Professional Documents
Culture Documents
Pattanan,+ ($usergroup) ,+no1 6 2021
Pattanan,+ ($usergroup) ,+no1 6 2021
วารสาร มจร. เลย ปริทัศน์ journal of mcu. loei review วารสาร มจร เลย ปริทัศน์ journal of mcu loei review
ปีที่ 2 ฉบั2564
ปีที่ 2 ฉบับที่ 1 เดือน มกราคม - เมษายน บที่ 1 Vol.
เดือน 2มกราคม-เมษายน
NO. 1 January2564
– April
Vol. 22021
NO. 1 January – April 2021
สติปัฏฐาน 4 : พัฒนาตนพัฒนาจิตในชีวิตประจาวัน
บทคัดย่อ
การมีสติเข้าไประลึกรู้ในสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตนเอง โดยมีสติเป็นประธานหรือการตั้งสติ
เข้าไปพิจารณาสิ่งทั้งหลายให้รู้เห็นเท่าทันตามความเป็นจริง การมีสติกากับดูสิ่งต่างๆ และความเป็นไป
ทั้งหลายให้รู้เท่าทันตามสภาวะตามความเป็นจริงของสิ่งนั้นๆ ไม่ถูกครอบงาด้วยความยินดียินร้ายไปกับ
อารมณ์ทาให้มองเห็นเพียงไปตามอานาจกิเลส การเจริญสติโดยใช้หลักสติปัฏฐานนี้ เป็นเครื่องชาระใจ
ให้บริสุทธิ์ ทาให้เราทั้งหลายเข้าใจคาว่า รูปนาม และไตรลักษณ์ได้ดียิ่งขึ้น รู้จักวิธีดาเนินชีวิตที่ถูกต้อง
ไม่ลุ่มหลง ไม่มัวเมา และเป็นคนมีเมตตากรุณา ไม่เบียดเบียน หรือเอารัดเอาเปรียบกัน เป็นคนว่าง่าย
สอนง่ า ย ไม่ มี ม านะทิ ฏ ฐิ ไม่ ถื อ ตั ว มี ก ายวาจาใจที่ บ ริ สุ ท ธิ์ และสามารถควบคุ ม ตั ว เองได้ ใ นทุ ก
สถานการณ์ ทาให้เราอยู่ในสังคมได้อย่างเป็นสุข
Abstract
บทนา
สติปัฏฐาน 4 กับการปฏิบัติธรรมในชีวิต
สติปฏฐาน 4 ประกอบดวยคาวา สติ ที่มีความหมายวา สติ, ความระลึกไดและคาวา ป
ฏฐาน ที่มีความหมายวา ที่ตั้ง, ฐาน มีรูปวิเคราะหวา สติยา ปฏฐาน สติ จ สา ปฏฐาน ฺจาติ สติปฏฐาน
(ม.มู.อ. (บาลี) 1/106/253: 149.) มายถึง ที่ตั้ง ของสติคือ มีสติเปนฐานเพื่อเขาไปสูอารมณทั้งหลายมี
4 ประการ คือ
64 64
วารสาร มจร. เลย ปริทัศน์ journal of mcu. loei review วารสาร มจร เลย ปริทัศน์ journal of mcu loei review
ปีที่ 2 ฉบั2564
ปีที่ 2 ฉบับที่ 1 เดือน มกราคม - เมษายน บที่ 1 Vol.
เดือน 2มกราคม-เมษายน
NO. 1 January2564
– April
Vol. 22021
NO. 1 January – April 2021
วารสาร มจร. เลย ปริทัศน์ journal of mcu. loei review วารสาร มจร เลย ปริทัศน์ journal of mcu loei review
ปีที่ 2 ฉบั2564
ปีที่ 2 ฉบับที่ 1 เดือน มกราคม - เมษายน บที่ 1 Vol.
เดือน 2มกราคม-เมษายน
NO. 1 January2564
– April
Vol. 22021
NO. 1 January – April 2021
วารสาร มจร. เลย ปริทัศน์ journal of mcu. loei review วารสาร มจร เลย ปริทัศน์ journal of mcu loei review
ปีที่ 2 ฉบั2564
ปีที่ 2 ฉบับที่ 1 เดือน มกราคม - เมษายน บที่ 1 Vol.
เดือน 2มกราคม-เมษายน
NO. 1 January2564
– April
Vol. 22021
NO. 1 January – April 2021
วารสาร มจร. เลย ปริทัศน์ journal of mcu. loei review วารสาร มจร เลย ปริทัศน์ journal of mcu loei review
ปีที่ 2 ฉบั2564
ปีที่ 2 ฉบับที่ 1 เดือน มกราคม - เมษายน บที่ 1 Vol.
เดือน 2มกราคม-เมษายน
NO. 1 January2564
– April
Vol. 22021
NO. 1 January – April 2021
6) มนายตนะ 6) ธัมมายตนะ
อายตนะ 12 วาดวยการตั้งสติกาหนดพิจารณาอายตนะภายใน 6 คือ ตา หูจมูก ลิ้น กายใจ
และอายตนะภายนอก 6 คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธัมมารมณสักแตวาอายตนะเปนที่ตอของ
ชีวิต (คือ ระหวางรูปกับรูป หรือระหวางรูปกับนาม ใหติดตอกันเกิดความรูทางใจขึ้นได และเปนที่ไหล
มาของบุญและบาป ไมใชสัตว บุคคล ตัวตน เรา เขา เปนเพียงปรมัตถธรรม คือ ขันธ อายตนะ ธาตุ
สัจจะ เทานั้น (ที.ปา. (ไทย) 11/304-305/255) โดยมีวิธีการกาหนดรูตามนี้
1) รูชัดตา รูชัดรูป เครื่องรอยรัดทั้งหลาย อาศัยตาและรูปเกิดขึ้น รู ชัดสังโยชนนั้น การเกิด
การละดับไมมี รูชัดดวยเหตุนั้น ขณะเห็นรูปกาหนดวา เห็นหนอ ๆๆ
2) รูชัดหู รูชัดเสียง เครื่องรอยรัด (สังโยชน อาศัยหูและเสียงเกิดขึ้น รู ชัดสังโยชนนั้นการ
เกิด การละ ดับไมมี รูชัดดวยเหตุนั้น ขณะไดยินกาหนดรูวา ไดยินหนอ ๆๆ
3) รูชัดจมูก รูชัดกลิ่น เครื่องรอยรัด (สังโยชน อาศัยจมูกและกลิ่นเกิดขึ้น รู ชัดสังโยชนนั้น
การเกิด การละ ดับไมมี รูชัดดวยเหตุนั้น ขณะรูกลิ่นกาหนดรูวา รูหนอ ๆๆ
4) รูชัดลิ้น รูชัดรส เครื่องรอยรัด (สังโยชน อาศัยลิ้นและรสเกิดขึ้น รูชัดสังโยชนนั้นการเกิด
การละ ดับไมมี รูชัดดวยเหตุนั้นขณะที่ลิ้มรส กาหนดวา รูหนอ ๆๆ
5) รูชัดกาย รูชัดสัมผัส เครื่องรอยรัด (สังโยชน อาศัยกายและสัมผัสเกิดขึ้น การเกิด การ
ละ ดับไมมี ก็รชู ัดเหตุนั้น ขณะรูสัมผัสกาหนดรูวา ถูกหนอ ๆๆ
6) รูชัดใจ รู ชัดธรรมารมณ เครื่องรอยรัด (สังโยชน อาศัยใจและธรรมารมณเกิดขึ้น การ
เกิด การละ ดับไมมี ก็รูชัดเหตุนั้น ขณะนึกคิด กาหนดรูวาคิดหนอ ๆๆ
โดยสรุปธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐานเป็นการพิจารณาให้เห็นว่า ธรรมสักว่าธรรมไม่ใช่สัตว์
บุคคลตัวตนเราเขา เป็นเพียงแต่ว่าธรรมเท่านั้น ไม่ควรเข้าไปยึดมั่นถือมั่น
สติปฏฐาน 4 นี้ เปนการใชสติเปนฐานเขาไปสูอารมณทั้งหลาย โดยกาหนดอาการวาไมงาม
ไมเที่ยง เปนทุกข เปนอนัตตา และดวยการทากิจใหสาเร็จในการละความสาคัญวางาม วาเที่ยง วาเป
นสุข วามีอัตตาใน กาย เวทนา จิต และธรรม เปนการตั้งสติกาหนดพิจารณาสิ่งทั้งหลายใหรูเห็นตาม
ความเปนจริง โดยอิงอาศัย กาย เวทนา จิต และธรรม เปนฐานรองรับ เมื่อผูฝกตนปฏิบัติดีแลวจะสงผล
ใหถึงความบริสุทธิ์ทาใหหลุดพน จากความเศราโศกเสียใจ ความพิไรราพัน สามารถดับความทุกข
โทมนัสลงได ใหบรรลุนิพพานได ดังพระพุทธพจนที่ทรงยกยองสติป ฏฐาน 4 วาเปนทางสายเอกเพื่อ
บรรลุนิพพานวา “ภิกษุทั้งหลาย ทางนี้เป็นทางเดียว เพื่อความหมดจดของสัตวทั้งหลาย เพื่อกาวลวงโส
กะ (ความเศราโศก) และปริเทวะ (พิไรราพัน) เพื่อดับทุกข และโทมนัส เพื่อบรรลุญายธรรม (ธรรมที่
ถูกตอง) เพื่อทานิพพานใหแจงคือ สติปฏฐาน 4
สิ่งที่ลวงมาแลวอยาไดเก็บเอามาคิด สิ่งที่ยังมาไมถึงก็อยาคิด ขอใหใชสติกาหนดอยูกับปจจุ
บันใหดี ที่สุด โดยพิจารณาเห็นในจิตเนือง ๆ ดังนี้
จากที่ไดกลาวมาขางตน สรุปไดวา สติปฏฐาน 4 หมายถึงที่ตั้งแหงสติ คือมีสติเปนฐานเพื่อ
เขาไปสู อารมณทั้งหลายโดยการกาหนดอาการทั้ง 4 ประการคือ กายานุป สสนาอยาง 1 การพิจารณา
เห็นกายในกาย เวทนานุปสสนาอยาง 1 การพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนา จิตตานุป สสนาอยาง 1 การ
72 72
วารสาร มจร. เลย ปริทัศน์ journal of mcu. loei review วารสาร มจร เลย ปริทัศน์ journal of mcu loei review
ปีที่ 2 ฉบั2564
ปีที่ 2 ฉบับที่ 1 เดือน มกราคม - เมษายน บที่ 1 Vol.
เดือน 2มกราคม-เมษายน
NO. 1 January2564
– April
Vol. 22021
NO. 1 January – April 2021
การเข้าไปรับรู้ตามความจริงของธรรมชาติต่อการดาเนินชีวิตประจาวันของผู้เจริญสติปัฏฐาน 4
พระพุทธศาสนามีทรรศนะในการมองโลกเป็นธรรมชาติที่เชื่อว่าทั้งจิตและวัตถุเป็นจริ ง
เท่าๆ กันมนุษย์มีประสบการณ์และกิจกรรมต่างๆ ในลักษณะของปรากฏการณ์ที่มีความสัมพันธ์ กัน
ระหว่างจิตกับวัตถุและมีลักษณะพิเศษที่ทาให้มนุษย์ต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่นคือ มีปัญญา ทั้งนี้เพราะ พระ
พุทธองค์เมื่อทรงสอนเรื่องความจริงว่า ความจริงมีอยู่ 2 ระดับคือ ความจริงระดับสมมติเรียกว่า สมมติ
สัจจะ (Conventional Truth)ได้แก่ สิ่งที่เป็นจริงเพราะมีบัญญัติเองชาวโลกรับรู้ร่วมกันเช่น คนพ่อแม่
ลูกสุนักต้นไม้ภูเขาแม่น้า เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจาการรวมตัวของขันธ์ 5 ซึ่งเป็นการ รวมตัวของ
วัตถุและจิตเข้าด้วยกัน สิ่งที่ปรากฏเป็นโลกและสิ่งต่างๆ ล้วนเป็นปรากฏการณ์ที่สัมพันธ์ กันระหว่างจิต
กับวัตถุและชาวโลก (พระเมธีธรรมาภรณ์ (ประยูร ธมฺมจิตโต): 2553) หรือกล่าวอีกนัย หนึ่ง ความจริง
ในระดับนี้เป็นสิ่งที่มีอยู่แบบธรรมชาตินิยมรับรู้ได้ด้วยประสาทสัมผัสมีการเปลี่ยนแปลงได้ ส่วนอีกระดับ
หนึ่งเป็นระดับพ้นวิสัยโลกเรียกว่า ปรมัตถสัจจะ (Ultimate Truth) เป็นความจริงในระดับสูงสุดนั่น คือ
พระนิพพาน พระนิพพานนั้น ได้แก่ ภาวะที่ความทุกข์ดับ ถือเป็น คุณค่าสูงสุดในชีวิตนิพพานเป็น
เป้าหมายของชีวิต ชีวิตที่ดี คือ ชีวิตที่มุ่งไปสู่พระนิพพานนั้น ส่วนชีวิต ที่ไม่ดี คือ ชีวิตที่เดินสวนทางกับ
พระนิพพานดังนั้น พระนิพพานจึงเป็นหลักในการตัดสินความดี ความชั่ว การทาความดีคือ การดาเนิน
ไปตามหนทางสู่พระนิพพานนั่นเอง
พุทธศาสนาเถรวาทมีความเห็นว่า สภาพความเป็นจริง และความสุขของมนุษย์นั้นมีหลาย
ชนิดแต่อย่างนั้นก็สามารถสรุปได้ 3 ระดับดังนี้คือ
1) กามสุข ได้แก่ สุขอันเนื่องด้วยกาม เป็นความสุขทางผัสสะที่ต้องอ้างอิงวัตถุเช่น ความสุข
จากการกิ น ดื่ ม เที่ ย ว หรื อ ระดั บ ที่ สู ง ขึ้ น ไปเป็ น ระดั บ จิ ต ใจคื อ ความสุ ข จากการมี ต าแหน่ ง
ยศถาบรรดาศักดิ์ มีทรัพย์สมบัติมีบริวารพรั่งพร้อมไปด้วยความสุข แต่ถึงอย่ างไรความสุขเช่นนี้ถือว่า
เป็นความสุขที่เนื่องด้วยกาม เป็นของชาวโลกโดยทั่วไปดังที่ (พระเทพเวที (ป.อ. ปยุตฺโต) ได้จัดความสุข
ขั้นนี้อยู่ในความสุขระดับศีล
2) ฌานสุข ได้แก่ ความสุขเนื่องด้วยฌาน หรือสมาธิเป็นความสุขด้านจิตใจที่ไม่อ้างอิง
อาศัยวัตถุแต่เป็นความสุขที่เกิดจากความสงบทางจิตที่เกิดจากสมาธิซึ่ งยังต้องอาศัยธรรมารมณ์เป็น
อาหารหล่อเลี้ยงอยู่ความสุขระดับฌานนี้เป็นความสุขที่สามารถทาให้เกิดทาให้มีโดยการบาเพ็ญ เพียร
ทางจิต แต่ก็สามารถเสื่อมได้เช่นกันฌานสุขนี้จัดอยู่ในความสุขระดับสมาธิ
3) นิพพานสุข ได้แก่ ความสุขเนื่องด้วยนิพพาน หมายถึง การดับตัณหาดั บทุกข์ได้เป็น
ความสุขที่อยู่ในขั้นที่จิตเป็นอิสรภาพ หรือขั้นวิมุตติซึ่งมีปัญญาเห็นแจ้งจริงในสิ่งทั้งหลายโดยไม่เข้าไป
ยึดติด หรือถูกครอบงาโดยความแปรปรวนของโลกและชีวิต ความสุขขั้นนิพพานสุขนี้จัดอยู่ในความสุข
ระดับปัญญา ในความสุขทั้ง 3 ระดับนั้น แม้พุทธศาสนาจะยอมรับว่า กามสุขเป็นความสุขระดับหยาบๆ
อยู่ แต่ไม่ได้ปฏิเสธความสุขระดับนี้ เพียงแต่เสนอแนะว่ามีความสุขที่ดีกว่าประเสริฐกว่ากามสุข มนุษย์
74 74
วารสาร มจร. เลย ปริทัศน์ journal of mcu. loei review วารสาร มจร เลย ปริทัศน์ journal of mcu loei review
ปีที่ 2 ฉบั2564
ปีที่ 2 ฉบับที่ 1 เดือน มกราคม - เมษายน บที่ 1 Vol.
เดือน 2มกราคม-เมษายน
NO. 1 January2564
– April
Vol. 22021
NO. 1 January – April 2021
ไม่ความยึดติดอยู่กับความสุขระดับใดระดับหนึ่ง แต่สมควรจะพัฒนาตนเองเพื่อที่จะก้าวไปสู่ความสุขที่
ดีกว่า จนถึงความสุขขั้นวิมุตติ คือ ในขั้นนิพพานซึ่งถือว่าเป็นจุดหมาย ปลายทางของความสุขที่พุทธ
ศาสนาเสนอไว้ให้ทุกคนได้ปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติตามหลักสติปัฏ ฐาน 4 นั่นเอง
การเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ปฏิบัติตามหลักสติปัฏฐาน 4
การเปลี่ยนพฤติกรรมโดยใช้วิธีการพัฒนาตนตามหลักสติปัฏฐาน 4 นั้น ในการดาเนินชีวิต
ของมนุษย์ทั่วไป ซึ่งยังต้องเกี่ยวข้องกับโลกที่ยังต้องหลงใหลอยู่ในกามคุณทั้งความน่าพอใจและไม่น่า
พอใจ จึงเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่ระมัดระวังทวารทั้ง 6 ดังนั้นการฝึกฝนตนเองยังต้องดาเนินไปอย่าง
ต่อเนื่อง กระบวนการฝึกตนเพื่อการพัฒนาปัญญาที่มุ่งหวังเพื่อการขัดเกลากิเลสจึงต้องอาศัยวิธีการที่
เป็นรูปแบบเพื่อให้ปัญญาได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องซึ่งเรียกการฝึกตนในส่วนนี้ว่า ภาคปฏิบัติหรือ
การภาวนา ได้แก่ สติปัฏฐาน 4 การฝึกเจริญสติโดยใช้หลักการเจริญสติปัฏฐาน “ภิกษุ ทั้งหลาย ทางนี้
เป็นทางสายเอกอย่างเดียว เพื่อความบริสุทธิ์ของเหล่าสัตว์ เพื่อก้าวล่วงโสกะ และปริเทวะ เพื่อดับทุกข์
และโทมนัส เพื่อบรรลุญายธรรม เพื่อทาให้แจ้งซึ่งพระนิพพานทางนี้คือ สติปัฏฐานมีอยู่ 4 ประการ
((ม.มู. (ไทย) 12/106/101)
การเจริญสติปัฏฐานเป็นวิธีการเฉพาะในพระพุทธศาสนาและเป็นทางเดียวที่จะก้าวสู่ปัญญา
ขั้นสูงสุดได้ เพราะการฝึกนี้ต้องใช้ทั้งความเพียรต้องมีทั้งสติและสัมปชัญญะ แม้จะต้องใช้เวลา ถึง 7 ปี
7 เดือน หรือ 7 วัน ก็สามารถบรรลุอรหัตผลหรืออนาคามิผลได้ เพราะทางนี้ต้องไปคนเดียว เท่านั้น
การฝึกเพื่อพัฒนาตนนั้น ต้องเริ่มมาจากภายในตน พระพุทธองค์ เป็นเพียงผู้ชี้ทางให้เท่านั้น ดังมีพุทธ
พจน์ที่ว่า “ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลาย ทาความเพียรเองเถิด ตถาคตเป็นเพียงผู้ชี้บอกเท่านั้น ผู้บาเพ็ญ
ภาวนาดาเนินตามทางนี้แล้ว เพ่งพินิจอยู่จักพ้นจากเครื่องผูกของมารได้ ” พระพุทธ องค์ได้ถ่ายทอด
หลักในการเจริญสติปัฏฐานมี 4 ขัน้ ตอนในการฝึกปฏิบัติดังนี้
1) พิจารณาเห็นกายในกายอยู่ด้วยการมีสติพิจารณาลมหายใจเข้าออก มีสติรู้อิริยาบถใหญ่
คือ เดิน ยืน นั่ง และนอน มีสัมปชัญญะในการเคลื่อนไหว การก้าวไป การถอยกลับการแลดู การเหลียว
ดูการคู้เข้า การเหยียดออก การครองสังฆาฏิ การสะพายบาตร การครองจีวร การฉัน การเคี้ยว การดื่ม
การลิ้มการถ่ายอุจจาระและปัสสาวะ ทาความรู้สึกตัวในการเดิน การยืน การนั่ง การนอน การตื่น การ
พูด และการนั่งนิ่งเป็นต้น
2) พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนา เมื่อเสวยสุขเวทนาก็รู้ชัดว่า “เราเสวยสุขเวทนา” เมื่อ
เสวยทุกขเวทนาก็รู้ชัดว่า “เราเสวยทุกขเวทนา” เมื่อเสวยอทุกขมสุขเวทนาก็รู้ชัดว่า “เราเสวย อทุกขม
สุขเวทนา” เป็นต้น
3) พิจารณาเห็นจิตในจิต รู้ว่าจิตมีราคะก็รู้ชัดว่า “จิตมีราคะ” จิตปราศจากราคะก็รู้ชัด ว่า
“จิตปราศจากราคะ” จิตมีโทสะก็รู้ชัดว่า “จิตมีโ ทสะ” จิตปราศจากโทสะก็รู้ขัด ว่า “จิตปราศจาก
โทสะ” จิตมีโมหะก็รู้ชัดว่า “จิตมีโมหะ” จิตปราศจากโมหะก็รู้ชัดว่า “จิตปราศจากโมหะ” เป็นต้น
4) พิจารณาเห็นธรรมทั้งหลายในธรรม คือ นิวรณ์ 5 อยู่เมื่อกามฉันทะ (ความพอใจในกาม)
เมื่อพยาบาท (ความคิดร้าย) เมื่อถีนมิทธะ (ความหดหู่เซื่องซึม) เมื่ ออุทธัจจกุกกุจจะ (ความฟุ้งซ่านและ
75
75
วารสารมจร.
วารสาร มจร เลย
เลย ปริ
ปริททัศัศน์น์ journal
journalofofmcu.
mcu loei
loei review
review
ปีที่ 2 ฉบับปีทีท่ 1ี่ 2เดืฉบัอนบทีมกราคม - เมษายน 25642564
่ 1 เดือน มกราคม-เมษายน Vol.Vol.2 NO. 1 January
2 NO. – April
1 January – April2021
2021
สรุป
บทความนี้ชี้ให้เห็นว่า พระพุทธศาสนามีคาสอนที่เป็นไปเพื่อประโยชน์แก่คนหมู่มาก เป็น
คาสอนเกี่ ย วกั บ ชี วิ ต และการด าเนิ น ชี วิ ต ให้ ส อดคล้ อ งกั บ โลกภายใต้ ห ลั ก ของความจริ ง หรื อ กฎ
ธรรมชาติ คือ กฎแห่งเหตุและผลในการดาเนินชีวิตที่สอดคล้องกับธรรมชาติ คือ ทางสายกลางและ การ
ปฏิบัติตามคาสอนด้วยการฝึกตนด้วยตนเองเพื่อการพัฒนาตนเองได้การพัฒนาสติตามหลัก สติปัฏฐาน
สูตร เป็นวิธีการการพัฒนาสติที่ปรากฏในพระสุตตันตปิฎก และพระอภิธรรมปิฎกที่อาศัย การตั้งอยู่บน
ฐานของร่างกาย และจิตใจอยู่ 4 อย่างคือ การตั้งสติที่ปรากฏอยู่บนร่างกายตลอดจน อาการของ
ร่างกาย การตั้งสติอยู่บนความรู้สึกของร่างกายและจิตใจ การตั้งสติอยู่บนความคิดต่างๆ
76 76
วารสาร มจร. เลย ปริทัศน์ journal of mcu. loei review วารสาร มจร เลย ปริทัศน์ journal of mcu loei review
ปีที่ 2 ฉบั2564
ปีที่ 2 ฉบับที่ 1 เดือน มกราคม - เมษายน บที่ 1 Vol.
เดือน 2มกราคม-เมษายน
NO. 1 January2564
– April
Vol. 22021
NO. 1 January – April 2021
เอกสารอ้างอิง
ฉบั บ มหาจุ ฬ าลงกรณราชวิ ท ยาลั ย . พระไตรปิ ฎ กภาษาบาลี ฉบั บ มหาจุ ฬ าเตปิ ฏ ก . 2500.
กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. 2535.
_________.พระไตรปิ ฎ กภาษาไทย ฉบั บ มหาจุ ฬ าลงกรณราชวิ ท ยาลั ย . เล่ ม ที่ 1-45.
กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. 2539.
พุทธทาสภิกขุ. สมาธิวิปัสสนาธรรมชาติ. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์เลียง เชียง. 2531.
พระโสภณมหาเถระ (มหาสีสยาดอ). มหาสติปัฏฐานสูตรทางสู่พระนิพพาน. กรุงเทพมหานคร: โรง
พิมพ์ห้างหุ้นส่วนจากัด ไทยรายวันการพิมพ์. 2549.
ภัททันตะ อาสภะเถระ. การปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานตามหลักสติปัฏฐาน 4. กรุงเทพมหานคร: โรง
พิมพ์ ห้างหุ้นส่วนจากัด ไทยรายวันการพิมพ์. 2549.
พระธรรมธี ร ราชมหามุ ณี (โชดก ญาณสิ ทฺ ธิ , ป.ธ.9). มรรคผลนิ พ พาน. พิ ม พ์ ค รั้ ง ที่ 10.
กรุงเทพมหานคร: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. 2546.
พระเทพเวที (ป.อ.ปยุตฺโต). ยิ่งก้าวถึงสุขยิ่งใกล้ถึงธรรม. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ ธรรมสภา. 2536.
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต). พุทธธรรม. พิมพ์ครั้งที่ 20. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์บริษัท
สหธรรมิก จากัด. 2545.
พระธรรมกิ ต ติ ว งศ์ (ทองดี สุ ร เตโช). พจนานุ ก รมเพื่ อ การศึ ก ษาพุ ท ธศาสน์ ชุ ด ค าวั ด .
กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์เลี่ยงเชียง. 2556.
พระเมธีธรรมาภรณ์ (ประยูร ธมฺมจิตโต). พุทธศาสนากับปรัชญา. กรุงเทพมหานคร: บริษัทอัมรินทร์
พริ้นติ้งกรุ๊ฟ จากัด. 2533.
พระคันธสาราภิวงศ์. การเจริญสติปัฏฐาน. ลาปาง: โรงพิมพ์จิตวัฒนาการพิมพ์. 2541.