Professional Documents
Culture Documents
พระพุทธศาสนา
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 2 สําหรับครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate Engage Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
สมรรถนะของผูเรียน
คุณลักษณะอันพึงประสงค
หน า หน า
โซน 1 หนั ง สื อ เรี ย น หนั ง สื อ เรี ย น โซน 1
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
ขอสอบ O-NET
นักเรียนควรรู
บูรณาการเชื่อมสาระ
โซน 2 โซน 3 โซน 3 โซน 2
กิจกรรมสรางเสริม บูรณาการ
เศรษฐกิจพอเพียง
กิจกรรมทาทาย
บูรณาการอาเซียน
มุม IT
2. สัญลักษณ
สัญลักษณ วัตถุประสงค สัญลักษณ วัตถุประสงค
คูม อื ครู
5Es การจัดกิจกรรมตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es
ขั้นตอนการสอนที่สัมพันธกับขั้นตอนการคิดและการทํางานทางสมองของผูเรียนที่นิยมใชอยางแพรหลาย คือ
วัฏจักรการเรียนรู 5Es ซึ่งผูจัดทําคูมือครูไดนํามาใชเปนแนวทางออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนในแตละหนวย
ตามลําดับขั้นตอนการเรียนรู ดังนี้
ขั้นที่ 1 กระตุนความสนใจ (Engage)
เสร�ม
เปนขั้นที่ผูสอนนําเขาสูบทเรียน เพื่อกระตุนความสนใจของผูเรียนดวยเรื่องราวหรือเหตุการณที่นาสนใจโดยใชเทคนิควิธีการ
และคําถามทบทวนความรูหรือประสบการณเดิมของผูเรียน เพื่อเชื่อมโยงผูเรียนเขาสูความรูของบทเรียนใหม ชวยใหผูเรียนสามารถ 3
สรุปความสําคัญหัวขอและสาระการเรียนรูของบทเรียนได จึงเปนขั้นตอนการสอนที่สําคัญ เพราะเปนการเตรียมความพรอมและสราง
แรงจูงใจใฝเรียนรูแกผูเรียน
คูม อื ครู
คําอธิบายรายวิชา
รายวิชา พระพุทธศาสนา กลุมสาระการเรียนรู สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 2 ภาคเรียนที่ 1-2
รหัสวิชา ส………………………………… เวลา 40 ชั่วโมง/ป
ตัวชี้วัด
ส 1.1 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5 ม.2/6 ม.2/7 ม.2/8 ม.2/9 ม.2/10 ม.2/11
ส 1.2 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5
รวม 16 ตัวชี้วัด
คูม อื ครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ÃÒÂÇÔªÒ¾×é¹°Ò¹
¾Ãоط¸ÈÒÊ¹Ò Á.ò
ªÑ¹é ÁѸÂÁÈÖ¡ÉÒ»‚·Õè ò
¡ÅØ‹ÁÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙŒÊѧ¤ÁÈÖ¡ÉÒ ÈÒÊ¹Ò áÅÐÇѲ¹¸ÃÃÁ
µÒÁËÅÑ¡ÊÙµÃ᡹¡ÅÒ§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ¢Ñé¹¾×é¹°Ò¹ ¾Ø·¸ÈÑ¡ÃÒª òõõñ
¼ÙŒàÃÕºàÃÕ§
È. ´Ã. ÇÔ·Â ÇÔÈ·àÇ·Â
È. ¾ÔàÈÉ àÊ°ÕÂþ§É ÇÃó»¡
¼ÙŒµÃǨ
È. ¾ÔàÈÉ ¨íÒ¹§¤ ·Í§»ÃÐàÊÃÔ°
ÃÈ. ªÙÈÑ¡´Ôì ·Ô¾Âà¡ÉÃ
¼È. ÊØÃÔÇѵà ¨Ñ¹·ÃâÊÀÒ
ºÃóҸԡÒÃ
¹ÒÂÊÁà¡ÕÂÃµÔ ÀÙ‹ÃÐ˧É
รหัสพิสิมนคพาค๒๒๑๓๐๘๕
รั้งที่ ๑๒
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ
¾ÔÁ¾¤ÃÑ駷Õè 10 คณะผูจัดทําคูมือครู
ÃËÑÊÊÔ¹¤ŒÒ 2243127 ฤดีวรรณ มาดีกุล
วีระชัย บุญอยู
แมนพงษ เห็มกอง
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
¤íÒá¹Ð¹íÒ㹡ÒÃ㪌˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹
หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน พระพุทธศาสนาเลมนี้ ใชประกอบการเรียนการสอนรายวิชาพื้นฐาน
กลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๒
เนื้อหาตรงตามสาระการเรียนรูแกนกลางขั้นพื้นฐาน อานทําความเขาใจงาย ใหทั้งความรูและ
ชวยพัฒนาผูเรียนตามหลักสูตรและตัวชี้วัด เนื้อหาสาระแบงออกเปนหนวยการเรียนรูตามโครงสรางรายวิชา
สะดวกแกการจัดการเรียนการสอนและการวัดผลประเมินผล พรอมเสริมองคประกอบอื่นๆ ที่จะชวยทําให
ผูเรียนไดรับความรูอยางมีประสิทธิภาพ à¹×éÍËҵçµÒÁÊÒÃСÒÃàÃÕ¹Ãٌ᡹¡ÅÒ§
à¡ÃÔè¹¹íÒà¾×èÍãˌࢌÒ㨶֧ÊÒÃÐÊíÒ¤ÑÞ ãËŒ¤ÇÒÁÃÙŒáÅÐàÍ×é͵‹Í¡ÒùíÒä»ãªŒÊ͹à¾×èÍ Design ˹ŒÒẺãËÁ‹ ÊǧÒÁ
¨Ñ´¡ÅØ‹Áà¹×éÍËÒ໚¹Ë¹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ ã¹Ë¹‹Ç·Õè¨ÐàÃÕ¹ ãËŒºÃÃÅصÑǪÕéÇÑ´ áÅÐÊÌҧ¤Ø³ÅѡɳР¾ÔÁ¾ ô ÊÕ µÅÍ´àÅ‹Á ª‹ÇÂãËŒÍÒ‹ ¹
Êдǡᡋ¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ Íѹ¾Ö§»ÃÐʧ¤ ·íÒ¤ÇÒÁࢌÒã¨ä´Œ§‹Ò¢Öé¹
ป
หน่วยการเรีย
นรู้ที่ ๑ วงตาเห็นธรรม และทูลขอบวชเป็นภิกษุ
๑. พระวินัยปิฎก
และควา ระวัติ จากนั้นก็ทรงแสดงธรรมให้อีก ๔ ท่าน จนได้ด
ตามล�าดับ แล้วทรงแสดง “อนัตตลักขณสูตร”
(ว่าด้วยไตรลักษณ์ ได้แก่ อนิจจตา ทุกขตา
พระวินัยปิฎก คือ ส่วนที่ว่าด้วยสิ
ของพระพุท มสําคัญ
แบ่งออกเป็น ๓ หมวดย่อย ดังนี้ กขาบท หรือศีลของพระภิกษุและพระภิ
กษุณี
อนัตตตา) แก่พระปัญจวัคคีย์จนได้บรรลุอรหัตผล
ธศาสนา หลังจากนัน้ ก็ประทานอุปสมบทให้ยสกุมาร ๑. สตุ ตวิภงั ค์ คือ ส่วนทีว่ า่ ด้วยศีลในพระปาฏ
๒. ขนั ธกะ คือ ส่วนทีว่ า่ ด้วยสังฆกรรม โิ มกข์ หรือศีลส�าคัญของภิกษุและภิก
พิธกี รรม วัตรปฏิบตั ขิ องพระ ตลอดจนม ณี
ษุ
และสหายของยสะอีก ๕๔ คน จนมีพระอรหันต‑ เพื่อความงามของสงฆ์ ารยาท
สาวกครบ ๖๐ รูป พระองค์ก็ทรงส่งให้แยกย้าย ๓. ปริวาร คือ ส่วนที่สรุปข้อความหรื
กั น ไปประกาศ พระพุ ท ธศาสนายั ง ทิ ศ ต่ า งๆ เพื่อความเข้าใจแจ่มแจ้ง
อคู่มือพระวินัยปิฎก อธิบายในรูปค�า
ถาม ค�าตอบ
ตัวชี้วัด ส่วนพระองค์เองก็เสด็จไปโปรดชฎิล ๓ พี่น้อง
● อธิบายการเผยแ พร้อมบริวารจ�านวนหนึ่งพันคน โดยทรงแสดง
ที่ตนนับถือสู ผ่พระพุทธศาสนาหรอื ศาสน
่ป
(ส ๑.๑ ม.๒/ ระเทศเพื่อนบ้าน า “อาทิ ต ตปริ ย ายสู ต ร” (พระสู ต รว่ า ด้ ว ยไฟ)
● วิเคราะห์ความส
๑)
จนชฎิล ๓ พี่น้องพร้อมบริวารได้บวชเป็นสาวก ๒. พระสุตตัน
ตปิฎก
หรือศาสนาที ำาคัญของพระพุทธศาส
ต่
พระสุตตันตปิฎก คือ ส่วนที่ว่าด้วยพระธรรม
เข้าใจอันดีกบั นนับถือ ทีช่ ว่ ยเสรมิ สร้า นา ของพระพุทธองค์ พระสาวกบางส่วน) ที่ทรงแสดงแก่บ เทศนาของพระพุทธเจ้า (และของ
ประเ งความ
(ส ๑.๑ ม.๒/ ทศเพอ่ื นบ้าน ุคคลต่างๆ ในวาระโอกาสต่างกัน แบ่
● วิเคราะห์ความส
๒) พระเจ้ า พิ ม พิ ส าร และชาวเมื อ งมคธ ๑. ทีฆนิกาย คือ หมวดที่ประมวลสูต งเป็น ๕ นิกาย ดังนี้
หรือศาสนาที ำาคัญของพระพุทธศาส
ของวฒ
ต่ นนับ
ั นธรรม ถือในฐานะทีเ่ ป็นรากฐ
นา ที่ นั บ ถื อ ชฎิ ล ๓ พี่ น ้ อ ง เมื่ อ เห็ น อาจารย์ ๒. มัชฌิมนิกาย คือ หมวดที่ประมวลสู
รขนาดยาว
ของชาติ (ส เอกลกั ษณ์ของชาติ และม าน
๑.๑
อภิ ป รายค วามส ม.๒/๓) รดก พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาโปรดปัญจวั
คคีย์
ของพวกตนมานับถือพระพุทธเจ้าเป็นศาสดา ๓. สังยุตตนิกาย คือ หมวดที่ประมวลสู
ตรขนาดปานกลาง
ตรโดยจัดกลุ่มตามเนื้อหา เช่น กลุ่ม
ที่พึ่งบ้าง พระเจ้าพิมพิสารทรงสร้างวัด
●
ÊÒúÑÞ
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè ñ »ÃÐÇѵÔáÅФÇÒÁÊíÒ¤Ñޢͧ¾Ãоط¸ÈÒʹÒ
¡ÒÃà¼ÂἋáÅСÒùѺ¶×;Ãоط¸ÈÒʹÒã¹»ÃÐà·Èà¾×è͹ºŒÒ¹
ñ
ò
ÇÔà¤ÃÒÐˤÇÒÁÊíÒ¤Ñޢͧ¾Ãоط¸ÈÒÊ¹Ò òó
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè ò ¾Ø·¸»ÃÐÇÑµÔ ¾ÃÐÊÒÇ¡ ÈÒʹԡª¹µÑÇÍ‹ҧáÅЪҴ¡
¾Ø·¸»ÃÐÇѵÔ
óõ
óö
»ÃÐÇѵԾط¸ÊÒÇ¡ ¾Ø·¸ÊÒÇÔ¡Ò ôó
ÈÒʹԡª¹µÑÇÍ‹ҧ õô
ªÒ´¡ öñ
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè ó ËÅÑ¡¸ÃÃÁ·Ò§¾Ãоط¸ÈÒʹÒ
¾ÃÐÃѵ¹µÃÑÂ
ö÷
öø
ÍÃÔÂÊѨ ô öù
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè ô ¾ÃÐäµÃ»®¡áÅоط¸ÈÒʹÊØÀÒÉÔµ
â¤Ã§ÊÌҧáÅÐÊÒÃÐÊíÒ¤Ñޢͧ¾ÃÐäµÃ»®¡
ùó
ùô
¾Ø·¸ÈÒʹÊØÀÒÉÔµ ù÷
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè õ ˹ŒÒ·ÕèªÒǾط¸áÅÐÁÒÃÂÒ·ªÒǾط¸
˹ŒÒ·ÕèªÒǾط¸
ÁÒÃÂÒ·ªÒǾط¸
ñðó
ñðô
ññô
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè ö ÇѹÊíÒ¤ÑÞ·Ò§¾Ãоط¸ÈÒʹÒáÅÐÈÒʹ¾Ô¸Õ
ÇѹÊíÒ¤ÑÞ·Ò§¾Ãоط¸ÈÒʹÒ
ñòó
ñòô
ÈÒʹ¾Ô¸Õ ñóö
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè ÷ ¡ÒúÃÔËÒèԵáÅСÒÃà¨ÃÔÞ»˜ÞÞÒ
¡ÒúÃÔËÒèԵáÅСÒÃà¨ÃÔÞ»˜ÞÞÒ
ñõñ
ñõò
¡ÒÃà¨ÃÔÞ»˜ÞÞÒâ´Â¡ÒäԴẺâ¹ÔâÊÁ¹ÊÔ¡Òà ñõö
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè ø ¡Òû¯ÔºÑµÔµ¹µÒÁËÅÑ¡¸ÃÃÁ·Ò§¾Ãоط¸ÈÒʹÒ
¡Òû¯ÔºÑµÔµ¹Í‹ҧàËÁÒÐÊÁ㹡ÃÐáʤÇÒÁà»ÅÕè¹á»Å§¢Í§âÅ¡
ñöñ
ñöò
¡Òû¯ÔºÑµÔµ¹à¾×èÍ¡ÒÃÍÂًËÇÁ¡Ñ¹Í‹ҧÊѹµÔÊØ¢ ñöõ
ºÃóҹءÃÁ ñ÷ñ
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
หน่วยการเรียนรู้ที่
ประวัติ
๑ 1. บอกประวัติการเผยแผพระพุทธศาสนา
เขาสูประเทศเมียนมา อินโดนีเซีย มาเลเซีย
สิงคโปร ลาว กัมพูชา และเวียดนามได
2. อธิบายความสําคัญของพระพุทธศาสนา
และความสําคัญ ที่มีสวนชวยเสริมสรางความเขาใจอันดี
ระหวางประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบานได
ของพระพุทธศาสนา 3. วิเคราะหความสําคัญพระพุทธศาสนา
ในฐานะที่เปนรากฐานของวัฒนธรรม
เปนเอกลักษณและเปนมรดกของชาติได
ตัวชี้วัด
สมรรถนะของผูเรียน
● อธิบายการเผยแผ่พระพุทธศาสนาหรือศาสนา 1. ความสามารถในการสื่อสาร
ที่ตนนับถือสู่ประเทศเพื่อนบ้าน
(ส ๑.๑ ม.๒/๑) 2. ความสามารถในการคิด
วิ เ คราะห์ ค วามสำ า คั ญ ของพระพุ ท ธศาสนา
●
เกร็ดแนะครู
ครูควรจัดกิจกรรมการเรียนรู เพื่อใหนักเรียนสามารถอธิบายประวัติการเผยแผ
พระพุทธศาสนาเขาสูป ระเทศเพือ่ นบาน วิเคราะหความสําคัญของพระพุทธศาสนาที่
ชวยเสริมสรางความเขาใจอันดีกบั ประเทศเพือ่ นบาน เปนรากฐานของวัฒนธรรมไทย
เปนเอกลักษณและมรดกของสังคมไทย อภิปรายความสําคัญของพระพุทธศาสนากับ
การพัฒนาชุมชนและการจัดระเบียบสังคม โดยพัฒนาทักษะกระบวนการที่สําคัญ
ไดแก ทักษะการคิดวิเคราะห กระบวนการสืบสอบ และกระบวนการกลุม ดังนี้
• ครูใหนักเรียนแบงกลุม ศึกษาคนควาเกี่ยวกับประวัติการเผยแผพระพุทธ-
ศาสนาเขาสูประเทศเพื่อนบาน
• ครูใหนักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับสถานการณการนับถือพระพุทธศาสนา
ของประเทศเพื่อนบานในปจจุบัน แลวจัดทํารายงานเปรียบเทียบระหวางการ
เผยแผพระพุทธศาสนาในอดีตกับสถานการณการนับถือพระพุทธศาสนาใน
ปจจุบัน
• ครูใหนักเรียนจับคูศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสําคัญของพระพุทธ-
ศาสนาที่มีตอสังคมไทย จากนั้นแบงกลุมแสดงบทบาทสมมติ
ในรูปแบบละครสั้น คูมือครู 1
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับความเชื่อดั้งเดิม
กอนการเผยแผพระพุทธศาสนาเขาสูประเทศเพื่อน ñ. ¡ÒÃà¼ÂἋáÅСÒùѺ¶×;Ãоط¸ÈÒʹÒã¹»ÃÐà·Èà¾×Íè ¹ºŒÒ¹
บาน และใหนักเรียนดูภาพถํ้าสัตตบรรณในหนังสือ
เรียนหนา 2 พรอมทั้งอภิปรายถึงความสําคัญของ ประเทศไทยจัดเปนประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาเปนศาสนาสําคัญของชาติประเทศหนึ่ง
สถานที่ดังกลาว นอกจากนี้ ประเทศเพื่อนบานที่รายลอมและใกลเคียงกับประเทศไทย ก็ลวนมีพระพุทธศาสนา
เปนศาสนาสําคัญของชาติดวยเชนเดียวกัน ประเทศเพื่อนบานเหลานี้ ไดแก เมียนมา อินโดนีเซีย
สํารวจคนหา Explore ลาว มาเลเซีย สิงคโปร กัมพูชา และเวียดนาม ประวัตขิ องการเผยแผพระพุทธศาสนาเขาสูป ระเทศ
เพื่อนบานเหลานี้ มีดังนี้
ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 3-5 คน
ศึกษาคนควาเกี่ยวกับประวัติการเผยแผ ๑.๑ การเผยแผพระพุทธศาสนาเขาสูประเทศเพื่อนบาน
พระพุทธศาสนาเขาสูประเทศเพื่อนบาน ดังนี้ หลังจากที่พระพุทธเจาตรัสรูแลว พระองคทรงมีพุทธประสงคใหบุคคลอื่นไดรูตามพระองค
ประเทศเมียนมา ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศ เพื่อจะไดพน ทุกขและไดรบั ความสุขทีแ่ ทจริง จึงเสด็จออกไปประกาศพระพุทธศาสนา จนกระทั่งได
มาเลเซีย ประเทศสิงคโปร ประเทศลาว ประเทศ พระสาวก ๖๐ รูป พระองคทรงเห็นวามีจํานวนมากพอสมควรแลว จึงทรงสงพระสาวกไปเผยแผ
กัมพูชา และประเทศเวียดนาม จากนั้นจดบันทึก พระพุทธศาสนายังแควนตางๆ
ขอมูลลงสมุด หลังพุทธปรินพิ พาน บรรดาสาวกของพระพุทธเจาไดสบื ทอดพระพุทธศาสนากันมาไมขาดสาย
แมบางครัง้ พระพุทธศาสนาจะไดรบั ความกระทบกระเทือนหรือมัวหมอง ทัง้ ภัยภายในและภายนอก
อธิบายความรู Explain บรรดาสาวกก็ไดชวยกันชําระใหบริสุทธิ์ถูกตองเปนแบบแผนเดียวกัน การกระทําเชนนี้ เรียกวา
“สังคายนาพระธรรมวินัย” ซึ่งไดกระทําเปนจํานวน ๓ ครั้ง ในชวงเวลา ๓ ศตวรรษ
ครูและนักเรียนอภิปรายเหตุการณการเผยแผ
พระพุทธศาสนาวา หลังการสังคายนาพระไตรปฎก
เมื่อเสร็จสิ้นการทําสังคายนาพระไตรปฎกครั้งที่ ๓ แลว พระเจาอโศกมหาราชผูทรงเปน
ครั้งที่ 3 พระโมคคัลลีบุตรติสสเถระเล็งเห็นวา องคอปุ ถัมภไดจดั สงสมณทูตไปเผยแผพระพุทธศาสนายังดินแดนตางๆ โดยการสนับสนุนจากพระ
ในอนาคตภายภาคหนาพระพุทธศาสนาอาจเสือ่ มสูญ โมคคัลลีบุตรติสสเถระ องคประธานการสังคายนาครั้งนี้ไดทรงสงพระมหินทเถระพรอมคณะไป
ไปจากชมพูทวีป จึงควรสงสมณทูตออกไปเผยแผ เผยแผพระพุทธศาสนายังเกาะลังกา (ประเทศศรีลังกาในปจจุบนั ) ตอมาไดกลายเปน
พระพุทธศาสนายังดินแดนตางๆ พระเจาอโศก ศูนยกลางสําคัญในการเผยแผพระพุทธศาสนาสืบแทนอินเดีย โดยเฉพาะใน
มหาราชทรงเห็นชอบดวย จึงทรงสงสมณทูต 9 สาย รัชสมัยของพระเจามหานามะ พระพุทธโฆษาจารยชาวอินเดียไดเดินทาง
ออกไปเผยแผพระพุทธศาสนายังดินแดนตางๆ ไปแปลอรรถกถาพระไตรปฎก จากภาษาสิ
1 งหลเปนภาษาบาลี
1 ใน 9 สายนั้น มีพระโสณเถระและพระอุตตรเถระ และยังรจนาหนังสือวิสุทธิมรรค สรุปคําสอนที่สําคัญของ
เดินทางมาเผยแผพระพุทธศาสนาที่สุวรรณภูมิ พระพุทธศาสนาดวย พระสงฆตางประเทศเดินทางไป
ขอรับการอุปสมบทใหม โดยมีการแปลงเปนนิกาย
การเรียกชือ่ ประเทศเมียนมา ลังกาวงศเปนจํานวนมาก และจากเหตุนี้เอง ทําให
สํานักงานราชบัณฑิตยสถาน โดยคณะ พระพุทธศาสนาแผขยายไปยังประเทศเพือ่ นบาน
กรรมการจัดทําพจนานุกรมชือ่ ภูมศิ าสตรสากล ของไทยในกาลตอมา ดังนี้
ไดกาํ หนดใหเรียกชือ่ ประเทศพมาหรือเมียนมารวา
สาธารณรัฐแหงสหภาพเมียนมา โดยสามารถใช ถ้าํ สัตตบรรณ ขางภูเขาเวภาระ ใกลกรุงราชคฤห เมืองหลวงของแควนมคธ สถานทีท่ าํ ปฐมสังคายนา
เรียกทัว่ ไปไดทงั้ เมียนมาและพมา ๒
ขอสอบ O-NET
นักเรียนควรรู ขอสอบป ’ 51 ออกเกี่ยวกับการเผยแผพระพุทธศาสนานอกชมพูทวีป
ภายหลังการสังคายนาพระไตรปฎกครั้งที่ 3 ในสมัยพระเจาอโศก
1 วิสุทธิมรรค เปนหนังสือสรุปหลักคําสอนของพระพุทธศาสนา ประกอบดวย
มหาราชแลว ไดเกิดเหตุการณสําคัญในขอใด
3 คัมภีร ไดแก ศีลนิเทศ สมาธินิเทศ ปญญานิเทศ ตามแนววิสุทธิ 7 ซึ่งหมายถึง
1. เกิดสงครามระหวางศาสนาตางๆ ในประเทศอินเดีย
การบําเพ็ญไตรสิกขาใหบริบูรณ 7 ขั้น ดังนี้
2. พระพุทธศาสนากลายเปนรากฐานของวัฒนธรรมอินเดีย
1. สีลวิสุทธิ คือ ความหมดจดแหงศีล
3. พระพุทธศาสนาเผยแผไปยังดินแดนอาณานิคมของประเทศอินเดีย
2. จิตตวิสุทธิ คือ ความหมดจดแหงจิตต
4. พระเจาอโศกมหาราชสงสมณทูตไปประกาศศาสนาพุทธนอกชมพูทวีป
3. ทิฏฐิวิสุทธิ คือ ความหมดจดแหงทิฏฐิ
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. หลังการสังคายนาพระไตรปฎกครั้งที่ 3
4. กังขาวิตรณวิสทุ ธิ คือ ความหมดจดแหงญาณเปนเครือ่ งขามพนความสงสัย
พระโมคคัลลีบุตรติสสเถระเกรงวาในอนาคตพระพุทธศาสนาอาจเสื่อมสูญ
5. มัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิ คือ ความหมดจดแหงญาณเปนเครื่องรูเห็นวา
ไปจากชมพูทวีป จึงควรสงพระสงฆที่แตกฉานในธรรมไปเผยแผพระพุทธ-
ทางหรือมิใชทาง
ศาสนายังตางแควน พระเจาอโศกมหาราชทรงเห็นชอบดวย พระองคจึง
6. ปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ คือ ความหมดจดแหงญาณอันรูเห็นทางดําเนิน
แบงสมณทูตเปน 9 สาย สงไปเผยแผพระพุทธศาสนายังดินแดนตางๆ
7. ญาณทัสสนวิสุทธิ คือ ความหมดจดแหงญาณทัสสนะ กลาวคือ มรรคญาณ
2 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนนําขอมูลที่ไดจากการศึกษา
๑) พระพุทธศาสนาเข้าสูป่ ระเทศเมียนมา พระพุทธศาสนาทีเ่ ผยแผ่เข้าสูป่ ระเทศพม่าใน คนควาออกมานําเสนอหนาชัน้ เรียน หลังจากนัน้
ระยะแรกเป็นแบบนิกายเถรวาท โดยผ่านเข้ามาทางเมืองสุธรรมวดีหรือสะเทิม ซึง่ เป็นราชธานีของ รวมกันสรุปเนื้อหาโดยภาพรวมและอธิบาย
พวกมอญอยูก่ อ่ น หลังจากนัน้ จึงค่อยๆ แผ่ขยายขึน้ ไปทางตอนกลางและตอนเหนือของประเทศพม่า เพิ่มเติม
ใน พ.ศ. ๑๕๘๗ พระเจ้าอนุรุทธมหาราช (อโนรธามังช่อ) ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์ที่ 2. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายถึงความเจริญ
ทรงพระปรีชาสามารถขึ้นครองราชย์ พระองค์1สามารถรวบรวมดินแดนของพม่าให้เป็นแผ่นดิน รุงเรืองของพระพุทธศาสนาในอาณาจักรพุกาม
เดียวกันได้ส�าเร็จ และทรงสถาปนาเมืองพุกามขึ้นเป็นราชธานี ในช่วงนี้เองที่พระพุทธศาสนา (แนวตอบ พระพุทธศาสนานิกายเถรวาทเจริญ
นิกายมหายานได้แผ่ขยายจากแคว้นเบงกอลของอินเดียเข้าสู่เมืองพุกาม แต่พระเจ้าอนุรุทธ รุงเรืองอยูในดินแดนพมาตอนใต ซึ่งเปน
มหาราชไม่ทรงศรัทธานิกายมหายาน กลับทรงมีความศรัทธาเลื่อมใสนิกายเถรวาท ครั้นเมื่อ ถิ่นฐานของมอญมากอน หลังจากที่พระเจา
พระองค์ทรงทราบว่าพระพุทธศาสนาในอาณาจักรของพวกมอญมีความเจริญรุ่งเรืองมาก จึงทรง อนุรทุ ธมหาราชทรงรวบรวมพมาใหเปนปกแผน
ส่งพระราชสาสน์ไปถึงพระเจ้ามนูหะ ผู้ครองเมืองสุธรรมวดี ทูลขอพระไตรปิฎกจ�านวนหนึ่งขึ้นไป พระพุทธศาสนานิกายมหายานไดเผยแผ
ยังเมืองพุกาม แต่พระเจ้ามนูหะไม่ยินยอม จึงเป็นชนวนท�าให้เกิดการสู้รบกันขึ้น ปรากฏว่าทาง เขามา แตพระองคทรงเลื่อมใสนิกายเถรวาท
พม่าเป็นฝ่ายชนะ พระเจ้าอนุรทุ ธมหาราชจึงสัง่ ให้ทา� ลายเมืองสุธรรมวดีเสีย พร้อมกับน�าพระสงฆ์ จึงสงพระราชสาสนไปทูลขอพระไตรปฎก
มอญและพระไตรปิฎกขึ้นไปยังเมืองพุกามด้วย ส่งผลให้พระพุทธศาสนานิกายเถรวาทได้แผ่ขยาย จากพระเจามนูหะกษัตริยมอญ แตพระเจา
ไปทั่วอาณาจักรพม่านับแต่นั้นเป็นต้นมา มนูหะไมยินยอมจึงเกิดการสูรบกัน พมาชนะ
2 จึงกวาดตอนพระสงฆมอญและนําพระไตรปฎก
ใน พ.ศ. ๑๗๓๓ รัชกาลของพระเจ้านรปติสทิ ธุ ผูท้ รงทราบว่าทีล่ งั กามีการท�าสังคายนา
พระธรรมวินัยครั้งที่ ๖ จึงอาราธนาให้พระอุตราชีวะน�าคณะพระภิกษุสงฆ์และสามเณรเดินทางไป กลับไปยังพมา พระพุทธศาสนานิกายเถรวาท
สืบพระพุทธศาสนาทีล่ งั กา เมือ่ เดินทางกลับ คณะสมณทูตได้นา� เอาพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท จึงแผขยายและเจริญรุงเรืองทั่วพมาตั้งแต
จากลังกาวงศ์เข้ามาเผยแผ่ด้วย นั้นมาจนถึงปจจุบัน สวนพระเจานรปติสิทธุ
เมื่อทราบวาลังกามีการสังคายนาพระไตรปฎก
ก็ทรงสงพระสงฆไปสืบพระพุทธศาสนาที่ลังกา
และไดนําพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทแบบ
ลังกาวงศกลับมาเผยแผที่พมาดวย)
3. ครูตั้งคําถามใหนักเรียนชวยกันอธิบายวา
พระเจาอนุรุทธมหาราชทรงสงเสริมพระพุทธ-
ศาสนาใหเจริญรุงเรืองในประเทศพมาอยางไร
(แนวตอบ พระเจาอนุรุทธมหาราชทรงอางสิทธิ
ธรรมทางพระพุทธศาสนาเพือ่ รุกรานและเขาโจมตี
ดินแดนตางๆ ในลุมแมนํ้าอิระวดี เพื่อนํา
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือในพระพุทธศาสนามา
พุทธศาสนสถานที่มีความงดงามและมีจำานวนมากในดินแดนเมียนมา สะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของพระพุทธศาสนา ประดิษฐานที่พุกามและสรางใหอาณาจักร
ทีห่ ยัง่ รากลึกลงในดินแดนเมียนมาตัง้ แต่อดีต พุกามเปนศูนยกลางพระพุทธศาสนาทีส่ าํ คัญ
3 เชน การโจมตีเมืองสุธรรมวดีหรือสะเทิมเพือ่
อัญเชิญพระไตรปฎกมายังพุกามเพือ่ ใชเปนตํารา
ในการศึกษาพระพุทธศาสนาไดอยางถูกตอง
ขอสอบเนน การคิด เปนตน)
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
ขอใดไม ถูกตองเกี่ยวกับเหตุการณการเผยแผพระพุทธศาสนา
1 พุกาม เปนอาณาจักรแหงแรกของชาวเมียนมาในลุมแมนํ้าอิรวดี ซึ่งศูนยกลาง
ในประเทศเมียนมา
ของเมืองตัง้ อยูใ นภูมปิ ระเทศทีแ่ หงแลงกึง่ ทะเลทราย เปนบริเวณทีแ่ มนาํ้ ชินดวินไหล
1. การสังคายนาพระธรรมวินัยครั้งที่ 5 ที่เมืองมัณฑะเลย เกิดขึ้นในรัชสมัย
มารวมกับแมนํ้าอิรวดี ทําใหพุกามสามารถควบคุมการเดินเรือในแมนํ้าทั้งสองสาย
ของพระเจามินดง
ได ทั้งนี้นับตั้งแตคริสตศตวรรษที่ 9 เปนตนมา กษัตริยพุกามทุกพระองคทรง
2. พระมหากษัตริยที่ทรงวางรากฐานพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทในพมา
สรางความเจริญรุงเรืองทั้งดานการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ ศาสนา และ
คือพระเจาอลองพญา
ศิลปวัฒนธรรมเรื่อยมา จนกระทั่งปลายคริสตศตวรรษที่ 13 อาณาจักรพุกาม
3. เมื่ออังกฤษโคนลมสถาบันพระมหากษัตริยของพมา ทําใหสถาบัน
ลมสลายลงเพราะไมสามารถตานทานการรุกรานของพวกมองโกลได
พระพุทธศาสนาเกิดความระสํ่าระสาย
4. ความเจริญรุงเรืองของพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทในอาณาจักรมอญ 2 พระเจานรปติสทิ ธุ ในรัชกาลของพระองคไดมกี ารสรางวิหารสุลามณี (จุฬามณี)
ทําใหพระเจาอโนรธามังชอสงพระราชสาสนไปทูลขอพระไตรปฎก และวิหารกอวดอวปะลิน ในรัชกาลนี้บานเมืองสงบสุข ขยายดินแดนไปกวางขวาง
และยังไดรับพระบรมสารีริกธาตุมาจากลังกา
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. พระมหากษัตริยพมาผูทรงวางรากฐาน
พระพุทธศาสนานิกายเถรวาทในแผนดินพมาใหเจริญรุงเรืองสืบเนื่องมา
จนถึงปจจุบัน คือ พระเจาอนุรุทธมหาราชหรือพระเจาอโนรธามังชอ
สวนพระเจาอลองพญา เปนผูสถาปนาราชวงศอลองพญา ซึ่งสามารถ
ปราบปรามมอญไดอยางเด็ดขาด คูมือครู 3
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนอภิปรายเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา
หลังอาณาจักรพุกามสิ้นสุดอํานาจ ในประเด็น ศูนย์กลางทางการปกครองพม่าที่เมืองพุกามด�ารงอยู่เรื่อยมา จนถึง พ.ศ. ๑๘๒๗
ดังตอไปนี้ ก็สิ้นสุดอ�านาจลงเมื่อถูกพวกมองโกลรุกราน ท�าให้อาณาจักรต่างๆ แยกตัวเป็นอิสระ โดยเฉพาะ
• สาเหตุของการสิ้นสุดอํานาจของอาณาจักร พวกมอญซึ่งมีราชธานีอยู่ที่เมืองหงสาวดี
พุกาม เมื่อพระเจ้าธรรมเจดีย์ศรีปิฎกธร กษัตริย์มอญขึ้นครองราชย์ ทรงมีพระราชด�าริว่า
• บทบาทของสถาบันพระมหากษัตริยตอ พระพุทธศาสนาในเมืองมอญขณะนั้นเสื่อมโทรมมาก คณะสงฆ์แตกแยกออกเป็นคณะต่างๆ
ความเจริญรุงเรืองของพระพุทธศาสนา ถึง ๖ คณะ วัตรปฏิบัติต่างๆ ถูกละเลย พระสงฆ์ส่วนใหญ่ประพฤติตนผิดจากพระวินัยบััญญัติ
2. ครูใหนักเรียนจับคูผลัดกันถาม-ตอบเกี่ยวกับ ดังนั้น พระองค์จึงทรงริเริ่มฟื้นฟูพระพุทธศาสนาขึ้นมาใหม่ โดยโปรดให้พระสงฆ์ ๒๒ รูป
การเผยแผพระพุทธศาสนาในประเทศเมียนมา ฆราวาส ๒๒ คน เดินทางไปยังลังกา พระสงฆ์ทั้ง ๒๒ รูป มีพระโมคคัลลานะเป็นหัวหน้า
และชวยกันตัง้ ประเด็นทีค่ วรรูเ พิม่ เติมจากเนือ้ หา ได้ลาสิกขาเพื่อรับการอุปสมบทใหม่ และฆราวาสทั้ง ๒๒ คน ก็ได้รับการอุปสมบทด้วย ใน พ.ศ.
ในบทเรียน เชน ประเพณีของชาวเมียนมา ๒๐๑๘ เมื่อพระสงฆ์เหล่านี้เดินทางกลับมาถึงเมืองหงสาวดี ก็โปรดให้พระภิกษุทั้งปวงใน
ที่มีพื้นฐานความเชื่อทางพระพุทธศาสนา เมืองมอญลาสิกขาเพือ่ รับการอุปสมบทใหม่ทงั้ แผ่นดิน ปรากฏว่ามีพระภิกษุขอรับการอุปสมบทใหม่
พระราชกรณียกิจของกษัตริยพมาเกี่ยวกับ ถึง ๑๕,๖๖๖ รูป ยังส่งผลให้สมณวงศ์ในเมืองมอญกลับคืนสู่ความเป็นปึกแผ่นอีกครั้งหนึ่ง
พระพุทธศาสนา เปนตน หลังจากนั้นศึกษา หลังจากนี้ มอญกับพม่าก็ท�าสงครามแย่งชิงความเป็นใหญ่กันอยู่ตลอดเวลา โดยผลัด
เพิ่มเติมในประเด็นดังกลาวจากแหลงการเรียนรู กันแพ้ชนะหลายครั้ง จนกระทั่งถึงประมาณ พ.ศ. ๒๓๐๐ ชนชาติมอญก็สูญสิ้นอ�านาจลงอย่าง
ตางๆ เชน หองสมุด หนังสือประวัติศาสตร เด็ดขาด เมื่อพระเจ้าอลองพญากษัตริย์พม่าได้ยกทัพไปท�าลายกรุงหงสาวดีอย่างราบคาบ
ประเทศเมียนมา เปนตน แลวบันทึกลงสมุด พระพุทธศาสนาในประเทศพม่าได้รับการท�านุบ�ารุงจนเจริญรุ่งเรืองขึ้นอีกครั้ง อนึ่ง
สงครูผูสอน ในรัชกาลของพระเจ้ามินดง (ครองราชย์ระหว่าง พ.ศ. ๒๓๙๕ ‑ ๒๔๒๐) พระราชกรณียกิจทีส่ า� คัญ
ของพระองค์กค็ อื ทรงเป็นองค์อปุ ถัมภกในการท�าสังคายนาพระธรรมวินยั ครัง้ ที่ ๕ ณ1 เมืองมัณฑะเลย์
จนแล้วเสร็จ จากนั้นก็โปรดให้จารึกพระไตรปิฎกลงบนแผ่นหินอ่อนแล้วท�าสถูปครอบไว้มีจ�านวน
ทั้งสิ้น ๔๕๐ องค์
พ.ศ. ๒๔๒๙ พม่าตกเป็นเมืองขึน้ ของอังกฤษ สถาบันกษัตริยไ์ ด้ถกู โค่นลง พลอยส่งผล
ให้พระพุทธศาสนาได้รับความกระทบกระเทือนไปด้วย ทั้งนี้เพราะนับตั้งแต่อดีตกาลเป็นต้นมา
แกนกลางส�าคัญในการส่งเสริมท�านุบ�ารุงพระพุทธศาสนาก็คือพระมหากษัตริย์ แต่เนื่องจาก
พระพุทธศาสนานิกายเถรวาทได้รบั การประดิษฐานอยูใ่ นประเทศพม่านับเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว
ดังนั้น ถึงจะสูญเสียเอกราชทางการเมืองไป แต่ชาวพม่าก็ยังคงมีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา
อย่างแนบแน่น และพยายามประคับประคองสถาบันพระพุทธศาสนาให้ธ�ารงอยู่ได้ตลอดมา
ใน พ.ศ. ๒๔๙๑ พม่าก็ได้รับเอกราชจากการปกครองของประเทศอังกฤษ จากนั้น
รัฐบาลพม่าภายใต้การน�าของนายอูนุ ได้พยายามฟื้นฟูพระพุทธศาสนาโดยจัดให้มีการสังคายนา
2
พระไตรปิฎกครั้งที่ ๖ (ฉัฏฐสังคายนา) ขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๗ โดยรัฐบาลพม่าได้นิมนต์พระเถระ
ผู้เชี่ยวชาญพระไตรปิฎกไปจากประเทศไทย ศรีลังกา ลาว และกัมพูชา ให้เดินทางไปร่วมด้วย
4
กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
1 สถูป เปนภาษาบาลี หมายถึง มูนดินที่กองขึ้นสูง ในสมัยแรกของชมพูทวีป ครูใหนักเรียนไปศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติการสรางเจดีย
สันนิษฐานวาเกิดจากการรวบรวมอัฐิ เถาถาน กองเปนวงไว แลวนําดินหินกรวด หรือพระธาตุสําคัญของเมียนมามาคนละ 3 แหง จากนั้นเขียนสรุปลง
ทรายกลบทับเปนเนินสูง เพื่อสรางเปนหลุมฝงศพสําหรับประกอบพิธีสักการบูชา กระดาษ A4 พรอมทั้งใสรูปประกอบและตกแตงใหสวยงาม
ภายหลังมีการนําหลักไมปกขึ้นบนสวนยอดของมูนดิน อันเปนจุดเริ่มตนของการ
พัฒนาไปสูการสรางเจดียในปจจุบัน
2 การสังคายนาพระไตรปฎกครั้งที่ 6 (ฉัฏฐสังคายนา) ในหมูประเทศที่นับถือ กิจกรรมทาทาย
นิกายเถรวาท จะนับการสังคายนาพระไตรปฎกแตละครัง้ แตกตางกันไป โดย
เมียนมารับรองการสังคายนาสามครัง้ แรกทีอ่ นิ เดีย และรับรองการสังคายนาครัง้ ที่ 2
ของศรีลงั กา ซึง่ เมียนมานับวาเปนครัง้ ที่ 4 ครูมอบหมายใหนักเรียนไปศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวนโยบายของ
สวนการสังคายนาครัง้ แรกของเมียนมา หรือทีเ่ มียนมานับวาเปนครัง้ ที่ 5 อังกฤษที่มีตอพระพุทธศาสนาในชวงที่ปกครองพมา จากนั้นใหเขียนสรุป
กระทําทีเ่ มืองมัณฑะเลยเมือ่ พ.ศ. 2414 มีพระเจามินดงเปนผอู ปุ ถัมภ และการ ลงกระดาษ A4 สงครูผูสอน
สังคายนาพระไตรปฎกครั้งที่ 2 ของเมียนมา หรือที่เมียนมานับวาเปนครั้งที่ 6
(ฉัฏฐสังคายนา) เริ่มกระทําเมื่อ พ.ศ. 2497 เสร็จสิ้นเมื่อ พ.ศ. 2499
4 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนดูภาพพระเจดียบุโรพุทโธ
1 แลวใหนักเรียนชวยกันบอกถึงความสําคัญของ
ในการนี้ได้มีการอาราธนาพระธรรมโกศาจารย์ (ท่านพุทธทาสภิกขุ) จากประเทศไทย
ไปแสดงปาฐกถาธรรมพิเศษเป็นภาษาอังกฤษเรื่อง “ลักษณะที่น่าอัศจรรย์บางประการของ สถานที่แหงนี้ตอประเทศอินโดนีเซีย
พระพุทธศาสนาแบบเถรวาท” ในครัง้ นีด้ ว้ ย และได้จดั พิมพ์พระไตรปิฎกพร้อมคัมภีรอ์ รรถกถาและ 2. ครูและนักเรียนอภิปรายถึงประวัติศาสตรของ
ปกรณ์ที่ได้รับการสังคายนาแล้วออกเผยแผ่เป็นจ�านวนมาก ประเทศอินโดนีเซีย และครูตั้งคําถามให
๒) พระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศอินโดนีเซีย พระพุทธศาสนาได้เผยแผ่เข้ามาสู่ นักเรียนชวยกันตอบ เชน
ดินแดนที่เป็นประเทศอินโดนีเซียในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๓ คราวเดียวที่พระเจ้าอโศกมหาราช • อาณาจักรศรีวิชัยมีความเกี่ยวของกับ
ส่งพระโสณเถระกับพระอุตตรเถระเดินทางมาเผยแผ่พระพุทธศาสนาในแถบนี้ เรือ่ งราวของประเทศ ประวัติศาสตรอินโดนีเซียอยางไร
อินโดนีเซียปรากฏหลักฐานอย่างชัดเจนขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๒ เพราะได้เกิดอาณาจักร (แนวตอบ นักโบราณคดีสันนิษฐานวา
ที่ยิ่งใหญ่ขึ้นอาณาจักรหนึ่งชื่อว่า “อาณาจักรศรีวิชัย” ซึ่งมีอิทธิพลครอบคลุมตั้งแต่ภาคใต้ ศูนยกลางของอาณาจักรศรีวิชัยตั้งอยูที่เมือง
ของประเทศไทย ประเทศมาเลเซีย และประเทศอินโดนีเซียทั้งหมด อาณาจักรศรีวิชัยนับถือ ปาเล็มบัง เกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย
พระพุทธศาสนานิกายมหายาน และเชื่อว่านิกายมหายานในอาณาจักรนี้คงจะเป็นที่นับถือกัน อาณาจักรศรีวิชัยมีอิทธิพลครอบคลุมตั้งแต
อย่างแพร่หลาย เพราะได้ค้นพบหลักฐานที่เป็นโบราณวัตถุเป็นจ�านวนมาก ที่ส�าคัญได้แก่ ภาคใตของประเทศไทย ประเทศมาเลเซีย
พระพิมพ์ดินดิบและรูปพระโพธิสัตว์ ซึ่งสร้างขึ้นตามคติความเชื่อของผู้ที่นับถือพระพุทธศาสนา และเกาะสุมาตรา เกาะชวา ประเทศ
นิกายมหายานโดยเฉพาะ อินโดนีเซีย)
ในราวกลางพุทธศตวรรษที่ ๑๓ บนเกาะชวาภาคกลาง ได้เกิดราชวงศ์ที่เข้มแข็งขึ้น • พระพุทธศาสนาไดเผยแผเขาสูดินแดน
ราชวงศ์หนึ่ง มีชื่อว่า “ราชวงศ์ไศเลนทร์” ซึ่งในภายหลังต่อมา กษัตริย์แห่งราชวงศ์ไศเลนทร์ ที่เปนประเทศอินโดนีเซียไดอยางไร
ได้เข้ามามีอ�านาจปกครองอาณาจักรศรีวิชัย เมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๕ ช่วงระยะนี้เอง (แนวตอบ ในชวงพุทธศตวรรษที่ 3 พระเจา
ราชวงศ์ ไ ศเลนทร์ แ ห่ ง อาณาจั ก รศรี วิ ชั ย ได้ อโศกมหาราชทรงสงพระโสณเถระกับ
มี ก ารติ ด ต่ อ สั ม พั น ธ์ กั บ ราชวงศ์ ป าละแห่ ง พระอุตตรเถระเดินทางมาเผยแผ
แคว้นเบงกอล จึงท�าให้เกิดการแลกเปลี่ยน พระพุทธศาสนาในแถบนี้)
ทางวัฒนธรรมกันขึ้น ที่ส�าคัญก็คือ อาณาจักร • เพราะเหตุใด ปจจุบนั ชาวอินโดนีเซียสวนใหญ
ศรีวชิ ยั ได้สง่ พระภิกษุไปศึกษาพระพุทธศาสนา จึงหันมานับถือศาสนาอิสลาม
ทีม่ หาวิทยาลัยนาลันทาซึง่ พระมหากษัตริยแ์ ห่ง
(แนวตอบ เพราะในสมัยพุทธศตวรรษที่ 19
แคว้นเบงกอลให้การอุปถัมภ์เป็นอย่างดี อีกทั้ง
เมื่ออาณาจักรศรีวิชัยเสื่อมลง กษัตริยแหง
ยังส่งพระภิกษุ ช่างฝี2มือมาเผยแผ่พระพุทธ
ศาสนาและศิลปะปาละ โดยเฉพาะการสร้าง อาณาจักรมัชปาหิตทรงมีศรัทธาในศาสนา
พระพุทธรูปให้แก่ชาวศรีวิชัยด้วย พระพุทธ อิสลามมาก จึงประกาศหามเผยแผ
ศาสนาในอินโดนีเซียถึงจุดเสื่อมโทรมมากใน พระพุทธศาสนา และทรงยกยองใหศาสนา
สมัยพุทธศตวรรษที่ ๑๙ เมื่ออาณาจักรศรีวิชัย พระเจดีย์บุโรพุทโธ ซึ่งเป็นพุทธศาสนสถานที่ใหญ่โตและ อิสลามเปนศาสนาประจําชาติ ตั้งแตนั้น
เสือ่ มลง และอาณาจักรมัชปาหิตขึน้ มามีอา� นาจ สวยงาม สะท้อนให้เห็นว่า บริเวณนีน้ า่ จะเคยเป็นศูนย์กลาง เปนตนมา ศาสนาอิสลามจึงเผยแผไปตาม
แทนที่ ทีส่ าำ คัญของพระพุทธศาสนาอีกแห่ง่ หนึง่ หมูเกาะตางๆ ของอินโดนีเซียอยางรวดเร็ว
และชาวอินโดนีเซียสวนใหญก็เปลี่ยนมา
5 นับถือศาสนาอิสลาม)
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
การลมสลายของอาณาจักรศรีิวิชัย สงผลกระทบตอพระพุทธศาสนา
1 พระธรรมโกศาจารย (ทานพุทธทาสภิกขุ) มีนามเดิมวา เงื่อม พานิช
ในประเทศอินโดนีเซียอยางไร
เกิดที่อําเภอไชยา จังหวัดสุราษฎรธานี เมื่ออายุครบ 20 ป ทานไดบวชเปนพระที่
แนวตอบ ในชวงที่อาณาจักรศรีวิชัยเรืองอํานาจนั้น พระพุทธศาสนานิกาย วัดโพธารามไชยา ไดฉายาวา “อินทปญโญ” แปลวา ผูมีปญญาอันยิ่งใหญ ทานได
มหายานเจริญรุงเรืองมากและมีผูคนในหมูเกาะอินโดนีเซียนับถือกัน สรางผลงานและไดเผยแผธรรมะใหเปนทีป่ ระจักษตอ ชาวโลกอันนับวาเปนประโยชน
อยางแพรหลาย แตเมื่ออาณาจักรศรีวิชัยเสื่อมอํานาจลง อาณาจักรมัชปาหิต อยางยิ่ง ตามปณิธานอันแรงกลาของทานที่จะสรางความเขาใจอันดีระหวางศาสนา
ไดกาวขึ้นมามีอํานาจแทนที่ กษัตริยพระองคหนึ่งของอาณาจักรนี้ซึ่งมี เพื่อใหเกิดสันติสุขระหวางมวลมนุษยและเพื่อสรางสันติภาพของโลก จนกระทั่ง
พระนามวา “ระเดนปาทา” ไดเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามและประกาศ องคการการศึกษา วิทยาศาสตร และวัฒนธรรมแหงสหประชาชาติหรือยูเนสโก
หามเผยแผพระพุทธศาสนา ศาสนาอิสลามจึงกลายเปนศาสนาหลักของ (UNESCO) ไดประกาศยกยองทานใหเปน “บุคคลสําคัญของโลก” ในดานการจรรโลง
ชาวอินโดนีเซียแทนพระพุทธศาสนานับตั้งแตนั้นเปนตนมา สันติภาพในโลก
2 ศิลปะปาละ คือ ศิลปะอินเดียในราชวงศปาละและราชวงศเสนะ ตั้งแตราว
พุทธศตวรรษที่ 14-18 พบมากทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือในแควนเบงกอลและ
แควนพิหาร ศิลปะปาละมักเกี่ยวเนื่องในพระพุทธศาสนานิกายมหายาน ลักษณะ
ที่สําคัญของพระพุทธรูปศิลปะปาละ คือ พระวรกายเพรียวบาง จีวรแนบเนื้อ
พระนาสิกงุม และพระเนตรอยูในลักษณะครึ่งหลับ
คูมือครู 5
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนดูภาพพระโพธิสัตวอวโลกิเตศวร
ในหนังสือเรียนหนา 6 แลวถามนักเรียนวา ปรากฏว่ากษัตริยอ์ งค์หนึง่ ของอาณาจักรมัชปาหิตทรงพระนามว่า “ระเด่นปาทา” ทรงมีศรัทธา
นักเรียนเคยเห็นรูปปนในลักษณะคลายกันนี้ ในศาสนาอิสลามมาก ได้ประกาศห้ามเผยแผ่พระพุทธศาสนาในอาณาจักรของพระองค์ และทรง
ที่ใดบาง หลังจากนั้นชวยกันวิเคราะหลักษณะ ยกย่องให้ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจ�าชาติ
การแสดงปางของรูปปนดังกลาว ซึ่งสะทอนให นับตั้งแต่นั้นมาศาสนาอิสลามก็แพร่หลายไปยังเกาะต่างๆ ของอินโดนีเซียอย่างรวดเร็ว และ
เห็นถึงลักษณะความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องใด กลายเป็นศาสนาทีช่ าวอินโดนีเซียส่วนใหญ่เคารพนับถือไปในทีส่ ดุ ส่วนชาวอินโดนีเซียทีย่ งั มีศรัทธา
(แนวตอบ รูปปนพระโพธิสัตว เปนความเชื่อของ เลือ่ มใสในพระพุทธศาสนานิกายมหายานและเถรวาทก็ยงั คงมีอยูบ่ า้ งประปรายในเกาะชวา สุมาตรา
พระพุทธศาสนานิกายมหายาน โดยเชื่อกันวา และเกาะบาหลี
พระโพธิสัตวเปนผูบําเพ็ญบารมีหรือทําความดี ๓) พระพุทธศาสนาเข้าสูป่ ระเทศมาเลเซีย ดินแดนของประเทศ
โดยตัง้ ปณิธานจะตรัสรูอ นุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ มาเลเซียแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน ส่วนหนึ่งอยู่บนแหลมมลายูและอีกส่วนหนึ่ง
เปนองคสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจาในอนาคต อยู่บนเกาะบอร์เนียว นักประวัตศิ าสตร์สนั นิษฐานว่าพระพุทธศาสนาได้เผยแผ่
จะไดสามารถชวยเหลือสรรพสัตวใหพนจาก เข้ ามาสู่ดิน แดนของประเทศมาเลเซี ย เมื่ อ ประมาณพุ ท ธศตวรรษที่ ๓
ความทุกขไดอยางเต็มที่ ซึ่งแบงเปน 2 ประเภท โดยระยะแรกเป็นอย่างนิกายเถรวาท แต่มีผ้นู ับถือไม่มาก จนกระทั่งถึง
ไดแก พระฌานิโพธิสัตว คือ พระโพธิสัตวที่ พุทธศตวรรษที่ ๑๒ บริเวณแหลมมลายูตกอยู่ภายใต้การปกครอง
บรรลุพุทธภูมิ แตยังไมเสด็จเขาแดนนิพพาน ของอาณาจักรศรีวิชัย พระพุทธศาสนานิกายมหายานจึงได้เผยแผ่
จนกวาจะชวยสรรพสัตวใหพน ทุกขไดทงั้ หมด ดังเชน เข้ามาสู่บริเวณนี้
พระโพธิสตั วอวโลกิเตศวร และพระมนุษโิ พธิสตั ว ใน พ.ศ. ๑๘๓๗ พ่อขุนรามค�าแหงมหาราชแห่งอาณาจักรสุโขทัย
คือ พระโพธิสัตวที่อยูในสภาพมนุษยหรือ ทรงแผ่ขยายพระราชอาณาเขตลงมาทางตอนใต้ ได้เมืองนครศรีธรรมราช
สิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่กําลังสั่งสมบารมีอันยิ่งใหญ รวมถึงหัวเมืองมลายูทั้งหมดเป็นเมืองประเทศราช จึงท�าให้พระพุทธศาสนา
เพื่อบรรลุโพธิญาณในขั้นสุดทาย ดังเชน นิกายเถรวาทจากอาณาจักรสุโขทัยเผยแผ่เข้ามาสูด่ นิ แดนแหลมมลายูนดี้ ว้ ย
อดีตชาติของพระพุทธเจา) แต่เนือ่ งจากประชาชนบนแหลมมลายูนบั ถือพระพุทธศาสนานิกายมหายาน
2. ครูใหนักเรียนชวยกันอภิปรายถึงสาเหตุของ ติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว พระพุทธศาสนานิกายเถรวาทจึง
ความเจริญรุงเรืองและความเสื่อมของ ไม่คอ่ ยมีอทิ ธิพลต่อผูค้ นในบริเวณนีม้ ากนัก ดังจะเห็นได้จากหลักฐานทีเ่ ป็น
พระพุทธศาสนาในประเทศมาเลเซีย โบราณวัตถุ ซึ่งค้นพบในประเทศมาเลเซียส่วนใหญ่จะเป็นรูปพระโพธิสัตว์
3. ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักฐาน หรือพระพิมพ์ดนิ เผา พระพิมพ์ดนิ ดิบ ทีล่ ว้ นถูกสร้างขึน้ ตามลัทธิธรรมเนียม
ทางประวัติศาสตรที่บงบอกถึงรองรอยความ ในนิกายมหายานทั้งสิ้น
เจริญรุงเรืองของพระพุทธศาสนาในประเทศ พระพุทธศาสนาซึ่งเจริญรุ่งเรืองอยู่บนแหลมมลายูได้รับ
มาเลเซีย จากนั้นใหนําขอมูลที่ไดมาอภิปราย 1 ความกระทบกระเทือนอย่างหนักในรัชสมัยของพระเจ้าปรเมศวร
รวมกันในชั้นเรียน รู ป พระโพธิ สั ต ว์ อ วโลกิ เ ตศวร
เป็ น หลั ก ฐานแสดงให้ เ ห็ น ถึ ง แห่งอาณาจักรมะละกา เมือ่ พระองค์ได้ละทิง้ พระพุทธศาสนาหันไปนับถือ
อิ ท ธิ พ ลของพระพุ ท ธศาสนา ศาสนาอิสลาม แต่ทว่าประชาชนส่วนใหญ่ก็ยังนับถือพระพุทธศาสนา
ในประเทศมาเลเซีย
นิกายมหายานอยู่เช่นเดิม
6
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
เพราะเหตุใด ประชากรสวนใหญของมาเลเซียจึงนับถือศาสนาอิสลาม
ครูอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนเขาใจวา พระเจาปรเมศวรแหงอาณาจักรมะละกา
ทั้งที่ในอดีตพระพุทธศาสนานิกายมหายานเจริญรุงเรืองเปนอยางมาก
ทรงอภิเษกกับพระราชธิดาของสุลตานแหงปาไซ ทําใหพระองคเปลี่ยนไปนับถือ
ในดินแดนบริเวณนี้
ศาสนาอิสลาม
แนวตอบ ในชวงระยะเวลาที่อาณาจักรศรีวิชัยเรืองอํานาจ พระพุทธศาสนา
นิกายมหายานบนแหลมมลายูเจริญรุงเรืองมาก แมพระพุทธศาสนานิกาย
นักเรียนควรรู เถรวาทจากอาณาจักรสุโขทัยจะเผยแผเขามาก็ไมมีอิทธิพลมากนัก แตตอมา
พระเจาปรเมศวรแหงอาณาจักรมะละกาไดเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลาม
1 พระโพธิสัตวอวโลกิเตศวร มีอีกชื่อหนึ่ง คือ พระโพธิสัตวปทมปาณี ถือเปน และสุลตานมัลโมชาหซึ่งทรงเลื่อมใสศาสนาอิสลามมาก ไดใหราษฎรเปลี่ยน
พระโพธิสัตวตามความเชื่อในพระพุทธศาสนานิกายมหายาน ทรงมีหนาที่ในการ มานับถือศาสนาอิสลาม นับจากนั้นเปนตนมา การนับถือพระพุทธศาสนาก็
ชวยเหลือสรรพสัตวใหพนจากความทุกขยาก พระโพธิสัตวอวโลกิเตศวรมี คอยๆ ลดนอยลงในบริเวณคาบสมุทรมลายู
2 กร 4 กร หรืออาจมากกวานั้น ขึ้นอยูกับการแสดงปางตางๆ ของพระองค
ในจีนนิยมทํารูปพระโพธิสัตวอวโลกิเตศวรเปนรูปสตรีมากกวาบุรุษซึ่งเปนที่รูจักกัน
ในชื่อ “กวนอิม”
6 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูนําแผนที่ประเทศสิงคโปรมาใหนักเรียนดู
จนกระทัง่ ถึงสมัยสุลต่านมัลโมชาห์ พระองค์มพี ระราชศรัทธาและเลือ่ มใสศาสนาอิสลาม แลวสนทนาถึงภูมิประเทศและชวยกันชี้ทิศทาง
มาก ทรงสั่งให้ท1หารท�าลายศาสนสถาน พระพุทธรูป เทวรูป ทั้งของพระพุทธศาสนาและศาสนา การเผยแผพระพุทธศาสนาเขาสูประเทศ
พราหมณ์ ‑ ฮินดูเสียจนหมดสิ้น แล้วให้ราษฎรหันมานับถือศาสนาอิสลามตามอย่างพระองค์ สิงคโปร
การกระท�าในครัง้ นีส้ ง่ ผลให้อทิ ธิพลของพระพุทธศาสนานิกายมหายานสิน้ สุดลง และศาสนาอิสลาม 2. ครูตั้งคําถามเกี่ยวกับการเผยแผ
ได้กลายเป็นศาสนาประจ�าชาติของประเทศมาเลเซียสืบต่อมา พระพุทธศาสนาในประเทศสิงคโปรใหนักเรียน
ในช่วงมาเลเซียตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษนัน้ ได้มชี าวจีนน�าพระพุทธศาสนานิกาย ชวยกันตอบ ดังนี้
มหายานจากประเทศจีนเข้ามาเผยแผ่ในประเทศมาเลเซียด้วย แต่ไม่ประสบความส�าเร็จมากนัก • การเผยแผพระพุทธศาสนาเขาสูประเทศ
จนกระทั่งมาเลเซียได้รับเอกราชจากอังกฤษเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๐ แล้ว และมีคณะสมณทูตจาก สิงคโปรมีลักษณะคลายคลึงกับประเทศ
ประเทศไทย ศรีลงั กา พม่า เดินทางเข้าไปเผยแผ่พระพุทธศาสนานิกายเถรวาทในประเทศมาเลเซีย มาเลเซียอยางไร
หลายคณะ จึงช่วยให้พระพุทธศาสนาในประเทศมาเลเซียได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาบ้าง (แนวตอบ พระพุทธศาสนาที่เผยแผเขาสู
ประเทศมาเลเซียและสิงคโปรตั้งแตใน
๔) พระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศสิงคโปร์ สิงคโปร์เป็นเกาะเล็กๆ อยู่ทางทิศใต้
อดีตนั้น เปนนิกายมหายาน ซึ่งไดรับ
ของประเทศมาเลเซีย ซึ่งในอดีตก็เคยอยู่รวมเป็นสหพันธ์เดียวกับมาเลเซียมาก่อนและได้แยกตัว
การเคารพนับถือจากผูคนในบริเวณนี้เปน
ออกเป็นประเทศอิสระเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๘ ดังนั้น การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเข้ามายังสิงคโปร์จึงมี
อยางมาก และในปจจุบันพลเมืองสิงคโปร
ลักษณะเช่นเดียวกับมาเลเซีย กล่าวคือ นิกายที่ได้รับการเคารพนับถือมาก ได้แก่ นิกายมหายาน
สวนใหญเปนชาวจีน ทําใหพระพุทธศาสนา
และด้วยเหตุที่พลเมืองส่วนใหญ่ของสิงคโปร์เป็นชาวจีน พระพุทธศาสนานิกายมหายานจึงมี
นิกายมหายานเจริญรุงเรืองอยางมั่นคง)
ความเจริญรุ่งเรืองและได้รับการประดิษฐานอยู่อย่างมั่นคง
3. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายถึงบทบาทของ
พุทธสมาคมและองคกรยุวพุทธแหงสิงคโปร
รวมถึงประโยชนที่ชาวสิงคโปรจะไดรับจาก
การดําเนินการขององคกรเหลานี้
พระประธานวัดไทยในสิงคโปร์ ซึ่งสร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธาของพุทธศาสนิกชนชาวไทยและชาวสิงคโปร์
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
อัมพรเปนนักทองเที่ยวชาวไทย เดินทางไปเที่ยวประเทศหนึ่งในเอเชีย
1 ศาสนาพราหมณ-ฮินดู เดิมเรียกวา “สนาตนธรรม” แปลวา ธรรมหรือศาสนา
ตะวันออกเฉียงใต ประเทศนี้มีประชากรหลากหลายเชื้อชาติ ภาษา ศาสนา
อันเปนของเกาหรือนิรันดร เปนศาสนาดั้งเดิมของชนเผาอารยัน ซึ่งตอมาอพยพ
และวัฒนธรรม แตประชากรสวนใหญของประเทศเปนชาวจีน นับถือ
เขาไปสูอินเดีย โดยมีพวกทราวิฑหรือมิลักขะชาวพื้นเมืองตอตาน แตในที่สุดฝาย
พระพุทธศาสนานิกายมหายาน อัมพรไปเที่ยวประเทศใด
อารยันเปนผูชนะ จึงมีการผสมผสานความเชื่อดั้งเดิมเขากับความเชื่อของพวกตน
1. มาเลเซีย 2. เวียดนาม
และตั้งเปนศาสนาประจําชาติ เรียกวา “ศาสนาพราหมณ” แปลวา ธรรมที่สอน
3. สิงคโปร 4. อินโดนีเซีย
ลัทธิอหิงสา ตอมาศาสนาพราหมณไดเจริญรุงเรืองมาตามลําดับ จนกระทั่ง
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. ประชากรสวนใหญของประเทศสิงคโปรเปน วิวัฒนาการมาเปนศาสนาฮินดู จึงเรียกรวมกันวา “ศาสนาพราหมณ-ฮินดู”
ชาวจีน จึงนับถือพระพุทธศาสนานิกายมหายาน มีวัดของนิกายมหายาน เทพเจาสูงสุดในศาสนาพราหมณ-ฮินดู คือ พระพรหม เปนเทพเจาผสู รางโลก
มากมายหลายแหง รวมถึงมีวัดของนิกายเถรวาทดวย โดยสวนใหญเปนวัด มีพระนางสุรสั วดีเปนพระชายา พระนารายณหรือพระวิษณุ เปนเทพเจาผูรักษา
ศรีลังกา เมียนมา และไทย พุทธสมาคมในประเทศสิงคโปรก็มีบทบาทดาน และคุมครองโลก มีพระนางลักษมีเปนพระชายา และพระศิวะหรือพระอิศวร
สังคมสังเคราะหอยางมาก อีกทั้งยังมีการเผยแผพระพุทธศาสนาดวยวิธี เปนเทพเจาผูทําลายโลก มีพระนางอุมาเทวีเปนพระชายา เทพทั้ง 3 องค รวมเรียก
ที่หลากหลาย ทําใหพระพุทธศาสนานิกายมหายานเจริญรุงเรือง วา “ตรีมูรติ”
คูมือครู 7
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนวิเคราะหวา เพราะเหตุใดการ
นับถือพระพุทธศาสนานิกายมหายานจึงมีความ สิงคโปร์มีสมาคมของชาวพุทธอยู่ประมาณ ๒,๐๐๐ สมาคม และมีวัดทางพระพุทธ
เจริญรุงเรืองในประเทศสิงคโปรอยางมาก ศาสนาอยูป่ ระมาณ ๑๕๐ วัด ซึง่ เกือบทัง้ หมดเป็นวัดฝ่ายนิกายมหายาน ส่วนวัดฝ่ายนิกายเถรวาท
(แนวตอบ เพราะพลเมืองสวนใหญของสิงคโปร ที่ส�าคัญๆ เช่น วัดศรีลังการามายณะ ของศรีลังกา และวัดอานันทเมตยาราม ของไทย เป็นต้น
เปนชาวจีน เริ่มแรกของการนับถือศาสนาจึงมี การเผยแผ่พระพุทธศาสนานิกายมหายานในสิงคโปร์กระท�ากันอย่างจริงจังมาก
ลักษณะผสมผสานระหวางความเชื่อของลัทธิเตา เป็นต้นว่า มีการแปลต�าราและคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาเป็นภาษาต่างๆ จัดตั้งโรงเรียนอบรม
กับพระพุทธศาสนานิกายมหายาน ปจจุบันชาว ศาสนาจารย์ จัดตั้งโรงเรียนสอนพระพุทธศาสนาชื่อว่า “มหาโพธิ์” ซึ่งในโรงเรียนนี้จะท�าการสอน
สิงคโปรมีการเลือกนับถือพระพุทธศาสนานิกาย พระพุทธศาสนาในทุกระดับชั้น
มหายานชัดเจนขึ้น ดังจะเห็นไดจากการสราง นอกจากนั้น พุทธสมาคมของชาวจีนยังได้ด�าเนินกิจการสังคมสงเคราะห์ต่างๆ เช่น
วัดทางพระพุทธศาสนานิกายมหายานกวา 150 บริจาคอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรคให้แก่ผู้ยากไร้ มอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนที่ยากจน
วัด ตลอดจนมีการดําเนินการของพุทธสมาคม ช่วยเหลือการฌาปนกิจสงเคราะห์ ตั้งศูนย์สงเคราะห์เด็กก�าพร้าและคนชรา เป็นต้น ส่วนองค์กร
ตางๆ) ยุวพุทธแห่งสิงคโปร์ก็ได้มีการอบรมและจัดบรรยายธรรมทั้งภาคภาษาอังกฤษ และภาคภาษา
2. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายถึงแนวทางการ จีนกลาง สอนการสวดมนต์ ฝึกการนั่งสมาธิ การสนทนาธรรมและกิจกรรมอื่นๆ กล่าวโดยสรุป
เผยแผพระพุทธศาสนานิกายมหายานใน ชาวสิงคโปร์ไม่เพียงแต่นับถือพระพุทธศาสนานิกายมหายานอย่างแน่นแฟ้นเท่านั้น แต่ยังได้น�า
ประเทศสิงคโปร หลักธรรมข้อทีว่ า่ ด้วยความเมตตากรุณา การให้ทาน มาปฏิบตั ติ อ่ เพือ่ นมนุษย์ทตี่ กทุกข์ได้ยากด้วย
(แนวตอบ ในปจจุบันการเผยแผพระพุทธศาสนา ๕) พระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศลาว พระพุทธศาสนาได้มีการเผยแผ่เข้ามาสู่
นิกายมหายานในประเทศสิงคโปรกระทําโดย ประเทศลาวในรัชกาลของพระเจ้าฟ้างุ้ม (พ.ศ. ๑๘๙๖ ‑ ๑๙๑๔) แห่งอาณาจักรล้านช้าง ซึ่งทรงมี
แปลตําราและคัมภีรทางพระพุทธศาสนาเปน พระบรมเดชานุภาพมาก ชาวลาวยกย่องพระองค์ว่าทรงเป็นมหาราชองค์แรกของชาติลาว
ภาษาตางๆ จัดตั้งโรงเรียนอบรมศาสนาจารย มูลเหตุที่พระพุทธศาสนาแผ่ขยายเข้ามาสู่ประเทศลาวในรัชสมัยของพระเจ้าฟ้างุ้ม
จัดตัง้ โรงเรียนสอนพระพุทธศาสนาชือ่ “มหาโพธิ”์ เนื่องจากมเหสีของพระองค์ คือ พระนางแก้วยอดฟ้า เป็นพระราชธิดาของพระเจ้าศรีจุลราชแห่ง
รวมทั้งองคกรชาวพุทธยังดําเนินการดานกิจการ เมืองอินทปัตย์ในอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งพระนางเคยเคารพนับถือพระพุทธศาสนานิ1กายเถรวาท
สังคมสงเคราะหตางๆ ทั้งบริจาคอาหาร เสื้อผา มาตัง้ แต่ครัง้ ทีอ่ ยูเ่ มืองอินทปัตย์แล้ว เมือ่ พระนางเสด็จมาประทับทีอ่ าณาจักรล้านช้างและพบเห็น
ยารักษาโรคแกผูยากไร มอบทุนการศึกษา ชาวเมืองยังคงนับถือบูชาลัทธิผีสางเทวดาอยู่ก็ไม่สบายพระทัย จึงกราบทูลให้พระเจ้าฟ้างุ้ม
แกนักเรียนที่ยากจน สวนองคกรยุวพุทธแหง แต่งคณะทูตไปทูลอาราธนาพระสงฆ์ เพือ่ มาช่วยประดิษฐานพระพุทธศาสนาจากพระเจ้าศรีจลุ ราช
สิงคโปรก็จัดบรรยายธรรมทั้งภาคภาษาอังกฤษ ซึ่งพระเจ้าฟ้างุ้มก็ทรงกระท�าตามค�าแนะน�าของพระนางแก้วยอดฟ้า เมื่อพระเจ้าศรีจุลราชทรง
และจีนกลาง สอนการสวดมนต ฝกการนั่งสมาธิ ทราบพระราชประสงค์ของพระเจ้าฟ้างุ้มผู้เป็นพระราชบุตรเขยก็ตอบสนองด้วยดี โดยโปรด
และสนทนาธรรม) ให้อาราธนาพระมหาปาสมันตเถระกับพระมหาเทพลังกาน�าพระสงฆ์อกี ๒๐ รูป เดินทางไปเผยแผ่ 2
พระพุทธศาสนาที่อาณาจักรล้านช้าง นอกจากนี้ยังพระราชทานพระพุทธรูปปัญจโลหะองค์หนึ่ง
พระนามว่า “พระบาง” พร้อมทัง้ พระไตรปิฎก และหน่อพระศรีมหาโพธิม์ าถวายแก่พระเจ้าฟ้างุม้ ด้วย
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พระพุทธศาสนานิกายเถรวาทก็เจริญรุ่งเรืองอยู่ในประเทศลาว และได้
กลายเป็นศาสนาประจ�าชาติไปในที่สุด
8
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
พระพุทธศาสนาเผยแผเขาสูประเทศลาวจากมูลเหตุใด
1 อาณาจักรลานชาง เปนอาณาจักรของชนชาติลาว ตั้งอยูในแถบลุมแมนํ้าโขง
มีอาณาเขตอยูใ นบริเวณประเทศลาวทัง้ หมด และบางสวนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แนวตอบ พระพุทธศาสนาเผยแผเขาสูลาวในสมัยพระเจาฟางุม เนื่องจาก
ของไทย ผูรวบรวมอาณาจักรใหมั่นคงเปนปกแผนใน พ.ศ. 1896 คือ พระเจาฟางุม พระองคทรงอภิเษกกับพระนางแกวยอดฟา พระราชธิดาของพระเจา
ซึ่งเจริญรุงเรืองและเสื่อมถอยสลับกันหลายสมัย ในรัชกาลพระเจาไชยเชษฐาธิราช ศรีจลุ ราชแหงเมืองอินทปตยในอาณาจักรกัมพูชา เมือ่ พระนางเสด็จมาประทับ
ถือวาเปนยุคแหงความรุงเรืองของลาวอีกยุคหนึ่ง จนกระทั่งสิ้นรัชสมัยของพระเจา ที่ลาวซึ่งชาวเมืองยังนับถือผีสางเทวดาอยู ก็ทรงไมสบายพระทัย จึงกราบทูล
สุริยวงศาธรรมิกราช ลาวก็แตกแยกออกเปน 3 อาณาจักร คือ เวียงจันทน ใหพระเจาฟางุมแตงคณะทูตไปทูลอาราธนาพระสงฆจากกัมพูชามาเผยแผ
หลวงพระบาง และจําปาศักดิ์ ตอมาไดสูญเสียเอกราชแกอาณาจักรธนบุรี พระพุทธศาสนาที่ลาว ซึ่งพระเจาศรีจุลราชก็ทรงตอบสนองพระราชประสงค
ทั้ง 3 อาณาจักร และก็เปนประเทศราชของสยามมาจนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 ของพระเจาฟางุม โดยโปรดฯ ใหอาราธนาพระมหาปาสมันตเถระกับ
แหงกรุงรัตนโกสินทร กอนที่ไทยจะยกสิทธิการดูแลลาวใหแกฝรั่งเศส พระมหาเทพลังกานําพระสงฆอีก 20 รูป เดินทางไปเผยแผพระพุทธศาสนา
2 พระพุทธรูปปญจโลหะ เปนพระพุทธรูปที่หลอขึ้นจากโลหะทั้ง 5 ชนิด ไดแก ที่ลาว ตั้งแตนั้นเปนตนมา พระพุทธศาสนาก็เจริญรุงเรืองอยูในลาวมาจนถึง
ดีบุก ปรอท ทองแดง เงิน และทองคํา ปจจุบัน
8 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนดูภาพพระธาตุหลวงในหนังสือ
เมื่อพระเจ้าสามแสนไทยไตรภูวนาถพระราชโอรสของพระเจ้าฟ้างุ้มขึ้นครองราชย์ เรียนหนา 9 แลวสนทนาถึงความคลายคลึง
(พ.ศ. ๑๙๑๖ - ๑๙๘๕) ก็ทรงเอาพระทัยใส่ทา� นุบา� รุงพระพุทธศาสนาอย่างดียงิ่ ทัง้ นีเ้ พราะพระองค์ ของลักษณะสถาปตยกรรมของประเทศลาว
มีพระทัยใฝ่สันติ ชอบการบ�าเพ็ญบุญสร้างกุศล ได้โปรดให้สร้างวัดมโนรมย์ วัดอุโบสถ หอสมุด กับประเทศไทย โดยเชื่อมโยงกับอิทธิพลของ
ส�าหรับเป็นที่ศึกษาค้นคว้าพระไตรปิฎกและโรงเรียนปริยัติธรรมหลายแห่ง พระพุทธศาสนา
พระพุทธศาสนาได้รับการวางรากฐานให้มีความมั่นคงมากขึ้น ในรัชสมัยของพระเจ้า 2. ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 3-5 คน
โพธิสาร (พ.ศ. ๒๐๖๓ - ๒๐๙๐) พระองค์มีพระบรมราชโองการห้ามการประกอบพิธีทรงเจ้าเข้าผี สงตัวแทนออกมาจับสลากเลือกหัวขอ
ทั่วพระราชอาณาจักร และให้ชาวลาวเลิกนับถือบูชาลัทธิผีสางเทวดา โดยให้หันมานับถือ ดังตอไปนี้
พระพุทธศาสนาแทน • พระพุทธศาสนาในรัชกาลของพระเจาฟางุม
1
ในรัชกาลของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช าช (พ.ศ. ๒๐๙๑ - ๒๑๑๔) ซึ่งได้รับการยกย่องว่า • พระพุทธศาสนาในรัชกาลของพระเจา
เป็นมหาราชองค์ที่ ๒ ของลาว พระพุทธศาสนามีความเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด ทั้งนี้เป็นเพราะ สามแสนไทยไตรภูวนาถ
พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชทรงเอาพระทัยใส่ในการท� • พระพุทธศาสนาในรัชกาลของพระเจา
2 านุบ�ารุงพระพุทธศาสนาอย่างดียิ่ง เช่น โปรด ไชยเชษฐาธิราช
พระธาตุศรีโคตรบูร พระธาตุหลวง พระธาตุอิงรัง ทรงสร้างพระพุทธรูป
ให้สร้างพระธาตุบังพวน พระธาตุ
พระองค์ตื้อ พระเสริม พระสุก พระใส พระอินทร์แปลง พระองค์แสน นอกจากนี้
ที่ส�าคัญ คือ พระองค์ หลังจากนั้นศึกษาเพิ่มเติมในหัวขอดังกลาว
ยังโปรดให้สร้างวัดต่างๆ ขึ้นเป็นจ�านวนมาก เช่น วัดป่ารือศรีสิงขร วัดป่ากันทอง วัดศรีเมือง จากหนังสือเรียนหนา 8-10 และแหลงการเรียนรูอ นื่
วัดพระแก้ว เป็นต้น กล่าวได้วา่ พุทธสถานทีส่ า� คัญของประเทศลาวส่วนใหญ่ลว้ นได้รบั การสร้างขึน้ เชน อินเทอรเน็ต หองสมุด เปนตน
ในรัชสมัยของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชแทบทัง้ สิน้ แลวออกมานําเสนอผลการศึกษาหนาชั้นเรียน
หลั ง จากสิ้ น รั ช สมั ย ของพระเจ้ า
ไชยเชษฐาธิราช พระพุทธศาสนาในประเทศลาว
ก็ไม่คอ่ ยเจริญรุง่ เรืองมากนัก แต่ดว้ ยเหตุทลี่ าว
มีอาณาเขตติดต่อกับไทยและประเทศทัง้ สองก็มี
ความสัมพันธ์กนั อย่างแน่นแฟ้น ดังนัน้ อิทธิพล
ของพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทจากไทยจึงได้
เผยแผ่เข้าไปมีอิทธิพลอยู่ในประเทศลาวด้วย
ซึ่งช่วยค�้าชูให้พระพุทธศาสนาในประเทศลาว
สามารถด�ารงอยู่ได้
เมื่อลาวต้องตกเป็นอาณานิคมของ
ฝรั่งเศสใน พ.ศ. ๒๔๓๖ พระพุทธศาสนาในลาว
ก็เสือ่ มโทรมลงเพราะขาดการท�านุบา� รุงเอาใจใส่
แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีความส�าคัญในฐานะที่เป็น พระธาตุ หลวงในประเทศลาว สร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้า
ไชยเชษฐาธิราช อันแสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของ
ศาสนาประจ�าชาติลาวสืบต่อมา พระพุทธศาสนา
บูรณาการเชื่อมสาระ
ครูสามารถนําเนื้อหาในชวงรัชกาลพระเจาไชยเชษฐาธิราช ไปบูรณาการ นักเรียนควรรู
กับกลมุ สาระการเรียนรูส งั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาประวัตศิ าสตร
1 พระเจาไชยเชษฐาธิราช ผูสถาปนากรุงศรีสัตนาคนหุต (เวียงจันทน) ใหเปน
เรือ่ งความสัมพันธดา นตางประเทศระหวางอยุธยากับลานชาง โดยครูอธิบายวา
ศูนยกลางทางดานวัฒนธรรมของชาวลาว ปจจุบันรัฐบาลลาวไดสรางพระบรม-
ในสมัยของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ พระเจาไชยเชษฐาธิราช กษัตริยของ
ราชานุสาวรียของพระองคประดิษฐานอยูบริเวณดานหนาขององคพระธาตุหลวง
ลานชาง ไดแตงตัง้ ทูตอัญเชิญพระราชสาสน พรอมเครือ่ งบรรณาการมาถวาย
เวียงจันทน
กราบทูลขอพระเทพกระษัตรี พระราชธิดาของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิไป
2 พระธาตุศรีโคตรบูร ชื่อขององคพระธาตุ ตั้งชื่อตามอาณาจักรศรีโคตรบูรณ
เปนพระอัครมเหสี ซึง่ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิกท็ รงตอบรับไมตรี เพราะเล็ง
ที่มีอายุอยูในชวงพุทธศตวรรษที่ 12-16 โดยมีศูนยกลางอยูที่จังหวัดนครพนม
เห็นประโยชนทจี่ ะไดลา นชางเอาไวเปนพันธมิตรในการทําศึกสงครามกับพมา
มีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ตลอดจน
แตขาวการรวมมือเพื่อสรางสายสัมพันธฉันเครือญาติระหวางกรุงศรีอยุธยา
ดินแดนฝงซายของแมนํ้าโขง
กับกรุงศรีสัตนาคนหุตลวงรูไปถึงพระเจาบุเรงนองแหงพมาเสียกอน จึงไดสง
กําลังทหารมาชิงตัวพระเทพกระษัตรีในระหวางเดินทางไปยังลานชาง แลว
นําตัวไปไวที่กรุงหงสาวดี ถึงแมการอภิเษกสมรสในครั้งนี้จะมิไดบังเกิดขึ้น
แตอยุธยาก็ยังคงรักษาสัมพันธไมตรีอันดีกับลานชางไว หลักฐานที่แสดงถึง
มิตรไมตรีีระหวางอยุธยากับลานชาง คือ พระธาตุศรีสองรัก ตั้งอยูที่อําเภอ
ดานซาย จังหวัดเลย
คูมือครู 9
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายสถานการณของ
พระพุทธศาสนาในประเทศลาวในชวงเกิด ถึงแม้ในช่วงสงครามอินโดจีน พระพุทธศาสนาในลาวจะได้รับความกระทบกระเทือน
สงครามอินโดจีน มาก เพราะขาดการท�านุบา� รุงดูแลเอาใจใส่ แต่ทว่าชาวลาวส่วนใหญ่กย็ งั มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา
(แนวตอบ ในชวงเกิดสงครามอินโดจีน พระพุทธ- อย่างแนบแน่นและพยายามช่วยกันประคับประคองพระพุทธศาสนาให้ตั้งมั่นอยู่ได้ เห็นได้จาก
ศาสนาในประเทศลาวเสื่อมโทรมลงอยางมาก รัฐธรรมนูญแห่งพระราชอาณาจักรลาว ยังระบุไว้ด้วยว่า “พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจ�าชาติ
เนื่องจากขาดการดูแลเอาใจใส แตชาวลาวยังคง และพระมหากษัตริย์เป็นเอกอัครศาสนูปถัมภก”
มีความศรัทธาตอพระพุทธศาสนาอยางแนนแฟน ใน พ.ศ. ๒๕๑๘ ประเทศลาวถูกปกครองโดยระบอบคอมมิวนิสต์ ท�าให้พระพุทธศาสนา
และพยายามชวยกันประคับประคองพระพุทธ- ในประเทศลาวต้องประสบกับความเสื่อมโทรมลงไปเป็นอันมาก โดยรัฐบาลคอมมิวนิสต์ของลาว
ศาสนาใหตั้งมั่นอยูได เห็นไดจากรัฐธรรมนูญ ได้พยายามลดบทบาทความส�าคัญของพระพุทธศาสนาในทุกวิถีทาง อาทิ ห้ามชาวบ้านท�าบุญ
ของประเทศลาวที่ระบุใหพระพุทธศาสนาเปน ตักบาตร ไม่ให้มีการบวชพระภิกษุและสามเณรเพิ่ม ไม่ให้ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรม ยกเลิก
ศาสนาประจําชาติและพระมหากษัตริยเปน สมณศักดิ์ทุกระดับชั้น บังคับให้พระสงฆ์ท�าหน้าที่ในการโฆษณาชวนเชื่อ เผยแพร่อุดมการณ์
เอกอัครศาสนูปถัมภก) ของพรรคคอมมิวนิสต์ รวมทั้งก�าจัดพระสงฆ์ที่ไม่ให้ความร่วมมือ ซึ่งแม้จะถูกขัดขวางการปฏิบัติ
2. ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการ ศาสนกิจ แต่ดว้ ยความทีพ่ ระพุทธศาสนาได้มอี ทิ ธิพลฝังรากลึกอยูใ่ นสังคมลาวมานานหลายร้อยปี
ปกครองระบอบคอมมิวนิสตของประเทศลาว ก็ทา� ให้ชาวลาวยังไม่เลิกนับถือพระพุทธศาสนา กระทัง่ เหตุการณ์เริม่ ผ่อนคลายลงใน พ.ศ. ๒๕๓๐
แลววิเคราะหถึงความสัมพันธของระบอบการ จึงเริ่มมีการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาอีกครั้งหนึ่ง
ปกครองกับความเจริญรุงเรืองของพระพุทธ- ๖) พระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศกัมพูชา พระพุทธศาสนาได้
ศาสนา 1 เผยแผ่เข้ามาสู่
ประเทศกัมพูชา เมือ่ ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๘ อันเป็นช่วงทีอ่ าณาจักรฟูนนั ก�กาลังเจริญรุง่ เรืองอยู่
3. ครูใหนักเรียนวิเคราะหถึงความคลายคลึงของ ทางทิศใต้ของดินแดนที่เป็นประเทศกัมพูชาในปัจจุบัน
ลักษณะการเผยแผพระพุทธศาสนาในประเทศ
ลาวกับประเทศอื่นๆ ที่นักเรียนไดเคยศึกษามา
ไดแก ประเทศเมียนมา ประเทศอินโดนีเซีย
ประเทศมาเลเซีย และประเทศสิงคโปร
10
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
ครูควรอธิบายประวัติศาสตรลาวในชวงไดรับเอกราชจากฝรั่งเศสมาจนถึงการ ครูใหนักเรียนรวบรวมรูปภาพและคนหาประวัติการสรางศาสนสถานทาง
ปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองเปนระบอบคอมมิวนิสตใน พ.ศ. 2518 เพื่อให พระพุทธศาสนาที่สําคัญของประเทศลาว 1 แหง แลวบันทึกสาระสําคัญ
นักเรียนเขาใจภาพรวมของประวัติศาสตรลาวในชวงเวลาดังกลาวไดดียิ่งขึ้น ลงในสมุด สงครูผูสอน
นักเรียนควรรู
กิจกรรมทาทาย
1 อาณาจักรฟูนัน หรือฝูหนัน เปนอาณาจักรโบราณที่ปรากฏอยูในเอกสารจีน
ถือเปนอาณาจักรที่เกาแกที่สุดแหงหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต มีหลักฐานใน
เอกสารจีนกลาวถึงตั้งแตในชวงพุทธศตวรรษที่ 6 จนถูกรวมเขากับอาณาจักร ครูใหนักเรียนไปคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเพณีทางพระพุทธศาสนา
เจิ้นลา (เจนละ) ในชวงตนพุทธศตวรรษที่ 13 นักวิชาการสันนิษฐานวา ฟูนันมี ของลาวที่มีความคลายคลึงกับของไทย เชน การตักบาตร การอุปสมบท
ศูนยกลางอยูแถบที่ราบลุมปากแมนํ้าโขง อาจเปนเมืองออกแอวหรือออกแกว การประกอบพิธีในวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา เปนตน จากนั้นใหเขียน
ทางตอนใตของประเทศเวียดนามในปจจุบัน สรุปสาระสําคัญในดานประวัติความเปนมา ความเชื่อ และการปฏิบัติตน
ของชาวลาวในประเพณีนั้นๆ ความยาว 1 หนากระดาษ A4 สงครูผูสอน
10 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูและนักเรียนอภิปรายถึงความเชื่อในสมัย
อาณาจักรฟูนันเป็นอาณาจักรใหญ่ซึ่งมีสัมพันธไมตรีอันดีกับประเทศจีนและอินเดีย แรกที่ปรากฏในอาณาจักรฟูนัน และการ
ดังนั้น จึงพลอยได้รับอิทธิพลการนับถือพระพุทธศาสนานิกายมหายานจากประเทศทั้งสองด้วย เผยแผพระพุทธศาสนาเขาสูประเทศกัมพูชา
อย่างไรก็ตาม ศาสนาที่เผยแผ่เข้ามายังอาณาจักรฟูนันในสมัยแรกๆ คือ ศาสนาพราหมณ์ ‑ ฮินดู หลังจากนั้นใหนักเรียนวิเคราะหวา
ส่วนพระพุทธศาสนาเผยแผ่เข้ามาทีหลัง ด้วยเหตุนี้จึงท�าให้อาณาจักรฟูนันมีการนับถือศาสนา การสรางปราสาทบายนสะทอนถึงความเชื่อ
พราหมณ์ ‑ ฮินดู และพระพุทธศาสนาปนกันอยู่ แต่ก่อนที่อาณาจักรฟูนันจะเสื่อมอ�านาจลง ทางพระพุทธศาสนาอยางไร
พระพุทธศาสนานิกายมหายานก็ได้รับการเอาใจใส่ท�านุบ�ารุงให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาก (แนวตอบ ปราสาทบายนตั้งอยูใจกลางนครธม
อาณาจักรที่เรืองอ�านาจและเข้ สรางในสมัยพระเจาชัยวรมันที่ 7 หลังจากที่
1 ามามีอิทธิพลสืบแทนอาณาจักรฟูนันก็คือ อาณาจักร
เจนละ หลังจากสิ้นสมัยอาณาจักรเจนละแล้ว กัมพูชาก็เข้าสู่สมัยมหานครอันเป็นยุคที่อาณาจักร ทรงไดชัยชนะจากการรบกับกองทัพของ
กัมพูชาหรือเขมรเรืองอ�านาจสูงสุด เมือ่ บ้านเมืองมีความมัน่ คงเป็นปึกแผ่น กิจการทางด้านศาสนา อาณาจักรจามปา สวนบนของปรางคทกุ องคของ
ก็เจริญรุ่งเรืองไปด้วย โดยเฉพาะในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ (พ.ศ. ๑๗๒๔ ‑ ๑๗๖๒) ปราสาทบายนจะแกะสลักเปนรูปพระพักตร
ซึง่ เป็นพระมหากษัตริยผ์ ยู้ งิ่ ใหญ่ในเวลานัน้ พระพุทธศาสนาทัง้ นิกายมหายานและนิกายเถรวาทได้รบั พระโพธิสัตวอวโลกิเตศวร ซึ่งสะทอนใหเห็น
การท�านุบ�ารุงเอาใจใส่อย่างดียิ่ง เช่น โปรดให้สร้างวัดทั่วพระราชอาณาจักร ทรงสร้างนครธมขึ้น ถึงความเชื่อในพระพุทธศาสนานิกายมหายาน
บริเวณใจกลางนครธม โปรดให้สร้างวิหารทางพระพุทธศาสนาขนาดใหญ่ขึ้น เรียกว่า “ปราสาท เนื่องจากนิกายมหายานจะใหความสําคัญกับ
บายน” ซึ่งประกอบด้วยหมู่ปรางค์ใหญ่น้อยประมาณ 2 ๕๐ องค์ ส่วนบนของปรางค์ทุกองค์จะ อุดมการณและแนวคิดพระโพธิสตั ว ซึง่ สามารถ
แกะสลักเป็นรูปพระพักตร์พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ทรงสร้างพระพุทธรูป “ชัยพุทธมหานาถ” ขนสรรพสัตวใหขามพนหวงแหงความทุกข
เป็นจ�านวนทั้งสิ้น ๒๓ องค์ แล้วโปรดให้น�าไปประดิษฐานยังวิหารต่างๆ ทั่วพระราชอาณาจักร ไดจํานวนมาก)
ทรงนิมนต์พระสงฆ์เข้าไปบิณฑบาตในพระราชวังทุกๆ วัน วันละ ๔๐๐ รูป นอกจากนีย้ งั มีเหตุการณ์ 2. ครูถามนักเรียนวา
ส�าคัญทีเ่ กีย่ วข้องกับพระพุทธศาสนาอีกประการหนึง่ ก็คอื พระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ทรงส่งพระราชโอรส • เพราะเหตุใด พระพุทธศาสนาในประเทศ
องค์หนึ่ง (นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่า ทรงพระนามว่า “ตามลินทะ”) ให้เดินทางไปศึกษา กัมพูชาจึงเสื่อมโทรมลง
พระพุทธศาสนาที่ลังกา ตอนเดินทางกลับพระภิกษุตามลินทะก็ได้น�าเอาพระพุทธศาสนานิกาย (แนวตอบ สาเหตุมาจากประเทศกัมพูชามี
ลังกาวงศ์เข้ามาเผยแผ่ในอาณาจักรกัมพูชาด้วย การทําสงครามภายในและภายนอกประเทศ
ในช่วงสมัยหลังเมืองพระนคร อาณาจักรกัมพูชาได้มีการย้ายเมืองหลวงมาอยู่ที่ ตลอดเวลา อีกทั้งเกิดความขัดแยงทางการ
กรุงพนมเปญ และต้องท�าสงครามขับเคี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้านตลอดเวลา นอกจากนี้ บางครั้ง เมืองภายในประเทศที่เปนอุปสรรคในการ
ราชวงศ์ของกัมพูชาก็เกิดการสู้รบแย่งชิงราชสมบัติกันเอง ดังนั้น จึงส่งผลให้พระพุทธศาสนา ทํานุบํารุงพระพุทธศาสนา)
พลอยเสื่อมโทรมลงไปด้วย
พระพุทธศาสนาในประเทศกัมพูชาได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งในรัชสมัยของ
พระเจ้าหริรกั ษ์รามาธิบดี (นักองด้วง) ซึง่ ขึน้ ครองราชย์เมือ่ พ.ศ. ๒๓๘๔ โดยในรัชกาลของพระองค์
พระภิกษุชาวกัมพูชา ซึง่ ได้รบั การศึกษาทางด้านพระพุทธศาสนาจากกรุงเทพฯ ได้รว่ มมือกันฟืน้ ฟู
พระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองขึ้น ที่ส�าคัญ ได้แก่ การจัดตั้งโรงเรียนสอนพระปริยัติธรรมชั้นสูง
ในกรุงพนมเปญ มีชื่อเรียกว่า “ศาลาบาลีชั้นสูง” และยังน�าเอานิกายธรรมยุตจากเมืองไทยเข้าไป
ประดิษฐานที่ประเทศกัมพูชาเป็นครั้งแรกอีกด้วย
11
กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
ครูมอบหมายใหนักเรียนไปศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติและ 1 อาณาจักรเจนละ หรือเจิ้นลา เปนชื่ออาณาจักรแหงหนึ่งในภูมิภาคเอเชีย
จุดประสงคของการสรางนครธมและปราสาทบายน รวมถึงความสําคัญและ ตะวันออกเฉียงใตที่ปรากฏอยูในเอกสารจีนโบราณ โดยมีหลักฐานยืนยันวา
ผลที่เกิดขึ้นจากการสรางปราสาททั้งสองแหง บันทึกสาระสําคัญ แลวนํามา เกี่ยวของกับอาณาจักรกัมพูชาโบราณตั้งแตสมัยกอนเมืองพระนคร
อภิปรายในชั้นเรียน 2 พระพักตรพระโพธิสตั วอวโลกิเตศวร มีนกั ประวัตศิ าสตรบางทานสันนิษฐานวา
เปนพระพักตรของพระเจาชัยวรมันที่ 7 ซึ่งเปนธรรมเนียมปฏิบัติที่พระมหากษัตริย
ของกัมพูชาจะทรงใหแกะสลักรูปของพระองคเองเปนรูปพระพักตรของพระเจา แต
กิจกรรมทาทาย บางทานสันนิษฐานวาเปนใบหนาของพระพรหม เทพเจาในศาสนาพราหมณ-ฮินดู
ครูมอบหมายใหนักเรียนไปศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติการ มุม IT
เผยแผพระพุทธศาสนาเขาสูประเทศกัมพูชา จากนั้นเขียนสรุปความยาว
ไมเกิน 1 หนากระดาษ A4 สงครูผูสอน ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับศาสนาพราหมณ-ฮินดู ไดที่
http://www.siamganesh.com เว็บไซตสยามคเณศ
http://www.srinagathurka.com เว็บไซต
วัดพระศรีนาคาทุรคาเทวี คูมือครู 11
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนกั เรียนอภิปรายถึงเหตุการณหรือหลักฐาน
ทางประวัติศาสตรที่สะทอนใหเห็นถึงการหยั่ง นอกจากสงครามกับภายนอกประเทศแล้ว สภาพการเมืองภายในของเขมรหรือ
รากลึกของพระพุทธศาสนาในประเทศกัมพูชา กัมพูชาก็เป็นปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสู้รบท�าสงครามกลางเมืองระหว่างชาวเขมรด้วยกัน
นับตั้งแตอดีตจนถึงปจจุบัน โดยหลังจากทีก่ องทัพเขมรแดง (ทีเ่ ป็นกลุม่ ชาวเขมรทีน่ ยิ มลัทธิคอมมิวนิสต์) ได้รบั ชัยชนะในการ
(แนวตอบ แมวาพระพุทธศาสนาในประเทศ ท�าสงครามกลางเมืองก็ได้ปราบปรามผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับระบอบการปกครองของตนอย่างรุนแรง
กัมพูชาจะเสื่อมโทรมลง เพราะเหตุการณ ซึ่งมีทั้งชาวพุทธทั่วไปและพระภิกษุสงฆ์เป็นจ�านวนมาก โดยวัดหลายแห่งถูกรื้อท�าลาย หรือไม่ก็
สงครามทัง้ ภายในและภายนอกประเทศ ตลอดจน ถูกดัดแปลงเป็นทีต่ งั้ ของกองทหาร ศาสนสมบัตถิ กู ปล้นสะดม ประกาศห้ามไม่ให้ประชาชนใส่บาตร
อุปสรรคทางการเมือง แตภายหลังเหตุการณ ท�าบุญ และไม่ให้ร่วมชุมนุมประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และให้พระสงฆ์หลายพันรูปลาสิกขา
ตางๆ สงบลง รัฐบาลและประชาชนชาวกัมพูชา ออกมาเป็นทหาร และบางส่วนก็เดินทางลี้ภัยสงครามเข้ามาอยู่ในประเทศไทย ปัญหาเหล่านี้
ก็ชวยกันฟนฟูพระพุทธศาสนาใหกลับมารุงเรือง ถือเป็นอุปสรรคส�าคัญต่อความเจริญของพระพุทธศาสนาในประเทศกัมพูชา
ไดอีกครั้ง นอกจากนี้ ความเจริญรุงเรืองของ ถึงแม้เขมรแดงจะหมดสิ้นอ�านาจไปในปลาย พ.ศ. ๒๕๒๑ และรัฐบาลชุดใหม่ของ
พระพุทธศาสนายังปรากฏใหเห็นผานรูปแบบ ประเทศกัมพูชาภายใต้การน�าของนายเฮง สัมริน ซึ่งได้รับการหนุนหลังจากเวียดนามจะขึ้นมา
สถาปตยกรรมของโบราณสถานในประเทศ มีอ�านาจแทนที่ แต่สถานการณ์ของพระพุทธศาสนาในกัมพูชาก็มิได้ดีขึ้น ทั้งนี้เพราะทางรัฐบาล
กัมพูชาอีกดวย) เฮง สัมริน ก็มีนโยบายไม่ให้ประชาชนนับถือศาสนา การเทศนาสั่งสอนประชาชนถือว่าเป็น
2. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 1.1 จากแบบวัดฯ สิ่งผิดกฎหมาย ห้ามท�าบุญตักบาตร หนังสือและคัมภีร์ทางศาสนาถูกเผาท�าลายทิ้ง นอกจากนั้น
พระพุทธศาสนา ม.2 การที่วัดได้ถูกดัดแปลงให้เป็นที่ตั้งกองทหารของกลุ่มเขมรฝ่ายต่างๆ ท�าให้วัดวาอารามกลายเป็น
✓ แบบวัดฯ
เป้าหมายถูกโจมตีด้วย ส่งผลให้วัด พระอุโบสถ พระพุทธรูปเสียหายจ�านวนมาก ภายหลัง
ใบงาน แบบฝกฯ
พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 1.1 สงครามกลางเมืองในกัมพูชาสงบลงใน พ.ศ. ๒๕๓๔ เมื่อบ้านเมืองกลับเข้าสู่ความสงบ ทั้งรัฐบาล
หนวยที่ 1 ประวัติและความสําคัญของพระพุทธศาสนา และประชาชนกัมพูชาจึงได้ช่วยกันฟื้นฟูพระพุทธศาสนาให้กลับสู่ความรุ่งเรืองอีกครั้ง
กิจกรรมตามตัวชี้วัด
๗) พระพุทธศาสนาเข้าสูป่ ระเทศเวียดนาม ประเทศเวียดนามเป็นประเทศทีม่ คี วาม
กิจกรรมที่ ๑.๑ ใหนักเรียนตอบคําถามตอไปนี้ (ส ๑.๑ ม.๒/๑)
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
ñð สัมพันธ์กับจีนมาตั้งแต่สมัยโบราณโดยที่จีนได้เข้ายึดเวียดนามเป็นเมืองขึ้นและท�าการปกครอง
๑. พระเจาอนุรุทธมหาราชทรงมีบทบาทในการอุปถัมภพระพุทธศาสนาในประเทศพมาอยางไร
พระองคทรงสงพระราชสาสนไปยังผูครองเมืองสุธรรมวดีเพื่อทูลขอพระไตรปฎกไปยังเมืองพุกาม
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. เวียดนามอยู่หลายร้อยปี จนเวียดนามเกือบจะกลายเป็นรัฐรัฐหนึ่งของจีน ดังนั้น เมื่อ1จีนนับถือ
แตถูกปฏิเสธ จึงเกิดการสูรบกัน พมาเปนฝายชนะ ไดทําลายเมืองสุธรรมวดีและนําพระสงฆมอญ
ศาสนาใด
2 ศาสนานั้นก็จะเผยแผ่เข้ามาในเวียดนามด้วย เริ่มแรกอิทธิพลของลัทธิเต๋าและลัทธิ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
และพระไตรปฎกกลับไปยังเมืองพุกาม สงผลใหพระพุทธศาสนาไดแผขยายไปทั่วอาณาจักรพมา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ในเวลาตอมา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
๒. ภายหลังพมาไดรับเอกราชจากอังกฤษ ไดมีการฟนฟูพระพุทธศาสนาโดยวิธีการใด
ไดจัดใหมีการสังคายนาพระไตรปฎกครั้งที่ ๖ ขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๗ โดยรัฐบาลพมาไดนิมนต
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ขงจื๊อได้เผยแผ่เข้ามาสู่เวียดนามก่อน จนถึง พ.ศ. ๗๓๒ คณะธรรมทูตจากจีนหลายคณะจึง
พระเถระผูเ ชีย่ วชาญพระไตรปฎกไปจากประเทศไทย ศรีลงั กา ลาว และกัมพูชาไปรวมเปนจํานวนมาก
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
และไดจัดพิมพพระไตรปฎกพรอมคัมภีรอรรถกถาและปกรณที่ไดรับการสังคายนาแลวออกเผยแผ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ไปทั่วประเทศ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ได้เดินทางเข้ามาเผยแผ่และประดิษฐานพระพุทธศาสนานิกายมหายานในเวียดนาม อย่างไรก็ตาม
๓. ในสมัยที่ราชวงศ ไศเลนทรปกครองอาณาจักรศรีวิชัย ไดสงเสริมการเผยแผพระพุทธศาสนา
ในอาณาจักรอยางไร
พระพุทธศาสนาในช่วงสมัยแรกเริ่มยังไม่เป็นที่นิยมนับถือกันอย่างแพร่หลายนัก กระทั่งถึง พ.ศ.
อาณาจักรศรีวชิ ยั ไดสง พระภิกษุไปศึกษาพระพุทธศาสนาทีม่ หาวิทยาลัยนาลันทา อีกทัง้ ยังสงพระภิกษุ ฉบับ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ชางฝมือ มาเผยแผพระพุทธศาสนาและศิลปะปาละ (ซึ่งเปนศิลปะอินเดียในสมัยราชวงศปาละ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
และราชวงศเสนะ) ในการสรางพระพุทธรูปใหแกชาวศรีวิชัยดวย
เฉลย
๑๕๑๒ เมื่อราชวงศ์ดินห์ได้ขึ้นมามีอ�านาจปกครองเวียดนาม พระพุทธศาสนานิกายมหายานจึง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
๔. กอนทีศ่ าสนาอิสลามจะเผยแผเขามา พระพุทธศาสนาบนแหลมมลายูมคี วามเจริญรุง เรืองอยางไร
ได้รับการเอาใจใส่ฟื้นฟูและเป็นที่นับถือกันอย่างแพร่หลายมากขึ้น
พระพุ ทธศาสนาที่ เผยแผ เข าสู มาเลเซี ยในระยะแรกเปนนิกายเถรวาท แตมีผูนับ ถือ ไมม ากนัก
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
จนกระทั่งบริเวณแหลมมลายูตกอยูใตการปกครองของอาณาจักรศรีวิชัย พระพุทธศาสนานิกาย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ตลอดสมัยการปกครองของราชวงศ์ดินห์ ราชวงศ์เล (ตอนต้น) และราชวงศ์ลี
มหายานจึงเผยแผเขาสูบริเวณนี้ จนกระทั่งสุโขทัยไดขยายอาณาเขตลงมาทางใตจนถึงหัวเมืองมลายู
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ทัง้ หมด ทําใหพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทเผยแผเขาสูแ หลมมลายูดว ย หลักฐานทีแ่ สดงถึงการนับถือ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
พระพุทธศาสนา สวนใหญเปนรูปพระโพธิสัตวหรือพระพิมพดินเผา พระพิมพดินดิบ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
พระพุทธศาสนามีความเจริญรุ่งเรืองมาก ทั้งนี้เพราะพระมหากษัตริย์เวียดนามทรงเอาพระทัยใส่
๕. พระพุทธศาสนาในสมัยของพระเจาไชยเชษฐาธิราชของลาวเจริญรุง เรืองอยางไร มีหลักฐานใด
แสดงถึงความรุงเรือง
ท�านุบ�ารุงพระพุทธศาสนาเป็นอย่างดี
พระเจาไชยเชษฐาธิราชทรงทํานุบํารุงพระพุทธศาสนาอยางดี เชน โปรดใหสรางพระธาตุบังพวน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
12
พระธาตุศรีโคตรบูร พระธาตุหลวง พระธาตุองิ รัง โปรดใหสรางพระพุทธรูปมากมาย เชน พระองคตอื้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
พระเสริม พระสุก พระใส พระอินทรแปลง รวมทั้งโปรดใหสรางวัดตางๆ เปนจํานวนมาก เชน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
วัดปารือศรีสิงขร วัดปากันทอง วัดศรีเมือง วัดพระแกว เปนตน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
สถานการณของพระพุทธศาสนาในประเทศกัมพูชาหลังไดรับเอกราช
1 ลัทธิเตา ศาสดาผูกอตั้ง คือ เลาจื๊อ ซึ่งเกิดในปลายราชวงศโจว มีคัมภีรชื่อ
จากฝรั่งเศสมีสภาพเปนอยางไร
เตา เตก เก็ง หลักธรรมของลัทธิเตาเนนการดํารงชีวิตใหกลมกลืนกับธรรมชาติ
ใหมนุษยรูจักตนเอง บําเพ็ญคุณงามความดี ไมฟุงเฟอ ไมมักใหญใฝสูง ประหยัด แนวตอบ หลังจากประเทศกัมพูชาไดรับเอกราชจากประเทศฝรั่งเศสใน
ทําจิตใจใหสงบ รูจักออนนอมถอมตน ใชชีวิตอยางเรียบงาย แนวคิดของลัทธิเตา พ.ศ. 2497 สถานการณของพระพุทธศาสนาดีขึ้นบางเล็กนอย แมจะมีการ
มีอิทธิพลตอการสรางสรรคศิลปะจีน โดยเฉพาะจิตรกรรมมากที่สุด เปลี่ยนแปลงการปกครองเปนระบอบสาธารณรัฐใน พ.ศ. 2513 ก็ไมมี
2 ลัทธิขงจื๊อ ศาสดาผูกอตั้ง คือ ขงจื๊อ เกิดในปลายสมัยราชวงศโจว มีคัมภีร ผลกระทบตอพระพุทธศาสนามากนัก จนกระทั่งใน พ.ศ. 2518 เมื่อเขมรแดง
ชื่อ กิงทั้ง 5 ลัทธิขงจื๊อมีแนวคิดทางจริยศาสตรที่เนนแนวทางการปฏิบัติที่อิง ภายใตการนําของนายพอลพตยึดอํานาจไดและเปลี่ยนแปลงการปกครองเปน
กับมาตรฐานและคุณคาตามขนบจารีต โดยยึดหลักคําสอนในการดําเนินชีวิต 3 ระบอบคอมมิวนิสต ก็ทําการปราบปรามและเขนฆาผคู นทีเ่ ปนปฏิปก ษ ซึง่ มีทงั้
ประการ ไดแก เหริน (ความเมตตากรุณา) หลี่ (ขนบจารีตและพิธีกรรมตางๆ ใน พุทธศาสนิกชนและพระภิกษุจาํ นวนมาก วัดหลายแหงถูกทําลาย ประชาชน
สังคม) อี้ (ความถูกตอง เที่ยงธรรม และความสมเหตุสมผล) เพื่อขัดเกลานิสัยและ ถูกหามไมใหประกอบพิธกี รรมทางศาสนา แมรฐั บาลเฮงสัมริน ซึง่ ไดรบั การ
พัฒนาตนจนมีคุณธรรมอยางวิญูชน สนับสนุนจากเวียดนาม ยึดอํานาจจากเขมรแดงไดใน พ.ศ. 2522 แต
สถานการณของพระพุทธศาสนาในกัมพูชาก็ไมดีขึ้น ภายหลังเมื่อสถานการณ
บานเมืองกลับมาสงบใน พ.ศ. 2534 รัฐบาลและประชาชนกัมพูชาจึงรวมมือ
รวมใจกันฟนฟูพระพุทธศาสนาใหกลับมารุงเรืองอีกครั้ง
12 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
1. ครูอธิบายการเผยแผพระพุทธศาสนาเขาสู
อีกประการหนึ่งสืบเนื่องมาจากบทบาทของพระภิกษุสงฆ์ ซึ่งมีความส�าคัญอย่างยิ่ง ประเทศเวียดนามใหนักเรียนฟง หลังจากนั้น
ต่อสังคมเวียดนาม เพราะพระภิกษุส่วนใหญ่มักจะเป็นนักปราชญ์รอบรู้วิชาการต่างๆ นอกเหนือ ตั้งคําถามใหนักเรียนชวยกันตอบ เชน
ไปจากความรู้ ความเชีย่ วชาญในกิจการทางด้านพระพุทธศาสนา เช่น กฎหมาย วรรณคดี รัฐศาสตร์ • การนับถือศาสนาของชาวเวียดนามไดรับ
จริยศาสตร์ ปรัชญา โหราศาสตร์ แพทยศาสตร์ อิทธิพลมาจากประเทศใด
ดังนั้น เมื่อประชาชนให้ความเคารพศรัทธาต่อ (แนวตอบ ไดรับอิทธิพลมาจากประเทศจีน
พระภิกษุสงฆ์เป็นอย่างสูง จึงส่งผลให้การเผยแผ่ และประเทศฝรั่งเศส เชน เริ่มแรกชาว
พระพุทธศาสนานิกายมหายานด�าเนินไปได้ เวียดนามนับถือลัทธิเตาและลัทธิขงจื๊อ
อย่างสะดวกจนเป็นที่นับถือกันอย่างแพร่หลาย ภายหลังชาวเวียดนามบางกลุมเปลี่ยนไป
พระพุ ท ธศาสนานิ ก ายมหายาน นับถือศาสนาคริสต เปนตน )
เริ่มเสื่อมลงในสมัยราชวงศ์ตรัน เมื่อเวียดนาม • พระพุทธศาสนาเขาสูประเทศเวียดนามดวย
ต้องตกเป็นเมืองขึ้นของจีนในระหว่าง พ.ศ. วิธีใด
๑๙๕๗ ‑ ๑๙๖๘ โดยจีนได้สนับสนุนให้มีการ (แนวตอบ คณะธรรมทูตจากจีนหลายคณะ
เผยแผ่ลทั ธิขงจือ๊ และลัทธิเต๋าเข้ามายังเวียดนาม เดินทางเขามาเผยแผและประดิษฐาน
อีกครั้งหนึ่ง รวมทั้งข้าราชการจีนก็ขัดขวาง พระพุทธศาสนานิกายมหายานในประเทศ
1
การเผยแผ่พระพุทธศาสนาด้วยวิธีการต่างๆ พุทธสถานในเวียดนามที่ยังหลงเหลืออยู่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็น เวียดนาม)
เช่น สัง่ ให้รอื้ ท�าลายวัดวิหารและยึดคัมภีรท์ าง ของนิกายมหายาน 2. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายในประเด็น
พระพุทธศาสนาเอาไปเผาทิง้ เสียเป็นจ�านวนมาก ความเจริญและความเสื่อมของพระพุทธ-
ในสมัยราชวงศ์เล (ตอนปลาย) พระพุทธศาสนาก็ยิ่งมัวหมองมากขึ้นอีก ทั้งนี้เพราะ ศาสนาในประเทศเวียดนาม
พระภิกษุได้เข้ามามีบทบาทเกีย่ วกับกิจกรรมทางด้านการเมือง การบ�าเพ็ญเพียรตามพระธรรมวินยั
ถูกละเลย รวมทั้งพระมหากษัตริย์เองก็มิได้เอาพระทัยใส่ที่จะฟื้นฟูพระพุทธศาสนาให้กลับคืนสู่ ขยายความเขาใจ Expand
ความเจริญรุ่งเรืองดุจดังเก่า ส่งผลให้ประชาชนคลายความศรัทธาในพระพุทธศาสนาลงไปอีก ครูใหนักเรียนสรุปการเผยแผพระพุทธศาสนา
ในช่ ว ง พ.ศ. ๒๐๗๑ ‑ ๒๓๔๕ อั น เป็ น ช่ ว งที่ราชวงศ์ตริน ห์แ ห่งเวียดนามเหนือ เขาสูประเทศเพื่อนบาน โดยวิเคราะหถึงปจจัยที่มี
และราชวงศ์เหงียนแห่งเวียดนามใต้แย่งชิงอ�า นาจกัน ก็ได้มีการสนับสนุนพระพุทธศาสนาที่ อิทธิพลตอความเจริญรุงเรืองของพระพุทธศาสนา
ไม่บริสุทธิ์ให้แพร่หลายมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้เพราะแต่ละฝ่ายต่างมุ่งหวังที่จะดึงชาวพุทธให้เข้ามาเป็น และอุปสรรคที่ทําใหพระพุทธศาสนาเสื่อมโทรม
ฐานก�าลังส�าคัญของตน ฉะนั้นในระยะนี้พระพุทธศาสนาในเวียดนามจึงมีแต่เรื่องเวทมนตร์คาถา ลงในกระดาษ A4 สงครูผูสอน
และอภินิหารต่างๆ มากกว่าที่จะเป็นการชี้แนะแนวทางให้ผู้มีความศรัทธานับถือได้หลุดพ้นจาก
ห้วงสังสารวัฏ ตรวจสอบผล Evaluate
เมื่อเวียดนามตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสใน พ.ศ. ๒๔๒๖ พระพุทธศาสนาก็ได้รับ
ความกระทบกระเทือนอย่างหนัก ทั้งนี้เพราะชาวพุทธได้ร่วมมือกันจัดตั้งขบวนการชาตินิยม 1. ตรวจสอบจากความถูกตองของเนื้อหา
ท�าสงครามกองโจรสู้รบกับทหารฝรั่งเศส เพื่อปลดปล่อยเวียดนามให้เป็นอิสระ ในการตอบคําถามและอภิปราย
2. ตรวจสอบจากการเขียนสรุปการเผยแผ
13 พระพุทธศาสนาเขาสูประเทศเพื่อนบาน
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
พระภิกษุในเวียดนามมีสวนทําใหพระพุทธศาสนานิกายมหายาน
ครูควรอธิบายถึงภูมิหลังทางประวัติศาสตรของเวียดนามใหนักเรียนเขาใจวา
เจริญรุงเรืองหรือเสื่อมถอยไดอยางไร
ในอดีตเวียดนามตกเปนเมืองขึ้นของจีนมาอยางยาวนาน แมจะพยายามดิ้นรนเปน
แนวตอบ เมื่อพระภิกษุศึกษาหาความรูจนเปนผูเชี่ยวชาญในศาสตรสาขา อิสระ แตก็เปนชวงระยะเวลาสั้นๆ เทานั้นที่เวียดนามจะเปนเอกราชจากจีน ทําให
ตางๆ เชน กฎหมาย วรรณคดี รัฐศาสตร จริยศาสตร ปรัชญา โหราศาสตร อารยธรรมจีนมีอิทธิพลอยางมากตอเวียดนาม ทั้งรูปแบบการปกครอง ศาสนา
แพทยศาสตร ฯลฯ ทําใหประชาชนศรัทธาและใหความเคารพพระสงฆ การ วัฒนธรรม และประเพณี โดยเฉพาะความเชื่อในพระพุทธศาสนานิกายมหายาน
เผยแผพระพุทธศาสนานิกายมหายานก็ดําเนินไปอยางสะดวกและแผขยาย เวียดนามก็รับผานมาจากจีน ผสมผสานกับความเชื่อในลัทธิขงจื๊อและลัทธิเตา
ออกสูคนทั่วไปเปนวงกวาง แตเมื่อใดก็ตามที่พระภิกษุละเลยวัตรปฏิบัติที่ ของจีนเชนกัน
ดีงามและเขามายุงเกี่ยวกับการเมือง จะทําใหพุทธศาสนิกชนเสื่อมศรัทธา
สงผลใหพระพุทธศาสนาเสื่อมโทรมลง
นักเรียนควรรู
1 พุทธสถานในเวียดนาม สวนใหญเปนศิลปะของชนชาติจามหรืออาณาจักร
จามปา ตั้งอยูในประเทศเวียดนามตอนกลางในปจจุบัน มีอายุอยูในชวง
พุทธศตวรรษที่ 8-20
คูมือครู 13
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา
Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับการนับถือศาสนา
ในประเทศตางๆ หลังจากนั้นตั้งคําถามใหนักเรียน รัฐบาลฝรัง่ เศสจึงด�าเนินการตอบโต้ดว้ ยการเข้าควบคุมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่าง
ชวยกันตอบ เชน ใกล้ชดิ ยึดคัมภีรแ์ ละหนังสือทางพระพุทธศาสนาเอาไปเผาท�าลายเสียเป็นอันมาก การร่วมชุมนุม
• ปจจุบันประเทศเพื่อนบานของไทยนับถือ ของพุทธศาสนิกชนเพือ่ ประกอบพิธกี รรมจะต้องได้รบั อนุญาตจากทางการฝรัง่ เศสก่อน นอกจากนี้
พระพุทธศาสนานิกายใด ชาวเวียดนามที่จะสมัครท�างานกับรัฐบาลฝรั่งเศสจะต้องโอนสั 1 ญชาติเป็นชาวฝรั่งเศส และต้อง
(แนวตอบ ทั้งนิกายเถรวาทและนิกายมหายาน) เปลีย่ นศาสนาหันไปนับถือศาสนาคริสต์นกิ ายโรมันคาทอลิกด้วย จึงจะมีสทิ ธิอย่างสมบูรณ์ ส่งผลให้
• นักเรียนคิดวา ปจจัยใดบางที่เปนอุปสรรคตอ ชาวเวียดนามเป็นจ�านวนไม่น้อยหันไปนับถือศาสนาคริสต์
ความเจริญรุงเรืองของพระพุทธศาสนา นับตัง้ แต่ยคุ สมัยประธานาธิบดีโง ดินห์ เดียม มาจนเกิดสงครามเวียดนามอันยาวนาน
(แนวตอบ เชน ความขัดแยงทางการเมือง พระพุทธศาสนาและชาวพุทธถูกท�าลายมาโดยตลอด หลังสงครามเวียดนามยุติลง เวียดนามเหนือ
ภายในประเทศ การเกิดสงคราม เปนตน) และเวียดนามใต้ได้รวมเป็นหนึ่งเดียว มีชื่อว่า “สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม” พระพุทธศาสนา
ซึง่ อยูใ่ นสภาพ “เสือ่ มโทรมมาก” ก็ถกู กระหน�า่ ซ�า้ เติมโดยพวกคอมมิวนิสต์เข้าไปอีก เช่น ประชาชน
สํารวจคนหา Explore ถูกจ�ากัดสิทธิเสรีภาพทางศาสนา ห้ามเผยแผ่ศาสนาทุกศาสนา วัดและพระสงฆ์ถกู ท�าลายและกดขี่
ข่มเหงเป็นจ�านวนมาก ทีด่ นิ ของวัดถูกยึดเป็นของรัฐ ห้ามประกอบพิธกี รรมทางศาสนา ห้ามท�าบุญ
ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 3-5 คน ศึกษา ตักบาตร ห้ามอุปสมบท คัมภีรศ์ าสนาถูกเผาท�าลาย พระสงฆ์และชาวพุทธบางส่วนได้ลภี้ ยั ออกไป
คนควาเกี่ยวกับสถานการณการนับถือพระพุทธ- อยูย่ งั ต่างประเทศ ในทีน่ รี้ วมถึงท่านติช นัท ฮันห์ ซึง่ ได้ลภี้ ยั ไปอยูท่ ปี่ ระเทศฝรัง่ เศส และได้เผยแผ่
ศาสนาของประเทศเพื่อนบานในปจจุบัน ซึ่งไดแก พระพุทธศาสนาอยู่ที่หมู่บ้านพลัม ประเทศฝรั่งเศส
ประเทศเมียนมา ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศ
มาเลเซีย ประเทศสิงคโปร ประเทศลาว ประเทศ 1.2 การนับถือพระพุทธศาสนาของประเทศเพื่อนบ้านในปัจจุบัน
กัมพูชา และประเทศเวียดนาม จากนั้นจดบันทึก ประเทศเพือ่ นบ้านของเรา หลังจากรับเอาพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจ�าชาติของตนแล้ว
ลงสมุด เพื่อนํามาอภิปรายในชั้นเรียน ก็พยายามพิทกั ษ์มรดกทางใจอันล�า้ ค่านีไ้ ว้อย่างสุดก�าลัง แม้วา่ บางประเทศจะถูกปกครองด้วยลัทธิ
การเมืองที่ไม่ยอมให้ประชาชนแสดงว่าตนนับถือศาสนาใดๆ ก็ตาม แต่ในส่วนลึกแห่งจิตใจของ
ประชาชนแล้ว ก็ยังมีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนาอยู่ เพราะได้นับถือสืบทอดต่อกันมายาวนาน
ต่อไปนี้จะได้กล่าวถึงการนับถือพระพุทธศาสนาของประเทศเพื่อนบ้านในปัจจุบันพอสังเขป
๑) พระพุทธศาสนาในประเทศเมียนมา พระพุทธศาสนาในประเทศเมียนมา
ในปัจจุบันนั้นกล่าวได้ว่าแม้มีปัญหาความวุ่นวายจากการเมืองภายในประเทศ แต่ก็มิได้เป็น
อุปสรรคต่อความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาในประเทศแต่อย่างไร เพราะพุทธศาสนิกชน
ชาวพม่า ก็ยังคงให้ความเคารพและศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาอย่างไม่เสื่อมคลาย โดยรัฐบาล
เมียนมาได้ให้ความส�าคัญแก่พระพุทธศาสนาในฐานะเป็นศาสนาประจ�าชาติ ใน พ.ศ. ๒๕๐๔
รัฐบาลเมียนมาได้ตรากฎหมายรับรองว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจ�าชาติของเมียนมา รวมทัง้
ตรากฎหมายอื่นๆ อีกมากมายที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ดังจะเห็นได้ถึงการให้ความส�าคัญแก่
พระพุทธศาสนาในประเทศเมียนมา ที่มีพลเมืองที่เป็นพุทธศาสนิกชนกว่าร้อยละ ๘๙ ซึ่งถือเป็น
พลเมืองส่วนใหญ่ของประเทศ
14
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คูบานคูเมืองที่มีอิทธิพลตอชาวพมามาเปน
1 ศาสนาคริสตนิกายโรมันคาทอลิก คําวา “คาทอลิก” แปลวา สากล นิกายนี้
เวลานาน มีพระนามวาอะไร
มีความเชื่อดั้งเดิมวา ศาสนาคริสตเปนศาสนาสากล ผูนับถือนิกายนี้มีความเชื่อ
1. พระมหามัยมุนี
และปฏิบัติตามคําสอนและประเพณีดั้งเดิมของศาสนาคริสตอยางเครงครัด
2. พระไจทปอลอ
ไมนิยมเปลี่ยนแปลงคําสอนที่มีมาตั้งแตดั้งเดิม หรืออาจกลาวไดวาเปนพวก
3. พระนอนชเวตาเลียว
อนุรักษนิยม
4. พระพุทธไสยาสนเจาทัตยี
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. พระมหามัยมุนีเปนพระพุทธรูปคูบานคูเมือง
มุม IT ของประเทศเมียนมา เปรียบไดกบั พระพุทธมหามณีรตั นปฏิมากรหรือพระแกว
มรกตของประเทศไทย ปจจุบันประดิษฐานอยูที่เมืองมัณฑะเลย เดิมเปน
ศึกษาคนควาขอมูลเกี่ยวกับศาสนาคริสตนิกายโรมันคาทอลิก ไดที่ พระพุทธรูปของรัฐยะไข จนกระทั่งพระเจาปดุงสามารถตียะไขได จึงอัญเชิญ
http://www.catholicthailand.com เว็บไซตคาทอลิกประเทศไทย พระมหามัยมุนีมาที่เมืองมัณฑะเลย ชาวพมาเชื่อวาพระพุทธรูปองคนี้
และ http://www.catholic.or.th เว็บไซตอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ มีชีวิต จึงตองทําพิธีลางพระพักตรดวยนํ้าอบนํ้าหอมผสมทานาคาทุกเชา
รวมถึงแปรงพระทนตดว ยแปรงทอง กอนจะเช็ดใหแหงดวยผาของผศู รัทธา
ทีถ่ วายมาพรอมใชพัดทองโบกถวาย เสมือนหนึ่งไดอุปฏฐากพระพุทธเจา
14 คูมือครู ที่ยังทรงพระชนมชีพอยูจริงๆ
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
ครูใหนักเรียนนําขอมูลที่ไดจากการศึกษา
ส�ำหรับผู้ที่เป็นพุทธศำสนิกชนชำวพม่ำก็ยังคงปฏิบัติตนตำมหลักพระพุทธศำสนำ คนควาเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาในประเทศ
อย่ำงเคร่งครัด มีกำรเข้ำวัดท�ำบุญ รักษำอุโบสถศีลในวันส�ำคัญทำงพระพุทธศำสนำ ตลอดจนกำร เมียนมาปจจุบันมาอภิปรายรวมกัน หลังจากนั้นครู
ปฏิบัติธรรมตำมหลักวิปัสสนำกรรมฐำน (สำย ตั้งคําถามใหนักเรียนชวยกันตอบ เชน
ยุบหนอ - พองหนอ) ดังจะเห็นได้จำกกำรตั้ง • ชาวพมาในปจจุบันปฏิบัติตนตามหลัก
ส�ำนักกรรมฐำนขึ้นทั่วประเทศ ทั้งยังได้เผยแผ่ พระพุทธศาสนาอยางไร
ออกไปยังต่ำงประเทศด้วย และได้รบั ควำมนิยม (แนวตอบ เขาวัดทําบุญ รักษาอุโบสถศีลในวัน
อย่ำงแพร่หลำยไปทั่วโลก เนื่องจำกมีผู้คนจำก สําคัญทางพระพุทธศาสนา ตลอดจนปฏิบัติ
ประเทศต่ำงๆ ทั้งประเทศในแถบเอเชีย ยุโรป ธรรมตามหลักวิปสสนากรรมฐาน)
และสหรัฐอเมริกำ เดินทำงไปศึกษำวิปัสสนำ • รัฐบาลเมียนมามีนโยบายอยางไรในการ
กรรมฐำนที่ประเทศเมียนมำ และน�ำกลับไป สงเสริมพระพุทธศาสนาใหเจริญรุงเรือง
เผยแผ่ ยั ง ประเทศของตนเป็ น จ� ำ นวนมำก (แนวตอบ รัฐบาลเมียนมาไดตรากฎหมาย
รวมทั้งประเทศไทยด้วย นอกจำกนี้ ชำวพม่ำ รับรองวาพระพุทธศาสนาเปนศาสนา
ยังมีค่ำนิยมให้ลูกบรรพชำเป็นสำมเณรตั้งแต่ ประจําชาติของเมียนมา และมีนโยบาย
1 สงเสริมการศึกษาทางพระพุทธศาสนา
อำยุน้อยๆ เพื่อสืบทอดอำยุพระพุทธศำสนำ องค์พระธาตุอินทร์แขวน (ไจก์ทีโย) ที่ประเทศเมียนมา
ให้ยืนนำน และให้ควำมเคำรพต่อพระสงฆ์และ มีธรรมเนียมปฏิบตั วิ า่ พุทธศาสนิกชนต้องแต่งกายเรียบร้อย ของพระสงฆ เชน กําหนดถวายนิตยภัต
ศำสนสถำนอย่ำงมำก ดังจะเห็นได้จำกกำร และห้ามผู้หญิงขึ้นไปปิดทองที่องค์พระธาตุ แดพระภิกษุสามเณร ผูที่สามารถสอบไลได
ออกกฎเกณฑ์ส�ำหรับปฏิบัติตนในเขตพุทธสถำน เช่น กำรห้ำมสวมรองเท้ำ ถุงน่องและถุงเท้ำ มากนอยตามลําดับชั้นที่สอบได เปนตน)
ห้ำมกำงร่ม และห้2ำมสวมกำงเกงขำสั้นหรือกระโปรงสั้นเวลำเข้ำไปในบริเวณลำนพระมหำเจดีย์ • สิ่งที่แสดงถึงความศรัทธาของชาวพมา
หรือเขตพุทธำวำส
ธำวำส หำกผู้ใดฝ่ำฝืนก็จะได้รับกำรลงโทษ หรือกำรร่วมแรงร่วมใจกันท�ำนุบ�ำรุง ที่มีตอพระพุทธศาสนามีอะไรบาง
วัดวำอำรำม และสถำนที่ส�ำคัญทำงพระพุทธศำสนำเพื่อให้อยู่เป็นศูนย์รวมจิตใจของชำวพม่ำ (แนวตอบ ในปจจุบันชาวพมายังคงมีความ
ตรำบนำนเท่ำนำน ศรัทธาตอพระพุทธศาสนาอยางแนนแฟน
วิถชี วี ติ ประจ�ำวันของชำวพม่ำยังผูกพันอยูก่ บั พระพุทธศำสนำอย่ำงแน่นแฟ้นและเป็น ดังจะเห็นไดจากการนิยมใหลูกบวชเปน
วิถีชีวิตแบบชำวพุทธ เช่น ก่อนไปท�ำงำนนอกบ้ำนและหลังเลิกงำน ชำวพม่ำส่วนใหญ่จะไปแวะ สามเณรตั้งแตยังเด็ก การใหความเคารพตอ
ที่วัดก่อนทุกครั้ง ทั้งนี้เพื่อไปกรำบพระธำตุเจดีย์ ไหว้พระสวดมนต์ สมำทำนศีล นั่งสมำธิภำวนำ พระสงฆและศาสนสถาน โดยออก
เป็นต้น กฎเกณฑหามสวมรองเทา ถุงเทา ถุงนอง
ในด้ำนกำรส่งเสริมกำรศึกษำทำงพระพุทธศำสนำของพระสงฆ์ รัฐบำลเมียนมำได้ หามกางรม หามสวมกางเกงขาสั้นบริเวณ
ก�ำหนดถวำยนิตยภัตแด่พระภิกษุสำมเณรผู้ที่สำมำรถสอบไล่ได้มำกน้อยตำมล�ำดับชั้นที่สอบได้ ลานพระเจดียหรือเขตพุทธาวาส)
รวมทั้งให้สิทธิพิเศษในกำรโดยสำรยำนพำหนะที่เป็นของรัฐบำลได้ทั่วประเทศโดยไม่ต้องเสีย
ค่ำโดยสำร ถือเป็นกำรให้ควำมส�ำคัญและช่วยในกำรสนับสนุนกำรศึกษำของพระภิกษุและสำมเณร
ในกำรที่จะสืบทอดพระพุทธศำสนำต่อไป
15
บูรณาการเชื่อมสาระ
ครูสามารถนําเรือ่ งการหามสวมรองเทาเขาวัดของชาวพมา ไปบูรณาการ นักเรียนควรรู
เชื่อมโยงกับกลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
1 องคพระธาตุอินทรแขวน ตั้งอยูที่เมืองไจกโถ อําเภอสะเทิม เขตรัฐมอญใน
วิชาประวัติศาสตร โดยครูอธิบายใหนักเรียนฟงวา ในชวงที่พมาตกเปน
ประเทศเมียนมา บนยอดเขาพวงลวง มีตาํ นานความเชือ่ วาพระอินทรนาํ กอนหิน
อาณานิคมของอังกฤษนั้น ชาวพมาที่ไมพอใจการปกครองของอังกฤษได
ทีร่ องรับพระเจดียที่บรรจุพระเกศาธาตุมาตั้งแขวนไว (ที่ตั้งเปนหนาผาหมิ่นเหม)
รวมตัวกอตั้ง “สมาคมชาวพุทธหนุม” (Young Men Buddhist Association
สวนชื่อภาษาพมา เรียกวา “ไจกทีโย” แปลวา เจดีย หรือผาโพกหัวฤๅษี
: YMBA) ซึ่งเปนสมาคมชาตินิยมกลุมแรกของเมียนมา โดยสมาคมนี้
อาจสื่อความหมายถึงกอนหินที่รองรับเจดียที่บรรจุพระเกศาธาตุที่ลักษณะคลาย
ประสบความสําเร็จอยางมากจากกรณีการประทวงหามสวมรองเทา
ผาโพกหัวของฤๅษี ลักษณะเดนขององคพระธาตุอนิ ทรแขวน คือ เปนกอนสีทอง
(No Footwear) เขาวัด เนื่องจากชาวอังกฤษจะสวมรองเทาเขาวัด
ขนาดใหญ สูง 5.5 เมตร ตั้งอยูบนหนาผาสูงชันอยางหมิ่นเหมเหมือนจะหลน
ในขณะที่ชาวพมาจะถอดรองเทาตั้งแตเขาเขตวัด การประทวงครั้งนี้
แตก็ไมตกลงมา
ทําใหชาวอังกฤษตองยอมถอดรองเทาเมื่อเขาไปภายในเขตวัด
2 เขตพุทธาวาส คือ พื้นที่ภายในวัดที่พระสงฆใชสําหรับประกอบพิธีกรรม
ทางศาสนา เปนเสมือนสัญลักษณแหงสถานที่ประทับขององคพระสัมมาสัมพุทธเจา
รวมถึงเปนที่ตั้งของสิ่งปลูกสรางประเภทปูชนียสถานและศาสนสถานตางๆ
คูมือครู 15
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
ครูใหนักเรียนนําขอมูลที่ไดจากการศึกษา
คนควาเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาในประเทศ สิ่งที่ถือว่าเป็นความก้าวหน้าในกิจการของพระพุทธศาสนาในประเทศเมียนมาใน
อินโดนีเซียปจจุบันมาอภิปรายรวมกัน หลังจากนั้น ปัจจุบันก็คือ คณะสงฆ์ของประเทศเมียนมาได้ด�าเนินการสร้างความสัมพันธ์กับประเทศที่นับถือ
ครูตั้งคําถามใหนักเรียนชวยกันตอบ เชน พระพุทธศาสนาเถรวาทจากทั่วโลก ดังใน พ.ศ. ๒๕๕๐ ได้มีการก่อตั้งสมาคมพระพุทธศาสนา
• ปจจุบันประชากรอินโดนีเซียที่นับถือ เถรวาทนานาชาติ และจัดประชุมครั้งแรกขึ้นในระหว่างวันที่ ๙ ‑ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ที่เมือง
พระพุทธศาสนามีประมาณเทาใด ย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา และการประชุมครั้งที่ ๒ ระหว่างวันที่ ๓ ‑ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒
(แนวตอบ ปจจุบันชาวอินโดนีเซียที่นับถือ ทีเ่ มืองสะกาย ประเทศเมียนมาอีกเช่นกัน โดยการประชุมดังกล่าวได้รบั ความร่วมมือจากคณะสงฆ์
พระพุทธศาสนามีประมาณรอยละ 1) และนักวิชาการทางศาสนาจากหลายประเทศทั่วโลก ถือเป็นบทบาทส�าคัญของคณะสงฆ์เมียนมา
• ชาวพุทธในประเทศอินโดนีเซียมีการปฏิบัติ ที่ได้ประสานความร่วมมือกันทางพระพุทธศาสนาในระดับนานาชาติ
ตนเพื่อสงเสริมพระพุทธศาสนาใหเจริญ นอกจากนี้ พระสงฆ์ของเมียนมามีบทบาทส�าคัญในทางการเมือง โดยได้จดั ตัง้ สหภาพ
รุงเรืองไดอยางไร ยุวสงฆ์แห่งพม่า (All Burma Young Monks’ Union) ในเขตปลดปล่อย เพื่อด�าเนินการ
(แนวตอบ ในวันวิสาขบูชา ชาวพุทธในประเทศ เรียกร้องและต่อสูอ้ ย่างสันติตามหลักพระพุทธศาสนา ซึง่ ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของพระพุทธศาสนา
อินโดนีเซียรวมกันประกอบพิธีเวียนเทียนและ ในประเทศเมียนมาที่เปิดโอกาสให้พระสงฆ์ได้มีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างเห็นได้ชัด
ปฏิบัติธรรมที่บุโรพุทโธ นอกจากนี้ เยาวชนยัง ๒) พระพุทธศาสนาในประเทศอินโดนีเซีย พระพุทธศาสนานิกายมหายานเคย
สามารถศึกษาธรรมะและการปฏิบัติสมาธิไดที่ เจริญรุง่ เรืองในประเทศอินโดนีเซียมาตัง้ แต่พทุ ธศตวรรษที่ ๑๒ ‑ ๑๓ ดังปรากฏพุทธสถานทีส่ า� คัญๆ
สมาคมสอนพระพุทธศาสนา) ซึง่ หลงเหลือเป็นหลักฐานมาจนถึงปัจจุบนั หลายแห่ง แต่หลังจากศาสนาอิสลามได้เข้ามาแพร่หลาย
• แมรัฐบาลอินโดนีเซียจะนับถือศาสนาอิสลาม และชาวชวาก็ได้ยอมรับนับถือเป็นศาสนาประจ�าชาติ ซึ่งมีผู้นับถือกว่าร้อยละ ๘๖ ของประชากร
แตก็ใหความสําคัญกับพระพุทธศาสนา ทั้งประเทศ ท�าให้จ�านวนประชากรที่นับถือพระพุทธศาสนาลดลงเหลือประมาณร้อยละ ๑ เท่านั้น
โดยไดดําเนินการอยางไร
ปั จ จุ บั น ชาวอิ น โดนี เ ซี ย ที่ นั บ ถื อ
(แนวตอบ ใหการรับรองวาพระพุทธศาสนา
พระพุทธศาสนานิ1 กายมหายาน ส่วนใหญ่อาศัย
เปนศาสนาหนึ่งของชาวอินโดนีเซีย พรอมทั้ง
อยู่ที่เกาะบาหลี แม้ว่ามีศาสนิกชนบางส่วน
ประกาศใหวันวิสาขบูชาเปนวันหยุดราชการ
ที่มีการยอมรับนับถือศาสนาฮินดูควบคู่ไปด้วย
รวมถึงสนับสนุนการจัดงานรวมกับเครือขาย
แต่ก็ถือว่าทั้งสองศาสนาสามารถผสมผสานกัน
องคกรพุทธเปนประจําทุกป)
ได้อย่างสนิทแน่ 2 นแฟ้นในวิถีชีวิตของชาวบาหลี
โดยบุ โ รพุ ท โธยั ง คงเป็ น ศาสนสถานส� า คั ญ ที่
เป็นศูนย์รวมทางจิตใจของพุทธศาสนิกชนใน
ประเทศอินโดนีเซีย
ในวันส�าคัญทางพระพุทธศาสนาก็จะ
การประกอบพิธีเวียนเทียนของพุทธศาสนิกชนที่นับถือ
พระพุทธศาสนาที่บุโรพุทโธ ประเทศอินโดนีเซีย เป็น มีการร่วมกันประกอบพิธีเวียนเทียนรอบองค์
พิธีกรรมหนึ่งที่ชาวพุทธในอินโดนีเซียร่วมกันสืบทอดมา พระเจดีย์ อันถือเป็นพิธกี รรมหนึง่ ทีช่ าวพุทธใน
จนถึงปัจจุบัน อินโดนีเซียร่วมกันสืบทอดและจรรโลงรักษาไว้
16
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
เพราะเหตุใด พระสงฆเมียนมาจึงเขามามีสวนรวมทางการเมือง
1 เกาะบาหลี ไดรับการขนานนามวา อัญมณีแหงมหาสมุทรอินเดีย ตั้งอยูทาง
ของประเทศคอนขางมาก
ทิศตะวันออกของเกาะชวา ในประเทศอินโดนีเซีย
2 บุโรพุทโธ หรือบรมพุทโธ หรือบาราบูดรู แปลวา วิหารทีส่ รางบนภูเขาสูง ตัง้ อยู แนวตอบ สาเหตุที่พระสงฆเมียนมามีบทบาทและมีสวนรวมทางการเมือง
บนเกาะชวา เขตเมืองยอกยาการตา บุโรพุทโธถือเปนศาสนสถานในพระพุทธศาสนา ของประเทศคอนขางมาก เปนผลสืบเนื่องมาจากตั้งแตเมื่อครั้งสมัยที่อังกฤษ
นิกายมหายานทีใ่ หญทสี่ ดุ ในโลกแหงหนึง่ เปนมหาสถูปทีส่ รางดวยหินภูเขาไฟ มีรปู ทรง เขาปกครองพมาเปนอาณานิคม อังกฤษไดยกเลิกสถาบันพระมหากษัตริย
แบบศิลปะผสมผสานระหวางอินเดียกับอินโดนีเซีย สรางขึน้ ตัง้ แตคริสตศตวรรษที่ ของพมา สงผลใหสถาบันพระพุทธศาสนากาวขึ้นมาเปนศูนยรวมจิตใจ
7-9 สมัยกษัตริยแหงราชวงศไศเลนทร แนวคิดแสดงถึงมณฑลของจักรวาลและ ของชาวพมาแทนที่สถาบันพระมหากษัตริย และพระสงฆไดเปนแกนนํา
อํานาจของพระพุทธเจาผูทรงสรางโลกตามคติของมหายาน แผนผังแบงเปน 3 สวน ในการประทวงตอตานอังกฤษ จึงเห็นไดวา พระสงฆเมียนมามีบทบาททาง
สวนแรกเปนภาพแกะสลักแสดงถึงความเปนมนุษยทยี่ งั ของแวะอยูใ นกาม สวนทีส่ อง การเมืองมาตั้งแตอดีต แมในปจจุบันพระสงฆเมียนมาก็ยังคงมีสวนรวม
เปนภาพแกะสลักพุทธประวัติและชาดก สวนที่สามมีเจดียทรงระฆังควํ่า 72 องค ทางการเมืองอยู
ภายในมีพระพุทธรูป โอบลอมเจดียอ งคใหญ ตรงกลางภายในเจดียอ งคใหญวา งเปลา
สื่อถึงความวาง ซึ่งเปนขั้นสูงสุดของนิพพาน โดยใน พ.ศ. 2534 องคการยูเนสโก
(UNESCO) ไดประกาศใหบโุ รพุทโธเปนมรดกโลก
16 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
ครูใหนักเรียนนําขอมูลที่ไดจากการศึกษา
ความสนใจในพระพุทธศาสนาของชาวอินโดนีเซียในปัจจุบันนั้น ไม่ได้จ�ากัดอยู่ คนควาเกี่ยวกับสถานการณการนับถือศาสนาใน
แต่เฉพาะชาวพุทธเท่านั้น แม้แต่รัฐบาลอินโดนีเซียเองที่ผู้น�าเป็นคนมุสลิม ก็ยังให้การรับรองว่า ประเทศมาเลเซียปจจุบันมาอภิปรายรวมกัน แลว
พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาหนึง่ ของชาวอินโดนีเซีย พร้อมทัง้ ประกาศให้วนั วิสาขบูชาเป็นวันหยุด ตั้งคําถามใหนักเรียนชวยกันตอบ ดังนี้
ราชการ • ปจจุบันประชากรมาเลเซียที่นับถือ
ในขณะเดียวกัน ภาครัฐก็ยงั มีสว่ นสนับสนุนในการจัดงานร่วมกับเครือข่ายองค์กรพุทธ พระพุทธศาสนามีประมาณเทาใด
เป็นประจ�าทุกปีเช่นกัน การฉลองวันวิสาขบูชา ชาวพุทธในอินโดนีเซียจะฉลองกันเป็นเวลา (แนวตอบ ปจจุบันชาวมาเลเซียที่นับถือ
๑ เดือน ด้วยการปฏิบัติธรรม โดยชาวพุทธในประเทศอินโดนีเซียจะไม่เหมือนกับประเทศอื่นที่ พระพุทธศาสนามีประมาณรอยละ 19)
ฉลองกันเพียงวันเดียว แต่อนิ โดนีเซียมีการจัดงานฉลองเนือ่ งในวันวิสาขบูชาเป็นเวลานานนับเดือน • แมวาประเทศมาเลเซียในปจจุบัน จะมี
การด�าเนินกิจกรรมทางศาสนาก็ได้มีการจัดตั้งสมาคมเพื่อสอนพระพุทธศาสนาแก่ สัดสวนของผูนับถือศาสนาอิสลามอยูมาก
เยาวชนของอินโดนีเซีย ด้วยการด�าเนินกิจกรรมการบรรยายธรรมะ สอนการปฏิบัติสมาธิ และ ที่สุดแตเพราะเหตุใดจึงยังคงมีพลเมือง
ออกวารสารต่างๆ ทางพระพุทธศาสนาทีส่ า� คัญ เช่น วารสารวิปสั สนา วารสารธรรมจาริณี เป็นต้น มาเลเซียอีกบางสวนทีน่ บั ถือพระพุทธศาสนา
ซึง่ ทัง้ หมดนีอ้ ยู่ภายใต้การดูแลของพุทธสมาคมอินโดนีเซียซึ่งมีส�านักงานใหญ่อยู่ที่กรุงจาการ์ตา
(แนวตอบ แมวาปจจุบันประเทศมาเลเซีย
โดยท�าหน้าทีด่ แู ลกิจกรรมทางศาสนา ตลอดจนเรือ่ งต่างๆ ของพุทธศาสนิกชนในประเทศอินโดนีเซีย
จะมีศาสนาอิสลามเปนศาสนาประจําชาติ
แม้ในปัจจุบันพระพุทธศาสนาในอินโดนีเซียจะได้รับการยอมรับจากทางรัฐบาลแล้ว
หากแต่ก็ไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างจริงจัง แม้ว่าจะมีวัดทางพระพุทธศาสนาเกิดขึ้นในประเทศ และมีประชากรสวนใหญนับถือศาสนา
อินโดนีเซียกว่า ๑๕๐ วัด มีพุทธศาสนิกชนประมาณ ๑๕๐,๐๐๐ คน ดังกล่าว จ� านวนของ อิสลาม แตเนื่องจากประเทศมาเลเซียมี
พุทธศาสนิกชนในประเทศยังถือว่ามีจ�านวนน้อยเมื่อเทียบกับชาวมุสลิมซึ่งเป็นศาสนาประจ�าชาติ ลักษณะเปนพหุสังคม มีประชากรที่มีความ
ของอินโดนีเซีย แต่ก็ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีที่พระพุทธศาสนาเริ่มได้รับการยอมรับและมีความ แตกตางทางดานเชื้อชาติ ศาสนา และภาษา
ส�าคัญมากขึ้นในดินแดนแห่งนี้ อาศัยอยูรวมกัน ทําใหมีพุทธศาสนิกชนมาก
๓) พระพุทธศาสนาในประเทศ เปนอันดับสองของประเทศรองจากชาวมุสลิม
มาเลเซี ย ประเทศมาเลเซียเป็นประเทศที่ โดยผทู นี่ บั ถือพระพุทธศาสนาสวนใหญจะเปน
ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามเป็น ชาวจีน ซึง่ อพยพเขามาอยูใ นประเทศมาเลเซีย
ศาสนาประจ�าชาติ แต่ด้วยความที่ประเทศนี้ ตั้งแตสมัยที่ยังเปนอาณานิคมของอังกฤษ
ส่วนหนึ่งก็มีพลเมืองที่มีเชื้อสายจีน ไทย และ นอกจากนั้น ยังมีพุทธศาสนิกชนไทยอีกดวย
พม่า ดังนั้น พระพุทธศาสนาจึงยังมีบทบาท ซึง่ ชาวไทยเหลานีอ้ าศัยอยูใ นประเทศมาเลเซีย
ในหมูช่ าวจีน ไทย และพม่า ซึง่ เป็นพลเมืองของ มาตัง้ แตอดีตสมัยทีม่ าเลเซียยังไมไดสถาปนา
ประเทศมาเลเซีย แม้จะมีอัตราพุทธศาสนิกชน 1 เปนประเทศ)
ในประเทศนีเ้ พียงร้อยละ ๑๙ แต่กถ็ อื เป็นศาสนา พระพุทธรูปปางไสยาสน์ วัดไชยมังคลาราม บนเกาะปีนัง
เป็นทีเ่ คารพสักการะของพุทธศาสนิกชนในประเทศมาเลเซีย
ที่มีความส�าคัญรองจากศาสนาอิสลาม
17
ขอสอบเนน การคิด
บุโรพุทโธที่ตั้งอยูบนเกาะชวา สะทอนขอมูลตามขอใด
NT O-NET นักเรียนควรรู
1. พระพุทธเจาทรงเคยเสด็จมาประทับที่เกาะชวา 1 พระพุทธรูปปางไสยาสน เรียกอีกอยางวา ปางปรินิพพาน เปนปางแสดง
2. ในอดีตพระพุทธศาสนาบนเกาะชวาเคยเจริญรุงเรืองอยางมาก เหตุการณตอนพระพุทธองคประทานปจฉิมโอวาทแกพระอานนทและพระภิกษุ
3. พุทธศาสนิกชนนิยมเดินทางมาสรางพุทธสถานที่ใหญโตบนเกาะชวา ทั้งหลาย แลวเสด็จดับขันธปรินิพพานในคืนวันเพ็ญเดือน 6 เวลาใกลรุง ระหวาง
4. พระสมณทูตจากชมพูทวีปมาเผยแผพระพุทธศาสนาเปนแหงแรกใน ตนสาละคู ณ เมืองกุสินารา ซึ่งลักษณะของพระพุทธรูปปางนี้อยูในพระอิริยาบถ
สุวรรณภูมิ บรรทมตะแคงขวา เมื่อคราวจะปรินิพพานหลับพระเนตร พระเศียรหนุนพระเขนย
พระหัตถซายทอดยาวไปตามพระวรกายเบื้องซาย พระหัตถขวาหงายวางอยูที่
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. บุโรพุทโธตัง้ อยูท เี่ กาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย พื้นขาง พระบาทซายทับพระบาทขวา ลักษณะซอนกัน
เปนศาสนสถานของพระพุทธศาสนานิกายมหายาน สรางขึ้นโดยกษัตริยแหง
ราชวงศไศเลนทร เปนหลักฐานทีแ่ สดงใหเห็นวาเกาะชวาและพืน้ ทีอ่ กี หลายสวน
ของประเทศอินโดนีเซียนั้น พระพุทธศาสนาเคยเจริญรุงเรืองอยางมากในอดีต
ขณะที่ปจจุบันอินโดนีเซียเปนประเทศที่มีประชากรนับถือศาสนาอิสลาม
มากที่สุดในโลก
คูมือครู 17
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูเลาถึงประวัติวัดไทยที่สําคัญในประเทศ
มาเลเซียใหนักเรียนฟง เชน วัดเชตวัน วัดไชย- ในปัจจุบนั พุทธศาสนิกชนในประเทศมาเลเซีย ได้มกี ารรวมตัวกันจัดตัง้ สมาคมทีด่ า� เนิน
มังคลาราม เปนตน หลังจากนั้นใหนักเรียน กิจกรรมทางพระพุทธศาสนาหลายสมาคม เช่น สมาคมผูส้ อนพระพุทธศาสนา เป็นสมาคมทีด่ า� เนิน
ชวยกันอธิบายถึงบทบาทของวัดไทยในประเทศ การจัดพิมพ์หนังสือพระธรรมเทศนาต่างๆ ในฉบับภาษาอังกฤษ และยังจัดท�าหลักสูตรอบรม
มาเลเซีย พรอมยกตัวอยางประกอบการอธิบาย พระสงฆ์ส�าหรับท�าหน้าที่เผยแผ่พระพุทธศาสนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยุวพุทธิกสมาคม
(แนวตอบ วัดไทยในประเทศมาเลเซียมีบทบาท แห่งมาเลเซีย เป็นสมาคมที่ตั้งขึ้นเพื่อเป็นที่พบปะสังสรรค์และจัดกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา
สําคัญ คือ เปนศูนยกลางของการประกอบ ร่วมกันของเหล่าหนุ่มสาวชาวมาเลเซีย สมาคมชาวพุทธแห่งมาเลเซีย ตั้งขึ้นเพื่อเป็นสื่อกลาง
พิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา ใหความรูทาง ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาและท�าหน้าทีส่ าธารณสงเคราะห์เพือ่ ชาวมาเลเซียทีย่ ากไร้ ศูนย์สมาธิ
ธรรมแกพุทธศาสนิกชน สอนวิธีการปฏิบัติ วิปัสสนาแห่งชาวพุทธมาเลเซีย จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นสถานที่ฝึกอบรมสมาธิวิปัสสนากรรมฐานของ
วิปสสนากรรมฐาน การสวดมนต และให พุทธศาสนิกชนชาวมาเลเซีย
ความชวยเหลือดานสังคมสงเคราะห) นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งพุทธสมาคมในมหาวิทยาลัยต่างๆ ของประเทศมาเลเซียด้วย
2. ครูตั้งคําถามใหนักเรียนชวยกันวิเคราะหวา มีการพยายามสร้างวัดใหม่ๆ ขึ้นในประเทศมาเลเซีย ปัจจุบันมีทั้งวัดมหายานและเถรวาทอยู่ใน
• สมาคมพระพุทธศาสนาในประเทศมาเลเซีย ประเทศมาเลเซียราว ๘๐ วัด เป็นศูนย์รวมชาวพุทธ ทั้งจีน ไทย และพม่า โดยมีวัดไทย
มีบทบาทชวยสงเสริมความเจริญรุงเรืองของ ที่ส�าคัญอยู่หลายวัด เช่น วัดเชตวัน วัดไชยมังคลาราม เป็นต้น
พระพุทธศาสนาอยางไร นอกจากนี้ ชาวพุทธในมาเลเซียยังคงมีการรวมตัวกันท�ากิจกรรมทางพระพุทธศาสนา
(แนวตอบ สมาคมผูสอนพระพุทธศาสนามี อย่างสม�า่ เสมอ ตัวอย่างเช่น เมือ่ วันที่ ๑๖ มิถนุ ายน พ.ศ. ๒๕๕๑ สมาคมสงฆ์แห่งพุทธศาสนิกชน
บทบาทในการจัดพิมพพระธรรมเทศนาตางๆ มาเลเซีย ได้จัดกิจกรรม “มหาสังฆทาน” ที่วัดถานเซียง ประเทศมาเลเซีย โดยคณะภิกษุ และ
ตลอดจนจัดทําหลักสูตรอบรมพระสงฆสําหรับ ภิกษุณีของวัดถานเซียง พร้อมด้วยกลุ่มฆราวาสที่ร่วมกันจัดงานนี้ขึ้น โดยในปัจจุบันมีการนับถือ
เผยแผพระพุทธศาสนา ยุวพุทธิกสมาคมแหง พระพุทธศาสนานิกายที่ส�าคัญ ๒ นิกาย คือ มหายานและเถรวาท ซึ่งทั้ง ๒ นิกายก็มีการสร้างวัด
มาเลเซีย เปนศูนยกลางในการพบปะสังสรรค ประจ�าแต่ละนิกายขึ้นหลายแห่ง ซึ่งมีทั้งที่เป็นวัดของชาวมาเลเซีย และวัดของชาวต่างประเทศ
และจัดกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา สมาคม เช่นวัดไทย ซึ่งทั้งหมดเป็นวัดในมหานิกายกว่า ๗๙ วัด ซึ่งตั้งกระจายไปตามรัฐต่างๆ ได้แก่
ชาวพุทธแหงมาเลเซีย เปนสื่อกลางในการ รัฐเคดะห์ รัฐเประ รัฐปะริส และรัฐตรังกานู นอกจากนี้ยังมีวัดพม่า วัดศรีลังกา และวัดที่ชาวจีน
เผยแผพระพุทธศาสนาและทําหนาที่สาธารณ- ตั้งขึ้นอีกจ�านวนหนึ่ง โดยวัดเหล่านี้มีหน้าที่ส�าคัญคือ อบรมสั่งสอนพุทธศาสนิกชน สอนวิปัสสนา
สงเคราะหชาวมาเลเซียที่ยากไร ศูนยสมาธิ กรรมฐาน การสวดมนต์ รวมทั้งการจัดตั้งโรงเรียนสอนพระพุทธศาสนาวันเสาร์ อาทิตย์ และ
วิปส สนาแหงชาวพุทธมาเลเซีย เปนสถานที่ ให้ความช่วยเหลือทางด้านสังคมสงเคราะห์อีกด้วย
ฝกอบรมสมาธิวิปสสนากรรมฐานของ ๔) พระพุทธศาสนาในประเทศสิงคโปร์ ประเทศสิงคโปร์ถือเป็นประเทศที่มีความ
พุทธศาสนิกชนชาวมาเลเซีย) หลากหลายทางด้านเชื้อชาติและศาสนา โดยประชากรของสิงคโปร์จะนับถือศาสนาหลักๆ ได้แก่
พระพุทธศาสนา ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ และศาสนาฮินดู โดยมีอัตราส่วนของประชากร
ที่นับถือพระพุทธศาสนาของทั้งประเทศประมาณร้อยละ ๔๒ ของจ�านวนประชากรทั้งหมด
ซึง่ ส่วนใหญ่ของพุทธศาสนิกชนชาวสิงคโปร์เป็นชาวจีน คือ ประมาณร้อยละ ๙๐ ของพุทธศาสนิกชน
ทั่วประเทศ ส�าหรับนิกายที่มีผู้นับถือมากที่สุด ได้แก่ พระพุทธศาสนานิกายมหายาน
18
ขอสอบเนน การคิด
บูรณาการอาเซียน แนว NT O-NE T
พระพุทธศาสนานิกายใดเจริญรุงเรืองในอาณาจักรศรีวิชัยมากอน
ครูอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนเขาใจวา ไทยยกรัฐไทรบุรี กลันตัน ตรังกานู
1. นิกายชินโต
และปะลิสใหแกองั กฤษ ในสมัยรัชกาลที่ 5 แหงกรุงรัตนโกสินทร เพือ่ แลกกับการไดรบั
2. นิกายเถรวาท
สิทธิสภาพนอกอาณาเขตกลับคืนมา โดยรัฐไทรบุรหี รือรัฐเคดะหในปจจุบนั รวมถึง
3. นิกายมหายาน
รัฐอื่นๆ ทางตอนเหนือของประเทศมาเลเซีย ยังมีคนไทยจํานวนหนึ่งอาศัยอยู
4. นิกายสยามวงศ
ซึ่งคนไทยเหลานี้ยังคงยึดมั่นในวัฒนธรรมไทยอยางเหนียวแนน สามารถพูด
ภาษาไทยได และนับถือพระพุทธศาสนา มีการสรางวัดไทยหลายแหง ซึ่งเปน วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. พระพุทธศาสนานิกายมหายานเจริญรุงเรือง
วัดในพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท เชน วัดพิกุลทองวราราม วัดใหมสุวรรณคีรี ในอาณาจักรศรีวิชัย หลักฐานสําคัญที่แสดงวาพระพุทธศาสนานิกายมหายาน
วัดชลประชุมธาตุชนาราม เปนตน ทั้งนี้รัฐบาลมาเลเซียก็ใหเสรีภาพในการนับถือ เจริญรุงเรืองในอาณาจักรศรีวิชัย คือ รูปพระโพธิสัตว ซึ่งสรางขึ้นตาม
ศาสนาและการประกอบศาสนกิจแกชาวมาเลเซียเชื้อสายไทยเปนอยางดี คติความเชื่อของพระพุทธศาสนานิกายมหายาน
18 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
ครูใหนักเรียนนําขอมูลที่ไดจากการศึกษา
ปัจจุบันพระพุทธศาสนาในประเทศสิงคโปร์ได้รับความสนใจจากพุทธศาสนิกชน คนควาเกี่ยวกับสถานการณการนับถือศาสนา
ในการเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้น อีกทั้งยังร่วมในสมาคมต่างๆ ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อ ของประเทศสิงคโปรในปจจุบันมาอภิปรายรวมกัน
จุดมุ่งหมายในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา เช่น แลวตั้งคําถามใหนักเรียนชวยกันตอบ ดังนี้
สหพันธ์พุทธศาสนิกชนชาวสิงคโปร์ สหภาพ • ปจจุบันประชากรสิงคโปรที่นับถือ
พุทธศาสนิกชน สถาบันสตรีชาวพุทธสิงคโปร์ พระพุทธศาสนามีประมาณเทาใด
สมาคมพุ ท ธศาสนาแห่ ง สิ ง คโปร์ องค์ ก าร (แนวตอบ ปจจุบันชาวสิงคโปรที่นับถือ
ยุวพุทธแห่งสิงคโปร์ และองค์การพุทธยานแห่ง พระพุทธศาสนามีประมาณรอยละ 42)
สิงคโปร์ เป็นต้น โดยสมาคมทางพระพุทธ • ประชากรในประเทศสิงคโปรสวนใหญนับถือ
ศาสนาเหล่านี้มีการด�าเนินกิจกรรมที่คล้ายกัน พระพุทธศาสนานิกายใด
เช่น การแสดงพระธรรมเทศนา แสดงปาฐกถา (แนวตอบ พระพุทธศาสนานิกายมหายาน)
หรืออภิปรายธรรมโดยพระสงฆ์ หรือฆราวาส • ประเทศสิงคโปรมีวิธีการเผยแผพระพุทธ-
ผู ้ ท รงคุ ณ วุ ฒิ และการจั ด ให้ มี พิ ธี ก รรมทาง ศาสนาที่แตกตางจากประเทศอื่นๆ
ศาสนาในโอกาสส�าคัญต่างๆ มีการแปลคัมภีร์ ที่นักเรียนเคยศึกษามาอยางไร
และเอกสารทางพระพุทธศาสนาออกเป็นภาษา วัดศากยมุนคี ยา ประเทศสิงคโปร์ เป็นศาสนสถานสำาคัญทาง (แนวตอบ ปจจุบันการเผยแผพระพุทธศาสนา
ต่างๆ พระพุทธศาสนานิกายเถรวาท ทีเ่ ป็นศูนย์รวมความศรัทธา ในสิงคโปรไดมีการนําเทคโนโลยีเขามาเปน
พุทธศาสนิกชนชาวสิงคโปร์ยังได้ ของชาวสิงคโปร์ สื่อกลาง เชน ริเริ่มผลิตหนังสือ electronic
รวมตัวกันเพือ่ จัดตัง้ พุทธสมาคมแห่งสิงคโปร์ซงึ่ ปัจจุบนั มีกว่า ๑,๘๐๐ แห่งทัว่ ประเทศ โดยนอกจาก หรือ e-book สําหรับเผยแผหลักธรรม
เป็นสมาคมทีม่ จี ดุ ประสงค์เพือ่ เผยแผ่และด�าเนินกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาแล้ว ชาวพุทธเหล่านี้ คําสอนในอินเทอรเน็ต โดยจัดทําเปน 3
ยังได้ด�าเนินกิจการสาธารณกุศล เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ยากไร้ ซึ่งถือเป็นการด�าเนินตาม ภาษา ไดแก ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และ
หลักธรรมค�าสอนของพระพุทธศาสนาในเรื่องของความเมตตากรุณาต่อเพื่อนมนุษย์ ซึ่งชาวพุทธ ภาษาสิงหล)
ที่ดีพึงกระท�าต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน โดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติและศาสนา นอกจากนี้ ในปัจจุบัน
การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในประเทศสิงคโปร์ยงั ได้มกี ารน�าเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาเป็นสือ่ กลาง
ดังเห็นได้จากการด�าเนินงานของศูนย์ปฏิบัติพุทธสมาธิแห่งประเทศสิงคโปร์ ที่ริเริ่มผลิตหนังสือ
electronic หรือ e‑books ออกมาชุดหนึ่งส�าหรับเผยแผ่หลักธรรมค�าสอนในอินเทอร์เน็ต เช่น
เรื่อง “ขุมทรัพย์แห่งความจริง พระธรรมบทมีภาพประกอบ” (Treasury of Truth : Illustrated
Dhammapada) โดยจัดท�าเป็น ๓ ภาษา ได้แก่ ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และภาษาสิงหล หรือ
หนังสือ electronic ที่ว่าด้วยเรื่อง “ธรรมชาติของชีวิตและความตาย” (The Nature of Life and
Death) และเรื่อง “มงคลสูงสุด” (Maha Mangala Sutta)
ปัจจุบันประเทศสิงคโปร์มีวัดทางพระพุทธศาสนาอยู่ประมาณ ๑๑๒ วัด ส่วนใหญ่เป็น
วัดของฝ่ายมหายาน ในจ�านวนนี้มีวัดไทยอยู 1 ่ประมาณ ๒๐ วัด วัดไทยที่ส�าคัญมี ๒ วัด คือ
วัดอานันทเมตยาราม และวัดป่าเลไลยก์ เป็นศูนย์รวมใจของพุทธศาสนิกชนชาวไทยในสิงคโปร์
19
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
เพราะเหตุใด พระพุทธศาสนาที่แพรหลายในสิงคโปรสวนใหญจึงเปน
1 วัดปาเลไลยก ชื่อของวัดมาจากพระพุทธรูปปางหนึ่ง มีพุทธลักษณะเปน
นิกายมหายาน
พระพุทธรูปนั่ง พระหัตถซายวางควํ่าบนพระชานุเบื้องซาย พระหัตถขวาวางแบ
แนวตอบ สาเหตุที่ทําใหพระพุทธศาสนานิกายมหายานแพรหลายอยูใน บนพระชานุเบื้องขวา มีชางหมอบถวายกระบอกนํ้า และลิงนั่งถวายรวงผึ้ง
ประเทศสิงคโปรนั้น เนื่องจากประชากรสวนใหญของสิงคโปรเปนชาวจีน มูลเหตุการสรางพระพุทธรูปปางปาเลไลยหรือปาลิไลย เนื่องจากพระภิกษุในกรุง
พระพุทธศาสนานิกายมหายานจึงเจริญรุงเรืองอยางมาก ซึ่งชาวจีนใน โกสัมพีทะเลาะวิวาทกันขนานใหญ แมสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธจะเสด็จไปหามปราม
สิงคโปรจะนับถือพระพุทธศาสนานิกายมหายานควบคูไปกับการนับถือลัทธิ แตก็ไมมีใครสนใจ พระองคทรงอิดหนาระอาพระทัย จึงเสด็จหลีกไปประทับ
ขงจื๊อและลัทธิเตา อยูใ นปาปาริเลยยกะ โดยมีพญาชางปาริเลยยกะคอยปรนนิบตั ิ เมือ่ ลิงเห็นก็นาํ รวงผึง้
มาถวายบาง หลังออกพรรษา พระอานนทไดมากราบทูลอาราธนาใหพระองค
เสด็จกลับพระเชตวันมหาวิหาร ซึ่งเมื่อพระพุทธเจาเสด็จกลับแลว เหลาพระภิกษุ
ที่เปนตนเหตุของเรื่อง ก็ไดเดินทางมาเฝาเพื่อขอขมาตอพระพุทธองค
คูมือครู 19
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนนําขอมูลที่ไดจากการศึกษา
คนควาเกี่ยวกับสถานการณการนับถือพระพุทธ- ๕) พระพุทธศาสนาในประเทศลาว ปัจจุบันหลังจากประเทศลาวเริ่มเข้าสู่ภาวะ
ศาสนาในประเทศลาวปจจุบนั มาอภิปรายรวมกัน สงบสุขจากปัญหาการเมืองภายในประเทศ จึงเริ่มมีการพยายามฟื้นฟูพระพุทธศาสนาขึ้นอีกครั้ง
2. ครูใหนักเรียนดูภาพการตักบาตรขาวเหนียว หลังจากซบเซาลงเนือ่ งจากปัญหาภายในประเทศ
ในหนังสือเรียนหนา 20 และเปรียบเทียบการ โดยส่วนหนึ่งได้รับความร่วมมือจากพระสงฆ์
ครองจีวรของพระสงฆ ตลอดจนลักษณะของ และพุทธศาสนิกชนชาวไทย ที่ได้เข้าไปช่วยให้
ประเพณีการตักบาตรระหวางประเทศลาวกับ พระพุทธศาสนาในประเทศลาวกลับมารุ่งเรือง
ประเทศไทย อีกครั้ง เพราะอย่างไรก็ตามประเทศลาวก็ได้
3. ครูใหนักเรียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการ ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีประชากรส่วนใหญ่นับถือ
จัดการเรียนการสอนของสถาบันการศึกษา พระพุทธศาสนากว่าร้อยละ ๙๐ ของประชากร
พระพุทธศาสนาในลาววา การจัดใหมีวิชาการ ทั้งหมดในประเทศ
สมัยใหมควบคูไปกับพระปริยัติธรรมมีความ สถานการณ์ พ ระพุ ท ธศาสนาใน
จําเปนตอการพัฒนาศาสนาอยางไร ประเทศลาวปัจจุบัน ก็ยังคงเป็นศูนย์รวมความ
(แนวตอบ ครูเปดโอกาสใหนกั เรียนแสดงความคิดเห็น ศรัทธาของประชาชน ทั้งยังมีบทบาทในการ
ไดอยางหลากหลาย เชน การศึกษาวิชาการ ให้ความช่วยเหลือประชาชนในด้านต่างๆ โดย
พระพุ ท ธศาสนาเป็ น ศู น ย์ ร วมความศรั ท ธาของคนลาว
สมัยใหมนับเปนการศึกษาความรูทางโลก (จากภาพ) สตรีชาวลาวในหลวงพระบางกำาลังตักบาตร พระสงฆ์ก็ยังคงเป็นที่พึ่งของชุมชน คอยให้
ซึ่งจะทําใหพระสงฆสามารถนําไปประยุกต ข้าวเหนียว
ค�าปรึกษา ช่วยเหลือในสิง่ ต่างๆ จนกล่าวได้วา่
เขากับความรูทางธรรมเพื่อเทศนาใหแก วัดในประเทศลาวถือเป็นศูนย์กลางทางจิตวิญญาณของประชาชนชาวลาว และเป็นศูนย์กลางในการ
พุทธศาสนิกชนไดอยางเทาทันโลก เปนตน) จัดกิจกรรมของชุมชน นอกจากนี้ ประเพณีพิธีกรรมที่ส�า1คัญของประเทศส่วนใหญ่ก็มีที่มาจาก
4. ครูสุมถามนักเรียนวา โดยสรุปสถานการณของ พระพุทธศาสนา ดังเช่น ประเพณีงานท�าบุญพระธาตุหลวง ซึ่งปัจจุบันถือเป็นประเพณีที่ส�าคัญ
พระพุทธศาสนาในประเทศลาวปจจุบันเปน ประจ�าชาติของลาว
อยางไร ส�าหรับการศึกษาของพระสงฆ์ ซึง่ เป็นศาสนทายาทส�าคัญทีจ่ ะสืบทอดพระพุทธศาสนา
(แนวตอบ พระพุทธศาสนาในประเทศลาวปจจุบัน ก็ได้มกี ารจัดตัง้ สถาบันการศึกษาพระพุทธศาสนา หรือวิทยาลัยสงฆ์ โดยปัจจุบนั ตัง้ อยูท่ วี่ ดั องค์ตอื้
ไดรับการฟนฟูและมีความเจริญรุงเรือง มหาวิหาร นครหลวงเวียงจันทน์ ซึ่งพระสงฆ์ที่ศึกษาจบแล้วจะได้รับประกาศนียบัตรจากกระทรวง
อีกครั้งหนึ่ง ชาวลาวกวารอยละ 90 นับถือ ศึกษาธิการของประเทศ และมีสทิ ธิได้รบั การขนานนามว่า “มหา”
พระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาเปนศูนยรวม ส�าหรับหลักสูตรการเรียนการสอนในสถาบันแห่งนี้ได้จัดให้มีการเรียนการสอนทั้ง
จิตใจของชาวลาว พระสงฆเปนที่พึ่งของชุมชน พระปริยัติธรรม และวิชาการสมัยใหม่ เช่น ภาษาบาลี ภาษาสันสกฤต ภาษาลาว ภาษาอังกฤษ
วัดก็เปนศูนยกลางทางดานจิตวิญญาณของ ศาสนา ปรัชญา จิตวิทยา ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ สังคมวิทยา
ประชาชนและเปนศูนยกลางของชุมชนในการ การศึกษา สุขาภิบาล ตลอดจนโหราศาสตร์ เป็นต้น นอกจากนั้นพระสงฆ์ที่ศึกษาจบแล้วจะต้อง
2
จัดกิจกรรมตางๆ ประเพณีพิธีกรรมสําคัญๆ อยู่ปฏิบัติงานในสมณเพศอย่างน้อย ๒ ปีจึงจะสามารถลาสิกขาได้
สวนใหญก็มีที่มาจากพระพุทธศาสนา)
20
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
สถาบันใดที่เปนหลักการในการสงเสริมพระพุทธศาสนาใหเจริญรุงเรืองใน
1 พระธาตุหลวง หรือพระเจดียโลกะจุฬามณี นับเปนศาสนสถานสําคัญของ
ประเทศเพื่อนบาน
นครหลวงเวียงจันทน ตามตํานานอุรังคนิทานไดกลาวไววา พระธาตุหลวงสรางขึ้น
1. องคกรเอกชน
คราวเดียวกับการสรางเมืองนครเวียงจันทน ผูสรางคือ บุรีจันอวยลวย
2. สถาบันการเมือง
หรือพระเจาจันทบุรีประสิทธิศักดิ์ เจาเหนือหัวผูครองนครเวียงจันทนพระองคแรก
3. สถาบันครอบครัว
พรอมกับพระอรหันต 5 องค เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุสวนหัวเหนา
4. สถาบันพระมหากษัตริย
27 พระองค ซึ่งไดอัญเชิญมาจากเมืองราชคฤห ประเทศอินเดีย
2 สมณเพศ ชาวพุทธนิยมเรียกบุคคลที่เขามาบวชในพระพุทธศาสนาวาถือ วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. พระมหากษัตริยเปนที่เคารพศรัทธาของ
“สมณเพศ” หรือ “เพศบรรพชิต” คือ การดํารงชีพเปนนักบวช ซึ่งผูบวชเปน ประชาชน รวมทั้งเปนแบบอยางของประชาชนในทุกๆ ดาน พระพุทธศาสนา
พระภิกษุจะถือศีล 227 ขอ สามเณร 10 ขอ และภิกษุณี 311 ขอ เจริญรุงเรืองในประเทศตางๆ ก็ดวยการอุปถัมภของพระมหากษัตริย
20 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนกั เรียนนําขอมูลทีไ่ ดจากการศึกษาคนควา
นอกจากจะมีการเรียนการสอนตามหลักสูตรแล้ว สถาบันยังได้จัดให้มีกิจกรรมเพื่อ เกีย่ วกับสถานการณการนับถือพระพุทธศาสนา
ท�านุบ�ารุงพระพุทธศาสนาอีกหลายประการ เช่น การบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน การอบรม ในประเทศกัมพูชาปจจุบันมาอภิปรายรวมกัน
พระวิปัสสนาจารย์ การอบรมพระธรรมกถึก การศึกษาภาษาบาลี การจัดพิมพ์วารสารเพื่อเผยแผ่ แลวตั้งคําถามใหนักเรียนชวยกันตอบ ดังนี้
พระพุทธศาสนา เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีวิทยาลัยสงฆ์อีกแห่งตั้งอยู่ที่แขวงจ�าปาศักดิ์ ซึ่งด�าเนิน • หลังจากสงครามกลางเมืองในกัมพูชาสงบลง
การเรียนการสอนคล้ายกันกับทีน่ ครหลวงเวียงจันทน์ และยังมีการจัดส่งพระสงฆ์ลาวเข้ามาศึกษา รัฐบาลมีวธิ กี ารฟน ฟูพระพุทธศาสนาอยางไร
พระพุท1ธศาสนาในมหาวิทยาลัยสงฆ์ของประเทศไทย (แนวตอบ รัฐบาลเริ่มตนบูรณปฏิสังขรณวัดวา
2 คือ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช อารามตางๆ จัดตั้งองคกรทางพระพุทธ-
วิทยาลัย และมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยของไทย รวมทั้งวิทยาเขตตามภูมิภาคต่างๆ
มีพระสงฆ์ลาวเข้ามาศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี และปริญญาโทจ�านวนมาก ส่วนใหญ่พระสงฆ์ ศาสนา และสงเสริมใหมีการจัดกิจกรรมทาง
เหล่านีถ้ อื เป็นก�าลังส�าคัญทีจ่ ะกลับไปพัฒนาพระพุทธศาสนาในประเทศลาวให้เจริญยิง่ ขึน้ ในอนาคต พระพุทธศาสนาอยางสมํ่าเสมอ)
กล่าวได้ว่าพระพุทธศาสนาในประเทศลาวปัจจุบันมีความเจริญรุ่งเรืองและมั่นคงขึ้น • นักเรียนสามารถนํากิจกรรมทางพระพุทธ-
เนื่องจากชาวลาวมีความเคารพและศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาอย่างเหนียวแน่น โดยประชาชน ศาสนาในกัมพูชามาประยุกตใชในการจัด
นิยมท�าบุญตักบาตรในตอนเช้า ในวันส�าคัญทางพระพุทธศาสนาและทางราชการก็ก�าหนดให้เป็น กิจกรรมในโรงเรียนไดอยางไร
วันหยุดราชการ ตลอดจนการอุปสมบทก็ยังคงเป็นธรรมเนียมที่ผู้ชายของลาวในวัยครบเกณฑ์ (แนวตอบ เชน รวมกลุมกันจัดชมรมบําเพ็ญ
จะต้องเข้าบวชเรียนในพระพุทธศาสนา รวมทัง้ มีการสร้างวัดลาวขึน้ ในต่างประเทศหลายแห่ง เช่น ประโยชนใหแกสังคม นิมนตพระมาบรรยาย
ที่สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส และออสเตรเลีย เป็นต้น ธรรมทุกวันพระ เปนตน)
2. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 1.2 จากแบบวัดฯ
๖) พระพุทธศาสนาในประเทศกัม พูช า พระพุทธศาสนาในประเทศกัมพูชา
พระพุทธศาสนา ม.2
กล่าวได้ว่าเป็นประเทศหนึ่งที่ค่อนข้างได้รับผลกระทบจากปัญหาความขัดแย้งภายในประเทศ
ท�าให้พระพุทธศาสนาของกัมพูชาเกิดสภาวะ ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ
ชะงักงันไปเป็นเวลานาน จนกระทัง่ หลังสงคราม พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 1.2
หนวยที่ 1 ประวัติและความสําคัญของพระพุทธศาสนา
กลางเมืองใน พ.ศ. ๒๕๓๔ พระพุทธศาสนาก็ คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
กิจกรรมที่ ๑.๒ ใหนกั เรียนอธิบายการเผยแผพระพุทธศาสนาเขาสูป ระเทศ
เริ่มได้รับการฟื้นฟูอีกครั้งในฐานะที่เป็นศาสนา เพื่อนบาน โดยเลือก ๑ ประเทศ แลวเขียนลงในชองวาง
ñð
ที่กําหนด (ส ๑.๑ ม.๒/๑)
ประจ�าชาติที่มีประชากรกว่าร้อยละ ๙๕ นับถือ
ลาว
การเผยแผพระพุทธศาสนาเขาสูประเทศ……………………………………………..
พระพุทธศาสนา โดยรัฐบาลกัมพูชามีการส่งเสริม ๑. ประวัติการเผยแผพระพุทธศาสนาเขาสูประเทศ
พระพุ ทธศาสนาเผยแผเขาสูลาวในรัชกาลพระเจาฟางุมแหงอาณาจักรลานชาง โดยพระมเหสี
ให้ชาวกัมพูชาเข้ารับการอุปสมบท การสนับสนุน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ของพระองค คือ พระนางแกวยอดฟาไดกราบทูลใหพระเจาฟางุมแตงคณะทูตอาราธนาพระสงฆ
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
จากพระเจ าศรีจลุ ราชแหงกัมพูชา ซึง่ พระองคโปรดใหพระสงฆเดินทางไปเผยแผศาสนาทีล่ า นชาง
ให้พธิ กี รรมของทางราชการทีจ่ ะต้องมีพระสงฆ์
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ทั………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ง้ ยังพระราชทานพระบางพรอมดวยพระไตรปฎกและหนอพระศรีมหาโพธิใหแกพระเจาฟางุม ดวย
ในรั ชกาลพระเจาไชยเชษฐาธิราช พระพุทธศาสนาเจริญรุงเรืองถึงขีดสุด ทรงทํานุบํารุง
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๒. การเผยแผพระพุทธศาสนาในปจจุบัน
ป………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
จจุบนั พระพุทธศาสนายังคงเปนศูนยรวมความศรัทธาของประชาชนลาว ทัง้ ยังมีบทบาทในการ
จากภัยสงคราม เพื่อให้สามารถใช้ประกอบ ประเทศกัมพูชาได้รับการส่งเสริมฟืนฟูมากขึ้น (จากภาพ) ช………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
วยเหลือประชาชนในดานตางๆ สําหรับการศึกษาของพระสงฆ ไดมกี ารจัดตัง้ สถาบันการศึกษา
พระสงฆ์กาำ ลังบิณฑบาตที่ถนนสายหนึ่งในประเทศกัมพูชา พระพุ ทธศาสนาหรือวิทยาลัยสงฆ โดยปจจุบันตั้งอยูที่วัดองคตื้อมหาวิหาร นครเวียงจันทน
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ศาสนกิจได้ดังเดิม นอกจากจะมี
พระพุ ท
การเรียนการสอนตามหลักสูตรแลว สถาบันยังไดจัดใหมีกิจกรรมเพื่อทํานุบํารุง
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ธศาสนา เชน การบรรพชาสามเณรภาคฤดูรอ น การอบรมพระวิปส สนาจารย การศึกษา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ภาษาบาลี เปนตน และยังมีการสงพระสงฆลาวมาศึกษาพระพุทธศาสนาในมหาวิทยาลัยสงฆ
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
หลังสงครามกลางเมืองสิ้นสุดลง รัฐบาลกัมพูชาไดดําเนินการฟนฟู
1 มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตัง้ อยูใ นวัดมหาธาตุยวุ ราชรังสฤษฎิ์
พระพุทธศาสนาดวยวิธีการใด
ราชวรมหาวิหาร เปนสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาของพระสงฆฝา ยมหานิกาย
แนวตอบ รัฐบาลกัมพูชาดําเนินการฟนฟูพระพุทธศาสนาดวยการสงเสริม ซึง่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูห วั โปรดเกลาฯ ใหสมเด็จพระมหาสมณเจา
ใหชาวกัมพูชาเขารับการอุปสมบท สนับสนุนใหมีพระสงฆเขารวมพิธีกรรม กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ปรับปรุงโรงเรียนสอนภาษาบาลีชื่อ มหาธาตุวิทยาลัย
ของทางราชการ กําหนดใหวันสําคัญทางพระพุทธศาสนาเปนวันหยุดราชการ ขึ้นเปนมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
บูรณปฏิสังขรณศาสนสถานใหดีเพื่อใชประกอบศาสนกิจ สงเสริมการศึกษา 2 มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ตั้งอยูภายในวัดบวรนิเวศวิหาร
พระปริยัติธรรมแกพระภิกษุสามเณร จัดตั้งสถาบันการศึกษาสําหรับพระภิกษุ เปนสถาบันการศึกษาของสงฆแหงแรกของประเทศไทยที่จัดการศึกษาในรูปแบบ
สามเณร ตลอดจนสงเสริมกิจกรรมตางๆ ทางพระพุทธศาสนา มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนา และเปนสถาบันการศึกษาแหงแรกที่เริ่มประยุกต
หลักพระพุทธศาสนาใหเขากับสังคมสมัยใหม ถือเปนมหาวิทยาลัยสงฆฝาย
ธรรมยุติกนิกาย กอตั้งขึ้นโดยสมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกลาเจาอยูหัว
คูมือครู 21
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
ครูใหนักเรียนนําขอมูลที่ไดจากการศึกษา
คนควาเกี่ยวกับสถานการณการนับถือพระพุทธ- ในด้านการศึกษา มีการจัดตั้งโรงเรียนหรือองค์กรทางพระพุทธศาสนาที่สอนเฉพาะ
ศาสนาในประเทศเวียดนามปจจุบนั มาอภิปรายรวมกัน พระธรรมวินยั แก่พระภิกษุสามเณร ซึง่ มีอยูท่ วั่ ประเทศ เช่น การฟืน้ ฟูมหาวิทยาลัยสงฆ์พทุ ธศาสนา
แลวตั้งคําถามใหนักเรียนชวยกันตอบ ดังนี้ พระสีหนุราช ให้เป็นศูนย์ศึกษาพระธรรมวินัย การจัดตั้งสถาบันพระพุทธศาสนา วัฒนธรรม
• หลังจากสงครามอินโดจีนสิ้นสุดลง รัฐบาล วรรณคดี ส�าหรับพระภิกษุและประชาชนทัว่ ไปได้เข้าไปศึกษาค้นคว้า การตัง้ สมาคมชาวพุทธเขมร
เวียดนามฟนฟูพระพุทธศาสนาอยางไร และสมาคมเพื่ อ การพั ฒ นาและธ� า รงรั ก ษา
(แนวตอบ รัฐบาลเริ่มตนบูรณปฏิสังขรณวัดวา พระพุทธศาสนา เป็นต้น
อารามตางๆ กําหนดหลักสูตรพระพุทธ- ส่ ว นกิ จ กรรมในด้ า นต่ า งๆ ทาง
ศาสนาใหอยูในหลักสูตรการเรียนการสอน พระพุทธศาสนาในประเทศกัมพูชาก็ได้มีการ
ของประเทศ จัดตั้งชุมชนชาวพุทธแหง ส่งเสริมให้มีขึ้น ดังเช่น การจัดกิจกรรมทาง
เวียดนาม และมีการแปลพระไตรปฎกเปน พระพุทธศาสนาเพือ่ สัน1ติภาพในกัมพูชา โดยจัด
ภาษาเวียดนาม รวมถึงสนับสนุนการอบรม ในรูปแบบธรรมยาตรา ที่เดินไปตามเส้นทาง
เผยแผธรรมะ ตลอดจนสนับสนุนใหมีการ ที่ได้รับความเสียหายจากสงครามในประเทศ
แลกเปลี่ยนสมณทูตกับประเทศใกลเคียง กัมพูชา ซึง่ กิจกรรมนีม้ กี ารจัดขึน้ เป็นครัง้ แรกใน
เชน ประเทศไทย เมียนมา กัมพูชา จีน พ.ศ. ๒๕๓๕ มาจนถึงปัจจุบัน การด�าเนินงาน
เปนตน) รัฐบาลกัมพูชาได้สนับสนุนให้พทุ ธศาสนิกชนเข้ามาบรรพชา มีการเทศนาสัง่ สอนหลักธรรมทางศาสนาให้แก่
อุปสมบท เพือ่ สืบทอดและธำารงรักษาพระพุทธศาสนา พุท ธศาสนิก ชนไปตลอดทั้ง เส้น ทางที่ ข บวน
• นักเรียนคิดวา การกําหนดใหมีหลักสูตร
พระพุทธศาสนาในหลักสูตรการเรียนการ ธรรมยาตราผ่าน พร้อมทั้งสอนศีล ๕ ให้แก่เด็ก มีการสวดมนต์และปลูกต้นไม้เพื่อสร้างจิตส�านึก
สอนของประเทศเวียดนามมีประโยชน ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ตลอดจนส่งเสริมให้มีความรักความเมตตาแก่ผู้ป่วยโรคเอดส์ นับเป็น
อยางไร กิจกรรมดีๆ ทีช่ าวกัมพูชาริเริม่ ขึน้ เพือ่ จรรโลงพระพุทธศาสนาและสร้างสรรค์สงิ่ ดีๆ ให้กบั ประชาชน
(แนวตอบ เปนการสรางความเขาใจเกี่ยวกับ ชาวกัมพูชา ปัจจุบันรัฐบาลกัมพูชาได้สนับสนุนให้ชาวพุทธเข้ามาบรรพชาอุปสมบท และส่งเสริม
หลักธรรมคําสอนทางพระพุทธศาสนาใหกับ การศึกษาพระปริยัติธรรมแก่พระภิกษุสามเณรให้ได้รับการศึกษา เพื่อให้พระพุทธศาสนากลับมา
ผูเรียนทุกศาสนา อีกทั้งปลูกฝงใหผูเรียนมี เจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง ปัจจุบันประชาชนกัมพูช2าร้อยละ ๙๕ นับถือ3พระพุทธศาสนา และคณะสงฆ์
คุณธรรมและศีลธรรมในการดําเนินชีวิต) แห่งกัมพูชาแบ่งเป็น ๒ นิกาย คือ มหานิกาย และธรรมยุติกนิกาย มีสมเด็จพระสังฆราชนิกายละ
๑ พระองค์
๗) พระพุทธศาสนาในประเทศเวียดนาม หลังจากสงครามอินโดจีนสิ้นสุดลงใน
พ.ศ. ๒๕๓๐ พระพุทธศาสนาในประเทศเวียดนามได้เริ่มฟื้นตัวอีกครั้ง รัฐบาลของเวียดนาม
ได้ให้สิทธิเสรีภาพแก่ประชาชนในการนับถือศาสนามากขึ้น มีการบูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม
ที่เสียหายจากภัยสงคราม ซึ่งถือเป็นสัญญาณแห่งการเริ่มต้นฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในประเทศ
เวียดนามอีกครัง้ หนึง่ โดยรัฐบาลเวียดนามได้ให้การสนับสนุนการอบรมเผยแผ่ธรรมะ มีการก�าหนด
หลักสูตรพระพุทธศาสนาให้อยู่ในหลักสูตรการเรียนการสอนของประเทศ รวมทั้งการสนับสนุนให้
มีการแลกเปลี่ยนสมณทูตกับประเทศใกล้เคียง เช่น ไทย เมียนมา กัมพูชา และจีน เป็นต้น
22
กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
1 ธรรมยาตรา คือ การเดินอยางสงบ โดยกําหนดรูจิตทุกขณะ เพื่อมีพลังสติ ครูมอบหมายใหนักเรียนไปศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ
สมาธิในการเผชิญอุปสรรคภายใตอานุภาพแหงธรรม ซึ่งการปฏิบัติธรรมยาตรา ของพระพุทธศาสนาในประเทศเพื่อนบานที่สนใจ 1 ประเทศ จากนั้นเขียน
ถือกําเนิดขึ้นครั้งแรกในประเทศกัมพูชา โดยมีจุดมุงหมายเพื่อนําสันติภาพและ สรุปใสกระดาษ A4 พรอมใสรปู ภาพประกอบใหสวยงาม แลวนําสงครูผสู อน
ความสมานฉันทคืนสูประเทศกัมพูชา หลังการเกิดสงคราม
2 มหานิกาย เปนคําเรียกนิกายหรือคณะของพระสงฆไทยสายเถรวาทลัทธิ
ลังกาวงศ ถือเปนพระสงฆกลุมใหญดั้งเดิมในประเทศไทยที่ไมใชพระสงฆ
ธรรมยุติกนิกาย
กิจกรรมทาทาย
3 ธรรมยุติกนิกาย เปนคําเรียกของนิกายหรือคณะสงฆไทยสายธรรมยุต
ซึ่งไดรับการสถาปนาขึ้นโดยเจาฟามงกุฎ (รัชกาลที่ 4) ในรัชสมัยของ ครูมอบหมายใหนักเรียนไปศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายของ
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่ 3 แหงกรุงรัตนโกสินทร รัฐบาลและกิจกรรมของภาคประชาชนหรือพุทธสมาคมตางๆ ของประเทศ
ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต ที่มีตอการสงเสริม สนับสนุน และฟนฟู
พระพุทธศาสนา จากนั้นจัดทําเปนแผนปายนิเทศสงครูผูสอน
22 คูมือครู
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ครูและนักเรียนสรุปสถานการณการนับถือ
นับตัง้ แต่ พ.ศ. ๒๕๔๒ เป็นต้นมา รัฐบาลเวียดนามได้มกี ารรวบรวมชาวพุทธทุกนิกาย พระพุทธศาสนาของประเทศเพื่อนบานในปจจุบัน
และองค์กรต่างๆ ทัว่ ประเทศเวียดนาม เพือ่ จัดตัง้ “ชุมชนชาวพุทธแห่งเวียดนาม” ในการร่วมฟืน้ ฟู จากนัน้ ใหนกั เรียนกลุม เดิมนําขอมูลความรูเ กีย่ วกับ
พระพุทธศาสนาขึ้นอีกครั้งภายหลังการรวมชาติ ภายใต้ค�าขวัญว่า “ธรรมะ‑ชาติ‑สังคมนิยม” และ การเผยแผพระพุทธศาสนาในอดีตมาเปรียบเทียบ
ร่วมกันเผยแผ่พระพุทธศาสนาเพื่อน�าความสงบสุขและสันติภาพมาสู่โลก รวมทั้งได้จัดตั้งองค์กร กับสถานการณการนับถือพระพุทธศาสนาในปจจุบนั
ระดับชาติ ๕ องค์กร และได้มีการแปลและพิมพ์พระไตรปิฎกเป็นภาษาเวียดนามด้วย ทุกวันนี้ เพื่อวิเคราะหถึงความกาวหนาของพระพุทธศาสนา
ภิ ก ษุ ภิ ก ษุ ณี สามเณร แม่ ชี และสาวก ของทุกประเทศนับตั้งแตอดีตจนถึงปจจุบัน
พุทธบริษทั ทัง้ หลาย อยูภ่ ายใต้การน�าของชุมชน เขียนสรุปสาระสําคัญ สงครูผูสอน
ชาวพุทธแห่งเวียดนาม ที่มีส่วนส�าคัญในการ
สนับสนุนการปฏิรูปและการเปลี่ยนแปลงของ ตรวจสอบผล Evaluate
ประเทศไปสู่สิ่งใหม่ๆ นอกจากนี้ เมื่อต้น พ.ศ. 1. ตรวจสอบจากความถูกตองของขอมูล
๒๕๔๘ ทางรั1ฐบาลเวียดนามยังได้อาราธนาท่าน ความรูที่ศึกษาคนควาเพิ่มเติม
ติช นัท ฮันห์ พระภิกษุชาวเวียดนาม ซึ่งพ�านัก 2. ตรวจสอบจากการเขียนสรุปสาระสําคัญ
อยู่ในประเทศฝรั่งเศส กลับมาจัดกิจกรรมทาง เปรียบเทียบการเผยแผพระพุทธศาสนาใน
พระพุทธศาสนา ณ มาตุภูมิในช่วงระยะเวลา การจัดการประชุมชาวพุทธนานาชาติเนือ่ งในวันวิสาขบูชา อดีตกับสถานการณการนับถือพระพุทธศาสนา
หนึง่ ซึง่ ได้รบั ความสนใจจากชาวพุทธทัง้ ภายใน วักรุนงสำฮานอย
าคัญสากลของโลกประจำาปี พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งจัดขึ้นที่
สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในปจจุบัน
ประเทศและต่างประเทศเป็นจ�านวนมาก
ใน พ.ศ. ๒๕๕๑ ประเทศเวียดนามได้รับคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพในการจัดประชุม
ชาวพุทธนานาชาติ เนือ่ งในวันวิสาขบูชา วันส�าคัญสากลของโลก ณ กรุงฮานอย อันเป็นเมืองหลวง
ของประเทศ ซึ่งการเป็นเจ้าภาพในการประชุมครั้งนี้ถือเป็นก้าวส�าคัญของพระพุทธศาสนา
ในประเทศเวียดนามทีแ่ สดงศักยภาพของพุทธศาสนิกชนในเวทีนานาชาติ และการประชุมดังกล่าวนี้
ได้รับการบันทึกว่าเป็นการร่วมประชุมของชาวพุทธจากนานาชาติที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์
โดยมีพุทธศาสนิกชนเข้าร่วมประชุมประมาณ ๑,๕๐๐ คน จาก ๗๔ ประเทศทั่วโลก
๒. วิเคราะห์ความสÓคัญของพระพุทธศาสนา
2.1 พระพุทธศาสนาช่วยสร้างความเข้าใจอันดีกบั ประเทศเพือ่ นบ้าน
พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งสันติ พระพุทธเจ้าทรงเน้นว่าผูป้ กครองประเทศนอกจากจะมี
คุณธรรมของผู้ปกครอง และมีความสามารถในการบริหารประเทศของตนให้สงบสุขแล้ว ยังต้อง
สร้างสัมพันธไมตรีกับมิตรประเทศข้างเคียง เพื่อความเข้าใจอันดีและอยู่ร่วมกันอย่างสันติด้วย
ดังนัน้ จึงมีหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาหลายประการทีเ่ อือ้ ต่อการน�าไปประยุกต์ใช้เพือ่ เสริมสร้าง
ความเข้าใจอันดีระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน ดังตัวอย่างต่อไปนี้
23
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
ในปจจุบันรัฐบาลเวียดนามสนับสนุนพระพุทธศาสนามากขึ้น
1 ติช นัท ฮันห กําเนิดเมื่อ พ.ศ. 2469 ที่จังหวัดกวงสี ในตอนกลางของประเทศ
โดยไดดําเนินการอยางไร
เวียดนาม ทานมีชอื่ เดิมวา เหงียน ซวน เบา “ติช นัท ฮันห” เปนฉายาเมือ่ ทานอุปสมบท
แนวตอบ รัฐบาลเวียดนามสนับสนุนพระพุทธศาสนาใหเจริญรุงเรืองอีกครั้ง แลว คําวา “ติช” ในเวียดนามใชเรียกผูสืบทอดพระพุทธศาสนา สวน “นัท ฮันห”
โดยรวบรวมพุทธศาสนิกชนชาวเวียดนามจัดตั้งชุมชนชาวพุทธแหงเวียดนาม เปนนามทางธรรมของทาน มีความหมายวา การกระทําเพียงหนึง่ ทานมีแนวคิดตอตาน
รวมเผยแผพระพุทธศาสนาออกสูสังคมโลก แปลและพิมพพระไตรปฎกเปน รัฐบาลคอมมิวนิสตของเวียดนาม จึงตองลีภ้ ยั ไปอยูป ระเทศฝรัง่ เศสและสรางอาศรม
ภาษาเวียดนาม ตลอดจนอาราธนาทานติช นัท ฮันห กลับมาจัดกิจกรรมทาง ชวยเหลือผูลี้ภัยจํานวนมาก จนภายหลังทานจึงกอตั้งชุมชนแหงใหมทาง
พระพุทธศาสนาที่เวียดนาม ตะวันตกเฉียงใตของฝรั่งเศส ใหชื่อวา หมูบานพลัม
มุม IT
ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติชีวิตและหลักธรรมคําสอนของทาน
ติช นัท ฮันห ไดที่ http://www.thaiplumvillage.org เว็บไซตมูลนิธิหมูบานพลัม
แหงประเทศไทย
คูมือครู 23
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูยกกรณีศึกษาขาวหรือเหตุการณที่แสดง
1
ใหเห็นถึงความสําคัญของพระพุทธศาสนา เชน การ ๑) การสรางสัมพันธไมตรีตามแนวทางของพระเจาอโศกมหาราช พระเจา
ที่รัฐบาลไทยอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาจาก อโศกมหาราชทรงประยุกตหลักพุทธธรรมมาใชในการปกครองประเทศและสรางสัมพันธไมตรี
ประเทศอินเดียเพื่อใหประชาชนสักการบูชา เปนตน กับมิตรประเทศอยางไดผล แนวทางของพระองคจึงมีชื่อเรียกกันวา “ธรรมวิชัย” (ชนะดวยธรรม)
แลวใหนักเรียนบอกวา จากขาวหรือเหตุการณ จนพระมหากษัตริยในยุคตอๆ มายึดถือเปนแบบฉบับในการปกครองประเทศ แนวทางสราง
ดังกลาวสะทอนถึงความสําคัญของพระพุทธศาสนา สัมพันธไมตรีของพระเจาอโศกมหาราช ตามทีป่ รากฏในศิลาจารึกของพระองคเอง มีสาระสําคัญ
อยางไร พอจะสรุปได ดังน�้
แนวทางสรางสัมพันธไมตรีของพระเจาอโศกมหาราช
สํารวจคนหา Explore
๑. ใหสิทธิ เสรีภาพในการเผยแผศาสนา จะตองไมขัดขวางหรือดูหมิ่นศาสนาอื่น เพราะศาสนา
ครูใหนักเรียนจับคู ศึกษาคนควาเพิ่มเติม ทุกศาสนาลวนแตมีจุดหมายปลายทางเดียวกัน คือ สั่งสอนใหบุคคลกระทําความดีละเวนความชั่ว
เกี่ยวกับความสําคัญของพระพุทธศาสนาที่มีตอ นอกจากนี้ ยังตองใหความยกยองนับถือศาสนิกชนของศาสนาอืน่ โดยปราศจากขอรังเกียจเดียดฉันทดว ย
สังคมไทย ตามประเด็นดังตอไปนี้ ๒. ใหความเอือ้ เฟอ แกลทั ธิศาสนาอืน่ ทีเ่ ผยแผเขามาสูป ระเทศของเราตามสมควรแกกาละและเทศะ
โดยปราศจากการแบงแยกวา ควรทํานุบํารุงศาสนานี้มากกวาศาสนานั้น
• พระพุทธศาสนาชวยสรางความเขาใจอันดี ๓. สรางความปรองดองสมานฉันทระหวางกัน ดวยการยินดีรับฟงขอคิดเห็นและขอเสนอแนะของ
กับประเทศเพื่อนบาน มิตรประเทศ รูจักการเสียสละ และการประสานผลประโยชนซึ่งกันและกัน
• พระพุทธศาสนาเปนรากฐานของวัฒนธรรม ๔. พยายามละเวนการสรางขอพิพาท การทําสงคราม การกลาวโจมตีใหรายตอกัน ถาหากจะตอง
ไทย แขงขันเอาชนะกัน ก็ควรเอาชนะกันดวยธรรม หรือที่เรียกวา “ธรรมวิชัย” อันเปนชัยชนะขั้นสูงสุด
• พระพุทธศาสนาเปนเอกลักษณและมรดกของ
สังคมไทย
• พระพุทธศาสนากับการพัฒนาชุมชน
• พระพุทธศาสนากับการจัดระเบียบสังคม
อธิบายความรู Explain
ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายถึงแนวทางการ
สรางสัมพันธไมตรีของพระเจาอโศกมหาราช แลว
หัวเสาหินพระเจาอโศกมหาราช หัวเสาหินพระเจาอโศกมหาราช
ตั้งคําถามวา ในพิพธิ ภัณฑสารนาถ ประเทศอินเดีย ทีก่ รุงเวสาลี แควนวัชชี ประเทศอินเดีย
• การที่ผูปกครองประเทศนําแนวทางการสราง
สัมพันธไมตรีของพระเจาอโศกมหาราช กลาวโดยสรุป ถาผูปกครองประเทศนําหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาประยุกตใช
มาประยุกตใชกับแนวทางการปกครองของ ในการปกครองประเทศและสรางสัมพันธไมตรีกับประเทศเพื่อนบาน ดังกรณีของพระเจาอโศก
ประเทศตนจะชวยใหเกิดผลดีอยางไร มหาราชแลว ก็ยอมจะเกิดความสงบสุข ไมเฉพาะภายในประเทศของตนเองเทานั้น หากรวมถึง
(แนวตอบ ทําใหประชากรในประเทศซึ่งนับถือ ประเทศเพื่อนบานตลอดจนประชาคมโลกทั้งหมดอีกดวย
ศาสนาที่หลากหลายอยูรวมกันไดอยาง
๒๔
สันติสุข ตลอดจนสรางสัมพันธภาพที่ดีกับ
ประเทศเพื่อนบาน)
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
หากผูปกครองประเทศตองการสรางความสัมพันธอันดีกับประเทศ
ครูควรนําสารคดีหรือภาพยนตรเกี่ยวกับพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจ
เพื่อนบานตามแนวทางของพระเจาอโศกมหาราช จะตองทําอยางไร
ของพระเจาอโศกมหาราชมาเปดใหนักเรียนดู พรอมกับอธิบายเพิ่มเติม
เพื่อเสริมสรางความเขาใจใหกับนักเรียนมากยิ่งขึ้น แนวตอบ ผูปกครองประเทศที่ตองการเจริญรอยตามพระเจาอโศก-
มหาราชเพื่อเสริมสรางสัมพันธไมตรีกับประเทศเพื่อนบาน ควรปฏิบัติดังนี้
1. ใหเสรีภาพในการเผยแผศาสนา ไมดหู มิน่ ศาสนาอืน่ เพราะทุกศาสนา
นักเรียนควรรู ลวนสอนใหคนทําความดี ละเวนความชั่ว
2. ใหความเอื้อเฟอแกศาสนาอื่นที่เผยแผเขาสูประเทศเราตามสมควร
1 พระเจาอโศกมหาราช เปนจักรพรรดิผูยิ่งใหญแหงราชวงศเมารยะ 3. รับฟงความคิดเห็นของมิตรประเทศ มีนาํ้ ใจ เสียสละ รูจ กั การประสาน
ผูทรงพระปรีชาสามารถ พระองคทรงเปนองคเอกอัครพุทธศาสนูปถัมภก ประโยชนซึ่งกันและกัน
ทรงทํานุบํารุงพระพุทธศาสนาและเผยแผพระพุทธศาสนาไปตามแควนตางๆ 4. หลีกเลี่ยงการสรางความขัดแยง การทําสงคราม หรือการกลาว
ใหรายโจมตีกัน
24 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนอธิบายหลักสาราณียธรรม
๒) การสร้างสัมพันธไมตรีตามหลักสาราณียธรรม แก่นของสาราณียธรรม คือ พรอมยกตัวอยางการนําไปประยุกตใช
ความปรารถนาดีต่อกัน เอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้เป็นแนวทางสร้างสัมพันธไมตรี เปนแนวทางสรางสัมพันธไมตรีระหวาง
ระหว่างประเทศได้อย่างดี ดังตัวอย่างต่อไปนี้ ประเทศ
๒.๑) เมตตากายกรรม คือ แสดงออกซึ่งความเป็นมิตรทางกายต่อประเทศ (แนวตอบ สาราณียธรรม หมายถึง ธรรมอัน
เพื่อนบ้าน เช่น เมื่อมิตรประเทศประสบภัยต่างๆ เป็นต้นว่า อุทกภัย ทุพภิกขภัย แผ่นดินไหว เปนที่ตั้งแหงความระลึกถึง เพื่อใหเกิดความ
เกิดโรคระบาด ฯลฯ ประเทศเราก็ส่งเครื่องอุปโภคบริโภค ยารักษาโรค คณะแพทย์ หรือเงินตรา สามัคคีในการอยูรวมกันอยางมีความสุข
ไปช่วยเหลือตามก�าลังความสามารถ ซึ่งการกระท�าเช่นนี้ย่อมท�าให้มิตรประเทศเกิดความรู้สึก มีทั้งหมด 6 ประการ ไดแก เมตตากายกรรม
ซาบซึ้งและส�านึกในบุญคุณที่ประเทศของเราแสดงออกต่อเขา และย่อมจะตอบแทนด้วยการ เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม สาธารณโภคี
พยายามด�าเนินนโยบายต่างประเทศที่เป็นมิตรต่อประเทศของเรา สีลสามัญญตา และทิฏฐิสามัญญตา ตัวอยาง
๒.๒) เมตตาวจีกรรม คือ มีการกระท�าทางวาจาที่แสดงออกถึงความปรารถนาดี การนําไปประยุกตใชเปนแนวทางสราง
ต่อมิตรประเทศ เช่น ไม่กล่าวติเตียน ให้ร้าย หรือกล่าวโจมตีต่อมิตรประเทศ ไม่ออกแถลงการณ์ สัมพันธไมตรีระหวางประเทศ เชน การสง
หรือแถลงข่าวสารอันจะท�าให้มติ รประเทศได้รบั ความเสียหาย ถ้ามีปญั หาข้อพิพาทเกิดขึน้ ก็หาทาง สิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคไปชวยเหลือ
ยุติด้วยการเจรจาทางการทูต นอกจากนี้ ควรกล่าวยกย่อง ชมเชยมิตรประเทศตามโอกาสอันควร ประเทศเพื่อนบานในยามประสบภัยธรรมชาติ
ด้วยการประพฤติเช่นนีย้ อ่ มเป็นการส่งเสริมสัมพันธไมตรีให้แน่นแฟ้นขึน้ และจะท�าให้ประเทศต่างๆ ไมกลาวโจมตีหรือใสรายประเทศเพื่อนบาน
ระลึกถึงประเทศเราในทางที่ดี ไมใหผูกอการรายใชประเทศของตนเปน
๒.๓) เมตตามโนกรรม คือ มีจติ ใจปรารถนาดีตอ่ มิตรประเทศ ปราศจากอกุศลจิต ทีพ่ กั พิงหรือซองสุมกําลัง เปนตน)
ไม่คิดหวาดระแวง ไม่พยายามชักจูงมิตรประเทศด�าเนินนโยบายก่อสงคราม แต่ให้ค�าแนะน�าใน 2. ครูถามนักเรียนวา
สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาชาติบ้านเมือง • นอกจากหลักสาราณียธรรมแลว ยังมี
หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาใดอีกบางที่
สามารถนํามาปฏิบัติเพื่อสรางสัมพันธไมตรี
ระหวางประเทศได
(แนวตอบ เชน สังคหวัตถุ 4 อันหมายถึง
หลักในการอยูรวมกัน 4 ประการ ไดแก
ทาน ปยวาจา อัตถจริยา และสมานัตตตา
เปนตน)
การเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศเพื่อ1นบ้าน สามารถนำาหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาประยุกต์ใช้ได้มากมาย
เช่น หลักสาราณียธรรม หลักสังคหวัตถุ ๔ เป็นต้น
25
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
ประเทศใดตอไปนี้ นําหลักสาราณียธรรมมาใชเสริมสรางความสัมพันธ
1 สังคหวัตถุ 4 หลักการสงเคราะห กลาวคือ การชวยเหลือซึ่งกันและกัน
อันดีตอประเทศเพื่อนบาน
เพื่อการอยูรวมกันอยางมีความสุข มีทั้งหมด 4 ประการ ไดแก
1. ประเทศ ก. ผลักดันผูลี้ภัยสงครามจากประเทศเพื่อนบานกลับไปยัง
1. ทาน คือ การแบงปนเอื้อเฟอเผื่อแผกัน
ประเทศของตน
2. ปยวาจา คือ การพูดจานารักนานิยมนับถือ
2. ประเทศ ข. สงนักวิทยาศาสตรเขาไปชวยเหลือประเทศเพื่อนบานผลิต
3. อัตถจริยา คือ การบําเพ็ญประโยชน
พลังงานทดแทน
4. สมานัตตตา คือ ความมีตนเสมอ ทําตัวใหเขากันได เชน ไมถือตัว
3. ประเทศ ค. สงกองกําลังทหารเขาไปในดินแดนประเทศเพื่อนบาน
รวมสุขรวมทุกขกัน เปนตน
เพื่อยึดครองบอนํ้ามัน
4. ประเทศ ง. ปกปดขอมูลของกลุมกอการรายที่จะปฏิบัติการในประเทศ
เพื่อนบานไมใหรับรู มุม IT
วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 2. หลักของสาราณียธรรม คือ ความปรารถนาดี
ตอกัน ซึ่งสามารถนําไปเสริมสรางความสัมพันธที่ดีตอประเทศเพื่อนบานได ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักธรรมเพื่อความสามัคคี ไดที่
โดยการใหความชวยเหลือและมีนํ้าใจตอประเทศเพื่อนบาน http://ibc.ac.th เว็บไซตวิทยาลัยพุทธศาสนานานาชาติ
คูมือครู 25
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนตอบคําถามวา
• นักเรียนสามารถปฏิบัติตนเพื่อเสริมสราง ๒.๔) แบ่งปันผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นหรือได้มาโดยชอบธรรมแก่มิตรประเทศ
สัมพันธไมตรีระหวางประเทศไทยกับประเทศ หมายความถึง การช่วยเหลือซึง่ กันและกันระหว่างประเทศ กล่าวคือ ประเทศทีร่ า�่ รวยควรให้ความ
เพื่อนบานไดอยางไร ช่วยเหลือประเทศที่ยากจนกว่าด้วยการส่งอาหาร เครื่องอุปโภค เครื่องมือประกอบอาชีพไปช่วย
(แนวตอบ เชน ศึกษาหาความรูเกี่ยวกับสังคม หรือให้คา� แนะน�าทางวิทยาการในรูปแบบต่างๆ แม้แต่ประเทศไทยของเราเองก็ได้รบั ความช่วยเหลือ
วัฒนธรรม การเมือง และเศรษฐกิจของประเทศ ท�านองนีอ้ ยูต่ ลอดเวลาจากมิตรประเทศต่างๆ เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา เยอรมนี ญีป่ นุ่ ออสเตรเลีย
เพือ่ นบานเหลานัน้ ใหเขาใจอยางถองแท บริจาค เป็นต้น หรืออีกประการหนึ่ง แม่น�้าบางสายถึงแม้จะมีต้นก�าเนิดอยู่ในประเทศของเรา ถ้าหากไหล
สิง่ ของเครือ่ งอุปโภคบริโภคเพือ่ ชวยเหลือประเทศ ผ่านเข้าไปในดินแดนของประเทศเพื่อนบ้าน และประเทศเพื่อนบ้านได้ร่วมใช้ประโยชน์ด้วย เราก็
เพื่อนบานในยามประสบภัย เปนตน) ควรรักษาอย่างดี ไม่สร้างมลพิษให้เกิดขึน้ จนกลายเป็นน�า้ เน่าเสีย ไม่สร้างเขือ่ นกักเก็บหรือเปลีย่ น
2. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 1.3 จากแบบวัดฯ เส้นทางของกระแสน�้า เป็นต้น การเฉลี่ยแบ่งปันผลประโยชน์ของตนที่ได้มาโดยชอบธรรมให้แก่
พระพุทธศาสนา ม.2 ผูอ้ นื่ แบบสงเคราะห์หรืออนุเคราะห์นี้ ทางพระพุทธศาสนาถือว่าเป็นหลักปฏิบตั ติ อ่ กันระหว่างมิตร
✓ แบบวัดฯ
และยังเป็นที่ตั้งให้ระลึกถึงกันในทางที่ดีอีกอย่างหนึ่ง
ใบงาน แบบฝกฯ
พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 1.3
๒.๕) มีหลักความประพฤติ (ศีล) เสมอกับมิตรประเทศ และไม่ท�าตนให้เป็นที่
หนวยที่ 1 ประวัติและความสําคัญของพระพุทธศาสนา รังเกียจของประเทศอื่น หมายถึง จะต้องด�าเนินนโยบายต่างประเทศให้สอดคล้องกับมติสากล
หรือสอดคล้องกับหลักการขององค์การสหประชาชาติ กล่าวคือ แก้ไขปัญหาระหว่างประเทศด้วย
วิธีทางการทูต ช่วยผดุงสันติภาพของโลก เคารพในอธิปไตยของประเทศอื่น ไม่ใช้แสนยานุภาพ
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
กิจกรรมที่ ๑.๓ ใหนักเรียนพิจารณาภาพ แลววิเคราะหความสําคัญของ ñð
พระพุทธศาสนาในฐานะที่ชวยเสริมสรางความเขาใจอันดี
ระหวางประเทศ (ส ๑.๑ ม.๒/๒)
ทางทหารข่มขู่หรือเอารัดเอาเปรียบประเทศที่ด้อยอ�านาจกว่า ไม่ให้ประเทศของตนเป็นที่พักพิง
หรือเป็นที่ซ่องสุมของผู้ก่อการร้าย สนับสนุนการปราบปรามสิ่งเสพติด ละเว้นการละเมิดสิทธิ
มนุษยชน ช่วยส่งเสริมและอนุรกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อม ทีอ่ ยูใ่ นขอบเขตของประเทศ
ของตน ทั้งนี้เพราะปัจจุบันนี้โลกแคบลง เหตุการณ์ที่เกิดกับประเทศใดประเทศหนึ่ง ย่อมจะส่งผล
ต่อเสถียรภาพของประเทศเพื่อนบ้าน สันติสุขของภูมิภาคหรือของโลกด้วย
ฉบับ
เฉลย ๒.๖) มีความคิดเห็นตรงกันกับประเทศอื่น หมายถึงว่า การอยู่ร่วมกับประเทศ
๑. จากภาพ พระพุทธศาสนาชวยสรางสัมพันธไมตรีระหวางประเทศอยางไร อืน่ ๆ นัน้ เราต้องยอมรับกฎเกณฑ์กติกาทีน่ านาชาติกา� หนดไว้ แม้วา่ บางครัง้ เราอาจจะไม่เห็นด้วย
พระพุทธศาสนาสอนใหมนุษยอยูรวมกันอยางสันติสุข คือ มีีความปรารถนาดีตอกัน มีความเอื้อเฟอ
แต่ถ้าเสียงส่1 วนใหญ่เขาเห็นชอบเราก็ควรปฏิบัติตาม เช่น ทั่วโลกมีนโยบายต่อต้านขบวนการ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
เกื้อกูลตอกัน ซึ่งจะสงผลดีตอการอยูรวมกันในสังคม ในสังคมขนาดใหญก็่เชนกัน คือ หากใน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
แตละประเทศประสบปญหาไมวา จะเปนปญหาดานภัยพิบตั ิ เศรษฐกิจ การเมือง เปนตน แลวประเทศ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ตางๆ ใหความชวยเหลือ ก็จะชวยใหสามารถผานพนวิกฤตไดโดยเร็วและมีความสัมพันธระหวางประเทศ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ที่ดีตอกัน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ก่อการร้าย ประเทศไทยของเราก็ต้องคอยสอดส่องไม่ให้ผู้ก่อการร้ายใช้ประเทศของเราเป็นฐาน
๒. นักเรียนสามารถนําหลักคําสอนทางพระพุทธศาสนาไปประยุกตใชเพือ่ ชวยเหลือประเทศตางๆ
ไดอยางไร ปฏิบัติการหรือเป็นแหล่งซ่องสุมก�าลัง รวมทั้งต้องให้ข้อมูลข่าวสารแลกเปลี่ยนกับมิตรประเทศ
เราสามารถนําหลักธรรม สาราณียธรรมมาใชได เชน เมื่อประเทศเพื่อนบานประสบภัยธรรมชาติ
หรือองค์การสหประชาชาติลงมติไม่ยอมติดต่อคบหาสมาคมกับบางประเทศ เราก็ต้องท�าตาม
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
อยางรุนแรง จนทําใหเกิดความเสียหายอยางมาก เราอาจใชเมตตากายกรรมในการชวยเหลือ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ไมวา จะเปนการบริจาคอาหาร เครือ่ งดืม่ ยารักษาโรค เงิน สิง่ ของจําเปนตางๆ เปนตน ซึง่ การกระทํา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
เชนนีเ้ ปนการชวยเหลือเพือ่ นมนุษยตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา และเปนการสรางสัมพันธไมตรี
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ระหวางประเทศที่ดีวิธีหนึ่ง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
แม้วา่ ประเทศนัน้ อาจจะมีผลประโยชน์ทางการค้ากับประเทศเราอยูม่ าก เพราะหากเราไม่ปฏิบตั ติ าม2
๕ ก็เสมือนหนึ่งเป็นการฝ่าฝืนมติของสังคมโลก อาจท�าให้ถูกติเตียนและถูกประชาคมโลกคว�า่ บาตร
ตามไปด้วย
26
กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
1 กอการราย คือ การที่กลุมชนรวมตัวกันเพื่อกระทําการรุนแรงที่ผิดตอ ครูมอบหมายใหนักเรียนไปศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ
กฎหมายและสรางความเสียหายใหแกประเทศชาติ หลักสาราณียธรรม แลวเขียนสรุปเปนผังมโนทัศนสงครูผูสอน
2 ควํ่าบาตร คือ การที่ประเทศหนึ่งหรือกลุมประเทศตกลงพรอมใจกันที่จะไม
ทําการคา ไมใหความรวมมือทางเศรษฐกิจใดๆ กับอีกประเทศหนึ่ง เพื่อเปนการ
ปราบปรามหรือลงโทษ
กิจกรรมทาทาย
ครูมอบหมายใหนักเรียนไปหาขาวหรือเหตุการณเกี่ยวกับการใหความ
ชวยเหลือซึ่งกันและกันของประเทศตางๆ แลวเขียนวิเคราะหวาความ
ชวยเหลือนั้นตรงกับหลักสาราณียธรรมขอใด และมีผลดีหรือผลกระทบ
ทีเ่ กิดขึน้ จากความชวยเหลือดังกลาวอยางไร ความยาว 1 หนากระดาษ A4
สงครูผูสอน
26 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
ครูใหนักเรียนอธิบายถึงความหมายของคําวา
เรื่องน่ารู้ “วัฒนธรรม” และ “ประเพณี” แลววิเคราะหวา
• สังคมไทยมีวัฒนธรรมและประเพณีใดบาง
หลักธรรมเพื่อยึดเหนี่ยวน้ำาใจผู้อื่น
ที่มีรากฐานมาจากพระพุทธศาสนา
หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาประการหนึ่งสอนเรื่องการผูกไมตรีกัน ซึ่งสามารถนำาไปประยุกต์ใช้ในการ (แนวตอบ วัฒนธรรม หมายถึง สิ่งแสดงวา
สร้างสัมพันธไมตรีกับเพื่อนบ้านได้ คือ “สังคหวัตถุ ๔” ได้แก่
เปนผูเ จริญ ภาวะความเปนอยู ขนบประเพณี
๑. ทาน คือ การให้ หรือการช่วยเหลือเกือ้ กูลกัน เช่น เมือ่ มิตรประเทศประสบภัยพิบตั ติ า่ งๆ ก็อาจส่งอาหาร
ความเชื่อ ตลอดจนภาษาของชนชาติหนึ่ง
เวชภัณฑ์ เครื่องอุปโภคไปช่วยเหลือตามกำาลังความสามารถ เป็นต้น
๒. ปิยวาจา คือ มีวาจาอันเป็นที่รัก หมายถึง เจรจากันด้วยถ้อยคำาที่ไพเราะ สุภาพ เหมาะสมกับกาลเทศะ ชาติใด สวนประเพณี หมายถึง สิ่งที่นิยมถือ
เป็นประโยชน์ไม่เพ้อเจ้อ พระพุทธเจ้าทรงให้ความสำาคัญต่อการพูดเป็นอย่างยิ่งเพราะการเจรจาสื่อสารจะได้ผลดี ประพฤติปฏิบัติสืบตอกันมาจนเปนแบบแผน
หรือเสียก็ขึ้นอยู่กับการพูดทั้งสิ้น สําหรับตัวอยางวัฒนธรรมและประเพณีไทย
๓. อัตถจริยา คือ การประพฤติตนเป็นประโยชน์แก่ผอู้ นื่ เช่น ไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่เพือ่ นบ้าน หรือ ที่มีรากฐานมาจากพระพุทธศาสนา เชน
เมื่อมิตรประเทศประสบปัญหาก็ให้ความช่วยเหลือ ไม่นิ่งดูดาย เป็นต้น การนับถือพระแมโพสพ ประเพณีลอยกระทง
๔. สมานัตตตา คือ การวางตัวเหมาะสมกับภาวะของตน เช่น ให้ความนับถือประเทศต่างๆ ว่ามีฐานะและ ประเพณีตักบาตรเทโว การขึ้นบานใหม
ศักดิ์ศรีทัดเทีียมกับเรา ไม่ดูหมิ่นว่าผู้อื่นด้อยหรือขาดความเจริญกว่า เป็นต้น การตั้งชื่อ การโกนผมไฟ ประเพณีบุญ
วันสารท พระราชพิธีพืชมงคล เปนตน)
๒.๒ พระพุทธศาสนาเป็นรากฐานของวัฒนธรรมไทย • หลักธรรมคําสอนของพระพุทธศาสนา
วิถีชีวิตคนไทยผูกพันกับพระพุทธศาสนามาตลอด ค�าสอนของพระพุทธศาสนาได้แทรกซึม หลอหลอมใหคนไทยมีลักษณะนิสัยแตกตาง
เข้าไปยังจิตใจของคนไทย ตลอดถึงกิจกรรมแทบทุกด้านของชีวติ มาเป็นเวลายาวนาน โดยเฉพาะ จากคนในชาติอื่นอยางไร
ในด้านจิิตใจได้หล่อหลอมเป็นลักษณะนิสัยซึ่งไม่มีชนชาติใดเหมือน เช่น ความมีจิตใจกว้างขวาง (แนวตอบ หลักธรรมคําสอนของพระพุทธ-
ใจบุญสุนทาน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นมิตรกับคนอื่นได้ง่าย ยิ้มแย้มแจ่มใส จนได้รับสมญานามว่า ศาสนาหลอหลอมใหคนไทยมีนิสัยออนโยน
“สยามเมืองยิ้ม” ใจดี มีความเมตตากรุณา มีนํ้าใจตอ
ประเพณีและพิธีการต่างๆ ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาทั้งโดยตรงและโดยอ้อม คนรอบขาง เอื้อเฟอเผื่อแผ รูจักการแบงปน
แม้ประเพณีบางอย่างที่ไม่มีรากฐานมาจากพระพุทธศาสนามาก่อน ภายหลังก็น�าแนวคิดในทาง รูจักการใหอภัย ยิ้มแยมแจมใส จนไดรับ
พระพุทธศาสนาเข้ามาแทรกอยู่ด้วย เช่น ประเพณีลอยกระทง ซึ่งเดิมกระท�าเพื่อขอขมาพระแม่ สมญานามวา “สยามเมืองยิ้ม”)
1
คงคาก็เพิ่มจุด2ประสงค์ของการลอยกระทงใหม่ เป็นลอยกระทงเพื่อบูชาพระพุทธบาท ณ ริมฝั่ง
แม่นา�้ นาร์มทา
ทา ในภาคใต้ของประเทศอินเดีย เป็นต้น
ความส�าคัญของพระพุทธศาสนาในฐานะทีเ่ ป็นรากฐานส�าคัญของวิถชี วี ติ ไทยหรือวัฒนธรรมไทย
สามารถสรุปได้ ดังนี้
๑) ในด้านวงจรชีวิตของบุคคล มีพิธีกรรมที่กระท�าตั้งแต่เกิดจนตาย เช่น ตั้งชื่อ
เกิด โกนผมไฟ บวช แต่งงาน ท�าบุญอายุ พิธศี พ เป็นต้น กระท�าตามความเชือ่ ทางพระพุทธศาสนา
โดยการบริจาคทาน รักษาศีล และเจริญภาวนาตามหลักค�าสอนทางพระพุทธศาสนา
๒7
บูรณาการเชื่อมสาระ
ครูสามารถนําเนื้อหาเรื่องวัฒนธรรมไทยไปบูรณาการเชื่อมโยงกับกลุม นักเรียนควรรู
สาระการเรียนรูสังคม ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาหนาที่พลเมือง วัฒนธรรม
1 พระแมคงคา เปนเทวีผูใหกําเนิดสายนํ้าคงคาตามความเชื่อของชาวอินเดีย
และการดําเนินชีวิตในสังคม เรื่องที่มาและลักษณะของวัฒนธรรมไทย
พระนางไดรับสมญานามวา มารดาแหงสายนํ้าทั้งสามโลก
โดยครูมอบหมายใหนักเรียนไปศึกษาคนควาเพิ่มเติมวามีประเพณีใดบาง
ของคนไทยทีม่ รี ากฐานหรือมีความเกีย่ วของกับพระพุทธศาสนา จากนั้นเลือก 2 แมนํ้านารมทา เปนชื่อแมนํ้าสายสําคัญในภาคกลางของอินเดีย ชาวอินเดีย
ประเพณีที่ตนเองประทับใจมา 1 ประเพณี เขียนอธิบายถึงมูลเหตุที่ทําใหเกิด ถือวาเปนแมนํ้าศักดิ์สิทธิ์ที่สุดรองลงมาจากแมนํ้าคงคา แมนํ้านารมทายาวประมาณ
ประเพณีดังกลาว ความยาวไมเกิน 1 หนากระดาษ A4 พรอมทั้งใสรูปภาพ 1,300 กิโลเมตร ไหลจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต
ประกอบและตกแตงใหสวยงาม ออกทะเลที่ใตเมืองทาภารกัจนะ สูอาวขัมภัตหรือเคมเบย
คูมือครู 27
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูสุมนักเรียนออกมาเลาประสบการณการเขา
รวมประเพณีหรือพิธีกรรมตางๆ ที่มีรากฐานมา ๒) ในด้านวงจรกาลเวลาของสังคมและชุมชน พระพุทธศาสนาได้เข้ามาเป็น
จากพระพุทธศาสนา และใหเพื่อนในชั้นเรียน ส่วนหนึ่งของสังคมและชุมชน ดังจะเห็นได้จากงานประเพณีและเทศกาลประจำาปีต่างๆ เช่น
รวมกันวิเคราะหวา ประเพณีหรือพิธีกรรม วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา วันออกพรรษา พิธีทอดกฐิน เป็นต้น
ดังกลาวสอดแทรกแนวคิดทางพระพุทธศาสนา และที่นำามาเกี่ยวข้องกับคติทางพระพุทธศาสนา เช่น วันลอยกระทง ตรุษสงกรานต์ เป็นต้น
ไวอยางไร ๓) ในด้านภาษา ภาษาเป็นส่วนประกอบสำาคัญยิ่งของวัฒนธรรม ภาษาไทยที่ได้รับ
2. ครูใหนักเรียนนําภาพสถานที่ที่มีงานจิตรกรรม ยกย่องว่าเป็นภาษาที่ไพเราะ สละสลวย รำ่ารวยคำาสัมผัสคล้องจองกันดีนั้น ส่วนมากมีรากฐานมา
ประติมากรรม หรือสถาปตยกรรมที่ไดรับการ จากภาษาบาลีและสันสกฤตอันเป็นภาษาทางพระพุทธศาสนา ยิ่งกว่านั้นบทประพันธ์และบทกวี
สรางสรรคขึ้นดวยแรงบันดาลใจจากพระพุทธ- สำาคัญๆ ทีเ่ ป็นมรดกตกทอดมาแต่โบราณกาล ส่วนมากก็ได้อทิ ธิพลมาจากภาษาบาลีและสันสกฤต
ศาสนามาใหเพื่อนในชั้นเรียนดู และรวมกัน เช่น คำาไทยว่า “สมบูรณ์” มาจากภาษาสันสกฤตว่า “สมฺปูรฺณ” เป็นต้น
วิเคราะหถึงความหมายที่ศิลปนตองการสื่อ ๔) ในด้านศิลปะและดนตรี ศิลปะและดนตรีได้รบั แรงบันดาลใจจากพระพุทธศาสนา
วาเกี่ยวของกับพระพุทธศาสนาอยางไร อยู่ไม่น้อย เพราะวัดเป็นศูนย์กลางของชุมชน เป็นศูนย์กลางกิจกรรมทางสังคม ศิลปะและดนตรี
3. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 1.4 จากแบบวัดฯ จึงอาศัยวัดเป็นที่จัดแสดงหรือปรากฏตัว ดนตรีถูกสอดแทรกเข้ากับกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา
พระพุทธศาสนา ม.2 ทุกอย่างอย่างเหมาะสม จิตรกรรม ประติมากรรม และสถาปัตยกรรมต่างๆ ได้รบั การสร้างสรรค์ขนึ้
ด้วยแรงบันดาลใจและแรงศรัทธาในพระพุทธศาสนา และช่วยเป็นสื่อถ่ายทอดหลักธรรมให้กับ
ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ ประชาชนไทยได้เป็นอย่างดี
พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 1.4
หนวยที่ 1 ประวัติและความสําคัญของพระพุทธศาสนา
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
กิจกรรมที่ ๑.๔ ใหนกั เรียนวิเคราะหความสําคัญของพระพุทธศาสนาในฐานะ ñð
ที่เปนรากฐานของวัฒนธรรมไทยตามประเด็นที่กําหนด
(ส ๑.๑ ม.๒/๓)
๑. ความสําคัญของการบวชตอวิถีชีวิตคนไทย
การบวชเปนแนวทางหนึง่ ในการสืบทอดพระพุทธศาสนา ผูท ขี่ อบวช
…………………………………………………………………………………………………………………………..
จะเปลีย่ นสถานะเปนพระสงฆ ซึง่ เปนหนึง่ ในดวงแกวแหงพระรัตนตรัย
…………………………………………………………………………………………………………………………..
พระสงฆ คือ ผูท ปี่ ฏิบตั ดิ ี ปฏิบตั ชิ อบ และดํารงตนเปนแบบอยางทีด่ ี
…………………………………………………………………………………………………………………………..
เพื่อความดีงามและความสงบสุขของประชาชน และเปนพุทธสาวก
…………………………………………………………………………………………………………………………..
ที่ชวยสืบตอ เผยแผหลักธรรมคําสอนของพระพุทธองค
…………………………………………………………………………………………………………………………..
๒. ความสําคัญของการแหเทียนเขาพรรษาตอวิถีชีวิตคนไทย
…………………………………………………………………………………………………………………………..
ในวันเขาพรรษา เปนเทศกาลที่พุทธศาสนิกชนจะนําเทีียนพรรษา
…………………………………………………………………………………………………………………………..
ซึ่ ง ป จ จุ บั น มั ก มี ก ารหล อ และแกะสลั ก อย า งสวยงามไปถวายวั ด
…………………………………………………………………………………………………………………………..
๓. ความสําคัญของวัดที่มีตอวิถีชีวิตคนไทย
วัดเปนแหลงกําเนิด รักษา สืบทอด พัฒนา หรือสนับสนุนศิลปะ
…………………………………………………………………………………………………………………………..
และดนตรี เปนศูนยกลางของชุมชนในการจัดกิจกรรมและเปน
…………………………………………………………………………………………………………………………..
สมบัตสิ ว นรวมรวมกันของชุมชน เปนทีศ่ กึ ษาเลาเรียนของบุตรหลาน
…………………………………………………………………………………………………………………………..
ในชุมชนมาตัง้ แตอดีตถึงปจจุบนั รวมถึงเปนสถานทีใ่ นการประกอบ
…………………………………………………………………………………………………………………………..
พิธีกรรมตางๆ ทางพระพุทธศาสนา
…………………………………………………………………………………………………………………………..
๔. ความสําคัญของพระพุทธรูปที่มีตอวิถีชีวิตคนไทย
พระพุทธรูปหรือรูปเคารพแทนองคสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจา
…………………………………………………………………………………………………………………………..
เปนสิง่ นอมนําความศรัทธาและชวยกลอมเกลาจิตใจผูค นนับแตอดีต
…………………………………………………………………………………………………………………………..
ใหมงุ สูก ารดับทุกขและความสงบสุขตามปรัชญาแหงพระพุทธศาสนา
ภาพศิลปกรรมอันงดงามเกีย่ วกับการประกอบพิธกี รรมทางพระพุทธศาสนาในสมเด็จพระเจ้าพีน่ างเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวฒ
ั นา
…………………………………………………………………………………………………………………………..
นอกจากนี้ พระพุทธรูปยังเปรียบเสมือนผลรวมแหงแรงบันดาลใจ
…………………………………………………………………………………………………………………………..
ของเหลาศิลปนในการสรางสรรคงานพุทธศิลปดวย
…………………………………………………………………………………………………………………………..
กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เป็นผลงานทีส่ ร้างสรรค์ขน้ึ ด้วยแรงบันดาลใจและความศรัทธาในพระพุทธศาสนาของจิตรกร
๖
28
บูรณาการเชื่อมสาระ
บูรณาการอาเซียน ครูสามารถนําเนื้อหาเรื่องภาษาบาลี-สันสฤต ไปบูรณาการเชื่อมโยงกับ
กลุมสาระการเรียนรูภาษาไทย วิชาหลักภาษาและการใชภาษา เรื่องคําไทยที่
ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคลายคลึงกันของศิลปวัฒนธรรมของประเทศ
ยืมมาจากภาษาบาลี-สันสกฤต โดยครูใหนักเรียนไปศึกษาเพิ่มเติมในประเด็น
สมาชิกอาเซียนวา อิทธิพลของพระพุทธศาสนาทําใหศิลปวัฒนธรรมของประเทศ
ดังตอไปนี้
สมาชิกอาเซียนมีความคลายคลึงกันหลายประการ ทัง้ การทําบุญตักบาตรของคนไทย
• หลักสังเกตคําที่ยืมมาจากภาษาบาลี
ลาว กัมพูชา และพมา การสรางพระธาตุหรือเจดียตางๆ เชน พระธาตุพนมของไทย
• หลักสังเกตคําที่ยืมมาจากภาษาสันสกฤต
กับพระธาตุหลวงของลาว พระธาตุดอยสุเทพของไทยกับเจดียชเวสิกองของเมียนมา
• ตัวอยางคําไทยที่ยืมมาจากภาษาบาลี
เปนตน การสรางพระพุทธรูปหนาวัดพระเมรุที่อยุธยากับพระมหามัยมุนีของเมียนมา
• ตัวอยางคําไทยที่ยืมมาจากภาษาสันสกฤต
ซึง่ ตางก็เปนพระพุทธรูปทรงเครือ่ งกษัตริย รวมถึงขนบธรรมเนียมประเพณีบางประการ
เชน การบรรพชาหรืออุปสมบท เปนตน ตลอดจนภาษาบาลี-สันสกฤตที่มีอิทธิพลตอ
ภาษาไทย ภาษาลาว ภาษาพมา ภาษามอญ และภาษาเขมร
28 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนแตละคนบอกเอกลักษณที่
2.3 พระพุทธศาสนาเป็นเอกลักษณ์และมรดกของสังคมไทย โดดเดนของตนเองมาคนละ 1 อยาง พรอมทั้ง
ความส�าคัญของพระพุทธศาสนาอีกประการหนึง่ คือ เป็นเอกลักษณ์และมรดกของสังคมไทย วิเคราะหวาเอกลักษณดังกลาวนั้นไดรับ
ซึ่งสามารถแบ่งได้ ดังนี้ อิทธิพลมาจากใครหรือสิ่งใด
๑) ในแง่เอกลักษณ์ คนไทยมี 2. ครูใหนักเรียนออกมาเขียนเอกลักษณหรือ
เอกลักษณ์ หรือลักษณะเด่นแตกต่างอย่างส�าคัญ ลักษณะเดนของคนไทยที่ทรงคุณคาตอสังคม
กับชนชาติอื่น ดังต่อไปนี้ ไทยบนกระดานหนาชั้นเรียน จากนั้นให
๑.๑) ความมี เ มตตากรุ ณ า นักเรียนบอกวาเอกลักษณแบบใดที่มีรากฐาน
คนไทยเป็นคนชอบสงสารคนอืน่ เห็นอกเห็นใจ มาจากพระพุทธศาสนา
คนอื่น ยิ่งเป็นคนต่างถิ่น ต่างภาษา ยิ่งแสดง 3. ครูใหนักเรียนตอบคําถามวา พุทธศาสนิกชน
ความเมตตากรุ ณ าต่ อ เขาอย่ า งเต็ ม ที่ รู ้ จั ก ที่ดีมีวิธีการปฏิบัติตนเพื่อรักษาเอกลักษณที่ดี
ประสานประโยชน์ ความมีน�้าใจเป็นเอกลักษณ์ ของสังคมไทยไวอยางไร
ที่เด่นชัดของคนไทยที่คนต่างชาติมักกล่าวถึง (แนวตอบ เชน ศึกษาและปฏิบัติตนตามหลัก-
ไมตรีจติ ของคนไทยเป็นไปอย่างสากล กล่าวคือ ธรรมทางพระพุทธศาสนา เขารวมพิธีกรรมใน
แสดงออกแก่ ค นทั่ ว ไปเสมอเหมื อ นกั น หรื อ วันสําคัญทางพระพุทธศาสนา เปนตน)
คล้ายคลึงกัน ไม่แบ่งพวกแบ่งหมู่ ไม่จา� กัดชาติ การปลดปล่อยสัตว์ให้ส่คู วามเป็นอิสระ เป็นตัวอย่างหนึ่ง 4. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 1.5 จากแบบวัดฯ
ศาสนา ให้เกียรติแก่คนต่างชาติ ต่างศาสนา ในการแสดงออกถึงความมีเมตตากรุณา พระพุทธศาสนา ม.2
ยินดีรับคนต่างถิ่นที่มีวิถีชีวิตและความเชื1 ่อที่แตกต่างจากตนได้ ทั้งนี้เพราะผลของหลักค�าสอน
ทางพระพุทธศาสนาเรื่องพรหมวิหาร ๔ อันมีเมตตากรุณาเป็นประธาน และแนวความคิดทาง ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ
พระพุทธศาสนาที่สอนว่า “เรารักสุข เกลียดทุกข์ฉันใด คนอื่นก็รักสุข เกลียดทุกข์ฉันนั้น เพราะ พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 1.5
ฉะนั้นจึงควรรักใคร่และสงสารคนอื่น ไม่เบียดเบียนเขา” หนวยที่ 1 ประวัติและความสําคัญของพระพุทธศาสนา
๑.๒) ความเป็นคนใจกว้าง ไม่เห็นแก่ตัว เอกลักษณ์ข้อนี้สืบเนื่องมาจากข้อแรก กิจกรรมที่ ๑.๕ ใหนักเรียนวิเคราะหความสําคัญของพระพุทธศาสนา
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
ñð
ในประเด็นที่กําหนด (ส ๑.๑ ม.๒/๓)
เมื่อรักและสงสารคนอื่น ไม่อยากให้เขาได้รับทุกข์ ก็จะสละทรัพย์สิน ข้าวของ เงินทอง เผื่อแผ่
คนอื่น มีอะไรก็แบ่งกันกินแบ่งกันใช้ ดังค�าพังเพยที่กล่าวถึงลักษณะนิสัยที่ดีงามข้อนี้ว่า “ประเพณี ๑. พระพุทธศาสนามีความสําคัญในแงเปน
มรดกสําคัญของชาติไทยอยางไร
๒. “วิถีไทยคือวิถีพุทธ วิถีพุทธคือวิถีไทย”
นั ก เรี ย นมี ค วามคิ ด เห็ น อย า งไรกั บ
ไทยแท้แต่โบราณ ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ” พระพุทธศาสนามีความสําคัญตอชาติไทย
…………………………………………………………………………….
โดยเป น มรดกและคลั ง สมบั ติ ท างด า น
…………………………………………………………………………….
คําพูดนี้
คนไทยดําเนินชีวิตบนพื้นฐานหลักธรรม
…………………………………………………………………………….
๑.๓) ความเป็นคนไม่ยึดมั่นเกินไป รู้จักวางและ “ปลง” ได้เมื่อถึงคราวจ�าเป็น รู ป ธรรมที่ ลํ้ า ค า ที่ ค วรแก ก ารดู แ ลรั ก ษา
…………………………………………………………………………….
ใหคงอยูคูชาติไทย ดังจะเห็นไดจากนับ
…………………………………………………………………………….
คํ า สอนของพระพุ ท ธศาสนา ความคิ ด
…………………………………………………………………………….
ความเชือ่ การตัดสินใจ ลวนไดรบั อิทธิพล
…………………………………………………………………………….
ตั้งแตอดีตมาคนไทยมีจิตศรัทธาเลื่อมใส มาจากหลั ก คํ า สอนในพระพุ ท ธศาสนา
คุ ณ สมบั ติ ข ้ อ นี้ เ ป็ น ผลจากหลั ก ค� า สอนทางพระพุ ท ธศาสนาที่ ส อนว่ า สรรพสิ่ ง เป็ น อนิ จ จั ง …………………………………………………………………………….
พระพุทธศาสนาและรวมแรงรวมใจสรางสรรค
…………………………………………………………………………….
โบราณสถาน โบราณวัตถุที่เกี่ยวเนื่องใน
…………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………….
เชน การเชื่อในเรื่องกฎแหงกรรม การนํา
…………………………………………………………………………….
หลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาประยุกต
…………………………………………………………………………….
ไม่เที่ยงแท้ยั่งยืน เป็นทุกข์ หาตัวตนมิได้ เรามาตัวเปล่าและไปตัวเปล่า ตายแล้วก็เอาอะไรไปด้วย พระพุทธศาสนาขึน้ มากมาย ซึง่ สิง่ เหลานีย้ งั
…………………………………………………………………………….
เปนหลักฐานสําคัญในการสืบคนและยืนยัน
…………………………………………………………………………….
ใชในการดําเนินชีวิต เปนตน
…………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………. ฉบับ
29 หลักคําสอนทางพระพุทธศาสนาที่สอนให
…………………………………………………………………………….
รูจักเอื้อเฟอเผื่อแผ ชวยเหลือกัน มีนํ้าใจ
…………………………………………………………………………….
คนไทยใหมีความเอื้อเฟอ มีเมตตากรุณา มี
…………………………………………………………………………….
นํ้าใจ ซึ่งจะปรากฏออกมาผานทางรอยยิ้ม
…………………………………………………………………………….
ไมตรีตอกัน เห็นใครเดือดรอนก็ใหความ
……………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………….
ชวยเหลือเทาที่จะสามารถทําได
……………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………….
(พิจารณาคําตอบของนักเรียน โดยใหอยูในดุลยพินิจของครูผูสอน)
๗
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
พระพุทธศาสนาหลอหลอมใหคนไทยมีลักษณะนิสัยที่โดดเดนแตกตาง
ครูควรรวมสนทนากับนักเรียนถึงลักษณะนิสัยใจคอของคนไทยโดยทั่วไปวา
จากคนชาติอื่นอยางไร
เปนอยางไร เพื่อใหนักเรียนเขาใจภาพรวมของอุปนิสัยคนไทยไดดียิ่งขึ้น
แนวตอบ พระพุทธศาสนาชวยหลอหลอมและปลูกฝงใหคนไทยมีนํ้าใจ
เอื้อเฟอตอผูอื่น รูจักใหความชวยเหลือเมื่อเห็นผูอื่นตกทุกขไดยาก
ไมเห็นแกตวั เอารัดเอาเปรียบผอู นื่ รูจ กั การแบงปน การเอือ้ เฟอ เผือ่ แผ รจู กั นักเรียนควรรู
การปลอยวาง ไมยึดติด ไมยึดมั่นถือมั่น เพราะพระพุทธศาสนาสอนวา
1 พรหมวิหาร 4 ธรรมของพรหมหรือของทานผูเปนใหญ มี 4 ประการ ไดแก
ทุกสรรพสิ่งลวนไมเที่ยง มีเสื่อมสลายเปนธรรมดา ทําใหคนไทยใหอภัย 1. เมตตา คือ ความปรารถนาใหผูอื่นมีความสุข
ผูอื่นงาย ไมผูกพยาบาท ไมผูกใจเจ็บ อุปนิสัยเหลานี้ลวนเปนผลมาจาก 2. กรุณา คือ ความปรารถนาใหผูอื่นพนทุกข
การหลอหลอมของพระพุทธศาสนาทั้งสิ้น 3. มุทิตา คือ ความยินดีเมื่อผูอื่นไดดี
4. อุเบกขา คือ การรูจักวางเฉย
คูมือครู 29
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนกั เรียนยกตัวอยางโบราณสถานทีส่ รางขึน้
อันเนื่องมาจากความศรัทธาในพระพุทธศาสนา เอกลักษณ์ หรือลักษณะเด่นไม่เหมือนใครของคนไทยโดยสรุป ๓ ประการข้างต้นนัน้
มาคนละ 1 แหง และบอกถึงความสําคัญทาง เป็นผลจากหลักค�าสอนทางพระพุทธศาสนา ที่ได้ศึกษาและปฏิบัติตามค�าสอนของพระพุทธเจ้า
พระพุทธศาสนาของสถานที่นั้น จนเข้าใจซาบซึ้ง และสามารถน�ามาปรับประยุกต์ ใช้ในชีวิตประจ�าวัน จนหล่อหลอมเป็นเลือด
2. ครูใหนักเรียนจับกลุม 3-5 คน เพื่ออภิปรายใน เป็นเนื้อ เป็นจิตวิญญาณของตนตลอดมาและตลอดไป
ประเด็น โบราณสถานมีประโยชนตอการศึกษา
๒) ในแง่มรดก พระพุทธศาสนาเป็นมรดกตกทอดมาแต่บรรพกาล โดยแบ่งได้ ดังนี้
ประวัติศาสตรทางพระพุทธศาสนาอยางไร
๒.๑) มรดกทางรูปธรรม ประเทศไทยมีโบราณวัตถุ โบราณสถานล�้าค่ามากมาย
จากนัน้ สงตัวแทนกลุม มารายงานผลการอภิปราย
ทีส่ ร้างขึน้ ด้วยความศรัทธาในพระพุทธศาสนา เช่น วัดวาอาราม สถูปเจดีย์ พระพุทธรูป จิตรกรรม
หนาชั้นเรียน
ฝาผนัง สิ่งเหล่านี้บ่งบอกถึงสภาพชีวิตและจิ
1 ตใจของคนไทยได้เป็นอย่างดี ว่าคนไทยแต่โบราณ
3. ครูใหนักเรียนอธิบายวา
มีความเป็นอยู่ดี “ในน�้ามีปลา ในนามีข้าว” มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ จึงได้สร้างโบราณสถาน
• หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาเปนมรดกของ
และโบราณวัตถุที่มีขนาดใหญ่โต และสวยงามยิ่งไว้เป็นมรดกแก่อนุชนรุ่นหลัง
สังคมไทยอยางไร
๒.๒) มรดกทางนามธรรม พระพุทธศาสนาได้หล่อหลอม กล่อมเกลาจิตใจของ
(แนวตอบ หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาเปน
คนไทยให้ละเอียดประณีต เป็นที่ยอมรับและยกย่องว่าเป็นชนชาติที่มีเอกลักษณ์พิเศษไม่เหมือน
สิง่ ทีห่ ลอหลอมและกลอมเกลาจิตใจของคนไทย
ชนชาติอื่น เช่น เป็นคนใจบุญสุนทาน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ โอบอ้อมอารี มีความเป็นมิตรกับทุกคน
นับตัง้ แตอดีตมาจนถึงปจจุบนั กลาวคือ ทําให
รู้จักประสานประโยชน์ ไม่นิยมความรุนแรง เข้าใจคนอื่น คารวะอ่อนน้อม กตัญญูกตเวที ร่าเริง
คนไทยเปนคนเอื้อเฟอเผื่อแผ โอบออมอารี
ไม่เป็นคนเจ้าทุกข์ เข้าใจธรรมชาติของชีวิต รู้จักปลงได้ง่าย ไม่ยึดมั่นสิ่งใดเกินเหตุ คุณสมบัติ
มีความกตัญูกตเวที พรอมที่จะรับฟง
อันเป็นจุดเด่นเหล่านี้ เป็นผลจากการที่คนไทยนับถือและปฏิบัติตามค�าสอนของพระพุทธศาสนา
ความคิดเห็นผูอื่น อันทําใหคนในสังคม
และได้สืบทอดเป็นมรดกมาจนถึงทุกวันนี้
อยูรวมกันอยางมีความสุข)
โบราณสถานที่จัดเป็นมรดกทางรูปธรรม ที่สร้างขึ้นด้วยความศรัทธาในพระพุทธศาสนาและเป็นมรดกอันล้ำาค่าที่ตกทอด
มาจนถึงปัจจุบนั
30
บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู ครูสามารถนําเนื้อหาเรื่องโบราณสถานโบราณวัตถุที่สรางสรรคขึ้นจาก
ความศรัทธาในพระพุทธศาสนา ไปบูรณาการเชือ่ มโยงกับกลมุ สาระการเรียนรู
1 ในนํ้ามีปลา ในนามีขาว เปนขอความที่ปรากฏอยูในศิลาจารึกหลักที่ 1
ของพอขุนรามคําแหงมหาราช ซึ่งสันนิษฐานวาทรงประดิษฐขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1826 สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาประวัติศาสตร เรื่องพัฒนาการทาง
ขอความนี้สื่อวากรุงสุโขทัยมีความอุดมสมบูรณอยางมาก ดานศิลปวัฒนธรรมสมัยสุโขทัย อยุธยา ธนบุรี และรัตนโกสินทร โดยรวมกัน
อภิปรายในประเด็นรูปแบบ วัฒนธรรมอื่นที่มีอิทธิพล และความสําคัญของ
การสรางศิลปกรรมนั้นๆ
บูรณาการอาเซียน
ครูอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนเขาใจวา ดวยความโอบออมอารี ความมีนํ้าใจ
และความกรุณาปราณีของคนไทยที่เกิดจากการหลอหลอมของพระพุทธศาสนา
ทําใหในคราวที่กัมพูชาเกิดสงครามกลางเมือง จนคนกัมพูชาตองอพยพมาอยู
ตามแนวชายแดนประเทศไทยนั้น คนไทยก็ใหความชวยเหลืออยางดี ทั้งดาน
อาหาร ยารักษาโรค แหลงพักพิง และปจจัยสําคัญตอการดํารงชีพอื่นๆ ซึ่งก็เปน
เพราะคนไทยไมสามารถทนนิ่งเฉยดูดายตอคนที่หนีรอนมาพึ่งเย็นได จึงตองให
ความชวยเหลือไปตามกําลังที่จะสามารถกระทําได
30 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนออกมาเลาประสบการณ
2.4 พระพุทธศาสนากับการพัฒนาชุมชน การมีสวนรวมในการพัฒนาชุมชนใหเพื่อนฟง
การพัฒนาชุมชนประกอบไปด้วยการพัฒนาวัตถุ และการพัฒนาจิตใจ แม้ว่าการพัฒนา จากนั้นใหนักเรียนรวมกันอภิปรายถึงบทบาท
จะเป็นหน้าที่โดยตรงของฝ่ายบ้านเมือง แต่ ของพระพุทธศาสนาที่มีสวนในการสรางและ
พระพุทธศาสนาก็มีส่วนร่วมได้ พระพุทธเจ้าได้ พัฒนาชุมชนในปจจุบัน
ทรงตั้งคณะสงฆ์ขึ้น คณะสงฆ์นี้เป็นชุมชนที่ 2. ครูใหนักเรียนวิเคราะหถึงบทบาทและหนาที่
ชาวบ้านจะถือเป็นแบบอย่างได้ พระสงฆ์มหี น้าที่ ของคณะสงฆไทยในปจจุบันในการสรางและ
ที่จะจาริกไป “เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขของ พัฒนาชุมชน
ประชาชน เพื่ออนุเคราะห์ชาวโลก” (แนวตอบ พระสงฆในปจจุบันมีบทบาทสําคัญ
๑) การพัฒนาด้านวัตถุ แม้ว่า ในการนําหลักธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจา
พระพุทธศาสนาจะเน้นการพัฒนาจิตใจมากกว่า ไปปฏิบัติใหเกิดผลและนําผลที่เกิดขึ้นมาอบรม
การพัฒนาวัตถุ แต่พระพุทธศาสนาก็ถือว่าวัตถุ สั่งสอนประชาชนใหอยูในศีลธรรม อันจะนํามา
เป็นสิง่ ส�าคัญ ดังมีคา� สอนว่า “ความยากจนเป็น ซึ่งความสงบสุขของสังคม เชน ทาน ว.วชิร-
บ่อเกิดของอาชญากรรม” พระสงฆ์ในพระพุทธ อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย ตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นพระบรมธาตุ เมธี พระนักเทศนและบรรยายธรรม ตลอดจน
ศาสนามีบทบาทในการพัฒนาด้านวัตถุเสมอมา ดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ ครูบาศรีวิชัยเป็นผู้นำาสงฆ์ที่มี เขียนหนังสือเกี่ยวกับหลักธรรมทางพระพุทธ-
เพื่อความเหมาะสมแก่สมณสารูป พระสงฆ์ บทบาทสำาคัญในการช่วยชี้แนะหรือเป็นผู้นำาทางความดี ศาสนา เพื่อเผยแผและสรางความเขาใจทาง
ในการพัฒนาชุมชน พระพุทธศาสนาที่ถูกตองใหกับพุทธศาสนิกชน
มิได้ลงมือท�าเอง แต่ก็เป็นผู้ริเริ่มและเป็นผู้น�า
ทางความคิด เช่น ครูบาศรีวชิ ยั น�าชาวบ้านสร้างทางขึน้ ดอยสุเทพ ท่านเป็นผูร้ เิ ริม่ ชักชวน เป็นต้นคิด พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต พระนักเผยแผ
แต่ท่านก็ไม่ได้ไปขุดดิน ยกหินด้วยมือของท่านเอง และนักบรรยายธรรมรุนใหม ทั้งทางโทรทัศน
พระที่บุคคลทั่วไปรู้จักดีอีกรูปหนึ่งก็คือ พระราชธรรมนิเทศ (พยอม กัลยาโณ) และสื่อตางๆ อีกทั้งยังเขียนหนังสือเกี่ยวกับ
แห่งวัดสวนแก้ว จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มสร้างโรงงาน ปรับปรุงของเก่าๆ ที่ใช้แล้วให้เป็น หลักธรรมทางพระพุทธศาสนามากมาย
ของใหม่ ใช้งานได้อกี ซึง่ แม้ทา่ นจะมิได้ลงมือซ่อมหรือปรับปรุงด้วยตนเอง แต่กเ็ ป็นผูร้ เิ ริม่ แนะน�า ตลอดจนเปนเจาของตนตํารับธรรมะเดลิเวอรี
ท�าให้เยาวชนจ�านวนไม่นอ้ ยมีอาชีพการงานท�าเป็นหลักแหล่ง และท่านได้จดั ตัง้ มูลนิธสิ วนแก้วขึน้ คือ ธรรมะสามารถไปหาผูสนใจไดทุกที่
ใน พ.ศ. ๒๕๒๙ เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนาและร่วมมือกับองค์กรการกุศลเพื่อสาธารณประโยชน์ ไมจําเปนตองอยูที่วัด ทําใหพุทธศาสนิกชน
๒) การพัฒนาทางด้านจิตใจ การพัฒนาทางด้านจิตใจเป็นภารกิจหลักของพระภิกษุ เขาถึงธรรมะไดงายขึ้น สงผลใหคนเปนคนดี
ในพระพุทธศาสนา เรื่องจิตใจเป็นเรื่องส�าคัญ ไม่ว่าจะพัฒนาชุมชนให้เป็นไปอย่างไร สิ่งส�าคัญ มีศีลธรรม สังคมเกิดความสงบสุข)
ก็คือ ความมีวินัย ความสามัคคี ความซื่อสัตย์ ความไม่เห็นแก่ตัว ความขยันหมั่นเพียร ความ
ไม่ประมาท ให้คา� นึงถึงความจ�าเป็น ความพอดี ความเหมาะสม ไม่เพลิดเพลินไปกับสิง่ ยัว่ ยุทงั้ หลาย
ทีป่ จั จุบนั นีไ้ ด้หลัง่ ไหลเข้ามากับอารยธรรม ค่านิยม ความเชือ่ ต่างๆ คุณธรรมเหล่านีล้ ว้ นเป็นปัจจัย
ส�าคัญที่จะช่วยพัฒนาชุมชนให้เจริญก้าวหน้า ซึ่งพระพุทธศาสนาก็มีหลักค�าสอนเกี่ยวกับเรื่อง
เหล่านี้มากมาย โดยมีพระสงฆ์เป็นผู้น�า เป็นผู้อบรม และปลูกฝังคุณธรรมดังกล่าวให้แก่ชาวบ้าน
31
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
ครูมอบหมายใหนักเรียนไปสืบคนประวัติ หลักคําสอน และผลงานของ ครูควรอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนเขาใจวา การพัฒนาทางดานจิตใจ ไมได
พระสงฆที่มีบทบาทดานการพัฒนาจิตใจของคนทั่วไปในสังคม เชน หมายความวาจะตองลดละเลิกการพัฒนาทางดานวัตถุ เราสามารถพัฒนาทั้งสอง
พระเมธีวชิโรดม (ว. วชิรเมธี) พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต เปนตน จากนั้น ดานไปพรอมๆ กัน ใหประสานกลมกลืนกันอยางเหมาะสมได โดยที่เราพัฒนาวัตถุ
เขียนสรุปความยาว 1 หนากระดาษ A4 สงครูผูสอน เพื่อตอบสนองตอความจําเปนเทานั้น ไมฟุงเฟอ เหอเหิมมากจนเกินไป และไม
ตกเปนทาสของวัตถุ ในขณะเดียวกันก็พัฒนาดานจิตใจไปดวย เพื่อใหคนมี
คุณธรรมทําแตความดี ไมทําความชั่วหรือสิ่งไมดี สังคมจะไดมีแตความสงบสุข
กิจกรรมทาทาย
มุม IT
ครูมอบหมายใหนักเรียนไปสืบคน “พระนักพัฒนาในชุมชน” วาทาน ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติของครูบาศรีวิชัย ไดที่
มีบทบาทในการพัฒนาชุมชนหรือคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนอยางไร http://www.lannaworld.com เว็บไซตโลกลานนา
พรอมทั้งบันทึกและนํามาอภิปรายในชั้นเรียน
คูมือครู 31
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายในประเด็นที่วา
• กฎหมายและกฎทางศีลธรรมมีความ ในหนังสือเรียนพระพุทธศาสนามีหลักพัฒนาคุณธรรมอยู่มากมายที่นักเรียนได้ศึกษา
สอดคลองกันหรือไม อยางไร ผ่านมาแล้ว ณ ที่นี้จะขอขยายความเพิ่มเติมเฉพาะหลักธรรมที่นักเรียนควรเรียนรู้เพื่อประโยชน์
2. ครูใหนักเรียนตอบคําถามวา ในการด�ารงชีวิต ดังต่อไปนี้
• พระพุทธศาสนาชวยแกปญ หาสังคมไดอยางไร การท�างานร่วมกันในชุมชนนั้น ควรพิจารณาในหลักอธิปไตย ๓
(แนวตอบ พระพุทธศาสนาปลูกฝงใหคน (๑) อัตตาธิปไตย คือ การถือตนเป็นใหญ่
ในสังคมมีศีลธรรมในการดําเนินชีวิต รูจัก (๒) โลกาธิปไตย คือ การถือโลกหรือความนิยมของโลกเป็นใหญ่
แยกแยะวาสิ่งใดควรทําหรือไมควรทํา สังคม (๓) ธัมมาธิปไตย คือ การถือธรรมหรือความถูกต้องเป็นใหญ่
จึงมีความสงบสุข) ตามหลักธรรมข้อนี้ การจะท�าอะไรด้วยกันก็ตาม ต้องถือเอาความถูกต้องตามธรรม
3. ครูยกกรณีศึกษาเกี่ยวกับปญหาทางสังคม เชน เป็นตัวตัดสิน มิใช่เอาความคิดของตนหรือความคิดของชาวโลกเป็นใหญ่
ปญหาการจราจร ปญหาวัยรุนยกพวกตีกัน
2.5 พระพุทธศาสนากับการจัดระเบียบสังคม
เปนตน จากนั้นใหนักเรียนวิเคราะหแนวทาง
การแกปญหาที่จะทําใหสังคมดีขึ้นในระยะยาว ทุกสังคมต้องมีระเบียบ ระเบียบในที่นี้ หมายถึง กฎหมาย ข้อบังคับ จารีตประเพณี สังคม
4. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 1.6 จากแบบวัดฯ ที่ไม่มีระเบียบจะเกิดความสับสนอลหม่าน ถ้าผู้คนละเมิดสิทธิซึ่งกันและกัน การอยู่อย่างสงบสุข
พระพุทธศาสนา ม.2 เป็นไปไม่ได้ หากไม่มีกฎหมาย ใครโกรธใครก็อาจไปฆ่าหรือท�าร้ายกันก็ได้ อยากได้ของของเขา
ก็ไปขโมยเอา อยากประพฤติผิดคู่ครองคนอื่นก็ท�า สังคมอย่างนี้ไม่มีใครอยู่ได้
ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ นอกจากกฎหมายจะคุ้มครองชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน และอื่นๆ ของคนในสังคมแล้ว
พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 1.6 กฎหมายยังคุ้มครองเด็กเป็นพิเศษด้วย เช่น มีกฎหมายห้ามเด็กอายุต�่ากว่า ๒๐ ปี เข้าไปเที่ยว
หนวยที่ 1 ประวัติและความสําคัญของพระพุทธศาสนา ในสถานบันเทิงบางประเภท ห้ามขายเครือ่ งดืม่
กิจกรรมที่ ๑.๖ ใหนักเรียนอานขาวตอไปนี้ แลววิเคราะหในประเด็น
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได แอลกอฮอล์ให้เด็ก เป็นต้น นอกจากนี้ กฎหมาย
ñð
ที่กําหนด (ส ๑.๑ ม.๒/๔)
ยังห้ามเสพสิ่งเสพติดอีกด้วย ทั้งหมดนี้ก็คือ
รวบ นักเรียน-นักเลงตีกันมั่วบนรถเมล
เมื่อเวลา ๑๕.๐๐ น. วันที่ ๑๑ ม.ค. พ.ต.ท.สนอง แสงมณี สว.จร.สน.วิภาวดี รับแจงเหตุ
นักเรียนยกพวกตีกนั บนรถประจําทางบริเวณแยกสุทธิสาร ถนนวิภาวดีรงั สิต แขวงสามเสนนอก
กฎหมายป้องกันมิให้คนท�าร้ายตัวเอง คนที่
เขตหวยขวาง จึงรีบนํากําลังไประงับเหตุ เมื่อไปถึงพบรถประจําทางสาย ๑๘๗ ทะเบียน
๑๓-๗๐๐ กรุงเทพมหานคร หมายเลขขางรถ ๑๘๗-๑๐ มีนายพรชัย ประภายนต อายุ ๕๕ ป ยังเป็นเด็กหรือคนทีห่ ลงผิดไปชัว่ วูบ อาจท�าอะไร
คนขับรถ จอดอยูบริเวณปอมตํารวจใตสะพานขามสุทธิสาร โดยมีผูโดยสารที่อยูในอาการ
ตื่นตระหนกอยูเต็มคันรถ เบื้องตนควบคุมตัวนักเรียนโรงเรียนพาณิชยการแหงหนึ่งได ๑๒ คน
และโรงเรียนชางกลแหงหนึ่งอีก ๘ คน พรอมยึดอาวุธดาบซามูไร ๑ เลม มีดพกสั้น ๔ เลม
ที่เป็นอันตรายต่อตัวเองได้ กฎหมายก็ปกป้อง
จากการสอบสวนนายพรชัยใหการวา ตนไดรบั กลุม นักเรียนพาณิชยมาจากปายรถประจําทาง
หนา รพ.ทหารผานศึก เมื่อมาถึงปายรถประจําทางดานหนาสโมสรทหารบก กลุมนักเรียน คนเหล่านี้ไว้
ชางกลจํานวน ๘ คน ก็ไดขึ้นมาบนรถ ตอมาก็ไดยินเสียงตะโกนโวยวายอยูดานหลังรถ
พอหันไปดูก็เห็นนักเรียนกําลังตะลุมบอนพรอมทั้งมีอาวุธมีดอยูในมือ ตนจึงตกใจรีบขับรถ
เขามาแจงตํารวจที่ปอมตํารวจจราจร จนตํารวจสามารถจับกุมไดดังกลาว เบื้องตนเจาหนาที่
เมือ่ มีกฎและระเบียบ สังคมก็ตอ้ งมีวธิ กี าร
ฉบับ
เฉลย นําตัวนักเรียนทัง้ ๒ โรงเรียนไปทีส่ น.สุทธิสาร เพือ่ ทําประวัตพิ รอมทัง้ ดําเนินการตามกฎหมาย
ตอไป ท�าให้คนปฏิ 1 บัติตาม วิธีที่สังคมน�ามาใช้ก็คือ
๑. สาระสําคัญของขาวเกี่ยวกับเรื่องอะไร
ที่มา : www.dailnews.co.th/ ประจําวันที่ ๑๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๔
การลงโทษ เช่น ปรับ จ�าคุก หรืออื่นๆ ถ้าไม่มี
ปญหานักเรียนตีกนั ซึง่ เกิดจากความคึกคะนอง การใชอารมณในการตัดสินปญหาจนเกิดความรุนแรง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
สงผลใหมีการบาดเจ็บและสรางความเดือดรอนตอคนรอบขาง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
การลงโทษก็ไม่มีใครกลัวการกระท�าผิด และ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
๒. นักเรียนมีความคิดเห็นเชนไรกับปญหากรณีนี้ที่เกิดขึ้นบอยในสังคมปจจุบัน
การจัดระเบียบการจราจรถือเป็นการจัดระเบียบทางสังคม บ้านเมืองก็ป ราศจากกฎเกณฑ์และระเบีย บ
เปนปญหาที่เกิดจากการปลูกฝงคานิยมในการรักสถาบันที่ผิด ซึ่งมีการปลูกฝงจากรุนสูรุน ประการหนึ่งที่ทำาให้ผู้ขับขี่ใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติ
รวมถึงความไม่ปกติสุข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ซึ่งถาหากยังไมเปลี่ยนวิธีคิด ปญหาเหลานี้ก็จะยังคงเกิดขึ้นในสังคมไทยและจะสงผลกระทบตอการ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
พัฒนาประเทศ เพราะเยาวชนเหลานี้ก็คือกําลังสําคัญของชาติตอไปในอนาคต
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
เพื่อทำาให้การอยู่ร่วมกันในสังคมเป็นปกติสุข
๓. พระพุทธศาสนาสามารถนํามาแกไขปญหากรณีนี้ไดอยางไร
เราสามารถนําหลักธรรมคําสอนทางพระพุทธศาสนามาใชแกไขปญหาดังกลาวได เชน การใชความ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
เมตตากรุณา การเอื้อเฟอเผื่อแผ การชวยเหลือเกื้อกูล ไมแบงฝกแบงฝาย รวมทั้งหลีกเลี่ยงการใช
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ความรุนแรงและใชเหตุผลในการตัดสินปญหา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
32
๘
บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู ครูสามารถนําเนือ้ หาเรือ่ งกฎหมายไปบูรณาการเชือ่ มโยงกับกลมุ สาระ
การเรียนรูส งั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาหนาที่พลเมือง วัฒนธรรม
1 การลงโทษ โทษทางอาญาสําหรับลงโทษผูกระทําความผิด มีดังตอไปนี้
1. ประหารชีวิต คือ ดําเนินการดวยวิธีฉีดสารพิษใหตาย ซึ่งโทษประหารชีวิต และการดําเนินชีวิตในสังคม เรื่องกฎหมายกับการดําเนินชีวิตประจําวัน
นั้นอาจลดโทษได แตจะไมมีการเพิ่มโทษเด็ดขาด โดยครูอธิบายใหนักเรียนฟงวา กฎหมาย หมายถึง ขอบังคับของรัฐอันเปน
2. จําคุก คือ การเอาตัวไปขังไวในเรือนจํา ซึ่งอาจเปนโทษจําคุกตลอดชีวิต สวนหนึ่งของการจัดระเบียบทางสังคม เพื่อใชควบคุมประพฤติของพลเมือง
หรือเปนโทษจําคุกตามที่ศาลกําหนดเวลาในการลงโทษไวอยางแนนอนแลว หากผูใดฝาฝนจะตองไดรับโทษหรือผลรายอยางใดอยางหนึ่ง โดยเจาหนาที่
3. กักขัง คือ การเอาตัวผูที่กระทําความผิดไปกักขังหรือควบคุมไวใน ของรัฐเปนผูดําเนินการบังคับ กฎหมายมีความสําคัญ คือ สรางความเปน
สถานที่กักขังที่กําหนดไวที่ไมใชเรือนจํา อาจเปนที่อยูอาศัยของผูตองโทษกักขังเอง ระเบียบแกสังคมและประเทศชาติ ทําใหการบริหารและพัฒนาประเทศเปนไป
หรือสถานที่อื่นที่เหมาะสมก็ได อยางรวดเร็ว ประเทศชาติเจริญกาวหนา และเปนหลักในการจัดระเบียบการ
4. ปรับ คือ โทษที่ศาลพิพากษาใหผูตองโทษนั้นชําระเงินคาปรับตอศาลตาม ดําเนินชีวติ ใหแกประชาชน ทําใหสังคมเกิดความเปนระเบียบเรียบรอย
ที่กําหนดภายในสามสิบวันนับแตวันที่ศาลพิพากษา ถาหากไมทําตามที่ศาลสั่ง ลักษณะของกฎหมาย มีดังนี้
ก็อาจถูกยึดทรัพยหรือถูกกักขังแทนคาปรับ 1. ตองมีลักษณะเปนคําสั่งหรือขอบังคับ
5. ริบทรัพยสิน คือ การลงโทษริบเอาทรัพยสินของผูกระทําความผิดมาเปน 2. ตองเปนคําสั่งหรือขอบังคับที่ออกโดยรัฏฐาธิปตย
ของรัฐ 3. ตองเปนคําสั่งหรือขอบังคับที่ใชบังคับไดทั่วไป
4. ตองมีสภาพบังคับ
32 คูมือครู 5. ตองมีผลใชบังคับไดตลอดไปจนกวาจะมีการแกไขหรือยกเลิก
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ Expand
1. ครูใหนักเรียนจับกลุม 6-8 คน เพื่อแสดง
วิธีการลงโทษนี้เป็นวิธีที่ท�าให้สังคมมีระเบียบ พระพุทธศาสนาก็ไม่ปฏิเสธวิธีการเช่นนี้ บทบาทสมมติในรูปแบบละครสั้นที่มีเรื่องราว
แต่พระพุทธศาสนาเห็นว่า มีอีกวิธีหนึ่ง คือ อบรมปลูกฝังคนในสังคมให้มีจิตส�านึกว่าอะไรดี สะทอนถึงความสําคัญของพระพุทธศาสนาที่มี
อะไรชั่ว ห้ามตัวเองมิให้ท�าในสิ่งที่ผิด การลงโทษโดยกฎหมายเป็นการลงโทษจากภายนอก แต่ถ้า ตอสังคมไทย
จะให้แน่ใจจริงๆ ต้องห้ามตัวเองโดยเลี่ยงจากภายใน การที่คนไม่ท�าผิดเกิดจากปัจจัย ๒ อย่าง คือ 2. เพื่อนในชั้นเรียนกลุมอื่นวิเคราะหถึงขอคิดของ
หนึ่ง เคารพกฎหมาย สอง เคารพตัวเอง ซึ่งพระพุทธศาสนาถือว่าอย่างที่สองส�าคัญกว่า ละครดังกลาว
การเคารพกฎหมายมิใช่สิ่งเดียวที่ท�าให้คนไม่กระท�าผิด แต่มีอีกสิ่งหนึ่งซึ่งอาจส�าคัญกว่า
นั่นคือ การเคารพตนเอง การที่คนไม่กระท�าความผิดนั้นมีสาเหตุได้ ๒ อย่าง คือ หนึ่ง กลัวได้รับ ตรวจสอบผล Evaluate
การลงโทษหรือกลัวคนอืน่ ติเตียน สอง มีความละอาย และความขยะแขยงต่อความผิด อย่างแรก 1. ตรวจสอบจากความถูกตองในการตอบคําถาม
เรียกว่า เคารพกฎหมาย อย่างหลังเรียกว่า เคารพตนเอง ทีเ่ รียกว่าเคารพตนเองนัน้ ก็เพราะว่าการ และรวมอภิปราย
ที่ไม่ท�าผิดนั้นมิใช่เพราะกลัวคนติเตียนหรือกลัวจะถูกลงโทษ แต่เพราะใช้สติปัญญาพิจารณาด้วย 2. ตรวจสอบจากความชัดเจนในการนําเสนอ
ตนเอง แล้วเห็นว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งผิดแล้วไม่อยากท�า คนที่เคารพตนเองนั้นไม่ท�าผิดเพราะสิ่งนั้น ความสําคัญของพระพุทธศาสนาผานการ
เป็นสิ่งผิด มิใช่เพราะกลัวว่าเมื่อท�าแล้วจะมีผู้อื่นมาลงโทษหรือติเตียน แสดงละครสั้น
ภายหลังจากที่พระเจ้าอโศกมหาราช ได้ทรงจัดส่งสมณทูตเพื่อเดินทางไปเผยแผ่
พระพุทธศาสนายังดินแดนต่างๆ ท�าให้พระพุทธศาสนาแผ่ขยายไปทัว่ และเจริญขึน้ ในดินแดนต่างๆ
ทั้งในประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง เช่น เมียนมา อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์
ลาว กัมพูชา และเวียดนาม
การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศต่างๆ แม้จะมีปัญหาและอุปสรรคอันเนื่อง
มาจากสภาพความวุ่นวายทางการเมือง และสภาวะสงครามเป็นส่วนใหญ่ แต่โดยทั่วไปประชาชน
ก็ยังมีศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างเหนียวแน่นจนยากที่จะคลอนแคลนได้ ส�าหรับประเทศไทย
พระพุทธศาสนาได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตจนกลายเป็นเอกลักษณ์และมรดกทางสังคม
สืบต่อเนื่องกันเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะการพัฒนาบุคคล ชุมชน สังคม รวมถึงการจัด
ระเบียบสังคมให้บุคคลในสังคมอาศัยอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข
33
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
พระพุทธศาสนาทําใหสังคมเกิดความเปนระเบียบและมีความสงบสุข
ครูควรยกตัวอยางประกอบเรื่องการเคารพตนเองใหนักเรียนฟง เพื่อใหเกิด
ไดอยางไร
ความเขาใจมากยิ่งขึ้น ดังนี้
แนวตอบ หลักคําสอนของพระพุทธศาสนาสอนใหคนทําความดีและ มีชายคนหนึ่งเดินไปคนเดียวและพบกระเปาสตางคตกอยู แตไมมีใครอยูใน
ไมทําความชั่วทั้งปวง ละเวนการกระทําทุจริตทั้งทางกาย วาจา และใจ บริเวณนั้นเลย ถาเขาตองการเก็บไวเปนของตัวเองก็ยอมทําได เพราะไมมีใครรูเห็น
โดยพระพุทธศาสนาเนนวา คนเราจะตองมี “หิรโิ อตตัปปะ” คือ ความละอาย เหตุการณ หากเขาเคารพตนเอง คือ มีจิตสํานึกดี มีความละอายแกใจตนเอง รูสึก
และเกรงกลัวตอบาป ซึ่งมิใชความกลัววาจะถูกผูอื่นเห็นหรือตําหนิติเตียน ขยะแขยงความชั่ว เขาก็จะนํากระเปาสตางคใบนั้นไปสงตํารวจ คนที่เคารพตนเอง
แตกลัวเพราะสิ่งนั้นเปนความชั่ว รูสึกละอายใจที่จะตองทําความชั่ว ดังนั้น จะไมทําความชั่วทั้งในที่ลับและที่แจง ไมใชเพราะกลัวคนอื่นติเตียน แตเปนเพราะ
จึงกลาวไดวา พระพุทธศาสนาชวยจรรโลงใหสังคมมีระเบียบและเกิด สิ่งนั้นชั่ว สิ่งนั้นผิด จึงไมทํา
ความสงบสุขอยางแทจริง
คูมือครู 33
ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Evaluate
Engage Explore Explain Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
ตรวจสอบความถูกตองจากการตอบคําถาม
ประจําหนวยการเรียนรู ค íา¶ามประจ íาหน่วยการเรียนรู้
กิจกรรมสร้างสรรค์พั²นาการเรียนรู้
พุทธศาสนสุภาษิต
ͻڻÁÒ·Ú¨ àÁ¸ÒÇÕ ¸¹í àʯþ ™Ç áڢµÔ : »ÃÒªÞ‹ÍÁÃÑ¡ÉÒ
¤ÇÒÁäÁ‹»ÃÐÁÒ·äÇŒ
àËÁ×͹·ÃѾ»ÃÐàÊÃÔ°ÊØ´
34
แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. ศาสนสถานตางๆ ทั้งที่เปนโบราณสถานและวัดวาอารามตางๆ ในปจจุบัน ลวนเปนหลักฐานที่สะทอนใหเห็นถึงความเจริญรุงเรืองของพระพุทธศาสนาในดินแดนนั้นๆ ดังนี้
ประเทศเมียนมามีศาสนสถานที่สําคัญ คือ พระเจดียชเวดากอง ประเทศอินโดนีเซียมีศาสนสถานเกาแก คือ พระเจดียบุโรพุทโธ ประเทศมาเลเซียมีศาสนวัตถุเกาแก คือ
พระโพธิสัตวอวโลกิเตศวร ประเทศสิงคโปรมีสมาคมชาวพุทธถึง 2,000 สมาคม และมีวัดถึง 150 วัด ประเทศลาวมีศาสนสถานที่สําคัญหลายแหง เชน พระธาตุหลวง
ประเทศกัมพูชามีปราสาทบายน ประเทศเวียดนามมีการจัดประชุมชาวพุทธทั่วโลกเนื่องในวันวิสาขบูชา
2. พระพุทธศาสนาในบางประเทศมีความเจริญรุงเรืองมาโดยตลอด แตบางประเทศอยูในชวงฟนฟูเนื่องจากภัยสงครามกลางเมืองและการเผยแผเขามาของศาสนาอื่น ดังนี้
ประเทศเมียนมา ประชากรรอยละ 89 นับถือพระพุทธศาสนา ประเทศอินโดนีเซีย ประชากรรอยละ 1 นับถือพระพุทธศาสนา สวนมากนับถือศาสนาอิสลาม ประเทศ
มาเลเซีย ประชากรรอยละ19 นับถือพระพุทธศาสนา ประเทศสิงคโปร ประชากรรอยละ 42 นับถือพระพุทธศาสนา ประเทศลาว ประชากรรอยละ 90 นับถือพระพุทธ-
ศาสนา ประเทศกัมพูชา ประชากรรอยละ 95 นับถือพระพุทธศาสนา ประเทศเวียดนาม รัฐบาลเริ่มฟนฟูพระพุทธศาสนาใหกลับมาเจริญรุงเรืองอีกครั้ง
3. พระพุทธศาสนาเปนรากฐานของวัฒนธรรมประเพณีไทย วิถีชีวิตไทยจึงของเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาในทุกๆ ดาน
4. ปญหาทุกปญหาสามารถนําหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาเขามาชวยแกไขไดทั้งสิ้น เชน หลักอริยสัจ 4 ชวยใหรูเหตุแหงทุกขและการดับทุกข เปนตน
5. พระพุทธศาสนาชวยสรางสรรคสังคมใหนาอยู หลักธรรมตางๆ ชวยแกปญหาใหกับสังคม และที่สําคัญพระพุทธศาสนาชวยพัฒนาบุคคลทางดานจิตใจ ขัดเกลาจิตใจ
ใหเปนคนที่มีความโอบออมอารี รักเพื่อนมนุษย และรักสันติสุข
34 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
หน่วยการเรียนรู้ที่
พุทธประวัติ
๒ 1. วิเคราะหพุทธประวัติไดถูกตองตามเรื่องราว
ที่ปรากฏ
2. วิเคราะหความสําคัญของพระพุทธเจาในฐานะ
ที่เปนองคศาสดาในพระพุทธศาสนา
พระสาวก 3. ปฏิบัติตนเปนพุทธศาสนิกชนที่ดี โดยนํา
คุณธรรมทีค่ วรถือเปนแบบอยางจากพุทธสาวก
ศาสนิกชนตัวอยาง พุทธสาวิกา ชาดก และศาสนิกชนตัวอยาง
และชาดก มาประยุกตใชในชีวิตประจําวัน
สมรรถนะของผูเรียน
ตัวชี้วัด 1. ความสามารถในการคิด
● วิ เ คราะห์ พุ ท ธประวั ติ ห รื อ ประวั ติ ศ าสดา 2. ความสามารถในการแกปญหา
ของศาสนาที่ตนนับถือตามที่กำาหนด
(ส ๑.๑ ม.๒/๕) 3. ความสามารถในการใชทักษะชีวิต
● วิ เ คราะห์ แ ละประพฤติ ต นตามแบบอย่ า ง
การดำ า เนิ น ชี วิ ต และข้ อ คิ ด จากประวั ติ
สาวก ชาดก เรื่ อ งเล่ า และศาสนิ ก ชน
ตัวอย่างตามที่กำาหนด
(ส ๑.๑ ม.๒/๖)
คุณลักษณะอันพึงประสงค
1. มีวินัย
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
2. ใฝเรียนรู
● สรุปและวิเคราะห์พุทธประวัติ (การผจญมาร
3. ซื่อสัตยสุจริต
การตรัสรู้ การสั่งสอน) 4. มุงมั่นในการทํางาน
● พุทธสาวก พุทธสาวิกา (พระสารีบตุ ร พระโมค-
คัลลานะ นางขุชชุตตรา พระเจ้าพิมพิสาร)
● ชาดก (มิตตวินทุกชาดก ราโชวาทชาดก)
● ศาสนิกชนตัวอย่าง (พระมหาธรรมราชาลิไทย
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณ
วโรรส)
¾Ãоط¸à¨ŒÒ ໚¹ºØ¤¤Å¼ÙàŒ ¾Õº¾ÃŒÍÁ´ŒÇ¤ÇÒÁ´Õ§ÒÁ กระตุน ความสนใจ Engage
ËÅÒ»ÃСÒà ¾ÃÐͧ¤·Ã§ºíÒà¾ç޾ط¸¨ÃÔÂÒµÅÍ´¾ÃЪ¹Áª¾Õ
¢Í§¾ÃÐͧ¤ ·Ñ§é ¹ÕÁé ãÔ ª‹à»š¹ä»à¾×Íè »ÃÐ⪹ᡋàËÅ‹Ò¾ÃлÃÐÂÙÃÞÒµÔ ครูนําสารคดีพุทธประวัติมาเปดใหนักเรียนดู
áÅкŒÒ¹àÁ×ͧ¢Í§¾ÃÐͧ¤à·‹Ò¹Ñ¹é ËÒ¡·Ã§ºíÒà¾çÞà¾×Íè »ÃÐ⪹ และตั้งคําถามเพื่อใหนักเรียนชวยกันหาคําตอบ
à¡×Íé ¡ÙÅá¡‹ªÒÇâÅ¡ áÅÐà¾×Íè ¤ÇÒÁÊآᡋÊÃþÊѵǷ§Ñé ËÅÒ จากสารคดีนั้น เชน
¡ÒÃÈÖ¡ÉҾط¸»ÃÐÇÑµÔ »ÃÐÇѵ¾ Ô ·Ø ¸ÊÒÇ¡ ¾Ø·¸ÊÒÇÔ¡Ò
• ในวันประสูติ มีการทํานายลักษณะของ
áÅЪÒǾط¸µÑÇÍ‹ҧ µÅÍ´¨¹ªÒ´¡µ‹Ò§æ ¹Í¡¨Ò¡ÊзŒÍ¹
ãËŒàË繶֧¤Ø³¤‹Ò¤íÒÊ͹¢Í§¾Ãоط¸ÈÒʹÒáÅŒÇ ÂѧÊÒÁÒö พระพุทธเจาไวอยางไร
¹íÒ¨ÃÔÂÒÇѵâͧ¾ÃÐÈÒÊ´Ò áÅоÃÐÊÒÇ¡àËÅ‹Ò¹ÕéÁÒ໚¹ (แนวตอบ พราหมณกลุมหนึ่งไดทํานายวา
á¹Ç·Ò§ã¹¡Òû¯ÔºµÑ Ô à¾×Íè ãËŒÊÒÁÒö´íÒçªÕÇµÔ ÍÂÙã‹ ¹Êѧ¤Á ถาพระราชกุมารอยูครองเรือนจะไดเปน
䴌͋ҧÁÕ¤ÇÒÁÊØ¢ÍÕ¡´ŒÇ พระจักรพรรดิผูยิ่งใหญ แตมีเพียง
โกณฑัญญะพราหมณที่ยืนยันหนักแนนวา
พระราชกุมารสิทธัตถะจะเสด็จออกผนวช
และไดตรัสรูเปนพระพุทธเจา)
เกร็ดแนะครู
ครูควรจัดกิจกรรมการเรียนรู เพื่อใหนักเรียนสามารถวิเคราะหพุทธประวัติ
ตลอดจนประพฤติตนตามแบบอยางการดําเนินชีวิตและขอคิดจากประวัติสาวก
ชาดก และศาสนิกชนตัวอยาง โดยเนนการพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห
กระบวนการสืบสอบ และกระบวนการกลุม ดังนี้
• ครูใหนักเรียนสืบคนพุทธประวัติ ตอนตรัสรูและการสั่งสอนพระธรรม
แลวรวมกันวิเคราะหในประเด็นที่กําหนด
• ครูใหนักเรียนแบงกลุม สืบคนประวัติและคุณธรรมที่ควรถือเปนแบบอยาง
ของพุทธสาวกและพุทธสาวิกา แลวรวมกันวิเคราะหในประเด็นที่กําหนด
• ครูใหนักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับศาสนิกชนตัวอยาง จากนั้นจัดกิจกรรม
หรือสรางชิ้นงานที่ชวยปลูกฝงคุณธรรม แลวบันทึกประโยชนที่ไดรับจากการ
ปฏิบัติ
• ครูใหนักเรียนแบงกลุมสืบคนชาดก แลวรวมวิเคราะหถึงขอคิดที่ไดรับ
คูมือครู 35
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูใหนักเรียนดูภาพจากหนังสือเรียนหนา 36
แลวบรรยายภาพ พรอมตอบคําถามวา นักเรียน ñ. พุทธประวัติ
เคยพบเห็นภาพเขียนในลักษณะดังกลาวนี้ที่ใดบาง
1.1 ผจญมาร
สํารวจคนหา Explore เมื่อพระมหาสัตว์ ทรงรับหญ้ากุสะ ๘ ก�าจากพราหมณ์ชื่อโสตถิยะแล้ว ทรงน�าไปปูลาด
เป็นอาสนะที่โคนต้น “อัสสัตถะ” (ต่อมาเรียกต้นพระศรีมหาโพธิ์) ประทับนั่งผินพระพักตร์ไปทาง
ครูใหนักเรียนสืบคนพุทธประวัติ ตอนตรัสรู แม่นา�้ เนรัญชรา ทรงตัง้ สัตยาธิษฐานว่า “ตราบใดทีย่ งั ไม่บรรลุสงิ่ ทีพ่ งึ บรรลุดว้ ยความพยายามของ
และการสั่งสอนพระธรรม จากหนังสือเรียนหรือ บุรุษ ด้วยเรี่ยวแรงของบุรุษ แม้ว่าเลือดและเนื้อจะเหือดแห้งไป เหลือแต่หนังและกระดูกก็ตามที
แหลงการเรียนรูตางๆ แลวจดบันทึกขอมูลลงสมุด เราจะไม่ลุกขึ้นจากอาสนะนี้”
ทรงนั่งสมาธิ ได้ฌาน ทรงท�าฌานให้เป็นฐานแห่งวิปัสสนาแนวดิ่งต่อไป ว่ากั1นว่า พญามาร
อธิบายความรู Explain นามวสวัตดี ผู้ตามผจญพระองค์มาตลอด ตั้งแต่วันเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ (ออกผนวช)
มาปรากฏตัวพร้อมเสนามาร มีอาวุธครบครันน่าสะพรึงกลัว พญามารร้องบอกให้พระองค์เสด็จ
1. ครูใหนักเรียนชวยกันเลาเรื่องราวของ
ลุกจากอาสนะว่า “บัลลังก์นี้เป็นของข้า ท่านจงลุกขึ้นเดี๋ยวนี้”
พระพุทธเจากอนการตรัสรู ตอนผจญมาร และ
เมื่อพระองค์แย้งว่า บัลลังก์เป็นของพระองค์ พญามารถามหาพยาน พระองค์ทรงเหยียด
ตอบคําถามวา พระแมธรณีบีบมวยผมมีความ
พระดรรชนี (นิ้วชี้) ลงยังพื้นดินและตรัสว่า “ขอให้วสุนธรา (พระแม่ธรณี) จงเป็นพยาน”
เกี่ยวของกับพระพุทธเจาอยางไร
ทันใดนั้นพระแม่ธรณีก็ผุดขึ้นจากพื้นดิน ปรากฏตัวบีบมวยผม บันดาลให้มีกระแสน�้าหลาก
2. ใหนักเรียนวิเคราะหตามหลักภาษาธรรม
มาท่วมทับพญามารพร้อมทั้งกองทัพพ่ายแพ้ไปในที่สุด เป็นอันว่าพญามารพร้อมทั้งกองทัพได้
จากเหตุการณผจญมารของพระพุทธเจา ดังนี้
พ่ายแพ้แก่พระองค์โดยสิ้นเชิง
• พญามารและเสนามาร ผูต ามผจญพระพุทธเจา
มาตลอด ถอดออกเปนภาษาธรรม หมายถึง เหตุการณ์ตอนนี้ ต่อมาได้ถูกจ�าลองเป็น
อะไร พระพุทธรูปปางหนึง่ เป็นปางนัง่ สมาธิ พระหัตถ์
(แนวตอบ พญามาร หมายถึง กิเลส ไดแก วางบนพระเพลา 2 ชีพ้ ระดรรชนีลงพืน้ ดิน เรียกว่า
โลภะ โทสะ โมหะ สวนเสนามาร หมายถึง “ปางมารวิชัย” (อ่านว่า “มา‑ระ‑วิ‑ไช”) หรือ
กิเลสเล็กๆ นอยๆ ซึ่งกิเลสทั้งหมดนี้ เปนสิ่งที่ “ปางผจญมาร” ก็เรียก บางแห่งก็มภี าพพระแม่
พระพุทธเจาสามารถเอาชนะไดและทรงตรัสรู ธรณีบีบมวยผมอยู่ใต้ฐานของพระพุทธรูปให้
ในที่สุด) เห็นกันอยู่ทั่วไป
• พระแมธรณี ถอดออกเปนภาษาธรรม จากเหตุการณ์ดงั กล่าวสามารถจะวิเคราะห์
หมายถึงอะไร ได้วา่ การทีพ่ ระพุทธเจ้าทรงผจญมารและเอาชนะ
(แนวตอบ พระแมธรณี หมายถึง บารมีทั้ง 10 มารได้ในทีส่ ดุ ถ้าตีความตามตัวอักษรก็ยอ่ มได้
ที่พระพุทธเจาทรงบําเพ็ญความดีมา) เพราะในคัมภีรพ์ ระพุทธศาสนายืนยันว่ามีมารจริง
มีเทพจริง และมารก็มีถึง ๕ ประเภท ถ้าจะ
พระแม่ธรณีบีบมวยผม บันดาลให้เป็นกระแสน้ำาหลาก แปลว่ามารในที่นี้คือ เทวปุตตมาร (เทพที่เป็น
มาท่วมกองทัพพญามาร
มาร) ก็ได้
36
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
พระแมธรณีบีบมวยผมบันดาลใหมีกระแสนํ้าหลากทวมกองทัพพญามาร
1 มหาภิเนษกรมณ เหตุการณในพุทธประวัติตอนนี้ ทําใหเกิดปางพระพุทธรูป
คําวา “มาร” ตามภาษาธรรมหมายถึงอะไร
ทีเ่ รียกวา ปางมหาภิเนษกรมณหรือปางอธิษฐานเพศบรรพชิต มีการทําประติมากรรม
1. ความไมรู 2. ผูที่คิดราย
2 ลักษณะ ไดแก ลักษณะที่ 1 พระอิริยาบถประทับนั่งขัดสมาธิราบ พระหัตถซาย
3. ความสุขสบาย 4. กิเลสทั้งปวง
หงายบนพระเพลา พระหัตถขวายกขึ้น ตั้งฝาพระหัตถตรงพระอุระ และลักษณะที่ 2
พระอิริยาบถประทับบนหลังอัศวราช คือ กัณฐกะ มีนายฉันนะมหาดเล็กตามเสด็จ วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. คําวา “มาร” ตามภาษาธรรม หมายถึง
2 ปางมารวิชัย พระพุทธรูปปางนี้ อยูในพระอิริยาบถนั่งขัดสมาธิ พระหัตถซาย กิเลส ไดแก โลภะ โทสะ โมหะ ที่มารบกวนพระทัยพระพุทธองคในขณะ
หงายวางบนพระเพลา พระหัตถขวาวางที่พระชานุ นิ้วพระหัตถชี้ลงที่พื้นธรณี นั่งสมาธินั้นเอง เสนามาร ก็คือกิเลสเล็กๆ นอยๆ ที่เปนบริวารของโลภะ
พระพุทธรูปปางมารวิชัยเปนปางที่พบมากที่สุดในศิลปกรรมไทย โดยเฉพาะในสมัย โทสะ โมหะ การทีท่ รงผจญมาร ก็คอื ทรงตอสูก บั อํานาจของกิเลสเหลานีน้ นั่ เอง
สุโขทัย ลานนา อูทอง อยุธยา จนถึงรัตนโกสินทร นอกจากนี้ พุทธประวัติ สวนพระแมธรณี ก็คือบารมีทั้ง 10 ที่ทรงบําเพ็ญมา การอางพระแมธรณี
ตอนมารผจญยังเปนที่นิยมในงานจิตรกรรมฝาผนัง โดยเขียนที่ผนังสกัดดานหนา ก็คือทรงอางถึงคุณความดีที่ทรงบําเพ็ญมา เปนกําลังใจใหตอสูกับอํานาจของ
พระอุโบสถในสมัยอยุธยาตอนปลาย จนถึงสมัยรัชกาลที่ 3 แหงกรุงรัตนโกสินทร กิเลส เพราะพระบารมีที่ทรงบําเพ็ญมาเต็มเปยม พระองคจึงสามารถเอาชนะ
อํานาจของกิเลสทั้งปวง บรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณในที่สุด
36 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม แลวสงตัวแทนออกมา
แต่ถา้ “ถอดออกเป็นภาษาธรรม” อาจหมายความว่า มาร ก็คอื กิเลส ได้แก่ โลภะ โทสะ โมหะ จับสลากบัตรคําตอไปนี้
ที่มารบกวนพระทัยพระพุทธองค์ในขณะนั่งสมาธินั้นเอง เสนามาร ก็คือกิเลสเล็กๆ น้อยๆ ที่เป็น • การปฏิบัติโยคะ
บริวารของโลภะ โทสะ โมหะ การที่ทรงผจญมาร ก็คือทรงต่อสู้กับอ�านาจของกิเลสเหล่านี้ • การบําเพ็ญตบะ
ส่วนพระแม่ธรณี ก็คือบารมีทั้ง ๑๐ ที่ทรงบ�าเพ็ญมา การอ้างพระแม่ธรณี ก็คือทรงอ้างถึง • การบําเพ็ญทุกกรกิริยา
คุณงามความดีที่ทรงบ�าเพ็ญมา เป็นก�าลังใจให้ต่อสู้กับอ�านาจของกิเลส เพราะพระบารมีที่ทรง จากนั้นใหนักเรียนศึกษาคนควาเพิ่มเติมจาก
บ�าเพ็ญมาเต็มเปี่ยม พระองค์จึงทรงสามารถเอาชนะอ�านาจของกิเลสทั้งปวง และตรัสรู้ในที่สุด หนังสือเรียนหนา 37-39 และแหลงการเรียนรูอื่นๆ
1.2 การตรัสรู้ เชน หองสมุด อินเทอรเน็ต เปนตน แลวให
แตละกลุมสงตัวแทนออกมาอธิบายความหมาย
เมื่อทรงผนวชแล้ว พระสิทธัตถโคตมะ ได้ศึกษาค้นคว้าทางพ้นทุกข์อยู่เป็นเวลา ๖ ปี
ขั้นตอนการปฏิบัติ และเหตุผลที่พระพุทธเจา
จึงได้ตรัสรูเ้ ป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในช่วงเวลา ๖ ปีนี้ พระองค์ทรงท�าอะไรบ้าง สรุปเป็นขัน้ ตอน
ทรงเลือกหรือเปลี่ยนวิธีดังกลาวในการแสวงหา
ตามล�าดับ ดังต่อไปนี้
ขั้นที่ ๑ ทรงฝึกปฏิบัติโยคะ ในแคว้นมคธ สมัยนั้นมีอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงอยู่ ๒ ท่าน ที่สอนวิธี ทางพนทุกข
ปฏิบัติโยคะ คือ “อาฬารดาบส กาลามโคตร” กับ “อุททกดาบส รามบุตร” พระสิทธัตถโคตมะ 2. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 2.1 จากแบบวัดฯ
ทรงไปขอศึกษาเล่าเรียนและฝึกปฏิบัติอยู่กับอาจารย์ทั้งสองจนจบความรู้ของท่านทั้งสอง โดยได้ พระพุทธศาสนา ม.2
ส�าเร็จฌานสมาบัติ ๗ ขัน้ จากอาฬารดาบส และได้ฌานสมาบัตขิ นั้ ที่ ๘ จากอุททกดาบส ก็ทรงทราบ
ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ
ด้วยพระองค์เองว่า ยังไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ที่แท้จริง จึงออกแสวงหาหนทางพ้นทุกข์โดยล�าพังต่อไป
พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 2.1
ขั้นที่ ๒ ทรงบ�าเพ็ญตบะ บ�าเพ็ญตบะ คือ การทรมานตนเองให้ล�าบาก ตามวิธีทรมานตนเอง หนวยที่ 2 พุทธประวัติ พระสาวก ศาสนิกชนตัวอยาง
แบบต่างๆ ที่นักบวชชาวอินเดียนิยมท�ากันเป็นจ�านวนมาก และเชื่อว่าเป็นแนวทางพ้นทุกข์ และชาดก
ทางหนึ่ง ในคัมภีร์พระไตรปิฎกบันทึกไว้ว่าพระพุทธเจ้าทรงเล่าให้สาวกทั้งหลายฟังว่า พระองค์ กิจกรรมตามตัวชี้วัด
37 ๑๔
(พิจารณาคําตอบของนักเรียน โดยใหอยูในดุลยพินิจของครูผูสอน)
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
เมื่อทรงผนวชแลว พระสิทธัตถะโคตมะ ทรงฝกปฏิบัติเรื่องใดกับสํานัก
ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการบําเพ็ญตบะตามความเชื่อของศาสนาฮินดู
อาฬารดาบส กาลามโคตร และอุททกดาบส รามบุตร
ซึ่งมีจุดหมายสูงสุด คือ โมกษะ
1. ปฏิบัติโยคะ
2. บําเพ็ญตบะ
3. บําเพ็ญทุกกรกิริยา มุม IT
4. บําเพ็ญเพียรทางจิต
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. ทรงฝกปฏิบัติโยคะในแควนมคธ กับสํานัก ศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการบําเพ็ญตบะในศาสนาฮินดู ไดที่
อาจารยที่มีชื่อเสียง 2 ทาน คือ อาฬารดาบส กาลามโคตร กับอุททกดาบส http://www.crs.mahidol.ac.th วิทยาลัยศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล
รามบุตร จนจบความรูของทานทั้งสอง โดยไดสําเร็จฌานสมาบัติ 7 ขั้น
จากอาฬารดาบส กาลามโคตร และไดฌานสมาบัติขั้นที่ 8 จากอุททกดาบส
รามบุตร
คูมือครู 37
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนอภิปรายถึงขอคิดที่ไดจากการที่
พระพุทธเจาทรงปฏิบัติโยคะ ทรงบําเพ็ญตบะ ขัน้ ที่ ๑ กัดฟัน คือ กัดฟันเข้าหากัน เอาลิน้ ดุนเพดาน ท�านานๆ จนเกิดความร้อนขึน้
และทรงบําเพ็ญทุกกรกิริยา ในร่างกาย จนเหงื่อไหลออกจากรักแร้
2. ครูใหนักเรียนอธิบายการปฏิบัติทางสายกลาง ขั้นที่ ๒ กลั้นลมหายใจ คือ กลั้น
หรือมัชฌิมาปฏิปทาที่พระพุทธองคทรงปฏิบัติ ลมหายใจให้นานทีส่ ดุ จนกระทัง่ หูออื้ ปวดศีรษะ
เปนขั้นตอนสุดทายในการแสวงหาทางพนทุกข จุกเสียดท้อง ร้อนไปทั่วสรรพางค์ ดุจนั่งอยู่บน
3. ครูใหนักเรียนแสดงความคิดเห็นวา จากการ กองไฟ
ศึกษาคนควาทางพนทุกขของพระพุทธเจา ขั้นที่ ๓ อดอาหาร คือ ค่อยๆ ลด
ปจจัยใดบางที่มีสวนชวยสงเสริมใหเกิดปญญา อาหารลงทีละน้อยๆ ในที่สุดไม่เสวยอะไรเลย
(แนวตอบ ครูเปดโอกาสใหนักเรียนแสดงความ เป็นเวลานาน จนกระทั่งร่างกายผอมเหลือแต่
คิดเห็นไดอยางหลากหลาย โดยอยูบนพื้นฐาน หนังหุม้ กระดูก เวลาเอามือลูบกายเส้นขนก็รว่ ง
ของเหตุผลและความถูกตอง เชน การบริโภค หลุดออกมาเป็นกระจุก เดินไปไหนก็ซวนเซ
อาหารที่มีประโยชนมีสวนชวยในการเสริมสราง เป็นลมแทบสิ้นชีวิต
ใหสมองเจริญเติบโตไดดี ทําใหสมองเกิดการ พระองค์ ท รงกระท� า ถึ ง ขั้ น นี้ ก็ ยั ง
เรียนรูไดเร็วจนเกิดปญญา สิ่งแวดลอมที่ดี พระสิทธัตถะทรงบำาเพ็ญทุกกรกิริยา เพื่อแสวงหาหนทาง ไม่ตรัสรู้จึงทรงคิดว่ามิใช่หนทางที่ถูกต้อง จึง
ดับทุกข์
จะชวยกระตุนใหเกิดปญญาไดดีขึ้น เชน ทรงเลิกแล้วหันมาเสวยพระกระยาหารดังเดิม
การนั่งสมาธิในสถานที่เงียบสงบ เปนตน) พระองค์ทรงตระหนักว่าแนวทางทีท่ รงท�ามาเป็นเวลา ๖ ปีเต็ม เป็นแนวทางที1ผ่ ดิ พลาด
ขณะเดียวกันก็ทรงค้นพบทางสายใหม่ซึ่งเรียกว่า “มัชฌิมาปฏิปทา” หรือ “ทางสายกลาง” จากนั้น
พระองค์ทรงด�าเนินตามทางสายกลางอันเป็นขั้นตอนสุดท้าย
ในระหว่างนี้ปัญจวัคคีย์ (ศิษย์ทั้ง ๕) ที่ตามมาอุปัฏฐากขณะที่ทรงบ�าเพ็ญทุกกรกิริยา
เห็นพระองค์ทรงกลับมาเสวยพระกระยาหาร จึงเสื่อมศรัทธา หาว่าพระองค์ทรงคลายความเพียร
เวียนมาเป็นคนมักมากเสียแล้ว คงไม่มีทางตรัสรู้แน่ จึงพากันปลีกตัวไปอยู่เสียที่อื่น
ขั้นที่ ๔ ทรงบ�าเพ็ญเพียรทางจิต กล่าวคือ ทรงคิดค้นหาเหตุผลทางด้านจิตใจนั่นเอง
เหตุการณ์ช่วงนี้มีอยู่ว่า เมื่อพระองค์ทรงเลิกบ�าเพ็ญทุกกรกิริยาแล้ว2 พระองค์ก็เสด็จล�าพัง
พระองค์ ไปยังต�าบลอุรุเวลาเสนานิคม ในตอนเช้าทรงรับข้าว “มธุปายาส” จากนางสุชาดา ซึ่งน�า
มาถวายโดยนางคิดว่าเป็นเทวดาที่ตนบนบานขอบุตรชายไว้ หลังจากเสวยข้าวมธุปายาสแล้ว
ก็ทรงลอยถาดลงในแม่นา�้ ต่อมาในเวลาเย็นพระองค์ได้เสด็จข้ามแม่นา�้ เนรัญชราไปยังฝัง่ ตะวันตก
ทรงน�าเอาหญ้ากุสะ (แปลกันว่า หญ้าคา) ๘ ก�าที่พราหมณ์โสตถิยะถวาย มาปูลาดเป็นอาสนะ ณ
โคนต้นมหาโพธิ์ พระองค์ประทับนั่งขัดสมาธิ ผินพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก พระปฤษฎางค์
(หลัง) พิงต้นมหาโพธิ์ ทรงเข้าสมาธิจนจิตตั้งมั่นแน่วแน่ บรรลุฌานทั้งสี่ และใช้ฌานทั้งสี่เป็น
“บาท” (เป็นพื้นฐาน) พิจารณาความเป็นไปของธรรมชาติและสภาวธรรมทั้งหลายจนเกิดญาณ
(การหยั่งรู้) ในสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง
38
บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู ครูสามารถนําเนื้อหาเกี่ยวกับการอดอาหารในขั้นตอนการบําเพ็ญ
ทุกกรกิริยาของพระพุทธเจา ไปบูรณาการเชี่อมโยงกับกลุมสาระการเรียนรู
1 ทางสายกลาง หรือมัชฌิมาปฏิปทา หมายถึง ขอปฏิบัติที่เพงถึงวิธีการ หรือ
สุขศึกษาและพลศึกษา วิชาสุขศึกษา เรือ่ งอาหารและโภชนาการเพือ่ เสริมสราง
ทางดําเนินชีวิตที่สอดคลองกับกฎธรรมชาติที่พอดี อันจะเกิดผลตามกระบวนการ
สุขภาพ และเรื่องระบบประสาทและระบบตอมไรทอที่มีผลตอพัฒนาการ
ดับทุกขของธรรมชาติ โดยเรียกสั้นๆ วา มรรคมีองค 8 ซึ่งไดแก สัมมาทิฏฐิ สัมมา
ทางความคิดและสติปญญา โดยใหนักเรียนบอกถึงการปฏิบัติตนในการ
สังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ และ
ดํารงชีวิตเพื่อเสริมสรางสติปญญาที่ดี
สัมมาสมาธิ
2 มธุปายาส หรือขาวทิพย หรือขาวยาคู ตามความเชื่อในสมัยพุทธกาล
ขาวมธุปายาสเปนอาหารสําหรับสังเวยเทวดาของชาวชมพูทวีป การกวนขาวมธุปายาส
จะใชขาวที่เก็บจากรวงออน หรือเรียกวา พอตั้งนํ้านม ฝานแลวตําใหละเอียด
คั้นเอาแตนํ้านม พรอมดวยเครื่องปรุงอื่นตามสภาพทองถิ่นและฤดูกาล ซึ่งจะ
แตกตางกันไป โดยอาจประกอบดวยมะพราว มันสําปะหลัง ฝรั่ง ฟกทอง กลวย
แปงขาวเหนียว นํ้าตาลทราย นม นํ้าออย มะละกอ ขนุน ทุเรียน กะทิ กระวาน
กานพลู พริกไทย ฯลฯ วิธีการทํา คือ นํานํ้านมขาวและเครื่องปรุงผสมลงไป
แลวคลุกใหเขากัน นําไปกวนในกระทะจนไดความหนืดตามตองการ
38 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนแสดงความคิดเห็นวา นักเรียน
ความรู้แจ่มแจ้งนั้น ได้ปรากฏขึ้นในพระทัยของพระองค์ดุจมองเห็นด้วยตาเปล่า เป็น สามารถนําวิธีในการแสวงหาทางพนทุกขของ
ความสว่างโพลงภายในที่ปราศจากความสงสัยเคลือบแคลงใดๆ ความรู้นี้ได้ตอบปัญหาที่ทรง พระพุทธเจามาประยุกตใชกับการเรียน
ค้างพระทัยมาเป็นเวลากว่า ๖ ปี พร้อมกับการ ไดอยางไร
เกิดความรู้ด้านกิเลส (ความเศร้าหมองแห่งจิต (แนวตอบ เชน การรูจักสังเกต ตั้งคําถามกับ
คือ โลภ โกรธ หลง) ที่ทรงสงสัยอยู่ในจิตใจของ สิ่งรอบตัวเพื่อที่จะเรียนรูสิ่งใหมๆ ดวยการ
พระองค์ก็ได้ปลาสนาการหายไปหมดสิ้น ศึกษาคนควาดวยตนเอง และมีความเพียร
การรู้แจ้งของพระองค์สามารถสรุปเป็น พยายาม อดทนฝกฝนตนในทักษะใดทักษะ
ขั้นๆ ดังนี้ หนึ่งเพื่อใหเกิดชํานาญเฉพาะดาน เปนตน)
2. ครูใหนักเรียนอธิบายวา หลังจากพระพุทธเจา
ในยามต้น ทรงระลึกชาติหนหลัง
ของพระองค์ได้ ทรงตรัสรู พระองคมีวิธีการสั่งสอนพระธรรม
อยางไร
ในยามทีส่ อง ทรงได้ตาทิพย์มอง
เห็นการเกิด การตายของสัตว์ทั้งหลายตามผล (แนวตอบ พระองคทรงเริ่มจากพิจารณา
กรรมที่ได้กระท�าไว้ สัตวโลกที่จะพึงสั่งสอน โดยเปรียบเทียบกับ
ดอกบัว 3 เหลา เพื่อใหเขาใจวาการเรียนรู
ในยามทีส่ าม ทรงเกิดความรูแ้ จ้ง
ที่สามารถท�าลายกิเลสให้หมดสิ้นไปได้ พระสิทธัตถะ ตรัสรูเ้ ป็นพระพุทธเจ้าเมือ่ วันเพ็ญขึน้ ๑๕ ค่าำ ของแตละบุคคลชาหรือเร็วไมเทากัน
สิ่งที่พระองค์ตรัสรู้นี้ก็คือ กระบวนการ
เดือน ๖ ก่อนพุทธศักราช ๔๕ ปี หลังจากนั้นจึงตัดสินพระทัยไปสั่งสอน
เกิดขึ้นของทุกข์และการดับทุกข์ เรียกว่า “อริยสัจ ๔” ได้แก่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เหตุการณ์ พระธรรมแกปญจวัคคียเปนกลุมเปาหมายแรก
ครั้งนี้เกิดขึ้นในเวลารุ่งอรุณของคืนวันเพ็ญเดือนวิสาขะ (เดือน ๖) ก่อนพุทธศักราช ๔๕ ปี หลังจากทรงทราบวาพระอาจารยทั้งสอง คือ
อาฬารดาบส กาลามโคตร และอุททกดาบส
1.3 การสั่งสอน รามบุตร ถึงแกมรณภาพไปกอนหนานั้นแลว
หลังจากตรัสรู้แล้ว พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาสัตวโลกที่จะพึงสั่งสอน เปรียบเทียบกับดอกบัว 7 วัน)
๓ เหล่า (ดอกปทุม ดอกอุบล และดอกบุณฑริก) ที่เจริญงอกงามในน� 1 ้า ๓ ระดับ (ต่อมา 3. ครูสุมถามนักเรียนวา หลังการแสดงธัมมจัก-
พระอรรถกถาจารย์ได้เพิ่มเป็น ๔ ระดับเรียกว่า ดอกบัว ๔ เหล่า) เสร็จแล้วตัดสินพระทัยไป กัปปวัตตนสูตรจบ ปญจวัคคียคนใดไดบรรลุ
สั่งสอน โดยมุ่งไปที่ปัญจวัคคีย์เป็นกลุ่มเป้าหมายแรก หลังจากทรงทราบว่าพระอาจารย์ทั้งสอง โสดาบัน และในวันนั้นถือเปนวันสําคัญวันใด
คือ อาฬารดาบส กาลามโคตร อุททกดาบส รามบุตร ถึงแก่มรณภาพไปก่อนหน้านั้นแล้ว ๗ วัน ทางพระพุทธศาสนา
พระองค์เสด็จไปตรัสสอน “ธัมมจักกัปปวัตตนสู2 ตร” ว่าด้วยอริยสัจ ๔ ประการ แก่ปัญจวัคคีย์ (แนวตอบ ปญจวัคคียที่บรรลุโสดาบันคนแรก
โกณฑัญญะหัวหน้าปัญจวัคคีย์ได้ “ดวงตาเห็นธรรม” ทันทีที่ฟังพระธรรมเทศนาจบ ได้ทูลขอบวช คือ โกณฑัญญะ ถือเปนพระสงฆรูปแรกใน
พระองค์ประทานอุปสมบทให้ด้วยวิธีอุปสมบทที่เรียกว่า “เอหิภิกขุ” (แปลว่า เธอจงเป็นภิกษุเถิด) พระพุทธศาสนา วันดังกลาวเปนวันขึ้น 15 คํ่า
นับเป็นพระสงฆ์สาวกรูปแรกของพระพุทธองค์ เดือน 8 เปนวันอาสาฬหบูชา ซึ่งถือวาเปน
วันที่มีพระรัตนตรัยครบ 3 ประการ ไดแก
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ)
39
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
เพราะเหตุใด พระพุทธเจาจึงทรงมุงไปสั่งสอนธรรมะแกปญจวัคคีย
1 ดอกบัว 4 เหลา เปนคําเปรียบเปรยบุคคลที่ฟงคําสอนของพระพุทธเจาวาจะ
เปนกลุมเปาหมายแรก
เรียนรูไดเร็วหรือชา หรือไมสามารถรับรูไดเลย โดยเปรียบเทียบกับบัว 4 เหลาที่อยู
1. เคยดูแลรับใชพระองค
ในสระนํ้า ดังนี้
2. มีความผูกพันกันใกลชิด
1. บัวพนนํ้า คือ พวกที่มีสติปญญาฉลาดเฉลียว เมื่อไดรับฟงธรรมก็จะ
3. ตองการใหไดดวงตาเห็นธรรม
สามารถรับรูไดอยางรวดเร็ว
4. มีสติปญญาพรอมที่จะรับรูไดเร็ว
2. บัวปริ่มนํ้า คือ พวกที่มีสติปญญาปานกลาง ถาไดรับการศึกษาอบรมเพิ่ม
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะพระพุทธเจาทรงเล็งเห็นวาปญจวัคคีย ก็สามารถเขาใจไดในไมชา
เปนเวไนยสัตวที่มีสติปญญาพรอมที่จะรับรูเรื่องราวไดเร็ว จึงตองสั่งสอนกอน 3. บัวใตนํ้า คือ พวกที่มีสติปญญานอย ตองไดรับการอบรมเพิ่มอยูเสมอ
คนอื่นเปนกลุมเปาหมายแรก 4. บัวที่จมโคลนตม คือ พวกที่ไมสามารถสอนใหเขาใจได แมจะพยายาม
สอนหลายครั้งแลวก็ตาม
2 ดวงตาเห็นธรรม การเกิดความเขาใจตอความจริงของกฎธรรมชาติที่กลาววา
“ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นและตั้งอยู ลวนตองอาศัยเหตุและปจจัยมาปรุงแตงใหเกิดขึ้นและ
ตั้งอยูทั้งสิ้น”
คูมือครู 39
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนดูภาพจากหนังสือเรียนหนา 40
แลวใหนักเรียนบรรยายสถานที่และเหตุการณ จากนั้นก็ทรงแสดงธรรมให้อีก ๔ ท่าน จนได้ดวงตาเห็นธรรม 1 และทูลขอบวชเป็นภิกษุ
ที่เกิดขึ้นในภาพ ตามล�าดับ แล้วทรงแสดง “อนัตตลักขณสูตร” (ว่าด้วยไตรลักษณ์ ได้แก่ อนิจจตา ทุกขตา
2. ครูใหนักเรียนอธิบายลําดับการบวชเปนสาวก อนัตตตา) แก่พระปัญจวัคคีย์จนได้บรรลุอรหัตผล
ในพระพุทธศาสนาของสาวกตางๆ และให หลังจากนัน้ ก็ประทานอุปสมบทให้ยสกุมาร
นักเรียนอภิปรายวา รูปแบบการบวชเปน และสหายของยสะอีก ๕๔ คน จนมีพระอรหันต‑
พระภิกษุในพระพุทธศาสนามีกี่รูปแบบ ไดแก สาวกครบ ๖๐ รูป พระองค์ก็ทรงส่งให้แยกย้าย
อะไรบาง กั น ไปประกาศพระพุ ท ธศาสนายั ง ทิ ศ ต่ า งๆ
(แนวตอบ การบวชเปนสาวก เริ่มจากพระอัญญา ส่วนพระองค์เองก็เสด็จไปโปรดชฎิล ๓ พี่น้อง
โกณฑัญญะไดบวชเปนพระสงฆรูปแรกใน พร้อมบริวารจ�านวนหนึ่งพันคน โดยทรงแสดง
พระพุทธศาสนา ตามดวยปญจวัคคียที่เหลืออีก “อาทิ ต ตปริ ย ายสู ต ร” (พระสู ต รว่ า ด้ ว ยไฟ)
4 ทาน ไดแก วัปปะ ภัททิยะ มหานาม และอัสสชิ จนชฎิล ๓ พี่น้องพร้อมบริวารได้บวชเป็นสาวก
หลังจากนั้นพระพุทธเจาก็ประทานอุปสมบท ของพระพุทธองค์
ใหยสกุมารและสหาย ตอมาชฎิล 3 พี่นองก็ได พระเจ้ า พิ ม พิ ส าร และชาวเมื อ งมคธ
อุปสมบท รวมถึงอุปติสสะและโกลิตะก็ได ที่ นั บ ถื อ ชฎิ ล ๓ พี่ น ้ อ ง เมื่ อ เห็ น อาจารย์
พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาโปรดปัญจวัคคีย์
อุปสมบทเปนพระสารีบุตรและพระโมคคัลนะ ของพวกตนมานั
2 บถือพระพุทธเจ้าเป็นศาสดา
ตามลําดับเชนกัน รูปแบบการบวชเปนพระภิกษุ ก็พากันมาเลื่อมใส ปฏิญาณตนนับถือไตรสรณคมน์เป็นที่พึ่งบ้าง พระเจ้าพิมพิสารทรงสร้างวัด
ในพระพุทธศาสนา มีทั้งหมด 3 รูปแบบ ไดแก พระเวฬุวันถวายเป็นวัดแห่งแรกในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา
1. เอหิภิกขุอุปสัมปทา หมายถึง การบวชที่ ในระหว่างนีเ้ อง อุปติสสมาณพ กับโกลิต‑
พระพุทธเจาทรงประทานใหโดยตรง มาณพ ศิษย์ของสัญชัยเวลัฏฐบุตร หนึง่ ในจ�านวน
2. ติสรณคมนูปสัมปทา หมายถึง การบวชที่ ครูทั้งหก มาบวชเป็นสาวกของพระพุทธองค์
พระพุทธเจาทรงอนุญาตใหพระสาวกบวชให โดยการแนะน�าของพระอัสสชิ หลังจากบวชแล้ว
แกผูที่ตองการบวช โดยใหผูนั้นปลงผมและ อุปติสสะมีชื่อเรียกว่า พระสารีบุตร โกลิตะมีชื่อ
หนวดเครา หมผากาสาวพัสตร แลวกราบ เรียกว่า พระโมคคัลลานะ ทั้ง ๒ ท่านในเวลา
พระภิกษุผูที่จะบวชให และพึงระลึกถึง ต่อมาไม่นานก็ได้รับแต่งตั้งจากพระพุทธองค์
พระรัตนตรัย ให้เป็นพระอัครสาวกเบื้องขวาและเบื้องซ้าย
3. ญัตติจตุตถกรรมอุปสัมปทา หมายถึง การ เพื่อช่วยในการสืบทอดพระพุทธศาสนา โดยที่
บวชดวยการสวดญัตติ โดยที่พระพุทธเจา พระสารี บุ ต รเป็ น พระอั ค รสาวกเบื้ อ งขวา
ทรงอนุญาตใหพระสาวกบวชใหแกผูที่ เลิ ศ กว่ า ภิ ก ษุ ทั้ ง หลายในทางมี ป ั ญ ญามาก
ตองการบวชเปนสามเณรชั้นหนึ่งกอน แลว พระพุทธองค์ทรงแต่งตัง้ พระสารีบตุ รและพระโมคคัลลานะ พระโมคคัลลานะเป็นพระอัครสาวกเบื้องซ้าย
จึงขอบวชเปนพระภิกษุดวยการสวดญัตติ เป็นอัครสาวกเพื่อช่วยเผยแผ่พระพุทธศาสนา
เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในทางมีฤทธิ์มาก
ถาไมมีใครคัดคานก็เปนอันสําเร็จเปน
พระภิกษุ) 40
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
“อาทิตตปริยายสูตร” (พระสูตรวาดวยไฟ) มีสาระสําคัญกลาวถึงเรื่องใด
1 ไตรลักษณ แปลวา ลักษณะ 3 อยาง หมายถึง ลักษณะ 3 ประการของ
1. กิเลส ไดแก ความโลภ ความโกรธ ความหลง
สิง่ ทัง้ ปวง หรือพูดอีกอยางหนึง่ ก็คอื เปน “สามัญลักษณะ” ของสรรพสิง่ ประกอบดวย
2. ไฟที่รอนแรงเปรียบเสมือนความโกรธของคนที่ขาดสติ
• อนิจจตา หมายถึง ภาวะที่ไมคงทนถาวรหรือไมเที่ยง มีเกิดมีดับ
3. สัจธรรมที่หนีไมพน เชน ความดี ความชั่ว ความไมดี ไมชั่ว
เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
4. ไฟแหงความพยาบาท ความริษยา ความเห็นแกตัว และ
• ทุกขตา หมายถึง ภาวะที่ทนไมไดหรือภาวะที่ขัดแยงไมสมบูรณ มีความ
การเอารัดเอาเปรียบ
บกพรองอยูในตัว พรอมที่จะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
• อนัตตตา หมายถึง ภาวะที่ไมมีตัวตน วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. พระสูตรวาดวยไฟ คือ กิเลสที่เกิดจาก
2 ไตรสรณคมน คือ การนอมกาย วาจา ใจ นําพระรัตนตรัยเขาไปไวในตน ความโลภ ความโกรธ และความหลง เปนพระสูตรที่มีเนื้อหาแสดงถึง
เพื่อแสดงวาตนมีพระรัตนตรัยเปนที่ระลึกถึงและเปนที่พึ่งตลอดไป ความรอนรุมของจิตใจดวยอํานาจกิเลส เปรียบไดกับความรอนของไฟที่
ลุกโพลงอยู จึงไดชอื่ วา อาทิตตปริยายสูตร แสดงใหเห็นวาความรอนทีแ่ ทจริง
คือความรอนจากภายใน
40 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนดูภาพสัตตมหาสถานจาก
หนังสือเรียนหนา 41 แลวใหนักเรียนชวยกัน
àÊÃÔÁÊÒÃÐ สัตตมหาสถาน สัตตมหาสถาน อธิบายความหมายของคําวา “สัตตมหาสถาน”
สถานที่สำาคัญ ๗ แห่งที่พระพุทธเจ้าเสด็จประทับเสวยวิมุตติสุข หลังจากได้ทรงตรัสรู้ธรรมวิเศษ (อนุตตร-
สัมมาสัมโพธิญาณ) แล้ว เป็นเวลาแห่งละ ๑ สัปดาห์ เรียงตามลำาดับต่อไปนี้
(แนวตอบ สัตตมหาสถาน คือ สถานที่สําคัญ 7
แหงทีพ่ ระพุทธเจาเสด็จไปประทับเสวยวิมตุ ติสขุ
สัปดาห์ที่ สถานที่เสด็จประทับเสวยวิมุตติสุข หลังจากทรงตรัสรูอ นุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
1
เสด็จประทับภายใต้ร่มไม้มหาโพธิ์ ทรงเสวยวิมุตติสุขตลอด ๗ วัน แลวเปนเวลาแหงละ 1 สัปดาห ดังนี้
1 2 ป่ ระทับตรัสรู้
โดยประทับนัง่ ขัดสมาธิบนรัตนบัลลังก์อนั เป็นสถานที • สัปดาหที่ 1 เสด็จประทับใตรมไม
ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ทรงพิจารณาปฏิจจสมุปบาท มหาโพธิ์
• สัปดาหที่ 2 เสด็จประทับ ณ อนิมิสเจดีย
เสด็จประทับ ณ อนิมสิ เจดีย์ ซึง่ อยูท่ างทิศตะวันออกเฉียงเหนือเล็กน้อย • สัปดาหที่ 3 เสด็จประทับ ณ รัตนจงกรม
2 ห่างจากรัตนบัลลังก์ประมาณ ๖๙ เมตร ทรงยืนจ้องพระเนตรดู
ต้นมหาโพธ์ิโดยมิได้กะพริบพระเนตรตลอด ๗ วัน
เจดีย
• สัปดาหที่ 4 เสด็จประทับ ณ รัตนฆรเจดีย
เสด็จประทับ ณ รัตนจงกรมเจดีย์ ทรงนิมิตจงกรมขึ้น แล้วเสด็จ • สัปดาหที่ 5 เสด็จประทับ ณ ใตรมไมไทร
3 จงกรมอยู่ที่นี่เป็นเวลา ๗ วัน โดยเสด็จจงกรมไปมาบนลานแก้ว
รัตนจงกรมเจดีย์ ซึ่งอยู่ระหว่างต้นโพธิ์ตรัสรู้กับลานอนิมิสเจดีย์
ชื่อวา “อชปาลนิโครธ”
• สัปดาหที่ 6 เสด็จประทับใตรมไมจิก
• สัปดาหที่ 7 เสด็จประทับใตรมไมเกด
เสด็จประทับ ณ รัตนฆรเจดีย์ เสด็จไปทางทิศพายัพ แห่่งต้น ชื่อวา “ราชายตนะ”)
4 มหาโพธิ์ ประทับนั่งขัดสมาธิในเรือนแก้ว ซึ่งเทวดานิรมิตถวาย
ทรงพิจารณาพระอภิธรรมตลอด ๗ วัน
2. ครูใหนักเรียนสรุปเนื้อหาเรื่องสัตตมหาสถาน
โดยจัดทําเปนผังความคิด พรอมตกแตงและ
เสด็จไปประทับใต้ร่มไม้ไทร โดยมีชื่อว่า “อชปาลนิโครธ” ซึ่งเป็น ระบายสีใหสวยงาม
5 ที่พักของคนเลี้ยงแพะ และเคยเป็นสถานที่ที่ทรงรับข้าวมธุปายาส
จากนางสุชาดาก่อนวันตรัสรู้ ซึ่งอยู่ห่างจากต้นโพธิ์ตรัสรู้ประมาณ
๑.๖ กิโลเมตร
เสด็จไปประทับนัง่ ขัดสมาธิภายใต้รม่ ไม้จกิ โดยมีชอื่ ว่า “มุจจลินท์”
6 ทางทิศอาคเนย์แ3ห่งต้นมหาโพธิ์ ซึง่ เป็นสถานทีส่ ถิตอยูข่ องพระยา
มุจจลินทนาคราช ห่างจากต้นโพธิต์ รัสรูไ้ ปทางทิศใต้ประมาณ ๑.๗
กิโลเมตร
41
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
ขอใดกลาวถึงความหมายของคําวา “สัตตมหาสถาน” ไดถูกตองที่สุด
1 เสวยวิมตุ ติสขุ ความสุขทีเ่ กิดจากความหลุดพนจากกิเลสและความทุกขทงั้ ปวง
1. สถานที่ประสูติของพระพุทธเจา
2. สถานที่แสดงปฐมเทศนาของพระพุทธเจา 2 ปฏิจจสมุปบาท แปลวา การเกิดขึน้ พรอมกันแหงธรรมทัง้ หลาย หมายความวา
3. สถานที่เสด็จดับขันธปรินิพพานของพระพุทธเจา สิ่งทั้งหลายอาศัยกันจึงเกิดมีขึ้น พูดงายๆ ก็คือ สิ่งทั้งปวงยอมเกิดจากสาเหตุ
4. สถานที่เสด็จประทับเสวยวิมุตติสุขของพระพุทธเจา มีองคประกอบ 12 ขอ ไดแก อวิชชา สังขาร วิญญาณ นามรูป สฬายตนะ ผัสสะ
เวทนา ตัณหา อุปาทาน ภพ ชาติ ชรามรณะ
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. สัตตมหาสถาน แปลวา สถานที่ที่ยิ่งใหญ
7 แหง ที่พระพุทธเจาเสด็จประทับเสวยวิมุตติสุข (สุขจากการหลุดพน) 3 พระยามุจจลินทนาคราช ชื่อพระยานาคที่เขามาเฝาพระพุทธเจาขณะที่
หลังจากการตรัสรูที่พุทธคยา เปนเวลาแหงละ 1 สัปดาห ประทับเสวยวิมตุ ติสขุ อยูใ ตตน จิก (มุจจลินท) เมือ่ ฝนตกพรําเจือดวยลมหนาวตลอด
7 วัน พระยามุจจลินทนาคราชจึงแผพังพานปกพระพุทธเจาเพื่อปองกันฝนและลม
มิใหตองพระวรกาย จึงเปนมูลเหตุของการสรางพระพุทธรูปปางนาคปรก
คูมือครู 41
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ครูและนักเรียนชวยกันสรุปพุทธประวัติตอน
ทรงสั่งสอนธรรมหลังจากตรัสรู แลวครูยกประเด็น 1
หลังจากนั้นไม่นาน สุทัตตเศรษฐี (ต่อมาปรากฏนามว่า อนาถบิณฑิกเศรษฐี) ได้เดินทาง
ใหนักเรียนชวยกันวิเคราะหหาเหตุผล จากคําถาม มาเฝ้าพระพุทธเจ้า ทูลอาราธนาพระพุทธองค์ให้เสด็จไปโปรดชาวเมืองสาวัตถี แคว้นโกศล
ตอไปนี้ สุทัตตะเองได้สร้างวัดถวายนามว่า พระเชตวันมหาวิหาร พระพุทธองค์เสด็จไปประทับเป็นประจ�า
• เพราะเหตุใด หลังการตรัสรูพระพุทธองค ท�าให้ศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาได้ย้ายจากกรุงราชคฤห์ไปอยู่ที่เมืองสาวัตถีในเวลาต่อมา
จึงทรงตั้งพระทัยมั่นคงวาจะตองแสดง พระพุทธศาสนาได้เจริญแพร่หลายในเวลาอันรวดเร็ว หลังจากนั้นก็เกิดมีพุทธบริษัทครบ ๔
ปฐมเทศนาแกปญจวัคคียเทานั้น ได้แก่ ภิกษุบริษัท ภิกษุณีบริษัท อุบาสกบริษัท และอุบาสิกาบริษัท
• เพราะเหตุใด พระพุทธองคจึงทรงแตงตั้ง 2
เมื่อพระพุทธศาสนาเจริญมั่นคงแล้ว พระพุทธองค์หลังจากเสด็จไปโปรดเวไนยสัตว์ยัง
พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะใหเปน แว่นแคว้นต่างๆ เป็นเวลา ๔๕ พรรษา ก็ได้เสด็จดับขันธปรินพิ พาน เมือ่ พระชนมายุได้ ๘๐ พรรษา
พระอัครสาวก แมวาจะเปนพระนวกะ ณ สาลวโนทยาน ของเหล่ามัลลกษัตริย์ กรุงกุสินารา ในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ
อุปสมบทไดเพียง 14 วัน จากพุทธประวัตติ อนทรงสัง่ สอนธรรมหลังจากตรัสรูน้ ี้ เราสามารถยกประเด็นขึน้ มาวิเคราะห์
พอเป็นแนวทางแห่งการศึกษา ดังนี้
ตรวจสอบผล Evaluate
เพราะเหตุใด พระพุทธองค์จงึ ทรงตัง้ พระทัยอย่างมัน่ คงว่าจะต้องสอนปัญจวัคคีย์ แม้พบว่า
1. ตรวจสอบผลจากความถูกตองใน อุปกาชีวกมีความเลือ่ มใสพระพุทธองค์ พระองค์กไ็ ม่ทรงแสดงธรรมให้ฟงั หากมุง่ ไปแสดงให้
การตอบคําถามและอภิปรายในชั้นเรียน ปัญจวัคคีย์ฝ่ายเดียว
2. ตรวจสอบผลจากการเขียนผังความคิด
เรื่องสัตตมหาสถาน
ตรงนีว้ เิ คราะห์ได้วา่ เพราะพระองค์ทรงต้องการเปลือ้ งความเห็นผิดของปัญจวัคคีย์ ปัญจวัคคีย์
เห็นพระองค์ทรงเลิกบ�าเพ็ญทุกกรกิรยิ าแล้ว เข้าใจผิดว่าพระองค์ทรง “เห็นแก่กนิ ” คลายความเพียร
แล้วไม่มีทางตรัสรู้ได้ จึงพากันหนีไป พระพุทธองค์ต้องการจะให้ปัญจวัคคีย์ทราบว่าทุกกรกิริยา
นั้นมิใช่ทางบรรลุ แต่อริยมรรคมีองค์ ๘ เท่านั้นสามารถท�าให้บรรลุได้ เพราะฉะนั้นพระองค์
จึงไม่ต้องการสอนใครอื่นก่อนปัญจวัคคีย์
เหตุผลประการที่สองก็คือ พระองค์ต้องการให้ปัญจวัคคีย์เป็นสักขีพยานการตรัสรู้ของ
พระองค์ เพือ่ ให้การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นไปโดยราบรืน่ เพราะถ้าพระองค์ไปสอนคนอืน่ ก่อน
ไม่สอนปัญจวัคคีย์ คนที่รู้ว่าปัญจวัคคีย์เคยอยู่รับใช้ใกล้ชิดพระพุทธองค์แล้วปฏิเสธพระพุทธองค์
จะเข้าใจผิดว่า พระพุทธองค์มิได้ตรัสรู้จริง ถ้าตรัสรู้จริงสาวกคงไม่ตีตัวออกห่างแน่นอน
ยิ่งถ้าค�าพูดเช่นนี้ออกจากปากปัญจวัคคีย์เอง ยิ่งมีน�้าหนักมากขึ้น พระศาสดาที่สาวกตีตัว
ออกห่าง จะไปสอนใคร ใครเขาจะยอมรับ การประกาศพระศาสนาแทนที่จะเป็นไปโดยสะดวก
ก็อาจมีอุปสรรคได้ เพราะฉะนั้นถ้าปัญจวัคคีย์ได้รับทราบข้อเท็จจริง และได้บรรลุธรรมตาม
พระพุทธองค์แล้ว ท่านเหล่านี้ก็จะได้เป็น “สักขีพยาน” แห่งการตรัสรู้ของพระองค์ได้เป็นอย่างดี
และการเผยแผ่พระพุทธศาสนาก็ย่อมจะเป็นไปด้วยความสะดวก ราบรื่น
42
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
เพราะเหตุใด พระพุทธเจาจึงทรงตั้งพระทัยมั่นคงวาจะแสดงปฐมเทศนา
1 อนาถบิณฑิกเศรษฐี มีนามเดิมวา “สุทัตตะ” เปนคนใจบุญสุนทาน โดยเปน ใหแกปญจวัคคียเทานั้น
ผูตั้งโรงทานใหทานแกยาจกวณิพกเปนประจํา จึงมีผูเรียกขานวา “อนาถบิณฑิกะ”
ซึ่งมีความหมายวา ผูมีกอนขาวเพื่อคนอนาถา อีกทั้งยังเปนทายกที่ดี คือ มีการ แนวตอบ เพราะพระองคทรงตองการเปลื้องความเห็นผิดของปญจวัคคีย
อุปถัมภบํารุงพระสงฆ ดูแลความเปนอยูของพระสงฆ และถามความตองการ โดยใหปญจวัคคียทราบวาทุกกรกิริยามิใชทางบรรลุ แตอริยมรรคมีองค 8
ของทาน เพื่อจะจัดหามาถวายใหตามที่ตองการ เทานั้นที่สามารถทําใหบรรลุได และทรงตองการใหปญจวัคคียเปน
สักขีพยานแหงการตรัสรูของพระองค อันจะทําใหการเผยแผพระพุทธ-
2 เวไนยสัตว คําเรียกผูที่มีกิเลสเบาบาง หรือผูที่ควรแกการแนะนําสั่งสอนได
ศาสนาเปนไปโดยราบรื่น
ซึ่งเมื่อไดฟงธรรมบอยๆ แลวก็จะพัฒนาใหดีขึ้นได อันเปรียบเหมือนดอกบัวที่อยู
ในนํ้า เมื่อไดรับแสงอาทิตยหลายวันเขา ก็จะโผลพนนํ้าขึ้นมาบานสะพรั่งอยาง
สวยงาม
42 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูใหนักเรียนยกตัวอยางพุทธสาวก พุทธ-
เพราะเหตุใด พระพุทธเจ้าเวลาแต่งตัง้ ต�าแหน่งพระอัครสาวก แทนทีจ่ ะทรงแต่งตัง้ พระเถระ สาวิกาที่นักเรียนรูจัก โดยบอกคุณธรรมที่ควรถือ
อาวุโสอื่นๆ เช่น พระอัญญาโกณฑัญญะ พระอุรุเวลกัสสปะ กลับแต่งตั้งพระสารีบุตรและ เปนแบบอยาง เชน พระมหากัสสปะ พระอุบาลี
พระโมคคัลลานะ ผู้เป็นพระนวกะอุปสมบทได้เพียง ๑๔ วัน มิแปลว่าพระองค์ทรงเลือกที่รัก เปนตน
มักที่ชังหรือ
สํารวจคนหา Explore
เราสามารถวิเคราะห์ได้ว่า ในช่วงแรกนี้เป็นระยะเวลาประกาศพระพุท1 ธศาสนา ซึ่งมีแนวคิด
แตกต่างไปจากลัทธิความเชื่อถือ และวิธีปฏิบัติเดิมๆ ของสังคมชมพูทวีป และคนอินเดียโบราณ ครูใหนักเรียนแบงกลุม จับสลากเพื่อสืบคน
เป็นที่รู้จักกันดีว่ามีความเชื่อ “ฝังหัว” การประกาศพระพุทธศาสนาให้แพร่หลาย เป็นที่ยอมรับ ประวัติและคุณธรรมที่ควรถือเปนแบบอยางของ
ของชาวชมพูทวีป จะต้องมีบุคลากรที่มีคุณสมบัติประเภท “รู้เขา รู้เรา” ไว้ช่วยท�างาน พุทธสาวกและพุทธสาวิกาตอไปนี้
พระสาวกของพระพุทธองค์ที่มีคุณสมบัติดังกล่าว ก็มีแต่พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ • พระสารีบุตร
เพราะทั้งสองท่านเป็นพราหมณ์ ที่มีความรู้ไตรเพทเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังเคยเป็นศิษย์ของ • พระโมคคัลลานะ
สัญชัยเวลัฏฐบุตร ซึ่งสอนปรัชญา “อมราวิก2เขปิกา” ที่เน้นวิภาษวิธี ถกเถียง หักล้างด้วยเหตุผล • นางขุชชุตตรา
เมื่อท่านทั้งสองเป็นพระอรหันต์ทรงอภิญญา ก็นับว่าได้ “รู้เรา” คือ รู้เรื่องพระพุทธศาสนาเป็น • พระเจาพิมพิสาร
อย่างดี สามารถเป็น “มือ” ช่วยพระพุทธองค์ทา� งานด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
การที่พระพุทธองค์ทรงละเลยพระสาวกผู้อาวุโสอื่นๆ หันมาทรงแต่งตั้งพระเถระทั้งสองเป็น อธิบายความรู Explain
พระอัครสาวก มิใช่เป็นเรื่องของความเมตตากรุณาส่วนพระองค์ หากทรงมุ่งถึงผลของการเผยแผ่
พระพุทธศาสนาให้แพร่หลายเป็นส�าคัญ 1. ครูใหนักเรียนนําขอมูลประวัติและคุณธรรม
ที่ควรถือเปนแบบอยางของพุทธสาวก
๒. ประวัติพุทธสาวก พุทธสาวิกา พุทธสาวิกามาอภิปรายรวมกันในกลุม
สมัยพระพุทธองค์มพี ทุ ธสาวก พุทธสาวิกาหลายท่านทีม่ จี ริยาวัตรงดงาม เป็นแบบอย่างที่ดี แลวสรางสรรคเปนสมุดภาพเลาเรื่องประวัติ
แก่พุทธศาสนิกชน ประวัติพุทธสาวก พุทธสาวิกาที่ควรศึกษา มีดังนี้ ของพุทธสาวกหรือพุทธสาวิกาดังกลาว
2.1 พระสารีบุตร 2. ครูใหตัวแทนนักเรียนออกมานําเสนอสมุดภาพ
แลวเลาเรื่องโดยยอดวยภาษาของตนเองให
๑) ประวัติ พระสารีบตุ ร เป็นชาวเมืองนาลันทา กรุงราชคฤห์โดยก�าเนิด บิดาของท่าน เพื่อนในชั้นเรียนฟง
มีนามว่า วังคันตพราหมณ์ และมารดานามว่า นางสารีพราหมณี ท่านมีนามเดิมว่า “อุปติสสะ”
ก่อนบวชท่านเรียนศิลปศาสตร์ มีปัญญาเฉียบแหลมเล่าเรียนได้เร็ว อุปติสสะมี
สหายรักคนหนึ่งนาม “โกลิตะ” เป็นบุตรแห่งนายบ้านโกลิตคาม ทั้งสองเป็นเพื่อนเที่ยวเพื่อนกิน
หาความส�าราญจากการดูการละเล่นมหรสพต่างๆ ตามประสาลูกผู้มีฐานะดี วันหนึ่งหลังจากไปดู
มหรสพที่เล่นอยู่บนยอดเขาก็เกิดความเบื่อหน่าย เห็นว่าชีวิตนี้ไร้แก่นสารจึงชวนกันไปสมัครเป็น
ศิษย์ของสัญชัยเวลัฏฐบุตร ผู้เป็นเจ้าส�านักปรัชญาที่มีชื่อเสียง พร้อมทั้งบริวาร ๒๕๐ คน หนึ่งใน
บรรดา “ครูทง้ั ๖” ได้แก่ ปูรณกัสสปะ นิครนถ์นาฏบุตร มักขลิโคสาละ อชิตเกสกัมพล ปกุธกัจจายนะ
และสัญชัยเวลัฏฐบุตร
43
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
อุปติสสะและโกลิตะเปนสหายสนิทที่เบื่อชีวิตที่ไรแกนสาร จึงชวนกันไป
1 ชมพูทวีป เปนชื่อประเทศอินเดียในสมัยโบราณ ดินแดนอันเปนแหลงกําเนิด
สมัครเปนศิษยของใคร
พระพุทธศาสนา ซึ่งปจจุบันคือ ประเทศสาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐอิสลาม
1. อสิตดาบส
ปากีสถาน สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล
2. อุคคเศรษฐี
ราชอาณาจักรภูฏาน และรัฐอิสลามอัฟกานิสถาน
3. สัญชัยเวลัฏฐบุตร
4. พระสัมมาสัมพุทธเจา 2 อภิญญา ความรูอยางสูงหรือความรูยิ่งในพระพุทธศาสนา มี 6 ประการ
ไดแก
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. อุปติสสะและโกลิตะชวนกันไปสมัคร 1. อิทธิวิธิ คือ แสดงฤทธิ์ได เชน เหาะได ลองหนได เปนตน
เปนศิษยของสัญชัยเวลัฏฐบุตร เปนเจาสํานักปรัชญาที่มีชื่อเสียงพรอมทั้ง 2. ทิพพโสต คือ หูทิพย
บริวาร 250 คน 3. เจโตปริยญาณ คือ รูวาระจิต รูความคิดในใจของคนและสัตว
4. ปุพเพนิวาสานุสสติ คือ ระลึกชาติได
5. ทิพพจักขุ คือ ตาทิพย
6. อาสวักขยญาณ คือ รูวิธีกําจัดกิเลสใหหมดไป
คูมือครู 43
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
ครูและนักเรียนชวยกันสรุปประวัติของพระสารี-
บุตร แลวตั้งคําถามใหนักเรียนชวยกันตอบ เชน ท่านทั้งสองได้ศึกษาอยู่กับอาจารย์สัญชัยเวลัฏฐบุตรอยู่ระยะเวลาหนึ่งก็จบความรู้
• เพราะเหตุใด อุปติสสะและสหาย คือ ของอาจารย์ อาจารย์ได้ชักชวนให้อยู่ช่วยสอนศิษย์รุ่นหลังๆ แต่ท่านกับสหาย มีความรู้สึกว่า
โกลิตะ จึงไปสมัครเปนศิษยในสํานักสัญชัย- วิทยาการที่ได้รับถ่ายทอดจากอาจารย์ยังไม่ใช่แนวทางที่ดีที่สุดที่จะน�าพาให้พ้นจากความทุกข์ได้
เวลัฏฐบุตร จึงตกลงกันเงียบๆ กับโกลิตะผู้เป็นสหายว่า จะแยกย้ายกันไปหาอาจารย์ที่สอนแนวทางที่ดีกว่านี้
(แนวตอบ อุปติสสะและโกลิตะเกิดในตระกูล และให้สัญญากันว่าใครพบก่อนให้ช่วยแจ้งแก่
ที่รํ่ารวย มีฐานะ มีเงินทองใชจายไมขาดมือ อีกฝ่ายหนึ่งด้วย
จึงสามารถเทีย่ วเลน หาความสุขสําราญจากการ อุปติสสะได้พบกับพระอัสสชิเถระ
ดูการละเลนมหรสพตางๆ ได แตแลววันหนึ่ง ขณะท่านก�าลังออก “โปรดสัตว์” อยู่ เห็นอิรยิ าบถ
หลังจากที่ดูมหรสพที่ยอดเขาจบ ก็เกิดความ อันส�ารวมน่าเลื่อมใส จึงคิดว่าท่านผู้นี้คงจะมี
รูสึกเบื่อหนาย เห็นวาชีวิตนี้ไรแกนสาร อุตริมนุสสธรรม (ธรรมอันยิง่ ทีม่ นุษย์ทวั่ ไปไม่ม)ี
อุปติสสะจึงไดชักชวนโกลิตะไปสมัคร จึงเข้าไปนมัสการ ขอให้ท่า1นแสดงธรรมให้ฟัง
เปนศิษยในสํานักสัญชัยเวลัฏฐบุตร)
2 พระอัสสชิเถระออกตัวว่าท่านเป็น
• พระสารีบุตรไดรับตําแหนงเอตทัคคะ พระนวกะอยู่ จะแสดงธรรมโดยพิสดารไม่ได้
ในดานใด อุปติสสะจึงขอให้พระเถระแสดงแต่พอสังเขป
(แนวตอบ พระสารีบุตรไดรับตําแหนง อุปติสสะได้ฟังธรรมจากพระอัสสชิเถระเพียงสั้นๆ ก็เกิด พระเถระจึงแสดงคาถา อันเป็น “แก่น” แห่ง
เอตทัคคะ คือ เปนเลิศกวาผูอื่นในทาง ดวงตาเห็นธรรม
อริยสัจ ๔ ดังนี้
ปญญา)
• พระสารีบุตรกับพระอัสสชิมีความเกี่ยวของ เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา เตส� เหตุ� ตถาคโต
กันอยางไร เตสญฺจ โย นิโรโธ จ เอว�วาที มหาสมโณ
(แนวตอบ พระอัสสชิ พระมหาสาวกองคหนึ่ง ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตตรัสเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น
ในคณะปญจวัคคีย ไดแสดงคาถาอันเปนแกน และการดับเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณะมีวาทะอย่างนี้
แหงอริยสัจ 4 ใหแกอุปติสสะ นามเดิมของ
พระสารีบุตร จนเกิดดวงตาเห็นธรรม คือ อุปติสสะได้ฟังคาถานั้นก็ได้ “ดวงตาเห็นธรรม” คือ บรรลุโสดาปัตติผล ท่านได้รีบไป
บรรลุโสดาปตติผล) กล่าวคาถานั้นแก่โกลิตะ โกลิตะก็ได้ดวงตาเห็นธรรมเช่นกัน ทั้งสองจึงไปชวนอาจารย์ให้ไปบวช
เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า เมื่ออาจารย์ปฏิเสธ จึงพากันไปบวชเป็นสาวกของพระพุทธองค์
ที่พระเชตวัน หลังจากบวชได้ ๑๔ วัน อุปติสสะซึ่งเพลานั้นเหล่าพระสงฆ์สาวกเรียกขานท่านว่า
“สารีบุตร” ก็ได้บรรลุพระอรหัต (ช้ากว่าโกลิตะ หรือพระโมคคัลลานะ ๗ วัน)
การบรรลุธรรมของท่านค่อนข้างประหลาด คือ พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม เรื่อง
“เวทนาปริคคหสูตร” โปรดทีฆนขปริพาชกผู้เป็นหลานพระสารีบุตรอยู่ ณ ถ�้าสุกรขาตา (ถ�้าหมูขุด
หรือถ�้าคางหมู) เชิงเขาคิชฌกูฏ
44
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
บุคคลที่มีสวนสําคัญทําใหอุปติสสะไดเปนสาวกของพระพุทธเจาคือใคร
1 พระอัสสชิเถระ บุตรของพราหมณกรุงกบิลพัสดุ บิดาของทานเปนหนึ่งใน
1. พระอัสสชิ
พราหมณ 8 คน ที่ไดรับเชิญไปทํานายพระลักษณะและขนานพระนามเจาชาย
2. โกณฑัญญะ
สิทธัตถะ เมื่อครั้งเจาชายสิทธัตถะเสด็จออกผนวช พราหมณโกณฑัญญะเชื่อวา
3. พระมหากัสสปะ
เจาชายสิทธัตถะจะไดตรัสรูแนนอน จึงไดชักชวนทานอัสสชิพรอมสหายไปเฝา
4. พระโมคคัลลานะ
ปรนนิบัติ หลังจากเจาชายสิทธัตถะตรัสรูเปนพระพุทธเจา พระองคทรงแสดง
ปฐมเทศนาแกพระอัสสชิเถระและคณะปญจวัคคีย ซึ่งนับเปนพระอรหันตรุนแรก วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. อุปติสสะไดพบพระอัสสชิขณะทานกําลัง
ของพระพุทธศาสนา อีกทั้งพระอัสสชิเถระยังเปนหนึ่งในพระสาวก 60 รูป ออกโปรดสัตว จึงเขาไปนมัสการ ขอใหทานแสดงธรรมใหฟง พระอัสสชิ
ที่พระพุทธเจาทรงสงไปประกาศพระศาสนารุนแรกอีกดวย ไดแสดงธรรมอันเปนแกนแหงอริยสัจ 4 หลังจากอุปติสสะไดฟงแลว
2 นวกะ หมายถึง พระภิกษุใหม พระภิกษุที่มีพรรษายังไมครบ 5 พรรษา เกิดดวงตาเห็นธรรม บรรลุโสดาปตติผล และบวชเปนสาวกของพระพุทธเจา
ซึ่งตอมาทานไดรับแตงตั้งเปนพระอัครสาวกเบื้องขวา
44 คูมือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ำรวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู ้ Explain
1. ค รูให้นักเรียนวิเคราะห์หลักธรรมของ
ขณะนัน้ พระสารีบตุ รถวายงานพัดพระพุทธองค์อยู่ ก�าหนดตามกระแสพระธรรมเทศนา พระอัสสชิทแี่ สดงแก่พระสารีบตุ รในหนังสือเรียน
ไปด้วย พอทรงแสดงธรรมจบ พระสารีบุตรก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ในขณะที่ทีฆนขปริพาชก หน้า 44 ตามความเข้าใจของนักเรียน
หลานท่านถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะเท่านั้น (แนวตอบ ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีสาเหตุของ
การบรรลุธรรมของท่าน เปรียบเสมือนการบริโภคอาหารที่เขาจัดเตรียมไว้เพื่อผู้อื่น การเกิด พระพุทธเจ้าตรัสเหตุของปัญหา
ฉันนั้น และการบรรลุธรรมมีขึ้น1ในวันเพ็ญเดือนมาฆะพอดี ณ ราตรีวันนั้นได้มีการประชุมใหญ่ เพื่อหาหนทางในการแก้ไขปัญหาโดยพิจารณา
อันเรียกว่า “จาตุรงคสันนิบาต” ณ พระเวฬุวัน พระพุทธองค์ได้ประทานโอวาทปาฏิโมกข์ จากสาเหตุ)
(พระโอวาทอันเป็นหลักส�าคัญ) แก่ที่ประชุมพระอรหันตสาวก จ�านวน ๑,๒๕๐ องค์ 2. ค รูให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นว่า พระสารี-
โอวาทปาฏิโมกข์นั้นมีทั้งหมด ๑๓ หัวข้อ ซึ่งสามารถสรุปได้เป็น ๔ ประเด็น ดังนี้ บุตรมีความส�ำคัญต่อพระพุทธศาสนาอย่างไร
๑. ว่าด้วยอุดมการณ์ของพระพุทธศาสนา (พระนิพพาน) (แนวตอบ พระสารีบุตรเป็นพระสาวกใน
๒. ว่าด้วยหลักการทั่วไปของพระพุทธศาสนา (ไม่ท�าชั่ว ท�าดี ท�าใจให้ผ่องใส) พระพุทธศาสนาทีด่ ี กล่าวคือ ประพฤติตนอยูใ่ น
๓. ว่าด้วยคุณสมบัติของผู้เผยแผ่พระพุทธศาสนา (รู้ประมาณในโภชนะ อยู่อย่าง หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาและพระวินัย
สงัด เคร่งครัดในระเบียบวินัย ฝึกจิตอยู่เสมอ) อย่างเคร่งครัด พระสารีบุตรเป็นผู้กราบทูลให้
๔. ว่าด้วยเทคนิควิธีเผยแผ่พระพุทธศาสนา (ไม่ว่าร้ายเขา ไม่เบียดเบียนเขา พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติพระวินัยและน�ำค�ำสอน
มีความอดทน ใช้สันติวิธีในการประกาศพระพุทธศาสนา) ของพระพุทธองค์มาจัดหมวดหมู่ดังปรากฏ
โอวาทปาฏิโมกข์นี้ ปราชญ์ไทยโบราณได้คัดเอาหลักการทั่วไป คือ “ไม่ท�าความชั่ว ในสังคีติสูตรและทสุตตรสูตร ตลอดจนเป็น
ท�าความดี ท�าจิตใจให้ผ่องใส” มาเป็น “หัวใจ” พระพุทธศาสนา และถือปฏิบัติมาจนบัดนี้ พระเถระรูปแรกที่คิดท�ำสังคายนาพระธรรม-
ในบัน้ ปลายชีวติ พระสารีบตุ รพร้อมด้วยพระจุนทะน้องชาย ได้กลับไปยังต�าบลนาลันทา วินัย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า พระสารีบุตรมีความ
บ้านเกิดของท่าน เพื่อโปรดมารดาซึ่งยังไม่นับถือพระพุทธศาสนาให้บรรลุธรรม แล้วก็นิพพาน ณ ส�ำคัญต่อพระพุทธศาสนาทั้งในด้านการเป็น
ห้องที่ท่านถือก�าเนิดนั้นเอง หลังจากปลงศพแล้วพระจุนทะน้องชายของท่านน�าอัฐิธาตุไปถวาย สาวกผู้สืบทอดพระพุทธศาสนาและผู้ทำ� นุบำ� รุง
พระบรมศาสดา พระองค์ตรัสว่าให้ก่อสถูปบรรจุอัฐิธาตุของท่านไว้ ณ พระเชตวัน พระพุทธศาสนาให้มั่นคงสืบไป)
เมืองสาวัตถี
๒) คุณธรรมที่ควรถือเป็นแบบอย่าง ของพระสารีบุตร
มีดังนี้
๒.๑) เป็นผู้มีปัญญาหลักแหลม
พระสารีบุตรเป็นผู้มีปัญญาหลักแหลม สามารถ
แสดงธรรมหักล้างความคิดเห็นผิด และท�าให้
ผูฟ้ งั เกิดความรูค้ วามเข้าใจได้แจ่มแจ้ง ถือว่าเป็น
สาวกผู้มีปัญญามากที่สุดรองจากพระพุทธองค์
ท่านจึงได้รับแต่งตั้งจากพระพุทธองค์ 2 เป็น “อัคร
สาวกเบื้องขวา” และเป็นเอตทัคคะ คือ เป็นเลิศ สถูปพระสารีบุตร ที่เมืองนาลันทา สร้างขึ้น ณ สถานที่เกิด
กว่าผู้อื่นในทางปัญญา และนิพพานของพระสารีบุตร
45
ข้อสอบเน้น การคิด
พระสารีบุตรได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์เพราะฟังธรรมข้อใด นักเรียนควรรู้
1. อนุปุพพิกถา
1 จาตุรงคสันนิบาต เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันเพ็ญเดือนมาฆะ (เดือน 3)
2. เวทนาปริคคหสูตร
ณ เวฬุวันมหาวิหาร ในกรุงราชคฤห์ มีเหตุอัศจรรย์ทั้งหมด 4 ประการ ดังนี้
3. อนัตตลักขณสูตร
1. พระสาวก 1,250 องค์ มาประชุมกัน โดยทุกองค์ลว้ นเป็นพระอรหันต์ทงั้ สิน้
4. ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร
2. พระสาวกทั้ง 1,250 องค์ ล้วนได้รับเอหิภิกขุอุปสัมปทา คือ ได้รับ
วิเคราะห์ค�ำตอบ ตอบข้อ 2. พระสารีบตุ รบรรลุธรรมเรือ่ ง เวทนาปริคคหสูตร การอุปสมบทจากพระพุทธเจ้า และพระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์
ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ทีฆนขปริพาชก ที่ถำ�้ สุกรขาตา เมืองราชคฤห์ โดย 3. พระสาวกเหล่านั้นมาประชุมกันโดยมิได้นัดหมายมาก่อนล่วงหน้า
กล่าวถึงเวทนา 3 ประการ ได้แก่ สุขเวทนา ทุกขเวทนา และอทุกขมสุขเวทนา 4. วันนั้นเป็นวันเพ็ญเดือนมาฆะ พระจันทร์เต็มดวงบริบูรณ์
2 เอตทัคคะ ต�ำแหน่งทางพุทธศาสนาที่พระบรมศาสดาได้ประทานแต่งตั้งให้
พุทธบริษัท ได้แก่ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ผู้มีความรู้ความสามารถเด่นกว่า
ท่านอืน่ ๆ ในด้านนัน้ ๆ โดยแต่ละต�ำแหน่ง พระพุทธองค์ประทานแต่งตัง้ เพียงรูปเดียว
ท่านเดียวเท่านั้น
คู่มือครู 45
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนแสดงความคิดเห็นวา คุณธรรม
ของพระสารีบุตรที่ควรถือเปนแบบอยาง ๒.๒) มีความกตัญญูกตเวทิตาธรรมเป็นเลิศ ท่านถือว่าพระอัสสชิเป็นอาจารย์
มีอะไรบาง รูปแรกทีน่ า� ท่านเข้ามาสูร่ ม่ เงาพระพุทธศาสนา ท่านจึงมีความเคารพในพระอาจารย์ของท่านมาก
(แนวตอบ คุณธรรมของพระสารีบุตรที่ควรถือเปน เวลาท่านจะนอนถ้ารู้ว่าอาจารย์ของท่านอยู่ ณ ทิศใด ท่านจะหันศีรษะไปทางทิศนั้น ภิกษุอื่นๆ
แบบอยาง มีดังนี้ ทีไ่ ม่ทราบความจริงข้อนีเ้ คยพากันต�าหนิวา่ ท่านเป็นถึงพระอัครสาวก ยังไหว้ทศิ อยูเ่ หมือนสมัยเป็น
1. เปนผูมีปญญาหลักแหลม สามารถแสดง คฤหัสถ์
ธรรมหักลางความคิดเห็นผิด และทําใหผูฟง สมั ย หนึ่ ง มี พ ราหมณ์ เ ฒ่ า คนหนึ่ ง นามว่ า “ราธะ” อยากบวช แต่ ไ ม่ มี ภิ ก ษุ
เกิดความรูความเขาใจที่แจมแจงได ทาน รับรอง พระสงฆ์จงึ ไม่สามารถบวชให้ได้ พระพุทธเจ้าตรัสถามในทีป่ ระชุมสงฆ์วา่ มีใครรูจ้ กั พราหมณ์
จึงไดรับการแตงตั้งจากพระพุทธเจาใหเปน คนนี้ไหม พระสารีบุตรกราบทูลว่า จ�าได้ว่าพราหมณ์คนนี้เคยใส่ 1 บาตรท่านทัพพีหนึ่ง ท่านรู้จัก
พระอัครสาวกเบื้องขวา จึงขอรับรอง พระพุทธองค์จึงทรงมอบภาระให้ท่านเป็นอุปัชฌาย์บวชแก่ราธพราหมณ์ หลังจาก
2. มีความกตัญูกตเวที ทานมีความเคารพ บวชแล้วพระราธะได้เป็นสัทธิวิหาริก (ศิษย์) ผู้ว่าง่ายรูปหนึ่ง
ในพระอัสสชิผูเปนอาจารยของทานอยางมาก ๒.๓) เป็นผู้มั่นคงและปรารถนาดีต่อพระพุทธศาสนา พระสารีบุตรปรารถนา
3. เปนผูมั่นคงและปรารถนาดีตอพระพุทธ- อยากให้พระสัทธรรมด�ารงอยู่ได้นาน อ�านวยประโยชน์แก่มหาชนอย่างกว้างขวาง จึงกราบทูลให้
ศาสนาเสมอ ทานนําคําสอนของพระพุทธเจา พระองค์ทรงบััญญัติพระวินัย เพื่อความด�ารงมั่นแห่งพระสัทธรรม ซึ่งพระองค์ก็ทรงกระท�าตาม
ไปจัดเปนหมวดหมู และคิดทําสังคายนา ด�ารินั้น นอกจากนี้ท่านยังได้น�าค�าสอนของพระพุทธองค์จัดหมวดหมู่ตั้งแต่หมวดหนึ่ง หมวดสอง
หมวดสาม...จนถึงหมวดสิบ และหมวดเกินสิบ ดังปรากฏอยู่ในสังคีติสูตร และทสุตตรสูตร
พระธรรมวินัย แมทานจะดวนนิพพานไปกอน
ในเวลาต่อมา ท่านได้แสดงสังคีติสูตร และทสุตตรสูตร ท่ามกลางภิกษุสงฆ์
แตตอมาพระมหากัสสปะก็ไดสานตอ
จ�านวนมาก และได้2รับค�าชมเชยจากพระพุทธองค์อีกด้วย พระสารีบุตรจึงเป็นพระเถระรูปแรก
เจตนารมณของทานจนสําเร็จบริบูรณ) ที่คิดท�า “สังคายนา” พระธรรมวินัย แต่ยังไม่ทันส�าเร็จดี ท่านก็ด่วนนิพพานเสียก่อน ภายหลัง
2. ครูใหนักเรียนแสดงความคิดเห็นวา นักเรียน พระมหากัสสปะจึงได้รับช่วงสืบทอดเจตนารมณ์ของท่านจนส�าเร็จบริบูรณ์
สามารถนําคุณธรรมแบบอยางของพระสารีบุตร
มาใชในการดําเนินชีวิตไดอยางไร เรื่องน่ารู้
(แนวตอบ การมีความใฝรู หมั่นหาความรู พระอรหันต์
เพิ่มเติมอยูเสมอ จะชวยใหนักเรียนมีผล
การบรรลุอรหัตผลเป็นพระอรหันต์นั้น บุคคลดังกล่าวต้องเป็นผู้ละกิเลสอันประณีตได้ ๑๑ ประการ ดังนี้
การเรียนที่ดี มีวิสัยทัศนที่กวางไกล และการเปน ๑. ความยึดมั่นในตัวตน
ผูมีความกตัญูกตเวที รูคุณผูมีพระคุณ ๒. ความลังเลสงสัย
ใหความเคารพกับผูที่อาวุโสกวาเสมอ จะทําให ๓. ความยึดถือเพศพรตอย่างงมงายว่าศักดิ์สิทธิ์
๔. ทำาราคะ โทสะ โมหะ ให้หมดสิ้น
มีชีวิตที่เจริญกาวหนาและเปนที่รักของผูอื่น) ๕. ความกำาหนัดในกาม
๖. ความคับแค้น
๗. ความติดใจในรูปธรรมอันประณีต
๘. ความติดใจในอรูปธรรม
๙. ความทะนงตน
๑๐. ความฟุ้งซ่าน
๑๑. ความไม่รู้จริง
46
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
นักเรียนมีวิธีปฏิบัติตนตามหลักโอวาทปาฏิโมกข เพื่อใหคนในสังคมไทย
ครูควรใหนักเรียนศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทําสังคายนาพระไตรปฎก
อยูรวมกันอยางมีความสุขไดอยางไร
ในพระพุทธศาสนา เพื่อใหนักเรียนไดทราบสาเหตุและเหตุการณการทําสังคายนา
ในแตละครั้ง แนวตอบ โอวาทปาฏิโมกข เปนคําสอนอันเปนหัวใจของพระพุทธศาสนา
คือ ไมทําความชั่ว ทําความดี และทําจิตใจใหผองใส การไมทําความชั่ว คือ
การลด ละ เลิกปฏิบัติในสิ่งที่ไมดีทั้งทางกาย วาจา และใจ เชน การฆาสัตว
นักเรียนควรรู การพูดเท็จ การคิดผูกพยาบาท เปนตน สวนการทําความดี คือ การปฏิบัติ
ในสิ่งที่ดีทั้งทางกาย วาจา และใจ เชน การชวยเหลือเกื้อกูลผูอื่น การพูดจา
1 อุปชฌาย หรือพระอุปชฌายะ หมายถึง ผูรับรองกุลบุตรเขารับการอุปสมบท ดวยความจริงใจ การคิดปรารถนาดีตอผูอื่น เปนตน และการทําจิตใจให
ทามกลางภิกษุสงฆ เปนทั้งผูนําเขาหมู เปนผูปกครองคอยดูแล ตลอดจน ผองใส ปราศจากสิ่งขัดขวางจิตไมใหบรรลุความดี เชน การทําจิตใจใหสงบ
ทําหนาที่ฝกสอนและอบรมใหการศึกษา ปรารถนาดี ใหอภัยผูอื่น เปนตน เมื่อคนในสังคมปฏิบัติตนตามหลัก
2 สังคายนา หมายถึง การรอยกรองพระธรรมวินยั การชําระสะสางพระไตรปฎก โอวาทฏิโมกขดังที่กลาวมาแลว จะชวยใหคนในสังคมปรารถนาดีตอกัน
ใหถูกตองเปนแบบเดียวกัน การประชุมตรวจชําระ สอบทาน และจัดหมวดหมู ชวยเหลือเกื้อกูลกัน ใหอภัยซึ่งกันและกัน ลดปญหาการทะเลาะวิวาท
คําสั่งสอนของพระพุทธเจาใหเปนแบบแผนอันหนึ่งอันเดียวกัน หรือคดีอาชญากรรมตางๆ ทําใหคนในสังคมอยูรวมกันอยางมีความสุข
46 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1 ครูและนักเรียนชวยกันสรุปประวัติของ
2.2 พระโมคคัลลานะ พระโมคคัลลานะ แลวตั้งคําถามใหนักเรียน
ชวยกันตอบ เชน
๑) ประวัติ พระโมคคัลลานะ มีนามเดิมว่า “โกลิตะ” เป็นบุตรพราหมณ์หวั หน้าหมูบ่ า้ น • พระโมคคัลลานะมีนามเดิมวาอะไร
โกลิตคาม ซึ่งอยู่ใกล้กับหมู่บ้านอุปติสสคาม ท่านมีเพื่อนกินเพื่อนเที่ยวด้วยกัน ชื่ออุปติสสะ ชีวิต1 (แนวตอบ นามเดิมคือ “โกลิตะ” หลังจากบวช
ในวัยหนุ่มของท่าน ก็เช่นเดียวกับชีวิตพระสารีบุตร คือได้เป็นศิษย์ของอาจารย์สัญชัยเวลัฏฐบุตร โกลิตะไดนามเรียกขานในหมูบรรพชิตวา
เมื่อเกิดความเบื่อหน่ายในลัทธิค�าสอนของอาจารย์สัญชัย ก็พากันแสวงหาแนวทางใหม่ อุปติสสะ “โมคคัลลานะ” แปลวา บุตรคุณแมโมคคัลลี)
ได้พบพระอัสสชิ และฟังธรรมจากท่าน จนบรรลุโสดาปัตติผล จึงน�ามาบอกแก่โกลิตะ โกลิตะได้ฟงั • พระโมคคัลลานะมีความเกี่ยวของกับ
ก็บรรลุเป็นพระโสดาบันเช่นกัน ทัง้ สองจึงพากันไปบวชเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า ดังรายละเอียด พระสารีบุตรอยางไร
ที่กล่าวไว้แล้ว (แนวตอบ พระโมคคัลลานะเปนสหาย
หลังจากบวชแล้ว โกลิตะได้นามเรียกขานในหมู่บรรพชิตว่า “โมคคัลลานะ” แปลว่า พระสารีบุตร และเปนศิษยของอาจารย
บุตรคุณแม่โมคคัลลี ท่านได้บา� เพ็ญเพียรทางจิต ณ หมูบ่ า้ นกัลลวาลมุตตคาม แต่ไม่สามารถบังคับ สัญชัยเวลัฏฐบุตรเชนเดียวกับพระสารีบุตร
จิตให้เป็นสมาธิได้เพราะถูกความง่วงครอบง�า พระพุทธองค์ได้เสด็จไปประทานโอวาทบอกวิธแี ก้งว่ ง เมื่อเกิดความเบื่อหนายในลัทธิคําสอนของ
๘ ประการให้ทา่ น ดังนี้ 2 อาจารยสญ ั ชัย ก็พากันออกแสวงหาทางใหม
๑. ถ้ามีสญั ญาอย่างไรอยู่ เกิดความง่วง ให้นกึ ถึงสัญญานัน้ ให้มาก หมายความว่า พระสารีบุตรไดพบกับพระอัสสชิ ฟงธรรม
ถ้านึกคิดเรื่องใดอยู่แล้วเกิดความง่วง ก็ให้ก�าหนดสิ่งนั้นให้มากกว่าเดิม แล้วความง่วงจะหาย จากทานจนบรรลุโสดาปตติผลแลว จึงมา
๒. ถ้ายังไม่หาย ให้พินิจพิจารณาถึงเรื่องราวที่ได้ยินได้ฟังมา หรือที่เล่าเรียนมา บอกตอพระโมคคัลลานะ ซึ่งก็ไดบรรลุ
ความง่วงก็จะหาย โสดาปตติผลดวยเชนกัน ทั้งสองจึงบวชเปน
๓. ถ้ายังไม่หาย ให้ทอ่ งข้อความ สาวกของพระพุทธเจา)
ที่ก�าลังอ่านอยู่หรือนึกถึงอยู่ดังๆ ความง่วงก็ 2. ครูและนักเรียนอภิปรายถึงโอวาทวิธีแกงวง
จะหาย ที่พระพุทธเจาประทานใหแกพระโมคคัลลานะ
๔. ถ้ายังไม่หาย ให้ยอนหูทั้ง 3. ครูสุมนักเรียนออกมาเลาประสบการณ
สองข้าง คือเอาอะไรแยงหู แล้วความง่วงก็ เกี่ยวกับอาการงวงระหวางเรียน แลวใหเพื่อน
จะหาย ในชั้นเรียนรวมกันหาสาเหตุและวิธีแกงวง
๕. ถ้ายังไม่หาย ให้ลกุ ขึน้ เอาน�า้ ที่ไดผลมากที่สุด
ล้างหน้า แหงนดูทศิ ทัง้ หลาย ความง่วงก็จะหาย
๖. ถ้ายังไม่หาย ให้ค� านึงถึง
“อาโลกสั ญ ญา” คื อ วาดภาพถึ ง แสงสว่ า ง
ความง่วงก็จะหาย
๗. ถ้ายังไม่หาย ให้เดินจงกรม
คื อ มี ส ติ ก� า หนดหมายเดิ น กลั บ ไปกลั บ มา พระพุทธเจ้าทรงประทานโอวาทแก่พระโมคคัลลานะ ซึง่ ทำาให้
ส�ารวมอินทรีย์ มีจติ ไม่ฟงุ้ ซ่าน ความง่วงก็จะหาย ท่านได้บรรลุความเป็นพระอรหันต์ในเวลาต่อมา
47
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
ขอใดกลาวถึงพระโมคคัลลานะไดถูกตองที่สุด
1 สัญชัยเวลัฏฐบุตร ปริพาชกผูตั้งสํานักสอนลัทธิอยูในกรุงราชคฤห เกงใน
1. ผูสรางวัดเชตวัน
เชิงวาทศิลป มีทรรศนะตรงกันขามกับพระพุทธศาสนา มีศิษยจํานวนมาก
2. นามเดิมวา “สุทัตตะ”
หนึ่งในนั้นมีพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะเคยบวชอยูในสํานักนี้ดวย
3. เอตทัคคะในทางผูมีฤทธิ์มาก
แตภายหลังเมื่อพระพุทธเจาอุบัติขึ้นในโลก พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ
4. พุทธอุปฏฐากของพระพุทธเจา
พรอมดวยศิษย 250 คน ก็พากันไปสูสํานักพระพุทธเจา
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. พระโมคคัลลานะไดรับยกยองจาก 2 สัญญา ในที่นี้ หมายถึง การกําหนดหมายรูสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ความจําไดหมายรู
พระพุทธองควาเปนเลิศกวาผูอื่นหรือเอตทัคคะในทางมีฤทธิ์มาก และ มิไดหมายถึงคํามั่นสัญญาดังในภาษาสามัญ
ไดรับแตงตั้งเปนพระอัครสาวกเบื้องซายคูกับพระสารีบุตร พระอัครสาวก
เบื้องขวาของพระพุทธองค
คูมือครู 47
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. พระโมคคัลลานะใชอิทธิฤทธิ์ของทานใหเกิด
ประโยชนตอพระพุทธศาสนาอยางไร ๘. ถ้ายังไม่หาย ก็ให้นอนเสียในท่าสีหไสยาสน์ (นอนตะแคงขวา) ซ้อนเท้าเหลื่อม
(แนวตอบ ใชอิทธิฤทธิ์เปนสื่อชักจูงหรือปราบ เท้า มีสติสมั ปชัญญะว่าจะลุกขึน้ และทรงสอนต่อไปว่า ควรส�าเหนียกว่า “เราจักไม่ชงู วง คือ ถือตัว
คนมิจฉาทิฏฐิที่มีฤทธิ์ใหคลายความเห็นผิด เข้าไปสู่สกุลและจักไม่พูดค�าเป็นเหตุเถียงกัน” เพราะจะเป็นเหตุให้เหินห่างจากสมาธิ จากนั้น
แลวหันมานับถือพระพุทธศาสนา ทําให พระพุทธองค์ประทานโอวาทให้ท่านพิจารณาถึงเวทนาว่า เป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
พระพุทธศาสนาแผขยายไปอยางรวดเร็ว) ท่านปฏิบัติตามพระโอวาทแล้วได้บรรลุพระอรหัตเป็นพระอรหันต์ ในวันที่ ๗ หลังจากอุปสมบท
2. ครูใหนักเรียนวิเคราะหวา นักเรียนสามารถนํา ผลพวงจากการได้บรรลุพระอรหัตผลของท่าน ก็คอื ท่านได้อภิญญา (ความสามารถ
คุณธรรมทีค่ วรถือเปนแบบอยางของพระโมคคัล- พิเศษ) คือ มีอทิ ธิฤทธิด์ ว้ ย จึงได้รบั ยกย่องจากพระพุทธองค์วา่ เป็นผูเ้ ลิศกว่าผูอ้ นื่ ในทางมีฤทธิม์ าก
ลานะมาปรับใชในชีวิตประจําวันไดอยางไร และได้รับแต่งตั้งเป็น “อัครสาวก” เบื้องซ้ายคู่กับพระสารีบุตรซึ่งเป็นอัครสาวกเบื้องขวา
(แนวตอบ เชน การมีความอดทน เพียรพยายาม ความที่ท่านมีฤทธิ์มาก ท่านจึงได้ใช้อิทธิปาฏิหาริย์เป็น “สื่อ” หรือเป็น “เครื่องมือ”
มุมานะฝาฟนอุปสรรคในการกระทําสิ่งตางๆ ชักจูงคนมิจฉาทิฐิที่มีฤทธิ์ ให้คลายจากความเห็นผิด แล้วหันมานับถือพระพุทธศาสนามากมาย
ใหประสบผลสําเร็จได การรูจักมีความใฝรู บางครั้งก็ได้รับพุทธบัญชาไป “ปราบ” ผู้มีฤทธิ์ที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ ท�าให้เกียรติคุณของพระพุทธเจ้า
เพือ่ พัฒนาตนใหมคี วามรูท กี่ วางไกล การเปน และพระพุทธศาสนาแพร่ขจายไปอย่างรวดเร็ว มีผู้เข้ามาบวชเป็นสาวกของพระพุ1 ทธองค์มากขึ้น
ผูมีความออนนอมถอมตนตอผูอื่น เปนตน) การกระท�าของท่านในประเด็นนี้ ได้สร้างผลกระทบต่อลัทธิเดียรถีย์อื่นๆ อย่างมาก
3. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 2.2 จากแบบวัดฯ จนถึงกับว่าพวกเขาจ้างพวกโจรมาฆ่าพระโมคคัลลานะ เพื่อ “ตัดมือตัดเท้า” ของพระพุทธเจ้า
พระพุทธศาสนา ม.2 พวกโจรมาล้อมกุฏิของพระโมคคัลลานะถึง ๓ ครั้ง แต่ท่านก็เข้าฌานเหาะหนีไปได้ทั้ง ๓ ครั้ง
✓ แบบวัดฯ
ครั้งที่ ๔ ท่านเห็นว่าเป็นการชดใช้กรรมเก่าจึงไม่ยอมหนี จึงถูกพวกโจรทุบจนกระดูกแหลก
ใบงาน แบบฝกฯ
พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 2.2
ละเอียด พวกโจรนึกว่าท่านตายแล้วจึงพากันหนีไป พระเถระด�าริวา่ ยังไม่กราบทูลลาพระพุทธเจ้า
หนวยที่ 2 พุทธประวัติ พระสาวก ศาสนิกชนตัวอยาง จะนิพพานไม่ได้ จึงประสานร่างให้คงคืนตามเดิมด้วยอ�านาจฌานสมาบัติ แล้วเหาะไปกราบทูลลา
และชาดก พระพุทธองค์ จากนั้นก็นิพพาน พระพุทธเจ้าโปรดให้ก่อสถูปบรรจุอัฐิธาตุของท่านไว้ใกล้ซุ้มประตู
กิจกรรมที่ ๒.๒ ใหนกั เรียนวิเคราะหเกีย่ วกับพุทธสาวก พุทธสาวิกาในประเด็น ñð
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได วัดเวฬุวัน ในเขตเมืองราชคฤห์
ที่กําหนด (ส ๑.๑ ม.๒/๖)
พุทธสาวก / พุทธสาวิกา
๑. พระสารีบุตร
คุณธรรมที่เปนแบบอยาง การนําไปใชในชีวิต
๑. มีปญญาหลักแหลม สามารถแสดงธรรม ……………………………………………………………
…………………………………………………………………………….. เชน ขยันเลาเรียนใหมาก และนํา
๒) คุณธรรมที่ควรถือเป็นแบบอย่าง ของพระโมคคัลลานะ มีดังนี้
ใหผูฟงเกิดความเขาใจไดแจมแจง
…………………………………………………………………………….. ความรูไ ปถายทอดใหผอู นื่ ได แสดง
……………………………………………………………
๒. มีความกตัญู โดยใหความเคารพพระอาจารย ……………………………………………………………
……………………………………………………………………………..
ของทานมาก
ความกตัญูตอผูอื่น ไมวาจะเปน
พ อ แม ญาติ พี่ น อ ง ครู อ าจารย
๒.๑) เป็นผู้มีความอดทนยิ่ง เมื่อบวชแล้ว พระโมคคัลลานะไปปฏิบัติธรรมอยู่
…………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………
๓. มีความมั่นคงและปรารถนาดีตอพระพุทธ- ……………………………………………………………
…………………………………………………………………………….. มีความเลื่อมใสตอพระพุทธศาสนา
ศาสนา ดังกราบทูลใหพระพุทธองคทรง ……………………………………………………………
……………………………………………………………………………..
บัญญัติพระวินัยขึ้น เปนตน
อยางมัน่ คง ไมกระทําในสิง่ ทีท่ าํ ให
พระพุทธศาสนามัวหมอง เปนตน
ณ กัลลวาลมุตตคาม พยายามเพื่อบรรลุผลที่ต้องการ แม้ถูกความง่วงครอบง�า ท่านก็ยังพยายาม
…………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………
๒. พระโมคคัลลานะ
…………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………
๑๕
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
ครูควรอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับนิวรณหรือนิวรณธรรม อันเปนธรรมที่กั้นจิตไมให ครูใหนักเรียนไปสืบคนพุทธบริษัทที่ไดรับการยกยองหรือการแตงตั้งจาก
บรรลุความดี 5 ประการ ดังนี้ พระพุทธเจาใหเปนเอตทัคคะในดานตางๆ พรอมบอกถึงลักษณะบางประการ
1. กามฉันท คือ ความพอใจในกามคุณ ของบุคคลดังกลาววามีความสอดคลองกับเอตทัคคะในดานนั้นอยางไร
2. พยาบาท คือ ความคิดรายผูอื่น
3. ถีนมิทธะ คือ ความงวง ความหดหู
4. อุทธัจจกุกกุจจะ คือ ความฟุงซานและรําคาญ
5. วิจิกิจฉา คือ ความลังเลสงสัย กิจกรรมทาทาย
นักเรียนควรรู ครูใหนักเรียนยกตัวอยางคุณธรรมที่เปนแบบอยางของพุทธสาวก
พุทธสาวิกามาประยุกตใชในการดําเนินชีวติ พรอมทัง้ บอกแนวทางการนํามา
1 เดียรถีย นักบวชประเภทหนึ่ง มีมากอนพระพุทธศาสนา และเปนปฏิปกษตอ ปฏิบัติและผลที่ไดรับจากการปฏิบัติ บันทึกลงกระดาษ A4 นํามาเลา
พระพุทธศาสนาอยางยิง่ มีพทุ ธบัญญัตวิ า หากเดียรถียจ ะมาขอบวชในพระพุทธศาสนา สูกันฟงในชั้นเรียน
ตองมารับการฝก เพื่อตรวจสอบวาเลื่อมใสแนนอนเสียกอน เรียกวา ติตถิยปริวาส
48 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
ครูและนักเรียนชวยกันสรุปประวัตินางขุชชุต-
วันหนึ่งพระสารีบุตรเห็นท่านมีใบหน้าผ่องใสจึงซักถาม พระโมคคัลลานะตอบว่า ตรา แลวตั้งคําถามใหนักเรียนชวยกันตอบ เชน
ท่านได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า ครั้นถามว่า พระพุทธเจ้าประทับอยู่ไกลมาก ท่านโมคคัลลานะ • “ขุชชุตตรา” มีความหมายวาอยางไร
เหาะไปฟังธรรมหรือ พระโมคคัลลานะตอบว่ามิได้เหาะไปฟัง แต่ฟงั ด้วยทิพยโสต เมือ่ พระสารีบตุ ร (แนวตอบ ขุชชุตตรา แปลวา อุตราผูคอม)
ชมเชยว่า พระโมคคัลลานะนี้ช่างมีความสามารถเหลือเกิน พระโมคคัลลานะกลับไม่หลงค�าชมนั้น • พระพุทธเจายกยองใหนางขุชชุตตรา
แต่กลับพูดว่า “ความสามารถของข้าพเจ้า เมื่อเปรียบกับท่านพระสารีบุตรแล้วเพียงเล็กน้อย เปนเลิศในดานใด
ดุจก้อนเกลือเล็กๆ วางไว้ใกล้หม้อน�้าใบใหญ่ฉะนั้น” ความอ่อนน้อมถ่อมตนเช่นนี้เป็นคุณธรรม (แนวตอบ นางขุชชุตตรา ไดรับการยกยอง
ที่เป็นแบบอย่างที่ดีที่บุคคลควรด�าเนินตามเป็นอย่างยิ่ง จากพระพุทธเจาวา เปนเลิศในทาง
๒.๓) มีความใฝ่รู้อย่างยิ่ง คุณธรรมข้อนี้ปรากฏตั้งแต่สมัยยังเป็นฆราวาส เมื่อไป ธรรมกถึก)
ดูมหรสพบนภูเขากับอุปติสสะ (พระสารีบุตร) เกิดความเบื่อหน่าย ใคร่จะแสวงหาแนวทางที่ดีกว่า • นางขุชชุตตรามีบทบาทในการทํานุบํารุง
จึงชวนอุปติสสะไปศึกษาอยู่กับอาจารย์สัญชัยเวลัฏฐบุตร ไม่นานท่านก็เรียนจนจบหมดภูมิของ พระพุทธศาสนาอยางไร
อาจารย์ และเที่ยวแสวงหาครูอาจารย์อื่นต่อไป จนกระทั่งอุปติสสะได้ฟังธรรมจากพระอัสสชิ (แนวตอบ นางขุชชุตตราปฏิบัติตนเปน
มาเล่าให้ฟัง ท่านก็ตั้งใจฟัง จนได้ดวงตาเห็นธรรม ทั้งหมดนี้แสดงถึงความใฝ่รู้ของท่าน จึงท�าให้ พุทธศาสนิกชนที่ดี กลาวคือ เปนผูจัด
ท่านได้รับความรู้ยิ่งๆ ขึ้นไปจนส�าเร็จพระอรหัตผลในที่สุด สิ่งของถวายแดพระพุทธเจาและพระสงฆ
2.3 นางขุชชุตตรา ในพระพุทธศาสนา และหลังจากฟงธรรมจน
1 บรรลุโสดาปตติผล นางขุชชุตตราปฏิบัติตน
๑) ประวัติ นางขุชชุตตรา เป็นธิดาของนางนมในบ้านของโฆสกเศรษฐี เมืองโกสัมพี
นางได้ชื่อว่า “ขุชชุตตรา” เพราะเป็นหญิงค่อม ชื่อของนางแปลเต็มว่า “อุตราผู้ค่อม” ตามหลักธรรมคําสอนในพระพุทธศาสนา
เมื่อนางเติบโตขึ้น ก็เป็นสาวใช้ในบ้านของโฆสกเศรษฐีนั่นเอง นางมีหน้าที่ซื้อดอกไม้ ตลอดจนทําหนาที่ในการแสดงธรรมและ
ถวายแก่พระนางสามาวดีเป็นประจ�า วันหนึ่ง หัวหน้านายมาลาการเตรียมจัดของท�าบุญถวาย เผยแผพระพุทธศาสนาไดอยางเชี่ยวชาญ)
ภั ต ตาหารแด่ พ ระสงฆ์ มี พ ระพุ ท ธเจ้ า เป็ น
ประธาน จึงได้ให้นางขุชชุตตราช่วยจัดสิ่งของ
ในการท�าบุญครั้งนี้ ซึ่งท�าให้นางขุชชุตตราได้มี
ส่วนร่วมในการท�าบุญ จนในที่สุดเมื่อนางได้ฟัง
พระธรรมเทศนาของพระพุทธเจ้า นางก็ได้บรรลุ
โสดาปั ต ติ ผ ล ครั้ น เมื่ อ นางกลั บ มาก็ ไ ด้ ซื้ อ
ดอกไม้ทงั้ ๘ กหาปณะ ได้ดอกไม้ไปเต็มกระเช้า
มาถวายพระนางสามาวดี ซึ่งถื2อว่ามีจ�านวน
มากกว่าปกติ พระนางสามาวดีทรงเกิดความ
สงสัย จึงซักถามนางขุชชุตตราซึง่ ได้บรรลุโสดา
ปัตติผลแล้ว ก็ได้เล่าเรือ่ งราวความเป็นไปตัง้ แต่
เริม่ ต้นให้ฟงั พร้อมทัง้ แสดงธรรมทีน่ างได้ฟงั มา นางขุชชุตตราได้รบั มอบหมายให้ชว่ ยจัดดอกไม้ และสิง่ ของ
ทำาบุญถวายพระพุทธเจ้าและพระภิกษุสงฆ์
แล้วถวายพระนางสามาวดีด้วย
49
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
นักเรียนสามารถนําคุณธรรมที่ควรถือเปนแบบอยางของนางขุชชุตตรา
1 เมืองโกสัมพี ชื่อเมืองหลวงของแควนวังสะ อยูทางตอนใตของแมนํ้ายมุนา
มาปรับใชในชีวิตประจําวันไดอยางไร
ปจจุบันเรียกวา เมืองโกสัม
แนวตอบ การเปนคนเอาใจใสในหนาที่ที่ไดรับมอบหมาย เชน การทํา 2 พระนางสามาวดี เปนธิดาของเศรษฐีนามวา ภัททวดีย แหงเมืองภัททวดีย
การบานหรือรายงานทีค่ รูมอบหมายไดสาํ เร็จตรงตามกําหนด การชวยแบงเบา หลังจากที่เศรษฐีเสียชีวิต โฆสกเศรษฐีแหงเมืองโกสัมพีเลี้ยงดูนางดุจลูกสาว และ
ภาระงานบานจากพอแม เปนตน การหมั่นฝกฝนตนเองใหมีความรูความ ยกยองในความฉลาดของนาง เนื่องจากนางเปนผูคิดใหสรางรั้ว มีประตูทางเขา
ชํานาญในดานใดดานหนึ่งอยางมุมานะ เชน การฝกฝนดานกีฬา ดนตรี และประตูทางออกใหกับบานของโฆสกเศรษฐี จึงไดชื่อวา “สามาวดี” (วดี แปลวา
หรือภาษา เปนตน และการรูจักแยกแยะวาสิ่งใดดีสิ่งใดไมดี เพื่อดําเนินชีวิต รั้ว) ตอมาพระนางสามาวดีไดฟงธรรมจากนางขุชชุตตราและบรรลุโสดาปตติผล
อยางมีความสุข
คูมือครู 49
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนแสดงความคิดเห็นตอพฤติกรรม
ของนางขุชชุตตรา เรื่องความไมซื่อสัตย ตามปกติในวันอื่นๆ เมื่อนางขุชชุตตรารับเงินค่าดอกไม้วันละ ๘ กหาปณะ แล้วนาง
แอบยักยอกเงินเจานาย แตภายหลังก็มาบอก ก็จะจ่ายเป็นค่าดอกไม้เพียง ๔ กหาปณะ อีก ๔ กหาปณะ นางเก็บไว้ใช้ส่วนตัว แต่ในวันนั้น
ความจริงทั้งหมดใหเจานายทราบ นางได้ฟังพระธรรมเทศนาและนางก็ได้บรรลุโสดาปัตติผล ก็1ไม่เกิดความคิดที่จะหักเอาเงิน ๔
(แนวตอบ ครูเปดโอกาสใหนักเรียนแสดงความ กหาปณะไว้เหมือนเดิม นางจึงซื้อดอกไม้ทั้งหมด ๘ กหาปณะ ท�าให้ได้ดอกไม้เพิ่มมากกว่าปกติ
คิดเห็นอยางหลากหลาย โดยครูอธิบายเนนยํ้าวา
อย่างผิดสังเกต พระนางสามาวดีจึงทรงสอบถามและทราบว่าแต่ก่อนนั้น นางขุชชุตตราหักเงินไว้
การปฏิบัติตนเปนคนไมซื่อสัตยนั้น ไมวาจะดวย
ส�าหรับตนเองจ�านวนหนึ่งมิได้น�าไปซื้อดอกไม้ทั้งหมด บัดนี้นางขุชชุตตราบรรลุโสดาบันแล้ว
เหตุผลใดหรือในสถานการณใดก็ตาม ถือเปน
ความผิดหรือเปนสิ่งไมดีเสมอ แตเมื่อรูวาตนเอง ไม่อยากได้ทรัพย์ของคนอื่นอีก พระนางสามาวดีก็ให้อภัยในสิ่งที่เคยเกิดขึ้น
กระทําสิ่งที่ผิดก็ตองรีบกลับตัวกลับใจมากระทํา ต่อมานางขุชชุตตราได้รับมอบหน้าที่จากพระนางสามาวดีให้เป็นผู้ไปฟังธรรม แล้ว
ในสิ่งที่ถูกที่ควร) กลับมาแสดงให้พระนางสามาวดีพร้อมด้วยบริวารฟังเป็นประจ�า นางขุชชุตตราได้เอาใจใส่
2. ครูใหนักเรียนวิเคราะหวา นักเรียนสามารถนํา ในหน้าทีน่ อี้ ย่างดียงิ่ โดยตัง้ ใจไปฟังธรรมจนเข้าใจ จดจ�า แล้วน�ามาแสดงแก่พระนางสามาวดีพร้อม
คุณธรรมทีค่ วรถือเปนแบบอยางของนางขุชชุตตรา ทั้งบริวาร จึงท�าให้นางขุชชุตตรามีความแตกฉานในธรรม สามารถแสดงธรรมได้อย่างช�่าชอง
มาปรับใชในชีวิตประจําวันไดอยางไร ตัง้ แต่นนั้ มานางขุชชุตตราก็ได้รบั การยกฐานะจากนางก�านัล ให้อยูใ่ นฐานะอาจารย์ผแู้ สดงพระธรรม
(แนวตอบ คุณธรรมที่ควรถือเปนแบบอยางของ ค�าสอนให้แก่พระนางสามาวดีพร้อมทัง้ นางก�านัลทีเ่ หลือทัง้ หมด 2 ภายหลังพระศาสดาได้ทรงยกย่อง
นางขุชชุตตราที่สามารถนํามาปรับใชในชีวิต นางว่า “เป็นเลิศกว่าอุบาสิกาทั้งหลาย ในทางเป็นธรรมกถึก”
ประจําวันได คือ การเปนผูฝกฝนและอบรม ๒) คุณธรรมที่ควรถือเป็นแบบอย่าง ของนางขุชชุตตรา มีดังนี้
ตนเองใหละเวนสิ่งที่ไมดีและตั้งอยูในสิ่งที่ดี ๒.๑) เป็นผู้ฝึกฝนตนเองอยู่เสมอ จากประวัติจะเห็นว่านางขุชชุตตราเป็นสาวใช้
รวมถึงการเอาใจใสตอหนาที่ที่ไดรับมอบหมาย) ที่ไม่ซื่อสัตย์ในเบื้องต้น เพราะได้แอบยักยอกเอาเงินครั้งละ ๔ กหาปณะ จาก ๘ กหาปณะ
3. ครูใหนักเรียนยกตัวอยางบุคคลในทองถิ่นหรือ ที่เจ้านายให้ไปซื้อดอกไม้ ไว้ใช้เป็นส่วนตัว แต่เมื่อนางได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าแล้ว ก็มีความ
ในสังคมที่มีความเปนเลิศในทางเปนธรรมกถึก ส�านึกในผิดชอบชั่วดี จึงใช้เงินทั้ง ๘ กหาปณะ ซื้อดอกไม้ไปให้เจ้านาย เมื่อเจ้านายสอบถาม
หรือนักเทศนทางธรรม และชวยกันบอกถืง เนื่องจากเห็นดอกไม้มีมากกว่าแต่ก่อน นางขุชชุตตราก็บอกความจริงให้ทราบ นับว่านางเป็น
คุณธรรมของบุคคลดังกลาวที่สามารถนํามาถือ คนฝึกฝนอบรมตนให้รู้จักละเว้นสิ่งที่ไม่ดี และตั้งอยู่ในสิ่งที่ดีได้ในที่สุด
ปฏิบัติในชีวิตประจําวันได
๒.๒) เอาใจใส่ในหน้าทีท่ ไี่ ด้รบั มอบหมาย หลังจากนางบรรลุเป็นพระโสดาบันแล้ว
นางก็ได้แสดงธรรมให้เจ้านายคือพระนางสามาวดีฟัง พระนางสามาวดีก็ใคร่ที่จะฟังธรรมทุกวัน
จึงมอบหมายให้นางไปฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าแล้วกลับมาแสดงให้พระนางฟัง นางขุชชุตตรา
ก็เอาใจใส่ในหน้าที่รับผิดชอบอย่างดียิ่ง โดยไปฟังธรรมจากพระองค์แล้วพยายามท�าความเข้าใจ
เพื่อกลับมาแสดงให้พระนางสามาวดีฟัง ท�าให้นางมีความแตกฉานในธรรมยิ่งๆ ขึ้นตามล�าดับ
นางขุชชุตตรานับว่าเป็นพุทธสาวิกาทีโ่ ดดเด่นคนหนึง่ ในพระพุทธศาสนา สามารถ
แสดงธรรมได้ลึกซึ้งกินใจ ท�าให้ผู้คนสนใจในหลักธรรมของพระพุทธศาสนาอีกเป็นจ�านวนมาก
50
บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู ครูสามารถนําเนื้อหาเกี่ยวกับการแสดงธรรมของนางขุชชุตตรา
ไปบูรณาการเชื่อมโยงกับกลุมสาระการเรียนรูภาษาไทย วิชาหลักภาษาและ
1 กหาปณะ เปนคําเรียกเงินตราที่ใชในสมัยพุทธกาล ทําดวยโลหะ เทียบคําวา
การใชภาษา เรื่องหลักการฟงและการพูด โดยใหนักเรียนศึกษาหลักการ
กษาปณ ในปจจุบัน โดยคําวากหาปณะมีปรากฏอยูในพระวินัยวาดวยเรื่องการ
มารยาทในการฟงและการพูดที่ดี แลวใหนักเรียนฝกพูดใหเหมาะสมใน
ลักทรัพย คือ ภิกษุจงใจลักทรัพยที่มีราคา 5 มาสก หรือ 1 บาทขึ้นไป ตองอาบัติ
โอกาสตางๆ
สูงสุด คือ ปาราชิก หากมีราคาตํ่ากวานั้นมีความผิดลดหลั่นลงมาตามราคาทรัพย
2 ธรรมกถึก คือ ผูกลาวสอนธรรม ผูแสดงธรรม นักเทศน ซึ่งควรคํานึงถึง
องคแหงธรรมกถึก 5 ประการ ดังนี้
1. แสดงธรรมไปตามลําดับ ไมตัดลัดใหสับสนหรือขาดความ
2. ชี้แจงยกเหตุผลมาแสดงใหผูฟงเขาใจ
3. สอนเขาดวยเมตตา ตั้งจิตปรารถนาใหเปนประโยชนแกผูอื่น
4. ไมแสดงธรรมเพราะเห็นแกลาภ
5. ไมแสดงธรรมกระทบตนและผูอื่น คือ ไมยกตน ไมเสียดสีผูอื่น
50 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูและนักเรียนอภิปรายเกี่ยวกับพระเจา
๒.๔ พระเจ้าพิมพิสาร พิมพิสาร แลวตั้งคําถามใหนักเรียน
ชวยกันตอบ เชน
๑) พระราชประวัต ิ พระเจ้าพิมพิสาร ทรงเป็นพระมหากษัตริยแ์ ห่งมคธรัฐ มีบทบาท • เมื่อพระเจาพิมพิสารชักชวนใหพระพุทธเจา
เกี่ยวข้องกับพุทธประวัตินับตั้งแต่ตอนที่พระพุทธองค์เสด็จออกผนวช แล้วเสด็จดำาเนินมายัง สละเพศบรรพชิตมาครองราชย
แคว้นมคธ ไปประทับอยู่ที่ปัณฑวบรรพต พระเจ้าพิมพิสารซึ่งขณะนั้นขึ้นครองราชย์สืบต่อจาก พระพุทธเจาทรงปฏิเสธดวยเหตุผลใด
พระราชบิดาแล้วสดับว่าพระพุทธองค์เสด็จมายังแว่นแคว้นของพระองค์จึงเสด็จไปนมัสการ เมื่อ (แนวตอบ พระพุทธเจาทรงปฏิเสธการสละ
ทอดพระเนตรเห็นพระอากัปกิรยิ าอันสงบสำารวมก็เลือ่ มใส ชักชวนให้พระพุทธองค์สละเพศบรรพชิต เพศบรรพชิตมาครองราชย เพราะพระองค
มาครองราชย์ด้วยกัน โดยทรงยินดีย1กดินแดนให้กึ่งหนึ่ง พระพุทธองค์ทรงปฏิเสธ ตรัสว่าสิ่งที่ ทรงมีจุดมุงหมายที่ชัดเจน คือ การแสวงหา
พระองค์ทรงแสวงหา คือ โมกษธรรม หาใช่สมบัติทางโลกไม่ โมกษธรรมหรือโมกขธรรม หลักธรรมที่
พระเจ้าพิมพิสารตรัสว่า ถ้าพระพุทธองค์ทรงค้นพบสิง่ ทีแ่ สวงหาเมือ่ ใด ขอให้เสด็จมา ทําใหหลุดพนทุกข อันจะนําความสุขที่
สอนพระองค์เป็นคนแรก ซึง่ พระพุทธองค์กท็ รงให้ปฏิญญา (คำามัน่ ) ด้วยเหตุนี้ เมือ่ โปรดปัญจวัคคีย์
แทจริงมาใหมากกวาการแสวงหาสมบัติ
โปรดพระยสะและสหาย มีพระอรหันต์จำานวน ๖๐ รูป ที่ทรงส่งไปประกาศพระศาสนายังแคว้น
ทางโลก)
ต่างๆ แล้ว พระพุทธองค์ก็เสด็จพุทธดำาเนินมุ่งตรงไปยังเมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ เพื่อจะไป
• เพราะเหตุใด เตภาติกชฎิล (ชฎิล 3 พี่นอง
เปลื้องปฏิญญาที่ประทานให้กับพระเจ้าพิมพิสาร
ผูบูชาไฟ) จึงสละเพศชฎิล แลวหันมานับถือ
แต่เมื่อทรงพิจารณาถี่ถ้วนแล้ว ทรงเห็นว่าพระเจ้าพิมพิสารและชาวเมืองยังเคารพ
พระพุทธศาสนา
นับถือ “เตภาติกชฎิล” (ชฎิล ๓ พี่น้องผู้บูชาไฟ) อยู่ จึงต้องไปโปรดเหล่าชฎิลก่อน
(แนวตอบ เพราะเตภาติกชฎิลตระหนักไดวา
เมือ่ พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมโปรดให้ชฎิล ๓ พีน่ อ้ งสละลัทธิความเชือ่ ถือดัง้ เดิมนัน้
การสรรเสริญรูป รส กลิ่น เสียง และสตรี
มาเป็นสาวกของพระองค์หมดแล้ว ก็ทรงพาสาวกใหม่หมาดๆ จำานวนทั้งสิ้น ๑,๐๐๓ รูปไปพักยัง
ลวนแตเปนมลทิน จึงหันมาบําเพ็ญเพียรตาม
“สวนตาลหนุ่ม” ที่มีชื่อว่า “สัฏฐิวัน” ใกล้เมืองราชคฤห์
วิถีแหงการดับกิเลส ไมเวียนวายตายเกิด
เมื่อพระเจ้าพิมพิสารได้สดับข่าวนี้ จึงเสด็จพร้อมประชาชนจำานวนมากไปยังสวน2
ตามหลักพระพุทธศาสนา)
ตาลหนุ่ม ทอดพระเนตรเห็นบรรดาอาจารย์ของตนสละเพศชฎิล หันมานุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์
2. ครูนําขาวเหตุการณปจจุบันหรือยกตัวอยาง
แถมยังนั่งแวดล้อม “สมณะหนุ่ม” รูปหนึ่ง หน้าตาคลับคล้ายว่าเป็นผู้ที่พระองค์เคยพบเห็น
มาก่อน ก็มีความสงสัยอยู่ครามครัน กรณีศึกษาเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องการเซนไหว
พระพุทธเจ้าทรงทราบพระราชดำาริของกษัตริย์หนุ่ม จึงหันมาตรัสถามพระปูรณกัสปะ การบวงสรวงบูชาสิ่งตางๆ ในสังคม มาให
หัวหน้าชฎิลทั้งหลายว่า “ท่านเห็นอย่างไร จึงสละเพศชฎิลและการบูชาไฟที่ท�ามาเป็นเวลานาน นักเรียนอภิปรายถึงผลดีและผลกระทบที่มีตอ
จนผ่ายผอม หันมานับถือพระพุทธศาสนา” บุคคลเหลานั้นและสภาพสังคมไทยในปจจุบัน
อุรุเวลกัสสปะกราบทูลว่า “ยัญทั้งหลายสรรเสริญรูป เสียง กลิ่น รส และสตรี ล้วน โดยครูพิจารณาถึงการแสดงความคิดเห็นที่
แต่เป็นมลทิน ข้าพระองค์เห็นว่ามิใช่ทางแห่งความสงบระงับกิเลส จึงละการเซ่นสรวงบูชา” สมเหตุสมผล พรอมกับชี้แนะแนวทางการ
พระพุทธองค์ตรัสถามต่อไปว่า “ถ้าเช่นนัน้ ใจท่านยินดีอะไรในเทวโลก หรือมนุษยโลก” ปฏิบัติตนตามหลักการเปนชาวพุทธที่ดี
ท่านปูรณกัสสปะกราบทูลว่า “ใจของข้าพระองค์ยินดีในการสิ้นอุปธิ (กิเลส) ทั้งหลาย
ไม่เวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป”
51
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
ระหวางการแสวงหาความสุขทางธรรมกับการแสวงหาความสุขทางวัตถุ
1 โมกษธรรม (ภาษาสันสกฤต) หรือโมกขธรรม (ภาษาบาลี) ธรรมนําสัตวให
พระพุทธเจาทรงสอนใหชาวพุทธเลือกปฏิบัติวิธีใด เพื่อเปนทางแหงการดับ
หลุดพนจากกิเลส หรือมรรคมีองค 8 เพื่อนําไปสูจุดหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนา
กิเลสและประสบกับความสุขระยะยาวในชีวิต
คือ นิพพาน การดับกิเลสและกองทุกขทั้งปวง อันไดแก
แนวตอบ พระพุทธเจาทรงสอนใหชาวพุทธกําจัดกิเลสทั้งมวลในชีวิต 1. สัมมาทิฏฐิ เห็นชอบ 5. สัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีพชอบ
เพื่อดับทุกขใหหมดสิ้น ดังนั้น การแสวงหาความสุขทางวัตถุ จึงนับไดวา 2. สัมมาสังกัปปะ ดําริชอบ 6. สัมมาวายามะ เพียรชอบ
เปนการตอบสนองตัณหาและเพิ่มกิเลสใหมากขึ้น อันจะนํามาซึ่งความทุกข 3. สัมมาวาจา เจรจาชอบ 7. สัมมาสติ ระลึกชอบ
อยางไมมวี นั จบสิน้ ซึง่ ตางจากการแสวงหาความสุขทางธรรมทีพ่ ระพุทธองค 4. สัมมากัมมันตะ ทําการชอบ 8. สัมมาสมาธิ ตั้งจิตมั่นชอบ
ทรงตรัสวาเปนทางแหงการดับกิเลสและนํามาซึง่ ความสุขระยะยาว กลาวคือ 2 กาสาวพัสตร ผาทีย่ อ มดวยนํา้ ฝาด เปนคําเรียกผาทีพ่ ระสงฆใชนงุ หม ผานุง หม
การเรียนรูและนําหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาปฏิบัติในชีวิตประจําวัน ของพระสงฆไมวา จะเปนสีเหลือง สีแกนขนุน หรือสีกลัก ก็ถอื วาเปนผากาสาวพัสตร
ยอมจะทําใหจิตใจสงบ สามารถแยกแยะไดวาสิ่งใดดี สิ่งใดชั่ว ปฏิบัติตน ทั้งสิ้น ผากาสาวพัสตรถือวาเปนของสูง เปนเครื่องนุงหมของพระพุทธเจาที่ทรง
ตอผูอื่นไดอยางมิตร ตลอดจนสามารถดําเนินชีวิตไดอยางถูกตองเหมาะสม ประทานอนุญาตใหพระสาวกใชได จัดเปนสัญลักษณอยางหนึง่ ของพระพุทธศาสนา
ตามหลักศีลธรรม
คูมือครู 51
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนวิเคราะหความปรารถนากอน
ขึ้นครองราชย 5 ประการที่พระเจาพิมพิสาร พระเจ้าพิมพิสารและประชาชนได้เห็นอาจารย์ของตนนั่งคุกเข่าประคองอัญชลีต่อ
กราบทูลตอพระพุทธเจาวา สะทอนถึงแนวคิด พระสมณะหนุ่ม และประกาศเหตุผลว่าท�าไมจึงละลัทธิความเชื่อถือของตนมานับถือสมณะหนุ่ม
ของพระเจาพิมพิสารที่มีตอพระพุทธศาสนา เป็นอาจารย์ ก็หายสงสัย พลอยเลื่อมใสตามอาจารย์ของตน และกษัตริย์หนุ่มก็ร�าลึกได้ว่า สมณะ
อยางไร หนุ่มรูปนี้ก็คือผู้ที่ตนพบมาก่อนที่ปัณฑวบรรพตนั้นเอง บัดนี้ได้เป็น “พระสัมมาสัมพุทธะ” แล้ว
(แนวตอบ จากความปรารถนาที่พระเจาพิมพิสาร พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมชื่อว่า “อนุปุพพีกถา” และ “อริยสัจ ๔” โปรดพระเจ้า
กราบทูลตอพระพุทธเจา 5 ประการ สะทอนให พิมพิสาร พร้อมด้วยข้าราชบริพาร
เห็นวา พระเจาพิมพิสารมีความเลื่อมใสศรัทธา พระเจ้าพิมพิสารกราบทูลว่า บัดนี้ความปรารถนาก่อนขึ้นครองราชย์ ๕ ประการ
ตอพระพุทธศาสนาอยางมาก แสดงถึงความ ได้ส�าเร็จ ได้แก่
ตั้งใจจริงในการศึกษาหลักธรรมและเผยแผ ๑. ปรารถนาอยากได้ครองราชย์ตั้งแต่ยังหนุ่ม
พระพุทธศาสนาในเมืองของตน) ๒. ปรารถนาอยากให้พระอรหันตสัมมาสัมพุทธะเสด็จมาโปรดเมืองของตน
2. ครูใหนักเรียนวิเคราะหวา พระเจาพิมพิสาร ๓. ปรารถนาอยากได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธะ
ปฏิบัติตนเปนพุทธศาสนิกชนที่ดีอยางไร ๔. ปรารถนาอยากให้พระสัมมาสัมพุทธะนั้นแสดงธรรมให้ฟัง
(แนวตอบ หลังจากที่พระเจาพิมพิสารหันมา ๕. ปรารถนาอยากให้รู้ทั่วถึงธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธะนั้นแสดง
นับถือพระพุทธศาสนา พระองคทรงนับถือพระ เมื่อประกาศความส�าเร็จแห่งมโนปณิธานของพระองค์แล้ว พระเจ้าพิมพิสารและเหล่า
รัตนตรัยเปนสรณะตลอดพระชนมชีพ ทรงถวาย ข้าราชบริพารส่วนหนึ่งได้ดวงตาเห็นธรรม ก็ก้มกราบมอบพระองค์เป็นสาวก นับถือพระรัตนตรัย
สวนไผใหเปนวัดแหงแรกในพระพุทธศาสนา เป็นสรณะตลอดพระชนม์ชีพ อัญเชิญเสด็จองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมภิกษุสงฆ์ไปเสวย
นามวา “เวฬุวัน” และทรงประกอบพิธีกรวดนํ้า ภัตตาหารที่พระราชวังในวันรุ่งขึ้น หลังจากนั
อุทิศสวนกุศลแกพวกเปรตที่เคยเปนพระญาติ 1 ้นไม่กี่วันก็ถวาย “สวนไผ่” นอกเมืองให้เป็น “วัด”
แห่งแรกในพระพุทธศาสนา นามว่า “เวฬุวัน”
ของพระองค) หลังจากได้ถวายพระเวฬุวันให้แก่
พระพุ ท ธองค์ แ ล้ ว คื น นั้ น พระเจ้ า พิ ม พิ ส าร
ทรงฝันร้าย เห็นพวกเปรตมาร�่าร้องอยู่ต่อหน้า
น่าเกลียดน่ากลัวมาก รุ่งเช้าพระองค์เสด็จไป
กราบทูลให้พระพุทธองค์ทรงทราบ2พระพุทธองค์
ตรัสว่าสิ่งที่มาปรากฏนั้นเป็นเปรต ซึ่งเคยเป็น
พระญาติของมหาบพิตรในอดีตกาลอันยาวนาน
พวกเขามาขอส่วนบุญ
“หม่อมฉันควรท�าอย่างไรพระเจ้าข้า”
พระราชากราบทูลถาม
พระเจ้าพิมพิสารทรงเลือ่ มใสในพระพุทธศาสนาและได้ถวาย “มหาบพิตรควรกรวดน�้าอุทิศส่วน
สวนเวฬุวนั ให้เป็นวัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนา
กุศลให้พวกเขา” พระพุทธองค์ทรงชี้แนะ
52
บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู ครูสามารถนําเนือ้ หาเกีย่ วกับการสรางวัดในพระพุทธศาสนา ไปบูรณาการ
เชื่อมโยงกับกลุมสาระการเรียนรูศิลปะ วิชาทัศนศิลป เรื่องทัศนศิลป
1 เวฬุวัน หรือพระวิหารเวฬุวันกลันทกนิวาปสถาน เปนวัดแหงแรกในพระพุทธ-
ของไทยในแตละยุคสมัย โดยใหนกั เรียนสืบคนผลงานทัศนศลิ ปหรือรูปแบบ
ศาสนา ตั้งอยูใกลเชิงเขาเวภารบรรพต บนริมฝงแมนํ้าสรัสวดี นอกเขตกําแพง
การสรางวัดในพระพุทธศาสนาสมัยตางๆ ในประเทศไทย แลวบอกถึง
เมืองเการาชคฤห แควนมคธ ชมพูทวีป หรือรัฐพิหาร ประเทศอินเดียปจจุบัน
ลักษณะเดนของการสรางงานทัศนศิลปดังกลาว
ในสมัยพุทธกาล วัดเวฬุวนั เปนสถานทีส่ าํ หรับบําเพ็ญเพียรทางจิต และยังเปนสถานที่
ที่พระพุทธเจาทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกขแกพระสาวกจํานวน 1,250 องคในวันเพ็ญ
เดือน 3 ปจจุบันวัดเวฬุวันเหลือเพียงรองรอยของซากโบราณสถานในสวนไผ
ที่รมรื่น มีสระนํ้าขนาดใหญภายใน มีรั้วรอบดาน และอยูในความดูแลของทาง
ราชการอินเดีย
2 เปรต ผูละโลกนี้ไปแลว คนที่ตายไปแลว หรือสัตวจําพวกหนึ่งซึ่งเกิดอยูใน
อบายชั้นที่ไดรับความทุกขทรมาน เพราะไมมีอาหารจะกิน แมเมื่อมีก็กินไมได
หรือกินไดโดยยาก
52 คูมือครู
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ Expand
1. ครูและนักเรียนสรุปประวัติพระเจาพิมพิสาร
วันต่อมา พระราชาจึงได้นิมนต์พระพุทธเจ้า พร้อมภิกษุสงฆ์ ไปเสวยภัตตาหารใน แลวแสดงความคิดเห็นในประเด็นคําถาม
พระราชวัง แล้วกรวดน�้าอุทิศส่วนกุศลแก่พวกเปรตที่เคยเป็นพระญาติของพระองค์ ตกดึกมา ตอไปนี้
บรรดาพระญาติเก่าก็มาปรากฏโฉมอีก คราวนีห้ น้าตายิม้ แย้มแจ่มใส ซาบซึง้ ในพระหฤทัยทีแ่ บ่ง • คุณธรรมใดของพระเจาพิมพิสารที่นักเรียน
ส่วนบุญให้ ต่างก็ได้เสวยบุญไปตามๆ กัน แล้วก็อันตรธานหายไป 1 ควรถือเปนแบบอยางในการประพฤติปฏิบัติ
พระเจ้าพิมพิสารมีพระราชโอรสพระนามว่า “อชาตศัตรู” จากพระนางเวเทหิ ตอนทรง ในชีวิตประจําวัน
ประชวรพระครรภ์ (แพ้ท้อง) พระเทวีใคร่จะเสวย “เลือด” ของพระราชสวามี แต่พระนางไม่กล้า (แนวตอบ การเคารพนับถือในพระรัตนตรัย
ทูลแก่พระราชสวามี การมีความเพียร และการมุง มัน่ ในการศึกษา
ต่อมาเมือ่ ทรงซักไซร้ จึงกราบทูลความจริงให้ทราบ ด้วยความรักพระมเหสี พระราชา หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ตลอดจนมี
จึงเฉือนพระพาหา (แขน) เอาพระโลหิตออกมาให้พระมเหสีดื่ม อาการประชวรพระครรภ์ก็สงบ จิตเอื้อเฟอเผื่อแผ ปรารถนาดีตอผูอื่นเสมอ)
โหราจารย์ท�านายว่าพระโอรสองค์นี้จะท�า “ปิตุฆาต” แต่พระราชาก็มิได้สนพระทัยต่อค�าท�านาย • คุณธรรมใดของพระเจาพิมพิสารที่ควร
กล่าวกันว่า ค�าท�านายของโหรท�าให้พระเทวีมีความกังวลมาก จึงแอบไปท�าแท้งที่ถ�้า นํามาเปนแบบอยางในการครองเรือน
มัททกุจฉิ เชิงเขาคิชฌกูฏ โดยเอาก้อนหินทุบท้องเพื่อให้แท้ง พระราชาทรงทราบ ตรัสห้ามท�า (แนวตอบ เชน การรักและเอาใจใสตอคนใน
เช่นนั้นเป็นอันขาด ทารกน้อยจึงมีโอกาสเกิดขึ้นมาดูโลก ที่พระนางท�าไปมิใช่ไม่รักลูกแต่มิอยาก ครอบครัว การใหการอุปการะ ใหการศึกษา
ได้ชอื่ ว่ามีลกู ฆ่าพ่ออันเป็นความอัปยศอย่างยิง่ แต่พระสวามีกป็ ลอบพระทัยว่าเรือ่ งในอนาคตไม่มี แกบตุ ร และหมัน่ อบรมสัง่ สอน ชีแ้ นะสิง่ ใดดี
ใครสามารถหยัง่ รูไ้ ด้ เพียงค�าท�านายก็ไม่ควรเชือ่ ว่าจะเป็นความจริงร้อยเปอร์เซ็นต์ทกุ อย่าง อยูท่ ี่ สิ่งใดไมดีใหแกบุตรเสมอ)
การกระท�าของคน ถ้าเราอบรมลูกให้ดี มีหรือจะกลายเป็นคนชั่วเช่นนั้นได้ 2. ครูใหนักเรียนอภิปรายความหมายของ
เพราะความเชื่อมั่นอย่างนี้ เมื่อพระราชโอรสประสูติแล้ว จึงพระราชทานนามว่า พระพุทธวจนะที่ตรัสวา “เมื่อโคขามฟาก
อชาตศัตรู (ผู้เกิดมาไม่เป็นศัตรู) ทรงให้การศึกษาอบรมแก่พระราชโอรสเป็นอย่างดี ท�าให้ ถาโคจาฝูงวายไปคดหรือตรง ฝูงโคก็จะคด
เจ้าชายน้อยเป็นคนว่านอนสอนง่าย อยู่ในพระโอวาท ไม่ม2ีวี่แววว่าจะประพฤติ นอกรีตแต่อย่างใด หรือตรงตาม” แลวบอกถึงการนําขอคิดจาก
3
แต่ก็เหมือนฟ้าลิขิต เจ้าชายน้อยได้รู้จักอลัชชีนามเทวทัต ถูกเทวทัตผู้เป็นบาปมิตร พระพุทธวจนะดังกลาวนี้ไปปรับใชในชีวิต
เสี้ยมสอนให้เห็นผิดเป็นชอบ จับพระเจ้าพิมพิสารขังคุกให้อดพระกระยาหารจนสิ้นพระชนม์ ประจําวัน
๒) คุณธรรมที่ควรถือเป็นแบบอย่าง ของพระเจ้าพิมพิสาร มีดังนี้ (แนวตอบ หากผูปกครองประพฤติตนอยูในศีล-
๒.๑) เป็นพ่อที่ดี พระเจ้าพิมพิสารมีความรักอชาตศัตรูผู้เป็นพระราชโอรสอย่าง ธรรม ผูใ ตปกครองก็ยอ มจะอยูใ นศีลธรรม ดังนัน้
แท้จริง เมื่อครั้งพระราชโอรสอยู่ในพระครรภ์ พระมเหสี “แพ้ท้อง” อยากเสวยโลหิตพระราชสวามี หากมีบทบาทเปนผูนํา จะตองดํารงตนอยูใน
เพราะความรักในพระมเหสี และรักในพระราชโอรสผู้อยู่ในพระครรภ์ พระเจ้าพิมพิสารถึงกับเอา ศีลธรรม และมีหลักการปกครองทีเ่ สริมสรางให
พระขรรค์กรีดพระโลหิตจากพระพาหาของพระองค์ให้พระมเหสีดื่ม ผูใ ตปกครองเปนคนดีและเปนคนเกงควบคูก นั ไป)
แม้ภายหลังเจ้าชายอชาตศัตรูหลงผิด เพราะการยุยงของพระเทวทัต ถือพระขรรค์
เข้าไปหมายจะสังหารพระองค์ พระองค์ก็ไม่ทรงถือโกรธ เมื่อรู้ว่าพระราชโอรสต้องการราชสมบัติ ตรวจสอบผล Evaluate
ก็ยนิ ดียกให้ตามปรารถนา แม้พระราชโอรสจับขังคุกทรมานให้อดพระกระยาหาร ก็ไม่มจี ติ โกรธเคือง 1. ตรวจสอบผลจากความถูกตองในการตอบ
หรือพยาบาทในพระราชโอรสแต่ประการใด คําถามและแสดงความคิดเห็น
53 2. ตรวจสอบผลจากความถูกตองและความ
สวยงามของสมุดภาพเลาเรื่องประวัติของ
พุทธสาวกหรือพุทธสาวิกา
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
พระเจาพิมพิสารทรงเสียสละสิ่งใด เพื่อทําใหพระนางเวเทหิหายจาก
1 อชาตศัตรู แปลวา ผูป ราศจากศัตรู ในเวลาตอมาทานไดคบคิดกับพระเทวทัต
อาการประชวรพระครรภ (แพทอง)
ฆาพระราชบิดาตามที่โหรทํานายไว และไดขึ้นครองราชสมบัติแควนมคธ ณ
1. ยกราชสมบัติใหพระนางปกครอง
กรุงราชคฤห แตทรงสํานึกและกลับพระทัยได หันมาทรงอุปถัมภบํารุงพระพุทธ-
2. กรีดเลือดจากแขนใหพระมเหสีดื่ม
ศาสนา และทรงเปนพุทธศาสนูปถัมภกในการสังคายนาพระธรรมวินัยครั้งที่ 1
3. เสียสละพระราชทรัพยสรางที่ประทับใหใหม
4. ถวายอาหารโปรดบํารุงพระครรภพระมเหสี 2 อลัชชี คือ ผูไมมีความละอาย ภิกษุผูประพฤติละเมิดพุทธบัญญัติโดยจงใจ
ละเมิด หรือกระทําผิดแลวไมมีการแกไข
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. พระเจาพิมพิสารทรงใชมีดกรีดเลือดที่แขน
ของพระองคใหพระมเหสีดื่ม เพราะพระนางประชวรพระครรภ (แพทอง) 3 เทวทัต เปนพระโอรสในพระเจาสุปปพุทธะและพระนางอมิตาแหงโกลิยวงศ
ใครจะเสวยพระโลหิตของพระราชสวามี คือ พระเจาพิมพิสาร ดวยความรัก ไดออกผนวชและบําเพ็ญฌานจนไดโลกียอภิญญา เวลาตอมามีความมักใหญ
ในพระมเหสีและรักในพระราชโอรสผูอยูในพระครรภ พระองคจึงทรงยอม คิดทํารายพระพุทธเจา ไดกอเรื่องวุนวายในสังฆมณฑลและถูกธรณีสูบในที่สุด
เสียสละพระโลหิต
คูมือครู 53
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูใหนักเรียนยกตัวอยางพระมหากษัตริยไทย
ในอดีตที่มีพระราชกรณียกิจในดานการทํานุบํารุง ๒.๒) ทรงมั่นคงในพระรัตนตรัย พระองค์ทรงรับเอาพระพุทธศาสนามาเป็น
พระพุทธศาสนา แลวอภิปรายรวมกันถึงผลงานที่ หลักปฏิบัติของพระองค์เองและประชาชนชาวเมืองราชคฤห์ สร้างวัดถวายไว้ในพระพุทธศาสนา
สรางประโยชนใหกบั ประเทศไทย ตลอดจนคุณธรรม เป็นวัดแห่งแรกในประวัตศิ าสตร์พระพุทธศาสนา ทรงมั่นคงในพระศาสนายิ่งนัก
ที่ควรถือเปนแบบอยาง เมื่อครั้งถูกพระราชโอรสจับขังให้
อดพระกระยาหาร 1พระองค์กย็ ดึ มั2น่ ในพระธรรม
สํารวจคนหา Explore เจริ ญ พุ ท ธานุ ส สติ ธั ม มานุ ส สติ น� า มาเป็ น
ใหนกั เรียนศึกษาคนควาเกีย่ วกับขอมูลศาสนิกชน เครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ จนถึงวาระสุดท้ายแห่ง
ตัวอยางจากหนังสือเรียนหนา 54-61 หรือจากแหลง พระชนม์ชีพ
การเรียนรูตางๆ หรือสอบถามผูรู จากนั้นบันทึก ๒.๓) ทรงเป็นผูน้ า� ทีด่ ี เมือ่ ก่อน
ประวัติและผลงานของทานเหลานั้นลงสมุด พระเจ้าพิมพิสารทรงเลื่อมใสในชฎิล ๓ พี่น้อง
ก็นา� ประชาชนไปฟังค�าชีแ้ นะเป็นประจ�า ครัน้ มา
เป็นสาวกของพระพุทธองค์แล้ว ก็น�าประชาชน
อธิบายความรู Explain
เข้าหาพระพุทธศาสนา ประพฤติปฏิบตั พิ ระองค์
ครูใหนักเรียนผลัดกันเลาประวัติของ พระพุทธรูปปางแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ ประดิษฐานอยู่ เป็นแบบอย่างที่ดี
พระมหาธรรมราชาลิไทยโดยยอ จากนั้นใหนักเรียน ภายในพระเวฬุวนั วิหาร ซึง่ เป็นวัดทีพ่ ระเจ้าพิมพิสารสร้าง พระราชจริยาวัตรของพระเจ้า
ถวายพระพุทธเจ้า
จับคูออกมาจับสลากเพื่อนําเสนอพระราชกรณียกิจ พิมพิสารเข้าหลักพระพุทธวจนะที่ตรัสว่า “เมื่อ
ของพระมหาธรรมราชาลิไทยในดานตางๆ ตอไปนี้ โคข้ามฟาก ถ้าโคจ่าฝูงว่ายไปคดหรือตรง ฝูงโคก็จะไปคดหรือตรงตาม” ผู้ที่เป็นผู้น�าประเทศ
• ดานศาสนา ก็เช่นเดียวกัน ถ้าปฏิบัติตนอยู่ในศีลในธรรม ผู้ใต้ปกครองก็ย่อมมีศีลมีธรรมตาม
• ดานการปกครอง
• ดานอักษรศาสตร
ó. ศาสนิกชนตัวอย่าง
3.1 พระมหาธรรมราชาลิไทย
๑) พระประวั
3 ติ พระมหาธรรมราชาที่ ๑ (พระยาลิไทย) ทรงเป็นพระราชโอรส
ในพระยาเลอไทย พระมหากษัตริย์องค์ที่ ๕ แห่งกรุงสุโขทัย ตามประวัติศาสตร์กล่าวว่า ได้ทรง
ศึกษาวิชาชั้นต้นจากพระเถระชาวลังกา ซึ่งเข้ามาสอนหนังสือและเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่าง
จริงจัง และเมื่อขึ้นครองราชย์ได้ ๕ ปี ก็ทรงอุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา เมื่อ พ.ศ.
๑๙๐๔ โดยนิมนต์พระเถระจากลังกามาเป็นพระอุปัชฌาย์
พระมหาธรรมราชาลิไทย ทรงเป็นแบบอย่างพระมหากษัตริย์ผปู้ ระพฤติธรรมพระองค์
แรกของกรุงสุโขทัยและทรงเป็นนักปราชญ์ที่รอบรู้ทั้งทางศาสนา การปกครอง และอักษรศาสตร์
เป็นอย่างยิ่ง โดยประมวลได้ในด้านต่างๆ ดังนี้
54
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
ขอใดเปนวรรณกรรมทางพระพุทธศาสนาของพระมหาธรรมราชาลิไทย
1 พุทธานุสสติ คือ การระลึกถึงคุณของพระพุทธเจา
1. นิราศภูเขาทอง 2. เวสสันดรชาดก
2 ธัมมานุสสติ คือ การระลึกถึงคุณของพระธรรม 3. ไตรภูมิพระรวง 4. มหาชาติคําหลวง
54 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูและนักเรียนชวยกันสรุปพระราชกรณียกิจ
๑.๑) ด้านศาสนา มีดังนี้ ของพระมหาธรรมราชาลิไทยในรูปแบบ
๑. ทรงมีความเชี่ยวชาญทางด้านศาสนา รอบรู้พระไตรปิฎกอย่างแตกฉาน ผังความคิดบนกระดานหนาชั้นเรียน จากนั้น
ทัง้ อรรถกถา ฎีกา อนุฎกี า และปกรณ์วเิ สสอืน่ ๆ โดยทรงศึกษาจากพระสงฆ์ผเู้ ชีย่ วชาญพระไตรปิฎก ใหนักเรียนชวยกันวิเคราะหคุณธรรมที่ควร
ในขณะนั้น เช่น พระมหาเถรมุนีพงศ์ พระอโนมทัสสีเถรเจ้า เป็นต้น หรือจากราชบัณฑิตฝ่าย นําไปเปนแบบอยาง
คฤหัสถ์ เช่น อุปเสนบัณฑิต เป็นต้น (แนวตอบ พระมหาธรรมราชาลิไทยทรง
๒. ทรงส่งเสริมอุปถัมภ์ดา้ นการศึกษาพระพุทธศาสนาและศิลปศาสตร์ตา่ งๆ เปนผูมีวิสัยทัศนกวางไกล พระองคทรงมี
๓. ทรงส่งราชบุรษุ ไปขอพระบรมสารีรกิ ธาตุจากลังกาทวีปและได้ทรงน�ามา ความคิดริเริ่มในดานตางๆ ไดอยางดีเลิศ
บรรจุไว้ในพระมหาธาตุเมืองนครชุม (เมืองโบราณอยู่ในจังหวัดก�าแพงเพชร) พระองคทรงวางรากฐานดานการปกครอง
๔. ทรงส่งราชทูตไปอาราธนาพระสังฆราชมาจากลังกาทวีป มาจ�าพรรษา โดยใชหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาเปน
อยู่ที่วัดป่ามะม่วง นอกจากนี้ทรงผนวชในพระพุทธศาสนา และทรงสร้างพระพุทธรูปไว้หลายองค์ ตัวขัดเกลาจิตใจประชาชน เพื่อใหประชาชน
๑.๒) ด้านการปกครอง มีดังนี้ อยูในศีลธรรมและเกิดความสงบสุข และ
๑. โปรดให้สร้างปราสาทราชมณเฑียร พระองคทรงมีความสามารถในการถายทอด
๒. โปรดให้ยกผนังกั้นน�้าตั้งแต่เมืองสองแคว (พิษณุโลก) มาถึงกรุงสุโขทัย เรื่องราวนามธรรมใหเปนรูปธรรม กอใหเกิด
1 ความเขาใจที่งายขึ้น ดังเชนหนังสือ
๓. ทรงปกครองด้วยทศพิธราชธรรม
๑.๓) ด้านอักษรศาสตร์ มีดังนี้ เตภูมิกถาหรือไตรภูมิพระรวง ซึ่งมีเนื้อหา
๑. ทรงพระราชนิพนธ์เรื่อง “เตภูมิกถา” หรือ “ไตรภูมิพระร่วง” อันเป็น เกี่ยวกับนรกสวรรค เพื่อใหประชาชนเขาใจ
วรรณกรรมทางพระพุทธศาสนาเรือ่ งแรกของไทย ผลของการปฏิบัติตามศีลธรรมและประพฤติ
๒. โปรดให้ มี ก ารสร้ า ง ผิดศีลธรรม)
ศิลาจารึกไว้หลายหลัก 2. ครูใหนักเรียนบอกถึงวิธีการพัฒนาตนเองเพื่อ
พระมหาธรรมราชาลิไทยทรง2 ใหเปนบุคคลผูมีวิสัยทัศนกวางไกลและมีความ
เป็นนักปราชญ์ ทรงมีความรอบรูใ้ นศิลปศาสตร์ สามารถในการคิดริเริ่มสรางสรรค ดังเชน
มากมาย ทรงบ�าเพ็ญพระราชกรณียกิจและทรง พระมหาธรรมราชาลิไทย
มีพระจริยาวัตรอันเป็นประโยชน์อย่างไพศาล (แนวตอบ หมั่นศึกษาหาความรูอยูเสมอ ติดตาม
ทั้งแก่ฝ่ายพุทธจักรและอาณาจักรเป็นอย่างยิ่ง ขาวสารเหตุการณปจจุบัน สืบคนขอมูลทาง
พระองค์ ท รงประพฤติ ใ นทางที่ จ ะทรงเป็ น อินเทอรเน็ต อานหนังสือ และพูดคุยกับผูมี
ธรรมราชา คือ การปกครองพระราชอาณาจักร ความรู เพื่อสรางองคความรูในดานตางๆ
ด้วยธรรมานุภาพเป็นส�าคัญ ที่ทันสมัยใหกับตนเอง ฝกการวิพากษวิจารณ
พระมหาธรรมราชาลิ ไ ทย พระบรมรูปพระมหาธรรมราชาลิไทย ภายในวัดพระศรีรตั น คิดริเริ่มสรางสรรค และมองการณไกลดวย
สวรรคตในปีใดไม่ปรากฏแน่ชดั แต่เข้าใจว่าเป็น มหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก พระมหาธรรมราชาลิไทย ความรอบคอบและมีเหตุผล)
ช่วงใดช่วงหนึ่ง ระหว่าง พ.ศ. ๑๙๑๑ ‑ ๑๙๑๗ ทรงเป็ นผู้รจนาหนังสือไตรภูมิพระร่วง วรรณกรรมทาง
พระพุทธศาสนาเรื่องแรกของไทย
55
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
วรรณกรรมเรื่องไตรภูมิพระรวง มีความสําคัญตอสังคมสุโขทัยอยางไร
1 ทศพิธราชธรรม พระพุทธศาสนาสอนวานักปกครองที่ดีนั้นควรมีคุณธรรม
แนวตอบ ไตรภูมิพระรวงเปนวรรณกรรมที่เกี่ยวของกับพระพุทธศาสนา 10 ประการ ไดแก การให การตั้งอยูในศีล การบริจาค ความซื่อตรง
พระมหาธรรมราชาลิไทยทรงพระราชนิพนธ โดยนําหลักธรรมทางพระพุทธ- ความออนโยน ความมีตบะ ความไมโกรธ ความไมเบียดเบียน ความอดทน
ศาสนาที่เขาใจยากมานําเสนอใหมเปนรูปของคําประพันธ มีการใชขอความ และความไมคลาดธรรม
งายๆ อานแลวเกิดจินตนาการ โดยเนื้อหาในไตรภูมิพระรวงจะกลาวถึงนรก 2 ศิลปศาสตร หมายถึง ศิลปศาสตร 18 ประการ ไดแก วิชาพระเวท วิชา
สวรรค ผูที่ทําความดีจะไดไปเสวยสุขบนสวรรค สวนผูที่ทําความชั่วจะตอง พิจารณาสวนตางๆ ของรางกาย วิชาคํานวณ วิชาทําจิตใหแนวแน วิชากฎหมาย
ไปชดใชกรรมในนรก ซึ่งทําใหประชาชนเกิดความหวาดกลัวที่จะไปเกิดใน วิชาแยกประเภท วิชาทํานายเหตุการณ วิชาฟอนรํา วิชาแพทย วิชาโบราณคดี
นรก จึงหมั่นเรงสรางความดี ไมประพฤติชั่ว ความเชื่อเชนนี้สงผลใหสังคม วิชาศาสนา วิชาทํานายบุคคล วิชากล วิชาคนหาเหตุ วิชาคิด วิชารบ วิชากลอน
สุโขทัยเกิดความสงบสุข ผูคนไมเบียดเบียนซึ่งกันและกัน และวิชาดูลักษณะคน
คูมือครู 55
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
ครูใหนักเรียนวิเคราะหวา งานดานอักษรศาสตร
ที่พระมหาธรรมราชาลิไทยทรงพระราชนิพนธเรื่อง ๒) คุณธรรมที่ควรถือเป็นแบบอย่าง ของพระมหาธรรมราชาลิไทย มีดังนี้
ไตรภูมิพระรวง มีคุณประโยชนตอพระพุทธศาสนา ๒.๑) ทรงมีความกตัญญูอย่างยิ่ง พระมหาธรรมราชาลิไทย ทรงมีความรักและ
อยางไร กตัญญูต่อพระราชมารดาของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง สังเกตได้จากการที่ทรงพระราชนิพนธ์หนังสือ
(แนวตอบ พระมหาธรรมราชาลิไทยทรง พระพุทธศาสนาชื่อ “เตภูมิกถา” หรือ “ไตรภูมิพระร่วง” ทรงแจ้งวัตถุประสงค์ข้อหนึ่งว่า เพื่อ
พระราชนิพนธเรื่องไตรภูมิพระรวง เพื่อเทศนาโปรด เทศนาโปรดพระมารดา การพระราชนิพนธ์คัมภีร์พระพุทธศาสนาถือว่าเป็นการสร้างบุญกุศล
พระมารดา อันเปนการดําเนินตามรอยยุคลบาท อันยิ่งใหญ่อย่างหนึ่ง พระองค์ไม่ลืมที่จะแบ่งบุญให้แก่พระราชมารดาของพระองค์ แสดงว่าทรง
พระสัมมาสัมพุทธเจาที่เสด็จขึ้นไปแสดงพระธรรม- มีความรักและกตัญญูใน “แม่บังเกิดเกล้า” อย่างมาก เป็นการด�าเนินตามรอยยุคลบาทพระสัมมา
เทศนาโปรดอดีตพุทธมารดาบนสวรรคชั้นดาวดึงส สัมพุทธเจ้า ที่เสด็จขึ้นไปแสดงพระธรรมเทศนาโปรดอดีตพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
พระองคทรงถายทอดเนื้อหาเกี่ยวกับศีลธรรมและ ๒.๒) ทรงมีความสามารถในการถ่ายทอดนามธรรมให้เป็นรูปธรรม เนื้อหาของ
ความเชื่อเรื่องนรก สวรรค การเวียนวายตายเกิดใน ไตรภูมิพระร่วง กล่าวถึงเรื่องศีลธรรม จริยธรรม เรื่องนรก สวรรค์ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ยากที่
พระพุทธศาสนาใหเขาใจงาย ดวยการยกตัวอยาง จะอธิบายให้เข้าใจได้ แต่พระมหาธรรมราชาลิไทย ทรงมีความสามารถในการถ่ายทอด ทรงท�า
หรืออุปมาอุปไมย จึงทําใหไตรภูมิพระรวงไดรับการ เรือ่ งยากให้งา่ ยได้ โดยเฉพาะการยกตัวอย่างหรืออุปมาอุปไมย ทรงท�าได้อย่างเหมาะสมกับเนือ้ หา
ยกยองใหเปนวรรณคดีพระพุทธศาสนาเลมแรกของ และท�าให้ผอู้ า่ นเข้าใจได้แจ่มแจ้ง ถือได้วา่ ไตรภูมพิ ระร่วงเปรียบเสมือน “กฎหมายทางใจ” ทีค่ วบคุม
ไทย หรือเปรียบไดวาเปนกฎหมายทางใจที่ควบคุม มิให้พสกนิกรของพระองค์ท�าผิด ท�าชั่วนั่นเอง
พฤติกรรมของพุทธศาสนิกชน ทําใหคนไมกลา ๒.๓) ทรงมีความคิดริเริ่มเป็นยอด วิเคราะห์ได้จากการที่ทรงบรรยายธรรมใน
ทําความชั่ว หมั่นสรางแตความดี สังคมจึงสงบสุข ไตรภูมิพระร่วง จะเห็นว่าพระมหาธรรมราชาลิไทยมิเพียงแต่ “คัดลอก” ความคิดจากคัมภีร์
สามารถพัฒนาประเทศชาติไดอยางรวดเร็ว) พระไตรปิฎกและอรรถกถา ฎีกา เท่านั้น หากพระองค์ทรงเสนอแนวคิดใหม่ๆ ด้วย เช่น แนวคิด
เรือ่ งคนท�าชัว่ แล้วถูกจารึกชือ่ บนหนังสุนขั ซึง่ ในคัมภีรพ์ ระไตรปิฎกและอรรถกถา ฎีกา ก่อนหน้านัน้
พูดถึงเฉพาะคนท�าดีแล้วถูกจารึกชื่อในแผ่นทองเท่านั้น
1
หนังสือไตรภูมพิ ระร่วง เป็นวรรณกรรมทางพระพุทธศาสนา ฐานเจดียท์ วี่ ดั ป่ามะม่วง เป็นวัดทีพ่ ระมหาธรรมราชาลิไทย
ที่ว่าด้วยเรื่องนรก-สวรรค์ เพื่อใช้สั่งสอนราษฎรให้ตั้งมั่น เคยทรงผนวชและจำาพรรษาอยูก่ อ่ นทีจ่ ะเสด็จขึน้ ครองราชย์
อยู่ในศีลธรรม ตั้งอยู่นอกเมืองสุโขทัยด้านทิศตะวันตก
56
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
ครูแนะนําใหนักเรียนไปศึกษาภาพจิตรกรรมฝาผนังที่มีความงดงามไดที่วัด ครูใหนักเรียนศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับพระราชประวัติและ
หรือสถานทีอ่ นื่ ๆ ในทองถิน่ ของตน เชน พระทีน่ งั่ พุทไธสวรรย พิพธิ ภัณฑสถานแหงชาติ พระราชกรณียกิจของพระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไทย) แลวบันทึก
พระนคร วัดอรุณราชวราราม วัดบวรนิเวศวิหาร วัดสุทัศนเทพวราราม เปนตน สาระสําคัญ นํามาเลาในชั้นเรียน
นักเรียนควรรู
กิจกรรมทาทาย
1 ฐานเจดียที่วัดปามะมวง ในวัดปามะมวง ปจจุบันประกอบดวยอุโบสถและ
เจดียตางๆ อยูไมไกลจากเทวาลัยมหาเกษตร ซึ่งเปนที่ที่พบเทวรูปสําริดศิลปะ
สุโขทัยอันเปนรูปเคารพในศาสนาฮินดู เชน พระนารายณ พระศิวะ พระหริหระ ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหาบางตอนของไตรภูมิพระรวง
เปนตน แลวนํามาวิเคราะหวา ไตรภูมิพระรวงสะทอนใหเห็นถึงความคิดความเชื่อ
ในสังคมไทยดานใดบาง บันทึกสาระสําคัญ นํามาอภิปรายในชั้นเรียน
56 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูและนักเรียนอภิปรายรวมกันถึงประวัติของ
๓.๒ สมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยาวชิรญาณ
วโรรส แลวใหนักเรียนตอบคําถามวา
๑) พระประวัติ สมเด็จพระมหา เพราะเหตุใด สมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยา
สมณเจา กรมพระยาวชิรญาณวโรรส มีพระนาม วชิรญาณวโรรสจึงไดรับการขนานนามวา
เดิมวา “พระองคเจามนุษยนาคมานพ” ประสูติ “มนุษยนาคมานพ”
เมื่ อ วั น ที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๐๒ เป น (แนวตอบ เพราะวันที่สมเด็จพระมหาสมณเจา
พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกลา กรมพระยาวชิรญาณวโรรสประสูติ เกิดทองฟา
เจาอยูหัว และเจาจอมมารดาแพ มืดครึ้ม ฝนตกหนักจนนํ้าทวมพระตําหนัก
ในวันที่พระองคประสูตินั้น ไดเกิด พระบาทสมเด็จพระจอมเกลาเจาอยูหัว
เหตุการณมหัศจรรย คือ ทองฟาซึ่งแจมใส มีพระราชดําริวา เหตุการณดังกลาวมีลักษณะ
อยู ก อ นหน า นั้ น พลั น มื ด ครึ้ ม และมี ฝ นตก คลายกับเหตุการณเมื่อครั้งที่พระพุทธองค
ลงมาอยางหนัก จนนํ้านองชาลาพระตําหนัก ประทับใตตนมุจจลินทหลังตรัสรู มีฝนตก
พระราชบิดาทรงรําลึกถึงเหตุการณเมื่อครั้ง แลวมีพญานาคมาแผพังพานบังลมบังฝนให
พระพุทธองคประทับใตตนมุจจลินท (ตนจิก) จึงเปนเหตุใหพระราชบิดาทรงขนานพระนามวา
หลังตรัสรูม ฝี นตกพรําๆ ตลอดเจ็ดวัน พญานาค สมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยาวชิรญาณวโรรส “มนุษยนาคมานพ” แปลวา คนผูเปนนาค
ขึ้นมาจากพิภพบาดาล มาแผพังพานบังลม ผูทรงไดรับการยกยองวาทรงเปน “ดวงประทีปแกวแหง หรือนาคจําแลงเปนคนหนุม)
คณะสงฆไทย”
บังฝนให พระราชบิดาจึงทรงขนานพระนาม 2. ครูใหนกั เรียนวิเคราะหวา การผนวชเปนสามเณร
พระราชโอรสวา “มนุษยนาคมานพ” แปลวา คนผูเปนนาค หรือนาคจําแลงเปนคนหนุม ของสมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยา
หลังจากประสูติไดเพียงปเดียว เจาจอมมารดาของพระองคก็สิ้นพระชนม พระองคจึง วชิรญาณวโรรส เมื่อพระชันษา 13 พรรษานั้น
ทรงอยูใ นความเลีย้ งดูของกรมหลวงวรเสรฐสุดา (พระองคเจาบุตรี พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จ มีอิทธิพลตอการตัดสินใจออกผนวชเปน
พระนั่งเกลาเจาอยูหัว) ซึ่งเปนพระญาติ ตอมาทรงยายมาอยูกับทาวทรงกันดาร (ศรี) ผูเปนยาย พระภิกษุในชวงพระชันษา 20 พรรษาของ
เมือ่ ทรงพระเยาวไดเรียนหนังสือขอมและภาษามคธจากพระยาปริยตั ธิ รรมธาดา (เปย ม) พระองคหรือไม เพราะอะไร
เมื่อครั้งยังดํารงบรรดาศักดิ์เปนหลวงราชาภิรมย ปลัดกรมราชบัณฑิต เมื่อพระบาทสมเด็จ (แนวตอบ ครูเปดโอกาสใหนักเรียนแสดงความ
พระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว ทรงตั้งโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษขึ้น พระองคเจามนุษยนาคมานพ คิดเห็นไดอยางหลากหลาย โดยครูชี้แนะถึง
ก็ไดเขาศึกษาในโรงเรียนนี้ โดยมีมิสเตอรฟรานซิส แพตเตอรสัน เปนผูถวายความรู ประโยชนที่ไดรับจากการบวชเรียนเปนสามเณร
เมือ่ พระชันษาได ๑๓ พรรษา ก็ทรงโสกันต (โกนจุก) ในปรงุ ขึน้ ก็ทรงผนวชเปนสามเณร เชน การศึกษาหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๑๖ สมเด็จพระมหาสมณเจากรม อยางลึกซึ้ง การเรียนรูและปฏิบัติตามกิจของ
พระปวเรศวริยาลงกรณ ครั้งดํารงพระยศเปนกรมหมื่นบวรรังษีสุริยพันธุ เปนพระอุปชฌาย สงฆในเบื้องตน และเปนการฝกฝนตนเองใหมี
ทรงผนวชแลวเสด็จมาประทับที่วัดบวรนิเวศวิหาร หมอมเจาพระธรรมุณหิศธาดา (พระนามเดิม ระเบียบวินัย อยูรวมกับผูอื่นไดอยางมีความสุข
สี ข เรศ) เป น ผู ป ระทานสรณะและศี ล ถึ ง หน า เข า พรรษาของป นั้ น เอง พระบาทสมเด็ จ เปนตน)
พระจุลจอมเกลาเจาอยูห วั เสด็จฯ มาทรงถวายพุม พรรษา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ตามราชประเพณี
๕๗
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
บุคคลใดตอไปนี้มีสถานภาพแตกตางจากบุคคลอื่น
ครูใหนักเรียนไปสืบคนขอมูลเพิ่มเติมจากแหลงการเรียนรูหรือจากหนังสือ
1. พระเจาบรมวงศเธอ กรมหลวงวงศาธิราชสนิท
ที่เกี่ยวของ เชน หนังสือสมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
2. พระเจาบรมวงศเธอ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ
(พระองคเจามนุษยนาคมานพ) วัดบวรนิเวศวิหาร ผลงานของ สุเชาน พลอยชุม
3. สมเด็จพระเจาบรมวงศเธอ กรมพระยาดํารงราชานุภาพ
และพระดําริและพระโอวาทเกี่ยวกับการพระศาสนา พระนิพนธในสมเด็จพระมหา-
4. สมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
สมณเจา กรมพระยาวชิรญาณวโรรส แลวนํามาเลาใหเพื่อนฟง
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะสมเด็จพระมหาสมณเจา
กรมพระยาวชิรญาณวโรรส มีสถานภาพเปนพระสงฆ ผูทรงไดรับการ
ยกยองวาทรงเปน “ดวงประทีปแกวแหงคณะสงฆไทย” เพราะเปนผูใฝรู
ใฝเรียน มีความคิดริเริม่ ตลอดจนมีวสิ ยั ทัศนกวางไกลในการพัฒนาความรู
ความเขาใจในสิ่งตางๆ ทั้งทางโลกและทางธรรม
คูมือครู 57
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนกั เรียนอภิปรายถึงสาเหตุทสี่ มเด็จพระมหา
สมณเจา กรมพระยาวชิรญาณวโรรสผนวชเปน ในคราวนัน้ ได้เสด็จฯ ไปถวายพุม่ พรรษาแด่พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ามนุษยนาค
พระภิกษุ โดยอธิบายวา หมอปเตอร เคาวัน มานพ ซึ่งเพิ่งทรงผนวชใหม่ถึงกุฏิที่ประทับด้วย พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ
พระจันทรโคจรคุณ พระธรรมรักขิต และ ทรงผนวชอยู่เป็นเวลา ๗๗ วัน ก็ทรงลาสิกขา (สึก)
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว ๑.๑) สาเหตุที่ผนวชเป็นภิกษุ หลังจากลาสิกขาจากสามเณรแล้ว อยู่ในวัยหนุ่ม
มีบทบาทอยางไรตอการผนวชเปนพระภิกษุ ก็ไม่มนี สิ ยั คบกับสตรี จนมีความคิดว่าไม่อยากแต่งงาน อยากอยูเ่ ป็นโสดมากกว่า พอดีได้ทรงรูจ้ กั
ของพระองค กัลยาณมิตรฝรัง่ ท่านหนึง่ คือ หมอปีเตอร์ เคาวัน ทรงประทับใจในความเป็นอยูอ่ ย่างง่ายแบบหมอ
(แนวตอบ เคาวัน หมอเคาวันได้ถวายค�าแนะน�าไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข จึงทรงถือหมอเคาวันเป็นอาจารย์
• หมอปเตอร เคาวัน ดํารงชีวิตความเปนอยู พระองค์ได้ศกึ ษาธรรมในพระพุทธศาสนาเป็นพืน้ ฐานแห่งชีวติ จนแน่ใจว่าชีวติ ของพระองค์เหมาะ
อยางเรียบงาย ทําใหสมเด็จพระมหาสมณเจา ส�าหรับเป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์มากกว่าครองเพศฆราวาส
กรมพระยาวชิรญาณวโรรสทรงประทับใจ วันหนึง่ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ ทรงล้อพระองค์
อีกทั้งหมอเคาวันยังถวายคําแนะนําพระองค ต่อหน้าพระที่นั่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวว่าเป็น “ผู้เข้าวัด” พระบาทสมเด็จ
ไมใหยุงเกี่ยวกับอบายมุข พระจุลจอมเกล้าฯ ทรงเห็นด้วย รับสั่งว่า “กรมหมื่นนุชิตชิโนรส (สมเด็จพระมหาสมณเจ้า
• พระจันทรโคจรคุณและพระธรรมรักขิต กรมพระปรมานุชิตชิโนรส) ก็ทรงผนวชไม่สึก” พระองค์กราบทูลว่า “บวชแล้ว ถ้าจะสึกก็สึกเมื่อ
ซึ่งเปนพระอุปชฌาจารยของสมเด็จพระมหา- พ้นพรรษาแรก หลังจากนั้นแล้วจะไม่สึก” ค�านี้เสมือนหนึ่งเป็นปฏิญญาของพระองค์
สมณเจา กรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ ทรงผนวชเป็นภิกษุเมือ่ วันที่ ๗ มิถนุ ายน พ.ศ. ๒๔๒๒
คอยตักเตือนพระองคอยูเสมอ เมื่อพระชันษาได้ ๒๐ พรรษา สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ เป็น
• พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว พระอุปชั ฌาย์ พระจันทรโคจรคุณ (ยิม้ จนฺทร�ส)ี วัดมกุฏกษัตริยาราม เป็นกรรมวาจาจารย์ ทรงผนวช
1
ทรงชักชวนใหสมเด็จพระมหาสมณเจา แล้วเสด็จไปประทับ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ต่อมาได้ย้ายไปประทับกับพระกรรมวาจาจารย์ ที่วัด
กรมพระยาวชิรญาณวโรรสทรงผนวช) มกุฏกษัตริยาราม
2. ครูใหนกั เรียนวิเคราะหวา การทีส่ มเด็จพระมหา สาเหตุที่ท�าให้พระองค์ทรงผนวช คือ
สมณเจา กรมพระยาวชิรญาณวโรรสทรงถือ ๑. การได้กัลยาณมิตรผู้มีนิสัยสงบ เรียบง่ายดังหมอเคาวัน
หมอเคาวันเปนอาจารย เพราะทานไดถวาย ๒. การได้มีพระอาจารย์ที่ดีอย่างพระจันทรโคจรคุณ พระธรรมรักขิต และ
คําแนะนําในการดํารงชีวิตอยางงายโดยไมให พระอุปัชฌาจารย์คอยตักเตือนเสมอๆ
ยุงเกี่ยวกับอบายมุขนั้น แสดงใหเห็นวาพระองค ๓. กระแสพระราชด�ารัสชักชวนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงมีคุณธรรมดานใด เพราะเหตุใด สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงเข้าแปลบาลีได้เปรียญ
(แนวตอบ พระองคทรงมีความออนนอมถอมตน ๕ ประโยค ได้รบั พระราชทานสถาปนาให้ทรงเป็นกรมหมืน่ วชิรญาณวโรรสเมือ่ วันที่ ๑๓ มกราคม
และมีความกตัญูกตเวทีตอผูมีพระคุณ แมวา พ.ศ. ๒๔๒๔ และในปีนั้นเองก็ทรงได้รับต�าแหน่งเป็นรองเจ้าคณะธรรมยุต
อาจารยจะอยูในฐานะสามัญชนและเปน ๑.๒) งานด้านการจัดการทางพระพุทธศาสนา ทรงได้รับสถาปนาเป็นอธิบดีสงฆ์
ชาวตางชาติ พระองคกท็ รงกราบไหว ทรงเชือ่ ฟง (เจ้าอาวาส) วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๕ พระองค์ได้ทรงวางระเบียบการบริหารวัดและ
คําสอน และยึดเปนแบบอยางในการดําเนินชีวิต) พระพุทธศาสนา โดยทรงถือวัดบวรนิเวศเป็นแบบอย่างของวัดทั่วไป สรุปได้ดังนี้
58
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
ครูควรอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความแตกตางระหวางขอปฏิบัติของสามเณรกับ ขอใดกลาวถึงความสัมพันธของสมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยา
ขอปฏิบัติของพระสงฆ เพื่อใหนักเรียนเขาใจความแตกตางไดดียิ่งขึ้น วชิรญาณวโรรสกับวัดบวรนิเวศวิหารไดถูกตอง
1. พระองคทรงศึกษาที่วัดบวรนิเวศวิหารเมื่อครั้งทรงพระเยาว
2. พระองคทรงไดรับการสถาปนาเปนอธิบดีสงฆของวัดบวรนิเวศวิหาร
3. พระองคทรงพระราชทานนามสถานที่แหงนี้วา “วัดบวรนิเวศวิหาร”
นักเรียนควรรู 4. พระองคทรงพระราชทานที่ดินสวนพระองค เพื่อสรางวัดบวรนิเวศวิหาร
1 พระกรรมวาจาจารย คือ พระอาจารยผูสวดกรรมวาจาใหสงฆยอมรับบุคคล วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. สมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยา
ไวอุปสมบทเปนพระภิกษุ วชิรญาณวโรรสทรงผนวชเปนภิกษุและเสด็จไปประทับ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร
เมื่อ พ.ศ. 2435 พระองคทรงไดรับการสถาปนาเปนอธิบดีสงฆของ
วัดบวรนิเวศวิหาร ทรงวางระเบียบการบริหารวัดและพระพุทธศาสนา
มุม IT โดยทรงถือวัดบวรนิเวศวิหารเปนแบบอยางของวัดทั่วไป
ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัดบวรนิเวศวิหาร ไดที่
http://www.watbowon.com เว็บไซตวัดบวรนิเวศวิหาร
58 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูตั้งคําถามใหนักเรียนแสดงความคิดเห็น
๑. ทรงจัดสอนภิกษุสามเณรผู้บวชใหม่ ให้ได้เรียนพระธรรมวินัย และ • สมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยา
ภาษาไทย เริม่ จากทรงสอนในฐานะพระอุปชั ฌาย์ จนกระทัง่ เป็นแบบอย่ วชิรญาณวโรรสทรงมีคุณูปการแก
1 างแก่วดั พระธรรมยุตอืน่ ๆ พระพุทธศาสนาอยางไร
จนมีผเู้ รียนทัว่ ทุกนิกาย ทรงเปิดประโยคนักธรรมสอบในสนามหลวง และสนามมณฑลต่างจังหวัด
๒. ทรงจัดให้สวดมนต์ในพรรษาทุกวัน และให้ออกเสียงให้ถูกต้องตาม (แนวตอบ พระองคทรงผนวชเปนภิกษุ ทําหนาที่
ฐานกรณ์ (ฐานเสียง) ศึกษาหลักธรรมและสืบทอดพระพุทธศาสนา
๓. ทรงจัดให้ภกิ ษุทพี่ รรษาต�า่ กว่า ๕ ทีจ่ บนักธรรมแล้ว มาเรียนบาลีทงั้ หมด เมือ่ พระองคทรงไดรบั สถาปนาเปนอธิบดีสงฆ
๔. ทรงจัดตั้งมหามกุฏราชวิทยาลัย โดยพระบรมราชานุญาต หรือเจาอาวาส พระองคทรงวางระเบียบการ
๕. ทรงจัดการเรียนการสอน ทัง้ หนังสือไทยและความรูใ้ นศาสตร์อนื่ ๆ ควบคู่ บริหารวัดและพระพุทธศาสนา เพื่อพัฒนา
กันไป ต่อมาเพื่อความเป็นเอกภาพในการศึกษาของชาติ จึงทรงใช้หลักสูตรของกรมศึกษาธิการ ภิกษุใหมีความรูความสามารถ เชน จัดสอน
แทน และโอนให้กรมศึกษาธิการจัดเป็นโรงเรียนรัฐบาล ภิกษุสามเณรผูบวชใหมใหไดเรียนพระธรรม
๖. ทรงฝึกพระธรรมกถึก จนสามารถแสดงธรรมปากเปล่าได้ วินัย จัดใหภิกษุเรียนบาลี ฝกใหภิกษุแสดง
๗. ทรงจัดตั้งการฟังธรรมส�าหรับเด็กวัดในวันธรรมสวนะ และในเวลาค�่า ธรรมปากเปลาได เปนตน ตลอดจนทรงตั้ง
โปรดให้สวดนมัสการพระรัตนตรัย รับศีล ๕ และฟังการอบรมสั่งสอนธรรม หลักสูตร “สามเณรผูรูธรรม” ทรงนิพนธ
๑.๓) งานพระนิพนธ์ทางพระพุทธศาสนา หนังสือแบบเรียน หนังสือประเภทพระโอวาท
๑. ทรงตั้งหลักสูตร “สามเณรผู้รู้ธรรม” ทรงนิพนธ์ “นวโกวาท” ทดลอง พระธรรมกถา พระนิพนธบาลี เปนตน)
เรียนและสอบเฉพาะในวัดบวรนิเวศวิหารก่อน ต่อมาได้ขยายเป็นหลักสูตรนักธรรมตรี ‑ โท ‑ เอก 2. ครูใหนักเรียนวิเคราะหวา งานพระนิพนธทาง
ส�าหรับพระสงฆ์ทั่วไป พระพุทธศาสนาในสมเด็จพระมหาสมณเจา
๒. ทรงรจนาหนังสือแบบเรียนมากมาย อาทิ วินัยมุขเล่ม ๑ ‑ ๒ ‑ ๓ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส แสดงใหเห็นวา
ธรรมวิจารณ์ ธรรมวิภาค พุทธประวัติ แบบเรียนบาลีไวยากรณ์ พระองคทรงมีความรูความสามารถดานใดบาง
๓. หนังสือประเภทอื่น เช่น ประเภทพระโอวาท พระธรรมกถา ประมาณ (แนวตอบ พระองคทรงมีพระปรีชาสามารถ
๖๗ เรื่อง อาทิ ธรรมกถา (ประทานแก่ผู้แทนราษฎร) ประเภทประวัติศาสตร์และโบราณคดี อาทิ แตกฉานภาษาบาลี มีความรูความเขาใจใน
พงศาวดารสยาม ต�านานประเทศไทย ข้อความในต�านานเมืองเชียงแสน ประเภทอักษรศาสตร์ พระไตรปฎกอยางลึกซึ้ง ตลอดจนมีความรู
อาทิ ปรารภอักษรไทยที่ใช้ส�าหรับบาลี วิธีใช้อักษรในภาษามคธเทียบสันสกฤต วิธีแสดงไวยากรณ์ ดานประวัติศาสตรและการใชภาษาไดอยาง
ของตันติภาษา เป็นต้น สละสลวย เขาใจงาย ทั้งนี้ จุดประสงคของ
๔. พระนิพนธ์ภาษาบาลี ทรงรจนาบทนมัสการพระรัตนตรัย ชื่อ นมการ งานนิพนธทางพระพุทธศาสนาหลายเลมแสดง
สิทธิคาถา (โย จักขุมา) ถึงการมีวิสัยทัศนที่กวางไกล เชน นวโกวาท
๑.๔) พระอิสริยยศ ซึ่งพระองคทรงนิพนธขึ้นเพื่อใหสามเณร
๑. ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ด�ารงพระอิสริยยศที่พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่น ทดลองเรียนและสอบ จนตอมาขยายเปน
วชิรญาณวโรรส เมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๔ หลักสูตรสําหรับพระสงฆทั่วไปดวย เปนตน)
๒. ทรงได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนสมณศักดิ์เป็นเจ้าคณะใหญ่แห่ง
คณะธรรมยุติกนิกาย พ.ศ. ๒๔๓๖
59
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
ขอใดเปนงานนิพนธของสมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยาวชิญาณวโรรส
ครูควรนําหนังสือนวโกวาทหรือหนังสือประเภทอื่นที่เปนพระนิพนธของสมเด็จ
1. นวโกวาท
พระมหาสมณเจา กรมพระยาวชิรญาณวโรรสมาประกอบการสอน เพื่อใหนักเรียน
2. โองการแชงนํ้า
ไดตระหนักถึงพระปรีชาสามารถของพระองค ตลอดจนไดศึกษารูปแบบ เนื้อหา
3. ไตรภูมิพระรวง
และสํานวนภาษาในการนิพนธหนังสือประเภทตางๆ
4. มหาชาติคําหลวง
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. พระองคทรงนิพนธนวโกวาท อันเปนหนังสือ
ที่ประมวลหัวขอธรรมจากพระไตรปฎกสําหรับทดลองเรียนและสอบเฉพาะ นักเรียนควรรู
สามเณรในวัดบวรนิเวศวิหาร ตอมาใชเปนหลักสูตรของนักธรรม
ชั้นตรี-โท-เอก 1 สอบในสนามหลวง การสอบสนามหลวง มิใชเปนการสอบภายในทองสนามหลวง
แตเปนการสอบพระธรรมวินัยที่ทางหลวง หรือทางราชการจัดสนามสอบขึ้นมา
จึงเรียกวาเปนการสอบสนามหลวง ในอดีตจะจัดใหมีการสอบสนามหลวงที่
หอพระมณฑปในบริเวณวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
คูมือครู 59
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ครูใหนักเรียนแบงกลุม แลววิเคราะหคุณธรรม
ที่ควรถือเปนแบบอยางของสมเด็จพระมหาสมณเจา ๓. ทรงได้รบั พระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระอิสริยยศทีพ่ ระเจ้าบรมวงศ์‑
กรมพระยาวชิญาณวโรรส จากนั้นระดมความคิด เธอ กรมหลวงวชิรญาณวโรรส พ.ศ. ๒๔๔๙
ชวยกันจัดกิจกรรมหรือสรางชิ้นงานที่ชวยปลูกฝง ๔. ทรงได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ จัดพระราชพิธี “มหาสมณุตมาภิเษก”
คุณธรรมดังกลาวใหกับตนเอง เชน จัดกิจกรรม เลื่อนพระอิสริยยศขึ้นเป็น สมเด็จกรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระมหา
สงเสริมการอานเพื่อปลูกฝงใหเปนคนรักการอาน สังฆปริณายก หรือเป็นองค์พระประมุขสงฆ์ทวั่ พระราชอาณาจักร เมือ่ พ.ศ. ๒๔๕๓ และเนือ่ งจาก
มีความใฝรู มีวสิ ยั ทัศนทกี่ วางไกล เปนตน แลวบันทึก ทรงเป็นพระบรมราชวงศ์ทที่ รงสมณศักดิข์ นั้ สูงสุด จึงสถาปนาค�าน�าหน้าของพระองค์เป็น “สมเด็จ
ประโยชนทไี่ ดรบั จากการปฏิบตั ิ โดยครูมหี นาทีช่ แี้ นะ พระมหาสมณ” (ครั้นต่อมาสมัยรัชกาลที่ ๖ ทรงมีพระราชด�าริจะถวายพระเกียรติยศให้สูงขึ้น
และกระตุนใหนักเรียนสามารถนําคุณธรรมดังกลาว จึงโปรดเกล้าฯ ให้เปลีย่ นค�าน�าหน้าพระนามจากสมเด็จพระมหาสมณเป็นสมเด็จพระมหาสมณเจ้า)
ไปปรับใชในชีวิตประจําวันได ๒) คุณธรรมที่ควรถือเป็นแบบอย่าง ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยา
วชิรญาณวโรรส มีดังนี้
ตรวจสอบผล Evaluate ๒.๑) ทรงมีความใฝ่รู้ใฝ่ศึกษา ดังจะเห็นว่าสมัยยังทรงพระเยาว์ พยายามเอา
1. ตรวจสอบผลจากความถูกตองในการตอบ แบบอย่างที่ดีจากผู้ที่พระองค์ประทับใจ เช่น พระยาปริยัติธรรมธาดา เห็นว่าเป็นคนมีความรู้และ
คําถามและการแสดงความคิดเห็นในชั้นเรียน ความประพฤติดี จึงคอยศึกษาหาความรู้จากท่านเหล่านั้นเสมอ
2. ตรวจสอบผลจากแบบบันทึกการปฏิบัติกิจกรรม ๒.๒) ทรงมีความอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นเลิศ พระองค์ทรงเป็น “เจ้านาย” มาผนวช
หรือสรางชิ้นงานเพื่อเสริมสรางคุณธรรม เป็นถึงพระอนุชาธิราชในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กลับไม่ถือองค์ ทรงกราบไหว้
พระภิกษุทอี่ ายุพรรษามากกว่า แม้จะมีสมณศักดิต์ า�่ กว่า สมัยเป็นคฤหัสถ์ทรงเห็นครูผถู้ วายความรู้
ถวายบังคมทุกครั้งก่อนถวายความรู้ พระองค์ทรงเห็นว่าเขาเป็นถึงอาจารย์ ยังอ่อนน้อมถ่อมตน
ต่อพระองค์ จึงทรงยึดเอาเป็นแบบอย่างเสมอมา
1
๒.๓) ทรงมีหริ โิ อตตัปปะเป็นเลิศ สมัยยังเป็นหนุม่ เบือ้ งแรกทรงมีคา่ นิยมแบบฝรัง่
ใช้ของแพง ยี่ห้อดี ทรงใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ไม่รู้จักประหยัด ห้างร้านส่งบิลมาเก็บเงินที่ “ท่านยาย”
ก็รอดตัวไปหลายครั้ง มีครั้งหนึ่งจะถูกฟ้องไม่มีเงินไปใช้หนี้ บังเอิญเจ้าพระยาภาณุวงศ์โกษาธิบดี
ยับยั้งไว้ และกราบทูลให้พระองค์น�าเงินไปใช้เขาเสีย พระองค์ก็ทรงปฏิบัติตาม ฝ่ายโจทก์จึง
ถอนฟ้อง ทรงส�านึกได้ว่าพระองค์สร้างความล�าบากให้ “ท่านยาย” และผู้อื่น เพราะความประพฤติ
ที่ไม่เหมาะสม ทรงมีความละอายต่อการท�าชั่วท�าผิด จึงทรงเลิกเด็ดขาด แต่เมื่อมีผู้ล้อว่า
“เป็นคนเข้าวัด” ก็ทรงเข้มงวดพระจริยาวัตรมากขึ้น ไม่ท�าอะไรให้ใครต�าหนิได้ ให้สมกับเป็น
คนเข้าวัดจริงๆ คุณธรรมข้อหิริโอตตัปปะนี้ได้ซึมซับในพระทัยของพระองค์มากถึงขนาดว่า
เมื่อทรงผนวชเป็นภิกษุใหม่ๆ พระเจ้าอยู่หัวทรงก้มกราบอย่างนอบน้อม ก็ทรงละอายพระทัยว่า
พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระเชษฐาธิราชยังก้มกราบพระองค์ ควรที่พระองค์จะอยู่ในเพศบรรพชิต
ต่อไป ทรงประพฤติพระองค์ให้ควรแก่การกราบไหว้ ไม่ควรมีข้อน่าต�าหนิได้ นี้คือแบบอย่างของ
ผู้มีหิริโอตตัปปะเป็นเลิศ
60
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
บุคคลใดตอไปนี้ปฏิบัติตนตามแบบอยางของสมเด็จพระมหาสมณเจา
1 หิริโอตตัปปะ คือ ความละอายและความเกรงกลัวตอบาป เปนหลักธรรมที่ใช
กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
ควบคุมจิตใจมนุษยใหอยูในความดี ปฏิบัติตนอยูในกฎระเบียบและหนาที่ของ
1. จงกลไมซื้อกระเปาใหมเพราะของเกายังใชไดอยู
ตนเองและสังคม หากบุคคลใดไมละอายแกใจตอการกระทําผิด ไมเกรงกลัวตอ
2. ปทุมดูแลมารดาที่เจ็บปวยอยางดีจนทานหายเปนปกติ
ผลของการกระทํานั้น ยอมจะนําความเดือดรอนและความเสียหายมาใหกับตนเอง
3. อุบลยกมือไหวคุณปาแมบานที่บริษัททุกเชาและตอนเย็น
และสังคม สําหรับการปลูกฝงหลักธรรมหิริโอตตัปปะ ควรเริ่มตนจากครอบครัว
4. บงกชเห็นลูกแมวถูกนํามาทิ้งไวที่หนาบานจึงนํามาเลี้ยงดู
ฝกใหสมาชิกในครอบครัวรูจักบทบาทหนาที่และเคารพกฎกติกาในการอยูรวมกัน
ในครอบครัว มีการกําหนดบทลงโทษตามระดับความผิด เพื่อสรางจิตสํานึกให วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 3. คุณธรรมทีค่ วรถือเปนแบบอยางประการหนึง่
บุคคลรูจักแยกแยะสิ่งใดผิดสิ่งใดถูกและปฏิบัติตนอยูในความดี ของสมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยาวชิรญาณวโรรส คือ
ความออนนอมถอมตน ดังนั้น การที่อุบลยกมือไหวคุณปาแมบานที่บริษัท
ทุกเชาและตอนเย็น จึงเปนการปฏิบัติตนตามแบบอยางของพระองค
60 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา
Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูสนทนากับนักเรียนถึงเรื่องราวชาดกที่
๒.๔) ทรงมีความคิดริเริ่ม ทรงเห็นบทสวดมนต์นมัสการพระรัตนตรัยแบบเก่า นักเรียนรูจักหรือเคยเรียน แลวตั้งคําถามให
(สัมพุทเธ) มีคติไปทางมหายานมากจึงทรงนิพนธ์ นมการสิทธิคาถา (โย จักขุมา) แทน ซึ่งถือ นักเรียนชวยกันตอบวา
เป็นความคิดริเริม่ ทีเ่ ป็นแบบอย่างในการสืบทอด • ชาดกเปนเรื่องราวเกี่ยวกับบุคคลใดใน
พระพุ ท ธศาสนาอย่ า งถู ก ต้ อ ง เมื่ อ ทรงเป็ น พระพุทธศาสนา
เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหารแล้ว ทรงริเริ่มฝึก (แนวตอบ ชาดกเปนเรื่องราวของพระพุทธเจา
พระภิกษุสงฆ์ให้มคี วามสามารถในการถ่ายทอด ที่ทรงบําเพ็ญบารมีหรือพยายามทําความดี
พระธรรมให้เข้าใจง่าย รวมทัง้ ทรงนิพนธ์หนังสือ ในชาติตางๆ)
คู ่ มื อ ศึ ก ษาพระพุ ท ธศาสนาอย่ า งง่ า ย คื อ
นวโกวาท ซึ่งใช้เป็นหลักสูตรผู้บวชใหม่มาจน สํารวจคนหา Explore
บัดนี้ ครูใหนักเรียนแบงกลุมออกเปน 2 กลุม
๒.๕) ทรงมีวิสัยทัศน์กว้างไกล สืบคนชาดกจากหนังสือเรียนหนา 61-65 และ
เนื่องจากทรงเป็นผู้ใฝ่รู้ใฝ่ศึกษา พระองค์1 จึง ฉบับประชาชน แหลงการเรียนรูอื่นๆ โดยจับสลากเลือกจากชาดก
ทรงมีวิธีคิดที่แยบคาย (โยนิโสมนสิการ) อย่าง 2 เรื่อง ตอไปนี้
ครบวงจรคือ คิดถูกวิธี คิดมีระเบียบ คิดเป็นเหตุ กลุมที่ 1 เรื่องมิตตวินทุกชาดก
เป็นผล และคิดก่อให้เกิดกุศล คือ สร้างสรรค์ หนั งสือคูม่ อื ศึกษาพระพุทธศาสนา หรือนวโกวาท พระนิพนธ์
ในสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส กลุมที่ 2 เรื่องราโชวาทชาดก
ในทางดี จากนั้นทําความเขาใจชาดกเรื่องดังกลาว
สมัยรัชกาลที่ ๕ ในยุคสมัยของพระองค์นั้น ความรู้แบบตะวันตกพร้อมทั้งกระแส รวมกัน แลววางแผนเตรียมตัวออกมาแสดง
วัฒนธรรมตะวันตก ได้แพร่เข้ามาสู่ประเทศไทย พระองค์ทรงมีวิธีคิดที่ดี คือ อะไรควรรับ อะไร บทบาทสมมติหนาชั้นเรียน
ควรปฏิเสธ หรือแม้แต่ที่รับมาแล้วจะต้องปรับประยุกต์ให้เข้ากับวิถีไทย แม้เมื่อทรงผนวชแล้ว
ก็พยายามศึกษาศาสตร์สมัยใหม่แบบตะวันตกให้มคี วามรูเ้ ท่าทัน เพราะทรงมองเห็นการณ์ไกลว่า
พระสงฆ์มีหน้าที่สอนธรรม การสอนธรรมจะเป็นที่เข้าใจได้ดี ก็ต่อเมื่อผู้เทศน์ ผู้สอนมีความรู้
ทั้งทางโลกทางธรรม
ô. ªา´ก
2
ชาดก คือ เรื่องราวของพระโพธิสัตว์บ�าเพ็ญบารมี เพื่อจะไปเสวยชาติเป็นพระพุทธเจ้า
ที่พระพุทธเจ้าตรัสเล่าไว้อยู่ในสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย มีทั้งหมด ๕๔๗ เรื่อง ในที่นี้จะกล่าวถึง
เรื่อง มิตตวินทุกชาดก และราโชวาทชาดก ดังนี้
4.1 มิตตวินทุกชาดก
ครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล มีภิกษุว่ายากอยู่รูปหนึ่ง พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสพระธรรมเทศนา
เป็นชาดก เรื่อง มิตตวินทุกชาดก มีความว่า
61
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
สมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
1 โยนิโสมนสิการ “โยนิ” แปลวา เหตุ ตนเคา แหลงเกิดปญญา วิธี สวน “มนสิการ”
ทรงมีวิสัยทัศนกวางไกลเกี่ยวกับวัฒนธรรมตะวันตกอยางไร
แปลวา การทําในใจ การคิดคํานึง ใสใจ พิจารณา ดังนั้น โยนิโสมนสิการจึงมีความ
แนวตอบ สมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยาวชิรญาณวโรรสทรงเลือกรับ หมายวา การทําในใจโดยแยบคาย เปนหลักธรรมภาคปฏิบัติที่กอใหเกิดประโยชน
ความรูและวัฒนธรรมตะวันตกอยางชาญฉลาด ทรงเลือกเฉพาะสิ่งที่ ในการดําเนินชีวิตประจําวันเพื่อประโยชนสุขแกตนเองและผูอื่น เปนการสงเสริม
เหมาะสมกับสังคมไทย หรือเลือกมาแลวก็ปรับประยุกตใหเขากับสังคมไทย คุณลักษณะที่ดีในการฝกอบรมตนอยางมีสติ ใหรูจักคิดอยางถูกวิธี คิดอยางมีระบบ
เมื่อทรงผนวชแลวก็ทรงศึกษาใหรูเทาทันศาสตรตะวันตก เนื่องจากพระองค คิดวิเคราะห ไมมองสิง่ ตางๆ อยางผิวเผิน คิดตามเหตุผล และคิดแบบกุศล จึงทําให
ทรงมองเห็นการณไกลวา หากพระสงฆจะสอนธรรมใหฆราวาสเขาใจ รูจ กั เลือกรับรูอ ารมณตา งๆ ทีม่ ากระทบภายนอกอยางมีเหตุผล จึงกลาวไดวา โยนิโส-
ก็จะตองมีความรูทั้งทางโลกและทางธรรม มนสิการไมใชปญญา แตเปนปจจัยที่ทําใหเกิดปญญา กําจัดอวิชชา และบรรเทา
ตัณหาตางๆ ได
2 ชาดก หรือชาตก แปลวา ผูเกิด ชาดกเปนเรื่องราวที่เลาถึงการที่พระพุทธเจา
ทรงเวียนวายตายเกิด พระองคถือกําเนิดในชาติตางๆ เพื่อบําเพ็ญคุณงามความดี
หรือกลาวอีกความหมายหนึ่งไดวา เรื่องราวชาดกเปนวิวัฒนาการแหงการบําเพ็ญ
คุณงามความดีของพระพุทธเจาตั้งแตยังเปนพระโพธิสัตวอยูก็ได
คูมือครู 61
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ใหนักเรียนกลุมที่ 1 แสดงบทบาทสมมติ
เรื่องมิตตวินทุกชาดก พรอมกับสรุปขอคิดให มิตตวินทุกะ เป็นบุตรชายในตระกูลพ่อค้า มีพื้นฐานนิสัยเป็นคนโลภ ครั้งหนึ่งมีคนชักชวนให้
เพื่อนในชั้นเรียนฟง มิตตวินทุกะไปแสวงโชคโดยนั่งเรือส�าเภาไป ชายหนุ่มอยากไปยิ่งนัก ด้วยความโลภหวังว่าจะได้
2. ใหนักเรียนวิเคราะหความหมายที่แฝงอยูใน เงินทองกลับมามากมาย แต่แม่ของเขากลับทัดทานขอร้องไม่ให้ไป มิตตวินทุกะไม่ฟังเสียง
มิตตวินทุกชาดก โดยคํานึงถึงพื้นฐานความ กลับด่าทอทุบตีแม่ของตนและหนีไปแสวงโชคในที่สุด
เปนจริงในชีวิตประจําวัน ขณะนั่งเรือส�าเภาไปนั้นก็เกิดเหตุอาเพศต่างๆ ขึ้นมากมาย ชาวเรือจึงเกิดความสงสัยว่า
(แนวตอบ การที่มิตตวินทุกะมองเห็นสัตวนรก จะต้องมีบุคคลผู้เป็นกาลกิณีลงเรือมาด้วยเป็นแน่ จึงท�าฉลากให้ทุกคนบนเรือจับเพื่อหาผู้เป็น
เปนเทพบุตรและมองเห็นกงจักรเปนดอกบัวนั้น กาลกิณีปรากฏว่าไม่ว่าจะจับกี่ครั้งๆ มิตตวินทุกะก็เป็นผู้ที่จับได้ความเป็นกาลกิณี ชาวเรือนัก
อาจตีความไดวา บุคคลใดที่จิตใจมีความโลภ แสวงหาโชคทั้งหมด จึงลงมติกันว่ามิตตวินทุกะคือบุคคลผู้เป็นกาลกิณี จึงจับเขาลอยแพไป
จะทําใหบุคคลนั้นตกอยูในความโงเขลา ไมอาจ ในมหาสมุทร 1
พิจารณาสิ่งตางๆ ไดดวยเหตุผล) มิตตวินทุกะล่องลอยอยู่ในมหาสมุทรอยู่ระยะหนึ่ง ก็ก็ไปพบกับอุสสทนรกซึ่งเป็นที่เผา
3. ใหนกั เรียนเขียนเรียงความเรือ่ งวิธขี จัดความโลภ สัตว์นรกเข้า แต่ด้วยบาปกรรมที่ได้ท�าไว้ จึงท�าให้เขามองเห็นว่าเป็นเมืองใหญ่งดงามยิ่งนัก
ในจิตใจ โดยอยูบ นพืน้ ฐานของหลักธรรมทาง เขาเดินเข้าไปในเมืองนิมิตแห่งนี้ ทีแรกเขาพบกับปราสาทแก้วผลึก มีเทพธิดา ๔ นางเฝ้าอยู่
พระพุทธศาสนาและหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ เขาคิดว่าหนทางข้างหน้าจักมีสมบัติมีค่ามากกว่านี้จึงผ่านเลยไปพบปราสาท เงิน มีเทพธิดา
พอเพียงในรัชกาลที่ 9 ๘ นางเฝ้าอยู่ เขายังไม่พอใจหวังจะพบสิ่งมีค่ามากกว่านี้จึงผ่านเลยไปอีก จนถึงปราสาทแก้วมณี
มีเทพธิดา ๑๖ นางเฝ้าอยู ่ แต่เขาก็ยงั ผ่านไปอีก
จนมาถึงปราสาททอง มีเทพธิดา ๓๒ นาง
เฝ้าอยู ่ แต่ดว้ ยความโลภชักน�าให้เขาผ่านไปอีก
จนมาถึ ง อุ ท ยานแห่ ง หนึ่ ง มิ ต ตวิ น ทุ ก ะพบ
เทพบุตรรูปงาม มีดอกบัวดอกใหญ่ประดับอยูบ่ น
ศีรษะ ตกแต่งร่างกายด้วยอาภรณ์อันงดงาม
มิตตวินทุกะประสงค์จะได้ดอกบัวงดงามเช่นนัน้
มาประดับศีรษะบ้าง จึงร้องขอต่อเทพบุตรนั้น
แต่แท้จริงแล้วเทพบุตรนัน้ คือ สัตว์นรกทีม่ จี กั ร
บดศีรษะอยู่ด้วย จึงบอกแก่มิตตวินทุกะว่า
“นีห่ าใช่ดอกบัวไม่ เป็นจักรทีบ่ ดกระหม่อม
ข้าให้ได้รับความทรมานยิ่งนัก” มิตตวินทุกะ
ไม่พอใจที่เทพบุตรโกหกตนเช่นนั้น จึงกล่าว
ต่อว่าเทพบุตรไปว่า “ไม่เห็นจะต้องโกหกกันเลย
พระพุ ท ธเจ้ า ซึ่ ง ขณะนั้ น เสวยพระชาติ เ ป็ น เทวดากำ า ลั2ง ก็เราเห็นอยู่ว่าบนศีรษะของเจ้านั้นมีดอกบัว
สอบถามมิตตวินทุกะถึงสาเหตุที่มีกงจักรหมุนอยู่บนศีรษะ
งดงามประดับอยู่แท้ๆ”
62
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
ขอใดเปนมูลเหตุที่มิตตวินทุกะไดรับผลกรรม มองเห็นกงจักรเปนดอกบัว
1 อุสสทนรก เปนนรกบริวาร ลอมรอบมหานรกทัง้ 8 ขุม แตละขุมของมหานรก
1. ความรัก
จะมีอุสสทนรกลอมรอบ 4 ทิศ ทิศละ 4 ขุม รวมเปน 16 ขุม มหานรก 1 ขุม
2. ความโกรธ
มีอุสสทนรกลอมรอบ 16 ขุม ดังนั้น มหานรก 8 ขุม จึงมีอุสสทนรกรวมเปน
3. ความหลง
16×8 = 128 ขุม ชื่อของอุสสทนรกแตละทิศซึ่งมี 4 ขุม จะมีชื่อเหมือนกัน ไดแก
4. ความโลภ
คูถนรกหรือนรกอุจจาระ กุกกุฬนรกหรือนรกขี้เถา อสิปตตนรกหรือนรกใบไมดาบ
และเวตรณีนรกหรือนรกแมนํ้าเค็ม วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. มูลเหตุที่ทําใหมิตตวินทุกะไดรับผลกรรม
2 กงจักรหมุนอยูบนศีรษะ เปนที่มาของสํานวนไทยวา “เห็นกงจักรเปนดอกบัว” เห็นกงจักรเปนดอกบัว เพราะมิตตวินทุกะมีความโลภ ตองการไดสมบัติ
ซึ่งหมายถึง เห็นผิดเปนชอบ หรือเห็นของรายเปนของดี มากๆ เมือ่ เขาพบกับปราสาททัง้ 4 หลัง ไดแก ปราสาทแกวผลึก ปราสาทเงิน
ปราสาทแกวมณี และปราสาททอง เขาก็ผานเลยไปเรื่อยๆ ทุกหลัง
ดวยหวังวาจะไดพบกับทรัพยลํ้าคามากขึ้น ในที่สุดความโลภนี้ จึงชักนําให
มิตตวินทุกะไปพบกับสัตวนรกทีม่ กี งจักรบดศีรษะ แตเขากลับคิดวาเปนเทพบุตร
ทีม่ ดี อกบัวประดับศีรษะ จึงรองขอดอกบัวนัน้ มิตตวินทุกะจึงตองเสวย
ผลกรรมถูกกงจักรบดศีรษะไดรับทุกขเวทนายิ่งนัก
62 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ใหนักเรียนกลุมที่ 2 แสดงบทบาทสมมติเรื่อง
สัตว์นรกตนนั้นคิดว่าคงถึงคราวหมดกรรมของตน และคงมีคนบาปมารับกรรมแทนตนแล้ว ราโชวาทชาดก พรอมกับสรุปขอคิดใหเพื่อน
จึงมอบดอกบัวนั้นให้แก่มิตตวินทุกะสมใจ ปรากฏว่าทันทีที่รับดอกบัวนั้นมา ก็กลับกลายเป็น ในชั้นเรียนฟง
กงจักรบดศีรษะของมิตตวินทุกะได้รับความทรมานยิ่งนัก 2. ใหนักเรียนวิเคราะหความหมายที่แฝงอยูใน
ครัง้ นัน้ พระโพธิสตั ว์เสวยชาติเป็นเทวดา เทีย่ วจาริกไปยังอุสสทนรกไปพบกับมิตตวินทุกะเข้า คํากลาวที่วา “ดูกอนผูบุญหนัก แทจริงกษัตริย
จึงสอบถามเหตุผลที่ต้องมาเทินจักรกรดอยู่เช่นนี้ ท�าให้ทราบความจริงว่า ด้วยตัณหาความโลภ ทรงครองราชสมบัติโดยธรรมเสมอแลว
ของมิตตวินทุกะท�าให้ต้องมารับบาปกรรมดังกล่าว จึงตรัสแก่มิตตวินทุกะว่า1 ผลไมยอมมีรสหวานดวยเหตุนั้น”
“แท้จริงเทพธิดาทั้งสี่ แปด สิบหก และสามสิบสองนางนั้น คือ นางเปรตทั้งสิ้น แต่ความโลภ (แนวตอบ หากบานเมืองใด มีกษัตริยที่ปกครอง
มากของเจ้าจึงท�าให้เจ้าต้องพบกับจักรบดกระหม่อมเช่นนี้ เพราะฉะนั้นบุคคลใดก็ตามที่มีตัณหา แผนดินโดยธรรมแลว ผูใตปกครองหรือ
ความอยาก ความโลภ มากเช่นนี้ เขาเหล่านั้นย่อมเป็นผู้เทินจักรกรด” ประชากรในบานเมืองยอมอยูอยางสงบสุข
ฝ่ายมิตตวินทุกะผูก้ า� ลังรับเวทนานัน้ แล จักรกรดก็พดั ฟันต่อไปท�าให้เขาไม่สามารถพูดอีกได้ มีความรื่นรมยในชีวิต เปรียบดั่งการปลูกผลไม
เทวดาจึงกลับไปสู่สถานแห่งเทวโลกของตนเช่นเดิม ชนิดหนึ่ง หากเจาของดูแลเอาใจใสอยางถูกวิธี
ตรัสเล่าจบ พระพุทธองค์ตรัสว่า “มิตตวินทุกะในครานั้นได้แก่ภิกษุว่ายากผู้นี้ ส่วนเทวดานั้น ยอมไดผลผลิตที่มีรสหวานโอชาอยางแนนอน)
ได้แก่เรา” และได้ตรัสพระคาถาว่า
“ตัณหาเป็นสิง่ ทีไ่ ม่สนิ้ สุด มีอาณาเขตกว้างขวาง บุคคลใดมีแต่ความอยาก ยากทีจ่ ะพึงพอใจ
กระท�าตนไปตามก�าหนัดตัณหานั้น บุคคลนั้นย่อมเป็นผู้เทินจักรกรด”
4.2 ราโชวาทชาดก
ครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล พระพุทธองค์
เสด็จประทับในพระวิหารเชตวัน และทรงมี
พระประสงค์จะแสดงธรรมแก่กษัตริย์เจ้านคร
ทั้งหลาย จึงปรารภว่า
“แม้กษัตริย์ในอดีตทั้งหลายทรงสดับวาจา
ของบัณฑิตแล้ว ก็ทรงครองราชสมบัตโิ ดยธรรม
ทรงบ�าเพ็ญทางสวรรค์ผ่านไปให้บริบูรณ์ บัดนี้
เมื่อมีพระราชามาทูลอาราธนา เราจึงจะแสดง
ธรรมแก่พระราชา” จึงตรัสเล่า ราโชวาทชาดก
ความว่า
ในอดีตกาล ครั้งพระราชาพรหมทั
2 ตครอง
ราชสมบัติในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิด
ในสกุลพราหมณ์ เจริญวัยเติบใหญ่ได้เล่าเรียน พระราชาพรหมทั ต ซึ่ ง ปลอมพระองค์ เ ป็ น สามั ญ ชน
จบศิลปศาสตร์ แล้วบรรพชาเป็นฤๅษีอบรม ขณะกำาลังสนทนากับพระโพธิสัตว์ที่บรรพชาเป็นฤๅษี
63
กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
ครูใหนักเรียนเขียนสรุปเรื่องมิตตวินทุกชาดก พรอมบอกวาจะสามารถ 1 เปรต เปนสัตวโลกจําพวกหนึ่งที่เกิดในเปรตภูมิ ซึ่งเปนหนึ่งในอบายภูมิ 4
นําไปปรับใชในการดําเนินชีวิตประจําวันไดอยางไร ความยาว 1 หนา (จากภพภูมิทั้งหมด 31 ภพภูมิ) ผูที่เกิดเปนเปรตเนื่องจากอกุศลกรรมที่ทําไวตอน
กระดาษ A4 แลวนําสงครูผูสอน เปนมนุษย เชน ทํารายบิดามารดา ดาทอพระสงฆผูทรงศีล ตระหนี่ในการทําทาน
ฉอราษฎรบังหลวง รับสินบน ใสความผูบริสุทธิ์ เปนตน
2 พาราณสี หรือวาราณสี เปนชื่อเมืองหลวงของแควนกาสี ประเทศอินเดีย
กิจกรรมทาทาย เปนเมืองที่มีแมนํ้าคงคาไหลผาน ซึ่งชาวฮินดูมีความเชื่อกันวา การไดอาบนํ้าใน
แมนํ้าคงคาเปนการลางบาป ทั้งนี้ เมืองพาราณสียังเปนเมืองแหงการแสวงหาบุญ
ของชาวพุทธทั่วโลก กลาวคือ เปนเมืองที่มีความสําคัญทางพระพุทธศาสนา
ครูใหนักเรียนสืบคนขาวจากหนังสือพิมพหรืออินเทอรเน็ตเกี่ยวกับ มีอาณาเขตครอบคลุมถึงปาอิสปิ ตนมฤคทายวัน อันเปนสถานทีท่ พี่ ระพุทธเจาทรง
พฤติกรรมของบุคคลที่มีการกระทําเขาขายเห็นกงจักรเปนดอกบัว แสดงปฐมเทศนาแกปญจวัคคีย ปจจุบันเรียกพาราณสีวา พานารัส (Banaras)
จากนั้นใหนักเรียนเขียนแสดงความคิดเห็นถึงสาเหตุและวิธีแกไข
พฤติกรรมดังกลาวลงกระดาษ A4 สงครูผูสอน
คูมือครู 63
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ใหนักเรียนวิเคราะหวา นักเรียนสามารถนํา
ขอคิดจากราโชวาทชาดกมาปรับใชในการเรียน อภิญญาสมาบัตใิ ห้เกิด มาอาศัยอยูใ่ นป่าหิมพานต์เป็นทีส่ า� ราญ มีรากไม้และผลไม้ในป่าเป็นอาหาร
ไดอยางไรบาง ในกาลครัง้ นัน้ พระราชาทรงระแวงถึงโทษ เมือ่ จะทรงสอบสวนให้ตระหนักว่ามีผใู้ ดกล่าวโทษตนบ้าง
(แนวตอบ การประพฤติตนอยูในศีลธรรมเสมอ หรือไม่ ก็ไม่พบว่ามีใครเลย ทั้งคนภายใน คนภายนอก ทั้งในเมือง ทั้งนอกเมือง จึงปลอมแปลง
ยอมนําพาความสุขสงบทางใจมาใหแกชีวิต พระองค์เสด็จเที่ยวสู่ชนบท แต่ก็ไม่พบค�ากล่าวโทษ ทรงได้ยินแต่วาจากล่าวสรรเสริญพระคุณ
สําหรับการเรียน การเปนคนขยัน ซื่อสัตย ทั้งสิ้น จึงเสด็จเข้าสู่ป่าหิมพานต์ ครั้นเสด็จถึงอาศรมพระโพธิ สัตว์ก็ทรงอภิวาทและขอประทับอยู่
1
ตอการทํางาน การสอบ ก็จะทําใหเกิดความ ในอาศรมนั้น เวลานั้นพระโพธิสัตว์ได้น�าผลไทรอันสุกงอมจากป่ามาบริโภค ผลไทรเหล่านั้น
กาวหนาและเจริญรุงเรืองในชีวิต แมวาบางครั้ง มีรสหวานโอชา เธอจึงเชื้อเชิญพระราชาทูลว่า
ผลลัพธของการทํางานหรือการสอบจะออกมา “ท่านผู้บุญหนัก จงบริโภคผลไทรสุกนั้นแล้วดื่มน�้าเสียเถิด” ครั้นพระราชาทรงกระท�าตาม
ลมเหลว แตก็จะทําใหผูนั้นไดรูจักยอมรับ ค�าเชิญนั้นแล้ว รับสั่งถามว่า
ความจริง รูจักจุดดอยของตนเอง และพัฒนา “ไฉนหนอพระคุณเจ้า ผลไทรสุกนี้จึงมีรสหวานยิ่งนัก”
ตนเองใหดีขึ้นได) “ดูก่อนผู้บุญหนัก แท้จริงกษัตริย์ทรงครองราชสมบัติโดยธรรม เสมอแล้ว ผลไม้ย่อมมี
2. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 2.4 จากแบบวัดฯ รสหวานด้วยเหตุนั้น” พระดาบสตอบ
พระพุทธศาสนา ม.2 “แล้วถ้ากษัตริย์ไม่ด�ารงอยู่ในธรรม ผลไม้ย่อมไม่มีรสหวานหรือพระคุณเจ้า” พระราชารับสั่ง
ถามอีก
ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ “เช่นนั้นแล ท่านผู้บุญหนัก เมื่อกษัตริย์ทั้งหลายไม่ตั้งอยู่ในธรรม น�้าตาล น�้าผึ้ง น�้าอ้อย
พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 2.4
หนวยที่ 2 พุทธประวัติ พระสาวก ศาสนิกชนตัวอยาง
รากไม้ และผลไม้ในป่า ย่อมไม่มรี สหวานปราศจากโอชา แต่เมือ่ กษัตริยท์ งั้ หลายทรงตัง้ อยูใ่ นธรรม
และชาดก ผลไม้ทั้งหลายนั้นย่อมมีรสหวานโอชา ทั้งแว่นแคว้นทั้งสิ้นก็มีรสโอชาด้วยเช่นกัน”
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
พระราชาได้สดับดังนั้นก็ทรงนมัสการพระดาบสและเสด็จ2กลับพระนครพาราณสี ทรงครอง
กิจกรรมที่ ๒.๔ ใหนักเรียนศึกษามิตตวินทุกชาดกและราโชวาทชาดก
แลวตอบคําถามตอไปนี้ (ส ๑.๑ ม.๒/๖)
ñð ราชสมบัติโดยอธรรม หมายพระทัยว่าจักพิสูจน์ค�าพูดของดาบส ระยะเวลาผ่านไปสักพัก พระองค์
หัวขอคําถาม มิตตวินทุกชาดก ราโชวาทชาดก
ทรงมีพระประสงคจะแสดงธรรมแก
เพือ่ สอนพระธรรมเทศนาแกพระภิกษุ ……………………………………………………………………….
สาเหตุที่ตรัสชาดก ……………………………………………………………………….
ก็เสด็จไปที่อาศรมนั้นอีกครั้ง
วายากรูปหนึ่ง
………………………………………………………………………. กษัตริย
……………………………………………………………………….
………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………….
ครั้นนมัสการพระดาบสแล้ว พระดาบสได้ทูลถวายผลไทรสุก ปรากฏว่าผลไทรนั้น กลับมี
เนื้อหาชาดก
………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………….
พระโพธิสัตวเกิดในสกุลพราหมณ
มิตตวินทุกะเปนบุตรชายในตระกูล ……………………………………………………………………….
……………………………………………………………………….
รสขมส�าหรับพระองค์ จึงคายทิ้ง แล้วรับสั่งว่า “ผลไทรนั้นขมนัก พระคุณเจ้า” พระดาบสทูลว่า
………………………………………………………………………. ตอมาไดบรรพชาเปนษีบาํ เพ็ญเพียร
พอคาที่มีนิสัยโลภ ครั้งหนึ่งมีคน ……………………………………………………………………….
อยูใ นปาหิมพานต ฉันผลไมและรากไม
ชักชวนใหไปแสวงโชคโดยนัง่ เรือสําเภา ……………………………………………………………………….
……………………………………………………………………….
“ดูก่อนผู้บุญหนัก แท้จริงพระราชาคงไม่สถิตอยู่ในธรรม เพราะในเวลาที่กษัตริย์ทั้งหลาย
เปนอาหาร ตรงกับสมัยของพระเจา
ถึงแมมารดาจะหาม แตเขาก็ไมเชื่อ ……………………………………………………………………….
……………………………………………………………………….
………………………………………………………………………. พรหมทัตครองราชสมบัติ พระองค
ตอมาไดเกิดอาเพศจนถูกจับลอยแพ ……………………………………………………………………….
ทรงระแวงวาจะมีประชาชนกลาวติเตียน
และไดพบกับอุสสทนรก แตดวย ……………………………………………………………………….
……………………………………………………………………….
ไม่ทรงธรรม ทุกสิ่งย่อมปราศจากรสหมดโอชา”
………………………………………………………………………. จึงปลอมตัว ไปสนทนากับ พระษี
บาปกรรมทํ า ให ม องเห็ น เป น เมื อ ง ……………………………………………………………………….
เมื่อไดสดับฟงธรรมจากพระดาบส
งดงาม และดวยความโลภ จึงเห็น ……………………………………………………………………….
……………………………………………………………………….
ฉบับ
เฉลย พระราชาครั้นทรงสดับธรรมของพระโพธิสัตว์แล้ว ก็ทรงประกาศให้ทราบว่าพระองค์
จึงทรงปกครองราษฎรโดยธรรม
กงจักรเปนดอกบัว ตองไดรับทุกข ……………………………………………………………………….
……………………………………………………………………….
ทรมานจากการถูกกงจักรบดศีรษะ ……………………………………………………………………….
……………………………………………………………………….
ของตน
………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………….
เป็นกษัตริย์ แล้วทรงรับสั่งว่า “ข้าแต่พระคุณเจ้า เมื่อก่อนข้าพเจ้านั่นเองได้กระท�าผลไทรสุก
ขอคิดเตือนใจ การเปนผูปกครองตองประพฤติตน
๑. การเป น คนโลภมากย อ มนํ า พา ……………………………………………………………………….
……………………………………………………………………….
รสหวานให้มีรสขม บัดนี้จักกระท�าให้มีรสหวานต่อไป” แล้วทรงนมัสการพระโพธิสัตว์ลาเสด็จ
สําหรับนักเรียน เปนผูนําที่ดี ปกครองประชาชนโดย
ตนเองไปสูความเดือดรอน ดัง ……………………………………………………………………….
……………………………………………………………………….
สุภาษิตที่วา โลภมากลาภหาย
………………………………………………………………………. ธรรม ก็จะทําใหราษฎรอาศัยอยูอ ยาง
……………………………………………………………………….
มีความสุข
๒. คนชั่วหรือคนบาปมักจะเริ่มตน ……………………………………………………………………….
……………………………………………………………………….
กลับสู่พระนคร ทรงเสวยราชสมบัติโดยธรรม ได้ทรงกระท�าทุกๆ สิ่งให้เป็นปรกติอย่างเดิม
จากการมีความคิดเห็นผิดไปบูชา ……………………………………………………………………….
……………………………………………………………………….
หรื อ ชอบสิ่ ง ชั่ ว ร า ย เข า ทํ า นอง ……………………………………………………………………….
……………………………………………………………………….
ตรัสเล่าจบ พระพุทธองค์ตรัสว่า “ราชาในครั้งนั้นได้แก่อานนท์ ส่วนดาบสนั้นได้แก่เรา”
เห็นกงจักรเปนดอกบัว ในที่สุด ……………………………………………………………………….
……………………………………………………………………….
ตนเองก็ ต อ งรั บ ผลกรรมที่ ไ ด ……………………………………………………………………….
……………………………………………………………………….
กระทําไว
………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………….
แล้วตรัสพระคาถาว่า
………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………….
………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………….
64
๑๗
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
บุคคลในตําแหนงหรืออาชีพใด ควรนําขอคิดจากเรื่องราโชวาทชาดก
1 ไทร ในภาษาสันสกฤตจะเรียกวา นิโครธ หรืออชปาลนิโครธ ตนไทรมีเรือ่ งราว
ไปปรับประยุกตใชมากที่สุด
เกี่ยวของกับพุทธประวัติอยู 2 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 ในวันขึ้น 15 คํ่า เดือน 6 วันที่
1. แพทย
ทรงตรัสรู ทรงประทับอยูใตโคนตนไทร แลวนางสุชาดานําขาวมธุปายาสมาถวาย
2. อัยการ
ครั้งที่ 2 หลังจากทรงตรัสรูแลว ไดประทับเสวยวิมุตติสุขเปนเวลา 7 สัปดาห
3. ครูอาจารย
ก็เสด็จไปประทับอยูใตตนไทรในสัปดาหที่ 5 เปนเวลา 7 วัน
4. รัฐมนตรี
2 ดาบส ผูบําเพ็ญตบะ คือ เผากิเลส ผูบําเพ็ญพรตเพื่อเผากิเลส ไดแก ฤๅษี
ถาเปนสตรีใชวา ดาบสินี วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. ราโชวาทชาดกเปนเรื่องราวที่สั่งสอนใหผูนํา
ประเทศปกครองประเทศโดยธรรม ไมคดโกง ซื่อสัตยสุจริต เพื่อประชาชน
จะไดอยูอยางเปนสุข ดังนั้น รัฐมนตรี ซึ่งถือเปนผูปกครองประเทศ
จึงสมควรนําขอคิดจากเรื่องราโชวาทชาดกไปปรับประยุกตใชมากที่สุด
64 คูมือครู
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ Expand
1. ครูและนักเรียนอภิปรายถึงประโยชนที่ไดรับ
“หากเมื่อโคทั้งหลายจะข้ามฟาก แล้วโคผู้น�าเดินคด แม้โคทั้งปวงก็ไปคด เมื่อโคน�าเดินคด จากการศึกษาชาดก แลวใหนักเรียนวิเคราะห
ในคนทั้งหลายก็อย่างนั้นแล ผู้ใดที่สมมติว่าประเสริฐสุด หากผู้นั้นประพฤติอธรรม ก็ไม่ต้อง ถึงความแตกตางของชาดกกับนิทานทั่วไป
กล่าวถึงสัตว์นอกนั้น ชาวแคว้นทั้งสิ้นย่อมนอนเป็นทุกข์ ถ้าพระราชาทรงประพฤติอธรรม” (แนวตอบ ชาดกแตกตางจากนิทานทั่วไปตรงที่
“หากเมื่อโคทั้งหลายจะข้ามฟาก แล้วโคผู้น�าเดินตรง แม้โคทั้งปวงก็ไปตรง เมื่อโคน�าเดินตรง ชาดกเปนเรื่องราวของพระพุทธเจาในอดีตชาติ
ในคนทั้งหลายก็อย่างนั้นแล ผู้ใดที่สมมติว่าประเสริฐสุด แม้หากผู้นั้นประพฤติธรรม ก็ไม่ต้อง ที่พระองคทรงแสดงแกพระภิกษุในโอกาสตางๆ
กล่าวถึงสัตว์นอกนั้น ชาวแคว้นทั้งสิ้นย่อมนอนเป็นสุข ถ้าพระราชาทรงประพฤติธรรม” เพื่อใหเกิดแงคิดแลวกลับไปพัฒนาตน)
2. ครูใหนักเรียนเลือกชาดกเรื่องที่ประทับใจ แลว
เมื่อพิจารณาถึงการด�าเนินชีวิตขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธสาวก เขียนเหตุผลและการนําขอคิดจากชาดกเรื่อง
พระพุทธสาวิกา และชาวพุทธตัวอย่าง ตลอดจนพระโพธิสตั ว์จากนิทานชาดกเรือ่ งต่างๆ เหล่านีแ้ ล้ว ดังกลาวไปใชในชีวิตประจําวัน ลงในกระดาษ
จะเห็นได้ว่าแต่ละท่านล้วนมีจริยาวัตรทางการด�าเนินชีวิตที่งดงาม และมีคุณธรรมเป็นหลัก A4 สงครูผูสอน
ในการด�ารงตนทั้งสิ้น ดังนั้น ในฐานะที่เป็นพุทธศาสนิกชน นักเรียนควรน�าคุณธรรมและ
คติขอ้ คิดทีไ่ ด้จากการศึกษานีม้ าเป็นแนวทางทีจ่ ะน�าไปใช้เป็นหลักในการปฏิบตั ติ นและด�าเนินชีวติ ตรวจสอบผล Evaluate
เพราะนอกจากที่จะท�าให้ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้มีคุณธรรมแล้ว จะช่วยธ�ารงสังคมให้มีความ
สงบสุขได้อีกด้วย 1. ตรวจสอบผลจากความถูกตองในการ
ตอบคําถามและการแสดงความคิดเห็น
ในชั้นเรียน
2. ตรวจสอบผลจากการเขียนเรียงความเรื่อง
วิธีขจัดความโลภในจิตใจ
3. ตรวจสอบผลจากความตั้งใจในการแสดง
บทบาทสมมติ
65
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
ราโชวาทชาดกเปนชาดกที่ใหขอคิดหรือคติสอนใจในเรื่องใด
ครูควรใหนักเรียนไปคนหาตัวอยางในชาดกเรื่องอื่นที่แสดงใหเห็นวา ประเทศ
1. การผจญภัย
ที่มีผูนําที่ดีทําใหสังคมเจริญกาวหนาและสงบสุข สวนประเทศที่มีผูนําไมดีทําให
2. การเสวยผลไทรสุก
สังคมเสื่อมทรามและวุนวาย จากนั้นนํามาอภิปรายรวมกันในชั้นเรียน
3. การแสวงหาสัจธรรม
4. การประพฤติตนอยูในศีลธรรม
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. ขอคิดหรือคติสอนใจเรื่องราโชวาทชาดก มุม IT
สรุปได 2 ประการ คือ
1. ผูปกครองที่ดีตองประพฤติตนเปนแบบอยางที่ดี เพื่อใหผูนอยปฏิบัติ ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับชาดก ไดที่
ตนตามเยี่ยงอยาง ซึ่งจะชวยใหสังคมมีความสงบสุข http://www.thammapedia.com เว็บไซตธรรมะพีเดีย
2. ธรรมหรือคุณความดีนํามาซึ่งความสงบรมเย็นของบานเมือง
ผูปกครองที่ประพฤติธรรม จะทําใหอาณาประชาราษฎรอยูอยาง
รมเย็นเปนสุข
คูมือครู 65
ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Evaluate
Engage Explore Explain Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
ตรวจสอบความถูกตองจากการตอบคําถาม
ประจําหนวยการเรียนรู ค íา¶ามประจ íาหน่วยการเรียนรู้
กิจกรรมสร้างสรรค์พั²นาการเรียนรู้
พุทธศาสนสุภาษิต
ËÔÃâÔ ÍµÚµ»Ú»Â ÚàÇ âÅ¡í »ÒàÅµÔ ÊҸءí : ËÔÃÔáÅÐâ͵µÑ»»Ð ‹ÍÁÃÑ¡ÉÒâÅ¡äÇŒ
໚¹Íѹ´Õ
66
แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. การศึกษาพุทธประวัติทําใหทราบถึงความยากลําบากของพระพุทธเจาในการแสวงหาความหลุดพน การศึกษาประวัติพุทธสาวก พุทธสาวิกา ทําใหไดรูคุณธรรมที่ควร
นํามาเปนแบบอยาง และการศึกษาชาวพุทธตัวอยาง ทําใหไดขอคิดวาบรรพบุรุษไทยเปนผูมีความเกงกลาสามารถและมีวิสัยทัศนกวางไกล และทําใหเราเยาวชน
ตระหนักถึงคุณคาของพระพุทธศาสนาและตองสืบทอดตอไป
2. การแสวงหาความรูของพระพุทธเจาทรงใชวิธีแบบลองผิดลองถูก
3. พุทธจริยา แปลวา พระจริยวัตรปกติของพระพุทธเจา หมายถึง การบําเพ็ญประโยชนตอผูอื่น ซึ่งทรงปฏิบัติเปนประจํา มี 3 ประเภท ไดแก
- โลกัตถจริยา คือ พระจริยวัตรที่เปนประโยชนแกชาวโลก เชน การเสด็จไปแสดงธรรมในที่ตางๆ เปนตน
- ญาตัตตถจริยา คือ พระจริยวัตรที่เปนประโยชนแกพระประยูรญาติ เชน การเสด็จไปโปรดพระบิดาและพระประยูรญาติที่กรุงกบิลพัสดุ เปนตน
- พุทธัตถจริยา คือ พระจริยวัตรที่เปนประโยชนตามหนาที่ที่เปนพระพุทธเจา เชน ทรงบัญญัติพระวินัยเพื่อเปนหลักปกครองสงฆ เปนตน
4. เพราะพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะเปนผูที่มีความสามารถ เนื่องจากพระสารีบุตรเปนผูมีปญญาฉลาดหลักแหลมยอมเปรียบเสมือนมารดาที่คอยดูแลบุตร
พระโมคคัลลานะมีฤทธิ์มากยอมเปรียบเสมือนพอที่มีกําลังคอยปกปองคุมภัยใหแกบุตร พระพุทธศาสนาขณะนั้นเพิ่งเผยแผใหมๆ ยอมมีบุคคลตางศาสนามาทาทาย
ทดสอบ ทดลอง เพือ่ หวังใหพา ยแพเปนทีอ่ บั อาย จึงตองมีคนทีร่ เู ขารูเ ราและรูล กึ รูจ ริงไวชว ยงานสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจาเผยแผพระพุทธศาสนา ถือไดวา ทัง้ สองทาน
มีคุณูปการและเปนกําลังสําคัญในการเผยแผพระพุทธศาสนาเปนอยางยิ่ง
5. มนุษยจะเปนคนดีหรือเลวไมไดอยูที่รางกายดีหรือพิการ แตอยูที่จิตใจและการกระทํา
66 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
หน่วยการเรียนรู้ที่
หลักธรรม
๓ 1. อธิบายหลักธรรมสําคัญในกรอบอริยสัจ 4 ได
2. วิเคราะหหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
เพื่อนําไปปรับใชในการแกปญหาและพัฒนา
ตนเองและสังคมได
ทางพระพุทธศาสนา สมรรถนะของผูเรียน
1. ความสามารถในการคิด
2. ความสามารถในการแกปญหา
3. ความสามารถในการใชทักษะชีวิต
ตัวชี้วัด
● อธิบายธรรมคุณและข้อธรรมสำาคัญในกรอบ
คุณลักษณะอันพึงประสงค
อริยสัจ ๔ หรือหลักธรรมของศาสนาที่ตน
นับถือตามที่กำาหนด เห็นคุณค่าและนำาไป 1. มีวินัย
พัฒนาแก้ปัญหาของชุมชนและสังคม
(ส ๑.๑ ม.๒/๘)
2. ใฝเรียนรู
3. ซื่อสัตยสุจริต
4. มุงมั่นในการทํางาน
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
● พระรัตนตรัย
● อริยสัจ ๔
เกร็ดแนะครู
ครูควรจัดกิจกรรมการเรียนรูเ พือ่ ใหนกั เรียนสามารถอธิบายและวิเคราะหธรรมคุณ
และหลักธรรมสําคัญในกรอบอริยสัจ 4 รวมถึงสามารถนําหลักธรรมไปประยุกตใช
ในชีวิตประจําวัน โดยเนนการพัฒนาทักษะกระบวนการที่สําคัญ ไดแก ทักษะ
การคิดวิเคราะห กระบวนการสืบสอบ และกระบวนการกลุม ดังนี้
• ครูใหนักเรียนสืบคนความหมายของพุทธคุณ 9 ธรรมคุณ 6 และสังฆคุณ 9
แลวนํามาอภิปรายรวมกัน
• ครูใหนักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับหลักธรรมเรื่องทุกขและสมุทัย แลวเขียน
ผังความคิด
• ครูใหนักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับหลักธรรมเรื่องนิโรธ แลวเขียนเรียงความ
• ครูใหนักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับหลักธรรมเรื่องมรรค แลวจัดทําปายนิเทศ
คูมือครู 67
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
ตรวจสอบผลจากความถูกตองในการตอบคําถาม 68
และการอภิปราย
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
1 สังฆคุณ 9 คุณของพระสงฆ (หมายถึง สาวกสงฆหรืออริยสงฆ) มี 9 ประการ ธรรมคุณมีความหมายตรงกับขอใด
ดังนี้ 1. พระไตรปฎก
1. สุปฏิปนฺโน เปนผูปฏิบัติดี 2. พระพุทธคุณ
2. อุชุปฏิปนฺโน เปนผูปฏิบัติตรง 3. พระสังฆคุณ
3. ายปฏิปนฺโน เปนผูปฏิบัติถูกทาง 4. คุณของพระธรรม
4. สามีจิปฏิปนฺโน เปนผูปฏิบัติสมควร วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. ธรรมคุณ หมายถึง คุณของพระธรรม
5. อาหุเนยฺโย เปนผูควรแกของคํานับ มี 6 ประการ ไดแก สวากขาโต ภควตา ธัมโม, สันทิฏฐิโก, อกาลิโก,
6. ปาหุเนยฺโย เปนผูควรแกการตอนรับ เอหิปสสิโก, โอปนยิโก, ปจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญูหิ
7. ทกฺขิเณยฺโย เปนผูควรแกของทําบุญ
8. อฺชลีกรณีโย เปนผูควรแกการกราบไหว
9. อนุตฺตรํ ปฺุญกฺเขตฺตํ โลกสฺส เปนเนื้อนาบุญอันยอดเยี่ยมของโลก
68 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา
Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูใหนักเรียนดูภาพบุคคลนอนปวยในหนังสือ
๒. ÍริÂสั¨ ô เรียนหนา 69 แลวตั้งคําถามกระตุนความสนใจ
เชน
อริยสัจ ๔ คือ ความจริงอันประเสริฐ ๔ ประการ เป็นหลักค�าสอนส�าคัญของพระพุทธศาสนา
• การเจ็บปวยทางกายเปนสาเหตุที่กอใหเกิด
มีดังนี้
ทุกขอยางไร
๑. ทุกข์ คือ ความจริงว่าด้วยความทุกข์
(แนวตอบ การเจ็บปวยทางกาย นอกจากจะ
๒. สมุทัย คือ ความจริงว่าด้วยเหตุเกิดแห่งทุกข์
ทําใหเปนทุกขทางกายแลว ยังสงผลให
๓. นิโรธ คือ ความจริงว่าด้วยความดับทุกข์
ผูป ว ยมีจติ ใจออนแอ ซึมเศรา เกิดความกังวล
๔. มรรค คือ ความจริงว่าด้วยทางแห่งความดับทุกข์
1 กอใหเกิดความทุกขใจดวยเชนเดียวกัน)
2.1 ทุกข์ (ธรรมที่ควรรู้) • หลักธรรมที่จะทําใหเขาใจความทุกขและ
ทุกข์ คือ ความจริงว่าด้วยความทุกข์ ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ มนุษย์ทุกคนไม่ว่า วิธีแกปญหาความทุกขมีอะไรบาง
จะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ต่างก็มีความทุกข์ด้วยกันทั้งนั้น ความทุกข์จึงเกิดขึ้นกับใครก็ได้ทุกขณะ (แนวตอบ อริยสัจ 4 ความจริงอันประเสริฐ
เราจึงไม่ควรประมาทและพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความจริง ณ ที่นี้จะกล่าวถึงขันธ์ ๕ ซึ่งเป็น 4 ประการ อันประกอบดวย ทุกข สมุทัย
หลักธรรมที่ควรรู้เพื่อให้รู้ความจริงของการเกิดทุกข์ นิโรธ และมรรค)
๑) ขันธ์ ๕ 2คือ องค์ประกอบของชีวิตมี ๕ ประการ ดังนี้
๑.๑) รูป คือ ส่วนที่เป็นร่างกาย รวมถึงพฤติกรรมทั้งหมดของร่างกายด้วย สํารวจคนหา Explore
๑.๒) เวทนา ในที่นี้มิได้หมายถึงความสงสารที่ใช้กันทั่วไป แต่หมายถึงความรู้สึก
ที่เกิดขึ้นต่อสิ่งที่รับรู้นั้น เวทนามีอยู่ ๓ อย่าง ได้แก่ ครูใหนักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับหลักธรรม
๑. ความรู ้ สึ ก สบายใจ ทุกข (ธรรมที่ควรรู) จากหนังสือเรียนหนา 69-70
เรียกว่า สุขเวทนา หรือจากแหลงการเรียนรูตางๆ เชน หนังสือธรรมะ
๒. ความรู้สึกไม่สบายใจ หองสมุด เปนตน จากนั้นใหนํามาอภิปรายใน
เรียกว่า ทุกขเวทนา ชั้นเรียน
๓. ความรู้สกึ เฉยๆ เรียก
ว่า อุเบกขาเวทนา
๑.๓) สัญญา ในทีน่ มี้ ไิ ด้แปลว่า
ค�ามั่นสัญญาดังในภาษาสามัญ แต่หมายถึง
การก�าหนดหมายรู้สิ่ง3ใดสิ่งหนึ่ง เช่น รูป รส
กลิ่น เสียง โผฏฐัพพะ และอารมณ์ที่เกิดกับใจ
ว่า เขียว ขาว ด�า แดง ดัง เบา เสียงคน เสียง
แมว เป็นต้น การแยกแยะได้ว่าอะไรเป็นอะไร
อันเป็นขั้นตอนถัดจากเวทนา ความเจ็บป่วยทางร่างกายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดทุกข์
69
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
ขอใดเปนความหมายของคําวา “วิญญาณ” ในองคประกอบขันธ 5
1 ธรรมที่ควรรู หมายความวา พระพุทธศาสนาสอนใหรูวาอะไรคือความทุกข
1. ชีวิตหลังความตาย
หมายถึง สภาพที่บีบคั้น อึดอัด ขัดเคือง แตใหรูเฉยๆ ไมใหเปนทุกขไปดวย
2. การรับรูผานการเพงของจิต
3. การกําหนดหมายรูสิ่งใดสิ่งหนึ่ง 2 รูป ประกอบดวย ธาตุทั้ง 4 ไดแก
4. การรับรูผานประสาทสัมผัสทั้ง 5 และใจ • ปฐวีธาตุ คือ ธาตุดิน เชน กระดูก เนื้อ เปนตน
• อาโปธาตุ คือ ธาตุนํ้า เชน นํ้าลาย เลือด เปนตน
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. วิญญาณ หมายถึง การรับรูผานประสาท • เตโชธาตุ คือ ธาตุไฟ เชน อุณหภูมิในรางกาย เปนตน
สัมผัสทั้ง 5 และใจ อันไดแก จักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ • วาโยธาตุ คือ ธาตุลม เชน ลมหายใจเขาออก ลมในกระเพาะอาหาร
ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ และมโนวิญญาณ เปนตน
3 โผฏฐัพพะ อารมณที่พึงถูกตองดวยกาย สิ่งที่ถูกตองกาย เชน เย็น รอน ออน
แข็ง เปนตน
คูมือครู 69
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนกั เรียนอภิปรายรวมกันเกีย่ วกับหลักธรรม
ทุกข ไดแก ขันธ 5 และอายตนะ ๑.๔) สังขาร แปลว่า สิ่งที่ปรุงแต่งจิตหรือพูดให้เข้าใจง่าย เช่น แรงจูงใจ หรือ
2. ครูใหนักเรียนนั่งหลับตาสงบนิ่ง แลวปฏิบัติตาม สิ่งกระตุ้นผลักดันให้มนุษย์กระท�าการอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นผลรวมของการรับรู้ (วิญญาณ)
ขัน้ ตอนทีค่ รูกาํ หนด เพือ่ เรียนรูอ ายตนะจากการ ความรู้สึก (เวทนา) และความจ�าได้ (สัญญา) ที่ผ่านมา เช่น ตารับรู้วัตถุสิ่งหนึ่ง (วิญญาณ) รู้สึก
ปฏิบัติจริง โดยกําหนดความรูสึกไปที่ ว่าสวยดี (เวทนา) จ�าได้ว่ามันเป็นวัตถุกลมๆ ใสๆ (สัญญา) แล้วเกิดแรงจูงใจผลักดันให้เอื้อมมือ
• ตา แลวคอยๆ ลืมตา พิจารณาสิ่งตางๆ ไปหยิบมาเพราะความอยากได้ ขั้นตอนนี้เรียกว่า “สังขาร” ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ก่อให้เกิดพฤติกรรม
รอบตัว ทั้งดีและชั่ว
• หู ครูนําแปรงลบกระดานเคาะโตะ 1 ครั้ง ๑.๕) วิญญาณ คือ การรับรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง ๕ และใจ ได้แก่
นักเรียนพิจารณาเสียงที่ไดยิน แผนผังแสดงวิญญาณ ๖
• จมูก ใหนักเรียนดมกลิ่นหลังมือของตนเอง
พิจารณากลิ่นที่สูดดม โสตวิญญาณ จักขุวิญญาณ
• ลิ้น ครูนําผลไมหรือขนมมาใหนักเรียนชิม ชิวหาวิญญาณ ฆานวิญญาณ
แลวพิจารณารสชาติที่ลิ้นสัมผัส
มโนวิญญาณ
• รางกาย ใหนักเรียนลูบแขนตนเอง พิจารณา กายวิญญาณ
สิ่งที่กายสัมผัส
• อารมณหรือความคิด นั่งสงบนิ่ง 1 นาที
พิจารณาสิ่งที่คิดภายในใจ
จากนั้นใหนักเรียนชวยกันอธิบายความหมาย
๒) อายตนะ คือ จุดเชือ่ มต่อระหว่างขันธ์ ๕ กับสิง่ ทีอ่ ยูภ่ ายนอกตัวเรา อายตนะจัดเป็น
ของอายตนะภายในและอายตนะภายนอกจาก องค์ประกอบของวิญญาณ คือการรับรู้ กล่าวคือ ในการรับรู้จะต้องมีผู้รู้และสิ่งที่ถูกรู้ ขันธ์ ๕ คือ
กิจกรรมดังกลาว ผู้รู้ ซึ่งรับรู้ผ่านอายตนะภายใน ได้แก่ ตา หู จมู1ก ลิ้น กาย และใจ ส่วนสิ่งที่ถูกรู้ คือ รูป เสียง
กลิ่น รส การสัมผัส และการนึกคิด (ธรรมารมณ์) เรียกว่า อายตนะภายนอก
ขยายความเขาใจ Expand อายตนะภายในเป็นเครือ่ งเชือ่ มต่อใจกับโลกภายนอก พระพุทธศาสนาจึงสอนให้มคี วาม
ครูใหนักเรียนอภิปรายวา ระหวางขันธ 5 กับ ส�ารวมในอายตนะ
อายตนะมีความเชื่อมโยงกันอยางไร จากนั้นให อายตนะ
นักเรียนจับคูจัดทําผังความคิด อายตนะภายใน อายตนะภายนอก
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
การศึกษาหลักธรรมขันธ 5 และอายตนะ จะทําใหเขาใจความทุกข
ครูชแี้ นะใหนกั เรียนนําหลักธรรมขันธ 5 และอายตนะ ไปปรับใชแกปญ
หาเพือ่ ให
ไดอยางไร
พนจากความทุกขที่นักเรียนไดประสบในชีวิตประจําวัน
แนวตอบ การศึกษาหลักธรรมขันธ 5 จะทําใหเขาใจกระบวนการเกิด
ความรูสึกทุกขอันเกิดจากรูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ซึ่งเมื่อ
นักเรียนควรรู เขาใจเชนนัน้ แลว ก็จะทําใหสามารถลด ละ เลิก ยึดมัน่ ถือมัน่ ในความจริง
ของการเกิดทุกขไดในระดับหนึ่ง สวนการศึกษาอายตนะ จะทําใหเขาใจ
1 ธรรมารมณ คือ สิ่งที่ถูกรับรูทางใจ สิ่งที่รูดวยใจ หรือสิ่งที่ใจรูสึกนึกคิด การรับรูของสิ่งที่อยูภายในกับสิ่งที่อยูภายนอก สามารถกําหนดและ
มีความสํารวมในอายตนะ จึงละจากความรูสึกทุกขได
70 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูใหนกั เรียนบอกความหมายของคํากลาวทีว่ า
2.2 สมุทัย (ธรรมที่ควรละ) “หวานพืชเชนใด ไดผลเชนนั้น”
สมุทยั คือ ความจริงว่าด้วยเหตุเกิดแห่งความทุกข์ เพราะความทุกข์ทเี่ กิดขึน้ นัน้ ต้องมีสาเหตุ
เกิดจากอะไรบางอย่าง ไม่ได้มีขึ้นลอยๆ ในที่นี้จะพูดถึงหลักธรรมที่ควรละ ๓ อย่าง เพื่อไม่ให้เกิด สํารวจคนหา Explore
ทุกข์ ได้แก่ หลักกรรม (สมบัติ ๔ วิบัติ ๔) อกุศลกรรมบถ ๑๐ อบายมุข ๖ ครูใหนักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับหลักธรรม
๑) หลักกรรม หรือกฎแห่งกรรม เป็นค�าสอนทีส่ า� คัญของพระพุทธศาสนา มีใจความ สมุทัย (ธรรมที่ควรละ) จากหนังสือเรียนหนา
สั้นๆ ว่า 71-76 หรือจากแหลงการเรียนรูตางๆ เชน หนังสือ
หว่านพืชเช่นใด ได้ผลเช่นนั้น ธรรมะ หองสมุด พระสงฆในชุมชน เปนตน
ท�าดีได้ดี ท�าชั่วได้ชั่ว
อธิบายความรู Explain
ผลของกรรมมีทั้งผลชั้นในและผลชั้นนอก ผลชั้นใน หมายความว่า เมื่อใดเราท�าดี
เราก็เป็นคนดีเมื่อนั้น คือ ใจสงบ สะอาด ปลอดโปร่ง เมื่อใดท�าชั่วก็เป็นคนชั่วเมื่อนั้น คือ จิตใจ 1. ครูและนักเรียนรวมอภิปรายเกี่ยวกับหลักกรรม
เต็มไปด้วยความโลภ ความมุ่งร้าย ความไม่สงบผ่องใส ผลชั้นนอก หมายถึง ความสุข ความทุกข์ แลวใหแสดงความคิดเห็นวา หลักกรรมแสดง
ความเจริญ ความเสือ่ ม ซึง่ ปัจจัยภายนอกตัวเราเป็นตัวก�าหนด ท�าให้ผลชัน้ นอกของกรรมไม่เป็น ถึงความสัมพันธระหวางเหตุกับผลอยางไร
ไปอย่างที่ควรเป็น 2. ใหนักเรียนแสดงความคิดเห็นตอทัศนคติที่วา
สิง่ ทีส่ นับสนุนให้กรรมดีให้ผล (ชัน้ นอก) และขัดขวางการให้ผล (ชัน้ นอก) ของกรรมชัว่ เพราะเหตุใด ตนเองทําความดี ทําบุญ
เรียกว่า “สมบัติ” ทําทานตั้งมากมาย แตก็ยังไมเห็นความดี
สิง่ ทีส่ นับสนุนให้กรรมชัว่ ให้ผล (ชัน้ นอก) และขัดขวางการให้ผล (ชัน้ นอก) ของกรรมดี มาตอบสนองใหชีวิตมีความสุข ความเจริญ
เรียกว่า “วิบัติ” กาวหนาเสียที
สมบัติ ๔ และวิบัติ ๔ (แนวตอบ ครูเปดโอกาสใหนักเรียนแสดง
สมบัติ ๔ วิบัติ ๔ ความคิดเห็นไดอยางหลากหลาย แตตองแสดง
เหตุผลที่อยูบนพื้นฐานของหลักกรรม อีกทั้ง
สมบัติ คือ ความถึงพร้อม ๔ ประการ ดังนี้ วิบตั ิ คือ ความบกพร่อง ๔ ประการ ดังนี้
ครูควรชี้แนะใหนักเรียนพึงทําความดี โดยไม
คติสมบัติ คือ เกิดอยู่ในภพ ถิ่น หรือประเทศ คติวิบัติ คือ เกิดอยู่ในภพ ถิ่น หรือประเทศที่
ที่เจริญ ไม่เจริญ คํานึงถึงผลประโยชนที่จะไดรับ)
อุปธิสมบัติ คือ เกิดมามีรา่ งกายสง่างาม แข็งแรง อุปธิวบิ ตั ิ คือ เกิดมามีรา่ งกายพิกลพิการ อ่อนแอ
น่านิยม เลื่อมใส ไม่สง่างาม
กาลสมบั ติ คื อ เกิ ด อยู ่ ใ นสมั ย ที่บ้านเมืองมี กาลวิบัติ คือ เกิดอยูใ่ นสมัยทีบ่ า้ นเมืองมี1ทกุ ข์เข็ญ
ความสงบสุข สังคมยกย่องคนดี ไม่ส่งเสริม ยกย่องคนชั่ว บีบคั้นคนดี ไม่มีศีลธรรม
คนชั่ว มีผู้ปกครองดี ปโยควิบัติ คือ การท�าไม่ครบถ้วน ไม่ต่อเนื่อง
ปโยคสมบัติ คือ การท�าให้ครบถ้วน ท�าอย่าง ท�าครึ่งๆ กลางๆ ไม่ตรงกับความถนัดหรือความ
ต่อเนื่อง ท�าถึงที่สุด ไม่ท�าเพียงครึ่งๆ กลางๆ สามารถของตน
ท�าตรงกับความสามารถของตน
71
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
การศึกษาหลักธรรมกรรม มีประโยชนอยางไร
1 ศีลธรรม คือ กฎ ระเบียบ ขอบังคับ ตลอดจนหลักปฏิบัติทางศาสนาที่บุคคล
1. ทําใหไมประมาทในชีวิต
พึงปฏิบัติเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตใหประกอบดวยคุณธรรม ซึ่งในความหมายของ
2. ทําใหเขาใจตนเองมากขึ้น
คําวา ศีลธรรม จะมีความหมายที่คลายกับคําวา จริยธรรม กลาวคือ จริยธรรม
3. ทําใหรูจักคุนเคยกับผูอื่นยิ่งขึ้น
เปนเรื่องของความควร ไมควรของพฤติกรรม ซึ่งเปนมาตรฐานความประพฤติของ
4. ทําใหไดรับแตความสุขทางกาย
บุคคล ศีลธรรมมีความโนมเอียงที่จะเกี่ยวของกับทางศาสนา สวนจริยธรรมเปน
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. หลักกรรม หมายถึง การกระทําทางกาย เรื่องที่เกี่ยวกับมนุษยธรรม
ทางวาจา หรือทางใจ ที่ประกอบดวยเจตนาดีก็ตาม เจตนาชั่วก็ตาม
ในทางพระพุทธศาสนาอธิบายกฎแหงกรรมไววา ผูใดกระทําสิ่งใดไวยอมจะ
ไดรับผลแหงการกระทํานั้น ถาทําดียอมไดรับผลดีตอบแทน แตถาทําชั่ว มุม IT
ยอมไดรับผลชั่วตอบแทนเชนกัน ซึ่งหลักกรรมสอนใหผูปฏิบัติรูจักคิด
ไตรตรองการกระทําตางๆ ภายใตหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา และทําให ศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องกรรม ไดที่
ใชชีวิตอยางไมประมาท http://www.dhammajak.net เว็บไซตธรรมจักร และ
http://www.fungdham.com เว็บไซตฟงธรรม
คูมือครู 71
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูถามนักเรียนวา สิง่ ใดหรือเหตุการณใดทีท่ าํ ให
นักเรียนรูสึกผิดหวังหรือเสียใจที่ไดกระทํา ตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงการเกิดอยู่ในที่ต่างๆ ดังนี้
2. ครูและนักเรียนอภิปรายรวมกันเกี่ยวกับอกุศล- ๑. เกิดอยู่ในถิ่นเจริญ มีบริการ การศึกษาดี ทั้งที่สติปัญญาและความขยันไม่เท่าไร
กรรมบถ 10 จากนั้นครูสุมนักเรียนออกมาเลา แต่ก็ยังศึกษาได้มากกว่า สามารถเข้าถึงสถานะ
เหตุการณที่นักเรียนเคยประสบที่สอดคลองกับ ทางสังคมสูงกว่าอีกคนหนึ่ง ซึ่งมีสติปัญญา
กรรมชัว่ ทางกาย กรรมชัว่ ทางวาจา และกรรมชัว่ และความขยันดีกว่า แต่ไปเกิดอยู่ในถิ่นป่าดง
ทางใจ พรอมกับบอกถึงผลที่ตนเองไดรับ ๒. มีสติปญั ญาดี แต่ไปเกิดเป็นคนป่า
จากการกระทําสิ่งไมดีเหลานั้น อยู่ในกาฬทวีปก็ไม่มีโอกาสได้เป็นนักปราชญ์
3. ครูใหนักเรียนวิเคราะหวา เพราะเหตุใด แมวา ๓. มีความรู้ ความสามารถดี แต่ไป
บางคนจะรูวาทางแหงความชั่วเปนสิ่งไมดี แตก็ อยู่ในถิ่นหรือในชุมชนที่เขาไม่เห็นคุณค่าของ
ยังกระทําในสิ่งนั้นอยู ความรู้ และความสามารถนั้น เข้ากับเขาไม่ได้
(แนวตอบ ครูเปดโอกาสใหนักเรียนแสดง ถูกเหยียดหยามบีบคั้น อยู่อย่างเดือดร้อน
ความคิดเห็นไดอยางหลากหลาย โดยครูอธิบาย ๔. เป็นคนซื่อสัตย์ ท�าแต่สิ่งดีงาม
เพิ่มเติมถึงแนวทางการปฏิบัติเพื่อขมใจ มาเกิดอยูใ่ นยุคทีผ่ ปู้ กครองดี สังคมยกย่องเชิดชู
มิใหคิด พูด และทําในสิ่งไมดี) คนดี คนนั้นก็มีเกียรติ มีความเจริญ
บุคคลที่อยู่ในที่เจริญได้รับการศึกษาดี ย่อมที่จะมีโอกาส ในยามสั ง คมเสื่ อ มจากศี ล ธรรม
ทางสังคมดีกว่าบุคคลที่อยู่ในถิ่นไม่เจริญ
ผู้ปกครองไม่ประกอบด้วยธรรม คนท�าดีไม่ได้
รับการยกย่อง อาจถูกเบียดเบียนได้รับความเดือดร้อน
1
๒) อกุศลกรรมบถ
ลกรรมบถ ๑๐ คือ ทางแห่งอกุศลกรรม หรือทางแห่งความชั่ว หรือ
อาจหมายถึง กรรมชั่วอันเป็นทางไปสู่ความเสื่อม ความทุกข์ก็ได้
กรรมชั่วนี้แบ่งได้เป็น ๓ ทางใหญ่ๆ ได้แก่ ทางกาย ทางวาจา และทางใจ
๒.๑) กรรมชั่วทางกาย มี ๓ ประการ ดังนี้
(๑) ปาณาติบาต คือ การปลงชีวิต การท�าให้สัตว์โลกถึงแก่ความตาย
(๒) อทิน นาทาน คือ การขโมยของผู้อื่น การถือเอาของที่เขาไม่ให้
รวมถึงการฉ้อโกง ยักยอก หลอกลวง คอร์รัปชันด้วย
(๓) กาเมสุมิจฉาจาร คือ การประพฤติผิดในกาม การละเมิดคู่ครอง ของรัก
ของหวงของผู้อื่น
๒.๒) กรรมชั่วทางวาจา มี ๔ ประการ ดังนี้
(๑) มุสาวาท คือ การพูดเท็จ พูดสิ่งที่ไม่จริงโดยที่ตนรู้ว่าไม่จริง รวมถึง
การพูดก�ากวมเพื่อหลอกลวงผู้อื่นด้วย
(๒) ปิสณุ วาจา คือ พูดส่อเสียด ท�าให้คนเกิดแตกสามัคคี พูดกระทบกระเทียบ
เหน็บแนม เพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งเจ็บใจ การพูดเสียดสีมักเกิิดจากความอิจฉา
72
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
บุคคลใดตอไปนี้ถือวากําลังกระทําปสุณวาจา
1 อกุศลกรรมบถ 10 ตรงกับเบญจศีลขอตางๆ ดังนี้
1. หยกเก็บกระเปาสตางคไดแลวไมสงคืนเจาของ
อกุศลกรรมบถ เบญจศีล 2. พลอยมีความเชื่อวาทําดีไดดีมีที่ไหน ทําชั่วไดดีมีถมไป
ปาณานิบาต ขอ 1 3. เพชรชอบดาเพื่อนดวยคําหยาบคายเสมอเมื่อโกรธเพื่อน
อทินนาทาน ขอ 2 4. ทับทิมพูดจาแดกดันเพื่อนรวมงานเรื่องการแตงกายเสมอ
กาเมสุมิจฉาจาร ขอ 3 วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. ปสุณวาจา หมายถึง การพูดสอเสียด
มุสาวาท ปสุณวาจา ผรุสวาจา สัมผัปปลาปะ ขอ 4 พูดเหน็บแหนม พูดจาแดกดัน พูดจากระทบกระเทียบ จัดเปนกรรมชั่ว
ทางวาจาอยางหนึ่ง ดังนั้น การที่ทับทิมพูดจาแดกดันเพื่อนรวมงานเรื่อง
การแตงกายเสมอ จึงถือวาเปนปสุณวาจา
ขอ 1. ถือเปนอทินนาทาน คือ การลักทรัพยผูอื่น
มุม IT ขอ 2. ถือเปนมิจฉาทิฏฐิ คือ ความเห็นผิดจากทํานองคลองธรรม
ขอ 4. ถือเปนผรุสวาจา คือ การพูดคําหยาบ
ศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับอกุศลกรรมบถ 10 ไดที่
http://www.buddhism-online.org เว็บไซตมูลนิธิเผยแผพระสัทธรรม
72 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนกั เรียนแสดงความคิดเห็นวา การดืม่ สุรา
(๓) ผรุสวาจา คือ พูดค�าหยาบ การพูดหยาบก่อให้เกิดความแตกร้าว ท�าให้ และของมึนเมามีผลกระทบตอตนเองและสังคม
เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ อยางไร
(๔) สัมผัปปลาปะ คือ พูดเพ้อเจ้อ ไม่มีแก่นสาร ไม่มีประโยชน์แก่ใคร (แนวตอบ การดื่มสุราและของมึนเมา ทําให
ไม่ว่าตนเองหรือผู้อื่น ขาดสติในการกระทําสิ่งตางๆ อาจนํามาซึ่ง
๒.๓) กรรมชั่วทางใจ มี ๓ ประการ ดังนี้ การทะเลาะวิวาท สรางความเดือดรอนใหกับ
(๑) อภิชฌา คือ คิดเพ่งเล็งอยากได้ของเขา โดยไม่นึกว่าของใครใคร ผูอื่น เปนบอเกิดของโรคราย ทําใหสุขภาพ
ก็หวง แม้ยังมิได้ลงมือขโมยแต่ก็ท�าให้จิตใจเสื่อม ไม่คิดที่จะขยันขันแข็งเพื่อหามาด้วยตนเอง เสื่อมโทรม อาจถึงแกความตาย ทั้งนี้การดื่ม
(๒) พยาบาท คือ คิดร้ายผู้อื่น อยากให้ผู้อื่นเจ็บปวด เสียหาย ประสงค์ร้าย สุราและของมึนเมายังสงผลกระทบตอสังคม
ความคิดร้ายนี้จะบั่นทอนความสามารถและความดีของตนเอง คือ เปนสาเหตุของการกอคดีอาชญากรรม
(๓) มิจฉาทิฏฐิ คือ เห็นผิดจากคลองธรรม เช่น ไม่เชื่อว่าท�าดีได้ดี ท�าชั่ว ประเภทตางๆ ทําใหประเทศตองสูญเสีย
ได้ชั่ว เป็นต้น งบประมาณในการดูแลรักษาสุขภาพประชากร)
2. ครูตั้งสถานการณใหนักเรียนชวยกันหาทาง
๓) อบายมุข ๖ คือ ทางแห่งความเสื่อม เป็นสิ่งที่เราควรละ มี ๖ ประการ ดังนี้
แกปญหา เชน
๓.๑) ติดสุราและของมึนเมา การติดสุราและของมึนเมามีโทษ ดังนี้
• ถาหากเพื่อนของนักเรียนชวนใหทดลอง
๑. ท�าให้เสียทรัพย์
ดื่มสุรา นักเรียนจะมีวิธีปฏิเสธอยางไร
๒. ท�าให้เกิดการทะเลาะวิวาท คนเมาสุรามักจะทะเลาะกัน ตีกัน และ
(แนวตอบ อาจบอกเพื่อนวา ชอบดื่ม
บางครั้งถึงกับฆ่ากัน คนบางคนเวลาไม่เมามีความประพฤติเรียบร้อย แต่พอดื่มสุราเข้าไปแล้ว
นํ้าเปลาหรือนํ้าผลไมมากกวา หลังจากนั้น
ต้องหาเรื่องทะเลาะกับคนอื่นเกือบทุกครั้ง
หาโอกาสบอกเพื่อนวา การดื่มสุราเปนสิ่ง
๓. เป็นบ่อเกิดแห่งโรค สุราและสิง่ เสพติดทุกอย่างท�าให้เสียสุขภาพบัน่ ทอน
ไมดี ทําใหเสียสุขภาพ สิ้นเปลืองเงินทอง)
ก�าลังกาย หากเสพไปนานๆ อาจท�าให้ถงึ แก่ความตายได้ หรือถ้าไม่ตายก็ไม่มกี า� ลังในการประกอบ
• ถาคนใกลตัว เชน ญาติพี่นองหรือเพื่อน
อาชีพหน้าที่การงานต่างๆ
ติดสุราอยางหนัก นักเรียนจะมีวิธีแนะนําให
๔. ท�าให้เสียเกียรติยศและชื่อเสียง คนเมาสุราอยู่เสมอ คนติดยาเสพติด
บุคคลเหลานั้นเลิกดื่มสุราอยางไร
ย่อมไม่มีใครเชื่อ ไม่มีใครยอมรับนับถือ ไว้วางใจ ไม่มีใครอยากคบค้าสมาคม หรือไม่มีใครอยาก
(แนวตอบ พูดคุยกับบุคคลเหลานั้นอยางตรง
ให้ท�างานด้วย เพราะคนเช่นนี้ ถ้าไม่มีเงินซื้อสุราหรือยาเสพติดก็อาจจะกระท� าในสิ่งที่ชั่วร้าย
ไปตรงมา โดยแสดงถึงความหวงใยและ
ต่างๆ ได้ง่าย
ความปรารถนาดี อาจพยายามชวนคุยถึง
๕. ท�าให้ไม่รู้จักอาย คนเมาสุราจะกระท�าสิ่งต่างๆ โดยขาดสติ เพราะ
ปญหาชีวิตตางๆ เชน สภาพจิตใจ
ถูกฤทธิ์แอลกอฮอล์ครอบง�า บางคนเมื่อหายเมาแล้วก็ยังไม่รู้ว่าตอนที่เมาอยู่นั้นตนได้ท�าอะไร
ซึมเศรา การเรียนหรือการงานแยลง สุขภาพ
ลงไปบ้าง ดังนั้น คนที่เมาสุราอยู่เป็นนิจ จึงไม่มีใครอยากเกี่ยวข้องคบค้าสมาคมด้วย
เสือ่ มโทรม เปนตน แลวโยงวาปญหาเหลานี้
๖. บั่นทอนก�าลังสติปัญญา สุราและยาเสพติดไม่เพียงแต่บั่นทอนก�าลังกาย
ลวนมีสาเหตุมาจากการดื่มสุราหรือของ
เท่านั้น แต่ยังท�าให้สติปัญญาเสื่อม ความจ�าไม่ดี หลงลืมง่าย ความคิดและการตัดสินใจเชื่องช้า
มึนเมา โดยชี้ใหเห็นถึงผลกระทบที่มีตอ
ลงเรื่อยๆ จนในที่สุดมีสภาพเหมือนกับคนที่ตายทั้งเป็น
บุคคลและสังคมในวงกวาง เพื่อใหตระหนัก
73 ถึงโทษของการดื่มสุรา แลวจึงแนะนํา
กิจกรรมดีๆ ที่มีประโยชนใหปฏิบัติ)
บูรณาการเชื่อมสาระ
ครูสามารถนําเนื้อเรื่องสุราและของมึนเมา ไปบูรณาการเชื่อมโยงกับ เกร็ดแนะครู
กลุมสาระการเรียนรูสุขศึกษาและพลศึกษา วิชาสุขศึกษา เรื่องสารเสพติด
ครูอาจแนะนําใหนกั เรียนสรางสรรคกจิ กรรมทีร่ ณรงคการงดดืม่ สุรา การเผยแพร
โดยครูอธิบายถึงผลรายของสุราที่มีตอรางกาย ดังนี้
ความรูเกี่ยวกับโทษ การบําบัดรักษา และวิธีการเลิกดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล
• ผลรายตอระบบประสาทสวนกลาง จะไปกดประสาทสวนกลาง ทําให
เพื่อใหคนในสังคมตระหนักถึงพิษภัยของสุราและของมึนเมา
ขาดความยับยั้งชั่งใจ ขาดสติ ขาดประสิทธิภาพในการทําสิ่งตางๆ มีอาการ
หูอื้อ ตาลาย เสียการทรงตัว มีบุคลิกภาพเปลี่ยนแปลงไป และอาจถึงกับ
หมดสติไปได
• ผลรายตอระบบหัวใจและหลอดเลือด ทําใหหัวใจเตนเร็ว ความดัน
มุม IT
เลือดสูง หลอดเลือดขยายตัว ทําใหผูดื่มมีใบหนาแดง หูแดง มีเลือดไปเลี้ยง ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความรูทั่วไปของเครื่องดื่มแอลกอฮอล ไดที่
สมองมาก ทําใหสมองบวม มีอาการปวดศีรษะ http://www.thaiantialcohol.com เว็บไซตสํานักงานคณะกรรมการควบคุม
• ผลรายตอระบบทางเดินอาหาร ผูติดสุรามักเปนโรคกระเพาะอาหาร เครื่องดื่มแอลกอฮอล
อักเสบเปนแผล ลําไสอักเสบเรื้อรัง และอาจทําใหเกิดมะเร็งที่หลอดอาหารได
• ผลรายตอตับ ทําใหเปนโรคตับแข็ง ตับมีเลือดมาคั่งมาก ทําใหผูปวย
ทองบวมนํ้า มีอาการตัวเหลืองและตาเหลืองได
• ผลรายตอทางจิตใจ เมื่อไมไดดื่มจะมีความกระวนกระวาย ฉุนเฉียว
และถาดื่มมากๆ จะมีอาการประสาทหลอนได
คูมือครู 73
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูสนทนากับนักเรียนเกีย่ วกับอุบตั เิ หตุเพลิงไหม
ที่ “ซานติกาผับ” หลังจากนั้นครูตั้งคําถามให ๓.๒) ชอบเทีย่ วกลางคืน สมัยก่อนการเทีย่ วกลางคืน หมายถึง การไปดูภาพยนตร์
นักเรียนชวยกันตอบ เชน ดูละคร ไปเต้นร�า ปัจจุบันในเมืองใหญ่ๆ มีที่เที่ยวมากมาย เช่น สถานอาบอบนวด บาร์ คาเฟ
• การเที่ยวกลางคืนเปนประจํา สงผลกระทบ ไนท์คลับ ผับ และอื่นๆ มากมาย การเที่ยวกลางคืนมีโทษ ดังนี้
ตอตนเองและสังคมอยางไร
(แนวตอบ ทําใหสิ้นเปลืองเงินทองโดยไมได โทษของการเทีย่ วกลางคืน
ประโยชนอันใด ทําใหสุขภาพรางกาย ๑. เป็นการไม่รักตัว คนที่ชอบเที่ยวมากย่อมท�าให้ร่างกายและจิตใจไม่ปกติ ไม่อาจประกอบหน้าที่
เสื่อมโทรม นอนพักผอนไมเพียงพอ เกิดโรค การงานได้ตามปกติ และต้องเสียเงินรักษาตัวโดยไม่จ�าเป็น
แทรกซอนตางๆ ไดงาย ทั้งนี้การเปนคนชอบ ๒. เป็นการไม่รักลูกเมียหรือครอบครัว การไปเที่ยวบ่อยๆ ท�าให้ครอบครัวขาดความอบอุ่น ซึ่งอาจเกิด
เที่ยวกลางคืนเปนประจํานั้น ยังสงผลใหผูอื่น ปัญหาต่างๆ ได้
มองภาพลักษณของตัวเราไปในทางไมดี เชน ๓. เป็นการไม่รักษาทรัพย์สมบัติ การเที่ยวเตร่เป็นการจ่ายเงินโดยไม่ได้รับประโยชน์อะไร ทรัพย์สิน
มีแต่จะหมดไป อาจมีปัญหาแทรกซ้อนได้
เปนที่ระแวงสงสัยของผูอื่น ผูอื่นจะคิดวาเรา
๔. เป็นที่ระแวงสงสัยของผู้อื่น ข้อนี้เห็นชัด คนที่เที่ยวกลางคืนเป็นประจ�าผู้คนย่อมไม่ค่อยจะไว้ใจ ท�าให้
เปนคนเหลวไหล ขาดความรับผิดชอบ
ส่งผลกระทบไปถึงการท�างานไม่ว่าจะเป็นงานราชการหรือธุรกิจเอกชน หัวหน้าจะไม่ไว้ใจ ลูกน้องจะ
เปนตน) ไม่เลื่อมใส
2. ครูใหนักเรียนแสดงความคิดเห็นวา ถานักเรียน ๕. เป็นเปาให้เขาใส่ความ ท�าอะไรผิดเล็กน้อยคนก็จะหาว่าเพราะเที่ยวมากจึงเป็นอย่างนี้ ทั้งๆ ที่อาจมิใช่
ไมไปเที่ยวกลางคืน นักเรียนจะเลือกทําสิ่งใด ก็ได้
เพื่อสรางประโยชนและคุณคาใหแกตนเอง ๖. เป็นทีม่ าของความเดือดร้อนนานาชนิด เมือ่ เทีย่ วจนหมดเงิน อาจคิดการทุจริต อาจมีอารมณ์เสียบ่อยๆ
(แนวตอบ เชน อยูกับครอบครัวที่บาน เลือกดู อาจท�าให้ครอบครัวเกิดความแตกแยก
รายการโทรทัศนที่เปนประโยชน อานหนังสือ
ที่ใหความรูและความบันเทิง เพื่อเสริมสราง
สติปญญาใหเกิดความรอบรู พัฒนาตนใหมี
ความรูความสามารถที่ดียิ่งขึ้น เปนตน)
74
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
ครูอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนเขาใจวา ตามพระราชบัญญัติสถานบริการ ครูมอบหมายใหนักเรียนไปคนควาหาขาวจากหนังสือพิมพ โทรทัศน
(ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2560 กําหนดไววา ผูที่จะเขาไปใชบริการสถานบริการไดนั้น หรืออินเทอรเน็ต เกี่ยวกับโทษของการเที่ยวกลางคืน เชน เกิดการทะเลาะ
จะตองมีอยูไมตํ่ากวา 20 ปบริบูรณ แตในความเปนจริงแลว ไมวาจะอายุเทาใด วิวาท เกิดคดีอาชญากรรม เปนตน แลวเขียนสรุปเหตุการณที่เกิดขึ้นในขาว
ก็ควรหลีกเลี่ยงการไปเที่ยวเตรในสถานที่อโคจรเชนนั้น เพราะสมเด็จพระสัมมา- พรอมทั้งวิเคราะหวามีผลเสียตอชีวิตและทรัพยสินอยางไร จากนั้นนํามาเลา
สัมพุทธเจาทรงสั่งสอนแลววาการเทีี่ยวกลางคืนมีโทษมากมาย พุทธศาสนิกชนที่ดี ใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน
จึงควรนอมนําคําสั่งสอนของพระองคมาประพฤติปฏิบัติ เพื่อใหเกิดความสุขและ
ความกาวหนาในชีวิต
กิจกรรมทาทาย
ครูมอบหมายใหนักเรียนไปศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับโทษของการ
ชอบเที่ยวกลางคืน จากนั้นใหนําขอมูลที่ไดแตงเปนเรื่องสั้นหรือนิทานที่ให
ขอคิดเตือนใจ แลวออกมานําเสนอหนาชั้นเรียน
74 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
1. ครูนําภาพการละเลน เชน ภาพฟอนรํา
1 ภาพคอนเสิรต ภาพการแสดงละครเวที
๓.๓) ชอบเที่ยวดูการละเล่น การละเล่นมีความหมาย ดังต่อไปนี้
๑. มีร�าที่ไหนไปที่นั่น เปนตน มาใหนักเรียนอภิปรายถึงประโยชน
๒. มีขับร้องที่ไหนไปที่นั่น ที่ไดรับจากดูการละเลนดังกลาว
๓. มีดนตรีที่ไหนไปที่นั่น 2. ใหนักเรียนวิเคราะหวา การชอบเที่ยวดูการ
๔. มีเสภาที่ไหนไปที่นั่น ละเลนตางๆ มากจนเกินไปนั้น สงผลกระทบ
๕. มีเพลงที่ไหนไปที่นั่น ตอตนเองอยางไร
๖. มีเถิดเทิงที่ไหนไปที่นั่น (แนวตอบ การเที่ยวดูการละเลนตางๆ มากจน
ในการชอบเที่ยวดูการละเล่นนี้ เกินไปหรือมีใจจดจออยูแตเรื่องเดียวนั้น จะ
มีโทษ คือ ถ้าเทีย่ วมากเกินไป ท�าให้ใจไปจดจ่อ ทําใหละเลยในการกระทําสิ่งอื่นๆ ที่เปนหนาที่
อยูก่ บั สิง่ เหล่านี้ ไม่เป็นอันท�ามาหากิน เสียทัง้ เวลา หรือการทํางานหลัก ทําใหขาดความนาเชื่อถือ
เสียทั้งเงิน ท�าให้คนเชื่อถือน้อยลง ถูกมองว่า และถูกมองวาเปนคนไมเอาการเอางาน)
เป็นคนไม่เอาการเอางาน 3. ครูใหนักเรียนวิเคราะหสาเหตุที่ทําใหบางคน
๓.๔) ติดการพนัน มีโทษ ดังนี้ ติดการพนันจนยอมเสียทรัพยสินเปนจํานวน
๑. เมื่อชนะย่อมก่อเวร ในการเที่ยวชมการละเล่นต่างๆ หากพิจารณาเลือกชมได้ มาก ตลอดจนบอกถึงโทษของการติดพนัน
คือ เมื่อเล่นได้ก็ย่อมมีคนอยากแก้มือเรียกร้อง เหมาะสมกั บวัยและเวลา จะช่วยสร้างความบันเทิงใจให้ (แนวตอบ สาเหตุที่ทําใหบางคนเลนการพนันจน
กับผู้ชม
ให้เล่นอีก เสียทรัพยสินเปนจํานวนมาก มาจากความโลภ
๒. เมื่อแพ้ย่อมเสียดายทรัพย์ คือ เมื่อเล่นเสีย จิตใจก็บังเกิดความเสียดาย ภายในใจ ปราศจากการคิดดวยเหตุและผล
ต้องการเล่นต่อไปอีก การพนันทุกชนิดท�าให้คนลุม่ หลง เมือ่ ลองเล่นแล้ว ก็มกั หยุดไม่ได้ หนักเข้า จึงทําใหความโลภบังคับจิตใหยอมทําทุกสิ่ง
ก็ไม่เป็นอันท�างานหรือศึกษาเล่าเรียน เพื่อใหไดผลตอบแทนกลับมา สงผลใหเกิด
๓. ทรัพย์สนิ ย่อมเสียหาย ไม่เคยปรากฏว่ามีคนร�า่ รวย หรือมีฐานะดีได้ดว้ ย ความทุกข สรางความเดือดรอนใหแกตนเอง
การพนัน เพราะถึงแม้จะเล่นชนะ เงินที่ได้มานั้นก็มักเก็บไว้ได้ไม่นาน ต้องใช้จ่ายจนหมด และครอบครัวในภายหลัง)
๔. ไม่มีใครเชื่อถือ ผู้ที่เป็นนักเลงการพนัน ผู้อื่นย่อมขาดความเชื่อถือใน
ถ้อยค�า มักถูกมองว่าเป็นคนหลอกลวง ขยายความเขาใจ Expand
๕. เพื่อนฝูงดูหมิ่น ไม่อยากคบค้าสมาคม เพราะกลัวจะเสียชื่อตามไปด้วย ใหนักเรียนชวยกันเขียนผังความคิดแสดงถึง
๖. ไม่มใี ครอยากได้เป็นคูค่ รองเพราะกลัวชีวติ ครอบครัวไม่ราบรืน่ เนือ่ งจาก การเชื่อมโยงวาการคบคนชั่วเปนมิตรจะนําไปสู
นักเลงการพนันอาจจะละทิ้งครอบครัวได้ ถ้าหากติดการพนันมากๆ พฤติกรรมการติดการพนัน ชอบเที่ยวดูการละเลน
๓.๕) คบคนชั่วเป็นมิตร คนเราเมื่ออยู่ใกล้ชิดกับใคร ก็มีโอกาสที่จะมีพฤติกรรม ชอบเที่ยวกลางคืน และติดสุราและของมึนเมา
เช่นเดียวกับเขา เปรียบเหมือนดั่งว่าถ้าเราอยู่ใกล้ของหอมเราก็หอมไปด้วย และถ้าอยู่ใกล้ของ พรอมอธิบายโดยสรุปใตผัง แลวสงครูผูสอน
เหม็นเราก็ย่อมเหม็นตามไปด้วย ดังนั้น ในการคบค้าผู้ใดเป็นมิตร นักเรียนจึงต้องระมัดระวังให้ดี
โดยพยายามหลีกเลี่ยงไม่คบคนชั่ว ๖ ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้ ตรวจสอบผล Evaluate
75 1. ตรวจสอบจากความถูกตองในการตอบคําถาม
และการอภิปราย
2. ตรวจสอบจากความถูกตองของผังความคิด
บูรณาการเชื่อมสาระ
ครูสามารถนําเนื้อหาเรื่องการคบคนชั่วเปนมิตร คบนักเลงสุรายาเสพติด เกร็ดแนะครู
ไปบูรณาการเชื่อมโยงกับกลุมสาระการเรียนรูสุขศึกษาและพลศึกษา
ครูแนะนําและอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนเขาใจวา อบายมุข 6 ที่นําไปสู
วิชาสุขศึกษา เรื่องการชวยเหลือฟนฟูผูติดสารเสพติด โดยใหนักเรียนศึกษา
อบายมุขขออื่นไดทั้งหมด คือ การคบคนชั่วเปนมิตร นักเรียนจึงตองระมัดระวัง
คนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับโทษของสารเสพติดประเภทตางๆ ตลอดจนการ
ในการคบเพื่อน เพราะเมื่อเราอยูใกลชิดใคร ก็มีโอกาสที่จะเลียนแบบพฤติกรรม
ปองกันและชวยเหลือผูติดสารเสพติด แลวนําขอมูลที่ไดมาอภิปรายรวมกัน
ของเขา ถาเราคบเพื่อนที่มีพฤติกรรมไมดี เชน ติดสุรา เขาอาจจะชักชวนใหเรา
ในชั้นเรียน
ดื่มสุราดวย หรือติดการพนัน เขาอาจจะชักชวนเราไปเลนการพนันดวย เปนตน
นักเรียนควรรู
1 การละเลน วัตถุประสงคในคําสอนนี้ ถาเขาไปดูเพื่อความบันเทิง
เพื่อผอนคลายเปนครั้งคราว ไมถือวาเปนโทษแตถือวาเปนนันทนาการอยางหนึ่ง
โดยนัยนี้ตองการสอนศาสนิกชนมิใหมีความหมกมุนมากเกินไป เพราะจะมี
ผลกระทบอยางอื่นตามมา
คูมือครู 75
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูใหนักเรียนยกตัวอยางเหตุการณในชีวิต
ประจําวันที่ทําใหนักเรียนรูสึกมีความสุข ๑. นักเลงการพนัน
๒. นักเลงเจ้าชู้ 1
สํารวจคนหา Explore ๓. นักเลงสุรายาเสพติด
๔. นักลวงเขาด้วยของปลอม
ครูใหนักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับหลักธรรม ๕. นักหลอกลวง
นิโรธ (ธรรมที่ควรบรรลุ) จากหนังสือเรียนหนา ๖. นักเลงหัวไม้
76-78 หรือจากแหลงการเรียนรูตางๆ เชน หนังสือ ๓.๖) เกียจคร้านการงาน คนเกียจคร้านการงานนั้น มักจะยกเหตุผลต่างๆ นานา
ธรรมะ หองสมุด เปนตน มาอ้างว่ายังท�างานไม่ได้ เช่น อ้างว่าหนาวนัก ร้อนนัก เย็นไปแล้ว ยังเช้านัก หิวนัก อิ่มนัก
ความเกียจคร้านมีโทษอย่างไร แทบไม่ต้องพูดถึง ทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่เป็น
อธิบายความรู Explain ประโยชน์และสิ่งดีงามทั้งหลายย่อมไม่เกิดจากความเกียจคร้าน เรียนหนังสือก็สู้เขาไม่ได้
ท�ามาหากินก็สเู้ ขาไม่ได้ ได้แต่หาเหตุผลมาช่วยให้สบายใจขึน้ ซึง่ จริงๆ แล้วไม่ชา้ ก็ทราบว่าแทนที่
ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับความหมาย
จะสบายใจกลับเป็นทุกข์ใจมากขึ้น
ของพุทธดํารัสที่วา “เมื่อสิ่งนี้ไมมี สิ่งนั้นไมมี
เพราะสิง่ นีด้ บั สิง่ นัน้ ก็ดบั ” จากนัน้ ใหนกั เรียนชวยกัน คุณประโยชน์ของการละเว้นอบายมุข
บอกวา ทุกครั้งที่นักเรียนรูสึกไมสบายใจ มีความ ผู้ที่ละเว้นจากอบายมุข ๖ ย่อมได้รับคุณประโยชน์ ดังนี้
ทุกขใจ นักเรียนมีวิธีแกปญหาอยางไร ๑. ไม่เสียทรัพย์ไปโดยเปล่าประโยชน์
(แนวตอบ เมื่อความทุกขเกิดจากสาเหตุใด ก็ตอง ๒. ไม่หมกมุ่นในสิ่งที่หาสาระมิได้
ดับสาเหตุแหงทุกขนั้น ดังนั้น เมื่อเกิดความรูสึก ๓. ประกอบหน้าที่การงานได้เต็มที่
ไมสบายใจหรือทุกขใจ ควรหาสาเหตุแหงความทุกขใจ ๔. ชีวิตไม่ตกต�่า
เหลานั้น ซึ่งจะทําใหมองเห็นวิธีการดับทุกข ๕. เป็นที่รักใคร่และไว้วางใจของผู้อื่น
เพื่อพนจากความทุกขทั้งปวงได) ๖. มีพลานามัยสมบูรณ์ และสติปัญญาไม่เสื่อมถอย
๗. สามารถประกอบหน้าที่การงานได้ด้วยความสุจริต
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
บุคคลผูละเวนจากอบายมุข 6 จะเกิดผลดีตอตนเองและสังคมอยางไร
1 ยาเสพติด คือ สารใดก็ตามทีเ่ กิดขึน้ ตามธรรมชาติหรือสารทีส่ งั เคราะหขนึ้ เมีอ่
นําเขาสูรางกาย ไมวาจะโดยวิธีรับประทาน ดม สูบ ฉีด หรือดวยวิธีการใดๆ แลว แนวตอบ การละเวนจากการติดสุรา เที่ยวกลางคืน เที่ยวดูการละเลน
ทําใหเกิดผลตอรางกายและจิตใจ นอกจากนี้ ยังจะทําใหเกิดการเสพติดได หากใช ติดการพนัน คบคนชั่วเปนมิตร และเกียจครานการงาน ยอมเกิดผลดีตอ
สารนั้นเปนประจําทุกวันหรือวันละหลายๆ ครั้ง ซึ่งลักษณะสําคัญของสารเสพติด ตนเองและสังคม คือ ทําใหบุคคลนั้นมีสุขภาพกาย สุขภาพใจที่แข็งแรง
จะทําใหเกิดผลตอผูเสพ ดังนี้ สมบูรณ มีสติปญญาพรอมที่จะทํางานตางๆ ไดอยางมีประสิทธิภาพ เปน
1. เกิดอาการดื้อยาหรือตานยา และเมื่อติดแลว จะตองการใชสารนั้น ที่รักใครและไววางใจของผูอื่น ดําเนินชีวิตไปในทางที่ดีงาม ถูกตอง ไมเสีย
ในปริมาณมากขึ้น ทรัพยไปกับสิ่งที่ไรประโยชน รูจักแยกแยะสิ่งใดดีสิ่งใดชั่ว อันจะสงผลให
2. เกิดอาการขาดยา ถอนยา หรืออยากยา เมื่อใชสารนั้นเทาเดิม ลดลง ชีวิตประสบความสําเร็จ ทั้งนี้ยังสงผลดีตอสังคม ทําใหสังคมขับเคลื่อนไปใน
หรือหยุดใช ทางที่ดี พัฒนาไปสูความกาวหนาไดอยางรวดเร็ว เนื่องจากมีประชากรที่มี
3. มีความตองการเสพทั้งทางรางกายและจิตใจอยางรุนแรงตลอดเวลา คุณภาพ
4. สุขภาพรางกายทรุดโทรมลง เกิดโทษตอตนเอง ครอบครัว ผูอื่น ตลอดจน
สังคมและประเทศชาติ
76 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนอภิปรายถึงประเภทของความสุข
การแบ่งประเภทความสุขนั้น แบ่งได้หลายวิธี วิธีหนึ่งที่เข้าใจได้ง่าย คือ แบ่งเป็น พรอมยกตัวอยางเหตุการณประกอบการ
สามิสสุข กับนิรามิสสุข อภิปราย
2. ครูใหนักเรียนเปรียบเทียบขอดีขอเสียระหวาง
๑) สามิสสุข คือ ความสุขทางวัตถุหรือความสุขทางเนือ้ หนัง บางทีเรียกว่า “กามสุข”
ความสุขทางกายกับความสุขทางใจ
เป็นความสุขที่ประสาทสัมผัสทั้ง ๕ (ตา หู จมูก ลิ้น กาย) ได้เสพเสวยสิ่งที่ท�าให้เกิดความพอใจ
(แนวตอบ ความสุขทางกายหรือสามิสสุข
เช่น ได้กินอาหารอร่อยๆ เห็นภาพสวยๆ ได้อยู่ในที่ไม่ร้อนไม่หนาวเกินไป ได้ฟังเสียงอ่อนนุ่ม
เปนความสุขที่เกิดจากความแข็งแรงสมบูรณ
ไพเราะ เป็นต้น
ทางกาย การมีทรัพยสินเงินทอง มีอาชีพ
การเสพสามิสสุขเป็นของธรรมดาส�าหรับคนทั่วไป พระพุทธศาสนาสอนเรื่อง “คิหิสุข”
การงานที่ดี ทําใหสามารถใชชีวิตไดอยางสุข
คือ ความสุขของชาวบ้าน อันได้แก่
สบาย แตสิ่งเหลานี้ลวนเปนความสุขชั่วคราว
๑. ความสุขที่เกิดจากการมีทรัพย์ เรียกว่า อัตถิสุข
แมวามีเงินทองมากมาย แตวันหนึ่งก็ตอง
๒. ความสุขที่เกิดจากการใช้จ่ายทรัพย์ เรียกว่า โภคสุข
หมดไป รางกายที่เคยแข็งแรงก็เสื่อมโทรมลง
๓. ความสุขที่เกิดจากการไม่มีหนี้สิน เรียกว่า อนณสุข
กอใหเกิดความทุกขในที่สุด สําหรับความสุข
๔. ความสุขที่เกิดจากการประพฤติในสิ่งที่สุจริต เรียกว่า อนวัชชสุข
ทางใจหรือนิรามิสสุข เปนความสุขที่เกิดจาก
สามิสสุขหรือความสุขทางกายขึ้นอยู่กับวัตถุภายนอก 1 ผู้หมกมุ่นมัวเมาก็จะกลาย จิตใจที่สงบ ไมคิดฟุงซาน ไมคิดรายตอผูอื่น
เป็นทาสของวัตถุ ครุ่นคิดและกระวนกระวายในเรื่องกามคุณ ๕ ตลอดเวลา การเสพความสุข
ซึ่งแมวาจะเปนความสุขที่ไมสามารถจับตองได
ประเภทนี้ควรจะมีสติ คือ ต้องรับว่าเป็นความสุขที่ไม่แน่นอน ความทุกข์อาจเกิดได้เสมอ เพราะ
แตเปนความสุขที่มั่นคงถาวร สรางความสุข
เป็นความสุขที่ขึ้นอยู่กับวัตถุภายนอกโดยสิ้นเชิง
ในระยะยาวใหกับชีวิต)
๒) นิ ร ามิ ส สุ ข คือ ความสุขที่
ไม่อิงวัตถุภายนอก อาจเรียกได้ง่ายๆ ว่าเป็น ขยายความเขาใจ Expand
ความสุขทางใจ ความสุขประเภทนี้มีตั้งแต่2
ขั้ น ต�่ า สุ ด ไปจนถึ ง ขั้ น สู ง สุ ด คื อ นิ พ พาน ครูใหนักเรียนเขียนเรียงความเรื่องความสุข
รายละเอียดจะไม่กล่าว ณ ที่นี้ จะกล่าวเพียง ทางใจในกระแสวัตถุนิยมของสังคมไทย
ระดับต้นๆ คือ เป็นความสุขทางใจในระดับ
ชาวบ้าน ความสุขแบบนี้ เช่น การได้รับความ ตรวจสอบผล Evaluate
อบอุ่นจากพ่อแม่ ไม่มีศัตรู ไม่มีผู้เกลียดชัง
1. ตรวจสอบจากความถูกตองในการ
มีแต่ผู้ให้ความรักใคร่ นับถือยกย่องสรรเสริญ
ตอบคําถามและการอภิปราย
ขั้นสูงขึ้นก็เช่น การที่มีจิตใจสงบ ไม่คิดร้าย
2. ตรวจสอบจากการแสดงความคิดเห็น
ต่อใคร ไม่คิดฟุ้งซ่าน ที่สูงขึ้นอีกก็เช่น เกิด
ที่สมเหตุสมผลในการเขียนเรียงความ
ความอิม่ ใจทีไ่ ด้เสียสละ ท�าประโยชน์ตอ่ ส่วนรวม การได้รับประทานอาหารอร่อยๆ จัดเป็นสามิสสุข หรือ
เรื่องความสุขทางใจในกระแสวัตถุนิยมของ
โดยไม่หวังอะไรตอบแทน จิตใจสงบผ่องแผ้ว ความสุขทางวัตถุ ซึ่งเป็นความสุขที่ไม่แน่นอน
สังคมไทย
ที่ได้ยกโทษให้แก่ผู้คิดร้ายต่อเรา
77
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
บุคคลใดตอไปนี้ มีพฤติกรรมในการดําเนินชีวิตแบบเสพนิรามิสสุข
1 กามคุณ 5 คือ สวนที่นาปรารถนานาใคร มี 5 อยาง ไดแก รูป รส กลิ่น เสียง
1. จินดาชอบสวมใสเสื้อผาที่ทันสมัยอยูเสมอ
และโผฏฐัพพะ (สัมผัสทางกาย) ที่นาใคร นาพอใจ
2. ตนกลาชอบเดินทางทองเที่ยวในประเทศไทย
3. ดํารงชอบรับประทานอาหารในรานอาหารที่มีชื่อเสียง 2 นิพพาน คือ ความดับกิเลสและทุกขโดยสิ้นเชิง เปนจุดมุงหมายสูงสุดใน
4. ลัดดาชอบทํากิจกรรมที่เปนประโยชนตอสังคมโดยไมหวังผลตอบแทน พระพุทธศาสนา เปนความสุขที่เกิดจากการละกิเลส นิพพานเปนภาวะจิตที่
บริสุทธิ์หมดจด เปนปจจัตตัง คือ รูไดเฉพาะผูมีประสบการณเทานั้น อยูเหนือระบบ
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. นิรามิสสุขเปนความสุขทางใจที่ไมอิงวัตถุ ความคิดและประสบการณของสามัญชน เปนโลกุตรธรรม คือ เหนือโลกเหนือวิสัย
ภายนอก อันเกิดจากการมีจิตใจที่สงบ ไมคิดรายตอผูอื่น ตลอดจนรูจัก แหงโลกปุถุชน พระอรหันตจึงไมอธิบายพระนิพพานใหแกปุถุชน นิพพาน
เสียสละความสุขสวนตัว เพื่อทําประโยชนใหแกสวนรวมโดยไมหวังผล มี 2 ประเภท ไดแก
ตอบแทน 1. สอุปาทิเสสนิพพาน คือ นิพพานทีด่ บั กิเลสไดโดยสิน้ เชิง เหลือแตเบญจขันธอยู
เชน เมื่อตอนพระพุทธองคทรงบรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเปน
พระสัมมาสัมพุทธเจาแลว ยังดํารงเบญจขันธอยูและไดสั่งสอนโปรด
เวไนยสัตวตอมาอีก 45 ป
2. อนุปาทิเสสนิพพาน คือ นิพพานซึ่งดับทั้งกิเลสและเบญจขันธ เชน
การปรินิพพานของพระพุทธเจา เปนตน
คูมือครู 77
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูถามนักเรียนวา ในเวลาที่เกิดความทุกขใจ
มีวิธีหรือแนวทางในการแกปญหาดังกลาวอยางไร ความสุขประเภทนี้ ไมขึ้นอยูกับวัตถุภายนอกหรือขึ้นอยูนอยมาก เปนความสุข
(แนวตอบ เชน ปรึกษาพอแม ครูอาจารย หรือ ทางใจ เราบังคับวัตถุภายนอกไมได บังคับคนอื่นก็ไมได แตบังคับจิตใจของตัวเองได การบังคับ
เพื่อนสนิท นั่งสมาธิ เลนกีฬา เลนดนตรี เปนตน) จิตใจตัวเองมิใชของงาย แตก็เปนไปได เริ่มตนดวยการปฏิบัติตามศีล ๕ และธรรม ๕ แลวก็มา
บําเพ็ญสมาธิ ในระดับตนและสูงขึ้นไปเรื่อยๆ
สํารวจคนหา Explore ปฏิบัติตามมรรคมีองคแปดก็จะไดรับความสุข
ครูใหนักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับหลักธรรม ทางใจสูงขึ้นเรื่อยๆ ความสุขที่พึ่งวัตถุภายนอก
มรรค (ธรรมที่ควรเจริญ) จากหนังสือเรียนหนา ก็จะนอยลงเรือ่ ยๆ เปนตัวของตัวเอง ไมเปนทาส
78-90 หรือจากแหลงการเรียนรูตางๆ ของคานิยมทีฟ่ มุ เฟอย หรือทีเ่ รียกวา วัตถุนยิ ม
1
๒.๔ มรรค (ธรรมทีค่ วรเจริญ)
อธิบายความรู Explain มรรค คือ ความจริงวาดวยทางแหงความ
1. ครูใหนักเรียนอภิปรายวา การนั่งสมาธิเปนการ ดับทุกข ถาใครปฏิบตั ติ ามก็จะลดความทุกขหรือ
ปฏิบัติเพื่อพนจากความทุกขไดจริงหรือไม ปญหาได ณ ที่นี้เราจะพูดถึงหลักธรรมบางขอ
(แนวตอบ การนั่งสมาธิเปนการปฏิบัติเพื่อฝกฝน ทีเ่ ราควรปฏิบตั ิ เพือ่ เปนทางไปสูค วามดับทุกข
จิตใหสงบ เยือกเย็น มีสติสัมปชัญญะในการรูจัก การปฏิบัติธรรม จัดเปนนิรามิสสุขหรือความสุขทางจิตใจ ดังนี้
พิจารณาสิ่งตางๆ ดวยปญญา ผอนคลายความ
ชวยใหจิตใจสงบไมฟุงซาน เปนความสุขที่ถาวร ๑) บุพพนิมติ ของมัชฌิมาปฏิปทา
ทุกขไดในระดับหนึ่ง ดังนั้น จึงกลาวไดวา การ เปนที่ทราบกันดีแลววา พระพุทธศาสนาสอนเรื่องทุกขและวิธีดับทุกข ทางดับทุกขน้นั เรียกวา
นั่งสมาธิเปนวิธีการเบื้องตนในการฝกตนใหรูจัก มรรคมีองคแปด หรือเรียกอีกอยางหนึ�งวา มัชฌิมาปฏิปทา (ทางสายกลาง) บุพพนิมิต แปลวา
ควบคุมจิตใหพนจากความทุกข) สิ�ง ที่เ ป น เครื่อ งหมาย หรื อ สิ�ง บอกล ว งหน า
2. ครูใหนักเรียนอธิบายความหมายของพุทธดํารัส พระพุทธเจาตรัสเปรียบวา “กอนที่ดวงอาทิตย
ที่กลาววา “กอนที่ดวงอาทิตยจะขึ้นยอมมี จะขึ้ น ย อ มมี แ สงเงิ น แสงทองปรากฏให เ ห็ น
แสงเงินแสงทองปรากฏใหเห็นฉันใด ในทํานอง กอนฉันใด ในทํานองเดียวกัน กอนที่อริยมรรค
เดียวกัน กอนที่อริยมรรคหรือมัชฌิมาปฏิปทา หรือมัชฌิมาปฏิปทา ซึ�งเปนขอปฏิบัติสําคัญใน
ซึ่งเปนขอปฏิบัติสําคัญในพระพุทธศาสนาจะ พระพุทธศาสนาจะเกิดขึน้ ก็มธี รรมบางประการ
เกิดขึ้น ก็มีธรรมบางประการปรากฏขึ้นกอน ปรากฏขึ้นกอนเหมือนแสงเงินแสงทองฉันนั้น”
เหมือนแสงเงินแสงทองฉันนั้น” ผูที่ปฏิบัติตามทางน�้ จะไดรับความสงบสุขของ
(แนวตอบ พระพุทธองคตรัสเปรียบเทียบระหวาง ชีวติ ตัง้ แตระดับตนจนถึงระดับสูงสุด เห็นสิง� ตางๆ
บุพพนิมิตของมัชฌิมาปฏิปทากับลักษณะการ ตามความเปนจริง ซึ�งเรียกวา เกิดปญญาขึ้น
ขึ้นของดวงอาทิตย กลาวคือ เมื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง กอนที่จะทําใหเกิดปญญาขึ้นไดนั้น
จะเกิดขึ้น ยอมมีสิ่งที่เปนสัญญาณบอกลวงหนา มีปจ จัย ๒ อยางเปนเครือ่ งชวย คือ กัลยาณมิตร การฝกบริหารจิตชวยใหเรามีสติรูตัวอยูเสมอ และตั้งตน
อยูในความไมประมาท
เสมอ การปฏิบัติเพื่อนําไปสูมัชฌิมาปฏิปทาก็ และโยนิโสมนสิการ
เชนกัน ยอมมีปจจัยที่เปนสัญญาณบอกวากําลัง ๗๘
จะเดินทางไปสูอริยมรรคหรือมัชฌิมาปฏิปทา
นั่นคือ กัลยาณมิตรและโยนิโสมนสิการ)
กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
1 มรรค ทางปฏิบัติใหถึงทางดับทุกข 8 ประการ ดังนี้ ครูมอบหมายใหนักเรียนเขียนบรรยายเหตุการณที่ทําใหนักเรียน
1. สัมมาทิฏฐิ เห็นชอบ 5. สัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีพชอบ มีความสุขแบบนิรามิสสุข พรอมบอกเหตุผลวาเหตุใดจึงรูสึกเชนนั้น
2. สัมมาสังกัปปะ ดําริชอบ 6. สัมมาวายามะ เพียรชอบ ความยาว 1 หนากระดาษ A4 สงครูผูสอน
3. สัมมาวาจา เจรจาชอบ 7. สัมมาสติ ระลึกชอบ
4. สัมมากัมมันตะ กระทําการชอบ 8. สัมมาสมาธิ ตั้งจิตมั่นชอบ
บูรณาการ กิจกรรมทาทาย
เศรษฐกิจพอเพียง
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มุงใหคนดํารงชีวิตอยูบนพื้นฐานของความพอประมาณ ครูมอบหมายใหนักเรียนจัดทําการตูนที่สอนใหเห็นถึงขอเสียของการ
ซึ่งสอดคลองกับคําสอนเรื่องทางสายกลาง หรือมัชฌิมาปฏิปทาของพระพุทธศาสนา บริโภคนิยมหรือคานิยมใชสนิ คาฟมุ เฟอย เชน การเปลีย่ นโทรศัพทเคลือ่ นที่
ครูใหนักเรียนสํารวจตนเองวา ประพฤติตนเกินความพอดีในดานใดบาง บอยๆ พรอมทั้งบอกวิธีแกไขปญหาดังกลาวดวย
และควรจะแกไข หรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอยางไรใหสอดคลองกับทางสายกลาง
โดยใหบันทึกขอมูลลงกระดาษ แลวออกมานําเสนอหนาชั้นเรียน
78 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูและนักเรียนอภิปรายถึงความหมายและ
๑.๑) กัลยาณมิตร พระพุทธองค์ทรงสอนว่า การมีกัลยาณมิตรเป็น “บุพพนิมิต” คุณสมบัติของกัลยาณมิตรรวมกัน จากนั้น
ของมัชฌิมาปฏิปทา คือ เป็นสิ่งที่น�าเราไปสู่มัชฌิมาปฏิปทา การมีกัลยาณมิตรเป็นสัญญาณ ใหนักเรียนจับคูกับเพื่อนสนิท แลวอธิบายวา
ที่บอกว่าเราก�าลังจะเดินทางไปสู่อริยมรรค บางทีเรียกกัลยาณมิตรว่า “ปรโตโฆสะ” แปลว่า เพื่อนของนักเรียนมีคุณสมบัติสอดคลองกับ
เสียงจากผู้อื่น คือ เป็นเสียงหรือค�าพูดที่ดีงาม ถูกต้อง เป็นเสียงจากมิตรที่ดี ช่วยแนะน�าให้เรา กัลยาณมิตรในขอใดบาง
เกิดความคิดเห็นที่ถูกต้อง (สัมมาทิฏฐิ) ความมีกัลยาณมิตรนี้ถือว่าอยู่ในระดับศรัทธา การมี 2. ใหนักเรียนอธิบายวา โยนิโสมนสิการมีความ
กัลยาณมิตรมิได้แปลว่า เราเกิดปัญญา เห็นสัจธรรม แต่แปลว่า เราเกิดศรัทธาทีจ่ ะไปหาสัจธรรม สําคัญตอการปฏิบัติเพื่อนําไปสูทางแหงความ
กัลยาณมิตรจะเป็นผู้แนะน�า สั่งสอน ให้เห็นว่าอะไรถูกอะไรผิด การมีกัลยาณมิตรเป็นจุดเริ่มต้น ดับทุกขหรือมรรคมีองค 8 ไดอยางไร
ของการพัฒนาปัญญาที่จะท�าให้เราเห็นสัจธรรม (แนวตอบ โยนิโสมนสิการ หมายถึง การ
ทําใจโดยอุบายอันแยบคาย หรือการรูจักคิด
คุณสมบัตขิ องกัลยาณมิตร วิเคราะห พิจารณาสิ่งตางๆ อยางมีระบบ
คุณสมบัติของกัลยาณมิตร เรียกว่ากัลยาณมิตรธรรม มีความสําคัญตอการปฏิบัติเพื่อนําไปสูมรรค
มี ๗ ประการ ดังนี้ คือ ทําใหเกิดความรูแจง ขจัดอวิชชา ทําใหจิต
๑. ปิโย น่ารัก เป็นกันเอง เกิดกุศลธรรม สรางพลังใหรูจักคิดในสิ่งที่ดี
๒. ครุ น่าเคารพ อันเปนปจจัยภายในที่เสริมสรางใหนําไปสู
๓. ภาวนีโย น่ายกย่อง หนทางแหงความดับทุกขหรือมรรคมีองค 8)
๔. วัตตา รู้จักชี้แจงให้เข้าใจ
๕. วจนักขโม อดทนที่จะรับฟัง
๖. คัมภีรัญจะ กะถัง กัตตา แถลงเรื่องล�้าลึกได้
๗. โน จัฏฐาเน นิโยชะเย ไม่ชักจูงไปทางเสื่อมเสีย
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
กัลยาณมิตรและโยนิโสมนสิการเปนปจจัยที่มีความสําคัญตอการเรียน
ครูแนะนําใหนักเรียนนําความรูจากการศึกษาเรื่องการคิดแบบโยนิโสมนสิการ
อยางไร
ไปเปนพื้นฐานในการพัฒนาการเรียนโดยใชกระบวนการคิดอยางถูกวิธี และการ
แนวตอบ กัลยาณมิตร หมายถึง การคบเพื่อนที่ดี ดํารงตนอยูในศีลธรรม ใชชีวิตทามกลางกระแสบริโภคนิยมไดอยางไมประมาทดวยการคิดอยางถูกวิธี
อันดีงาม ซึ่งมีความสําคัญตอการเรียน คือ จะเปนผูชักชวนใหใฝรูใฝเรียน
แนะนําวิธีการเรียนใหมีประสิทธิภาพ ตลอดจนคอยชวยเหลืออธิบายสิ่งที่
ไมเขาใจใหกระจางชัดขึ้น สวนโยนิโสมนสิการ คือ การรูจักคิดวิเคราะห มุม IT
อยางมีระบบ จะเปนพื้นฐานใหมีทักษะในการหาแนวทางแกไขปญหาตางๆ
ที่ตองเผชิญไดอยางถูกวิธี ตลอดจนเกิดความคิดอยางมีระบบในการเรียน ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องโยนิโสมนสิการ ไดที่
และตอยอดความรูไดอยางดี http://www.m-culture.go.th เว็บไซตกระทรวงวัฒนธรรม
คูมือครู 79
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนกั เรียนออกมาเลาการวางแผนการใชชวี ติ
ในอีก 5 ปขางหนา หลังจากนั้นใหนักเรียน ความสําคัญของวิธีคิดแบบโยนิโสมนสิการ
อภิปรายวา การตั้งใจศึกษาเลาเรียนในปจจุบัน 1
ในหนังสือ “พุทธธรรม” ของพระพรหมคุณาภรณ
มีประโยชนตอชีวิตในอนาคตอยางไร (ประยุทธ ปยุตฺโต)* ไดนําเสนอความสําคัญและ
(แนวตอบ การตั้งใจศึกษาเลาเรียนในปจจุบัน คุณประโยชนของโยนิโสมนสิการ จากตัวอยาง
จะเปนพืน้ ฐานใหมคี วามรู เสริมสรางทักษะตางๆ พุทธพจน ดังนี้
ที่มีความจําเปนตอการประกอบอาชีพ เชน “ภิกษุทั้งหลาย เมื่อดวงอาทิตยอุทัยอยู
ทักษะการสื่อสาร ทักษะการวางแผน การทํางาน ยอมมีแสงอรุณขึ้นมากอนเปนบุพนิมิต ฉันใด
เปนทีม เปนตน อันจะทําใหชีวิตมีความกาวหนา ความถึงพรอมดวยโยนิโสมนสิการ ก็เปน
และเจริญรุงเรืองในอนาคต ตลอดจนสามารถ ตัวนํา เปนบุพนิมิตแหงการเกิดขึ้นของ
อริยอัษฎางคิกมรรค แกภิกษุ ฉันนั้น
นําความรูความสามารถไปพัฒนาชุมชนและ
ภิกษุผูถึงพรอมดวยโยนิโสมนสิการ พึงหวัง
ประเทศชาติไดอีกดวย) สิ่งนี้ได คือ จักเจริญ จักทําใหมาก ซึ่งอริย
2. ครูใหนักเรียนชวยกันวิเคราะหวา การปฏิบัติตน อัษฎางคิกมรรค”
ตามหลักดรุณธรรม 6 จะสงผลดีตอตนเอง
และประเทศชาติอยางไร 2
๒) ดรุณธรรม ๖ ดรุณ หมายถึง เด็กหรือผูเยาว เด็กนั้นยังมีอนาคตอันยาวไกล
(แนวตอบ ดรุณธรรม 6 เปนหลักธรรมสําหรับเด็ก ควรจะมีหลักธรรมที่เปนทางไปสูความเจริญกาวหนาของชีวิต เรียกวา ดรุณธรรม ๖ คือ ทางไปสู
หรือผูเยาว ซึ่งหากปฏิบัติตามหลักธรรมนี้แลว ความเจริญกาวหนา ๖ ประการ ซึ�งเยาวชนที่ปฏิบัติไดตามน�้จะประสบความเจริญในชีวิต ดังน�้
จะทําใหผูปฏิบัติมีความเจริญกาวหนาในชีวิต ๑. รักษาสุขภาพดี (อาโรคยะ)
มีสุขภาพรางกายแข็งแรง ปราศจากโรคภัย ไรโรคทั้งกายและใจ
ไขเจ็บ มีระเบียบวินัยในตัวเอง ไมสรางความ ๒. มีระเบียบวินยั (ศีล) ไมเกะกะ
เดือดรอนใหใคร อีกทั้งยังเปนคนดีมีศีลธรรม ระรานกอความเดือดรอนใหใคร
กระทําแตสงิ่ ทีถ่ กู ตองดีงาม รวมถึงเปนคนมีความ ๓. ไดเห็นแบบอยางจากคนดี
ขยันหมั่นเพียรในการเรียนและเรียนหนังสือเกง ทีป่ ฏิบตั ติ นเปนแบบอยาง (พุทธานุวัติ)
ซึ่งหากเยาวชนของประเทศมีคุณลักษณะเชนนี้ ๔. ตั้ ง ใจเรี ย น (สุ ต ะ) ศึ ก ษา
จะทําใหประเทศชาติสามารถพัฒนาไปไดอยาง คนควาใหรูจริง
รวดเร็ว เพราะเมือ่ เด็กโตขึน้ ก็จะเปนกําลังสําคัญ ๕. ทําสิ่งที่มีความถูกตองดีงาม
ในการพัฒนาชาติใหกาวหนาตอไป) (ธรรมานุวัติ)
3. ครูและนักเรียนอภิปรายรวมกันเกี่ยวกับ ๖. มีความขยันหมัน่ เพียร (วิรยิ ะ)
เด็กหรือเยาวชนควรตั้งใจศึกษาเลาเรียน เพื่อเปนแนวทาง
ดรุณธรรม 6 แลวใหนักเรียนเขียนบันทึก ไปสูความเจริญกาวหนาของชีวิตในอนาคต มีกําลังใจไมทอถอย
ชีวิตประจําวัน พรอมกับวิเคราะหวา
การปฏิบัติตนในแตละวันมีความสอดคลอง *พระพรหมคุณาภรณ (ป.อ. ปยุตโฺ ต) ไดรบั พระราชทานสมณศักดิเ์ ปนสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย เมือ่ วันที่ ๕ ธันวาคม
กับดรุณธรรม 6 หรือไม อยางไร พ.ศ. ๒๕๕๙
๘๐
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
ครูอาจแนะนําใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมหนังสือพุทธธรรมของพระพรหม ขอใดเปนประโยชนที่ไดรับจากการปฏิบัติตามหลักดรุณธรรม
คุณาภรณ (ประยุทธ ปยุตฺโต) แลวใหนักเรียนบอกถึงขอคิดที่ไดรับจากการอาน 1. มีเสนหนามอง
2. เรียนหนังสือเกง สติปญญาดี
3. คนในสังคมเชิดชูนับหนาถือตา
4. มีความอดทนตอความยากลําบากมากขึ้น
นักเรียนควรรู
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. ดรุณธรรม 6 คือ หลักธรรมสําหรับเยาวชน
1 พระพรหมคุณาภรณ ปราชญทานหนึ่งที่มีผลงานวิชาการทางพระพุทธศาสนา ที่จะนําไปสูความเจริญกาวหนา 6 ประการ ประกอบดวย รักษาสุขภาพดี
เปนจํานวนมาก และเปนบุคคลแรกที่ไดรับรางวัลการศึกษาเพื่อสันติภาพจาก มีระเบียบวินยั ไดเห็นแบบอยางจากคนดีทปี่ ฏิบตั ติ นเปนแบบอยาง ตัง้ ใจเรียน
องคการยูเนสโก ไดรับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์มากกวา 15 สถาบัน ทําสิ่งถูกตองดีงาม และมีความขยันหมั่นเพียร ดังนั้น การปฏิบัติตนตาม
2 เด็กหรือผูเยาว ในทางกฎหมาย ผูเยาว หมายถึง ผูที่ยังไมบรรลุนิติภาวะ หลักดรุณธรรม 6 ในขอที่วาตั้งใจเรียน จะทําใหเรียนหนังสือเกงและมี
ซึ่งจะพนจากการเปนผูเยาวไดเมื่ออายุครบ 20 ปบริบูรณ สติปญญาดี
80 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูและนักเรียนอภิปรายถึงกุลจิรัฏฐิติธรรม 4
๓) กุลจิรัฏฐิติธรรม ๔ ธรรมะหมวดนี้ เป็นธรรมะส�าหรับท�าให้ครอบครัวหรือตระกูล รวมกัน จากนั้นครูตั้งคําถามใหนักเรียน
ตั้งมั่นอยู่ได้นานไม่เสื่อมสลายไปก่อนเวลาอันสมควร หมายถึง ธรรมที่เป็นเหตุท�าให้ตระกูล ชวยกันตอบ เชน
มั่งคั่งมั่นคงตั้งอยู่ได้นาน ท�าให้ตระกูลด�ารงอยู่ด้วยความสงบสุข เรียบร้อย และมีฐานะอันมั่นคง • ครอบครัวของนักเรียนมีเครือ่ งอุปโภคบริโภค
เรียกว่า กุลจิรัฏฐิติธรรม ๔ มีดังนี้ ที่จําเปนอะไรบาง
๓.๑) เมื่อเครื่องอุปโภคบริโภคหายหรือหมดไปต้องรู้จักจัดหามาไว้ ในแต่ละ (แนวตอบ เชน อาหารและเครื่องปรุงสําหรับ
ครอบครัวย่อมต้องมีสิ่งของที่จ�าเป็นในการช่วยสนองความต้องการตามธรรมชาติและช่วยอ�านวย ประกอบอาหาร เครื่องใชไฟฟาตางๆ
ความสะดวกสบายบางอย่าง ได้แก่ เครื่องอุปโภคบริโภค สิ่งเหล่านี้หากหมดหรือหายไปโดยผู้ดูแล ยารักษาโรค เสื้อผาเครื่องนุงหม เปนตน)
บ้านไม่จัดหามาไว้ ก็จะท�าให้สมาชิกในครอบครัวเดือดร้อน เช่น ข้าวสารหมดไม่หามาเตรียมไว้ • นักเรียนมีบทบาทหนาที่ในการดูแลเครื่อง
อาจท�าให้คนในบ้านเกิดโมโหเพราะความหิว เป็นสาเหตุของการทะเลาะวิวาทกันจนกลายเป็น อุปโภคบริโภคในครัวเรือนอยางไร
เรื่องใหญ่ถึงขั้นแตกหักกันไปเลย ครอบครัวก็เกิดความระส�่าระสาย (แนวตอบ สํารวจเครื่องอุปโภคบริโภคใน
ในบางครอบครัวสิ่งจ�าเป็นมิใช่มีแต่อาหารและเครื ่องใช้ภายในบ้านเท่านั้น ยังมี ครัวเรือนทุกเดือน เพื่อบอกใหผูปกครอง
1 จัดหาใหครบถวนตอไป นอกจากนั้น
เครื่องมือส�าหรับประกอบอาชีพด้วย เช่น เกวียน รถ ควายไถนา เครื่องดนตรี เป็นต้น
ของเหล่านี้อาจสิ้นสภาพจนใช้การไม่ได้ ถ้าผู้มีหน้าที่ดูแลไม่จัดหามาแทน การประกอบอาชีพ ยังตองทําความสะอาด ปดกวาดเช็ดถู
การงานก็สะดุดหยุดลง ท�าให้เกิดความเสียหายได้ สมาชิกในครอบครัวควรช่วยกันดูแล เมือ่ พบเห็น และซักลางเครื่องอุปโภคบริโภคใหสะอาด
สิง่ ใดทีข่ าดไป ควรบอกให้ผเู้ กีย่ วข้องทราบ จะได้จดั หามาเพือ่ มิให้การงานขาดช่วง ซึง่ ในบางกรณี อยูเสมอ ตลอดจนซอมแซมเครื่องอุปโภค
อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ครอบครัวได้ บริโภคที่ชํารุดใหอยูในสภาพดี)
๓.๒) ซ่อมแซมสิ่งของที่เก่าและช�ารุดเสียหาย เครื่องอุปโภคส่วนมาก เมื่อมี • การไมซอมแซมสิ่งของเครื่องใชภายในบาน
การใช้งานไปนานๆ อาจช�ารุดเสียหายได้ ซึ่งถ้าไม่รีบซ่อมแซมยังใช้ต่อไปเรื่อยๆ อาจจะยิ่งเสีย ที่ชํารุด จะสงผลเสียอยางไร
มากขึ้นจนถึงขั้นซ่อมแซมไม่ได้ หรือมิฉะนั้น (แนวตอบ เปนธรรมดาที่สิ่งของเครื่องใช
ก็ตอ้ งเสียค่าใช้จา่ ยในการซ่อมแซมมาก บางคน เมื่อใชไปนานๆ ก็ยอมเกาและชํารุดไป
เสียดายเงินค่าซ่อม หรือเกียจคร้านไม่ดูแล ตามกาลเวลา จึงตองมีการซอมแซม
เอาใจใส่ โดยไม่นกึ ถึงข้อเท็จจริงทีว่ า่ ยิง่ ทิง้ ไว้นาน แตหากปลอยปละละเลย นานวันเขา สิ่งของ
ยิ่งเสียเงินมากขึ้น เข้าท�านองเสียน้อยเสียยาก เครื่องใชจะยิ่งชํารุดมากขึ้นจนถึงขั้น
เสียมากเสียง่าย ในบางกรณีถ้ามีสิ่งของบาง ซอมแซมไมได หรือซอมแซมไดแตตอง
อย่างช�ารุด หากไม่รีบซ่อมจะท�าให้ของอื่นๆ เสียคาใชจายมาก ทําใหสิ้นเปลืองเงินทอง
เสียตามไปด้วย เช่น หลังคาบ้านรั่วเล็กน้อย และยังอาจทําใหสิ่งของอื่นๆ เสียตามไปดวย
หากไม่รีบซ่อมเมื่อฝนตกอาจท�าให้เพดานบ้าน แตหากพิจารณาแลววาการซอมแซม
ตลอดจนพืน้ เสียหายได้ หรือหม้อน�า้ รถยนต์เสีย จะทําใหเสียเงินมากกวาซื้อใหม ก็ควร
หากไม่รีบซ่อมแซม อาจท�าให้ส่วนอื่นๆ เสีย การซ่อมแซมสิง่ ของเครือ่ งใช้ในชีวติ ประจำาวัน เป็นการช่วย ซื้อใหม จะคุมคาเงินมากกวา)
โดยไม่จ�าเป็นไปด้วย ประหยัดรายจ่ายให้แก่ครอบครัว 2. ใหนักเรียนสํารวจเครื่องใชตางๆ ภายในบาน
วามีชิ้นสวนใดบางที่ชํารุดเสียหาย ควรไดรับ
81 การแกไขซอมแซม พรอมบอกถึงประโยชน
ที่ไดรับจากการซอมแซมเครื่องใชตางๆ
บันทึกผล สงครูผูสอน
บูรณาการเชื่อมสาระ
ครูสามารถนําเนื้อหาเกี่ยวกับกุลจิรัฏฐิติธรรม 4 ไปบูรณาการเชื่อมโยงกับ เกร็ดแนะครู
กลุมสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยี วิชาการงานอาชีพ
ครูใหนักเรียนแบงกลุม แสดงบทบาทสมมติเรื่องครอบครัว วาสมาชิกใน
และเทคโนโลยี เรื่องงานชางในบาน โดยใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมและ
ครอบครัวจะตองปฏิบัติตามหลักธรรมกุลจิรัฏฐิติธรรม 4 อยางไร จึงจะทําให
ฝกปฏิบัติซอมแซมเครื่องใชภายในบาน เชน การเปลี่ยนลูกบิดประตู
ครอบครัวมีความมั่นคง
การซอมปูนยาแนวกระเบือ้ ง การเปลีย่ นกอกนํา้ การเปลีย่ นหลอดไฟฟา
การซอมเกาอี้ การซอมแซมชั้นวางถวยชาม เปนตน จากนั้นใหนักเรียน
ประเมินผลการปฏิบตั ริ ว มกัน รวมทัง้ วิเคราะหถงึ ประโยชนทไี่ ดรบั จากการ
ซอมแซมบํารุงรักษาและติดตั้งเครื่องใชตางๆ ภายในบาน นักเรียนควรรู
1 เกวียน ยานพาหนะชนิดหนึ่งที่มีลอเลื่อน ทําดวยไม มี 2 ลอ เคลื่อนที่ไปโดย
ใชวัวหรือควายเทียมลากไป เกวียนเปนพาหนะที่สําคัญในการเดินทางและบรรทุก
สิ่งของในสมัยโบราณ เกวียนสามารถเดินทางผานผิวถนนขรุขระหรือถนนที่เต็ม
ไปดวยโคลนตม ซึ่งการใชเกวียนที่เทียมสัตวและรถศึกมีปรากฏแนชัดในสมัยกรีก
และโรมัน
คูมือครู 81
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนอภิปรายถึงความหมายของการ
ประมาณตน จากนั้นสมมติสถานการณให มีข้อควรค�านึงบางประการ คือ ของบางอย่างช�ารุดมากแล้ว ซ่อมไปก็น�าไปใช้
นักเรียนวิเคราะหวา ถานักเรียนไดรับเงินไป ได้อีกไม่นาน ต้องซ่อมแซมบ่อยๆ เมื่อคิดค�านวณดูแล้ว ซื้อใหม่อาจประหยัดกว่า เมื่อเป็นเช่นนี้
โรงเรียนจํานวน 100 บาทตอวัน นักเรียนจะใช ต้องพิจารณาในการเลือกใช้เครื่องอุปโภคให้ดี
จายเงินจํานวนดังกลาวใหเหมาะสมไดอยางไร สิ่งของโดยทั่วไปย่อมเก่าและช�ารุดเมื่อกาลเวลาผ่านไป ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติ
(แนวตอบ ครูเปดโอกาสใหนักเรียนแสดงความ แต่ถ้าผู้ใช้งานขาดการเอาใจใส่ดูแล อาจท�าให้สิ่งของนั้นเก่าและช�ารุดก่อนเวลาอันควรได้ ดังนั้น
คิดเห็นไดหลากหลาย โดยคํานึงถึงการวางแผน เราไม่ต้องคอยให้ของช�ารุดก่อนแล้วมาซ่อม แต่ควรดูแลรักษาให้ดีแล้วสิ่งของจะใช้ได้นาน เช่น
การใชจายที่สมเหตุสมผล) จอบ เสียม ถ้าทิง้ ตากแดดตากฝนตลอดวันตลอดคืนย่อมช�ารุดเร็วกว่าทีเ่ ก็บไว้ให้เรียบร้อย เป็นต้น
2. ครูใหนักเรียนอภิปรายถึงประโยชนที่ไดรับจาก ๓.๓) ประมาณตนในการอุปโภคบริโภค ครอบครัวบางครอบครัวใช้จ่ายเกินฐานะ
การดําเนินชีวิตอยางประมาณตน ของตน คือ หาได้นอ้ ยแต่ใช้มาก ครอบครัวทีม่ สี ภาพอย่างนีค้ งอยูไ่ ม่ได้นาน ต้องมีหนีส้ นิ ล้นพ้นตัว
(แนวตอบ การดําเนินชีวิตอยางประมาณตน คือ จนต้องยากจนลงในที่สุด แต่ครอบครัวบางครอบครัวก็ใช้จ่ายต�่ากว่าฐานะของตนจนเกินพอดี
การรูจักใชจายอยางเหมาะสม อยูบนพื้นฐาน เป็นเศรษฐีแต่นุ่งกางเกงเก่าๆ ปะแล้วปะอีก จะท�าบุญท�าทานสักนิดก็คิดมาก ครอบครัวแบบนี้
ของความพอเพียง ไมสุรุยสุรายหรือตระหนี่ อาจตั้งอยู่ได้นานแต่จะขาดความอบอุ 1 ่นจากเพื่อนร่วมสังคม
ถี่เหนียวจนเกินไป คํานึงถึงบทบาทหนาที่ การเดินสายกลางเป็นสิ่งดีที่สุด นั่นคือ การรู้จักประมาณตน รู้จักความพอดี
และฐานะของตนเปนสําคัญ อันจะทําให ความเหมาะสม หมายความว่า เราต้องอยูส่ ายกลางระหว่างความสุรยุ่ สุรา่ ยกับความตระหนีถ่ เี่ หนียว
สามารถดําเนินชีวิตไดอยางมีความสุข ไมเกิด ค�าว่า “ประมาณตน” นี้มีความหมายไม่ตายตัว สมมติคน ๒ คนใช้เงินเท่ากัน แต่เราอาจเรียกว่า
ความเครียดหรือความกังวลใจในการใชเงิน คนหนึ่งรู้จักประมาณตน อีกคนหนึ่งไม่รู้จักประมาณตน เช่น คนที่มีรายได้เดือนละหนึ่งหมื่นบาท
ทําใหสุขภาพรางกายแข็งแรง เพิ่มโอกาสให พาครอบครัวไปรับประทานอาหารที่ภัตตาคารหรูๆ ทุกสัปดาห์ ที่บ้านดูโทรทัศน์เครื่องละห้าหมื่น
ประสบความสําเร็จในการเรียนและการทํางาน เช่นนีเ้ รียกว่าไม่รจู้ กั ประมาณตน แต่เศรษฐีทมี่ เี งินร้อยล้าน ท�าอย่างเดียวกันนีจ้ ะว่าเขาไม่ประมาณตน
ตอไปในอนาคต) คงไม่ได้
3. ครูสุมถามนักเรียนวา มีแนวทางในการเลือกซื้อ ผูท้ มี่ อี าชีพเป็นดาราหรือนักร้อง
สินคาอุปโภคบริโภคในชีวิตประจําวันอยางไร อาจต้องตัดเย็บเสือ้ ผ้าบ่อยๆ ให้นา� สมัยอยูเ่ สมอ
(แนวตอบ การเลือกซื้อสินคาอุปโภคในชีวิต ไม่เรียกว่าสุรุ่ยสุร่าย แต่คนที่มีอาชีพเป็นครู
ประจําวัน จะตองยึดหลักความประหยัด คุมคา เงินเดือนน้อยท�าอย่างนั้นบ้าง อาจเรียกได้ว่า
คุมราคา และมีประโยชนในการใชสอย ไมซื้อ สุรุ่ยสุร่าย ไม่รู้จักประมาณตน เพราะการมี
ของเพียงเพราะความอยากไดหรือเห็นวาสิ่งนั้น เสื้อผ้าใหม่ๆ น�าสมัยหลายๆ ชุด ไม่ใช่สงิ่ จ�าเป็น
นารักสวยงาม แตใหซื้อเพราะมีความจําเปน ในการประกอบอาชีพเหมือนกับนักร้องและ
จะตองใชงานของชิน้ นัน้ ๆ อีกทัง้ ยังควรพิจารณา นักแสดง แต่ทั้งนี้มิได้หมายความว่าคนเป็นครู
จากฐานะการเงินของเราดวย ถาเรามีรายได จะมีเสื้อผ้าใหม่ๆ ไม่ได้ พึงมีได้เพียงแต่ต้องให้
มาก จะซื้อของราคาแพง ก็ไมเปนไร แตถามี ผู้บริโภคควรรู้จักประมาณตนในการซื้อของอุปโภคบริโภค พอเหมาะพอควรกับฐานะของตน
ฐานะปานกลางคงจะเลียนแบบพฤติกรรมของ ในชีวิตประจำาวัน
คนรวยไมได นอกจากนั้น สินคาบางชนิดหาก
ซื้อในฤดูกาลจะมีราคาถูกลง ก็ควรซื้อในฤดูกาล 82
นั้นๆ เชน ผลไม เปนตน)
กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
1 การเดินสายกลาง ในทางพระพุทธศาสนาเรียกวา “มัชฌิมาปฏิปทา” ครูมอบหมายใหนักเรียนศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักธรรมทาง
อันหมายถึง ขอปฏิบตั ทิ ที่ าํ ใหบรรลุนพิ พาน ซึง่ ไมตงึ หรือหยอนเกินไป มัชฌิมาปฏิปทา พระพุทธศาสนาที่มีสวนชวยสงเสริมใหรูจักประมาณตนและมีชีวิตที่มี
ในเชิงพระปริยัติธรรมหรือเชิงทฤษฎีนั้น มีปรากฏอยูในพระไตรปฎก วิภังคสูตร 8 ความมั่นคงทางดานเศรษฐกิจ จากนั้นเขียนสรุปสงครูผูสอน
ซึ่งพระพุทธเจาทรงประทานพระปฐมเทศนาแกปญจวัคคียทั้ง 5 โดยปฏิเสธ
การของแวะกับ 2 สิ่ง คือ กามสุขัลลิกานุโยค หมายถึง การหมกมุนอยูในกาม
และอัตตกิลมถานุโยค หมายถึง การทรมานตนใหลําบากโดยเปลาประโยชน
กิจกรรมทาทาย
มุม IT
ครูมอบหมายใหนักเรียนศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักปรัชญาของ
ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องการประมาณตน ไดที่ เศรษฐกิจพอเพียง แลวยกตัวอยางบุคคลที่เปนแบบอยางในการปฏิบัติตน
http://www.dhammathai.org เว็บไซตธรรมะไทย ไดสอดคลองกับหลักดังกลาว พรอมวิเคราะหพฤติกรรมที่นักเรียนสามารถ
นํามาประยุกตใชไดในชีวิตประจําวัน เขียนใสกระดาษ A4 สงครูผูสอน
82 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนอภิปรายเกี่ยวกับลักษณะของ
๓.๔) ตั้งผู้มีศีลธรรมเป็นพ่อบ้านแม่เรือน พ่อบ้านแม่เรือนในที่นี้ หมายถึง ผู้ที่มี ครอบครัวในสังคมไทยปจจุบัน พรอมวิเคราะห
ภาระหน้าทีจ่ ดั การดูแลทุกอย่างภายในครอบครัว ถึงปญหาและแนวทางในการแกไขรวมกัน
อาจเป็นพ่อ แม่ หรือสมาชิกอืน่ ในครอบครัว ค�าว่า (แนวตอบ ปจจุบันครอบครัวในสังคมไทย
ผูม้ ศี ลี ธรรม ในทีน่ หี้ มายถึง คนซือ่ สัตย์ ยุตธิ รรม มีลักษณะเปนครอบครัวเดี่ยว ขนาดเล็ก และ
มัธยัสถ์ มีเมตตา ขยันขันแข็ง ไม่หลงอยู่ใน มีแนวโนมที่ผูหญิงเปนหัวหนาครอบครัวเพิ่ม
อบายมุข เป็นต้น มากขึ้น ครอบครัวที่มีเพียงพอหรือแมลําพังก็
นอกจากนี้ พ่อบ้านแม่เรือนยัง เพิม่ ขึน้ เชนกัน อีกทัง้ แนวโนมทีห่ วั หนาครอบครัว
ควรเป็นคนรอบรู้เรื่องราวต่างๆ นอกบ้านด้วย จะมีอายุนอยลงมีจํานวนมากขึ้น จึงสงผลให
เพราะคนเราจะดูแลภายในบ้านให้ดีไม่ได้หาก เกิดปญหาสัมพันธภาพภายในครอบครัว เนื่อง
ไม่รู้เรื่องนอกบ้านเลย มาจากคนในครอบครัวขาดหลักคิด คุณธรรม
ถ้าพ่อบ้านหรือแม่เรือนเป็นคน และศีลธรรมที่ดีในการดําเนินชีวิต จึงทําใหไม
สุรุ่ยสุร่าย เราก็พอวาดภาพได้ว่าครอบครัวนั้น อาจบมสอน หลอหลอมสมาชิกในครอบครัวให
จะตั้งอยู่ได้ไม่นาน ถ้าพ่อบ้านแม่เรือนติดสุรา เปนบุคคลที่มีคุณภาพของสังคมได แนวทาง
ชอบเล่นการพนัน ชอบเที่ยวเตร่ เราก็พอเห็น ครอบครัวจะมีความสุข หากหัวหน้าครอบครัวมีศีลธรรม ในการแกไข คือ ใหการศึกษาที่ดีกับทุกคนใน
ได้วา่ ภายในครอบครัวจะต้องมีความระส�า่ ระสาย และปฏิ บั ติ ห น้ า ที่ ข องตนได้ อ ย่ า งถู ก ต้ อ งตามทำ า นอง สังคม โดยปลูกฝงหลักคิดที่ดีในการดําเนินชีวิต
คลองธรรม
และยุ่งเหยิงมาก ถ้าพ่อบ้านแม่เรือนเป็นคน บนพื้นฐานของหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
1 สงเสริมใหสื่อประเภทตางๆ ในสังคมรูจัก
ไม่ยุติธรรม คนในบ้านก็จะเกิดการเล่นพรรคเล่นพวก อิจฉาริษยากัน ไม่สามัคคีปรองดองกัน
ครอบครัวนั้นก็คงเจริญรุ่งเรืองได้ยาก หากพ่อบ้านแม่เรือนเป็นคนตระหนี่ไม่ท�าบุญท�าทานเลย นําเสนอสิ่งที่เปนประโยชนและปองกันสื่อ
แม้มีฐานะที่พอท�าได้ ครอบครัวนั้นก็จะเป็นครอบครัวที่สมาชิกมีแต่ความเห็นแก่ตัว ขาดหลัก ที่เปนภัยหรือไมเหมาะสม)
ยึดเหนี่ยวทางใจ ในระยะยาวก็จะหาความสงบสุขได้ยาก เพราะคนเราทีอ่ ยูด่ ว้ ยกัน หากขาดหลัก 2. ใหนักเรียนแสดงความคิดเห็นวา การที่สมาชิก
ยึดเหนีย่ วทางใจแล้วจะไม่มใี ครยอมรับฟังใคร มีแต่จะเอาเปรียบซึง่ กันและกัน จะทะเลาะกันแม้แต่ ในครอบครัวเปนผูมีศีลธรรมมีความสําคัญตอ
เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ความเปนอยูของครอบครัวอยางไร
ดังนั้น คนที่เป็นพ่อบ้านแม่เรือน แม้จะด้อยในเรื่องอื่นๆ ก็ยังไม่ร้ายแรงนัก แต่ถ้า (แนวตอบ การที่สมาชิกในครอบครัวเปนผูมี
ด้อยคุณธรรมแล้วครอบครัวจะด�ารงอยู่ได้ยาก ศีลธรรม แสดงใหเห็นวาทุกคนมีหลักคิดที่ดี
กลาวคือ มีพื้นฐานความคิดที่มีเหตุผล
๔) กุศลกรรมบถ ๑๐ ค�าว่า “กุศล” แปลว่า สิ่งที่ดีที่ชอบ บุญหรือความฉลาด
สามารถแยกแยะสิ่งใดดี สิ่งใดไมดี เพื่อเลือก
“กรรม” แปลว่า การกระท�า “บถ” แปลว่า ทาง
ที่จะกระทําไดอยางถูกตอง นับเปนสิ่งที่ชวย
กุศลกรรมบถ ๑๐ หมายถึง ทางแห่งการกระท�าของผูฉ้ ลาดหรือคนดี เพือ่ ก่อให้เกิด
เสริมสรางสัมพันธภาพที่ดีใหแกครอบครัว
ความดีและความถูกต้อง กุศลกรรมบถ ๑๐ นี้ แบ่งออกเป็น ๓ หมวดใหญ่ๆ ดังนี้
โดยเฉพาะอยางยิง่ หัวหนาครอบครัวผูท าํ หนาที่
รับผิดชอบจัดการทุกอยางภายในครอบครัว
จําเปนตองมีศีลธรรม เพื่อเปนแบบอยางและ
83 หลอหลอมสมาชิกในครอบครัวใหเปนบุคคล
ที่มีคุณภาพในสังคมตอไป)
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
หลักปฏิบตั ใิ นการทําใหครอบครัวมีความสุข สอดคลองกับกุลจิรฏั ฐิตธิ รรม 4
1 สามัคคี คือ การรวมพลังกับผูอ นื่ เพือ่ เพิม่ ขีดความสามารถของตนในการกระทํา
ขอใด
สิ่งใดสิ่งหนึ่งดวยความพรอมเพรียงใหสําเร็จผล ซึ่งความพรอมเพรียงจําแนกได
1. รูจักประมาณตนในการใชจาย
2 ประเภท ไดแก
2. หัวหนาครอบครัวเปนคนมีศีลธรรม
1. ความพรอมเพรียงทางกาย คือ การชวยเหลือซึ่งกันและกันดวยกําลังกาย
3. ของใชชํารุดเสียหายตองรีบซอมแซม
ใหสําเร็จลุลวง
4. จัดเตรียมของกินของใชไวอยาใหขาด
2. ความพรอมเพรียงทางใจ คือ มีใจที่หวังดีตอกัน มีเจตนาที่จะแสดง
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. หัวหนาครอบครัวที่เปนคนดี มีศีลธรรม ความคิดเห็นเพื่อพัฒนาไปในทิศทางที่ดี
มีคณุ ธรรม และปฏิบตั หิ นาทีข่ องตนไดอยางถูกตองตามทํานองคลองธรรม
ยอมดูแลจัดการทุกอยางภายในครอบครัวไดเปนอยางดี ครอบครัวก็จะ
มีความสุข สมาชิกในครอบครัวก็จะรักใครกลมเกลียวกัน และอยูรวมกัน
ดวยความรักความเขาใจ
คูมือครู 83
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูและนักเรียนอภิปรายรวมกันเกี่ยวกับกุศล-
กรรมบถ 10 จากนั้นใหนักเรียนสํารวจตนเองวา ๔.๑) ความประพฤติดีทางกาย มี ๓ อย่าง ดังต่อไปนี้
ในชีวิตประจําวันของนักเรียนไดปฏิบัติตนตาม (๑) เว้นจากการฆ่าสัตว์ คือ ไม่ท�าลายชีวิตทุกประเภท ไม่ทรมาน ไม่รังแก
หลักกุศลกรรมบถ 10 อยางไรบาง แลวบันทึก สัตว์ แต่มีความละอายต่อการเบียดเบียน มีความกรุณาเอ็นดูสัตว์ทั้งหลาย ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
ลงในสมุดบันทึกความดีสงครูผูสอน เท่าที่จะท�าได้ ควรละเว้นจากการท�าให้ชีวิต
2. ครูใหนักเรียนหาขาวเหตุการณประจําวันจาก ผู้อื่นต้องตายหรือบาดเจ็บ เราต้องการให้ผู้อื่น
สื่อตางๆ เชน หนังสือพิมพ วิทยุ โทรทัศน ช่วยเหลือหรือเมตตาเราอย่างไร เราก็ควรท�า
เกี่ยวกับบุคคลที่ประพฤติดีทั้งทางกาย วาจา อย่างนั้นกับผู้อื่นก่อน
และใจ แลวครูสุมตัวแทนนักเรียนออกมา (๒) เว้นจากการลักขโมย
เลาใหเพื่อนฟง พรอมกับชวยกันวิเคราะหวา คือ การไม่ถอื เอาสิง่ ของทีเ่ จ้าของมิได้ให้มาโดย
พฤติกรรมดังกลาวมีผลดีตอตนเองและสังคม ทุจริต เราควรเคารพในสิทธิของผู้อื่น เมื่อเรา
อยางไร หาทรัพย์สนิ เงินทองมาได้ดว้ ยความยากล�าบาก
3. ครูใหนกั เรียนแสดงความคิดเห็นวา ถาหากเพือ่ น ไม่อยากให้ใครมาฉกฉวยเอาสิ่งของของเราไป
ของนักเรียนไปขโมยของจากผูอื่นมา แลวให ฉันใด ผูอ้ นื่ ก็ยอ่ มมีความรูส้ กึ หวงแหนทรัพย์สนิ
นักเรียนชวยปดเปนความลับ นักเรียนจะมี ของเขาฉันนัน้ ผูท้ มี่ คี วามสุจริตต่อทรัพย์สนิ ของ
แนวทางในการแกไขปญหาเพื่อใหถูกตองตาม การทำ า บุ ญ ด้ ว ยการปล่ อ ยปลาเป็ น การปลดปล่ อ ยชี วิ ต ผู้อื่น ย่อมเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือ น่าไว้วางใจ
หลักกุศลกรรมบถ 10 ไดอยางไร ของสรรพสัตว์ ถือเป็นการประพฤติดีทางกายวิธีหนึ่ง
(๓) เว้นจากการประพฤติ
1
(แนวตอบ ครูเปดโอกาสใหนักเรียนแสดงความ ผิดในกาม คือ ชายก็ไม่ล่วงเกินลูกเมียผู้อื่นโดยผิดประเวณี ส�าหรับหญิงก็ไม่ควรมีความสัมพันธ์
คิดเห็นไดอยางหลากหลาย โดยคํานึงถึงการคิด เชิงชู้สาวกับสามีผู้อื่น การหาคู่ครองเป็นธรรมดาของโลก แต่ควรท�าตามประเพณี ไม่ท�าร้ายจิตใจ
วิเคราะหที่มีเหตุผลบนพื้นฐานของความถูกตอง ผู้อื่น โดยการไปมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับสามีภรรยาของผู้อื่น
ทางกฎหมายและกฎทางศีลธรรม ดังเชน ๔.๒) ความประพฤติดีทางวาจา มี ๔ อย่าง ได้แก่
หลักธรรมกุศลกรรมบถ 10 เปนตน) (๑) เว้นจากการพูดเท็จ คือ การพูดสิ่งที่เป็นจริง ค�าพูดจะเป็นเท็จหรือไม่
ต้องดูที่เจตนา บางคนพูดผิดจากความเป็นจริง แต่เนื่องจากเพราะความเขลา ความไม่รู้ อย่างนี้
ไม่เรียกว่า “พูดเท็จ” โลกเราหากมีแต่การพูดเท็จแล้วก็คงยุ่งเหยิง ระส�่าระสาย จะไม่มีใครเชื่อใคร
จะไม่มใี ครกล้าท�าอะไร การพูดเท็จเป็นโทษทัง้ แก่สว่ นรวมและแก่ตวั เอง เป็นโทษแก่สว่ นรวมเพราะ
ท�าให้เกิดความปั่นป่วน เป็นโทษแก่ตนเองเพราะจะไม่มีใครเชื่อค�าพูดของตน
(๒) เว้นจากการพูดส่อเสียด คือ เอาความฝ่ายหนึ่งไปบอกอีกฝ่ายหนึ่ง
จริงบ้างเท็จบ้าง แต่มเี จตนาทีจ่ ะให้คนเข้าใจผิด ให้คนทะเลาะกัน แตกสามัคคีกนั ถ้าเป็นเรือ่ งเล็กๆ
ก็อาจท�าให้เกิดการแตกความสามัคคีกันในกลุ่มชน แต่ถ้าเป็นเรื่องใหญ่อาจท�าให้ชาติบ้านเมือง
เสียหายได้ เราควรพูดแต่ค�าที่จะสมานรอยร้าว ช่วยให้คนที่ก�าลังทะเลาะกันนั้นเลิกทะเลาะและ
หันมาสามัคคีกัน
84
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
ครูสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความประพฤติดีทางวาจา ขอใดเปนการปฏิบัติตนที่สอดคลองกับการประพฤติทางกายที่ดีตาม
ในหนังสือแกนพุทธศาสน ของทานพุทธทาสภิกขุ หลักกุศลกรรมบถ 10
1. ประภาปลอยใหยุงกัดเพราะการฆาสัตวนั้นเปนบาป
2. สมภพลงโทษสุนัขโดยไมใหอาหารและนํ้าเปนเวลา 3 วัน
นักเรียนควรรู 3. กมลซื้อโทรศัพทมือสองตอจากเพื่อนที่ขโมยมาเพราะราคาถูก
4. สินสมุทรเก็บเงินไดจากสนามเด็กเลนจึงนําไปคืนครูประจําชั้น
1 ผิดประเวณี คือ การกระทําผิดตอคูครองทั้งของตนและของผูอื่น เชน วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. การปฏิบัติตนตามหลักกุศลกรรมบถ 10
การมีความสัมพันธเชิงชูสาวกับผูที่มิใชสามีภรรยาของตน รวมถึงการใชกําลัง คือ การกระทําเพื่อใหเกิดความดีและความถูกตอง ดังนั้น การประพฤติ
ฉุดครา ขมเหง กระทําชําเราผูอื่น ซึ่งมีผลใหผูอื่นไดรับความเดือดรอน และ ทางกายที่ดี มี 3 ประการ ไดแก เวนจากการฆาสัตว ไมทรมานหรือ
สงผลกระทบตอความมั่นคงภายในครอบครัว พระพุทธศาสนาจึงสอนให เบียดเบียนสัตวทั้งหลาย เวนจากการขโมย ไมนําสิ่งของของผูอื่นมา
พุทธศาสนิกชนละเวนจากการประพฤติผิดประเวณี เพื่อกอใหเกิดความดีและ ครอบครอง และเวนจากการประพฤติผิดในกาม ไมลวงเกินคูครอง
ความถูกตองขึ้นในสังคม ของผูอื่น คําตอบในขอ 4. ถือเปนการเวนจากการขโมย
84 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูนําขอความสั้นๆ ที่มีลักษณะที่แสดงถึงการ
(๓) เว้นจากการพูดค�าหยาบ ค�าหยาบท�าให้1 ผู้ฟังระคายหู ก่อให้เกิดความ พูดเท็จ การพูดสอเสียด การพูดคําหยาบ และ
โกรธแค้นได้ ค�าหยาบรวมไปถึงการพูดกระทบกระเทียบ แดกดัน สาปแช่ง ค�าพวกนี้พูดไปแล้ว การพูดเพอเจอ มาใหนักเรียนอาน แลวให
มีแต่ท�าให้เกิดความขุ่นมัว ในขณะที่พูดผู้พูดอาจจะพอใจที่ได้กล่าวออกไปโดยไม่ยั้งคิด แต่ความ นักเรียนบอกวา ขอความดังกลาวสอดคลองกับ
พอใจนี้ไม่นานก็หาย แต่ผลเสียที่เกิดขึ้นนั้นอาจมีมากมายมหาศาล อาจน�าไปสู่การทะเลาะวิวาท ลักษณะการพูดแบบใด และเกิดโทษอยางไร
บาดหมาง หรือถึงกับฆ่ากันตายก็ได้ ดังนั้น เราจะต้องระมัดระวังตัว พยายามคิดก่อนพูด ตอผูพูดและผูฟง
(๔) เว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ การพูดเพ้อเจ้อ คือ การพูดที่ไร้สาระไม่มี 2. ใหนักเรียนออกมาเลาเหตุการณที่เกิดจาก
แก่นสาร ไม่ท�าให้เกิดประโยชน์แก่ใคร การพูดเพ้อเจ้ออาจไม่ใช่การพูดเท็จ แต่เป็นการพูดผิด ความผิดพลาดเพราะการใชคําพูดใหเพื่อนฟง
กาลเทศะ ไม่ตรงกับเรื่องที่วงสนทนาก�าลังสนใจกันอยู่ หรือเป็นค�าพูดที่ชวนให้เขาออกนอกเรื่อง หนาชั้นเรียน แลวใหเพื่อนชวยกันสรุปขอคิด
คือ พูดเรื่องนี้ยังไม่จบก็ไปพูดเรื่องใหม่ อย่างนี้ก็เรียกว่าพูดเพ้อเจ้อได้เหมือนกัน ถึงแม้การพูด ที่ไดจากการฟงเรื่องราวดังกลาว พรอมกับ
เพ้อเจ้อจะไม่ให้โทษมากเหมือนการพูดเท็จแต่ก็ไร้ประโยชน์ เสียเวลา ไม่ก่อให้เกิดการสร้างสรรค์ สรุปการปฏิบัติตนทางวาจาที่ดีตามหลัก
แต่อย่างใด ดังนั้น เราจึงไม่ควรประพฤติ กุศลกรรมบถ 10
๔.๓) ความประพฤติดีทางใจ มี ๓ อย่าง ดังนี2 ้ 3. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 3.7 จากแบบวัดฯ
(๑) ไม่โลภอยากได้ของผู้อื่น ความโลภ คือ ความอยากได้ของผู้อื่นที่ตน พระพุทธศาสนา ม.2
ไม่มีสิทธิอันชอบธรรม แต่การอยากได้ของผู้อื่นโดยหาของมาแลกเปลี่ยนจนเป็นที่ตกลงกันนั้น
ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ
ไม่ถือว่าโลภ ความคิดโลภเมือ่ เกิดแล้วเป็นทางพาไปสูค่ วามทุจริต ความโลภทีเ่ กิดขึน้ ชัว่ ขณะหนึง่
พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 3.7
แล้วหายไปก็ไม่เป็นไร แต่การครุ่นคิดมุ่งที่จะเอาของผู้อื่นโดยที่ตนไม่มีสิทธินั้น จะเป็นทางไปสู่ หนวยที่ 3 หลักธรมทางพระพุทธศาสนา
ความหายนะ เพราะถึงลงมือท�าส�าเร็จ สักวันหนึ่งเขาก็คงจับได้ และเราควรคิดถึงใจเขาใจเรา
ควรคิดเรื่องการเสียสละบ้าง จะท�าให้ความคิดโลภอยากได้ของผู้อื่นลดน้อยลงไป กิจกรรมที่ ๓.๗ ใหนกั เรียนพิจารณาภาพตอไปนี้ แลววิเคราะหหลักธรรมมรรค ñð
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
เรื่องน่ารู้
ภาพที่ ๑
๑. สอดคลองกับหลักธรรม
บุพพนิมิตของมัชฌิมาปฏิปทา
………………………………………………………………………..
(กัลยาณมิตร) ดรุณธรรม ๖
………………………………………………………………………..
สัปปุริสธรรม 7 ๒. ประโยชนที่ไดจากการปฏิบัติตนตาม
หลักธรรม
การไดคบเพือ่ นหรือมิตรทีด่ ี ชักชวนกัน
………………………………………………………………………..
คำาว่า สัปปุริสธรรม หมายถึง ธรรมของคนดีหรือคุณสมบัติของคนดี มี ๗ ประการ ดังนี้ ทํ า สิ่ ง ที่ ดี ในที่ นี้ คื อ การช ว ยกั น ติ ว
………………………………………………………………………..
หนัง สือเรีย น จะชว ยใหทุก คนไมลืม
1. ธัมมัญญุตา คือ ความเป็นผู้รู้จักเหตุ สามารถที่จะพิจารณา วิเคราะห์หาสาเหตุของสถานการณ์ได้
………………………………………………………………………..
ความรู ท
เ
่ ี รี ย นไป เป น การทบทวนความรู ส ง ผลให ส อบได ค ะแนนดี
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
๒. ประโยชนที่ไดจากการปฏิบัติตนตาม
5. กาลัญญุตา คือ ความเป็นผู้รู้จักกาล รู้จักระยะเวลาที่เหมาะสม ที่พึงใช้ในการประกอบหน้าที่การงาน หลักธรรม
การซอมแซมสิ่งของเครื่องใชเอง จะชวย
6. ปริสญ ั ญุตา คือ ความเป็นผูร้ จู้ กั ชุมชน เข้าใจว่าชุมชนมีสภาพเป็นอย่างไร แล้วปรับปรุงตนเองให้เหมาะสม
………………………………………………………………………..
ใหประหยัดคาใชจา ยของครอบครัว ทําให
………………………………………………………………………..
มีเงินเหลือเก็บไวใชในยามจําเปน
กับชุมชนนั้น ๓. การนําหลักธรรมมาประยุกตใชในการพัฒนาชุมชนและสังคม
………………………………………………………………………..
7. ปุคคลปโรปรัญญุตา คือ ความเป็นผูร้ จู้ กั เลือกบุคคล รูจ้ กั และเข้าใจความแตกต่างของบุคคล และปฏิบตั ิ การรูจักซอมแซมสิ่งของเครื่องใชที่ชํารุดใหใชงานไดดี นอกจากจะทําใหครอบครัวประหยัดคาใชจาย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
แลว ยังเปนการประหยัดการใชทรัพยากร ชวยลดปริมาณขยะทีอ่ าจกอใหเกิดมลพิษตอชุมชนและสังคม
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ต่อบุคคลได้อย่างเหมาะสม ไดอีกดวย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
๒๘
85
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
การประพฤติดีทางวาจาตามหลักกุศลกรรมบถ 10 มีแนวทางในการ
ครูสุมถามนักเรียน 3-4 คนวา การพุดคุยกันในหองเรียนขณะที่ครูกําลังสอนอยู
ปฏิบัติตนอยางไร
จัดวาผิดกุศลกรรมบถขอใด และทําใหเกิดโทษอยางไร
แนวตอบ พยายามคิดกอนพูดทุกครั้ง รูจักเลือกใชคําพูดใหเหมาะสมกับ
บุคคลและกาลเทศะ หลีกเลี่ยงการพูดจาสอเสียด การพูดคําหยาบ และ
การพูดเพอเจอ เพราะนอกจากจะเปนสิ่งที่ไรประโยชนแลว ยังสรางความ นักเรียนควรรู
เดือดรอนใหกับตนเองและผูอื่นอีกดวย
1 แดกดัน คือ กลาวกระทบกระแทกหรือประชดผูอื่นเพราะความไมพอใจ
2 ความโลภ ความอยากไดอยากมี เพราะไมพอใจในสิ่งที่ตนมี ซึ่งในทาง
พระพุทธศาสนามีวิธีบรรเทาความโลภ คือ การใหทานหรือบําเพ็ญประโยชนตอ
สวนรวมโดยไมหวังผลตอบแทน ฝกควบคุมจิตใหพนจากความโลภโดยใชชีวิตอยาง
เรียบงาย ไมยึดติดกับวัตถุหรือเงินทองภายนอก หมั่นรักษาศีล นั่งสมาธิ มีสติ
รูเทาทันความอยากไดอยากมีในจิตใจที่เกิดขึ้น
คูมือครู 85
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนแสดงความคิดเห็นวา หากมีคน
กลาววา “ทําดีไดดีมีที่ไหน ทําชั่วไดดีมีถมไป” 1
(๒) ไม่คิดพยาบาท ความคิดพยาบาท คือ คิดแต่จะให้ผู้อื่นได้รับความทุกข์
นักเรียนจะมีวิธีอธิบายใหบุคคลนั้นเกิดความ ความเจ็บปวด ความหายนะ ความคิดพยาบาทเกิดิ ขึน้ เพราะผูอ้ นื่ มาท�าเราก่อนส่วนใหญ่ แต่บางที
เขาใจทีถ่ กู ตองในหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา คนบางคนก็คิดพยาบาทกับคนอื่นได้ โดยที่เขาไม่ได้ท�าอะไรให้เลย เป็นแต่เพียงอิจฉาริษยา
อยางไร ไม่อยากให้เขาได้ดี ความคิดพยาบาทเป็นบ่อเกิดของการกระท�าที่ชั่วร้าย แต่โดยทั่วไปแล้วคนที่มี
(แนวตอบ ครูเปดโอกาสใหนักเรียนแสดงความ แต่ความคิดพยาบาทนั้นเองที่จะได้รับผลร้าย ความคิดแบบนี้จะท�าลายจิตใจของผู้คิดทีละน้อย
คิดเห็นไดอยางหลากหลาย โดยพิจารณาถึงการให ไม่เป็นอันท�าการงานหรือเล่าเรียน เป็นการท�าร้ายตนเองโดยไม่รู้ตัว หากเราคิดแต่จะให้คนอื่น
เหตุผลสนับสนุนคําอธิบายที่ถูกตองเหมาะสม มีความสุขใจ เราก็ย่อมมีความสุข การงาน และการเล่าเรียนของเราก็จะเป็นไปอย่างราบรื่น
โดยอาจยกตัวอยางหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ดังนั้น เราต้องพยายามห้ามใจมิให้คิดพยาบาทให้จงได้
มาประกอบการอธิบาย เชน การปฏิบัติตนตาม (๓) มีความเห็นชอบ คือ เห็นว่า ท�าดีได้ดี ท�าชั่วได้ชั่ว 2ความส�าเร็จนั้น
หลักกุศลกรรมบถ 10 หลักธรรมกรรม เปนตน) เกิดได้จากความพากเพียรมิได้เกิดจากโชคชะตา เห็นว่าการให้และการเสียสละนั้นมีผลต่อการ
2. ใหนกั เรียนชวยกันบอกถึงผลดีจากการปฏิบตั ติ น ช�าระล้างจิตใจของเราให้บริสุทธิ์ได้ เห็นว่าความทุกข์ร้อนนั้นมีสาเหตุและสาเหตุนั้นดับได้ เห็นว่า
ตามหลักกุศลกรรมบถ 10 ความสงบสุขของชีวิตนั้นเกิดได้โดยการปฏิบัติตนที่ถูกต้อง เป็นต้น
(แนวตอบ การปฏิบตั ติ นตามหลักกุศลกรรมบถ 10 กุศลกรรมบถ ๑๐ เป็นธรรมทีท่ กุ คนปฏิบตั ไิ ด้ หากมีความตัง้ ใจแน่วแน่เพียงแต่ใช้
คือ การปฏิบัติตนใหสุจริตทั้งกาย วาจา และใจ สติปญั ญายัง้ คิด ไม่ทา� อะไรไปโดยอารมณ์ววู่ าม คนเราเกิดมามีความสามารถหลายอย่างไม่เท่ากัน
จึงกอใหเกิดผลดีตอ ตนเองและสังคม กลาวคือ เช่น บางคนเรียนเก่งกว่าบางคน บางคนเล่นกีฬาเก่งกว่าบางคน แต่ทกุ คนมีความสามารถทีจ่ ะเดิน
ทําใหผูปฏิบัติเปนที่รักใครของผูคนรอบขาง ตามแนวกุศลกรรมบถ ๑๐ ได้เท่าเทียมกัน หากตั้งใจจะกระท�าและเดินตามแนวนี้แล้ว ไม่เพียงแต่
นาเคารพนับถือ เปนที่ยกยองเชิดชูของผูอื่น จะท�าให้ตนเองเจริญก้าวหน้าเท่านั้น สังคมส่วนรวมก็พลอยสงบสุขตามไปด้วย
สงผลตอการประสบความสําเร็จในหนาทีก่ ารงาน ๕) สติปัฏฐาน ๔ หมายถึง ที่ตั้ง
และมีชีวิตที่มีความสุข ตลอดจนเปนสวนหนึ่ง ของสติ สัมมาสติ (หรือสติทชี่ อบ) เป็นองค์มรรค
ในการสรางสังคมใหมีแตสิ่งที่ดีและยังชวยให ข้อหนึ่งในมรรคมีองค์แปด สิ่งที่ตรงกันข้ามกับ
สังคมมีความสงบสุข ทําใหสามารถพัฒนาสังคม สติ คือ ความประมาท สติ คือความไม่เผลอ
ใหกาวหนาไดอยางรวดเร็วและเปนสังคมที่ดี ไม่เลินเล่อ ไม่เลือ่ นลอย สติเป็นตัวคอยเตือนให้
มีศีลธรรม) เรายับยั้งตนเอง ไม่ให้หลงเพลินไปในทางที่ผิด
เป็นตัวคอยป้องกันมิให้ความชั่วเล็ดลอดเข้าไป
ในจิตได้ สติเป็นตัวปิดโอกาสความชั่ว แต่เปิด
โอกาสให้แก่ความดี
สติ มีความหมายว่า ความไม่ประมาท
(อัปปมาทธรรม) พระพุทธองค์ให้ความส�าคัญ การนั่งสมาธิสามารถกระทำาได้ทุกเพศทุกวัย เมื่อทำาแล้ว
แก่ความไม่ประมาทมาก พระด�ารัสครั้งสุดท้าย จิตใจจะสงบ มีสติก่อให้เกิดผลดีทั้งในด้านการเรียนและ
ของพระพุทธเจ้าก็เป็นเรือ่ งอัปปมาทธรรม ดังนี้ การประกอบสัมมาอาชีพ
86
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
การตั้งสติกําหนดพิจารณาสิ่งตางๆ ใหรูและเขาใจในสัจธรรม
1 ความคิดพยาบาท ทําใหรางกายหลั่งสารความเครียดออกมา ถาเกิดขึ้น
หรือรูเทาทันเหตุการณที่เกิดขึ้น เรียกวาอะไร
เปนประจําจะมีผลกระทบตอสุขภาพรางกาย ทําใหเกิดโรคตางๆ เชน โรคหัวใจ
1. สติปฏฐาน
โรคความดันโลหิตสูง โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน เปนตน
2. มรณานุสติ
2 เสียสละ คุณธรรมขั้นพื้นฐานของผูที่อยูรวมกันในสังคม ความเสียสละเปน 3. ธัมมานุสติ
คุณธรรมสําหรับผูกมิตรไมตรี ยึดเหนีย่ วจิตใจใหกบั คนในสังคม ทัง้ ยังเปนเครือ่ งมือ 4. ปทมาทปฏฐาน
สรางลักษณะนิสัยใหเปนคนที่เห็นแกประโยชนสุขสวนรวมมากกวาประโยชนสุข
สวนตัว ความเอื้อเฟอเผื่อแผและการเสียสละยอมใหผลที่ดีตอผูปฏิบัติและสังคม วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. สติปฏฐาน หมายถึง ที่ตั้งของสติ
รอบขางเสมอ กอใหเกิดความชื่นชมยินดีตอกันและกัน ไมวาจะเปนผูใหหรือผูรับ สติ คือ ความไมเผลอ ไมเลินเลอ ไมเลื่อนลอย ไมประมาท สามารถ
คนที่มีนํ้าใจเสียสละคิดจะเฉลี่ยแบงปนลาภผลและความสุขของตนแกผูอื่น กําหนดพิจารณาสิ่งตางๆ ใหรูและเขาใจในสัจธรรม ตลอดจนรูเทาทัน
อยูเ สมอนัน้ ไมวา ใครๆ ก็อยากคบหาสมาคมดวย ดังนัน้ ผูท มี่ องเห็นการณไกลควร เหตุการณตางๆ แยกแยะความชั่วออกจากความดี และรูจักยับยั้งชั่งใจ
พยายามฝกตนใหเปนคนเสียสละจนเกิดเปนอุปนิสัย เพื่อใหสามารถปลดเปลื้อง ไมหลงเดินไปในทางที่ผิด
ความทุกขที่เกิดจากความโลภได
86 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูและนักเรียนอภิปรายรวมกันเกี่ยวกับ
“สิง่ ทัง้ หลายทีป่ จั จัยปรุงแต่งขึน้ ย่อมมีความเสือ่ มสิน้ ไปเป็นธรรมดา ท่านทัง้ หลายจงยัง สติปฏฐาน 4 แลววิเคราะหวา
ประโยชน์ที่มุ่งหมายให้ส�าเร็จด้วยความไม่ประมาทเถิด” • สติมีความสําคัญตอการเรียนอยางไร
สติปัฏฐาน มี ๔ ประการ ดังต่อไปนี้ (แนวตอบ สติ คือ ความระลึกได การรูตัว
(๑) พิจารณาเห็นภายในกาย คือ การตั้งสติก�าหนดพิจารณากาย ให้รู้เห็น อยูเ สมอ มีจติ จดจอกับสิง่ ทีก่ าํ ลังกระทํา ซึง่ มี
ตามความเป็นจริงว่า เป็นแต่เพียงกายไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตนของเรา ตัวตนของเขา ความสําคัญตอการเรียน คือ ทําใหผูเรียน
วิธีปฏิบัติมี ๖ วิธี วิธีที่รู้จักกันดี คือ อานาปานสติ (การก�าหนดลมหายใจเข้าออก) เกิดสมาธิในการศึกษาเลาเรียน สามารถ
(๒) พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนา เวทนาในที่นี้มิได้แปลว่าสงสาร แต่หมายถึง จดจําและเขาใจบทเรียนไดอยางแมนยํา
ความรู้สึกเป็นสุข เป็นทุกข์ หรือเฉยๆ วิธีนี้คือ การตั้งสติก�าหนดพิจารณาเวทนา ให้รู้เห็นความ ตลอดจนสามารถจัดระบบความคิดเพื่อการ
เป็นจริงว่า เป็นแต่เพียงเวทนาไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนของเรา ของเขา เรียนรูไดอยางเปนระบบ)
(๓) พิจารณาเห็นในจิต คือ การตั้งสติก�าหนดพิจารณาจิตให้รู้เห็นตามความเป็น • สติมีประโยชนตอการดําเนินชีวิตประจําวัน
จริงว่า เป็นแต่เพียงจิตมิใช่สัตว์ บุคคล ตัวเรา ตัวเขา เมื่อจิตมีราคะก็รู้ว่าจิตมีราคะ จิตปราศจาก อยางไร
ราคะก็รู้ว่าจิตปราศจากราคะ เป็นต้น (แนวตอบ ในชีวิตประจําวันสติมีประโยชน
(๔) พิจารณาเห็นธรรมในธรรม คือ การตั้งสติพิจารณาธรรม ให้รู้เห็นตามความ1 มาก ชวยใหเรามีความระมัดระวัง
เป็นจริงว่า เป็นเพียงธรรมไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวเรา ตัวเขา มีสติรู้จักธรรมทั้งหลาย เช่น นิวรณ์ ๕ ไมประมาท ไมเลินเลอ ความประมาทเปน
อริยสัจ ๔ เป็นต้น ว่าคืออะไร เป็นอย่างไร หนทางนําไปสูความลมเหลว และอาจทําให
การปฏิบัติตามหลักสติปัฏฐาน ๔ นี้ พระพุทธองค์ทรงเรียกว่า “ทางสายเอก” เกิดอันตรายหรือความเสียหายรายแรงได
ที่จะพาชีวิตไปสู่ความสงบสุขตั้งแต่ระดับต้นๆ จนถึงระดับสูงสุด เชน เดินขามถนน หากขาดสติอาจถูกรถชน
2 ไดรับบาดเจ็บสาหัสได ถาระลึกและรูตัวอยู
๖) มงคล ๓๘ คือ สิ่งที่ท�าให้
๖) มงคล ตลอดเวลาวากําลังทําอะไร ดูซายดูขวา
เกิดความดีงาม เป็นธรรมที่น�ามาซึ่งความสุข ใหดีกอนขาม หรือเลือกใชสะพานลอย
ความเจริญ มีทั้งหมด ๓๘ ข้อ แต่ ณ ที่นี้ เดินขามก็เปนวิธีการปลอดภัยที่สุด
จะกล่าวถึง ๓ ข้อ ดังนี้ นอกจากนี้ คนมีสติเมื่อจะพูดหรือจะแสดง
๑. ประพฤติธรรม กิริยาทาทางอะไรออกมาก็รูสึกตัวอยูเสมอ
๒. เว้นความชั่ว ไมพูดหยาบ พูดเพอเจอ กิริยามารยาทก็
๓. เว้นการดื่มน�้าเมา นิ่มนวล ยอมทําใหเปนที่รักใครชอบพอ
๖.๑) ประพฤติ ธ รรม คนเรา ของคนที่คบคาสมาคมดวย ชีวิตก็จะมีแต
เกิดมาย่อมต้องการความสุข ความสุขของ ความราบรื่น นอกจากมีประโยชนในการ
แต่ละคนไม่เหมือนกัน บางครัง้ บางคนต้องการ ทํางานแลวยังทําใหใจสงบดวย)
ความสุขทางใจมากกว่าความสุขทางกาย บางคน 2. ครูใหนักเรียนฝกสติปฏฐาน 4 เปนเวลา 7 วัน
ต้องการความสุ ข ทางกายมากกว่ า ความสุ ข ผลแห่งการปฏิบัติธรรมนำามาซึ่งความสงบสุขทางจิตใจ บันทึกผลกอนและหลังการปฏิบัติ พรอมบอก
อันจะส่งผลให้ชีวิตมีความสุขความเจริญ
ทางใจ บางคนชอบความตื่นเต้นและผจญภัย ประโยชนทไี่ ดรบั จากการปฏิบตั ติ ามสติปฏ ฐาน 4
87 บันทึกผลลงสมุด สงครูผูสอน
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
การเดินจงกรม จัดเปนสติปฏฐาน 4 ในขอใด
1 นิวรณ 5 คือ ธรรมที่กั้นจิตไมใหบรรลุความดี สิ่งที่ขัดขวางจิตไมใหกาวหนา
1. กายานุปสสนาสติปฏฐาน
ในคุณธรรม มี 5 ประการ ดังนี้
2. จิตตานุปสสนาสติปฏฐาน
1. กามฉันท คือ ความพอใจในกามคุณ
3. ธัมมานุปสสนาสติปฏฐาน
2. พยาบาท คือ ความคิดรายผูอื่น
4. เวทนานุปสสนาสติปฏฐาน
3. ถีนมิทธะ คือ ความหดหูซึมเซา
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. การเดินจงกรม คือ การกําหนดจิตอยูที่เทา 4. อุทธัจจกุกกุจจะ คือ ความฟุงซานและรําคาญ
โดยผูเดินจงกรมยืนตรง มือประสานกันไวดานหนาหรือดานหลัง ใชจิตกําหนด 5. วิจิกิจฉา คือ ความลังเลสงสัย
อาการที่เทากําลังกาวเดินในแตละครั้งอยางชาๆ ปลอยจิตใหพนจากความ 2 มงคล 38 มีเหตุมาจากเมื่อพระพุทธเจาประทับอยู ณ วัดเชตวัน กรุงสาวัตถี
กังวลตางๆ ซึ่งกลาวไดวา เปนการกระทําที่พิจารณากายใหรูเห็นตามความ ทรงแสดงพระธรรมเทศนาแกพุทธบริษัททั้งหลายที่มาทูลถามปญหาวา อะไรเปน
เปนจริง เรียกวา กายานุปสสนาสติปฏฐาน มงคลสูงสุดของมนุษยทั้งหลาย โดยตรัสชี้ไปที่ขอประพฤติปฏิบัติที่จะนําความสุข
ความเจริญมาให 38 ประการ
คูมือครู 87
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูและนักเรียนอภิปรายรวมกันเกีย่ วกับมงคล 38
จากนั้นใหนักเรียนแสดงความคิดเห็นวา บางคนชอบอยูเ่ งียบๆ ง่ายๆ บางคนชอบงานสังคม บางคนชอบอ่านหนังสืออยูก่ บั
ในสังคมไทยปจจุบนั มีสงิ่ ใดทีเ่ ปนเกณฑการตัดสิน บ้าน บางคนต้องการเงินมากๆ เพือ่ จะได้มคี วามสุข บางคนต้องการไม่มากนัก แต่ความสุขเหล่านี้
ความถูกตองในการกระทําสิ่งตางๆ ในชีวิต จะเกิดกับใครไม่ได้ ถ้าคนคนนั้นปราศจากสิ่งส�าคัญที่สุดสิ่งหนึ่ง คือ “ธรรมะ” ไม่ว่าจะมั่งมีหรือ
ประจําวัน ยากจน โง่หรือฉลาด เด็กหรือผูใ้ หญ่ เป็นชาวกรุงหรือชาวชนบท เป็นหญิงหรือชาย ท�างานเก่งหรือ
(แนวตอบ ครูเปดโอกาสใหนักเรียนแสดงความ ไม่เก่ง หากขาดธรรมะแล้ว ชีวิตก็จะไม่มีความสุข ความสงบ
คิดเห็นไดอยางหลากหลาย โดยคํานึงถึงความ เราคงเคยเห็นว่าครอบครัวที่มั่งมีเงินทองนั้นบางครั้งไม่มีความสงบสุข คนที่
ถูกตองเหมาะสม เชน เกณฑการตัดสินความ เรียนเก่งอาจเอาตัวไม่รอด ดังมีค�ากล่าวว่า “ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด” วิชาความรู้ก็ดี
ถูกตองในการกระทําสิ่งตางๆ ในสังคมไทย ทรัพย์สมบัตกิ ด็ ี ความฉลาดและเก่งก็ดี ล้วนเป็นดาบสองคม ถ้าไม่มธี รรมะเป็นหลักยึดเหนีย่ วแล้ว
คือ กฎหมาย กฎศีลธรรมทางพระพุทธศาสนา ความวิบัติชั่วร้ายจะเกิดขึ้น ธรรมะคือหลักที่จะช่วยเตือนเราว่าอะไรควร อะไรไม่ควร เป็นสิ่งที่
ประเพณีหรือวัฒนธรรม คานิยม ความคิด จะน�ามาซึ่งความสุขสวัสดิ์ทั้งแก่ตัวเองและส่วนรวม
ความเชื่อตางๆ เปนตน) พระพุทธศาสนามีค�าสอนเกี่ยวกับหลักธรรมที่จะให้เราถือปฏิบัติมากมาย แต่ใน
2. ใหนักเรียนแสดงความคิดเห็นวา การที่บุคคล ที่นี้จะกล่าวถึงเบญจธรรม ๕ และเบญจศีล ๕ ดังนี้
ยึดหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาในการดําเนิน
ชีวิตจะเกิดผลดีอยางไร เบญจธรรม ๕
(แนวตอบ หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาจะเปน ๑. เมตตากรุณา มีความรักใคร่เพื่อนมนุษย์ ช่วยเหลือเท่าที่ตนท�าได้
สิ่งที่คอยยํ้าเตือนใหบุคคลเลือกกระทําในสิ่งที่ดี ๒. สัมมาอาชีวะ หาเลี้ยงชีพทางสุจริต
และถูกตอง ทั้งยังทําใหสามารถอยูรวมกับผูอื่น ๓. กามสังวร เดินสายกลางเกี่ยวกับความสุขทางเนื้อหนัง
๔. สัจจะ พูดแต่ความจริง
ไดอยางมีความสุข)
๕. สติสัมปชัญญะ รู้สึกตัวอยู่เสมอว่าอะไรควร อะไรไม่ควร
3. ครูใหนกั เรียนแบงกลมุ รวบรวมสุภาษิต คําพังเพย
คําคม พุทธศาสนสุภาษิต ทีก่ ระตนุ ใหผคู นสนใจ เบญจศีล ๕
ประพฤติธรรม เขียนลงสมุด แลวนําสงครูผสู อน ๑. เว้นจากการท�าลายชีวิต
4. ครูใหนกั เรียนเขียนความสัมพันธของเบญจศีล 5 ๒. เว้นจากการลักขโมย ฉ้อโกง
และเบญจธรรม 5 ในรูปแบบของผังความคิด ๓. เว้นจากการประพฤติผิดในกาม
แลวนําสงครูผูสอน ๔. เว้นจากการพูดเท็จ
๕. เว้นจากน�้าเมา และสิ่งเสพติดทั้งหลาย
88
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
ขอใดเปนประโยชนสูงสุดในการศึกษาเบญจศีล-เบญจธรรม
1 อกุศลกรรมบถ 10 คือ ทางแหงกรรมชั่ว ทางแหงกรรมที่เปนอกุศล กรรมชั่ว
1. เพื่อใหรอบรูวิทยาการแขนงตางๆ
อันเปนทางนําไปสูทุคติ มี 10 ประการ ดังนี้
2. เพื่อสงเสริมสติปญญาใหเฉลียวฉลาด
• กายกรรม 3 ไดแก
3. เพื่อแกไขกรณีพิพาททางศาสนาที่เกิดขึ้นในสังคม
1. ปาณาติบาต คือ การทําลายชีวิต
4. เพื่อรูหลักธรรมและนํามาปฏิบัติในการดําเนินชีวิต
2. อทินนาทาน คือ การถือเอาของที่เขามิไดให
3. กาเมสุมิจฉาจาร คือ การประพฤติผิดในกาม วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เบญจธรรม คือ ขอควรปฏิบัติ สวนเบญจศีล
• วจีกรรม 4 ไดแก คือ ขอหามปฏิบัติเพื่อควบคุมกาย วาจา ใจใหดํารงอยูในความดี ซึ่งการ
4. มุสาวาท คือ การพูดเท็จ 6. ผรุสวาจา คือ การพูดคําหยาบ ศึกษาหลักธรรมทั้งสองจะชวยเปนแนวทางใหมนุษยดําเนินชีวิตไดอยาง
5. ปสุณวาจา คือ การพูดสอเสียด 7. สัมผัปปลาปะ คือ การพูดเพอเจอ ถูกตองและมีความสุข
• มโนกรรม 3 ไดแก
8. อภิชฌา คือ ความละโมบคอยจองอยากไดของเขา
9. พยาบาท คือ การคิดรายตอผูอื่น
10. มิจฉาทิฏฐิ คือ ความเห็นผิดจากคลองธรรม
88 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูและนักเรียนอภิปรายรวมกันเกี่ยวกับ
ส�าหรับคนบางคน การเว้นจากการท�าความชั่วอาจง่ายกว่าการท�าความดีและ อกุศลมูล 3 แลวใหนักเรียนชวยกันยกตัวอยาง
การประพฤติธรรม เช่น การไม่ท�าร้ายคนนั้นไม่ยากนักเพราะเป็นการ “ไม่ท�า” แต่การเสียสละ เหตุการณที่เกิดจากตนตอของความชั่ว 3
เพื่อช่วยคนอื่นนั้นอาจยากกว่าเพราะเป็น “การท�า” เป็นการลงทุนลงแรงท�าให้เราต้อง “เสีย” ประการ อันไดแก โลภะ โทสะ และโมหะ
อะไรไปบางอย่าง แต่พุทธศาสนิกชนควรท�าทั้งสองอย่าง คือ ละเว้นความชั่ว และท�าความดี 2. ครูใหนักเรียนชวยกันบอกวิธีการกําจัดตนตอ
ความชั่วที่พระพุทธศาสนาสอนให้ละเว้นมีมากมาย แต่จริงๆ แล้วอาจรวบรวม ของความชั่วหรืออกุศลมูล 3
ได้เป็น ๓ อย่าง คือ อกุศลมูล ๓ แปลว่า ต้นตอของความชั่ว ๓ ประการ อันได้แก่ โลภะ โทสะ (แนวตอบ วิธีการกําจัดตนตอของความชั่วหรือ
โมหะ หรือ โลภ โกรธ หลง อกุศลมูล 3 คือ การมีสติ ตระหนักรูในสิ่งที่
อกุศลมูล ๓ มีดังนี้ ตนกําลังคิด กําลังกระทํา รูเทาทันความโลภ
(๑) โลภะ คือ ความโลภ หมายถึง ความอยากได้โดยมิชอบ หรือความ โกรธ หลงที่จะเกิดขึ้นภายในใจ หมั่นนั่งสมาธิ
อยากได้เกินพอดี เช่น อยากได้สิ่งที่ไม่เป็นของตนโดยการหลอกลวง ฉ้อโกง ขโมย เป็นต้น บําเพ็ญจิตใหเกิดปญญาในการกระทําสิง่ ตางๆ
(๒) โทสะ คือ ความโกรธแค้น พยาบาท อิจฉาริษยา คิดแต่อยากให้ผู้อื่น อยางมีเหตุผลอยูเสมอ ฝกควบคุมตนใหชนะ
ประสบเคราะห์กรรม ประสบความหายนะ จากกิเลสทั้งปวง และยึดหลักธรรมทาง
(๓) โมหะ คือ ความหลง ไม่อยูใ่ นหลักของเหตุผลและปัญญา มีความล�าเอียง พระพุทธศาสนาในการดําเนินชีวิต)
ไม่เป็นกลาง คิดปักใจแต่เพียงด้านใดด้านหนึ่ง 3. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 3.6 จากแบบวัดฯ
ต้นตอแห่งความชั่วทั้ง ๓ นี้ อาจมิใช่ต้นตอของความชั่วทั้งหมดในโลก แต่ก็เป็น พระพุทธศาสนา ม.2
ต้นตอที่ส�าคัญ หากละเว้นได้ก็จะเป็นการละเว้นความชั่วได้หลายอย่าง
ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ
๖.๓) เว้ น จากการดื่ ม น�้ า เมา ในที่ นี้ ห มายรวมถึ ง การติ ด ของมึ น เมา และ
พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 3.6
สิ่งเสพติดให้โทษ โทษที่เห็นชัดก็คือ เสียเงิน หนวยที่ 3 หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
โดยเปล่าประโยชน์ แทนทีจ่ ะใช้เงินไปกับอาหาร
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
๑. ปญหาของดนัยคืออะไรและเกิดจากสาเหตุใด
สุ ร าและสิ่ ง เสพติ ด ทั้ ง หลาย ปญหาของดนัย คือ การสอบตก ซึ่งเกิดจากการหนีเรียนไปเลนเกมคอมพิวเตอรและการแอบ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
สูบบุหรี่เปนประจํา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
นำามาซึ่งความสุขทั้งต่อตนเองและส่วนรวม ๔. หากเยาวชนมีพฤติกรรมอยางดนัยและอนุชาจะสงผลตอตนเองและสังคมอยางไร
ปัญญาดีกลายเป็นคนโง่ได้ หากเยาวชนเลียนแบบพฤติกรรมของอนุชาและดนัยก็จะทําใหตนเองมีผลการเรียนตกตํ่า ไมสามารถ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
เรียนหนังสือในระดับสูงตอไปได ไมมีความรูที่จะนําไปประกอบอาชีพสุจริต สงผลกระทบทําให
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ประเทศชาติขาดบุคลากรที่จะชวยพัฒนาชาติใหมีความเจริญกาวหนา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
๕. นักเรียนควรนําขอคิดที่ไดมาใชในการพัฒนาตนไดอยางไร
89 ตั้งใจเรียนหนังสือ ใหเลือกคบเพื่อนที่ดีและชักชวนทําในสิ่งที่ดี หรือถาหากเพื่อนคนใดมีพฤติกรรม
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ที่ไมดีก็ใหคําแนะนําใหเขาเปลี่ยนพฤติกรรม
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
๒๗
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
ทุกขอจัดอยูในอกุศลมูล 3 หรือตนตอของความชั่ว 3 ประการ ยกเวน ขอใด
ครูใหนักเรียนศึกษาวิเคราะหโครงการตางๆ ที่จัดทําขึ้นเพื่อรณรงคใหคนงดเวน
1. ความรัก 2. ความโลภ
จากการดื่มสุราและใชยาเสพติดในชุมชนและทองถิ่น วามีผลดีผลเสียอะไรบาง เชน
3. ความโกรธ 4. ความหลง
โครงการเมาไมขับ โครงการงดเหลาเขาพรรษา เปนตน และใหระบุวานักเรียนจะมี
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. อกุศลมูล 3 แปลวา ตนตอของความชั่ว สวนรวมในโครงการเหลานั้นไดอยางไร
3 ประการ ประกอบดวย
- โลภะ คือ ความอยากไดเกินพอดี
- โทสะ คือ คามโกรธแคน พยาบาท อิจฉาริษยา นักเรียนควรรู
- โมหะ คือ ความไมอยูในหลักของเหตุผลของปญญา มีความลําเอียง
ซึ่งลวนเปนสิ่งที่เชื่อมโยงทําใหเกิดกิเลสอื่นๆ ไดอีกมากมาย อันจะนํา 1 ทําใหขาดสติ การดื่มสุราทําใหเกิดปญหาสังคมตางๆ มากมาย นอกจาก
ความทุกขมาใหแกบุคคลผูนั้น จะทําใหเกิดการทะเลาะวิวาท ลดทอนความสงบสุขของครอบครัวแลว ยังเปน
สาเหตุทําใหเกิดอุบัติเหตุ มีผูไดรับบาดเจ็บและเสียชีวิตจํานวนมากในแตละป
จนรัฐบาลตองเขมงวดและกําหนดนโยบายเมาไมขับออกมา
คูมือครู 89
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
ครูใหนักเรียนชวยกันบอกผลกระทบที่เกิดจาก
การดื่มนํ้าเมา คนขีเ้ มานัน้ ไม่มใี ครเชือ่ ถือ ไม่อยากคบค้าสมาคม ไม่อยากท�าธุระติดต่อด้วยเพราะ
(แนวตอบ การดื่มนํ้าเมาหรือดื่มสุราสงผลเสีย ไว้ใจไม่ได้ คนเมาสุราเป็นคนที่กระท�าสิ่งต่างๆ โดยขาดสติ การตกลงกันในเรื่องต่างๆ กับคนขี้เมา
ตอผูดื่มในแงของสุขภาพ ความนาเชื่อถือในสังคม ไม่แน่ว่าจะมีการท�าตามข้อตกลง
และทําใหเกิดปญหาสังคมตางๆ ตามมามากมาย ในบรรดาสิ่งชั่วทั้งหลาย โทษ
เชน การทะเลาะวิวาท การเกิดอุบัติเหตุบนทองถนน ของสุราและสิ่งเสพติดเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดและ
ปญหาความรุนแรงในครอบครัว เปนตน ทั้งนี้สงผล ง่ายที่สุด บางคนอาจบอกว่าสุรานั้นถ้าดื่มแต่
ตอความเจริญกาวหนาของประเทศอีกดวย พอประมาณก็ไม่เสียหายอะไร คนที่ดื่มสุราเป็น
เพราะรัฐบาลตองสูญเสียงบประมาณในการแกไข ครัง้ คราวใช่วา่ จะต้องเป็นคนขีเ้ มาเสมอไป เรือ่ งนี้
ปญหาและเยียวยาผลที่เกิดจากปญหาดังกลาว) เป็นความจริง แต่อย่าลืมว่ามีคนเป็นจ�านวน
ไม่น้อยที่หยุดยั้งการดื่มไม่ได้ ต้อ1งดื่มมากขึ้น
ขยายความเขาใจ Expand เรื่อยๆ กลายเป็นคนติดสุราเรื้อรัง โดยเฉพาะ
1. ครูใหนักเรียนชวยกันสรุปหลักธรรม มรรค ผู้ที่ยังเป็นเยาวชนและอยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน
(ธรรมที่ควรเจริญ) บนกระดานหนาชั้นเรียน สมควรอย่างยิ่งที่จะหลีกหนีให้ห่างเพราะถ้าติด
2. ครูใหนกั เรียนแบงกลุม นําขาวเหตุการณปจ จุบนั สุราหรือสิ่งเสพติดใดๆ จนถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว
สิ่งเสพติดและอบายมุขต่างๆ เป็นเหตุแห่งความหายนะ
ที่เปนปญหาในระดับสังคมหรือระดับประเทศ ทำาให้สูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน อาจท�าให้เสียการเรียนและเสียอนาคตได้
เชน ขาวการระบาดของโรคติดตอตางๆ
ขาวนักเรียนยกพวกตีกัน ขาวปญหายาเสพติด หลักธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นหลักความจริงที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบด้วยพระองค์
เปนตน แลวรวมกันวิเคราะหเหตุการณ เอง แล้วน�ามาเผยแผ่แก่มวลมนุษย์ เพื่อให้มนุษย์ได้เข้าใจความจริงของชีวิต ทั้งนี้หลักธรรม
ดังกลาวโดยนําหลักอริยสัจ 4 มาแกปญหา สามารถให้ผลแก่ผู้ปฏิบัติตามสมควรแห่งการปฏิบัตินั้นๆ
จัดทําเปนปายนิเทศ การท�าความเข้าใจในหลักธรรมค�าสั่งสอนต่างๆ ของพระพุทธองค์ อาทิ หลัก
พระรัตนตรัย และอริยสัจ ๔ ย่อมท�าให้เข้าใจหลักการด�าเนินชีวิต โดยเฉพาะหลักอริยสัจ ๔ นั้น
สอนให้มนุษย์ใช้ปัญญาในการแก้ปัญหา ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท สอนให้ดับทุกข์ด้วยตนเอง
ตลอดจนให้พิจารณาทุกสิ่งตามความเป็นจริง หลักธรรมเหล่านี้สามารถน�ามาประยุกต์ใช้เป็น
เครื่องมือน�าทางให้ด�าเนินชีวิตอย่างถูกต้องและดีงามได้ ดังนั้น พุทธศาสนิกชนที่ดีจึงควรศึกษา
หลักธรรมต่างๆ ให้ชดั เจนเพือ่ น�าไปปฏิบตั ิ เพราะถ้าหากไม่เข้าใจหลักธรรมดีแล้ว การปฏิบตั กิ อ็ าจ
คลาดเคลื่อนไปได้
90
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
พัชราภาเสียใจที่สอบวิชาพระพุทธศาสนาไมผาน ตามหลักอริยสัจ 4
1 สุราเรื้อรัง ผูปวยที่เปนโรคพิษสุราเรื้อรังจะมีความอยากหรือกระหายสุรา
พัชราภาควรแกปญหานี้อยางไร
อยางมาก สามารถดื่มสุราไดโดยไมจํากัด เมื่อหยุดดื่มสุราจะมีอาการคลื่นไส
1. ลาออกจากโรงเรียน
อาเจียน มือสั่น กระวนกระวาย ซึ่งสงผลเสียตอการดําเนินชีวิตในหลายๆ ดาน
2. ลอกขอสอบเพื่อนที่สอบผาน
เชน ทําใหความสามารถในการขับขี่ลดลงอาจกอใหเกิดอุบัติเหตุได แอลกอฮอล
3. ขอรองอาจารยใหออกขอสอบงายขึ้น
สงผลเสียตอทุกเซลลของรางกายโดยเฉพาะระบบประสาท หัวใจ และหลอดเลือด
4. อานหนังสือพัฒนาตนเองและฝกฝนทําขอสอบใหเชี่ยวชาญขึ้น
อีกทั้งเปนสารกระตุนใหเกิดมะเร็งไดงายขึ้น ซึ่งอาจจะเสียชีวิตได
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. ตามหลักอริยสัจ 4 ไดแก ทุกข สมุทัย นิโรธ
มรรค พัชราภาควรแกปญหาการสอบไมผานดวยการวิเคราะหสาเหตุของ
มุม IT ความทุกขที่เกิดจากการสอบไมผาน จากนั้นหาแนวทางแกไขปญหาจาก
สาเหตุนั้น กลาวคือ ถาสาเหตุเกิดจากการอานหนังสือนอยเกินไป แกไขโดย
ศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับมงคล 38 ไดที่ อานหนังสือใหมากขึ้น ฝกฝนทําขอสอบบอย ๆ เพื่อใหเกิดความชํานาญใน
http://www.thammapedia.com เว็บไซตธรรมะพีเดีย การทําขอสอบ
90 คูมือครู
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ Expand
1. ครูใหนักเรียนอภิปรายรวมกันถึงกระบวนการ
àÊÃÔÁÊÒÃÐ สัตตมหาสถาน คุณประโยชนของอริยสัจ ๔ แกปญหาตามหลักอริยสัจ 4
2. ครูสรางบัตรคําเกี่ยวกับสถานการณตางๆ
สถานที่สำาคัญ ๗ แห่งที่พระพุทธเจ้าเสด็จประทับเสวยวิมุตติสุข หลังจากได้ทรงตรัสรู้ธรรมวิเศษ (อนุตตร-
สัมมาสัมโพธิญาณ) แล้ว เป็นเวลาแห่งละ ๑ สัปดาห์ เรียงตามลำาดับต่อไปนี้ ที่เปนประสบการณใกลตัวในชีวิตประจําวัน
1. อริยสัจ 4 สอนให้เราไม่ประมาท คือ เตือนเราว่า ปัญหาและความทุกข์ของคนเรานั้นเกิดได้ทุกเมื่อ ของนักเรียน ใหนักเรียนจับสลากคูละ
เราไม่ควรหลงระเริง หลังจากที่แก้ปัญหาใดปัญหาหนึ่งได้แล้ว ปัญหาใหม่อาจเกิดตามมาอีกมากมาย ชีวิตและโลก
เต็มไปด้วยปัญหา โลกมิใช่วิมานสวรรค์ แต่โลกก็มิใช่ขุมนรกที่เราจะหลุดพ้นออกไปมิได้ เราต้องไม่มองโลกในแง่ดี
1 บัตรคํา แลววิเคราะหสาเหตุและแนวทางใน
และไม่มองในแง่ร้าย เมื่อมีความสุขก็ไม่หลงลืมตัว แต่พร้อมจะเผชิญปัญหาทุกเมื่อ การแกปญหาดังกลาวรวมกัน บันทึกลงสมุด
2. อริยสัจ 4 สอนให้เราแก้ปัญหาด้วยปัญญาและเหตุผล คือ สิ่งทั้งปวงเกิดจากสาเหตุบางอย่าง สงครูผูสอน
หากต้องการแก้ปัญหาก็ต้องพยายามสืบสาวราวเรื่องให้ถึงต้นตอ ให้รู้ว่าต้นตอที่แท้จริงอยู่ที่ไหน หากดับต้นตอ 3. ครูใหนักเรียนชวยกันบอกวา การเรียนรู
ของปัญหาได้ก็ย่อมดับปัญหาได้ ไม่มีอะไรที่จะเกิดขึ้นได้ลอยๆ ทุกอย่างต้องมีเหตุมีปัจจัย
3. อริยสัจ 4 สอนให้เราแก้ปัญหาด้วยตัวเราเอง ทั้งนี้เพราะว่าปัญหาทั่วไปที่เราประสบนั้นเกิดจาก
หลักธรรมอริยสัจ 4 สามารถนํามาประยุกตใช
ตัวเราเอง ตัวเราเองเท่านั้นจึงจะแก้ไขได้ จะอาศัยโชคชะตา ฤกษ์ยาม สิ่งศักดิ์สิทธิ์เหนือธรรมชาติย่อมช่วยไม่ได้ ในชีวิตประจําวันไดอยางไร
บางปัญหาอาจมีผู้อื่นเข้ามาช่วย แต่ในที่สุดตัวเราเองเท่านั้น ที่จะรู้ว่าความทุกข์หมดหรือยังไม่หมด (แนวตอบ การเรียนรูหลักอริยสัจ 4 สอนใหรูจัก
4. อริยสัจ 4 ช่วยให้เราเห็นสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริง มิใช่นึกคิดเอาตามกิเลสตัณหาของเรา ช่วยให้ คิดอยางเปนระบบ รูจักแกปญหาดวยปญญา
เราหลุดพ้นจากกิเลสตัณหา ทำาให้เกิดแสงสว่างแห่งปัญญา และปัญญาก็จะเป็นเครื่องนำาทางของชีวิต ชีวิตที่ดำาเนิน
ไปตามปัญญาย่อมสงบสุข ปลอดโปร่ง ไม่คิดเห็นแก่ตัว จิตใจก็จะค่อยๆ คำานึงถึงผู้อื่น พร้อมที่จะรับรู้ความสุข
และเหตุผล สามารถวิเคราะหสาเหตุและ
ความทุกข์ของเพือ่ นร่วมโลก ก่อให้เกิดความกรุณาขึน้ แล้วบำาเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์สขุ แก่คนทัว่ ๆ ไป รวมทัง้ สัตว์ แนวทางในการแกปญหาไดตามความเปนจริง
ทั้งหลายด้วย ปัญญากับกรุณาที่ไปด้วยกันจะทำาให้โลกปกติสุข ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดได้จากการเข้าใจอริยสัจ ๔ ฝกใหรูจักคิดอยางรอบคอบและมองการณไกล)
1
พระอุโบสถวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร
2 หาร ตัง้ อยูท่ เี่ ขตดุสติ
พระอารามหลวงชัน้ เอก ชนิดราชวรวิ
ตรวจสอบผล Evaluate
กรุงเทพมหานคร เป็นพระอุโบสถทีม่ สี ถาปัตยกรรมงดงาม
มาก และใช้หินอ่อนสีขาวบริสุทธิ์ในการก่อสร้าง 1. ตรวจสอบจากความถูกตองในการตอบคําถาม
และการอภิปราย
2. ตรวจสอบจากความถูกตองของเนื้อหา
และความสวยงามในการจัดปายนิเทศ
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
ลดาเสียใจที่ไมไดเหรียญทองในการแขงขันกีฬาวอลเลยบอล
ครูควรใหนักเรียนออกมาเลาตัวอยางเหตุการณหรือประสบการณสวนตัวที่แสดง
จัดเปนอริยสัจ 4 ขอใด
ใหเห็นวาไดนําหลักธรรมอริยสัจ 4 ไปใชแกปญหาในชีวิตประจําวัน
1. สมุทัย
2. นิโรธ
3. มรรค
4. ทุกข
นักเรียนควรรู
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. ทุกข หมายถึง ความไมสบายกาย 1 วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร ในสมัยพระบาทสมเด็จ
ไมสบายใจ ซึ่งสอดคลองกับความรูสึกเสียใจของลดา พระจอมเกลาเจาอยูหัว โปรดเกลาฯ พระราชทานนามวา “วัดเบญจบพิตร”
หมายความวา วัดของเจานาย 5 พระองค ครั้นในสมัยพระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกลาเจาอยูหัวโปรดเกลาฯ ใหเปลี่ยนชื่อวัด จาก “เบญจบพิตร” เปน
“วัดเบญจมบพิตร” หมายถึง วัดของพระเจาแผนดิน รัชกาลที่ 5
และเพิ่มสรอยนามวา ดุสิตวนาราม
2 พระอุโบสถ หรือที่โดยทั่วไปเรียกกันวา โบสถ อันเปนสถานที่สําหรับพระสงฆ
ประชุมทําสังฆกรรม
คูมือครู 91
ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Evaluate
Engage Explore Explain Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
ตรวจสอบความถูกตองจากการตอบคําถาม
ประจําหนวยการเรียนรู ค íา¶ามประจ íาหน่วยการเรียนรู้
พุทธศาสนสุภาษิต
ÇÔÊØ·Ú¸Ô Ê¾Ú¾à¡ÚÅàÊËÔ âËµÔ ·Ø¡Úà¢ËÔ ¹Ô¾Ú¾ØµÔ : ¤ÇÒÁËÁ´¨´¨Ò¡¡ÔàÅÊ·Ñ駻ǧ
໚¹¤ÇÒÁ´Ñº¨Ò¡·Ø¡¢·Ñé§ËÅÒÂ
92
แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. พระธรรม คือ หลักคําสอนของพระพุทธเจา มีคุณประโยชนตอผูปฏิบัติ คือ ทําใหผูปฏิบัติมีชีวิตที่มีความสุข ลด ละ เลิกจากกิเลสทั้งปวงได
2. อริยสัจ 4 คือ ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ ไดแก ทุกข ความจริงวาสรรพสัตวยอมมีความทุกข สมุทัย ความจริงวาทุกขยอมมีสาเหตุการเกิด นิโรธ ความจริงวา
ความทุกขตางๆ สามารถดับได มรรค ความจริงวาความทุกขยอมมีวิธีการหรือแนวทางในการดับทุกข
3. อบายมุข คือ ทางแหงความเสื่อม มีโทษ 7 อยาง ดังนี้
1) ทําใหเสียทรัพยโดยเปลาประโยชน 5) ทําใหผูคนหวาดระแวง ขาดความนาเชื่อถือ
2) ทําใหหมกมุนในสิ่งที่หาสาระไมได 6) ทําใหรางกาย สติปญญาเสื่อมถอย
3) ทําใหประกอบหนาที่การงานไมได 7) ทําใหเปนคนทุจริต
4) ทําใหชีวิตตกตํ่า
ตัวอยางเชน การเสพสิ่งเสพติดทําใหเกิดอาการจิตหลอน เกิดความคลุมคลั่ง เปนตน
4. กรรม คือ การกระทําสิง่ ตางๆ ทัง้ ทีด่ แี ละไมดี ผลของการกระทํานัน้ ยอมเปนปจจัยเกือ้ หนุนใหบคุ คลไดรบั ผลดังทีก่ ระทําไว ตัวอยาง วันนีเ้ ด็กชายแดงทําการบานทีค่ รูสงั่
เสร็จเรียบรอย แตพอจะสงเพื่อนขางๆ ขอยืมลอก แดงเห็นวาเปนเพื่อนกันก็ใหลอก ครูมาเห็นเขาก็วากลาวทั้งแดงและเพื่อน เหตุการณนี้สะทอนใหเห็นวาการที่แดงรีบ
ทํางานที่ครูสั่งใหเสร็จเปนสิ่งที่ดี ครูชมเชย แตการที่แดงยอมใหเพื่อนลอกแทนที่จะแนะนําหากเพื่อนสงสัยเปนสิ่งที่ไมถูกตอง เปนการทํารายเพื่อนทางออม เพราะเพื่อน
แคเขียนสงแตไมเขาใจเนื้อหา ครูจึงตักเตือน ดังนั้น จึงสรุปไดวาควรแยกแยะเปนกรณี
5. ปฏิบัติตามหลักอริยสัจ 4 เพราะเปนหัวใจของพระพุทธศาสนา สามารถนําพาบุคคลใหหลุดพนจากกิเลสได
92 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
หน่วยการเรียนรู้ที่
พระไตรปฎก
๔ 1. อธิบายความหมายและความสําคัญของ
พระไตรปฎกได
2. วิเคราะหโครงสรางและสาระสําคัญของ
พระไตรปฎกได
และพุทธศาสน 3. นําหลักพุทธศาสนสุภาษิตมาปรับใชใน
ชีวิตประจําวันได
สุภาษิต
สมรรถนะของผูเรียน
1. ความสามารถในการคิด
2. ความสามารถในการแกปญหา
ตัวชี้วัด 3. ความสามารถในการใชทักษะชีวิต
● อธิ บ ายโครงสร้ า งและสาระโดยสั ง เขปของ
พระไตรปิฎก หรือคัมภีรข์ องศาสนาทีต่ นนับถือ
●
(ส ๑.๑ ม.๒/๗)
อธิบายธรรมคุณและข้อธรรมสำาคัญในกรอบ
คุณลักษณะอันพึงประสงค
อริยสัจ ๔ หรือหลักธรรมของศาสนาทีต่ นนับถือ
ตามที่กำาหนด เห็นคุณค่าและนำาไปพัฒนา 1. รักชาติ ศาสน กษัตริย
แก้ปัญหาของชุมชนและสังคม
(ส ๑.๑ ม.๒/๘)
2. ใฝเรียนรู
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
● โครงสร้าง และสาระสังเขปของพระวินัยปิฎก
กระตุน ความสนใจ Engage
พระสุตตันตปิฎก และพระอภิธรรมปิฎก
● พุทธศาสนสุภาษิต ครูนําหนังสือพระไตรปฎกมาใหนักเรียนดู
และกระตุนโดยถามนักเรียนวา
• นักเรียนเคยอานพระไตรปฎกหรือไม
¾ÃÐäµÃ»®¡à»š¹¤ÑÁÀÕ÷ ºÕè ÃèØËÅÑ¡¸ÃÃÁ¤íÒÊ͹¢Í§
และพระไตรปฎกมีความสําคัญอยางไร
¾Ãоط¸à¨ŒÒ «Ö§è ᵋà´ÔÁÁÕ¡Òö‹Ò·ʹµ‹Íæ ¡Ñ¹ÁÒ´ŒÇ¡ÒÃ
·‹Í§¨íÒ ÀÒÂËÅѧ¨Ö§ä´ŒÁÕ¡ÒèÒÃ֡໚¹ÅÒÂÅѡɳÍÑ¡Éà ตอพระพุทธศาสนา
¾ÃÐäµÃ»®¡¨Ö§ÁÕʋǹÊíÒ¤ÑÞ㹡ÒÃÊ׺µ‹Í¾Ãоط¸ÈÒÊ¹Ò (แนวตอบ พระไตรปฎก คือ คัมภีรของ
´Ñ§¹Ñ¹é ¾Ø·¸ÈÒʹԡª¹·Õ´è ¨Õ §Ö ¤ÇÃÈÖ¡ÉÒ¾ÃÐäµÃ»®¡à¾×Íè ãËŒÁÕ พระพุทธศาสนา ซึ่งบันทึกหลักคําสอน
¤ÇÒÁÃÙ¤Œ ÇÒÁࢌÒã¨ã¹ËÅÑ¡¸ÃÃÁ¤íÒÊ͹¢Í§¾Ãоط¸ÈÒÊ¹Ò ของพระพุทธเจาและพระสาวก โดยมีการ
ä´Œ´ÕÂÔ觢Öé¹ สังคายนามาแลวหลายครั้งจนเชื่อไดวา
¹Í¡¨Ò¡¹Õé ¡ÒÃÈÖ¡ÉҾط¸ÈÒʹÊØÀÒÉÔµ¨Ðª‹ÇÂãËŒ ถูกตอง เพื่อใชเปนแนวทางในการปฏิบัติตน
ࢌÒã¨ËÅÑ¡¸ÃÃÁµ‹Ò§æ 䴌͋ҧ¶Ù¡µŒÍ§ áÅÐÊÒÁÒöàÅ×Í¡ÊÃà และเขาใจธรรมะตางๆ ในพระพุทธศาสนา)
ä»ãªŒà»š¹á¹Ç·Ò§ã¹¡ÒôíÒà¹Ô¹ªÕÇµÔ ä´ŒÍ‹ҧ¶Ù¡µŒÍ§àËÁÒÐÊÁ • นักเรียนสามารถศึกษาพระธรรมคําสอน
ÍÕ¡´ŒÇÂ
ของพระพุทธเจาจากที่ใดบาง
(แนวตอบ เชน หนังสือธรรมะ เว็บไซตธรรมะ
พระไตรปฎก เปนตน)
เกร็ดแนะครู
ครูควรจัดกิจกรรมการเรียนรู เพือ่ ใหนกั เรียนอธิบายความหมายและความสําคัญ
ของพระไตรปฎก รวมถึงวิเคราะหโครงสรางและสาระสําคัญของพระไตรปฎก
ตลอดจนนําพุทธศาสนสุภาษิตมาปรับใชในชีวิตประจําวัน โดยเนนการพัฒนาทักษะ
กระบวนการที่สําคัญ ไดแก ทักษะการคิดวิเคราะห กระบวนการสืบสอบ และ
กระบวนการกลุม ดังนี้
• ใหนักเรียนสืบคนขอมูลเกี่ยวกับพระไตรปฎกและพุทธศาสนสุภาษิต
• จัดใหมีการอภิปรายโครงสรางและสาระสําคัญของพระไตรปฎก ไดแก
พระวินัยปฎก พระสุตตันตปฎก และพระอภิธรรมปฎก หรือคัมภีรทาง
ศาสนาที่นักเรียนนับถือ
• ใหนักเรียนศึกษาและยกตัวอยางพุทธศาสนสุภาษิต เพื่อการนําไปใช
ในชีวิตประจําวัน
คูมือครู 93
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูถามนักเรียนวา คัมภีรในพระพุทธศาสนา
คือ พระไตรปฎก สวนคัมภีรในศาสนาอื่นๆ ที่ ๑. โครงสร้างและสาระสÓคัญของพระไตรปิฎก
นักเรียนรูจักมีอะไรบาง
(แนวตอบ เชน ศาสนาคริสต คือ คัมภีรไบเบิล 1.1 ความหมายและความสำาคัญของพระไตรปิ1 ฎก
ศาสนาอิสลาม คือ คัมภีรอัลกุรอาน ศาสนา พระไตรปิฎก แปลว่า “คัมภีร์ ๓” เพราะปิฎก
พราหมณ-ฮินดู คือ คัมภีรพระเวท ศาสนาสิข คือ แปลว่า “คัมภีร์” พระไตรปิฎก คือ คัมภีรท์ บี่ รรจุ
คัมภีรครันถสาหิพ ศาสนาเชน คือ คัมภีรอังคะ หลักค�าสอนของพระพุทธศาสนา แบ่งเป็น ๓ ส่วน
ศาสนาโซโรอัสเตอร คือ คัมภีรอเวสตะ เปนตน) ได้แก่ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก และ
พระอภิธรรมปิฎก
สํารวจคนหา Explore ในสมัยพุทธกาล พระพุทธองค์มิได้เรียก
ค�าสั่งสอนของพระองค์ว่า “พระพุทธศาสนา”
ครูใหนักเรียนสืบคนขอมูลเกี่ยวกับความหมาย แต่เรียกว่า “พรหมจรรย์” บ้าง “ธรรมวินัย” บ้าง
โครงสราง และสาระสําคัญของพระไตรปฎก หลังจากพระพุทธเจ้าปรินพิ พานแล้ว นิยมเรียก
จากหนังสือเรียนหนา 94-96 และแหลงเรียนรูตางๆ ค�าสัง่ สอนของพระองค์วา่ ธรรมวินยั การสืบทอด
เชน หองสมุด อินเทอรเน็ต ผูรูดานพระไตรปฎก ค�าสัง่ สอนของพระองค์นนั้ กระท�าโดยการท่องจ�า
สนทนาธรรมกับพระสงฆ เปนตน เพื่อนําความรู จนกระทัง่ ประมาณ พ.ศ. ๔๕๐ จึงได้มกี ารจารึก
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวง
มาอภิปรายในชั้นเรียน นราธิวาสราชนครินทร์ ทรงร่วมจัดทำาพระไตรปิฎกฉบับ พระพุทธวจนะลงเป็2นลายลักษณ์อักษร ภาษา
ภาษาโรมัน และได้พระราชทานไปยังประเทศต่างๆ
ทีจ่ ารึกคือภาษาบาลี ในเมืองไทยได้มกี ารตีพมิ พ์
อธิบายความรู Explain พระไตรปิฎกภาษาบาลีด้วยภาษาไทยเป็นครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ ๕ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๘
1. ครูนําสนทนาเกี่ยวกับพระไตรปฎก และ ได้เริ่มแปลพระไตรปิฎกเป็นภาษาไทย และตีพิมพ์ครั้งแรกเป็นการฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ
ถามคําถาม ปัจจุบันมีพระไตรปิฎกท�าเป็นแผ่น CD ROM ผลิตโดยสถาบันต่างๆ เช่น มหาวิทยาลัย
• พระไตรปฎกทั้ง 3 หมวด แตกตางกันเรื่องใด มหามกุฏราชวิทยาลัย ซึ่งสะดวกในการค้นคว้า รวมทัง้ มีผนู้ า� ไปเผยแพร่ลงในเว็บไซต์ทเี่ กีย่ วข้อง
(แนวตอบ แตกตางในเรื่องเนื้อหาสาระ หมวด กับพระพุทธศาสนาอีกเป็นจ�านวนมาก ซึ่งเราสามารถสืบค้นได้โดยผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
พระวินัยปฎก เกี่ยวของกับกฎระเบียบของ 1.2 คัมภีร์และโครงสร้างพระไตรปิฎก
ภิกษุและภิกษุณี หมวดพระสุตตันตปฎก
เกี่ยวของกับประวัติ เรื่องราว หัวขอธรรมะ พระไตรปิฎกแบ่งออกเป็น ๓ หมวด ดังนี้
ณ สถานที่ตางๆ หมวดพระอภิธรรมปฎก พระวินัยปิฎก สุตตวิภังค์ ขันธกะ ปริวาร
เกี่ยวของกับหลักธรรมที่เปนวิชาการ)
พระไตรปิฎก
94 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนกลุมที่ 1 ที่ศึกษาหมวด
๑. พระวินัยปิฎก พระวินัยปฎก สงตัวแทนออกมาอธิบาย
1 โครงสรางและสาระสําคัญของหมวดนี้
พระวินัยปิฎก คือ ส่วนที่ว่าด้วยสิกขาบท หรือศีลของพระภิกษุและพระภิกษุณี จากนั้นครูซักถามนักเรียนกลุมที่ 1 วา
แบ่งออกเป็น ๓ หมวดย่อย ดังนี้ หมวดสุตตวิภังค ขันธกะ และปริวาร
๑. สตุ ตวิภงั ค์ คือ ส่วนทีว่ า่ ด้วยศีลในพระปาฏิ
2 โมกข์ หรือศีลส�าคัญของภิกษุและภิกษุณี
๒. ขนั ธกะ คือ ส่วนทีว่ า่ ด้วยสังฆกรรม พิธกี รรม วัตรปฏิบตั ขิ องพระ ตลอดจนมารยาท
มีความสําคัญอยางไร เพื่อนนักเรียนคนอื่นๆ
เพื่อความงามของสงฆ์ จดสรุปความรูลงในสมุด
๓. ปริวาร คือ ส่วนที่สรุปข้อความหรือคู่มือพระวินัยปิฎก อธิบายในรูปค�าถาม ค�าตอบ 2. ครูใหนักเรียนกลุมที่ 2 ที่ศึกษาหมวด
เพื่อความเข้าใจแจ่มแจ้ง พระสุตตันตปฎก สงตัวแทนออกมาอธิบาย
ความสําคัญของหมวดนี้ และครูสอบถามวา
5 นิกายในหมวดพระสุตตันปฎก แตละนิกาย
๒. พระสุตตันตปิฎก มีความสําคัญอยางไร
3. ครูนาํ สนทนาเรือ่ งพระไตรปฎก และตัง้ คําถามวา
พระสุตตันตปิฎก คือ ส่วนที่ว่าด้วยพระธรรมเทศนาของพระพุทธเจ้า (และของ • ประโยชนที่ไดรับจากการศึกษาพระไตรปฎก
พระสาวกบางส่วน) ที่ทรงแสดงแก่บุคคลต่างๆ ในวาระโอกาสต่างกัน แบ่งเป็น ๕ นิกาย ดังนี้
๑. ทีฆนิกาย คือ หมวดที่ประมวลสูตรขนาดยาว
มีอะไรบาง
๒. มัชฌิมนิกาย คือ หมวดที่ประมวลสูตรขนาดปานกลาง (แนวตอบ เชน ทําใหรูพระธรรมวินัยของ
๓. สังยุตตนิกาย คือ หมวดที่ประมวลสูตรโดยจัดกลุ่มตามเนื้อหา เช่น กลุ่มสัจจะ พระพุทธเจาและคําสั่งสอนของพระสาวก
เรียกว่า สัจจสังยุตต์ ทําใหเกิดความรูและความเขาใจวาธรรมะ
๔. อังคุตตรนิกาย คือ หมวดที่ประมวลหมวดธรรมจากน้อยไปหามาก เช่น ตางๆ ในพระไตรปฎกจะนําไปใชในดานใด
เอกนิบาต เป็นหมวดว่าด้วยธรรมะ ๑ ข้อ ทุกนิบาต เป็นหมวดว่าด้วยธรรมะ บาง ใชขอความในพระไตรปฎกเปนเครื่อง
๒ ข้อ ตัดสินใจเมื่อมีการตีความคําสอนขัดแยงกัน
๕. ขุททกนิกาย คือ หมวดที่ประมวลเรื่องเบ็ดเตล็ดต่างๆ ที่มิได้รวบรวมไว้ใน เขาใจเหตุผลในการบัญญัติพระวินัยและ
๔ นิกายข้างต้น โดยแบ่งออกเป็น ๑๕ ประเภท ที่มาของพระธรรมคําสอน เปนตน)
ถูปาราม เมืองอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา สถานที่ทำา
4. ครูใหนักเรียนในหองบันทึกขอมูลของหมวด
สังคายนาพระธรรมวินัย ครั้งที่ ๔ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๘ พระวินัยปฎกและพระสุตตันตปฎกที่ไดจาก
การอภิปรายหนาชั้นลงในสมุด
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
เพราะเหตุใด พระไตรปฎกจึงเปรียบเสมือนตัวแทนของพระพุทธเจา
ครูแนะนําใหนักเรียนดูรายละเอียดเพิ่มเติมในหนังสือพจนานุกรมศัพท
แนวตอบ เนื่องจากพระพุทธเจาไดตรัสไวครั้งหนึ่งวา พระธรรมวินัยจะเปน พระไตรปฎกอักษร อ. เลม 1-3 ฉบับราชบัณฑิตยสถาน
ศาสดาแทนพระองคภายหลังที่พระองคปรินิพพานไปแลว พระไตรปฎก
จึงเปรียบเสมือนตัวแทนของพระพุทธเจา และเปนที่ที่ชาวพุทธสามารถเขา
เฝาพระศาสดาของตนได เพราะพุทธศาสนิกชนสามารถศึกษาพระปริยัติ นักเรียนควรรู
จากพระไตรปฎก เพื่อใชเปนแนวทางในการปฏิบัติตนใหพนจากความทุกข
และเขาสูนิพพาน ซึ่งเปนเปาหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา 1 สิกขาบท คือ ขอศีล ขอวินัยของพระภิกษุสงฆ
2 สังฆกรรม คือ กิจกรรมทางพระวินัยที่พระภิกษุจํานวน 4 รูปขึ้นไปจะตอง
ทําโดยพรอมเพรียงกันภายในเขตสีมา ที่เรียกวา พระอุโบสถหรือโบสถ ซึ่งตาม
พระธรรมวินัย สังฆกรรมมี 4 อยาง ไดแก
• อุปโลกนกรรม คือ การปรึกษาหารือ
• ญัตติกรรม คือ สวดเผดียงสงฆ (การประชุมทีม่ กี ารสวดตัง้ เรือ่ งทีจ่ ะประชุม)
• ญัตติทุติยกรรม คือ สวดตั้งญัตติและสวดอนุสาวนา
• ญัตติจตุตถกรรม คือ สวดตั้งญัตติและสวด
อนุสาวนา 3 ครั้ง คูมือครู 95
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนกั เรียนกลุม ที่ 3 ทีศ่ กึ ษาหมวด
พระอภิธรรมปฎก สงตัวแทนมาอธิบายหนาชั้น
เกี่ยวกับโครงสรางและความสําคัญของหมวดนี้ ๓. พระอภิธรรมปิฎก
2. ครูใหนกั เรียนกลมุ ที่ 3 เลือกหลักธรรมในหมวดนี้ พระอภิธรรมปิฎก คือ ส่วนที่ว่าด้วยการอธิบายหลักธรรมในรูปวิชาการ ไม่เกี่ยวด้วย
มา 1 หัวขอ พรอมอธิบายและยกตัวอยางวา บุคคลและเหตุการณ์ แบ่งเป็น ๗ คัมภีร์ ดังนี้
หลักธรรมนี้สามารถนํามาประยุกตใชในชีวิต ๑. ธัมมสังคณี คือ คัมภีร์ที่รวมข้อธรรมเป็นหมวดๆ แล้วแยกอธิบายเป็นประเภทๆ
ของนักเรียนไดอยางไร นักเรียนคนอื่นๆ ๒. วิภงั ค์ คือ คัมภีรท์ แี่ ยกแยะข้อธรรมในสังคณี แล้วแสดงรายละเอียดเพือ่ ความเข้าใจ
จดสรุปความสําคัญของหลักธรรมนี้ แจ่มแจ้ง
๓. ธาตุกถา คือ คัมภีร์ที่จัดข้อธรรมลงในขันธ์ ธาตุ อายตนะ ว่ามีข้อใดเข้ากันได้
ขยายความเขาใจ Expand หรือไม่อย่างไร
๔. ปุคคลบัญญัติ คือ คัมภีร์ที่บัญญัติเรียกบุคคลต่างๆ ตามคุณธรรมที่มี
1. ครูใหนักเรียนอานหมวดยอยของพระไตรปฎก ๕. กถาวัตถุ คือ คัมภีร์ที่อธิบายทรรศนะที่ขัดแย้งกัน โดยเน้นทรรศนะของเถรวาท
หมวดใดก็ได แลวใหนกั เรียนเขียนสรุปหลักธรรม ที่ถูกต้อง
และแงคิดที่ไดจากหมวดนั้นลงในสมุดและ ๖. ยมก คือ คัมภีรท์ ยี่ กธรรมขึน้ เป็นคูๆ่ เช่น กุศล ‑ อกุศล แล้วอธิบายโดยวิธถี ามตอบ
สงครูผูสอน ๗. ปัฏฐาน คือ คัมภีร์ที่อธิบายปัจจัยหรือเงื่อนไขทางธรรม ๒๔ ประการ ว่าธรรม
ข้อใดเป็นเงื่อนไขแก่ธรรมข้อใด
2. ครูใหนักเรียนทํารายงานสรุปโครงสรางและ
ความสําคัญของพระไตรปฎกพอสังเขป โดย
วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราช-
ใหนักเรียนพิมพเปนภาษาตามความเขาใจของ วรมหาวิ ห าร กรุ ง เทพมหานคร
ตนเอง แลวนําสงครูผูสอน สถานทีท่ าำ สังคายนาพระธรรมวินยั
ครั้งที่ ๑๐ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๘
ตรวจสอบผล Evaluate
1. ตรวจสอบจากการเขียนสรุปหลักธรรมและ
แงคิดจากหมวดยอยของพระไตรปฎก
2. ตรวจสอบจากรายงานสรุปโครงสรางและ
ความสําคัญของพระไตรปฎก
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
เพราะเหตุใด พุทธศาสนิกชนจึงควรศึกษาพระไตรปฎกใหเขาใจอยางถองแท
ครูอธิบายเพิม่ เติมวา เรือ่ งเกีย่ วกับบทบัญญัตขิ องคณะสงฆ สําหรับเปนขอบังคับใน
การปฏิบตั ติ วั ของผูอ อกบวชเทานัน้ เรียกวา “วินยั ” สวน ธรรม เปนคําสอนทีค่ รอบคลุม แนวตอบ พระไตรปฎกเปนคัมภีรทางพระพุทธศาสนาที่บรรจุหลักธรรม
พุทธบริษัท 4 (ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา) แบงออกเปน 2 อยาง ไดแก ธรรมที่ คําสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจาไว พุทธศาสนิกชนจึงควรศึกษา
พระพุทธเจาตรัสแสดงไปตามกาลเทศะ โตตอบกับบุคคลตางๆ เปนเรื่องๆ ในพระ พระไตรปฎกใหแตกฉาน เพื่อใหมีความรูความเขาใจหลักธรรมทาง
ไตรปฎกจะรวบรวมธรรมแบบนี้ไวพวกหนึ่ง เรียกวา “สุตตันตะ” หรือพระสูตร สวน พระพุทธศาสนาอยางถองแทและถูกตอง สามารถนําหลักธรรมที่ดีงาม
ธรรมที่พระพุทธเจาตรัสแสดงไปตามเนื้อหาหรือเปนวิชาการลวนๆ โดยไมเกี่ยวของ ไปปรับประยุกตใชใหสอดคลองกับการดําเนินชีวิตประจําวัน ทําใหชีวิต
กับบุคคลหรือเหตุการณใดๆ เชน เรื่องขันธ 5 ไดอธิบายโดยละเอียดวาขันธ 5 คือ มีความสงบสุข ไมวุนวาย เมื่อเกิดปญหาชีวิตก็สามารถหาทางออกหรือ
อะไร แบงออกเปนอะไรบาง แตละอยางนั้นเปนอยางไร ในพระไตรปฎกจะจัดอยูใน วิธีแกไขไดอยางถูกตองเหมาะสม นอกจากนั้น ยังสามารถถายทอดหรือ
ประเภท “อภิธัมมะ” หรือพระอภิธรรม เมื่อรวมพระวินัยปฎก พระสุตตันตปฎก และ เผยแผคําสอนทางพระพุทธศาสนาใหแกผูที่สนใจหรือผูที่ตองการรู
พระอภิธรรมปฎกเขาดวยกัน ก็จะเกิดสามหมวดหมูใหญเปนพระไตรปฎกขึ้นมา หลักธรรมมากขึ้นไดดวย
96 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
1. ครูใหนักเรียนชวยกันยกตัวอยางพุทธศาสน-
๒. พุทธÈาส¹สุÀาÉิต สุภาษิต โดยออกมาเขียนบนกระดาน
หนาชั้นเรียน
2.1 กมฺมุนา วตฺตตี โลโก : สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม 2. ครูใหนักเรียนบอกคติประจําใจของนักเรียนวา
กรรม แปลว่า การกระท�า และมักหมายรวมถึงผลแห่งการกระท�า ในภาษาไทยปัจจุบัน ตรงกับพุทธศาสนสุภาษิตหรือไม สามารถ
ค�าว่า กรรม มักใช้ในความหมายว่าเป็นการกระท�าที่ไม่ดี เช่น มีค�ากล่าวว่า “กรรมตามสนอง” นํามาใชในชีวิตประจําวันไดอยางไร
หมายถึง การได้รับผลร้ายจากการกระท�าที่ไม่ดี
ในทางพระพุ ท ธศาสนาสอนว่ า คนเราจะมี ชี วิ ต เป็น ไปอย่างไรนั้น ขึ้น อยู่กับ กรรมหรือ สํารวจคนหา Explore
การกระท�าของเรา ดังพุทธด�ารัสทีว่ า่ “ควรพิจารณาโดยเนืองๆ ว่า เรามีกรรมเป็นของตน เป็นผูร้ บั
ผลแห่งกรรม มีกรรมเป็นก�าเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย เราท�ากรรมอันใด 1. ครูใหนักเรียนหากรณีตัวอยางบุคคลจากสื่อ
ไว้ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม เราจักเป็นผู้รับผลแห่งกรรมนั้น” หรือแหลงเรียนรูตางๆ ที่มีการกระทํา
พระพุทธศาสนาสอนว่า คนที่ยังไม่หมดสิ้นซึ่งกิเลส เมื่อตายไปแล้ว จะต้องไปเกิดใหม่ สอดคลองกับพุทธศาสนสุภาษิต มาอภิปราย
ใครจะเกิดที่ใดนั้นย่อมเป็นไปตามกรรมที่ตนท�าไว้ ในหองเรียน
ศาสนาฮินดู เชื่อว่า คนเราแบ่งออกได้เป็น ๔ วรรณะโดยก�าเนิด ได้แก่ วรรณะพราหมณ์ เกิด 2. ครูใหนักเรียนศึกษาตัวอยางพุทธศาสนสุภาษิต
จากปากของพระพรหม วรรณะกษัตริย์ เกิดจากอกของพระพรหม วรรณะไวศยะ เกิดจากขาของ ในหนังสือเรียนหนา 97-101
พระพรหม และวรรณะศูทร เกิดจากเท้าของพระพรหม
แต่พระพุทธองค์ทรงชี้ให้เห็นว่า คนทุกคนไม่ว่าจะเป็นพราหมณ์ กษัตริย์ ไวศยะ และศูทร อธิบายความรู Explain
ล้วนคลอดจากครรภ์มารดาทั้งนั้น คนเราเกิดมาเป็นอะไรก็ได้ แล้วแต่ว่าตนมีความสามารถอะไร
ประกอบอาชีพอะไร คือท�าอะไรนั่นเอง 1. ครูใหนกั เรียนสืบหาและยกตัวอยางพุทธศาสน-
พระพุทธศาสนาสอนว่าคนเราจะมีความสุข ความทุกข์ เป็นคนดี เป็นคนชั่ว ก็แล้วแต่กรรม สุภาษิตที่ไมซํ้ากับหนังสือเรียน คนละ 1 เรื่อง
หรือการกระท�าของตน คนเกียจคร้านสันหลังยาวจะมีความเจริญในอาชีพการงานได้อย่างไร โดยบันทึกลงในสมุด จากนั้นนํามาแลกกับ
คนทีค่ รุน่ คิดพยาบาทหรืออิจฉาริษยาผูอ้ นื่ จิตใจจะสงบสุขได้อย่างไร ถ้าอยากเป็นคนบริสทุ ธิก์ ต็ อ้ ง เพื่อนในชั้นเรียน และบันทึกลงในสมุดเพิ่มเติม
ท�าแต่สิ่งที่บริสุทธิ์ และต้องท�าด้วยตนเอง คนอื่นท�าให้ไม่ได้ 2. ครูใหนักเรียนวิเคราะหวา สัตวโลกยอมเปนไป
ชาวฮินดูเชือ่ ว่า การอาบน�า้ ในแม่นา�้ ศักดิส์ ทิ ธิ์ จะท�าให้ผทู้ า� กรรมชัว่ เป็1นคนบริสทุ ธิ์ พระพุทธองค์ ตามกรรมกับกรรมตามสนอง มีความหมาย
ทรงสอนว่า “ถ้าคนพ้นจากกรรมชั่วเพราะการอาบน�้าในแม่น�้าศักดิ์สิทธิ์ได้ ปลา กบ เต่า จระเข้ เหมือนหรือแตกตางกันอยางไร โดยยกตัวอยาง
และอื่นๆ ก็คงจะได้ขึ้นสวรรค์กันหมด สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามผลกรรมที่ตนท�าไว้” ประกอบคําอธิบาย
3. ครูใหนักเรียนศึกษาคําวา “วิบากกรรม”
2.2 กลฺยาณการี กลฺยาณำ ปาปการี จ ปาปกำ : ทำาดีได้ด ี ทำาชัว่ ได้ชว่ั
“เจากรรมนายเวร” และ “เคราะหกรรม”
พระพุทธศาสนามีหลักค�าสอนที่ส�าคัญยิ่งข้อหนึ่ง เรียกกันว่า “กฎแห่งกรรม” กฎแห่งกรรม ทั้ง 3 คํานี้ มีความหมายแตกตางกันอยางไร
มีความหมายว่า ท�าดีได้ดี ท�าชั่วได้ชั่ว กรรมแปลตามศัพท์ว่า การกระท�า หมายถึง การกระท�าที่ ตรงกับพุทธศาสนสุภาษิตวา ทําดีไดดี ทําชั่ว
ประกอบไปด้วยเจตนา การกระท�าที่ปราศจากเจตนาไม่นับเป็นกรรม อย่างเช่น เดินไปเหยียบมด ไดชั่ว อยางไร
ตายโดยไม่รู้ตัว ไม่มีเจตนาไม่เป็นกรรม และค�าว่า วิบาก แปลว่า ผล กรรมวิบากจึงแปลว่า
ผลแห่งกรรม ผลของกรรม แบ่งเป็น ๓ ระดับ ดังนี้
97
บูรณาการเชื่อมสาระ
ครูสามารถนําเนื้อหาเรื่องวรรณะ ไปบูรณาการเชื่อมโยงกับกลุมสาระ นักเรียนควรรู
การเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาประวัติศาสตร เรื่อง
1 แมนํ้าศักดิ์สิทธิ์ หมายถึง แมนํ้าคงคา มีความยาวประมาณ 2,510 กิโลเมตร
อารยธรรมอินเดียสมัยกอนประวัติศาสตร โดยครูอธิบายวาอินเดียเปนแหลง
มีตน กําเนิดจากเทือกเขาหิมาลัย ไหลผานทางตอนเหนือของอินเดียไปรวมกับแมนาํ้
กําเนิดอารยธรรมลมุ แมนาํ้ สมัยโบราณทีย่ งิ่ ใหญทสี่ ดุ แหงหนึง่ ของโลก คือ
พรหมบุตรที่ประเทศบังกลาเทศ แลวไหลลงอาวเบงกอล ที่ราบลุมแมนํ้าคงคานี้มี
อารยธรรมลุมแมนํ้าสินธุ เมื่อประมาณ 2,500 ปกอนคริสตกาล มีเมืองสําคัญ
ประชากรอาศัยอยูอยางหนาแนนมากที่สุดแหงหนึ่งของโลก ชาวฮินดูเชื่อวาแมนํ้า
คือ โมเฮนโจ-ดาโรและฮารัปปา ซึ่งปจจุบันอยูในประเทศปากีสถาน กลุมคน
คงคาโดยเฉพาะที่ทาเมืองพาราณสีนั้นมีความศักดิ์สิทธิ์มาก สามารถลางบาปได
ที่สรางสรรคอารยธรรม คือ ชาวดราวิเดียนหรือมิลักขะ ซึ่งมีผิวดํา ริมฝปาก
รวมถึงการโปรยเถากระดูกของผูตายลงแมนํ้าคงคา วิญญาณก็จะไดไปสู
หนา จมูกแบน ตอมาเมื่อประมาณ 1,500 ปกอนคริสตกาล ชาวอารยัน ซึ่งมี
สรวงสวรรค
ผิวขาว จมูกโดง รูปรางสูงใหญ ไดอพยพจากเอเชียกลางเขามายังตอนเหนือ
ของอินเดียและขับไลชาวดราวิเดียนลงไปทางใต ชาวอารยันเกรงวาพวกของตน
จะถูกชาวดราวิเดียนกลืนชาติ จึงกําหนดระบบวรรณะขึ้นมา เพื่อกีดกัน
ไมใหชาวอารยันแตงงานหรือใชชีวิตปะปนกับชาวดราวิเดียน โดยชาวอารยัน
จะอยูใ น 3 วรรณะแรก คือ พราหมณ กษัตริย และแพศย สวนชาวดราวิเดียน
จะอยูในวรรณะศูทร ซึ่งถือเปนทาสรับใช 3 วรรณะขางตน
คูมือครู 97
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม เลือกพุทธศาสนสุภาษิต
ที่ดีที่สุด 1 เรื่อง พรอมระบุความหมายและ ๑) ระดับภายในจิตใจหรือคุณภาพของจิต กรรมท�าให้เกิดผลในจิตใจ มีการสั่งสม
คําอธิบาย พิมพลงในกระดาษ ตัดและตกแตง คุณสมบัติ คือคุณภาพทั้งฝ่ายดีและฝ่ายชั่ว มีอิทธิพลปรุงแต่งความรู้สึกนึกคิด ความโน้มเอียง
ใหสวยงาม แลวใหนักเรียนแตละกลุมนํา ต่างๆ ทุกครัง้ ทีบ่ คุ คลท�าความชัว่ เช่น ด่าหรือนินทาคนอื่นหรือคิดพยาบาทคนอื่น นับว่าเขา
พุทธศาสนสุภาษิตมาติดรวมกันที่ปายนิเทศ “ได้ร1บั ผลชัว่ ” เป็นการตอบแทนทันที นัน่ ก็คอื เขาได้สร้างเชือ้ แห่งความไม่ดซี งึ่ ทางศาสนาเรียกว่า
2. ครูใหนักเรียนยกตัวอยางวา สิ่งใดบางรอบตัว กิเลสหรืออาสวะขึ้นในจิตใจ ท�าให้สภาพจิตใจตกต�่ามัวหมองขึ้น ถ้าเขาท�าเช่นนั้นบ่อยๆ จิตใจ
นักเรียนที่มีอิทธิพลทางความคิด ความรูสึก ของเขาก็จะเต็มไปด้วยความชั่วร้าย หยาบกระด้างขึ้น มีคุณภาพยิ่งต�่าลง ในทางตรงกันข้าม
และการกระทํา ที่ทําใหเกิดกิเลสตัณหา จนอาจ ถ้าคนทีค่ ดิ แต่ในทางดี พลังฝ่ายดีกจ็ ะสัง่ สมในจิตใจ ช�าระจิตให้สะอาด สร้างคุณภาพและสมรรถภาพ
ลืมความถูกตองและความรูสึกผิดชอบชั่วดี ที่ดีแก่จิต พูดให้เข้าใจง่าย คือ “ท�าดีเมื่อใด ก็เป็นคนดีเมื่อนั้น ท�าชั่วเมื่อใด ก็กลายเป็นคนชั่ว
ไปชั่วขณะหนึ่ง นักเรียนจะมีวิธีปองกันและ เมื่อนั้น”
แกไขสิ่งเหลานั้นอยางไรบาง ๒) ระดับบุคลิกภาพและอุปนิสัย กรรมที่ท�าลงไปท�าให้เกิดผลในการสร้างเสริม
(แนวตอบ เชน วัตถุนิยม บริโภคนิยม ที่อาจทําให ลักษณะนิสัย ปรุงแต่งลักษณะความประพฤติ การแสดงออก ท่าที การวางตัว การปรับตัวท�าให้มี
คนเกิดกิเลสบังตา จนลืมความรูสึกผิดชอบชั่วดี บุคลิกลักษณะหรืออุปนิสยั ทีด่ ี เช่น มีเมตตาอารี เอือ้ เฟือ้ เผือ่ แผ่ ไม่อจิ ฉาริษยา ไม่อาฆาตพยาบาท
โดยอาจไปขโมยหรือยอมเสียเงินจํานวนมากเพื่อ ไม่วู่วาม พูดจาไพเราะ เป็นต้น บุคลิกภาพและอุปนิสัยที่เลว เช่น ใจแคบ ขี้อิจฉาริษยา มุ่งร้าย
แลกกับสิ่งของราคาแพง บางคนยอมขายอวัยวะ คนอื่น ชอบเอารัดเอาเปรียบ วู่วาม พูดจาก้าวร้าว เป็นต้น ผลของกรรมระดับนี้สืบเนื่องมาจาก
หรือสิ่งที่มีคามากกวา เพราะตัวกิเลสหรือความ ระดับที่หนึ่งนั่นเอง คือ เมื่อคุณภาพของจิตสูงหรือต�่าก็แสดงออกมาทางบุคลิกลักษณะท่าทาง
อยากไดสิ่งของนั้น วิธีปองกันและแกไข ทําโดย อุปนิสัยใจคอ
การใชสติยับยั้งชั่งใจพิจารณาถึงโทษและ
วิบากกรรมที่จะเกิดตามมา เปนตน) ๓) ระดับภายนอกหรือผลทาง
3. ครูใหนักเรียนคนหาความหมายของคําวา สังคม ผลของกรรมระดับนี้ คือ สิ่งที่มองเห็น
“อาสวกิเลส” และ “อุปกิเลส” บันทึกลงในสมุด ในชีวิตประจ�าวัน เช่น ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข
และใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหวาการอยากทํา ทุกข์ อันเป็นผลที่เขาได้รับในสังคมที่เขาอยู่
ความดี การอยากบําเพ็ญประโยชน ชวยเหลือ ผลภายนอกนี้ทางพระพุทธศาสนาไม่ถือว่าเป็น
ผูอื่น นับวาเปนกิเลสหรือไม เพราะเหตุใด ผลโดยตรงของการท�าดีทา� ชัว่ อาจจะมีกไ็ ด้ ไม่มี
4. ครูใหนักเรียนวิเคราะหวา ทําดีไดดี ทําชั่วไดชั่ว ก็ได้ มีตรงกันข้ามก็ได้ เช่น คนบางคนทั้งๆ
หมายความวาอยางไร โดยยกตัวอยางการ ที่กระท�าความชั่ว อาจมีลาภ มียศ หรือได้รับ
กระทําของนักเรียนเองประกอบคําอธิบาย การยกย่องจากคนในสังคม ผู้ที่มองเฉพาะผล
ภายนอกก็จะเห็นว่า คนผู้นี้ท�าชั่ว แต่กลับได้ดี
ความจริงแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่ บุคคลผู้นี้ได้รับ
ผลของกรรม ๒ ระดับดังกล่าวข้างต้นแล้ว คือ
บุคคลทีบ่ าำ เพ็ญคุณงามความดีอย่างสม่าำ เสมอย่อมจะได้รบั เขามีคณุ ภาพจิตอันต�า่ ทราม มีความทุกข์ทางใจ
ผลกรรมของการทำาความดีตอบสนอง หรือมีจิตเศร้าหมองอย่างแน่นอน
98
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
ครูควรแนะนํานักเรียนวา คนในยุคสมัยนี้มีความเชื่อที่ผิดหรือมิจฉาทิฏฐิ คือ ครูมอบหมายใหนักเรียนไปคนควาพุทธศาสนสุภาษิตที่มีขอคิดเตือนใจ
มีความเขาใจผิดในกฎธรรมชาติ เชน ไมเชื่อวาทําดีไดดี ไมเชื่อในการทําความดี ในเรื่องความขยันหมั่นเพียร ซึ่งเปนคุณธรรมที่จะชวยใหการเรียนประสบ
ไมมีความละอายตอบาป เปนตน ซึ่งจะสงผลอันตรายตอการอยูรวมกันในสังคม ความสําเร็จ จากนั้นรวบรวมและเขียนลงสมุด แลวนํามาแลกเปลี่ยน
เปนอยางยิ่ง โดยครูควรอธิบายและยกตัวอยางกรณีบุคคลที่ทําความดีและไดดี ความรูกับเพื่อนในชั้นเรียน
บุคคลที่ทําความชั่วและหมดอนาคต ใหนักเรียนฟงและยึดถือเปนแบบอยางวา
สิ่งใดควรทํา สิ่งใดไมควรทํา
กิจกรรมทาทาย
นักเรียนควรรู
1 กิเลส คือ สิ่งที่แฝงอยูในตัวคน แลวเปนเหตุใหใจเศราหมอง โดยกิเลสที่อยู ครูมอบหมายใหนักเรียนเขียนเลาประสบการณหรือปญหาที่เกิดขึ้นกับ
ในใจคนมาก ไดแก ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ เพราะกิเลสชอบซุกหมักหมมอยูใ นใจ ตนเอง ซึง่ สามารถนําพุทธศาสนสุภาษิตมาชวยแกไขปญหาหรือเตือนสติได
ของคน จึงเรียกอีกอยางหนึ่งวา “อาสวกิเลส” แปลวา กิเลสที่หมักดองอยูในจิต ความยาว 1 หนากระดาษ A4 จากนั้นนํามาเลาใหเพื่อนในชั้นเรียนฟง
98 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูนําสนทนาเกี่ยวกับพุทธศาสนสุภาษิตที่วา
คนที่มักกล่าวท�านองคัดค้านหลักแห่งกรรมว่า “ท�าดีได้ดีมีที่ไหน ท�าชั่วได้ดีมีถมไป” การสั่งสมบุญนําสุขมาให และตั้งคําถามวา
มักจะมองดูแต่ผลภายนอกหรือผลพลอยได้เพียงอย่างเดียว โดยไม่นกึ ว่าผลของความดีทสี่ า� คัญกว่า • การทําบุญมีความสําคัญตอชีวิตอยางไร
และจะต้องได้รับแน่นอน คือ ความสะอาดของจิตใจ คุณภาพจิตที่สูงขึ้น และความเป็นคนดี มีอะไรบาง
มีบุคลิกลักษณะและอุปนิสัยที่พึงประสงค์ อนึ่ง ถ้าร�าลึกอยู่เสมอว่า “ท�าความดี ย่อมได้ความดี” (แนวตอบ การทําบุญ คือ สิ่งสําคัญที่ทําให
แทนที่จะคิดว่า “ท�าความดีได้ของดี” บางทีอาจท�าให้เข้าใจเรื่องผลของกรรมชัดขึ้น ชีวิตพบเจอแตสิ่งดีๆ มีความสุข ความเจริญ
รวมถึงเปนการขัดเกลากิเลส ทําใหจิตใจ
2.3 สุโข ปุญฺญฺสฺส อุจฺจโย : การสั่งสมบุญนำาสุขมาให้ ผองใส เชน การทําทาน รักษาศีล นั่งสมาธิ
บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ การเคารพผูมีพระคุณ เปนตน)
1 2. ครูใหนักเรียนบันทึกการทําความดีในดาน
บุญ แปลว่า ความดีงาม การท�าบุญท�าได้ ๑๐ วิธี
เรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ มี ๑๐ ประการ ดังนี้ ตางๆ ทีน่ กั เรียนเคยทํามา แลวสํารวจตัวเองวา
๑. ท�าบุญด้วยการให้ นักเรียนเคยทําบุญวิธีใดบางตามหลักธรรม
๒. ท�าบุญด้วยการรักษาศีล บุญกิรยิ าวัตถุ 10 และเกิดผลอยางไร โดยบันทึก
๓. ท�าบุญด้วยการเจริญภาวนา ลงในสมุด และนําสงครูผูสอน
๔. ท�าบุญด้วยการอ่อนน้อม 3. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 4.4 จากแบบวัดฯ
๕. ท�าบุญด้วยการรับใช้ พระพุทธศาสนา ม.2
๖. ท�าบุญด้วยการเกลี่ยความดีให้ผู้อื่น
๗. ท�าบุญด้วยการยินดีในความดีของผู้อื่น ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ
๘. ท�าบุญด้วยการฟังธรรมหาความรู้ พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 4.4
๙. ท�าบุญด้วยการสั่งสอนธรรมให้ความรู้ หนวยที่ 4 พระไตรปฎกและพุทธศาสนสุภาษิต
๑๐. ท�าบุญด้วยการท�าความเห็นให้ตรง คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
กิจกรรมที่ ๔.๔ ใหนักเรียนเติมขอความเกี่ยวกับพุทธศาสนสุภาษิตใหได ñð
ใจความสมบูรณ (ส ๑.๑ ม.๒/๘)
โดยทั่วไปคนมักจะให้ความส�าคัญกับ ๓ กมฺมุนา วตฺตตี โลโก (กัม-มุ-นา-วัด-ตะ-ตี-โล-โก)
๑. พุทธศาสนสุภาษิต : ……………………………………………………………………………………………………………………………………………
สัตวโลกยอมเปนไปตามกรรม
คําแปล……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ข้อแรก คือ การให้ทาน การรักษาศีล และการ คนเราจะมี ชีวิตเปนไปอยางไรนั้น ขึ้นอยูกับกรรมหรือการกระทําของตน กรรมนั้น
ความหมาย……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
เปนของเราโดยเฉพาะ และเราจะเปนผูรับผลของกรรมนั้น จะโอนใหผูอื่นไมได เชน เราทํากรรมดี
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
เป็นเช่นนั้น ฉบับ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
สุโข ปฺฺุสฺส อุจฺจโย (สุ-โข-ปุน-ยัด-สะ-อุด-จะ-โย)
เฉลย ๓. พุทธศาสนสุภาษิต : ……………………………………………………………………………………………………………………………………………
การสั่งสมบุญนําสุขมาให
การท� า บุ ญ ย่ อ มให้ ค วามสุ ข แน่ น อน คําแปล……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
การทําบุญยอมกอใหเกิดความสุข นอกจากเปนการขัดเกลากิเลส ทําใหจิตใจ
ความหมาย……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ผองใสแลว ยังทําใหการทํางานเปนไปอยางราบรื่น และการทําบุญนั้นจะตองทําอยางตอเนื่อง
การให้ (หรือทาน) เป็นการขัดเกลากิเลส ท�าให้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
สั่งสมไปเรื่อยๆ ผลบุญยอมตอบสนองภายหลัง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
๓๖
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
ขอใดเปนพุทธศาสนสุภาษิตที่เกี่ยวของกับการสั่งสมบุญนําสุขมาให
ครูอธิบายเพิ่มเติมวา การทําทานที่สําคัญที่สุด คือ ธรรมทาน หรือการสอนธรรม
1. ททมาโน ปโย โหติ ผูใหยอมเปนที่รัก
ใหคนเปนคนดี รองจากธรรมทาน คือ อภัยทาน หรือการละความโกรธเปนทาน
2. ธมฺมกาโม ภวํ โหติ ผูชอบธรรม เปนผูเจริญ
สวนการนั่งสมาธิหรือเจริญภาวนาจะตองมีการทําทาน การรักษาศีลควบคูกันไป
3. นตฺถิ โลเก อนินฺทิโต ผูไมถูกนินทา ไมมีในโลก
จึงจะนั่งสมาธิไดดี เหมือนการกาวขึ้นบันไดทีละขั้นที่ไมควรกาวขามขั้น ซึ่งการ
4. ครุ โหติ สคารโว ผูเคารพผูอื่น ยอมมีผูเคารพตนเอง
ทําทาน รักษาศีล เจริญภาวนา เปนการทําบุญ 3 อยางทีส่ าํ คัญในการสะสมบุญจนเต็ม
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เพราะการทําบุญดวยการใหอยูใน และเขาสูพระนิพพาน โดยเฉพาะการนั่งสมาธิ เพื่อใหเกิดปญญา เมื่อเกิดปญญาแลว
บุญกิริยาวัตถุ 10 ไมวาจะเปนการใหทาน การใหความรู ซึ่งเปนการ จึงไตรตรองไดถึงผลเสียของกิเลส จนกระทั่งละกิเลส ละสังโยชน หรือการละ
ขัดเกลากิเลสอยางหนึ่ง ทําใหจิตใจผองใส มีความสุข และเปนที่รัก ความโลภ โกรธ หลงได
แกบุคคลทั่วไป
นักเรียนควรรู
1 การทําบุญ แบงไดเปน 3 ประเภท ไดแก อามิสทาน คือ การใหทานดวยวัตถุ
สิ่งของ ธรรมทาน คือ การใหความรู และอภัยทาน คือ การสละความโกรธเปนทาน
คูมือครู 99
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูนําสนทนาเรื่อง ผูบูชายอมไดรับการบูชาตอบ
ผูไหวยอมไดรับการไหวตอบ และตั้งคําถามวา การรักษาศีลท�าให้คนเป็นคนดีมีศีลธรรม มีแต่คนรักใคร่นับถือและไว้วางใจ ในทางโลก
• การบูชาคนที่ควรบูชา หมายถึงอะไร จะท�าให้การท�างานเป็นไปอย่างราบรื่น มีความสุขตามอัตภาพ ในทางธรรมท�าให้เกิดความอิ่มใจ
(แนวตอบ การแสดงความเคารพตอผูมีพระคุณ และสงบ การเจริญภาวนานั้นเป็นการช่วยให้จิตใจแน่วแน่ มีสติ รู้จักตัวเอง รู้ตัวว่าก�าลังท�าอะไร
ผูอาวุโส ซึ่งเปนการใหเกียรติ การยอมรับ การเจริญภาวนา แม้วา่ ส่วนใหญ่จะมุง่ ความสุขทางธรรม แต่กช็ ว่ ยท�าให้ความสุขทางโลกเป็นไปได้
และความสําคัญ และผูที่แสดงความเคารพ แน่นอน มั่นคง
ยอมไดรับการเคารพตอบ เมื่อมีการไหว การท�าบุญนั้นต้องท�าอย่างต่อเนื่องสั่งสมไปเรื่อยๆ ผลบุญย่อมตอบสนองภายหลัง เหมือน
ยอมไดรับการไหวตอบ) หยดน�้าตกลงทีละหยดย่อมเต็มตุ่มได้
• การไหวผอู นื่ นอกจากจะไดรบั การไหวตอบแลว 2.4 ปชู โก ลภเต ปูช ำ วนฺทโก ปฏิวนฺทนำ : ผูบ้ ชู าย่อมได้รบั การบูชาตอบ
ยังกอใหเกิดผลดีอะไรบาง ผู้ไหว้ย่อมได้รับการไหว้ตอบ
(แนวตอบ ไดรับไมตรีจิต ความรูสึกที่ดีตอผูไหว
บูชา หมายถึง การแสดงความเคารพบุคคลหรือสิง่ ทีน่ บั ถือ รวมตลอดไปถึงการยกย่องเทิดทูน
และผูไดรับการไหว รวมถึงเปนการแสดงออก ด้วยความนับถือ และอาจขยายความไปถึงการยอมรับการให้เกียรติและการเห็นความส�าคัญ
ถึงความกตัญู ซึ่งเปนการกระทําที่ดีควรแก คนเรามักจะโต้ตอบผู้อื่นด้วยสิ่งที่ผู้อื่นท�ากับเรา ถ้าเรายิม้ ให้ คนอืน่ จะยิม้ ตอบ ถ้าเราแสดง
การยกยองสรรเสริญ นําไปสูความสําเร็จ ท่าเย่อหยิ่ง คนอื่นก็เย่อหยิ่งตอบ ถ้าเราแสดงความสุภาพอ่อนโยนก่อน คนอื่นก็จะแสดงความ
ในชีวิตและหนาที่การงานได) สุภาพอ่อนโยนตอบ แต่มีคนจ�านวนไม่น้อยมีความภาคภูมใิ จในตัวเองสูง คิดว่าตัวเองส�าคัญกว่า
2. ครูใหนักเรียนจดสรุปแงคิดที่ไดจากการทําบุญ มีปัญญากว่า เก่งกว่าคนอื่น เมื่อพบคนอื่นมักจะแสดงความอหังการออกมา ซึ่งโดยทั่วไปก็มักจะ
10 วิธี และการบูชาผูอื่น โดยบันทึกลงในสมุด ได้สิ่งเดียวกันนั้นตอบ
นําสงครูผูสอน แต่ถ้าเราให้ความเคารพนับถือ ให้เกียรติ
3. ครูใหนกั เรียนสํารวจตัวเองวา ในวันหนึง่ ๆ นักเรียน ให้ความเคารพตามประเพณีต่อผู้อื่น เราก็จะได้
ไดทําบุญหรือความดีอะไรบาง ถาหากยังไมได สิ่งเดียวกันนั้นตอบ มีคนจ�านวนน้อยมากที่เรา
ทําบุญอะไรเลย นักเรียนจะทําอยางไรตอไป ให้เกียรติเขาแล้วเขาแสดงความเย่อหยิ่งตอบ
ในการหาแนวทางปรับปรุงและพัฒนาตนเองโดย เราควรหัดมองโลกในแง่ดี มองคนในแง่ดไี ว้กอ่ น
นําหลักพุทธศาสนสุภาษิตเขามาชวย จากนั้น ไม่ดูถูกดูหมิ่นคนอื่นล่วงหน้า
นําผลการสํารวจบันทึกลงในสมุดสงครูผูสอน บางทีเราอาจไม่ชอบหน้าคนบางคนโดย
เพื่อใหครูชวยชี้แนะเพิ่มเติม หาเหตุผลไม่ได้ แต่เราต้องตั้งสติให้ได้ว่าเรา
ก�าลังกลายเป็นคนไม่มีเหตุผล เห็นสิ่งที่ไม่เป็น
จริง แล้วก็แสดงท่าทาง หรือพูดสิ่งที่ไม่สมควร
กั บ เขา และก็ ค ่ อ นข้ า งแน่ น อนว่ า เราจะได้
สิ่งเดียวกันนี้ตอบ ซึ่งเป็นสิ่งที่พุทธศาสนิกชน
ไม่ควรน�ามาปฏิบัติ เพราะไม่เป็นผลดีทั้งต่อ
ผู้ไหว้ย่อมได้รับการไหว้ตอบ ตนเองและผู้อื่น
100
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
ครูแนะนํานักเรียนวา การรักษาศีล 5 ในชีวิตประจําวัน เปนการรักษาเพียง บุคคลใดตอไปนี้ทําบุญแบบอามิสทาน
เล็กนอย ไมเพียงพอตอการทําตนใหเปนปกติ จึงตองใชกรรมบถ 10 ซึ่งเปนเครื่อง 1. วิหคใหอภัยเพื่อนที่ทําหนังสือของตนหาย
รักษาความดีใหเปนปกติ 10 อยาง ไดแก เวนจากการฆาสัตวหรือทรมานสัตว 2. สกุณาติวหนังสือใหเพื่อนกอนสอบ
ใหไดรบั ความลําบาก เวนจากการลักทรัพย คือ ไมถอื เอาทรัพยของผูอ นื่ ทีเ่ ขาไมไดให 3. ปกษีบริจาคสิ่งของชวยเหลือผูประสบอุทกภัย
ดวยความเต็มใจ เวนจากการทําชูในบุตร ภรรยา และสามีของผูอื่น เวนจากการพูด 4. ปกษาหมั่นไปถามพระอาจารยเกี่ยวกับพระธรรมที่ตนสงสัย
โกหก เวนจากการพูดจาหยาบคาย (พูดคํา ดาคํา) เวนจากการพูดสอเสียด ยุแยง วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. อามิสทาน คือ การใหทานดวยวัตถุสิ่งของ
ทําใหผูอื่นแตกราวกัน เวนจากการพูดเพอเจอเหลวไหล (พูดในเรื่องที่เปนไปไมได) ดังนัน้ การทีป่ ก ษีบริจาคสิง่ ของชวยเหลือผปู ระสบอุทกภัย จึงจัดเปนอามิสทาน
ไมคดิ อยากไดทรัพยของผูอ นื่ ทีเ่ จาของไมยกให ไมคดิ จองลางจองผลาญเพือ่ ทํารายใคร ขอ 1. จัดเปนอภัยทาน คือ การสละความโกรธเปนทาน การยกโทษดวย
และมีความเห็นถูก คือ มีสัมมาทิฏฐิ เห็นตรงตามที่พระพุทธเจาสอน การไมพยาบาทจองเวร
ขอ 2. จัดเปนธรรมทานประเภทวิทยาทาน คือ การใหความรูทางโลก เชน
วิชาการตางๆ เปนตน
ขอ 4. จัดเปนธัมมัสสวนมัย คือ การทําบุญดวยการฟงธรรม
100 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 4.5 จากแบบวัดฯ
อย่างไรก็ตาม การให้เกียรติ การยอมรับ และการนับถือนี้ เราควรเดินสายกลาง ไม่แสดง พระพุทธศาสนา ม.2
อาการพินอบพิเทาจนเกินควร ไม่กล่าววาจายกย่องสรรเสริญจนเกินงาม จะกลายเป็นการประจบ ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ
สอพลอ ในการให้เกียรติผู้อื่น เราต้องให้เกียรติตัวเองด้วย ในการนับถือผู้อื่น เราต้องนับถือตัวเอง พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 4.5
เร�่องที่ 4 พระไตรปฎกและพุทธศาสนสุภาษิต
ด้วย มิฉะนัน้ คนจะเย้ยหยันและคิดดูถกู เราในใจ
เราไม่ควรดูถกู ใครล่วงหน้า แต่กไ็ ม่ควรสรรเสริญ กิจกรรมที่ ๔.๕ ใหนักเรียนอานกรณีศึกษาตอไปนี้ แลวเติมขอความ
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
òð
ใหสมบูรณ (ส ๑.๑ ม.๒/๘)
ใครล่วงหน้า เราควรท�าตนให้เป็นคนสุภาพ กรณีศกึ ษาที่ ๑ ทุกวันอาทิตยคณ
ุ ยายจะชวนเกงไปทําบุญ ฟงธรรม และชวยทําความ
อ่อนโยน ไม่ดูหมิ่น หรือสรรเสริญคนโดยที่ยัง สะอาดบริเวณวัด คุณยายชอบทําบุญและใหทานคนที่เดือดรอน คอยสอนเกงอยูเสมอวา
ใหเปนคนรูจักการใหและหมั่นทําบุญอยูเสมอ ผลบุญเหลานั้นจะชวยใหเรามีความสุขใจ
เกิดชาติหนาจะไดสบาย ทุกคืนกอนนอนจะชวนหลานชายสวดมนตดวยกัน คุณยายบอกวา
ไม่รจู้ กั แต่ควรแสดงออกทางกายและวาจาตาม จะไดนอนหลับฝนดี
การสั่งสมบุญนําสุขมาให
๑. การกระทําของคุณยายตรงกับพุทธศาสนสุภาษิต………………………………………………………………………………………
ธรรมเนียมประเพณีที่สังคมถือกันว่าเหมาะสม ทําใหชวี ติ มีความสุข จากการเปนผูใ ห การ
๒. การกระทําดังกลาวมีผลดีตอตนเองและครอบครัว คือ…………………………………………………………………………….
สัง่ สมบุญและการมีหลักธรรมในการดําเนินชีวติ และการทีเ่ กงเชือ่ ฟงคุณยาย ทําใหครอบครัวมีความสุข
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
กิจกรรมสร้างสรรค์พั²นาการเรียนรู้
พุทธศาสนสุภาษิต
µ¶µÚµÒ¹í ¹ÔàÇàÊÂÚÂ Â¶Ò ÀÙÃÔ »Ç±Ú²µÔ : »˜ÞÞÒ‹ÍÁà¨ÃÔÞ´ŒÇ»ÃСÒÃã´
¤ÇõÑ駵¹äÇŒ´ŒÇ»ÃСÒùÑé¹
102
แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. พระไตรปฎก แปลวา คัมภีร 3 คือ คัมภีรที่บรรจุหลักคําสอนของพระพุทธศาสนา แบงเปน 3 สวน ไดแก พระวินัยปฎก พระสุตตันตปฎก และพระอภิธรรมปฎก
2. พุทธศาสนสุภาษิตมีความสอดคลองกับชีวิตของคนในปจจุบัน เนื่องจากสามารถนําขอคิดหรือคําสอนที่ดีมาประยุกตใชในชีวิตได โดยเฉพาะอยางยิ่งชีวิต
ของคนสมัยปจจุบันที่เต็มไปดวยสิ่งยั่วยุ มอมเมา และผิดศีลธรรม จึงตองนําพุทธศาสนสุภาษิตมาเตือนตนเองเสมอๆ
3. คนเราจะมีชีวิตเปนอยางไร ขึ้นอยูกับกรรมหรือการกระทําของเราเปนตัวกําหนด ไมไดเกิดจากอํานาจของสิ่งศักดิ์สิทธิ์แตอยางใด เชน ผูที่คิดอิจฉาริษยาผูอื่นเสมอ
ก็ไมอาจหาความสงบสุขได หรือผูเกิดมามีผิวพรรณผุดผอง เพราะชาติที่แลวเปนคนไมมักโกรธ เปนตน
4. เห็นดวย เพราะผูที่ทําความดี ยอมไดรับความดีตอบแทนอยางแนนอน ซึ่งความดีนี้ไมจําเปนตองเปนทรัพยสินเงินทอง แตอาจเปนความสุขใจ ความปลื้มปติ หรือ
คุณภาพของจิตที่สูงขึ้นก็ได สวนผูที่ทําความชั่ว ยอมไดรับความชั่วตอบแทนแนนอนเชนกัน ซึ่งไมจําเปนตองชดใชกรรมชั่วในชาติภพตอไป แตอาจตองชดใชใน
ชาติภพนี้ก็ได อยางไรก็ตาม คนทําความชั่วบางคนอาจไดรับลาภ ยศ สรรเสริญ ทําใหผูอื่นเห็นวาเขาทําชั่วกลับไดดี ความจริงแลวไมใช อยางนอยบุคคลผูนี้
ก็มีความทุกขทางใจ และมีจิตใจที่ตกตํ่าอยางแนนอน
5. ทําใหเราไดมิตรภาพที่ดีกลับมา เปนที่รักของผูอื่น รวมถึงยังไดรับเกียรติ ไดรับความเคารพจากผูอื่น ตลอดจนไดรับการชื่นชมยกยองดวย
102 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
หน่วยการเรียนรู้ที่
หนาที่ชาวพุทธ
๕ 1. อธิบายบทบาทของพระสงฆในการเผยแผ
พระพุทธศาสนาได
2. ฝกฝนตนเองใหสามารถเผยแผพระพุทธศาสนา
และเปนลูกที่ดีตามหลักทิศ 6 ได
และมารยาท 3. วิเคราะหประโยชนของคายคุณธรรม และ
เขารวมคายคุณธรรมตามโอกาสที่เหมาะสม
ชาวพุทธ 4. อธิบายหลักเกณฑการเขารวมพิธีกรรมทาง
พระพุทธศาสนาและเขารวมพิธีกรรมตาม
โอกาสอันสมควร
5. ปฏิบัติมารยาทชาวพุทธที่ดีได
ตัวชี้วัด
● ปฏิ บั ติ ต นอย่ า งเหมาะสมต่ อ บุ ค คลต่ า งๆ
สมรรถนะของผูเรียน
ตามหลั ก ศาสนาที่ ต นนั บ ถื อ ตามที่ กำ า หนด
(ส ๑.๒ ม.๒/๑) 1. ความสามารถในการสื่อสาร
● มีมรรยาทของความเป็นศาสนิกชนที่ดีตามที่
กำาหนด (ส ๑.๒ ม.๒/๒)
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใชทกั ษะชีวิต
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
● การเป็นลูกที่ดีตามหลักทิศเบื้องต้นในทิศ ๖ คุณลักษณะอันพึงประสงค
● มรรยาทของศาสนิกชน
1. รักชาติ ศาสน กษัตริย
2. ใฝเรียนรู
3. รักความเปนไทย
เกร็ดแนะครู
ครูควรจัดกิจกรรมการเรียนรูเพื่อใหนักเรียนสามารถปฏิบัติตนไดอยาง
เหมาะสมตอบุคคลตางๆ และแสดงมารยาทของชาวพุทธที่ดี โดยครูจัดการเรียน
การสอน ดังนี้
• ใหนักเรียนสืบคนขอมูลเกี่ยวกับบทบาทของพระภิกษุในการเผยแผ
พระพุทธศาสนา แลวไปสัมภาษณพระภิกษุเกี่ยวกับการเผยแผ
พระพุทธศาสนาและการปฏิบัติตนในชีวิตประจําวัน
• ครูใหนักเรียนคนหาขอมูลเกี่ยวกับวิธีการมีสวนรวมในการเผยแผพระพุทธ-
ศาสนา การเปนลูกที่ดีตามหลักทิศ 6 การเขาคายคุณธรรม การเขารวม
พิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา และการแสดงตนเปนพุทธมามกะ แลวเขา
รวมพิธีกรรม รวมถึงเขียนสรุปขั้นตอนและประโยชนของพิธีแสดงตนเปน
พุทธมามกะ
• ครูใหนักเรียนศึกษามารยาทชาวพุทธ แลวเขียนสรุปความรูความเขาใจ
ตลอดจนสาธิตระเบียบพิธีปฏิบัติตอพระสงฆ
คูมือครู 103
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
1. ครูใหนักเรียนดูภาพหนา 104 และตั้งคําถามวา
พระสงฆแสดงธรรมอยูบนสิ่งใด จากนั้นครู ๑. หน้าที่ชาวพุทธ
นําภาพธรรมาสนในลักษณะตางๆ มาแสดง
ใหนักเรียนดู เชน ธรรมาสนสิงหเทินบุษบก 1.1 การเข้าใจบทบาทของพระภิกษุในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
ธรรมาสนบุษบก ธรรมาสน 8 เหลี่ยม ธรรมาสน พระภิกษุเป็นผู้สละเหย้าเรือน สละความสุขทางโลกเพื่อแสวงหาสัจธรรม หน้าที่ส�าคัญของ
ขาแขก ธรรมาสนหวาย เปนตน พระภิกษุ ก็คือ ศึกษาพระธรรมค�าสอนของพระพุทธองค์ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ แล้วน�ามาเผยแผ่
2. ครูตั้งคําถามนักเรียนวา แก่มวลมนุษย์ เพื่อเป็นหนทางให้โลกได้พบความสงบและสันติอย่างแท้จริง พระภิกษุอาจเผยแผ่
• บทบาทหนาที่ของพระสงฆมีอะไรบาง พระศาสนาได้หลายทาง เช่น การแสดงธรรม การแสดงปาฐกถาธรรม การประพฤติตนให้เป็น
(แนวตอบ เชน ศึกษาพระธรรมคําสอน ทําวัตร แบบอย่าง เป็นต้น เราชาวพุทธควรท�าความเข้าใจกับบทบาทของพระภิกษุตามสมควร ดังนี้
เชา-เย็น แสดงธรรม เปนผูนําในการประกอบ ๑) การแสดงธรรม ปาฐกถาธรรม การแสดงธรรมนั้นเรียกเต็มๆ ว่า การแสดง
ศาสนพิธี เปนแบบอยางที่ดี เปนตน) พระธรรมเทศนา หรือเรียกย่อๆ ว่า “เทศน์” มีทั้งเทศน์เดี่ยว (เทศน์รูปเดียว) และเทศน์ปุจฉา
วิสัชนา (เทศน์ถาม‑ตอบ) ตั้งแต่ ๒ รูปขึ้นไป การแสดงพระธรรมเทศนานี้เป็นรูปแบบที่ท�ากันมา
สํารวจคนหา Explore แต่โบราณ มีระเบียบวิธีปฏิบัติเป็นแบบอย่างโดยเฉพาะ คือ มีการอาราธนาศีล1 อาราธนาธรรม2
และผู้ฟังนั่งอย่างสงบเรียบร้อย ประนมมือ ตั้งใจฟัง ท่านผู้รู้กล่าวว่าการฟังเทศน์แบบนี้เป็น
ครูใหนักเรียนสืบคนขอมูลเกี่ยวกับบทบาทของ การรักษาศีล ฝึกสมาธิ และอบรมปัญญาไปในตัว ส่วนการแสดงปาฐกถาธรรม คือ การแสดงธรรม
พระสงฆในการเผยแผพระพุทธศาสนา ไดแก การ โดยใช้ภาษาธรรมดาที่สื่อความหมายได้ง่าย ตัดรูปแบบและพิธีกรรมอย่างที่ใช้ในการเทศน์ออก
แสดงธรรม การปาฐกถาธรรม และการประพฤติตน หมดสิ้น
ใหเปนแบบอยาง จากแหลงการเรียนรูตางๆ เชน ทั้งนี้ในการแสดงธรรม และแสดงปาฐกถาธรรม พระภิกษุมีหน้าที่ที่จะสร้างความรู้
หองสมุด อินเทอรเน็ต ฟงพระธรรมเทศนาที่วัด ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา แม้ว่าในบางครั้งบางคนอาจไม่เลื่อมใสศรัทธาใน
เปนตน เพื่อนํามาอภิปรายและแลกเปลี่ยนความรู พระพุทธศาสนา มิใช่เพราะพระพุทธศาสนา
ในชั้นเรียน สอนไม่ดี แต่เป็นเพราะไม่เข้าใจหรือเข้าใจผิด
จึงเหมาเอาว่าพระพุทธศาสนานั้นไม่ดี ไม่น่า
อธิบายความรู Explain เลื่อมใสศรัทธา ยกตัวอย่างเช่น กล่าวหาว่า
พระพุ ท ธศาสนาสอนหลั ก ธรรมที่ ขั ด กั บ การ
1. ครูใหนักเรียนจัดนิทรรศการประวัติและผลงาน พัฒนาคนและสังคม เพราะพระพุทธศาสนาสอน
ของพระภิกษุที่มีเกียรติคุณและเปนแบบอยาง ให้ก�าจัดตัณหา (ความอยาก) โดยเขาให้เหตุผล
ทีด่ ใี นการเผยแผพระพุทธศาสนา เชน พุทธทาส ว่าการจะพัฒนาอะไรได้นั้น ต้องเร้าให้คนเกิด
ภิกขุ หลวงตามหาบัว พระไพศาล วิสาโล ความอยาก เกิดความต้องการ เมื่อต้องการ
พระเมธีวชิโรดม (ว.วชิรเมธี) พระมหาสมปอง มากๆ ก็จะกระท�าหรือพัฒนาตนมากขึ้นเอง
เปนตน ดังนั้น การที่พระพุทธศาสนาสอนให้มนุษย์
2. ครูใหนกั เรียนไปฟงพระธรรมเทศนาทีว่ ดั ใกลบา น พระภิกษุสงฆ์เป็นผูม้ บี ทบาทอย่างสำาคัญในการแสดงธรรม ละความอยากก็เท่ากับสอนให้คนงอมืองอเท้า
นักเรียน โดยใหนักเรียนระบุวาเปนการเทศน แก่พุทธศาสนิกชน
ไม่สร้างสรรค์นั่นเอง
แบบใด เปนการแสดงธรรมหรือปาฐกถาธรรม
และมีเนื้อหาสาระของหลักธรรมอยางไรบาง 104
บันทึกลงในสมุด
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู
การแสดงธรรมและปาฐกถาธรรม มีความแตกตางกันอยางไร
ครูกลาวเสริมนักเรียนวา ในการเผยแผศาสนาใหใชคําวา “เผยแผ” ไมใชคําวา
“เผยแพร” และครูตงั้ คําถามนักเรียนวา การเผยแผหลักธรรมคําสอนซึง่ เปนภารกิจหลัก แนวตอบ การแสดงธรรม คือ การกลาวถายทอดพระธรรมคําสอนของ
ของพระสงฆนั้น มีวัตถุประสงคเพื่ออะไร ใหนักเรียนชวยกันตอบคําถามในชั้นเรียน พระพุทธเจา หรือการเทศนาธรรมแกพุทธบริษัททั้งหลาย เพื่อเปนการรักษา
ศีล ฝกสมาธิ และอบรมปญญา สวนปาฐกถาธรรมเปนการบรรยายธรรม
ที่ไมตองมีพิธีการเหมือนการแสดงธรรม เพียงแตจัดสถานที่ใหเหมาะสม
นักเรียนควรรู เพื่อใหพระภิกษุกลาวปาฐกถาธรรมดวยภาษาธรรมดา ตัดรูปแบบการเทศน
ออกไป ที่สําคัญ คือ การแสดงปาฐกถาธรรมสามารถแสดงใหเหมาะสมกับ
1 อาราธนาศีล เปนการกลาวขอศีลแกพระภิกษุ เพื่อตั้งจิตรักษาศีลของตน เหตุการณได
ใหมีความบริสุทธิ์ งดเวนจากการกระทําชั่วทั้งปวง โดยกอนการทําศาสนพิธีตางๆ
พระสงฆจะกลาวคําอาราธนาศีล เพื่อใหชาวพุทธรับศีล 5 การอาราธนาศีล
จึงเหมือนการสัญญาหรือตั้งใจวาจะรักษาศีล 5 ในวันนั้น
2 อาราธนาธรรม เปนการกลาวขอใหพระภิกษุแสดงธรรมใหฟง โดยกระทํา
หลังจากอาราธนาศีลและสมาทานศีลหรือการรับศีลมาเปนหลักปฏิบตั เิ รียบรอยแลว
104 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนกั เรียนชวยกันยกตัวอยางวา ความอยาก
พระสงฆ์ผู้ที่มีหน้าที่หลัก1ในการเผยแผ่ธรรมะจะต้องสามารถชี้แจงให้เกิดความเข้าใจ หรือตัณหาที่พระพุทธเจาตรัสสอนใหพยายาม
ให้ได้วา่ ความอยากที่เรียกว่า “ตัณหา” นั้น เป็นความโลภและทุจริต คนที่อยากด้วยอ�านาจความ ลดมากที่สุดมีอะไรบาง และธรรมฉันทะหรือ
โลภและทุจริตย่อมจะกระท�าการใดๆ เพือ่ ตนเองและสร้างความเดือดร้อนให้แก่สงั คมเป็นอย่างมาก ความอยากในทางสรางสรรคมีอะไรบาง
ถ้ายิ่งเร้าให้คนเกิดความอยากชนิดนี้มากเท่าใด สังคมก็จะเต็มไปด้วยคนโลภ คนทุจริต คนที่ ใหนกั เรียนยกตัวอยาง 10 ขอ
เอารัดเอาเปรียบจนหาความสงบสุขได้ยากเท่านั้น ความอยาก (ตัณหา) อย่างนี้ พระพุทธเจ้าตรัส 2. ครูและนักเรียนอภิปรายถึงหลักในการเผยแผ
สอนให้พยายามลดละให้มากสุดเท่าทีจ่ ะท�าได้ แต่ความอยากในทางสร้างสรรค์ เช่น อยากท�าความดี พระธรรม และตั้งคําถามวา
อยากช่วยเหลื • นักเรียนคิดวาพระสงฆที่มีการประพฤติตน
2 อคนอื่น อยากเรียนหนังสือให้มีความรู้มากๆ เพื่อจะออกไปรับใช้ชาติ ท่านเรียกว่า เปนแบบอยางที่ดี ควรมีลักษณะอยางไร
“ธรรมฉันทะ” คนที่มีความอยากชนิดนี้เป็นคนไม่โลภ ไม่ทุจริต จะตั้งหน้าตั้งตาท�างานด้วย
ความขยันหมั่นเพียร ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ความอยากชนิดนี้เท่านั้นที่สนับสนุนส่งเสริมให้เกิด และนักเรียนจะนําการประพฤติเหลานั้น
การพัฒนาอย่างแท้จริง สรุปให้เข้าใจได้ง่ายๆ ก็คือ “พระพุทธศาสนาสอนให้ก�าจัดความอยาก ไปประยุกตใชอยางไร
ที่เรียกว่า ตัณหา แต่ให้พัฒนาความอยากที่เรียกว่า ธรรมฉันทะ” 3. ในปจจุบันไดมีการเสนอขาวเกี่ยวกับการทุจริต
๒) การประพฤติตนให้เป็นแบบอย่าง วิธีท่ีดีท่ีสุดวิธีหนึ่งในการเผยแผ่พระพุทธ คอรรัปชัน การเบียดบังหาประโยชนใสตน
ศาสนา คือ การประพฤติตนให้เป็นแบบอย่าง ผูท้ จ่ี ะเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้นน้ั ก่อนอืน่ ตัวเอง มากขึ้น นักเรียนคิดวาพระสงฆมีบทบาท
จะต้องเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี คือ รู้และเข้าใจหลักธรรมถูกต้องและปฏิบัติตามหลักธรรมนั้นด้วย สําคัญอยางไรที่จะชวยทําใหปญหาเหลานี้ลด
เหมือนครูสอนดนตรีต้องรู้และเข้าใจทฤษฎีดนตรี และต้องเล่นดนตรีให้ดีด้วย ถ้ารู้แต่ทฤษฎีแต่ นอยลง ใหบันทึกคําตอบลงในสมุด
ตัวเองเล่นดนตรีไม่เป็น จะสอนให้คนอืน่ เล่นได้อย่างไร คนทีส่ บู บุหรีม่ วนต่อมวนจะสอนให้คนเลิก
สูบบุหรี่ได้อย่างไร การที่พระพุทธศาสนาสอนให้คนลดและละความโลภ ความโกรธ ความหลง
ขยายความเขาใจ Expand
ให้หมดไปหรือเหลือน้อยทีส่ ดุ เท่าทีจ่ ะท�าได้นน้ั หากพระภิกษุเองเต็มไปด้วยความโลภ ความโกรธ ครูใหนักเรียนศึกษาและบันทึกขอมูลจาก
ความหลงแล้วจะสอนคนอืน่ ให้ลดละได้อย่างไร หากพระสงฆ์มคี วามเป็นอยูอ่ ย่างฟุม่ เฟือย หรูหรา การสนทนาธรรมกับพระภิกษุเกี่ยวกับการเผยแผ
จะสอนให้ชาวบ้านมีความเป็นอยูอ่ ย่างเรียบง่ายได้อย่างไร พระพุทธศาสนาและการปฏิบตั ติ นในชีวติ ประจําวัน
ของพระภิกษุ ลงในกระดาษ A4 แลวนําสงครูผสู อน
เรื่องน่ารู้
ตรวจสอบผล Evaluate
อุปปถกิริยา
อุปปถกิริยา3คือ การกระทำานอกรีตนอกรอยของพระภิกษุสามเณร ๓ ประการ ดังนี้ ตรวจสอบจากบันทึกขอมูลการสนทนาธรรม
1. อนาจาร คื
. อนาจาร อ การประพฤติที่ไม่ดี ไม่งาม ไม่เหมาะสม แก่ภาวะของความเป็นบรรพชิต ซึ่งมี ๓ อย่าง คือ กับพระภิกษุเกี่ยวกับการเผยแผพระพุทธศาสนา
การเล่นเหมือนเด็ก การร้อยดอกไม้ การเรียนดิรัจฉานวิชา เช่น การทำานายฝัน การทายหวย การทำาเสน่ห์ ดูลายมือ
เป็นต้น และการปฏิบัติตนในชีวิตประจําวัน
2. บาปสมาจาร คือ ความประพฤติเหลวไหล เลวทราม เช่น ชอบประจบคฤหัสถ์ดว้ ยอาการอันไม่เหมาะสม
3. อเนสนา4 คือ การหาเลี้ยงชีพในทางที่ไม่เหมาะสมกับความเป็นภิกษุ ผิดสมณวิสัย เช่น การหลอกลวงว่า
ตนเองเป็นพระอริยะ เป็นพระโสดาบัน เป็นพระอรหันต์ เป็นต้น เพื่อหวังลาภสักการะ
105
กิจกรรมทาทาย
นักเรียนควรรู
ครูใหนักเรียนจับสลากเลือกหัวขอหลักธรรมในพระพุทธศาสนา เชน 1 ตัณหา แบงออกเปน 3 ประเภท ไดแก กามตัณหา คือ ความอยากหรือยินดี
อธิปไตย 3 อริยสัจ 4 พรหมวิหาร 4 สังคหวัตถุ 4 สาราณียธรรม 6 ในกามคุณ 5 อยาง คือ รูป รส กลิ่น เสียง โผฏฐัพพะ (สิ่งที่กายสัมผัส) ภวตัณหา
อบายมุข 6 โพชฌงค 7 อริยทรัพย 7 โลกธรรม 8 เปนตน แลวใหออกมา คือ ความอยากทางจิตใจ เมื่อไดสิ่งนั้นมาแลว ไมตองการใหมันเปลี่ยนแปลง
อธิบายพอสังเขป โดยใชหลักการการเผยแผพระพุทธศาสนาที่ถูกตองและ วิภวตัณหา คือ ความไมอยากทางจิต ความอยากดับสูญ ดวยเหตุนี้ ชาวพุทธจึงควร
เหมาะสม เจริญมรรค 8 หรือหนทางแหงความดับทุกขตามหลักอริยสัจ 4 เพื่อละตัณหา
3 ประเภทนี้
2 ธรรมฉันทะ คือ ความอยากในทางสรางสรรคตามวิถีชาวพุทธ
3 อนาจาร คําวา “อนาจาร” ในที่นี้จะแตกตางจากความหมายทางโลก ซึ่งแปล
วา พฤติกรรมหรือกิรยิ าอาการทีแ่ สดงถึงความนารังเกียจและนาอับอายของบุคคลใด
บุคคลหนึ่ง แตคําวา “อนาจาร” ของพระภิกษุ คือ การประพฤติไมดีและไมควร
4 อริยะ หมายถึง เจริญ ประเสริฐ บุคคลผูบรรลุธรรมวิเศษ
คูมือครู 105
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูถามนักเรียนวา
• นักเรียนเคยมีบทบาทในการเผยแผพระธรรม พระภิกษุมีหน้าที่ที่จะท�าให้ช1าวบ้านเห็นว่า การมีชีวิตตามที่พระพุทธองค์ทรงสอนนั้น
คําสอนหรือไม และนักเรียนเคยแสดงตนหรือ เป็นไปได้ หลักค�าสอนนั้นเป็นนามธรรม2การปฏิบัตินั้นเห็นได้เป็นรูปธรรม พระภิกษุนั้นอย่างน้อย
เขารวมพิธีกรรมที่แสดงใหเห็นวาตนเองเปน ต้องมีชีวิตเรียบง่าย พึ่งเพี3ยงปัจจัย ๔ เลี้ยงชีพ ไม่สะสมทรัพย์สินเงินทอง ไม่ยึดติดในลาภ
ชาวพุทธที่แทจริงหรือไม อยางไรบาง สักการะ มีเมตตา ไม่พยาบาท ไม่คิดร้ายต่อผู้อื่น เป็นต้น
พระภิกษุทปี่ ฏิบตั ดิ ี และปฏิบตั ชิ อบ
สํารวจคนหา Explore อาจเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้ดโี ดยไม่ตอ้ งสอน
1. ครูใหนักเรียนคนหาขอมูลเกี่ยวกับวิธีการมี หลักธรรมด้วยวาจาเลยก็ได้
สวนรวมในการเผยแผพระพุทธศาสนา และ 1.2 การฝกบทบาทของตน
การเขารวมกิจกรรมหรือพิธีกรรมตางๆ ในการช่วยเผยแผ่
ทางพระพุทธศาสนา จากแหลงการเรียนรูตางๆ พระพุทธศาสนา
เชน หองสมุด อินเทอรเน็ต เปนตน พระสงฆ์มีบทบาทหน้าที่โดยตรงในการ
2. ครูใหนักเรียนศึกษาและดูภาพประกอบจาก เผยแผ่พระพุทธศาสนา ส่วนชาวบ้านทัว่ ไปหรือ
หนังสือเรียนหนา 106-114 แม้แต่ตวั นักเรียนเองก็มภี ารกิจทางโลกทีต่ อ้ งท�า
อาจไม่มีเวลาหรือความรู้มากพอที่จะเผยแผ่
อธิบายความรู Explain หน้าทีส่ าำ คัญประการหนึง่ ของพระสงฆ์ คือ การประพฤติตน แต่หากมีโอกาสเหมาะสมในการประพฤติปฏิบตั ิ
เป็นแบบอย่างที่ดีแก่พุทธศาสนิกชน
ก็ควรท�าหน้าที่นี้เท่าที่สามารถจะท�าได้ ดังนี้
1. ครูใหนักเรียนสํารวจตัวเองวา นักเรียนสามารถ
ชวยในการเผยแผพระพุทธศาสนาได
๑) การบรรยายธรรม เมื่อได้ยินค�าว่าบรรยาย คนทั่วไปอาจนึกถึงห้องใหญ่ๆ
บรรจุคนได้เป็นร้อยหรือพัน แล้วก็มีคนที่อยู่บนเวทีบรรยาย แต่จริงๆ แล้ว การบรรยายอาจมี
อยางไรบาง และนําประเด็นคําถามนี้มา
คนฟังไม่ถึงสิบคนก็ได้ ห้องก็อาจไม่ใหญ่โต อาจไม่มีเวที มีแต่เพียงโต๊ะและเก้าอี้ธรรมดา และ
อภิปรายในชั้นเรียน
การบรรยายก็เป็นแค่เพียงการฝึกบรรยายเท่านั้น เพราะนักเรียนยังขาดความรู้และประสบการณ์
2. ครูใหนักเรียนศึกษาการใหทานประเภทตางๆ
คงไปบรรยายเต็มรูปแบบไม่ได้ หลักธรรมของพระพุทธศาสนาบางเรือ่ งก็ลกึ ซึง้ เข้าใจยาก มีแง่มมุ
และวิเคราะหคาํ กลาวทีว่ า “การใหธรรมเปนทาน
ในการมองหลายด้าน ผู้ที่มีความรู้ไม่พออาจอธิบายผิดและท�าให้คนอื่นเข้าใจผิดได้
ชนะการใหทั้งปวง” นักเรียนเห็นดวยกับ
ในการบรรยายเพื่อเผยแผ่พระศาสนานั้น มีข้อควรค�านึง ดังนี้
คํากลาวนีห้ รือไม เพราะเหตุใด
๑. อย่าดูหมิ่นศาสนาอื่น ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม ศาสนานั้นเป็นที่สักการบูชา
3. ครูนําสนทนาเรื่องการบรรยายธรรม และตั้ง
ของศาสนิกชนในศาสนานั้นๆ เราควรให้เกียรติและเคารพซึ่งกันและกัน
คําถามวา
๒. ต้องดูกาลเทศะทีเ่ หมาะสม ไม่บรรยายหรืออธิบายพร�า่ เพรือ่ ไปในงานพิธกี รรม
• การบรรยายธรรมที่ถูกตองควรคํานึงถึง
ของศาสนาอื่น ไม่ควรพูดถึงแต่ศาสนาของตน เป็นต้น
เรื่องใดบาง เพราะเหตุใด
๓. ในการบรรยาย เมื่อเปรียบเทียบกับศาสนาอื่น ควรแยกให้ออกว่าอะไรเป็น
(แนวตอบ อยาดูหมิน่ และเปรียบเทียบกับศาสนา
ข้อเท็จจริง อะไรเป็นความเห็น ผู้ที่รู้น้อยควรหลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบ
อืน่ เพราะศาสนานัน้ เปนทีเ่ คารพบูชาของกลุม คน
ทีน่ บั ถือศาสนานัน้ จึงควรใหเกียรติซงึ่ กันและกัน
รวมถึงดูกาลเทศะที่เหมาะสม ไมพูดบรรยาย 106
พรํ่าเพรื่อ ถูกสถานที่ และถูกเวลา)
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
ขอใดกลาวถึงหลักปฏิบัติในการบรรยายธรรมไม ถูกตอง
1 นามธรรม หมายถึง สิ่งที่ไมมีรูป เพราะรูไมไดทางตา หู จมูก ลิ้น กาย
1. พาดพิงศาสนาอื่นเทาที่จําเปน
แตรูไดเฉพาะทางใจเทานั้น มักใชคูกับรูปธรรม
2. มุงประโยชนของผูฟงเปนที่ตั้ง
2 ปจจัย 4 ของพระภิกษุเรียกวา “จตุปจจัย” เหมือนกับปจจัย 4 ของฆราวาส 3. บรรยายไปตามลําดับความยากงาย
ไดแก จีวร (เครื่องนุงหม) บิณฑบาต (อาหาร) เสนาสนะ (ที่อยูอาศัย) และคิลาน 4. ขยายความดวยเหตุผลและยกตัวอยางประกอบ
เภสัช (ยารักษาโรค)
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เพราะหลักปฏิบัติในการบรรยายธรรม คือ
3 ไมพยาบาท หรืออพยาบาท คือ ความไมพยาบาทปองรายเขา การแผเมตตา ไมควรดูหมิ่น ไมวาทางตรงหรือทางออม หรือกลาวเปรียบเทียบกับศาสนาอื่น
ใหผูอื่นมีความสุข เพราะเปนการไมใหเกียรติและไมคํานึงถึงศาสนสัมพันธกับบุคคลตางศาสนา
ซึ่งเราควรเขาใจหลักศาสนาอื่นๆ เพื่อการอยูรวมกันอยางสงบสุข
106 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนชวยกันตอบคําถามวา นักเรียน
1 เคยเห็นการจัดนิทรรศการเผยแผพระพุทธ-
๒) การจั ด นิ ท รรศการ การเผยแผ่ พ ระพุ ท ธศาสนาที่ นั ก เรี ย นหรื อ คนทั่ ว ไป
อาจท�าได้อีกวิธีหนึ่ง คือ การจัดนิทรรศการ การเผยแพร่ความรู้โดยการแสดงธรรม การแสดง ศาสนาที่ใดบาง และชวงเวลาใด
ปาฐกถาธรรม หรือการบรรยายธรรมนั้นใช้ค�าพูดหรือเสียงเป็นสื่อ ซึ่งก็เป็นวิธีธรรมชาติที่ดี (แนวตอบ วัด สนามหลวง โรงเรียน พิพิธภัณฑ
วิธีหนึ่ง แต่ถ้าใช้อวัยวะอื่นรับรู้ด้วยก็จะดียิ่งขึ้น การรับรู้ด้วยหูเพียงอย่างเดียวอาจจ�าได้ไม่นาน ในชวงวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา)
แต่ถ้าเห็นด้วยตาด้วย คนเราก็จะเข้าใจชัดขึ้นและจ�าได้ดีขึ้น การจัดนิทรรศการมีการใช้รูปภาพ 2. ครูตั้งคําถามใหนักเรียนชวยกันตอบวา
ประกอบเป็นสื่อที่เพิ่มเข้ามาอีกอย่างหนึ่ง น่าจะเพิ่มประสิทธิภาพในการเผยแผ่ศาสนาได้มากขึ้น • การจัดนิทรรศการเผยแผพระพุทธศาสนา
สิ่งที่น�ามาแสดงในการจัดนิทรรศการเพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนาอาจมีทั้งหนังสือ ที่ดีและดึงดูดความสนใจ ควรจัดอยางไร
บทความ ภาพถ่าย โปสเตอร์ ในงานนิทรรศการอาจมีบริการถามตอบในเรื่องของพระพุทธศาสนา (แนวตอบ เชน ใชรูปภาพเปนสื่อประกอบ
ด้วยก็ได้ ปัจจุบนั คนทัว่ ไปต้องใช้เวลาในการท�ามาหากินมาก ไม่มเี วลาอ่านหนังสือหรือเดินทางไป บริการถามตอบในเรือ่ งพระพุทธศาสนา แจก
ฟังธรรม การจัดนิทรรศการจะช่วยให้คนเหล่านี้ใช้เวลาน้อยแต่ได้รบั รูเ้ นือ้ หามาก อนึง่ นิทรรศการ แผนพับ หนังสือ ของที่ระลึก ฉายวีดิทัศน
สามารถดึงดูดคนได้มากกว่าการบรรยายหรือการแสดงปาฐกถา หรือถ้ามีการจัดนิทรรศการประกอบ ทํากิจกรรมตอบคําถาม เปนตน)
กับการบรรยาย หรือการแสดงปาฐกถาก็ยิ่งดี 3. ครูใหนักเรียนเขารวมนิทรรศการหรือฟงการ
การจัดนิทรรศการมีส่วนดีหลายอย่าง แต่ก็มีจุดอ่อน การที่จะให้คนเข้าใจหลักธรรม บรรยายธรรมเนื่องในวันสําคัญทางพระพุทธ-
ทีค่ อ่ นข้างยากและลึกซึง้ โดยการจัดนิทรรศการนัน้ เป็นไปได้ยาก เพราะเรือ่ งเหล่านีต้ อ้ งใช้ความคิด ศาสนา และบันทึกความรูพอสังเขป
ต้องอ่าน ฟัง หรือสนทนากันอย่างเป็นกิจจะลักษณะ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่ใช้ความคิดมากนัก หรือ 4. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 5.1 จากแบบวัดฯ
เป็นเรื่องรูปธรรม เช่น พุทธประวัติ เหตุการณ์ส�าคัญในพระพุทธศาสนา การจัดนิทรรศการจะได้ พระพุทธศาสนา ม.2
ผลมากกว่า นอกจากนั้น การจัดนิทรรศการอาจช่วยให้ผู้ที่รู้จักพระพุทธศาสนาน้อยมากหรือ ✓ แบบวัดฯ
ใบงาน แบบฝกฯ
ไม่รู้เลยมาสนใจและอยากรู้จักพระพุทธศาสนา เกิดความสนใจในพระพุทธศาสนามากขึ้นได้ พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 5.1
หนวยที่ 5 หนาที่ชาวพุทธและมารยาทชาวพุทธ
กิจกรรมตามตัวชี้วัด
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
กิจกรรมที่ ๕.๑ ให นั ก เรี ย นศึ ก ษาหน า ที่ ช าวพุ ท ธแล ว วงกลมหน า คํ า ñð
หรือขอความที่ไมมคี วามสัมพันธกบั ขอความดานซายมือ
(ส ๑.๒ ม.๒/๑)
๑. หนาที่สําคัญ ก. ศึกษาคําสอน ข. แสดงธรรม- ค. แสดงปาฏิหาริย ง. ประพฤติตน
ของพระภิกษุ ของพระพุทธเจา เทศนา เปนแบบอยาง
๒. แสดงธรรม ก. อาราธนาศีล ข. อาราธนาธรรม ค. อาราธนา ง. เทศนปุจฉา-
พระรัตนตรัย วิสัชนา
๓. ปาฐกถาธรรม ก. เทศนเดี่ยว ข. เผยแผหลักธรรม ค. ใชภาษาธรรมดา ง. ไมสอน
ใหกวางขวางใน ที่สื่อความหมาย นอกเหนือ
หมูชน ไดงาย คําสอนของ
พระพุทธเจา
๔. เผยแผ ก. เปนหนาที่ ข. รูและเขาใจ ค. ปฏิบัติตาม ง. ตองจําหลัก
พระพุทธศาสนา พุทธศาสนิกชนทีด่ ี หลักธรรม หลักธรรม คําสอนไดอยาง
ถูกตอง คําสอนได แมนยําที่สุด
๕. บรรยายธรรม ก. ตองมีคนฟง ข. ไมดูหมิ่น ค. ไมบรรยายธรรม ง. หลีกเลี่ยง
อยางนอย ๑๐ คน ศาสนาอื่น พรํ่าเพรื่อไปในงาน การเปรียบเทียบ
ขึ้นไป ไมวาโดยตรง พิธกี รรมของศาสนา กับศาสนาอื่น ฉบับ
หรือออม อื่น เฉลย
๖. จัดนิทรรศการ ก. การเผยแผความรู ข. มีบริการถาม ค. ใชรูปภาพและหุน ง. คนคิดการ
โดยการแสดงธรรม ตอบในเรื่องของ ประกอบแทนคําพูด เผยแผศาสนาที่
พระพุทธศาสนา แปลกใหมไมซาํ้
แบบใคร
๗. ทิศ ๖ ก. พอ แม ข. สามี ภรรยา ลูก ค. เหนือ ใต ตะวันออก ง. ลูกจาง นายจาง
ครูอาจารย ตะวันตก อีสาน เพือ่ นรวมทุกข
กลาง รวมสุข
การจัดนิทรรศการทางพระพุทธศาสนา โดยใช้รปู ภาพและหุน่ จำาลองประกอบ จะช่วยดึงดูดความสนใจ และสร้างความเข้าใจ ๘. หลักเกณฑการ ก. มีความภาคภูมิใจ ข. ถูกตองตาม ค. ประหยัดและคํานึง ง. มีความเหมาะสม
เขารวมพิธีกรรม หลักทาง ถึงประโยชน กับธรรมเนียม
ให้แก่ผู้เยี่ยมชมมากยิ่งขึ้น ทางพุทธศาสนา พระพุทธศาสนา ประเพณี
๙. แสดงตนเปน ก. ประกาศตนวาเปน ข. เกิดขึ้นในสมัย ค. อุบาสกผูป ฏิญานตน ง. อุบาสิกาที่เปน
พุทธมามกะ ผูยอมรับนับถือ พุทธกาลในวินัย เปนพุทธมามกะ พุทธมามกะ
พระพุทธเจา ปฎกมหาวรรค คนแรกคือ พระยสะ คูแ รก คือ มารดา
107 เลม ๔ และภรรยาเกา
ของพระยสะ
๑๐. หนาที่ของ ก. ศึกษาความรู ข. ปฏิบัติตามหลัก- ค. ชักชวนใหบุคคล ง. ปกปอง
ชาวพุทธ เกีย่ วกับหลักธรรม ธรรมและประเพณี ที่อยูใกลเคียงใหมา พระพุทธศานา
คําสอนของ พิธีกรรมทาง สนใจนับถือ ไมใหเสื่อมหรือ
พระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนา ถูกทําลาย
๔๓
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
ในฐานะที่นักเรียนเปนคนไทยสามารถมีสวนชวยสืบทอดพระพุทธศาสนาได
ครูควรจัดกิจกรรมโดยพานักเรียนไปดูนิทรรศการหรือฟงการบรรยายธรรม
อยางไร
เนื่องในวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา เชน วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา
1. บวชเณรหรือบวชชีพราหมณ
วันอาสาฬหบูชา วันเขาพรรษา วันออกพรรษา เปนตน
2. เปนอาสาสมัครออกเผยแผพระพุทธศาสนา
3. พิมพเผยแผตําราทางพระพุทธศาสนาใหหลากหลายภาษา
4. ศึกษาคําสอนทางพระพุทธศาสนาใหถองแทและนําไปปฏิบัติเพื่อเปน
แบบอยางแกผูอื่น
นักเรียนควรรู
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. ศึกษาคําสอนของพระพุทธเจาเพื่อนําไปเปน 1 นิทรรศการ (Exhibition) คือ การจัดกิจกรรมตางๆ เพื่อนําเสนอขอมูล
แบบอยางแกผูอื่น หรือเผยแผเปนธรรมทาน โดยสอนใหผูอื่นปฏิบัติตาม วีดิทัศน ภาพ และเสียง โดยมีกําหนดการ หลักการและเหตุผล วัตถุประสงค
คําสอนของพระพุทธเจา ซึ่งเปนวิธีหนึ่งที่จะชวยสืบทอดพระพุทธศาสนา และหนวยงานที่รับผิดชอบแนนอน เพื่อสรางความเขาใจแกผูที่สนใจ
ใหคนทั่วไปตระหนักและเขาใจพระธรรมคําสอนมากยิ่งขึ้น การจัดนิทรรศการทางพระพุทธศาสนาเปนการนําเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับ
พุทธประวัติ หลักธรรมคําสอน วันสําคัญตางๆ การปฏิบัติตนของชาวพุทธ เปนตน
คูมือครู 107
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนศึกษาและชวยกันสรุปหลักธรรม
ทิศ 6 ในรูปแบบของผังความคิด โดยสุม 1.3 การเป็นลูกที่ดีตามหลักทิศ 6 (ทิศเบื้องหน้า)
ตัวแทนนักเรียนออกมาเขียนบนกระดาน ค�าว่า “ทิศ” ในทางพระพุทธศาสนา เป็นนัยเปรียบเทียบถึงบุคคลประเภทต่างๆ ที่สัมพันธ์
หนาชั้น เกี่ยวข้องในสังคม มิได้หมายถึง ทิศทางด้านภูมิศาสตร์
2. ครูทบทวนความรูเกี่ยวกับทิศ 6 วาในชั้น ม.1 1
“ทิศ ๖” ถือเป็นหลักธรรมที่จะก่อให้เกิด
นักเรียนเคยเรียนหลักธรรมทิศ 6 เกี่ยวกับ ความสมานฉันท์ และการเกือ้ กูลกันระหว่างบุคคล
การปฏิบัติตนอยางเหมาะสมตอเพื่อนตามหลัก ต่างๆ เพือ่ จะได้เป็นบุตรธิดาและเป็นบิดามารดา
พระพุทธศาสนา จากนั้นครูตั้งคําถามเกี่ยวกับ ที่ดี เป็นศิษย์และเป็นครูอาจารย์ที่ดี เป็นมิตร
ทิศเบื้องหนา ไดแก บิดามารดา วา สหายที่ดี เป็นสามีและภรรยาที่ดี เป็นนายจ้าง
• ทิศเบื้องหนามีความสําคัญกับชีวิตของ และลูกจ้างที่ดี และเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี
นักเรียนอยางไร ในที่ นี้ จ ะกล่ า วถึ ง เฉพาะทิ ศ เบื้ อ งหน้ า
(แนวตอบ ทิศเบื้องหนา ไดแก บิดามารดา ซึ่งมีสาระส�าคัญ ดังนี้
คือ ผูใหกําเนิดชีวิต ผูอบรมสั่งสอน ผูให ทิศเบื้องหน้า (ปุรัตถิมทิศหรือทิศตะวัน
คําปรึกษา ใหการศึกษา เลี้ยงดูบุตร และมอบ ออก) ได้แก่ บิดามารดา ซึ่งถือว่าท่านทั้งสอง
ทรัพยสมบัติเมื่อถึงเวลาอันควร เพราะฉะนั้น เป็นผู้ที่มีอุปการคุณแก่เราอย่างสูงที่สุด ท่าน
บิดามารดาจึงเปนที่พึ่งสูงสุด) เป็นบุรพเทพ คือ เป็นเทวดาองค์แรกของลูก
• ตามหลักทิศ 6 นักเรียนสมควรปฏิบัติตนตอ และเป็นบุรพาจารย์ คือ เป็นอาจารย์คนแรก
บิดามารดาอยางไร บิดามารดาพึงหาคู่ครองที่เหมาะสมให้แก่บุตร ของลูก
(แนวตอบ กตัญูกตเวที เชื่อฟงทาน เลี้ยงดู
ทานตอบ ชวยทําธุระ ประพฤติตนให ตารางแสดงการปฏิบัติตนเพื่อเป็นลูกที่ดีตามหลักทิศ ๖
เหมาะสม ทําใหบิดามารดาภูมิใจ) บิดามารดาปฏิบัติต่อบุตรธิดา บุตรธิดาปฏิบัติต่อบิดามารดา
3. ครูยกคํากลอนที่วา “เมื่อแกเฒาหมายเจาชวย บิดามารดาย่อมจะอนุเคราะห์และสงเคราะห์บตุ รธิดา บุตรธิดาก็สมควรปฏิบัติตนต่อบิดามารดาด้วยสถาน
รับใช เมื่อเจ็บไขหมายเจาเฝารักษา เมื่อยาม ด้วยสถาน ๕ ดังนี้ ๕ ดังนี้
ถึงวันตายวายชีวา หวังลูกชวยปดตาเมื่อสิ้นใจ” ๑. ห้ามปรามมิให้ท�าชั่ว ๑. ท่านเลี้ยงดูเราแล้ว เราต้องเลี้ยงดู
ใหนักเรียนบรรยายความรูสึกของตนเองตาม ๒. อบรมให้ตั้งอยู่ในความดี ท่านตอบ
ความหมายของบทกลอนนี้ ๓. ให้การศึกษาเล่าเรียน ๒. ช่วยท�าธุระของท่าน
4. ครูใหนกั เรียนวิเคราะหคาํ กลาวทีว่ า “บิดามารดา ๔. หาคู่ครองที่เหมาะสมให้ ๓. ด�ารงวงศ์สกุล
๕. มอบทรัพย์สมบัติให้เมื่อถึงโอกาสอันควร ๔. ประพฤติตนให้เหมาะสมกับความเป็น
พึงหาคูครองที่เหมาะสมใหแกบุตร” นักเรียน ทายาท
เห็นดวยกับคํากลาวนี้หรือไม เพราะเหตุใด ๕. เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ท�าบุญอุทิศ
ส่วนกุศลให้ท่าน
108
กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
1 ทิศ 6 หมายถึง บุคคลตางๆ ที่มีความเกี่ยวของสัมพันธกันและมีหนาที่ที่พึง ครูมอบหมายใหนักเรียนสํารวจตนเอง วาเคยทําใหบิดามารดาเสียใจ
ปฏิบัติตอกัน ดังนี้ หรือโกรธเรื่องใด แลวเขียนลงกระดาษ A4 พรอมทั้งบอกถึงวิธีการแกไข
• ทิศเบื้องหนา ไดแก บิดามารดา หมายถึง หนาที่ของบิดามารดาและบุตร ปรับปรุงพฤติกรรมนั้นๆ ดวย สงครูผูสอน
ที่พึงปฏิบัติตอกัน
• ทิศเบื้องหลัง ไดแก สามีภรรยา หมายถึง หนาที่ของสามีและภรรยา
ที่พึงปฏิบัติตอกัน
• ทิศเบื้องขวา ไดแก ครูอาจารย หมายถึง หนาที่ของครูอาจารยและ
กิจกรรมทาทาย
ลูกศิษยที่พึงปฏิบัติตอกัน
• ทิศเบื้องซาย ไดแก เพื่อน หมายถึง หนาที่ของเพื่อนที่พึงปฏิบัติตอกัน
ครูมอบหมายใหนักเรียนเขียนเรียงความ 1 หนากระดาษ หัวขอ
• ทิศเบื้องบน ไดแก พระสงฆ หมายถึง หนาที่ของพระสงฆและฆราวาส
“พระคุณของบิดามารดาและการปฏิบัติตนที่เหมาะสม” โดยใหนักเรียน
ที่พึงปฏิบัติตอกัน
เขียนบรรยายถึงบิดามารดาหรือบุคคลที่นักเรียนเคารพรักและการตอบแทน
• ทิศเบื้องลาง ไดแก ผูใตบังคับบัญชา หมายถึง หนาที่ของคนรับใชและ
พระคุณของทาน แลวนําสงครูผูสอน
ผูบังคับบัญชาที่พึงปฏิบัติตอกัน
108 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนทําแผนกระดานขาวคาย
1 คุณธรรม แลวใหนักเรียนแตละคนหรือผูที่มี
๑.๔ การเข้าค่ายคุณธรรม
สภาพสังคมในปัจจุบันเต็มไปด้วยปัญหาต่างๆ มากมาย ทั้งปัญหาแหล่งเสื่อมโทรม ปัญหา ประสบการณและเคยเขาคายคุณธรรมมาแลว
โสเภณี ปัญหาแรงงาน ปัญหาเยาวชน ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาสภาวะแวดล้อมเป็นพิษ ปัญหา เขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่ไดจาก
ความขัดแย้งทางสังคมและการเมือง ปัญหา การไปเขารวม แลวนําไปติดบนกระดานขาว
อาชญากรรม ปัญหายาเสพติด ซึ่งปัญหาต่างๆ 2. ครูใหนักเรียนเขารวมโครงการปฏิบัติธรรม
เหล่านี้ล้วนเกิดจากความเห็นแก่ตัว การเอารัด ระยะสั้น หรือเขาคายพุทธบุตรที่ทางโรงเรียน
เอาเปรียบ การขาดคุณธรรม ซึ่งส่งผลให้สังคม จัดขึ้น แลวทําบันทึกการเขารวมกิจกรรม
เสื่อมโทรม ไม่สงบสุข นําสงครูผูสอน
การแก้ปัญหาทางหนึ่ง ก็คือ การปลูกฝัง 3. ครูเกริ่นนําถึงการเขาคายคุณธรรม และตั้ง
คุณธรรม จริยธรรม ให้แก่เด็กหรือเยาวชนซึ่ง คําถามวา
เป็นวัยรุ่นที่ก�าลังสดใส ตื่นตัว เต็มไปด้วยพลัง • การเขาคายคุณธรรม มีประโยชนใน
ทางกาย พลังทางความคิด และพลังสติปัญญา การพัฒนาคุณธรรมของเยาวชนอยางไร
ถ้าเยาวชนเหล่านี้ได้รับการพัฒนาอย่างถูกวิธ ี (แนวตอบ การเขาคายคุณธรรม คือ การ
อย่างมีระบบแบบแผน เยาวชนก็จะเป็นก�าลัง ปลูกฝงคุณธรรมและจริยธรรมใหเยาวชน
ส�าคัญในการพัฒนาชาติ แต่ในขณะเดียวกัน ซึ่งเปนวัยที่เต็มไปดวยพลังแหงความคิด
หากเยาวชนได้รบั การพัฒนาไม่ถกู วิธ ี ขาดระบบ การเข้าค่ายคุณธรรมเป็นการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม และการสรางสรรคสิ่งใหมๆ ตลอดเวลา
แบบแผนที่ดีพอ เยาวชนก็จะเป็นปัญหาส�าคัญ
ให้แก่เยาวชน เพื่อให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ โดยการรับรูขาวสารภายนอกที่เขามาอยาง
ของชาติเช่นเดียวกัน ดังนั้น จึงจ�าเป็นที่จะต้องหาวิธีการเพื่อให้เยาวชนเข้าใจบทบาทของตนเอง ไมหยุดยั้ง ดวยเหตุนี้ การเขาคายคุณธรรม
มีจติ ส�านึกรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม โดยการจัดกิจกรรมทีม่ งุ่ เน้นการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม จึงชวยใหความคิดของวัยรุนเกิดความ
ให้เยาวชนรู้จักน�าหลักธรรมไปใช้ในการด�ารงชีวิตได้อย่างเหมาะสม เช่น กิจกรรมกตัญญูกตเวที แข็งแกรงทางคุณธรรม มีสามัญสํานึกตั้งแต
กิจกรรมอนุรกั ษ์ศลิ ปวัฒนธรรมไทย กิจกรรมสร้างสายสัมพันธ์ กิจกรรมสร้างความสามัคคี เป็นต้น วัยรุน มีจิตสํานึกรับผิดชอบตอตนเองและ
สังคม อันจะเปนรากฐานของการเติบโต
๑.๕ การเข้าร่วมพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา เปนผูใหญที่มีคุณภาพในอนาคต ซึ่งจะเปน
พิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา หมายถึง ระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับศาสนาหรือลัทธิประเพณีที่ กําลังที่สําคัญในการพัฒนาประเทศชาติ
ก�าหนดขึน้ เป็นแบบอย่างส�าหรับให้พทุ ธศาสนิกชนได้ยดึ ถือปฏิบตั ิ เป็นการแสดงออกถึงความเชื่อ สืบไป)
ทางศาสนา ซึ่งกระท�าเพื่อให้เกิดความอบอุ่นทางใจ ท�าให้การปฏิบัติศาสนกิจเป็นสิ่งส�าคัญและ
มีความน่าเชื่อถือ น่าศรัทธามากยิ่งขึ้น
การเข้าร่วมพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา จะต้องค�านึงถึงความเหมาะสมในหลายๆ ด้าน
ต้องรูจ้ ุดมุ่งหมายแห่งการกระท�า รู้ว่าสิ่งใดมีประโยชน์ สิ่งใดไม่มีประโยชน์ และต้องมีหลักเกณฑ์
ในการจัด เพราะถ้าหากไม่รู้หลักเกณฑ์แล้ว อาจจะเป็นการบ่อนท�าลายพิธีกรรมนั้นๆ ทางอ้อม
ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์
๑09
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
การเขาคายคุณธรรมมีวัตถุประสงคเพื่ออะไร
ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเขารวมพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาวา ตอง
1. ใหเยาวชนมีความรูในหลักธรรม
ปฏิบัติตามหลักศาสนาอยางถูกตอง เพราะในปจจุบันมีการเสริมแตงจนผิดหลักการ
2. ปลูกฝงใหเยาวชนเห็นความสําคัญของพระพุทธศาสนา
เชน การทําพิธตี อ งมีมหรสพประกอบ การเชิญคนใหญคนโตมาเปนประธานจุดธูปเทียน
3. เปดโอกาสใหเยาวชนเขาวัดฟงธรรม สนทนากับพระสงฆ
แตในความเปนจริงแลว ใหยึดหลักงายๆ โดยทําตามศาสนบัญญัติที่สืบตอกันมา
4. ใหเยาวชนรูจักนําหลักธรรมไปใชในการดํารงชีวิตไดอยางเหมาะสม
เปนตน
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะการเขาคายคุณธรรม คือ การจัด
กิจกรรมที่มุงเนนการปลูกฝงคุณธรรม จริยธรรม เพื่อใหเยาวชนรูจักนํา
หลักธรรมไปใชในการดํารงชีวิตไดอยางเหมาะสม ซึ่งจะทําใหมีความสุข นักเรียนควรรู
และประสบความสําเร็จในชีวิต
1 คุณธรรม มาจาก คุณ+ธรรมะ หมายถึง คุณความดีทเี่ ปนธรรมชาติ กอใหเกิด
ประโยชนตอตนเองและสังคม ซึ่งเปนพฤติกรรมที่แสดงถึงมาตรฐานทางศีลธรรม
โดยกระทรวงศึกษาธิการไดประกาศนโยบายเรงรัดการปฏิรูปการศึกษา โดยยึดหลัก
คุณธรรมพื้นฐาน 8 ประการ ไดแก ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย มีวินัย สุภาพ สะอาด
สามัคคี และมีนํ้าใจ
คูมือครู 109
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนกั เรียนเขียนเรียงความหัวขอ “การปฏิบตั ิ
1
ตนที่ถูกตองในพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา” การประกอบพิธีกรรมหรือการเข้าร่วมพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา ควรมีหลักเกณฑ์ ดังนี้
มาคนละ 1 หนากระดาษ แลวครูเลือกเรียงความ (๑) มีใจมั่น หมายถึง มีจิตใจบริสุทธิ์ และมีความแน่วแน่ที่จะเข้าร่วมพิธีกรรมนั้นๆ
ของนักเรียน 5-6 คน มาอภิปรายรวมกันในชั้น (๒) ถูกต้องตามหลักทางพระพุทธศาสนา หมายถึง การเข้าร่วมพิธีกรรมต่างๆ จะต้อง
2. ครูใหนักเรียนชวยกันยกตัวอยางพิธีกรรมทาง ยึดถือหลักเกณฑ์และระเบียบทางพระพุทธศาสนาเป็นส�าคัญ รวมทั้งควรรู้จุดมุ่งหมาย ขั้นตอน
พระพุทธศาสนาที่นักเรียนรูจัก โดยออกมา ตลอดจนรายละเอียดของพิธีกรรมนั้นๆ พอสมควร เพื่อไม่ให้พิธีกรรมนั้นๆ ลดความส�าคัญลงไป
เขียนบนกระดานหนาชัน้ เรียน จากนัน้ ครูซกั ถาม (๓) ประหยัด หมายถึง การประหยัดทรัพย์ทใี่ ช้ในการจัดพิธกี รรมหรือเข้าร่วมพิธกี รรม
และอภิปรายรวมกับนักเรียนวา พิธกี รรมเหลานัน้ นั้นๆ รู้จักพิจารณาว่าสิ่งใดฟุ่มเฟือย สิ่งใดไม่ฟุ่มเฟือย ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ มีการวางแผน
มีลักษณะการประกอบพิธีอยางไร โดยยึดหลักเกณฑ์ทางพระพุทธศาสนาเป็นแนวทางส�าคัญ
3. ครูกลาวถึงการประกอบพิธีกรรมทาง (๔) ค�านึงถึงประโยชน์ หมายถึง การพิจารณาว่าการเข้าร่วมในพิธีกรรมนั้นๆ จะได้รับ
พระพุทธศาสนา และตั้งคําถามวา คุณประโยชน์อย่างใดบ้าง เช่น ช่วยลดความเห็นแก่ตัว ท�าให้จิตใจบริสุทธิ์ มีความเลื่อมใสศรัทธา
• ขอควรคํานึงในการประกอบพิธีกรรมและ ในพระพุทธศาสนามากขึน้ ถ้าท�าโดยไม่คา� นึงถึงประโยชน์ เห็นเขาท�าก็ทา� บ้าง ไม่รจู้ ดุ มุง่ หมายแล้ว
การเขารวมพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา พิธีกรรมนั้นก็ย่อมปราศจากคุณค่า
มีอะไรบาง (๕) มีความเหมาะสม หมายถึง พิธกี รรมนัน้ ไม่ขดั ต่อประเพณีนยิ ม วัฒนธรรม ระเบียบ
(แนวตอบ เชน มีจิตใจที่แนวแนและศรัทธา กฎเกณฑ์ รวมถึงธรรมเนียมปฏิบตั อิ นั ดีงามของสังคม ตลอดจนไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผอู้ นื่
ประกอบพิธีกรรมถูกตองตามหลักศาสนา
คํานึงถึงประโยชนที่จะไดรับ มีความประหยัด
เหมาะสม โดยไมขัดตอจารีตและประเพณี
นิยม ไมสรางความเดือดรอนใหแกผูอื่น
เปนตน)
การเข้าร่วมพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาจะต้องกระทำาด้วยความตั้งใจ และปฏิบัติตนให้ถูกต้องตามระเบียบหลักเกณฑ์
ที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา
110
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
บุคคลใดตอไปนี้ปฏิบัติถูกตองตามหลักเกณฑการเขารวมพิธีกรรมทาง
1 พิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา จากภาพหนา 110 เปนประเพณีทําบุญ
พระพุทธศาสนามากที่สุด
ตักบาตร ซึ่งจัดขึ้นที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อําเภอธาตุพนม จังหวัด
1. นทีเชิญนายอําเภอมาเปนประธานในพิธีทําบุญขึ้นบานใหม
นครพนม ซึง่ เปนทีป่ ระดิษฐานของพระอุรงั คธาตุหรือกระดูกสวนอกของพระพุทธเจา
เพราะเปนคนมีชื่อเสียง
2. วารีจัดงานบวชของบุตรชาย โดยเนนความหรูหรา เพื่อความมีหนา
บูรณาการอาเซียน มีตาในสังคม
3. ชลธารสํารวมกาย วาจา ใจ และกลาวคํารับศีลตามพระสงฆขณะ
ครูกลาวถึงประเพณีทางพระพุทธศาสนาในประเทศลาว ซึ่งมีงานบุญเดือน 10 รวมพิธีกรรม
เหมือนกับประเพณีทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย โดยประเทศไทยเรียกวา 4. สาครเห็นเพื่อนบริจาคเงินจํานวนมากเพื่อบูรณปฏิสังขรณวัด
“วันสารทไทย” ลาวเรียกวา “บุญขาวสาก” ซึง่ เปนหนึง่ ในประเพณีฮตี สิบสอง ไดแก ก็ทําบาง เพราะกลัวนอยหนา
เดือนอาย- บุญเขากรรม เดือนยี่ - บุญคูณลาน เดือนสาม - บุญขาวจี่ เดือนสี่ - บุญพระเวส
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะการเขารวมพิธีกรรมทางพระพุทธ-
เดือนหา - บุญสงกรานต เดือนหก - บุญบัง้ ไฟ เดือนเจ็ด - บุญซําฮะ เดือนแปด - บุญเขาพรรษา
ศาสนา ตองคํานึงถึงหลักเกณฑตอไปนี้ ไดแก มีใจตั้งมั่น ถูกตองตาม
เดือนเกา - บุญขาวประดับดิน เดือนสิบ - บุญขาวสาก เดือนสิบเอ็ด - บุญออกพรรษา
หลักการ ประหยัด คํานึงถึงประโยชน และมีความเหมาะสม ดังนั้น
เดือนสิบสอง - บุญกฐิน
จึงตอบขอ 3. สวนขออื่นๆ เปนการปฏิบัติที่ไมสมเหตุสมผล
110 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูอธิบายถึงการแสดงตนเปนพุทธมามกะวา
1.6 การแสดงตนเป็นพุทธมามกะ เปนการประกาศตนนับถือพระพุทธศาสนา
พุทธมามกะ หมายถึง ผู้ถือพระพุทธเจ้าว่าเป็นของเรา หรือผู้รับเอาพระพุทธเจ้าเป็นของตน และตั้งคําถามวา
ผู้ประกาศตนว่าเป็นผู้นับถือพระพุทธศาสนา • บทสวดมนตใดที่แสดงตนวาผูสวดเปน
ดังนั้น การแสดงตนเป็นพุทธมามกะ ก็คือ การ พุทธมามกะ
ประกาศตนว่าเป็นผู้ยอมรับนับถือพระพุทธเจ้า (แนวตอบ บทไตรสรณคมน ซึ่งเปนบทสวด
เป็นการแสดงให้ปรากฏว่าตนยอมรับนับถือ เกี่ยวกับการถึงพระรัตนตรัยวาเปนที่พึ่ง
พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจ�าชีวิตของตน ที่ระลึก หรือการเปลงวาจาขอถึงพระพุทธ
ตามปกติแล้ว คนไทยส่วนใหญ่จะรับนับถือ พระธรรม พระสงฆวาเปนสรณะที่พึ่ง เพื่อ
พระพุทธศาสนาตามอย่างบิดามารดา เมื่อ แสดงวาตนมีพระรัตนตรัยเปนที่ระลึกนึกถึง
แจ้งทะเบียนส�ามะโนครัวในการเกิดก็มกั แจ้งว่า และเปนที่พึ่งตลอดไป และแสดงตนเปน
ศาสนาพุทธ จึงเป็นพุทธศาสนิกชนไปโดยปริยาย พุทธมามกะ เปนผูเคารพนับถือ
หาได้มีจิตตั้งมั่นฝังใจอย่างแท้จริงไม่ ดังนั้น พระพุทธศาสนา)
เพื่ อ ให้ เ กิ ด ความซาบซึ้ ง ในพระพุ ท ธศาสนา 2. ครูใหนักเรียนศึกษาวา เพราะเหตุใด พระบาท
จึ ง น� า มาสู ่ ก ารจั ด กิ จ กรรมการแสดงตนเป็ น สมเด็จพระเจาอยูหัว รัชกาลที่ 9 จึงทรงไดรับ
พุทธมามกะขึ้น เพื่อกระตุ้นให้เยาวชนตั้งมั่น พิธีแสดงตนเป็นพุทธมามกะของเยาวชน ยกยองใหเปนแบบอยางของพุทธมามกะ และ
ในความเป็นพุทธมามกะของตน พระองคทรงมีคุณูปการตอพระพุทธศาสนา
อยางไรบาง ยกตัวอยางประกอบคําอธิบาย
๑) ประวัติความเป็นมา การแสดงตนเป็นพุทธมามกะเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยพุทธกาล 3. ครูซักถามนักเรียนถึงประโยชนที่ไดรับจาก
ดังมีปรากฏในวินัยปิฎกมหาวรรคเล่ม ๔ ซึ่งสรุปโดยย่อ ดังนี้ พิธีแสดงตนเปนพุทธมามกะ
ยสกุลบุตรเป็นเศรษฐีผู้มีทรัพย์สมบัติมากมาย และได้รับการบ�ารุงบ�าเรออย่างเต็มที่ (แนวตอบ เปนการแสดงตนเปนพุทธมามกะ
คืนวันหนึ่งเขาได้หลับก่อนบริวาร และตื่นขึ้นมาเห็นบริวารของตนหลับด้วยอาการต่างๆ บางคน หรือผูนับถือพระพุทธศาสนาอยางแทจริง
นอนผ้าหลุดลุ่ย บางคนนอนละเมอ น�้าลายไหล เมื่อยสะเห็นอาการต่างๆ เหล่านี้ จิตจึงตั้งอยู่ ไมเปนเพียงชาวพุทธตามบัตรประชาชน
ในความเบื่อหน่าย เขาจึงเปล่งอุทานขึ้นในขณะนั้นว่า “ท่านผู้เจริ1ญ ที่นี่วุ่นวายหนอ ท่านผู้เจริญ เปนการสัญญาตอพระพุทธเจาวาเปนผูนับถือ
ที่นี่ขัดข้องหนอ” และได้ออกจากเมืองไปยังป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ครั้นรุ่งเช้าพระผู้มีพระภาคเจ้า พระพุทธศาสนา ไดรับศีลรับพรจากพระสงฆ
เสด็จลุกขึ้นจงกรมอยู่ ณ ที่แจ้ง ได้ทอดพระเนตรเห็นยสกุลบุตรเดินมาแต่ไกล จึงเสด็จลงจาก และไดบุญกุศล)
ที่จงกรมประทับนั่งบนอาสนะที่เขาจัดไว้ ขณะนั้นยสกุลบุตรได้เปล่งอุทานขึ้นว่า “ท่านผู้เจริญ ที่นี่
วุ่นวายหนอ ท่านผู้เจริญ ที่นี่ขัดข้องหนอ” พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสกับยสกุลบุตรว่า “ยสะ
ที่นี่ไม่วุ่นวาย ที่นี่ไม่ขัดข้อง มาเถิดยสะจงนั่งลง เราจักแสดงธรรมแก่เธอ” พระผู้มีพระภาคเจ้า
ได้ตรัสอนุปุพพิกถา คือ ทรงประกาศทานกถา สีลกถา สัคคกถา กามาทีนวกถา และเนกขัมมา‑
นิสังสกถาไปตามล�าดับ ท�าให้ยสกุลบุตรได้ดวงตาเห็นธรรมและขอบรรพชาอุปสมบท
111
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
การประกาศตนวาจะปฏิบัติตามหลักธรรมคําสอนของพระพุทธเจาและ
ครูใหนักเรียนดูตัวอยางคลิปวิดีโอไดที่ http://www.youtube.com โดยใช
ขอยึดพระรัตนตรัยเปนที่พึ่ง เปนพิธีกรรมของชาวพุทธในขอใด
คําคนหาวา “การแสดงตนเปนพุทธมามกะ” จากนั้นครูควรนิมนตพระอาจารยมา
1. พิธีบรรพชาเปนสามเณร
บรรยายธรรมเกี่ยวกับความสําคัญของการแสดงตนเปนพุทธมามกะ แลวสาธิต
2. พิธีอุปสมบทเปนพระภิกษุ
การแสดงตนเปนพุทธมามกะ
3. พิธีแสดงตนเปนพุทธมามกะ
4. พิธีถวายภัตตาหารแดพระพุทธเจา
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เนื่องจากพิธีแสดงตนเปนพุทธมามกะ นักเรียนควรรู
คือ การประกาศตนวาเปนผูยอมรับนับถือพระพุทธศาสนาเปนศาสนา
ประจําชีวิตของตน และนอมนําเอาหลักธรรมคําสอนมาประพฤติปฏิบัติ 1 ปาอิสิปตนมฤคทายวัน แปลวา ปาที่ใหอภัยแกเนื้อ ซึ่งเปนสถานที่ที่
เพื่อใหเกิดความเปนมงคลแกการดํารงชีวิต พระพุทธเจาทรงแสดงพระธรรมเทศนาเปนครั้งแรกหรือปฐมเทศนา คือ
ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร แกปญจวัคคีย อยูใกลเมืองพาราณสี แควนกาสี
ปจจุบันคือเมืองสารนาถ อยูในรัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย
คูมือครู 111
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนอานเรื่อง “ยสกุลบุตร” เกี่ยวกับ
การแสดงตนเปนพุทธมามกะ และใหวิเคราะห ครั้นรุ่งเช้า เศรษฐีคหบดีผู้บิดาได้ส่งคนไปตามหายสะทั้ง ๔ ทิศ และตนเองไปยังป่า
วา เพราะเหตุใด บิดา มารดา และภรรยาเกา อิสปิ ตนมฤคทายวัน ได้พบรองเท้าทองวางอยู่ จึงเดินไปยังทีน่ 1นั่ พระผูม้ พี ระภาคเจ้าทอดพระเนตร
ของยสกุลบุตร จึงเปนอุบาสกและอุบาสิกา เห็นเศรษฐีคหบดีเดินมาแต่ไกลจึงทรงบันดาลอิทธาภิสังขาร ไม่ให้เศรษฐีคหบดีเห็นยสกุลบุตร
ผูแสดงตนเปนพุทธมามกะคนแรกของโลก ผูน้ งั่ อยูท่ นี่ นั่ เศรษฐีคหบดีไปเฝ้าพระผูม้ พี ระภาคเจ้าถึงทีป่ ระทับ พระผูม้ พี ระภาคเจ้าตรัสว่า “คหบดี
2. ครูนําสนทนาเรื่องพุทธมามกะ และตั้งคําถามวา เชิญท่านนั่งลงก่อนเถิด บางทีท่านนั่งที่นี่แล้วจะพึงพบยสกุลบุตรนั่งอยู่ที่นี่ก็ได้” เศรษฐีคหบดี2
• เพราะเหตุใด การแสดงตนเปนพุทธมามกะ จึงถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วนั่ง ณ ที่สมควร พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสอนุปุพพิกถา
จึงตองเปนผูถึงพระรัตนตรัย เช่นเดียวกัน เศรษฐีคหบดีได้ดวงตาเห็นธรรม บรรลุธรรมและได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้า
(แนวตอบ เพราะองคประกอบของพระพุทธ- ดังนี้ว่า “พระองค์ผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์ชัดเจนไพเราะยิ่งนัก พระองค์ทรงประกาศธรรม
ศาสนา คือ พระรัตนตรัยหรือพระไตรรัตน แจ่มแจ้งโดยประการต่างๆ เปรียบเหมือนบุคคลหงายของที่คว�่า เปิดของที่ปิด บอกทางแก่
ประกอบดวย พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ ผู้หลงทาง หรือตามประทีปในที่มืด ด้วยตั้งใจว่า คนตาดีจักเห็นรูป พระองค์ 3 ผู้เจริญ ข้าพระองค์นี้
การแสดงตนเปนพุทธมามกะจึงตองเปนผูที่ ขอถึงพระผู้มีพระภาคเจ้า พร้อมทั้งพระธรรม และพระสงฆ์เป็นสรณะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ถึงพระรัตนตรัยเปนสรณะหรือเปนที่พึ่งสูงสุด) จนตลอดชีวิต” เศรษฐีคหบดีนี้จึงนับเป็นเตวาจิกอุบาสก (ผู้กล่าวถึงรัตนะทั้ง ๓ ว่าเป็นสรณะ)
3. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 5.4 จากแบบวัดฯ เป็นคนแรกในโลก
พระพุทธศาสนา ม.2 ครั้นเวลาเช้า พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จไปยังนิเวศน์ของเศรษฐีคหบดี มารดาและ
ภรรยาเก่าของท่านยสะพากันเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ได้ถวายอภิวาทพระผู้มี
ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ พระภาคเจ้า แล้วนั่ง ณ ที่สมควร พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสอนุปุพพิกถาเช่นเดียวกัน มารดาและ
พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 5.4 ภรรยาเก่าของท่านพระยสะได้ดวงตาเห็นธรรม บรรลุธรรม และได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้า
หนวยที่ 5 หนาที่ชาวพุทธและมารยาทชาวพุทธ เช่นเดียวกับเศรษฐีคหบดี และกล่าวว่า “หม่อมฉันทั้งสองนี้ ขอถึงพระผู้มีพระภาคเจ้า พร้อมทั้ง
กิจกรรมที่ ๕.๔ เขียนเครื่องหมาย ✓ลงในชองวางหนาขอความที่ถูกตอง
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
ñð
พระธรรมและพระสงฆ์ เป็นสรณะของพระผูม้ พี ระภาคเจ้า จงทรงจ�าหม่อมฉันทัง้ สองว่าเป็นอุบาสิกา
และเครือ่ งหมาย ✗ ลงในชองวางหนาขอความทีไ่ มถกู ตอง
(ส ๑.๒ ม.๒/๑) ผู้ถึงสรณะตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนตลอดชีวิต”
✓
………………. ๑. หนาที่สําคัญของพระภิกษุ คือ ศึกษาพระธรรมคําสอนของพระพุทธเจาใหเขาใจ
อยางถองแท แลวนํามาเผยแผแกมวลมนุษย
จากข้อความที่ปรากฏในพระไตรปิฎกนี้เป็นการยืนยันว่า อุบาสกผู้ปฏิญาณตน
✓
………………. ๒. การรูแ ละเขาใจหลักธรรมทีถ่ กู ตองนัน้ จะตองปฏิบตั ติ ามหลักธรรมนัน้ ดวย เหมือนครู
สอนดนตรีตองรูและเขาใจทฤษฎีดนตรี และตองเลนดนตรีใหดีดวย
เป็นพุทธมามกะ ผู้ถึงพระรัตนตรัยเป็นคนแรกของโลก คือ เศรษฐีคหบดีผู้เป็นบิดาของพระยสะ
✓ ๓. พระภิกษุที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ อาจเผยแผพระพุทธศาสนาไดดี โดยไมตองสอน
……………….
หลักธรรมดวยวาจาเลยก็ได
ส่วนอุบาสิกาผู้ปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะผู้ถึงพระรัตนตรัยเป็นคู่แรกของโลก คือ มารดาและ
✗ ๔. การจัดนิทรรศการชวยใหพุทธศาสนิกชนมีความรูและเขาใจ โดยไมตองไปศึกษา
………………. ภรรยาเก่าของพระยสะ
หลักธรรมจากหนังสือ
ฉบับ
✗ ๕. วิธกี ารทีด่ ที สี่ ดุ เพือ่ ใหเยาวชนเขาใจบทบาทของตนเอง และมีจติ สํานึกรับผิดชอบตอ
……………….
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
อุบาสกผูป ฏิญาณตนเปนพุทธมามกะ ผูถ งึ พระรัตนตรัยเปนคนแรก
1 อิทธาภิสังขาร คือ การแสดงหรือบันดาลสิ่งตางๆ ใหเกิดขึ้นโดยการใช
ของโลกมีความเกี่ยวของกับพระยสะอยางไร
อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริยตางๆ
1. เปนบิดาของพระยสะ
2 อนุปุพพิกถา คือ พระธรรมเทศนาที่แสดงความลุมลึกลงไปโดยลําดับ เพื่อให 2. เปนมารดาของพระยสะ
ผูฟงเขาใจจากงายไปยาก ขึ้นไปเปนชั้นๆ และเพื่อเตรียมจิตของผูฟงใหพรอมที่จะ 3. เปนบริวารของพระยสะ
รับฟงอริยสัจ 4 ในสมัยพุทธกาลพระพุทธเจาจะทรงแสดงพระธรรมเทศนาแก 4. เปนภรรยาเกาของพระยสะ
ฆราวาสหรือคฤหัสถ ผูมีอุปนิสัยสามารถที่จะบรรลุธรรมพิเศษได โดยแสดงธรรม
แกบุคคลตางๆ เชน พระเจามหากัปปนะ พระนางอโนชาเทวี ยศกุลบุตร วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เปนบิดาของพระยสะ คือ เศรษฐีคหบดี
อุคคตคหบดี เปนตน ผูก ลาวถึงพระรัตนตรัยวาเปนสรณะหรือเปนทีพ่ งึ่ ทีร่ ะลึก ทีย่ ดึ เหนีย่ วสูงสุด
ไมมีสิ่งใดเหนือกวา เปนคนแรกของโลก
3 สรณะ หมายถึง เปนที่พึ่ง ที่ระลึก ที่ยึดเหนี่ยวสูงสุด ไมมีสิ่งใดเหนือกวา
4 ภัตตาหารเพล คือ อาหารสําหรับพระภิกษุและสามเณร ซึ่งฉันระหวาง
เวลา 11.00 - 12.00 น.
112 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนสงตัวแทนออกมากลาวนํา
๔. นิมนต์พระ ๗ หรือ ๙ รูป ตามศรัทธา สวดมนตพรอมคําแปลในพิธีปฏิบัติเปน
พุทธมามกะหนาชั้นเรียน ไดแก บทสักการะ
1 ๕. สถานทีค่ วรจัดในหอประชุม ไม่ควรจัดกลางสนามและเตรียมจัดทีบ่ ชู าพระพร้อม
อาสน์สงฆ์เท่าจ�านวนพระที่นิมนต์มา พระรัตนตรัย บทนมัสการพระพุทธเจา และ
คําปฏิญาณตนเปนพุทธมามกะ จากนั้นเพื่อน
๓) พิธีปฏิบัติ
นักเรียนกลาวคําปฏิญาณตนเปนพุทธมามกะ
๑. ก่อนเวลาก�าหนด ๑๕ นาที ผู้เข้าร่วมกิจกรรมนั่งประจ�าที่ เมื่อพระเถระและ
พรอมกัน
คณะสงฆ์มาถึงเรียบร้อยแล้ว ให้ตัวแทนผู้ที่จะแสดงตนเป็นพุทธมามกะจุดธูปเทียนบูชาพระ
2. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 5.5 จากแบบวัดฯ
กราบเบญจางคประดิษฐ์ ๓ ครั้ง แล้วน�าสวดมนต์ ดังนี้
พระพุทธศาสนา ม.2
อิมินา สกฺกาเรน พุทฺธ� ปูเชมิ ข้าพเจ้าขอบูชาพระพุทธเจ้าด้วยเครื่องสักการะนี้ (กราบ) ✓ แบบวัดฯ
ใบงาน แบบฝกฯ
อิมินา สกฺกาเรน ธมฺม� ปูเชมิ ข้าพเจ้าขอบูชาพระธรรมด้วยเครื่องสักการะนี้ (กราบ) พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 5.5
อิมินา สกฺกาเรน สงฺฆ� ปูเชมิ ข้าพเจ้าขอบูชาพระสงฆ์ด้วยเครื่องสักการะนี้ (กราบ) หนวยที่ 5 หนาที่ชาวพุทธและมารยาทชาวพุทธ
2 กิจกรรมที่ ๕.๕ ใหนกั เรียนเรียงลําดับพิธปี ฏิบตั ใิ นการแสดงตนเปนพุทธมามกะ
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
ñð
๒. เสร็จแล้วตัวแทนผู้แสดงตน คลานเข้าถวายเครื่องสักการะ ดอกไม้ ธูปแพ โดยนําตัวเลข ๑-๑๐ ใสหนาขอความตอไปนี้ (ส ๑.๒ ม.๒/๑)
๖
เทียนแพ แก่พระเถระ แล้วกราบด้วยเบญจางคประดิษฐ์ ๓ ครั้ง (ขณะที่ตัวแทนคลานออกไป ……………………… พระเถระใหโอวาท ขณะใหโอวาททุกคนพนมมือ จบแลวยกมือขึ้นจบกลางหนาผาก
พรอมกับกลาววา “สาธุ” และเปลีย่ นทานัง่ เปนทาพรหมและเทพธิดา และอาราธนาศีล
ดังๆ พรอมกัน ดังนี้
คนอื่นๆ เปลี่ยนท่านั่งเป็นท่าพรหมหรือท่าเทพธิดาตามเพศและกราบ ๓ ครั้ง พร้อมตัวแทน) มยํ ภนฺเต วิสุํ วิสุํ รกฺขณตฺถาย ติสรเณน สห ปฺจ สีลานิ ยาจาม
ทุติยมฺป มยํ ภนฺเต วิสุํ วิสุํ รกฺขณตฺถาย ติสรเณน สห ปฺจ สีลานิ ยาจาม
๓. จากนั้นทุกคนกล่าวนมัสการพระพุทธเจ้า ๓ ครั้ง ดังนี้ ตติยมฺป มยํ ภนฺเต วิสุํ วิสุํ รกฺขณตฺถาย ติสรเณน สห ปฺจ สีลานิ ยาจาม
(เมื่อพระใหศีลและรับศีลจบแลว กราบ ๓ ครั้ง)
๕
……………………… กลาวคําปฏิญาณตนเปนพุทธมามกะ ดังนี้
(ผูชาย) เอเต มยํ
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส (ซ�้า ๓ ครั้ง) (ผูห ญิง) เอตา มยํ ภนฺเต สุจริ ปรินพิ พฺ ตุ มฺป ตํ ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ สงฺฆฺจ
พุทฺธมามกาติ โน สงฺโฆ ธาเรตุ (กราบเบญจางคประดิษฐ ๓ ครั้ง แลวนั่งพับเพียบ)
๒ ตัวแทนผูท จี่ ะแสดงตนเปนพุทธมามกะจุดธูปเทียนบูชาพระ กราบเบญจางคประดิษฐ ฉบับ
ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น (ซ�้า ๓ ครั้ง) ………………………
๓ ครั้ง แลวนําสวดมนต ดังนี้ เฉลย
อิมนิ า สกฺกาเรน พุทธฺ ํ ปูเชมิ ขาพเจาขอบูชาพระพุทธเจาดวยเครือ่ งสักการะนี้ (กราบ)
อิมินา สกฺกาเรน ธมฺมํ ปูเชมิ ขาพเจาขอบูชาพระธรรมดวยเครื่องสักการะนี้ (กราบ)
อิมินา สกฺกาเรน สงฺฆํ ปูเชมิ ขาพเจาขอบูชาพระสงฆดวยเครื่องสักการะนี้ (กราบ)
๔. จากนั้นกล่าวค�าปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะ ดังนี้ ๙
……………………… เมือ่ พระสวด… สพฺพตี โิ ย… รินนํา้ ลงภาชนะใหหมด แลวพนมมือรับพรจากพระ จบแลว
กราบเบญจางคประดิษฐ ๓ ครั้ง
๑๐
……………………… รับพุทธมามกบัตรจากพระเถระ
๓
……………………… ตัวแทนผูแ สดงตน คลานเขาถวายเครือ่ งสักการะ ดอกไม ธูปแพเทียนแพ แกพระเถระ
(ผู้ชาย) เอเต มย� (ผู้หญิง) เอตา มย� ภนฺเต สุจิรปรินิพฺพุตมฺปิ ต� ภควนฺต� สรณ� คจฺฉาม แลวกราบดวยเบญจางคประดิษฐ ๓ ครั้ง (คนอื่นๆ เปลี่ยนทานั่งเปนทาพรหม
หรือทาเทพธิดาตามเพศและกราบ ๓ ครั้ง พรอมตัวแทน)
๔ ทุกคนกลาวนมัสการพระพุทธเจา ๓ ครั้ง ดังนี้
ธมฺมญฺจ สงฺฆญฺจ พุทฺธมามกาติ โน สงฺโฆ ธาเรตุ ………………………
๗
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส (ซํ้า ๓ ครั้ง)
ถวายจตุปจจัยไทยธรรมแดพระสงฆ
ค�าแปล ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลายถึงพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
………………………
๘
……………………… เมื่อพระสวด… ยถา วริวหา… ตัวแทนกรวดนํ้าอุทิศสวนกุศล
๑
……………………… กอนเวลากําหนด ๑๕ นาที ผูเ ขารวมกิจกรรมนัง่ ประจําที่ เพือ่ รอพระเถระและคณะสงฆ
แม้ปรินิพพานไปนานแล้ว ทั้งพระธรรมและพระสงฆ์ เป็นสรณะที่ระลึกนับถือ ขอพระสงฆ์ ๔๗
จงจ�าข้าพเจ้าทั้งหลายไว้ว่าเป็นพุทธมามกะ ผู้รับเอาพระพุทธเจ้าเป็นของตน คือ ผู้นับถือ
พระพุทธเจ้า (กราบเบญจางคประดิษฐ์ ๓ ครั้ง แล้วนั่งพับเพียบ)
113
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
การแสดงตนเปนพุทธมามกะ เปนพิธีกรรมที่จะปฏิบัติเมื่อใด
ครูควรแนะนํานักเรียนวาการแสดงตนเปนพุทธมามกะ ไมใชแคการสวดมนต
แนวตอบ การแสดงตนเปนพุทธมามกะ จะปฏิบัติเมื่อ กลาวคําปฏิญาณหรือรูคําแปลของบทสวดมนตเทานั้น หากแตตองนําหลักธรรม
• บุคคลตางศาสนาตองการเปลี่ยนมานับถือพระพุทธศาสนา คําสอนมาปฏิบัติในชีวิตประจําวัน เชน ศีล 5 ศีล 8 กรรมบถ 10 เปนตน จึงจะเปน
• ตองการยืนยันความเปนชาวพุทธของตนเองใหหนักแนนยิ่งขึ้น ชาวพุทธที่สมบูรณ
• จะสงบุตรหลานไปเรียนยังตางประเทศที่มิใชดินแดนของพระพุทธศาสนา
• จะปลูกฝงนิสัยของเยาวชนใหมั่นคงในพระพุทธศาสนา ซึ่งสวนใหญ
ทางโรงเรียนจะเปนผูจัดทําพิธีกรรม อาจจะเปนปละครั้ง นักเรียนควรรู
• บุตรหลานมีอายุระหวาง 12-15 ป เพื่อใหเด็กสืบทอดความเปน
พุทธศาสนิกชนตามตระกูลตอไป 1 อาสนสงฆ คือ ที่นั่งของพระสงฆ ซึ่งหากไมมีเบาะรองนั่ง จะใชเสื่อปูลาด
กับพื้นก็ได เพื่อเปนการแสดงใหเห็นวาพระสงฆอยูในตําแหนงที่สูงกวาฆราวาส
ในกรณีที่ปูดวยเสื่อ ฆราวาสจะตองไมนั่งลงบนเสื่อผืนเดียวกับพระสงฆ
2 เครื่องสักการะ คือ ธูปไมระกํา 5 ดอก วางอยูบนเทียน 5 เลม มัดซอนกัน
และมีกรวยดอกไมสด 1 กรวย วางขางบน
คูมือครู 113
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ Expand
1. ครูใหนักเรียนเขารวมพิธีกรรมทางพระพุทธ-
ศาสนา 1 พิธี จากนั้นใหนักเรียนบันทึกลักษณะ ๕. พระเถระให้โอวาท ขณะให้โอวาททุกคนพนมมือ จบแล้วยกมือขึ้นจบที่กลาง
การประกอบพิธีกรรม ความสําคัญ และ หน้าผาก พร้อมกับกล่าวว่า “สาธุ” และเปลีย่ นท่านัง่ เป็นท่าพรหมและเทพธิดา และอาราธนาศีลดังๆ
ประโยชนที่ไดรับจากพิธีกรรมนั้นลงในสมุด พร้อมกัน ดังนี้
และสงครูผูสอน
2. ครูใหนักเรียนเขียนสรุปขั้นตอนและประโยชน มย� ภนฺเต วิสุ� วิสุ� รกฺขณตฺถาย ติสรเณน สห ปญฺจ สีลานิ ยาจาม
ของพิธีแสดงตนเปนพุทธมามกะ โดยบันทึกลง ทุติยมฺปิ มย� ภนฺเต วิสุ� วิสุ� รกฺขณตฺถาย ติสรเณน สห ปญฺจ สีลานิ ยาจาม
ในสมุดและนําสงครูผูสอน ตติยมฺปิ มย� ภนฺเต วิสุ� วิสุ� รกฺขณตฺถาย ติสรเณน สห ปญฺจ สีลานิ ยาจาม
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
ถานักเรียนไปเยี่ยมเพื่อนที่บาน นักเรียนควรปฏิบัติตนอยางไร
1 พุทธมามกบัตร คือ หลักฐานของผูที่ไดแสดงตนเปนพุทธมามกะแลว แตการ
ใหเหมาะสมในฐานะแขกผูมาเยือน
จะมีหรือไมมีพุทธมามกบัตรไมใชสิ่งสําคัญ ขอสําคัญ คือ การที่ชาวพุทธปฏิบัติตน
1. ตะโกนเรียกอยูหนาบาน
ตามหลักธรรมคําสอนของพระพุทธเจาเปนหลัก
2. ทําความเคารพเจาของบานกอน
2 มารยาท หมายถึง กิริยาวาจาที่ถือวาสุภาพ เรียบรอย ถูกกาลเทศะ 3. เปดประตูเขาไปนั่งรอในหองรับแขก
ซึ่งการใชคําวา มารยาทและมรรยาท ขึ้นอยูกับผูใชเห็นสมควรตามความเหมาะสม 4. เขาไปนั่งรวมโตะอาหารของเพื่อนบาน
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. ในฐานะแขกผูมาเยือน เมื่อเขาบานควร
เคาะประตูหรือกดกริ่ง แลวทําความเคารพเจาของบานกอน ไมควรอยูนาน
มุม IT เกินสมควร และควรทําความเคารพเจาของบานกอนแลวจึงกลับ
ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแสดงตนเปนพุทธมามกะ ไดที่
http://www.onab.go.th เว็บไซตสํานักงานพระพุทธศาสนาแหงชาติ
114 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
1. ครูใหนักเรียนชวยกันยกตัวอยางมารยาททาง
เมื่อมีแขกมาบ้าน เราต้องรู้จักปฏิบัติตนว่า จะพูดอย่างไร กับบุคคลวัยใด ฐานะใด สรรพนาม สังคมทีน่ กั เรียนรูจ กั และปฏิบตั ใิ นชีวติ ประจําวัน
แทนตัวเองและแทนแขก ใช้อย่างไร ต้องรู้จักเลือกใช้ให้ถูก แต่อะไรก็ไม่เท่ากับการยิ้มแย้มแจ่มใส 2. ครูถามนักเรียนวา ประเทศตางๆ มีธรรมเนียม
แสดงให้เขาเห็นว่าเรายินดีเต็มใจให้การต้อนรับ การตอนรับแขกอยางไร ยกตัวอยางประกอบ
ไม่ควรแสดงสีหน้าบึ้งตึงใส่แขก อย่างที่เรียกว่า คําอธิบาย
“หน้าไม่รับแขก” (แนวตอบ เชน อังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี กลาว
การปฏิสันถารให้ที่อยู่อาศัยเป็นเรื่องของ พูดคําทักทายแลวเอาแกมชนกัน ชนเผาเมารี
ผู้ใหญ่ที่จะกระท�า ด้วยเป็นประเพณีแต่โบราณ ในนิวซีแลนด เอาจมูกแตะกันและคลึงเล็กนอย
ดังได้กล่าวมาแล้ว ผู้มาจากต่างบ้านต่างถิ่น เกาหลี ผูออนวัยจะคุกเขาและกมศีรษะคํานับ
จะได้รับการต้อนรับโดยให้อาศัย พักพิงเมื่อ ผูอาวุโส อินเดีย จะพูดวา “นะมัสเต” พนมมือ
มาถึงเวลาค�่าคืน ในปัจจุบันธรรมเนียมอย่างนี้ สองขางและโคงตัวเล็กนอย เปนตน)
ได้ละเลยกันเป็นส่วนมาก โดยเฉพาะในเมืองใหญ่
หรือเมืองหลวง เพราะความเจริญของบ้านเมือง สํารวจคนหา Explore
มีมากขึ้น ที่พักคนเดินทางหรือโรงแรมก็จะ
ครูใหนักเรียนศึกษามารยาทชาวพุทธ
สะดวกสบาย จึงมักไม่ใคร่มีใครอยากรบกวน
จากหนังสือเรียนและแหลงการเรียนรูตางๆ เชน
ผู้อื่นให้ล�าบาก จะเหลืออยู่แต่การปฏิสันถาร การต้อนรับแขกด้วยกิริยาที่สุภาพ มีสัมมาคารวะ เป็นการ
แสดงออกซึ่งมารยาทที่ดีงามของชาวพุทธ หองสมุด อินเทอรเน็ต สนทนากับพระสงฆ
ด้วยการต้อนรับญาติหรือมิตรสหายเท่านั้น
เปนตน เพื่อนําความรูมาอภิปรายในชั้นเรียน
เมื่อมีงานเลี้ยงหรืองานรับรองเนื่องด้วยพิธีใดๆ ก็ตาม ผู้เป็นเจ้าของบ้านหรือเจ้าหน้าที่
รับแขกควรกล่าวปฏิสันถารต่อแขกให้ทั่วถึง นักเรียนเป็นเด็กอาจจะได้รับการแนะน�าให้รู้จักญาติ อธิบายความรู Explain
หรือมิตรสหายของบิดามารดา หรือผู้ปกครอง เราจะต้องแสดงตนเป็นผู้มีคารวะต่อผู้ใหญ่และ
ร่วมอยู่ในที่สนทนาตามเวลาอันสมควร แต่ไม่ควรพูดสอดแทรกขึ้นเมื่อผู้ใหญ่ก�าลังสนทนากัน 1. ครูใหนักเรียนออกมาเลาประสบการณของ
ควรตอบก็ต่อเมื่อผู้ใหญ่ถามเราเท่านั้น นักเรียนเองในการปฏิบัติตนเกี่ยวกับการ
2.2 มารยาทของผู้เป็นแขก ตอนรับแขกใหเพื่อนนักเรียนฟง
สังคมไทยมีวัฒนธรรม ประเพณีนิยมที่หลากหลายทั้งในด้านการปฏิบัติและในด้านคุณค่า 2. ครูยกตัวอยางคําพังเพยที่วา “เปนธรรมเนียม
ทีผ่ ปู้ ฏิบตั จิ ะต้องเลือกปฏิบตั ใิ ห้เหมาะสมกับสภาพการณ์นนั้ ดังนัน้ ผูเ้ ป็นแขกหรือบุคคลทีไ่ ปเยีย่ ม ไทยแทแตโบราณ ใครมาถึงเรือนชานตอง
ผู้อื่น ควรปฏิบัติตน ดังนี้ ตอนรับ” แลวใหนักเรียนวิเคราะหวาจาก
๑. ควรหาโอกาสไปเยีย่ มญาติมติ รตามควร โดยเฉพาะอย่างยิง่ เมือ่ ครอบครัวของญาติ คําพังเพยนี้ แสดงใหเห็นถึงธรรมเนียมปฏิบัติ
ได้รับความเดือดร้อน เช่น มีผู้ได้รับอุบัติเหตุ ควรไปถามข่าวคราวและให้ก�าลังใจ หรือเมื่อยาม ของคนไทยตอผูอื่นอยางไร
ครอบครัวของญาติมิตรได้รับความยินดีในเรื่องใดเรื่องหนึ่งก็ควรไปเยี่ยมเพื่อแสดงความยินดีด้วย 3. ครูใหนักเรียนแสดงบทบาทสมมติเกี่ยวกับการ
๒. ก่อนเข้าบ้านควรให้เสียงหรือสัญญาณอื่นๆ เพื่อให้เจ้าของบ้านได้ทราบว่ามีแขก ตอนรับ (ปฏิสันถาร) ในฐานะเจาของบานและ
มาหา เช่น เคาะประตู หรือกดกริ่ง (ถ้ามี) ผูเปนแขก
4. ครูใหนักเรียนวิเคราะหวา การปฏิสันถาร
115
มีความสําคัญอยางไร ใครคือคนที่ตอง
ปฏิสันถารดวย และการปฏิสันถารมีแนวทาง
การปฏิบัติอยางไร
ขอสอบเนน การคิด
ผูใดปฏิบัติตนในฐานะแขกที่ไปเยี่ยมผูอื่นไดอยางเหมาะสม บูรณาการอาเซียน
1. เนตรไปเยี่ยมมุกที่บาน เมื่อเจอพอแมเพื่อนก็ยกมือไหว
ครูเสริมความรูเพิ่มเติมเกี่ยวกับคํากลาวทักทายของภาษาตางๆ ในประเทศ
2. เกพาเพื่อนกลุมใหญไปเยี่ยมขวัญซึ่งปวยเปนไขอยูที่บาน
สมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ
3. ออสนิทกับกิ๊บมาก จึงมักไปหาเพื่อนโดยไมบอกกลาวลวงหนา
4. โอถือโอกาสที่เอกเจาของบานเขาหองนํ้าขอตัวกลับโดยไมบอกลา คํากลาวทักทาย (ภาษาอาเซียน)
บรูไน ซาลามัต ดาตัง
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เพราะเปนการแสดงความเคารพเจาของ อินโดนีเซีย ซาลามัต เตียง
บานเมื่อไปเยี่ยมเยือน
มาเลเซีย ซาลามัต ดาตัง
ขอ 2. ไมควรพาเพื่อนเปนกลุมใหญไป เพราะจะเปนการรบกวนผูปวย
ฟลิปปนส กูมุสตา
ขอ 3. ควรบอกกลาวเพื่อนลวงหนากอนไปหาเพื่อนที่บาน
ขอ 4. ควรบอกกลาวเพื่อนกอนจะขอตัวกลับบาน สิงคโปร หนีหาว (ภาษาจีน)
ไทย สวัสดีครับ/คะ
กัมพูชา ซัวสเด
ลาว สะบายดี
เมียนมา มิงกาลาบา
เวียดนาม ซินจาว
คูมือครู 115
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูสุมตัวแทนนักเรียนออกมาเลาประสบการณ
การปฏิบัติตนตอพระสงฆและในเขตวัด เชน ๓. โดยทั่วไปแขกผู้มาเยี่ยมจะท�าความเคารพเจ้าของบ้านก่อน นอกจากว่าแขกมี
การแตงกายไปวัด การเตรียมภัตตาหารไป อาวุโสกว่าเจ้าของบ้าน
ถวายพระภิกษุ การปฏิบัติตนในระหวางรวมพิธี ๔. ถ้ามิใช่ญาติมิตรที่สนิทสนมกันจริงๆ แล้ว ไม่ควรจะอยู่นานเกินสมควร ถ้ามีธุระ
การสนทนากับพระสงฆ เปนตน เมื่อเสร็จธุระแล้วก็ควรกลับ ถ้าไปเยี่ยมเฉยๆ เมื่อถามข่าวคราวพอควรแล้วก็ควรกลับ นอกจาก
2. ครูนําอภิปรายเรื่องการปฏิบัติตอพระภิกษุ เจ้าของบ้านจะคะยั้นคะยอให้อยู่ต่อ เช่น ในกรณีที่เจ้าของบ้านรู้สึกเหงาอยากมีเพื่อนสนทนา
และตั้งคําถามวา ๕. การไปเยี่ยมผู้อื่นนั้นไม่ควรน�าบุคคลที่เจ้าของบ้านไม่รู้จักไปด้วย นอกจากเป็น
• การเขาพบพระภิกษุ ควรมีการปฏิบัติตน บุตรหลานของตน หรือเป็นผู้เกี่ยวข้องกับการไปเยี่ยมนั้น
ใหเหมาะสมอยางไร 1
๖. เมื่อจะกลับไปควรบอกลาก่อน และท�าความเคารพโดยฐานานุรูปแล้วจึงกลับ
(แนวตอบ เชน ควรแตงกายใหสุภาพเรียบรอย
ควรถวายภัตตาหารในตอนเชาหรือถวายนํ้า
2.3 ระเบียบพิธีปฏิบัติต่อพระภิกษุ
ผลไมในตอนบายและตอนเย็น ตัง้ ใจฟงขณะที่ ๑) การยืน
พระภิกษุใหศีลหรือแสดงพระธรรม สนทนา ๑.๑) การยืนตามล�าพัง การยืนตามล�าพังแม้จะไม่ต้องระวังตัวมากเหมือนยืน
อยางสํารวม เปนตน) ต่อหน้าผู้ใหญ่ แต่ก็ไม่ควรปล่อยตัวให้อยู่ในลักษณะที่น่าเกลียด ซึ่งอาจมีคนมาพบเห็นเข้า เช่น
3. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 5.6 จากแบบวัดฯ ไม่ควรยืนขาถ่าง เท้าสะเอว ท�าท่าทางเย่อหยิง่ หันหน้าไปมาอย่างลุกลีล้ กุ ลน ท�าท่าทางหลุกหลิก
พระพุทธศาสนา ม.2 เป็นต้น
การยืนควรอยู่ในลักษณะสุภาพ ปล่อยตัวตามสบายพอควร ขาชิดกันหรือห่างกัน
ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ เล็กน้อยก็ได้ หรือจะยืนในท่าพักก็ได้ จะยืนเอียงเล็กน้อยพองามก็ได้ แขนปล่อยแนบล�าตัว
พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 5.6
ตามสบาย
หนวยที่ 5 หนาที่ชาวพุทธและมารยาทชาวพุทธ
๑.๒) การยืนต่อหน้าผูใ้ หญ่และ
กิจกรรมที่ ๕.๖ ใหนักเรียนเขียนเครื่องหมาย ✓ ลงใน
ที่เห็นวาถูกตอง (ส ๑.๒ ม.๒/๒)
หนาขอความ
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
ñð พระภิกษุ สมัยก่อนถ้าไม่จ�าเป็นจะไม่ยืนตรง
สถานการณ
นักเรียนควรปฏิบัติ ต่อหน้าผู้ใหญ่ แต่จะยืนเฉียงไปทางใดทางหนึ่ง
วิธีที่ ๑ วิธีที่ ๒
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
ครูอธิบายเพิ่มเติมวา ชาวพุทธทุกคนควรปฏิบัติตนตอพระภิกษุใหเหมาะสม การสละที่นั่งใหพระสงฆ ถือเปนการปฏิบัติตามมารยาทชาวพุทธขอใด
ทั้งกาย วาจา และใจ ดังนี้ 1. สังฆทาน
1. ทางกาย รูจักแสดงความเคารพที่เหมาะสมแกโอกาส เชน ลุกขึ้นตอนรับ 2. ธรรมทาน
ฟงธรรมดวยอาการสงบ อุปถัมภพระสงฆดวยปจจัย 4 เปนตน 3. อาสนทาน
2. ทางวาจา พูดกับพระสงฆดวยคําพูดที่ไพเราะ ใชคําพูดถูกตองเหมาะสม 4. ทักขิณานุปทาน
ควรใชคําสรรพนามที่ถูกตอง วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. การใหที่นั่งมาจากคําวา อาสนทาน คือ
3. ทางใจ แผความรักความปรารถนาดีตอ ทาน คิดหาโอกาสสนับสนุนบํารุงพระสงฆ การสละที่นั่งใหพระสงฆ
ขอ 1. สังฆทาน คือ การถวายสิ่งของหรือเครื่องไทยธรรมแดพระสงฆ
โดยไมเจาะจงเฉพาะรูปใดรูปหนึ่ง
นักเรียนควรรู ขอ 2. ธรรมทาน คือ การใหธรรมหรือคําสอนเปนทาน
ขอ 4. ทักขิณานุปทาน คือ การทําบุญอุทิศสวนกุศลใหญาติผูลวงลับ
1 ฐานานุรูป คือ สมควรแกฐานะ ใชในกรณีกิจการ การใชจาย การตอนรับ
ไปแลว
การดํารงชีพ ใหเปนไปอยางพอดี พอเหมาะพอควร ไมใหเกินเลยฐานะ
หรือนอยไปจนเกินเหตุ
116 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม เพื่อฝกระเบียบพิธี
๒) การให้ที่นั่ง มาจากค�าว่า “อาสนทาน” ใช้ในเวลาพระสงฆ์มาในบริเวณมณฑลพิธี ปฏิบตั ติ อ พระภิกษุ ทัง้ การยืน การลุกขึน้ ยืนรับ
ซึ่งไม่มีที่ว่างหรือแสดงความเคารพแก่พระสงฆ์ พึงปฏิบัติ ดังนี้ 1 การใหที่นั่ง การเดินสวนทาง การสนทนา และ
๑. ถ้าสถานที่ชุมนุมนั้นนั่งเก้าอี้ เมื่อพระสงฆ์มาในงานนั้น ฆราวาสชายและ การรับสิ่งของ แลวใหนักเรียนออกมาสาธิต
หญิงพึงลุกขึ้น หลีกให้พระสงฆ์นั่งเก้าอี้แถวหน้า หรือขณะขึ้นรถเมล์ประจ�าทางนั่งอยู่เบาะหลัง หนาชั้น
ถ้ามีพระสงฆ์เดินทางไปด้วยพึงให้พระสงฆ์นงั่ แสดงให้เห็นถึงความมีสมั มาคารวะ และมีวฒ ั นธรรม 2. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสมมติสถานการณ
ในการนั่ง แลวแตงบทสนทนาระหวางพระภิกษุกับตนเอง
๒. ถ้าจ�าเป็นต้องนั่งแถวเดียวกับพระสงฆ์ พึงนั่งเก้าอี้ด้านซ้ายมือท่านเสมอ เชน การนิมนตพระสงฆมาประกอบงานบุญ
๓. ส�าหรับสตรีเพศจะนั่งอาสนะยาว เช่น ม้ายาวตัวเดียวกันกับพระสงฆ์ต้องมี ที่บาน การนิมนตพระภิกษุมาเปนวิทยากรที่
บุรุษเพศนั่งคั่นในระหว่างกลาง จึงไม่เกิดโทษแก่พระสงฆ์ โรงเรียน เปนตน ครูสังเกตการใชสรรพนาม
๔. ถ้าสถานที่ชุมนุมนั้นนั่งกับพื้น พึงจัดอาสน์สงฆ์ให้เป็นส่วนหนึ่งต่างหากจาก และคําราชาศัพทสําหรับพระภิกษุใหเหมาะสม
ฆราวาส เช่น ปูพรมผืนใหญ่เต็มห้องควรจัดอาสนะเล็กบนพรมนั้นอีกชั้นหนึ่ง
3. ครูซักถามและสอนนักเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับ
๓) การเดินสวนทาง การเดินสวนทางกับพระสงฆ์ ควรปฏิบัติ ดังนี้ กิริยามารยาทที่เหมาะสมตอพระภิกษุ จากนั้น
๑. หลีกชิดทางซ้ายมือของพระสงฆ์ นักเรียนบันทึกขอควรระวังและการปฏิบัติตน
๒. ยืนตรงหรือนั่งตามความเหมาะสมแล้วหันหน้ามาทางท่าน มือทั้งสองห้อย
ระหวางสนทนากับพระภิกษุลงในสมุด
ประสานกันไว้ข้างหน้าในท่าที่เรียบร้อย
4. ครูถามนักเรียนเพิ่มเติมวา เพราะเหตุใด
๓. เมื่อพระสงฆ์เดินผ่านมาเฉพาะหน้า พึงยกมือไหว้
๔. ถ้าท่านพูดด้วยพึงประนมมือพูดกับท่าน เราจึงตองใหความเคารพพระภิกษุ
๕. ถ้าท่านมิได้พูดด้วย เมื่อไหว้แล้วมือทั้งสองต้องห้อยประสานกันไว้ข้างหน้า (แนวตอบ เพราะพระภิกษุเปนผูทรงศีลถึง 227
มองดูจนกว่าท่านจะผ่านไป ขอ ปฏิบัติตนอยูในสมณเพศอันดีงาม เชื่อไดวา
๔) การสนทนา การสนทนากับ เปนผูรักษาศีลหรือความเปนปกติเหนือมนุษย
พระสงฆ์ พึงปฏิบัติ ดังนี้ ปุถุชนทั่วไป นอกจากนี้ ยังเปนตัวแทนของ
๑. ใช้สรรพนามให้เหมาะสม พระพุทธเจา เปนเนื้อนาบุญของโลก เพื่อให
คือใช้สรรพนามแทนตัวเองว่า “ผม, กระผม” ผูคนไดทําบุญถวายทานตอพระภิกษุ จึงเปนที่
(ส�าหรับชาย) “ดิฉัน” (ส�าหรับหญิง) เคารพสักการะสําหรับพุทธศาสนิกชนทั่วไป)
๒. ใช้ ส รรพนามแทนท่ า นว่ า
“พระคุณเจ้า, หลวงพ่อ, ท่านพระครู, ท่านเจ้า
คุณ, ใต้เท้า, พระเดชพระคุณ” ตามควรแก่กรณี
๓. เวลารับค�า พึงใช้ว่า “ครับ,
ขอรับ” (ส�าหรับชาย) “ค่ะ, เจ้าค่ะ” (ส�าหรับหญิง) การเดินสวนทางกับพระภิกษุ ขณะทีพ่ ระภิกษุเดินผ่านหน้า
พึงยกมือไหว้
117
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
เราควรใชสรรพนามกับพระสงฆรูปที่เราไมรูจักวาอยางไรจึงจะเหมาะสม
ครูแนะนําวา คําวา “หลวงพอ” ไมใชสมณศักดิ์ แตเปนคําพูดแสดงความเคารพ
1. หลวงพอ
ยกยองพระสงฆที่ทานประพฤติปฏิบัติชอบ และมักมีพรรษาหรืออายุมากแลว
2. พระคุณเจา
ในกรณีทอี่ ายุไมมาก ผูพ ดู จะใชคาํ สรรพนามแทนทานวา หลวงอา หลวงพี่ และอืน่ ๆ
3. ทานพระครู
ก็ได ตามแตกรณี
4. พระเดชพระคุณ
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. พระคุณเจา เปนสรรพนามที่ใชเรียก
พระภิกษุที่มีระดับเปนพระราชาคณะชั้นสามัญขึ้นไป และพระทั่วไปที่ไมมี นักเรียนควรรู
สมณศักดิ์
1 ฆราวาส คือ ผูค รองเรือน หรือคฤหัสถ หรือชาวบานธรรมดา โดยฆราวาสธรรม
หรือธรรมของผูครองเรือนมี 4 อยาง ดังนี้
• สัจจะ คือ ความจริงใจ ซื่อสัตย
• ทมะ คือ การฝกฝน การขมใจตนเอง
• ขันติ คือ ความอดทน
• จาคะ คือ ความเสียสละ
คูมือครู 117
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนแตละกลุมออกมาสาธิตการถวาย
สิ่งของและรับสิ่งของในขณะที่พระสงฆยืน ๔. เวลาพระท่านพูด พึงตั้งใจฟังโดยเคารพ ไม่พึงขัดจังหวะหรือพูดแทรกขึ้นมา
นั่งเกาอี้ และนั่งกับพื้น ในระหว่างที่ท่านก�าลังพูดอยู่
2. ครูสนทนาเกี่ยวกับการรับสิ่งของจากพระสงฆ ๕. เวลาท่านให้โอวาทหรื
และตั้งคําถามวา
1 ออวยพร พึงประนมมือฟังโดยเคารพ
๖. เวลารับไตรสรณคมน์และรับศีล พึงว่าตามด้วยเสียงดั 2 ง ไม่พงึ นัง่ เงียบเฉยๆ
• การรับสิง่ ของจากมือพระสงฆกบั การแบมือ ๗. เวลาฟังพระสวด เช่น สวดศพ เจริญพระพุทธมนต์ พึงประนมมือฟังด้วยความ
รอรับสิง่ ของทีพ่ ระสงฆปลอยลง ใชในกรณีใด เคารพ ไม่คุยกันหรือท�าอย่างอื่นในระหว่างที่ท่านก�าลังสวด
บาง ๕) การรับสิ่งของ การรับสิ่งของจากพระสงฆ์ ควรปฏิบัติ ดังนี้
(แนวตอบ ในกรณีสิ่งของชิ้นเล็กๆ ผูชาย ๕.๑) การรับสิ่งของขณะที่พระสงฆ์ยืนอยู่ ขณะที่พระสงฆ์ยืนอยู่หรือนั่งในทีส่ งู
สามารถรับสิ่งของจากพระสงฆโดยตรงได ให้ผรู้ บั เดินเข้าไปด้วยกิรยิ าอาการส�ารวม เมื่อได้ระยะพอสมควร ให้ยืนตรง น้อมตัวลงไหว้ และ
แตผูหญิงจะรับสิ่งของจากพระสงฆโดยแบมือ ยืน่ มือทัง้ สองเข้าไปรับ พร้อมกับน้อมตัวเล็กน้อย ส�าหรับชายรับของจากมือท่านได้แต่สา� หรับหญิง
รอรับสิ่งของที่พระสงฆปลอยลงมา ทั้งนี้เพื่อ ให้แบมือทั้งสองชิดกันคอยรองรับสิ่งของที่ท่านจะปล่อยลงในมือให้ เมื่อรับสิ่งของแล้ว ถ้าสิ่งของ
ปองกันการถูกเนื้อตองตัวกัน) เล็กนิยมน้อมตัวลงยกมือไหว้พร้อมกับสิ่งของในมือ ถ้าสิ่งของที่รับนั้นใหญ่หรือหนักก็ไม่ต้อง
• หากโรงเรียนนิมนตพระสงฆมาเปนวิทยากร ไหว้รับแล้วค่อยหันตัวกลับเดินไปได้
บรรยายความรูท างพระพุทธศาสนา แลว ๕.๒) การรับสิ่งของขณะที่พระสงฆ์นั่งเก้าอี้ ขณะที่พระสงฆ์นั่งเก้าอี้ ให้ผู้รับ
นักเรียนตอบคําถามถูกตอง พระสงฆจงึ เรียก เดินเข้าไปด้วยอาการส�ารวม เมื่อเข้าไปใกล้พอสมควรให้ยืนตรงแล้วนั่งคุกเข่าข้างซ้าย ชันเข่า
นักเรียนออกไปรับรางวัลหนาชั้นเรียน ขวาขึ้น น้อมตัวลงยกมือไหว้ แล้วยื่นมือทั้งสองออกไปรับของเช่นที่กล่าวมาแล้ว เมื่อรับของแล้ว
ซึ่งเปนปากกา 1 ดาม โดยทานกําลังยืน ถ้าของนัน้ เล็กก็นอ้ มตัวลงไหว้พร้อมกับของนัน้ อยูใ่ นมือ ถ้าเป็นของใหญ่หรือหนัก นิยมวางของนัน้
บรรยายอยู นักเรียนจะมีวิธีการรับสิ่งของ ไว้ข้างตัวด้านซ้ายมือ น้อมตัวลงไหว้แล้วยกของนั้นด้วยมือทั้งสองประคองขึ้น ลุกขึ้นยืนถอยหลัง
จากทานอยางไร เล็กน้อยแล้วหันหน้ากลับเดินไปได้
(แนวตอบ หากเปนนักเรียนชาย ใหเดินเขาไป ๕.๓) การรั บ สิ่ ง ของขณะที่
หาพระสงฆดวยอาการสํารวม เมื่อไดระยะ พระสงฆ์นั่งกับพื้น ขณะที่พระสงฆ์นั่งกับพื้น
พอสมควรใหยืนตรง นอมตัวลงไหว แลวยื่น ให้เดินเข้าไปด้วยกิริยาส�ารวม เมื่อใกล้อาสนะ
มือไปรับสิ่งของจากทานไดโดยตรง พรอม ที่พระสงฆ์นั่งอยู่พอสมควร จึงนั่งคุกเข่าลง
นอมตัวเล็กนอย แตถาเปนนักเรียนหญิง แล้วเดินเข่าหรือคลานเข้าไปจนได้ระยะรับของ
ใหแบมือทั้งสองชิดกันคอยรองรับสิ่งของ แล้วนั่งคุก เข่าส�า หรับ ชาย หรือ นั่งพับเพีย บ
ที่ทานจะปลอยลงในมือ เมื่อรับสิ่งของ คือ ส�าหรับหญิง กราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ ๓ หน
ปากกา ซึ่งเปนของเล็กแลว ใหนอมตัวลง แล้วยื่นมือทั้งสองไปรับของแบบที่กล่าวมาแล้ว
ยกมือไหว พรอมกับสิ่งของในมือ) เมื่อรับของแล้วนิยมวางของนั้นไว้ข้างตัวด้าน
การรับสิ่งของจากพระภิกษุสำาหรับหญิงในขณะที่พระภิกษุ
ขวามือ กราบ ๓ หน แล้วหยิบของนั้นด้วยมือ
นั่งกับพื้น ทั้งสองข้าง ประคองเดินเข่าถอยหลังไปจนห่าง
118
พอสมควร แล้วจึงลุกขึน้ ยืน หันหน้าเดินกลับได้
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
ขอใดเปนการแสดงมารยาทในการรับสิ่งของจากพระสงฆของนักเรียนชาย
1 ไตรสรณคมน ไตร คือ สาม สรณะ คือ ที่พึ่ง คมน คือ การถึง ไตรสรณคมน
หรือสุภาพบุรุษ
จึงหมายถึง การถึงที่พึ่ง 3 ประการ ไดแก พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ ซึ่งการรับ
1. แบมือรับ
ไตรสรณคมน เปนการนอมกาย วาจา ใจ นําพระรัตนตรัยเขาไปไวในตน
2. รับไมใหโดนมือพระสงฆ
เพื่อแสดงวาตนมีพระรัตนตรัยเปนที่ระลึกนึกถึง เปนที่พึ่งตลอดไป และแสดงตน
3. รับจากมือพระสงฆโดยตรง
เปนพุทธมามกะ หรือผูนับถือพระพุทธศาสนา
4. ใชพานหรือผาปูสําหรับรองรับ
2 เจริญพระพุทธมนต มีจุดกําเนิดมาจากการศึกษาเลาเรียนพระพุทธพจน
เพื่อทองจําและสืบตอคําสั่งสอนของพระพุทธเจาโดยตรง โดยพระสงฆสาวกสมัย วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะผูชายสามารถรับสิ่งของจากมือ
พุทธกาลไดนําพระสูตรตางๆ มาสวดสาธยายในรูปแบบการบริกรรมภาวนาใหเกิด พระสงฆโดยตรงได
เปนสมาธิ จึงเรียกวา พระพุทธมนต ขอ 1. ใชกับผูหญิงในกรณีสิ่งของชิ้นเล็กๆ เชน เหรียญ พระเครื่อง
เปนตน
ขอ 2. ใชในกรณีผูหญิง
ขอ 4. พระสงฆใชพานหรือผาปูรองรับสําหรับฆราวาสที่เปนผูหญิง
ถวายของแดพระสงฆ
118 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูกลาวนําเกี่ยวกับการแตงกายในศาสนพิธี
๒.๔ การแตงกายในพิธีตางๆ ตางๆ และตั้งคําถามวา
การแตงกายมิใชวาจะมีจุดประสงคเพื่อปกปดรางกาย ปองกันหนาวรอนเพียงเทานั้น แตยัง • การแตงกายที่ถูกตองเหมาะสมและ
เพื่อประโยชนในการสงเสริมความมีสงาราศีใหตัวเราอีกดวย จําเปนตองรูวาแตงอยางไรจึงจะ ถูกกาลเทศะ กอใหเกิดผลดีอยางไร
เหมาะสมแกกาลเทศะ คือ เรามีระเบียบที่นิยม (แนวตอบ การแตงกายใหเหมาะสม คือ
กันวา ไปในงานอยางหนึ่งแตงกายอยางหนึ่ง การยึดถือความรูสึกของเจาภาพในงาน
ตางๆ กันไป สวนมากมักจะเปนเรือ่ งของผูใ หญ ตางๆ โดยเอาใจเขามาใสใจเรา
เราเปนเด็กก็ควรสังเกตไววันหนึ่งขางหนาโต เมื่อแตงกายถูกตองเหมาะสมในงานนั้น
เปนผูใหญ ก็จะตองปฏิบัติเชนเดียวกัน จะเปนการใหเกียรติ ทําใหเจาภาพมีความ
รูสึกที่ดี และเปนที่ตอนรับของบุคคลทั่วไป
๑) การแตงกายไปวัด วัดเปนที่ รวมถึงเปนที่ชื่นชมของผูอื่นดวย)
พํานักของพระภิกษุและสามเณร เปนที่สําหรับ • สิ่งที่ชาวพุทธควรระลึกอยูเสมอเมื่อไปวัด
ประกอบการบุญการกุศล ในสมัยกอนวัดมีความ มีอะไรบาง
สําคัญมากในสังคมไทย วัดเปนศูนยกลางของ (แนวตอบ ระลึกอยูเสมอวาวัดเปนสถานที่
ชุมชน วัดเปนโรงเรียน เปนที่พักแรมของคน ศักดิ์สิทธิ์ ไมควรทําการคึกคะนอง ไมสง
เดินทาง เปนที่ที่ชาวบานมาพบปะสังสรรคกัน การแตงกายไปวัด ควรแตงกายใหสุภาพเรียบรอยและ เสียงดัง ไมกระทําผิดศีล ไมยุงเกี่ยวกับ
เปนทีท่ คี่ นมาพักผอนหยอนใจเมือ่ มีงาน วัดเปน ถูกตองตามกาลเทศะ อบายมุขตางๆ ควรแตงกายใหสะอาด
ที่ที่คนมาหาความสงบวิเวกทางใจ เปนที่ที่ระบายและปรึกษาความทุกขใจและอื่นๆ อีกมากมาย
เรียบรอย และถูกตองตามกาลเทศะ)
ชาวพุทธที่ดีควรหาโอกาสไปวัดเปนครั้งคราว เชน ในวันพระ วันสําคัญทางพระพุทธ
• พุทธศาสนิกชนที่ดี ควรแตงกายไปวัด
ศาสนาก็เขาไปสนทนาธรรมหรือแมแตไปพักผอนหาที่สงบวิเวก เพื่อตั้งใจที่จะกระทําความชั่ว
อยางไร
ใหนอยลง ทําความดีใหมากขึ้น และในการไปวัดนั้นหากฐานะอํานวยก็ควรนําสิ่งของอันควร
(แนวตอบ การแตงกายไปวัดที่ถูกตองและ
ไปถวายพระดวยตามกําลังความสามารถและศรัทธาของตน เพื่อเปนการทําบุญและชําระจิตใจ
เหมาะสม ควรแตงใหสะอาดเรียบรอย
ใหสะอาด หากฐานะไมอาํ นวยก็ไมเปนไร เพราะการบูชาพระนัน้ ถาบูชาดวยการปฏิบตั ธิ รรมก็ถอื วา
หลีกเลี่ยงเสื้อผาสีสันฉูดฉาด ไมใสเสื้อผาที่
เปนสิ่งประเสริฐสุดอยูแลว
หรูหราหรือนําสมัยมากจนเกินไป ควรใส
การไปวัดนั้นตองระลึกอยูเสมอวาวัดเปนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ตองการความสะอาด
เสื้อผาที่หลวมและไมรัดรูป เพื่อสะดวกใน
สงบ และสํารวม ชาวพุทธที่ดีตองใหความเคารพตอสถานที1่อันเปนที่ตั้งของวั2 ด ควรมีมารยาท
การกราบพระและทําสมาธิ สําหรับผูหญิง
ไมสงเสียงดัง ไมเลนคะนอง ไมพูดหยาบ ไมดื่มสุราในเขตวัด ไมเลนการพนัน เปนตน
จะตองแตงกายสุภาพและมิดชิด ไมใส
การแตงกายไปวัดนั้น ควรแตงใหสะอาดเรียบรอย หลีกเลี่ยงการใชเสื้อผาที่มีลวดลาย
เสื้อที่บางเกินไปหรือเสื้อคอลึก กระโปรง
และสีสันฉูดฉาด ไมควรแตงกายใหหรูหราหรือนําสมัยจนเกินไป ควรใสเสื้อผาหลวมๆ ไมรัดรูป
หรือกางเกงก็ไมควรสั้นมาก และไมควร
เพื่อสะดวกในการกราบพระ และการทําสมาธิ สตรีไมควรใสเสื้อบางจนเกินไป กระโปรงก็ไมควร
ผาหนาผาหลังลึกเกินไป อีกทั้งไมควรใส
สัน้ มาก และไมควรผาหนาผาหลังลึกเกินไป ไมควรใสเครือ่ งประดับมากจนเกินไป วัดไมใชสถานที่
เครื่องประดับมากจนเกินไป เพราะวัดไมใช
อวดมั่งอวดมี ควรเปนที่ที่เราจะไปเพื่อขัดเกลากิเลสตัณหาใหนอยลง
สถานที่อวดความรํ่ารวย และไมควรใส
๑๑๙ นํ้าหอมกลิ่นฉุนดวย)
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
ขอใดกลาวไม ถูกตองสําหรับการแตงกายไปงานมงคลหรืองานอวมงคล
1 ไมดมื่ สุราในเขตวัด ในปจจุบนั วัดถือเปนสถานทีป่ ลอดสุรา โดยมหาเถรสมาคม
1. ไปงานแตงงานใสชุดลําลอง
(คณะกรรมการปกครองคณะสงฆไทย) มีมติหามดื่มเหลาในวัดทั่วประเทศ
2. ไปงานบวชแตงกายเสื้อเชิ้ต
ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล พ.ศ. 2551 ฝาฝนมีโทษจําคุก 6 เดือน
3. ไปงานศพควรแตงกายชุดสากล
หรือปรับไมเกิน 10,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ หากพบวาพระสงฆทําผิดเสียเอง
4. ไปงานวันเกิดเพื่อนใสเสื้อสีสันสดใส
ถือโทษ 2 เทา คือ ถูกจับสึกและออกไปรับโทษตามกฎหมายดวย
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เนื่องจากงานแตงงานควรแตงใหเปน 2 การพนัน เปนหนึ่งในอบายมุข 6 หรือทางแหงความเสื่อม มี 6 ประการ ไดแก
ทางการ คือ สวมชุดสากลหรือชุดสุภาพ สวนชุดลําลองสามารถแตง ติดสุราและของมึนเมา ชอบเที่ยวกลางคืน ชอบดูการละเลน ติดการพนัน คบคนชั่ว
ไปงานวันเกิดเพื่อนได และเกียจครานการงาน โดยการเลนการพนัน มีโทษ 6 อยาง ไดแก ผูช นะยอมกอเวร
ผูแพยอมเสียดายทรัพย ความเสื่อมทรัพยในปจจุบัน ไมมีความนาเชื่อถือ ถูกบุคคล
หมิ่นประมาท และไมมีใครประสงคจะแตงงานดวย
คูมือครู 119
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนแตละคนแสดงความคิดเห็นวา
การแตงกายในงานมงคลและงานอวมงคล ควร ๒) การแต่งกายไปงานมงคล งานมงคล คือ งานที่เกี่ยวกับเรื่องดีงาม เป็นการ
แตงกายใหเหมาะสมอยางไรบาง เพราะเหตุใด ฉลองอะไรบางอย่าง หรือเป็นเรื่องที่น่ายินดี เช่น งานบวช งานแต่งงาน งานวันเกิด เป็นต้น
โดยบันทึกลงในสมุด การแต่งกายไปงานมงคลมีข้อควรปฏิบัติ คือ แต่งกายให้เหมาะสมกับงานนั้นๆ
2. ครูใหศึกษาความหมายและคานิยมของสีใน เพื่อเป็นการให้เกียรติเจ้าภาพ บัตรเชิญไปงานอาจบอกได้ว่าควรแต่งกายอย่างไร ทั้งนี้ต้องยึด
วัฒนธรรมไทยและตางประเทศ จากนั้นครูให ความนิยมของสังคมด้วย เช่น ไปงานวันเกิดเพือ่ นอาจแต่งตัวแบบล�าลองตามสบาย ไปงานแต่งงาน
นักเรียนวิเคราะหวา เพราะเหตุใดพระสงฆ ควรแต่งให้เป็นทางการ เช่น สวมชุดสากล ไปงานบวชแต่งตัวให้ดูเรียบง่าย เป็นต้น
สวนใหญจึงครองจีวรสีเหลือง การไปงาน คนแต่ละคนยึดถือประเพณีนิยมของสังคมไม่เหมือนกัน บางคนยึดถือตามระเบียบ
มงคลจึงควรใสสีสดใส สุภาพ และการไปงาน ประเพณีอย่างเคร่งครัด บางคนตามสบาย อันที่จริงเสื้อผ้าที่สวมใส่ไม่ใช่สาระหรือแก่นของการ
อวมงคลจึงควรใสสีดําหรือสีขาว ไปร่วมงาน แต่ถ้าเราไม่ยึดถืออะไรเลย แต่งตัวตามใจชอบ อาจท�าให้เจ้าภาพมีความรู้สึกไม่ดี
3. ครูใหนักเรียนที่เคยบวชเปนสามเณร หรือ คนเราควรด�าเนินสายกลาง นึกถึงใจเขาใจเรา คิดดูว่าหากเราเป็นเจ้าภาพเราจะรู้สึกอย่างไร ถ้ามี
เขารวมงานบวชหรืองานมงคลตางๆ ออกมา คนแต่งตัวอย่างที่เราแต่งมางานของเขา
อธิบายวามีขั้นตอนการดําเนินงานอยางไร เพื่อ
ใหเพื่อนนักเรียนซักถามถึงการปฏิบัติตนและ
การแตงกายไปงานเหลานั้น
4. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 5.7 จากแบบวัดฯ
พระพุทธศาสนา ม.2
๔๙
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
ครูอธิบายเพิ่มเติมถึงการแตงกายไปงานมงคลวา เมื่อไปรวมพิธีหรือไปแสดง การแตงกายไปทําบุญฟงเทศนที่วัด ไมควร แตงอยางไร
ความยินดีแกเจาภาพ เนนการแตงกายสุภาพเรียบรอยก็เพียงพอ ไมจําเปนตองใส 1. นุงกระโปรงสีดํา
ชุดหรูหรา แตสิ่งที่ตองยกเวน เชน รองเทาแตะ กางเกงขาสั้น เสื้อผารุมรามหรือ 2. ใสเครื่องประดับ
ฉีกขาด หรือมองแลวไมเหมาะไมควร เปนตน 3. นุงกางเกงขาสั้น
4. ทําผมแตงหนาเล็กนอย
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะการไปทําบุญฟงเทศนที่วัด
นักเรียนควรรู ควรแตงกายใหสุภาพ เหมาะสมกับกาลเทศะ และสุภาพสตรีควรหลีกเลี่ยง
การนุงกระโปรงสั้นหรือกางเกงขาสั้นและใสเสื้อรัดรูป เพราะไมเหมาะสมกับ
1 พระอานนท เปนสหชาติ (เกิดวันเดียวกับพระพุทธเจา) และพุทธอุปฏฐาก กาลเทศะอยางยิ่ง
ของพระพุทธเจา ซึ่งไดรับยกยองวาเปนเอตทัคคะหรือผูเปนเลิศกวาพระสาวกอื่น
ถึง 5 ประการ ไดแก มีสติเปนเลิศ มีความทรงจําเปนเลิศ มีความเพียรเปนเลิศ
พหูสูต (ผูไดยินไดฟงมาก) และยอดพระพุทธอุปฏฐาก
120 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
ครูนําสนทนาเรื่องการแตงกายไปงานอวมงคล
๓) การแต่งกายไปงานอวมงคล งานอวมงคล และตั้งคําถาม
1 หมายถึง งานศพ ตามประเพณี • การแตงกายไปรวมงานอวมงคล เพราะเหตุใด
นิยมชายแต่งชุดสากลนิยมสีเข้ม สวมปลอกแขนทุกข์ที่แขนเสื้อข้างซ้ายเหนือข้อศอก 2หรือ
แต่งกายชุดไทยพระราชทานสีด�าทั้งชุด หรือกางเกงสีด�าหรือเข้ม เสื้อสีขาว หญิงนุ่งผ้าซิ่นหรือ จึงนิยมแตงกายดวยชุดสีดําหรือสีขาว
กระโปรงตามสมัยนิยม ควรเป็นสีด�าทั้งชุดถ้าเป็นไปได้ รองเท้าหุ้มส้นสีด�า ถ้าไม่มีก็อาจแต่งกาย (แนวตอบ เพราะงานอวมงคล คือ งานไวทกุ ข
ธรรมดา สีเรียบๆ ไม่ฉูดฉาด ไม่ควรใส่เพชรนิลจินดาให้มากเกินเหตุ เพราะเป็นงานเศร้าโศก งานโศกเศรา ผูแตงกายจึงควรสวมชุด
มิใช่งานรื่นเริง ที่แสดงถึงการไวทุกข เชน ชุดสีดํา สีขาว
สีเขม เปนตน เพื่อใหผูที่ไปงานสวมชุด
ธรรมดา สีเรียบ ไมฉูดฉาดเหมือนๆ กัน
ซึ่งเปนการแตงกายที่ใหเกียรติเจาภาพเวลา
ไปงานอวมงคล)
ขยายความเขาใจ Expand
1. ครูใหนักเรียนเขียนสรุปความรูและความเขาใจ
เกี่ยวกับมารยาทชาวพุทธ ไดแก การตอนรับ
(ปฏิสันถาร) มารยาทของผูเปนแขก ระเบียบ
พิธีปฏิบัติตอพระสงฆ และการแตงกาย
ในพิธีตางๆ ลงในสมุดและสงครูผูสอน
2. ครูใหนักเรียนแตละคนสาธิตระเบียบพิธีปฏิบัติ
ตอพระสงฆ ไดแก การยืน การใหที่นั่ง การ
เดินสวนทาง การสนทนา และการรับสิ่งของ
การแต่งกายไปงานอวมงคลหรืองานศพ ควรแต่งกายตามประเพณีนิยม หรือแต่งกายธรรมดาสีเรียบ ไม่ฉูดฉาด
ตรวจสอบผล Evaluate
พระพุทธศาสนามีความส�าคัญต่อการด�าเนินชีวิตตามอย่างวิถีไทย ซึ่งไม่สามารถ
แยกออกจากกันได้อย่างเด็ดขาด กระทั่งเป็นที่ยอมรับว่าเมืองไทยเป็นเมืองแห่งพุทธธรรมอย่าง 1. ตรวจสอบจากการเขียนสรุปความรูและความ
แท้จริง ในเมืองไทยจะมีพุทธศาสนิกชนอยู่มากที่สุด ดังนั้น พุทธศาสนิกชนไทยจึงควรปฏิบัติตน เขาใจเกี่ยวกับมารยาทชาวพุทธ
ตามหลักหน้าทีช่ าวพุทธ ได้แก่ ท�านุบา� รุงพระพุทธศาสนาให้ยนื ยงสืบไป อาจจะด้วยวิธหี มัน่ ศึกษา 2. ตรวจสอบจากการสาธิตระเบียบพิธีปฏิบัติตน
หาความรูใ้ นหลักธรรมและน�าไปใช้ในการด�ารงชีวติ ปฏิบตั ติ ามหลักประเพณีพธิ กี รรมทางพระพุทธ ตอพระสงฆ
ศาสนา หรือส่งเสริมอุปถัมภ์พระภิกษุสงฆ์ซึ่งเป็นผู้สืบทอดพระพุทธศาสนา นอกจากนี้ ยังต้อง
ท�าหน้าที่เผยแผ่พระศาสนาให้รุ่งเรืองยิ่งขึ้นไป ตลอดจนปกป้องพระศาสนามิให้เสื่อมหรือถอยลง
สู่ความต�่าด้วย
121
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
“หมูแฮมชวนสายปาน ไขดาว และขาวโอตไปงานสวดพระอภิธรรมศพ 1 สวมปลอกแขนทุกข มีหลักเกณฑและเทคนิคการติดปลอกแขนทุกข ดังนี้
ของพอเพื่อน หมูแฮมใสกางเกงขายาวสีดํา เสื้อเชิ้ตขาว สายปาน • การติดปลอกแขนทุกข ตองติดดานซายมือ
นุงกระโปรงดํา เสื้อสีขาว ไขดาวนุงกระโปรงขาว เสื้อสีชมพู ขาวโอต • การติดปลอกแขนทุกขใชในพิธีพระราชทานเพลิงศพ
นุงกางเกงขายาวสีดํา สวมเสื้อแขนยาวสีขาว ผูกเนกไทสีนํ้าเงิน” • ความสูงของดานบนของปลอกแขนทุกข ตองเสมอกับแนวรักแรดา นซายมือ
บุคคลใดแตงกายไม เหมาะสมกับกาลเทศะ • ปลอกแขนทุกขสดี าํ มักเปนขน ลักษณะคลายขนแมวติด ควรใชแปรงปดออก
1. หมูแฮม 2. สายปาน ใหสะอาดเรียบรอย
3. ไขดาว 4. ขาวโอต • ใหแนวตะเข็บของปลอกแขนทุกข อยูต รงตนแขนดานใน ไมใหเห็นเข็มกลัด
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะไขดาวใสเสือ้ สีชมพู ไมเหมาะสมกับ ที่ใชกลัด เพื่อความสวยงาม
การไปงานอวมงคลหรืองานสวดพระอภิธรรมศพ เนือ่ งจากเปนงานไวทกุ ข • ขนาดปลอกแขนทุ ก ข ต อ งพอดี กั บ ขนาดแขน อาจจะหลวมเล็ ก น อ ย
ผูแตงกายควรใสชุดสุภาพ สีขาว สีดํา หรือสีเขม จึงจะเหมาะสม พอสวยงาม ความกวางของปลอกแขนทุกขกวาง 4 นิ้ว
2 ผาซิ่น คือ ผาที่เย็บเปนถุงสําหรับผูหญิงนุง ผาซิ่นจะมีขนาดสั้นยาวและกวาง
แคบแตกตางกันไป ขึ้นอยูกับรูปรางของผูนุงและวิธีการนุง
คูมือครู 121
ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Evaluate
Engage Explore Explain Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
ตรวจสอบความถูกตองจากการตอบคําถาม
ประจําหนวยการเรียนรู ค íา¶ามประจ íาหน่วยการเรียนรู้
กิจกรรมสร้างสรรค์พั²นาการเรียนรู้
แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. การปฏิบัติเปนแบบอยางของพระสงฆ เชน ดํารงชีวิตดวยความเรียบงาย สมถะ ไมฟุงเฟอ ไมยึดติดในลาภสักการะ ไมสะสมทรัพยสินเงินทอง เนนพัฒนาดานจิตใจ
ใหสูงขึ้นและเนนขัดเกลากิเลส เปนตน
2. การที่พระพุทธศาสนาสอนใหลูกทําความดี และมีความกตัญูตอพอแม ทําใหสังคมมีความสงบสุข คนไมกลาทําความชั่ว เพราะคนที่รักและกตัญูตอพอแม ยอมไม
กลาทําสิ่งผิด เนื่องจากกลัวพอแมจะเสียใจและผิดหวัง ซึ่งถือเปนความอกตัญูยิ่ง หากขาดหลักธรรมขอนี้ สังคมไทยจะวุนวาย ไมสงบสุข คนที่ไมรักและไมกตัญู
ตอพอแม ยอมทําความชั่วไดงาย เพราะไมกลัววาจะมีผูใดเสียใจ นอกจากนั้น พอแมจะถูกทอดทิ้งเมื่อแกชรา ทําใหภาครัฐตองเลี้ยงดู จึงเปนการสิ้นเปลืองงบประมาณ
อยางมาก
3. การใชสรรพนามแทนตัวเอง ผูชายใช “กระผม” ผูหญิงใช “ดิฉัน” และใชสรรพนามแทนพระสงฆตามแตกรณี สวนเวลารับคํา ใช “ครับ” สําหรับผูชาย “คะ” สําหรับ
ผูหญิง เวลาพระพูด ตั้งใจฟงดวยความเคารพ เวลาพระใหพร ประนมมือฟงดวยความเคารพ รวมถึงเวลารับศีล ใหวาตาม ไมควรนั่งเงียบ
4. การปฏิสันถาร คือ การตอนรับอาคันตุกะดวยวิธีตางๆ คือ ปฏิสันถารดวยวาจา การใหที่พัก และการแสดงนํ้าใจตอกัน มีประโยชนและความสําคัญ คือ ทําให
อาคันตุกะเกิดความประทับใจ ซึ่งพระพุทธเจาทรงใหความสําคัญตอการปฏิสันถารดวยกิริยามารยาทที่สุภาพอยางมาก คนไทยจึงรับอิทธิพลนี้มาจากพระพุทธศาสนา
กอใหเกิดเปนวัฒนธรรมที่ดีงาม
5. ศึกษาคําสอนของพระพุทธศาสนาใหเขาใจอยางถองแท เมื่อมีผูสงสัย จะไดชี้แจงหรืออธิบายใหเขาเขาใจได รวมถึงปฏิบัติตนตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาอยาง
เครงครัด เพื่อเปนแบบอยางที่ดีแกผูสนใจพระพุทธศาสนา ตลอดจนจัดนิทรรศการเพื่อเผยแผพระพุทธศาสนาก็ได
122 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
หน่วยการเรียนรู้ที่
วันสําคัญทาง
๖ 1. อธิบายประวัติความเปนมาและความสําคัญ
ของวันสําคัญทางพระพุทธศาสนาได
2. ปฏิบตั ติ นไดถกู ตองและเหมาะสมในวันสําคัญ
ทางพระพุทธศาสนา
พระพุทธศาสนา 3. อธิบายคําสอนที่เกี่ยวเนื่องกับวันสําคัญทาง
พระพุทธศาสนาได
และศาสนพิธี 4. ปฏิบัติศาสนพิธีทางพระพุทธศาสนาไดอยาง
ถูกตอง
สมรรถนะของผูเรียน
ตัวชี้วัด 1. ความสามารถในการคิด
● วิเคราะห์คณ
ถูกต้อง
ุ ค่าของศาสนพิธแี ละปฏิบตั ติ นได้ 2. ความสามารถในการแกปญหา
(ส ๑.๒ ม.๒/๑) 3. ความสามารถในการใชทักษะชีวิต
● อธิบายคำาสอนที่เกี่ยวเนื่องกับวันสำาคัญทาง
ศาสนาและปฏิบัติตนได้ถูกต้อง
(ส ๑.๒ ม.๒/๔)
● อธิบายความแตกต่างของศาสนพิธี พิธีกรรม
ตามแนวปฏิบัติของศาสนาอื่นๆ เพื่อนำาไปสู่
คุณลักษณะอันพึงประสงค
การยอมรั บ และความเข้ า ใจซึ่ ง กั น และกั น
(ส ๑.๒ ม.๒/๒) 1. รักชาติ ศาสน กษัตริย
2. ใฝเรียนรู
3. รักความเปนไทย
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
4. มีจิตสาธารณะ
● การปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม
● หลักธรรมเบือ้ งต้นทีเ่ กีย่ วเนือ่ งในวันมาฆบูชา
วันวิสาขบูชา วันอัฏฐมีบูชา วันอาสาฬหบูชา
วันธรรมสวนะ และเทศกาลสำาคัญ
ระเบียบพิธแี ละการปฏิบตั ติ นในวันธรรมสวนะ
●
ÈÒʹ¾Ô¸ËÕ Ã×;Ը¡Õ ÃÃÁ·Ò§ÈÒʹÒ໚¹ÃÐàºÕºẺἹ
●
วันเข้าพรรษา วันออกพรรษา วันเทโวโรหณะ
ศาสนพิธี พิธกี รรม แนวปฏิบตั ขิ องศาสนาอืน่ ๆ ·Ò§ÈÒʹҷÕè¡íÒ˹´¢Öé¹à¾×èÍãËŒ¾Ø·¸ÈÒʹԡª¹ä´ŒÂÖ´¶×Í
กระตุน ความสนใจ Engage
»¯ÔºµÑ àÔ »š¹áººÍ‹ҧà´ÕÂǡѹ áÅж×Í໚¹Ê‹Ç¹»ÃСͺ·ÕÊè Òí ¤ÑÞ ครูใหนักเรียนชวยกันตอบวา
»ÃСÒÃË¹Ö§è ¢Í§¾Ãоط¸ÈÒÊ¹Ò ¹Í¡¨Ò¡¹Õé ÈÒʹ¾Ô¸ÂÕ §Ñ ª‹Ç • วันสําคัญทางพระพุทธศาสนาที่นักเรียนรูจัก
áÊ´§ÍÍ¡¶Ö§àÍ¡Åѡɳ¢Í§ªÒµÔáÅÐÊÌҧ¤ÇÒÁÊÒÁѤ¤ÕãËŒ
มีอะไรบาง
à¡Ô´¢Öé¹ã¹ËÁÙ‹¤³Ð
ªÒµÔä·ÂÁÕàÍ¡Åѡɳ¡ÒûÃСͺ¾Ô¸¡Õ ÃÃÁ·Ò§ÈÒÊ¹Ò • วันสําคัญทางพระพุทธศาสนาเหลานี้มีขึ้น
áÅÐä´Œ¡Òí ˹´ãËŒÁÇÕ ¹Ñ ÊíÒ¤ÑÞµ‹Ò§æ à¡ÕÂè Çà¹×Íè §¡Ñº¾Ãоط¸ÈÒÊ¹Ò เพื่อวัตถุประสงคอะไร และชาวพุทธควร
ÁÒ¡ÁÒ ÍÒ·Ô ÇѹÁÒ¦ºÙªÒ ÇѹÇÔÊÒ¢ºÙªÒ ÇѹÍÒÊÒÌËºÙªÒ ÏÅÏ ปฏิบัติอยางไรบางในวันสําคัญนั้น
´Ñ§¹Ñ¹é ¾Ø·¸ÈÒʹԡª¹·Õ´è ¨Õ §Ö ¤ÇÃÈÖ¡ÉÒ¤ÇÒÁ໚¹ÁҢͧÇѹÊíÒ¤ÑÞ
·Ò§¾Ãоط¸ÈÒʹÒáÅÐÈÒʹ¾Ô¸Õµ‹Ò§æ à¾×èÍãËŒÊÒÁÒö
»¯ÔºÑµÔµ¹ä´ŒÍ‹ҧ¶Ù¡µŒÍ§àËÁÒÐÊÁ
เกร็ดแนะครู
ครูควรจัดกิจกรรมการเรียนรูเพื่อใหนักเรียนสามารถอธิบายประวัติความเปนมา
และหลักคําสอนที่เกี่ยวเนื่องกับวันสําคัญทางพระพุทธศาสนาได รวมถึงปฏิบัติตน
ไดอยางถูกตองในวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา ตลอดจนปฏิบัติศาสนพิธีทาง
พระพุทธศาสนาไดถูกตอง โดยครูควรจัดการเรียนการสอน ดังนี้
• ใหนักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา แลวจัดทํา
ผังมโนทัศนสรุปสาระสําคัญ
• ใหนักเรียนสืบคนเกี่ยวกับวันธรรมสวนะและเทศกาลสําคัญ แลวเขารวม
ประกอบพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา
• ใหนักเรียนศึกษาเกี่ยวกับประวัติความเปนมาและวิธีปฏิบัติของศาสนพิธี
ตางๆ แลวเขียนสรุปสาระสําคัญ
• ฝกใหนักเรียนสวดมนตที่ใชในงานศาสนพิธีตางๆ ในพระพุทธศาสนา
• จัดใหมีการสาธิตการปฏิบัติศาสนพิธีในชั้นเรียน รวมถึงจัดใหมีการปฏิบัติ
จริงที่วัด
คูมือครู 123
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูนําภาพเหตุการณตางๆ ในพุทธประวัติ
ที่เกี่ยวของกับวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา เชน ñ. ÇѹÊÓ¤ÑÞ·Ò§¾Ãоط¸ÈÒʹÒ
ภาพพระพุทธเจาประสูติ ตรัสรู พระพุทธเจาแสดง
ปฐมเทศนาแกปญจวัคคีย เปนตน มาแสดงให ๑.๑ หลักธรรมเบือ้ งตนทีเ่ กีย่ วเนือ่ งในวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา
นักเรียนดู และถามเชิงกระตุนวา ๑) วันมาฆบูชา
• เหตุการณในภาพเหลานี้ตรงกับวันสําคัญใด ๑.๑) ความเปนมาและความสําคัญ วันมาฆบูชาเปนวันที่พุทธศาสนิกชนแสดง
ทางพระพุทธศาสนา ความเคารพตอพระธรรม มาฆบูชา ยอมาจากคําวา “มาฆบูรณมีบูชา” แปลวา การบูชาใน
วันเพ็ญเดือน ๓ แตถาปใดมีอธิกมาส คือ มีเดือน ๘ สองหน ก็ใหเลื่อนไปเปนวันเพ็ญกลาง
สํารวจคนหา Explore เดือน ๔ มูลเหตุที่เกิดวันมาฆบูชาขึ้นมาก็เนื่องมาจากวาในสมัยพุทธกาลไดมีเหตุการณสําคัญ
๔ อยาง เกิดขึ้นพรอมกันในวันนี้หรือที่นิยมเรียกกันวา “จาตุรงคสันนิบาต” ซึ่งแปลวา การประชุม
ครูใหนักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับวันสําคัญ อันประกอบดวยองค ๔ ไดแก
ทางพระพุทธศาสนา ไดแก วันมาฆบูชา
วันวิสาขบูชา วันอัฐมีบชู า และวันอาสาฬหบูชา จาตุรงคสันนิบาต
จากหนังสือเรียนหนา 124-131 และแหลงการเรียนรู 1
๑. พระอรหันตสาวก จํานวน ๑,๒๕๐ องค มาประชุมพรอมกัน ณ เวฬุวนั
ตางๆ เชน หองสมุด อินเทอรเน็ต สนทนาธรรม มหาวิหาร กรุงราชคฤห
กับพระสงฆ เปนตน เพื่อนําความรูมาอภิปรายและ ๒. พระอรหันตสาวกเหลานี้ ลวนไดรับเอหิภิกขุอุปสัมปทา คือ ไดรับ
แลกเปลี่ยนในชั้นเรียน การอุปสมบทจากพระพุทธเจาโดยตรง
๓. พระอรหันตสาวกเหลานี้ มาประชุมพรอมกัน2โดยมิไดนัดหมาย
อธิบายความรู Explain กันมากอน และพระพุทธองคทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข
ครูนําอภิปรายเกี่ยวกับวันมาฆบูชา และตั้ง ๔. วันนั้นเปนวันเพ็ญเดือนมาฆะ พระจันทรเต็มดวงบริบูรณ พระพุทธรูปแสดงปางโอวาทปาฏิโมกข
คําถามเชิงวิเคราะหวา
• นักเรียนคิดวา เพราะเหตุใด วันมาฆบูชา เหตุการณที่เกิดขึ้นในครั้งนั้น
จึงมีพระอรหันตสาวก จํานวน 1,250 องค พระพุทธเจาทรงเห็นเปนเรือ่ งอัศจรรย จึงไดทรง
มาประชุมกันโดยมิไดนัดหมาย แสดงพระธรรมเทศนา “พระโอวาทปาฏิโมกข”
(แนวตอบ เพราะวันมาฆบูชาคือวันเพ็ญเดือน 3 ใหปรากฏตอมหาสังฆสันนิบาต คือ ที่ประชุม
ที่พระสงฆจะมาประชุมกันเพื่อมาสดับรับฟง สงฆหมูใหญ ซึ่งมีใจความสําคัญ คือ “การ
พระธรรมเทศนาของพระพุทธเจา) ไมทําความชั่วทั้งปวง ๑ การทําแตความดี ๑
• โอวาทปาฏิโมกข ที่พระพุทธเจาทรงแสดง การทําจิตใจใหสะอาดบริสุทธิ์ ๑ นี้เปนคําสอน
ในวันมาฆบูชามีใจความสําคัญเกี่ยวกับอะไร ของพระพุทธเจาทั้งหลาย” ซึ่งอาจกลาวไดวา
บาง หลักธรรมดังกลาวเปนหลักธรรมที่เกี่ยวเนื่อง
(แนวตอบ การไมทําความชั่วทั้งปวง การทําแต พระพุทธเจาทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกขแกพระสงฆสาวก ในวันมาฆบูชา
จํานวน ๑,๒๕๐ องค ซึง่ มาประชุมพรอมกันโดยมิไดนดั หมาย
ความดี การทําจิตใจใหสะอาดบริสุทธิ์)
๑๒๔
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู เพราะเหตุใด เราจึงเรียกวันมาฆบูชาวา “วันพระธรรม”
1. เกี่ยวของกับไตรสิกขา
1 พระอรหันตสาวก คือ พระสงฆสาวกที่บรรลุธรรมสําเร็จเปนพระอรหันต
2. เกี่ยวของกับการแสดงปฐมเทศนา
โดยสามารถละสังโยชน 10 หรือกิเลสผูกมัดใจไดทั้ง 10 ประการ
3. เกี่ยวของกับพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา
2 โอวาทปาฏิโมกข คือ หลักคําสอนของพระพุทธเจาที่อาจสรุปใจความไดเปน 4. เกี่ยวของกับหลักคําสอนของพระพุทธศาสนา
3 สวน ไดแก หลักการ 3 คือ แนวทางที่พุทธบริษัทควรปฏิบัติ ประกอบดวย การ
ไมทําบาปทั้งปวง การทํากุศลใหถึงพรอม การทําจิตใจใหบริสุทธิ์ อุดมการณ 4 คือ วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะในวันมาฆบูชาเปนวันที่พระพุทธเจา
อุดมการณสูงสุดของพระสงฆ อันมีลักษณะที่แตกตางจากศาสนาอื่น และวิธีการ 6 ทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข ซึ่งเปนการแสดงพระธรรมเกี่ยวกับหลักคําสอน
คือ แนวทางเดียวกันและถูกตองเปนธรรม ของพระพุทธเจา ไดแก หลักการ 3 อุดมการณ 4 และวิธีการ 6
มุม IT
ศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับวันมาฆบูชา ไดที่
http://www.larnbuddhism.com เว็บไซตลานพระพุทธศาสนา
124 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนกั เรียนศึกษาพิธลี อยบาปในวันศิวาราตรี
อนึ่ง อาจจะมีผู้สงสัยว่าในวันจาตุรงคสันนิบาต มีพระอรหันตสาวกจ�านวนถึง ของศาสนาพราหมณ-ฮินดู และการละเวนบาป
๑,๒๕๐ องค์ มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายกันมาก่อนนั้นจะเป็นไปได้หรือ เรื่องนี้ ของพระพุทธศาสนา วาเหมือนหรือแตกตางกัน
มีมูลความจริงอยู่ว่า เมื่อพระพุทธองค์ทรงได้พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะเป็นอัครสาวกแล้ว อยางไร และนํามาอภิปรายในชั้นเรียน
ยังคงประทับอยู่ ณ เวฬุวันมหาวิหาร พร้อมด้วยหมู่พระภิกษุ ๑,๒๕๐ องค์ คือ หมู่พระภิกษุบุราณ 2. ครูสุมใหนักเรียน 2-3 ออกมาเลาประสบการณ
ชฎิล ๑,๐๐๐ รูป และหมู่พระภิกษุซึ่งเป็นศิษย์ของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะอีก ๒๕๐ องค์ และความประทับใจที่นักเรียนเคยไปรวม
โดยที่พระพุทธเจ้ายังมิได้ส่งพระภิกษุเหล่านี้ออกไปประกาศพระธรรม เผยแผ่พระพุทธศาสนา1 ประกอบพิธีกรรมตางๆ เนื่องในวันสําคัญทาง
แต่อย่างใด พอถึงวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค�่า เดือน ๓ ในทางศาสนาพราหมณ์ เรียกว่า “วันศิวาราตรี” พระพุทธศาสนา จากนัน้ ครูใหนกั เรียนวิเคราะห
ซึง่ จะมีการประกอบพิธลี อยบาป ในคืนนัน้ พระสงฆ์ทงั้ ๑,๒๕๐ องค์ คงมีความคิดว่า บัดนีต้ นก็พน้ วา พิธีกรรมตางๆ เหลานี้มีความสําคัญ
จากความเป็นพราหมณ์กลายมาเป็นพุทธสาวกแล้ว แทนที่เราจะประกอบพิธีลอยบาปอย่างที่เคย อยางไร และมีวัตถุประสงคเพื่ออะไร โดยให
กระท�ามา ควรเปลี่ยนเป็นการเข้าไปเฝ้าพระพุทธองค์เพื่อสดับรับฟังพระธรรมเทศนาจะดีกว่า นักเรียนรวมกันอภิปรายและบันทึกความรู
มูลเหตุนี้เองที่ท�าให้มีภิกษุถึง ๑,๒๕๐ องค์ เข้ามาประชุมพร้อมกันเพื่อเฝ้าพระพุทธองค์ ลงในสมุด
2 3. ครูใหนักเรียนยกตัวอยางวา นักเรียนควรจะ
๑.๒) การปฏิบตั ติ นในวันมาฆบูชา ในตอนเช้าพุทธศาสนิกชนจะไปท�าบุญตักบาตร
ที่วัด ฟังพระธรรมเทศนา บ�าเพ็ญสาธารณประโยชน์ และในตอนค�่าก็จะน�าดอกไม้ ธูปเทียนไปยัง ปฏิบัติตนอยางไรในวันมาฆบูชา เพราะเหตุใด
วัดที่อยู่ใกล้บ้าน พอได้เวลาพระสงฆ์จะประชุมกัน ยืนหันหน้าตรงต่อพระพุทธรูป บรรดาฆราวาส 4. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 6.1 จากแบบวัดฯ
ก็ยืนตั้งแถวให้เป็นระเบียบอยู่ด้านหลังพระสงฆ์ จากนั้นจุดธูปเทียน พระเถระชั้นผู้ใหญ่กล่าวน�า พระพุทธศาสนา ม.2
ค�าบูชา เสร็จแล้วท�าทักษิณาวรรต โดยการเดินเวียนขวารอบพระอุโบสถหรือสถูปเจดีย์ ๓ รอบ
ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ
การเดินเวียนเทียนนีต้ อ้ งท�าใจให้สงบ ควรส�ารวมวาจาและละเว้นการท�าอาการตลกคึกคะนอง ต่างๆ
พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 6.1
หนวยที่ 6 วันสําคัญทางพระพุทธศาสนาและศาสนพิธ�
เรื่องน่ารู้ กิจกรรมตามตัวชี้วัด
กิจกรรมที่ ๖.๑ ใหนักเรียนเติมขอความที่สอดคลองและเหมาะสมเกี่ยวกับ
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
ความสําคัญและการปฏิบตั ติ นในวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา
ñð
เทศนาวิธี 4 วันสําคัญทาง
(ส ๑.๒ ม.๒/๓)
การปฏิบัติตนของ
พระพุทธศาสนา ความสําคัญ พุทธศาสนิกชน
เทศนาวิธี หรือพุทธลีลาในการสอน หมายถึง การสอนของพระพุทธเจ้าในแต่ละครั้ง ที่ประกอบด้วย วันวิสาขบูชา ทําบุญตักบาตร ฟงพระธรรมเทศนา
เปนวันทีพ่ ทุ ธศาสนิกชนแสดงความเคารพ …………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………..
สนทนาธรรม เวียนเทียน รักษาศีล
ตอพระพุทธเจา เปนวันคลายวันประสูติ …………………………………………………………………………
คุณลักษณะ ๔ ประการ ดังนี้ ……………………………………………………………………………..
ตรัสรู และปรินิพพาน
…………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………
ทําบุญตักบาตร ฟงพระธรรมเทศนา
เปนวันทีพ่ ระพุทธเจาทรงแสดงปฐมเทศนา …………………………………………………………………………
วันอาสาฬหบูชา ……………………………………………………………………………..
2. สมาทปนา คือ ชวนใจให้อยากรับเอาไปปฏิบัติ เป็นการสอนให้เห็นว่าสิ่งใดควรปฏิบัติก็แนะนำาหรือ ฉบับ
เฉลย
คือ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร
…………………………………………………………………………….. บําเพ็ญสาธารณประโยชน เวียนเทียน
…………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………
4. สัมปหังสนา คือ ปลอบชโลมใจให้สดชื่นร่าเริง เป็นการบำารุงจิตให้แช่มชื่น เบิกบาน เห็นคุณประโยชน์ วันเขาพรรษา พระสงฆหยุดจาริก ประจําอยูใ นวัดเปนเวลา …………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………….. ทําบุญตักบาตร แหเทียนพรรษา
๓ เดือน พระภิกษุมีเวลาปฏิบัติศาสนกิจ …………………………………………………………………………
ถวายผาอาบนํา้ ฝน ฟงพระธรรมเทศนา
ที่จะได้รับ และทางที่จะก้าวหน้าบรรลุผลสำาเร็จยิ่งขึ้นไป ทำาให้ผู้ฟังมีความหวังและเบิกบานใจ
……………………………………………………………………………..
ชาวพุทธไดพบปะพระสงฆไดสะดวกขึ้น
…………………………………………………………………………….. อธิษฐานจิต ทําความดี
…………………………………………………………………………
วันออกพรรษา เปนวันที่พระสงฆทําพิธีปวารณา
…………………………………………………………………………….. ทําบุญตักบาตร ตักบาตรเทโว
…………………………………………………………………………
รักษาศีล ๕ หรือศีล ๘
125
…………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………
บําเพ็ญสาธารณประโยชน
…………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………
๕๔
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
เทศนาวิธีหรือพุทธลีลาในการสอนของพระพุทธเจาแบบใดที่ชวนใหรับ
ครูแนะนํานักเรียนวา เทศนาวิธี 4 จะเรียกวาพุทธลีลาในการแสดงธรรมก็ได
คําสอนนําไปปฏิบัติ
ซึ่งสรุปเปนประโยคสั้นๆ เพื่อใหจํางาย ไดแก 1. ชี้ใหชัด 2. ชวนใหปฏิบัติ 3. เราให
1. สันทัสสนา 2. สมาทปนา
กลัว 4. ปลุกใหราเริง อันเปนแนวทางจิตวิทยาที่ทําใหคนยอมรับและนําไปปฏิบัติ
3. สมุตเตชนา 4. สัมปหังสนา
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะสมาทปนาเปนการสอนใหเห็นวา
สิ่งใดควรปฏิบัติก็แนะนําหรือบรรยายใหเห็นคุณคาและเห็นความสําคัญที่จะ นักเรียนควรรู
ตองฝกฝน
ขอ 1. สันทัสสนา คือ การอธิบายแยกแยะเหตุผลใหชัดเจนจนเห็นภาพ 1 วันศิวาราตรี เปนวันสําคัญทางศาสนาของศาสนาพราหมณ-ฮินดู
ขอ 2. สมุตเตชนา คือ การปลุกเราใจใหกระตือรือรน มีความกลา โดยชาวฮินดูจะประกอบพิธีบูชาพระศิวะดวยพิธีกรรมตางๆ ตลอดทั้งวันทั้งคืน
มีความอุตสาหะ 2 ตักบาตร คือ ประเพณีอยางหนึ่งที่ชาวพุทธปฏิบัติกันมาตั้งแตสมัยพุทธกาล
ขอ 4. สัมปหังสนา คือ การปลอบใจใหแชมชื่น ทําใหผูฟงมีความหวัง โดยพระภิกษุจะถือบาตรออกบิณฑบาตเพื่อรับอาหารหรือทานอื่นๆ ตามหมูบานใน
ที่จะกาวหนาตอไป เวลาเชา
คูมือครู 125
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนสวดมนตบทพระพุทธคุณ
พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ โดยใหพจิ ารณาคําแปล ข้อพึงระลึกในการเวียนเทียน
ของบทสวดวามีความหมายอยางไรบาง รอบแรก ให้ระลึกถึงพระพุทธคุณว่า
2. ครูใหนักเรียนศึกษาความหมายของคําวาวิชชา
และจรณะในบทพระพุทธคุณ คําวาวิญูชนใน ค�าอ่าน อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู
บทพระธรรมคุณ และคําวาพระอริยบุคคล 4 คู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ
ในพระสังฆคุณ โดยใหนักเรียนหาความหมาย ค�าแปล แม้เพราะอย่างนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้
1 าพระองค์นั้นเป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ
ของคําศัพทเหลานี้ แลวบันทึกสาระสําคัญ ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว เป็นผู้รู้จักโลก เป็นยอดสารถีผู้ฝึกคน
จากนั้นครูซักถามใหนักเรียนรวมกันอภิปราย ที่ควรฝึก เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้ตื่นแล้ว และเป็นผู้จ�าแนก
ในชั้นเรียน พระธรรม
3. ครูนําสนทนาเรื่องการเวียนเทียน และตั้งคําถาม
ใหนักเรียนวิเคราะหวา รอบที่ ๒ ให้ระลึกถึงพระธรรมคุณว่า
• การทําทักษิณาวรรต โดยการเดินเวียนเทียน
รอบพระอุโบสถหรือพระเจดีย 3 รอบ ค�าอ่าน สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปสั สิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง
มีจุดประสงคเพื่ออะไร เวทิตัพโพ วิญญูหีติ
(แนวตอบ การเดินเวียนเทียน เพื่อระลึกถึง ค�าแปล พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์ตรัสไว้ดีแล้ว เป็นธรรมที่จะเห็นได้ด้วย
พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ตนเอง ไม่จ�ากัดกาล เป็นสิ่งชวนชม เป็นความดีที่สามารถน้อมน�าเข้ามาสู่ตนได้
ซึ่งเปนการแสดงออกถึงความกตัญูและ ซึ่งวิญญูชนทั้งหลายพึงรู้ได้จ�าเพาะตน
เคารพตอคุณพระศรีรัตนตรัย)
รอบที่ ๓ ให้ระลึกถึงพระสังฆคุณว่า
126
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
บุคคลใดตอไปนี้ปฏิบัติตนไม ถูกตองในวันขึ้น 15 คํ่า เดือน 3
ครูควรใหนักเรียนคนหาคําศัพทและความหมายจากบทสวดมนตแปล บทระลึก
1. เง็กตื่นมาตักบาตรแตเชาตรู
ถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ เพื่อใหนักเรียนมีความเขาใจ
2. เมงชวนเพื่อนๆ ไปเวียนเทียนที่วัดตอนคํ่า
บทสวดมนตแปลมากขึ้น
3. เกียวไปฟงพระเทศนเรื่องโอวาทปาฏิโมกข
4. กิมไปถวายผาอาบนํ้าฝนแดพระสงฆที่วัด
นักเรียนควรรู วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะวันขึ้น 15 คํ่า เดือน 3 เปนวันมาฆบูชา
ซึ่งเปนวันที่พระอรหันต 1,250 องค มาประชุมพรอมกัน ณ เวฬุวันมหาวิหาร
1 วิชชาและจรณะ หมายถึง พระพุทธเจาทรงเปนผูมีความรูแจงโลกและ โดยมิไดนัดหมาย และพระสงฆเหลานั้นไดรับการอุปสมบทจากพระพุทธเจา
มีขอปฏิบัติอันเปนทางบรรลุวิชา 15 ขอ ไดแก สีลสัมปทา 1 อปณณกปฏิปทา 3 โดยตรง รวมถึงพระพุทธเจาไดทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข ดังนั้น กิจกรรมที่
สัทธรรม 7 และฌาน 4 การถึงพรอมดวยวิชชาและจรณะ หมายถึง การปฏิบัติตน พุทธศาสนิกชนควรปฏิบัติ ไดแก ทําบุญตักบาตร ฟงธรรม และเวียนเทียน
จนเกิดผล รูชัดผลที่เกิดกับผล รูชัดในแนวทางที่ปฏิบัติจนเกิดผลนั้น สวนการถวายผาอาบนํ้าฝนจะกระทํากันในวันเขาพรรษา คือ วันแรม 1 คํ่า
เดือน 8
126 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนกั เรียนเขียนตารางวันประสูติ ตรัสรู และ
เมื่อเวียนครบ ๓ รอบแล้ว ก็ให้น�าเครื่องสักการบูชาไปปักในกระถางธูป ซึ่งทางวัด ปรินิพพานของพระพุทธเจา โดยใหระบุเวลา
ได้จดั เตรียมไว้ จากนัน้ ก็เข้าไปในโบสถ์เพือ่ ท�าวัตร สวดมนต์และสดับตรับฟังพระธรรมเทศนาเรือ่ ง สถานที่ ชื่อเมือง และแควนลงในสมุดเรียนและ
“พระโอวาทปาฏิโมกข์” นําสงครูผูสอน
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากพุทธศาสนิกชนท่านใดไม่สามารถไปร่วมเวียนเทียนที่วัดได้ 2. ครูนาํ สนทนาเกีย่ วกับวันวิสาขบูชา และตัง้ คําถาม
จะประกอบศาสนกิจอยู่ที่บ้านก็ได้ โดยจุดธูปเทียนบูชาพระ ท�าจิตใจให้สงบ และน้อมระลึกถึง เชิงวิเคราะหวา
พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ ก็ย่อมได้ชื่อว่าเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีเช่นเดียวกัน • กอนที่พระพุทธเจาจะทรงตรัสรู พระองค
ทรงเอาชนะพญามารที่เขามาขัดขวางการ
๒) วันวิสาขบูชา
ตรัสรูอยางไร
๒.๑) ความเป็นมาและความส�าคัญ วันวิสาขบูชา เป็นวันที่พุทธศาสนิกชนแสดง
(แนวตอบ พระองคทรงอธิษฐานถึงทานบารมี
ความเคารพต่อพระพุทธเจ้า วิสาขบูชา ย่อมาจากค�าว่า “วิสาขบูรณมีบูชา” แปลว่า การบูชาใน
และใหพระแมธรณีมาเปนพยาน หลั่งนํ้าออก
วันเพ็ญ เดือน ๖ แต่ถ้าปีใดมีอธิกมาส ก็เลื่อนไปประกอบพิธีในวันเพ็ญกลางเดือน ๗ วันวิสาขบูชา
จากมวยผมเปนสายนํ้าใหญโถมใสเหลาพญา
ถือเป็นวันคล้ายวันประสูติ วันตรัสรู้ และวันปรินิพพานของพระพุทธเจ้า กล่าวคือ
มารพายแพไป ซึ่งเปนสายนํ้าที่พระพุทธเจา
๑. พระพุทธเจ้าประสูติจากพระครรภ์ของพระชนนี ณ สวนลุมพินีวัน ซึ่งอยู่
ทรงเคยปฏิบัติทานบารมีมานับชาติไมถวน)
ระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์กับกรุงเทวทหะ เมื่อวันขึ้น ๑๕ ค�่า เดือน ๖ ก่อนพุทธศักราช ๘๐ ปี
• เพราะเหตุใด พระพุทธเจาจึงทรงเลือกสถานที่
๒. พระพุทธเจ้าตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ปรินิพพานที่กรุงกุสินารา แควนมัลละ
ณ ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ริมฝั่งแม่น�้าเนรัญชรา ต�าบลอุรุเวลาเสนานิคม แคว้นมคธ ปัจจุบันคือ
(แนวตอบ เพราะพระพุทธเจาทรงดําริวา
เมืองพุทธคยา เมื่อวันขึ้น ๑๕ ค�่า เดือน ๖ ก่อนพุทธศักราช ๔๕ ปี
กรุงกุสินารา แควนมัลละ เปนแควนเล็ก
๓. พระพุทธเจ้าเสด็จดับ
หากพระองคปรินิพพานที่เมืองแหงนี้
ขันธปรินิพพาน ณ ดงไม้สาละ กรุงกุสินารา
พระบรมสารีริกธาตุจะไดรับการอัญเชิญ
แคว้นมัลละ เมื่อวันขึ้น ๑๕ ค�่า เดือน ๖ ก่อน
ไปยังแวนแควนตางๆ แตหากพระองค
พุทธศักราช ๑ ปี
ปรินิพพานในแควนใหญที่มีอํานาจมาก
นับเป็นเรื่องอัศจรรย์อย่างยิ่ง
แควนนั้นอาจไมใหพระบรมสารีรกิ ธาตุแก
ที่ เ หตุ ก ารณ์ ส� า คั ญ ทั้ ง ๓ ได้ ม าอุ บั ติ ขึ้ น ใน
แควนอืน่ ใด ซึง่ อาจทําใหเกิดสงครามแยงชิง
วั น เดี ย วกั น ดั ง นั้ น พุ ท ธศาสนิ ก ชนทั่ ว โลก
กัน ดวยเหตุนี้จึงทรงเลือกสถานที่ปรินิพพาน
จึงได้จัดให้มีการประกอบพิธีกรรมขึ้นในวันนี้
ที่กรุงกุสินารา)
นอกจากนี้ ในการประชุมสมัชชา
• เพราะเหตุใด วันวิสาขบูชาจึงไดรับเลือกให
สหประชาชาติ สมัยสามัญครั้งที่ ๕ เมื่อวันที่
เปนวันสําคัญสากลของโลก
๑๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ องค์การสหประชาชาติ
(แนวตอบ เพราะวันวิสาขบูชาเปนวันสําคัญ
ได้มีมติก�าหนดให้วันวิสาขบูชาเป็นวันส�าคัญ
พระพุทธเมตตาเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ประดิษฐาน ของพุทธศาสนิกชนทัว่ โลก เนือ่ งจากเปนวันที่
สากลในกรอบขององค์การสหประชาชาติ (Inter‑ ในมหาสถูปพุทธคยา เป็นพระพุทธรูปปางแสดงเหตุการณ์
พระพุทธเจาประสูติ ตรัสรู เสด็จดับขันธ-
national Recognition of the Day of Vesak) ตอนตรัสรู้ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ปรินิพพาน อีกทั้งพระพุทธเจาทรงสั่งสอนให
127 มวลมนุษยมีเมตตาธรรมและขันติธรรมตอ
เพื่อนมนุษยดวยกัน เพื่อใหเกิดสันติสุขใน
สังคม อันเปนแนวทางของสหประชาชาติ)
กิจกรรมสรางเสริม
บูรณาการอาเซียน
ครูใหนกั เรียนศึกษาความหมายของคําวา “พุทธชยันตี” และวัตถุประสงค ครูเพิ่มเติมขอมูลวา เมื่อเขาสูประชาคมอาเซียนใน พ.ศ. 2558 จะมีชาวตางชาติ
ที่จัดงานพุทธชยันตี 2,600 ป แหงการตรัสรูของพระพุทธเจา รวมถึงให หลากหลายเชือ้ ชาติเขามาในประเทศไทย เพือ่ ทํางานและลงทุน ในทางกลับกันคนไทย
นักเรียนศึกษาธงสัญลักษณงานฉลองพุทธชยันตีวามีรูปแบบและความหมาย ก็ไปลงทุนในประเทศสมาชิกอาเซียน ดังนัน้ พระสงฆจะตองพบกับความเปลีย่ นแปลง
อยางไร โดยใหบันทึกลงในสมุดและสงครูผูสอน นี้เชนกัน โดยอาจพบกับนักบวชในนิกายหรือศาสนาอื่นๆ จากตางประเทศมากขึ้น
ดวยเหตุนี้ การสอนธรรมะจึงตองมีการเปลี่ยนแปลง เพราะปญหาใหมๆ จะตามมา
เชน ขาดแคลนอาชีพ แรงงานบางสาขาตองตกงาน เปนตน ดังนั้น หนาที่ของ
กิจกรรมทาทาย พระสงฆ คือ ทําใหพุทธศาสนิกชนเขาใจธรรมะ รวมทั้งคอยแนะนําการปรับใชกับ
ทางโลก ตลอดจนนําเทคโนโลยีสมัยใหมเขามาชวยในการเผยแผธรรมะใหเขาถึง
หมูชนไดอยางกวางขวางและสะดวกมากขึ้น
ครูใหนักเรียนหาภาพพระพุทธรูปปางตางๆ ที่เกี่ยวกับวันสําคัญ
ทางพระพุทธศาสนา เชน วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอัฏฐมีบูชา
วันอาสาฬหบูชา เปนตน โดยนําภาพมาติดลงในสมุดใหสวยงาม และเขียน
คําอธิบายใตภาพถึงความสําคัญของวันนั้นพอสังเขป แลวนําสงครูผูสอน
คูมือครู 127
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนระดมความคิดวา วันอัฏฐมีบูชา
ของพระพุทธเจามีความสําคัญอยางไรและควร ๒.๒) การปฏิบตั ติ นในวันวิสาขบูชา การปฏิบตั ติ นในวันนีก้ เ็ ชนเดียวกับวันมาฆบูชา
พึงระลึกถึงอะไรบาง จากนั้นครูสุมใหนักเรียน คือ พุทธศาสนิิกชนจะไปทําบุญตักบาตรที่วัด ฟงเทศน สนทนาธรรม เวียนเทียน รักษาศีล ๕
ออกมาอธิบายหนาชั้น แลวนักเรียนคนอื่นๆ ศีล ๘ หรืออุโบสถศีล สําหรับพระธรรมเทศนาซึ่งพระสงฆจะแสดงใหพุทธศาสนิกชนสดับตรับฟง
บันทึกความรูลงในสมุดและนําสงครูผูสอน ในวันวิสาขบูชานี้ จะเปนเรื่องเกี่ยวกับพระพุทธประวัติ
2. ครูสุมถามนักเรียนวา อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ๒.๓) หลักธรรมที่เกี่ยวเนื่องในวันวิสาขบูชา คือ “หลักอริยสัจ ๔” เพราะเปน
หรือไตรลักษณมีลักษณะอยางไร เกี่ยวของ หัวใจสําคัญของการตรัสรู
อยางไรกับวันอัฏฐมีบูชา และกฎไตรลักษณ
๓) วันอัฏฐมีบูชา วันอัฏฐมีบูชา
ใหแงคิดสําคัญอยางไรกับการดําเนินชีวิตของ
ทุกข ตรงกับวันแรม ๘ คํ่า เดือน ๖ หรือเดือน ๗
นักเรียน ความทุกข หรือปญหา นับถัดจากวันวิสาขบูชาไป ๘ วัน เปนวันคลาย
3. ครูใหนักเรียนศึกษาปจฉิมพุทธโอวาทของ ของชีวิตทั้งหมด
วันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ พุทธศาสนิกชน
พระพุทธเจา แลวเขียนสรุปวามีสาระสําคัญ พึงรําลึกวาแมแตพระพุทธเจาผูท รงเพียบพรอม
อยางไร และสามารถนําไปประยุกตใชกับชีวิต มรรค สมุทัย
ทางดับทุกข สาเหตุของทุกข ทุกอยางยังเสด็จดับขันธปรินพ ิ พาน ทุกสรรพสิง่
ประจําวันของนักเรียนอยางไรบาง หรือแนวทาง
แกปญหาชีวิต
อริ ย สั จ หรือสาเหตุของ ในโลกจึงเปนอนิจจัง มีความไมแนนอน ทุกคน
ปญหาชีวิต
4. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 6.6 จากแบบวัดฯ จึงควรเรงสรางผลบุญสะสมไว โดยยึดหลักธรรม
พระพุทธศาสนา ม.2 วาดวย “อัปปมาทะ” (ความไมประมาท) เปน
นิโรธ
ความดับทุกข แนวทางในการดําเนินชีวติ ดังปจฉิมพุทธโอวาท
ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ หรือภาวะหมดปญหา
พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 6.6 วา “เธอทัง้ หลายพึงยังประโยชนตนและประโยชน
หนวยที่ 6 วันสําคัญทางพระพุทธศาสนาและศาสนพิธ� ทานใหถึงพรอมดวยความไมประมาทเถิด”
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
กิจกรรมที่ ๖.๖ ใหนกั เรียนเขียนเครือ่ งหมาย ✓ ลงในชองวางหนาขอความ ñð
ที่ถูกตอง และครื่องหมาย ✗ ลงในชองวางหนาขอความ
ที่ไมถูกตอง (ส ๑.๒ ม.๒/๔)
✓
………………. ๑. หลักอริยสัจ ๔ คือ ความจริงอันประเสริฐ มี ๔ ประการ คือ ทุกข สมุทัย นิโรธ
และมรรค เปนหลักธรรมที่เกี่ยวของกับวันวิสาขบูชา
✗
………………. ๒. หลักธรรมที่เกี่ยวของกับเหตุการณจาตุรงคสันนิบาต คือ อริยสัจ ๔
✓
………………. ๓. พระพุทธเจาทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกขแกพระอรหันตสาวกจํานวน ๑,๒๕๐ องค
ที่มาเขาประชุมพรอมกัน ณ เวฬุวันมหาวิหาร กรุงราชคฤห
✓
………………. ๔. โอวาทปาฏิโมกข มีใจความสําคัญ คือ การไมทําความชั่วทั้งปวง การทําความดี
การทําจิตใจใหสะอาดบริสุทธิ์
✗
………………. ๕. หลักธรรมที่วาดวย “อัปปมาทะ” (ความไมประมาท) เปนหลักธรรมที่เกี่ยวเนื่องกับ
ฉบับ
วันอาสาฬหบูชา เฉลย
✓
………………. ๖. เทศนาวิธี หรือพุทธลีลาในการสอน เปนการสอนของพระพุทธเจาในแตละครั้ง
ประกอบดวย ๔ ลักษณะ คือ สันทัสสนา สมาทปนา สมุตเตชนา และสัมปหังสนา
✗
………………. ๗. ในวันอาสาฬหบูชาควรสวดมนตและสดับรับฟงพระธรรมเทศนา
เรื่อง โอวาทปาฏิโมกข
✗
………………. ๘. พระพุทธเจาทรงแสดงธรรม (ปฐมเทศนา) ชือ่ “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” แกปญ จวัคคีย
ในวันวิสาขบูชา 1
พระพุทธรูปปางถวายพระเพลิ งที่วัดพระนอน จังหวัดสุพรรณบุรี เปนพระพุทธรูปปางแสดงเหตุการณตอนถวายพระเพลิง
✓
………………. ๙. ปจฉิมพุทธโอวาททีว่ า “เธอทัง้ หลายพึงยังประโยชนตนและประโยชนทา นใหถงึ พรอม พระพุทธสรีระในวันอัฏฐมีบูชา
ดวยความไมประมาทเถิด” เปนพุทธโอวาทในวันอัฏฐมีบูชา
✓ ๑๐. อุคฆฏิตัญู คือ บุคคลที่โงเขลา เบาปญญา แมไดฟงธรรมก็ไมอาจบรรลุไดเหมือน
……………….
ขอสอบ O-NET
เกร็ดแนะครู ขอสอบป ’ 52 ออกเกี่ยวกับไตรลักษณ
ครูควรอธิบายคําวา “ปาง” หมายถึง เหตุการณ เชน ปางโอวาทปาฏิโมกข ความเขาใจไตรลักษณ จะชวยในการดําเนินชีวิตของเราอยางไร
ปางมารวิชัย เปนตน สวนการทําพระหัตถในรูปแบบตางๆ เรียกวา “มุทรา” เชน 1. เปนคนแกที่มีคุณภาพ
วิตรรกะมุทรา คือ ปางปฐมเทศนา เปนตน โดยสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมจาก 2. ยิ้มแยมแจมใสมีความเขาใจกัน
หนังสือพระพุทธรูปปางตางๆ ในสยามประเทศ ของศาสตราจารยเกียรติคุณ 3. ดําเนินชีวิตดวยความไมประมาท
คุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ 4. ทําใจไดดั่งคําวา “ใครชอบ ใครชัง” ชางเถิด
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. ดําเนินชีวิตดวยความไมประมาท เพราะ
ไตรลักษณ คือ กฎของความไมเที่ยงแท ไมมีสิ่งใดอยูยั่งยืนตลอดไป ดังนั้น
นักเรียนควรรู จึงควรยึดหลักธรรมวาดวย “อัปปมาทะ” หรือความไมประมาท เปนแนวทาง
ในการดําเนินชีวิต
1 ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ สถานที่ถวายพระเพลิงอยูที่มกุฏพันธนเจดีย
ซึ่งอยูทางดานทิศตะวันออกของกรุงกุสินารา
128 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนศึกษาเหตุการณหลังจากการ
๔) วันอาสาฬหบูชา ตรัสรูของพระพุทธเจาวา พระองคทรงดําริวา
๔.๑) ความเป็นมาและความส�าคัญ วันอาสาฬหบูชาเป็นวันที่พุทธศาสนิกชน จะกระทําสิ่งใดเปนอยางแรกหลังจากพระองค
แสดงความเคารพต่อพระสงฆ์ อาสาฬหบูชา 1ย่อมาจากค�าว่า “อาสาฬหบูรณมีบูชา” แปลว่า ตรัสรูแลว แลวสุมใหนักเรียนออกมาอธิบาย
การบูชาในวันเพ็ญเดือน ๘ แต่ถ้าปีใดมีอธิกมาสก็จะเลื่อนไปเป็นวันขึ้น ๑๕ ค�่า เดือน ๘ หลัง หนาชั้น
มูลเหตุที่เกิดวันอาสาฬหบูชาขึ้นมา ก็เนื่อ2งมาจากว่า เมื่อพระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ 2. ครูกลาวถึงบัว 4 เหลาที่พระพุทธเจาทรงเล็ง
พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ก็ประทับเสวยวิมุตติสุขใต้ร่มไม้มหาโพธิ์ และบริเวณใกล้เคียง เห็นวามีเวไนยสัตวหรือบุคคลที่พระองคทรง
เป็นเวลา ๗ สัปดาห์ ครัน้ ล่วงสัปดาห์ที่ ๗ พระองค์กเ็ สด็จมาประทับที่โคนไม้ไทรชือ่ “อชปาลนิโครธ” สั่งสอนได และตั้งคําถามวา
ทรงทบทวนหลักธรรมทีพ่ ระองค์ตรัสรู้ และพบว่ามีความลึกซึง้ มาก ยากทีผ่ อู้ นื่ จะท�าความเข้าใจได้ • พระพุทธเจาทรงเลือกที่จะเผยแผพระธรรม
จึงเกิดท้อพระทัยไม่คิดจะเผยแผ่พระธรรมออกไป แต่เพราะที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเป็นที่ตั้ง ตอบุคคลกลุม ใด มีใครบาง และเพราะเหตุใด
ก็ทรงเล็งเห็นว่าเวไนยสัตว์ (บุคคลทีพ่ อแนะน�าสัง่ สอนได้) ซึง่ พอจะท�าความเข้าใจสัจธรรมทีพ่ ระองค์ พระองคทรงเลือกเผยแผพระธรรมแกบุคคล
ค้นพบก็คงมีอยู่บ้าง เพราะบุคคลต่างๆ นั้น แบ่งออกเป็น ๔ ประเภท ดังนี้
กลุมนั้น
บุคคล ๔ (แนวตอบ พระพุทธเจาทรงเลือกแสดง
๑. อุคฆฏิตัญญู ได้แก่ บุคคลที่มีสติปัญญาดี พอได้ฟังธรรมซึ่งยกขึ้นมาแสดงแต่เพียงหัวข้อ พระธรรมแกปญจวัคคีย ไดแก โกณฑัญญะ
ก็สามารถท�าความเข้าใจกับธรรมอันวิเศษได้ทันที เหมือนดังดอกบัวที่โผล่พ้นน�้าขึ้นมาแล้วพร้อมที่จะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ อัสสชิ กอนเปน
บานสะพรั่งถ้าได้รับแสงอาทิตย์ กลุมแรก ซึ่งเปนนักบวชที่ติดตามปรนนิบัติ
๒. วิปจิตัญญู ได้แก่ บุคคลที่มีสติปัญญาปานกลาง เมื่อได้ฟังบทธรรมที่จ�าแนกขยายความออกไป พระพุทธเจาตั้งแตเสด็จออกบวชใหมๆ
จึงจะสามารถรู้แจ้งเห็นจริงตาม เหมือนดั่งดอกบัวที่ขึ้นอยู่เสมอระดับน�้าจักเบ่งบานในวันต่อไป เดิมทีพระพุทธเจาตั้งพระทัยวาจะไปโปรด
๓. เนยยะ ได้แก่ บุคคลทีย่ งั พอแนะน�าได้ บุคคลประเภทนีแ้ ม้จะได้ฟงั ธรรมทัง้ โดยย่อและโดยพิสดาร อาจารยของพระองค คือ อาฬารดาบสและ
แล้วก็ยงั ไม่เข้าใจ จนเมือ่ เอาใจใส่ พากเพียรสอบถาม ตริตรอง ทบทวน ก็สามารถรูซ้ งึ้ ถึงธรรมอันวิเศษได้ อุททกดาบส แตทราบดวยญาณวา อาจารย
เหมือนดัง่ ดอกบัวทีอ่ ยูใ่ ต้ผวิ น�า้ ซึง่ มีโอกาสเจริญงอกงาม ทั้งสองถึงแกกรรมแลว จึงไปโปรด
และบานสะพรั่งในวันต่อๆ ไป ปญจวัคคีย เพราะเปนสาวกกลุมแรกและ
๔. ปทปรมะ ได้แก่ บุคคลที่โง่เขลา เพงพิจารณาแลวพบวา โกณฑัญญะเปน
เบาปัญญา แม้ได้ฟังธรรมหรือพากเพียร ผูมีปญญามากพอที่จะฟงธรรมจนบรรลุเปน
จดจ�า ทบทวนมากก็ไม่อาจบรรลุธรรม พระโสดาบันได จนกระทัง่ ตอมาปญจวัคคีย
อันวิเศษได้ เหมือนดอกบัวทีอ่ ยูใ่ ต้เปือกตม
ก็บรรลุเปนพระอรหันตสาวก)
รังแต่จะเป็นภักษาของเต่า ปู ปลา
3. ครูใหนักเรียนแตละคนวิเคราะหวา นักเรียน
ไม่อาจโผล่พ้นน�้าเบ่งบานได้เลย
จะมีวิธีการอยางไรที่จะทําใหตนเองเปน
บุคคลทีม่ สี ติปญ
ญาดีหรือเปนบัวทีโ่ ผลพน นํา้
ขึ้นมาแลวพรอมที่จะบานสะพรั่งถาไดรับ
129 แสงอาทิตย บันทึกสาระสําคัญ
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
ขอใดคือความสําคัญของวันอาสาฬหบูชา
ครูควรอธิบายเกี่ยวกับสังโยชน 10 หรือกิเลสพวกหนึ่งที่ผูกมัดสัตวไวกับทุกข
1. เปนวันสําคัญสากลของโลก
มี 10 อยาง 1. สักกายทิฏฐิ คือ ความเห็นวารางกายนี้เปนของตน 2. วิจิกิจฉา คือ
2. วันที่พระพุทธเจาทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข
ความลังเลสงสัย 3. สีลัพพตปรามาส คือ ความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยางงมงาย
3. วันที่พระพุทธเจาแสดงปฐมเทศนาแกปญจวัคคีย
4. กามราคะ คือ การยึดติดในกามคุณ 5. ปฏิฆะ คือ ความหงุดหงิดในใจดวย
4. วันที่เกิดเหตุการณจาตุรงคสันนิบาต
อํานาจโทสะ 6. รูปราคะ คือ ความติดใจในรูปธรรม 7. อรูปราคะ คือ ความติดใจ
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะวันอาสาฬหบูชา คือ วันที่ ในอรูปธรรม 8. มานะ คือ การสําคัญตนวาเปนนั่นเปนนี่ 9. อุทธัจจะ คือ ความ
พระพุทธเจาแสดงปฐมเทศนาธัมมจักกัปปวัตนสูตรแกปญจวัคคีย เกิด ฟุงซาน และ 10. อวิชชา คือ ความไมรู ความหลงอันเปนเหตุไมรูจริง
พระสงฆรูปแรกของโลก คือ พระอัญญาโกณฑัญญะ พระพุทธศาสนาจึงมี
พระรัตนตรัยครบ 3 ประการในวันนี้
ขอ 1. คือ วันวิสาขบูชา ขอ 2. และขอ 4. คือ วันมาฆบูชา นักเรียนควรรู
1 อธิกมาส คือ ปที่มีเดือน 8 เพิ่มอีกเดือน หรือที่เรียกกันวา มีเดือน 8 สองหน
2 วิมุตติสุข คือ สุขเกิดแตความหลุดพนจากกิเลสอาสวะและปวงทุกข
คูมือครู 129
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูนําบทสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตรพรอม
คําแปลมาแจกใหนักเรียน จากนั้นใหนักเรียน เมือ่ พระพุทธองคทรงพิจารณาเห็นอยางนีแ้ ลว จึงตกลงพระทัยทีจ่ ะแสดงธรรมโปรด
นําบทสวดมนตนี้ไปสวดที่บาน และเขียนสรุป เวไนยสัตว ซึ่งบุคคลกลุมแรกที่พระพุทธองคเสด็จไปโปรดก็คือ ปญจวัคคียทั้ง ๕ ทาน ไดแก
สาระสําคัญอยางนอย 10 ขอ ลงในสมุด โกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานาม และอัสสชิ
2. ครูนําสนทนาถึงวันอาสาฬหบูชาวา เปนวันที่ หลังจากทีพ่ 1ระพุทธองคแสดงธรรมจบลงแลว ปรากฏวาทานโกณฑัญญะไดดวงตา
พระพุทธเจาทรงแสดงปฐมเทศนา คือ ธัมมจัก- เห็นธรรม บรรลุพระโสดาบันเปนทานแรก จึงกราบทูลขอบวชซึ่งพระพุทธเจาก็ทรงอนุญาต
กัปปวัตตนสูตร และตั้งคําถามนักเรียนวา จากพระพุทธประวัติดังที่กลาวมานี้ เห็นไดวาวันอาสาฬหบูชามีความสําคัญอยู
• ปฐมเทศนาของพระพุทธเจามีสาระสําคัญ ๔ ประการ ดังนี้
อะไรบาง และพระธรรมเทศนาของพระองค ๑. เปนวันแรกที่พระพุทธเจาประกาศพระพุทธศาสนา
สามารถนํามาประยุกตใชกบั ชีวติ ของนักเรียน ๒. เปนวันแรกที่พระพุทธเจาทรงแสดงธรรมโปรดปญจวัคคีย (ปฐมเทศนา)
ไดอยางไร ชื่อ “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” ซึ่งมีใจความสําคัญ ดังนี้
(แนวตอบ ไมปฏิบัติในทางสุดขั้ว 2 ทาง คือ
ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร
การหมกมุนอยูในกามและการทรมานตนให
ลําบาก แตควรเดินทางสายกลางหรือมัชฌิมา- ๑. ไมปฏิบัติตนตามทางที่สุดขั้ว ๒ ทาง คือ การหมกมุนอยูในกาม
ปฏิปทา โดยนักเรียนสามารถนําไปใชในการ (ความสุขทางเนือ้ หนัง) เรียกวา กามสุขลั ลิกานุโยค และการทรมานตนใหลาํ บาก
ตัดสินใจหรือการดําเนินชีวิตประจําวันได เรียกวา อัตตกิลมถานุโยค แตควรเดินตามสายกลาง ไดแก มัชฌิมาปฏิปทา
ในกรณีที่ตองเลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็ควรใชทาง ๒. ทรงแสดงอริยสัจ ๔
สายกลางเปนแนวทางปฏิบัติ เพื่อไมใหเกิด ๓. ทรงแสดงวาทรงรูอ ริยสัจ ๔ ทรงรูห นาทีอ่ นั ควรทําในอริยสัจทัง้ ๔
การสุดขั้วมากเกินไป) และทรงรูวาไดทําหนาที่นั้นแลว
• เพราะเหตุใด ในวันอาสาฬหบูชาจึงเปนวันที่ พระพุทธรูปแสดงปางปฐมเทศนา
มีพระรัตนตรัยครบองค 3
(แนวตอบ เพราะหลังจากที่พระพุทธเจาตรัสรู ๓. เปนวันแรกทีม่ พี ระสงฆ
แลว พระองคเสด็จไปเผยแผพระธรรมแกปญ จ- เกิดขึ้นในโลก กลาวคือ เมื่อทานโกณฑัญญะ
วัคคีย ดวยทรงเล็งเห็นวาเปนเวไนยสัตวหรือ กราบทูลขอบวช พระพุทธเจาก็ทรงประทาน
บุคคลที่พอจะแนะนําสั่งสอนได เมื่อพระองค อุปสมบทใหดว ยวิธเี อหิภกิ ขุอปุ สัมปทา โดยทรง
ทรงแสดงปฐมเทศนาแลว พระโกณฑัญญะ เปลงพระวาจาวา “ทานจงเปนภิกษุม าเถิด
จึงขอบวชเปนพระสงฆรูปแรกในพระพุทธ- ธรรมอันเรากลาวดีแลว ทานจงประพฤติพรหมจรรย
ศาสนา ทําใหมีพระรัตนตรัยครบองค 3) เพื่อทําที่สุดแหงทุกขโดยชอบเถิด”
3. ครูใหนกั เรียนหาภาพสังเวชนียสถานหรือสถานที่ ๔. เปนวันแรกทีม่ หี รือเกิด
2 3
ทีท่ าํ ใหรสู กึ ระลึกถึงพระพุทธเจา 4 แหง คือ สถานที่ ธัมเมกขสถูป จัดเปนสังเวชนียสถานที่สรางขึ้นในสถานที่ พระรัตนตรัยครบองค ๓ ไดแก พระพุทธรัตนะ
ประสูติ สถานที่ตรัสรู สถานที่แสดงปฐมเทศนา ที่พระพุทธองคทรงแสดงปฐมเทศนา
พระธรรมรัตนะ และพระสังฆรัตนะ
และสถานที่ปรินิพพาน โดยใหนักเรียนนําภาพ
สถานทีเ่ หลานัน้ ติดลงในสมุด และเขียนคําอธิบาย ๑๓๐
ใตภาพวาชื่อสถานที่อะไร ตั้งอยูที่ใด และ
มีความสําคัญอยางไร แลวนําสงครูผูสอน
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
ขอใดไมใช สาระสําคัญของหลักธรรมธัมมจักกัปปวัตตนสูตร
1 พระโสดาบัน เปนชื่อเรียกพระอริยบุคคลประเภทแรกใน 4 ประเภท ไดแก
1. มัชฌิมาปฏิปทา 2. อัตตกิลมถานุโยค
โสดาบัน สกทาคามี อนาคามี และอรหันต พระโสดาบัน คือ ผูไดบรรลุ
3. กามสุขัลลิกานุโยค 4. กาเลนะธัมมัสสะวะนัง
พระโสดาปตติผลแลว ดวยการละสังโยชนเบือ้ งตํา่ 3 ประการได ไดแก สักกายทิฏฐิ
วิจิกิจฉา และสีลัพพตปรามาส วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. กาเลนะธัมมัสสะวะนัง หมายถึง ฟงธรรม
2 ธัมเมกขสถูป แปลวา สถูปผูเห็นธรรม คือ สถานที่ที่สันนิษฐานวาพระพุทธเจา ตามกาล คือ วันพระ วันที่มีโอกาสหรือมีเวลาวาง ก็ควรไปฟงธรรมบาง
ทรงแสดงปฐมเทศนา อยูในปาอิสิปตนมฤคทายวัน ใกลเมืองพาราณสี ปจจุบัน เพื่อฟงสิ่งที่เปนประโยชนในหลักธรรมนั้นๆ และนํามาใชกับชีวิต ฟงธรรม
เรียกวา “สารนาถ” ตามกาลอยูในมงคลสูตร 38 ซึ่งเปนพระสูตรหรือหลักธรรมที่พระพุทธเจา
ทรงแสดงแกเหลาเทวดาทีม่ าทูลถามพระพุทธเจาเพือ่ ใหตอบขอสงสัยของ
3 สังเวชนียสถาน มี 4 แหง ไดแก สถานที่ประสูติอยูใตตนสาละ ลุมพินีวัน มนุษยและเทวดา
แควนสักกะ สถานที่ตรัสรูอยูใตตนมหาโพธิ์ ตําบลอุรุเวลาเสนานิคม พุทธคยา ขอ 1. มัชฌิมาปฏิปทา หมายถึง ทางสายกลาง
แควนมคธ สถานทีแ่ สดงปฐมเทศนาอยูใ นปาอิสปิ ตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี ขอ 2. อัตตกิลมถานุโยค คือ การประกอบความลําบากเดือดรอนแก
และสถานที่ปรินิพพานอยูที่สาลวโนทยาน เมืองกุสินารา แควนมัลละ ตนเอง ดังเชน พระพุทธเจาทรงบําเพ็ญทุกกรกิริยา
ขอ 3. หมายถึง กามสุขัลลิกานุโยค คือ ความสุขทางกาม
130 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
ครูใหนักเรียนชวยกันยกตัวอยางวิธีทําบุญ
๔.๒) การปฏิบตั ติ นในวันอาสาฬหบูชา ก่อนถึงวันอาสาฬหบูชาเจ้าอาวาสแต่ละวัด ในชีวิตประจําวันของนักเรียนอยางนอย 10 วิธี
จะแจ้งให้พระภิกษุสามเณร อุบาสก อุบาสิกาทราบล่วงหน้าว่า วันพระขึ้น ๑๕ ค�่า เดือน ๘ โดยออกมาเขียนบนกระดานหนาชั้น จากนั้น
จะเป็นวันประกอบพิธีอาสาฬหบูชา ครูซกั ถามนักเรียนวาวิธเี หลานัน้ ไดบญ
ุ หรืออานิสงส
เมื่อถึงวันขึ้น ๑๔ ค�่า เดือน ๘ ก่อนวันอาสาฬหบูชา ๑ วัน พระภิกษุ สามเณร อยางไร และบันทึกวิธีทําบุญตางๆ ลงในสมุด
มรรคนายก พุทธศาสนิกชน ทีว่ า่ งเว้นจากหน้าทีก่ ารงานประจ�า ก็จะช่วยกันปัดกวาดปูลาดเสนาสนะ (แนวตอบ เชน ทําบุญตักบาตร บริจาคทรัพยสิน
จัดตั้งเครื่องสักการะ จัดหาภาชนะใส่น�้าดื่ม ประดับธงธรรมจักร ธงชาติ และประทีปโคมไฟต่างๆ กราบไหวผูใหญ ผูมีพระคุณ กตัญูกตเวที ชวย
รอบพระอุโบสถ พระสถูปเจดีย์ เช่นเดียวกับวันวิสาขบูชา พอแมทํางานบาน รักษาศีล สวดมนต เดินจงกรม
ครั้นถึงวันอาสาฬหบูชา ตอนเช้าพุทธศาสนิกชนจะไปร่วมกันท�าบุญตักบาตรที่วัด นั่งสมาธิ เปนตน)
ฟังเทศน์ และบ�าเพ็ญสาธารณประโยชน์ต่างๆ เช่น บริจาคโลหิต พัฒนาวัด หรือบริจาคทรัพย์
เพื่อการกุศล ตอนค�่าก็จะมีการเวียนเทียนรอบพระอุโบสถ หรือรอบพระสถูปเจดีย์ เสร็จแล้วเข้าไป ขยายความเขาใจ Expand
ท�าวัตรค�่าในพระอุโบสถ หลังจากนั้นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ขึ้นธรรมาสน์แสดงพระธรรมเทศนาชื่อ 1. ครูนําตารางบันทึกความดีมาใหนักเรียน
“ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” และหลังจากจบพระธรรมเทศนา พุทธศาสนิกชนอาจสนทนาธรรม โดยใหนักเรียนบันทึกการทําความดีในชีวิต
ต่อก็ได้ ประจําวัน เชน ชวยคนแกขามถนน ลุกขึ้นให
1.2 วันธรรมสวนะและเทศกาลสำาคัญ ที่นั่งคนแก ใหเงินคนแกที่มาขอเงิน เปนตน
๑) วันธรรมสวนะ หมายถึง วันส�าหรับฟังธรรม เรียกกันทั่วไปว่า “วันพระ” ซึ่งมี และนําสงครูผูสอน
๒ ชนิด คือ วันพระเล็กและวันพระใหญ่ วันพระเล็ก ได้แก่ วันขึ้นและวันแรม ๘ ค�่า ส่วน 2. ครูใหนักเรียนทําผังมโนทัศนสรุปสาระสําคัญ
วันพระใหญ่ ได้แก่ วันขึ้น ๑๕ ค�่า และวันแรม ๑๔ ค�่า (ในเดือนขาด) หรือ ๑๕ ค�่า (ในเดือนเต็ม) ของวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา ไดแก
ในวันธรรมสวนะ พุทธศาสนิกชน วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา
พึงปฏิบัติ คื1อ ในตอนเช้
2 า พระภิกษุ สามเณร และวันอัฏฐมีบูชา โดยใหอธิบายความสําคัญ
และอุบาสก อุบาสิกา ประชุมโดยพร้อมกันที่ พระธรรมคําสอน สิง่ ทีพ่ งึ รําลึกถึงของวันสําคัญ
พระอุ โ บสถหรื อ ศาลาการเปรี ย ญ พระสงฆ์ นั้นๆ ลงในกระดาษ A4 และนําสงครูผูสอน
ท�าวัตรสวดมนต์ เริ่มด้วยนมัสการพระรัตนตรัย
และสวดบทท�าวัตรเช้าไปจนจบ หลังจากนั้น ตรวจสอบผล Evaluate
ฆราวาสก็ทา� วัตรสวดมนต์ (หรืออาจท�าพร้อมกับ
พระสงฆ์) จากนั้นก็มีก3ารรับศีล ๕ หรือศีล ๘ 1. ตรวจสอบจากตารางบันทึกความดีของนักเรียน
เสร็จแล้วพระธรรมกถึกขึน้ ธรรมาสน์แสดงธรรม ในชีวิตประจําวัน
ระหว่างฟังธรรม พุทธศาสนิกชนพึงประนมมือ 2. ตรวจสอบจากผังมโนทัศนสรุปสาระสําคัญของ
ตั้งใจฟังด้วยความเคารพ เมื่อเทศน์จบหัวหน้า การฟังธรรมในวันพระนอกจากจะเป็นแนวทางการปฏิบตั ติ น วันสําคัญทางพระพุทธศาสนา
อุบาสก อุบาสิกา น�ากล่าวสาธุการ ๓ ครัง้ (สาธุ ของพุทธศาสนิกชนที่ดีแล้ว ยังช่วยชำาระจิตใจให้สะอาด
เบิกบานอีกด้วย
สาธุ สาธุ) เป็นอันเสร็จพิธี
131
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
วันธรรมสวนะหรือวันพระ มีประวัติความเปนมาอยางไร
1 อุบาสก คือ คฤหัสถหรือชาวบานผูชายทั่วไปที่นับถือพระพุทธศาสนา โดย
แนวตอบ วันธรรมสวนะหรือวันพระ เดิมเปนธรรมเนียมของพวกเดียรถีย อุบาสกสองทานแรกของโลกที่ถึงพระพุทธและพระธรรมเปนที่พึ่ง (ในเวลานั้นยัง
ซึ่งจะประชุมกันแสดงธรรมทุกๆ วัน 8 คํ่า และ 15 คํ่า ในสมัยตนพุทธกาล ไมมพี ระสงฆ) คือ พอคาชือ่ วาตปุสสะและภัลลิกะ ผูถ วายขาวสัตตุผงและขาวสัตตุกอ น
พระพุทธเจามิไดทรงวางระเบียบเรื่องนี้ไว ตอมาพระเจาพิมพิสารไดกราบทูล แดพระพุทธเจาภายหลังจากทรงตรัสรูใ หมๆ สวนอุบาสกทานแรกทีถ่ งึ พระรัตนตรัย
ตอพระพุทธเจาวานักบวชศาสนาอื่นมีวันประชุมสนทนาเกี่ยวกับหลักธรรม เปนที่พึ่ง คือ เศรษฐีคหบดี บิดาของพระยสะ
คําสัง่ สอนในศาสนาของเขา แตวา พระพุทธศาสนายังไมมี พระพุทธองคจงึ ทรง 2 อุบาสิกา คือ คฤหัสถหรือชาวบานผูหญิงทั่วไปที่นับถือพระพุทธศาสนา
อนุญาตใหมีการประชุมพระสงฆในวัน 8 คํ่า และ 15 คํ่า แตในระยะแรก อุบาสิกาทานแรกของโลก คือ ภรรยาเกาของพระยสะและนางสุชาดา มารดาของ
พระภิกษุไมรูวาควรจะทําสิ่งใด จึงนั่งนิ่งบาง นั่งหลับบาง ชาวบานก็ไดตําหนิ พระยสะ ผูถวายขาวมธุปายาสแดพระพุทธเจา เมื่อพระบรมโพธิสัตวรับ
พระพุทธเจาจึงกําหนดใหพระสงฆประชุมสนทนาและแสดงธรรมเทศนาแก ขาวมธุปายาสแลว เสด็จไปประทับที่โคนตนมหาโพธิ์ ทรงบําเพ็ญเพียรทางจิตและ
ประชาชน ตลอดจนการสวดปาฏิโมกข ตรัสรูเปนสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจาในวันนั้น
3 พระธรรมกถึก คือ ผูที่จะตองไปกลาวธรรม แสดงธรรม เปนตัวแทนของ
พระพุทธเจาในการนําธรรมของพระองคไปเผยแผแกประชาชน พระธรรมกถึก
จึงตองเปนผูชาญฉลาด เขาใจในหลักธรรมอยางแจมแจง
คูมือครู 131
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูถามนักเรียนวา ใน 1 เดือนมีวันธรรมสวนะ
หรือวันพระกี่วัน และในแตละวันตรงกับวันใดบาง ประโยชน์ที่เกิดขึ้นก็คือ การได้ฟังธรรมในวันพระ จะเป็นการเพิ่มพูนศรัทธาใน
และในวันพระนักเรียนควรปฏิบตั ติ นอยางไร จึงจะได พระรัตนตรัย และได้ทราบแนวทางในการปฏิบัติตนของชาวพุทธที่ดี รู้ว่าอะไรควรละ อะไรควร
ชื่อวาเปนชาวพุทธที่ดี บ�าเพ็ญ มีความเห็นถูกต้องตามหลักของพระพุทธศาสนา
๒) วันเข้าพรรษา
สํารวจคนหา Explore ๒.๑) ความเป็ น มาและความ
ครูใหนักเรียนสืบคนเกี่ยวกับวันธรรมสวนะและ ส�าคัญ วันเข้าพรรษา คือ วันที่พระภิกษุสงฆ์
เทศกาลสําคัญ ไดแก วันเขาพรรษา วันออกพรรษา อธิษฐานว่าจะอยูป่ ระจ�า ณ อาวาสใดอาวาสหนึง่
และวันเทโวโรหณะ จากหนังสือเรียนหนา 131-136 เป็นระยะเวลา ๓ เดือน ตลอดฤดูฝน ไม่จาริก
และแหลงการเรียนรูต า งๆ เชน หองสมุด อินเทอรเน็ต ไปแรมคืนยังสถานที่อื่นแม้แต่คืนเดียว โดย
สนทนาธรรมกับพระสงฆ เปนตน ปราศจากความจ�าเป็นตามทีร่ ะบุไว้ในพระธรรม
วินัย๑
อธิบายความรู Explain วันเข้าพรรษา มีอยู่ ๒ วัน คือ
๑. วันแรม ๑ ค�่า เดือน ๘
1. ครูใหนกั เรียนยกตัวอยางวา เมือ่ ถึงวันธรรมสวนะ เรี ย กว่ า “ปุ ริ ม พรรษา” (วั น เข้ า พรรษาต้ น )
นักเรียนควรปฏิบัติตนอยางไร โดยบันทึกลงใน เทียนพรรษาทีพ่ ทุ ธศาสนิกชนช่วยกันตกแต่งอย่างสวยงาม ออกพรรษาในวันขึ้น ๑๕ ค�่า เดือน ๑๑
ในเทศกาลเข้าพรรษา
สมุดและสงครูผูสอน ๒. วันแรม ๑ ค�่า เดือน ๙
2. ครูใหนักเรียนออกไปประกอบศาสนพิธีเนื่อง เรียกว่า “ปัจฉิมพรรษา” (วันเข้าพรรษาหลัง) ออกพรรษาในวันขึ้น ๑๕ ค�่า เดือน ๑๒
ในวันธรรมสวนะที่วัดตางๆ ใกลบานหรือ แต่เดิมนั้นยังไม่มีธรรมเนียมการเข้าพรรษา เมื่อถึงฤดูฝน พระพุทธเจ้า รวมทั้ง
ชวนกันไปกับเพื่อนนักเรียน และใหระบุวาวัดที่ พุทธสาวก ซึ่งขณะนั้นยังมีน้อยองค์ก็จะหยุดสัญจร ประทับอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง ด้วยทรงเห็นว่า
นักเรียนไปทําบุญนั้น มีศาสนพิธีอะไรบาง และ ไม่สะดวกด้วยประการทั้งปวงที่จะเดินทางไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในฤดูกาลนี้ กาลต่อมาเมื่อมี
มีวัตถุประสงคเพื่ออะไร พระภิกษุสงฆ์มากขึ้น ภิกษุบางพวก เช่น พวกฉัพพัคคีย์ (กลุ่มพระภิกษุซึ่งอยู่ด้วยกัน ๖ รูป)
3. ครูใหนกั เรียนศึกษาและวิเคราะหวา เพราะเหตุใด มิได้คา� นึงถึงกาลอันควรหรือไม่ควร เทีย่ วไปมาจาริกตลอดทัง้ ปี ซึง่ บางครัง้ ก็ไปเหยียบย�า่ ข้าวกล้า
ในวันเขาพรรษาจึงมีพิธีแหเทียนพรรษา รวมถึง ตลอดจนพืชอื่นๆ ซึ่งชาวบ้านเพิ่งจะลงมือหว่านไถเพาะปลูกให้ได้รับความเสียหายบ้าง หรือ
ทําไมจึงตองสรางเทียนที่สวยงามและใหญโต ไปเหยียบย�่าโดนสัตว์เล็กๆ จนถึงแก่ความตายบ้าง ชาวบ้านจึงพากันต�าหนิติเตียนว่าพวก
ในวันนั้น สมณศากยบุตรกระท�าในสิ่งที่ไม่สมควร เพราะแม้แต่พวกเดียรถีย์ปริพาชก และบรรดาพ่อค้า
วาณิชต่างก็หยุดสัญจรกันในฤดูนี้ เมือ่ พระพุทธเจ้าทรงทราบจึงทรงวางระเบียบให้พระภิกษุสงฆ์อยู่
ประจ�าที่ ณ อาวาสใดอาวาสหนึ่ง ตลอด ๓ เดือนในฤดูฝน เรียกกันโดยทั่วไปว่า “จ�าพรรษา”
๑
ในพระธรรมวินัยระบุไว้ว่า พระภิกษุสงฆ์ที่มี “สัตตาหกรณียะ” หรือมีกิจธุระที่จ�าเป็นเร่งด่วน ก็อนุญาตให้ไปแรมคืนยังอาวาสอื่น
หรือสถานที่อื่นได้ แต่ทั้งนี้ต้องกลับมาภายใน ๗ วัน สัตตาหกรณียะดังกล่าว ได้แก่
๑) ไปรักษาพยาบาลเพื่อนสหธรรมมิก (ผู้มีธรรมร่วมกัน) หรือบิดามารดาที่เจ็บป่วย
๒) เพื่อนสหธรรมมิกกระสันอยากสึก ไปเพื่อระงับความกระสันอยากสึก
๓) ไปเพื่อกิจธุระคณะสงฆ์ เช่น ไปหาอุปกรณ์มาซ่อมแซมวัดที่ช�ารุดภายในพรรษานั้นๆ
132 ๔) ทายกทายิกานิมนต์ไปฉลองศรัทธาในการบ�าเพ็ญกุศลของเขา
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
ครูแนะนํานักเรียนเกี่ยวกับการรักษาศีล 8 วา การรักษาศีล 8 นั้น มีศีล 3 ขอ ครูใหนักเรียนศึกษาศีล 8 วาขอหามเพิ่มเติมนอกเหนือจากศีล 5
เพิ่มขึ้นมาจากศีล 5 ไดแก หามรับประทานอาหารยามวิกาลหรือหลังบายโมง มีอะไรบาง จากนั้นครูใหนักเรียนถือศีล 8 เปนเวลา 1 วัน ในวันธรรมสวนะ
หามทาเครื่องหอม หามดูการละเลนตางๆ ทุกชนิดไมวาจะเปนการฟงเพลง การดู จากนัน้ ครูสมุ ใหนกั เรียนออกมาอธิบายการรักษาศีล 8 วามีความยากงาย
ละคร ภาพยนตร การแสดงตางๆ และหามนอนบนที่สูง ที่ฟูก อันประกอบดวยนุน และมีประโยชนอยางไร
หรือที่นอนอันสบาย บางครั้งการรักษาศีล 8 นั้นทําไดยาก เพราะตองหักหามกิเลส
จากความอยาก ความหิว ความสบาย ฯลฯ ดวยเหตุนี้การรักษาศีล 8 จึงเปน
เครื่องมือในการลด ละ เอาชนะกิเลสอยางหนึ่ง ซึ่งหากทําไดจะไดบุญบารมีสูงและ
สรางความเจริญใหกับชีวิต กิจกรรมทาทาย
ครูใหนักเรียนรวมกันสงประกวดเรียงความหรือบทรอยกรอง
เพื่อกระตุนและปลุกจิตสํานึกใหพุทธศาสนิกชนลด ละ เลิก อบายมุข
ในชวงเขาพรรษา จากนั้นครูคัดเลือกและนําผลงานที่ดีที่สุด 3 อันดับ
ไปติดบนกระดานความรูหนาชั้น
132 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูนําสนทนาเกี่ยวกับวันเขาพรรษา และตั้ง
นอกจากนี้ ยังมีวัตถุประสงค์อื่นๆ อีกในวันเข้าพรรษา คือ คําถามวา
๑. พระภิกษุสงฆ์จะได้มเี วลาปฏิบตั ศิ าสนกิจส่วนทีพ่ งึ กระท�า เช่น การศึกษา • วันเขาพรรษามีความสําคัญอยางไร
เล่าเรียนพระธรรมวินัย การบ�าเพ็ญภาวนา การสั่งสอนประชาชนในท้องถิ่นนั้นๆ ได้อย่างเต็มที่ และนักเรียนควรปฏิบัติตนอยางไรในวันนี้
๒. เป็ น การเปิ ด โอกาส ถึงจะไดชื่อวาเปนชาวพุทธที่ดี
ให้ทายก ทายิกา ได้มาบ�าเพ็ญกุศล อาทิ การ (แนวตอบ วันเขาพรรษา คือ วันที่พระสงฆ
ถวายทาน รักษาศีล ฟังเทศน์ สนทนาธรรม จําพรรษาอยูที่วัดใดวัดหนึ่งเปนเวลา 3 เดือน
โดยอาศัยพระสงฆ์ได้อย่างเต็มที่ ตลอดฤดูฝน พุทธศาสนิกชนควรรักษาศีล 5
๒.๒) การปฏิบัติตนในวันเข้า อยูเปนนิจศีลตลอด 3 เดือนที่พระสงฆ
พรรษา พิธกี รรมในวันเข้าพรรษา แบ่งแยกออก เขาพรรษา เพือ่ รักษากาย วาจา ใจใหบริสทุ ธิ)์
เป็น ๒ ส่วน ดังนี้ • เพราะเหตุใด พระสงฆจึงตองมีการประกาศ
(๑) พิธขี องพระภิกษุสงฆ์ เขตอาวาสวามีอาณาเขตจดที่ใดบาง
เดิมทีเดียวนั้นการเข้าพรรษากระท�ากันอย่าง (แนวตอบ เพราะอาณาเขตของวัดสมัยกอน
ง่ายๆ คือ เมื่อถึงวันเข้าพรรษา พระภิกษุเพียง หรือในปจจุบันบางแหง มักจะเปนเขตที่
แต่ตั้งจิตอธิษฐานว่า “ข้าพเจ้าจักอยู่จ�าพรรษา เชื่อมตอกับที่ดินของชาวบาน โดยมิไดมีรั้ว
ในอาวาสนี้เป็นเวลา ๓ เดือน” หรือแม้จะมิได้ พระภิกษุสงฆ์ทำาวัตรปฏิบัติร่วมกันก่อนเข้าพรรษา หรือกําแพงกั้นอยางชัดเจน จึงตองประกาศ
ตัง้ จิตอธิษฐาน ครัน้ ถึงวันเข้าพรรษาไม่จาริกไป ไวเพื่อจะไดปองกันมิใหพระภิกษุพลั้งเผลอ
แรมคืนที่อื่น ก็ย่อมได้ชื่อว่าเข้าพรรษา หรืออยู่จ�าพรรษาแล้ว แต่ในปัจจุบันนี้การเข้าพรรษา ออกไปจําพรรษานอกเขตวัดที่ตนอธิษฐาน
มีพิธีรีตองมากขึ้น กล่าวคือ เมื่อถึงวันแรม ๑ ค�่า เดือน ๘ อันเป็นวันเข้าพรรษา พระภิกษุสงฆ์ เขาพรรษา)
จะประชุมกันในโบสถ์เพือ่ ท�าวัตรค�า่ จากนัน้ เจ้าอาวาสหรือสมภาร ซึง่ เป็นหัวหน้าของพระภิกษุสงฆ์ 2. ครูใหนักเรียนศึกษาการทําวัตรของพระสงฆ
ในวัด ก็จะบอกกฎเกณฑ์ กติกา หรือวัตรปฏิบตั ติ า่ งๆ ทีพ่ ระภิกษุควรกระท�าในระหว่างอยูจ่ า� พรรษา เชน ทําวัตรเชา ทําวัตรเย็น เปนตน โดยให
รวมทั้งประกาศเขตอาวาสว่ามีอาณาเขตจดที่ใดบ้าง เพื่อป้องกันมิให้พระภิกษุพลั้งเผลอออกไป ระบุวาการทําวัตรของพระสงฆนั้น ทาน
จ�าพรรษานอกเขตวัดทีต่ นอธิษฐานเข้าพรรษา เสร็จแล้วพระผูน้ อ้ ยจะกล่าวค�าขอขมาต่อพระผูใ้ หญ่ สวดมนตบทใดบาง และบทสวดมนตนั้นมี
มีใจความว่า “ขอให้ท่านจงอดโทษทั้งปวงที่ท�าด้วยไตรทวาร (คือ กาย วาจา ใจ) เพราะความ ความมุงหมายอยางไร โดยใหนักเรียนบันทึก
ประมาทในท่านแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด” พระผู้ใหญ่กล่าวตอบมีใจความว่า “อดโทษให้” เสร็จแล้ว สาระสําคัญลงในสมุด
พระภิกษุทุกองค์กล่าวค�าอธิษฐานเข้าพรรษา ดังนี้ 3. ครูพานักเรียนไปทําวัตรเย็นหรือฟงพระธรรม-
เทศนาที่วัด จากนั้นใหบันทึกวานักเรียน
ค�าอ่าน อิมัสมิง อาวาเส อิมัง เตมาสัง วัสสัง อุเปมิ สวดมนตบทใดบาง ไดแงคิดอะไรจากการฟง
ค�าแปล ข้าพเจ้าขออยู่จ�าพรรษาในอาวาสนี้ตลอดเวลา ๓ เดือน พระธรรมเทศนา และสามารถนําไปประยุกตใช
กับชีวิตของตนเองไดอยางไร
133
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
กิจกรรมในขอใดไม เกี่ยวของกับวันเขาพรรษา
ครูแนะนํานักเรียนเกี่ยวกับการทําสามีจิกรรม ซึ่งเปนธรรมเนียมหนึ่งที่ให
1. การเวียนเทียน
พระสงฆและสามเณรทําความชอบกัน หรือการขอขมาลาโทษและใหอภัยกัน
2. การถวายผาอาบนํ้าฝน
เพื่อความสามัคคีและอยูรวมกันอยางสงบสุข โดยมีโอกาสในการทําสามีจิกรรม คือ
3. การถวายเทียนพรรษา
ในวันเขาพรรษา ระยะเขาพรรษา และในโอกาสที่จะจากกันไปอยูวัดอื่น การขอขมา
4. การงดเหลาและอบายมุขทั้งปวง
ลาโทษทําโดยการจัดเครือ่ งสักการะ ดอกไม ธูปเทียน ประคองไปหาทานทีจ่ ะขอขมา
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. การเวียนเทียน เพราะเปนศาสนพิธีที่ กราบเบญจางคประดิษฐ 3 ครั้ง แลวกลาวคําขอขมา ทานที่รับขอขมาพึงรับคํา
ปฏิบัติกันในวันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา และวันอัฏฐมีบูชา ตามนิยมและรับไหวหรือกราบเปนอันเสร็จพิธี
สวนขอ 2., 3. และ 4. เปนกิจกรรมที่เกี่ยวของกับวันเขาพรรษา
คูมือครู 133
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนกั เรียนหาภาพขาวประเพณีแหเทียนพรรษา
ของจังหวัดตางๆ ที่นักเรียนชื่นชอบ 2-3 รูป กล่าวค�าอธิษฐาน ๓ ครั้ง เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีสงฆ์ในวันเข้าพรรษา
และบันทึกวาประเพณีแหเทียนพรรษามีความ (๒) พิธขี องพุทธศาสนิกชน ในปัจจุบนั นีป้ ระเพณีเข้าพรรษาเป็นอีกประเพณี
สําคัญอยางไร มีจุดประสงคเพื่ออะไร โดยติด ทีส่ า� คัญยิง่ กล่าวคือ ก่อนถึงเทศกาลเข้าพรรษา
ภาพและบันทึกคําอธิบายลงในกระดาษ A4 (ก่อนวันแรม ๑ ค�่า เดือน ๘) บิดามารดาหรือ
นําสงครูผูสอน ผู้ปกครองก็จะประกอบพิธีอุปสมบทให้แก่บุตร
2. ครูนําสนทนาเกี่ยวกับวันออกพรรษา และให หลานของตนที่มีอายุครบบวช (๒๐ ปีบริบูรณ์)
นักเรียนรวมกันตอบคําถามวา ไปบรรพชาอุปสมบทโดยถือกันว่า ถ้าบุตรหลาน
• เพราะเหตุใด พระสงฆจึงมีการรวมสังฆกรรม ของตนได้เข้าบวชเรียนในพระพุทธศาสนาและ
หรือการทําปวารณาหลังจากวันออกพรรษา อยู่จ�าพรรษาจะได้รับอานิสงส์สูงสุด
(แนวตอบ เพราะในระหวางจําพรรษา พระสงฆ ครั้นถึงวันเข้าพรรษา บรรดา1
บางรูปอยูในความประมาท ประพฤติตนไม พุท ธศาสนิก ชนจะร่วมใจกันท� าบุญ ตักบาตร
เหมาะสม และไมมีผูใดกลาวากลาวตักเตือน แห่เทียนพรรษา ซึ่งได้รับการตกแต่งอย่า ง
เพราะตางคํานึงวามิใชหนาที่ของตน มีความ สวยงามไปยังวัดที่ตนนับถือ แล้วเชิญเทียน
เกรงใจและหวั่นเกรงวาจะเปนชนวนใหเกิด พรรษาเข้าไปตั้งไว้ในพระอุโบสถ2 จากนั้นก็มี
การแตกแยกในคณะสงฆได ครั้นออกพรรษา ในวันเข้าพรรษา พุทธศาสนิกชนจะร่วมใจกันทำาบุญตักบาตร การถวายผ้าอาบน�้าฝน จตุปัจจัยแก่พระภิกษุ
ทัง้ นีเ้ พือ่ ความเป็นสิรมิ งคลแก่ตนเองและครอบครัว
แลว พระภิกษุตางก็แยกยายกันไปเผยแผ
3 สามเณร และสดับ ตรับฟังพระธรรมเทศนา
พระพุทธศาสนา ความประพฤติอนั ไมเหมาะสม นอกจากนี้ พุทธศาสนิกชนบางท่านก็ปวารณาตัวต่อพระสงฆ์รับเป็นโยมอุปัฏฐากจัดหาสิ่งของ
ของพระภิกษุบางรูปก็ยังไมไดรับการแกไข ทีข่ าดเหลือถวายให้แก่ทา่ นเป็นการเฉพาะองค์ หรือรับเป็นโยมสงฆ์จดั หาสิง่ ของถวายแด่พระภิกษุ
ครั้นภิกษุบางรูปพบเห็นเขาก็คิดวาถูกตอง สามเณรทัว่ ทัง้ วัด หรือบางท่านก็อธิษฐานกระท�าความดีตา่ งๆ เช่น ท�าบุญตักบาตรทุกวัน งดเสพสุรา
จึงพากันประพฤติปฏิบัติตามอยาง นอกจากนี้ งดเล่นการพนัน หรือรับประทานแต่อาหารมังสวิรตั ิ ตลอดช่วง ๓ เดือน แห่งการเข้าพรรษา เป็นต้น
ความประพฤติอันไมเหมาะสมนั้นยังได ๓) วันออกพรรษา คือ วันที่สิ้นสุดระยะการจ�าพรรษา ถ้าเป็นพรรษาต้นจะตรงกับ
ปรากฏตอชุมชน ทําใหชาวบานพากันติเตียน วันขึ้น ๑๕ ค�่า เดือน ๑๑ และพรรษาหลังจะตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค�่า เดือน ๑๒ แต่เดิมนั้น
และคลายความศรัทธาที่มีตอพระพุทธศาสนา วันออกพรรษาไม่มพี ธิ รี ตี องแต่อย่างใด ต่อมาภายหลังพระพุทธเจ้าทรงเห็นว่าในระหว่างอยูจ่ �าพรรษา
ลง มูลเหตุนี้จึงมีการปวารณา เพื่อเปดโอกาส มีพระภิกษุบางรูปเกิดความประมาท ประพฤติตนไม่เหมาะสม แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าว่ากล่าวตักเตือน
ใหพระสงฆวากลาวตักเตือนกันเกี่ยวกับพระ เพราะต่างค�านึงว่ามิใช่หน้าที่ของตนเอง มีความเกรงใจและหวั่นเกรงว่าจะเป็นชนวนให้เกิดการ
วินัยที่ควรปฏิบัติ พระสงฆจะไดทราบวาสิ่งใด แตกแยกในคณะสงฆ์ได้ ครัน้ ออกพรรษาแล้ว พระภิกษุตา่ งก็แยกย้ายกันไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา
ควรทํา สิ่งใดไมควรทํา) ความประพฤติอนั ไม่เหมาะสมของพระภิกษุบางรูปก็ยงั ไม่ได้รบั การแก้ไข ครัน้ ภิกษุบางรูปพบเห็น
• เมื่อมีผูวากลาวตักเตือน นักเรียนควรจะ เข้าก็คดิ ว่าถูกต้อง จึงพากันประพฤติปฏิบตั ติ ามอย่าง นอกจากนี้ ความประพฤติอนั ไม่เหมาะสมนัน้
ปฏิบัติอยางไร จึงจะเรียกวาเปนชาวพุทธที่ดี ยังได้ปรากฏต่อชุมชน ท�าให้ชาวบ้านพากันติเตียนและคลายความศรัทธาทีม่ ตี อ่ พระพุทธศาสนาลง
(แนวตอบ ควรนําสิ่งที่วากลาวตักเตือนมาคิด พระพุทธองค์จึงทรงมีพระบััญญัติว่า พระภิกษุทุกรูปต้องท�าการปวารณาหลังจากออกพรรษาแล้ว
พิจารณาวาเปนจริงอยางที่ถูกวากลาวหรือไม
เพื่อจะไดรูวาสิ่งใดควรทํา สิ่งใดไมควรทํา 134
และจะไดปรับปรุงพัฒนาตนเองใหดีขึ้น)
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
ขอใดตอไปนี้ ไม สัมพันธกับวันออกพรรษา
1 ตักบาตร มีการตักบาตรในหลายรูปแบบ เชน งานตักบาตรดอกไมในชวง
1. การปวารณา
เขาพรรษาที่วัดพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ตักบาตรพระขี่มาที่จังหวัดเชียงราย
2. การตักบาตรเทโว
ตักบาตรขาวเหนียวที่เมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว
3. การฟงเทศนฟงธรรม
2 จตุปจจัย จตุ แปลวา สี่ หมายถึง ปจจัย 4 ของพระสงฆที่เปนเครื่องอาศัย 4. การถวายผาอาบนํ้าฝน
เลีย้ งชีวติ คลายคลึงกับปจจัย 4 ของคฤหัสถทวั่ ไป มี 4 อยาง ไดแก จีวร (เครือ่ งนุง หม)
บิณฑบาต (อาหาร) เสนาสนะ (ที่อยูอาศัย) และ คิลานเภสัช (ยารักษาโรค) วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะการถวายผาอาบนํ้าฝน
จะกระทําในวันแรม 1 คํ่า เดือน 8 คือ วันเขาพรรษา สวนตัวเลือกขออื่นๆ
3 ปวารณา คือ การยอมใหวากลาวตักเตือนซึ่งกันและกัน หรือยอมมอบตน เกี่ยวของกับวันออกพรรษาทั้งหมด สําหรับการตักบาตรเทโว จะทําใน
ใหสงฆกลาวตักเตือนในขอบกพรองที่ภิกษุทั้งหลายไดเห็นไดยินหรือมีขอสงสัย วันขึ้น 15 คํ่า เดือน 11 หรือวันแรม 1 คํ่า เดือน 11 ก็ได
ดวยจิตเมตตา เพื่อจะไดสํารวม ระวัง ปรับปรุง แกไขตนเอง เพื่อความเจริญของ
พระธรรมวินัยและความผาสุกในการอยูรวมกัน
134 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูตั้งคําถามใหนักเรียนวิเคราะหวา
การปวารณา หมายถึง การที่พระภิกษุสงฆ์เปิดโอกาสให้ผู้ประพฤติพรหมจรรย์ • พระภิกษุสงฆมีการเรียงตามลําดับอาวุโส
ในธรรมวินัยเดียวกันว่ากล่าวตักเตือนกันได้โดยไม่ต้องเกรงใจกัน เมื่อผู้ใหญ่เห็นผู้น้อยประพฤติ อยางไร และพระสงฆที่อาวุโสตางกันจะใช
บกพร่อง หรือเพียงแต่สงสัยว่าน่าจะมีความ คําเรียกแทนพระสงฆอีกรูปวาอยางไร
ประพฤติบกพร่อง ผู้ใหญ่ก็ว่ากล่าวตักเตือน (แนวตอบ เรียงลําดับอาวุโสตามพรรษาที่บวช
ผู้น้อยได้ ในท�านองเดียวกัน ผู้น้อยก็สามารถ หรือระยะเวลาทีบ่ วชมากอน หากพรรษามาก
ตักเตือนผู้ใหญ่ได้เช่นกัน ถ้าหากเห็นผู้ใหญ่ ก็เปนผูอาวุโส โดยไมไดเรียงตามวัยวุฒิของ
ประพฤติบกพร่องหรือสงสัยว่าน่าจะประพฤติ พระสงฆนนั้ พระสงฆทมี่ พี รรษานอยจะเรียก
บกพร่อง ทั้งนี้การตักเตือนของหมู่สงฆ์นั้น พระสงฆที่มีพรรษามากกวาวา “ภันเต”
มีเจตนาบริสุทธิ์เป็นที่ตั้ง คือ มุ่งหมายให้เพื่อน สวนพระสงฆพรรษาเทากันหรือนอยกวาจะ
สหธรรมิกปราศจากมลทิน เพื่อจะได้รู้ว่าสิ่งใด เรียกวา “อาวุโส”)
ควรท�า สิ่งใดไม่ควรท�า ฉะนั้นการปวารณาจึง 2. ครูใหนักเรียนศึกษาการเรียกจํานวนหรือ
เป็นการร่วมสังฆกรรม และการปฏิบตั ดิ ว้ ยความ ตัวเลขในภาษาบาลี เชน จตุ คือ สี่ ปญจ
เอื้ออาทรต่อกันของพระภิกษุสงฆ์ที่จ�าพรรษา เบญจ คือ หา เปนตน โดยใหนักเรียนคนหา
อยู่ในอาวาสเดียวกัน การปวารณาเป็นการเปิดโอกาสให้พระภิกษุสงฆ์ว่ากล่าว จํานวนที่หนึ่งถึงยี่สิบวามีคําเรียกในภาษาบาลี
โดยปกติภกิ ษุสงฆ์จะท�าการปวารณา1 ตัออกพรรษาแล้
กเตือนกันเกี่ยวกับวินัยที่ควรปฏิบัติ ซึ่งกระทำาหลังจาก วาอะไร แลวบันทึกลงในสมุด
ว
ในวันขึ้น ๑๕ ค�่า เดือน ๑๑ เรียกว่า “วันปัณรสี” 3. ครูใหนักเรียนทดลองใชวิธีปวารณาของ
แต่ถ้าภิกษุสงฆ์ยังไม่พร้อมก็จ2ะเลื่อนวันปวารณาออกไปอีก ๑ ปักษ์ ซึ่งตรงกับวันแรม ๑๔ ค�่า พระสงฆ โดยการเปดโอกาสใหเพื่อนนักเรียน
เดือน ๑๑ เรียกว่า “วันจาตุทสี” ก็ได้ วากลาวตักเตือนกันถึงขอบกพรองหรือขอควร
เมื่อถึงวันปวารณา ภิกษุสงฆ์จะประชุมกันในโบสถ์รับไทยธรรมจากอุบาสก อุบาสิกา ปรับปรุงของอีกฝาย โดยไมตองเกรงใจกัน
พระเถระชัน้ ผูใ้ หญ่แสดงพระธรรมเทศนา เสร็จแล้วภิกษุสงฆ์จะเริม่ ท�าการปวารณา โดยเรียงกันไป และควรบอกวิธีแกไขใหเพื่อนนักเรียนดวย
ตามล�าดับอาวุโส ค�าปวารณามีใจความว่า
“สงฺฆมฺภนฺเต ปวาเรมิ, ทิฏเฺ ฐฺน วา สุเตน วา ปริสงฺกาย วา; วทนฺตุ ม� อายสฺมนฺโต อนุกมฺปํ
อุปาทาย; ปสฺสนฺโต ปฏิกฺกริสฺสามิ. ทุติยมฺปิ ภนฺเต สงฺฆ� ปวาเรมิ,... ตติยมฺปิ ภนฺเต สงฺฆ�
ปวาเรมิ,...”
“ท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอปวารณาต่อสงฆ์ ด้วยได้เห็นก็ดี ด้วยได้ฟังก็ดี ด้วยสงสัยก็ดี
ขอท่านทัง้ หลายจงอาศัยความกรุณาว่ากล่าวต่อข้าพเจ้า เมือ่ ข้าพเจ้าส�านึกได้จกั กระท�าคืนเสีย ”
“ท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอปวารณาต่อสงฆ์ เป็นครั้งที่ ๒.....................”
“ท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอปวารณาต่อสงฆ์ เป็นครั้งที่ ๓.....................”
135
ขอสอบ O-NET
ขอสอบป ’ 52 ออกเกี่ยวกับวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา นักเรียนควรรู
เมื่อถึงวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา ชาวพุทธควรจะระลึกถึงสิ่งใด
1 วันปณรสี แปลวา การเกิดขางขึ้นและขางแรม (ดิถี) เต็ม 15 วัน คือ
มากที่สุด
วัน 15 คํ่า เรียกเต็มๆ วา “วันปณรสีดิถี”
1. พระรัตนตรัย
2. พระไตรปฎก 2 วันจาตุทสี แปลวา การเกิดขางขึ้นและขางแรม (ดิถี) เต็ม 14 วัน คือ
3. พระพุทธคุณ 3 วัน 14 คํ่า เรียกเต็มๆ วา “วันจาตุทสีดิถี”
4. การทํานุบํารุงพระพุทธศาสนา
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เพราะวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา ชาวพุทธ
ควรระลึกถึงพระรัตนตรัย คือ พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ มุม IT
ดังที่ปรากฏในการเวียนเทียนรอบพระอุโบสถ 3 รอบ
ขอ 2. พระไตรปฎก คือ พระธรรมวินัยของพระสงฆ ศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปวารณาในเทศกาลออกพรรษา ไดที่
ขอ 3. พระพุทธคุณ 3 คือ การระลึกถึงพระพุทธคุณอยางเดียว http://www.dhammathai.org เว็บไซตธรรมะไทย
ขอ 4. การทํานุบํารุงพระพุทธศาสนาสามารถทําไดทุกวัน
คูมือครู 135
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับ
วัดสังกัสรัตนคีรี จังหวัดอุทัยธานี วามีศาสนพิธี ๔) วันเทโวโรหณะ โดยปกติในวันออกพรรษานี้ พุทธศาสนิกชนจะไปร่วมท�าบุญ
อะไรบางในวันออกพรรษาและมีการจัดงาน ตักบาตรกันที่วัด ซึ่งบางวัดก็จัดท�าพิธีอย่าง
อยางไร แลวบันทึกลงในสมุด ใหญ่โตมาก เรียกว่า “ตักบาตรเทโว” ค�าว่า
2. ครูตั้งคําถามเกี่ยวกับวันเทโวโรหณะ ใหนักเรียน “เทโว” ย่อมาจาก “เทโวโรหณ” แปลว่า การ
ชวยกันตอบคําถาม เสด็จลงมาจากเทวโลก ตามต�านานกล่าวว่า
• เมื่อพระพุทธเจาเสด็จโปรดพุทธมารดาและ หลังจากทีพ่ ระพุทธองค์เสด็จไปจ�าพรรษา
1 โปรด
ไดตรัสสอนอภิธรรมพุทธมารดาอยางไร พระพุทธมารดาในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เมื่อออก
และพุทธมารดาไดบรรลุอริยบุคคลระดับใด พรรษาแล้ ว พระพุ ท ธองค์ ก็ เ สด็ จ กลั บ มาสู ่
(แนวตอบ พระพุทธเจาทรงแสดงอภิธรรม 7 มนุษยโลกในวันนี้ คือ วันขึน้ ๑๕ ค�า่ เดือน ๑๑
คัมภีร โปรดพระพุทธมารดาตลอด 3 เดือน ได้เสด็จลงมาจากสวรรค์ชนั้ ดาวดึงส์กลับคืนมาสู่
ทําใหพระพุทธมารดาไดบรรลุโสดาปตติผล โลกมนุษย์ ณ ประตูเมืองสังกัสสะ โดยมีเทวดา
สมพระประสงคของพระพุทธเจาที่ทรงตั้ง และมหาพรหมทั้งหลายแวดล้อมลงมาส่งเสด็จ
พระทัยเสด็จขึ้นมาสนองคุณพระพุทธมารดา) ฝูงชนเป็นจ�านวนมากมายก็ได้ไปคอยรับเสด็จ
• พิธีตักบาตรเทโวมีความหมายและความ กระท�ามหาบูชาเป็นการเอิกเกริกมโหฬาร และ
มุงหมายอยางไร พิธีตักบาตรเทโว ณ วัดสังกัสรัตนคีรี บริเวณเขาสะแกกรัง พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงธรรม ท�าให้มีผู้บรรลุ
จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เป็นประจำาทุกปี
(แนวตอบ เปนพิธีตักบาตรเพื่อรับเสด็จ คุณวิเศษจ� านวนมาก พุทธศาสนิกชนจึงถือ
พระพุทธเจา โดยไดปฏิบัติสืบเนื่องตอกันมา เป็นโอกาสพิเศษ พร้อมใจกันตักบาตรเฉลิมฉลอง โดยจัดท�าขึ้นเพียงปีละ ๑ ครั้ง เท่านั้น
เปนประเพณี จนถึงประเทศไทยไดเรียก การตักบาตรเทโวนี้อาจจะจัดให้มีในวันขึ้น ๑๕ ค�่า เดือน ๑๑ หรือแรม ๑ ค�่า เดือน
ประเพณีนี้วา การตักบาตรเทโวโรหณะ โดย ๑๑ ก็ได้ และบางวัดก็จัดท�าพิธีตักบาตรเทโวอย่างมโหฬาร กล่าวคือ บรรดาฆราวาสจะชะลอ
นิยมเรียกสั้นๆ วา การตักบาตรเทโว ซึ่งคําวา พระพุทธรูป ซึ่งประดิษฐานอยู่ในบุษบกมีล้อเลื่อน และมีบาตรตั้งอยู่หน้าพระพุทธรูปน�าหน้า
“เทโว” ยอมาจาก “เทโวโรหณะ” แปลวา พระสงฆ์ผ่านไปรอบๆ บริเวณโบสถ์ หรือบริเวณที่ก�าหนดไว้ เพื่อให้ทายก ทายิกา ซึ่งยืน
การเสด็จจากเทวโลก) นัง่ เรียงรายกันอยูเ่ ป็นทิวแถวได้ตกั บาตรอาหารทีพ่ ทุ ธศาสนิ2 กชนจัดท�ามาเป็น3พิเศษ นอกเหนือจาก
ข้าว กับข้าว ของหวาน และผลไม้แล้ว ก็มีข้าวต้มลูกโยน และข้าวต้มมัดไต้
ขยายความเขาใจ Expand หลังจากท�าบุญตักบาตรเสร็จแล้ว พุทธศาสนิกชนก็จะเข้าไปในโบสถ์ ฟังพระธรรม
เทศนา รักษาศีล ๕ ศีล ๘ หรือบ�าเพ็ญสาธารณประโยชน์ ตามแต่อัธยาศัย
ครูใหนักเรียนเขารวมประกอบพิธีกรรมทาง
พระพุทธศาสนาในวันธรรมสวนะที่วัดที่นักเรียน ๒. ศาสนพิธี
สะดวก จากนั้นบันทึกวานักเรียนเขารวมศาสนพิธี ศาสนพิธี คือ พิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาที่เป็นระเบียบแบบแผนทางศาสนาที่ก�าหนด
หรือทําบุญอะไรบาง และสิ่งที่นักเรียนพึงปฏิบัติใน ขึน้ ไว้เพือ่ ให้พทุ ธศาสนิกชนได้ยดึ ถือปฏิบตั เิ ป็นแบบอย่างเดียวกัน และถือเป็นส่วนประกอบทีส่ า� คัญ
วันธรรมสวนะมีอะไรบาง ลงในสมุด นําสงครูผูสอน ประการหนึ่งของพระพุทธศาสนา
ในระดับชั้นนี้จะกล่าวถึง พิธีที่ส�าคัญทางพระพุทธศาสนาบางพิธี ดังต่อไปนี้
ตรวจสอบผล Evaluate 136
ตรวจสอบจากบันทึกการเขารวมศาสนพิธีและ
สิ่งที่นักเรียนพึงปฏิบัติในวันธรรมสวนะ
บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู ครูสามารถนําเรื่องขาวตมลูกโยนและขาวตมมัดไต ไปบูรณาการเชื่อมโยง
กับกลุมสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยี วิชาการงานอาชีพ
1 ชั้นดาวดึงส เปนชื่อสวรรคชั้นที่ 2 ซึ่งเปน 1 ใน 6 ชั้นของสวรรคชั้นกามาพจร
และเทคโนโลยี เรื่องการเตรียมและการประกอบอาหารประเภทสํารับ
หรือสวรรคชนั้ กามภูมิ สวรรคทงั้ 6 ชัน้ ไดแก จาตุมหาราชิกา ดาวดึงส ยามา ดุสิต
โดยใหนักเรียนศึกษาวาหลักเกณฑในการกําหนดรายการอาหารมีอะไรบาง
นิมมานรดี และปรนิมมิตวสวัตดี
ขาวตมลูกโยนและขาวตมมัดที่พุทธศาสนิกชนจัดทํามาตักบาตรเปนพิเศษ
2 ขาวตมลูกโยน คือ ขาวตมมัดชนิดหนึง่ เปนขนมไทยทีใ่ ชในพิธตี กั บาตรเทโว เขากับหลักเกณฑในกําหนดรายการอาหารอยางไร เพราะเหตุใด โดยบันทึก
ทําจากขาวเหนียวผสมถั่วผัดกับกะทิ นิยมหอดวยใบพง (มีลักษณะคลายใบออย ลงในสมุดและสงครูผูสอน
แตมีกลิ่นหอม) แลวนําไปนึ่งจนสุก
3 ขาวตมมัดไต คําวา ไต เปนชื่อขนมอยางหนึ่ง ทําดวยขาวเหนียวผัดกับกะทิ
และถั่วทอง ปรุงรสดวยนํ้าตาลทราย เกลือ หอไสที่ทําดวยถั่วทองตมสุกแลวผัดกับ
เครือ่ งปรุง มีพริกไทย เกลือ เปนตน ขาวตมมัดไตมกั หอยาวๆ ดวยใบมะพราวออน
ใชตอกมัดหลายเปลาะ เหมือนไตที่ใชจุดไฟ
136 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูถามนักเรียนวาการทําบุญตักบาตรกับการ
2.1 การทำาบุญตักบาตร ถวายสังฆทานเหมือนหรือตางกันอยางไร
(แนวตอบ เหมือนกัน เพราะการทําบุญตักบาตร
“ตักบาตร” หมายถึง การถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ด้วยการใส่ภัตตาหารลงไปในบาตร
ของท่าน ซึ่งมีวัตถุประสงค์ ดังนี้ และการถวายสังฆทาน สามารถถวายภัตตาหาร
๑. ถือเป็นการท�าบุญอย่างหนึ่งซึ่ง และนํ้าแดพระสงฆไดเหมือนกัน แตตางกัน
การท�าบุญนั้นย่อมมีผลดีต่อจิตใจของผู้กระท�า ตรงที่การถวายสังฆทานจะถวายเครื่องไทยธรรม
หลายประการ เช่น ขจัดความตระหนี่ มีเมตตา หรือสิ่งของเครื่องใชของพระสงฆดวย)
กรุณา ช่วยช�าระจิตใจให้สะอาด เบิกบานและสงบ
๒. เป็นการถวายความอุปถัมภ์แด่ สํารวจคนหา Explore
พระสงฆ์ ซึ่งท่านเป็นผู้สืบทอดต่อและเผยแผ่ ครูใหนักเรียนศึกษาเกี่ยวกับความเปนมาและ
พระพุทธศาสนาแก่เรา ได้ชว่ ยท�านุบา� รุงพระพุทธ วิธีปฏิบัติของศาสนพิธีตางๆ ไดแก การทําบุญ
ศาสนาโดยทางอ้อม ถือได้ว่าเป็นประเพณีนิยม ตักบาตร การถวายภัตตาหาร การถวายสังฆทาน
อันดีงามของพุทธศาสนิกชน การถวายผาอาบนํ้าฝน การจัดและถวาย
๓. สร้างความดีให้แก่ตนเอง เพราะ เครื่องไทยธรรม เครื่องไทยทาน การกรวดนํ้า
การท�าบุญนั้นถือเป็นการให้ทาน ซึ่งเป็นการ
การทอดกฐิน และการทอดผาปา จากหนังสือเรียน
กระท�าที่เกื้อกูลกัน ตรงกันข้ามกับความโลภ การทำาบุญตักบาตรถือเป็นการให้ทานที่สามารถกระทำาได้
หลายโอกาสทั้งในงานบุญและงานพิธีต่างๆ หนา 137-149 และแหลงการเรียนรูตางๆ เชน
ความตระหนีอ่ นั เป็นลักษณะของความเห็นแก่ตวั
หองสมุด อินเทอรเน็ต ผูรูดานธรรมะ เปนตน
รวมทั้งสนับสนุนความเป็นมิตรและความมีไมตรีต่อกันของบุคคลในสังคม
เพื่อนําความรูมาอภิปรายและบันทึกลงในสมุด
๔. เป็นส่วนประกอบส�าคัญของการท�าบุญ การท�าบุญตักบาตรสามารถกระท�าได้1
ในหลายโอกาส เช่น การตักบาตรแด่พระสงฆ์ที่ออกบิณฑบาตในตอนเช้า ซึ่งการออกบิณฑบาต
ของพระสงฆ์ในตอนเช้านั้นถือว่าเป็นการโปรดสัตว์ กล่าวคือ เปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนที่ไม่มี
อธิบายความรู Explain
เวลาไปวัด ได้มีโอกาสท�าบุญสร้างกุศล นอกจากนี้ การท�าบุญตักบาตรยังสามารถกระท�าได้ใน 1. ครูใหนกั เรียนชวยกันยกตัวอยางวาขอควรระวัง
งานบุญและงานพิธีต่างๆ ขณะใสบาตรมีอะไรบาง โดยชวยกันตอบ
2.2 การถวายภัตตาหาร ในชั้นเรียน และครูซักถามวาเพราะเหตุใด
“ภัตตาหาร” หมายถึง อาหารต่างๆ ที่เราประกอบขึ้น แล้วน�าไปถวายแด่พระสงฆ์เพื่อให้ท่าน เราจึงควรระวังสิ่งนั้นขณะใสบาตร
ได้ฉัน การถวายภัตตาหารเป็นประเพณีที่ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล โดยมี 2. ครูกลาวถึงการทําบุญตักบาตรและตัง้ คําถามวา
วัตถุประสงค์ ดังนี้ • นักเรียนคิดวา การทําบุญตักบาตร
๑. เพื่อสืบทอดประเพณี มีประโยชนอยางไร
๒. เพื่อสร้างความเป็นสิริมงคลให้เกิดขึ้นแก่ตนเอง (แนวตอบ การทําบุญตักบาตรสงผลดีตอ จิตใจ
๓. เพื่อจะได้มีโอกาสสดับตรับฟังพระธรรมเทศนาจากพระสงฆ์อย่างใกล้ชิด ของผูทํา คือ ลดความตระหนี่และความเห็น
๔. เพื่อเป็นการช่วยท�านุบ�ารุงพระพุทธศาสนา แกตัว มีเมตตากรุณาและรูจักแบงปน
ชวยทํานุบํารุงพระพุทธศาสนา และเปนการ
137 ทําบุญใหกับตนเอง)
ขอสอบ O-NET
ขอสอบป ’ 51 ออกเกี่ยวกับการทําบุญตักบาตร เกร็ดแนะครู
คุณยายพาหลานสาวไปตักบาตรบริเวณหนาบาน พระสงฆรูปหนึ่งเดินมา
ครูแนะนําขอควรระวังขณะใสบาตรวา ไมควรสวมรองเทาหรือยืนสูงกวาพระสงฆ
รับบาตร คุณยายจึงนิมนตใหมารับบาตรในวันพรุงนี้ดวย พระสงฆจะกลาว
ไมโยนสิ่งของลงในบาตร ซึ่งถือวาไมมีความเคารพ และสิ่งของที่จะใสในบาตรตอง
ตอบอยางไร
ไมรอนหรือหนักจนเกินไป ในกรณีที่เปนของหนักควรนําไปถวายพระสงฆที่วัดจะ
1. ครับผม 2. ขอบคุณโยม
เหมาะสมกวา
3. เจริญพร 4. อนุโมทนา
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เจริญพร แปลวา ขอใหมีความเจริญในพร
มาจากพร 4 อยางหรือจตุรพิธพร ไดแก อายุ (อายุยนื ) วรรณะ (ผิวพรรณผองใส)
สุขะ (สุขกายสุขใจ) พละ (สุขภาพดีแข็งแรง) กลาวคือ พระสงฆใหพรผูม าทําบุญ
นักเรียนควรรู
ขอ 1. เปนคํากลาวของบุคคลทั่วไปที่มิใชพระสงฆ 1 บิณฑบาต คือ กิจวัตรของพระสงฆและสามเณรในพระพุทธศาสนา ในการ
ขอ 2. ขอบคุณใชกับบุคคลทั่วไป โยม คือ คําที่พระสงฆใชเรียกคฤหัสถ ออกเดินถือ “บาตร” รับการถวายภัตตาหารหรือสิ่งของจากชาวบานในเวลาเชา
ที่เปนบิดามารดาของตน หรือผูที่เปนผูใหญคราวบิดามารดา การออกบิณฑบาตถือเปนกิจวัตรที่พระพุทธเจาทรงกําหนดไวใหเปนหนาที่ของ
หรือใชขยายออกไปโดยเรียกผูมีจิตศรัทธาในการอุปถัมภบํารุง พระสงฆและสามเณรมาตั้งแตสมัยพุทธกาล
พระพุทธศาสนา
ขอ 4. อนุโมทนา คือ ความยินดีที่ผูอื่นทํากุศล ใชพูดเมื่อไดยินหรือ
รับรูวาใครทําบุญอะไรมา ก็บอกอนุโมทนายินดีในกุศลนั้น
คูมือครู 137
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนยกตัวอยางวาการถวายภัตตาหาร
นิยมทําในโอกาสใดบาง นอกจากนี้ ยังมีจุดมุ่งหมายที่ส�าคัญอีกประการหนึ่ง คือ ท�าให้เรามีความใกล้ชิดและผูกพัน
(แนวตอบ ทําบุญงานมงคลตางๆ เชน งานทําบุญ กับพระพุทธศาสนามากขึ้น จะได้มีความรู้สึกมั่นคงทางจิตใจ เพราะมีศาสนาเป็นที่ยึดเหนี่ยว
วันเกิด งานอุปสมบท งานมงคลสมรส งานขึ้น การถวายภัตตาหาร เป็1นกิจกรรมหนึ่งของการท�าบุญในทางพระพุทธศาสนา ชาวพุทธนิยม
บานใหม เปนตน ทําบุญงานอวมงคลตางๆ เชน เรียกว่า การท�าบุญเลี้ยงพระ
งพระ คือ การถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ ซึ่งอาจกระท�าได้ ๒ วิธี คือ
งานทําบุญหนาศพ งานทําบุญอัฐิ เปนตน) กระท�าที่บ้านของเจ้าภาพ หรือกระท�าที่วัด
2. ครูเกริ่นนําถึงการถวายภัตตาหาร และตั้ง ในการประกอบพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาจะจัดภัตตาหารออกเป็น ๒ ที่ คือ ถวาย
คําถามวา พระพุทธรูป ๑ ที่ และถวายพระสงฆ์อีก ๑ ที่ ดังนี้
• การถวายภัตตาหารแดพระพุทธรูป มีความ ๑) การถวายภัตตาหารแด่พระพุทธรูป การจัดภัตตาหารถวายแด่พระพุทธรูปนั้น
แตกตางจากการถวายพระสงฆอยางไร เป็นการกระท�าทีเ่ ป็นสัญลักษณ์เพือ่ แสดงความระลึกถึง และเคารพสักการะพระพุทธองค์ผทู้ รงเป็น
เพราะเหตุใด พระบรมศาสดาของพระพุทธศาสนาและเพื่อบูชาคุณพระรัตนตรัย
(แนวตอบ การถวายภัตตาหารแดพระพุทธรูป พระพุทธรูปที่อัญเชิญมาไว้ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนานั้นเป็นสิ่งสมมติแทน
ควรจัดถวายภัตตาหารใหประณีตและดีกวา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และถือเป็นประธานสงฆ์ ณ ที่นั้น การจัดภัตตาหารถวายจึงควร
ถวายพระสงฆ เพราะพระพุทธรูปเปนสิง่ สมมติ จัดท�าอย่างประณีตให้ดีกว่าถวายพระสงฆ์ หรืออย่างน้อยก็จัดแบบเดียวกับพระสงฆ์ ไม่ควรจัด
แทนองคสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจา) อย่างลวกๆ โดยใส่ในถ้วยหรือกระทงเล็กๆ แบบไปเซ่นไหว้ศาลพระภูมิหรือภูตผี
• การถวายภัตตาหารแดพระพุทธรูปและ ภัตตาหารที่น�ามาถวายพระพุทธรูป บางครั้งเรียกกันง่ายๆ ว่า “ข้าวพระพุทธ” เมื่อ2
พระสงฆ มีจุดมุงหมายอยางไร พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ใกล้จบหรือจบแล้ว พิธกี รก็ยกส�ารับภัตตาหารไปตัง้ ทีห่ น้าพระพุทธรูป
(แนวตอบ เชน จุดมุงหมายเพื่อใกลชิดและ โดยใช้ผ้าขาวปูรองพื้นเสียก่อน แล้วเชิญเจ้าภาพหรือประธานในพิธีจุดธูป ๓ ดอก และน�าไปปัก
ผูกพันกับพระพุทธศาสนามากขึ้น สรางเสริม ที่กระถางธูป นั่งประนมมือ กล่าวค�าบูชา ดังนี้
สิริมงคล ชวยทํานุบํารุงพระพุทธศาสนา
มีความรูสึกมั่นคงทางจิตใจ เปนตน) ค�าอ่าน อิมงั สูปะพะยัญชะนะสัมปันนัง สาลีนงั โภชะนัง อุทะกัง วะรัง พุทธัสสะ ปูเชมิ
ค�าแปล ข้าพเจ้าขอบูชาเครื่องบริโภคแห่งข้าวสาลี อันถึงพร้อมด้วยแกง กับข้าวและน�้า
อันประเสริฐนี้ แด่พระผู้มีพระภาคเจ้า
3
เมื่อกล่าวค�าบูชาเสร็จแล้ว กราบเบญจางคประดิ
กราบเบญจางคประดิษฐ์ ๓ ครั้ง
ส�าหรับข้าวพระพุทธจะลาออกมาหลังจากที่พระสงฆ์ได้ฉันภัตตาหารเสร็จแล้ว โดย
เจ้าภาพหรือพิธีกรกล่าวค�าลา ดังนี้
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
“อิมัง สูปะพะยัญชะนะสัมปนนัง สาลีนัง โภชะนัง อุทะกัง วะรัง
1 การทําบุญเลี้ยงพระ มีขอหามที่สําคัญ คือ หามบอกชื่ออาหาร โดยสิ่งของ
พุทธัสสะ ปูเชมิ” เปนคํากลาวบูชาสิ่งใด
ทีค่ วรถวาย ไดแก 1. เปนของสะอาด หามาไดดว ยความซือ่ สัตยสจุ ริตและชอบธรรม
1. ถวายขาวเจาที่
2. เปนของประณีต เปนของดี ปรุงมาอยางดี เปนของใหม 3. เปนของสมควร
2. ถวายขาวเทวดา
ที่พระสงฆฉันได 4. เหมาะแกกาล (พระสงฆไมฉันหลังเที่ยง)
3. ถวายขาวพระพุทธ
2 ตั้งที่หนาพระพุทธรูป พิธีถวายภัตตาหารหนาพระพุทธรูป ควรจัดเวนพื้นที่ 4. ถวายขาวพระรัตนตรัย
หรือจัดหาพื้นที่สําหรับวางภัตตาหารถวายพระพุทธรูปไวลวงหนา เพราะหาก
ไมเตรียมไว จะตองเลื่อนโตะปรับสถานที่ในระหวางงาน ซึ่งจะทําใหดูไมงาม วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะ “อิมัง สูปะพะยัญชะนะสัมปนนัง
สาลีนัง โภชะนัง อุทะกัง วะรัง พุทธัสสะ ปูเชมิ” แปลวา ขาพเจาขอ
3 เบญจางคประดิษฐ แปลวา ตั้งไวเฉพาะซึ่งองคหา คือ การกราบโดยให บูชาเครื่องบริโภคแหงขาวสาลี อันถึงพรอมดวยแกง กับขาวและนํ้าอัน
อวัยวะ 5 สวนจดลงใหติดกับพื้น ไดแก เขาทั้งสอง ฝามือทั้งสอง และหนาผาก ประเสริฐนี้แดพระผูมีพระภาคเจา คําวา สาลีนัง คือ ขาวสาลี และคําวา
ซึ่งเปนการกราบที่ใชแสดงความเคารพตอบุคคลที่ควรเคารพนับถือสูงสุด หรือ พุทธัสสะ คือ พระพุทธเจา
การกราบที่ใชสําหรับกราบพระ
138 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูนําสนทนาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการถวาย
๒) การถวายภัตตาหารแดพระสงฆ การถวายภัตตาหารแดพระสงฆก็คือ การจัด ภัตตาหารแดพระสงฆ และตั้งคําถามวา
อาหารเลี้ยงพระสงฆ โดยมีจุดมุงหมายเพื่อเปนการทําบุญถวายความอุปถัมภแดพระสงฆ และ • เพราะเหตุใด พระพุทธเจาจึงทรงบัญญัติ
เพื่อจะไดฟงธรรมจากพระสงฆอยางใกลชิด ไมใหพระสงฆบริโภคอาหารตองหาม 10
อาหารที่นํามาถวายพระสงฆนั้น ประการ
จะตองไมเปนอาหารตองหาม ๑๐ ชนิด ตามที่ (แนวตอบ เนื่องจากในสมัยพุทธกาล อาจมี
พระพุทธเจาทรงบััญญัติไวมิใหพระภิกษุสงฆ คนศรัทธาแรงกลา ยอมอุทิศตนถวายเปน
บริโภค ไดแก เนื้อมนุษย เนื้อชาง เนื้อมา เนื้อ อาหารแดพระสงฆได การฉันเนื้อและเลือด
สุนัข เนื้องู เนื้อราชสีห (สิงโต) เนื้อเสือโครง มนุษยถอื เปนความผิดรายแรงทีส่ ดุ ในเนือ้
เนื้อเสือเหลือง เนื้อหมี และเนื้อเสือดาว 10 ประการ ไดแก เนื้อชาง เพราะชางเปน
พาหนะของพระมหากษัตริย จึงมีประชาชน
๒.๓ การถวายสังฆทาน ตําหนิพระสงฆที่ฉันเนื้อชาง เนื้อมามีเหตุผล
๑) ความหมาย “สังฆทาน” คือ เชนเดียวกับชาง เนื้อสุนัขเพราะเปนสัตวที่
ทานที่ถวายแดพระสงฆทั�วไป มิไดเจาะจงวา นารังเกียจ ไมสมควรที่สมณะจะบริโภค
จะเปนพระภิกษุรูปใดรูปหนึ�ง การทําบุญแบบ การถวายภัตตาหารแดพระภิกษุสงฆ นอกจากจะเปนการ เนื้องูเพราะมีพญานาคชื่อ สุปสสะ
สังฆทานน�้ ถือวาจะไดรับผลบุญมากกวาการ ชวยทํานุบาํ รุงพระพุทธศาสนาแลว ยังชวยใหพทุ ธศาสนิกชน ไปกราบทูลพระพุทธเจาวา โปรดอยาฉัน
มีความใกลชิดและผูกพันกับพระพุทธศาสนามากขึ้น
ถวายทานโดยเฉพาะเจาะจง เนือ้ งู เนือ้ ราชสีห เพราะภิกษุที่ฉันเนื้อราชสีห
สิ่งของที่จะถวายเปนทานแดพระสงฆนั้น เรียกวา “เครื่องไทยธรรม” เจาภาพจะถวาย แลวอยูในปาตางก็ถูกฝูงราชสีหฆา เนื่องจาก
กี่อยางก็ได ไมจําเปนตองถวายพรอมกันทุกอยาง มีกลิ่นราชสีหติดตัว เนื้อเสือโครง เนื้อเสือ
เครื่องไทยธรรม เหลือง เนื้อหมี และเสือดาว เหตุผลเดียวกับ
เรื่องของเนื้อราชสีห)
เครื่องไทยธรรมสามารถจําแนกออกเปน ๑๐ อยาง ดังนี้
๑. ภัตตาหาร 2. ครูใหนักเรียนหาคําราชาศัพทที่ใชกับพระสงฆ
๒. นํ้า รวมทั้งเครื่องดื่มที่พระสงฆดื่มได เชน กิน ใชคําวา ฉัน อาหาร ใชคําวา
๓. ผา เครื่องนุงหม ภัตตาหาร อาบนํ้า ใชคําวา สรงนํ้า สวดมนต
๔. ยานพาหนะ รวมถึงการถวายปจจัยเปนคาพาหนะ ใชคําวาเจริญพระพุทธมนต เปนตน โดยให
แดพระสงฆ นักเรียนหาคําศัพทเหลานี้มาอยางนอย 10 คํา
๕. มาลัย ดอกไม เครื่องบูชาชนิดตางๆ และบันทึกความหมายลงในสมุด
๖. ของหอม หมายถึง ธูปเทียนบูชาพระ
๗. เครื่องสําหรับชําระรางกายใหสะอาด
๘. เครื่องที่นอนอันสมควรแกพระสงฆ 1
๙. ที่อยูอาศัยและบริวาร อันไดแก กุฏิ เสนาสนะ
เตียง โตะ เกาอี้ เปนตน
๑๐. เครื่องใชที่ใหแสงสวาง เชน เทียน ตะเกียง
๑๓๙
ขอสอบ O-NET
ขอสอบป ’ 51 ออกเกี่ยวกับการปฏิบัติตนตอพระภิกษุ เกร็ดแนะครู
ทุกขอเปนแนวทางในการปฏิบัติตอพระภิกษุ ยกเวน ขอใด
ครูเสริมความรูเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องไทยธรรมวา บางครั้งชาวบานเรียกวา
1. ปฏิบัติตอพระภิกษุดวยอามิสทาน
เครื่องสังฆทาน ซึ่งปจจุบันรานคาจะจัดเปนชุดๆ มีขนาดและมูลคาใหเลือกหลาย
2. ปฏิบัติตอพระภิกษุดวยความเต็มใจ
แบบ เพื่ออํานวยความสะดวกใหผูถวาย ซึ่งมักเรียกวา ชุดสังฆทาน ในการเลือกซื้อ
3. ใหความเคารพตอพระภิกษุดวยกาย วาจา ใจ
ควรตรวจดูคุณภาพสิ่งของดวย เพราะรานคาบางแหงก็นําเอาของหมดอายุหรือ
4. ใหความเคารพตอพระภิกษุที่พรรษามากกวาภิกษุที่มีพรรษานอยกวา
ดอยคุณภาพผสมเขามาดวย หากมีปญหาสามารถรองเรียนไดที่สายดวน สคบ.
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะพระภิกษุไมวา พรรษาหรือระยะเวลา
หรือสํานักงานคณะกรรมการคุมครองผูบริโภค โทร 1166
ในการบวชจะมากกวาหรือนอยกวากัน พุทธศาสนิกชนควรแสดงความเคารพ
พระภิกษุเทาเทียมกัน เนื่องจากพระภิกษุถือศีล 227 ขอเทากันทุกรูป จึงควร
แสดงความเคารพพระสงฆทุกรูปโดยไมคํานึงถึงพรรษา
นักเรียนควรรู
1 เสนาสนะ มาจากภาษาบาลี คือ เสน (ที่นอน) และอาสน (ที่นั่ง) ความหมาย
โดยรวม คือ ที่อยูของพระภิกษุสงฆ เชน กุฏิ วิหาร ศาลา รวมถึงเครื่องนอนและ
เครื่องใชในการพํานัก เชน โตะ เกาอี้ เตียง ตั่ง หมอน เปนตน
คูมือครู 139
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนชวยกันยกตัวอยางประโยชนของ
การทําทานและการทําบุญถวายสังฆทาน โดย ๒) วัตถุประสงคและความสําคัญ การถวายสังฆทานเปนพิธีปฏิบัติที่มีมาตั้งแตครั้ง
ออกมาเขียนบนกระดานหนาชั้น และอภิปราย สมัยพุทธกาลแลว โดยที่พระพุทธเจาไดตรัสแกพระอานนท ความวา “สังฆทาน คือ การรองขอตอ
วาเปนประโยชนเพราะเหตุใด สงฆใหสงใครไปรับ แลวถวายแกผูนั้น” การถวายสังฆทานมีคุณคาและความสําคัญ ดังน�้
2. ครูใหนักเรียนจัดเตรียมสิ่งของจําเปนที่เหมาะ ๑. เปนการสืบตอระเบียบประเพณี 1 ทางศาสนา
ในการถวายสังฆทานแดพระสงฆ ๒. เปนการทําบุญที่ไดอานิสงสมาก เพราะเปนการทําบุญโดยไมเจาะจง
3. ครูสุมใหนักเรียน 2-3 คน ออกมาสาธิตการ ๓. ทําใหจิตใจเบิกบาน สงบ และยังชวยฝกนิสัยใหเกิดการเสียสละ โดยไมหวังผล
ถวายสังฆทานหนาชั้นเรียน โดยใหเพื่อน ใดๆ ตอบแทน
นักเรียนในหองสวดคําถวายสังฆทานพรอมกัน ๔. เปนสิริมงคลแกตนเอง และเปนการระลึกถึงบรรพบุรุษที่ลวงลับไปแลว
อาราธนาศีลและรับศีล และถวายสังฆทาน ๓) วิธีปฏิบัติ ในการถวายสังฆทาน มีวิธีการปฏิบัติ ดังน�้
4. ครูใหนักเรียนเขารวมศาสนพิธีและถวาย ๑. แจงตอพระอธิการของพระสงฆ คือ เจาอาวาสหรือพระภิกษุผูมีหนาที่นิมนต
สังฆทานที่วัด พรอมบันทึกวิธีปฏิบัติตั้งแตเริ่ม พระในวัด ขอใหนิมนตพระสงฆไปรับสังฆทานตามจํานวนที่ตนตองการ พรอมทั้งบอกวัน เวลา
จนจบพิธีวามีอะไรบางลงในสมุด และสถานที่ใหแนนอนดวย
5. ครูใหนกั เรียนศึกษาและวิเคราะหวา เพราะเหตุใด ๒. จัดเตรียมสถานที่ ภัตตาหาร และสิ่งของที่จะถวายใหพรอมสรรพ
พระสงฆจึงใชตาลปตรบังเอาไวขณะประกอบ ๓. เมื่อพระสงฆมาพรอมแลว ทายกทายิกาจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยกราบ
ศาสนพิธี โดยใหนักเรียนบอกเหตุผลและ ๓ ครั้ง จากนั้นหันหนาไปทางพระสงฆ กราบอีก ๓ ครั้ง แลวอาราธนาศีลและรับศีล
ความเชื่อเหลานั้นลงในสมุด และนํามาอภิปราย ๔. เมือ่ รับศีลเสร็จเรียบรอยแลว กราบ ๓ ครัง้ ทายกทายิกากลาวคําถวายสังฆทาน
ในชั้นเรียน ถามีหลายคนก็ใหหัวหนากลาวนําและคนอื่นวาตาม ดังนี้
การถวายสังฆทานนอกจากเปนการทําบุญที่ชวยใหจิตใจสงบเบิกบานแลว ยังเปนการฝกนิสัยใหรูจักเสียสละอีกดวย
๑๔๐
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
ครูควรกลาวเพิ่มเติมวา ปจจุบันเพื่อความสะดวกและสภาพสังคมที่ เพราะเหตุใด การถวายสังฆทานจึงถือวามีอานิสงสมาก
เปลี่ยนแปลงไป ทางเจาภาพมักจัดยานพาหนะไปรับ-สงพระสงฆถึงที่วัด ซึ่งจะตอง 1. ถวายไดตลอดเวลา
แจงกําหนดเวลาใหทานทราบวาจะไปรับ-สงทานเวลาใด 2. ถวายไดเฉพาะบางเวลา
3. พระพุทธเจาทรงสรรเสริญ
4. เปนทานบริสุทธิ์เพราะไมเจาะจงผูรับ
นักเรียนควรรู วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. การถวายสังฆทาน องคสมเด็จพระสัมมา-
สัมพุทธเจาทรงสรรเสริญวาเปนทานที่มีอานิสงส เนื่องจากเปนทานที่
1 อานิสงส แปลตรงตัววา คุณทีไ่ หลออกเนืองๆ แหงผล คือ ใหผลทีน่ า ชืน่ ใจยิง่
บริสุทธิ์เพราะไมเจาะจงผูรับ การเจาะจงผูรับอยางนอยที่สุดก็แสดงถึง
โดยอานิสงสมีความหมายวา ผลแหงกุศลกรรม ผลบุญ ซึ่งเปนผลผลิตจากการ
อํานาจของกิเลสเพราะความรักความชอบ
ทําความดีตางๆ ตามคติที่วา “ทําดีไดดี” เมื่อทําความดีแลว ความดียอมให
อานิสงสเปนคุณความดีกอน ลําดับตอมาคุณงามความดีนั้น จึงใหผลที่นาชื่นใจ
ไหลออกมาสนองผูทําในรูปแบบตางๆ ตามเหตุปจจัยที่ทํา เปรียบเสมือนปลูก
ตนมะมวงยอมจะไดผลเปนลูกมะมวงกอน ตอมาลูกมะมวงนั้นจึงใหผลที่นาชื่นใจ
ตอไปเมื่อนําไปเปนอาหาร นําไปแลกเปนของ หรือนําไปขายเปนเงิน
140 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนศึกษาวาผา 3 ผืน ที่พระพุทธเจา
ทรงอนุญาตใหใช ไดแก สังฆาฏิ (ผาพาดบา)
ค�าอ่าน อิมานิ มะยัง ภันเต ภัตตานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ
จีวร (ผาหมคลุมรางกาย) และสบง (ผานุง)
สาธุ โน ภันเต ภิกขุสังโฆ อิมานิ ภัตตานิ สะปะริวารานิ ปะฏิคคัณหาตุ อัมหากัง
มีความแตกตางกันอยางไร โดยนําความรูที่ได
ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ
มาอภิปรายในชั้นเรียน
ค�าแปล ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลายขอน้อมถวายภัตตาหารและของบริวาร
2. ครูนําสนทนาเกี่ยวกับการถวายผาอาบนํ้าฝน
เหล่านี้ แด่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆ์จงรับภัตตาหาร รวมทั้งบริวารเหล่านี้
และตั้งคําถามวา
ของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์และความสุขแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย ตลอด
• เพราะเหตุใด จึงมีการถวายผาอาบนํ้าฝน
กาลนานเทอญ
ในสมัยพุทธกาลและสืบตอมาจนถึงปจจุบัน
(แนวตอบ เนื่องจากนางวิสาขาไดทูลขอ
เมื่อกล่าวค�าถวายจบแล้ว ทายกทายิกาประเคนของ หลังจากประเคนเสร็จ พระท่าน
พระพุทธเจาใหพระสงฆรับผาอาบนํ้าฝนได
จะอนุโมทนา (ให้พร) ด้วยบทยถาและสัพพี พอพระสงฆ์รูปที่เป็นประธานเริ่มสวดว่า ยถา
โดยกลาวถึงเหตุที่นางทาสีไปทูลอาราธนา
วาริวหา... ทายกทายิกาก้มกรวดน�้า ตั้งจิตอุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษผู้ล่วงลับไปแล้วและ
พระพุทธเจาและพระสงฆทวี่ ดั เชตวันในขณะ
สรรพสัตว์รว่ มโลก เมือ่ พระสงฆ์รปู ทีเ่ ป็นประธานอนุโมทนาจบ พระสงฆ์รปู ทีน่ งั่ รองลงมาจะกล่าว
ฝนตก พบพระสงฆเปลือยกายอาบนํ้าฝนอยู
สัพพีตีโย... ทายกทายิกาควรกรวดน�้าให้หมด แล้วประนมมือรับพรต่อไปจนพระสงฆ์สวดจบ
ก็เขาใจวาเปนพวกชีเปลือย เนื่องดวย
2.4 การถวายผ้าอาบน้ำาฝน พระสงฆใชผาเพียง 3 ผืนหรือไตรจีวร จึง
๑) ความเป็นมาและความหมาย มีเรื่องเล่า1อยู่ในพระไตรปิฎกว่า เมื่อครั้งที่ ตองเปลือยกายอาบนํา้ ดวยเหตุนพี้ ระพุทธเจา
พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ เชตวนาราม เมืองสาวัตถี นางวิสาขาได้เข้าไปเฝ้าแล้วกราบทูลอาราธนา จึงประทานอนุญาตใหพระสงฆมี
พระพุทธเจ้า พร้อมด้วยพระสาวกให้ไปรับภัตตาหารที่บ้านของตนในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น พอเวลา ผาอาบนํ้าฝนเพิ่มไดอีก 1 ผืน)
ใกล้รุ่งฝนตกหนัก พระภิกษุสงฆ์ก็พากันไปอาบน�้าฝน ในสมัยนั้นพระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้ 3. ครูสุมใหนักเรียนนํากลาวสวดมนต และเพื่อน
พระภิกษุใช้ผ้าได้เพียง ๓ ผืน ได้แก่ สังฆาฏิ (ผ้าพาดบ่า) จีวร (ผ้าห่มคลุมร่างกาย) และสบง นักเรียนทุกคนในหองกลาวอาราธนาศีลและ
(ผ้านุ่ง) ดังนั้น พระสงฆ์จึงต้องเปลือยกายอาบน�้า ครั้นใกล้เวลาภัตตาหาร นางวิสาขาจึงใช้ รับศีล รวมถึงคําถวายผาอาบนํ้าฝนพรอม
นางทาสีให้ไปทูลอาราธนา ฝ่ายนางทาสีเมื่อไปถึงวัดเชตวัน พบพระภิกษุเปลือยกายอาบน�้าอยู่ คําแปล
กลางแจ้ง ก็เข้าใจว่าเป็นพวกชีเปลือย (อาชีวก) จึงกลับไปบอกนางวิสาขาว่า ที่วัดไม่มีพระสงฆ์ 4. ครูใหนักเรียนบันทึกสรุปความสําคัญของการ
มีแต่พวกอาชีวกก�าลังอาบน�้ากันอยู่ นางวิสาขาพิจารณาด้วยปัญญาทราบว่าคงจะเป็นพระสงฆ์ ถวายผาอาบนํ้าฝนพอสังเขปลงในสมุด และ
เปลือยกายอาบน�า้ หลังจากทีฝ่ นหยุดตกแล้ว นางวิสาขาจึงใช้ให้นางทาสีไปทูลอาราธนาอีกครัง้ หนึง่ นําสงครูผูสอน
คราวนี้นางทาสีพบพระภิกษุสงฆ์นุ่งเหลือง ห่มเหลือง อยู่เต็มไปทั่วลานวัด
เมื่อได้เวลาภัตตาหาร พระพุทธเจ้าและพระสาวกทั้งปวงก็เสด็จมายังบ้านนางวิสาขา
หลังจากเสร็จภัตกิจ นางวิสาขาจึงได้ทูลขออนุญาตต่อพระพุทธเจ้าให้พระสงฆ์รับผ้าอาบน�้าฝนได้
โดยปรารภถึงเหตุที่ประสบมา ซึ่งพระพุทธเจ้าก็ประทานอนุญาตให้พระภิกษุสงฆ์ได้มีผ้าเพิ่มขึ้น
อีก ๑ ผืน เรียกว่า “ผ้าอาบน�้าฝน”
141
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
อุบาสิกาทานใดเปนผูทูลขออนุญาตตอพระพุทธเจาใหพระภิกษุ
ครูควรอธิบายถึงการประเคนวามีองคประกอบ 5 อยาง ไดแก 1. ของไมใหญ
รับผาอาบนํ้าฝนได
หรือหนักเกินไป 2. ผูประเคนควรยืนหางประมาณ 1 ศอก 3. นอมของที่จะประเคน
1. นางสิริมา
เขาไปดวยความเคารพ 4. ในกรณีที่เปนผูชายจะนอมเขาไปถวายเลยก็ได แตถาเปน
2. นางวิสาขา
ผูหญิงใหวางของลงบนผาที่พระสงฆปูลาดออกมา 5. พระภิกษุจะรับดวยมือก็ได
3. นางสุชาดา
ถาหากผูชายเปนผูถวาย แตถาเปนผูหญิง พระสงฆจะใชผาปูลาดสําหรับรับสิ่งของ
4. พระนางมัลลิกา
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. นางวิสาขาไดใชนางทาสีไปอาราธนา
พระพุทธเจาและพระสงฆมาฉันภัตตาหารที่บาน แตเนื่องจากพระพุทธเจา นักเรียนควรรู
ทรงอนุญาตใหพระสงฆใชผาไดเพียง 3 ผืน คือ สบง จีวร และสังฆาฏิ 1 นางวิสาขา คือ มหาอุบาสิกา ซึ่งบรรลุเปนพระโสดาบันเมื่ออายุ 7 ขวบ
พระสงฆจึงตองเปลือยกายอาบนํ้า ทําใหนางทาสีเขาใจวาเปนชีเปลือย หลังจากไปเขาเฝาพระพุทธเจา นางวิสาขาเปนผูอุปถัมภบํารุงพระภิกษุสงฆอยาง
ดังนั้น นางวิสาขาจึงทูลขออนุญาตตอพระพุทธเจาใหพระสงฆรับ มากมาย และเปนบุคคลที่ไดรับความนับถืออยางกวางขวางในสังคม รวมทั้งได
ผาอาบนํ้าฝนได ซึ่งพระองคก็ทรงอนุญาตตามนั้น รับการยกยองจากพระพุทธเจาวาเปนเอตทัคคะในบรรดาทายกและทายิกาทั้งปวง
(ทายกและทายิกา คือ ผูถวายจตุปจจัยแดภิกษุสงฆ หรือผูนับถือพระพุทธศาสนา)
คูมือครู 141
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนสืบคนขอมูลเรื่องอานิสงสของ
การถวายผาอาบนํ้าฝน แลวนําขอมูลมาเรียบ ดังนั้น ผาอาบนํ้าฝนหรือผาวัสสิกสาฎก ก็คือ ผาอาบนํ้าที่พุทธศาสนิกชนนํามาถวาย
เรียงใหมและติดภาพประกอบลงในกระดาษ แดพระสงฆในฤดูฝน มีขนาดกวาง ๑ ศอกคืบ ๔ นิ้ว ยาว ๔ ศอก ๓ กระเบียด (หรือกวาง ๘๓
A4 แลวนําสงครูผูสอน เซนติเมตร ยาว ๒ เมตร)
2. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 6.2 จากแบบวัดฯ ๒) วัตถุประสงคและความสําคัญ
พระพุทธศาสนา ม.2 การถวายผาอาบนํา้ ฝนแดพระสงฆ ก็เพือ่ ทําบุญ
และอุปภัมภพระสงฆใหมเี ครือ่ งใชทจี่ าํ เปนตาม
ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ ฤดูกาล
พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 6.2 ๓) วิ ธี ป ฏิ บั ติ การถวายผาอาบ
หนวยที่ 6 วันสําคัญทางพระพุทธศาสนาและศาสนพิธ�
นํ้าฝน มีวิธีปฏิบัติ ดังนี้
กิจกรรมที่ ๖.๒ ใหนกั เรียนวิเคราะหคณ
ุ คา ความสําคัญ หรือการปฏิบตั ติ น
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
ñð
๑. การถวายผาอาบนํ้าฝนไมมี
ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาตามภาพพอสังเขป
(ส ๑.๒ ม.๒/๓) กฎเกณฑแนนอนตายตัววาจะตองถวายวันไหน
ขึ้นอยูกับความเหมาะสมของแตละแหง ซึ่งโดย
สวนใหญแลวจะกระทํากันในระหวาง แรม ๑
คํ่า เดือน ๗ ไปจนถึงวันขึ้น ๑๕ คํ่า เดือน ๘
การทําบุญตักบาตร การถวายสังฆทาน
การถวายผาอาบน้ําฝนเปนการทําบุญและชวยใหพระสงฆ และมักจะถวายกันในวันพระ เพราะเปนวันที่
ช ว ยทํ า ให จิ ต ใจเกิ ด ความสงบ สะอาด และ เปนการฝกจิตใจใหรูจักการเสียสละ เปนผูให มีเครื่องใชที่จําเปนตามฤดูกาล
พุทธศาสนิกชนทัง้ หลายมาประชุมพรอมเพรียง
…………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………….
เบิกบาน มีความเมตากรุณา และยังถือเปน
…………………………………………………………………………………. โดยที่ไมหวังผลตอบแทน และเปนการอุปถัมภ
………………………………………………………………………………….
การชวยทํานุบาํ รุงศาสนา อีกทัง้ สืบสานประเพณี
…………………………………………………………………………………. พระสงฆไดมีเครื่องอุปโภคที่จําเปนไวใชสอย
………………………………………………………………………………….
ฉบับ
อันดีงามใหคงอยูตอไป
…………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………. เฉลย
กันแตในบางวัดก็จัดถวายในวันเขาพรรษา คือ วันแรม 1 ๑ คํ่า เดือน ๘
๒. ในวันกําหนดถวายผาอาบนํา้ ฝน พระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกาพรอมกัน
ในสถานที่กําหนด มีการทําวัตรสวดมนตบูชาพระรัตนตรัย อาราธนาศีลและรั 2 บศีล
๓. นําผาอาบนํ้าฝนวางไวดานหนาพระสงฆ หัวหนาทายกนํากลาวคําถวาย ดังนี้
การทอดกฐิน การทอดผาปา
ถือเปนการทําบุญที่ไดอานิสงสมาก เนื่องจาก
………………………………………………………………………………….
จะกระทําไดเพียงปละ ๑ ครั้ง เปนการอุปถัมภ
………………………………………………………………………………….
เปนพิธีกรรมที่แสดงถึงความศรัทธา รวมถึง
………………………………………………………………………………….
การสรางกุศลดวยจิตใจที่บริสุทธิ์ เปนการชวย
………………………………………………………………………………….
คําอาน อิมานิ มะยัง ภันเต วัสสิกะสาฏิกานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสงั ฆัสสะ โอโณชะยามะ
ใหพระสงฆไดมีเครื่องใชที่จําเปน และสะทอน
………………………………………………………………………………….
ใหเห็นถึงประเพณีอันดีงาม
………………………………………………………………………………….
ใหพระภิกษุสงฆเกิดความสะดวกไมตองคอยหา
………………………………………………………………………………….
ผาบังสุกุลมาทําเปนเครื่องนุงหม
………………………………………………………………………………….
สาธุ โน ภันเต ภิกขุสังโฆ อิมานิ วัสสิกะสาฏิกานิ สะปะริวารานิ ปะฏิคคัณหาตุ
๕๕ อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะฯ
คําแปล ขาแตพระสงฆผูเจริญ ขาพเจาทั้งหลาย ขอนอมถวายผาอาบนํ้าฝน พรอมกับ
ของบริวารทั้งหลายเหลานี้ แกพระภิกษุสงฆ ขอพระภิกษุสงฆ จงรับผาอาบนํ้าฝน
พรอมกับของบริวารทั้งหลายเหลานี้ ของขาพเจาทั้งหลาย เพื่อประโยชน เพื่อ
ความสุขแกขาพเจาทั้งหลาย ตลอดกาลนานเทอญฯ
๔. ในระหวางการกลาวคําถวายพระสงฆจะประนมมือ พอจบคํากลาวถวายแลว
พระสงฆจะรับพรอมกันวา สาธุ แลวนําผาประเคนพระสงฆ
๕. พระสงฆอนุโมทนาและใหพร อุบาสก อุบาสิกา กรวดนํ้าและรับพร
๑๔๒
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
มูลเหตุใดทําใหเกิดศาสนพิธีการถวายผาอาบนํ้าฝน
1 ผาอาบนํ้าฝน หรือผาวัสสิกสาฎก คือ ผาเปลี่ยนสําหรับสรงนํ้าฝนของ
พระสงฆ ซึ่งเปนผาที่มีลักษณะเดียวกับผาสบง (ผานุง) เพื่อใหพระสงฆไดใชผลัด แนวตอบ ตามประวัติเลาวา เดิมพระพุทธเจาทรงอนุญาตใหพระภิกษุใชผา
เปลี่ยนกับผาสบงปกติ ไดเพียง 3 ผืนเทานั้น คือ ผานุงหรือผาสบง (อันตรวาสก) ผาหมหรือผาจีวร
2 หัวหนาทายก มีคําศัพท 2 คําเกี่ยวของ คือ มัคนายกและมัคทายก (อุตราสงค) และผาพาดบาหรือผาคลุมชั้นนอก (สังฆาฏิ) ซึ่งใชหมซอนจีวร
• มัคนายก เปนคําสมาสมาจากภาษาบาลี 2 คํา คือ “มัคค” แปลวา ทาง ในฤดูหนาวได รวมเรียกวา ไตรจีวร โดยที่ยังไมอนุญาตใหใชผาอาบนํ้าฝน
และ “นายก” แปลวา ผูนํา วันหนึ่งฝนตก นางวิสาขาใหสาวใชไปนิมนตพระมาฉันภัตตาหาร
• มัคทายก เปนคําสมาสจากภาษาบาลี 2 คํา คือ “มัคค” แปลวา ทาง และ ที่บาน พบพระภิกษุเปลือยกายอาบนํ้าฝน เขาใจวาเปนอาชีวก (ชีเปลือย)
“ทายก” แปลวา ผูถวายปจจัยแดพระสงฆ ไมใชพระภิกษุ จึงกลับมาบอกนางวิสาขาวาไมพบพระภิกษุในวัด นางวิสาขา
พจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช 2554 ไดใหความหมายของ ทราบวาเปนพระภิกษุ จึงทูลขอพรตอพระพุทธเจาเพื่อจะถวายผาสําหรับ
มัคนายกวา หมายถึง ผูจัดการทางกุศล ผูชี้แจงทางบุญ ดังนั้น ถาจะใชคําเพื่อ ผลัดเปลี่ยนเวลาอาบนํ้าแดพระภิกษุ พระพุทธเจาทรงอนุญาตใหพระรับ
เรียกคนที่คอยนํากลาวคําบูชา คําอาราธนา คําถวายสิ่งของใหพระที่วัดแลว คําวา ผาอาบนํ้าฝนเพิ่มไดอีกหนึ่งผืนตั้งแตบัดนั้นเปนตนมา
“มัคนายก” จึงเปนคําที่ถูกตองมากกวา “มัคทายก”
142 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูกลาวถึงการจัดและถวายเครื่องไทยธรรม
1 เครื่องไทยทาน และตั้งคําถามวา
2.5 การจั
การจัดและถวายเครื่องไทยธรรม
งไทยธรรม เครื เครื่องไทยทาน
• เครื่องไทยธรรมและเครื่องไทยทาน มีความ
๑) ความหมาย “เครื่องไทยธรรม เครื่องไทยทาน” หมายถึง สิ่งของที่ควรถวายเป็น หมายแตกตางกันอยางไร
ทานแด่พระสงฆ์ ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช ๒๕๔๒ ให้ความหมายของ (แนวตอบ เครื่องไทยทาน หมายถึง ของ
ค�าว่า “ไทยทาน” ว่า ของส�าหรับท�าทาน และให้ความหมายของค�าว่า “ไทยธรรม” ว่า ของท�าบุญ สําหรับทําทาน เครื่องไทยธรรม หมายถึง
ต่างๆ ของถวายพระ แสดงว่าความหมายของค�าว่า “ไทยทาน” กว้างกว่าค�าว่า “ไทยธรรม”
ของสําหรับทําบุญถวายพระ เพราะฉะนั้น
เพราะหมายความว่าเป็นของส�าหรับท�าทานกับใครก็ได้ ไม่จ�าเพาะเจาะจงว่าต้องเป็นพระสงฆ์
เครือ่ งไทยทานจึงมีความหมายกวางกวาเครือ่ ง
ในขณะที่ค�าว่า “ไทยธรรม” มีความหมายเฉพาะว่าเป็นของถวายพระเท่านั้น ดังนั้น เมื่อใช้ค�าว่า
ไทยธรรม เนื่องจากเปนการทําทานสําหรับ
“ไทยทาน” ในความหมายว่าเป็นของที่ควรถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ จึงนิยมเติมค�าว่า “เครื่อง
ใครก็ได แตเครื่องไทยธรรมใชสําหรับถวาย
ปัจจัย” หรือ “จตุปจั จัย” ไว้ขา้ งหน้าด้วย เป็น “จตุปจั จัย/เครือ่ งปัจจัยไทยทาน” เพือ่ ให้มคี วามหมาย
ชัดเจนว่าหมายถึงของถวายพระ ของท�าบุญ ไม่ใช่เป็นเพียงวัตถุทานที่ให้แก่คนที่ควรให้ พระเทานั้น เชน การถวายสังฆทาน เปนตน)
ตามปกติการจัดเครื่องไทยธรรมไทยทานจะต้องมีดอกไม้ ธูป เทียนบูชาพระ รวมอยู่ • จตุปจจัย มีอะไรบาง สําคัญอยางไร
ด้วยเสมอ และอาจมี “ปัจจัย” ที่ในปัจจุบันใช้กันในความหมายแคบ คือ หมายถึง “เงิน” ที่ถวาย (แนวตอบ จตุปจจัย หมายถึง ปจจัย 4 ของ
พระหรือวัด เพราะเห็นว่าพระสงฆ์สามารถน�าเงินไปซือ้ หาปัจจัยต่างๆ ได้เหมาะสมกับความจ�าเป็น บรรพชิต มี 4 อยาง ไดแก จีวร คือ เครื่อง
หรือตรงกับสิ่งที่ขาดแคลนได้ นุงหม เชน ไตรจีวร ผาหม ผาอาบนํ้าฝน
เปนตน บิณฑบาต คือ อาหาร เชน ขาว
๒) วัตถุประสงค์และความส�าคัญ ในการถวายเครื่องไทยธรรม เครื่องไทยทาน
มีวัตถุประสงค์และความส�าคัญ ดังนี้ นํ้า ผลไม เปนตน เสนาสนะ คือ ที่นอนที่นั่ง
๑. เพื่อถวายความอุปถัมภ์แด่พระภิกษุสงฆ์ เชน กุฏิ ศาลา เตียง หมอน เปนตน และ
๒. เพื่อลดความตระหนี่ ความโลภ ความเห็นแก่ตัว กิเลส ของผู้ถวายของ คิลานเภสัช คือ ยารักษาโรค ซึ่งเปนเครื่อง
๓. เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ถวายเอง สําหรับดํารงชีพของภิกษุสารเณรคลายคลึง
๔. เพื่ออุทิศส่วนบุญกุศลให้แก่บุพการีผู้มีพระคุณญาติมิตรและเจ้ากรรมนายเวร กับปจจัย 4 ของคนทั่วไป)
ที่ล่วงลับไปแล้ว • ไวยาวัจกรมีหนาที่อะไร และควรมีลักษณะ
๓) วิธีปฏิบัติ วิธีปฏิบัติในการถวายเครื่องไทยธรรมเครื่องไทยทานก็เป็นวิธีเดียวกัน หรือคุณธรรมในขอใดเปนสําคัญ
กับการถวายสังฆทาน หรือการท�าบุญเลี้ยงพระในโอกาสต่างๆ และในการถวาย “ปัจจัย” ที่มี (แนวตอบ ไวยาวัจกรมีหนาที่เบิกจายนิตยภัต
ความหมายว่า “เงิน” นั้น วิธีปฏิบัติที่เหมาะสม คือ ชาวพุทธควรเขียนเป็นใบปวารณาและถวาย หรืออาหารประจํา ปจจุบันใชในความหมาย
ใบปวารณานั้นแก่พระสงฆ์พร้อมกับสิ่งของอื่นๆ ส่วนเงินที่ระบุไว้ในปวารณาควรมอบให้แก่ วา เงินคาอาหารที่ทางราชการถวายแดสงฆ
ไวยาวัจกร (ผู้ดูแลการเงินของวัด) หรือมอบไว้กับลูกศิษย์ที่ติดตามพระแทน ไม่ควรให้พระสงฆ์ เปนประจํา และมีอาํ นาจหนาทีด่ แู ลทรัพยสนิ
รับเงินโดยตรง ของวัดตามที่เจาอาวาสมอบหมายเปน
ปัจจุบันได้มีร้านค้าจัดเตรียมเครื่องไทยธรรม เครื่องไทยทานไว้คอยบริการก็เป็น หนังสือ ไวยาวัจกรตองเปนเจาพนักงานตาม
การสะดวกส�าหรับผูท้ มี่ เี วลาน้อย แต่มขี อ้ ควรพิจารณาก็คอื การซือ้ จากร้านควรตรวจดูให้เรียบร้อย กฎหมาย ซึ่งควรเปนบุคคลที่มีความซื่อสัตย
เพราะบางกรณีอาจมีสิ่งของต้องห้ามหรือสิ่งของที่ไม่เหมาะสมส�าหรับพระสงฆ์ปนเข้ามาด้วย สุจริต และมีอริยทรัพย 7 ไดแก ศรัทธา ศีล
หิริ โอตตัปปะ พาหุสจั จะ จาคะ และปญญา)
143 2. ครูใหนักเรียนเขียนบอกเลาประสบการณการ
จัดและถวายเครื่องไทยธรรมลงในกระดาษ A4
และนําสงครูผูสอน
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
การจัดเครื่องไทยธรรมถวายพระควรคํานึงถึงสิ่งใด
1 เครื่องไทยธรรม เครื่องไทยทาน มีขอควรระวัง ดังนี้
1. ไมผิดวินัยสงฆ
• ตองเปนของที่ไดมาโดยบริสุทธิ์
2. ประหยัดและเปนประโยชน
• ไมถวายสิ่งของมึนเมา ยาเสพติดทุกชนิด
3. เหมาะแกการบริโภคใชสอยของพระสงฆ
• ถวายของใหเหมาะสมกับกาลเวลาของสงฆ
4. ทุกขอที่กลาวมา
• ไมถวายสิ่งของตองหาม เชน อาหารดิบทุกชนิด เนื้อสัตวที่เจาะจงฆาเพื่อ
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เครื่องไทยธรรมหรือไทยทาน แปลวา สิ่งของ ถวาย กรณีผลไมมีเมล็ด ควรทําการปอกและแคะเมล็ดออกกอน เปนตน
ที่ควรใหหรือสิ่งของที่เหมาะสมแกการนําไปถวายพระ ดังนั้น การจัด • ไมควรถวายวัตถุอนามาส หรือสิ่งที่พระพุทธเจาทรงหามพระภิกษุจับตอง
เครื่องไทยธรรมถวายพระจึงควรระลึกเสมอวาตองไมเปนสิ่งของที่ขัดตอ เชน สิ่งที่เกี่ยวกับสตรีทุกชนิด รัตนะ 10 ประการ เครื่องอาวุธ
วินัยสงฆ ไมแสดงความฟุมเฟอย เปนประโยชนและควรแกการบริโภคใชสอย เครื่องประโคมดนตรี ขาวเปลือก ผลไมที่เกิดอยูกับที่ เปนตน
ของพระสงฆ ทั้งนี้มีสิ่งของบางประเภทสามารถประเคนพระสงฆไดตลอดเวลา เชน
เครื่องดื่ม เครื่องยารักษาโรค นํ้าตาล นํ้าผึ้ง นํ้าออย เปนตน
คูมือครู 143
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูนําสนทนาถึงการกรวดนํ้า และตั้งคําถามเชิง
วิเคราะหวา 2.6 การกรวดน้ำา
• การกรวดนํ้ามีวัตถุประสงคเพื่ออะไร ๑) ความหมาย การกรวดน�า้ หมายถึง การอุทศิ ส่วนกุศล อันจะพึงเกิดจากการท�าบุญ
เพราะเหตุใด ให้แก่ผู้ล่วงลับไปแล้วด้วยวิธีการหลั่งน�้า พร้อมกับกล่าวค�าอุทิศ (ค�ากรวดน�้า)
(แนวตอบ เชน การกรวดนํา้ เปนอุบายอยางหนึง่
ในการทําจิตใจใหสงบนิ่ง เพราะใน
๒) วัตถุประสงค์และความส�าคัญ ในการกรวดน�้ามีวัตถุประสงค์และความส�าคัญ
ดังนี้
ขณะอุทิศสวนบุญกุศล การกรวดนํ้าจะทําให
๑. เป็นประเพณีทางพระพุทธ‑
เรามีจิตใจจดจอไปยังบุคคลที่ตองการอุทิศ
ศาสนาที่ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมา
บุญกุศลให เปนตน)
๒. เป็นการแสดงออกซึ่งความ
• การกรวดนํ้าเพื่ออุทิศบุญกุศล ตางจากการ
กตัญญูกตเวทีของผูท้ ยี่ งั มีชวี ติ อยู่ ต่อผูม้ พี ระคุณ
แผเมตตาอยางไร
ที่ล่วงลับไปแล้ว
(แนวตอบ การกรวดนํ้า คือ การอุทิศสวนกุศล
๓. เป็นการแสดงความเมตตา
ดวยวิธีหลั่งนํ้า พรอมกับกลาวคําอุทิศ แตบท
แก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว โดยผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่อุทิศ
สวดแผเมตตาโดยทั่วไป จะกลาววาขอสัตว
ส่วนกุศลไปให้
ทั้งหลายทั้งปวงจงเปนผูไมมีเวร ไมมีความ
เบียดเบียน ไมมีทุกข รักษาตนใหพนจากทุกข หลังจากการทำาบุญ ก็มีการกรวดน้ำาอุทิศผลบุญส่วนกุศล ๓) วิธปี ฏิบตั ิ การกรวดน�า้ ทีถ่ กู ต้อง
ให้แก่ญาติที่ล่วงลับไปแล้ว ควรปฏิบัติ ดังนี้
ทั้งสิ้นเถิด)
2. ครูใหนกั เรียนหาบทสวดมนตเต็มของ “ยถาใหผี ๑. เตรียมน�า้ สะอาดใส่ภาชนะทีม่ ขี นาดเล็ก เช่น แก้วน�า้ คนโท หรือภาชนะเฉพาะ
-สัพพีใหคน” ไดแก ยถา วาริวหา ปูรา ส�าหรับการกรวดน�้า 1 2
ปริปูเรนฺติ สาครํ... และสพฺพีติโย วิวชฺชนฺตุ ๒. พอพระสงฆ์เริ่มสวดอนุโมทนา ซึ่งจะเริ่มด้วยค�าว่า “ยถา วาริวหา” ให้เริ่ม
สพฺพโรโค วินสฺสตุ... พรอมคําแปล โดยบันทึกลง หลั่งน�้าอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว น�้าที่รินต้องให้ต่อเนื่องเป็นสาย และรินให้หมด
ในสมุดเรียน นําสงครูผูสอน เมื่อพระสงฆ์เริ่มบทสวดมนต์ที่ขึ้นต้นว่า “สัพพีติโย”
๓. น�้าที3่รินถ้าอยู่บนบ้านให้ใช้ภาชนะที่สะอาด (อย่าใช้กระโถน) รองรับ เสร็จแล้ว
น�าไปเทราดลงบนพื้นดินที่สะอาดหรือในที่ที่เหมาะสม เช่น โคนต้นไม้ กระถางต้นไม้ เป็นต้น
๔. ขณะที่หลั่งน�้าต้องตั้งใจอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว และกล่าวค�า
กรวดน�้าไปพร้อมกันด้วย
144
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
บุคคลใดตอไปนี้ปฏิบัติตนไดถูกตองขณะกรวดนํ้า
1 อนุโมทนา แปลวา ความยินดีตาม ความพลอยยินดี หมายถึง การแสดง
1. พนาใชกระโถนรองขณะกรวดนํ้า
ความชื่นชมยินดีในบุญหรือความดีที่ผูอื่นทํา โดยอาจทําไดดวยการพูด เขียน
2. ไพรวันนํานํ้าที่กรวดแลวไปเทในหองนํ้า
หนังสือ หรือแสดงกิริยา เชน เมื่อพระสงฆเจริญพระพุทธมนตและเจริญพร ก็กลาว
3. พนาลีเริ่มกรวดนํ้าเมื่อพระสงฆสวดยถา วาริวหา
คําวาสาธุ เมื่อเห็นหรือไดยินคนทําความดีก็กลาวอนุโมทนาบุญ เปนตน
4. ไพรสัณฑนั่งคุยขาวการเมืองกับเพื่อนขณะหลั่งนํ้าอุทิศสวนกุศล
การอนุโมทนาหรือการยินดีในบุญกุศลนี้ถือเปนหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ 10
2 ยถา วาริวหา บทที่เริ่มตนวา “ยถา” มีชื่อเรียกวา บทอนุโมทนารัมภคาถา วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 3. การกรวดนํา้ จะเริม่ หลัง่ นํา้ อุทศิ สวนกุศล
หมายถึง คาถาที่เริ่มกอนการอนุโมทนา กลาวคือ กอนที่พระสงฆจะอนุโมทนาใน เมื่อพระสงฆเริ่มสวด “ยถา วาริวหา” โดยนํ้าที่ใชตองเปนนํ้าสะอาด
บุญกุศลที่อุบาสกอุบาสิกาไดทําแลว พระสงฆจะกลาวบทอนุโมทนารัมภคาถานี้ ภาชนะที่ใชก็ตองเปนภาชนะสะอาด นํ้าที่กรวดแลวตองนําไปเทที่
เพื่อใหอุบาสกอุบาสิกาไดเตรียมตัวตั้งใจรับพรตอไป โคนตนไม หามเทใสที่สกปรก และขณะกรวดนํ้าตองสงบจิตสงบใจ
ตั้งใจอุทิศผลบุญกุศลไปใหแกผูลวงลับ
3 เทราดลงบนพื้นดิน มูลเหตุที่มีการรินนํ้าลงดิน ดวยมีความเชื่อวา นํ้าที่กรวดนี้
พระแมธรณีจะรองรับไวโดยใชมวยผมเก็บรักษาไว เพือ่ เปนประจักษพยานวาผูน นั้ ได
ทําบุญสรางกุศลมาแลวมากนอยเพียงใด
144 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนชวยกันยกตัวอยางชนิดของกฐิน
2.7 การทอดกฐิน และการทอดกฐินในประเทศไทย โดยออกมา
เขียนบนกระดานหนาชั้น
๑) ความเป็นมาและความหมาย ค�าว่า กฐิน เป็นภาษาบาลี แปลว่า “ไม้สะดึง” 2. ครูกลาวนําเกี่ยวกับกฐิน และตั้งคําถามวา
ในสมัยก่อนการตัดเย็บจีวรเป็นเรือ่ งใหญ่ เนือ่ งจากไม่มเี ครือ่ งทุน่ แรง เช่น จักรเย็บผ้า และไม่มรี า้ น
• กฐินมีความหมายวาไมสะดึง ไมชนิดนี้มี
ขายจีวรส�าเร็จรูป การท�าจีวร สบง หรือสังฆาฏิแต่ละผืนต้องอาศัยพระสงฆ์หลายๆ รูป ช่วยกันท�า
ความเกี่ยวของกับผากฐินอยางไร
โดยขึงผ้ากับไม้สะดึงให้ตึงก่อนแล้วจึงตัด เย็บ ดังนั้น ผ้ากฐิน ก็คือ ผ้าที่ส�าเร็จขึ้นได้เพราะอาศัย
(แนวตอบ ไมสะดึง คือ ไมกรอบหรือไมแบบ
ไม้สะดึง และถึงแม้ในปัจจุบันการท�าจีวรจะไม่ต้องอาศัยไม้สะดึงแล้วก็ตาม แต่ชื่อของผ้าชนิดนี้
สําหรับขึงผาที่จะเย็บเปนจีวรในสมัยโบราณ
ก็ยังคงเรียกว่า “ผ้ากฐิน” อยู่ตามเดิม
เมื่อส�าเร็จเป็นผ้ากฐินแล้ว ก็จะน�าไปถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ ผู้อยู่จ�าพรรษาตลอด ซึ่งผาที่เย็บสําเร็จจากไมสะดึงแบบนี้จะ
๓ เดือน เรียกว่า “ทอดกฐิน” อันหมายถึง การน�าผ้ากฐินไปวางไว้ต่อหน้าพระสงฆ์อย่างน้อย เรียกวา ผากฐิน)
๕ รูป โดยมิได้ตั้งใจจะถวายแด่พระสงฆ์รูปใดรูปหนึ่ง สุดแท้แต่พระท่านจะมอบหมายกันเอง • การถวายกฐินมีความพิเศษแตกตางจาก
สมัยก่อนนั้นผ้าที่น�าไปทอดกฐินต้องมีขนาดพอเหมาะส�าหรับตัดเย็บเป็นจีวร สบง หรือสังฆาฏิ การทําทานทั่วไปอยางไร
อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ปัจจุบันนี้ใช้ผ้าส�าเร็จรูปแทน ซึ่งเป็นการช่วยอ�านวยความสะดวกให้แก่ (แนวตอบ เชน การถวายกฐินตองถวายเปน
พระสงฆ์ คือ ท่านไม่ต้องตัดเย็บ หรือย้อมด้วยตนเอง สังฆทานเทานั้น ถวายใหพระสงฆรูปใด
1 รูปหนึ่งไมได จํากัดเวลาวาตองถวายภายใน
๒) วัตถุประสงค์และความส�าคัญ ในการทอดกฐินมีวัตถุประสงค์และความส ละความส�าคัญ
ดังนี้ 1 เดือนหลังจากวันออกพรรษา พระสงฆ
๑. การทอดกฐินถือว่าเป็นการท�าบุญที่มีอานิสงส์ยิ่งกว่าการท�าบุญอื่นๆ เพราะ ผูรับกฐินตองเปนผูจําพรรษาในวัดโดยไม
หาโอกาสท�าได้ยาก ไม่เหมือนกับการท�าบุญอย่างอื่น ซึ่งจะท�าเมื่อใดก็ได้ ขาดพรรษา และจํานวนไมนอยกวา 5 รูป
๒. เป็นการอุปถัมภ์พระสงฆ์ให้มีเครื่องใช้ สับเปลี่ยนจากของเดิม หนึ่งกฐินรับไดเพียงปละ 1 ครั้ง เปนพระ
๓. เป็นการสืบต่อประเพณีทางพระพุทธศาสนาให้ต่อเนื่อง บรมพุทธานุญาตของพระพุทธเจา เปนตน)
๔. เป็นการเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนได้มีโอกาสท�าบุญสร้างกุศลร่วมกัน 3. ครูใหนกั เรียนศึกษาขอมูลเกีย่ วกับความเปนมา
๓) การปฏิบัติ การทอดกฐิน มีวิธีปฏิบัติ ดังนี้ ของกฐินในสมัยพุทธกาลวา กฐินเกิดขึ้น
๑. ก�าหนดระยะเวลาการทอดกฐิน เริ่มตั้งแต่วันแรม ๑ ค�่า เดือน ๑๑ ไปจนถึง จากมูลเหตุใด และเพราะเหตุใดพระพุทธเจา
วันขึน้ ๑๕ ค�า่ เดือน ๑๒ จะทอดก่อนหรือหลังจากนีไ้ ม่ได้ ส่วนจะเป็นวัดใดในช่วงระยะเวลาดังกล่าว จึงมีพระบรมพุทธานุญาตใหพระสงฆรับ
ขึ้นอยู่กับความสะดวกของเจ้าภาพและวัด ผาพระกฐินได
๒. วัดหนึ่งๆ จะรับผ้ากฐินหรือมีการทอดกฐินได้เพียงปีละครั้งเดียวเท่านั้น 4. ครูสุมใหนักเรียนที่เคยทอดกฐินตามวัดตางๆ
๓. วัดที่จะรับกฐิน จะต้องมีพระภิกษุสงฆ์อยู่จ�าพรรษาในวัดนั้นตั้งแต่ ๕ รูปขึ้นไป ออกมาเลาประสบการณและวิธีปฏิบัติในการ
ตลอด ๓ เดือน โดยไม่ขาดพรรษา และผ้ากฐินก็จะถวายแด่พระสงฆ์ที่อยู่ประจ�าวัดเดียวตลอด ทอดกฐิน แลวเปดโอกาสใหเพื่อนนักเรียน
พรรษา ซักถามเพิ่มเติม
๔. ผู้เป็นเจ้าภาพทอดกฐิน จะเป็นบรรพชิตหรือฆราวาสเพศใดๆ ก็ได้ แต่ถ้าเป็น
บรรพชิตต้องเป็นบรรพชิตต่างวัดกัน คือ พระภิกษุสงฆ์จะทอดกฐินในวัดที่ตนอยู่จ�าพรรษามิได้
145
กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
ครูใหนักเรียนศึกษาการทอดกฐินในประเทศไทย ไดแก กฐินหลวง 1 การทอดกฐิน เมื่อวัดไดรับการทอดกฐินแลว จะมีการนําธงรูปจระเขมาปกไว
กฐินตน กฐินพระราชทาน และกฐินราษฎร โดยใหนักเรียนระบุวาการทอด ที่หนาวัด เพื่อผูพบจะไดพลอยอนุโมทนาบุญ อยางไรก็ดี ธงจระเขมีขอสันนิษฐาน
กฐินทั้ง 4 แบบนี้ มีลักษณะสําคัญอยางไร และมีความแตกตางกันอยางไร 2 อยาง ดังนี้
แลวบันทึกสาระสําคัญ นํามาอภิปรายในชั้นเรียน • ความเชื่อที่ 1 ในสมัยโบราณนิยมแหผากฐินไปทอดตามวัดตางๆ โดย
ใชเรือเปนพาหนะ การเดินทางไปตามลํานํ้ามักมีอันตรายจากสัตวนํ้าอยู
เสมอ ดวยเหตุนี้จึงคิดอุบายทําธงจระเขปกหนาเรือ เปนทํานองประกาศ
ใหจระเขรับทราบการทําบุญกุศล จะไดพลอยอนุโมทนาและไมคิดที่จะทํา
อันตรายแกผูคนในกระบวนเรือ
• ความเชื่อที่ 2 เนื่องจากถือกันวาดาวจระเขเปนดาวสําคัญ การเคลื่อน
ขบวนทัพในสมัยโบราณตองคอยดูดาวจระเขขึ้น ซึ่งเปนเวลาจวนสวางแลว
แตเดิมผูจะไปทอดกฐินตองเตรียมเครื่องบริขารและผาองคกฐินไวอยาง
พรอมเพรียง แลวแหไปวัดในเวลาดาวจระเขขึ้น ไปสวางเอาที่วัด ตอมาจึง
มีผูคิดทําธงจระเข โดยถือวาดาวจระเขเปนดาวบอกเวลาเคลื่อนองคกฐิน
คูมือครู 145
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนชวยกันยกตัวอยางวา นอกจาก
การทอดผากฐินแลว ยังมีเครื่องบริวารกฐิน ๕. เครื่องกฐินประกอบด้วย ผ้ากฐินและเครื่องบริวารกฐิน ดังนี้
สิ่งใดบางที่สามารถนํามาถวายเปนเครื่องบริวาร (๑) ผ้ากฐิน เป็นส่วนที่ส�าคัญที่สุดจะขาดเสียมิได้ ผ้ากฐินนั้นพระพุทธเจ้า
กฐินได โดยใหนักเรียนชวยกันตอบในชั้นเรียน ทรงบัญั ญัตไิ ว้วา่ จะต้องมีขนาดกว้างยาวเพียงพอทีพ่ ระสงฆ์จะสามารถน�ามาตัดเย็บท�าเป็นผ้าสบง
2. ครูใหนักเรียนหาภาพผากฐินติดลงในสมุด และ จีวร หรือสังฆาฏิผืนใดผืนหนึ่ง โดยพระสงฆ์ช่วยกันท�าเอง ผ้ากฐินจะเป็นผืนเก่าหรือผืนใหม่ก็ได้
เขียนคําอธิบายใตภาพวาลักษณะสําคัญของ แต่ตอ้ งมีสสี นั เหมาะแก่การท�าเป็นเครือ่ งนุง่ ห่มของบรรพชิต เช่น สีขาว สีเหลือง หรือสีกรัก เป็นต้น
ผากฐินและเครื่องบริวารกฐินมีอะไรบาง ส�าหรับปัจจุบันนี้นิยมตัดเย็บและย้อมสีให้เสร็จ แล้วจึงน�าไปถวายเป็นการสงเคราะห์พระสงฆ์มิให้
3. ครูใหนักเรียนศึกษาพิธีกรานกฐินวาเปนอยางไร เกิดความยากล�าบาก เพราะต้องน�าผ้าไปตัด เย็บ ย้อมเป็นไตรจีวรเอง
และมีขั้นตอนการกรานกฐินอยางไร โดยบันทึก (๒) เครื่องบริวารกฐิน เราจะเห็นได้ว่าเวลาทอดกฐินนั้นมีเครื่องไทยธรรม
ลงในสมุด จากนั้นครูสุมใหนักเรียนออกมา มากมายหลายอย่างที่น�าไปถวายพระ ซึ่งตามความเป็นจริงแล้ว สิ่งของที่ส�าคัญมากที่สุดในการ
นําเสนอหนาชั้นเรียน และนักเรียนคนอื่นๆ ทอดกฐินอันจะขาดเสียมิได้กค็ อื ผ้ากฐิน ส่วนของอืน่ ๆ นัน้ เป็นเครือ่ งบริวารกฐิน จะมีหรือไม่มกี ็ได้
บันทึกความรูเพิ่มเติม แล้วแต่ความนิยม เครือ่ งบริวารกฐินอาจจ�าแนกเป็นเครือ่ งมือ เครือ่ งใช้สา� หรับการก่อสร้าง ภาชนะ
4. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 6.3 จากแบบวัดฯ ส�าหรับเก็บน�้า เช่น ถังเหล็ก ถังน�้า โอ่ง โต๊ะ ตู้ ถ้วย จาน ชาม ช้อน หลอดไฟฟ้า จตุปัจจัย เป็นต้น
พระพุทธศาสนา ม.2 ซึง่ เจ้าภาพจะจัดหาของสิง่ ใดมาเป็นเครือ่ งบริวารกฐินก็ได้ ถ้าของสิง่ นัน้ ไม่ขดั ต่อพระธรรมวินยั หรือ
ไม่น�าความเสียหายมาสู่พระภิกษุสงฆ์และพระพุทธศาสนาแล้วย่อมกระท�าได้ทั้งสิ้น
ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ ๖. พระภิกษุผู้ได้รับการถวายผ้ากฐิน เรียกว่า “พระผู้ครองกฐิน” ซึ่งเมื่อพระภิกษุ
พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 6.3
หนวยที่ 6 วันสําคัญทางพระพุทธศาสนาและศาสนพิธ�
ได้รบั ผ้ากฐินแล้ว ท่านจะเลือกเอาผ้าผืนใดผืนหนึง่ เป็นผ้ากฐินยกขึน้ ท�าพิธี ส่วนผ้าทีเ่ หลือ เรียกว่า
“ผ้าบริวารกฐิน” ส�าหรับเครื่องบริวารกฐินอื่นๆ
ที่ประชุมสงฆ์หรือเจ้าอาวาสจะแบ่งปันให้แก่
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
กิจกรรมที่ ๖.๓ ใหนักเรียนลําดับวิธีปฏิบัติศาสนพิธี พรอมทั้งบอกวาเปน ñð
ศาสนพิธีใด (ส ๑.๒ ม.๒/๓)
๒ เจาภาพจุดธุปเทียนบูชาพระรัตนตรัย กลาวอาราธนาศีลและรับศีล
……………..
พระภิกษุทกุ รูป ซึง่ ถ้าเป็นของใช้ เช่น เครือ่ งมือ
๔ ประเคนผากฐินใหพระภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง ถวายเครื่องบริวาร พระสงฆสวดอนุโมทนา
……………..
กรวดนํ้า ช่างไม้ ถ้วย จาน ชาม ช้อน แก้วน�้า เป็นต้น
๓ วางผาไตรบนแขนทั้งสอง ๒ ขาง กลาวคําบูชาพระรัตนตรัยและคําถวายผากฐิน
ก็จะตกเป็นของวัดเพือ่ ประโยชน์ใช้สอยส่วนรวม
……………..
๑ เตรียมเครือ่ งกฐินใหพรอม นําไปไวทพี่ ระอุโบสถหรือศาลาการเปรียญที่ใชประกอบพิธี
……………..
การทอดกฐิน
ศาสนพิธี……………………………………..
๗. การถวายกฐิน มักนิยมน�า
๑ แจงเจาอาวาสหรือพระภิกษุสงฆผมู หี นาทีน่ มิ นตพระในวัด พรอมแจงจํานวนพระสงฆ
……………..
ที่ตนตองการ บอกวัน เวลา และสถานที่
ผ้ากฐินและเครื่องบริวารไปจัดเตรียมไว้ก่อน
ฉบับ
เฉลย ๔ กรวดนํ้า อุทิศสวนกุศลใหแกบรรพบุรุษที่ลวงลับไปแลว
……………..
๒ เมือ่ พระสงฆมาพรอมแลว ทายก ทายิกา จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย กราบพระสงฆ
……………..
ที่พระอุโบสถหรือศาลาการเปรียญ ซึ่งจะใช้
แลวอาราธนาศีลและรับศีล กลาวคําถวายสังฆทาน
๓ ประเคนของ เสร็จแลวพระจะอนุโมทนาดวยบทยถาและสัพพี
……………..
เป็นสถานที่ในการประกอบพิธี เมื่อพระสงฆ์นั่ง
การถวายสังฆทาน
ศาสนพิธี……………………………………..
เรียบร้อยแล้ว ประธานในพิธี หรือเจ้าภาพ
๒ พระสงฆสวดอนุโมทนา เริม่ ตนดวยคําวา “ยถา วริวหา” หลัง่ นํา้ โดยนํา้ ทีร่ นิ ตองใหตอ เนือ่ ง
……………..
จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย แล้วกลับมานั่ง
เปนสาย
๑ เตรียมนํ้าใสภาชนะที่มีขนาดเล็ก
……………..
๔ นํานํา้ ไปเทลงบนพื้นดินที่สะอาดหรือในที่ที่เหมาะสม เชน โคนตนไม กระถางตนไม
ประเพณีทอดกฐินเป็นประเพณีทก่ี ระทำาหลังจากออกพรรษา ยังที่ที่จัดไว้ จากนั้นพิธีกรกล่าวค�าอาราธนาศีล
……………..
เปนตน
๓ รินนํ้าใหหมดเมื่อพระสงฆเริ่มสวด “สัพพีติโย”
เป็นการอุปถัมภ์พระสงฆ์ให้มสี งิ่ ของเครือ่ งใช้สบั เปลีย่ นจาก ทายกทายิการ่วมกันรับศีล
……………..
การกรวดนํ้า
ศาสนพิธี…………………………………….. ของเดิมหลังจากที่ใช้มาตลอดพรรษา
๕๖
146
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
ครูอธิบายเพิ่มเติมวา กรานกฐินเปนพิธีที่พระสงฆอยางนอย 5 รูปกระทํารวมกัน ขอใดไมใช เครื่องบริวารกฐินที่นําไปถวายพรอมผาองคกฐิน
เมื่อพระสงฆรับผากฐินแลวจะประชุมกันทําสังฆกรรม โดยยกผากฐินนั้นใหแก 1. สัปทน 2. กานวม
พระสงฆรูปหนึ่ง พระสงฆรูปนั้นนําผาไปซัก ตัด เย็บ และยอมใหเสร็จภายในวันนั้น 3. ขาวเปลือก 4. เทียนปาฏิโมกข
โดยทําเปนผาสังฆาฏิ ผาอุตราสงค (จีวร) หรือผาอันตรวาสก (สบง) เสร็จแลวก็ทํา วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะขาวเปลือกเปนวัตถุอนามาสหรือเปน
“พินทุกัปปะ” (การทําจุดเปนวงกลมที่มุมจีวรดวยสีเขียวครามหรือดําคลํ้า) จากนั้น สิ่งของที่พระพุทธเจาทรงหามมิใหพระสงฆจับตอง สวนขออื่นๆ เปน
อธิษฐาน วิธีการทั้งหมดนี้เรียกวา “กรานกฐิน” เมื่ออธิษฐานแลวพระสงฆผูกราน เครื่องบริวารกฐินได เพราะไมผิดพระวินัยของสงฆ
กฐินประกาศใหพระสงฆอนุโมทนา เรียกวา “อนุโมทนากฐิน” เมื่อพระสงฆ ขอ 1. กานวม คือ กาสําหรับรินนํ้าชา
อนุโมทนาแลวก็จะไดรับอานิสงสกฐิน คือ ไดรับยกเวนพระวินัยบางประการ เชน ขอ 3. เทียนปาฏิโมกข คือ เทียนสําหรับจุดในเวลาที่พระภิกษุสวด
ไปในที่ตางๆ โดยไมตองนําผาไตรจีวรติดตัวไปครบสามผืนได เปนตน อยางไรก็ดี พระปาฏิโมกขหรือคัมภีรที่รวมพระวินัยของสงฆ 227 ขอ โดยให
ในปจจุบันผากฐินสวนใหญเปนผาสําเร็จรูป กิจที่ตองทําเบื้องตน คือ ซัก ตัด เย็บ สวดในที่ประชุมสงฆทุกกึ่งเดือน เรียกวา สงฆทําอุโบสถ
และยอม ก็ไมตองทํา จึงไมมีพระสงฆผูกรานกฐิน แตทําเพียงพินทุกัปปะ อธิษฐาน ขอ 4. สัปทน คือ รมขนาดใหญ ทําดวยผาหรือแพรสีตางๆ มีระบาย
และอนุโมทนากฐิน ลอมรอบและมีดามยาว ซึ่งใชในการกั้นนาค ผาไตร
หรือพระพุทธรูป
146 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหตัวแทนนักเรียนออกมากลาวคําถวาย
การถวายผ้ากฐิน เจ้าภาพยกผ้าไตรวางบนแขนทั้ง ๒ ข้าง นั่งคุกเข่าประนมมือหันไป ผากฐินพรอมคําแปล และใหนักเรียน 2-3 คน
ทางพระพุ1ทธรูป แล้วกล่าวค�าบูชาพระรัตนตรัย คือ ตั้งนะโม ๓ จบ (ในบางแห่งจะมีการโยง ออกมาสาธิตการถวายผากฐิน จากนั้นเพื่อน
สายสิญจน์ แล้วกล่าวค�านมัสการพร้อมกัน) จากนั้นจึงหันหน้ามาทางพระสงฆ์ แล้วกล่าวค�าถวาย นักเรียนในหองกลาวนมัสการและคํากลาว
ผ้ากฐิน ดังนี้ ถวายผากฐินพรอมกัน
2. ครูใหนักเรียนเขียนสรุปประโยชนที่ตัวนักเรียน
ค�าอ่าน อิมัง สะปะริวารัง กะฐินะจีวะระทุสสัง สังฆัสสะ โอโณชะยามะ (ว่า ๓ ครั้ง) ไดรับจากการถวายผากฐินและประโยชนที่
ค�าแปล ข้าพเจ้าทัง้ หลาย ขอน้อมถวายผ้ากฐินจีวรพร้อมทัง้ ของบริวารนี้ แด่พระภิกษุสงฆ์ พระสงฆไดรบั จากการถวายผากฐิน โดยบันทึก
ลงในสมุดและนําสงครูผูสอน
เมื่อกล่าวค�าถวายจบแล้ว ให้น�าผ้ากฐินประเคนให้แก่พระภิกษุรูปใดรูปหนึ่งหรือจะวาง 3. ครูนําสนทนาเกี่ยวกับการทอดผาปา และตั้ง
ไว้ตรงหน้าเฉยๆ ก็ได้ ต่อจากนี้ผู้มาร่วมพิธีช่วยกันถวายเครื่องบริวารแด่พระภิกษุสงฆ์ทุกรูป คําถามวา
พระสงฆ์จะสวดอนุโมทนา ทายกทายิกากรวดน�้าตั้งใจอุทิศผลบุญให้แก่สรรพสัตว์ร่วมโลกเป็น • เพราะเหตุใด จึงเกิดประเพณีการทอดผาปา
อันเสร็จพิธี มาแตครั้งสมัยพุทธกาล
(แนวตอบ เพราะประชาชนเห็นความยาก
2.8 การทอดผ้าปา ลําบากของพระสงฆที่ตองหาผาตามปา
๑) ความเป็นมาและความหมาย ผ้าป่า หมายถึง ผ้าที่ไม่มีเจ้าของ วางทิ้งอยู่ และยังตองเอาผามาซักฟอก ยอมฝาด
ตามป่า ป่าช้า หรือพาดอยูต่ ามกิง่ ไม้ ประเพณีการทอดผ้าป่ามีมาตัง้ แต่ครัง้ พุทธกาล โดยในสมัยนัน้ ตัดเย็บเอง ดวยมูลเหตุนี้ประชาชนจึงนํา
พระพุทธองค์มิได้ทรงอนุญาตให้ 2 พระภิกษุสงฆ์รับผ้าไตรจีวรจากชาวบ้าน เพียงแต่ทรงอนุญาตให้ ผาที่เปนจีวรสําเร็จรูปไปทอดทิ้งตามปา
พระสาวกแสวงหาผ้าบังสุกลุ คือ ผ้าทีเ่ ปือ้ นฝุน่ เพือ่ ใหพระสงฆชกั ผาปาไปทําเปนผาไตรจีวร)
เศษผ้าจากกองขยะ หรือผ้าห่อซากศพซึ่งเขา 4. ครูใหนกั เรียนศึกษาวาผาไตรจีวร ผากาสาวพัสตร
วางทิ้งไว้ตามป่าช้า เอามาซักฟอก ย้อมฝาด และผาบังสุกลุ มีลกั ษณะเชนใด และแตกตาง
ตัดเย็บ ท�าเป็นผ้ากาสาวพัสตร์๑ กันอยางไร
ภายหลังประชาชนเห็นความยาก
ล� า บากของพระสงฆ์ ใ นการน� า ผ้ า ที่ ผ่ า นการ
ใช้แล้วไปซักล้าง ย้อม และตัดเย็บใหม่ จึงเอา
ผ้าดีๆ ท�าเป็นจีวรส�าเร็จรูป น�าไปทอดทิง้ ตามป่า
ป่าช้า หรือกิ่งไม้ สุดแท้แต่พระภิกษุสงฆ์รูปใด
มาพบเข้าก็ชักเอาไป
๒
แม้พระพุทธองค์เองก็ทรงปฏิบัติเช่นนี้ ดังมีเรื่องเล่าไว้ใน
อรรถกถาว่า ครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าทรงน�าผ้าบังสุกุล ซึ่งเป็นผ้าพัน การทอดผ้าป่าเป็นพิธีทำาบุญที่พุทธศาสนิกชนสามารถ
ซากศพของนางปุณณทาสี น�ามาซักฟอกย้อมฝาดเป็นเครื่องนุ่งห่ม
ส�าหรับพระองค์ กระทำาได้ตลอดปี
147
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
ขอใด ไมใช ลักษณะสําคัญของการทอดกฐิน
1 สายสิญจน คือ ดายดิบสีขาวที่นํามาจับทบเปน 3 เสน หรือ 9 เสน โดยใช
1. วัดหนึ่งจะรับผากฐินไดปละ 1 ครั้ง
ในพิธีกรรมทางศาสนา สําหรับพระถือขณะประนมมือเจริญพระพุทธมนต เชน
2. การทอดกฐินสามารถทําไดตลอดทั้งป
ในเวลาทําบุญที่บาน นิยมใชสายสิญจนวงรอบบานโดยเวียนขวา คือ วนใหอยูทาง
3. การทอดกฐินจะตองนําผากฐินไปวางหนาพระสงฆอยางนอย 5 รูป
ขวามือแลวโยงมาวนขวาที่ฐานพระพุทธรูปอีกรอบหนึ่งหรือ 3 รอบ จากนั้นจึงโยง
4. วัดที่ไดรับการทอดกฐินแลว จะมีธงรูปจระเขปกไวที่หนาวัด
มาวางไวบนพานรอง
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. การทอดกฐินสามารถทําไดเพียงปละ 1 ครั้ง 2 บังสุกุล มาจากภาษาบาลีวา ปสุ (อานวา ปง-สุ) แปลวา ฝุน และคําวา กุล
เทานั้น คือ ตั้งแตวันแรม 1 คํ่า เดือน 11 ถึง วันขึ้น 15 คํ่า เดือน 12 (อานวา กุ-ละ) แปลวา เปอน คลุก บังสุกุลจึงแปลวา คลุกฝุน เปอนฝุน ซึ่งเปน
จะทอดกอนหรือหลังจากนี้ไมได แตกตางจากการทอดผาปาที่สามารถทําได คําที่ใชเรียกผาที่พระภิกษุชักจากศพ หรือผาที่ทอดไวหนาศพ หรือผาที่ทอดไวบน
ตลอดทั้งป ดายสายสิญจน ในสมัยพุทธกาลพระภิกษุตองแสวงหาผาที่เขาทิ้งแลวจากกองขยะ
หรือจากปาชามาทําจีวรใช ผาเหลานั้นสวนใหญจะเปอนฝุนหรือสกปรก จึงเรียกวา
บังสุกุล
คูมือครู 147
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูนําอภิปรายเกี่ยวการทอดผาปา และตั้ง
คําถามเชิงวิเคราะหวา ๒) วัตถุประสงค์และความส�าคัญ การทอดผ้าป่ามีวตั ถุประสงค์และความส�าคัญ ดังนี้
• การทอดผาปาและการทอดกฐินมีความ ๑. ธ�ารงรักษาไว้ซึ่งขนบประเพณีอันดีงาม
เหมือนและแตกตางกันอยางไร ๒. เพือ่ แสดงว่าผูท้ อดผ้าป่ามีความเลือ่ มใสศรัทธา มีความบริสทุ ธิท์ างใจทีจ่ ะท�าบุญ
(แนวตอบ การทอดผาปาและผากฐินเหมือนกัน สร้างกุศล ขจัดความตระหนี่ถี่เหนียว
ตรงที่นิยมจัดเครื่องบริวาร เชน จตุปจจัย ๓. เพื่อสร้างความสามัคคีในหมู่พุทธศาสนิกชน
ตางๆ ถวายพรอมกับผา การทอดผาปาเปน ๔. เพือ่ ช่วยสงเคราะห์มใิ ห้พระภิกษุสงฆ์ตอ้ งเกิดความล�าบากในการเทีย่ วแสวงหา
สังฆทานไมเจาะจงพระสงฆรูปใดรูปหนึ่ง ผ้าบังสุกุลมาท�าเป็นเครื่องนุ่งห่ม ท่านจะได้1มีเวลาบ�าเพ็ญสมณกิจอย่างเต็มที่
เหมือนการทอดกฐิน และสามารถทอดผาปา ๓) การปฏิบัติ การทอดผ้าป่ามีวิธีการปฏิบัติ ดังนี้
รวมกันหลายคนเปนผาปาสามัคคีเชนเดียวกับ ๑. การทอดผ้าป่า ไม่มีการจ�ากัดเวลา คือ ทอดได้ตลอดปี และจะทอดกี่ครั้งก็ได้
กฐินสามัคคี แตการทอดผาปาไมมีการจํากัด แต่ต้องมีผ้าบังสุกุลอย่างน้อย ๑ ผืน
เวลา ทอดกี่ครั้งก็ได และใชผาบังสุกุลเปน ๒. นอกจากจะมีผา้ บังสุกลุ เป็นหลักส�าคัญแล้ว เครือ่ งบริวารผ้าป่ายังประกอบด้วย
หลักสําคัญ ในขณะที่การทอดกฐินจะกระทํา ปัจจัยต่างๆ และเครื่องไทยธรรม กล่าวคือ เครื่องบริวารจะเป็นของสิ่งใดก็ได้ที่ไม่ขัดต่อพระธรรม
ไดเพียงปละ 1 ครั้ง ตั้งแตวันแรม 1 คํ่า วินัย และไม่น�าความเสื่อมเสียมาสู่พระสงฆ์และพระพุทธศาสนา เป็นอันใช้ได้ทั้งสิ้น
เดือน 11 ไปจนถึง วันขึ้น 15 คํ่า เดือน 12 ๓. การทอดผ้าป่าเป็นสังฆทาน ไม่เจาะจงว่าพระภิกษุสงฆ์รูปใดจะเป็นผู้รับ
จะทอดกอนหรือหลังจากนี้ไมได) ๔. การทอดผ้าป่าจะกระท�าเป็นส่วนตัวหรือรวมกันหลายคนเป็นผ้าป่าสามัคคีก็ได้
2. ครูใหนักเรียนยกตัวอยางวาการทอดผาปาถูก
นํามาใชในกิจกรรมอะไรบาง เพื่อขอความ
รวมมือใหกิจกรรมนั้นประสบความสําเร็จ โดย
ชวยกันตอบในชั้นเรียน
(แนวตอบ ผาปาหนังสือ ผาปาทุนการศึกษา
ผาปากองทุนเลาเรียนหลวง ผาปาสมทบทุนงาน
บุญกุศลตางๆ เชน สรางพระอุโบสถ โรงอาหาร
อาคารเรียน เปนตน)
3. ครูนําตนผาปามาตั้งในหองเรียนและใหนักเรียน
รวมทําบุญ
นอกจากการทอดผ้าป่าจะช่วยให้เกิดความบริสุทธิ์ทางใจแล้ว ยังช่วยส่งเสริมความสามัคคีในชุมชนอีกด้วย
148
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
ขอใดกลาวไม ถูกตองเกี่ยวกับการทอดผาปา
1 ผาปา มีชื่อเรียกหลายอยางดวยกัน ทั้งนี้ขึ้นอยูกับลักษณะตางๆ ในการจัด
1. ทอดไดตลอดทั้งปไมจํากัดเวลา
ผาปา ดังนี้
2. ผาบังสุกุลถือเปนของสําคัญที่สุดในการทอดผาปา
• ผาปาหางกฐิน คือ ผาปาที่เจาภาพผูทอดกฐินนําไปพรอมกับองคกฐิน
3. ควรเจาะจงพระภิกษุสงฆรูปใดรูปหนึ่งเปนผูรับ
ไปทอดตามวัดตางๆ ที่ขบวนกฐินผาน หรือทอดที่วัดที่ทอดกฐิน
4. การรวมกันเปนหมูคณะนําผาปาไปทอดที่วัด เรียกวา ผาปาสามัคคี
• ผาปาโยง คือ ผาปาที่มีหลายเจาภาพ แตละเจาภาพจะจัดกองผาปามา
จึงมีผาปาหลายกอง บรรทุกยานพาหนะไปทอดตามวัดตางๆ ในสมัยกอน วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะการทอดผาปาถือเปนสังฆทาน
เจาภาพกองผาปาแตละกองจะนําผาปาบรรทุกเรือพวงกันไปหลายเจาภาพ จึงไมควรเจาะจงใหพระภิกษุสงฆรูปใดรูปหนึ่งเปนผูรับ แตการทอดผาปา
และหลายกองจึงเรียกวา ผาปาโยง สามารถกระทําไดตลอดทั้งปไมจํากัดเวลา แตกตางจากการทอดกฐินที่
• ผาปาสามัคคี คือ ผาปาที่มีการแจกใบฎีกา (ใบที่ทางวัดประกาศเชิญชวน ทําไดเพียงปละ 1 ครั้ง และผาบังสุกุลหรือผาปาถือเปนของสําคัญที่สุดใน
ใหญาติโยมไปรวมบุญเนื่องในวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา) บอกผูมี การทอดผาปา แตจะมีเครื่องบริวารอื่นๆ ที่ไมขัดตอพระธรรมวินัยและ
จิตศรัทธาชวยกันบริจาคเงินมากนอยตามศรัทธา แลวรวมกันนําไปทอด ไมสรางความเสื่อมเสียแกพระพุทธศาสนาก็ได สวนการแจกฎีกาบอกบุญ
ที่วัด ไปยังผูมีจิตศรัทธาใหชวยกันบริจาคเงิน แลวรวมกันนําผาปาไปทอดที่วัด
เรียกวา ผาปาสามัคคี
148 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
1. หลังจากรวบรวมเงินที่ตนผาปาเรียบรอยแลว
๕. การท�าพิธีทอดผ้าป่า เนื่องจากในปัจจุบันบ้านเมืองมีความเจริญมากขึ้น จึงมี ครูสุมใหนักเรียนออกมานํากลาวคําถวาย
การท�าเลียนแบบธรรมเนียมดั้งเดิม ด้วยการตัดกิ่งไม้น�าไปปักที่ศาลาการเปรียญ กุฏิ แล้ววาง ผาปาพรอมคําแปล เพื่อนนักเรียนในหองกลาว
ผ้าบังสุกุลตลอดจนเครื่องบริวารอื่นๆ ทอดไว้บนกิ่งไม้นั้น เจ้าภาพจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย คําถวายพรอมกัน จากนั้นสงตัวแทนนักเรียน
แล้วกล่าวค�าถวายผ้าป่า ดังนี้ ไปทอดผาปาที่วัดใกลโรงเรียน
2. ครูใหนักเรียนบันทึกขั้นตอนการถวายผาปา
ค�าอ่าน อิมานิ มะยัง ภันเต ปังสุกูละจีวะรานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ และวัตถุประสงคสําคัญของการทอดผาปา
โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต ภิกขุสังโฆ อิมานิ ปังสุกูละจีวะรานิ ลงในสมุดและสงครูผูสอน
สะปะริวารานิ ปะฏิคคัณหาตุ อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ
ค�าแปล ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายผ้าบังสุกุลจีวร ขยายความเขาใจ Expand
พร้อมด้วยของบริวารเหล่านั้นแด่พระสงฆ์ ขอพระสงฆ์จงรับผ้าบังสุกุลจีวร 1. ครูนิมนตพระสงฆมาเทศนาถึงวิธีปฏิบัติ
พร้อมด้วยของบริวารเหล่านั้นของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์และ เกี่ยวกับศาสนพิธีตางๆ จากนั้นใหนักเรียน
ความสุขแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย ตลอดกาลนานเทอญ สาธิตวิธีปฏิบัติในการถวายสังฆทานและ
ถวายภัตตาหาร แลวครูซักถามถึงวิธีปฏิบัติ
เมื่อกล่าวค�าถวายผ้าป่าแล้ว พระสงฆ์สวดอนุโ1มทนา กรวดน�้า เป็นอันเสร็จสิ้นพิธี ในขั้นตอนตางๆ เพื่อใหนักเรียนปฏิบัติได
แต่บางกรณีก็อาจมีพระธรรมเทศนาสั้นๆ เกี่ยวกับกุศลกรรมของการทอดผ้าป่าประกอบด้วยก็ได้ อยางถูกตอง
ในสังคมไทยได้มีการก�าหนดให้วันส�าคัญต่างๆ ทางพระพุทธศาสนาจ�านวนหลายวัน 2. ครูใหนักเรียนเขียนสรุปความสําคัญและ
ให้ถือเป็นวันหยุดราชการ ทั้งนี้ เพื่อให้เห็นคุณค่าความส�าคัญของเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ วิธีปฏิบัติศาสนพิธีตางๆ ไดแก การทําบุญ
พระพุทธศาสนาในวันนัน้ ๆ แล้วยังเป็นการเปิดโอกาสให้พทุ ธศาสนิกชนชาวไทยได้มเี วลาปฏิบตั ธิ รรม ตักบาตร การถวายภัตตาหาร การถวาย
ประกอบศาสนกิจได้อย่างเต็มที่อีกด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีศาสนพิธีต่างๆ ที่นักเรียนควรเรียนรู้ สังฆทาน การถวายผาอาบนํ้าฝน การจัดและ
ท�าความเข้าใจ เพื่อจะได้ปฏิบัติตนในการเข้าร่วมศาสนพิธีดังกล่าวได้อย่างถูกต้อง ซึ่งเป็น ถวายเครื่องไทยธรรม เครื่องไทยทาน
ศาสนพิธีที่เราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการท�าบุญตักบาตร การถวายภัตตาหาร การถวาย การกรวดนํ้า การทอดกฐิน และการทอดผาปา
ผ้าอาบน�้าฝน การถวายเครื่องไทยธรรม เครื่องไทยทาน การกรวดน�้า การทอดกฐิน และการ ลงในสมุดและสงครูผูสอน
ทอดผ้าป่า
ตรวจสอบผล Evaluate
ตรวจสอบจากการเขียนสรุปความสําคัญและ
วิธีปฏิบัติศาสนพิธีตางๆ
149
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
ขอใดเปนลักษณะสําคัญของประเพณีการทอดผาปา
1 กุศลกรรม หรือกุศลกรรมบถ มี 10 ประการ ไดแก งดเวนจากการฆาสัตวที่มี
1. การทอดผาปาไมมีการจํากัดเวลา
ชีวิตใหตาย งดเวนจากการลักขโมยสิ่งของและไมใชใหผูอื่นลักขโมย ไมหลอกลวง
2. วัดตางๆ รับทอดผาปาไดปละ 1 ครั้ง
ใหผูอื่นตองเสียทรัพยและชื่อเสียง งดเวนจากการประพฤติผิดในกามทั้งหลาย
3. มีพระสงฆอยางนอย 5 รูปในการรับทอดผาปา
งดเวนจากการพูดเท็จ งดเวนจากการพูดสอเสียด งดเวนจากการพูดจาหยาบคาย
4. ทอดในชวงแรม 1 คํ่า เดือน 11 ถึง ขึ้น 15 คํ่า เดือน 12
งดเวนจากการพูดเพอเจอ ไมโลภอยากไดของผูอื่นมาเปนของตน ไมพยาบาท
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เพราะการทอดผาปาทําไดตลอดป ปองรายเขา และเห็นชอบตามทํานองคลองธรรม
และทอดกี่ครั้งก็ได นิยมทอดในชวงเทศกาลปใหม วันตรุษสงกรานต
สวนขอ 2. ขอ 3. และขอ 4. เปนลักษณะสําคัญของการทอดกฐิน
มุม IT
ศึกษาคนควาเพิ่มเติมวาทําบุญอยางไรไดบุญสูงสุด ไดที่
http://www.budsakaeo.org/boon.htm
เว็บไซตสํานักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสระแกว
คูมือครู 149
ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Evaluate
Engage Explore Explain Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
ตรวจสอบความถูกตองในการตอบคําถาม
ประจําหนวยการเรียนรู ค íา¶ามประจ íาหน่วยการเรียนรู้
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู ๑. นักเรียนสามารถน�าหลักธรรมในวันวิสาขบูชาไปใช้ในการพัฒนาตนเองได้อย่างไรบ้าง
๒. วันธรรมสวนะหรือวันพระมีประโยชน์ต่อพุทธศาสนิกชนเช่นใด นักเรียนมีวิธีปฏิบัติตน และ
1. ตารางบันทึกความดีของนักเรียนในชีวติ ประจําวัน ในการฟังธรรมในวันพระอย่างไร
2. ผังมโนทัศนสรุปสาระสําคัญของวันสําคัญทาง ๓. ในวันส�าคัญทางพระพุทธศาสนา นักเรียนควรที่จะปฏิบัติตนอย่างไรจึงจะได้ช่ือว่าเป็น
พระพุทธศาสนา พุทธศาสนิกชนทีด่ ี บอกมาอย่างน้อย ๔ ข้อ
3. บันทึกการเขารวมศาสนพิธีและสิ่งที่นักเรียนพึง ๔. จงอธิบายขัน้ ตอนการท�าบุญถวายภัตตาหารแด่พระในงานมงคลตามทีน่ กั เรียนเข้าใจ
ปฏิบัติในวันธรรมสวนะ ๕. นักเรียนคิดว่าจ�าเป็นหรือไม่ทค่ี นไทยจะต้องศึกษาและท�าความเข้าใจเกีย่ วกับวิธปี ฏิบตั ติ น
4. การเขียนสรุปความสําคัญและวิธีปฏิบัติ ในศาสนพิธี จงแสดงความคิดเห็น
ศาสนพิธีตางๆ
กิจกรรมสร้างสรรค์พั²นาการเรียนรู้
พุทธศาสนสุภาษิต
Ê·Ú¸Õ¸ ÇÔµÚµí »ØÃÔÊÊÚÊ àʯþ€Úí : ÈÃÑ·¸Ò໚¹·ÃѾ»ÃÐàÊÃÔ°¢Í§¤¹ã¹âÅ¡¹Õé
150
แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. หลักธรรมที่เกี่ยวเนื่องในวันวิสาขบูชา คือ อริยสัจ 4 อันประกอบดวย ทุกข สมุทัย นิโรธ และมรรค เราสามารถนํามาปรับประยุกตใชเพื่อการพนทุกขหรือแกปญหาใน
ชีวิตประจําวันได กลาวคือ เมื่อมีปญหาหรือความทุกขใหพิจารณาสาเหตุอยางมีสติ และหาวิธีการแกปญหาอยางถูกตองเหมาะสม ก็จะทําใหเราแกปญหาได
2. ประโยชนของวันธรรมสวนะหรือวันพระ คือ ไดทาํ บุญ ไดฟง ธรรมจากพระสงฆ ทําใหปฏิบตั ติ นตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาไดถกู ตอง วิธปี ฏิบตั ติ นในการฟงธรรม
คือ ตั้งใจฟงดวยความสํารวม คิดพิจารณาและวิเคราะหตามเนื้อหาธรรมะนั้นๆ เพื่อใหเกิดความเขาใจอยางถองแท
3. ทําบุญตักบาตร ฟงพระธรรมเทศนา บําเพ็ญประโยชนสาธารณประโยชน และเวียนเทียน
4. ขั้นตอนการทําบุญถวายภัตตาหารแดพระในงานมงคล มีดังนี้
1) นิมนตพระสงฆตอเจาอาวาส บอกวัน เวลา สถานที่ และจํานวนพระสงฆตามที่ตองการ โดยไมเจาะจงรูปใดรูปหนึ่ง
2) จัดเตรียมภัตตาหารที่สะอาด เปนของดี ประณีต หามาไดดวยความสุจริต และไมเปนอาหารตองหามตามพุทธบัญญัติ เชน เนื้อ 10 ชนิด ของดิบ เปนตน
3). เมื่อพระสงฆมาพรอม นําภัตตาหารมาตั้งหนาพระสงฆ จากนั้นจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย กลาวคําบูชาพระรัตนตรัย อาราธนาศีล สมาทานศีล
4) กลาวคําถวายภัตตาหาร จากนั้นประเคนภัตตาหารแดพระสงฆ
5) เมื่อพระสงฆอนุโมทนา เจาภาพกรวดนํ้า
5. จําเปนอยางยิ่ง เพื่อใหสามารถปฏิบัติตนไดถูกตองตามระเบียบแบบแผนทางศาสนาที่มีมาตั้งแตสมัยพุทธกาล รวมทั้งยังเปนการสืบทอดประเพณีที่ดีงาม และสราง
ความเปนสิริมงคลแกผูปฏิบัติ
150 คูมือครู
กระตุน้ ความสนใจ
Engage ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
หน่วยการเรียนรู้ที่
การบริหารจิต
๗ 1. อธิบายความหมายและความสําคัญของ
การบริหารจิตและการเจริญปญญาได
2. บอกวิธีการปฏิบัติและประโยชนของการ
บริหารจิตตามแนวทางศาสนาที่ตนนับถือ
และการเจริญปญญา 3. นําวิธีการบริหารจิตตามหลักอานาปานสติ
และวิธีคิดแบบโยนิโสมนสิการไปใชในชีวิต
ประจําวันได
4. สวดมนตและแผเมตตาไดอยางถูกตอง
รวมถึงแปลความหมายของบทสวดมนตนนั้ ได
ตัวชี้วัด
สมรรถนะของผูเรียน
● เห็นคุณค่าของการพัฒนาจิต เพื่อการเรียนรู้ 1. ความสามารถในการคิด
และดำาเนินชีวติ ด้วยวิธคี ดิ แบบโยนิโสมนสิการ
คือ วิธีคิดแบบอุบายปลุกเร้าคุณธรรม และ 2. ความสามารถในการแกปญหา
วิ ธี คิ ด แบบอรรถธรรมสั ม พั น ธ์ หรื อ การ
พัฒนาจิตตามแนวทางของศาสนาทีต่ นนับถือ 3. ความสามารถในการใชทักษะชีวิต
(ส ๑.๑ ม.๒/๙)
● สวดมนต์ แผ่ เ มตตา บริ ห ารจิ ต และเจริ ญ
ปัญญาด้วยอานาปานสติหรือตามแนวทาง
ของศาสนาที่ตนนับถือ (ส ๑.๑ ม.๒/๑๐) คุณลักษณะอันพึงประสงค
1. รักชาติ ศาสน กษัตริย
สาระการเรียนรู้แกนกลาง 2. ซือ่ สัตยสุจริต
● พัฒนาการเรียนรูด้ ว้ ยวิธคี ดิ แบบโยนิโสมนสิการ 3. ใฝเรียนรู
๒ วิธี คือ วิธีคิดแบบอุบายปลุกเร้าคุณธรรม
และวิธีคิดแบบอรรถธรรมสัมพันธ์
● สวดมนต์แปลและแผ่เมตตา
เกร็ดแนะครู
ครูควรจัดกิจกรรมการเรียนรูเพื่อใหนักเรียนสามารถอธิบายความหมายและ
ความสําคัญของการบริหารจิตและการเจริญปญญา สามารถนําวิธีการบริหารจิต
ตามหลักอานาปานสติและวิธีคิดแบบโยนิโสมนสิการไปใชในชีวิตประจําวัน
ตลอดจนสวดมนตและแผเมตตาไดถูกตอง โดยเนนการพัฒนาทักษะการคิดและ
ทักษะการนําไปใช ดังนี้
• ใหนักเรียนแตละคนผลัดเปลี่ยนกันนําสวดมนต เชน บทกราบพระรัตนตรัย
นมัสการพระพุทธเจา ไตรสรณคมน บทถวายพรพระ บทแผเมตตา เปนตน
รวมถึงสาธิตการจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย และการกราบเบญจางคประดิษฐ
ที่ถูกตอง
• ฝกใหนักเรียนสวดมนตแปลในชั้นเรียน โดยสามารถอธิบายถึงความหมาย
ของบทสวดมนตนั้น
• จัดใหมีการปฏิบัติเดินจงกรม สวดมนต และฝกนั่งสมาธิ
คู่มือครู 151
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
Engage Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
ครูใหนักเรียนชวยกันยกตัวอยางประโยชนของ
การบริหารจิตหรือการนั่งสมาธิ ๑. การบริหารจิตและการเจริญปัญญา
(แนวตอบ เชน มีสติสัมปชัญญะ เกิดปญญา
การบริหารจิต หมายถึง การฝึกฝนอบรมจิตใจให้ดีงาม นุ่มนวล มีความหนักแน่น มั่นคง
เรียนหนังสือไดดี มีสมาธิ เปนตน)
แข็งแกร่ง ผ่อนคลาย และสงบสุข ซึง่ มีการฝึกเพือ่ ให้บรรลุผลดังกล่าวมากมาย หลายวิธี ส่วนการ
เจริญปัญญานั้น คือ การฝึกให้รู้จักคิด หรือที่เรียกว่า “คิดเป็น แก้ปัญหาเป็น” นั่นเอง
ส�ารวจค้นหา Explore การเจริญปัญญา หมายถึง การส่งเสริมพัฒนาปัญญาให้เกิดขึ้น ด้วยการฝึกอบรม (ภาวนา)
1. ครูใหนักเรียนศึกษาเกี่ยวกับการบริหารจิตจาก ให้เกิดความรู้และเข้าใจสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริง การใช้ปัญญาเป็นสิ่งส�าคัญอย่างยิ่งในสังคม
หนังสือสวดมนตหรือหนังสือธรรมะที่มีแนวทาง ปัจจุบัน เพราะเราต้องใช้ข้อมูลข่าวสาร (สารสนเทศ) เป็นพื้นฐานในการเลือก ตัดสินใจ และ
เกีย่ วกับการนัง่ สมาธิ เพือ่ ใหการนัง่ สมาธิไดผลดี แก้ปญั หาทุกระดับ ไม่วา่ จะเป็นด้านการศึกษาเล่าเรียน การประกอบอาชีพ ความเป็นอยูใ่ นครอบครัว
ยิ่งขึ้น และการมีบทบาทช่วยเหลือสังคม ดังนั้น เพื่อให้ตัดสินใจไม่ผิดพลาดและสามารถด�ารงชีวิตได้
2. ครูใหนักเรียนศึกษาการสวดมนตบทตางๆ สัมพันธ์สอดคล้องกับสภาพการณ์ของสังคม การฝึกพัฒนาปัญญาและวิธีคิดตามหลักพระพุทธ
พรอมความหมาย เชน บทกราบพระรัตนตรัย ศาสนาจึงเป็นความจ�าเป็นอย่างยิ่งส�าหรับนักเรียน
บทถวายพรพระ บทอาราธนาศีล เปนตน 1.1 ประโยชน์ของการบริหารจิตและการเจริญปัญญา
เพื่อใหนักเรียนเกิดความเขาใจและเขาถึง ประโยชน์ของการบริหารจิตและการเจริญปัญญามีอยู่มากมาย ซึ่งในที่นี้จะกล่าวเน้นเฉพาะ
คําสอนของพระพุทธเจามากขึ้น ประโยชน์ของการน�าไปใช้ในชีวิตประจ�าวัน ซึ่งมีดังนี้
3. ครูใหนกั เรียนศึกษาการบริหารจิตในหนังสือเรียน ๑. ท�าให้จิตใจสบาย หายเครียด มีความสุขผ่องใส
หนา 152-157 ๒. หายจากการวิตกหวาดกลัว หายกระวนกระวาย
๓. หลับง่าย หลับสนิท ไม่ฝันร้าย
อธิบายความรู้ Explain สัง่ ตัวเองได้ เช่น ก�าหนดให้หลับ ให้ตนื่ ตามเวลา
1. ครูสุมใหนักเรียน 2-3 คน ออกมาอธิบาย ที่ต้องการ
เกีย่ วกับวิธกี ารนัง่ สมาธิทถี่ กู ตอง จากนัน้ ๔. มีความว่องไว กระฉับกระเฉง
ครูตั้งคําถามใหนักเรียนตอบวา เมื่อนักเรียน รู้จักตัดสินใจเหมาะแก่สถานการณ์
นั่งสมาธิอยางถูกตองแลว นักเรียนมีความรูสึก ๕. มีความเพียรพยายามแน่วแน่ใน
อยางไรบาง จุดหมาย มีความใฝ่สัมฤทธิ์สูง1
2. ครูใหนักเรียนปฏิบัติการนั่งสมาธิในหองเรียน ๖. มีสติสมั ปชัญญะ มีความรูเ้ ท่าทัน
ประมาณ 10 นาที จากนั้นใหนักเรียนบันทึก ปรากฏการณ์ ยับยั้งชั่งใจได้ดีเยี่ยม
ประโยชนของสมาธิที่สามารถนําไปใชในชีวิต ๗. มี ป ระสิ ท ธิ ภ าพในการท� า งาน
ประจําวันได เช่น เรียนหนังสือเก่ง ท�ากิจการงานทุกอย่าง
3. ครูใหนักเรียนชวยกันวิเคราะหวา เพราะเหตุใด ส�าเร็จด้วยดี
การนั่งสมาธิจึงทําใหเกิดสติปญญา บุคคลที่มีสมาธิในการทำางานจะช่วยให้ทำางานได้อย่างมี ๘. ส่งเสริมความจ�า และสมรรถภาพ
ประสิทธิภาพ
ทางสมอง
152
ขอสอบ O-NET
เกร็ดแนะครู ขอสอบป ’ 52 ออกเกี่ยวกับประโยชนของการบริหารจิต
ครูแนะนําเรื่องการบริหารจิตวา กอนการนั่งสมาธิควรรักษาจิตใจใหมีความสงบ จุดมุงหมายของ “จิตภาวนา” คือขอใด
ในระดับหนึ่ง เพราะหากจิตใจฟุงซาน กระวนกระวาย จะไมสามารถนั่งสมาธิได 1. การสวดออนวอนใหบรรลุผล
ซึ่งเปนอุปสรรคสําคัญที่คนจํานวนมากไมสามารถนั่งสมาธิได จึงควรเริ่มตนดวย 2. การสรางความสงบในจิตใจ
การเดินจงกรมและการสวดมนตออกเสียง อยางไรก็ดี การสวดมนตจะสวดเปน 3. การมีระเบียบวินัย สํารวมกายวาจา
ภาษาใดก็ไดตามแตสะดวก ไมจําเปนตองสวดเปนภาษาบาลี เพียงแตภาษาบาลี 4. การแผความดีไปสูมวลมนุษย
เปนภาษาดั้งเดิมที่ใชในการสืบทอดพระพุทธศาสนา และเมื่อจิตใจสงบไดระดับหนึ่ง วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เนื่องจากการบริหารจิตหรือ “จิตภาวนา”
จึงจะสามารถนั่งสมาธิไดอยางสงบและมีประสิทธิผลมากขึ้น มีจุดมุงหมายสําคัญ คือ ทําใหจิตใจเกิดความสงบ สบาย ผอนคลาย
ไมเครียด ลดความวิตกกังวล ชวยใหการเรียนและการทํางานมี
ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังนั้น คําตอบที่ถูกตองที่สุดจึงเปนขอ 2.
นักเรียนควรรู
1 สติสัมปชัญญะ หมายถึง ความระลึกไดและความรูสึกตัวดวยความรอบคอบ
152 คู่มือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. ครูใหนักเรียนระดมสมองวา กอนการนั่งสมาธิ
๙. เกื้อกูลแก่สุขภาพทางกาย เช่น ชะลอความแก่ ท�าให้ดูอ่อนกว่าวัย นักเรียนควรมีการเตรียมตัวหรือปฏิบัติตน
๑๐. รักษาโรคบางอย่างได้ เช่น โรคท้องผูกเรื้อรัง โรคกระเพาะอาหาร โรคความดัน อยางไรบาง เพราะเหตุใด
โลหิต โรคหืดหอบ และโรคกายจิตอื่นๆ 2. ครูใหนกั เรียนในหองนําสวดมนตบทตางๆ เชน
บทกราบพระรัตนตรัย นมัสการพระรัตนตรัย
1.2 วิธีปฏิบัติในการบริหารจิตและการเจริญปัญญา ไตรสรณคมน อาราธนาศีล แผเมตตา เปนตน
วิธีปฏิบัติในการบริหารจิตและการเจริญปัญญา มีดังนี้ เพื่อรําลึกถึงคุณพระรัตนตรัยและรักษาศีล
๑. เลือกสถานที่ สถานที่จะต้องให้เหมาะสมแก่การฝึกสมาธิ เช่น ต้องเป็นที่ไม่อับลม จากนั้นใหนักเรียนนั่งสมาธิ 5 นาที
ไม่อึกทึก ปราศจากเสียงรบกวน ถ้ามีห้องส�าหรับฝึกสมาธิโดยเฉพาะยิ่งดี 3. ครูใหนักเรียนศึกษาการตรัสรูของพระพุทธเจา
๒. ก�าหนดเวลา ควรเลือกเวลาทีเ่ หมาะสม แต่ถา้ เป็นเวลารับประทานอาหารอิม่ ใหม่ๆ วา พระพุทธเจาสามารถตรัสรูไ ดดว ยพระองคเอง
หรือเวลาท�างานมาจนเหนื่อยแล้ว ไม่1เหมาะส�าหรับฝึกสมาธิ
ดวยวิธีการใด และเพราะเหตุใด พระองค
๓. สมาทานศีล จะนิมนต์พระมาให้ศีล หรือถ้าไม่มีพระก็ตั้งจิตงดเว้นด้วยตนเองก็ได้
จึงสามารถตรัสรูไดดวยวิธีการนั้น
เพื่อให้จิตใจบริสุทธิ์สะอาด ซึ่งเป็นการปูพื้นฐานที่ดีส�าหรับการท�าสมาธิ
4. ครูตั้งประเด็นคําถามใหนักเรียนชวยกันตอบ
๔. นมัสการพระรัตนตรัย สวดร�าลึกถึงคุณของพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ดังนี้
เพื่อฝกทักษะการคิด ดังนี้
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ • การบริหารจิตมีจุดมุงหมายตางจากการ
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ เจริญปญญาอยางไร
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ (แนวตอบ การบริหารจิตมีความมุงหมาย
เพื่อใหจิตใจสงบ ดีงาม มีความสุข ไมลืมตัว
๕. แผ่เมตตา ส่งความปรารถนาดีไปยังสรรพสัตว์ทั้งหลาย โดยเริ่มจากการแผ่เมตตา ขาดสติ สวนการเจริญปญญามีความมงุ หมาย
ให้ตนเองก่อน แล้วจึงแผ่เมตตาให้บิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย จนถึงสรรพสัตว์ การแผ่เมตตา เพื่อใหดํารงชีวิตอยางชาญฉลาด มีความ
จะสวดเป็นภาษาบาลีหรือภาษาไทยก็ได้ หรือถ้าไม่สวดแต่ตั้งจิตส่งความปรารถนาดีไปให้ก็ได้ รอบรู สามารถแยกแยะไดวา สิง่ ใดดีสงิ่ ใดไมดี
๖. ตัดกังวล หมายถึง ตัดห่วง ตัดกังวลทุกอย่างให้หมดสิน้ อย่าคิดเรือ่ งงาน เรือ่ งเรียน หรือมีโทษ จะไดกระทําแตสิ่งที่ดีและ
เรื่องญาติมิตร อย่าคิดถึงอดีต อนาคต ให้ก�าหนดเฉพาะเรื่องที่จะฝึกสมาธิขณะนี้เดี๋ยวนี้เท่านั้น ไมเขาไปของแวะกับสิ่งไมดี)
การบริหารจิตมีความมุ่งหมายเพื่อให้จิตใจสงบดีงาม มีความสุข ไม่ลืมตัว ขาดสติ ส่วนการ • เพราะเหตุใด จึงตองสมาทานศีลกอนปฏิบัติ
เจริญปัญญาตามแนวทางของพระพุทธศาสนาใช้เพื่อให้ด�ารงชีวิตอย่างมีความสงบสุข การบริหารจิตและเจริญปญญา
1.3 การบริหารจิตตามหลักอานาปานสติ (แนวตอบ เพื่อใหจิตใจบริสุทธิ์สะอาด
ซึ่งเปนการปูพื้นฐานที่ดีในการทําสมาธิ)
วิธฝี กึ สมาธิมหี ลายวิธี แต่วธิ ที เี่ ห็นว่าเหมาะสมและสะดวกทีจ่ ะฝึกได้ทกุ เพศทุกวัยและทุกโอกาส
ก็คือ แบบอานาปานสติ (วิธีก�าหนดลมหายใจ) ทั้งนี้เพราะเหตุผล ดังนี้
๑. ไม่ต้องหาอุปกรณ์อื่นใดมาฝึก เพราะทุกคนมีลมหายใจ หายใจออก‑หายใจเข้า
ทุกเวลาอยู่แล้ว
๒. ไม่ซับซ้อน เข้าใจง่าย ท�าได้ง่าย พอลงมือท�าก็ได้รับผลทันที ตั้งแต่ต้นเรื่อยไป
153
ขอสอบ O-NET
ขอสอบป ’ 51 ออกเกี่ยวกับการบริหารจิต เกร็ดแนะครู
บุคคลใดเตรียมตัวเพื่อการบริหารจิตไดดีที่สุด
ครูควรเชิญวิทยากรมาใหความรูเกี่ยวกับการบริหารจิตที่ถูกตอง เพราะการ
1. แกว นอนหลับพักผอนมากอนเพื่อเตรียมใจใหพรอม
นัง่ สมาธินนั้ ถือวาเปนเรือ่ งยากสําหรับนักเรียนหลายๆ คน จึงตองมีการบอกวิธกี ารปฏิบตั ิ
2. เกง ถวายสังฆทานเพื่อเปนอามิสบูชากอนที่จะปฏิบัติบูชา
ใหเขาใจอยางถองแท โดยใหวิทยากรบอกเลาประสบการณเกี่ยวกับการนั่งสมาธิ
3. กลา มีศรัทธา ตัดความวิตกกังวล
ของทาน จากนั้นใหมีการสาธิตการฝกนั่งสมาธิตามหลักอานาปานสติ
4. เกด บริหารรางกายมากอน
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เนื่องจากการเตรียมตัวเพื่อการบริหารจิต
ไดดีที่สุดนั้น เริ่มแรกจะตองมีความศรัทธาหรือความเชื่อกอนวา การบริหาร
จิตสามารถทําใหจิตใจสงบ มีความสุข ไมลืมตัวและขาดสติ โดยความเชื่อ
นักเรียนควรรู
เหลานัน้ จะตองตัง้ อยูบ นฐานของเหตุและผล นอกจากนี้ ยังตองตัดความวิตก 1 นิมนต คือ การเชิญพระสงฆมาประกอบพิธกี รรมทางศาสนา เชน งานแตงงาน
กังวลตางๆ ใหหมดสิ้น และกําหนดเฉพาะเรื่องที่จะฝกสมาธิเทานั้น สําหรับ งานขึ้นบานใหม เปนตน โดยทั่วไปในงานมงคลนิยมนิมนตพระสงฆจํานวนคี่ เชน
การนอนหลับพักผอน การถวายสังฆทาน และการบริหารรางกาย ไมถือเปน การนิมนตพระสงฆ 9 รูป พองกับคําวากาวหนา พระเกตุ 9 คุมกันอันตรายตางๆ
วิธีการเตรียมตัวที่ดีที่สุดกอนจะทําการบริหารจิต ดังนั้น กลาจึงเปนบุคคลที่ เปนตน สวนในงานอวมงคลนิยมนิมนตพระสงฆจํานวนคู เชน การนิมนตพระสงฆ
มีการเตรียมตัวเพื่อการบริหารจิตไดดีที่สุด 4 รูปในการสวดพระอภิธรรม เปนตน
คู่มือครู 153
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนยกตัวอยางวิธีกําหนดลมหายใจ
ตามหลักอานาปานสติ โดยใหออกมาเขียนบน ๓. เปนหลักฝกจิตอยางหนึ่งในจํานวนไมกี่อยางที่สามารถปฏิบัติตอเนื่องตั้งแตตนไป
กระดาน จากนั้นใหนักเรียนชวยกันบอกเหตุผล จนสําเร็จขั้นสูงสุด ไมตองพะวงที่จะหาวิธีอื่นมาสับเปลี่ยนในระหวางปฏิบัติ
วาเพราะเหตุใดจึงกําหนดลมหายใจเชนนั้น ๔. ไมกระทบตอสุขภาพ กายก็ไมเหนื่อย ตาก็ไมเมื่อย ชวยใหรางกายพักผอนอยางดี
2. ครูนําสนทนาเกี่ยวกับความแตกตางของการ ๕. ทีส่ าํ คัญพระพุทธเจาทรงใชเวลาสวนมากในการปฏิบตั วิ ธิ นี ี้ และทรงแนะนําใหสาวก
นั่งสมาธิใน 2 ลักษณะ คือ ทานั่งขัดสมาธิราบ ปฏิบัติมากกวาวิธีอื่น
และทานั่งขัดสมาธิเพชร จากนั้นครูนําภาพ การฝกสมาธิตามหลักอานาปานสติ
ทานั่งขัดสมาธิทั้ง 2 ลักษณะมาใหนักเรียนดู มีขั้นตอนการปฏิบัติ ดังนี้
๑) ทานัง่ ใหนงั่ บนพืน้ ในทา “สมาธิ”
ความแตกตาง แลวตั้งคําถามวา การนั่ง
เสมือนพระพุทธรูปปางสมาธิ อาจทําได ๒
ขัดสมาธิทั้ง 2 ลักษณะ มีความหมายและ ลักษณะ คือ
มีเหตุผลในการนั่งลักษณะนั้นอยางไรบาง (๑) นั่งขัดบัลลังก ที่เรียกวา
3. ครูใหนักเรียนศึกษาวิธีการกําหนดลมหายใจวา “ขัดสมาธิราบ” โดยเอาขาขวาทับขาซาย มือขวา
มีวิธีการกําหนดจิตตามหลักอานาปานสติ ทับมือซาย ตัวตั้งตรง
อยางไร จากนั้นใหนักเรียนเลือกวิธีการกําหนด (๒) นั่งขัดสมาธิเพชร คือ นั่ง
ลมหายใจที่นักเรียนมีความสนใจ พรอมบอก การฝกสมาธิตามหลักอานาปานสติ เปนวิธีที่สามารถทํา เอาขาซายทับขาขวา เทาขวาทับขาซาย มือขวา
ไดงาย สะดวก และเหมาะสมกับทุกเพศ ทุกวัย ทับมือซาย ตัวตั้งตรง
เหตุผลพอสังเขป
4. ครูตั้งประเด็นคําถามใหนักเรียนตอบ ๒) วิธีกําหนดลมหายใจ อาจทําไดหลายวิธี ดังนี้
เพื่อฝกทักษะการคิดวิเคราะห เชน (๑) ใหนับลมหายใจเขาออก การนับอาจทําเปนขั้นตอนตามลําดับ คือ นับเปน
• นอกจากการนัง่ สมาธิดว ยทานัง่ ขัดสมาธิแลว คูๆ ไป เชน หายใจเขานับ ๑ หายใจออกนับ ๑
นักเรียนสามารถกําหนดลมหายใจตามหลัก (๒) ใหกาํ หนดเฉยๆ ไมตอ งนับ เชน เวลาหายใจเขา หายใจออก ไมวา ยาวหรือสัน้
อานาปานสติดวยวิธีใดไดบาง เพราะเหตุใด ใหกาํ หนดรูว า หายใจเขาหายใจออกยาวหรือสัน้ ใชสติกาํ หนดลมหายใจเขาออกรูต วั ทัว่ พรอมไมเผลอ
(๓) ใหสังเกตอาการพองและยุบของทองขณะหายใจเขา หายใจออก คือ เวลา
(แนวตอบ เชน การเดินจงกรม การนอนสมาธิ
หายใจเขาทองจะพองออก ใหใชสติกาํ หนดทีท่ อ งใหทนั กับการพองของทอง เวลาหายใจออกทองจะ
การกําหนดลมหายใจเขาออกในทุกชวงเวลา ยุบเขา ใหใชสติกาํ หนดใหทนั กับการยุบของทอง จะภาวนาในใจวา “ยุบหนอ - พองหนอ” ดวยก็ได
เปนตน เพราะในบางครั้งและบางคนไม (๔) ใหภาวนาในใจวา “พุท - โธ” ขณะหายใจเขาออก คือ ขณะหายใจเขาภาวนา
สามารถฝกสมาธิดวยการนั่งได จึงควรฝกจิต วา “พุท” ขณะหายใจออกภาวนาวา “โธ” หรือหายใจเขาวา “พุทโธ” หายใจออกวา “พุทโธ” ดังนี้
ระดับพื้นฐานดวยการกําหนดลมหายใจ ก็ไดตามสะดวกและสมัครใจ แตวธิ แี รกอาจดีกวา เพราะมีพยางคเดียว สามารถกําหนดใหสอดคลอง
โดยกําหนดพุท-โธในใจในทุกชวงเวลา กับจังหวะการหายใจไดดกี วา นอกจากคําวา “พุทโธ” แลวอาจเลือกคําทีเ่ หมาะสมใดๆ มาใชภาวนา
และการเดินจงกรม เพื่อเปนการสงบจิตใจ ในใจก็ได เชน คําวา “อรหัง” เปนตน นอกจากจะใชคําเหลานี้ภาวนากํากับการกําหนดลมหายใจ
ขั้นตนกอนการนั่งสมาธิ) แลว จะใชคําที่ภาวนานั้นเปนจุดที่ใหสติกําหนดโดยลําพัง หรือใหตั้งสติอยูกับคําภาวนานั้นจนจิต
เปนสมาธิก็ได
๑๕๔
ขอสอบ O-NET
บูรณาการอาเซียน ขอสอบป ’ 51 ออกเกี่ยวกับการบริหารจิต
เพื่อนๆ ไมยอมใหสีฟาเขากลุมทํารายงาน เพราะมอบหมายใหทําสิ่งใด
ครูใหนักเรียนไปศึกษาการฝกสมาธิของประเทศสมาชิกอาเซียนที่นับถือ
ก็มักหลงลืมอยูเสมอ ดังนั้น สีฟาควรตัดสินใจทําอยางไร
พระพุทธศาสนาเปนศาสนาประจําชาติ เชน ลาว กัมพูชา เมียนมา เปนตน
1. ขอทดสอบแทนการทํารายงาน
วามีความเหมือนหรือแตกตางจากการฝกสมาธิของประเทศไทยอยางไร แลวนํา
2. ขออนุญาตคุณครูทํารายงานเดี่ยว
ขอมูลที่ไดมาอภิปรายรวมกันในชั้นเรียน
3. พยายามฝกตนใหมีสติสัมปชัญญะอยูเสมอ
4. พยายามขอเขาไปทํารายงานกับเพื่อนกลุมอื่น
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะการที่สีฟามักหลงลืมอยูเสมอ
มุม IT เกิดจากการขาดสติสัมปชัญญะวาในขณะนั้นสีฟากําลังทําอะไรอยู ทําให
ลืมงานที่ไดรับมอบหมาย เพราะฉะนั้น สีฟาควรพยายามฝกตนใหมี
ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการฝกสมาธิเบื้องตน ไดที่
สติสัมปชัญญะดวยการบริหารจิตหรือการนั่งสมาธิ สวนขออื่นๆ เปนการแก
http://www.salatham.com เว็บไซตศาลาธรรม และ
ปญหาที่ปลายเหตุ ซึ่งนอกจากจะไมไดชวยแกปญหาแลว ยังจะเปนปญหา
http://www.dhammathai.org เว็บไซตธรรมะไทย
ในการทํางานรวมกับผูอื่นในอนาคตดวย
154 คูมือครู
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู้ Explain
ครูนาํ สนทนาดวยคํากลาวทีว่ า ทาน ศีล ภาวนา
สรุปแล้วไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตาม หลักการส�าคัญที่สุดก็คือ ต้องการฝึกให้มีสติอยู่กับ เปน 3 กุศลกรรมของมนุษยที่ควรทําควบคูกันไป
ตัวเราทุกขณะ เพราะขณะใดสติอยู่กับตัว จิตจะต้องเป็นสมาธิเสมอ หรือพูดอีกนัยหนึ่ง ถ้าสติเกิด จากนั้นครูตั้งคําถามวา
สมาธิเกิด ถ้าสติไม่เกิด สมาธิก็ไม่เกิด ถ้าสติมีเพียงชั่วขณะ สมาธิก็มีเพียงชั่วขณะ ถ้ามีสติติดต่อ • เพราะเหตุใด กอนที่เราจะนั่งสมาธิจึงควร
กันไปทุกขณะจิตนานๆ จิตจะเป็นสมาธินานๆ เช่นกัน ใหทานและรักษาศีลไปดวย
(แนวตอบ เพราะการบริหารจิตและการเจริญ
ปญญาควรมีพื้นฐานของความดีเปนที่ตั้งมา
กอน การใหทาน เชน การบริจาคชวยเหลือ
ผอู นื่ เพือ่ ลดความตระหนีถ่ เี่ หนียว เกิดความ
ใจกวาง สวนการรักษาศีลนัน้ เปนการทํากุศล
กรรมเพือ่ ใหเกิดความบริสทุ ธิใ์ นจิตใจ เมือ่ ทาน
และศีลพรอมแลว จึงจะสามารถนั่งสมาธิ
ดวยจิตที่สงบ ทําใหเกิดสติปญญาดียิ่งขึ้น)
ขยายความเข้าใจ Expand
1. ครูใหนักเรียนบันทึกวิธีการบริหารจิตตามหลัก
อานาปานสติที่นักเรียนปฏิบัติในชีวิตประจําวัน
โดยใหบอกวิธีการเตรียมตัวกอนการนั่งสมาธิ
1 ระหวางนั่งสมาธิ และประโยชนที่ไดรับลงใน
การเดินจงกรมเป็นการบริหารจิตอีกวิธีหนึ่งที่ใช้ควบคุมจิตให้สงบนิ่ง
กระดาษ A4 แลวนําสงครูผูสอน
เรื่องน่ารู้ 2. ครูใหนักเรียนศึกษาความหมายของ
บทสวดมนตตางๆ และบันทึกความหมาย
สมถกรรมฐาน 2 พรอมคําอธิบายลงในสมุดพอสังเขป
สมถกรรมฐาน คือ อุบายฝึกจิต วิธีอบรมจิตให้สะอาด สว่าง สงบ ผ่องใสจากนิวรณ์ ไม่เศร้าหมองหรือขุ่นมัว
การฝึกจิตจนได้บรรลุฌานเป็นพระอรหันต์ ทำาให้ได้ความสามารถพิเศษ เรียกว่า อภิญญา ๖ อย่าง ดังนี้
1. อิทธิวิธี คือ แสดงฤทธิ์ได้ ตรวจสอบผล Evaluate
2. เจโตปริยญาณ คือ อ่านใจคนอื่นออก 1. ตรวจสอบจากการเขียนบันทึกวิธกี ารบริหารจิต
3. ปุพเพนิวาสานุสสติ คือ ระลึกชาติได้
ตามหลักอานาปานสติที่นักเรียนปฏิบัติใน
4. ทิพพโสต คือ มีหูทิพย์
5. ทิพพจักขุ คือ มีตาทิพย์
ชีวิตประจําวัน
6. อาสวักขยญาณ คือ รู้จักทำากิเลสให้สิ้นไป 2. ตรวจสอบจากการแปลความหมายและ
คําอธิบายของบทสวดมนตในสมุดของนักเรียน
3. ตรวจสอบจากวิธีการสวดมนตและการนั่ง
155 สมาธิของนักเรียน พรอมประเมินวิธีการปฏิบัติ
เพื่อใหนักเรียนนําไปปฏิบัติดวยตนเองได
ถูกตอง
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
เพราะเหตุใด จึงตองสมาทานศีลทุกครั้งกอนฝกสมาธิ
ครูใหนักเรียนบริหารจิตดวยการเดินจงกรม จากนั้นนั่งสมาธิประมาณ 10 นาที
1. เพื่อทําจิตใจใหสะอาดบริสุทธิ์
แลวใหเปรียบเทียบวา กอนปฏิบตั กิ บั หลังปฏิบตั สิ มาธิมคี วามรูส กึ แตกตางกันอยางไร
2. เพื่อใหการฝกสมาธิทําไดอยางถูกตอง
3. เพื่อใหการฝกสมาธิมีความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น
4. เพื่อรําลึกถึงคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ
นักเรียนควรรู
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เพราะกอนการนั่งสมาธิควรมีการปูพื้นฐาน
ในการทําความดี ไดแก การทําทานเพื่อลดความตระหนี่และเห็นอกเห็นใจ 1 เดินจงกรม คําวา จงกรม มาจากภาษาบาลีวา จังกะมะ แปลวา การกาวยาง
ผูอื่นมากขึ้น รวมถึงการรักษาศีลเพื่อทําจิตใจใหสะอาดบริสุทธิ์ ดวยเหตุนี้ นํามาใชในการเดินกําหนดสติใหอยูก บั การเคลือ่ นไหวของกาย เพือ่ ฝกฝนใหมสี ติและ
จึงตองมีการสมาทานศีลเพื่อเปนพื้นฐานในการฝกสมาธิใหไดผลดียิ่งขึ้น เกิดสมาธิในการเดิน รูเทาทันกับอารมณปจจุบัน
2 นิวรณ คือ ธรรมอันกั้นจิตของบุคคลไวไมใหบรรลุความดีงาม มี 5 ประการ
ไดแก กามฉันทะ คือ ความพอใจในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส พยาบาท คือ ความ
ผูกใจเจ็บ ถีนมิทธะ คือ ความงวงเหงาหาวนอน อุทธัจจกุกกุจจะ คือ ความคิด
ฟุงซาน และวิจิกิจฉา คือ ความลังเลสงสัยในผลของการปฏิบัติ
คู่มือครู 155
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
Engage Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
1. ครูเขียนบนกระดานวา “โยนิโส” และ
“มนสิการ” จากนั้นถามนักเรียนวาทั้งสองคํานี้ ๒. การเจริญปัญญาโ´ยการคิ´แบบโยนิโสมนสิการ
แปลวาอะไร เมื่อรวมกันแลวหมายถึงอะไร
พระพุทธเจ้าตรัสสอนว่า การศึกษาทีแ่ ท้จริงจะเกิดก็ตอ่ เมือ่ มนุษย์รจู้ กั คิด การรูจ้ กั คิด วิเคราะห์
2. ครูใหนักเรียนบอกวา เมื่อนักเรียนจะวิจารณ
วิจารณ์อย่างรอบคอบ รอบด้าน ท�าให้เกิดปัญญาแตกฉาน เรียกว่า โยนิโสมนสิการ ซึ่งค�าว่า
สิ่ ง ใดสิ่ ง หนึ่ ง จะมี วิธีคิดหรือกระบวนการคิด
โยนิโสมนสิการ แยกเป็น ๒ ค�า คือ ค�าว่า “โยนิโส” แปลว่า ถูกต้อง แยบคาย และค�าว่า “มนสิการ”
อยางไร เพื่อใหเปนเหตุเปนผลมากที่สุด
แปลว่า ท�าไว้ในใจ โยนิโสมนสิการ จึงหมายถึง การท�าไว้ในใจโดยแยบคาย กล่าวคือ การคิดเป็น
ถูกต้องตามความเป็นจริง โดยอาศัยการเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ และคิดเชื่อมโยง ตีความ
ส�ารวจค้นหา Explore วิเคราะห์ข้อมูล เพื่อน�าไปใช้ต่อไป
ครูใหนักเรียนสืบคนขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การคิดแบบโยนิโสมนสิการ
การเจริญปญญาโดยการคิดแบบโยนิโสมนสิการ
จากหนังสือเรียนหนา 156-159 หรือจากแหลงเรียนรู การคิดแบบโยนิโสมนสิการ มี ๑๐ วิธี ดังนี้
๑. คิดแบบแยกแยะส่วนประกอบ
อืน่ ๆ เชน หองสมุด อินเทอรเน็ต การสนทนาธรรม
๒. คิดแบบคุณโทษและทางออก
กับพระภิกษุสงฆ เปนตน ทั้งนี้เพื่อใหนักเรียนมี ๓. คิดแบบสืบสาวเหตุปัจจัย
ความเขาใจในกระบวนการคิดแบบโยนิโสมนสิการ ๔. คิดแบบอรรถสัมพันธ์
มากยิ่งขึ้น ๕. คิดแบบแก้ปัญหา
๖. คิดแบบรู้เท่าทันธรรมดา
อธิบายความรู้ Explain ๗. คิดแบบคุณค่าแท้ คุณค่าเทียม
๘. คิดแบบปลุกเร้าคุณธรรม
1. ครูใหนักเรียนแบงออกเปน 10 กลุม จากนั้นให ๙. คิดแบบอยู่ในปัจจุบัน
จับสลากเลือกหัวขอการคิดแบบโยนิโสมนสิการ ๑๐. คิดแบบแยกประเด็น
กลุมละ 1 วิธี ไมซํ้ากัน ตามหนังสือเรียน
หนา 156 แลวใหแตละกลุมออกมาอธิบายและ ในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะวิธีคิดแบบปลุกเร้าคุณธรรม และวิธีคิดแบบอรรถสัมพันธ์ ดังนี้
ยกตัวอยางการคิดแบบโยนิโสมนสิการตามวิธีที่ 2.1 คิดแบบปลุกเร้าคุณธรรม
จับสลากไดหนาชั้นเรียน การคิดแบบปลุกเร้าคุณธรรม (อุปปาทกมนสิการ) วิธีคิดแบบนี้ คือ การใช้
2. ครูซกั ถามแตละกลุม ทีอ่ อกมาอธิบายวา การคิด 1 เหตุผลหรืออุบาย
เพื่อให้เกิดการกระท�าที่เป็นกุศล หรือภาษาสมัยใหม่ว่า “คิดแบบสร้างสรรค์” เรื่องที่คิดจะเป็นเรื่อง
แบบโยนิโสมนสิการดวยวิธีนั้นๆ มีประโยชน อะไรก็ได้ คือ เรื่องดีก็ได้ เรื่องไม่ดีก็ได้ แต่วิธีคิดจะต้องน�าไปสู่การกระท�าที่ดี
อยางไรบางกับการดําเนินชีวิตประจําวันของ ยกตัวอย่างเช่น ความตาย เมื่อพูดถึงความตาย คนมักจะคิดไป ๒ ทาง ดังนี้
นักเรียน ๑. ถ้าคิดว่าเราทุกคนเกิดมาแล้วต้องตาย ชีวิตนี้ไม่จีรังยั่งยืน บางคนตายตั้งแต่ยังเด็ก
3. ครูใหนักเรียนแตละคนบันทึกลักษณะของ บางคนตายตอนเป็นหนุม่ สาว บางคนก็อยูม่ าจนแก่เฒ่า แต่ทา้ ยทีส่ ดุ ก็ตายทุกคน เมือ่ คิดเช่นนีแ้ ล้ว
การคิดแบบโยนิโสมนสิการทั้ง 10 วิธี ก็เกิดความท้อถอย ปล่อยชีวิตไปตามยถากรรม อย่างนี้เรียกว่าคิดถึงความตายแล้วไม่ท�าอะไร
พรอมบอกประโยชนของการคิดในแตละวิธี ความคิดไม่ช่วยให้เกิดการสร้างสรรค์ หรือปลุกเร้าให้เกิดการกระท�าที่เป็นกุศล
พอสังเขปลงในสมุด แลวนําสงครูผูสอน
156
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
ครูควรอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณธรรมวา ในปจจุบันโลกมีการพัฒนาทางดาน ครูมอบหมายใหนกั เรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีคิดแบบโยนิโสมนสิการ
วัตถุอยางรวดเร็ว ดังนั้น การพัฒนาจิตใจควบคูไปดวยจึงมีความสําคัญอยางยิ่ง ทั้ง 10 วิธี จากนั้นเขียนสรุปเปนผังมโนทัศน แลวสงครูผูสอน
เพราะการพัฒนาทางดานวัตถุเพียงอยางเดียว ทําใหมนุษยและสังคมเกิดความ
เห็นแกตวั และเห็นคาของเงินมากกวาความถูกตอง ดวยเหตุนี้ จึงควรพัฒนาจิตใจ
ดวยการเจริญวิปสสนากรรมฐาน เพื่อยกระดับจิตใจใหรูเทาทันโลก เทาทันกิเลส กิจกรรมทาทาย
ซึ่งจะทําใหมนุษยลดละความยึดมั่นถือมั่นในตัวตน มีความละอายใจตอบาป
รูจักบาปบุญคุณโทษ และกฎแหงกรรม
ครูใหนักเรียนยกตัวอยางกรณีศึกษาหรือหาขาว เหตุการณที่เกิดขึ้น
ในสังคม และสงผลกระทบตอตนเองหรือคนทั่วไป แลวใหนักเรียนนํา
นักเรียนควรรู วิธีการคิดแบบโยนิโสมนสิการ 1 วิธี มาใชแกปญหาที่เกิดขึ้น
1 คิดแบบสรางสรรค เกิดจากการเรียนรูและการฝกฝน โดยเนนใหมีการพัฒนา
ทางดานความคิดอยางมีศักยภาพ คิดในหลายๆ มิติ เชน การคิดในแงบวก
คิดสรางสรรคสงิ่ แปลกใหมทไี่ มลอกเลียนแบบผูอ นื่ และสามารถนําไปพัฒนาตอไปได
156 คู่มือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายและยกตัวอยาง
หรือเมื่อคิดว่าชีวิตมีไม่นาน ไม่ถึงร้อยปีก็จะตาย เพราะฉะนั้นขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่ ก็ควร สุภาษิตที่มีการคิดแบบอุบายปลุกเราคุณธรรม
สนุกสนานให้เต็มที่ กอบโกยให้เต็มที่ เพราะตายไปแล้วทรัพย์สมบัติที่มีเราไม่สามารถน�าติดตัว พรอมทั้งอธิบายความหมายและแงคิดของ
ไปได้ คิดอย่างนีก้ อ่ ให้เกิดการกระท�า แต่จะออก สุภาษิตนั้น
มาในทางเป็นอกุศลหรือท�าชั่ว ไม่ใช่การกระท�า 2. ครูนําสนทนาถึงการคิดแบบอุบายปลุกเรา
แบบสร้างสรรค์ ก็ไม่นับว่าเป็นการคิดแบบ คุณธรรม แลวตั้งคําถามเชิงวิเคราะหวา
ปลุกเร้าคุณธรรม • เพราะเหตุใดวิธีการคิดแบบอุบายปลุกเรา
๒. ถ้าคิดว่าชีวติ ไม่ยงั่ ยืน ไม่ถงึ ร้อยปี คุณธรรม จึงชวยปรุงแตงจิตใจของมนุษย
ก็ต้องตายทุกคนดังข้างต้น แล้วเกิดส�านึกว่า ใหคิดไปในทางกุศล
เรามีเวลาอยูใ่ นโลกนีไ้ ม่นาน เพราะฉะนัน้ ขณะที่ (แนวตอบ เพราะจิตใจมนุษยแตกตางกัน
ยังมีลมหายใจอยู่นี้ เราควรท�าคุณงามความดี วาระจิตแตกตางกัน เมื่อรับรูเรือ่ งราว
ให้มาก เพราะตายแล้วไม่มโี อกาสท�า เราปลุกเร้า เดียวกัน ก็อาจจะมีความคิดและจิตใจปรุงแตง
ความรู้สึกเสมอว่า “เกิดมาทั้งทีควรท�าดีให้ได้ ไปคนละอยาง สุดแลวแตสามัญสํานึกและ
จะตายทัง้ ทีทา� ดีฝากไว้” ถ้าคิดเช่นนี้ จึงจะนับว่า ประสบการณของคนๆ นั้น โดยบางคนคิด
เป็นการคิดแบบปลุกเร้าคุณธรรม วิธคี ดิ แบบปลุกเร้าคุณธรรม สามารถนำามาประยุกต์ใช้ได้กบั ไปในทางที่ดีงาม บางคนคิดไปในทางโทษ
แม้แต่ในพระไตรปิฎกก็มีตัวอย่างง่ายๆ การทำางานทุกอย่าง เพราะจะทำาให้เราเร่งรัดทำางานให้ เพราะฉะนั้น จึงตองมีการคิดแบบอุบายปลุก
ที่พระพุทธเจ้าตรัสถึงบ่อยๆ คือ เหตุปรารภ แล้วเสร็จ ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง เราคุณธรรม เพื่อชักนําความคิดใหเดินไปใน
หรือเรือ่ งราวกรณีอย่างเดียวกัน คิดมองไปอย่างหนึง่ ท�าให้เกียจคร้าน คิดมองไปอีกอย่างหนึง่ ท�าให้ ทางดีงามและแกไขนิสัยความเคยชินของ
เกิดความเพียรพยายาม (ดังความในพระสูตร) ดังนี้ จิตใจที่สั่งสมไวแตเดิม พรอมกับสรางนิสัย
๑. ภิกษุมงี านทีจ่ ะต้องท�า เธอมีความคิดอย่างนีว้ า่ เรามีงานทีจ่ กั ต้องท�า เมือ่ เราท�างาน ความเคยชินใหมๆ ที่ดีงามใหแกจิตใจ)
ร่างกายก็จะเหน็ดเหนื่อย อย่ากระนั้นเลย เรานอน (เอาแรง) เสียก่อนเถิด คิดดังนี้แล้ว เธอก็ 3. ครูใหนักเรียนเขียนสรุปประโยชนของการคิด
นอนเสีย ไม่เริ่มระดมความเพียร เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อเข้าถึงธรรมที่ยังไม่เข้าถึง แบบปลุกเราคุณธรรมวา สามารถพัฒนาจิตใจ
เพื่อประจักษ์แจ้งธรรมที่ยังไม่ประจักษ์แจ้ง... หรือเปลี่ยนแปลงทัศนคติและสามัญสํานึกของ
๒. อีกประการหนึง่ ภิกษุทา� งานเสร็จแล้ว เธอมีความคิดอย่างนีว้ า่ เราได้ทา� งานเสร็จแล้ว มนุษยไดอยางไรบาง พรอมเขียนอธิบายและ
เมื่อเราท�างานร่างกายเหน็ดเหนื่อยแล้ว อย่ากระนั้นเลยเราจะนอน (พัก) ละ คิดดังนี้แล้วเธอ ยกตัวอยางประกอบ
ก็นอนเสีย...
กรณีเดียวกันทั้งหมดนี้คิดอีกอย่างหนึ่งกลับท�าให้เริ่มระดมความเพียร ท่านเรียกว่าเรื่องที่จะ
เริ่มระดมความเพียร เช่น
๑. (กรณีที่จะต้องท�างาน) ...ภิกษุคิดว่า เรามีงานที่จะต้องท�าและขณะเมื่อเราท�างาน
การมนสิการค�าสอนของพระพุทธะทั้งหลายก็จะท�าไม่ได้ง่าย อย่ากระนั้นเลย เราเริ่มระดม
ความเพียรเสียก่อนเถิด เพื่อจะได้บรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อเข้าถึงธรรมที่ยังไม่เข้าถึง เพื่อ
ประจักษ์แจ้งธรรมที่ยังไม่ประจักษ์แจ้ง คิดดังนี้แล้ว ภิกษุนั้นจึงเริ่มระดมความเพียร...
157
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
การกระทําในขอใดเปนวิธีการคิดแบบปลุกเราคุณธรรม
ครูยกตัวอยางวิธีคิดแบบโยนิโสมนสิการใหนักเรียนฟง เชน ชมพูเปนคนไมสวย
1. สมหญิงอุทิศรางกายใหแกสภากาชาดเพื่อการศึกษาวิจัยกอนเสียชีวิต
อวน และเตี้ย จึงมักถูกเพื่อนลออยูสมํ่าเสมอ ชมพูนอยใจในปมดอยของตัวเองอยู
2. สมชายขยันทํางานเพื่อสรางทรัพยสมบัติใหไดมากที่สุด
บอยครั้ง แตแลววันหนึ่งชมพูไดเห็นหญิงพิการกําลังนั่งขอทานอยางนาเวทนา ชมพู
3. สมโชคเดินทางทองเที่ยวรอบโลกเพื่อสรางความสุขใหกับตนเอง
เกิดความสังเวชใจและคิดขึ้นมาไดวา ปมดอยของเรานั้น เปรียบไมไดเลยกับความ
4. สมทรงไมกระทําการอันใดที่เปนการสรางภาระใหกับตนเองและผูอื่น
พิการของบุคคลที่แยกวาเรา ถึงเราจะเกิดมาเปนคนไมสวย อวน และเตี้ย แตเราก็มี
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เนื่องจากวิธีการคิดแบบปลุกเราคุณธรรม อวัยวะครบถวนสมบูรณ ไมพิการ ดังนั้น ชมพูจึงมีกําลังใจและเห็นคุณคาของตัวเอง
เปนการใชเหตุผลหรืออุบายเพื่อใหเกิดการกระทําที่เปนกุศล สําหรับความ มากขึ้น เปนตน จะเห็นไดวาการคิดแบบโยนิโสมนสิการ คือ การคิดสรางสรรคไป
ตายนั้น การคิดแบบปลุกเราคุณธรรมมักจะเนนใหคิดอยูเสมอวามนุษยมี ในทางกุศล ซึ่งการที่มนุษยจะเดินไปสูเสนทางดีหรือเสนทางไมดีนั้น วิธคี ดิ แบบนี้
ชีวิตอยูในโลกนี้ไมนาน ดังนั้น ควรจะทําความดีใหมากๆ ดังคํากลาวที่วา มีสว นสําคัญอยางมาก นักเรียนควรนําวิธคี ดิ เหลานีไ้ ปใชในชีวติ ประจําวัน เพื่อใหมี
“เกิดมาทั้งทีทําดีใหได จะตายทั้งทีทําความดีฝากไว” ซึ่งการที่สมหญิง จิตใจที่เบิกบานและดําเนินชีวิตอยางมีความสุข
บริจาครางกายเพื่อการศึกษาวิจัยถือเปนการคิดแบบปลุกเราคุณธรรม
คู่มือครู 157
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. ครูสุมใหนักเรียนออกมาอธิบายและยกตัวอยาง
การคิดแบบอรรถสัมพันธวามีลักษณะอยางไร ๒. (กรณีทที่ า� งานเสร็จแล้ว) ...ภิกษุคดิ ว่า เราได้ทา� งานเสร็จแล้ว ก็แล ขณะเมือ่ ท�างาน
2. ครูซักถามนักเรียนเกี่ยวกับการคิดแบบ เรามิได้สามารถมนสิการค�าสอนของพระพุทธะทั้งหลาย อย่ากระนั้นเลย เราเริ่มระดมความเพียร
อรรถสัมพันธ โดยตั้งคําถามวา เถิด...
• ถามีคนมาถามนักเรียนวา มาเรียนหนังสือ เรื่องเดียวกัน ถ้าคิดแบบไม่สร้างสรรค์กับคิดแบบสร้างสรรค์ ผลจากการคิดจะออกมาไม่
เพื่ออะไร หรือมาโรงเรียนเพื่ออะไร นักเรียน เหมือนกัน ดังตัวอย่างข้างต้น “เรื่องงาน” คนหนึ่งคิดว่าถ้าท�างาน ร่างกายก็จะเหน็ดเหนื่อย
ควรตอบคําถามโดยใชความคิดแบบ สู้นอนพักผ่อนดีกว่า สบายดี ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อย ผลก็คือกลายเป็นคนขี้เกียจ ผัดวันประกันพรุ่ง
อรรถสัมพันธอยางไร ขณะที่อีกคนคิดว่าเรามีงานต้องท�า การท�างานท�าให้เราได้ปีติชื่นชมเมื่องานเสร็จ แถมยังได้รับ
(แนวตอบ เชน เพื่อตองการศึกษาหาความรู ค่าตอบแทนจากน�้าพักน�้าแรงอันบริสุทธิ์มาเลี้ยงตนและครอบครัวอีก งานของเราถ้าท�าได้อย่างดี
ไดสอบชิงทุนไปตางประเทศ ไดสรางชื่อเสียง ก็จะเป็นเกียรติยศแก่วงศ์ตระกูลและอ�านวยประโยชน์แก่คนทั่วไป ด้วยคนเราไม่มีค่า ถ้าไม่สร้าง
ใหกับโรงเรียนและประเทศชาติ ไดนําความรู ผลงานที่ดีฝากไว้ อีกไม่กี่ปีเราก็จะลาโลกแล้ว เกิดมาทั้งทีต้องท�าดีฝากไว้ ถ้าคิดเช่นนี้จะไม่มีวัน
ไปปรับปรุงและพัฒนาประเทศ นําความรูไป เป็นคนเฉื่อยแฉะ ไม่เอาไหนแน่นอน
ทํานุบํารุงพระศาสนา เปนตน)
2.2 คิดแบบอรรถสัมพันธ์
3. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 7.1 จากแบบวัดฯ
พระพุทธศาสนา ม.2 การคิดแบบอรรถสัมพันธ์ หมายถึง คิดหลักการให้สัมพันธ์กับความมุ่งหมาย คิดเรื่องอะไร
ก็ตาม ถ้าคิดให้หลักการกับความมุ่งหมายสอดคล้องกัน ความคิดนั้นย่อมน�าไปสู่การกระท�าให้
ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ ประสบความส�าเร็จ ไม่เขวออกนอกทาง
พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 7.1 ยกตัวอย่างเช่น การบวช ถ้าหากถามว่า
หนวยที่ 7 การบร�หารจ�ตและการเจร�ญปญญา การบวชคืออะไร ค�า1ตอบอาจมีว่า การบวช
กิจกรรมตามตัวชี้วัด
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
คือ การสละโลกียวิสัย มาบ�าเพ็ญสมณกิ
2 จ เพื่อ
กิจกรรมที่ ๗.๑ ใหนักเรียนเปรียบเทียบวิธีคิดแบบอุบายปลุกเราคุณธรรม
และวิธีคิดแบบอรรถสัมพันธ แลวบันทึกลงในตาราง
(ส ๑.๑ ม.๒/๙)
ñð
ฝึกฝนอบรมตนตามหลักไตรสิกขา (ศีล สมาธิ
หัวขอเปรียบเทียบ การคิดแบบอุบายปลุกเราคุณธรรม การคิดแบบอรรถสัมพันธ
ปัญญา) เพราะฉะนัน้ “การบวชเรียน” หรือ “บวช
๑. ความหมาย การใชเหตุผลหรืออุบาย เพือ่ ทําใหเกิด ……………………………………………………………………
……………………………………………………………………….. การคิ ด โดยให ห ลั ก การมี ค วาม ฝึกฝนตน” คือหลักการของการบวช ถ้าบวชแล้ว
การกระทําทีด่ เี ปนกุศล เปนประโยชน ……………………………………………………………………
สั ม พั น ธ กั บ ความมุ ง หมาย ซึ่ ง
ไม่สละความเคยชินที่เคยท�าสมัยเป็นฆราวาส
………………………………………………………………………..
ตอผูอื่น อาจเรียกอีกอยางหนึ่งวา ……………………………………………………………………
……………………………………………………………………….. ถาหากหลักการและความมุงหมาย
การคิดแบบสรางสรรค
……………………………………………………………………….. สอดคลองกัน ความคิดนั้นก็จะ
……………………………………………………………………
นําไปสูความสําเร็จ
……………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………
……………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………
ไม่ว่าจะเป็นกิริยามารยาท การพูดจาปราศรัย
ฉบับ
……………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………
เคยประพฤติอย่างไรก็ทา� อย่างนัน้ อย่างนีแ้ สดง
การคิดในเรื่องชีวิตคน เมื่อพิจารณา
เฉลย ๒. ตัวอยางในปจจุบัน ……………………………………………………………………….. การคิดเรือ่ งการบวชจะตองพิจารณา
ว่าผิดหลักการของการบวช
……………………………………………………………………
ถึงความตายจะเห็นวาชีวิตคนสั้นนัก
……………………………………………………………………….. ถึงจุดมุงหมายในการบวชและหลัก
……………………………………………………………………
ดังนั้น เวลาที่เหลืออยูนี้จะตองเรง
……………………………………………………………………….. ของการบวช เชน หลักของการบวช
……………………………………………………………………
ทําความดี ทําประโยชนแกสังคมให
………………………………………………………………………..
ไดมากที่สุด
………………………………………………………………………..
คือ สละความเปนฆราวาส ดังนั้น
……………………………………………………………………
เปาหมายการบวชคือการมุงศึกษา
……………………………………………………………………
ถ้าบวชแล้วอยู่เฉยๆ ไม่ใส่ใจฝึกฝนอบรม
และปฏิบัติธรรม
……………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………
……………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………
ตนตามหลักศีล สมาธิ ปัญญา ไม่ท�าอะไร
๓. ตัวอยางใน
พระไตรปฎก
พระพุ ท ธเจ า ได ต รั ส ยกตั ว อย า งใน ……………………………………………………………………
……………………………………………………………………….. พระพุทธเจาเคยตรัสเปรียบเทียบ
เรื่องการทํางานวา สามารถคิดได ……………………………………………………………………
……………………………………………………………………….. นักบวชกับคนตัดไม คนตัดไมถา
เสียหายแก่พระศาสนาก็จริง แต่ไม่ได้สร้างสรรค์
๒ ดาน คนที่เกียจครานมักคิดวา ……………………………………………………………………
……………………………………………………………………….. ไมรูจักแกนไมจริงก็จะไดแตกิ่งไม
การทํางานตองเหน็ดเหนื่อยจึงตอง ……………………………………………………………………
เปลือกไม เชนเดียวกับพระสงฆ
การวิเคราะห์ปญ
ั หาต่างๆ ด้วยหลักเหตุผลจะทำาให้สามารถ อะไรแก่พระศาสนา อย่างนี้ก็ผิดหลักการของ
พัฒนาความรู้และสติปัญญาได้เป็นอย่างดี
………………………………………………………………………..
พักผอนเอาแรง แตคนขยันจะคิดวา ……………………………………………………………………
………………………………………………………………………..
ตองรีบทํางานใหสําเร็จ
………………………………………………………………………..
หากไมเขาใจหลักธรรมที่แทจริงก็
ไมสามารถบรรลุธรรมได
……………………………………………………………………
การบวช
……………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………
158
๖๔
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
หลักธรรมในขอใดสนับสนุนการคิดแบบอรรถสัมพันธ
1 โลกียวิสัย หมายความวา ยังเกี่ยวของกับโลกหรือเรื่องของโลก
1. ไตรวัฏฏ 2. ไตรสิกขา
โดยมีความหมายตรงขามกับโลกุตตระ ซึ่งแปลวาพนโลก อยูเหนือวิสัยของโลก
3. ไตรลักษณ 4. ไตรสรณคมน
2 ไตรสิกขา หรือสิกขา 3 หมายถึง ขอปฏิบัติที่ตองศึกษา 3 ประการ ไดแก
อธิสีลสิกขา อธิจิตตสิกขา อธิปญญาสิกขา เรียกสั้นๆ วา ศีล สมาธิ ปญญา วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เนื่องจากวิธีคิดแบบอรรถสัมพันธ คือ
ไตรสิกขาถือเปนพหุลธัมมีกถา หรือคําสอนธรรมที่พระพุทธเจาทรงแสดงบอย การพิจารณาใหเขาใจความสัมพันธระหวางหลักการกับความมุงหมาย
และมีพุทธพจนแสดงตอเนื่องกันของกระบวนการศึกษาฝกอบรม เพือ่ ใหไดผลตามความมุง หมาย ทัง้ นีใ้ นการกระทําตามหลักการใดๆ จะตอง
เขาใจความหมายและความมุงหมายของหลักการนั้นๆ วา ปฏิบัติไปเพื่อ
อะไร และนําไปสูจุดหมายใด ซึ่งในแงปรมัตถนั้น ขอปฏิบัติที่ตองศึกษาใน
มุม IT ไตรสิกขา (ศีล สมาธิ ปญญา) ตางก็มีจุดหมายเดียวกันคือนิพพาน
โดยแตละขอปฏิบตั จิ ะตองไปตอเชือ่ มกับขออืน่ ๆ จึงจะบรรลุจดุ หมายสุดทายได
ศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคิดแบบอรรถสัมพันธ ไดที่ ดังนั้น ไตรสิกขาจึงเปนหลักธรรมที่สนับสนุนการคิดแบบอรรถสัมพันธ
http://www.dhammathai.org เว็บไซตธรรมะไทย
158 คู่มือครู
ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเข้าใจ Expand
1. ครูใหนักเรียนเขียนสรุปประโยชนของการ
ถ้าถามว่า บวชมาเพื่ออะไร เป็นการถามถึง “ความมุ่งหมาย” ของการบวช คนที่คิด เจริญปญญาโดยการคิดแบบโยนิโสมนสิการ
ไม่สัมพันธ์กันระหว่างหลักการกับเป้1 าหมาย จะเขวและออกนอกทางได้ง่าย และการนําไปประยุกตใชในชีวิตประจําวัน
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในพระสูตรหนึ่งในพระไตรปิฎก ทรงเล่าเปรียบเทียบคนที่บวชมาเหมือน ของนักเรียน ลงในกระดาษ A4 แลวนําสง
บุรุษคนหนึ่งถือขวานเข้าไปในป่าเพื่อหาแก่นไม้ เนื้อความโดยสรุปว่า บุรุษคนที่หนึ่งถือเอากิ่ง ครูผูสอน
และใบไม้ คิดว่าเป็นแก่นไม้ คนที่สองถือเอาสะเก็ดไม้ คนที่สามถากเอาเปลือกไม้ คนที่สี่เอากระพี้ 2. ครูใหนกั เรียนเขียนแผนผังความคิดเปรียบเทียบ
คนที่ห้าตัดเอาแก่นไม้ ลักษณะของการคิดแบบปลุกเราคุณธรรมและ
บุรุษสี่คนแรกไม่รู้จักแก่นไม้จึงไม่ได้แก่น ส่วนคนที่ห้ารู้จักว่าแก่นไม้คืออะไรจึงได้แก่น การคิดแบบอรรถสัมพันธ โดยเนนประเด็น
คนที่บวชมาในพระพุทธศาสนาก็เช่นเดียวกัน ถ้าไม่เข้าใจว่า เป้าหมายหรือความมุ่งหมาย การใชประโยชนของการคิดทัง้ 2 วิธเี ปนสําคัญ
ที่แท้ของการบวชคืออะไร ก็จะไม่สามารถได้รับผลของการบวชเต็มที่ จัดทําลงในกระดาษ A4 แลวนําสงครูผูสอน
บางคนบวชมาแล้ว ได้รับความเคารพนับถือจากญาติโยม ยินดีในลาภสักการะที่เขาถวาย
ก็ภูมิใจว่าตนเป็น “พระดัง” มีคนนับถือมาก พอใจอยู่เพียงนี้ ไม่พยายามฝึกฝนตนเพื่อบรรลุธรรม ตรวจสอบผล Evaluate
สูงขึ้น ผู้นี้ก็ได้เพียง “กิ่งใบของพระศาสนา”
บางคนไม่พอใจแค่ชื่อเสียง ลาภสักการะที่ได้รับ พยายามรักษาศีลอย่างเคร่งครัด ได้รับ 1. ตรวจสอบจากการเขียนสรุปประโยชนของการ
ความชมเชยว่าเป็น “พระเคร่ง” ก็พอใจอยู่แค่นั้น ผู้นี้ก็ได้เพียง “สะเก็ดพระศาสนา” บางคน เจริญปญญาโดยการคิดแบบโยนิโสมนสิการ
ไม่พอใจลาภสักการะ และความเคร่งครัดในศีล บ�าเพ็ญสมาธิจนได้ฌานระดับต่างๆ แล้วก็พอใจ และการนําไปประยุกตใชในชีวิตประจําวัน
เพียงแค่นั้น ผู้นี้ก็ได้เพียง “เปลือกพระศาสนา” 2. ตรวจสอบจากแผนผังความคิดเปรียบเทียบ
2 3
บางคนไม่พอใจแค่นั้น ตั้งหน้าตั้งตาบ�าเพ็ญวิปัสสนา จนได้บรรลุญาณ เป็นพระอริยบุคคล ลักษณะของการคิดแบบอุบายปลุกเรา
ระดับต้นๆ แล้วพอใจเพียงแค่นั้น ผู้นี้ได้เพียง “กระพี้พระศาสนา” บางคนปฏิบัติจนได้บรรลุวิมุติ คุณธรรมและการคิดแบบอรรถสัมพันธ
(ความหลุดพ้นจากกิเลสทั้งหลาย) โดยสิ้นเชิง ผู้นี้นับว่าได้ “แก่นพระศาสนา”
มองในแง่บุคคลธรรมดา ถ้าถามว่าหลักการของการศึกษาคืออะไร เป้าหมายคืออะไร
ถ้ามองแบบแคบๆ ก็อาจตอบว่า การศึกษาคือการเรียน เป้าหมายของการเรียน คือ ประกาศนียบัตร
หรือปริญญาบัตร เพียงแค่นถี้ อื ว่าเป็นหลักการและเป้าหมายอย่างพืน้ ฐาน หลักการของการศึกษา
ที่แท้จริง คือ การเรียนรู้เพื่อพัฒนาตนให้มีบุคลิกภาพและคุณลักษณะพึงประสงค์ เช่น ความเป็น
ผู้มีความเก่ง ความดี และมีความสุข เพื่อจะเป็นก�าลังในการพัฒนาประเทศชาติและสังคมต่อไป
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
ขอใดเปนวิธีการคิดแบบอรรถสัมพันธ
1 พระสูตร หรือพระธรรมเทศนา คือ คําบรรยายธรรมตางๆ ที่ตรัสยักเยื้องให
1. กิตติคิดหาสาเหตุของการเกิดสุริยุปราคาวาเกิดจากอะไร ดวยการคนจาก
เหมาะกับบุคคลและโอกาส ตลอดจนบทประพันธ เรื่องเลา และเรื่องราวที่เกี่ยวของ
อินเทอรเน็ตจนพบคําตอบ
กับหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
2. กรรณิการตองการมีฐานะดี จึงตั้งใจศึกษาเลาเรียนและขยันทํางาน
จนมีฐานะมั่นคงสมความปรารถนา 2 วิปสสนา คือ การฝกอบรมปญญาใหเกิดความเห็นแจงในสังขารทั้งหลายวา
3. กรกฎเสียใจมากที่แมวตาย แตในที่สุดก็คิดไดวาเปนธรรมดาที่เกิดมาแลว เปนของไมเที่ยง เปนทุกข เปนอนัตตา
ตองตาย จึงคลายความเสียใจได 3 พระอริยบุคคล คือ บุคคลผูประเสริฐทางพระพุทธศาสนา ถือวาความเปน
4. กชกรขายผักไดไมดี เมื่อตรวจสอบพบวาเธอไมระวังในการเก็บทําให พระอริยบุคคลนั้นกําหนดไดดวยการละกิเลสที่ผูกมัดสัตว (สังโยชน) ไวในภพ
ผักชํ้าเสียหาย จึงแกไขปรับปรุงจนขายผักไดดีขึ้น ใครละไดนอยก็เปนพระอริยบุคคลขั้นตํ่า เมื่อละไดมากก็เปนพระอริยบุคคล
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เนื่องจากการคิดแบบอรรถสัมพันธเปน ขั้นสูงขึ้น ใครละไดทั้งหมดก็เปนพระอรหันต
การคิดทีม่ องไปสูเ ปาหมายหรือวัตถุประสงคอยางถูกจริยธรรม ซึง่ กรรณิการ
เปนเพียงบุคคลเดียวที่มีการคิดแบบมองไปสูเปาหมายอยางมีจริยธรรม
กลาวคือ กรรณิการมีเปาหมายที่จะตองมีฐานะดี เธอจึงมีความคิดที่จะ
ตั้งใจศึกษาเลาเรียนและขยันทํางานอยางเต็มที่ เพื่อที่เธอจะไดประสบ
ความสําเร็จตามเปาหมายที่เธอตั้งไว คู่มือครู 159
ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ Evaluate
Engage Explore Explain Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
ตรวจสอบความถูกตองจากการตอบคําถาม
ประจําหนวยการเรียนรู ค íา¶ามประจ íาหน่วยการเรียนรู้
พุทธศาสนสุภาษิต
ʾÚà¾Êí ʧڦÀÙµÒ¹í ÊÒÁ¤Ú¤Õ ÇرڲÔÊÒ¸Ô¡Ò : ¤ÇÒÁ¾ÃŒÍÁà¾ÃÕ§¢Í§»Ç§ª¹
¼ÙàŒ »š¹ËÁÙ‹ Âѧ¤ÇÒÁà¨ÃÔÞãËŒÊÒí àÃç¨
160
แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. บทสวดมนตเปนการกลาวถึงพระรัตนตรัย โดยใหระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ และใหยึดการปฏิบัติตนของพระพุทธเจาและพระสงฆมาเปนแนวทาง
ในการปฏิบัติ เชน การศึกษา ความเพียร ความสันโดษ เปนตน โดยในชีวิตจริง เราสามารถนําหลักธรรมมายึดถือปฏิบัติเพื่อใหเราเปนคนดีได
2. พุทธมนตจะมีความขลังหรือศักดิ์สิทธิ์ก็ตอเมื่อผูปฏิบัติตองมีคุณธรรม ศีลธรรม และยึดมั่นในความดี
3. เห็นดวย เพราะการแผเมตตาเปนการสงความปรารถนาดีไปยังสรรพสัตวทั้งหลาย เปนการชวยเหลือและแบงปนความดีใหกับผูอื่น ทั้งนี้การที่เราไดเปนผูใหและมอบ
สิ่งดีๆ ใหกับผูอื่นนั้น ยอมทําใหจิตใจของเราบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น
4. ปญญา คือ ความรอบรู มีประโยชนอยางมาก คือ ปญญาสามารถนําไปใชในการแกไขปญหา หรือนําไปใชในการสรางสรรคและพัฒนาความเจริญ เชน การใชปญญา
ในการแกไขปญหาความขัดแยงทางการเมืองโดยไมใชอารมณและความรุนแรง เปนตน
5. ตั้งใจศึกษาเลาเรียนวิชาความรูทั้งทางโลกและทางธรรมใหมาก หมั่นคนควาเพิ่มเติมในเรื่องที่ศึกษามาแลว เพื่อใหเกิดความเขาใจที่ลุมลึกมากขึ้น อีกทั้งตองรูจักนํา
ความรูที่มีมาคิดวิเคราะห วิจารณ อยางรอบคอบและรอบดาน ซึ่งจะทําใหเกิดปญญาแตกฉาน มีความเฉลียวฉลาดมากขึ้น
160 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ
Engage ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
หน่วยการเรียนรู้ที่
การปฏิบัติตน
๘ 1. อธิบายประโยชนของหลักธรรมคําสอนของ
พระพุทธศาสนาได
2. ใชหลักธรรมทางศาสนาเปนหลักในการ
ดําเนินชีวิตได
ตามหลักธรรม 3. ปฏิบตั ติ นตามหลักธรรมทางศาสนาทีต่ นนับถือ
เพื่อการอยูรวมกันอยางสันติสุขได
ทางพระพุทธศาสนา
สมรรถนะของผูเรียน
1. ความสามารถในการคิด
2. ความสามารถในการแกปญหา
ตัวชี้วัด 3. ความสามารถในการใชทักษะชีวิต
● วิเคราะห์การปฏิบัติตนตามหลักธรรมทาง
ศาสนาที่ตนนับถือ เพื่อการดำารงตนอย่าง
เหมาะสมในกระแสความเปลีย่ นแปลงของโลก
และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข คุณลักษณะอันพึงประสงค
(ส ๑.๑ ม.๒/๑๑)
1. รักชาติ ศาสน กษัตริย
2. อยูอ ยางพอเพียง
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
● การปฏิบตั ติ นตามหลักธรรม กระตุน้ ความสนใจ Engage
(ตามสาระการเรียนรูข้ อ้ ๘)
1. ครูใหนักเรียนชวยกันยกตัวอยางวา พระธรรม
คําสั่งสอนของพระพุทธเจามีอะไรบาง
ËÅÑ¡¸ÃÃÁ¤íÒÊ͹¶×Í໚¹ËÑÇã¨ÊíÒ¤ÑÞÊíÒËÃѺ·Ø¡ÈÒÊ¹Ò โดยออกมาเขียนบนกระดานหนาชั้นเรียน
¾Ãоط¸ÈÒʹҡçઋ¹à´ÕÂǡѺÈÒʹÒÍ×¹è ·ÕÁè ¾Õ ÃиÃÃÁ¤íÒÊ͹ (แนวตอบ เชน อริยสัจ 4 พรหมวิหาร 4
¢Í§¾ÃÐ¾Ø · ¸à¨Œ Ò à»š¹ËÑÇã¨ÊíÒ¤ÑÞÊíÒËÃѺ¾Ø·¸ÈÒʹԡª¹ อิทธิบาท 4 วุฒิธรรม 4 ขันธ 5 ทิศ 6
â´ÂËÅÑ¡¸ÃÃÁµ‹Ò§æ ä´Œ¡Í‹ à¡Ô´»ÃÐ⪹µÍ‹ ¡ÒèÃÃâŧÊѧ¤Á สังคหวัตถุ สาราณียธรรม 6 เปนตน)
ãˌʧºÊØ¢ÀÒÂ㵌¡ÃÐáʤÇÒÁà»ÅÕÂè ¹á»Å§¢Í§âÅ¡ â´Â੾ÒÐ
2. ครูสุมถามคําถามนักเรียนวา
ËÅÑ¡¸ÃÃÁ¡ÒÃÍÂًËÇÁ¡Ñ¹Í‹ҧÊѹµÔÊØ¢
´ŒÇÂà˵عËéÕ ÅÑ¡¸ÃÃÁ¤íÒÊ͹¢Í§¾Ãоط¸ÈÒʹҨ֧໚¹ • นักเรียนใชหลักธรรมใดบางใน
ËÅÑ¡¸ÃÃÁ·Õ´è §Õ ÒÁ ÁÕ¤ÇÒÁ໚¹à˵Ø໚¹¼Å áÅÐÊÒÁÒö¾Ôʨ٠¹ä´Œ การดําเนินชีวิตและนํามาปฏิบัติอยางไร
´ŒÇ¡Òû¯ÔºµÑ Ô ¾Ø·¸ÈÒʹԡª¹·Õ´è ¨Õ §Ö ¤ÇÃÈÖ¡ÉÒáÅл¯ÔºµÑ µÔ ¹
µÒÁËÅÑ¡¤íÒÊ͹ Íѹ¨Ð¹íÒä»ÊÙ¡‹ Òû¯ÔºµÑ µÔ ¹ã¹·Ò§·Õ¶è ¡Ù µŒÍ§
´Õ§ÒÁ «Ö觨С‹ÍãËŒà¡Ô´»ÃÐ⪹µ‹Íµ¹àͧáÅÐÊѧ¤Áä´Œã¹
͹Ҥµ
เกร็ดแนะครู
การเรียนรูเกี่ยวกับการปฏิบัติตนตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา เพื่อให
นักเรียนตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงในยุคโลกาภิวัตนหรือยุคดิจิทัล ที่กระแส
วัฒนธรรมตะวันตกแพรกระจายเขามาเปนจํานวนมาก จึงตองมีการนําหลักธรรม
มาใชในการปรับตัวและปฏิบัติตนใหเหมาะสมกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก
โดยครูควรจัดกิจกรรม ดังนี้
• เขียนเรียงความเรื่อง วิธีการปฏิบัติตนใหเหมาะสมกับกระแสการเปลี่ยนแปลง
ของโลก เพือ่ ใหนกั เรียนสามารถนําหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาปรับใชใน
การประพฤติปฏิบัติใหเหมาะสมกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก
• จัดทําผังมโนทัศนแสดงหลักการปฏิบัติตนเพื่อการอยูรวมกันอยางสันติสุข
• จัดทําบันทึกการนําหลักธรรมในการอยูรวมกันอยางสันติสุขมาปรับใชใน
ชีวิตประจําวัน เพื่อใหนักเรียนสามารถประยุกตใชหลักธรรมพระพุทธศาสนา
ในการดําเนินชีวิตและอยูรวมกับผูอื่นไดอยางสันติสุข
คู่มือครู 161
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
Engage Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
ครูนําขาวหรือบทความเกี่ยวกับการประพฤติตน
ทีไ่ มเหมาะสมเพือ่ แลกกับการไดมาซึง่ สินคาฟุม เฟอย ๑. การปฏิบัติตนอย่างเหมาะสมในกระแสความเปลี่ยนแปลง
เชน การทุจริตคอรรัปชันในหนาที่การงาน ของโลก
การเอารัดเอาเปรียบผูอื่น การเพิ่มเวลาทํางาน
ในปัจจุบนั สังคมมนุษย์มกี ารเปลีย่ นแปลงอยูต่ ลอดเวลา วิทยาการสาขาต่างๆ เช่น วิทยาศาสตร์
เปนตน มาสนทนากับนักเรียน แลวชวยกันแสดง
เทคโนโลยี มีความเจริญก้าวหน้ามากขึ้นตามล�าดับ ท�าให้วิถีชีวิตของมนุษย์มีการเปลี่ยนแปลงไป
ความคิดเห็นวา เพราะเหตุใด บุคคลในขาวจึงยอม
อย่างมาก ตัวอย่างเช่น การกินอยูข่ องมนุษย์ตลอดจนสุขภาพอนามัยได้รบั การพัฒนาให้ดขี นึ้ เรือ่ ยๆ
กระทําการดังกลาวเพื่อแลกกับสิ่งตางๆ
แม้ว่าความยากจนและความอดอยากจะยังมีอยู่ในดินแดนส่วนต่างๆ ของโลก แต่สภาพการณ์
ปัจจุบันก็ดีกว่าสมัยก่อนมาก โดยเฉพาะการคมนาคมขนส่ง ถ้าเทียบเวลานี้กับเมื่อ ๑๕๐ ปีที่แล้ว
ส�ารวจค้นหา Explore
ความเร็วและความสะดวกสบายจะต่างกันมาก ตัวอย่างเช่น ก่อนที่จะมีเครื่องบิน การเดินทางโดย
นักเรียนศึกษาและสืบคนขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ใช้เรือจากเมืองไทยไปทวีปยุโรป อาจใช้เวลาเป็นแรมเดือน แต่ปัจจุบันใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง
การปฏิบัติตนอยางเหมาะสมในกระแสความ ส่วนคอมพิวเตอร์ก็นับเป็นสิ่งมหัศจรรย์อีกสิ่งหนึ่งที่มนุษย์สร้างสรรค์และประดิษฐ์ขึ้นมา
เปลี่ยนแปลงของโลก จากหนังสือเรียนหนา คอมพิวเตอร์นอกจากจะเป็นเครื่องทุ่นแรง และทุ่นสมองแล้ว ยังช่วยท�าให้โลกมีความเป็นอันหนึ่ง
162-165 หรือจากแหลงเรียนรูอื่นๆ เชน หองสมุด อันเดียวกันมากขึน้ กล่าวคือ มีการติดต่อสือ่ สารกันผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ท�าให้สามารถรับรูข้ อ้ มูล
อินเทอรเน็ต ผูที่มีความรูดานหลักธรรม ญาติผูใหญ ที่ถูกต้อง ชัดเจน รวดเร็ว อย่างทั่วถึงทุกมุมโลก และในอนาคตอันใกล้นี้ การน�าหุ่นยนต์มาเป็น
เปนตน เพื่อนําขอมูลมาอภิปรายและแลกเปลี่ยน เครื่องทุ่นแรงให้มนุษย์จะกลายเป็นเรื่องธรรมดาส�าหรับผู้คนในสังคมเมือง
เรียนรูซึ่งกันและกันในชั้นเรียน จากที่กล่าวมานี้เป็นการเปลี่ยนแปลงทางวั 1 ตถุในสังคมมนุษย์ และการเปลี่ยนแปลงทาง
วัตถุนี้ก็ท�าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและจิตใจตามมา ซึ่งมีความส�าคัญไม่น้อยกว่าการ
อธิบายความรู้ Explain เปลี่ยนแปลงทางวัตถุ
โลกและสั ง คมมนุ ษ ย์ ใ นกระแสความ
1. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายถึงความหมาย เปลี่ยนแปลงของโลกยุคปัจจุบัน เรียกว่าอยู่
ของคําวา บริโภคนิยม วัตถุนิยม และทุนนิยม ในยุ ค แห่ ง การ “บริ โ ภคนิ ย ม” ซึ่ ง หมายถึ ง
จากนั้นนักเรียนชวยกันวิเคราะหวา บริโภคนิยม การได้กินมากๆ กินดีๆ และใช้มากๆ ใช้ดีๆ
วัตถุนิยม และทุนนิยมมีอิทธิพลตอความคิด มีความพอใจในความหรูหราฟุม่ เฟือย
และการดําเนินชีวิตของนักเรียนอยางไร พฤติกรรมการบริโภคของคนไทยในปัจจุบนั
2. ครูนําสนทนาถึงผลดีและผลเสียของการ มีความเปลีย่ นแปลงไปจากสมัยก่อนค่อนข้างมาก
แพรกระจายวัฒนธรรมตะวันตกเขามาสู จากอดีตทีป่ ระเทศไทยยังคงเป็นสังคมเกษตรกรรม
ประเทศไทย จากนั้นครูและนักเรียนรวมกัน มีการบริโภคเพือ่ การยังชีพ ต่อมาได้ปรับเปลีย่ น
วิเคราะหและอภิปรายเกีย่ วกับปจจัยทีส่ ง เสริมให ทีละเล็กละน้อยกลายเป็นสังคมอุตสาหกรรม ที่
กระแสวัฒนธรรมตะวันตกแพรกระจายเขามาสู การแพร่กระจายของวัฒนธรรมตะวันตก ทำาให้เกิดการ เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทในการด�ารงชีวิต
ประเทศไทยอยางรวดเร็ว เปลีย่ นแปลงในสังคมปัจจุบนั (จากภาพ) การรับเทคโนโลยี ท�าให้วิถีชีวิตความเป็นอยู่มีความสะดวกสบาย
การก่อสร้างจากสังคมตะวันตก
มากขึ้น
162
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
ครูควรนําภาพผูคนที่มีฐานะยากจนและมีความอดอยากกับผูคนที่มีฐานะ ครูใหนักเรียนสืบคนขอมูล คานิยมการบริโภคของคนไทยในปจจุบัน
รํ่ารวยและใชชีวิตที่หรูหราฟุมเฟอยมาเปรียบเทียบใหนักเรียนดู แลวใหนักเรียน ที่นําไปสูการบริโภคนิยม พรอมทั้งวิเคราะหขอดี ขอเสียจากพฤติกรรม
แสดงความคิดเห็นที่มีตอภาพดังกลาว จากนั้นครูสรุปใหนักเรียนฟงถึงความ การบริโภคดังกลาว สรุปสาระสําคัญ เพื่อนํามาอภิปรายในชั้นเรียน
ไมเทาเทียมกันที่ยังมีอยูมากในสังคมโลก ซึ่งเราจะตองรูจักปรับตัวเพื่อใหสามารถ
ดํารงชีวิตอยูในสังคมไดอยางสงบสุข
กิจกรรมทาทาย
นักเรียนควรรู
1 การเปลี่ยนแปลงทางสังคม คือ การที่ระบบสังคม กระบวนการ แบบอยาง ครูมอบหมายใหนักเรียนเขียนเรียงความเรื่อง พระพุทธศาสนากับวิธี
หรือรูปแบบทางสังคม เชน ขนบธรรมเนียมประเพณี ระบบครอบครัว ระบบการ การแกปญหาสังคมบริโภคนิยมของประเทศไทย ความยาวไมเกิน
ปกครอง ไดเปลี่ยนแปลงไป ไมวาจะเปนดานใดก็ตามการเปลี่ยนแปลงทางสังคมนี้ 1 หนากระดาษ A4 แลวนําสงครูผูสอน เพื่อคัดเลือกผลงานที่ดีเยี่ยม
อาจจะเปนไปในทางกาวหนาหรือถดถอย เปนไปไดอยางถาวรหรือชั่วคราว โดยมี ใหมาอภิปรายหนาชั้นเรียน
การวางแผนใหเปนไปหรือเปนไปเอง และเปนประโยชนหรือใหโทษก็ไดทั้งสิ้น
162 คู่มือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. ครูนําสนทนาเกี่ยวกับมัชฌิมาปฏิปทาหรือทาง
การรับอารยธรรมจากตะวันตก ค่านิยมที่เปลี่ยนแปลงไป ล้วนเป็นปัจจัยให้พฤติกรรมของ สายกลาง แลวตั้งประเด็นคําถามใหนักเรียน
มนุษย์โดยเฉพาะอย่างยิง่ ในสังคมเมือง มีวถิ กี ารด�าเนินชีวติ และการบริโภคทีเ่ คยเป็นไปเพือ่ ความ ชวยกันตอบวา
อยู่รอด กลายเป็นวิถีการด�าเนินชีวิตและบริโภคเพื่อความชอบของแต่ละบุคคล และตามฐานะทาง • สิ่งสุดขั้ว 2 ทางที่พระพุทธเจาทรงคนพบวา
ครอบครัวและสังคม โดยเฉพาะผู้คนในสังคมเมืองทุกวันนี้ การบริโภคส่วนใหญ่ใช้จ่ายในประเภท ไมสามารถนําไปสูการหลุดพนคืออะไรบาง
สินค้าฟุ่มเฟือย มีการซื้อและใช้สินค้าที่มาจากต่างประเทศเพื่อการยอมรับทางสังคม (แนวตอบ สิ่งสุดขั้วขางหนึ่ง คือ การทรมาน
ตนเองและการอดอาหารเหลือแตหนังหุม
1.1 การปฏิบัติตนของชาวพุทธ กระดูก สิ่งสุดขั้วอีกขางหนึ่ง คือ
การปฏิบตั ติ นของเราต้องอยูภ่ ายใต้กรอบหลักธรรมค�าสอนของพระพุทธศาสนา เน้นความสุข การหมกมุนมัวเมากับความสุขทางเนื้อหนัง
สงบทางจิตใจมากกว่าวัตถุ และสอนให้เดินทางสายกลาง และเรียกหลักนี้ว่า “มัชฌิมาปฏิปทา” หรือทางเพศ)
ก่อนที่พระพุทธองค์ตรัสรู้ พระองค์เคยทดลองวิธีการต่างๆ ที่คนสมัยนั้นเชื่อกัน เคยทรมานตัวเอง • มัชฌิมาปฏิปทาหรือทางสายกลางที่
เคยอดอาหารเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก นี่เป็นสิ่งสุดขั้วข้างหนึ่ง ส่วนสิ่งสุดขั้วอีกข้างหนึ่งนั้นก็คือ พระพุทธเจาทรงเทศนาไว อยูใ นเหตุการณใด
การหมกมุ่นมัวเมากับความสุขทางเนื้อหนัง ทรงพบว่าทั้ง ๒ ทางนี้ไม่น�าไปสู่การตรัสรู้ จึงทรง ในพุทธประวัติ และการเทศนาครั้งนั้นมี
ทดลองปฏิบัติทางสายกลาง ปรากฏว่าได้ผล ทางสายกลางได้น�าไปสู่สัจธรรมของชีวิต นี่คือ สาระสําคัญอะไรบาง
หลักทางสายกลางดั้งเดิม ซึ่งเราสามารถประยุกต์หลักดั้งเดิมได้กับทุกอย่าง พระพุทธศาสนามิได้ (แนวตอบ มัชฌิมาปฏิปทาหรือทางสายกลาง
ปฏิเสธความสุขทางกาย แต่เตือนให้ระมัดระวัง เพราะความสุขทางวัตถุเป็นสิ่งไม่จีรัง พระพุทธเจาตรัสไวในวันอาสาฬหบูชา
พระพุทธศาสนามิได้ปฏิเสธความมั่งคั่ง หากความมั่งคั่งนั้นได้มาจากการไม่ 1 เบียดเบียนตน ซึ่งพระพุทธเจาแสดงธรรมปฐมเทศนา
และผู้อื่น ความหรูหราฟุ่มเฟือยก็ไม่มีอะไรผิดส�าหรับคนทั่วไปที่ยังเป็นปุถุชนอยู่ แต่ต้องระลึก ใหแกปญจวัคคียในวันขึ้น 15 คํ่า
เสมอว่าอาจเสือ่ มสูญไปได้วนั หนึง่ พระพุทธศาสนามิได้เชิดชูความยากจน แต่สอนว่าความยากจน เดือน 8 พระองคทรงเทศนาเรื่องธัมมจัก-
เป็ น บ่ อ เกิ ด ของอาชญากรรม และการที่ จ ะ กัปปวัตตนสูตร ซึ่งมีสาระสําคัญเกี่ยวกับ
พ้นจากความยากจนให้มีฐานะขึ้นมานั้นก็ต้อง การปฏิเสธสิง่ สุดขัว้ 2 อยาง แตใหปฏิบตั ติ าม
เป็นไปโดยชอบ 2 มัชฌิมาปฏิปทา ซึง่ เปนแนวทางในการปฏิบตั ิ
พระพุทธศาสนาสอนเรื่องสันโดษ สันโดษ เพื่อบรรลุถึงอริยมรรคมีองค 8)
มิได้แปลว่า มักน้อย อย่างทีค่ นบางคนเข้าใจกัน 2. ครูใหนักเรียนยกตัวอยางเหตุการณในชีวิต
แปลว่า ยินดีในสิ่งที่ตนหาได้อย่างชอบธรรม ประจําวันทีน่ กั เรียนสามารถนํามัชฌิมาปฏิปทา
ความมักน้อยเป็นธรรมของผู้สละโลกถือบวช หรือทางสายกลางไปใชในการแกปญหาได
แต่ชาวบ้านแสวงหาความสุขทางวัตถุให้มากขึน้ โดยบันทึกลงในสมุด แลวนําสงครูผูสอน
ได้ หากเกิดจากความขยันหมั่นเพียรของตน
และไม่เบียดเบียนตนหรือผูอ้ นื่ ผูท้ ที่ �างานพิเศษ
ตอนเย็นเพื่อให้ครอบครัวมีความเป็นอยู่ดีขึ้น 3
พระสงฆ์เป็นผูท้ มี่ วี ตั รปฏิบตั อิ ย่างสันโดษในการดำาเนินชีวติ
มิได้ทา� อะไรผิดจากพุทธธรรมหากเดินสายกลาง พุทธศาสนิกชนที่ดีควรถือเป็นแบบอย่าง
163
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
“...ในหมูบานไกลๆ ที่ฉันไป เขามี TV ดู แตใชแบตเตอรี่ เขาไมมีไฟฟา
1 ปุถุชน คือ คนธรรมดาหรือสามัญชนที่ยังคงมีกิเลส ซึ่งยังไมไดเปนอริยบุคคล
แตถา Sufffiiciency นั้น มี TV เขาฟุมเฟอย เปรียบเสมือนคนไมมีสตางค
หรือพระอริยะ มี 2 จําพวก คือ อันธปุถุชน หมายถึง บุคคลผูไมมีการเรียน
ไปตัด Suit และยังใส Necktie Versace อันนี้ก็เกินไป...”
การสอบสวน การฟง การทรงจํา และการพิจารณาในขันธ ธาตุ และอายตนะ
พระราชดํารัสในรัชกาลที่ 9 ขางตนตรงกับขอใดมากที่สุด
และ กัลยาณปุถชุ น หมายถึง บุคคลผูท ไี่ ดมกี ารเรียน การสอบสวน การฟง การทรงจํา
1. ความสุขทางวัตถุเปนสิ่งไมจีรัง
และการพิจารณาในขันธ ธาตุ และอายตนะ
2. ความมักนอยเปนธรรมของผูสละโลก
3. ความเพียงพอคือการรูจักประมาณตนวาแคไหนพอเพียง 2 สันโดษ เปนมงคลขอที่ 24 ในมงคล 38 ประการ หมายถึง ความยินดี หรือ
4. ความหรูหราฟุมเฟอยก็ไมมีอะไรผิดสําหรับคนทั่วไปที่ยังเปนปุถุชน ความพอใจ ตามมี ตามได ตามกําลัง และความจําเปนของตน พรอมทั้งมีความ
ขยันหมั่นเพียรหาเลี้ยงชีพดวยความสุจริต
แนวตอบ ตอบขอ 3. เนื่องจากพระราชดํารัสในขางตนนั้น กลาวถึงความ
พอเพียงของแตละบุคคลที่มีไมเหมือนกัน ทั้งนี้จะตองมีความเหมาะสมกับ 3 วัตรปฏิบัติ หมายถึง การปฏิบัติสิ่งที่พึงปฏิบัติอันเปนกิจวัตรประจํา
ฐานะความเปนอยูของตน ซึ่งตรงกับการเดินทางสายกลางหรือมัชฌิมา เปนหนาที่บาง หรือเปนธรรมเนียมปฏิบัติที่ดีงามซึ่งปฏิบัติกันตอมาในฝายพระ
ปฏิปทา โดยเราตองเตือนตัวเองอยูเสมอวาตองรูจักพอ รูจักประมาณตนวา เชน การปฏิบัติดูแลพระอุปชฌาย การปลงอาบัติ การรักษามารยาทในการขบฉัน
แคไหนพอเพียง ซึ่งคนแตละคนก็มีระดับความพอเพียงไมเหมือนกัน ดังนั้น การปฏิบัติตามธรรมเนียมในการนุงหม เปนตน
ขอ 3. จึงเปนคําตอบที่ถูกตอง
คู่มือครู 163
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. ครูนําสนทนาถึงอริยทรัพย 7 วาเปนทรัพย
อันประเสริฐ เปนทรัพยภายในที่จะติดตัวไป อย่างไรก็ตาม เราต้องเตือนตนเองอยูเ่ สมอว่าต้องรูจ้ กั พอ รู้จักประมาณว่าแค่ไหนพอเพียง
ตลอดชีวิต จากนั้นครูตั้งประเด็นคําถามเพื่อฝก ซึ่งคนแต่ละคนระดับความพอเพียงอาจไม่เหมือนกัน
ทักษะการคิดของนักเรียน ดังนี้ พระพุทธศาสนาสอนให้คนแข่งขันกัน แต่แข่งขันในการท�าความดี มีความเอื้อเฟื้อต่อผู้อื่น
• อริยทรัพย 7 มีความสําคัญในการดําเนินชีวิต มีการแข่งขันโดยชอบธรรม ไม่เอาเปรียบ ไม่โกง ไม่ทุจริตซึ่งกันและกัน ชัยชนะที่ได้จากการท�า
ของนักเรียนอยางไร และนักเรียนสามารถ ผิดศีลธรรม มิใช่สงิ่ ทีจ่ ะได้รบั การสรรเสริญจากพระพุทธศาสนา การแก่งแย่งประหัตประหารกันนัน้
นําไปประยุกตใชไดอยางไรบาง เกิดจากความโลภ พระพุทธศาสนาสอนให้ระงับและลดความโลภเพื่อความเป็นศัตรูในหมู่มนุษย์
(แนวตอบ อริยทรัพย 7 เปนทรัพยที่ชวยใหชีวิต จะได้น้อยลง
มีความเจริญกาวหนา เพราะเปนทรัพยที่ไมมี
ใครเอาไปได โดยสามารถนําไปประยุกตใชกับ
1.2 อริยทรัพย์ 7
การศึกษาเลาเรียน การทํางานของตนเอง ในพระพุทธศาสนามีหลักธรรม ซึ่งสอดคล้องกับการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสมในกระแสการ
รวมถึงสามารถนําความรูความสามารถไป เปลี่ยนแปลงของโลก คือ หลักธรรมที่มีชื่อว่า “อริยทรัพย์”
ชวยเหลือผูอื่นตอไป) ในสังคมบริโภคนิยม ผู้คนต่างแข่งขันกันหาเงินเพื่อน�ามาซื้อสิ่งต่างๆ เพื่อการอุปโภคบริโภค
2. ครูใหนักเรียนจับคูแลวผลัดกันบอกอริยทรัพย ซึ่งการแข่งขันนี้อาจส่งผลท�าให้เกิดความเครียดได้ เราควรหาหลักเพื่อจะช่วยให้การแข่งขันนี้
ที่แตละคนพึงมี โดยใหยกตัวอยางสถานการณ ลดความเข้มข้นลง พระพุทธศาสนาได้ให้ค�าสอนเรื่องนี้แก่เรา เรียกว่า “อริยทรัพย์” หมายถึง
ที่แสดงถึงอริยทรัพยขอนั้นๆ จากนั้นครูให ทรัพย์อันประเสริฐ ทรัพย์อันเป็นคุณธรรมประจ�าใจอย่างประเสริฐ
นักเรียนรวมกันอภิปรายและเสนอแนะแนวทาง ในทางพระพุทธศาสนามีการแบ่งทรัพย์ออกเป็นประเภทกว้างๆ ได้ ๒ ชนิด คือ ทรัพย์
การพัฒนาตนเองใหมีอริยทรัพยขออื่นๆ ภายนอกและทรัพย์ภายใน ทรัพย์ภายนอก หมายถึง ทรัพย์สมบัติที่เป็นวัตถุทั่วๆ ไป เช่น เงินทอง
ใหครบทั้ง 7 ขอ บ้านเรือน ยานพาหนะ
3. ครูใหนักเรียนชวยกันบอกความหมายของ ส่วนทรัพย์ภายใน หมายถึง อริยทรัพย์
คําวา “หิริ” และ “โอตตัปปะ” วามีความ ได้แก่ คุณสมบัติที่ฝังแน่นอยู่ภายในใจ จัดเป็น
แตกตางกันอยางไร และเมื่อรวมกันเปนคําวา ทรัพย์อนั ประเสริฐ ผูม้ ที รัพย์ภายในย่อมหาทรัพย์
“หิริโอตตัปปะ” หมายถึงอะไร โดยใหนักเรียน ภายนอกได้ และย่อมสามารถพึ่งพาตนเองได้
ยกตัวอยางเหตุการณของบุคคลทีม่ หี ริ โิ อตตัปปะ ตลอดไป ส่วนทรัพย์ภายใน หรืออริยทรัพย์ ซึ่ง
ประกอบการอธิบาย แปลว่า ทรัพย์อนั ประเสริฐมี ๗ อย่าง ดังต่อไปนี้
4. ครูยกตัวอยางเหตุการณหรือเรื่องราว แลวให (๑) ศรัทธา หมายถึง ความเชือ่ ทีม่ ี
นักเรียนใชปญญาแยกแยะวาควรทําหรือไม เหตุผล มัน่ ใจในหลักทีถ่ อื และในความดีทที่ า� หรือ
ควรทํา เพราะเหตุใด เชน การหนีเรียน การ หมายถึง ความเลื่อมใสศรัทธาในพระธรรม
ลอกขอสอบ การหลับในหองเรียน การนินทา (๒) ศีล หมายถึง การรักษากาย
อาจารย การลอชื่อพอแมเพื่อน การชวย วาจาให้เรียบร้อย ประพฤติถูกต้องดีงาม
ครูถือของ การพาคนแกขามถนน การชวย นักเรียนสามารถนำาหลักอริยทรัพย์มาประยุกต์ใช้ในการ (๓) หิริ หมายถึง ความละอายใจ
ดำาเนินชีวิต โดยการเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือสังคม
งานบานพอแม การติวหนังสือใหเพื่อน เปนตน ต่อการท�าความชั่ว
164
ขอสอบเนน การคิด
บูรณาการ
เศรษฐกิจพอเพียง แนว NT O-NE T
สุรีรัตนไปฟงธรรมที่วัดกับคุณยายเปนประจําตั้งแตเด็กจนถึงปจจุบัน
“เงินทองของมายา ขาวปลาสิของจริง” คําพูดนี้มักปรากฏใหเห็นอยูเสมอ จึงทําใหเธอเปนคนที่มีความเลื่อมใสในพระธรรมคําสอนของพระพุทธเจา
ในหนังสือ หรือบทความเกี่ยวกับปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จากคําพูดดังกลาว อยางแทจริง สุรีรัตนเปนผูมีอริยทรัพยในขอใด
ครูใหนักเรียนปฏิบัติ ดังนี้ 1. ศีล - จาคะ
• รวมกันตีความ เพื่อคนหาความหมาย ขอคิด และวัตถุประสงคของคําพูด 2. หิริ - ปญญา
ดังกลาว 3. จาคะ - โอตตัปปะ
• รวมกันวิเคราะหวา เพราะเหตุใดคนสวนใหญในสังคมปจจุบัน จึงใหความ 4. ศรัทธา - พาหุสัจจะ
สําคัญกับ “เงินทอง” มากกวา “ขาวปลา” และจะมีแนวทางใดบางที่ทําให
คนเหลานั้นเปลี่ยนความคิดมาใหความสําคัญกับขาวปลามากขึ้น วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. จากการที่สุรีรัตนไปฟงธรรมที่วัดกับ
คุณยายเปนประจําตั้งแตเด็กจนถึงปจจุบัน จึงทําใหเธอเปนผูที่ไดยิน ไดฟง
ไดศึกษาพระธรรมคําสอนตางๆ เปนอยางมาก ซึ่งตรงกับอริยทรัพยขอ
พาหุสัจจะ และการที่เธอเปนผูที่มีความเลื่อมใสศรัทธาในพระธรรมคําสอน
ของพระพุทธเจาอยางแทจริง ตรงกับอริยทรัพยขอศรัทธา ดังนั้น ขอ 4.
จึงเปนคําตอบที่ถูกตอง
164 คู่มือครู
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู้ Explain
ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 8.1 จากแบบวัดฯ
(๔) โอตตัปปะ หมายถึง ความเกรงกลัวต่อผลของการท�าความชั่ว พระพุทธศาสนา ม.2
(๕) พาหุสัจจะ หมายถึง ความเป็นผู้ได้ศึกษาเล่าเรียนมาก เป็นผู้ได้ยินได้ฟังมาก ✓ แบบวัดฯ
ใบงาน แบบฝกฯ
(๖) จาคะ หมายถึง ความเสียสละ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 8.1
(๗) ปัญญา หมายถึง ความรู้ความเข้าใจถ่องแท้ในเหตุผล สามารถแยกแยะเหตุผล หนวยที่ 8 การปฏิบัติตนตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
ดีชั่วถูกผิด คุณโทษ ประโยชน์ มิใช่ประโยชน์ รู้คิด รู้พิจารณา และรู้ที่จะจัดท�า กิจกรรมตามตัวชี้วัด
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
สร้างทรัพย์ภายนอกได้ด้วย
ใชหลักธรรมอริยทรัพย (ทรัพยอันประเสริฐ)
๒. การปฏิบัติตนเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ประกอบดวย
การอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขคือการอยู่ร่วมกันโดยปราศจากความรุนแรง คนเรามีความเห็น ฉบับ
เฉลย
ขัดแย้งกันได้ แต่ไม่จา� เป็นต้องมีความรุนแรง คือ มีความคิดเห็นต่างกันแต่ไม่ทา� ร้ายกัน การท�าร้าย ความเชื่อที่มีเหตุผล
ศรัทธา หมายถึง……………………………………………..
มั่นใจในหลักที่ถือและในความดีที่ทํา
……………………………………………………………………………..
ความเกรงกลัวตอ
โอตตัปปะ หมายถึง………………………………………..
ผลของการทําความชั่ว
……………………………………………………………………………..
2.1 ความรุนแรงกับความยุติธรรม
ความรู ความเขาใจถองแทในเหตุผล สามารถแยกแยะเหตุผล ดีชวั่ ถูกผิด คุณโทษ
ปญญา หมายถึง……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
สถานที่ใดก็ตามที่ไม่มีความยุติธรรมมักจะมีความรุนแรงเกิดขึ้น บางทีคนเราก็มีความเห็น ประโยชน มิใชประโยชน รูคิด รูพิจารณา และรูที่จะจัดทํา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T บูรณาการอาเซียน
อรพิมตัดสินใจลาออกจากงาน เนื่องจากไมพอใจที่หัวหนาใหความ
ครูอธิบายนักเรียนเกี่ยวกับความหลากหลายทางศาสนาของประเทศสมาชิก
ยุติธรรมกับลูกนองไมเทาเทียมกัน การกระทําของอรพิมตรงกับอคติ 4
อาเซียน โดยอธิบายวาประชากรในประเทศสมาชิกอาเซียนมีการนับถือศาสนา
ในขอใด
แตกตางกันไป ทั้งศาสนาอิสลาม พระพุทธศาสนา และคริสตศาสนา ดังนั้น
1. ภยาคติ 2. โทสาคติ
เยาวชนไทยจะตองศึกษาประวัติ หลักคําสอน และขอปฏิบัติของศาสนาตางๆ
3. โมหาคติ 4. ฉันทาคติ
ใหเขาใจอยางถองแท เพื่อใหสามารถปฏิบัติตัวตอคนตางศาสนิกไดถูกตอง รวมทั้ง
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เนื่องจากโทสาคติเปนการกระทําสิ่งที่ เพื่อใหเกิดการยอมรับความแตกตาง ตลอดจนเคารพและใหเกียรติผูนับถือศาสนา
ไมควรทําดวยความเกลียดชัง ไมชอบกัน การไมใหลาภยศ การตัดสินความ ตางๆ จะไดสามารถอยูรวมกันไดอยางสันติสุข ซึ่งเรื่องของศาสนาถือเปนสวนหนึ่ง
ตางๆ ดวยความเกลียดชัง ยอมทําใหเสียความเปนธรรม ซึ่งการกระทํา ของประชาสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน อันเปนหนึ่งในสามเสาหลักของประชาคม
ของอรพิมนั้น ทําไปเนื่องดวยความเกลียดชังและความไมพอใจที่หัวหนา อาเซียน
ไมมีความยุติธรรมใหแกลูกนองทุกๆ คนอยางเทาเทียมกัน จึงทําใหเธอ
ตัดสินใจลาออก
คู่มือครู 165
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
Engage Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
ครูยกตัวอยางขาวความรุนแรงที่เกิดขึ้นใน
ประเทศไทยและตางประเทศ แลวใหนักเรียน อคติ ๔ อย่างนี้จัดเป็นอกุศลกรรม เป็นสิ่งที่ควรหลีกเว้น ไม่ควรประพฤติ บุคคลใดหลีกเว้น
ชวยกันวิเคราะหสถานการณความรุนแรงดังกลาว อคติเหล่านี้ บุคคลนั้นย่อมจะเป็นผู้เจริญด้วยเกียรติยศ มีผู้เคารพนับถือ มีผู้เชื่อฟังค�า และ
พรอมทั้งเสนอแนะแนวทางการปฏิบัติตนเพื่อการอยู มีผู้ยกย่องสรรเสริญ อคติ ๔ อย่างนี้เป็นอกุศลกรรม ท�าลายการปกครอง ผู้มีอ�านาจตัดสิน
รวมกันอยางสันติสุข เพื่อทรงไว้ซึ่งความยุติธรรม พึงเว้นอคติ ๔ ต้องวินิจฉัยด้วยปัญญา กล้าแสดงเหตุผลผิดถูก
ตัดสินอย่างเทีย่ งธรรม จึงจะได้ชอื่ ว่าเป็นผูบ้ ริสทุ ธิย์ ตุ ธิ รรม ผูป้ กครองทีห่ วังผลส�าเร็จในการปกครอง
ส�ารวจค้นหา Explore หวังความเจริญก้าวหน้าของหมู่คณะของสังคมส่วนรวม พึงประพฤติหลักเว้นอคติเหล่านี้
นักเรียนศึกษาและสืบคนขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ 2.2 ความรุนแรงกับความไม่รู้
การปฏิบัติตนเพื่อการอยูรวมกันอยางสันติสุขจาก ความรุนแรงในบางครั้งเกิดขึ้นเพราะความไม่รู้หรือความเข้าใจผิด ชาวพุทธที่ดีต้องหมั่น
หนังสือเรียนหนา 165-169 หรือจากแหลงเรียนรูอ นื่ ๆ แสวงหาความรู้เพื่อป้องกันมิให้เกิดความรุนแรง โดยปฏิบัติตนตามหลักวุฑฒิธรรม ๔ หรือวุฒิ ๔
เชน หองสมุด หรืออินเทอรเน็ต เปนตน คือ ธรรมเป็นเหตุแห่งความเจริญ หมายถึง คุณธรรมที่เป็นเครื่องเพิ่มพูนความเจริญงอกงาม
เพื่อนําขอมูลมาอภิปรายและแลกเปลี่ยนเรียนรู มี ๔ ประการ ดังนี้ 1
ซึ่งกันและกันในชั้นเรียน (๑) สัปปุริส2สังเสวะ แปลว่า เสวนาสัตบุรุษ หมายถึง การคบหาท่านผู้ทรงธรรมทรง
ปัญญาเป็นกัลยาณมิตร
อธิบายความรู้ Explain (๒) สัทธัมมัสสวนะ แปลว่า การฟังธรรม หมายถึง การฟังค�าแนะน�าสัง่ สอนของสัตบุรษุ
ด้วยความเคารพและน�าค�าที่ท่านสอนมาปฏิบัติตาม และเอาใจใส่ในการศึกษาเล่าเรียน
1. ครูสุมใหนักเรียนยกตัวอยางสถานการณที่ (๓) โยนิโสมนสิการ แปลว่า การท�าไว้ในใจโดยแยบคาย หมายถึง ตริตรอง พิจารณา
เกี่ยวกับความรุนแรง อันมีสาเหตุมาจากความ ธรรมที่ฟังแล้วด้วยปัญญา ให้รู้ว่าสิ่งใดดี สิ่งใด
ไมยุติธรรมที่นักเรียนพบเจอมาดวยตนเอง ไม่ดี สิ่งใดควร สิ่งใดไม่ควร และให้รู้ว่าค�าสอน
จากนั้นใหนักเรียนรวมกันอภิปรายในประเด็น ของท่านนั้น ตนควรปฏิบัติตามได้มากน้อย
เกี่ยวกับการนําหลักอคติ 4 มาปรับใชเพื่อขจัด เพียงไร เมือ่ ปฏิบตั แิ ล้วเกิดผลอย่างไร สามารถ
ความรุนแรงจากความอยุติธรรม จับสาระที่จะน�าไปใช้ประโยชน์ได้
2. ครูนําสนทนาเกี่ยวกับวุฑฒิธรรม 4 หรือ (๔) ธัมมานุธัมมปฏิปัตติ แปลว่า
ธรรมเปนเหตุแหงความเจริญ แลวใหนักเรียน การปฏิบตั ธิ รรมตามสมควรแก่ธรรม หมายถึง
วิเคราะหตนเองตั้งแตอดีตจนถึงปจจุบันวา สมควรแก่หน้าที่ สมควรแก่เพศ และสมควร
นักเรียนมีการประยุกตใชหลักวุฑฒิธรรมขอใดบาง แก่วัย กล่าวคือ ถูกต้องตามหลักการ
ในการดําเนินชีวติ ใหมคี วามเจริญกาวหนามากขึน้ 3
จากนั้นใหนักเรียนจับคูและเลาเหตุการณ
2.3 พรหมวิหาร 4 กับสันติสขุ
ดังกลาวใหเพื่อนฟง ความรุนแรงในบางครั้งเกิดจากการไม่มี
การปฏิบัติตามหลักวุฑฒิธรรม ๔ ช่วยให้การเรียนรู้ต่างๆ
มีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงทำาให้สามารถเขียนอ่านได้ดีขึ้น
น�า้ ใจ หรือไม่มคี วามเป็นมิตรต่อกัน พรหมวิหาร
ตามไปด้วย และยังทำาให้เรียนหนังสือได้ดีด้วย ๔ หมายถึง ธรรมประจ�าใจอันประเสริฐ
166
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
“ธีโร จ สุขสํวาโส ญาตีนํว สมาคโม” สอดคลองกับหลักวุฑฒิธรรม 4
1 สัตบุรุษ คือ คนที่มีสัมมาทิฐิ และเปนคนดีที่นานับถือ เพราะมีคุณธรรมและ
ขอใดมากที่สุด
ประพฤติตนอยูในกรอบของศีลธรรมอันดีงาม
1. สัปปุริสสังเสวะ
2 กัลยาณมิตร คือ มิตรที่ดีงามและนาคบหา เพราะเปนบัณฑิตที่พึงนับถือและ 2. สัทธัมมัสสวนะ
นําพาไปสูความเจริญในชีวิต 3. โยนิโสมนสิการ
3 พรหมวิหาร 4 หลักธรรมขอนี้ทําใหผูปฏิบัติเปนพรหม คือ ตามหลักธรรม 4. ธัมมานุธัมมปฏิปตติ
คําสอนในพระพุทธศาสนา มีความเชือ่ วา ถาเราเอาชนะความโลภ ความเห็นแกตวั ได วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เนื่องจากพุทธศาสนสุภาษิตที่วา ธีโร จ
ก็จะหลุดพนจากความทุกขเวทนา คือ หลุดพนจากการเวียนวายตายเกิด ทําใหอยู สุขสํวาโส ญาตีนํว สมาคโม แปลวา อยูรวมกับปราชญนําสุขมาให
ในสถานะพรหม คือ เปนผูประเสริฐและไมเกี่ยวของกับกาม เหมือนสมาคมกับญาติ มีความสอดคลองกับหลักธรรมสัปปุริสสังเสวะ
ซึ่งเปนหนึ่งในหลักธรรมของวุฑฒิธรรม 4 โดยสัปปุริสสังเสวะ หมายถึง
การคบหาทานผูทรงธรรมทรงปญญาเปนกัลยาณมิตร
166 คู่มือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายในประเด็น
พรหมวิหาร ๔ เป็นหลักธรรมที่ส�าคัญข้อหนึ่งที่จะช่วยให้คนเราอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข พรหมวิหาร 4 กับการอยูรวมกันในสังคมอยาง
มีความรัก ความเอื้ออาทรต่
1 อกัน ดังนี้ สงบสุข จากนั้นครูตั้งคําถามเพื่อใหนักเรียน
(๑) เมตตา คือ ความรักใคร่ ปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับความสุข ฝกทักษะการคิดวิเคราะห
(๒) กรุณา คือ ความสงสาร คิดช่วยให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ • ถาประชาชนทุกคนมีพรหมวิหาร 4 เปน
(๓) มุทิตา คื2อ ความยินดีด้วยเมื่อผู้อื่นมีความสุข หลักธรรมประจําใจ จะสงผลตอประเทศ
(๔) อุเบกขา คือ วางใจเป็นกลาง เมื่อเห็นผู้อื่นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขก็รับว่าทุกอย่าง ชาติและสังคมโลกอยางไร
เป็นไปตามกฎแห่งกรรมตามสมควรแก่เหตุ (แนวตอบ หากประชาชนมีพรหมวิหาร 4
เปนธรรมประจําใจ จะทําใหประเทศชาติ
เรื่องน่ารู้ มีความเจริญกาวหนาเทาเทียมกับนานา
คุณประโยชน์ของพรหมวิหาร 4 อารยประเทศและมีสันติสุขเกิดขึ้นอยาง
๑. ผู้มีพรหมวิหาร ๔ ย่อมผูกมิตรไว้มาก เมื่อจะทำาอะไรหรือไปยังสถานที่ใด ก็จะได้รับการต้อนรับจาก แทจริง สําหรับสังคมโลกก็จะมีความสันติสุข
มิตรสหายด้วยดี เกิดขึ้นเชนกัน เนื่องจากประชาชนหรือผูนํา
๒. เป็นผูม้ องการณ์ไกลและพิจารณาชีวติ ได้อย่างมีเหตุมผี ล จิตใจมักเยือกเย็นสุขมุ ทำาสิง่ ใดก็ไม่ตงั้ อยูใ่ นความ ประเทศตางๆ จะมีความเห็นใจซึง่ กันและกัน
ไม่ประมาท คอยชวยเหลือประเทศเพื่อนบานหรือ
๓. ส่งเสริมให้เกิดคุณธรรมอื่นๆ ตามมา ประเทศตางๆ ใหพน ทุกข เชน ประชาชนไทย
๔. ทำาให้สังคมเจริญก้าวหน้าและมีสันติสุข ชวยกันบริจาคเงินเพื่อชวยเหลือผูประสบภัย
๕. ถ้าผู้นำาของประเทศใดมีพรหมวิหาร ๔ ก็จะสามารถช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านหรือแม้แต่ประเทศที่อยู่
ทางธรรมชาติในตางประเทศ เปนตน)
ห่างไกลออกไปให้พ้นทุกข์ได้ เช่น รัฐบาลไทยให้การช่วยเหลือด้านทุนทรัพย์ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจาก
เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศเฮติ เป็นต้น
2. ครูใหนักเรียนชวยกันวิเคราะหวา หากผูนํา
ชุมชนหรือประเทศมีความเปนอัตตาธิปไตยสูง
จะสงผลตอประชาชนในทองถิน่ หรือในประเทศ
2.4 อธิปไตย 3 กับสันติสุข
อยางไร
การที่ผู้มีอ�านาจในการตัดสินใจจะท�าอะไรลงไปนั้น อาจยึดถือหลักอธิปไตย ๓ อันหมายถึง (แนวตอบ หากผูนําชุมชนหรือผูนําประเทศ
ความเป็นใหญ่ ภาวะที่ถือเอาเป็นใหญ่ ความเป็นอิสระ จ�าแนกออกเป็น ๓ อย่าง ดังนี้ มีความเปนอัตตาธิปไตยสูง จะทําใหประชาชน
(๑) อัตตาธิปไตย แปลว่า ความมีตนเป็นใหญ่ ถือตนเป็นใหญ่ กระท�าการด้วยปรารภ ในประเทศไดรับความเดือดรอนยากลําบาก
ตนเป็นประมาณ หมายถึง กิจการที่บุคคลพึงกระท�าโดยมุ่งผลอย่างใดอย่างหนึ่งอันตนจะพึงได้
สังคมเกิดความวนุ วาย ระสํา่ ระสาย เพราะผูนํา
(๒) โลกาธิปไตย แปลว่า ความมีโลกเป็นใหญ่ ถือโลกเป็นใหญ่ กระท�าการด้วยปรารภ
จะกระทํากิจการงานตางๆ โดยยึด
นิยมของโลกเป็นประมาณ หมายถึง กิจการที่บุคคลพึงกระท�าโดยมุ่งให้ผู้อื่นสรรเสริญ หากไม่ท�า
ผลประโยชนของตัวเองเปนที่ตั้ง ไมสนใจวา
ก็กลัวผู้อื่นจะนินทา นั่นคือ อ้3างความเห็นของคนหมู่มากเป็นใหญ่
(๓) ธัมมาธิปไตย แปลว่า ความมีธรรมเป็นใหญ่ ถือธรรมเป็นใหญ่ กระท�าการด้วย ใครจะไดรับผลกระทบหรือผลเสียจาก
ปรารภความถูกต้อง เป็นจริง สมควรตามธรรมเป็นประมาณ หมายถึง กิจการที่บุคคลพึงกระท�า พฤติกรรมของตนเอง)
โดยมุง่ ความถูกต้องเป็นจริง สมควรตามธรรม นัน่ คือ ธรรมาธิปไตย อ้างเหตุผลอันถูกต้องเป็นใหญ่
167
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
“กฎของบานหลังนี้ มี 2 ขอ คือ ขอ 1. ไมวาอะไรจะเกิดขึ้น เจาของบาน
1 เมตตา คือ ความปรารถนาใหผูอื่นไดรับความสุข ทั้งนี้ความสุขเปนสิ่งที่
ถูกเสมอ ขอ 2. ถาไมเขาใจ ใหยอนกลับไปดูที่ขอ 1. อีกครั้ง” ขอความ
ทุกคนปรารถนา โดยความสุขเกิดขึ้นไดทั้งกายและใจ ซึ่งความสุขของคฤหัสถ
ดังกลาวสอดคลองกับหลักธรรมในขอใด
มี 4 ประการ ไดแก ความสุขอันเกิดจากการมีทรัพย ความสุขอันเกิดจากการใช
1. คณาธิปไตย 2. อัตตาธิปไตย
จายทรัพย ความสุขอันเกิดจากการไมเปนหนี้ และความสุขอันเกิดจากการทํางาน
3. โลกาธิปไตย 4. ธัมมาธิปไตย
ที่ปราศจากโทษ
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เนื่องจากอัตตาธิปไตย แปลวา ความมีตน 2 อุเบกขา คนมักเขาใจกันวา หมายถึง การวางเฉย ไมเขาไปยุงเกี่ยว
เปนใหญ ถือตนเปนใหญ เปนกิจการที่บุคคลพึงกระทําโดยมุงผล แตอันที่จริง หมายถึง การทําใจใหสงบนิ่ง ไมตื่นเตนไปตามโลก โดยเขาใจวาทุกสิ่ง
อยางใดอยางหนึ่งอันที่ตนพึงจะได ซึ่งมีความสอดคลองกับขอความขางตน ทุกอยาง ลวนแตเกิดจากเหตุปจจัยจากการกระทําทั้งสิ้น จึงสมควรที่ผูนั้นจะไดรับ
ที่แสดงใหเห็นถึงการยึดตนเองเปนใหญ โดยการตั้งกฎในบานที่เอื้ออํานวย ความสุขหรือความทุกข ซึ่งเปนเรื่องธรรมดาของโลก
ประโยชนตางๆ ใหกับเจาของบานเปนอยางมาก ดังนั้น ขอ 2. จึงเปน
คําตอบที่ถูกตอง 3 ธัมมาธิปไตย คือ การยึดถือหลักการ หลักเหตุผล หลักความจริง ความ
ถูกตอง และความเปนธรรม ในการบริหารจัดการตางๆ โดยการจะทําสิ่งใดนั้น
ใหยึดถือธรรมเปนหลัก ละเวนการยึดถือตน และกระแสเสียงคนสวนใหญ
ที่ไมเปนธรรม
คู่มือครู 167
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายและแสดงความ
คิดเห็นวา นักเรียนมีวิธีคิดที่จะทําใหจิตใจมี 2.5 กุศลวิตกกับสันติสุข
ความสุขหรือดํารงชีวิตอยางมีความสุขได กุศลวิตก หมายถึง การนึกคิดในทางที่ดีงาม โดยมีเหตุผลในการตริ ตรึก และนึกถึงเรื่องราว
อยางไรบาง ต่างๆ รู้เหตุแห่งความเสื่อมและเหตุแห่งความเจริญ ผู้ที่นึกแต่สิ่งดีงามจะช่วยให้สังคมลดความ
(แนวตอบ เชน คิดแตในสิ่งที่ดี สิ่งที่เปนกุศล รุนแรงลง จ�าแนกออกเป็น ๓ อย่าง ดังนี้
คิดชวยเหลือผูอื่นใหพนจากความทุกข ไมคิด (๑) เนกขัมมวิตก หมายถึง ความนึกคิดปลอดจากกาม คือ ความตริ ตรึก นึกที่จะน�า
อาฆาตหรือผูกใจเจ็บผูอื่น ไมคิดวิตกกังวล กายและจิตของตนออกจากอ�านาจของวัตถุกามและกิเลสกาม จนถึงคิดที่จะออกบวชเป็นนักบวช
มากจนเกินเหตุ หมั่นคิดบวก มองโลกในแงดี ในศาสนา
ไมคิดเบียดเบียนใหผูอื่นไดรับความเดือดรอน (๒) อพยาบาทวิตก หมายถึง ความนึกคิดปลอดจากพยาบาท คือ ความตริ ตรึก นึก
เปนตน) ในทางที่จะไม่ผูกโกรธ และไม่อาฆาตพยาบาทใคร
2. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายและวิเคราะห (๓) อวิหิงสาวิตก หมายถึง ความนึกคิด ปลอดจากการเบียดเบียน คือ ความตริ
เกี่ยวกับกุศลวิตกในประเด็นตอไปนี้ ตรึก นึกในทางไม่เบียดเบียนประทุษร้ายกันและกัน
• เพราะเหตุใด เมื่อรางกายเจ็บปวย ผลดีจากความตริ ตรึก นึกในทางกุศลที่พึงเห็นได้ชัด คือ มีจิตปลอดโปร่ง แจ่มใส คิดจะท�า
ไมแข็งแรง จิตใจจึงหอเหี่ยวไปดวย อะไรก็ส�าเร็จได้ด้วยดี บุคลิกหน้าตาเบิกบานชวนให้คนอื่นยินดีคบหา เป็นมิตรสนิทสนม และ
(แนวตอบ เนือ่ งจากกายกับจิตเปนสิง่ ทีส่ มั พันธกนั สามารถปิดกั้นสิ่งที่ไม่ดีไม่ให้เกิดขึ้นแก่ตนและบุคคลที่เกี่ยวกับตนได้
ดังนั้น เมื่อจิตมีสุขภาพดี คิดทําแตสิ่งดีๆ
และไมมีความเครียด รางกายก็จะสดชื่น 2.6 สังคหวัตถุกับสันติสุข
ซึ่งในทางการแพทยมีคํากลาวอยูวา “จิตที่ สังคหวัตถุ แปลว่า วิธีในการสงเคราะห์
สดใส จะอยูในรางกายที่แข็งแรง” ในทาง หมายถึง วิธีปฏิบัติเพื่อยึดเหนี่ยวน�้าใจคนอื่น
กลับกัน เมื่อมีรางกายที่ไมแข็งแรง จิตใจก็จะ ที่ยังไม่เคยรักใคร่นับถือ หรือที่รักใคร่นับถืออยู่
ไมแจมใสเบิกบาน เพราะฉะนั้น กายกับจิต แล้วให้สนิทแนบแน่นยิ่งขึ้น กล่าวอย่างง่ายๆ
จึงเปนสิ่งที่สัมพันธกันอยางหลีกเลี่ยงไมได) สังคหวัตถุก็คือ เทคนิควิธีที่ท�าให้คนรัก หรือ
3. ครูแบงกลุมนักเรียนออกเปน 4 กลุม ตาม มนต์ผกู ใจคนนัน่ เอง มีทงั้ หมด ๔1ประการ ดังนี้
หลักธรรมของสังคหวัตถุทั้ง 4 ประการ จากนั้น (๑) ทาน คือ การให้ การเสียสละ
ใหนักเรียนดูภาพในหนังสือเรียนหนา 168 แลว แบ่งปัน ช่วยเหลือกันด้วยสิ่งของ ตลอดจนให้
ชวยกันวิเคราะหวา หลักธรรมของกลมุ ตนเองนัน้ ความรู้และแนะน�าสั่งสอน
สามารถนํามาอธิบายการทํางานเพื่อสวนรวมใน (๒) ปิยวาจา คือ การกล่าวค�าสุภาพ
การแกไขปญหาดานสิ่งแวดลอมในสังคมตาม ไพเราะ อ่อนหวาน สมานสามัคคี เพื่อให้เกิด
ภาพดังกลาวไดอยางไร พรอมทั้งใหแตละกลุม ไมตรีและความรักใคร่นับถือ ตลอดถึงถ้อยค�า
ยกตัวอยางการประยุกตใชหลักธรรมของกลมุ ตน นักเรียนสามารถนำาหลักสังคหวัตถุมาประยุกต์ใช้ในการ แสดงประโยชน์ประกอบด้วยเหตุผลเป็นหลักฐาน
ในการดําเนินชีวิตประจําวัน ดำาเนินชีวิต โดยการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาด้าน จูงใจให้นิยมยอมตาม ไม่พูดหยาบคาย หรือ
สิ่งแวดล้อมในสังคม
ดุด่าว่าเสียดสีให้เจ็บใจ
168
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
สุภาษิตขอใดมีความหมายสอดคลองกับหลักสังคหวัตถุ 4 มากที่สุด
ครูควรอธิบายเพิ่มเติมวา กิเลสที่อยูในใจคนมากที่สุด ไดแก ราคะ คือ ความรัก
1. นํ้าพึ่งเรือ เสือพึ่งปา
สวยรักงาม โลภะ คือ ความโลภ โทสะ คือ ความโกรธและเกลียด โมหะ คือ
2. ชาเปนการ นานเปนคุณ
ความหลงและความโง เพราะกิเลสชอบหมักหมมอยูในใจของคน จึงเรียกวา
3. รักยาวใหบั่น รักสั้นใหตอ
อาสวกิเลส แปลวา กิเลสที่หมักดองอยูในจิต อยางไรก็ดี วิธีที่จะกําจัดกิเลสไดนั้น
4. พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตําลึงทอง
คือ การทําทาน การรักษาศีล และการเจริญภาวนา
แนวตอบ ตอบขอ 1. เนื่องจากนํ้าพึ่งเรือ เสือพึ่งปา เปนสุภาษิตที่มี
ความหมายวา คนเรามีความจําเปนตองพึ่งพาอาศัยกัน ดังนั้น เมื่อคนเรา
นักเรียนควรรู มีความจําเปนที่จะตองพึ่งพาอาศัยกัน ก็ควรมีหลักธรรมที่ใชในการยึดถือ
ปฏิบัติตอกัน กลาวคือ ควรเปนหลักธรรมที่ใชเปนเครื่องยึดเหนี่ยวนํ้าใจของ
1 การให การใหที่จะไดบุญกุศลนั้น ขึ้นอยูกับการไดมาของทรัพยสินวา
ผูอื่นที่ยังไมเคยรักใครนับถือ หรือที่รักใครนับถืออยูแลวใหสนิทสนมกันมาก
ไดมาอยางถูกตองหรือไม และใหทรัพยสินนั้นกับผูใด รวมถึงความตั้งใจขณะให
ยิ่งขึ้น ซึ่งตรงกับหลักของสังคหวัตถุ 4 เพราะถาคนเราสามารถยึดเหนี่ยว
นอกจากนี้ การใหยังมีการอภัยทาน คือ ใหอภัยบุคคลที่ทําไมดีกับเรา และ
นํ้าใจของผูอื่นไดแลว ยอมสงผลใหเราสามารถที่จะพึ่งพาอาศัยกันได
ธรรมทาน คือ การสั่งสอนและบอกแนวทางความเจริญในทางธรรมแกผูอื่น
ตลอดไป สงผลใหสังคมที่อาศัยอยูนั้นมีแตความสงบสุข
168 คู่มือครู
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู้ Explain
ครูนําสนทนาเรื่อง สาราณียธรรมกับสันติสุข
(๓) อัตถจริยา คือ การประพฤติประโยชน์ หมายถึง ขวนขวายช่
วยเหลือกิจการบ�าเพ็ญ แลวถามนักเรียนวา
1 • หลักสาราณียธรรมสามารถนํามาใชในการ
สาธารณประโยชน์ และสนับสนุนส่งเสริมในทางศีลธรรม จริยธรรม
(๔) สมานัตตตา คือ ความเป็นผู้มีตนเสมอ หมายถึง ความเป็นผู้ท�าตนเสมอต้น อยูรวมกันในโรงเรียนไดอยางไร
เสมอปลาย ความเป็นผู้วางตนให้เหมาะแก่ฐานะของตน (แนวตอบ หลักสาราณียธรรมเปนหลักธรรม
ที่เปนเหตุใหพึงระลึกถึงกัน เปนหลักการ
2.7 สาราณียธรรมกับสันติสุข อยูรวมกันที่ดี ดังนั้น การนําหลักธรรมนี้
สาราณียธรรม แปลว่า ธรรมหรือสิ่งที่เป็นเหตุให้ระลึกถึงกัน เป็นหลักการอยู่ร่วมกันที่มี มาใชในการอยูรวมกันในโรงเรียน สามารถ
จุดหมายเพื่อต้องการสอนให้คนสมัครสมานสามัคคีกัน มีทั้งหมด ๖ ประการ ดังนี้ นํามาใชไดในหลายๆ กรณี เชน การทํางาน
(๑) เมตตากายกรรม คือ การกระท�าต่อกันด้วยเมตตา หมายถึง ช่วยเหลือกิจธุระของ เปนหมูคณะที่ตองเอื้อเฟอเผื่อแผซึ่งกัน
หมู่คณะด้วยความเต็มใจ และกัน ชวยเหลือเพื่อนรวมหอง เพื่อนรวม
(๒) เมตตาวจีกรรม คือ พูดต่อกันด้วยเมตตา หมายถึง พูดจากันด้วยค�าพูดสุภาพ โรงเรียน ชวยครูอาจารยยกของ ชวยแบงปน
อ่อนหวาน มีประโยชน์ ไม่นินทาว่าร้ายกันลับหลัง ความรูและทรัพยสินในการทํากิจกรรมตางๆ
(๓) เมตตามโนกรรม คือ คิดถึงกันด้วยเมตตา หมายถึง คิดแต่สิ่งที่เป็นความสุข รวมกัน รูจักกาลเทศะ เคารพกฎระเบียบของ
ความเจริญ โรงเรียนและกฎเกณฑของสังคม เปนตน)
(๔) สาธารณโภคี คือ ลาภผลที่ได้มาโดยชอบธรรม แม้เป็นของเล็กน้อย ไม่มีค่าอะไร
มากมาย ก็มีแก่ใจแบ่งกันให้คนอื่นได้กินได้ใช้ ขยายความเข้าใจ Expand
(๕) สีลสามัญญตา คือ ความเป็นผู้มีความประพฤติเสมอกัน หมายถึง ประพฤติตาม
ศีลธรรม จารีตประเพณี ระเบียบข้อบังคับและกฎเกณฑ์ของสังคม รู้จักกาลเทศะ 1. ครูใหนักเรียนเขียนผังมโนทัศนหลักการปฏิบัติ
(๖) ทิฏฐิสามัญญตา คือ ความเป็นผูม้ คี วามคิดเห็นเสมอกัน หมายถึง มีความคิดเห็น ตนเพื่อการอยูรวมกันอยางสันติสุข โดยให
ลงรอยกันในหลักการใหญ่ๆ หรืออุดมการณ์ของส่วนรวม ยกตัวอยางหลักธรรมตางๆ ที่สามารถนํามา
ใชในการลดความรุนแรงและสรางสันติสุขใน
การศึกษาหลักธรรมค�าสอนของพระพุทธศาสนา เป็นสิง่ ทีพ่ ทุ ธศาสนิกชนทุกคนจะต้อง สังคม พรอมทั้งตกแตงใหสวยงาม แลวนําสง
ศึกษาให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ เพื่อที่จะสามารถน�าไปปฏิบัติตนอย่างเหมาะสมในกระแสความ ครูผูสอน
เปลีย่ นแปลงของโลก และการปฏิบตั ติ นเพือ่ การอยูร่ ว่ มกันกับผูอ้ นื่ ในสังคม และเพือ่ สร้างสันติภาพ 2. ครู ใ ห นั ก เรี ย นเขี ย นบั น ทึ ก การนํ า หลั ก ธรรม
ขึ้นในโลก หลักธรรมเป็นแก่นของพระพุทธศาสนาที่พุทธศาสนิกชนสามารถน�าไปปฏิบัติเพื่อ ในการอยูรวมกันอยางสันติสุขมาปรับใชใน
ประโยชน์ของตัวเองและผู้อื่นในการอยู่ร่วมกัน พระพุทธองค์ได้ทรงสั่งสอนหลักธรรมไว้มากมาย ชีวิตประจําวันเปนเวลา 1 เดือน นําสงครูผูสอน
ดังนั้น เราต้องศึกษาและท�าความเข้าใจ แล้วน�ามาปรับใช้ในการด�าเนินชีวิต
การที่พุทธศาสนิกชนศึกษาหลักธรรมแล้วน�ามาปฏิบัติโดยสม�่าเสมอ จะท�าให้บุคคล ตรวจสอบผล Evaluate
ผู้นั้นเกิดความสงบสุขภายในจิตใจ มีการกระท�า ค�าพูด และความคิดไปในทางที่ดี มีความรักใคร่
สามัคคี ไม่คิดร้ายต่อผู้อื่น จะท�าให้เป็นที่รักของคนรอบข้าง สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมี 1. ตรวจสอบจากผังมโนทัศนหลักการปฏิบัติตน
ความสุข เพื่อการอยูรวมกันอยางสันติสุข
2. ตรวจสอบจากบันทึกการนําหลักธรรมใน
169 การอยูรวมกันอยางสันติสุขมาปรับใชใน
ชีวิตประจําวัน
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
หมูบานมิตรไมตรีไดรับโลประกาศเกียรติคุณจากนายกรัฐมนตรีใหเปน
1 จริยธรรม เปนคุณสมบัตขิ องความประพฤติทมี่ งุ หวังใหคนในสังคมประพฤติปฏิบตั ิ
หมูบานดีเดน เนื่องจากชาวบานในหมูบานมีความสามัคคีในการทํากิจกรรม
อยางถูกตอง มีเสรีภาพภายในขอบเขตของมโนธรรม เปนหนาที่ที่สมาชิกในสังคมพึง
ตางๆ ของทางราชการอยางดีเยี่ยม แสดงวาชาวบานปฏิบัติตามหลักธรรมใด
ประพฤติปฏิบตั ติ อ ตนเอง ตอผูอ นื่ และตอสังคม เพือ่ ใหเกิดความเจริญรุง เรืองในสังคม
1. อุบาสกธรรม 7 2. สัทธรรม 3
โดยโครงสรางของแนวคิดดานจริยธรรมประกอบดวยคุณธรรมหลายประการ ดังนี้
3. สาราณียธรรม 6 4. ทศพิธราชธรรม 10
• ความรับผิดชอบ คือ ความมุงมั่นที่จะปฏิบัติหนาที่ดวยความพากเพียรและ
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เนื่องจากสาราณียธรรมเปนธรรมหรือสิ่งที่ ความรอบคอบ
เปนเหตุใหมนุษยพึงระลึกถึงกัน เปนหลักการที่ทําใหสามารถอยูรวมกัน • ความซื่อสัตย คือ การประพฤติอยางเหมาะสมและตรงตอความเปนจริง
ไดเปนอยางดี โดยมีจุดมุงหมายเพื่อตองการสอนใหมีความสมัครสมาน ทั้งกาย วาจา ใจ
สามัคคีกัน ซึ่งตรงกับสถานการณของชาวบานในหมูบานมิตรไมตรีที่มีความ • ความกตัญูกตเวที คือ ความรูส าํ นึกในอุปการคุณหรือบุญคุณทีผ่ อู นื่ มีตอ เรา
สมัครสมานสามัคคี รวมมือรวมใจในการทํากิจกรรมการงานตางๆ ของ • ความอุตสาหะ คือ ความพยายามอยางเขมแข็ง เพือ่ ใหเกิดความสําเร็จในงาน
ทางราชการไดอยางมีประสิทธิภาพและสําเร็จลุลวงไปไดดวยดี ดังนั้น ขอ 3. • ความสามัคคี คือ ความรวมมือกันกระทํากิจการใหสาํ เร็จลุลว งดวยดี โดยเห็น
จึงเปนคําตอบที่ถูกตอง แกประโยชนสวนรวมมากกวาสวนตน
• ความเมตตาและกรุณา คือ ความรักใครปรารถนาจะใหผอู นื่ มีสขุ และพนทุกข
• ความยุติธรรม คือ การปฏิบัติดวยความเที่ยงตรง สอดคลองกับ
ความเปนจริงและเหตุผล ไมมีความลําเอียง คู่มือครู 169
ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ Evaluate
Engage Explore Explain Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
ตรวจสอบความถูกตองจากการตอบคําถาม
ประจําหนวยการเรียนรู ค íา¶ามประจ íาหน่วยการเรียนรู้
กิจกรรมสร้างสรรค์พั²นาการเรียนรู้
กิจกรรมที่ ๑ เชิญวิทยากรผู้มีความรู้ในด้านหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาบรรยาย
ให้นักเรียนฟัง
กิจกรรมที่ ๒ ศึกษาประวัติบุคคลที่ประสบความส�าเร็จในชีวิต แล้วคิดว่าบุคคลเหล่านั้น
ใช้หลักธรรมใดในการด�าเนินชีวิต น�าเสนอผลงานในห้องเรียนแล้วร่วมกัน
อภิปราย
กิจกรรมที่ ๓ นักเรียนหาภาพ ข่าว บทความทีแ่ สดงให้เห็นถึงความส�าคัญของความสามัคคี
แล้วน�าไปติดที่ป้ายนิเทศเป็นเวลา ๒ สัปดาห์
พุทธศาสนสุภาษิต
¸Õâà ¨ ÊØ¢ÊíÇÒâÊ ÞÒµÕ¹íÇ ÊÁÒ¤âÁ : ÍÂًËÇÁ¡Ñº»ÃÒªÞ ¹íÒÊØ¢ÁÒãËŒ
àËÁ×͹ÊÁÒ¤Á¡ÑºÞÒµÔ
170
แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. นักเรียนตองปฏิบัติตนใหอยูภายใตกรอบหลักธรรมคําสอนของพระพุทธศาสนา เนนความสงบสุขทางจิตใจมากกวาวัตถุ เชน การนําหลักธรรมมัชฌิมาปฏิปทา
และอริยทรัพยมาปรับใชในการดําเนินชีวิตภายใตกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก เปนตน
2. นักเรียนสามารถนําหลักธรรมในการอยูรวมกันอยางสันติสุขมาใชในชีวิตประจําวัน โดยตองศึกษาใหเกิดความรูความเขาใจในหลักธรรมตางๆ กอนนํามาปฏิบัติ
เชน นําหลักธรรมสัปปุริสสังเสวะจากหลักธรรมวุฑฒิธรรม 4 มาปรับใชในการเลือกคบผูอื่น โดยควรเลือกคบหาผูที่ทรงปญญาเปนกัลยาณมิตรกับตนเอง
หรือการนําหลักธรรมสังคหวัตถุ 4 มาปรับใชเมื่อตองการใหคนรอบขางรักใครและสนใจเรามากขึ้น เปนตน
3. นักเรียนควรศึกษาหลักธรรมใหเขาใจ และนําหลักมัชฌิมาปฏิปทามาประยุกตใชเพื่อใหสอดคลองกับสังคมบริโภคนิยมที่มีสิ่งยั่วยุตางๆ มากมาย ดังนั้น
จึงตองรูจักประมาณตนเอง ขยันหมั่นเพียร ไมเบียดเบียนผูอื่น นอกจากนี้ ยังตองยึดหลักความสันโดษ หรือการพึงพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู เพื่อปองกันความเสื่อมตางๆ
ที่อาจเกิดขึ้นไดกับตัวเรา
4. สาราณียธรรมเปนหลักธรรมที่ใชในการอยูรวมกันอยางสันติสุข มีจุดมุงหมายเพื่อสรางความสามัคคี ไดแก การมีเมตตา การชวยเหลือผูอื่น การพูดจาไพเราะ
ไมนินทาวารายผูอื่น การคิดแตสิ่งที่เปนสุข คิดในทางสรางสรรค การมีความเอื้อเฟอเผื่อแผตอกัน การปฏิบัติตนตามกฎระเบียบของสังคม และมีความคิดในลักษณะ
เดียวกับคนสวนใหญ
5. ประโยชนที่ไดรับจากการศึกษาหลักธรรมคําสอนของพระพุทธศาสนา เชน จะทําใหเกิดความสงบสุขภายในจิตใจ มีการกระทํา คําพูด และความคิดไปในทางที่ดี
มีความรักใครสามัคคี ไมคิดรายตอผูอื่น ซึ่งจะทําใหเปนที่รักของคนรอบขาง และสามารถอยูรวมกับผูอื่นไดอยางมีความสุข เปนตน
170 คู่มือครู
กระตุ้นความสนใจ ส�ำรวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
ºÃóҹءÃÁ
¨íÒ¹§¤ ·Í§»ÃÐàÊÃÔ°. »ÃÐÇѵÈÔ Òʵþ·Ø ¸ÈÒʹÒã¹àÍàªÕÂÍÒ¤à¹Â. ¡Ãا෾ÁËÒ¹¤Ã :
ͧ¤¡ÒäŒÒ¢Í§¤ØÃØÊÀÒ, òõô÷.
ÞÒ³ÇâôÁ, ¾ÃÐ (ʹ¸Ôì ¡Ô¨¨Ú ¡ÒâÃ). ¤ÙÁ‹ Í× »¯ÔºµÑ §Ô Ò¹ÈÒʹ¾Ô¸ÊÕ §Ñ ࢻ. ¡Ãا෾ÁËÒ¹¤Ã :
ÁËÒÁ¡Ø¯ÃÒªÇÔ·ÂÒÅÑÂ, òõõò.
´¹Ñ äªÂâÂ¸Ò ¾ÃÐÁËÒ¡ÉѵÃÔ¡Ѻ¾Ãоط¸ÈÒʹÒã¹»ÃÐÇѵÔÈÒʵÃ. ¡Ãا෾
ÁËÒ¹¤Ã : âÍà´Õ¹ÊâµÃ, òõôø.
_______. ¾Ø · ¸¸ÃÃÁ ¾Ø · ¸ÊÒÇ¡ ¾Ø · ¸ÊÒÇÔ ¡ Ò áÅЪÒÇ¾Ø · ¸µÑ Ç Í‹ Ò §.
¡Ãا෾ÁËÒ¹¤Ã : âÍà´Õ¹ÊâµÃ, òõõñ.
_______. ¾¨¹Ò¹Ø ¡ ÃÁ¤í Ò ÈÑ ¾ · ¾ ÃÐ¾Ø · ¸ÈÒʹÒ. ¡ÃØ § à·¾ÁËÒ¹¤Ã : ºÃÔ ÉÑ ·
ÍÑ¡ÉÃà¨ÃÔÞ·Ñȹ ͨ·. ¨íÒ¡Ñ´, òõõò.
_______. ÇѲ¹¸ÃÃÁáÅÐÍÒøÃÃÁÊÑÁ¾Ñ¹¸¢Í§Í¹Ø·ÇÕ»ÍÔ¹à´Õ¡Ѻ¹Ò¹Ò»ÃÐà·È.
¡Ãا෾ÁËÒ¹¤Ã : âÍà´Õ¹ÊâµÃ, òõõó.
´¹Ñ äªÂâÂ¸Ò (ºÃóҸԡÒÃ). õó ¾ÃÐÁËÒ¡ÉѵÃÔÂä ·Â ¸ ·Ã§¤Ãͧã¨ä·Â·Ñ§é ªÒµÔ.
¡Ãا෾ÁËÒ¹¤Ã : âÍà´Õ¹ÊâµÃ, òõôó.
·ÇÕÇѲ¹ »Ø³±ÃÔ¡ÇÔÇѲ¹. “¾Ø·¸ÈÒʹҡѺÊѧ ¤Á¡ÒÃàÁ×ͧã¹ÍØÉÒ¤à¹Â” ã¹
ÍØÉÒ¤à¹Â·ÕèÃÑ¡. ¡Ãا෾ÁËÒ¹¤Ã : ÁËÒÇÔ·ÂÒÅѸÃÃÁÈÒʵÃ, òõõó.
à·¾Ãѵ¹ÃÒªÊØ´Ò à¨ŒÒ¿‡ÒÁËҨѡÃÕÊÔÃÔ¹¸Ã ÊÂÒÁºÃÁÃÒª¡ØÁÒÃÕ, ÊÁà´ç¨¾ÃÐ. ·ÈºÒÃÁÕ
ã¹¾Ø · ¸ÈÒʹÒà¶ÃÇÒ·. ¡ÃØ § à·¾ÁËÒ¹¤Ã : ÁËÒÁ¡Ø ¯ ÃÒªÇÔ · ÂÒÅÑ Â ,
òõôó.
_______. ¾Ø·¸»ÃÐÇѵÔÊѧࢻ áÅÐÈÒʹ¾Ô¸ÕÊѧࢻ. ¡Ãا෾ÁËÒ¹¤Ã : ÁËÒÁ¡Ø¯
ÃÒªÇÔ·ÂÒÅÑÂ, òõôö.
¾ÃËÁ¤Ø³ÒÀó, ¾ÃÐ (».Í.»ÂصâÚ µ). ¾¨¹Ò¹Ø¡ÃÁ¾Ø·¸ÈÒʵà ©ºÑº»ÃÐÁÇŸÃÃÁ.
¡Ãا෾ÁËÒ¹¤Ã : ÁËÒÇÔ·ÂÒÅÑÂÁËÒ¨ØÌÒŧ¡Ã³ÃÒªÇÔ·ÂÒÅÑÂ, òõõñ.
ÃÒªºÑ³±ÔµÂʶҹ. ¾¨¹Ò¹Ø¡ÃÁÈѾ·¾ÃÐäµÃ»®¡ ºÒÅÕ-âÃÁѹ-ä·Â àÅ‹Á ñ ÍÑ¡Éà Í.
¡Ãا෾ÁËÒ¹¤Ã : ÃÒªºÑ³±ÔµÂʶҹ, òõôõ.
_______. ¾¨¹Ò¹Ø¡ÃÁÈѾ·¾ÃÐäµÃ»®¡ ºÒÅÕ-âÃÁѹ-ä·Â àÅ‹Á ò ÍÑ¡Éà Í.
¡Ãا෾ÁËÒ¹¤Ã : ÃÒªºÑ³±ÔµÂʶҹ, òõõð.
_______. ¾¨¹Ò¹Ø¡ÃÁÈѾ·¾ÃÐäµÃ»®¡ ºÒÅÕ-âÃÁѹ-ä·Â àÅ‹Á ó ÍÑ¡Éà Í.
¡Ãا෾ÁËÒ¹¤Ã : ÃÒªºÑ³±ÔµÂʶҹ, òõõñ.
ÃҪǪÔÃÒÀó, ¾ÃÐ (ÊÕ¹ÇÅ »ÚÚÒǪÔâà ».¸.ù). ·íÒÇѵÃÊÇ´Á¹µ©ºÑº¤³Ðʧ¦
ÇÑ´¾ÃÐવؾ¹Ï. ¡Ãا෾ÁËÒ¹¤Ã : âç¾ÔÁ¾ ºÃÔÉÑ· Ê˸ÃÃÁÔ¡ ¨íÒ¡Ñ´,
òõôõ.
171
คู่มือครู 171
กระตุ้นความสนใจ ส�ำรวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
172
172 คู่มือครู