Professional Documents
Culture Documents
สํานักบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม กรมโรงงานอุตสาหกรรม
www.diw.go.th/iwmb
กรมโรงงานอุตสาหกรรม
เอกสารแนวทางหลั ก เกณฑ คุ ณ สมบั ติ ข องเสี ย ที่ เ หมาะสมในการนํ า มาใช
ประโยชนในระดับอุตสาหกรรมฉบับนี้ จัดทําขึ้นภายใตโครงการพัฒนาศักยภาพ
การใชประโยชนกากของเสีย ซึ่งในการดําเนินงานโครงการฯ ไดทําการศึกษารูปแบบ
การใชประโยชนกากของเสียจากอุตสาหกรรม และการนําของเสียกลับมาใชใหม
รวมถึงมีการดําเนินการจัดทําระบบสาธิตการนําของเสียไปใชประโยชนไดจริงในระดับ
อุตสาหกรรม ซึ่งในกรณีการใชประโยชนจากกากของเสียอุตสาหกรรม ไดมีการ
พัฒนาในรูปแบบของการทําเชื้อเพลิงอัดแทง และการทําปุยอินทรีย สวนในกรณี
การนําของเสียกลับไปใชประโยชนใหม ไดมีการศึกษาในรูปแบบการรีไซเคิลน้ํามัน
หลอเย็นใชแลว และการรีไซเคิลสารละลายกรดหรือดางใชแลว
เอกสารฉบับนี้จัดทําขึ้นโดยมีวัตถุประสงคเพื่อนําเสนอรูปแบบของการนํา
ของเสียไปใชประโยชนในระดับอุตสาหกรรมซึ่งประกอบดวย ประเภทวัสดุของเสีย
ที่มีศักยภาพในการนําไปใชประโยชน รูปแบบของการนํามาใชประโยชน กรรมวิธี
การนํามาใชประโยชน ความเหมาะสมดานเทคนิค ดานสิ่งแวดลอม และความเหมาะสม
ดา นเศรษฐศาสตร นอกจากนี้ ยังเสนอถึงหลัก เกณฑใ นการพิจ ารณาคุณ สมบัติ
ของเสี ย ที่ เ หมาะสมในการนํ า ไปใช ป ระโยชน ด ว ย กรมโรงงานอุ ต สาหกรรม
หวังเปนอยางยิ่งวาเอกสารฉบับนี้จะเปนประโยชนตอผูประกอบการที่สนใจในการนํา
กากของเสียอุตสาหกรรมไปใชประโยชน หรือนํากลับมาใชใหม โดยเฉพาะผูที่มี
ความสนใจรูปแบบการนํากากของเสียอุตสาหกรรมไปใชประโยชนในรูปแบบเดียวกับ
การดําเนินโครงการภายใตโครงการนี้
ÊÒúa
»ÃaeÀ·¢o§eÊÕ·ÕÁè ÈÕ ¡a ÂÀҾ㹡ÒùíÒä»ãª»Ãaoª¹ 4
æÅaÃٻ溺¡ÒùíÒä»ãª»Ãaoª¹·eÕè »¹ä»ä´
æ¹Ç·Ò§æÅaÃٻ溺¡ÒùíÒ¢o§eÊÕÂä»ãª»Ãaoª¹ 9
ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ·Õeè ʹoæ¹a
3.1 ¡ÒüÅiµeªืoé e¾Åi§oa´æ·§¨Ò¡¢o§eÊÕ 10
3.2 ¡Ò÷íÒ»uÂoi¹·ÃÕ¨ҡ¢o§eÊÕ 20
3.3 ¡ÒÃÃÕä«e¤iŹéíÒÁa¹ËÅoeÂç¹ãªæÅÇËÃืo¹éíÒeÊÕ»¹e»o¹¹éíÒÁa¹ 27
3.4 ¡ÒÃÃÕä«e¤iÅÊÒÃÅaÅÒ¡ô㪧ҹæÅÇ 33
æ¹Ç·Ò§æÅaËÅa¡e¡³±ã¹¡Òþi¨ÒóÒÅa¡É³aÊÁºaµ¢i o§eÊÕ 39
·Õeè ËÁÒaÊÁ㹡ÒùíÒä»ãª»Ãaoª¹ã¹Ãٻ溺·Õeè ʹoæ¹a
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
การนําของเสียที่เกิดจากภาคการผลิตและการบริโภคไปแปรรูปเพื่อนํากลับ
ไปใชประโยชนใหม (Recycle) เปนแนวทางหลักหนึ่งใน 3Rs ที่มีเปาหมายเพื่อ
การอนุรักษและใชประโยชนทรัพยากรธรรมชาติใหคุมคามากที่สุด และสงเสริมให
การผลิตและการบริโภคเปนไปอยางยั่งยืน ขณะเดียวกันการนําของเสียไปแปรรูปเพื่อ
นํากลับมาใชใหม (Recycle) ยังชวยลดปริมาณของเสียที่จะตองถูกบําบัด และกําจัด
ใหเหลือนอยที่สุดอีกดวย
µaÇoÂÒ§¡ÒùíÒ¢o§eÊÕÂä»ÃÕä«e¤iÅe¾ืèo¹íÒ¡ÅaºÁÒãªãËÁ eª¹
นําเศษแกวไปหลอมเพื่อผลิตเปนขวดแกว
นําเศษกระดาษไปตีเปนเยื่อกระดาษเพื่อนํามาผลิตเปนกระดาษใหม
นําน้ํามันหลอลื่นใชแลวไปผานกระบวนการแยกน้ํามันออกจากน้ํา เพื่อนํา
น้ํามันกลับมาใชใหมหรือปรับปรุงคุณภาพเปนผลิตภัณฑน้ํามันตางๆ เปนตน
1
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
»Ãaoª¹¨Ò¡¡ÒùíÒ¢o§eÊÕÂÁÒÃÕä«e¤iÅ ä´æ¡
ลดปริมาณการใชทรัพยากรธรรมชาติ
ลดการใชพลังงานโดยเฉพาะจากแหลงฟอสซิล
ลดปริมาณของเสียที่ตอ งกําจัดและฝงกลบ
ลดปริมาณการปลอยกาซคารบอนไดออกไซดและกาซเรือนกระจก
ที่เปนสาเหตุของภาวะโลกรอน
2
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
แยกของเสียทีแ่ หลงเกิด
Seperating at the source
แยกเก็บวัสดุที่รีไซเคิล
นําไปใชประโยชน แตละชนิดออกจากกัน
Using new product Seperate collection of
recyclable materials
นําไปผลิตหรือแปรสภาพ
Reproducing
ในขั้นตอนการผลิตหรือแปรสภาพของเสียหรือวัสดุที่แตกตางกันจะมีกรรมวิธี
ในการผลิตหรือแปรสภาพแตกตางกัน นอกจากนี้ วัสดุประเภทเดียวกันอาจมีกรรมวิธี
แปรสภาพตางกันขึ้นอยูกับประเภทผลิตภัณฑที่ตองการหรือลักษณะการนําไปใช
ประโยชนดวย
3
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
»ÃaeÀ·¢o§eÊÕ·ÕèÁÈÕ a¡ÂÀҾ㹡ÒùíÒä»ãª»Ãaoª¹
æÅaÃٻ溺¡ÒùíÒä»ãª»Ãaoª¹·Õèe»¹ä»ä´
50
45
40
à o  Ša ¢o §»Ãi Á Ò ³ ¢o §eÊÕ Â ·aé §Ë Á´
·Õè ¢o o ¹u Ò µ ¹í Ò o o ¡¹ o ¡oç§Ò ¹
35
30 㪠»Ãaoª¹e»¹Çaµ ¶u´iº
㪠«éíÒ
25
㪠»Ãaoª¹ã¹ÃÙ»¾Åa§§Ò¹
20 ºí Ò ºa ´
¡íÒ ¨a ´
15
ʧoo¡¹o¡»Ãae·È
10
5
0
» 2549 » 2550 » 2551
» ¾ .È.
ที่มา : ดัดแปลงจากขอมูลแนวโนมการขออนุญาตนํากากของเสียออกนอกบริเวณโรงงานระหวาง
ป 2549-2551 โครงการส ง เสริ ม การใช ป ระโยชน ก ากอุ ต สาหกรรมและลดปริ ม าณกาก
ที่ตองฝงกลบ, กรมโรงงานอุตสาหกรรม. 2551
4
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
สําหรับรูปแบบที่เปนไปไดในการนําของเสียดังกลาวนี้ไปใชประโยชน ไดแก
ผลิตเชื้อเพลิงอัดแทง
เปนวัสดุ ผลิตปุยอินทรีย
ปรับปรุงดิน ปุยอินทรียเคมี
หรือน้ําหมักชีวภาพ
เปนอาหารสัตวหรือ เปนวัสดุผสมหรือ
ผสมอาหารสัตว วัสดุทดแทน
• กากตะกอนจากการบําบัดน้ําเสียโดยวิธีอื่นๆ ซึ่งไมใชวิธี
ชีวภาพ เศษเสนใย สารเพิ่มเนื้อ และสารเคลือบผิวจาก
ผลิตเชื้อเพลิงอัดแทง
การแยกเชิงกลจากการผลิตเยื่อกระดาษ หรือกระดาษแข็ง
• กากตะกอนจากการบําบั ดน้ําเสียโดยวิธีชีวภาพ และ
กากตะกอนจากการผลิตน้ําใช
• กากตะกอนจากระบบบํ า บั ดน้ํ า เสี ย ของอุต สาหกรรม
แปรรูปเนื้อสัตวตางๆ และปลา
เปนวัสดุ • กากปูนขาวจากการผลิตเยื่อกระดาษหรือ
ปรับปรุงดิน กระดาษแข็ง
(µo)
6
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
(µo)
• กากตะกอนที่มีสารอันตรายจากการบําบัดน้ําเสียอุตสาหกรรม
• กากตะกอนจากการบํ า บั ดน้ํ า เสี ย โดยวิ ธี อื่นๆ ซึ่ ง ไม ใ ช วิ ธี ชี ว ภาพ
เศษเสนใย สารเพิ่มเนื้อ และสารเคลือบผิวจากการแยกเยื่อกระดาษ
หรือกระดาษแข็ง
• สวนเหลือทิ้งจากการแยกเยื่อจากเศษกระดาษและกระดาษแข็ง
• แกนและแบบหลอโลหะที่ไมใชของเสียอันตราย
• ตะกรันจากเตาหลอมหลอเหล็ก
• กากตะกอนจากการบําบัดน้ําเสียโดยวิธีชีวภาพ และกากตะกอน
ผลิตปุยอินทรีย ปุยอินทรียเคมี
จากการผลิตน้ําใช
หรือน้ําหมักชีวภาพ
เนื้อสัตวตางๆ และปลา
• ตะกอนจากการลางทําความสะอาด ปอกเปลือก เหวี่ยงและแยก
ผลไม ผัก ธัญพืช โกโก กาแฟ และยาสูบ
7
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
8
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
æ¹Ç·Ò§æÅaÃٻ溺¡ÒùíÒ¢o§eÊÕÂä»ãª»Ãaoª¹ã¹Ãa´aº
ouµÊÒË¡ÃÃÁ·Õèeʹoæ¹a
โครงการพัฒนาศักยภาพการใชประโยชนกากอุตสาหกรรม ของกรมโรงงาน
อุตสาหกรรม ปงบประมาณ 2553 ไดรับสมัครโรงงานอุตสาหกรรมนํารอง 5 แหง
ที่ตองการนําของเสียจากกลุมประเภทของเสียที่มีการขออนุญาตนําไปกําจัดในแตละป
ในปริมาณมากแตยังมีศักยภาพในการใชประโยชนสูงสุด 10 ลําดับประเภทแรก
เพื่อศึกษาคัดเลือกรูปแบบการนําไปใชประโยชนที่มีความเหมาะสมสูงสุดกับของเสีย
5 ประเภท และทดลองปฏิบัติจริงพรอมกับประเมินผลการดําเนินงานในโรงงาน
นํ า ร อ งแต ล ะแห ง ตามรู ป แบบการใช ป ระโยชน ที่ คั ด เลื อ ก เพื่ อ เป น ข อ มู ล สํ า หรั บ
สงเสริมและขยายผลใหมีการนําของเสียเหลานั้นไปใชประโยชนในระดับอุตสาหกรรม
มากขึ้น
»ÃaeÀ·¢o§eÊÕÂæÅaÃٻ溺¡ÒùíÒä»ãª»Ãaoª¹·¤Õè ´a eÅืo¡´íÒe¹i¹¡ÒÃ
ã¹oç§Ò¹¹íÒÃo§
ของเสีย 5 ประเภทที่โรงงานนํารองตองการนําไปใชประโยชน และรูปแบบ
การนํ าไปใชประโยชน ที่คั ดเลือกสําหรับของเสียแตละประเภทภายใตโครงการนี้
มีดังนี้
»ÃaeÀ·¢o§eÊÕ·Õ褴a eÅืo¡ eªืéoe¾Åi§oa´æ·§ »uÂoi¹·ÃÕÂ
เศษพืชผักผลไมที่ไมเหมาะสําหรับการบริโภค หรือแปรรูป √
กากตะกอนจากระบบบําบัดน้ําเสียแบบชีวภาพ √
เถาหนัก และฝุนจากการเผาไหมเชื้อเพลิงตางๆ √
9
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
โดยหลักการและวิธีการใชประโยชนของเสียในแตละรูปแบบที่กลาวขางตน
ตลอดจนผลการประเมิ น ความเหมาะสมของแต ล ะวิ ธี ก ารใช ป ระโยชน ข องเสี ย
มีรายละเอียดดังนี้
¡ÒüÅiµeªืoé e¾Åi§oa´æ·§¨Ò¡¢o§eÊÕÂ
10
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
คุณสมบัติใหเหมาะแกการใชงานเปนเชื้อเพลิงทดแทนของโรงงานนํารองเองมีความ
เหมาะสมสูงสุด
Ãٻ溺¡ÒùíÒ¢o§eÊÕÂÁÒ¼Åiµeªืoé e¾Åi§oa´æ·§
ในประเทศไทย เชื้อเพลิงอัดแทงที่มีการใชงานในปจจุบันสวนใหญเปนชีวมวล
หรือสารอินทรียที่เปนแหลงกักเก็บพลังงานจากธรรมชาติ ไดแก ตนไม กิ่งไม หรือ
เศษวัสดุจากภาคการเกษตรหรือภาคอุตสาหกรรม เชน แกลบ ฟาง ชานออย และ
ขี้เลื่อยเปนวัตถุดิบ โดยรูปแบบของเชื้อเพลิงอัดแทงแบงเปน 2 ประเภท คือ
1. ¶Ò¹oa´æ·§ ซึ่งจะมีการเผาชีวมวลไมว าจะเผากอนนําไปอั ดแท งหรื อเผา
หลังจากอัดเปนแทงแลว
2. æ·§eªืéoe¾Åi§e¢ÕÂÇ เปนการนําชีวมวลมาอัดแทงแลวนําไปใชงานโดยตรง ไมตอ ง
มีขั้นตอนการเผาเหมือนเชนถานอัดแทง
ส วนวิ ธี การอั ดแท งเชื้ อเพลิ งจากชี วมวลเหล านั้ น จํ าแนกได เป น 2 วิ ธี คื อ
กระบวนการอัดรอน (Hot Press Process) และกระบวนการอัดเย็น (Cold Press
Process) ขึ้นกับลักษณะสมบัติของชีวมวลที่นํามาอัดแทง
สําหรับรูปแบบที่นําของเสียอินทรียจากโรงงานนํารองมาผลิตเชื้อเพลิงอัดแทง
ในโครงการนี้ เปนการผลิตแทงเชื้อเพลิงเขียวโดยไมมีการเผาของเสียทั้งกอนและ
หลังการอัดแทงแลว และกระบวนการอัดแทงที่ใชเปนกระบวนการอัดเย็นชนิด
เติมตัวประสานเพื่อใหวัสดุในของเสียจับตัวเปนกอน
11
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
¡ÃÃÁÇi¸Õ¡ÒüÅiµeªืéoe¾Åi§oa´æ·§¨Ò¡¢o§eÊÕ·Õè´íÒe¹i¹¡ÒÃã¹oç§Ò¹¹íÒÃo§
เปนการวิเคราะหศักยภาพของของเสียที่เกิดขึ้นในโรงงานนํารองในการใชเปน
เชื้อเพลิง ซึ่งไดแก คาความรอน (heating value) จากนั้นจึงคัดเลือกชนิดของเสีย
ที่ มี ค า ความร อ นเหมาะสมเพี ย งพอตอ การใชง าน และทดลองหาอัต ราส ว นผสม
ที่เหมาะสมสําหรับการผลิตเชื้อเพลิงอัดแทง ทั้งนี้ ผลการดําเนินงานไดคัดเลือก
ของเสียที่มีคาความรอนระหวาง 1,898-5,402 แคลอรี/กรัม เพื่อใชเปนวัตถุดิบหลัก
ในการผลิตเชื้อเพลิงอัดแทงสําหรับโรงงานนํารอง
oç§Ò¹¹íÒÃo§ ¤Ò¤ÇÒÁÃo¹
»ÃaeÀ·¢o§eÊÕ·չè Òí ÁÒ¼Åiµeªืoé e¾Åi§oa´æ·§
ÅíÒ´aº·Õè (cal/g)
1 - เศษพริก กระเทียมที่เปนวัตถุดิบในการผลิต 5,402
พริกแกง 1,898
- เถาจากการเผาไหมกะลาปาลมทีเ่ ปนเชื้อเพลิง
ของโรงงาน*
2 - กากตะกอนจากการลางและปอกเปลือกผักผลไม 3,098
(เศษผักผลไมแหง)
- กากตะกอนจากระบบบําบัดน้ําเสีย 540
* เถากะลาปาลม นํามาใชเฉพาะเถาหนักที่รอนแยกออกจากเถาเบาแลว
12
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
เถากะลาปาลม
ไมยางพารา
กระเทียม
เศษผลไม
กากกาแฟ
ขี้เลื่อย
เศษพริก
อัตราสวนผสมที่เหมาะสมซึ่งจะทําใหเชื้อเพลิงอัดแทงที่ผลิตไดมีคาความรอน
ที่เพียงพอตอการใชงานของโรงงานนํารองแตละแหง มีดังนี้
โรงงานนํารองที่ 1 เศษพริก กระเทียม : เถากะลาปาลม = 1:1
(ใชแปงมันเปนตัวประสาน 5 %)
โรงงานนํารองที่ 2 เศษผักผลไมแหง : ถานหิน = 1:1
(ใชแปงมันเปนตัวประสาน 5 %)
13
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
¡ÒüÅiµeªืoé e¾Åi§oa´æ·§
เศษพริก
oç§Ò¹¹íÒÃo§·Õè 1
กระเทียมผสม
เถากะลาปาลม
เศษผักผลไม : ถานหิน = 1:1
เศษผักผลไม
5. ตากแหงแทงเชื้อเพลิง
กับถานหิน
oç§Ò¹¹íÒÃo§·Õè 2
14
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
¤ÇÒÁeËÁÒaÊÁ¢o§¡ÒüÅiµeªืoé e¾Åi§oa´æ·§¨Ò¡¢o§eÊÕÂ
´Ò¹e·¤¹i¤æÅaÊi§è æÇ´ÅoÁ
6000 5,860
5500
คาความรอน (แกลลอรี/กรัม)
5000 4,916
4500 4,400
4000 4,123
3,741
3500
3,393
กะลาปาลม เชื้อเพลิงอัดแทง_1 เชื้อเพลิงอัดแทง_2 ถานหิน
15
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
o´ÂÊÃu»¢o´Õ¢o§¡ÒùíÒ¢o§eÊÕÂÁÒ㪻Ãaoª¹o´Â¡ÒüÅiµeªืoé e¾Åi§oa´æ·§
ÁÕ´a§¹Õé
1) อัตราการผลิตเชื้อเพลิงอัดแทง สามารถปรับใหเหมาะสมกับปริมาณ
ของเสียที่โรงงานแตละแหงกอใหเกิดขึ้น เนื่องจากเครื่องจักรที่ใชมีตั้งแตขนาดเล็ก
จนถึงขนาดใหญ จึงไมมีความจําเปนที่โรงงานตองเก็บของเสียเหลานี้ไวเปนเวลานาน
ซึ่งเสี่ยงตอการเนาเสียไดงาย
2) ของเสียที่อัดแทงแลว มีระยะเวลาเก็บกักไดนานกวาของเสียสด และชวย
ลดคาใชจายในการขนสงของเสียไปกําจัดที่ตองทําทุกวัน
3) ชวยลดตนทุนการกําจัดของเสียของโรงงาน ขณะเดียวกันก็ลดตนทุน
การจัดหาเชื้อเพลิงเขามาใชในโรงงาน
4) กรรมวิธีการผลิตเชื้อเพลิงอัดแทงไมยุงยาก และไมตองใชเทคโนโลยี
ขั้นสูง พนักงานทั่วไปที่ไดรับการอบรมการใชงานแลวก็สามารถดําเนินการผลิตไดเอง
ไมตองใชทรัพยากรบุคคลของโรงงานที่มีอยูจํากัด
5) หากมีสัดสวนการใชของเสียอินทรียเปนเชื้อเพลิงอัดแทงมาก มลพิษ
อากาศที่เ กิดจากการเผาไหมเชื้อเพลิงจะนอยกวาเมื่อเทียบกับเชื้ อเพลิงประเภท
ถานหิน หรือน้ํามันเตาที่มีกาซซัลเฟอรไดออกไซดจากการเผาไหมเกิดขึ้นในปริมาณมาก
สําหรับผลการตรวจวัดปริมาณมลสารจากปลองหมอน้ําของโรงงานนํารอง
เปรี ย บเที ย บระหว า งกรณี ที่ ใ ช เ ชื้ อ เพลิ ง อั ด แท ง ที่ ผ ลิ ต ได กั บ กะลาปาล ม ซึ่ ง เป น
เชื้อเพลิงที่โรงงานนํารองใชงานในปจจุบัน พบวา ปริมาณมลสารในอากาศที่ระบาย
ออกจากปลองหมอน้ํากรณีใชเชื้อเพลิงอัดแทงมีคาต่ํากวาเชื้อเพลิงที่โรงงานใชอยู
16
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
250
Total suspended particulates (mg/m3)
250
คามาตรฐาน ≤ 320
200
150
83.8
76.4
100 58.1
50
ไดรับการตากกอนนํามาใช
ที่นํามาใชงานเลย
กะลาปาลมผสมเศษพริก
กะลาปาลม
เชิ้อเพลิงอั ดแทง
230.2
250
Nitrogen dioxide (ppm)
คามาตรฐาน ≤ 200
200
136.5
150
100
20.2 20.1
50
0
ไดรับการตากกอนนํามาใช
ที่นํามาใชงานเลย
กะลาปาลมผสมเศษพริก
กะลาปาลม
เชิ้อเพลิงอั ดแทง
เชิ้อเพลิงอั ดแทง
17
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
6.7
Sulfur dioxide (ppm) 7 คามาตรฐาน ≤ 60
5.0
6 4.6
5
4
3
2 0.81
1
0
ไดรับการตากกอนนํามาใช
ที่นํามาใชงานเลย
กะลาปาลมผสมเศษพริก
กะลาปาลม
เชิ้อเพลิงอั ดแทง
เชิ้อเพลิงอั ดแทง
¤Ò Sulfur dioxide ¢o§eªืoé e¾Åi§æµÅaª¹i´
409.2
500 384.9
400
300 182.5
200
100
0
ไดรับการตากกอนนํามาใช
ที่นํามาใชงานเลย
กะลาปาลมผสมเศษพริก
กะลาปาลม
เชิ้อเพลิงอั ดแทง
เชิ้อเพลิงอั ดแทง
18
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
12 12
คามาตรฐาน ≤ 10
คาความทึ บแสง (รอยละ) 12 10
10 8
8
6
4
2
0
ไดรับการตากกอนนํามาใช
ที่นํามาใชงานเลย
กะลาปาลมผสมเศษพริก
กะลาปาลม
เชิ้อเพลิงอั ดแทง
เชิ้อเพลิงอั ดแทง
¤Ò¤ÇÒÁ·ึºæʧ¢o§eªืoé e¾Åi§æµÅaª¹i´
´Ò¹eÈÃÉ°ÈÒʵÃ
วิธีการนําของเสียที่เดิมโรงงานใชวิธีการสงไปกําจัดมาผลิตเปนเชื้อเพลิงอัดแทง
มาใชเปนเชื้อเพลิงทดแทนเชื้อเพลิงชนิดเดิมที่โรงงานใชงานอยู นอกจากจะทําให
โรงงานสามารถลดคาใชจายในการสงของเสียไปกําจัดแลว ยังชวยลดคาใชจายดาน
เชื้อเพลิงที่โรงงานตองซื้อจากแหลงภายนอกดวย ซึ่งคาใชจายที่ประหยัดไดมีมูลคาสูง
กว า ต น ทุ น ที่ เ กิ ด จากการนํ า ของเสี ย ไปผลิ ต เป น เชื้ อ เพลิ ง อั ด แท ง ค อ นข า งมาก
วิธีการใชประโยชนจากของเสียในรูปแบบที่นํามาผลิตเชื้อเพลิงอัดแทงจึงมีความ
เหมาะสมทางเศรษฐศาสตร
ดังกรณีตัวอยางการนําเศษพริก กระเทียม และเถาจากการเผาไหมกะลาปาลม
มาผลิตเชื้อเพลิงอัดแทงเพื่อใชทดแทนกะลาปาลมซึ่งเปนเชื้อเพลิงเดิมที่โรงงานใชงานอยู
โดยสามารถทดแทนปริ ม าณกะลาปาล ม ที่ ใ ช เ ป น เชื้ อ เพลิ ง เดิ ม ได ใ นอั ต รา 4.5%
19
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
เนื่องจากของเสียที่สามารถนํามาเปนวัตถุดิบผลิตเชื้อเพลิงอัดแทงมีปริมาณจํากัด
เปนผลใหโรงงานนํารองสามารถผลิตเชื้อเพลิงอัดแทงจากของเสียไดเพียง 10 ตัน/เดือน
โดยตนทุนการดําเนินงานผลิตเชื้อเพลิงอัดแทงในชวงระยะเวลา 2 ปตามอายุ
การใช ง านของเครื่ อ งอั ด แท ง เชื้ อ เพลิ ง ซึ่ ง ประกอบด ว ยค า เครื่ อ งจั ก รอั ด แท ง
คาแปงมันที่ใชเปนตัวประสาน คาไฟฟา และคาจางแรงงาน เปรียบเทียบกับคาใชจาย
ที่ประหยัดได ดังนี้
ตนทุนการผลิตเชื้อเพลิงอัดแทงจากของเสีย 3.0 บาท/กก.เชื้อเพลิงอัดแทง
รายจายที่ประหยัดไดจากการจัดหาเชื้อเพลิงเดิมและ
3.3 บาท/กก.เชื้อเพลิงอัดแทง
การสงของเสียไปกําจัด (อัตรา 1,000 บาท/ตันของเสีย)
ระยะเวลาคืนทุน ประมาณ 11 เดือน
20
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
Ãٻ溺¡ÒùíÒ¢o§eÊÕ¨ҡoç§Ò¹ouµÊÒË¡ÃÃÁÁÒ¼Åiµ»u oi¹·ÃÕÂ
เปนการนําของเสียอินทรีย จําพวกกากตะกอนจากระบบบําบัดน้ําเสียแบบชีวภาพ
และเศษพื ช ผั ก ผลไม ที่ ไ ม เ หมาะสม
สําหรับการบริโภคหรือแปรรูป รวมถึง
ของเสียชนิดอื่นๆ ที่นํามาผลิตปุยโดย
ผานกระบวนการหมักในโรงงานนํารอง
ซึ่ ง เป น ผู ผ ลิ ต ปุ ย อิ น ทรี ย จ ากของเสี ย
ของโรงงานอุตสาหกรรมอยูแลว โดย
การใชประโยชนกากของเสียอาจอยูใน
รู ป ของวั ส ดุ ตั้ ง ต น หรื อ วั ส ดุ ป รั บ ปรุ ง
คุณภาพปุยอินทรียที่ได
21
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
เปนการวิเคราะหศักยภาพของของเสียประเภทตางๆ ในการใชเปนวัตถุดิบ
ผลิตปุยอินทรียที่สําคัญ คือ ปริมาณธาตุอาหารหลักของพืช และปริมาณอินทรียวัตถุ
จากนั้นจึงคัดเลือกชนิดของเสีย และทดลองหาอัตราสวนผสมที่เหมาะสมสําหรับ
การผลิตปุยอินทรีย ทั้งนี้ ผลการดําเนินงานไดคัดเลือกของเสีย 4 ชนิดเปนวัสดุตั้งตน
ในการผลิตปุยอินทรียและใชกากปูนขาวจากโรงงานผลิตเยื่อกระดาษในการปรับคา
pH ของปุย
»ÃiÁÒ³oi¹·ÃÕÂÇaµ¶u % ¸ÒµuoÒËÒÃ
ª¹i´¢o§eÊÕÂ
(%) ä¹oµÃe¨¹ ¿oÊ¿oÃaÊ2 o¾æ·Êe«ÕÂÁ2
กากตะกอนผงชูรส 63.2 7.3 0.45 1.6
กากตะกอนน้ําตาล 24.1 1.0 1.7 1.0
กากตะกอนจาก
42.8 3.5 3.2 0.7
ระบบบําบัดน้าํ เสีย
เศษผลไมที่ไมสามารถ
76.3 1.0 0.2 0.4
แปรรูปตอไป
กากปูนขาว 0.3 0.4 1.4 0.1
เกณฑมาตรฐานปุยหมัก1 ≥20 ≥1 ≥0.5 ≥0.5
1
เป น เกณฑ ม าตรฐาน Q สํ า หรั บปุ ย หมัก ของกรมพัฒ นาที่ ดิน และมาตรฐานปุย อิ น ทรี ย
ตามพระราชบัญญัติปุย (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2550
2
%ฟอสฟอรัส วิเคราะหในรูป P2O5 สวน %โพแทสเซียม วิเคราะหในรูป K2O
22
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
การผลิตปุยอินทรียจากของเสียโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งมีอัตราสวนผสมใน
แตละสูตรที่กลาวแลว ไดใชวิธีการหมักที่เติมเชื้อจุลินทรียเรงการยอยสลายเพื่อลด
ระยะเวลาการหมัก และในระหวา งการหมัก มี ก ารควบคุ ม อุ ณ หภู มิ แ ละความชื้ น
ตลอดเวลา รวมถึงมีการเติมกาซออกซิเจนใหแกกองปุยโดยการกลับกองปุย เพื่อให
สภาวะแวดลอมเหมาะแกการยอยสลายของจุลินทรีย ซึ่งจะทําใหปฏิกิริยาการหมัก
เปนไปอยางมีประสิทธิภาพ
23
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
ผสมวัสดุตั้งตนเขาดวยกัน
ชั่งสวนผสมที่เปนวัสดุตั้งตน
ผสมหัวเชื้อจุลินทรียเขากับน้ําสะอาด และนําน้ําที่ผสม
ตามอัตราที่กําหนด
เชื้อจุลินทรียไปรดบนกองวัสดุตั้งตนใหทั่วแลวคลุกเคลา
น้ําผสมจุลินทรียกับวัสดุตั้งตนใหเขากัน
ปนเปนเม็ดแลว
24
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
´Ò¹e·¤¹i¤æÅaÊi§è æÇ´ÅoÁ
ปุยอินทรียที่ผลิตไดและสามารถนําไปใชไดจริงเนื่องจากมีคุณสมบัติตาม
เกณฑมาตรฐานปุยที่เกี่ยวของ มี 3 สูตร คือ
สูตรที่ 1 เศษผลไม : กากตะกอนระบบบําบัดน้ําเสีย 1:4
สูตรที่ 2 เศษผลไม : กากตะกอนน้ําตาล 1:4
สูตรที่ 4 เศษผลไม : กากตะกอนระบบบําบัดน้ําเสีย : 2 : 3.5 : 3.5 : 1
กากตะกอนน้ําตาล : กากตะกอนผงชูรส*
* ใชกากปูนขาวในการปรับ pH
2.0
1.8
1.6
1.4
1.2
สูตรที่ 1
1.0
สูตรที่ 2
0.8
สูตรที่ 4
0.6
0.4
0.2
0.0
% N % P2O5 % K2O
30 120
25 100
20 80
15 60
10 40
5 20
0 0
สูตรที่ 1 สูตรที่ 2 สูตรที่ 4
e»ÃÕºe·Õº»ÃiÁÒ³ÊÒÃoi¹·ÃÕÂÇaµ¶u æÅa¡ÒÃÂoÂÊÅÒÂÊÁºÙó¢o§»u oi¹·ÃÕ·§aé 3 ÊÙµÃ
26
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
´Ò¹eÈÃÉ°ÈÒʵÃ
วิธีการนําของเสียจากโรงงานหนึ่งไปเปนวัตถุดิบสําหรับการผลิตปุย นอกจาก
จะทําใหโรงงานผูกอกําเนิดของเสียสามารถลดคาใชจายในการสงของเสียไปกําจัดแลว
ปุยอินทรียที่ผลิตไดยังสามารถจําหนายไดในราคาสูงกวาตนทุนการผลิตคอนขางมาก
วิธีการใชประโยชนจากของเสียในรูปแบบที่นํามาผลิตปุยอินทรียจึงมีความเหมาะสม
ทางเศรษฐศาสตร
ดังกรณีตัวอยางการนําเศษผลไม และกากตะกอนจากระบบบําบัดน้ําเสีย
แบบชีวภาพมาผลิตปุยอินทรียมีตนทุนการดําเนินงานในชวงระยะเวลา 5 ปตามอายุ
การใชงานของเครื่องจักรที่ใชในการผลิต ซึ่งประกอบดวย คาเครื่องปนเม็ด คาเครื่อง
คั ด ขนาดเม็ ด ปุ ย ค า เครื่ อ งอบเม็ ด ปุ ย ค า แรงงาน และค า เชื้ อ เพลิ ง ที่ ใ ช อ บแห ง
เปรียบเทียบกับคาใชจายที่ประหยัดได มีดังนี้
ตนทุนการผลิตปุยอินทรียจากของเสีย 2.5 บาท/กก.ปุย
รายไดจากการจําหนายปุยอินทรีย 6.0 บาท/กก.ปุย
ทั้งนี้ ในการใชงานน้ํามันหลอเย็นจะตองนําน้ํามันหลอเย็นมาผสมน้ําใชในอัตรา
สวนผสมแตกตางกันไปตามคุณสมบัติของน้ํามันหลอเย็นหรือตามความตองการใชงาน
ซึ่งโดยปกติจะผสมใชงานอยูในชวง 2% ถึง 15% ในน้ํา ทําใหน้ํามันหลอเย็นที่ใชงาน
แลวมีน้ํามันปนเปอนอยูนอยกวาน้ํามันหลอลื่นชนิดอื่นๆ ในบางครั้งจึงเรียกวาน้ําเสีย
ปนเป อนน้ํ ามั น ซึ่ งวิ ธี การรี ไซเคิ ลน้ํ ามั นหล อลื่ นใช แล วด วยการกรองที่ ปฏิ บั ติ กั น
ในปจจุบันไมสามารถใชการได ที่ผานมาจึงใชวิธีการสงน้ําเสียปนเปอนน้ํามันไปกําจัด
โดยวิธีการเผาในเตาเผาซึ่งมีคาใชจายสูง จึงมีการลักลอบนําของเสียชนิดนี้ไปทิ้งหรือ
ไปกําจัดอยางไมเหมาะสมในแตละปในปริมาณมาก
Ãٻ溺¡ÒÃÃÕä«e¤iŹéÒí Áa¹ËÅoeÂç¹ãªæÅÇËÃืo¹éÒí eÊÕ»¹e»o ¹¹éÒí Áa¹
วิธีการหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการแยกน้ํามันออกจากน้ํามันหลอเย็นหรื อ
น้ํา เสี ย ที่ มีน้ํ ามันปนเป อ นไม ม ากนัก และมีก ารใชง านแลว ในปจ จุบัน คือ การใช
สารเคมีเพื่อแยกขั้วโมเลกุลของน้ําที่จับกับน้ํามัน จากนั้นจึงแยกน้ํามันออกมาโดย
ใชหลักความหนาแนนที่แตกตางกันระหวางน้ํากับน้ํามัน
28
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
¡ÒÃ桹éÒí Áa¹oo¡¨Ò¡¹éÒí
น้ํามันหลอเย็นใชแลวหรือน้ําเสียปนเปอนน้ํามันที่ตัวอยางผานการทดสอบ
ลักษณะสมบัติในดานตางๆ ในขั้นตอนที่ 1 แลว จะถูกนํามาสูกระบวนการแยกน้ํามัน
ออกจากน้ําทั้งหมด โดยมีขั้นตอนดังนี้
กรองผานผากรองที่มีความละเอียดขนาด 2 ไมครอน เพื่อแยกน้ํามัน
ปนเปอนน้ําออกจากสิ่งปนเปอนตางๆ เชน เศษโลหะ เศษฝุน และตะกอนตางๆ
เติม Emulsifier Breaker ซึ่งเปนสารเคมีสําหรับไปตัดขั้วของตัว
Emulsifier ที่ยึดโมเลกุลของน้ํากับน้ํามันไว ทําใหโมเลกุลของน้ํามันแยกออกจาก
โมเลกุลของน้ํา และสิ่งปนเปอนตางๆ แลวเกิดเปนคอลลอยดเล็กๆ
เติม Coagulant และ Flocculation เพื่อทําใหคอลลอยดที่แตกตัว
รวมกั น เป น ตะกอนใหญ ข้ึ น และเกิ ด การตกตะกอน โดยเกิ ด เป น ชั้ น ของน้ํ า มั น
อยูดานบนและชั้นของน้ําที่มีสิ่งสกปรกรวมถึงสารเคมีตางๆ ปนเปอนอยูดานลาง
แยกน้ํามันออกจากน้ํา และนําไปปรับปรุงคุณภาพเพื่อใชงานอื่นๆ ตอไป
สวนน้ําที่แยกน้ํามันออกไปแลว ถือเปนน้ําเสียที่ตองบําบัดตอไป ซึ่งน้ําเสียนี้จะมี
สัดสวนของน้ํามันเหลืออยูนอยมากแลว จึงสามารถที่จะบําบัดดวยวิธีชีวภาพหรือ
วิ ธี อื่ น ๆ แทนการส ง ไปกํ า จั ด โดยวิ ธี เ ผาในเตาเผาที่ เ ดิ ม ก อ นมี ก ารรี ไ ซเคิ ล นั้ น
เปนเพียงวิธีเดียวที่ใชในการกําจัดน้ํามันหลอเย็นหรือน้ําเสียปนเปอนน้ํามัน
30
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
H 2O H 2O
H 2O H 2O H 2O H 2O
H 2O H 2O H 2O H 2O
H 2O H 2O
H 2O
Oil H 2O Oil Oil H 2O Oil
H 2O H 2O H 2O
H 2O
H 2O
H 2O H 2O H 2O H 2O
H 2O H 2O
H 2O
H 2O H 2O
H 2O H 2O H 2O
H 2O
H 2O
H 2O
Oil H 2O Oil H 2O
H 2O
H 2O H 2O H 2O
H 2O H 2O H 2O
H 2O H 2O
H 2O H 2O
H 2O
Oil Oil Oil
Oil Oil H 2O
H 2O
H 2O H 2O H 2O H 2O H 2O
H 2O
H 2O H 2O
Oil H 2O H 2O H 2O H 2O H 2O
H 2O
H 2O H 2O
H 2O H 2O H 2O H 2O
H 2O
31
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
¤ÇÒÁeËÁÒaÊÁ¢o§Çi¸¡Õ ÒÃÃÕä«e¤iŹéÒí Áa¹ËÅoeÂç¹ãªæÅÇËÃืo¹éÒí eÊÕÂ
»¹e»o ¹¹éÒí Áa¹o´Â¡ÒÃãªÊÒÃe¤ÁÕæ¡¢aÇé oÁeÅ¡uÅ¢o§¹éÒí ¡aº¹éÒí Áa¹
´Ò¹e·¤¹i¤æÅaÊi§è æÇ´ÅoÁ
วิธีการที่ใชรีไซเคิลไมซับซอนหรือไมใชเทคโนโลยีขั้นสูง อีกทั้งไมตองใช
เครื่องจักรที่มีมูลคาสูง และมูลคาลงทุนไมสูง ผูที่เกี่ยวของกับของเสียชนิดนี้ทั้ง
ผูก อกํ า เนิ ด หรื อ ผูรั บ บํ า บั ด ของเสีย จึ ง มี ศัก ยภาพที่จ ะดํ า เนิ น การได โ ดยปรับ ให
เหมาะสมกับปริมาณของเสียที่ตองการรีไซเคิล
หลังการแยกน้ํามันออกจากน้ําแลว ในน้ําจะมีน้ํามันหลงเหลือในปริมาณ
นอยมาก จึงมีทางเลือกในการบําบัด/กําจัดมากขึ้น เชน อาจใชวิธีบําบัดทางชีวภาพ
หรืออาจกําจัดโดยวิธีเผาในเตาเผา
สามารถลดปริมาณของเสียที่คาดวาในแตละปจะถูกนําไปกําจัดโดยวิธี
ที่ไมเหมาะสม ซึ่งกอใหเกิดผลกระทบตอสิ่งแวดลอม
เปนการใชทรัพยากรธรรมชาติอยางมีประสิทธิภาพ เนื่องจากน้ํามัน
ที่แยกออกมาไดสามารถนําไปปรับคุณภาพและแปรรูปเปนผลิตภัณฑน้ํามันชนิดตางๆ
หรือใชเปนเชื้อเพลิงในเตาอุตสาหกรรมทดแทนน้ํามันเตาก็ได ขณะเดียวกันก็ชวยลด
ตนทุนการกําจัดของเสียของโรงงานผูกอกําเนิด
32
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
´Ò¹eÈÃÉ°ÈÒʵÃ
การแยกน้ํามันออกจากน้ํามันหลอเย็นใชแลวหรือน้ําเสียปนเปอนน้ํามันดวย
วิธีนี้ มีประสิทธิภาพประมาณ 70-75% หรือน้ํามันหลอเย็นใชแลว 1 ลูกบาศกเมตร
จะสามารถแยกน้ํามันออกมาไดประมาณ 110 ลิตร โดยมีตนทุนการดําเนินการและ
รายไดดังนี้
คาดําเนินการรีไซเคิลรวมคาบําบัดน้ําเสียดวยวิธีชีวภาพ 400 บาท/ลบ.ม.น้ํามันหลอเย็นใชแลว
รายไดจากการจําหนายน้ํามันที่รีไซเคิลได 825 บาท/ลบ.ม.น้ํามันหลอเย็นใชแลว
ดังนั้น การรีไซเคิลน้ํามันหลอเย็นใชแลวหรือน้ําเสียปนเปอนน้ํามันดวยวิธีการนี้
จึงมีความเหมาะสมและคุมทุนทางเศรษฐศาสตรในกรณีที่มีการดําเนินงานในระดับ
อุตสาหกรรมดวย
¡ÒÃÃÕä«e¤iÅÊÒÃÅaÅÒ¡ô㪧ҹæÅÇ
กรดและดางเปนสารเคมีพื้นฐานที่มีการใชงานกันมากในโรงงานอุตสาหกรรม
โดยเฉพาะโรงงานผลิตเหล็ก โรงงานชุบโลหะ ซึ่งใชกรดไฮโดรคลอริกหรือกรดเกลือ
ในกระบวนการลางสนิมเหล็กในปริมาณมาก ซึ่งหากมีการจัดการที่ไมถูกตองหรือ
ไมเหมาะสมก็จะทําใหเกิดผลกระทบตอสิ่งแวดลอมมากเชนกัน อยางไรก็ตาม กรด
หรือดางที่ผานการใชงานแลวจากโรงงานอุตสาหกรรมเหลานี้ยังมีศักยภาพที่จะนํา
กลับมาใชประโยชนใหมไดอีก
33
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
Ãٻ溺¡ÒÃÃÕä«e¤iÅÊÒÃÅaÅÒ¡ôãªæÅÇo´Â¡ÒÃãªe»¹ÊÒÃe¤ÁÕµ§aé µ¹
e¾ืoè ¼ÅiµÊÒÃe¤ÁÕª¹i´ãËÁ
นอกจากวิธีการรีไซเคิลกรดหรือดางโดยการนํามาผานกระบวนการฟนฟูสภาพ
เพื่อนํากลับมาใชใหม (Acid/Base Regeneration) แลว ยังมีอีกวิธีการหนึ่งในการ
นําสารละลายกรดหรือดางที่ใชแลวกลับมาใชประโยชนใหม นั่นคือ การใชเปนสารตั้ง
ตนสําหรับการผลิตสารเคมีชนิดใหม ดังเชน การผลิตสารละลายเฟอรริกคลอไรด
หรือเฟอรรัสซัลเฟต ซึ่งใชเปนสารเคมีในการตกตะกอนในระบบบําบัดน้ําเสียจาก
สารละลายกรดใชแลว
34
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
¡ÃÃÁÇi¸Õ¡ÒÃÃÕä«e¤iÅÊÒÃÅaÅÒ¡ôãªæÅÇo´Â¡ÒÃãªe»¹ÊÒÃe¤ÁÕµa駵¹
e¾ืoè ¼ÅiµÊÒÃe¤ÁÕª¹i´ãËÁ ¡Ã³Õ¼Åiµe¿oÃái ¤Åoäôe¾ืoè ãªã¹ÃaºººíÒºa´¹éÒí eÊÕÂ
¡ÒõÃǨÊoºÅa¡É³aÊÁºaµ¢i o§ÊÒÃÅaÅÒ¡ôËÃืo´Ò§ãªæÅÇ
ÇÒÊÒÁÒö´íÒe¹i¹¡ÒÃÃÕä«e¤iÅä´ËÃืoäÁ
35
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
¡Ò÷íÒãËe¡i´»¯i¡Ãi Âi Ò
FeO + 2HCl → FeCl2 + H2O
+
HCl
Fe
FeCl2
36
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
นํ าสารละลาย FeCl2 ที่ เกิ ดจากปฏิ กิ ริ ยาข างต น เข าไปทํ าปฏิ กิ ริ ยากั บ
คลอรีนเหลว เพื่อเปลี่ยนเหล็กในรูป Fe2+ เปน Fe3+ ดังปฏิกิริยา
2 FeCl2 (aq) + Cl2(g) → 2FeCl3 (aq)
นําสารละลาย FeCl3 ที่เกิดจากปฏิกิริยาขางตน ไปตมระเหยเพื่อเพิ่มความ
เขมขนของสารละลายเฟอรริกคลอไรด ใหมีคาประมาณ 40% หรือ 46% เพื่อนําไปใช
เปนสารตกตะกอนในระบบบําบัดน้ําเสียตอไป สวนกากตะกอนที่เหลือจากปฏิกิริยานั้น
จะรวบรวมสงไปกําจัดโดยวิธีฝงกลบอยางปลอดภัยตอไป
FeCl3 Fe2SO4
37
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
¤ÇÒÁeËÁÒaÊÁ¢o§Çi¸Õ¡ÒÃÃÕä«e¤iÅÊÒÃÅaÅÒ¡ôãªæÅÇ
o´Â¡ÒÃãªe»¹ÊÒÃe¤ÁÕµ§aé µ¹e¾ืoè ¼ÅiµÊÒÃe¤ÁÕª¹i´ãËÁ
´Ò¹e·¤¹i¤æÅaÊi§è æÇ´ÅoÁ
วิธีการที่ใชรีไซเคิลไมซับซอนหรือไมใชเทคโนโลยีขั้นสูง อีกทั้งเครื่องจักร
ที่ ใ ช ง านไม ซั บ ซ อ นมาก แต ต อ งอาศั ย การควบคุ ม การทํ า ปฏิ กิ ริ ย าเคมี เ พื่ อ ให ไ ด
สารเคมี ที่ เ ป น ผลิ ต ภั ณ ฑ ที่ มี คุ ณ ภาพตามมาตรฐาน มอก. ดั ง นั้ น การรี ไ ซเคิ ล
สารละลายกรดที่ใ ชงานแลว ในลักษณะที่กลา วขางตน จึงสามารถนํา มาใชใ นเชิ ง
อุตสาหกรรมได
ของเสียที่เหลือจากกระบวนการรีไซเคิลมีเพียงกากตะกอนที่เหลือจาก
การทําปฏิกิริยา ซึ่งมีปริมาณนอยมากเมื่อเทียบกับปริมาณสารละลายกรดใชแลว และ
กากตะกอนที่เกิดขึ้นก็สามารถใชวิธีกําจัดโดยการฝงกลบอยางปลอดภัยได สวน
ไอระเหยสารเคมีจากบอพัก บอปฏิกิริยา และจากการตมสารละลายเฟอรริกคลอไรด
สามารถบําบัดดวยระบบบําบัดมลพิษอากาศ เชน Wet scrubber เปนตน
สามารถลดปริมาณของเสียที่คาดวาในแตละปจะถูกนําไปกําจัดโดยวิธี
ที่ไมเหมาะสม ซึ่งกอใหเกิดผลกระทบตอสิ่งแวดลอม อีกทั้งโรงงานผูกอกําเนิด
ของเสียชนิดนี้จะเสียคาใชจายในการสงมารีไซเคิลโดยวิธีนี้ต่ํากวาการสงไปกําจัด
38
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
´Ò¹eÈÃÉ°ÈÒʵÃ
¡ÒüÅiµeªืoé e¾Åi§oa´æ·§
ประเภทของเสียที่สามารถนํามาใชเปนวัตถุดิบผลิตเชื้อเพลิงอัดแทง อาจเปน
ของแข็งหรือกากตะกอนก็ได และอาจเปนสารอินทรีย เชน เศษพืชผักผลไม หรือ
กากตะกอนจากระบบบํ า บั ด น้ํา เสี ย หรื อ อาจเปน สารอนิน ทรี ย เชน เถา จากการ
39
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
41
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
7,000
คาความรอน (แคลลอรี่/กรัม)
7,000
5,402
6,000
5,000
4,000 3,098
3,000
2,000 540
1,000
0
เศษวัตถุดิ บจากการผลิต
เศษผลไม
เถากะลาปาลม
จากระบบบําบัดน้ําสีย
(เศษพริก กระเทียม)
กากตะกอน
¤Ò¤ÇÒÁÃo¹ (Heating Value)
70.0
70
คารบอนคงตัว (รอยละ)
60
50
40
30
14.7 13.1
20 7.7
10
0
เศษวัตถุดิ บจากการผลิต
เศษผลไม
เถากะลาปาลม
จากระบบบําบัดน้ําสีย
(เศษพริก กระเทียม)
กากตะกอน
¤Ò¤Òúo¹¤§µaÇ
42
สารละเหยที่ได (รอยละ) คาความชื้น (รอยละ)
20
40
60
80
0
20
40
60
80
0
กากตะกอน กากตะกอน
จากระบบบําบัดน้ําสีย จากระบบบําบัดน้ําสีย
13.0
76.7
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
เศษผลไม เศษผลไม
59.5
18.8
43
เศษวัตถุดิ บจากการผลิต เศษวัตถุดิ บจากการผลิต
(เศษพริก กระเทียม) (เศษพริก กระเทียม)
76.1
6.8
17.0
7.0
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
7.0
7
6
5 4.0 4.0
เถา (รอยละ)
4 2.6
3
2
1
0
เศษวัตถุดิ บจากการผลิต
เศษผลไม
เถากะลาปาลม
จากระบบบําบัดน้ําสีย
(เศษพริก กระเทียม)
กากตะกอน
»ÃiÁÒ³e¶Ò
¡ÒüÅiµ»u oi¹·ÃÕÂ
ประเภทของเสียที่สามารถนํามาใชเปนวัตถุดิบผลิตปุยอินทรีย จะตองเปน
สารอินทรียซึ่งสามารถยอยสลายได โดยอาจเปนของแข็งหรือกากตะกอนก็ได เชน
เศษผักผลไม หรือกากตะกอนจากระบบบําบัดน้ําเสีย ฯลฯ อยางไรก็ตาม สารอนินทรีย
บางชนิ ด เช น กากปู น ขาว สามารถใช เ ป น วั ส ดุ ป รั บ ค า ความเป น กรดด า งของ
ปุยอินทรีย แตเพื่อใหปุยอินทรียที่ผลิตไดมีคุณภาพสูง ซึ่งจะตองมีคุณสมบัติหรือ
องคประกอบที่สําคัญ ดังนี้
44
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
ปริมาณอินทรียวัตถุ ≥ 20%
อัตราสวนของคารบอนตอไนโตรเจน (C/N ratio) ≤ 20 ตอ 1
ระดับคาการนําไฟฟา (EC) ≤10 dS/m
ปริมาณธาตุอาหารหลักของพืช*
ไนโตรเจน (N) ≥ 1.0%
ฟอสฟอรัส (P2O5) ≥ 1.0%
โพแทสเซียม (K2O) ≥ 0.5%
*หรือปริมาณธาตุอาหารรวมกัน 3 ชนิด ≥ 2.0%
* คาที่ระบุในแตละคุณสมบัตหิ รือองคประกอบของปุยเปนคาที่เปนไปตามประกาศกรมวิชาการเกษตร
เรื่อง หลักเกณฑ วิธีการและเงื่อนไขการขอรับรองการผลิตปุยอินทรียมาตรฐาน พ.ศ. 2548
ดังนั้น ลักษณะสมบัติของเสียที่ควรพิจารณาในกรณีที่จะนําของเสียชนิดใด
ชนิดหนึ่งไปใชเปนวัตถุดิบหรือผสมวัตถุดิบเพื่อผลิตปุยอินทรีย จึงประกอบดวย
เมื่อจุลินทรียยอยสลายอินทรียวัตถุประเภทนี้ จุลินทรียอาจดึงธาตุไนโตรเจนจากดิน
ออกมาเพื่อใชในการยอยสลายอินทรียวัตถุตางๆ สงผลใหดินมีปญหาขาดไนโตรเจน
ได ดังนั้ น ของเสีย ที่เหมาะสมในการใชเปนวัตถุดิบผลิตปุย อินทรีย จึงไมค วรมี
อินทรียวัตถุที่มีคาคารบอนมาก หรือมีคาสัดสวนของคารบอนตอไนโตรเจนมาก
¸Òµuä¹oµÃe¨¹ (Nitrogen : N)
ธาตุ ไ นโตรเจนปกติ จ ะมี อ ยู ใ นอากาศในรู ป ของก า ซไนโตรเจนเป น
จํานวนมาก แตไนโตรเจนในอากาศในรูปของกาซนั้น พืชนําเอาไปใชประโยชนอะไร
ไมได (ยกเวนพืชตระกูลถั่วเทานั้นที่มีระบบรากพิเศษสามารถแปรรูปกาซไนโตรเจน
จากอากาศเอามาใชประโยชนได) ธาตุไนโตรเจนที่พืชทั่วๆ ไปดึงดูดขึ้นมาใชประโยชน
ไดนั้น จะตองอยูในรูปของอนุมูลของสารประกอบ เชน แอมโมเนียมไอออน (NH+4)
และไนเทรตไอออน (NO-3) ธาตุไนโตรเจนในดินที่อยูในรูปเหลานี้จะมาจาก
46
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
การสลายตัวของสารอินทรียวัตถุในดิน โดยจุลินทรียในดินจะเปนตัวปลดปลอยใหพืช
เมื่อขาดไนโตรเจนพืชจะแคระแกร็น โตชา ใบเหลือง โดยเฉพาะใบลางๆ จะแหง
รวงหลนเร็วทําใหแลดูตนโกรน การออกดอกออกผลจะชา และไมคอยสมบูรณนัก
¸Òµu¿oÊ¿oÃaÊ (Phosporus : P)
ธาตุ ฟ อสฟอรั ส ในดิ น มี ต น กํ า เนิ ด มาจากการสลายตั ว ผุ พั ง ของแร
บางชนิดในดิน การสลายตัวของสารอินทรียวัตถุในดินก็จะสามารถปลดปลอย
ฟอสฟอรัสออกมาเปนประโยชนตอพืชที่ปลูกไดเชนเดียวกัน ธาตุฟอสฟอรัสในดิน
ที่ จ ะเป น ประโยชน ต อ พื ช ได จ ะต อ งอยู ในรู ปของอนุ มู ลของสารประกอบที่ เรี ยกว า
ฟอสเฟตไอออน (H2PO-4) และ HPO- ซึ่งจะตองละลายอยูในน้ําในดิน สารประกอบ
ของฟอสฟอรัสในดินมีอยูเปนจํานวนมาก แตสวนใหญละลายน้ํายาก เนื่องจากธาตุ
ตางๆ ในดินชอบที่จะทําปฏิกิริยากับอนุมูลฟอสเฟตที่ละลายน้ําได ดังนั้น ฟอสเฟตที่
ละลายน้ําไดจะทําปฏิกิริยากับแรธาตุในดินกลายเปนสารประกอบที่ละลายน้ํายาก
ไมเปนประโยชนตอพืช โดยเฉพาะในสภาพที่ดินมีฤทธิ์เปนกรด pH ต่ํากวา 5.5
เหล็กไอออนและอะลูมิเนียมไอออนจะเขาทําปฏิกิริยากับฟอสเฟตไอออนเกิดเปน
สารประกอบที่ไมละลายน้ําขึ้น
¸Òµuo¾æ·Êe«ÕÂÁ (Potassium : K)
ธาตุโพแทสเซียมในดินที่พืชนําเอาไปใชเปนประโยชนได มีตนกําเนิดมา
จากการสลายตัวของหินและแรมากมายหลายชนิดในดิน ซึ่งโพแทสเซียมที่อยูในรูป
อนุมูลบวก หรือโพแทสเซียมไอออน (K+) เทานั้นที่พืชจะดึงดูดไปใชเปนประโยชนได
47
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
48
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
76.32
80 63.20 มาตรฐาน ≥ 20%
70
ปริมาณอินทรียวัตถุ (%)
60 42.78
50
40 24.07
30
20
10
0
เศษผัก ผลไม
กากตะกอนผงชูรส
กากตะกอนน้ําตาล
กากตะกอนน้ําเสีย
»ÃiÁÒ³oi¹·ÃÕÂÇaµ¶u
43:1
อัตราส วนของคารบ อนตอไนโตรเจน
50:1
50
40:1
มาตรฐาน ≤ 20:1
40
30:1
30
20:1 13:1
20
7:1
5:1
10:1
10
00
กากตะกอนผงชูรส
กากตะกอนน้ําตาล
กากตะกอนน้ําเสีย
เศษผัก ผลไม
oaµÃÒÊǹ¤Òúo¹µoä¹oµÃe¨¹
49
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
20
15 9.83
10
4.33
1.49
5
0
กากตะกอนผงชูรส
กากตะกอนน้ําตาล
กากตะกอนน้ําเสีย
เศษผัก ผลไม
Ãa´aº¤Ò¡ÒùíÒä¿¿Ò
8
ปริมาณธาตุอาหารหลักของพืช (%)
5
4
3
2
1
0
กากตะกอน กากตะกอน เศษผัก กากตะกอน
ผงชูร ส น้ําตาล ผลไม น้ําเสีย
ไนโตรเจน 7.27 1.03 1.04 3.46
ฟอสฟอรัส 0.45 1.67 0.25 3.22
โพแทสเซีย ม 1.59 0.96 0.36 0.65
»ÃiÁÒ³¸ÒµuoÒËÒÃËÅa¡
50
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
การรี ไ ซเคิ ล น้ํ า มั น หล อ เย็ น ใช แ ล ว หรื อ น้ํ า เสี ย ปนเป อ นน้ํ า มั น ด ว ยวิ ธี นี้
มีหลักการสําคัญคือ การใชสารเคมีเพื่อตัดขั้วโมเลกุลของน้ําที่จับกับน้ํามันใหแยก
ออกจากกัน แลวนําน้ํามันที่แยกไดไปปรับคุณภาพสําหรับนําไปแปรรูปเปนผลิตภัณฑ
ตางๆ (เชน น้ํามันทาแบบ น้ํามันหยอดทิ้ง ฯลฯ) หรือนําไปใชเปนเชื้อเพลิงทดแทน
จึงไมมีขอกําหนดดานคุณสมบัติของผลิตภัณฑมากนัก แตดวยขอจํากัดทางดาน
เทคนิ ค ของวิ ธี ก ารที่ ใ ช แ ยกน้ํ า ออกจากน้ํ า มั น ที่ ใ ช ส ารเคมี ใ นกลุ ม emulsifier
breaker ซึ่งจะทํางานไดอยางมีประสิทธิภาพภายใตสภาวะที่เหมาะสมทางเคมีเทานั้น
รวมถึงขอจํากัดดานลักษณะสมบัติของน้ําเสียที่เหลือจากการแยกน้ํามันที่ตองสามารถ
บําบัดได
ดังนั้น ลักษณะสมบัติของน้ํามันหลอเย็นใชแลวหรือน้ําเสียปนเปอนน้ํามัน
ที่ ค วรพิ จ ารณาในกรณี ที่ จ ะนํ า มารี ไ ซเคิ ล ด ว ยวิ ธี ก ารนี้ จึ ง มี ค วามเกี่ ย วข อ งกั บ
ความเปนไปไดในการแยกโมเลกุลของน้ํามันกับน้ําออกจากกัน และความเปนไปได
ของการบําบัดน้ําเสียที่เปนสวนเหลือหลังจากแยกน้ํามันออกไปแลว ดังนี้
น้ํามันหลอเย็นใชแลวหรือน้ําเสียปนเปอนน้ํามัน จะตองมีน้ํามันแรเปน
องคประกอบไมนอยกวา 10% เนื่องจากหากมีสัดสวนของน้ํามันแรต่ํากวานี้ จะมี
ความเปนไปไดของวิธีการนอยลง และไมมีความคุมทุนทางเศรษฐศาสตรในการ
ดําเนินการ
ตอ งเปนน้ํามั น หล อ เย็ นใช แล ว หรือ น้ํ า เสีย ปนเป อนน้ํ ามัน ที่ส ามารถ
ใชสารเคมีในการตัดขั้วของตัว Emulsifier เพื่อแยกโมเลกุลของน้ํากับน้ํามันออก
จากกัน และเกิดเปนคอลลอยดเล็กๆ ได และสามารถทําใหคอลลอยดเหลานั้นเกิด
การรวมตัวเปนตะกอนที่ใหญขึ้นเพื่อใหน้ํามันแยกชั้นออกจากน้ําอยางชัดเจน
51
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
น้ํามันหลอเย็นใชแลวหรือน้ําเสียปนเปอนน้ํามัน จะตองไมมีองคประกอบ
ของฮาโลเจนหรื อ แอมโมเนี ย ในปริ ม าณที่ เ ป น อั น ตรายต อ ระบบบํ า บั ด น้ํ า เสี ย
โดยเฉพาะเมื่อเลือกใชระบบบําบัดน้ําเสียแบบชีวภาพ เนื่องจากสารเคมีเหลานี้จะสง
ผลกระทบตอจุลินทรียในระบบบําบัดน้ําเสีย
ปริมาณโลหะหนักที่ปนเปอนในน้ํามันหลอเย็นใชแลวหรือน้ําเสียปนเปอน
น้ํามัน จะตองไมมีคาสูงกว าที่กํา หนดในมาตรฐานน้ําทิ้ งที่ ยิน ยอมใหร ะบายออก
เนื่องจากภายหลังการแยกน้ํามันออกจากน้ํา โลหะหนักจะปนเปอนอยูในน้ําเสียเกือบ
ทั้งหมด ทําใหมีโอกาสสูงมากที่น้ําทิ้งหลังการบําบัดแลวจะยังมีคาความเขมขนโลหะ
หนักนั้นๆ สูงกวาคามาตรฐานน้ําทิ้งที่ยินยอมใหระบายออกจากโรงงาน
¡ÒÃÃÕä«e¤iÅÊÒÃÅaÅÒ¡ôãªæÅÇo´Âãªe»¹ÊÒÃe¤ÁÕµa駵¹
e¾ืèo¼ÅiµÊÒÃe¤ÁÕª¹i´ãËÁ
การรีไซเคิลสารละลายกรดใชแลว โดยนํามาเปนสารตั้งตนเพื่อผลิตสารเคมี
ชนิ ด ใหม มี ห ลั ก การสํ า คั ญ คื อ การทํ า ให ส ารที่ ป นเป อ นอยู ใ นของเสี ย ซึ่ ง เป น
สารละลายกรดที่ใชงานแลวทําปฏิกิริยาเคมีระหวางกันเพื่อใหเกิดเปนสารเคมีชนิด
ใหมที่ตองการ เชน ใชโลหะเหล็ก (Fe) และคลอไรด (Cl-) ที่ละลายอยูในกรดไฮโดร-
52
æ¹Ç·Ò§ËÅa¡e¡³±¤u³ÊÁºaµ¢i o§eÊÕ·ÕèeËÁÒaÊÁ
㹡ÒùíÒÁÒ㪻Ãaoª¹ã¹Ãa´aºouµÊÒË¡ÃÃÁ
53
สํานักบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม
กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม
75/6 ถ.พระรามที่ 6 แขวงทุงพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
Website : www.diw.go.th
บริษัท ซีเอ็มเอส เอ็นจิเนียริ่ง แอนด แมเนจเมนท จํากัด
68/95-96 หมู 5 ถนนพระราม 2 แขวงจอมทอง เขตจอมทอง กรุงเทพฯ 10150
โทรศัพท : 0-24765058, 4765071, 4766995, 8770394-7
โทรสาร : 0-24767079 Website : www.cms.co.th
E-mail : cmsenvi@cms.co.th