีฆปิฎฐิบอกลวง พรัอมกับมีท่าทางประกอบเพื่อให้เห็น
“สหายจะข้ามเหมือนกันมีใช่หรือ” โคฬกาฬถาม
“กันจะข้ามซี ข้ามไปฝังโน้น”
“ก็เมื่อมีสัตว์ร้าย ‘เ มาก สหายจะข้ามไปได้อย่างไร” โคฬกาฬถามด้วยความสงสัย “แกยัง
ไม่ทราบหรือว่า เจ้าพวกสัตว์ร้ายในนี่ามันชำนาญในการสูดกลิ่น และมันรู้จ้กมักค้นกับคนได้เหมือนกัน”
ควรจะอยู่ที่พยายามไม่ให้ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายลงไปแช่นี่าเป็นอันขาด”
สองผัวเมียฬงแล้วสยองใจ และคิดเห็นเป็นคุณอยู่อย่างหนึ่งที่ตนมิได้ผลีผลามลงไปในแม่นี่า
สองจะขอบคุณและสมนาคุณตามกำลังตน ”
“ได้ซีเป็นไรไป” ทีฆปิฏฐิพูดรับรอง “เรื่องบุญคุณนั้นเป็นเรื่องสำคัญในฝ่ายแก สำหรับกัน
ไม่สำคัญเลย วิสัยผู้สามารถด้องช่วยผู้ที่ไม่สามารถ ผู้มีกำลังมากต้องโอบอุ้มคุ้มครองผู้ทรพล นี่เป็นหลัก
มิใช่ข้อคำนึงของกัน ทางที่ถูกต้องเท่านั้นที่กันคำนึง”
kalyanamitra.org
ด๙
ไม่ดีที่ตนกระทำแก่ผู้อื่น ตรงกันข้ามผู้เป็นเผ่าอริยะจำได้แม่นยำร้นใจนักถึงความดีที่ผู้อื่นกระทำแก่ตน
และความไม่ดีที่กระทำแก่ผู้อื่น ลืมได้ง่ายดายนัก ซึ่งความดีที่ตนกระทำแก่ผู้อื่นและความไม่ดีที่ผู้อื่นกระทำ
แก่ตน”
“มัวแต่พูดมากอยู่นั่นแหละ” เสียงของนางทีฆตาลาข้ดจังหวะเข้ามา “จะให้คำพูดพาเราข้าม
ไป หรือจะให้กำลังความสามารถของคนพาเราข้ามไป”
“คำพูดย่อมพาเราข้ามไปไม่ได้ดอก นางเอย” โคพกาฬพูดเสียงอ่อน “แต่ความดีใจความซิ่นชม
นางทีฆตาลาจัดแจงแบ่งขนมที่เตรียมมาออกเลํ่ยงดูทีฆปิฏฐิอย่างอิ่มหนำสำราญ
ทีฆปิฎฐิให้นางทีฆตาลาร้นขี่คอตน พร้อมทั้งขนเอาเสบียงอาหารและของฝากทั้งสํ๋นไปด้วย
หัวเลย”
ฝ่ายทีฆปีฎฐิ พานางทีฆดาลามาถึงกลางแม่นํ้าก็เอ่ยร้นคลัายจะปรารภว่า “วันนิ้พระศรีได้นำ
“เสียงแกบ่นอะไรพึมพำ” นางทีฆตาลาถาม
“ฉันบ่นว่า วัน'แโชคดีงาม พระศรีนำทางมาพบลาภหลายประการ ได้บริโภคอาหารรสโอชา
แต่เป็นวาสนาที่อตมีกาลกรรณีเข้าแทรกเลียมิได้ ทำให้ต้องมาพบคู่เคียงที่ไม่คู่ควร” ทีฆปิฎฐิตอบนาง
ธรรมดาของโลก เหมือนแมลงภู'เป็นคู่กับดอกไม้'’
“นั้นเป็นหลักใหญ่ มิใช่หลักย่อย” ทีฆปิฎฐิแยัง “ธรรมดาหลักเกณฑํในโลกนั๊ย่อมมีข้อปลึก
ในพิภพจะพึงเห็นด้วยตนเอง”
“เป็นอย่างไรกันเล่า” นางถาม
kalyanamitra.org
๒๐
ผู้สูงกว่าจะทำให้ความสูงที่มีอยู่เป็นความพอดี ล้ามาเคียงคู่กับผู้ที่ตํ่ากว่าก็จะทำให้ความสูงนั้นชะลูดหนัก
ของอารยชนมิใช่หรือ”
“อา นางผู้มีบัญญา ถูกละ! ล้อยคำของนางฬงแล้วจับใจ” ทีฆปิฏฐิยอ ความจริงก็ควรจะ
เป็นเช่นนั้น วิสัยอารมณ์ย่อมพอใจสิ่งที่ตนมียินดีสิ่งที่ตนได้ แต่นางผู้เจริญต่างว่าบุคคลอาจจะได้สิ่งที่ตน
เป็นการวิตถารเหลือที่ค ณนา”
ความนึ่งเป็นเรื่องคาดหมายได้ยากถึงเหตุที่นึ่งจะเป็นนึ่งเพราะจำนนก็ได้ เพราะไม่ปรารถนาจะต่อความ
ปฏิบัติในข้อสมมตินั้นสถานไหน
เห็นนางนึ่ง ทีฆปิฎฐิก็เอ่ยขื้นตรง *1 ว่า “นางผู้เจริญใจ คนอย่างโคพกาพนอกจากจะนำความ
ขรื่วขํ่เหร่มาทำให้ความสวยงามอันน่าคูน่าชมของนางตองอับเฉาลงแล้ว ยังจะไม่สามารถให้การบำรุงบำเรอ
นางได้สมภาวะของนางอีกด้วย นางผู้เจริญใจไม่ควรจะเป็นคู่กับเขาเลย และเขาก็ไม่ควรจะเป็นที่รักที่
เลย”
ด้วยเหตุผล ด้วยคำประโลมใจ ประกอบกับความไม่พอใจอันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว นางทีฆตาลา
พลอยเห็นคล้อยไปตามคำขอของทีฆปิฎเ (เต,ยังคงมีข้อคลางแคลงตามวิสัยของสตรีที่กลัวจะถูกทอดทง
kalyanamitra.org
๒๑
ด้วยด้องเพลิงรักของพี่ ก็ทำให้พิ่กระหายที่จะฝังตนดื่มมธุรสแห่งความปรานีของนางผู้เจริญใจตลอดไป
นะ” แล้วก็พานางทีฆตาลาเดินต่อไป
โคฬกาฬเห็นท่าทีของคนทั้งสองในตอนแรก ก็คิดระแวงแหนงใจอยู่แล้ว แต่ลัหักห้ามความ
ระแวงต่าง คุ นั้นเสียในตอนที่ทีฆปิฎฐิพานางถึงฝังแล้ว แทนที่จะกระวีกระวาดกลับไปรับ กลับนั่งลง
เมียของข้าไปไหน”
kalyanamitra.org
๒๒
ตัว” แล้วทำท่าจะเดินต่อไป
ไอ้โย่งนึ่”
ผ่านมาถึงคาลาของมโหลถ
ขณะนั้นมโหลถกับเพื่อนเด็ก *1 กำลังมาประชุมกันพรัอมทั้งมีประชาชนเป็นอ้นมากมาร่วม
อยู่ต้วย เสียงเถียงกันได้ยินถึงมโหสถก็ปรารภว่า “นั่นเสียงใครทะเลาะกันเอะอะมา” แลัวให้คนมาถาม
โคฬกาฬกับทีฆปิฎฐิต่างก็หากันว่า “ตู่เมียของตน”
มโหลถถามว่า “ทั้งลองคน จะยอมให้ฉันวินิจฉัยเรื่องราวนึ่ให้เห็นเท็จจริงหรือไม่เล่า"
“ยอมชิจ๊ะ” คนทั้งสองรับรองพรัอมกัน
"ล้าเช่นนั้น ฉันจะช่วยจัดการให้” มโหลถกล่าวแลัวให้คนพาคนทั้ง ๓ ไปรออยู่ ณ ที่แห่งหนึ่ง
ห่างจากที่วินิจฉัยและให้แยกกันอยู่คนละแห่ง แล้วเรียกนายทีฆปิฎฐิมาก่อน เมื่อมาถึงแล้วก็ถามว่า “เธอ
ชี่ออะไร”
“ชี่อทีฆปิฎฐิ” ตอบทันที
“ภรรยาของเธอชี่ออะไร” ถามต่อไป
kalyanamitra.org
๒๓
“บิดามารดาของภรรยาชี่อไร”
จำนนอีก แต่ความจำนนของทีฆปิฏฐิเปีนการจำนนต่อความจริงเท่านั้น หาจำนนต่อความเดา
แห่งตนไม่รู้อีบอกส่งไปดามที่นึกได้
มโหลถก็ไห้บริวารคนหนึ่งจดด้อยคำของทีฆปิฎฐิไวัเป็นหลักฐาน แล้วให้พาทีฆปิฎฐิออกไป
รออยู่ดามที่เดิม ให้เรียกโคฬกาฬเข้ามาถามท่านองเดียวกับที่ถามทีฆปิฏฐิ
ก็ให้คนจดไว้
เสร็จแล้วให้นำโคฬกาฬออกไปรออยู่ที่เดิม แล้วเรียกให้นางทีฆตาลาเข้ามาถามว่า “นางชี่อ
อะไร”
“ทีฆตาลา” นางตอบ
“สามีนางชี่อไร”
เช่นเดียวกับทีฆปิฏฐิ คือไม่ได้ถามกันไว้ก่อน ก็บอกออกไปลักแต่ว่าให้เป็นชี่อคนคนหนึ่งเท่านั้น
“บิดามารดาของนางเล่าชี่อไร”
นางทีฆตาลาก็บอกไปตามความจริง
“บิดาของสามีนางชี่อไร”
ตอนนึ่อึกยัก แต่ชี่อในความนึกคิดคงมีอยู่ก็ใช้'ชี่อนั้นออกไป
คำของใคร ของทีฆปิฏฐิหรือของโคฬกาฬ”
มหาชนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า "พ่อบัณฑิต ถ้อยคำของนางทีฆตาลาสมกันกับคำของโคฬกาฬ”
“จะเป็นการทีเป็นไปได้หรือไม่ ทีผู้'เป็นตู่สามีภรรยากันโดยไม่รู้จักกันแม้แต่เพียงชี่อของกัน
และกัน” ซักไซัต่อไป
“ไม่น่าจะเป็นไปได้ วิสัยหญิงชายที่เป็นคู,ผัวเมียกัน ต้องรู้จักกันถึงวงศ์วานของแต่ละฝ่ายทีเดียว
อย่างน์อยบิดามารดาของแต่ละฝ่ายก็ต้องรู้จักกัน” มหาชนแถลง
มโหสถไล่เสียง
“เป็นเช่นนั้นพ่อบัณฑิต” มหาชนรับรอง
kalyanamitra.org
๒๔
พระเจ้าวิเทหราชทรงสดับรายงานของอำมาตย์.ด้วยอาการที่ทรงเพลิดเพลินพระหฤทัย และมี
เพราะเหตุยังเล็กนัอย ไม่พอแก่การรับตัวมโหสกเข้ามาดำรงตำแหน่ง!ราชบัณฑิตของกรุงมิถิลาได้พระ-
พุทธเจ้าข้า”
“อะไรท่านอาจารย์” ตรัสถาม “คมคายออกปานนั้นแล้ว ยังจะเห็นว่าเหตุเล็กนัอยอีกหรือน่ะ”
“ขอเดชะ หระบารมีปกเกล้า” ท่านเสนกเริ่มแถลงอย่างองอาจ “เห็นด้วยเกล้าๆ ว่ายังเป็นเหตุ
ว่ายังเป็นเหตุเล็กแย้ย”
kalyanamitra.org
๒๕
กระเดื่องว่าราชบัณฑิตแห่งราชสำนักแห่งมิถิลา โปรดทรงพระกรุณาพินิจเถิดพระพุทธเจ้าข้า ”’
kalyanamitra.org
๕. หลกการทดลอง
พระเจ้าวิเทหราชจำต้องสะกดพระทัยต่อไป และมีพระดำรัสให้ทูตนำความไปบอกอำมาตย์
นั้นให้คงประจำ ณ สำนักมโหสถสืบไป และคอยรายงานเหตุการณ์มาอีก
พระเจ้าวิเทหราชทรงมีพระท้ยใฝ่ฝันลึงมโหสถบัณฑิตตลอดมา ประหนึ่งว่าช่องว่างแห่งพระ
มีมูลน่าที่จะทรงพระวิจารณ์ทุกคราว แม้ท่านเสนกจะกราบทูลด้วยความไม่ปรารถนาที่จะเห็นคณะตน
ดํ่าด้อยศักดํ่ ก็ยึดหลักเทอดพระบรมราชอิสริยยศเป็นสำศัญ
วันหนึ่ง ภายหลังจากที่ได้ทรงสดับรายงานเรื่องคดีตู่เมีย พระเจ้าวิเทหราชประท้บเหนือพระแท่น
ภายในท้องพระโรง1พรัอมด้วยอำมาตย์ราชบริพารเฝ็าดามตำแหน่ง ทรงเผยพระพักดรึมาทางท่านเสนก
ชิ่งท่านเสนกย่อมทราบพระราชอัธยาศัยว่า ทรงพระประสงค์จะตรัสเรื่องอะไร และเป็นจริงด้งนั้น “อย่างไร
ท่านอาจารย์เสนก มโหสถเป็นบุรุษวิเศษ^นักหนา จะควรไปรับเช้ามา!หรือยัง”
เหตุอันควรนั้น”
อีกนาน พลางกราบทูลว่า
“ขอเดชะ พระบารมีเป็นที่ลันพัน ข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยเกล้าฯ ว่า ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท
จักต้องทดลองดูให้ถ่องแท้ก่อนพระพุทธเจ้าข้า”
kalyanamitra.org
๒๗
พยานแห่งปรีชาสามารถอยู่แล้ว” ทรงแย้ง
“ขอเดชะใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ย่อมทรงพระปรีชาเป็นอันถ่องแท้ การทดลองในกรณีนํ่เป็น
เครื่องให้ทรงพระวินิจฉัยได้แน่นอน ถึงขนาดปรีชาสามารถของมโหสถชิ'งขื้น ตามนิติท่านกล่าวว่า กำลัง
กิจการ” -
“เราจะทดลองอย่างไร จะเอาหลักอะไรเป็นข้อกำหนดความรู้ความฉลาดของบุคคล หลักสำคัญ
ก็อยู่ที่กิจการอันกระทำได้แยบคายเพียงไร สำเร็จผลตามประสงค์โดยถูกต้องหรือไม่ เรื่องก็มีอยู่เท่านั้น
เอง” รับสั่งด้วยพระสุรเสียงกังวาน
แห่งปรีชาในตัวของเขาสืบไป ”
“ข้าพระพุทธเจ้าได้กราบบังคมทูลมาแล้วว่า หากจะทรงพระกรุณานำมาชุบเลํ่ยงเพียงด้วย
จึงได้พากันถวายเศวตฉัตร”
“ขอเดชะ ในเมื่อตันติประเพณีมีมาเช่นนํ๋ ข้าพระพุทธเจ้าก็เห็นด้วยเกล้าฯ ว่า เป็นการอัน
เห็นอยู่อย่างนั้จึงได้กราบทูลให้ทรงทดลองให้ถ่องแท้"
kalyanamitra.org
๒๘
เป็นทางเดียวกันกับความปรารถนาของฉัน”
“ขอเดชะ พระบารมีไม่พ้นเกล้าๆ ตามที่ทรงพระปริวิตกกังวลพระท้ยเกรงจะเป็นการเนิ่นนาน
ระกราบทูลด้วยข้ออุปมาก็เสมือนนำอาภรณ์อันเพริศพรายมีค่ามาสอดสวมในร่างกายแห่งวานร ถึงอย่างไร ๆ
ก็มิได้ทำให้วานรนั้นประพฤติกิริยาท่าทางแปลกจากเผ่าเดิมของมันไปได้เลย”
“มวลชนเป็นอันมากมีอัธยาศัยชอบโอ่ความดีของตนเพื้อด้องการผลนานาประการด้วยความเขลา
มิหนำซํ้าปิดงํ้าความไม่สามารถของตนเสียด้วย ใช่เล่ห์ใช้กลฉัอฉลกิจการของผู้อื่นว่าเป็นกิจการของตน
ไป บุคคลจำพวกนิ่เรียกได้ว่า พวกรู้มาก”
kalyanamitra.org
๒๙
ผู้อื่นด้วยการนั้นอีกด้วย”
เรือ กำด้งเรือทนนํ้าหนักไม่ไหวก็จมลงฉันใดฉันนั้น”
รู้นัอยกว่า หรือชิ่งตนเหยียดว่ารู้ตํ่ากว่าอีกโสดหนึ่งด้วย”
นั้น *1 เป็นผู้โง่เขลาเบาปญญากว่าตนไปเลียเลย”
kalyanamitra.org
ธา
ความเลื่อมพระบรมราชอิสริยยศได้พระพุทธเจ้าข้า” .
“ในหลักการที่ ๓ เห็นด้วยเกล้าฯ ว่า มีความสำคัญพอ *1 กันกับ ๒ ประการข้างต้น บุคคล
บางคนมีความรู้หลักแหลมแต่ไม่มีเชาวน์ไวไหวพริบมีอยู่ บุคคลจำพวกนึ่ถึงจะฉลาดก็ยังไม่สมบูรณ์ และ
ต่าง *]”
“อนึ่งเล่าพระพุทธเจ้าข้า มีบุคคลบางจำพวกท่องเที่ยวอยู่ในโลกด้วยชืดถีอความโง่แห่งคนทั้ง
ต้องเป็นเหยื่ออันเอรีดอร่อยของฝูงชนจำพวกนั้น”
“ยังมีเหตุที่ยิ่งกว่านั้นอีกพระเจ้าข้า บุคคลบางคนเห็นตนว่าเป็นผู้ฉลาด ลามารถรู้เท่าและรู้ทัน
มิฉะนั้นในคราวอับคราวจนก็ด้องเลียรู้ไป ความว่องไวแห่งชวนะสูญหายไปหมดไม่ด้องแก้ไขเอาคัวรอด
ทั้งนึ่เพราะความมีเชาวน์ไวมิได้เป็นสันดานของตนเอง หากแต่เกิดขื้นด้วยการเรียนวิธีการของคนฉลาด
แลัวนำมาใซัเมื่อหมดตำราก็สนเลียง”
“เท่าที่ได้ร้บกราบทูลมาครั้งนึ่ ได้ฝ่าละอองธุลีพระบาที่ก็คงทรงทราบในพระหฤทัยเป็นอันดี
kalyanamitra.org
0า๑
ก็คงเป็นธาตุบริสุทธํ่ตลอดกาลทีเดียวพระพุทธเจ้าข้า”
“น่าพ้งมากท่านอาจารย์” รับสั่งด้วยทรงตระหนักในเหตุผล “เป็นอันตกลงในการที่จะด้อง
สืบสวนทดลองดูกันให้แน่นอนก่อนที่จะรับตัวมา”
“กังมีอะไรอีกเล่าท่านอาจารย์” รับสั่งถาม
เจาะจง ควรจะทรงให้เป็นหนัาที่แห่งประชาชนทั้งบ้านทีเดียว”
“ท่านอาจารย์เห็นประโยชน์ในการนั้นอย่างไร” รับสั่งถาม “ฉันคิดว่าเมื่อเราต้องการผู้ใด เรา
ก็ควรทดลองผู้นั้นเพียงคนเดียว”
“ขอเดชะ การที่จะทรงทดลองโดยเจาะจงตัวแต่เฉพาะมโหสถผู้เดียวตามที่ทรงพระดำรินั้น
หนทางที่จะสำแดงให้ปรากฏพระพุทธเจ้าช้า”
“นั่นเป็นอย่างไรเล่าท่านอาจารย์ ลองแถลงให้กระจ่างหน่อย”
“ขอเดชะ ใด้ฝ่าล^อองธุลีพระบาทย่อมทรงตระหนักในพระหฤทัยเป็นอันดึแล้วว่า ฝูงชนที่
อันยอดเยี่ยมอาจจะอุบัติแม้ในถี่นแดนที่ผู้มีปรีชาญาณอื่นอุบัติแล้วก็ได้ หากแต่ยังไม่มีโอกาสที่จะสำแดง
ก็ด้องระงับเสีย จะไปขับขี่ซ์อนมิใช่วิสัยผู้มีบ้ญญาจะพืงกระทำ”
“อนึ่งเล่าพระพุทธเจ้าข้า วิสัยท่านผู้มีปรีชากว้างสมบูรณ์ด้วยลักษณะแห่งบัณฑิตทุกประการ
ย้ยู่ก็ได้พระพุทธเจ้าข้า”
“เมื่อการปรากฏอยู่เช่นนึ่ แม้นใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงทดลองโดยเจาะจงเฉพาะมโหสถ
ผู้เดียว มิให้เป็นข้อรับชอบโดยตลอดแก่ชาวบ้านนั้นแล้ว พวกนั้นก็ไม่ได้โอกาสในอันที่จะเปิดเผยปรีชา
kalyanamitra.org
๓๒
ทรงโปรดพระราชทานโอกาสแก่เราบ้าง” แม้นใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงทดลองโดยให้เป็นความรับ-
ผิดชอบร่วมก้นเลียแล้ว ก็เป็นอันปิดช่องที่จะจ้วงจาบเช่นนั้นได้”
“และก้าจะไม่มีผู้อึ่นสามารถจริง *1 คนทั้งหมดก็จะพาก้นไปหามโหสถอยู่เอง ที่ไหนจักพ้น
พำนักในทางสดีบ้ญญาของหมู่ชนนั้น เป็นอันได้ทรงประจักษ์เหมือนได้เสต็จไปเห็นความร่วมใจก้นเป็น
อันหนึ่งอันเดียวด้วยพระองค์เอง”
ควรจะทรงทำการสอบแก่ทุกคนในบ้านนั้น ให้เป็นภาระของทุกคนที่จะต้องได้รับการทรงทดลองจากใต้
ฝ่าละอองธุลีพระบาท มิเว้นว่าผู้ใด”
“ก็ดีเหมือนก้น เป็นอันตกลง แล้วเราค่อยเริ่มคีดบ้ญหาทดลองต่อไป”
“ขอเดชะ เรื่องบ้ญหาที่จะทดลองนั้น โปรดทรงวางพระหฤทัยเถิดพระพุทธเจ้าข้า” ท่านเสนก
''ราบทูลเพื่อให้สมพระท้ยของพระเจ้าวิเทหราช
kalyanamitra.org
๖. ทดลองปรีชา
ภายหลังจากวันที่ท่านเสนกราชวัลลภาจารย์ได้กราบทูลแถลงหลักการลอบมา ไม่ช้าชาวยวม้ชฌา
คามตะวันออกก็ได้รับความตื่นตระหนกในพระกระแสพระบรมราชโองการอันมาถึงยวม้ชฌคามเขตนั้น
“ชาวยวม้ชฌคามตะวันออกทุกคน จงพิเคราะห์ท่อนไม้ดะเคียนนื้ให้ทราบว่าทางไหนเป็นโคน
“ใครจะไปวู้ได้อย่างไร มันกลมเท่ากันทั้งนั้น”
“เพราะอย่างนํ่น่ะซ็ จึงได้บ่นไปตามประสา” เลียงสารภาพ
เรา”
"หรึออังจะมีใครเห็นว่าผู้อื่นจะวู้ใด้ อาจพิเคราะห์ได้ ก็ใหัเอ่ยร้นเถิด”
และแลัวม้านของท่านสิริวัฒนะก็ได้เกิดมหาสันนิบาตร้นโดยชาวม้านไปประชุมกัน เพื่อขอให้
พ่อมโหสถของเขาทำการพิเคราะห์ท่อนไม้ตะเคียนกลมตามพระบรมราชโองการ
kalyanamitra.org
ขณะที่มหาชนพากันไปนั้น มโหสถยังอยู่ ณ สนามเล่นกับเพื่อนเด็ก *1 ระหว่างที่รอคอยก็คง
พูดจาสนทนากันไป โดยท่านสิริวัฒนะผู้เป็นหลักแหล่งบ้านเป็นประธาน
“ดูเถิดท่านผู้เจริญ พระบรมราชโองการของเจ้านายแห่งชาวเรา พระองค์มิได้ทรงประกาศ
พระราชประสงค์ให้'รู้เลย จู่ ๆ ก็ทรงส่งบ้ญหาเป็นการด่วน หรือจะมีพระราชประสงค์ทดลองพ่อมโหสถ
ของเราก็ไม่ทราบ” เสียงชาวบ้านพูดกับท่านสิริวัฒนะ
“ก็มีเหตุผลที่น่าพึง และน่าจะเป็นดังนั้น ” ท่านสิริวัฒนะอนุวัตตาม
แด่ไม่วายจะมีผู้ค้าน “ถ้าเช่นนั้น ก็น่าจะพระราชทานตรงมาเฉพาะพ่อมโหสถเท่านั้นก็สิ้นเรื่อง
ไม่น่าจะด้องให้พวกเราไซับ้ญญว่ซึ่งน้อยอยู่แลัว ต้องน้อยหนักลงไปอีกเลย”
ตอบ
“จะมาหาบ้ญญาอะไรกับพวกเรา ซึ่งมีความรู้แด่การไถการหว่าน การทำแด่การงานของตน
ไปตามประสา” เสียงชาวบ้านคงบ่น
“ก็เป็นทางที่ดีอยู่ จะได้รู้คิดรู้อ่านร้นบ้างอย่างไรล่ะ ที่ได้พินิจพิเคราะห์สิงใด *1 บ้าง จะรู้หรือ
ไม่รู้ไม่เป็นประมาณ ขอให้ได้ห้ดพินิจพิเคราะห์กันบ้างก็เป็นทางที่จะกระด้นความคิดความอ่านได้อยู่ เพียง
ข้าพเจ้าเอง'ก็อยู่ในฐานะเดียวกัน ไม่อาจจะให้การพิเคราะห์ปรากฎผลตามพระราชประสงค์ได้”
ไปตามมาดูเถิด”
ท่านสิริวัฒนะมิได้ซักช้า รีบให้คนไปตามมโหสถบัณฑิตมาจากสนามเล่น รออยู่ประมาณครู่หนึ่ง
รู้ได้ไหมล่ะ”
มโหสถกุมารพึงคำร้แจงของท่านบิดา คิดในใจว่า “พระราชาจะทรงประสงค์ปลายหรือโคน
ของท่อนไม้นั้ใปทำอะไร ไม่เห็นมีประโยชน์อะไร จะมีพระประสงค์ที่จะทรงทราบเพื่อพระราชกิจอัน
ใดอันหนึ่ง ก็ไม่เห็นจะน่ามีได้ พระราชกิจอันใดที่จะด้องทรงบริหารด้วยการรู้โคนรู้ปลายของท่อนไม้ที่
kalyanamitra.org
๓๕
ไปในนี้าเท่ากันไม่ เห็นหรือยังเล่าท่านทั้งหลาย!”
“อ้อ เห็นแล้ว” มหาชนพากันตอบ และย้อนถาม “นั่นเกี่ยวกับโคนและปลายของท่อนไม้นั้น
อย่างไรเล่าพ่อคุณ”
“เกี่ยวซี ท่านทั้งหลาย” มโหสถตอบ แล้วซักถามว่า “ท่านทั้งหลายตอบข้าพเจ้าตามที่ข้าพเจ้า
ทั้งปวงนั้นโคนเกิดก่อนหรือปลายเกิดก่อน”
“โคนเกิดก่อนซีพ่อ”
“เมื่อโคนเกิดก่อนก็เจริญก่อน เนี้อไม้ก็แข็งกว่าน่ะซี” ซักต่อไป
“จริงซี” รับรองเป็นเสียงเดียวกัน
“เมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านทั้งหลายสำด้ญอย่างไรในท่อนไม้ตะเคียนท่อนนี้ ข้าพเจ้าเอาเชือกผูก
ตรงกี่งกลางพอดี แล้วหย่อนในถาดนี้าอยู่ในบัดนี้ ข้างหนึ่งจมลงไปก่อนอีกข้างหนึ่ง” มโหสถกุมารสอบสวน
ทวนถามอีก
“ข้างที่จมก่อนนั้นมีนี้าหนักกว่าข้างที่จมทีหลัง ข้าพเจ้าสำคัญอย่างนี”้ มหาชนสนอง
“ท่านทั้งหลายยังจำคำของท่านที่กล่าวมาโดยลำดับได้อยู่มิใช่หรือ ” ทบทวนซํ้า
“ได้ซีพ่อคุณ”
“ท่านทั้งหลายทราบหรือยังว่าทางไหนเป็นโคนทางไหนเป็นปลาย กำหนดได้หรือยังเล่า” มโหสถ
กลับซํ้าอีก
“โอ! พ่อคุณเอ๋ย ข้าพเจ้าทั้งหลายกำหนดได้แล้ว” เสียงกล่าวเป็นเสียงเดียวกันครื้นเครง “พ่อ
ช่างรอบร้จริง กุ เจ้าพ่อคุณ”
“ท่านทั้งหลายหมายไว้เถิด ข้างที่จมก่อนเป็นโคนข้างที่จมทีหลังเป็นปลาย” มโหสถกุมารบอก
แก่มหาชน
ชาวยวม้ช่ฌคามตะวันออกทุกคนต่างดีใจในผลพิเคราะห์ของมโหสถกุมารยงนัก กล่าวคำชมเชย
ด้วยประการต่าง กุ แล้วทำเครื่องหมายไว้ ส่งคนนำไปกราบบังคมทูลแต่พระเจ้าวิเทหราช ตามผลแห่ง
การพิเคราะห์นั้น ณ พระราชสำนัก
kalyanamitra.org
๓๖
เครื่องหมายเป็นปลายพระพุทธเจ้าข้า”
พระเจ้าวิเทหราชดีพระทัย ตรัสถามว่า “ใครเป็นคนรู้อย่างนึ”่
เป็นบัณฑิตแน่”
ท่านเสนกยังไม่ยอมตามพระราชอัธยาศัย ถือว่ายังไม่สนหลักเกณฑ์ในการทดลอง ความไม่ลิ้น
หลักในการทดลองนํ๋มีประโยชน์ในการที่คณะของท่านจะคงมีรัศมีเด่นไปอีกนาน จึงกราบบังคมทูลไวั
ที่แสดงออกจะเป็นเครื่องส่อให้เห็นความเฉลียวฉลาดได้ดี แต่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทคงจะทรงปรีชา
หยั่งทราบได้ว่าผู้รอบรู้อาจจะขาดความหลักแหลม และหย่อนความคมคายลงก็ได้”
“อีกประการหนึ่งเล่า ข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยเกลัาๆ อยู่ว่า ไม่ว่าการใด *1 ย่อมมีความสำคัญ
เพียงใดในการป้องภันพระบรมเดชานุภาพมีให้แคว้นอื่นดูแคลนได้แล้ว ข้าพระพุทธเจ้าย่อมใซัความสามารถ
เพียงนั้นเทียว กราบทูลมาทั้งนึ่โปรดทรงพระกรุณาดำริเถิดพระพุทธเจ้าข้า”
kalyanamitra.org
๓๗
ตะวันออก “เจ้าไปได้แล้ว”
ภายหลังจากนั้นไม่ช้า ชาวบ้านยวมัชฌคามตะวันออกก็ได้รับพระราชปริศนาพรัอมพระราช
โองการกำกับปริศนา คราวนั๊เปันเรื่องยากยิ่ง กล่าวคือ ได้รับดวงแก้วมณีมีเกลียว ๘ เกลียว แก้วมณีดวงนํ่
กันตามความดีดเห็นของตน *1
ความดีดขัดกระทำไปไม่ได้” เสียงคนหนึ่งกล่าว
ที่ไหนกัน” เลียงหนึ่งสอดเข้ามาเป็นเชิงตำหนิพวกกัน
ที่บ้านของท่านสิริวัฒนะอีก
เมื่อได้แจ้งเรื่องราวให้ท่านสิริวัฒนะทราบแล้วก็พรัอมกันรอเมโหสถบ้ณฑิตอ่ย่างเคย
มโหสถกุมารกับเพื่อนเด็ก คุ พาก้นมาไม่ช้านัก เมื่อได้นั่ง ณ ที่ดันสมควรแล้ว ก็เอ่ยถามเรื่องราว
kalyanamitra.org
ธา๘
อย่าพากันเป็นทุกข์เป็นร้อนไปเลย เรื่องนี้ไม,ยากดอก”
ดึงด้ายเข้าเป็นแน่ ยิงพูดยงโง่เปล่า
พอคนหยิบนี้าผื้งมาส่งให้ มโหลถก็เอานี้าผํ่งทาช่องทั้งสองด้าย แล้วขวั้นด้ายให้เป็นเกลียว
ทานี้าผื้งไวัตรงปลายสนเข้าไปในช่องของดวงแก้วหน่อยหนึ่ง ให้เอาไปวางไว้ตรงที่ที่พวกมดแดงพากัน
ออกจากรัง
นํ้าผื้งพึงใจมดและจมูกมดก็มีประสาทเยี่ย^ในเรื่องดมกลิ่น ดังนั้น กลิ่นนี้าผื้ง!ทุทาช่องของ
จงนำไปทูลเกล้าฯ ถวายพระราชาเถิดเสร็จแล้ว”
พวกชาวบ้านต่างแซซองสาธุการเลียงสนั่นครั่นครื้นอลเวงไปหมด แล้วพากันล่งดวงแก้วนั้น
ไปทูลเกล้าฯ ถวายพระราชา
kalyanamitra.org
๓๙
อยู่มาไม่ช้าราชบุรุษก็นำพระกระแสพระบรมราชโองการไปให้ชาวยวมัชฌคามตะวันออกอีก
พอเห็นหน้าราชบุรุษผู้เทียวไปเทียวมาบ่อย รุ พวกชาวบ้านต่างก็รู้ว่าคงมีกรณียกิจอะไรเกี่ยวกับพระบรม-
ท่านรอดจากถูกปรับมาหลายครั้งแล้วด้วยบัญญาของพ่อมโหสถบัณฑิต คราวนั๊น่ากลัวจะไม่รอด”
โปรดแจ้งให้พวกข้าพเจ้าพํงสักหน่อยเถิด”
“เชิญพํง” ท่านราชบุรุษกล่าวพลางอ่านพระบรมราชโองการ
“เราพระเจ้าวิเทหราช ปรารถนาจะเล่นชิงช้าพรวนทราย ซึ่งเป็นสายชิงช้าเส้นเก่าในราชสกุลขาด
กษาปณ์”
“แย่ รุ พวกเราเอ๋ย” ชาวบ้านอุทาน “เออนี่จะทำอย่างไรกัน เอาทรายมาขวั้นเชือกพรวนสาย
พลางจนถึงบ้านสิริวัฒนะ
มโหสถบัณฑิตกำลังอยู่บ้านพอดี เห็นพวกชาวบ้านพากันมามากมาย ก็คาดว่าคงมีการข้ดข้อง
อะไรเกิดขนอีกแล้ว ทั้งเห็นท่านราชบุรุษผู้เคยมาเสมอ รุ ก็คาดการณ์ได้ว่า “พระราชาคงจะมีพระบรม-
ราชโองการมาทดลองเราอีก” พอชาวบ้านเข้ามาประชุมกันเรียบรัอยก็ท้กทันทีว่า “มีเรื่องอะไรอีกกระมัง
ท่านทั้งหลาย”
“พ่อคุณเอ๋ย หมู่นี่พระราชาของพวกเราทรงพระกรุณาโปรดพวกเราบ่อย รุ จริงละพ่อ หลาย
ครั้งหลายหนแล้ว ต้องพากันมารบกวนพ่อเรื่อย ๆ คราวนี่ก็เหมีอนกัน ดูเหมือนจะสำด้ญกว่าทุกคราว เชิญ
พ่ออ่านพระบรมราชโองการดูเถิด” ชาวบ้านกล่าวพลางเชิญพระบรมราชโองการเข้าไปให้
มโหสถบัณฑิต อ่านพระบรมราชโองการตลอดแล้วนึกในใจว่า “บัญหานี่ต้องย้อนบัญหา” แล้ว
kalyanamitra.org
๔๐
จะทรงพระกรุณา ชาวบ้านยวมืชฌคามตะวันออกเห็นแบบอย่างแล้วจะพากันขวั้นตามที่ทรงประสงค์พระ-
พุทธเจ้าข้า”
’ ล้าพระราชาทรงรับสั่งกะพวกท่านว่า “ขนชี่อว่าพรวนทรายในวังของเราไม่เคยมีแต่ไหนแต่ไร
มาแล้ว” .ทีนั้นพวกท่านจงพากันกราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงบรมเดชานุภาพยิ่งใหญ่ แม้นเป็นดัง
ข้า”
พวกท่านทั้งหลายจงกำหนดข้อความทั้งนึ่ให้แม่นยำแล้วกราบบังคมทูลตามที่ฉันว่านึ่ ต่อจาก
นั้นก็เป็นอันว่าพวกท่านได้ปฏิบัติตามพระบรมราชโองการ แล้วไม่ด้องพรั่นพรึงอันใด”
คนเหล่านั้นรับคำกำหนดข้อความที่มโหสถบัณฑิตบอกกำซับแม่นยำ แล้วพากันไปเสาพระ
ถวายได้อย่างไรเล่าพระพุทธเจ้าข้า”
ตรัสว่า “ย้อนบัญหาคมคาย ใครเป็นคนคิดให้พวกเจ้าทั้งหลายมาพูดอย่างนึ”่
คิดให้พวกข้าพระพุทธเจ้ามากราบบังคมทูลพระกรุณาพระพุทธเจ้าข้า”
ทรงสดับแล้ว พระหฤทัยก็เต็มตื้นไปด้วยพระปีติโสมนัส ตรัสชมเชยมโหสถด้วยพระดำรัส
ท่านเสนกแม้จะตระหนักในปรีชาอันลํ้าเลิคของมโหสถบัณฑิตดี แต่ด้วยอำนาจความหวงลาภ
หลักการที่โปรดประทานไว้ทุกกระบวน ควรที่จะเป็นราชบัณฑิตเฉลิมพระเกียรติได้โดยแท้ ”
kalyanamitra.org
๔๑
มานั้นข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยเกล้าๆ ว่าด้องกระท่าด้วยวิธีการที่แยบคายจึงจะสมควรพระพุทธเจ้าข้า ”
“เอ๊ะ! อย่างไรท่านอาจารย์ ทำไมด้องมีวิธีการด้วยเล่า จะรับเข้ามาตามที่เห็นว่ามโหสถสมควร
แก่ตำแหน่งราชบัณฑิตของฉันไม่ได้หรือ” ทรงซัก
เป็นคุณแก่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทและแม้แก่ฐานะของเขาเอง ความลำพองในยศดักดํ่จักท่าลายส่วนเด่น
“อนึ่งเล่าพระพุทธเจ้าข้า หากว่าจะมีเหตุการณ์อันใดปรากฏชื้นภายหลังที่ได้ทรงแต่งตั้งเขา
ว่าจะทรงกระท่าได้ไม่ถนัดตามพระราชกำหนดไวั เพราะเป็นบุคคลซึ่งทรงรับมาโดยทรงพระราชดำริ
เห็นควรแล้ว หากเขาไม่คู่ควรชื้น จะเป็นที่เคืองระคายใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทมิใช่นัอย พระราชหฤทัย
ไปหรือพระพุทธเจ้าข้า"
“ไหน รุ ข้าพระพุทธเจ้าก็ได้กราบทูลแถลงมาแล้วในด้านการที่จะทรงพระกรุณารับตัว เพื่อ
ทรงพระกรุณาระงับเสีย ใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาทอาจทรงพิจารณาเห็นความไม่เหมาะสมด้วยประการ
kalyanamitra.org
๔๒
เป็นการสมควรพระพุทธเจ้าข้า”
ท่านเสนกกราบทูลแถลงอย่างยืดยาว เพื่อประวิงเวลาหาลู่ทางกับยั้งพระเจ้าวิเทหราชได้ มิให้
ทรงน์ามโหสถบัณฑิตเข้าสู่ราชสำนักโดยเร็วพลัน ทั้งพยายามที่จะแสดงความเป็นนักปราชญ์แห่งตนให้
สมเด็จพระเจ้าวิเทหราชทรงสดับคำกราบทูลของท่านเสนกแล้ว ทรงเข้าพระท้ยตามที่เขาประสงค์
กราบทูลให้ทรงทราบใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทกาลนั้นพระพุทธเจ้าข้า”
มโหสถบัณฑิตก็ยังเป็นกุมารแห่งยวม้ชฌคามตะวันออกลีบไป
kalyanamitra.org
๗. เข้าฟ้า
คำกราบทูลของท่านเลนก แม้จะเต็มไปด้วยเหตุผลเพียงพอที่จะยับยั้งพระเจ้าวิเทหราชมิให้
มีพระราชคำรัลอันใดออกมาดามพระราชประสงค์ก็จริง แต่จะยับยั้งพระหฤทัยให้หยุดยั้งจากพระราชดำริ
ละ จะอย่างไรก็ช่างเป็นไร เราจะไปพาพ่อมโหสถมาเองละ”
ทรงดัดดึนพระทัยเด็ดขาด มีพระราชบัญชาให้ราชวัลลภผู้ใกลัชิดตระเตรียมขบวนโดยเร็ว มี
พระประสงค์จะเสด็จพระวาชดำเนินโดยขบวนม้า ราชวัลลภรับพระบรมราชบัญชาออกมาจัดเตรียมขบวน
รถม้าพรอมเสร็จ พระองค์ก็ประทับม้าพระที่นั่ง เสด็จออกจากพระนครไปโดยมีได้รีรอ
กล่าวถึงท่านเสนกออกจากที่เฝืาพวัอมอาจารย์ทั้งคณะ สนทนาปราศวัยกันไปยังไม่ตกลงกัน
ในบัญหาสำด้ญเกี่ยวกับลาภผลอันจะถูกแบ่งส่วนไป ท่านเสนกเลยชวนคณะอาจารย์ไปหารือกันที่บัาน
ได้”
เห็นลู่ทางอย่างไวบัางก็พูดออกมาก็แลัวกัน”
kalyanamitra.org
๔๔
ด้วยความน้อยใจเช่นนึ่”
พระราชาเสียแล้วพวกเรานั้นเป็นบุคคลที่ประชาชนจะต้องเห็นว่าสำคัญ เมื่อเราได้รับความสำคัญเช่นนึ่
ไม่รักษาความสำคัญของเราไว้ละหรือ พวกเราจะปล่อยให้ความสูงส่งของพวกตนถูกดัดรอนเสียด้วยตนเอง
ละหรือ พวกเรามีความดีก็ต้องรักษาความสูงส่งของตนถึงจะถูกต้อง”
“ในเมื่อไม่สามารถจะรักษาไว้ได้ ก็ควรจะยอมโดยดุษณี แม้จะเป็นการลดตนลงมาบ้างก็ยังดี
กว่าอัปยศ ” กามินท์โต้ “แต่ในเมื่อท่านอาจารย์ผู้เป็นปาโมกข์แห่งพวกเรามีลู่ทางพอที'จะบ้องกันความ
ดำเนินการตามลู่ทางนั้นผมไม่สามารถจะปฎิบ้ติได้”
เทวินท์ ”
เทวินท้แถลง “ความจริงก็น่าจะเป็นที่ทราบกันดีอยู่ในหมู่พวกเราแล้ว ยิ่งท่านอาจารย์ผู้เป็น
มาอวดแก่รัตนกวี”
“ม้วแต่อ่านโองการเท่านั้น เมื่อไรจะรู้'เรื่องกันสักที ” เสียงปุกกุสะท้วง
“ไม่บอกเล่าเสียก่อน เผื่อเอ่ยออกไปไม่เป็นที่สมประสงค์ จะเหมาว่าผมบ้องตื้นน่ะซ็คุณ”
สักครั้งหนึ่งเท่านั้น เราก็จะสามารถกวาดล้างความนิยมในมโหสถออกเลียได้จากพระหฤทัยของพระราชา
อย่างที่เรียกว่าถอนรากถอนโคนกันทีเดียว”
ทุกคนเลยทันไปสนใจกับพนักงานกรมวังอันเป็นผู้ชอบพอกับท่านเสนก ซึงกำลังเดินมาใน
kalyanamitra.org
^๕
กำลังประชุมกันอยู่พเอมหน้า”
“มีข่าวอะไรหรือคุณ” ท่านเสนกซัก
“พระราชาเสด็จไปยวมัช่ฌคามตะวันออกแล้วละ” เจ้าพนักงานแจ้งข่าว
คณะอาจารย์ตกตะลึงไปดาม ๆ กัน ไม่คิดเลยว่าพระราชาจะตัดสินพระหฤทัยเด็ดขาตฉับพลัน
ดังนั้น ท่านเสนกได้สดีก่อนไล่เลียงว่า “เสด็จไปนานแลัวหรือ ”
“พอเสด็จไป ผมก็รีบมานี่แหละขอวับ ”
“ขอบใจคุณมากที่นำข่าวมาบอก” ท่านเสนกกล่าวแล้วเลยกลบเกลื่อนเงื่อนงำต่อไป “พระ
ยัปยคกันเรื่อยไป”
“ผมคิดว่าพวกเรายังมืหวังอยู่มาก ทั้งพวกอำมาตย์ราชบริพารก็เป็นพรรคพวกของเรา ยังไม่นา
วิตก” ปุกกุสะกล่าว
“ภัยย่อมไม่เกิดเพราะบัณฑิต” กามินท์เอ่ยบ้าง “เมื่อมโหสถเป็นบัณฑิตแล้วพวกเราก็หวังความ
ร่มเย็นได้ และหวังความปลอดภัยได้”
“ความเป็นบัณฑิตจะรู้กันได้มีใช่เพราะเสียงกล่าวขวัญ มิใช่เพราะความเฉลียวฉลาด ซึ่งอาจ
และเป็นการเล็งผลอนาคตยังไม่มีท่าทีจะมองเห็นแต่ลาง กุ หรือมิฉะนั้นก็เป็นอย่างโก่งธนูคอยจะยิงเป้า
ยันยังไม่ประจักษ์ตา”
“จะอย่างไรก็ตาม ผมคิดว่านักปราชญ์เป็นศัตรู ดีกว่าคนโง่เป็นมิตร” กามีนท์โด้ “พวกเราได้
นะ กล่าวไปตามความคิดเห็นของตนที่มีอยู่อย่างไร ส่วนความร่วมมือนั้นโปรดอย่าเข้าใจว่าผมได้แยกมือ
ตนออกไปเป็นยันขาด เพราะผมก็มีความรู้สึกในความสำคัญของตนยันเป็นเหตุใหัเฟิองฟังอยู่ตลอดมา
เช่นกัน”
“บัดนี่เหตุการณ์มันผันผวนไปแล้ว พวกเราก็ด้องปล่อยไปตามการณ์ จะไปทัดทานอย่างไร
ไม่ได้ แต่ต่อไปเมื่อมโหสถเช้ามาแล้วนั่นแหละ เราควรจะรู้ถืงวิธีการยันเหมาะสมทีจะใช้กับเขา ซึ่งพวก
เราด้องเห็นว่าเป็นคนกีดขวางทางของพวกเรา” ท่านเสนกดัดบท
kalyanamitra.org
๔๖
คณะอาจารย์ต่างเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ พากันกลับไปสุ’ที่อบูของตน
กลับสู่พระนครเพียงแค่นั้นเอง
ท่านเสนกได้ทราบเรื่องราวนั้นจากเจ้าพนักงานรีบเฝ็ากราบทูลถามพระองค์ว่า “ข้าแต่พระองค์
ผู้ทรงพระเดชยิ่งใหญ่ด้งข้าพระพุทธเจ้าได้สดับมา ใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาทเสด็จพระราชดำเนินไปสู่
ยวม้ชฌคามตะวันออก เพื่อจะรับดัวมโหสถบัณฑิตมาหรือพระพุทธเจ้าข้า”
พระเจ้าวิเทหราชทรงรับว่า “ถูกแลัวท่านอาจารย์ ฉันไปมาแล้ว” ตรัสเล่าเรื่องอุบัติเหตุที่ทรง
ประสบจนด้องเสด็จกลับเข้ามา หาได้เสด็จถึงบัานยวมัชคามตะวันออกดังพระประสงค์ไม'
ท่านเสนกเห็นเป็นที ก็กราบบังคมทูลกวะหนั่าเอาว่า “ขอเดชะ พระบารมีเป็นทีลันพ้น ได้
ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงเข้าพระทัยว่า ข้าพระพุทธเจ้าเป็นผู้ไม่ปรารถนาความเจริญแดได้ฝ่าละอองธุลี
พระบาท ทั้ง *1 ที่ข้าพระพุทธเจ้าพยายามที่จะฉลองพระเดชพระคุณทุกวิถีทางดามสติกำลังแห่งตนตลอด
มา แม้ในเรื่องนั๊ก็ใคร่ที่จะฉลองพระเดชพระคุณโดยเต็มสดิป็ญญา เพื่อที่จะให้เป็นที่เฉลิมพระเกียรติ
มา เพื่อชักได้ดำรงในพระบรมราไชควรรย้อันเกรียงไกร จึงมาบันดาลให้บังเอิญเท้าม้าพระที่นั่งตองประสบ
อุบติเหตุ ด้งที่ได้เห็นประจักษ์แก,นัยน์เนตรฉะนั๊พระพุทธเจ้าข้า”
ท่านเสนกถวายบังคมลากลับไปยังนิวาสน้สถานด้วยจิตใจที่ไม่มีความสุข เพราะด้องครุ่นคิด
ในกาวทีจะหาวิธีการอันจะเป็นการรอนปรีชาของมโหสถบัณฑิต พรัอมกัน์นั้นก็ตองปกปิดความจริงของ
ตนมิให้พระเจ้าวิเทหราชทรงสอดแคล้วในตนอีกด้วย ความคาดคิดของท่านเสนกในบัดนื้ เห็นตระหนัก
ความจ้านนต่อวิธีการของตนชักเป็นข้อประกาศความในใจของตนออกมาอย่างโจ่งแจ้ง ความอุตสาหะ
พยายามอันเรียวแรงของท่านเสนกอำนวยผล ตามเด้าเงื่อนดึอเท้าม้าพระที่นั่งแตก ท่าให้ขบคิดปริศนา
ภูเขาออกไปจากอก พักผ่อนได้อย่างสบาย
พอรุ่งเข้าท่านเสนกคิตคาดหมายว่า “พระบรมราชกระแสในตอนเข้าวันนั่คงไม่มีเรื่องอื่น นอกจาก
จะมีพระดำรัสถามถึงวิธีการที่จะได้มโหสลเข้ามา ในเข้าวันนื้เราคงจะได้สำแตงป้ญญาของเราให้เป็น
kalyanamitra.org
๔ &/
เข้ามาสู,ราชสำนัก
ท่านเสนกกราบทูลด้วยความกระหยิ่มใจว่า “ขอเดชะ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกลัาฯ ข้า
ดำริเถิดพระพุทธเจ้าข้า”
พระเจ้าวิเทหราชทรงสดับลัอยคำกราบบังคมทูลของท่านราชวัลลภาจารย้ ทรงเห็นชอบด้วย
ทุกประการ ตรัสรับรองบัญหาของท่านเสนกว่า “แยบคายดี ท่านอาจารย์” พลางตรัสกับราชบุรุษผู้หนึ่ง
าง้ชฌคามตะวันออกท้นที
ท่านราชบุรุษผู้เป็นทูตรับพระบรมกระแสรับสั่งทราบความแลัวดำริในใจว่า “พระราชาพระ-
ใสสดไปด้วย”
"ท่านกล่าวไว'ในปตว่า ไปฟ้า!*ระราชา ไปแ)ยมอุปชณาย์ ไปกาลาวท่ฅนกมายมันอย่าไม่มอเปล่า"
“เมื่อคุณพ่อเข้าไปถึงที่เสาแลัว พระราชาจักทรงปฏิสันถารกับคุณพ่อ แลัวคงจักมีพระราช
ดำรัสแก่คุณพ่อว่า “ท่านเศรษฐึ เชิญท่านนั่งดามสมควรเถิด” ตังนึ่คุณพ่อเลึอกอาสนะที่เหมาะแลัวนั่ง
เรียนด้วยเถิดนะครับ”
kalyanamitra.org
■๔ ๘
เรียบร้อยก็เคลื่อนขบวนออกจากยวมัชฌคามตะวันออกไดยลำดับ ครั้นถึงพระทวารท้องพระโรงก็ให้โทวาริก
กราบบังคมทูลถึงการมาเผ้าของตนแก่พระราชา เมื่อได้รับพระบรมราชานุญาตให้เข้าเผ้าได้ พร้อมด้วย
บริวารพากันเช้าสู่ท้องพระโรงถวายบังคมพระเจ้าวิเทหราชแล้วยืนเผ้า ณ ที่อันสมควรส่วนหนืง
พระเจ้าวิเทหราชทรงปฏิสันถารกับท่านสิริวัฒนะตามบวมราชอัธยาศัย แล้วมีพระราชดำรัส
ถามว่า “ท่านคหบดี! พ่อมโหสถบัณฑิตลูกชายของท่านอยู่ที่ไหนล่ะ?”
มาภายหลังพระพุทธเจ้าข้า” ท่านเศรษฐีกราบทูล
พระเจ้าวิเทหราชลดับดังนั้น พระมนัสเต็มเปียมไปด้วยทรงยินดีหน้ก มีพระดำรัสว่า “ท่าน
คหบดี! เชิญท่านเลือกหาที่นั่งเถิด”
ท่านสิริวัฒนะเลือกนั่ง ณ อาสนะอันเหมาะแก่ฐานานุรูปของดน
เมื่อขบวนของท่านบิดาเคลื่อนที่ไปเรียบร้อยแล้ว มโหสถบัณฑิตแต่งกายอย่างงดงามตามทำนอง
เด็กน้อยน่าเอ็นดู พร้อมกับเพื่อนเดก ธุ ๑,๐๐๐ คน แวดล้อมเป็นบริวารขื้นวิถอันตกแต่งประดับประดา
ประธาน ก็เลื่อนเข้าสู่พระนคร
มโหสถบัณฑิตละ”
“นั่นสิ ข่าวว่าเมื่อคลอดถือแท่งยาดีดมือมาด้วยนา ถึงได้ชี่อมโหสถอย่างไรล่ะ”
“นี่ข่าวว่าพระราชาของเราทรงปริศนาไปเชิญตัวเข้ามา นัยว่าจะพระราชทานตำแหน่ง?เระราช
ไปถึงพระทวารพระราชวัง
kalyanamitra.org
๔๙
มโหสลบัณฑิตจึงให้โทวาริกกราบบังคมทูลถึงการมาเสาของตน เพื่อให้พระเจ้าวิเทหราชพระ-
ราชทานพระบรมราชานุญาต
พระเจ้าวิเทหราชทรงสตับแล้ว ดีพระทัยเป็นลันพัน ถึงกับมีพระราชดำรัส “พ่อมโหสถ ลูก
เช่น คณะอาจารย์ทั้งสีล
่ ัดมาก็บรรดาอำมาตย์ผู้สูงศักดํ่ และจอมโยธีแห่งมีถิลานครพรัอมด้วยแม่ทัพนายกอง
จะให้เกิดอาการประหม่านั่ก่ผู้ที่เข้ามาสู,ชุมนุมนั้น ยิ่งกว่านั้นสายตานับด้วยพันทู่เหล่านั้นยังจ้องขับอยู่ ณ
สง่างาม
พระเจ้าวิเทหราชทอดพระเนตรเห็นแล้วมีพระหฤทัยเปืยมด้วยโสมนัส ทรงมีพระดำรัสปฏิสันถาร
ด้วยพระสูรเสียงอันอ่อนหวานปานประหนึ่งว่ามโหสถบัณฑิตเป้นพระราชโอรสสุดที่รัก และนิราศจาก
รู้จักประมาณและรู้จักบริษัทขัตเป็นองค์คุณสำคัญของท่านผู้เป็นบัณฑิต การนั่งในสมาคมคัองรู้ที่อัน
เหมาะสมอันสมควร ยิ่งในบริษัทอันมีพระราชาเป็นประมุข ยิ่งเป็นที่เพ่งเล็งกันนัก หากเลือกได้เหมาะ
วิเทหราชจึงทรงมีพระดำรัสแก่มโหสถบัณฑิตดังนั้น
มโหสถบัณฑิตดาดคิดมาแล้วว่า อย่างไรเสียก็จะตองถูกพระเจ้าวิเทหราชทรงทดลองด้งนั้น
จึงได้นัดมากับท่านบิดาเรียบรัอย พอได้ยินพระดำรัสก็ช่าเลืองดูท่านบิดาทันที
ท่านสิริวัฒนะคอยกำหนดดูสัญญาณของมโหสลอยู่แล้ว พอเห็นช่าเลึองมาเท่านั้นท่านก็ลุก
จากอาสนะ พลางกล่าวว่า “พ่อบัณฑิต เชิญพ่อนั่งที่นึ่เถิด”
มโหสถบัณฑิตไม่รีรอ ตรงไปนั่งแทนที่ท่านบิตาทันที บรรตาเสวกามาตย์ราชบริพารที,เสาแหน
kalyanamitra.org
๕๐
พระเจ้าวิเทหราชพระพักครึเผือด เลียพระท้'ยอย่างหนักประท้บนั่งดะลึง -
kalyanamitra.org
๘, รบราชการ
มโหสถบัณฑิตเห็นการเป็นไปดังคาดหมายลมใจนัก คิดว่า “คราวนี้แหละ เราจักสำแดงให้
“เพราะเหตุไรพระพุทธเจัาข้า” กราบทูลซกด้วยอาการแจ่มใสเป็นปกติ
“จะอะไรอีกเล่า” ตรัสตอบด้วยสุรเสียงดันเกิดจากพระทัยที่โทมนัส “ควรละหรือที่เจ้าใหับิดา
เสียใจจริง *[”
กรุณาโปรดพระราชทานพระดำรัสตอบแก่ข้าพระพุทธเจ้าด้วยพระพุทธเจ้าข้า”
kalyanamitra.org
๕๒
ด้วยเถิด” มโหสกบัณฑิตกราบทูลแข็งข้นด้วยเสียงอันไพเราะกังวานแจ่มใส
พระเจ้าวิเทหราชแม้จะยังมิทรงคลายจากความขุ่นพระหฤทัย แต่เมื่อทรงสดับเสียงจะแจ้วเจื้อย
อะไรกับข้าก็พูดออกมาเถิด”
เมื่อได้รับประทานพระราชวโรกาสแล้ว มโหสถบัณฑิตกึกราบทูลว่า “ขอเดชะ พระมหากรุณา
หรือพระพุทธเจ้าข้าว่าได้ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าๆ พระราชทานพระบรมราชกระแสรับสงไปยัง
ข้าพระพุทธเจ้าให้ส่งม้าอัสดร หรือมิฉะนั้นก็จะส่งม้าตัวประเสริฐมาดังนึ่ ข้อนี้ใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาท
โปรดทรงยืนยันอีกครั้งเถิดพระพุทธเจ้าข้า”
“แน่นอน เจ้าบัณฑิต” รับสั่งยืนยัน “ช้าได้สั่งไปยังเจ้าเช่นนั้^เป็นความจริง”
ไว้เข้ามานึ่เถิด”
พวกนั้นได้ยินดำสั่ง ก็ช่วยกันหามลาซึ่งมัดไว้เรียบร้อยเข้ามาในท้องพระโรง อาจารย์ทั้งสี่คน
อะไรต่อไป ทุกคนต่างก็สนใจต่อเหตุการณ์ใหม่นึ่
พระเจ้าวิเทหราชทรงสนเท่ห์พระทัยเป็นอย่างยิ่ง ไม่ทรงทราบว่ามโหสถนำลาเข้ามาทำไม
จนกระทั่งมาณพหามเข้ามาวางลงแทบพระบาทยุคล
กำเนิดมัาอัสดรขนมาลักมัาหนึ่ง มัาอัสดรนั้นจะมีค่าสักเท่าไรพระพุทธเจ้าข้า ”
“ทำไมใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทตรัสฉะนึ่เล่าพระพุทธเจ้าข้า ” มโหสกบัณฑิตกราบทูลย้อน
“เมื่อกนึ่เองใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทตรัสยืนยันมั๋นคงว่า “พ่อด้องดีกว่าลูกทุกสถาน ลูกจะดีกว่าพ่อจะได้
kalyanamitra.org
๕๓
จึงมีพระบรมราชกระแสไขว้เขวไปไค์'ด้งนี้ ได้ฝ่าละอองธุลีพระบาทเย่อมทรงพระปรีชาญาณกว้างขวาง
ลูกลาผู่เป็นพ่อ ก็โปรดรับอัสดรไว้”
“แต่ข้าพระพุทธเจ้าใคร่ขอพระราชทานพระราชวโรกาสเป็นครั้งสุดท้าย ในการที่จะกราบทูล
ราชทานอีกลักครั้งเถิด เป็นครั้งสุดท้ายพระพุทธเจ้าข้า”
“เอาเถิดพ่อบัณฑิต” รับสั่งด้วยพระสุรเสียงประกาศว่าพระปีติโสมนัสที่หมดไปนั้น ได้กลับคืน
มาเข้าสู่พระมนัสเต็มเปียมเป็นทวีคูณ “พ่อต้องการจะพูดอะไรกับข้าก็พูดตามอัธยาศัยเถิด”
“เป็นพระมหากรุณาลันเกล้าฯ ข้าพระพุทธเจ้าขอกราบบังคมทูลถามถึงพวกบัณฑิตของฝ่า-
ละอองธุลีพระบาท ซึ่งข้าพระพุทธเจ้าเห็นตบมือหัวเราะกันอย่างครื้นเครงช่างน่าอนาถเสียจริง *1 เจียวละ
เฉลียวฉลาดเป็นพระอาจารย์ของได้ฝ่าละอองธุลีพระบาทมาได้อย่างไร ได้มาจากไหนพระพุทธเจ้าข้า”
เมื่อได้กราบทูลเช่นนี้แลัว ในที่สุดได้กราบทูลสรุปถวายว่า ”ข้าแต่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท
ข้า”
สั้นคำกราบบังคมทูลแล้ว พระราชาทรงพระโสมนัสพระพักตร์ซึ่งสลดอยู่นั้น กลับเปล่งปลั่ง
kalyanamitra.org
๕๔
ควรสำแดงความหลักแหลมให้ปรากฏแก่บริษัทในวาระแรกที่ได้เข้าร่วมทีเดียว ไม่ต้องช่อนคมอมภูมิกันละ
ผู้เดียวเถิด” แล้วทรงพระมหากรุณาสั่งให้เจ้าพนักงานจัดเครื่องอลังการอันควรแก่พระเทวีจะพึงทรงประดับ
ลูกของฉันเถิดนะ”
ท่านเศรษฐีแมัจะคาดคิดไว้แล้วว่า อย่างไรก็ตามเถิด พระเจ้าวิเทหราชคงจะทรงขอบุตรชาย
ของตนเป็นแน่นอน และแมัจะเห็นเป็นความเจริญรุ่งเรืองของลูกอันควรที่บิดามารดาจะพึงปลื้มใจ แต่
พระพุทธเจ้าขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาสกราบบังคมทูลความรู้สึกนึกคิดของตนให้ทรงทราบ
ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทพระพุทธเจ้าข้า”
“จะไมให้ฉันหรีอ” รับสั่งถามด้วยพระสุรเสึยงอันแสดงพระราชประสงค์อย่างเต็มที ,
kalyanamitra.org
๕๕
ทวงพระกรุณาแก่ข้าพระพุทธเจ้า ขอให้ข้าพระพุทธเจ้าได้พามโหสกกลับไปสู่ยวมัชฌคามตะวันออกก่อน
ต่อเมื่อเติบโดเป็นผู้หลักผู้ใหญ่แล้ว ข้าพระพุทธเจ้าจะส่งมากวายเป็นข้าบาทมูลพระพุทธเจ้าข้า”
“คหบดี!” รับสั่งด้วยพระสุวเสียงหนักแน่น “อย่าได้เป็นห่วงเขาเลย ขอให้เขาได้อยู่กับฉัน
พลางหันมาทางมโหสกบัณฑิต กอดประคองเข้าแนบอกจุมพิตศีรษะของลูกนัอยพลางให้โอวาทว่า
จะมีแววเศรัามืดมนอนธการไปหมด”
“เจ้าเป็นผู้สุดที่รักของพ่อ เจ้าเป็นที่พึ่งที่หวังสูงสุดแลัวในซีวิตของพ่อ อย่าทำให้พ่ออนาถา
ลูกรักของคุณพ่อทุกประการ”
ท่านเศรษฐีนั้นมั่นใจในลูกของท่านํยิ่งนัก แต่ย่อมเป็นธรรมดาที่เป็นบิดามารดาก็อดที่จะห่วงใย
มิได้ เมื่อได้ฬงมโหสถบัณฑิตรับรองแข็งแรงก็คลายใจกลับไปพรอมด้วยบรืวาร
ภายหลังที่ท่านเศรษฐีกราบบังคมทูลลากลับไป พระเจัาวิเทหราชก็มีพระดำรัสถามมโหสก
ฝ่ายนอกเล่า”
kalyanamitra.org
๕๖
เกล้าฯ ข้าพระพุทธเจัาขอรับพระราชทานเป็นข้าหลวงฝ่ายนอกพระพุทธเจัาข้า”
พระเจัาวิเทหราชก็พระราชทานคฤหาสน์อันใหญ่โดพอที่มโหสถและบริวารทั้ง *,000 คน
ไปกว่าจะยอมจำนน
แม้พระเจัาวิเทหราชเล่า ถึงจะทรงพระปีติโสมนัสสักปานใด ในการที่ได้มโหสถบัณฑิตเข้า
มาสู่ราชสำนัก แด่ในฐานะแห่งพระมหากษัตริย์จำด้องเชิดชูผู้ที่ได้ประกอบกิจให้เป็นที่ประจักษ์แก่พระองค์
กับเหตุการณ์ และพรัอมทุกขณะที่จะผจญกับปรบักษ์ของตน
kalyanamitra.org
8. ประเดิมงาน
พระเจ้าวิเทหราช ทรงปรารถนาที่จะทดลองปรีชาของมโหสถบัณฑิตเป็นลำดับมา แต่ยังไม่
ปรากฎงานที่เหมาะสมกับปัญญาอันยอดเยี่ยม จึงด้องทรงรองานที่จะให้พระองค์ได้ทรงเห็นประจักษ์
ด้วยพระเนตรในวิธีจัดและกระทำ ทรงรออยู่ไม่นานงานนั้นก็ปรากฏร้น
ครั้งนั้นมีคนนำความมากราบบังคมทูลว่า “ในสระโบกขรณีอันมีอยู่ไม่ห่างประตูเมืองด้าน
พระราชาทรงสดับแล้วก็มิได้ทรงพระดำริว่าจะเป็นงานยากลำบากประการใด เพราะคงมีอยู่ -
ในสระนั้นตามแสงที่ปรากฎ จึงทรงพระดำรัสสั่งให้หาท่านเสนกมาเฝืาแล้วตรัสว่า “ท่านอาจารย์ ข่าวว่า
เสียให้แห้งแล้วด้นหาคงจะพบแน่”
“ล้าเช่นนั้น” ตรัสมอบภาระ “ท่านอาจารย์จงจัดการไปตามความคิด นำเอาแล้วมณีมาให็ได้
เถิด”
ท่านเสนกรับพระราชกระแส รีบออกมากะเกณฑ์ผู้คนเป็นอันมากไปร่วมประชุมกันที่ฝังสระ
บัดนั้มณีรัตน์ปรากฏในสระนั้เห็นแสงแวววาวอยู่ตรงนั้น พระราชาของพวกเราทรงมอบหมายให้ข้าพเจ้า
วิดนํ้าแห้งแล้วท่านเสนกก็สั่งให้ลอกโคลนร้นอีกเพื่อด้นหาดวงมณีรัตน์ ซึ่งเข้าใจว่าจะหมกอยู่ในโคลน
บงการ
kalyanamitra.org
๕๘
ดวงมณีรัตน์พระพุทธเจ้าข้า ”
ไม่ได้ดอกหรือ”
“ขอเดชะ ไม่ได้พระพุทธเจ้าข้า” ท่านเสนกกราบทูลพลางบรรยายกิจการที่ตนกระทำลงไป
ถวายให้ทรงทราบโดยถี่ล้วน
ให้สมดังมโนรถนั้นต่างหาก ที่กระทำให้ข้าพระพุทธเจ้ารำลึกถึงตนด้วยความวิตกพระพุทธเจ้าข้า”
ท่านอาจารย์เสนกเกณฑ์ผู้คนให้วิดนํ้าจนแห้งสระ ให้ลอกโคลนดมออกเฟ์นพ่อนกันอย่างว่าจฺะแยกแผ่นดิน
kalyanamitra.org
มโหสถบัณฑิตพังพระราชดำรัสที่ตรัสเล่าจบลงแล้ว จึงกราบทูลสนองพระราชบัญชาอย่าง
ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานพระวโรกาสกราบบังคมทูลเชิญได้ฝ่าละอองธุลีพระบาทเสด็จพระราช
ดำเนินไปกับข้าพระพุทธเจ้าเถิด ช้าพระพุทธเจ้าจักแสดงดวงมณีนั้นไหทอดพระเนตร่ดังพระประสงค์
พวกอำมาตย์ราชเสวกได้พังคำของมโหสถแล้วต่างคิดกันว่า “แต่ก่อนนั้นเราได้ทราบเรื่องราว
ต่าง *1 ของมโหสถ โดยข่าวเล่าลือกันว่า หาได้เห็นประจักษ์ตาตนลักครั้งหนึ่งไม่ คราวนึ่เป็นโอกาสแล้ว
เฟ้นพระราชาเสด็จไป ก็จะขอดามเสด็จไปด้วย ”
พระเจ้าวิเทหราชเล่า ได้ทรงสตับคำยืนยันมั่นคงของมโหสถแล้วกิดีพระหฤทัยเป็นยงนัก ทรง
พระดำริว่า “ในวันนึ่เราคงเห็นกำลังบัญญาของพ่อบัณฑิต เป็นโอกาสดีแล้วที่บังเอิญมีเหตุการณีเกิดร้น
บรรดาข้าราชการต่างยินดีที่จะตามเสด็จพระราชดำเนินมีได้เวันตัว เพราะความอยากเห็นกำลัง
ปรีชาของมโหสต จึงเป็นขบวนใหญ่ แถมประชาชนชาวมิถิลายังเข้าสมทบอีกส่วนหนึ่ง ทำให้บริเวณสระ
โบกขรณีแออัดไปด้วยประชาชนนับด้วยพันเป็นอันมาก ประชุมกันเป็นมหาลันนิบาต
มโหสถบัณฑิตไปถึงสระโบกขรณีแล้วยืนที่ฝังสระ มองดูแสงฉายของดวงมณีรัตน์ที่ปรากฎ
นั่นมิใช่หรือ”
เท่านั้น ที่ไหนจะแพรวพราวในถาดนํ้าได้เล่าพระพุทธเจ้าข้า”
kalyanamitra.org
๖๐
“อย่างนั้นหรือพ่อมโหสถ” รับสั่งด้วยทวงฉงนพระทัย
ไปนำมาเถิดพระพุทธเจ้าช้า”
แม้พระเจ้าวิเทหราชจะทรงฉงนพระทัย่ปานใด ความยืนยันอย่างมั่นคงของมโหสถบัณฑิต ทั้ง
ข้อพิสูจน์ก็ปรากฏเป็นที่ประจักษ์พระเนตรอยู่เช่นนั้น จึงไม่มีหนทางที่จะทรงคัดด้านต่อไป มีพระบรม-
มาให้เราบัดนื่”
ราชบุรุษนำพระราชโองการใส่เกล้าฯ แล้วร้นไปบนด้นตาลทันทีถึงยอดพบรังกาอยู่บนนั้น
ภายในรังกานั้น'เองได้เห็นดวงแก้วอนรรฆมณีกลงอยู่ในรังกาทอแสงแวววาวพราวพราย ก็นำลงมาส่ง
ให้มโหสถบัณฑิตนำร้นทูลเกล้าฯ ถวาย
มโหสถบัณฑิตก็นำดวงแก้วนั้นทูลเกล้าฯ ถวายต่อพระพักตร็ของพระเจ้าวิเทหราช ซึ่งทำให้
กันนั้นก็พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้มโหสถบัณฑิตและบริวารมีตำแหน่งเฝ็า ตั้งแต่บัดนั้น
นับแต่วันนั้นมา พระเจ้าวิเทหราชก็ยิ่งเพิ่มพูนพระมหากรุณาในมโหสถบัณฑิตยิ่งร้น ไม่ว่า
เหมือนจะรู้อัธยาศัยของมัน
kalyanamitra.org
๖ (ฆ่
พ่อจงสั่งให้เจ้าพนักงานจ่ายบำเหน็จรางวัลแก่มันเถิด”
ข้า”
“จ^ให้อะไรจึงจะดีล่ะ พ่อบัณฑิต”
“เห็นด้วยเกล้าฯ ว่า เพียงใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทโปรดพระราชทานอาหารแก่มันเท่านั้นก็
พอแล้วพระพุทธเจ้าข้า”
มีพระดำรัสลามลืบไปว่า “ก็กิ้งก่ามันกินอะไรเล่าพ่อบัณฑิต”
“มันควรจะได้สักเท่าไร จึงจะพอปากพอท้องของมัน”
“ซื้อให้เพียงราคา ๑ กากณึก (๑ ไพ) ก็พอพระพุทธเจ้าข้า”
พระเจ้าวิเทหราชทรงสดับแล้วมีพระกระแสรับสั่งกะราชบุรุษนายหนึ่งว่า “ธรรมดาของพระ-
จะเป็นด้วยเป็นผู้มีอัธยาศัยสัตย์ซื้อหรือจะเป็นด้วยเห็นว่าทรัพย์นั้นมีประมาณนัอยก็ไม่กล่าวไว้ให้ปรากฏ
ราชบุรุษผู้นั้นได้เจาะเหรียญกึ่งมาสกนั้น แล้วเอาด้ายร้อยห้อยคอเป็นเครื่องประดับให้มัน
เจ้ากิ้งก่าได้เหรียญทองคล้องคอเข้าหน่อยก็เลยเกิดความเย่อหยิ่งขื้นมา บังเอิญวันนั้นพระเจ้า
วิเทพุรัเช/[ด้เสด็จพระราชอุทยาน เพอทรงพระสำราญตามพระราชอัธยาศัย
เจ้ากิ้งก่าเกาะอยู่บนเสาด้ายที่เคยเกาะ เห็นพระเจ้าวิเทหราชเสด็จมา แทนที่จะรีบวิ่งลงมาซบ
kalyanamitra.org
๖๒
ธุลีพระบาทผู้ทรงเป็นโมลีแห่งวิเทหรัฐครอบครองพระนครมิถิลานคร ข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยเกล้าฯ
ดังกราบทูลมานื้แลพระพุทธเจ้าข้า”
ข้า”
กิ้งก่านั้นคงรอดซีวิตมีโอกาสชูคออวดเหรียญกึ่งมาสกของมันอยู่ได้ต่อไป แต่การชูคอของมัน
ครังนั้นได้ตัดรายได้ประจำวันลงไปเสียหมด ด้องชวดจากเนื้อที่เคยได้รับพระราชทาน
งานที่มโหสลบัณฑิตไดืใซัปรีชาญาณของตนปฏิบัติทั้งลองดราวเป็นงานที่ส่งเสริมปรีชาและ -
เป็นเหตุให้ได้รับพระราชทานบำเหน็จรางวัล ทั้งทำให้พระเจ้าวิเทหราชทรงโปรดมากขื้น
kalyanamitra.org
kalyanamitra.org
๑๐. พระนางอุทุมพร
มโหสถบัณฑิตผู้โดดเดี่ยวในราชสำนัก ไม่มีพวกพ้องที่คอยสนับสนุน นอกจากคุณคือปรีชา
เสนอไวัให้ปรากฎด้วย
ณ ดินแดนอันไกลโนัน เหนือชื้นไปจากมิถิลานคร เป็นแคว้นคันธาราษฎร์ มีดักกสิลาเป็น
กลับไปสู่ด้าวแดนแห่งตน กุ
ได้ให้อาจารย์ทบทวนเรียบรัอยแล้ว ก็กราบลาอาจารย์จะเดินทางกลับถิ่นฐานของตนคือมิลิลานคร
kalyanamitra.org
๖๖
ก็ไม่ด้องการจะลบล้างลัอยคำของอาจารย์ จำด้องยอมรับนางมาด้วยความเกรงใจ
ท่านอาจารย์ก็จัดการตกแต่งให้ตามประเพณี ทำให้เขาด้องเลื่อนเวลากลับไปอีกสัปดาห์หนึ่ง
อันควรจะเป็นสัปดาห์แห่งความรื่นรมย์สำราญเยี่ยงหนุ่มสาวผู้เป็นคู่ครองกันตามวิสัยโลก แต่ปีงคุตตระ
ไม่เป็นเช่นนั้น สัปดาห์นั้นของเขาบรรจุแน่นด้วยความอึดอัดเอือมระอา เป็นสัปดาห์ที่เขาไม่มีควา,มสุข
สัปดาห์ผ่านไปด้วยอาการด้งกล่าวนั้น จึงมิใช่เป็นสัปดาห์ที่เต็มไปด้วยความสดซิ่นของหนุ่ม
อัปลักษณ์ แต่เป็นสัปดาห์แห่งความอึดอัดใจอย่างสุดแสน กว่าจะผ่านพ้นไปได้ ก็รู้สีกว่าเป็นสัปดาห์ซึ่ง
เมืองมิถิลานครตระหง่านอยู่ข้างหน้านั้น
ณ ที่ใกล้กำแพงพระนครนั้น ปิงคุตตระผู้กำลังหิวโหยเหลือบเห็นด้นมะเดื่อด้นหนึ่งใกล้ทาง
รู้จักกับความหิวโหย
นางผู้แสนอาภัพถูกความหิวแผดเผาสุดที่จะทน นางก็เดินเข้ามาใกล้ด้นมะเดื่อ แม้จะไม่เคย
kalyanamitra.org
๖๗
ความสำคัญในซีวิตยังคงปรากฎมิว่าจะตกอยู่ในเหตุการณ์อย่างใด ความคิดในทางทำลายซีวิตตนจึงไม่เกิด
แก่นาง
ล้นทจร่ง โม่Iปีนการยุตธรรมเสยเลย ในการทต้องตกระกำลำบาก หร่อประสบความพลาดหวังแล้ว
หนึ่ง เป็นบัจจัยแรงสูงอำนวยผลเกินความคาดหมายของนาง
kalyanamitra.org
๖๘
เพียงใดไม่มีทางจะรู้ใด้เลย
แต่ไม่ซัานัก นางก็ได้เห็นกลุ่มชนผู้ประดับกายด้วยอาภรณ์อันเพริศพรายหลายหลาก เดินมา
ตามถนนหลวงเป็นขบวนใหญ่ บางพวกก็เชิญเครื่องสูงสำหรับองค์พระมหากษัตริย์ บางพวกก็ถืออาวุธ
แวดล้อมท่านผู้หนึ่งซึ่งสถิตอยู่เหนือคอคชาธาร ซึ่งประกอบด้วยอลังการงดงามเยี่ยงซัางต้น ท่านทีขี่คอ
ต่อไปไม่ได้ ขบวนทั้งหมดก็ปราศจากการเคลื่อนไหวในอิริยาบถเดินโดยทันที
อำมาตย์ผู้ใกล้ชิตได้รับพระกระแสรับสั่งว่า “จงไปถามนางให้รู้เรื่องราวทีหรือ แล้วก็ถามให้รู้
ด้วยว่านางมีคู่ครองหรือไม่ม”ี
อำมาตย์ผู้นั้นไต่ถามเรื่องราวของนางอย่างละเอียด ลงท้ายก็ถามถึงเรื่องสามี
นางก็ตอบตามความจริง ในเรื่องสามีนางตอบว่า “สามีของดิฉันมีแล้วเจ้าข้า เป็นคนที่ทางสกุล
ทุกประการ
พระเจ้าวิเทหราชทรงทราบตลอดแล้ว รับสั่งทันทีว่า “ทัณฑะไม่มีเจ้าของ ตกเป็นของหลวง”
หลายจึงพากันขนานพระนามว่า “พระเทาอุทุมพร"
นับแต่พระนางอุทุมพรเข้าลู่พระราชฐาน ทำให้การประพาสพระราชอุทยาน เพื่อทรงสำราญ
พระหฤทัยของพระเจ้าวิเทหราชเว้นว่างไป จะเป็นเพราะพระองค์ทรงได้รับความรื่นรมย์ทุกประการจาก
พระนาง หรือพระนางได้ทรงเป็นจุดรวมแห่งความเกษมสำราญพระหฤทัยของพระองค์ก็มีผลเป็นเช่น
เดียวกัน คือทำให้การประพาสนอกพระราชฐานว่างไปจนถนนหนทางรก ซึ่งไม่น่าจะเป็นเพราะเหตุอื่น
นอกจากไม'เสด็จนั่นเอง
kalyanamitra.org
๖๙
ในกลุ่มที่เกณฑ์มา ปรากฎมีนายปิงคุตตระหนุ่มอัปลักษณ์ร่วมอยู่ผ้หนึ่ง
กับยุคป้จจุบันก็เท่ากับสำเร็จมหาวิทยาลัยเป็นชันอุดมทีเดียว ทำไมจึงยังต้องถูกเกณฑ์มาถางหญ้ากวาด
ถนนอยู่อีก จะเป็นเพราะวิชาที่ศึกษามาไม่เป็นที่ประสงค์ของบ้านเมือง หากแด่ศึกษาเพื่อให้ตนมีนามว่า
อย่างสำคัญทีเดียว
การจัดแผ้วถางถนนหนทางยังไม่ท้นเสร็จเรียบร้อย ถึงวันเสด็จเสียแล้ว จึงเป็นอันว่าจะเสด็จ
ก็เสด็จเถิด ที่กำลังถากกำลังถางก็ทำไปไม่หยุดยั้ง มาณพอัปลักษณ์ปิงคุตตระถูกเกณฑ์ถูกเขมรจั่งมั่ง
กับพระนางอุทุมพรราชเทวี ”
นายปิงคุตตระคงก้มหน้าก้มตาถากถนนหนทางอยู่อย่างขะมักเขม้น
ก็ทรงพระสรวลออกมา
การหัวเราะโดยไม่มีเหตุผลนั้น เป็นชัอที่ทำให้เกิดความระแวงแคลงใจแก่ผู้ที่ร่วมอยู่ด้วย เพราะ
kalyanamitra.org
๗๐
โปรดเถิดเพคะ”
พระเจ้าวิเทหราชทรงสดับแล้วมิได้ทรงเซึ่อกลับทรงพระดำริว่า “เป็นไปไม่ได้ใครจะเซือถือ
อย่างนั้น มีเยี่ยงอย่างที่ไหนคนเราที่ไม่รู้จักแก้วได้แก้วแล้วจะทิ้งเสีย” ทรงเห็นว่าพระนางต้องเห็นอย่าง
พระคชาธารใหัหยุดในคราวพบพระนาง ก็เอื่อมไปจับพระแสงดาบ
พระนางตกพระทัยเป็นที่ยี่ง มิได้ทรงคาดหมายเลยว่าพระสวามีจะทรงถือเป็นเรื่องอุกฉกรรจ์
หาทางประวิงเพื่อใหัพระสวามีได้ทรงยับยั้งพระหฤทัยไว้ก่อน เมื่อจะทรงผ่อนผันโทษของพระนางไว้
ก่อน จึงกราบทูลว่า “ขอเดชะ พระอาญามิพ้นเกล้าฯ เรื่องของเกล้ากระหม่อมฉันครั้งนี่ หากมิเป็นความ
จริงก็ควรที่เกล้ากระหม่อมฉันจะยอมรับพระราชอาญา แต่เกล้ากระหม่อมฉันเห็นด้วยเกล้าฯ ว่า ที่กราบทูล
อาญาเถิดเพคะ”
พระเจ้าวิเทหราชทรงได้พระสติ เห็นด้วยก้บคำกราบทูลของพระนาง พลางมีพระดำรัสถาม
ท่านเสนกตามเรื่องที่พระนางกราบทูลถึงมูลเหตุที่ทรงพระสรวลว่า “ท่านอาจารย์ยังพอจะเซึ่อได้หรือ
ท่านเสนกรับพระราชกระแสรับสั่งถาม และพ้งเรื่องราวตลอดแล้วก็กราบทูลตามอัธยาศัยว่า
พระพุทธเจ้าข้า”
พระนางทรงสดับคำกราบบังคมทูลของท่านอาจารย์เสนกแล้ว พระหทัยยิ่งหวั่น ทรงพระดำริ
kalyanamitra.org
๗๑
พระเจ้าวิเทหราชทรงสดับคำกราบทูลของมไหสถบัณฑิตแล้ว ทรงเห็นแจ้งในพระท้ยถึงความ
จริงระหว่างสิริกับกาลกรรณี ความกริ้วที่แผดเผาพระหทัยก็ด้บลง พระเมตตากรุณาอันเคยมีในพระนาง
ก็หลั่งไหลเข้ามาเต็มพระท้ยดังเดิม พร้อมกันนั้นก็ทรงโปรดปรานมโหสถบัณฑิตหนักขนถึงกับออกพระ
โอษฐ์ว่า “พ่อบัณฑิต แม้นไม่มีเจ้าเสียแล้ว วันนี้ข้าก็ด้องพลัดพรากจากนางแก้วนี้ ด้วยก้อยคำโง่ของเสนก
เป็นเครื่องบูชา
ฝ่ายพระเทวิอุทุมพร ทรงรู้สึกเหมือนดังว่าทรงได้พระชนมีคืนมาเพราะมโหสถบัณฑิต พระ
หทัยอันเศร้านั้นกลับทรงโสมนัสเต็มเปียม ทรงยกพระกรทั้งคู่ถวายบังคมแทบพระบาทพระราชสวามี
ราชทานเถิดเพคะ”
“ดีแล้ว เธอผู้'เป็นศรีแห่งซีวิตของฉัน” ตรัสอนุวัตตาม “เชิญเธอรับพรที่เธอขอนั้นเถิด ฉัน
ลันกระหม่อมพระพุทธเจ้าข้า”
พระนางทรงดีพระทัยที่ได้ทรงทดแทนคุณแก่มโหสถบัณฑิตสมพระมนัสปรารถนา จึงยก
พระกรนัอมพระเศียรถวายบังคมขอบพระมหากรุณาธิคุณ และกราบทูลขอพระพรอีกประการหนึ่ง “ขอ
ดังมโนรถของเกล้ากระหม่อมฉันอีกสักครั้งหนึ่งเถิด เกล้ากระหม่อมฉันขอพระราชทานพระพรจากทูล
กระหม่อมแก้วอีกประการหนึ่งเพคะ”
kalyanamitra.org
๗๒
นะเพคะ”
“ได้ซีเธอ” ตรัสประทานตามที่พระนางทูลขอ “เธอจงรับพรนั้นไว้เถิด”
เป็นอันว่าตั้งแต่วันนั้นเป็นด้นไป มโหสกบัณฑิตมิใช่เป็นผู้โดดเดี่ยวในราชสำนัก แต่ได้เป็น
กับคณะอาจารย์อย่างไรในกาลต่อไปก็ยังพอที่จะได้ทราบความเป็นไปภายในได้ทันกาล และต่อไปจะได้
เห็นว่า พระนางได้ทรงเป็นกำลังสำคัญของมโหสถเป็นอย่างยิ่ง
kalyanamitra.org
๑๑. ปริศนาซ่อนเงอน
ฟ้าวันหนึ่ง มโหสกบัณฑิตพร้อมด้วยนักปราชญ์ทั้ง ๔ พากันไปเฝ็าตามปรกติ นั่งเหนืออาสนะ
อยู่ทัาย นอกจากนึ่ก็มีข้าราชบริพารเฝืาตำแหน่ง
คณะอาจารย์และมโหสกบัณฑิตนัอมเศียรรับพระกระแสรับสั่ง แล้วท่านเสนกผู้มีอาวุโสสูง
กราบทูลว่า “ขอเดชะ พระบารมีเป็นที่ลันพัน ข้าพระพุทธเจ้าทั้งมวลพรัอมอยู่แล้วที่จะฉลองพระเดช
พระคุณเต็มกำลังสติบัญญ■เของตน กุ พระพุทธเจ้าช้า”
ต่างไร้วางใจกันท่องเที่ยวไป นึ่เป็นเพราะเหตุไร ?”
บัณฑิตชนิดที่มีบัญญาเลว กุ เลย”
ครั้นมีพระราชดำรัสกำชับแล้ว ก็ประทับดุษณี มโหสกบัณฑิตเริ่มใคร,ครวญกระแสความแห่ง
การที่จะได้รู้ข้อที่ยังไม่รู้นั้นต้องใซัความรู้เป็นเครื่องสอดล่องจึงจะรู้ได้ ถัาเอาความไม่รู้เข้าไปสืบคนแล้ว
kalyanamitra.org
เ^๔
แล้วดีช่าเลึองดูท่านเสนกท่านอาจารย์ทั้ง ๓ ซ็งกำลังก้มหน้านิ่งมองไม่เห็นอะไรเลยเหมือนถูกจับใส'ใน
ต้องมืด
ส่วนท่านเสนกนั้นดีอัดอั้นดันบัญญาอยู่แล้ว มองไม่เห็นเงื่อนไขอันใดเลย ครุ่นดีดอยู่ว่า “มโหสถ
ละอองธุลีพระบาทจะทรงขับไล่จากแว่นแควันนั้น ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทจะทรงกระทำได้ดังพระบวม
ราชโองการจริงคุ ทีเดียวหรือพระพุทธเจ้าข้า?”
ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายขอรับพระราชทานโองการใส'เกล้าฯ แดใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงพระดำริเห็น
ว่าป้ญหาเงื่อนเดียวหรือความจริงพระบรมราชปุจฉาแม้จะเป็นเงื่อนเดียว แต่มีเงื่อนงำลํ้าลึกอยู่พระพุทธ-
กรุณาโปรดเลื่อนกำหนดไปสักหน่อยดีจะฉลองพระเดชพระคุณได้ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทได้โปรด
ทรงพระดำริเถิด พระราชปริศนานึ่ซ่อนเงื่อนอยู่ พวกข้าพระพุทธเจ้าไม่อาจดอกที่จะกราบทูลแกํใขท่าม-
กลางมหาชน ชักกราบทูลเฉลยได้ดีต่อเมื่อได้นิ่งลิดนิ่งตรอง ณ ที่อันเหมาะ คุ สักแห่งหนึ่ง ช้าพระพุทธเจ้า
ทั้งหลายขอหวังในพระม่หากรุณาธิคุณ ทรงโปรดเลื่อนเวลาพระราชทานโอกาสแก'พวกข้าพระพุทธเจ้า
เถิดพระพุทธเจ้าข้า”
ท่านเสนกกราบทูลแล้วหันไปดูมโหสลบัณฑิต เห็นไม่มีท'าทีที่จะคัดค้าน ภิยิ่งแน่ใจว่าตนได้
ถึงกระแสความแห่งบัญหาแล้ว เป็นต้องสามารถแดีไขได้พระพุทธเจ้าข้า”
kalyanamitra.org
๗๕
พระเจ้าวิเทหราชทรงสดับคำกราบบังคมทูลของท่านเสนกนั้นแล้วทรงโปฺรดปรานเป็นทียิง
ทรงเห็นจริงตามที่กราบบังคมทูล ประทานพระราชกระแสว่า “ท่านอาจารย์ เป็นความจริงดังทึท่านกล่าว
ฉันเห็นด้วย” แต่ในที่สุดก็ทรงกำซับอย่างหนักแน่นว่า "เชิญไปคิดกันก่อนแล้วค่อยกล่าวแกเถิด เมื่อแกั
ไม่ได้ฉันด้องไล่เด็ดขาด ไม่ทังเลียงทีเดียว ”
คณะอาจารย์ทั้ง ๔ และมโหสกบัณฑิต พากันถวายบังคมลาออกจากที่เฝืา อาจารย์ทั้ง ๔ ลง
จากพระมหาปราสาทไปก่อนมโหสถบัณฑิต ต่างคนต่างหมกมุ่นอยู่ในความคิดที่จะแล้พระราชปริศนา
เงียบบางครั้งก็เป็นฝาละมีป็ดความโง่ของคนโง่ได้ดีไม่มีอะไรสู้
ท่านเสนกเห็นอาจารย์อีก ๓ คนกำลังเงียบอยู่ก็เอ่ยกำซับไปในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่กว่า “พระ
บรมกษัตริย์แห่งเรามีพระดำรัสถามพระราชปริศนาลึกซึ่งและสุขุมนัก พวกคุณอย่าพากันเห็นไม่สำคัญ
ฝ่ายมโ^สถออกจากที่เฝืาด้วยความคิดเดิมคือว่า พระเจ้าวิเทหราชด้องทรงเห็นเรื่องใดเรื่อง
หนึ่งเป็นต้นเด้ามาก่อนจึงทรงผูกปริศนาได้ ความคิดนึ่มิได้เลือนไปจากห้วงนึกจึงกังไม่กลับบัาน ตรงไป
พระบาทขอประทานพระมหากรุณาสักหน่อย ”
“มีอะไรเล่านัอง” ตรัสด้วยความรักอย่างสนิท “ไม่ด้องเกรงใจ บอกพี่เถิด”
แล้วเลยเล่าถึงพระราชปริศนาถวายให้ทรงทราบ
พระนางสดับแล้วรับลังว่า “ก็ชอบกลอยู่ ชะรอยทูลกระหม่อมจะเห็นอะไรที่ตรงนั้นกระมัง
ทรงทอดพระเนตร พลางเสด็จดำเนินกลับไปกลับมาหลายเที่ยวนัองลงไปดูช”ี
มโหสถรีบถวายบังคมลา ออกไปที'เฉลียงพระมหาปราสาทตรงที่พระนางตรัสบอก มองออกไป
ทางช่องพระแกล พลันก็พบเงื่อนแห่งพระราชปริศนาจากที่นั้นเอง
kalyanamitra.org
๗^
เที่ยงช้างคนหนึ่งคว้าไม้พลองวิ่งกวดมันไปอย่างรวดเร็ว พอทันก็หวดลงไปกลางหลังมันอย่างเต็มเหนี่ยว
หลังแอ่นไปเลย มันแสนเจ็บแสนปวดวิ่งหลังแอ่นไปนอนเจ็บอยู่บนหลังแคร่ที่วางไว้ชิดกับผนังราชมนเทียร
ในวันนั้นคิดกำเริบไม่พอใจที่จะแทะกระดูกและทึงหนังเสียแล้ว ขณะที่พ่อครัวจัดแจงแต่งเครื่องเสวย
เสร็จ วางไว้ในห้องเครื่อง ตนเองออกไปช้างนอกเพื่อผึ่งลมให้เหงื๋อแห้ง มันได้กลิ่นปลากลิ่นเนื้อเข้าแลัว
รอดออกมาทางประตูพอโผล่ออกมายังไม่ทันสุดตัว พ่อครัวคอยทีอยู่แล้วก็เอาไมัพลองฟาดตูมลงไปกลาง
หลังมันเต็มแรง มันด้องเดินหลังแอ้ ทั้งด้องเขย่งตีนชิ้นเลียช้างหนึ่งด้วย วิ่งสามขาไปแอบซุกอยู่ตรงที่
แพะนอนอยู่ก่อนนั่นเอง
แพะเห็นหมาวิ่งในท่าที่แปลก ก็สงสัย เอ่ยถามว่า “เพื่อนเอ้ย เป็นอย่างไรไปแกจึงด้องวิ่งหลัง
แอ่นสามขามาเล่า? ลมมันเสียดแทงเอาแกเข้าหรืออย่างไร?”
หมาได้ยินดังนั้นก็นึกฉิว ไม่ตอบทันที ยัอนถามบัางว่า “ก็แกล่ะ ทำไมถึงได้นอนหลังแอ่น
อยู่เล่า?”
แพะเล่าเรื่องของตนให้ทัง หมาเห็นว่าแพะเล่าให้ทังโดยดี ก็เล่าเรื่องของตนให้ทังบัาง
ล่ะจะกล้าไปโรงข้างอีกไหม?”
“เหมือนกันแหละเพื่อน ไม่กล้าย่างไปอีกแล้ว ขืนไปเป็นไม่รอดเช่นเดียวกัน เข็ดแล้ว”
kalyanamitra.org
๗๗
ปริศนา” แล้วก็ออกจากพระราชวังกลับบัานด้วยความเบิกบานใจ
ปุกกุสะ กามินท้ เทวินท์ ภายหลังจากมาถึงบัาน ต่างคนก็เริ่มคิดเป็นการใหญ่ แด,เป็นการคิด
ที่ไม่มีเด้าเงึ๋อน ก็คิดเปือยไป คิดเท่าไร ยุ ก็ไม่เห็นจะได้คำตอบออกมาเลย จนปัญญาเข้าด้วยกัน ด่างคน
ปัญหาแล้วหรือ?”
พวกเหล่านั้นพากันตอบเป็นเลียงเดียวกัน “ไม่เห็นเลยท่านอาจารย์ มีดเหมือนถูกจบข้งในห้อง
มีดทีเดียว”
“ล้าสมเด็จบรมกษัตริย์ชักทรงไล่พวกคุณไปจากดินแดนของพระองค์เล่า พวกคุณจะทำกัน
อย่างไร?” ท่านเสนกพูดแกมขู่
อาจารย์ทั้ง ๓ มีความกังวลใจ เกรงพระราชอาญาอยู่ไม่นัอย ที,มาหาท่านเสนกก็ด้วยหวังจะเอา
เป็นที่พึ่ง ครั้นได้ฬงท่านเสนกพูดว่าดังนั้นก็ค่อยอุ่นใจขํ่นบัาง ด้วยคิดว่า “อย่างไรก็ตาม ท่านอาจารย์ของ
kalyanamitra.org
๗๘
ท่านอาจารย์เท่านั้น”
นั้นเขาอาจคิดได้แล้วตั้งรัอยซันก็ได้ มาเถิดน่ะมาไปด้วยกันไปหาเขา”
ท้วง
“ความอายอย่างนื้ อายไม่เข้าเรื่อง” ท่านเสนกแย้ง “ขืนอายซ็จะได้สิ้นเนื้อประดาตัวล่มจมไป
ครอบศีรษะอยู่ด้วยกัน มาเถอะไปกันเถอะ”
ทั้ง ๓ อาจารย์เห็นท่านเสนกยืนยันความคิดเห็นมั่นคง และตนเองก็หมดประตู ประกอบกับ
ความรักยศรักตำแหน่งเข้าเป็นแรงเสริม ก็พลอยตามท่านเสนกไปบ้านของมโหสถบัณฑิต หยุดรอที่ประตู
เรือนแจ้งข่าวไท้ทราบว่าพวกตนพากันมา
มโหสถบัณฑิตได้ทราบว่าอาจารย์ทั้ง ๔ พากันมาหา ก็คาดได้ถูกด้องว่า “ไม่มีเรื่องอื่นด้อง
เป็นเรื่องพระราชปริศนาเมื่อเช้านื้ เห็นจะเต็มกำลังเข้าแล้วคิดไม่ออกตาม คุ กัน จึงได้พากันมา” พลาง
บอกใท้เข้ามาพบตามมรรยาทแห่งเจ้าของบ้าน
คณะอาจารย์ทั้ง ๔ พากันเข้ามาในห้องด้อนรับ พบมโหสถบัณฑิตกำลังรออยู่ ต่างก็กล่าวถ้อยค้า
ปราศรัยตามเรื่อง แลัวพากันนั้งลง ณ ที่อ้นสมควรพลางเอ่ยถามว่า “พ่อบัณฑิต พระราชปริศนาที่ตรัสถาม
เมื่อเช้านื้พ่อคิดได้แล้วหรือยัง?”
“เมื่อข้าพเจ้าคิดไม่ได้แล้วละก้อย่าได้หวังเลยว่าจะมีใครคิดได้” มโหสถบัณฑิตประกาศเลียง
คิดได้แล้ว กรุณาบอกแก'พวกเราบ้างเถิด”
kalyanamitra.org
๗๙
คิดแล้วก็บอกให้ “พวกท่านจงพากันเรียนตามประเพณี”
คณะอาจารย์ทั้ง ๔ ต่างพากันลดตนลงจากอาสนะที่นั่ง ซึ่งเป็นที่เสมอกันกับมโหสถบัณฑิต
ไม่ว่าจะอยู่ในวัยและฐานะไหน
มโหสถบัณฑิตเห็นคณะอาจารย์ปฏิบ้ตถูกด้องแล้ว ก็บอกคำตอบพระราชปริศนาให้คนละข้อ
ซึ่งมีข้อความต่าง *1 กัน คนหนึ่งก็ได้คำตอบไปอย่างหนึ่ง แต่มิได้บอกถึงเหตุการณ์ที่พระเจ้าวิเทหราช
ตามที่ข้าพเจ้าบอกอย่างนึ่ก็แล้วกัน”
คณะอาจารย์จึงไม่ทราบความหมายอันแท้จริงของคำตอบแห่งตน *1 ต่างคนต่างเรียนมาคนละ'
บทแล้วก็พากันกลับบัาน พรัอมกับมีความเบาใจ
ครั้นวันรุ่งร้น เมื่อพากันไปเฝืา ณ ท้องพระโรงนั่งตามอาสนะที่จัดไวัโดยอันดับกัน พระเจัา
ป้ญหาแล้วหรือ ?”
“ขอเดชะ พระบารมีปกเกล้าๆ” ท่านเสนกกราบทูลอย่างอาจหาญ “เมื่อข้าพระพุทธเจามิได้
ทราบด้วยเกล้าๆ แล้วคนอื่น *1 ไหนเล่าพระพุทธเจ้าข้าที่จะทราบด้วยเกล้าๆ”
“ถ้าอย่างนั้นก็เชิญว่าไป”
“เนึ่อแพะเป็นที่โปรดปรานของบรรดาชนชันสูง
เจ้าขุนมูลนาย และลูกเจ้าขุนทั้งหลายเหล่านั้นไม่ยอมบริโภคเนึ่อหมาเลย
น่าประหลาดกระไร แพะกับหมามาเป็นเพื่อนกันได้*’
ท่านเสนกกราบทูลไปแล้ว ตนเองก็ไม่เข้าใจว่าที่กราบทูลนั้นมีความหมายอย่างไร เรื่องราว
เด้ามูลมีมาอย่างไร
แต่พระเจ้าวิเทหราชทรงทราบดี เพราะเรื่องปรากฎแก่พระองค์ เข้าพระทัยว่าท่านเสนกรู้เลย
ตรัสถามปุกกุสะต่อไป
ฝ่ายปุกกุสะ เห็นว่าท่านเสนกกราบทูลไปแล้วตามที่เรียนมาจากมโหสถบัณฑิต สังเกตพระเจ้า
kalyanamitra.org
๘๐
“เข็ญว่าไปเถิด”
ปุกกุสะกวาบทูลตามที่ได้เรียนไวัว่า
“ฝูงชนพากันช่าแหละเอาหนังแพะไปทำเบาะปูหลังม้า พากันขบชี่อย่างสบาย
หนังหมาไม่มีใครไข้ทำเบาะปูหลังม้า
น่าประหลาดกระไร แพะกับหมามาเป็นเพื่อนกันได้”
กราบทูลแลัวตนเองก็ไม่รู้ความดุจเดียวกัน
ฝ่ายบวมกษัตริย์ได้ทรงฬงก็เข้าพระท้ยว่าแม้ปุกกุสะก็รู้จึงตรัสถามกามีนท้ต่อไป
กามินท์กราบทูลตามที่เรียนไว้ว่า
“แท้จริง แพะมีเขาบิดเป็นเกลียว
หมาไม่มีเขาเลยทีเดียว
แพะกินหญ่า หมากินเนื้อ
มันน่าประหลาดกระไร แพะกับหมามาเป็นเพื่อนกันได้”
กราบทูลแลัวก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน
แต่บรมกษัตริย์ทวงเช้าพระท้ยว่ากามีนท้ก็รู้ จึงตรัสลามเทวินท้ต่อไป
เทวินท้กราบทูลตามที่เรียนไว้ว่า
“แพะกินหญ้า กินใบไม้
กราบทูลแลัวก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน
กราบทูลอย่างอาจหาญ เพราะเหตุการณ์ประจักษ์แก่ตนจริง กุ
“กัาเช่นนั้น เจ้าจงว่าไป”
“ขอเดชะ เข็ญใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงสด้บพระพุทธเจ้าช้า” กราบทูลแลัวบรรยายเรื่องวาว
แห่งพวะวาชปริศนาว่า
“สัตว์จตุบาทมีเท้า ๔ มีกึบ ๘ กิบ ดึอแพะหลบซ่อนตัวเดินมาสู่ท้องเครื่อง มันคาบเนื้อไป
kalyanamitra.org
ใด้ฝ่าละอองธุลีพวะบาทผู้เป็นมิงโมลีแห่งวิเทห-โฐประท้'บบนพวะมหาปราสาท ได้ทวงทอด
พระเนดวข้อนั้นเป็นมิดวภาพของหมาและแพะพวะพุทธเด้าข้า”
พระเด้าวิเทหราชมิได้ทรงทราบว่า คณะอาจารย์ด้องพึ่งมโหสลบัณฑิต จึงรัเรื่องที่นำมาแกั
พากันขบลิดข้อขอดที่ลึกข้งสุขุมของปัญหาได้อย่างแตกฉานด้วยหลักกาวคมคาย
โปรดพระราชทานแก่ทุกคนเท่า *1 กันตามพระวาจา
kalyanamitra.org
๑๒. มืทรพย์กบมืป๋ญญา
เมื่อพระเจ้าวิเทหราชี่โปรดพระราชทานบำเหน็จในการแก้ปริศนาแก่ราชบัณฑิตทั้ง ๕ เสร็จ
ไปแก้ว พระนางอุทุมพรทรงทราบข่าวที่โปรดพระราชทานเท่าก้น พระนางไม่ทรงพอพระท้ย่เป็นอย่างยิง
ให้รู้หน่อยซิ”
“ขอเดชะ พระมหากรุณาธิคุณเป็นก้นพ้น ตามที่เกล้ากระหม่อมฉันได้ทราบเกล้าฯ นั้น พวก
ประการ”
“งั้นดอกหรือ?” ตรัสอุทาน
“เช่นนั้นซิ!พคะ” กราบทูลยืนยัน “เมื่อเป็นเช่นนิ่ การที่ทูลกระหม่อมโปรดพระราชทานบำเหน็จ
รางวัลให้เสมอก้นทั้ง ๕ คน เกล้ากระหม่อมฉันเห็นด้วยเกล้าฯ ว่าทรงกระทำยังไม่สมควร ทางที่ถูกควร
พระราชทานแก่พ่อมโหสถเป็นพิเศษเพคะ”
“พ่อมโหสถช่างดีจริง” ทรงดำริในพระหทัยด้วยทรงโปรดปรานยิ่งขื้น “ไม่ยักบอกเราว่าให้
kalyanamitra.org
สต
ได้แล้วจะรางวัลเป็นการใหญ่”
ภายหลังจากนั้นก็ทรงคิดปริศนา ค้นหาข้อที่ลึกซื้งและสุขุม ในทันทีทรงพระดำริได้ถึงบัญหา
ทรงพระประสงค์จะให้ท่านเสนกทั่บมโหสถบัณฑิตโต้ก้นให้เด็ดขาด ทั้งทรงตระหนักอฟ้โนพระหทัยเป็น
อย่างดีว่า ท่านเสนกควรจะต้องสนับสนุนทางทรัพย์เป็นแน่ เพราะบัญหานึ่เป็นข้อที่สืบเนึ่องอยู่ในวงศ์
ประเสริฐกว่าก้น?”
ท่านเสนกยิ้มกริมเพราะเป็นข้อที่สืบเนึ่องในวงศ์สกุลทั้งมีความเซียวชาญแล้ว ดังนั้น จึงทราบทูล
“ฝูงคนไม่ว่าจะเป็นนักปราชญ์เปรื่องปรีชาหรือเป็นพาลทรามบัญญา ทั้งมิได้เลือกว่ามีศิลป
หรือไม่ อนึ่งเล่าจะได้กำหนดว่ามีเผ่าพันธุ่เซือชาดิดี หรือไม่มีเซือแถวก็หามิได้ ทุก กุ คนที่กล่าวมานั้น
ย่อมยอมตนเป็นคนใข้ของผู้ดำรงในยศศักดํ่อัครฐาน รุ่งเรืองด้วยทรัพย์สารมิได้เว้นเลย”
บัญญาเป็นคนเลว ผู้มีสิริคือทรัพย์เท่านั้นเป็นคนดีพระพุทธเจ้าข้า”
kalyanamitra.org
๘๔
เชิญใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงสดับ พระพุทธเจ้าข้า”
“ธรรมตาคนพาลสันดาน■ยั่ว มาสำคัญตนว่าแป็นผู้ประเสริฐ ตีกว่าคนในโลกนํ๋ทีเดียว คงเห็น
แต่โลกนั้มิได้หยั่งเห็นถึงโลกหน้าย่อมกระทำแต่กรรม/ที่ซัวข้าลามก'เป็นอันกอบโกยเข้าไว้ ได้แต่ความกลี
ลามกในโลกทั้งสองเป็นผู้พ่ายทั้งซัวนื้ซัวหน้า ด้วยความมัวเมาในความเป็นใหญ่เป็นโต/ของตน”
พาลมียศไม่ดีเลย พระพุทธเจ้าข้า”
พระเจ้าวิเทหราชทรงสดับแล้ว หันพระพักตร์/ใปทางท่านเสนกตรัสว่า “อย่างไร่ท่านเสนก
พ่อมโหสก,แยังท่านแล้วซ็ เธอกล่าวว่าคนมีบัญญาเท่านั้น!เป็นผู้ประเสริฐ มิใช่น้อย ?”
ท่านเสนกพังพระดำรัสแล้ว กราบบังคมทูลด้วยคำหมิ่นมโหสกบัณฑิต “ข้าแต่พระองค์ผู้ทรง
ฉาดฉาน พรัอมทั้งยกตัวอย่างเพื่อจะขยํ๋ใหัมโหสถจำนนต่อไป
“ขอเดชะ มิใช่ศิลปะดอกนะพระพุทธเจ้าข้า ที่ชัดสรรทรัพย์สมบัติใหัมิใช่พวกพัองมิใช่ความ
ของข้าพระพุทธเจ้า”
“ท่านโครวินทีแห่งมิกิลา มหาเศรษฐีรูปซัวรำรวยทรัพย์ถึง ๘๐ โกฏิไม่มีลูกชาย ไม่มีลูกสาว
ไม่รู้ศิลปะอะไร *1 ทั้งนั้น มิหนำข้าเวลาพูดก็มีนํ้าลายไหลชืดออกมาสองข้างขาตะไกร หญิงสาว ๒ คน
บัวที่เมื้เอนนำลายของคนมีทรัพย์ ยังเป็นเครื่องประดับอันเชิดชูหน้าตาของคนได้”
“ข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยเกล้าฯ ดังนื้จึงขอกราบบังคมทูลว่า คนมีบัญญาเป็นคนเลว คนมี
ทรัพย์เท่านั้นเป็นคนดีพระพุทธเจ้าข้า”
kalyanamitra.org
๘๕
สดับเถิด”
“คนไม่มีบัญญา ได้ความสุขแล้วก็มัวเมาประมาทลืมตน จนทำแต่กรรมชิ'ว พอถูกความทุกข์
กระทบเช้าบ้างก็เลื่อนเปือนไปเลย คนพาลนั้นน่ะพระพุทธเจ้าช้า ประสบความสุขความทุกข์ที่ผลัดมา
มีบัญญาเท่านั้นประเสริฐ คนพาลมีทรัพย์ไม่ประเสริฐเลยพระพุทธเจ้าข้า ”
โลกเป็นอย่างนั้นะพระพุทธเจ้าข้า”
ท่านเสนกหลบมุมไปอีกแง่หนึ่ง ด้วยหมายใจจะโต้ให้'มโหสถบัณฑิตให้จำนนแล้วกราบทูลว่า
ต้องการประโยชน์โภชน์ผลเหมือนฝูงนกพากันบินร่อนเข้าหาต้นไม้ที่มีผลดกไนป่าก็ปานกัน”
ทรัพย์เท่านั้น'เป็นคนดีพระพุทธเจ้าข้า”
พ่อจะโต้อย่างไร?”
“ขอเดชะใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าฯ” กราบทูลอย่างมั่นใจ “เสนกมีความเจริญแต่
kalyanamitra.org
๘๖
“การฝูงคนมีดวามปรารถนาทรัพย์ พากันทำตนเข้าเป็นบริวารห้อมล้อมคนพาลลันดานขัวปราดจาก
ปญญาจนกลายเป็นกำลังของคนพาลนั้น ไม่เป็นการดีเลย คนพาลได้กำลังเข้าแล้วก็จะชวนกันกระทำกรรม
อันหยาบร้ายบีบคั้นฝูงคนได้เงินทองมา หมู่นิริยบาลผู้มีหน้าที่รักษานรกพากันกระชากตัวคนปัญญาทราม -
คนพาลมีทรัพย์ไม่ประเสริฐเลยพระพุทธเจ้าข้า”
“ว่าไงท่านเสนก ?” ตรัสด้วยพระสูรเสียงชี่นชม
เตือนให้พระเจ้าวิเทหราชทรงสดับคำโด้ของตนแล้ว ก็ดำเนินกระแสความสืบไป
“แม่นํ้าทั้งหลายมิเลือกว่าสายไหน เมื่อไหลถึงคงคา ทุก *[ สายก็หายชิ่อเสียงไปหมด ไม่มีใคร
เท่านั้นเป็นผู้ประเสริฐพระพุทธเจ้าข้า”
พระเจ้าวิเทหราชทรงขัดจังหวะ ด้วยพระดำรัสถามมโหสถตามเคย
มโหสถบัณฑิตผู้รุ่งเรืองด้วยปัญญา มิได้หวาดหวั่นต่อวาทะของท่านเสนก คงกราบทูลเหน็บ
ได้”
“มหาสมุทรกระฉอกงานไปด้วยระลอกคล่นอันครนคร้นตลอดกาลเป็นน่จ แต่อย่างไรก็ตาม(ถด
มหาสมุทรอ'นคย่'โครม ประหนงจะทุ่มโถมเฝนด้นให้ถล่มทลายด้วยสายคลนอันข้ดสาดอย่ฉาดงาน ก็ไม่
อาจ(ลยทั้จะด้นป่งไปได้ม่อาจจะทังปงไปได้เลย ทันคย่นแสนกล่นขดสาดมา ป่งลกัดอยู่ทั้งนั้น ข้อนั้ฉันใด
คนโง่ 1 มีทรัพย์ไม่ประเสริฐเลยพระพุทธเจ้าข้า”
พระเจ้าวิเทหราชตรัสให้ท่านเสนกโด้ต่อไป ท่านเสนกยังคงยืนหยัดอยู่ในมติของตนอย่างเข้มแข็ง
เพราะไม,เคยแพ้ใครมานานแล้วในเรื่องนั๋ จึงเริ่มโต้ต่อไปด้วยองอาจ
kalyanamitra.org
๘®!
ที่ไรัทรัพย์ด้วยแลัวคนมีป็ญญายิ่งไม่อาจจะให้เขาทำอะไรตามถ้อยคำของตนได้เลยทีเดียว”
แต่มโหสอบัณฑิตคงยืนหยัดอยู่อย่างมั่นคง กราบทูลเข้ญไห้ทรงสดับพรัอมกับเหน็บท่านเสนก
ของผู้เห็นด้านเดียวจะดีอะไร” พลางโตว่า
“คนไรับัญญา พูดแต่คำเท็จคำปด เพราะไม่มีอะไรเป็นเครื่องส่องว่าเท็จจริงอย่างไร ก็มุ่ง
ไม่ประเสริ5เลยพระพุทธเด้าข้า”
ท่านเสนกถูกเหน็บอย่างแวงสุดที่จะกลํ้ากลึนได้ พอสั้นค้ามโหสอบัณฑิต ก็มิได้รั้งรอไห้พระเจ้า
วิเทหราชตรัสเดีอนเผยวาทะโด้ทันที
ในที่ประชุมเหมือนห็งห้อยในเวลาตวงอาทิตย์อุทัย”
เท่านั้นเป็นผู้ประเสริฐพระพุทธเด้าข้า”
.พลางกราบทูลโด้
“ผู้มีบัญญากว้างไม่กล่าวคำเหลาะแหละ เพราะเหตุผู้อื่นหรือเพราะเหตุตน เขาย่อมได้รับบูชา
ในที่ประชุม ตั้งภายหลังก็ยังจะได้ไปสุคติ ตรงกันข้ามคนพาลเอาแต่ได้ ไม่พูดคำสัตย์ที่จริง ย่อมถูกตำหนิ
และภายหลังก็ไปนรก”
kalyanamitra.org
"ข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยเกล้าๆ ด้งนํ๋ ขอกราบทูลยืนยันว่า คนมีปัญญาเท่านั้นประเสริฐ คน
โง่มีทรัพย์ไม่ประเสริฐพระพุทธเจ้าข้า” ท่านเสนกโด้ทันควัน
แม้จะมีปัญญาเมหาศาล1จะหาข้างม้าเป็นพาหนะก็ทั้งยาก”
“ข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยเกล้าๆ ดังนื้ ขอกราบทูลว่า คนมีปัญญาเป็นคนเลว คนมีทรัพย์เท่านั้น
เป็นผู้ประเสริฐพระพุทธเจ้าข้า”
มโหสถบัณฑิตภายหลังที่เหน็บท่านเสนกนิดหน่อยอย่างคราวก่อนแล้วก็เอ่ยโต้
มีทรัพย์ไม,ประเสริฐเลยพระพุทธเจ้าช้า”
ความจริงไม่ใช่หรือ ?”
ธุลีพระบาททรงมีพระราชอำนาจครอบงำช้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ทรงเป็นใหญ่เหนือข้าพระพุทธเจ้า
ประดุจทัาวคักรินทร์เทวราช เป็นบดีแห่งฝูงสัตว์ก็ปานกัน”
“ข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยเกล้าฯ ประจักษ์ดังนํ๋ ขอกราบทูลยืนยันว่า คนมีปัญญาเป็นคนทราม
คนมีทรัพย์เท่านั้นประเสริฐพระพุทธเจ้าข้า ”
บทโต้ของท่านเสนกบทนื้ปรากฎว่า ไม่เคยมีผู้ใดทานได้เลย เป็นไม้ตายของท่านเสนกทีเดียว
ด้งนั้นในที'ประชุมจึงต่างก็มีความรู้สึกกันไปตามฝ่ายของตน ที่เป็นพวกของท่านเสนกก็นืกยิ้มทีได้ยินข้อ
kalyanamitra.org
๘๙
พ่อบัณฑิต ?”
ละอองธุลีพระบาททรงสดับพระพุทธเจ้าข้า”
ครั้นแล้วก็เอาไม้ตายของท่านเสนกนั้นเองตีกลับเข้าให้ว่า
•‘คนโงกไดรบยศกักดอัครฐานน'ะ ต้องเป็นทาลของยู่มป้ญญาทั้งนั้น ในเมอเกิดความต้องการอย่าง
นั้นๆ แล้ว บณป็ตก็ล้ดทำไปอย่างละเอยดลออไหเหมาะสมกับความต้องการ คนโง่ๆ เลยเกิดไปถ]ความลุ่มหลง
ไนการอัดทำอย่างละเอยดลออนั้น ปีนกระท่ง่ม่ไดล้านกตนว่ากำลีง์เป็นเหมอนปลากินเหย่อ"
มีทรัพย์ไม่ประเสริฐเลยพระพุทธเจ้าข้า”
เป็นความปีรงเหราะปรากฏประอักบ้ายู่ว่า บุกคนกำลังเบ้าแหนอยู่นนลัวนตกอยู่ภายใต้หระราขอานาปีทั้งนั้น
จากความปีรงอกด้วย เหราะททรงไข่หระราขทรํหย่ใหเกิดเป็นประโยข]'เตามควไมต่องการของหระองก็นั้น ๆ
เป็นวลัยแห่งหระราขปรขาต่างหาก ด้งนั้น เม(ไห่เคราะห์ล่งบทใต้ของมใหสถบ้ณ’ทตบ้าง ก็ปีะเห็นได้ว่า มโหสถ
kalyanamitra.org
๙๐
การที่มโหสถโต้ข้อนของท่านเสนกตกไป ทำให้เกิดความกระจ่างสดใสร้นในที่ประชุมอย่าง
ที่สุด ด้วยเหตุที่เป็นบทที่ไม่เคยมีใครโต้ได้เลย พอมโหสถบัณฑิต่เอ่ยออกมาทำให้พระเจ้าวิเทหราชทรง
ปฏิภาณอันเคยสดใสมาแต่เดิมก็อับแสงลง ท่าทางในขณะนั้นล้าป็นก็เหมือนได้ยากเพราะมีทั้งความอัปยศ
อดสู มีทั้งความพรั่นใจรวมกันอยู่ในผิวหน้า จะกราบทูลอันใดก็ไม่รู้จะเอาอะไรมากราบทูล นั่งเกัอเขิน
ชบเชาไป ถึงว่าจะสามารถยกข้อโต้มากราบทูลได้อีกก็ใช่ว่าจะทำให้มโหสถบัณฑิตจำนนได้เท่าไรก็เท่ากัน
ท่านเสนกยกมาได้ ๑,00๐ มโหสถก็โต้แย้งไปได้ทั้ง ๑,000 และในที่สุดท่านเลนกก็ด้องเป็นฝ่ายจำนน
อยู่นั่นเอง
มโหสถบัณฑิตเห็นท่านเสนกนั่งจำนนไปแล้วต้องการจะพรรณนาบัญญาให้ยอดยิ่งร้นไปอีก
ประดุจว่าบัญญานั้นเป็แห้วยนํ้าอันลึกซํ่ง และมโหสถบัณฑิตเป็นผู้หยิบยกเอามาให้คนทั้งหลายได้เห็น
คำเกนฝูม่ปญญา ไปไม่ได้”
คนโง่มีทรัพย์ไม่ประเสริฐเลยพระพุทธเจ้าข้า”
บัานส่วยอีก ๑0 ตำบลแก'เจ้า”
kalyanamitra.org
ธโ, ®
นั้น ทั้งทรงโมทนาในการที่มโหสกบัณฑิตมียศศักดํ่อัครฐานใหญ่โตขํ่นอีกสถานหนึ่งด้วย
kalyanamitra.org
๑๓. คูครอง
กาลเวลาผ่านไป มโหสกบัณฑิตยิ่งเจริญด้วยลาภยศเป็นคนใหญ่โตของมิถิลานครยิ่ง จุ ร้น เป็น
ที่โปรดปรานของพระเจ้าวิเทหราชอย่างยิ่ง พระองค์ทรงรักมโหสกบัณฑิตเสมือนหนึ่งเป็นพระราชปิโยรส
แด่พระราชสวามี
โปรดปรานประทานพระเสาวนีย์มา เป็นไปตามคดีแห่งผู้ครองเรือนอยู่พะย่ะค่ะ”
“นั่นน่ะซี น้องก็ยังครองเรือน และมีหน้าที่สำคัญในบัานเมืองคนหนึ่ง” ตรัสคล้อยตาม “พี
พระมหากรุณาเห็นชอบกับพี่ ตรัสบอกน้องให้รู้ตัวไว้”
“เป็นพระมหากรุณาธิคุณพะย่ะค่ะ ” มโหสกบัณฑิตกราบทูลรับพระเสาวนีย์
“ล้าเช่นนั้นพี่จักคัดเลือกกุมาริกาที่สมควรสู่ขอมาให้น้อง” ตรัสด้วยทรงชมชิน
kalyanamitra.org
๙๓
เถิดพะย่ะค่ะ”
“น้องมีประสงค์อะไรเล่า?” ตรัสถาม
“ข้าพระบาทจักเลือกหากุมาริกาลักนางหนึ่ง ที่ด้องใจข้าพระบาทได้แล้ว จักกราบทูลให้ทรงทราบ
พะย่ะค่ะ”
“พี่หาให้เกรงจะไม่ถูกใจหรือ?” ตรัสสัพยอก “พี่ก็รัอยู่ว่าเรื่องอย่างนึ่เปันเรื่องเฉพาะคน แต่
พอพระท้ยด้วยพะย่ะค่ะ”
“ดีแล้ว” ตรัสอนุมัติ “พี่อยากรัว่ามีหลักเกณฑ์อย่างไรในเรื่องคู่ครอง? หญิงที่สมควรจะเป็น
คู่ครองจะเป็นอย่างไร ? ซีแจงให้ฬงสักหน่อยชิ”
“ขอเดชะ หากพระแม่เหนือเกล้าฯ มีพระประสงค์ ข้าพระบาทก็จะกราบทูลถวาย แต่เป็นเรื่อง
ที่พิสดารสักหน่อย พะย่ะค่ะ”
ด้วยทรงสนพระทัย
“ขอเดชะ ทระกรุณาล้นเกล้าร การม่ค่ครองของบุรุษเป็นโปตามว่ตัยแห่งโลก็ย์ อันบุรุษเทศเมลโดรบ
อุปการะจากบดามารดามาแต่น้อยคุ้มใหญ่แล้ว ก็เป็นกรณยะอย่างหนงทจะต้องปลํกตนออกโปจากการเลยงดู
ของท่ไนทั้งสอง ยังจะเกาะอยู่ตับห่อแม่นั้นเป็นความโม่ต่ช่อหนงของลูกผู้ขาย เทราะจะเป็นผู้ถูกตราหน้าค่า
ขอว่า “เลยงโม่ร,ู 'จักโต’’ ชงเป็นอุดมคต่ทลูกปูขายควรย์ดถอ เทราะเป็นการปฎปต่ทั้โม่สมสภาทของมนุษย์ ขอ
โต้ทรงทระกรุณาว่จารณ็บรรดาสรรทปาณชาต่ทั้ปรากฎภายในทั้นทภท จะเป็นภาระของบตามารดาก็ขัวระยะ
kalyanamitra.org
๙๔
บุรุษเหคตระหนักในจุดเริมแห่งการม่คู่ครองว่า เป็นการแยกตนเองออกไป'จากวง#เติมของตนไป'ตั้งเปีนวง#
เป็นผู้ล่ากัญในการตั้งหล้กฐานและดำรงวง#สกุล.... ”
“ทำไมจึงตองเป็นเช่นนั้นด้วย” พระนางรับสั่งขัดร้น
เท่านั้นที่จะทำหน้าที่ปรนนิบํติด้วยความรักชันสนิทใจ”
มาครั้งอยู่กับสกุลวงศ์ผู้ที่ตนวางใจเป็นที่สุดคือมารดา หากตนจะได้ทรัพย์สินเงินทองมาด้วยประการใด ๆ
kalyanamitra.org
๙๕
มอบหน้าที่นั้นได้”
“ตามที่ข้าพระบาทกราบทูลมาทั้งนึ่ เป็นยันประกาศซัดแล้วว่า เรึ่องของบุรุษนั้น ยากน้กที่จะ
ห่วงใยกิจการทางบ้านเรือน เพราะมีแม่บ้านแม่เรือนแล้ว”
“ช่างซีแจงน่าพ้งดีจริง *1” ตรัสชม “แล้วทำไมถึงตองมีน้องอีกล่ะ มีแต่แม่ก็เท่ากับมีทุกอย่าง
แล้วมิใช่หรื■อ?”
“มิได้พะย่ะค่ะ” กราบทูลแย้ง “เพียงแต่มีแม่ยังไม่เพียงพอในการก่อลรัางหลักฐาน เนึ่องจาก
ที่ตนอยู่กับสกุลวงศ์ก็ยังมีผู้ที่เป็นน้องร่วมบิดามารดา พอจะได้อาศ์'ยไหว้'วานให้กระท่าธุรกิจบางประการ
เมื่อแยกตนเองออกมาแล้ว จะไดใครเล่าเป็นผู้ช่วยแบ่งเบาภาระยันนึ่ก็ตกเป็นหน้าที่ของผู้เป็นคู่ครองคือ
ภรรยา”
- “ในกรณีที่เกิดมีกิจการเช่นนั้น ภรรยานั่นแหละจะเป็นผู้รับสนองช่วยแบ่งเบาไปเลียทางใด
ต่างฝ่ายต่างเข้าใจกันและกันเพียงพอที'จะประกอบธุรกิจให้กันได้สมใจ”
kalyanamitra.org
๙๖
คนเราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก จะไม่มีผู้ที่เป็นบุรุษด้วยกันที่ถูกอัธยาศัยกันบ้างสักสองคนทีเดียวหรือ ?”
ด้องการในการตั้งหลักฐานนั้นเป็นเพื่อนคนละเพศซึ่งจะอำนวยความรื่นรมย์ อำนวยความชุ่มซี่นเป็นที่
ออกมาจึงด้องมีฐานะเป็นคนรับใซัด้วย ?”
กิจการอันเนื่อง■ด้วยการอุปโภคบริโภคของตนอยู่ด้วยแล้ว ก็ไม่อาจประกอบการงานด้านอาซีพได้เต็มที่ จำ
คนกระนั้นกระมัง?” ตรัสซัก
ใหัเป็นหลักฐานแผ่วงศ์วานออกไป ก็ด้องมีคู่ครองคือภรรยา”
เหมีอกอยู่ใกวิมาก{มีองสวรรค์"
kalyanamitra.org
ธ^๗
ค่ะ”
“แล้'2ชายทุกคนได้คู่ครองเช่นว่านึ่เหมือนกันทั้งนั้นหรือ?” ตรัสถามอีก “หรือเป็นแต่บางคน?”
ทั้งนึ่แล้วแต่ความรักจักบังเกิดขื้นพะย่ะค่ะ”
ต้องการไม่มีอำนาจบันดาลให้สมประสงค์ได้”
กราบทูลแถลงแล้วบรรยายลีบกระแสความว่า “เหตุบัจจัยที่จะให้ใด้คู่ครองนั้น อยู่ที่ความรัก
“ต่างกันมากทีเดียว พะย่ะค่ะ
ร้กทตราด หมายถึงว่าผู้ที่จะหาหญิงเป็นคู่ครองจำต้องเลือกเฟ์นคุณสมบัติในตนของผู้ที่จะมา
ความดีแล้วจึงปลงใจรักและนำมาเป็นคู่ครอง อย่างนึ่เรียกว่าเอาความรักไปไว้กับความดี
kalyanamitra.org
๙๘
จะดำเนินตามแนวไหน ? ”
“ข้าพระบาทดำเนินดามแนวเอาความรักไปไวัที่ความดีพะย่ะค่ะ”
“น้องเห็นประโยชน์อย่างไร ที่เอาความรักไปไว้ที่ความดี ?”
หากจะเปรียบฝ่ามือเป็นความรัก หลังมือเป็นความซังก็ยังไกลไปกว่าระยะระหว่างความรักกับความซัง
เพราะใกล้กันชิดกันเหลือเกิน เมื่อเป็นด้งนี้ความยั่งยืนก็มีไม่ได้ รักกลายเป็นชังไปเมื่อใด ที่เคยดีก็พลอย
เข้าลักษณะนี้ ก็คือความแยกกันไป”
อย่างไรก็ต้องรักกันก่อนจึงเป็นคู่ครองกันได้ดังนี้มิใช่หรือ ?”
“ความรักสิน้อง”
“เพื่อนที่สามารถตายแทนเพื่อนได้นั้น เพราะอะไรเป็นมูลเหตุพะย่ะค่ะ”
“ความรักสิ”
“น้องสาวจะช่วยธุระในกิจการของพี่ชายด้วยความยินดีปรีดา ไม่รีรอบิดพลิ้ว อาศัยอะไรเป็น
มูลเหตุเล่า พะย่ะค่ะ”
“ความรักสิ”
“ทาสีที่จะรับใซันายของตนด้วยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย เอาแรงกายเข้าทุ่มเทในกิจการของนาย
เพราะอาศัยอะไรเป็นมูลเหตุ พะย่ะค่ะ?”
“ความรักสิ”
kalyanamitra.org
๙๙
หรือเพียงแต่อย่างใดอย่างหนึ่งจึงขาดความรักเสียมีได้ ช้าพระบาทจึงกราบทูลว่าความรักเป็นสำคัญพะย่ะ
ค่ะ”
“เป็นอันว่าบุรุษจะด้องทำให้ผู้ที่จะมาเป็นคู่ครองมีความรักในตนเสียก่อน จึงจะตกลงปลงใจ
กันได้สนิทสนมกระนั้นหรือ?”
“เป็นเช่นนั้น พะย่ะค่ะ”
“ทำอย่างไรเล่า ความรักจึงจะเกิดได้ หรือว่าเกิดขํ่นได้เอง?”
พระองค์”
‘นั่นแหละพะย่ะค่ะเป็นเหตุที่ทำให้ความรักบังเกิดขื้นเรียกว่า ความเกื้อกูลกันในบัจจุบัน กัง
มีอีกเหตุหนึ่งพะย่ะค่ะ ที่จะทำให้ความรักเกิดขื้นได้"
“อะไรเล่า?” ทรงซัก
“ขอพระราชทานโอกาส พระแม่เหนือหัวเป็นชาวดักกสิลา เสด็จสมภพในพระนครดักกสิลา
แต่ได้รับสถาปนาเป็นพระมเหสีแห่งพระเจ้าวิเทหราชชี่งอยู่ห่างไกลกัน แม้ว่าพระแม่เหนือเกล้าฯ จะ
เคยได้ยินกิตติคัพท้แห่งพระเจ้าวิเทหราชมาบัาง ก็เป็นที่แน่เหลือเกินว่ามิได้ทรงพระประสงค์มาก่อนเลย
มเหสีเช่นนึ่”
แต่ก่อนเช่นนั้นหรือ ?”
kalyanamitra.org
๑๐๐
น้องของพิ่จะไปหาคู่ครองในเวลาสองสามวัน น้องจะได้พบความดีของคู่ครองได้อย่างไรในเวลาอันสั้น
มาเป็นคู่ครอง วิธีด้นคุณสมปตินั้นมีอยู่พะย่ะค่ะ”
“มือย่างไรนะน้อง ?”
ต้องด้นกันนานพะย่ะค่ะ เพียงพูดจากันสองสามคำก็อาจด้นพบได้”
“ทำไมไม่บอกพี่เล่า ว่าอะไรที่น้องว่าเป็นจุดสำคัญ?”
ก็มี น้องจะว่าอย่างไร?”
“ข้าพระบาททราบความข้อนั้นอยู่พะย่ะค่ะ” กราบทูลรับพระเสาวนีย์ “แต่คำที่กล่าวนั้นเป็น
ด้วยเหตุผล ข้าพระบาทขอกราบทูลยืนยัน ว่ล้ยคนฉลาดไม่ว่าลดรหรอบุรุษ จะทำกรรมใดๆ ทั้งเส.ดงความ
ได้ทบคุณสมบดทั้งหลายทั้ด้องการทะย่ะค่ะ’'
แจ่มใส มีพระสุรเสียงสรวลเคล้าอยู่เป็นระยะ จุ
kalyanamitra.org
๑๔. ครองค
เมื่อได้กราบทูลชีแจงถวายพระนางอุทุมพรจนเป็นที่พอพระทัย และประทานพระอนุญาตตาม
รอนแรมไปตามระยะทาง
วันหนึ่ง อากาศในยามเช้าแห่งเดือนท้ายของฤดูรัอนมีเมฆเป็นกลุ่ม *1 ลอยผ่านท้องฟ้า เป็น
kalyanamitra.org
๑๐๒
ทั้งนึ่เป็นการทดลองความว่องไวแห่งปฏิภาณของนางว่าจะฉลาดหลักแหลมปานใด พอเหินนางก็ทราบ
“แม่นางจักนำข้าวด้มไปให้ใครเล่าจ๊ะ ?” ถามต่อไป
ข้าวด้มไปส่งบิดาละ” พูดด้วยสำเนียงกลั้วกับความหรรษาที่ได้พบความฉลาดของนาง
“บิดาของแม่นาง กำลังทำอะไรอยู่จ๊ะ?”
“บิดาของดิฉันกำลังทำหนึ่งโดยส่วนสองค่ะ” ตอบเป้นบ้ญหาอีก
“ทำหนึ่งโดยส่วนสอง” ยํ้าคำพลาง “อ้อ! อ้นการทำหนึ่งโดยแยกสองก็คือไถนานั่นเอง ไถ
kalyanamitra.org
๑๐ธา
ไปรอบเดียวดินแยกออกเป็นสองแถว ถูกไหมจ๊ะ ?”
“ไนที่ใดเล่าคะ ฝูงคนไปแล้วครั้งเดียวไม่กลับหลังเลย บิดาของดิฉันกำลังไถนาอยู่ใกล้ *1 ที่
นั้นแหละค่ะ”
ใกล้*1 ป่าชาใช่ไหมจ๊ะ?”
“ใช่แล้วค่ะ”
“แม่นางเอย เธอจะกลับบ้านวันนึ่หรึอไม่เล่าจ๊ะ ” ถามด้วยความพอใจ
“พ่อนายคะ กาวิกลับหรือไม่กลับของดิฉันอยู่ที่สิ่งหนึ่งจักมาหรือไม่มา คือล้าสิ่งหนึ่งจักมา
“ถูกแล้วค่ะ”
การสนทนาปราศรัยที'กระทำล้นเพียงเท่านึ่ ก็เป็นข้อที่บอกบ่งอัธยาศัยของล้นและล้นได้เพียงพอ
เซิย้เชิญ “ดื่มลักหน่อยนะคะ”
kalyanamitra.org
๑๐๔
ฉันจักไปบ้านของเธอซีทางให้ฉันหน่อยเถิด หวังว่าคงไม่รังเกียจนะจ๊ะ”
นางอยู่ขวามือพอถึงเรือนพบมารดาของนางพอดี
มารดานางอมราเชื้อเชิญให้นั่ง แล้วกล่าวต้อนรับว่า “พ่อมาแต่เช้าคงย้งไม่ไต้บริโภคอะไรมา
จักดื่มยาคูไหมเล่าจ๊ะ ?”
“คุณแม่ครับ น้องอมราให้ยาคูผมดื่มหน่อยหนึ่งแล้วครับ” ตอบด้วยคารวะ
ด้วยความสังเกตโดยปรีชาอันปรุโปร่งทราบได้ทันทีว่าสกุลนี่ตกยาก แม้จะรู้ดังนั้นอยู่เต็มใจก็
กังถามนางว่า “คุณแม่ขอรับ ผมเป็นช่างชุน มีผ้าอะไรตุ ที่จะต้องเย็บต้องปะบ้างไหมเล่าครับ?”
ของคุณแม่ดอกครับ มีเท่าใดก็นำมาเถิดผมจะเย็บจะปะให้”
นางได้พังก็ดีใจ ขนเอาผ้าเก่า ตุ ที่ขาด ตุ ซึ่งมีอยู่เป็นอันมากมาให้แก่ช่างชุนหนุ่ม
เชิญเถิดเจ้าข้า! เชิญหอบผ้ามาจ้างกันเถิด”
kalyanamitra.org
ข่าวที่มารดาของนางอมราเที่ยวป่าวประกาศไปเป็นที่พอใจแก่ชาวบ้านร้านถิ่นทั่วหน้า ต่างคน
มารดานางอมราเห็นความสามารถอันเป็นพิเศษมีความรู้สึกเหมือนว่าช่างชุนหนุ่มเป็นผู้วเศษ
เกิดความพอใจเป็นที่ยิ่ง ไม่มีอะไรที่จะเป็นข้อน่ารังเกียจอีกแล้ว สำหรับชายนึ่ที่ขิะมาเป็นบุตรเขย พร้อม
กันนั้นก็เบาใจในการที่บุตรสาวสุดที่รักชักได้สามีเป็นบุรุษผู้สามารถเช่นนึ่ ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างนางเอาใจใส่
“พ่อคุณ อาหารมื้อเย็นจะหุงข้าวสักเท่าไร ?”
เป็นความจริงด้งที่คาด พอตกเวลาเย็นนางอมราก็กลับมาบ้านศีรษะทูนมัดฟินกระเดียดกระทาย
รับประทานหรือยังเล่าคะ ?”
kalyanamitra.org
๑๐๖
มโหสถบัณฑิตเห็นกิริยาของนางปราศจากความถือตน ไม่มีอาการเย่อหยิ่งทะนงเป็นที่พอใจแล้ว
ผลแห่งการทดลองเป็นที่สมใจจึงเรียก “แม่นางเอยมานี่เถิด”
พร้อมกับเพื่อนหญิงของเธอ แล้วจงนุ่งผ้าสาฎกผืนนื้มาหาฉัน”
เพียงเทพประกาศิต นางทำตามมิได้ขัดขืนเลย
มโหสถบัณฑิตมั่นใจและปลงใจในนางอมรา เห็นความงดงามด้วยความประพลุติและอัธยาศัย
บุตรีควรจะมีสามีแล้ว บิดามารดาที่ดีทั้งหลายย่อมถือเป็นกรณีสำคัญในอันที่จะตกแต่งให้เป็นหลักฐาน
ไป แม้นไม่รีบจัดแจงให้สมควรก็เป็นเหมือนปล่อยดอกไม้ที่กำลังแย้มให้เหี่ยวเฉาไปกับต้นคอ เป็นการ
ประกาศอัประมาณของสกุล เพราะความไร้ผู้ต้องการเป็นข้อที่ไม่น่าภาคภูมิใจ
มโหสถบัณฑิตพักผ่อนอยู่ที่บ้านนางอมราพอสมควรแล้วก็กราบลาพ่อตาแม่ยาย พานางมาสู่
มิถิลานคร
kalyanamitra.org
๑๕. คู่ควรเคียง
ก่อนออกเดินทางสุมถิลานคร มโหลถบัณฑิตได้ชัดหาร่มและรองเท้ามอบให้แก่นางอมรา เนึ่อง-
ด้วยเห็นเป็นสิ่งควรที่นางจะมีไว้' เพื่อป้องกันแลงแดดแผดเผาผิวกายและป้องกันเลยนหนามตามทาง ขณะ
เครื่องป้องกันเสั้ยนหนามตามทางได้ดี เชิญอมรารับไว้เถิด”
นางนัอมรับทั้งสองอย่างด้วยความชินชม แต่การใชิ'นั้นมิได้เป็นไปตามที่คนเป็นอันมากใช้กัน
ด้วยนางคิดจะทดลองสดิบัญญาของสามีก็ได้ หรือจะเป็นด้วยต้องการให้เกิดเป็นบัญหาขํ่นเพื่อสนทนากัน
ในยามเดินทาง ซึ่งเป็นข้อที่น่าชินชมของผู้มีปรีชาก็ได้
ดังนั้นมโหสกบัณฑิตจึงเอ่ยถามขณะที่กำลังลุยนํ้าตอนหนึ่งว่า “อมราผู้เจริญใจของฉัน ขอ
จ้ะ”
“ทูนหัวขา” สนองด้วยคำอ่อนหวาน “ไม่เห็นจะเป็นป้ญหาอะไรเลยนึ่คะเป็นเรื่องปกติดีเทียว
ค่ะ”
“ปกติไม่เป็นเช่นนึ่นึ่จิะ” แยงด้วยยิ้มแย้ม “คนทั่วไปเขาสวมรองเท้าเดินบนบกกัน เวลาลุย
นํ้าลุยโคลนเขาถอดกันทั้งนั้น ที่อมรากระทำจะว่าเป็นปกติอย่างไรจ้ะ”
“ถามอะไรก็ตามเถิดจ้ะ”
“ทูนหัวรักอมราหรือเปล่าคะ”
“รักซีจ้ะ ถามทำไม ไม่รักแล้วจะขออมรามาเป็นคู่ซีวิตของฉันหรือ?”
“ใช่ซีจ้ะ”
kalyanamitra.org
ด0
“เข้าในหลัก เพื่อถนอมนั้นแหละจ้ะ”
“รองเท้าที่ทูนหัวให้แก่อมรา เพื่อป้องกันอันตรายที่จะบังเกิดแก่เท้าของอมรา แม้นว่าจะมี
ด้วย เป็นเช่นนี้ใช่ไหมคะ”
“ถูกแลัว อมราผู้เจริญใจ”
“เมื่อเป็นเช่นนั้น อมราควรปฏิบัติอย่างไรเล่า สำหรับรองเท้าที่ได้น้อมรับมา ด้วยทราบตระหนัก
ในความประสงค์ของทูนหัว และในประโยชน์ของมัน อมราควรจะใข้ในโอกาสไหน นี่เป็นข้อที่อมราครุ่น
คำนึง ทั้งนี้เพื่อให้สมประสงค์สถานหนี่ง อมราจึงตัดสินใจว่าในโอกาสที่ด้องลุยนี้ายํ่าโคลนเท่านั้นควร
ใด้สวมรองเท้าในเวลาลุยนี้ายํ่าโคลน”
"ความคิดของอมราด้งกล่าวนั้น ทำให้อมราปฏิบัติไปเพื่อให้สมกับที่ทูนหัวถนอมอมรา มิปรารถนา
ควรจะเป็นใหญ่ถูกไหมคะ”
“นางนี้เฉลียวฉลาดจริง รุ” มโหสถบัณฑิตนึกในใจ ไม่ชมออกมาให้ปรากฎ แต่อาการนั้นก็เต็ม
ไปด้วยความชี่นชม พากันเดินทางต่อไป
ผ่านพ้นท้องทุ่งอันว้างเวิ้งไปแล้ว จวนจะเข้าหมู่ไม้อันร่มครื่มเบื้องหน้า ร่มที่นางอมราถึอมา
kalyanamitra.org
©0 6^
เข้านั่งพักใด้ร่มพุทรา
หรือจ๊ะ”
อมราได้พังคำของสามีเช่นนั้น มิได้คิดเห็นเป็นอย่างอื่น นอกจากว่า สามีคงเหน็ดเหนึ่อยเมื่อยล้า
การจะรับประทานชนิดรัอนหรือเยินคะ ”
มโหสถบัณฑิตได้พังค้าสนอง ก็เห็นเหตุได้ แต่ทั้ง *1 ที่รู้ก็ทำเป็นเหมือนไม่รู้ ทั้งนึ่เพือทดลอง
เล่าคะ”
“ไหนลองร้อน *1 ก่อนซีจ๊ะ” ตอบด้วยชี่นชม “ฉันด้องการผลพุทราชนิดร้อนจ้ะ”
นางเก็บผลพุทราที่แก่งอม โยนลงไปที่แผ่นดินพร้อมกับเสียงเชิญอันระรื่น “พุทราร้อน ๆ จ้ะ
เชิญรับประทานชีคะ”
ผลพุทราที่นางโยนลงมากระทบแผ่นดิน ผิวก็แตกเปือนฝ่นละออง ฝ่นละอองชำแรกผิวเข้า
kalyanamitra.org
(5) (5) 0
ขอรับประทานชนิดเย็น ๆ บ้าง”
นางเย็บไยนลงไปบนพนหญ้า ผลพุทราไม่แตกไม่มีฝ่นละอองจับพลางร้องเชิญ “เชิญรับประทาน
ชนิดเย็นเถิดค่ะ”
มโหลถบ้ณ•ทิดเย็บผลพุทรา รับประทานได้อย่างสบาย เย็บใส่ปากเลย ไม่ต้องบ้ดต้องเป่า
รับประทานไปพลาง “นางนึ่ช่างเฉลียวฉลาดเหลือเกิน เป็นบุญวาสนาแท้ ๆ ที่ได้มาพบคู่ครองอันมีดวาม
ฉลาดเช่นนํ่ อย่างไรย็ตามพระราชเทวีเหนือเกล้าฯ ของเรา คงจะทรงโปรดปรานไม่น้อย ” เมื่อเห็นสมควร
แก่กาล จึงบอกนางว่า “ลงเถิดที่รัก เราจะได้เดินทางล้นต่อไป เดี๋ยวจะเย็นเสีย ไม่ท้นประตูเมืองปิดจะ
เข้าเมืองไม่ได้”
นางพังแล้ว ลงจากด้นพุทรา หยิบหม้อนํ้าไปสู,แม่นํ้าต้กนํ้ามาให้มโหสกบัณฑิตดี๋มแล้วบ้วน
แล้วให้นางเข้าพักในห้องอันสมควร
เมื่อได้สั่งเสียเรียบร้อย มโหลถบัณฑิตย็ออกจากห้องมาพบภรรยานายประตู ซึ่งรออยู่ภายนอก
ด้วยความอยากจะทราบเรื่องราว พอพบกันมโหลถบัณฑิตก็เอ่ยก่อนด้วยเลียงเบา ๆ “พี่นาง ฝากน้องนาง
ไว้ด้วยนะ”
“รับประกันเด็ดขาดน้องชาย” รับรองแข็งข้น “พ่อคุณช่างสรรได้เด็ดจริง ๆ เพียงพีได้เห็นก็
นึกรักเสียแล้ว”
“แต่อย่าเพิ่งขยายให้รู้ว่าฉันคือใครนะ ช่วยบอกพี่ชายของพิ่ลาวด้วย อย่าได้แพร่งพรายให้นาง
kalyanamitra.org
®®®
“ทำไมจะต้องปิดบังอำพลางด้วยเล่า” ซักด้วยความสนเท่ห์
“ฉันยังต้องการจะทดลองนํ้าใจนางต่อไปอีกก่อน อย่าเพิงให้นางรู้เลย แล้วก็รู้ไปเองแหละ”
ดัดความพลางชั๊แจงวิธีการที่จะทดลองให้รู้กันไว้แล้วลาไปบัาน
ก็ลองแล้วลองอีก”
kalyanamitra.org
๑๖. ลองใจนาง
ถึงบ้านแล้ว มโหสถบัณฑิตมิได้รอเวลาให้ผ่านไป ดำเนินการตามความคิดทันที เรียกสหาย
ที่ร้นซึอลึอนามในทางเจ้าซ้มาพบ ๓ นายด้วยกัน คือ ธนบาล ยศบาล และสุขวันต์ ล้วนมีซือในทางเจ้าซ้
พูดจาโวหารดีและเป็นบริวารเคยเล่นหัวกันมาแต่ครั้งเป็นเด็ก *1
ฝากไวัที่บ้านนายประตูด้านเหนือ พวกคุณจงพากันไปเกั๊ยวให้นางตกลงปลงใจกับพวกคุณํเลิด”
มาก”
“ทำไมถึงพากันนึ่งอยู่ล่ะ” เลียงเตือนด้วยใบหน้ายิ้ม “บอกให้ไปเกยวผู้หญิงไม่ชอบใจหรือ?”
“แล้วก็ยังจะสนเท่ห์อะไรอีกล่ะ”
“การที่ผู้ชายพาผู้หญิงมาได้นั้น ความหมายก็ไม่มีอย่างอื่น คือต่างฝ่ายต่างก็รักใคร่กันปรารถนา
ธนบาลแถลงพลางหันไปทางเพื่อน “หรือว่าอย่างไรพวกเรา”
อย่าลืมว่านางรู้จักฉันในนามว่าโสมทัตช่างชุนนะ ขอให้ผลสำเร็จจงเป็นของพวกคุณ”
สามสหายแมัจะยังไม่สิ้นสนเท่ห์ และยิ่งสนเท่ห์หนักร้นในเมื่อมโหสถบัณฑิตส่งเงินให้อีก
kalyanamitra.org
๑๑ธา
ไม่เคยมีใครสามารถโด้แยังได้ จำใจด้องพากันไปตามบัญชา
“เออ! นายเรานี่ถ้าจะอย่างไรเลียแล้ว” ธนบาลเอ่ยขณะที่เดินทาง “ไม่เคยปรากฎในกาลไหน,]
ธนบาลแสดงความวิตก
“หนักใจทำไม” สุขวันต์คงขัด “เชื่อเถอะน่าทำไปดามคำสั่งไม่ด้องวิตก หวือเห็นอย่างไร
ยศบาลไม่เห็นเอ่ยอะไรบัาง ถ้าจะตรึกตรองเล่ห็เหลี่ยมอย่างไรกระมัง”
“ข้อนั้นแน่ละ” ยศบาลซึ่งเดินมาเงียบ คุ เอ่ย “เมื่อนายสั่งให้ทำก็ด้องทำเต็มลามารถ พยายาม
หรือ”
“ไม่หนักแล้วจะนึ่งหรือ” ยศบาลย้อน “ความหนักมันกดทับอยู่นะซิ พูดอะไรไม่ออก ลอง
เบาก็คุยเหมือนกัน”
“เอา! หนักกันทั้ง ๒ คน มีกันคนเดียวเท่านั้นนะที่ไม่รู้สึกหนัก” พูดอย่างคนไม่วิตก “เออ!
ลองว่าให้ฬงทีหรือหนักใจอย่างไรบัาง ธนบาลบอกก่อนเถอะ”
“ข้อแรกที่ฉันคำนึง คือสดิป้ญญาระหว่างเรากับท่านมโหสถห่างกันปานฟ้าห่างดิน” ธนบาล
เริ่มบรรยาย “เมื่อเป็นเช่นนี่แล้ว ไฉนท่านจะดูเบาในการเลึอกสตรีเป็นคู่ครอง อย่างนัอยที่สุดท่านก็ตอง
ใช้สดิป้ญญาชันมีอยู่นั้นเลือกเฟ้นจนเหมาะใจจริง คุ แล้วก็อย่างนัอยที่สุดของท่านนั้นมากที่สุดกว่ามาก
ที่สุดของเราเลียด้วยอย่างพวกเราจะไปเกี่ยวได้อย่างไรกัน ดีไม่ดีจะเป็นภัยแก่ดนเองเอาด้วยนา”
“กลัวอะไร” ซักทันควัน
“กลัว'เลียเชิงชาย” ยศบาลบอกตรง คุ “วิสัยชายเกี่ยวหญิง ด้องมุ่งหวังสำเร็จเป็นใหญ่ แมน
kalyanamitra.org
®®
กับยศบาลรุมกันแย้ง
สบายหรือ สงเหล่านี่เมื่อจะใช้ผูกมัดหัวใจหญิงแล้วเปือยยุ่ยเหมือนปุยฝัายมัดช้างสาร”
แย้ง
“อย่าเพิ่งขัดซี” สุขวันต์กำลังเพื่อง “เพื่อนก็รู้ รุ อยู่ด้วยกันแล้ว พวกเราใคร รุ เขาก็ลำลือว่า
กั้งหมดล1''.วนม่หม่ไม่'ม่โอกาลแล้วไขร่หญงด‘องกาข่วก่นก”
ดึงกันรู้ ก็ยังรู้สึกคลางแคลง”
“ทำไมจะไม่มี มีซี เครื่องเหนี่ยวรั้งของหญิงมีเหมือนกัน สหายไม่ทราบดอกหรือ”
“อะไรเล่า”
“ใจนางเอง ท่านกล่าวไว้ว่า เมื่อใจมั่นคงแล้วความเป็นสตรีจะกระทำอะไรได้” สุขวันต์ตอบ
ยังหวั่น
kalyanamitra.org
® ® (^'
ผลัดกันทีละคน”
“ไม่มีธรรมเนียม ชายหลายคนเกยวหญิงคนเดียวพร้อมกัน” สุขวันต์แย้ง “ต้องผลัดกันเข้าไป
ทีละคน”
“กันอดประหม่าไม่ได้ เข้าไปหลาย รุ คนเป็นเพื่อนกันดีนา” ธนบาลเสนอ
“เจ้าซัประหม่าผู้หญิง ไม่มีตำรับ” สุขวันต์ไม่ลดละ “เคยเกี่ยวมานับไม่ล้วน จะมาประหม่า
ทำไมกัน”
“ที่เคยมาไม่ใช่ของท่านมโหลถ นาเพื่อน” ธนบาลยังไม่ยอม
เดินด้วยเท้าเพียง ๒ ข้างอย่างคน”
“ออกจะรุนแรงไปกระมังเพื่อนรัก” ธนบาลเสียงขุ่น เกิดมานะโนใจกล่าวว่า “กันก็ชายคนหนึ่ง”
ว่าแล้วก็เดินเข้าไปในบ้านของนายประตู โดยมิได้เหลียวมาตูเพื่อนทั้งสองซ็งมองตูด้วยความรู้สึกข้นใน
กิริยาของธนบาล
ธนบาลเช้าไปในบ้านแล้ว ไม่พบใคร ก็ส่งเสียงเรียกเอะอะไปตามเรึ๋อง “นายประตูอยู่ไหน
พึ่สาวอยู่ไหน” คงไม่เห็นมีใครออกมา
มีธุระอะไรกับนายประตูหรือคะ ”
ธนบาลจ้องตะลึงตูนางอยู่แล้ว เกือบไม่วางตา และกำลังนึกว่า “เห็นจะคนนึ่เอง ไม่เลวเลย”
จะสนทนากันฐานชอบอัธยาศัยกัน”
“เห็นจะไปด้วยกิจ ณ แห่งใดแห่งหนึ่งแหละค่ะ” อมรากล่าวด้วยสำเนียงธรรมดา “เชิญขื้น
มานั่งคอยก่อนก็ได้นึ่คะ”
เป็นโอกาส ธนบาลรีบฉวย ขื้นไปนั่งบนเรือนทันที เมื่อนั่งลงเรียบรัอยแล้วอมราก็ต้องนั่งลง
ด้วยดามประเพณี “อ้า! ฉันไม่ได้มาเสียนาน ไม่เห็นภคินีมาแต่ก่อน” ธนบาลเริ่มปราศรัย "มั่นใจว่าคง
ความยาวสาวความยืด
kalyanamitra.org
ส®#3
แด่ธนบาลได้รับบัญชามาให้ดำเนินการเลื้ยวฬงเรื่องเพียงว่า สามีพานางมาฝากไว้ก็เห็นช่อง
ที่จะสึบกวะแสความต่อไป จึงเอ่ยถาม “ขอโทษเถิดนะจ๊ะ ภคินีมีได้บอกให้ทราบเลยว่าชื่ออะไร จะเป็น
การละลาบละด้วงไปสักหน่อยก็ได้ ที่ได้เอ่ยถามชื่อของภคินี แต่หวังอยู่ว่า คงไม่รังเกียจในความมีไมตรี
อันเป็นมิตรธรรมสำคัญ”
ความสำเร็จ”
“ชื่อของดิฉันไม่ไพเราะ เพราะฉะนั้นการบอกจะรู้สึกละอายอยู่บัางที่จะบอกตรง อุ” นาง
สายตาคูเขาอย่างคันหัวใจดูว่า “ฉลาดแค่ไหน”
สู้โสมทัดไม่ได้ดอก”
“โสมทัด!” ท้าเสียงและแสดงท่าเหมือนตกใจ “โสมท้ตในมิถิลานครนิ่ก็มีคนเดียว เป็นช่างชุน
โสมทัดคนนั้นหรือจ๊ะเป็นสามีของภคินีผู้ทรงสิริอย่างนิ่” เว้นระยะแล้วพูดเหมือนปรารภกับตนเอง "น่า
สงสัย และน่าสงสาร”
“ภาดา! กล่าวอะไร น่าสงสัยและน่าสงสาร” นางถามเป็นเชิงฉงน “สงสัยอะไรและสงสาร
ทำไม”
กล่าวเป็นนัย
kalyanamitra.org
๑๑๗
นะจ๊ะ”
“เชิญพูดตามีสบายเถิดค่ะ” นางสนอง ซึ่งธนบาลนึกว่า นางคงเต็มใจพีงจริง *1
สมบูรณ์....”
เมื่อได้พีงอย่างนึ่ นางก็ทราบได้ทันทีว่า “ชายนํ๋เกี่ยวเรา” นางนึกต่อไป “พุทโธ่ ไม,ได้ชิ้ดีน
ผัวเรา หากจะหยิบเอาขดีนของผัวเราชิ้นมาลักชิ้นหนึ่ง ซึ่งคงจะเป็นธุลีเล็กนักหนา ก็ยังจะมีราคากว่าชาย
เป็นมื่งบ้านมิ่งขวัญเมืองได้ทีเดียว”
“ถ้าเช่นนั้นเชิญพูดต่อไปเถอะค่ะ ”
“ก็เมื่อความงามอันสูงสุด เกินกว่าถ้อยคำที่พูดกันเป็นภาษาอยู่ทุกวันนึ่ ได้ประมวลไวัหมดใน
kalyanamitra.org
®®
“ข้อนั้นก็ไม่น่าสงสัยเลยนี่คะ”
ลดหย่อนลงจากความดีก็ไม่ได้ จึงไม,เป็นการประหลาดอะไรที่ดิฉันจะรักและรับความรักของเธอ”
ละก็ ท่านเปรียบผิดเหมือนกับเปรียบนี่ากับไฟว่าเป็นอันเดียวกัน”
kalyanamitra.org
® ® 6โ'
ความภักดีเสมือนมาตุลีอันภักดีต่อองค์อัมรินทร์ฉะนั้นเทียว”
“ภาดาผู้เจริญ ความที่กล่าวแก่ดิฉันบัดนี้ เป็นช้อที่แจ่มแจ้งแก,ใจดิฉันมาแต่แรกแล้ว แต่ด้วย
kalyanamitra.org
๑๒
อื่นเชิด อย่าใซัเพื่อการนี้เลย”
ทุกอย่างแก'นางด้วยเถิด”
“ภาดาผู้เจริญ! คำกล่าวของภาดาแต่ด้นมา” นางย้อนถาม “ภาดายังจะนึกได้หรือไม่ แต่ดิฉัน
มีทรัพย์มากชื้อเลียนะคะ”
ธนบาลพังถ้อยดำของนางด้วยความรู้สึกแปลบปลาบขื้นในดวงใจ จะโกรธจะเคืองก็ไม่ถนัด
เมื่อหมดหนทางจะล่วงลํ้า หมดประตูที่ตนจะช้าแรกเข้าไปในระหว่างความรักของท่านมโหสถ
ไปลองตูเองเถอะ คงรู้ได้ด้วยตัวเองดอก”
“ถามหน่อยก็ไม่ได้หรือ?” สุขวันต์กระเซัา “บอกกันให้รู้ไว้บ้างซ็ เผื่อจะได้คิดแก็ข้อที่จำนน”
ผู้ที่โผล่ขนมาจากการดำนี้าที่นาน ให้กันพักผ่อนตามลำพังเชิด”
“อย่าไปเซาชื้เขาเลย” ยศบาลบอก “ถึงวาระของกันแล้ว กันจะเข้าไปเกื้ยวตูบ้าง”
kalyanamitra.org
๑๒๑
แจ้งความให้มโหสถบัณฑิตทราบ
ระหว่างทาง สุขวันต์ซึ่งไม่เคยทุกข์ร้อนในเรื่องอะไรเอ่ยเป็นเชิงปรารภ “เด็ดเดี่ยวจริง แม่เจ้า
ขวัญคู่ซีวิตจิตใจของท่านมโหสถจริง ๆ”
“สูตรต่าง *1 ของเพื่อนเป็นอย่างไรบ้างล่ะ” ธนบาลยั่ว “เห็นสาธยายลั่นเมื่อขณะที,มา หญิง
เหลวละซี”
“ไม่เลว สูตรคงเป็นสูตร” สุขวันต์โต้
“แต้วก็เป็นอย่างไรล่ะ หน้าของพวกเราเมื่ออยู่ต่อหน้านาง รู้สีกเหมือนพอกด้วยยางหนา *1 จน
มีนั้าหน้กลึงไม่อาจเงยใช่ไหมล่ะ” ธนบาลคงกระเซัาต่อไป “ที่ลับก็ไต้ ชายเกยวก็มี โอกาสกึดี ทำไมไม่
ปรากฏผลลัพธ์ตามหลักสูตรหนา”
“ไม่ครบตามสูตร” สุขวันต์แย้ง “ที่ลับได้จริง ชายเกยวมีจริง แต่ขาดข้อสำคัญ คือขาดโอกาส”
“ก็โอกาสมีอยู่มิใช่หรือ” ยศบาลซักบ้าง
“อย่างไรนะ ?”
“อย่างนื้ซี” สุขวันต์เฉลย “โอกาสนั้นคือช่องว่างในหัวใจ เพื่อนคงสังเกตได้ดีว่า หัวใจของนาง
เข้าช่องได้แล้วผลลัพธ์เป็นไม่ต้องกล่าวกัน คงเป็นไปตามสูตร”
“ล้าเช่นนั้นก็เห็นจะรักษาตัวยาก และยากที่จะป้องกันตนให้พ้นจากความเลียหายต่าง *1 ละซี”
ธนบาลด้าน
“จะว่ายากก็ยากจะว่าไม่ยากก็ไม่ยาก” เฉลยต่อไป “เพราะเป็นเรื่องของใจนางเอง ซึ่งได้กล่าว
ไว้ครั้งก่อนแล้ว ล้าครองใจตนเองได้ก็เป็นอันพ้นภัย”
kalyanamitra.org
๑๒๒
หญิง ถาพิงตามคำพูดของเพื่อน”
จ?ม่แก่นเกนกว่าหนาไม่ม”่
ไม่สมหวังของตน *1 และพร้อมกันนั้นก็สดุดีความหลักแหลมคมคายของนางตามที่ประรักษ์แก่ตน
“ชาติเจ้าซัต้องไม่มีคำว่าพอไว้ในปากสำหรับพูดในเรื่องเกยวผู้หญิง” ท่านมโหสถบัณฑิตท้วง
“มิฉะนั้นคำว่าเจ้าชัก็ไม่มีความหมายพิเศษอันใดที่จะนำมาประดับซือของตนต่อไปอีก ไปเกํ่ยวนางอีก”
มา ไปกันอีกเถิด”
“ไปก็ไป” ทั่งสามคนพูดออกมาอย่างไม่สมัครใจ แล้วก็พากันไปบ้านนายประดู และต่างคน
ต่างแสดงภูมิเต็มที่ ผลก็คงเป็นอย่างคราวแรก พากันกลับมาด้วยความอดสูใจ
บัญชาเด็ดขาดไม่มีใครด้านได้สำเร็จ
“หมดกระบวนการแล้วขอรับผม” สุขวันต์ย้อนวอน “ขอได้กรุณายุติเรื่องทดลองนางเถิด นาง
เป็นสตรีประเสริฐควรเป็นมิ่งมงคลแก่ท่านแท้แล้ว ”
“อะไรบ้าง?”
kalyanamitra.org
๑๒ธา
นางไม่สมควรแก่การล่วงเกินอย่างนั้น”
“ไปอีกเถอะ ที่แล้ว กุ เป็นการเกื้ยวเพื่อตน” ท่านมโหสถซีช่อง “คราวนี้เป็นสื่อให้ผู้อื่นบ้าง
ซี”
ทั้งสามสหายเห็นช่องทีซึ่โห้ก็ด้องพากันไปอีก คราวนี้ช่วยกันพูดจาหว่านล้อมด้วยประการต่าง กุ
แตกต้องนำความไม่สำเร็จกลับมาเล่าแจ้งแก่มโหสถบัณฑิตตามเคย
“กระบวนการที่ ๘ เป็นอันต้องใช้” ท่านมโหลถกล่าวร้นเมื่อได้รับพิงความไม่สำเร็จ “ไปถึง
ฉุดมาเลย ฉุดมาหาฉันในห้องนี”้
“ไม่มีการใดที่จะเรียกว่ารุนแรงสำหรับการทดลอง ทั้งการฉุดเมียของฉันมาให้ฉันซึ่งเป็นผัว
มาคำนึงให้เป็นเรื่องรำคาญ เพราะนางได้เหํ่นความไม่เทียมทันของชายทั้งสามนั้นกับโสมท้ตมาแต่ต้น
แลัว กล่าวอย่างสาม้ญกิต้องว่า ไม่ได้ร้ดีนโสมทัดผัวของนาง ดังนั้นการเกั้ยวการเล้าโลมทั้งปวงของสาม
สหายจึงเป็นเพียงใบไม้ใบหญ้าที่นางเดินผ่านแล้วกิเหยียบไป
ไป”
กาวขัดขืนมิใช่เป็นทางที่ควรดำเนินของผู้ฉลาด วิสัยผู้ฉลาดจะทำการใด กุ ต้องพิเคราะห์หลาย
มิได้ขัดขืน แต่กิคิดคำนึงถึงทางวอดอยู่ตลอดทาง
ถึงบ้านซึ่งมิใช่เป็นของใครเลย เป็นบ้านซึ่งนางจะได้มาครอบครองแต่นางก็ไม่รู้ เขาพาเข้าไป
นางไม่ได้เลย
นางมองตูสามีของนางในรูปที่เป็นจริง.พรัอมกับสรรพสื่งอันเพริศพรายภายในห้อง แล้วเสียง
kalyanamitra.org
๑๒๔
กาวอย่างนี่เป็นที่น่าสงสัยสำหรับสามัญชนทัว กุ ไป เพราะอาการหัวเราะแล้วร้องไหันั้นมัก
ปรากฎแก่บุคคลผู้มีจิตใจอันวิปริต เป็นอาการส่อถึงจิตใจอันผิดไปจากปกติชน เป็นอาการที่น่าฉงนของ
ไร”
ภายหลังจากสะกดอาการสะอึกสะอื้นกลืนไว้ภายในอย่างสนิทแล้ว นางแถลง “ท่านผู้เป็นนาย
และคงนอนพักอยู่กับนางที่บัานของนายประตู
kalyanamitra.org
๑๗. อมราเทว
รุ่งขนเวลาเช้ามโหสถดึน ภายหลังจากที่นางอมราได้ตื่นเรียบร้อยแล้ว และได้จัดแจงลิงที่มนุษย์
จะพึงต้องการในเวลาตื่นนอนไว้พร้อม ตามจรียวัตรของภริยาที่ดีด้วยคว''มชื่นบาน
จะพาไปบ้าน”
“เจ้าค่ะ” รับคำด้วยปีติยินดี ด้วยนางคำนึงอยู่เสมอที่จะได้เป็นผู้ดูแลบ้านเรือนของสามี
เมื่อเรียบร้อยแล้ว ทั้งตู่ก็อำลาเจ้าของบ้านออกเดินทางบ่ายหน้าไปทางพระราชวัง
อมราเดินตามด้วยกิริยาอันเสงี่ยมงาม ไม่เร็วไม่ช้าไม่ใกล้เกินไป และไม่ห่างเกินไป ขณะที่
เดินไปก็รำพึงถึงฐานะอันแท้จริงของบุรุษผู้สามีด้วยความสนเท่ห์ ซึ่งนางได้ข่มไว้ภายในอำนาจแห่งจิตใจ
ไม่มีทางแวะเวียนไปทางไหน
“เขาเป็นใคร” การรำพึงของนางน่าจะมี “สามีของเรา-ยอดชีวิตของเราคือผู้ใด เป็นพระราช
เรื่อง ผู้รู้จักคอยย่อมได้โอกาสเสมอ
kalyanamitra.org
๑๒๖
ผ่านพระที,นั่งไปแล้ว เลยวลัดไปตามฉนวนในพระราชวังดึงพระตำหน้กอันที่ประทับของพระ-
ราชเทวีอุทุมพร มโหสถบัณฑิตจึงบอกให้นางข้าหลวงกราบทูลพระนางดึงการที่ตนขอพระราชวโรกาส
พระแม่เหนือเกล้าฯ ของเราเถิด”
ด้วยถ้อยคำของสามีเพียงเท่านั่ ยังไม่ให้ความแจ่มกระจ่างอันใดแก่จิตใจของนางเลย แด'นางก็
คงใข้ดุษณีภาพเป็นป้อมป้องกันความตื่นเต้น เพียงแต่แสดงความรู้สึกสนเท่ห์ให้ปรากฏในแววตาอันตำซึ่ง
อันใดออกมา
มโหสถบัณฑิตเข้าใจในกิริยาของนาง จึงกล่าวเป็นเชิงปลอบ “อย่าวิตกไปเลยที่รัก ไม่เป็นสิง
ที่น่ากลัวน่าหวาดหวั่นอันใด มาเถิด! อย่าชักข้า เดี๋ยวพระแม่เหนือเกล้าฯ ของเราจะทรงรอ”
“ข้าพระบาทได้ปฏิบัติตามที่ได้กราบทูลขอพระกรุณาไว้พ่ะย่ะค่ะ” กราบทูลด้วยความนอบน้อม
ใกล้ชิด “มานี่ชิน้องอมรา”
นางยอบคลานเข้าไปด้วยกิริยาอันเต็มไปด้วยคารวะ ดึงระยะพอสมควรก็น้อมกายถวายบังคม
แสดงว่านางสามารถรักษามารยาทแห่งกุลสตรีในยามใกล้ซิดข้ตติย.สกุลได้ดี เป็นที่ซิ่นชมแก่สามีและพระนาง
เธอเป็นคู่ครองของเขาก็เท่ากับเป็นน้องของฉันเหมือนกัน”
นางกระเถิบเข้าชิดพระแท่นและกราบทูลตอบพระดำรัสถามต่าง กุ ที่ทรงรับดั่งด้วยเกี่ยวกับ
หลักฐาน และพื้นเพของนางเป็นข้อใหญ่ กุ ซึ่งนางก็กราบทูลให้เป็นที่พอพระทัย และพร้อมกันนั้นนาง
ในด้านเหตุผลเป็นประมาณ
เห็นว่าพระนางทรงพระกรุณาแก่อมรา ทั้งจะต้องรีบกลับไปดั่งการในเรื่องงานอาวาหมงคล
บัานที่เคยอยู่แด'ผู้เดียวจะมีคู่ครองมาอยู่เป็นมิ่งขวัญ จำต้องชัดการรับมิ่งรับขวัญให้คู่ควร ท่านมโหสถบัณฑิต
kalyanamitra.org
๑๒๗
ที่ใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาทจะทรงพระกรุณาโปรดล่งไปพระราชทาน ”
“ข้าพระบาทย่อมทราบซี๊งในพระกรุณาธิคุณของใต้ฝ่าพระบาทอยู่เป็นนิจพะย่ะค่ะ” กราบทูล
ด้วยความซิ่นบาน พลางถวายบังคมลาออกจากพระตำหนักกลับสู่เคหาสน้
ทรงพระตำหนัก พระนางตรัสสนทนากับนางอมราถึงเรื่องที่ท่านมโหสถบัณฑิตได้ปฏิบัติไป
จนได้นางมาถวายด้วยพระอาการที่ทรงสนิทพระท้ย
“ใต้ฝ่าพระบาทเพคะ ท่านมโหสถพบเกล้ากระหม่อมฉันในนามโสมท้ตผู้มือาซีพช่างชุนเพคะ”
นางกราบทูลสนองพระเสาวนีย์
“นัองมโหสถถามอมราอย่างไรจ๊ะ” ตรัสชัก
“กำมือยื่นมาทางเกล้ากระหม่อมฉันเพคะ” นางกราบทูลเล่าทุกอย่างตามที่เป็นมา
“เมื่อมโหสถบัณฑิตปิดบังฐานะอ้นแท้จริงของตนเสียเช่นนั้น อมราคงไม่ทราบอะไรเลยใน
เมื่อไม่พบพี่เป็นหลักฐานแล้ว อนาคตยากที่จะทำนายได้ว่าจะมืดมนหรือสว่างไสว”
จะเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นได้บ้าง”
สู่วัยแห่งความเป็นกุมารี ได้พบบุรุษมามากแล้วมิได้ต้องตาด้องใจเหมือนเมื่อพบท่านมโหสถบัณฑิตเลย
เกล้ากระหม่อมฉันสารภาพในรูปสมบัติเป็นเบื้องแรก”
“ส่วนในเรื่องหลักฐาน แม้ท่านจะปิดบังเกล้ากระหม่อมก็คงจะปิดบังได้แต่หลักฐานที,เป็นรูป
kalyanamitra.org
๑๒๘
จะโปรดพระราชทานโอกาสแก่เกล้ากระหม่อมฉันแล้ว ก็จะขอบังคมทูลโดยละเอียดในความคิดของเกล้า
กระหม่อมฉันเพคะ”
“เชิญน้องพูดไปเถิด พี่ปรารถนาจะพังความคิดเห็น ไม่มีราชการอะไรในเวลานี”้ ตรัสด้วย
พูดไปเถิด”
เกล้ากระหม่อมฉันคงจะได้รับช่วงการเล่านิยายมาแต่ท่านผู้ใหญ่ของท่านอีกทอดหนึ่งก็ได้ เพราะนิยาย
ด่าง กุ นี้เอง เป็นทางเพาะความรู้สึกนึกคิดชันรอบคอบและชอบด้วยเหตุผลแก่ผู้ที่สนใจ เกล้ากระหม่อม
“กาลครั้งหนึ่ง นางฟ้าสองนางเกิดทะเลาะกันในเรื่องใครจะควรลงอาบนี้าในสระอโนดาตก่อน
นางหนึงเป็นธิดาของท้าววิรูบักษ์ผู้เรืองเดชโลกบาลทิศตะวันตกนามเจ้าแม่กาลี นางหนึ่งเป็นธิดาท้าวธตรฐ
กลับมากวนมนุษย์ ให้มนุษย์ตัดสินคดีนางฟ้านางสวรรค์”
“ก็มนุษย์เป็นคนดีนึ่เพคะ เทวดาก็ต้องยกย่องชีเพคะ”
“พี่เห็นอีกทางหนึ่งว่า เป็นความฉลาดของท้าวมัฆวานมากกว่า” พระนางแย้งด้วยทรงพระสรวล
“ท้าวมัฆวานไม่กล้าตัดสินเด็ดขาดลงไปด้วยตนเอง เพราะเมื่อจะทรงลูบพระพักตร์ก็มักจะพบพระนาสิก
ท้าววิรูบักษ์ก็เป็นคนของท่าน ท้าวธตรฐก็เป็นคนคี่นที่ไหน คนของท่านเหมือนกันจะทรงชํ่ขาดได้อย่างไร
ทำอย่างไรเลยโยนกลองมาให้มนุษย์”
kalyanamitra.org
๑๒๙
ก็เคยมี เล่าเรึองของน้องไปเถอะ”
“ท้าวมัฆวานตรัสว่า ถ้าท่านสุจิบริวาร รับนางใดให้นอนเหนือที่ท่านจัดไว้เป็นพิเศษในเรือน
สุจิบริวารถามเจัาแม่กาลีถึงความประพฤติและอัธยาศัยตลอดถึงชายที่นางชอบว่าชอบคนเช่นไ'5”
“คนที่เว้าแม่โปรดปรานเป็นที่สุดคือคนที่ชอบผัดเพี้ยนเวลา อะไรที่ควรทำเสร็จในวันนี้ ขอ
คนอย่างนี้เป็นคู่ครองแล้วจะไม่มีหัวใจไว้นึกถึงคนลื่น คุ อีกเลย”
คำถามเช่นเดียวกัน เว้าแม่ตอบท่านใจความว่า
เสื่อมเสียไปคนอย่างนี้ดิฉันชอบ ดิฉันอดใจอยู่ในเขาทีเดียว”
kalyanamitra.org
๑๓
หลุมอุจจาระก็ปานกัน”
เจาแม่ศร"
“เกล้ากระหม่อมฉันได้ลด้บนิยายเรื่องนื้ แล้วกำหนดไว้เป็นข้อสำหรับประพฤติตน เว้นการ
ที่เจ้าแม่กาลีทรงโปรดปรานปฏิบัติแด่การที่เจ้าแม่ศรีทรงโปรดตามสติกำลัง และยังได้ใช้เป็นหลักในการ
เฟ์นบุคคลได้ดีอีกด้วย เกล้ากระหม่อมได้พบท่านมโหสถบัณฑิตในลักษณะที่ปราศจากหลักแหล่งจริง อุ
แต่มิได้เป็นผู้ปราศจากหลักฐานเลย ท่านเป็นผู้ที่เจ้าแม่ศรีทรงโปรดปรานยิงนักทีเดียว คุณสมบัติต่าง อุ
อาจมีแก่เกล้ากระหม่อมฉันด้วยเถิดเพคะ”
“ไม่มีความผิดพลาดอันใดที่ฟ้องจะต้องขออภัยพี่เลย เรื่องราวของนัองจ้บใจพิ่เหลือเกิน แต่...”
kalyanamitra.org
0 ธใ®
ที่เป็นอยู่ทั้งตายไปแล้ว ”
ด้วยอำนาจพระปีติทีบังเกิดขนในพระมนัสอย่างต้นเปียม พระนางทรงโถมพระวรกายเข้าสวม
กอดนางอย่างแน่น ประหนึ่งว่าจะทรงผนึกร่างของอมราเข้าเป็นเนอเดียวกับพระวรกายของพระนาง พระ
โอษฐ์เปล่งพระดำรัสอันประกาศพระหทัยที่สุดแสนจะทรงซิ่นบาน “พ่อมโหสถของพี่มีบุญมาก น้อง
พระนางเสด็จขื้นลู่พระมหาปราสาทที่ประทับของสวามีเข้าเฝ็าในเวลากำลังทรงพระลำวิฯญ
กระหม่อมเพคะ มโหสถพากุมารีที่เขาเลือกเป็นคู่ครองมาแล้วละเพคะ"
“สวยไหม” ตรัสถามตามพระอัธยาศัย
“คงไม่มากเหมือนน้องหญิงของฉันดอกนะจ๊ะ”
“เป็นพระกรุณาธีคุณลันเกล้าลันกระหม่อม ที่เกล้ากระหม่อมยังคงได้พังกระแสเช่นนึ่ แต่
กระหม่อมคงจะคลายพระกรุณาธิคุณสักวันหนึ่งเป็นแน่เพคะ”
สถานใด”
“น้องหญิงเห็นควรอย่างไรเล่าจ๊ะ” ตรัสหารือ
“สุดแต่จะทรงพระกรุณาเถิดเพคะ”
“จัดอย่างสะใภ้หลวงนะซ็จ๊ะ” ทรงมีพระกระแสด้วยพระมนัสซิ่นบาน พลางมีพระดำรัสสั่ง
มหาดเล็กให้ไปสั่งเจ้าหนัาที่พนักงานเตรียมพิธีอาวาหมงคลตามแบบอย่างสะใภ้หลวง แล้วมีพระดำรัส
kalyanamitra.org
๑ธา๒
หนุ่ม 1 ก็กล่าวเกรินกัน
“ไปดูคู่บุญท่านบัณฑิตกันเถิด สหายเอ๋ย ท่านบัณฑิตเลือกเฟ์นแล้วจะเป็นอย่างไร” บรรดา
และแล้วในดอนบ่ายนั้นเอง ก่อนขบวนจะออกจากพระราชวังสองข้างถนนจากพระราชวังไป
ทุกคนก็สำเร็จดังหวัง
“ขบวนแห่งผู้เป็นคู่ครองของพ่อมโหสถ ออกจากพระราชวังมาแล้ว” เลียงตะโกนบอกกันต่อ รุ
ไป จนได้ยินกันทั่วไปเวลาไม่ซัา
“มาโน่นแล้ว” เลียงบอกกันเมื่อขบวนแห่เข้าสู่ทัศนวิถี “ใกล้เข้ามาแล้วละ นางนั่งมาในวอใหญ่”
“วออย่างนึ่ด้องเป็นสะใภ้หลวงจึงจะได้รับพระราชทาน” เลียงหนึ่งกล่าวแสดงว่าเป็นคนมี
ความรู้
“งั้นหรือ” เลียงสนองของผู้ไม่รู้ “เป็นเกียรติแก่พ่อมโหสถอย่างสง นึ่มิทรงคิดว่าพ่อมโหสถ
เป็นพระราชโอรสละหรีอ จึงทรงพระมหากรุณาถึงเพียงนึ่ ”
“แน่นอนละ” เลียงยืนยัน “ทรงโปรดปรานมโหสถยิ่ง และยิ่งกว่านั้น พวกเราด้องไม่ลืมพระนาง
มาด้วยความรักนับถีออันจริงใจ จวบจนขบวนแห่ของนางอมราผ่านพ้นไปจนถึงบ้านของท่านมโหสถ
บัณฑิต ซ็งได้รับการด้อนรับอันสมควรแก่เกียรติที่ทรงมหากรุณาประทานทุกอย่าง
ก็แต่คณะอาจารย์ทั้ง ๔ เท่านั้น
kalyanamitra.org
๑ธา๓
นางอมราได้รับเกียรติสูงเกินกว่านางคาดคิดไว้และโดยตำแหน่งแห่งสามี นางได้รับเฉลิมนาม
ทั้งได้รักษาประเพณีดันเป็นบทบัญญ้ติแห่งอารยชนไว้ ในเรื่องทรัพย์สิ่งของที่ได้รับในวันมงคลของนาง
มิให์พลาด คือได้แบ่งออกเป็นสองส่วน คือส่งคืนไปส่วนหนึ่ง รับไว้ส่วนหนึ่ง แม้พระราชทรัพย์ที่ทรง
เล่าก็ได้รับความสงเคราะห์จากบรรณาการของนาง โดยวิธีดันชอบเหมือนหนึ่งว่านางกอบกำนํ้าใจของ
ชาวเมืองไว้แต่ครั้งแรกทีเดียว
อัครฐานสืบมา
kalyanamitra.org
๑๘. ส์บณฑิตคิดทำลาย
ไม่ใช่หรือ”
ไม่น้อยทีเดียว ท่านอาจารย์ไม่ได้ใปดูกับเขาด้วยดอกหรือ"
kalyanamitra.org
๑๓๕
เท่านั้นในวันนั้นไม่มีเสียงอื่น') อีกเลย”
"สวยงามนักไม่ใช่หรือ” ปุกกุสะซัก
“เห็นไม่ถนัด บอกไม่ได้ว่าสวยหรือไม่สวย”
“นั้นก็นับว่าพลาดจากสิ่งที่เป็นมงคลแก่นัยน์ตาไป” ปุกกุสะเริมจะรำพัน
บอกยากจะเป็นอัปมงคลไปได้อย่างไร”
“นัยน์ตามันก็เห็นแต่สวยแต่งามเท่านั้น จะไห้มันล่วงรู้เช้าไปในความสวยได้อย่างไรเล่าครับ
ท่านอาจารย์” ปุกกุสะโด้ไว้เซิง “เรื่องที่แฝงอยู่เบื้องหลังความสวยนั้น มิใช่หนัาที่ของนัยน์ตาจะเห็นได้
นึ่ครับ”
กรัาว
“ไม่ทราบครับ ท่านอาจารย์”
“นั่นแหละ คือสิ่งที่จะบันดาลอัปมงคลให้แก่พวกเราละจะบอกให้” ท่านเสนกกล่าวเน้นหนักแน่น
“อะไรครับ ท่านอาจารย์”
“ความฉลาดน่ะซี” ท่านเสนกตอบ “คุณไม่รู้ดอกหรือเขากล่าวขวัญกันออกอึงไปว่า นางฉลาด
ปราดเปรียวกว่ามโหสถเสียอีก”
“จะเป็นคำกล่าวขวัญที่ไม่มีข้อเท็จจริงรับรองละกระมังครับ” ปุกกุสะถามด้วยความฉงน “ความ
kalyanamitra.org
๑๓๖
เป็นเข่นน คุณปุกกุค:;น่าง:;น!)นไดดน่น)"
“แล้วจะเป็นภัยแก่เราได้อย่างไรเล่า ผมมองไม่เห็นทางเลย ปุกกุสะยังไม่ลดราวาศอก”
“ความฉลาดของหญิงย่อมเป็นภัยแก่ชายได้เสมอ โดยเฉพาะความฉลาดของนางอมราผู้เป็น
วันแรกที่นางเหยียบย่างเข้าสู,เรือนของมโหสถเท่านั้น นางได้เรียกร้องนํ้าใจของชาวมิถิลาไปรวมไว้ที่คัวนาง
พวกเราจะไปต่างอะไรกันกับธุลีที่เอาไปเปรียบกับเขา และใครเลยจะเห็นความสำคัญของพวกเราดังแต่ก่อน
ในเวลาฝันเท่านั้น”
ปราดเปรื่องของภรรยาสามารถใข้ความฉลาดของมโหสถเป็น่เครื่องมีอฟาดพ้นพวกเราให้ยิงลดค่าลงจน
หมดค่า มิวันใดก็วันหนึ่ง แม้จะไม่เป็นเช่นนั้นพวกเราก็ด้องหมดค่าลงไปเอง”
“เวลานึ่พวกเราหากจะเปรียบกับบรรดาสิงที่มีแสง ก็เป็นเพียงดวงดาวในคราวดวงอาทิตย์ลับ
แสงดาวก็หมดค่าไป”
“ความคิดของผมก็คงเป็นแต่ความคิดเท่านั้น ที่จะแปรรูปความคิดให้เป็นการกระทำเท่านั้น
kalyanamitra.org
๑๓๗
ไปดามกระแสกรรมอย่างปุกกุสะบ้าง”
“การที่ผมจะว่าอย่างไรนั้นก็จำด้องรู้ว่าอย่างไรที่ดนควรว่า” กามินท้เอ่ยอย่างกำกวม “เมื่อไม่รู้
ว่าอย่างที่ตนควรจะว่าก็คือไม่ว่าอย่างไร ”
ปุกกุสะเห็นท่าทางของเสนกตกอยู่ในอารมณ์ขุ่นก็เอ่ยร้นว่า “การที่ท่านอาจารย์กล่าวมาทั้งหมด
นั้น มิใช่ผมจะไม่คิดเห็นเป็นสำคัญ ความจริงเป็นข้อที่สำคัญมาก และควรที่จะกำหนดทีเดียว เพราะ
จะป้องกันพวกเราก็ไม่สามารถจะมาคิดแก้นั้นจะเอาบัญญาที่ไหนมาคิด เรื่องแก้ยากกว่าเรื่องกันเป็นไหน กุ
ในค่าของตน”
“พูกกันอย่างนึ่บ้าง ก็จะค่อยยังชี่'ว นึ่อะไรจะปล่อยให้เราคิดเพ้อไปผู้เดียวด้งว่าจะไม่เห็นความ
แล้วค่อยคิดแก้ไขในภายหลัง ก็เป็นอย่างในกรณีของมโหสถนึ่ผมเห็นลู่ทางบ้างแล้วละ”
เดียวกัน “พวกผมไม่อาจคิดอะไรได้ดอกครับ”
“พวกคุณอย่าไปคิดเลย ผมคิดแล้วละ เห็นอุบายอยู่อย่างหนึ่ง แต่ต้องอาศัยความร่วมมือของ
หรือครับ”
kalyanamitra.org
(ธ) 0า 6*
หากเขาคิดจริง คุ คุณก็คงเห็นว่าทำได้จริงไหมล่ะ”
“เห็นจะได้จริง” กามินท้รับรอง
เป็นธรรมดาของพระราชาที่จะไม่ทรงไว้วางพระราชหฤทัยในใคร คุ ก็ยังเป็นการยากที่กราบทูลยุยงให้ทรง
แหนงได้”
“ทำไมล่ะ” ท่านเสนกซัก
เสียงเย้ยหยัน
“ก็จะใหัเข้าไปใจอย่างไร ในเมื่ออธิบายอย่างนั้น” ปุกกุสะโด้ “เพียงเท่าที่อธิบายมันยังไม่มี
เหตุพอที่จะให็ใคร คุ สันนิษฐานได้ว่ามโหสถจะคิดภารใหญ่”
อย่างนั้น คุณปุกกุสะจะเห็นว่าพอหรือยัง”
แมัจะได้ทรัพย์สินจ้างมากมายก็คงไม่มีผู้ปรารถนาเป็นแน่.... ”
เพื่อหาวัตถุพยานสร้างเหตุการณ์ และวัตถุอ้นนั้นจะบอกซัดในเรื่องราวที่เราจะเอ่ยขื้นอย่ๅงเด่นซัด”
kalyanamitra.org
(ธิ)
มานานแล้ว ยังไม่ได้ความเลย
“วัตถุที่จะบอกให้รู้ว่ามโหสถด้องการเป็นกษัตริย์น่ะซี” ท่านเสนกตอบ
“เราจะได้จากไหน” ทั้งสามถามร้นพร้อมกัน
“มีที่ไหนก็ได้จากนั้น” ท่านเสนกตอบ และเมื่อเห็นทั้งสามคนยังมีอาการฉงนจึงแถลงต่อไปว่า
“พวกเราร่วมมือกันขโมยจากที่เก็บเครื่องราชปิลันธนาภวิณ์คนละอย่างเท่านั้นก็พอถมไป”
จะไม่ได้ทีเดียวหรือ”
“แล้วท่านอาจารย์เล่า” ปุกกุสะถาม
“ผมหรือ พระจุฬามณีซีคุณ” ท่านเสนกตอบทันที “เป็นไปตามลำดับวัยลำดับชั้น ผมสูง
กว่าคุณลักเครื่องประดับตัว คุณก็รองลงมาลักเครื่องประดับหู กามินท้กัดคุณลักเครื่องประดับกาย เทวีนท้
ทำได้หรือไม่”
“ทำไมจะไม่ได้ท่านอาจารย์” รับรองกันเต็มที่ทั้งลามคน ปุกกุละเอ่ยต่อไป “ได้มาแล้วจะ
ทำอย่างไรต่อไปเล่า”
“พุทโธ่ เท่านึ่ก็ต้องซักด้วย ท่านเสนกกล่าวพลางกระซิบบอกอุบายให้ทุก ๆ คนเช้าใจ เสร็จ
อุบายของผม”
“ดีแน่ครับ ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง” ทั้งสามรับเป็นเลียงเดียวกัน”
เมื่อสนทนาปราศรัยกันอย่างชิ้นชมต่อไป แล้วทั้งสามบัณฑิตก็ลากลับ
kalyanamitra.org
๑๔๐
แม่ค้าแวะเข้ามาทันที “คุณหญิงจะชื้อหรือคะ”
เวลาที่แม่ค้าเปรียงกระเดียดหม้อเปรียงมาวางตรงหน้า
ถามเธอลักหน่อยด้วยความรู้สึกเห็นใจในความเหนื่อยยากตรากตรำทำมาหาเลํ่ยงตนด้วยการค้าขายเช่นนี้
ช่างเป็นที่น่านิยมจริง ตุ เธอทำการค้ามานานแล้วหรือจ๊ะ”
ท่านราชบัณฑิตเสนกอย่างไรเล่าเจ้าคะ”
“อัอ เห็นจะอยู่กับท่านเสนกมานานแล้วนะจ๊ะ”
"นานแล้วเจ้าค่ะ” ตอบพลางเยินยอนายของตน “ท่านดีจะตายไปเจ้าค่ะ ใจคอดั๊ดี แล้วก็ฉลาด
ปราดเปรื่องมากทีเดียวเจ้าค่ะ”
“เธอเห็นจะเป็นคนที1เคยรับใช้ใกล้ชิดของท่านซ็นะจ๊ะ”
เกิน”
“ดิฉันชื้อ ธนปาล เจ้าค่ะ” ตอบตามตรง
“ชื้อของเธอ ธนปาลีนี้ ไม่น่าจะเป็นคนใช้เลยนะจ๊ะ ” แสดงท่าฉงน “แตกจะทำอย่างไรได้
kalyanamitra.org
๑๔®
ภายหลังเกิดวิบัติทรัพย์สินย่อยยับลง จึงด้องตกไปเป็นคนไข้ท่านเจ้าค่ะ”
ในความตกยากของเธอ”
ให้ราคาก็ได้เจ้าค่ะ เชิญรับไว้ทั้งหม้อก็แลัวกัน”
เถิดจะ”
“ดิฉันไม่รับดอกเจ้าค่ะ” นางกล่าวเพราะท่านเสนกสั่งมา “เชิญคุณหญิงรับไว้ทั้งหม้อก็แลัว
กันเจ้าค่ะ ดิฉันมอบให้หมดเจ้าค่ะ”
เป็นแน่”
พอแม่ค้าเปรียงใปแล้ว อมราเทวีก็บันทึกเหตุการณ์ไว้อย่างละเอียดลออ “วันนี่ เดึอนนี่ เวลา
มูลค่าตอบแทนเช่นเดียวกัน อมราเทวีคงคำเนินการเช่นรายก่อน
พอแม่ค้าดอกไม้ไปแลัวไม่ซัาก็มีแม่ค้าขายผักหิ้วกระเข้าผักมาขาย แม่ค้าผู้นี่มาจากม้านอาจารย์
ทุก กุ ราย
“ท่านเจ้าคะ” อมราเทวีเสนอแต่ท่านมโหสถ ขณะที่กำลังสำราญในตอนเย็นวันนั้น “วันนี่
kalyanamitra.org
๑๔๒
มีเรืองบระหลาดเจ้าค่ะ ดิฉันจะขอเล่าให้ทราบไว้”
“เรื่องอะไรจ๊ะเทวีของฉัน” ท่านซักด้วยความสนใจ “เชิญเล่าเถิดจ้ะฉันจะขอพ้ง”
“มีแม่ด้านำของมาขายให้ ๔ ราย” อมราเทวีเริ่ม แล้วเล่าให้ทราบตลอดพร้อมกับนำบันทึก
ให้ดูด้วย แล้วกล่าวเป็นเซิงวิตก “ดิฉันไม่ทราบว่าอะไรเกิดขื้นเจ้าค่ะ”
ตามเด้ามูล “และเกรงว่าจะเป็นความเดือดร้อนแก่เราด้วยชีเจ้าคะ”
“ความเดือดร้อนไม่มีแก่ผู้สุจริต” ท่านมโหสกกล่าวหนักแน่น “ผู้สุจริตย่อมอยู่ในที่เย็นเสมอ
ดือเมื่อคำนึงถึงความสุจริตของตนแล้วก็เย็นใจชินใจ นั่นเป็นผลดันเพียงพอแล้วสำหรับผู้สุจริต เทวีอย่า
กังวลไปเลย”
อาจารย์ทั้งสี'ใช้อุบายนำเครื่องราชูปโภคทั้ง ๔ อย่างเช้าไปไว้ในบัานท่านมโหสกได้แล้ว ต่าง
ก็มีความยินดี “เห็นจะอยู่ละคราวนึ่ อย่างน้อยก็คงไม่ได้ปรากฏอยู่ในราชสำนักแหละน่า” ท่านเลนกกล่าว
ได้เสด็จออกภายหลังจากที่คณะอาจารย์ทั้ง ๔ เข้ามาประจำไม่ช้านัก
แล้วพระพุทธเจ้าข้า”
“อะไรเล่า ท่านอาจารย์” มีพระดำรัสกาม
ท่านเลนกกราบทูลเสียงกังวาน “คือพระจุฬามณีลันประดับด้วยอนรรฆมณีพระเจ้าข้า”
“ท่านอาจารย์ไปหยิบมาให้ฉันซี ฉันจะได้ประดับ” มีพระราชดำรัสผสมรอย
ท่านเสนกชวนพรรคพวกพากันเดินเข้าไปในห้องเก็บเครื่องราชูปโภค ทำเป็นด้นหาอยู่ครู่หนึ่ง
พระจุฬามณีไม่พบ หายไปจากที่เก็บพระพุทธเจ้าข้า”
ด้วยทรงสงสัย “ใครเป็นคนเอาไปนะ”
kalyanamitra.org
๑๔๓
“มิใช่แต่พระจุฬามณีอย่างเดียวพระพุทธเจ้าข้า” ท่านเสนกกราบทูลเป็นเชิงนำ
“อะไรหายไปอีกล่ะ” ตรัสซักโดยเร็ว
“พระสุวรรณมาลา พระภูษากัมพล และฉลองพระบาททอง ก็หายไปพระพุทธเจ้าข้า”
“เกิดโจรร้นในราชวังของฉันเจียวหรือนี่” ตรัสด้วยพระสุรเสียงเกร้ยวกราด “มันผู้ใดเล่าเป็น
กราบทูลให้'ทรงประดับพระจุฬามณีนั้นมีเหตุอยู่พระพุทธเจ้าช้า”
จึงได้กราบทูลพระกรุณาเพื่อได้โปรดรับสั่งให้ข้าพระพุทธเจ้าได้เข้าไปเชิญพระจุฬามณีพระพุทธเจ้าข้า ”
มันเถิด”
แต่ท่านมโหสถได้ทราบพระราชดำรัสก่อนหน้าที่คณะอาจารย์จะออกจากพระราชวัง เพราะ
รีบแปลงตน นุ่งห่มอย่างสามัญออกจากบ้านไปทันที
ข่าวการหนีของท่านมโหสถแพร่ไปโดยรวดเร็วไม่ข้าเลย และก่อนที่คณะอาจารย์ทั้ง ๔ จะไป
ถึงบ้านท่านด้วยชํ้า ข่าวการหน็ก็รู้ไปทั่วมีถิลานคร เสียงโจษจันอึงคะนึงไปทุกหนแห่ง “ท่านมโหลถบ้ณ•ทิต
kalyanamitra.org
6)ธ',(1เ’
กันไปเที่ยวปลอบนี่าใจประชาชน เพื่อระงับการโกลาหลที่เกิดชื้นตามชุมนุมนั้น *1
ความเลื่อมเสียแก่พวกท่าน และพรอมกันนั้นก็จะพยายามทำนุบำรุงพวกท่านใหใด้รับความเจริญรุ่งเรือง”
“นี่แน่ะ พี่น้องทั้งหลาย พวกเราทั้ง ๔ เคยเป็นที่เชิอถึอของพวกท่านมาแต่เก่าก่อนมิใช่หรือ?
จะไม่มีแววแพรวพราย ก็พอดูแก้รำคาญได้ในบางครั้ง”
เมื่อเห็นประชาชนสงบเสียงลงแล้ว ต่างคนก็พาก้นกลับเคหาสน์ของตน กุ ด้วยความกระหยิ่ม
อิ่มใจ ซึงแยกได้เป็น ๒ สถาน สถาน ๑ นั้นคือ อิ่มใจในการคัดมโหสถออกไปได้สำเร็จ ซึงเป็นที่รักัน
นี่คือต่างคนคิดจะ เท้ายกรำ"
kalyanamitra.org
๑๙. สี่บณฑิตส์ปยศ
คณะอาจารย์ทั้งสี่เที่ยวปลุกปลอบประชาชนจนหายความโกลาหลแลัว ต่างแยกย้ายกันกลับไป
ยังเคหาสนํของตน *1 พร้อมด้วยความคิดคำนึงซึ่งจะบอกให้กันรู้ไม่ได้เป็นอันขาด ด่างคนต่างกริ่มใจมิใช่
ต่างคนต่างดำริโดยไม่บอกให้กันร้เลย
ท่านเสนกกลับถึงเคหาสน์ ก็เริ่มดำริวางแผนการที่จะเข้าครองตำแหน่งในบ้านของท่านมโหลถ
“อัาแม่วิมลโฉม อมราสุรางคศรื
โฉมเพียงพระเทวี พระศุลีอุมาสมร”
kalyanamitra.org
๑๔๖
ก็คงโคจรไปตามปกติ
คุณนายของแกทีเถอะว่าอาจารย์เสนกมาแล้ว”
นายคนนั้นของท่านเสนก มองหน้าท่านเสนกด้วยแววตาที่แฝงความเย้ยไว้ภายใน แต่ท่านเลนก
กลับออกมาบอกแก่ท่านเสนกว่า “คุณนายให้เชิญท่านไปพบได้”
ดีใจนัก เดินอย่างสง่าผ่าเผยเข้าไปหาอมราเทวี ณ ที่ที่จัดไว้ด้อนรับ เมื่อได้เห็นรูปร่างอ้นงดงาม
เปล่งปลั่งแล้วก็เลยตะลึง อาการที่องอาจก็หายไป กลับมีอาการประหม่าเข้ามาแทน ไม่รู้จะพูดกับนาง
ให้เกียรติรับเป็นเพื่อน” กว่าจะหลุดออกมาได้ก็ด้องบ้งดับปากเสียยำแย่
kalyanamitra.org
๏๔๗
ได้รบมาแล้ว หรือจะได้รับต่อไปข้างหน้าก็เห็นว่าจะไม่เกินกว่าเกียรติที่ได้รับครั้งน”
ว่า....” ทิ้งท้ายอย่างเป็นบ้ญหาให้ถาม
“อะไรคะ” ซักท้นที
“ง่วงจ้ะ” ตอบเร็วเหมือนกัน
“อุ๊ย ตายจริง” แกล้งอุทาน “นอนมาตั้งนานแล้วยังจะง่วงอยู่อีก พอมาถึงก็จะนอนทีเดียวหรือคะ”
“เรื่องนอนเป็นเรื่องสำคัญในขีวิตของคน” ซักค่อยกล้าขนเริมแสดงภูมิ
“สำคัญอย่างไรคะ” แกล้งซักไปตามเรื่อง
ต่อไป
เจ้าคะ
kalyanamitra.org
๑๔๖
ก็คงโคจรไปตามปกติ
คุณนายของแกทีเถอะว่าอาจารย์เสนกมาแล้ว”
นายคนนั้นของท่านเสนก มองหนัาท่านเสนกด้วยแววตาที่แฝงความเย้ยไว้ภายใน แต่ท่านเสนก
กลับออกมาบอกแก่ท่านเสนกว่า “คุณนายให้เชิญท่านไปพบได้”
ดีใจนัก เดินอย่างสง่าผ่าเผยเช้าไปหาอมราเทวี ณ ที่ที่ชัดไว้ต้อนรับ เมื่อได้เห็นรูปร่างอ้นงดงาม
ให้เกียรติรับเป็นเพื่อน” กว่าจะหลุดออกมาได้ก็ต้องบังคับปากเสียยํ่าแย่
kalyanamitra.org
๑๔๗
ได้รับมาแล้ว หรือจะได้รับต่อไปช้างหน้าก็เห็นว่าจะไม่เกินกว่าเกียรติที่ได้รับครั้งน’'
ว่า....” ทั้งท้ายอย่างเป็นบ้ญหาให้ถาม
“อะไรคะ” ซักทันที
“ง่วงจ้ะ” ตอบเร็วเหมือนกัน
“อุ๊ย ตายจริง” แกล้งอุทาน “นอนมาตั้งนานแล้วยังจะง่วงอยู่อีก พอมาถึงก็จะนอนทีเดียวหรือคะ”
“เรื่องนอนเป็นเรื่องสำคัญใน'ชีวิตของคน” ชักค่อยกล้าขื้นเริ่มแสดงภูมิ
“สำคัญอย่างไรคะ” แกล้งซักไปตามเรื่อง
ต่อไป
เจ้าคะ”
kalyanamitra.org
๑๔๘
คุณนาย”
“คุ่มนํ้าตั้งอยู่ตรงนั้นแล้วเจ้าค่ะ” พูดแล้วซ็ไปที่คุ่มนํ้าที่ตั้งอยู่ “เชิญท่านเดีนไปบนแผ่นกระคาน
นี่แหละเจ้าค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะช่วยรดไห้”
ที่จะได้รับจากอมราเทวี
ปล่อยให้กระดานกระดก ท่านเสนกก็พลัดลงหลุมไป
เสียงหัวเราะได้กังวานชินจากบุคคลในบ้านที่คอยแอบดูผลสำเร็จที่ได้มีส ,วนร่วมมือ อมราเทวี
“นั่นผีหรือคน”
อย่างไรก้นดีครับ ท่านอาจารย์ของผม"
“เอาอะไรไปแก้ล่ะ” ท่านเสนกว่า “และมีทางเดียวยึนแช่มันไป จนกว่าเขาจะรับขื้นไป”
“ล้ามันถึงทนไม่ไหวแน่ครับ” กามินท้อุทธรณ์ “ผมได้นัดหมายในเวลาอันเป็นภาคที' 0) แห่ง
kalyanamitra.org
๑๔๙
“จะมาบ่นหาอะไรกันเล่า” ท่านเสนกดุ
“โธ่ครับ ท่านอาจารย์ของผม” กามินท์ออด “อย่าเพิ่งดุข็ครับ ผมอุตส่าห์ลงมาร่วมทุกข์ร่วม
บอกกันล่ะ”
“ก็ท่านอาจารย์ล่ะ ทำไมไม่บอกให้ผมรู้ ผมจะได้ใม่ด้องมาตกเป็นเพีอนของท่าน ล้าผมรู้ว่า
ท่านจะมาหานาง ผมก็คงไม่ปรารกนา นี่ผมไม่รู้ ท่านไม่บอกผม การไม่บอกของท่านเป็นการเลียหายแก่
ผมถึงเพียงนี่ โปรดคิดบ้างเถิดขอรับ”
“คนน่ะใคร” ยํ้าถาม
มาร่วมทุกข์ร่วมยากกันนะพรรคพวก”
“อย่าหยุกหยิกไปชี” เสียงท่านเสนกเอ็ดขน “หัวคุณมาโดนหัวผมนี่นา”
เบียดกันยืนอยู่ จึงอดที่จะกระทบกันไม่ได้
ช่วยกันให้รอดไปได้หรือขอรับ”
“จะได้อย่างไร บ้านช่องของเขาแข็งแรง ผู้คนเฝ็ารักษาก็มีมาก ขืนยุ่มย่ามขื้นไป ก็จะเจ็บตัว"
kalyanamitra.org
๑๕๐
ราตรีกาลที่ผ่านมาในซีวิดไม่มีราตรีไหนจะยืดยาวเท่าราตรีนิ้เลย”
เผชิญหน้าก็หมายถึงจะด้องได้รับความอายก่อน หากจะมีการดูหมิ่นเยัยหยันชันใดเกิดร้นก็ด้องประสบก่อน
ทุกอย่าง ความเป็นคนแรกในฐานะอย่างนิ้ไม่มีผู้ปรารถนา
“ร้นไปก่อนซิ” ท่านเสนกเกี่ยงอีกสามอาจารย์
หัวแม่มีอด้องจดถ้อยก่อนเป็นธรรมเนียม หัวแม่มือนับตนเองเป็นสุดท้าย”
“ทำไมล่าข้านักเล่า” เสียงตะโกนลงมา “จะทนแช่ไปอีกหรือ” แล้วก็มีเสียงหัวเราะอย่างชบข้น
ประสานแซ,ตามลงมาด้วย
“ท่านอาจารย์ร้นไปก่อน” ทั้งสามหนุน และไม่ยอมพ้งคำด้านใด กุ “ผมมากคนกว่านะจะบอก
ให้”
โดนเข้าท่านิ้ ท่านเสนกยอมจำนน เกาะเชือกแล้วก็ถูกดาวร้นมาก่อนเพื่อน แล้วก็เรียงกันเป็น
ลำดับร้นมา จนครบคณะ เมื่อสาวร้นมาครบแล้''ก็ได้รับการชำระล้างอย่างหมดจด จนเกินด้องการชอง
จะเรียกว่าถูกโกน
ชั้นที่ ๒ ถูกข้ดตลอดร่างด้วยแผ่นอิฐ เพื่อความบริสุทธํ่แห่งผิว ชัดถูกันถึงเลือดออกทีเดียว
บดจนละเอียดยิบ ใส่ถาดไวักวนเข้ากับข้าวด้มข้น กุ
ชั้นที่ ๔ เอาปุยนุ่นโรยทั้งร่างตั้งแต่หัวถึงเท้า มองดูชาวโพลนไปทั้งตัว
kalyanamitra.org
ต (^®
หากท่านผู้เป็นหลักมารวนเรเหลวไหลเสียเช่นนี่ ประชาชนชาวแคว้นจะได้แบบฉบับที่ดีที่ชอบจากผู้ใดเล่า
มิเท่ากับบัานเมืองปราศจากหลักคํ้าชู นับวันจะล่มจมไปเช่นนั้นหรือ”
อีกสถาน ๑ คือพวกท่านพยายามจะคบหากับภรรยาของคนอื่นด้งที่ท่านกระทำแก่ดิฉันปรากฏผลอยู่ ณ
เป็นไปเช่นนั้น
อมราเทวีกล่าวเสรีจก็ให้อาจารย์ทั้ง ๔ นอนลงในกระชุเสื่อลำแพนแล้วให้ปิดเลียมิดชิด มัด
พระกรุณาธิคุณเป็นที่ลันพ้น ขอเชิญใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงพระกรุณาโปรดรับเครื่องบรรณาการ
ของพระเจ้าวิเทหราช
“แม่อมรา เครื่องบรรณาการอะไรของเจ้าล่ะ” ตรัสด้วยทรงเช้าพระทัยว่าอมราเทวีคงจะขอ
เจ้าจงแกัดูชิ”
kalyanamitra.org
๑๕๒
ชำแรกลงไปเสียให้พ้น
พระเจ้าวิเทหราชทอดพระเนตรเห็นเครื่องบรรณาการของอมราเทวีเป็น ๔ อาจารย์ และมี
อาการวิปริตไปด้งนั้น ทรงนิ่งอื้งด้วยมิทรงทราบด้นสายปลายเหตุ มีพระอาการตะลึงประทับดุษณียภาพ
อ ยู่
ำยมหาชนที่พากันเข้าเฝ็าแน่นขนัด เห็นอาจารย์เหล่านั้น่พากันพูดว่า “พวกเราเอ๋ย สิ่งที่ไม่
สุดที่จะกลั้นความข้นไว้ได้ แม้'จะอยู่ในที่เฝืา
ท่าก็ด้องก้มหน้าทนไป
ต่อจากนั้น อมราเทวี ก็ให้คนเชิญเครื่องราชูปโภคทั้ง ๔ อย่างทูลเกล้าๆ ถวายคืนแด่พระเจ้า
สอดส่องมองดูสิ่งใด *1 ความเดือดร้อนของผู้เคยมีดวงตาอันกระจ่างมาแด่เดิมแล้วมามีดมัวไปเสียเป็น
เทวดา เพราะฉะนั้นก็ด้องเทวดาเท่านั้นที่จะแท้ไขความเดือดร้อนของมิถิลานคร
เทวดาที่จะแท้ไขให้ท่านมโหสถกลับคืนมานั้นมิใช่เทวดาบนสรวงสวรรค์ชันพำ เป็นเทวดา
ผู้ใกล้ชิดและสิงสลิด ณ กำพูฉัดวของพระเจ้าวิเทหราชนั้นเอง เคยพํงธรรมของท่านเสมอมา บัดนั้ใม่ได้
แก่พระเจ้าวิเทหราชและแก่ชาวมิลิลานคร
ราดรีกาลผ่านไปสองระยะยาม สมเด็จพระเจ้าวิเทหราชเสด็จเข้าสู่ที่พระบรรทม กำลังระจับ
พระหท้ยเพึ่อทรงเสวยความสุขในนิทรารมณ์ แด่พระองค์ตองทรงตระหนกพระท้ยเป็นอย่างยิ่ง เพราะ
kalyanamitra.org
ร)๕๔
เผยพักตร์ปริมณฑลออกจากชันเศวตฉัตรอย่างถนัดและซัดเจน
“ท่านเป็นใคร” พระสุรเสียงของพระเจ้าวิเทหราชปรากฏดังกังวานร้น “เราจะทราบได่ไฉน
ว่าท่านประสงค์อะไร” พระดำริ-สทั้งนึ่มีกระแสสั่นด้วยอำนาจทรงหวาดหวั่น
สั่งใดจึงสำแดงกายให้ปรากฏแก่ข้าพเจ้า”
ทราบ”
“อ้า ผู้ดำรงในแดนทิพย์ ปัญหาของท่านคืออย่างไรเชิญแถลง”
“ได้ซีมหาราช” ก่อนแถลงนั้ใด้ยาว่า “ท่านคงแก่ไขแก่ข้าพเจ้าได้ในเวลาราตรีนึ่”
ก็จะตอษให้ท่านทราบทันหึ”
เทวดากล่าวป้ญหา
“จอมราช ผู้ใดเล่าประหารท่านด้วยมือด้วยเท้า ชกเอา ต่อยเอา ถีบเอา เตะเอา บางคราวก็
ตบเอา ผู้นั้นแลเป็นที่รัก พระองค์ท่านเห็นใครเป็นที่รักของบุคคลด้วยเหตุนั้น นึ่เปันป็ญหาข้อแรก ข้าพเจ้า
ขอลามพระองค์ท่าน”
“บุคคลด่าผู้ใดดามชอบใจ แต่ใม่ปรารถนาที่จะให้ผู้ถูกด่าแช่งประสบผลรัายตามคำด่าแช่ง ไม่
ทวงเห็นใครเป็นอย่างนั้น นึ่เป็นปัญหาที่สอง”
kalyanamitra.org
๑๕๕
ข้าพเจ้าสนองแล้วโดยธรรม ต่อไปนึ่เปันวาระที่พระองค์ท่านจะพึงสนองความประสงค์ของข้าพเจ้าบ้าง
ละ คือขอพระองค์ท่านทรงวินิจฉัยบัญหาที่ข้าพเจ้าถามบัดนึ”่
ขณะที่เทวดากล่าวข้อบ้ญหามาตามลำดับนั้น พระเจ้าวิเทหราชก็ทวงพระดำริตริตรองมาโดย
แล้วเทวดาก็อันตรธานหายวับไป พร้อมกับแสงอันพรายแพรว
ราตรีนั้น แม้ว่าจะเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย แต่ด้วยพระหทัยที่ทรงคอยที่จะได้ทอดพระเนตรเห็น
แสงอาทิตย์โดยเร็วของพระเจ้าวิเทหราช ดูเหมือนเป็นสีงที่มีพละอันยิ่งยงยึดหน่วงราตรีกาลระยะสั้นนั้น
ไว้ให้ยืดยาวไป ประหนึ่งว่าลอยคืนไปสู่เมื่อสนธยายํ่าอันเป็นระยะแรกแห่งราตรีกาล ลัอยคำที่กล่าวเชิญ
ให้บรรทมของเทวดานั้นไร้ความหมายสำหรับพระเจ้าวิเทหราชเสียทีเดียว พระองค์มิทรงสามารถจะระวับ
พระทัยสู่นิทรารมณ์ได้แม้เพียงแต่จะทรงบังคับขอบพระเนตรให้บรรจบกัน ก็มิทรงสามารถจะกระท่า
ได้เลียแล้ว พระหทัยของพระองค์ทรงมีแต่เรียกดวงอาทิตย์ให้อุทัย และบัญหาต่าง *1 ที่เทวดาลามสลับ
กับคณะเข้าเฝืาบัดนึ่ ด่วนที่สุด”
จะได้มาเฝ็าก็มิได้ถวายความสำราญแก่พระองค์เท่าที่ควร นึ่เปันความคิดของผม”
kalyanamitra.org
๑๕๖
จะขื้นรถขอให้ถึงพระราชวังเร็วที่สุด ก็แลัวกัน”
ด้วผู้จะไป”
“ออ”
“คุณมีดวามรัสีกเห็นใจผม” ท่านเสนกเอ่ยเสียงเศรัาเจึอแด้น “ความเจ็บความอายครั้งนี่นี่
“ถึงอย่างนั้นอีเถอะคุณเอ๋ย ความอายของผมมันคงมีอำนาจเหนือกว่าความดีดที่จะปฎิบัตพระ-
บรมราชโองการอยู่ดีแหละคุณ” ท่านเสนกคงชินกรานที่จะไม่ไปเฝืาเพราะความอายห้วโลัน
เสนอแนะ
“อีมีทางที่ด้องเลือกอยู่เท่านี่เอง” มหาดเล็กพูดเหมือนปรารภกับตนเอง “เมื่อท่านอาจารย์เห็น
ที่จะมาเฝืาใด้ฝ่าละอองธุลืพระบาทตามพระราชบัญชาได้พระพุทธเจ้าข้า”
“เป็นไรจึงมาไม่ได้*’ ตรัสซักท้นที
“ขอเดชะพระมหากรุณาเป็นลันเกลัาๆ ท่านว่ามิอาจจะมาเฝืาพระพุทธเจ้าข้า”
“เหคุ ด้องการเหตุที่มาไม่ไดี*, พระสุรเสียงคาดคั้น “ไม่รัเหตุจะเห็นผลได้หรือ”
“เป็นด้วยศึรษะของท่านยังโลันอยู่พระพุทธเจ้าช้า ไม่กลัามาเฝืาเพราะความอาย”
“เอ จะท้าอย่างไรดีล่ะ” ทวงดุษณีภาพ แต่ในความนิ่งทรงพระดำริ “เรื่องของเราอีเร่งรัอน
kalyanamitra.org
๑๕^
คณะอาจารย์ทั้ง ๔ ได้รับพระราชทานหมวกตุ้มปีสวมศีรษะเข้าแลัวเป็นอันปิดหัวโลันได้อย่าง
เนืยบเนืยน และมิหนำข้าเป็นเครื่องประด้บที่เข้าชุดกันกับเครื่องแต่งกาย คึอข้างล่างมีเครื่องรองได้แก่
รองเท้า ข้างบนมีเครื่องปิดได้แก่หมวก (ซึ่งที่ถูกควรจะเรียกว่า “ฝาหัว” จึงจะเข้าชุดกับรองเท้า) ต่างคน
ก็สวมดามพระราชบัญชา พากันเข้าเฝืาโดยปราศจากความละอาย
เมือคณะอาจารย์ทั้ง ๔ มาถึงที่เฝ็า และนั่งดามดำแหน่งแลัวพระเจ้าวิเทหราชซึ่งทรงรออยู่
ด้วยพระหทัยอันร้อนเร่าก็ดรัสเล่าเรื่องที่พระองค์ถูกเทวดาถามบัญหา ๕ ข้อให้ทัง จบลงมีกระแสรับสั่ง
แก้หน่อย”
ท่านเสนกทังปัญหาแลัว ก็ไม่รู้เหมือนกัน “อะไรประหารอะไรกัน” เสยงบ่นพึมพำไปดาม
เรื่องของผู้ที่ไม่รู้ แต่ก็อยากจะพูดออกมาบ้างอย่างนัอยที่สุดเพึยงแต่ทวนดำก็ยังดี ยิ่งคิดยิ่งมืด มองไม่เห็น
เงื่อนต้นเงื่อนปลายของปัญหานั้น ทั้งนึ่เพราะว่า การจะรู้สิ่งที่ยังไม่รู้นั้น ต้องเอาความรู้เข้าไปด้นหา เปรียบ
การแสวงหาสิ่งที่ยังไม่เห็นในความมืด ต้องเอาแสงสว่างเช้าไปส่อง จึงจะพบฉะนั้น หากมีแต่ความไม่รู้
จะเอาความไม่รู้ใปสอดส่องข้อที่ยังไม่รู้ เพึอจะให้เป็นความรีชื้นมานั้นเป็นไปไม่ได้เลย เหมือนเอาความ
มืดเช้าไปด้นหาสิ่งที่ยังไม่เห็นอันอยู่ในความมืด ผลก็คึอมีดตื้อไปด้วยกัน ท่านเสนกไม่มีความรู้อยู่กับตน
เลย จะได้สิ่งใดที่เป็นแสงสว่างเข้าไปส่องด้น มีแต่ความไม่รู้ ยิ่งใซัความไม่รู้เข้าไปขบคิด ความไม่รู้กับ
ข้อที่ยังไม่รู้ผสมกันเข้าก็คึอความสุดรู้เท่านั้นเอง ดำนืงอยู่พักหนึ่งเห็นว่าไปไม่ไหวแลัว ความคิดสิ้นแล้ว
ก็กราบบังคมทูล “ขอเดชะ พระมหากรุณาธิคุณเป็นที่พึ่ง ข้าพระพุทธเจ้าขอกราบบังคมทูลว่าหมดปัญญา
kalyanamitra.org
® (1
ที่ใด้ฝ่าละอองธุลีมีพระราชดำรัสถามพระพุทธเจ้าข้า”
ของปัญหาก็ยิ่งทรงรัอนพระทัยอย่างขนาดหนักทีเดียว
ความจำของคนเป็นอันมาก ทางที่ดีที่สุดก็คือปลีกตนออกเสียจากชุมชนได้เร็วเท่าใดเป็นดีเท่านั้น
ทรงมีอำนาจบังคับโลกธาดุได้แลัว ทิวากาลวันนั้นคงจะยืดไปนาน-นานจนกว่าจะทรงหายจากความเร่าร้อน
พระหทัย หรึอนานจนกว่าจะทรงแกับัญหาได้ ซึ่งแต่ละระยะจะประมาณเดือนปีเป็นอันยาก เพราะความ
พระองค์ท่านไม่มีอานุภาพอันใดที่จะบังคับทิวากาลได้ ดังนั้นทิวากาล.จึงได้ผ่านไปตามเรื่องของโลกธาตุ
เหนือพระยิ่ภู'อันปูลาดภายใด้พวะมหาเศวตฉัตร พระองค์ทรงทอดพระเนตรพระกายในพระอิริยาบถบรรทม
แต่หาได้เสด้จส่นิทรารมณ์ไม่ เพราะพระหทัยทรงคอยทรงรอ ผู้ที่พระองค์ไม่ทรงปรารถนาจะทรงพบปะ
แสงแพรวพรายกำจายบรรเจิตจ้าทั่วห้องบรรทมแลัว และแล้วดวงพักตร์พิมลอันเพริศพราย
kalyanamitra.org
๑๕๙
เป็นกาวฉลาดไฉนที่ผู้ด้องการนั้านมวัวมัวรีดเขาวัวอยู่เช่นนั้น”
การยกย่องเชิดชูผู้เป็นมิตรไมตรีต่อ ด้วยการชุบเลํ๋ยงอำมาตย์ผู้เป็นมนตรีที่ไวัวางใจด้นเคยกัน”
จะได้ปัญญาอันหยั่งรู้ในข้อที่ลึกซึ่งได้อย่างไรนะพระองค์”
พวกนั้นจะบันดาลความสวัสดีให้แก่แว่นแควันได้ไฉน”
เทวดาได้กล่าวล้อยคำเหล่านึ่แก่พระเจากรุงวิเทหราชแล้ว ลงท้ายขู่พระองค์ท่านว่า “พระชนม์
ของพระองค์จะดำรงอยู่ลีบไปในสิริราชสมบัติก็เพราะทราบปัญหาเหล่านํ๋ แมันไม่ทรงสามารถจะเฉลย
ปัญหาเหล่านึ่ได้ก็หมายความว่าพระชนม์ของพระองค์ถึงวาระอวสาน” กล่าวแล้วก็หายวับไป
kalyanamitra.org
๒๑. กลบเข้าเมอง
พระเจ้าวิเทหราชทรงพรั่นพระท้ยในคำขู่ของเทวดา ทรงผ่านราตรีกาลนั้นไปด้วยความลำบาก
ให้พบและน้ามาชุบเลํ๋ยงตามเดิม”
พาดัจมาเร็ว”
อำมาตย์ทั้ง ๔ นาย รับกระแสพระราชโองการใส,เกล้าฯ แล้วพากันเบิกสิ'งของที่พระราชทาน
นายช่างหมัอ
การที่ท่านมโหสลทำเช่นนั้น ก็เนื่องด้วยพระเจ้าวิเทหราชทรงระแวงพระทัยอยู่ว่า “มโหสถ
หมัอเช่นนื่ ไม่สมกับจะเป็นผู้คิดการใหญ่”
kalyanamitra.org
® V) ®
อาการอันสงบ
ทันใดนั้นอำมาตย์ผู้นั้นก็เข้าไปหา และบังเอิญอำมาตย์เป็นพรรคพวกของท่านเสนก ด้งนั้น
จึงพูดกระทบท่านมโหสถว่า “ท่านผู้เป็นบัณฑิต คำของท่านอาจารย์เป็นลัอยคำที่ถูกด้องแน่นอน ดูท่าน
แลัวมีบัญญาก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้” กล่าวแลัวยํ้าความนั้นต่อไป
“เห็นจริงแลัวหรือมิใช่ในคำที่ท่านเสนกพูดไว้ ท่านเองเล่าก็มีบัญญากว้างขวาง ความยิ่งใหญ่
มาด้งก่อนด้วยกำลังป้ญญาของตนละริไว้เถิด”
ร่วงหล่นลงมาถึงข้าพเจ้าโดยมิพักต้องกระเสือกกระสนรนหา ท่านยังอ่อนต่อความเป็นไปของโลกอยู่หนัก
ผู้รัย่อมรัจักคอยให้มันสุก แลัวความหวานอันโอชาก็จะปรากฎเอง”
กาละและอกาละแน่ตระหนักทึเดียวว่าใดเป็นกาลแห่งประโยชน์ โดยเฉพาะในการเปิดเผยตนและในการ
ปกปิดตนก็ย่อมชื้นอยู่กับกาละเช่นเดียวกัน ข้าพเจ้ารักาลเวลามาพิเคราะห์เห็นตนอยู่ว่า ในเวสาที่ลูกพระ-
kalyanamitra.org
๑๖๒
“ในเมื่อการปกปิดตนเป็นทางที่จะนำความเจริญมาสู่ตน ข้าพเจ้าปกปิดตนอยู่ก็เท่ากับข้าพเจ้า
เปิดประตูรับประโยชน์ที่ตนจะพึงได้ไร้ ฐานะของผู้เป็นอำมาตย์ราชเสวกจะเป็นอย่างไรนั้น ความสำคัญ
อยู่ที่การปฏิบัติงานด้วยความจงรักภักดีในพระราชาของตน แม้นว่าพระราชาของตนทรงเกิดความระแวง
พระหทัยขนแล้ว ก็เป็นการจำเป็นที่จะด้องเก็บตนไว้ ไม่แสดงให็ปรากฎในที่ไหน *1 รอคอยโอกาสที่พระ-
ราชาของดนจะทรงหายระแวงแล้ว ก็เป็นโอกาสที่จะทรงระลึกถึงความจงรักภักดีของอำมาตย์ของพระองค์”
“และก็ทำไมถึงมาเป็นลูกมือนายช่างหม้อเช่นนี่เล่า ท่านบัณฑิต”
“เป็นไรไปเล่าท่าน” กล่าวยิ้มอย่างเย้ย “เป็นการประหลาดหรือท่าน ที่ข้าพเจ้ามาเป็นลูกมือ
kalyanamitra.org
๑๖๓
ใครไม่ เชิญท่านถามดูก็ได้”
“ด้วยอำนาจของเหตุเหล่านํ๋แหละท่าน ข้าพเจ้าจึงขอพอใจบริโภคข้าวเหนียวของนายช่างหม้อ
ในเวลาที่ข้าพเจ้าด้องการจะปิดบังตน รอคอยความสุกงอมหอมหวานแห่งประโยชน์ที่จะผ่านเข้ามาในประตู
รุ่งเรืองอีกสิน่า คอยดูเถอะ”
อำมาตย์ผู้นั้นเห็นอย่างไรในคำของท่านเป็นการยากที่จะทราบเพราะพอท่านอภิปรายจบ ก็เอ่ย
“เห็นอะไร ท่านบัณฑิต”
“อานุภาพของบัญญาน่ะซี”
อำมาตย์ผู้นั้นหมดทางโด้เถียง ด้องนั่งฬงต่อไป
พรัอมมิใช่หรือในราชสำนักแห่งพระราชาของเรา ทำไมถึงไม่น่าสิ,งเหล่านั้นที่ท่านเสนกซีนชมนิยมว่า
ประเสริฐหนักหนาไปแกับัญหาของเทวดาเล่า พระราชาของเราดำรัสไข้ให้ท่านออกมาตามข้าพเจ้าไป ก็
ด้วยมีประสงค์จะพึ่งป้ญญาของข้าพเจ้า แกับัญหาของข้าพเจ้า แกับัญหาของเทวดาใช่ไหมเล่า ท่านเอ๋ย
อานุภาพของบัญญานั้นสุดประมาณได้ทีเดียวนะท่าน เป็นที่พึ่งของคนได้แท้จริงยิ่งกว่าสิ'งใด *1 ทั้งนั้น
ดูอานุภาพของบัญญาเถิด”
อำมาตย์ไม่ตอบต่อล้อยคำ นำพระราชกระแสออกแถลง “ท่านบัณฑิต พระราชาของเรามี
พระดำรัสเหนือเกล้าฯ สั่งว่า ล้าพบท่านที่ไหนก็ให้มอบเงิน ๑,00๐ กษาปณ์ และฝ่าดู่หนั่งให้ท่านทันที
ท่านมโหสถ
ก่อนจะเดินทางกลับ ท่านมโหสถก็เช้าไปลานายช่างหม้อ “โธ่! พ่อคุณพ่อมหาจำเริญ” นาย
ช่างหม้อซึ่งเพิ่งทราบความจริงกล่าวขื้น “พ่อก็ไม่บอกให้รู้ จู่ *] ก็มาของานทำ ข้าพเจ้าก็ไม่เคยรู้จักหนัาตา
kalyanamitra.org
๑๖๔
จะไถ่โทษตนอย่างไรเล่า”
“ท่านอาจารย์ค•โบ โปรดอย่านึกเป็นโทษเป็นทัณฑ์อะไรเลย ความจริงท่านอาจารย์มีอุปการะ
แก่ผมมากทีเดียว ผมดกทุกข์ได้ยากบากหนัามาขอพึ่งพาอาศัย ท่านอาจารย้ก็มิได้รังเกียจประการใดเลย
ทื่โปวดพระราชทานมานั้นให้แก่นายช่างหม้อ ซ็งก็ด้องคะขั้นคะยอกันอยู่นานกว่านายช่างหม้อจะรับไวั
ท่านมโหลลคงมีร่างกายเบือนโคลนอยู่อย่างนั้นนั้งวถเข้าสู่พระนครไปจนถึงพระราชวัง
kalyanamitra.org
๒๒. พิสูจน์ตน
เมึอรถถึงพระราชวังแลัว ท่านมโหสถก็รออยู่ภายนอก ให้อำมาตย์นำข่าวไปกราบทูลก่อน จะ
ทรงพระกรุณาโปรตประกาวใด
“ขอเดชะ พระกรุณาธิคุณลันเกลัาฯ” อำมาตย์กราบทูล “ดามที่ทรงพระกรุณาโปรดเกฺลัาๆ
ให้ข้าพระพุทธเช้าไปตามท่านมโหลถบัณฑิตนั้น บัดนิ้พบแลัวและได้พามาแลัวพระพุทธเจาข้า”
“เจ้าไปพบเข้าที่ไหนล่ะ” ตรัสซัก
“ขอเดชะ พบที่บัานนายช่างหม้อยวม้ชฌคามใด้ อำลังป้นหม้ออยู่ทีเดียวพระพุทธเจ้าช้า” กราบ
ทูลแลัวบรรยายต่อ “พอข้าพระพุทธเจ้าบอกว่า มีพระราชกระแสรับสั่งให้มาเฝืาก็ไม่ยอมอาบนํ้าข่าวะกาย
มาทั้ง *[ ที่ร่างกายเปือนดินม่อล่อกม่อแล่กอยู่อย่างนั้นแหละพระพุทธเจ้าข้า”
“ด้ามโหสถจะลิดเปันศัตรูต่อเรา ก็คงจะท่องเที่ยวไปด้วยการตั้งด้วเป็นใหญ่” ทรงพระดำริ
โดยยศอย่างที่เราให้นั้นเถิด”
ท่านมโหสถได้ทราบพระกระแสรับสั่งจากอำมาตย์นั้นแลัว ก็ได้ปฎิบดีตามพระราชดำรัสกลับ
“ขอเดชะ ไปอยู่ที่บัานนายช่างหม้อพระพุทธเจ้าข้า”
พระเจ้าวิเทหราชทรงมีพระประสงดีจะทดลองนํ้าใจของท่าน จึงตรัสทำเนียบต่อไปนื้
“พ่อมโหสถเอย คนบางจำพวกในโลกนํ๋มีความสุขสมบูรณ์ด้วยยศศักดํ่อัครฐานมีบริวารพรั่ง-
กว่านั้น อย่างนื้ก็มีอยู”่
kalyanamitra.org
๑๖๖
อยู่ในโลกลันนว าสอ่นนั้"
กระทำความเดือดรัอนให้แก่เรา”
ธุลีพระบาททรงสดับ”
“บัณฑิตทั้งหลายทุกยุคทุกสมัย ไม่ยอมเลยที่จะประพฤติการอันเป็นบาปเพราะสุขส่วนตนเป็น
อันเป็นบาปหยาบซัานั้น เป็นไปไม่ได้”
“บัณฑิตทั้งหลายแม้จะมีความทุกข์ยากลำบากเพียงจะสิ้นซีวิตมากระทบ แม้จะพลาดจากความ
ธรรมและสุจริตธรรม เพราะความรักและความซังเป็นอันขาด”
“ที่ข้าพระพุทธเจ้ากราบทูลมาทั้งนี่ เป็นธรรมเนียมแห่งบัณฑิตในโลกพระพุทธเจ้าข้า”
ยังไม่เป็นที่พอพระทัย ทรงมุ่งจะทดลองต่อไปอีก ทรงนำเอาข้อที่เป็นมารยาของกษัตริย์ มา
ตรัสเป็นข้อพิสูจน์ดังนี่
“คนเรา ควรยกตนที่ตํ่าด้อยศักดํ่ ชื้นดำรงในยศศักดํ่อัครฐานให้พรัอมมูลด้วยวิธีการอย่างใด
อย่างหนึ่งดือ ด้วยวิธีอ่อน เปรียบเหมือนเถาวัลย์ชื้นพันด้นไม้ใหญ่ เกาะเที่ยวเหนี่ยวรัดเรื่อย *1 พอได้โอกาส
“หรึอจะใชัวิธีแข็ง ด้วยการทารุณรัายกาจซ่องสุมสมัครพรรคพวกเกลิ้ยกล่อมประชาชนให้
อยู่ในอำนาจแล้ว ทำการแย่งชิงสมบัติเอาด้วยห้กหาญในเมื่อเห็นผู้ดำรงในยศศักดํ่อัครฐานสูงส่งนั้นอ่อน
ข้าพระพุทธเจ้าขอกราบถวายบังคมทูลทำเนียบเทียบทานถวาย ขอใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงสด้บ”
kalyanamitra.org
๑๖๗
ข้าพระพุทธเข้าผู้เดียว ก็ยังจะน้อยไปเสียอีกนะพระพุทธเข้าข้า”
ครั้นได้พิสูจน์คนถวายจนกระทั้งเปลื้องมลทินของตนหมดแลัว ท่านมโหสลมีความประสงค์
จะกราบบังคมทูลหักท้วงข้อที่พระเข้าวิเทหราชทรงกระท้า อันเป็นข้อเสียหายใหัทรงสำนึกบ้าง จึงกราบทูล
นั้น ขอพระราชทานกราบบังคมทูลว่า
อันวัตถุที่จะเป็นสิ่งสีบซ็พของมนุษย์นั้น ความสำคัญอยู่ที่ประโยชน์ มิได้อยู่ที่ความทรามหรือ
ความประณีต อึงจะทรามแต่อำนวยประโยชน์ ก็เป็นสิ่งที่พึงประสงค์ ข้าวเหนียวของนายช่างหม้อ หาก
จะเท้นว่าเป็นของทรามกว่าโภชนะที่ปรุงด้วยสิ่งที่มีโอชา ก็เป็นแต่เพียงราคาเท่านั้น ส่วนสำคัญคึอประโยชน์
kalyanamitra.org
® ๖ 6®
ด้งนั้นจึงเป็นนิท้ค่นะให้เห็นประจักษ์ได้ว่า
บรรดากามพัสดุทั้งมวลนั้น ถึงจะมีมากมายเพียงไร ก็มิได้ท่าให้ใจคนเราว้จักอิ่มได้ หมายความ
ท่าความไม่พอให้มีได้แลัว ความมีย่อมพอไปเอง”
“ช้าพระพุทธเจัาพิเคราะห์เห็นด้งกราบบังคมทูลมา แม้ตนจะด้องบริโภคโภชนะของนายช่าง
หม้อ ชี่งมิได้มีโอชารสเลยต่างกันกับที่เคยบริโภคก็ทนได้ ไม่เดึอดว้อนอันใด ซีวิตของข้าพระพุทธเจัายัง
กรุณาวินิจฉัยด้วยพระปรีชาญาณอันประเสริฐเถิดพระพุทธเจัาข้า”
“พ่อมโหสถ เชัาพูดดีมาก” ดว้สชมแลัวทรงแย้ง “แต่ยังไม่กระจ่างนักในหลักเกณฑ์ทั่ว *1 ไป
เคยมีบัญญ้ติไว้เหมือนกันมิใช่หรีอว่า
วาชาชอบสันโดษก็ไม่จึาเริญ หญิงแพคยามีความละอายก็พินาศ กุลสตรีหน้าด้านก็หมดดี เพราะ
ฉะนั้นที่เจัาสรุปว่า ความมีท่าให้พอไม่ได้ ความพอท่าให้มีได้ เมื่อท่าความพอให้มีได้แลัว ความมีย่อม
พอไปเอง คังนึ่ ย่อมไม่ได้ทั่วไป เพราะขัดกับบัญญิติอันเป็นนิติของวาชา”
“ขอเดชะ พระมหากรุณาธิคุณลันเกลัาๆ นิดิที่ทรงพระกรุณานำมานั้น ข้าพระพุทธเจัาขอ
กราบบังคมทูลด้วยข้ออุปมาถวายด้งนึ่
“สมมุติเรื่องว่า มีบุรุษสองคน คนหนึ่งซีอ ท้ติตะ คนหนึ่งซี่อมํติคะ มีความประสงดีสำคัญ
ร่วมกันคือมุ่งจะให้ศีรษะอยู่ในร่ม และให้เท้าเหยยบแผ่นหนังตลอดทางที่เดินไปถึงไหนอีงที่นั่น ศีรษะ
kalyanamitra.org
๑๖๙
มุงไปปูไปเดินไปหรือเดินไปมุงไปปูไป
ม้ต์ตะ ก่อนจะออกเดินทาง ได้หาไม้ไผ่มาทำเป็นคันยาวประมาณแขนตน ที่สุดของคัน มีดุม
สวมไว้รองจากดุมนั้นก็มีดุมอีกชันหนึ่งเลื่อนที่ได้ แต่มีสลักคอยสกัดให้ดุมที่เลื่อนได้อยู่ในระยะที่กำหนด
ให้ แล้วนำเอาไม้มาเหลาเป็นซี่ ๆ สั้นและยาวเท่า จุ กัน ชี่ยาวซี่ด้นฝังลงในร่องดุมอันยอด ปลายซี่แม่ออก
ไป”
“ข้าพระพุทธเจาขอพระราชทานอภัยโทษที่จะกราบบังคมทูลถามว่า ใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาท
เจ้าข้า”
“เด็ดจริง พ่อมโหสถ” ตรัสเคล้าพระสรวล “เอาละเป็นอันพ้นไปประเด็นหนึ่ง กังอีกประเด็น
ย่อมไม่มีความกระตือรือร้นอันใดมิใช่หรือ”
ว่า คนจับจดมีการงานเป็นหลักฐาน
ผลที่คนเช่นนี่ได้เล่า ล้าไม่รู้จักพอ คือผลที่ได้รับจากการงานที่ตนกระท้านั้น *1 ได้เท่าไร จุ ก็
kalyanamitra.org
๑๗๐
ดำเน่น
เลวทลุด ก็คอว่ล่ลักล้วงช่วงชง หรอคู่ล้อด้วยอุบายต่าง ๆ เทอก่ายเทกษาปณ์ของบอ่นใล่กระเปา
ตน เทมกษาปณ์ของตนให้มากขน วล่เช่นนั้เป็นล้ยแก'วงลังคมของมนุษย์อย่างย่งประการหน่งท่เดํยา ’’
ออกไปอย่างไร”
“ล่าน!ปูจักทอ ตรงกนขาม ม่อะไร อย่างไร จุใจอย่างนั้น ได้อะไร เท่าไร จุใจเท่านั้น ท่าความ
ขนมาก่อเป็นจอมปลวกใหญ่โต ได้’’
“ข้าทระทุทธเจาขอกราบทูลอุปมาถวาย “เหม่อนมนุษย์ทุกๆ คนท่เก่ดมาในโลกนั๋ เมอแรกเกด
คอยป้องล้นม่ให้เล่อดเนอนั้นต่องเสยไปอ่กเล่า รวมความว่าเต่บโตขนเทราะการบารุงเลยงและการปฎบ่ต่เป็น
จันก็ ล้นใด ก็จการและป็านะของตนในโลกนั้ก็ล้นนั้น จะเจร่ถู/ขยายออกกว้างขวางได้ ก็อยู่ทได้.รับการบารุง
รักษ าดูแลเป็นอ่นดํ ”
“ม่อยู่ทระทุทธเจ่าข้า บุคคลบางคน หร่อบางทวกมักกล่าวอ่ างเอาคว ามทอเป็นเคร่องป้องล้นค ว าม
kalyanamitra.org
๑๗๑
ทเอ่ยวหระหุทธ(ล้าข้า "
“แจ่มแจ้งสำหรับประเด็นที่ลาม” ตรัสชมพลางตรัสซัก “แต่เจ้าก็ได้สรัางประเด็นร้นใหม่อีก
ประเด็นที่ตั้งร้นใหม่ให้แจ่มแจ้งด้วย”
ข้าพระพุทธเจ้าขอนำเรื่องแต่ปางก่อนมากราบบังคมทูลเพึอทรงพระวิจารณ์ ”
“แต่ครั้งก่อนนานมาแล้ว พระมหาราชองค์หนึ่งซึ่งครองราชย์ ณ พระมหานครมิถิลานึ่เอง
กัปปางคนทั้งหลายพากันตายตกเป็นเหยื่อปลาทะเลไปหมด แต่พระองค์คงว่ายอยู่ในท้องทะเลไม่ท้อถอย
นางมณ์เมชสาถามวา
“นึ่ใครมาแหวกว่ายอยู่กลางทะเลทั้ง *1 ที่มองไม่เห็นฝัง ท่านทราบอำนาจประโยชน์อะไร
จึงพยายามอย่างเข้มแข็งอย่างนึ”่
พระชนกตอบว่า
“ข้าพเจ้าพิจารณาขนบของโลก และผลของความพยายามดูแล้วนะเทพธิดา เหตุนั้นถึงมอง
ไม่เห็นฝังก็จะแหวกว่ายไปในกลางทะเล”
นไง- ฝังทะเลลึกสุดประมาณ ยังไม่ปรากฎเลย ความพยายามอย่างลูกผู้ชายของท่านเป็นโมฆะ ท่าน
ยังไม่ถึงฝัง จักตายเสึยก่อน”
พระ- “ผู้ที่กระทำกิจที่ลูกผู้ชายพิงกระทำนั้น เป็นคนไม1เป็นหนึ่ของญาติของเทวดาและของบิดา
มารดา ทั้งไม่ต้องเดือดรัอนในภายหลังด้วย ”
นาง- “กรรมชันใดที่ยังคาดผลสำเร็จไม่ได้ คงยังไม่มีเหตุผล มีแต่ทวิความลำบากให้ ทั้งมีความ
ตายคอยจ้องอยู่เฉพาะหนำอีกด้วย เป็นประโยชน์อะไรที่จะพยายามในกรรมนั้นเล่า”
kalyanamitra.org
๑๗๒
ราชัยเป็นพระมหากษัตริย์แห่งวิเทหรัฐ ซึ่งใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทย่อมทรงทราบด้วยพระปรีชาญาณ
อยู่แลัว”
ตามเรื่อง,ที่ข้าพระพุทธเจ้าน่ามากราบบังคมทูลปรากฏขนบของโลกซัดเจนอยู่แลัวว่า ‘‘ความ
เป็นคนเกยคคร่าน ผู้ปันเป็นคนคมเม่ดขนบขคาโลก ”
“อนึ่งเล่า พระพุทธเจ้าข้า นักปราชญ์แต่ครั้งก่อน ได้คึกษาเจนจบแล้วในพฤติกรรมแห่งโลก
บรรพชิตไม่สำรวมอินทรีย์ก็ไม่เหมาะ
พระราชาไม่ทรงพิเคราะห์บริหารราชกิจ ก็ไม่งาม
บัณฑิตใจพลุ่มพล่ามขํ๋โกรธ ก็ไม่ควร
จอมกษัตริย์ทิศบดีพึงทรงพระวิจารณ์ก่อนแล้วทรงบริหารพระราชกิจ ยังไม่ทรงพระวิจารณ์
แล้วไม่ควรจะทรงบริหาร
จอมราชผู้ทรงพระวิจารณ์แล้วทรงบริหารพระราชกิจ ย่อมทรงพระเจริญด้วยพระราชอิสริยยศ
ทั้งพระเกียรติคุณก็จะพิงเฟิองไป ”
kalyanamitra.org
kalyanamitra.org
๒๓. แก้ปริศนาเทวดา
พระเด้าวิเทหราชทรงสดับคำกราบบังคมทูลของท่านมโหสถด้วยพระหท้ยอันชุ่มซี่น และทรง
ธรรมเนืยม
เมือท่านมโหสลนั่งเรียบรัอยแล้ว ก็กราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงเป็นใหญ่ ขอเชิญใต้ฝ่า
พระราชทานแล้ถวาย”
“เชิญพ่อมโหลลฬง เทวดาถามเราดังนึ”่ แล้วตรัสข้อปวศนาข้อแวกที่เทวดาทูลถาม
พอท่านมโหสถได้ฬงข้อปริศนาเท่านั้น ก็เห็นความของป้ญหานั้นแจ่มกระจ่างเหมือนอย่างเห็น
เด้าข้า”
ความรักแราขน แม่มดาก็เข่นเอ่ยวกัน ”
พระเจ้าวิเทหราชทรงสดับแล้ว ทรงเข้าพระทัยแจ่มกระจ่าง คนทั้งหลายที่ประชุมล้นเสาแหน
ท้องฟ้าทีเดียว
kalyanamitra.org
๑๗๖
แก้ว แล้วหายวับไป
พระเจ้าวิเทหราชเล่า ก็ทรงพระโสมนัสเปืยมพระหทัยโปรดบูชาท่านด้วยดอกไม้เป็นด้น แล้ว
ขอถามปัญหาข้ออื่น ๆ สีบไป “พ่อบัณฑิตผู้เห็นถ่องแท้ทั่วถึงในกระแสธรรมดา จงแก้ปัญหาข้ออื่น *1
ให้แจ่มใจเราสืบไปเชิด”
“ขอเดชะ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท โปรดพระราชทานพระปริศนาแก่ข้าพระพุทธเจ้าเชิดพระ-
พุทธเจ้าข้า”
“เชิญพ่อสดับปัณูหไทสอง” ตรัสพลางทรงนำปัญหาข้อที่สอง ตามที่เทวดาทูลถามพระองด็
ด้งนึ่
‘‘บุคคสด่าแช่งผู้ใดจนสาแก่ใจ แด่ไม่ปรารถนาจะให้ผู้ถูกด่าแช่งประสบผลร’'ายตามคำด่าแช่ง
ไม่ต้องการให้ความที่ด่าแช่งนั้น ๆ มาถงผู้ที่ตนด่าแช่ง และผู้'ที่ถูกด่าแช่งนั้นแทนที่จะถูก!กลขดช่งไม่ต้องการ
นั้น นเป็นปัญหาที่สอง’'
ใม่'ตามทใข้โม่"
ลูกเห็นเป็นความขบข้น และรู้สกภาคภูม่ใจทตนสามารถลางแม่ของตนใต้เข่นนั้นก็แสดงทท่าเป็น
kalyanamitra.org
(^^^
ต้องการเลยทจะไล้อ้นตรายต่าง ๆ มาท้องหานลูกของแม่
ปายลูกหน่แม'ไปเทํยวเล่นกับเท่อนเด็กด้วยลันตลอดวัน ตกเย็นจะเข้าบ้านก็ไม่กล้า กลัวแม่จะ
เปีนอธ่บายของปญหาทสอง ทเทวดาทูลถามแด'ได้ปาละอองธุลหระบาทหระหุทธเจ้าข้า”
ภายหลังจากด้อยแถลงแก้ป้ญหาข้อที่สองจบลง เสียงสาธุการและอาการแสดงออกแห่งปรีดา
ที่สไมต่อไป”
การกล่าวตู่กัน เข่น
ขายผู้เปีนสาม่ลัหยอกหญ่งผู้เปีนภรยาว่า "แม่นางปูเจรญโจ เธอข่างไม่รักกันเลย ความรักของเธอ
kalyanamitra.org
0ใ/ (ล0่
กลมไปเป็นของเยอดงเดมดอกนะ เยอกำลังจะน่าไปมอมแก'มุคคลอกคนหนงขงนอกไปจากลัน"
หญงผู้เป็นภร่ยาจะได้ว่า "พ่อนายของลันไล่ความลันเสยเหล่อเกน ไม่เป็นความจรงเลยทเคยว เยอ
ปันด่างหากควรจะเป็นผู้สนองด้อยคำทั้งหมดนั้น ดามทลันลังเกต มัดนั้พ่อนายดลายความรักลันลง ไปกว่าแด่
“เม่อได้โต้ตอมลันทำนองนั้อยู่ไปมา เหล่งรักก็ยงจะลามเล่ยจดใจล่งปรากฏออกมาเป็นอาการกอด
ของเทวดาหระทุทยเจ้าข้า”
เมื่อประกาศอาการที่ทรงพระโสมนัสและบูชาคำแกัปญหาข้อลามแล้ว ก็มีพระดำรัสป๋ณูหา
ข้อที่ส่ มาตรัสถามสึบไป “เชิญพ่อทังปญหาข้อต่อไป ณ บัตนํ่ ”
เชนที่รักใคร่ไป จอมราชพระองค์ทรงเห็นใครเชนเข่นนั้น"
kalyanamitra.org
ร}^๙
kalyanamitra.org
๒๔. เลศอุบาทว์
ความเจริญยิ่งใหญ่ของท่านมโหสถเปันที'ไม่พึงใจของคณะอาจารย์ทั้ง ๔ ยิ่งนัก เพราะยิ่งลิด
พวกเราจะท่าอย่างไรกันเล่า”
“ช่างมันเถิดน่ะ” ท่านเสนกเอ่ย “มันจะใหญ่ไปแด่ไหนเซียวนะ คอยดูบ้ญญาเราบ้าง คราวนึ่
จะเล่นงานเสียให้อยู่มีอทีเดียว”
“ท่านอาจารย์จะท่าอย่างไรครับ” เทวินท่อดไม่ได้แซงร้น “ใครจะเป็นคนอยู่มือใคร มโหสถ
จะอยู่มือท่านอาจารย์หรือท่านอาจารย์จะอยู่มือมโหสถ”
“ท่าไมถึงพูดอย่างนั้น พ่อคุณ” ท่านเสนกเอ่ยด้วยเสียงบอกอาการขุ่นในใจ “ก็เราเป็นคนท่า
เขา เหดุไรผู้ที่อยู่มือจะเป็นเราเสียเล่า ไม่เชื่อสดิบัญญากันบ้างละหรือ”
“เชื่อซีครับท่านอาจารย์” เทวินท่สนองด้วยท่าทีประจบ “ไม'เชื่อท่านอาจารย์แล้วพวกผมจะ
ไปเชื่อใคร”
“เชื่อก็ทำไมพูดเช่นนั้นเล่า” ท่านเสนกซักค่อยคลายความเครียดลง “เชื่อกันก็ตองพึงกันก่อน
ซี”
“เชิญท่านอาจารย์ดามสบายเถิดขอรับ” เทวินท์กล่าวเรียบ กุ
“พวกคุณคอยพึงความลิดของผม” ท่านเสนกเริม “ความมุ่งหมายของเราก็คือตองท่าให้มโหสถ
แดกกับพระราชาให้ได้”
“ดูกแล้วครับท่านอาจารย์” เทวินท่แทรกร้นอีก “ความมุ่งหมายนั้นพวกเรามีมานานแล้ว แด่
วิธึการเท่านั้น....”
“เอ คุณนึ่ ชอบแซงจริงนะ” ท่านเสนกคุ “ผมก็ด้องย้อนกล่าวถึงความมุ่งหมายก่อนซี แล้ว
“ครับ ครับ”
“วิธึกาวนั้นมีหลักสำด้ญอยู่ประการเดียว” ท่านเสนกชำเลืองทางเทวินท์พลางกล่าวต่อไป “คือ
ท่าให้มโหสถเป็นคนมีลับลมคมใน”
“เข้าทือยู่ครับ” ปุกกุสะซ็งพ้งมานาน “ล้าเราท่าสำเร็จ ความมุ่งหมายนั้นก็สำเร็จ”
kalyanamitra.org
๑๘๑
จะทำอย่างไว”
“ทำอย่างนื่ซ”็ ท่านเสนกยิ้มอย่างภาคภูมิ “พฺวกเราพากันเข้าไปหามโหสล ตั้งคำถามสำคัญ
จะเห็นช่องทางอย่างไร”
“ก็พังคำตอบของเขาดูซ็ เขาจะตอบเราอย่างไร ถ้าเขาตอบว่าความลับบอกใครไม่ได้ เท่านั้
เป็นช้าศึกแก่พระองค์เมื่อไรก็ได้”
“เดี๋ยวก่อนครับ” กามินท้ยับยั้ง “เพียงเท่านั้นจะทำให้พระเจ้าวิเทหราชทรงแหนงพระท้ยได้
อย่างไว การไม่บอกความลับแก่ใคร จะเป็นเหตุพอละหวือที่พวกเราจะถีอเอาเป็นข้อใส่รัาย”
“พอถมไป” ท่านเสนกตอบทันที “คนไม่บอกความลับใครนั้นก็คือคนไม่ไว้ใจใคร เป็นคนที่
พระองค์จะด้องทรงแหนงพระหทัยทีเดียว”
“ก็ถ้าเขาตอบว่า ควรบอกแก่ผู้นั้นผู้นเล่า” เทวินท้ซัก
“นั่นด้องคิดอ่านกันใหม่” ท่านเสนกแกั “พวกเราไปหามโหสถกันเถิด ฬงคำตอบของเขาดู”
บัณฑิตทั้งสามดต้อยตามท่านเสนก ยอมให้ท่านเสนกนำไปถึงบ้านของท่านมโหสถ ชึ่งก็ได้
รับการต้อนรับเป็นอันดี เมื่อได้สนทนำปราศรัยกันตามสมควรแต้วท่านเสนกก็เอ่ยถึงธุระที่พากันมาหา
หวังจะขอปรีชาของพ่อบัณฑิตผู้เจนจบแต้วในนิติธรรมทั้งปวงให้ช่วยวินิจฉัยชํ๋ขาด ขอจงกรุณาแก่พวก
ข้าพเจ้าเถิด”
“ท่านเสนกผู้เจริญ ไม่เป็นไรเชิญท่านถามเถิด ข้าพเจ้าจะวินิจฉัยให้ท่านทราบ” ท่านมโหสถ
เปิดโอกาสทันที
kalyanamitra.org
(5) เ0
ประโยชนั ควรตั้งตนไวิในคุณธรรมอะไรเป็นเบื้องต้น ”
ความเจนจบในคติแห่งโลก
“ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น” ท่านเลนกซักและเอ่ยแย้ง “จะมีคุณสมบัติประการอื่นก่อนไม่ได้หรือ”
“ข้าพเด้าขอถามท่านก่อน ท่านสำคัญมั่นใจอย่างไร จงตอบอย่างนั้น” ท่านมโหสถย้อนถาม
“ใช่ละ พ่อบัณฑิต”
“ไม้ที่บักไม่แน่น โยกโคลงได้ จะเรียกว่าหลักได้ไหม”
“ไม่ได้ซิ พ่อ”
“และไม้ที่จะใซัเป็นหลักบัานหลักเมือง ต้องเป็นไม้เนื้อแน่น เป็นไม้มีแก่น หรือว่าเป็นไม้แล้ว
ก็ใซัเป็นหลักได้ทั้งนั้น”
“ไม่ใช่ซี เป็นไม้แล้วจะนำมาบักเป็นหลักบ้านหลักเมืองไม่ได้ ต้องคัดเอาไม้เนื้อแน่น ไม้มีแก่น”
"ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น”
“เพราะต้องการความยั่งยึน ทนทานถาวร”
ไม่เคลื่อนคลาดได้ง่าย *]”
“จริงอย่างนั้น พ่อบัณฑิต”
“หลักภายนอกต้องแน่นต้องยั่งยืน ฉันใด หลักคือคุณสมบัติในภายในก็ฉันนั้น ต้องมีความแน่น
ต้องมีความยั่งยืนเช่นเดียวกัน และท่านยังจะเห็นคุณสมบ้ติอื่นใดของคนเราที่ควรเป็นหลักยิ่งไปกว่าความ
สัตย์มีอยู่หรือ”
“ไม่มีละ พ่อบัณฑิต ความสัตย์ความจริงนี่แหละเป็นคุณสมบ้ดีชันเป็นหลักของคน”
จริง คนไหนหนักแน่นกว่ากัน"
“คนมีสัตย์มีจริง คือคนจริง หนักแน่นมั่นคงกว่าซี พ่อบัณฑิต”
“อยู่ใกล้กันนักท่าน”
kalyanamitra.org
® (โ® 0า
“ถ้าเช่นนั้นชีวิตก็มิใช่สิงยั่งยืน”
“ลูกแล้ว”
“เมื่อมีชีวิตมา ชีวิตนั้นก็มิได้ยั่งยืน ทั้งไม่มีพลานุภาพใด ๆ ที่จะบังคับให้ชีวิตมีความยั่งยืนได้
ด้วย ผู้ทราบความเป็นไปของชีวิตจะควรปฏิบัติอย่างไรจึงจะสมกับเป็นผู้มีชีวิตมาคราวหนึ่งเล่า”
“ก็ด้องประพฤติให้เป็นหลักซิท่าน”
“อะไรเล่าเรียกว่าความประพฤติเป็นหลัก”
“ท่าจริง พูดจริง ใจจริง”
“ก็คือความสัตย์ความจริง ใช่หรือไม่”
“ใช่แล้วพ่อบัณฑิต ลูกผู้ชายผู้บำเพ็ญกิจอันเป็นประโยชน์ด้วยปรีชา จำด้องตั้งตนไว้ในความ
สัตย์ความจริงเป็นเบื้องด้น” ท่านเสนกสรุปความพลางสืบกระแสเพื่อเข้าหาจุดสำคัญต่อไป “เมื่อดำรง
ตนมั่นอยู่ในความสัตย์ความจริงแล้วพึงปฏิบัติอย่างไร”
“มีความสัตย์ความจริงแล้ว ก็เพิ่มพูนทรัพย์สินให้มองมูนขนต่อไป”
หรือพ่อ”
“ขัดอย่างไร ท่านเสนก”
“ทำไมจะไม่ขัด เพราะเรื่องของความสัตย์ความจริงเป็นเรื่องตรงเอาความตรงไปหาทรัพย์ จะ
ได้ทรัพย์ที่ไหนกัน เปรียบเหมือนต้องการข้าวสุกจากหม้อ ต้องงอนึ่วมือด้กขื้นมา จึงจะได้ฉันใด การแสวงหา
kalyanamitra.org
®๘
นั้น จะอาลัยเขาไคกิต้วยการปรับทนเองใต้เต้ากับเขาไต้การปรับคนเองใต้เต้ากับผ่อื่นไต้กิต้องอาลัยความ
อ้นว่าท่านเป็นคนไม่ตรงไปละกระมัง ”
“ไม่เป็นเช่นนั้นดอก พ่อบัณฑิต” ท่านเสนกปฏิเสธโดยเร็ว “การที่ต้องเดินอ้อมเดินคดก็เพราะ
ทางเดินบังคับให้ต้องเดิน ไม่ใช่เป็นเพราะข้าพเจ้าเป็นคนคดจึงต้องเดินคดดอก”
“คราวนิข
้ ้าพเจ้าขอเปลี่ยนข้อเปรียบนั้นใหม่ สมมติว่าท่านจะมาบ้านข้าพเจ้าเป็นการสมมติกัน
นะ ท่านออกจากบ้านท่านก็เดินตรงดิ่งมาทีเดียว ไม่ยอมอ้อมไม่ยอมเลั้ยวแห่งไหนหมด ควรปีนท่านปีน
รับรอง
“ทางแสวงหาทรัพย์ก็เป็นทำนองเดียวกัน บางกรณีก็มีโด้ง มีอ้อม บางกรณีก็ตรง บางทีก็ด้อง
รอโอกาส บางทีก็ด้องฉวยโอกาสที่จะต้องอ้อมไปตรงเสียก็เสียที ถึงทีจะต้องตรง กลับไปอ้อมเสีย ก็เสีย
ทีอีก ที่จะต้องข้า กลับไปต่วนก็เสียที ที่ต้องต่วนก็มัวโอ้เอ้เสีย เป็นไม่ได้ทั้งนั้น ท่านเสนกการที่บุคคล
เพิ่มพูนมูนมองขื้นด้วย ”
kalyanamitra.org
® (รัว (ต้'
นั้น จ?อาลัยเขาโด่ก็ต้วยการปรับตนเองใหเ'เข้ากับเขาโต้การปรับตนเองใต้เข้ากับม่อนโต้ก็ต้องอาลัยความ
ยันว่าท่านเป็นคนไม่ตรงไปละกระมัง ”
“ไม่เป็นเช่นนั้นดอก พ่อบัณฑิต” ท่านเสนกปฏิเสธโดยเร็ว “การที่ด้องเดินย้อมเดินคดก็เพราะ
ทางเดินบังคับให้ด้องเดิน ไม่ใช่เป็นเพราะข้าพเจ้าเป็นคนคดจืงด้องเดินคดดอก ”
“คราวนิ้ข้าพเจ้าขอเปลี่ยนข้อเปรียบนั้นใหม่ สมมติว่าท่านจะมาบ้านข้าพเจ้าเป็นการสมมติกัน
นะ ท่านออกจากบ้านท่านก็เดินตรงดิ่งมาทีเดียว ไม่ยอมย้อมไม่ยอมเลี้ยวแห่งไหนหมด ควรปีนท่านปีน
รับรอง
“ทางแสวงหาทรัพย์ก็เป็นทำนองเดียวกัน บางกรณีก็มีโด้ง มีย้อม บางกรณีก็ตรง บางทีก็ด้อง
รอโอกาส บางทีก็ด้องฉวยโอกาสที่จะด้องย้อมไปตรงเสียก็เสียที ลึงทีจะด้องตรง กลับไปย้อมเสีย ก็เสีย
ทีอีก ที่จะด้องข้า กลับไปต่วนก็เสียที ที่ต้องต่วนก็มัวโย้เย้เสีย เป็นไม่ได้ทั้งนั้น ท่านเสนกการที่บุคคล
เพิ่มพูนมูนมองขื้นด้วย ”
kalyanamitra.org
๑๘๕
อะไรสืบไปอีกหรือไม่เล่าพ่อบัณฑิต”
“เพียงมีทรัพย์แม้จะมากมายก่ายกอง จะเรียกว่าเป็นผู้สมบูรณ์แล้วหาไม่ได้” ท่านมโหสถเฉลย
สืบไป
“ด้องทำอะไรอีกเล่า มีทรัพย์เป็นปึกแผ่นแล้วก็น่าจะยุติกันที ใซัทรัพย์บำเรอตนให้เกษมสุข
ก็พอแล้ว ไม่น่าจะต้องทำอะไรต่อไปอีก”
“จะคิดว่าพอเพียงนั้นไม่ชอบ” ท่านมโหสถแย้ง “ทรัพย์อำนวยความสุขได้จริง แต่ทรัพย์นั้น
ก็อาจอำนวยความทุกข์ได้เหมือนกัน ความเป็นปึกแผ่นของทรัพย์จะเป็นคุณแค,ไหน-ในเมื่อด้องตกอยู่ใน
วงล้อมของผู้ริษยา ซึ่งมีนัยน์ตาร้อนอยู่ทุกขณะที ,มองเห็นความมั่นคั่งนั้น ท่านเสนกลองคิดดู ล้าเป็นท่าน
ที่จะมองเห็นความตํ่าด้อยของเขา หรือบางทีเขาก็เห็นท่านเป็นเหมือนมีอะไรมาหนุนเท้าให้เห็นศีรษะ
รอบตัวของท่านผู้มั่งคั่งล้อมด้วยความเป็นไปทำนองนํ๋ ท่านยังจะมีความสุขอยู่ในกองเงินกองทองของท่าน
ได้อยู่หรือ ท่านยังจะนอนตาหลับอยู่ได้ด้วยอำนาจเงินทองที่มากมายนั้นได้หรือ”
แหละเป็นกรณีที่ท่านผู้มีทรัพย์ตั้งตัวได้เป็นปึกแผ่นแล้ว จะต้องบำเพ็ญสืบไปคือกาวแผ่ไมตรีอารีอารอบ
kalyanamitra.org
๑๘๖
เราก็ปล่อยเขาอยู่ตามฐานะของเขา ไม่เห็นจะต้องกังวลใจอะไรกับคนจำพวกนั้น”
“หากเราปฏิบ้ติเช่นนั้น มิตรสหายและพรรคพวกเรา ก็มีแต่พวกหัวประจบทั้งนั้น เพราะเรา
เปิดรับแต่พวกเหล่านั้น” ท่านมโหสถแยัง “ทำเช่นนั้นไม่สมกับที่ได้นามว่าเป็นคนฉลาด ดำเนินในกิจ
ได้"จ้วควรจะคิดใหัมากและปฏิบติใหัเคร่งครัด”
“คนหัวประจบก็ไม่ยอมคบ คนมั่งมีด้วยกันก็ถูกบ่ายเบี่ยง แล้วจะปฏิบัติอย่างไรในการเสนอ
ไมตรี” ท่านเสนกท้วงอีก
“ท่านเสนก ท่านก็มีอายุมากแลัว ควรจะทราบถึงวงสังสรรค์ของมนุษยชาติได้ดีแล้ว ศ าร่า
เทลนม่ได,'หมายก็งความเท่าเท'ยมกน์ แห่งวืย์ แห่งฐานะเป็นตนนั้นเลย หมายก็งฝูหรบไมตรึแล้วม่ไมดรตลบ สะ
ไข้ไมตรีเป็นส่อใหัคู'อาฆาตคลายใจ”
kalyanamitra.org
๑๘๗
จะพึงบำเพ็ญกรณีอะไรต่อไปอีกหรือไม่”
ดีดอ่านของมิตรด้วย”
“ท่านเสนก ท่านคงเคยพบเห็นบุคคลบางคนที่ได้ความเดือดร้อนเพราะมิตรมาบัางแล้วเป็น
"ไม่เคยดีดเห็นมาก่อนเลย เห็นจะเป็นเพราะความสุรุ่ยสุร่ายจับจ่ายบำรุงบำเรอมิตรสหายนั่น
แลเป็นเหตุสำคัญ”
“ที่ท่านเสนกกล่าวนั้นยังไมใช่เหตุแท้จริง” ท่านมโหสกติงพร้อมกับหันไปทางอีกสามอาจารย์
เหตุใด”
สามอาจารย์คงตอบเป็นใจความเช่นเดียวกับท่านเสนกคือ “ไม่เคยดีดถึงเรื่องเหตุในเรื่องนั้นมา
ก่อนเลย”
ท่านมโหสกจึงหันมาทางท่านเสนก “ท่านเสนก บุคคลที่ประลบความพินาศเพราะมิตรนั้น
แคบ”
“ข้าพเข้าไม่เข้าใจเลย พ่อบัณฑิต โปรดอธิบาย”
“ถูกละ ที่ท่านไม่เข้าใจ เพราะท่านไม่เคยดีดมาก่อน ก็เท่ากับขาดพื้นรับข้อที่ข้าพเจ้าพูด แล้ว
kalyanamitra.org
ไปใมทา*ท ไม่ด ไม่*าม ประสบความเสยหายร'ไซแร*ก็ม่ "
“บุคคลในโลกนั้ ย่อมม่อัซยาด่ยและความทอใจค่า* ๆ ก้น บา*คนม่อัธซาด่'ยประณ์ตหน''กแม่น บา*
ท่านพูดชวนสง๙'ยเหลึอเกิน”
“เชิญท่านเชิด ข้าพเจ้ายินดีจะรับข้อด้านของท่านเสมอ” มโหสถใหโอกาส
“ที่ท่านว่าพอใจในทางเสื่อม ทั้งที่รู้ว่าเป็นทางเสื่อมก็มีนั้น เห็นจะไขว้เขวเสียแล้ว เพราะดาม
ธรรมดาสามัญชนย่อมมุ่งความเจริญแก่ดนทั้งนั้น ไฉนเล่าเมื่อรู้ว่าเป็นทางเสื่อมแล้วจึงจะพอใจอยู่ได้ ”
“ท่านเสนก ไม่น่าจะสงสัยเลยทีเดียว บุคคลบางจำพวกพอใจในทางเสื่อมทั้ง กุ ที่รู้แจ่มแจ้ง
เหตุนั้นผู้ที่พอใจในความเสื่อมทั้ง *1 ที่รู้จึงยังมีอยู”่
ท าคาไมเจ/ญใม่มนใด่ก็ม่ ”
“ทฤตการณ์ค่า* ๆ ขอ*บุคคลทใกลขดนั้น ๆ เปีนแอ*ไไม่ม่ปกุ/กุ/ไสนใจคนคาไซดก'อใบ'ไต่'ตลอด
kalyanamitra.org
๑๘๙
ก็ด้อ)อัมคาามคดอ่าม่ขอ)ม่ฅรโห่ได้"
อาศัยกัน”
“ถูกแลัว เป็นการกัอยทึลัอยอาศัยกัน เราเรียนของเขา เขาเรียนของเรา” ท่านมโหสถกล่าว
คลัอยตามแลัวแย้งในที่สุด "แด่คาามคดขอ)เราทเป็ม่รห่ส ด้อ)ระม่ดระวั)ไม่'คารมอกแก่ผูอ่ม่ ”
ความท้'นที
“เช่นนั้น ความลับของตนบอกแก่ผู้อื่นไม่ได้” ท่านมโหสกยืนยัน
“สาธุ” อาจารย์ทั้งสี่เปล่งเสียงออกมาเหมือนนัดหมายกันไวั
kalyanamitra.org
๒๕. คาดโทษถงตาย
“เป็นอย่างไรคุณทั้งสาม เรากะไม่ผิดเลย ท่านเสนกเอ่ยอย่างเปรมใจกับคณะ ภายหลังจากได้
อำลาท่านเสนาบดีมายังบ้านของตนแล้ว “แผนการของเราด้องเป็นผลสำเร็จแน่นอน คราวนี่แหละมโหสถ
เฉพาะหนัา
“ท่านอาจารย์ครับ” ท่านเทวินท้เรียก “โปรดระงับอารมณ์ลงบ้างเถิดครับ เพียงแต่เห็นเงา
ของความสำเร็จก็โปรดอย่าเพิ่งเข้าใจว่าเงากับตัวเป็นอันเดียวกันไป โดนเงาที่หลอกได้เข้าจะ:เสียใจยิงนัก
นะครับ”
“เอ คุณนี่ ก็เห็นแลัวมิใช่หรือว่าเงาอันใดฉายอยู่” ท่านเสนกกล่าวเสียงด้ง “เงาฉันใดตัวก็ฉัน
นั้น ตัวฉันใดเงาก็ฉันนั้น”
ไปตามความคิดอ่านของท่าน เพราะดูจะเข้าทีอยู่มากทีเดียว”
จากอุ้งมือของมโหสถมาได้อย่างไม่นึกไม่ฝัน ”
ท่านเสนกค่อยชี่นบานชื้น พลางซักชวนกันไปเฝืาพระเจ้าวิเทหราชในขณะนั้น โดยการขอพระ-
kalyanamitra.org
(ธิ)๙®
วิเทหราชมีพระดำรัสถาม
“ขอเดชะ ใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าๆ” ท่านเสนกกราบบังคมทูล “ข้าพระพุทธเจ้า
ทั้ง ๔ นี้ ใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาทย่อมทรงทราบในพระทัยเป็นอันดีอยู่แล้วว่า มีความมุ่งหวังที่จะฉลอง
ชนวนชวนให้เกิดความไม่ผาสุกแด่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว ก็จำต้องรีบด่วนชวนกันมาเฝืากราบบังคม
ทูลทันทีพระพุทธเจ้าข้า”
“ขอบใจมากท่านอาจารย์” ตรัสด้วยทรงพอพระท้ย “บัดนี้มีเรื่องอะไรเล่า เชิญท่านบอกเถิด”
ราชทานอภัยโทษแก่ข้าพระพุทธเจ้าด้วยเถิดพระพุทธเจ้าข้า”
มิได้คาดคิดคะเนเอาว,ามโหสถได้รับตำแหน่งใหญ่คงจะคิดกำเริบเติบสารต่อไปพระพุทธเจ้าช้า มีหลักฐาน
ที่จะกราบทูลพระกรุณาให้ทรงพิสูจน์ได้ด้วยพระปรีชาญาณพระพุทธเจ้าข้า”
ธุลีพระบาททรงทราบตระหนกในพระหทัยเป็นอย่างดี จะยังคงทรงไว้วางพระราชหทัยให้คงรับพระราชกิจ
ใกล้ชิดใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทอยู่หรือพระพุทธเจ้าข้า”
“คนมีลับลมคมใน จะไว้วางใจได้ที่ไหนเล่า” ตรัสตามที่ทรงประจักษ์ “คนอย่างนั้นก็คือคน
ที่เก็บเอาความเป็นศัตรูเข้าไวิในใจน่าซีท่านอาจารย์”
kalyanamitra.org
๑๙๒
พระราชดำรัสที่ว่าเป็นคนเก็บความเป็นศัตรูเข้าไวํในใจพระพุทธเจ้าข้า”
“แต่....มโหสกไม่มีลับลมคมในนึ่นา” ตรัสยืนยันมั่นคง
จะทรงทราบด้วยพระปรีชาญาณพระพุทธเจ้าข้า ”
“จะให้ฉันทตลองด้วยวิธีไหน ถึงจะรู้ความมีลับลมคมในของมโหสก” ตรัสซัก
ก็เห็นด้วยเกลัาฯ ว่าใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาทจะทรงพบความมีลับลมคมในอันแฝงอยู่ในส่วนลึกของมโหสก
เหมือนเห็นพระฉายาลักษณ์ของใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาทปรากฎในพระฉายทีเดียว”
“ถามเพียงเท่านึ่จะรู้ได้อย่างไร ท่านอาจารย์” ตรัสซักอีก
มีความคิดอันเป็นฝ่ายตรงข้ามกับได้ฝ่าละอองธุลีพระบาทแฝงอยู่ เพราะการเก็บความคิดอ่านทีเป็นข้อเร้นลับ
เสนาบดีของพระองค์
เป็นพระราชปริศนาในท่ามกลางสันนิบาต จะทรงประจักษ์แก่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทฝ่ายเดียวพระพุทธ
เจ้าข้า” ท่านเสนกกราบทูลเหมือนท้าพระเจ้าวิเทหราช
“ดีละ ฉันจะลองดูอย่างนั้น” ตรัสตกลง “รอให้มาพร้อม ๆ กันก่อนจะได้ลามหลาย รุ คน”
ด้งนั้น วันหนึ่งโอกาสแห่งป้ญหานั้นก็มาถึงแก'อาจารย์ทั้ง ๙ ท่านเสนาบดีหนุ่มแห่งวิเทหราช
และข้าราชบริพารเฝืาตามตำแหน่งในท้องพระโรง พระเจ้าวิเทหราชประทับเหนือพระราชอาสน์ภายใต้
พระมหาเศวตฉัตร ตรัสบริหารพระราชกรณีนานาเสร็จสิ้นแลัว มีพระดำรัสกับบัณฑิตทั้ง ๕ ทันที “ท่าน
kalyanamitra.org
๑ธโ'ธา
แผนการณ์ทำลายล้างของตน
พระเจ้าวิเทหราช ตรัสแถลงพระอัธยาศัยของพระองค์ทันที
“ภริยาใต เป็นหญิงทรงศีลทรงสัตย์ ผู้อื๋นจะล่วงลํ้ากํ้าเกินไม่ได้ โอนอ่อนผ่อนตามความพอใจ
แด่ภริยานั้น”
พระราชดำรัสทั้งนั้ เป็นที่ทราบกันในบรรดาเสวกามาตย์ว่า ทรงหมายถึงพระนางอุทุมพรเทวี
ท่านเสนกได้สดับแล้วก็กระหยิ่มใจเป็นอย่างยิง เพราะเห็นว่า “พระราชาเป็นฝ่ายตนแล้ว คราวนื้มโหสถ
เกล้าๆ ว่า”
“สหายใด เมึ๋อยามยากลำบากเดือดรัอน เป็นที่พึ่งได้ เป็นผู้ช่วยประคับประคองได้ เป็นผู้รับ
ฉาดฉาน
“พี่น้องคนใด จะเป็นพี่ชายใหญ่ พี่ชายรองหรีอน้องคนเล็ก แม้นเป็นคนดำรงในศีล จิตใจ
อย่างไร”
kalyanamitra.org
๑๙๔
ด้วยเกล้าฯ ว่า”
“มารดาเลี่ยงบุตรด้วยความซิ่นใจด้วยความรัก ควรบอกความลับทั้งที่เป็นข้อควรสรรเสริญแก่
มารดานั้น”
สูงนั้นแล้วหรือยังพระพุทธเจ้าข้า”
สายพระเนตรของพระเจ้าวิเทหราชนั้นคล้ายกับจะมีพระดำรัสยอมจำนน “ท่านอาจารย์กล่าว
ไว้จริงแล้ว ฉันเห็นแล้วเซึ่อแล้ว”
อาการกิริยาของพระเจ้าวิเทหราชและท่านเลนกทั้งนํ๋ไม่ได้ล่วงพันความสังเกตของท่านเสนาบดี
จะทดลองเราเท่านั้นเอง”
เวลานั้นดวงอาทิตย์อัสดงคตลับดวงไปแล้ว ความมืดขมุกขมัวปกคลุมพื้นพิภพทั่วไป ในท้อง
ไป ตลอดสรรพรัตนามาศอันเป็นเครื่องประดับประดาท้องพระโรงก็ดูหมองคลํ้า ประกอบเข้ากับความ
หม่นหมอง อันครอบครองพระหทัยของพระเจ้าวิเทหราชซึ่งแผ่กำจายออกสู่ปริมณฑลแห่งพระพักตร์
ผนวกเข้ากับความรู้สึกอึดอัดของท่านเสนาบดีในยามนั้น รวมทั้งความรู้สึกไม่สะดวก ในการที่จะกราบ
kalyanamitra.org
๑๙๕
ประทีปแขวนก็ได้ถูกจุดร้นแล้วอย่างแจ่มแจ้ง แม้กระนั้นก็หาได้บรรเทาประทังความมีดคลุ้มในบุคคลให้
หายไปไม่ ความไม่กระจ่างแจ่มแห่งใจ ท้าให้ทุก จุ สิงที่เห็นกลายเป็นมัวไปหมด มีหนำชํ้ายังมีความเงียบ
เดินออกจากท้องพระโรงโดยไม่มีผู้ใดทักท้วงหน่วงเหนี่ยวเลย
เล่าพระพุทธเจ้าข้า”
บุคคลที่ไว้วางใจไม่ได้”
คำเพ็ดทูลของคณะอาจารย์ได้ผลดังคาดหมาย ทำให้พระหฤทัยของพระเจ้าวิเทหราชสะดุ้ง
เหมือนพระวิจารณญาณของพระองค์ถูกความระแวงคลุมเลียหมดลน แล้วพระหทัยของพระองค์ทรง
น้อมไปตามคำเพ็ดทูลของคณะอาจารย์ทั้ง ๔ ตรัสกับท่านเสนกว่า “ท่านอาจารย์เลนกผู้บัณฑิต คราวนี่
เราจะทำอย่างไรกันดีล่ะ”
พุทธเจ้าข้า”
ประจำพระองค์ แก่คณะอาจารย์ทั้ง ๔
พระองค์ผู้สมมุติเทพเจ้าโปรดทรงวางพระราชหฤทัยเถิดพระพุทธเจ้าข้า” อย่าได้ทรงหวาดหวั่นพรั่นพรึง
kalyanamitra.org
® (ธิที่ ๖
ของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทสืบไปพระพุทธเชัาข้า”
กราบทูลแล้วก็เลยพากันถวายบังคมลาออกจากที่เฝืา ด้วยความยินดีปรีดาปานว่าได้ผ่านสมบัติ
บรมจักรพรรดิฉะนั้นเทียว
kalyanamitra.org
๒๖. ความลบรว
ท่านมไหสกเสนาบดี เดินออกมาจากพระราชฐานด้วยจิตชันหมกมุ่น คิดกึงด้อยคำของคณะ
อาจารย์ทั้ง ๔ ที่กราบทูลแด่พระเด้าวิเทหราช ด้อยคำทั้งนั้น ชวนให้คิดชวนให้ด้น เสนกกราบทูลว่า “ควร
การละ ความลับของคณะอาจารย์ไม่พ้นความรู้ของเราไปได้”
ตกลงใจแล้วท่านก็บัญชาให้บริวารเผยอลังข้าวนั้นร้น เอาเสื่อปุลงที่พื้นก่อนที่จะเข้าซ่อนตน
แลัวและมองตูรอบแลัว “ใครจะเป็นคนฆ่ามโหสกล่ะ”
“ผมเห็นว'าผู้ที่เหมาะสมแก่หน้าที่นั้น คือท่านอาจารย์ผู้เดียว” ปุกกุสะเสนอ พลางหันไปทาง
ของท่านเอง”
kalyanamitra.org
® (๗!
จัดแจงหุงด้มคดใส่ชามให้เสร็จ เชิญคุณเปิบกันตามสบาย”
“พุทโธ่ครับ” เทวินท์อ้อนวอน “พวกผมสติปัญญาไม่หลักแหลมเท่าท่านอาจารย์นี่ครับ ที่
ดำรงคงดีอยู่ได้ทุกวันนี่ก็เพราะท่านอาจารย์อุ้มชูไว้ ยิ่งด้วผมเองด้วยแล้วเป็นเช่นนั้นจริง รุ แม้นท่านอาจารย์
มิได้เป็นผู่ริเริ่ม หรือว่าอย่างไร”
“เทวินท์พูดถูกแล้ว” ปุกกุสะและกามินท์รับรองเป็นเอกฉันท์
“เมื่อคุณทุกคนมีความเห็นเช่นนี่ ก็ต้องเป็นอย่างนั้น” ท่านเสนกรับหน้าที่เป็นคนฆ่าท่านเสนาบดี
หรือว่าได้พบได้เห็นมา”
“ผมทำอย่างนั้น เพราะความลับของผมอยู่กับเพื่อน” ท่านเสนกสารภาพ พลางลามทั้งสาม
อาจารย์ถึงความลับที่ตนกระทำ
ครับ แล้วพวกผมจะเล่าให้ท่านอาจารย์พีง”
“มันเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ถ้าพระราชาของเราทราบเรื่องนี่เข้าแล้ว ผมเป็นต้องโทษประหาร
ซีวิตแน่นอน” ท่านเสนกบ่ายเบี่ยง
kalyanamitra.org
๑๙๙
ความรื่นรมย์อันสุดวิเศษคราวนั้น ยิงพิศแลัวยิ่งอยากจะได้เป็นสมปติของตนเลียจริง
ไม่ได้แลัวคุณเอ๋ย
แต่ความอยากเป็นเจัาของกรองศอเพชรสายนั้นเล่า ก็มีอำนาจหนักหนา มีกำลังเรียวแรงเป็น
ยิ่ง ทำให้ดวงใจผมมืดมิดไปหมด ด้องการแต่จะให้ได้มาเป็นสมบัติของตนเท่านั้น ความละโมบนั่นเที่ยว
ครอบงำจิตใจจนมืดมิด
ในที่ลุด ณ สุมทุมพุ่มพฤกษ์อันร่มรื่น และเป็นทีมิดชิดปิดบังนัยน์ตาของคนภายนอก เราได้
เลือกเป็นสถานที่อำนวยความอภิรมย์ระรื่นสุดแสนหฤหรรษ์ และแล้วความโลภอันรัายแรงด้งกล่าวนั้น
ได้เท่าไรนักหนา
ความโลภมีซัยทุกอย่าง บันดาลความปรารถนาแก่ผมแลัว กรองศอเพชรสายนั้นเปลี่ยนมาเป็น
kalyanamitra.org
๒๐๐
อย่าอิดเอื้อนทีเดียว”
“พวกคุณคงจะเคยได้เห็นคราวที่พระราชาทรงโปรดปรานผม มีพระกระแสรับสั่งเรียกผม
พวกเรา”
“เรื่องนึ่เป็นความลับนึ่งผมปกปิดหนักหนา นอกจากน้องชายแล้วไม่เคยบอกผู้ใดเลย เพิ่งจะ
เกี่ยวกับความมีซีวิดหรือความไม่มีซ็วิตของผม ล้าพระราชาทรงทราบก็หมายความว่าผมไม่มีซีวิตต่อไปละ”
ทั้งสามคนยีนยันจะช่วยกันปกปิดให้มีดเมัน แต่ไม่มีใครทราบว่ายังมีบุคคลอีกผู้หนึ่ง นึ่งไม่อยู่
ในวงของตน ได้กำหนดความลับนึ่ใว้อย่างแม่นยำ คือผู้ที่ทุกคนลิดว่า “ป่านนึ่คงกำลังหมกมุ่นมัวเมาด้วย
ศฤงคารบริวารยค” นั่นแหละ
kalyanamitra.org
๒๐๑
ทีเดียว นั่นแหละความลับของผมละ’,
“ทำไมผมจึงว่านั่นเป็นความลับของผม เรืองมีอยู่ว่าผมนึ่เป็นคนมีเวรมีกรรมประจำตัวมานาน
มหรสพกลบเสียงของผมซึ่งหอนเห่าอยู่อย่างสนั่นภายในห้องเรือน ลูกชายปกปิดความลับของผมไวัมิให้
แพร่งพราย”
“ท่านอาจารย์และคุณทั้งสองลองคิดตูเถิด ลัามีคนรู้ความลับของผมแล้ว จะเป็นอย่างไร ยิ่ง
เท่านั้นที่รู้ผมจึงกราบทูลดังที่เราทราบกัน”
เชิญคุณเล่าความลับของคุณเถิด”
“ท่านอาจารย์ไม,เตือนผมก็ด้องเล่าอยู่แล้ว” เทวินท้เสียงอ่อน “เมื่อท่านอาจารย์กับพรรคพวก
ล่มห้วกันแล้ว ผมก็จมท้ายด้วยเสมอ ไม่มีทางที่จะเอาตัวหลีกปลีกไปได้ ท่านอาจารย์เป็นผู้กำกับนาวา
ที่เราร่วมกันมา เป็นก็เป็นด้วยกันดายก็ตายด้วยกันซีครับ ”
kalyanamitra.org
๒๐๒
ให้มารดาเก็บไว้ดังเดิม”
จะทำลายบุคคลซึงเป็นผู้กีดขวางเรา ถึงกับทำให้เราได้รับความอัปยศอดสูแทบจะดูหนัาชาวมิถิลามิได้
มาด้วยกัน ครั้งนึ่เป็นครั้งสุดท้ายแต้ว พวกคุณอย่าได้ประมาทเลินเล่อเผลอไผลเป็นชันขาด พรุ่งนึ่ต้อง
ทุกคนรับคำของท่านเสนก แลัวก็พากันลุกขื้นแยกย้ายกันกลับบ้านเรือน
คณะอาจารย์ทั้งสี่พากันลุกไปหมดแต้ว คนของท่านเสนาบดีก็พากันมาเปิดถ้งข้าวพาท่านกลับ
บ้าน
เหตุการณ์ในวันรุ่งขื้น
kalyanamitra.org
๒๐ธา
เลย”
“โชั พรุ่งนึ่แลัว พรุ่งนึ่เข้า เราจะไม่ได้เห็นพ่อมโหสถผู้บัณฑิตต่อไปแล้ว”
พระนางอุทุมพรเสต็จเข้าประทับร่วมพระแท่น พระองค์ก็คงมีพระมนัสจมอยู่ในห้วงแห่งความเศรำแทบ
จะมิได้ทรงริ'สีกว่าบัดนึ่เหนือพระแท่นบรรทม มีบุคคลที่ ๒ มาร่วมด้วย
สมุฏฐานดึบไป “ความผิดพลาดของเราข้อหนึ่งข้อใดอันทำให้เป็นที่วะคายเคืองพระหฤทัยจะมีบ้างกระม้ง ”
กระหม่อมฉันขอประทานพระวโรกาสต่อพระทูลกระหม่อม ทรงพระกรุณาตรัสบอกเกลากระหม่อมฉัน
ทรงพระกรุณาตรัสเถิด ขอพระทูลกระหม่อมโปรดทรงระลึกดึงที่เกล้ากระหม่อมฉันไต้เคยกราบทูลพระ
กระหม่อมฉัน”
“เทวีของฉัน” ตรัสด้วยสุรเสียงแหบเครือ “เธอไม่มีความผิดอะไรดอกแต่ โอั-นึ่ฉันจะบอก
kalyanamitra.org
๒๐๔
สั่งให้ฆ่าเสีย”
ได้กระทำความผิดอันใดเล่าเพคะ”
“ฉันถามบัญหาเรื่องความลับควรบอกแก่ใคร” ตรัสเล่าความนั้น อุ แก่พระนาง “ทุกคนก็มี
คนที่ไวัวางใจความลับทั้งนั้น แต่พ่อมโหสถไม่บอกแก่ใคร เขาไม,ไว้วางใจใคร เก็บความลับไว้กับตนผู้
ฟ้าวันพรุ่งนึ่”
“ความจริงพ่อมโหสถกราบทูลเช่นนั้นก็แสดงว่าเป็นคนมีความลับลมคมใน ไม่น่าที่ทูลกระหม่อม
จะไว้วางพระราชหฤทัยยิ่งทำให้เป็นที่น่าระแวงหนักขื้น” พระนางตรัสคล้อยตามพระราชอัธยาศัย เพี่อ
โปรดทรงพระวิจารณ์ด้วยพระปรีชาเถิดเพคะ”
พระเจ้าวิเทหราชค่อยมีพระทัยคลายจากพระโทมนัสตรัสกับพระนางด้วยพระลุรเลียงเกือบ
ดังนึ่
“พ่อมโหสถ”
คณะบัณฑิตทั้ง ๔ ใส,ร้ายเธอ กราบทูลยุยงพระราชา พระราชากริ้วมาก ประทานพระแสงขรรค์
ให้พวกนั้นช่วยกันจับเธอฆ่าเลียที่ระหว่างประตูวังในวันพรุ่งนึ่ เพราะฉะนั้นวันพรุ่งนึ่ เธออย่ามาสู่พระ-
kalyanamitra.org
๒๐๕
มโหสถบัณฑิตน้องชายของเราเดี๋ยวนิ”้ แล้วพระนางก็เสด็จเข้าส่ที่บรรทม
ขอบพระเดชพระคุณในพระกรุณาของตนแด่พระนาง แล้วก็ให้นางข้าหลวงกลับ
ไว้เรียบรัอยแล้วเข้านอนต่อไป
kalyanamitra.org
๒๗. ส์บณฑิตติดกรุ
ว่า “อย่างไรก็ด้องฆ่ามโหสถในฟ้าวันนี่”
แต่รอ-รอ-จนกระทั่งดวงอาทิตย์อุทัย ท่านเสนาบดีก็ยังไม่มา ไม่เห็นท่านเสนาบดีผ่านฟ้ามา
เราก็ไม่ได้ฆ่า ความจริงก็เป็นเช่นนั้นมิใช่หรือครับ”
กว่าจะได้รับพระแลงขรรค์อาญาลีทธํ่เล่มนี่มา พวกเราต่างก็ยินดีปรีดากันที่จะได้เห็นผลสำเร็จประจักษ์
แต่เราจะทำอย่างไรกันต่อไป” เทวินท้รีบเปลี่ยนแนวทางไปเลียทางอน
“สายมากแล้ว มโหสถคงจะรัตัวกระมัง”
kalyanamitra.org
๒๐๗
“ท่านอาจารย์ทั้งหลายฆ่ามโหสถแล้วหรือ” พระเจ้าวิเทหราชมีพระดำรัสถามด้วยพระสูรเสียง
สั่นสะท้าน แสดงว่าทรงข่มพระทัยอย่างสูดพระกำลัง
ก็มีบัญชาสั่งโยธาที่อยู่ในอำนาจให้แยกย้ายกันไปทำการยึดพระนครมิถิลาไวิในอำนาจ ทั้งมีคำสังให้รัดการ
ป้องกันเหตุการณ์โดยรอบคอบ ทั้งนั้ดำเนินตามแผนการชึ่งได้จ้ดวางไว้อย่างเรียบร้อย ส่วนท่านเสนาบดี
ขื้นสู่รถคันงาม มหาชนชาวมิถิลาพากันห้อมล้อมเดินขบวนเข้าสู่พระราชวังจนถึงพระทวารหลวง
พระเจ้าวิเทหราชได้ทรงสดับเสียงครื้นเครงของขบวนที่ท่านเสนาบดีนำมาถึงพระทวารหลวง
ก็เสด็จลุกจากพระราชอาสน์เผยสีหบัญชรประทับยืนทอดพระเนตรจนขบวนเข้ามาถึงหน้ามุขเด็จ
ท่านเสนาบดีเห็นพระเจ้าวิเทหราชประทับยืนอยู่ด้งนั้นก็ลงจากรถถวายบังคมแล้วยืนอยู่ตรงนั้น
พระเจ้าวิเทหราชทรงทอดพระเนตรเห็นแล้วทรงพระดำริว่า “ล้ามโหสลนี่จะคิดเป็นเสื้ยนหนาม
ด้วย
ท่านเสนาบดีทราบพระกระแสรับสั่งแล้ว ก็เข้ามาสู่เฝ็า ถวายบังคมแล้วนั่งเหนืออาสนะดาม
ดำแหน่ง
พระเจ้าวิเทหราชทรงทำเป็นเหมือนมิได้ทรงทราบเหตุการณ์อะไร ตรัสกะท่านเสนาบดีว่า
“พ่อมโหสถ เมื่อวานนํ๋เจ้าไปตั้งแต่ยามต้น วันนิ้เพิ่งมาเตื่ยวนํ๋เอง ทำไมถึงได้ละเลยเราถึงเพียงนั”้
ข้าพระพุทธเจ้าจึงมิได้มาตามเวลาที่เคยเฝืาพระพุทธเจ้าข้า”
kalyanamitra.org
๒๐๘
เมือนั้นแหละพระพุทธเจ้าข้า ”
พอได้ทรงสดับเช่นนั้น ก็เข้าพระทัยท้นที “พระนางอุทุมพรเป็นผู้ลอบส่งข่าวไป” ทรงกริ้ว
หนัก หันพระพักตร์ทอดพระเนตรพระนางประหนึ่งว่าสายพระเนดรจะดึ่มพระโลหิตทุกหยาดจากพระ
พระอาการทั้งนึ่มิได้พ้นไปจากความรู้เห็นของท่านเสนาบดี ท่านกราบบังคมทูลพระเจ้าวิเทหราช
บอกแก่ผู้นั้นผู้นึ่ ก็มิได้พันไปจากความรู้ของข้าพระพุทธเจ้าเลยพระพุทธเจ้าข้า”
“ข้าพระพุทธเจ้าขอกราบทูลถวายแต่ได้ฝ่าละอองธุลีพระบาทถึงความลับของท่า,นอาจารย์ทั้ง
๔ เริ่มของท่านเสนกก่อน”
“เสนกได้ทำการอันข้วรัาย ซึ่งคนดีมีศีลธรรมกระทำไม่ได้ แต่เสนกทำได้ลงคอ ทำได้อย่าง
หินชาตินั่นคือ เสนกฆ่านางเวิวดี แพศยานางหนึ่งในนครนึ่ที่อุทยานสาลวัน เพราะความละโมบในเครื่อง
kalyanamitra.org
๒๐๙
ซัดว่าเสนกเป็นเสิ้ยนหนามแห่งราชบัลลังก์ แม้นใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาทมีพระราชประสงค์ด้วยผู้ที่เปัน
เสิ้ยนหนามแลัว ขอได้ทรงพระกรุณาโปรดใหัขับเสนกพระพุท.ธเจาข้า”
พระเจ้าวิเทหราชทรงทอดพระเนตรไปทางท่านเสนกทันที พลางมีพระดำรัสถามด้วยพระ
พอสิ้นพระราชกระแส ราชบุรุษสี,นายก็พากันเข้าถวายบังคมรอรับพระบรมราชโองการ
ไม่มีผู้ใดรู้ นอกจากน้องชายคนเล็กของเขา
ปุกกุสะเป็นผู้ท,ี ทรงยกย่องในตำแหน่งราชบัณฑิต และทรงมีพระดำรัสเรียกว่าท่านอาจารย์ตลอด
มา โดยมิได้ทรงทราบว่าเป็นคนมีโรคร้ายที่ไม่ควรจะเป็นราชเสวก และไม่ควรที่จะแตะต้องร่างกายของ
ขาของตนเป็นการหลอกลวงเจ้าเหนือหัวของตนเองอย่างน่าบัดสี
“อนึ่งเล่า หากความข้อนี่เป็นที่รู้ทั่วไป เพราะความลับของเขาได้เปิดเผยออกแล้วกับน้องชาย
kalyanamitra.org
๒๑
เดียว”
“เพราะเหตุดังที่ข้าพระพุทธเจ้ากราบบังคมทูลมา จึงได้เห็นด้วยเกล้าฯ ว่า ปุกกุสะมิได้ทรง
คุณธรรมสมควรแก่ได้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงพระกรุณายกย่อง ไนฐานะพระอาจารย์และในฐานะราช
วัลลภ ที่แท้มีอัธยาศัยเห็นแก่ตนเป็นใหญ่ คนเห็นแก่ตนเป็นประมาณเช่นนี้ หากทรงวางพระราชหฤทัย
จึงเป็นบุคคลที่เรียกได้ว่าอยู่ในฝ่ายตรงกันข้ามกับได้ฝ่าละอองธุลีพระบาทพระพุทธเจ้าข้า ”
คนบัาผีสิง”
“เวลาวันเต็มกาฬบักษ์จะมียักษ์ตนหนึ่ง ชี่อนรเทพเข้าสิงในกามินท้ ทำให้กามินท้ต้องเห่าหอน
เหมือนสุนัขบัา ลูกชายต้องเอาตัวขังไวัในห้อง แล้วจัดให้มีมหรสพที่ประตูบ้านเพื่อกลบเลียงเห่าหอน
ของบิดา”
“ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท โปรดทรงพระวิจารณ์บุคคลเช่นนี้ ควรละหรือที่จะเข้าสู่ราชตระกูล
ควรละหรือที่จะได้รับพระมหากรุณาธิคุณทรงยกย่องในฐานันดรคักดํ่อันสูงดังที่เป็นอยู่ ข้าพระพุทธเจ้า
กามินท์ไม่แพ้ปุกกุสะพระพุทธเจ้าช้า”
กามินท้คงได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เช่นเดียวกับสองอาจารย์ก่อน
ควรละหรือที่จะประพฤติตนเป็นคนขื้ขโมย”
“ข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยเกล้าฯ ว่า คณะอาจารย์นี้ช่างพอกันจริง กุ คนหนึ่งเป็นผู้ร้ายใจเหยม
kalyanamitra.org
1ธ ® ® 1
พระเจัาข้า”
เทวินท้คงด้องพระราชอาญาทำนองเดียวกับพรรคพวก
ความเหิมฮึกที่จะได้ฆ่าท่านเสนาบดีไม่มีเหลืออยู่ในใจของคณะอาจารย์ทั้ง ๔ แม้แต่น้อย ทุก *1
kalyanamitra.org
๒๘. สี่บณฑิตหมดพยศ
หฤทัยของพระเจ้าวิเทหราชซัดเจน
ด้งนั้นท่านเสนาบดีจึงได้กราบบังคมทูลยืนยันสืบไป “ขอเดชะ พระบารมีเป็นที่ล้นพัน ข้าพระ-
ต่อปว?ใยขน้ท่าแจแท่วน'นแหล? ท่าทูตตามสบาย”
“ทำไมจึงเป็นเช่นนั้นพ่อมโหสถ” ตรัสซักเพื่อจะทรงทราบให้ยิ่งชื้น
“ไม่ท่าเป็ตเผยความลับเป็นอันขาด
ท่าริกบาความลับนั้น ไวเหม่อนขุมทอา
ความลับ วญณูขนเป็ดเผยแล้ว
ไม่เป็นความตเลย,’
“นักปราชญ์ทุกยุคทุกสมัยไต่ให้คติแห่งความลับไว้เช่นนื้ พระเจ้าข้า”
“พ่อบัณฑิต ความลับนั้นมีบทบังคับว่าต้องปิดดายคัวทึเดียวหรือจะเปิดเผยแก่ใครบัางไม่ได้
ละหรือ” ตรัสซัก
“จะเปิดเผยก็ได้พระพุทธเจ้าช้า” กราบทูลรับ “แต่ต้องเลือกบุคคลที่จะเปิดเผยให้ล่องแท้ ซึ่ง
เป็นกิจที่กระทำได้ใม่ง่าย เพราะในการเปิดเผยความลับนั้นมึบทบังคับไว้ว่า”
kalyanamitra.org
๒๑(ก
"บัณฑิต โม่ทงงล่าความลบแก่'บุคคลIหล่าม คอ
๑. สต!
๒. ฝูทไม่ใข่มต!
๓. คมทขอบอาม่ล
๔’. คมทแฝงความต้องการไว1ไมหัวใจ”
“ทำไมต้องเว้นบุคคลเหล่านั้นด้วย พ่อมโหสถแถลงได้หรือไม่”
“ได้พระพุทธเจ้าข้า” ท่านเสนาบดีกราบทูลแถลง “ที่ไม่ให้ความลับแก่สตรีนั้น เพราะสตรี
สรรเสริญไม่น่าจะด้องปิดบังใคร คังนึ่ก็มี”
“อนึ่งเล่าพระพุทธเจ้าข้า บรรดาสตรีเป็นอันมากยากที่จะดำรงในความมัธยัสถ์ คือ วางตนเป็น
กลางระหว่างรักกับซัง มักเอนไปทางใดทางหนึ่งเสมอ อาการที่จิตใจเอนน้อมไปทางใดทางหนึ่งเช่นนึ่
ย่อมยากแก่การรักษาความลับ เพราะเป็นจิตใจที่ปราศจากความหนักแน่น”
“บุคคลที่ควรเว้นจำพวกต่อไป คือคนที่มิใช่มิตรนั้นไม่มีบัญหาใด เพราะคนเช่นนั้นเป็นผู้ที่
พระพุทธเจ้าข้า”
“ยากจริงหนา พ่อบัณฑิต” ตรัสด้วยพระหฤทัยที่คล้อยตาม “จะหาใครที่ควรบอกความลับได้
ยากจริง รุ”
“เป็นเช่นนั้นพระพุทธเจ้าข้า” กราบทูลสนอง “ครั้นได้บอกออกไปแล้วเล่าก็ต้องลำบากอีก
เพราะผู้ใดรู้ความลับที่คนอื่นไม่น่ารู้ของตนแล้ว ต้องอดทนเหมือนดังตนเป็นทาสของผู้นั้นทีเดียว เพราะ
กลัวความคิดของตนจะแพร่งพรายไป ”
“ใช่ว่าบอกความลับไปแล้ว แม้แก่บุคคลที่วางใจได้จะเป็นอันหมดธุระหามิได้ การที่บอกออก
ไปเพราะผู้ที่ทวาบความคิดอันเป็นข้อเรันลับของบุรุษมีจำนวนเท่าใด ความสะด้งหวาดเสียวก็ย่อมมีแก่
kalyanamitra.org
๒๑๔
การปฏิบ้ติด่อความลับจึงมีทางเดียวคือ ไม่บอกใคร”
“อนึ่งเล่าพระพุทธเจ้าข้า แม้นมีคู่คิดคู่ร่วมในความลับ มีส่วนได้ส่วนเสียในความลับนั้นเท่า *1
และสถานที่ดังน’
“ถ้าจะพูดความลับกันในเวลากลางวัน ต้องหาที,สงัดปกปิดมิดชิด
ด้าจะพูดในเวลากลางคืน ต้องไม่เปล่งเสียงให้'ดังเกินขอบเขต
ต้องเข้าใจว่าผู้ที่แอบฬงความลับคอยฬงอยู่เสมอ ถ้าคนเหล่านั้นได้ยินแล้ว ความคิดอ่านที่เป็น
เรื่องลับนั้น ย่อมถึงความแตกกระจายไปทันที”
“ขอเดชะ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าฯ ตามที่ข้าพระพุทธเจ้าได้กราบบังคมทูลพระกรุณา
มา ในเรื่องราวของความลับอันมีบทบังคับไวัอย่างไร เพื่อได้ทรงทราบใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว คง
จะได้ทรงดำริเห็นในยามยากเป็นล้นเกล้าฯ ในการที่จะกล่าวความลับแก่ใคร *1 แม้แก่บุคคลที่มีล่วนร่วม
ในความคิดอ่านอันเป็นข้อเร้นลับเล่า ก็ยังต้องเลือกกาลเลือกสถานที่เพราะเหตุนี้ ข้าพระพุทธเจ้าจึงได้
สี่แยก เพื่อให้มหาชนชาวพระนครได้เห็นเป็นแบบอย่าง
ท่านเสนาบดีมโหสถยังคงอยู่ ณ ที่เฝืา ได้ฬงพระดำรัสสั่ง ก็มีใจกรุณาแต่จะกราบทูลขอพระ-
kalyanamitra.org
๒๑๕'
พระราชทานพระมหากรุณาธิคุณแต่ใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาท โปรดพระราชทานอภัยแก่อาจารย์เหล่านั้น
เถิดพระพุทธเจ้าข้า”
“ได้ซิ พ่อบัณฑิต” โปรดเกล้าฯ พระราชทานรับสั่งให้ราชบุรุษรีบไปบอกแก่คณะราชมัลทันที
ทั้ง ๔ กลับไปเฝ็าเดี๋ยวนึ”่
“เห็นจะเป็นเพราะท่านเสนาบดีกราบทูลขอพระกรุณาไว้’, ท่านราชมัลกล่าวด้วยอาการคาดคะเน
“เ'โ แเช่นนั้น ท่านคาดถูกทีเดียว” ราชบุรุษสนอง “เป็นยอดคนแท้ ๆ ท่านเสนาบดีของเรา
“ล้าเช่นนั้นจงอย่าพากันอยู่ในแว่นแคว้นของเรา” มีพระราชดำรัสสั่งบัพพาชนึยกรรม
kalyanamitra.org
๒๑๖
kalyanamitra.org
๒๙. ผู้สำเร็จราชการวิเทหร็ฐ
พระเจ้าวิเทหราชทรงมีพระหฤทัยโสมนัส และทรงเลื่อมใสในคุณสมน์ติของท่านเสนาบดี
เป็นอย่างยิ่ง ทรงพระดำริในพระมนัส “มโหสถบัณฑิตมีความรอบรู้ในสรรพกิจต่าง *1 ทั้งเป็นผู้มีอัธยาศัย
ไปถืงบ้านหนึ่ง พบตาแก่คนหนึ่งนั่งบ่งหนามไปพลางปากก็แช่งไปพลางว่า
“ขอให้บัญจาลราช ถูกลูกศรเลียบในสงครามเจ็บปวดเหมือนข้าถูกหนามยอกเทัาอยู่บัดนึ่เถิด”
เจ้าบัญจาลราชได้ยินก็ให้ปุโรหิตไปซักถามแกดู ปุโรหิตเข้าไปพูด'กับตาแก่นั้นว่า
ตาแก่แกกลับว่า
kalyanamitra.org
๒®๘
ตะโกนโหวก รุ อยู่ว่า
“ใหับ้ญจาลราชต้องหอกในสงคราม นอนแน่นึ่งอย่างน่าสังเวชเหมือนไอ้สาลียะ (วัว) ถูก
บาดแผลนอนอนาถอยู่บ้ดนึ่เถิด”
kalyanamitra.org
1ป็ ส 6^
เล่า”
ชาวนาโต้ “แกเอ๋ย เป็นการถูกต้องของข้าแล้ว ดูซ็แก! ดูความผิดของพระราชา ประชาชน
ไม่เป็นอันกินอันนอน เดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้าทีเดียว รู้ไหมเล่า ในแผ่นดินของราชาองค์นี่มนุษย์ไม่มี
ศีลธรรมซักชวนกันมามั่วสุมมากมาย เอ้าเชิญพิจารณานางคนล่งข้าวของข้าอุตส่าห์ลุกขื้นหุงข้าวแด่เช้าตรู่
อยู่บ้ดนี่เถิด”
ราชา”
“แน่นอน บ้ญจาลราชเป็นผู้สั่ง” คนรีดนมเถียง “แกคิดดู โคของข้า ข้ารู้'ตัวไหนเป็นอย่างไร
“ให้บ้ญจาลราชต้องพลัดพรากจากลูกจากเมีย วิ่งวกวนรำไห้เหมือนแม่โคถูกเขาพรากลูกไปฆ่า
วิ่งร้องหาลูกอยู่ไปมานึ่เถิด”
kalyanamitra.org
๒๒
บ้านเมืองของบ้ญจาลราช แม้แต่ลูกวัวยังไม่ทันหย่านมก็ถูกเจ้าพนักงานจับเอาไปฆ่าเอาหนังทำฝักดาบ
อนาถไหมท่าน นี่ความผิดของใคร ความผิดของเจ้าโคหรือของพระราชา หากพระราชาปกครองบ้านเมือง
ราชาว่า
“ให้ป้ญจาลราชพร้อมลูกถูกฆ่าในสงคราม ถูกฝูงการุมจิกเนี่อกินเหมือนพวกเราเกิดในแดน
ปา ถูกฝูงกาเกิดในแดนบ้านจิกกินอยู่ในวันนี่เถิด"
ราชา”
kalyanamitra.org
๒๒๑
แก้ไขเป็นการใหญ่ ให้ความร่มเย็นกลับคืนมาสู่แว่นแคว้นแตนดินสืบไป
“พ่อมโหสก เรื่องนฉันได้คำนึงอยู่เป็นนิตย์ เห็นว่าการปกครองบ้านเมืองเป็นภาระอันไม่เบา
เลย ทุกสิ่งที่เป็นความดี ได้กันทั่วบ้านทั่วเมือง ถ้าเป็นความเข็ญขุ่นเคือง ได้แก่พระราชาองค์เดียว อะไร
ที่เป็นผลเสืยหายแล้ว เหตุมาจากพระราชาทั้งนั้น ดูข็พ่อ หนามยอกเท้าเพราะพระราชาไม่ดี ลูกสาวไม่มี
เป็นการยากนักที่จะหาหลักประกันมิให้เป็นเช่นกล่าวนั้น *1 เพราะแมัแต่ผัที่ได้รับยกย่องเชิดชูเป็นหนักเป็น
หนา ดำรงในยศคักดํ่อัครฐาน เช่นอาจารย์ทั้ง ๔ ก็ยังอดมีความโสมมอยู่เบื้องหลังมิได้ จะไปวางใจผู้ใด
ได้เล่าพ่อเอ๋ย”
“ฉันหรึอ ว่าโดยอัธยาศัยที่แท้จริงแล้ว ก็มุ่งหมายอย่างยิ่งที่จะเห็นความเจริญรุ่งเรืองของแว่น-
แคว้น ปรารถนาเป็นที่สุดที่จะได้เห็นความร่มเย็นเป็นสุขแผ่ไปในประชาชน เพื้อความมุ่งหมายอันนั้น
ฉันยอมได้ทุกอย่างทีเดียว ขอแต่ให้บ้านเมีองและประชาชนมีความเจริญรุ่งเรืองเท่านั้น เมื่อบ้านเมือง
ในการรัตการบ้านเมือง คือเป็นผู้สำเรืจราชการวิเทหรัฐ
kalyanamitra.org
๓๐. จดการบานเมอง
จำเดิมแด,ได้วับมอบอำนาจสิทธิ้ขาดในการบ้านเมือง เป็นผู้สำเร็จราชการวิเทหวัฐแล้ว ท่าน
ทรงไว้วางพระทัยมอบหมายอำนาจสิทธํ่ขาดแก่เราก็ไม่มีผลพิเศษอันใด ทั้งการที่ทรงยกย่องเราในฐานะ
ชัยไอศวรวย์ของพระเจ้าเหนือหัวไวัมิให้เกิดอันตรายได้ จะมัวเมาประมาทมิได้เลย”
ท่านดำเนินงานตามความคิดนั้นทันที เพราะได้วับมอบอำนาจสิทธิ๋ขาดอยู่แล้ว แมัจะไม่ด้อง
กราบทูลแต่พระเจ้าวิเทหราชก็ดำเนินการได้ตามความคิด
ในประการแรก ด้องคิดการป้องกันพระนครให้มั่นคงก่อน ก็าแพงและป้อมชี่งได้'ช่อมกันเรื่อย
kalyanamitra.org
๒๒ธา
ถัดจากกำแพงนั้นให้ขุดคูกว้างและลึก แต่เป็นคูแห้งเต็มไปด้วยเครื่องกีดขวางและหนามเป็นด้น
ในยามปกติ
มิถิลานครได้รับการสร้างเสริมร้นใหม่อย่างมั่นคง สามารถจะทนทานต่อการโจมดีจากกองทัพ
อันเกรียงไกร แม้จะมีจำนวนมากมายได้ เป็นที่อุ่นใจของประชาชนทั่ว *1 ไป
เมื่อจัดการป้องถันข้าศึกที่จะมาจากภายนอกเรียบร้อยแล้ว ท่านผู้สำเร็จราชการก็เริ่มงานพัฒนา
ก็ให้จัดการซ่อมแปลงแต่งใหม่ให้งดงามมั่นคงถาวรสืบไป พื้นที่ดรงไหนเป็นที่ว่างเปล่าและกว้างขวาง
มิให้บกพร่อง เพื้อป้องกันเหตุการณ์ในเมื่อเกิดมีข้าศึกมาล้อม
ที่เคหาสน์ของท่านมีดาบสมาพำนักจากหิมพานต็ เป็นที่คุ้นเคยสนิทสนมกันมีอยู่เป็นอันมาก
ท่านได้ขอร้องดาบสเหล่านั้นให้นำเหง้าบัวต่าง รุ จากหิมพานต็ประเทศมาปลูกไว้ในสระทั่ว รุ ไป
ปฏิกูลออกไปภายนอกพระนครสู'แม่นํ้าได้สะดวก ท่าให้บัานเมืองสะอาดสะอัานปราศจากสิงสกปรก
ท่าการซ่อมแปลงให้คงคืนเป็นที่พำนักอาศัยได้ด้งเดิม พร้อมทั้งจัดเจัาพนักงานคอยดูแลผู้คนที่ไปมาพัก
อาศัย ตลอดถึงจัดให้เจัาหนัาที่ดูแลเอาใจใสในคนกำพร้าอนาถาและผู้หญิงมีครรภ์ให้ได้รับความสะดวก
สบาย ไม่ต้องเดึอดร้อนด้วยการกินอยู่หลับนอน
เมื่อได้จัดการเสร็จเรียบร้อยเช่นนิ้แล้ว พระนครมิชิลาก็เป็นเมืองที,มั่นคงสะอาดงดงาม ประชาชน
kalyanamitra.org
๒๒๔
ไปทั่วทุกเขตแคว้นแดนชมพูทวีป เป็นเสียงที่เป็นสึ่อซักนำพวกพ่อค้าให้เร่งขนสินค้ามายังมิถิลานครเพื่อ
เปลี่ยนเป็นเหรียญกษาปณ์ แล้วก็นำเหรียญกษาปณ์นั้นเปลี่ยนเป็นความสนุกสนานสำราญรื่น ซึ่งมิถิลานคร
ค้อนรี'บด้วยความซึ่นบาน
ท่านผู้สำเร็จราชการมโหสถ แม้จะเห็นผลงานในการพัฒนาปรับปรุงบ้านเมืองสำเร็จโดยรวดเร็ว
และเห็นประชาชนพากันเกษมสุขเช่นนั้นแลัวก็ตาม ยังมิวายที่จะคิดถึงการภายนอกแว่นแคว้น ท่านดำริ
และทุกครั้งที่พบกันท่านก็ถามด้วงเอาความเป็นไปในแว่นแคว้นแดนดินของพ่อค้าเหล่านั้น ตลอดดึงพระราชา
ของแคว้นนั้น รุ เพื่อทราบพฤติการณ์ด่าง รุ ในที่สุดก็ลงเอยด้วยการถามสิงของยันเป็นที่ต้องพระทัยขธง
แก่การดำเนินงานของท่านผู้สำเร็จราชการเป็นอย่างดี
จากการสอบถามบรรดาพ่อค้าที่มาจากต่างแดน ท่านผู้สำเร็จราชการมโหสถได้ทราบถึงความ
ที่ได้จัดทำนั้น รุ เป็นวัตถุประกอบสำคัญในการที่จะส่งบุรุษของท่านเข้าไปลู่สำนักทั่วชมพูทวีป
“สหายผู้ร่วมงานของข้าพเจ้า"
ที่ได้เชิญพวกท่านมาประชุมครั้งนั้ ความมุ่งหมายก็เพื่อจะส่งพวกท่านไปยังราชสำนักต่าง รุ
kalyanamitra.org
๒๒๕
าธีการดำเนินกาวและกาลเวลา
๒. ทุกท่านจงปกปิดฐานะของตน อย่าให้ใครรัเป็นชันขาดว่าท่านไปจากมิถิลานคร
๓. ท่านผูใตจะต้องไปยังนครใด ข้าพเจ้าได้จัดไว้แลัว
๔. เมื่อท่านไปถึงแลัว จงพยายามที่จะสมัครเข้าเป็นอำมาตย์ของพระราชาในนครนั้นให้จงได้
๕. ความพยายามในการที่จะทำให้พระราชาในนครนั้น ยุ วางใจในกิจการต่าง ยุ ถึงกับได้รับ
ตำแหน่งราชวัลลภ เป็นมุ่งหมายชันเป็นยอดปรารถนาความ
๖. ข้าพเจ้าได้เตรียมเครื่องราชุปโภค ชันเป็นที่ด้องพระท้ยของพระราชาในนครนั้น ยุ ไว้เรียบรัอย
แลัว เพื่อพวกท่านจะได้นำไปเป็นบรรณาการถวาย จักได้รับความโปรดปรานจากพระราชานั้น ยุ และ
จักไต้เป็นเครื่องนำทางให้ท่านได้เป็นข้าเฝ็า
๗. เมื่อท่านได้เป็นช้าราชการในราชสำนักนั้น ยุ แลัว จงพยายามที่จะทราบความเคลื่อนไหว
หรีอความคิดอ่านให้ได้
๘. หากได้ทราบอย่างไรแลัว จงรายงานถึงข้าพเจ้าโดยเร็ว
๙. พวกท่านด้องพากันอยู่ในนครนั้น ยุ จนกว่าข้าพเจ้าจะเรียกกลับ
kalyanamitra.org
๒๒๖
ทั้งนึ่เป็นหน้าที่ที่พวกท่านด้องปฏิป่ติ ขอให้ข้าพเจ้าได้มั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่อันสมบูรณ์
ของพวกท่านเทอญ
สหชาติโยธาทั้ง ๑๐๑ ต่างพากันรับรอง และต่างแสดงความรู้สึกภาคภูมิอย่างยิ่งที่ได้รับมอบ
หน้าที่อันสำคัญ ทั้งต่างให้ปฏิญาณอันแน่วแน่ในการที่จะปฏิป่ติหน้าที่มิให้บกพร่อง
ท่านผู้สำเร็จราชการเต็มตื้นไปด้วยปีติปราโมทย์ในคำรับรองของสหชาติโยธา จึงเรียกเข้ามา
ทีละคน ระบุนามที่ด้องไปแล้วมอบเครึ่องราชูปโภคอันเป็นที่ด้องอัธยาศัยของพระราชานครนั้น ครั้น
เสร็จแล้วก็กล่าวคำอวยชัยให้พร และให้เตรียมตัวออกเดินทางได้ทันที
ตั้งแต่บัดนั้น ราชสำนักทั่วชมพูทวีป ก็มี "บุรุษแฝง" เข้าไปรวมอยู่ในหมู่เสวกามาตย์ทุก 1
ของนครนั้น *1 มิได้รอดทันไปจากความรู้เห็นของท่านผู้สำเร็จราชการแห่งวิเทหราชเลย
บุคคลสำคัญของท่านผู้สำเร็จราชการอีกผู้หนึ่งที่ควรจะได้กล่าวถึงไวั ณ ที่นึ่ เพราะผู้นึ่เปัน
ทีเดียว
กรณียะต่าง *1 ที่สุวบัณฑิตได้ปฏีป่ติอันเป็นคุณแก่วิเทหรัฐ และเป็นอุปการะแก่ชมพูทวีปมี
ราชการมโหสถ ปรีชาอันยอดเยี่ยมของท่านได้เป็นที่ทราบกันกระฉ่อนทั่วทวีปชมพู
จบภาคทั้ ๑
kalyanamitra.org
kalyanamitra.org
ภาคท
มิถิลาเผชิญศก
สุภาน็ดประจำภาค
X พ่56 0116* ร110น1ช 30001111111511 1115 ชนIX 11131 ถ0เ 7^ 00๓6, 11111110118 ‘1-61 1101
?นณ!'6 ชนเX I16V6I■ 1131-ช 111 1116 111116 0โ ณ31 0นธึ11เ ณ ๖6 ช0ถ6.
kalyanamitra.org
๓๑. ร์ชทายาทแห่งป๋ญจาละ
เหนือร้นไปจากวิเทหร้ฐ อาณาจักรแห่งความร'มเยิน ภายได้การปกครองแทนพระองค์ พระเจัา
เกรียงไกรแห่งแสนยานุภาพและความลามารถอันยิ่งยง
ที่ราบลุ่มนํ้าคงคา เหนือวิเทหรัฐร้นไปประมาณ ๑๐๐ โยชน์ เป็นผืนแผ่นดินอันกว้างใหญ่ไพศาล
รู้สึกนืกดิดของประชากรได้ จึงย่อมเป็นที่พึงพอใจของทวยราษฎร์ลันเหลือ
พระเจ้ามหาจลนี ทรงมีที่ปรึกษาราชการ ดำรงตำแหน่งปุโรหิตอีกผู้หนึ่ง มีนามว่า ฉัพภิพราหมณ์
ได้ถวายคำปรึกษาหารือในแนวทางความรุ่งเรืองของแว่นแคว้นด้วยดี พระเจ้ามหาจุลนีทรงโปรดปราน
ท่านฉัพภิพราหมณ์เป็นอันมาก ชึงช์นทรงยกเป็น ราชวัลลภาจารย้ ทีเดียว
kalyanamitra.org
๒๓๑
โอกาสที่จะบรรจุผู้อื่นลงไปได้อีก หากว่าจะมีผู้สมัครจะฝังตนลงในพระท้ยของพระนางด้วยฐานะอันสมควร
โอกาสในพระท้ยย่อมพอและพร้อมที่จะบรรจุไว้ ทั้งนั้จะเป็นเพราะแรงรักของพระเจ้ามหาจุลนีมีในพระ-
แห่งฐานันดรศักดํ่อันสูง
kalyanamitra.org
๒๓๒
เสียงที่ตรัสแต่ละคำนั้นเล่า ก็เคล้าเคลือบด้วยมธุรสอันเอมโอชผ่านโสตประสาทของท่านพราหมณ์จํ่จรด
เป็นเหมือนบังเอิญในบางครั้ง ความละมุนละไมแม้แห่งปลายนิ้วพระบาทก็มีพิษสงพอที่จะแยกผิวกาย
ของท่านพราหมณ์ให้โปร่งเป็นทางไหลแห่งกระแสสรีรสัมผัสเข้าจรดกระดูก แล้วชำแรกกระดูกออกจน
พรุน เข้าถึงเยื่อในกระดูกทีเดียว ศรของพระนางที่มแทงท่านพราหมณ์อยู่เป็นนิจ “ศรพระเนตรตรึงตรา
กำหนดหัวใจของท่านพราหมณ์ไว้อย่างแน่นเหนียว ท่านพราหมณ์ต้องพยายามที่จะได้พบโอกาสซึ่งตน
พฤติกรรมอันทรามของท่านปุโรหิต- และพระนางสลากเทวีได้ถูกปกปิดเป็นความลับอยู่ในตอน
ด้วยอัน ในที่สูดก็ทรงทราบถึงพระเจ้ามหาจุลนี
พระเจ้ามหาจุลนีทรงทราบข่าวอันน่าบัดลีนิ้ และทรงกำหนดจับอาการเคลื่อนไหวในกาลต่อมา
เพราะบุคคลทั้งคู่ล้วนแต่เป็นที่ทรงโปรดปรานยวดยิ่ง พระนางสลากเทวีหรือก็เป็นที่โปรดปรานของพระองค์
ประหนึ่งว่าทรงมอบพระหทัยไว้ในอุ้งพระหัตถ์ของพระนาง ความที่ต้องพลัดพรากจากพระนางมิว่าโดย
kalyanamitra.org
๒๓๓
อย่างไรถึงจะสมควร”
ท่านราชบัณฑิตแห่งกาลีได้สดับพระราชดำรัสเพียงเท่านั้น ก็หยั่งทราบพระอัธยาศัยได้ตลอด
จึงกราบทูลสนองเป็นนัยเดียวกัน “ขอเดชะใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าฯ พระราชกระแสที่ทรง
kalyanamitra.org
๒ 0า
ระงับพระหทัยได้ มีพระมนัสแช่มซืนเป็นปกติดังเดิม
อันควร
แต่การที่พระเจ้ามหาจุลน็ ทรงระงับพระหทัยได้นั้น มิได้เป็นเหตุให้ความเป็นขักันของพระนาง
ปรีชาอันฉลาดเลิศของพระนางสลากเทวีก็ได้ช่องที่จะแสดงออกมา ก็แต่เป็นปรีชาอันอยู่ในครอบครอง
แห่งความเขลาประกาศความหฤโหดของพระนางเอง โดยทรงปลงพระชนม์พระราชสวามีเสียด้วยยาพิษ
ครั้นแล้วก็เลยยกราชสมบัติให้แก่ฉัพภิพราหมณ์ครอบครองสืบไป เพราะไม่มีใครจะสืบสันตติวงศ พระ-
ราชโอรสจุลนีก็ยังทรงพระเยาว์เพิ่งย่างพระบาทได้ใม่กึ่พระวัสสา พระนางเล่าก็เป็นหญิงไม่อาจครอบ
ก็เคารพนบน้อมผู้'นั้น” เรื่องก็เป็นอันหมดไป
กาลวันหนึ่ง พระราชกุมารจุลนิทรงพระสำราญด้วยการเล่นตามประสาจนทรงระโหยหิว ก็
หม่อมฉัน”
พระนางสลากเทวี ก็ประทานขนมพร้อมกับนํ้าอัอยแก่พระราชโอรส
พระราชกุมารรับขนมกับนํ้าอัอยจากพระหัตถ์พระราชชนนีแล้ว ปรารถนาจะเสวยตามพระ-
เสด็จดำเนินไปตามพระอัธยาศัย
กิริยาของพระราชกุมารทั้งนึ่ มิได้รอดพ้นไปจากการเพ่งเลีงของฉัพภิพราหมณ์ผู้ชิงวาซย้ เพราะ
กำจัดเสียก่อน เป็นการดัดทอนผู้จะทำลายเรา ”
ครั้นได้โอกาสอยู่ในที่รโหฐานกับพระนางสลากเทวีร่วมประทับรับความรื่นรมย์ พราหมณ์ก็
kalyanamitra.org
๒ ๓๕
กาลก่อน หรือผ่อนคลายลงไฉนพระเจ้าข้า”
“ถามทำไมคะท่านพราหมณ์” มีพระดำรัสย้อน “ไม่น่าจะถามฉันอีกเลย ท่านเป็นที่รักที่ซิ่นใจ
“พระกรุณาของพระแม่เจ้าลันกระหม่อมแลัว สุดที่ข้าพระบาทจะสนองพระกรุณาให้ด้มกัน
แต่ท่านปลงใจรักฉันให้ยั่งยืนไปไม่มีวันเบื่อหน่ายก็พอแลัว”
“เป็นความสัตย์ ข้าพระบาทมุ่งมาดจะถวายแม้ชนมซีพของตนเพื่อสนองพระกรุณาของพระ-
เฉื่อยฉํ่าทุกคํ่าเซัา ขอพระแม่เจ้าโปรดวางพระหฤทัยในความจงรักของข้าพระบาท”
ลักเท่าใด”
“ทำไมท่านจึงพูดอย่างนั้นเล่า” ตรัสถามด้วยพระหฤทัยฉงน “ท่านเห็นนิมิตอันใดหรือ จึงได้
กล่าวคำร้ายแรงถึงเพียงนั้น”
“อะไรเป็นนิมิตที่ท่านเห็นประจักษ์” ตรัสซักร้อนรน
“เป็นการยากที่ข้าพระบาทจะกราบทูลได้'’ บ่ายเบี่ยง
ยากที่พระแม่เหนือหัวจะดำเนินการได้ ” ทูลสนองสำเนียงแสดงความหมดหวัง
kalyanamitra.org
๒๓๖
ในชีวิตของฉันนั้นคึอท่าน”
“เป็นเรื่องกราบทูลยากเย็นเสียเหลือเกิน แต่ข้าพระบาทก็ไม่อาจจะปิดบัง” กราบทูลอย่างไม่
ตลอดเวลาที่พราหมณ์พูดเรื่องราชโอรส พระหฤทัยของพระนางหวั่นไหวแต่ทวงระงับเสีย
จุลนีรอดไปได้ เจ้าจงให้ชีวิตแก่ลูกข้าด้วยเถิด”
พ่อครัวกราบทูลว่า “ข้าแด,พระแม่เจ้า เป็นความยินดีแก่ข้าพระบาทลันเกล้าๆ ที่จะถวายความ
ภักดีแด่พระแม่เจ้าในครั้งนี้ แต่ช้าพระบาทจะทำได้อย่างไรเล่าพระพุทธเจ้าช้า”
“เรื่องนั้น ช้าคิดไว้ตลอดปลอดโปร่งแล้ว” รับสั่งอธิบายว่า “เจ้าจงพาจุลนีลูกชายของข้าไป
ดีนักพระพุทธเจ้าข้า ช้าพระบาทจะปฏิน้ติดามทุกประการ”
พระนางทรงยินดีอย่างยิง ประทานแกัวแหวนเงินทองให้พ่อครัวเพื่อเป็นเครื่องลีบชีพต่อไป
kalyanamitra.org
๒๓๗
แตกตื่นเกรงภัยกันทั่วหน้า
นั้น สมัครเข้ารับราชการในพระเจ้าม้ททราชในตำแหน่งพ่อครัว
ทางบัญจาลนครเข้าใจว่า พ่อครัวและกุมารทั่งสองได้ตายไปเสียแล้วในกองเพลิงนั้น ฉะนั้น
พระหฤท้ยในความภักดีของข้าพระบาทเถิดพระเจ้าข้า”
kalyanamitra.org
๓๒. คู่สร้างของพระอธิราชจุลน้
จุลนีราชกุมาร รัชทายาทแห่งราชบัลลังก์บ้ญจาลนคร ต้องพลัดพรากจากเวียงวัง ไรันิเวศน์
อันเป็นที่รมณีย■สถาน ห่างจากพระราชชนนีและพระพี่เลั้ยง ปราศจากผู้คอยบำรุงรักฟูมฬกทะนุลนอม
มีแต่พ่อครัวผู้เดียวเท่านั้นที่จะเอาใจใส่ดูแลด้วยความจงรักภักดีอันมั่นคง แต่ฐานะของพ่อครัวกับฐานะ
ทรัพย์ที่ได้มานั้นเป็นของมีค่าควรแก่ราชูปโภคทั้งนั้น แม้นนำออกใซัสอยจับจ่ายก็เป็นที่ชวนให้เกิดความ
ได้ตลอดวันหนึ่ง กุ
การที่พระราชกุมารจุลนีต้องประสบความลำบาก ทั้งนี้จะถือว่าเป็นเคราะห์รัายถ่ายเดียวก็ไม่
มีราชครูปุโรหิตาจารย์อยู่แล้วก็ต้องล่งไปมิได้เว้นเลย ทั้งนี้เพื่อให้รัชทายาทได้ประสบความลำบากตรากตรำ
กำหนดไว้เป็นแนวในการดำเนินประศาสโนบาย กับจะได้รู้จักหนทางระหว่างแคว้นต่อแคว้นว่ามีลักษณะ
อย่างไร อันจะเป็นคุณในการคิดป้องกันการรุกรานจากแคว้นอื่น ดังนั้นการที่พระราชกุมารจุลนีต้องตก
ระกำลำบากแด่ยังทรงพระเยาว์โดยผลแห่งกรรมบันดาลเป็น ก็เป็นอันสอดคล้องต้องด้วยข้ตดิยราชประ-
เพณีทุกประการ และด้วยเหตุที่ทรงลำบากตรากตรำแต่น้อย กุ ผลจึงปรากฎว่า พระราชกุมารจุลนีเข้มแข็ง
และแข็งแรงเฉียบขาดอาจหาญ แม้จะมีพระชนมายุยังเยาว์อยู่
kalyanamitra.org
๒๓๙
กุมารจุลนึได้พบกับพระราชกุมารีนันทาในสมัยทรงพระเยาว์ด้วยกัน และในฐานะเป็นเพื่อนเล่นกันมา
เป็นอุปการะสำคัญที่จะได้ความรักนำความเป็นคู'ครอง หากได้พบในคราวดำรงราชย์ก็จะตรงกันข้าม คือ
การจะกลายเป็นรูปความเป็นคู่ครองนำความรัก ความรักนำความเป็นคู่ครองนั้นย่อมมีโอชาเป็นมธุรส
แห่งชีวิตคู่เป็นอย่างยิ่ง แต่ความเป็นคู่ครองนำความรักนั้น ย่อมไม่แน่นักว่าโอชาอันเป็นมธุรสแห่งชีวิตคู
ในสนามเล่นภายในพระราชวังแห่งพระเจ้ากรุงมัททราช เป็นกรีฑาสถานอันให้ความสำเริง
สำราญพระทัยเป็นอย่างยิ่ง แต่พระราชกุมารจุลนีเป็นแหล่งประชุมของบรรดาราชบุตรเล็ก กุ ซึ่งมีจำนวน
ให้พระราชกุมารีมีความสนุกสนานเพลิดเพลิน พระราชกุมารจุลนึกับธนูเสกข้คงเป็นเด็กประจำสนามเล่น
เช่นเดียวกับเด็กอื่น กุ แต่พระราชกุมารจุลนีเป็นผู้ที่แปลกกว่าเพื่อน คือมีรูปร่างงดงามสง่า ผิวพรรณผิด
ความอ่อนโยนมาร่วมกันสมัครสมานกัน แต่ถ้าคิดถึงว่าความอ่อนโยนนั้นย่อมใฝ่หาความเข้มแข็งเพื่อยืดเหนี่ยว
ได้คิดก็มาคิดได้ร้น ที,ไม่เคยนึกได้ก็มาได้นึกร้น
kalyanamitra.org
๒๔๐
ทรงรู้สึกไม่พอพระทัยในความเหินห่างจากพระราชกุมารีเกินไปนัก ทรงพอพระทัยในการที่จะใกล้ชิดกับ
พระราชกุมารีเสมอ กุ แต่ความรู้สึกเช่นนั้นไม่มีอำนาจพอที่จะทำให้พระราชกุมารคลายจากความทะนง
ในศักดํ่ของตน
พระราชกุมารีนันทา ยิ่งทรงเจริญพระชันษาก็ยิ่งทรงพระสิริโสภาคย์ผุดผาดผ่องพรรณเป็น
เหมือนรูปทองที่ได้รบการขัดสิจึงทวีความเปล่งปลั่งชื้นแพรวพราว ประกอบทั้งพระหทัยในยามนี่เกิดเปลว
เป็นเที่ยงแท้
ความรักระหว่างพระราชกุมารและพระราชกุมารี ดำเนินไปตามกระแสแห่งอารมณ์ในยามรุ่น
ชึ่งเริมมาจากความชอบพอ ความสนิทสนมเป็นสื่อสิเน่หา แต่ด้วยความทะนงในศักดิ๋แห่งขัตดิยวงค์ ความ
พระเจ้ากรุงม้ททราชพระชนกของเจ้าหญิง ทรงสอดส่องความเป็นไปของพระราชธิดาอยู่เสมอ
เมื่อเห็นเจ้าหญิงทรงสนิทสนมกับเจ้าชายจุลน้ พระองค์ทรงเพ่งเล็งคูพระราชกุมารจุลน้อย่างใกล้ชิด เพราะ
ทรงสงลัยมาแต่แรกแล้วว่าจะมิใช่บุตรของพ่อครัว เนื่องด้วยรูปร่างและผิวพรรณต่างกันกับธนูเสกขัเป็น
กันแสงดังสนั่นจากสนามเล่น
มูลเหตุที่เจ้าหญิงทรงกันแสงนั้น เนื่องมาจากมิได้ทรงปฏิบัติตามบัญชาของจุลนิราชกุมาร
เอามา จะทำอะไรฉัน”
ด้วยอัธยาศัยที่ทะนงศักดํ่ไม่ต้องการให้ใครขัดคำสั่ง เจ้าชายจุลนีตรัส “ทำอะไรหรือ จะทำ
อย่างนี่” แล้วทรงเขกพระเศียรของเจ้าหญิงทันที
kalyanamitra.org
๒๔๑
เจ้าหญิงมิได้ทรงคิดว่าเจ้าชายจะโกรธรุนแรงเช่นนั้น และไม่เคยได้ประสบกับความเจ็บปวด
ใด *1 มาก่อน จึงรู้สึกเจ็บมาก ทรงกันแสงลั่นจนได้ยินถึงพระกรรณพระราชบิดา
“ใครทำอะไรลูกหญิงของฉัน” พระสุรเลียงดังมาจากพระตำหนัก “พวกพี่เลื่ยงนางนมไปไหน
กันหมด ไม่เอาใจใส'ดูแลลูกหญิงของฉันเลยไม่ได้ยินกันหรือ”
พระพิ่เลื่ยงซึ่งปล่อยเจ้าหญิงให้ทรงเล่นในสนามตามลำพัง ได้ชินพระดำรัสพระเจ้ากรุงมัททราช
ช่างมีอานุภาพพึงพิศวงเลียจริงเจียว
“ไม่มีใครรังแกฉันดอก” เจ้าหญิงตรัส “ฉันวิ่งเล่นเพลินไป ยั้งไม่ท้นศีรษะไปโดนด้นไม้เข้าน่ะ”
พระพี่เลํ๋ยงไม่ตองทรงซักไชอะไรอีก ปลอบเจ้าหญิงแล้วก็นำความขื้นกราบทูลตามที่เจ้าหญิง
ตรัสบอก
พระเจ้ากรุงม้ททราชมิได้ทรงเซือถือล้อยคานั้น แต่มิได้ตรัสพระวาจาดันใดออกมา เพราะทรง
ผิดจากราชธรรมดันตราไว้ว่า”
••ใ/ตตปาธิ!/ด ซังไม่ทรงเห็นโทษทั้งใหญ่ทั้งน,'ลพ)องผูอนใคยรอบคอบ ไม่ใด้หจารณาถถ้วนด้วย
ษระฝ็งค้เอง ไม่ห็งลงหระราขอาญา”
ตั้งแต่วันนั้นเป็นด้นมา พระเจ้ากรุงม้ททราชยิ่งทรงสังเกตเจ้าชายจุลนีเพิ่มขื้นอีก ดูเหมือนว่า
กิริยาอาการของเจ้าชายจุลนีที่เคลื่อนไหวในบริเวณพระราชฐานนั้น นัอยนักที่จะพันจากลายพระเนตรของ
พระองค
วันหนึ่ง บรรดาพระพิ่เลื่ยงของเจ้าหญิงนันทานำเครองเสวยกลางวันไปถวายเจ้าหญิงในสถาน
ทุกคน
เว้นแต่จุลนีราชกุมารผู้ทะนงในตักดํ่แห่งข้ตติยวงศ์ มิได้ทรงทำเช่นนั้น ไม่ทรงยอมอ่อนนัอม
kalyanamitra.org
๒๔๒
ก็เดินไปเลย
กิริยาอาการของเจ้าชายจุลน้คราวนึ่มิได้รอดท้นสายพระเนตรของพระเจ้ากรุงม้ททราชไปได้
เพราะทรงสอดส่องอย่างใกล้ชิดตลอดมา จึงเป็นเงื่อนอีกปมหนึ่งที่ขมวดความคลางแคลงไวํในพระหทัย
อันว่าความอ่อนได้โอกาสเข้ารัดรึงตรึงตราดวงหทัยของเจ้าชายแน่นหนาขื้นกว่าเดิม แต่ทั้งสององค์ก็มิได้
ความสัมพันธ์ของเจ้าชายและเจ้าหญิงมิได้ท้นไปจากอาการที่ทรงสังเกตของพระเจ้ากรุงม้ททราช
กรุงม้ททราชประทับบรรทมผ่อนพระอารมณ์ ล้าเป็นเด็กธรรมดาก็คงจะคลานเข้าไปเก็บทันทีไม่มีการ
รีรอซักข้า แต่เจ้าชายผู้'ทะนงศักดํ่ ข้ตติยมานะในพระองค์ ไม่ยอมให้กระทำเช่นนั้น และเป็นดังกวะด้น
อาการของเจ้าชายจุลน็คราวนึ่คงอยู่ในคลองพระเนตรของพระเจ้ากรุงม้ททราชอีก และเป็น
kalyanamitra.org
๒๔๓
พระองค์ตรัสซักทันที “จุลนีลูกใคร?”
“ขอเดชะ พระอาญามิพันเกล้าๆ” พ่อครัวกราบทูลด้วยเลียงซึ่งสะกดความรู้สึก “เป็นบุตร
ของข้าพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าข้า”
“เจ้าอย่าปิดบังอำพรางข้าต่อไปเลย” ตรัสคาดคั้น “ไม,มีประโยชน์อะไรแล้ว บอกมาตรง จุ
ดีกว่า”
“เป็นบุตรของข้าพระพุทธเจ้าจริง จุ พระพุทธเจ้าข้า” พ่อครัวยืนยันอีก
“เจ้าปดข้า” ตรัสด้วยพระสูรเลียงกร้ว “เจ้าปดข้า บอกมาตามจริง ขืนปิดบังข้าเจ้าจะด้องตาย”
พุทธเจ้าขอพระราชทานพระราชวโรกาสกราบทูลเฉพาะใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทพระพุทธเจ้าข้า ”
พระเจ้ากรุงม้ททราชทรงอนุวัตตาม ให้พวกอำมาตย์ราชบริพารพากันกลับไป คงอยู่เฉพาะ
เจ้าชาย
“ไม่เป็นไรดอกน่ะ” ตรัสรับรอง
เห็นทรงรับรองดังนั้น พ่อครัวจึงเล่าเรื่องราวในบัญจาลนครถวายตั้งแต่ด้น จนกระทั่งพระนาง
kalyanamitra.org
๒๔๔
เถิดพระพุทธเจ้าช้า”
ทรงสดับเรื่องราวแล้ว ตรัสรับรองในยันที่จะไม่ทรงกระทำยันตรายแก่เชัาชายจุลน็ “อย่าได้
หวั่นใจไปเลยเจ้าผู้ภักดี ช้าจะรับให้อุปการะแก,เจ้าชายจุลน็ จงสบายใจเถิด”
บังคมลา
เมื่อฐานะยันแท้จริงของเจ้าชายจุลน็ได้เปิดเผยออกแล้ว พระเจ้ากรุงม่ทํทราชทรงพระราชดำริ
ในฐานะแห่งพระราชาผู้ทรงปรีชาสุขุม “เป็นการถูกด้องแล้วที่พ่อครัวจะด้องปกปิดฐานะยันแท้จริงนั้น
กรุณาในความจงรักภักดีของพ่อครัว และยิ่งกว่านั้นยังทรงคาดการณ์ล่วงหน้าไปไกลเกินที่คนชันพ่อครัว
ธิดา ในที่สุดก็ทรงพระกรุณาอภิเษกเจ้าชายจุลน็กับพระราชกุมารีน้นทาให้ครองกันตามพระราชประเพณี
ในพระหฤทัย
kalyanamitra.org
๓๓. อธิราชจุลนี
ท่านผู้ทรงอภินิหาร ได้สร้างสมบุญญาธิการไว้อย่างมากมูล แม้จะประสบความทุกข์ยากลำบาก
บ้างในบางคราวบางสมัย อานุภาพแห่งบุญญาธิการนั้นย่อมคุ้มครองตลอดไป ตกนํ้าไม่ไหลดกไฟไม่ไหม้
จุลนืกุมารวัชทายาทแห่งบัลลังก์บ้ญจาลนคร ตกระกำลำบากร่อนเร่ระเหระหนจากไอศวรรย้ไปอยู่สาคลนคร
ด้วยอำนาจแห่งบุญหนุนนำให้ได้ประสบคู่สร้าง ก็ค่อยทรงพระสำราญ แต่วิสัยท่านผู้บุญหนักคักดํ่ใหญ่
สำคัญเป็นอันบันดาลความเป็นอธิราชของจุลนิราชกุมารรัชทายิาทโดยแท้จริงของราชบัลลังก์กัปปิลรัฐ
บุคคลผู้ดำเนินงานประหารฉพภิพราหมณ์ผู้ทรยศแล้วอัญเชิญราชกุมารจุลนีมาเถลิงถวัลราชย์ในต่อมา
ดำรงราชย์แทน
ด้วยความมุ่งหมายดังกล่าวมา ฉัพภิพราหมณ์จึงให้การศึกษาในศิลปวิทยาการทุกอย่าง ซึ่งจะ
เป็นคุณประโยชน์ในการครอบครองบัานเมือง และเป็นการเตรียมไว้พร้อมทุกประการเพื่อจะใหัดิชิณ-
ราชกุมารเป็นขัดติยาบดีผู้สูงคักดํ่สืบไป ดังนั้นความเติบโตของดิขิณราชกุมารจึงดำเนินไปพร้อมกับความ
กพราหมณ์เป็นอย่างยิ่ง จนถึงกับมอบพระขรรค์ชนิดเอกให้แก่ราชกุมารเพื่อให้ใช้เป็นเครื่องประดับพระองค์
kalyanamitra.org
๒๔๖
ความนอบน้อมนั่นแหละ ทำให้เศียรของฉัพภิพราหมณ์หลุดจากบ่าไป
ด้วยไพร่พลพาหนะอันได้รับการฟิกปรนปรือเป็นอย่างดี ผลทั้งนี้เป็นเครื่องเพิ่มพูนเดชานุภาพให้แก่ฉัพภ-
พราหมณ์อย่างไพศาล
บรรดาช้าราชบริพารของราชสำน้กบัญจาลนคร ได้รับการบำรุงจากฉัพภิพราหมณ์ด้วยประการ
ต่าง กุ ซึ่งประการต่าง กุ เหล่านั้น ฉัพภิพราหมณ์ได้กระทำแก่ข้าราชการ เพื่อซื้อความจงรักภักดีจาก
พูดตามที่ฉัพภิพราหมณ์พอใจให้พูด ซึ่งเป็นทางเอกที่บุคคลผู้ปรารถนาในลาภยศจากฉัพภิพราหมณ์จะ
พึงดำเนิน
ส่วนพวกที่ทรงสัตย์มีความจงรักภักดีต่อราชวงศ์กษัตริย์จุลนี การบำรุงของฉัพภิพราหมณ์
มิอาจซื้อความจงรักภักดีนั้นได้เลย นี้าใจท่านพวกนี้มั่นคงไม่เอนโอนไปด้วยอำนาจแห่งลาภยศที่ฉัพภ-
การกระทำของฉัพภิพราหมณ์ผู้พยายามเกลื้ยกล่อมนี้าใจช้าราชการ ก็ยี่งเป็นสาเหตุกระพือความซื้อสัตย์
อยู่บนบัลลังก์เมื่อนั้น
ในจำนวนนี้มีอำมาตย์ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเป็นผู้เฒ่าจงรักภักดีนักในพระเจ้ามหาจุลนี โดยฐานะ
kalyanamitra.org
๒๔๗
กมารต็ขิณะเป็นพระราชโอรสของพระเจ้ามหาจุลน็ อย่างไรก็คงจะได้ครอบครองอาณาจักรสืบแทนฉัพทิ-
พราหมณ์ ในเมื่อเขาได้ตายลงตามอายุขัย แต่นันเป็นการดูดายเกินไป ในพระชนม์ชีพของพระเจ้ามหาจุลนี
ฉัพภิพราหมณ์ได้รับสนองของกรรมที่ตนประกอบใหัสาลม แต่ความคิดอ่านของท่านผู้นึ่ด้องสงบนึ่งรอ
การณ์ของพระกุมารด้วยความคิดเห็นการณ์ไกล พึงใจในความปราดเปรื่องเสมอด้วยข้ตดิยราชอันทรง
ปรีชาญาณยอดเยี่ยมแต่เดิม กุ มา ซึ่งมีไม่มากนัก และพระราชกุมารพระองค์นึ่แหละ จะเป็นผู้ดำเนินการ
สิทธิในราชบัลลังก์อันชอบธรรมซึ่งถูกยื้อแย่ง พระชนมซ็พของพระราชบิดาอันถูกปลงโดยฉัพภิพราหมณ์
เสมอ
วันหนึ่ง ท่านอำมาตย์ผู้ภักดีต่อพระราชวงศ์เห็นพระราชกุมารทรงพระสำราญ มีพระธุรกิจ
ประการหนึ่งเพิ่งจะได้ประสบในคราวนึ”่
ประการใดจากฉันหรืออย่างไรก็บอกมา ”
“มิได้พระเจ้าข้า ไม่ใช่เป็นเรื่องของข้าพระบาทดอกพระพุทธเจ้าข้า” ท่านอำมาตย์กราบทูล
“เป็นเรื่องของใต้ฝ่าพระบาทโดยตรง แต่เป็นเรื่องซึ่งเรันลับหนักหนา ข้าพระบาทเห็นว่าใต้ฝ่าพระบาท
ควรจะทรงทราบเป็นอย่างยี่ง กล่าวคือ ที่ใต้ฝ่าพระบาททรงสำคัญมั่นพระทัยว่า พราหมณ์ผู้ครองราชย์
ทีเดียวพระพุทธเจ้าข้า”
“เอ๊ะ” ราชกุมารทรงอุทานด้วยฉงนพระทัย “ฉันเป็นลูกใคร ตั้งแต่ฉันจำความได้ ก็เห็นแต่
ท่านพราหมณ์นึ่ผู้เดียว ไม่มีใครอีกแต้ว ทั้งฉันเองก็ได้รับแนะนำว่าเป็นลูกของพราหมณ์ พราหมณ์เป็น
kalyanamitra.org
๒๔๘
“เข้าใจผิดอย่างไร” ตรัสซัก
“ที่เข้าใจว่าใต้ฝ่าพระบาทเป็นโอรสของตน นั่นแหละพระพุทธเจ้าช้า เป็นความเข้าใจผิดของ
ทรงปลงพระชนมซีพพระเจ้ามหาจุลนีพระชนกนาถของใต้ฝ่าพระบาทเลีย ราชสมบัติจึงตกเป็นของพราหมณ์
ผู้ทรยศ ซึ่งมิได้มีสิทธิ๋ค,ู ควรแก่ราชบัลลังก์ ยังมีพระราชกุมารจุลนี พระเชุษฐาธิราชของใต้ฝ่าพระบาท
ดิขิณราชกุมารทรงสดับแล้ว กริ้วพราหมณ์เป็นกำลังเหมือนนาคมาณพอ้นทรงฤทธํ่กำแหงห้าว
ด้วยซีวิตและเลือดเนื้อ” ท่านอำมาตย์เฒ่าปวารณาตน
ปรุโปร่งแล้ว โอกาสที่เจ้าจะนั่งอยู่บนบัลลังก์ก็มีน้อยเลียแล้ว”
kalyanamitra.org
๒๔๙
ชิ ของเราหายไป เล่มนั้คลัายกับของเรา”
ตู่เลย เราจะรีบเช้าไปข้างในตามเสด็จเจ้าชาย”
“ไม่ใช่ด,ู ขอดูหน่อย ทุก กุ คราวพระราชกุมารทรงขัดมาเอง ไม่เคยมีคนเชิญ วันนํ่ทำไมจึง
ต่อการเพ่งต่อการพิสูจน์จะว่าบริสุทธิ๋ได้อย่างไร อย่าเอาบาทใหญ่มาข่มกันเลย”
“ความจริงเป็นอย่างไรก็บอกแล้ว ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะด้องให้เจ้าดู ไม่เชี่อก็ไปถามพระ-
ราชกุมารติขิณะ พระองค์จะตรัสบอกเอง”
“ความจริงทุกอย่าง ย่อมทนได้ต่อการพิสูจน์อันคู่ควรกัน สิ'งใดไม่อาจทนต่อการพิสูจน์ สิ่ง
ไม่จริงหนักขนอีก”
“ได้หรือไม่ได้ เป็นความจริงก็แล้วกัน มันไม่ใช่กงการอะไรของเจ้าเลย ที่จะมาชิ'กความยาว
ไม่ยอมข้าก็ต้องดำเนินการตามแต่ข้าจะประสงค์ได้อย่างไร หากข้าจะด้องทำกรรมอันมิใช่ข้อที่อารยชน
ถือว่าข้าเป็นคนหุนหันไม่ได้”
kalyanamitra.org
๒๔๘
“ฟ้าใจผิดอย่างไร” ตรัสซัก
“ที่ฟ้าใจว่าใต้ฝ่าพระบาทเป็นโอรสของตน นั่นแหละพระพุทธเจ้าข้า เป็นความเข้าใจผิดของ
ทรงปลงพระชนมซีพพระเจ้ามหาจุลนีพระชนกนาถของใต้ฝ่าพระบาทเลีย ราชสมบัติจึงตกเป็นของพราหมณ์
ผู้ทรยศ ซึ่งมิได้มีสีทธคู'ควรแก่ราชบัลลังก์ ยังมีพระราชกุมารจุลนี พระเชฺษฐาธิราชของใต้ฝ่าพระบาท
ดิขิณราชกุมารทรงสด้บแล้ว กรวพราหมณ์เป็นกำลังเหมือนนาคมาณพอ้นทรงฤทธํ่กำแหงห้าว
ด้วยซีวิตและเลือดเนอ” ท่านอำมาดย์เฒ่าปวารณาตน
“ขอบใจท่านอีกครั้งหนึ่งที่ท่านได้มอบตนให้แก่ฉัน ล้ามีความต้องการเมื่อใด เมื่อนั้นท่านจะ
เป็นคนแรกที่ฉันจะนึกถึง ข้อสำค้ญเราต้องระวังปิดบังมิให้เรื่องนึ่รั่วร้ถึงทูมันได้จึงจะดี” รับสั่งเป็นเชิง
ปรุโปร่งแล้ว โอกาสที่เจ้าจะนั่งอยู่บนบัลลังก์ก็มีน้อยเลียแล้ว”
kalyanamitra.org
๒๔๙
ชิ ของเราหายไป เล่มนํ่คล้ายกับของเรา”
คู่เลย เราจะรีบเข้าไปข้างในตามเสด็จเจ้าชาย”
“ไม่ใช่คู่ ขอดูหน่อย ทุก กุ คราวพระราชกุมารทรงขัดมาเอง ไม่เคยมีคนเชิญ วันนั่ทำไมจึง
ต่อการเพ่งต่อการพิสูจน์จะว่าบริสุทธํ่ใต้อย่างไร อย่าเอาบาทใหญ่มาข่มกันเลย”
“ความจริงเป็นอย่างไรก็บอกแล้ว ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะด้องให้เจ้าดู ไม่เขื่อก็ไปถามพระ-
ราชกุมารติขิณะ พระองค์จะตรัสบอกเอง"
“ความจริงทุกอย่าง ย่อมทนได้ต่อการพิสูจน์อันคู่ควรกัน สิ่งใดไม่อาจทนต่อการพิสูจน์ สิ่ง
ไม่จริงหนักขื่นอีก”
“ได้หรือไม่ได้ เป็นความจริงก็แล้วกัน มันไม่ใช่กงการอะไรของเจ้าเลย ที่จะมาซักความยาว
ไม่ยอมข้าก็ต้องดำเนินการตามแต่ข้าจะประสงค์ได้อย่างไร หากข้าจะต้องทำกรรมอันมิใช่ข้อที่อาวยชน
ถือว่าข้าเป็นคนหุนหันไม่ได้”
kalyanamitra.org
๒๕
กดตนลงให้เห็นโง่เขลาหนักลงไปอีก อ้างถึงวินัยแห่งอารยชนด้วยการเชื่อคนอื่นและลงท้ายด้วยธรรมดา
ทวีความรุนแรงร้ายกาจเพียงนั้น และเลียงที่เปล่งออกมาในเวลานี่เล่าก็เป็นเสียงที่เจือด้วยอำนาจโทสะ
เลียงทะเลาะของมหาดเล็กทั้งสองไต่ยินไปถึงท้องพระโรง ติขิณราชกุมารจึงดำรัสใช้ให้ราช-
บุรุษ ผู้หนึ่งไปดูเหตุการณ์ว่า “นั่นเขาทะเลาะกันเรื่องอะไร”
ราชบุรุษออกไปดู ซักถามทราบความตลอดแล้วก็นำความมากราบทูลพระราชกุมารตามเรื่องราว
ที่ตนรู้
กันพ่อติขิณะ,,
พระราชกุมารเห็นสมคะเนจึงกราบทูลว่า “พระแลงขรรค์ที่โปรดพระราชทานช้าพระพุทธเจ้า
นั้น มีผู้อ้างเอาว่าเป็นของตนพระพุทธเจ้าข้า”
“สะ เจ้าพูดอะไร” ฉัพภิพราหมณ์กล่าว “มีเยิ่ยงอย่างที่ไหน ที่เราจะเอาของของคนอื่นมา
และด้วยมือชี่งเอื่อมรับจากตนด้วยความนอบน้อมในครั้งก่อนนั้นเอง
ติขิณราชกุมารมิได้ทรงรอช้า มีพระราชดำรัสสงพวกราชบุรุษ*1ห้จัดการนำร่างที1ไร้วิญญาณ
kalyanamitra.org
๒๕๑
ราชกุมาร
โดยอาศัยเหตุที่ทรงพระปรีชาแหลมคม ทรงวางอุบายประหารฉัพภิพราหมณ์เสียอย่างแนบเนียน
บรรดาประชาชนชาวบัญจาละพากันชื่นชมยินดี น้อมใจถวายพระเกียรติเพิ่มพระนามว่า “พระต็ขิณมนตรี”
เมื่อทรราชได้ถูกกำจัดจากราชบัลลังก์แล้ว จำด้องตั้งพระเจ้าแผ่นดินกันใหม่จะเว้นว่างมิได้
ผิดเยี่ยงอย่างไป
ที่ประชุมถามว่า “บัดนี้พระราชกุมารจุลนีประทับอยู่ที่ไหนเล่า พระพุทธเจ้าข้า พวกข้าพระบาท
พระราชบุตรเขยของพระเจ้ามัททราช”
พวกอำมาตย์ได้พ้งกระแสรับสั่ง ต่างก็เห็นร่วมกันว่า “ควรอัญเชิญมาครองราชย์”
เมื่อได้รับปรึกษาตกลงกันแล้ว ก็เริ่มดำเนินการชัดขบวนสะพรั่งพรัอมด้วยจตุรงดินีเสนา ไป
รับเสด็จพระราชกุมารจุลน็ โดยพระราชอิสริยยศอันใหญ่
รัชทายาทแห่งบัลลังก์บัญจาลนคร ซึ่งด้องเร่ร่อนไปก็ได้เสด็จกลับมาดำรงรัฐสีมาอาณาจักร
เป็นหลักช้ยมิ่งมงคลของประชากรกัปปิลรัฐ
kalyanamitra.org
๓๔. คนสำคํญของป็ญจาละ
พระอธิราชจุลนีดำรงราไชศวรรย์ เพียบพร้อมด้วยพระบรมเดชานุภาพ บรรดาราชเสวกามาตย์
อันห้อมด้อมเป็นราชบริพาร แต่ละคนด้วนประกอบด้วยความภักดี ปลงใจที่จะถวายซีวิตไร้ใต้เบื้องบาท
ลงด้วยราชมนตรึผู้เรืองปรีชาญาณ เกิดประดับพระบรมราชสมภารเพิ่มพระบรมเดชานุภาพ
ทรงพระวินิจฉัยยังมิเป็นยุติธรรม คดีเรื่องนั้นมีมูลกรณีดังนึ่
กระทาช่ายผู้หนึ่ง ถือข้าวสาร ๑ ทะนาน ข้าวสุก ๑ ห่อ และเงิน ๑,00๐ กหาปณะ เดินทาง
แล้วก็พูดกับชายเจ้าของทรัพย์ว่า “ท่านจงให้สิ่งที่ควรแก่ข้าพเจ้าเถิด”
kalyanamitra.org
๒๕๓
ท่านจะชวดไม่ได้อะไรเลย”
“ข้าพเจ้าไม่รับ มีเยี่ยงอย่างที่ไหน บำเหน็จของการกระทำที่ด้องเสียงชีวิต คือ ช้าวสาร ๑
ทะนาน หรือข้าวสุก ๑ ห่อ” ผู้พาข้ามฟากพูดพลางเกาะตัวผู้ข้ามฟากไปยังโรงศไล นำความร้นแจ้งแก่
ตุลาการผู้วินิจฉัยทันที
ท่านตุลาการผู้วินิจฉัยหลายท่าน ประชุมกันฟงคดีของคู่ความ ซักถามอย่างละเอียดลออทั้งโจทก็
และจำเลย เมื่อได้ฟงสิ้นกระแสความแล้วก็ไม่ร้ที่จะวินิจฉัยเป็นอย่างอื่นได้ เพราะสัญญาที่ให้ไว้อย่างใด
ให้การ เพราะเป็นของที่จำเลยบอกว่าชอบใจ
ตัดสินไว้
พอสิ้นกระแสพระบรมราชดำรัส บุรุษผู้พาข้ามฟากก็พูดร้นหน้าพระที่นั่งด้วยเลียงอันดัง “ขอ
๑ ห่อ อนาถไหมพระพุทธเจ้าข้า”
ขณะนั้นพระบรมราชชนนีประทับนั่งอยู่ใกล้ ตุ ได้ทรงสดับเรื่องราวโดยตลอดถึงพระราชวินิจฉัย
อย่างผิด ตุ จะดีหรือ”
kalyanamitra.org
๒๕๔
ทรงวินิจฉัยอีกเถิด”
พระนางรับสั่งว่า “ดีละพ่อ แม่จะวินิจฉัยให้เห็นเท็จจริง” ตรัสแล้วทรงหันไปทางบุรุษผู้จำเลย
“เมื่อเจ้าลอยคอจวนจะจมหรือมิจมแหล่อยู่ในนี้านั้น เจ้าได้พูดว่ากระไรกะคนที่พาเจ้าข้ามฟากนี”้
พระพุทธเจ้าข้า” ,
“ล้าเช่นนั้น” ตรัสโดยเร็ว “บัดนี้ คดีก็เป็นอันได้วินิจฉัยแล้ว เจ้าจงถือเอาของที่ชอบใจของ
เจ้าไปเถิด”
จำเลยไม่ท้นคิดอะไร นึกว่าเสร็จเรื่องกันแล้วตนจะรีบกลับบัานเรือน ก็ตรงเข้าคว้าถุงเงินออก
“พูดพระพุทธเจ้าข้า”
“ล้าเช่นนั้น” ตรัสพร้อมกับทรงพระสรวล "เจ้าจงทำตามคำมั่นสัญญาของเจ้า ให้ถุงเงินแก่
ถุงเงินให้แก'ผู้พาข้ามฟากด้วยอาการสุดแลนเสียดาย
ขณะนั้น พระอธิราชพร้อมทั้งพวกลูกขุนและราชบริพารต่างชี่นชมในพระวินิจฉัย พากันถวาย
สาธุการเซ็งแช่ไป
ตั้งแต่นั้นพระเกียรติของพระนางในทางพระปฏิภาณว่องไวก็ลึอชาปรากฎในที่ทั้งปวง
kalyanamitra.org
๒๕๕
เกณฑ์ดังนึ่ กองช้าง ๒๑,๘๗0 กองรถ ๒®,๘๗๐ กองม้า ๖๕,๖๑๐ กองราบ ๑๐๙,๓๕๐ เมือรวมกำลัง
ในกองทัพหนึ่งเข้าลันแล้ว ก็เป็นจำนวนพลถึง ๒๑๘,๗๐๐ กองทัพอันเพียบพร้อม ด้วยกำลังประมาณ
ทุกประการ เป็นผู้หนึ่งซึ่งมีส่วนร่วมในการสถาปนากัปปีลรัฐให้รุ่งเรือง
เกวัฎราชปุโรหิตไจไรย์ เป็นบุคคลสำคัญยิ่งของแว่นแคว้นกัปปิลรัฐทีเดียว ท่านผู้นึ่เจนจบไตรเพท
กับเป็นคนร้นกษ้ต่ร์อันควรแก่การนำทัพว่านักษัตร์นํ่ควรจึงเข้าโจมตี เป็นคนแจ้งจบในภูมิภาคและนภากาศ
ขวัญของบ้ญจาลนคร
ศีลธรรมเป็นคุณสำคัญของบ้านเมือง ยิ่งมีความเจริญรุ่งเรืองมาก ยิ่งมีความสำคัญมาก เพราะ
kalyanamitra.org
๒๕๖
พระอธิราชจุลนีทรงมีมุขมนตรีอันสำคัญ ร่วมกันทำนุบำรุงบ้านเมืองรุ่งเรืองจำเริญตังกล่าว
มาแล้ว และยังทรงมีพระราชธรรมจริยาจารย้ประจำพระองค์อีกท่านหนึ่ง พระราชธรรมจริยาจารย์ เป็น
เลื่อมทรามทางด้านจริยคุณ
นอกจากบุคคลที่ปรากฎนามมาทั้งนึ่แล้ว ยังมีผู้ที่ทรงปรีชาลามารถในการงานอื่น ๆ อีกหลาย
kalyanamitra.org
๓๕. แผนการแผ่อาณาจกร
วันหนึ่งเวลาใกล้รุ่ง ราชปุโรหิตาจารย์เกวัฎราชมนตรีเอกของปัญจาลนคร อื่นขีนจากนิทรารมณ์
อ้นแสนผาสุก กวาดสายตาไปทั่วห้องซืงงดงามโอ่อ่าประดับประดาด้วยสรรพพัสดุอันเป็นเครื่องหมายแท่ง
เล่าเรียนศึกษาเจนจบในวิทยาคุณอันสามารลเป็นแท้ ควรที่จะรับเป็นราชมนตรีไม่แต่ในแคว้นเดียวคือ
ก'ป!]ลรํฐนึ่เท่านั้น แม้ชมพูทวีปอยู่ในบริเวณแล้วเราก็สามารถที่จะปฏิบัติราชการถวายรัฐประศาสโนบาย
ก็จะเกิดขี้นแก่พระอธิราชผู้ทรงพระคุณอันมหาประเสริฐ ทีนั้นเราเล่าที่ไหนพระองค์จะทรงลืมพระบรม-
kalyanamitra.org
๒๕๘
ราชฉายาเสียได้ ชักทรงพระมหากรุณาสถาปนาเราไว้ในตำแหน่งอัครปุโรหิตาจารย์ของพระองค์เป็นแม่นมั่น
วโรกาสแก่ช้าพระพุทธเจ้าเถิดพระพุทธเจ้าข้า”
“เชิญลิ ท่านอาจารย์" ตรัสอนุญาต “มีเรื่องราวอะไรเชิญท่านอาจารย์พูดเถิด”
“ขอเดชะ เรื่องที่ข้าพระพุทธเจ้าจะกราบทูลนึ่เป็นความลับยิ่งนัก พระพุทธเจ้าช้า” ท่านเกวัฎ
กราบทูลหนักแน่น “สถานที่อันลับพอที่จะกราบทูลเรื่องนึ่ในพระนคร ช้าพระพุทธเจ้าตรวจดูแล้วไม่มี
แห่งใดเลย ขอกราบทูลเชิญใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทเสด็จไปสู่พระราชอุทยานเถิดพระพุทธเจ้าข้า”
ให้ราชปุโรหิตาจารย์กราบทูลเรื่องที่ตนแย้มพรายไว้นั้นทันที
พระบาทเป็นแม่นมั่นทีเดียว”
ถ้อยคำของเกวัฎนั้นมีเด้าตรงกับที่ทรงต้องการเป็นที่สนพระราชหฤทัย เพราะพระองค์มีพระหฤทัยใฝ่ฝัน
อยู่ทุกเมื่อในการที่จะได้ดำรงพระเกียรดีศักดํ่เอกอัครราชในสกลชมพูทวีป ดังนั้นเมื่อเกวัฎมาพูดแย้มพราย
ชื้น จึงเป็นประหนึ่งเกาถูกที่เหมาะ จำเพาะตรงที่กำลังดัน จึงตรัสว่า “เชิญท่านอาจารย์พูดไปเถิด ฉัน
จักท่าตามคำของท่านอาจารย์ ”
kalyanamitra.org
๒๕๙
โอกาสหลบหนีไปได้ ข้าพระพุทธเจ้าจักขอรับพระราชทานวโรกาสอาสาเป็นทูตของได้ฝ่าละอองธุลีพระบาท
เข้าส,นครนั้นทางประตูน้อย กล่าวคำเกลื้ยกล่อมพระราชาผู้ครองนครนั้นให้ยินยอมอ่อนน้อม ถวายโภค-
มิใช่หรือ”
“ขอเดชะ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงฉงนพระหฤทัยดังนั้นเป็นการสมควรอยู่แล้วพระพุทธ-
เจ้าข้า” ราชปุโรหิตาจารย้เกวัฎกราบทูลสนับสนุน “บรรดาพระราชาที่ทรงยินยอมอ่อนน้อมต่อพวกเรา
ประเทศราชต่อไปดังเดิมน่ะสิ ท่านอาจารย์”
“หากเป็นดังนั้น พระราชอาณาเขตก็มิได้เป็นอันหนี่งอันเดียวกัน และมีลู่ทางทีจะเป็นอันตราย
ก็ไม่พึงประสงค์พระพุทธเจ้าข้า”
อยู่แล้วมิใช่หรือ”
“เป็นดั่งที่ทรงพระดำรินั้นพระพุทธเจ้าข้า” ราชปุโรหิตกราบทูล “แต่เห็นด้วยเกล้าๆ ว่า การ
kalyanamitra.org
๒๖๐
ชมพูทวีปเป็นพระราชอาณาจักรเดียวอันเสียแต่เริมแรก เพื่อมิให้ต้องปฏิน์ติงานอย่างเดียวอันเป็นวาระ
ที่สอง ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทโปรดทรงพระวิจารณ์เถิดพระพุทธเจ้าข้า”
ใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาทพระองค์เดียว แล้วใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาทก็จักได้เป็นพระเอกอัครราชในชมพูทวีป
ทั้งหมดพระพุทธเจ้าข้า”
พระเจ้าจุลนิทรงสดับแล้ว มีพระมนัสเต้มดื่นด้วยพระปีติ รับสั่งว่า “แยบคายดีมาก แนบเนียน
kalyanamitra.org
๒๖®
เคลื่อนไปได้ ฉันสั่งเมื่อใดเป็นยกได้เมื่อนั้น”
kalyanamitra.org
๓๖. แผนการลบรว
แผนการของราชปุโรหิตาจารย้กรุงปญจาละ ซึ่งได้กราบทูลแด่พระอธิราชจุลนีในพระราชอุทยาน
มาถูระจารกรรมตัวเยี่ยมของกรุงมีถิลา
ที่มาถูระจะต้องมาถึงแคว้นกัปปิละนึ่ สาเหตุเกิดจากผู้ลืบราชการลับประจำราชสำนักสังขพต-
ที่แท้จริงได้ด้วยตนเอง”
หนัาต่างทางทิศตะวันออก แล้วปล่อยบินไป
สุวโปดกมาถูระบินไปตรงแคว้นกัมพลทันที แฝงตนเข้าไปกังสำนักของทหารผู้ลืบราชการลับ
ประจำราชสำนักพระเจ้าลังขพลกะ ไต่ถามเรื่องราวต่าง ยุ ผู้พฤติเหตุของพระเจ้าลังขพลกะโดยแน่นอน
kalyanamitra.org
๒๖๓
ก็สำแดงร่างให้'ปรากฎบินออกจากที่ซ่อนทำทีประหนึ่งจะโผถลาลงจับกิ่งสาละที่ห้อยอยู่ตรงศีรษะของ
อะไรกัน”
ราชปุโรหิตผู้แจ้งจบแผ่นดินและพื้นฟ้า ได้ยินเลียงก็ตกใจและสงสัยระคนกัน ทั้งรู้สึกว่ามีอะไร
ตกลงบนศีรษะ ก็แหงนหน้าชิ้นดู
พวกไพร่พลพากันเกรียวกร ร้องบอกกันว่า
“ช่วยกันจับเร็ว! ช่วยกันจับเร็ว!” บางคนก็คว้าก้อนดินขว้างชิ้นไป บางคนก็ยิงด้วยธนู เลียง
เกรียวกราวโกลาหลอลหม่านไปทั่วบริเวณพระราชอุทยาน
สัญญาณว่า “ความลบสุดยอด"
ฝ่ายมหาชนอันมาประชุมกันในห้องนั้น เห็นกิริยาของมาถูระแล้วต่างก็รู้กันทันทีว่า “มีความลับ
สุดยอด” เพราะเป็นสัญญาณที่มีกำหนดกฎชาอยู่แล้ว จึงพากันออกไปเลียจากห้องนั้นทุกคน
kalyanamitra.org
๒๖๔
ผู้ใด ดูเป็นท่านองคิดตระเตรียมป้องกันตนเผื่อจะมีภัยมาเท่านั้น”
พระเจัาจุลนีพรหมหัตทรงเห็นงามตามความคิดนั้นหรือไม่”
เปล่า”
“ได้ยินซัดเจน” มาถูระยืนยัน่อีก “ข้าพระพุทธเจ้าได้ยินท้าวเธอทรงรับจะกระท่าตามแผนความ
คิดของเกวัฎ เกว้ฎยังกราบทูลเร่งเรัาให้ทรงรีบกระท่าโดยเร็ว เพื่อไต้ช่องจู่โจมเข้ายืดเมืองต่าง ยุ ท้าว
เธอก็รับสั่งว่าจะรีบกระทำตามอีก ข้าพเจ้าเห็นว่าไม่ซัาก็จะได้ข่าวกองหัพบัญจาละเข้ายืดนครต่าง *1”
kalyanamitra.org
๒๖๕
มาก แต่หากย่อหย่อนในคุณสมบ้ดีได้เป็นอย่างดี
เมื่อข่าวศึกอ้นมีกำลังมหาศาล พรั่งพร้อมด้วยไพร่พลพาหนะจะยกมาประชิดติดพระนคร ก็
จำเป้นด้องรีบจัดการตามแผนการตั้งรับแต่เริ่มแรก ท่านมหาบัณฑิตจึงอพยพครอบครัวถ่ายเทบรรดาสกุล
ใหญ่เอาไพร่แลกขุน”
ที่จะหาสะสมไว้ได้ทั้งว้ตกุต่าง กุ ที่จะเป็นอุปกรณ์แก่ความเป็นอยู่ของทวยนาครเป็นด้นว่าเซือเพลิง ก็
ให้สะสมไว้เป็นจำนวนมากพอแก่ความต้องการของประชาชนเป็นแรมปี
ก่อนที่กองทัพของพระอธิราชจุลนี จะได้กรีธามาประชิดวิเทหรัฐ มิถิลานครก็พร้อมแล้วทุก
ประการที่จะตั้งมั่นด้านทานกำลังพลอ้นมหึมานั้นได้
kalyanamitra.org
๓๗. ล่าแคว้น
พระอธิราชจุลนิทรงเชี่อในแผนการของเกวัฎเต็มพระอัธยาศัย ดังนั้น หลังจากที่ได้ปรึกษา
นายกองอเนกอนันต์
เดินทางรอนแรมมาโดยลำดับ จนถึงนครอันเป็นเมืองใกล้ชิด ก็เข้าล้อมไว้โดยรอบ ดูแน่นหนา
ด้งกำแพงเหล็กมาตั้งประชิดฉะนั้นเทียว
ก็ไม่สามารถจะสู้'พวกข้าพเจ้าได้ ขอให้พระองค์ยอมอ่อนน้อมถวายบ้านเมืองแด่พระเจ้าจุลนีเลียโดยดี จะ
เป็นการดียิงนัก เป็นทางเดียวเท่านั้นที่พระองค์ควรเลือกปฏิบ้ต เพราะเป็นทางที่จะให้สวัสดีแก่พระองค์
และประชาชน
เมื่อเล็งเห็นผลในที่สุดแล้วโดยชัดแจ้งว่า จะเป็นอย่างไร ก็ไม่สมควรจะขัดขืนดึงด้นไป ยอม
ของพระองค์ผู้แพ้จะดำรงอยู่หรือไม่โปรดทรงพระวิจารณ์เถิด”
พระราชาผู้ครองนครนั้น ได้พ้งล้อยคำเกวัฏแล้ว พิเคราะห์เห็นหมดประตูที่จะต่อสู้ด้านทาน
“บ้านเล็กเมืองน้อยย่อมมีอำนาจน้อยแต่พอครองตนได้ ลัาผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่ใฝ่สูงเลียก็พอจะมีอิสรภาพ
ยั่งยืนไปได้ แต่ในโลกนึ่อะไรเล่าเป็นใหญ่ อำนาจ-อำนาจ... เท่านั้นเป็นใหญ่ ผู้สมบูรณ์ด้วยเครื่องมือ
kalyanamitra.org
๒๖๗
เกวัฏก็นำพระราชาผู้ครองนครมาเฝืาถวายความภักดีแด่พระอธิราชจุลนี พร้อมทั้งโภคสมบัติ
บรรดามีในพระนคร ก็จัดทำเป็นบัญข็ทูลเกล้าถวาย
พระอธิราชก็ทรงปราศรัยปฏิสันถารด้วยดี ทรงเอาพระหทัยพระราชามิให้ทรงระแวงแหนงหน่าย
เมื่อทรงพักผ่อนแก่พระราชอัธยาศัยแล้ว ก็มีพระราชดำรัสสั่งให้พระราชาผู้ครองนครนั้นเกณฑ์ท้พสมทบ
ไปดีนครอื่น ๆ ต่อไป ชี่งทุก ตุ นครก็เข้าทำนองเดียวกัน ไม่มีนครไหนที่จะต่อสูได้นครนึ่แลัว ก็ให้พระ-
ราชาเกณฑ์ทัพสมทบไปด้วยดีนครนั้น ได้นครนั้นแล้วก็ต่อไปนครโน้น ชี่งเพียงแต่ลมปากของเกวัฎอัน
กองทัพไปทางนครทางโน้น ขอท่านอย่าได้ประมาทเลย”
เมื่อได้รับรายงานแล้ว ก็ส่งข่าวตอบไปยังทหารเหล่านั้นว่า “ที่นึ่เรามิได้ประมาทเลย เราเตรียม
kalyanamitra.org
๒๖๘
ต่อผู่ใดเลย นี่เหตุไฉนจึงมาย่นระย่อเช่นนี่เล่า”
จะพึงสำเร็จหรือไม่”
“อนึ่งเล่าพระพุทธเจ้าข้า การยุทธนาการที่จะกระทำกันระหว่างคู่คึก ด้องใคร่ครวญพินิจกัน
ปรปกษ์แมัจะมีปรากฏตลอดชมพูทวีปก็ได้ สำมะหาอะไรกับมิติลานครเพียงหยิบมือเดียวอาวุธของปญจาละ
จะมิพอประหาร”
“ยุทธวิธีหรือ ? กองท้พปญจาละของเราได้รับการฟิกหัดรัดเจนในกระบวนรบ ทั้งทางรุกและ
ทางรับเป็นเยี่ยมในชมพูทวีป การจัดรูปขบวนในเวลาโจมดีเล่า แม่ทัพนายกองของเราล้วนแต่เชี่ยวชาญ
มิติลานครสักเท่ากระแบะมือจะรอดพ้นไปจากยึดครองของเราได้หรือ?”
“ขวัญหรือ? กองทัพของเรามีขวัญดีเยี่ยม เวลาที่ผ่านมาย่อมเป็นพยานได้ว่า ตลอดระยะเวลา
นานที่กองทัพได้เหยียบย่างไปในด้าวแดนชมพูทวีปอันมหาศาลนี่ ไม่เคยได้พบปราชัยเลย ไปที่ไหน รบ
อะไรอีกเล่า ในทางขวัญ?”
“อาหารหรือ? ท่านอาจารย์ กองทัพของเรามีเสบียงสมบูรณ์ ไม่ขาดตกบกพร่อง นักรบของ
บัญจาละทุกคนไม่เคยรู้จักกับความอดเลย ตั้งแต่ยกออกจากเมืองมาจนกระทั่งบัดนี่ ยังอุดมสมบูรณ์ ยิ่ง
เราไม่มีวันประสบความอดอยากเลย ทั้งนี่เป็นหลักประกันอันมั่นคงในเรื่องเสบียงอาหารในกองทัพของ
เรา
kalyanamitra.org
๒๖๙
และอาวุธยุทธภัณฑ์เลย”
“ความสามัคคีหรือ ? เป็นที่ประรักษ์อยู่แล้วมิใช่หรือ ? นักรบแห่งใ!ญจาละทุกคนมีอุดมคติ
“ตามเหตุผลที่กล่าวมาแล้วทั้งนั้ เห็นว่าจะเป็นเครื่องประกันความลมบูรณ์ด้วยหลักในการสงคราม
ได้เห็นกำแพงมิติลานคร ”
“ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าๆ” เกวัฏไม่ยอมจำนน กราบทูลแถลงสืบไป “ตาม
ที่ใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาท มีพระราชดำรัสมา ข้าพระพุทธเจ้าก็เห็นด้วยเกล้าๆ ดังพระราชดำรัส อัน
กองทัพแห่งใ!ญจาละนั้นได้เตรียมไว้พร้อมสรรพ เพื่อถวายความเป็นเอกอัครราชแดใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท
กรณียะอันใดที่ควรกระทำ เพื่อประกันความบกพร่องในหลักการสงครามก็ได้พยายามเพิ่มเดิม ได้พยายาม
kalyanamitra.org
๒๗๐
ความเก่งกาจของไพร'พลด้วยความไม่ต่อสู้ของฝ่ายดรงกันข้าม จะถือว่าเป็นการวัดที่ชอบด้วยเหตุผล หา
นั้นมิถิลานครยังมีผู้ฉลาดสามารถยอดเยี่ยมเป็นผู้บริหาร ฝ่ายเรามิได้ทราบความเป็นไปของมิถิลานครเลย
สังเขป”
“พระเจ้ากาลิงคะทรงยกกองทัพมาประชิดพรมแดนแคว้นอัสสกะ ซึ่งมีพระเจ้าอัสสกะดำรง
จักมีที่พรมแดนของแคว้นทั้งสอง”
พระเจ้ากาลิงคะทรงเซือมั่นในกำลังพลพาหนะและอาวุธยุทโธปกรณ์ของพระองค์ซึ่งเจนศึก
จะเป็นฝ่ายชนะ ใครจะเป็นฝ่ายแพั"
พระดาบสถวายพระพรว่า “อาตมภาพไม่ทราบ แต่ท้าวสักกะเคยมาที่นึ่ อาตมภาพจะถามท้าว
kalyanamitra.org
๒๗๑
เธอแล้วจะบอกให้”
วันรุ่งขื้นพระเจ้ากาลิงคะปลอมพระองค์เสด็จไปพบพระดาบสอีก ได้ตรัสถามเรื่องการรบ
เป็นฝ่ายปราชัย”
“ได้พ้งเช่นนี้ก็พอแล้ว เพราะท้าวสักกะเป็นเทวราชย่อมมีทิพเนตรเห็นเหตุการณ์ได้ดลอด
พระเจ้าภาลิงคะและไพร่พลของพระองค์ต่างกระหยิ่ม ต่างลำพอง พระอินทร์ลงมาบอกแล้วว่ากาลิงคะ
ทุกคนตั้งท่าจะกระโดดจากเขาพร้อมกัน
“หยุด” นนทเสนสั่ง “ไม่ด้องโดดลงไปที่นี้ดอก ขอให้ทุกคนตั้งใจซืนบานที่จะถวายชีวิตแด่
พระราชาของพวกเรา จงพากันรบอย่างไม่ด้องถอยทีเดียวนะ”
ทุกคนรับคำ
ถึงคราวรบกัน กองทัพกาลิงคะ ด่างลำพองในความมีชัย ตามคำพยากรณ์ของท้าวสักกะ ตั้งแต่
kalyanamitra.org
๒๗๒
หรือ?”
“ข้าแต่ท้าวมัฆวานเทวราชผู้เป็นใหญ่ พระองค์อาสัยเหตุใดเล่า จึงตรัสคำเท็จว่า กาลิงคะจะ
ต้องชนะ อัสสกะจะต้องแพ้นั้น”
ท้าวสักกะตรัสตอบ
“ท่านพราหมณ์ ท่านไม่เคยได้สดับบ้างหรือ ที่เขากล่าวกันว่า “ทวยเทพก็กีดกันความกัาวหน้า
ของคนไม่ได้”
“ฝ่ายอัสสกะมีชัย ด้วยองคคุณคือ การฟิกฝน ความมั่นใจ ความร่วมใจ ความไม่ย่อหย่อน การ
รุกในเวลาที่เหมาะ วิริยะที่มั่นคง และความรุดไปข้างหน้าอย่างเข้มแข็ง”
เกวัฎนำเรื่องราวอันเป็นเนติสงครามแด,ปางอดีต มากราบทูลลน้บสนุนความคิดเห็นของตน
ใครคู้เสียนานแล้ว จะเป็นเหตุให้พระเกียรติยศของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทเสื่อมเสียไป
อีกประการหนึ่งเล่า ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทโปรดทรงพระวิจารณ์ให้ถี่ถ้วนเถิด ราชสมบัติ
แล้ว จะทรงประสงค์ทำไมด้วยราชสมบ้ติของมิถิลานครพระพุทธเจ้าข้า”
ที่เกวัฏกราบทูลตอนหลังนึ่ เป็นนัยให้พระอธิราชทรงอนุสรณ์ถึงแผนการที่ได้คิดกันไว้ตลอด
แล้ว
kalyanamitra.org
๒๗ส
พระอธิราชจุลนื ทรงสดับคำอันเป็นนัยของราชปุโรหิตก็ทรงหวนระลึกได้ทันทีด้วยทรงพระ-
ปฏิภาณ จึงมิได้ทรงซักไซํไล่เลียงอันใดอีก เป็นแต่พระราชทานพระราชกระแสรับสั่งให้กองทัพทุก รุ
กรุงปญจาละ
พระราชาผู้ครองนครทั้งมวล ที่ตกอยู่ในอำนาจของพระอธิราชจุลนืยอมนอบน้อมถวายบ้าน
ของพระเจ้าจุลนื ได้สดับลัอยคำทัดทานห้ามปรามของปุโรหิตเกว้ฏด่อพระราชดำรัสของพระอธิราชอี
มิได้พอพระหฤทัยไปตาม *1 เหตุที่มิพอพระหฤทัยของพระราชาเหล่านึ่มีอยู่คือ บ้านเมืองของตน รุ ต้อง
พระเจัาวิเทหราชยังดำรงเอกราชอยู่มิต้องตกตํ่าทำนองเดียวกับตน มิต้องกระทบกระเทือนเหมือนพวก
ทั้งนึ่เป็นความหม่นหมองของจิตใจที่ตํ่าทราม อันจะเป็นสาเหตุให้เกิดความคิดชนิดที่ไม่อยาก
ดมบ้ดิในกรุงมิถิลาให้ได้ก่อน จึงจะดื่มชัยบานกัน”
“อย่าเลยพระพุทธเจ้าข้า” เกวัฏกราบทูลห้าม “อย่าได้ทรงดำริถึงการที่จะยกกองทัพไปยึด
มิถิลาเลยพระพุทธเจ้าข้า”
“ทำไมหนอท่านเกวัฏ” พระราชานั้น รุ ซัก “ความเป็นเอกราชในสกลชมพูทวีป ความเป็น
อัครราชาในแผ่นดินทั้งหมด มิได้เป็นที่มุ่งหมายในการกระทำของพระอธิราชเจ้าแห่งเราหรือ”
kalyanamitra.org
๒๗๔
เดือดร้อน” พระราชาทั้งหลายดำรัสตามที่ทรงคิดเห็น
จำนวนร้อยแล้วโดยปริยาย เชิญใต้ฝ่าพระบาททั้งหลายเสด็จกลับนครเถิด”
ก็คุมกองทัพเสด็จกลับนครของตน
บรรดาผูลึบราชการลับของท่านมหาบัณฑิต ได้สดับเหตุการณ์ต่าง จุ ถีล้วน ก็ส่งข่าวบอกไปยัง
กรุงบ้ญจาละแลัว มิติลาเห็นจะปลอดภัยสงคราม”
kalyanamitra.org
๓๘. พิธีช์ยบานลม
พวะเจัาจุลนืพรหมท้ตกรีธาทัพกลับพระนคร หลังจากที่ได้ทรงซีดนครค่าง 1 เข้าไว้ในพระ-
ราชอำนาจหมดลิ้นแล้ว เว้นแค่พระนครมิถิลาแห่งเดียวเท่านั้น จึงทวงปรึกษาลับท่านเภวัฎราชปุโรหิตาจาวซี
ว่า “ท่านอาจารย์ บัดนํ๋การซีดนครค่าง *1 ได้สำเร็จลงแลัวโดยวาบรื่น ราชสมบัติในสกลชมพูทวีป ทับ
พระนครมิถิลาจักด้องตกมาเป็นของเรา ใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาทจักทรงพิชิตชมพูทวีป”
พระเชัาจุลนึ จึงมีพระราชกระแสดำรัสสั่งราชเสวกให้ตระเตรียมงานพระราชพิธีชัยบาน ให้
แก่เราโดยเร็ว”
ต่อมาอีก ๒-๓ วัน ผู้สืบราชการลับก็ได้ปฏิบัติตามคำสั่งเสร็จลิ้นไป ส่งกำหนดการที่แน่นอน
บอกไปยังท่านมหาบัณฑิต
kalyanamitra.org
๒๗๖
ที่ฉันสั่งต่อไปน”
ไปน”
“พวกเธอจงพากันไปในพระราชอุทยาน ตรงไป ณ สถานที่อันจะเป็นที่ประทับของพระราชา
นั่งอยู่ไม่ เธอทั้งหลายจงชิงเอาอาสน์ชึ่งเขาจัดไวิในลำดับต่อกันกับอาสน์ของพระเจ้าจุลนีแล้วประกาศ
kalyanamitra.org
๒๗๗
พวกทวยหาญสหชาติอ้นเป็นบริวารเหล่านั้น รับคำสั่งทำความเคารพท่านมหาบัณฑิตแล้ว ก็
ตามคำสั่ง
พระราชอุทยานกรุงบัญจาละได้รับการประดับประดางดงามราบรื่น ที่รกเรื้อรุงรังก็ถูกถางแผ้ว
ทวยหาญสหชาติของท่านมหาบัณฑิตพากันเข้าสู่อุทยานอ้นงดงามในวันอ้นเป็นกำหนดลิ่มชัยบาน
ได้เห็นสิริราชสมปติอ้นโอฬารของพระราชา ทำให้เพลิดเพลินพูดชมกันเป็นกลุ่ม รุ ในหมู่ตน ชมนั่น
ชมนี่ซ็ชวนกันชมจนเกือบใกล้เวลาที่พระราชาทั้งหลายเสด็จมาสู่พระราชอุทยาน พวกหนึ่งก็พากันเข้าไป
พระราชาแห่งเราอยู่น”ี่
วาชาของท่านทรงพระนามว่าอะไร”
“พวกเราหรือ?” สหชาติโยธาเอ่ย “พวกเราเป็นข้าราชการของพระเจัาวิเทหราชสิ! ท่านทั้ง
kalyanamitra.org
๒๗๘
หลายไม่ได้ชินพระนามยันกระเดื่องของพระองส์ท่านเลยหรึอ ? ”
“คราวที่พวกเราไปด้อมซีดพระนครด่าง *1 ท้วสกลชมพูทวิปเป็นเวลานาน ๗ ปีเคษ ไม่เคย
เห็นพระเข้าวิเทหวาชลักวันหนึ่ง” ข้าราชกาวกรุงบัญจาละแย้ง “วิเทหราชของพวกท่าน มีซี่อแด่เพียง
บุคคลพิเศษอะไร”
“พระราชาของพวกเราจะเป็นบุคคลพิเศษหรึอไม่ดีเข็ญพิจารณาดู” ทวยหาญแห่งวิเทหรัฐ
โด้ “ในเมือพระราชาทังหลายตกอยู่ในอำนาจของพระอธิราชจุลนึหมดแลัว พระเข้าวิเทหราชยังคงเป็น
อิสระอยู่มิใช่หรึอ ? การที่สามารถค่ารงความเป็นอิสระอยู่ได้ ในเมือผู้อินในฐานะเดียวกันหมดอิสระไป
นั้น จะยังไม่ดวรยกย่องว่าเป็นบุคคลพิเศษล่ะหรึอ ?”
“อิสระที่ไม่ถูกใครข่มน่ะหรึอ ?” พวกป้ญจาละว่า “เป็นอิสระอยู่ได้เพราะไม่ถูกข่มเหงรุกราน
แค่นจะเอามานิยมชฟ่ข็นด้วย” พูดแลัวก็สรวลเสกัน
“ดีใครเขาไปห้ามเล่า ท่านเอิย” พวกวิเทหรัฐเย้ย “การที่สามารถรุกรานและได้รุกรานมาแลัว
ที่วแดนดิน แต่ไม่ไปรุกรานพระราชาของเรานั้น ปล่อยให้พระราชาของเราคงเป็นอิสระอยู่นั้น เป็นชัปยศ
ของใคร เป็นความผิดของใคร การที่สามารถรุกรานแลัวไม่รุกรานจะเรียกว่าเป็นความไม่กลัา ความขลาด
พวกผู้รุกรานเองดีได้ใช่ไหมล่ะ”
“ดูหมิ่นกันหนักไปละ” พวกป้ญจาละพูดด้วยเสียงโกรธ
“มิได้ พวกข้าพเข้าไม่ได้ดูหมิ่นใคร” พวกวิเทหรัฐปฏิเสธ
“แด่เหตุผลบ่งซัดอยู่เช่นนั้นนึ่ ท่านทังหลาย'’
“ไม่ได้ วิเทหราชไม่สมควรกับอาสนะนึ”่ พวกบัญจาละซีนคำ
“พระเข้าวิเทหราช สมควรกับพระวาชอาสน์นึ่เป็นอย่างยิ่ง” พวกวิเทหรัฐเถึยง “พระเข้าวิเทหราช
ด้องอยู่ค่เดียงกับพระอธิราชจุลนิ”
“เวลาเหนึ่อยยาฦตรากดรำสิไม่เห็นหน้า เวลารื่นรมย์จะมาหมายจองที่ดีที่เด่น อย่างนึ่ใข้ไม่ได้”
หากจะหมายร่วมพิธีชัยบาน”
“ไม่ยอม พระวาชาของพวกเราด้องประทับพระราชอาสน์นึ่” ฝ่ายมิถิลายั่ว “เป็นไรดีเป็นกัน
kalyanamitra.org
๒๗๙
เป็นอันขาด”
พูดแลัว ถีบันลึอสิงหนาทโห่รัองถีกกัอง กรูเกรึยวกันเข้าทุบต่อยเดะถีบไหสุรา และเทมัจฉมัง-
ลาหารเสียหมด ใ1ชัการอะไรมิไอั ครันแลัวถีคุมกันฟ้าคลุกคลึปะปนไปกับพวกพลเสนา พากันส่งเสียง
โห่รัองอึงคะนึงประกาศกัองว่า “เราท้งหลายเป็นคนของมโหลถบัณฑิต ณ กรุงมิติลา กัาพวกท่านลามารถ
ถีเข็ญเติด เข็ญซิเข็ญจับพวกเรา”
ขณะที่ความโกลาหลอลหม่าน ยังปรากฎอยู่ในพระราชอุทยานกรุงบัญจาละนั่นแหละ ทวยหาญ
สหชาติของท่านมหาบัณฑิต บ่ายหน้ากลับมิติลานครอย่างปลอดภัยทุกคน
kalyanamitra.org
๓๙. มิถิลาถกล้อม
ฝ่ายข้าราชการกรุงป้ญจาละ ซึ่งตกประหม่าในเหตุการณ์อันมิคาดคิดว่าจะเกิดชื้นรุนแรง ก็กลับ
พระอธิราชจุลนีกำลังมีพระหฤทัยเต็มตนไปด้วยพระปีติในการที่จะได้ทรงครอบครองสกล
.กระทำตามแผนความคิดที่กะไวั”
เจ้าข้า”
“อะไรหมด?” ตรัสถามด้วยพระสุรเลียงกร้าวแกมฉงน “ทำไมจึงหมด?”
“ทั้งสุราและกับแกล้มมัจฉมังสาหารพระพุทธเจ้าข้า ”
kalyanamitra.org
๒๘®
“เรื่องราวเป็นอย่างไร เล่ามาให้พังหน่อยซิ”
ข้าราชการผู้นั้น จึงกราบทูลประพฤติเหตุทั้งปวงให้ทรงทราบ
พระอธิราชจุลน็ทรงสดับแล้ว ทรงพิโรธยิ่งนัก พระพักตร์บงตึง พระเนตรทั้งคู่ฉายประกาย
พระโทสะเป็นไปมากมาย
พระราชาทั้ง ๑๐® ก็ทรงพระพิโรธ “ชิชะ! พวกมิถิลาถือดือย่างไรจึงมาแกล้งทำลายเหล้ายา
ปลาเนื้อของเขาให้เสียหมด ทำให้พวกเราอดดื่มชวดความสนุกสำราญ”
พวกพลนิกายต่างก็โกรธ “อ้ายพวกมิถิลาทืเดียวมาแกล้งไม่ให้พวกเราได้ดื่มสุราอันโอชารส
โดยไม่ด้องเลียมูลค่า ม้นน่ายํ่าให้แหลกลาญ ด้องตะลุยให้เป็นผงคลี”
ท้นใดนั้น พระอธิราชจุลนึตรัสเรียกพระราชาเหล่านั้นประชุมกันรับสั่งว่า “ท่านผู้เจริญทั้งหลาย
ความคิดของฉันเป็นเช่นนื้ ท่านอาจารย์จะเห็นเป็นอย่างไร”
kalyanamitra.org
๒๘๒
มิถิลาเลยทีเดียว”
ล้อยคำของท่านปุโรหิตาจารย์ในตอนนี่หมดความขลังเลียแล้ว ข้ตดิยมานะในพระองค์ของพวะ-
ผนวกกับความม้วเมาในพระราชอิสริยยศครอบคลุมปิดบังพระปรีชาญาณของพระองค์มีดมิดหมด อีก
ทั้งกำลังพลนิกายของท้าวเธอก็ทรงแสนยานุภาพ ยากที่ใคร *1 จะต่อด้านได้ พระองค์จึงตรัสว่า “นี่าหน้า
พระอนุชาธิราชติขิณมนตรีดำรงตำแหน่งเสนาธิการพรัอมด้วยผู้เซียวชาญในยุทธศาสตร์ และยุทธวิธี
การที่คนมิถิลามาทำลายพิธีชัยบานเลียอีกด้วยแลัว กำลังศึกจึงยิ่งฉีดเหิมที่มท้าวขนอีกรัอยเท่าพันทวิ
kalyanamitra.org
๒๘0า
พลทหารกองหน้าและกองหนุนจัดหมุนเวียนเปลี่ยนผลัดกันระวังเหตุการณ์มิให้พร่อง ประตูใหญ่ของ
และสั่งการงานแก่พวกแม่ทัพนายกองให้รับมอบหน้าที่แบ่งเบาภาระเป็นหูเป็นตาตูแลระวังเหตุการณ์ ให้
พลนิกายถึอคบเพลิงนับด้วยแสนดวงส่องมรรคาเสด็จดึงกรุงมิติลาแต่ห้วคํ่า พอมาถึงก็มีพระบรมราช-
โองการดำรัสสั่งให้ล้อมเมืองมิติลาไว้ให้สิ้นทุกด้านโดยทันที
แม่ทัพทั้งหลายได้รับพระบรมราชโองการ ก็ดำเนินการล้อมมิติลานคร ตั้งซุ้มพลลงในที่นั้น รุ
มาล้อมด้วยกำแพงม้า พลราบล้อมชั้นนอก
เหล่าพลนิกายที่รายล้อมอยู่โดยรอบ ต่างพากันเปล่งเสียงบันลือโห่ร้องปรบมือผิวปาก บ้างก็
คารามคำรนร้องก้องอึกทึกครึกโครมเคล้าไปกับเสียงคำรามคำรนร้องของพาหนะคือม้าและช้าง และเสียง
ดุริยางค์เป็นโกลาหล ประหนึ่งพื้นแผ่นดินจะพังทลายแหลกลาญลงด้วยเสียงอันกัมปนาทนั้น
ฉายประกายกระทบอลังการคือหมวกและเสิ้อเกราะเป็นอาทิของบรรดานักรบกรุงบ้ญจาละ ทำให้ตูแพรไ-
พราววาววับเพิ่มความเจิดจัาจำรัสขื้นพ้นที่จะพรรณนา
kalyanamitra.org
๔๐. ชาวมิถิลาพรํ่นศก
ให้ครองตนอยู่โดยปราศจากความหวาดหวั่นพรั่นพรึง เว้นแต่ท่านผู้สำเร็จราชการกับพวกนายทหารเท่านั้น
เมื่อกองทัพของกรุงป้ญจาละรายล้อมพระมหานครนั้น ท่านผู้สำเร็จราชการต้องปฏิบัติงาน
เหน็ดเหนื่อย ต้องเที่ยวดรวจดราด้านโน้นด้านนื่ ปลุกปลอบนํ้าใจของไพร่พลให้เป็นใจแก'ราชการ ด้อง
คิดอ่านวางแผนการร้บศึกอันมีกองทัพมหึมากับบรรดานายทหารร่วมใจ กิริยาท่าทางของท่านปราศจาก
ความครั่นคร้าม ยามท่องเที่ยวดรวจตราหน้าที่ก็เหมือนพญาสีหะอันกำแหงหาญ แผดผยองแม้ต่อหน้า
ข้าศึกอันรายล้อมอยู่รอบตน
กล่าวถึงทางราชสำนัก ชัคุสดม/เของมิติลากำลังเฝ็าพระเจ้าวิเทหราช เพราะท่านทั้ง ๔ ได้ยิน
เลียงโห่ร้องอออึงครืกโครมรอบพระนคร ไม่ทราบว่าเกิดอะไรชื้น เพราะความใส่ใจในราชการของท่าน
ให้ทรงทราบเรื่องพระพุทธเจ้าข้า ”
พระเจ้าวิเทหราชทรงได้ทราบวี่แววมาก่อนแล้วว่า พระเจ้าจุลนีจะกรีธาทัพมาชืดมิติลา ครั้น
บุกบั่นเข้ามาจับพวกเราประหารเลีย ดูซีกองทัพล้อมเราไว้รอบทุกด้านแล้วจะทำไฉนดี?”
kalyanamitra.org
๒๘๕
เสร็จกาวงานแล้วนืกลึงพระเจ้าอยู่หัวได้ คิดว่าจะมากราบทูลปลอบพระราชหฤทัยให้ทรงคลายพระวิตก
จึงขื้นมาเสาในพระราชนิเวศน์ ถวายบังคมพระเด้าวิเทหราชแล้วยึนอยู่ ณ ที่อันสมควรส่วนหนั่ง
กระท่าได้แน่นหนาสามารถต่อด้านการรุกรบของข้าศึกได้ดี มีพลรบอันได้รับการสกหัดจัดเจนในกระบวน
รบทุกประกาว แคล่วคล่องว่องไวในการรุกและล่าดีถอย พังข็พ่อมโหลถเลียงของไพร่พลมิได้เซาชา พัง
เซ็งแช'คึกคะนองลำพองหาญ บอกประมาณว่ามากมายเหลือที่จะคณา ทั้งการบอกเล่าก็ด้องใซัเลียงกลอง
และเลียงสังข์เป็นสัญญาณ จึงจะไดํยินทั่วกัน น่าพิลึกสะพึงกลัวนักหนานัก”
kalyanamitra.org
๒๘๖
ไพร่พลดันอยู่ในปกครองจะมิสามารถเป็นเอกในชมพูทวีปหรือ? ”
“ยังอีกเล่า เหล่าพระราชา ๑๐๑ พระองค์ผู้รุ่งเรืองแล้วด้วยอิสริยยศและบริวารทั้งหมด มา
ดิดตามด้อมด้อมจอมราชจุลนีเพราะแควันของตน *1 ถูกยึดครอง ต่างก็กลัวภยันตรายแต่ที่จะถูกบีบดั้น
บั่นทอนพระชนม์ ต่างก็ยอมตนเข้าสู่อำนาจของกรุงป้ญจาละ พ่อเอย-กำลังแสนยากรของบัญจาละแต่
ลำพังก็เป็นเอกอยู่แลัว ยังมาได้กำลังของพระราชา ๑๐๑ เข้าเพิ่มเดิมยิ่งเป็นกำลังมหาศาลสุดที่จะผจญ”
“พระราชาทั้ง 6๐๑ เหล่านั้น ด้องกระทำตามพระบัญชาสั่งของจอมราชจุลนี แม้จะไม่พอใจ
ก็ด้องสนใจทำ ไม่มีทางจะขัดขืน ไม่เห็นงามเห็นชอบในเรื่องใดก็ตองกลํ้ากลืนสนกล่าวให้เป็นที่พึงพอใจ
จอมราชจุลนี เพื่อใท้ตนเป็นที่รักใคร่ของท้าวเธอ ดูเถิดพ่อ พระราชาเหล่านั้น ปางก่อนเคยรุ่งเรืองแลัว
ด้วยอำนาจราชศักตํ่ บัดนึ่ด้องมาเป็นประเทศราชกรุงบัญจาละ ด้องดำเนินตามพระเจ้ากรุงบัญจาละทุก
สถาน ไม่อาจขืนขัดทัดทานได้ทั้งสิ้น ที่ไหนจะไม่กระทำตามโองการของจอมราชบัญจาละ ด้าท้าวเธอ
จะดำรัสสั่งให้เข้ายํ่าชืมิถิลานครของเรา ”
ภาวะของข้าพระพุทธเจ้าในการป้องกันพิทักษ์มหานครมิชิลาราชธานีของชาววิเทหะ การรักษาป้องกัน
ข้าพระพุทธเจ้าได้จัดการแลัวโดยบั่นคงแข็งแวง ได้ทรงพระมหากรุณาโปรดวางพระราชหฤทัยเถิด กอง
kalyanamitra.org
๒๘๗
ความรำคาญเคืองใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาท แม้แต่ปลายเส้นพระโลมาก็จะมิได้รับความกระทบกระเทือน
เหมือนขํ่นธนูไล่วานรฉะนั้นทีเดียว ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทจงทรงพระสำราญพระราชหฤทัยตามพระ-
ราชอัธยาศัยเถิด อย่าได้ทรงหนักหน่วงพระหฤทัยถึงเรื่องสงครามเลย พระเจ้าจุลนีพรหมทัดจักเป็นพระ-
องค์แรกที่จะเสด็จหนี แม้แต่แสนยากรชาวบัญจาละท้าวเธอก็จะต้องที่ง”
ท่านมหาบัณฑิตกราบทูลปลอบพระราชหฤทัยพระเจ้าวิเทหราชแล้วก็กราบถวายบังคมลาออก
จากที,เฝืา เที่ยวตรวจตราหนัาที่ต่าง รุ มิได้หยุดยั้ง
บรรดาประชาชนชาวมิถิลานคร ต่างก็อกสั่นขวัญหายกลัวต่อความตาย ต่างก็พาก้นชุมนุมเป็น
อลเวงยิ่งนัก
kalyanamitra.org
๔๑. บำรุงขวญ
ในการกระทำสงครามกันนั้น สิ่งที่เป็นสำคัญในการศึกก็คือขวัญ ทั้งฝ่ายรุกและฝ่ายรับต้องมี
ของตนมิได้รับความเป็นปกติสุขแลัวยังแถมเกิดความลำเค็ญด้วยประการต่าง *1
อนึ่ง ความพรั่นพรึงหวาดกลัวของพวกพ้องของนักรบเล่า ก็เป็นบัจจัยให้กองทัพเกิดความระสำ
ระสายได้โดยไม่ยาก นักรบคนใดเล่าที่จะยืนหยัดเคร่งครัตในหน้าที่อันเผซิญหนัากับความตาย ในเมื่อได้
ทราบความป่นบํวนมาของพวกพ้องซึ่งอยู่ข้างหลัง จิตใจของนักรบนั้น ยุ จะต้องห้นหวนบํวนป่นหรั่นไหว
ไปตามพฤติการณ์ของพวกพ้องวงศ์วาน อิสรชนผู้บริหารบ้านเมืองในคราวที่บ้านเมืองเข้าที่คับขันด้งมิถิลา
ประสบ จะต้องติดหาทางที่จะควบคุมประชาชนชาวเมือง ให้พำนักกันอยู่เป็นกลุ่มเป็นกัอน ไม่ให้เกิด
ความป่นบํวนได้
ในการปฏิบัติเพี่อผลด้งกล่าวมา ท่านมหาบัณฑิตแห่งมีถิลาได้กระทำไปอย่างเหมาะสม คือให้
นำกลองดีประกาศการมหรสพไปเที่ยวดีทัวเมืองพรัอมกับดำประกาศของท่านมหาบัณฑิต บอกแก่ประชาชน
คังนื่
kalyanamitra.org
๒๘๙
อานุภาพของเรา อย่าได้วิตกกังวลใจเลย”
ชาวมิถิลาได้ทราบคำประกาศของท่านมหาบัณฑิตด้งนั้น ต่างก็คลายใจได้ความโล่งอกโล่งใจ
ช้กชวนกันเล่นมหรสพอย่างครื่นเครงทุก *1 คนทุก รุ ตำบลไม่มีว่างเวัน กรุงมิถิลาแทนที่จะเงียบเหงา
เพราะมีข้าคึก อันทรงกำลังมหาศาลมาประชิดติดพัน กลับตรงกันข้าม มีแต่ความครื่นเครงสนุกสนาน
ที่ทั่ว ๆ ไป
ปานาคารทุก รุ แห่งที่ได้ปิดการด้าขาย เนื่องด้วยความหวาดหวั่นกลัวภัย อันจะเกิดขึ้นจากการ
เย้ยผู้บริโภคว่าท้องของท่านแต่ละคนจะชนสิงเหล่านื่เข้าไปบรรจุไว้ได้หมดละหรือ ? จะขยายด้วยเอา ๑๐
คูณได้ละหรือ จึงจะมีช่องพอบรรจุไม่ได้เหลือหลอ ?
เมื่อสุราและกับแกล้มได้ประมาณแล้ว บัญญาอันอาศัยสุราเป็นสื่อก็พรั่งพรูออกมา คล้ายกับ
kalyanamitra.org
๒๙๐
kalyanamitra.org
๒๙®
ทางรอดแล้ว เห็นอย่างปรุโปร่งทีเดียว”
“เมื่อพวกเราส่วนมากเห็นว่าไม่เป็นไร กันก็ไม่ขัดแข็งและมีความเห็นร่วมด้วย” คนแรกอ่อน
ลง “แต่ความวิกตกังวลใจยังคงมีอยู่ จะไม่ให้มีไม่ได้ เห็นอยู่แล้วในกิจการต่าง *1 ที่ท่านมหาบัณฑิตจัด
มิให้สัตวิเข้ามา ล้าเป็นชาวเมืองมิถิลาแล้วก็เข้าออกได้ตามอัธยาศัย
การกระทำของท่านมหาบัณฑิตสำเร็จผลอย่างงดงาม ความหวาดหวั่นครั่นคร้ามของชาวเมือง
หมดไป ความชบเชาเหงาเงียบของบ้านเมืองอ้นเป็นเครื่องประกาศจิตใจของชาวเมืองว่ารอวันตายก็หาย
เสมอ
kalyanamitra.org
๔๒. ใจมต็มิถลา
พระอธิราชจุลนึประทับ ณ กองบัญชาการกองทัพของพระองค์ ได้ทรงสดับเสียงสนุกสนาน
ครื้นเครงในพระนครมิติลาอันสนั่นโกลาหล จึงมีพระราชดำรัสตรัสกับพวกอำมาตย์ราชบริพารว่า
ในบรรดาอำมาตย์ของพระอธิราชนั้น อย่าลืมว่าด้องมีผู้ลืบราชการลับร่วมวงอยู่ด้วยเสมอไป
ท่านพวกเหล่านี่แหละได้เป็นกำลังของกรุงมิติลามากมาย ต่างกระท้ากิจอันเป็นคุณประโยชน์ให้แก่บัานเมือง
โตยแท้ เมื่อไดํยินพระดำรัสด้งนั้นไม่มีใครตอบ ผู้สึบราชกาวจึงกราบทูลชื้นตามความลิดเห็นที่เป็นประโยชน์
ฟ้อนรำกันตลอดวันตลอดคืนประมาทหนักหนา หรือพวกท่านเห็นว่ามิติลาจะปลอดภัยจากกองทัพอัน
มหาคาลนี่ได้กระนั้นหรือ”
ของพระเจ้าวีเทหราชให้ข้าพระพุทธเจ้าได้ทราบบัางเถิด”
“อ๋อ ได้ซิจะเป็นไรไป” พวกนั้นสนองดำของข้าพระพุทธเจ้าพลางเริมเล่าว่า “ในการที่มีศึก
มาประชิดติดนครคราวนี่ พระเจ้าวีเทหราชได้มีพระกระแสพระบรมราชโองการประกาคให้รู้ทั่วกันว่า
kalyanamitra.org
๒๙๓
ในสมัยที่พระองค์ดำรงในภาวะแห่งพระราชกุมาร ได้มีพระมโนรถตั้งพระราชปณิธานไว้ประการ.หนึ่ง
ดำริเถิตพระพุทธเว้าข้า”
การที่พวกผู้ลึบราชการลับของกรุงมิลิลากราบทูลทั้งนึ่ เป็นการจี๊จุดเพลิงพระโทสะของพระ-
อธิราชให้กระพึอพรึบเป็นเปลวขื้นทันที กววเป็นกำลัง ตรัสตวาด “ดูหมีนนักชาวมีถิลา ประมาทเรานัก
วีเทหราช ไม่รักำลังของจุลนีเสียแลัว คงได้เห็นกัน” ตรัสพลางทวงมีพระดำรัสสั่งแม่ทัพทุก *1 ด้านให้
ยกพลเข้าโจมดีทักเอาพระนคร ในกระแสพระราชดำรัสสั่ง มีข้อความดังนึ่
ยังหมวดกองของตนให้เข้าโจมดีมิถิลาทุกด้าน
เลียงสังข์กังวานแว่วแว้วเจั๊อยขื้นทุกหมวดกอง ไม่ใช่เสียงไพเราะเสนาะแก่ผู้พัง หากเป็นสัญญาณ
บอกให้เดรึยม เพึ่อเข้าหามฤตยู ปรี่เข้าไปฆ่ากันอย่างไม่มีเหตุเป็นส่วนตนเลย สำเนียงที่ปรากฏจากสังข์
เหมือนเสียงสั่งการ....
“รุกเชิดซี บุกเข้าไปซี ทักเข้าไปซี รอรึทำไม ในสงครามหาความปรานีที่ไหน ทหารหาญกล้า
ด้องฆ่า จะตัองเซีอดเฉึอนกันลงไป
สิ้นเสียงสังข์ กลองรบรัวสั่นขื้น พังกระหึ่มครึมครางบอกให้เดินหนัาเข้าไปหาข้าศึก เร่งเรัา
รัวเร็วชิข์น กุ ประหนึ่งเสียงกระหึ่มแห่งปีศาจอ้นกระหายโลหิต เป็นเสียงกึกกัองมาจากบริวารแห่งยมราช
เรียกรัองเอาดวงวีญญาณให้ไปเผซีญกับทวกรรมโดยเร็ว จะเป็นเสียงอะไรไม่ใช่บัญหาที่พวกสูรโยธา
kalyanamitra.org
๒๙๕
กันเคยวเดินอวดไปมาบนชายกำแพง
แม้คำพูดจะแสลงหู กิริยาอาการจะแสลงตา พาให้เกิดพิษแสลงถึงใจ เหล่านักรบบัญจาละ
ก็ตองจำกลํ้ากลืน ไม่กล้าแสดงความโกรธให้ผาดโผนปรากฎออกไป เพราะตระหนักเป็นอย่างดีว่า ภายใน
ของคำยั่วคำเย้ยมีสิงที่จะพรากวิญญาณของตนให้ออกจากร่างล่องลอยไปสู่ปรโลกได้ ซ็งปรโลกที่วิญญาณ
ของตนจะไปสู่นั้น จะรึนรมย์เหมือนในโลกนื่หรึอไม่ก็ไม่แน่นัก จึงด้องกลํ้ากลืนเอาไว้ และทนให้ถากถาง
ยั่วเย้ยตามสบาย จนมีสัญญาณถอยกลับเข้าแหล่ง
การเข้าดีของกองทัพพระอธิราชจุลนึในวาระแรกก็ปิดฉากลงด้วยความพินำศย่อยยับสุดที่จะ
kalyanamitra.org
๒๙๖
๔๓. การปิดล้อม
พวกแม่ทัพนายกองเมื่อได้ให้สัญญาณให้พวกสูรโยธาล่าถอยกลับเข้าแหล่งแล้ว ต่างก็ชวนกัน
พร้อมกับกราบบังคมทูลถึงความเสียหายในการเข้าโจมดีคราว'น เสร็จแล้วก็ทราบทูลด้วยความพรั่นพรึง
สติบัญญามีกำลังสามารถเยี่ยมยอดยิ่งยงปานไร ก็ไม,อาจเป็นแท้ที'จะหักเข้าไปอึดครองนครมิถิลานึ่ได้”
พระอธิราชจุลนีทรงสดับรายงานของบรรดาแม่ท้พนายกอง ด้วยพระอาการรันทดพระราช
หฤท้ย เพราะมิได้ทรงคำนึงถึงมาก่อนว่า ชาวมิถิลาจะต่อด้านเข้มแข็ง ถึงกับทำใท้กองทัพของพระองค์
ประสบความพินาศถึงขนาดนั้น ทั่งเพลิงพระโทสะอันพลุ่งโพลงก็ค่อยเสื่อมสร่างกระแสลง กลายเป็น
ใกล้กำแพงเมืองก็ไม่มีเลียเลย จะทำอย่างไรกัน?”
เกวัฎเป็นปุโรหิตทรงปรีชา แม้จะตระหนักในความเห็นของตนถึงการที่จะด้องเผชิญกับคู,ศึก
อันหนักยิ่ง จนถึงได้เคยกราบทูลด้านมาแล้วแต่เดิมที ก็มิได้เป็นเช่นอำมาตย์บางประเภท ที่มั่นแต่ในความ
kalyanamitra.org
๒๙๗
เลยพระพุทธเจ้เข้า”
“อุบายของท่านอาจารย์แยบคาย เป็นประโยชน์มาก” ตรัสด้วยทรงมีพลังพระหฤทัยขื้นถนัด
ใครนำนํ้าเข้าไปในเมืองเป็นอันขาด
ที่นั้น บรรดาท่านผู้ลึบวาชการลับทั้งหลายที่แทรกแซงอยู่ในหมู่อำมาตย์ขององคืพระอธิราช
อึเขียนหนังลึอบอกเรื่องราวความคิดอ่านของเกวัฏที่ปรึกษาทุกประกาว ผูกปลายลูกศรชิงเข้าไปในก้าแพง
เมือง เพื่อให้พวกโยธาชาวมิถิลาเก็บไปให้ท่านมหาบัณฑิตทราบ
ลูกศรผูกหนังลีอแจ้งข่าวสาวเกี่ยวกับการลัอมปิดเพื่อให้ขาดนํ้าตกลึงมือท่านมหาบัณฑิตในไม่
ข้า ตูจะพูดว่า กองท้พบัญจาละเริ่มเดลิ่อนไหวเพื่อปฏิบัติการดามแผนอุบายใด เมือใดแผนอุบายนั้นอึทราบ
ลึงท่านมหาบัณฑิตเมือนั้น ดังนึ่ก็ได้
ท่านมหาบัณฑิตทราบประพฤติเหตุนั้นแลัว ก็รำพึงด้วยความสลดใจ ในแผนความคิดของเกวัฎ
kalyanamitra.org
6๑
ท่านลองวัดมันตูทีหรือยาวลักเท่าไร”
ท่านผู้สีบราชการลับหลายคนอันกำลังมาร่วมชุมนุมช่วยกันวัดได้ ๖๐ ศอก แต่เพื่อประมูลความ
ให้ยิงชื้นไปอีก จึงกราบบังคมทูลมากชื้นไปว่า “ขอเดชะ เบ็ดเสร็จ ๘๐ ศอกพระพุทธเจ้าข้า”
“เออแน่ ยาวจริง *[” รับสั่งด้วยความประหลาดพระหฤทัย “มันเกิดที่ไหนใครรับัาง?”
ท่านผู้หนึ่งในหมู่ผู้สืบราชการลับมีปฏิภาณว่องไวกราบทูลว่า “ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท
ปกเกล้าฯ วันหนึ่งข้าพระพุทธเจ้าเกิดความกระหายเป็นกำลัง สุดที่จะกลั้นความกระหายเสียไดจึงลอบ
เข้าสู่พระนครทางประตูเล็ก ด้วยความหวังว่าจะไปหาสุราดื่ม จึงได้ไปเห็นสระบัวใหญ่กว้างขวาง พวก
ชาวเมืองร่วมกันตบแต่งเพื่อเล่นกีฬาในนำ มหาชนชวนกันลงเรือรูปแปลก ‘เ มากคนบัาง น้อยคนบัาง
เล็กบัาง ใหญ่บัาง คลาคลำไปในสระนั้น ต่างก็ถอนสายบัวเด็ดออกมาประด้ษร่างและลำเรือ ขณะที่เห็น
นึ่เป็นสายที่เกิดริมฝังสระทั้งนั้น ที่เกิดในที่ลึก *1 กลางสระชักต้องถึง ๑๐๐ ศอกทีเดียวพระพุทธเจ้าข้า”
ทรงสดับพลางผันพระพักตร์ไปทางที่ปรึกษาทัพ รับสั่งว่า “ท่านอาจารย์ สายบัวบอกความ
ลึกตนแห่งแหล่งนํ้า สายปัวนึ่ยาวมาก แสดงว่านครมิชิลามีสระนํ้าใหญ่และลึกมาก เราจะคิดล้อมให้ขาด
แล้วยึดเอานั้นเห็นจะไม่เป็นการเสียแน่ กี่ปีมิถิลาจะขาดนํ้า เลิกความคิดอันนั้นเสียเถิดไม่สำเร็จแน่”
เกวัฎยังไม่สิ้นแต้มในการที่จะป็ดลัอมมิถิลา จึงกราบทูลว่า “ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท
ปกเกล้าฯ กิจกรรมแห่งสงครามได้ดำเนินมาจนถึงชันนึ่แล้ว หากจะเลิกราล่าถอยก็จะทำให้เสื่อมเสียพระ-
บรมเดชานุภาพเป็นที่อัปยศเย้ยหยันแก่มหาชน ต้องพยายามดำเนินต่อไป สุดแต่จะมีอุบายอันใดอยู่ ก็
kalyanamitra.org
๒๙๙
ในพระบรมโพธิสมภารเป็นแน่”
พระเต้าจุลนิทวงสด้บ ก็รับสั่งว่า "แยบคายดีท่านอาจารย์ อุบายอย่างนึ่คงสำเร่จประโยชน์ได้”
รับสั่งพลางมีพระราชโองการประกาศแก่บรรดาแม่ทัพนายกอง ให้ทราบพระราชประสงดํทุกหมวดกอง
เป็นใจความว่า ให้เลิกการปิดลัอมเพื่อให้’มิชิลาชาดนํ้าเดิมนั้นเสีย ให้กระชับกาวปิดลัอมเพื่อให้สิ้นข้าว
ต่อไป ให้โยธาบัญจาละทุกคนดรวจตราจงกวดข้นอย่าให้ชาวมิชิลานำธัญญาหารจากภายนอกเข้าไปในเมือง
ได้เป็นอันขาด
อุบายนั้เปีนท่านองเดียวกันกับอุบายทั้งหลาย คือ มิได้วอดพนไปจากความรัของท่านมหาบัณฑิต
เมื้อได้ทราบแต้วก็ดำเนินความคิดแต้ไขให้พระเจ้าจุลนืทรงเลิกความคิดนั้น ด้วยวิธึการด้งต่อไปนํ๋
ให้จัดการโกยเลนชื้นไปถมบนกำแพง แต้วให้หว่านเมล็ดข้าวเปลือกบนกองเลนนั้น ไม่กี่วัน
ข้าวเปลือกก็งอกงามตั้งลำด้นเขียวชอุ่มปรากฎเหนือลันกำแพงโดยทั่วไป
บรรดาโยธาของบัญจาละได้เห็นเป็นที่พิศวง ตลอดถึงพระเจ้าจุลนืก็ทรงฉงนพระหฤทัย จึง
ได้มีพระราชดำรัสถามในท่ามกลางราชบริพารว่า “ท่านทั้งหลายใครจะรับัาง นั่นอะไรปรากฎเหนือกำแพง
เป็นทิวแถว ?”
พวกท่านผู้สีบวาชกาวลับของท่านมหาบัณฑิต ได้ยินพระราชดำรัสถามก็เป็นเสมือนว่า ได้ลอด
ต้อยคำออกมาจากปากของท่านมหาบัณฑิตกำหนดกฎชาไว้แต้ว จึงกราบทูลสนองพระราชดำรัสได้ทันที
“ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีฟระบาทปกเกลัาฯ ตามที่ข้าพเจ้าได้สดับตรับทังมา เรื่องราวเป็นด้งนึ่ มโหสถ
บัณฑิตผู้บุตรของสิริวัฒนะเล็งเห็นภัยที่จะบังเกิดมีแก่บัานเมืองของตนในกาสภายหน์า จึงให้ขนข้าวเปลือก
มาจากไร่นาตลอดแคว้นวิเทหราช เข้าบรรจุไว้เต็มยุ้งเต็มฉางในพระนครเท่านั้นยังไม่เพียงพอ อาคาร
บัานเรือนแห่งใดที่เป็นเรือนรัางว่างเปล่า ก็นำข้าวเปลือกบรรจุไว้เป็นเสบียงสะสม ข้าวเปลือกที่ขนมา
นั้นมีประมาณมากมาย เมือบรรจุเต็มที่แลัว ก็ยังเหลืออีกเป็นอันมาก จึงให้จัดการกองไว้เหนือลันกำแพง
เมือง ข้าวเปลือกเหล่านั้นลูกแดดเผาก็แห้งไปด้วยแสงแดด ครั้นฤดูฝนเชยก็ชุ่มชื่น ในที่สุดก็งอกชื้นเป็น
ข้าวกลัาทั่วไปในที่นั้น *1 แบัข้าพระพุทธเจ้าก็ได้เคยลองเข้าไปในเมืองมิชิลาทางประตูเล็กในวันหนึ่ง เห็น
กองข้าวเปลือกมองมูลอยู่ ณ ลันกำแพง ข้าพระพุทธเจ้าไม่อาจกลั้นความตื่นใจได้ จึงกอบข้าวเปลือก
จากกองมาแต้วโปรยลงที่ถนน ฝูงชนชาวเมืองได้เห็นก็พากันหัวเราะเยาะแทนที่จะโกรธชื้ง และยังพากัน
บอกว่า ‘ชะรอยท่านจะหิวโหยไม่มีข้าวบริโภคสินะ ท่านอย่าได้กระดากกระเดื่องเลย เชิญโกยข้าวเปลือก
ห่อชายผ้าเอาไปเหย้าเรือนของท่าน ซ้อมดำหุงด้มกินตามอัธยาศัยเถิด’ เรื่องนึ่ได้ประจักษ์แก่ข้าพระพุทธเจ้า
มาทีเดียวพระพุทธเจ้าข้า”
kalyanamitra.org
๓
พระอธิราชทรงสดับก็ตระหนักในพระหฤทัยว่า “อุบายที่จะล้อมให้อดข้าวก็เห็นจะไม่เป็นผล
เสียอีกแลัว” จึงหันพระพักตร์มาทางที่ปรึกษาเกวัฎ ตรัสว่า “ท่านอาจารย์ การล้อมให้อดข้าว ก็เห็นจะไม่
ธรรมดาบ้านเมืองย่อมมีฟินอยู่ภายนอกเป็นแดน ถูกกักถูกล้อมเข้าก็คงขาดลงในไม่ช้าพระพุทธเจ้าข้า”
“ก็แยบคายดี ฉันเห็นด้วย” รับสั่งด้วยดีพระหฤทัย พลางมีพระบรมราชโองการสั่งแม่ทัพนาย
กองให้กวดข้นมิให้ชาวเมืองออกหาฟินได้
พอรุ่งร้นบนลันกำแพงก็มองมูลไปด้วยกองฟิน บนข้าวกล้ามีแต่เกองฟินตลอดไป มากมายสุด
จะนับประมาณ
พวกทหารมิถิลาพากันพูดเยาะเย้ยทหารของพระเจ้าอธิราชจุลนี “ท่านทั้งหลายเอ๋ย ล้าพวกท่าน
อดอยากหิวโหย จงเอาฟินเหล่านี่ไปหุงข้าวด้มแกงกินเถิด” พูดแล้วก็ขว้างดุ้นฟินเหล่านั้นออกไปให้
แม้พระอธิราชก็ได้ทอดพระเนตรเหตุการณ์นั้นด้วยพระองค์เอง จึงมีพระดำรัสถามในที่ประชุม
กองบัญชาการถึงเรื่องราวนั้นว่า “นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
พระดำรัสถามของพระอธิราชนั้น ไม่มีผู้ใดจะกราบบังคมทูลสนองได้ดีเท่ากับพวกผู้สีบราชการ
ลับของท่านมหาบัณฑิตเลย ท่านพวกนั้นตอบได้ดี เพราะเป็นการตอบเพื่อประโยชน์แห่งบ้านเมืองของตน
kalyanamitra.org
๓๐®
ท่านเกวัฎกวาบทูลเอาพระท้ย “อุบายอยางอึนย้'งมีพระพุทธเด้าข้า”
พระอธิราชอุลนึ มีพระท้ยเบือต่อการซีดเยื้อเต็มประดา ดร้'สเป็นเซิงประชดว่า “ท่านอาจารย์!
kalyanamitra.org
๔๔. เลศธรรมยุทธ์
ที่ปรึกษาเกวัฎ ได้ยินกระแสดำรัสดังนั้น แมัจะเห็นว่าเป็นเรื่องตรงกันกับที่ตนได้กราบทูล
ทักท้วงมาแต่แรกแต้ว ก็หาได้มีความคิดที่จะกราบทูลลำเลิกย้อนด้อยรัอยความอีกไม่ จะว่าเป็นเพราะเป็น
ด้วยพระอธิราชอิสริยยศและพระบริวารยศปรากฎไม่มีผู้เสมอแลัวในแดนดิน เชิญใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาท
ทรงพระวิจารณ์ด้วยพระปรีชาญาณอันเยี่ยมยอดเถิด พระพุทธเจ้าข้า ลัาเราจะเลิกถอยล่าทัพกลับบัาน
เมือง กิตติศัพท์ก็จะลีอเลื่องไปทั่วทิศานุทิค พระเจ้าจุลนึพรหมทัตพรัอมด้วยพระราชา *๐* พระองดี
ยาตราทัพสรรพด้วยลื้พลพาหนะและอาวุธยุทธกัณฑ์เป็นจำนวนมากมาย มีดฟ์ามัวดินเข้าด้อมมิถิลานคร
ใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาทได้เป็นอันมากทีเดียวพระพุทธเจ้าข้า”
“ก็จะทำอย่างไรได้เล่า ท่านอาจารย์” ตรัสด้วยทวงกังวลพระหฤทัย “เราได้ทำแก่มิถิลาหลาย
ท่าหลายทางแลัว โจมดีก็ทำแลัว แต่ก็ด้องถอยเพราะชาวมีถิลาป้องกันบัานเมืองเข้มแข็งยี่งนัก ฝ่ายเรา
kalyanamitra.org
๓๐๓
มโหสถชืดเมืองมิดิลาให้ได้”
“ท่านอาจารย์ ที่ท่านเรียกว่า เลศนั้นน่ะ อะไรกัน?” ตรัสซัก “ฉันพ้งแลัวไม่เข้าใจ อธิบาย
สักหน่อยเกิด”
“ขอเดชะ เลศที่ข้าพระพุทธเข้าจักกระท้านึ่เรียกว่า ‘ธรรมยุทธ’ การรบกันทางธรรมพระพุทธ-
เข้าข้า”
“เออ มันเป็นอย่างไรนะ รบกันท่าไหน จึงเรียกว่า ธรรมยุทธ์?”
“ขอเดชะ ธรรมยุทธ์เป็นวิธีรบประการหนึ่ง มีมาแด่โบราณ นักปราชญ์ในทางสงครามได้
กำหนดกันขื้นแด่โบราณสมัย ในเมื่อเห็นความเป็นภัยจากการรบกันด้วยทหารและศาสตราวุธ ชิงท้าให้
เปลึองซ็วิตมนุษย์ลงมากมายก่ายกอง การรบท้านองนึ่ไม่มีเสนา ไม่มีอาวุธ เป็นแด่บัณฑิตสองนายของ
พระราชาทังสองฝ่ายมาพบกันในสลานที่แห่งเดียวกัน ในสองคนนั้นผู้ใตด้องไหว้ ผู้นั้นด้องแพ้ ความแพ้
เป็นเด็กเห็นข้าพระพุทธเข้าแลัวชักด้องไหว้ตองแสดงความเคารพ คราวใดมโหสกไหว้ข้าพระพุทธเข้า
คราวนั้นวิเทหรัฐก็ซือว่าเป็นผู้แพ้แลัวในธรรมยุทธนาการ ทีนั้นพวกเราก็ชักมีซัยเหนึอวิเทหราช ครั้นแลัว
ก็ชักพากันกลับบ้านเมีองของตน *1 โดยนำความมีซัยกลับไป ด้วยอุบายอย่างนึ่แหละพระพุทธเข้าข้า พวก
เราชักไม่ต้องอัปยศอดสู จักเฟิองด้วยเกียรติคุณดำรงในฐานะผู้พิชิตชมพูทวิปสืบไป นึ่แหละเรียกว่า ธรรม-
ยุทธ์ละพระพุทธเข้าข้า”
พระอธิราชจุลนึ ทรงสด้บด้อยคำของท่านที่ปรึกษาด้วยความพอพระทัยเป็นอย่างยิ่ง เพราะ
พระหอุท้ยของพระองด็พอเสืยแลัวในกาวยุทธ์ด้วยอำนาจแห่งแสนยากร จึงเป็นกาวง่ายที่จะพอในวิธีการ
อันมีด้องหมดเปลึองซ็วิตของไพร่พล ตรัสชมวิธีการของท่านเกวัฎว่า “เข้าที ท่านอาจารย์ อุบายนึ่งามดี
เห็นจะได้เมืองมิถิลาแน่” ดำรัสแลัวมีพระบรมราชโองการตรัสให้เขียนพระราชสาส์นส่งไปกวายแด่พระ-
เข้าวิเทหราช
“ทูลพระราชาว้เทหราช
เราผู้พิชิตแลัวตลอดแดนชมพูทวิป พรัอมด้วยราชา 400 องค์ ยกกองทัพมาลัอมเมืองมิดึลา
kalyanamitra.org
ไว้ในบัดนํ๋ ด้วยมีความมุ่งหมายจะรวบรวมอาณาบริเวณแห่งทวีปฟ้าเป็นปึกแผ่น ดำรงในสถาพรแห่ง
ลาส์นนํ่ล่าชัาไปกว่าหนังดึอที่ยิงโดยลูกศรจากมือของท่านมหาบัณฑิต บอกความคิดบอกแผนอุบายของ
โดยตลอดในระยะนั้นเอง
“ว่าอย่างไรพ่อมโหสถ” พระเจ้าวีเทหราชตรัสปราศรัย พลางทรงเล่าเรื้องที่มีทูตมานำทูล
หรืออย่างไร ?”
“ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกลัาๆ ดีนักพระพุทธเจ้าข้า” กราบทูลด้วยความมั่นใจ
พระนคร เข็ญเสด็จพระเจ้าจุลน็เสด็จมาพร้อมด้วยนักปราชญ์บัญจาละสู่ธรรมยุทธ์มณฑลในวันพรุ่งนํ่
เถิด”
พระเจ้าวีเทหราชจึงมีพระกระแสรับสั่งให้เขียนพระราชสาส์นตอบพระราชสาส์นของพระเจ้า
จุลนิพรหมทัต
“ทูลพระเจ้าจุลน้
ตามที่พระองค์ส่งทูตถึอพระราชสาส์นไปนั้น เราได้ทราบความตลอดแลัวเห็นว่า กาวซึ่งพระองค์
มีความมุ่งหมายเพื่อจะสถาปนาสลาพรภาพแห่งอาณาบัญญัติเสมอกัน จึงได้ทรงยกกองทัพมาลัอมมิถิลานคร
ว่าเป็นการบังควรหรือเป็นการบังอาจ ในเมื่อเกิดมีการรื้อส้นการกระทำซึ่งเรียบราบดีอยู่แลัวให้เป็นการ
กวะท้าอันใหม่ ซึ่งก็มิได้เรียบวาบดีขื้นไปกว่าเดิมแม้แด่นัอยดังนื้ พวะองค์จะทวงเรียกการนั้นฉันใดดี ใน
kalyanamitra.org
๓๐๕
ระหว่างความบังควรกับความบังอาจ
ย่อมประจักษ์ในพระปรีชาอยู่เอง หม่อมฉันมิได้แข็งขึงดึงดันอันใด เป็นการมิสมควรเป็นอัน
มาก ที่เจัาของสมบัติป้องกันสมบัติของตนไว้จากกาวแย่งยํ่อมา ด้องต็ฉินว่าดึงดัน แต่ผู้ที่เพ่งเล็งสมปติ
ของผู้อื่นอยู่ด้วยแรงแห่งปรารถนาอันมิสมควร เป็นผู้ได้รับนิยมชมว่าเก่งกาจที่ทรงมีพระมนัสสมเพชแก่
ซีวิตของไพร่พล เป็นกุศลจิตอันควรจะบังเกิดก่อนแต่กาลบัดนึ่ทีเดียว แต่ที่เกิดในกาลบัดนึ่ก็นับว่าเป็น
แววพระอุปนิสัยอันงดงาม หม่อมฉันขอรับธรรมยุทธ์ที่ทรงเสนอแล้’ว พรุ่งนึ่เจัาพนักงานของหม่อมฉัน
จักเตรียมยุทธมณฑลทางประตูพระนครด้านตะวันตก เชิญเสด็จมาพรัอมด้วยท่านนักปราชญ์ของบัญจาละ
เถิด นักปราชญ์แห่งมิถิลาจะได้ไปพบกัน และธรรมยุทธ์จะเป็นไป ณ ที่นั้น ความมีซัยและความปราชัย
พึงมีโดยธรรมโดยชอบ ระหว่างนักปราชญ์สองพระนคร”
พระราชสาส์นของพระเจ้าวิเทหราชได้ล่งไปพร้อมกับการอำลากลับของทูตแห่งกองท้พบัญจาละ และ
ได้ปรากฎในชุมนุมแม่ทัพนายกองของป้ญจาละอันมีพระอธิราชเป็นประธาน ได้รับการวิจารณ์ด่าง กุ เมื่อสรุปความ
ต่าง กุ แห่งวิจารณ์นั้นลง ก็ไปรวมที่จุดคือ วิเทหราชไม่เจียมพระองค์ หลงด้อยคำของบัณฑิตเยาว์วัยอันเพิ่งผ่านพ้น
จากบ่ริษัทบานไม่นานปืน้ก ต่อจากนึ่กองบัญชาการของพระอธิราชก็เต็มไปด้วยความร่าเริงบันเทิงใจ หวังเต็มที่ใน
ชัยชนะตามที่ท่านปรึกษากองทัพบอกไว้
รุ่งขื้นท่านมหาบัณฑิตแห่งมิถิลาดำริในใจว'า “ความปราชัยด้องมีแก่เกวัฏเป็นแน่ แผนอุบายที่คิดไว้หวัง
จะให้เราเป็นฝายปราชัยนั้น เป็นความคิดอันดำตื้น จ้กด้องลวงเกวัฎให้เจ็บแสบทีเดียว” ดำริพลางสั่งเจ้าพนักงาน
ให้ไปจัดเตรียมสถานที่อันจะเป็นมณฑลแห่งธรรมยุทธ์ ณ ประตูพระนครด้านตะวันตก
การที่ท่านมหาบัณฑิตกำหนดสถานที่ด้งนึ่ เป็นการประกาศถึงการเลือกชัยภูมิที่เหมาะ การใชัพิ่นที่ได้
เหมาะนั้นเป็นคุณแก่การยุทธ์ แม้โนธรรมยุทธ์ อันการรบกันนั้นยากที่จะดำรงสัตย์ต่อกัน ผู้เป็นขุนพลไม่พึงวางใจ
ศัตรูว่าจะไม่คิดห้กหลัง ด้องระมัดระวังเหตุการณ์โดยรอบคอบ ท่านมหาบัณฑิตเลือกด้านนั้ ก็เพื่อสะดวกแก่การ
kalyanamitra.org
๓๐๖
ด้วยบริวารแห่พัอมเป็นกระบวนหลวงอึงพระราชฐานแลัว ก็ให้นายพระทวารกราบทูลขอพระราชทาน
โอกาสเข้าเผ้า
พระเจ้าวิเทหราชตรัสประทานพระโอกาสทันทีทีได้สลับคำกราบบังคมทูลของนายประตูว่า
“เข้ามาเถิด ลูกของเรา”
ท่านมหาบัณฑิตได้วับพระราชทานพวะราชวโรกาส ก็เข้าไปเผ้าถวายบังคมแลัวยินอยู่ ณ ที่
อันสมควร
“พ่อมโหสถ มีธุระประสงค์อะไรหรือ” มีพระดำรัสถามด้วยพระหฤทัยแจ่มใส
“ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกลัาๆ ข้าพระพุทธเจ้าจักไปคู่สนามธรรมยุทธ์พระพุทธ
เจ้าข้า” ท่านมหาบัณฑิตกราบทูลแถลง
“พ่อด้องการจะได้สิงไรไปเล่า บอกเถิดพ่อ สิ'งไรที่พ่อควรจะได้ไปในการชิงชัยในสนามธรรม-
ยุทธ์ครั้งนี้” ตรัสถามด้วยทรงเดิมพระหฤทัยที่จะพระราชทานทุกอย่าง
“ขอเดชะ การครั้งนี้เป็นทีอยู่ ข้าพระพุทธเจ้ามีความปรารถนาจะลวงเกวัฏพราหมณ์โหยอม
อ่อนน้อม” กราบทูลตามแผนความคิด “ในกาวไปครั้งนี้จำเป็นด้องมีของติดมือไปล่อ คังนี้ช้าพระพุทธเจ้า
ขอพระราชทานดวงแกัวมณี ๘ คด สิ'งนี้แหละพระพุทธเจ้าข้า ที่ข้าพระพุทธเจ้าควรจะไดโปในสนามรบ
คราวนี้ และด้วยดวงแกัวนี้ ความปราชัยจะมีแก่เกวัฎพระพุทธเจ้าข้า”
“เอาฃ็พ่อ” รับสั่งพลางสั่งให้ราชบุรุษไปนำดวงแกัวมณี ๘ คดมาพระราชทานท่านมหาบัณฑิต
โดยเร็ว
ท่านมโหสถได้รับพระราชทานดวงแกัวแลัว ชินชมนักหนา ถวายบังคมพระเจ้าวิเทหราชลง
kalyanamitra.org
010๗
พระราชวังจนถึงประตูพระนครด้บคั่งไปทั้งนั้น ขบวนของท่านมหาบัณฑิตถึงประตูพระนครในเวลาอาหาร
มื้อเชัาพอดี
กล่าวถึงเกวัฎคอยจ้องมองดูทางที่ท่านมโหสลจะมาพริ’อมกำท่าใจนึกว่า “เดี๋ยวคงมา *]" เฝืา
kalyanamitra.org
๓๐๘
กระนั้นท่านจงให้เถิด”
ท่านมโหสลได้ยินถ้อยคำของเกวัฎพร้อมทั้งได้เห็นกิริยาที่ปรากฏเป็นอาการแสดงความกระเหยน
ของท่านเกวัฎจึงมองดูคลัายกับกัมลงกราบกรานอย่างงดงาม
โอกาสนั้นเอง ท่านมโหสถผู้คาดการแน่ถนัด ก็คํ้าคอปราชญ์เกวัฎแห่งบัญจาละไร้ด้วยมือ
ข้างหนี่ง อีกข้างหนี่งคร้าที่ชายกระเบนเหน็บ อาการกิริยาที่ท่านมโหสถกระทำดูห่าง *[ ก็เหมือนเป็นอาการ
ห้ามมิให้กราบด้วยวิธีฉุดให้ลุกชื้น ความจริงตวงกันข้าม เป็นอาการห้ามการลุกชื้น หากบังคับให้เป็นอาการ
กราบ
ส่วนปากของท่านมหาบัณฑิตก็ประกาศกัองสนั่นได้ยินกันตลอดธรรมยุทธ์มณฑลว่า “เชิญ
ท่านลุกชื้น เชิญลุกชื้นเถิดท่านอาจารย์ ข้าพเจ้าเป็นเด็กคราวหลานของท่านเท่านั้น อย่ากราบข้าพเจ้าเลย
เป็นการไม่สมควรอย่างยี่งที่ท่านอาจารย์จะมากราบชบนบไหว้ข้าพเจ้าดังนี่" เมื่อเสียงตะโกนถ้องร้อง
ประกาศนี่กังวานไป พร้อมกับจับคอท่านเกวัฎเอาหนัาถูไถไปมากับพื้น หนัาผากของท่านเกวัฎแตกโลหิต
ไหลลาแก'ใจแล้วก็ผลักให้ร่างของท่านเกวัฎถอยถลาไป
kalyanamitra.org
๓๐๙
ส่วนดวงมณีรัตน์นั้นพวกบริวารของท่านมหาบัณฑิตรีบคว้าเอาไว้ในตอนที่ท่านมหาบัณฑิต
กำลังจับท่านเกวัฏไว้นั่นเอง
แต่การลุกร้นหนีของเกวัฎซัาไปเลียแล้ว ไม่ทันกันกับพรรคพวกของตนมีพระเจัาจุลนีเป็น
ประธาน พร้อมด้วยพระราชาร้อยเอ็ดพระองค์กับราชบริพารได้เสด็จปลาสนาการไปเสียแด่เมื่อได้มอง
ทันที
อาการลุกลลุกลนของจอมทัพพร้อมด้วยราชบริพาร มิได้ผ่านจากสายตาของทหารมีถิลา พวก
ทหารมิถิลาเห็นเป็นทีก็โห่สำทับเสียงกึกก้องกัมปนาท “จุลนีพรหมท้ตพร้อมด้วยกษัตริย์ร้อยเอ็ดหนีไป
เหมือนเสียงมฤตยูราชคุกคามคำรามร้องจะเอาซีวิต ก็ยิ่งทำให้เร่งม้าพระที่นั่งเผ่นโผนโจนทะยานไปอย่าง
ไม่คิดเห็นแก่เป็นตาย ไร,พลทั้ง ๑๘ กองทัพใหญ่ก็เกิดอลหม่านระสำระสาย เห็นนายหนี ก็หมดที่จะ
ยึดเหนี่ยว ต่างขวัญหนีเลยพาให้ตนหนีเปิดไปตามนาย
พวกทหารมิถิลาก็ยิ่งขู่สำทับโห่ร้องคำรนทำทีตระเตรียมจะแล่นโลดออกติดตามโจมดีให้แหลก-
ลา ญ ยิ่งเป็นเหตุให้กองท้พป็ญจาละ กระจัดกระจายหนีกระเจิงไปไม่เป็นสํ่า
kalyanamitra.org
๔๕. กลบล้อมไว้อีก
เกวัฏราชปุโรหิตพ้นจากเงื้อมทัตชิของท่านมโหสลก็รีบไปขื้นม้าประจำ เหลียวหน้าเหลียวหลัง
เห็นความอลหม่านไม่เปันสํ่าของกองทัพที่ก็าลังหนีเตลิดเปิดเปิง ทั้งเหลียวดูจอมทัพก็มิได้เห็นปรากฎ
พระองค์อยู่ในที่นั้น ทั้งพระราชาร้อยเอ็ดพระองค์ ก็หายพระพักตร์ไปด้วย ทั้งตนเองก็รู้ลึกเจ็บแสบที่
หน้าผาก เลือดไหลลงหยดย้อย ความคั่งแด้น ความอัปยศ ระดมกันครอบจิตใจ เช็ดโลหิตพลางควบม้า
กวดตามกองท้พโดยเร็ว
แสนยากวอันรีบรุดหนีติดตามจอมทัพไปนั้นเป็นอย่างหนีเอาตัวรอด ตัวใครด้วม้น และปราศจาก
การควบคุม แรงใครแวงมัน ทั้งพลซัางพลม้า ทั้งพลรถพลราบต่างพากันท้อรุดไปสุดแรงดน จุดหมาย
ปลายทางก็คือกรุงปญจาละเหนีอ ระหว่างที่เกวัฎควบม้ามานั้น แสนยากรของพระอธราชขบวนราบล่วง
ทางมาได้ไกลถึง 01 โยชน์แลัว
ท่านเกวัฎ่รีบควบม้าเร่งสเท้าห้อเต็มเหยียด พอไปท้นพวกกองราบซึงข้ากว่าขบวนอื่น *1 ก็ตะโกน
บอกทั้ง รุ ที่นั่งอยู่บนหลังม้า “ชาวเราเอยอย่าหนีไปเลย ข้าพเจ้ามิได้ไหวัมโหสถดอก หยุด หยุดเชิด”
ให้ทันพระอธิราชเท่านั้น
พระอธิราชจุลนีเสต็จทรงม้าพระที่นั่ง ควบมาด้วยสเท้าอันรวดเร็วล่วงหน้าพระราชาองค์อื่น รุ
kalyanamitra.org
ถ®®
พระเจ้าจุลนึพรหมท้ตทวงรอม้าพระที่นั่งจนพระราชารัอยเอ็ดเสด็จท้น ก็แวดลัอมพระองค์
เสด็จพระราชคำเน้นต่อไปด้วยพระอาการปกติธรรมดา
เกวัฎควบอาชามาท้น เด็มไปด้วยความเหน็ดเหนั้อยแทบจะดำรงกายอยู่บนหลังม้าไม่ไหว ด้วย
ความเข้มแข็งอย่างยิ่งยวด สามารถข่มความเมื่อยลัาสะกดกลั้นความอ่อนระโหยเลีย ขับม้าเช้าใกลัองค์พระ
จึงมีพระราชดำรัสถามเกวัฎ “ท่านอาจารย์ได้พูดไว้มิใช่หรึอว่ามโหสถจ้กเป็นผู้ปราชัยในเลศธรรมยุทซี
เพราะมิได้แจ้งในความคิดอันนิ้ มโหสถจ้กด้องไหว้ท่านผู้ทรงวัยวุฒิตามจารีตประเพณี ครั้นถึงเวลาจริงจ้ง
พุทธเจ้ามิได้ไหว้มโหสถเลย”
“ฉันได้เห็นกับน้ยน็ตาของฉันเองทีเดียว” ทรงยืนยัน “แม้พระราชาทั้งรัอยเอ็ดพระองค์เหล่านํ่
ก็ได้ทอดพระเนตรเห็นเช่นเดียวกัน ท่านอาจารย์ยังจะกล่าวได้ว่าไม่ได้ไหว้มโหสถ”
“ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกลัาๆ ขอได้ทรงพระวิจารณ์ให้ถ่องแท้ก่อนพระพุทธเจ้า
ข้า” ปุโรหิตาจาวย์กราบทูลวิงวอน “รูปที่ปรากฎในทัศนวิถีนั้น *1 ไม่พึงเป็นความจริงของเหตุการณ์เสมอ
ไป อายตนะกล่าวดีอจ้กษุของมนุษย์นั๋ แม้จะดำรงความเป็นใหญ่ในเรีองเห็นก็มิสามารถชัาแรกให้ปรุโปร่ง
kalyanamitra.org
๓®๒
ข้ามทีเดียวพระพุทธเจ้าช้า”
“ในกรณีของท่านอาจารย์เป็นกรณีพิเศษอย่างไร” ตรัสลามมีพระอาการฉงนและทรงลังเล
พระหฤทัย ยังไม่แน่พระหฤทัยว่าภาพที่ทอดพระเนตรนั้นจะเป็นภาพกำบังเหตุการณีอันแท้จริง
เปียมด้วยพระปรีชาญาณมาทรงพินิจในความจริง จักทรงเห็นอย่างไรก็สุดแต่พระวิจารณ์ของใด้ฝ่าละออง
ธุลีพระบาท” กราบทูลพลางเล่าเรื่องที่ตนถูกท่านม'เหสลลวงตลอดดึงการบังลับให้กราบในท่าที่ห้ามมิให้
กราบ จนปรากฎเป็นบาดแผลที'นลาฏของตน เพราะผลการกระทำของท่านมหาบัณฑิตเป็นประจักษ์พยาน
ในที่สุดเกวัฏกราบทูลว่า “ขอได้ทรงกรุณาวิจารณ์ช้าพระพุทธเจ้าเป็นผู้เจริญวัยแก่กว่าท่านมโหสลมาก
โปรดสถานใด ก็สุดแต่พระบรมราชวินิจฉัยเถิดพระพุทธเจ้าข้า”
kalyanamitra.org
ถ®๓
อยู่เสมอไป”
“เป็นคังที่ทรงพระกรุณาประภาษนั้นทีเดียวพระพุทธเจ้าข้า” ปุโรหิตาจารย้กราบทูลคล้อยตาม
ภาพที่ปรากฏในคลองจักษุประสาทอยู่ในลักษณะอย่างใดก็ย่อมบอกแก่จิตใจในลักษณะอย่างนั้น เมอจิตใจ
ได้ทราบตามที่จักษุรายงานแลัวก็เกิดความเอียงรับทันที เพราะเป็นร่องรอยอย่างนั้นอยู่แลัว บุคคลเรามี
ที่จะรู้ทราบเหตุการณ์ภายนอกได้ด้วยอาศัยสื่อประสานคือ ตา หู จมูก ลน กาย เมือลื่อรายงานชันใดให้
ทราบอย่างใดก็รู้ชันนั้นอย่างนั้น ส่วนการพินิจพิเคราะห์ให้ละเอียดลออจริง รุ นั้นเป็นหนัาที่ของปรีชา
สื่งสูงขื้นไปกว่าสิ่งที่อำนวยความรู้อื่นใดทั้งสิ้น เพราะสามารถบ่งถึงความจริงตามที่เป็นแลัวอย่างไร นั่น
เป็นความดีเลิศลิาในความเป็นมนุษย์ ใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาทแม้จะทรงทอดพระเนตรเห็นกิริยาอาการ
ของข้าพระพุทธเด้า ประจักษ์แก่พระเนตร อึงเป็นเหตุให้ทรงรีบด่วนเสด็จด้วยทรงเกรงมหาภัยยันจะเกิด
ติดดามมากับความปราชัย เมือได้ทรงสดับด้อยคำของข้าพระพุทธเจัาแลัว ทรงพระวินิจฉัยโดยชอบแก'
เหตุ ก็เป็นการประกาศว่า ใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงดำเนินปฏิปทาประพฤติเป็นไปในอำนาจแห่งเหตุ
ซืงเป็นนิมิตของท่านผู้ทรงบุญหนักศักดิ้ใหญ่แล้วพระพุทธเจ้าข้า ข้าพระพุทธเจ้าพึ่งได้รับโอกาสยันงดงาม
ยิ่งในบัดนั้ ที่จะกล่าวประกาศออกมาด้วยความภาคภูมิยันยิ่งยอดว่า “บุญหนักหนาของข้าพระพุทธเจ้า
ที่ได้สรางลมไว้แด่เพรากาล ดลบันดาลให้ได้มารับพระบรมราชูปถัมภ์ภายใด้บทมาลย์ของใด้ฝ่าละออง
ธุลีพระบาท ผู้ทรงพระคุณยันเลิศนํ”๋
ด้อยคำของราชปุโรหิตกราบทูลพระอธิราชในราชบริษัททำให้พระหฤทัยของพระอธิราชจุลนิ
บังเกิดความเสื่อมั่นในตน ทรงเห็นความรีบด่วนคัดสินพระหฤทัยเร็วเกิน'!ปของพระองค์เอง จนถึงมีพระ-
ราชกระแสรับสั่งว่า “เป็นความจริงทีเดียวท่านอาจารย์ เราเบาความไปหน่อย ที่วินิจฉัยเหตุการณ์แด่เพียง
รูปารมณ์ที่มาส่คลองจักษุเท่านั้น มิได้วิจารณ์ให้ถ่องแท้ถนัดถนี่ แด่ก็เป็นยันแล้วเสียแลัว การที่ล่วงแลัว
อนาคต ท่านอาจารย์เห็นสมควรอย่างไร”
“ขอเดชะ กรณียกิจที่เหมาะสมในบัดนํ่มีทางเดียว” ราชปุโรหิตาจารย้กราบทูลด้วยท่าทาง และ
นํ้าเสียงชันหนักแน่น “ทางเดียวเท่านั้นคือ ทวงกลับพลกลับไปล้อมมิถิลานครไว้อีก ด่วนที่จะทำอย่างไร
ต่อจากนั้นไปก็เป็นอนาคต พึงให้เป็นเจ้าหนัาที่ของความคิดในกาลต่อไป”
ด่วน
kalyanamitra.org
0า ® ธ^
บรรดาแม่ทัพนายกองได้รับพระบรมราชประกาศิต ต่างก็รีบเร่งรวบรวมไพร่พลที่กำลังพล
ระสํ่าระสายซึ่งเป็นการไม่ลำบากนัก เพราะไพร่พลทุกหมวดแม้จะระสำระสาย ก็บ่ายหนัาไปทางเดึยว
กัน แต่ที่ว่าไม่ลำบากกันนั้น มิใช่เป็นการปฏิเสธความเหนื่อยยากเสียทีเดียว เพราะพวกแม่ทัพนายกอง
ต้องต้อนรับด้องขับแสนยากรของตน *1 กว่าจะควบคุมกันเขัาได้ก็ต้องเปลืองเรียวแรงมิใช่นัอยเลย
กองทัพอันมีกำลังมหึมาสามารถจะลมมิถิลานครให้เป็นขุนเขาอันใหญ่หลวงได้ด้วยอาการที่
ด้งเดิม
แม่ทัพนายกอง ทรงสดับรายงานเหตุการณ์ในการเข้าล้อมอันเป็นไปโดยปราศจากอุปสรรคเสร็จแล้ว มี
พระราชประสงค์จะดำเนินการคึกให้เสร็จสั้น โดยยึดเอาความยินยอมอ่อนนัอมของวิเทหราชเป็นที่หมาย
ก็ทรงหารีอกับเกวัฎสึบไป “ท่านอาจารย์ บัดนื่กองทัพของเราได้กลับมาล้อมมิถิลาได้ดังเติมโดยเรียบรัอย
แลัว ทุกหมวดทุกกองได้เข้าประจำตำแหน่งแหล่งที่มิได้คลาดเคลื่อนแล้ว ต่อไปนื่เราจะทำอย่างไรล่ะ?”
ผู้ทรงพระบรมเดชานุภาพเมือทรงเสด็จกรีธาทัพเข้าล้อมพระนครประเทศใด ก็ย่อมทรงเคารพนิติประเพณี
นั้นเสมอมา จึงทรงผ่อนปรนการสัญจรไปมาของทวยราษฎร มิไดัปิดประตูเล็ก จุ ของพระนคร คงปล่อย
ให้ประชาชนสัญจรเข้าออกได้ กองทัพคงตั้งชุมพลประจันหนัาเฉพาะประตูใหญ่และป้อม มุ่งแต่จะพัง
“เป็นดังพระราชบรรหารพระพุทธเจัาข้า” เกวัฎทูลสนอง
“ธรรม เป็นสภาวะอันควรที่ทุกคนจะพึงตระหนักเห็นเป็นสำคัญ ไม่ควรละเมิดแม้เพราะเหตุ
ใดสั้น เราจักด้องละเมิดเช่นนื่ มิเป็นการประจานพวกเราเองหรือ? ไม่น่ากระทำเลย” รับสั่งคล้ายทรง
รำพึง
“เป็นความจำเป็นพระพุทธเจัาข้า” เกวัฎกราบทูลยา “ความจำเป็นย่อมเป็นคัวกาวบังคับให้
kalyanamitra.org
๓®๕
ในฝูงชนพึงแสดงอำนาจ
อำนาจนื้หรึอเมื่อเกิดขื้นแลัว ธรรมก็เข้าสนับสนุนส่งเสริมทันที ผู้มีอำนาจแมัแต่จะไม่เป็น
ผู้ประพฤติธรรม ก็จะมีบุคคลใดเล่าที่จะบังอาจติเตียน ความไม่มีธรรมของผู้เรืองอำนาจนั้น ยิ่งกว่านั้น
อำนาจครอบงำการกระทำ แมัจะไม่เที่ยงธรรมให้ผันแปรเป็นเที่ยงธรรมไปก็ได้ ด้งนั้น ธรรมจะสำคัญ
แสวงอำนาจ
ผู้ทรงอำนาจ ถึงจะประพฤติธรรมก่อกรรมทำเข็ญเพื่อเถลิงอำนาจของดน เพื่อความมั่นคง
kalyanamitra.org
๓๑๖
ที่เราจะควรยกขื้นพิจารณากัน ฉันยอมเห็นด้วยกับท่านอาจารย์ที่กล่าวถึงอำนาจเป็นใหญ่เป็นประธานใน
เป็นของเรา”
kalyanamitra.org
ซา®๗
รักต้องรับได้แน่ทึเดียวพระพุทธเรัาข้า”
“ท่านอาจารย์ อุบายนั้คมคายทีเดียว ดก®งเป็นอันปฎิบ้ดดามคำของท่านอาจารย์” ทรง•โบรอง
kalyanamitra.org
๔๖. ส์อสารศก
พฤติการณ์ภายในกองทัพของพระเจ้าจุลนี ความคิดอ่านในการดำเนินสงครามในกองบัญชาการ
ทัพกรุงบัญจาละตลอดถึงข้อโต้แย้งระหว่างเกวัฏกับพระอธิราช ได้ปลิวไปสู่กองบัญชาการของท่านมหา-
บัณฑิตโดยมือของท่านผู้สื่อข่าวลับ ภายหลังจากการตกลงพระหฤทัยขององค์พระอธิราชไม'นานนัก
ท่านมหาบัณฑิตได้ทํราบความคิดอ่าน ในการดำเนินสงครามของฝ่ายบัญจาละโดยถิ่ลัวน ก็
ไปแลัว ความยับก็ปรากฎในที่สุดเป็นความวิป่ติอันใหญ่หลวง
ไปนานทีเดียว”
“อันความคิดในการวางแผนอุบายแม้จะเป็นอย่างเยี่ยม หากขาดบุคคลที่เป็นสื่อสารในการดำเนิน
kalyanamitra.org
๓๑๙
เมื่อท่านอนุเกวัฎมาพบท่านมหาบัณฑิตที่บ้านแลัว ท่านมหาบัณฑิตได้ตอนรับปฏิสันถารดาม
ควร จนเห็นท่านอนุเกวัฏค่อยคลายจากความเมื่อยลัา จึงพาเข้าไปสู่ห้องรโหฐานเฉพาะตัวต่อตัว ครั้นนั่ง
ลงเรียบรัอย ท่านมหาบัณฑิตก็เอ่ยปรารภขั้นด้วยเคารพในวัยของท่านอนุเกวัฏ “ท่านอาจารย์ที่นับถึอ ท่าน
คงจะตระหนักในพฤติเหตุแห่งบ้านเมืองของเราดีอยู่แลัวว่าตกอยู่ในสถานการณ์เช่นไร”
“ทำไมกรุงบ้ญจาละจึงได้หมายมั่นปินมือที่จะยึดครองมิถิลานัก” พราหมณ์กล่าวขั้นด้วยฉงน
ความหนาอันจะเป็นเกราะด้านทานแม้แต่ความแปรผ้นแห่งฤดูกาลด้องอาศัยผ้านุ่งผ้าห่มปิดป้องกาย พูด
ถึงอาวุธที่จะประหัดประหารอันเล่าก็มิได้มีติดประจำกายมาแต่กำเนิด เขั้ยวก็ไม่สามารถจะใช่'เป็นอาวุธ
ความสนับสนุนอันให้เป็น”
“ความที่ท่านกล่าวยังเรันลับ” ท่านอนุเกวัฎท้วง “โปรดอธิบายให้แจ่มแจ้งลักหน่อย อันใดเป็น
kalyanamitra.org
๓๒
ไป”
“ธรรมดาของมนุษย์เกิดมาไม่สม่าเสมอกัน บางจำพวกประณีต บางจำพวกทราม ความประณีต
และความทรามว่ากันแบ่งมนุษย์ให้เป็นชาติเป็นชัน นึ่ก็เป็นธรรมดาของมนุษย์ประการหนึ่ง”
“เลี้ยวก่อน ท่านบัณฑิตที่เคารพ ชาติช์นที่ปันแบ่งกันในหมู่มนุษย์ให้สำเร็จความต่างกันได้
ด้วยประการไฉนเล่า บวรดาสรรพสัตว์ที่ปรากฏกายในซีวโลก ที่กลั้งเกลือกเสือกกายไปตามพสุธาดลโดย
ปราศจากเห้า นั่นก็ควรกำหนดเป็นชาติเป็นชนิด เสือกคลาน หรึอได้นามตามโวหารว่า ทีฆชาติบัาง ลัปป-
kalyanamitra.org
๓๒๑
ประหัตประหาวด้นของมนุษยชาติ”
“การที่มนุษยชาติด้องบันกันเป็นพวก *1 เพื่อประกอบการงานใหัแก่หมู่คณะ ไม่น่าจะก่อความ
เหลื่อมลํ้าดํ่าสูงชื้นได้" ท่านพราหมณ์อุทาน “และก็เห็น *1 กันอยู่ว่าจะขาดจากกันเลียพวกใดพวกหนึ่ง
ก็ไม่ได้ ก็ควรจะเห็นประโยชน์แห่งความปรองดอง”
“ตามทางที่ควรเป็นเช่นนั้น” ท่านมหาบัณฑิตรับรอง “ด้าต่างฝ่ายต่างสำนึกในภาระอันจะทำ
“ธรรมดาของคนย่อมไม่พ้นไปจากธรรมดาของโลก คือถูกอำนาจของธรรมดาบังคับให้เป็นไป
ตามธรรมดา ต่างแต่ว่าผู้ใดจะรัเท่าท้นอำนาจของธรรมดาหรือไม่ กัารัเท่าทันก็อาจที่ใขัอำนาจของธรรมดา
kalyanamitra.org
๓๒๒
จะไปหวังได้อย่างไร กึงความสงบสุข”
“ถ้าผู้เรืองอำนาจ ไม่ใช้อำนาจ ไม่นำเอาอำนาจไปร่วมในการดำเนินชีวิตตน กึงจะรุ่งเรือง
ด้วยอำนาจปานใด ก็มิได้ใช้อำนาจก่อกวนความสงบสุขของพลโลก ก็ยังจะเป็นทางแห่งสันติสุขได้มิใช่
หรือ ท่านบัณฑิตที่เคารพ” ท่านพราหมณ์ท้วง
“จะไปหวังเช่นนั้น ชีวิตของท่านจะต้องสิ้นไปด้วยร้อยชีวิตเป็นดันมาก ก็จะสมหวังไม่ได้”
มีอะไรเป็นฐานนอกจากความทุกข์ โอ อนาถจริง!”
“ถูกของท่าน ความเป็นไปของสัตว์โลกล้วนกลิ้งเกลือกอยู่ในความทุกข์ ความทุกข์ชันเป็นอยู่
ตามวิสัยโลกนั้น ก็น่าอิดหนาระอาใจอยู่แล้ว ยังจะมาซํ้าเดิมกันให้ทุกข์หนักลงไปอีกเล่า เกิดมาในโลกชัน
เต็มไปด้วยทุกข์ ความทุกข์แล้วก็ต้องผจญกันไปตามวิสัยสามารถ” ท่านมหาบัณฑิตปรารภ “บัดนึ่เหตุการณ์
จะมีผลเป็นอย่างไร”
“เห็นว่าจะเป็นอื่นไปมิได้ นอกจากจะต้องกล่าวว่า การที่ถูกจำกัดให้อยู่ในวงแคบนั้น มีผล
กระเทือนกึงจิตใจ ทำให้ใจพลอยแคบไปด้วยด้งนึ่เท่านั้น” ท่านพราหมณ์ตอบ
“เมื่อประชาชนชาวมิถิลาพากันใจแคบ แล้วที่ไหนจะเล็งเห็นประโยชน้ทีกวางได้ ความใจแคบ
นั้นจะต้องทำให้คิดแคบจำกัดอยู่แต่เพียงตนเท่านั้น กึงขั้นนั้แล้วก็เป็นอันทำนายได้ว่าความพินาศอันใหญ่-
kalyanamitra.org
0า๒ธา
ไปเป็นแน่”
“ท่านบัณฑิตจะคิดแก้ไขอย่างไร ข้าพเจ้าจะมีเหตุอันภูมิใจบ้างหรือไม่ในความคิดของท่าน”
“ท่านอาจารย์ หวังได้แน่นอนในเหตุอันควรภาคภูม”ิ ท่านมหาบัณฑิตแย้มพราย “ที่ข้าพเจ้า
เลย?”
“เชิญกล่าวเถิดท่านบัณฑิต ข้าพเจ้าพร้อมที่จะกำหนดอุบายของท่านแล้ว” ท่านพราหมณ์รับ
ท่านบัณฑิต จึงได้กล่าวชีแจงแนะนำอุบายความคิด ในการที่จะเผด็จศึกให้เสร็จสิ้นไป ข้อใด
อาจารย์จำด้องเสียสละบ้างเป็นแน่"
“ไม่เป็นไวดอก ท่านบัณฑิตที่เคารพ” ท่านพราหมณ์สนอง “ขอแด่ชีวิตและมือเท้าเท่านั้น
นอกนั้นจะท่าประการใดก็สุดแด่อัธยาศัยเถิด”
“ไม่ถึงอับจะด้องดัดเท้าดัดมือท่านอาจารย์ดอก เพียงแด่ท่านจะต้องอดทนให้เฆี่ยนสักสองสาม
“เพียงเท่านั้นจะเป็นไรไปท่านบัณฑิต” ท่านพราหมณ์กล่าวแจ่มใส
“ท่าไมเล่าท่านอาจารย์ การเสียสละเพื่อส่วนรวมนั้น แม้จะถึงชีวิตก็ควรยอมสละได้โดยซีนตา
มิใช่หรือ” ท่านมหาบัณฑิตถามเพื่อหยั่งความคิด
“ตามทางที่ควรก็น่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ในความจริงของข้าพเจ้าไม่ยอมที่จะให้ข้าพเจ้าพูดออก
ไปอย่างนั้น” ท่านพราหมณ์แถลงความจริงใจ
“มีเหตุผลประการใดหรือท่านอาจารย์” ท่านมหาบัณฑิตซัก
“เหตุผลของข้าพเจ้า เป็นเหตุสามัญ ความสำนึกในฐานะแห่งสามัญชนบัญชาให้ข้าพเจ้าเรียน
แก่ท่านด้งนั้น” ท่านพราหมณ์ชีแจง “แด่เป็นเรืองยึดยาวลักหน่อยท่านวินิจโดยควรเถิด ข้าพเจ้าแน่ใจว่า
kalyanamitra.org
๓๒๔
เหตุของข้าพเจ้ามิได้ล่วงพ้นไปจากปรีชาญาณของท่านเลย”
“เข้ญท่านแถลงมาเถิด ข้าพเจ้าพริอมที่จะพ้งแด้ว” ท่านมหาบ้ณ•คิดเดึอน
ข้าพเจ้าเกินกว่าขั้นของข้าพเจ้า
ก็อุดมคติของมนุษย์นั้น เป็นที่ตระหนักอยู่โดยที่วไป มิได้เสมอกัน บางคนมีอุดมคติสูง และ
สามารถที่จะดำเนินกายวาจาใจไปสู'อุดมคตินั้นได้ บางคนมีอุดมคติดำ และก็มีความสามารถเหมาะแก่
ที่จะปฎิบ้ติกายวาจาใจไปในอุดมคตินั้น ผู้มีอุดมคติสูงแลัวก็เป็นผู้ประณีตแลัวโดยอัธยาศัย ผู้มีอุดมคติ
ตํ่าก็เป็นผู้ใม่ประณีตด้วยอัธยาศัย แต่ในการกัาวขนสู'อุดมคติที่คูงเกินความสามารถของผู้มีอุดมคติดำนั้น
จึงพึ่งเป็นไปได้แต่เพียงย้อยคำพูดที่ออกมาเท่านั้นละหรือ ? หากเป็นเช่นนั้นแลัวไซริ'จะมีใครบ้างเล่าใน
โลกนึ่ ที่ยอมตนให้ตกอยู่ในภาวะอันดำด้อย ทุกคนคงจะกัาวไปสู'ความสูงส่งด้วยกัน ด้วยการสกฝน ด้วย
การบำเพ็ญและด้วยการสริ'างสมอันยิ่งยวดเท่านั้นมิใช่หรือ ที่จะสนับสนุนให้บุคคลกัาวขื้นถู่อุดมคติอัน
สูงได้ มิใช่กัาวขื้นไปได้แต่เพียงความนึกคิดและเพียงคำพูด
kalyanamitra.org
ธา๒๕'
น่าเลยทีเดียว
อนึ่งเล่า บรรดาโยธาหาญอันปฏิบัติงานให้แก่บ้านเกิดเมืองนอนของตนในบ้ดนึ่ ผู้ควรเป็นยิง
นักที่จะขนานสาม้ญญาด้วยความเชีดชูว่า “บุรุษแห่งมถลฺใ" ทุก ยุ คนได้ปฏิบัติภารกิจด้วยความระแวง
สงสัยในชีวิตกึ่งเปันกึ่งตายอยู่ทุกเมื่อเซือวัน ทุก ยุ คนได้เผชีญอยู่กับทูตแห่งมฤตยูซึ่งปรากฎเฉพาะหนัา
ทุกดีนวัน จะเปันจำนวนลัวนทั่วกันละหรือ ที่ได้สลัดแลัวซึ่งความหวัง เปันผู้หมดหวังแลัวในซีวิด ไม่
ซึ่งสัจจะปฏิญาณด้วยเสียงอันถึกกัองคลัายความกระหึ่มครีมครางแห่งมหาเมฆ ณ สถานชุมนุมพล จะ
สละทุกอย่างเพื่อมิถิลา เพื่อพระราชาธิบดีกระนั้นก็ดี การที่รบได้โดยไม่พรั่นพรึงต่อความตายนั้น มิใช่ว่า
ทุกคนจะรนหาเรื่องตาย และการที่ปฏิญาณไว้นั้น ก็มิใช่ทุกคนจะทอดทิ้งลิ'งที่ดนกล่าวว่าจะสลชุ ยังคง
ปรารถนา มีความหวังอยู่เบื้องหนัา ในความเป็นอยู่ ในความคำรงอยู่แห่งตน มิใช่จะหวังเพึยงความรอด
kalyanamitra.org
๓๒๖
ของท่านเชิด”
“ลัอยแถลงของท่านอาจารย์ ได้ท้าให้รุ่เาพเจ้าแน่ใจยิ่งขื้นว่า การวางอุบายของเราจักดำเนินไป
ได้โดยแนบเนียนและราบรึน พวงมาลัยกล่าวดึอภารกิจของข้าพเจ้า ท่านเป็นผู้สมควรอย่างยิ่งที่จะได้สวม”
ขอให้เราได้ช่วยกันถอดถอนความลำเศึญเข็ญของชาวมิชิลา ถวายความสวัสดีแก่บรมราชสววรยาชิบัตย์
ของพระอธิราชแห่งเรา เพื่อทรงปกครองให้ความร่มเย็นแก่ชาววิเทหรัฐสิ้นกาลนาน เชิญเถิดท่านอาจารย์
เชิญไปเตรียมตนดำเนินกาวเป็นสื่อสารน์ากลศึกเข้าสู่ใจกลางแห่งกองท้พบัญจาละโดยเรีวเชิด”
kalyanamitra.org
kalyanamitra.org
๔๗. อุบายขั้นที่ ๑
หลังจากที่ตกลงกันระหว่างท่านอนุเกวัฎกับท่านมหาบัณฑิตสองสามวัน ณ กองบัญชาการทัพ
กรุงมิถิลา ก็ปรากฏตัวท่านอนุเกวัฏพร้อมด้วยเครื่องพันธนาการ มีทหารของมิถิลาควบคุมแข็งแรง เพื่อ
แจ้งคดีแก'ผู้สำเร็จราชการ ท่านมหาบัณฑิตออกมานั่งยังที่ว่าการ พังรายงานคดีของผู้ที่รับอนุเกวัฎ
ตามข้อคดีเป็นกรณีร้ายแรง ฐานเอาใจออกห่างจากพระเจ้ากรุงวิเทหราช เพื่อภักดีต่อไท้ต่างด้าว
ท้าวต่างแดน เป็นการกบฏต่อหน้าราชศัตรู เรื่องราวพิสดารมีตังนื้
ในวันหนึ่ง ขณะที,ทหารแห่งมิถิลาอันประจำอยู่ตามป้อมและกำแพงเพื่อป้องกันอริราชที่จะ
มายํ่ายีกำลังพักผ่อนเพื่อกินอาหาร คงมีแต่เวรยามรักษาการณ์ตามหน้าที่ ท่านอนุเกวัฏได้ถึอโอกาสขณะ
ที่เวรยามเผลอปรากฏตัวขื้นที่ชายกำแพงน้อย ต่อหน้าทวยหาญแห่งป้ญจาละ หยิบขนมบ้าง ปลาบ้าง เนื้อ
บ้างโยนไปให้แก่ทวยหาญของป้ญจาละ พร้อมกับตะโกนถ้องร้องประกาศแก่ชาวกองทัพฝ่ายศัตรูว่า
“พ่อคุณทั้งหลายเอ๋ย จงเคื้ยวเถิด จงกินเถิดซึ่งขนมและมัจฉมังสาหารเหล่านื้ ท่านทั้งหลาย
และเจ้าลูกบ้านนอกตัวร้าย”
พวกโยธากรุงมิถิลา ได้พังถ้อยคำของท่านอนุเกวัฎ ทั้งได้เห็นกิริยาที่ยื่นโยนสิ,งของให้แก่พวก
kalyanamitra.org
๓0า
ด่าง,]นั้นด้วยความรู้ของตนความพอใจของเราเรี่ยวแรงพอแล้วไมด้องอาศัยความพอใจของใคร"
“อหังการนัก” สำหับหนักแน่น
“ถูกละท่าน เราย่อมมีอหังการ คนเราไม่ควรมีอหังการแล้วหรือ ความเป็นตัวของคนเป็นของ
ที่ไม่ควรมีละหรือ เกิดมาทำไมกัน มนุษย์ที่ไม่มีอหังการ เกิดมาทำไมกัน มนุษย์ที่ไม่รู้จักเป็นตัวเอง ความ
พึงดูหมิ่น ไม่เป็นของสำคัญอันใดที่ตนจะพึงเคารพด้วยใจอันแท้จริง”
พูดพลางสั่งเจ้าหน้าที่ที่ชับท่านอนุเกวัฏคว่าลงเฆี่ยนจนหลังแตกเป็นรี่วรอย แล้วมีบัญชาสั่ง
ไวั คนเช่นนี่ควรมีในที่อึ่นนอกจากมิติลาของพวกเรา ”
kalyanamitra.org
๓0า®
เราไปเฝืาพระอธิราชของท่านเถิต”
พวกทหารแห่งปญจาละได้พังก็รีบพาท่านอนุเกวัฎไป ณ กองบัญชาการทัพ พระอธิราชกำลัง
ประทับอย่เหนือราชบัลลังก็แวดลัอมด้วยพระราชาร้อยเอ็ดและอำบาตย์บุขบนดรี เฝ็าแหนพร้อบเพรียง
โดยขนัด
ทอดพระเนดรเห็นทหารพาท่านอนุเกวัฏ เข้ามาเฝ็าเฉพาะพระพักตร์ด้วยลักษณะแห่งบุคคล
ผู้ด้องบัพพาชนืยกรรมโดยฉงนพระหฤทัย จึงมีพระราชกระแสไต'ถามเรื่องราว ครั้นทรงสดับจากพวก
มีนามว่าอนุเกวัฎพระพุทธเจ้าข้า” กราบบังคมทูลด้วยความอ่อนน้อม
“เจ้าได้ทำผิดคิดรัายประการใดเล่า จึงถูกบัพพาชนืยกรรมดังนึ่?” ตรัสซัก
“เราได้ยินข่าวเล่าลือเป็นหนักหนาว่า มโหสถเป็นคนฉลาดสามารถเป็นผู้อาจบงการบ้านเมือง
ได้ราบรื่นทั้งภายนอกภายใน ชัดกาวปกครองบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ทวยราษฎร์เป็นชันดี เป็นทีนิยมนับถือ
ของชาวเมีองมิถิลาไม่ว่าชันสูงชันดํ่า แม้ในบรรดาอำมาตย์ของมิถิลา ก็ได้ยินว่ายกย่องเชิดชูกันเป็นยิ่งนัก
ไฉนท่านจึงกล่าวรัายแก่เขาเล่า ?” ตรัสไล่เลียง
“ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าฯ ในมนุษย์ชันรวมกันเป็นบ้านเมืองนั้น ใด้ฝ่าละออง
ธุลีพระบาทคงจะได้ทราบอยู่แล้วว่า ผู้ใดมีพวกมาก ผู้นั้นย่อมเป็นคนมีอำนาจมาก และความมีอำนาจย่อม
ปิดเสียได้แม้ซี่งความไม่ดีไม่งามของผู้เรืองอำนาจ โปรดทรงวิจารณ์เถิด มโหสถมีพรรคพวกมาก ช่วย
กันส่งเสริมสนับสนุนใหัเกียรติคุณบรรลือไปทั่วทุกหนทุกแห่ง พวกเขาช่วยกันประกาศคุณงามความดี
ของมโหสถอย่างนั้นอย่างนํ๋ ส่วนใดที่เป็นความไม่ดี ส่วนนั้นจะแพร่งพรายออกไปมีได้เลย เพราะได้ถูก
กดทับเลียแน่นหนา เหมือนแผ่นศิลาที่ทับอยู่บนหย่อมหญ้าที่ไหน หญ้าจะสามารถข้าแรกแผ่นศิลาขื้น
มาปรากฎใหัคนเห็นได้ข้อนึ่ฉันใด ความไม่ดีไม่งามของมโหสถก็เปรียบได้ฉันนั้นมิหนำข้าแรกแหวกขื้น
ทรงทราบเถิดพระพุทธเจ้าข้า”
“อีกประการหนึ่งเล่าพระพุทธเจ้าข้า มโหสถเป็นผู้ทรงอำนาจ อำนาจของเขาแผ่ไพศาล ครอบงำ
kalyanamitra.org
๓๓๒
ด้งที่ข้าพระพุทธเจัากราบทูลฉะนึ่เถิด ”
รู้ใด้เห็นก็แด่เพียงประพฤติเหตุที่แพร่งพรายออกมาภายนอก หรือที่ได้เลือกคัดแล้วว่าเป็นไปเพื่อทวีความ
ดีความเด่นให็แก่ตน จะมีใครเล่าที่จะสามารถชำแรกปรีชาของตนหยั่งเข้าไปใท้ทะลุปรุโปร่งในประพฤติ
หนอนบ่อนอยู่ได้ไฉน”
ด้วยคำอันหนักแน่นแวดล้อมด้วยเหตุผลและอุปมาอุปไมยแทรกข็มเซิบชาบเข้าสู่พระหฤทัย
ก็เป็นคนฉลาดควรจะปฎิน์ติราชกิจสำคัญ ๆ ได้”
และใจที่จะชอบสีนั้นก็ไม่มีอะไรในโลกที่จะมาบังคับบัญชา ย่อมเป็นอิสระแก่ตนในความชอบทุก ๆ ใจ
ที่ไม่กินกันก็เหมือนผ้าที่สีไม่กลมกลืนจะเข้าชุดกันไม่ได้ ความฉลาดของข้าพระพุทธเจ้าเป็นความฉลาด
ที่ชุบย้อมแล้ว ด้วยความคิดเห็นอันผิดสีกับของมโหสถไม่กินกันกับความคิดเห็นซึ่งซับย้อมความฉลาดของ
เจ้เต้องษุาเผ้าใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทด้วยลักษณะของดนด้องบัพพาชนียกรรม”
“ก่อนอื่น ข้าพระพุทธเจ้าขอกราบบังคมทูลย้อนไปอึงความเดิมที่มโหสถจะรุ่งเรีองด้วยอำนาจ
kalyanamitra.org
ธไถ๓
ราชศักดึ้ให้ใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงทราบโดยแน่ชัด พฤติการณ์ในความรุ่งเรืองอำนาจของมโหสถ
นั้น เป็นเรื่องของความกักขฬะที่ครอบงำความฉลาดปราดเปรื่อง บันไดที่มโหลลใซักัาวขื้นสู่ความเรือง
kalyanamitra.org
๓๓๔
ความอยู่รอดปลอดภัยของบ้านเมืองสำคัญกว่า” ข้าพระพุทธเจ้าได้ถามถึงความตกลงใจของเขาในเหตุการณ์
ลงครามนึ่ ก็ได้ทราบว่าเขาเตรียมพร้อมที่จะด้านทานอยู่แล้ว ข้าพระพุทธเจ้าได้พิงถ้อยคำของเขาแล้ว
ก็เล็งเห็นด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมว่า ถึงมโหสถจะเป็นที่นิยมยกย่องว่าเป็นบัณฑิตแต่เขาขาดคุณธรรมของ
เจ้าคล้ายกับเลียไม่ได้
“เหตุการณ์จะตอบได้อย่างไร ในเมื่อเราไม่ตระหนักในเหตุผล” ข้าพระพุทธเจ้าแย้ง
คิดเห็นของตนขื้นมาอัาง
“ที่กล่าวนั้น ย่อมไม่เป็นเครื่องลบล้างความพินาศย่อยยับของมิถิลาได้เลย” ข้าพระพุทธเจ้า
ถ้าจะยังดื้อถือดันต่อด้านกองทัพบ้ญจาละ”
“นั่นเป็นหน้าที่ของช้าพเจ้าที่จะต้องรับผิดชอบ ท่านไม่ต้องมากัาวก่ายในกิจอันมิใช่กงการของ
ท่าน”
“ข้าพเจ้าก็เป็นชาวมิถิลาผู้หนึ่ง ทำไมจะเกี่ยวข้องไม่ได้ บัานเกิดเมืองนอนของตนทุกคนต้อง
ท่านควรจะคิดอ่านผ่อนปรนแก่เหตุการณ์ อย่าให้พวกเราได้พบเห็นความพินาศย่อยยับจะต็กว่า”
“นั่น!เอการยอมตนลงเป็นทาสด้วยความสมัครใจ จะเป็นไปไม่ได้มิถิลาภายในกำมือของเรา
kalyanamitra.org
๓๓๕
“เป็นทาสโดยไม่ถูกบังคับ กับเป็นทาสโดยถูกบังคับผลย่อมต่างกัน”
ด้วยความคิดเห็นซึ่งเป็นสีย้อมความฉลาดเกิดร้นวาระหนึ่ง ท่าให้ข้าพระพุทธเจ้ากับมโหสถแยกกันคนละ
ได้ทรงมหึทธานุภาพนิรมิตกำแพงเหล็กอันไพศาลกั้นไว้ทั้งลี,ทิศ ทั้งการดำเนินความคิดในกลศึกถูกต้อง
เลียแล้วพระพุทธเจ้าข้า”
พระอธิราชทรงหันพระพักตร์ไปทางเกวัฏทันที และเกวัฏก็ตอบสนองกระแสพระเนตรเป็น
หน้งจะกราบบังคมทูลว่า “ช้าพระพุทธเจ้าได้กราบทูลใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้วทีเดียว”
“บัดนึ่เล่าพระพุทธเจ้าข้า ชาวมีถีลากำลังระสำระสายป่นปวนกัน ความถูกจำกัดให้อยู่ในวงแคบ
เหตุผลของช้าพระพุทธ เจ้าซึ่งพูดว่า
“ท่านเป็นผู้ทรงอำนาจสิทธิขาดในมิถิลา เมื่อเห็นช้าพเจ้าปฏิบัติตามความพอใจตนอันขัดกับ
kalyanamitra.org
๓๓๖
จะท่า”
“การที่คิดประหารข็วิตของข้าพระพุทธเข้าเป็นอันตองระงับไป เพราะมโหลถไม่อาจเผชิญ
หห้าค่อเหคุผลที่ถูกด้องสมควรได้ นั่นชิสถานหนึ่ง หรึออาจเป็นด้วยอัธยาศัยชอบประชดของมโหสถอีก
สถานหนึ่งด้วย เป็นสองสถานเข้าประกอบอัน ท่าให้ข้าพระพุทธเข้ารอดอยู่เขากล่าวว่า
รวม จงให้ความพอใจของส่วนรวมได้โอกาสกระท่าดามความพอใจบ้าง”
แล้วภิสั่งให้เฆี่ยนข้าพระพุทธเข้าหลังแตกเป็นรั้วรอยแล้วให้ขับเสียจากบ้านเมือง ข้าพระพุทธเข้า
ได้รับทุกขเวทนาที่ปรากฎแก่ร่างกายไม่ช้านานก็หาย ส่วนความเจ็บใจนึ่สิพระพุทธเข้าข้าเห็นหนักนัก มโหสถ
จักขอพิฆาตมโหสถเสียให้จงได้
“บัดนึ่ช้าพระพุทธเข้า ได้เช้ามาแล้วสู่พระบวรรังสีแห่งพระมหากรุณาธิคุณ จากแดนอันเดือดรัอน
มาได้รับกระแสชลอันเย็นฉํ,าในสระอโนดาดมาชะโลมกาย สายชลพระมหากรุณาได้แผ่ซ่านกระเซ็นชะโลม
ใจ ข้าพระพุทธเข้า ผู้ได้มาพบเห็นดวงพระเนตรอันฉัาด้วยนํ้าพระกรุณา วิญญาณอันเร่ารัอนวะรุ่มด้วย
เพลิงโศกระคนแด้น เพราะถูกขับไล่จากแดนด้วยอำนาจพาลค่อยเลื่อมสร่างสว่างไสวจากความเศรัา ดง
แต่ความคุมแด้นอันยากนักที่จะคลี่คลาย แม้ได้ดื่มกระแสเลือดในอกมโหสถได้เมื่อใด นั่นแหละดือโอสถ
อันทรงสรรพคุณขลังพอที่จะระงับด้บแคันนั้นเสียได้ แม้นทรงพระเมตตากรุณาชุบเลี่ยงข้าพระพุทธเชัา
ผู้สวามิกักดื่จงรักต่อใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาทด้วยใจสัตย์ เพียงเป็นประหนึ่งเครื่องลาดรอยพระยุคลบาท
ก็นับว่าเป็นบุญวาสนาอันสูงสุดแก่ข้าพระพุทธเจ้าแล้ว ใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาทโปรดทรงพระเมตตาแก่
ข้าพระพุทธเข้า ผู้'ฝ่ามาแล้วแต่แดนอันเดือดรัอนด้วยร่างกายและเลือดเนึ่อ เพื่อสวามีกักดื่แค่ฝ่าละออง
ธุลีพระบาท ณ บ้ดนึ่เถิด”
พระอธิราชจุลนิทรงสดับเรื่องราวที่ท่านอนุเกวัฎกราบบังคมทูล และอ้อนวอนด้วยลัอยคำอัน
อ่อนนัอมยอมมอบกายถวายซีวิต ทรงพระพินิจโดยถี่ล้วน ทรงเห็นปราศจากเลศนัยมิได้เห็นอุบายอันใด
ก็ทรงพระเมตตา พระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์ตามสมควร และทรงชุบเลี่ยงไว้ในตำแหน่งอำมาตย์
ผู้หนึ่งของพระองค์
kalyanamitra.org
๔๘. อุบายขั้นที่ ๒
ท่านอนุเกวัฎได้เข้าร่วมอยู่แด้วในกองทัพกรุงปัญจาละ กิเป็นยันได้ปฏิป็ลิภารกิจตามที่ได้ร่บ
ได้สด้บตร่บฬงด้อยค้ากราบบังคมทูลเห็นแววแห่งเชาวน์ปรีชาชันจะเป็นคู่สนทนาพาทีได้ ก็มีความพึงใจ
kalyanamitra.org
ตต๘
ก็ทรงร่าคาญพระราชหฤทัยอยู่เสมอ แต่ท่านอนุเกวัฏก็สามารถจะสมัครสมานกับพระองค์ได้ด้วยการ
ยกยอให้สมพระอัธยาศัย แสดงให้ทรงเห็นความสำเร็จอันควรภาคภูมิใจยิ่งทุกกรณีย์ที'ทรงบำเพ็ญ เสึยงยอ
นั้นแม้จะเป็นที่ทราบกันอยู่ว่า คือสัญญาแห่งมหาภัย ความน่าหวาดเสยวของเสียงยอ ก็เยิ่ยงเดียวกันกับ
เสียงคำรามแห่งพยัคฆ์ แต่ความเอียงรับของจิตใจมนุษย์ คงโนัมนัอมไปทางเสียงยออยู่นั่นเอง ทั้งนึ่เป็น
เพราะเสียงยอแม้จะเป็นสัญญาณแห่งมหาภัย แต่ก็เด็มไปด้วยโอชาอันด้องอัธยาศัย จึงยังคงเป็นที่นิยม
ของผู้นั้ามหาภัยและผู้ที่ได้รับภัยทุกยุคทุกสมัย ท่านอนุเกวัฎได้พยายามผูกใจบรรดาเสวกามาตย์จำพวก
ที,ทะนงให้ความยิ่งใหญ่ ลำพองในอัครฐาน ปานว่าร่างกายของตนนั้นได้สรัางสรรค์จากธาตุอื่นจากที่
สรัางมนุษย์ทัวไป หรือหากจะสรัางด้วยธาตุชนิดเดียวกัน ที่ลรัางพวกนั้นก็เป็นชนิดพิเศษมิใช่ชนิดสามัญ
ด้วยอาศัยการยกยอปอใ]น ในที่สุดก็กลมเกลียวกันสมัครสมานกัน
ด้วยวิธิการด้งกล่าวมา ท่านอนุเกวัฏเป็นบุคคลสำคัญขั้นในกองบัญชาการทัพของพระอธิราชจุลนื
การประชุม ณ กองบัญชาการทัพกรุงบัญจาละก็เพิ่มอาสนะขั้นเพึ่อท่าน ทุก รุ คราวที่ประชุมกันขาดมิได้
หากคราวใดท่านล่าข้าไปจะมีผู้ไต่ถามถึงแม้องค์อธิราชก็จะทรงบ่นหา ประหนึ่งอ้าขาดท่านเสียแอ้วการ
ประชุมนั้นก็ยากทีจะดำเนินไบ่ได้ หากจะดำเนินไปได้ ก็เป็นอย่างกลํ้ากลืนไม่มีความสดชี่นรื่นเริงใน
รสแห่งการประชุม
การปฎิบํติภารกิจตามอุบายขั้นที่ ๒ นึ่ แม้ท่านอนุเกวัฎจะได้ท้าให้เกิดความไว้วางใจ ในบรรดา
อำมาตย์ชันประมุขของบัญจาละได้แอ้ว นั่นยังมิใช่ข้อมุ่งหมายอันเป็นสาระแทัจริงแห่งแผนอุบาย สาระ
ที่แทัจริงนั้นอยู่ที่ได้รับตำแหน่งบังคับบัญชาทหาร อ้นเป็นบันไดนำกองทัพบัญจาละไปสู่หายนะ ท่าน
อนุเกวัฎพยายามที่จะกลบเกลอนเงื่อนจำ ท้าให้ทุก รุ คนหมดความระแวงสงสัยในตนแอ้ว ก็ย่อมไม่
เป็นการยากที่จะหาตำแหน่งบังคับบัญชาในกองทัพบัญจาละของพระอธิราชจุลนื
ในที่ประชุมกองบัญชาการทัพคราวหนึ่ง พระอธิราชประทับเป็นประธานพรัอมด้วยแม่ทัพ
รายงานเหตุการณ์ของกองทัพต่าง รุ ปรากฏผลว่า
“การให้นักรบอยู่เฉย รุ โดยมิได้ปฏิบัติการรบ ในเมื่อการรบนั้นก็ได้เปิดฉากขั้นแอ้ว เป็น
ผลเสียหายหลายสถาน นอกจากจะเปลืองเสบียงแอ้ว ยังท้าให้เกิดความมั่วสุมชุมนุมกัน เพื่อประกอบกิจ
อ้นผิดต่อระเบียบการปกครอง อาทิการเล่นการพนัน ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดการประพฤติผิดวินัย เป็นการ
kalyanamitra.org
ธาธา๙
แก่ความเสียหายนั้นได้หรึอไม่ และจะมีหวังชนะได้หรือไม่
พวกที่เป็นฝ่ายผู้เสนอ เห็นด้วยในการโจมดีก็ให้เหตุผลสนับสนุนความเห็นของตน สรุปลง
แต้วก็ดีอว่า “การที่ให้ทหารอยู่เฉย ตุ ทำให้ทหารหย่อนในทางวินัยไม่ปลงใจในหน้าที่ได้เด็ดเดี่ยว ควรให้
ได้ออกรบเสียบ้าง จะแกัความหย่อนในทางวินัยและป้องกันความเรื้อในทางฟิมึอ ทั้งเป็นการป้องกัน
การมั่วสุมประชุมกัน อันผู้ปกครองบ้งคับบัญชาไม่ปรารถนานั้นได้อีกด้วย”
ทางฝ่ายด้านก็ให้เหตุผลว่า “ในเมื่อปรากฏการณ์มีอยู่ว่า อย่างไรเสียมิชิลาก็ด้องยอมแพวันอังห้า
ข้อโด้แอังระหว่างแม่ทัพนายกองชันผู้ใหญ่เห็นความเห็นอันขัดกัน ต่างฝ่ายก็ได้รับสนับสทุน
และมีเหตุผลพอ ตุ กัน พระอธิราชจุลนึประทับทรงสด้บด้วยพระหฤทัยลังเล ยากที่จะทรงพระวินิจฉัย
เด็ดขาดสถานใด หากทรงบริหารไปทางใดทางหนึ่งในสองทางนั้น ผลที่ทรงได้รับก็ลัวนแต่เป็นอารมณ์
ที่ไม่ทรงพระประสงส์ทั้งนั้น พระองด็ทรงนึกถึงท่านอนุเกวัฎขื้นมาทันที จึงมีพระราชดำรัสถามท่าน
อทุเกวัฎ “อนุเกวัฏมีความเห็นอย่างไวในเรื่องที่แม่ทัพของเราห้าลังโต้กันอยู่นึ่”
“ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกลัาๆ” กราบทูลไม่เวันที่จะแสดงกิริยานบนอบ “ใต้
ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงพระปรีชากว้างขวางย่อมทรงตระหนักในพระหฤทัยเป็นอย่างดีว่า ตามความ
คิดเห็นของท่านแม่ทัพนายกองผู้ใหญ่ที่ถกเถึยงกันมา ทั้งนึ่เกิดด้วยจิตใจอันมากลันด้วยความจงรัก มุ่งที่
จะถวายพระเกึยวดีแด่ให้ฝ่าละอองธุลีพระบาททั้งนั้น แต่เป็นธรรมดาของความเห็นจะได้ลงกันทุกประการ
ย่อมไม่ได้ เพราะต่างคนต่างปรีชาและต่างอารมณ์ รวมความว่าต่างจิตใจกัน กระนั้นจุดหมายของความ
เห็นก็รวมกัน กล่าวได้ว่าเป็นความผุดผ่องอันหนึ่งของให้ฝ่าละอองธุลีพระบาทที่ทรงสมบูรณ์ด้วยบูรพา-
ภินิหาร อันเป็นเหตุให้ทวงได้แม่ทัพนายกองผู้ใหญ่อันทรงคุณสมบัติเป็นแม่ทัพของพระอธิราชแห่ง
ชมพูทวิป”
“ที่ข้าพระพุทธเว้าวิจารณ์ความเห็นของท่านผู้ใหญ่คังที่กราบทูลนั้น ด้วยความคิดเห็นแห่ง
kalyanamitra.org
๓๔๐
คุณสมบ้ตีอันควรแก่การสรรเสริญของชาวโลก เกียรติคุณอันควรแก่การสรรเสริญของเหล่านักรบนั้น
ที่จะปรากฏแก่ดาประชาชนได้ ก็ไม่มีอื่นนอกจากวินัย วินัยเท่านั้นเป็นมิ่งขวัญในดนของนักรบ คุณคึอวินัย
พระเกียรติมิให้เสื่อม
ตกลงว่าความคิดเห็นของท่านผู้ใหญ่ของใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทั้งสองฝ่ายเป็นไปสมภูมิฐาน
เป็นความคิดอันสุขุมรอบคอบ ประกอบด้วยปรีชาอันคิดหยั่งในการอันละเอียดนัก ยากที่จะห้ามเสียแต่
ฝ่ายหนึ่งได้ เพราะการเชิดชูเล่าก็เป็นการเพื่มพูนเพื่อให้ได้ฝ่าละอองธุลีพระบาทได้มีพระเกียรติยิ่งใหญ่
ไพศาล การป้องกันเล่าก็เป็นการรักษาเพื่อให้พระเกียรติซึ่งทวงมีอยู่แล้วดำรงอยู่มิเสื่อม หากจะทรงสด้บ
ความคิดเห็นของข้าพระพุทธเรัาแล้ว ด้องขอรับพระราชทานพระบรมราชวโรกาสถวายบังคมทูลต่อไป
จะทรงพระกรุณาสถานใด สุดแต่พระปรีชาญาณอันลันกวะหม่อมเชิดพระพุทธเรัาข้า”
kalyanamitra.org
๓๔๑
ด่าริเห็น”
“ขอเดชะ อีกประการหนึ่ง โภคผลบางประเภทจะสำเร็จประโยชน์ได้ต่อเมือ “(เก’’ เข่น ผลไม้
บางชนิดจะเป็นอาหารของมนุษย์ได้ชิด่อเมื่อสุก จึงเรียกผลประเภทนื้ว่า "วมาก’’ การที่ผล,จะถึงความสุก
ได้นั้น บางชนิดชิด้องปล่อยใทัเป็นไปตามสภาพ เมื่อถึงคราวถึงสมัยชิสุกได้เอง แมัอังไม่ถึงกาลสมัยชิ
ไม่สุก บางชนิดชิอาจจะท่าใทัสุกด้วยการบ่ม อันได้แก่ กาวใทัความข้อนขื้นแก่ผลที่บ่มนั้น ชิสถานการณ์
สงครามมิชิลาคราวนื้หากปล่อยไปชิจะสุกหอมงอมหล่น มีพ้กด้องยกขอสอย หากจะบ้งด้บใทัสุกชิได้
ด้วยก่อให็เกิดความข้อนขื้น ดีอด้วยกาวโจมดีรบกวนมิให็ข่าวมิชิลาผาสุกได้ การชิจะเป็นด้งใทัเกิดผลความ
ข้อนขื้นแก่ผลไมัที่ถูกบ่มฉะนั้น ใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาทมีพระราชประสงด้ในพระหฤทัยประการใด
ชิสุดแด่จะทวงพระกรุณาด่าริเชิดพระพุทธเข้าข้า”
“หากใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาท มีพระราชประสงด้จะได้มิชิลาโดยรวดเร็วปราศจากความขีดเยื้อ
ทรงมีพระมนัสมุ่งด้งนั้นแทัจริง แม้จะด้องทรงเสียสละเลีอดเนื้อซีวิตของไพร่พลบ้างชิจะทรงยอม ด้วย
ทวงด่าริรอบคอบแด้วเห็นเป็นเรื่องอัมอันอยู่ หรึอมีพระประสงด้ที่จะบีบบ้งด้บมิชิลาใทัยอมร์านนต่อ
ได้เบื้องพระยุคลบาท ด้วยพระบรมราชานุภาพอันเกรียงไกร ชิควรจะคิดโจมดีก่อกวนมิชิลามิใทัผาสุกได้
ชิร์าด้องปลงพระหฤทัยมีพระบวมวาชบ้ญชาสั่ง แม้นจะด้องเสียซีวิดไพร่พลบ้าง ชิเป็นเรื่องที่อัมอันอับ
การที่ทรงแผ่พระบวมเดชานุภาพ เหมือนการเชิบผลไม้มาบ่มก่อนมันจะสุกเอง ชิเพราะเล็งเห็นผลอัน
อัมแก่เหนึ่อยยากฉะนั้น ข้าพระพุทธเข้ากราบทูลตามความคิดเห็นด้วยสดีบ้ญญาอันน้อยจะทวงเห็นสมควร
ประกาวใด สุดแด่พระปรีชาญาณอันกข้างขวางเชิดพระพุทธเข้าข้า”
“ความคิดเห็นที่ท่านแถลงมานื้ เป็นอันว่าเราควรจะด้องโจมดีมิชิลาบ้าง” พระอธิราชทวงสรุป
“ท่านแน่ใจหรือว่าการรบ นักรบจะแอัไขความเสียหายที่กำดังมีอยู่ได้ และท่านแน่ใจหรือว่าเราจะสิ้นเสีย
ไม่มากนัก”
kalyanamitra.org
๓๔๒
ไม่ใซัก็เท่ากับอัดรอนตนเอง
ส่วนความสิ้นเปลึองกำลังร้พลเพียงไรในการเข้าโจมดี ข้อนื้ข้าพระพุทธเข้าเห็นด้วยเกลัาฯ ว่า
จะหาผู้ริช่านาญด้งนั้นได้ยาก”
เป็นโอกาสแก,ท่านอนุเกวัฎแลัวที่จะแสดงตนในการนั้น เพื่อกัาวย่างขั้นส,ขั้นแท่งอุบายตามที่
พระพุทธเข้าข้า”
พระอธิราชจุลนิ ทรงสดับค้ากราบทูลของท่านอนุเกวิฏก็สบพระหฤทัยต้องพระประสงติเป็นที่ยิ่ง
kalyanamitra.org
๓๔๓
พระราชท้ารัสของพระอธิราชจุลนึ เป็นชันทวงยอมรับความเห็นของบรรดาแม่ทัพขั้นผู้ใหญ่
ทั้งสองพวก แม้จะเป็นกาวเสึยทางหนึ่งได้ทางหนึ่ง ก็มิได้ทรงคำนึงพระประสงค์ของพระองค์แน่วแน่
ทุกคนจงปฏิบดิการส่งเสริมสนับสนุนให้ราชการเป็นไปโดยเรียบรัอย ท่านอนุเกวัฎจะด้องการไพร่พล
จากกองไหนจิานวนเท่าไว ให้ผู้มีอำนาจสั่งการชัดมอบให้อย่าให้ขัดช้องได้
ปวะกาศพระบวมราชโองกาว ณ ท่ามกลางประชุมแม่ทัพนายกองผู้ใหญ่ ทั้งนึ่ทั้งนั้น เป็นด้ง
kalyanamitra.org
๔๙. อุบายขั้นที่ ๓
ก็ออกตรวจพลพรัอมด้วยเหล่าแม่ทัพนายกองจากกองบัญชาการกองทัพของพระอธิราช เป็นสูคอยแนะนำ
สูบังทับบัญชาดามลำดับชันให่ใด้พบปะริ'จักท่าน ชี่งเป็นสูบังคับบัญชาพิเศษ ต่อหนัาทหารปัญจาละ
“สูรโยธาแห่งบัญชาละทั้งหลาย
ข้าพเขัาได้มาปรากฏต่อหนัาท่านแด้ว ข้าพเขัานั้แหละจะเป็นสูนำปวงท่านเข้าสู่ย่านแห่งอาวุธ
เพื่อผ่านไปสู่จุดหมายคึอชัยชนะเหนึอมิถิลานคร ซีงข้าพเขัาแน่ใจเป็นอย่างยิ่งว่าจะด้องอยู่ในท้ามือของ
พวกเรา แต่เราด้องรบ-รบเพื่อเร่งรัดบึบตั้นมิถิลา พวกเราสูรโยธาแห่งปัญจาละ เป็นสูแผ่พระบวมเดชา-
นุภาพแห่งพระอธิราชเขัาของเรา ถวายความเป็นอัครราชในชมพูทวึปแด,พระองท้ ชี่งทรงมีพระกฤษฎาภินิหาร
ประกอบด้วยพระบรมโพธิสมภารชันยอดยิ่ง พระองด้คึอมิ่งมงกุฎสวมเกลํำของชาวเรา พระองคึศึอ
เทริดสง่าแห่งสูรโยธาบัญจาละ เพียงแต่นามว่าสูรโยธาของพระอธิราชจุลนึเท่านั้ พวกเราก็ไม่มีเก็ยรดิ
อะไรที่ควรจะภาคภูมิใจยิ่งไปกว่าแข้ว เป็นนามรัตน์ชันสดใสในดวงใจของเราทุกคน เป็นการเพียงพอแข้ว
มิใข้หรีอที่พวกเราจะรบ รบเพื่อเชิดนามว่าสูรโยธาแห่งพระอธิราชจุลนึ และรบเพื่อความเป็นเอกแห่ง
แคว้นบัญจาละ
ท่านทั้งหลาย สูรโยธา ไม่มีสงสัยว่าเรารบ เราจะมิด้องตายหรึอ ? สูรโยธาไม่ท้านึงถึงเป็น
ถึงตาย หนัาที่-หนัาที่เท่านั้น ที่เขาท้านึงถึงตลอดเวลา ทำไมเล่าคนํเราเกิดมาแลัวไม่ตาย-ตายทุกคน จะ
kalyanamitra.org
๓๔๕'
มาถวายแต่พระอธิราช เพราะพวกเราไม่สมแมัเพียงภาวะที่เกิดมาเป็นลูกผู้ชาย
เพราะฉะนั้น ท่านผู้กลัาหาญแห่งบ้ญจาละทั้งหลายจงคอย - คอยเวลาที่ข้าพเข้าสั่ง เมีอช้าพเข้า
สั่งท่านทั้งหลายจงพรัอมกันปฏิบัติ ปฏิบัติตามอำสั่งของช้าพเข้าโดยปราศจากความสอดแคลัวใด กุ ด้วย
อาวุธที่ท่านชิอ-ด้วยมึอที่สันทัดข้านาญ ด้วยความกลัาหาญที่มี ท่านจงบุกบั่น จงพ้น่ฝ่า จงมุ่งไปข้างหน้า
จบด้อยอำของท่านสกลปรินายกลงคราวใด แสนแห่งปากเป็นอันมากของสูรโยธาบ้ญจาละ
ก็โห่รัองกัองกังวานขื้นด้วยสุดที่จะวะรับความดีนเด้นในตนได้ ความกึกกัองกังวานได้เป็นไปมากครั้ง จน
ได้ยินชิงที่ประทับของพระอธิราช พระองอํทวงสด้บเสียงอึงคะนึงของไพร่พลผิดสังเกต ก็มีพระอำรัสถาม
“เลียงไพร่พลโห่รัองอึงคะนึงประหนึ่งเสียงคลื่นในมหาสมุทร นั่นมีมูลมาแต่อะไร ท่านผู้ใดรับ้าง?”
kalyanamitra.org
อา๔๖
หากพระอธิราชจะทรงพระปรีชาเป็นทีฆทัสสีสักหน่อยก็จะทรงตระหนักว่า ในกองทัพของ
ป้ญจาละไม่ควรมีอนุเกวัฎเลยเพราะพระปรีชาญาณนั้นจะแวังการถวายแก่พระหฤทัย ประหนึ่งทรงพบ
แห่งกรุงบัญจาละ
ท่านสกลปรินายกดำเนินงานขั้นด้นเป็นผลเรียบรัอย โดยตรวจพลด้วนทุกหมวดกอง ได้กล่าว
คำปลุกใจไพร่พลให้รื่นเริงบันเทิงในความตาย เห็นความตายเป็นของธรรมดาไม่น่าหวาดกลัว ไพร่พล
ทุกคนต่างปลงใจในหนัาที่ที่มีใจลำพองกำแหงห้าวสมคะเนทุกประการ หลังจากนั้นไม่ข้าท่านก็มีบัญชาสั่ง
การกระท่านั้นได้เป็นอันขาด
กองทหารช่างแห,งบัญจาละ ได้รับคำสั่งก็ตระเตรียมการที่จะสรัางสะพานไว้อย่างครบครัน
พอถึงเวลาราตรีก็ควบคุมกันขนทัพสัมภาระอันเป็นอุปกรณ์ในการก่อสรัางมายังตำบลที,กำหนดในคำสั่ง
พอถึงก็เร่งลงมือปฏิบัตีงานโดยเร็วไม่รีรอชักซัา พวกที่บักเสาลงก็ลงนํ้าท่าการบักเสา พวกเดินรอดก็
สอดใส' พวกปูพื้นก็คอยเตรียม
แต่การปฏิบัติงานของกองทหารช่าง ไม่อาจสำเร็จลุล่วงไปได้ บรรดาไพร่พลที่ลงไปปฏิบัติ
ณ สถานที่นั้นด้องเสียซีวิตลัมตายมากต่อมากเพราะเป็นตำบลที่จระเข้ชุม และเป็นชนิดที่รัายทั้งนั้น ต่าง
เข้าคาดคั้นขบกัดพาเอาไปเป็นอาหารก็มาก ที่บาดเจ็บสาหัส เพราะถูกกัดก็มาก ที่ถึงอวัยวะพิกลพิการก็มี
สุดที่จะทนปฏิบัติงานสีบไปได้ ที่รัายยิ่งกว่านั้น ลูกศรอันคมกลัาใบปลิวโปรยมาจากกองทหารแห่งมิถิลา
หนาแน่นประหนึ่งห่าฝน ทั้งนึ่เพราะข่าวได้รั่วไหลเข้าไปถึงกองทหารมิถิลาได้ โดยที่มีอของ “ผู้เป็นประ-
kalyanamitra.org
๓๔๗
กรวดทรายและกัอนหินตกลงไป
กองทัพบ้ญจาละพยายามด้วยอ้านาจดวามแค้นความบ้าเลึอดเดือดดาลไม่ยอมถอย หนุนเนื่อง
กันเช้าไป ที่ไหนดายก็ปล่อยใท้ดายไป ที'บาดเจิบก็ลัมลุกคลุกคลานไป ที่สามารถก็ดาประดังเข้าไป หวัง
รายงานการปฏิบัติของกองทหารได้ผ่านมาถึงท่านสกลปรินายก บอกซึงความลัมเหลวด้วย
ประการทั้งปวง กองทหารช่างที่สั่งใทัทำสะพานข้ามคูก็ปฏิบัติการไม่ได้ผล กองราบที่เข้าโจมดีก็เสียหาย
kalyanamitra.org
๓๔๘
ทุกที
ท่านสกลปรินายกอนุเกวัฏ เห็นความเป็นไปในกองทัพของบัญจาละแหลกเหลวด้งนั้น ก็เป็น
อันสมคะเน เป็นเหตุอันยิ่งใหญ่เพียงพอที่พระอธิราชจะต้องระทมพระหฤทัย และเพียงพอที,จะทำดน
ให้เป็นผู้คอยชูชุบพระหฤทัยในยามเช่นนั้น ซึ่งจะได้เป็นบันไดกัาวย่างขื้นสู่ยอดแห่งอุบาย ด้วยความเป็น
kalyanamitra.org
0า๔๙
จะยังคงใช้ได้อยู่หรือ?”
การประชุมเป็นชันยุติ ท่านสกลปรินายกพกความโกรธไวิในท่าทีท่าเป็นเดินด้วยใจโกรธไป
ด้วยเร็ว แต่ในจิตใจปลื้มในผลสำเร็จของตนอย่างยิ่ง จากนั้นก็เข้าไปเฝืาพระอธิราชในที่รโหฐานทันที
คืออะไร?”
“ทุกประการในแผนการพระพุทธเด้าข้า” กราบทูลสนองด้วยเสียงแสดงความเศวัา “บรรดา
แสนยากรแห่งบัญจาละทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อยมิได้เป็นใจด้วยราชการ ไม่มีผู้ปฏิบัติตามคำสั่งกาวบังคับบัญชา
ในกองทัพเหลวแหลกสั้นดี ช้าพระพุทธเด้าได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกลัาโปวดกระหม่อมแต่งด้ง
kalyanamitra.org
๓๕๐
พระบาท ซีงสุดที่ข้าพเด้าจะดูดายได้แลัวพระพุทธเด้าข้า”
“เยัะ! อะไรกัน!” วับสั่งอย่างตกพระหฤทัย “ที่ว่าเป็นมหากัยแก่ฉันนั้นอย่างไร?”
เอาใจออกห่างจากพระมหากรุณาธิคุณหมดแลัว ด้วยสินด้างรางวัลของมโหสถทำให้จิตใจของแสนยากร
บ้ญจาละฝันแปรไป”
“เป็นไปไม่ได้ ท่านอนุเกวัฎ” วับสั่งค้าน “เขาเป็นคนของฉัน ฉันไท้ให้ความอนุเคราะห์แก่
เขา ให้ความร่มเยินแก่เขา แม่ในยามที่อยู่ปกติมิได้ออกสนามรบ ที่เขาจะแสดงอกดัญญดังนั้นเป็นไป
ไม่ไท้'’
“ขอเดชะ ใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาท อย่าทรงแน่พระหฤทัยดังนั้น” กราบทูลทัวง “จิตใจคน
เรายากที่จะครองให้ตรงอยู่ได้ดลอดไป มีทางที่จะหันเหเปลี่ยนแปลงไปได้มากนัก อย่าว่าแต่ผู้ลิ่นเลย แม่
พระราชา *๐* ดูประหนึ่งว่ามีความยำเกรงในพระบรมเดชานุภาพ มีความจงรักใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาท
เสด็จแวดลัอมนอบน้อมเป็นราชบริพารของใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาทนั่นก็กินสินบนจากมโหสถ แม่ท่าน
เกวัฎชี่งเป็นพระอาจารย์ของใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ช้าพระพุทธเด้าก็ไม่แน่ใจ เพราะท่านก็วับดวงมณีรัตน์
พระพุทธเด้าข้า”
“ไม่น่าเชี่อว่าจะเป็นอย่างนั้น” ตรัสดิงไม่ปลงพระหฤทัยเต็มที่ “ฉันเห็นว่าทุกคนจงวักภักดี
ต่อฉันมันคง ไม่เห็นมีผู้ใดแสดงอาการกระด้างกระเดื่องต่อฉันเลย”
kalyanamitra.org
0า๕®
พระราชบัลลังก็ ท่านสกลปรินายกโดยเสด็จใกลัชิดเฝ็าใกลัพระแท่นที่ประทับ
“ทำอย่างไรจึงจะริได้เล่า ท่านอนุเกวัฎ” ริบสั่งกระข็บ “ท่านจะทำอย่างไรต่อไป”
kalyanamitra.org
๕๐. ผลแห่งสงคราม
พระอธิราชจุลนึเสด็จเข้าพระดำหนักรโหรานด้วยพระอารมณ์หม่นหมอง พระองค์ทรงผิดหวัง
หมดทุกประการ ทรงได้พระสำนึกด้วยความเศร้าพระหฤทัย“.สียแรงลำบากตรากตรำจากไอศวรวิย์
ยันแสนสุขเพึ่อจะแผ่พระบรมเดชานุภาพ บุคคลที่เป็นกำลังในการนึ่ก็ได้อุปลัมภ์เป็นยันดี ควรหรือมา
เป็นไปได้”ยิ่งทรงพระดำริไป ก็ยิ่งกลัดกลัมในพระหฤทัยเป็นกำลัง ตอนนั้นมิได้ทรงเห็นผู้ใดที่พระองค์
จะทรงวางพระหฤทัย ราชปุโรหิตาจารย์หรึอก็ทรงระแวงตามที,ท่านอนุเกวัฏกราบทูล ในยามไร้พระองค์
ทวงเห็นแต่ท่านอนุเกวัฎคนเดียวเท่านั้น เมื่อเห็นท่านอนุเกวัฎติดตามพระองค์เข้ามา ก็ค่อยดีพระทัย พอที่
ผลสุดท้ายแห่งสงครามด้วย
“ขอบใจท่านอาจารย์อีกครั้งหนึ่ง ฉันรู้สีกว่าโง่เหลือเกิน ฉันงมงายมากที่มัวคิดว่าทุกคนจะ
kalyanamitra.org
๓๕๓
อยู่จะเกิดความพิบ้ดี”
พระเด้าจุลนีตรัสด้วยพระสุวเสียงแสดงพระอาการรันทด “ฉันจะด้องเปล่าเปลิ่ยวถึงเข่นนึ่
ทีเดียวหรือ อนาถจริงไม่มีใครอีกแลัวสิ ที่จะจงรักกักดีต่อฉัน แม้กระนั้นก็ย้งเป็นห่วงเขาอยู่ดี หากฉัน
ได้ฝ่าละอองธุลึพระบาทเอาพระราชหฤทัยห่วงใยพวกเหล่านั้น ข้อนั้นเป็นพระอัธยาศัยสูงประกาศถึง
ภาวะแห่งท่านผู้เป็นมหาบุรุษรัตน์ เพราะทรงพระกรุณาแผ่คลุมไปทั่ว แป้ในบุคคลผู้เหินห่างหรือแม้
ในศัดรู เปรียบเหมีอนด้นจันทน์อันใทักลิ1นแม้แก่ขวานทีประหาวตน แดในกร ณึของใด้ฝ่าละอองธุลึพวะบาท
ข้าพระพุทธเด้าจักถวายความปลอดกัยแต่ใด้ฝ่าละอองธุลึพระบาทดลอดไป จะสมควรประกาวใดสุด
แต่จะทวงพระกรุณาดำริเชิดพระพุทธเด้าข้า”
“ไม่มีทางอื่นใด นอกจากต้องไปเสียใทัทันจากพวกนึ่ ความประสงค์ของฉันก็เป็นเข่นนั้น
แต่ใจอดเป็นห่วงใยเขาไม่ได้เพราะเคยร่วมทุกข์ยากล่าบากมาด้วยกัน ก็อดคิดเสียมิได้ อีกประการหนึ่ง
เมื่อฉันมาลู่แดนดินของมิชิลาพรั่งพรัอมด้วยขบวนโยธา ครั้นถึงคราวนึ่ ฉันจะต้องทอดทิ้งสิงเหล่านั้นไป
ก็อดเศรัาใจไม่ได้”
“ขอเดชะ เป็นธรรมดาอยู่พระพุทธเด้าข้า” ท่านอนุเกวัฎทูลปลอบ “แต่ได้โปรดทรงทักพระ-
หฤทัย ถึงอย่างไวคงมีวันหนึ่งที่ใด้ฝ่าละอองธุลึพระบาทจะทรงได้พระราชอำนาจกลับคึนดังก่อน หรือ
อาจจะยิ่งกว่าก็ได้พระพุทธเด้าช้า”
“ท่านอาจารย์หวังดีด'อฉันมาก เอาเป็นดกลงดีนวันนึ่เราไปด้วยกัน ท่านไปเดรียมพาหนะสำหรับ
ฉันใทัด้วย ถึงเวลาสมควรก็มาบอกฉัน ความปลอดกัยของดนเองจำปรารถนาก่อนถูกทีเดียว” รับทั่งหนัก
แน่น
ท่านอนุเกวัฏรับพระบวมวาชกระแสรับทั่งใส่เกลัา กราบถวายปังคมลาออกมาภายนอก ด้วย
ความปลึมใจในผลสำเร็จแห่งอุบาย แต่ท่านจะมัวเสวยความอิมเอมเปรมปรีดํ่อยู่มิได้ ด้องรีบเร่งกวะท่ากิจ
ซ็งจะปันดาลผลอันไพศาลสีบไป จึงได้ไปพบกับบวรดาผู้สื่อข่าวลับของมิชิลา นัดหมายใทัเป็นที่รักัน
ไว้ทั่วว่า “พระอธิราชจุลนีพระเสด็จหนีเที่ยงคึนวันนึ่ พวกท่านอย่ามัวหลับนอนเสีย จงคอยเวลาที่ข้าพเด้า
kalyanamitra.org
๓๔๔
หลับสนิท
เราไปกันเถิด เป็นโอภาสแล้วมิใช่หรือ”
“เป็นโอกาสแล้วพระพุทธเอัาข้า” กราบทูลสนอง
“พระอธิราชมิได้ทรงรอรั้ง รีบเสด็จจากที่ประทับมาทรงพระอาชาทีท่านอนุเกวัฏอัดมาเสด็จ
หน็ไป พรัอมกับท่านอนุเกวัฎตามเสด็จถวายความปลอดกัยโดยใกล้ชิด
ท่านอนุเกวัฎตามเสด็จพระอธิราชไป พอพนจากฐานทัพของล้ญจาละไปได้สักหน่อย ก็ซัก
kalyanamitra.org
๓๕๕
ม้าหวนกลับมายังรานทัพของโ!ญจาละ ปล่อยให้พระอธิราชทรงควบม้าพระที่นั่งไปโดยลำพังพระองค์
เดียว
พระอธิราชจุลนึทรงควบม้าพระที่นั่งห้อเหยียดบ่ายพระพักดร์ไปทางใ!ญจาละ ครั้นเสด็จ
ด้องปล่อยไปดามยถากรรม
“พวกเราไปเถิด ขืนอยู่จักด้องดายไปตามกัน ไปเถิดพวกเราไป” ท่านอนุเกวัฎกลับเข้าไปใน
ฐานทัพแลัว ก็ตะโกนกัองบอกพวกพัองและกัองประกาศว่า “พระเจัาจุลนีหนีไปแลัว ยุ”
ท่านผู้สีบราชกาวลับของมิถิลาไค์ชินเสียง ท่านอนุเกวัฎตะโกนประกาศ ก็พากันกับค์านั้นตะโกน
ประกาศแก่ฝัคนของตน พวกนั้นก็กับคำแลัวกัองประกาศกันต่อ ยุ ไป เสียงระเบ็งเช้งแช่
พระราชากัอยเด็ดพระองค์ทรงสคับเสียงประกาศนั้น สำคัญพระหฤทัยว่า “มโหสถบัณฑิต
ทั้งกัอยเด็ดพระองค์
ขณะนั้นก็มีเสียงตะโกนประกาศกัองขื้นอีก “พระราชาทั้งหมดก็หนีแลัว หนีกันหมดแลัว
โถมโจมดี
พวกบัญจาละไค์ขินเสียงโห่กัองกัองสนั่นจากเมืองมิถิลาก็ยิ่งตื่นตระหนกตกใจ หมดความลิด
kalyanamitra.org
0า๕'๖
แห่งเอกราชและอธิปไดยของมิถิลา บัญจาละท้องกระวัดกระจายไปด้วยข้านาจปรีชาของท่านผ้เป็นดวงแกัว
แห่งแควันวิเทหะ
ทหารแห่งมิถิลา เปิดประดูเมืองออกเป็นครั้งแรกหลังจากที่ด้องปิดตรีงมาหลายเดือน พากัน
มหาบัณฑิต
ท่านมหาบัณฑิตมีบัญชาสั่ง “เครื่องราชูปโภคทุกอย่างให็รวบรวมนำถวายแต่พระเวัาวิเทหราช
เครื่องอุปโภคของราชาข้ามาตย์ช่'นท้ใหญไท้รวบรวมมาใท้แก่เรา นอกนั้นแบ่งบันกันในชาวมิชิลาใท้ท้วอึง”
สิ่งของที่เป็นมท้คฆกัณฑ์ นึ่งรวบรวมเพอถวายพระเวัาวิเทหวาชและใท้ท่านมหาบัณฑิตนั้น
กว่าจะเสรีจสิ้น กินเวลาสำรวจตรวจตราและขนอึง 9๕ วัน ที่เหดือนอกนั้นกว่าจะหมดสิ้นกินเวลาอึง ๔
เดือน ตั้งแต่นั้นชาวมิชิลานึ่งมั่งด้งอยู่แลัว ก็ยิ่งรุ่งเรีองขนด้วยทริ'พย์สาว
ท่านอนุเกวัฏ ได้ริบบำเหน็จจากท่านมหาบัณฑิตอย่างมโหฬารทั้งลาภทั้งยศปรากฎเกิยรติ
ในมิชิลายิ่งนัก ไม่ด้องวิตกกังวลในความขาดแคลนไปตลอดชาดิทิเดียว
ตั้งแต่นั้นมามิถลานคร ก็เริมสนุกสนานครึกครื่น เป็นมหานครแห่งความบันเทิง เป็นมหานคร
จบภไค* เ0
kalyanamitra.org
kalyanamitra.org
ภาคท ๓
ในผอมหํตเจุลน
สุภาษิตประจำภาค
kalyanamitra.org
๕๑. เกวฎส่องกระจก
วันคึนผ่านไป-ผ่านไป-มิถิลานครปราศจากข้าศึก ประชาชนชาววิเทหรัฐต่างมีความสุข ไม่
มีภัยอันใดมายํ่ายี ทั้งภายในและภายนอก ต่างยิ้มแย้มแจ่มใสทั่วหน้า เพราะการสอดส่องเอาใจใส่ดูแล
คอยบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่ทวยประชาชนอย่างทั่วถึงและเต็มไปด้วยยุดิธรรมของท่านผู้สำเร็จราชการ
มโหสก ทำให้ประชาชนหมดความระแวงภัย ในภายในความปราชัยพ่ายแพ้'ของกองทัพบัญจาลนคร ซึ่ง
มีพระเจิาจุลนึเป็นจอมทัพ ได้เลื่องลือทั่วชมพูทวีปแผ่กำจายไปทั่วทุกบ้านเมือง ทำให้เกิดความครั่นครัาม
ระยะเวลาได้ผ่านไปแลัว *9 ปี พฤติกรรมในสนามรบแห่งมิถิลานครได้บันทึกไวัอย่างน่าสยองในความ
ทรงจำของบวรคาขุนศึกแห่งปัญจาลนคร อย่างยากที่จะเลือนลืมทีเดียว เพียงแต่ชึ่อ “มไหสถ” เท่านั้น
หน้กหนา
แต่-เกวัฎ-ราชปุโรหิตาจารย้ ทีปรึกษาสำคัญของพระอธิราชจุลนึผู้นื้ไม่มีวันลึม ความแด้น
ของเขาหยั่งวากลึกลงในดวงใจ ยามใดเกวัฎส่องกระจก ยามนั้นเขาด้องเปล่งเสียงค้ารามออกมาด้วยความ
kalyanamitra.org
๓๖®
ซึงวาระกูบ้าง"
แรงแค้นอาฆาตกลัฆรุมจิตใจของเกวัฏบ่อย ๆ ท่าให้เริ่มวางอุบาย เริ่มหาทางแกัแค้น เกวัฎตัด
สินเด็ดขาดลงไปว่า “ด้องฆ่าวิเทหราชกับมโหสถเสียให้ได้ โลกที่กูอยู่จะมีมนุษย์ ๒ คนนํ๋อยู่ร่วมไม่ได้”
การครุ่นคิดด้วยอ่านาจแค้นคำเนินไปเป็นเวลานาน คิดทุกด้านที่จะฆ่า จะประหาร ในที่สุดก็เห็นลู่ทาง
วางหลักการร้นได้ว่า “ด้องล่อวิเทหราชและมโหสถเช้าสู่บ้านเมืองของเรา แลัวจับฆ่าเสีย” เมื่อได้พบ
หลักการแลัว ก็เกิดบ้ญหาร้นต่อไป เช่นว่าจะล่อให้เข้ามาได้อย่างไร? จะใช้อะไรเป็นเหยื่อล่อ?
เขาคิดแกับ้ญหาเหล่านึ่อยู่เริ่อย ๆ ในที่สุดก็แกํได้เพราะกำเนิดของเขานั่นเองเป็นเงาสะท้อน
คือ “ฬรานฒ็ด” พอคิดซึงพรานเบ็ดได้ ความคิดก็เดินต่อไป “พรานเบ็ดสามารถดึงเอาปลาร้นมาจาก
แม่นาแมัจะลึกก็ได้ เพราะอะไร เพราะเหยื่อมันเป็นธรรมดาเหลือเกิน ปลาต้องกินเหยื่อ ปลาไม่กินเหยื่อ
ไม่มีเลย เพราะฉะนั้น จึงไม่เป็นการยากเลย ที่พรานเบ็ดจะจับปลาเพียงแต่เอาเหยื่อเกี่ยวเบ็ดเข้า หย่อนลง
ไปในแม่นั่าปลาก็จะปรี่เข้าฮุบเหยื่อ พรานเบ็ดก็สาวร้นมา” เขาคิดด้วยความพอใจที่เห็นแนวทาง แต่ก็
kalyanamitra.org
๓๖๒
“เห็นจะชิงทีของกูบ้างละ”
เกวัฎไม่รอช้า รีบเข้าเสาพระอธิราชท้นที พอดีองค้พระอธิราชกำลังประทับสำราญพระทียอยู่
เขากราบทูลว่า “ขอเดชะ พระบารมีลันเกลัาๆ ข้าพระพุทธเข้าขอพระราชทานวโรกาส เพื่อกราบทูล
ความคิดเห็นชันสำคัญใท้ทรงทราบ ฝ่าละอองธุลึพระบาทพระพุทธเข้าข้า”
พระอธิราชจุลนึตรัสด้วยความเคารพ “เรื่องอะไรหรือท่านอาจารย์ ดูหน้าดาแช่มชี่นเบิกบานนัก
เหมือนคับพบความสำเร็จในความคิดอย่างใหญ่หลวงทีเดียว”
“คราวนิ่สำเร็จแน่พระพุทธเข้าข้า” กราบทูลอย่างละลาละลัก “สำเร็จเด็ดขาดพระพุทธเข้าข้า”
“อะไรคันเล่า ท่านอาจารย์ สำเร็จแน่ สำเร็จเด็ดขาด ฉันยังไม่รัเรื่องเลย” ตรี'สด้วยพระสรเสียง
สำรวลนัอย *1 “ท่านอาจารย์ยังไม่ได้บอกฉันเลยว่าเรื่องอะไร”
พระพุทธเข้าข้า”
“ท่านอาจารย์” พระอธิราชตรัสเรียกด้วยพระสรเสียงมีกังวานประหลาดเคลัาพระสรวล ชี่ง
เกว้ฎรัสีกว่าโสตประสาทของเขา ไม่ปรารถนาจะรับพระสรเสียงนิ่เลย แด่ก็ด้องรับพระด่ารัส “เพราะ
ดุษณีภาพให็โอกาสแก'เขา
เมือเห็นพระอธิราชทวงดุษณีภาพ เกวัฎก็เข้าใจได้ทันทีว่าพระองค้มีประสงค้จะทวงสดับ
อุบายของเขา จึงซีอโอกาสกราบทูล “ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลึพวะบาทปกเกลัาๆ ความคิดอ่านของข้าพระ-
kalyanamitra.org
๓๖๓
ด้วยข้าพระพุทธเจ้าคาดเสียว่า ท้าลังไพร่พลพาหนะแห่งป็ญจาลนครอันมหาคาสจะสามารถนัอมเอา
แผ่นดินวิเทหวาชมาถวายแทบบาทมูลได้โดยไม่ยาก เหมึอนบุคคลปอกผลกลัวยลุกใส,ปากรับประทาน
ฉะนั้น อนึ่งเล่า แย้ว่าข้าพระพุทธเจ้าจะได้ยินข่าวกล่าวขวัญถึงมโหสถลูกปัานนอกมาแต่เดิม ก็มิได้เคย
ข้บเคี่ยวท้น ไม่อาจหยังทราบได้ถึงความสุขุมลุ่มลึกแห่งปรีชาของเขาได้ จึงเป็นกาวยากแก่การคาดคะเน
ผลในที่สุด และทำให้ข้าพระพุทธเจ้าเกิดประมาทต่อกาวทำให้เสียรื้พลไปเป็นอันมาก และด้องทอดทิ้ง
อาวุธยุทธท้'ณฑใวิในครั้งนั้นอย่างมากมาย เพราะความคาดผิดของข้าพระพุทธเด้าเป็นแน่นอน ควรที่
จะทวงลงพระราชอาญาแก่ข้าพระพุทธเจ้าเป็นเที่ยงแท้ แด่ก็ด้วยทรงมีพระมหากรุณาแก่ข้าพระพุทธเจ้า
จึงมิได้ทรงถึอโทษประการใด ข้าพระพุทธเจ้าสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณนึ่อยู่มิรัวาย จึงพยายามทุ่มเท
ความคิดแสวงหาอุบายเต็มท้าลังสดิบัญญาของตน เพื่อมุ่งที่จะถวายพระบรมเดชานุภาพให้ลีอชาปรากฏ
ท้วเมทนึ
ใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ย่อมทรงพระปรีชาสามารถอาจทรงทราบด้วยพระวิจารณญาณอยู่
แด้วว่าความพ่ายแพ้ในครั้งแรก เป็นบันไดแห่งชัยชนะครั้งต่อไป ทั้งนื้เพราะความผิดพลาดบกพร่องอันใด
ที่เป็นสาเหตุแห่งความพ่ายแพ้ในครั้งนั้นจะได้รับการปรับปรุงแท้ไขมิให้เกิดขื้น ข้อนึ่เห็นด้วยเกลัาๆ ว่า
จะเป็นหลักการข้อสำลัญที่จะกอบท้ความปราชัยของบัญจาลนครให้เป็นความมีซัย
ในฐานันดรอันสูงส่ง ก็ชอบที่จะรักษาพระบรมเดชานุภาพของใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาทไวัเหนึอสีงใด *1
แย้ชีวิตของช้าพระพุทธเจ้าก็พรัอมอยู่แลัวที่จะถวาย เพื่อผดุงพระบรมราชอิสริยยคไม่ยอมให้ปฏิราชใด *[
ดูแคลนได้ ช้อนึ่เป็นบัจด้ยเรียวแรงยิ่งนัก กระด้นเดือนข้าพระพุทธเจ้าอยู่ตลอดมา มิได้นึ่งดูดายเพิกเฉย
จะน์าพระเสียวของพระเจ้าวิเทหราชและเสยรของมโหสถมาวางลงแทบบาทมูลของใดัฝ่าละอองธุลี-
พระบาทแลัว ความมีป็ญญาของข้าพระพุทธเจ้า ก็ไม่ควรเป็นอย่างยิ่งที่จะครองชีวิตอยู่ต่อไป ด้วยเหตุ
ผลที่กราบทูลมานึ่ ข้าพระพุทธเจ้าด้องคิด คิดเพื่อบัญจาลนคร คิดเพื่อพระบรมเดชานุภาพของได้ฝ่า
ละอองธุลีพระบาท ผลแห่งความคิดของช้าพระพุทธเจ้า ก็ได้ปรากฏแลัว ถึงที่ลุดแลัว เป็นอุบายที่ยอด-
kalyanamitra.org
๓๖๔
คราวนี่จะไม่ยอมให้แพร่งพรายเป็นอันขาด ขอพระราชทานพระวโรกาลกราบทูลแด่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท
เป็นการเฉพาะและในที่เร้นลับอย่างยิ่งใดเล่าพระพุทธเจ้าข้า ที่ใด้ฝ่าละอองธุลึพระบาทกับข้าพระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าจะกราบทูลอุบายในครั้งนํ๋ให้ทรงทราบพระพุทธเจ้าข้า”
ฉันไม่เลือกละ แล้วแต่ท่านอาจารย์เถิดที,ไหนจะเหมาะก็บอกมา ”
“ล้าทรงพระกรุณาโปรดเช่นนั้น ข้าพระพุทธเจ้าขอกราบทูลเชิญเสด็จใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาท
เสด็จพระราชดำเนินตามข้าพระพุทธเจ้าพระพุทธเจ้าข้า” ราชปุโรหิตาจารย้กราบทูล พลางลุกจากที่นั่งนำ
เสด็จขนชั้นบนของพระมหาปราสาทถึงห้องพระบรรทมก็หยุด กราบทูลว่า “ที่นี่แหละพระพุทธเจ้าข้าที่
ตรัสยินอันมั่นพระที'ย “เชิญท่านอาจารย์บอกอุบายที,ดีดไว้อย่างยอดเยี่ยมนั้นเถิด”
ฉลาดอย่างมโหลถคงไม่มาเป็นอันขาด ฉะนั้นจึงไม่มีทางสำเร็จ”
พระบาทเท่านั้นทีจะทรงประทานได้พระพุทธเจ้าข้า ”
พุทธเจ้าช้า”
kalyanamitra.org
๓๖๕
“ในอดีตสมัยความเดือดรัอนเช่นนึ่ของประชากรได้เกิดขื้นมานักต่อนักแลัว แม้ในมิชิลานคร
ประทานพระราชโอรสแก,พวกข้าพระองค์เชิด” วิเทหราชกำลังวิตกในการให้ดำตอบแก่ประชาชนของตนอยู่
ทางเดียวเท่านั้นที่วิเทหราชจะด้องดำเนิน คือมีพระมเหสีที่เป็นกุมารี ทั้งนึ่เพวาะเป็นบทนิยมมาแต่กาลนาน
แลัวว่า “ต้องการบุตรจึงมีภริยาสาว”
แต่ในฐานะแห่งวิเทหราช อาจกระทำได้ยากยั่ง เพราะมเหสีที,มีอยู่ทรงคุณสมบ้ตมิได้บกพร่อง
เป็นที่โปรดปรานอยู่มาก หากวิเทหราชจะดำริเองในการหาพระสนมกำนัลก็จะทวงกระทำได้ แต่โอกาส
เท่านั้นที่วิเทหราชยากที่จะได้
กัาวิเทหราชได้ทราบว่าใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาทมีพระราชธิดาผู้เลอโฉม และจะหาใครที่ควร
kalyanamitra.org
๓๖๖
พระราชธิดาก็คงดำรงในฐานะเดิม มิได้กระท้าให้เกิดความเสียยันใดแก่พระราชอิสริยยศเลยแมัแด่นัอย
ขอใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาทโปรดทรงพระวิจารณ์โดยควรเชิดพระพุทธเข้าข้า”
พระอธิราชจุลนิทรงสดับลัอยแถลงยันขีดยาวของราชปุโรหิดอย่างสนพระทัย ทรงเห็นคด้อย
ตามอุบายของเกวิ'ฎทุกประการ ทั้งนึ่ก็เพราะจุดแคันชังปรากฏอยู่มิได้หายไป ลัามีข้องทางที'จะแกัแคัน
ไว้อย่างไร ดำเนินกาวด้วยวิธีไหน”
“วิธีการนั้น ข้าพระพุทธเจ้าได้กำหนดไว้เรียบรัอยแลัวพระพุทธเข้าข้า” เกวัฎกวาบทูลถึงวิธี
การที่จะปฎิบีติเป็นขั้น กุ ไป ตามแผนที่ได้กำหนดไว้ตลอด แลัวกราบทูลยีนชันอีกครั้งหนึ่งว่า “วิธีการ
ด้งที่ได้กราบทูลมานึ่ จะท้าให้สิเนหานุภาพแห่งพระราชธิดาครอบร็าวิเทหวาชอย่างแน่นหนา ต่อจากนั้น
วิเทหราชดีเหมือนปลาที่กำลังหิว พอหย่อนสายเบ็ดลงไปก็ฮุบทันที วิเทหราชจะด้องมาบีญจาลนคร
และเข้าลูกบีานนอก มโหสถจะด้องตามมา เพราะมโหสถนั้นเปรียบเหมือนหางของปลานั่นเอง ด้องติด
kalyanamitra.org
๓๖๗
และองด้พระอธิราชคงดื่มแต่ปีติ ในความแยบคายของกโลบายเท่านั้นเอง
kalyanamitra.org
๕๒. แผ่สิเนหานุภาพ
พระอธิราชจุลนิภายหลังจากทรงสดับกโลบายของเกวัฏแต้ว ก็ทรงดำเนินตามทันทีมิได้ทรง
วึรอ เพราะทรงพระประสงค์ที'จะได้เห็นพระเด้าวิเทหราช และท่านมหาบัณฑิตแห่งมิถลานครเข้ามาสู่
ท่านพิจารณาแต้วรจนาคำกาพย์อย่างไพเราะเพราะพริ้ง และช่วยปรับใหัเข้าทำนองเพลงอันแสนเสนาะ
ด้วย”
ท่านพวกนักเลงกาพย์ ทราบพระราชประสงค์ นัอมเกลัาๆ รับพระบรมราชกระแส กราบ
บังคมทูล “ขอเดชะ พระมหากรุณาธิคุณเป็นต้นเกลัาๆ พระราชประสงค์ของได้ฝ่าละอองธุลีพระบาท
มิได้เป็นสิ่งเกินวิสัยสามารถของข้าพระพุทธเด้า ที่จะฉลองพระเดชพระคุณเลยพระพุทธเด้าข้า เพราะ
พระราชธิดาก็ทรงพระสิริรูปโสภาคย้ทั่วสรรพางค์อยู่แลัว เพียงแด่นำพระสิริลักษณ์ ตามที่เป็นจริงของ
ส่วนงามก็จะพ่ายแพ้ไปในทันที เนื่องด้วยมาปรากฏในพระสรีรโฉมหมดแต้วพระพุทธเด้าช้า ”
ใหญ่และอิริยาบถย่อย เสร็จแต้วก็ปรับเช้ากระบวนกาพย์พรัอมทั้งอุปมาอุปไมยพรรณนาทรวดทรงสัณฐาน
ว่าพริ้งเพราเหลาหล่อสำอางสะอาด พรรณนาพระฉวีว่าผุดผาดปานดังทาบทาด้วยนื่าทอง พรรณนา
พระนัยเนตรทั้งสองว่าเหมือนดวงตานกพิราบ ดังนื่เป็นอาทิ
นำเอาความงามของพระนางร้อยกรองเข้าเป็นคำกาพย์ตามลบองทำนองกาพย์เข้าไปอีกแต้ว ความงาม
อันเลอเลิศนั้นก็ยิ่งเป็นความงามอันควรพิศวง เพราะเรื่องกาพย์ที,รจนาด้วยนักกาพย์ผู้เซียวชาญนั้น แม้
kalyanamitra.org
๓๖๙
หลงใหลในพระรูปพระโฉม
กาพย์ยอพระโฉมสำเร็จลงด้วยดี ไพเราะเพราะพริ้งด้วยกระบวนลีลาแห่งอักษร และกระบวน
แห่งกาพย์พังระเรื่อยเจื้อยแชัว ไม่มีดำใดที่เป็นโทษ ไม่มีความไหนที่ซัดเขิน คำและความกลมกลืนกัน
"จาร่มมณุท™ธ”
ท่านนักเลงกาพย์ทั้งคณะ ต่างพิงพอใจในผลงานของตนเป็นที่ยิ่ง ต่างคนต่างปลาบปลื้มดื่มใจ
อยู่ในกระบวนกาพย์อันปรับเข้ากระบวนเสียงจนกระทั่งอำนวยโอชารสลํ้าเลิศ ก่อให้เกิดสิงคารรสปรากฏซัด
จะทรงพระกรุณาโปรดเกด้าๆ พระพุทธเชัาช้า”
“เสร็จแลัวหรือ” ตร้สด้วยทวงซืนชม “ทันใจดีจริง ไหนลองว่าให้พังทีหรีอ”
คณะนักกาพย์กราบถวายบังคมแลัว พร้อมกันเปล่งเสียงร่ายร้องบทกาพย์ปรับเข้ากับกระบวน
เสียงตามที่ได้ซักซัอมกันมา
พระอธิราชจุลนิ ทรงสดับบทกาพย์ด้วยพระทัยเคลิบเคลื้ม ทวงร้สีกว่า “เอ! นี่เราได้ขึ้นไป
สู่ด้าวแดนแมนสรวงหรือไฉน ภาพที่ปวากฎในใจ ซ็งสรัางขึ้นตามบทกาพย์ ช่างเป็นภาพวิจิตวสวยงาม
kalyanamitra.org
๓๗
ด้วยเชิด”
คณะนักเลงกาพย์ ปฎิบ้ติตามพระราชบัญชาช่วยกันสกซัอมบรรดานางนาฏของพระอธิราชจุลนิ
เจัาข้า”
พระอธิราชจุลนิทรงดึพระท่ย โปรดให็นางนาฏเหล่านั้นขับลำนำยอพระโฉมถวาย ทรงสดับแต้ว
โปรดปรานเป็นอย่างยิ่ง มีพระดำรัสให้ขับเป็นประจำในสม้ชชมณฑลในพระราชวังคราวใดจะมีการขับขาน
ในพระราชสำนัก คราวนั้นก็ต้องขับลำนำกาพย์ยอพระโฉมพระราชธิดาบัญจาลจํ'นทีทุกคราว
จะได้ถวายชีวิตแต่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทพระพุทธเจัาข้า”
“ฉันขอบใจมาก” ตรัสด้วยพระสรเสียงปราโมทย์ “ไม่หนักหนาอะไรดอก เพียงแต่พวกท่าน
kalyanamitra.org
ธา๗๑
“เป็นการลำบากหามิได้พระพุทธเรัาข้า” พวกนักขับลำนำกราบทูลวับปฏิบัติตามพระบัญชา
ตั้งแต่บัดนั้น ในยามคำคืนดึกสงัด เสียงขับลำนำยอพระโฉมพระราชธิดาบัญจาลรันที ก็กังวาน
อยู่บนด้นไม้ใหญ่ในพระนคร เสียงกังวานไพเราะเยือกเย็นเสนาะสนิท ครั้นใกลัรุ่งเสียงกระดึงก็ด้งไป
ในอากาศไกลออกไปทุกทีจนเสียงหาย
ประชาชนชาวบัญจาละกำลังเคลิบเคลิ้ม กำลังหายใจเป็นพระนางบัญจาลจันที กำลังหลงใหล
ในพระรูปพระโฉมตามที่พรรณนาในลำนำกาพย์ ยามทิวาก็แซ่ซัองด้วยลำนำยอพระโฉม ครั้นราตรีได้
ยินเสียงขับลำนำเลื่อนลอยมาในอากาศ เสียงกังวานมาแต่ไกลไพเราะเสนาะสนิทรับใจนัก ก็พิศวงงงงวยไป
kalyanamitra.org
๓๗๒
ท่านร้อยกรองสักหน่อย
คณะนักเลงกาพย์ทราบพระราชประสงค์ ก็ร่วมความคิดกันร้อยกรองลำนำกาพย์ พรรณนา
ถึงบุคคลที่เหมาะสมกับพระราชธิดา อันจะหามิได้แต้วในพื้นชมพูทวีป เว้นแต่พระองค์เดียวดึอพระเว้า-
ท่านไปทำงานแต้ว เวลาก็จะเร็วเข้ามากทีเดียว”
“ขอเดชะ พระกรุณาธิคุณลันเกลัาๆ พวกข้าพระพุทธเว้ายินดีอย่างสูงสุด และร้สีกภาคภูมิใจ
อย่างยิ่งที่จะได้โอกาสฉลองพระเดชพระคุณ แด'ใด้ฝ่าละอองธุลึพระบาทพระพุทธเว้าข้า” คณะนักกาพย์
กราบบังคมทูล
“ขอบใจเป็นอันมาก” ตรัสด้วยพระสรเสียงซืนชม ก่อนอื่นฉันว้าด้องบอกความมุ่งหมายของ
เรื่องที่จะให้พวกท่านไปกระทำคราวนึ่ให้เป็นที่ร้ไว้ จงคอยพัง
“ลูกหญิงบัญจาลว้นที เจริญวัยสมควรที่จะมีคู่ครองแต้ว ฉันเป็นบิดา มีหนัาที่รับผิดชอบต่อ
ความเจริญรุ่งเรืองของลูกหญิงได้คู่ครองที่เหมาะสมกัน กรณียะอันนื้ฉันได้ฅำน็งนักหนาและได้พิจารณา
kalyanamitra.org
๓๗๓
ของป็ญจาละและวิเทหะเกิดความหมองหมางกัน ฉันคิดจะฟินลัมพันธใมดรีอันสลายลงนั้นใทักลับดำรง
คงคืนเปันอย่างเดิม สองพระมหานครจะได้เป็นสุพรรณปฐพีอันเดียวกัน การที่จะเป็นเช่นนิ่ได้ ทางฝ่ายเรา
จำต้องทอดสะพานไปหาฝ่ายเขา เพราะฝ่ายเราได้เป็นฝ่'กระทำใทัเกิดความสลายแห่งสายสัมพันธ์ จะ
หวังใทัทางเขาทอดสะพานมาหาเรานั้น เป็นกาวหวังได้ยาก เขาอยู่ดีกินดีอยู่แลัว แมัจะไม่ต้องมีไมดรี
ดำเนินการสมัครสมานสีบไป”
“ท่านทั้งหลายคงเห็นได้ว่า แมันการนิ่เปันผลสำเร็จจะปรากฎผลถึงสองประการ คือลูกของ
ฉันได้คู่ครองที,คู่ควรและความเป็นไมตรีระหว่างสองแคว้นก็จะเกิดขื้นเป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นขอพวก
ท่านจงได้ปฎิบืติภารกิจที่ฉันจะได้มอบหมายอังนิ”่
๑. พากันไปส่มิชิลานครโดยเร็ว พวัอมทั้งคณะลังดีด
๒. ประกาศคุณสมบัติของลูกหญิงบัญจาลจันที และคู่ครองที่คู่ควร คือวิเทหราช
๓. ใทัมีข่าวระบือไปในทำนองว่า จุลนิต้องการจะถวายนางบัญจาลจันทีแก่วิเทหราช
๔. จงขับล่านำกาพย์ที่ท่านได้รจนานั้น *1 ในมณฑลสถานที่มีมหรสพทุก *1 แห่ง ด้วยมุ่งหมาย
ที่จะใทัเกิดข่าวแพว'ไปถึงราชสำนักวิเทหราชใทัจงได้
๕. การโฆษณา ด้องกระทำเช่นเดียวกับที่ได้กระทำในแว่นแคว้นของเรา คือยามดึกใทัข้บ
ล่านำบนต้นไมัสูง *1 แลัวปล่อยนกที่ผูกกระดึงไว้ท,ี คอไปในเวลาใกลัรุ่ง เพื่อใทัปวะชาชนชาวมิชิลาเห็น
ความว่า แมัเทวดาก็พากันข้บล่านำนั้น
๖. ค่าใซัจ่ายฉันจะมอบใทัจนพอเพียง
“ดามที่ฉันได้ล่าหนดมอบหมายอังนิ่ พวกท่านคงไม่มีที'สงสัยอะไร ขอใทัทุก *1 ท่านดั้งใจ
ปฏิบัติ เพื่อความดีงามแก่ฉันเป็นส่วนอัว และเพื่อความดีงามแก่แว่นแคว้นแดนดินของเราเชิด”
“ขอเดชะ พระบารมีเป็นที่ลันพ้น ข้าพระพุทธเจัาทั้งหลาย ขอถวายสัตย์ปฏิญาณที่จะร่วมกัน
ปฏิน้ติพระราชกิจใทัสำเร็จผล อังที่ใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาทปรารถนาทุกประกาว” คณะนักกาพย์กราบ
บังคมทูลร้บรองแลัว ถวายบังคมลากลับมาเตรียมการเดินทางไปสู่มิชิลานคร
คณะนักกาพย์เดินทางวอนแรมมา พักบัานใดดำบลใดก็พากันขับล่านำกาพย์พรรณนารูปสมบัติ
ของพระธิดาบัญจาลจันทีและแถมด้วยบทที่กล่าวถึงวิเทหราชว่า คู่ควรที่จะเป็นพระราชสวามีของพระ-
kalyanamitra.org
๓๗๔
ทุกแถวทุกตรอกระบือไปด้วยเสียงเพรียกแห่งลำนำ
มิชิลานครกระฉ่อนด้วยเสียงกาพย์ชันยอพระรูปพระโฉมของพระนางป็ญจาลร้นที ประชาชน
ต่างถูกมนต์คือความสวยงามมัดดวงใจ และชังถูกกระแสความปลาบปลื้มดึ่มดํ่าในลำนำ ตอนที่กล่าวถึง
ผู้ที่คู่ควรกับพระนาง คือพระราชาของตนท่วมท้นด้นหัวใจ ยิ่งกว่านั้นในตอนดึกชังได้ยินเสียงกังวานแว่ว
ของลำนำ จะเจื้อยแร้วอยู่ ณ ที่สูง ครั้นจวนรุ่งก็ได้ยินเสียงกระดึงลอยไปในฟากท้า ต่างพากันสำคัญ
“มิใช่แต่มนุษย์เท่านั้นที่กล่าวเกรินเยินยอพระรูปพระโฉมของพระนางบัญจาลขันที แมัแต่เทวดาก็พากัน
ขับลำนำยอพระโฉมเช่นเดียวกัน” ต่างคนต่างเห็นเป็นมหัศจรรย์เลื่องลือโจษขานกันตลอดเมือง
ไม่นานเท่าไร ข่าวลือนั้นก็แพร่ไปถึงราชสำนักพระเร้าวิเทหราช ทรงสดับข่าวชันเกรียวกราวนั้น
มีพระกระแสรับสั่งให้เรียกคณะกาพย์เข้าเฝ็า
คณะนักกาพย์พากันดีใจที,ภารกิจของพวกตนใกลับรรลุท,ี มุ่งหมายแลัว ต่างพากันเช้าเฝ็าถวาย
บังคม ณ ท้องพระโรง
“พวกท่านเป็นชาวเมืองไหน?” พระราชดำรัสของพระเร้าวิเทหราชตรัสลามคณะนักกาพย์
“ขอเดชะ พระองค์ผู้ทรงพระคุณชันยิ่งใหญ่ พวกช้าพระพุทธเร้าเป็นชาวปัญจาละพระพุทธเร้าข้า”
พากันกราบบังคมทูล
“บัญจาละเคยยกกองทัพมาด้อมเรา พวกท่านไม่รัหรือ?” ตรัสซัก
“ทราบด้วยเกด้าๆ อยู่พระพุทธเร้าข้า” กราบทูลรับ “แต่พวกข้าพระพุทธเร้าเป็นกวี มิได้ศึกษา
ในทางรบราฆ่าทัน ดังนั้น ความรัเรื่องสงครามก็เป็นเช่นชาวเมืองผู้หนึ่ง เพราะความเป็นกวีกับความ
เป็นนักรบมิได้เดินร่วมทางกัน อารมณ์แห่งกวีเป็นอย่างหนึ่ง อารมณ์ของนักรบเป็นอีกอย่างหนึ่ง ดังนั้น
จึงมีแต่ส่วนร่วมรัเท่านั้น พวกช้าพระพุทธเร้ามีกังวลอยู่แต่เรื่องกาพย์กลอน และการขับลำนำเท่านั้น
ซีวิตจิตใจของกวีฝากไร้ในกาพย์กลอน มิได้ฝากไร้ในสนามรบพระพุทธเร้าช้า”
“ลองขับลำนำของพวกท่านให้เราทังสักหน่อยซี”
คณะกาพย์ถวายบังคม แลัวขับลำนำกาพย์ดังกล่าวนั้นถวาย จบลงแลัร ก็ถูกพระดำรัสถาม
“เป็นความจริงหรือที่จุลนีจะใหัลูกสาวเรา?”
“ขอเดชะ ความช้อนึ่โจษขานกันเป็นชันมากในบัญจาลนคร ข้าพระพุทธเร้าได้ทราบด้วยเกด้าๆ
ว่าพระอธิราชจุลนีมีพระประสงค์เช่นนั้น บัดนึ่ทั่วนครบัญจาละ ประชาชนจะพากันขับลำนํ้านึ่อย่างชื้นใจ
เพราะลำนำนึ่แผ่ไปทั่วแคร้นกัปปิละ แม้แต่เทพเร้าก็พ่ากันขับลำนำนื้ ซ็งชาวบัญจาละจะลำหนดว่าเป็น
ศุภนิมิต และเป็นประกาศิตจากฟากท้า พากันซืนชมเป็นที่ยิ่ง แม้ในพระมหานครมิลิลา ข้าพระพุทธเร้า
ทั้งมวลก็ได้ทราบด้วยเกลัาๆ ว่าเทพเร้าก็ชวนกันขับลำนำกาพย์นึ่เช่นเดียวกัน ข้าพระพุทธเร้าทั้งมวลลิด
kalyanamitra.org
ธา๗๕
เถิดพระพุทธเด้าข้า”
ทรงสดับคำกราบบังคมทูลของคณะนักกาพย์แต้ว โปรดเป็นที่ยิ่ง พระราชทานทรัพย์แก่คณะ
นักกาพย์เป็นยันมาก
คณะนักกาพย์พากันกราบถวายบังคมลา และชัดแจงเดินทางกลับไปบัญจาลนคร เพี่อกราบ
บังคมทูลประพฤติเหดุแด่พระอธิราชจุลนีสืบไป
kalyanamitra.org
๕๓. ราชทตเกวํฏ
คณะนักขับลำนำกลับถึงบัญจาลนครแล้ว พากันเข้าเสากราบบังคมทูลถวายรายงานแด'พระ-
อธิราชจุลนีดามที่พวกตนได้ปฏิบัติไป ได้รับผลเป็นที่สมพระราชประสงต็ทุกประการ
“ดีจริง พ่อคุณทั้งหลาย” พระอธิราชตรัสชม “วิเทหราชยินดีมากหรือที่ได้รับข่าวว่าเราจะ
ให้ธิดา”
“ขอเดชะ ทรงยินดีเป็นอันมากทีเดียวพระพุทธเด้าข้า” คณะขับลำนำกราบทูล “โปรดพระ-
พากันไปยังบ้านเรือนของท่านเถิด”
เมื่อคณะนักขับลำนำถวายบังคมลา พากันออกจากที่เสาไปแล้ว เกวัฎกราบบังคมทูล “ขอเดชะ
ก่อนเพึ่อกะวันพระราชอาวามงคลพระพุทธเด้าข้า”
“ดีทีเดียวท่านอาจารย์” ตรัสด้วยสนพระทัย “ฉันกำลังจะพูดกับท่านอาจารย์อยู่แล้ว ในเรื่องที่
สิงใดไปบ้างหรือ?”
“บรรณาการสักเล็กนัอยก็พอพระพุทธเจัาช้า”
“ตองการอะไรบ้างก็จัดแจงบอกไปเถิด ท่านอาจารย์” ตรัสมอบภาระให้เต็มที่
เกวัฎกราบถวายบังคมลาออกจากพระราชสำนัก จัดหาเครื่องราชบรรณาการของมีค่าเล็กนัอย
พอไมให้เสียธรรมเนียมการเจริญลันถวไมตรี เพราะคิดว่า “การไปครั้งนํ๋ ตนจะเป็นผู้นำนารีรัตน์ไปถวาย
คัดเลึอกบริวารเป็นขบวนใหญ่ ออกเดินทางจากบัญจาลนครรอนแรมไปโดยลำคับ
ขบวนของราชทูตเกวัฎยังไม่ทันจะย่างเช้าสู่พรมแดนวิเทหรัจ ข่าวก็เอิกเกริกเกรียวกราวกัน
ทั่วไปในมีถิลานคร เสียงประชาชนชาวมิถิลานครโจษจันกันเซ็งแซ่
kalyanamitra.org
“ข่าวว่าพระเว้าจุลนืกับพระเว้าวิเทหราชของเราจะทวงกระทำสันถวไมตรีกัน”
เสียงกลุ่มชนพูดกัน บางคนก็เอ่ยเป็นเชิงฉงน
“ไม่น่าจะเป็นไปได้ พระเว้าจุลนืเคยยกกองทัพมาลัอมเมืองมีถิลาของเราไว้ เล่นเอาพวกเรา
อกสั่นขวัญหายไปตามกัน ไฉนจะมาคิดเป็นไมตรีกับพระเว้าเหนือหัวของเรา”
กองทัพมิถิลายํ่าแดนบ้ญจาลนครเข้าบ้างใครจะไปรั น่าจะเกรงอย่างนึ่แหละจึงชิงเป็นไมตรีเสียก่อน”
ไมตรีนึ่แหละเป็นปราการยั่แดินแดนได้ดีไม่มีอะไรส้ทเดียว พระเว้าจุลนืทรงดำเนินพระกุศโลบายหลักแหลม
อยู”่
“ดูเหมือนว่าพระเว้าจุลนืทรงตกลงพระทัยยกพระราชธิดาถวายแด่พระเว้าเหนือหัวของเรา
ทึเดียวนา” เสียงแสดงชิงความสอดส่องความเคลิ่อนไหว “และเวลานึ่ก็ได้ทรฺาบข่าวว่า ท่านเกวัฏราช
ปุโรหิตาจารย์ของบ้ญจาลนครกำลังเดินทางมาในตำแหน่งทูต เพี่อกะวันที่พระเว้าเหนือหัวของเราจะ
เสดีจพระราชตำเนินไปรับพระราชกุมารี”
“นั่นปะไรล่ะ พระเว้าจุลนืมีพระประสงค์จะลบด้างรอยรัาวที่ได้ทรงกระทำแก่มิถิลานคร
เพราะความทุกข์ของสตรีในโลกไม่มีอะไรทุกข์รัอนยิ่งกว่ามีสตรีอื่นมาร่วมสามี พระแม่เหนือเกลัาของ
ชาวเราจะทรงรัดึกอย่างไรด้าการได้เป็นไปเช่นนั้น”
แห่งพระราชบัลลังก์วิเทหรัฐยิ่งกว่าตำแหน่งเอกอัครมเหสีเหตุใดหรือ? ชาวเราคงจะเห็นได้แด้วว่าพระ-
kalyanamitra.org
๓๗๘
ฉันนั้น”
“เพื่อนกล่าวซัดเจนดี” หลายเสียงพลอยชี่นชมเห็นจริงด้วยตามที่เพื่อนแถลงนั้น
ไม่สามารถประทานพระโอรสเป็นรัชทายาทได้ พระนางก็ทรงจัดแจงคัดเลือกสตรีสาวถวายพระสามี
เป็นอันมาก เห็นจะด้วยผลานิสงส์นั้นก็ได้ ต่อมาพระนางได้พระโอรสเป็นทีชี่นชมของชาวแคว้นเป็นอันมาก
เรื่องนั้เข้าใจว่าพระแม่เหนิอเกล้าๆ ของชาวเราคงจะทรงทราบ แต่พระนางไม่ทรงด้าเนินการเช่นเดียวกับ
วิพากษ์วิจารณ์กันตามประสาผู้มีความจงรักภักดีในเด้านายของตน จนทรงทราบถึงพระเจัาวิเทหราช
และทรงทราบถึงท่านผู้สำเร็จราชการมโหสถ
ท่านผู้สำเร็จราชการได้ทราบข่าวนั้นแล้ว เกิดวิตกหนัก “เกวัฎเป็นทูตมากะวันอาวาหมงคล
เป็นไปได้อย่างไร ไม่น่าเชี่อเลย ไม่น่าเป็นไปได้ การมาของเกวัฎคราวนไม่ถูกไจเราเลย จะมีเบื้องหลัง
อย่างไรด้องหาทางวัความจริงให้จงได้” ดำริแล้วส่งข่าวไปถึงบุรุษแฝงที่ประจำราชสำนักของพระเด้าจุลนึ
ทันที
“ให้สืบเรื่องที'พระเจัาจุลนืจะถวายพระราชธิดาแด่พระเด้าวิเทหราชให้ทราบความแน่นอน
ว่าความจริงเป็นอย่างไรกัน แล้วล่งข่าวให้ข้าพเด้าทราบโดยเร็ว”
ได้รับตอบจากบุรุษแฝงนั้นก่อนเกวัฎเดินทางถึงมิถิลาว่า
พระเด้าจุลนิกับเกวัฏปรึกษากันในห้องบรรทม นางนกสาลิกาที่เฝืาห้องบรรทมของพระเจัาจุลนืน่าจะ
ทราบความติดเรื่องนั”้
ท่านผู้สำเร็จราชการได้รับคำตอบดังนั้นแล้วดำริว่า “ความแน่นอนของเรื่องนั้นด้องระงับไว้ก่อน
บัดนั้เกวัฎเดินทางมาใกลัจะถึงมิถิลานครอยู่แล้ว จำด้องติดอ่านอย่าให้เกวัฎได้เห็นการจัดการเตรียมใน
บัานเมืองของเราได้ เพราะล้าเห็นแล้วจักเป็นโอกาสให้ติดยํ่ายีเรา”
ท่านดำเนินการตามความติดทันที โดยดำเนินการดังน
kalyanamitra.org
ระยะทางที่กำหนดให้'เกวัฎเดินนั้น คิอจากประตูเมืองถึงเคหาสน์ของท่าน นอกนั้นไม่ยอม
ให้ผ่าน ซึ่งเกวัฎก็ไม่มีธุระที่จะผ่าน
สองข้างทางดังกล่าวกั้นเป็นฉนวนตลอด คึอเอาเสื่อล่าแพนท่าเป็นแผงบังทั้งสองข้าง แบั
เบื้องบนก็กั้นล่าแพน เขียนลวดลายวิจิตรตระการตาดลอดหมด ที่แผ่นดินให้โปรยดอกไมื ตั้งหมือนี่าไวิ
บ้านเมือง
เกวัฎราชทูตเดินทางมาถึงพระนครมิถิลาแลัวคงพักอยู่ ณ ศาลาพักแขกเมืองภายนอกพระ-
มหานคร เพื่อรอกำหนดนัดหมายในการที่จะเช้าถวายบังคมพระเจัาวิเทหราช ครั้นถึงกำหนดวันเข้าเฝืา
เกวัฎจึงได้เหยียบย่างเข้าส่มิถิลานคร ได้พบเห็นราชวัติฉัตรธงและฉนวนที่ท่าไวั ก็ดิดปีติชินดี “นี่พระ-
เจัาวิเทหราชทรงรับสั่งให้ประดับประดาเป็นการด้อนรับเรา ทรงให้เกึยรติแก่เราอย่างสูง” และในส่วนลึก
ของหัวใจเกวัฎนั้นยังแฝงความคิดอันแยบยลไวั “วิเทหราชตกหลุมเราแน่ วิเทหราชด้องเขมือบเหยื่อของเรา
เป็นแน่” แด่อย่างไรก็ตามเกวัฏไม่ทราบเลยว่า “การด้อนรับนั้น *1 ท่านผู้สำเร็จวาชการมโหสถจัด และ
จัดเพื่อมิให้เกวัฎเห็นการในบ้านเมือง”
เกวัฏเดินด้วยท่าทางอันภาคภูมิ วางสง่าสมกับต้าแหน่งทูต ผู้ที่สามารถจะท่าให้พระราชกิจ
ของพระราชาทั้งสองสำเร็จลงด้วยดี ผ่านตามระยะทางที่กำหนดให้ด้วยความรัสึกว่า “วิเทหวาชด้อนรับ
เราอย่างมโหฬาร” เข้าสู่ที่เฝ็า ถวายบังคมแลัวทูลเกลัาๆ ถวายเครื่องบรรณาการของพระเจัาจุลน็ กราบ
แถลงตามความปรารถนาเถิด”
เกวัฎได้สดับพระราชดำรัสประทานโอกาส ก็แถลงถึงเหตุที่ตนได้มาสู่ราชสำนักต่อไปนี่
kalyanamitra.org
๓๘๐
ครั้นได้กราบทูลแถลงเหตุที่ตนเดินทางมาด้วยพระราชประสงด็ของพระราช!จุลนึแล้ว ก็เลย
กวาบทูลแจงเรื่องอันเนื่องด้วยอุบายของตนสึบไป
“ขอเดชะ พระบาวมีเป็นที่ไหญยง พระราชาของช้าพระพุทธเจัาแย้จะมีพระราชประสงด็
จะทวงส่งท่านมหาอำมาตย์ผู้มื่นมาสู่พระราชสำนักของได้ฝ่าละอองธุลีพระบาท แต่ทวงเกรงว่าจะไม่
สามารถกราบทูลแจังข่าวให้เป็นที่พอพระทัยของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทได้ จึงมีพระราชดำรัสส่งช้า
“ข้าแต่ได้ฝ่าละอองธุลีพระบาทผู้ทรงคุณอันประเสริฐ ในนามแห่งพระเจ้าจุลนีราชาแห่งบัญจาละ
ข้าพระพุทธเจ้าขอกราบบังคมทูลเชิญ ณ บัดนื่ เชิญได้ฝ่าละอองธุลีพระบาทเสด็จไปเถิด ใต้ฝ่าละออง-
ธุลีพระบาทจักทรงได้พระราชกุมารี ผู้ทรงพระรูปพระโฉมงดงามเป็นอย่างยิ่ง ทั้งสันถวไมตรีระหว่าง
ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทกับพระราชาของช้าพระพุทธเจ้าจักดำรงมั่นคงยืนนานพระพุทธเจ้าข้า”
อย่างยิ่งที่จะลบล้างความหลังอันไม่แจ่มใสนั้นเสีย แล้วสรัางความสดใสสำหรับอนาคตแห่งพระนครทั้ง
นครก็จะยืนนานเป็นแน่นอนพระพุทธเจ้าช้า ”
“ถูกต้องแล้วท่านอาจารย์” มีพระดำรัสด้วยทรงชินชอบ
เกวัฎกราบบังคมลาออกมาจากที่เฝ็า และเดินทางไปพนกับท่านผู้สำเร็จราชการต่อไป
ท่านผู้สำเร็จราชการมโหสถทราบกำหนดที่เกวัฎจะมาพบอยู่แล้วดำริในใจว่า “เราไม่น่าจะ
เกวัฎ อย่างที่ซ็งแย้เกวัฏเองก็ไม่รู'ความหมายนั้นคือ
ในห้องที่จัดเป็นห้องต้อนรับท่านราชทูตผู้สูงคักดํ่แห่งปัญจาลนครเป็นห้องโถง ฉาบโคมัย
kalyanamitra.org
๓๘๑
การด้อนวับซังเกวัฎเป็นเดีอดเป็นแคันยิงนัก
เพื่อให้เป็นที่ถูกพระท้ยของพระเว้าวิเทหราช และสังเกตตูลาดเลาท่าทีของท่านผู้สำเร็จราชการ
มโหสถ ทั้งเป็นการรักษาขนบธรรมเนียมของผู้เป็นทูต เกวัฎออกจากที่เฝ็าแลัวก็ยกขบวนไปยังเคหาสน์
ของท่านผู้สำเร็จราชการทันที ซังระหว่างทางที่เกวัฏเดินจากพระราชวังจนถึงเคหาสนันั้นคงเป็นเช่นเดียวกับ
จากประตูพระนครถึงพระราชวัง เกวัฎไม่มีโอกาสได้พบเห็นการจัดแจงบัานเมืองของท่านผู้สำเร็จราชการ
ได้เลย จนกระทั่งอึงประตูเคหาสน์ซันที 9
“นี่ท่านบัณฑิตอยู่ที่ไหน?” เกวัฎถามยามประตูซันแรก “จะพบได้อย่างไร”
“ท่านพราหมณ์อย่าส่งเสียงไปนะ” ยามประตูบอกด้วยสำเนียงซังไม่เห็นความสำคัญของ
ราชทูตเกวัฎ “แม้นว่าท่านด้องการจะมาพบท่านบัณฑิต ด้องนิ่งอย่าพูดจาว่าขานอะไรเป็นอันขาด วันนี่
ท่านบัณฑิตดื่มเนยใสอย่างแรง ท่านจะพูดเสียงดังไม่ได้นะ”
เกวัฎผ่านประตูซันแรกเข้าไปด้วยความอัดอั้นด้นใจ และได้วับคำเดีอนทำนองเดียวกันจากยาม
ประตูอีก ๖ ซัน พอผ่านช์นที่ ๗ เกวัฎก็พบท่านผู้สำเร็จราชการมโหสถนุ่งม้าแดงนอนอยู่บนเดียงม้า
ในห้องนั้นจะหาที่นั่งไม่ได้ด้งกล่าวแลัว เกวัฎด้องเข้าไปยืนแช่วอยู่ใกลั ๆ ท่านผู้สำเร็จราชการ
จะป็นให้เหมือนได้
บรรดาบุรุษของท่านผู้สำเร็จราชการซังอยู่ ณ ที,นั้นพากันมองเกวัฎผู้กำลังผะอึดผะอมเป็น
อย่างยิ่ง พอเกวัฎสบตาคนหนึ่งเช้าก็โดนถลึงตาและมีเย้ยในที ครั้นหลบจากตู่ที่กำลังมองเยัยไปก็พบนัยน์ตา
อีกตู่หนึ่ง ซังดงมีแววเยัยและยังแถมยักคิ้วให้เสียอีกด้วย หลบไปอีกคราวนี่พบท่าทางแสดงความตูหมิ่น
อย่างรุนแรง คึอการเงื้อศอกเป็นท่าจะถอง หลบไปตูหมู่อึ่นก็พบกำ!]นบัางพบกับเท้าที่ขยับเป็นท่าจะเตะ
kalyanamitra.org
ซา๘๒
ของเกวัฎกระทำแลัวก็เป็นเรื่องถึงคอขาดบาดตายทึเดียว
เกวัฎเท้นท่าทียันประกาศความเย้ยหยันของคนเหล่านั้นแลัว แสนจะเดือดดาล ถึงจะเดือด
ดาลปานใดก็ไม่สามารถจะระบายความโกรธของตนออกมาได้ เลยกลายเป็นเย้อเป็นเคอะไม่เจะวางท่า
อย่างไร ท่าทางแห่งทูตอ้นภูมิฐานของเกวัฎ ถูกอาการเย้ยหยันเหล่านั้นเรียกเอาออกไปจากตนเสยหมดแย้ไ
สุดที,จะทนทานก็เอ่ยปากว่า “ข้าพเจ้าไปละท่านบัณฑิต”
บดกระดูกแกเสย”
เกวัฎสะด้ง ประหลาดใจอย่างยิ่ง เสยงของดนนั้นดูเหมือนจะเบากว่าเสยงของพวกนั้นมากมายนัก
ยินดีหรือไม่?”
“ขอเดชะ ใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ผู้ทรงพระคุณยันประเสริฐ” เกวัฎกราบทูลด้วยเสยง
ชันระคนกับความแด้นเดือง “ใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาทโปรดอย่าได้ทรงฃึดชือมโหสถนั้นเป็นบัณฑิตเลย
พระพุทธเจ้าข้า ในโลกนื้ไม่มีใครที่จะเลวย้ายไปกว่ามโหสลอีกแย้ว” กราบทูลแลัวยังไม่วายเศึองจึงแถลง
kalyanamitra.org
๕๔. ท่านมโหสถถูกกร้ว
kalyanamitra.org
๓๘๔
ใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาทโปรดทรงปฏิบัติตามพระดำริของพระเจ้าจุลนีเถิดพระเจ้าข้า” แถลงแลัวก็อด
ที่จะกราบทูลเป็นทำนองเย้าไม่ได้ “พวกช้าพระพุทธเจ้าจักได้โดยเสด็จพระบารมีพลอยได้วับบำเหน็จ
รางวัลผ้าผ่อนแพรพรรณและอลังการต่าง ๆ ด้วยพระพุทธเจ้าข้า”
ดำกราบบังคมทูลของท่านเสนกราชวัลลภาจารย์ ได้เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าวีเทหราช
kalyanamitra.org
๓๘๕
ท่านดามควร”
“ขอเดชะ พระมหากรุณาธิคุณด้นเกล้าๆ ข้าพระพุทธเรัารักได้รีบนำอาการที่ทรงข็นชมยินดี
พระราชดำริของพระเรัาวิเทหราชจะมีเป็นประการใด
พระเรัาวิเทหราชทอดพระเนดรเห็นท่านผู้สำเร็จราชการมาเผ้าเฉพาะพระพักดร็ก็ทรงพระดำริ
“มโหสถบัณฑิตลูกของเรามีความคิดใหญ่โด ไม่มีเรื่องใด *1 ที่รอดพันไปจากความคิดของเธอได้ เธอ
เจนจบแล้ว แท้จริงในกระบวนความคิดทึเดียว ข้อดีดอนาคดและบัจจุบันอย่างแจ่มกระจ่าง เรื่องที่เราจะ
ไปแคว้นบัญจาละตามที่ท่านอาจารย์เกวัฎมาบอกนั้น เธอคงจะด้องทราบว่าควรจะไปหรีอไม่เป็นแน่ น่า
จะลองลามดู” ครั้นแล้วก็มีพระดำรัสลามเป็นท้านองขอทราบความคิดเห็นของท่านผู้สำเร็จราชการด้งนื้
ช่วยออกความเห็นด้วยเถิด”
ท่านมหาบัณฑิตได้พังกระแสพระราชดำรัสแล้วนึกดำหนิอผู่ในใจ “พระราชาของเราพระองด้
ช่างมัวเมาเสียเหลึอเกิน มาทรงยึดถึอเอาคำของอาจารย์ทั้ง ๔ นื้อย่างกับจะทรงเป็นคนมืดมัว มิได้ทรง
ทราบถึงโทษรัายในการจะเสด้จไปยังแดนบัญจาละเสีย ต้องกราบทูลไท้ทรงเห็นโทษในการเสดีจไป
เป็นกาวเหนี่ยวรั้งพระองคํไว้ จึงจะชอบ” ดำริแล้ว กราบทูลท้วงอย่างหนักแน่น
kalyanamitra.org
๓๘๖
ข้อเปรียบเทียบลีบไปอีกว่า
“ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกด้าๆ ปลากระหายเหยื่อกลึนมังสะท้มไวัลงไป มิได้ริ
ทราบดิอยู่แด้วว่าพระทัยของพระเจ้าวิเทหราชเวลานั้นถูกอำนาจแห่งความปรารถนาครอบคลุมไว้แด้วจน
หมดสิ้น ลินลมของเกวัฎกิคนหนี่งแลัว มีอำนาจหมุนพระหทัยใท้ทันเหไป แทบจะไม่เหลึอไว้สำหริบ
kalyanamitra.org
ต๘๗
และสำทับอย่างรุนแรง ด้วยเจคนาอันหวังประโยชน์แท้จริง
ผลจากเจคนาที่หวังประโยชน์แท้จริง แค่เป็นไปด้วยความรุนแรงนั้น คอบสนองด้วยอาการ
รุนแรงทำนองเดียวลัน ดึอพวะเข้าวิเทหราชโคนท่านมหาบัณฑิตสำทับเปรียบเปรยอย่างนั้นดีทวงกริ้ว
เป็นเข้งเลัย
“พวกเรายอมละว่าเป็นพวกโง่ พวกบ้านั่าลาย ที่พากันบอกเรื่องราวอันอุคมใท้เข้าทัง แลัว
ทำอันควายงานมงคลของกูด้องไล่ไป” ตรัสพระสรเลียงเฉียบขาค
“จับคอไอันี่ ไล่ออกไปจากแว่นแควันของข้าไท้ดมกับที่มันหู)คข้ตขวางไม่ไท้ข้าได้นางแลัว”
ที่มีดำรัสรุนแรงด้งนั๊ ดีด้วยดีาลังกริ้ว ส่วนพระหทัยที่แทัจริงนั้นลังคงทรงเห็นท่านมหาป้ณฑิต
เป็นบุคคลสำคัญอยู่ จึงมิได้ทวงคาคคั้นให็ใครทำเช่นนั้น
ท่านมหาบัณฑิตได้ทังพระราชคำริสด้งนั้น ดีคำริว่า “พระเข้าวิเทหราชกริ้ว ลัาจะมีใควลิอ
พระราชดำรัสของพระองด้แลัว มาจับมือหรือข้บคอเรา การกระทำเช่นนั้น พอที่จะทำเราด้องอคสูไป
kalyanamitra.org
๕๕. นำใจของบณฑิต
ท่านมหาบัณฑิตเดินกลับบ้านด้วยจินตนาการอันสลด เพราะพฤติการณ์ภายในท้องพระโรง
ที่เพิงผ่านไปนั้น ได้เป็นชนวนชวนใหัคิดว่า “พระราชาพระองด็นี่ทรงมืดมนอนธกาลเสียจริง *1 มิได้
ทรงทราบว่า อันใดจะเป็นประโยชน์แก'พระองคํเสียเลย ทรงหมกมุ่นไปในอารมณ์ที่พระหทัยปรารถนา
ทรงดำริแต่ว่า ด้องได้พระราชธิดาของพระเด้าจุลนึนั้นแน่นอน ไม่ทรงทราบภัยในอนาคตที่จะเกิดร้น
แบ้นเสด็จไปสู่บัญจาละจะด้องประสบความพินาศอย่างใหญ่หลวง”
ครั้นคำนึงสีบไปถึงพระราชดำรัสที่ตรัสด้วยทรงกริ้วอย่างรุนแรงก็รำพึงตามวิสัยของท่านซึ่ง
เป็นผู้ดี “เราไม่ควรเก็บด้อยคำของพระองด็ไวิในใจของเรา พระองด็มีพระอุปการะแก่เราเป็นที่ลันพน
โปรดทรงพระราชทานยศศักดํ่อัครฐานอันมโหฬารแก'เรา”
"อ'ใเท่านกื้เป็นม่ด ซ่อนขนขนในการเกื้อกูลม่อี่น แม่'กู่'อนนั้นจะเป็นค่ฅรู ก็คงหาโอกาลเกื้อกูล
ค่ใเจนทนํซ่อนใท่กลนแม่'แก่ขาานกื้กำลงโค่นตนอซู่"
จึงได้ถามว่า “เทวิของฉันมีกังวลอย่างไรหรึอ?"
“พี'พระของดิฉันเด้าข้า” สนองด้วยคารวะอันมิรัเสื่อมคลาย “เป็นกังวลด้วยข่าวเกรียวกราว
ที่งเมึอง เรื่องพระเด้าจุลนึถวายพระราชธิดาแด่พระเด้าเหนึอหัวของเราเด้าค่ะ”
“กังวลว่าอย่างไรเล่าขิะ” ซักถามความยิ้มแย้'ม
“ดิฉันวิตกไปว่า ดงเป็นอุบายของฝ่ายพระเด้าจุลนึเด้าค่ะ”
“เทวิของฉัน ก็ดามารถทราบได้เช่นนั้น” กล่าวด้วยซึ่นชม พลางเล่าเรื่องที่เกิดร้นในท้องพระ-
โรงใท้ฬง
“โอ ตายจริง!” อมราเทวิอุทาน “แลัวพี่พระของฉันจะคิดอ่านอย่างไรเล่าเด้าคะ? พระเด้า
เหนึอหัวของเราทรงหมกมุ่นพระหทัยถึงเช่นนื้แลัว สุดที่จะเหนี่ยวรั้งเสียแลัว จะท้าอย่างไรเล่าเด้าคะ?”
“ด้องหาหนทางที่จะช่วยใหัพวะองด็ทรงได้พระราชธิดาของพระเด้าจุลนึด้งพระประสงด็ซ็จึะ"
kalyanamitra.org
ธา๘๙
“พึ่พระของดิฉัน ไม่ได้นำเรื่องนี่กราบทูลแด่พระแม่เหนือเกล้าของเราให้ทรงทราบบ้างหรือ
ห้วของเราไวิได้บ้าง”
“ฉันเห็นว่าไม่เป็นเช่นนั้น พระเช้าเหนือห้วของเราจะไม่ทรงพิงพระแม่เหนือเกล้าฯ รักเป็น
การไม่เกื้อกูลเลย”
“ทำไมจึงจะเป็นเช่นนั้นเช้าคะ?”
“เทวีของฉันไม่น่าจะสงสัยในบ้ญหาอันเป็นปกติวิสัยเลย” ท่านลัพยอกยอดภริยา “การที่ภริยา
ทักท้วงสามีในการที่สามีจะนำหญิงลิ่นมาเป็นคู่ครองอีกนั้น ความหมายของการทักห้วงนั้นจะเป็นอย่างลื่น
ไปไม่ได้นอกจากที่เรียกกันว่าหึงหวง จริงไหม?”
มาแด่เก่าก่อนแลัวมิใช่หรือเช้าคะ?”
“ถูกแล้ว” รับคำตามความจริง “แด่พระแม่เหนือเกล้าๆ ย่อมทวงพระปรีชาตระหนักในฐานะ
ของพระองค์ได้เป็นอย่างดี ทั้งในทางส่วนพระองค์ ทั้งในทางส่วนประชากร”
“อย่างไรนะ เรัาคะ”
“ในฐานะส่วนพระองค์ ดึอพระแม่เหนือเกล้าฯ มิได้เป็นขัตดิยาณึ เป็นเพียงบุตรีแห่งบุคคล
สามัญ ด้งนั้นที่ไหนจะทรงอัดด้านห้ามปรามพระเช้าเหนือหัว ในเมื่อพระองค์จะทรงได้พระราชธิดาแห่ง
ขัตติยาธิบดีผู้สูงสักดิ๋ในชมพูทวีป ทั้งการที่จะทรงได้นั้น ก็เป็นไปเพื่อเฉลิมพระเกียรดิยศของพระเช้า
“น่าที่จะทรงโทมนัสหนักหนานะเช้าคะ” กล่าวด้วยความจงรักภักดีเป็นที่ยิ่ง
ความรักฉันภริยากับสามีที่เป็นสามัญ”
“อัา ความรักของสตรียังแยกได้อีกหรือเช้าคะ?”
kalyanamitra.org
๓๙๐
เป็นคู่ครองได้ด้วยกัน”
“ก็เมื่อความรักทั้งสองสายเดินมาบรรจบกันได้ที่ความเป็นคู่ครองด้วยกัน ไม่ว่าจะดั้งด้นจาก
ความใคร่หรือความหวังดี ความรักทั้งสองสายนึ่คงเป็นอันเดียวกัน ไม่น่าจะต่างกันถีงกับด้องแยกเป็น
คนละสายนึ่เด้าคะ” ศรีภริยาแย้งด้วยความชี่นบาน
บรรยายให้พัง”
“ความรักที่ดั้งด้นจากความใคร่นั้น มีลักษณะหวงกัน ผู้ที่ดนรักอย่างเรียวแรง ต้องการให้บุคคล
ที่ตนรักเป็นของตนผู้เดียว ตนมีสิทธิในคนที่ตนรักแต่คนเดียว ไม่ยอมผ่อนผันในกรณีใด *1 ทั้งนั้น คนรัก
ของผู้มีความรักอันดั้งด้นจากความใคร่ เป็นสมบ้ติอันลํ้าค่าของผู้นั้น เขาหวงแหนป้องกัน ไม่ยอมให้ใคร ๆ
มาร่วมรักหรือแม้แค่เพียงเป็นความสัมพันธ์ทำนองอื่นก็ไม่ยอมเป็นเด็ดขาด ความรักที่ดั้งด้นจากความใคร่
มีความหวงแหนความรักของตน กล่าวสั้น *1 ความรักชนิดนึ่เปัน ‘ความรกผูกมด’”
“ความรักที่ดั้งด้นจากความหวังดี มีลักษณะปรารถนาที่จะให้คนรักประสบแต่ความดีงาม ความสุข
และความเจริญอันใดที่เป็นความดีงาม อันใดที่เป็นความสุข และเป็นที่ปรารถนาก็พรัอมที่จะสนองเสมอ
เป็นความรักที่ไม่ผูกมัดคนรักไวัเป็นกรรมสิทธิ๋ เป็นความรักที่เปิดอิสระเสรีแก'คนรัก สุดแต่ว่าอะไรจะ
อำนวยความสุขให้แก่คนที่ดนรักแลัว ก็ยินดีที่จะหยิบยื่นให้ทึเดียว ไม่หวงไม่ถีดกัน กล่าวสั้น 1 ความรัก
ชนิดนึ่เป็น ‘ความร''กปลดปล่อซ’”
“ความรักของสตรีที่มีในบุรุษผู้เป็นสามีนั้น บางคนก็เป็นชนิดผูกมัด จำกัดวงอยู่แต่เฉพาะ
นางผู้เดียวเท่านั้น สามีด้องมอบความรักทั้งหมดของตนทุ่มเทให้แก่นางคนเดียว ไม่ควรจะมีเหลึอไวัเพึ่อ
ให้ผู้อื่นอีกเลยเป็นเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นความรักในฐานะไหน ด้องเป็นของนางทั้งหมด หมายความว่า
บุรุษผู้เป็นสามีด้องยึดอุดมคติว่า ‘นาาผู'เด่)/วเป็นทุกสงทุกอซ่างทใก่ความสุขความIจรญแก่ตน’”
“สตรีบางนางมีความรักในบุรุษผู้เป็นสามี เป็นชนิดไม่ผูกขาด ปล่อยให้สามีมีอิสระในความรัก
ของตน จะรักนางด้วยความรักทั้งหมดที่มีหรือไม่ ไม่สำคัญ ไม่พะวงถึง ความสุขของสามีเท่านั้นที่นาง
เป็นห่วงเป็นใยอย่างยิ่ง”
เทวีของฉัน”
kalyanamitra.org
๓๙๑
เร้าคะ”
“เทวึของฉันมีปรีชาฉลาด คงจะทราบได้ดีแลัวนึ่จ๊ะว่าประเพณีของโลกมีอย่างไร” ตอบชัาง
kalyanamitra.org
ธา๙๒
“กระทำประโยชน์ให้แก่ผู้ทำความเสื่อม จะว่าเป็นการชอบการควรอย่างไรได้เด้าคะ?”
“เทวีของฉัน จะปรักปรำพระเด้าเหนือหัวของเราลงเป็นถึงผู้ที'กระทำแต่ความเสื่อมเช่นนั้น
ได้มาเป็นบาทบริจาริก”
kalyanamitra.org
๕๖. มาถูระร์บส์บ
ท่านมหาบัณฑิตได้ซีแจงแสดงอัธยาศัยแก่อมราเทวีศรีภริยาแล้วก็ส่งเสียงเรียกมาถูระ นกแขก
เด้าแสนรี “มานึ่เชิด พ่อมาถูระ ผู้มีปึกเขียว”
เพียงค้าเดียวเท่านั้น มาถูระแสนรี ก็โดดจากคอนลงเกาะที่หนัาตัก ส่งเสียงภาษามนุษย์อยู่จ๋า
“พ่อทูลเกล้าของช้าน้อย ท่านมีประสงค์จะให้ข้าน้อยกระทำอะไรเจ๋าข้า ”
“พ่อมาถูระ ผู้สหายร่วมการงาน” พูดพลางลูบหลังด้วยกรุณา “บัดนํ่พ่อมีงานอย่างหนึ่งจำ
ด้องใช้เจ๋าให้กระทำ”
“สุดแต่พ่อเหนือเกล้าจะโปรดใช้เชิดเจ๋าช้า” มาถูระสนอง “ข้าน้อยนึ่จะพยายามทำธุระของ
พ่อเหนือเกด้าเต็มสามารถ เพราะช้าน้อยมั่นใจอยู่ว่า พ่อเหนือเกลัาคงจะใช้ช้าน้อยในกิจที่ข้าน้อยสามารถ”
ของท่านผู้เป็นบัณฑิตเลย” มาถูระแถลงอย่างช้าชอง
“ช่างจดจำนัก สหายรักของพ่อ” กล่าวชม “วางใจเชิดพ่อมาถูระ เจ๋าจะได้กระทำกิจที่เจ๋า
สามารถเป็นแน่”
“กิจอะไรเจ๋าข้า ที่พ่อเหนือเกลัาจะใช้ข้าน้อย” ถามด้วยคารวะ
ผู้หญิงก็เป็นธุระด้วยหรือเจ๋าช้า”
“เป็นซีพ่อ” รับรอง “ธุระของโลกนึ่มีต่าง *1 แล้วแด่ประโยชน์จะแฝงอยู่ ประโยชน์แฝงอยู่
ในกิจใด กิจนั้นก็เป็นธุระได้ทั้งนั้น การเกั๊ยวผู้หญิงนั้นบางคราวก็เป็นธุระเหมือนกัน ในเมื่อประโยชน์
แฝงอยู่ในการเกื้ยวนั้น นะพ่อมาถูระ”
“ชอบกลนะพ่อเหนือเกล้าของข้าน้อย” อุทานตามประสา “ธุระของคนนึ่มีประโยชน์แฝงอยู่
ได้ต่าง *1 ทางของประโยชน์ในโลกช่างมีได้นานา”
“อย่ามัวพลอดเพลินไปเลย” ท่านมหาบัณฑิตขัดจังหวะ “ว่าแต่ชอบหรือไม่ จะให้ไปเกั้ยว
ผู้หญิงน่ะ”
kalyanamitra.org
ธา๙๔
แจ่มใส
“ไม่น่าจะระแวงเลย พ่อเหนึอเกลัาของข้าน้อย” กล่าวยึนย้น “วิสัยของเดรัจฉาน ที่จะลุ่ม
หลงจนลึมรังนั้นไม่ค่อยปรากฎนัก หากจะเป็นก็ข้วครั้งซัวคราว แลัวก็ด้องคึนรังเสมอ อันที่จะลุ่มหลง
จนไม่คึนรังนั้นมีน้อยประเภทนัก ยิ่งในฐานะที่ไต้รับกรุณาปรานีอย่างดีด้วยแลัว ยิ่งเป็นการยากที่จะมี
ได้ทึเดียว เข่นข้าน้อยได้รับกรุณาปรานีจากพ่อเหนือเกลัาอย่างนี่ จะใด้ข้าน้อยลึมพระคุณนั้นเป็นไปไม่
ได้แน่ โปรดวางใจเถิดเด้าข้า”
“พ่อมาถูระ พูดได้ในเมื่อยังไม่พบนางนกนั้นน่ะซี” เย้าต่อไป “พบเช้าแด้วก็จะลืมไปเท่านั้นเอง”
“ไม่มีอะไรที่จะท่าใด้ข้าน้อยลืมได้" ยืนยันอย่างมั่นคง
เสียเท่านั้นแหละ”
นะเด้าข้า”
“เออ พ่อมาถูระของฉันช่างฉลาดนัก เท้นจะพอวางใจได้ละ” กล่าวยกย่อง “พ่ออัางเนติมา
กล่าวชอบแลัว จะได้มอบหมายใหัท่าธุระต่อไป คอยฬงนะ”
“เชิญพ่อเหนือเกลัาสั่งเชิดเด้าช้า ข้าน้อยรับปฏิบ้ติอยู”่
kalyanamitra.org
๓๙๕
มหาบัณฑิตทบทวน
“อัอ เกร้ฎด้วร้ายนั่นน่ะหรือ” มาถูระเอ่ย “ข้าเจ้าเคยขี่ใส่ปากมันมาครั้งหนึ่งแต้ว จำได้สิเจ้าข้า”
เหตุผลของช้าเจ้า”
“เจ้ามีเหตุผลอย่างไร”
“เหตุผลของข้าเจ้า พ่อเหนือเกลัาคงทราบดีแต้ว แต่เมื่อพ่อถามข้าพเจ้าจะขอซีแจงตามที่ข้าเจ้า
เป็นความของอนารยชนแท้”
“ข้าเจ้าได้พิเคราะห์เห็นว่า การกดขี่ข่มเหงกันเพื่อช่วงซีงความเป็นใหญ่นั้น ปรากฏชัดว่าเป็น
‘ตัวรัาย’ ได้อย่างไรเล่าเจ้าข้า”
“ก็มีเหตุผลสมควรอยู่นะ พ่อมาถูระ” กล่าวยกย่องในที “เกวัฎนั่นแหละกำลังจะดำเนินการ
ก่อความยุ่งยากขี่นอีกแลัว จึงด้องมอบหน้าที่ให้พ่อมาถูระดำเนินงานสืบให้ทราบความจริง ”
“มันจะคิดก่อความเข็ญเคืองอะไรอีกเล่าเจ้าข้า” มาถูระซัก
“เมื่อสองสามวันนี่ เกวัฎได้เป็นทูตมายังราชสำนักพระเจ้าเหนือหัวของเรา ทูลถวายพระราชธิดา
รับพระราชธิดาของพระเจ้าจุลนื นี่เป็นเหตุที่จะด้องใซัพ่อมาถูระให้ไปสืบสาวราวเรื่องให้ได้ความจริง
kalyanamitra.org
๓๙๖
มาถูระ”
“พอใจซี พ่อเหนือเกลัาของข้าน้อย” มาถูระรับสนองด้วยความชี่นบาน ที่ได้รับธุระของท่าน
คงได้ทราบเหมือนกัน”
“แต่พ่อเกรงภัยที'จะบังเกิดแก่พ่อมาถูระ อยู่หลายประการ” กล่าวด้วยปริวิตก “พ่อมาถูระด้อง
เอาขวิดไปทงเสย ร่างกายทปราศจากข่วิตจะนำข่าวมาแจงได้อย่างโรในเมอไม่อาจจะเอาข่วิตรอดมาได้
ขำน'อยได้ทรามเนตแฟงจารมุรุมมาเข่นนั้และม่นอยู่ในเนตนั้น ’"
“พ่อเหนึอเกลัาโปรดวางใจเถิดเจ้าข้า ช้าน้อยจะพยายามระมัดระวังมิให้เกิดอันตรายแก่ตน
นำความลับมาแจ้งแด่พ่อเหนือเกลัาให้จงได้” กล่าวรับรองอย่างมั่นคง
“ยังมีอึกประการหนึ่ง ที'พ่อยังไม่ค่อยวางใจ” กล่าวเป็นนัย
kalyanamitra.org
๕๗. จารกรรมของมาถูระ
มาถูระ แขกเด้าแสน! ได้รบการปล่อยจากทัตถึอันนิ่มนวลของท่านมหาบัณฑิตแลัว ประคอง
จากจิตใจ
สาลิกาจับคอนอยู่ในกรงทอง ข้างห้องพระบรรทมของพระอธิราชจุลนี ได้ยินเสยงเพลงวิหค
แว่วมาอย่างเพราะพริ้งจิตใจก็ไหวระรัว เกิดความรื่นรมย์อย่างแปลกประหลาด นางนึก “ใครหนอมา
ส่งเสียงอยู่แจ้วเจื้อย กำลังเรียกรัองรักที่พรากไป น่าตอบจริง จุ ลองตอบขานสักหน่อยเถอะน่า เสยง
เพลงของเขาครำครวญชวนใจรักเหลึอเกิน” แต้วสาลิกาก็รัองตอบไปตามความคิด
มาถูระได้ยินเสยงสาลิกาตอบ ก็ออกบินมาตามเสยงจนถึงช่องสหบัญชรห้องบรรทม ตรวจดู
ความปลอดภัยเห็นว่าไม่มีอันตรายแน่แต้ว ก็โดดเข้าใกลัสาลิกา ซึ่งก็ได้รับไมตรีจากนาง โดยนางเชิญ
kalyanamitra.org
๙๘
ไม่มีวันที่จะถูกลืมเลยนะจ๊ะ”
การทักทายปราศรัยของมาถูระเป็นไปดามแบบฉบับสำหรับผู้ที่เพิ่งพบปะกัน และเป็นการ
ความสำนึกในตนห้ามฉันไว้"
“ความสำนึกอะไรจ๊ะที่ห้ามเธอไว้ บอกได้ไหม” มาถูระซักเพื่อให้ได้พูดกัน
ความเป็นหญิงของสาลิกาเหล่านั้นไม่ห้ามเขาบ้างเล่าจ๊ะ” มาถูระแสรังซัก
พระกรุณาอย่างด้นเหลือ”
"สาลิกาจ๋า เธอช่างดีเหลือเกิน” มาถูระยอ “ความสำนึกในภาวะของตน เป็นปราการอันสำด้ญ
ที่ปัองกันหญิงมิให้เสีย ฉันเคยได้ชินเหมีอนกัน”
kalyanamitra.org
๓๙๙
เผยความในไจของฉันให้เธอพัง”
“ฉันมีคู่เป็นสาลิกานางหนี่ง ช่างพูดเหมือนเธอ และก็ร้จักเสงี่ยมเจียมตัวเหมือนเธอ แต่อนาถ
ใจจริง ไอ้เหยี่ยวตัวร้ายมันฆ่าสาลิกาของฉันตายต่อหน้าต่อตาฉัน โธ่สาลิกาของพี่”
แขกเด้าแถลงด้วยอารมณ์และนี่าเสียง แสดงอารมณ์โศกาอาลัยอย่างลึกซึ่ง
“ทำไมเหยี่ยวถึงได้ฆ่าสาลิกาคู่ครองของเธอเสียเล่าจ๊ะ” สาลิกาถามด้วยความร้สืกสมเพช
อย่าร้องไห้เลย จงไปหาคู่ใหม่เถิด’
เคืองเบื้องบาท ขออยู่ลำพังผู้เดียวจนกว่าซีวิตนี่จะสูญสิ้นไป”
นำมาด้วยขบวนหลวงทีเดียว”
“สาลิกาจ๋า เหตุที่ฉันมาถึงนึ่ มาถึงที่อยู่ยันงดงามของเธอก็เพราะความปรารถนาเธอ ล้าเธอ
kalyanamitra.org
๔๐0
เป็นข้อกีดขวางได้เลย”
“สาลิกาจ๋า เธอเคยได้ยินเรื่องของนางซัมพาวดีไหมเล่า พระนางเป็นอัครมเหสีองด็โปรด
ของพระวาสุเทพ กฤษณโคตรเรื่องมีอยู่ว่า
วันหนึ่ง พระยใวไสุเทพเสด็จออกจากเมืองทวารวดีเพื่อประฬาสอุทยาน ได้ทรงพบกุมารี
นางหนึ่งเดินสวนทางมา คีอ นางชํมพาวดี เผ่าจัณฑาล แด่สวยงามมาก พระวาสุเทพทรงปฏิพัทธ์ใน
เรื่องเล่าว่า
“ครั้งกระโนันพราหมณ์ผู้หนึ่งนามว่า ฬัฉะ บวชเป็นฤๅษี สรัางบรรณศาลาอยู่ในปาห็มพานต์
ไม่ห่างจากบรรณศาลา มีคูหาใหญ่เป็นที่อาศัยของฝูงกินนรมากด้วยอัน ที,ประคูต้านั้นมีแมลงมุมใหญ่
ท้วหนึ่งอาศัยอยู่ มันคอยเจาะศืรษะพวกกินนรแล้วดื่มเลือดกินเป็นอาหาร พวกกินนรดามธรรมชาติมี
kalyanamitra.org
๔๐๑
เคียงคู่กันไม่ได้เล่าว้ะ”
สาดิกาฬงอุทาหรณ์ที่มาถูระยกมาเล่าแต้ว กิเอ่ยว่า “นายเด้าขา ธรรมดาจิตไจนั้นยากที่จะเป็น
หนึ่งแน่ได้ตลอดไป ฉันกลัวเหลึอเกิน กลัวจะถูกทอดทิ้งได้ด้างด้างว้าเหว่ ความรักที่ตั้งด้นด้วยความมีคู่
และลงท้ายด้วยความเลิกว้าง ไม่มีโอชาที่ควรจะลัองเสพได้เลย ต้าเห็นว่ารักจะเป็นเข่นนั้น กิยอมทนที่
ไปหาสาดิกาอึนเป็นเมียของฉัน”
สาลิกาฬงแต้วใจจะขาดเสียใด้ได้ ความเร่าว้อนด้วยเพลิงปรารถนาเผาจิตใจมาตั้งแต่ได้ฬงเสียง
ได้เห็นด้วและยิ่งทวิขื้นเมื่อได้พูดจาสนทนากัน แต่ที่ท้าเป็นไม่ปรารถนากิเป็นเรื่องของมายาหญิงเท่านั้นเอง
เมื่อเห็นท่าทางของสุวบัณฑิตพูดจาขึงขังจะไปเสีย กิเอ่ยว่า "มาถูวะจ๋า เธอกิดูจะเป็นนกแขกเด้าด้วเปรื่อง
ปราดฉลาดเลิศ เธอน่าจะทราบนิติแต่โบราณที่ท่านว่าไวัว่า ต่วนได้ไม่งาม เสียโฉมเสียศรึ ดูเธอไม่น่า
จะใจน้อยเลย เอาแด่ใจว้อนใจเรีวจะดีหรึอว้ะ ธรรมดาการมีคู่ครองเป็นเรื่องหน้กใจยิ่งน้ก ด้องติด ด้อง
ซังตรองใท้ล่องแท้ก่อนที่จะตกลงกระท้าไป อยู่ที่นึ่ก่อนเถิดนะว้ะ อย่าเพิ่งไปเลย คอยดูเว้าเหนิอท้วของฉัน
ชี่งเพียบพรัอมยศสักดํ่อัครฐานใหญ่หลวง เธอจะได้ฬงเสียงดนตรีที่เหล่านารีฝัทรงรูปอุดม มีดิลาสม
ด้วยกินรีขับขานประสานเสียงเสนาะนัก ทั้งจะได้เห็นเดชาสุภาพอันทวงลัริโสภาคย์ใหญ่หลวงของพระวาชา
รัเองแหละ”
เย็นวันนั้นเอง สุวบัณฑิตกับสาลิกาต่างกิร่วมสมัครสมานกันฉันมัวเมีย ต่างชี่นชม ต่างร่าเริง
บันเทิงและต่างรักใคร่เอาอกเอาใจกัน ด้วยความรักอันหวานน่า
มาถูระแขกเด้าแสนรัพลอดพรํ่ารักจนกระทั้งเห็นแน่แต้วว่า คราวนึ่ดาลิกาวักไม่ปกปิดความ
ลับต่อเรา ด้องล่อถามเสียตอนนึ่ลึงจะเหมาะ คิดแลัวกิเรียก “สาลิกาจ๋า”
kalyanamitra.org
๔๐๒
อย่าพูดออกมาเลย”
“สาลิกาน้องรกของพี่ เรื่องที่พี่ด้องการจะพูดนํ๋เปันเรื่องมงคลซีจ๊ะ” มาถูระพูดอย่างซ็อ *1
ก็ยังแคลงใจว่าพระเจัาวิเทหราชนั้นเป็นสัตรูรัายของพระเจัาอธิราชจุลนึ ไฉนพระเชัาจุลนีจะมายกพระ-
ราชธิดาให้ พระราชาอื่น ๆ ที่อยู่ในพระราชอำนาจก็มีมากมาย ทำไมถึงไม่ยกให้ หรึอจะมีเหตุผลอะไร
ที่บังตับให้พระอธิราชจุลนีทวงยกพระราชธิดาให้พระเจัาวิเทหราช น่าสงสัยจริง”
สาลิกาทังค์าของมาถูระแลัว รีบขัดชื้นทันทีว่า “มาดูวะของฉันทำไมมาพูดเรื่องอัปมงคลเล่า
สัญญากันแลัวมืใช่หรึอว่า จะพูดแต่เรื่องมงคลในวันมงคลของเรา ทำไมละเมิดสัญญาเล่าคะ”
“สาลิกาจ๋า ฉันพูดเรื่องที,ตนเห็นว่าเป็นมงคล และมันเป็นเรื่องมงคลจริง จุ แต่เธอกลับว่า
เป็นเรื่องอัปมงคล มันอย่างไรกันล่ะจ๊ะ”
“มาถูระจ๋า การกวะทำงานมงคลเช่นนึ่ระหว่างสัตรูทั้งคู่นั้น อย่าเรียกว่ามงคลเลย มันจะเป็น
การมงคลไปได้อย่างไร” สาลิกาแยัมพราย
“บอกมาหน่อยซ็จ๊ะ สาลิกาจ๋า” มาดูระออดอัอน
“มาถูระขา บอกไม่ได้ดอกค่ะ ฉันไม่กลัาพูดดอกค่ะ”
“สาลิกาจ๋า ไม่ไวิใจฉันหรึอจ๊ะ หรึอมันเป็นความลับอย่างไรถึงพูดไม่ได้ เธอไม่รักฉันจริง
กระมังจ๊ะ ธรรมดาคนเรารักกัน ไม่ควรจะมีอะไรที่เป็นความลับระหว่างกัน อีกฝ่ายหนึ่งรั แต่ปิดบังอีก
ฝ่ายหนึ่งเลึยเช่นนื้ เป็นการผิดธรรมดาไป เธอรัความลับแต่บอกฉันไม่ได้ กาวร่วมอยู่เคืยงกันวะหว่าง
kalyanamitra.org
๔๐๓
เป็นงานมงคลของเธอเชิด อย่าเป็นมงคลของเราเลย”
“ทำไมเธอพูดเข่นนั้นเล่าจ๋ะ สาลิกานัองรัก” ซักด้วยท่าทึสนใจยิ่ง
“เดํ่ยวซี จะเล่าให้พ้ง อย่าเพงซักซีคะ” สาลิกาติงพลางเริ่มเล่า
kalyanamitra.org
๕๘. ไปแดนศตร
หลังจากปล่อยมาถูระแขกเด้าแสนรัใปแต้ว ท่านมหาบัณฑิตก็เติมไปด้วยความห่วงใย ราตรีกาธ
นั้นผ่านไปด้วยความรำพึงถึงแผนการรัายของฝ่ายคัตรู เกรงว่ามาถูระจะไม่ปลอดภัย แต่ก็มั่นใจในความ
สำเร็จของมาถูระ เพราะทุกครื่งมาถูระไม่เคยพลาดเลย
กล่าวถึงมาถูระผ่านราตรีแห่งความสุขลับสาลิกาไปอ^ งชี่นฉ่า รุ่งเช้าเขาพูดลับสาลิกาว่า “สาลิกา
จ๋าฉันจะลาไปก่อนไปแคว้นสึรื กราบทูลเว้านายของฉันทั้ง ๒ พระองติให็ทรงทราบว่า ฉันได้เมียที่น่ารักแต้ว
ขอได้โปรดทรงก่าหนดวันที,จะมารับสาลิกาของฉันไป สาลิกาจ๋า ฉันไปสัก ๗ วันเท่านั้น ก็จะกลับมา
กลับมาพรัอมลับพระราชาของฉัน มาขอสาลิกาต่อพระอธิราชของเธอ จะพาสาลิกาของพี,ไปพรัอมด้วย
ฉะนั้นเธอไปอย่าใน้เกิน ๗ ราตรีนะคะ”
มาถูระสนองค้าของสาลิกา “สาลิกาจ๋า เธอพูดอะไรซิะ ฉันก็เช่นนั้นเหมือนกันนะว้ะ ต้าฉัน
มาในวันที, ๘ ไม่เห็นสาลิกา ฉันก็เห็นจะไม่มีซีวิดเหมือนลันนะซิะ” มาถูระพูดไปอย่างนั้นเอง ใจจรีง
นั้นคิดอยู่ว่า “เธอจะตายหรือจะเป็น ก็เป็นเรื่องของเธอ ฉันไม่เกี่ยวข้อง ธุระของฉัน หน้าที่ของฉัน
kalyanamitra.org
๔๐๕
ท่านมหาบัณฑิตกำลังรอคอยการกลับมาของมาถูระอยู่ด้วยจิตกังวล คอยมองตูทางทิศของ
บัญจาลนครอยู่ตลอดเวลา ฟ้าวันนั้น มาถูระบินโผเข้าหาท่าน วับที่จงอยบ่าเป็นสํ'ญญาณว่าเรื่องนื้ลึกลับ
มากที่สุด วัได้เฉพาะท่านผู้เดียวเท่านั้น ท่านมหาบัณฑิตจึงรีบข้นถู่ซ์นบนของปราสาท เมึอนั่งเรียบรีอย
แลัวดีลามทันที “พ่อมาถูวะสำเร็จไหม?”
มาถูระบวรยายเรื่องราวให้ทังโดยละเอียดทุกประการ ซ็งดีได้รี'บรางวัลงามตามสมควร ท่าน
มหาบัณฑิตทราบเรื่องราวแลัวดีรีาพึงในใจว่า เราไม่ด้องการจะให้พระราชาของเราเสด็จไปเลย พระองดี
ดีวักเสด็จไปให้ได้ ไปแลัวดีจะเกิดเรื่องใหญ่ พระองดีจะด้องถูกจุลนีลัอมวับประหารเสียเป็นแน่ แต่
พระองดีมีพระมหากรุณาแก,เราลันทัน พระราชทานยศฅ์กดิ้สัครฐานสูงล่งแก่เรา ในแควันวิเทหรี'ฐ ไม่
มีผู้ใดที่จะมียศศักดํ่เสมอเรา ด้งนั้นเราจะเดีบเอาพระคำรีสที่ตรี'ลรุกรานไวิในใจ ไม่กวะท่ากาวใด จุ
หรึอพระพุทธเชัาช้า”
“เออ พ่อมโหสล” ตรี'สรี'บคำ และมีพระคำรี'สสีบไปว่า “ฉันไม่ได้นางบัญจาลขันทีแลัว
จะครองราชสมบัติไปท่าไมกัน พ่อมโหสลอย่าทิ้งฉันเสียเลย ไปด้วยกันเถิด การที่เราไปคร์งนื้วักสำเร็จ
kalyanamitra.org
๔๐๖
ข้าพระพุทธเชัาชักกราบบังคมทูลให้ทรงทราบ เชิญใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทเสด็จไปในตอนนั้นพระ-
พุทธเชัาข้า”
พระเชัาวิเทหราชทรงสด้บแลัว ดีพระทัยเบ๊นที่ยิ่ง ทรงเห็นว่าท่านมหาบัณฑิตไม่ทิ้งพระองค์
นักโทษเสียทุกคน แต้วส1งต้วไปกับข้าพระพุทธเชัาด้วยพระพุทธเชัาข้า”
“ทำตามปรารถนาเถิดพ่อ”
ท่านมหาบัณฑิตได้รับพระบรมราชานุม้ตแต้ว ก็สั่งให้เปิดเรือนจำทั้ง ๔ แห่ง ปล่อยให้นักโทษ
ออกมา ถอดเครื่องจองจำออกทุกคน คัดเลือกบรรดาผู้ที่สามารถในคิลปกรรมให้เป็นหัวหนัาในการนั้น
พวกช่างไม้ ช่างทอง ช่างหนัง ช่างสลักหิน ช่างจิตรกรรม ช่างทำอิฐ เป็นอาทิ ส่วนพวกที่องอาจกลัาหาญ
ก็ชัดเข้าในพวกมหาโยธา คัดได้พล ๑๘ เหล่า ลัวนแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญในศิลปนั้น ๆ ท่านมหาบัณฑิตบอก
กับบรรดาคนเหล่านั้นว่า ‘เขัาทั้งหลายจงมารับใช้เราเถิด’ ซึ่งทำให้พวกเหล่านั้นชื่นชมยินดีทุกคน
เมื่อคัดผู้คนเสร็จแต้ว ก็ตระเตรียมเครื่องมือที่จะใช้ในการก่อสร้างมีมืด ขวาน จอบ เสียม
เป็นต้น กะให้พอแก่การที่จะใช้ในการสรัางพระนคร ตระเตรียมการเรียบรัอย ทั้งผู้คนไพร่พลพาหนะ
kalyanamitra.org
๔๐๗
แลัวเดินทางเข้าส่บัญจาลนคร
ข่าวการเดินทางมาของท่านมหาบัณฑิตระบือไปทั่วบัญจาลนครในวันที่ท่านเดินทางไปถึงนั้น
ชาวนครบัญจาละเอิกเกริกเกรียวกราวกันไปหมดเป็นเหมือนมีมหรสพขนานใหญ่ หยุดการงานกันมาคอยดู
ท่านทั้งชายหญิงสองทางตั้งแต่ประตูพระราชวัง แน่นขนัดไปด้วยมหาชน ล่างคนล่างด้องการจะพบเห็น
เพราะข่าวการสู้รบวะหว่างมิถิลากับบัญจละครั้งที่แลัวแผ่ไปในหมู่ประชาชนในด้านความฉลาดสามารถ
อันผ่องใส
ขบวนของท่านมหาบัณฑิตผ่านประตูเมืองเข้ามาท่ามกลางฝูงคนซืงออกันแน่นขนัด เลียงพูด
กันเอ็ดอึง “นึ่หรึอมโหสถบัณฑิต นึ่หรึอมโหสถบัณฑิต กองทัพมหึมา พระราชา *0® องต็ ถึงพ่อไล่
เลียเหมือนคว้าว้อนดินขว้างกา รูปงามจริง จุ ท่าทางก็คมลัน่ยิ่งนัก” ความเกรียวกราวของมหาชนมีตลอดทาง
kalyanamitra.org
๔๐๘
ของเธอจะเสดืจมา และขอพ่อจงอยู่ช่วยดูแลกระท่ากิจทีเห็นว่าสมควรแก่เราป้างนะพ่อนะ ”
ท่านมหาบัณฑิตเห็นเป็นโอกาส เพราะในขณะที่ข้นอยู่ ณ เชิงบันไดพระมหาปราสาทนั้น
นั้นได้
พระอชิราชจุลนิ มิได้ทวงทราบความในเช่นนั้น ทวงเข้าพระท้ยว่า ท่านมหาบัณฑิตกวะท่า
ด้วยความจงริกกักดีในพระองดื
ในวันแรกที่ได้มาชิงนครบัญจาละ ท่านมหาบัณฑิตกิได้ปฎิบัดิงานดามแผนความคิดเสร็จไป
ประการหนึ่ง โดยไม่มีใครที่ล่วงเดวามคิดอ่านของท่านได้เลย เป็นยันว่าท่านได้ซีอประโยชน์ในการเข้า
แดนสํดวูได้ ดามแผนความคิดที่ก่าหนดมาแด่วาระแรกทีเดียว
kalyanamitra.org
kalyanamitra.org
๕๙. สร้างอุปการนคร
รุ่งร้น ท่านมหาบัณฑิตเข้าเสาพระอธิราชจุลน้เพื่อขอพระราชทานที่สำหรับจะสรัางพระราช-
พระอธิราชจุลนิทรงดีพระท้ยอยู่ว่าวิเทหราชศัตรูรัายจะมา จึงมิได้ทรงเฉลียวพระทัยแมัแด่น้อย
ตรัสว่า “เอาเถิดพ่อบัณฑิต เวันแด่ที่อยู่ของฉันเท่านั้นแหละ ในพระนครนึ่ทั้งหมดปรารถนาจะจัดสรัาง
ที่ไหนได้ทั้งนั้น ตามแด่พ่อจะด้องการเถิด”
เป็นโอกาสของท่านมหาบัณฑิตอีกครั้งหนึ่ง ท่านมิได้รีรอรีบฉวยโอกาสนั้นทันที กราบทูลว่า
“ขอเดชะ พระมหากรุณาธิคุณลันเกลัาๆ พวกช้าพระพุทธเข้าเป็นแขกแปลกมา พวกนักรบผู้เป็นที่สนิท
ชิดชอบของใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาทมีเป็นอันมาก หากพวกข้าพระพุทธเข้าจะไปยึดเอาบัานเอาเรือนของเขา
พวกเขาก็จะด้องทะเลาะกับพวกข้าพระพุทธเข้าเป็นแน่นอน เนึ่องจากเหตุนั้นช้าพระพุทธเข้าจักกระทำ
อย่างไรกับพวกนั้นเล่าพระพุทธเจ้าข้า”
“ไม่ด้องพึงเสียงมัน พ่อบัณฑิต” ตรัสด้วยพระสุรเสียงหนักแน่น “ชอบใจที่ใด ก็ฃึดเอาตรงนั้น
ได้เลยทีเดียว”
“ขอเดชะ พระบารมีปกเกลัาๆ พวกที่ถูกยึดเคหสถานคงต้องพากันมาเสาฝ่าละอองธุลีพระบาท
เพื่อกราบทูลพึองรัองพวกข้าพระพุทธเจัาเป็นแน่พระพุทธเจ้าช้า แมัว่าใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทจะมี
พระบรมราชกระแสเด็ดขาดไปแลัว พวกนั้นพากันมาเสาบ่อย จุ เป็นการรบกวนพระทัยไม่มีที่สิ้นสุด
เมื่อเป็นเช่นนั้นพวกข้าพระพุทธเข้าก็จะไม่สบายใจ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทเล่าก็จะทรงไม่สบายพระทัย
ช้าพระพุทธเข้าเห็นด้วยเกล้าๆ ว่า เพื่อมิให็ใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงรำคาญพระหทัย และล้าจะทรง
มีพระมนัสปรารถนา ข้าพระพุทธเข้าขอพระราชทานโอกาสโปรดทรงพระกรุณาให้คนของข้าพระพุทธเข้า
เป็นผู้เสาประดูพระมหาราชวังนึ่ทุก จุ ช่อง จนกว่าข้าพระพุทธเข้าจะได้เคหสถานที่ควรจัดเป็นที่ประทับ
พวกช้าพระพุทธเข้ายึดเคหสถานจะได้ไม่มีโอกาสเข้าเสาใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทได้ ความสบายพระทัย
kalyanamitra.org
๔๑๒
ละอองธุลึพระบาทพระพุทธเจัาข้า”
“แหม พ่อบัณฑิต ช่างคิดรอบคอบดีมาก” รับสั่งด้วยปราศจากอาการทรงระแวง “จัดการ
ดามที่พ่อเห็นควรเถิด”
ท่านมหาบัณฑิตได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตดังนั้น ก็จัดการเปลี่ยนยามหมดทุกแห่ง
และกำซับว่า “อย่าใหัใครเข้าเสาได้เป็นอันขาด”
แผนการอีกขั้นหนึ่งสำเร็จลงโดยง่าย เพราะพระอธิราชมิได้ทรงคลางแคลงเลย เช้าพระทัย
ว่าท่านมหาบัณฑิตปฏิบัติไปด้วยความห่วงใยในพระองค์อย่างแท้จริง ท่านมหาบัณฑิตได้โอกาสงามอีก
คฤหาสน์แรกที่ท่านมหาบัณฑิตสั่งคนของท่านไปดำเนินการ คือวังของพระนางสลากเทวึ
ผู้เสาวังไม่สามารถทัดทานได้ก็นำความไปกราบทูลพระราชมารดาโดยเร็ว พระราชมารดา
ทรงทราบเรื่องรีบเสด็จไปที่ซัมประตูวังโดยเร็ว มีพระเสาวนีย์ว่า “พ่อเอย พ่อคุณทั้งหลาย ใครใช้ใหั
มาพังเรือนของฉันทำอะไรกันยะ”
คนเหล่านั้นตอบว่า “มโหสถบัณฑิตสั่งให็รื้อ เพื่อสรัางวังถวายพระราชาของพวกเรา”
พอกันดอก ด้องรื้อสรัางใหม่”
ช้าจะไปหาลูกของช้าเดี๋ยวนึ่แหละ เดี๋ยวคงได้รักัน”
พวกเจัาได้บ้าง” ตรัสแต้วรีบเสด็จไปที,พระราชวังทันที
เข้าประตูวัง
“ฉันเป็นพระราชมารดานะพ่อ" ตรัสด้วยพระสรเสียงหวาดหวั่น
ก็เข้าไม่ได้ ไปเสียเถิดยาย”
พระวาชมารดาไม่ทรงเห็นทางใด *1 ที่จะซีดเหนึ่ยวเอาเป็นที่พึ่งได้ก็เสด็จประทับยึนทอดพระ-
kalyanamitra.org
๔®๓
เนตรดูวังด้วยทรงพระอาลัย
ท้นใดนั้น คนงานของท่านมหาบัณฑิตผู้หนึ่งเห็นพระนางก็ตวาดไล่ “แกมาทำอะไรอย่ที่นึ่
เกะกะ เขาจะทำงานกัน ไป-ไป!” ว่าแลัวก็ปรี่เช้าจับคอไสส่งไป
พระนางไม่อาจดำรงพระกายอยู่ได้ก็ทรงลัมลงที่พื่นดิน ทรงลุกขื้นแลัวดำริว่า “แน่นอนละ
พระราชาคงทรงสั่งให้เขารื้อ ลัาไม่เข่นนั้นแลัวคนเหล่านั้นคงไม่บังอาจทำอย่างนึ่ เราจะทำอย่างไรดี
ฝ่าพระบาทตรัสอะไรพระเชัาข้า”
พระนางตรัสว่า “พ่อคุณเอ๋ย พ่อมโหสลเขาให้คนไป่รื้อบ้านฉันทำไมกัน?”
kalyanamitra.org
๔®๔
ครั้นแลัวท่านมหาบัณฑิตก็เข้าเสาพระอธิราชจุลนึ
พระอธิราชจุลนีมีพระดำรัสถามว่า “พ่อบัณฑิต ได้ที่สรัางวังถวายพระราชาหรึอยังเล่า?”
ดำริว่าจักไปสรัางวังถวายพระเช้าวิเทหวาชภายนอกพระนคร ระหว่างพระนครและแม่นํ้าคงคาห่างจาก
พระนครนึ่ใปประมาณ * คาจุด (ด00 เสน) เช่นนึ่ จะเป็นการสมควรกว่าพระพุทธเช้าข้า”
ข้าพระพุทธเช้าจะสรัางพระราชนิเวศน์นั้นเลยพระพุทธเช้าข้า แม้จะไปเก็บผักหักพึนก็ขอให้ทรงพระ-
กรุณาห้ามเสิย ทั้งนั๋เพื้อปัองกันการทะเลาะกันระหว่างชาวมิชิลากับชาวบัญจาละ อันจะเป็นเหตุให้เกิด
ความรำคาญพระทัยของใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทำให้ไม่สบายพระทัย ทั้งพวกช้าพระพุทธเช้าก็จะ
ไม่สบายใจพระพุทธเช้าช้า"
“ดีแลัว พ่อมโหสถ” ตรัสด้วยเช้าพระท้ยว่าท่านมหาบัณฑิตคิดรอบคอบ เพึ่อให้ทรงสบาย
พระท้ย มีพระดำรัสตอบไปว่า “พ่อมโหสถจงกั้นเขตเสีย อย่าให้ใครเขาไปได้ก็แลัวกัน”
“เป็นพระมหากรุณาลันพันพระพุทธเช้าข้า” ท่านมหาบัณฑิตกราบทูลด้วยความสมคะเน
“ข้าพระพุทธเช้าขอพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณอีกประกาวหนึ่งพระพุทธเช้าข้า กล่าวคึอฝูงข้าง
พลายข้างพังของข้าพระพุทธเช้าชอบนํ้าเปันอย่างยิ่ง เล่นนํ้ากันทั้งวันก็ได้พระพุทธเช้าช้า ในเมื่อนํ้าใน
แม่นํ้าคงคาเกิดขุ่นข้นแลัว ลัาชาวเมืองจะพากันโกรธพวกข้าพระพุทธเช้าข้าว่า ตั้งแต่มโหสถมา พวกเรา
ไม่ได้ดื่มนํ้าใสกันเลย ด้งนึ่ขอใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาทโปรดทวงพระกรุณาเงึอดงดอดพระทัยเชิดพระท้ย
เชิดพระพุทธเช้าช้า”
kalyanamitra.org
๔®๕
kalyanamitra.org
๔®๖
เวลา ๔ เดึอนเต็ม
เมื่อเห็นว่าที่ประทับเสร็จเรียบรัอยแต้ว ท่านมหาบัณฑิตก็ส่งทูตไปกราบทูลพระเชัาวิเทหราช
เสด็จมาบัญจาลนดร
kalyanamitra.org
๖๐. ควกดวงใจของพระอธิราช
พระเจ้าวิเทหวาช ทวงทวาบข่าวที่ท่านมหาบัณฑิตส่งไปกวาบทูลแลัว พระองค์มิได้รอเวลา
ได้ล่วงเลยไปนานเลย มีพระกระแสจ้บสั่งให้บรรดาข้ามาตย์ราชบริพาร ซ็งมีหน้าที่ในการดามเสด็จเตรียมด้ว
ผู้มีหน้าที่ในกาวจ้ดขบวนเสด็จกีรีบตระเดวิยมด้ว ผู้มีหน้าที่ในการรัตขบวนเสรีจกีรีบตระเตรียมเพื่อที่
จะเคลื่อนขบวนได้ทันทึ ที่พระเจ้าวิเทหวาชทรงปวาวถนา ขบวนช้าง ขบวนน้า ขบวนวก ขบวนราบ ด่าง
เย็นจึงเสด็จออกท้องพระโรงมีพระวาชประสงค์จะให้พระอธิราชจุลน็ทรงทราบว่าพระองค์เสด็จมาถึงแด้ว
กีทรงจ้บสั่งให้เขียนพระราชสาส์น เป็นใจความว่า
“ขอกราบทูลแด่พระองค์ผู้ทรงพระคุณอันใหญ่หลวง ปัดนื้หม่อมฉันได้มาแด้ว สู่ด้าวแดน
อันเจริญรุ่งเรืองของพระองค์ ขอบังคมมาแทบฝ่าพระบาท การที่หม่อมฉันได้มากังด้าวแดนของพระองค์
ครั้งนั้ กีอาศัยพระกรุณาธิคุณเป็นด้น ที่ได้ทรงส่งปุโรหิตาจารย์ผู้ควรแก่ความเคารพแห่งมหากษัตริย์
ในชมพูทวิปทั้งสั้น คึอท่านเกวัฎ ผู้ยิ่งยงด้วยปรีชา ใด้เป็นทูตนำพระราชด่าริอันชอบยิ่ง ไปกังสำนักของ
พระเจ้าข้า”
พระอธิราชจุลน็ทวงทราบความในพระราชสาส์นแด้ว โดยทูตแห่งมิชิลานครนำไปถวาย พระองค์
ทรงมีพระท้ยโสมนัสเป็นด้นพัน ทรงแสดงพระอาการให้ปรากฎออกมาภายนอกอย่างซัดแจ้ง ท้าให้การ
คาดหมายของช้าราชบริพารตลอดถึงทูตแห่งมิชิลา เกิดความปรีดาปราโมทย์ตามเสด็จไปด้วย เพราะคาต
คิดว่า “พระราชพิธีอภิเษกระหว่างพระเจ้าวิเทหราชกับพระราชธิดาของพระอธิราชจุลน็ คงจะได้เป็น
kalyanamitra.org
๔®๘
“ทูลพระเกัาวิเทหราช ทรงทราบฝ่าพระบาท"
หม่อมฉันร้ด็กเป็นเกิยวดียิ่งนัก ในการที่พระองดีทรงพระมหากรุณาเสด็จพระราชดำเนินมา
แผ่นดินนิเชิด
อนึ่ง หม่อมฉันขอนัอมกวา0พระราชธิดาของหม่อมฉันแด่พระองดี แด่โปรดทรงรอสักหน่อย
ทูด่แห่งมิชิลาเชิญพระราชสาส์นของพระอธิราชจุลน็มากวายพระเกัาวิเทหราช ทวงทราบ
เรึองแสิว มีร้บสั่งได้เรียกอำมาดย์ฝัคำนวณฤกษ์มาเฝ็าทันที มีพระวาชกระแสร้บสั่งว่า “จงหาฤกษ์งาน
kalyanamitra.org
๔®๙
พระบรมราชโองการ
“แม่ทัพนายกองทั้งหมด พลโยธาทั้งหมดจงเดรียมรบ จงยกออกไปวันนั้ เราจะทัดท้วลัดรุ
ทั้งคู่ของเรา แด้วมาฉลองชัยชนะกันใท้มโหพาร”
สนกระแสพระบรมราชโองการ กองทัพทั้งหมดทีเคสิ่อนพลออกจากโ!ญจาลนครทันที
พระอธิราชจุลนึ ทรงวับสั่งไท้พระนางสลากเทวิพระราชมารดา พระนางทันทาเทวิพระ-
เนึ่อยลัาเพราะเดินทางมาไกล ทีพากันพักผ่อนหลับนอน
kalyanamitra.org
๔๒
นั้นบนของปราสาท
ในดอนนั้นพระนางสลากเทวี พระนางน้นทาเทวึ พระราชบุตร พระราชธิดามาบรรทมร่วม
พระแท่นกันตามพระคำริของพระนางสลากเทวี ข็งมีอยู่ว่า “ใครจะไปริได้ว่า เหตุการณ์อะไรชักเกิดขั้น”
มาเผชิญเข้ากับปรีชาของท่านมหาบัณฑิดซีงใซัเหตุการณ์ยันเป็นจุดมุ่งหมายของฝ่ายพระนาง เข้าเป็น
ฉากพรางความหลักแหลมของพระนาง ก็เลยถูกบดบังเลึยจนยากที่จะหยิ่งถึง อาจจะซีอเป็นหลักก็ได้ว่า
การใซัเหตุการณ์ยันตรงกับความมุ่งหมายของศัดรู เป็นฉากคำบังความจริงเพื่อลวงบุคคลฝ่ายศัตรูนั้น
ย่อมมีผลดีอย่างมากมาย
พระนางสลากเทวีทรงเล่าเรื่องที่ทหารปลอมทูลใท้พระสุณิสาพระนัดดาทวงทวาบ ชี่งไม่
kalyanamitra.org
๙๒๑
เชึ่อว่าเป็นความจริง
พอเดินไปตามอุโมงค์ได้สักหน่อย ทหารปลอมอึแบ่งเป็น ๒ พวก พวกหนึ่งคุมกสัตริย์สี่
พระองค์ อึกพวกหนึ่งย้อนกลับเข้าไปในวังของพระอธิราช วัดห้องเอึบรัตนะต่าง *1 ขนเอาธนสารสมบัดิ
ของพระอธิราชไปตามความปรารถนา เสรีจแลัวพาลันกลับอุปการนครทางอุโมงค์
กสัตริย้ทั้ง ๔ พระองค์เสต็จดำเนินถึงอุโมงค์ใหญ่ ได้ทอดพระเนตรเห็นภายในอุโมงอึประลับ
ประดางดงามปานเทวสภาในสรวงสวรรค์ ต่างองค์อึทรงสำลัญว่าเตรียมไวัสำหรับพระราชา
พวกทหารที่นำเสด็จมา อึนำไปถึงสถานที่ไม่ไกลจากแม่นำคงคาใกลัประตูที่จะออกแม่นั่าคงคา
ให้ทั้ง ๔ พระองค์ประทับในห้องโถง อันประดับประดาไว้อย่างสวยงามภายในอุโมงค์ พวกหนึ่งนั่งเสาอยู่
ภายนอก อีกพวกหนึ่งนำความไปกราบเรียนท่านมหาบัณ•ทิตว่า ได้นำกสัตริย์ทั้ง ๔ พระองค์มาตามบัญชาแลัว
ท่านมหาบัณ•ทิตทังรายงานแลัว ชิมแย้มแจ่มใสดำรีว่า “บัดนึ่ความมุ่งหวังของเราถึงที่สุดลัน
แน่นอนละ” ท่านเต็มตื้นด้วยโสมนัส ไปเสาพระเว้าวเทหราช ณ ที่ประทับ ถวายบังคมแลัวยืน ณ ที่
สมควร
kalyanamitra.org
๖๑. วิเทหราชจำนน
พระเด้าวิเทหราชทรงรอขบวนพระราชธิดาอยู่ด้วยความวัอนพระทัย ทรงพระรำพึงตลอด
เวลาว่า เดํ่ยวพระเด้าจุลนึคงส่งพระราชธิดามาแด่พระรำพึงทั้งนึ่ก็เป็นแด่เพียงเครื่องประโลมพระทัย
ชัวครู่หนึ่งเท่านั้น เรื่องของความวักนั้น อานุภาพเกรึยงไกรใหญ่หลวงนัก ไม่เด้นว่าใครจะมีศักดํ่สูงปานใด
ลงตกอยู่ในอำนาจวักแต้วก็มีคติท่านองเดียวกัน ยามที่คนวักยังไม่มาให็พบ ด้องรอคอย แม้จะข้าไปลักครู่
อองธุลึพวะบาทเป็นแน่ละพระพุทธเด้าข้า”
ปุกกุสะ เป็นดันด้บสอง ถวายความคิดเห็นว่า “ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกลัาฯ
ข้าพระพุทธเด้าพิจารณาเห็นด้วยเกลัาๆ ว่า องดีพระอธิราชจุลนึทรงมีพระประสงดีจะทรงกระท่าการ
ถวายคาววะในฐานะเป็นราชาด้นตุกะ แดได้ฝ่าละอองธุลีพระบาท จึงได้ด้ดวางกาวอาวักขาอย่างแข็งแรง
พระพุทธเด้าข้า”
กามินท่และเทวินท่ ด่างก็ถวายความคิดเห็นตามที่ตนพอใจ และรวมลงในความคิดเห็นว่า
เป็นกาวแสดงความชี่นชมยินดีแด่พระเด้าวิเทหราช ของพระอธิราชจุลนึทั้งนั้น ไม่มีใครที่จะกราบทูล
ถวายความเห็นว่าพระอธิราชจุลน็ยกกองทัพมาลัอมด้บพระเด้าวิเทหราชปลงพระชนม์ ทุกคนด่างพากัน
กราบทูลในทางที่จะเอาพระทัยเด้านายตามแบบอย่างไปเสึยหมด
kalyanamitra.org
๔๒๓
ไปในทางที,เป็นสิริมงคล หรืออาจถวายความคิดเห็นไปเพราะไม่!ความจริงก็ได้เหมือนอัน
การแสดงความคิดเห็นนั้น ควรจะเป็นไปโดยบริสุทธํ่จริง *1 ปราศจากอคติ คึอความเอนเอียง
ฝ่าละอองธุลีพระบาทปลงพระชนมีเสียพระพุทธเด้าข้า”
ลัอยค้าของท่านมหาบัณฑิตหนักแน่นมั่นคงและจริงขัง ท้าใหัฝัพึงทั้งหมด ตั้งด้นแต่องค้พระ-
เด้าวิเทหราช สะด้งต่อความตายไปหมด เป็นอัอยค้าที่บันดาลใหัเกิดผลแต่พระเด้าวิเทหราชหลายประการ
เด้าวิเทหราช จึงกราบทูลว่า
“ขอเดชะ พระอาญามิท้นเกลัาฯ ใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงประมาทต่อเหตุการณ์ ทวงผ่าน
ข้อปรึกษาหารือไปเสีย ทรงท้าลายความคิดที่ชอบด้วยเหตุผลเสีย บัดนั้ข้าพระพุทธเด้าขอเชิญพวกบัณฑิต
kalyanamitra.org
๔๒๔
ผู้ทวงความคิดชันแหลมลึก โปรดถวายการป้องกันใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทเถิดพระพุทธเข้าข้า”
“ข้าแด่พระองด้ผู้ทรงคุณยันประเสริฐ ข้าพระพุทธเข้าเป็นคำมาตย์ มุ่งความจริงและสิงที่
จะเกื้อกูลแด่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ถวายความคิดเห็น ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทก็มิได้ทรงฬง มิได้
ทวงเห็นเป็นสำต้ญ ใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาททวงรื่นเริงในพระท้ยในพระปิดิที่จะได้พระยัดรมเหลึยัน
ทรงคุภลักษณ์ ชี่งเปันความอิมพระท้'ยของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท เหมือนมฤคยันลูกล่อ่ด้วยเหยอให้
เข้าไปคิดบ่วงฉะนั้น”
ไปแลัว ก็มิได้สำนึกว่าตนจะต้องตายก็ปานกัน”
“ข้าพระพุทธเข้าขอพระราชทานวโรกาส กราบทูลให้ทรงระลึกถึงลัอยคำที่ข้าพระพุทธเข้า
มาใกั'
ท่านมหาบัณฑิตกราบทูลพระเข้าวิเทหวาช เพื่อให้ทรงตระหนักในพระทัยฃึงข้อที่ได้หารือกัน
ตรี-สคำหนิไข้ในครั้งก่อนมากราบทูลว่า
ได้แลัว”
kalyanamitra.org
๔๒๕'
ถามข้าพระพุทธเชัาเพราะเหตุไรเล่าพระพุทธเช้าช้า”
พระเช้าวิเทหราชถูกท่านมหาบัณฑิตกราบทูลขู่อย่างรุนแรง มิได้ทรงกริ้ว ทรงพระดำริว่า
“มโหสถพูดถึงโทษที่เรากระทำไว้ ที่จริง ภัยในอนาคตนั้เขารู้ก่อนแลัวทีเดียว เหตุนั้นจึงข่มขู่เราเสียเต็มที่
เรื่องนั้น ทำไมจะมาที่มแทงฉันด้วยเรื่องที'ล่วงไปแลัวอยู่เล่า”
แด้ว กราบทูลว่า
“ขอเดชะ กรรมที'เป็นของคนปางอดีต เป็นกรรมที'กระทำได้โดยยาก ทั้งยากที่จะทนทาน
กาวที'จะรอดพันไปจากเงื้อมมือของพระอธิราชจุลนีครั้งนั้ เป็นการกระทำของคนที่ล่วงมาแลัว หมายความ
ทรงทราบเถิด ช้าพระพุทธเช้าไม่สามารถจะช่วยได้ฝ่าละอองธุลีพระบาทให้รอดพันไปได้”
“ฝูงข้างมีฤทธํ่มีข้านาจไปในอากาศได้ก็มีอยู่ บางทีข้างเหล่านั้นจะช่วยพาไปได้ ด้าพระราชา
พระองต็ใดทรงมีข้างเช่นนั้น”
“ฝูงมัามีฤทธึ้มีอำนาจไปในอากาศได้ก็มีอยู่ บางทีฝูงมัาเหล่านั้นจะพาเหาะไปได้ ด้าพระราชา
พระองต็ใดทรงมีมัาเช่นนั้น ”
“ฝูงนกที่มีฤทธํ่มีอำนาจไปในอากาศได้ก็มีอยู่ บางทีฝูงนกนั้นจะพาเหาะไปได้ ลัาพระราชา
kalyanamitra.org
๔๒๖
พระองต็ใดทรงมีฝูงนกเช่นนั้น”
“พวกยักษ์ที่มีฤทธิ้ข้านาจไปในอากาศได้ก็มีอยู่ บางที่พวกยักษ์นั้นจะพาเหาะไปได้ ด้าพวะ-
ราชาพระองค้ใดมียักษ์เช่นนั้น”
"การกระทำของมนุษย์ผ่านพ้นไปเสียแลัว เกินวิสัยคนที่จะทำได้แลัว ยากที่มนุษย์จะกระทำ
ยากที่มนุษย์จะแข้ไข ข้าพระพุทธเด้าไม่สามารถจะช่วยได้ฝ่าละอองธุลึพระบาทไปโดยทางอากาศได้
พระพุทธเด้าข้า”
พระเด้าวิเทหวาชไม่เจะตรัสอย่างไรสีบไป ประทับดุษณียภาพ แด่พระทัยนั้นเต็มไปด้วย
ความกลัว ท่านเสนกเห็นเช่นนั้นก็ดำริว่า “คราวนั้ทั้งพระราชา ทั้งพวกเรา ไม่มีที่พื้งที่ไหน ไม่มีใครที่
ถิดแลัวก็เอ่ยย้อนวอนว่า
“ท่านมโหสถ คนที่เรือแตกแหวกว่ายอยู่ในท้องทะเลหลวง มองไม่เห็นฝัง เขาถูกข้าลังคลื่นซัด
ไปอย่างเสียงเป็นเสียงตาย ได้พบที่ยึดเกาะ ณ ที่ใด ก็จะพบความสุข ณ ที่นั้นฉันใด ขอท่านได้กรุณา
เป็นที่พำนักของพระราชาและพวกเรา ฉันนั้นเถิด”
ท่านมหาบัณฑิตพ้งค้าของท่านเสนกแลัวก็กล่าวข่มขวัญว่า
“ท่านเสนก การกระทำของมนุษย์ผ่านไปเสียแลัว ยากที่จะกระทำได้ ยากที่จะแข้ไขได้ ท่าน
ทางอากาศสู่นครมิถิลาเถิดนะท่าน”
ท่านเสนกถูกขนาบเช่นนั้น ก็เลยนั่งวันไปอีก
kalyanamitra.org
๖๒. วิเทหราชกำสรวล
พระเจ้าวิเทหราช ถูกท่านมหาบัณฑิตทรมานด้วยการกราบทูลอัางต้อยค้าต่าง ๆ ที่เคยกราบทูล
ไว้. ทั้งที่ทรงตำหนิและทรงขับไล่ในคราวที่หารือกัน ครั้งเกวัฏเปันทูตไปสู่มิถิลานคร ท่านมหาบัณฑิต
กราบทูลรุกพระเจ้าวิเทหราชอย่างหน้ก จนกระทั่งพระเจ้าวิเทหราชไม่ทรงสามารถจะเผยพระราชดำรัส
อะไรออกมาได้ แต่ความกลัวต่อมรณกัยยังคงคุกคามพระองค์อยู่ พระหทัยของพระองค์สะด้งหวาดหวั่น
kalyanamitra.org
๔๒๘
สุดแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกลัาๆ พระพุทธเจ้าข้า”
พระเจ้าวิเทหราชไม่เห็นด้วย ตรัสถามกามินท้ต่อไป กามินท์ก็กราบทูลทำนองเดียวกัน ต่าง
แต่วิธีที่จะฆ่าตัวตายเท่านั้น คือกามินท์กราบทูลว่า “ข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยเกลัาๆ ว่า หมดทางที่จะ
รอดเงื้อมมือพระเจ้าจุลนึไปได้แด้ว เหลือทางเดียวคือตายไปเท่านั้นเอง แต่วิธีที่จะตายนั้น ข้าพระพุทธเจ้า
kalyanamitra.org
๔๒๙
เสนกกวาบทูลพระพุทธเด้าข้า”
พระเด้าวิเทหราชก็ทรงเช้าพระทัยดีอยู่แลัว ว่ามีคนอยู่คนเดียวเท่านั้นที่จะแก็ใขเหตุการณ์
ด้บข้นครั้งนั้ได้ แต่เมื่อทรงหวนระลึกถึงคราวที่ตรัสบริภาษท่านมหาบัณฑิตไว้คราวก่อน และที่•พระองค์
ถูกต่อว่าอย่างรุนแรงในคราวนั้แลัว ก็ไม่สามารถจะตรัสอะไรกับท่านได้ ทั้ง *1 ที'ท่านก็คอยที่จะสด้บพระ-
ด้ารัสอยู่ใกลัพระองค์ ในที่สุดก็ทรงรำพันว่า
“บุคคลแสวงหาแก่นของต้นกด้วยไม่พบฉันใด เราต้องการอุบายที่จะเปลื้องตนให้พันจาก
เงื้อมมือของจุลนึ ถามบัญหากับพวกบัณฑิตก็ไม่ได้ประสบอุบายฉันนั้น บุคคลหาแก่นของด้นงื้วไม่ได้
เป็นเหมือนถูกเพลิงเผา เร่ารัอนอยู่กลางเปลวไฟก็ปานนั้น”
องค์ทรงดับพระท้ยอย่างสุดแสน ปิมว่าดวงพระทัยจะสลายลงทีเดียว
kalyanamitra.org
๖๓. ได้แก้วคนเมอง
การท้าสรวลครวญคราของพระเจ้าวิเทหราชนั้นมิใช่เป็นเรื่องที่ท่านมหาบัณฑิตเพิกเฉยหามิได้
ท่านพิงอยู่ตลอด ครั้นเห็นว่าขืนปล่อยให้ทรงโศกาดูรสืบไปจะเสียผล เพราะการรํ่าพิไรจนเกินไปนั้น
อาจเป็นชันตรายแก'ซีวิตได้ ท่านมหาบัณฑิตเห็นเช่นนั้น ก็กราบทูลเพึ่อปลอบพระทัยให้ทรงคลายจาก
โศกาดูร “ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระปาทปกเกลัาฯ ช้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานอภัยโทษ ที่มิได้
กราบทูลสนองพระราชดำรัสลาม ทั้งนื้ใช่ว่าช้าพระพุทธเจ้าจะจนบัญญาก็หามิได้ ขอได้ฝ่าละอองธุลี-
ไว้เสร็จแลัว โปรดทรงวางพระท้ยเลิด”
“จุลนีพรหมทิต เห็นใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาทเป็นเหมือนงูพิษเพียรจับใส1กระโปรง แต่ก็คง
จะลืมว่า ในกระโปรงนั้นมีข้าพระพุทธเจ้าติดเข้าไปด้วย กองทัพ ๑๘ กองพรัอมด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์
พระพุทธเจ้าไว้ด้วย ข้าพระพุทธเจ้าจะนำเสด็จเล็ดลอดไปเสีย”
“หรือมิฉะนั้น จุลนีพรหมทัด คงจะเห็นพวกเราชาวมิชิลาเป็นฝูงปลาไปก็ได้ จึงลัอมเสียด้วยข่าย
คือกองทัพชันมหึมา แต่ข้าพระพุทธเจ้าก็ดิดอยู่ในข่ายนั้นด้วย จะขอนำเสด็จให้ผ่านพ้นไปให้จงได้*’
“ไพร่พลพาหนะที่ตามเสด็จมา รวมทั้งบรรดาเสวกามาตย์ราชบริพาร ข้าพระพุทธเจ้าจะจัด
การแท้ไขให้ประสบสวัสติภาพพรัอมกับได้ฝ่าละอองธุลีพระบาททึเดียว และข้าพระพุทธเจ้าจักตะเพิด
ไล่พระเจ้าจุลนึให้หนึเตลิดเหมือนขว้างกาด้วยกัอนดินทีเดียวพระพุทธเจ้าข้า โปรดทรงสบายพระท้ยเลิด”
“ข้าแต่พระองด็ผู้ทรงพระมหากรุณา ขอใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาทโปรดทรงพระวิจารณ์ ข้ามาดย์
อย่างข้าพระพุทธเจ้าไม่สามารลจะช่วยแท้ไขใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทในยามด้บข้นเช่นนั้ใด้แลัว ข้าพระพุทธเจ้า
จักมาเป็นอำมาตย์ของใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาททำไมกัน และปรีชาญาณของข้าพระพุทธเจ้าที,มีอยู่นั้น
จะมีประโยชน์อะไรเล่าพระพุทธเจ้าข้า”
kalyanamitra.org
๔๓©
“ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงพระคุณยันยิ่งใหญ่ ใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงทราบถ่องแท้แลัวมิใช่
หรีอพระพุทธเข้าข้า ว่าข้าพระพุทธเข้าเป็นผู้มาก่อน ล้าไม่มาเพื่อศึกษาหาทางที่จะช่วยนำเสด็จใต้ฝ่า
ละอองธุลีพระบาทให้รอดพ้นจากมหันตภัยคราวนื่ ก็จะถวายบังคมลามาก่อนเพื่ออะไรเล่าพระพุทธเข้า
แลัวพระพุทธเข้าข้า”
พระเข้าวิเทหราช ทรงพังล้อยคำกราบบังคมทูลของท่านแล้ว ทรงสบายพระทัยหายจากโศกาดูร
มิพระมนัสเต็มตื้นด้วยทรงพระคำรีว่า “พ่อมโหสถไม่ทอดทิ้งเรา”
บรรดาเสวกามาตย์ราชบริพาร ได้พังคำประกาศของท่านมหาบัณฑิตแล้วต่างก็ยินดีปรีดากัน
ทุกคน
ท่านเสนกสุดที่จะอดกลั้นความอยากข้ไข้ได้ จึงเอ่ยถามว่า “พ่อบัณฑิต ที่พ่อจะพาพวกเราไปน่ะ
จะพาไปด้วยอุบายอะไรกันนะพ่อ?”
ท่านมหาบัณฑิตตอบว่า “ข้าพเข้าจะพาพระราชาของเราและพวกท่านไปทางอุโมงค์ที่ดกแต่ง
ท่านแต่งกายดามชอบใจ เดินนำเสด็จพระราชาของเราไปก่อนเถิด”
ท่านมหาบัณฑิต ให้ท่านเสนกนำเสด็จไปก่อน พระเข้าวิเทหราชเสด็จคำเนินไปท่ามกลาง
ตนเองอยู่ตอนหลัง ทั้งนํ่เนื่องด้วยท่านมหาบัณฑิตคิดเห็นเหตุผลอยู่ว่า “พระราชามัวทอดพระเนตรอุโมงค์
kalyanamitra.org
๔ 0า ๒
ภายในอุโมงค์มีของเคยวของกินมองมูล ท่านมหาบัณฑิตจัดเรียงรายไว้สำหรับเป็นอาหาร
ของราชบริวารที่ตามเสด็จและไพร,พลในขบวนเสด็จจะได้บริโภคกันให้อิ่มหนำสำราญ คนเหล่านั้นกิน
ท่านมหาบัณฑิตต้องคอยทูลเตือนเรื่อย กุ “เชิญใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทเสด็จเถิดพระพุทธเร้าข้า”
ด้งนิ้บ่อย ๆ เพราะทรงพิศวงหลงชมแสนจะเพลิดเพลินพระหทัย ประหนึ่งว่าพระองค์ได้เสด็จเช้าสู่
เทวสภาในสุราลัยฉะนั้นทีเดียว
พวกนักรบหนุ่มอีกพวกหนึ่ง ที่คุมกษัตริย์ ๔ พระองค์ทราบว่าพระเร้าวิเทหราชเสด็จมา ก็
มหาบัณฑิตนำเสด็จพระเจัาวิเทหราชมาถึง
กษัตริย์ทั้ง ๕ พระองค์เห็นพระเร้าวิเทหราช และท่านมหาบัณฑิตก็ทรงเข้าพระทัยได้ทันทีว่า
“พวกเราตกอยู่ในเงื้อมหัตถ์ของราชศัตรูเลียแลัว ไม่ต้องสงสัยดนที่พาพวกเรามาต้องเป็นคนของมโหสถ
ระแวงพระทัยอยู่ตลอดเวลา
ท่านมหาบัณฑิตเชิญพระราชกุมารีบัญจาลร้นทีเสด็จขื้นสู่กองแกัวถวายอภิเษกแลัว กราบทูล
พระพุทธเจัาข้า”
เสร็จการอภิเษก นักรบหนุ่ม *1 ชิงได้จัดให้มีหนัาที่ประจำการเตรียมเรือก็น์าเรือ ๓๐๐ ล่า
เช้าเทียบฝัง พระเร้าวิเทหราชก็เสด็จลงจากพลับพลาโถงขื้นสู่เรือที่ประดับประดาสำหรับพระองค์ กษัตริย์
kalyanamitra.org
๔๓๓
พากันลงเรือที่จัดไว้ตามฐานะโดยพรัอมเพรียงกัน
ท่านมหาบัณฑิตดูแลขบวนเสด็จ เห็นลงเรือกันเรียบรัอยแลัว ก่อนที่เรือพระที่นั่งจะเคลื่อน
ขบวนออก ท่านได้มาเฝ็าพระเจ้าวิเทหราช กราบทูลสั่งความว่า
เพื่อสำเร็จพระมโนรถของได้ฝ่าละอองธุลีพระบาททั้งนั้น ขออย่าได้ทรงวินิจฉัยไปด้วยประการอื่นพระ-
พุทธเจ้าข้า”
“ได้ฝ่าละอองธุลีพระบาทโปรดทรงรับด้วยเต็มพระทัยว่าพระเจ้าจุลน้ พระองค์โปรดทรงถึอ
เสมีอนเป็นพระสัสสุวาธิบดี พระนางน้นทาเทวิโปรดทรงถอเป็นพระสัสสุ ขอใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท
โปรดประทานกาวปฏิบํดีบำรุงเสมีอนพระราชมารดา พระราชกุมารบัญจาลจันทะขอได้ทรงยกย่องใน
ด็าแหน่ง พระขนิฎฐภาดาร่วมพระอุทร แห่งพระราชชนนีของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท โปรดทรงพระ-
เมตตาในพระองค์โดยมิได้จึดจาง ส่วนพระนางบัญจาลจันทึ พระราชธิดาของพระอธิราช ซ็งใต้ฝ่าละ-
อองธุลีพระบาทต้องพระประสงค์ โปรดทรงยกย่องในตำแหน่งพระอัครมเหสี อย่าได้ทรงดูหมิ่นพระนาง
เลยพระพุทธเจ้าข้า”
การที่ท่านมหาบัณฑิตกราบทูลพระเจ้าวิเทหราชเช่นนื้เป็นด้วยเกรงไปว่า พระเจ้าวิเทหราช
จะทรงกริ้วพระเจ้าจุลนีขื้นมาเมื่อไร ก็จะสั่งให็สำเร็จโทษพระนางสลากเทวี พระราชมารดาของพระเจ้า-
จุลนีเสีย ทั้งพระราชกุมารบัญจาลจันทะก็เช่นเดียวกัน ส่วนพระนางนันทาเทวีนั้น ทรงมีพระรูปโฉม
งดงามยิ่ง พระเจ้าวิเทหราชอาจจะทวงร่วมอภิรมย์เสียก็ได้ จึงต้องขอให็ทรงปฏิญญาเสีย เพื่อความปลอดกัย
ของกษัตริย์นั้น ๆ และเพื่อแผนการภายหน้าสีบไปด้วย
พระเจ้าวิเทหราชทวงปฏิญญาให็ท่านมหาบัณฑิตตามที่กราบทูลนั้นทุกประการ
kalyanamitra.org
๖๔. ธรรมของเสนานายก
ระหว่างที่พระเข้าวิเทหราชเสด็จประท้บบนเรือพระที่นั่งเรึยบ■โอยแลัว ท่านมหาบัณฑิตยึน
อยู่ที่ฝังคงคา กราบบังคมทูลข้อความต่าง *[ ถวายแด่พระองค์แลัว มีพระราชประสงค์จะเสด็จไปโดยเร็ว
จึงมีพระดำรัสเดือนท่านมหาบัณฑิตว่า “พ,อมโหสถซีนอยู่ที่ฝังทำไมล่ะ รีบลงเร็ว 1 ซ็ เราจะไต่ไปกัน
พระพุทธเข้าช้า”
“ทำไมล่ะ พ่อมโหสถ ไปเสึยพรัอมกัน จะได้หมดเรื่องกับพระเข้าจุลนิ” รับสั่งด้วยทรงเกรง
ท่านมหาบัณฑิตจะถูกพระเข้าอธิราชจุลน็ประทุษรัาย “เราสองคนเท่านั้นที่จุลนึด้องการ จุลนิอาฆาต
มาดรัาย ไปพรัอมกันเถอะพ่อมโหสถ”
“ขอเดชะ พระมหากรุณาเป็นลันเกลัาๆ ข้าพระพุทธเข้าขอพระราชทานอภัยโทษ ที่จะด้อง
ขัดพระกวะแสรับสั่ง” ท่านมหาบัณฑิตกราบทูลแต้วยกธรรมะของท่านผู้เป็นเสนานายกมากราบทูลแสดง
สึบไปว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงพระคุณอันใหญ่หลวง ไม่เป็นธรรมเลยพระพุทธเข้าข้า ที่ข้าพระพุทธเข้า
เป็นเสนานายกจะทอดที่งเสนางดนิกร เอาด้วรอดไป การปฏิบ้ติเช่นนั่โม่ใช่ธรรมะของท่านผู้เป็นเสนา
นายกพระพุทธเข้าข้า”
“ขอใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาทได้โปรดทรงดำริด้วยพระปรีชาบรรดาเสนางคนิกรเหล่านั้นพา
กันเดินทางมาไกล บางพวกก็ล่าลังดืม บางพวกก็ล่าลังพักผ่อนนอนหลับอยู่ เพราะเหน็ดเหนื่อยมิได้รั
ว่าใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาทเสด็จออกจากพระนครแลัว มิหนำข้าบางพวกก็ล่าลังเจึบปวยอยู่ก็ยังมี จะที่ง
ไว้ให้ถูกโยธาของพระอธิราชจุลน็ข่มเหงนั้น ไม่เป็นการสมควรเลยพระพุทธเข้าข้า”
“อนื่งเล่า ฝูงคนที่ช่วยเหลือข้าพระพุทธเข้ากระทำงานสรัางพระนครมากับช้าพระพุทธเข้า
ตลอดเวลา ๔ เดือน ก็ยังอยู่ในพระนครนั้นมากมาย ข้าพระพุทธเข้าไม่สามารถจะที่งเขาแมัสักคนเดียว
ไปได้พระพุทธเข้าข้า ข้าพระพุทธเข้าด้องถวายบังคมลากลับไปอยู่กับพวกนั้นก่อน”
“อีกประกาวหนื่ง ต้าข้าพระพุทธเข้ากลับไปก่อนเสนางคนิกรของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท
ชักปราศจากผู้นำ ข้าพระพุทธเข้าขอกราบทูลว่าจะนำเสนางคนิกรของใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาทกลับมิถิลานคร
ทุกคน และจะนำทรัพย์สินที่พระอธิราชจุลนิลวาย ไปถวายแด่ใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาทด้วย”
kalyanamitra.org
๔๓๕
ไพร่พลที่สามารถ *1 รีบเสด็จให้ถึงพระนครมิถิลาโดยเร็วเถิดพระพุทธเจัาข้า”
“เที่ยวก่อนพ่อมโหสถ” ตรัสท้วง “นํ้าใจของพ่อจะสู้กับองค์จุลนิหรือ?”
เสนางดนิกรจะนัอยหวือมากไม่เป็นประมาณในการรบดอก โปรดอย่าได้ทรงเป็นห่วงข้าพระพุทธเด้าเลย
รีบเสด็จไปโดยเร็วเถิด ราตรีกาลผ่านไปนานแลัวละพระพุทธเด้าข้า”
กราบทูลแลัวถวายบังคมพระเด้าวีเทหราช พรัอมทั้งทูลเร่งให้รีบเสด็จกลับ พระเด้าวีเทหราช
แม้จะทรงเป็นห่วงท่านมหาบัณฑิตเพียงใดก็ไม่อาจจะทรงบังคับใท้ท่านปฏิบัติตามพระทัยได้ จำต้อง
เสด็จจากท่ารีมฝังคงคา
พระเด้าวีเทหราชประทับมาในเรือพระที่นั่งด้วยอาการที่สบายพระท้ย ทรงพระดำรีถึงคุณ
กับบัณฑิต ช่างสบายดีจริงหนอ”
ท่านเสนกเองก็เติมปลื้มอยู่แลัว ได้ทรงท้งพระดำรัดก็กราบทูลลนองด้วยเติมใจ และปราศ
จากความข้สึกขัดแย้งใด *1 ทั้งสิ้นว่า “ขอเดชะ พระองค์ผู้ทรงบุญญาธิการ เป็นความจริงด้งที่ใด้ฝ่าละ-
kalyanamitra.org
๔๓๖
พุทธเจ้าก็ฉันนั้นแหละพระพุทธเจ้าข้า ”
เมื่อเรือพระทีนั่งถึงฝังอันเป็นตำบลที่กำหนดแต้ว พระเจ้าวิเทหราชพรัอมด้วยกษัตริย์ทั้ง
กล่าวถึงท่านมหาบัณฑิต ส่งเสด็จแลัวก็เดินไปที่ประดูอุโมงค์ถอดพระขรรค์ที่ตนขัดมาด้วย
วงลัอมแห่งกองทัพของพระอธิราชจุลนิเหมือนราชสีห์นอนหลับอยู่ในวงลัอมของฝูงมฤคก็ปานกัน
kalyanamitra.org
๖๕. จุลน้บญชาท้พ
ราตรีกาลผ่านไป -ผ่านไปด้วยความรัสีกว่าช้าสำหรับผู้เร่งเวลาให้รีบล่วงไป แม้ว่ามันจะผ่าน
ไปตามกำหนดของเวลามันก็ยังช้าสำหรับจิตไจที่คอยนึกว่า “เมื่อไรจะสว่างเสียที” ความอยากนั้นแหละ
ความอยากจะให้สว่างมันทำให้เกิดความเนิ่นช้า พระอธิราชจุลนึประทับเทียบพลรายลัอมอุปการนคร
ดำรัสสั่งมอบหมายหน้าที่แก่จตุรงคืนิเสนา ดังน
“พวกพลช้าง จงไสช้างชนะงา อันมีกำลังคงทนได้ถึง ๖๐ ปี ฝูงช้างจงยำนครที่มโหสถชาว
วิเทหราชสร้างไว้ดีแลัว ยาให้แหลก”
“ลูกธนูสีขาวมีปลายเหมือนสิวแหลมคมเจาะกระดูกได้ ลูกยิงไปด้วยกำลังธนู จงตกลงพรั่งพรู
เป็นห่าฝน”
“ทหารหนุ่มผู้ถึอโล่หนัง กลัาหาญชาญชัย มีอาวุธคือ หอกมีด้ามอันงตงาม ไม่เคยครั่นคร้าม
ในการชิงชัย วิ่งไปข้างหน้าเสมอ สามารถสู้กับช้าศึก แม้ช้างศึกจะแปร๋แปร๋นแล่นรี่มาก็ไม่พรั่น สามารถ
จะจับงามันถอนเสียได้ จงออกไปอยู่ช้างหน้าพลช้าง”
“พลหอกทั้งหมดถือหอกชะโลมนํ้ามันแลัวปลาบปลั่งด้งเปลวไฟ ส่องแสงปลาบตา รุ่งเรือง
ดังดวงตาวประกายพรึก จงตั้งมั่นไว้"
“เมื่อนักรบของข้ามีกำลังอาวุธถึงเช่นนิ่ สวมเกราะและอาภรณ์สำหรับออกศึกครบเครื่อง
ไม่เคยหนีเลยในสงคราม ชาววิเทหะรอดไปได้ที่ไหนเล่า ลัามีปีกเหมือนนกนั่นแหละจะพอรอดไปได้’
จะทัดเทียม”
kalyanamitra.org
๔๓๘
อร่ามงามสง่าอยู่บนคอข้าง เหมือนเทพบุตรงามสง่าอยู่บนคอข้างในอุทยานนันทวัน”
“พลดาบผ้กลัาหาญชาญชัยของข้า ใข้ดาบเนตดิงสะทุกเล่ม สึเหมือนปลากา ชะโลมนํ้ามัน
เป็นมันเลื่อม คมเฉียบ พลดาบผ้กลัาหาญของข้าลับไว้ดีแลัว และทุกคน?ไข้ได้อย่างข้านาญ”
“ดาบทุกเล่มที่นักรบของข้า?เอ ไม่มีสนิม ปลาบปลัง สว้างด้วยเหลึกอย่างดี ทันเท่าไรลึไม่ยู่ย่น
ลึาลังพลเข้าทับ ถมในัแหลกลาญลงในท้นที
กล่าวถึงบุรุษแฝงของท่านมหาบัณฑิต ซ็งแทรกแชงประข้าอยู่ในกองทัพของพระอธิราช และ
ในกองทัพของพระราชาทุก *1 องดี ที'มาร่วมราชกาวศึก ต่างคิดว่า “ใครจะไปว้ได้ว่าจะเกิดอะไรขน ด้อง
คิดหาทางป้องกันไว้ป้ำง” ต่างคนต่างคุมนักรบในบังคับบัญชาของตนเข้าแวดลัอมเป็นราชบริพารของ
พระอธิราชจุลน็ไวั เฝ็อว่ากัาเกิดเหตุการณ์สุกเฉีนยื้นลึจะได้รับองดีอธิราชไว้ก่อน
ขณะที่พระอธิราชจุลน็ข้บพลเข้าโจมดีอุปการนครนั้น ท่านมหาบัณฑิตดื่นนอนแต้วอาบนํ้าเสร็จ
บริโภคอาหารอย่างดี แต้วแต่งกายงดงาม นุ่งผ้าชันผลิดมาแต่แคว้นกาลี ซ็งเป็นผ้าชนิดดีที'สุดราคา ®๐๐,๐๐๐
กษาปณ์ ห่มผ้าขนลัดว้ลีแดง ถึอไมัดะพดเลิ่ยมทองชันเป็นไมัประข้ามือ ฝังด้วยริ'ดนะ ๗ ประการแพรว
kalyanamitra.org
๔๓๙
ลงไท้ในเวลาไม่ร่เำเลย
แด่พระบัญชาของพระอธิราชมีได้ด,โตประภาษออกมาในทันทึทันใด เพราะทรงเผชิญหบัา
อับลมปากของท่านมหาบัณฑิด ท่าใทัด้องทรงอับยั้งพระทัย ไม่ทรงปฏิป้ดึกาวไปด้วยอาการวู่วาม
kalyanamitra.org
๖๖. ปะทะด้วยลมป่าก
ท่านมหาบัณฑิตเห็นพวะอธิราชจุลนึทวงเร่งพระคชาธารเข้ามาเช่นนั้น ก็คิดว่า “พระอธิราช-
จุลนึคงจะสำคัญพระท้'ยว่า พระองค์จะด้องรับพระเรัาวิเทหราชไดํในเมึองนั้ จึงทรงไสพระคชาธารวิ่ง
แจ่มใส เสนอทูลด้วยท่าทึเยาะเยัยพระอธิราชจุลนึว่า
“กัาใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาทมีพระหท้ยมุ่งหมายเช่นนั้นไชข้ ข้าพระพุทธเรัาขอพระราชทาน
พระวโรกาสที่จะกราบทูลว่า ความมุ่งมาดปรารถนาในพระมนัสของพระองค์ที่ทรงหวังนั้นเหลวเสยแลัว
ละพระพุทธเรัาข้า?”
“ธนูของใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาทจะขื้นสายไวิใยเล่าพระพุทธเรัาช้า ปลดลงเสยเถิด ลูกธนู
พระอธิราชจุลนิทรงสดับกัอยคำของท่านมหาบัณฑิตอย่างชัดเจนก็ทรงทราบว่าถูกเยัยเยาะ
ทวงพระดำริว่า “ชะชะ! ไอัลูกบ้านนอกนิ่กำแหงนักมาเยัยเยาะเราได้ ด้องให็มันสำนึกเสยบ้างในวันนิ้”
ทรงดำริแลัวตรัสขู่ว่า
“มโหสลเอ๋ย หน้าเรัาผ่องใส พูดจายิ้มย่องสนิทเสนาะนัก เรัามิได้คะเนว่าช้าอยู่ในฐานะอะไร
กับเรัาเลยนะ นิ่แน่ะมโหสถ ช้าจะบอกให็เรัาร็ไวั เขาพูดกันว่าคนที่ใกลัตายนั้น ผิวพรรณผ่องใสเหมือน
อย่างเรัานิ่แหละ เขาเรียกว่านวลตาย มันผุดออกมานอกผิว เพราะฉะนั้นเรัาจึงแผดเสยง เพื่ออาศัยเสยง
เป็นเพื่อนใจให็หายหวัน วันนั๋แหละเรัาเอ๋ย ข้าจะดัดคึวิษะเรัาเสยและดื่มฉลองชัยให็สำราญ”
kalyanamitra.org
๔๔®
ในขณะที่ท่านมหาบัณฑิตสนทนากับพระอธิราชนั้น บรรดาแม่ทัพนายกองได้เห็นรูปอันงดงาม
แล้วกราบทูลว่า
“ขอเดชะ ใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาทผู้สมมติเทพ ความคิดของใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาท มัน
แตกออกเสียแล้วพระพุทธเด้าช้า ข้อที่ทรงพระดำริกับเกวัฎนั้น มันไม่ใช่เป็นความคิดด้วยพระหทัย มัน
เป็นล้อยคำที่พูดกันด้วยปากไปแล้วนะพระพุทธเด้าข้า”
เด้าวิเทหราชของช้าพระพุทธเด้านั้น ใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาทจับได้ยากนักพระพุทธเด้าข้า”
“เหตุไรข้าพระพุทธเจ้าจึงกล้ากราบทูลถึงเช่นนื้ ขอประทานพระโอกาสโปรดทรงสดับ ใด้
ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงใซัเกวัฎซ็งเปรียบเหมือนม้าง่อย แต่พระเด้าวิเทหราชทรงมีข้าพระพุทธเด้าซ็ง
เปรียบเสมือนม้าสินธพอันมีความเร็วปานลมพัด ใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงขี่มัาง่อย คือเกวัฎจะควบ
ขับเท่าไร *1 มันก็คงกระจอกงอกง่อยไปตามสัญชาติของมัน จะทรงกวดพระเด้าวิเทหราชซ็งทรงชี่มัาสินธพ
คือข้าพระพุทธเด้าได้ทันอย่างไร ฟิเท้าไกลกันนักพระพุทธเด้าข้า”
“ข้าพระพุทธเด้าขอกราบทูลความจริงแดได้ฝ่าละอองธุลีพระบาท พระเด้าวิเทหราช พระราชา
ของช้าพระพุทธเด้าเสด็จข้ามคงคาไปแต่วานนื้แล้ว เสด็จไปพรัอมด้วยอำมาตย์ เสด็จไปพรัอมด้วยราช
kalyanamitra.org
๔๔๒
เพราะดำรงอยู่ในฐานะเหนือกว่าทุกประตูหรือเท่ากับเป็นผู้กำชัยไวัแถ้วในอุ้งห้ตถึ ไม่อำเป็นจะต้องหวั่น
เกรงต่ออำนาจราชคักดํ่ใด *1 ทั้งนั้น
kalyanamitra.org
๖๗. จุลนป๋นป่วน
ช้อยท้าเปรียบเปรยเย้ยเยาะของท่านมหาบัณฑิต ได้จื้จุดพระโทลัคนึให้ลุกโพลง ทวงพระท้าริว่า
/ชัายลูกบัานนอกคนนื้มันพูดจาอาจหาญนัก มันไม่กลัวตาย ขีนยันมันุคงว่ามันให้พระเด้าวิเทหราชหนึ
ไปแลัว คงเป็นความจริง ไม่ด้องสงสัยอะไรอีกแลัว’ ทรงพระท้าริแลัวกริ้วเป็นยิ่งนัก เพราะทวงหวน
ไปคิดถึงคราวลัอมมิลิลา เรื่องแต่ปางอดีตได้หวนเข้ามาสู่อนุสดีของพระองค์ว่า “ครั้งก่อนก็เพราะชัาย
ลูกปัานนอกคนนื้แหละ พวกเราด้าด้องวิ'งหนืทั้ง *1 ที'ฝ่าพ้นพุงก็ไม่มีเหลือดิดด้ว่มา มาคราวนื้วิเทหราช
ราชสีห์และหนังเดึอ”
“สูเด้าทั้งหลายจงเตรียมหอกคม *1 ได้ ถลกหนังมันแลัวกูจะเอาหอกที่มแทงมัน ให้หมดความ
แด้นที่มันปล่อยวิเทหราชศัตรูชี่งมาอยู่ในเงื้อมมือแลัวหนึไปเสีย”
ท่านมหาบัณฑิตพ้งพระท้ารัสนั้นแลัว ห้วเราะด้วยเสียงชันแสดงความเป็นเบื้ยบน คิดในใจว่า
“พระอธิราชจุลน็มิได้ทวงทราบว่าเราได้ส่งพระเทวิ และพระประยูรญาติไปมิถิลาหมดแลัว เพราะฉะนั้น
จึงทวงแจงวิธิที่จะกระทำแก่เราด้วยประการต่าง *1 แต่ด้วยอำนาจของความโกรธพระองด้พึงขิงเราเสีย
ด้วยลูกศรก็ได้ หรือจะพึงกวะทำวิธึอื่น จุ ฆ่าเราเสียตามความพอพระทัยของพระองค์ก็ได้ อย่ากระนั้น
เลย เราจะด้องให้พระองค์ประสบความทุกข์แสนโศกาดูรฟุบสลบกับหลังข้างให้จงได้ เราจะบอกเรื่อง
ทั้งมวลให้'ทรงทราบ” คิดแลัวก็กราบทูลด้วยส่าเนึยงชันเคลัากับเสียงส่ารวลว่า
“เป็นไรไปพระพุทธเด้าข้า ใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาทจะดัดมือดัดเท้าด้ดห้วดัดจมูกของข้าพระ-
พุทธเด้าเสียก็ได้ แต่พระเด้าวิเทหราช พระราชาของข้าพระพุทธเด้า ด้กทรงทำเช่นเดียวกันแก่พระองค์
ชายบัญจาลด้นทะ เชิญสีพระพุทธเด้าข้า”
"หรือไม่เช่นนั้น ช้าใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงให้ดัดมือดัดเท้าด้ดหูดัดจมูกของช้าพระพุทธเด้า
kalyanamitra.org
๔๔๔
พระเจ้าวิเทหราชจะทรงกระทำเช่นเดียวกันแด่พระองค์หญิงบ้ญจาลจันที หรือบางทีนะพระพุทธเจ้าช้า
พระเจ้าวิเทหราชจักทรงกระทำเช่นนั้นแด่พระเทวีนันทา เทพธิดา!!ญจาละก็ได้นะ พระพุทธเชัาช้า”
พระบาททรงกร่ะทำแก่ข้าพระพุทธเจ้า ณ ที่น”ื้
พากันไปดูการทดแทนที,พระเจ้าวิเทหราชจะทรงกระทำเช่นเดียวกันแด่พระเทวี พระโอรสและพระธิดา”
และพระธิดาจะต้องเป็นผู้ร้บสนองการกระทำของใต้ฝ่าละออ.งธุลีพระบาทโดยทำนองเดียวกันมิได้แผกผิด
ข้าพระพุทธเจ้าได้กราบทูลเรื่องราวทั้งนื้แด,พระเจ้าวิเทหราชราชาของช้าพระพุทธเจ้าไปเสร็จสิ้นแลัวว่า
กัาได้ทราบว่าพระจุลนีทรงกระทำกรรมกรณ์แก่ข้าพระพุทธเจ้าประการใด ก็ขอให้ทรงกระทำแก่พระนาง-
นันทา พระองค์ชายบ้ญจาลจันทะ พระองค์หญิงบ้ญจาลจันที โดยประการนั้น”
-ดำร้สขู่เข็ญแมัแด่นัอยเลย ช้าพระพุทธเจ้าป้องกันตนไร้แลัวด้วยความดีดยันรอบคอบ”
คอยป้องกันพระราชาของข้าพระพุทธเจ้าให้ทรงพระเกษมสุขสำราญ มิให้ทรงประสบความระคายเคือง
เบื้องบาทยุคล แม้จะต้องตกอยู่ในกลุ่มของบ้จจามิตร ศาสตราวุธทุกชนิดของศัตรูก็จะมิได้ตกต้องพระ-
วรกายให้เป็นที่ระคายพระฉวีสักนิดเลย”
“เชิญเชิดพระพุทธเจ้าข้า เชิญใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงกระทำกรรมกรณ์แก่ข้าพระพุทธเจ้า
ด้งที่มีพระดำรัสนั้น ‘I เชิด”
kalyanamitra.org
๔๔๕
พระกวะแสรับสั่งที่ได้ตรัสไปนั้นอีกวาระหนึ่ง เพราะด้อยดำกราบทูลนั้นทำใด้ทรงยั้งพระทัยและทรง
พระดำริว่า “ได้ลูกบ้านนอกมันพูดอย่างนึ่หมายความว่าอย่างไร เราทำอะไรแก่มัน. เราทำกรรมกรณ์แก่
มันอย่างใด วิเทหราชชักทรงกระทำอย่างนั้นแก่ลูกเมียของเรา ไชันึ่คงไม่รัดอกว่า เราได้ชัดการอารักขา
ลูกเมียของเราไว้เรียบร้อยและอย่างแข็งแรง ประเดี๋ยวมันจักด้องตายมันก็เลยพรํ่าเพ้อไปเพราะกลัวตาย
เท่านั้นเองเซีอมันไม่ได้ด้องโจมดีทันที”
ขณะที,ทรงพระดำรีอยู่นั้น ท่านมหาบัณฑิตก็ใซัความดีดคาดคั้นนํ้าพระทัยของ'พระอธิราช
อยู่เหมือนกัน ครั้นเห็นพระอาการที่ทรงแสดงเป้นไปในทางไม่ทรงเชี่อ ทรงสำคัญเสียว่ามันพูดเพราะ
ทูลถวายแต่พระเชัาวีเทหราชไปหมดแลัวนะพระพุทธเชัาข้า”
“ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงอาญาสีทธํ่ การที่จะทรงกระทำกรรมกรณ์แก่ข้าพระพุทธเชัาสถานใดนั้น
เมื่อไรก็ทรงกระทำได้ ข้าพระพุทธเชัาคงอยู่ที่นึ่ เชิญเสด็จไปดูเวียงวังเสียก่อนเถิด แลัวค่อยเสด็จกลับ
มาจับช้าพระพุทธเชัาลงกรรมกรณ์สีบไป”
อำมาตย์ผู้นั้นพร้อมด้วยบริวารรีบขื้นมัาพากันไปถึงพระราชนิเวศน์ เปิดประดูเข้าไปภายใน
พบพวกรักษาวังและนางเตยนางค่อมถูกมัดเท้าถูกอุดปากแขวนโตงเตงอยู่ที่ไมันาคทัณฑ์ ภาชนะในด้อง
kalyanamitra.org
๔๔๖
kalyanamitra.org
๖๘. ทิพมายา
ท่านมหาบัณฑิต พิจารณาเห็นพระอาการกริ้วของพระอธิราชจุลนึก็ดำริว่า “พระอธิราชจุลนี
ทรงมีพระบรมเดชานุภาพเกรียงไกว บางทีอำนาจแห่งความกริ้วจะทำใหัพระองค์ทรงหนหัน มิได้คำนึง
ถวายแด่พระอธิราชว่า
“ขอเดชะ พระองค์ผู้ทรงบุญพระนางนันทาเทวึเสด็จไปทางนึ่พระพุทธเจัาช้า อโห! พระ-
คาดริ'ดพระองค์ทอง ช่างงามคมสมกับพระฉวึวรรณอันผุดผาดกระไวเลย”
“อัา! พระนางนันทาเทวึมีฝ่าพระบาทแดงล่า ทรงกัลยาณลักษณ์ครบทุกประการไม่บกพร่อง
เลย ทวงประด้บสังวาลย์แกัวมณีแกมสุวรรณ คูตระการตาสุดที่จะพรรณนาได้ถูกด้องทีเดียว”
“ดวงพระเนตรทั้งคู่ของพระนางนั้นเล่าบริสุทธิ้ผ่องใส ที่ควรขาวก็ขาวสะอาด ที'ควรดำก็
ดำขลับ มีแววซงน่าท้ศนา พระสรีระร่างนั้นเล่าก็แน่งนัอยล่าเพาพริ้งไพร พระโอษฐ์มีสีแดงวะเรื่อประดุจ
ลมริาเพยพัดอ่อนไหวอยู่ไปมา”
“พระเกศาของพระนางยาว ยามสยายออก ปลายเส้นพระเกศาจะมิได้เหยึยดเฟิอยลงไป จะ
งอนช้อยช้อนขื้นเบืองบน ขอบพระเนตวกว้าง ประหนึ่งดวงตาของมฤคอายุได้ ๑ ขวบ ยามทอดพระเนตร
kalyanamitra.org
๔๔๘
จะฉายแววอันสุกสกาวราวกับเปลวเพลิงในราตรีแห่งเหมันต์อันมีประกายแวววาว”
“พระโลมาอันเรียงรายรอบขอบพระเนตรเล่าก็งดงามประหนึ่งนทีธารอันงดงามด้วยลำไผ่เล็ก รุ
ที่ขื้นอยู่เรียงรายตามชายฝัง”
“พระน''’กโด่งพองามประหนึ่งขอทอง พระเพลาทั้งคู่ก็แนบชิดสนิทเนียนปราศจากข้อพระ-
อ่อนละมุน”
“พระนางทรงพระสิริโสภาคย์ สุดที่จะพรรณนา แม้ด้วยชิวหาของช้าพระพุทธเร้าแล้ว พระนาง
เป็นสตรีรัตน์ควรแก่บุญญาธิการของท่านผู้ดำรงในมไหศวรรยาธิบดีทีเดียวพระพุทธเรัาข้า”
ตลอดเวลาที,พรรณนานั้น ท่านมหาบัณฑิตก็ลอบสังเกตพระอาการของพระอธิราชจุลนีไปด้วย
พระอธิราชจุลน็ทรงเคลิบเคลิ้ม แม้พระนางนินทาเทวีจะเป็นพระปิยราชราชาซึ่งได้ร่วมพระแท่นบรรทม
การอย่างใด รุ ได้
ท่านมหาบัณฑิตเห็นเช่นนั้นก็วินิจฉัยได้ทันทีว่า ท่านเป็นต่อพระอธิราชแน่แล้ว จึงกราบทูล
บาทก็โปรดอย่าได้คลางแคลงพระทัยเลยพระพุทธเร้าข้า พระเร้าวิเทหราชพระราชาของพวกข้าพระพุทธเร้า
ด้องฆ่าพระนางนินทาเสียแน่ *1 เมื่อเป็นเช่นนึ่ ข้าพระพุทธเร้าจะด้องไปเดือดรัอนอะไรกับความตายเล่า
ข้าพระพุทธเรัากับพระนางนินทาแล้ว ด้องประทานพระนางแก่ข้าพระพุทธเรัาอย่างไม่มีบัญหาเลย”
สำหรับช้าพระพุทธเร้า ข้าพระพุทธเร้ายังมองไม่พบข้อเสื่อมเสียประโยชน์เพราะความตายของตนเลย
ตรงกันข้าม ข้าพระพุทธเร้าเห็นด้วยเกล้าๆ ว่า เป็นการที่จะได้เกินกว่าทุนเป็นอันมาก เพราะตายแล้ว
จะได้นางแกัวมาเป็นคู่ครองถึงจะสิ้นซีวิต ก็เป็นการสิ้นที่ได้ผลเป็นลำไรอย่างมูลมองทีเดียว”
ขณะที่พระอธิราชจุลนีทรงฬงล้อยคำพรรณนาถึงพระนางนินทาอยู่เรื่อย *1 มา ภาพพระนาง
kalyanamitra.org
(±(1 6 โ'
และความเสียคายประด้งกันเข้ามาสู่พระหทัยดวงน้อย *1 ซ็งแม้จะมีความเข้มแข็งแกร่งกร้าวปานใดก็ต้อง
อ่อนลงทุกที เพราะอำนาจแห่งความรักนั้นเป็นเพลิงในยามพราก เป็นนํ้าในยามสมรัก มีทั้งความรัอน
อำนาจของรักซ็งแผ่พิษในยามพราก พระอธิราชจุลนีทรงเป็นนักรบที่กล้าหาญควรเทิดพระนามได้ว่า
เข้มแข็งถูกความรักความอาลัยและความเลียดายแผดเผาจนไม่มีเหลืออยู่แล้ว พระดำริของพระองค์ใน
เรื่องจะพิฆาตฟาดพันปรบักษ์ในยามนึ่ก็พลอยหายไปจากพระมนัส คงเหลือแต่ว่า “โล้-อนิจจา นันทา
ของที่ ปานฉะนึ่น้องรักจักเป็นไฉน... จะได้ทุกข์ขุกเข็ญเป็นฉันใด โย้สายใจเชัาจะพรํ่านํ้าตานอง...ไม่
แม้จะ'ทรงพยายามกลํ้ากลืนก็สุดจะฟินทน
ก็จักเสด็จมาพบใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาทเมื่อนั้น ทรงเบาพระทัยเถิดพระพุทธเชัาข้า”
ช่วยวีเทหราชศัตรูผู้มาถึงเงื้อมมือของเราแล้วให้รอดพันไปได้ บอกฉันหน่อยได้ไหม”
kalyanamitra.org
๔๕๐
เจ้าช้า”
“ช้าพระพุทธเจ้าได้เตรียมการไวัดลอดหมด ตั้งแต่ก่อนที่จะมาสู่แว่นแคว้นของใด้ฝ่าละออง-
ธุลีพระบาท และได้ดำเนินการตามที่เตรียมไว้ทุกประการ เพื่อความวอดของพระเจ้าวิเทหวาช และเพื่อ
ความรอดของดน การที่คิดหาทางรอดไว้ และปฏิบัติการให้รอดได้ นี่แหละคึอทิพมายาของบัณฑิตละ
พระพุทธเจ้าข้า”
kalyanamitra.org
๖๙. ส์นติภาพ
พระอธิราชจุลนืทรงสดับต้อยคำของท่านมหาบัณฑิตแต้ว ทรงพระคำริว่า “มโหสถบอกว่า
วิเทหราชเสด็จไปทางอุโมงค์ที่เขาตกแต่งประดับประดาไว้ อุโมงค์นั้นเป็นเช่นไรหนออยากดูเหลือเกิน”
พระหทัยของพระองคน้อมไปในความปรารถนาอย่างแวง ในอันที่จะทอดพระเนตรอุโมงค์ชันเป็นทาง
เสด็จของพระเว้าวิเทหราช
ท่านมหาบัณฑิตสังเกตพระอาการ ก็ทราบว่าพระอธิราชทรงประสงค์จะทอดพระเนตรอุโมงค์
แลัวเป็นอย่างดี”
“ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกลัาๆ อุโมงค์ดันสวยงามที่ข้าพระพุทธเว้าสว้างด้วยปรีชา
“ข้าพระพุทธเว้าขอพระราชทานพระวโรกาสกราบทูลพรรณนาอุโมงค์โดยย่อ *1 ภายในอุโมงค์
ทรงชมท่านมหาบัณฑิตว่า
“เป็นลาภเหลือหลายของชาววิเทหะ ที่พวกเขาได้มีบัณฑิตเช่นพวกเธอนํ๋ พ่อมโหสถเอิย
เป็นลาภของชาวแคว้นนั้น”
kalyanamitra.org
๔๕๒
ปิดประดูอุโมงค์เสึย
ทันใดนั้น ประดูใหญ่ ๘๐ ประดูน้อย ๖๔ ประดูห้องนอน ®๐® ก็ปิดพ-โอมกัน และโคมไฟ
อีกหลาธ-โอยดวงก็ด้บพรึบพ-โคฯกันหมดไม่เหลึอสักดวงเดียว อุโมงค์ทั้งสิ้นมืด-มืดเหมือนโลกันตร์นรก
ดนที่ติดอยู่ในอุโมงค์มากมายด่างสะด้งกลัว ถูกความกลัวตายคุกคามขวัญหายไปทุกคน
ท่านมหาบัณฑิตรีบเดินไปตรงที่หมกพระขรรค์ไวัเมื่อวานนื่ ด้ยทรายออก หยิบขั๊นมาถึอไวั
โดดจับพระหัตถ์พระอธิราชจุลนีแลัวเงื้อพระขรรค์ขู่ว่า “พระมหาราช สมบัติในชมพูทวีปเป็นของใคร”
ราชทานเถิดพระพุทธเจ้าข้า”
เรื่องราวในตอนนื่ท่านมหาบัณฑิตกราบทูลว่า “มุ่งหมายจะแสดงอานุภาพแห่งปรีชา” ก็เท่า
กับว่าท่านมหาบัณฑิตได้คิดแลัวทุก จุ ประการ ได้กำหนดที่จะจำนนของพระอธิราชไวั ณ ที่ตรงนั้น
แลัวก็บังด้บข้บด้อนพวะอธิราชจุลนืมาถึงที่ตรงนั้นจนได้ เป็นที่กล่าวได้ว่า ท่านมหาบัณฑิตได้กำหนด
อันมาก
พระอธิราชจุลนืทรงเต็มตื้นไปด้วยพระปีติ ความรักในท่านมหาบัณฑิตได้ครอบครองพระทัย
kalyanamitra.org
๔๕'๓
บณฑิตตลอดกาล ท่านมหาบัณฑิตก็ถวายปฏิญาณทำนองเดียวกัน
พึงฆ่าพระราชาเสียทั้งหมดในชมพูทวีปแลัวครองราชสมนํตก็กระทำได้ แต่ได้ฝ่าละอองธุลีพระบาท
โปรดทรงพระอนุสรณ์ถึงแบบอย่างบัณฑิตเถิดพระพุทธเด้าข้า การฆ่าฝัยื่นแล้วครองความยิ่งใหญ่นั้น
ปวงบัณฑิตไม่สรรเสริญเลยพระพุทธเด้าช้า”
“พ่อบัณฑิต มหาชนไม่รัจะออกทางไหน พากันครํ่าครวญอยู่ในอุโมงค์” พระอธิราชจุลนีตรัส
“เธอจงเปิดประดูอุโมงค์ไท้ทานชีวิตแก่คนเหล่านั้นเถิด”
ท่านมหาบัณฑิตกดไกยนต์ ประตูทุกประตูก็เปิดออก และดวงโคมทุกดวงก็สว่างไสวไปทั่วกัน
มหาชนที่ดีดอยู่ในอุโมงค์ก็คลายไจหายหวาดกลัว พระราชาทั้งปวงก็เสด็จออกจากอุโมงค์พรัอมกับแสนยากร
“ข้าแต่พระมหาราชเด้าทุกพระองค์ โปรดอย่าทรงเข่าพระทัยว่าข้าพระพุทธเด้าถวายชีวิตแด่
ใด้ฝ่าพระบาททั้งหลายในครั้งนิ่เท่านั้นนะพระพุทธเด้าข้า มิใช่ครั้งนํ๋ครั้งเดียว่ คราวก่อนใด้ฝ่าพระบาท
ทั้งหลายก็ได้พระชนม์ชีพเพราะอาศัยข้าพระพุทธเด้าเหมือนกันนะพระพุทธเด้าช้า” ท่านมหาบัณฑิต
กราบทูล
“ครั้งไหนจ๊ะ พ่อบัณฑิต” พระราชาทุกพระองค์ตรัสถาม
“ขอเดชะ โปรดทรงสดับ” ท่านมหาบัณฑิตกราบทูล แล้วนำเรื่องราวที่พระอธิราชจุลนีชัด
พิธีดํ่มฉลองชัยตามด้อยคำของเกวัฏ สุราและอาหารในพิธีนั้นด้วนแต่ใส,ยาพิษทั้งนั้น ทั้งนั๊เพื่อปลงพระชนม์
kalyanamitra.org
๔๕๔
ธุลีพระบาทโปรดทรงขอขมาพระราชาทุกพระองค์เสียเถิดพระพุทธเด้าช้า”
พระอธิราชจุลนิตรัสกับพระราชาทั้งปวงว่า “หม่อมฉันได้กระทำความชัวรัายถึงขนาดนั้ ก็
เพราะอาศัยบุรุษชัวของหม่อมฉันเอง ช้อนํ๋เป็นความผิดของหม่อมฉัน ขอทุก รุ พระองค์โปรดทวงยก
โทษให้หม่อมฉันเชิด หม่อมฉันชักไม่กระทำเช่นนั๊อีกต่อไปแลัว”
พระราชาทุกพระองค์ต่างทรงรับขมาของพระอธิราชจุลนื ทรงแสดงโทษที่ล่วงเกินระหว่าง
กันแลัว กลับทรงสมัครสโมสรชินบานต่อกันด้วยลันถวไมตรีอันดียิ่ง
พระอธิราชจุลนิมีพระดำรัสสั่งให้เด้าพนักงานนำอาหารมาเป็นอันมาก พรัอมทั้งดนตรี ดอกไมั
เครื่องหอมนานาชนิด ทรงซักชวนพระราชาและท่านมหาบัณฑิตฉลองไมตรีกันในอุโมงค์อย่างสบุกสนาน
พระราชทานลักการะแก่ท่านมหาบัณฑิตมากมาย ตั้งพระทัยจะชวนท่านมหาบัณฑิตให้อยู่ประจึาในราชสำนัก
ของพระองค์ มีพระดำรัสว่า “พ่อบัณฑิต ฉันจะให้ทรัพย์ ให้ตำแหน่งและเสบียงอาหารเพิ่มเป็นทวีคูณ
เชิญพ่อบริโภคโกคะอันมองมูล และจงรื่นรมย์ในสั่งที่น่าปรารถนาเถิด อย่ากลับไปแควันวีเทหะเลย วีเทหราช
ชักทำอะไรแก่พ่อได้”
ท่านมหาบัณฑิตกราบทูลว่า “ขอเดชะ พระมหากรุณาธิคุณลันเกลัาๆ ข้าพระพุทธเชัาจะรับ
พระราชทานตามที่ทรงโปรดนั้นไม่ได้เลยพระพุทธเชัาข้า”
เป็นคนมีบาปกรรม’ โปรตทรงพระวิจารณ์เถิดพระพุทธเด้าข้า”
“ข้าพระพุทธเด้าขอกราบทูลพระกรุณาว่า พระเด้าวิเทหราชยังทรงพระชนม์อยู่ตราบใด ข้า
พระพุทธเด้าจะไม่ขอเป็นคนของพระราชาพระองค์อื่น จะไม่ขออยู่ในดินแดนของพระราชาพระองค์อื่น
พระพุทธเด้าข้า”
พระอธิราชจุลนิทรงสด้บแลัว เช้าพระทัยได้ดีว่า พระองค์ไม่สามารถจะซักชวนท่านมหาบัณฑิต
kalyanamitra.org
๔๕๕
ซีวิตอยู่ ก็จักมาอยู่กับฝ่าละอองธุลีพระบาทพระพุทธเด้าข้า”
พระอธิราชจุลน็ ทรงดีพระทัยอย่างยิ่ง ทรงเชิญท่านมหาบัณฑิตซ็งเตรียมการจะกลับมิชิลา
โดยต่วน ให้พำนักอยู่อีก ๗ วัน พระราชทานสักการะเป็นอันมาก ตลอดชิงการเลั๊ยงดูให้เป็นที่สำราญ
ในวันที,ท่านมหาบัณฑิตกราบถวายบังคมลาก็พระราชทานลักการะวรามิส โดยพระดำรัสว่า “พ่อมโหสถ
ฉันขอให้ทอง ๑,๐๐๐ ลิ่ม บ้านส่วย ๘๐ บ้าน ในแดนกาสี ทาสหญิง ๔๐๐ ภริยา ๑๐๐ แก่เธอ ขอเธอ
จงพาเสนางคนิกรทั้งหมดเดินทางไปโดยสวัสดีเชิด”
ไปสีบข่าวประจำราชสำนักนั้น *1 ก็พากันแห่ห้อมแวดล้อมท่านมหาบัณฑิตกลับคึนมิชิลานคร
kalyanamitra.org
๗๐. กลบมิถิลา
ท่านมหาบัณฑิตพรัอมด้วยบริวารขบวนมหึมาทั้งที่มากับท่าน ทั้งที่ได้รับพระราชทานจาก
บริวารขบวนใหญ่”
ท่านเสนกฬงแลัวดีใจยิ่งนัก รีบเข้าเผ้าพระเด้าวิเหทราชทันที พระเด้าวิเทหราชพระองค์ก็
น่าจะเป็นผู้อื่น มิใช่มโหสถเสียละกระมัง”
ชักด้องปรากฏในพระหทัยของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทอย่างสูงสุดทีเดียวพระพุทธเด้าข้า โปรดอย่าได้
ทรงเคลือบแคลงพระหทัยเลย ท่านมโหสถคุมขบวนเสนางคนิกรทั้งหมดนั้น เดินทางมาถึงมิถิลาโดย
สวัสดีแต้วละ พระพุทธเด้าช้า”
พระเด้าวิเทหราชทรงดีพระทัยเป็นอย่างยิ่ง ทรงสั่งใทัคนนำกลองไปดีประกาศทั่วพระนคร
kalyanamitra.org
๔๕'๗
ประตูเมืองจนถึงพระราชวัง ทั้งนั้ด้วยความรักและเลื่อมใสในบัญญาภูมิของท่านมหาบัณฑิตอย่างจริงใจ
ทรงพระราชทานทอง ๑,000 ลิ่ม บ้านส่วยในแคว้นกาสี ๘๐ บ้าน ทาสี ๔๐๐ ภริยา ๑๐๐ แย่ข้าพระ-
พุทธเว้า ข้าพระพุทธเว้าได้พาเสนางคนิกรทุกหมู่เหล่าเดินทางมาโดยสวัสดีพระพุทธเข้าช้า”
“เด็ดจริง! พ่อมโหสถ” ทรงชมเชยด้วยทรงดีพระท้ย ทรงร่าเริงตลอดเวลาที่ได้ทรงสดับ
พ่อมโหสถ”
ท่านเสนกก็กวาบทูลรับพระกระแสรับสั่งว่า "ขอเดชะ พระบารมีปกเกลัาๆ เป็นดังพระราช-
คำรัสแน่นอนพระพุทธเข้าข้า บัณฑิตทั้งหลายย่อมน่าแต่ความสุขมาไท้ถ่ายเดียวพระพุทธเข้าข้า”
พระเว้าวิเทหวาชทรงใท้ท่านมหาบัณฑิตกลับไปพักผ่อน แลัวมีพระราชกระแสรับสั่งไท้คนน่า
กลองไปเที่ยวดีประกาศพระบวมราชโองการว่า
kalyanamitra.org
๔๕๘
ใหญ่ทุกใบในมิถิลาจงบันลือเสียงอย่างครื้นเครง”
การประกาศกระแสพระบรมราชโองการ ของพระเจ้าวิเทหราชได้เป็นที่ด้อนรับของชาวมิถิลา
ทั่วทุกฝ่าย ตั้งต้นแต่ข้าราชการฝ่ายหน้า ซึ่งมีท่านเสนกเป็นประมุข ก็ได้ซักชวนบรรดาอำมาตย์ราชบริพาร
ทั่วทุกคนร่วมมือกันจัดงานฉลองอย่างครึกครื้น ทั้งข้าราชการฝ่ายใน มีพระนางอุทุมพรเทวิเป็นประธาน
พระพุทธเจ้าข้า”
พระเจ้าวิเทหราชสดับแลัว ตรัสสั่งว่า “ดีละพ่อ ส่งไปเร็วเถิดพ่อจัดการส่งไปเถิด”
ใหัทรงอำหนตวันเดินทาง
กษัตริย์ทั้ง ๓ พระองด็ ก็ทวงตระเตรียมที,จะเสด็จกลับบัญจาลนคร ทวงอำลาพระเจ้าวีเทหราช
kalyanamitra.org
ธโ,
จริง *1 แม่อดรำลึกชิงไม่ได้เลย”
พระอธิราชจุลนีทรงพ่งแลัว ยิ่งเพิ่มพูนพระปิดิโสมนัสทรงรักพระเจ้าวีเทหราชและท่านมหา-
บัณฑิตยิ่งนัก มีพระราชดำรัส สั่งให้ชัดบรรณาการไปถวายพระเจ้าวีเทหราชและท่านมหาบัณฑิตอีก
มากมาย
ตั้งแต่นั้นมาพระนครทั้ง ๒ ก็เป็นสุวรรณบัฐพีแผ่นเดียวกัน กษัตริย์ทั้ง ๒ พระองค์ ต่างก็
สมัครสโมสรด้วยสามัคคีรสชี่นบานต่อกัน ชมพูทวีปก็ปราศจากศึกสงคราม ประสบสันติเจียรกาล
ชิบภาคที่ ๓
kalyanamitra.org
kalyanamitra.org
ภาคท
มหานุภาพแห่งป็ญญา
สุภาษิตประจำภาค
ปฌฺฌา หิ เสฎฺขิา กุสลา วทนุดิ
นกขตฺตราชาริว ตารกานํ
สีลํ สิรี จาปิ สตฌฺจ ธมฺโม
อนุวายิกา ปฌฌวโต ภวนุติ
kalyanamitra.org
๗๑. ย้ายจากมิถิลา
ท่านมหาบัณฑิตได้ใซัปรีชาญาณอันสามารถอย่างยอดเยี่ยม ดำเนินการๆกสิ'งทุกอย่าง เพึ๋อ
เทิดทูนพระบรมราชอิสริยยศของพระเจ้าวิเทหราชดลอดดึงเพื่อความสงบสุขของประชาชนชาววิเทหรัฐ
หากจะสำรวจความเป็นไปของท่านมหาบัณฑิตนับแต่ได้รับสถาปนาในดำแหน่งผู้สำเร็จราชการ
วิเทหรัฐเป็นด้นมา ท่านได้กระทำงานอันสำคัญซึ่งยากและหนักหลายเรึ่องด้วยกัน นับแต่ได้ป้องกันมิให้
กล้าหาญในดินแดนแห่งพระอธิราชจุลนีเอง เท่ากับยอมตามเช้าไปอยู่ในปากเสือปากจระเข้พรัอมทั้ง
ในยามนั้น
kalyanamitra.org
๔๖๕
พระทัยหึงสาพยาบาทแต่ประกาวใด ทวงมีพระทัยไมตรีต่อพระนาง!!ญจาลขันทีเสมือนเป็นพระกนิษฐา
ทรงรับความเคารพเทิดทูนจากพระนาง!!ญจาลชันท้อย่างเต็มพระทัย ความสุขรื่นรมย์ในพระราชวัง แผ่
กระจายไปทั่ว!!านเมือง ในปีที่ ๒ ที่พระนาง!!ญจาลชันท้ ได้เป็นพระราชเทวิของพระเชัาวิเทหราช
พระนางก็ถวายรัชทายาทแห่งแควันวิเทหรัฐแต่พระราชสวามีดามพระมโนรถ ยิ่งก่อให้เถิดความปรีดา
ปราโมทย์แต่ชาวแควันวิเทหรัฐเป็นอย่างยิ่ง องค์พระราชโอรสนั้น คือมิ่งขวัญของประชาชนทีเดียว พระ-
ราชสมปติแด่พระราชโอรสรัชทายาท แมัจะทรงพระเยาวิด้วยพระชนม์แต่พระปรีชาสามารถเหมาะสม
ที่จะดำรงราไชควรรย้ทุกประการ
ภายหลังจากได้ขัดการบ้านเมืองเป็นที่เรียบรัอยแลัว วันหนึ่ง ท่านมหาบัณฑิดก็สั่งอมราเทวิ
ผู้เป็นศรีภรรยาให้ขัดเดรียมที่จะอพยพได้โดยเร็วทำให้อมราเทวีมีความฉงน จึงเอ่ยถามว่า “พ่อพระของ
อมรา จะไปไหนคะ จึ่งสั่งอพยพโดยต่วน”
“เทวีของฉัน เธอดงไม่ลืมว่า ฉันเคยถวายปฏิญญาไว้แต่พระอธิราชจุลนีว่า เมื่อพระเขัา-
วิเทหราชสิ้นพระชนม์แลัวจะไปรับราชการในบัญจาละ” ท่านมหาบัณฑิตซีแจง “บัดนึ่ก็เป็นกาลอันควร
ที่เราจะไปกันแลัว เทวีของฉันนึกได้หรือเปล่าจิะ?”
เทวีของฉันเซือฉันเถิด” ท่านมหาบ้ณฑิดแถลงให้เบาใจ
“พ่อพระของอมรา ได้ทำให้แผ่นดินประสบสันติสุข อมราดีใจค่ะที่ได้เห็นสันติปกแผ่ไปทั่ว
พระอัยยกาธิราชของใด้ฝ่าละอองธุลีพระบาทพระพุทธเชัาข้า”
พระเชัาวิเทหราชน้อย ทวงสดับแลัวตรัสว่า “ท่านบัณฑิตอย่าเพิ่งทิ้งฉันไปเลยอยู่กับฉันเถิด
ไปเลยนะท่านบัณฑิต”
พระนางบ้ญจาลขันที ประทับร่วมอยู่ด้วย ก็ได้ทรงช่วยทัดทานมีพระเสาวนีย์ว่า “ท่านบัณฑิต
kalyanamitra.org
๔๖๖
ไปตามระยะทางโดยสวัสดี
พระอธิราชจุลนืทรงทราบเรื่องการเดินทางมาของท่านมหาบัณฑิตทรงดีพระทัยเป็นอย่างยิ่ง
มีพระกระแสรับสั่งให้ตระเตรียมการด้อนรับอย่างมโหฬาร พระองค์เองก็เสด็จไปด้อนรับนอกพระนคร
ทวงเซือเชิญท่านมหาบัณฑิตเข้าสู่พระนครด้วยเกียรติยศอันใหญ่หลวง พระราชทานคฤหาสน้อันใหญ่
โตโอ่โถงและสง่างามแก,ท่านมหาบัณฑิตหลังหนี่ง พอที่ท่านจะอยู่ได้อย่างสบาย แลัวพระราชทานโภคะ
อื่น รุ นอกไปจากบัานส่วย ๘๐ บ้านที,เคยพระราชทานไวัแล้ว อีกส่วนหนึ่งด้วย
kalyanamitra.org
๔^^
เราต้องขอทดลองดู ให้รู้ว่าเป็นบัณฑิตจริงหรือมิใช่บัณฑิต”
ท่านมหาบัณฑิตเป็นบุคคลที่น่าเห็นใจอยู่มาก เป็นบุคคลที่เรียกกันอย่างสามัญก็ว่า “ถูกลองดี”
เสมอมา กว่าจะได้เข้ามารับราชการในราชสำนักแห่งพระเจ้าวิเทหราชครั้งที่ยังเยาว์อยู่ ก็ถูกทดลองถูก
ท่าทางอย่างเดียวกัน
ท่านมหาบัณฑิตเห็นกิริยาของพระแม่เภรีเช่นนั้น ก็เข้าใจได้ทันทีว่า “พระแม่เภรีถามว่า พระ-
นักปราชญ์ราชบัณฑิตมาสถิตอยู่เป็นมิ่งขวัญ พระแม่เดินต่อไปเพื่อไปยังที่อยู่
ท่านมหาบัณฑิตนมัสการพระแม่เภรีแล้วก็เดินเข้าวังไป
kalyanamitra.org
๗๒. ถูกใส่ความ
ท่านมหาบัณฑิต มีชีวิตเบื้องด้นผจญกับศัตรูเสมอมาตั้งแต่ราชสำนักมิถิลามาแส้ว ย้ายบ้านเมือง
ใหัเกิดสันติสุขแก่มวลชน แต่เป็นธรรมดาอยู่เองที่การกระทำนั้นย่อมมีผลกระทบกระเทือนต่อประโยชน์
พระนาง
“นลิน”ิ พระนางมีดำรัสเรียกสตรีผู้หนึ่งในจำนวนนั้น “มีข่าวคราวอะไรบ้างเล่า ฉันกส้มใจ
พวกเธอก็ทราบดีอยู่แส้ว ช่วยฉันบ้างชี”
“ใต้ฝ่าพระบาทเพคะ พวกเราทุกคนพยายามอยู่ตลอดมาเพคะ” นลิน็กราบทูลสนอง “ตั้งแต่
มโหสถเช้ามาอยู่ในบ้านเมืองของเรา พวกหม่อมฉันมิได้นึ่งนอนใจเลย คอยสังเกตความเคลื่อนไหว และ
ทรงระแวงเขาได้เพคะ”
“นืรชา วาสีนืเล่า ไม่มีอะไรบ้างหรือ” รับสั่งลามสตรีต่อไป “ได้ข่าวคราวอะไรมาบ้าง”
kalyanamitra.org
๔๖๙
พระอัสสาสะบัสสาสะ ด้วยทรงอัดอั้นพระทัย
“ก็ไม่มีทางอื่นใดนี่เพคะ” นลินืกราบทูล
“พร.ะแม่เหนือเกด้าๆ โปรดวางใจเถิดเพคะ พวกเราทุกคนพยายามทุกอย่าง เพื่อให้'พระแม่
ทุกระยะ และคอยสดับข่าวคราวของเขาอย่าได้คลาดทีเดียว”
“เพดะ พวกเรากำลังปฎิบัดีอยู่เช่นนั้น”
ทั้งนี่ เป็นเรื่องที่เกิดขื้นในพระค้าหนักของพระนางนันทาเทวี ภายหลังจากนั้น ความเคลื่อนไหว
ของท่านมหาบัณฑิตทุกระยะ จึงอยู่ในสายตาของสตรีผู้เป็นคนสนิทของพระนาง ด้งนั้นในวันที่ท่านมโหสถ
ซ่อนแอบดูอยู่
นลินึบอกกับอีกสองนาง “แน่ะ เธอดูนั่นซ็เห็นไหมพระแม่เภรีกับมโหสถบุ้ยใบ้อะไรกัน”
อีกสองนางต่างรับพรัอมกัน “เออ! เห็นแต้วชอบกลนะ อะไรกันก็ไม่รัซี คนหนี่งแบมีอ คน
หนี่งกำมือ แต้วคนแบมือก็ลูบหัว คนกำมือก็ลูบพ้อง แปลกนะ”
ดัดบท
“จริงซ็ นี่ก็เปันเรื่องอันพอเพียงที่จะถือเป็นเหตุรัายได้แลัว เราไปกันเถอะ”
ทั้งสามนางพากันไปเสาพระนางนันทาเทวี เป็นเวลาเดียวกันกับท่านมหาบัณฑิตเข้าเสาพวะ-
อธิราชจุลนื พระนางนันทาเทวีแต่งพระองค้เสร็จแลัว กำลังประทับนั่งเหนือพระแท่น และกำลังทรง
ร็าพีงถึงเรื่องวาวเกี่ยวกับท่านมหาบัณฑิต เมื่อนางข้าหลวงมากราบทูลถึงกาวมาของสตรีอันสูงสักดํ่ทั้ง
สามนาง พระนางดีพวะทัย รับสั่งใหัเข้ามาเสาโตยเร็ว
kalyanamitra.org
๔๗๐
ครองราชบ้ลลังก์บ้ญจาลรัฐ การที่พระแม่เภรีแบมือเหยียดออกไปหมายความว่าทำไมไม่จัดการเสียให้
ต่าง *1 ไปบอกแก่มโหสถก็ได้นะเพคะ”
นีรชากราบทูลเสริม “จะไปเอาอะไรกับนักบวชเล่าเพคะ ความมักใหญ่ มิใช่จะหมดไปจาก
จิตใจของผู้ที่เป็นนักบวชทุกคนนะเพคะ แมัท่านจะบวช แต่หัวใจยังไม่ยอมห่างจากเรื่องโลก ก็กลายเป็น
อาเพศปริพาชิกาบ้งหนัาก็เป็นได้นะเพคะ”
ข้อตกลงอะไรกับมโหสกก็ได้นะเพคะ”
“แล้วจะทำอย่างไรกัน พวกเธอกราบทูลพระราชาชิ” พระนางตรัสในที่สุด “จะได้เป็นความดี
ความชอบของพวกเธอที'อุตส่าห์สอดส่องป้องกันพระชนม์ของพระราชา”
kalyanamitra.org
๔
เกิด ทางทีควรน่าจะได้ทรงจัดกาวิฆ่ามโหลถเสียก่อนนะเพคะ”
พระอธิราชจุลนื ทรงสด้บถ้อยคำของนางทิ้งสามแล้ว พระองค์มิได้เซือพี'งทันที เพราะเหตุ
การณ์แต่ครั้งอดีต ตอนที่ประตูอุโมงค์ริมแม่นํ้าคงคา ที่ท่านมหาบัณฑิตเงื้อพระขรรค์ขู่พระองค์ ยัง
ถวายพระพร”
พระอธิราชจุลนิทรงสดับแล้ว มีพระดำรัสถามว่า “ช้าแต่พระแม่เชัา ท่านมีความเห็นเป็น
อย่างไร มโหสถเป็นบัณฑิตหรือมิใช่”
พระแม่เภรีถวายพระพรว่า “ขอถวายพระพร คนอื่นๆ ในชมพูทวีปทิ้งสิ้นที่จะเป็นบัณฑิต
พระราชทานตำแหน่งเสนาบดีแก่ท่าน พร้อมกันนั้นทรงมอบหมายกิจการบัานเมืองทิ้งหมดให้ท่านดำเนิน
kalyanamitra.org
๔๗๒
นั้นเอง
ท่านมหาบัณฑิดได้เป็นฝัสำเร็จราชการวิเทหจัฐมาแลัว ย้ายมาบ้ญจาสะก็ได้จับสถาปนาใน
ด้าแหน่งฝัสำเร็จราชกาวแห่งแควันอีก
kalyanamitra.org
๗๓. นำพระทํยของพระอธิราช
ในระหว่างที่พระอธิราชจุลนึ โปรดพระราชทานยศอันใหญ่ยิ่งนั้นเอง ท่านมหาบัณฑิตเกิด
ภายหลังจากทีได้สนทนาปราลัยตามลมควรแต้ว ท่านมหาบ้ณฑิตก็นมัสการลากลับคฤหาสน์
ซึ่งมีเทวีคู่ใจคอยด้อนรับเสมือนว่าท่านคือพ่อพระของนาง
ทรงโปรดปรานด้วยพระห้ยอันแห้จริงหรือไม่” ท่านมหาบัณฑิตเล่าให้พีง
kalyanamitra.org
๔๗๔
ในเวลารวดเร็ว เทวีของฉันอย่าด้องกังวลเลย”
รุ่งร้นจากวันนั่น พระแม่เภรีเข้าไปในวังตามปกติ พระอธิราชจุลนิเสด็จมาประทับนั่งอยู่ใกล้ จุ
แม่ถามเถิด”
พระแม่เภรีถามบัญหากะพระอธิราชจุลนึต่อไปว่า “ขอถวายพระพร สมมติว่าเมื่อคน ๗ คน
ตรัสอย่างนั้นเถิด ขอถวายพระพร”
kalyanamitra.org
๔๗๕
ทางพระอธิราชจุลน็เล่า พระนิสัยของพระองค์ทรงมีพระอาชวธรรมประจำพระมนัสมา
แต่ไหน 1 แลัว พระองค์ทวงพอพระทัยในท่านมหาบัณฑิตมาตั้งแต่โอกาสแรกที่ทรงพบในสนามธรรม
ยุทธ์ ณ มิชิลานคร ครั้งต่อมาได้ทรงเห็นใจของท่านมหาบัณฑิต ซึ่งเพียบพรัอมด้วยคุณธรรมอันจะ
นำสันติภาพมาสู่มวลประชาชน กับทั้งมิได้มีความคิดเป็นศัตรูตอบต่อพระองค์ และผู้ที่เป็นศัตรูอื่น คุ
แมัแต่น้อย ทั้งมีความจงรักภักดีในพระมหากษัตริย์อย่างยอดเยี่ยม ได้ปฏิบัติการทุกอย่าง เพื่อความเดิม
เติมเปียมแห่งพระมโนรถแห่งพระราชาของตน นอกจากนั้น ยังทรงปรีชาญาณเป็นยอดเยี่ยม สามารถ
แมัจะปกครองชมพูทวิปทั้งสื้นก็ได้ แต่มิได้มีความทะเยอทะยานเช่นนั้นเลย ใข้แต่ปรีชาญาณเพื่อประโยชน์
สุขแก่มวลชนเท่านั้น คุณสมบัติเหล่านี้เป็นที่ประจักษ์อยู่ และพระอธิราชจุลนีก็ทรงทราบดีอยู่ จึงโปรด
ปรานยิ่งนัก ฉะนั้นที่โปรดพระราชทานตำแหน่งเสนาบดีและดำแหน่งผู้สำเร็จราชการแก่ท่านมหาบัณฑิต
ไม่ทวงโปรดผู้ใดก็ตรัสตามพระอัธยาศัย
พระแม่เภรีได้ฟ้งพระดำรัสเช่นนี้ ก็เป็นอันได้ทราบความที่ด้องการจะทราบ ได้หยั่งนี้าพระทัย
ของพระอธิราชจุลนีได้ล่องแท้ว่า ทรงมีความรักท่านมหาบัณฑิตยิ่งกว่าตนเอง แต่ว่าคุณความดีของท่าน
มหาบัณฑิตยังไม่ปรากฎได้ ด้วยเหตุเพียงเท่านี้เลย ยังน้อยนักเพราะเป็นการรักันเฉพาะสองคนเท่านั้น
พระแม่เภรีจึงมีความคิดต่อไปว่า “เราจะแถลงถึงคุณความดีของคนเหล่านี้ในที่ประชุมของประชาชน
พระราชาก็จักตรัสถึงความเสียหายของคนเหล่านี้ แล้วทรงประกาศคุณของมโหสถบัณฑิตให้ปรากฏ
เมื่อเป็นเช่นนี้ คุณความดีของมโหสถจะปรากฏเด่นซัดเหมือนดวงจันทร์เพ็ญที่ปรากฏเด่นในท้องฟ้า”
kalyanamitra.org
๔เ^
ของมโหสถบัณฑิตไท้ปวากฎในชุมนุมชนดามเหตุผลที่ได้ประจักษ์แก่มหาบพิตร อาตมาภาพใคร่ขอพระ-
ราชวโรกาส เพื่อใท้บรรดาข้าราชบริพารทั้งฝ่ายหน้าฝ่ายใน ได้ประชุมพริ’อมกัน อาดมาภาพจะทูลถาม
เช่นเดียวกับที่ได้ทูลถามมาแด้ว ขอให้มหาบพิตรตรัสตอบพรัอมด้วยทรงอธิบายเหตุผล ทั้งนี่เพื่อให้มวลชน
ได้พิงจากพระโอษฐ์ของมหาบพิตร แลัวจะได้เห็นประจักษ์ในคุณงามความดีของมโหสถบัณฑิตอย่าง
แท้จริง ขอถวายพระพร”
“ข้าแต่พระแม่เจัา ฉันยินดีที่จะกระทำเช่นนั้น มิได้มีความข้ดข้องประการใด ฉันไม่มีดวาม
ตระหนี่ในการที่จะกล่าวถึงความดีของผู้ที่มีความดี และก็ไม่ปิดบังความข้วของใคร ใครข้วก็พูดกันตามข้ว
ใครดีก็ทุดกันตามดี นี่เป็นชัธยาศ้ยของฉัน พระแม่เร้าจะถามฉันได้และฉันจะตอบพระแม่เร้าตามความจริง”
พระอธิราชจุลนึตรัสอนุวัตตามด้วยดี
kalyanamitra.org
๗๔. ผู้มโทษ
พระแม่เภรี เห็นพระอธิราชทรงอนุวัดตามเช่นนั้นก็ดีใจ ด้องการจะให้คุณงามความดีของ
ท่านมหาบัณฑิตได้เป็นที่ทราบกันอย่างกระจ่างแจัง จึงได้ช่อใชิญให้ราชการฝ่ายใน ซ็งเป็นชาววังทั้งหมด
มาประชุมกัน พระแม่เภรีก็ลามบัญหานั้นกับพระอธิราชจุลนิเพึ่อให้ตรัสตอบในที'ประชุม
เมือพระอธิราชจุลนิมีพระดำรัสตอบดังที'ไต้ตรัสแด้ว พระแม่เภรีก็ทูลลามถึงเหตุที่จะทรง
ให้พระราชชนน้แก'ผีเสื้อนํ้าว่า “ขอถวายพระพร มหาบพิตรตรัสว่าฉันจักให้เสด็จแม่แก'ผีเสื้อนํ้าเป็น
คนแรกดังนื้ มหาบพิตรทรงมีพระดำริในเหตุอย่างไว อันธรรมดาว่ามารดานั้นย่อมมีพระคุณเป็นอันมาก
เหมือนดรุณเสด็จดำเนินกรายไปมา เด็ยงสายสังวาลของเสด็จแม่กระทบกันดังสะห้านวังไปทีเดียว
เสด็จแม่กังทรงพอพระทัยในการจะทรงพระสรวลอย่างร่าเริง เด็มพระทัยกับพวกคนเฝ็าประตูหรึอคน
สกช้าง ซ็งคนเหล่านั้นท่าทางไม่ดู่ควร แมัแด่จะกินพระกระยาหารที่เหลือเดนจากเสด็จแม่แลัว บางทีก็
ทรงหยอกลัอทรงพระสรวลเฮฮาจนเกินเวลาอันสมควร ยิ่งกว่านั้นอีกนะพระแม่เจัา เสด็จแม่ทรงสั่งทูต
kalyanamitra.org
๔^๘
หม่อมฉันยังทรงพระชนม์อยู่ในวัยที่ด้องการความรื่นรมย์ ขอให้พระองค์เสด็จมารับเสด็จแม่ของฉันไป
ไรเล่าพระองค์จึงได้ตรัสแก่พวกหม่อมฉันอย่างนี๊ ในเมื่อพระราชสาส์นตอบเหล่านั้นถูกนำมาอ่านใน
ท่ามกลางที่ประชุม เวลานั้นเป็นเหมือนเวลาที่ฉันจะถูกดัดศีรษะฉะนั้นแหละ พระแม่เด้าโปรดพิจารณาเชิด
นํ้าไป”
พระแม่เภรีพิงคำดำรัสของพระอธิราชจุลนีแลัวทูลถวายพระพรต่อไป “พระราชชนนีของ
มหาบพิตรทรงมีโทษดังที่ตรัสมา ซืงได้มีพระราชดำริที่จะทรงให้แก่ผีเสื้อนํ้าก่อน ก็เป็นพระดำรัสตาม
พระอนุชาธิราชของมหาบพิตรคือพระติขิณมนตรีมีพระอุปการะแต่มหาบพิตรไม่นัอยเลย เป็นยอดขุนพล
เป็นยอดนายขมังธนู เป็นจอมทหารผู้แกว่นกลัา ทั้งมีปรีชาคมคาย ชนบทที่เจริญรุ่งเรืองแผ่ออกไปอย่าง
kalyanamitra.org
๔๗๙
ทรงประหารฉัพภิพราหมณ์ผู้ทรยศด้วยพระหัตถ์ของพระองค์ ทรงนำราชสมบัติคืนมาถวายแด่มหาบพิตร
ยิ่งกว่านั้น กำลังพลแห่งป'ญจาละที่ได้รับการฟิกหัดเป็นอย่างดี มีความสันทัดในการศึก เป็นกองทัพที่
ญาณของพระอนุชาธิราช ความเจริญรุ่งเรืองความมั่งคั่งสมบูรณ์และความเกรียงไกรแห่งแสนยานุภาพ
ที่ป้ญจาละได้ประสบอยู่ในบัดนํ๋ กล่าวได้ว่าเกิดจากฟิพระหัตถ์และพระปรีชาสามารถแห่งองค์พระอนุชา-
ธิราชแทั "I ทีเดียว แด่เหตุไฉนพระองค์มีโทษอะไรมหาบพิตรถึงจะพระราชทานให้แก่ผีเสื้อนั้าเป็น
บุคคลที่ ๓ ขอถวายพระพร”
เธอได้ลรัางกองทัพอันเกรียงไกรเพื่อความเป็นอธิราชในชมพูทวีปของฉัน ทั้งนํ๋ก็เป็นคุณงามความดี
นํ้าเป็นบุคคลที' ๓ นะพระแม่เว้า”
เพราะโทษนื้แหละฉันจึงให้ธนูเสกข์แก่ผีเสื้อนํ้าเป็นอันที่ ๔ ขอพระแม่เว้าโปรดพิจารณาเถิดเว้าข้า”
kalyanamitra.org
๔๘๐
มีความชำนาญในการหาฤกษ์ยามในการยกทัพและในการจะเข้ารบ ทั้งเป็นผู้บอกเล่าฤกษ์ล่างฤกษ์บน
ชำนาญในทางแห่งดาวฤกษ์ บุคคลเช่นนั๊หาไม่ได้ง่าย *1 เลย เพราะโทษอะไรมหาบพิตรจึงจะพระราชทาน
ให้แก่ผีเสื้อนํ้าเปันคนที่ ๕ ขอถวายพระพร”
พระอธิราชจุลนิทรงมีพระดำรัสตอบดำถามของพระแม่เภรี ตามที่พระองค์ทรงพิจารณาเห็น
kalyanamitra.org
๗๕. คุณของบณฑต
พระแม่เภรีกราบทูลถามถึงความผิดของบุคคลที่พระอธิราชจุลนีจะโปรดพระราชทานแก่ผี-
ขอถวายพระพร”
พระอธิราชจุลนี ทรงสดับค้าถามของพระแม่เภรีแลัวมีพระราชประสงค์จะประกาศความดี
ของท่านมหาบัณฑิตให้ปรากฎ จึงมีพระดำรัสตอบว่า “ข้าแต่พระแม่เจ้า พ่อมโหสถ แม้จะมาจากบัาน
เมืองอื่น ก็มาด้วยมุ่งประโยชน์ มุ่งความเจริญแก่ฉัน ฉันไม่ทราบเลยอึงความทั่วแม้ลักนัอยของพ่อมโหสถ
ทั้งบัจจุบัน ฉันไม่ยอมให้พ่อมโหสถผู้ไม่มีความผิดเลยแก่ผีเสื้อนํ้าอย่างเด็ดขาดนะพระแม่เจ้า”
kalyanamitra.org
๔๘๒
บริพารฝ่ายในอย่างสูงเด่น ประหนึ่งทรงยกดวงจันทร์ชื้นฉะนั้น
เกียรติคุณของท่านมหาบัณฑิต ได้เป็นที่ปรากฏประจักษ์แก่ที่ประชุมข้าราชการฝ่ายในแต้ว
ตอบเหมือนอย่างที่แต้วมา เป็นการยืนยันเกียรติคุณของท่านมหาบัณฑิตในท่ามกลางประชาชนชาวเมือง
แก่ชาวปัญจาละเป็นใจความว่า
“ชาวปัญจาละทั้งหลาย ท่านทั้งหลายได้ยินแต้วมิใช่หรือว่า พระอธิราชของพวกท่านมีพระ-
ดารัสอย่างไร หากท่านได้ยินทั่วกันแต้ว พระอธิราชของพวกท่านทรงรักษาพ่อมโหสลบัณฑิต โดยทรง
ยอมสละพระชนม์ของพระองค์รักษา ซึ่งยากที่จะสละได้ พระอธิราชของชาวเรา ทรงรับสั่งพระราชทาน
ทั้งหลาย ปัญญามประโยขน์ใหญ่หลวงอย่างน”
พระแม่เภรี ได้ประกาศเกียรติคุณของท่านมหาบัณฑิตให้แพร่หลายตลอดกรุงปัญจาละแต้ว
ก็แสดงธรรมแก่ชาวปัญจาละให้เห็นคุณอันมหาศาลแห่งปัญญาด้งกล่าวมานึ่
พระนครทุกประการ มีความสุขเกษมศานต์จนตราบอวสานแห่งซีวิต
จบบริบูรณ์
kalyanamitra.org
บทเสริมท้าย
มหาบัณฑิตแห่งมิถิลานคร
ของ
น.อ.แย้ม ประพ้ฒน์ทอง
โดย
kalyanamitra.org
kalyanamitra.org
มหาบณฑิตแห่งมิถิลานคร
๑. ความนำ
เรื่องมหาบัณฑิตแห่งมิถิลานครนึ่เป็นเรื่องหนึ่งในมหานิบาตชาดก เป็นเรื่องของการบำเพ็ญ
ทรงบำเพ็ญบัญญาบารมี ผู้เขียนได้ถอดความและเรียบเรียงจากด้นฉบับภาษาบาลึเป็นภาษาไทยที่อ่าน
เข้าใจง่าย
๒. ลดษณะคำประพนธ์
ผู้เขียนเขียนเรื่องนึ่ไนลักษณะนวนิยายเรื่องยาว ลักษณะคำประพันธ์จึงชัดอยู่ในประเภทรัอยแก้ว
คือไม่มีบังคับสัมผัสหรือคด้องจอง แต่จะเป็นคำบรรยายและบทสนทนาที่สมจริง แต่ถึงกระนั้นผู้เขียนก้ยัง
อุปไมยอยู่ด้วย
ด้วอย่างเช่น ตอนที่บรรยายความรู้สึกของพระเจ้าวิเทหราชตอนที่เทวดาถามบัญหา
ล่คยาวไป ประหนงว่าถอยคนไปยู่เมอสนธยายเอนเห็นระยะแรกแห่งราตร็กาล ”
หรือตอนที่อนุเกวัฎทูลแนะนำพระอธิราชจุลน็เรื่องการรบ
kalyanamitra.org
ตัวอย่าง เช่น บทสนทนาระหว่างบัณฑิต ๔ ท่าน ของพระเจ้าวิเทหราช
“คุณนทูดอย่าง!ร’’ ท่านเลนกเลยงขุ่น “เดยากิสมมุตเป็นท่าแทน!อลูกบ้านนอกเสยเลย ผ่าข’'
๓. จุดมุ่งหมาย
เนื่องจากเรื่องมหาบัณฑิตแห่งมิถิลานครเป็นเรื่องที่น์ามาจากชาดกทางพุทธคาสนา ดังนั้น
ก. เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา
ข. เพื่อให้ความรู้ในด้านพระประวิดของพระพุทธเจ้า
ค. เพื่อยกย่องสรรเสริญพระปรีชาสามารถของพระมใหสก ชื่งเป็นชาติหนึ่งของ
พระพุทธเจ้า
๓.๒ จุดมุ่งหมายของผู้เข็ยนเรื่องมหาบัญฑิตแห่งมถลานคร
ก. เพื่อเป็นบรรณานุสาวรีย์ของผู้เขียน
ข. เพื่อให้ผู้อ่านได้ทราบถึงความฉลาดปราดเปรื่องของพระมโหสก ซ็งผู้เขียนประทับใจ
เช่นเดียวกับความฉลาดปราดเปรื่องของขงเบังในเรื่องสามกิก
๔. เนอเรื่องย่อ
ภาคที่ ๑ ผู้สำเร็จราชการวิเทหรัฐ
kalyanamitra.org
อำมาตย์คนที่ไปทางตะวันออกถึงบัานยวมัชฌคาม ได้ไปพบศาลาที่พักอันโอ่โถงงคงาม ได้'
สอบลามผู้คนทวาบว่าศาลานั๋สว่างโดยมโหสถกุมาร ซ็งมีอายุเพียง ๗ ปี ก็ร้ลึกอัศจรรย์ใจ และคิดว่า
มโหสลกุมารคงเป็นบัณฑิตที่พระเจ้าวิเทหราชใหัสืบหาแน่นอน จึงส่งข่าวไปกราบทูลพระเจ้าวิเทหราช
กล่าวถึงฝ่ายอาจารย์ทั้ง ๔ เห็นพระเจ้าวิเทหราชทรงฝักใฝ่ที่จะหาบัณฑิตคนใหม่ จึงเกิดความ
กล่บมาได'ในขณะทเด็กลน ๆ ทำไม่ได้
แองท ๒ นางยักษ์มาตู'เอาลูกของบญมานบนง มใบสถก็ใบ,'ทั้งสองแย่งลูกด้นใครด็งไต้กเปีนของ
ต่ออาการของลูก ม่ายนั้นควรเป็นแม่
แลงท 0) ขายอัปล่กบณ์บลงรักบญงงาม จ็งยอมตนรับใขบดามารดาของบญง จนกระทั้งได้
เทราะเกดก่อนเนอไมยอมแน่นแข็งกว่าจ็งบนกกว่า”
ครั้งท ๒ ดวงแต้วมณ ม่เกล่ยว เกล่ยว ม่ด้ายร้อยในเกล่ยวแต้ว เป็นด้ายเก่าขนาด ทระเต้า
ล่อมดแดง มดแดงด็ด็งด้ายใบม่ไป'ตามข่องเทอบานำผงจนกระด้งปลายด้ายโปโผล่'อกด้านบนง
ครั้งท ๓ ทระเต้าว่เทบราขด้องการใบ้ขาวยามขฌคามขวั้นทรวนทราย @ เต้นเอาไปทำสายขงข้า
kalyanamitra.org
(^)
ได้อย่างไร
พระเจ้าวิเทหราชทรงเห็นปรีชาของมโหสถตั้งแต่การทดลองครั้งที่ ๑ แล้ว แต่ถูกพระอาจารย์
ได้โอกาสกราบทูลว่า เป็นเพราะพระบารมีของพระองค์จะไม่ต้องถูกประเทศอื่นดูแคลนเรื่องราชบัณฑิต
จึงบันดาลให้เท้าม้าพระที,นั่งประสบอุปตเหตุเลียก่อน แล้วพระอาจารย์เสนกก็ทูลอุบายต่อไป ให้ส่งเรื่อง
ที่พระเจ้าวิเทหราชเสด็จมาและบอกปริศนาไปยังม!หสถว่า ให้ม!หสถล่งม้าอัสดรหรือม้าที่ประเสริฐมาให้
ไม่ด้องการขดคำอาจารย์ ในระหว่างเดินทางได้หลอกให้นางร้นไปเก็บลูกมะเดื่อแล้วเอาหนามมาวางไวั
พระนางอุทุมพรเป็นผู้อุปลัมภํคนสำคัญของม!หสถ เหตุเกิดจากวันหนึ่งพระเจ้าวิเทหราช
เสด็จประพาสอุทยาน พระนางอุทุมพรทอดพระเนตรเห็นปิงคุตตระอยู่ในกลุ่มคนที่ถูกเกณฑ์มากวาดถนน
บัญหาเรื่องคนมีบัญญากับคนมีทรัพย์ใครดีกว่ากัน
kalyanamitra.org
(๕)
ราชทาน
มโหสกรับราชการเจริญรุ่งเรือง เป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าวิเทหราช ทำให้บัณฑิตทั้ง
๔ ท่านอิจฉาริษยาและคิดทำลายมโหสก โดยวางแผนขโมยเครื่องประดับประจำพระองค์ของพระเจ้า
วิเทหราช แล้วอุบายใส'หม้อเปรึยงไปขายที่บัานมโหสถ แต่อาศัยที่นางอมราเป็นคนฉลาด เห็นผิดสังเกต
จึงซักไซ์ไต่กามคนขาย แล้วทำทีเป็นซื้อไว้ พระอาจารย์ไปทูลว่ามโหสกคิดการใหญ่ขโมยเครื่องประดับ
ประชาชนให้หันมาชี่นชมตน
เมื่อไม่มีมโหสถก็เท่ากับพระองค์ขาดดวงตาไป แต่พระเจัาวิเทหราชไม่ทรงทราบว่าจะทำประการใด
๒. บุคคลด่าผู้ใดตามขอบใจ แต่ใม่ปรารถนาท่จะให้ผู้ถูกด่าแข่งประลบผลร้ายตามคำด่าแข่ง
โม่ต'องการให้ความทด่าเท่งบั้น ๆ มาถงฝูทถูกด่า ผูทถูกด่าบั้นซ่อมเป็นทรกของผู้ด่าแข่ง ใครคอบุคคลบั้น
ใคร่กัน ใครคอบุคคลบั้น
kalyanamitra.org
(V
กลายเป็นทน่าร''กใคร่ ใครคอบุคคลนั้น
พระเจ้าวิเทหราชทรงซืนชมในบ้ญญาของมโหสล โปรดพระราชทานตำแหน่งเสนาบดีแก่
ม!หสล ท่าให้ไม่เป็นที'พอใจของพระอาจารย์ทั้ง ๔ พระอาจารย์ทั้ง ๔ ได้คิดอุบายกำจัดม!หสถอีก
ไปดัดศีรษะม!หสล
ม!หสถคิดหางทางแก้ไข จึงได้ไปหลบอยู่ในลังข้าวหน้าประตูพระราชวัง ซีงเปันที'ที่พระอาจารย์
พระนางอุทุมพรทรงเห็นพระเจ้าวิเทหราชผิดปกติไปจึงทูลถามก็ทรงทราบว่าพระเจ้าวิเทหราช
ทรงให้พระอาจารย์ทั้ง ๔ คอยฆ่าม!หสถ จึงลอบส่งข่าวให้ม!หสถทราบ ในวันรุ่งขนม!หสถจึงมิได้มา
เข้าเฝืาตอนเข้าตามปกติ พระอาจารย์ทั้ง ๔ จึงไม่มีโอกาสลอบฆ่า ม!หสถรอให้เวลาผ่านไป จึงชักชวน
ชาวมิชิลาเดินขบวนมาเฝืาพระเจ้าวิเทหราช และทูลขอให้โอกาสอธิบายเรื่องความลับต่าง *1 ให้ทรงทราบ
kalyanamitra.org
(^)
มโหสถได้จัดการปกครองบ้านเมืองให้ประชาชนร่มเย็นเป็นสุข ทำให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรึอง
ทุกด้าน ทั้งยังคิดเตรียมการป้องกันบ้านเมืองไว้ล่วงหน้า เผื่อจะมีข้าศึกมารุกราน ได้ให้ขุดคู สรัางกำแพง
ป้อมปราการต่าง *1 อย่างมั่นคงแข็งแรง ทั้งยังส่งสหชาติโยธา 1)08 คน ไปประจำตามราชสำน้กต่าง *1
อีกด้วย
ภาคที่ ๒ ร่ชทายาทแห่งป็ณูจาละ
ราชธรรม ราษฎรอยู่เย็นเป็นสุขเสมอมา
ต่อมาเกิดเหตุรัายร้นคือ พระนางสลากเทวีลอบเป็นชักับปุโรหิตที่ชี่อฉํพกพราหมณ์ และ
ทั้ง ๓ คนดายแล้ว
ทรงพระปริชาสามารถเป็นที่ปรากฏ ท่านอำมาตย์ผู้เฒ่าคนหนึ่งที,ยังจงรักภักดีต่อพระเจ้ามหาจุลนีก็หา
โอกาสทูลให้พระราชกุมารทรงทราบความจริง พระราชกุมารจึงทรงคิดอุบายฆ่าฉัพภิพราหมณ์ได้สำเรืจ
พวกอำมาตย์ผู้ใหญ่ประชุมตกลงกันจะถวายราชบัลลังก์แด่พระดิขิณมนตรี แต่พระนางสลากเทวีได้แจ้งว่า
kalyanamitra.org
(๘)
พระราชกุมารจุลนีพระโอรสองค์ใหญ่ยังทรงมีพระชนม์อยู่ พวกอำมาตย์จึงตกลงให้จัดขบวนไปเชิญเสด็จ
มาครองราชย์ต่อไป
อย่างแข็งแรง
กองทัพพระเจ้าอธิราชจุลนีใชัเวลาถึง ๗ ปีเศษ มีซัยชนะต่อแคว้นต่าง กุ เกือบทั่วชมพูทวีป
โดยที่ไม่ด้องต่อสู้เลย ทั่งนึ่เพราะแคว้นด่าง กุ เหล่านั้นมีกำลังเพียงเล็กน้อยจึงยอมแพ้ ยังเหลืออยู่แด่
ฝ่ายท่านมโหลถทราบแผนการนื่จึงส่งคนไปทำลายพิธี โดยทำลายข้าวปลาอาหารและสุราที่
ฝ่ายข้าศึกพ่ายแพ้
ท่านอาจารย์เกวัฎทูลพระเจ้าอธิราชจุลนีให้เปลี่ยนแผนโดยใซัวิธีปิดกั้นทางนำ เพราะเมือง
kalyanamitra.org
(๙)
ยัอนกลับมาล้อมกรุงมิติลาไว้อีก
คราวนั้ท่านมไหสตส่งพราหมณ์ผู้'ฉลาดหลักแหลมซือ อนุเกวัฎไปเป็นไส้ศึก โดยทำเป็นว่า
ไม่ถูกกับมโหสตถูกเฆี่ยนไป และไปขอพึ่งฝ่ายพระเจ้าอธิราชจุลน้ อนุเกว้ฎนอบน้อมถ่อมตนและทูล
ก็พ่ายแพัแก่มโหสตอย่างยับเยิน
ภาคที่ ๓ ในเงอมห*ตถ์จลน์
kalyanamitra.org
จึงทราบแผนการทั้งหมด แต่ไม่สามารถทูลคัดค้านพระเจ้าวิเทหราชได้ เพราะพระเจ้าวิเทหราชทรงปรารถนา
พระราชธิดา เนื่องจากก่อนที่พระเจ้าจุลนีจะทรงส่งเกวัฎให้นำพระราชสาสน์มาถวายนั้น ได้โปรดให้
นักกวิแต่เพลงชมโฉมพระราชธิดา จนเป็นที่กล่าวขวัญไปทั้ว และส่งนักกวิเหล่านั้นมาขับเพลงชมโฉม
ให้พระเจ้าวิเทหราชพ้งด้วย ในที่สุดมโหสถตัดสินใจเดินทางมากรุงบัญจาละก่อนโดยชัางว่ามาเตรียมการ
รับเสด็จ มโหสถทูลขออนุญาตพระเจ้าจุลนีสร้างพระราชวังถวายพระเจ้าวิเทหราชอยู่นอกเมืองริมแม่นํ้า
หาทางหนีทีไล่ไว้เสร็จเรียบรัอย แลัวให้ขุดอุโมงค์จากพระราชวังสร้างใหม่ไปโผล่ที่พระราชวังพระเจ้าจุลนี
ด้านหนื่ง และไปโผล่ท,ี ริมแม่นํ้าอีกด้านหนึ่ง โดยที่ทางฝ่ายบัญจาลนครไม่ทราบเลย
เมื่อพระเจ้าวิเทหราชเสด็จมาถึงบัญจาลนครและประทับที่พระราชวังนอกเมืองแล้ว พระเจ้า
แล้วพระเจ้าจุลนิทรงปฏิญาณว่าจะไม่ประทุษร้ายมโหสถตลอดไป มโหสถก็ถวายดำปฏิญาณเช่นเดียวกัน
เมื่อมโหสลกลับมิติลาแล้วก็ได้ขัดส่งพระชนนี พระมเหสี และพระราชโอรสของพระเจ้าจุลนี
กลับปญจาลนคร เหลือแต่พระราชธิดาซ็งมโหสถนำมาถวายแด'พระเจ้าวิเทหราชตามที่ทรงปรารถนา
ภาคที่ ๔ มหานุภาพแห่งป็ญญา
มโหสลรับราชกาวในกรงมิติลาต่อมาอีก •๐ ปี พระเจ้าวิเทหราชก็สิ้นพระชนม์ จึงได้ขัดการ
ถวายราชสมบัติแด่พระราชโอรสทีประสูติจากพระนางบัญจาลรันที และเมื่อจัดการบ้านเมืองเรียบร้อยแล้ว
มโหสถก็ย้ายไปอยู่กรุงบัญจาละตามดำสัญญาที่ให้ไวักับพระเจ้าอธิราชจุลนี เมื่อ •๐ ปีก่อน
ที่กรุงบ้ญจาละ มีสตรีสูงสักดิ้ผู้หนึ่งถึอเพศเป็นปริพาชิกา คือ พระแม่เฬรี พระแม่เภรีเป็น
บัณฑิตที่ฉลาด เป็นนักบวชประจ้าราชสกุล ได้ทราบเรื่องมโหสถเข้ามารับราชการกับพระเจ้าอธิราชจุลนี
ก็ใคร่จะทดลองบัญญาดู ฝ่ายมโหสถก็ปรารถนาจะพบพระแม่เภรีอยู่เหมือนกัน วันหนึ่งได้พบกันโดย
kalyanamitra.org
และกำลังหาทางใส,ความมโหสล พระนางจึงไปทูลพระเจ้าอธิราชจุลนีว่ามโหสถและพระแม่เภรีคบกัน
คิคการใหญ่ พระเจ้าอธิราชจุลนีไม่ทรงเซีอ แต่ก็ได้ทรงสอบลามทั้ง ๒ ท่าน ได้ความครงกัน จึงมิได้
ทวงคิดระแวงอีก และทรงแต่งตั้งให้มโหลถเป็นผู้สำเร็จราชกาวแห่งแคว้นกัปปิลรัฐ มโหลถเห็นว่า
รวดเร็วเกินไป จึงอยากจะรู้นํ้าพระทัยของพระเจ้าอธิราชจุลนีว่าทรงคิดอย่างไรกับตน จึงขอให้พระแม่เภรี
ลองหยังนำพระทัยดู
พระแม่เภวีใซัอุบายทูลถามบ้ญหาว่า ถ้าคนทั้ง ๗ คือ พระเจ้าจุลนี พระราชชนนี พระมเหสี
พระอนุชา พระสหายธนูเสกข์ อาจารย์เกวัฏ และมโหลล ไปพบผีเสื้อสมุทร แล้วพระเจ้าจุลนีด้อง
พระราชทานคน ๖ คนให้ผีเสื้อสมุทรกิน จะพระราชทานใครดามลำดับอย่างไร
และทูลขอให้พระเจ้าอธิราชจุลนีประกาศเกียรติคุณของมโหสถต่อชาวเมืองบ้ญจาละด้วย
๕. กลวิธีการประพ่นธ์
ผู้เขียนได้กล่าวไว้ในคำปรารถว่า “โขเวลาร่วม ๑๐ ป เทอถ่ายทอดมโหลถขาดกจากท่'น-ฉบบ
ภาษาบาลมาปูภาบาโทย ไม่ใข่เป็นการแปลคำท่อคำ หร่อประโยคท่อประโยค แท่เป็นการถอดความและ
เร่ยงความใหม่ ดามแบบแผนการประทันธ์เรองยาว”
ผู้เขียนได้แบ่งเรื่องออกเป็น ๔ ภาค คือ
ภาคที่ ๑ ผู้สำเร็จราชการวิเทหรัฐ
ภาคที่ ๒ มิลิลาเผชิญศึก
ภาคที่ ๓ ในเงื้อมหัตถ์จุลน็
ภาคที่ ๔ มหานุภาพแห่งบ้ญญา
kalyanamitra.org
('๑/ธ)
๖. ฅวละครสำคญ
ตัวละครสำคัญในเรื่องนี้ แบ่งออกเป็น ๒ ฝ่าย คือ ฝ่ายมิถิลานคร และฝ่ายบ่ญจาลนคร
ฝ่ายมิถลานคร
ล. มโหสถ เป็นตัวละครเอกของเรื่อง ตามชาดกมโหสถก็คือ ชาติหนึ่งของพระโพธิสัตว์
เป็นชาติที,ทรงบำเพ็ญบ่ญญาบารมี ดังนั้นลักษณะเด่นของมโหลถก็คือ เป็นบัณฑิตผู้ฉลาดปราดเปรื่อง
วิเทหราชที่ทรงชุบเลํ่ยงมา มโหสถไม่เคยคิดจะตั้งตัวเป็นใหญ่เลย
มักจะทรงฬงเหตุผลของบัณฑิตของพระองค์อยู่เสมอ แต่พระอุปนิสัยอย่างหนึ่งที่ทำใหัมโหสถลำบาก
มโหสลเรื่องคนมีบ่ญญาและคนมีทรัพย์ใครดีกว่ากัน นอกจากนี้หลายครั้งก็ไม'สามารถแสดงบ่ญญาได้
เช่น ตอนที่พระเจ้าวิเทหราชถามบ่ญหาเรื่องหมากับแพะ ก็ด้องไปพึ่งมโสสถ และบ่ญหาของเทวดาก็
ตอบไม่ได้
kalyanamitra.org
ฝ่ายบัญชิาลนคร
หวะ(จาอธิวไชจุลน เป็นกษัตริย์ที่เข้มแข็ง ทรงปกครองบ้านเมืองใหญ่เจริญรุ'งเรึอง และ
รุกรานแว่นแคว้นค่าง *1 แค่เมือทวงพ่ายแพ้แก่มโหสถก็ทรงยอมรับความพ่ายแพ้นั้นแลัวยกย่องสรรเสริญ
มโหสถอย่างเต็มพระทัย
พระเจัาอธิราชจุลนีพ่ายแพ้แก่มโหสถ ก็พยายามหาทางช่วยแก้ไขสถานการณ์อย่างเต็มกำลังความสามารถ
๗. สาระและข้อคดจาก!รอง
เรื่องมหาบัณฑิตแห่งมิถิลานควนั๊เป็นเรื่องที่ให้สาระประโยชน์และข้อคิดค่าง’! มากมายหลายด้าน
ชี่งพอจะสรุปได้ตังนึ่
อย่างแยบคาย ห่าให้ผู้อ่านพลอยเป็นผู้มีบัญญาไปด้วย
ยังทราบถึงวิธีกาวห่านุบำรุงบ้านเมือง และการบำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชน
๓. กลยุทธีโนกาวสงความ นั้นเช้งและเล่ห์เหลี่ยมต่าง รุ จะเห็นได้จากตอนที่พระเจัาอธิราช
จุลนึยกกองทัพไปยึดเมืองต่าง รุ ได้โดยไม่ด้องต่อสู้เลยหรึอตอนที่มาลัอมเมืองมิถิลา ก็ใช้วิธีการต่าง รุ
ที่จะห่าให้มิลิลายอมแพ้ และทางฝ่ายมิถิลาก็ใช้วิธีการต่าง รุ ที่จะเอาชนะให้ได้ หรึอดอนสุดทัายที่มโหสถ
วางแผนสรัางอุโมงค์เพื่อเป็นทางหนีของพระเจัาวิเทหราช และเป็นทางจับตัวประกันจากบัญจาลนครด้วย
และที่สำคัญคึอได้ทราบวิธีการรบแบบโบราณวิธีหนึ่งที่เรึยกว่า “ธรรมยุทธ์”
kalyanamitra.org
มหาบัณฑิตแห่งมิถิลานดร
น.อ.แย้ม ประพ้ฒน์ทอง
หนังสือเล่มนี้
ผลิตด้วยวัสดุอย่างดี
เข้าเล่มด้วยการเย็บกี่ ที่อยู่ได้นาน
เพิ่มสีสันและจัดรูปเล่มให้สวยงามยิ่งขึ้น
ด้วยหวังว่าจะให้ช่วยกันรักษาไว้ไม่ตํ่ากว่า ๑๐๐ ปี
เพื่อในกาลต่อไป ไม่มีใครพิมพ์หนังสืออย่างนี้ออกเผยแพร่
ลูกหลานของเราจะได้มีหนังสือที่ดีไว้ศึกษา เป็นประทีปส่องทางชีวิต
kalyanamitra.org
kalyanamitra.org