You are on page 1of 182

เอกสารประกอบคูมือครู

กลุมสาระการเรียนรู สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม

พระพุทธศาสนา
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 2 สําหรับครู

ลักษณะเดน คูมือครู Version ใหม


ขยายพื้นที่รูปเลมใหญขึ้นกวาเดิม จัดแบงพื้นที่ออกเปนโซน
เพื่อคนหาขอมูลไดงาย สะดวก รวดเร็ว และดูเปนระเบียบ

กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate Engage Explore Explain Expand Evaluate

เปาหมายการเรียนรู

สมรรถนะของผูเรียน

คุณลักษณะอันพึงประสงค

หน า หน า
โซน 1 หนั ง สื อ เรี ย น หนั ง สื อ เรี ย น โซน 1
กระตุน ความสนใจ Engage

สํารวจคนหา Explore

อธิบายความรู Explain

ขยายความเขาใจ Expand

ตรวจสอบผล Evaluate

ขอสอบเนน การคิด ขอสอบเนน การคิด


แนว  NT  O-NE T แนว O-NET เกร็ดแนะครู

ขอสอบ O-NET
นักเรียนควรรู
บูรณาการเชื่อมสาระ
โซน 2 โซน 3 โซน 3 โซน 2
กิจกรรมสรางเสริม บูรณาการ
เศรษฐกิจพอเพียง
กิจกรรมทาทาย
บูรณาการอาเซียน

มุม IT

No. คูมือครู คูมือครู No.

โซน 1 ขั้นตอนการสอนแบบ 5Es โซน 2 ชวยครูเตรียมสอน โซน 3 ชวยครูเตรียมนักเรียน


เพื่อใหครูเตรียมจัดกิจกรรมการเรียน เพื่อชวยลดภาระครูผูสอน โดยแนะนํา เพื่อใหครูสะดวกตอการจัดกิจกรรม โดย
การสอน โดยแนะนําขั้นตอนการสอนและ เกร็ดความรูสําหรับครู ความรูเสริมสําหรับ แนะนํากิจกรรมบูรณาการเชือ่ มระหวางสาระหรือ
การจัดกิจกรรมแบบ 5Es อยางละเอียด นักเรียน รวมทั้งบูรณาการความรูสูอาเซียน กลุมสาระการเรียนรู วิชา กิจกรรมสรางเสริม
เพื่อใหนักเรียนบรรลุตามตัวชี้วัด กิจกรรมบูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง และ กิจกรรมทาทาย รวมถึงเนื้อหาที่เคยออกขอสอบ
มุม IT O-NET แนวขอสอบ NT/O-NET ที่เนนการคิด
พรอมเฉลยและคําอธิบายอยางละเอียด
แถบสีและสัญลักษณ ที่ใชในคูมือครู

1. แถบสี 5Es แถบสีแสดงขั้นตอนการสอนและการจัดกิจกรรม


แบบ 5Es เพื่อใหครูทราบวาเปนขั้นการสอนขั้นใด
สีแดง สีเขียว สีสม สีฟา สีมวง

กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล


เสร�ม Engage Explore Explain Expand Evaluate
2 • เปนขั้นที่ผูสอนเลือกใช • เปนขั้นที่ผูสอน • เปนขั้นที่ผูสอน • เปนขั้นที่ผูสอน • เปนขั้นที่ผูสอน
เทคนิคกระตุน ใหผูเรียนสํารวจ ใหผูเรียนคนหา ใหผูเรียนนําความรู ประเมินมโนทัศน
ความสนใจ เพื่อโยง ปญหา และศึกษา คําตอบ จนเกิดความรู ไปคิดคนตอๆ ไป ของผูเรียน
เขาสูบทเรียน ขอมูล เชิงประจักษ

2. สัญลักษณ
สัญลักษณ วัตถุประสงค สัญลักษณ วัตถุประสงค

• แสดงเปาหมายการเรียนรูที่นักเรียน • ชีแ้ นะเนือ้ หาทีเ่ คยออกขอสอบ


ตองบรรลุตามตัวชี้วัด ตลอดจนสมรรถนะ
ที่จะตองมี และคุณลักษณะที่พึงเกิดขึ้น ขอสอบ O-NET O-NET โดยยกตัวอยางขอสอบ
พรอมวิเคราะหคาํ ตอบ
เปาหมายการเรียนรู กับนักเรียน อยางละเอียด
(เฉพาะวิชา ชัน้ ทีส่ อบ O-NET)
• แสดงรองรอยหลักฐานตามภาระงาน • เปนตัวอยางขอสอบทีม่ งุ เนน
ที่ครูมอบหมาย เพื่อแสดงผลการเรียนรู ขอสอบเนน การคิด การคิดและเปนแนวขอสอบ
ตามตัวชี้วัด แนว  NT  O-NE T
หลักฐานแสดง NT/O-NET ในระดับมัธยมศึกษา
ผลการเรียนรู ตอนตน มีทงั้ ปรนัย - อัตนัย
(เฉพาะระดับชัน้
มัธยมศึกษาตอนตน) พรอมเฉลยอยางละเอียด
• แทรกความรูเสริมสําหรับครู ขอเสนอแนะ
ขอควรระวัง ขอสังเกต แนวทางการจัด • เปนตัวอยางขอสอบทีม่ งุ เนน
กิจกรรมและอืน่ ๆ เพื่อประโยชนในการ ขอสอบเนน การคิด การคิดและเปนแนวขอสอบ
เกร็ดแนะครู จัดการเรียนการสอน แนว O-NET O-NET ในระดับมัธยมศึกษา
ตอนปลาย มีทงั้ ปรนัย - อัตนัย
(เฉพาะระดับชัน้
• ขยายความรูเพิ่มเติมจากเนื้อหา เพื่อให มัธยมศึกษาตอนปลาย)
พรอมเฉลยอยางละเอียด
ครูนําไปใชอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียน
ไดมีความรูมากขึ้น • แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม
นักเรียนควรรู
เชือ่ มกับสาระหรือกลุม สาระ
บูรณาการเชื่อมสาระ การเรียนรู ระดับชัน้ หรือวิชาอืน่
• กิจกรรมเสริมสรางพฤติกรรมและปลูกฝง ทีเ่ กีย่ วของ
คานิยมตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
บูรณาการ
เศรษฐกิจพอเพียง
• แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม
• ความรูห รือกิจกรรมเสริม ใหครูนาํ ไปใช กิจกรรมสรางเสริม ซอมเสริมสําหรับนักเรียนทีค่ วร
เตรียมความพรอมใหกบั นักเรียนกอนเขาสู ไดรบั การพัฒนาการเรียนรู
ประชาคมอาเซียนใน พ.ศ. 2558 โดย
บูรณาการอาเซียน บูรณาการกับวิชาทีก่ าํ ลังเรียน
• แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม
ตอยอดสําหรับนักเรียนทีเ่ รียนรู
• แนะนําแหลงคนควาจากเว็บไซต เพื่อให
กิจกรรมทาทาย ไดอยางรวดเร็ว และตองการ
ครูและนักเรียนไดเขาถึงขอมูลความรู ทาทายความสามารถในระดับ
ที่หลากหลาย ทั้งไทยและตางประเทศ ทีส่ งู ขึน้
มุม IT

คูม อื ครู
5Es การจัดกิจกรรมตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es
ขั้นตอนการสอนที่สัมพันธกับขั้นตอนการคิดและการทํางานทางสมองของผูเรียนที่นิยมใชอยางแพรหลาย คือ
วัฏจักรการเรียนรู 5Es ซึ่งผูจัดทําคูมือครูไดนํามาใชเปนแนวทางออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนในแตละหนวย
ตามลําดับขั้นตอนการเรียนรู ดังนี้
ขั้นที่ 1 กระตุนความสนใจ (Engage)
เสร�ม
เปนขั้นที่ผูสอนนําเขาสูบทเรียน เพื่อกระตุนความสนใจของผูเรียนดวยเรื่องราวหรือเหตุการณที่นาสนใจโดยใชเทคนิควิธีการ
และคําถามทบทวนความรูหรือประสบการณเดิมของผูเรียน เพื่อเชื่อมโยงผูเรียนเขาสูความรูของบทเรียนใหม ชวยใหผูเรียนสามารถ 3
สรุปความสําคัญหัวขอและสาระการเรียนรูของบทเรียนได จึงเปนขั้นตอนการสอนที่สําคัญ เพราะเปนการเตรียมความพรอมและสราง
แรงจูงใจใฝเรียนรูแกผูเรียน

ขั้นที่ 2 สํารวจคนหา (Explore)


เปนขัน้ ทีผ่ สู อนเปดโอกาสใหผเู รียนลงมือศึกษา สังเกต หรือรวมมือกันสํารวจ เพือ่ ใหเห็นขอบขายของประเด็นหรือปญหา รวมถึง
วิธีการศึกษาคนควา การรวบรวมขอมูลความรูที่จะนําไปสูการสรางความเขาใจประเด็นหรือปญหานั้นๆ เมื่อผูเรียนทําความเขาใจใน
ประเด็นหรือปญหาที่จะศึกษาคนควาอยางถองแทแลว ก็ลงมือปฏิบัติเพื่อเก็บรวบรวมขอมูลความรู สํารวจตรวจสอบ โดยวิธีการตางๆ
เชน สัมภาษณ ทดลอง อานคนควาขอมูลจากเอกสาร แหลงขอมูลตางๆ จนไดขอมูลความรูที่เกี่ยวของกับประเด็นหรือปญหาที่ศึกษา

ขั้นที่ 3 อธิบายความรู (Explain)


เปนขั้นที่ผูสอนมีปฏิสัมพันธกับผูเรียน เชน ใหการแนะนํา ตั้งคําถามกระตุนใหคิด เพื่อใหผูเรียนคนหาคําตอบ และนําขอมูล
ความรูจากการศึกษาคนควาในขั้นที่ 2 มาวิเคราะห สรุปผล และนําเสนอผลที่ไดศึกษาคนความาในรูปแบบสารสนเทศตางๆ เชน
เขียนแผนภูมิ ผังมโนทัศน เขียนความเรียง เขียนรายงาน เปนตน ในขั้นตอนนี้ฝกใหผูเรียนใชสมองคิดวิเคราะหและสังเคราะห
อยางเปนระบบ

ขั้นที่ 4 ขยายความเขาใจ (Expand)


เปนขั้นที่ผูสอนเลือกใชเทคนิควิธีสอนตางๆ ที่สงเสริมใหผูเรียนนําความรูที่เกิดขึ้นไปคิดคนสืบคนตอๆ ไป เพื่อพัฒนาทักษะ
การเรียนรูและการทํางานรวมกันเปนกลุม ระดมสมองเพื่อคิดสรางสรรครวมกัน ผูเรียนสามารถนําความรูที่สรางขึ้นใหมไปเชื่อมโยง
กับประสบการณเดิมโดยนําขอสรุปทีไ่ ดไปใชอธิบายเหตุการณตา งๆ หรือนําไปปฏิบตั ใิ นสถานการณใหมๆ ทีเ่ กีย่ วของกับชีวติ ประจําวัน
ของตนเอง เพื่อขยายความรูความเขาใจใหกวางขวางยิ่งขึ้น ในขั้นตอนนี้ฝกสมองของผูเรียนใหสามารถคิดริเริ่มสรางสรรคอยางมี
คุณภาพ เสริมสรางวิสัยทัศนใหกวางไกลออกไป

ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)


เปนขัน้ ทีผ่ สู อนประเมินมโนทัศนของผูเ รียน โดยตรวจสอบจากความคิดทีเ่ ปลีย่ นไปและความคิดรวบยอดทีเ่ กิดขึน้ ใหม ตรวจสอบ
ทักษะ กระบวนการปฏิบัติ การแกปญหา การตอบคําถามรวบยอด หรือการเคารพความคิดหรือยอมรับเหตุผลของคนอื่น เพื่อการ
สรางสรรคความรูร ว มกัน ผูเ รียนสามารถประเมินผลการเรียนรูข องตนเอง เพือ่ สรุปผลวามีความรูอ ะไรเพิม่ ขึน้ มาบาง เกิดความเขาใจ
มากนอยเพียงใด และจะนําความรูเหลานั้นไปประยุกตใชในการเรียนรูเรื่องอื่นๆ หรือในชีวิตประจําวันไดอยางไร ผูเรียนจะเกิดเจตคติ
และเห็นคุณคาของตนเองจากผลการเรียนรูที่เกิดขึ้น ซึ่งเปนการเรียนรูที่มีความสุขอยางแทจริง

การจัดกิจกรรมการเรียนรูตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es จึงเปนรูปแบบการเรียนการสอนที่เนนผูเรียน


เปนสําคัญอยางแทจริง เพราะสงเสริมใหผูเรียนไดเรียนรูตามขั้นตอนของกระบวนการสรางความรูดวยตนเอง และ
ฝกฝนใหใชกระบวนการคิดและกระบวนการกลุมอยางชํานาญ กอใหเกิดทักษะชีวิต ทักษะการทํางาน และทักษะการ
เรียนรูที่มีประสิทธิภาพ สงผลตอการยกระดับผลสัมฤทธิ์ของผูเรียน ตามเปาหมายของการปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่ 2
(พ.ศ. 2552-2561) ทุกประการ

คูม อื ครู
คําอธิบายรายวิชา
รายวิชา พระพุทธศาสนา กลุมสาระการเรียนรู สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 2 ภาคเรียนที่ 1-2
รหัสวิชา ส………………………………… เวลา 40 ชั่วโมง/ป

ศึกษา วิเคราะห การเผยแผพระพุทธศาสนาสูประเทศเพื่อนบาน ความสําคัญของพระพุทธศาสนาที่ชวยเสริมสราง


เสร�ม ความเขาใจอันดีกับประเทศเพื่อนบาน เปนรากฐานของวัฒนธรรม เอกลักษณของชาติ และมรดกของชาติ การพัฒนา
4 ชุมชนและการจัดระเบียบสังคม พุทธประวัติ ตอนผจญมาร การตรัสรู การสั่งสอน ประวัติพระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ
นางขุชชุตตรา พระเจาพิมพิสาร มิตตวินทุกชาดก ราโชวาทชาดก พระมหาธรรมราชาลิไทย สมเด็จพระมหาสมณเจา
กรมพระยาวชิรญาณวโรรส โครงสรางและสาระสังเขปของพระวินัยปฎก พระสุตตันตปฎก และพระอภิธรรมปฎก
อธิบายและปฏิบตั ติ นตามธรรมคุณ และปฏิบตั ติ นตามขอธรรมสําคัญในกรอบอริยสัจ 4 ในเรือ่ ง ธรรมคุณ 6 อริยสัจ 4 ทุกข
(ธรรมที่ควรรู) ในเรื่อง ขันธ 5 (อายตนะ) สมุทัย (ธรรมที่ควรละ) ในเรื่องหลักกรรม (สมบัติ 4 วิบัติ 4) อกุศลกรรมบถ 10
อบายมุข 6 นิโรธ (ธรรมที่ควรบรรลุ) ในเรื่อง สุข 2 (สามิส นิรามิส) มรรค (ธรรมที่ควรเจริญ) ในเรื่อง บุพพนิมิตของ
มัชฌิมาปฏิปทา ดรุณธรรรม 6 กุลจิรัฏฐิติธรรม 4 กุศลกรรมบถ 10 สติปฏฐาน 4 มงคล 38 ในเรื่อง ประพฤติธรรม เวนจาก
ความชั่ว เวนจากการดื่มนํ้าเมา พุทธศาสนสุภาษิต กมฺมุนา วตฺตติ โลโก กลฺยาณการี กลฺยาณํ ปาปการี จ ปาปกํ สุโข
ปุฺญสฺส อุจฺจโย ปูชโก ลภเต ปูชํ วนฺทโก ปฏิวนฺทนํ การพัฒนาจิตเพื่อการเรียนรูและดําเนินชีวิตดวยวิธีคิดแบบอุบาย
ปลุกเราคุณธรรมและวิธีคิดแบบอรรถธรรมสัมพันธ สวดมนตแปล แผเมตตา บริหารจิตและเจริญปญญาดวยอานาปานสติ
มีมรรยาทของความเปนศาสนิกชนที่ดี ปฏิบัติตนในศาสนพิธี พิธีกรรม และหลักคําสอนที่เกี่ยวเนื่องกับวันสําคัญทาง
พระพุทธศาสนา
โดยใชกระบวนการคิด กระบวนการสืบคนขอมูล กระบวนการทางสังคม กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการเผชิญ
สถานการณและแกปญหา
เพือ่ ใหเกิดความรู ความเขาใจ สามารถนําไปปฏิบตั ใิ นการดําเนินชีวติ นําไปพัฒนาและแกปญ หาของชุมชนและสังคม
มีคุณลักษณะอันพึงประสงคในดานรักชาติ ศาสน กษัตริย ซื่อสัตยสุจริต มีวินัย ใฝเรียนรู อยูอยางพอเพียง มุงมั่นใน
การทํางาน รักความเปนไทย มีจิตสาธารณะ สามารถดําเนินชีวิตอยูรวมกันไดอยางสันติสุข

ตัวชี้วัด
ส 1.1 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5 ม.2/6 ม.2/7 ม.2/8 ม.2/9 ม.2/10 ม.2/11
ส 1.2 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5
รวม 16 ตัวชี้วัด

คูม อื ครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate

˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ÃÒÂÇÔªÒ¾×é¹°Ò¹

¾Ãоط¸ÈÒÊ¹Ò Á.ò
ªÑ¹é ÁѸÂÁÈÖ¡ÉÒ»‚·Õè ò
¡ÅØ‹ÁÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙŒÊѧ¤ÁÈÖ¡ÉÒ ÈÒÊ¹Ò áÅÐÇѲ¹¸ÃÃÁ
µÒÁËÅÑ¡ÊÙµÃ᡹¡ÅÒ§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ¢Ñé¹¾×é¹°Ò¹ ¾Ø·¸ÈÑ¡ÃÒª òõõñ

¼ÙŒàÃÕºàÃÕ§
È. ´Ã. ÇԷ ÇÔÈ·àǷ
È. ¾ÔàÈÉ àÊ°ÕÂþ§É ÇÃó»¡
¼ÙŒµÃǨ
È. ¾ÔàÈÉ ¨íÒ¹§¤ ·Í§»ÃÐàÊÃÔ°
ÃÈ. ªÙÈÑ¡´Ôì ·Ô¾Âà¡ÉÃ
¼È. ÊØÃÔÇѵà ¨Ñ¹·ÃâÊÀÒ
ºÃóҸԡÒÃ
¹ÒÂÊÁà¡ÕÂÃµÔ ÀÙ‹ÃÐ˧ɏ

รหัสพิสิมนคพาค๒๒๑๓๐๘๕
รั้งที่ ๑๒
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ

¾ÔÁ¾¤ÃÑ駷Õè 10 คณะผูจัดทําคูมือครู
ÃËÑÊÊÔ¹¤ŒÒ 2243127 ฤดีวรรณ มาดีกุล
วีระชัย บุญอยู
แมนพงษ เห็มกอง
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate

¤íÒá¹Ð¹íÒ㹡ÒÃ㪌˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹
หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน พระพุทธศาสนาเลมนี้ ใชประกอบการเรียนการสอนรายวิชาพื้นฐาน
กลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๒
เนื้อหาตรงตามสาระการเรียนรูแกนกลางขั้นพื้นฐาน อานทําความเขาใจงาย ใหทั้งความรูและ
ชวยพัฒนาผูเรียนตามหลักสูตรและตัวชี้วัด เนื้อหาสาระแบงออกเปนหนวยการเรียนรูตามโครงสรางรายวิชา
สะดวกแกการจัดการเรียนการสอนและการวัดผลประเมินผล พรอมเสริมองคประกอบอื่นๆ ที่จะชวยทําให
ผูเรียนไดรับความรูอยางมีประสิทธิภาพ à¹×éÍËҵçµÒÁÊÒÃСÒÃàÃÕ¹Ãٌ᡹¡ÅÒ§
à¡ÃÔè¹¹íÒà¾×èÍãˌࢌÒ㨶֧ÊÒÃÐÊíÒ¤ÑÞ ãËŒ¤ÇÒÁÃÙŒáÅÐàÍ×é͵‹Í¡ÒùíÒä»ãªŒÊ͹à¾×èÍ Design ˹ŒÒẺãËÁ‹ ÊǧÒÁ
¨Ñ´¡ÅØ‹Áà¹×éÍËÒ໚¹Ë¹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ ã¹Ë¹‹Ç·Õè¨ÐàÃÕ¹ ãËŒºÃÃÅصÑǪÕéÇÑ´ áÅÐÊÌҧ¤Ø³ÅѡɳР¾ÔÁ¾ ô ÊÕ µÅÍ´àÅ‹Á ª‹ÇÂãËŒÍÒ‹ ¹
Êдǡᡋ¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ Íѹ¾Ö§»ÃÐʧ¤ ·íÒ¤ÇÒÁࢌÒã¨ä´Œ§‹Ò¢Öé¹


หน่วยการเรีย
นรู้ที่ ๑ วงตาเห็นธรรม และทูลขอบวชเป็นภิกษุ
๑. พระวินัยปิฎก
และควา ระวัติ จากนั้นก็ทรงแสดงธรรมให้อีก ๔ ท่าน จนได้ด
ตามล�าดับ แล้วทรงแสดง “อนัตตลักขณสูตร”
(ว่าด้วยไตรลักษณ์ ได้แก่ อนิจจตา ทุกขตา
พระวินัยปิฎก คือ ส่วนที่ว่าด้วยสิ
ของพระพุท มสําคัญ
แบ่งออกเป็น ๓ หมวดย่อย ดังนี้ กขาบท หรือศีลของพระภิกษุและพระภิ
กษุณี
อนัตตตา) แก่พระปัญจวัคคีย์จนได้บรรลุอรหัตผล
ธศาสนา หลังจากนัน้ ก็ประทานอุปสมบทให้ยสกุมาร ๑. สตุ ตวิภงั ค์ คือ ส่วนทีว่ า่ ด้วยศีลในพระปาฏ
๒. ขนั ธกะ คือ ส่วนทีว่ า่ ด้วยสังฆกรรม โิ มกข์ หรือศีลส�าคัญของภิกษุและภิก
พิธกี รรม วัตรปฏิบตั ขิ องพระ ตลอดจนม ณี
ษุ
และสหายของยสะอีก ๕๔ คน จนมีพระอรหันต‑ เพื่อความงามของสงฆ์ ารยาท
สาวกครบ ๖๐ รูป พระองค์ก็ทรงส่งให้แยกย้าย ๓. ปริวาร คือ ส่วนที่สรุปข้อความหรื
กั น ไปประกาศ พระพุ ท ธศาสนายั ง ทิ ศ ต่ า งๆ เพื่อความเข้าใจแจ่มแจ้ง
อคู่มือพระวินัยปิฎก อธิบายในรูปค�า
ถาม ค�าตอบ
ตัวชี้วัด ส่วนพระองค์เองก็เสด็จไปโปรดชฎิล ๓ พี่น้อง
● อธิบายการเผยแ พร้อมบริวารจ�านวนหนึ่งพันคน โดยทรงแสดง
ที่ตนนับถือสู ผ่พระพุทธศาสนาหรอื ศาสน
่ป
(ส ๑.๑ ม.๒/ ระเทศเพื่อนบ้าน า “อาทิ ต ตปริ ย ายสู ต ร” (พระสู ต รว่ า ด้ ว ยไฟ)
● วิเคราะห์ความส
๑)
จนชฎิล ๓ พี่น้องพร้อมบริวารได้บวชเป็นสาวก ๒. พระสุตตัน
ตปิฎก
หรือศาสนาที ำาคัญของพระพุทธศาส
ต่
พระสุตตันตปิฎก คือ ส่วนที่ว่าด้วยพระธรรม
เข้าใจอันดีกบั นนับถือ ทีช่ ว่ ยเสรมิ สร้า นา ของพระพุทธองค์ พระสาวกบางส่วน) ที่ทรงแสดงแก่บ เทศนาของพระพุทธเจ้า (และของ
ประเ งความ
(ส ๑.๑ ม.๒/ ทศเพอ่ื นบ้าน ุคคลต่างๆ ในวาระโอกาสต่างกัน แบ่
● วิเคราะห์ความส
๒) พระเจ้ า พิ ม พิ ส าร และชาวเมื อ งมคธ ๑. ทีฆนิกาย คือ หมวดที่ประมวลสูต งเป็น ๕ นิกาย ดังนี้
หรือศาสนาที ำาคัญของพระพุทธศาส
ของวฒ
ต่ นนับ
ั นธรรม ถือในฐานะทีเ่ ป็นรากฐ
นา ที่ นั บ ถื อ ชฎิ ล ๓ พี่ น ้ อ ง เมื่ อ เห็ น อาจารย์ ๒. มัชฌิมนิกาย คือ หมวดที่ประมวลสู
รขนาดยาว
ของชาติ (ส เอกลกั ษณ์ของชาติ และม าน
๑.๑
อภิ ป รายค วามส ม.๒/๓) รดก พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาโปรดปัญจวั
คคีย์
ของพวกตนมานับถือพระพุทธเจ้าเป็นศาสดา ๓. สังยุตตนิกาย คือ หมวดที่ประมวลสู
ตรขนาดปานกลาง
ตรโดยจัดกลุ่มตามเนื้อหา เช่น กลุ่ม
ที่พึ่งบ้าง พระเจ้าพิมพิสารทรงสร้างวัด

หรือศาสนาที ำ า คั ญ ของพ ระพุ ท ธศาส น์ เ ป็ น เรียกว่า สัจจสังยุตต์ สัจจะ



และการจัดระเบตนนับถือกับการพัฒนาชุ นา ก็พากันมาเลื่อมใส ปฏิญาณตนนับถือไตรสรณคม ๔. อังคุตตรนิกาย คือ หมวดที่ประมวลหม
ระพุทธศาสนา
พระเวฬุวันถวายเป็นวัดแห่งแรกในประวัติศาสตร์พ
ียบสังคม (ส มชน
๑.๑ ม.๒/๔) วดธรรมจากน้อยไปหามาก เช่น
ในระหว่างนีเ้ อง อุปติสสมาณพ กับโกลิต‑ เอกนิบาต เป็นหมวดว่าด้วยธรรมะ
๑ ข้อ ทุกนิบาต เป็นหมวดว่าด้วยธรรมะ
สาระการเรียนรู
้แกนกลาง มาณพ ศิษย์ของสัญชัยเวลัฏฐบุตร หนึง่ ในจ�านวน ๒ ข้อ
๕. ขุททกนิกาย คือ หมวดที่ประมวลเรื
● การเ ผยแ ผ่ พ
เพือ่ นบ้านและ ระพุ ท ธศาส นาเข้ า สู่ ป ระเท ครูทั้งหก มาบวชเป็นสาวกของพระพุทธองค์ ๔ นิกายข้างต้น โดยแบ่งออกเป็น ๑๕
่องเบ็ดเตล็ดต่างๆ ที่มิได้รวบรวมไว
้ใน
ประเทศเพื่อ การนบั ถือพระพทุ ธศาสนาขอ ศ
นบ้
ความสำาคัญ านในปัจจุบัน ง ¾Ãоط โดยการแนะน�าของพระอัสสชิ หลังจากบวชแล้ว ประเภท
ÃдѺ¾×é¹°Ò¹ ¸ÈÒʹÒä´ÊŒ ͹ËÅ¡Ñ ¸Ãà อุปติสสะมีชื่อเรียกว่า พระสารีบุตร โกลิตะมีชื่อ

ของพระพุทธศาส
ความเข้าใจอั
นดีกับประเทศเพ นาที่ช่วยสร้าง
● ความสำาคัญของพ
ในฐานะเป็น ระพุทธศาสนาต่อสังคมไท
ื่อนบ้าน ÊÁºÙóáÅŒ ¨¹¶Ö§¢Ñé¹ÊÙ§ÊØ´ áÅÐ๠Á à¾×Íè ¾Ñ²¹Òµ¹µ§éÑ áµ เรียกว่า พระโมคคัลลานะ ทั้ง ๒ ท่านในเวลา
ถูปาราม เมืองอนุราธปุระ ประเทศศรี
สังคายนาพระธรรมวินัย ครั้งที่ ๔ ลังกา สถานที่ทำา
Ç ãËŒºÒí à¾çÞ
»ÃÐ⪹á Œ¹Ç‹ÒàÁ×è;Ѳ¹Òµ¹ä´Œ ‹ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๘
໚
¹ ต่อมาไม่นานก็ได้รับแต่งตั้งจากพระพุทธองค์
- รากฐานขอ ย ¡Òà µÍºá ¡‹¼Í
¾Ãо·Ø ¸ÈÒʹ·¹ ´ŒÇÂÍ´Ø Á¡Òó¹ éÕ ºÃÌ٠¹è× ËÃ×ÍÊѧ¤Áã¹Ç§¡ÇÒŒ
งวั
- เอกลักษณ์ ฒนธรรม


ความ สำ า คั ญ ละมรดกของชาติ
ของพ
พัฒนาชุมชนแล ระพุท ธศา สนา กั ä»ÂѧÀÙÁÔÀ Ҩ֧䴌à¼Âá¼Ë‹ ÅÑ¡¤íÒ ´Ò¾·Ø ¸ÊÒÇ¡¼ÊŒÙ º× ·Í´
§ ให้เป็นพระอัครสาวกเบื้องขวาและเบื้องซ้าย
ะการจัดระเบ
ียบสังคม
บ การ
áÅÐà¾×èÍ
Ò¤µ‹Ò§æ
¢Í§âÅ¡ Ê͹¢Í§¾Ã
о·Ø ¸ÈÒʹ เพื่อช่วยในการสืบทอดพระพุทธศาสนา โดยที่
ÊѹµÔÊØ¢¢Í à¾×èÍÊÌҧ¤Ç
´Ô¹á´¹áË‹ §ÁÇÅÁ¹ØÉÂªÒµÔ ÒÁࢌÒã¨Í Ò
ѹ´Õ
พระสารี บุ ต รเป็ น พระอั ค รสาวกเบื้ อ งขวา
ÈÒʹÒÊÒí ¤Ñ
Þ
§Ë¹Ö觷Õèä´ŒÃ
Ѻ¾Ãо เลิ ศ กว่ า ภิ ก ษุ ทั้ ง หลายในทา งมี ป ั ญ ญามาก
¡ÒÃÈÖ¡Éһà ¢Í§ªÒµÔ ¤×Í »ÃÐà·Èä·Â Ø·¸ÈÒʹÒࢌÒÁÒ໚ ลั ลานะ พระโมคคัลลานะเป็นพระอัครสาวกเบื้องซ้าย
¹ พระพุทธองค์ทรงแต่งตัง้ พระสารีบตุ รและพระโมคค
»ÃÐà·Èà¾×Íè ÐÇÑµÔ áÅФÇÒÁÊíÒ¤ÑÞ áÅлÃÐà·Èà¾Íè× ¹ºÒŒ ¹ พ ระพุ ท ธศาสนา เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในทางมีฤทธิ์มาก
¹º ¢Í เป็นอัครสาวกเพื่อช่วยเผยแผ่
¶Ö§º·ºÒ·á ÒŒ ¹ ‹ÍÁ·Òí ãËŒ¾·Ø ¸ÈÒ §¾Ãо·Ø ¸ÈÒʹÒã¹
ÅФÇÒÁÊíÒ Ê¹
¤Ñޢͧ¾Ãо¡Ô ª¹ä´ŒÁ¤Õ ÇÒÁµÃÐ˹¡Ñ
Ø·¸ÈÒʹÒÁ 40
Ò¡¢Öé¹

µÑǪÕÇé ´Ñ áÅÐÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙጠ¡¹¡ÅÒ§ µÒÁ·ÕËè ÅÑ¡ÊÙµÃ


¡íÒ˹´ à¾×èÍãËŒ·ÃÒº¶Ö§à»‡ÒËÁÒÂ㹡ÒÃÈÖ¡ÉÒ àÊÃÔÁÊÒÃШҡà¹×Íé Ëҹ͡à˹×ͨҡ ¤íÒ¶ÒÁ»ÃШíÒ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒáÅСԨ¡ÃÃÁ
·ÕÁè ãÕ ¹ÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙጠ¡¹¡ÅÒ§ à¾×Íè ÊÌҧÊÃ䏾Ѳ¹Ò¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ¢Í§¼ÙŒàÃÕ¹ãËŒÁÕ
à¾ÔÁè ¾Ù¹áÅТÂÒ¾ÃÁá´¹¤ÇÒÁÃÙ㌠ˌ ¤Ø³ÀÒ¾µÒÁµÑǪÕéÇÑ´
àÃ×èͧ¹‹ÒÃÙŒà¾ÔèÁàµÔÁ¨Ò¡à¹×éÍËÒ ÁÕá·Ã¡à»š¹ÃÐÂÐæ ¡ÇŒÒ§¢ÇÒ§ÍÍ¡ä»
ถาน
สสชิเป็นอาจารย์
๒.๒) มีความกตัญญูกตเวทิตาธรรมเป็นเลิศ ท่านถือว่าพระอั องท่านมาก สัตตมหาส วิเศษ (อน
ุตตร- ค íา¶ามประจ íาหน่วยการเรียนรู้
รูปแรกทีน่ า� ท่านเข้ามาสูร่ ม่ เงาพระพุทธศาสนา ท่านจึงมีความเคารพในพ
ระอาจารย์ข
นศีรษะไปทางทิศนั้น ภิกษุอื่นๆ สัตตมหา
สถาน
ิมตุ ติสุข
หลังจากไ
ด้ทรงตรั
สรู้ธรรม
๑. นักเรียนศึกษาบทสวดมนต์แปล และน�าบทสวดมนต์ท่ีได้ศกึ ษามาอธิบายว่ามีความหมาย
การปฏิบัติตน
เวลาท่านจะนอนถ้ารู้ว่าอาจารย์ของท่านอยู่ ณ ทิศใด ท่านจะหั ยังไหว้ทศิ อยูเ่ หมือนสมัยเป็น
ÃÔÁÊÒÃÐ เสด จ
็ ปร ะทับเสวยว ลำาดับต่อไปนี้ อย่างไรบ้าง และจะน�าความรูท้ ่ไี ด้จากการศึกษาบทสวดมนต์ไปใช้ในชีวติ จริงอย่างไร ตามหลักธรรม
ทีไ่ ม่ทราบความจริงข้อนีเ้ คยพากันต�าหนิวา่ ท่านเป็นถึงพระอัครสาวก àÊ ุทธเจ้า
แห่งที่พระพห่งละ ๑ สัปดาห์
เรียงตาม
วิมุตติส
ุข
คฤหัสถ์ แต่ ไ ม่ มี ภิ ก ษุ
ำาคัญ ๗
สถานที่ส ) แล้ว เป็นเวลาแ
สถานที
่เสด็จปร
ะทับเสวย
วัน
๒. นักเรียนคิดว่าพุทธมนต์มีความขลังหรือศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ หากต้องการให้มีมนต์ขลัง
หรือศักดิส์ ทิ ธิ์ จะต้องท�าอย่างไร ทางพระพุทธศาสนา
สมั ย หนึ่ ง มี พ ราหมณ์ เ ฒ่ า คนหนึ่ ง นามว่ า “ราธะ” อยากบวช จ้ กั พราหมณ์ สัมมาสัม
โพธิญาณ
วิมุตติสุข
ตลอด ๗ รู้
สั
ป่ ระชุมสงฆ์วา่ มีใครรู ์ ทรงเสวย สถานทีป่ ระทบั ตร ๓. จากค�ากล่าวที่ว่า “การแผ่เมตตาเป็นการช�าระจิตใจให้บริสุทธิ์” นักเรียนเห็นด้วยหรือไม่
รับรอง พระสงฆ์จงึ ไม่สามารถบวชให้ได้ พระพุทธเจ้าตรัสถามในที สัปดาห์
ท ่ ี
ร่มไม้ม หา โพ ธิ
ก์อนั เป็น บาท
บาตรท่านทัพพีหนึ่ง ท่านรู้จัก ับภายใต้ ตั นบลั ลัง เพราะเหตุใด
คนนี้ไหม พระสารีบุตรกราบทูลว่า จ�าได้ว่าพราหมณ์คนนี้เคยใส่ ร าธพราหมณ์ หลังจาก เสด็จประท นัง่ ขัดสมาธบิ นร ิจารณาปฏิจจสมุ
ป นือเล็กน้
กเฉยี งเห ระเนตรดู
อย
๔. ปัญญาคืออะไร และมีประโยชน์อย่างไรบ้าง ให้อธิบายพร้อมยกตัวอย่างประกอบ
ให้ ท ่ า นเป็ น อุ ป ั ช ฌาย์ บ วชแก่ ะท บั ทร งพ ศิ ตะวันออ
จึงขอรับรอง พระพุทธองค์จึงทรงมอบภาระ ปร โพธิ ์
บวชแล้วพระราธะได้เป็นสัทธิวิหาริก (ศิษย์) ผู้ว่าง่ายรูปหนึ่ง 1 โดย
ใต ต
้ น
้ พร ะศรีมหา
บั ณ อนมิ
สิ เจด ี
ย ์ ซึ ่
ง อยทู่ างท ร ทรงยืนจ้องพ
ณ ๖๙
เมต วัน
๕. การฝึกให้เกิดปัญญามีวธิ กี ารอย่างไร
บุตรปรารถนา เสดจ็ ประท นบัลลังก์ประมา ะเนตรตลอด ๗
๒.๓) เป็นผู้มั่นคงและปรารถนาดีต่อพระพุทธศาสนา พระสารี งกราบทูลให้ รัต
ห่างจาก ธ์ิโดยมิได้กะพริบ
พร
างกว้างขวาง จึ
อยากให้พระสัทธรรมด�ารงอยู่ได้นาน อ�านวยประโยชน์แก่มหาชนอย่ ่งพระองค์ก็ทรงกระท�าตาม ต้นมหาโพ
เสด็จ
ซึ
พระองค์ทรงบััญญัติพระวินัย เพื่อความด�ารงมั่นแห่งพระสัทธรรม ่ตั้งแต่หมวดหนึ่ง หมวดสอง 2 ิมิตจงกรม
ีย์ ทรงน รมไปมาบนลา ีย์
ขึ้น แล้ว ก้ว
นแ
กิจกรรมสร้างสรรค์พั²นาการเรียนรู้
ด�ารินั้น นอกจากนี้ท่านยังได้น�าค�าสอนของพระพุทธองค์จัดหมวดหมู ิสูตร และทสุตตรสูตร รม เจด
รัตนจงก น โดยเสด็จจงก ลานอนิมิสเจด
บ และหมวดเกิ น สิ บ ดั ง ปรากฏอยู ใ
่ นสั ง คี ต ะทับ ณ วั ับ แห่งต้น
หมวดสาม...จนถึงหมวดสิ เสด็จปร ี่นี่เป็นเวลา ๗ างต้นโพธิ์ตรัสรู้ก ิศพายัพ ตถวาย
ในเวลาต่อมา ท่านได้แสดงสั ง คี ต ิ ส ู ต ร และทสุ ต ตรสู ตร ท่ามกลางภิกษุสงฆ์ จงก รม อย ู่ท
ซึ่งอย ร
่ ู ะห ว่
็จไปทางท ิรมิ
กิจกรรมที่ ๑ ครูเชิญวิทยากรในท้องถิ่น ซึ่งอาจจะเป็นพระภิกษุหรือฆราวาส มาเล่า
จ�านวนมาก และได้รับค�าชมเชยจากพระพุทธองค์อีกด้วย พระสารี พพานเสียก่อน ภายหลัง
บุตรจึงเป็นพระเถระรูปแรก 3 รั ต นจ งก รมเจดีย์
ะทับ ณ
รั ต นฆ รเจ ดีย์ เสด ก้ว ซึ่งเทวดาน
าธิในเรือ
นแ ประสบการณ์เกี่ยวกับการฝึกสมาธิของท่าน รวมทั้งให้ค�าแนะน�าและสาธิต
นก็ด่วนนิ เสด็จปร ประทับนั่งขัดสม อด ๗ วัน การฝึกปฏิบัติสมาธิตามหลักอานาปานสติ
ที่คิดท�า “สังคายนา” พระธรรมวินัย แต่ยังไม่ทันส�าเร็จดี ท่า ์
มหาโพธิ าพระอภิธรรมตล
เร็จบริบูรณ์
พระมหากัสสปะจึงได้รับช่วงสืบทอดเจตนารมณ์ของท่านจนส�า ทรงพิจารณ
ครธ” ซึ
่งเป็น กิจกรรมที่ ๒ ครูนิมนต์พระอาจารย์มาสอนวิธีการฝึกสมาธิตามหลักอานาปานสติ และ
เรื่องน่ารู้
4 ม
่ ไม
ีชื่อว่า “อ
้ไทร โดยม สถานที่ที่ทรงร รัสรู้ประมาณ
ชปาลนิโ วมธุปายาส
ับข้า ให้นักเรียนฝึกปฏิบัติสมาธิ
ใต ร
้ ยเป็น
ะทับ ้นโพธิ์ต จุ จลนิ ท์”
เสด็จไปปร นเลี้ยงแพะ และเค้ ซึ่งอยู่ห่างจากต ชอื่ ว่า “ม กิจกรรมที่ ๓ ครูแบ่งนักเรียนออกเป็น ๒ กลุ่ม โดยให้ศึกษาค้นคว้าท�ารายงานในหัวข้อ
พระอรหันต์ ที่พักของค าดาก่อนวันตรัส
รู จ้ กิ โดยมี ตอยขู่ องพระยา
นผู้ละกิเลสอันประณีตได้ ๑๑ ประการ ดังนี้ ายใตร้ ม่ ไม ส่ ถิ ต่อไปนี้
ุช ดสมาธภิ ธิ์ ซึง่ เป็นสถานที ิ ใตป้ ระมาณ ๑.๗
การบรรลุอรหัตผลเป็นพระอรหันต์นั้น บุคคลดังกล่าวต้องเป็
๑. ความยึดมั่นในตัวตน
5 จากนางส ตร
๑.๖ กิโลเม
ะทบั นัง่ ขั
เสดจ็ ไปปร ย์แห่งต้นมหาโพ โพธิต์ รัสรูไ้ ปทางท
คเน ้

ศ กลุ่มที่ ๑ ความหมายและประโยชน์ของปัญญา
ทางท ิ
ศ อา างจา กต กลุ่มที่ ๒ การฝึกให้เกิดปัญญา
๒. ความลังเลสงสัย าคราช ห่
๓. ความยึดถือเพศพรตอย่างงมงายว่าศักดิ์สิทธิ์ มุจจลนิ ทน
๔. ทำาราคะ โทสะ โมหะ ให้หมดสิ้น กิโลเมตร มี
๕. ความกำาหนัดในกาม 6 ไทรพนั ธ์
เ้ กด (ต้น ุตติสุขตลอด ๗
บเลก็ ) โดย
หุ นึง่ ทีม่ ใี น อยู่ห่าง
วั
พุทธศาสนสุภาษิต
ʾÚà¾Êí ʧڦÀÙµÒ¹í ÊÒÁ¤Ú¤Õ ÇرڲÔÊÒ¸Ô¡Ò : ¤ÇÒÁ¾ÃŒÍÁà¾ÃÕ§¢Í§»Ç§ª¹
๖. ความคับแค้น ้
ร ่
ม ไม
ปร ะทบั ภายใตประทบั นัง่ เสวยวิม ๒.๕ กิโลเมตร ¼ÙàŒ »š¹ËÁÙ‹ Âѧ¤ÇÒÁà¨ÃÔÞãËŒÊÒí àÃç¨
๗. ความติดใจในรูปธรรมอันประณีต เสด ็
จ ไป
ชายตนะ
” าณ 41
ใต้ประม
๘. ความติดใจในอรูปธรรม ชือ่ ว่า “รา ธิ์ตรัสรู้ไปทางทิศ
๙. ความทะนงตน 7 จากต้นโพ 160
๑๐. ความฟุ้งซ่าน
๑๑. ความไม่รู้จริง
46
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate

ÊÒúÑÞ
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè ñ »ÃÐÇѵÔáÅФÇÒÁÊíÒ¤Ñޢͧ¾Ãоط¸ÈÒʹÒ
¡ÒÃà¼ÂἋáÅСÒùѺ¶×;Ãоط¸ÈÒʹÒã¹»ÃÐà·Èà¾×è͹ºŒÒ¹
ñ
ò
ÇÔà¤ÃÒÐˏ¤ÇÒÁÊíÒ¤Ñޢͧ¾Ãоط¸ÈÒÊ¹Ò òó
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè ò ¾Ø·¸»ÃÐÇÑµÔ ¾ÃÐÊÒÇ¡ ÈÒʹԡª¹µÑÇÍ‹ҧáÅЪҴ¡
¾Ø·¸»ÃÐÇѵÔ
óõ
óö
»ÃÐÇѵԾط¸ÊÒÇ¡ ¾Ø·¸ÊÒÇÔ¡Ò ôó
ÈÒʹԡª¹µÑÇÍ‹ҧ õô
ªÒ´¡ öñ
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè ó ËÅÑ¡¸ÃÃÁ·Ò§¾Ãоط¸ÈÒʹÒ
¾ÃÐÃѵ¹µÃÑÂ
ö÷
öø
ÍÃÔÂÊѨ ô öù
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè ô ¾ÃÐäµÃ»®¡áÅоط¸ÈÒʹÊØÀÒÉÔµ
â¤Ã§ÊÌҧáÅÐÊÒÃÐÊíÒ¤Ñޢͧ¾ÃÐäµÃ»®¡
ùó
ùô
¾Ø·¸ÈÒʹÊØÀÒÉÔµ ù÷
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate

˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè õ ˹ŒÒ·ÕèªÒǾط¸áÅÐÁÒÃÂÒ·ªÒǾط¸
˹ŒÒ·ÕèªÒǾط¸
ÁÒÃÂÒ·ªÒǾط¸
ñðó
ñðô
ññô
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè ö ÇѹÊíÒ¤ÑÞ·Ò§¾Ãоط¸ÈÒʹÒáÅÐÈÒʹ¾Ô¸Õ
ÇѹÊíÒ¤ÑÞ·Ò§¾Ãоط¸ÈÒʹÒ
ñòó
ñòô
ÈÒʹ¾Ô¸Õ ñóö
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè ÷ ¡ÒúÃÔËÒèԵáÅСÒÃà¨ÃÔÞ»˜ÞÞÒ
¡ÒúÃÔËÒèԵáÅСÒÃà¨ÃÔÞ»˜ÞÞÒ
ñõñ
ñõò
¡ÒÃà¨ÃÔÞ»˜ÞÞÒâ´Â¡ÒäԴẺâ¹ÔâÊÁ¹ÊÔ¡Òà ñõö
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè ø ¡Òû¯ÔºÑµÔµ¹µÒÁËÅÑ¡¸ÃÃÁ·Ò§¾Ãоط¸ÈÒʹÒ
¡Òû¯ÔºÑµÔµ¹Í‹ҧàËÁÒÐÊÁ㹡ÃÐáʤÇÒÁà»ÅÕè¹á»Å§¢Í§âÅ¡
ñöñ
ñöò
¡Òû¯ÔºÑµÔµ¹à¾×èÍ¡ÒÃÍÂًËÇÁ¡Ñ¹Í‹ҧÊѹµÔÊØ¢ ñöõ
ºÃóҹءÃÁ ñ÷ñ
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู

หน่วยการเรียนรู้ที่
ประวัติ
๑ 1. บอกประวัติการเผยแผพระพุทธศาสนา
เขาสูประเทศเมียนมา อินโดนีเซีย มาเลเซีย
สิงคโปร ลาว กัมพูชา และเวียดนามได
2. อธิบายความสําคัญของพระพุทธศาสนา
และความสําคัญ ที่มีสวนชวยเสริมสรางความเขาใจอันดี
ระหวางประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบานได
ของพระพุทธศาสนา 3. วิเคราะหความสําคัญพระพุทธศาสนา
ในฐานะที่เปนรากฐานของวัฒนธรรม
เปนเอกลักษณและเปนมรดกของชาติได

ตัวชี้วัด
สมรรถนะของผูเรียน
● อธิบายการเผยแผ่พระพุทธศาสนาหรือศาสนา 1. ความสามารถในการสื่อสาร
ที่ตนนับถือสู่ประเทศเพื่อนบ้าน
(ส ๑.๑ ม.๒/๑) 2. ความสามารถในการคิด
วิ เ คราะห์ ค วามสำ า คั ญ ของพระพุ ท ธศาสนา

หรือศาสนาทีต่ นนับถือ ทีช่ ว่ ยเสริมสร้างความ 3. ความสามารถในการแกปญ หา


เข้าใจอันดีกบั ประเทศเพือ่ นบ้าน
(ส ๑.๑ ม.๒/๒)
● วิ เ คราะห์ ค วามสำ า คั ญ ของพระพุ ท ธศาสนา คุณลักษณะอันพึงประสงค
หรือศาสนาทีต่ นนับถือในฐานะทีเ่ ป็นรากฐาน
ของวัฒนธรรม เอกลักษณ์ของชาติ และมรดก
ของชาติ (ส ๑.๑ ม.๒/๓)
1. รักชาติ ศาสน กษัตริย
● อภิ ป รายความสำ า คั ญ ของพระพุ ท ธศาสนา 2. มีวินัย
หรือศาสนาที่ตนนับถือกับการพัฒนาชุมชน
และการจัดระเบียบสังคม (ส ๑.๑ ม.๒/๔) 3. ใฝเรียนรู
4. รักความเปนไทย
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
● การเผยแผ่ พ ระพุ ท ธศาสนาเข้ า สู่ ป ระเทศ ¾Ãоط¸ÈÒʹÒä´ŒÊ͹ËÅÑ¡¸ÃÃÁ à¾×Íè ¾Ñ²¹Òµ¹µÑ§é ᵋ
เพือ่ นบ้านและการนับถือพระพุทธศาสนาของ
ประเทศเพื่อนบ้านในปัจจุบัน ÃдѺ¾×é¹°Ò¹¨¹¶Ö§¢Ñé¹ÊÙ§ÊØ´ áÅÐ์¹Ç‹ÒàÁ×è;Ѳ¹Òµ¹ä´Œ กระตุน ความสนใจ Engage
● ความสำาคัญของพระพุทธศาสนาที่ช่วยสร้าง ÊÁºÙóáÅŒÇ ãËŒºÒí à¾çÞ»ÃÐ⪹á¡‹¼ÍŒÙ ¹è× ËÃ×ÍÊѧ¤Áã¹Ç§¡ÇŒÒ§

ความเข้าใจอันดีกับประเทศเพื่อนบ้าน
ความสำาคัญของพระพุทธศาสนาต่อสังคมไทย ໚¹¡Òõͺ᷹ ´ŒÇÂÍØ´Á¡Òó¹éÕ ºÃôҾط¸ÊÒÇ¡¼ÙÊŒ º× ·Í´ ครูสนทนากับนักเรียนเพื่อทบทวนความรู
ในฐานะเป็น ¾Ãоط¸ÈÒʹҨ֧䴌à¼ÂἋËÅÑ¡¤íÒÊ͹¢Í§¾Ãоط¸ÈÒÊ¹Ò เกี่ยวกับการเผยแผพระพุทธศาสนาในประเทศไทย
- รากฐานของวัฒนธรรม
- เอกลักษณ์และมรดกของชาติ ä»ÂѧÀÙÁÔÀÒ¤µ‹Ò§æ ¢Í§âÅ¡ à¾×èÍÊÌҧ¤ÇÒÁࢌÒã¨Íѹ´Õ และตั้งคําถามใหนักเรียนชวยกันตอบ
● ความสำ า คั ญ ของพระพุ ท ธศาสนากั บ การ
พัฒนาชุมชนและการจัดระเบียบสังคม
áÅÐà¾×èÍÊѹµÔÊØ¢¢Í§ÁÇÅÁ¹ØÉÂªÒµÔ • หลังการสังคายนาครั้งที่ 3 พระเจาอโศก-
´Ô¹á´¹áË‹§Ë¹Ö觷Õèä´ŒÃѺ¾Ãоط¸ÈÒʹÒࢌÒÁÒ໚¹ มหาราชทรงเผยแผพระพุทธศาสนาเขาสู
ÈÒʹÒÊíÒ¤ÑޢͧªÒµÔ ¤×Í »ÃÐà·Èä·ÂáÅлÃÐà·Èà¾×Íè ¹ºŒÒ¹ ประเทศไทยอยางไร
¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ»ÃÐÇÑµÔ áÅФÇÒÁÊíÒ¤Ñޢͧ¾Ãоط¸ÈÒʹÒã¹ (แนวตอบ พระองคทรงสงพระโสณเถระและ
»ÃÐà·Èà¾×Íè ¹ºŒÒ¹ ‹ÍÁ·íÒãËŒ¾·Ø ¸ÈÒʹԡª¹ä´ŒÁ¤Õ ÇÒÁµÃÐ˹ѡ
พระอุตตรเถระเปนสมณทูตเดินทางมา
¶Ö§º·ºÒ·áÅФÇÒÁÊíÒ¤Ñޢͧ¾Ãоط¸ÈÒʹÒÁÒ¡¢Öé¹
เผยแผพระพุทธศาสนายังดินแดนสุวรรณภูมิ
ซึ่งเปนที่ตั้งของประเทศไทยในปจจุบัน)

เกร็ดแนะครู
ครูควรจัดกิจกรรมการเรียนรู เพื่อใหนักเรียนสามารถอธิบายประวัติการเผยแผ
พระพุทธศาสนาเขาสูป ระเทศเพือ่ นบาน วิเคราะหความสําคัญของพระพุทธศาสนาที่
ชวยเสริมสรางความเขาใจอันดีกบั ประเทศเพือ่ นบาน เปนรากฐานของวัฒนธรรมไทย
เปนเอกลักษณและมรดกของสังคมไทย อภิปรายความสําคัญของพระพุทธศาสนากับ
การพัฒนาชุมชนและการจัดระเบียบสังคม โดยพัฒนาทักษะกระบวนการที่สําคัญ
ไดแก ทักษะการคิดวิเคราะห กระบวนการสืบสอบ และกระบวนการกลุม ดังนี้
• ครูใหนักเรียนแบงกลุม ศึกษาคนควาเกี่ยวกับประวัติการเผยแผพระพุทธ-
ศาสนาเขาสูประเทศเพื่อนบาน
• ครูใหนักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับสถานการณการนับถือพระพุทธศาสนา
ของประเทศเพื่อนบานในปจจุบัน แลวจัดทํารายงานเปรียบเทียบระหวางการ
เผยแผพระพุทธศาสนาในอดีตกับสถานการณการนับถือพระพุทธศาสนาใน
ปจจุบัน
• ครูใหนักเรียนจับคูศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสําคัญของพระพุทธ-
ศาสนาที่มีตอสังคมไทย จากนั้นแบงกลุมแสดงบทบาทสมมติ
ในรูปแบบละครสั้น คูมือครู 1
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับความเชื่อดั้งเดิม
กอนการเผยแผพระพุทธศาสนาเขาสูประเทศเพื่อน ñ. ¡ÒÃà¼ÂἋáÅСÒùѺ¶×;Ãоط¸ÈÒʹÒã¹»ÃÐà·Èà¾×Íè ¹ºŒÒ¹
บาน และใหนักเรียนดูภาพถํ้าสัตตบรรณในหนังสือ
เรียนหนา 2 พรอมทั้งอภิปรายถึงความสําคัญของ ประเทศไทยจัดเปนประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาเปนศาสนาสําคัญของชาติประเทศหนึ่ง
สถานที่ดังกลาว นอกจากนี้ ประเทศเพื่อนบานที่รายลอมและใกลเคียงกับประเทศไทย ก็ลวนมีพระพุทธศาสนา
เปนศาสนาสําคัญของชาติดวยเชนเดียวกัน ประเทศเพื่อนบานเหลานี้ ไดแก เมียนมา อินโดนีเซีย
สํารวจคนหา Explore ลาว มาเลเซีย สิงคโปร กัมพูชา และเวียดนาม ประวัตขิ องการเผยแผพระพุทธศาสนาเขาสูป ระเทศ
เพื่อนบานเหลานี้ มีดังนี้
ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 3-5 คน
ศึกษาคนควาเกี่ยวกับประวัติการเผยแผ ๑.๑ การเผยแผพระพุทธศาสนาเขาสูประเทศเพื่อนบาน
พระพุทธศาสนาเขาสูประเทศเพื่อนบาน ดังนี้ หลังจากที่พระพุทธเจาตรัสรูแลว พระองคทรงมีพุทธประสงคใหบุคคลอื่นไดรูตามพระองค
ประเทศเมียนมา ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศ เพื่อจะไดพน ทุกขและไดรบั ความสุขทีแ่ ทจริง จึงเสด็จออกไปประกาศพระพุทธศาสนา จนกระทั่งได
มาเลเซีย ประเทศสิงคโปร ประเทศลาว ประเทศ พระสาวก ๖๐ รูป พระองคทรงเห็นวามีจํานวนมากพอสมควรแลว จึงทรงสงพระสาวกไปเผยแผ
กัมพูชา และประเทศเวียดนาม จากนั้นจดบันทึก พระพุทธศาสนายังแควนตางๆ
ขอมูลลงสมุด หลังพุทธปรินพิ พาน บรรดาสาวกของพระพุทธเจาไดสบื ทอดพระพุทธศาสนากันมาไมขาดสาย
แมบางครัง้ พระพุทธศาสนาจะไดรบั ความกระทบกระเทือนหรือมัวหมอง ทัง้ ภัยภายในและภายนอก
อธิบายความรู Explain บรรดาสาวกก็ไดชวยกันชําระใหบริสุทธิ์ถูกตองเปนแบบแผนเดียวกัน การกระทําเชนนี้ เรียกวา
“สังคายนาพระธรรมวินัย” ซึ่งไดกระทําเปนจํานวน ๓ ครั้ง ในชวงเวลา ๓ ศตวรรษ
ครูและนักเรียนอภิปรายเหตุการณการเผยแผ
พระพุทธศาสนาวา หลังการสังคายนาพระไตรปฎก
เมื่อเสร็จสิ้นการทําสังคายนาพระไตรปฎกครั้งที่ ๓ แลว พระเจาอโศกมหาราชผูทรงเปน
ครั้งที่ 3 พระโมคคัลลีบุตรติสสเถระเล็งเห็นวา องคอปุ ถัมภไดจดั สงสมณทูตไปเผยแผพระพุทธศาสนายังดินแดนตางๆ โดยการสนับสนุนจากพระ
ในอนาคตภายภาคหนาพระพุทธศาสนาอาจเสือ่ มสูญ โมคคัลลีบุตรติสสเถระ องคประธานการสังคายนาครั้งนี้ไดทรงสงพระมหินทเถระพรอมคณะไป
ไปจากชมพูทวีป จึงควรสงสมณทูตออกไปเผยแผ เผยแผพระพุทธศาสนายังเกาะลังกา (ประเทศศรีลังกาในปจจุบนั ) ตอมาไดกลายเปน
พระพุทธศาสนายังดินแดนตางๆ พระเจาอโศก ศูนยกลางสําคัญในการเผยแผพระพุทธศาสนาสืบแทนอินเดีย โดยเฉพาะใน
มหาราชทรงเห็นชอบดวย จึงทรงสงสมณทูต 9 สาย รัชสมัยของพระเจามหานามะ พระพุทธโฆษาจารยชาวอินเดียไดเดินทาง
ออกไปเผยแผพระพุทธศาสนายังดินแดนตางๆ ไปแปลอรรถกถาพระไตรปฎก จากภาษาสิ
1 งหลเปนภาษาบาลี
1 ใน 9 สายนั้น มีพระโสณเถระและพระอุตตรเถระ และยังรจนาหนังสือวิสุทธิมรรค สรุปคําสอนที่สําคัญของ
เดินทางมาเผยแผพระพุทธศาสนาที่สุวรรณภูมิ พระพุทธศาสนาดวย พระสงฆตางประเทศเดินทางไป
ขอรับการอุปสมบทใหม โดยมีการแปลงเปนนิกาย
การเรียกชือ่ ประเทศเมียนมา ลังกาวงศเปนจํานวนมาก และจากเหตุนี้เอง ทําให
สํานักงานราชบัณฑิตยสถาน โดยคณะ พระพุทธศาสนาแผขยายไปยังประเทศเพือ่ นบาน
กรรมการจัดทําพจนานุกรมชือ่ ภูมศิ าสตรสากล ของไทยในกาลตอมา ดังนี้
ไดกาํ หนดใหเรียกชือ่ ประเทศพมาหรือเมียนมารวา
สาธารณรัฐแหงสหภาพเมียนมา โดยสามารถใช ถ้าํ สัตตบรรณ ขางภูเขาเวภาระ ใกลกรุงราชคฤห เมืองหลวงของแควนมคธ สถานทีท่ าํ ปฐมสังคายนา
เรียกทัว่ ไปไดทงั้ เมียนมาและพมา ๒

ขอสอบ O-NET
นักเรียนควรรู ขอสอบป ’ 51 ออกเกี่ยวกับการเผยแผพระพุทธศาสนานอกชมพูทวีป
ภายหลังการสังคายนาพระไตรปฎกครั้งที่ 3 ในสมัยพระเจาอโศก
1 วิสุทธิมรรค เปนหนังสือสรุปหลักคําสอนของพระพุทธศาสนา ประกอบดวย
มหาราชแลว ไดเกิดเหตุการณสําคัญในขอใด
3 คัมภีร ไดแก ศีลนิเทศ สมาธินิเทศ ปญญานิเทศ ตามแนววิสุทธิ 7 ซึ่งหมายถึง
1. เกิดสงครามระหวางศาสนาตางๆ ในประเทศอินเดีย
การบําเพ็ญไตรสิกขาใหบริบูรณ 7 ขั้น ดังนี้
2. พระพุทธศาสนากลายเปนรากฐานของวัฒนธรรมอินเดีย
1. สีลวิสุทธิ คือ ความหมดจดแหงศีล
3. พระพุทธศาสนาเผยแผไปยังดินแดนอาณานิคมของประเทศอินเดีย
2. จิตตวิสุทธิ คือ ความหมดจดแหงจิตต
4. พระเจาอโศกมหาราชสงสมณทูตไปประกาศศาสนาพุทธนอกชมพูทวีป
3. ทิฏฐิวิสุทธิ คือ ความหมดจดแหงทิฏฐิ
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. หลังการสังคายนาพระไตรปฎกครั้งที่ 3
4. กังขาวิตรณวิสทุ ธิ คือ ความหมดจดแหงญาณเปนเครือ่ งขามพนความสงสัย
พระโมคคัลลีบุตรติสสเถระเกรงวาในอนาคตพระพุทธศาสนาอาจเสื่อมสูญ
5. มัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิ คือ ความหมดจดแหงญาณเปนเครื่องรูเห็นวา
ไปจากชมพูทวีป จึงควรสงพระสงฆที่แตกฉานในธรรมไปเผยแผพระพุทธ-
ทางหรือมิใชทาง
ศาสนายังตางแควน พระเจาอโศกมหาราชทรงเห็นชอบดวย พระองคจึง
6. ปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ คือ ความหมดจดแหงญาณอันรูเห็นทางดําเนิน
แบงสมณทูตเปน 9 สาย สงไปเผยแผพระพุทธศาสนายังดินแดนตางๆ
7. ญาณทัสสนวิสุทธิ คือ ความหมดจดแหงญาณทัสสนะ กลาวคือ มรรคญาณ

2 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนนําขอมูลที่ไดจากการศึกษา
๑) พระพุทธศาสนาเข้าสูป่ ระเทศเมียนมา พระพุทธศาสนาทีเ่ ผยแผ่เข้าสูป่ ระเทศพม่าใน คนควาออกมานําเสนอหนาชัน้ เรียน หลังจากนัน้
ระยะแรกเป็นแบบนิกายเถรวาท โดยผ่านเข้ามาทางเมืองสุธรรมวดีหรือสะเทิม ซึง่ เป็นราชธานีของ รวมกันสรุปเนื้อหาโดยภาพรวมและอธิบาย
พวกมอญอยูก่ อ่ น หลังจากนัน้ จึงค่อยๆ แผ่ขยายขึน้ ไปทางตอนกลางและตอนเหนือของประเทศพม่า เพิ่มเติม
ใน พ.ศ. ๑๕๘๗ พระเจ้าอนุรุทธมหาราช (อโนรธามังช่อ) ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์ที่ 2. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายถึงความเจริญ
ทรงพระปรีชาสามารถขึ้นครองราชย์ พระองค์1สามารถรวบรวมดินแดนของพม่าให้เป็นแผ่นดิน รุงเรืองของพระพุทธศาสนาในอาณาจักรพุกาม
เดียวกันได้ส�าเร็จ และทรงสถาปนาเมืองพุกามขึ้นเป็นราชธานี ในช่วงนี้เองที่พระพุทธศาสนา (แนวตอบ พระพุทธศาสนานิกายเถรวาทเจริญ
นิกายมหายานได้แผ่ขยายจากแคว้นเบงกอลของอินเดียเข้าสู่เมืองพุกาม แต่พระเจ้าอนุรุทธ รุงเรืองอยูในดินแดนพมาตอนใต ซึ่งเปน
มหาราชไม่ทรงศรัทธานิกายมหายาน กลับทรงมีความศรัทธาเลื่อมใสนิกายเถรวาท ครั้นเมื่อ ถิ่นฐานของมอญมากอน หลังจากที่พระเจา
พระองค์ทรงทราบว่าพระพุทธศาสนาในอาณาจักรของพวกมอญมีความเจริญรุ่งเรืองมาก จึงทรง อนุรทุ ธมหาราชทรงรวบรวมพมาใหเปนปกแผน
ส่งพระราชสาสน์ไปถึงพระเจ้ามนูหะ ผู้ครองเมืองสุธรรมวดี ทูลขอพระไตรปิฎกจ�านวนหนึ่งขึ้นไป พระพุทธศาสนานิกายมหายานไดเผยแผ
ยังเมืองพุกาม แต่พระเจ้ามนูหะไม่ยินยอม จึงเป็นชนวนท�าให้เกิดการสู้รบกันขึ้น ปรากฏว่าทาง เขามา แตพระองคทรงเลื่อมใสนิกายเถรวาท
พม่าเป็นฝ่ายชนะ พระเจ้าอนุรทุ ธมหาราชจึงสัง่ ให้ทา� ลายเมืองสุธรรมวดีเสีย พร้อมกับน�าพระสงฆ์ จึงสงพระราชสาสนไปทูลขอพระไตรปฎก
มอญและพระไตรปิฎกขึ้นไปยังเมืองพุกามด้วย ส่งผลให้พระพุทธศาสนานิกายเถรวาทได้แผ่ขยาย จากพระเจามนูหะกษัตริยมอญ แตพระเจา
ไปทั่วอาณาจักรพม่านับแต่นั้นเป็นต้นมา มนูหะไมยินยอมจึงเกิดการสูรบกัน พมาชนะ
2 จึงกวาดตอนพระสงฆมอญและนําพระไตรปฎก
ใน พ.ศ. ๑๗๓๓ รัชกาลของพระเจ้านรปติสทิ ธุ ผูท้ รงทราบว่าทีล่ งั กามีการท�าสังคายนา
พระธรรมวินัยครั้งที่ ๖ จึงอาราธนาให้พระอุตราชีวะน�าคณะพระภิกษุสงฆ์และสามเณรเดินทางไป กลับไปยังพมา พระพุทธศาสนานิกายเถรวาท
สืบพระพุทธศาสนาทีล่ งั กา เมือ่ เดินทางกลับ คณะสมณทูตได้นา� เอาพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท จึงแผขยายและเจริญรุงเรืองทั่วพมาตั้งแต
จากลังกาวงศ์เข้ามาเผยแผ่ด้วย นั้นมาจนถึงปจจุบัน สวนพระเจานรปติสิทธุ
เมื่อทราบวาลังกามีการสังคายนาพระไตรปฎก
ก็ทรงสงพระสงฆไปสืบพระพุทธศาสนาที่ลังกา
และไดนําพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทแบบ
ลังกาวงศกลับมาเผยแผที่พมาดวย)
3. ครูตั้งคําถามใหนักเรียนชวยกันอธิบายวา
พระเจาอนุรุทธมหาราชทรงสงเสริมพระพุทธ-
ศาสนาใหเจริญรุงเรืองในประเทศพมาอยางไร
(แนวตอบ พระเจาอนุรุทธมหาราชทรงอางสิทธิ
ธรรมทางพระพุทธศาสนาเพือ่ รุกรานและเขาโจมตี
ดินแดนตางๆ ในลุมแมนํ้าอิระวดี เพื่อนํา
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือในพระพุทธศาสนามา
พุทธศาสนสถานที่มีความงดงามและมีจำานวนมากในดินแดนเมียนมา สะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของพระพุทธศาสนา ประดิษฐานที่พุกามและสรางใหอาณาจักร
ทีห่ ยัง่ รากลึกลงในดินแดนเมียนมาตัง้ แต่อดีต พุกามเปนศูนยกลางพระพุทธศาสนาทีส่ าํ คัญ
3 เชน การโจมตีเมืองสุธรรมวดีหรือสะเทิมเพือ่
อัญเชิญพระไตรปฎกมายังพุกามเพือ่ ใชเปนตํารา
ในการศึกษาพระพุทธศาสนาไดอยางถูกตอง
ขอสอบเนน การคิด เปนตน)
แนว  NT  O-NE T นักเรียนควรรู
ขอใดไม ถูกตองเกี่ยวกับเหตุการณการเผยแผพระพุทธศาสนา
1 พุกาม เปนอาณาจักรแหงแรกของชาวเมียนมาในลุมแมนํ้าอิรวดี ซึ่งศูนยกลาง
ในประเทศเมียนมา
ของเมืองตัง้ อยูใ นภูมปิ ระเทศทีแ่ หงแลงกึง่ ทะเลทราย เปนบริเวณทีแ่ มนาํ้ ชินดวินไหล
1. การสังคายนาพระธรรมวินัยครั้งที่ 5 ที่เมืองมัณฑะเลย เกิดขึ้นในรัชสมัย
มารวมกับแมนํ้าอิรวดี ทําใหพุกามสามารถควบคุมการเดินเรือในแมนํ้าทั้งสองสาย
ของพระเจามินดง
ได ทั้งนี้นับตั้งแตคริสตศตวรรษที่ 9 เปนตนมา กษัตริยพุกามทุกพระองคทรง
2. พระมหากษัตริยที่ทรงวางรากฐานพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทในพมา
สรางความเจริญรุงเรืองทั้งดานการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ ศาสนา และ
คือพระเจาอลองพญา
ศิลปวัฒนธรรมเรื่อยมา จนกระทั่งปลายคริสตศตวรรษที่ 13 อาณาจักรพุกาม
3. เมื่ออังกฤษโคนลมสถาบันพระมหากษัตริยของพมา ทําใหสถาบัน
ลมสลายลงเพราะไมสามารถตานทานการรุกรานของพวกมองโกลได
พระพุทธศาสนาเกิดความระสํ่าระสาย
4. ความเจริญรุงเรืองของพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทในอาณาจักรมอญ 2 พระเจานรปติสทิ ธุ ในรัชกาลของพระองคไดมกี ารสรางวิหารสุลามณี (จุฬามณี)
ทําใหพระเจาอโนรธามังชอสงพระราชสาสนไปทูลขอพระไตรปฎก และวิหารกอวดอวปะลิน ในรัชกาลนี้บานเมืองสงบสุข ขยายดินแดนไปกวางขวาง
และยังไดรับพระบรมสารีริกธาตุมาจากลังกา
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. พระมหากษัตริยพมาผูทรงวางรากฐาน
พระพุทธศาสนานิกายเถรวาทในแผนดินพมาใหเจริญรุงเรืองสืบเนื่องมา
จนถึงปจจุบัน คือ พระเจาอนุรุทธมหาราชหรือพระเจาอโนรธามังชอ
สวนพระเจาอลองพญา เปนผูสถาปนาราชวงศอลองพญา ซึ่งสามารถ
ปราบปรามมอญไดอยางเด็ดขาด คูมือครู 3
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนอภิปรายเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา
หลังอาณาจักรพุกามสิ้นสุดอํานาจ ในประเด็น ศูนย์กลางทางการปกครองพม่าที่เมืองพุกามด�ารงอยู่เรื่อยมา จนถึง พ.ศ. ๑๘๒๗
ดังตอไปนี้ ก็สิ้นสุดอ�านาจลงเมื่อถูกพวกมองโกลรุกราน ท�าให้อาณาจักรต่างๆ แยกตัวเป็นอิสระ โดยเฉพาะ
• สาเหตุของการสิ้นสุดอํานาจของอาณาจักร พวกมอญซึ่งมีราชธานีอยู่ที่เมืองหงสาวดี
พุกาม เมื่อพระเจ้าธรรมเจดีย์ศรีปิฎกธร กษัตริย์มอญขึ้นครองราชย์ ทรงมีพระราชด�าริว่า
• บทบาทของสถาบันพระมหากษัตริยตอ พระพุทธศาสนาในเมืองมอญขณะนั้นเสื่อมโทรมมาก คณะสงฆ์แตกแยกออกเป็นคณะต่างๆ
ความเจริญรุงเรืองของพระพุทธศาสนา ถึง ๖ คณะ วัตรปฏิบัติต่างๆ ถูกละเลย พระสงฆ์ส่วนใหญ่ประพฤติตนผิดจากพระวินัยบััญญัติ
2. ครูใหนักเรียนจับคูผลัดกันถาม-ตอบเกี่ยวกับ ดังนั้น พระองค์จึงทรงริเริ่มฟื้นฟูพระพุทธศาสนาขึ้นมาใหม่ โดยโปรดให้พระสงฆ์ ๒๒ รูป
การเผยแผพระพุทธศาสนาในประเทศเมียนมา ฆราวาส ๒๒ คน เดินทางไปยังลังกา พระสงฆ์ทั้ง ๒๒ รูป มีพระโมคคัลลานะเป็นหัวหน้า
และชวยกันตัง้ ประเด็นทีค่ วรรูเ พิม่ เติมจากเนือ้ หา ได้ลาสิกขาเพื่อรับการอุปสมบทใหม่ และฆราวาสทั้ง ๒๒ คน ก็ได้รับการอุปสมบทด้วย ใน พ.ศ.
ในบทเรียน เชน ประเพณีของชาวเมียนมา ๒๐๑๘ เมื่อพระสงฆ์เหล่านี้เดินทางกลับมาถึงเมืองหงสาวดี ก็โปรดให้พระภิกษุทั้งปวงใน
ที่มีพื้นฐานความเชื่อทางพระพุทธศาสนา เมืองมอญลาสิกขาเพือ่ รับการอุปสมบทใหม่ทงั้ แผ่นดิน ปรากฏว่ามีพระภิกษุขอรับการอุปสมบทใหม่
พระราชกรณียกิจของกษัตริยพมาเกี่ยวกับ ถึง ๑๕,๖๖๖ รูป ยังส่งผลให้สมณวงศ์ในเมืองมอญกลับคืนสู่ความเป็นปึกแผ่นอีกครั้งหนึ่ง
พระพุทธศาสนา เปนตน หลังจากนั้นศึกษา หลังจากนี้ มอญกับพม่าก็ท�าสงครามแย่งชิงความเป็นใหญ่กันอยู่ตลอดเวลา โดยผลัด
เพิ่มเติมในประเด็นดังกลาวจากแหลงการเรียนรู กันแพ้ชนะหลายครั้ง จนกระทั่งถึงประมาณ พ.ศ. ๒๓๐๐ ชนชาติมอญก็สูญสิ้นอ�านาจลงอย่าง
ตางๆ เชน หองสมุด หนังสือประวัติศาสตร เด็ดขาด เมื่อพระเจ้าอลองพญากษัตริย์พม่าได้ยกทัพไปท�าลายกรุงหงสาวดีอย่างราบคาบ
ประเทศเมียนมา เปนตน แลวบันทึกลงสมุด พระพุทธศาสนาในประเทศพม่าได้รับการท�านุบ�ารุงจนเจริญรุ่งเรืองขึ้นอีกครั้ง อนึ่ง
สงครูผูสอน ในรัชกาลของพระเจ้ามินดง (ครองราชย์ระหว่าง พ.ศ. ๒๓๙๕ ‑ ๒๔๒๐) พระราชกรณียกิจทีส่ า� คัญ
ของพระองค์กค็ อื ทรงเป็นองค์อปุ ถัมภกในการท�าสังคายนาพระธรรมวินยั ครัง้ ที่ ๕ ณ1 เมืองมัณฑะเลย์
จนแล้วเสร็จ จากนั้นก็โปรดให้จารึกพระไตรปิฎกลงบนแผ่นหินอ่อนแล้วท�าสถูปครอบไว้มีจ�านวน
ทั้งสิ้น ๔๕๐ องค์
พ.ศ. ๒๔๒๙ พม่าตกเป็นเมืองขึน้ ของอังกฤษ สถาบันกษัตริยไ์ ด้ถกู โค่นลง พลอยส่งผล
ให้พระพุทธศาสนาได้รับความกระทบกระเทือนไปด้วย ทั้งนี้เพราะนับตั้งแต่อดีตกาลเป็นต้นมา
แกนกลางส�าคัญในการส่งเสริมท�านุบ�ารุงพระพุทธศาสนาก็คือพระมหากษัตริย์ แต่เนื่องจาก
พระพุทธศาสนานิกายเถรวาทได้รบั การประดิษฐานอยูใ่ นประเทศพม่านับเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว
ดังนั้น ถึงจะสูญเสียเอกราชทางการเมืองไป แต่ชาวพม่าก็ยังคงมีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา
อย่างแนบแน่น และพยายามประคับประคองสถาบันพระพุทธศาสนาให้ธ�ารงอยู่ได้ตลอดมา
ใน พ.ศ. ๒๔๙๑ พม่าก็ได้รับเอกราชจากการปกครองของประเทศอังกฤษ จากนั้น
รัฐบาลพม่าภายใต้การน�าของนายอูนุ ได้พยายามฟื้นฟูพระพุทธศาสนาโดยจัดให้มีการสังคายนา
2
พระไตรปิฎกครั้งที่ ๖ (ฉัฏฐสังคายนา) ขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๗ โดยรัฐบาลพม่าได้นิมนต์พระเถระ
ผู้เชี่ยวชาญพระไตรปิฎกไปจากประเทศไทย ศรีลังกา ลาว และกัมพูชา ให้เดินทางไปร่วมด้วย
4

กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
1 สถูป เปนภาษาบาลี หมายถึง มูนดินที่กองขึ้นสูง ในสมัยแรกของชมพูทวีป ครูใหนักเรียนไปศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติการสรางเจดีย
สันนิษฐานวาเกิดจากการรวบรวมอัฐิ เถาถาน กองเปนวงไว แลวนําดินหินกรวด หรือพระธาตุสําคัญของเมียนมามาคนละ 3 แหง จากนั้นเขียนสรุปลง
ทรายกลบทับเปนเนินสูง เพื่อสรางเปนหลุมฝงศพสําหรับประกอบพิธีสักการบูชา กระดาษ A4 พรอมทั้งใสรูปประกอบและตกแตงใหสวยงาม
ภายหลังมีการนําหลักไมปกขึ้นบนสวนยอดของมูนดิน อันเปนจุดเริ่มตนของการ
พัฒนาไปสูการสรางเจดียในปจจุบัน
2 การสังคายนาพระไตรปฎกครั้งที่ 6 (ฉัฏฐสังคายนา) ในหมูประเทศที่นับถือ กิจกรรมทาทาย
นิกายเถรวาท จะนับการสังคายนาพระไตรปฎกแตละครัง้ แตกตางกันไป โดย
เมียนมารับรองการสังคายนาสามครัง้ แรกทีอ่ นิ เดีย และรับรองการสังคายนาครัง้ ที่ 2
ของศรีลงั กา ซึง่ เมียนมานับวาเปนครัง้ ที่ 4 ครูมอบหมายใหนักเรียนไปศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวนโยบายของ
สวนการสังคายนาครัง้ แรกของเมียนมา หรือทีเ่ มียนมานับวาเปนครัง้ ที่ 5 อังกฤษที่มีตอพระพุทธศาสนาในชวงที่ปกครองพมา จากนั้นใหเขียนสรุป
กระทําทีเ่ มืองมัณฑะเลยเมือ่ พ.ศ. 2414 มีพระเจามินดงเปนผอู ปุ ถัมภ และการ ลงกระดาษ A4 สงครูผูสอน
สังคายนาพระไตรปฎกครั้งที่ 2 ของเมียนมา หรือที่เมียนมานับวาเปนครั้งที่ 6
(ฉัฏฐสังคายนา) เริ่มกระทําเมื่อ พ.ศ. 2497 เสร็จสิ้นเมื่อ พ.ศ. 2499

4 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนดูภาพพระเจดียบุโรพุทโธ
1 แลวใหนักเรียนชวยกันบอกถึงความสําคัญของ
ในการนี้ได้มีการอาราธนาพระธรรมโกศาจารย์ (ท่านพุทธทาสภิกขุ) จากประเทศไทย
ไปแสดงปาฐกถาธรรมพิเศษเป็นภาษาอังกฤษเรื่อง “ลักษณะที่น่าอัศจรรย์บางประการของ สถานที่แหงนี้ตอประเทศอินโดนีเซีย
พระพุทธศาสนาแบบเถรวาท” ในครัง้ นีด้ ว้ ย และได้จดั พิมพ์พระไตรปิฎกพร้อมคัมภีรอ์ รรถกถาและ 2. ครูและนักเรียนอภิปรายถึงประวัติศาสตรของ
ปกรณ์ที่ได้รับการสังคายนาแล้วออกเผยแผ่เป็นจ�านวนมาก ประเทศอินโดนีเซีย และครูตั้งคําถามให
๒) พระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศอินโดนีเซีย พระพุทธศาสนาได้เผยแผ่เข้ามาสู่ นักเรียนชวยกันตอบ เชน
ดินแดนที่เป็นประเทศอินโดนีเซียในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๓ คราวเดียวที่พระเจ้าอโศกมหาราช • อาณาจักรศรีวิชัยมีความเกี่ยวของกับ
ส่งพระโสณเถระกับพระอุตตรเถระเดินทางมาเผยแผ่พระพุทธศาสนาในแถบนี้ เรือ่ งราวของประเทศ ประวัติศาสตรอินโดนีเซียอยางไร
อินโดนีเซียปรากฏหลักฐานอย่างชัดเจนขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๒ เพราะได้เกิดอาณาจักร (แนวตอบ นักโบราณคดีสันนิษฐานวา
ที่ยิ่งใหญ่ขึ้นอาณาจักรหนึ่งชื่อว่า “อาณาจักรศรีวิชัย” ซึ่งมีอิทธิพลครอบคลุมตั้งแต่ภาคใต้ ศูนยกลางของอาณาจักรศรีวิชัยตั้งอยูที่เมือง
ของประเทศไทย ประเทศมาเลเซีย และประเทศอินโดนีเซียทั้งหมด อาณาจักรศรีวิชัยนับถือ ปาเล็มบัง เกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย
พระพุทธศาสนานิกายมหายาน และเชื่อว่านิกายมหายานในอาณาจักรนี้คงจะเป็นที่นับถือกัน อาณาจักรศรีวิชัยมีอิทธิพลครอบคลุมตั้งแต
อย่างแพร่หลาย เพราะได้ค้นพบหลักฐานที่เป็นโบราณวัตถุเป็นจ�านวนมาก ที่ส�าคัญได้แก่ ภาคใตของประเทศไทย ประเทศมาเลเซีย
พระพิมพ์ดินดิบและรูปพระโพธิสัตว์ ซึ่งสร้างขึ้นตามคติความเชื่อของผู้ที่นับถือพระพุทธศาสนา และเกาะสุมาตรา เกาะชวา ประเทศ
นิกายมหายานโดยเฉพาะ อินโดนีเซีย)
ในราวกลางพุทธศตวรรษที่ ๑๓ บนเกาะชวาภาคกลาง ได้เกิดราชวงศ์ที่เข้มแข็งขึ้น • พระพุทธศาสนาไดเผยแผเขาสูดินแดน
ราชวงศ์หนึ่ง มีชื่อว่า “ราชวงศ์ไศเลนทร์” ซึ่งในภายหลังต่อมา กษัตริย์แห่งราชวงศ์ไศเลนทร์ ที่เปนประเทศอินโดนีเซียไดอยางไร
ได้เข้ามามีอ�านาจปกครองอาณาจักรศรีวิชัย เมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๕ ช่วงระยะนี้เอง (แนวตอบ ในชวงพุทธศตวรรษที่ 3 พระเจา
ราชวงศ์ ไ ศเลนทร์ แ ห่ ง อาณาจั ก รศรี วิ ชั ย ได้ อโศกมหาราชทรงสงพระโสณเถระกับ
มี ก ารติ ด ต่ อ สั ม พั น ธ์ กั บ ราชวงศ์ ป าละแห่ ง พระอุตตรเถระเดินทางมาเผยแผ
แคว้นเบงกอล จึงท�าให้เกิดการแลกเปลี่ยน พระพุทธศาสนาในแถบนี้)
ทางวัฒนธรรมกันขึ้น ที่ส�าคัญก็คือ อาณาจักร • เพราะเหตุใด ปจจุบนั ชาวอินโดนีเซียสวนใหญ
ศรีวชิ ยั ได้สง่ พระภิกษุไปศึกษาพระพุทธศาสนา จึงหันมานับถือศาสนาอิสลาม
ทีม่ หาวิทยาลัยนาลันทาซึง่ พระมหากษัตริยแ์ ห่ง
(แนวตอบ เพราะในสมัยพุทธศตวรรษที่ 19
แคว้นเบงกอลให้การอุปถัมภ์เป็นอย่างดี อีกทั้ง
เมื่ออาณาจักรศรีวิชัยเสื่อมลง กษัตริยแหง
ยังส่งพระภิกษุ ช่างฝี2มือมาเผยแผ่พระพุทธ
ศาสนาและศิลปะปาละ โดยเฉพาะการสร้าง อาณาจักรมัชปาหิตทรงมีศรัทธาในศาสนา
พระพุทธรูปให้แก่ชาวศรีวิชัยด้วย พระพุทธ อิสลามมาก จึงประกาศหามเผยแผ
ศาสนาในอินโดนีเซียถึงจุดเสื่อมโทรมมากใน พระพุทธศาสนา และทรงยกยองใหศาสนา
สมัยพุทธศตวรรษที่ ๑๙ เมื่ออาณาจักรศรีวิชัย พระเจดีย์บุโรพุทโธ ซึ่งเป็นพุทธศาสนสถานที่ใหญ่โตและ อิสลามเปนศาสนาประจําชาติ ตั้งแตนั้น
เสือ่ มลง และอาณาจักรมัชปาหิตขึน้ มามีอา� นาจ สวยงาม สะท้อนให้เห็นว่า บริเวณนีน้ า่ จะเคยเป็นศูนย์กลาง เปนตนมา ศาสนาอิสลามจึงเผยแผไปตาม
แทนที่ ทีส่ าำ คัญของพระพุทธศาสนาอีกแห่ง่ หนึง่ หมูเกาะตางๆ ของอินโดนีเซียอยางรวดเร็ว
และชาวอินโดนีเซียสวนใหญก็เปลี่ยนมา
5 นับถือศาสนาอิสลาม)

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T นักเรียนควรรู
การลมสลายของอาณาจักรศรีิวิชัย สงผลกระทบตอพระพุทธศาสนา
1 พระธรรมโกศาจารย (ทานพุทธทาสภิกขุ) มีนามเดิมวา เงื่อม พานิช
ในประเทศอินโดนีเซียอยางไร
เกิดที่อําเภอไชยา จังหวัดสุราษฎรธานี เมื่ออายุครบ 20 ป ทานไดบวชเปนพระที่
แนวตอบ ในชวงที่อาณาจักรศรีวิชัยเรืองอํานาจนั้น พระพุทธศาสนานิกาย วัดโพธารามไชยา ไดฉายาวา “อินทปญโญ” แปลวา ผูมีปญญาอันยิ่งใหญ ทานได
มหายานเจริญรุงเรืองมากและมีผูคนในหมูเกาะอินโดนีเซียนับถือกัน สรางผลงานและไดเผยแผธรรมะใหเปนทีป่ ระจักษตอ ชาวโลกอันนับวาเปนประโยชน
อยางแพรหลาย แตเมื่ออาณาจักรศรีวิชัยเสื่อมอํานาจลง อาณาจักรมัชปาหิต อยางยิ่ง ตามปณิธานอันแรงกลาของทานที่จะสรางความเขาใจอันดีระหวางศาสนา
ไดกาวขึ้นมามีอํานาจแทนที่ กษัตริยพระองคหนึ่งของอาณาจักรนี้ซึ่งมี เพื่อใหเกิดสันติสุขระหวางมวลมนุษยและเพื่อสรางสันติภาพของโลก จนกระทั่ง
พระนามวา “ระเดนปาทา” ไดเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามและประกาศ องคการการศึกษา วิทยาศาสตร และวัฒนธรรมแหงสหประชาชาติหรือยูเนสโก
หามเผยแผพระพุทธศาสนา ศาสนาอิสลามจึงกลายเปนศาสนาหลักของ (UNESCO) ไดประกาศยกยองทานใหเปน “บุคคลสําคัญของโลก” ในดานการจรรโลง
ชาวอินโดนีเซียแทนพระพุทธศาสนานับตั้งแตนั้นเปนตนมา สันติภาพในโลก
2 ศิลปะปาละ คือ ศิลปะอินเดียในราชวงศปาละและราชวงศเสนะ ตั้งแตราว
พุทธศตวรรษที่ 14-18 พบมากทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือในแควนเบงกอลและ
แควนพิหาร ศิลปะปาละมักเกี่ยวเนื่องในพระพุทธศาสนานิกายมหายาน ลักษณะ
ที่สําคัญของพระพุทธรูปศิลปะปาละ คือ พระวรกายเพรียวบาง จีวรแนบเนื้อ
พระนาสิกงุม และพระเนตรอยูในลักษณะครึ่งหลับ
คูมือครู 5
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนดูภาพพระโพธิสัตวอวโลกิเตศวร
ในหนังสือเรียนหนา 6 แลวถามนักเรียนวา ปรากฏว่ากษัตริยอ์ งค์หนึง่ ของอาณาจักรมัชปาหิตทรงพระนามว่า “ระเด่นปาทา” ทรงมีศรัทธา
นักเรียนเคยเห็นรูปปนในลักษณะคลายกันนี้ ในศาสนาอิสลามมาก ได้ประกาศห้ามเผยแผ่พระพุทธศาสนาในอาณาจักรของพระองค์ และทรง
ที่ใดบาง หลังจากนั้นชวยกันวิเคราะหลักษณะ ยกย่องให้ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจ�าชาติ
การแสดงปางของรูปปนดังกลาว ซึ่งสะทอนให นับตั้งแต่นั้นมาศาสนาอิสลามก็แพร่หลายไปยังเกาะต่างๆ ของอินโดนีเซียอย่างรวดเร็ว และ
เห็นถึงลักษณะความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องใด กลายเป็นศาสนาทีช่ าวอินโดนีเซียส่วนใหญ่เคารพนับถือไปในทีส่ ดุ ส่วนชาวอินโดนีเซียทีย่ งั มีศรัทธา
(แนวตอบ รูปปนพระโพธิสัตว เปนความเชื่อของ เลือ่ มใสในพระพุทธศาสนานิกายมหายานและเถรวาทก็ยงั คงมีอยูบ่ า้ งประปรายในเกาะชวา สุมาตรา
พระพุทธศาสนานิกายมหายาน โดยเชื่อกันวา และเกาะบาหลี
พระโพธิสัตวเปนผูบําเพ็ญบารมีหรือทําความดี ๓) พระพุทธศาสนาเข้าสูป่ ระเทศมาเลเซีย ดินแดนของประเทศ
โดยตัง้ ปณิธานจะตรัสรูอ นุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ มาเลเซียแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน ส่วนหนึ่งอยู่บนแหลมมลายูและอีกส่วนหนึ่ง
เปนองคสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจาในอนาคต อยู่บนเกาะบอร์เนียว นักประวัตศิ าสตร์สนั นิษฐานว่าพระพุทธศาสนาได้เผยแผ่
จะไดสามารถชวยเหลือสรรพสัตวใหพนจาก เข้ ามาสู่ดิน แดนของประเทศมาเลเซี ย เมื่ อ ประมาณพุ ท ธศตวรรษที่ ๓
ความทุกขไดอยางเต็มที่ ซึ่งแบงเปน 2 ประเภท โดยระยะแรกเป็นอย่างนิกายเถรวาท แต่มีผ้นู ับถือไม่มาก จนกระทั่งถึง
ไดแก พระฌานิโพธิสัตว คือ พระโพธิสัตวที่ พุทธศตวรรษที่ ๑๒ บริเวณแหลมมลายูตกอยู่ภายใต้การปกครอง
บรรลุพุทธภูมิ แตยังไมเสด็จเขาแดนนิพพาน ของอาณาจักรศรีวิชัย พระพุทธศาสนานิกายมหายานจึงได้เผยแผ่
จนกวาจะชวยสรรพสัตวใหพน ทุกขไดทงั้ หมด ดังเชน เข้ามาสู่บริเวณนี้
พระโพธิสตั วอวโลกิเตศวร และพระมนุษโิ พธิสตั ว ใน พ.ศ. ๑๘๓๗ พ่อขุนรามค�าแหงมหาราชแห่งอาณาจักรสุโขทัย
คือ พระโพธิสัตวที่อยูในสภาพมนุษยหรือ ทรงแผ่ขยายพระราชอาณาเขตลงมาทางตอนใต้ ได้เมืองนครศรีธรรมราช
สิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่กําลังสั่งสมบารมีอันยิ่งใหญ รวมถึงหัวเมืองมลายูทั้งหมดเป็นเมืองประเทศราช จึงท�าให้พระพุทธศาสนา
เพื่อบรรลุโพธิญาณในขั้นสุดทาย ดังเชน นิกายเถรวาทจากอาณาจักรสุโขทัยเผยแผ่เข้ามาสูด่ นิ แดนแหลมมลายูนดี้ ว้ ย
อดีตชาติของพระพุทธเจา) แต่เนือ่ งจากประชาชนบนแหลมมลายูนบั ถือพระพุทธศาสนานิกายมหายาน
2. ครูใหนักเรียนชวยกันอภิปรายถึงสาเหตุของ ติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว พระพุทธศาสนานิกายเถรวาทจึง
ความเจริญรุงเรืองและความเสื่อมของ ไม่คอ่ ยมีอทิ ธิพลต่อผูค้ นในบริเวณนีม้ ากนัก ดังจะเห็นได้จากหลักฐานทีเ่ ป็น
พระพุทธศาสนาในประเทศมาเลเซีย โบราณวัตถุ ซึ่งค้นพบในประเทศมาเลเซียส่วนใหญ่จะเป็นรูปพระโพธิสัตว์
3. ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักฐาน หรือพระพิมพ์ดนิ เผา พระพิมพ์ดนิ ดิบ ทีล่ ว้ นถูกสร้างขึน้ ตามลัทธิธรรมเนียม
ทางประวัติศาสตรที่บงบอกถึงรองรอยความ ในนิกายมหายานทั้งสิ้น
เจริญรุงเรืองของพระพุทธศาสนาในประเทศ พระพุทธศาสนาซึ่งเจริญรุ่งเรืองอยู่บนแหลมมลายูได้รับ
มาเลเซีย จากนั้นใหนําขอมูลที่ไดมาอภิปราย 1 ความกระทบกระเทือนอย่างหนักในรัชสมัยของพระเจ้าปรเมศวร
รวมกันในชั้นเรียน รู ป พระโพธิ สั ต ว์ อ วโลกิ เ ตศวร
เป็ น หลั ก ฐานแสดงให้ เ ห็ น ถึ ง แห่งอาณาจักรมะละกา เมือ่ พระองค์ได้ละทิง้ พระพุทธศาสนาหันไปนับถือ
อิ ท ธิ พ ลของพระพุ ท ธศาสนา ศาสนาอิสลาม แต่ทว่าประชาชนส่วนใหญ่ก็ยังนับถือพระพุทธศาสนา
ในประเทศมาเลเซีย
นิกายมหายานอยู่เช่นเดิม
6

ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว  NT  O-NE T
เพราะเหตุใด ประชากรสวนใหญของมาเลเซียจึงนับถือศาสนาอิสลาม
ครูอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนเขาใจวา พระเจาปรเมศวรแหงอาณาจักรมะละกา
ทั้งที่ในอดีตพระพุทธศาสนานิกายมหายานเจริญรุงเรืองเปนอยางมาก
ทรงอภิเษกกับพระราชธิดาของสุลตานแหงปาไซ ทําใหพระองคเปลี่ยนไปนับถือ
ในดินแดนบริเวณนี้
ศาสนาอิสลาม
แนวตอบ ในชวงระยะเวลาที่อาณาจักรศรีวิชัยเรืองอํานาจ พระพุทธศาสนา
นิกายมหายานบนแหลมมลายูเจริญรุงเรืองมาก แมพระพุทธศาสนานิกาย
นักเรียนควรรู เถรวาทจากอาณาจักรสุโขทัยจะเผยแผเขามาก็ไมมีอิทธิพลมากนัก แตตอมา
พระเจาปรเมศวรแหงอาณาจักรมะละกาไดเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลาม
1 พระโพธิสัตวอวโลกิเตศวร มีอีกชื่อหนึ่ง คือ พระโพธิสัตวปทมปาณี ถือเปน และสุลตานมัลโมชาหซึ่งทรงเลื่อมใสศาสนาอิสลามมาก ไดใหราษฎรเปลี่ยน
พระโพธิสัตวตามความเชื่อในพระพุทธศาสนานิกายมหายาน ทรงมีหนาที่ในการ มานับถือศาสนาอิสลาม นับจากนั้นเปนตนมา การนับถือพระพุทธศาสนาก็
ชวยเหลือสรรพสัตวใหพนจากความทุกขยาก พระโพธิสัตวอวโลกิเตศวรมี คอยๆ ลดนอยลงในบริเวณคาบสมุทรมลายู
2 กร 4 กร หรืออาจมากกวานั้น ขึ้นอยูกับการแสดงปางตางๆ ของพระองค
ในจีนนิยมทํารูปพระโพธิสัตวอวโลกิเตศวรเปนรูปสตรีมากกวาบุรุษซึ่งเปนที่รูจักกัน
ในชื่อ “กวนอิม”

6 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูนําแผนที่ประเทศสิงคโปรมาใหนักเรียนดู
จนกระทัง่ ถึงสมัยสุลต่านมัลโมชาห์ พระองค์มพี ระราชศรัทธาและเลือ่ มใสศาสนาอิสลาม แลวสนทนาถึงภูมิประเทศและชวยกันชี้ทิศทาง
มาก ทรงสั่งให้ท1หารท�าลายศาสนสถาน พระพุทธรูป เทวรูป ทั้งของพระพุทธศาสนาและศาสนา การเผยแผพระพุทธศาสนาเขาสูประเทศ
พราหมณ์ ‑ ฮินดูเสียจนหมดสิ้น แล้วให้ราษฎรหันมานับถือศาสนาอิสลามตามอย่างพระองค์ สิงคโปร
การกระท�าในครัง้ นีส้ ง่ ผลให้อทิ ธิพลของพระพุทธศาสนานิกายมหายานสิน้ สุดลง และศาสนาอิสลาม 2. ครูตั้งคําถามเกี่ยวกับการเผยแผ
ได้กลายเป็นศาสนาประจ�าชาติของประเทศมาเลเซียสืบต่อมา พระพุทธศาสนาในประเทศสิงคโปรใหนักเรียน
ในช่วงมาเลเซียตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษนัน้ ได้มชี าวจีนน�าพระพุทธศาสนานิกาย ชวยกันตอบ ดังนี้
มหายานจากประเทศจีนเข้ามาเผยแผ่ในประเทศมาเลเซียด้วย แต่ไม่ประสบความส�าเร็จมากนัก • การเผยแผพระพุทธศาสนาเขาสูประเทศ
จนกระทั่งมาเลเซียได้รับเอกราชจากอังกฤษเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๐ แล้ว และมีคณะสมณทูตจาก สิงคโปรมีลักษณะคลายคลึงกับประเทศ
ประเทศไทย ศรีลงั กา พม่า เดินทางเข้าไปเผยแผ่พระพุทธศาสนานิกายเถรวาทในประเทศมาเลเซีย มาเลเซียอยางไร
หลายคณะ จึงช่วยให้พระพุทธศาสนาในประเทศมาเลเซียได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาบ้าง (แนวตอบ พระพุทธศาสนาที่เผยแผเขาสู
ประเทศมาเลเซียและสิงคโปรตั้งแตใน
๔) พระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศสิงคโปร์ สิงคโปร์เป็นเกาะเล็กๆ อยู่ทางทิศใต้
อดีตนั้น เปนนิกายมหายาน ซึ่งไดรับ
ของประเทศมาเลเซีย ซึ่งในอดีตก็เคยอยู่รวมเป็นสหพันธ์เดียวกับมาเลเซียมาก่อนและได้แยกตัว
การเคารพนับถือจากผูคนในบริเวณนี้เปน
ออกเป็นประเทศอิสระเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๘ ดังนั้น การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเข้ามายังสิงคโปร์จึงมี
อยางมาก และในปจจุบันพลเมืองสิงคโปร
ลักษณะเช่นเดียวกับมาเลเซีย กล่าวคือ นิกายที่ได้รับการเคารพนับถือมาก ได้แก่ นิกายมหายาน
สวนใหญเปนชาวจีน ทําใหพระพุทธศาสนา
และด้วยเหตุที่พลเมืองส่วนใหญ่ของสิงคโปร์เป็นชาวจีน พระพุทธศาสนานิกายมหายานจึงมี
นิกายมหายานเจริญรุงเรืองอยางมั่นคง)
ความเจริญรุ่งเรืองและได้รับการประดิษฐานอยู่อย่างมั่นคง
3. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายถึงบทบาทของ
พุทธสมาคมและองคกรยุวพุทธแหงสิงคโปร
รวมถึงประโยชนที่ชาวสิงคโปรจะไดรับจาก
การดําเนินการขององคกรเหลานี้

พระประธานวัดไทยในสิงคโปร์ ซึ่งสร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธาของพุทธศาสนิกชนชาวไทยและชาวสิงคโปร์

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T นักเรียนควรรู
อัมพรเปนนักทองเที่ยวชาวไทย เดินทางไปเที่ยวประเทศหนึ่งในเอเชีย
1 ศาสนาพราหมณ-ฮินดู เดิมเรียกวา “สนาตนธรรม” แปลวา ธรรมหรือศาสนา
ตะวันออกเฉียงใต ประเทศนี้มีประชากรหลากหลายเชื้อชาติ ภาษา ศาสนา
อันเปนของเกาหรือนิรันดร เปนศาสนาดั้งเดิมของชนเผาอารยัน ซึ่งตอมาอพยพ
และวัฒนธรรม แตประชากรสวนใหญของประเทศเปนชาวจีน นับถือ
เขาไปสูอินเดีย โดยมีพวกทราวิฑหรือมิลักขะชาวพื้นเมืองตอตาน แตในที่สุดฝาย
พระพุทธศาสนานิกายมหายาน อัมพรไปเที่ยวประเทศใด
อารยันเปนผูชนะ จึงมีการผสมผสานความเชื่อดั้งเดิมเขากับความเชื่อของพวกตน
1. มาเลเซีย 2. เวียดนาม
และตั้งเปนศาสนาประจําชาติ เรียกวา “ศาสนาพราหมณ” แปลวา ธรรมที่สอน
3. สิงคโปร 4. อินโดนีเซีย
ลัทธิอหิงสา ตอมาศาสนาพราหมณไดเจริญรุงเรืองมาตามลําดับ จนกระทั่ง
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. ประชากรสวนใหญของประเทศสิงคโปรเปน วิวัฒนาการมาเปนศาสนาฮินดู จึงเรียกรวมกันวา “ศาสนาพราหมณ-ฮินดู”
ชาวจีน จึงนับถือพระพุทธศาสนานิกายมหายาน มีวัดของนิกายมหายาน เทพเจาสูงสุดในศาสนาพราหมณ-ฮินดู คือ พระพรหม เปนเทพเจาผสู รางโลก
มากมายหลายแหง รวมถึงมีวัดของนิกายเถรวาทดวย โดยสวนใหญเปนวัด มีพระนางสุรสั วดีเปนพระชายา พระนารายณหรือพระวิษณุ เปนเทพเจาผูรักษา
ศรีลังกา เมียนมา และไทย พุทธสมาคมในประเทศสิงคโปรก็มีบทบาทดาน และคุมครองโลก มีพระนางลักษมีเปนพระชายา และพระศิวะหรือพระอิศวร
สังคมสังเคราะหอยางมาก อีกทั้งยังมีการเผยแผพระพุทธศาสนาดวยวิธี เปนเทพเจาผูทําลายโลก มีพระนางอุมาเทวีเปนพระชายา เทพทั้ง 3 องค รวมเรียก
ที่หลากหลาย ทําใหพระพุทธศาสนานิกายมหายานเจริญรุงเรือง วา “ตรีมูรติ”

คูมือครู 7
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนวิเคราะหวา เพราะเหตุใดการ
นับถือพระพุทธศาสนานิกายมหายานจึงมีความ สิงคโปร์มีสมาคมของชาวพุทธอยู่ประมาณ ๒,๐๐๐ สมาคม และมีวัดทางพระพุทธ
เจริญรุงเรืองในประเทศสิงคโปรอยางมาก ศาสนาอยูป่ ระมาณ ๑๕๐ วัด ซึง่ เกือบทัง้ หมดเป็นวัดฝ่ายนิกายมหายาน ส่วนวัดฝ่ายนิกายเถรวาท
(แนวตอบ เพราะพลเมืองสวนใหญของสิงคโปร ที่ส�าคัญๆ เช่น วัดศรีลังการามายณะ ของศรีลังกา และวัดอานันทเมตยาราม ของไทย เป็นต้น
เปนชาวจีน เริ่มแรกของการนับถือศาสนาจึงมี การเผยแผ่พระพุทธศาสนานิกายมหายานในสิงคโปร์กระท�ากันอย่างจริงจังมาก
ลักษณะผสมผสานระหวางความเชื่อของลัทธิเตา เป็นต้นว่า มีการแปลต�าราและคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาเป็นภาษาต่างๆ จัดตั้งโรงเรียนอบรม
กับพระพุทธศาสนานิกายมหายาน ปจจุบันชาว ศาสนาจารย์ จัดตั้งโรงเรียนสอนพระพุทธศาสนาชื่อว่า “มหาโพธิ์” ซึ่งในโรงเรียนนี้จะท�าการสอน
สิงคโปรมีการเลือกนับถือพระพุทธศาสนานิกาย พระพุทธศาสนาในทุกระดับชั้น
มหายานชัดเจนขึ้น ดังจะเห็นไดจากการสราง นอกจากนั้น พุทธสมาคมของชาวจีนยังได้ด�าเนินกิจการสังคมสงเคราะห์ต่างๆ เช่น
วัดทางพระพุทธศาสนานิกายมหายานกวา 150 บริจาคอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรคให้แก่ผู้ยากไร้ มอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนที่ยากจน
วัด ตลอดจนมีการดําเนินการของพุทธสมาคม ช่วยเหลือการฌาปนกิจสงเคราะห์ ตั้งศูนย์สงเคราะห์เด็กก�าพร้าและคนชรา เป็นต้น ส่วนองค์กร
ตางๆ) ยุวพุทธแห่งสิงคโปร์ก็ได้มีการอบรมและจัดบรรยายธรรมทั้งภาคภาษาอังกฤษ และภาคภาษา
2. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายถึงแนวทางการ จีนกลาง สอนการสวดมนต์ ฝึกการนั่งสมาธิ การสนทนาธรรมและกิจกรรมอื่นๆ กล่าวโดยสรุป
เผยแผพระพุทธศาสนานิกายมหายานใน ชาวสิงคโปร์ไม่เพียงแต่นับถือพระพุทธศาสนานิกายมหายานอย่างแน่นแฟ้นเท่านั้น แต่ยังได้น�า
ประเทศสิงคโปร หลักธรรมข้อทีว่ า่ ด้วยความเมตตากรุณา การให้ทาน มาปฏิบตั ติ อ่ เพือ่ นมนุษย์ทตี่ กทุกข์ได้ยากด้วย
(แนวตอบ ในปจจุบันการเผยแผพระพุทธศาสนา ๕) พระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศลาว พระพุทธศาสนาได้มีการเผยแผ่เข้ามาสู่
นิกายมหายานในประเทศสิงคโปรกระทําโดย ประเทศลาวในรัชกาลของพระเจ้าฟ้างุ้ม (พ.ศ. ๑๘๙๖ ‑ ๑๙๑๔) แห่งอาณาจักรล้านช้าง ซึ่งทรงมี
แปลตําราและคัมภีรทางพระพุทธศาสนาเปน พระบรมเดชานุภาพมาก ชาวลาวยกย่องพระองค์ว่าทรงเป็นมหาราชองค์แรกของชาติลาว
ภาษาตางๆ จัดตั้งโรงเรียนอบรมศาสนาจารย มูลเหตุที่พระพุทธศาสนาแผ่ขยายเข้ามาสู่ประเทศลาวในรัชสมัยของพระเจ้าฟ้างุ้ม
จัดตัง้ โรงเรียนสอนพระพุทธศาสนาชือ่ “มหาโพธิ”์ เนื่องจากมเหสีของพระองค์ คือ พระนางแก้วยอดฟ้า เป็นพระราชธิดาของพระเจ้าศรีจุลราชแห่ง
รวมทั้งองคกรชาวพุทธยังดําเนินการดานกิจการ เมืองอินทปัตย์ในอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งพระนางเคยเคารพนับถือพระพุทธศาสนานิ1กายเถรวาท
สังคมสงเคราะหตางๆ ทั้งบริจาคอาหาร เสื้อผา มาตัง้ แต่ครัง้ ทีอ่ ยูเ่ มืองอินทปัตย์แล้ว เมือ่ พระนางเสด็จมาประทับทีอ่ าณาจักรล้านช้างและพบเห็น
ยารักษาโรคแกผูยากไร มอบทุนการศึกษา ชาวเมืองยังคงนับถือบูชาลัทธิผีสางเทวดาอยู่ก็ไม่สบายพระทัย จึงกราบทูลให้พระเจ้าฟ้างุ้ม
แกนักเรียนที่ยากจน สวนองคกรยุวพุทธแหง แต่งคณะทูตไปทูลอาราธนาพระสงฆ์ เพือ่ มาช่วยประดิษฐานพระพุทธศาสนาจากพระเจ้าศรีจลุ ราช
สิงคโปรก็จัดบรรยายธรรมทั้งภาคภาษาอังกฤษ ซึ่งพระเจ้าฟ้างุ้มก็ทรงกระท�าตามค�าแนะน�าของพระนางแก้วยอดฟ้า เมื่อพระเจ้าศรีจุลราชทรง
และจีนกลาง สอนการสวดมนต ฝกการนั่งสมาธิ ทราบพระราชประสงค์ของพระเจ้าฟ้างุ้มผู้เป็นพระราชบุตรเขยก็ตอบสนองด้วยดี โดยโปรด
และสนทนาธรรม) ให้อาราธนาพระมหาปาสมันตเถระกับพระมหาเทพลังกาน�าพระสงฆ์อกี ๒๐ รูป เดินทางไปเผยแผ่ 2
พระพุทธศาสนาที่อาณาจักรล้านช้าง นอกจากนี้ยังพระราชทานพระพุทธรูปปัญจโลหะองค์หนึ่ง
พระนามว่า “พระบาง” พร้อมทัง้ พระไตรปิฎก และหน่อพระศรีมหาโพธิม์ าถวายแก่พระเจ้าฟ้างุม้ ด้วย
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พระพุทธศาสนานิกายเถรวาทก็เจริญรุ่งเรืองอยู่ในประเทศลาว และได้
กลายเป็นศาสนาประจ�าชาติไปในที่สุด
8

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว  NT  O-NE T
พระพุทธศาสนาเผยแผเขาสูประเทศลาวจากมูลเหตุใด
1 อาณาจักรลานชาง เปนอาณาจักรของชนชาติลาว ตั้งอยูในแถบลุมแมนํ้าโขง
มีอาณาเขตอยูใ นบริเวณประเทศลาวทัง้ หมด และบางสวนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แนวตอบ พระพุทธศาสนาเผยแผเขาสูลาวในสมัยพระเจาฟางุม เนื่องจาก
ของไทย ผูรวบรวมอาณาจักรใหมั่นคงเปนปกแผนใน พ.ศ. 1896 คือ พระเจาฟางุม พระองคทรงอภิเษกกับพระนางแกวยอดฟา พระราชธิดาของพระเจา
ซึ่งเจริญรุงเรืองและเสื่อมถอยสลับกันหลายสมัย ในรัชกาลพระเจาไชยเชษฐาธิราช ศรีจลุ ราชแหงเมืองอินทปตยในอาณาจักรกัมพูชา เมือ่ พระนางเสด็จมาประทับ
ถือวาเปนยุคแหงความรุงเรืองของลาวอีกยุคหนึ่ง จนกระทั่งสิ้นรัชสมัยของพระเจา ที่ลาวซึ่งชาวเมืองยังนับถือผีสางเทวดาอยู ก็ทรงไมสบายพระทัย จึงกราบทูล
สุริยวงศาธรรมิกราช ลาวก็แตกแยกออกเปน 3 อาณาจักร คือ เวียงจันทน ใหพระเจาฟางุมแตงคณะทูตไปทูลอาราธนาพระสงฆจากกัมพูชามาเผยแผ
หลวงพระบาง และจําปาศักดิ์ ตอมาไดสูญเสียเอกราชแกอาณาจักรธนบุรี พระพุทธศาสนาที่ลาว ซึ่งพระเจาศรีจุลราชก็ทรงตอบสนองพระราชประสงค
ทั้ง 3 อาณาจักร และก็เปนประเทศราชของสยามมาจนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 ของพระเจาฟางุม โดยโปรดฯ ใหอาราธนาพระมหาปาสมันตเถระกับ
แหงกรุงรัตนโกสินทร กอนที่ไทยจะยกสิทธิการดูแลลาวใหแกฝรั่งเศส พระมหาเทพลังกานําพระสงฆอีก 20 รูป เดินทางไปเผยแผพระพุทธศาสนา
2 พระพุทธรูปปญจโลหะ เปนพระพุทธรูปที่หลอขึ้นจากโลหะทั้ง 5 ชนิด ไดแก ที่ลาว ตั้งแตนั้นเปนตนมา พระพุทธศาสนาก็เจริญรุงเรืองอยูในลาวมาจนถึง
ดีบุก ปรอท ทองแดง เงิน และทองคํา ปจจุบัน

8 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนดูภาพพระธาตุหลวงในหนังสือ
เมื่อพระเจ้าสามแสนไทยไตรภูวนาถพระราชโอรสของพระเจ้าฟ้างุ้มขึ้นครองราชย์ เรียนหนา 9 แลวสนทนาถึงความคลายคลึง
(พ.ศ. ๑๙๑๖ - ๑๙๘๕) ก็ทรงเอาพระทัยใส่ทา� นุบา� รุงพระพุทธศาสนาอย่างดียงิ่ ทัง้ นีเ้ พราะพระองค์ ของลักษณะสถาปตยกรรมของประเทศลาว
มีพระทัยใฝ่สันติ ชอบการบ�าเพ็ญบุญสร้างกุศล ได้โปรดให้สร้างวัดมโนรมย์ วัดอุโบสถ หอสมุด กับประเทศไทย โดยเชื่อมโยงกับอิทธิพลของ
ส�าหรับเป็นที่ศึกษาค้นคว้าพระไตรปิฎกและโรงเรียนปริยัติธรรมหลายแห่ง พระพุทธศาสนา
พระพุทธศาสนาได้รับการวางรากฐานให้มีความมั่นคงมากขึ้น ในรัชสมัยของพระเจ้า 2. ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 3-5 คน
โพธิสาร (พ.ศ. ๒๐๖๓ - ๒๐๙๐) พระองค์มีพระบรมราชโองการห้ามการประกอบพิธีทรงเจ้าเข้าผี สงตัวแทนออกมาจับสลากเลือกหัวขอ
ทั่วพระราชอาณาจักร และให้ชาวลาวเลิกนับถือบูชาลัทธิผีสางเทวดา โดยให้หันมานับถือ ดังตอไปนี้
พระพุทธศาสนาแทน • พระพุทธศาสนาในรัชกาลของพระเจาฟางุม
1
ในรัชกาลของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช าช (พ.ศ. ๒๐๙๑ - ๒๑๑๔) ซึ่งได้รับการยกย่องว่า • พระพุทธศาสนาในรัชกาลของพระเจา
เป็นมหาราชองค์ที่ ๒ ของลาว พระพุทธศาสนามีความเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด ทั้งนี้เป็นเพราะ สามแสนไทยไตรภูวนาถ
พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชทรงเอาพระทัยใส่ในการท� • พระพุทธศาสนาในรัชกาลของพระเจา
2 านุบ�ารุงพระพุทธศาสนาอย่างดียิ่ง เช่น โปรด ไชยเชษฐาธิราช
พระธาตุศรีโคตรบูร พระธาตุหลวง พระธาตุอิงรัง ทรงสร้างพระพุทธรูป
ให้สร้างพระธาตุบังพวน พระธาตุ
พระองค์ตื้อ พระเสริม พระสุก พระใส พระอินทร์แปลง พระองค์แสน นอกจากนี้
ที่ส�าคัญ คือ พระองค์ หลังจากนั้นศึกษาเพิ่มเติมในหัวขอดังกลาว
ยังโปรดให้สร้างวัดต่างๆ ขึ้นเป็นจ�านวนมาก เช่น วัดป่ารือศรีสิงขร วัดป่ากันทอง วัดศรีเมือง จากหนังสือเรียนหนา 8-10 และแหลงการเรียนรูอ นื่
วัดพระแก้ว เป็นต้น กล่าวได้วา่ พุทธสถานทีส่ า� คัญของประเทศลาวส่วนใหญ่ลว้ นได้รบั การสร้างขึน้ เชน อินเทอรเน็ต หองสมุด เปนตน
ในรัชสมัยของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชแทบทัง้ สิน้ แลวออกมานําเสนอผลการศึกษาหนาชั้นเรียน
หลั ง จากสิ้ น รั ช สมั ย ของพระเจ้ า
ไชยเชษฐาธิราช พระพุทธศาสนาในประเทศลาว
ก็ไม่คอ่ ยเจริญรุง่ เรืองมากนัก แต่ดว้ ยเหตุทลี่ าว
มีอาณาเขตติดต่อกับไทยและประเทศทัง้ สองก็มี
ความสัมพันธ์กนั อย่างแน่นแฟ้น ดังนัน้ อิทธิพล
ของพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทจากไทยจึงได้
เผยแผ่เข้าไปมีอิทธิพลอยู่ในประเทศลาวด้วย
ซึ่งช่วยค�้าชูให้พระพุทธศาสนาในประเทศลาว
สามารถด�ารงอยู่ได้
เมื่อลาวต้องตกเป็นอาณานิคมของ
ฝรั่งเศสใน พ.ศ. ๒๔๓๖ พระพุทธศาสนาในลาว
ก็เสือ่ มโทรมลงเพราะขาดการท�านุบา� รุงเอาใจใส่
แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีความส�าคัญในฐานะที่เป็น พระธาตุ หลวงในประเทศลาว สร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้า
ไชยเชษฐาธิราช อันแสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของ
ศาสนาประจ�าชาติลาวสืบต่อมา พระพุทธศาสนา

บูรณาการเชื่อมสาระ
ครูสามารถนําเนื้อหาในชวงรัชกาลพระเจาไชยเชษฐาธิราช ไปบูรณาการ นักเรียนควรรู
กับกลมุ สาระการเรียนรูส งั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาประวัตศิ าสตร
1 พระเจาไชยเชษฐาธิราช ผูสถาปนากรุงศรีสัตนาคนหุต (เวียงจันทน) ใหเปน
เรือ่ งความสัมพันธดา นตางประเทศระหวางอยุธยากับลานชาง โดยครูอธิบายวา
ศูนยกลางทางดานวัฒนธรรมของชาวลาว ปจจุบันรัฐบาลลาวไดสรางพระบรม-
ในสมัยของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ พระเจาไชยเชษฐาธิราช กษัตริยของ
ราชานุสาวรียของพระองคประดิษฐานอยูบริเวณดานหนาขององคพระธาตุหลวง
ลานชาง ไดแตงตัง้ ทูตอัญเชิญพระราชสาสน พรอมเครือ่ งบรรณาการมาถวาย
เวียงจันทน
กราบทูลขอพระเทพกระษัตรี พระราชธิดาของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิไป
2 พระธาตุศรีโคตรบูร ชื่อขององคพระธาตุ ตั้งชื่อตามอาณาจักรศรีโคตรบูรณ
เปนพระอัครมเหสี ซึง่ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิกท็ รงตอบรับไมตรี เพราะเล็ง
ที่มีอายุอยูในชวงพุทธศตวรรษที่ 12-16 โดยมีศูนยกลางอยูที่จังหวัดนครพนม
เห็นประโยชนทจี่ ะไดลา นชางเอาไวเปนพันธมิตรในการทําศึกสงครามกับพมา
มีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ตลอดจน
แตขาวการรวมมือเพื่อสรางสายสัมพันธฉันเครือญาติระหวางกรุงศรีอยุธยา
ดินแดนฝงซายของแมนํ้าโขง
กับกรุงศรีสัตนาคนหุตลวงรูไปถึงพระเจาบุเรงนองแหงพมาเสียกอน จึงไดสง
กําลังทหารมาชิงตัวพระเทพกระษัตรีในระหวางเดินทางไปยังลานชาง แลว
นําตัวไปไวที่กรุงหงสาวดี ถึงแมการอภิเษกสมรสในครั้งนี้จะมิไดบังเกิดขึ้น
แตอยุธยาก็ยังคงรักษาสัมพันธไมตรีอันดีกับลานชางไว หลักฐานที่แสดงถึง
มิตรไมตรีีระหวางอยุธยากับลานชาง คือ พระธาตุศรีสองรัก ตั้งอยูที่อําเภอ
ดานซาย จังหวัดเลย
คูมือครู 9
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายสถานการณของ
พระพุทธศาสนาในประเทศลาวในชวงเกิด ถึงแม้ในช่วงสงครามอินโดจีน พระพุทธศาสนาในลาวจะได้รับความกระทบกระเทือน
สงครามอินโดจีน มาก เพราะขาดการท�านุบา� รุงดูแลเอาใจใส่ แต่ทว่าชาวลาวส่วนใหญ่กย็ งั มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา
(แนวตอบ ในชวงเกิดสงครามอินโดจีน พระพุทธ- อย่างแนบแน่นและพยายามช่วยกันประคับประคองพระพุทธศาสนาให้ตั้งมั่นอยู่ได้ เห็นได้จาก
ศาสนาในประเทศลาวเสื่อมโทรมลงอยางมาก รัฐธรรมนูญแห่งพระราชอาณาจักรลาว ยังระบุไว้ด้วยว่า “พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจ�าชาติ
เนื่องจากขาดการดูแลเอาใจใส แตชาวลาวยังคง และพระมหากษัตริย์เป็นเอกอัครศาสนูปถัมภก”
มีความศรัทธาตอพระพุทธศาสนาอยางแนนแฟน ใน พ.ศ. ๒๕๑๘ ประเทศลาวถูกปกครองโดยระบอบคอมมิวนิสต์ ท�าให้พระพุทธศาสนา
และพยายามชวยกันประคับประคองพระพุทธ- ในประเทศลาวต้องประสบกับความเสื่อมโทรมลงไปเป็นอันมาก โดยรัฐบาลคอมมิวนิสต์ของลาว
ศาสนาใหตั้งมั่นอยูได เห็นไดจากรัฐธรรมนูญ ได้พยายามลดบทบาทความส�าคัญของพระพุทธศาสนาในทุกวิถีทาง อาทิ ห้ามชาวบ้านท�าบุญ
ของประเทศลาวที่ระบุใหพระพุทธศาสนาเปน ตักบาตร ไม่ให้มีการบวชพระภิกษุและสามเณรเพิ่ม ไม่ให้ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรม ยกเลิก
ศาสนาประจําชาติและพระมหากษัตริยเปน สมณศักดิ์ทุกระดับชั้น บังคับให้พระสงฆ์ท�าหน้าที่ในการโฆษณาชวนเชื่อ เผยแพร่อุดมการณ์
เอกอัครศาสนูปถัมภก) ของพรรคคอมมิวนิสต์ รวมทั้งก�าจัดพระสงฆ์ที่ไม่ให้ความร่วมมือ ซึ่งแม้จะถูกขัดขวางการปฏิบัติ
2. ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการ ศาสนกิจ แต่ดว้ ยความทีพ่ ระพุทธศาสนาได้มอี ทิ ธิพลฝังรากลึกอยูใ่ นสังคมลาวมานานหลายร้อยปี
ปกครองระบอบคอมมิวนิสตของประเทศลาว ก็ทา� ให้ชาวลาวยังไม่เลิกนับถือพระพุทธศาสนา กระทัง่ เหตุการณ์เริม่ ผ่อนคลายลงใน พ.ศ. ๒๕๓๐
แลววิเคราะหถึงความสัมพันธของระบอบการ จึงเริ่มมีการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาอีกครั้งหนึ่ง
ปกครองกับความเจริญรุงเรืองของพระพุทธ- ๖) พระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศกัมพูชา พระพุทธศาสนาได้
ศาสนา 1 เผยแผ่เข้ามาสู่
ประเทศกัมพูชา เมือ่ ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๘ อันเป็นช่วงทีอ่ าณาจักรฟูนนั ก�กาลังเจริญรุง่ เรืองอยู่
3. ครูใหนักเรียนวิเคราะหถึงความคลายคลึงของ ทางทิศใต้ของดินแดนที่เป็นประเทศกัมพูชาในปัจจุบัน
ลักษณะการเผยแผพระพุทธศาสนาในประเทศ
ลาวกับประเทศอื่นๆ ที่นักเรียนไดเคยศึกษามา
ไดแก ประเทศเมียนมา ประเทศอินโดนีเซีย
ประเทศมาเลเซีย และประเทศสิงคโปร

พระพักตร์พระโพธิสตั ว์อวโลกิเตศวร บนยอดพระปรางค์ในปราสาทบายน ซึง่ เป็นศาสนสถานทางพระพุทธศาสนาขนาดใหญ่


นิกายมหายานในกัมพูชา

10

กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
ครูควรอธิบายประวัติศาสตรลาวในชวงไดรับเอกราชจากฝรั่งเศสมาจนถึงการ ครูใหนักเรียนรวบรวมรูปภาพและคนหาประวัติการสรางศาสนสถานทาง
ปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองเปนระบอบคอมมิวนิสตใน พ.ศ. 2518 เพื่อให พระพุทธศาสนาที่สําคัญของประเทศลาว 1 แหง แลวบันทึกสาระสําคัญ
นักเรียนเขาใจภาพรวมของประวัติศาสตรลาวในชวงเวลาดังกลาวไดดียิ่งขึ้น ลงในสมุด สงครูผูสอน

นักเรียนควรรู
กิจกรรมทาทาย
1 อาณาจักรฟูนัน หรือฝูหนัน เปนอาณาจักรโบราณที่ปรากฏอยูในเอกสารจีน
ถือเปนอาณาจักรที่เกาแกที่สุดแหงหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต มีหลักฐานใน
เอกสารจีนกลาวถึงตั้งแตในชวงพุทธศตวรรษที่ 6 จนถูกรวมเขากับอาณาจักร ครูใหนักเรียนไปคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเพณีทางพระพุทธศาสนา
เจิ้นลา (เจนละ) ในชวงตนพุทธศตวรรษที่ 13 นักวิชาการสันนิษฐานวา ฟูนันมี ของลาวที่มีความคลายคลึงกับของไทย เชน การตักบาตร การอุปสมบท
ศูนยกลางอยูแถบที่ราบลุมปากแมนํ้าโขง อาจเปนเมืองออกแอวหรือออกแกว การประกอบพิธีในวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา เปนตน จากนั้นใหเขียน
ทางตอนใตของประเทศเวียดนามในปจจุบัน สรุปสาระสําคัญในดานประวัติความเปนมา ความเชื่อ และการปฏิบัติตน
ของชาวลาวในประเพณีนั้นๆ ความยาว 1 หนากระดาษ A4 สงครูผูสอน
10 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูและนักเรียนอภิปรายถึงความเชื่อในสมัย
อาณาจักรฟูนันเป็นอาณาจักรใหญ่ซึ่งมีสัมพันธไมตรีอันดีกับประเทศจีนและอินเดีย แรกที่ปรากฏในอาณาจักรฟูนัน และการ
ดังนั้น จึงพลอยได้รับอิทธิพลการนับถือพระพุทธศาสนานิกายมหายานจากประเทศทั้งสองด้วย เผยแผพระพุทธศาสนาเขาสูประเทศกัมพูชา
อย่างไรก็ตาม ศาสนาที่เผยแผ่เข้ามายังอาณาจักรฟูนันในสมัยแรกๆ คือ ศาสนาพราหมณ์ ‑ ฮินดู หลังจากนั้นใหนักเรียนวิเคราะหวา
ส่วนพระพุทธศาสนาเผยแผ่เข้ามาทีหลัง ด้วยเหตุนี้จึงท�าให้อาณาจักรฟูนันมีการนับถือศาสนา การสรางปราสาทบายนสะทอนถึงความเชื่อ
พราหมณ์ ‑ ฮินดู และพระพุทธศาสนาปนกันอยู่ แต่ก่อนที่อาณาจักรฟูนันจะเสื่อมอ�านาจลง ทางพระพุทธศาสนาอยางไร
พระพุทธศาสนานิกายมหายานก็ได้รับการเอาใจใส่ท�านุบ�ารุงให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาก (แนวตอบ ปราสาทบายนตั้งอยูใจกลางนครธม
อาณาจักรที่เรืองอ�านาจและเข้ สรางในสมัยพระเจาชัยวรมันที่ 7 หลังจากที่
1 ามามีอิทธิพลสืบแทนอาณาจักรฟูนันก็คือ อาณาจักร
เจนละ หลังจากสิ้นสมัยอาณาจักรเจนละแล้ว กัมพูชาก็เข้าสู่สมัยมหานครอันเป็นยุคที่อาณาจักร ทรงไดชัยชนะจากการรบกับกองทัพของ
กัมพูชาหรือเขมรเรืองอ�านาจสูงสุด เมือ่ บ้านเมืองมีความมัน่ คงเป็นปึกแผ่น กิจการทางด้านศาสนา อาณาจักรจามปา สวนบนของปรางคทกุ องคของ
ก็เจริญรุ่งเรืองไปด้วย โดยเฉพาะในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ (พ.ศ. ๑๗๒๔ ‑ ๑๗๖๒) ปราสาทบายนจะแกะสลักเปนรูปพระพักตร
ซึง่ เป็นพระมหากษัตริยผ์ ยู้ งิ่ ใหญ่ในเวลานัน้ พระพุทธศาสนาทัง้ นิกายมหายานและนิกายเถรวาทได้รบั พระโพธิสัตวอวโลกิเตศวร ซึ่งสะทอนใหเห็น
การท�านุบ�ารุงเอาใจใส่อย่างดียิ่ง เช่น โปรดให้สร้างวัดทั่วพระราชอาณาจักร ทรงสร้างนครธมขึ้น ถึงความเชื่อในพระพุทธศาสนานิกายมหายาน
บริเวณใจกลางนครธม โปรดให้สร้างวิหารทางพระพุทธศาสนาขนาดใหญ่ขึ้น เรียกว่า “ปราสาท เนื่องจากนิกายมหายานจะใหความสําคัญกับ
บายน” ซึ่งประกอบด้วยหมู่ปรางค์ใหญ่น้อยประมาณ 2 ๕๐ องค์ ส่วนบนของปรางค์ทุกองค์จะ อุดมการณและแนวคิดพระโพธิสตั ว ซึง่ สามารถ
แกะสลักเป็นรูปพระพักตร์พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ทรงสร้างพระพุทธรูป “ชัยพุทธมหานาถ” ขนสรรพสัตวใหขามพนหวงแหงความทุกข
เป็นจ�านวนทั้งสิ้น ๒๓ องค์ แล้วโปรดให้น�าไปประดิษฐานยังวิหารต่างๆ ทั่วพระราชอาณาจักร ไดจํานวนมาก)
ทรงนิมนต์พระสงฆ์เข้าไปบิณฑบาตในพระราชวังทุกๆ วัน วันละ ๔๐๐ รูป นอกจากนีย้ งั มีเหตุการณ์ 2. ครูถามนักเรียนวา
ส�าคัญทีเ่ กีย่ วข้องกับพระพุทธศาสนาอีกประการหนึง่ ก็คอื พระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ทรงส่งพระราชโอรส • เพราะเหตุใด พระพุทธศาสนาในประเทศ
องค์หนึ่ง (นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่า ทรงพระนามว่า “ตามลินทะ”) ให้เดินทางไปศึกษา กัมพูชาจึงเสื่อมโทรมลง
พระพุทธศาสนาที่ลังกา ตอนเดินทางกลับพระภิกษุตามลินทะก็ได้น�าเอาพระพุทธศาสนานิกาย (แนวตอบ สาเหตุมาจากประเทศกัมพูชามี
ลังกาวงศ์เข้ามาเผยแผ่ในอาณาจักรกัมพูชาด้วย การทําสงครามภายในและภายนอกประเทศ
ในช่วงสมัยหลังเมืองพระนคร อาณาจักรกัมพูชาได้มีการย้ายเมืองหลวงมาอยู่ที่ ตลอดเวลา อีกทั้งเกิดความขัดแยงทางการ
กรุงพนมเปญ และต้องท�าสงครามขับเคี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้านตลอดเวลา นอกจากนี้ บางครั้ง เมืองภายในประเทศที่เปนอุปสรรคในการ
ราชวงศ์ของกัมพูชาก็เกิดการสู้รบแย่งชิงราชสมบัติกันเอง ดังนั้น จึงส่งผลให้พระพุทธศาสนา ทํานุบํารุงพระพุทธศาสนา)
พลอยเสื่อมโทรมลงไปด้วย
พระพุทธศาสนาในประเทศกัมพูชาได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งในรัชสมัยของ
พระเจ้าหริรกั ษ์รามาธิบดี (นักองด้วง) ซึง่ ขึน้ ครองราชย์เมือ่ พ.ศ. ๒๓๘๔ โดยในรัชกาลของพระองค์
พระภิกษุชาวกัมพูชา ซึง่ ได้รบั การศึกษาทางด้านพระพุทธศาสนาจากกรุงเทพฯ ได้รว่ มมือกันฟืน้ ฟู
พระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองขึ้น ที่ส�าคัญ ได้แก่ การจัดตั้งโรงเรียนสอนพระปริยัติธรรมชั้นสูง
ในกรุงพนมเปญ มีชื่อเรียกว่า “ศาลาบาลีชั้นสูง” และยังน�าเอานิกายธรรมยุตจากเมืองไทยเข้าไป
ประดิษฐานที่ประเทศกัมพูชาเป็นครั้งแรกอีกด้วย
11

กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
ครูมอบหมายใหนักเรียนไปศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติและ 1 อาณาจักรเจนละ หรือเจิ้นลา เปนชื่ออาณาจักรแหงหนึ่งในภูมิภาคเอเชีย
จุดประสงคของการสรางนครธมและปราสาทบายน รวมถึงความสําคัญและ ตะวันออกเฉียงใตที่ปรากฏอยูในเอกสารจีนโบราณ โดยมีหลักฐานยืนยันวา
ผลที่เกิดขึ้นจากการสรางปราสาททั้งสองแหง บันทึกสาระสําคัญ แลวนํามา เกี่ยวของกับอาณาจักรกัมพูชาโบราณตั้งแตสมัยกอนเมืองพระนคร
อภิปรายในชั้นเรียน 2 พระพักตรพระโพธิสตั วอวโลกิเตศวร มีนกั ประวัตศิ าสตรบางทานสันนิษฐานวา
เปนพระพักตรของพระเจาชัยวรมันที่ 7 ซึ่งเปนธรรมเนียมปฏิบัติที่พระมหากษัตริย
ของกัมพูชาจะทรงใหแกะสลักรูปของพระองคเองเปนรูปพระพักตรของพระเจา แต
กิจกรรมทาทาย บางทานสันนิษฐานวาเปนใบหนาของพระพรหม เทพเจาในศาสนาพราหมณ-ฮินดู

ครูมอบหมายใหนักเรียนไปศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติการ มุม IT
เผยแผพระพุทธศาสนาเขาสูประเทศกัมพูชา จากนั้นเขียนสรุปความยาว
ไมเกิน 1 หนากระดาษ A4 สงครูผูสอน ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับศาสนาพราหมณ-ฮินดู ไดที่
http://www.siamganesh.com เว็บไซตสยามคเณศ
http://www.srinagathurka.com เว็บไซต
วัดพระศรีนาคาทุรคาเทวี คูมือครู 11
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนกั เรียนอภิปรายถึงเหตุการณหรือหลักฐาน
ทางประวัติศาสตรที่สะทอนใหเห็นถึงการหยั่ง นอกจากสงครามกับภายนอกประเทศแล้ว สภาพการเมืองภายในของเขมรหรือ
รากลึกของพระพุทธศาสนาในประเทศกัมพูชา กัมพูชาก็เป็นปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสู้รบท�าสงครามกลางเมืองระหว่างชาวเขมรด้วยกัน
นับตั้งแตอดีตจนถึงปจจุบัน โดยหลังจากทีก่ องทัพเขมรแดง (ทีเ่ ป็นกลุม่ ชาวเขมรทีน่ ยิ มลัทธิคอมมิวนิสต์) ได้รบั ชัยชนะในการ
(แนวตอบ แมวาพระพุทธศาสนาในประเทศ ท�าสงครามกลางเมืองก็ได้ปราบปรามผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับระบอบการปกครองของตนอย่างรุนแรง
กัมพูชาจะเสื่อมโทรมลง เพราะเหตุการณ ซึ่งมีทั้งชาวพุทธทั่วไปและพระภิกษุสงฆ์เป็นจ�านวนมาก โดยวัดหลายแห่งถูกรื้อท�าลาย หรือไม่ก็
สงครามทัง้ ภายในและภายนอกประเทศ ตลอดจน ถูกดัดแปลงเป็นทีต่ งั้ ของกองทหาร ศาสนสมบัตถิ กู ปล้นสะดม ประกาศห้ามไม่ให้ประชาชนใส่บาตร
อุปสรรคทางการเมือง แตภายหลังเหตุการณ ท�าบุญ และไม่ให้ร่วมชุมนุมประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และให้พระสงฆ์หลายพันรูปลาสิกขา
ตางๆ สงบลง รัฐบาลและประชาชนชาวกัมพูชา ออกมาเป็นทหาร และบางส่วนก็เดินทางลี้ภัยสงครามเข้ามาอยู่ในประเทศไทย ปัญหาเหล่านี้
ก็ชวยกันฟนฟูพระพุทธศาสนาใหกลับมารุงเรือง ถือเป็นอุปสรรคส�าคัญต่อความเจริญของพระพุทธศาสนาในประเทศกัมพูชา
ไดอีกครั้ง นอกจากนี้ ความเจริญรุงเรืองของ ถึงแม้เขมรแดงจะหมดสิ้นอ�านาจไปในปลาย พ.ศ. ๒๕๒๑ และรัฐบาลชุดใหม่ของ
พระพุทธศาสนายังปรากฏใหเห็นผานรูปแบบ ประเทศกัมพูชาภายใต้การน�าของนายเฮง สัมริน ซึ่งได้รับการหนุนหลังจากเวียดนามจะขึ้นมา
สถาปตยกรรมของโบราณสถานในประเทศ มีอ�านาจแทนที่ แต่สถานการณ์ของพระพุทธศาสนาในกัมพูชาก็มิได้ดีขึ้น ทั้งนี้เพราะทางรัฐบาล
กัมพูชาอีกดวย) เฮง สัมริน ก็มีนโยบายไม่ให้ประชาชนนับถือศาสนา การเทศนาสั่งสอนประชาชนถือว่าเป็น
2. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 1.1 จากแบบวัดฯ สิ่งผิดกฎหมาย ห้ามท�าบุญตักบาตร หนังสือและคัมภีร์ทางศาสนาถูกเผาท�าลายทิ้ง นอกจากนั้น
พระพุทธศาสนา ม.2 การที่วัดได้ถูกดัดแปลงให้เป็นที่ตั้งกองทหารของกลุ่มเขมรฝ่ายต่างๆ ท�าให้วัดวาอารามกลายเป็น
✓ แบบวัดฯ
เป้าหมายถูกโจมตีด้วย ส่งผลให้วัด พระอุโบสถ พระพุทธรูปเสียหายจ�านวนมาก ภายหลัง
ใบงาน แบบฝกฯ
พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 1.1 สงครามกลางเมืองในกัมพูชาสงบลงใน พ.ศ. ๒๕๓๔ เมื่อบ้านเมืองกลับเข้าสู่ความสงบ ทั้งรัฐบาล
หนวยที่ 1 ประวัติและความสําคัญของพระพุทธศาสนา และประชาชนกัมพูชาจึงได้ช่วยกันฟื้นฟูพระพุทธศาสนาให้กลับสู่ความรุ่งเรืองอีกครั้ง
กิจกรรมตามตัวชี้วัด
๗) พระพุทธศาสนาเข้าสูป่ ระเทศเวียดนาม ประเทศเวียดนามเป็นประเทศทีม่ คี วาม
กิจกรรมที่ ๑.๑ ใหนักเรียนตอบคําถามตอไปนี้ (ส ๑.๑ ม.๒/๑)
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
ñð สัมพันธ์กับจีนมาตั้งแต่สมัยโบราณโดยที่จีนได้เข้ายึดเวียดนามเป็นเมืองขึ้นและท�าการปกครอง
๑. พระเจาอนุรุทธมหาราชทรงมีบทบาทในการอุปถัมภพระพุทธศาสนาในประเทศพมาอยางไร
พระองคทรงสงพระราชสาสนไปยังผูครองเมืองสุธรรมวดีเพื่อทูลขอพระไตรปฎกไปยังเมืองพุกาม
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. เวียดนามอยู่หลายร้อยปี จนเวียดนามเกือบจะกลายเป็นรัฐรัฐหนึ่งของจีน ดังนั้น เมื่อ1จีนนับถือ
แตถูกปฏิเสธ จึงเกิดการสูรบกัน พมาเปนฝายชนะ ไดทําลายเมืองสุธรรมวดีและนําพระสงฆมอญ
ศาสนาใด
2 ศาสนานั้นก็จะเผยแผ่เข้ามาในเวียดนามด้วย เริ่มแรกอิทธิพลของลัทธิเต๋าและลัทธิ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
และพระไตรปฎกกลับไปยังเมืองพุกาม สงผลใหพระพุทธศาสนาไดแผขยายไปทั่วอาณาจักรพมา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ในเวลาตอมา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
๒. ภายหลังพมาไดรับเอกราชจากอังกฤษ ไดมีการฟนฟูพระพุทธศาสนาโดยวิธีการใด
ไดจัดใหมีการสังคายนาพระไตรปฎกครั้งที่ ๖ ขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๗ โดยรัฐบาลพมาไดนิมนต
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ขงจื๊อได้เผยแผ่เข้ามาสู่เวียดนามก่อน จนถึง พ.ศ. ๗๓๒ คณะธรรมทูตจากจีนหลายคณะจึง
พระเถระผูเ ชีย่ วชาญพระไตรปฎกไปจากประเทศไทย ศรีลงั กา ลาว และกัมพูชาไปรวมเปนจํานวนมาก
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
และไดจัดพิมพพระไตรปฎกพรอมคัมภีรอรรถกถาและปกรณที่ไดรับการสังคายนาแลวออกเผยแผ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ไปทั่วประเทศ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ได้เดินทางเข้ามาเผยแผ่และประดิษฐานพระพุทธศาสนานิกายมหายานในเวียดนาม อย่างไรก็ตาม
๓. ในสมัยที่ราชวงศ ไศเลนทรปกครองอาณาจักรศรีวิชัย ไดสงเสริมการเผยแผพระพุทธศาสนา
ในอาณาจักรอยางไร
พระพุทธศาสนาในช่วงสมัยแรกเริ่มยังไม่เป็นที่นิยมนับถือกันอย่างแพร่หลายนัก กระทั่งถึง พ.ศ.
อาณาจักรศรีวชิ ยั ไดสง พระภิกษุไปศึกษาพระพุทธศาสนาทีม่ หาวิทยาลัยนาลันทา อีกทัง้ ยังสงพระภิกษุ ฉบับ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ชางฝมือ มาเผยแผพระพุทธศาสนาและศิลปะปาละ (ซึ่งเปนศิลปะอินเดียในสมัยราชวงศปาละ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
และราชวงศเสนะ) ในการสรางพระพุทธรูปใหแกชาวศรีวิชัยดวย
เฉลย
๑๕๑๒ เมื่อราชวงศ์ดินห์ได้ขึ้นมามีอ�านาจปกครองเวียดนาม พระพุทธศาสนานิกายมหายานจึง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
๔. กอนทีศ่ าสนาอิสลามจะเผยแผเขามา พระพุทธศาสนาบนแหลมมลายูมคี วามเจริญรุง เรืองอยางไร
ได้รับการเอาใจใส่ฟื้นฟูและเป็นที่นับถือกันอย่างแพร่หลายมากขึ้น
พระพุ ทธศาสนาที่ เผยแผ เข าสู  มาเลเซี ยในระยะแรกเปนนิกายเถรวาท แตมีผูนับ ถือ ไมม ากนัก
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
จนกระทั่งบริเวณแหลมมลายูตกอยูใตการปกครองของอาณาจักรศรีวิชัย พระพุทธศาสนานิกาย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ตลอดสมัยการปกครองของราชวงศ์ดินห์ ราชวงศ์เล (ตอนต้น) และราชวงศ์ลี
มหายานจึงเผยแผเขาสูบริเวณนี้ จนกระทั่งสุโขทัยไดขยายอาณาเขตลงมาทางใตจนถึงหัวเมืองมลายู
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ทัง้ หมด ทําใหพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทเผยแผเขาสูแ หลมมลายูดว ย หลักฐานทีแ่ สดงถึงการนับถือ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
พระพุทธศาสนา สวนใหญเปนรูปพระโพธิสัตวหรือพระพิมพดินเผา พระพิมพดินดิบ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
พระพุทธศาสนามีความเจริญรุ่งเรืองมาก ทั้งนี้เพราะพระมหากษัตริย์เวียดนามทรงเอาพระทัยใส่
๕. พระพุทธศาสนาในสมัยของพระเจาไชยเชษฐาธิราชของลาวเจริญรุง เรืองอยางไร มีหลักฐานใด
แสดงถึงความรุงเรือง
ท�านุบ�ารุงพระพุทธศาสนาเป็นอย่างดี
พระเจาไชยเชษฐาธิราชทรงทํานุบํารุงพระพุทธศาสนาอยางดี เชน โปรดใหสรางพระธาตุบังพวน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

12
พระธาตุศรีโคตรบูร พระธาตุหลวง พระธาตุองิ รัง โปรดใหสรางพระพุทธรูปมากมาย เชน พระองคตอื้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
พระเสริม พระสุก พระใส พระอินทรแปลง รวมทั้งโปรดใหสรางวัดตางๆ เปนจํานวนมาก เชน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
วัดปารือศรีสิงขร วัดปากันทอง วัดศรีเมือง วัดพระแกว เปนตน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว  NT  O-NE T
สถานการณของพระพุทธศาสนาในประเทศกัมพูชาหลังไดรับเอกราช
1 ลัทธิเตา ศาสดาผูกอตั้ง คือ เลาจื๊อ ซึ่งเกิดในปลายราชวงศโจว มีคัมภีรชื่อ
จากฝรั่งเศสมีสภาพเปนอยางไร
เตา เตก เก็ง หลักธรรมของลัทธิเตาเนนการดํารงชีวิตใหกลมกลืนกับธรรมชาติ
ใหมนุษยรูจักตนเอง บําเพ็ญคุณงามความดี ไมฟุงเฟอ ไมมักใหญใฝสูง ประหยัด แนวตอบ หลังจากประเทศกัมพูชาไดรับเอกราชจากประเทศฝรั่งเศสใน
ทําจิตใจใหสงบ รูจักออนนอมถอมตน ใชชีวิตอยางเรียบงาย แนวคิดของลัทธิเตา พ.ศ. 2497 สถานการณของพระพุทธศาสนาดีขึ้นบางเล็กนอย แมจะมีการ
มีอิทธิพลตอการสรางสรรคศิลปะจีน โดยเฉพาะจิตรกรรมมากที่สุด เปลี่ยนแปลงการปกครองเปนระบอบสาธารณรัฐใน พ.ศ. 2513 ก็ไมมี
2 ลัทธิขงจื๊อ ศาสดาผูกอตั้ง คือ ขงจื๊อ เกิดในปลายสมัยราชวงศโจว มีคัมภีร ผลกระทบตอพระพุทธศาสนามากนัก จนกระทั่งใน พ.ศ. 2518 เมื่อเขมรแดง
ชื่อ กิงทั้ง 5 ลัทธิขงจื๊อมีแนวคิดทางจริยศาสตรที่เนนแนวทางการปฏิบัติที่อิง ภายใตการนําของนายพอลพตยึดอํานาจไดและเปลี่ยนแปลงการปกครองเปน
กับมาตรฐานและคุณคาตามขนบจารีต โดยยึดหลักคําสอนในการดําเนินชีวิต 3 ระบอบคอมมิวนิสต ก็ทําการปราบปรามและเขนฆาผคู นทีเ่ ปนปฏิปก ษ ซึง่ มีทงั้
ประการ ไดแก เหริน (ความเมตตากรุณา) หลี่ (ขนบจารีตและพิธีกรรมตางๆ ใน พุทธศาสนิกชนและพระภิกษุจาํ นวนมาก วัดหลายแหงถูกทําลาย ประชาชน
สังคม) อี้ (ความถูกตอง เที่ยงธรรม และความสมเหตุสมผล) เพื่อขัดเกลานิสัยและ ถูกหามไมใหประกอบพิธกี รรมทางศาสนา แมรฐั บาลเฮงสัมริน ซึง่ ไดรบั การ
พัฒนาตนจนมีคุณธรรมอยางวิญูชน สนับสนุนจากเวียดนาม ยึดอํานาจจากเขมรแดงไดใน พ.ศ. 2522 แต
สถานการณของพระพุทธศาสนาในกัมพูชาก็ไมดีขึ้น ภายหลังเมื่อสถานการณ
บานเมืองกลับมาสงบใน พ.ศ. 2534 รัฐบาลและประชาชนกัมพูชาจึงรวมมือ
รวมใจกันฟนฟูพระพุทธศาสนาใหกลับมารุงเรืองอีกครั้ง
12 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
1. ครูอธิบายการเผยแผพระพุทธศาสนาเขาสู
อีกประการหนึ่งสืบเนื่องมาจากบทบาทของพระภิกษุสงฆ์ ซึ่งมีความส�าคัญอย่างยิ่ง ประเทศเวียดนามใหนักเรียนฟง หลังจากนั้น
ต่อสังคมเวียดนาม เพราะพระภิกษุส่วนใหญ่มักจะเป็นนักปราชญ์รอบรู้วิชาการต่างๆ นอกเหนือ ตั้งคําถามใหนักเรียนชวยกันตอบ เชน
ไปจากความรู้ ความเชีย่ วชาญในกิจการทางด้านพระพุทธศาสนา เช่น กฎหมาย วรรณคดี รัฐศาสตร์ • การนับถือศาสนาของชาวเวียดนามไดรับ
จริยศาสตร์ ปรัชญา โหราศาสตร์ แพทยศาสตร์ อิทธิพลมาจากประเทศใด
ดังนั้น เมื่อประชาชนให้ความเคารพศรัทธาต่อ (แนวตอบ ไดรับอิทธิพลมาจากประเทศจีน
พระภิกษุสงฆ์เป็นอย่างสูง จึงส่งผลให้การเผยแผ่ และประเทศฝรั่งเศส เชน เริ่มแรกชาว
พระพุทธศาสนานิกายมหายานด�าเนินไปได้ เวียดนามนับถือลัทธิเตาและลัทธิขงจื๊อ
อย่างสะดวกจนเป็นที่นับถือกันอย่างแพร่หลาย ภายหลังชาวเวียดนามบางกลุมเปลี่ยนไป
พระพุ ท ธศาสนานิ ก ายมหายาน นับถือศาสนาคริสต เปนตน )
เริ่มเสื่อมลงในสมัยราชวงศ์ตรัน เมื่อเวียดนาม • พระพุทธศาสนาเขาสูประเทศเวียดนามดวย
ต้องตกเป็นเมืองขึ้นของจีนในระหว่าง พ.ศ. วิธีใด
๑๙๕๗ ‑ ๑๙๖๘ โดยจีนได้สนับสนุนให้มีการ (แนวตอบ คณะธรรมทูตจากจีนหลายคณะ
เผยแผ่ลทั ธิขงจือ๊ และลัทธิเต๋าเข้ามายังเวียดนาม เดินทางเขามาเผยแผและประดิษฐาน
อีกครั้งหนึ่ง รวมทั้งข้าราชการจีนก็ขัดขวาง พระพุทธศาสนานิกายมหายานในประเทศ
1
การเผยแผ่พระพุทธศาสนาด้วยวิธีการต่างๆ พุทธสถานในเวียดนามที่ยังหลงเหลืออยู่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็น เวียดนาม)
เช่น สัง่ ให้รอื้ ท�าลายวัดวิหารและยึดคัมภีรท์ าง ของนิกายมหายาน 2. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายในประเด็น
พระพุทธศาสนาเอาไปเผาทิง้ เสียเป็นจ�านวนมาก ความเจริญและความเสื่อมของพระพุทธ-
ในสมัยราชวงศ์เล (ตอนปลาย) พระพุทธศาสนาก็ยิ่งมัวหมองมากขึ้นอีก ทั้งนี้เพราะ ศาสนาในประเทศเวียดนาม
พระภิกษุได้เข้ามามีบทบาทเกีย่ วกับกิจกรรมทางด้านการเมือง การบ�าเพ็ญเพียรตามพระธรรมวินยั
ถูกละเลย รวมทั้งพระมหากษัตริย์เองก็มิได้เอาพระทัยใส่ที่จะฟื้นฟูพระพุทธศาสนาให้กลับคืนสู่ ขยายความเขาใจ Expand
ความเจริญรุ่งเรืองดุจดังเก่า ส่งผลให้ประชาชนคลายความศรัทธาในพระพุทธศาสนาลงไปอีก ครูใหนักเรียนสรุปการเผยแผพระพุทธศาสนา
ในช่ ว ง พ.ศ. ๒๐๗๑ ‑ ๒๓๔๕ อั น เป็ น ช่ ว งที่ราชวงศ์ตริน ห์แ ห่งเวียดนามเหนือ เขาสูประเทศเพื่อนบาน โดยวิเคราะหถึงปจจัยที่มี
และราชวงศ์เหงียนแห่งเวียดนามใต้แย่งชิงอ�า นาจกัน ก็ได้มีการสนับสนุนพระพุทธศาสนาที่ อิทธิพลตอความเจริญรุงเรืองของพระพุทธศาสนา
ไม่บริสุทธิ์ให้แพร่หลายมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้เพราะแต่ละฝ่ายต่างมุ่งหวังที่จะดึงชาวพุทธให้เข้ามาเป็น และอุปสรรคที่ทําใหพระพุทธศาสนาเสื่อมโทรม
ฐานก�าลังส�าคัญของตน ฉะนั้นในระยะนี้พระพุทธศาสนาในเวียดนามจึงมีแต่เรื่องเวทมนตร์คาถา ลงในกระดาษ A4 สงครูผูสอน
และอภินิหารต่างๆ มากกว่าที่จะเป็นการชี้แนะแนวทางให้ผู้มีความศรัทธานับถือได้หลุดพ้นจาก
ห้วงสังสารวัฏ ตรวจสอบผล Evaluate
เมื่อเวียดนามตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสใน พ.ศ. ๒๔๒๖ พระพุทธศาสนาก็ได้รับ
ความกระทบกระเทือนอย่างหนัก ทั้งนี้เพราะชาวพุทธได้ร่วมมือกันจัดตั้งขบวนการชาตินิยม 1. ตรวจสอบจากความถูกตองของเนื้อหา
ท�าสงครามกองโจรสู้รบกับทหารฝรั่งเศส เพื่อปลดปล่อยเวียดนามให้เป็นอิสระ ในการตอบคําถามและอภิปราย
2. ตรวจสอบจากการเขียนสรุปการเผยแผ
13 พระพุทธศาสนาเขาสูประเทศเพื่อนบาน

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T เกร็ดแนะครู
พระภิกษุในเวียดนามมีสวนทําใหพระพุทธศาสนานิกายมหายาน
ครูควรอธิบายถึงภูมิหลังทางประวัติศาสตรของเวียดนามใหนักเรียนเขาใจวา
เจริญรุงเรืองหรือเสื่อมถอยไดอยางไร
ในอดีตเวียดนามตกเปนเมืองขึ้นของจีนมาอยางยาวนาน แมจะพยายามดิ้นรนเปน
แนวตอบ เมื่อพระภิกษุศึกษาหาความรูจนเปนผูเชี่ยวชาญในศาสตรสาขา อิสระ แตก็เปนชวงระยะเวลาสั้นๆ เทานั้นที่เวียดนามจะเปนเอกราชจากจีน ทําให
ตางๆ เชน กฎหมาย วรรณคดี รัฐศาสตร จริยศาสตร ปรัชญา โหราศาสตร อารยธรรมจีนมีอิทธิพลอยางมากตอเวียดนาม ทั้งรูปแบบการปกครอง ศาสนา
แพทยศาสตร ฯลฯ ทําใหประชาชนศรัทธาและใหความเคารพพระสงฆ การ วัฒนธรรม และประเพณี โดยเฉพาะความเชื่อในพระพุทธศาสนานิกายมหายาน
เผยแผพระพุทธศาสนานิกายมหายานก็ดําเนินไปอยางสะดวกและแผขยาย เวียดนามก็รับผานมาจากจีน ผสมผสานกับความเชื่อในลัทธิขงจื๊อและลัทธิเตา
ออกสูคนทั่วไปเปนวงกวาง แตเมื่อใดก็ตามที่พระภิกษุละเลยวัตรปฏิบัติที่ ของจีนเชนกัน
ดีงามและเขามายุงเกี่ยวกับการเมือง จะทําใหพุทธศาสนิกชนเสื่อมศรัทธา
สงผลใหพระพุทธศาสนาเสื่อมโทรมลง
นักเรียนควรรู
1 พุทธสถานในเวียดนาม สวนใหญเปนศิลปะของชนชาติจามหรืออาณาจักร
จามปา ตั้งอยูในประเทศเวียดนามตอนกลางในปจจุบัน มีอายุอยูในชวง
พุทธศตวรรษที่ 8-20
คูมือครู 13
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา
Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับการนับถือศาสนา
ในประเทศตางๆ หลังจากนั้นตั้งคําถามใหนักเรียน รัฐบาลฝรัง่ เศสจึงด�าเนินการตอบโต้ดว้ ยการเข้าควบคุมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่าง
ชวยกันตอบ เชน ใกล้ชดิ ยึดคัมภีรแ์ ละหนังสือทางพระพุทธศาสนาเอาไปเผาท�าลายเสียเป็นอันมาก การร่วมชุมนุม
• ปจจุบันประเทศเพื่อนบานของไทยนับถือ ของพุทธศาสนิกชนเพือ่ ประกอบพิธกี รรมจะต้องได้รบั อนุญาตจากทางการฝรัง่ เศสก่อน นอกจากนี้
พระพุทธศาสนานิกายใด ชาวเวียดนามที่จะสมัครท�างานกับรัฐบาลฝรั่งเศสจะต้องโอนสั 1 ญชาติเป็นชาวฝรั่งเศส และต้อง
(แนวตอบ ทั้งนิกายเถรวาทและนิกายมหายาน) เปลีย่ นศาสนาหันไปนับถือศาสนาคริสต์นกิ ายโรมันคาทอลิกด้วย จึงจะมีสทิ ธิอย่างสมบูรณ์ ส่งผลให้
• นักเรียนคิดวา ปจจัยใดบางที่เปนอุปสรรคตอ ชาวเวียดนามเป็นจ�านวนไม่น้อยหันไปนับถือศาสนาคริสต์
ความเจริญรุงเรืองของพระพุทธศาสนา นับตัง้ แต่ยคุ สมัยประธานาธิบดีโง ดินห์ เดียม มาจนเกิดสงครามเวียดนามอันยาวนาน
(แนวตอบ เชน ความขัดแยงทางการเมือง พระพุทธศาสนาและชาวพุทธถูกท�าลายมาโดยตลอด หลังสงครามเวียดนามยุติลง เวียดนามเหนือ
ภายในประเทศ การเกิดสงคราม เปนตน) และเวียดนามใต้ได้รวมเป็นหนึ่งเดียว มีชื่อว่า “สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม” พระพุทธศาสนา
ซึง่ อยูใ่ นสภาพ “เสือ่ มโทรมมาก” ก็ถกู กระหน�า่ ซ�า้ เติมโดยพวกคอมมิวนิสต์เข้าไปอีก เช่น ประชาชน
สํารวจคนหา Explore ถูกจ�ากัดสิทธิเสรีภาพทางศาสนา ห้ามเผยแผ่ศาสนาทุกศาสนา วัดและพระสงฆ์ถกู ท�าลายและกดขี่
ข่มเหงเป็นจ�านวนมาก ทีด่ นิ ของวัดถูกยึดเป็นของรัฐ ห้ามประกอบพิธกี รรมทางศาสนา ห้ามท�าบุญ
ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 3-5 คน ศึกษา ตักบาตร ห้ามอุปสมบท คัมภีรศ์ าสนาถูกเผาท�าลาย พระสงฆ์และชาวพุทธบางส่วนได้ลภี้ ยั ออกไป
คนควาเกี่ยวกับสถานการณการนับถือพระพุทธ- อยูย่ งั ต่างประเทศ ในทีน่ รี้ วมถึงท่านติช นัท ฮันห์ ซึง่ ได้ลภี้ ยั ไปอยูท่ ปี่ ระเทศฝรัง่ เศส และได้เผยแผ่
ศาสนาของประเทศเพื่อนบานในปจจุบัน ซึ่งไดแก พระพุทธศาสนาอยู่ที่หมู่บ้านพลัม ประเทศฝรั่งเศส
ประเทศเมียนมา ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศ
มาเลเซีย ประเทศสิงคโปร ประเทศลาว ประเทศ 1.2 การนับถือพระพุทธศาสนาของประเทศเพื่อนบ้านในปัจจุบัน
กัมพูชา และประเทศเวียดนาม จากนั้นจดบันทึก ประเทศเพือ่ นบ้านของเรา หลังจากรับเอาพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจ�าชาติของตนแล้ว
ลงสมุด เพื่อนํามาอภิปรายในชั้นเรียน ก็พยายามพิทกั ษ์มรดกทางใจอันล�า้ ค่านีไ้ ว้อย่างสุดก�าลัง แม้วา่ บางประเทศจะถูกปกครองด้วยลัทธิ
การเมืองที่ไม่ยอมให้ประชาชนแสดงว่าตนนับถือศาสนาใดๆ ก็ตาม แต่ในส่วนลึกแห่งจิตใจของ
ประชาชนแล้ว ก็ยังมีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนาอยู่ เพราะได้นับถือสืบทอดต่อกันมายาวนาน
ต่อไปนี้จะได้กล่าวถึงการนับถือพระพุทธศาสนาของประเทศเพื่อนบ้านในปัจจุบันพอสังเขป
๑) พระพุทธศาสนาในประเทศเมียนมา พระพุทธศาสนาในประเทศเมียนมา
ในปัจจุบันนั้นกล่าวได้ว่าแม้มีปัญหาความวุ่นวายจากการเมืองภายในประเทศ แต่ก็มิได้เป็น
อุปสรรคต่อความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาในประเทศแต่อย่างไร เพราะพุทธศาสนิกชน
ชาวพม่า ก็ยังคงให้ความเคารพและศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาอย่างไม่เสื่อมคลาย โดยรัฐบาล
เมียนมาได้ให้ความส�าคัญแก่พระพุทธศาสนาในฐานะเป็นศาสนาประจ�าชาติ ใน พ.ศ. ๒๕๐๔
รัฐบาลเมียนมาได้ตรากฎหมายรับรองว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจ�าชาติของเมียนมา รวมทัง้
ตรากฎหมายอื่นๆ อีกมากมายที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ดังจะเห็นได้ถึงการให้ความส�าคัญแก่
พระพุทธศาสนาในประเทศเมียนมา ที่มีพลเมืองที่เป็นพุทธศาสนิกชนกว่าร้อยละ ๘๙ ซึ่งถือเป็น
พลเมืองส่วนใหญ่ของประเทศ
14

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว  NT  O-NE T
พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คูบานคูเมืองที่มีอิทธิพลตอชาวพมามาเปน
1 ศาสนาคริสตนิกายโรมันคาทอลิก คําวา “คาทอลิก” แปลวา สากล นิกายนี้
เวลานาน มีพระนามวาอะไร
มีความเชื่อดั้งเดิมวา ศาสนาคริสตเปนศาสนาสากล ผูนับถือนิกายนี้มีความเชื่อ
1. พระมหามัยมุนี
และปฏิบัติตามคําสอนและประเพณีดั้งเดิมของศาสนาคริสตอยางเครงครัด
2. พระไจทปอลอ
ไมนิยมเปลี่ยนแปลงคําสอนที่มีมาตั้งแตดั้งเดิม หรืออาจกลาวไดวาเปนพวก
3. พระนอนชเวตาเลียว
อนุรักษนิยม
4. พระพุทธไสยาสนเจาทัตยี
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. พระมหามัยมุนีเปนพระพุทธรูปคูบานคูเมือง
มุม IT ของประเทศเมียนมา เปรียบไดกบั พระพุทธมหามณีรตั นปฏิมากรหรือพระแกว
มรกตของประเทศไทย ปจจุบันประดิษฐานอยูที่เมืองมัณฑะเลย เดิมเปน
ศึกษาคนควาขอมูลเกี่ยวกับศาสนาคริสตนิกายโรมันคาทอลิก ไดที่ พระพุทธรูปของรัฐยะไข จนกระทั่งพระเจาปดุงสามารถตียะไขได จึงอัญเชิญ
http://www.catholicthailand.com เว็บไซตคาทอลิกประเทศไทย พระมหามัยมุนีมาที่เมืองมัณฑะเลย ชาวพมาเชื่อวาพระพุทธรูปองคนี้
และ http://www.catholic.or.th เว็บไซตอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ มีชีวิต จึงตองทําพิธีลางพระพักตรดวยนํ้าอบนํ้าหอมผสมทานาคาทุกเชา
รวมถึงแปรงพระทนตดว ยแปรงทอง กอนจะเช็ดใหแหงดวยผาของผศู รัทธา
ทีถ่ วายมาพรอมใชพัดทองโบกถวาย เสมือนหนึ่งไดอุปฏฐากพระพุทธเจา
14 คูมือครู ที่ยังทรงพระชนมชีพอยูจริงๆ
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
ครูใหนักเรียนนําขอมูลที่ไดจากการศึกษา
ส�ำหรับผู้ที่เป็นพุทธศำสนิกชนชำวพม่ำก็ยังคงปฏิบัติตนตำมหลักพระพุทธศำสนำ คนควาเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาในประเทศ
อย่ำงเคร่งครัด มีกำรเข้ำวัดท�ำบุญ รักษำอุโบสถศีลในวันส�ำคัญทำงพระพุทธศำสนำ ตลอดจนกำร เมียนมาปจจุบันมาอภิปรายรวมกัน หลังจากนั้นครู
ปฏิบัติธรรมตำมหลักวิปัสสนำกรรมฐำน (สำย ตั้งคําถามใหนักเรียนชวยกันตอบ เชน
ยุบหนอ - พองหนอ) ดังจะเห็นได้จำกกำรตั้ง • ชาวพมาในปจจุบันปฏิบัติตนตามหลัก
ส�ำนักกรรมฐำนขึ้นทั่วประเทศ ทั้งยังได้เผยแผ่ พระพุทธศาสนาอยางไร
ออกไปยังต่ำงประเทศด้วย และได้รบั ควำมนิยม (แนวตอบ เขาวัดทําบุญ รักษาอุโบสถศีลในวัน
อย่ำงแพร่หลำยไปทั่วโลก เนื่องจำกมีผู้คนจำก สําคัญทางพระพุทธศาสนา ตลอดจนปฏิบัติ
ประเทศต่ำงๆ ทั้งประเทศในแถบเอเชีย ยุโรป ธรรมตามหลักวิปสสนากรรมฐาน)
และสหรัฐอเมริกำ เดินทำงไปศึกษำวิปัสสนำ • รัฐบาลเมียนมามีนโยบายอยางไรในการ
กรรมฐำนที่ประเทศเมียนมำ และน�ำกลับไป สงเสริมพระพุทธศาสนาใหเจริญรุงเรือง
เผยแผ่ ยั ง ประเทศของตนเป็ น จ� ำ นวนมำก (แนวตอบ รัฐบาลเมียนมาไดตรากฎหมาย
รวมทั้งประเทศไทยด้วย นอกจำกนี้ ชำวพม่ำ รับรองวาพระพุทธศาสนาเปนศาสนา
ยังมีค่ำนิยมให้ลูกบรรพชำเป็นสำมเณรตั้งแต่ ประจําชาติของเมียนมา และมีนโยบาย
1 สงเสริมการศึกษาทางพระพุทธศาสนา
อำยุน้อยๆ เพื่อสืบทอดอำยุพระพุทธศำสนำ องค์พระธาตุอินทร์แขวน (ไจก์ทีโย) ที่ประเทศเมียนมา
ให้ยืนนำน และให้ควำมเคำรพต่อพระสงฆ์และ มีธรรมเนียมปฏิบตั วิ า่ พุทธศาสนิกชนต้องแต่งกายเรียบร้อย ของพระสงฆ เชน กําหนดถวายนิตยภัต
ศำสนสถำนอย่ำงมำก ดังจะเห็นได้จำกกำร และห้ามผู้หญิงขึ้นไปปิดทองที่องค์พระธาตุ แดพระภิกษุสามเณร ผูที่สามารถสอบไลได
ออกกฎเกณฑ์ส�ำหรับปฏิบัติตนในเขตพุทธสถำน เช่น กำรห้ำมสวมรองเท้ำ ถุงน่องและถุงเท้ำ มากนอยตามลําดับชั้นที่สอบได เปนตน)
ห้ำมกำงร่ม และห้2ำมสวมกำงเกงขำสั้นหรือกระโปรงสั้นเวลำเข้ำไปในบริเวณลำนพระมหำเจดีย์ • สิ่งที่แสดงถึงความศรัทธาของชาวพมา
หรือเขตพุทธำวำส
ธำวำส หำกผู้ใดฝ่ำฝืนก็จะได้รับกำรลงโทษ หรือกำรร่วมแรงร่วมใจกันท�ำนุบ�ำรุง ที่มีตอพระพุทธศาสนามีอะไรบาง
วัดวำอำรำม และสถำนที่ส�ำคัญทำงพระพุทธศำสนำเพื่อให้อยู่เป็นศูนย์รวมจิตใจของชำวพม่ำ (แนวตอบ ในปจจุบันชาวพมายังคงมีความ
ตรำบนำนเท่ำนำน ศรัทธาตอพระพุทธศาสนาอยางแนนแฟน
วิถชี วี ติ ประจ�ำวันของชำวพม่ำยังผูกพันอยูก่ บั พระพุทธศำสนำอย่ำงแน่นแฟ้นและเป็น ดังจะเห็นไดจากการนิยมใหลูกบวชเปน
วิถีชีวิตแบบชำวพุทธ เช่น ก่อนไปท�ำงำนนอกบ้ำนและหลังเลิกงำน ชำวพม่ำส่วนใหญ่จะไปแวะ สามเณรตั้งแตยังเด็ก การใหความเคารพตอ
ที่วัดก่อนทุกครั้ง ทั้งนี้เพื่อไปกรำบพระธำตุเจดีย์ ไหว้พระสวดมนต์ สมำทำนศีล นั่งสมำธิภำวนำ พระสงฆและศาสนสถาน โดยออก
เป็นต้น กฎเกณฑหามสวมรองเทา ถุงเทา ถุงนอง
ในด้ำนกำรส่งเสริมกำรศึกษำทำงพระพุทธศำสนำของพระสงฆ์ รัฐบำลเมียนมำได้ หามกางรม หามสวมกางเกงขาสั้นบริเวณ
ก�ำหนดถวำยนิตยภัตแด่พระภิกษุสำมเณรผู้ที่สำมำรถสอบไล่ได้มำกน้อยตำมล�ำดับชั้นที่สอบได้ ลานพระเจดียหรือเขตพุทธาวาส)
รวมทั้งให้สิทธิพิเศษในกำรโดยสำรยำนพำหนะที่เป็นของรัฐบำลได้ทั่วประเทศโดยไม่ต้องเสีย
ค่ำโดยสำร ถือเป็นกำรให้ควำมส�ำคัญและช่วยในกำรสนับสนุนกำรศึกษำของพระภิกษุและสำมเณร
ในกำรที่จะสืบทอดพระพุทธศำสนำต่อไป
15

บูรณาการเชื่อมสาระ
ครูสามารถนําเรือ่ งการหามสวมรองเทาเขาวัดของชาวพมา ไปบูรณาการ นักเรียนควรรู
เชื่อมโยงกับกลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
1 องคพระธาตุอินทรแขวน ตั้งอยูที่เมืองไจกโถ อําเภอสะเทิม เขตรัฐมอญใน
วิชาประวัติศาสตร โดยครูอธิบายใหนักเรียนฟงวา ในชวงที่พมาตกเปน
ประเทศเมียนมา บนยอดเขาพวงลวง มีตาํ นานความเชือ่ วาพระอินทรนาํ กอนหิน
อาณานิคมของอังกฤษนั้น ชาวพมาที่ไมพอใจการปกครองของอังกฤษได
ทีร่ องรับพระเจดียที่บรรจุพระเกศาธาตุมาตั้งแขวนไว (ที่ตั้งเปนหนาผาหมิ่นเหม)
รวมตัวกอตั้ง “สมาคมชาวพุทธหนุม” (Young Men Buddhist Association
สวนชื่อภาษาพมา เรียกวา “ไจกทีโย” แปลวา เจดีย หรือผาโพกหัวฤๅษี
: YMBA) ซึ่งเปนสมาคมชาตินิยมกลุมแรกของเมียนมา โดยสมาคมนี้
อาจสื่อความหมายถึงกอนหินที่รองรับเจดียที่บรรจุพระเกศาธาตุที่ลักษณะคลาย
ประสบความสําเร็จอยางมากจากกรณีการประทวงหามสวมรองเทา
ผาโพกหัวของฤๅษี ลักษณะเดนขององคพระธาตุอนิ ทรแขวน คือ เปนกอนสีทอง
(No Footwear) เขาวัด เนื่องจากชาวอังกฤษจะสวมรองเทาเขาวัด
ขนาดใหญ สูง 5.5 เมตร ตั้งอยูบนหนาผาสูงชันอยางหมิ่นเหมเหมือนจะหลน
ในขณะที่ชาวพมาจะถอดรองเทาตั้งแตเขาเขตวัด การประทวงครั้งนี้
แตก็ไมตกลงมา
ทําใหชาวอังกฤษตองยอมถอดรองเทาเมื่อเขาไปภายในเขตวัด
2 เขตพุทธาวาส คือ พื้นที่ภายในวัดที่พระสงฆใชสําหรับประกอบพิธีกรรม
ทางศาสนา เปนเสมือนสัญลักษณแหงสถานที่ประทับขององคพระสัมมาสัมพุทธเจา
รวมถึงเปนที่ตั้งของสิ่งปลูกสรางประเภทปูชนียสถานและศาสนสถานตางๆ

คูมือครู 15
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
ครูใหนักเรียนนําขอมูลที่ไดจากการศึกษา
คนควาเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาในประเทศ สิ่งที่ถือว่าเป็นความก้าวหน้าในกิจการของพระพุทธศาสนาในประเทศเมียนมาใน
อินโดนีเซียปจจุบันมาอภิปรายรวมกัน หลังจากนั้น ปัจจุบันก็คือ คณะสงฆ์ของประเทศเมียนมาได้ด�าเนินการสร้างความสัมพันธ์กับประเทศที่นับถือ
ครูตั้งคําถามใหนักเรียนชวยกันตอบ เชน พระพุทธศาสนาเถรวาทจากทั่วโลก ดังใน พ.ศ. ๒๕๕๐ ได้มีการก่อตั้งสมาคมพระพุทธศาสนา
• ปจจุบันประชากรอินโดนีเซียที่นับถือ เถรวาทนานาชาติ และจัดประชุมครั้งแรกขึ้นในระหว่างวันที่ ๙ ‑ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ที่เมือง
พระพุทธศาสนามีประมาณเทาใด ย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา และการประชุมครั้งที่ ๒ ระหว่างวันที่ ๓ ‑ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒
(แนวตอบ ปจจุบันชาวอินโดนีเซียที่นับถือ ทีเ่ มืองสะกาย ประเทศเมียนมาอีกเช่นกัน โดยการประชุมดังกล่าวได้รบั ความร่วมมือจากคณะสงฆ์
พระพุทธศาสนามีประมาณรอยละ 1) และนักวิชาการทางศาสนาจากหลายประเทศทั่วโลก ถือเป็นบทบาทส�าคัญของคณะสงฆ์เมียนมา
• ชาวพุทธในประเทศอินโดนีเซียมีการปฏิบัติ ที่ได้ประสานความร่วมมือกันทางพระพุทธศาสนาในระดับนานาชาติ
ตนเพื่อสงเสริมพระพุทธศาสนาใหเจริญ นอกจากนี้ พระสงฆ์ของเมียนมามีบทบาทส�าคัญในทางการเมือง โดยได้จดั ตัง้ สหภาพ
รุงเรืองไดอยางไร ยุวสงฆ์แห่งพม่า (All Burma Young Monks’ Union) ในเขตปลดปล่อย เพื่อด�าเนินการ
(แนวตอบ ในวันวิสาขบูชา ชาวพุทธในประเทศ เรียกร้องและต่อสูอ้ ย่างสันติตามหลักพระพุทธศาสนา ซึง่ ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของพระพุทธศาสนา
อินโดนีเซียรวมกันประกอบพิธีเวียนเทียนและ ในประเทศเมียนมาที่เปิดโอกาสให้พระสงฆ์ได้มีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างเห็นได้ชัด
ปฏิบัติธรรมที่บุโรพุทโธ นอกจากนี้ เยาวชนยัง ๒) พระพุทธศาสนาในประเทศอินโดนีเซีย พระพุทธศาสนานิกายมหายานเคย
สามารถศึกษาธรรมะและการปฏิบัติสมาธิไดที่ เจริญรุง่ เรืองในประเทศอินโดนีเซียมาตัง้ แต่พทุ ธศตวรรษที่ ๑๒ ‑ ๑๓ ดังปรากฏพุทธสถานทีส่ า� คัญๆ
สมาคมสอนพระพุทธศาสนา) ซึง่ หลงเหลือเป็นหลักฐานมาจนถึงปัจจุบนั หลายแห่ง แต่หลังจากศาสนาอิสลามได้เข้ามาแพร่หลาย
• แมรัฐบาลอินโดนีเซียจะนับถือศาสนาอิสลาม และชาวชวาก็ได้ยอมรับนับถือเป็นศาสนาประจ�าชาติ ซึ่งมีผู้นับถือกว่าร้อยละ ๘๖ ของประชากร
แตก็ใหความสําคัญกับพระพุทธศาสนา ทั้งประเทศ ท�าให้จ�านวนประชากรที่นับถือพระพุทธศาสนาลดลงเหลือประมาณร้อยละ ๑ เท่านั้น
โดยไดดําเนินการอยางไร
ปั จ จุ บั น ชาวอิ น โดนี เ ซี ย ที่ นั บ ถื อ
(แนวตอบ ใหการรับรองวาพระพุทธศาสนา
พระพุทธศาสนานิ1 กายมหายาน ส่วนใหญ่อาศัย
เปนศาสนาหนึ่งของชาวอินโดนีเซีย พรอมทั้ง
อยู่ที่เกาะบาหลี แม้ว่ามีศาสนิกชนบางส่วน
ประกาศใหวันวิสาขบูชาเปนวันหยุดราชการ
ที่มีการยอมรับนับถือศาสนาฮินดูควบคู่ไปด้วย
รวมถึงสนับสนุนการจัดงานรวมกับเครือขาย
แต่ก็ถือว่าทั้งสองศาสนาสามารถผสมผสานกัน
องคกรพุทธเปนประจําทุกป)
ได้อย่างสนิทแน่ 2 นแฟ้นในวิถีชีวิตของชาวบาหลี
โดยบุ โ รพุ ท โธยั ง คงเป็ น ศาสนสถานส� า คั ญ ที่
เป็นศูนย์รวมทางจิตใจของพุทธศาสนิกชนใน
ประเทศอินโดนีเซีย
ในวันส�าคัญทางพระพุทธศาสนาก็จะ
การประกอบพิธีเวียนเทียนของพุทธศาสนิกชนที่นับถือ
พระพุทธศาสนาที่บุโรพุทโธ ประเทศอินโดนีเซีย เป็น มีการร่วมกันประกอบพิธีเวียนเทียนรอบองค์
พิธีกรรมหนึ่งที่ชาวพุทธในอินโดนีเซียร่วมกันสืบทอดมา พระเจดีย์ อันถือเป็นพิธกี รรมหนึง่ ทีช่ าวพุทธใน
จนถึงปัจจุบัน อินโดนีเซียร่วมกันสืบทอดและจรรโลงรักษาไว้
16

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว  NT  O-NE T
เพราะเหตุใด พระสงฆเมียนมาจึงเขามามีสวนรวมทางการเมือง
1 เกาะบาหลี ไดรับการขนานนามวา อัญมณีแหงมหาสมุทรอินเดีย ตั้งอยูทาง
ของประเทศคอนขางมาก
ทิศตะวันออกของเกาะชวา ในประเทศอินโดนีเซีย
2 บุโรพุทโธ หรือบรมพุทโธ หรือบาราบูดรู  แปลวา วิหารทีส่ รางบนภูเขาสูง ตัง้ อยู แนวตอบ สาเหตุที่พระสงฆเมียนมามีบทบาทและมีสวนรวมทางการเมือง
บนเกาะชวา เขตเมืองยอกยาการตา บุโรพุทโธถือเปนศาสนสถานในพระพุทธศาสนา ของประเทศคอนขางมาก เปนผลสืบเนื่องมาจากตั้งแตเมื่อครั้งสมัยที่อังกฤษ
นิกายมหายานทีใ่ หญทสี่ ดุ ในโลกแหงหนึง่ เปนมหาสถูปทีส่ รางดวยหินภูเขาไฟ มีรปู ทรง เขาปกครองพมาเปนอาณานิคม อังกฤษไดยกเลิกสถาบันพระมหากษัตริย
แบบศิลปะผสมผสานระหวางอินเดียกับอินโดนีเซีย สรางขึน้ ตัง้ แตคริสตศตวรรษที่ ของพมา สงผลใหสถาบันพระพุทธศาสนากาวขึ้นมาเปนศูนยรวมจิตใจ
7-9 สมัยกษัตริยแหงราชวงศไศเลนทร แนวคิดแสดงถึงมณฑลของจักรวาลและ ของชาวพมาแทนที่สถาบันพระมหากษัตริย และพระสงฆไดเปนแกนนํา
อํานาจของพระพุทธเจาผูทรงสรางโลกตามคติของมหายาน แผนผังแบงเปน 3 สวน ในการประทวงตอตานอังกฤษ จึงเห็นไดวา พระสงฆเมียนมามีบทบาททาง
สวนแรกเปนภาพแกะสลักแสดงถึงความเปนมนุษยทยี่ งั ของแวะอยูใ นกาม สวนทีส่ อง การเมืองมาตั้งแตอดีต แมในปจจุบันพระสงฆเมียนมาก็ยังคงมีสวนรวม
เปนภาพแกะสลักพุทธประวัติและชาดก สวนที่สามมีเจดียทรงระฆังควํ่า 72 องค ทางการเมืองอยู
ภายในมีพระพุทธรูป โอบลอมเจดียอ งคใหญ ตรงกลางภายในเจดียอ งคใหญวา งเปลา
สื่อถึงความวาง ซึ่งเปนขั้นสูงสุดของนิพพาน โดยใน พ.ศ. 2534 องคการยูเนสโก
(UNESCO) ไดประกาศใหบโุ รพุทโธเปนมรดกโลก

16 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
ครูใหนักเรียนนําขอมูลที่ไดจากการศึกษา
ความสนใจในพระพุทธศาสนาของชาวอินโดนีเซียในปัจจุบันนั้น ไม่ได้จ�ากัดอยู่ คนควาเกี่ยวกับสถานการณการนับถือศาสนาใน
แต่เฉพาะชาวพุทธเท่านั้น แม้แต่รัฐบาลอินโดนีเซียเองที่ผู้น�าเป็นคนมุสลิม ก็ยังให้การรับรองว่า ประเทศมาเลเซียปจจุบันมาอภิปรายรวมกัน แลว
พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาหนึง่ ของชาวอินโดนีเซีย พร้อมทัง้ ประกาศให้วนั วิสาขบูชาเป็นวันหยุด ตั้งคําถามใหนักเรียนชวยกันตอบ ดังนี้
ราชการ • ปจจุบันประชากรมาเลเซียที่นับถือ
ในขณะเดียวกัน ภาครัฐก็ยงั มีสว่ นสนับสนุนในการจัดงานร่วมกับเครือข่ายองค์กรพุทธ พระพุทธศาสนามีประมาณเทาใด
เป็นประจ�าทุกปีเช่นกัน การฉลองวันวิสาขบูชา ชาวพุทธในอินโดนีเซียจะฉลองกันเป็นเวลา (แนวตอบ ปจจุบันชาวมาเลเซียที่นับถือ
๑ เดือน ด้วยการปฏิบัติธรรม โดยชาวพุทธในประเทศอินโดนีเซียจะไม่เหมือนกับประเทศอื่นที่ พระพุทธศาสนามีประมาณรอยละ 19)
ฉลองกันเพียงวันเดียว แต่อนิ โดนีเซียมีการจัดงานฉลองเนือ่ งในวันวิสาขบูชาเป็นเวลานานนับเดือน • แมวาประเทศมาเลเซียในปจจุบัน จะมี
การด�าเนินกิจกรรมทางศาสนาก็ได้มีการจัดตั้งสมาคมเพื่อสอนพระพุทธศาสนาแก่ สัดสวนของผูนับถือศาสนาอิสลามอยูมาก
เยาวชนของอินโดนีเซีย ด้วยการด�าเนินกิจกรรมการบรรยายธรรมะ สอนการปฏิบัติสมาธิ และ ที่สุดแตเพราะเหตุใดจึงยังคงมีพลเมือง
ออกวารสารต่างๆ ทางพระพุทธศาสนาทีส่ า� คัญ เช่น วารสารวิปสั สนา วารสารธรรมจาริณี เป็นต้น มาเลเซียอีกบางสวนทีน่ บั ถือพระพุทธศาสนา
ซึง่ ทัง้ หมดนีอ้ ยู่ภายใต้การดูแลของพุทธสมาคมอินโดนีเซียซึ่งมีส�านักงานใหญ่อยู่ที่กรุงจาการ์ตา
(แนวตอบ แมวาปจจุบันประเทศมาเลเซีย
โดยท�าหน้าทีด่ แู ลกิจกรรมทางศาสนา ตลอดจนเรือ่ งต่างๆ ของพุทธศาสนิกชนในประเทศอินโดนีเซีย
จะมีศาสนาอิสลามเปนศาสนาประจําชาติ
แม้ในปัจจุบันพระพุทธศาสนาในอินโดนีเซียจะได้รับการยอมรับจากทางรัฐบาลแล้ว
หากแต่ก็ไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างจริงจัง แม้ว่าจะมีวัดทางพระพุทธศาสนาเกิดขึ้นในประเทศ และมีประชากรสวนใหญนับถือศาสนา
อินโดนีเซียกว่า ๑๕๐ วัด มีพุทธศาสนิกชนประมาณ ๑๕๐,๐๐๐ คน ดังกล่าว จ� านวนของ อิสลาม แตเนื่องจากประเทศมาเลเซียมี
พุทธศาสนิกชนในประเทศยังถือว่ามีจ�านวนน้อยเมื่อเทียบกับชาวมุสลิมซึ่งเป็นศาสนาประจ�าชาติ ลักษณะเปนพหุสังคม มีประชากรที่มีความ
ของอินโดนีเซีย แต่ก็ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีที่พระพุทธศาสนาเริ่มได้รับการยอมรับและมีความ แตกตางทางดานเชื้อชาติ ศาสนา และภาษา
ส�าคัญมากขึ้นในดินแดนแห่งนี้ อาศัยอยูรวมกัน ทําใหมีพุทธศาสนิกชนมาก
๓) พระพุทธศาสนาในประเทศ เปนอันดับสองของประเทศรองจากชาวมุสลิม
มาเลเซี ย ประเทศมาเลเซียเป็นประเทศที่ โดยผทู นี่ บั ถือพระพุทธศาสนาสวนใหญจะเปน
ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามเป็น ชาวจีน ซึง่ อพยพเขามาอยูใ นประเทศมาเลเซีย
ศาสนาประจ�าชาติ แต่ด้วยความที่ประเทศนี้ ตั้งแตสมัยที่ยังเปนอาณานิคมของอังกฤษ
ส่วนหนึ่งก็มีพลเมืองที่มีเชื้อสายจีน ไทย และ นอกจากนั้น ยังมีพุทธศาสนิกชนไทยอีกดวย
พม่า ดังนั้น พระพุทธศาสนาจึงยังมีบทบาท ซึง่ ชาวไทยเหลานีอ้ าศัยอยูใ นประเทศมาเลเซีย
ในหมูช่ าวจีน ไทย และพม่า ซึง่ เป็นพลเมืองของ มาตัง้ แตอดีตสมัยทีม่ าเลเซียยังไมไดสถาปนา
ประเทศมาเลเซีย แม้จะมีอัตราพุทธศาสนิกชน 1 เปนประเทศ)
ในประเทศนีเ้ พียงร้อยละ ๑๙ แต่กถ็ อื เป็นศาสนา พระพุทธรูปปางไสยาสน์ วัดไชยมังคลาราม บนเกาะปีนัง
เป็นทีเ่ คารพสักการะของพุทธศาสนิกชนในประเทศมาเลเซีย
ที่มีความส�าคัญรองจากศาสนาอิสลาม

17

ขอสอบเนน การคิด
บุโรพุทโธที่ตั้งอยูบนเกาะชวา สะทอนขอมูลตามขอใด
NT O-NET นักเรียนควรรู
1. พระพุทธเจาทรงเคยเสด็จมาประทับที่เกาะชวา 1 พระพุทธรูปปางไสยาสน เรียกอีกอยางวา ปางปรินิพพาน เปนปางแสดง
2. ในอดีตพระพุทธศาสนาบนเกาะชวาเคยเจริญรุงเรืองอยางมาก เหตุการณตอนพระพุทธองคประทานปจฉิมโอวาทแกพระอานนทและพระภิกษุ
3. พุทธศาสนิกชนนิยมเดินทางมาสรางพุทธสถานที่ใหญโตบนเกาะชวา ทั้งหลาย แลวเสด็จดับขันธปรินิพพานในคืนวันเพ็ญเดือน 6 เวลาใกลรุง ระหวาง
4. พระสมณทูตจากชมพูทวีปมาเผยแผพระพุทธศาสนาเปนแหงแรกใน ตนสาละคู ณ เมืองกุสินารา ซึ่งลักษณะของพระพุทธรูปปางนี้อยูในพระอิริยาบถ
สุวรรณภูมิ บรรทมตะแคงขวา เมื่อคราวจะปรินิพพานหลับพระเนตร พระเศียรหนุนพระเขนย
พระหัตถซายทอดยาวไปตามพระวรกายเบื้องซาย พระหัตถขวาหงายวางอยูที่
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. บุโรพุทโธตัง้ อยูท เี่ กาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย พื้นขาง พระบาทซายทับพระบาทขวา ลักษณะซอนกัน
เปนศาสนสถานของพระพุทธศาสนานิกายมหายาน สรางขึ้นโดยกษัตริยแหง
ราชวงศไศเลนทร เปนหลักฐานทีแ่ สดงใหเห็นวาเกาะชวาและพืน้ ทีอ่ กี หลายสวน
ของประเทศอินโดนีเซียนั้น พระพุทธศาสนาเคยเจริญรุงเรืองอยางมากในอดีต
ขณะที่ปจจุบันอินโดนีเซียเปนประเทศที่มีประชากรนับถือศาสนาอิสลาม
มากที่สุดในโลก

คูมือครู 17
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูเลาถึงประวัติวัดไทยที่สําคัญในประเทศ
มาเลเซียใหนักเรียนฟง เชน วัดเชตวัน วัดไชย- ในปัจจุบนั พุทธศาสนิกชนในประเทศมาเลเซีย ได้มกี ารรวมตัวกันจัดตัง้ สมาคมทีด่ า� เนิน
มังคลาราม เปนตน หลังจากนั้นใหนักเรียน กิจกรรมทางพระพุทธศาสนาหลายสมาคม เช่น สมาคมผูส้ อนพระพุทธศาสนา เป็นสมาคมทีด่ า� เนิน
ชวยกันอธิบายถึงบทบาทของวัดไทยในประเทศ การจัดพิมพ์หนังสือพระธรรมเทศนาต่างๆ ในฉบับภาษาอังกฤษ และยังจัดท�าหลักสูตรอบรม
มาเลเซีย พรอมยกตัวอยางประกอบการอธิบาย พระสงฆ์ส�าหรับท�าหน้าที่เผยแผ่พระพุทธศาสนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยุวพุทธิกสมาคม
(แนวตอบ วัดไทยในประเทศมาเลเซียมีบทบาท แห่งมาเลเซีย เป็นสมาคมที่ตั้งขึ้นเพื่อเป็นที่พบปะสังสรรค์และจัดกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา
สําคัญ คือ เปนศูนยกลางของการประกอบ ร่วมกันของเหล่าหนุ่มสาวชาวมาเลเซีย สมาคมชาวพุทธแห่งมาเลเซีย ตั้งขึ้นเพื่อเป็นสื่อกลาง
พิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา ใหความรูทาง ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาและท�าหน้าทีส่ าธารณสงเคราะห์เพือ่ ชาวมาเลเซียทีย่ ากไร้ ศูนย์สมาธิ
ธรรมแกพุทธศาสนิกชน สอนวิธีการปฏิบัติ วิปัสสนาแห่งชาวพุทธมาเลเซีย จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นสถานที่ฝึกอบรมสมาธิวิปัสสนากรรมฐานของ
วิปสสนากรรมฐาน การสวดมนต และให พุทธศาสนิกชนชาวมาเลเซีย
ความชวยเหลือดานสังคมสงเคราะห) นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งพุทธสมาคมในมหาวิทยาลัยต่างๆ ของประเทศมาเลเซียด้วย
2. ครูตั้งคําถามใหนักเรียนชวยกันวิเคราะหวา มีการพยายามสร้างวัดใหม่ๆ ขึ้นในประเทศมาเลเซีย ปัจจุบันมีทั้งวัดมหายานและเถรวาทอยู่ใน
• สมาคมพระพุทธศาสนาในประเทศมาเลเซีย ประเทศมาเลเซียราว ๘๐ วัด เป็นศูนย์รวมชาวพุทธ ทั้งจีน ไทย และพม่า โดยมีวัดไทย
มีบทบาทชวยสงเสริมความเจริญรุงเรืองของ ที่ส�าคัญอยู่หลายวัด เช่น วัดเชตวัน วัดไชยมังคลาราม เป็นต้น
พระพุทธศาสนาอยางไร นอกจากนี้ ชาวพุทธในมาเลเซียยังคงมีการรวมตัวกันท�ากิจกรรมทางพระพุทธศาสนา
(แนวตอบ สมาคมผูสอนพระพุทธศาสนามี อย่างสม�า่ เสมอ ตัวอย่างเช่น เมือ่ วันที่ ๑๖ มิถนุ ายน พ.ศ. ๒๕๕๑ สมาคมสงฆ์แห่งพุทธศาสนิกชน
บทบาทในการจัดพิมพพระธรรมเทศนาตางๆ มาเลเซีย ได้จัดกิจกรรม “มหาสังฆทาน” ที่วัดถานเซียง ประเทศมาเลเซีย โดยคณะภิกษุ และ
ตลอดจนจัดทําหลักสูตรอบรมพระสงฆสําหรับ ภิกษุณีของวัดถานเซียง พร้อมด้วยกลุ่มฆราวาสที่ร่วมกันจัดงานนี้ขึ้น โดยในปัจจุบันมีการนับถือ
เผยแผพระพุทธศาสนา ยุวพุทธิกสมาคมแหง พระพุทธศาสนานิกายที่ส�าคัญ ๒ นิกาย คือ มหายานและเถรวาท ซึ่งทั้ง ๒ นิกายก็มีการสร้างวัด
มาเลเซีย เปนศูนยกลางในการพบปะสังสรรค ประจ�าแต่ละนิกายขึ้นหลายแห่ง ซึ่งมีทั้งที่เป็นวัดของชาวมาเลเซีย และวัดของชาวต่างประเทศ
และจัดกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา สมาคม เช่นวัดไทย ซึ่งทั้งหมดเป็นวัดในมหานิกายกว่า ๗๙ วัด ซึ่งตั้งกระจายไปตามรัฐต่างๆ ได้แก่
ชาวพุทธแหงมาเลเซีย เปนสื่อกลางในการ รัฐเคดะห์ รัฐเประ รัฐปะริส และรัฐตรังกานู นอกจากนี้ยังมีวัดพม่า วัดศรีลังกา และวัดที่ชาวจีน
เผยแผพระพุทธศาสนาและทําหนาที่สาธารณ- ตั้งขึ้นอีกจ�านวนหนึ่ง โดยวัดเหล่านี้มีหน้าที่ส�าคัญคือ อบรมสั่งสอนพุทธศาสนิกชน สอนวิปัสสนา
สงเคราะหชาวมาเลเซียที่ยากไร ศูนยสมาธิ กรรมฐาน การสวดมนต์ รวมทั้งการจัดตั้งโรงเรียนสอนพระพุทธศาสนาวันเสาร์ อาทิตย์ และ
วิปส สนาแหงชาวพุทธมาเลเซีย เปนสถานที่ ให้ความช่วยเหลือทางด้านสังคมสงเคราะห์อีกด้วย
ฝกอบรมสมาธิวิปสสนากรรมฐานของ ๔) พระพุทธศาสนาในประเทศสิงคโปร์ ประเทศสิงคโปร์ถือเป็นประเทศที่มีความ
พุทธศาสนิกชนชาวมาเลเซีย) หลากหลายทางด้านเชื้อชาติและศาสนา โดยประชากรของสิงคโปร์จะนับถือศาสนาหลักๆ ได้แก่
พระพุทธศาสนา ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ และศาสนาฮินดู โดยมีอัตราส่วนของประชากร
ที่นับถือพระพุทธศาสนาของทั้งประเทศประมาณร้อยละ ๔๒ ของจ�านวนประชากรทั้งหมด
ซึง่ ส่วนใหญ่ของพุทธศาสนิกชนชาวสิงคโปร์เป็นชาวจีน คือ ประมาณร้อยละ ๙๐ ของพุทธศาสนิกชน
ทั่วประเทศ ส�าหรับนิกายที่มีผู้นับถือมากที่สุด ได้แก่ พระพุทธศาสนานิกายมหายาน
18

ขอสอบเนน การคิด
บูรณาการอาเซียน แนว  NT  O-NE T
พระพุทธศาสนานิกายใดเจริญรุงเรืองในอาณาจักรศรีวิชัยมากอน
ครูอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนเขาใจวา ไทยยกรัฐไทรบุรี กลันตัน ตรังกานู
1. นิกายชินโต
และปะลิสใหแกองั กฤษ ในสมัยรัชกาลที่ 5 แหงกรุงรัตนโกสินทร เพือ่ แลกกับการไดรบั
2. นิกายเถรวาท
สิทธิสภาพนอกอาณาเขตกลับคืนมา โดยรัฐไทรบุรหี รือรัฐเคดะหในปจจุบนั รวมถึง
3. นิกายมหายาน
รัฐอื่นๆ ทางตอนเหนือของประเทศมาเลเซีย ยังมีคนไทยจํานวนหนึ่งอาศัยอยู
4. นิกายสยามวงศ
ซึ่งคนไทยเหลานี้ยังคงยึดมั่นในวัฒนธรรมไทยอยางเหนียวแนน สามารถพูด
ภาษาไทยได และนับถือพระพุทธศาสนา มีการสรางวัดไทยหลายแหง ซึ่งเปน วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. พระพุทธศาสนานิกายมหายานเจริญรุงเรือง
วัดในพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท เชน วัดพิกุลทองวราราม วัดใหมสุวรรณคีรี ในอาณาจักรศรีวิชัย หลักฐานสําคัญที่แสดงวาพระพุทธศาสนานิกายมหายาน
วัดชลประชุมธาตุชนาราม เปนตน ทั้งนี้รัฐบาลมาเลเซียก็ใหเสรีภาพในการนับถือ เจริญรุงเรืองในอาณาจักรศรีวิชัย คือ รูปพระโพธิสัตว ซึ่งสรางขึ้นตาม
ศาสนาและการประกอบศาสนกิจแกชาวมาเลเซียเชื้อสายไทยเปนอยางดี คติความเชื่อของพระพุทธศาสนานิกายมหายาน

18 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
ครูใหนักเรียนนําขอมูลที่ไดจากการศึกษา
ปัจจุบันพระพุทธศาสนาในประเทศสิงคโปร์ได้รับความสนใจจากพุทธศาสนิกชน คนควาเกี่ยวกับสถานการณการนับถือศาสนา
ในการเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้น อีกทั้งยังร่วมในสมาคมต่างๆ ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อ ของประเทศสิงคโปรในปจจุบันมาอภิปรายรวมกัน
จุดมุ่งหมายในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา เช่น แลวตั้งคําถามใหนักเรียนชวยกันตอบ ดังนี้
สหพันธ์พุทธศาสนิกชนชาวสิงคโปร์ สหภาพ • ปจจุบันประชากรสิงคโปรที่นับถือ
พุทธศาสนิกชน สถาบันสตรีชาวพุทธสิงคโปร์ พระพุทธศาสนามีประมาณเทาใด
สมาคมพุ ท ธศาสนาแห่ ง สิ ง คโปร์ องค์ ก าร (แนวตอบ ปจจุบันชาวสิงคโปรที่นับถือ
ยุวพุทธแห่งสิงคโปร์ และองค์การพุทธยานแห่ง พระพุทธศาสนามีประมาณรอยละ 42)
สิงคโปร์ เป็นต้น โดยสมาคมทางพระพุทธ • ประชากรในประเทศสิงคโปรสวนใหญนับถือ
ศาสนาเหล่านี้มีการด�าเนินกิจกรรมที่คล้ายกัน พระพุทธศาสนานิกายใด
เช่น การแสดงพระธรรมเทศนา แสดงปาฐกถา (แนวตอบ พระพุทธศาสนานิกายมหายาน)
หรืออภิปรายธรรมโดยพระสงฆ์ หรือฆราวาส • ประเทศสิงคโปรมีวิธีการเผยแผพระพุทธ-
ผู ้ ท รงคุ ณ วุ ฒิ และการจั ด ให้ มี พิ ธี ก รรมทาง ศาสนาที่แตกตางจากประเทศอื่นๆ
ศาสนาในโอกาสส�าคัญต่างๆ มีการแปลคัมภีร์ ที่นักเรียนเคยศึกษามาอยางไร
และเอกสารทางพระพุทธศาสนาออกเป็นภาษา วัดศากยมุนคี ยา ประเทศสิงคโปร์ เป็นศาสนสถานสำาคัญทาง (แนวตอบ ปจจุบันการเผยแผพระพุทธศาสนา
ต่างๆ พระพุทธศาสนานิกายเถรวาท ทีเ่ ป็นศูนย์รวมความศรัทธา ในสิงคโปรไดมีการนําเทคโนโลยีเขามาเปน
พุทธศาสนิกชนชาวสิงคโปร์ยังได้ ของชาวสิงคโปร์ สื่อกลาง เชน ริเริ่มผลิตหนังสือ electronic
รวมตัวกันเพือ่ จัดตัง้ พุทธสมาคมแห่งสิงคโปร์ซงึ่ ปัจจุบนั มีกว่า ๑,๘๐๐ แห่งทัว่ ประเทศ โดยนอกจาก หรือ e-book สําหรับเผยแผหลักธรรม
เป็นสมาคมทีม่ จี ดุ ประสงค์เพือ่ เผยแผ่และด�าเนินกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาแล้ว ชาวพุทธเหล่านี้ คําสอนในอินเทอรเน็ต โดยจัดทําเปน 3
ยังได้ด�าเนินกิจการสาธารณกุศล เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ยากไร้ ซึ่งถือเป็นการด�าเนินตาม ภาษา ไดแก ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และ
หลักธรรมค�าสอนของพระพุทธศาสนาในเรื่องของความเมตตากรุณาต่อเพื่อนมนุษย์ ซึ่งชาวพุทธ ภาษาสิงหล)
ที่ดีพึงกระท�าต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน โดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติและศาสนา นอกจากนี้ ในปัจจุบัน
การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในประเทศสิงคโปร์ยงั ได้มกี ารน�าเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาเป็นสือ่ กลาง
ดังเห็นได้จากการด�าเนินงานของศูนย์ปฏิบัติพุทธสมาธิแห่งประเทศสิงคโปร์ ที่ริเริ่มผลิตหนังสือ
electronic หรือ e‑books ออกมาชุดหนึ่งส�าหรับเผยแผ่หลักธรรมค�าสอนในอินเทอร์เน็ต เช่น
เรื่อง “ขุมทรัพย์แห่งความจริง พระธรรมบทมีภาพประกอบ” (Treasury of Truth : Illustrated
Dhammapada) โดยจัดท�าเป็น ๓ ภาษา ได้แก่ ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และภาษาสิงหล หรือ
หนังสือ electronic ที่ว่าด้วยเรื่อง “ธรรมชาติของชีวิตและความตาย” (The Nature of Life and
Death) และเรื่อง “มงคลสูงสุด” (Maha Mangala Sutta)
ปัจจุบันประเทศสิงคโปร์มีวัดทางพระพุทธศาสนาอยู่ประมาณ ๑๑๒ วัด ส่วนใหญ่เป็น
วัดของฝ่ายมหายาน ในจ�านวนนี้มีวัดไทยอยู 1 ่ประมาณ ๒๐ วัด วัดไทยที่ส�าคัญมี ๒ วัด คือ
วัดอานันทเมตยาราม และวัดป่าเลไลยก์ เป็นศูนย์รวมใจของพุทธศาสนิกชนชาวไทยในสิงคโปร์
19

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T นักเรียนควรรู
เพราะเหตุใด พระพุทธศาสนาที่แพรหลายในสิงคโปรสวนใหญจึงเปน
1 วัดปาเลไลยก ชื่อของวัดมาจากพระพุทธรูปปางหนึ่ง มีพุทธลักษณะเปน
นิกายมหายาน
พระพุทธรูปนั่ง พระหัตถซายวางควํ่าบนพระชานุเบื้องซาย พระหัตถขวาวางแบ
แนวตอบ สาเหตุที่ทําใหพระพุทธศาสนานิกายมหายานแพรหลายอยูใน บนพระชานุเบื้องขวา มีชางหมอบถวายกระบอกนํ้า และลิงนั่งถวายรวงผึ้ง
ประเทศสิงคโปรนั้น เนื่องจากประชากรสวนใหญของสิงคโปรเปนชาวจีน มูลเหตุการสรางพระพุทธรูปปางปาเลไลยหรือปาลิไลย เนื่องจากพระภิกษุในกรุง
พระพุทธศาสนานิกายมหายานจึงเจริญรุงเรืองอยางมาก ซึ่งชาวจีนใน โกสัมพีทะเลาะวิวาทกันขนานใหญ แมสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธจะเสด็จไปหามปราม
สิงคโปรจะนับถือพระพุทธศาสนานิกายมหายานควบคูไปกับการนับถือลัทธิ แตก็ไมมีใครสนใจ พระองคทรงอิดหนาระอาพระทัย จึงเสด็จหลีกไปประทับ
ขงจื๊อและลัทธิเตา อยูใ นปาปาริเลยยกะ โดยมีพญาชางปาริเลยยกะคอยปรนนิบตั ิ เมือ่ ลิงเห็นก็นาํ รวงผึง้
มาถวายบาง หลังออกพรรษา พระอานนทไดมากราบทูลอาราธนาใหพระองค
เสด็จกลับพระเชตวันมหาวิหาร ซึ่งเมื่อพระพุทธเจาเสด็จกลับแลว เหลาพระภิกษุ
ที่เปนตนเหตุของเรื่อง ก็ไดเดินทางมาเฝาเพื่อขอขมาตอพระพุทธองค

คูมือครู 19
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนนําขอมูลที่ไดจากการศึกษา
คนควาเกี่ยวกับสถานการณการนับถือพระพุทธ- ๕) พระพุทธศาสนาในประเทศลาว ปัจจุบันหลังจากประเทศลาวเริ่มเข้าสู่ภาวะ
ศาสนาในประเทศลาวปจจุบนั มาอภิปรายรวมกัน สงบสุขจากปัญหาการเมืองภายในประเทศ จึงเริ่มมีการพยายามฟื้นฟูพระพุทธศาสนาขึ้นอีกครั้ง
2. ครูใหนักเรียนดูภาพการตักบาตรขาวเหนียว หลังจากซบเซาลงเนือ่ งจากปัญหาภายในประเทศ
ในหนังสือเรียนหนา 20 และเปรียบเทียบการ โดยส่วนหนึ่งได้รับความร่วมมือจากพระสงฆ์
ครองจีวรของพระสงฆ ตลอดจนลักษณะของ และพุทธศาสนิกชนชาวไทย ที่ได้เข้าไปช่วยให้
ประเพณีการตักบาตรระหวางประเทศลาวกับ พระพุทธศาสนาในประเทศลาวกลับมารุ่งเรือง
ประเทศไทย อีกครั้ง เพราะอย่างไรก็ตามประเทศลาวก็ได้
3. ครูใหนักเรียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการ ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีประชากรส่วนใหญ่นับถือ
จัดการเรียนการสอนของสถาบันการศึกษา พระพุทธศาสนากว่าร้อยละ ๙๐ ของประชากร
พระพุทธศาสนาในลาววา การจัดใหมีวิชาการ ทั้งหมดในประเทศ
สมัยใหมควบคูไปกับพระปริยัติธรรมมีความ สถานการณ์ พ ระพุ ท ธศาสนาใน
จําเปนตอการพัฒนาศาสนาอยางไร ประเทศลาวปัจจุบัน ก็ยังคงเป็นศูนย์รวมความ
(แนวตอบ ครูเปดโอกาสใหนกั เรียนแสดงความคิดเห็น ศรัทธาของประชาชน ทั้งยังมีบทบาทในการ
ไดอยางหลากหลาย เชน การศึกษาวิชาการ ให้ความช่วยเหลือประชาชนในด้านต่างๆ โดย
พระพุ ท ธศาสนาเป็ น ศู น ย์ ร วมความศรั ท ธาของคนลาว
สมัยใหมนับเปนการศึกษาความรูทางโลก (จากภาพ) สตรีชาวลาวในหลวงพระบางกำาลังตักบาตร พระสงฆ์ก็ยังคงเป็นที่พึ่งของชุมชน คอยให้
ซึ่งจะทําใหพระสงฆสามารถนําไปประยุกต ข้าวเหนียว
ค�าปรึกษา ช่วยเหลือในสิง่ ต่างๆ จนกล่าวได้วา่
เขากับความรูทางธรรมเพื่อเทศนาใหแก วัดในประเทศลาวถือเป็นศูนย์กลางทางจิตวิญญาณของประชาชนชาวลาว และเป็นศูนย์กลางในการ
พุทธศาสนิกชนไดอยางเทาทันโลก เปนตน) จัดกิจกรรมของชุมชน นอกจากนี้ ประเพณีพิธีกรรมที่ส�า1คัญของประเทศส่วนใหญ่ก็มีที่มาจาก
4. ครูสุมถามนักเรียนวา โดยสรุปสถานการณของ พระพุทธศาสนา ดังเช่น ประเพณีงานท�าบุญพระธาตุหลวง ซึ่งปัจจุบันถือเป็นประเพณีที่ส�าคัญ
พระพุทธศาสนาในประเทศลาวปจจุบันเปน ประจ�าชาติของลาว
อยางไร ส�าหรับการศึกษาของพระสงฆ์ ซึง่ เป็นศาสนทายาทส�าคัญทีจ่ ะสืบทอดพระพุทธศาสนา
(แนวตอบ พระพุทธศาสนาในประเทศลาวปจจุบัน ก็ได้มกี ารจัดตัง้ สถาบันการศึกษาพระพุทธศาสนา หรือวิทยาลัยสงฆ์ โดยปัจจุบนั ตัง้ อยูท่ วี่ ดั องค์ตอื้
ไดรับการฟนฟูและมีความเจริญรุงเรือง มหาวิหาร นครหลวงเวียงจันทน์ ซึ่งพระสงฆ์ที่ศึกษาจบแล้วจะได้รับประกาศนียบัตรจากกระทรวง
อีกครั้งหนึ่ง ชาวลาวกวารอยละ 90 นับถือ ศึกษาธิการของประเทศ และมีสทิ ธิได้รบั การขนานนามว่า “มหา”
พระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาเปนศูนยรวม ส�าหรับหลักสูตรการเรียนการสอนในสถาบันแห่งนี้ได้จัดให้มีการเรียนการสอนทั้ง
จิตใจของชาวลาว พระสงฆเปนที่พึ่งของชุมชน พระปริยัติธรรม และวิชาการสมัยใหม่ เช่น ภาษาบาลี ภาษาสันสกฤต ภาษาลาว ภาษาอังกฤษ
วัดก็เปนศูนยกลางทางดานจิตวิญญาณของ ศาสนา ปรัชญา จิตวิทยา ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ สังคมวิทยา
ประชาชนและเปนศูนยกลางของชุมชนในการ การศึกษา สุขาภิบาล ตลอดจนโหราศาสตร์ เป็นต้น นอกจากนั้นพระสงฆ์ที่ศึกษาจบแล้วจะต้อง
2
จัดกิจกรรมตางๆ ประเพณีพิธีกรรมสําคัญๆ อยู่ปฏิบัติงานในสมณเพศอย่างน้อย ๒ ปีจึงจะสามารถลาสิกขาได้
สวนใหญก็มีที่มาจากพระพุทธศาสนา)

20

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว  NT  O-NE T
สถาบันใดที่เปนหลักการในการสงเสริมพระพุทธศาสนาใหเจริญรุงเรืองใน
1 พระธาตุหลวง หรือพระเจดียโลกะจุฬามณี นับเปนศาสนสถานสําคัญของ
ประเทศเพื่อนบาน
นครหลวงเวียงจันทน ตามตํานานอุรังคนิทานไดกลาวไววา พระธาตุหลวงสรางขึ้น
1. องคกรเอกชน
คราวเดียวกับการสรางเมืองนครเวียงจันทน ผูสรางคือ บุรีจันอวยลวย
2. สถาบันการเมือง
หรือพระเจาจันทบุรีประสิทธิศักดิ์ เจาเหนือหัวผูครองนครเวียงจันทนพระองคแรก
3. สถาบันครอบครัว
พรอมกับพระอรหันต 5 องค เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุสวนหัวเหนา
4. สถาบันพระมหากษัตริย
27 พระองค ซึ่งไดอัญเชิญมาจากเมืองราชคฤห ประเทศอินเดีย
2 สมณเพศ ชาวพุทธนิยมเรียกบุคคลที่เขามาบวชในพระพุทธศาสนาวาถือ วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. พระมหากษัตริยเปนที่เคารพศรัทธาของ
“สมณเพศ” หรือ “เพศบรรพชิต” คือ การดํารงชีพเปนนักบวช ซึ่งผูบวชเปน ประชาชน รวมทั้งเปนแบบอยางของประชาชนในทุกๆ ดาน พระพุทธศาสนา
พระภิกษุจะถือศีล 227 ขอ สามเณร 10 ขอ และภิกษุณี 311 ขอ เจริญรุงเรืองในประเทศตางๆ ก็ดวยการอุปถัมภของพระมหากษัตริย

20 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนกั เรียนนําขอมูลทีไ่ ดจากการศึกษาคนควา
นอกจากจะมีการเรียนการสอนตามหลักสูตรแล้ว สถาบันยังได้จัดให้มีกิจกรรมเพื่อ เกีย่ วกับสถานการณการนับถือพระพุทธศาสนา
ท�านุบ�ารุงพระพุทธศาสนาอีกหลายประการ เช่น การบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน การอบรม ในประเทศกัมพูชาปจจุบันมาอภิปรายรวมกัน
พระวิปัสสนาจารย์ การอบรมพระธรรมกถึก การศึกษาภาษาบาลี การจัดพิมพ์วารสารเพื่อเผยแผ่ แลวตั้งคําถามใหนักเรียนชวยกันตอบ ดังนี้
พระพุทธศาสนา เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีวิทยาลัยสงฆ์อีกแห่งตั้งอยู่ที่แขวงจ�าปาศักดิ์ ซึ่งด�าเนิน • หลังจากสงครามกลางเมืองในกัมพูชาสงบลง
การเรียนการสอนคล้ายกันกับทีน่ ครหลวงเวียงจันทน์ และยังมีการจัดส่งพระสงฆ์ลาวเข้ามาศึกษา รัฐบาลมีวธิ กี ารฟน ฟูพระพุทธศาสนาอยางไร
พระพุท1ธศาสนาในมหาวิทยาลัยสงฆ์ของประเทศไทย (แนวตอบ รัฐบาลเริ่มตนบูรณปฏิสังขรณวัดวา
2 คือ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช อารามตางๆ จัดตั้งองคกรทางพระพุทธ-
วิทยาลัย และมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยของไทย รวมทั้งวิทยาเขตตามภูมิภาคต่างๆ
มีพระสงฆ์ลาวเข้ามาศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี และปริญญาโทจ�านวนมาก ส่วนใหญ่พระสงฆ์ ศาสนา และสงเสริมใหมีการจัดกิจกรรมทาง
เหล่านีถ้ อื เป็นก�าลังส�าคัญทีจ่ ะกลับไปพัฒนาพระพุทธศาสนาในประเทศลาวให้เจริญยิง่ ขึน้ ในอนาคต พระพุทธศาสนาอยางสมํ่าเสมอ)
กล่าวได้ว่าพระพุทธศาสนาในประเทศลาวปัจจุบันมีความเจริญรุ่งเรืองและมั่นคงขึ้น • นักเรียนสามารถนํากิจกรรมทางพระพุทธ-
เนื่องจากชาวลาวมีความเคารพและศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาอย่างเหนียวแน่น โดยประชาชน ศาสนาในกัมพูชามาประยุกตใชในการจัด
นิยมท�าบุญตักบาตรในตอนเช้า ในวันส�าคัญทางพระพุทธศาสนาและทางราชการก็ก�าหนดให้เป็น กิจกรรมในโรงเรียนไดอยางไร
วันหยุดราชการ ตลอดจนการอุปสมบทก็ยังคงเป็นธรรมเนียมที่ผู้ชายของลาวในวัยครบเกณฑ์ (แนวตอบ เชน รวมกลุมกันจัดชมรมบําเพ็ญ
จะต้องเข้าบวชเรียนในพระพุทธศาสนา รวมทัง้ มีการสร้างวัดลาวขึน้ ในต่างประเทศหลายแห่ง เช่น ประโยชนใหแกสังคม นิมนตพระมาบรรยาย
ที่สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส และออสเตรเลีย เป็นต้น ธรรมทุกวันพระ เปนตน)
2. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 1.2 จากแบบวัดฯ
๖) พระพุทธศาสนาในประเทศกัม พูช า พระพุทธศาสนาในประเทศกัมพูชา
พระพุทธศาสนา ม.2
กล่าวได้ว่าเป็นประเทศหนึ่งที่ค่อนข้างได้รับผลกระทบจากปัญหาความขัดแย้งภายในประเทศ
ท�าให้พระพุทธศาสนาของกัมพูชาเกิดสภาวะ ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ
ชะงักงันไปเป็นเวลานาน จนกระทัง่ หลังสงคราม พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 1.2
หนวยที่ 1 ประวัติและความสําคัญของพระพุทธศาสนา
กลางเมืองใน พ.ศ. ๒๕๓๔ พระพุทธศาสนาก็ คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
กิจกรรมที่ ๑.๒ ใหนกั เรียนอธิบายการเผยแผพระพุทธศาสนาเขาสูป ระเทศ
เริ่มได้รับการฟื้นฟูอีกครั้งในฐานะที่เป็นศาสนา เพื่อนบาน โดยเลือก ๑ ประเทศ แลวเขียนลงในชองวาง
ñð
ที่กําหนด (ส ๑.๑ ม.๒/๑)
ประจ�าชาติที่มีประชากรกว่าร้อยละ ๙๕ นับถือ
ลาว
การเผยแผพระพุทธศาสนาเขาสูประเทศ……………………………………………..
พระพุทธศาสนา โดยรัฐบาลกัมพูชามีการส่งเสริม ๑. ประวัติการเผยแผพระพุทธศาสนาเขาสูประเทศ
พระพุ ทธศาสนาเผยแผเขาสูลาวในรัชกาลพระเจาฟางุมแหงอาณาจักรลานชาง โดยพระมเหสี
ให้ชาวกัมพูชาเข้ารับการอุปสมบท การสนับสนุน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ของพระองค คือ พระนางแกวยอดฟาไดกราบทูลใหพระเจาฟางุมแตงคณะทูตอาราธนาพระสงฆ
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
จากพระเจ าศรีจลุ ราชแหงกัมพูชา ซึง่ พระองคโปรดใหพระสงฆเดินทางไปเผยแผศาสนาทีล่ า นชาง
ให้พธิ กี รรมของทางราชการทีจ่ ะต้องมีพระสงฆ์
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ทั………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ง้ ยังพระราชทานพระบางพรอมดวยพระไตรปฎกและหนอพระศรีมหาโพธิใหแกพระเจาฟางุม ดวย
ในรั ชกาลพระเจาไชยเชษฐาธิราช พระพุทธศาสนาเจริญรุงเรืองถึงขีดสุด ทรงทํานุบํารุง
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

เข้าร่วมประกอบพิธีด้วย ทั้งยังให้วันส�าคัญทาง พระพุ ทธศาสนาอยางดี และเมื่อลาวตกเปนของฝรั่งเศสใน พ.ศ. ๒๔๓๖ พระพุทธศาสนา


………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ได เสื่อมโทรมลงเพราะขาดการทํานุบํารุงดูแล จนกระทั่งใน พ.ศ. ๒๕๓๐ จึงเริ่มมีการฟนฟู
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

พระพุทธศาสนาเป็นวันหยุดราชการ ตลอดจน ฉบับ


เฉลย
พระพุ ทธศาสนาขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

บูรณปฏิสงั ขรณ์วดั วาอารามทีส่ า� คัญ ซึง่ เสียหาย หลังสงครามกลางเมืองสงบ กิจกรรมทางด้านศาสนาใน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

๒. การเผยแผพระพุทธศาสนาในปจจุบัน
ป………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
จจุบนั พระพุทธศาสนายังคงเปนศูนยรวมความศรัทธาของประชาชนลาว ทัง้ ยังมีบทบาทในการ
จากภัยสงคราม เพื่อให้สามารถใช้ประกอบ ประเทศกัมพูชาได้รับการส่งเสริมฟืนฟูมากขึ้น (จากภาพ) ช………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
วยเหลือประชาชนในดานตางๆ สําหรับการศึกษาของพระสงฆ ไดมกี ารจัดตัง้ สถาบันการศึกษา
พระสงฆ์กาำ ลังบิณฑบาตที่ถนนสายหนึ่งในประเทศกัมพูชา พระพุ ทธศาสนาหรือวิทยาลัยสงฆ โดยปจจุบันตั้งอยูที่วัดองคตื้อมหาวิหาร นครเวียงจันทน
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ศาสนกิจได้ดังเดิม นอกจากจะมี
พระพุ ท
การเรียนการสอนตามหลักสูตรแลว สถาบันยังไดจัดใหมีกิจกรรมเพื่อทํานุบํารุง
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ธศาสนา เชน การบรรพชาสามเณรภาคฤดูรอ น การอบรมพระวิปส สนาจารย การศึกษา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ภาษาบาลี เปนตน และยังมีการสงพระสงฆลาวมาศึกษาพระพุทธศาสนาในมหาวิทยาลัยสงฆ
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

21 ของไทย รวมทั้งวิทยาเขตตามภูมิภาคตางๆ และในวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา ทางราชการ


………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ได กําหนดใหเปนวันหยุดราชการ รวมทั้งมีการสรางวัดลาวขึ้นในตางประเทศหลายแหง เชน
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ที………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
่สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย เปนตน
(พิจารณาคําตอบของนักเรียน โดยใหอยูในดุลยพินิจของครูผูสอน)
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T นักเรียนควรรู
หลังสงครามกลางเมืองสิ้นสุดลง รัฐบาลกัมพูชาไดดําเนินการฟนฟู
1 มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตัง้ อยูใ นวัดมหาธาตุยวุ ราชรังสฤษฎิ์
พระพุทธศาสนาดวยวิธีการใด
ราชวรมหาวิหาร เปนสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาของพระสงฆฝา ยมหานิกาย
แนวตอบ รัฐบาลกัมพูชาดําเนินการฟนฟูพระพุทธศาสนาดวยการสงเสริม ซึง่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูห วั โปรดเกลาฯ ใหสมเด็จพระมหาสมณเจา
ใหชาวกัมพูชาเขารับการอุปสมบท สนับสนุนใหมีพระสงฆเขารวมพิธีกรรม กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ปรับปรุงโรงเรียนสอนภาษาบาลีชื่อ มหาธาตุวิทยาลัย
ของทางราชการ กําหนดใหวันสําคัญทางพระพุทธศาสนาเปนวันหยุดราชการ ขึ้นเปนมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
บูรณปฏิสังขรณศาสนสถานใหดีเพื่อใชประกอบศาสนกิจ สงเสริมการศึกษา 2 มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ตั้งอยูภายในวัดบวรนิเวศวิหาร
พระปริยัติธรรมแกพระภิกษุสามเณร จัดตั้งสถาบันการศึกษาสําหรับพระภิกษุ เปนสถาบันการศึกษาของสงฆแหงแรกของประเทศไทยที่จัดการศึกษาในรูปแบบ
สามเณร ตลอดจนสงเสริมกิจกรรมตางๆ ทางพระพุทธศาสนา มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนา และเปนสถาบันการศึกษาแหงแรกที่เริ่มประยุกต
หลักพระพุทธศาสนาใหเขากับสังคมสมัยใหม ถือเปนมหาวิทยาลัยสงฆฝาย
ธรรมยุติกนิกาย กอตั้งขึ้นโดยสมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกลาเจาอยูหัว

คูมือครู 21
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
ครูใหนักเรียนนําขอมูลที่ไดจากการศึกษา
คนควาเกี่ยวกับสถานการณการนับถือพระพุทธ- ในด้านการศึกษา มีการจัดตั้งโรงเรียนหรือองค์กรทางพระพุทธศาสนาที่สอนเฉพาะ
ศาสนาในประเทศเวียดนามปจจุบนั มาอภิปรายรวมกัน พระธรรมวินยั แก่พระภิกษุสามเณร ซึง่ มีอยูท่ วั่ ประเทศ เช่น การฟืน้ ฟูมหาวิทยาลัยสงฆ์พทุ ธศาสนา
แลวตั้งคําถามใหนักเรียนชวยกันตอบ ดังนี้ พระสีหนุราช ให้เป็นศูนย์ศึกษาพระธรรมวินัย การจัดตั้งสถาบันพระพุทธศาสนา วัฒนธรรม
• หลังจากสงครามอินโดจีนสิ้นสุดลง รัฐบาล วรรณคดี ส�าหรับพระภิกษุและประชาชนทัว่ ไปได้เข้าไปศึกษาค้นคว้า การตัง้ สมาคมชาวพุทธเขมร
เวียดนามฟนฟูพระพุทธศาสนาอยางไร และสมาคมเพื่ อ การพั ฒ นาและธ� า รงรั ก ษา
(แนวตอบ รัฐบาลเริ่มตนบูรณปฏิสังขรณวัดวา พระพุทธศาสนา เป็นต้น
อารามตางๆ กําหนดหลักสูตรพระพุทธ- ส่ ว นกิ จ กรรมในด้ า นต่ า งๆ ทาง
ศาสนาใหอยูในหลักสูตรการเรียนการสอน พระพุทธศาสนาในประเทศกัมพูชาก็ได้มีการ
ของประเทศ จัดตั้งชุมชนชาวพุทธแหง ส่งเสริมให้มีขึ้น ดังเช่น การจัดกิจกรรมทาง
เวียดนาม และมีการแปลพระไตรปฎกเปน พระพุทธศาสนาเพือ่ สัน1ติภาพในกัมพูชา โดยจัด
ภาษาเวียดนาม รวมถึงสนับสนุนการอบรม ในรูปแบบธรรมยาตรา ที่เดินไปตามเส้นทาง
เผยแผธรรมะ ตลอดจนสนับสนุนใหมีการ ที่ได้รับความเสียหายจากสงครามในประเทศ
แลกเปลี่ยนสมณทูตกับประเทศใกลเคียง กัมพูชา ซึง่ กิจกรรมนีม้ กี ารจัดขึน้ เป็นครัง้ แรกใน
เชน ประเทศไทย เมียนมา กัมพูชา จีน พ.ศ. ๒๕๓๕ มาจนถึงปัจจุบัน การด�าเนินงาน
เปนตน) รัฐบาลกัมพูชาได้สนับสนุนให้พทุ ธศาสนิกชนเข้ามาบรรพชา มีการเทศนาสัง่ สอนหลักธรรมทางศาสนาให้แก่
อุปสมบท เพือ่ สืบทอดและธำารงรักษาพระพุทธศาสนา พุท ธศาสนิก ชนไปตลอดทั้ง เส้น ทางที่ ข บวน
• นักเรียนคิดวา การกําหนดใหมีหลักสูตร
พระพุทธศาสนาในหลักสูตรการเรียนการ ธรรมยาตราผ่าน พร้อมทั้งสอนศีล ๕ ให้แก่เด็ก มีการสวดมนต์และปลูกต้นไม้เพื่อสร้างจิตส�านึก
สอนของประเทศเวียดนามมีประโยชน ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ตลอดจนส่งเสริมให้มีความรักความเมตตาแก่ผู้ป่วยโรคเอดส์ นับเป็น
อยางไร กิจกรรมดีๆ ทีช่ าวกัมพูชาริเริม่ ขึน้ เพือ่ จรรโลงพระพุทธศาสนาและสร้างสรรค์สงิ่ ดีๆ ให้กบั ประชาชน
(แนวตอบ เปนการสรางความเขาใจเกี่ยวกับ ชาวกัมพูชา ปัจจุบันรัฐบาลกัมพูชาได้สนับสนุนให้ชาวพุทธเข้ามาบรรพชาอุปสมบท และส่งเสริม
หลักธรรมคําสอนทางพระพุทธศาสนาใหกับ การศึกษาพระปริยัติธรรมแก่พระภิกษุสามเณรให้ได้รับการศึกษา เพื่อให้พระพุทธศาสนากลับมา
ผูเรียนทุกศาสนา อีกทั้งปลูกฝงใหผูเรียนมี เจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง ปัจจุบันประชาชนกัมพูช2าร้อยละ ๙๕ นับถือ3พระพุทธศาสนา และคณะสงฆ์
คุณธรรมและศีลธรรมในการดําเนินชีวิต) แห่งกัมพูชาแบ่งเป็น ๒ นิกาย คือ มหานิกาย และธรรมยุติกนิกาย มีสมเด็จพระสังฆราชนิกายละ
๑ พระองค์
๗) พระพุทธศาสนาในประเทศเวียดนาม หลังจากสงครามอินโดจีนสิ้นสุดลงใน
พ.ศ. ๒๕๓๐ พระพุทธศาสนาในประเทศเวียดนามได้เริ่มฟื้นตัวอีกครั้ง รัฐบาลของเวียดนาม
ได้ให้สิทธิเสรีภาพแก่ประชาชนในการนับถือศาสนามากขึ้น มีการบูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม
ที่เสียหายจากภัยสงคราม ซึ่งถือเป็นสัญญาณแห่งการเริ่มต้นฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในประเทศ
เวียดนามอีกครัง้ หนึง่ โดยรัฐบาลเวียดนามได้ให้การสนับสนุนการอบรมเผยแผ่ธรรมะ มีการก�าหนด
หลักสูตรพระพุทธศาสนาให้อยู่ในหลักสูตรการเรียนการสอนของประเทศ รวมทั้งการสนับสนุนให้
มีการแลกเปลี่ยนสมณทูตกับประเทศใกล้เคียง เช่น ไทย เมียนมา กัมพูชา และจีน เป็นต้น
22

กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
1 ธรรมยาตรา คือ การเดินอยางสงบ โดยกําหนดรูจิตทุกขณะ เพื่อมีพลังสติ ครูมอบหมายใหนักเรียนไปศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ
สมาธิในการเผชิญอุปสรรคภายใตอานุภาพแหงธรรม ซึ่งการปฏิบัติธรรมยาตรา ของพระพุทธศาสนาในประเทศเพื่อนบานที่สนใจ 1 ประเทศ จากนั้นเขียน
ถือกําเนิดขึ้นครั้งแรกในประเทศกัมพูชา โดยมีจุดมุงหมายเพื่อนําสันติภาพและ สรุปใสกระดาษ A4 พรอมใสรปู ภาพประกอบใหสวยงาม แลวนําสงครูผสู อน
ความสมานฉันทคืนสูประเทศกัมพูชา หลังการเกิดสงคราม
2 มหานิกาย เปนคําเรียกนิกายหรือคณะของพระสงฆไทยสายเถรวาทลัทธิ
ลังกาวงศ ถือเปนพระสงฆกลุมใหญดั้งเดิมในประเทศไทยที่ไมใชพระสงฆ
ธรรมยุติกนิกาย
กิจกรรมทาทาย
3 ธรรมยุติกนิกาย เปนคําเรียกของนิกายหรือคณะสงฆไทยสายธรรมยุต
ซึ่งไดรับการสถาปนาขึ้นโดยเจาฟามงกุฎ (รัชกาลที่ 4) ในรัชสมัยของ ครูมอบหมายใหนักเรียนไปศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายของ
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่ 3 แหงกรุงรัตนโกสินทร รัฐบาลและกิจกรรมของภาคประชาชนหรือพุทธสมาคมตางๆ ของประเทศ
ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต ที่มีตอการสงเสริม สนับสนุน และฟนฟู
พระพุทธศาสนา จากนั้นจัดทําเปนแผนปายนิเทศสงครูผูสอน

22 คูมือครู
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ครูและนักเรียนสรุปสถานการณการนับถือ
นับตัง้ แต่ พ.ศ. ๒๕๔๒ เป็นต้นมา รัฐบาลเวียดนามได้มกี ารรวบรวมชาวพุทธทุกนิกาย พระพุทธศาสนาของประเทศเพื่อนบานในปจจุบัน
และองค์กรต่างๆ ทัว่ ประเทศเวียดนาม เพือ่ จัดตัง้ “ชุมชนชาวพุทธแห่งเวียดนาม” ในการร่วมฟืน้ ฟู จากนัน้ ใหนกั เรียนกลุม เดิมนําขอมูลความรูเ กีย่ วกับ
พระพุทธศาสนาขึ้นอีกครั้งภายหลังการรวมชาติ ภายใต้ค�าขวัญว่า “ธรรมะ‑ชาติ‑สังคมนิยม” และ การเผยแผพระพุทธศาสนาในอดีตมาเปรียบเทียบ
ร่วมกันเผยแผ่พระพุทธศาสนาเพื่อน�าความสงบสุขและสันติภาพมาสู่โลก รวมทั้งได้จัดตั้งองค์กร กับสถานการณการนับถือพระพุทธศาสนาในปจจุบนั
ระดับชาติ ๕ องค์กร และได้มีการแปลและพิมพ์พระไตรปิฎกเป็นภาษาเวียดนามด้วย ทุกวันนี้ เพื่อวิเคราะหถึงความกาวหนาของพระพุทธศาสนา
ภิ ก ษุ ภิ ก ษุ ณี สามเณร แม่ ชี และสาวก ของทุกประเทศนับตั้งแตอดีตจนถึงปจจุบัน
พุทธบริษทั ทัง้ หลาย อยูภ่ ายใต้การน�าของชุมชน เขียนสรุปสาระสําคัญ สงครูผูสอน
ชาวพุทธแห่งเวียดนาม ที่มีส่วนส�าคัญในการ
สนับสนุนการปฏิรูปและการเปลี่ยนแปลงของ ตรวจสอบผล Evaluate
ประเทศไปสู่สิ่งใหม่ๆ นอกจากนี้ เมื่อต้น พ.ศ. 1. ตรวจสอบจากความถูกตองของขอมูล
๒๕๔๘ ทางรั1ฐบาลเวียดนามยังได้อาราธนาท่าน ความรูที่ศึกษาคนควาเพิ่มเติม
ติช นัท ฮันห์ พระภิกษุชาวเวียดนาม ซึ่งพ�านัก 2. ตรวจสอบจากการเขียนสรุปสาระสําคัญ
อยู่ในประเทศฝรั่งเศส กลับมาจัดกิจกรรมทาง เปรียบเทียบการเผยแผพระพุทธศาสนาใน
พระพุทธศาสนา ณ มาตุภูมิในช่วงระยะเวลา การจัดการประชุมชาวพุทธนานาชาติเนือ่ งในวันวิสาขบูชา อดีตกับสถานการณการนับถือพระพุทธศาสนา
หนึง่ ซึง่ ได้รบั ความสนใจจากชาวพุทธทัง้ ภายใน วักรุนงสำฮานอย
าคัญสากลของโลกประจำาปี พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งจัดขึ้นที่
สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในปจจุบัน
ประเทศและต่างประเทศเป็นจ�านวนมาก
ใน พ.ศ. ๒๕๕๑ ประเทศเวียดนามได้รับคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพในการจัดประชุม
ชาวพุทธนานาชาติ เนือ่ งในวันวิสาขบูชา วันส�าคัญสากลของโลก ณ กรุงฮานอย อันเป็นเมืองหลวง
ของประเทศ ซึ่งการเป็นเจ้าภาพในการประชุมครั้งนี้ถือเป็นก้าวส�าคัญของพระพุทธศาสนา
ในประเทศเวียดนามทีแ่ สดงศักยภาพของพุทธศาสนิกชนในเวทีนานาชาติ และการประชุมดังกล่าวนี้
ได้รับการบันทึกว่าเป็นการร่วมประชุมของชาวพุทธจากนานาชาติที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์
โดยมีพุทธศาสนิกชนเข้าร่วมประชุมประมาณ ๑,๕๐๐ คน จาก ๗๔ ประเทศทั่วโลก
๒. วิเคราะห์ความสÓคัญของพระพุทธศาสนา
2.1 พระพุทธศาสนาช่วยสร้างความเข้าใจอันดีกบั ประเทศเพือ่ นบ้าน
พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งสันติ พระพุทธเจ้าทรงเน้นว่าผูป้ กครองประเทศนอกจากจะมี
คุณธรรมของผู้ปกครอง และมีความสามารถในการบริหารประเทศของตนให้สงบสุขแล้ว ยังต้อง
สร้างสัมพันธไมตรีกับมิตรประเทศข้างเคียง เพื่อความเข้าใจอันดีและอยู่ร่วมกันอย่างสันติด้วย
ดังนัน้ จึงมีหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาหลายประการทีเ่ อือ้ ต่อการน�าไปประยุกต์ใช้เพือ่ เสริมสร้าง
ความเข้าใจอันดีระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน ดังตัวอย่างต่อไปนี้
23

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T นักเรียนควรรู
ในปจจุบันรัฐบาลเวียดนามสนับสนุนพระพุทธศาสนามากขึ้น
1 ติช นัท ฮันห กําเนิดเมื่อ พ.ศ. 2469 ที่จังหวัดกวงสี ในตอนกลางของประเทศ
โดยไดดําเนินการอยางไร
เวียดนาม ทานมีชอื่ เดิมวา เหงียน ซวน เบา “ติช นัท ฮันห” เปนฉายาเมือ่ ทานอุปสมบท
แนวตอบ รัฐบาลเวียดนามสนับสนุนพระพุทธศาสนาใหเจริญรุงเรืองอีกครั้ง แลว คําวา “ติช” ในเวียดนามใชเรียกผูสืบทอดพระพุทธศาสนา สวน “นัท ฮันห”
โดยรวบรวมพุทธศาสนิกชนชาวเวียดนามจัดตั้งชุมชนชาวพุทธแหงเวียดนาม เปนนามทางธรรมของทาน มีความหมายวา การกระทําเพียงหนึง่ ทานมีแนวคิดตอตาน
รวมเผยแผพระพุทธศาสนาออกสูสังคมโลก แปลและพิมพพระไตรปฎกเปน รัฐบาลคอมมิวนิสตของเวียดนาม จึงตองลีภ้ ยั ไปอยูป ระเทศฝรัง่ เศสและสรางอาศรม
ภาษาเวียดนาม ตลอดจนอาราธนาทานติช นัท ฮันห กลับมาจัดกิจกรรมทาง ชวยเหลือผูลี้ภัยจํานวนมาก จนภายหลังทานจึงกอตั้งชุมชนแหงใหมทาง
พระพุทธศาสนาที่เวียดนาม ตะวันตกเฉียงใตของฝรั่งเศส ใหชื่อวา หมูบานพลัม

มุม IT
ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติชีวิตและหลักธรรมคําสอนของทาน
ติช นัท ฮันห ไดที่ http://www.thaiplumvillage.org เว็บไซตมูลนิธิหมูบานพลัม
แหงประเทศไทย
คูมือครู 23
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูยกกรณีศึกษาขาวหรือเหตุการณที่แสดง
1
ใหเห็นถึงความสําคัญของพระพุทธศาสนา เชน การ ๑) การสรางสัมพันธไมตรีตามแนวทางของพระเจาอโศกมหาราช พระเจา
ที่รัฐบาลไทยอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาจาก อโศกมหาราชทรงประยุกตหลักพุทธธรรมมาใชในการปกครองประเทศและสรางสัมพันธไมตรี
ประเทศอินเดียเพื่อใหประชาชนสักการบูชา เปนตน กับมิตรประเทศอยางไดผล แนวทางของพระองคจึงมีชื่อเรียกกันวา “ธรรมวิชัย” (ชนะดวยธรรม)
แลวใหนักเรียนบอกวา จากขาวหรือเหตุการณ จนพระมหากษัตริยในยุคตอๆ มายึดถือเปนแบบฉบับในการปกครองประเทศ แนวทางสราง
ดังกลาวสะทอนถึงความสําคัญของพระพุทธศาสนา สัมพันธไมตรีของพระเจาอโศกมหาราช ตามทีป่ รากฏในศิลาจารึกของพระองคเอง มีสาระสําคัญ
อยางไร พอจะสรุปได ดังน�้
แนวทางสรางสัมพันธไมตรีของพระเจาอโศกมหาราช
สํารวจคนหา Explore
๑. ใหสิทธิ เสรีภาพในการเผยแผศาสนา จะตองไมขัดขวางหรือดูหมิ่นศาสนาอื่น เพราะศาสนา
ครูใหนักเรียนจับคู ศึกษาคนควาเพิ่มเติม ทุกศาสนาลวนแตมีจุดหมายปลายทางเดียวกัน คือ สั่งสอนใหบุคคลกระทําความดีละเวนความชั่ว
เกี่ยวกับความสําคัญของพระพุทธศาสนาที่มีตอ นอกจากนี้ ยังตองใหความยกยองนับถือศาสนิกชนของศาสนาอืน่ โดยปราศจากขอรังเกียจเดียดฉันทดว ย
สังคมไทย ตามประเด็นดังตอไปนี้ ๒. ใหความเอือ้ เฟอ แกลทั ธิศาสนาอืน่ ทีเ่ ผยแผเขามาสูป ระเทศของเราตามสมควรแกกาละและเทศะ
โดยปราศจากการแบงแยกวา ควรทํานุบํารุงศาสนานี้มากกวาศาสนานั้น
• พระพุทธศาสนาชวยสรางความเขาใจอันดี ๓. สรางความปรองดองสมานฉันทระหวางกัน ดวยการยินดีรับฟงขอคิดเห็นและขอเสนอแนะของ
กับประเทศเพื่อนบาน มิตรประเทศ รูจักการเสียสละ และการประสานผลประโยชนซึ่งกันและกัน
• พระพุทธศาสนาเปนรากฐานของวัฒนธรรม ๔. พยายามละเวนการสรางขอพิพาท การทําสงคราม การกลาวโจมตีใหรายตอกัน ถาหากจะตอง
ไทย แขงขันเอาชนะกัน ก็ควรเอาชนะกันดวยธรรม หรือที่เรียกวา “ธรรมวิชัย” อันเปนชัยชนะขั้นสูงสุด
• พระพุทธศาสนาเปนเอกลักษณและมรดกของ
สังคมไทย
• พระพุทธศาสนากับการพัฒนาชุมชน
• พระพุทธศาสนากับการจัดระเบียบสังคม

อธิบายความรู Explain
ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายถึงแนวทางการ
สรางสัมพันธไมตรีของพระเจาอโศกมหาราช แลว
หัวเสาหินพระเจาอโศกมหาราช หัวเสาหินพระเจาอโศกมหาราช
ตั้งคําถามวา ในพิพธิ ภัณฑสารนาถ ประเทศอินเดีย ทีก่ รุงเวสาลี แควนวัชชี ประเทศอินเดีย
• การที่ผูปกครองประเทศนําแนวทางการสราง
สัมพันธไมตรีของพระเจาอโศกมหาราช กลาวโดยสรุป ถาผูปกครองประเทศนําหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาประยุกตใช
มาประยุกตใชกับแนวทางการปกครองของ ในการปกครองประเทศและสรางสัมพันธไมตรีกับประเทศเพื่อนบาน ดังกรณีของพระเจาอโศก
ประเทศตนจะชวยใหเกิดผลดีอยางไร มหาราชแลว ก็ยอมจะเกิดความสงบสุข ไมเฉพาะภายในประเทศของตนเองเทานั้น หากรวมถึง
(แนวตอบ ทําใหประชากรในประเทศซึ่งนับถือ ประเทศเพื่อนบานตลอดจนประชาคมโลกทั้งหมดอีกดวย
ศาสนาที่หลากหลายอยูรวมกันไดอยาง
๒๔
สันติสุข ตลอดจนสรางสัมพันธภาพที่ดีกับ
ประเทศเพื่อนบาน)

ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว  NT  O-NE T
หากผูปกครองประเทศตองการสรางความสัมพันธอันดีกับประเทศ
ครูควรนําสารคดีหรือภาพยนตรเกี่ยวกับพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจ
เพื่อนบานตามแนวทางของพระเจาอโศกมหาราช จะตองทําอยางไร
ของพระเจาอโศกมหาราชมาเปดใหนักเรียนดู พรอมกับอธิบายเพิ่มเติม
เพื่อเสริมสรางความเขาใจใหกับนักเรียนมากยิ่งขึ้น แนวตอบ ผูปกครองประเทศที่ตองการเจริญรอยตามพระเจาอโศก-
มหาราชเพื่อเสริมสรางสัมพันธไมตรีกับประเทศเพื่อนบาน ควรปฏิบัติดังนี้
1. ใหเสรีภาพในการเผยแผศาสนา ไมดหู มิน่ ศาสนาอืน่ เพราะทุกศาสนา
นักเรียนควรรู ลวนสอนใหคนทําความดี ละเวนความชั่ว
2. ใหความเอื้อเฟอแกศาสนาอื่นที่เผยแผเขาสูประเทศเราตามสมควร
1 พระเจาอโศกมหาราช เปนจักรพรรดิผูยิ่งใหญแหงราชวงศเมารยะ 3. รับฟงความคิดเห็นของมิตรประเทศ มีนาํ้ ใจ เสียสละ รูจ กั การประสาน
ผูทรงพระปรีชาสามารถ พระองคทรงเปนองคเอกอัครพุทธศาสนูปถัมภก ประโยชนซึ่งกันและกัน
ทรงทํานุบํารุงพระพุทธศาสนาและเผยแผพระพุทธศาสนาไปตามแควนตางๆ 4. หลีกเลี่ยงการสรางความขัดแยง การทําสงคราม หรือการกลาว
ใหรายโจมตีกัน

24 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนอธิบายหลักสาราณียธรรม
๒) การสร้างสัมพันธไมตรีตามหลักสาราณียธรรม แก่นของสาราณียธรรม คือ พรอมยกตัวอยางการนําไปประยุกตใช
ความปรารถนาดีต่อกัน เอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้เป็นแนวทางสร้างสัมพันธไมตรี เปนแนวทางสรางสัมพันธไมตรีระหวาง
ระหว่างประเทศได้อย่างดี ดังตัวอย่างต่อไปนี้ ประเทศ
๒.๑) เมตตากายกรรม คือ แสดงออกซึ่งความเป็นมิตรทางกายต่อประเทศ (แนวตอบ สาราณียธรรม หมายถึง ธรรมอัน
เพื่อนบ้าน เช่น เมื่อมิตรประเทศประสบภัยต่างๆ เป็นต้นว่า อุทกภัย ทุพภิกขภัย แผ่นดินไหว เปนที่ตั้งแหงความระลึกถึง เพื่อใหเกิดความ
เกิดโรคระบาด ฯลฯ ประเทศเราก็ส่งเครื่องอุปโภคบริโภค ยารักษาโรค คณะแพทย์ หรือเงินตรา สามัคคีในการอยูรวมกันอยางมีความสุข
ไปช่วยเหลือตามก�าลังความสามารถ ซึ่งการกระท�าเช่นนี้ย่อมท�าให้มิตรประเทศเกิดความรู้สึก มีทั้งหมด 6 ประการ ไดแก เมตตากายกรรม
ซาบซึ้งและส�านึกในบุญคุณที่ประเทศของเราแสดงออกต่อเขา และย่อมจะตอบแทนด้วยการ เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม สาธารณโภคี
พยายามด�าเนินนโยบายต่างประเทศที่เป็นมิตรต่อประเทศของเรา สีลสามัญญตา และทิฏฐิสามัญญตา ตัวอยาง
๒.๒) เมตตาวจีกรรม คือ มีการกระท�าทางวาจาที่แสดงออกถึงความปรารถนาดี การนําไปประยุกตใชเปนแนวทางสราง
ต่อมิตรประเทศ เช่น ไม่กล่าวติเตียน ให้ร้าย หรือกล่าวโจมตีต่อมิตรประเทศ ไม่ออกแถลงการณ์ สัมพันธไมตรีระหวางประเทศ เชน การสง
หรือแถลงข่าวสารอันจะท�าให้มติ รประเทศได้รบั ความเสียหาย ถ้ามีปญั หาข้อพิพาทเกิดขึน้ ก็หาทาง สิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคไปชวยเหลือ
ยุติด้วยการเจรจาทางการทูต นอกจากนี้ ควรกล่าวยกย่อง ชมเชยมิตรประเทศตามโอกาสอันควร ประเทศเพื่อนบานในยามประสบภัยธรรมชาติ
ด้วยการประพฤติเช่นนีย้ อ่ มเป็นการส่งเสริมสัมพันธไมตรีให้แน่นแฟ้นขึน้ และจะท�าให้ประเทศต่างๆ ไมกลาวโจมตีหรือใสรายประเทศเพื่อนบาน
ระลึกถึงประเทศเราในทางที่ดี ไมใหผูกอการรายใชประเทศของตนเปน
๒.๓) เมตตามโนกรรม คือ มีจติ ใจปรารถนาดีตอ่ มิตรประเทศ ปราศจากอกุศลจิต ทีพ่ กั พิงหรือซองสุมกําลัง เปนตน)
ไม่คิดหวาดระแวง ไม่พยายามชักจูงมิตรประเทศด�าเนินนโยบายก่อสงคราม แต่ให้ค�าแนะน�าใน 2. ครูถามนักเรียนวา
สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาชาติบ้านเมือง • นอกจากหลักสาราณียธรรมแลว ยังมี
หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาใดอีกบางที่
สามารถนํามาปฏิบัติเพื่อสรางสัมพันธไมตรี
ระหวางประเทศได
(แนวตอบ เชน สังคหวัตถุ 4 อันหมายถึง
หลักในการอยูรวมกัน 4 ประการ ไดแก
ทาน ปยวาจา อัตถจริยา และสมานัตตตา
เปนตน)

การเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศเพื่อ1นบ้าน สามารถนำาหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาประยุกต์ใช้ได้มากมาย
เช่น หลักสาราณียธรรม หลักสังคหวัตถุ ๔ เป็นต้น
25

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T นักเรียนควรรู
ประเทศใดตอไปนี้ นําหลักสาราณียธรรมมาใชเสริมสรางความสัมพันธ
1 สังคหวัตถุ 4 หลักการสงเคราะห กลาวคือ การชวยเหลือซึ่งกันและกัน
อันดีตอประเทศเพื่อนบาน
เพื่อการอยูรวมกันอยางมีความสุข มีทั้งหมด 4 ประการ ไดแก
1. ประเทศ ก. ผลักดันผูลี้ภัยสงครามจากประเทศเพื่อนบานกลับไปยัง
1. ทาน คือ การแบงปนเอื้อเฟอเผื่อแผกัน
ประเทศของตน
2. ปยวาจา คือ การพูดจานารักนานิยมนับถือ
2. ประเทศ ข. สงนักวิทยาศาสตรเขาไปชวยเหลือประเทศเพื่อนบานผลิต
3. อัตถจริยา คือ การบําเพ็ญประโยชน
พลังงานทดแทน
4. สมานัตตตา คือ ความมีตนเสมอ ทําตัวใหเขากันได เชน ไมถือตัว
3. ประเทศ ค. สงกองกําลังทหารเขาไปในดินแดนประเทศเพื่อนบาน
รวมสุขรวมทุกขกัน เปนตน
เพื่อยึดครองบอนํ้ามัน
4. ประเทศ ง. ปกปดขอมูลของกลุมกอการรายที่จะปฏิบัติการในประเทศ
เพื่อนบานไมใหรับรู มุม IT
วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 2. หลักของสาราณียธรรม คือ ความปรารถนาดี
ตอกัน ซึ่งสามารถนําไปเสริมสรางความสัมพันธที่ดีตอประเทศเพื่อนบานได ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักธรรมเพื่อความสามัคคี ไดที่
โดยการใหความชวยเหลือและมีนํ้าใจตอประเทศเพื่อนบาน http://ibc.ac.th เว็บไซตวิทยาลัยพุทธศาสนานานาชาติ

คูมือครู 25
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนตอบคําถามวา
• นักเรียนสามารถปฏิบัติตนเพื่อเสริมสราง ๒.๔) แบ่งปันผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นหรือได้มาโดยชอบธรรมแก่มิตรประเทศ
สัมพันธไมตรีระหวางประเทศไทยกับประเทศ หมายความถึง การช่วยเหลือซึง่ กันและกันระหว่างประเทศ กล่าวคือ ประเทศทีร่ า�่ รวยควรให้ความ
เพื่อนบานไดอยางไร ช่วยเหลือประเทศที่ยากจนกว่าด้วยการส่งอาหาร เครื่องอุปโภค เครื่องมือประกอบอาชีพไปช่วย
(แนวตอบ เชน ศึกษาหาความรูเกี่ยวกับสังคม หรือให้คา� แนะน�าทางวิทยาการในรูปแบบต่างๆ แม้แต่ประเทศไทยของเราเองก็ได้รบั ความช่วยเหลือ
วัฒนธรรม การเมือง และเศรษฐกิจของประเทศ ท�านองนีอ้ ยูต่ ลอดเวลาจากมิตรประเทศต่างๆ เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา เยอรมนี ญีป่ นุ่ ออสเตรเลีย
เพือ่ นบานเหลานัน้ ใหเขาใจอยางถองแท บริจาค เป็นต้น หรืออีกประการหนึ่ง แม่น�้าบางสายถึงแม้จะมีต้นก�าเนิดอยู่ในประเทศของเรา ถ้าหากไหล
สิง่ ของเครือ่ งอุปโภคบริโภคเพือ่ ชวยเหลือประเทศ ผ่านเข้าไปในดินแดนของประเทศเพื่อนบ้าน และประเทศเพื่อนบ้านได้ร่วมใช้ประโยชน์ด้วย เราก็
เพื่อนบานในยามประสบภัย เปนตน) ควรรักษาอย่างดี ไม่สร้างมลพิษให้เกิดขึน้ จนกลายเป็นน�า้ เน่าเสีย ไม่สร้างเขือ่ นกักเก็บหรือเปลีย่ น
2. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 1.3 จากแบบวัดฯ เส้นทางของกระแสน�้า เป็นต้น การเฉลี่ยแบ่งปันผลประโยชน์ของตนที่ได้มาโดยชอบธรรมให้แก่
พระพุทธศาสนา ม.2 ผูอ้ นื่ แบบสงเคราะห์หรืออนุเคราะห์นี้ ทางพระพุทธศาสนาถือว่าเป็นหลักปฏิบตั ติ อ่ กันระหว่างมิตร
✓ แบบวัดฯ
และยังเป็นที่ตั้งให้ระลึกถึงกันในทางที่ดีอีกอย่างหนึ่ง
ใบงาน แบบฝกฯ
พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 1.3
๒.๕) มีหลักความประพฤติ (ศีล) เสมอกับมิตรประเทศ และไม่ท�าตนให้เป็นที่
หนวยที่ 1 ประวัติและความสําคัญของพระพุทธศาสนา รังเกียจของประเทศอื่น หมายถึง จะต้องด�าเนินนโยบายต่างประเทศให้สอดคล้องกับมติสากล
หรือสอดคล้องกับหลักการขององค์การสหประชาชาติ กล่าวคือ แก้ไขปัญหาระหว่างประเทศด้วย
วิธีทางการทูต ช่วยผดุงสันติภาพของโลก เคารพในอธิปไตยของประเทศอื่น ไม่ใช้แสนยานุภาพ
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
กิจกรรมที่ ๑.๓ ใหนักเรียนพิจารณาภาพ แลววิเคราะหความสําคัญของ ñð
พระพุทธศาสนาในฐานะที่ชวยเสริมสรางความเขาใจอันดี
ระหวางประเทศ (ส ๑.๑ ม.๒/๒)
ทางทหารข่มขู่หรือเอารัดเอาเปรียบประเทศที่ด้อยอ�านาจกว่า ไม่ให้ประเทศของตนเป็นที่พักพิง
หรือเป็นที่ซ่องสุมของผู้ก่อการร้าย สนับสนุนการปราบปรามสิ่งเสพติด ละเว้นการละเมิดสิทธิ
มนุษยชน ช่วยส่งเสริมและอนุรกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อม ทีอ่ ยูใ่ นขอบเขตของประเทศ
ของตน ทั้งนี้เพราะปัจจุบันนี้โลกแคบลง เหตุการณ์ที่เกิดกับประเทศใดประเทศหนึ่ง ย่อมจะส่งผล
ต่อเสถียรภาพของประเทศเพื่อนบ้าน สันติสุขของภูมิภาคหรือของโลกด้วย
ฉบับ
เฉลย ๒.๖) มีความคิดเห็นตรงกันกับประเทศอื่น หมายถึงว่า การอยู่ร่วมกับประเทศ
๑. จากภาพ พระพุทธศาสนาชวยสรางสัมพันธไมตรีระหวางประเทศอยางไร อืน่ ๆ นัน้ เราต้องยอมรับกฎเกณฑ์กติกาทีน่ านาชาติกา� หนดไว้ แม้วา่ บางครัง้ เราอาจจะไม่เห็นด้วย
พระพุทธศาสนาสอนใหมนุษยอยูรวมกันอยางสันติสุข คือ มีีความปรารถนาดีตอกัน มีความเอื้อเฟอ
แต่ถ้าเสียงส่1 วนใหญ่เขาเห็นชอบเราก็ควรปฏิบัติตาม เช่น ทั่วโลกมีนโยบายต่อต้านขบวนการ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
เกื้อกูลตอกัน ซึ่งจะสงผลดีตอการอยูรวมกันในสังคม ในสังคมขนาดใหญก็่เชนกัน คือ หากใน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
แตละประเทศประสบปญหาไมวา จะเปนปญหาดานภัยพิบตั ิ เศรษฐกิจ การเมือง เปนตน แลวประเทศ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ตางๆ ใหความชวยเหลือ ก็จะชวยใหสามารถผานพนวิกฤตไดโดยเร็วและมีความสัมพันธระหวางประเทศ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ที่ดีตอกัน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ก่อการร้าย ประเทศไทยของเราก็ต้องคอยสอดส่องไม่ให้ผู้ก่อการร้ายใช้ประเทศของเราเป็นฐาน
๒. นักเรียนสามารถนําหลักคําสอนทางพระพุทธศาสนาไปประยุกตใชเพือ่ ชวยเหลือประเทศตางๆ
ไดอยางไร ปฏิบัติการหรือเป็นแหล่งซ่องสุมก�าลัง รวมทั้งต้องให้ข้อมูลข่าวสารแลกเปลี่ยนกับมิตรประเทศ
เราสามารถนําหลักธรรม สาราณียธรรมมาใชได เชน เมื่อประเทศเพื่อนบานประสบภัยธรรมชาติ
หรือองค์การสหประชาชาติลงมติไม่ยอมติดต่อคบหาสมาคมกับบางประเทศ เราก็ต้องท�าตาม
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
อยางรุนแรง จนทําใหเกิดความเสียหายอยางมาก เราอาจใชเมตตากายกรรมในการชวยเหลือ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ไมวา จะเปนการบริจาคอาหาร เครือ่ งดืม่ ยารักษาโรค เงิน สิง่ ของจําเปนตางๆ เปนตน ซึง่ การกระทํา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
เชนนีเ้ ปนการชวยเหลือเพือ่ นมนุษยตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา และเปนการสรางสัมพันธไมตรี
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ระหวางประเทศที่ดีวิธีหนึ่ง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
แม้วา่ ประเทศนัน้ อาจจะมีผลประโยชน์ทางการค้ากับประเทศเราอยูม่ าก เพราะหากเราไม่ปฏิบตั ติ าม2
๕ ก็เสมือนหนึ่งเป็นการฝ่าฝืนมติของสังคมโลก อาจท�าให้ถูกติเตียนและถูกประชาคมโลกคว�า่ บาตร
ตามไปด้วย

26

กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
1 กอการราย คือ การที่กลุมชนรวมตัวกันเพื่อกระทําการรุนแรงที่ผิดตอ ครูมอบหมายใหนักเรียนไปศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ
กฎหมายและสรางความเสียหายใหแกประเทศชาติ หลักสาราณียธรรม แลวเขียนสรุปเปนผังมโนทัศนสงครูผูสอน
2 ควํ่าบาตร คือ การที่ประเทศหนึ่งหรือกลุมประเทศตกลงพรอมใจกันที่จะไม
ทําการคา ไมใหความรวมมือทางเศรษฐกิจใดๆ กับอีกประเทศหนึ่ง เพื่อเปนการ
ปราบปรามหรือลงโทษ
กิจกรรมทาทาย

ครูมอบหมายใหนักเรียนไปหาขาวหรือเหตุการณเกี่ยวกับการใหความ
ชวยเหลือซึ่งกันและกันของประเทศตางๆ แลวเขียนวิเคราะหวาความ
ชวยเหลือนั้นตรงกับหลักสาราณียธรรมขอใด และมีผลดีหรือผลกระทบ
ทีเ่ กิดขึน้ จากความชวยเหลือดังกลาวอยางไร ความยาว 1 หนากระดาษ A4
สงครูผูสอน

26 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
ครูใหนักเรียนอธิบายถึงความหมายของคําวา
เรื่องน่ารู้ “วัฒนธรรม” และ “ประเพณี” แลววิเคราะหวา
• สังคมไทยมีวัฒนธรรมและประเพณีใดบาง
หลักธรรมเพื่อยึดเหนี่ยวน้ำาใจผู้อื่น
ที่มีรากฐานมาจากพระพุทธศาสนา
หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาประการหนึ่งสอนเรื่องการผูกไมตรีกัน ซึ่งสามารถนำาไปประยุกต์ใช้ในการ (แนวตอบ วัฒนธรรม หมายถึง สิ่งแสดงวา
สร้างสัมพันธไมตรีกับเพื่อนบ้านได้ คือ “สังคหวัตถุ ๔” ได้แก่
เปนผูเ จริญ ภาวะความเปนอยู ขนบประเพณี
๑. ทาน คือ การให้ หรือการช่วยเหลือเกือ้ กูลกัน เช่น เมือ่ มิตรประเทศประสบภัยพิบตั ติ า่ งๆ ก็อาจส่งอาหาร
ความเชื่อ ตลอดจนภาษาของชนชาติหนึ่ง
เวชภัณฑ์ เครื่องอุปโภคไปช่วยเหลือตามกำาลังความสามารถ เป็นต้น
๒. ปิยวาจา คือ มีวาจาอันเป็นที่รัก หมายถึง เจรจากันด้วยถ้อยคำาที่ไพเราะ สุภาพ เหมาะสมกับกาลเทศะ ชาติใด สวนประเพณี หมายถึง สิ่งที่นิยมถือ
เป็นประโยชน์ไม่เพ้อเจ้อ พระพุทธเจ้าทรงให้ความสำาคัญต่อการพูดเป็นอย่างยิ่งเพราะการเจรจาสื่อสารจะได้ผลดี ประพฤติปฏิบัติสืบตอกันมาจนเปนแบบแผน
หรือเสียก็ขึ้นอยู่กับการพูดทั้งสิ้น สําหรับตัวอยางวัฒนธรรมและประเพณีไทย
๓. อัตถจริยา คือ การประพฤติตนเป็นประโยชน์แก่ผอู้ นื่ เช่น ไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่เพือ่ นบ้าน หรือ ที่มีรากฐานมาจากพระพุทธศาสนา เชน
เมื่อมิตรประเทศประสบปัญหาก็ให้ความช่วยเหลือ ไม่นิ่งดูดาย เป็นต้น การนับถือพระแมโพสพ ประเพณีลอยกระทง
๔. สมานัตตตา คือ การวางตัวเหมาะสมกับภาวะของตน เช่น ให้ความนับถือประเทศต่างๆ ว่ามีฐานะและ ประเพณีตักบาตรเทโว การขึ้นบานใหม
ศักดิ์ศรีทัดเทีียมกับเรา ไม่ดูหมิ่นว่าผู้อื่นด้อยหรือขาดความเจริญกว่า เป็นต้น การตั้งชื่อ การโกนผมไฟ ประเพณีบุญ
วันสารท พระราชพิธีพืชมงคล เปนตน)
๒.๒ พระพุทธศาสนาเป็นรากฐานของวัฒนธรรมไทย • หลักธรรมคําสอนของพระพุทธศาสนา
วิถีชีวิตคนไทยผูกพันกับพระพุทธศาสนามาตลอด ค�าสอนของพระพุทธศาสนาได้แทรกซึม หลอหลอมใหคนไทยมีลักษณะนิสัยแตกตาง
เข้าไปยังจิตใจของคนไทย ตลอดถึงกิจกรรมแทบทุกด้านของชีวติ มาเป็นเวลายาวนาน โดยเฉพาะ จากคนในชาติอื่นอยางไร
ในด้านจิิตใจได้หล่อหลอมเป็นลักษณะนิสัยซึ่งไม่มีชนชาติใดเหมือน เช่น ความมีจิตใจกว้างขวาง (แนวตอบ หลักธรรมคําสอนของพระพุทธ-
ใจบุญสุนทาน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นมิตรกับคนอื่นได้ง่าย ยิ้มแย้มแจ่มใส จนได้รับสมญานามว่า ศาสนาหลอหลอมใหคนไทยมีนิสัยออนโยน
“สยามเมืองยิ้ม” ใจดี มีความเมตตากรุณา มีนํ้าใจตอ
ประเพณีและพิธีการต่างๆ ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาทั้งโดยตรงและโดยอ้อม คนรอบขาง เอื้อเฟอเผื่อแผ รูจักการแบงปน
แม้ประเพณีบางอย่างที่ไม่มีรากฐานมาจากพระพุทธศาสนามาก่อน ภายหลังก็น�าแนวคิดในทาง รูจักการใหอภัย ยิ้มแยมแจมใส จนไดรับ
พระพุทธศาสนาเข้ามาแทรกอยู่ด้วย เช่น ประเพณีลอยกระทง ซึ่งเดิมกระท�าเพื่อขอขมาพระแม่ สมญานามวา “สยามเมืองยิ้ม”)
1
คงคาก็เพิ่มจุด2ประสงค์ของการลอยกระทงใหม่ เป็นลอยกระทงเพื่อบูชาพระพุทธบาท ณ ริมฝั่ง
แม่นา�้ นาร์มทา
ทา ในภาคใต้ของประเทศอินเดีย เป็นต้น
ความส�าคัญของพระพุทธศาสนาในฐานะทีเ่ ป็นรากฐานส�าคัญของวิถชี วี ติ ไทยหรือวัฒนธรรมไทย
สามารถสรุปได้ ดังนี้
๑) ในด้านวงจรชีวิตของบุคคล มีพิธีกรรมที่กระท�าตั้งแต่เกิดจนตาย เช่น ตั้งชื่อ
เกิด โกนผมไฟ บวช แต่งงาน ท�าบุญอายุ พิธศี พ เป็นต้น กระท�าตามความเชือ่ ทางพระพุทธศาสนา
โดยการบริจาคทาน รักษาศีล และเจริญภาวนาตามหลักค�าสอนทางพระพุทธศาสนา
๒7

บูรณาการเชื่อมสาระ
ครูสามารถนําเนื้อหาเรื่องวัฒนธรรมไทยไปบูรณาการเชื่อมโยงกับกลุม นักเรียนควรรู
สาระการเรียนรูสังคม ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาหนาที่พลเมือง วัฒนธรรม
1 พระแมคงคา เปนเทวีผูใหกําเนิดสายนํ้าคงคาตามความเชื่อของชาวอินเดีย
และการดําเนินชีวิตในสังคม เรื่องที่มาและลักษณะของวัฒนธรรมไทย
พระนางไดรับสมญานามวา มารดาแหงสายนํ้าทั้งสามโลก
โดยครูมอบหมายใหนักเรียนไปศึกษาคนควาเพิ่มเติมวามีประเพณีใดบาง
ของคนไทยทีม่ รี ากฐานหรือมีความเกีย่ วของกับพระพุทธศาสนา จากนั้นเลือก 2 แมนํ้านารมทา เปนชื่อแมนํ้าสายสําคัญในภาคกลางของอินเดีย ชาวอินเดีย
ประเพณีที่ตนเองประทับใจมา 1 ประเพณี เขียนอธิบายถึงมูลเหตุที่ทําใหเกิด ถือวาเปนแมนํ้าศักดิ์สิทธิ์ที่สุดรองลงมาจากแมนํ้าคงคา แมนํ้านารมทายาวประมาณ
ประเพณีดังกลาว ความยาวไมเกิน 1 หนากระดาษ A4 พรอมทั้งใสรูปภาพ 1,300 กิโลเมตร ไหลจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต
ประกอบและตกแตงใหสวยงาม ออกทะเลที่ใตเมืองทาภารกัจนะ สูอาวขัมภัตหรือเคมเบย

คูมือครู 27
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูสุมนักเรียนออกมาเลาประสบการณการเขา
รวมประเพณีหรือพิธีกรรมตางๆ ที่มีรากฐานมา ๒) ในด้านวงจรกาลเวลาของสังคมและชุมชน พระพุทธศาสนาได้เข้ามาเป็น
จากพระพุทธศาสนา และใหเพื่อนในชั้นเรียน ส่วนหนึ่งของสังคมและชุมชน ดังจะเห็นได้จากงานประเพณีและเทศกาลประจำาปีต่างๆ เช่น
รวมกันวิเคราะหวา ประเพณีหรือพิธีกรรม วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา วันออกพรรษา พิธีทอดกฐิน เป็นต้น
ดังกลาวสอดแทรกแนวคิดทางพระพุทธศาสนา และที่นำามาเกี่ยวข้องกับคติทางพระพุทธศาสนา เช่น วันลอยกระทง ตรุษสงกรานต์ เป็นต้น
ไวอยางไร ๓) ในด้านภาษา ภาษาเป็นส่วนประกอบสำาคัญยิ่งของวัฒนธรรม ภาษาไทยที่ได้รับ
2. ครูใหนักเรียนนําภาพสถานที่ที่มีงานจิตรกรรม ยกย่องว่าเป็นภาษาที่ไพเราะ สละสลวย รำ่ารวยคำาสัมผัสคล้องจองกันดีนั้น ส่วนมากมีรากฐานมา
ประติมากรรม หรือสถาปตยกรรมที่ไดรับการ จากภาษาบาลีและสันสกฤตอันเป็นภาษาทางพระพุทธศาสนา ยิ่งกว่านั้นบทประพันธ์และบทกวี
สรางสรรคขึ้นดวยแรงบันดาลใจจากพระพุทธ- สำาคัญๆ ทีเ่ ป็นมรดกตกทอดมาแต่โบราณกาล ส่วนมากก็ได้อทิ ธิพลมาจากภาษาบาลีและสันสกฤต
ศาสนามาใหเพื่อนในชั้นเรียนดู และรวมกัน เช่น คำาไทยว่า “สมบูรณ์” มาจากภาษาสันสกฤตว่า “สมฺปูรฺณ” เป็นต้น
วิเคราะหถึงความหมายที่ศิลปนตองการสื่อ ๔) ในด้านศิลปะและดนตรี ศิลปะและดนตรีได้รบั แรงบันดาลใจจากพระพุทธศาสนา
วาเกี่ยวของกับพระพุทธศาสนาอยางไร อยู่ไม่น้อย เพราะวัดเป็นศูนย์กลางของชุมชน เป็นศูนย์กลางกิจกรรมทางสังคม ศิลปะและดนตรี
3. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 1.4 จากแบบวัดฯ จึงอาศัยวัดเป็นที่จัดแสดงหรือปรากฏตัว ดนตรีถูกสอดแทรกเข้ากับกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา
พระพุทธศาสนา ม.2 ทุกอย่างอย่างเหมาะสม จิตรกรรม ประติมากรรม และสถาปัตยกรรมต่างๆ ได้รบั การสร้างสรรค์ขนึ้
ด้วยแรงบันดาลใจและแรงศรัทธาในพระพุทธศาสนา และช่วยเป็นสื่อถ่ายทอดหลักธรรมให้กับ
ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ ประชาชนไทยได้เป็นอย่างดี
พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 1.4
หนวยที่ 1 ประวัติและความสําคัญของพระพุทธศาสนา
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
กิจกรรมที่ ๑.๔ ใหนกั เรียนวิเคราะหความสําคัญของพระพุทธศาสนาในฐานะ ñð
ที่เปนรากฐานของวัฒนธรรมไทยตามประเด็นที่กําหนด
(ส ๑.๑ ม.๒/๓)

๑. ความสําคัญของการบวชตอวิถีชีวิตคนไทย
การบวชเปนแนวทางหนึง่ ในการสืบทอดพระพุทธศาสนา ผูท ขี่ อบวช
…………………………………………………………………………………………………………………………..
จะเปลีย่ นสถานะเปนพระสงฆ ซึง่ เปนหนึง่ ในดวงแกวแหงพระรัตนตรัย
…………………………………………………………………………………………………………………………..
พระสงฆ คือ ผูท ปี่ ฏิบตั ดิ ี ปฏิบตั ชิ อบ และดํารงตนเปนแบบอยางทีด่ ี
…………………………………………………………………………………………………………………………..
เพื่อความดีงามและความสงบสุขของประชาชน และเปนพุทธสาวก
…………………………………………………………………………………………………………………………..
ที่ชวยสืบตอ เผยแผหลักธรรมคําสอนของพระพุทธองค
…………………………………………………………………………………………………………………………..

๒. ความสําคัญของการแหเทียนเขาพรรษาตอวิถีชีวิตคนไทย
…………………………………………………………………………………………………………………………..
ในวันเขาพรรษา เปนเทศกาลที่พุทธศาสนิกชนจะนําเทีียนพรรษา
…………………………………………………………………………………………………………………………..
ซึ่ ง ป จ จุ บั น มั ก มี ก ารหล อ และแกะสลั ก อย า งสวยงามไปถวายวั ด
…………………………………………………………………………………………………………………………..

ฉบับ เพือ่ เปนพุทธบูชา จัดเปนวัฒนธรรมทางดานวัตถุทสี่ ะทอนใหเห็นถึง


…………………………………………………………………………………………………………………………..
เฉลย ความศรัทธาของประชาชนที่มีตอพระพุทธศาสนา
…………………………………………………………………………………………………………………………..

๓. ความสําคัญของวัดที่มีตอวิถีชีวิตคนไทย
วัดเปนแหลงกําเนิด รักษา สืบทอด พัฒนา หรือสนับสนุนศิลปะ
…………………………………………………………………………………………………………………………..
และดนตรี เปนศูนยกลางของชุมชนในการจัดกิจกรรมและเปน
…………………………………………………………………………………………………………………………..
สมบัตสิ ว นรวมรวมกันของชุมชน เปนทีศ่ กึ ษาเลาเรียนของบุตรหลาน
…………………………………………………………………………………………………………………………..
ในชุมชนมาตัง้ แตอดีตถึงปจจุบนั รวมถึงเปนสถานทีใ่ นการประกอบ
…………………………………………………………………………………………………………………………..
พิธีกรรมตางๆ ทางพระพุทธศาสนา
…………………………………………………………………………………………………………………………..

๔. ความสําคัญของพระพุทธรูปที่มีตอวิถีชีวิตคนไทย
พระพุทธรูปหรือรูปเคารพแทนองคสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจา
…………………………………………………………………………………………………………………………..
เปนสิง่ นอมนําความศรัทธาและชวยกลอมเกลาจิตใจผูค นนับแตอดีต
…………………………………………………………………………………………………………………………..
ใหมงุ สูก ารดับทุกขและความสงบสุขตามปรัชญาแหงพระพุทธศาสนา
ภาพศิลปกรรมอันงดงามเกีย่ วกับการประกอบพิธกี รรมทางพระพุทธศาสนาในสมเด็จพระเจ้าพีน่ างเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวฒ
ั นา
…………………………………………………………………………………………………………………………..
นอกจากนี้ พระพุทธรูปยังเปรียบเสมือนผลรวมแหงแรงบันดาลใจ
…………………………………………………………………………………………………………………………..
ของเหลาศิลปนในการสรางสรรคงานพุทธศิลปดวย
…………………………………………………………………………………………………………………………..
กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เป็นผลงานทีส่ ร้างสรรค์ขน้ึ ด้วยแรงบันดาลใจและความศรัทธาในพระพุทธศาสนาของจิตรกร

28

บูรณาการเชื่อมสาระ
บูรณาการอาเซียน ครูสามารถนําเนื้อหาเรื่องภาษาบาลี-สันสฤต ไปบูรณาการเชื่อมโยงกับ
กลุมสาระการเรียนรูภาษาไทย วิชาหลักภาษาและการใชภาษา เรื่องคําไทยที่
ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคลายคลึงกันของศิลปวัฒนธรรมของประเทศ
ยืมมาจากภาษาบาลี-สันสกฤต โดยครูใหนักเรียนไปศึกษาเพิ่มเติมในประเด็น
สมาชิกอาเซียนวา อิทธิพลของพระพุทธศาสนาทําใหศิลปวัฒนธรรมของประเทศ
ดังตอไปนี้
สมาชิกอาเซียนมีความคลายคลึงกันหลายประการ ทัง้ การทําบุญตักบาตรของคนไทย
• หลักสังเกตคําที่ยืมมาจากภาษาบาลี
ลาว กัมพูชา และพมา การสรางพระธาตุหรือเจดียตางๆ เชน พระธาตุพนมของไทย
• หลักสังเกตคําที่ยืมมาจากภาษาสันสกฤต
กับพระธาตุหลวงของลาว พระธาตุดอยสุเทพของไทยกับเจดียชเวสิกองของเมียนมา
• ตัวอยางคําไทยที่ยืมมาจากภาษาบาลี
เปนตน การสรางพระพุทธรูปหนาวัดพระเมรุที่อยุธยากับพระมหามัยมุนีของเมียนมา
• ตัวอยางคําไทยที่ยืมมาจากภาษาสันสกฤต
ซึง่ ตางก็เปนพระพุทธรูปทรงเครือ่ งกษัตริย รวมถึงขนบธรรมเนียมประเพณีบางประการ
เชน การบรรพชาหรืออุปสมบท เปนตน ตลอดจนภาษาบาลี-สันสกฤตที่มีอิทธิพลตอ
ภาษาไทย ภาษาลาว ภาษาพมา ภาษามอญ และภาษาเขมร

28 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนแตละคนบอกเอกลักษณที่
2.3 พระพุทธศาสนาเป็นเอกลักษณ์และมรดกของสังคมไทย โดดเดนของตนเองมาคนละ 1 อยาง พรอมทั้ง
ความส�าคัญของพระพุทธศาสนาอีกประการหนึง่ คือ เป็นเอกลักษณ์และมรดกของสังคมไทย วิเคราะหวาเอกลักษณดังกลาวนั้นไดรับ
ซึ่งสามารถแบ่งได้ ดังนี้ อิทธิพลมาจากใครหรือสิ่งใด
๑) ในแง่เอกลักษณ์ คนไทยมี 2. ครูใหนักเรียนออกมาเขียนเอกลักษณหรือ
เอกลักษณ์ หรือลักษณะเด่นแตกต่างอย่างส�าคัญ ลักษณะเดนของคนไทยที่ทรงคุณคาตอสังคม
กับชนชาติอื่น ดังต่อไปนี้ ไทยบนกระดานหนาชั้นเรียน จากนั้นให
๑.๑) ความมี เ มตตากรุ ณ า นักเรียนบอกวาเอกลักษณแบบใดที่มีรากฐาน
คนไทยเป็นคนชอบสงสารคนอืน่ เห็นอกเห็นใจ มาจากพระพุทธศาสนา
คนอื่น ยิ่งเป็นคนต่างถิ่น ต่างภาษา ยิ่งแสดง 3. ครูใหนักเรียนตอบคําถามวา พุทธศาสนิกชน
ความเมตตากรุ ณ าต่ อ เขาอย่ า งเต็ ม ที่ รู ้ จั ก ที่ดีมีวิธีการปฏิบัติตนเพื่อรักษาเอกลักษณที่ดี
ประสานประโยชน์ ความมีน�้าใจเป็นเอกลักษณ์ ของสังคมไทยไวอยางไร
ที่เด่นชัดของคนไทยที่คนต่างชาติมักกล่าวถึง (แนวตอบ เชน ศึกษาและปฏิบัติตนตามหลัก-
ไมตรีจติ ของคนไทยเป็นไปอย่างสากล กล่าวคือ ธรรมทางพระพุทธศาสนา เขารวมพิธีกรรมใน
แสดงออกแก่ ค นทั่ ว ไปเสมอเหมื อ นกั น หรื อ วันสําคัญทางพระพุทธศาสนา เปนตน)
คล้ายคลึงกัน ไม่แบ่งพวกแบ่งหมู่ ไม่จา� กัดชาติ การปลดปล่อยสัตว์ให้ส่คู วามเป็นอิสระ เป็นตัวอย่างหนึ่ง 4. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 1.5 จากแบบวัดฯ
ศาสนา ให้เกียรติแก่คนต่างชาติ ต่างศาสนา ในการแสดงออกถึงความมีเมตตากรุณา พระพุทธศาสนา ม.2
ยินดีรับคนต่างถิ่นที่มีวิถีชีวิตและความเชื1 ่อที่แตกต่างจากตนได้ ทั้งนี้เพราะผลของหลักค�าสอน
ทางพระพุทธศาสนาเรื่องพรหมวิหาร ๔ อันมีเมตตากรุณาเป็นประธาน และแนวความคิดทาง ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ
พระพุทธศาสนาที่สอนว่า “เรารักสุข เกลียดทุกข์ฉันใด คนอื่นก็รักสุข เกลียดทุกข์ฉันนั้น เพราะ พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 1.5
ฉะนั้นจึงควรรักใคร่และสงสารคนอื่น ไม่เบียดเบียนเขา” หนวยที่ 1 ประวัติและความสําคัญของพระพุทธศาสนา
๑.๒) ความเป็นคนใจกว้าง ไม่เห็นแก่ตัว เอกลักษณ์ข้อนี้สืบเนื่องมาจากข้อแรก กิจกรรมที่ ๑.๕ ใหนักเรียนวิเคราะหความสําคัญของพระพุทธศาสนา
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
ñð
ในประเด็นที่กําหนด (ส ๑.๑ ม.๒/๓)
เมื่อรักและสงสารคนอื่น ไม่อยากให้เขาได้รับทุกข์ ก็จะสละทรัพย์สิน ข้าวของ เงินทอง เผื่อแผ่
คนอื่น มีอะไรก็แบ่งกันกินแบ่งกันใช้ ดังค�าพังเพยที่กล่าวถึงลักษณะนิสัยที่ดีงามข้อนี้ว่า “ประเพณี ๑. พระพุทธศาสนามีความสําคัญในแงเปน
มรดกสําคัญของชาติไทยอยางไร
๒. “วิถีไทยคือวิถีพุทธ วิถีพุทธคือวิถีไทย”
นั ก เรี ย นมี ค วามคิ ด เห็ น อย า งไรกั บ
ไทยแท้แต่โบราณ ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ” พระพุทธศาสนามีความสําคัญตอชาติไทย
…………………………………………………………………………….
โดยเป น มรดกและคลั ง สมบั ติ ท างด า น
…………………………………………………………………………….
คําพูดนี้
คนไทยดําเนินชีวิตบนพื้นฐานหลักธรรม
…………………………………………………………………………….

๑.๓) ความเป็นคนไม่ยึดมั่นเกินไป รู้จักวางและ “ปลง” ได้เมื่อถึงคราวจ�าเป็น รู ป ธรรมที่ ลํ้ า ค า ที่ ค วรแก ก ารดู แ ลรั ก ษา
…………………………………………………………………………….
ใหคงอยูคูชาติไทย ดังจะเห็นไดจากนับ
…………………………………………………………………………….
คํ า สอนของพระพุ ท ธศาสนา ความคิ ด
…………………………………………………………………………….
ความเชือ่ การตัดสินใจ ลวนไดรบั อิทธิพล
…………………………………………………………………………….
ตั้งแตอดีตมาคนไทยมีจิตศรัทธาเลื่อมใส มาจากหลั ก คํ า สอนในพระพุ ท ธศาสนา
คุ ณ สมบั ติ ข ้ อ นี้ เ ป็ น ผลจากหลั ก ค� า สอนทางพระพุ ท ธศาสนาที่ ส อนว่ า สรรพสิ่ ง เป็ น อนิ จ จั ง …………………………………………………………………………….
พระพุทธศาสนาและรวมแรงรวมใจสรางสรรค
…………………………………………………………………………….
โบราณสถาน โบราณวัตถุที่เกี่ยวเนื่องใน
…………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………….
เชน การเชื่อในเรื่องกฎแหงกรรม การนํา
…………………………………………………………………………….
หลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาประยุกต
…………………………………………………………………………….

ไม่เที่ยงแท้ยั่งยืน เป็นทุกข์ หาตัวตนมิได้ เรามาตัวเปล่าและไปตัวเปล่า ตายแล้วก็เอาอะไรไปด้วย พระพุทธศาสนาขึน้ มากมาย ซึง่ สิง่ เหลานีย้ งั
…………………………………………………………………………….
เปนหลักฐานสําคัญในการสืบคนและยืนยัน
…………………………………………………………………………….
ใชในการดําเนินชีวิต เปนตน
…………………………………………………………………………….

……………………………………………………………………………. ฉบับ

ไม่ได้ คนไทยจึงไม่ยึดติดอะไรรุนแรง ความพลัดพรากต่างๆ ก็ยอมรับได้ง่าย มองเห็นความเป็น ความเปนมาของประวัตศิ าสตรชาติไทยอีกดวย


……………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………….
เฉลย

ธรรมดาของสรรพสิ่งแล้วปลงใจได้ ไม่เศร้าโศกเสียใจมากจนเกินไปหรือนานเกินควร ดังจะเห็น ๓. ความมีนาํ้ ใจเปนลักษณะเดนของคนไทย


อยางไร
๔. มีคํากลาววา “สยามเมืองยิ้ม” เปนผล
สื บ เนื่ อ งมาจากการหล อ หลอมของ
ได้จากค�าพูดทีต่ ดิ ปากจนกลายเป็น “ปรัชญาชีวติ ” ของคนไทยไปแล้ว เช่น “ไม่เป็นไร ลืมเสียเถิด” ลั ก ษณะเด น ของคนไทยอย า งหนึ่ ง คื อ
…………………………………………………………………………….
ความมีนาํ้ ใจ คนไทยมีไมตรีจติ แกคนทุกชาติ
…………………………………………………………………………….
พระพุทธศาสนา นักเรียนมีความคิดเห็น
อยางไร
ทุ กศาสนาเท า เที ย มกั น หมด ไม แยกเขา คนไทยมี ร อยยิ้ ม แตกต า งจากชนชาติ อื่ น
“แล้วก็แล้วกันไป อโหสิให้กันเสียเถิด” “ทุกอย่างเป็นอนิจจัง” “เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร” …………………………………………………………………………….
แยกเรา จะใหเกียรติและตอนรับคนตางชาติ
…………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………….
ซึ่ ง ประกอบด ว ยความจริ ง ใจที่ ส ามารถ
…………………………………………………………………………….
ตางศาสนา ตางภาษา รวมถึงใหความ
……………………………………………………………………………. สัมผัสไดในรอยยิ้ม ซึ่งเปนผลมาจากหลัก
…………………………………………………………………………….
เมตตาเลี้ยงดูสัตวอื่น ทั้งนี้เปนผลมาจาก
……………………………………………………………………………. คําสอนทางพระพุทธศาสนาที่หลอหลอม
…………………………………………………………………………….

29 หลักคําสอนทางพระพุทธศาสนาที่สอนให
…………………………………………………………………………….
รูจักเอื้อเฟอเผื่อแผ ชวยเหลือกัน มีนํ้าใจ
…………………………………………………………………………….
คนไทยใหมีความเอื้อเฟอ มีเมตตากรุณา มี
…………………………………………………………………………….
นํ้าใจ ซึ่งจะปรากฏออกมาผานทางรอยยิ้ม
…………………………………………………………………………….
ไมตรีตอกัน เห็นใครเดือดรอนก็ใหความ
……………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………….
ชวยเหลือเทาที่จะสามารถทําได
……………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………….

(พิจารณาคําตอบของนักเรียน โดยใหอยูในดุลยพินิจของครูผูสอน)

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T เกร็ดแนะครู
พระพุทธศาสนาหลอหลอมใหคนไทยมีลักษณะนิสัยที่โดดเดนแตกตาง
ครูควรรวมสนทนากับนักเรียนถึงลักษณะนิสัยใจคอของคนไทยโดยทั่วไปวา
จากคนชาติอื่นอยางไร
เปนอยางไร เพื่อใหนักเรียนเขาใจภาพรวมของอุปนิสัยคนไทยไดดียิ่งขึ้น
แนวตอบ พระพุทธศาสนาชวยหลอหลอมและปลูกฝงใหคนไทยมีนํ้าใจ
เอื้อเฟอตอผูอื่น รูจักใหความชวยเหลือเมื่อเห็นผูอื่นตกทุกขไดยาก
ไมเห็นแกตวั เอารัดเอาเปรียบผอู นื่ รูจ กั การแบงปน การเอือ้ เฟอ เผือ่ แผ รจู กั นักเรียนควรรู
การปลอยวาง ไมยึดติด ไมยึดมั่นถือมั่น เพราะพระพุทธศาสนาสอนวา
1 พรหมวิหาร 4 ธรรมของพรหมหรือของทานผูเปนใหญ มี 4 ประการ ไดแก
ทุกสรรพสิ่งลวนไมเที่ยง มีเสื่อมสลายเปนธรรมดา ทําใหคนไทยใหอภัย 1. เมตตา คือ ความปรารถนาใหผูอื่นมีความสุข
ผูอื่นงาย ไมผูกพยาบาท ไมผูกใจเจ็บ อุปนิสัยเหลานี้ลวนเปนผลมาจาก 2. กรุณา คือ ความปรารถนาใหผูอื่นพนทุกข
การหลอหลอมของพระพุทธศาสนาทั้งสิ้น 3. มุทิตา คือ ความยินดีเมื่อผูอื่นไดดี
4. อุเบกขา คือ การรูจักวางเฉย

คูมือครู 29
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนกั เรียนยกตัวอยางโบราณสถานทีส่ รางขึน้
อันเนื่องมาจากความศรัทธาในพระพุทธศาสนา เอกลักษณ์ หรือลักษณะเด่นไม่เหมือนใครของคนไทยโดยสรุป ๓ ประการข้างต้นนัน้
มาคนละ 1 แหง และบอกถึงความสําคัญทาง เป็นผลจากหลักค�าสอนทางพระพุทธศาสนา ที่ได้ศึกษาและปฏิบัติตามค�าสอนของพระพุทธเจ้า
พระพุทธศาสนาของสถานที่นั้น จนเข้าใจซาบซึ้ง และสามารถน�ามาปรับประยุกต์ ใช้ในชีวิตประจ�าวัน จนหล่อหลอมเป็นเลือด
2. ครูใหนักเรียนจับกลุม 3-5 คน เพื่ออภิปรายใน เป็นเนื้อ เป็นจิตวิญญาณของตนตลอดมาและตลอดไป
ประเด็น โบราณสถานมีประโยชนตอการศึกษา
๒) ในแง่มรดก พระพุทธศาสนาเป็นมรดกตกทอดมาแต่บรรพกาล โดยแบ่งได้ ดังนี้
ประวัติศาสตรทางพระพุทธศาสนาอยางไร
๒.๑) มรดกทางรูปธรรม ประเทศไทยมีโบราณวัตถุ โบราณสถานล�้าค่ามากมาย
จากนัน้ สงตัวแทนกลุม มารายงานผลการอภิปราย
ทีส่ ร้างขึน้ ด้วยความศรัทธาในพระพุทธศาสนา เช่น วัดวาอาราม สถูปเจดีย์ พระพุทธรูป จิตรกรรม
หนาชั้นเรียน
ฝาผนัง สิ่งเหล่านี้บ่งบอกถึงสภาพชีวิตและจิ
1 ตใจของคนไทยได้เป็นอย่างดี ว่าคนไทยแต่โบราณ
3. ครูใหนักเรียนอธิบายวา
มีความเป็นอยู่ดี “ในน�้ามีปลา ในนามีข้าว” มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ จึงได้สร้างโบราณสถาน
• หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาเปนมรดกของ
และโบราณวัตถุที่มีขนาดใหญ่โต และสวยงามยิ่งไว้เป็นมรดกแก่อนุชนรุ่นหลัง
สังคมไทยอยางไร
๒.๒) มรดกทางนามธรรม พระพุทธศาสนาได้หล่อหลอม กล่อมเกลาจิตใจของ
(แนวตอบ หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาเปน
คนไทยให้ละเอียดประณีต เป็นที่ยอมรับและยกย่องว่าเป็นชนชาติที่มีเอกลักษณ์พิเศษไม่เหมือน
สิง่ ทีห่ ลอหลอมและกลอมเกลาจิตใจของคนไทย
ชนชาติอื่น เช่น เป็นคนใจบุญสุนทาน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ โอบอ้อมอารี มีความเป็นมิตรกับทุกคน
นับตัง้ แตอดีตมาจนถึงปจจุบนั กลาวคือ ทําให
รู้จักประสานประโยชน์ ไม่นิยมความรุนแรง เข้าใจคนอื่น คารวะอ่อนน้อม กตัญญูกตเวที ร่าเริง
คนไทยเปนคนเอื้อเฟอเผื่อแผ โอบออมอารี
ไม่เป็นคนเจ้าทุกข์ เข้าใจธรรมชาติของชีวิต รู้จักปลงได้ง่าย ไม่ยึดมั่นสิ่งใดเกินเหตุ คุณสมบัติ
มีความกตัญูกตเวที พรอมที่จะรับฟง
อันเป็นจุดเด่นเหล่านี้ เป็นผลจากการที่คนไทยนับถือและปฏิบัติตามค�าสอนของพระพุทธศาสนา
ความคิดเห็นผูอื่น อันทําใหคนในสังคม
และได้สืบทอดเป็นมรดกมาจนถึงทุกวันนี้
อยูรวมกันอยางมีความสุข)

โบราณสถานที่จัดเป็นมรดกทางรูปธรรม ที่สร้างขึ้นด้วยความศรัทธาในพระพุทธศาสนาและเป็นมรดกอันล้ำาค่าที่ตกทอด
มาจนถึงปัจจุบนั
30

บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู ครูสามารถนําเนื้อหาเรื่องโบราณสถานโบราณวัตถุที่สรางสรรคขึ้นจาก
ความศรัทธาในพระพุทธศาสนา ไปบูรณาการเชือ่ มโยงกับกลมุ สาระการเรียนรู
1 ในนํ้ามีปลา ในนามีขาว เปนขอความที่ปรากฏอยูในศิลาจารึกหลักที่ 1
ของพอขุนรามคําแหงมหาราช ซึ่งสันนิษฐานวาทรงประดิษฐขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1826 สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาประวัติศาสตร เรื่องพัฒนาการทาง
ขอความนี้สื่อวากรุงสุโขทัยมีความอุดมสมบูรณอยางมาก ดานศิลปวัฒนธรรมสมัยสุโขทัย อยุธยา ธนบุรี และรัตนโกสินทร โดยรวมกัน
อภิปรายในประเด็นรูปแบบ วัฒนธรรมอื่นที่มีอิทธิพล และความสําคัญของ
การสรางศิลปกรรมนั้นๆ
บูรณาการอาเซียน
ครูอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนเขาใจวา ดวยความโอบออมอารี ความมีนํ้าใจ
และความกรุณาปราณีของคนไทยที่เกิดจากการหลอหลอมของพระพุทธศาสนา
ทําใหในคราวที่กัมพูชาเกิดสงครามกลางเมือง จนคนกัมพูชาตองอพยพมาอยู
ตามแนวชายแดนประเทศไทยนั้น คนไทยก็ใหความชวยเหลืออยางดี ทั้งดาน
อาหาร ยารักษาโรค แหลงพักพิง และปจจัยสําคัญตอการดํารงชีพอื่นๆ ซึ่งก็เปน
เพราะคนไทยไมสามารถทนนิ่งเฉยดูดายตอคนที่หนีรอนมาพึ่งเย็นได จึงตองให
ความชวยเหลือไปตามกําลังที่จะสามารถกระทําได
30 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนออกมาเลาประสบการณ
2.4 พระพุทธศาสนากับการพัฒนาชุมชน การมีสวนรวมในการพัฒนาชุมชนใหเพื่อนฟง
การพัฒนาชุมชนประกอบไปด้วยการพัฒนาวัตถุ และการพัฒนาจิตใจ แม้ว่าการพัฒนา จากนั้นใหนักเรียนรวมกันอภิปรายถึงบทบาท
จะเป็นหน้าที่โดยตรงของฝ่ายบ้านเมือง แต่ ของพระพุทธศาสนาที่มีสวนในการสรางและ
พระพุทธศาสนาก็มีส่วนร่วมได้ พระพุทธเจ้าได้ พัฒนาชุมชนในปจจุบัน
ทรงตั้งคณะสงฆ์ขึ้น คณะสงฆ์นี้เป็นชุมชนที่ 2. ครูใหนักเรียนวิเคราะหถึงบทบาทและหนาที่
ชาวบ้านจะถือเป็นแบบอย่างได้ พระสงฆ์มหี น้าที่ ของคณะสงฆไทยในปจจุบันในการสรางและ
ที่จะจาริกไป “เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขของ พัฒนาชุมชน
ประชาชน เพื่ออนุเคราะห์ชาวโลก” (แนวตอบ พระสงฆในปจจุบันมีบทบาทสําคัญ
๑) การพัฒนาด้านวัตถุ แม้ว่า ในการนําหลักธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจา
พระพุทธศาสนาจะเน้นการพัฒนาจิตใจมากกว่า ไปปฏิบัติใหเกิดผลและนําผลที่เกิดขึ้นมาอบรม
การพัฒนาวัตถุ แต่พระพุทธศาสนาก็ถือว่าวัตถุ สั่งสอนประชาชนใหอยูในศีลธรรม อันจะนํามา
เป็นสิง่ ส�าคัญ ดังมีคา� สอนว่า “ความยากจนเป็น ซึ่งความสงบสุขของสังคม เชน ทาน ว.วชิร-
บ่อเกิดของอาชญากรรม” พระสงฆ์ในพระพุทธ อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย ตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นพระบรมธาตุ เมธี พระนักเทศนและบรรยายธรรม ตลอดจน
ศาสนามีบทบาทในการพัฒนาด้านวัตถุเสมอมา ดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ ครูบาศรีวิชัยเป็นผู้นำาสงฆ์ที่มี เขียนหนังสือเกี่ยวกับหลักธรรมทางพระพุทธ-
เพื่อความเหมาะสมแก่สมณสารูป พระสงฆ์ บทบาทสำาคัญในการช่วยชี้แนะหรือเป็นผู้นำาทางความดี ศาสนา เพื่อเผยแผและสรางความเขาใจทาง
ในการพัฒนาชุมชน พระพุทธศาสนาที่ถูกตองใหกับพุทธศาสนิกชน
มิได้ลงมือท�าเอง แต่ก็เป็นผู้ริเริ่มและเป็นผู้น�า
ทางความคิด เช่น ครูบาศรีวชิ ยั น�าชาวบ้านสร้างทางขึน้ ดอยสุเทพ ท่านเป็นผูร้ เิ ริม่ ชักชวน เป็นต้นคิด พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต พระนักเผยแผ
แต่ท่านก็ไม่ได้ไปขุดดิน ยกหินด้วยมือของท่านเอง และนักบรรยายธรรมรุนใหม ทั้งทางโทรทัศน
พระที่บุคคลทั่วไปรู้จักดีอีกรูปหนึ่งก็คือ พระราชธรรมนิเทศ (พยอม กัลยาโณ) และสื่อตางๆ อีกทั้งยังเขียนหนังสือเกี่ยวกับ
แห่งวัดสวนแก้ว จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มสร้างโรงงาน ปรับปรุงของเก่าๆ ที่ใช้แล้วให้เป็น หลักธรรมทางพระพุทธศาสนามากมาย
ของใหม่ ใช้งานได้อกี ซึง่ แม้ทา่ นจะมิได้ลงมือซ่อมหรือปรับปรุงด้วยตนเอง แต่กเ็ ป็นผูร้ เิ ริม่ แนะน�า ตลอดจนเปนเจาของตนตํารับธรรมะเดลิเวอรี
ท�าให้เยาวชนจ�านวนไม่นอ้ ยมีอาชีพการงานท�าเป็นหลักแหล่ง และท่านได้จดั ตัง้ มูลนิธสิ วนแก้วขึน้ คือ ธรรมะสามารถไปหาผูสนใจไดทุกที่
ใน พ.ศ. ๒๕๒๙ เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนาและร่วมมือกับองค์กรการกุศลเพื่อสาธารณประโยชน์ ไมจําเปนตองอยูที่วัด ทําใหพุทธศาสนิกชน
๒) การพัฒนาทางด้านจิตใจ การพัฒนาทางด้านจิตใจเป็นภารกิจหลักของพระภิกษุ เขาถึงธรรมะไดงายขึ้น สงผลใหคนเปนคนดี
ในพระพุทธศาสนา เรื่องจิตใจเป็นเรื่องส�าคัญ ไม่ว่าจะพัฒนาชุมชนให้เป็นไปอย่างไร สิ่งส�าคัญ มีศีลธรรม สังคมเกิดความสงบสุข)
ก็คือ ความมีวินัย ความสามัคคี ความซื่อสัตย์ ความไม่เห็นแก่ตัว ความขยันหมั่นเพียร ความ
ไม่ประมาท ให้คา� นึงถึงความจ�าเป็น ความพอดี ความเหมาะสม ไม่เพลิดเพลินไปกับสิง่ ยัว่ ยุทงั้ หลาย
ทีป่ จั จุบนั นีไ้ ด้หลัง่ ไหลเข้ามากับอารยธรรม ค่านิยม ความเชือ่ ต่างๆ คุณธรรมเหล่านีล้ ว้ นเป็นปัจจัย
ส�าคัญที่จะช่วยพัฒนาชุมชนให้เจริญก้าวหน้า ซึ่งพระพุทธศาสนาก็มีหลักค�าสอนเกี่ยวกับเรื่อง
เหล่านี้มากมาย โดยมีพระสงฆ์เป็นผู้น�า เป็นผู้อบรม และปลูกฝังคุณธรรมดังกล่าวให้แก่ชาวบ้าน
31

กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
ครูมอบหมายใหนักเรียนไปสืบคนประวัติ หลักคําสอน และผลงานของ ครูควรอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนเขาใจวา การพัฒนาทางดานจิตใจ ไมได
พระสงฆที่มีบทบาทดานการพัฒนาจิตใจของคนทั่วไปในสังคม เชน หมายความวาจะตองลดละเลิกการพัฒนาทางดานวัตถุ เราสามารถพัฒนาทั้งสอง
พระเมธีวชิโรดม (ว. วชิรเมธี) พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต เปนตน จากนั้น ดานไปพรอมๆ กัน ใหประสานกลมกลืนกันอยางเหมาะสมได โดยที่เราพัฒนาวัตถุ
เขียนสรุปความยาว 1 หนากระดาษ A4 สงครูผูสอน เพื่อตอบสนองตอความจําเปนเทานั้น ไมฟุงเฟอ เหอเหิมมากจนเกินไป และไม
ตกเปนทาสของวัตถุ ในขณะเดียวกันก็พัฒนาดานจิตใจไปดวย เพื่อใหคนมี
คุณธรรมทําแตความดี ไมทําความชั่วหรือสิ่งไมดี สังคมจะไดมีแตความสงบสุข

กิจกรรมทาทาย
มุม IT
ครูมอบหมายใหนักเรียนไปสืบคน “พระนักพัฒนาในชุมชน” วาทาน ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติของครูบาศรีวิชัย ไดที่
มีบทบาทในการพัฒนาชุมชนหรือคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนอยางไร http://www.lannaworld.com เว็บไซตโลกลานนา
พรอมทั้งบันทึกและนํามาอภิปรายในชั้นเรียน

คูมือครู 31
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายในประเด็นที่วา
• กฎหมายและกฎทางศีลธรรมมีความ ในหนังสือเรียนพระพุทธศาสนามีหลักพัฒนาคุณธรรมอยู่มากมายที่นักเรียนได้ศึกษา
สอดคลองกันหรือไม อยางไร ผ่านมาแล้ว ณ ที่นี้จะขอขยายความเพิ่มเติมเฉพาะหลักธรรมที่นักเรียนควรเรียนรู้เพื่อประโยชน์
2. ครูใหนักเรียนตอบคําถามวา ในการด�ารงชีวิต ดังต่อไปนี้
• พระพุทธศาสนาชวยแกปญ  หาสังคมไดอยางไร การท�างานร่วมกันในชุมชนนั้น ควรพิจารณาในหลักอธิปไตย ๓
(แนวตอบ พระพุทธศาสนาปลูกฝงใหคน (๑) อัตตาธิปไตย คือ การถือตนเป็นใหญ่
ในสังคมมีศีลธรรมในการดําเนินชีวิต รูจัก (๒) โลกาธิปไตย คือ การถือโลกหรือความนิยมของโลกเป็นใหญ่
แยกแยะวาสิ่งใดควรทําหรือไมควรทํา สังคม (๓) ธัมมาธิปไตย คือ การถือธรรมหรือความถูกต้องเป็นใหญ่
จึงมีความสงบสุข) ตามหลักธรรมข้อนี้ การจะท�าอะไรด้วยกันก็ตาม ต้องถือเอาความถูกต้องตามธรรม
3. ครูยกกรณีศึกษาเกี่ยวกับปญหาทางสังคม เชน เป็นตัวตัดสิน มิใช่เอาความคิดของตนหรือความคิดของชาวโลกเป็นใหญ่
ปญหาการจราจร ปญหาวัยรุนยกพวกตีกัน
2.5 พระพุทธศาสนากับการจัดระเบียบสังคม
เปนตน จากนั้นใหนักเรียนวิเคราะหแนวทาง
การแกปญหาที่จะทําใหสังคมดีขึ้นในระยะยาว ทุกสังคมต้องมีระเบียบ ระเบียบในที่นี้ หมายถึง กฎหมาย ข้อบังคับ จารีตประเพณี สังคม
4. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 1.6 จากแบบวัดฯ ที่ไม่มีระเบียบจะเกิดความสับสนอลหม่าน ถ้าผู้คนละเมิดสิทธิซึ่งกันและกัน การอยู่อย่างสงบสุข
พระพุทธศาสนา ม.2 เป็นไปไม่ได้ หากไม่มีกฎหมาย ใครโกรธใครก็อาจไปฆ่าหรือท�าร้ายกันก็ได้ อยากได้ของของเขา
ก็ไปขโมยเอา อยากประพฤติผิดคู่ครองคนอื่นก็ท�า สังคมอย่างนี้ไม่มีใครอยู่ได้
ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ นอกจากกฎหมายจะคุ้มครองชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน และอื่นๆ ของคนในสังคมแล้ว
พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 1.6 กฎหมายยังคุ้มครองเด็กเป็นพิเศษด้วย เช่น มีกฎหมายห้ามเด็กอายุต�่ากว่า ๒๐ ปี เข้าไปเที่ยว
หนวยที่ 1 ประวัติและความสําคัญของพระพุทธศาสนา ในสถานบันเทิงบางประเภท ห้ามขายเครือ่ งดืม่
กิจกรรมที่ ๑.๖ ใหนักเรียนอานขาวตอไปนี้ แลววิเคราะหในประเด็น
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได แอลกอฮอล์ให้เด็ก เป็นต้น นอกจากนี้ กฎหมาย
ñð
ที่กําหนด (ส ๑.๑ ม.๒/๔)
ยังห้ามเสพสิ่งเสพติดอีกด้วย ทั้งหมดนี้ก็คือ
รวบ นักเรียน-นักเลงตีกันมั่วบนรถเมล
เมื่อเวลา ๑๕.๐๐ น. วันที่ ๑๑ ม.ค. พ.ต.ท.สนอง แสงมณี สว.จร.สน.วิภาวดี รับแจงเหตุ
นักเรียนยกพวกตีกนั บนรถประจําทางบริเวณแยกสุทธิสาร ถนนวิภาวดีรงั สิต แขวงสามเสนนอก
กฎหมายป้องกันมิให้คนท�าร้ายตัวเอง คนที่
เขตหวยขวาง จึงรีบนํากําลังไประงับเหตุ เมื่อไปถึงพบรถประจําทางสาย ๑๘๗ ทะเบียน
๑๓-๗๐๐ กรุงเทพมหานคร หมายเลขขางรถ ๑๘๗-๑๐ มีนายพรชัย ประภายนต อายุ ๕๕ ป ยังเป็นเด็กหรือคนทีห่ ลงผิดไปชัว่ วูบ อาจท�าอะไร
คนขับรถ จอดอยูบริเวณปอมตํารวจใตสะพานขามสุทธิสาร โดยมีผูโดยสารที่อยูในอาการ
ตื่นตระหนกอยูเต็มคันรถ เบื้องตนควบคุมตัวนักเรียนโรงเรียนพาณิชยการแหงหนึ่งได ๑๒ คน
และโรงเรียนชางกลแหงหนึ่งอีก ๘ คน พรอมยึดอาวุธดาบซามูไร ๑ เลม มีดพกสั้น ๔ เลม
ที่เป็นอันตรายต่อตัวเองได้ กฎหมายก็ปกป้อง
จากการสอบสวนนายพรชัยใหการวา ตนไดรบั กลุม นักเรียนพาณิชยมาจากปายรถประจําทาง
หนา รพ.ทหารผานศึก เมื่อมาถึงปายรถประจําทางดานหนาสโมสรทหารบก กลุมนักเรียน คนเหล่านี้ไว้
ชางกลจํานวน ๘ คน ก็ไดขึ้นมาบนรถ ตอมาก็ไดยินเสียงตะโกนโวยวายอยูดานหลังรถ
พอหันไปดูก็เห็นนักเรียนกําลังตะลุมบอนพรอมทั้งมีอาวุธมีดอยูในมือ ตนจึงตกใจรีบขับรถ
เขามาแจงตํารวจที่ปอมตํารวจจราจร จนตํารวจสามารถจับกุมไดดังกลาว เบื้องตนเจาหนาที่
เมือ่ มีกฎและระเบียบ สังคมก็ตอ้ งมีวธิ กี าร
ฉบับ
เฉลย นําตัวนักเรียนทัง้ ๒ โรงเรียนไปทีส่ น.สุทธิสาร เพือ่ ทําประวัตพิ รอมทัง้ ดําเนินการตามกฎหมาย
ตอไป ท�าให้คนปฏิ 1 บัติตาม วิธีที่สังคมน�ามาใช้ก็คือ
๑. สาระสําคัญของขาวเกี่ยวกับเรื่องอะไร
ที่มา : www.dailnews.co.th/ ประจําวันที่ ๑๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๔
การลงโทษ เช่น ปรับ จ�าคุก หรืออื่นๆ ถ้าไม่มี
ปญหานักเรียนตีกนั ซึง่ เกิดจากความคึกคะนอง การใชอารมณในการตัดสินปญหาจนเกิดความรุนแรง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
สงผลใหมีการบาดเจ็บและสรางความเดือดรอนตอคนรอบขาง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
การลงโทษก็ไม่มีใครกลัวการกระท�าผิด และ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
๒. นักเรียนมีความคิดเห็นเชนไรกับปญหากรณีนี้ที่เกิดขึ้นบอยในสังคมปจจุบัน
การจัดระเบียบการจราจรถือเป็นการจัดระเบียบทางสังคม บ้านเมืองก็ป ราศจากกฎเกณฑ์และระเบีย บ
เปนปญหาที่เกิดจากการปลูกฝงคานิยมในการรักสถาบันที่ผิด ซึ่งมีการปลูกฝงจากรุนสูรุน ประการหนึ่งที่ทำาให้ผู้ขับขี่ใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติ
รวมถึงความไม่ปกติสุข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ซึ่งถาหากยังไมเปลี่ยนวิธีคิด ปญหาเหลานี้ก็จะยังคงเกิดขึ้นในสังคมไทยและจะสงผลกระทบตอการ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
พัฒนาประเทศ เพราะเยาวชนเหลานี้ก็คือกําลังสําคัญของชาติตอไปในอนาคต
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
เพื่อทำาให้การอยู่ร่วมกันในสังคมเป็นปกติสุข
๓. พระพุทธศาสนาสามารถนํามาแกไขปญหากรณีนี้ไดอยางไร
เราสามารถนําหลักธรรมคําสอนทางพระพุทธศาสนามาใชแกไขปญหาดังกลาวได เชน การใชความ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
เมตตากรุณา การเอื้อเฟอเผื่อแผ การชวยเหลือเกื้อกูล ไมแบงฝกแบงฝาย รวมทั้งหลีกเลี่ยงการใช
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ความรุนแรงและใชเหตุผลในการตัดสินปญหา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
32

บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู ครูสามารถนําเนือ้ หาเรือ่ งกฎหมายไปบูรณาการเชือ่ มโยงกับกลมุ สาระ
การเรียนรูส งั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาหนาที่พลเมือง วัฒนธรรม
1 การลงโทษ โทษทางอาญาสําหรับลงโทษผูกระทําความผิด มีดังตอไปนี้
1. ประหารชีวิต คือ ดําเนินการดวยวิธีฉีดสารพิษใหตาย ซึ่งโทษประหารชีวิต และการดําเนินชีวิตในสังคม เรื่องกฎหมายกับการดําเนินชีวิตประจําวัน
นั้นอาจลดโทษได แตจะไมมีการเพิ่มโทษเด็ดขาด โดยครูอธิบายใหนักเรียนฟงวา กฎหมาย หมายถึง ขอบังคับของรัฐอันเปน
2. จําคุก คือ การเอาตัวไปขังไวในเรือนจํา ซึ่งอาจเปนโทษจําคุกตลอดชีวิต สวนหนึ่งของการจัดระเบียบทางสังคม เพื่อใชควบคุมประพฤติของพลเมือง
หรือเปนโทษจําคุกตามที่ศาลกําหนดเวลาในการลงโทษไวอยางแนนอนแลว หากผูใดฝาฝนจะตองไดรับโทษหรือผลรายอยางใดอยางหนึ่ง โดยเจาหนาที่
3. กักขัง คือ การเอาตัวผูที่กระทําความผิดไปกักขังหรือควบคุมไวใน ของรัฐเปนผูดําเนินการบังคับ กฎหมายมีความสําคัญ คือ สรางความเปน
สถานที่กักขังที่กําหนดไวที่ไมใชเรือนจํา อาจเปนที่อยูอาศัยของผูตองโทษกักขังเอง ระเบียบแกสังคมและประเทศชาติ ทําใหการบริหารและพัฒนาประเทศเปนไป
หรือสถานที่อื่นที่เหมาะสมก็ได อยางรวดเร็ว ประเทศชาติเจริญกาวหนา และเปนหลักในการจัดระเบียบการ
4. ปรับ คือ โทษที่ศาลพิพากษาใหผูตองโทษนั้นชําระเงินคาปรับตอศาลตาม ดําเนินชีวติ ใหแกประชาชน ทําใหสังคมเกิดความเปนระเบียบเรียบรอย
ที่กําหนดภายในสามสิบวันนับแตวันที่ศาลพิพากษา ถาหากไมทําตามที่ศาลสั่ง ลักษณะของกฎหมาย มีดังนี้
ก็อาจถูกยึดทรัพยหรือถูกกักขังแทนคาปรับ 1. ตองมีลักษณะเปนคําสั่งหรือขอบังคับ
5. ริบทรัพยสิน คือ การลงโทษริบเอาทรัพยสินของผูกระทําความผิดมาเปน 2. ตองเปนคําสั่งหรือขอบังคับที่ออกโดยรัฏฐาธิปตย
ของรัฐ 3. ตองเปนคําสั่งหรือขอบังคับที่ใชบังคับไดทั่วไป
4. ตองมีสภาพบังคับ
32 คูมือครู 5. ตองมีผลใชบังคับไดตลอดไปจนกวาจะมีการแกไขหรือยกเลิก
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ Expand
1. ครูใหนักเรียนจับกลุม 6-8 คน เพื่อแสดง
วิธีการลงโทษนี้เป็นวิธีที่ท�าให้สังคมมีระเบียบ พระพุทธศาสนาก็ไม่ปฏิเสธวิธีการเช่นนี้ บทบาทสมมติในรูปแบบละครสั้นที่มีเรื่องราว
แต่พระพุทธศาสนาเห็นว่า มีอีกวิธีหนึ่ง คือ อบรมปลูกฝังคนในสังคมให้มีจิตส�านึกว่าอะไรดี สะทอนถึงความสําคัญของพระพุทธศาสนาที่มี
อะไรชั่ว ห้ามตัวเองมิให้ท�าในสิ่งที่ผิด การลงโทษโดยกฎหมายเป็นการลงโทษจากภายนอก แต่ถ้า ตอสังคมไทย
จะให้แน่ใจจริงๆ ต้องห้ามตัวเองโดยเลี่ยงจากภายใน การที่คนไม่ท�าผิดเกิดจากปัจจัย ๒ อย่าง คือ 2. เพื่อนในชั้นเรียนกลุมอื่นวิเคราะหถึงขอคิดของ
หนึ่ง เคารพกฎหมาย สอง เคารพตัวเอง ซึ่งพระพุทธศาสนาถือว่าอย่างที่สองส�าคัญกว่า ละครดังกลาว
การเคารพกฎหมายมิใช่สิ่งเดียวที่ท�าให้คนไม่กระท�าผิด แต่มีอีกสิ่งหนึ่งซึ่งอาจส�าคัญกว่า
นั่นคือ การเคารพตนเอง การที่คนไม่กระท�าความผิดนั้นมีสาเหตุได้ ๒ อย่าง คือ หนึ่ง กลัวได้รับ ตรวจสอบผล Evaluate
การลงโทษหรือกลัวคนอืน่ ติเตียน สอง มีความละอาย และความขยะแขยงต่อความผิด อย่างแรก 1. ตรวจสอบจากความถูกตองในการตอบคําถาม
เรียกว่า เคารพกฎหมาย อย่างหลังเรียกว่า เคารพตนเอง ทีเ่ รียกว่าเคารพตนเองนัน้ ก็เพราะว่าการ และรวมอภิปราย
ที่ไม่ท�าผิดนั้นมิใช่เพราะกลัวคนติเตียนหรือกลัวจะถูกลงโทษ แต่เพราะใช้สติปัญญาพิจารณาด้วย 2. ตรวจสอบจากความชัดเจนในการนําเสนอ
ตนเอง แล้วเห็นว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งผิดแล้วไม่อยากท�า คนที่เคารพตนเองนั้นไม่ท�าผิดเพราะสิ่งนั้น ความสําคัญของพระพุทธศาสนาผานการ
เป็นสิ่งผิด มิใช่เพราะกลัวว่าเมื่อท�าแล้วจะมีผู้อื่นมาลงโทษหรือติเตียน แสดงละครสั้น
ภายหลังจากที่พระเจ้าอโศกมหาราช ได้ทรงจัดส่งสมณทูตเพื่อเดินทางไปเผยแผ่
พระพุทธศาสนายังดินแดนต่างๆ ท�าให้พระพุทธศาสนาแผ่ขยายไปทัว่ และเจริญขึน้ ในดินแดนต่างๆ
ทั้งในประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง เช่น เมียนมา อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์
ลาว กัมพูชา และเวียดนาม
การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศต่างๆ แม้จะมีปัญหาและอุปสรรคอันเนื่อง
มาจากสภาพความวุ่นวายทางการเมือง และสภาวะสงครามเป็นส่วนใหญ่ แต่โดยทั่วไปประชาชน
ก็ยังมีศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างเหนียวแน่นจนยากที่จะคลอนแคลนได้ ส�าหรับประเทศไทย
พระพุทธศาสนาได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตจนกลายเป็นเอกลักษณ์และมรดกทางสังคม
สืบต่อเนื่องกันเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะการพัฒนาบุคคล ชุมชน สังคม รวมถึงการจัด
ระเบียบสังคมให้บุคคลในสังคมอาศัยอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข

33

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T เกร็ดแนะครู
พระพุทธศาสนาทําใหสังคมเกิดความเปนระเบียบและมีความสงบสุข
ครูควรยกตัวอยางประกอบเรื่องการเคารพตนเองใหนักเรียนฟง เพื่อใหเกิด
ไดอยางไร
ความเขาใจมากยิ่งขึ้น ดังนี้
แนวตอบ หลักคําสอนของพระพุทธศาสนาสอนใหคนทําความดีและ มีชายคนหนึ่งเดินไปคนเดียวและพบกระเปาสตางคตกอยู แตไมมีใครอยูใน
ไมทําความชั่วทั้งปวง ละเวนการกระทําทุจริตทั้งทางกาย วาจา และใจ บริเวณนั้นเลย ถาเขาตองการเก็บไวเปนของตัวเองก็ยอมทําได เพราะไมมีใครรูเห็น
โดยพระพุทธศาสนาเนนวา คนเราจะตองมี “หิรโิ อตตัปปะ” คือ ความละอาย เหตุการณ หากเขาเคารพตนเอง คือ มีจิตสํานึกดี มีความละอายแกใจตนเอง รูสึก
และเกรงกลัวตอบาป ซึ่งมิใชความกลัววาจะถูกผูอื่นเห็นหรือตําหนิติเตียน ขยะแขยงความชั่ว เขาก็จะนํากระเปาสตางคใบนั้นไปสงตํารวจ คนที่เคารพตนเอง
แตกลัวเพราะสิ่งนั้นเปนความชั่ว รูสึกละอายใจที่จะตองทําความชั่ว ดังนั้น จะไมทําความชั่วทั้งในที่ลับและที่แจง ไมใชเพราะกลัวคนอื่นติเตียน แตเปนเพราะ
จึงกลาวไดวา พระพุทธศาสนาชวยจรรโลงใหสังคมมีระเบียบและเกิด สิ่งนั้นชั่ว สิ่งนั้นผิด จึงไมทํา
ความสงบสุขอยางแทจริง

คูมือครู 33
ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Evaluate
Engage Explore Explain Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
ตรวจสอบความถูกตองจากการตอบคําถาม
ประจําหนวยการเรียนรู ค íา¶ามประจ íาหน่วยการเรียนรู้

๑. หลักฐานใดทีแ่ สดงให้เห็นถึงการทีพ่ ระพุทธศาสนาเคยเจริญรุง่ เรืองอยู่ในประเทศเพือ่ นบ้าน


หลักฐานแสดงผลการเรียนรู จงอธิบายพร้อมระบุหลักฐานประกอบ
การเขียนสรุปเปรียบเทียบการเผยแผ
พระพุทธศาสนาในอดีตกับสถานการณการนับถือ
๒. ให้นักเรียนอธิบายสรุปสถานการณ์ปัจจุบันของพระพุทธศาสนาในประเทศเพื่อนบ้าน
มาพอสังเขป ศา
พระพุทธศาสนาในปจจุบัน ๓. พระพุทธศาสนามีความผูกพันกับวิถีการด�าเนินชีวิตของคนไทยอย่างไรบ้าง
๔. ปัญหาอะไรบ้างที่สามารถแก้ปัญหาหรือพัฒนาได้ด้วยหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
และจะใช้หลักธรรมอะไรเป็นพื้นฐานในการแก้ไขปัญหา อธิบายวิธีการแก้ปัญหาด้วย
หลักธรรมที่ยกมา
๕. พระพุทธศาสนาช่วยแก้ปัญหาสังคมได้อย่างไรบ้าง อธิบายพร้อมยกตัวอย่างประกอบ

กิจกรรมสร้างสรรค์พั²นาการเรียนรู้

กิจกรรมที่ ๑ นักเรียนศึกษาและท�าความเข้าใจถึงการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเข้าสูป่ ระเทศ


เพือ่ นบ้าน แล้วร่วมกันอภิปรายถึงการนับถือพระพุทธศาสนาและสถานการณ์
การนับถือพระพุทธศาสนาของประเทศเพื่อนบ้าน
กิจกรรมที่ ๒ นักเรียนศึกษาค้นคว้าเกีย่ วกับการนับถือพระพุทธศาสนาของประเทศเพือ่ นบ้าน
แล้วร่วมกันอภิปรายถึงการนับถือพระพุทธศาสนาและสถานการณ์การนับถือ
พระพุทธศาสนาในปัจจุบันของประเทศเพื่อนบ้านของเรา
กิจกรรมที่ ๓ นักเรียนรวบรวมบทความ หรือยกเหตุการณ์ที่เป็นปัญหาสังคมในปัจจุบัน
และร่วมกันวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งร่วมกันหามาตรการและ
แนวทางแก้ไขโดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา

พุทธศาสนสุภาษิต
ͻڻÁÒ·Ú¨ àÁ¸ÒÇÕ ¸¹í àʯþ ™Ç áڢµÔ : »ÃҪޏ‹ÍÁÃÑ¡ÉÒ
¤ÇÒÁäÁ‹»ÃÐÁÒ·äÇŒ
àËÁ×͹·ÃѾ»ÃÐàÊÃÔ°ÊØ´
34

แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. ศาสนสถานตางๆ ทั้งที่เปนโบราณสถานและวัดวาอารามตางๆ ในปจจุบัน ลวนเปนหลักฐานที่สะทอนใหเห็นถึงความเจริญรุงเรืองของพระพุทธศาสนาในดินแดนนั้นๆ ดังนี้
ประเทศเมียนมามีศาสนสถานที่สําคัญ คือ พระเจดียชเวดากอง ประเทศอินโดนีเซียมีศาสนสถานเกาแก คือ พระเจดียบุโรพุทโธ ประเทศมาเลเซียมีศาสนวัตถุเกาแก คือ
พระโพธิสัตวอวโลกิเตศวร ประเทศสิงคโปรมีสมาคมชาวพุทธถึง 2,000 สมาคม และมีวัดถึง 150 วัด ประเทศลาวมีศาสนสถานที่สําคัญหลายแหง เชน พระธาตุหลวง
ประเทศกัมพูชามีปราสาทบายน ประเทศเวียดนามมีการจัดประชุมชาวพุทธทั่วโลกเนื่องในวันวิสาขบูชา
2. พระพุทธศาสนาในบางประเทศมีความเจริญรุงเรืองมาโดยตลอด แตบางประเทศอยูในชวงฟนฟูเนื่องจากภัยสงครามกลางเมืองและการเผยแผเขามาของศาสนาอื่น ดังนี้
ประเทศเมียนมา ประชากรรอยละ 89 นับถือพระพุทธศาสนา ประเทศอินโดนีเซีย ประชากรรอยละ 1 นับถือพระพุทธศาสนา สวนมากนับถือศาสนาอิสลาม ประเทศ
มาเลเซีย ประชากรรอยละ19 นับถือพระพุทธศาสนา ประเทศสิงคโปร ประชากรรอยละ 42 นับถือพระพุทธศาสนา ประเทศลาว ประชากรรอยละ 90 นับถือพระพุทธ-
ศาสนา ประเทศกัมพูชา ประชากรรอยละ 95 นับถือพระพุทธศาสนา ประเทศเวียดนาม รัฐบาลเริ่มฟนฟูพระพุทธศาสนาใหกลับมาเจริญรุงเรืองอีกครั้ง
3. พระพุทธศาสนาเปนรากฐานของวัฒนธรรมประเพณีไทย วิถีชีวิตไทยจึงของเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาในทุกๆ ดาน
4. ปญหาทุกปญหาสามารถนําหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาเขามาชวยแกไขไดทั้งสิ้น เชน หลักอริยสัจ 4 ชวยใหรูเหตุแหงทุกขและการดับทุกข เปนตน
5. พระพุทธศาสนาชวยสรางสรรคสังคมใหนาอยู หลักธรรมตางๆ ชวยแกปญหาใหกับสังคม และที่สําคัญพระพุทธศาสนาชวยพัฒนาบุคคลทางดานจิตใจ ขัดเกลาจิตใจ
ใหเปนคนที่มีความโอบออมอารี รักเพื่อนมนุษย และรักสันติสุข

34 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู

หน่วยการเรียนรู้ที่
พุทธประวัติ
๒ 1. วิเคราะหพุทธประวัติไดถูกตองตามเรื่องราว
ที่ปรากฏ
2. วิเคราะหความสําคัญของพระพุทธเจาในฐานะ
ที่เปนองคศาสดาในพระพุทธศาสนา
พระสาวก 3. ปฏิบัติตนเปนพุทธศาสนิกชนที่ดี โดยนํา
คุณธรรมทีค่ วรถือเปนแบบอยางจากพุทธสาวก
ศาสนิกชนตัวอยาง พุทธสาวิกา ชาดก และศาสนิกชนตัวอยาง
และชาดก มาประยุกตใชในชีวิตประจําวัน

สมรรถนะของผูเรียน
ตัวชี้วัด 1. ความสามารถในการคิด
● วิ เ คราะห์ พุ ท ธประวั ติ ห รื อ ประวั ติ ศ าสดา 2. ความสามารถในการแกปญหา
ของศาสนาที่ตนนับถือตามที่กำาหนด
(ส ๑.๑ ม.๒/๕) 3. ความสามารถในการใชทักษะชีวิต
● วิ เ คราะห์ แ ละประพฤติ ต นตามแบบอย่ า ง
การดำ า เนิ น ชี วิ ต และข้ อ คิ ด จากประวั ติ
สาวก ชาดก เรื่ อ งเล่ า และศาสนิ ก ชน
ตัวอย่างตามที่กำาหนด
(ส ๑.๑ ม.๒/๖)
คุณลักษณะอันพึงประสงค
1. มีวินัย
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
2. ใฝเรียนรู
● สรุปและวิเคราะห์พุทธประวัติ (การผจญมาร
3. ซื่อสัตยสุจริต
การตรัสรู้ การสั่งสอน) 4. มุงมั่นในการทํางาน
● พุทธสาวก พุทธสาวิกา (พระสารีบตุ ร พระโมค-
คัลลานะ นางขุชชุตตรา พระเจ้าพิมพิสาร)
● ชาดก (มิตตวินทุกชาดก ราโชวาทชาดก)
● ศาสนิกชนตัวอย่าง (พระมหาธรรมราชาลิไทย
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณ
วโรรส)
¾Ãоط¸à¨ŒÒ ໚¹ºØ¤¤Å¼ÙàŒ ¾Õº¾ÃŒÍÁ´ŒÇ¤ÇÒÁ´Õ§ÒÁ กระตุน ความสนใจ Engage
ËÅÒ»ÃСÒà ¾ÃÐͧ¤·Ã§ºíÒà¾ç޾ط¸¨ÃÔÂÒµÅÍ´¾ÃЪ¹Áª¾Õ
¢Í§¾ÃÐͧ¤ ·Ñ§é ¹ÕÁé ãÔ ª‹à»š¹ä»à¾×Íè »ÃÐ⪹á¡‹àËÅ‹Ò¾ÃлÃÐÂÙÃÞÒµÔ ครูนําสารคดีพุทธประวัติมาเปดใหนักเรียนดู
áÅкŒÒ¹àÁ×ͧ¢Í§¾ÃÐͧ¤à·‹Ò¹Ñ¹é ËÒ¡·Ã§ºíÒà¾çÞà¾×Íè »ÃÐ⪹ และตั้งคําถามเพื่อใหนักเรียนชวยกันหาคําตอบ
à¡×Íé ¡ÙÅá¡‹ªÒÇâÅ¡ áÅÐà¾×Íè ¤ÇÒÁÊآᡋÊÃþÊѵǏ·§Ñé ËÅÒ จากสารคดีนั้น เชน
¡ÒÃÈÖ¡ÉҾط¸»ÃÐÇÑµÔ »ÃÐÇѵ¾ Ô ·Ø ¸ÊÒÇ¡ ¾Ø·¸ÊÒÇÔ¡Ò
• ในวันประสูติ มีการทํานายลักษณะของ
áÅЪÒǾط¸µÑÇÍ‹ҧ µÅÍ´¨¹ªÒ´¡µ‹Ò§æ ¹Í¡¨Ò¡ÊзŒÍ¹
ãËŒàË繶֧¤Ø³¤‹Ò¤íÒÊ͹¢Í§¾Ãоط¸ÈÒʹÒáÅŒÇ ÂѧÊÒÁÒö พระพุทธเจาไวอยางไร
¹íÒ¨ÃÔÂÒÇѵâͧ¾ÃÐÈÒÊ´Ò áÅоÃÐÊÒÇ¡àËÅ‹Ò¹ÕéÁÒ໚¹ (แนวตอบ พราหมณกลุมหนึ่งไดทํานายวา
á¹Ç·Ò§ã¹¡Òû¯ÔºµÑ Ô à¾×Íè ãËŒÊÒÁÒö´íÒçªÕÇµÔ ÍÂÙã‹ ¹Êѧ¤Á ถาพระราชกุมารอยูครองเรือนจะไดเปน
䴌͋ҧÁÕ¤ÇÒÁÊØ¢ÍÕ¡´ŒÇ พระจักรพรรดิผูยิ่งใหญ แตมีเพียง
โกณฑัญญะพราหมณที่ยืนยันหนักแนนวา
พระราชกุมารสิทธัตถะจะเสด็จออกผนวช
และไดตรัสรูเปนพระพุทธเจา)
เกร็ดแนะครู
ครูควรจัดกิจกรรมการเรียนรู เพื่อใหนักเรียนสามารถวิเคราะหพุทธประวัติ
ตลอดจนประพฤติตนตามแบบอยางการดําเนินชีวิตและขอคิดจากประวัติสาวก
ชาดก และศาสนิกชนตัวอยาง โดยเนนการพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห
กระบวนการสืบสอบ และกระบวนการกลุม ดังนี้
• ครูใหนักเรียนสืบคนพุทธประวัติ ตอนตรัสรูและการสั่งสอนพระธรรม
แลวรวมกันวิเคราะหในประเด็นที่กําหนด
• ครูใหนักเรียนแบงกลุม สืบคนประวัติและคุณธรรมที่ควรถือเปนแบบอยาง
ของพุทธสาวกและพุทธสาวิกา แลวรวมกันวิเคราะหในประเด็นที่กําหนด
• ครูใหนักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับศาสนิกชนตัวอยาง จากนั้นจัดกิจกรรม
หรือสรางชิ้นงานที่ชวยปลูกฝงคุณธรรม แลวบันทึกประโยชนที่ไดรับจากการ
ปฏิบัติ
• ครูใหนักเรียนแบงกลุมสืบคนชาดก แลวรวมวิเคราะหถึงขอคิดที่ไดรับ

คูมือครู 35
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูใหนักเรียนดูภาพจากหนังสือเรียนหนา 36
แลวบรรยายภาพ พรอมตอบคําถามวา นักเรียน ñ. พุทธประวัติ
เคยพบเห็นภาพเขียนในลักษณะดังกลาวนี้ที่ใดบาง
1.1 ผจญมาร
สํารวจคนหา Explore เมื่อพระมหาสัตว์ ทรงรับหญ้ากุสะ ๘ ก�าจากพราหมณ์ชื่อโสตถิยะแล้ว ทรงน�าไปปูลาด
เป็นอาสนะที่โคนต้น “อัสสัตถะ” (ต่อมาเรียกต้นพระศรีมหาโพธิ์) ประทับนั่งผินพระพักตร์ไปทาง
ครูใหนักเรียนสืบคนพุทธประวัติ ตอนตรัสรู แม่นา�้ เนรัญชรา ทรงตัง้ สัตยาธิษฐานว่า “ตราบใดทีย่ งั ไม่บรรลุสงิ่ ทีพ่ งึ บรรลุดว้ ยความพยายามของ
และการสั่งสอนพระธรรม จากหนังสือเรียนหรือ บุรุษ ด้วยเรี่ยวแรงของบุรุษ แม้ว่าเลือดและเนื้อจะเหือดแห้งไป เหลือแต่หนังและกระดูกก็ตามที
แหลงการเรียนรูตางๆ แลวจดบันทึกขอมูลลงสมุด เราจะไม่ลุกขึ้นจากอาสนะนี้”
ทรงนั่งสมาธิ ได้ฌาน ทรงท�าฌานให้เป็นฐานแห่งวิปัสสนาแนวดิ่งต่อไป ว่ากั1นว่า พญามาร
อธิบายความรู Explain นามวสวัตดี ผู้ตามผจญพระองค์มาตลอด ตั้งแต่วันเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ (ออกผนวช)
มาปรากฏตัวพร้อมเสนามาร มีอาวุธครบครันน่าสะพรึงกลัว พญามารร้องบอกให้พระองค์เสด็จ
1. ครูใหนักเรียนชวยกันเลาเรื่องราวของ
ลุกจากอาสนะว่า “บัลลังก์นี้เป็นของข้า ท่านจงลุกขึ้นเดี๋ยวนี้”
พระพุทธเจากอนการตรัสรู ตอนผจญมาร และ
เมื่อพระองค์แย้งว่า บัลลังก์เป็นของพระองค์ พญามารถามหาพยาน พระองค์ทรงเหยียด
ตอบคําถามวา พระแมธรณีบีบมวยผมมีความ
พระดรรชนี (นิ้วชี้) ลงยังพื้นดินและตรัสว่า “ขอให้วสุนธรา (พระแม่ธรณี) จงเป็นพยาน”
เกี่ยวของกับพระพุทธเจาอยางไร
ทันใดนั้นพระแม่ธรณีก็ผุดขึ้นจากพื้นดิน ปรากฏตัวบีบมวยผม บันดาลให้มีกระแสน�้าหลาก
2. ใหนักเรียนวิเคราะหตามหลักภาษาธรรม
มาท่วมทับพญามารพร้อมทั้งกองทัพพ่ายแพ้ไปในที่สุด เป็นอันว่าพญามารพร้อมทั้งกองทัพได้
จากเหตุการณผจญมารของพระพุทธเจา ดังนี้
พ่ายแพ้แก่พระองค์โดยสิ้นเชิง
• พญามารและเสนามาร ผูต ามผจญพระพุทธเจา
มาตลอด ถอดออกเปนภาษาธรรม หมายถึง เหตุการณ์ตอนนี้ ต่อมาได้ถูกจ�าลองเป็น
อะไร พระพุทธรูปปางหนึง่ เป็นปางนัง่ สมาธิ พระหัตถ์
(แนวตอบ พญามาร หมายถึง กิเลส ไดแก วางบนพระเพลา 2 ชีพ้ ระดรรชนีลงพืน้ ดิน เรียกว่า
โลภะ โทสะ โมหะ สวนเสนามาร หมายถึง “ปางมารวิชัย” (อ่านว่า “มา‑ระ‑วิ‑ไช”) หรือ
กิเลสเล็กๆ นอยๆ ซึ่งกิเลสทั้งหมดนี้ เปนสิ่งที่ “ปางผจญมาร” ก็เรียก บางแห่งก็มภี าพพระแม่
พระพุทธเจาสามารถเอาชนะไดและทรงตรัสรู ธรณีบีบมวยผมอยู่ใต้ฐานของพระพุทธรูปให้
ในที่สุด) เห็นกันอยู่ทั่วไป
• พระแมธรณี ถอดออกเปนภาษาธรรม จากเหตุการณ์ดงั กล่าวสามารถจะวิเคราะห์
หมายถึงอะไร ได้วา่ การทีพ่ ระพุทธเจ้าทรงผจญมารและเอาชนะ
(แนวตอบ พระแมธรณี หมายถึง บารมีทั้ง 10 มารได้ในทีส่ ดุ ถ้าตีความตามตัวอักษรก็ยอ่ มได้
ที่พระพุทธเจาทรงบําเพ็ญความดีมา) เพราะในคัมภีรพ์ ระพุทธศาสนายืนยันว่ามีมารจริง
มีเทพจริง และมารก็มีถึง ๕ ประเภท ถ้าจะ
พระแม่ธรณีบีบมวยผม บันดาลให้เป็นกระแสน้ำาหลาก แปลว่ามารในที่นี้คือ เทวปุตตมาร (เทพที่เป็น
มาท่วมกองทัพพญามาร
มาร) ก็ได้
36

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว  NT  O-NE T
พระแมธรณีบีบมวยผมบันดาลใหมีกระแสนํ้าหลากทวมกองทัพพญามาร
1 มหาภิเนษกรมณ เหตุการณในพุทธประวัติตอนนี้ ทําใหเกิดปางพระพุทธรูป
คําวา “มาร” ตามภาษาธรรมหมายถึงอะไร
ทีเ่ รียกวา ปางมหาภิเนษกรมณหรือปางอธิษฐานเพศบรรพชิต มีการทําประติมากรรม
1. ความไมรู 2. ผูที่คิดราย
2 ลักษณะ ไดแก ลักษณะที่ 1 พระอิริยาบถประทับนั่งขัดสมาธิราบ พระหัตถซาย
3. ความสุขสบาย 4. กิเลสทั้งปวง
หงายบนพระเพลา พระหัตถขวายกขึ้น ตั้งฝาพระหัตถตรงพระอุระ และลักษณะที่ 2
พระอิริยาบถประทับบนหลังอัศวราช คือ กัณฐกะ มีนายฉันนะมหาดเล็กตามเสด็จ วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. คําวา “มาร” ตามภาษาธรรม หมายถึง
2 ปางมารวิชัย พระพุทธรูปปางนี้ อยูในพระอิริยาบถนั่งขัดสมาธิ พระหัตถซาย กิเลส ไดแก โลภะ โทสะ โมหะ ที่มารบกวนพระทัยพระพุทธองคในขณะ
หงายวางบนพระเพลา พระหัตถขวาวางที่พระชานุ นิ้วพระหัตถชี้ลงที่พื้นธรณี นั่งสมาธินั้นเอง เสนามาร ก็คือกิเลสเล็กๆ นอยๆ ที่เปนบริวารของโลภะ
พระพุทธรูปปางมารวิชัยเปนปางที่พบมากที่สุดในศิลปกรรมไทย โดยเฉพาะในสมัย โทสะ โมหะ การทีท่ รงผจญมาร ก็คอื ทรงตอสูก บั อํานาจของกิเลสเหลานีน้ นั่ เอง
สุโขทัย ลานนา อูทอง อยุธยา จนถึงรัตนโกสินทร นอกจากนี้ พุทธประวัติ สวนพระแมธรณี ก็คือบารมีทั้ง 10 ที่ทรงบําเพ็ญมา การอางพระแมธรณี
ตอนมารผจญยังเปนที่นิยมในงานจิตรกรรมฝาผนัง โดยเขียนที่ผนังสกัดดานหนา ก็คือทรงอางถึงคุณความดีที่ทรงบําเพ็ญมา เปนกําลังใจใหตอสูกับอํานาจของ
พระอุโบสถในสมัยอยุธยาตอนปลาย จนถึงสมัยรัชกาลที่ 3 แหงกรุงรัตนโกสินทร กิเลส เพราะพระบารมีที่ทรงบําเพ็ญมาเต็มเปยม พระองคจึงสามารถเอาชนะ
อํานาจของกิเลสทั้งปวง บรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณในที่สุด

36 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม แลวสงตัวแทนออกมา
แต่ถา้ “ถอดออกเป็นภาษาธรรม” อาจหมายความว่า มาร ก็คอื กิเลส ได้แก่ โลภะ โทสะ โมหะ จับสลากบัตรคําตอไปนี้
ที่มารบกวนพระทัยพระพุทธองค์ในขณะนั่งสมาธินั้นเอง เสนามาร ก็คือกิเลสเล็กๆ น้อยๆ ที่เป็น • การปฏิบัติโยคะ
บริวารของโลภะ โทสะ โมหะ การที่ทรงผจญมาร ก็คือทรงต่อสู้กับอ�านาจของกิเลสเหล่านี้ • การบําเพ็ญตบะ
ส่วนพระแม่ธรณี ก็คือบารมีทั้ง ๑๐ ที่ทรงบ�าเพ็ญมา การอ้างพระแม่ธรณี ก็คือทรงอ้างถึง • การบําเพ็ญทุกกรกิริยา
คุณงามความดีที่ทรงบ�าเพ็ญมา เป็นก�าลังใจให้ต่อสู้กับอ�านาจของกิเลส เพราะพระบารมีที่ทรง จากนั้นใหนักเรียนศึกษาคนควาเพิ่มเติมจาก
บ�าเพ็ญมาเต็มเปี่ยม พระองค์จึงทรงสามารถเอาชนะอ�านาจของกิเลสทั้งปวง และตรัสรู้ในที่สุด หนังสือเรียนหนา 37-39 และแหลงการเรียนรูอื่นๆ
1.2 การตรัสรู้ เชน หองสมุด อินเทอรเน็ต เปนตน แลวให
แตละกลุมสงตัวแทนออกมาอธิบายความหมาย
เมื่อทรงผนวชแล้ว พระสิทธัตถโคตมะ ได้ศึกษาค้นคว้าทางพ้นทุกข์อยู่เป็นเวลา ๖ ปี
ขั้นตอนการปฏิบัติ และเหตุผลที่พระพุทธเจา
จึงได้ตรัสรูเ้ ป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในช่วงเวลา ๖ ปีนี้ พระองค์ทรงท�าอะไรบ้าง สรุปเป็นขัน้ ตอน
ทรงเลือกหรือเปลี่ยนวิธีดังกลาวในการแสวงหา
ตามล�าดับ ดังต่อไปนี้
ขั้นที่ ๑ ทรงฝึกปฏิบัติโยคะ ในแคว้นมคธ สมัยนั้นมีอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงอยู่ ๒ ท่าน ที่สอนวิธี ทางพนทุกข
ปฏิบัติโยคะ คือ “อาฬารดาบส กาลามโคตร” กับ “อุททกดาบส รามบุตร” พระสิทธัตถโคตมะ 2. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 2.1 จากแบบวัดฯ
ทรงไปขอศึกษาเล่าเรียนและฝึกปฏิบัติอยู่กับอาจารย์ทั้งสองจนจบความรู้ของท่านทั้งสอง โดยได้ พระพุทธศาสนา ม.2
ส�าเร็จฌานสมาบัติ ๗ ขัน้ จากอาฬารดาบส และได้ฌานสมาบัตขิ นั้ ที่ ๘ จากอุททกดาบส ก็ทรงทราบ
ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ
ด้วยพระองค์เองว่า ยังไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ที่แท้จริง จึงออกแสวงหาหนทางพ้นทุกข์โดยล�าพังต่อไป
พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 2.1
ขั้นที่ ๒ ทรงบ�าเพ็ญตบะ บ�าเพ็ญตบะ คือ การทรมานตนเองให้ล�าบาก ตามวิธีทรมานตนเอง หนวยที่ 2 พุทธประวัติ พระสาวก ศาสนิกชนตัวอยาง
แบบต่างๆ ที่นักบวชชาวอินเดียนิยมท�ากันเป็นจ�านวนมาก และเชื่อว่าเป็นแนวทางพ้นทุกข์ และชาดก
ทางหนึ่ง ในคัมภีร์พระไตรปิฎกบันทึกไว้ว่าพระพุทธเจ้าทรงเล่าให้สาวกทั้งหลายฟังว่า พระองค์ กิจกรรมตามตัวชี้วัด

ทรงท�าตบะหรือทรมานตนหลายอย่าง เช่น กิจกรรมที่ ๒.๑ ใหนักเรียนดูภาพเกี่ยวกับพุทธประวัติ แลววิเคราะห


ในประเด็นที่กําหนด (ส ๑.๑ ม.๒/๕)
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
ñð

เปลือยกายตากลมและฝน ไม่ฉันปลาและเนื้อ ตอนที่ ๑ ดูภาพจิตรกรรมตอไปนี้แลววิเคราะหวาหมายถึงอะไร

กินโคมัย (มูลโค) ยืนเขย่งเท้า ไม่ยอมนั่ง พระแมธรณี


เปนตัวแทนของคุณความดี
………………………………………………
ที่ทรงบําเพ็ญมาเพื่อตอสู
………………………………………………
พญามารและเสนามาร
พญามาร คือ กิเลส ไดแก
………………………………………………
โลภะ โทสะ โมหะ สวน
………………………………………………

แต่นอนบนหนามแหลมคม ลงไปแช่น�้าเย็นจัด กับอํานาจของกิเลสจน


………………………………………………
เอาชนะไดและตรัสรูใน
………………………………………………
เสนามาร คือ กิเลสเล็กๆ
………………………………………………
นอยๆ การทรงผจญมาร
………………………………………………
ที่สุด คือ ทรงตอสูกับอํานาจ
วันละ ๓ เวลา เป็นต้น พระองค์ทรงทรมานตน ………………………………………………
………………………………………………
………………………………………………
ของกิเลสเหลานี้
………………………………………………

อย่างอุกฤษฏ์ปานฉะนี้ ก็ยังไม่พบทางแห่ง นักเรียนเคยถูก “มาร” ขัดขวางในการทําความดีอยางไรบาง และมีวิธีแกไขอยางไร


ความพ้นทุกข์ จึงหันมาเริ่มขั้นตอนขั้นที่ ๓ ฉบับ
เคยถูกมารขัดขวางในการอานหนังสือเตรียมตัวสอบ มาร คือ ความงวง วิธแี กไข อาทิ ไปลางหนาลางตา
เฉลย ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใหสดชืน่ หรือลุกขึน้ ทําอะไรก็ไดทที่ าํ ใหรา งกายตืน่ ตัว กระปรีก้ ระเปรา เชน เดินเลน บิดรางกาย เปนตน
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

อันเป็นขั้นสุดท้ายของตปวิธี ตอนที่ ๒ ดูภาพแลววิเคราะหในประเด็นที่กําหนด


๑. เพราะเหตุใด ภายหลังการตรัสรูแลว พระพุทธองคจึงทรง
ขั้นที่ ๓ ทรงบ�าเพ็ญทุกกรกิริยา การ เสด็จไปสั่งสอนปญจวัคคียกอนผูอื่น
เพราะพระพุ ทธองคทรงตองการขจัดความเห็นผิดของปญจวัคคีย
………………………………………………………………………………………………………………..
ที………………………………………………………………………………………………………………..
่เขาใจผิดวาพระองคทรงเลิกบําเพ็ญทุกกรกิริยาเพราะคลาย
บ�าเพ็ญ “ทุกกรกิริยา” แปลว่า การกระท�าที่ ความเพี ยร นอกจากนี้ พระองคทรงตองการใหปญจวัคคีย
………………………………………………………………………………………………………………..
เป นสักขีพยานในการตรัสรูเพื่อใหการเผยแผพระพุทธศาสนา
………………………………………………………………………………………………………………..

ท�าได้ยากยิ่งด้วยวิธีทรมานตนต่างๆ พระองค์ เป นไปดวยความสะดวกราบรื่น


………………………………………………………………………………………………………………..
๒. การแตงตัง้ ตําแหนงพระอัครสาวกแทนพระเถระอาวุโสอืน่ ๆ

ทรงเล่าไว้ว่า ทรงกระท�าเป็น ๓ ขั้นตอนตาม การบำ าเพ็ญตบะของนักบวชชาวอินเดียโดยการทรมานตนเอง


ด้วยเชื่อว่าเป็นหนทางแห่งการหลุดพ้นทุกข์ได้
สามารถวิเคราะห ไดวาอยางไร
การแตงตัง้ พระสารีบตุ รและพระโมคคัลลานะเปนพระอัครสาวก
………………………………………………………………………………………………………………..
เพราะทั ้งสองมีคุณสมบัติเหมาะแกการเผยแผพระพุทธศาสนา
………………………………………………………………………………………………………………..

ล�าดับ ดังนี้ นั……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


่นคือ เปนพราหมณ รูไตรเพท ทั้งยังเปนศิษยของสัญชัยเวลัฏฐบุตรที่สอนปรัชญาดวยวิธีหักลางกัน
ด……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
วยเหตุผล ดวยความรอบรูจึงเหมาะในการทํางานดานการเผยแผพระพุทธศาสนาไดอยางดี

37 ๑๔
(พิจารณาคําตอบของนักเรียน โดยใหอยูในดุลยพินิจของครูผูสอน)

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T เกร็ดแนะครู
เมื่อทรงผนวชแลว พระสิทธัตถะโคตมะ ทรงฝกปฏิบัติเรื่องใดกับสํานัก
ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการบําเพ็ญตบะตามความเชื่อของศาสนาฮินดู
อาฬารดาบส กาลามโคตร และอุททกดาบส รามบุตร
ซึ่งมีจุดหมายสูงสุด คือ โมกษะ
1. ปฏิบัติโยคะ
2. บําเพ็ญตบะ
3. บําเพ็ญทุกกรกิริยา มุม IT
4. บําเพ็ญเพียรทางจิต
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. ทรงฝกปฏิบัติโยคะในแควนมคธ กับสํานัก ศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการบําเพ็ญตบะในศาสนาฮินดู ไดที่
อาจารยที่มีชื่อเสียง 2 ทาน คือ อาฬารดาบส กาลามโคตร กับอุททกดาบส http://www.crs.mahidol.ac.th วิทยาลัยศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล
รามบุตร จนจบความรูของทานทั้งสอง โดยไดสําเร็จฌานสมาบัติ 7 ขั้น
จากอาฬารดาบส กาลามโคตร และไดฌานสมาบัติขั้นที่ 8 จากอุททกดาบส
รามบุตร

คูมือครู 37
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนอภิปรายถึงขอคิดที่ไดจากการที่
พระพุทธเจาทรงปฏิบัติโยคะ ทรงบําเพ็ญตบะ ขัน้ ที่ ๑ กัดฟัน คือ กัดฟันเข้าหากัน เอาลิน้ ดุนเพดาน ท�านานๆ จนเกิดความร้อนขึน้
และทรงบําเพ็ญทุกกรกิริยา ในร่างกาย จนเหงื่อไหลออกจากรักแร้
2. ครูใหนักเรียนอธิบายการปฏิบัติทางสายกลาง ขั้นที่ ๒ กลั้นลมหายใจ คือ กลั้น
หรือมัชฌิมาปฏิปทาที่พระพุทธองคทรงปฏิบัติ ลมหายใจให้นานทีส่ ดุ จนกระทัง่ หูออื้ ปวดศีรษะ
เปนขั้นตอนสุดทายในการแสวงหาทางพนทุกข จุกเสียดท้อง ร้อนไปทั่วสรรพางค์ ดุจนั่งอยู่บน
3. ครูใหนักเรียนแสดงความคิดเห็นวา จากการ กองไฟ
ศึกษาคนควาทางพนทุกขของพระพุทธเจา ขั้นที่ ๓ อดอาหาร คือ ค่อยๆ ลด
ปจจัยใดบางที่มีสวนชวยสงเสริมใหเกิดปญญา อาหารลงทีละน้อยๆ ในที่สุดไม่เสวยอะไรเลย
(แนวตอบ ครูเปดโอกาสใหนักเรียนแสดงความ เป็นเวลานาน จนกระทั่งร่างกายผอมเหลือแต่
คิดเห็นไดอยางหลากหลาย โดยอยูบนพื้นฐาน หนังหุม้ กระดูก เวลาเอามือลูบกายเส้นขนก็รว่ ง
ของเหตุผลและความถูกตอง เชน การบริโภค หลุดออกมาเป็นกระจุก เดินไปไหนก็ซวนเซ
อาหารที่มีประโยชนมีสวนชวยในการเสริมสราง เป็นลมแทบสิ้นชีวิต
ใหสมองเจริญเติบโตไดดี ทําใหสมองเกิดการ พระองค์ ท รงกระท� า ถึ ง ขั้ น นี้ ก็ ยั ง
เรียนรูไดเร็วจนเกิดปญญา สิ่งแวดลอมที่ดี พระสิทธัตถะทรงบำาเพ็ญทุกกรกิริยา เพื่อแสวงหาหนทาง ไม่ตรัสรู้จึงทรงคิดว่ามิใช่หนทางที่ถูกต้อง จึง
ดับทุกข์
จะชวยกระตุนใหเกิดปญญาไดดีขึ้น เชน ทรงเลิกแล้วหันมาเสวยพระกระยาหารดังเดิม
การนั่งสมาธิในสถานที่เงียบสงบ เปนตน) พระองค์ทรงตระหนักว่าแนวทางทีท่ รงท�ามาเป็นเวลา ๖ ปีเต็ม เป็นแนวทางที1ผ่ ดิ พลาด
ขณะเดียวกันก็ทรงค้นพบทางสายใหม่ซึ่งเรียกว่า “มัชฌิมาปฏิปทา” หรือ “ทางสายกลาง” จากนั้น
พระองค์ทรงด�าเนินตามทางสายกลางอันเป็นขั้นตอนสุดท้าย
ในระหว่างนี้ปัญจวัคคีย์ (ศิษย์ทั้ง ๕) ที่ตามมาอุปัฏฐากขณะที่ทรงบ�าเพ็ญทุกกรกิริยา
เห็นพระองค์ทรงกลับมาเสวยพระกระยาหาร จึงเสื่อมศรัทธา หาว่าพระองค์ทรงคลายความเพียร
เวียนมาเป็นคนมักมากเสียแล้ว คงไม่มีทางตรัสรู้แน่ จึงพากันปลีกตัวไปอยู่เสียที่อื่น
ขั้นที่ ๔ ทรงบ�าเพ็ญเพียรทางจิต กล่าวคือ ทรงคิดค้นหาเหตุผลทางด้านจิตใจนั่นเอง
เหตุการณ์ช่วงนี้มีอยู่ว่า เมื่อพระองค์ทรงเลิกบ�าเพ็ญทุกกรกิริยาแล้ว2 พระองค์ก็เสด็จล�าพัง
พระองค์ ไปยังต�าบลอุรุเวลาเสนานิคม ในตอนเช้าทรงรับข้าว “มธุปายาส” จากนางสุชาดา ซึ่งน�า
มาถวายโดยนางคิดว่าเป็นเทวดาที่ตนบนบานขอบุตรชายไว้ หลังจากเสวยข้าวมธุปายาสแล้ว
ก็ทรงลอยถาดลงในแม่นา�้ ต่อมาในเวลาเย็นพระองค์ได้เสด็จข้ามแม่นา�้ เนรัญชราไปยังฝัง่ ตะวันตก
ทรงน�าเอาหญ้ากุสะ (แปลกันว่า หญ้าคา) ๘ ก�าที่พราหมณ์โสตถิยะถวาย มาปูลาดเป็นอาสนะ ณ
โคนต้นมหาโพธิ์ พระองค์ประทับนั่งขัดสมาธิ ผินพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก พระปฤษฎางค์
(หลัง) พิงต้นมหาโพธิ์ ทรงเข้าสมาธิจนจิตตั้งมั่นแน่วแน่ บรรลุฌานทั้งสี่ และใช้ฌานทั้งสี่เป็น
“บาท” (เป็นพื้นฐาน) พิจารณาความเป็นไปของธรรมชาติและสภาวธรรมทั้งหลายจนเกิดญาณ
(การหยั่งรู้) ในสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง
38

บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู ครูสามารถนําเนื้อหาเกี่ยวกับการอดอาหารในขั้นตอนการบําเพ็ญ
ทุกกรกิริยาของพระพุทธเจา ไปบูรณาการเชี่อมโยงกับกลุมสาระการเรียนรู
1 ทางสายกลาง หรือมัชฌิมาปฏิปทา หมายถึง ขอปฏิบัติที่เพงถึงวิธีการ หรือ
สุขศึกษาและพลศึกษา วิชาสุขศึกษา เรือ่ งอาหารและโภชนาการเพือ่ เสริมสราง
ทางดําเนินชีวิตที่สอดคลองกับกฎธรรมชาติที่พอดี อันจะเกิดผลตามกระบวนการ
สุขภาพ และเรื่องระบบประสาทและระบบตอมไรทอที่มีผลตอพัฒนาการ
ดับทุกขของธรรมชาติ โดยเรียกสั้นๆ วา มรรคมีองค 8 ซึ่งไดแก สัมมาทิฏฐิ สัมมา
ทางความคิดและสติปญญา โดยใหนักเรียนบอกถึงการปฏิบัติตนในการ
สังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ และ
ดํารงชีวิตเพื่อเสริมสรางสติปญญาที่ดี
สัมมาสมาธิ
2 มธุปายาส หรือขาวทิพย หรือขาวยาคู ตามความเชื่อในสมัยพุทธกาล
ขาวมธุปายาสเปนอาหารสําหรับสังเวยเทวดาของชาวชมพูทวีป การกวนขาวมธุปายาส
จะใชขาวที่เก็บจากรวงออน หรือเรียกวา พอตั้งนํ้านม ฝานแลวตําใหละเอียด
คั้นเอาแตนํ้านม พรอมดวยเครื่องปรุงอื่นตามสภาพทองถิ่นและฤดูกาล ซึ่งจะ
แตกตางกันไป โดยอาจประกอบดวยมะพราว มันสําปะหลัง ฝรั่ง ฟกทอง กลวย
แปงขาวเหนียว นํ้าตาลทราย นม นํ้าออย มะละกอ ขนุน ทุเรียน กะทิ กระวาน
กานพลู พริกไทย ฯลฯ วิธีการทํา คือ นํานํ้านมขาวและเครื่องปรุงผสมลงไป
แลวคลุกใหเขากัน นําไปกวนในกระทะจนไดความหนืดตามตองการ

38 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนแสดงความคิดเห็นวา นักเรียน
ความรู้แจ่มแจ้งนั้น ได้ปรากฏขึ้นในพระทัยของพระองค์ดุจมองเห็นด้วยตาเปล่า เป็น สามารถนําวิธีในการแสวงหาทางพนทุกขของ
ความสว่างโพลงภายในที่ปราศจากความสงสัยเคลือบแคลงใดๆ ความรู้นี้ได้ตอบปัญหาที่ทรง พระพุทธเจามาประยุกตใชกับการเรียน
ค้างพระทัยมาเป็นเวลากว่า ๖ ปี พร้อมกับการ ไดอยางไร
เกิดความรู้ด้านกิเลส (ความเศร้าหมองแห่งจิต (แนวตอบ เชน การรูจักสังเกต ตั้งคําถามกับ
คือ โลภ โกรธ หลง) ที่ทรงสงสัยอยู่ในจิตใจของ สิ่งรอบตัวเพื่อที่จะเรียนรูสิ่งใหมๆ ดวยการ
พระองค์ก็ได้ปลาสนาการหายไปหมดสิ้น ศึกษาคนควาดวยตนเอง และมีความเพียร
การรู้แจ้งของพระองค์สามารถสรุปเป็น พยายาม อดทนฝกฝนตนในทักษะใดทักษะ
ขั้นๆ ดังนี้ หนึ่งเพื่อใหเกิดชํานาญเฉพาะดาน เปนตน)
2. ครูใหนักเรียนอธิบายวา หลังจากพระพุทธเจา
 ในยามต้น ทรงระลึกชาติหนหลัง
ของพระองค์ได้ ทรงตรัสรู พระองคมีวิธีการสั่งสอนพระธรรม
อยางไร
 ในยามทีส่ อง ทรงได้ตาทิพย์มอง
เห็นการเกิด การตายของสัตว์ทั้งหลายตามผล (แนวตอบ พระองคทรงเริ่มจากพิจารณา
กรรมที่ได้กระท�าไว้ สัตวโลกที่จะพึงสั่งสอน โดยเปรียบเทียบกับ
ดอกบัว 3 เหลา เพื่อใหเขาใจวาการเรียนรู
 ในยามทีส่ าม ทรงเกิดความรูแ้ จ้ง
ที่สามารถท�าลายกิเลสให้หมดสิ้นไปได้ พระสิทธัตถะ ตรัสรูเ้ ป็นพระพุทธเจ้าเมือ่ วันเพ็ญขึน้ ๑๕ ค่าำ ของแตละบุคคลชาหรือเร็วไมเทากัน
สิ่งที่พระองค์ตรัสรู้นี้ก็คือ กระบวนการ
เดือน ๖ ก่อนพุทธศักราช ๔๕ ปี หลังจากนั้นจึงตัดสินพระทัยไปสั่งสอน
เกิดขึ้นของทุกข์และการดับทุกข์ เรียกว่า “อริยสัจ ๔” ได้แก่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เหตุการณ์ พระธรรมแกปญจวัคคียเปนกลุมเปาหมายแรก
ครั้งนี้เกิดขึ้นในเวลารุ่งอรุณของคืนวันเพ็ญเดือนวิสาขะ (เดือน ๖) ก่อนพุทธศักราช ๔๕ ปี หลังจากทรงทราบวาพระอาจารยทั้งสอง คือ
อาฬารดาบส กาลามโคตร และอุททกดาบส
1.3 การสั่งสอน รามบุตร ถึงแกมรณภาพไปกอนหนานั้นแลว
หลังจากตรัสรู้แล้ว พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาสัตวโลกที่จะพึงสั่งสอน เปรียบเทียบกับดอกบัว 7 วัน)
๓ เหล่า (ดอกปทุม ดอกอุบล และดอกบุณฑริก) ที่เจริญงอกงามในน� 1 ้า ๓ ระดับ (ต่อมา 3. ครูสุมถามนักเรียนวา หลังการแสดงธัมมจัก-
พระอรรถกถาจารย์ได้เพิ่มเป็น ๔ ระดับเรียกว่า ดอกบัว ๔ เหล่า) เสร็จแล้วตัดสินพระทัยไป กัปปวัตตนสูตรจบ ปญจวัคคียคนใดไดบรรลุ
สั่งสอน โดยมุ่งไปที่ปัญจวัคคีย์เป็นกลุ่มเป้าหมายแรก หลังจากทรงทราบว่าพระอาจารย์ทั้งสอง โสดาบัน และในวันนั้นถือเปนวันสําคัญวันใด
คือ อาฬารดาบส กาลามโคตร อุททกดาบส รามบุตร ถึงแก่มรณภาพไปก่อนหน้านั้นแล้ว ๗ วัน ทางพระพุทธศาสนา
พระองค์เสด็จไปตรัสสอน “ธัมมจักกัปปวัตตนสู2 ตร” ว่าด้วยอริยสัจ ๔ ประการ แก่ปัญจวัคคีย์ (แนวตอบ ปญจวัคคียที่บรรลุโสดาบันคนแรก
โกณฑัญญะหัวหน้าปัญจวัคคีย์ได้ “ดวงตาเห็นธรรม” ทันทีที่ฟังพระธรรมเทศนาจบ ได้ทูลขอบวช คือ โกณฑัญญะ ถือเปนพระสงฆรูปแรกใน
พระองค์ประทานอุปสมบทให้ด้วยวิธีอุปสมบทที่เรียกว่า “เอหิภิกขุ” (แปลว่า เธอจงเป็นภิกษุเถิด) พระพุทธศาสนา วันดังกลาวเปนวันขึ้น 15 คํ่า
นับเป็นพระสงฆ์สาวกรูปแรกของพระพุทธองค์ เดือน 8 เปนวันอาสาฬหบูชา ซึ่งถือวาเปน
วันที่มีพระรัตนตรัยครบ 3 ประการ ไดแก
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ)
39

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T นักเรียนควรรู
เพราะเหตุใด พระพุทธเจาจึงทรงมุงไปสั่งสอนธรรมะแกปญจวัคคีย
1 ดอกบัว 4 เหลา เปนคําเปรียบเปรยบุคคลที่ฟงคําสอนของพระพุทธเจาวาจะ
เปนกลุมเปาหมายแรก
เรียนรูไดเร็วหรือชา หรือไมสามารถรับรูไดเลย โดยเปรียบเทียบกับบัว 4 เหลาที่อยู
1. เคยดูแลรับใชพระองค
ในสระนํ้า ดังนี้
2. มีความผูกพันกันใกลชิด
1. บัวพนนํ้า คือ พวกที่มีสติปญญาฉลาดเฉลียว เมื่อไดรับฟงธรรมก็จะ
3. ตองการใหไดดวงตาเห็นธรรม
สามารถรับรูไดอยางรวดเร็ว
4. มีสติปญญาพรอมที่จะรับรูไดเร็ว
2. บัวปริ่มนํ้า คือ พวกที่มีสติปญญาปานกลาง ถาไดรับการศึกษาอบรมเพิ่ม
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะพระพุทธเจาทรงเล็งเห็นวาปญจวัคคีย ก็สามารถเขาใจไดในไมชา
เปนเวไนยสัตวที่มีสติปญญาพรอมที่จะรับรูเรื่องราวไดเร็ว จึงตองสั่งสอนกอน 3. บัวใตนํ้า คือ พวกที่มีสติปญญานอย ตองไดรับการอบรมเพิ่มอยูเสมอ
คนอื่นเปนกลุมเปาหมายแรก 4. บัวที่จมโคลนตม คือ พวกที่ไมสามารถสอนใหเขาใจได แมจะพยายาม
สอนหลายครั้งแลวก็ตาม
2 ดวงตาเห็นธรรม การเกิดความเขาใจตอความจริงของกฎธรรมชาติที่กลาววา
“ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นและตั้งอยู ลวนตองอาศัยเหตุและปจจัยมาปรุงแตงใหเกิดขึ้นและ
ตั้งอยูทั้งสิ้น”

คูมือครู 39
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนดูภาพจากหนังสือเรียนหนา 40
แลวใหนักเรียนบรรยายสถานที่และเหตุการณ จากนั้นก็ทรงแสดงธรรมให้อีก ๔ ท่าน จนได้ดวงตาเห็นธรรม 1 และทูลขอบวชเป็นภิกษุ
ที่เกิดขึ้นในภาพ ตามล�าดับ แล้วทรงแสดง “อนัตตลักขณสูตร” (ว่าด้วยไตรลักษณ์ ได้แก่ อนิจจตา ทุกขตา
2. ครูใหนักเรียนอธิบายลําดับการบวชเปนสาวก อนัตตตา) แก่พระปัญจวัคคีย์จนได้บรรลุอรหัตผล
ในพระพุทธศาสนาของสาวกตางๆ และให หลังจากนัน้ ก็ประทานอุปสมบทให้ยสกุมาร
นักเรียนอภิปรายวา รูปแบบการบวชเปน และสหายของยสะอีก ๕๔ คน จนมีพระอรหันต‑
พระภิกษุในพระพุทธศาสนามีกี่รูปแบบ ไดแก สาวกครบ ๖๐ รูป พระองค์ก็ทรงส่งให้แยกย้าย
อะไรบาง กั น ไปประกาศพระพุ ท ธศาสนายั ง ทิ ศ ต่ า งๆ
(แนวตอบ การบวชเปนสาวก เริ่มจากพระอัญญา ส่วนพระองค์เองก็เสด็จไปโปรดชฎิล ๓ พี่น้อง
โกณฑัญญะไดบวชเปนพระสงฆรูปแรกใน พร้อมบริวารจ�านวนหนึ่งพันคน โดยทรงแสดง
พระพุทธศาสนา ตามดวยปญจวัคคียที่เหลืออีก “อาทิ ต ตปริ ย ายสู ต ร” (พระสู ต รว่ า ด้ ว ยไฟ)
4 ทาน ไดแก วัปปะ ภัททิยะ มหานาม และอัสสชิ จนชฎิล ๓ พี่น้องพร้อมบริวารได้บวชเป็นสาวก
หลังจากนั้นพระพุทธเจาก็ประทานอุปสมบท ของพระพุทธองค์
ใหยสกุมารและสหาย ตอมาชฎิล 3 พี่นองก็ได พระเจ้ า พิ ม พิ ส าร และชาวเมื อ งมคธ
อุปสมบท รวมถึงอุปติสสะและโกลิตะก็ได ที่ นั บ ถื อ ชฎิ ล ๓ พี่ น ้ อ ง เมื่ อ เห็ น อาจารย์
พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาโปรดปัญจวัคคีย์
อุปสมบทเปนพระสารีบุตรและพระโมคคัลนะ ของพวกตนมานั
2 บถือพระพุทธเจ้าเป็นศาสดา
ตามลําดับเชนกัน รูปแบบการบวชเปนพระภิกษุ ก็พากันมาเลื่อมใส ปฏิญาณตนนับถือไตรสรณคมน์เป็นที่พึ่งบ้าง พระเจ้าพิมพิสารทรงสร้างวัด
ในพระพุทธศาสนา มีทั้งหมด 3 รูปแบบ ไดแก พระเวฬุวันถวายเป็นวัดแห่งแรกในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา
1. เอหิภิกขุอุปสัมปทา หมายถึง การบวชที่ ในระหว่างนีเ้ อง อุปติสสมาณพ กับโกลิต‑
พระพุทธเจาทรงประทานใหโดยตรง มาณพ ศิษย์ของสัญชัยเวลัฏฐบุตร หนึง่ ในจ�านวน
2. ติสรณคมนูปสัมปทา หมายถึง การบวชที่ ครูทั้งหก มาบวชเป็นสาวกของพระพุทธองค์
พระพุทธเจาทรงอนุญาตใหพระสาวกบวชให โดยการแนะน�าของพระอัสสชิ หลังจากบวชแล้ว
แกผูที่ตองการบวช โดยใหผูนั้นปลงผมและ อุปติสสะมีชื่อเรียกว่า พระสารีบุตร โกลิตะมีชื่อ
หนวดเครา หมผากาสาวพัสตร แลวกราบ เรียกว่า พระโมคคัลลานะ ทั้ง ๒ ท่านในเวลา
พระภิกษุผูที่จะบวชให และพึงระลึกถึง ต่อมาไม่นานก็ได้รับแต่งตั้งจากพระพุทธองค์
พระรัตนตรัย ให้เป็นพระอัครสาวกเบื้องขวาและเบื้องซ้าย
3. ญัตติจตุตถกรรมอุปสัมปทา หมายถึง การ เพื่อช่วยในการสืบทอดพระพุทธศาสนา โดยที่
บวชดวยการสวดญัตติ โดยที่พระพุทธเจา พระสารี บุ ต รเป็ น พระอั ค รสาวกเบื้ อ งขวา
ทรงอนุญาตใหพระสาวกบวชใหแกผูที่ เลิ ศ กว่ า ภิ ก ษุ ทั้ ง หลายในทางมี ป ั ญ ญามาก
ตองการบวชเปนสามเณรชั้นหนึ่งกอน แลว พระพุทธองค์ทรงแต่งตัง้ พระสารีบตุ รและพระโมคคัลลานะ พระโมคคัลลานะเป็นพระอัครสาวกเบื้องซ้าย
จึงขอบวชเปนพระภิกษุดวยการสวดญัตติ เป็นอัครสาวกเพื่อช่วยเผยแผ่พระพุทธศาสนา
เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในทางมีฤทธิ์มาก
ถาไมมีใครคัดคานก็เปนอันสําเร็จเปน
พระภิกษุ) 40

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว  NT  O-NE T
“อาทิตตปริยายสูตร” (พระสูตรวาดวยไฟ) มีสาระสําคัญกลาวถึงเรื่องใด
1 ไตรลักษณ แปลวา ลักษณะ 3 อยาง หมายถึง ลักษณะ 3 ประการของ
1. กิเลส ไดแก ความโลภ ความโกรธ ความหลง
สิง่ ทัง้ ปวง หรือพูดอีกอยางหนึง่ ก็คอื เปน “สามัญลักษณะ” ของสรรพสิง่ ประกอบดวย
2. ไฟที่รอนแรงเปรียบเสมือนความโกรธของคนที่ขาดสติ
• อนิจจตา หมายถึง ภาวะที่ไมคงทนถาวรหรือไมเที่ยง มีเกิดมีดับ
3. สัจธรรมที่หนีไมพน เชน ความดี ความชั่ว ความไมดี ไมชั่ว
เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
4. ไฟแหงความพยาบาท ความริษยา ความเห็นแกตัว และ
• ทุกขตา หมายถึง ภาวะที่ทนไมไดหรือภาวะที่ขัดแยงไมสมบูรณ มีความ
การเอารัดเอาเปรียบ
บกพรองอยูในตัว พรอมที่จะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
• อนัตตตา หมายถึง ภาวะที่ไมมีตัวตน วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. พระสูตรวาดวยไฟ คือ กิเลสที่เกิดจาก
2 ไตรสรณคมน คือ การนอมกาย วาจา ใจ นําพระรัตนตรัยเขาไปไวในตน ความโลภ ความโกรธ และความหลง เปนพระสูตรที่มีเนื้อหาแสดงถึง
เพื่อแสดงวาตนมีพระรัตนตรัยเปนที่ระลึกถึงและเปนที่พึ่งตลอดไป ความรอนรุมของจิตใจดวยอํานาจกิเลส เปรียบไดกับความรอนของไฟที่
ลุกโพลงอยู จึงไดชอื่ วา อาทิตตปริยายสูตร แสดงใหเห็นวาความรอนทีแ่ ทจริง
คือความรอนจากภายใน

40 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนดูภาพสัตตมหาสถานจาก
หนังสือเรียนหนา 41 แลวใหนักเรียนชวยกัน
àÊÃÔÁÊÒÃÐ สัตตมหาสถาน สัตตมหาสถาน อธิบายความหมายของคําวา “สัตตมหาสถาน”
สถานที่สำาคัญ ๗ แห่งที่พระพุทธเจ้าเสด็จประทับเสวยวิมุตติสุข หลังจากได้ทรงตรัสรู้ธรรมวิเศษ (อนุตตร-
สัมมาสัมโพธิญาณ) แล้ว เป็นเวลาแห่งละ ๑ สัปดาห์ เรียงตามลำาดับต่อไปนี้
(แนวตอบ สัตตมหาสถาน คือ สถานที่สําคัญ 7
แหงทีพ่ ระพุทธเจาเสด็จไปประทับเสวยวิมตุ ติสขุ
สัปดาห์ที่ สถานที่เสด็จประทับเสวยวิมุตติสุข หลังจากทรงตรัสรูอ นุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
1
เสด็จประทับภายใต้ร่มไม้มหาโพธิ์ ทรงเสวยวิมุตติสุขตลอด ๗ วัน แลวเปนเวลาแหงละ 1 สัปดาห ดังนี้
1 2 ป่ ระทับตรัสรู้
โดยประทับนัง่ ขัดสมาธิบนรัตนบัลลังก์อนั เป็นสถานที • สัปดาหที่ 1 เสด็จประทับใตรมไม
ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ทรงพิจารณาปฏิจจสมุปบาท มหาโพธิ์
• สัปดาหที่ 2 เสด็จประทับ ณ อนิมิสเจดีย
เสด็จประทับ ณ อนิมสิ เจดีย์ ซึง่ อยูท่ างทิศตะวันออกเฉียงเหนือเล็กน้อย • สัปดาหที่ 3 เสด็จประทับ ณ รัตนจงกรม
2 ห่างจากรัตนบัลลังก์ประมาณ ๖๙ เมตร ทรงยืนจ้องพระเนตรดู
ต้นมหาโพธ์ิโดยมิได้กะพริบพระเนตรตลอด ๗ วัน
เจดีย
• สัปดาหที่ 4 เสด็จประทับ ณ รัตนฆรเจดีย
เสด็จประทับ ณ รัตนจงกรมเจดีย์ ทรงนิมิตจงกรมขึ้น แล้วเสด็จ • สัปดาหที่ 5 เสด็จประทับ ณ ใตรมไมไทร
3 จงกรมอยู่ที่นี่เป็นเวลา ๗ วัน โดยเสด็จจงกรมไปมาบนลานแก้ว
รัตนจงกรมเจดีย์ ซึ่งอยู่ระหว่างต้นโพธิ์ตรัสรู้กับลานอนิมิสเจดีย์
ชื่อวา “อชปาลนิโครธ”
• สัปดาหที่ 6 เสด็จประทับใตรมไมจิก
• สัปดาหที่ 7 เสด็จประทับใตรมไมเกด
เสด็จประทับ ณ รัตนฆรเจดีย์ เสด็จไปทางทิศพายัพ แห่่งต้น ชื่อวา “ราชายตนะ”)
4 มหาโพธิ์ ประทับนั่งขัดสมาธิในเรือนแก้ว ซึ่งเทวดานิรมิตถวาย
ทรงพิจารณาพระอภิธรรมตลอด ๗ วัน
2. ครูใหนักเรียนสรุปเนื้อหาเรื่องสัตตมหาสถาน
โดยจัดทําเปนผังความคิด พรอมตกแตงและ
เสด็จไปประทับใต้ร่มไม้ไทร โดยมีชื่อว่า “อชปาลนิโครธ” ซึ่งเป็น ระบายสีใหสวยงาม
5 ที่พักของคนเลี้ยงแพะ และเคยเป็นสถานที่ที่ทรงรับข้าวมธุปายาส
จากนางสุชาดาก่อนวันตรัสรู้ ซึ่งอยู่ห่างจากต้นโพธิ์ตรัสรู้ประมาณ
๑.๖ กิโลเมตร
เสด็จไปประทับนัง่ ขัดสมาธิภายใต้รม่ ไม้จกิ โดยมีชอื่ ว่า “มุจจลินท์”
6 ทางทิศอาคเนย์แ3ห่งต้นมหาโพธิ์ ซึง่ เป็นสถานทีส่ ถิตอยูข่ องพระยา
มุจจลินทนาคราช ห่างจากต้นโพธิต์ รัสรูไ้ ปทางทิศใต้ประมาณ ๑.๗
กิโลเมตร

เสด็จไปประทับภายใต้รม่ ไม้เกด (ต้นไทรพันธ์หุ นึง่ ทีม่ ใี บเล็ก) โดยมี


7 ชือ่ ว่า “ราชายตนะ” ประทับนัง่ เสวยวิมุตติสุขตลอด ๗ วัน อยู่ห่าง
จากต้นโพธิ์ตรัสรู้ไปทางทิศใต้ประมาณ ๒.๕ กิโลเมตร

41

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T นักเรียนควรรู
ขอใดกลาวถึงความหมายของคําวา “สัตตมหาสถาน” ไดถูกตองที่สุด
1 เสวยวิมตุ ติสขุ ความสุขทีเ่ กิดจากความหลุดพนจากกิเลสและความทุกขทงั้ ปวง
1. สถานที่ประสูติของพระพุทธเจา
2. สถานที่แสดงปฐมเทศนาของพระพุทธเจา 2 ปฏิจจสมุปบาท แปลวา การเกิดขึน้ พรอมกันแหงธรรมทัง้ หลาย หมายความวา
3. สถานที่เสด็จดับขันธปรินิพพานของพระพุทธเจา สิ่งทั้งหลายอาศัยกันจึงเกิดมีขึ้น พูดงายๆ ก็คือ สิ่งทั้งปวงยอมเกิดจากสาเหตุ
4. สถานที่เสด็จประทับเสวยวิมุตติสุขของพระพุทธเจา มีองคประกอบ 12 ขอ ไดแก อวิชชา สังขาร วิญญาณ นามรูป สฬายตนะ ผัสสะ
เวทนา ตัณหา อุปาทาน ภพ ชาติ ชรามรณะ
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. สัตตมหาสถาน แปลวา สถานที่ที่ยิ่งใหญ
7 แหง ที่พระพุทธเจาเสด็จประทับเสวยวิมุตติสุข (สุขจากการหลุดพน) 3 พระยามุจจลินทนาคราช ชื่อพระยานาคที่เขามาเฝาพระพุทธเจาขณะที่
หลังจากการตรัสรูที่พุทธคยา เปนเวลาแหงละ 1 สัปดาห ประทับเสวยวิมตุ ติสขุ อยูใ ตตน จิก (มุจจลินท) เมือ่ ฝนตกพรําเจือดวยลมหนาวตลอด
7 วัน พระยามุจจลินทนาคราชจึงแผพังพานปกพระพุทธเจาเพื่อปองกันฝนและลม
มิใหตองพระวรกาย จึงเปนมูลเหตุของการสรางพระพุทธรูปปางนาคปรก

คูมือครู 41
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ครูและนักเรียนชวยกันสรุปพุทธประวัติตอน
ทรงสั่งสอนธรรมหลังจากตรัสรู แลวครูยกประเด็น 1
หลังจากนั้นไม่นาน สุทัตตเศรษฐี (ต่อมาปรากฏนามว่า อนาถบิณฑิกเศรษฐี) ได้เดินทาง
ใหนักเรียนชวยกันวิเคราะหหาเหตุผล จากคําถาม มาเฝ้าพระพุทธเจ้า ทูลอาราธนาพระพุทธองค์ให้เสด็จไปโปรดชาวเมืองสาวัตถี แคว้นโกศล
ตอไปนี้ สุทัตตะเองได้สร้างวัดถวายนามว่า พระเชตวันมหาวิหาร พระพุทธองค์เสด็จไปประทับเป็นประจ�า
• เพราะเหตุใด หลังการตรัสรูพระพุทธองค ท�าให้ศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาได้ย้ายจากกรุงราชคฤห์ไปอยู่ที่เมืองสาวัตถีในเวลาต่อมา
จึงทรงตั้งพระทัยมั่นคงวาจะตองแสดง พระพุทธศาสนาได้เจริญแพร่หลายในเวลาอันรวดเร็ว หลังจากนั้นก็เกิดมีพุทธบริษัทครบ ๔
ปฐมเทศนาแกปญจวัคคียเทานั้น ได้แก่ ภิกษุบริษัท ภิกษุณีบริษัท อุบาสกบริษัท และอุบาสิกาบริษัท
• เพราะเหตุใด พระพุทธองคจึงทรงแตงตั้ง 2
เมื่อพระพุทธศาสนาเจริญมั่นคงแล้ว พระพุทธองค์หลังจากเสด็จไปโปรดเวไนยสัตว์ยัง
พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะใหเปน แว่นแคว้นต่างๆ เป็นเวลา ๔๕ พรรษา ก็ได้เสด็จดับขันธปรินพิ พาน เมือ่ พระชนมายุได้ ๘๐ พรรษา
พระอัครสาวก แมวาจะเปนพระนวกะ ณ สาลวโนทยาน ของเหล่ามัลลกษัตริย์ กรุงกุสินารา ในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ
อุปสมบทไดเพียง 14 วัน จากพุทธประวัตติ อนทรงสัง่ สอนธรรมหลังจากตรัสรูน้ ี้ เราสามารถยกประเด็นขึน้ มาวิเคราะห์
พอเป็นแนวทางแห่งการศึกษา ดังนี้
ตรวจสอบผล Evaluate
เพราะเหตุใด พระพุทธองค์จงึ ทรงตัง้ พระทัยอย่างมัน่ คงว่าจะต้องสอนปัญจวัคคีย์ แม้พบว่า
1. ตรวจสอบผลจากความถูกตองใน อุปกาชีวกมีความเลือ่ มใสพระพุทธองค์ พระองค์กไ็ ม่ทรงแสดงธรรมให้ฟงั หากมุง่ ไปแสดงให้
การตอบคําถามและอภิปรายในชั้นเรียน ปัญจวัคคีย์ฝ่ายเดียว
2. ตรวจสอบผลจากการเขียนผังความคิด
เรื่องสัตตมหาสถาน
ตรงนีว้ เิ คราะห์ได้วา่ เพราะพระองค์ทรงต้องการเปลือ้ งความเห็นผิดของปัญจวัคคีย์ ปัญจวัคคีย์
เห็นพระองค์ทรงเลิกบ�าเพ็ญทุกกรกิรยิ าแล้ว เข้าใจผิดว่าพระองค์ทรง “เห็นแก่กนิ ” คลายความเพียร
แล้วไม่มีทางตรัสรู้ได้ จึงพากันหนีไป พระพุทธองค์ต้องการจะให้ปัญจวัคคีย์ทราบว่าทุกกรกิริยา
นั้นมิใช่ทางบรรลุ แต่อริยมรรคมีองค์ ๘ เท่านั้นสามารถท�าให้บรรลุได้ เพราะฉะนั้นพระองค์
จึงไม่ต้องการสอนใครอื่นก่อนปัญจวัคคีย์
เหตุผลประการที่สองก็คือ พระองค์ต้องการให้ปัญจวัคคีย์เป็นสักขีพยานการตรัสรู้ของ
พระองค์ เพือ่ ให้การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นไปโดยราบรืน่ เพราะถ้าพระองค์ไปสอนคนอืน่ ก่อน
ไม่สอนปัญจวัคคีย์ คนที่รู้ว่าปัญจวัคคีย์เคยอยู่รับใช้ใกล้ชิดพระพุทธองค์แล้วปฏิเสธพระพุทธองค์
จะเข้าใจผิดว่า พระพุทธองค์มิได้ตรัสรู้จริง ถ้าตรัสรู้จริงสาวกคงไม่ตีตัวออกห่างแน่นอน
ยิ่งถ้าค�าพูดเช่นนี้ออกจากปากปัญจวัคคีย์เอง ยิ่งมีน�้าหนักมากขึ้น พระศาสดาที่สาวกตีตัว
ออกห่าง จะไปสอนใคร ใครเขาจะยอมรับ การประกาศพระศาสนาแทนที่จะเป็นไปโดยสะดวก
ก็อาจมีอุปสรรคได้ เพราะฉะนั้นถ้าปัญจวัคคีย์ได้รับทราบข้อเท็จจริง และได้บรรลุธรรมตาม
พระพุทธองค์แล้ว ท่านเหล่านี้ก็จะได้เป็น “สักขีพยาน” แห่งการตรัสรู้ของพระองค์ได้เป็นอย่างดี
และการเผยแผ่พระพุทธศาสนาก็ย่อมจะเป็นไปด้วยความสะดวก ราบรื่น
42

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว  NT  O-NE T
เพราะเหตุใด พระพุทธเจาจึงทรงตั้งพระทัยมั่นคงวาจะแสดงปฐมเทศนา
1 อนาถบิณฑิกเศรษฐี มีนามเดิมวา “สุทัตตะ” เปนคนใจบุญสุนทาน โดยเปน ใหแกปญจวัคคียเทานั้น
ผูตั้งโรงทานใหทานแกยาจกวณิพกเปนประจํา จึงมีผูเรียกขานวา “อนาถบิณฑิกะ”
ซึ่งมีความหมายวา ผูมีกอนขาวเพื่อคนอนาถา อีกทั้งยังเปนทายกที่ดี คือ มีการ แนวตอบ เพราะพระองคทรงตองการเปลื้องความเห็นผิดของปญจวัคคีย
อุปถัมภบํารุงพระสงฆ ดูแลความเปนอยูของพระสงฆ และถามความตองการ โดยใหปญจวัคคียทราบวาทุกกรกิริยามิใชทางบรรลุ แตอริยมรรคมีองค 8
ของทาน เพื่อจะจัดหามาถวายใหตามที่ตองการ เทานั้นที่สามารถทําใหบรรลุได และทรงตองการใหปญจวัคคียเปน
สักขีพยานแหงการตรัสรูของพระองค อันจะทําใหการเผยแผพระพุทธ-
2 เวไนยสัตว คําเรียกผูที่มีกิเลสเบาบาง หรือผูที่ควรแกการแนะนําสั่งสอนได
ศาสนาเปนไปโดยราบรื่น
ซึ่งเมื่อไดฟงธรรมบอยๆ แลวก็จะพัฒนาใหดีขึ้นได อันเปรียบเหมือนดอกบัวที่อยู
ในนํ้า เมื่อไดรับแสงอาทิตยหลายวันเขา ก็จะโผลพนนํ้าขึ้นมาบานสะพรั่งอยาง
สวยงาม

42 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูใหนักเรียนยกตัวอยางพุทธสาวก พุทธ-
เพราะเหตุใด พระพุทธเจ้าเวลาแต่งตัง้ ต�าแหน่งพระอัครสาวก แทนทีจ่ ะทรงแต่งตัง้ พระเถระ สาวิกาที่นักเรียนรูจัก โดยบอกคุณธรรมที่ควรถือ
อาวุโสอื่นๆ เช่น พระอัญญาโกณฑัญญะ พระอุรุเวลกัสสปะ กลับแต่งตั้งพระสารีบุตรและ เปนแบบอยาง เชน พระมหากัสสปะ พระอุบาลี
พระโมคคัลลานะ ผู้เป็นพระนวกะอุปสมบทได้เพียง ๑๔ วัน มิแปลว่าพระองค์ทรงเลือกที่รัก เปนตน
มักที่ชังหรือ
สํารวจคนหา Explore
เราสามารถวิเคราะห์ได้ว่า ในช่วงแรกนี้เป็นระยะเวลาประกาศพระพุท1 ธศาสนา ซึ่งมีแนวคิด
แตกต่างไปจากลัทธิความเชื่อถือ และวิธีปฏิบัติเดิมๆ ของสังคมชมพูทวีป และคนอินเดียโบราณ ครูใหนักเรียนแบงกลุม จับสลากเพื่อสืบคน
เป็นที่รู้จักกันดีว่ามีความเชื่อ “ฝังหัว” การประกาศพระพุทธศาสนาให้แพร่หลาย เป็นที่ยอมรับ ประวัติและคุณธรรมที่ควรถือเปนแบบอยางของ
ของชาวชมพูทวีป จะต้องมีบุคลากรที่มีคุณสมบัติประเภท “รู้เขา รู้เรา” ไว้ช่วยท�างาน พุทธสาวกและพุทธสาวิกาตอไปนี้
พระสาวกของพระพุทธองค์ที่มีคุณสมบัติดังกล่าว ก็มีแต่พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ • พระสารีบุตร
เพราะทั้งสองท่านเป็นพราหมณ์ ที่มีความรู้ไตรเพทเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังเคยเป็นศิษย์ของ • พระโมคคัลลานะ
สัญชัยเวลัฏฐบุตร ซึ่งสอนปรัชญา “อมราวิก2เขปิกา” ที่เน้นวิภาษวิธี ถกเถียง หักล้างด้วยเหตุผล • นางขุชชุตตรา
เมื่อท่านทั้งสองเป็นพระอรหันต์ทรงอภิญญา ก็นับว่าได้ “รู้เรา” คือ รู้เรื่องพระพุทธศาสนาเป็น • พระเจาพิมพิสาร
อย่างดี สามารถเป็น “มือ” ช่วยพระพุทธองค์ทา� งานด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
การที่พระพุทธองค์ทรงละเลยพระสาวกผู้อาวุโสอื่นๆ หันมาทรงแต่งตั้งพระเถระทั้งสองเป็น อธิบายความรู Explain
พระอัครสาวก มิใช่เป็นเรื่องของความเมตตากรุณาส่วนพระองค์ หากทรงมุ่งถึงผลของการเผยแผ่
พระพุทธศาสนาให้แพร่หลายเป็นส�าคัญ 1. ครูใหนักเรียนนําขอมูลประวัติและคุณธรรม
ที่ควรถือเปนแบบอยางของพุทธสาวก
๒. ประวัติพุทธสาวก พุทธสาวิกา พุทธสาวิกามาอภิปรายรวมกันในกลุม
สมัยพระพุทธองค์มพี ทุ ธสาวก พุทธสาวิกาหลายท่านทีม่ จี ริยาวัตรงดงาม เป็นแบบอย่างที่ดี แลวสรางสรรคเปนสมุดภาพเลาเรื่องประวัติ
แก่พุทธศาสนิกชน ประวัติพุทธสาวก พุทธสาวิกาที่ควรศึกษา มีดังนี้ ของพุทธสาวกหรือพุทธสาวิกาดังกลาว
2.1 พระสารีบุตร 2. ครูใหตัวแทนนักเรียนออกมานําเสนอสมุดภาพ
แลวเลาเรื่องโดยยอดวยภาษาของตนเองให
๑) ประวัติ พระสารีบตุ ร เป็นชาวเมืองนาลันทา กรุงราชคฤห์โดยก�าเนิด บิดาของท่าน เพื่อนในชั้นเรียนฟง
มีนามว่า วังคันตพราหมณ์ และมารดานามว่า นางสารีพราหมณี ท่านมีนามเดิมว่า “อุปติสสะ”
ก่อนบวชท่านเรียนศิลปศาสตร์ มีปัญญาเฉียบแหลมเล่าเรียนได้เร็ว อุปติสสะมี
สหายรักคนหนึ่งนาม “โกลิตะ” เป็นบุตรแห่งนายบ้านโกลิตคาม ทั้งสองเป็นเพื่อนเที่ยวเพื่อนกิน
หาความส�าราญจากการดูการละเล่นมหรสพต่างๆ ตามประสาลูกผู้มีฐานะดี วันหนึ่งหลังจากไปดู
มหรสพที่เล่นอยู่บนยอดเขาก็เกิดความเบื่อหน่าย เห็นว่าชีวิตนี้ไร้แก่นสารจึงชวนกันไปสมัครเป็น
ศิษย์ของสัญชัยเวลัฏฐบุตร ผู้เป็นเจ้าส�านักปรัชญาที่มีชื่อเสียง พร้อมทั้งบริวาร ๒๕๐ คน หนึ่งใน
บรรดา “ครูทง้ั ๖” ได้แก่ ปูรณกัสสปะ นิครนถ์นาฏบุตร มักขลิโคสาละ อชิตเกสกัมพล ปกุธกัจจายนะ
และสัญชัยเวลัฏฐบุตร
43

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T นักเรียนควรรู
อุปติสสะและโกลิตะเปนสหายสนิทที่เบื่อชีวิตที่ไรแกนสาร จึงชวนกันไป
1 ชมพูทวีป เปนชื่อประเทศอินเดียในสมัยโบราณ ดินแดนอันเปนแหลงกําเนิด
สมัครเปนศิษยของใคร
พระพุทธศาสนา ซึ่งปจจุบันคือ ประเทศสาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐอิสลาม
1. อสิตดาบส
ปากีสถาน สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล
2. อุคคเศรษฐี
ราชอาณาจักรภูฏาน และรัฐอิสลามอัฟกานิสถาน
3. สัญชัยเวลัฏฐบุตร
4. พระสัมมาสัมพุทธเจา 2 อภิญญา ความรูอยางสูงหรือความรูยิ่งในพระพุทธศาสนา มี 6 ประการ
ไดแก
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. อุปติสสะและโกลิตะชวนกันไปสมัคร 1. อิทธิวิธิ คือ แสดงฤทธิ์ได เชน เหาะได ลองหนได เปนตน
เปนศิษยของสัญชัยเวลัฏฐบุตร เปนเจาสํานักปรัชญาที่มีชื่อเสียงพรอมทั้ง 2. ทิพพโสต คือ หูทิพย
บริวาร 250 คน 3. เจโตปริยญาณ คือ รูวาระจิต รูความคิดในใจของคนและสัตว
4. ปุพเพนิวาสานุสสติ คือ ระลึกชาติได
5. ทิพพจักขุ คือ ตาทิพย
6. อาสวักขยญาณ คือ รูวิธีกําจัดกิเลสใหหมดไป

คูมือครู 43
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
ครูและนักเรียนชวยกันสรุปประวัติของพระสารี-
บุตร แลวตั้งคําถามใหนักเรียนชวยกันตอบ เชน ท่านทั้งสองได้ศึกษาอยู่กับอาจารย์สัญชัยเวลัฏฐบุตรอยู่ระยะเวลาหนึ่งก็จบความรู้
• เพราะเหตุใด อุปติสสะและสหาย คือ ของอาจารย์ อาจารย์ได้ชักชวนให้อยู่ช่วยสอนศิษย์รุ่นหลังๆ แต่ท่านกับสหาย มีความรู้สึกว่า
โกลิตะ จึงไปสมัครเปนศิษยในสํานักสัญชัย- วิทยาการที่ได้รับถ่ายทอดจากอาจารย์ยังไม่ใช่แนวทางที่ดีที่สุดที่จะน�าพาให้พ้นจากความทุกข์ได้
เวลัฏฐบุตร จึงตกลงกันเงียบๆ กับโกลิตะผู้เป็นสหายว่า จะแยกย้ายกันไปหาอาจารย์ที่สอนแนวทางที่ดีกว่านี้
(แนวตอบ อุปติสสะและโกลิตะเกิดในตระกูล และให้สัญญากันว่าใครพบก่อนให้ช่วยแจ้งแก่
ที่รํ่ารวย มีฐานะ มีเงินทองใชจายไมขาดมือ อีกฝ่ายหนึ่งด้วย
จึงสามารถเทีย่ วเลน หาความสุขสําราญจากการ อุปติสสะได้พบกับพระอัสสชิเถระ
ดูการละเลนมหรสพตางๆ ได แตแลววันหนึ่ง ขณะท่านก�าลังออก “โปรดสัตว์” อยู่ เห็นอิรยิ าบถ
หลังจากที่ดูมหรสพที่ยอดเขาจบ ก็เกิดความ อันส�ารวมน่าเลื่อมใส จึงคิดว่าท่านผู้นี้คงจะมี
รูสึกเบื่อหนาย เห็นวาชีวิตนี้ไรแกนสาร อุตริมนุสสธรรม (ธรรมอันยิง่ ทีม่ นุษย์ทวั่ ไปไม่ม)ี
อุปติสสะจึงไดชักชวนโกลิตะไปสมัคร จึงเข้าไปนมัสการ ขอให้ท่า1นแสดงธรรมให้ฟัง
เปนศิษยในสํานักสัญชัยเวลัฏฐบุตร)
2 พระอัสสชิเถระออกตัวว่าท่านเป็น
• พระสารีบุตรไดรับตําแหนงเอตทัคคะ พระนวกะอยู่ จะแสดงธรรมโดยพิสดารไม่ได้
ในดานใด อุปติสสะจึงขอให้พระเถระแสดงแต่พอสังเขป
(แนวตอบ พระสารีบุตรไดรับตําแหนง อุปติสสะได้ฟังธรรมจากพระอัสสชิเถระเพียงสั้นๆ ก็เกิด พระเถระจึงแสดงคาถา อันเป็น “แก่น” แห่ง
เอตทัคคะ คือ เปนเลิศกวาผูอื่นในทาง ดวงตาเห็นธรรม
อริยสัจ ๔ ดังนี้
ปญญา)
• พระสารีบุตรกับพระอัสสชิมีความเกี่ยวของ เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา เตส� เหตุ� ตถาคโต
กันอยางไร เตสญฺจ โย นิโรโธ จ เอว�วาที มหาสมโณ
(แนวตอบ พระอัสสชิ พระมหาสาวกองคหนึ่ง ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตตรัสเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น
ในคณะปญจวัคคีย ไดแสดงคาถาอันเปนแกน และการดับเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณะมีวาทะอย่างนี้
แหงอริยสัจ 4 ใหแกอุปติสสะ นามเดิมของ
พระสารีบุตร จนเกิดดวงตาเห็นธรรม คือ อุปติสสะได้ฟังคาถานั้นก็ได้ “ดวงตาเห็นธรรม” คือ บรรลุโสดาปัตติผล ท่านได้รีบไป
บรรลุโสดาปตติผล) กล่าวคาถานั้นแก่โกลิตะ โกลิตะก็ได้ดวงตาเห็นธรรมเช่นกัน ทั้งสองจึงไปชวนอาจารย์ให้ไปบวช
เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า เมื่ออาจารย์ปฏิเสธ จึงพากันไปบวชเป็นสาวกของพระพุทธองค์
ที่พระเชตวัน หลังจากบวชได้ ๑๔ วัน อุปติสสะซึ่งเพลานั้นเหล่าพระสงฆ์สาวกเรียกขานท่านว่า
“สารีบุตร” ก็ได้บรรลุพระอรหัต (ช้ากว่าโกลิตะ หรือพระโมคคัลลานะ ๗ วัน)
การบรรลุธรรมของท่านค่อนข้างประหลาด คือ พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม เรื่อง
“เวทนาปริคคหสูตร” โปรดทีฆนขปริพาชกผู้เป็นหลานพระสารีบุตรอยู่ ณ ถ�้าสุกรขาตา (ถ�้าหมูขุด
หรือถ�้าคางหมู) เชิงเขาคิชฌกูฏ
44

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว  NT  O-NE T
บุคคลที่มีสวนสําคัญทําใหอุปติสสะไดเปนสาวกของพระพุทธเจาคือใคร
1 พระอัสสชิเถระ บุตรของพราหมณกรุงกบิลพัสดุ บิดาของทานเปนหนึ่งใน
1. พระอัสสชิ
พราหมณ 8 คน ที่ไดรับเชิญไปทํานายพระลักษณะและขนานพระนามเจาชาย
2. โกณฑัญญะ
สิทธัตถะ เมื่อครั้งเจาชายสิทธัตถะเสด็จออกผนวช พราหมณโกณฑัญญะเชื่อวา
3. พระมหากัสสปะ
เจาชายสิทธัตถะจะไดตรัสรูแนนอน จึงไดชักชวนทานอัสสชิพรอมสหายไปเฝา
4. พระโมคคัลลานะ
ปรนนิบัติ หลังจากเจาชายสิทธัตถะตรัสรูเปนพระพุทธเจา พระองคทรงแสดง
ปฐมเทศนาแกพระอัสสชิเถระและคณะปญจวัคคีย ซึ่งนับเปนพระอรหันตรุนแรก วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. อุปติสสะไดพบพระอัสสชิขณะทานกําลัง
ของพระพุทธศาสนา อีกทั้งพระอัสสชิเถระยังเปนหนึ่งในพระสาวก 60 รูป ออกโปรดสัตว จึงเขาไปนมัสการ ขอใหทานแสดงธรรมใหฟง พระอัสสชิ
ที่พระพุทธเจาทรงสงไปประกาศพระศาสนารุนแรกอีกดวย ไดแสดงธรรมอันเปนแกนแหงอริยสัจ 4 หลังจากอุปติสสะไดฟงแลว
2 นวกะ หมายถึง พระภิกษุใหม พระภิกษุที่มีพรรษายังไมครบ 5 พรรษา เกิดดวงตาเห็นธรรม บรรลุโสดาปตติผล และบวชเปนสาวกของพระพุทธเจา
ซึ่งตอมาทานไดรับแตงตั้งเปนพระอัครสาวกเบื้องขวา

44 คูมือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ำรวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู ้ Explain
1. ค รูให้นักเรียนวิเคราะห์หลักธรรมของ
ขณะนัน้ พระสารีบตุ รถวายงานพัดพระพุทธองค์อยู่ ก�าหนดตามกระแสพระธรรมเทศนา พระอัสสชิทแี่ สดงแก่พระสารีบตุ รในหนังสือเรียน
ไปด้วย พอทรงแสดงธรรมจบ พระสารีบุตรก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ในขณะที่ทีฆนขปริพาชก หน้า 44 ตามความเข้าใจของนักเรียน
หลานท่านถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะเท่านั้น (แนวตอบ ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีสาเหตุของ
การบรรลุธรรมของท่าน เปรียบเสมือนการบริโภคอาหารที่เขาจัดเตรียมไว้เพื่อผู้อื่น การเกิด พระพุทธเจ้าตรัสเหตุของปัญหา
ฉันนั้น และการบรรลุธรรมมีขึ้น1ในวันเพ็ญเดือนมาฆะพอดี ณ ราตรีวันนั้นได้มีการประชุมใหญ่ เพื่อหาหนทางในการแก้ไขปัญหาโดยพิจารณา
อันเรียกว่า “จาตุรงคสันนิบาต” ณ พระเวฬุวัน พระพุทธองค์ได้ประทานโอวาทปาฏิโมกข์ จากสาเหตุ)
(พระโอวาทอันเป็นหลักส�าคัญ) แก่ที่ประชุมพระอรหันตสาวก จ�านวน ๑,๒๕๐ องค์ 2. ค รูให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นว่า พระสารี-
โอวาทปาฏิโมกข์นั้นมีทั้งหมด ๑๓ หัวข้อ ซึ่งสามารถสรุปได้เป็น ๔ ประเด็น ดังนี้ บุตรมีความส�ำคัญต่อพระพุทธศาสนาอย่างไร
๑. ว่าด้วยอุดมการณ์ของพระพุทธศาสนา (พระนิพพาน) (แนวตอบ พระสารีบุตรเป็นพระสาวกใน
๒. ว่าด้วยหลักการทั่วไปของพระพุทธศาสนา (ไม่ท�าชั่ว ท�าดี ท�าใจให้ผ่องใส) พระพุทธศาสนาทีด่ ี กล่าวคือ ประพฤติตนอยูใ่ น
๓. ว่าด้วยคุณสมบัติของผู้เผยแผ่พระพุทธศาสนา (รู้ประมาณในโภชนะ อยู่อย่าง หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาและพระวินัย
สงัด เคร่งครัดในระเบียบวินัย ฝึกจิตอยู่เสมอ) อย่างเคร่งครัด พระสารีบุตรเป็นผู้กราบทูลให้
๔. ว่าด้วยเทคนิควิธีเผยแผ่พระพุทธศาสนา (ไม่ว่าร้ายเขา ไม่เบียดเบียนเขา พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติพระวินัยและน�ำค�ำสอน
มีความอดทน ใช้สันติวิธีในการประกาศพระพุทธศาสนา) ของพระพุทธองค์มาจัดหมวดหมู่ดังปรากฏ
โอวาทปาฏิโมกข์นี้ ปราชญ์ไทยโบราณได้คัดเอาหลักการทั่วไป คือ “ไม่ท�าความชั่ว ในสังคีติสูตรและทสุตตรสูตร ตลอดจนเป็น
ท�าความดี ท�าจิตใจให้ผ่องใส” มาเป็น “หัวใจ” พระพุทธศาสนา และถือปฏิบัติมาจนบัดนี้ พระเถระรูปแรกที่คิดท�ำสังคายนาพระธรรม-
ในบัน้ ปลายชีวติ พระสารีบตุ รพร้อมด้วยพระจุนทะน้องชาย ได้กลับไปยังต�าบลนาลันทา วินัย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า พระสารีบุตรมีความ
บ้านเกิดของท่าน เพื่อโปรดมารดาซึ่งยังไม่นับถือพระพุทธศาสนาให้บรรลุธรรม แล้วก็นิพพาน ณ ส�ำคัญต่อพระพุทธศาสนาทั้งในด้านการเป็น
ห้องที่ท่านถือก�าเนิดนั้นเอง หลังจากปลงศพแล้วพระจุนทะน้องชายของท่านน�าอัฐิธาตุไปถวาย สาวกผู้สืบทอดพระพุทธศาสนาและผู้ทำ� นุบำ� รุง
พระบรมศาสดา พระองค์ตรัสว่าให้ก่อสถูปบรรจุอัฐิธาตุของท่านไว้ ณ พระเชตวัน พระพุทธศาสนาให้มั่นคงสืบไป)
เมืองสาวัตถี
๒) คุณธรรมที่ควรถือเป็นแบบอย่าง ของพระสารีบุตร
มีดังนี้
๒.๑) เป็นผู้มีปัญญาหลักแหลม
พระสารีบุตรเป็นผู้มีปัญญาหลักแหลม สามารถ
แสดงธรรมหักล้างความคิดเห็นผิด และท�าให้
ผูฟ้ งั เกิดความรูค้ วามเข้าใจได้แจ่มแจ้ง ถือว่าเป็น
สาวกผู้มีปัญญามากที่สุดรองจากพระพุทธองค์
ท่านจึงได้รับแต่งตั้งจากพระพุทธองค์ 2 เป็น “อัคร
สาวกเบื้องขวา” และเป็นเอตทัคคะ คือ เป็นเลิศ สถูปพระสารีบุตร ที่เมืองนาลันทา สร้างขึ้น ณ สถานที่เกิด
กว่าผู้อื่นในทางปัญญา และนิพพานของพระสารีบุตร

45

ข้อสอบเน้น การคิด
พระสารีบุตรได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์เพราะฟังธรรมข้อใด นักเรียนควรรู้
1. อนุปุพพิกถา
1 จาตุรงคสันนิบาต เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันเพ็ญเดือนมาฆะ (เดือน 3)
2. เวทนาปริคคหสูตร
ณ เวฬุวันมหาวิหาร ในกรุงราชคฤห์ มีเหตุอัศจรรย์ทั้งหมด 4 ประการ ดังนี้
3. อนัตตลักขณสูตร
1. พระสาวก 1,250 องค์ มาประชุมกัน โดยทุกองค์ลว้ นเป็นพระอรหันต์ทงั้ สิน้
4. ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร
2. พระสาวกทั้ง 1,250 องค์ ล้วนได้รับเอหิภิกขุอุปสัมปทา คือ ได้รับ
วิเคราะห์ค�ำตอบ ตอบข้อ 2. พระสารีบตุ รบรรลุธรรมเรือ่ ง เวทนาปริคคหสูตร การอุปสมบทจากพระพุทธเจ้า และพระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์
ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ทีฆนขปริพาชก ที่ถำ�้ สุกรขาตา เมืองราชคฤห์ โดย 3. พระสาวกเหล่านั้นมาประชุมกันโดยมิได้นัดหมายมาก่อนล่วงหน้า
กล่าวถึงเวทนา 3 ประการ ได้แก่ สุขเวทนา ทุกขเวทนา และอทุกขมสุขเวทนา 4. วันนั้นเป็นวันเพ็ญเดือนมาฆะ พระจันทร์เต็มดวงบริบูรณ์
2 เอตทัคคะ ต�ำแหน่งทางพุทธศาสนาที่พระบรมศาสดาได้ประทานแต่งตั้งให้
พุทธบริษัท ได้แก่ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ผู้มีความรู้ความสามารถเด่นกว่า
ท่านอืน่ ๆ ในด้านนัน้ ๆ โดยแต่ละต�ำแหน่ง พระพุทธองค์ประทานแต่งตัง้ เพียงรูปเดียว
ท่านเดียวเท่านั้น

คู่มือครู 45
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนแสดงความคิดเห็นวา คุณธรรม
ของพระสารีบุตรที่ควรถือเปนแบบอยาง ๒.๒) มีความกตัญญูกตเวทิตาธรรมเป็นเลิศ ท่านถือว่าพระอัสสชิเป็นอาจารย์
มีอะไรบาง รูปแรกทีน่ า� ท่านเข้ามาสูร่ ม่ เงาพระพุทธศาสนา ท่านจึงมีความเคารพในพระอาจารย์ของท่านมาก
(แนวตอบ คุณธรรมของพระสารีบุตรที่ควรถือเปน เวลาท่านจะนอนถ้ารู้ว่าอาจารย์ของท่านอยู่ ณ ทิศใด ท่านจะหันศีรษะไปทางทิศนั้น ภิกษุอื่นๆ
แบบอยาง มีดังนี้ ทีไ่ ม่ทราบความจริงข้อนีเ้ คยพากันต�าหนิวา่ ท่านเป็นถึงพระอัครสาวก ยังไหว้ทศิ อยูเ่ หมือนสมัยเป็น
1. เปนผูมีปญญาหลักแหลม สามารถแสดง คฤหัสถ์
ธรรมหักลางความคิดเห็นผิด และทําใหผูฟง สมั ย หนึ่ ง มี พ ราหมณ์ เ ฒ่ า คนหนึ่ ง นามว่ า “ราธะ” อยากบวช แต่ ไ ม่ มี ภิ ก ษุ
เกิดความรูความเขาใจที่แจมแจงได ทาน รับรอง พระสงฆ์จงึ ไม่สามารถบวชให้ได้ พระพุทธเจ้าตรัสถามในทีป่ ระชุมสงฆ์วา่ มีใครรูจ้ กั พราหมณ์
จึงไดรับการแตงตั้งจากพระพุทธเจาใหเปน คนนี้ไหม พระสารีบุตรกราบทูลว่า จ�าได้ว่าพราหมณ์คนนี้เคยใส่ 1 บาตรท่านทัพพีหนึ่ง ท่านรู้จัก
พระอัครสาวกเบื้องขวา จึงขอรับรอง พระพุทธองค์จึงทรงมอบภาระให้ท่านเป็นอุปัชฌาย์บวชแก่ราธพราหมณ์ หลังจาก
2. มีความกตัญูกตเวที ทานมีความเคารพ บวชแล้วพระราธะได้เป็นสัทธิวิหาริก (ศิษย์) ผู้ว่าง่ายรูปหนึ่ง
ในพระอัสสชิผูเปนอาจารยของทานอยางมาก ๒.๓) เป็นผู้มั่นคงและปรารถนาดีต่อพระพุทธศาสนา พระสารีบุตรปรารถนา
3. เปนผูมั่นคงและปรารถนาดีตอพระพุทธ- อยากให้พระสัทธรรมด�ารงอยู่ได้นาน อ�านวยประโยชน์แก่มหาชนอย่างกว้างขวาง จึงกราบทูลให้
ศาสนาเสมอ ทานนําคําสอนของพระพุทธเจา พระองค์ทรงบััญญัติพระวินัย เพื่อความด�ารงมั่นแห่งพระสัทธรรม ซึ่งพระองค์ก็ทรงกระท�าตาม
ไปจัดเปนหมวดหมู และคิดทําสังคายนา ด�ารินั้น นอกจากนี้ท่านยังได้น�าค�าสอนของพระพุทธองค์จัดหมวดหมู่ตั้งแต่หมวดหนึ่ง หมวดสอง
หมวดสาม...จนถึงหมวดสิบ และหมวดเกินสิบ ดังปรากฏอยู่ในสังคีติสูตร และทสุตตรสูตร
พระธรรมวินัย แมทานจะดวนนิพพานไปกอน
ในเวลาต่อมา ท่านได้แสดงสังคีติสูตร และทสุตตรสูตร ท่ามกลางภิกษุสงฆ์
แตตอมาพระมหากัสสปะก็ไดสานตอ
จ�านวนมาก และได้2รับค�าชมเชยจากพระพุทธองค์อีกด้วย พระสารีบุตรจึงเป็นพระเถระรูปแรก
เจตนารมณของทานจนสําเร็จบริบูรณ) ที่คิดท�า “สังคายนา” พระธรรมวินัย แต่ยังไม่ทันส�าเร็จดี ท่านก็ด่วนนิพพานเสียก่อน ภายหลัง
2. ครูใหนักเรียนแสดงความคิดเห็นวา นักเรียน พระมหากัสสปะจึงได้รับช่วงสืบทอดเจตนารมณ์ของท่านจนส�าเร็จบริบูรณ์
สามารถนําคุณธรรมแบบอยางของพระสารีบุตร
มาใชในการดําเนินชีวิตไดอยางไร เรื่องน่ารู้
(แนวตอบ การมีความใฝรู หมั่นหาความรู พระอรหันต์
เพิ่มเติมอยูเสมอ จะชวยใหนักเรียนมีผล
การบรรลุอรหัตผลเป็นพระอรหันต์นั้น บุคคลดังกล่าวต้องเป็นผู้ละกิเลสอันประณีตได้ ๑๑ ประการ ดังนี้
การเรียนที่ดี มีวิสัยทัศนที่กวางไกล และการเปน ๑. ความยึดมั่นในตัวตน
ผูมีความกตัญูกตเวที รูคุณผูมีพระคุณ ๒. ความลังเลสงสัย
ใหความเคารพกับผูที่อาวุโสกวาเสมอ จะทําให ๓. ความยึดถือเพศพรตอย่างงมงายว่าศักดิ์สิทธิ์
๔. ทำาราคะ โทสะ โมหะ ให้หมดสิ้น
มีชีวิตที่เจริญกาวหนาและเปนที่รักของผูอื่น) ๕. ความกำาหนัดในกาม
๖. ความคับแค้น
๗. ความติดใจในรูปธรรมอันประณีต
๘. ความติดใจในอรูปธรรม
๙. ความทะนงตน
๑๐. ความฟุ้งซ่าน
๑๑. ความไม่รู้จริง
46

ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว  NT  O-NE T
นักเรียนมีวิธีปฏิบัติตนตามหลักโอวาทปาฏิโมกข เพื่อใหคนในสังคมไทย
ครูควรใหนักเรียนศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทําสังคายนาพระไตรปฎก
อยูรวมกันอยางมีความสุขไดอยางไร
ในพระพุทธศาสนา เพื่อใหนักเรียนไดทราบสาเหตุและเหตุการณการทําสังคายนา
ในแตละครั้ง แนวตอบ โอวาทปาฏิโมกข เปนคําสอนอันเปนหัวใจของพระพุทธศาสนา
คือ ไมทําความชั่ว ทําความดี และทําจิตใจใหผองใส การไมทําความชั่ว คือ
การลด ละ เลิกปฏิบัติในสิ่งที่ไมดีทั้งทางกาย วาจา และใจ เชน การฆาสัตว
นักเรียนควรรู การพูดเท็จ การคิดผูกพยาบาท เปนตน สวนการทําความดี คือ การปฏิบัติ
ในสิ่งที่ดีทั้งทางกาย วาจา และใจ เชน การชวยเหลือเกื้อกูลผูอื่น การพูดจา
1 อุปชฌาย หรือพระอุปชฌายะ หมายถึง ผูรับรองกุลบุตรเขารับการอุปสมบท ดวยความจริงใจ การคิดปรารถนาดีตอผูอื่น เปนตน และการทําจิตใจให
ทามกลางภิกษุสงฆ เปนทั้งผูนําเขาหมู เปนผูปกครองคอยดูแล ตลอดจน ผองใส ปราศจากสิ่งขัดขวางจิตไมใหบรรลุความดี เชน การทําจิตใจใหสงบ
ทําหนาที่ฝกสอนและอบรมใหการศึกษา ปรารถนาดี ใหอภัยผูอื่น เปนตน เมื่อคนในสังคมปฏิบัติตนตามหลัก
2 สังคายนา หมายถึง การรอยกรองพระธรรมวินยั การชําระสะสางพระไตรปฎก โอวาทฏิโมกขดังที่กลาวมาแลว จะชวยใหคนในสังคมปรารถนาดีตอกัน
ใหถูกตองเปนแบบเดียวกัน การประชุมตรวจชําระ สอบทาน และจัดหมวดหมู ชวยเหลือเกื้อกูลกัน ใหอภัยซึ่งกันและกัน ลดปญหาการทะเลาะวิวาท
คําสั่งสอนของพระพุทธเจาใหเปนแบบแผนอันหนึ่งอันเดียวกัน หรือคดีอาชญากรรมตางๆ ทําใหคนในสังคมอยูรวมกันอยางมีความสุข

46 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1 ครูและนักเรียนชวยกันสรุปประวัติของ
2.2 พระโมคคัลลานะ พระโมคคัลลานะ แลวตั้งคําถามใหนักเรียน
ชวยกันตอบ เชน
๑) ประวัติ พระโมคคัลลานะ มีนามเดิมว่า “โกลิตะ” เป็นบุตรพราหมณ์หวั หน้าหมูบ่ า้ น • พระโมคคัลลานะมีนามเดิมวาอะไร
โกลิตคาม ซึ่งอยู่ใกล้กับหมู่บ้านอุปติสสคาม ท่านมีเพื่อนกินเพื่อนเที่ยวด้วยกัน ชื่ออุปติสสะ ชีวิต1 (แนวตอบ นามเดิมคือ “โกลิตะ” หลังจากบวช
ในวัยหนุ่มของท่าน ก็เช่นเดียวกับชีวิตพระสารีบุตร คือได้เป็นศิษย์ของอาจารย์สัญชัยเวลัฏฐบุตร โกลิตะไดนามเรียกขานในหมูบรรพชิตวา
เมื่อเกิดความเบื่อหน่ายในลัทธิค�าสอนของอาจารย์สัญชัย ก็พากันแสวงหาแนวทางใหม่ อุปติสสะ “โมคคัลลานะ” แปลวา บุตรคุณแมโมคคัลลี)
ได้พบพระอัสสชิ และฟังธรรมจากท่าน จนบรรลุโสดาปัตติผล จึงน�ามาบอกแก่โกลิตะ โกลิตะได้ฟงั • พระโมคคัลลานะมีความเกี่ยวของกับ
ก็บรรลุเป็นพระโสดาบันเช่นกัน ทัง้ สองจึงพากันไปบวชเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า ดังรายละเอียด พระสารีบุตรอยางไร
ที่กล่าวไว้แล้ว (แนวตอบ พระโมคคัลลานะเปนสหาย
หลังจากบวชแล้ว โกลิตะได้นามเรียกขานในหมู่บรรพชิตว่า “โมคคัลลานะ” แปลว่า พระสารีบุตร และเปนศิษยของอาจารย
บุตรคุณแม่โมคคัลลี ท่านได้บา� เพ็ญเพียรทางจิต ณ หมูบ่ า้ นกัลลวาลมุตตคาม แต่ไม่สามารถบังคับ สัญชัยเวลัฏฐบุตรเชนเดียวกับพระสารีบุตร
จิตให้เป็นสมาธิได้เพราะถูกความง่วงครอบง�า พระพุทธองค์ได้เสด็จไปประทานโอวาทบอกวิธแี ก้งว่ ง เมื่อเกิดความเบื่อหนายในลัทธิคําสอนของ
๘ ประการให้ทา่ น ดังนี้ 2 อาจารยสญ ั ชัย ก็พากันออกแสวงหาทางใหม
๑. ถ้ามีสญั ญาอย่างไรอยู่ เกิดความง่วง ให้นกึ ถึงสัญญานัน้ ให้มาก หมายความว่า พระสารีบุตรไดพบกับพระอัสสชิ ฟงธรรม
ถ้านึกคิดเรื่องใดอยู่แล้วเกิดความง่วง ก็ให้ก�าหนดสิ่งนั้นให้มากกว่าเดิม แล้วความง่วงจะหาย จากทานจนบรรลุโสดาปตติผลแลว จึงมา
๒. ถ้ายังไม่หาย ให้พินิจพิจารณาถึงเรื่องราวที่ได้ยินได้ฟังมา หรือที่เล่าเรียนมา บอกตอพระโมคคัลลานะ ซึ่งก็ไดบรรลุ
ความง่วงก็จะหาย โสดาปตติผลดวยเชนกัน ทั้งสองจึงบวชเปน
๓. ถ้ายังไม่หาย ให้ทอ่ งข้อความ สาวกของพระพุทธเจา)
ที่ก�าลังอ่านอยู่หรือนึกถึงอยู่ดังๆ ความง่วงก็ 2. ครูและนักเรียนอภิปรายถึงโอวาทวิธีแกงวง
จะหาย ที่พระพุทธเจาประทานใหแกพระโมคคัลลานะ
๔. ถ้ายังไม่หาย ให้ยอนหูทั้ง 3. ครูสุมนักเรียนออกมาเลาประสบการณ
สองข้าง คือเอาอะไรแยงหู แล้วความง่วงก็ เกี่ยวกับอาการงวงระหวางเรียน แลวใหเพื่อน
จะหาย ในชั้นเรียนรวมกันหาสาเหตุและวิธีแกงวง
๕. ถ้ายังไม่หาย ให้ลกุ ขึน้ เอาน�า้ ที่ไดผลมากที่สุด
ล้างหน้า แหงนดูทศิ ทัง้ หลาย ความง่วงก็จะหาย
๖. ถ้ายังไม่หาย ให้ค� านึงถึง
“อาโลกสั ญ ญา” คื อ วาดภาพถึ ง แสงสว่ า ง
ความง่วงก็จะหาย
๗. ถ้ายังไม่หาย ให้เดินจงกรม
คื อ มี ส ติ ก� า หนดหมายเดิ น กลั บ ไปกลั บ มา พระพุทธเจ้าทรงประทานโอวาทแก่พระโมคคัลลานะ ซึง่ ทำาให้
ส�ารวมอินทรีย์ มีจติ ไม่ฟงุ้ ซ่าน ความง่วงก็จะหาย ท่านได้บรรลุความเป็นพระอรหันต์ในเวลาต่อมา
47

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T นักเรียนควรรู
ขอใดกลาวถึงพระโมคคัลลานะไดถูกตองที่สุด
1 สัญชัยเวลัฏฐบุตร ปริพาชกผูตั้งสํานักสอนลัทธิอยูในกรุงราชคฤห เกงใน
1. ผูสรางวัดเชตวัน
เชิงวาทศิลป มีทรรศนะตรงกันขามกับพระพุทธศาสนา มีศิษยจํานวนมาก
2. นามเดิมวา “สุทัตตะ”
หนึ่งในนั้นมีพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะเคยบวชอยูในสํานักนี้ดวย
3. เอตทัคคะในทางผูมีฤทธิ์มาก
แตภายหลังเมื่อพระพุทธเจาอุบัติขึ้นในโลก พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ
4. พุทธอุปฏฐากของพระพุทธเจา
พรอมดวยศิษย 250 คน ก็พากันไปสูสํานักพระพุทธเจา
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. พระโมคคัลลานะไดรับยกยองจาก 2 สัญญา ในที่นี้ หมายถึง การกําหนดหมายรูสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ความจําไดหมายรู
พระพุทธองควาเปนเลิศกวาผูอื่นหรือเอตทัคคะในทางมีฤทธิ์มาก และ มิไดหมายถึงคํามั่นสัญญาดังในภาษาสามัญ
ไดรับแตงตั้งเปนพระอัครสาวกเบื้องซายคูกับพระสารีบุตร พระอัครสาวก
เบื้องขวาของพระพุทธองค

คูมือครู 47
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. พระโมคคัลลานะใชอิทธิฤทธิ์ของทานใหเกิด
ประโยชนตอพระพุทธศาสนาอยางไร ๘. ถ้ายังไม่หาย ก็ให้นอนเสียในท่าสีหไสยาสน์ (นอนตะแคงขวา) ซ้อนเท้าเหลื่อม
(แนวตอบ ใชอิทธิฤทธิ์เปนสื่อชักจูงหรือปราบ เท้า มีสติสมั ปชัญญะว่าจะลุกขึน้ และทรงสอนต่อไปว่า ควรส�าเหนียกว่า “เราจักไม่ชงู วง คือ ถือตัว
คนมิจฉาทิฏฐิที่มีฤทธิ์ใหคลายความเห็นผิด เข้าไปสู่สกุลและจักไม่พูดค�าเป็นเหตุเถียงกัน” เพราะจะเป็นเหตุให้เหินห่างจากสมาธิ จากนั้น
แลวหันมานับถือพระพุทธศาสนา ทําให พระพุทธองค์ประทานโอวาทให้ท่านพิจารณาถึงเวทนาว่า เป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
พระพุทธศาสนาแผขยายไปอยางรวดเร็ว) ท่านปฏิบัติตามพระโอวาทแล้วได้บรรลุพระอรหัตเป็นพระอรหันต์ ในวันที่ ๗ หลังจากอุปสมบท
2. ครูใหนักเรียนวิเคราะหวา นักเรียนสามารถนํา ผลพวงจากการได้บรรลุพระอรหัตผลของท่าน ก็คอื ท่านได้อภิญญา (ความสามารถ
คุณธรรมทีค่ วรถือเปนแบบอยางของพระโมคคัล- พิเศษ) คือ มีอทิ ธิฤทธิด์ ว้ ย จึงได้รบั ยกย่องจากพระพุทธองค์วา่ เป็นผูเ้ ลิศกว่าผูอ้ นื่ ในทางมีฤทธิม์ าก
ลานะมาปรับใชในชีวิตประจําวันไดอยางไร และได้รับแต่งตั้งเป็น “อัครสาวก” เบื้องซ้ายคู่กับพระสารีบุตรซึ่งเป็นอัครสาวกเบื้องขวา
(แนวตอบ เชน การมีความอดทน เพียรพยายาม ความที่ท่านมีฤทธิ์มาก ท่านจึงได้ใช้อิทธิปาฏิหาริย์เป็น “สื่อ” หรือเป็น “เครื่องมือ”
มุมานะฝาฟนอุปสรรคในการกระทําสิ่งตางๆ ชักจูงคนมิจฉาทิฐิที่มีฤทธิ์ ให้คลายจากความเห็นผิด แล้วหันมานับถือพระพุทธศาสนามากมาย
ใหประสบผลสําเร็จได การรูจักมีความใฝรู บางครั้งก็ได้รับพุทธบัญชาไป “ปราบ” ผู้มีฤทธิ์ที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ ท�าให้เกียรติคุณของพระพุทธเจ้า
เพือ่ พัฒนาตนใหมคี วามรูท กี่ วางไกล การเปน และพระพุทธศาสนาแพร่ขจายไปอย่างรวดเร็ว มีผู้เข้ามาบวชเป็นสาวกของพระพุ1 ทธองค์มากขึ้น
ผูมีความออนนอมถอมตนตอผูอื่น เปนตน) การกระท�าของท่านในประเด็นนี้ ได้สร้างผลกระทบต่อลัทธิเดียรถีย์อื่นๆ อย่างมาก
3. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 2.2 จากแบบวัดฯ จนถึงกับว่าพวกเขาจ้างพวกโจรมาฆ่าพระโมคคัลลานะ เพื่อ “ตัดมือตัดเท้า” ของพระพุทธเจ้า
พระพุทธศาสนา ม.2 พวกโจรมาล้อมกุฏิของพระโมคคัลลานะถึง ๓ ครั้ง แต่ท่านก็เข้าฌานเหาะหนีไปได้ทั้ง ๓ ครั้ง
✓ แบบวัดฯ
ครั้งที่ ๔ ท่านเห็นว่าเป็นการชดใช้กรรมเก่าจึงไม่ยอมหนี จึงถูกพวกโจรทุบจนกระดูกแหลก
ใบงาน แบบฝกฯ
พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 2.2
ละเอียด พวกโจรนึกว่าท่านตายแล้วจึงพากันหนีไป พระเถระด�าริวา่ ยังไม่กราบทูลลาพระพุทธเจ้า
หนวยที่ 2 พุทธประวัติ พระสาวก ศาสนิกชนตัวอยาง จะนิพพานไม่ได้ จึงประสานร่างให้คงคืนตามเดิมด้วยอ�านาจฌานสมาบัติ แล้วเหาะไปกราบทูลลา
และชาดก พระพุทธองค์ จากนั้นก็นิพพาน พระพุทธเจ้าโปรดให้ก่อสถูปบรรจุอัฐิธาตุของท่านไว้ใกล้ซุ้มประตู
กิจกรรมที่ ๒.๒ ใหนกั เรียนวิเคราะหเกีย่ วกับพุทธสาวก พุทธสาวิกาในประเด็น ñð
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได วัดเวฬุวัน ในเขตเมืองราชคฤห์
ที่กําหนด (ส ๑.๑ ม.๒/๖)
พุทธสาวก / พุทธสาวิกา
๑. พระสารีบุตร
คุณธรรมที่เปนแบบอยาง การนําไปใชในชีวิต
๑. มีปญญาหลักแหลม สามารถแสดงธรรม ……………………………………………………………
…………………………………………………………………………….. เชน ขยันเลาเรียนใหมาก และนํา
๒) คุณธรรมที่ควรถือเป็นแบบอย่าง ของพระโมคคัลลานะ มีดังนี้
ใหผูฟงเกิดความเขาใจไดแจมแจง
…………………………………………………………………………….. ความรูไ ปถายทอดใหผอู นื่ ได แสดง
……………………………………………………………
๒. มีความกตัญู โดยใหความเคารพพระอาจารย ……………………………………………………………
……………………………………………………………………………..
ของทานมาก
ความกตัญูตอผูอื่น ไมวาจะเปน
พ อ แม ญาติ พี่ น  อ ง ครู อ าจารย
๒.๑) เป็นผู้มีความอดทนยิ่ง เมื่อบวชแล้ว พระโมคคัลลานะไปปฏิบัติธรรมอยู่
…………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………
๓. มีความมั่นคงและปรารถนาดีตอพระพุทธ- ……………………………………………………………
…………………………………………………………………………….. มีความเลื่อมใสตอพระพุทธศาสนา
ศาสนา ดังกราบทูลใหพระพุทธองคทรง ……………………………………………………………
……………………………………………………………………………..
บัญญัติพระวินัยขึ้น เปนตน
อยางมัน่ คง ไมกระทําในสิง่ ทีท่ าํ ให
พระพุทธศาสนามัวหมอง เปนตน
ณ กัลลวาลมุตตคาม พยายามเพื่อบรรลุผลที่ต้องการ แม้ถูกความง่วงครอบง�า ท่านก็ยังพยายาม
…………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………

๒. พระโมคคัลลานะ
…………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………

๑. มีความอดทน ดังใชความพยายามในการ ……………………………………………………………


…………………………………………………………………………….. เช น มี ค วามอดทนในการศึ ก ษา
นั่งสมาธิ เดินจงกรมไม่ยอมเลิก แสดงให้เห็นถึงการมีความอดทน พากเพียรพยายามสูงยิ่ง
เอาชนะความงวงจนไดบรรลุอรหันตในทีส่ ดุ ……………………………………………………………
……………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………..
คําชมตางๆ
……………………………………………………………………………..
เลาเรียน หากพบเจออุปสรรคใดๆ
๒. มีความถอมตน ดังจะเห็นไดจากไมหลงใน ……………………………………………………………
ก็ไมยอ ทอ หมดกําลังใจงายๆ มีความ
ออนนอมถอมตนตอผูอ นื่ มีความใฝรู
……………………………………………………………
แต่ความเพียรเท่านั้นยังไม่พอ ต้องประกอบด้วยความรู้ คือ เพียรอย่างฉลาด พระพุทธเจ้าจึง
๓. มีความใฝรู เมือ่ ครัง้ เปนฆราวาสก็ตงั้ ใจเรียน ……………………………………………………………
……………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………..
ความรูจากอาจารยทานอื่นตอไป
……………………………………………………………………………..
ใฝศึกษาอยูเสมอทั้งในเวลาเรียน
จนหมดภูมิของอาจารย และเที่ยวแสวงหา ……………………………………………………………
และนอกเวลาเรียน เปนตน
……………………………………………………………
ฉบับ
เฉลย
ประทานวิธีการแก้ง่วงให้ท่าน เมื่อปฏิบัติตามแล้ว ท่านก็เอาชนะความง่วงได้ แล้วบ�าเพ็ญเพียร
๓. นางขุชชุตตรา
…………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………

๑. ฝกฝนตนเองอยูเสมอ กอนฟงธรรมเคย ……………………………………………………………


…………………………………………………………………………….. มีสาํ นึกผิดชอบชัว่ ดี ไมกระทําความผิด
มีพฤติกรรมยักยอกเงินจากเจานาย แตเมือ่ ……………………………………………………………
…………………………………………………………………………….. และตระหนักในหนาที่ของตนเอง
ต่อไป จนได้บรรลุพระอรหัตผล เป็นพระอรหันต์ในที่สุด
ฟงธรรมแลวก็เกิดสํานึกผิดชอบชัว่ ดี ไมทาํ ……………………………………………………………
……………………………………………………………………………..
ความผิดอีก
…………………………………………………………………………….. หนีเรียน
นัน่ คือ ตัง้ ใจศึกษาเลาเรียน ไมเกเร
……………………………………………………………
๒. เอาใจใสในหนาที่ โดยไปฟงธรรมจาก ……………………………………………………………
๒.๒) เป็น ผู้ถ่อมตนยิ่ง พระโมคคัลลานะเป็น พระเถระมีอิทธิฤทธิ์ บางครั้ง
……………………………………………………………………………..
พระพุทธองคแลวนํามาแสดงใหเจานายฟง ……………………………………………………………
……………………………………………………………………………..
ทุกวัน
…………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………
พระพุทธเจ้ายังทรงมีพุทธบัญชาให้พระโมคคัลลานะใช้อิทธิฤทธิ์ปราบผู้ควรปราบ เพื่อให้เขาหาย
๔. พระเจาพิมพิสาร ๑. เปนพอทีด่ ี โดยทรงยอมกรีดพระโลหิตจาก ……………………………………………………………
เชน การปฏิบตั ติ นตามหลักคําสอน
……………………………………………………………………………..
พระพาหาใหพระมเหสีดมื่ ทรงยกราชสมบัติ ……………………………………………………………
…………………………………………………………………………….. ทางพระพุทธศาสนา เขาวัดฟงธรรม
ใหพระราชโอรส และยอมถูกจับขังคุกให ……………………………………………………………
…………………………………………………………………………….. ทํ า ความดี ละเว น ความชั่ ว ซึ่ ง
พยศแล้วน�าเข้าหาพระธรรม แม้จะมีฤทธิ์มากถึงอย่างนี้ ท่านกลับเป็นผู้ถ่อมตนยิ่ง
อดพระกระยาหาร
…………………………………………………………………………….. นอกจากจะประพฤติ ป ฏิ บั ติ ด  ว ย
……………………………………………………………
๒. มั่นคงในพระรัตนตรัย ดังทรงสรางวัด ……………………………………………………………
ตนเองแลว ยังชักชวนเพื่อนๆ ให
48
……………………………………………………………………………..
ถวายเปนแหงแรก ทรงยึดมั่นในพระธรรม ……………………………………………………………
…………………………………………………………………………….. รวมปฏิบัติในการทําความดีดวย
๓. เปนผูนําที่ดี ทรงประพฤติปฏิบัติพระองค ……………………………………………………………
……………………………………………………………………………..
เปนแบบอยางที่ดี ทรงนําประชาชนเขาหา ……………………………………………………………
……………………………………………………………………………..
พระพุทธศาสนา
…………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………

๑๕

กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
ครูควรอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับนิวรณหรือนิวรณธรรม อันเปนธรรมที่กั้นจิตไมให ครูใหนักเรียนไปสืบคนพุทธบริษัทที่ไดรับการยกยองหรือการแตงตั้งจาก
บรรลุความดี 5 ประการ ดังนี้ พระพุทธเจาใหเปนเอตทัคคะในดานตางๆ พรอมบอกถึงลักษณะบางประการ
1. กามฉันท คือ ความพอใจในกามคุณ ของบุคคลดังกลาววามีความสอดคลองกับเอตทัคคะในดานนั้นอยางไร
2. พยาบาท คือ ความคิดรายผูอื่น
3. ถีนมิทธะ คือ ความงวง ความหดหู
4. อุทธัจจกุกกุจจะ คือ ความฟุงซานและรําคาญ
5. วิจิกิจฉา คือ ความลังเลสงสัย กิจกรรมทาทาย

นักเรียนควรรู ครูใหนักเรียนยกตัวอยางคุณธรรมที่เปนแบบอยางของพุทธสาวก
พุทธสาวิกามาประยุกตใชในการดําเนินชีวติ พรอมทัง้ บอกแนวทางการนํามา
1 เดียรถีย นักบวชประเภทหนึ่ง มีมากอนพระพุทธศาสนา และเปนปฏิปกษตอ ปฏิบัติและผลที่ไดรับจากการปฏิบัติ บันทึกลงกระดาษ A4 นํามาเลา
พระพุทธศาสนาอยางยิง่ มีพทุ ธบัญญัตวิ า หากเดียรถียจ ะมาขอบวชในพระพุทธศาสนา สูกันฟงในชั้นเรียน
ตองมารับการฝก เพื่อตรวจสอบวาเลื่อมใสแนนอนเสียกอน เรียกวา ติตถิยปริวาส
48 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
ครูและนักเรียนชวยกันสรุปประวัตินางขุชชุต-
วันหนึ่งพระสารีบุตรเห็นท่านมีใบหน้าผ่องใสจึงซักถาม พระโมคคัลลานะตอบว่า ตรา แลวตั้งคําถามใหนักเรียนชวยกันตอบ เชน
ท่านได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า ครั้นถามว่า พระพุทธเจ้าประทับอยู่ไกลมาก ท่านโมคคัลลานะ • “ขุชชุตตรา” มีความหมายวาอยางไร
เหาะไปฟังธรรมหรือ พระโมคคัลลานะตอบว่ามิได้เหาะไปฟัง แต่ฟงั ด้วยทิพยโสต เมือ่ พระสารีบตุ ร (แนวตอบ ขุชชุตตรา แปลวา อุตราผูคอม)
ชมเชยว่า พระโมคคัลลานะนี้ช่างมีความสามารถเหลือเกิน พระโมคคัลลานะกลับไม่หลงค�าชมนั้น • พระพุทธเจายกยองใหนางขุชชุตตรา
แต่กลับพูดว่า “ความสามารถของข้าพเจ้า เมื่อเปรียบกับท่านพระสารีบุตรแล้วเพียงเล็กน้อย เปนเลิศในดานใด
ดุจก้อนเกลือเล็กๆ วางไว้ใกล้หม้อน�้าใบใหญ่ฉะนั้น” ความอ่อนน้อมถ่อมตนเช่นนี้เป็นคุณธรรม (แนวตอบ นางขุชชุตตรา ไดรับการยกยอง
ที่เป็นแบบอย่างที่ดีที่บุคคลควรด�าเนินตามเป็นอย่างยิ่ง จากพระพุทธเจาวา เปนเลิศในทาง
๒.๓) มีความใฝ่รู้อย่างยิ่ง คุณธรรมข้อนี้ปรากฏตั้งแต่สมัยยังเป็นฆราวาส เมื่อไป ธรรมกถึก)
ดูมหรสพบนภูเขากับอุปติสสะ (พระสารีบุตร) เกิดความเบื่อหน่าย ใคร่จะแสวงหาแนวทางที่ดีกว่า • นางขุชชุตตรามีบทบาทในการทํานุบํารุง
จึงชวนอุปติสสะไปศึกษาอยู่กับอาจารย์สัญชัยเวลัฏฐบุตร ไม่นานท่านก็เรียนจนจบหมดภูมิของ พระพุทธศาสนาอยางไร
อาจารย์ และเที่ยวแสวงหาครูอาจารย์อื่นต่อไป จนกระทั่งอุปติสสะได้ฟังธรรมจากพระอัสสชิ (แนวตอบ นางขุชชุตตราปฏิบัติตนเปน
มาเล่าให้ฟัง ท่านก็ตั้งใจฟัง จนได้ดวงตาเห็นธรรม ทั้งหมดนี้แสดงถึงความใฝ่รู้ของท่าน จึงท�าให้ พุทธศาสนิกชนที่ดี กลาวคือ เปนผูจัด
ท่านได้รับความรู้ยิ่งๆ ขึ้นไปจนส�าเร็จพระอรหัตผลในที่สุด สิ่งของถวายแดพระพุทธเจาและพระสงฆ
2.3 นางขุชชุตตรา ในพระพุทธศาสนา และหลังจากฟงธรรมจน
1 บรรลุโสดาปตติผล นางขุชชุตตราปฏิบัติตน
๑) ประวัติ นางขุชชุตตรา เป็นธิดาของนางนมในบ้านของโฆสกเศรษฐี เมืองโกสัมพี
นางได้ชื่อว่า “ขุชชุตตรา” เพราะเป็นหญิงค่อม ชื่อของนางแปลเต็มว่า “อุตราผู้ค่อม” ตามหลักธรรมคําสอนในพระพุทธศาสนา
เมื่อนางเติบโตขึ้น ก็เป็นสาวใช้ในบ้านของโฆสกเศรษฐีนั่นเอง นางมีหน้าที่ซื้อดอกไม้ ตลอดจนทําหนาที่ในการแสดงธรรมและ
ถวายแก่พระนางสามาวดีเป็นประจ�า วันหนึ่ง หัวหน้านายมาลาการเตรียมจัดของท�าบุญถวาย เผยแผพระพุทธศาสนาไดอยางเชี่ยวชาญ)
ภั ต ตาหารแด่ พ ระสงฆ์ มี พ ระพุ ท ธเจ้ า เป็ น
ประธาน จึงได้ให้นางขุชชุตตราช่วยจัดสิ่งของ
ในการท�าบุญครั้งนี้ ซึ่งท�าให้นางขุชชุตตราได้มี
ส่วนร่วมในการท�าบุญ จนในที่สุดเมื่อนางได้ฟัง
พระธรรมเทศนาของพระพุทธเจ้า นางก็ได้บรรลุ
โสดาปั ต ติ ผ ล ครั้ น เมื่ อ นางกลั บ มาก็ ไ ด้ ซื้ อ
ดอกไม้ทงั้ ๘ กหาปณะ ได้ดอกไม้ไปเต็มกระเช้า
มาถวายพระนางสามาวดี ซึ่งถื2อว่ามีจ�านวน
มากกว่าปกติ พระนางสามาวดีทรงเกิดความ
สงสัย จึงซักถามนางขุชชุตตราซึง่ ได้บรรลุโสดา
ปัตติผลแล้ว ก็ได้เล่าเรือ่ งราวความเป็นไปตัง้ แต่
เริม่ ต้นให้ฟงั พร้อมทัง้ แสดงธรรมทีน่ างได้ฟงั มา นางขุชชุตตราได้รบั มอบหมายให้ชว่ ยจัดดอกไม้ และสิง่ ของ
ทำาบุญถวายพระพุทธเจ้าและพระภิกษุสงฆ์
แล้วถวายพระนางสามาวดีด้วย
49

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T นักเรียนควรรู
นักเรียนสามารถนําคุณธรรมที่ควรถือเปนแบบอยางของนางขุชชุตตรา
1 เมืองโกสัมพี ชื่อเมืองหลวงของแควนวังสะ อยูทางตอนใตของแมนํ้ายมุนา
มาปรับใชในชีวิตประจําวันไดอยางไร
ปจจุบันเรียกวา เมืองโกสัม
แนวตอบ การเปนคนเอาใจใสในหนาที่ที่ไดรับมอบหมาย เชน การทํา 2 พระนางสามาวดี เปนธิดาของเศรษฐีนามวา ภัททวดีย แหงเมืองภัททวดีย
การบานหรือรายงานทีค่ รูมอบหมายไดสาํ เร็จตรงตามกําหนด การชวยแบงเบา หลังจากที่เศรษฐีเสียชีวิต โฆสกเศรษฐีแหงเมืองโกสัมพีเลี้ยงดูนางดุจลูกสาว และ
ภาระงานบานจากพอแม เปนตน การหมั่นฝกฝนตนเองใหมีความรูความ ยกยองในความฉลาดของนาง เนื่องจากนางเปนผูคิดใหสรางรั้ว มีประตูทางเขา
ชํานาญในดานใดดานหนึ่งอยางมุมานะ เชน การฝกฝนดานกีฬา ดนตรี และประตูทางออกใหกับบานของโฆสกเศรษฐี จึงไดชื่อวา “สามาวดี” (วดี แปลวา
หรือภาษา เปนตน และการรูจักแยกแยะวาสิ่งใดดีสิ่งใดไมดี เพื่อดําเนินชีวิต รั้ว) ตอมาพระนางสามาวดีไดฟงธรรมจากนางขุชชุตตราและบรรลุโสดาปตติผล
อยางมีความสุข

คูมือครู 49
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนแสดงความคิดเห็นตอพฤติกรรม
ของนางขุชชุตตรา เรื่องความไมซื่อสัตย ตามปกติในวันอื่นๆ เมื่อนางขุชชุตตรารับเงินค่าดอกไม้วันละ ๘ กหาปณะ แล้วนาง
แอบยักยอกเงินเจานาย แตภายหลังก็มาบอก ก็จะจ่ายเป็นค่าดอกไม้เพียง ๔ กหาปณะ อีก ๔ กหาปณะ นางเก็บไว้ใช้ส่วนตัว แต่ในวันนั้น
ความจริงทั้งหมดใหเจานายทราบ นางได้ฟังพระธรรมเทศนาและนางก็ได้บรรลุโสดาปัตติผล ก็1ไม่เกิดความคิดที่จะหักเอาเงิน ๔
(แนวตอบ ครูเปดโอกาสใหนักเรียนแสดงความ กหาปณะไว้เหมือนเดิม นางจึงซื้อดอกไม้ทั้งหมด ๘ กหาปณะ ท�าให้ได้ดอกไม้เพิ่มมากกว่าปกติ
คิดเห็นอยางหลากหลาย โดยครูอธิบายเนนยํ้าวา
อย่างผิดสังเกต พระนางสามาวดีจึงทรงสอบถามและทราบว่าแต่ก่อนนั้น นางขุชชุตตราหักเงินไว้
การปฏิบัติตนเปนคนไมซื่อสัตยนั้น ไมวาจะดวย
ส�าหรับตนเองจ�านวนหนึ่งมิได้น�าไปซื้อดอกไม้ทั้งหมด บัดนี้นางขุชชุตตราบรรลุโสดาบันแล้ว
เหตุผลใดหรือในสถานการณใดก็ตาม ถือเปน
ความผิดหรือเปนสิ่งไมดีเสมอ แตเมื่อรูวาตนเอง ไม่อยากได้ทรัพย์ของคนอื่นอีก พระนางสามาวดีก็ให้อภัยในสิ่งที่เคยเกิดขึ้น
กระทําสิ่งที่ผิดก็ตองรีบกลับตัวกลับใจมากระทํา ต่อมานางขุชชุตตราได้รับมอบหน้าที่จากพระนางสามาวดีให้เป็นผู้ไปฟังธรรม แล้ว
ในสิ่งที่ถูกที่ควร) กลับมาแสดงให้พระนางสามาวดีพร้อมด้วยบริวารฟังเป็นประจ�า นางขุชชุตตราได้เอาใจใส่
2. ครูใหนักเรียนวิเคราะหวา นักเรียนสามารถนํา ในหน้าทีน่ อี้ ย่างดียงิ่ โดยตัง้ ใจไปฟังธรรมจนเข้าใจ จดจ�า แล้วน�ามาแสดงแก่พระนางสามาวดีพร้อม
คุณธรรมทีค่ วรถือเปนแบบอยางของนางขุชชุตตรา ทั้งบริวาร จึงท�าให้นางขุชชุตตรามีความแตกฉานในธรรม สามารถแสดงธรรมได้อย่างช�่าชอง
มาปรับใชในชีวิตประจําวันไดอยางไร ตัง้ แต่นนั้ มานางขุชชุตตราก็ได้รบั การยกฐานะจากนางก�านัล ให้อยูใ่ นฐานะอาจารย์ผแู้ สดงพระธรรม
(แนวตอบ คุณธรรมที่ควรถือเปนแบบอยางของ ค�าสอนให้แก่พระนางสามาวดีพร้อมทัง้ นางก�านัลทีเ่ หลือทัง้ หมด 2 ภายหลังพระศาสดาได้ทรงยกย่อง
นางขุชชุตตราที่สามารถนํามาปรับใชในชีวิต นางว่า “เป็นเลิศกว่าอุบาสิกาทั้งหลาย ในทางเป็นธรรมกถึก”
ประจําวันได คือ การเปนผูฝกฝนและอบรม ๒) คุณธรรมที่ควรถือเป็นแบบอย่าง ของนางขุชชุตตรา มีดังนี้
ตนเองใหละเวนสิ่งที่ไมดีและตั้งอยูในสิ่งที่ดี ๒.๑) เป็นผู้ฝึกฝนตนเองอยู่เสมอ จากประวัติจะเห็นว่านางขุชชุตตราเป็นสาวใช้
รวมถึงการเอาใจใสตอหนาที่ที่ไดรับมอบหมาย) ที่ไม่ซื่อสัตย์ในเบื้องต้น เพราะได้แอบยักยอกเอาเงินครั้งละ ๔ กหาปณะ จาก ๘ กหาปณะ
3. ครูใหนักเรียนยกตัวอยางบุคคลในทองถิ่นหรือ ที่เจ้านายให้ไปซื้อดอกไม้ ไว้ใช้เป็นส่วนตัว แต่เมื่อนางได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าแล้ว ก็มีความ
ในสังคมที่มีความเปนเลิศในทางเปนธรรมกถึก ส�านึกในผิดชอบชั่วดี จึงใช้เงินทั้ง ๘ กหาปณะ ซื้อดอกไม้ไปให้เจ้านาย เมื่อเจ้านายสอบถาม
หรือนักเทศนทางธรรม และชวยกันบอกถืง เนื่องจากเห็นดอกไม้มีมากกว่าแต่ก่อน นางขุชชุตตราก็บอกความจริงให้ทราบ นับว่านางเป็น
คุณธรรมของบุคคลดังกลาวที่สามารถนํามาถือ คนฝึกฝนอบรมตนให้รู้จักละเว้นสิ่งที่ไม่ดี และตั้งอยู่ในสิ่งที่ดีได้ในที่สุด
ปฏิบัติในชีวิตประจําวันได
๒.๒) เอาใจใส่ในหน้าทีท่ ไี่ ด้รบั มอบหมาย หลังจากนางบรรลุเป็นพระโสดาบันแล้ว
นางก็ได้แสดงธรรมให้เจ้านายคือพระนางสามาวดีฟัง พระนางสามาวดีก็ใคร่ที่จะฟังธรรมทุกวัน
จึงมอบหมายให้นางไปฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าแล้วกลับมาแสดงให้พระนางฟัง นางขุชชุตตรา
ก็เอาใจใส่ในหน้าที่รับผิดชอบอย่างดียิ่ง โดยไปฟังธรรมจากพระองค์แล้วพยายามท�าความเข้าใจ
เพื่อกลับมาแสดงให้พระนางสามาวดีฟัง ท�าให้นางมีความแตกฉานในธรรมยิ่งๆ ขึ้นตามล�าดับ
นางขุชชุตตรานับว่าเป็นพุทธสาวิกาทีโ่ ดดเด่นคนหนึง่ ในพระพุทธศาสนา สามารถ
แสดงธรรมได้ลึกซึ้งกินใจ ท�าให้ผู้คนสนใจในหลักธรรมของพระพุทธศาสนาอีกเป็นจ�านวนมาก

50

บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู ครูสามารถนําเนื้อหาเกี่ยวกับการแสดงธรรมของนางขุชชุตตรา
ไปบูรณาการเชื่อมโยงกับกลุมสาระการเรียนรูภาษาไทย วิชาหลักภาษาและ
1 กหาปณะ เปนคําเรียกเงินตราที่ใชในสมัยพุทธกาล ทําดวยโลหะ เทียบคําวา
การใชภาษา เรื่องหลักการฟงและการพูด โดยใหนักเรียนศึกษาหลักการ
กษาปณ ในปจจุบัน โดยคําวากหาปณะมีปรากฏอยูในพระวินัยวาดวยเรื่องการ
มารยาทในการฟงและการพูดที่ดี แลวใหนักเรียนฝกพูดใหเหมาะสมใน
ลักทรัพย คือ ภิกษุจงใจลักทรัพยที่มีราคา 5 มาสก หรือ 1 บาทขึ้นไป ตองอาบัติ
โอกาสตางๆ
สูงสุด คือ ปาราชิก หากมีราคาตํ่ากวานั้นมีความผิดลดหลั่นลงมาตามราคาทรัพย
2 ธรรมกถึก คือ ผูกลาวสอนธรรม ผูแสดงธรรม นักเทศน ซึ่งควรคํานึงถึง
องคแหงธรรมกถึก 5 ประการ ดังนี้
1. แสดงธรรมไปตามลําดับ ไมตัดลัดใหสับสนหรือขาดความ
2. ชี้แจงยกเหตุผลมาแสดงใหผูฟงเขาใจ
3. สอนเขาดวยเมตตา ตั้งจิตปรารถนาใหเปนประโยชนแกผูอื่น
4. ไมแสดงธรรมเพราะเห็นแกลาภ
5. ไมแสดงธรรมกระทบตนและผูอื่น คือ ไมยกตน ไมเสียดสีผูอื่น

50 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูและนักเรียนอภิปรายเกี่ยวกับพระเจา
๒.๔ พระเจ้าพิมพิสาร พิมพิสาร แลวตั้งคําถามใหนักเรียน
ชวยกันตอบ เชน
๑) พระราชประวัต ิ พระเจ้าพิมพิสาร ทรงเป็นพระมหากษัตริยแ์ ห่งมคธรัฐ มีบทบาท • เมื่อพระเจาพิมพิสารชักชวนใหพระพุทธเจา
เกี่ยวข้องกับพุทธประวัตินับตั้งแต่ตอนที่พระพุทธองค์เสด็จออกผนวช แล้วเสด็จดำาเนินมายัง สละเพศบรรพชิตมาครองราชย
แคว้นมคธ ไปประทับอยู่ที่ปัณฑวบรรพต พระเจ้าพิมพิสารซึ่งขณะนั้นขึ้นครองราชย์สืบต่อจาก พระพุทธเจาทรงปฏิเสธดวยเหตุผลใด
พระราชบิดาแล้วสดับว่าพระพุทธองค์เสด็จมายังแว่นแคว้นของพระองค์จึงเสด็จไปนมัสการ เมื่อ (แนวตอบ พระพุทธเจาทรงปฏิเสธการสละ
ทอดพระเนตรเห็นพระอากัปกิรยิ าอันสงบสำารวมก็เลือ่ มใส ชักชวนให้พระพุทธองค์สละเพศบรรพชิต เพศบรรพชิตมาครองราชย เพราะพระองค
มาครองราชย์ด้วยกัน โดยทรงยินดีย1กดินแดนให้กึ่งหนึ่ง พระพุทธองค์ทรงปฏิเสธ ตรัสว่าสิ่งที่ ทรงมีจุดมุงหมายที่ชัดเจน คือ การแสวงหา
พระองค์ทรงแสวงหา คือ โมกษธรรม หาใช่สมบัติทางโลกไม่ โมกษธรรมหรือโมกขธรรม หลักธรรมที่
พระเจ้าพิมพิสารตรัสว่า ถ้าพระพุทธองค์ทรงค้นพบสิง่ ทีแ่ สวงหาเมือ่ ใด ขอให้เสด็จมา ทําใหหลุดพนทุกข อันจะนําความสุขที่
สอนพระองค์เป็นคนแรก ซึง่ พระพุทธองค์กท็ รงให้ปฏิญญา (คำามัน่ ) ด้วยเหตุนี้ เมือ่ โปรดปัญจวัคคีย์
แทจริงมาใหมากกวาการแสวงหาสมบัติ
โปรดพระยสะและสหาย มีพระอรหันต์จำานวน ๖๐ รูป ที่ทรงส่งไปประกาศพระศาสนายังแคว้น
ทางโลก)
ต่างๆ แล้ว พระพุทธองค์ก็เสด็จพุทธดำาเนินมุ่งตรงไปยังเมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ เพื่อจะไป
• เพราะเหตุใด เตภาติกชฎิล (ชฎิล 3 พี่นอง
เปลื้องปฏิญญาที่ประทานให้กับพระเจ้าพิมพิสาร
ผูบูชาไฟ) จึงสละเพศชฎิล แลวหันมานับถือ
แต่เมื่อทรงพิจารณาถี่ถ้วนแล้ว ทรงเห็นว่าพระเจ้าพิมพิสารและชาวเมืองยังเคารพ
พระพุทธศาสนา
นับถือ “เตภาติกชฎิล” (ชฎิล ๓ พี่น้องผู้บูชาไฟ) อยู่ จึงต้องไปโปรดเหล่าชฎิลก่อน
(แนวตอบ เพราะเตภาติกชฎิลตระหนักไดวา
เมือ่ พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมโปรดให้ชฎิล ๓ พีน่ อ้ งสละลัทธิความเชือ่ ถือดัง้ เดิมนัน้
การสรรเสริญรูป รส กลิ่น เสียง และสตรี
มาเป็นสาวกของพระองค์หมดแล้ว ก็ทรงพาสาวกใหม่หมาดๆ จำานวนทั้งสิ้น ๑,๐๐๓ รูปไปพักยัง
ลวนแตเปนมลทิน จึงหันมาบําเพ็ญเพียรตาม
“สวนตาลหนุ่ม” ที่มีชื่อว่า “สัฏฐิวัน” ใกล้เมืองราชคฤห์
วิถีแหงการดับกิเลส ไมเวียนวายตายเกิด
เมื่อพระเจ้าพิมพิสารได้สดับข่าวนี้ จึงเสด็จพร้อมประชาชนจำานวนมากไปยังสวน2
ตามหลักพระพุทธศาสนา)
ตาลหนุ่ม ทอดพระเนตรเห็นบรรดาอาจารย์ของตนสละเพศชฎิล หันมานุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์
2. ครูนําขาวเหตุการณปจจุบันหรือยกตัวอยาง
แถมยังนั่งแวดล้อม “สมณะหนุ่ม” รูปหนึ่ง หน้าตาคลับคล้ายว่าเป็นผู้ที่พระองค์เคยพบเห็น
มาก่อน ก็มีความสงสัยอยู่ครามครัน กรณีศึกษาเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องการเซนไหว
พระพุทธเจ้าทรงทราบพระราชดำาริของกษัตริย์หนุ่ม จึงหันมาตรัสถามพระปูรณกัสปะ การบวงสรวงบูชาสิ่งตางๆ ในสังคม มาให
หัวหน้าชฎิลทั้งหลายว่า “ท่านเห็นอย่างไร จึงสละเพศชฎิลและการบูชาไฟที่ท�ามาเป็นเวลานาน นักเรียนอภิปรายถึงผลดีและผลกระทบที่มีตอ
จนผ่ายผอม หันมานับถือพระพุทธศาสนา” บุคคลเหลานั้นและสภาพสังคมไทยในปจจุบัน
อุรุเวลกัสสปะกราบทูลว่า “ยัญทั้งหลายสรรเสริญรูป เสียง กลิ่น รส และสตรี ล้วน โดยครูพิจารณาถึงการแสดงความคิดเห็นที่
แต่เป็นมลทิน ข้าพระองค์เห็นว่ามิใช่ทางแห่งความสงบระงับกิเลส จึงละการเซ่นสรวงบูชา” สมเหตุสมผล พรอมกับชี้แนะแนวทางการ
พระพุทธองค์ตรัสถามต่อไปว่า “ถ้าเช่นนัน้ ใจท่านยินดีอะไรในเทวโลก หรือมนุษยโลก” ปฏิบัติตนตามหลักการเปนชาวพุทธที่ดี
ท่านปูรณกัสสปะกราบทูลว่า “ใจของข้าพระองค์ยินดีในการสิ้นอุปธิ (กิเลส) ทั้งหลาย
ไม่เวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป”
51

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T นักเรียนควรรู
ระหวางการแสวงหาความสุขทางธรรมกับการแสวงหาความสุขทางวัตถุ
1 โมกษธรรม (ภาษาสันสกฤต) หรือโมกขธรรม (ภาษาบาลี) ธรรมนําสัตวให
พระพุทธเจาทรงสอนใหชาวพุทธเลือกปฏิบัติวิธีใด เพื่อเปนทางแหงการดับ
หลุดพนจากกิเลส หรือมรรคมีองค 8 เพื่อนําไปสูจุดหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนา
กิเลสและประสบกับความสุขระยะยาวในชีวิต
คือ นิพพาน การดับกิเลสและกองทุกขทั้งปวง อันไดแก
แนวตอบ พระพุทธเจาทรงสอนใหชาวพุทธกําจัดกิเลสทั้งมวลในชีวิต 1. สัมมาทิฏฐิ เห็นชอบ 5. สัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีพชอบ
เพื่อดับทุกขใหหมดสิ้น ดังนั้น การแสวงหาความสุขทางวัตถุ จึงนับไดวา 2. สัมมาสังกัปปะ ดําริชอบ 6. สัมมาวายามะ เพียรชอบ
เปนการตอบสนองตัณหาและเพิ่มกิเลสใหมากขึ้น อันจะนํามาซึ่งความทุกข 3. สัมมาวาจา เจรจาชอบ 7. สัมมาสติ ระลึกชอบ
อยางไมมวี นั จบสิน้ ซึง่ ตางจากการแสวงหาความสุขทางธรรมทีพ่ ระพุทธองค 4. สัมมากัมมันตะ ทําการชอบ 8. สัมมาสมาธิ ตั้งจิตมั่นชอบ
ทรงตรัสวาเปนทางแหงการดับกิเลสและนํามาซึง่ ความสุขระยะยาว กลาวคือ 2 กาสาวพัสตร ผาทีย่ อ มดวยนํา้ ฝาด เปนคําเรียกผาทีพ่ ระสงฆใชนงุ หม ผานุง หม
การเรียนรูและนําหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาปฏิบัติในชีวิตประจําวัน ของพระสงฆไมวา จะเปนสีเหลือง สีแกนขนุน หรือสีกลัก ก็ถอื วาเปนผากาสาวพัสตร
ยอมจะทําใหจิตใจสงบ สามารถแยกแยะไดวาสิ่งใดดี สิ่งใดชั่ว ปฏิบัติตน ทั้งสิ้น ผากาสาวพัสตรถือวาเปนของสูง เปนเครื่องนุงหมของพระพุทธเจาที่ทรง
ตอผูอื่นไดอยางมิตร ตลอดจนสามารถดําเนินชีวิตไดอยางถูกตองเหมาะสม ประทานอนุญาตใหพระสาวกใชได จัดเปนสัญลักษณอยางหนึง่ ของพระพุทธศาสนา
ตามหลักศีลธรรม

คูมือครู 51
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนวิเคราะหความปรารถนากอน
ขึ้นครองราชย 5 ประการที่พระเจาพิมพิสาร พระเจ้าพิมพิสารและประชาชนได้เห็นอาจารย์ของตนนั่งคุกเข่าประคองอัญชลีต่อ
กราบทูลตอพระพุทธเจาวา สะทอนถึงแนวคิด พระสมณะหนุ่ม และประกาศเหตุผลว่าท�าไมจึงละลัทธิความเชื่อถือของตนมานับถือสมณะหนุ่ม
ของพระเจาพิมพิสารที่มีตอพระพุทธศาสนา เป็นอาจารย์ ก็หายสงสัย พลอยเลื่อมใสตามอาจารย์ของตน และกษัตริย์หนุ่มก็ร�าลึกได้ว่า สมณะ
อยางไร หนุ่มรูปนี้ก็คือผู้ที่ตนพบมาก่อนที่ปัณฑวบรรพตนั้นเอง บัดนี้ได้เป็น “พระสัมมาสัมพุทธะ” แล้ว
(แนวตอบ จากความปรารถนาที่พระเจาพิมพิสาร พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมชื่อว่า “อนุปุพพีกถา” และ “อริยสัจ ๔” โปรดพระเจ้า
กราบทูลตอพระพุทธเจา 5 ประการ สะทอนให พิมพิสาร พร้อมด้วยข้าราชบริพาร
เห็นวา พระเจาพิมพิสารมีความเลื่อมใสศรัทธา พระเจ้าพิมพิสารกราบทูลว่า บัดนี้ความปรารถนาก่อนขึ้นครองราชย์ ๕ ประการ
ตอพระพุทธศาสนาอยางมาก แสดงถึงความ ได้ส�าเร็จ ได้แก่
ตั้งใจจริงในการศึกษาหลักธรรมและเผยแผ ๑. ปรารถนาอยากได้ครองราชย์ตั้งแต่ยังหนุ่ม
พระพุทธศาสนาในเมืองของตน) ๒. ปรารถนาอยากให้พระอรหันตสัมมาสัมพุทธะเสด็จมาโปรดเมืองของตน
2. ครูใหนักเรียนวิเคราะหวา พระเจาพิมพิสาร ๓. ปรารถนาอยากได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธะ
ปฏิบัติตนเปนพุทธศาสนิกชนที่ดีอยางไร ๔. ปรารถนาอยากให้พระสัมมาสัมพุทธะนั้นแสดงธรรมให้ฟัง
(แนวตอบ หลังจากที่พระเจาพิมพิสารหันมา ๕. ปรารถนาอยากให้รู้ทั่วถึงธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธะนั้นแสดง
นับถือพระพุทธศาสนา พระองคทรงนับถือพระ เมื่อประกาศความส�าเร็จแห่งมโนปณิธานของพระองค์แล้ว พระเจ้าพิมพิสารและเหล่า
รัตนตรัยเปนสรณะตลอดพระชนมชีพ ทรงถวาย ข้าราชบริพารส่วนหนึ่งได้ดวงตาเห็นธรรม ก็ก้มกราบมอบพระองค์เป็นสาวก นับถือพระรัตนตรัย
สวนไผใหเปนวัดแหงแรกในพระพุทธศาสนา เป็นสรณะตลอดพระชนม์ชีพ อัญเชิญเสด็จองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมภิกษุสงฆ์ไปเสวย
นามวา “เวฬุวัน” และทรงประกอบพิธีกรวดนํ้า ภัตตาหารที่พระราชวังในวันรุ่งขึ้น หลังจากนั
อุทิศสวนกุศลแกพวกเปรตที่เคยเปนพระญาติ 1 ้นไม่กี่วันก็ถวาย “สวนไผ่” นอกเมืองให้เป็น “วัด”
แห่งแรกในพระพุทธศาสนา นามว่า “เวฬุวัน”
ของพระองค) หลังจากได้ถวายพระเวฬุวันให้แก่
พระพุ ท ธองค์ แ ล้ ว คื น นั้ น พระเจ้ า พิ ม พิ ส าร
ทรงฝันร้าย เห็นพวกเปรตมาร�่าร้องอยู่ต่อหน้า
น่าเกลียดน่ากลัวมาก รุ่งเช้าพระองค์เสด็จไป
กราบทูลให้พระพุทธองค์ทรงทราบ2พระพุทธองค์
ตรัสว่าสิ่งที่มาปรากฏนั้นเป็นเปรต ซึ่งเคยเป็น
พระญาติของมหาบพิตรในอดีตกาลอันยาวนาน
พวกเขามาขอส่วนบุญ
“หม่อมฉันควรท�าอย่างไรพระเจ้าข้า”
พระราชากราบทูลถาม
พระเจ้าพิมพิสารทรงเลือ่ มใสในพระพุทธศาสนาและได้ถวาย “มหาบพิตรควรกรวดน�้าอุทิศส่วน
สวนเวฬุวนั ให้เป็นวัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนา
กุศลให้พวกเขา” พระพุทธองค์ทรงชี้แนะ
52

บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู ครูสามารถนําเนือ้ หาเกีย่ วกับการสรางวัดในพระพุทธศาสนา ไปบูรณาการ
เชื่อมโยงกับกลุมสาระการเรียนรูศิลปะ วิชาทัศนศิลป เรื่องทัศนศิลป
1 เวฬุวัน หรือพระวิหารเวฬุวันกลันทกนิวาปสถาน เปนวัดแหงแรกในพระพุทธ-
ของไทยในแตละยุคสมัย โดยใหนกั เรียนสืบคนผลงานทัศนศลิ ปหรือรูปแบบ
ศาสนา ตั้งอยูใกลเชิงเขาเวภารบรรพต บนริมฝงแมนํ้าสรัสวดี นอกเขตกําแพง
การสรางวัดในพระพุทธศาสนาสมัยตางๆ ในประเทศไทย แลวบอกถึง
เมืองเการาชคฤห แควนมคธ ชมพูทวีป หรือรัฐพิหาร ประเทศอินเดียปจจุบัน
ลักษณะเดนของการสรางงานทัศนศิลปดังกลาว
ในสมัยพุทธกาล วัดเวฬุวนั เปนสถานทีส่ าํ หรับบําเพ็ญเพียรทางจิต และยังเปนสถานที่
ที่พระพุทธเจาทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกขแกพระสาวกจํานวน 1,250 องคในวันเพ็ญ
เดือน 3 ปจจุบันวัดเวฬุวันเหลือเพียงรองรอยของซากโบราณสถานในสวนไผ
ที่รมรื่น มีสระนํ้าขนาดใหญภายใน มีรั้วรอบดาน และอยูในความดูแลของทาง
ราชการอินเดีย
2 เปรต ผูละโลกนี้ไปแลว คนที่ตายไปแลว หรือสัตวจําพวกหนึ่งซึ่งเกิดอยูใน
อบายชั้นที่ไดรับความทุกขทรมาน เพราะไมมีอาหารจะกิน แมเมื่อมีก็กินไมได
หรือกินไดโดยยาก

52 คูมือครู
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ Expand
1. ครูและนักเรียนสรุปประวัติพระเจาพิมพิสาร
วันต่อมา พระราชาจึงได้นิมนต์พระพุทธเจ้า พร้อมภิกษุสงฆ์ ไปเสวยภัตตาหารใน แลวแสดงความคิดเห็นในประเด็นคําถาม
พระราชวัง แล้วกรวดน�้าอุทิศส่วนกุศลแก่พวกเปรตที่เคยเป็นพระญาติของพระองค์ ตกดึกมา ตอไปนี้
บรรดาพระญาติเก่าก็มาปรากฏโฉมอีก คราวนีห้ น้าตายิม้ แย้มแจ่มใส ซาบซึง้ ในพระหฤทัยทีแ่ บ่ง • คุณธรรมใดของพระเจาพิมพิสารที่นักเรียน
ส่วนบุญให้ ต่างก็ได้เสวยบุญไปตามๆ กัน แล้วก็อันตรธานหายไป 1 ควรถือเปนแบบอยางในการประพฤติปฏิบัติ
พระเจ้าพิมพิสารมีพระราชโอรสพระนามว่า “อชาตศัตรู” จากพระนางเวเทหิ ตอนทรง ในชีวิตประจําวัน
ประชวรพระครรภ์ (แพ้ท้อง) พระเทวีใคร่จะเสวย “เลือด” ของพระราชสวามี แต่พระนางไม่กล้า (แนวตอบ การเคารพนับถือในพระรัตนตรัย
ทูลแก่พระราชสวามี การมีความเพียร และการมุง มัน่ ในการศึกษา
ต่อมาเมือ่ ทรงซักไซร้ จึงกราบทูลความจริงให้ทราบ ด้วยความรักพระมเหสี พระราชา หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ตลอดจนมี
จึงเฉือนพระพาหา (แขน) เอาพระโลหิตออกมาให้พระมเหสีดื่ม อาการประชวรพระครรภ์ก็สงบ จิตเอื้อเฟอเผื่อแผ ปรารถนาดีตอผูอื่นเสมอ)
โหราจารย์ท�านายว่าพระโอรสองค์นี้จะท�า “ปิตุฆาต” แต่พระราชาก็มิได้สนพระทัยต่อค�าท�านาย • คุณธรรมใดของพระเจาพิมพิสารที่ควร
กล่าวกันว่า ค�าท�านายของโหรท�าให้พระเทวีมีความกังวลมาก จึงแอบไปท�าแท้งที่ถ�้า นํามาเปนแบบอยางในการครองเรือน
มัททกุจฉิ เชิงเขาคิชฌกูฏ โดยเอาก้อนหินทุบท้องเพื่อให้แท้ง พระราชาทรงทราบ ตรัสห้ามท�า (แนวตอบ เชน การรักและเอาใจใสตอคนใน
เช่นนั้นเป็นอันขาด ทารกน้อยจึงมีโอกาสเกิดขึ้นมาดูโลก ที่พระนางท�าไปมิใช่ไม่รักลูกแต่มิอยาก ครอบครัว การใหการอุปการะ ใหการศึกษา
ได้ชอื่ ว่ามีลกู ฆ่าพ่ออันเป็นความอัปยศอย่างยิง่ แต่พระสวามีกป็ ลอบพระทัยว่าเรือ่ งในอนาคตไม่มี แกบตุ ร และหมัน่ อบรมสัง่ สอน ชีแ้ นะสิง่ ใดดี
ใครสามารถหยัง่ รูไ้ ด้ เพียงค�าท�านายก็ไม่ควรเชือ่ ว่าจะเป็นความจริงร้อยเปอร์เซ็นต์ทกุ อย่าง อยูท่ ี่ สิ่งใดไมดีใหแกบุตรเสมอ)
การกระท�าของคน ถ้าเราอบรมลูกให้ดี มีหรือจะกลายเป็นคนชั่วเช่นนั้นได้ 2. ครูใหนักเรียนอภิปรายความหมายของ
เพราะความเชื่อมั่นอย่างนี้ เมื่อพระราชโอรสประสูติแล้ว จึงพระราชทานนามว่า พระพุทธวจนะที่ตรัสวา “เมื่อโคขามฟาก
อชาตศัตรู (ผู้เกิดมาไม่เป็นศัตรู) ทรงให้การศึกษาอบรมแก่พระราชโอรสเป็นอย่างดี ท�าให้ ถาโคจาฝูงวายไปคดหรือตรง ฝูงโคก็จะคด
เจ้าชายน้อยเป็นคนว่านอนสอนง่าย อยู่ในพระโอวาท ไม่ม2ีวี่แววว่าจะประพฤติ นอกรีตแต่อย่างใด หรือตรงตาม” แลวบอกถึงการนําขอคิดจาก
3
แต่ก็เหมือนฟ้าลิขิต เจ้าชายน้อยได้รู้จักอลัชชีนามเทวทัต ถูกเทวทัตผู้เป็นบาปมิตร พระพุทธวจนะดังกลาวนี้ไปปรับใชในชีวิต
เสี้ยมสอนให้เห็นผิดเป็นชอบ จับพระเจ้าพิมพิสารขังคุกให้อดพระกระยาหารจนสิ้นพระชนม์ ประจําวัน
๒) คุณธรรมที่ควรถือเป็นแบบอย่าง ของพระเจ้าพิมพิสาร มีดังนี้ (แนวตอบ หากผูปกครองประพฤติตนอยูในศีล-
๒.๑) เป็นพ่อที่ดี พระเจ้าพิมพิสารมีความรักอชาตศัตรูผู้เป็นพระราชโอรสอย่าง ธรรม ผูใ ตปกครองก็ยอ มจะอยูใ นศีลธรรม ดังนัน้
แท้จริง เมื่อครั้งพระราชโอรสอยู่ในพระครรภ์ พระมเหสี “แพ้ท้อง” อยากเสวยโลหิตพระราชสวามี หากมีบทบาทเปนผูนํา จะตองดํารงตนอยูใน
เพราะความรักในพระมเหสี และรักในพระราชโอรสผู้อยู่ในพระครรภ์ พระเจ้าพิมพิสารถึงกับเอา ศีลธรรม และมีหลักการปกครองทีเ่ สริมสรางให
พระขรรค์กรีดพระโลหิตจากพระพาหาของพระองค์ให้พระมเหสีดื่ม ผูใ ตปกครองเปนคนดีและเปนคนเกงควบคูก นั ไป)
แม้ภายหลังเจ้าชายอชาตศัตรูหลงผิด เพราะการยุยงของพระเทวทัต ถือพระขรรค์
เข้าไปหมายจะสังหารพระองค์ พระองค์ก็ไม่ทรงถือโกรธ เมื่อรู้ว่าพระราชโอรสต้องการราชสมบัติ ตรวจสอบผล Evaluate
ก็ยนิ ดียกให้ตามปรารถนา แม้พระราชโอรสจับขังคุกทรมานให้อดพระกระยาหาร ก็ไม่มจี ติ โกรธเคือง 1. ตรวจสอบผลจากความถูกตองในการตอบ
หรือพยาบาทในพระราชโอรสแต่ประการใด คําถามและแสดงความคิดเห็น
53 2. ตรวจสอบผลจากความถูกตองและความ
สวยงามของสมุดภาพเลาเรื่องประวัติของ
พุทธสาวกหรือพุทธสาวิกา
ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T นักเรียนควรรู
พระเจาพิมพิสารทรงเสียสละสิ่งใด เพื่อทําใหพระนางเวเทหิหายจาก
1 อชาตศัตรู แปลวา ผูป ราศจากศัตรู ในเวลาตอมาทานไดคบคิดกับพระเทวทัต
อาการประชวรพระครรภ (แพทอง)
ฆาพระราชบิดาตามที่โหรทํานายไว และไดขึ้นครองราชสมบัติแควนมคธ ณ
1. ยกราชสมบัติใหพระนางปกครอง
กรุงราชคฤห แตทรงสํานึกและกลับพระทัยได หันมาทรงอุปถัมภบํารุงพระพุทธ-
2. กรีดเลือดจากแขนใหพระมเหสีดื่ม
ศาสนา และทรงเปนพุทธศาสนูปถัมภกในการสังคายนาพระธรรมวินัยครั้งที่ 1
3. เสียสละพระราชทรัพยสรางที่ประทับใหใหม
4. ถวายอาหารโปรดบํารุงพระครรภพระมเหสี 2 อลัชชี คือ ผูไมมีความละอาย ภิกษุผูประพฤติละเมิดพุทธบัญญัติโดยจงใจ
ละเมิด หรือกระทําผิดแลวไมมีการแกไข
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. พระเจาพิมพิสารทรงใชมีดกรีดเลือดที่แขน
ของพระองคใหพระมเหสีดื่ม เพราะพระนางประชวรพระครรภ (แพทอง) 3 เทวทัต เปนพระโอรสในพระเจาสุปปพุทธะและพระนางอมิตาแหงโกลิยวงศ
ใครจะเสวยพระโลหิตของพระราชสวามี คือ พระเจาพิมพิสาร ดวยความรัก ไดออกผนวชและบําเพ็ญฌานจนไดโลกียอภิญญา เวลาตอมามีความมักใหญ
ในพระมเหสีและรักในพระราชโอรสผูอยูในพระครรภ พระองคจึงทรงยอม คิดทํารายพระพุทธเจา ไดกอเรื่องวุนวายในสังฆมณฑลและถูกธรณีสูบในที่สุด
เสียสละพระโลหิต

คูมือครู 53
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูใหนักเรียนยกตัวอยางพระมหากษัตริยไทย
ในอดีตที่มีพระราชกรณียกิจในดานการทํานุบํารุง ๒.๒) ทรงมั่นคงในพระรัตนตรัย พระองค์ทรงรับเอาพระพุทธศาสนามาเป็น
พระพุทธศาสนา แลวอภิปรายรวมกันถึงผลงานที่ หลักปฏิบัติของพระองค์เองและประชาชนชาวเมืองราชคฤห์ สร้างวัดถวายไว้ในพระพุทธศาสนา
สรางประโยชนใหกบั ประเทศไทย ตลอดจนคุณธรรม เป็นวัดแห่งแรกในประวัตศิ าสตร์พระพุทธศาสนา ทรงมั่นคงในพระศาสนายิ่งนัก
ที่ควรถือเปนแบบอยาง เมื่อครั้งถูกพระราชโอรสจับขังให้
อดพระกระยาหาร 1พระองค์กย็ ดึ มั2น่ ในพระธรรม
สํารวจคนหา Explore เจริ ญ พุ ท ธานุ ส สติ ธั ม มานุ ส สติ น� า มาเป็ น
ใหนกั เรียนศึกษาคนควาเกีย่ วกับขอมูลศาสนิกชน เครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ จนถึงวาระสุดท้ายแห่ง
ตัวอยางจากหนังสือเรียนหนา 54-61 หรือจากแหลง พระชนม์ชีพ
การเรียนรูตางๆ หรือสอบถามผูรู จากนั้นบันทึก ๒.๓) ทรงเป็นผูน้ า� ทีด่ ี เมือ่ ก่อน
ประวัติและผลงานของทานเหลานั้นลงสมุด พระเจ้าพิมพิสารทรงเลื่อมใสในชฎิล ๓ พี่น้อง
ก็นา� ประชาชนไปฟังค�าชีแ้ นะเป็นประจ�า ครัน้ มา
เป็นสาวกของพระพุทธองค์แล้ว ก็น�าประชาชน
อธิบายความรู Explain
เข้าหาพระพุทธศาสนา ประพฤติปฏิบตั พิ ระองค์
ครูใหนักเรียนผลัดกันเลาประวัติของ พระพุทธรูปปางแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ ประดิษฐานอยู่ เป็นแบบอย่างที่ดี
พระมหาธรรมราชาลิไทยโดยยอ จากนั้นใหนักเรียน ภายในพระเวฬุวนั วิหาร ซึง่ เป็นวัดทีพ่ ระเจ้าพิมพิสารสร้าง พระราชจริยาวัตรของพระเจ้า
ถวายพระพุทธเจ้า
จับคูออกมาจับสลากเพื่อนําเสนอพระราชกรณียกิจ พิมพิสารเข้าหลักพระพุทธวจนะที่ตรัสว่า “เมื่อ
ของพระมหาธรรมราชาลิไทยในดานตางๆ ตอไปนี้ โคข้ามฟาก ถ้าโคจ่าฝูงว่ายไปคดหรือตรง ฝูงโคก็จะไปคดหรือตรงตาม” ผู้ที่เป็นผู้น�าประเทศ
• ดานศาสนา ก็เช่นเดียวกัน ถ้าปฏิบัติตนอยู่ในศีลในธรรม ผู้ใต้ปกครองก็ย่อมมีศีลมีธรรมตาม
• ดานการปกครอง
• ดานอักษรศาสตร
ó. ศาสนิกชนตัวอย่าง
3.1 พระมหาธรรมราชาลิไทย
๑) พระประวั
3 ติ พระมหาธรรมราชาที่ ๑ (พระยาลิไทย) ทรงเป็นพระราชโอรส
ในพระยาเลอไทย พระมหากษัตริย์องค์ที่ ๕ แห่งกรุงสุโขทัย ตามประวัติศาสตร์กล่าวว่า ได้ทรง
ศึกษาวิชาชั้นต้นจากพระเถระชาวลังกา ซึ่งเข้ามาสอนหนังสือและเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่าง
จริงจัง และเมื่อขึ้นครองราชย์ได้ ๕ ปี ก็ทรงอุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา เมื่อ พ.ศ.
๑๙๐๔ โดยนิมนต์พระเถระจากลังกามาเป็นพระอุปัชฌาย์
พระมหาธรรมราชาลิไทย ทรงเป็นแบบอย่างพระมหากษัตริย์ผปู้ ระพฤติธรรมพระองค์
แรกของกรุงสุโขทัยและทรงเป็นนักปราชญ์ที่รอบรู้ทั้งทางศาสนา การปกครอง และอักษรศาสตร์
เป็นอย่างยิ่ง โดยประมวลได้ในด้านต่างๆ ดังนี้

54

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว  NT  O-NE T
ขอใดเปนวรรณกรรมทางพระพุทธศาสนาของพระมหาธรรมราชาลิไทย
1 พุทธานุสสติ คือ การระลึกถึงคุณของพระพุทธเจา
1. นิราศภูเขาทอง 2. เวสสันดรชาดก
2 ธัมมานุสสติ คือ การระลึกถึงคุณของพระธรรม 3. ไตรภูมิพระรวง 4. มหาชาติคําหลวง

3 พระยาเลอไทย (พ.ศ. 1841-1866) เปนพระราชโอรสองคโตของพอขุนรามคําแหง วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. ไตรภูมิพระรวงหรือเตภูมิกถาเปน


มหาราช ทรงศรัทธาในพระพุทธศาสนาเปนอยางมาก แตในรัชสมัยของพระองคเปน วรรณกรรมทางพระพุทธศาสนาเรื่องแรกของไทยที่พระมหาธรรมราชาลิไทย
ชวงระยะเวลาที่อาณาจักรสุโขทัยเริ่มเสื่อมอํานาจ ทรงพระราชนิพนธขึ้น มีเนื้อหาเกี่ยวของกับนรก-สวรรค เพื่อสอนใหคน
ทําความดี ละเวนความชั่ว

54 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูและนักเรียนชวยกันสรุปพระราชกรณียกิจ
๑.๑) ด้านศาสนา มีดังนี้ ของพระมหาธรรมราชาลิไทยในรูปแบบ
๑. ทรงมีความเชี่ยวชาญทางด้านศาสนา รอบรู้พระไตรปิฎกอย่างแตกฉาน ผังความคิดบนกระดานหนาชั้นเรียน จากนั้น
ทัง้ อรรถกถา ฎีกา อนุฎกี า และปกรณ์วเิ สสอืน่ ๆ โดยทรงศึกษาจากพระสงฆ์ผเู้ ชีย่ วชาญพระไตรปิฎก ใหนักเรียนชวยกันวิเคราะหคุณธรรมที่ควร
ในขณะนั้น เช่น พระมหาเถรมุนีพงศ์ พระอโนมทัสสีเถรเจ้า เป็นต้น หรือจากราชบัณฑิตฝ่าย นําไปเปนแบบอยาง
คฤหัสถ์ เช่น อุปเสนบัณฑิต เป็นต้น (แนวตอบ พระมหาธรรมราชาลิไทยทรง
๒. ทรงส่งเสริมอุปถัมภ์ดา้ นการศึกษาพระพุทธศาสนาและศิลปศาสตร์ตา่ งๆ เปนผูมีวิสัยทัศนกวางไกล พระองคทรงมี
๓. ทรงส่งราชบุรษุ ไปขอพระบรมสารีรกิ ธาตุจากลังกาทวีปและได้ทรงน�ามา ความคิดริเริ่มในดานตางๆ ไดอยางดีเลิศ
บรรจุไว้ในพระมหาธาตุเมืองนครชุม (เมืองโบราณอยู่ในจังหวัดก�าแพงเพชร) พระองคทรงวางรากฐานดานการปกครอง
๔. ทรงส่งราชทูตไปอาราธนาพระสังฆราชมาจากลังกาทวีป มาจ�าพรรษา โดยใชหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาเปน
อยู่ที่วัดป่ามะม่วง นอกจากนี้ทรงผนวชในพระพุทธศาสนา และทรงสร้างพระพุทธรูปไว้หลายองค์ ตัวขัดเกลาจิตใจประชาชน เพื่อใหประชาชน
๑.๒) ด้านการปกครอง มีดังนี้ อยูในศีลธรรมและเกิดความสงบสุข และ
๑. โปรดให้สร้างปราสาทราชมณเฑียร พระองคทรงมีความสามารถในการถายทอด
๒. โปรดให้ยกผนังกั้นน�้าตั้งแต่เมืองสองแคว (พิษณุโลก) มาถึงกรุงสุโขทัย เรื่องราวนามธรรมใหเปนรูปธรรม กอใหเกิด
1 ความเขาใจที่งายขึ้น ดังเชนหนังสือ
๓. ทรงปกครองด้วยทศพิธราชธรรม
๑.๓) ด้านอักษรศาสตร์ มีดังนี้ เตภูมิกถาหรือไตรภูมิพระรวง ซึ่งมีเนื้อหา
๑. ทรงพระราชนิพนธ์เรื่อง “เตภูมิกถา” หรือ “ไตรภูมิพระร่วง” อันเป็น เกี่ยวกับนรกสวรรค เพื่อใหประชาชนเขาใจ
วรรณกรรมทางพระพุทธศาสนาเรือ่ งแรกของไทย ผลของการปฏิบัติตามศีลธรรมและประพฤติ
๒. โปรดให้ มี ก ารสร้ า ง ผิดศีลธรรม)
ศิลาจารึกไว้หลายหลัก 2. ครูใหนักเรียนบอกถึงวิธีการพัฒนาตนเองเพื่อ
พระมหาธรรมราชาลิไทยทรง2 ใหเปนบุคคลผูมีวิสัยทัศนกวางไกลและมีความ
เป็นนักปราชญ์ ทรงมีความรอบรูใ้ นศิลปศาสตร์ สามารถในการคิดริเริ่มสรางสรรค ดังเชน
มากมาย ทรงบ�าเพ็ญพระราชกรณียกิจและทรง พระมหาธรรมราชาลิไทย
มีพระจริยาวัตรอันเป็นประโยชน์อย่างไพศาล (แนวตอบ หมั่นศึกษาหาความรูอยูเสมอ ติดตาม
ทั้งแก่ฝ่ายพุทธจักรและอาณาจักรเป็นอย่างยิ่ง ขาวสารเหตุการณปจจุบัน สืบคนขอมูลทาง
พระองค์ ท รงประพฤติ ใ นทางที่ จ ะทรงเป็ น อินเทอรเน็ต อานหนังสือ และพูดคุยกับผูมี
ธรรมราชา คือ การปกครองพระราชอาณาจักร ความรู เพื่อสรางองคความรูในดานตางๆ
ด้วยธรรมานุภาพเป็นส�าคัญ ที่ทันสมัยใหกับตนเอง ฝกการวิพากษวิจารณ
พระมหาธรรมราชาลิ ไ ทย พระบรมรูปพระมหาธรรมราชาลิไทย ภายในวัดพระศรีรตั น คิดริเริ่มสรางสรรค และมองการณไกลดวย
สวรรคตในปีใดไม่ปรากฏแน่ชดั แต่เข้าใจว่าเป็น มหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก พระมหาธรรมราชาลิไทย ความรอบคอบและมีเหตุผล)
ช่วงใดช่วงหนึ่ง ระหว่าง พ.ศ. ๑๙๑๑ ‑ ๑๙๑๗ ทรงเป็ นผู้รจนาหนังสือไตรภูมิพระร่วง วรรณกรรมทาง
พระพุทธศาสนาเรื่องแรกของไทย
55

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T นักเรียนควรรู
วรรณกรรมเรื่องไตรภูมิพระรวง มีความสําคัญตอสังคมสุโขทัยอยางไร
1 ทศพิธราชธรรม พระพุทธศาสนาสอนวานักปกครองที่ดีนั้นควรมีคุณธรรม
แนวตอบ ไตรภูมิพระรวงเปนวรรณกรรมที่เกี่ยวของกับพระพุทธศาสนา 10 ประการ ไดแก การให การตั้งอยูในศีล การบริจาค ความซื่อตรง
พระมหาธรรมราชาลิไทยทรงพระราชนิพนธ โดยนําหลักธรรมทางพระพุทธ- ความออนโยน ความมีตบะ ความไมโกรธ ความไมเบียดเบียน ความอดทน
ศาสนาที่เขาใจยากมานําเสนอใหมเปนรูปของคําประพันธ มีการใชขอความ และความไมคลาดธรรม
งายๆ อานแลวเกิดจินตนาการ โดยเนื้อหาในไตรภูมิพระรวงจะกลาวถึงนรก 2 ศิลปศาสตร หมายถึง ศิลปศาสตร 18 ประการ ไดแก วิชาพระเวท วิชา
สวรรค ผูที่ทําความดีจะไดไปเสวยสุขบนสวรรค สวนผูที่ทําความชั่วจะตอง พิจารณาสวนตางๆ ของรางกาย วิชาคํานวณ วิชาทําจิตใหแนวแน วิชากฎหมาย
ไปชดใชกรรมในนรก ซึ่งทําใหประชาชนเกิดความหวาดกลัวที่จะไปเกิดใน วิชาแยกประเภท วิชาทํานายเหตุการณ วิชาฟอนรํา วิชาแพทย วิชาโบราณคดี
นรก จึงหมั่นเรงสรางความดี ไมประพฤติชั่ว ความเชื่อเชนนี้สงผลใหสังคม วิชาศาสนา วิชาทํานายบุคคล วิชากล วิชาคนหาเหตุ วิชาคิด วิชารบ วิชากลอน
สุโขทัยเกิดความสงบสุข ผูคนไมเบียดเบียนซึ่งกันและกัน และวิชาดูลักษณะคน

คูมือครู 55
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
ครูใหนักเรียนวิเคราะหวา งานดานอักษรศาสตร
ที่พระมหาธรรมราชาลิไทยทรงพระราชนิพนธเรื่อง ๒) คุณธรรมที่ควรถือเป็นแบบอย่าง ของพระมหาธรรมราชาลิไทย มีดังนี้
ไตรภูมิพระรวง มีคุณประโยชนตอพระพุทธศาสนา ๒.๑) ทรงมีความกตัญญูอย่างยิ่ง พระมหาธรรมราชาลิไทย ทรงมีความรักและ
อยางไร กตัญญูต่อพระราชมารดาของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง สังเกตได้จากการที่ทรงพระราชนิพนธ์หนังสือ
(แนวตอบ พระมหาธรรมราชาลิไทยทรง พระพุทธศาสนาชื่อ “เตภูมิกถา” หรือ “ไตรภูมิพระร่วง” ทรงแจ้งวัตถุประสงค์ข้อหนึ่งว่า เพื่อ
พระราชนิพนธเรื่องไตรภูมิพระรวง เพื่อเทศนาโปรด เทศนาโปรดพระมารดา การพระราชนิพนธ์คัมภีร์พระพุทธศาสนาถือว่าเป็นการสร้างบุญกุศล
พระมารดา อันเปนการดําเนินตามรอยยุคลบาท อันยิ่งใหญ่อย่างหนึ่ง พระองค์ไม่ลืมที่จะแบ่งบุญให้แก่พระราชมารดาของพระองค์ แสดงว่าทรง
พระสัมมาสัมพุทธเจาที่เสด็จขึ้นไปแสดงพระธรรม- มีความรักและกตัญญูใน “แม่บังเกิดเกล้า” อย่างมาก เป็นการด�าเนินตามรอยยุคลบาทพระสัมมา
เทศนาโปรดอดีตพุทธมารดาบนสวรรคชั้นดาวดึงส สัมพุทธเจ้า ที่เสด็จขึ้นไปแสดงพระธรรมเทศนาโปรดอดีตพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
พระองคทรงถายทอดเนื้อหาเกี่ยวกับศีลธรรมและ ๒.๒) ทรงมีความสามารถในการถ่ายทอดนามธรรมให้เป็นรูปธรรม เนื้อหาของ
ความเชื่อเรื่องนรก สวรรค การเวียนวายตายเกิดใน ไตรภูมิพระร่วง กล่าวถึงเรื่องศีลธรรม จริยธรรม เรื่องนรก สวรรค์ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ยากที่
พระพุทธศาสนาใหเขาใจงาย ดวยการยกตัวอยาง จะอธิบายให้เข้าใจได้ แต่พระมหาธรรมราชาลิไทย ทรงมีความสามารถในการถ่ายทอด ทรงท�า
หรืออุปมาอุปไมย จึงทําใหไตรภูมิพระรวงไดรับการ เรือ่ งยากให้งา่ ยได้ โดยเฉพาะการยกตัวอย่างหรืออุปมาอุปไมย ทรงท�าได้อย่างเหมาะสมกับเนือ้ หา
ยกยองใหเปนวรรณคดีพระพุทธศาสนาเลมแรกของ และท�าให้ผอู้ า่ นเข้าใจได้แจ่มแจ้ง ถือได้วา่ ไตรภูมพิ ระร่วงเปรียบเสมือน “กฎหมายทางใจ” ทีค่ วบคุม
ไทย หรือเปรียบไดวาเปนกฎหมายทางใจที่ควบคุม มิให้พสกนิกรของพระองค์ท�าผิด ท�าชั่วนั่นเอง
พฤติกรรมของพุทธศาสนิกชน ทําใหคนไมกลา ๒.๓) ทรงมีความคิดริเริ่มเป็นยอด วิเคราะห์ได้จากการที่ทรงบรรยายธรรมใน
ทําความชั่ว หมั่นสรางแตความดี สังคมจึงสงบสุข ไตรภูมิพระร่วง จะเห็นว่าพระมหาธรรมราชาลิไทยมิเพียงแต่ “คัดลอก” ความคิดจากคัมภีร์
สามารถพัฒนาประเทศชาติไดอยางรวดเร็ว) พระไตรปิฎกและอรรถกถา ฎีกา เท่านั้น หากพระองค์ทรงเสนอแนวคิดใหม่ๆ ด้วย เช่น แนวคิด
เรือ่ งคนท�าชัว่ แล้วถูกจารึกชือ่ บนหนังสุนขั ซึง่ ในคัมภีรพ์ ระไตรปิฎกและอรรถกถา ฎีกา ก่อนหน้านัน้
พูดถึงเฉพาะคนท�าดีแล้วถูกจารึกชื่อในแผ่นทองเท่านั้น

1
หนังสือไตรภูมพิ ระร่วง เป็นวรรณกรรมทางพระพุทธศาสนา ฐานเจดียท์ วี่ ดั ป่ามะม่วง เป็นวัดทีพ่ ระมหาธรรมราชาลิไทย
ที่ว่าด้วยเรื่องนรก-สวรรค์ เพื่อใช้สั่งสอนราษฎรให้ตั้งมั่น เคยทรงผนวชและจำาพรรษาอยูก่ อ่ นทีจ่ ะเสด็จขึน้ ครองราชย์
อยู่ในศีลธรรม ตั้งอยู่นอกเมืองสุโขทัยด้านทิศตะวันตก
56

กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
ครูแนะนําใหนักเรียนไปศึกษาภาพจิตรกรรมฝาผนังที่มีความงดงามไดที่วัด ครูใหนักเรียนศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับพระราชประวัติและ
หรือสถานทีอ่ นื่ ๆ ในทองถิน่ ของตน เชน พระทีน่ งั่ พุทไธสวรรย พิพธิ ภัณฑสถานแหงชาติ พระราชกรณียกิจของพระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไทย) แลวบันทึก
พระนคร วัดอรุณราชวราราม วัดบวรนิเวศวิหาร วัดสุทัศนเทพวราราม เปนตน สาระสําคัญ นํามาเลาในชั้นเรียน

นักเรียนควรรู
กิจกรรมทาทาย
1 ฐานเจดียที่วัดปามะมวง ในวัดปามะมวง ปจจุบันประกอบดวยอุโบสถและ
เจดียตางๆ อยูไมไกลจากเทวาลัยมหาเกษตร ซึ่งเปนที่ที่พบเทวรูปสําริดศิลปะ
สุโขทัยอันเปนรูปเคารพในศาสนาฮินดู เชน พระนารายณ พระศิวะ พระหริหระ ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหาบางตอนของไตรภูมิพระรวง
เปนตน แลวนํามาวิเคราะหวา ไตรภูมิพระรวงสะทอนใหเห็นถึงความคิดความเชื่อ
ในสังคมไทยดานใดบาง บันทึกสาระสําคัญ นํามาอภิปรายในชั้นเรียน

56 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูและนักเรียนอภิปรายรวมกันถึงประวัติของ
๓.๒ สมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยาวชิรญาณ
วโรรส แลวใหนักเรียนตอบคําถามวา
๑) พระประวัติ สมเด็จพระมหา เพราะเหตุใด สมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยา
สมณเจา กรมพระยาวชิรญาณวโรรส มีพระนาม วชิรญาณวโรรสจึงไดรับการขนานนามวา
เดิมวา “พระองคเจามนุษยนาคมานพ” ประสูติ “มนุษยนาคมานพ”
เมื่ อ วั น ที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๐๒ เป น (แนวตอบ เพราะวันที่สมเด็จพระมหาสมณเจา
พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกลา กรมพระยาวชิรญาณวโรรสประสูติ เกิดทองฟา
เจาอยูหัว และเจาจอมมารดาแพ มืดครึ้ม ฝนตกหนักจนนํ้าทวมพระตําหนัก
ในวันที่พระองคประสูตินั้น ไดเกิด พระบาทสมเด็จพระจอมเกลาเจาอยูหัว
เหตุการณมหัศจรรย คือ ทองฟาซึ่งแจมใส มีพระราชดําริวา เหตุการณดังกลาวมีลักษณะ
อยู  ก  อ นหน า นั้ น พลั น มื ด ครึ้ ม และมี ฝ นตก คลายกับเหตุการณเมื่อครั้งที่พระพุทธองค
ลงมาอยางหนัก จนนํ้านองชาลาพระตําหนัก ประทับใตตนมุจจลินทหลังตรัสรู มีฝนตก
พระราชบิดาทรงรําลึกถึงเหตุการณเมื่อครั้ง แลวมีพญานาคมาแผพังพานบังลมบังฝนให
พระพุทธองคประทับใตตนมุจจลินท (ตนจิก) จึงเปนเหตุใหพระราชบิดาทรงขนานพระนามวา
หลังตรัสรูม ฝี นตกพรําๆ ตลอดเจ็ดวัน พญานาค สมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยาวชิรญาณวโรรส “มนุษยนาคมานพ” แปลวา คนผูเปนนาค
ขึ้นมาจากพิภพบาดาล มาแผพังพานบังลม ผูทรงไดรับการยกยองวาทรงเปน “ดวงประทีปแกวแหง หรือนาคจําแลงเปนคนหนุม)
คณะสงฆไทย”
บังฝนให พระราชบิดาจึงทรงขนานพระนาม 2. ครูใหนกั เรียนวิเคราะหวา การผนวชเปนสามเณร
พระราชโอรสวา “มนุษยนาคมานพ” แปลวา คนผูเปนนาค หรือนาคจําแลงเปนคนหนุม ของสมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยา
หลังจากประสูติไดเพียงปเดียว เจาจอมมารดาของพระองคก็สิ้นพระชนม พระองคจึง วชิรญาณวโรรส เมื่อพระชันษา 13 พรรษานั้น
ทรงอยูใ นความเลีย้ งดูของกรมหลวงวรเสรฐสุดา (พระองคเจาบุตรี พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จ มีอิทธิพลตอการตัดสินใจออกผนวชเปน
พระนั่งเกลาเจาอยูหัว) ซึ่งเปนพระญาติ ตอมาทรงยายมาอยูกับทาวทรงกันดาร (ศรี) ผูเปนยาย พระภิกษุในชวงพระชันษา 20 พรรษาของ
เมือ่ ทรงพระเยาวไดเรียนหนังสือขอมและภาษามคธจากพระยาปริยตั ธิ รรมธาดา (เปย ม) พระองคหรือไม เพราะอะไร
เมื่อครั้งยังดํารงบรรดาศักดิ์เปนหลวงราชาภิรมย ปลัดกรมราชบัณฑิต เมื่อพระบาทสมเด็จ (แนวตอบ ครูเปดโอกาสใหนักเรียนแสดงความ
พระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว ทรงตั้งโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษขึ้น พระองคเจามนุษยนาคมานพ คิดเห็นไดอยางหลากหลาย โดยครูชี้แนะถึง
ก็ไดเขาศึกษาในโรงเรียนนี้ โดยมีมิสเตอรฟรานซิส แพตเตอรสัน เปนผูถวายความรู ประโยชนที่ไดรับจากการบวชเรียนเปนสามเณร
เมือ่ พระชันษาได ๑๓ พรรษา ก็ทรงโสกันต (โกนจุก) ในปรงุ ขึน้ ก็ทรงผนวชเปนสามเณร เชน การศึกษาหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๑๖ สมเด็จพระมหาสมณเจากรม อยางลึกซึ้ง การเรียนรูและปฏิบัติตามกิจของ
พระปวเรศวริยาลงกรณ ครั้งดํารงพระยศเปนกรมหมื่นบวรรังษีสุริยพันธุ เปนพระอุปชฌาย สงฆในเบื้องตน และเปนการฝกฝนตนเองใหมี
ทรงผนวชแลวเสด็จมาประทับที่วัดบวรนิเวศวิหาร หมอมเจาพระธรรมุณหิศธาดา (พระนามเดิม ระเบียบวินัย อยูรวมกับผูอื่นไดอยางมีความสุข
สี ข เรศ) เป น ผู  ป ระทานสรณะและศี ล ถึ ง หน า เข า พรรษาของป นั้ น เอง พระบาทสมเด็ จ เปนตน)
พระจุลจอมเกลาเจาอยูห วั เสด็จฯ มาทรงถวายพุม พรรษา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ตามราชประเพณี
๕๗

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T เกร็ดแนะครู
บุคคลใดตอไปนี้มีสถานภาพแตกตางจากบุคคลอื่น
ครูใหนักเรียนไปสืบคนขอมูลเพิ่มเติมจากแหลงการเรียนรูหรือจากหนังสือ
1. พระเจาบรมวงศเธอ กรมหลวงวงศาธิราชสนิท
ที่เกี่ยวของ เชน หนังสือสมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
2. พระเจาบรมวงศเธอ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ
(พระองคเจามนุษยนาคมานพ) วัดบวรนิเวศวิหาร ผลงานของ สุเชาน พลอยชุม
3. สมเด็จพระเจาบรมวงศเธอ กรมพระยาดํารงราชานุภาพ
และพระดําริและพระโอวาทเกี่ยวกับการพระศาสนา พระนิพนธในสมเด็จพระมหา-
4. สมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
สมณเจา กรมพระยาวชิรญาณวโรรส แลวนํามาเลาใหเพื่อนฟง
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะสมเด็จพระมหาสมณเจา
กรมพระยาวชิรญาณวโรรส มีสถานภาพเปนพระสงฆ ผูทรงไดรับการ
ยกยองวาทรงเปน “ดวงประทีปแกวแหงคณะสงฆไทย” เพราะเปนผูใฝรู
ใฝเรียน มีความคิดริเริม่ ตลอดจนมีวสิ ยั ทัศนกวางไกลในการพัฒนาความรู
ความเขาใจในสิ่งตางๆ ทั้งทางโลกและทางธรรม

คูมือครู 57
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนกั เรียนอภิปรายถึงสาเหตุทสี่ มเด็จพระมหา
สมณเจา กรมพระยาวชิรญาณวโรรสผนวชเปน ในคราวนัน้ ได้เสด็จฯ ไปถวายพุม่ พรรษาแด่พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ามนุษยนาค
พระภิกษุ โดยอธิบายวา หมอปเตอร เคาวัน มานพ ซึ่งเพิ่งทรงผนวชใหม่ถึงกุฏิที่ประทับด้วย พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ
พระจันทรโคจรคุณ พระธรรมรักขิต และ ทรงผนวชอยู่เป็นเวลา ๗๗ วัน ก็ทรงลาสิกขา (สึก)
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว ๑.๑) สาเหตุที่ผนวชเป็นภิกษุ หลังจากลาสิกขาจากสามเณรแล้ว อยู่ในวัยหนุ่ม
มีบทบาทอยางไรตอการผนวชเปนพระภิกษุ ก็ไม่มนี สิ ยั คบกับสตรี จนมีความคิดว่าไม่อยากแต่งงาน อยากอยูเ่ ป็นโสดมากกว่า พอดีได้ทรงรูจ้ กั
ของพระองค กัลยาณมิตรฝรัง่ ท่านหนึง่ คือ หมอปีเตอร์ เคาวัน ทรงประทับใจในความเป็นอยูอ่ ย่างง่ายแบบหมอ
(แนวตอบ เคาวัน หมอเคาวันได้ถวายค�าแนะน�าไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข จึงทรงถือหมอเคาวันเป็นอาจารย์
• หมอปเตอร เคาวัน ดํารงชีวิตความเปนอยู พระองค์ได้ศกึ ษาธรรมในพระพุทธศาสนาเป็นพืน้ ฐานแห่งชีวติ จนแน่ใจว่าชีวติ ของพระองค์เหมาะ
อยางเรียบงาย ทําใหสมเด็จพระมหาสมณเจา ส�าหรับเป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์มากกว่าครองเพศฆราวาส
กรมพระยาวชิรญาณวโรรสทรงประทับใจ วันหนึง่ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ ทรงล้อพระองค์
อีกทั้งหมอเคาวันยังถวายคําแนะนําพระองค ต่อหน้าพระที่นั่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวว่าเป็น “ผู้เข้าวัด” พระบาทสมเด็จ
ไมใหยุงเกี่ยวกับอบายมุข พระจุลจอมเกล้าฯ ทรงเห็นด้วย รับสั่งว่า “กรมหมื่นนุชิตชิโนรส (สมเด็จพระมหาสมณเจ้า
• พระจันทรโคจรคุณและพระธรรมรักขิต กรมพระปรมานุชิตชิโนรส) ก็ทรงผนวชไม่สึก” พระองค์กราบทูลว่า “บวชแล้ว ถ้าจะสึกก็สึกเมื่อ
ซึ่งเปนพระอุปชฌาจารยของสมเด็จพระมหา- พ้นพรรษาแรก หลังจากนั้นแล้วจะไม่สึก” ค�านี้เสมือนหนึ่งเป็นปฏิญญาของพระองค์
สมณเจา กรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ ทรงผนวชเป็นภิกษุเมือ่ วันที่ ๗ มิถนุ ายน พ.ศ. ๒๔๒๒
คอยตักเตือนพระองคอยูเสมอ เมื่อพระชันษาได้ ๒๐ พรรษา สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ เป็น
• พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว พระอุปชั ฌาย์ พระจันทรโคจรคุณ (ยิม้ จนฺทร�ส)ี วัดมกุฏกษัตริยาราม เป็นกรรมวาจาจารย์ ทรงผนวช
1
ทรงชักชวนใหสมเด็จพระมหาสมณเจา แล้วเสด็จไปประทับ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ต่อมาได้ย้ายไปประทับกับพระกรรมวาจาจารย์ ที่วัด
กรมพระยาวชิรญาณวโรรสทรงผนวช) มกุฏกษัตริยาราม
2. ครูใหนกั เรียนวิเคราะหวา การทีส่ มเด็จพระมหา สาเหตุที่ท�าให้พระองค์ทรงผนวช คือ
สมณเจา กรมพระยาวชิรญาณวโรรสทรงถือ ๑. การได้กัลยาณมิตรผู้มีนิสัยสงบ เรียบง่ายดังหมอเคาวัน
หมอเคาวันเปนอาจารย เพราะทานไดถวาย ๒. การได้มีพระอาจารย์ที่ดีอย่างพระจันทรโคจรคุณ พระธรรมรักขิต และ
คําแนะนําในการดํารงชีวิตอยางงายโดยไมให พระอุปัชฌาจารย์คอยตักเตือนเสมอๆ
ยุงเกี่ยวกับอบายมุขนั้น แสดงใหเห็นวาพระองค ๓. กระแสพระราชด�ารัสชักชวนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงมีคุณธรรมดานใด เพราะเหตุใด สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงเข้าแปลบาลีได้เปรียญ
(แนวตอบ พระองคทรงมีความออนนอมถอมตน ๕ ประโยค ได้รบั พระราชทานสถาปนาให้ทรงเป็นกรมหมืน่ วชิรญาณวโรรสเมือ่ วันที่ ๑๓ มกราคม
และมีความกตัญูกตเวทีตอผูมีพระคุณ แมวา พ.ศ. ๒๔๒๔ และในปีนั้นเองก็ทรงได้รับต�าแหน่งเป็นรองเจ้าคณะธรรมยุต
อาจารยจะอยูในฐานะสามัญชนและเปน ๑.๒) งานด้านการจัดการทางพระพุทธศาสนา ทรงได้รับสถาปนาเป็นอธิบดีสงฆ์
ชาวตางชาติ พระองคกท็ รงกราบไหว ทรงเชือ่ ฟง (เจ้าอาวาส) วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๕ พระองค์ได้ทรงวางระเบียบการบริหารวัดและ
คําสอน และยึดเปนแบบอยางในการดําเนินชีวิต) พระพุทธศาสนา โดยทรงถือวัดบวรนิเวศเป็นแบบอย่างของวัดทั่วไป สรุปได้ดังนี้
58

ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว  NT  O-NE T
ครูควรอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความแตกตางระหวางขอปฏิบัติของสามเณรกับ ขอใดกลาวถึงความสัมพันธของสมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยา
ขอปฏิบัติของพระสงฆ เพื่อใหนักเรียนเขาใจความแตกตางไดดียิ่งขึ้น วชิรญาณวโรรสกับวัดบวรนิเวศวิหารไดถูกตอง
1. พระองคทรงศึกษาที่วัดบวรนิเวศวิหารเมื่อครั้งทรงพระเยาว
2. พระองคทรงไดรับการสถาปนาเปนอธิบดีสงฆของวัดบวรนิเวศวิหาร
3. พระองคทรงพระราชทานนามสถานที่แหงนี้วา “วัดบวรนิเวศวิหาร”
นักเรียนควรรู 4. พระองคทรงพระราชทานที่ดินสวนพระองค เพื่อสรางวัดบวรนิเวศวิหาร
1 พระกรรมวาจาจารย คือ พระอาจารยผูสวดกรรมวาจาใหสงฆยอมรับบุคคล วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. สมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยา
ไวอุปสมบทเปนพระภิกษุ วชิรญาณวโรรสทรงผนวชเปนภิกษุและเสด็จไปประทับ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร
เมื่อ พ.ศ. 2435 พระองคทรงไดรับการสถาปนาเปนอธิบดีสงฆของ
วัดบวรนิเวศวิหาร ทรงวางระเบียบการบริหารวัดและพระพุทธศาสนา
มุม IT โดยทรงถือวัดบวรนิเวศวิหารเปนแบบอยางของวัดทั่วไป
ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัดบวรนิเวศวิหาร ไดที่
http://www.watbowon.com เว็บไซตวัดบวรนิเวศวิหาร
58 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูตั้งคําถามใหนักเรียนแสดงความคิดเห็น
๑. ทรงจัดสอนภิกษุสามเณรผู้บวชใหม่ ให้ได้เรียนพระธรรมวินัย และ • สมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยา
ภาษาไทย เริม่ จากทรงสอนในฐานะพระอุปชั ฌาย์ จนกระทัง่ เป็นแบบอย่ วชิรญาณวโรรสทรงมีคุณูปการแก
1 างแก่วดั พระธรรมยุตอืน่ ๆ พระพุทธศาสนาอยางไร
จนมีผเู้ รียนทัว่ ทุกนิกาย ทรงเปิดประโยคนักธรรมสอบในสนามหลวง และสนามมณฑลต่างจังหวัด
๒. ทรงจัดให้สวดมนต์ในพรรษาทุกวัน และให้ออกเสียงให้ถูกต้องตาม (แนวตอบ พระองคทรงผนวชเปนภิกษุ ทําหนาที่
ฐานกรณ์ (ฐานเสียง) ศึกษาหลักธรรมและสืบทอดพระพุทธศาสนา
๓. ทรงจัดให้ภกิ ษุทพี่ รรษาต�า่ กว่า ๕ ทีจ่ บนักธรรมแล้ว มาเรียนบาลีทงั้ หมด เมือ่ พระองคทรงไดรบั สถาปนาเปนอธิบดีสงฆ
๔. ทรงจัดตั้งมหามกุฏราชวิทยาลัย โดยพระบรมราชานุญาต หรือเจาอาวาส พระองคทรงวางระเบียบการ
๕. ทรงจัดการเรียนการสอน ทัง้ หนังสือไทยและความรูใ้ นศาสตร์อนื่ ๆ ควบคู่ บริหารวัดและพระพุทธศาสนา เพื่อพัฒนา
กันไป ต่อมาเพื่อความเป็นเอกภาพในการศึกษาของชาติ จึงทรงใช้หลักสูตรของกรมศึกษาธิการ ภิกษุใหมีความรูความสามารถ เชน จัดสอน
แทน และโอนให้กรมศึกษาธิการจัดเป็นโรงเรียนรัฐบาล ภิกษุสามเณรผูบวชใหมใหไดเรียนพระธรรม
๖. ทรงฝึกพระธรรมกถึก จนสามารถแสดงธรรมปากเปล่าได้ วินัย จัดใหภิกษุเรียนบาลี ฝกใหภิกษุแสดง
๗. ทรงจัดตั้งการฟังธรรมส�าหรับเด็กวัดในวันธรรมสวนะ และในเวลาค�่า ธรรมปากเปลาได เปนตน ตลอดจนทรงตั้ง
โปรดให้สวดนมัสการพระรัตนตรัย รับศีล ๕ และฟังการอบรมสั่งสอนธรรม หลักสูตร “สามเณรผูรูธรรม” ทรงนิพนธ
๑.๓) งานพระนิพนธ์ทางพระพุทธศาสนา หนังสือแบบเรียน หนังสือประเภทพระโอวาท
๑. ทรงตั้งหลักสูตร “สามเณรผู้รู้ธรรม” ทรงนิพนธ์ “นวโกวาท” ทดลอง พระธรรมกถา พระนิพนธบาลี เปนตน)
เรียนและสอบเฉพาะในวัดบวรนิเวศวิหารก่อน ต่อมาได้ขยายเป็นหลักสูตรนักธรรมตรี ‑ โท ‑ เอก 2. ครูใหนักเรียนวิเคราะหวา งานพระนิพนธทาง
ส�าหรับพระสงฆ์ทั่วไป พระพุทธศาสนาในสมเด็จพระมหาสมณเจา
๒. ทรงรจนาหนังสือแบบเรียนมากมาย อาทิ วินัยมุขเล่ม ๑ ‑ ๒ ‑ ๓ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส แสดงใหเห็นวา
ธรรมวิจารณ์ ธรรมวิภาค พุทธประวัติ แบบเรียนบาลีไวยากรณ์ พระองคทรงมีความรูความสามารถดานใดบาง
๓. หนังสือประเภทอื่น เช่น ประเภทพระโอวาท พระธรรมกถา ประมาณ (แนวตอบ พระองคทรงมีพระปรีชาสามารถ
๖๗ เรื่อง อาทิ ธรรมกถา (ประทานแก่ผู้แทนราษฎร) ประเภทประวัติศาสตร์และโบราณคดี อาทิ แตกฉานภาษาบาลี มีความรูความเขาใจใน
พงศาวดารสยาม ต�านานประเทศไทย ข้อความในต�านานเมืองเชียงแสน ประเภทอักษรศาสตร์ พระไตรปฎกอยางลึกซึ้ง ตลอดจนมีความรู
อาทิ ปรารภอักษรไทยที่ใช้ส�าหรับบาลี วิธีใช้อักษรในภาษามคธเทียบสันสกฤต วิธีแสดงไวยากรณ์ ดานประวัติศาสตรและการใชภาษาไดอยาง
ของตันติภาษา เป็นต้น สละสลวย เขาใจงาย ทั้งนี้ จุดประสงคของ
๔. พระนิพนธ์ภาษาบาลี ทรงรจนาบทนมัสการพระรัตนตรัย ชื่อ นมการ งานนิพนธทางพระพุทธศาสนาหลายเลมแสดง
สิทธิคาถา (โย จักขุมา) ถึงการมีวิสัยทัศนที่กวางไกล เชน นวโกวาท
๑.๔) พระอิสริยยศ ซึ่งพระองคทรงนิพนธขึ้นเพื่อใหสามเณร
๑. ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ด�ารงพระอิสริยยศที่พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่น ทดลองเรียนและสอบ จนตอมาขยายเปน
วชิรญาณวโรรส เมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๔ หลักสูตรสําหรับพระสงฆทั่วไปดวย เปนตน)
๒. ทรงได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนสมณศักดิ์เป็นเจ้าคณะใหญ่แห่ง
คณะธรรมยุติกนิกาย พ.ศ. ๒๔๓๖
59

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T เกร็ดแนะครู
ขอใดเปนงานนิพนธของสมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยาวชิญาณวโรรส
ครูควรนําหนังสือนวโกวาทหรือหนังสือประเภทอื่นที่เปนพระนิพนธของสมเด็จ
1. นวโกวาท
พระมหาสมณเจา กรมพระยาวชิรญาณวโรรสมาประกอบการสอน เพื่อใหนักเรียน
2. โองการแชงนํ้า
ไดตระหนักถึงพระปรีชาสามารถของพระองค ตลอดจนไดศึกษารูปแบบ เนื้อหา
3. ไตรภูมิพระรวง
และสํานวนภาษาในการนิพนธหนังสือประเภทตางๆ
4. มหาชาติคําหลวง
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. พระองคทรงนิพนธนวโกวาท อันเปนหนังสือ
ที่ประมวลหัวขอธรรมจากพระไตรปฎกสําหรับทดลองเรียนและสอบเฉพาะ นักเรียนควรรู
สามเณรในวัดบวรนิเวศวิหาร ตอมาใชเปนหลักสูตรของนักธรรม
ชั้นตรี-โท-เอก 1 สอบในสนามหลวง การสอบสนามหลวง มิใชเปนการสอบภายในทองสนามหลวง
แตเปนการสอบพระธรรมวินัยที่ทางหลวง หรือทางราชการจัดสนามสอบขึ้นมา
จึงเรียกวาเปนการสอบสนามหลวง ในอดีตจะจัดใหมีการสอบสนามหลวงที่
หอพระมณฑปในบริเวณวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

คูมือครู 59
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ครูใหนักเรียนแบงกลุม แลววิเคราะหคุณธรรม
ที่ควรถือเปนแบบอยางของสมเด็จพระมหาสมณเจา ๓. ทรงได้รบั พระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระอิสริยยศทีพ่ ระเจ้าบรมวงศ์‑
กรมพระยาวชิญาณวโรรส จากนั้นระดมความคิด เธอ กรมหลวงวชิรญาณวโรรส พ.ศ. ๒๔๔๙
ชวยกันจัดกิจกรรมหรือสรางชิ้นงานที่ชวยปลูกฝง ๔. ทรงได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ จัดพระราชพิธี “มหาสมณุตมาภิเษก”
คุณธรรมดังกลาวใหกับตนเอง เชน จัดกิจกรรม เลื่อนพระอิสริยยศขึ้นเป็น สมเด็จกรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระมหา
สงเสริมการอานเพื่อปลูกฝงใหเปนคนรักการอาน สังฆปริณายก หรือเป็นองค์พระประมุขสงฆ์ทวั่ พระราชอาณาจักร เมือ่ พ.ศ. ๒๔๕๓ และเนือ่ งจาก
มีความใฝรู มีวสิ ยั ทัศนทกี่ วางไกล เปนตน แลวบันทึก ทรงเป็นพระบรมราชวงศ์ทที่ รงสมณศักดิข์ นั้ สูงสุด จึงสถาปนาค�าน�าหน้าของพระองค์เป็น “สมเด็จ
ประโยชนทไี่ ดรบั จากการปฏิบตั ิ โดยครูมหี นาทีช่ แี้ นะ พระมหาสมณ” (ครั้นต่อมาสมัยรัชกาลที่ ๖ ทรงมีพระราชด�าริจะถวายพระเกียรติยศให้สูงขึ้น
และกระตุนใหนักเรียนสามารถนําคุณธรรมดังกลาว จึงโปรดเกล้าฯ ให้เปลีย่ นค�าน�าหน้าพระนามจากสมเด็จพระมหาสมณเป็นสมเด็จพระมหาสมณเจ้า)
ไปปรับใชในชีวิตประจําวันได ๒) คุณธรรมที่ควรถือเป็นแบบอย่าง ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยา
วชิรญาณวโรรส มีดังนี้
ตรวจสอบผล Evaluate ๒.๑) ทรงมีความใฝ่รู้ใฝ่ศึกษา ดังจะเห็นว่าสมัยยังทรงพระเยาว์ พยายามเอา
1. ตรวจสอบผลจากความถูกตองในการตอบ แบบอย่างที่ดีจากผู้ที่พระองค์ประทับใจ เช่น พระยาปริยัติธรรมธาดา เห็นว่าเป็นคนมีความรู้และ
คําถามและการแสดงความคิดเห็นในชั้นเรียน ความประพฤติดี จึงคอยศึกษาหาความรู้จากท่านเหล่านั้นเสมอ
2. ตรวจสอบผลจากแบบบันทึกการปฏิบัติกิจกรรม ๒.๒) ทรงมีความอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นเลิศ พระองค์ทรงเป็น “เจ้านาย” มาผนวช
หรือสรางชิ้นงานเพื่อเสริมสรางคุณธรรม เป็นถึงพระอนุชาธิราชในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กลับไม่ถือองค์ ทรงกราบไหว้
พระภิกษุทอี่ ายุพรรษามากกว่า แม้จะมีสมณศักดิต์ า�่ กว่า สมัยเป็นคฤหัสถ์ทรงเห็นครูผถู้ วายความรู้
ถวายบังคมทุกครั้งก่อนถวายความรู้ พระองค์ทรงเห็นว่าเขาเป็นถึงอาจารย์ ยังอ่อนน้อมถ่อมตน
ต่อพระองค์ จึงทรงยึดเอาเป็นแบบอย่างเสมอมา
1
๒.๓) ทรงมีหริ โิ อตตัปปะเป็นเลิศ สมัยยังเป็นหนุม่ เบือ้ งแรกทรงมีคา่ นิยมแบบฝรัง่
ใช้ของแพง ยี่ห้อดี ทรงใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ไม่รู้จักประหยัด ห้างร้านส่งบิลมาเก็บเงินที่ “ท่านยาย”
ก็รอดตัวไปหลายครั้ง มีครั้งหนึ่งจะถูกฟ้องไม่มีเงินไปใช้หนี้ บังเอิญเจ้าพระยาภาณุวงศ์โกษาธิบดี
ยับยั้งไว้ และกราบทูลให้พระองค์น�าเงินไปใช้เขาเสีย พระองค์ก็ทรงปฏิบัติตาม ฝ่ายโจทก์จึง
ถอนฟ้อง ทรงส�านึกได้ว่าพระองค์สร้างความล�าบากให้ “ท่านยาย” และผู้อื่น เพราะความประพฤติ
ที่ไม่เหมาะสม ทรงมีความละอายต่อการท�าชั่วท�าผิด จึงทรงเลิกเด็ดขาด แต่เมื่อมีผู้ล้อว่า
“เป็นคนเข้าวัด” ก็ทรงเข้มงวดพระจริยาวัตรมากขึ้น ไม่ท�าอะไรให้ใครต�าหนิได้ ให้สมกับเป็น
คนเข้าวัดจริงๆ คุณธรรมข้อหิริโอตตัปปะนี้ได้ซึมซับในพระทัยของพระองค์มากถึงขนาดว่า
เมื่อทรงผนวชเป็นภิกษุใหม่ๆ พระเจ้าอยู่หัวทรงก้มกราบอย่างนอบน้อม ก็ทรงละอายพระทัยว่า
พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระเชษฐาธิราชยังก้มกราบพระองค์ ควรที่พระองค์จะอยู่ในเพศบรรพชิต
ต่อไป ทรงประพฤติพระองค์ให้ควรแก่การกราบไหว้ ไม่ควรมีข้อน่าต�าหนิได้ นี้คือแบบอย่างของ
ผู้มีหิริโอตตัปปะเป็นเลิศ
60

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว  NT  O-NE T
บุคคลใดตอไปนี้ปฏิบัติตนตามแบบอยางของสมเด็จพระมหาสมณเจา
1 หิริโอตตัปปะ คือ ความละอายและความเกรงกลัวตอบาป เปนหลักธรรมที่ใช
กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
ควบคุมจิตใจมนุษยใหอยูในความดี ปฏิบัติตนอยูในกฎระเบียบและหนาที่ของ
1. จงกลไมซื้อกระเปาใหมเพราะของเกายังใชไดอยู
ตนเองและสังคม หากบุคคลใดไมละอายแกใจตอการกระทําผิด ไมเกรงกลัวตอ
2. ปทุมดูแลมารดาที่เจ็บปวยอยางดีจนทานหายเปนปกติ
ผลของการกระทํานั้น ยอมจะนําความเดือดรอนและความเสียหายมาใหกับตนเอง
3. อุบลยกมือไหวคุณปาแมบานที่บริษัททุกเชาและตอนเย็น
และสังคม สําหรับการปลูกฝงหลักธรรมหิริโอตตัปปะ ควรเริ่มตนจากครอบครัว
4. บงกชเห็นลูกแมวถูกนํามาทิ้งไวที่หนาบานจึงนํามาเลี้ยงดู
ฝกใหสมาชิกในครอบครัวรูจักบทบาทหนาที่และเคารพกฎกติกาในการอยูรวมกัน
ในครอบครัว มีการกําหนดบทลงโทษตามระดับความผิด เพื่อสรางจิตสํานึกให วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 3. คุณธรรมทีค่ วรถือเปนแบบอยางประการหนึง่
บุคคลรูจักแยกแยะสิ่งใดผิดสิ่งใดถูกและปฏิบัติตนอยูในความดี ของสมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยาวชิรญาณวโรรส คือ
ความออนนอมถอมตน ดังนั้น การที่อุบลยกมือไหวคุณปาแมบานที่บริษัท
ทุกเชาและตอนเย็น จึงเปนการปฏิบัติตนตามแบบอยางของพระองค

60 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา
Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูสนทนากับนักเรียนถึงเรื่องราวชาดกที่
๒.๔) ทรงมีความคิดริเริ่ม ทรงเห็นบทสวดมนต์นมัสการพระรัตนตรัยแบบเก่า นักเรียนรูจักหรือเคยเรียน แลวตั้งคําถามให
(สัมพุทเธ) มีคติไปทางมหายานมากจึงทรงนิพนธ์ นมการสิทธิคาถา (โย จักขุมา) แทน ซึ่งถือ นักเรียนชวยกันตอบวา
เป็นความคิดริเริม่ ทีเ่ ป็นแบบอย่างในการสืบทอด • ชาดกเปนเรื่องราวเกี่ยวกับบุคคลใดใน
พระพุ ท ธศาสนาอย่ า งถู ก ต้ อ ง เมื่ อ ทรงเป็ น พระพุทธศาสนา
เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหารแล้ว ทรงริเริ่มฝึก (แนวตอบ ชาดกเปนเรื่องราวของพระพุทธเจา
พระภิกษุสงฆ์ให้มคี วามสามารถในการถ่ายทอด ที่ทรงบําเพ็ญบารมีหรือพยายามทําความดี
พระธรรมให้เข้าใจง่าย รวมทัง้ ทรงนิพนธ์หนังสือ ในชาติตางๆ)
คู ่ มื อ ศึ ก ษาพระพุ ท ธศาสนาอย่ า งง่ า ย คื อ
นวโกวาท ซึ่งใช้เป็นหลักสูตรผู้บวชใหม่มาจน สํารวจคนหา Explore
บัดนี้ ครูใหนักเรียนแบงกลุมออกเปน 2 กลุม
๒.๕) ทรงมีวิสัยทัศน์กว้างไกล สืบคนชาดกจากหนังสือเรียนหนา 61-65 และ
เนื่องจากทรงเป็นผู้ใฝ่รู้ใฝ่ศึกษา พระองค์1 จึง ฉบับประชาชน แหลงการเรียนรูอื่นๆ โดยจับสลากเลือกจากชาดก
ทรงมีวิธีคิดที่แยบคาย (โยนิโสมนสิการ) อย่าง 2 เรื่อง ตอไปนี้
ครบวงจรคือ คิดถูกวิธี คิดมีระเบียบ คิดเป็นเหตุ กลุมที่ 1 เรื่องมิตตวินทุกชาดก
เป็นผล และคิดก่อให้เกิดกุศล คือ สร้างสรรค์ หนั งสือคูม่ อื ศึกษาพระพุทธศาสนา หรือนวโกวาท พระนิพนธ์
ในสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส กลุมที่ 2 เรื่องราโชวาทชาดก
ในทางดี จากนั้นทําความเขาใจชาดกเรื่องดังกลาว
สมัยรัชกาลที่ ๕ ในยุคสมัยของพระองค์นั้น ความรู้แบบตะวันตกพร้อมทั้งกระแส รวมกัน แลววางแผนเตรียมตัวออกมาแสดง
วัฒนธรรมตะวันตก ได้แพร่เข้ามาสู่ประเทศไทย พระองค์ทรงมีวิธีคิดที่ดี คือ อะไรควรรับ อะไร บทบาทสมมติหนาชั้นเรียน
ควรปฏิเสธ หรือแม้แต่ที่รับมาแล้วจะต้องปรับประยุกต์ให้เข้ากับวิถีไทย แม้เมื่อทรงผนวชแล้ว
ก็พยายามศึกษาศาสตร์สมัยใหม่แบบตะวันตกให้มคี วามรูเ้ ท่าทัน เพราะทรงมองเห็นการณ์ไกลว่า
พระสงฆ์มีหน้าที่สอนธรรม การสอนธรรมจะเป็นที่เข้าใจได้ดี ก็ต่อเมื่อผู้เทศน์ ผู้สอนมีความรู้
ทั้งทางโลกทางธรรม
ô. ªา´ก
2
ชาดก คือ เรื่องราวของพระโพธิสัตว์บ�าเพ็ญบารมี เพื่อจะไปเสวยชาติเป็นพระพุทธเจ้า
ที่พระพุทธเจ้าตรัสเล่าไว้อยู่ในสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย มีทั้งหมด ๕๔๗ เรื่อง ในที่นี้จะกล่าวถึง
เรื่อง มิตตวินทุกชาดก และราโชวาทชาดก ดังนี้
4.1 มิตตวินทุกชาดก
ครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล มีภิกษุว่ายากอยู่รูปหนึ่ง พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสพระธรรมเทศนา
เป็นชาดก เรื่อง มิตตวินทุกชาดก มีความว่า
61

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T นักเรียนควรรู
สมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
1 โยนิโสมนสิการ “โยนิ” แปลวา เหตุ ตนเคา แหลงเกิดปญญา วิธี สวน “มนสิการ”
ทรงมีวิสัยทัศนกวางไกลเกี่ยวกับวัฒนธรรมตะวันตกอยางไร
แปลวา การทําในใจ การคิดคํานึง ใสใจ พิจารณา ดังนั้น โยนิโสมนสิการจึงมีความ
แนวตอบ สมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยาวชิรญาณวโรรสทรงเลือกรับ หมายวา การทําในใจโดยแยบคาย เปนหลักธรรมภาคปฏิบัติที่กอใหเกิดประโยชน
ความรูและวัฒนธรรมตะวันตกอยางชาญฉลาด ทรงเลือกเฉพาะสิ่งที่ ในการดําเนินชีวิตประจําวันเพื่อประโยชนสุขแกตนเองและผูอื่น เปนการสงเสริม
เหมาะสมกับสังคมไทย หรือเลือกมาแลวก็ปรับประยุกตใหเขากับสังคมไทย คุณลักษณะที่ดีในการฝกอบรมตนอยางมีสติ ใหรูจักคิดอยางถูกวิธี คิดอยางมีระบบ
เมื่อทรงผนวชแลวก็ทรงศึกษาใหรูเทาทันศาสตรตะวันตก เนื่องจากพระองค คิดวิเคราะห ไมมองสิง่ ตางๆ อยางผิวเผิน คิดตามเหตุผล และคิดแบบกุศล จึงทําให
ทรงมองเห็นการณไกลวา หากพระสงฆจะสอนธรรมใหฆราวาสเขาใจ รูจ กั เลือกรับรูอ ารมณตา งๆ ทีม่ ากระทบภายนอกอยางมีเหตุผล จึงกลาวไดวา โยนิโส-
ก็จะตองมีความรูทั้งทางโลกและทางธรรม มนสิการไมใชปญญา แตเปนปจจัยที่ทําใหเกิดปญญา กําจัดอวิชชา และบรรเทา
ตัณหาตางๆ ได
2 ชาดก หรือชาตก แปลวา ผูเกิด ชาดกเปนเรื่องราวที่เลาถึงการที่พระพุทธเจา
ทรงเวียนวายตายเกิด พระองคถือกําเนิดในชาติตางๆ เพื่อบําเพ็ญคุณงามความดี
หรือกลาวอีกความหมายหนึ่งไดวา เรื่องราวชาดกเปนวิวัฒนาการแหงการบําเพ็ญ
คุณงามความดีของพระพุทธเจาตั้งแตยังเปนพระโพธิสัตวอยูก็ได
คูมือครู 61
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ใหนักเรียนกลุมที่ 1 แสดงบทบาทสมมติ
เรื่องมิตตวินทุกชาดก พรอมกับสรุปขอคิดให มิตตวินทุกะ เป็นบุตรชายในตระกูลพ่อค้า มีพื้นฐานนิสัยเป็นคนโลภ ครั้งหนึ่งมีคนชักชวนให้
เพื่อนในชั้นเรียนฟง มิตตวินทุกะไปแสวงโชคโดยนั่งเรือส�าเภาไป ชายหนุ่มอยากไปยิ่งนัก ด้วยความโลภหวังว่าจะได้
2. ใหนักเรียนวิเคราะหความหมายที่แฝงอยูใน เงินทองกลับมามากมาย แต่แม่ของเขากลับทัดทานขอร้องไม่ให้ไป มิตตวินทุกะไม่ฟังเสียง
มิตตวินทุกชาดก โดยคํานึงถึงพื้นฐานความ กลับด่าทอทุบตีแม่ของตนและหนีไปแสวงโชคในที่สุด
เปนจริงในชีวิตประจําวัน ขณะนั่งเรือส�าเภาไปนั้นก็เกิดเหตุอาเพศต่างๆ ขึ้นมากมาย ชาวเรือจึงเกิดความสงสัยว่า
(แนวตอบ การที่มิตตวินทุกะมองเห็นสัตวนรก จะต้องมีบุคคลผู้เป็นกาลกิณีลงเรือมาด้วยเป็นแน่ จึงท�าฉลากให้ทุกคนบนเรือจับเพื่อหาผู้เป็น
เปนเทพบุตรและมองเห็นกงจักรเปนดอกบัวนั้น กาลกิณีปรากฏว่าไม่ว่าจะจับกี่ครั้งๆ มิตตวินทุกะก็เป็นผู้ที่จับได้ความเป็นกาลกิณี ชาวเรือนัก
อาจตีความไดวา บุคคลใดที่จิตใจมีความโลภ แสวงหาโชคทั้งหมด จึงลงมติกันว่ามิตตวินทุกะคือบุคคลผู้เป็นกาลกิณี จึงจับเขาลอยแพไป
จะทําใหบุคคลนั้นตกอยูในความโงเขลา ไมอาจ ในมหาสมุทร 1
พิจารณาสิ่งตางๆ ไดดวยเหตุผล) มิตตวินทุกะล่องลอยอยู่ในมหาสมุทรอยู่ระยะหนึ่ง ก็ก็ไปพบกับอุสสทนรกซึ่งเป็นที่เผา
3. ใหนกั เรียนเขียนเรียงความเรือ่ งวิธขี จัดความโลภ สัตว์นรกเข้า แต่ด้วยบาปกรรมที่ได้ท�าไว้ จึงท�าให้เขามองเห็นว่าเป็นเมืองใหญ่งดงามยิ่งนัก
ในจิตใจ โดยอยูบ นพืน้ ฐานของหลักธรรมทาง เขาเดินเข้าไปในเมืองนิมิตแห่งนี้ ทีแรกเขาพบกับปราสาทแก้วผลึก มีเทพธิดา ๔ นางเฝ้าอยู่
พระพุทธศาสนาและหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ เขาคิดว่าหนทางข้างหน้าจักมีสมบัติมีค่ามากกว่านี้จึงผ่านเลยไปพบปราสาท เงิน มีเทพธิดา
พอเพียงในรัชกาลที่ 9 ๘ นางเฝ้าอยู่ เขายังไม่พอใจหวังจะพบสิ่งมีค่ามากกว่านี้จึงผ่านเลยไปอีก จนถึงปราสาทแก้วมณี
มีเทพธิดา ๑๖ นางเฝ้าอยู ่ แต่เขาก็ยงั ผ่านไปอีก
จนมาถึงปราสาททอง มีเทพธิดา ๓๒ นาง
เฝ้าอยู ่ แต่ดว้ ยความโลภชักน�าให้เขาผ่านไปอีก
จนมาถึ ง อุ ท ยานแห่ ง หนึ่ ง มิ ต ตวิ น ทุ ก ะพบ
เทพบุตรรูปงาม มีดอกบัวดอกใหญ่ประดับอยูบ่ น
ศีรษะ ตกแต่งร่างกายด้วยอาภรณ์อันงดงาม
มิตตวินทุกะประสงค์จะได้ดอกบัวงดงามเช่นนัน้
มาประดับศีรษะบ้าง จึงร้องขอต่อเทพบุตรนั้น
แต่แท้จริงแล้วเทพบุตรนัน้ คือ สัตว์นรกทีม่ จี กั ร
บดศีรษะอยู่ด้วย จึงบอกแก่มิตตวินทุกะว่า
“นีห่ าใช่ดอกบัวไม่ เป็นจักรทีบ่ ดกระหม่อม
ข้าให้ได้รับความทรมานยิ่งนัก” มิตตวินทุกะ
ไม่พอใจที่เทพบุตรโกหกตนเช่นนั้น จึงกล่าว
ต่อว่าเทพบุตรไปว่า “ไม่เห็นจะต้องโกหกกันเลย
พระพุ ท ธเจ้ า ซึ่ ง ขณะนั้ น เสวยพระชาติ เ ป็ น เทวดากำ า ลั2ง ก็เราเห็นอยู่ว่าบนศีรษะของเจ้านั้นมีดอกบัว
สอบถามมิตตวินทุกะถึงสาเหตุที่มีกงจักรหมุนอยู่บนศีรษะ
งดงามประดับอยู่แท้ๆ”
62

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว  NT  O-NE T
ขอใดเปนมูลเหตุที่มิตตวินทุกะไดรับผลกรรม มองเห็นกงจักรเปนดอกบัว
1 อุสสทนรก เปนนรกบริวาร ลอมรอบมหานรกทัง้ 8 ขุม แตละขุมของมหานรก
1. ความรัก
จะมีอุสสทนรกลอมรอบ 4 ทิศ ทิศละ 4 ขุม รวมเปน 16 ขุม มหานรก 1 ขุม
2. ความโกรธ
มีอุสสทนรกลอมรอบ 16 ขุม ดังนั้น มหานรก 8 ขุม จึงมีอุสสทนรกรวมเปน
3. ความหลง
16×8 = 128 ขุม ชื่อของอุสสทนรกแตละทิศซึ่งมี 4 ขุม จะมีชื่อเหมือนกัน ไดแก
4. ความโลภ
คูถนรกหรือนรกอุจจาระ กุกกุฬนรกหรือนรกขี้เถา อสิปตตนรกหรือนรกใบไมดาบ
และเวตรณีนรกหรือนรกแมนํ้าเค็ม วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. มูลเหตุที่ทําใหมิตตวินทุกะไดรับผลกรรม
2 กงจักรหมุนอยูบนศีรษะ เปนที่มาของสํานวนไทยวา “เห็นกงจักรเปนดอกบัว” เห็นกงจักรเปนดอกบัว เพราะมิตตวินทุกะมีความโลภ ตองการไดสมบัติ
ซึ่งหมายถึง เห็นผิดเปนชอบ หรือเห็นของรายเปนของดี มากๆ เมือ่ เขาพบกับปราสาททัง้ 4 หลัง ไดแก ปราสาทแกวผลึก ปราสาทเงิน
ปราสาทแกวมณี และปราสาททอง เขาก็ผานเลยไปเรื่อยๆ ทุกหลัง
ดวยหวังวาจะไดพบกับทรัพยลํ้าคามากขึ้น ในที่สุดความโลภนี้ จึงชักนําให
มิตตวินทุกะไปพบกับสัตวนรกทีม่ กี งจักรบดศีรษะ แตเขากลับคิดวาเปนเทพบุตร
ทีม่ ดี อกบัวประดับศีรษะ จึงรองขอดอกบัวนัน้ มิตตวินทุกะจึงตองเสวย
ผลกรรมถูกกงจักรบดศีรษะไดรับทุกขเวทนายิ่งนัก

62 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ใหนักเรียนกลุมที่ 2 แสดงบทบาทสมมติเรื่อง
สัตว์นรกตนนั้นคิดว่าคงถึงคราวหมดกรรมของตน และคงมีคนบาปมารับกรรมแทนตนแล้ว ราโชวาทชาดก พรอมกับสรุปขอคิดใหเพื่อน
จึงมอบดอกบัวนั้นให้แก่มิตตวินทุกะสมใจ ปรากฏว่าทันทีที่รับดอกบัวนั้นมา ก็กลับกลายเป็น ในชั้นเรียนฟง
กงจักรบดศีรษะของมิตตวินทุกะได้รับความทรมานยิ่งนัก 2. ใหนักเรียนวิเคราะหความหมายที่แฝงอยูใน
ครัง้ นัน้ พระโพธิสตั ว์เสวยชาติเป็นเทวดา เทีย่ วจาริกไปยังอุสสทนรกไปพบกับมิตตวินทุกะเข้า คํากลาวที่วา “ดูกอนผูบุญหนัก แทจริงกษัตริย
จึงสอบถามเหตุผลที่ต้องมาเทินจักรกรดอยู่เช่นนี้ ท�าให้ทราบความจริงว่า ด้วยตัณหาความโลภ ทรงครองราชสมบัติโดยธรรมเสมอแลว
ของมิตตวินทุกะท�าให้ต้องมารับบาปกรรมดังกล่าว จึงตรัสแก่มิตตวินทุกะว่า1 ผลไมยอมมีรสหวานดวยเหตุนั้น”
“แท้จริงเทพธิดาทั้งสี่ แปด สิบหก และสามสิบสองนางนั้น คือ นางเปรตทั้งสิ้น แต่ความโลภ (แนวตอบ หากบานเมืองใด มีกษัตริยที่ปกครอง
มากของเจ้าจึงท�าให้เจ้าต้องพบกับจักรบดกระหม่อมเช่นนี้ เพราะฉะนั้นบุคคลใดก็ตามที่มีตัณหา แผนดินโดยธรรมแลว ผูใตปกครองหรือ
ความอยาก ความโลภ มากเช่นนี้ เขาเหล่านั้นย่อมเป็นผู้เทินจักรกรด” ประชากรในบานเมืองยอมอยูอยางสงบสุข
ฝ่ายมิตตวินทุกะผูก้ า� ลังรับเวทนานัน้ แล จักรกรดก็พดั ฟันต่อไปท�าให้เขาไม่สามารถพูดอีกได้ มีความรื่นรมยในชีวิต เปรียบดั่งการปลูกผลไม
เทวดาจึงกลับไปสู่สถานแห่งเทวโลกของตนเช่นเดิม ชนิดหนึ่ง หากเจาของดูแลเอาใจใสอยางถูกวิธี
ตรัสเล่าจบ พระพุทธองค์ตรัสว่า “มิตตวินทุกะในครานั้นได้แก่ภิกษุว่ายากผู้นี้ ส่วนเทวดานั้น ยอมไดผลผลิตที่มีรสหวานโอชาอยางแนนอน)
ได้แก่เรา” และได้ตรัสพระคาถาว่า
“ตัณหาเป็นสิง่ ทีไ่ ม่สนิ้ สุด มีอาณาเขตกว้างขวาง บุคคลใดมีแต่ความอยาก ยากทีจ่ ะพึงพอใจ
กระท�าตนไปตามก�าหนัดตัณหานั้น บุคคลนั้นย่อมเป็นผู้เทินจักรกรด”
4.2 ราโชวาทชาดก
ครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล พระพุทธองค์
เสด็จประทับในพระวิหารเชตวัน และทรงมี
พระประสงค์จะแสดงธรรมแก่กษัตริย์เจ้านคร
ทั้งหลาย จึงปรารภว่า
“แม้กษัตริย์ในอดีตทั้งหลายทรงสดับวาจา
ของบัณฑิตแล้ว ก็ทรงครองราชสมบัตโิ ดยธรรม
ทรงบ�าเพ็ญทางสวรรค์ผ่านไปให้บริบูรณ์ บัดนี้
เมื่อมีพระราชามาทูลอาราธนา เราจึงจะแสดง
ธรรมแก่พระราชา” จึงตรัสเล่า ราโชวาทชาดก
ความว่า
ในอดีตกาล ครั้งพระราชาพรหมทั
2 ตครอง
ราชสมบัติในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิด
ในสกุลพราหมณ์ เจริญวัยเติบใหญ่ได้เล่าเรียน พระราชาพรหมทั ต ซึ่ ง ปลอมพระองค์ เ ป็ น สามั ญ ชน
จบศิลปศาสตร์ แล้วบรรพชาเป็นฤๅษีอบรม ขณะกำาลังสนทนากับพระโพธิสัตว์ที่บรรพชาเป็นฤๅษี

63

กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
ครูใหนักเรียนเขียนสรุปเรื่องมิตตวินทุกชาดก พรอมบอกวาจะสามารถ 1 เปรต เปนสัตวโลกจําพวกหนึ่งที่เกิดในเปรตภูมิ ซึ่งเปนหนึ่งในอบายภูมิ 4
นําไปปรับใชในการดําเนินชีวิตประจําวันไดอยางไร ความยาว 1 หนา (จากภพภูมิทั้งหมด 31 ภพภูมิ) ผูที่เกิดเปนเปรตเนื่องจากอกุศลกรรมที่ทําไวตอน
กระดาษ A4 แลวนําสงครูผูสอน เปนมนุษย เชน ทํารายบิดามารดา ดาทอพระสงฆผูทรงศีล ตระหนี่ในการทําทาน
ฉอราษฎรบังหลวง รับสินบน ใสความผูบริสุทธิ์ เปนตน
2 พาราณสี หรือวาราณสี เปนชื่อเมืองหลวงของแควนกาสี ประเทศอินเดีย
กิจกรรมทาทาย เปนเมืองที่มีแมนํ้าคงคาไหลผาน ซึ่งชาวฮินดูมีความเชื่อกันวา การไดอาบนํ้าใน
แมนํ้าคงคาเปนการลางบาป ทั้งนี้ เมืองพาราณสียังเปนเมืองแหงการแสวงหาบุญ
ของชาวพุทธทั่วโลก กลาวคือ เปนเมืองที่มีความสําคัญทางพระพุทธศาสนา
ครูใหนักเรียนสืบคนขาวจากหนังสือพิมพหรืออินเทอรเน็ตเกี่ยวกับ มีอาณาเขตครอบคลุมถึงปาอิสปิ ตนมฤคทายวัน อันเปนสถานทีท่ พี่ ระพุทธเจาทรง
พฤติกรรมของบุคคลที่มีการกระทําเขาขายเห็นกงจักรเปนดอกบัว แสดงปฐมเทศนาแกปญจวัคคีย ปจจุบันเรียกพาราณสีวา พานารัส (Banaras)
จากนั้นใหนักเรียนเขียนแสดงความคิดเห็นถึงสาเหตุและวิธีแกไข
พฤติกรรมดังกลาวลงกระดาษ A4 สงครูผูสอน

คูมือครู 63
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ใหนักเรียนวิเคราะหวา นักเรียนสามารถนํา
ขอคิดจากราโชวาทชาดกมาปรับใชในการเรียน อภิญญาสมาบัตใิ ห้เกิด มาอาศัยอยูใ่ นป่าหิมพานต์เป็นทีส่ า� ราญ มีรากไม้และผลไม้ในป่าเป็นอาหาร
ไดอยางไรบาง ในกาลครัง้ นัน้ พระราชาทรงระแวงถึงโทษ เมือ่ จะทรงสอบสวนให้ตระหนักว่ามีผใู้ ดกล่าวโทษตนบ้าง
(แนวตอบ การประพฤติตนอยูในศีลธรรมเสมอ หรือไม่ ก็ไม่พบว่ามีใครเลย ทั้งคนภายใน คนภายนอก ทั้งในเมือง ทั้งนอกเมือง จึงปลอมแปลง
ยอมนําพาความสุขสงบทางใจมาใหแกชีวิต พระองค์เสด็จเที่ยวสู่ชนบท แต่ก็ไม่พบค�ากล่าวโทษ ทรงได้ยินแต่วาจากล่าวสรรเสริญพระคุณ
สําหรับการเรียน การเปนคนขยัน ซื่อสัตย ทั้งสิ้น จึงเสด็จเข้าสู่ป่าหิมพานต์ ครั้นเสด็จถึงอาศรมพระโพธิ สัตว์ก็ทรงอภิวาทและขอประทับอยู่
1
ตอการทํางาน การสอบ ก็จะทําใหเกิดความ ในอาศรมนั้น เวลานั้นพระโพธิสัตว์ได้น�าผลไทรอันสุกงอมจากป่ามาบริโภค ผลไทรเหล่านั้น
กาวหนาและเจริญรุงเรืองในชีวิต แมวาบางครั้ง มีรสหวานโอชา เธอจึงเชื้อเชิญพระราชาทูลว่า
ผลลัพธของการทํางานหรือการสอบจะออกมา “ท่านผู้บุญหนัก จงบริโภคผลไทรสุกนั้นแล้วดื่มน�้าเสียเถิด” ครั้นพระราชาทรงกระท�าตาม
ลมเหลว แตก็จะทําใหผูนั้นไดรูจักยอมรับ ค�าเชิญนั้นแล้ว รับสั่งถามว่า
ความจริง รูจักจุดดอยของตนเอง และพัฒนา “ไฉนหนอพระคุณเจ้า ผลไทรสุกนี้จึงมีรสหวานยิ่งนัก”
ตนเองใหดีขึ้นได) “ดูก่อนผู้บุญหนัก แท้จริงกษัตริย์ทรงครองราชสมบัติโดยธรรม เสมอแล้ว ผลไม้ย่อมมี
2. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 2.4 จากแบบวัดฯ รสหวานด้วยเหตุนั้น” พระดาบสตอบ
พระพุทธศาสนา ม.2 “แล้วถ้ากษัตริย์ไม่ด�ารงอยู่ในธรรม ผลไม้ย่อมไม่มีรสหวานหรือพระคุณเจ้า” พระราชารับสั่ง
ถามอีก
ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ “เช่นนั้นแล ท่านผู้บุญหนัก เมื่อกษัตริย์ทั้งหลายไม่ตั้งอยู่ในธรรม น�้าตาล น�้าผึ้ง น�้าอ้อย
พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 2.4
หนวยที่ 2 พุทธประวัติ พระสาวก ศาสนิกชนตัวอยาง
รากไม้ และผลไม้ในป่า ย่อมไม่มรี สหวานปราศจากโอชา แต่เมือ่ กษัตริยท์ งั้ หลายทรงตัง้ อยูใ่ นธรรม
และชาดก ผลไม้ทั้งหลายนั้นย่อมมีรสหวานโอชา ทั้งแว่นแคว้นทั้งสิ้นก็มีรสโอชาด้วยเช่นกัน”
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
พระราชาได้สดับดังนั้นก็ทรงนมัสการพระดาบสและเสด็จ2กลับพระนครพาราณสี ทรงครอง
กิจกรรมที่ ๒.๔ ใหนักเรียนศึกษามิตตวินทุกชาดกและราโชวาทชาดก
แลวตอบคําถามตอไปนี้ (ส ๑.๑ ม.๒/๖)
ñð ราชสมบัติโดยอธรรม หมายพระทัยว่าจักพิสูจน์ค�าพูดของดาบส ระยะเวลาผ่านไปสักพัก พระองค์
หัวขอคําถาม มิตตวินทุกชาดก ราโชวาทชาดก
ทรงมีพระประสงคจะแสดงธรรมแก
เพือ่ สอนพระธรรมเทศนาแกพระภิกษุ ……………………………………………………………………….
สาเหตุที่ตรัสชาดก ……………………………………………………………………….
ก็เสด็จไปที่อาศรมนั้นอีกครั้ง
วายากรูปหนึ่ง
………………………………………………………………………. กษัตริย
……………………………………………………………………….
………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………….
ครั้นนมัสการพระดาบสแล้ว พระดาบสได้ทูลถวายผลไทรสุก ปรากฏว่าผลไทรนั้น กลับมี
เนื้อหาชาดก
………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………….

พระโพธิสัตวเกิดในสกุลพราหมณ
มิตตวินทุกะเปนบุตรชายในตระกูล ……………………………………………………………………….
……………………………………………………………………….
รสขมส�าหรับพระองค์ จึงคายทิ้ง แล้วรับสั่งว่า “ผลไทรนั้นขมนัก พระคุณเจ้า” พระดาบสทูลว่า
………………………………………………………………………. ตอมาไดบรรพชาเปนษีบาํ เพ็ญเพียร
พอคาที่มีนิสัยโลภ ครั้งหนึ่งมีคน ……………………………………………………………………….
อยูใ นปาหิมพานต ฉันผลไมและรากไม
ชักชวนใหไปแสวงโชคโดยนัง่ เรือสําเภา ……………………………………………………………………….
……………………………………………………………………….
“ดูก่อนผู้บุญหนัก แท้จริงพระราชาคงไม่สถิตอยู่ในธรรม เพราะในเวลาที่กษัตริย์ทั้งหลาย
เปนอาหาร ตรงกับสมัยของพระเจา
ถึงแมมารดาจะหาม แตเขาก็ไมเชื่อ ……………………………………………………………………….
……………………………………………………………………….
………………………………………………………………………. พรหมทัตครองราชสมบัติ พระองค
ตอมาไดเกิดอาเพศจนถูกจับลอยแพ ……………………………………………………………………….
ทรงระแวงวาจะมีประชาชนกลาวติเตียน
และไดพบกับอุสสทนรก แตดวย ……………………………………………………………………….
……………………………………………………………………….
ไม่ทรงธรรม ทุกสิ่งย่อมปราศจากรสหมดโอชา”
………………………………………………………………………. จึงปลอมตัว ไปสนทนากับ พระษี
บาปกรรมทํ า ให ม องเห็ น เป น เมื อ ง ……………………………………………………………………….
เมื่อไดสดับฟงธรรมจากพระดาบส
งดงาม และดวยความโลภ จึงเห็น ……………………………………………………………………….
……………………………………………………………………….
ฉบับ
เฉลย พระราชาครั้นทรงสดับธรรมของพระโพธิสัตว์แล้ว ก็ทรงประกาศให้ทราบว่าพระองค์
จึงทรงปกครองราษฎรโดยธรรม
กงจักรเปนดอกบัว ตองไดรับทุกข ……………………………………………………………………….
……………………………………………………………………….
ทรมานจากการถูกกงจักรบดศีรษะ ……………………………………………………………………….
……………………………………………………………………….
ของตน
………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………….
เป็นกษัตริย์ แล้วทรงรับสั่งว่า “ข้าแต่พระคุณเจ้า เมื่อก่อนข้าพเจ้านั่นเองได้กระท�าผลไทรสุก
ขอคิดเตือนใจ การเปนผูปกครองตองประพฤติตน
๑. การเป น คนโลภมากย อ มนํ า พา ……………………………………………………………………….
……………………………………………………………………….
รสหวานให้มีรสขม บัดนี้จักกระท�าให้มีรสหวานต่อไป” แล้วทรงนมัสการพระโพธิสัตว์ลาเสด็จ
สําหรับนักเรียน เปนผูนําที่ดี ปกครองประชาชนโดย
ตนเองไปสูความเดือดรอน ดัง ……………………………………………………………………….
……………………………………………………………………….
สุภาษิตที่วา โลภมากลาภหาย
………………………………………………………………………. ธรรม ก็จะทําใหราษฎรอาศัยอยูอ ยาง
……………………………………………………………………….
มีความสุข
๒. คนชั่วหรือคนบาปมักจะเริ่มตน ……………………………………………………………………….
……………………………………………………………………….
กลับสู่พระนคร ทรงเสวยราชสมบัติโดยธรรม ได้ทรงกระท�าทุกๆ สิ่งให้เป็นปรกติอย่างเดิม
จากการมีความคิดเห็นผิดไปบูชา ……………………………………………………………………….
……………………………………………………………………….
หรื อ ชอบสิ่ ง ชั่ ว ร า ย เข า ทํ า นอง ……………………………………………………………………….
……………………………………………………………………….
ตรัสเล่าจบ พระพุทธองค์ตรัสว่า “ราชาในครั้งนั้นได้แก่อานนท์ ส่วนดาบสนั้นได้แก่เรา”
เห็นกงจักรเปนดอกบัว ในที่สุด ……………………………………………………………………….
……………………………………………………………………….
ตนเองก็ ต  อ งรั บ ผลกรรมที่ ไ ด ……………………………………………………………………….
……………………………………………………………………….
กระทําไว
………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………….
แล้วตรัสพระคาถาว่า
………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………….
………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………….
64
๑๗

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว  NT  O-NE T
บุคคลในตําแหนงหรืออาชีพใด ควรนําขอคิดจากเรื่องราโชวาทชาดก
1 ไทร ในภาษาสันสกฤตจะเรียกวา นิโครธ หรืออชปาลนิโครธ ตนไทรมีเรือ่ งราว
ไปปรับประยุกตใชมากที่สุด
เกี่ยวของกับพุทธประวัติอยู 2 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 ในวันขึ้น 15 คํ่า เดือน 6 วันที่
1. แพทย
ทรงตรัสรู ทรงประทับอยูใตโคนตนไทร แลวนางสุชาดานําขาวมธุปายาสมาถวาย
2. อัยการ
ครั้งที่ 2 หลังจากทรงตรัสรูแลว ไดประทับเสวยวิมุตติสุขเปนเวลา 7 สัปดาห
3. ครูอาจารย
ก็เสด็จไปประทับอยูใตตนไทรในสัปดาหที่ 5 เปนเวลา 7 วัน
4. รัฐมนตรี
2 ดาบส ผูบําเพ็ญตบะ คือ เผากิเลส ผูบําเพ็ญพรตเพื่อเผากิเลส ไดแก ฤๅษี
ถาเปนสตรีใชวา ดาบสินี วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. ราโชวาทชาดกเปนเรื่องราวที่สั่งสอนใหผูนํา
ประเทศปกครองประเทศโดยธรรม ไมคดโกง ซื่อสัตยสุจริต เพื่อประชาชน
จะไดอยูอยางเปนสุข ดังนั้น รัฐมนตรี ซึ่งถือเปนผูปกครองประเทศ
จึงสมควรนําขอคิดจากเรื่องราโชวาทชาดกไปปรับประยุกตใชมากที่สุด

64 คูมือครู
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ Expand
1. ครูและนักเรียนอภิปรายถึงประโยชนที่ไดรับ
“หากเมื่อโคทั้งหลายจะข้ามฟาก แล้วโคผู้น�าเดินคด แม้โคทั้งปวงก็ไปคด เมื่อโคน�าเดินคด จากการศึกษาชาดก แลวใหนักเรียนวิเคราะห
ในคนทั้งหลายก็อย่างนั้นแล ผู้ใดที่สมมติว่าประเสริฐสุด หากผู้นั้นประพฤติอธรรม ก็ไม่ต้อง ถึงความแตกตางของชาดกกับนิทานทั่วไป
กล่าวถึงสัตว์นอกนั้น ชาวแคว้นทั้งสิ้นย่อมนอนเป็นทุกข์ ถ้าพระราชาทรงประพฤติอธรรม” (แนวตอบ ชาดกแตกตางจากนิทานทั่วไปตรงที่
“หากเมื่อโคทั้งหลายจะข้ามฟาก แล้วโคผู้น�าเดินตรง แม้โคทั้งปวงก็ไปตรง เมื่อโคน�าเดินตรง ชาดกเปนเรื่องราวของพระพุทธเจาในอดีตชาติ
ในคนทั้งหลายก็อย่างนั้นแล ผู้ใดที่สมมติว่าประเสริฐสุด แม้หากผู้นั้นประพฤติธรรม ก็ไม่ต้อง ที่พระองคทรงแสดงแกพระภิกษุในโอกาสตางๆ
กล่าวถึงสัตว์นอกนั้น ชาวแคว้นทั้งสิ้นย่อมนอนเป็นสุข ถ้าพระราชาทรงประพฤติธรรม” เพื่อใหเกิดแงคิดแลวกลับไปพัฒนาตน)
2. ครูใหนักเรียนเลือกชาดกเรื่องที่ประทับใจ แลว
เมื่อพิจารณาถึงการด�าเนินชีวิตขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธสาวก เขียนเหตุผลและการนําขอคิดจากชาดกเรื่อง
พระพุทธสาวิกา และชาวพุทธตัวอย่าง ตลอดจนพระโพธิสตั ว์จากนิทานชาดกเรือ่ งต่างๆ เหล่านีแ้ ล้ว ดังกลาวไปใชในชีวิตประจําวัน ลงในกระดาษ
จะเห็นได้ว่าแต่ละท่านล้วนมีจริยาวัตรทางการด�าเนินชีวิตที่งดงาม และมีคุณธรรมเป็นหลัก A4 สงครูผูสอน
ในการด�ารงตนทั้งสิ้น ดังนั้น ในฐานะที่เป็นพุทธศาสนิกชน นักเรียนควรน�าคุณธรรมและ
คติขอ้ คิดทีไ่ ด้จากการศึกษานีม้ าเป็นแนวทางทีจ่ ะน�าไปใช้เป็นหลักในการปฏิบตั ติ นและด�าเนินชีวติ ตรวจสอบผล Evaluate
เพราะนอกจากที่จะท�าให้ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้มีคุณธรรมแล้ว จะช่วยธ�ารงสังคมให้มีความ
สงบสุขได้อีกด้วย 1. ตรวจสอบผลจากความถูกตองในการ
ตอบคําถามและการแสดงความคิดเห็น
ในชั้นเรียน
2. ตรวจสอบผลจากการเขียนเรียงความเรื่อง
วิธีขจัดความโลภในจิตใจ
3. ตรวจสอบผลจากความตั้งใจในการแสดง
บทบาทสมมติ

65

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T เกร็ดแนะครู
ราโชวาทชาดกเปนชาดกที่ใหขอคิดหรือคติสอนใจในเรื่องใด
ครูควรใหนักเรียนไปคนหาตัวอยางในชาดกเรื่องอื่นที่แสดงใหเห็นวา ประเทศ
1. การผจญภัย
ที่มีผูนําที่ดีทําใหสังคมเจริญกาวหนาและสงบสุข สวนประเทศที่มีผูนําไมดีทําให
2. การเสวยผลไทรสุก
สังคมเสื่อมทรามและวุนวาย จากนั้นนํามาอภิปรายรวมกันในชั้นเรียน
3. การแสวงหาสัจธรรม
4. การประพฤติตนอยูในศีลธรรม
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. ขอคิดหรือคติสอนใจเรื่องราโชวาทชาดก มุม IT
สรุปได 2 ประการ คือ
1. ผูปกครองที่ดีตองประพฤติตนเปนแบบอยางที่ดี เพื่อใหผูนอยปฏิบัติ ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับชาดก ไดที่
ตนตามเยี่ยงอยาง ซึ่งจะชวยใหสังคมมีความสงบสุข http://www.thammapedia.com เว็บไซตธรรมะพีเดีย
2. ธรรมหรือคุณความดีนํามาซึ่งความสงบรมเย็นของบานเมือง
ผูปกครองที่ประพฤติธรรม จะทําใหอาณาประชาราษฎรอยูอยาง
รมเย็นเปนสุข

คูมือครู 65
ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Evaluate
Engage Explore Explain Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
ตรวจสอบความถูกตองจากการตอบคําถาม
ประจําหนวยการเรียนรู ค íา¶ามประจ íาหน่วยการเรียนรู้

หลักฐานแสดงผลการเรียนรู ๑. การศึกษาพุทธประวัติ ประวัติพุทธสาวก พุทธสาวิกา และชาวพุทธตัวอย่าง นักเรียน


คิดว่าตนเองได้รบั คุณประโยชน์อะไรบ้าง ให้แสดงความคิดเห็น ทาง
1. ผังความคิดเรื่องสัตตมหาสถาน ๒. จงอธิบายวิธกี ารแสวงหาความรูข้ องพระพุทธเจ้าตามทีน่ กั เรียนเข้าใจมาพอสังเขป
2. สมุดภาพเลาเรื่องประวัติของพุทธสาวกหรือ ๓. พุทธจริยาอันเป็นแบบอย่างในการด�าเนินชีวติ มีกป่ี ระการ อะไรบ้าง
พุทธสาวิกา ๔. พระพุทธศาสนาถือหลักอาวุโสเป็นส�าคัญ พระอัญญาโกณฑัญญะ พระอุรุเวลกัสสปะ
3. แบบบันทึกการปฏิบัติกิจกรรมหรือสรางชิ้นงาน ถือว่ามีอาวุโสสูงกว่าพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ แต่เหตุใดพระพุทธเจ้าจึงแต่งตั้ง
เพื่อเสริมสรางคุณธรรม ให้พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะเป็นอัครสาวก ให้นักเรียนวิเคราะห์เหตุผล และ
4. เรียงความเรื่องวิธีขจัดความโลภในจิตใจ ประโยชน์ท่ไี ด้รบั
๕. ผลจากการศึกษาประวัตชิ วี ติ ของนางขุชชุตตรา นักเรียนได้แง่คดิ อะไรบ้าง อธิบายพร้อม
ยกตัวอย่าง

กิจกรรมสร้างสรรค์พั²นาการเรียนรู้

กิจกรรมที่ ๑ ครูฉายสไลด์ วีดทิ ศั น์หรือน�าภาพประกอบเกีย่ วกับพุทธประวัตติ อนผจญมาร


การตรัสรู้ และการสั่งสอนมาให้นักเรียนดู แล้วช่วยกันอภิปรายและสรุป
เหตุการณ์ต่างๆ ร่วมกัน
กิจกรรมที่ ๒ ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายถึงคุณธรรมที่ควรยึดเป็นแบบอย่างของ
พุทธสาวก พุทธสาวิกา และชาวพุทธตัวอย่าง แล้วสรุปผลอภิปรายส่งครู
กิจกรรมที่ ๓ นักเรียนแบ่งกลุ่มแสดงละครเรื่อง มิตตวินทุกชาดก และราโชวาทชาดก
แล้วร่วมกันอภิปรายว่าชาดก ๒ เรื่องนี้ ให้แง่คิดและคุณธรรมอย่างไร

พุทธศาสนสุภาษิต
ËÔÃâÔ ÍµÚµ»Ú»Â ÚàÇ âÅ¡í »ÒàÅµÔ ÊҸءí : ËÔÃÔáÅÐâ͵µÑ»»Ð ‹ÍÁÃÑ¡ÉÒâÅ¡äÇŒ
໚¹Íѹ´Õ

66

แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. การศึกษาพุทธประวัติทําใหทราบถึงความยากลําบากของพระพุทธเจาในการแสวงหาความหลุดพน การศึกษาประวัติพุทธสาวก พุทธสาวิกา ทําใหไดรูคุณธรรมที่ควร
นํามาเปนแบบอยาง และการศึกษาชาวพุทธตัวอยาง ทําใหไดขอคิดวาบรรพบุรุษไทยเปนผูมีความเกงกลาสามารถและมีวิสัยทัศนกวางไกล และทําใหเราเยาวชน
ตระหนักถึงคุณคาของพระพุทธศาสนาและตองสืบทอดตอไป
2. การแสวงหาความรูของพระพุทธเจาทรงใชวิธีแบบลองผิดลองถูก
3. พุทธจริยา แปลวา พระจริยวัตรปกติของพระพุทธเจา หมายถึง การบําเพ็ญประโยชนตอผูอื่น ซึ่งทรงปฏิบัติเปนประจํา มี 3 ประเภท ไดแก
- โลกัตถจริยา คือ พระจริยวัตรที่เปนประโยชนแกชาวโลก เชน การเสด็จไปแสดงธรรมในที่ตางๆ เปนตน
- ญาตัตตถจริยา คือ พระจริยวัตรที่เปนประโยชนแกพระประยูรญาติ เชน การเสด็จไปโปรดพระบิดาและพระประยูรญาติที่กรุงกบิลพัสดุ เปนตน
- พุทธัตถจริยา คือ พระจริยวัตรที่เปนประโยชนตามหนาที่ที่เปนพระพุทธเจา เชน ทรงบัญญัติพระวินัยเพื่อเปนหลักปกครองสงฆ เปนตน
4. เพราะพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะเปนผูที่มีความสามารถ เนื่องจากพระสารีบุตรเปนผูมีปญญาฉลาดหลักแหลมยอมเปรียบเสมือนมารดาที่คอยดูแลบุตร
พระโมคคัลลานะมีฤทธิ์มากยอมเปรียบเสมือนพอที่มีกําลังคอยปกปองคุมภัยใหแกบุตร พระพุทธศาสนาขณะนั้นเพิ่งเผยแผใหมๆ ยอมมีบุคคลตางศาสนามาทาทาย
ทดสอบ ทดลอง เพือ่ หวังใหพา ยแพเปนทีอ่ บั อาย จึงตองมีคนทีร่ เู ขารูเ ราและรูล กึ รูจ ริงไวชว ยงานสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจาเผยแผพระพุทธศาสนา ถือไดวา ทัง้ สองทาน
มีคุณูปการและเปนกําลังสําคัญในการเผยแผพระพุทธศาสนาเปนอยางยิ่ง
5. มนุษยจะเปนคนดีหรือเลวไมไดอยูที่รางกายดีหรือพิการ แตอยูที่จิตใจและการกระทํา

66 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู

หน่วยการเรียนรู้ที่
หลักธรรม
๓ 1. อธิบายหลักธรรมสําคัญในกรอบอริยสัจ 4 ได
2. วิเคราะหหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
เพื่อนําไปปรับใชในการแกปญหาและพัฒนา
ตนเองและสังคมได
ทางพระพุทธศาสนา สมรรถนะของผูเรียน
1. ความสามารถในการคิด
2. ความสามารถในการแกปญหา
3. ความสามารถในการใชทักษะชีวิต

ตัวชี้วัด
● อธิบายธรรมคุณและข้อธรรมสำาคัญในกรอบ
คุณลักษณะอันพึงประสงค
อริยสัจ ๔ หรือหลักธรรมของศาสนาที่ตน
นับถือตามที่กำาหนด เห็นคุณค่าและนำาไป 1. มีวินัย
พัฒนาแก้ปัญหาของชุมชนและสังคม
(ส ๑.๑ ม.๒/๘)
2. ใฝเรียนรู
3. ซื่อสัตยสุจริต
4. มุงมั่นในการทํางาน
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
● พระรัตนตรัย
● อริยสัจ ๔

กระตุน ความสนใจ Engage


ครูใหนักเรียนชวยกันบอกธรรมะประจําใจที่
นักเรียนยึดปฏิบัติในชีวิตประจําวัน แลวบอกถึง
ËÅÑ ¡ ¸ÃÃÁ¢Í§¾ÃÐ¾Ø · ¸ÈÒʹÒ໚ ¹ ÊÔè§ ·ÕèÁÕÍ ÂÙ‹á ÅŒ Ç ประโยชนที่ไดรับจากการปฏิบัติตามหลักธรรม
¾Ãоط¸Í§¤à»š¹à¾Õ§¼ÙŒ·Ã§¤Œ¹¾ºáÅйíÒÁÒà¼ÂἋᡋ ดังกลาว
ÁÇÅÁ¹Øɏ à¾×Íè ãËŒà¡Ô´¤ÇÒÁʧºÊØ¢¢Ö¹é ã¹âÅ¡ àÁ×Íè ¾Ãоط¸à¨ŒÒ (แนวตอบ เชน การปฏิบัติตนตามศีล 5 ไดแก
¨Ç¹àʴ稴Ѻ¢Ñ¹¸»ÃÔ¹¾Ô ¾Ò¹ ¾ÃÐͧ¤ä´ŒµÃÑÊá¡‹¾ÃÐÍÒ¹¹·ÇÒ‹ ไมฆาสัตว ไมลักทรัพย ไมประพฤติผิดในกาม
“¸ÃÃÁÇÔ¹ÂÑ ã´·Õàè ÃÒµ¶Ò¤µáÊ´§áŌǺÑÞÞѵáÔ ÅŒÇá¡‹à¸Í·Ñ§é ËÅÒ ไมพูดปด และไมดื่มของมึนเมา ซึ่งสงผลใหชีวิต
¸ÃÃÁÇÔ¹ÂÑ ¹Ñ¹é ¨Ñ¡à»š¹ÈÒʴҢͧà¸Í·Ñ§é ËÅÒ àÁ×Íè àÃÒµ¶Ò¤µ
มีความสงบสุข ไมประสบกับความเดือดรอน หรือ
ŋǧÅѺä»áŌǔ ËÁÒ¤ÇÒÁÇ‹Ò ¾ÃиÃÃÁ໚¹µÑÇá·¹¢Í§
¾Ãоط¸à¨ŒÒ ความทุกขใจใดๆ เปนตน)
´Ñ§¹Ñé¹ ¡ÒÃÈÖ¡ÉÒËÅÑ¡¸ÃÃÁ¢Í§¾Ãоط¸à¨ŒÒ¨Ö§à»š¹
ÊÔ§è ÊíÒ¤ÑÞÊíÒËÃѺ¾Ø·¸ÈÒʹԡª¹ à¾×Íè ãËŒ¹Òí ËÅÑ¡¸ÃÃÁ´Ñ§¡Å‹ÒÇ
ä»ãªŒà»š¹á¹Ç·Ò§ã¹¡ÒôíÒà¹Ô¹ªÕÇԵ䴌Í‹ҧ¶Ù¡µŒÍ§

เกร็ดแนะครู
ครูควรจัดกิจกรรมการเรียนรูเ พือ่ ใหนกั เรียนสามารถอธิบายและวิเคราะหธรรมคุณ
และหลักธรรมสําคัญในกรอบอริยสัจ 4 รวมถึงสามารถนําหลักธรรมไปประยุกตใช
ในชีวิตประจําวัน โดยเนนการพัฒนาทักษะกระบวนการที่สําคัญ ไดแก ทักษะ
การคิดวิเคราะห กระบวนการสืบสอบ และกระบวนการกลุม ดังนี้
• ครูใหนักเรียนสืบคนความหมายของพุทธคุณ 9 ธรรมคุณ 6 และสังฆคุณ 9
แลวนํามาอภิปรายรวมกัน
• ครูใหนักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับหลักธรรมเรื่องทุกขและสมุทัย แลวเขียน
ผังความคิด
• ครูใหนักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับหลักธรรมเรื่องนิโรธ แลวเขียนเรียงความ
• ครูใหนักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับหลักธรรมเรื่องมรรค แลวจัดทําปายนิเทศ

คูมือครู 67
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate

กระตุน ความสนใจ Engage


ครูใหนักเรียนสวดมนตบทบูชาพระรัตนตรัย
จากนัน้ ใหบอกถึงความรูส กึ กอนและหลังการสวดมนต ñ. พระรัต¹ตรัÂ
พระพุทธศาสนามีองค์ประกอบส�าคัญ ๓ ประการ คือ พระรัตนตรัย ซึ่งแปลว่า แก้วอัน
สํารวจคนหา Explore
ประเสริฐ ๓ ดวง อันได้แก่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
ครูใหนักเรียนสืบคนความหมายของพุทธคุณ 9 พระพุทธ หมายถึง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ซึ่งทรงเป็นศาสดาของศาสนา ที่ว่า
ธรรมคุณ 6 และสังฆคุณ 9 จากแหลงการเรียนรูต า งๆ เป็นศาสดาก็หมายความว่า เป็นผู้ทรงค้นพบสัจธรรมโดยการตรัสรู้เองและสอนให้ผู้อื่นรู้ตาม
แลวจดบันทึกเปนภาษาที่เขาใจงายลงสมุด พระธรรม หมายถึง ค�าสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งที่เป็นค�าอธิบายเกี่ยวกับความเป็นจริง
ของชีวิตมนุษย์และเป็นค�าสั่งสอนให้มนุษย์ประพฤติดีต่อกัน
อธิบายความรู Explain พระสงฆ์ หมายถึง หมู่สาวกที่ปฏิบัติตามค�าสอนของพระพุทธเจ้าและเผยแผ่ค�าสอนให้แก่
คนทั่วไป
ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายถึงธรรมคุณ 6
พระพุทธเจ้ามีคณ
ุ ลักษณะ ๙ ประการ เรียกว่า พุทธคุณ ุ ๙ พระธรรมมีค1ณุ ลักษณะ ๖ ประการ
ประการ จากนั้นครูตั้งคําถามใหนักเรียนชวยกัน
เรียกว่า ธรรมคุณ ๖ พระสงฆ์มีคุณลักษณะ ๙ ประการเรียกว่าสังฆคุณ ๙ ซึ่งในที่นี้จะกล่าวถึง
ตอบวา พระรัตนตรัยมีความสําคัญตอพระพุทธ-
ธรรมคุณ ๖ ดังนี้
ศาสนาอยางไร
(แนวตอบ พระพุทธ เปนศาสดาของพระพุทธ- ธรรมคุณ
ศาสนา ผูทรงคนพบทางแหงการตรัสรู ธรรมคุณ หมายถึง คุณของพระธรรม มี ๖ ประการ ดังนี้
พระธรรม เปนหลักคําสอนของพระพุทธเจาที่ ๑. สวากขาโต ภควตา ธัมโม พระธรรมเป็นค�าสอนอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว เป็นความ
ศาสนิกชนนอมนําไปปฏิบัติ จริงแท้ เป็นหลักครองชีวติ อันประเสริฐ
พระสงฆ เปนสาวกผูปฏิบัติตามคําสอนของ ๒. สันทิฏฐิโก พระธรรมนี้ผู้ปฏิบัติตามจะเห็นได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องเชื่อค�าผู้อื่น ผู้ที่มิได้ปฏิบัตินั้น
พระพุทธเจาและเผยแผพระพุทธศาสนา) แม้จะมีใครมาบอกและอธิบายให้ฟงั ก็ไม่อาจเห็นได้
๓. อกาลิโก ไม่เนื่องด้วยกาลเวลา ไม่ขึ้นอยู่กับเวลา ปฏิบัติตามได้พร้อมบริบูรณ์เมื่อใดก็เห็นผล
ขยายความเขาใจ Expand เมือ่ นัน้ เป็นจริงตลอดเวลาไม่เปลีย่ นแปลงไปตามกาลสมัย สิง่ ทีเ่ นือ่ งด้วยเวลาเป็นสิง่ ทีม่ เี กิด มีเปลีย่ นแปลง
ครูใหนกั เรียนอภิปรายวา เพราะเหตุใดจึงกลาววา มีดบั ไปตามเวลา แต่พระธรรมเป็นจริงอยู่เสมอเป็นนิจ
พระธรรมเปนจริงเสมอ ไมเปลีย่ นแปลงตามกาลเวลา ๔. เอหิปสั สิโก ควรเรียกให้มาดู คือ พระธรรมเป็นค�าสอนที่ควรจะเชิญ
(แนวตอบ ครูเปดโอกาสใหนักเรียนอภิปราย โดย ให้ใครๆ มาดู มาพิสูจน์ มาตรวจสอบ เพราะเป็นของที่จริงตลอดเวลา
ยกตัวอยางคําสอนทีเ่ ปนจริงตลอดกาล เชน มงคล 38 ๕. โอปนยิโก ควรน้อมเข้ามา คือ เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้าไว้ในใจ
เปนธรรมะทีน่ าํ ไปปฏิบตั แิ ลวนํามาซึง่ ความสุขความเจริญ เพื่อยึดถือเป็นหลักปฏิบัติในชีวิต จะได้บรรลุถึงความหลุดพ้น
อยางแทจริง ไมวาจะยุคใดสมัยใด การปฏิบัติตน ๖. ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ คือ วิญญูชน ได้แก่ นักปราชญ์
ตามมงคล 38 ยอมนํามาซึ่งความสุขเสมอ เปนตน) รู้ได้เฉพาะตน คือ พระธรรมนี้เป็นสิ่งที่วิญญูชนจะรู้ได้ และการรูไ้ ด้นนั้
เป็นของเฉพาะตน ต้องปฏิบัติตามจึงจะรู้ ท�าแทนกันไม่ได้ แบ่งปัน
ตรวจสอบผล Evaluate ให้กันไม่ได้ ต้องประจักษ์ด้วยตนเอง

ตรวจสอบผลจากความถูกตองในการตอบคําถาม 68
และการอภิปราย

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว  NT  O-NE T
1 สังฆคุณ 9 คุณของพระสงฆ (หมายถึง สาวกสงฆหรืออริยสงฆ) มี 9 ประการ ธรรมคุณมีความหมายตรงกับขอใด
ดังนี้ 1. พระไตรปฎก
1. สุปฏิปนฺโน เปนผูปฏิบัติดี 2. พระพุทธคุณ
2. อุชุปฏิปนฺโน เปนผูปฏิบัติตรง 3. พระสังฆคุณ
3. ายปฏิปนฺโน เปนผูปฏิบัติถูกทาง 4. คุณของพระธรรม
4. สามีจิปฏิปนฺโน เปนผูปฏิบัติสมควร วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. ธรรมคุณ หมายถึง คุณของพระธรรม
5. อาหุเนยฺโย เปนผูควรแกของคํานับ มี 6 ประการ ไดแก สวากขาโต ภควตา ธัมโม, สันทิฏฐิโก, อกาลิโก,
6. ปาหุเนยฺโย เปนผูควรแกการตอนรับ เอหิปสสิโก, โอปนยิโก, ปจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญูหิ
7. ทกฺขิเณยฺโย เปนผูควรแกของทําบุญ
8. อฺชลีกรณีโย เปนผูควรแกการกราบไหว
9. อนุตฺตรํ ปุฺญกฺเขตฺตํ โลกสฺส เปนเนื้อนาบุญอันยอดเยี่ยมของโลก

68 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา
Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูใหนักเรียนดูภาพบุคคลนอนปวยในหนังสือ
๒. ÍริÂสั¨ ô เรียนหนา 69 แลวตั้งคําถามกระตุนความสนใจ
เชน
อริยสัจ ๔ คือ ความจริงอันประเสริฐ ๔ ประการ เป็นหลักค�าสอนส�าคัญของพระพุทธศาสนา
• การเจ็บปวยทางกายเปนสาเหตุที่กอใหเกิด
มีดังนี้
ทุกขอยางไร
๑. ทุกข์ คือ ความจริงว่าด้วยความทุกข์
(แนวตอบ การเจ็บปวยทางกาย นอกจากจะ
๒. สมุทัย คือ ความจริงว่าด้วยเหตุเกิดแห่งทุกข์
ทําใหเปนทุกขทางกายแลว ยังสงผลให
๓. นิโรธ คือ ความจริงว่าด้วยความดับทุกข์
ผูป ว ยมีจติ ใจออนแอ ซึมเศรา เกิดความกังวล
๔. มรรค คือ ความจริงว่าด้วยทางแห่งความดับทุกข์
1 กอใหเกิดความทุกขใจดวยเชนเดียวกัน)
2.1 ทุกข์ (ธรรมที่ควรรู้) • หลักธรรมที่จะทําใหเขาใจความทุกขและ
ทุกข์ คือ ความจริงว่าด้วยความทุกข์ ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ มนุษย์ทุกคนไม่ว่า วิธีแกปญหาความทุกขมีอะไรบาง
จะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ต่างก็มีความทุกข์ด้วยกันทั้งนั้น ความทุกข์จึงเกิดขึ้นกับใครก็ได้ทุกขณะ (แนวตอบ อริยสัจ 4 ความจริงอันประเสริฐ
เราจึงไม่ควรประมาทและพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความจริง ณ ที่นี้จะกล่าวถึงขันธ์ ๕ ซึ่งเป็น 4 ประการ อันประกอบดวย ทุกข สมุทัย
หลักธรรมที่ควรรู้เพื่อให้รู้ความจริงของการเกิดทุกข์ นิโรธ และมรรค)
๑) ขันธ์ ๕ 2คือ องค์ประกอบของชีวิตมี ๕ ประการ ดังนี้
๑.๑) รูป คือ ส่วนที่เป็นร่างกาย รวมถึงพฤติกรรมทั้งหมดของร่างกายด้วย สํารวจคนหา Explore
๑.๒) เวทนา ในที่นี้มิได้หมายถึงความสงสารที่ใช้กันทั่วไป แต่หมายถึงความรู้สึก
ที่เกิดขึ้นต่อสิ่งที่รับรู้นั้น เวทนามีอยู่ ๓ อย่าง ได้แก่ ครูใหนักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับหลักธรรม
๑. ความรู ้ สึ ก สบายใจ ทุกข (ธรรมที่ควรรู) จากหนังสือเรียนหนา 69-70
เรียกว่า สุขเวทนา หรือจากแหลงการเรียนรูตางๆ เชน หนังสือธรรมะ
๒. ความรู้สึกไม่สบายใจ หองสมุด เปนตน จากนั้นใหนํามาอภิปรายใน
เรียกว่า ทุกขเวทนา ชั้นเรียน
๓. ความรู้สกึ เฉยๆ เรียก
ว่า อุเบกขาเวทนา
๑.๓) สัญญา ในทีน่ มี้ ไิ ด้แปลว่า
ค�ามั่นสัญญาดังในภาษาสามัญ แต่หมายถึง
การก�าหนดหมายรู้สิ่ง3ใดสิ่งหนึ่ง เช่น รูป รส
กลิ่น เสียง โผฏฐัพพะ และอารมณ์ที่เกิดกับใจ
ว่า เขียว ขาว ด�า แดง ดัง เบา เสียงคน เสียง
แมว เป็นต้น การแยกแยะได้ว่าอะไรเป็นอะไร
อันเป็นขั้นตอนถัดจากเวทนา ความเจ็บป่วยทางร่างกายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดทุกข์

69

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T นักเรียนควรรู
ขอใดเปนความหมายของคําวา “วิญญาณ” ในองคประกอบขันธ 5
1 ธรรมที่ควรรู หมายความวา พระพุทธศาสนาสอนใหรูวาอะไรคือความทุกข
1. ชีวิตหลังความตาย
หมายถึง สภาพที่บีบคั้น อึดอัด ขัดเคือง แตใหรูเฉยๆ ไมใหเปนทุกขไปดวย
2. การรับรูผานการเพงของจิต
3. การกําหนดหมายรูสิ่งใดสิ่งหนึ่ง 2 รูป ประกอบดวย ธาตุทั้ง 4 ไดแก
4. การรับรูผานประสาทสัมผัสทั้ง 5 และใจ • ปฐวีธาตุ คือ ธาตุดิน เชน กระดูก เนื้อ เปนตน
• อาโปธาตุ คือ ธาตุนํ้า เชน นํ้าลาย เลือด เปนตน
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. วิญญาณ หมายถึง การรับรูผานประสาท • เตโชธาตุ คือ ธาตุไฟ เชน อุณหภูมิในรางกาย เปนตน
สัมผัสทั้ง 5 และใจ อันไดแก จักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ • วาโยธาตุ คือ ธาตุลม เชน ลมหายใจเขาออก ลมในกระเพาะอาหาร
ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ และมโนวิญญาณ เปนตน
3 โผฏฐัพพะ อารมณที่พึงถูกตองดวยกาย สิ่งที่ถูกตองกาย เชน เย็น รอน ออน
แข็ง เปนตน

คูมือครู 69
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนกั เรียนอภิปรายรวมกันเกีย่ วกับหลักธรรม
ทุกข ไดแก ขันธ 5 และอายตนะ ๑.๔) สังขาร แปลว่า สิ่งที่ปรุงแต่งจิตหรือพูดให้เข้าใจง่าย เช่น แรงจูงใจ หรือ
2. ครูใหนักเรียนนั่งหลับตาสงบนิ่ง แลวปฏิบัติตาม สิ่งกระตุ้นผลักดันให้มนุษย์กระท�าการอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นผลรวมของการรับรู้ (วิญญาณ)
ขัน้ ตอนทีค่ รูกาํ หนด เพือ่ เรียนรูอ ายตนะจากการ ความรู้สึก (เวทนา) และความจ�าได้ (สัญญา) ที่ผ่านมา เช่น ตารับรู้วัตถุสิ่งหนึ่ง (วิญญาณ) รู้สึก
ปฏิบัติจริง โดยกําหนดความรูสึกไปที่ ว่าสวยดี (เวทนา) จ�าได้ว่ามันเป็นวัตถุกลมๆ ใสๆ (สัญญา) แล้วเกิดแรงจูงใจผลักดันให้เอื้อมมือ
• ตา แลวคอยๆ ลืมตา พิจารณาสิ่งตางๆ ไปหยิบมาเพราะความอยากได้ ขั้นตอนนี้เรียกว่า “สังขาร” ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ก่อให้เกิดพฤติกรรม
รอบตัว ทั้งดีและชั่ว
• หู ครูนําแปรงลบกระดานเคาะโตะ 1 ครั้ง ๑.๕) วิญญาณ คือ การรับรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง ๕ และใจ ได้แก่
นักเรียนพิจารณาเสียงที่ไดยิน แผนผังแสดงวิญญาณ ๖
• จมูก ใหนักเรียนดมกลิ่นหลังมือของตนเอง
พิจารณากลิ่นที่สูดดม โสตวิญญาณ จักขุวิญญาณ
• ลิ้น ครูนําผลไมหรือขนมมาใหนักเรียนชิม ชิวหาวิญญาณ ฆานวิญญาณ
แลวพิจารณารสชาติที่ลิ้นสัมผัส
มโนวิญญาณ
• รางกาย ใหนักเรียนลูบแขนตนเอง พิจารณา กายวิญญาณ
สิ่งที่กายสัมผัส
• อารมณหรือความคิด นั่งสงบนิ่ง 1 นาที
พิจารณาสิ่งที่คิดภายในใจ
จากนั้นใหนักเรียนชวยกันอธิบายความหมาย
๒) อายตนะ คือ จุดเชือ่ มต่อระหว่างขันธ์ ๕ กับสิง่ ทีอ่ ยูภ่ ายนอกตัวเรา อายตนะจัดเป็น
ของอายตนะภายในและอายตนะภายนอกจาก องค์ประกอบของวิญญาณ คือการรับรู้ กล่าวคือ ในการรับรู้จะต้องมีผู้รู้และสิ่งที่ถูกรู้ ขันธ์ ๕ คือ
กิจกรรมดังกลาว ผู้รู้ ซึ่งรับรู้ผ่านอายตนะภายใน ได้แก่ ตา หู จมู1ก ลิ้น กาย และใจ ส่วนสิ่งที่ถูกรู้ คือ รูป เสียง
กลิ่น รส การสัมผัส และการนึกคิด (ธรรมารมณ์) เรียกว่า อายตนะภายนอก
ขยายความเขาใจ Expand อายตนะภายในเป็นเครือ่ งเชือ่ มต่อใจกับโลกภายนอก พระพุทธศาสนาจึงสอนให้มคี วาม
ครูใหนักเรียนอภิปรายวา ระหวางขันธ 5 กับ ส�ารวมในอายตนะ
อายตนะมีความเชื่อมโยงกันอยางไร จากนั้นให อายตนะ
นักเรียนจับคูจัดทําผังความคิด อายตนะภายใน อายตนะภายนอก

ตรวจสอบผล Evaluate  ตา ประสาทที่เห็นรูปต่างๆ ได้ เรียกว่า จักขุประสาท  รูป สิ่งที่เห็นด้วยตา



 หู ประสาทที่รับฟังเสียงได้ เรียกว่า โสตประสาท
 เสียง สิ่งที่ได้ยินด้วยหู
1. ตรวจสอบจากความถูกตองในการตอบคําถาม  จมูก ประสาทที่สูดกลิ่นได้ เรียกว่า ฆานประสาท  กลิ่น สิ่งที่สูดดมได้ด้วยจมูก

 ลิ้น ประสาทที่ลิ้มรสได้ เรียกว่า ชิวหาประสาท  รส สิ่งที่ลิ้มรสได้ด้วยลิ้น
และการอภิปราย
 กาย ประสาทรับสัมผัสได้ เรียกว่า กายประสาท  สัมผัส (โผฏฐัพพะ) สิ่งที่ถูกต้องกาย
2. ตรวจสอบจากความถูกตองของผังความคิด  ใจ หมายถึงจิต  อารมณ์ (ธรรมารมณ์) เรื่องที่คิดขึ้นด้วยใจ
เชื่อมโยงระหวางขันธ 5 กับอายตนะ
70

ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว  NT  O-NE T
การศึกษาหลักธรรมขันธ 5 และอายตนะ จะทําใหเขาใจความทุกข
ครูชแี้ นะใหนกั เรียนนําหลักธรรมขันธ 5 และอายตนะ ไปปรับใชแกปญ
 หาเพือ่ ให
ไดอยางไร
พนจากความทุกขที่นักเรียนไดประสบในชีวิตประจําวัน
แนวตอบ การศึกษาหลักธรรมขันธ 5 จะทําใหเขาใจกระบวนการเกิด
ความรูสึกทุกขอันเกิดจากรูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ซึ่งเมื่อ
นักเรียนควรรู เขาใจเชนนัน้ แลว ก็จะทําใหสามารถลด ละ เลิก ยึดมัน่ ถือมัน่ ในความจริง
ของการเกิดทุกขไดในระดับหนึ่ง สวนการศึกษาอายตนะ จะทําใหเขาใจ
1 ธรรมารมณ คือ สิ่งที่ถูกรับรูทางใจ สิ่งที่รูดวยใจ หรือสิ่งที่ใจรูสึกนึกคิด การรับรูของสิ่งที่อยูภายในกับสิ่งที่อยูภายนอก สามารถกําหนดและ
มีความสํารวมในอายตนะ จึงละจากความรูสึกทุกขได

70 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูใหนกั เรียนบอกความหมายของคํากลาวทีว่ า
2.2 สมุทัย (ธรรมที่ควรละ) “หวานพืชเชนใด ไดผลเชนนั้น”
สมุทยั คือ ความจริงว่าด้วยเหตุเกิดแห่งความทุกข์ เพราะความทุกข์ทเี่ กิดขึน้ นัน้ ต้องมีสาเหตุ
เกิดจากอะไรบางอย่าง ไม่ได้มีขึ้นลอยๆ ในที่นี้จะพูดถึงหลักธรรมที่ควรละ ๓ อย่าง เพื่อไม่ให้เกิด สํารวจคนหา Explore
ทุกข์ ได้แก่ หลักกรรม (สมบัติ ๔ วิบัติ ๔) อกุศลกรรมบถ ๑๐ อบายมุข ๖ ครูใหนักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับหลักธรรม
๑) หลักกรรม หรือกฎแห่งกรรม เป็นค�าสอนทีส่ า� คัญของพระพุทธศาสนา มีใจความ สมุทัย (ธรรมที่ควรละ) จากหนังสือเรียนหนา
สั้นๆ ว่า 71-76 หรือจากแหลงการเรียนรูตางๆ เชน หนังสือ
หว่านพืชเช่นใด ได้ผลเช่นนั้น ธรรมะ หองสมุด พระสงฆในชุมชน เปนตน
ท�าดีได้ดี ท�าชั่วได้ชั่ว
อธิบายความรู Explain
ผลของกรรมมีทั้งผลชั้นในและผลชั้นนอก ผลชั้นใน หมายความว่า เมื่อใดเราท�าดี
เราก็เป็นคนดีเมื่อนั้น คือ ใจสงบ สะอาด ปลอดโปร่ง เมื่อใดท�าชั่วก็เป็นคนชั่วเมื่อนั้น คือ จิตใจ 1. ครูและนักเรียนรวมอภิปรายเกี่ยวกับหลักกรรม
เต็มไปด้วยความโลภ ความมุ่งร้าย ความไม่สงบผ่องใส ผลชั้นนอก หมายถึง ความสุข ความทุกข์ แลวใหแสดงความคิดเห็นวา หลักกรรมแสดง
ความเจริญ ความเสือ่ ม ซึง่ ปัจจัยภายนอกตัวเราเป็นตัวก�าหนด ท�าให้ผลชัน้ นอกของกรรมไม่เป็น ถึงความสัมพันธระหวางเหตุกับผลอยางไร
ไปอย่างที่ควรเป็น 2. ใหนักเรียนแสดงความคิดเห็นตอทัศนคติที่วา
สิง่ ทีส่ นับสนุนให้กรรมดีให้ผล (ชัน้ นอก) และขัดขวางการให้ผล (ชัน้ นอก) ของกรรมชัว่ เพราะเหตุใด ตนเองทําความดี ทําบุญ
เรียกว่า “สมบัติ” ทําทานตั้งมากมาย แตก็ยังไมเห็นความดี
สิง่ ทีส่ นับสนุนให้กรรมชัว่ ให้ผล (ชัน้ นอก) และขัดขวางการให้ผล (ชัน้ นอก) ของกรรมดี มาตอบสนองใหชีวิตมีความสุข ความเจริญ
เรียกว่า “วิบัติ” กาวหนาเสียที
สมบัติ ๔ และวิบัติ ๔ (แนวตอบ ครูเปดโอกาสใหนักเรียนแสดง
สมบัติ ๔ วิบัติ ๔ ความคิดเห็นไดอยางหลากหลาย แตตองแสดง
เหตุผลที่อยูบนพื้นฐานของหลักกรรม อีกทั้ง
สมบัติ คือ ความถึงพร้อม ๔ ประการ ดังนี้ วิบตั ิ คือ ความบกพร่อง ๔ ประการ ดังนี้
ครูควรชี้แนะใหนักเรียนพึงทําความดี โดยไม
 คติสมบัติ คือ เกิดอยู่ในภพ ถิ่น หรือประเทศ  คติวิบัติ คือ เกิดอยู่ในภพ ถิ่น หรือประเทศที่
ที่เจริญ ไม่เจริญ คํานึงถึงผลประโยชนที่จะไดรับ)
 อุปธิสมบัติ คือ เกิดมามีรา่ งกายสง่างาม แข็งแรง  อุปธิวบิ ตั ิ คือ เกิดมามีรา่ งกายพิกลพิการ อ่อนแอ
น่านิยม เลื่อมใส ไม่สง่างาม
 กาลสมบั ติ คื อ เกิ ด อยู ่ ใ นสมั ย ที่บ้านเมืองมี  กาลวิบัติ คือ เกิดอยูใ่ นสมัยทีบ่ า้ นเมืองมี1ทกุ ข์เข็ญ
ความสงบสุข สังคมยกย่องคนดี ไม่ส่งเสริม ยกย่องคนชั่ว บีบคั้นคนดี ไม่มีศีลธรรม
คนชั่ว มีผู้ปกครองดี  ปโยควิบัติ คือ การท�าไม่ครบถ้วน ไม่ต่อเนื่อง
 ปโยคสมบัติ คือ การท�าให้ครบถ้วน ท�าอย่าง ท�าครึ่งๆ กลางๆ ไม่ตรงกับความถนัดหรือความ
ต่อเนื่อง ท�าถึงที่สุด ไม่ท�าเพียงครึ่งๆ กลางๆ สามารถของตน
ท�าตรงกับความสามารถของตน
71

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T นักเรียนควรรู
การศึกษาหลักธรรมกรรม มีประโยชนอยางไร
1 ศีลธรรม คือ กฎ ระเบียบ ขอบังคับ ตลอดจนหลักปฏิบัติทางศาสนาที่บุคคล
1. ทําใหไมประมาทในชีวิต
พึงปฏิบัติเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตใหประกอบดวยคุณธรรม ซึ่งในความหมายของ
2. ทําใหเขาใจตนเองมากขึ้น
คําวา ศีลธรรม จะมีความหมายที่คลายกับคําวา จริยธรรม กลาวคือ จริยธรรม
3. ทําใหรูจักคุนเคยกับผูอื่นยิ่งขึ้น
เปนเรื่องของความควร ไมควรของพฤติกรรม ซึ่งเปนมาตรฐานความประพฤติของ
4. ทําใหไดรับแตความสุขทางกาย
บุคคล ศีลธรรมมีความโนมเอียงที่จะเกี่ยวของกับทางศาสนา สวนจริยธรรมเปน
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. หลักกรรม หมายถึง การกระทําทางกาย เรื่องที่เกี่ยวกับมนุษยธรรม
ทางวาจา หรือทางใจ ที่ประกอบดวยเจตนาดีก็ตาม เจตนาชั่วก็ตาม
ในทางพระพุทธศาสนาอธิบายกฎแหงกรรมไววา ผูใดกระทําสิ่งใดไวยอมจะ
ไดรับผลแหงการกระทํานั้น ถาทําดียอมไดรับผลดีตอบแทน แตถาทําชั่ว มุม IT
ยอมไดรับผลชั่วตอบแทนเชนกัน ซึ่งหลักกรรมสอนใหผูปฏิบัติรูจักคิด
ไตรตรองการกระทําตางๆ ภายใตหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา และทําให ศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องกรรม ไดที่
ใชชีวิตอยางไมประมาท http://www.dhammajak.net เว็บไซตธรรมจักร และ
http://www.fungdham.com เว็บไซตฟงธรรม

คูมือครู 71
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูถามนักเรียนวา สิง่ ใดหรือเหตุการณใดทีท่ าํ ให
นักเรียนรูสึกผิดหวังหรือเสียใจที่ไดกระทํา ตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงการเกิดอยู่ในที่ต่างๆ ดังนี้
2. ครูและนักเรียนอภิปรายรวมกันเกี่ยวกับอกุศล- ๑. เกิดอยู่ในถิ่นเจริญ มีบริการ การศึกษาดี ทั้งที่สติปัญญาและความขยันไม่เท่าไร
กรรมบถ 10 จากนั้นครูสุมนักเรียนออกมาเลา แต่ก็ยังศึกษาได้มากกว่า สามารถเข้าถึงสถานะ
เหตุการณที่นักเรียนเคยประสบที่สอดคลองกับ ทางสังคมสูงกว่าอีกคนหนึ่ง ซึ่งมีสติปัญญา
กรรมชัว่ ทางกาย กรรมชัว่ ทางวาจา และกรรมชัว่ และความขยันดีกว่า แต่ไปเกิดอยู่ในถิ่นป่าดง
ทางใจ พรอมกับบอกถึงผลที่ตนเองไดรับ ๒. มีสติปญั ญาดี แต่ไปเกิดเป็นคนป่า
จากการกระทําสิ่งไมดีเหลานั้น อยู่ในกาฬทวีปก็ไม่มีโอกาสได้เป็นนักปราชญ์
3. ครูใหนักเรียนวิเคราะหวา เพราะเหตุใด แมวา ๓. มีความรู้ ความสามารถดี แต่ไป
บางคนจะรูวาทางแหงความชั่วเปนสิ่งไมดี แตก็ อยู่ในถิ่นหรือในชุมชนที่เขาไม่เห็นคุณค่าของ
ยังกระทําในสิ่งนั้นอยู ความรู้ และความสามารถนั้น เข้ากับเขาไม่ได้
(แนวตอบ ครูเปดโอกาสใหนักเรียนแสดง ถูกเหยียดหยามบีบคั้น อยู่อย่างเดือดร้อน
ความคิดเห็นไดอยางหลากหลาย โดยครูอธิบาย ๔. เป็นคนซื่อสัตย์ ท�าแต่สิ่งดีงาม
เพิ่มเติมถึงแนวทางการปฏิบัติเพื่อขมใจ มาเกิดอยูใ่ นยุคทีผ่ ปู้ กครองดี สังคมยกย่องเชิดชู
มิใหคิด พูด และทําในสิ่งไมดี) คนดี คนนั้นก็มีเกียรติ มีความเจริญ
บุคคลที่อยู่ในที่เจริญได้รับการศึกษาดี ย่อมที่จะมีโอกาส ในยามสั ง คมเสื่ อ มจากศี ล ธรรม
ทางสังคมดีกว่าบุคคลที่อยู่ในถิ่นไม่เจริญ
ผู้ปกครองไม่ประกอบด้วยธรรม คนท�าดีไม่ได้
รับการยกย่อง อาจถูกเบียดเบียนได้รับความเดือดร้อน
1
๒) อกุศลกรรมบถ
ลกรรมบถ ๑๐ คือ ทางแห่งอกุศลกรรม หรือทางแห่งความชั่ว หรือ
อาจหมายถึง กรรมชั่วอันเป็นทางไปสู่ความเสื่อม ความทุกข์ก็ได้
กรรมชั่วนี้แบ่งได้เป็น ๓ ทางใหญ่ๆ ได้แก่ ทางกาย ทางวาจา และทางใจ
๒.๑) กรรมชั่วทางกาย มี ๓ ประการ ดังนี้
(๑) ปาณาติบาต คือ การปลงชีวิต การท�าให้สัตว์โลกถึงแก่ความตาย
(๒) อทิน นาทาน คือ การขโมยของผู้อื่น การถือเอาของที่เขาไม่ให้
รวมถึงการฉ้อโกง ยักยอก หลอกลวง คอร์รัปชันด้วย
(๓) กาเมสุมิจฉาจาร คือ การประพฤติผิดในกาม การละเมิดคู่ครอง ของรัก
ของหวงของผู้อื่น
๒.๒) กรรมชั่วทางวาจา มี ๔ ประการ ดังนี้
(๑) มุสาวาท คือ การพูดเท็จ พูดสิ่งที่ไม่จริงโดยที่ตนรู้ว่าไม่จริง รวมถึง
การพูดก�ากวมเพื่อหลอกลวงผู้อื่นด้วย
(๒) ปิสณุ วาจา คือ พูดส่อเสียด ท�าให้คนเกิดแตกสามัคคี พูดกระทบกระเทียบ
เหน็บแนม เพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งเจ็บใจ การพูดเสียดสีมักเกิิดจากความอิจฉา
72

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว  NT  O-NE T
บุคคลใดตอไปนี้ถือวากําลังกระทําปสุณวาจา
1 อกุศลกรรมบถ 10 ตรงกับเบญจศีลขอตางๆ ดังนี้
1. หยกเก็บกระเปาสตางคไดแลวไมสงคืนเจาของ
อกุศลกรรมบถ เบญจศีล 2. พลอยมีความเชื่อวาทําดีไดดีมีที่ไหน ทําชั่วไดดีมีถมไป
ปาณานิบาต ขอ 1 3. เพชรชอบดาเพื่อนดวยคําหยาบคายเสมอเมื่อโกรธเพื่อน
อทินนาทาน ขอ 2 4. ทับทิมพูดจาแดกดันเพื่อนรวมงานเรื่องการแตงกายเสมอ
กาเมสุมิจฉาจาร ขอ 3 วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. ปสุณวาจา หมายถึง การพูดสอเสียด
มุสาวาท ปสุณวาจา ผรุสวาจา สัมผัปปลาปะ ขอ 4 พูดเหน็บแหนม พูดจาแดกดัน พูดจากระทบกระเทียบ จัดเปนกรรมชั่ว
ทางวาจาอยางหนึ่ง ดังนั้น การที่ทับทิมพูดจาแดกดันเพื่อนรวมงานเรื่อง
การแตงกายเสมอ จึงถือวาเปนปสุณวาจา
ขอ 1. ถือเปนอทินนาทาน คือ การลักทรัพยผูอื่น
มุม IT ขอ 2. ถือเปนมิจฉาทิฏฐิ คือ ความเห็นผิดจากทํานองคลองธรรม
ขอ 4. ถือเปนผรุสวาจา คือ การพูดคําหยาบ
ศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับอกุศลกรรมบถ 10 ไดที่
http://www.buddhism-online.org เว็บไซตมูลนิธิเผยแผพระสัทธรรม
72 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนกั เรียนแสดงความคิดเห็นวา การดืม่ สุรา
(๓) ผรุสวาจา คือ พูดค�าหยาบ การพูดหยาบก่อให้เกิดความแตกร้าว ท�าให้ และของมึนเมามีผลกระทบตอตนเองและสังคม
เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ อยางไร
(๔) สัมผัปปลาปะ คือ พูดเพ้อเจ้อ ไม่มีแก่นสาร ไม่มีประโยชน์แก่ใคร (แนวตอบ การดื่มสุราและของมึนเมา ทําให
ไม่ว่าตนเองหรือผู้อื่น ขาดสติในการกระทําสิ่งตางๆ อาจนํามาซึ่ง
๒.๓) กรรมชั่วทางใจ มี ๓ ประการ ดังนี้ การทะเลาะวิวาท สรางความเดือดรอนใหกับ
(๑) อภิชฌา คือ คิดเพ่งเล็งอยากได้ของเขา โดยไม่นึกว่าของใครใคร ผูอื่น เปนบอเกิดของโรคราย ทําใหสุขภาพ
ก็หวง แม้ยังมิได้ลงมือขโมยแต่ก็ท�าให้จิตใจเสื่อม ไม่คิดที่จะขยันขันแข็งเพื่อหามาด้วยตนเอง เสื่อมโทรม อาจถึงแกความตาย ทั้งนี้การดื่ม
(๒) พยาบาท คือ คิดร้ายผู้อื่น อยากให้ผู้อื่นเจ็บปวด เสียหาย ประสงค์ร้าย สุราและของมึนเมายังสงผลกระทบตอสังคม
ความคิดร้ายนี้จะบั่นทอนความสามารถและความดีของตนเอง คือ เปนสาเหตุของการกอคดีอาชญากรรม
(๓) มิจฉาทิฏฐิ คือ เห็นผิดจากคลองธรรม เช่น ไม่เชื่อว่าท�าดีได้ดี ท�าชั่ว ประเภทตางๆ ทําใหประเทศตองสูญเสีย
ได้ชั่ว เป็นต้น งบประมาณในการดูแลรักษาสุขภาพประชากร)
2. ครูตั้งสถานการณใหนักเรียนชวยกันหาทาง
๓) อบายมุข ๖ คือ ทางแห่งความเสื่อม เป็นสิ่งที่เราควรละ มี ๖ ประการ ดังนี้
แกปญหา เชน
๓.๑) ติดสุราและของมึนเมา การติดสุราและของมึนเมามีโทษ ดังนี้
• ถาหากเพื่อนของนักเรียนชวนใหทดลอง
๑. ท�าให้เสียทรัพย์
ดื่มสุรา นักเรียนจะมีวิธีปฏิเสธอยางไร
๒. ท�าให้เกิดการทะเลาะวิวาท คนเมาสุรามักจะทะเลาะกัน ตีกัน และ
(แนวตอบ อาจบอกเพื่อนวา ชอบดื่ม
บางครั้งถึงกับฆ่ากัน คนบางคนเวลาไม่เมามีความประพฤติเรียบร้อย แต่พอดื่มสุราเข้าไปแล้ว
นํ้าเปลาหรือนํ้าผลไมมากกวา หลังจากนั้น
ต้องหาเรื่องทะเลาะกับคนอื่นเกือบทุกครั้ง
หาโอกาสบอกเพื่อนวา การดื่มสุราเปนสิ่ง
๓. เป็นบ่อเกิดแห่งโรค สุราและสิง่ เสพติดทุกอย่างท�าให้เสียสุขภาพบัน่ ทอน
ไมดี ทําใหเสียสุขภาพ สิ้นเปลืองเงินทอง)
ก�าลังกาย หากเสพไปนานๆ อาจท�าให้ถงึ แก่ความตายได้ หรือถ้าไม่ตายก็ไม่มกี า� ลังในการประกอบ
• ถาคนใกลตัว เชน ญาติพี่นองหรือเพื่อน
อาชีพหน้าที่การงานต่างๆ
ติดสุราอยางหนัก นักเรียนจะมีวิธีแนะนําให
๔. ท�าให้เสียเกียรติยศและชื่อเสียง คนเมาสุราอยู่เสมอ คนติดยาเสพติด
บุคคลเหลานั้นเลิกดื่มสุราอยางไร
ย่อมไม่มีใครเชื่อ ไม่มีใครยอมรับนับถือ ไว้วางใจ ไม่มีใครอยากคบค้าสมาคม หรือไม่มีใครอยาก
(แนวตอบ พูดคุยกับบุคคลเหลานั้นอยางตรง
ให้ท�างานด้วย เพราะคนเช่นนี้ ถ้าไม่มีเงินซื้อสุราหรือยาเสพติดก็อาจจะกระท� าในสิ่งที่ชั่วร้าย
ไปตรงมา โดยแสดงถึงความหวงใยและ
ต่างๆ ได้ง่าย
ความปรารถนาดี อาจพยายามชวนคุยถึง
๕. ท�าให้ไม่รู้จักอาย คนเมาสุราจะกระท�าสิ่งต่างๆ โดยขาดสติ เพราะ
ปญหาชีวิตตางๆ เชน สภาพจิตใจ
ถูกฤทธิ์แอลกอฮอล์ครอบง�า บางคนเมื่อหายเมาแล้วก็ยังไม่รู้ว่าตอนที่เมาอยู่นั้นตนได้ท�าอะไร
ซึมเศรา การเรียนหรือการงานแยลง สุขภาพ
ลงไปบ้าง ดังนั้น คนที่เมาสุราอยู่เป็นนิจ จึงไม่มีใครอยากเกี่ยวข้องคบค้าสมาคมด้วย
เสือ่ มโทรม เปนตน แลวโยงวาปญหาเหลานี้
๖. บั่นทอนก�าลังสติปัญญา สุราและยาเสพติดไม่เพียงแต่บั่นทอนก�าลังกาย
ลวนมีสาเหตุมาจากการดื่มสุราหรือของ
เท่านั้น แต่ยังท�าให้สติปัญญาเสื่อม ความจ�าไม่ดี หลงลืมง่าย ความคิดและการตัดสินใจเชื่องช้า
มึนเมา โดยชี้ใหเห็นถึงผลกระทบที่มีตอ
ลงเรื่อยๆ จนในที่สุดมีสภาพเหมือนกับคนที่ตายทั้งเป็น
บุคคลและสังคมในวงกวาง เพื่อใหตระหนัก
73 ถึงโทษของการดื่มสุรา แลวจึงแนะนํา
กิจกรรมดีๆ ที่มีประโยชนใหปฏิบัติ)

บูรณาการเชื่อมสาระ
ครูสามารถนําเนื้อเรื่องสุราและของมึนเมา ไปบูรณาการเชื่อมโยงกับ เกร็ดแนะครู
กลุมสาระการเรียนรูสุขศึกษาและพลศึกษา วิชาสุขศึกษา เรื่องสารเสพติด
ครูอาจแนะนําใหนกั เรียนสรางสรรคกจิ กรรมทีร่ ณรงคการงดดืม่ สุรา การเผยแพร
โดยครูอธิบายถึงผลรายของสุราที่มีตอรางกาย ดังนี้
ความรูเกี่ยวกับโทษ การบําบัดรักษา และวิธีการเลิกดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล
• ผลรายตอระบบประสาทสวนกลาง จะไปกดประสาทสวนกลาง ทําให
เพื่อใหคนในสังคมตระหนักถึงพิษภัยของสุราและของมึนเมา
ขาดความยับยั้งชั่งใจ ขาดสติ ขาดประสิทธิภาพในการทําสิ่งตางๆ มีอาการ
หูอื้อ ตาลาย เสียการทรงตัว มีบุคลิกภาพเปลี่ยนแปลงไป และอาจถึงกับ
หมดสติไปได
• ผลรายตอระบบหัวใจและหลอดเลือด ทําใหหัวใจเตนเร็ว ความดัน
มุม IT
เลือดสูง หลอดเลือดขยายตัว ทําใหผูดื่มมีใบหนาแดง หูแดง มีเลือดไปเลี้ยง ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความรูทั่วไปของเครื่องดื่มแอลกอฮอล ไดที่
สมองมาก ทําใหสมองบวม มีอาการปวดศีรษะ http://www.thaiantialcohol.com เว็บไซตสํานักงานคณะกรรมการควบคุม
• ผลรายตอระบบทางเดินอาหาร ผูติดสุรามักเปนโรคกระเพาะอาหาร เครื่องดื่มแอลกอฮอล
อักเสบเปนแผล ลําไสอักเสบเรื้อรัง และอาจทําใหเกิดมะเร็งที่หลอดอาหารได
• ผลรายตอตับ ทําใหเปนโรคตับแข็ง ตับมีเลือดมาคั่งมาก ทําใหผูปวย
ทองบวมนํ้า มีอาการตัวเหลืองและตาเหลืองได
• ผลรายตอทางจิตใจ เมื่อไมไดดื่มจะมีความกระวนกระวาย ฉุนเฉียว
และถาดื่มมากๆ จะมีอาการประสาทหลอนได
คูมือครู 73
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูสนทนากับนักเรียนเกีย่ วกับอุบตั เิ หตุเพลิงไหม
ที่ “ซานติกาผับ” หลังจากนั้นครูตั้งคําถามให ๓.๒) ชอบเทีย่ วกลางคืน สมัยก่อนการเทีย่ วกลางคืน หมายถึง การไปดูภาพยนตร์
นักเรียนชวยกันตอบ เชน ดูละคร ไปเต้นร�า ปัจจุบันในเมืองใหญ่ๆ มีที่เที่ยวมากมาย เช่น สถานอาบอบนวด บาร์ คาเฟ
• การเที่ยวกลางคืนเปนประจํา สงผลกระทบ ไนท์คลับ ผับ และอื่นๆ มากมาย การเที่ยวกลางคืนมีโทษ ดังนี้
ตอตนเองและสังคมอยางไร
(แนวตอบ ทําใหสิ้นเปลืองเงินทองโดยไมได โทษของการเทีย่ วกลางคืน
ประโยชนอันใด ทําใหสุขภาพรางกาย ๑. เป็นการไม่รักตัว คนที่ชอบเที่ยวมากย่อมท�าให้ร่างกายและจิตใจไม่ปกติ ไม่อาจประกอบหน้าที่
เสื่อมโทรม นอนพักผอนไมเพียงพอ เกิดโรค การงานได้ตามปกติ และต้องเสียเงินรักษาตัวโดยไม่จ�าเป็น
แทรกซอนตางๆ ไดงาย ทั้งนี้การเปนคนชอบ ๒. เป็นการไม่รักลูกเมียหรือครอบครัว การไปเที่ยวบ่อยๆ ท�าให้ครอบครัวขาดความอบอุ่น ซึ่งอาจเกิด
เที่ยวกลางคืนเปนประจํานั้น ยังสงผลใหผูอื่น ปัญหาต่างๆ ได้
มองภาพลักษณของตัวเราไปในทางไมดี เชน ๓. เป็นการไม่รักษาทรัพย์สมบัติ การเที่ยวเตร่เป็นการจ่ายเงินโดยไม่ได้รับประโยชน์อะไร ทรัพย์สิน
มีแต่จะหมดไป อาจมีปัญหาแทรกซ้อนได้
เปนที่ระแวงสงสัยของผูอื่น ผูอื่นจะคิดวาเรา
๔. เป็นที่ระแวงสงสัยของผู้อื่น ข้อนี้เห็นชัด คนที่เที่ยวกลางคืนเป็นประจ�าผู้คนย่อมไม่ค่อยจะไว้ใจ ท�าให้
เปนคนเหลวไหล ขาดความรับผิดชอบ
ส่งผลกระทบไปถึงการท�างานไม่ว่าจะเป็นงานราชการหรือธุรกิจเอกชน หัวหน้าจะไม่ไว้ใจ ลูกน้องจะ
เปนตน) ไม่เลื่อมใส
2. ครูใหนักเรียนแสดงความคิดเห็นวา ถานักเรียน ๕. เป็นเปาให้เขาใส่ความ ท�าอะไรผิดเล็กน้อยคนก็จะหาว่าเพราะเที่ยวมากจึงเป็นอย่างนี้ ทั้งๆ ที่อาจมิใช่
ไมไปเที่ยวกลางคืน นักเรียนจะเลือกทําสิ่งใด ก็ได้
เพื่อสรางประโยชนและคุณคาใหแกตนเอง ๖. เป็นทีม่ าของความเดือดร้อนนานาชนิด เมือ่ เทีย่ วจนหมดเงิน อาจคิดการทุจริต อาจมีอารมณ์เสียบ่อยๆ
(แนวตอบ เชน อยูกับครอบครัวที่บาน เลือกดู อาจท�าให้ครอบครัวเกิดความแตกแยก
รายการโทรทัศนที่เปนประโยชน อานหนังสือ
ที่ใหความรูและความบันเทิง เพื่อเสริมสราง
สติปญญาใหเกิดความรอบรู พัฒนาตนใหมี
ความรูความสามารถที่ดียิ่งขึ้น เปนตน)

74

กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
ครูอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนเขาใจวา ตามพระราชบัญญัติสถานบริการ ครูมอบหมายใหนักเรียนไปคนควาหาขาวจากหนังสือพิมพ โทรทัศน
(ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2560 กําหนดไววา ผูที่จะเขาไปใชบริการสถานบริการไดนั้น หรืออินเทอรเน็ต เกี่ยวกับโทษของการเที่ยวกลางคืน เชน เกิดการทะเลาะ
จะตองมีอยูไมตํ่ากวา 20 ปบริบูรณ แตในความเปนจริงแลว ไมวาจะอายุเทาใด วิวาท เกิดคดีอาชญากรรม เปนตน แลวเขียนสรุปเหตุการณที่เกิดขึ้นในขาว
ก็ควรหลีกเลี่ยงการไปเที่ยวเตรในสถานที่อโคจรเชนนั้น เพราะสมเด็จพระสัมมา- พรอมทั้งวิเคราะหวามีผลเสียตอชีวิตและทรัพยสินอยางไร จากนั้นนํามาเลา
สัมพุทธเจาทรงสั่งสอนแลววาการเทีี่ยวกลางคืนมีโทษมากมาย พุทธศาสนิกชนที่ดี ใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน
จึงควรนอมนําคําสั่งสอนของพระองคมาประพฤติปฏิบัติ เพื่อใหเกิดความสุขและ
ความกาวหนาในชีวิต
กิจกรรมทาทาย

ครูมอบหมายใหนักเรียนไปศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับโทษของการ
ชอบเที่ยวกลางคืน จากนั้นใหนําขอมูลที่ไดแตงเปนเรื่องสั้นหรือนิทานที่ให
ขอคิดเตือนใจ แลวออกมานําเสนอหนาชั้นเรียน

74 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
1. ครูนําภาพการละเลน เชน ภาพฟอนรํา
1 ภาพคอนเสิรต ภาพการแสดงละครเวที
๓.๓) ชอบเที่ยวดูการละเล่น การละเล่นมีความหมาย ดังต่อไปนี้
๑. มีร�าที่ไหนไปที่นั่น เปนตน มาใหนักเรียนอภิปรายถึงประโยชน
๒. มีขับร้องที่ไหนไปที่นั่น ที่ไดรับจากดูการละเลนดังกลาว
๓. มีดนตรีที่ไหนไปที่นั่น 2. ใหนักเรียนวิเคราะหวา การชอบเที่ยวดูการ
๔. มีเสภาที่ไหนไปที่นั่น ละเลนตางๆ มากจนเกินไปนั้น สงผลกระทบ
๕. มีเพลงที่ไหนไปที่นั่น ตอตนเองอยางไร
๖. มีเถิดเทิงที่ไหนไปที่นั่น (แนวตอบ การเที่ยวดูการละเลนตางๆ มากจน
ในการชอบเที่ยวดูการละเล่นนี้ เกินไปหรือมีใจจดจออยูแตเรื่องเดียวนั้น จะ
มีโทษ คือ ถ้าเทีย่ วมากเกินไป ท�าให้ใจไปจดจ่อ ทําใหละเลยในการกระทําสิ่งอื่นๆ ที่เปนหนาที่
อยูก่ บั สิง่ เหล่านี้ ไม่เป็นอันท�ามาหากิน เสียทัง้ เวลา หรือการทํางานหลัก ทําใหขาดความนาเชื่อถือ
เสียทั้งเงิน ท�าให้คนเชื่อถือน้อยลง ถูกมองว่า และถูกมองวาเปนคนไมเอาการเอางาน)
เป็นคนไม่เอาการเอางาน 3. ครูใหนักเรียนวิเคราะหสาเหตุที่ทําใหบางคน
๓.๔) ติดการพนัน มีโทษ ดังนี้ ติดการพนันจนยอมเสียทรัพยสินเปนจํานวน
๑. เมื่อชนะย่อมก่อเวร ในการเที่ยวชมการละเล่นต่างๆ หากพิจารณาเลือกชมได้ มาก ตลอดจนบอกถึงโทษของการติดพนัน
คือ เมื่อเล่นได้ก็ย่อมมีคนอยากแก้มือเรียกร้อง เหมาะสมกั บวัยและเวลา จะช่วยสร้างความบันเทิงใจให้ (แนวตอบ สาเหตุที่ทําใหบางคนเลนการพนันจน
กับผู้ชม
ให้เล่นอีก เสียทรัพยสินเปนจํานวนมาก มาจากความโลภ
๒. เมื่อแพ้ย่อมเสียดายทรัพย์ คือ เมื่อเล่นเสีย จิตใจก็บังเกิดความเสียดาย ภายในใจ ปราศจากการคิดดวยเหตุและผล
ต้องการเล่นต่อไปอีก การพนันทุกชนิดท�าให้คนลุม่ หลง เมือ่ ลองเล่นแล้ว ก็มกั หยุดไม่ได้ หนักเข้า จึงทําใหความโลภบังคับจิตใหยอมทําทุกสิ่ง
ก็ไม่เป็นอันท�างานหรือศึกษาเล่าเรียน เพื่อใหไดผลตอบแทนกลับมา สงผลใหเกิด
๓. ทรัพย์สนิ ย่อมเสียหาย ไม่เคยปรากฏว่ามีคนร�า่ รวย หรือมีฐานะดีได้ดว้ ย ความทุกข สรางความเดือดรอนใหแกตนเอง
การพนัน เพราะถึงแม้จะเล่นชนะ เงินที่ได้มานั้นก็มักเก็บไว้ได้ไม่นาน ต้องใช้จ่ายจนหมด และครอบครัวในภายหลัง)
๔. ไม่มีใครเชื่อถือ ผู้ที่เป็นนักเลงการพนัน ผู้อื่นย่อมขาดความเชื่อถือใน
ถ้อยค�า มักถูกมองว่าเป็นคนหลอกลวง ขยายความเขาใจ Expand
๕. เพื่อนฝูงดูหมิ่น ไม่อยากคบค้าสมาคม เพราะกลัวจะเสียชื่อตามไปด้วย ใหนักเรียนชวยกันเขียนผังความคิดแสดงถึง
๖. ไม่มใี ครอยากได้เป็นคูค่ รองเพราะกลัวชีวติ ครอบครัวไม่ราบรืน่ เนือ่ งจาก การเชื่อมโยงวาการคบคนชั่วเปนมิตรจะนําไปสู
นักเลงการพนันอาจจะละทิ้งครอบครัวได้ ถ้าหากติดการพนันมากๆ พฤติกรรมการติดการพนัน ชอบเที่ยวดูการละเลน
๓.๕) คบคนชั่วเป็นมิตร คนเราเมื่ออยู่ใกล้ชิดกับใคร ก็มีโอกาสที่จะมีพฤติกรรม ชอบเที่ยวกลางคืน และติดสุราและของมึนเมา
เช่นเดียวกับเขา เปรียบเหมือนดั่งว่าถ้าเราอยู่ใกล้ของหอมเราก็หอมไปด้วย และถ้าอยู่ใกล้ของ พรอมอธิบายโดยสรุปใตผัง แลวสงครูผูสอน
เหม็นเราก็ย่อมเหม็นตามไปด้วย ดังนั้น ในการคบค้าผู้ใดเป็นมิตร นักเรียนจึงต้องระมัดระวังให้ดี
โดยพยายามหลีกเลี่ยงไม่คบคนชั่ว ๖ ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้ ตรวจสอบผล Evaluate
75 1. ตรวจสอบจากความถูกตองในการตอบคําถาม
และการอภิปราย
2. ตรวจสอบจากความถูกตองของผังความคิด
บูรณาการเชื่อมสาระ
ครูสามารถนําเนื้อหาเรื่องการคบคนชั่วเปนมิตร คบนักเลงสุรายาเสพติด เกร็ดแนะครู
ไปบูรณาการเชื่อมโยงกับกลุมสาระการเรียนรูสุขศึกษาและพลศึกษา
ครูแนะนําและอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนเขาใจวา อบายมุข 6 ที่นําไปสู
วิชาสุขศึกษา เรื่องการชวยเหลือฟนฟูผูติดสารเสพติด โดยใหนักเรียนศึกษา
อบายมุขขออื่นไดทั้งหมด คือ การคบคนชั่วเปนมิตร นักเรียนจึงตองระมัดระวัง
คนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับโทษของสารเสพติดประเภทตางๆ ตลอดจนการ
ในการคบเพื่อน เพราะเมื่อเราอยูใกลชิดใคร ก็มีโอกาสที่จะเลียนแบบพฤติกรรม
ปองกันและชวยเหลือผูติดสารเสพติด แลวนําขอมูลที่ไดมาอภิปรายรวมกัน
ของเขา ถาเราคบเพื่อนที่มีพฤติกรรมไมดี เชน ติดสุรา เขาอาจจะชักชวนใหเรา
ในชั้นเรียน
ดื่มสุราดวย หรือติดการพนัน เขาอาจจะชักชวนเราไปเลนการพนันดวย เปนตน

นักเรียนควรรู
1 การละเลน วัตถุประสงคในคําสอนนี้ ถาเขาไปดูเพื่อความบันเทิง
เพื่อผอนคลายเปนครั้งคราว ไมถือวาเปนโทษแตถือวาเปนนันทนาการอยางหนึ่ง
โดยนัยนี้ตองการสอนศาสนิกชนมิใหมีความหมกมุนมากเกินไป เพราะจะมี
ผลกระทบอยางอื่นตามมา

คูมือครู 75
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูใหนักเรียนยกตัวอยางเหตุการณในชีวิต
ประจําวันที่ทําใหนักเรียนรูสึกมีความสุข ๑. นักเลงการพนัน
๒. นักเลงเจ้าชู้ 1
สํารวจคนหา Explore ๓. นักเลงสุรายาเสพติด
๔. นักลวงเขาด้วยของปลอม
ครูใหนักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับหลักธรรม ๕. นักหลอกลวง
นิโรธ (ธรรมที่ควรบรรลุ) จากหนังสือเรียนหนา ๖. นักเลงหัวไม้
76-78 หรือจากแหลงการเรียนรูตางๆ เชน หนังสือ ๓.๖) เกียจคร้านการงาน คนเกียจคร้านการงานนั้น มักจะยกเหตุผลต่างๆ นานา
ธรรมะ หองสมุด เปนตน มาอ้างว่ายังท�างานไม่ได้ เช่น อ้างว่าหนาวนัก ร้อนนัก เย็นไปแล้ว ยังเช้านัก หิวนัก อิ่มนัก
ความเกียจคร้านมีโทษอย่างไร แทบไม่ต้องพูดถึง ทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่เป็น
อธิบายความรู Explain ประโยชน์และสิ่งดีงามทั้งหลายย่อมไม่เกิดจากความเกียจคร้าน เรียนหนังสือก็สู้เขาไม่ได้
ท�ามาหากินก็สเู้ ขาไม่ได้ ได้แต่หาเหตุผลมาช่วยให้สบายใจขึน้ ซึง่ จริงๆ แล้วไม่ชา้ ก็ทราบว่าแทนที่
ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับความหมาย
จะสบายใจกลับเป็นทุกข์ใจมากขึ้น
ของพุทธดํารัสที่วา “เมื่อสิ่งนี้ไมมี สิ่งนั้นไมมี
เพราะสิง่ นีด้ บั สิง่ นัน้ ก็ดบั ” จากนัน้ ใหนกั เรียนชวยกัน คุณประโยชน์ของการละเว้นอบายมุข
บอกวา ทุกครั้งที่นักเรียนรูสึกไมสบายใจ มีความ ผู้ที่ละเว้นจากอบายมุข ๖ ย่อมได้รับคุณประโยชน์ ดังนี้
ทุกขใจ นักเรียนมีวิธีแกปญหาอยางไร ๑. ไม่เสียทรัพย์ไปโดยเปล่าประโยชน์
(แนวตอบ เมื่อความทุกขเกิดจากสาเหตุใด ก็ตอง ๒. ไม่หมกมุ่นในสิ่งที่หาสาระมิได้
ดับสาเหตุแหงทุกขนั้น ดังนั้น เมื่อเกิดความรูสึก ๓. ประกอบหน้าที่การงานได้เต็มที่
ไมสบายใจหรือทุกขใจ ควรหาสาเหตุแหงความทุกขใจ ๔. ชีวิตไม่ตกต�่า
เหลานั้น ซึ่งจะทําใหมองเห็นวิธีการดับทุกข ๕. เป็นที่รักใคร่และไว้วางใจของผู้อื่น
เพื่อพนจากความทุกขทั้งปวงได) ๖. มีพลานามัยสมบูรณ์ และสติปัญญาไม่เสื่อมถอย
๗. สามารถประกอบหน้าที่การงานได้ด้วยความสุจริต

2.3 นิโรธ (ธรรมที่ควรบรรลุ)


นิโรธ คือ ความจริงว่าด้วยความดับทุกข์ เมื่อความทุกข์เกิดจากสาเหตุ ถ้าเราดับสาเหตุเสีย
ความทุกข์นั้นก็ย่อมดับไปด้วย ดังพุทธด�ารัสว่า “เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนั้นก็ไม่มี เพราะสิ่งนี้ดับ
สิง่ นัน้ ก็ดบั ” ณ ทีน่ จี้ ะพูดถึงหลักธรรมบางข้อทีเ่ ราควรบรรลุเพือ่ เป็นทางดับทุกข์ตามหลักอริยสัจ ๔
ในพระพุทธศาสนามีหลักค�าสอนเรื่องอริยสัจ ๔ ซึ่งเกี่ยวกับความทุกข์ และวิธีดับทุกข์
บางคนอาจคิดว่าพระพุทธศาสนาสอนแต่เรื่องความทุกข์ไม่สอนเรื่องความสุขจริงๆ แล้วพระพุทธ
ศาสนามีหลักค�าสอนเกี่ยวกับเรื่องความสุขมากมาย จุดหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา คือ
“นิพพาน” ก็เป็นความสุข และเป็นบรมสุข คือ สุขสูงสุด
76

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว  NT  O-NE T
บุคคลผูละเวนจากอบายมุข 6 จะเกิดผลดีตอตนเองและสังคมอยางไร
1 ยาเสพติด คือ สารใดก็ตามทีเ่ กิดขึน้ ตามธรรมชาติหรือสารทีส่ งั เคราะหขนึ้ เมีอ่
นําเขาสูรางกาย ไมวาจะโดยวิธีรับประทาน ดม สูบ ฉีด หรือดวยวิธีการใดๆ แลว แนวตอบ การละเวนจากการติดสุรา เที่ยวกลางคืน เที่ยวดูการละเลน
ทําใหเกิดผลตอรางกายและจิตใจ นอกจากนี้ ยังจะทําใหเกิดการเสพติดได หากใช ติดการพนัน คบคนชั่วเปนมิตร และเกียจครานการงาน ยอมเกิดผลดีตอ
สารนั้นเปนประจําทุกวันหรือวันละหลายๆ ครั้ง ซึ่งลักษณะสําคัญของสารเสพติด ตนเองและสังคม คือ ทําใหบุคคลนั้นมีสุขภาพกาย สุขภาพใจที่แข็งแรง
จะทําใหเกิดผลตอผูเสพ ดังนี้ สมบูรณ มีสติปญญาพรอมที่จะทํางานตางๆ ไดอยางมีประสิทธิภาพ เปน
1. เกิดอาการดื้อยาหรือตานยา และเมื่อติดแลว จะตองการใชสารนั้น ที่รักใครและไววางใจของผูอื่น ดําเนินชีวิตไปในทางที่ดีงาม ถูกตอง ไมเสีย
ในปริมาณมากขึ้น ทรัพยไปกับสิ่งที่ไรประโยชน รูจักแยกแยะสิ่งใดดีสิ่งใดชั่ว อันจะสงผลให
2. เกิดอาการขาดยา ถอนยา หรืออยากยา เมื่อใชสารนั้นเทาเดิม ลดลง ชีวิตประสบความสําเร็จ ทั้งนี้ยังสงผลดีตอสังคม ทําใหสังคมขับเคลื่อนไปใน
หรือหยุดใช ทางที่ดี พัฒนาไปสูความกาวหนาไดอยางรวดเร็ว เนื่องจากมีประชากรที่มี
3. มีความตองการเสพทั้งทางรางกายและจิตใจอยางรุนแรงตลอดเวลา คุณภาพ
4. สุขภาพรางกายทรุดโทรมลง เกิดโทษตอตนเอง ครอบครัว ผูอื่น ตลอดจน
สังคมและประเทศชาติ

76 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนอภิปรายถึงประเภทของความสุข
การแบ่งประเภทความสุขนั้น แบ่งได้หลายวิธี วิธีหนึ่งที่เข้าใจได้ง่าย คือ แบ่งเป็น พรอมยกตัวอยางเหตุการณประกอบการ
สามิสสุข กับนิรามิสสุข อภิปราย
2. ครูใหนักเรียนเปรียบเทียบขอดีขอเสียระหวาง
๑) สามิสสุข คือ ความสุขทางวัตถุหรือความสุขทางเนือ้ หนัง บางทีเรียกว่า “กามสุข”
ความสุขทางกายกับความสุขทางใจ
เป็นความสุขที่ประสาทสัมผัสทั้ง ๕ (ตา หู จมูก ลิ้น กาย) ได้เสพเสวยสิ่งที่ท�าให้เกิดความพอใจ
(แนวตอบ ความสุขทางกายหรือสามิสสุข
เช่น ได้กินอาหารอร่อยๆ เห็นภาพสวยๆ ได้อยู่ในที่ไม่ร้อนไม่หนาวเกินไป ได้ฟังเสียงอ่อนนุ่ม
เปนความสุขที่เกิดจากความแข็งแรงสมบูรณ
ไพเราะ เป็นต้น
ทางกาย การมีทรัพยสินเงินทอง มีอาชีพ
การเสพสามิสสุขเป็นของธรรมดาส�าหรับคนทั่วไป พระพุทธศาสนาสอนเรื่อง “คิหิสุข”
การงานที่ดี ทําใหสามารถใชชีวิตไดอยางสุข
คือ ความสุขของชาวบ้าน อันได้แก่
สบาย แตสิ่งเหลานี้ลวนเปนความสุขชั่วคราว
๑. ความสุขที่เกิดจากการมีทรัพย์ เรียกว่า อัตถิสุข
แมวามีเงินทองมากมาย แตวันหนึ่งก็ตอง
๒. ความสุขที่เกิดจากการใช้จ่ายทรัพย์ เรียกว่า โภคสุข
หมดไป รางกายที่เคยแข็งแรงก็เสื่อมโทรมลง
๓. ความสุขที่เกิดจากการไม่มีหนี้สิน เรียกว่า อนณสุข
กอใหเกิดความทุกขในที่สุด สําหรับความสุข
๔. ความสุขที่เกิดจากการประพฤติในสิ่งที่สุจริต เรียกว่า อนวัชชสุข
ทางใจหรือนิรามิสสุข เปนความสุขที่เกิดจาก
สามิสสุขหรือความสุขทางกายขึ้นอยู่กับวัตถุภายนอก 1 ผู้หมกมุ่นมัวเมาก็จะกลาย จิตใจที่สงบ ไมคิดฟุงซาน ไมคิดรายตอผูอื่น
เป็นทาสของวัตถุ ครุ่นคิดและกระวนกระวายในเรื่องกามคุณ ๕ ตลอดเวลา การเสพความสุข
ซึ่งแมวาจะเปนความสุขที่ไมสามารถจับตองได
ประเภทนี้ควรจะมีสติ คือ ต้องรับว่าเป็นความสุขที่ไม่แน่นอน ความทุกข์อาจเกิดได้เสมอ เพราะ
แตเปนความสุขที่มั่นคงถาวร สรางความสุข
เป็นความสุขที่ขึ้นอยู่กับวัตถุภายนอกโดยสิ้นเชิง
ในระยะยาวใหกับชีวิต)
๒) นิ ร ามิ ส สุ ข คือ ความสุขที่
ไม่อิงวัตถุภายนอก อาจเรียกได้ง่ายๆ ว่าเป็น ขยายความเขาใจ Expand
ความสุขทางใจ ความสุขประเภทนี้มีตั้งแต่2
ขั้ น ต�่ า สุ ด ไปจนถึ ง ขั้ น สู ง สุ ด คื อ นิ พ พาน ครูใหนักเรียนเขียนเรียงความเรื่องความสุข
รายละเอียดจะไม่กล่าว ณ ที่นี้ จะกล่าวเพียง ทางใจในกระแสวัตถุนิยมของสังคมไทย
ระดับต้นๆ คือ เป็นความสุขทางใจในระดับ
ชาวบ้าน ความสุขแบบนี้ เช่น การได้รับความ ตรวจสอบผล Evaluate
อบอุ่นจากพ่อแม่ ไม่มีศัตรู ไม่มีผู้เกลียดชัง
1. ตรวจสอบจากความถูกตองในการ
มีแต่ผู้ให้ความรักใคร่ นับถือยกย่องสรรเสริญ
ตอบคําถามและการอภิปราย
ขั้นสูงขึ้นก็เช่น การที่มีจิตใจสงบ ไม่คิดร้าย
2. ตรวจสอบจากการแสดงความคิดเห็น
ต่อใคร ไม่คิดฟุ้งซ่าน ที่สูงขึ้นอีกก็เช่น เกิด
ที่สมเหตุสมผลในการเขียนเรียงความ
ความอิม่ ใจทีไ่ ด้เสียสละ ท�าประโยชน์ตอ่ ส่วนรวม การได้รับประทานอาหารอร่อยๆ จัดเป็นสามิสสุข หรือ
เรื่องความสุขทางใจในกระแสวัตถุนิยมของ
โดยไม่หวังอะไรตอบแทน จิตใจสงบผ่องแผ้ว ความสุขทางวัตถุ ซึ่งเป็นความสุขที่ไม่แน่นอน
สังคมไทย
ที่ได้ยกโทษให้แก่ผู้คิดร้ายต่อเรา
77

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T นักเรียนควรรู
บุคคลใดตอไปนี้ มีพฤติกรรมในการดําเนินชีวิตแบบเสพนิรามิสสุข
1 กามคุณ 5 คือ สวนที่นาปรารถนานาใคร มี 5 อยาง ไดแก รูป รส กลิ่น เสียง
1. จินดาชอบสวมใสเสื้อผาที่ทันสมัยอยูเสมอ
และโผฏฐัพพะ (สัมผัสทางกาย) ที่นาใคร นาพอใจ
2. ตนกลาชอบเดินทางทองเที่ยวในประเทศไทย
3. ดํารงชอบรับประทานอาหารในรานอาหารที่มีชื่อเสียง 2 นิพพาน คือ ความดับกิเลสและทุกขโดยสิ้นเชิง เปนจุดมุงหมายสูงสุดใน
4. ลัดดาชอบทํากิจกรรมที่เปนประโยชนตอสังคมโดยไมหวังผลตอบแทน พระพุทธศาสนา เปนความสุขที่เกิดจากการละกิเลส นิพพานเปนภาวะจิตที่
บริสุทธิ์หมดจด เปนปจจัตตัง คือ รูไดเฉพาะผูมีประสบการณเทานั้น อยูเหนือระบบ
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. นิรามิสสุขเปนความสุขทางใจที่ไมอิงวัตถุ ความคิดและประสบการณของสามัญชน เปนโลกุตรธรรม คือ เหนือโลกเหนือวิสัย
ภายนอก อันเกิดจากการมีจิตใจที่สงบ ไมคิดรายตอผูอื่น ตลอดจนรูจัก แหงโลกปุถุชน พระอรหันตจึงไมอธิบายพระนิพพานใหแกปุถุชน นิพพาน
เสียสละความสุขสวนตัว เพื่อทําประโยชนใหแกสวนรวมโดยไมหวังผล มี 2 ประเภท ไดแก
ตอบแทน 1. สอุปาทิเสสนิพพาน คือ นิพพานทีด่ บั กิเลสไดโดยสิน้ เชิง เหลือแตเบญจขันธอยู
เชน เมื่อตอนพระพุทธองคทรงบรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเปน
พระสัมมาสัมพุทธเจาแลว ยังดํารงเบญจขันธอยูและไดสั่งสอนโปรด
เวไนยสัตวตอมาอีก 45 ป
2. อนุปาทิเสสนิพพาน คือ นิพพานซึ่งดับทั้งกิเลสและเบญจขันธ เชน
การปรินิพพานของพระพุทธเจา เปนตน
คูมือครู 77
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูถามนักเรียนวา ในเวลาที่เกิดความทุกขใจ
มีวิธีหรือแนวทางในการแกปญหาดังกลาวอยางไร ความสุขประเภทนี้ ไมขึ้นอยูกับวัตถุภายนอกหรือขึ้นอยูนอยมาก เปนความสุข
(แนวตอบ เชน ปรึกษาพอแม ครูอาจารย หรือ ทางใจ เราบังคับวัตถุภายนอกไมได บังคับคนอื่นก็ไมได แตบังคับจิตใจของตัวเองได การบังคับ
เพื่อนสนิท นั่งสมาธิ เลนกีฬา เลนดนตรี เปนตน) จิตใจตัวเองมิใชของงาย แตก็เปนไปได เริ่มตนดวยการปฏิบัติตามศีล ๕ และธรรม ๕ แลวก็มา
บําเพ็ญสมาธิ ในระดับตนและสูงขึ้นไปเรื่อยๆ
สํารวจคนหา Explore ปฏิบัติตามมรรคมีองคแปดก็จะไดรับความสุข
ครูใหนักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับหลักธรรม ทางใจสูงขึ้นเรื่อยๆ ความสุขที่พึ่งวัตถุภายนอก
มรรค (ธรรมที่ควรเจริญ) จากหนังสือเรียนหนา ก็จะนอยลงเรือ่ ยๆ เปนตัวของตัวเอง ไมเปนทาส
78-90 หรือจากแหลงการเรียนรูตางๆ ของคานิยมทีฟ่ มุ เฟอย หรือทีเ่ รียกวา วัตถุนยิ ม
1
๒.๔ มรรค (ธรรมทีค่ วรเจริญ)
อธิบายความรู Explain มรรค คือ ความจริงวาดวยทางแหงความ
1. ครูใหนักเรียนอภิปรายวา การนั่งสมาธิเปนการ ดับทุกข ถาใครปฏิบตั ติ ามก็จะลดความทุกขหรือ
ปฏิบัติเพื่อพนจากความทุกขไดจริงหรือไม ปญหาได ณ ที่นี้เราจะพูดถึงหลักธรรมบางขอ
(แนวตอบ การนั่งสมาธิเปนการปฏิบัติเพื่อฝกฝน ทีเ่ ราควรปฏิบตั ิ เพือ่ เปนทางไปสูค วามดับทุกข
จิตใหสงบ เยือกเย็น มีสติสัมปชัญญะในการรูจัก การปฏิบัติธรรม จัดเปนนิรามิสสุขหรือความสุขทางจิตใจ ดังนี้
พิจารณาสิ่งตางๆ ดวยปญญา ผอนคลายความ
ชวยใหจิตใจสงบไมฟุงซาน เปนความสุขที่ถาวร ๑) บุพพนิมติ ของมัชฌิมาปฏิปทา
ทุกขไดในระดับหนึ่ง ดังนั้น จึงกลาวไดวา การ เปนที่ทราบกันดีแลววา พระพุทธศาสนาสอนเรื่องทุกขและวิธีดับทุกข ทางดับทุกขน้นั เรียกวา
นั่งสมาธิเปนวิธีการเบื้องตนในการฝกตนใหรูจัก มรรคมีองคแปด หรือเรียกอีกอยางหนึ�งวา มัชฌิมาปฏิปทา (ทางสายกลาง) บุพพนิมิต แปลวา
ควบคุมจิตใหพนจากความทุกข) สิ�ง ที่เ ป น เครื่อ งหมาย หรื อ สิ�ง บอกล ว งหน า
2. ครูใหนักเรียนอธิบายความหมายของพุทธดํารัส พระพุทธเจาตรัสเปรียบวา “กอนที่ดวงอาทิตย
ที่กลาววา “กอนที่ดวงอาทิตยจะขึ้นยอมมี จะขึ้ น ย อ มมี แ สงเงิ น แสงทองปรากฏให เ ห็ น
แสงเงินแสงทองปรากฏใหเห็นฉันใด ในทํานอง กอนฉันใด ในทํานองเดียวกัน กอนที่อริยมรรค
เดียวกัน กอนที่อริยมรรคหรือมัชฌิมาปฏิปทา หรือมัชฌิมาปฏิปทา ซึ�งเปนขอปฏิบัติสําคัญใน
ซึ่งเปนขอปฏิบัติสําคัญในพระพุทธศาสนาจะ พระพุทธศาสนาจะเกิดขึน้ ก็มธี รรมบางประการ
เกิดขึ้น ก็มีธรรมบางประการปรากฏขึ้นกอน ปรากฏขึ้นกอนเหมือนแสงเงินแสงทองฉันนั้น”
เหมือนแสงเงินแสงทองฉันนั้น” ผูที่ปฏิบัติตามทางน�้ จะไดรับความสงบสุขของ
(แนวตอบ พระพุทธองคตรัสเปรียบเทียบระหวาง ชีวติ ตัง้ แตระดับตนจนถึงระดับสูงสุด เห็นสิง� ตางๆ
บุพพนิมิตของมัชฌิมาปฏิปทากับลักษณะการ ตามความเปนจริง ซึ�งเรียกวา เกิดปญญาขึ้น
ขึ้นของดวงอาทิตย กลาวคือ เมื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง กอนที่จะทําใหเกิดปญญาขึ้นไดนั้น
จะเกิดขึ้น ยอมมีสิ่งที่เปนสัญญาณบอกลวงหนา มีปจ จัย ๒ อยางเปนเครือ่ งชวย คือ กัลยาณมิตร การฝกบริหารจิตชวยใหเรามีสติรูตัวอยูเสมอ และตั้งตน
อยูในความไมประมาท
เสมอ การปฏิบัติเพื่อนําไปสูมัชฌิมาปฏิปทาก็ และโยนิโสมนสิการ
เชนกัน ยอมมีปจจัยที่เปนสัญญาณบอกวากําลัง ๗๘
จะเดินทางไปสูอริยมรรคหรือมัชฌิมาปฏิปทา
นั่นคือ กัลยาณมิตรและโยนิโสมนสิการ)
กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
1 มรรค ทางปฏิบัติใหถึงทางดับทุกข 8 ประการ ดังนี้ ครูมอบหมายใหนักเรียนเขียนบรรยายเหตุการณที่ทําใหนักเรียน
1. สัมมาทิฏฐิ เห็นชอบ 5. สัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีพชอบ มีความสุขแบบนิรามิสสุข พรอมบอกเหตุผลวาเหตุใดจึงรูสึกเชนนั้น
2. สัมมาสังกัปปะ ดําริชอบ 6. สัมมาวายามะ เพียรชอบ ความยาว 1 หนากระดาษ A4 สงครูผูสอน
3. สัมมาวาจา เจรจาชอบ 7. สัมมาสติ ระลึกชอบ
4. สัมมากัมมันตะ กระทําการชอบ 8. สัมมาสมาธิ ตั้งจิตมั่นชอบ

บูรณาการ กิจกรรมทาทาย
เศรษฐกิจพอเพียง
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มุงใหคนดํารงชีวิตอยูบนพื้นฐานของความพอประมาณ ครูมอบหมายใหนักเรียนจัดทําการตูนที่สอนใหเห็นถึงขอเสียของการ
ซึ่งสอดคลองกับคําสอนเรื่องทางสายกลาง หรือมัชฌิมาปฏิปทาของพระพุทธศาสนา บริโภคนิยมหรือคานิยมใชสนิ คาฟมุ เฟอย เชน การเปลีย่ นโทรศัพทเคลือ่ นที่
ครูใหนักเรียนสํารวจตนเองวา ประพฤติตนเกินความพอดีในดานใดบาง บอยๆ พรอมทั้งบอกวิธีแกไขปญหาดังกลาวดวย
และควรจะแกไข หรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอยางไรใหสอดคลองกับทางสายกลาง
โดยใหบันทึกขอมูลลงกระดาษ แลวออกมานําเสนอหนาชั้นเรียน
78 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูและนักเรียนอภิปรายถึงความหมายและ
๑.๑) กัลยาณมิตร พระพุทธองค์ทรงสอนว่า การมีกัลยาณมิตรเป็น “บุพพนิมิต” คุณสมบัติของกัลยาณมิตรรวมกัน จากนั้น
ของมัชฌิมาปฏิปทา คือ เป็นสิ่งที่น�าเราไปสู่มัชฌิมาปฏิปทา การมีกัลยาณมิตรเป็นสัญญาณ ใหนักเรียนจับคูกับเพื่อนสนิท แลวอธิบายวา
ที่บอกว่าเราก�าลังจะเดินทางไปสู่อริยมรรค บางทีเรียกกัลยาณมิตรว่า “ปรโตโฆสะ” แปลว่า เพื่อนของนักเรียนมีคุณสมบัติสอดคลองกับ
เสียงจากผู้อื่น คือ เป็นเสียงหรือค�าพูดที่ดีงาม ถูกต้อง เป็นเสียงจากมิตรที่ดี ช่วยแนะน�าให้เรา กัลยาณมิตรในขอใดบาง
เกิดความคิดเห็นที่ถูกต้อง (สัมมาทิฏฐิ) ความมีกัลยาณมิตรนี้ถือว่าอยู่ในระดับศรัทธา การมี 2. ใหนักเรียนอธิบายวา โยนิโสมนสิการมีความ
กัลยาณมิตรมิได้แปลว่า เราเกิดปัญญา เห็นสัจธรรม แต่แปลว่า เราเกิดศรัทธาทีจ่ ะไปหาสัจธรรม สําคัญตอการปฏิบัติเพื่อนําไปสูทางแหงความ
กัลยาณมิตรจะเป็นผู้แนะน�า สั่งสอน ให้เห็นว่าอะไรถูกอะไรผิด การมีกัลยาณมิตรเป็นจุดเริ่มต้น ดับทุกขหรือมรรคมีองค 8 ไดอยางไร
ของการพัฒนาปัญญาที่จะท�าให้เราเห็นสัจธรรม (แนวตอบ โยนิโสมนสิการ หมายถึง การ
ทําใจโดยอุบายอันแยบคาย หรือการรูจักคิด
คุณสมบัตขิ องกัลยาณมิตร วิเคราะห พิจารณาสิ่งตางๆ อยางมีระบบ
คุณสมบัติของกัลยาณมิตร เรียกว่ากัลยาณมิตรธรรม มีความสําคัญตอการปฏิบัติเพื่อนําไปสูมรรค
มี ๗ ประการ ดังนี้ คือ ทําใหเกิดความรูแจง ขจัดอวิชชา ทําใหจิต
๑. ปิโย น่ารัก เป็นกันเอง เกิดกุศลธรรม สรางพลังใหรูจักคิดในสิ่งที่ดี
๒. ครุ น่าเคารพ อันเปนปจจัยภายในที่เสริมสรางใหนําไปสู
๓. ภาวนีโย น่ายกย่อง หนทางแหงความดับทุกขหรือมรรคมีองค 8)
๔. วัตตา รู้จักชี้แจงให้เข้าใจ
๕. วจนักขโม อดทนที่จะรับฟัง
๖. คัมภีรัญจะ กะถัง กัตตา แถลงเรื่องล�้าลึกได้
๗. โน จัฏฐาเน นิโยชะเย ไม่ชักจูงไปทางเสื่อมเสีย

๑.๒) โยนิโสมนสิการ หมายถึง


การใช้ความคิดถูกวิธี รู้จักคิด รู้จักวิเคราะห์
คิดอย่างมีระเบียบ บางทีเรียกว่า “การท�าใจโดย
อุบายอันแยบคาย” โยนิโสมนสิการนี้ถือเป็น
บุพพนิมิตของมัชฌิมาปฏิปทาเปรียบเสมือน
กัลยาณมิตร กัลยาณมิตรหรือปรโตโฆสะ เป็น
ปัจจัยภายนอก โยนิโสมนสิการ เป็นปัจจัย
ภายใน โยนิโสมนสิการ เป็นอาหารหล่อเลีย้ งสติ
มิให้คิดในทางผิด แม้ศรัทธาหรือกัลยาณมิตร
เป็นสิง่ ส�าคัญทีจ่ ะเดินตามอริยมรรค แต่ตวั ตัดสิน ผู้ที่มีปัญญาคิดอย่างถูกวิธี และสามารถหาทางออกให้
ปัญหาได้ ย่อมมีความสุขและมีสุขภาพจิตดี
คือ ปัจจัยฝ่ายใน ที่เรียกว่า โยนิโสมนสิการ
79

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T เกร็ดแนะครู
กัลยาณมิตรและโยนิโสมนสิการเปนปจจัยที่มีความสําคัญตอการเรียน
ครูแนะนําใหนักเรียนนําความรูจากการศึกษาเรื่องการคิดแบบโยนิโสมนสิการ
อยางไร
ไปเปนพื้นฐานในการพัฒนาการเรียนโดยใชกระบวนการคิดอยางถูกวิธี และการ
แนวตอบ กัลยาณมิตร หมายถึง การคบเพื่อนที่ดี ดํารงตนอยูในศีลธรรม ใชชีวิตทามกลางกระแสบริโภคนิยมไดอยางไมประมาทดวยการคิดอยางถูกวิธี
อันดีงาม ซึ่งมีความสําคัญตอการเรียน คือ จะเปนผูชักชวนใหใฝรูใฝเรียน
แนะนําวิธีการเรียนใหมีประสิทธิภาพ ตลอดจนคอยชวยเหลืออธิบายสิ่งที่
ไมเขาใจใหกระจางชัดขึ้น สวนโยนิโสมนสิการ คือ การรูจักคิดวิเคราะห มุม IT
อยางมีระบบ จะเปนพื้นฐานใหมีทักษะในการหาแนวทางแกไขปญหาตางๆ
ที่ตองเผชิญไดอยางถูกวิธี ตลอดจนเกิดความคิดอยางมีระบบในการเรียน ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องโยนิโสมนสิการ ไดที่
และตอยอดความรูไดอยางดี http://www.m-culture.go.th เว็บไซตกระทรวงวัฒนธรรม

คูมือครู 79
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนกั เรียนออกมาเลาการวางแผนการใชชวี ติ
ในอีก 5 ปขางหนา หลังจากนั้นใหนักเรียน ความสําคัญของวิธีคิดแบบโยนิโสมนสิการ
อภิปรายวา การตั้งใจศึกษาเลาเรียนในปจจุบัน 1
ในหนังสือ “พุทธธรรม” ของพระพรหมคุณาภรณ
มีประโยชนตอชีวิตในอนาคตอยางไร (ประยุทธ ปยุตฺโต)* ไดนําเสนอความสําคัญและ
(แนวตอบ การตั้งใจศึกษาเลาเรียนในปจจุบัน คุณประโยชนของโยนิโสมนสิการ จากตัวอยาง
จะเปนพืน้ ฐานใหมคี วามรู เสริมสรางทักษะตางๆ พุทธพจน ดังนี้
ที่มีความจําเปนตอการประกอบอาชีพ เชน “ภิกษุทั้งหลาย เมื่อดวงอาทิตยอุทัยอยู
ทักษะการสื่อสาร ทักษะการวางแผน การทํางาน ยอมมีแสงอรุณขึ้นมากอนเปนบุพนิมิต ฉันใด
เปนทีม เปนตน อันจะทําใหชีวิตมีความกาวหนา ความถึงพรอมดวยโยนิโสมนสิการ ก็เปน
และเจริญรุงเรืองในอนาคต ตลอดจนสามารถ ตัวนํา เปนบุพนิมิตแหงการเกิดขึ้นของ
อริยอัษฎางคิกมรรค แกภิกษุ ฉันนั้น
นําความรูความสามารถไปพัฒนาชุมชนและ
ภิกษุผูถึงพรอมดวยโยนิโสมนสิการ พึงหวัง
ประเทศชาติไดอีกดวย) สิ่งนี้ได คือ จักเจริญ จักทําใหมาก ซึ่งอริย
2. ครูใหนักเรียนชวยกันวิเคราะหวา การปฏิบัติตน อัษฎางคิกมรรค”
ตามหลักดรุณธรรม 6 จะสงผลดีตอตนเอง
และประเทศชาติอยางไร 2
๒) ดรุณธรรม ๖ ดรุณ หมายถึง เด็กหรือผูเยาว เด็กนั้นยังมีอนาคตอันยาวไกล
(แนวตอบ ดรุณธรรม 6 เปนหลักธรรมสําหรับเด็ก ควรจะมีหลักธรรมที่เปนทางไปสูความเจริญกาวหนาของชีวิต เรียกวา ดรุณธรรม ๖ คือ ทางไปสู
หรือผูเยาว ซึ่งหากปฏิบัติตามหลักธรรมนี้แลว ความเจริญกาวหนา ๖ ประการ ซึ�งเยาวชนที่ปฏิบัติไดตามน�้จะประสบความเจริญในชีวิต ดังน�้
จะทําใหผูปฏิบัติมีความเจริญกาวหนาในชีวิต ๑. รักษาสุขภาพดี (อาโรคยะ)
มีสุขภาพรางกายแข็งแรง ปราศจากโรคภัย ไรโรคทั้งกายและใจ
ไขเจ็บ มีระเบียบวินัยในตัวเอง ไมสรางความ ๒. มีระเบียบวินยั (ศีล) ไมเกะกะ
เดือดรอนใหใคร อีกทั้งยังเปนคนดีมีศีลธรรม ระรานกอความเดือดรอนใหใคร
กระทําแตสงิ่ ทีถ่ กู ตองดีงาม รวมถึงเปนคนมีความ ๓. ไดเห็นแบบอยางจากคนดี
ขยันหมั่นเพียรในการเรียนและเรียนหนังสือเกง ทีป่ ฏิบตั ติ นเปนแบบอยาง (พุทธานุวัติ)
ซึ่งหากเยาวชนของประเทศมีคุณลักษณะเชนนี้ ๔. ตั้ ง ใจเรี ย น (สุ ต ะ) ศึ ก ษา
จะทําใหประเทศชาติสามารถพัฒนาไปไดอยาง คนควาใหรูจริง
รวดเร็ว เพราะเมือ่ เด็กโตขึน้ ก็จะเปนกําลังสําคัญ ๕. ทําสิ่งที่มีความถูกตองดีงาม
ในการพัฒนาชาติใหกาวหนาตอไป) (ธรรมานุวัติ)
3. ครูและนักเรียนอภิปรายรวมกันเกี่ยวกับ ๖. มีความขยันหมัน่ เพียร (วิรยิ ะ)
เด็กหรือเยาวชนควรตั้งใจศึกษาเลาเรียน เพื่อเปนแนวทาง
ดรุณธรรม 6 แลวใหนักเรียนเขียนบันทึก ไปสูความเจริญกาวหนาของชีวิตในอนาคต มีกําลังใจไมทอถอย
ชีวิตประจําวัน พรอมกับวิเคราะหวา
การปฏิบัติตนในแตละวันมีความสอดคลอง *พระพรหมคุณาภรณ (ป.อ. ปยุตโฺ ต) ไดรบั พระราชทานสมณศักดิเ์ ปนสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย เมือ่ วันที่ ๕ ธันวาคม
กับดรุณธรรม 6 หรือไม อยางไร พ.ศ. ๒๕๕๙
๘๐

ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว  NT  O-NE T
ครูอาจแนะนําใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมหนังสือพุทธธรรมของพระพรหม ขอใดเปนประโยชนที่ไดรับจากการปฏิบัติตามหลักดรุณธรรม
คุณาภรณ (ประยุทธ ปยุตฺโต) แลวใหนักเรียนบอกถึงขอคิดที่ไดรับจากการอาน 1. มีเสนหนามอง
2. เรียนหนังสือเกง สติปญญาดี
3. คนในสังคมเชิดชูนับหนาถือตา
4. มีความอดทนตอความยากลําบากมากขึ้น
นักเรียนควรรู
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. ดรุณธรรม 6 คือ หลักธรรมสําหรับเยาวชน
1 พระพรหมคุณาภรณ ปราชญทานหนึ่งที่มีผลงานวิชาการทางพระพุทธศาสนา ที่จะนําไปสูความเจริญกาวหนา 6 ประการ ประกอบดวย รักษาสุขภาพดี
เปนจํานวนมาก และเปนบุคคลแรกที่ไดรับรางวัลการศึกษาเพื่อสันติภาพจาก มีระเบียบวินยั ไดเห็นแบบอยางจากคนดีทปี่ ฏิบตั ติ นเปนแบบอยาง ตัง้ ใจเรียน
องคการยูเนสโก ไดรับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์มากกวา 15 สถาบัน ทําสิ่งถูกตองดีงาม และมีความขยันหมั่นเพียร ดังนั้น การปฏิบัติตนตาม
2 เด็กหรือผูเยาว ในทางกฎหมาย ผูเยาว หมายถึง ผูที่ยังไมบรรลุนิติภาวะ หลักดรุณธรรม 6 ในขอที่วาตั้งใจเรียน จะทําใหเรียนหนังสือเกงและมี
ซึ่งจะพนจากการเปนผูเยาวไดเมื่ออายุครบ 20 ปบริบูรณ สติปญญาดี

80 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูและนักเรียนอภิปรายถึงกุลจิรัฏฐิติธรรม 4
๓) กุลจิรัฏฐิติธรรม ๔ ธรรมะหมวดนี้ เป็นธรรมะส�าหรับท�าให้ครอบครัวหรือตระกูล รวมกัน จากนั้นครูตั้งคําถามใหนักเรียน
ตั้งมั่นอยู่ได้นานไม่เสื่อมสลายไปก่อนเวลาอันสมควร หมายถึง ธรรมที่เป็นเหตุท�าให้ตระกูล ชวยกันตอบ เชน
มั่งคั่งมั่นคงตั้งอยู่ได้นาน ท�าให้ตระกูลด�ารงอยู่ด้วยความสงบสุข เรียบร้อย และมีฐานะอันมั่นคง • ครอบครัวของนักเรียนมีเครือ่ งอุปโภคบริโภค
เรียกว่า กุลจิรัฏฐิติธรรม ๔ มีดังนี้ ที่จําเปนอะไรบาง
๓.๑) เมื่อเครื่องอุปโภคบริโภคหายหรือหมดไปต้องรู้จักจัดหามาไว้ ในแต่ละ (แนวตอบ เชน อาหารและเครื่องปรุงสําหรับ
ครอบครัวย่อมต้องมีสิ่งของที่จ�าเป็นในการช่วยสนองความต้องการตามธรรมชาติและช่วยอ�านวย ประกอบอาหาร เครื่องใชไฟฟาตางๆ
ความสะดวกสบายบางอย่าง ได้แก่ เครื่องอุปโภคบริโภค สิ่งเหล่านี้หากหมดหรือหายไปโดยผู้ดูแล ยารักษาโรค เสื้อผาเครื่องนุงหม เปนตน)
บ้านไม่จัดหามาไว้ ก็จะท�าให้สมาชิกในครอบครัวเดือดร้อน เช่น ข้าวสารหมดไม่หามาเตรียมไว้ • นักเรียนมีบทบาทหนาที่ในการดูแลเครื่อง
อาจท�าให้คนในบ้านเกิดโมโหเพราะความหิว เป็นสาเหตุของการทะเลาะวิวาทกันจนกลายเป็น อุปโภคบริโภคในครัวเรือนอยางไร
เรื่องใหญ่ถึงขั้นแตกหักกันไปเลย ครอบครัวก็เกิดความระส�่าระสาย (แนวตอบ สํารวจเครื่องอุปโภคบริโภคใน
ในบางครอบครัวสิ่งจ�าเป็นมิใช่มีแต่อาหารและเครื ่องใช้ภายในบ้านเท่านั้น ยังมี ครัวเรือนทุกเดือน เพื่อบอกใหผูปกครอง
1 จัดหาใหครบถวนตอไป นอกจากนั้น
เครื่องมือส�าหรับประกอบอาชีพด้วย เช่น เกวียน รถ ควายไถนา เครื่องดนตรี เป็นต้น
ของเหล่านี้อาจสิ้นสภาพจนใช้การไม่ได้ ถ้าผู้มีหน้าที่ดูแลไม่จัดหามาแทน การประกอบอาชีพ ยังตองทําความสะอาด ปดกวาดเช็ดถู
การงานก็สะดุดหยุดลง ท�าให้เกิดความเสียหายได้ สมาชิกในครอบครัวควรช่วยกันดูแล เมือ่ พบเห็น และซักลางเครื่องอุปโภคบริโภคใหสะอาด
สิง่ ใดทีข่ าดไป ควรบอกให้ผเู้ กีย่ วข้องทราบ จะได้จดั หามาเพือ่ มิให้การงานขาดช่วง ซึง่ ในบางกรณี อยูเสมอ ตลอดจนซอมแซมเครื่องอุปโภค
อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ครอบครัวได้ บริโภคที่ชํารุดใหอยูในสภาพดี)
๓.๒) ซ่อมแซมสิ่งของที่เก่าและช�ารุดเสียหาย เครื่องอุปโภคส่วนมาก เมื่อมี • การไมซอมแซมสิ่งของเครื่องใชภายในบาน
การใช้งานไปนานๆ อาจช�ารุดเสียหายได้ ซึ่งถ้าไม่รีบซ่อมแซมยังใช้ต่อไปเรื่อยๆ อาจจะยิ่งเสีย ที่ชํารุด จะสงผลเสียอยางไร
มากขึ้นจนถึงขั้นซ่อมแซมไม่ได้ หรือมิฉะนั้น (แนวตอบ เปนธรรมดาที่สิ่งของเครื่องใช
ก็ตอ้ งเสียค่าใช้จา่ ยในการซ่อมแซมมาก บางคน เมื่อใชไปนานๆ ก็ยอมเกาและชํารุดไป
เสียดายเงินค่าซ่อม หรือเกียจคร้านไม่ดูแล ตามกาลเวลา จึงตองมีการซอมแซม
เอาใจใส่ โดยไม่นกึ ถึงข้อเท็จจริงทีว่ า่ ยิง่ ทิง้ ไว้นาน แตหากปลอยปละละเลย นานวันเขา สิ่งของ
ยิ่งเสียเงินมากขึ้น เข้าท�านองเสียน้อยเสียยาก เครื่องใชจะยิ่งชํารุดมากขึ้นจนถึงขั้น
เสียมากเสียง่าย ในบางกรณีถ้ามีสิ่งของบาง ซอมแซมไมได หรือซอมแซมไดแตตอง
อย่างช�ารุด หากไม่รีบซ่อมจะท�าให้ของอื่นๆ เสียคาใชจายมาก ทําใหสิ้นเปลืองเงินทอง
เสียตามไปด้วย เช่น หลังคาบ้านรั่วเล็กน้อย และยังอาจทําใหสิ่งของอื่นๆ เสียตามไปดวย
หากไม่รีบซ่อมเมื่อฝนตกอาจท�าให้เพดานบ้าน แตหากพิจารณาแลววาการซอมแซม
ตลอดจนพืน้ เสียหายได้ หรือหม้อน�า้ รถยนต์เสีย จะทําใหเสียเงินมากกวาซื้อใหม ก็ควร
หากไม่รีบซ่อมแซม อาจท�าให้ส่วนอื่นๆ เสีย การซ่อมแซมสิง่ ของเครือ่ งใช้ในชีวติ ประจำาวัน เป็นการช่วย ซื้อใหม จะคุมคาเงินมากกวา)
โดยไม่จ�าเป็นไปด้วย ประหยัดรายจ่ายให้แก่ครอบครัว 2. ใหนักเรียนสํารวจเครื่องใชตางๆ ภายในบาน
วามีชิ้นสวนใดบางที่ชํารุดเสียหาย ควรไดรับ
81 การแกไขซอมแซม พรอมบอกถึงประโยชน
ที่ไดรับจากการซอมแซมเครื่องใชตางๆ
บันทึกผล สงครูผูสอน
บูรณาการเชื่อมสาระ
ครูสามารถนําเนื้อหาเกี่ยวกับกุลจิรัฏฐิติธรรม 4 ไปบูรณาการเชื่อมโยงกับ เกร็ดแนะครู
กลุมสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยี วิชาการงานอาชีพ
ครูใหนักเรียนแบงกลุม แสดงบทบาทสมมติเรื่องครอบครัว วาสมาชิกใน
และเทคโนโลยี เรื่องงานชางในบาน โดยใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมและ
ครอบครัวจะตองปฏิบัติตามหลักธรรมกุลจิรัฏฐิติธรรม 4 อยางไร จึงจะทําให
ฝกปฏิบัติซอมแซมเครื่องใชภายในบาน เชน การเปลี่ยนลูกบิดประตู
ครอบครัวมีความมั่นคง
การซอมปูนยาแนวกระเบือ้ ง การเปลีย่ นกอกนํา้ การเปลีย่ นหลอดไฟฟา
การซอมเกาอี้ การซอมแซมชั้นวางถวยชาม เปนตน จากนั้นใหนักเรียน
ประเมินผลการปฏิบตั ริ ว มกัน รวมทัง้ วิเคราะหถงึ ประโยชนทไี่ ดรบั จากการ
ซอมแซมบํารุงรักษาและติดตั้งเครื่องใชตางๆ ภายในบาน นักเรียนควรรู
1 เกวียน ยานพาหนะชนิดหนึ่งที่มีลอเลื่อน ทําดวยไม มี 2 ลอ เคลื่อนที่ไปโดย
ใชวัวหรือควายเทียมลากไป เกวียนเปนพาหนะที่สําคัญในการเดินทางและบรรทุก
สิ่งของในสมัยโบราณ เกวียนสามารถเดินทางผานผิวถนนขรุขระหรือถนนที่เต็ม
ไปดวยโคลนตม ซึ่งการใชเกวียนที่เทียมสัตวและรถศึกมีปรากฏแนชัดในสมัยกรีก
และโรมัน

คูมือครู 81
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนอภิปรายถึงความหมายของการ
ประมาณตน จากนั้นสมมติสถานการณให มีข้อควรค�านึงบางประการ คือ ของบางอย่างช�ารุดมากแล้ว ซ่อมไปก็น�าไปใช้
นักเรียนวิเคราะหวา ถานักเรียนไดรับเงินไป ได้อีกไม่นาน ต้องซ่อมแซมบ่อยๆ เมื่อคิดค�านวณดูแล้ว ซื้อใหม่อาจประหยัดกว่า เมื่อเป็นเช่นนี้
โรงเรียนจํานวน 100 บาทตอวัน นักเรียนจะใช ต้องพิจารณาในการเลือกใช้เครื่องอุปโภคให้ดี
จายเงินจํานวนดังกลาวใหเหมาะสมไดอยางไร สิ่งของโดยทั่วไปย่อมเก่าและช�ารุดเมื่อกาลเวลาผ่านไป ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติ
(แนวตอบ ครูเปดโอกาสใหนักเรียนแสดงความ แต่ถ้าผู้ใช้งานขาดการเอาใจใส่ดูแล อาจท�าให้สิ่งของนั้นเก่าและช�ารุดก่อนเวลาอันควรได้ ดังนั้น
คิดเห็นไดหลากหลาย โดยคํานึงถึงการวางแผน เราไม่ต้องคอยให้ของช�ารุดก่อนแล้วมาซ่อม แต่ควรดูแลรักษาให้ดีแล้วสิ่งของจะใช้ได้นาน เช่น
การใชจายที่สมเหตุสมผล) จอบ เสียม ถ้าทิง้ ตากแดดตากฝนตลอดวันตลอดคืนย่อมช�ารุดเร็วกว่าทีเ่ ก็บไว้ให้เรียบร้อย เป็นต้น
2. ครูใหนักเรียนอภิปรายถึงประโยชนที่ไดรับจาก ๓.๓) ประมาณตนในการอุปโภคบริโภค ครอบครัวบางครอบครัวใช้จ่ายเกินฐานะ
การดําเนินชีวิตอยางประมาณตน ของตน คือ หาได้นอ้ ยแต่ใช้มาก ครอบครัวทีม่ สี ภาพอย่างนีค้ งอยูไ่ ม่ได้นาน ต้องมีหนีส้ นิ ล้นพ้นตัว
(แนวตอบ การดําเนินชีวิตอยางประมาณตน คือ จนต้องยากจนลงในที่สุด แต่ครอบครัวบางครอบครัวก็ใช้จ่ายต�่ากว่าฐานะของตนจนเกินพอดี
การรูจักใชจายอยางเหมาะสม อยูบนพื้นฐาน เป็นเศรษฐีแต่นุ่งกางเกงเก่าๆ ปะแล้วปะอีก จะท�าบุญท�าทานสักนิดก็คิดมาก ครอบครัวแบบนี้
ของความพอเพียง ไมสุรุยสุรายหรือตระหนี่ อาจตั้งอยู่ได้นานแต่จะขาดความอบอุ 1 ่นจากเพื่อนร่วมสังคม
ถี่เหนียวจนเกินไป คํานึงถึงบทบาทหนาที่ การเดินสายกลางเป็นสิ่งดีที่สุด นั่นคือ การรู้จักประมาณตน รู้จักความพอดี
และฐานะของตนเปนสําคัญ อันจะทําให ความเหมาะสม หมายความว่า เราต้องอยูส่ ายกลางระหว่างความสุรยุ่ สุรา่ ยกับความตระหนีถ่ เี่ หนียว
สามารถดําเนินชีวิตไดอยางมีความสุข ไมเกิด ค�าว่า “ประมาณตน” นี้มีความหมายไม่ตายตัว สมมติคน ๒ คนใช้เงินเท่ากัน แต่เราอาจเรียกว่า
ความเครียดหรือความกังวลใจในการใชเงิน คนหนึ่งรู้จักประมาณตน อีกคนหนึ่งไม่รู้จักประมาณตน เช่น คนที่มีรายได้เดือนละหนึ่งหมื่นบาท
ทําใหสุขภาพรางกายแข็งแรง เพิ่มโอกาสให พาครอบครัวไปรับประทานอาหารที่ภัตตาคารหรูๆ ทุกสัปดาห์ ที่บ้านดูโทรทัศน์เครื่องละห้าหมื่น
ประสบความสําเร็จในการเรียนและการทํางาน เช่นนีเ้ รียกว่าไม่รจู้ กั ประมาณตน แต่เศรษฐีทมี่ เี งินร้อยล้าน ท�าอย่างเดียวกันนีจ้ ะว่าเขาไม่ประมาณตน
ตอไปในอนาคต) คงไม่ได้
3. ครูสุมถามนักเรียนวา มีแนวทางในการเลือกซื้อ ผูท้ มี่ อี าชีพเป็นดาราหรือนักร้อง
สินคาอุปโภคบริโภคในชีวิตประจําวันอยางไร อาจต้องตัดเย็บเสือ้ ผ้าบ่อยๆ ให้นา� สมัยอยูเ่ สมอ
(แนวตอบ การเลือกซื้อสินคาอุปโภคในชีวิต ไม่เรียกว่าสุรุ่ยสุร่าย แต่คนที่มีอาชีพเป็นครู
ประจําวัน จะตองยึดหลักความประหยัด คุมคา เงินเดือนน้อยท�าอย่างนั้นบ้าง อาจเรียกได้ว่า
คุมราคา และมีประโยชนในการใชสอย ไมซื้อ สุรุ่ยสุร่าย ไม่รู้จักประมาณตน เพราะการมี
ของเพียงเพราะความอยากไดหรือเห็นวาสิ่งนั้น เสื้อผ้าใหม่ๆ น�าสมัยหลายๆ ชุด ไม่ใช่สงิ่ จ�าเป็น
นารักสวยงาม แตใหซื้อเพราะมีความจําเปน ในการประกอบอาชีพเหมือนกับนักร้องและ
จะตองใชงานของชิน้ นัน้ ๆ อีกทัง้ ยังควรพิจารณา นักแสดง แต่ทั้งนี้มิได้หมายความว่าคนเป็นครู
จากฐานะการเงินของเราดวย ถาเรามีรายได จะมีเสื้อผ้าใหม่ๆ ไม่ได้ พึงมีได้เพียงแต่ต้องให้
มาก จะซื้อของราคาแพง ก็ไมเปนไร แตถามี ผู้บริโภคควรรู้จักประมาณตนในการซื้อของอุปโภคบริโภค พอเหมาะพอควรกับฐานะของตน
ฐานะปานกลางคงจะเลียนแบบพฤติกรรมของ ในชีวิตประจำาวัน
คนรวยไมได นอกจากนั้น สินคาบางชนิดหาก
ซื้อในฤดูกาลจะมีราคาถูกลง ก็ควรซื้อในฤดูกาล 82
นั้นๆ เชน ผลไม เปนตน)

กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
1 การเดินสายกลาง ในทางพระพุทธศาสนาเรียกวา “มัชฌิมาปฏิปทา” ครูมอบหมายใหนักเรียนศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักธรรมทาง
อันหมายถึง ขอปฏิบตั ทิ ที่ าํ ใหบรรลุนพิ พาน ซึง่ ไมตงึ หรือหยอนเกินไป มัชฌิมาปฏิปทา พระพุทธศาสนาที่มีสวนชวยสงเสริมใหรูจักประมาณตนและมีชีวิตที่มี
ในเชิงพระปริยัติธรรมหรือเชิงทฤษฎีนั้น มีปรากฏอยูในพระไตรปฎก วิภังคสูตร 8 ความมั่นคงทางดานเศรษฐกิจ จากนั้นเขียนสรุปสงครูผูสอน
ซึ่งพระพุทธเจาทรงประทานพระปฐมเทศนาแกปญจวัคคียทั้ง 5 โดยปฏิเสธ
การของแวะกับ 2 สิ่ง คือ กามสุขัลลิกานุโยค หมายถึง การหมกมุนอยูในกาม
และอัตตกิลมถานุโยค หมายถึง การทรมานตนใหลําบากโดยเปลาประโยชน
กิจกรรมทาทาย
มุม IT
ครูมอบหมายใหนักเรียนศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักปรัชญาของ
ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องการประมาณตน ไดที่ เศรษฐกิจพอเพียง แลวยกตัวอยางบุคคลที่เปนแบบอยางในการปฏิบัติตน
http://www.dhammathai.org เว็บไซตธรรมะไทย ไดสอดคลองกับหลักดังกลาว พรอมวิเคราะหพฤติกรรมที่นักเรียนสามารถ
นํามาประยุกตใชไดในชีวิตประจําวัน เขียนใสกระดาษ A4 สงครูผูสอน

82 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนอภิปรายเกี่ยวกับลักษณะของ
๓.๔) ตั้งผู้มีศีลธรรมเป็นพ่อบ้านแม่เรือน พ่อบ้านแม่เรือนในที่นี้ หมายถึง ผู้ที่มี ครอบครัวในสังคมไทยปจจุบัน พรอมวิเคราะห
ภาระหน้าทีจ่ ดั การดูแลทุกอย่างภายในครอบครัว ถึงปญหาและแนวทางในการแกไขรวมกัน
อาจเป็นพ่อ แม่ หรือสมาชิกอืน่ ในครอบครัว ค�าว่า (แนวตอบ ปจจุบันครอบครัวในสังคมไทย
ผูม้ ศี ลี ธรรม ในทีน่ หี้ มายถึง คนซือ่ สัตย์ ยุตธิ รรม มีลักษณะเปนครอบครัวเดี่ยว ขนาดเล็ก และ
มัธยัสถ์ มีเมตตา ขยันขันแข็ง ไม่หลงอยู่ใน มีแนวโนมที่ผูหญิงเปนหัวหนาครอบครัวเพิ่ม
อบายมุข เป็นต้น มากขึ้น ครอบครัวที่มีเพียงพอหรือแมลําพังก็
นอกจากนี้ พ่อบ้านแม่เรือนยัง เพิม่ ขึน้ เชนกัน อีกทัง้ แนวโนมทีห่ วั หนาครอบครัว
ควรเป็นคนรอบรู้เรื่องราวต่างๆ นอกบ้านด้วย จะมีอายุนอยลงมีจํานวนมากขึ้น จึงสงผลให
เพราะคนเราจะดูแลภายในบ้านให้ดีไม่ได้หาก เกิดปญหาสัมพันธภาพภายในครอบครัว เนื่อง
ไม่รู้เรื่องนอกบ้านเลย มาจากคนในครอบครัวขาดหลักคิด คุณธรรม
ถ้าพ่อบ้านหรือแม่เรือนเป็นคน และศีลธรรมที่ดีในการดําเนินชีวิต จึงทําใหไม
สุรุ่ยสุร่าย เราก็พอวาดภาพได้ว่าครอบครัวนั้น อาจบมสอน หลอหลอมสมาชิกในครอบครัวให
จะตั้งอยู่ได้ไม่นาน ถ้าพ่อบ้านแม่เรือนติดสุรา เปนบุคคลที่มีคุณภาพของสังคมได แนวทาง
ชอบเล่นการพนัน ชอบเที่ยวเตร่ เราก็พอเห็น ครอบครัวจะมีความสุข หากหัวหน้าครอบครัวมีศีลธรรม ในการแกไข คือ ใหการศึกษาที่ดีกับทุกคนใน
ได้วา่ ภายในครอบครัวจะต้องมีความระส�า่ ระสาย และปฏิ บั ติ ห น้ า ที่ ข องตนได้ อ ย่ า งถู ก ต้ อ งตามทำ า นอง สังคม โดยปลูกฝงหลักคิดที่ดีในการดําเนินชีวิต
คลองธรรม
และยุ่งเหยิงมาก ถ้าพ่อบ้านแม่เรือนเป็นคน บนพื้นฐานของหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
1 สงเสริมใหสื่อประเภทตางๆ ในสังคมรูจัก
ไม่ยุติธรรม คนในบ้านก็จะเกิดการเล่นพรรคเล่นพวก อิจฉาริษยากัน ไม่สามัคคีปรองดองกัน
ครอบครัวนั้นก็คงเจริญรุ่งเรืองได้ยาก หากพ่อบ้านแม่เรือนเป็นคนตระหนี่ไม่ท�าบุญท�าทานเลย นําเสนอสิ่งที่เปนประโยชนและปองกันสื่อ
แม้มีฐานะที่พอท�าได้ ครอบครัวนั้นก็จะเป็นครอบครัวที่สมาชิกมีแต่ความเห็นแก่ตัว ขาดหลัก ที่เปนภัยหรือไมเหมาะสม)
ยึดเหนี่ยวทางใจ ในระยะยาวก็จะหาความสงบสุขได้ยาก เพราะคนเราทีอ่ ยูด่ ว้ ยกัน หากขาดหลัก 2. ใหนักเรียนแสดงความคิดเห็นวา การที่สมาชิก
ยึดเหนีย่ วทางใจแล้วจะไม่มใี ครยอมรับฟังใคร มีแต่จะเอาเปรียบซึง่ กันและกัน จะทะเลาะกันแม้แต่ ในครอบครัวเปนผูมีศีลธรรมมีความสําคัญตอ
เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ความเปนอยูของครอบครัวอยางไร
ดังนั้น คนที่เป็นพ่อบ้านแม่เรือน แม้จะด้อยในเรื่องอื่นๆ ก็ยังไม่ร้ายแรงนัก แต่ถ้า (แนวตอบ การที่สมาชิกในครอบครัวเปนผูมี
ด้อยคุณธรรมแล้วครอบครัวจะด�ารงอยู่ได้ยาก ศีลธรรม แสดงใหเห็นวาทุกคนมีหลักคิดที่ดี
กลาวคือ มีพื้นฐานความคิดที่มีเหตุผล
๔) กุศลกรรมบถ ๑๐ ค�าว่า “กุศล” แปลว่า สิ่งที่ดีที่ชอบ บุญหรือความฉลาด
สามารถแยกแยะสิ่งใดดี สิ่งใดไมดี เพื่อเลือก
“กรรม” แปลว่า การกระท�า “บถ” แปลว่า ทาง
ที่จะกระทําไดอยางถูกตอง นับเปนสิ่งที่ชวย
กุศลกรรมบถ ๑๐ หมายถึง ทางแห่งการกระท�าของผูฉ้ ลาดหรือคนดี เพือ่ ก่อให้เกิด
เสริมสรางสัมพันธภาพที่ดีใหแกครอบครัว
ความดีและความถูกต้อง กุศลกรรมบถ ๑๐ นี้ แบ่งออกเป็น ๓ หมวดใหญ่ๆ ดังนี้
โดยเฉพาะอยางยิง่ หัวหนาครอบครัวผูท าํ หนาที่
รับผิดชอบจัดการทุกอยางภายในครอบครัว
จําเปนตองมีศีลธรรม เพื่อเปนแบบอยางและ
83 หลอหลอมสมาชิกในครอบครัวใหเปนบุคคล
ที่มีคุณภาพในสังคมตอไป)

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T นักเรียนควรรู
หลักปฏิบตั ใิ นการทําใหครอบครัวมีความสุข สอดคลองกับกุลจิรฏั ฐิตธิ รรม 4
1 สามัคคี คือ การรวมพลังกับผูอ นื่ เพือ่ เพิม่ ขีดความสามารถของตนในการกระทํา
ขอใด
สิ่งใดสิ่งหนึ่งดวยความพรอมเพรียงใหสําเร็จผล ซึ่งความพรอมเพรียงจําแนกได
1. รูจักประมาณตนในการใชจาย
2 ประเภท ไดแก
2. หัวหนาครอบครัวเปนคนมีศีลธรรม
1. ความพรอมเพรียงทางกาย คือ การชวยเหลือซึ่งกันและกันดวยกําลังกาย
3. ของใชชํารุดเสียหายตองรีบซอมแซม
ใหสําเร็จลุลวง
4. จัดเตรียมของกินของใชไวอยาใหขาด
2. ความพรอมเพรียงทางใจ คือ มีใจที่หวังดีตอกัน มีเจตนาที่จะแสดง
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. หัวหนาครอบครัวที่เปนคนดี มีศีลธรรม ความคิดเห็นเพื่อพัฒนาไปในทิศทางที่ดี
มีคณุ ธรรม และปฏิบตั หิ นาทีข่ องตนไดอยางถูกตองตามทํานองคลองธรรม
ยอมดูแลจัดการทุกอยางภายในครอบครัวไดเปนอยางดี ครอบครัวก็จะ
มีความสุข สมาชิกในครอบครัวก็จะรักใครกลมเกลียวกัน และอยูรวมกัน
ดวยความรักความเขาใจ

คูมือครู 83
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูและนักเรียนอภิปรายรวมกันเกี่ยวกับกุศล-
กรรมบถ 10 จากนั้นใหนักเรียนสํารวจตนเองวา ๔.๑) ความประพฤติดีทางกาย มี ๓ อย่าง ดังต่อไปนี้
ในชีวิตประจําวันของนักเรียนไดปฏิบัติตนตาม (๑) เว้นจากการฆ่าสัตว์ คือ ไม่ท�าลายชีวิตทุกประเภท ไม่ทรมาน ไม่รังแก
หลักกุศลกรรมบถ 10 อยางไรบาง แลวบันทึก สัตว์ แต่มีความละอายต่อการเบียดเบียน มีความกรุณาเอ็นดูสัตว์ทั้งหลาย ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
ลงในสมุดบันทึกความดีสงครูผูสอน เท่าที่จะท�าได้ ควรละเว้นจากการท�าให้ชีวิต
2. ครูใหนักเรียนหาขาวเหตุการณประจําวันจาก ผู้อื่นต้องตายหรือบาดเจ็บ เราต้องการให้ผู้อื่น
สื่อตางๆ เชน หนังสือพิมพ วิทยุ โทรทัศน ช่วยเหลือหรือเมตตาเราอย่างไร เราก็ควรท�า
เกี่ยวกับบุคคลที่ประพฤติดีทั้งทางกาย วาจา อย่างนั้นกับผู้อื่นก่อน
และใจ แลวครูสุมตัวแทนนักเรียนออกมา (๒) เว้นจากการลักขโมย
เลาใหเพื่อนฟง พรอมกับชวยกันวิเคราะหวา คือ การไม่ถอื เอาสิง่ ของทีเ่ จ้าของมิได้ให้มาโดย
พฤติกรรมดังกลาวมีผลดีตอตนเองและสังคม ทุจริต เราควรเคารพในสิทธิของผู้อื่น เมื่อเรา
อยางไร หาทรัพย์สนิ เงินทองมาได้ดว้ ยความยากล�าบาก
3. ครูใหนกั เรียนแสดงความคิดเห็นวา ถาหากเพือ่ น ไม่อยากให้ใครมาฉกฉวยเอาสิ่งของของเราไป
ของนักเรียนไปขโมยของจากผูอื่นมา แลวให ฉันใด ผูอ้ นื่ ก็ยอ่ มมีความรูส้ กึ หวงแหนทรัพย์สนิ
นักเรียนชวยปดเปนความลับ นักเรียนจะมี ของเขาฉันนัน้ ผูท้ มี่ คี วามสุจริตต่อทรัพย์สนิ ของ
แนวทางในการแกไขปญหาเพื่อใหถูกตองตาม การทำ า บุ ญ ด้ ว ยการปล่ อ ยปลาเป็ น การปลดปล่ อ ยชี วิ ต ผู้อื่น ย่อมเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือ น่าไว้วางใจ
หลักกุศลกรรมบถ 10 ไดอยางไร ของสรรพสัตว์ ถือเป็นการประพฤติดีทางกายวิธีหนึ่ง
(๓) เว้นจากการประพฤติ
1
(แนวตอบ ครูเปดโอกาสใหนักเรียนแสดงความ ผิดในกาม คือ ชายก็ไม่ล่วงเกินลูกเมียผู้อื่นโดยผิดประเวณี ส�าหรับหญิงก็ไม่ควรมีความสัมพันธ์
คิดเห็นไดอยางหลากหลาย โดยคํานึงถึงการคิด เชิงชู้สาวกับสามีผู้อื่น การหาคู่ครองเป็นธรรมดาของโลก แต่ควรท�าตามประเพณี ไม่ท�าร้ายจิตใจ
วิเคราะหที่มีเหตุผลบนพื้นฐานของความถูกตอง ผู้อื่น โดยการไปมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับสามีภรรยาของผู้อื่น
ทางกฎหมายและกฎทางศีลธรรม ดังเชน ๔.๒) ความประพฤติดีทางวาจา มี ๔ อย่าง ได้แก่
หลักธรรมกุศลกรรมบถ 10 เปนตน) (๑) เว้นจากการพูดเท็จ คือ การพูดสิ่งที่เป็นจริง ค�าพูดจะเป็นเท็จหรือไม่
ต้องดูที่เจตนา บางคนพูดผิดจากความเป็นจริง แต่เนื่องจากเพราะความเขลา ความไม่รู้ อย่างนี้
ไม่เรียกว่า “พูดเท็จ” โลกเราหากมีแต่การพูดเท็จแล้วก็คงยุ่งเหยิง ระส�่าระสาย จะไม่มีใครเชื่อใคร
จะไม่มใี ครกล้าท�าอะไร การพูดเท็จเป็นโทษทัง้ แก่สว่ นรวมและแก่ตวั เอง เป็นโทษแก่สว่ นรวมเพราะ
ท�าให้เกิดความปั่นป่วน เป็นโทษแก่ตนเองเพราะจะไม่มีใครเชื่อค�าพูดของตน
(๒) เว้นจากการพูดส่อเสียด คือ เอาความฝ่ายหนึ่งไปบอกอีกฝ่ายหนึ่ง
จริงบ้างเท็จบ้าง แต่มเี จตนาทีจ่ ะให้คนเข้าใจผิด ให้คนทะเลาะกัน แตกสามัคคีกนั ถ้าเป็นเรือ่ งเล็กๆ
ก็อาจท�าให้เกิดการแตกความสามัคคีกันในกลุ่มชน แต่ถ้าเป็นเรื่องใหญ่อาจท�าให้ชาติบ้านเมือง
เสียหายได้ เราควรพูดแต่ค�าที่จะสมานรอยร้าว ช่วยให้คนที่ก�าลังทะเลาะกันนั้นเลิกทะเลาะและ
หันมาสามัคคีกัน
84

ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว  NT  O-NE T
ครูสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความประพฤติดีทางวาจา ขอใดเปนการปฏิบัติตนที่สอดคลองกับการประพฤติทางกายที่ดีตาม
ในหนังสือแกนพุทธศาสน ของทานพุทธทาสภิกขุ หลักกุศลกรรมบถ 10
1. ประภาปลอยใหยุงกัดเพราะการฆาสัตวนั้นเปนบาป
2. สมภพลงโทษสุนัขโดยไมใหอาหารและนํ้าเปนเวลา 3 วัน
นักเรียนควรรู 3. กมลซื้อโทรศัพทมือสองตอจากเพื่อนที่ขโมยมาเพราะราคาถูก
4. สินสมุทรเก็บเงินไดจากสนามเด็กเลนจึงนําไปคืนครูประจําชั้น
1 ผิดประเวณี คือ การกระทําผิดตอคูครองทั้งของตนและของผูอื่น เชน วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. การปฏิบัติตนตามหลักกุศลกรรมบถ 10
การมีความสัมพันธเชิงชูสาวกับผูที่มิใชสามีภรรยาของตน รวมถึงการใชกําลัง คือ การกระทําเพื่อใหเกิดความดีและความถูกตอง ดังนั้น การประพฤติ
ฉุดครา ขมเหง กระทําชําเราผูอื่น ซึ่งมีผลใหผูอื่นไดรับความเดือดรอน และ ทางกายที่ดี มี 3 ประการ ไดแก เวนจากการฆาสัตว ไมทรมานหรือ
สงผลกระทบตอความมั่นคงภายในครอบครัว พระพุทธศาสนาจึงสอนให เบียดเบียนสัตวทั้งหลาย เวนจากการขโมย ไมนําสิ่งของของผูอื่นมา
พุทธศาสนิกชนละเวนจากการประพฤติผิดประเวณี เพื่อกอใหเกิดความดีและ ครอบครอง และเวนจากการประพฤติผิดในกาม ไมลวงเกินคูครอง
ความถูกตองขึ้นในสังคม ของผูอื่น คําตอบในขอ 4. ถือเปนการเวนจากการขโมย

84 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูนําขอความสั้นๆ ที่มีลักษณะที่แสดงถึงการ
(๓) เว้นจากการพูดค�าหยาบ ค�าหยาบท�าให้1 ผู้ฟังระคายหู ก่อให้เกิดความ พูดเท็จ การพูดสอเสียด การพูดคําหยาบ และ
โกรธแค้นได้ ค�าหยาบรวมไปถึงการพูดกระทบกระเทียบ แดกดัน สาปแช่ง ค�าพวกนี้พูดไปแล้ว การพูดเพอเจอ มาใหนักเรียนอาน แลวให
มีแต่ท�าให้เกิดความขุ่นมัว ในขณะที่พูดผู้พูดอาจจะพอใจที่ได้กล่าวออกไปโดยไม่ยั้งคิด แต่ความ นักเรียนบอกวา ขอความดังกลาวสอดคลองกับ
พอใจนี้ไม่นานก็หาย แต่ผลเสียที่เกิดขึ้นนั้นอาจมีมากมายมหาศาล อาจน�าไปสู่การทะเลาะวิวาท ลักษณะการพูดแบบใด และเกิดโทษอยางไร
บาดหมาง หรือถึงกับฆ่ากันตายก็ได้ ดังนั้น เราจะต้องระมัดระวังตัว พยายามคิดก่อนพูด ตอผูพูดและผูฟง
(๔) เว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ การพูดเพ้อเจ้อ คือ การพูดที่ไร้สาระไม่มี 2. ใหนักเรียนออกมาเลาเหตุการณที่เกิดจาก
แก่นสาร ไม่ท�าให้เกิดประโยชน์แก่ใคร การพูดเพ้อเจ้ออาจไม่ใช่การพูดเท็จ แต่เป็นการพูดผิด ความผิดพลาดเพราะการใชคําพูดใหเพื่อนฟง
กาลเทศะ ไม่ตรงกับเรื่องที่วงสนทนาก�าลังสนใจกันอยู่ หรือเป็นค�าพูดที่ชวนให้เขาออกนอกเรื่อง หนาชั้นเรียน แลวใหเพื่อนชวยกันสรุปขอคิด
คือ พูดเรื่องนี้ยังไม่จบก็ไปพูดเรื่องใหม่ อย่างนี้ก็เรียกว่าพูดเพ้อเจ้อได้เหมือนกัน ถึงแม้การพูด ที่ไดจากการฟงเรื่องราวดังกลาว พรอมกับ
เพ้อเจ้อจะไม่ให้โทษมากเหมือนการพูดเท็จแต่ก็ไร้ประโยชน์ เสียเวลา ไม่ก่อให้เกิดการสร้างสรรค์ สรุปการปฏิบัติตนทางวาจาที่ดีตามหลัก
แต่อย่างใด ดังนั้น เราจึงไม่ควรประพฤติ กุศลกรรมบถ 10
๔.๓) ความประพฤติดีทางใจ มี ๓ อย่าง ดังนี2 ้ 3. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 3.7 จากแบบวัดฯ
(๑) ไม่โลภอยากได้ของผู้อื่น ความโลภ คือ ความอยากได้ของผู้อื่นที่ตน พระพุทธศาสนา ม.2
ไม่มีสิทธิอันชอบธรรม แต่การอยากได้ของผู้อื่นโดยหาของมาแลกเปลี่ยนจนเป็นที่ตกลงกันนั้น
ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ
ไม่ถือว่าโลภ ความคิดโลภเมือ่ เกิดแล้วเป็นทางพาไปสูค่ วามทุจริต ความโลภทีเ่ กิดขึน้ ชัว่ ขณะหนึง่
พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 3.7
แล้วหายไปก็ไม่เป็นไร แต่การครุ่นคิดมุ่งที่จะเอาของผู้อื่นโดยที่ตนไม่มีสิทธินั้น จะเป็นทางไปสู่ หนวยที่ 3 หลักธรมทางพระพุทธศาสนา
ความหายนะ เพราะถึงลงมือท�าส�าเร็จ สักวันหนึ่งเขาก็คงจับได้ และเราควรคิดถึงใจเขาใจเรา
ควรคิดเรื่องการเสียสละบ้าง จะท�าให้ความคิดโลภอยากได้ของผู้อื่นลดน้อยลงไป กิจกรรมที่ ๓.๗ ใหนกั เรียนพิจารณาภาพตอไปนี้ แลววิเคราะหหลักธรรมมรรค ñð
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได

ในประเด็นที่กําหนด (ส ๑.๑ ม.๒/๘)

เรื่องน่ารู้
ภาพที่ ๑
๑. สอดคลองกับหลักธรรม
บุพพนิมิตของมัชฌิมาปฏิปทา
………………………………………………………………………..
(กัลยาณมิตร) ดรุณธรรม ๖
………………………………………………………………………..

สัปปุริสธรรม 7 ๒. ประโยชนที่ไดจากการปฏิบัติตนตาม
หลักธรรม
การไดคบเพือ่ นหรือมิตรทีด่ ี ชักชวนกัน
………………………………………………………………………..

คำาว่า สัปปุริสธรรม หมายถึง ธรรมของคนดีหรือคุณสมบัติของคนดี มี ๗ ประการ ดังนี้ ทํ า สิ่ ง ที่ ดี ในที่ นี้ คื อ การช ว ยกั น ติ ว
………………………………………………………………………..
หนัง สือเรีย น จะชว ยใหทุก คนไมลืม
1. ธัมมัญญุตา คือ ความเป็นผู้รู้จักเหตุ สามารถที่จะพิจารณา วิเคราะห์หาสาเหตุของสถานการณ์ได้
………………………………………………………………………..
ความรู ท
 เ
่ ี รี ย นไป เป น การทบทวนความรู  ส ง ผลให ส อบได ค ะแนนดี
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

มีความรู้และเข้าใจสิ่งที่ตนจะต้องประพฤติ ปฏิบัติ ตามเหตุและผล ๓. การนําหลักธรรมมาประยุกตใชในการพัฒนาชุมชนและสังคม


การชักชวนกันทําสิ่งที่ดีมีประโยชน ยอมสงผลดีทั้งตอตนเอง ชุมชนและสังคม ในระดับตนเอง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

2. อัตถัญญุตา คือ ความเป็นผู้รู้จักผลที่เกิดจากเหตุ สามารถที่จะวิเคราะห์ได้ว่าผลอย่างนี้เกิดจากอะไร ฉบับ


เฉลย
ก็จะทําใหชีวิตมีความสุข ความเจริญกาวหนา ในระดับชุมชนและสังคมก็จะไมเกิดปญหาสังคม ทั้งยัง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ทําใหประเทศชาติเจริญกาวหนามากขึ้น
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

3. อัตตัญญุตา คือ ความเป็นผู้รู้จักตน สามารถที่จะพิจารณาวิเคราะห์ตนเองได้อย่างถูกต้อง ตามความ ภาพที่ ๒


๑. สอดคลองกับหลักธรรม
เป็นจริง ตามเพศ กำาลัง ความรู้ความสามารถ ความถนัด และคุณธรรมของตนเอง กุลจิรัฏฐิติธรรม ๔
………………………………………………………………………..

4. มัตตัญญุตา คือ ความเป็นผู้รู้จักประมาณตน ………………………………………………………………………..

๒. ประโยชนที่ไดจากการปฏิบัติตนตาม
5. กาลัญญุตา คือ ความเป็นผู้รู้จักกาล รู้จักระยะเวลาที่เหมาะสม ที่พึงใช้ในการประกอบหน้าที่การงาน หลักธรรม
การซอมแซมสิ่งของเครื่องใชเอง จะชวย
6. ปริสญ ั ญุตา คือ ความเป็นผูร้ จู้ กั ชุมชน เข้าใจว่าชุมชนมีสภาพเป็นอย่างไร แล้วปรับปรุงตนเองให้เหมาะสม
………………………………………………………………………..
ใหประหยัดคาใชจา ยของครอบครัว ทําให
………………………………………………………………………..
มีเงินเหลือเก็บไวใชในยามจําเปน
กับชุมชนนั้น ๓. การนําหลักธรรมมาประยุกตใชในการพัฒนาชุมชนและสังคม
………………………………………………………………………..

7. ปุคคลปโรปรัญญุตา คือ ความเป็นผูร้ จู้ กั เลือกบุคคล รูจ้ กั และเข้าใจความแตกต่างของบุคคล และปฏิบตั ิ การรูจักซอมแซมสิ่งของเครื่องใชที่ชํารุดใหใชงานไดดี นอกจากจะทําใหครอบครัวประหยัดคาใชจาย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
แลว ยังเปนการประหยัดการใชทรัพยากร ชวยลดปริมาณขยะทีอ่ าจกอใหเกิดมลพิษตอชุมชนและสังคม
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

ต่อบุคคลได้อย่างเหมาะสม ไดอีกดวย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

๒๘
85

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T เกร็ดแนะครู
การประพฤติดีทางวาจาตามหลักกุศลกรรมบถ 10 มีแนวทางในการ
ครูสุมถามนักเรียน 3-4 คนวา การพุดคุยกันในหองเรียนขณะที่ครูกําลังสอนอยู
ปฏิบัติตนอยางไร
จัดวาผิดกุศลกรรมบถขอใด และทําใหเกิดโทษอยางไร
แนวตอบ พยายามคิดกอนพูดทุกครั้ง รูจักเลือกใชคําพูดใหเหมาะสมกับ
บุคคลและกาลเทศะ หลีกเลี่ยงการพูดจาสอเสียด การพูดคําหยาบ และ
การพูดเพอเจอ เพราะนอกจากจะเปนสิ่งที่ไรประโยชนแลว ยังสรางความ นักเรียนควรรู
เดือดรอนใหกับตนเองและผูอื่นอีกดวย
1 แดกดัน คือ กลาวกระทบกระแทกหรือประชดผูอื่นเพราะความไมพอใจ
2 ความโลภ ความอยากไดอยากมี เพราะไมพอใจในสิ่งที่ตนมี ซึ่งในทาง
พระพุทธศาสนามีวิธีบรรเทาความโลภ คือ การใหทานหรือบําเพ็ญประโยชนตอ
สวนรวมโดยไมหวังผลตอบแทน ฝกควบคุมจิตใหพนจากความโลภโดยใชชีวิตอยาง
เรียบงาย ไมยึดติดกับวัตถุหรือเงินทองภายนอก หมั่นรักษาศีล นั่งสมาธิ มีสติ
รูเทาทันความอยากไดอยากมีในจิตใจที่เกิดขึ้น

คูมือครู 85
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนแสดงความคิดเห็นวา หากมีคน
กลาววา “ทําดีไดดีมีที่ไหน ทําชั่วไดดีมีถมไป” 1
(๒) ไม่คิดพยาบาท ความคิดพยาบาท คือ คิดแต่จะให้ผู้อื่นได้รับความทุกข์
นักเรียนจะมีวิธีอธิบายใหบุคคลนั้นเกิดความ ความเจ็บปวด ความหายนะ ความคิดพยาบาทเกิดิ ขึน้ เพราะผูอ้ นื่ มาท�าเราก่อนส่วนใหญ่ แต่บางที
เขาใจทีถ่ กู ตองในหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา คนบางคนก็คิดพยาบาทกับคนอื่นได้ โดยที่เขาไม่ได้ท�าอะไรให้เลย เป็นแต่เพียงอิจฉาริษยา
อยางไร ไม่อยากให้เขาได้ดี ความคิดพยาบาทเป็นบ่อเกิดของการกระท�าที่ชั่วร้าย แต่โดยทั่วไปแล้วคนที่มี
(แนวตอบ ครูเปดโอกาสใหนักเรียนแสดงความ แต่ความคิดพยาบาทนั้นเองที่จะได้รับผลร้าย ความคิดแบบนี้จะท�าลายจิตใจของผู้คิดทีละน้อย
คิดเห็นไดอยางหลากหลาย โดยพิจารณาถึงการให ไม่เป็นอันท�าการงานหรือเล่าเรียน เป็นการท�าร้ายตนเองโดยไม่รู้ตัว หากเราคิดแต่จะให้คนอื่น
เหตุผลสนับสนุนคําอธิบายที่ถูกตองเหมาะสม มีความสุขใจ เราก็ย่อมมีความสุข การงาน และการเล่าเรียนของเราก็จะเป็นไปอย่างราบรื่น
โดยอาจยกตัวอยางหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ดังนั้น เราต้องพยายามห้ามใจมิให้คิดพยาบาทให้จงได้
มาประกอบการอธิบาย เชน การปฏิบัติตนตาม (๓) มีความเห็นชอบ คือ เห็นว่า ท�าดีได้ดี ท�าชั่วได้ชั่ว 2ความส�าเร็จนั้น
หลักกุศลกรรมบถ 10 หลักธรรมกรรม เปนตน) เกิดได้จากความพากเพียรมิได้เกิดจากโชคชะตา เห็นว่าการให้และการเสียสละนั้นมีผลต่อการ
2. ใหนกั เรียนชวยกันบอกถึงผลดีจากการปฏิบตั ติ น ช�าระล้างจิตใจของเราให้บริสุทธิ์ได้ เห็นว่าความทุกข์ร้อนนั้นมีสาเหตุและสาเหตุนั้นดับได้ เห็นว่า
ตามหลักกุศลกรรมบถ 10 ความสงบสุขของชีวิตนั้นเกิดได้โดยการปฏิบัติตนที่ถูกต้อง เป็นต้น
(แนวตอบ การปฏิบตั ติ นตามหลักกุศลกรรมบถ 10 กุศลกรรมบถ ๑๐ เป็นธรรมทีท่ กุ คนปฏิบตั ไิ ด้ หากมีความตัง้ ใจแน่วแน่เพียงแต่ใช้
คือ การปฏิบัติตนใหสุจริตทั้งกาย วาจา และใจ สติปญั ญายัง้ คิด ไม่ทา� อะไรไปโดยอารมณ์ววู่ าม คนเราเกิดมามีความสามารถหลายอย่างไม่เท่ากัน
จึงกอใหเกิดผลดีตอ ตนเองและสังคม กลาวคือ เช่น บางคนเรียนเก่งกว่าบางคน บางคนเล่นกีฬาเก่งกว่าบางคน แต่ทกุ คนมีความสามารถทีจ่ ะเดิน
ทําใหผูปฏิบัติเปนที่รักใครของผูคนรอบขาง ตามแนวกุศลกรรมบถ ๑๐ ได้เท่าเทียมกัน หากตั้งใจจะกระท�าและเดินตามแนวนี้แล้ว ไม่เพียงแต่
นาเคารพนับถือ เปนที่ยกยองเชิดชูของผูอื่น จะท�าให้ตนเองเจริญก้าวหน้าเท่านั้น สังคมส่วนรวมก็พลอยสงบสุขตามไปด้วย
สงผลตอการประสบความสําเร็จในหนาทีก่ ารงาน ๕) สติปัฏฐาน ๔ หมายถึง ที่ตั้ง
และมีชีวิตที่มีความสุข ตลอดจนเปนสวนหนึ่ง ของสติ สัมมาสติ (หรือสติทชี่ อบ) เป็นองค์มรรค
ในการสรางสังคมใหมีแตสิ่งที่ดีและยังชวยให ข้อหนึ่งในมรรคมีองค์แปด สิ่งที่ตรงกันข้ามกับ
สังคมมีความสงบสุข ทําใหสามารถพัฒนาสังคม สติ คือ ความประมาท สติ คือความไม่เผลอ
ใหกาวหนาไดอยางรวดเร็วและเปนสังคมที่ดี ไม่เลินเล่อ ไม่เลือ่ นลอย สติเป็นตัวคอยเตือนให้
มีศีลธรรม) เรายับยั้งตนเอง ไม่ให้หลงเพลินไปในทางที่ผิด
เป็นตัวคอยป้องกันมิให้ความชั่วเล็ดลอดเข้าไป
ในจิตได้ สติเป็นตัวปิดโอกาสความชั่ว แต่เปิด
โอกาสให้แก่ความดี
สติ มีความหมายว่า ความไม่ประมาท
(อัปปมาทธรรม) พระพุทธองค์ให้ความส�าคัญ การนั่งสมาธิสามารถกระทำาได้ทุกเพศทุกวัย เมื่อทำาแล้ว
แก่ความไม่ประมาทมาก พระด�ารัสครั้งสุดท้าย จิตใจจะสงบ มีสติก่อให้เกิดผลดีทั้งในด้านการเรียนและ
ของพระพุทธเจ้าก็เป็นเรือ่ งอัปปมาทธรรม ดังนี้ การประกอบสัมมาอาชีพ
86

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว  NT  O-NE T
การตั้งสติกําหนดพิจารณาสิ่งตางๆ ใหรูและเขาใจในสัจธรรม
1 ความคิดพยาบาท ทําใหรางกายหลั่งสารความเครียดออกมา ถาเกิดขึ้น
หรือรูเทาทันเหตุการณที่เกิดขึ้น เรียกวาอะไร
เปนประจําจะมีผลกระทบตอสุขภาพรางกาย ทําใหเกิดโรคตางๆ เชน โรคหัวใจ
1. สติปฏฐาน
โรคความดันโลหิตสูง โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน เปนตน
2. มรณานุสติ
2 เสียสละ คุณธรรมขั้นพื้นฐานของผูที่อยูรวมกันในสังคม ความเสียสละเปน 3. ธัมมานุสติ
คุณธรรมสําหรับผูกมิตรไมตรี ยึดเหนีย่ วจิตใจใหกบั คนในสังคม ทัง้ ยังเปนเครือ่ งมือ 4. ปทมาทปฏฐาน
สรางลักษณะนิสัยใหเปนคนที่เห็นแกประโยชนสุขสวนรวมมากกวาประโยชนสุข
สวนตัว ความเอื้อเฟอเผื่อแผและการเสียสละยอมใหผลที่ดีตอผูปฏิบัติและสังคม วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. สติปฏฐาน หมายถึง ที่ตั้งของสติ
รอบขางเสมอ กอใหเกิดความชื่นชมยินดีตอกันและกัน ไมวาจะเปนผูใหหรือผูรับ สติ คือ ความไมเผลอ ไมเลินเลอ ไมเลื่อนลอย ไมประมาท สามารถ
คนที่มีนํ้าใจเสียสละคิดจะเฉลี่ยแบงปนลาภผลและความสุขของตนแกผูอื่น กําหนดพิจารณาสิ่งตางๆ ใหรูและเขาใจในสัจธรรม ตลอดจนรูเทาทัน
อยูเ สมอนัน้ ไมวา ใครๆ ก็อยากคบหาสมาคมดวย ดังนัน้ ผูท มี่ องเห็นการณไกลควร เหตุการณตางๆ แยกแยะความชั่วออกจากความดี และรูจักยับยั้งชั่งใจ
พยายามฝกตนใหเปนคนเสียสละจนเกิดเปนอุปนิสัย เพื่อใหสามารถปลดเปลื้อง ไมหลงเดินไปในทางที่ผิด
ความทุกขที่เกิดจากความโลภได

86 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูและนักเรียนอภิปรายรวมกันเกี่ยวกับ
“สิง่ ทัง้ หลายทีป่ จั จัยปรุงแต่งขึน้ ย่อมมีความเสือ่ มสิน้ ไปเป็นธรรมดา ท่านทัง้ หลายจงยัง สติปฏฐาน 4 แลววิเคราะหวา
ประโยชน์ที่มุ่งหมายให้ส�าเร็จด้วยความไม่ประมาทเถิด” • สติมีความสําคัญตอการเรียนอยางไร
สติปัฏฐาน มี ๔ ประการ ดังต่อไปนี้ (แนวตอบ สติ คือ ความระลึกได การรูตัว
(๑) พิจารณาเห็นภายในกาย คือ การตั้งสติก�าหนดพิจารณากาย ให้รู้เห็น อยูเ สมอ มีจติ จดจอกับสิง่ ทีก่ าํ ลังกระทํา ซึง่ มี
ตามความเป็นจริงว่า เป็นแต่เพียงกายไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตนของเรา ตัวตนของเขา ความสําคัญตอการเรียน คือ ทําใหผูเรียน
วิธีปฏิบัติมี ๖ วิธี วิธีที่รู้จักกันดี คือ อานาปานสติ (การก�าหนดลมหายใจเข้าออก) เกิดสมาธิในการศึกษาเลาเรียน สามารถ
(๒) พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนา เวทนาในที่นี้มิได้แปลว่าสงสาร แต่หมายถึง จดจําและเขาใจบทเรียนไดอยางแมนยํา
ความรู้สึกเป็นสุข เป็นทุกข์ หรือเฉยๆ วิธีนี้คือ การตั้งสติก�าหนดพิจารณาเวทนา ให้รู้เห็นความ ตลอดจนสามารถจัดระบบความคิดเพื่อการ
เป็นจริงว่า เป็นแต่เพียงเวทนาไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนของเรา ของเขา เรียนรูไดอยางเปนระบบ)
(๓) พิจารณาเห็นในจิต คือ การตั้งสติก�าหนดพิจารณาจิตให้รู้เห็นตามความเป็น • สติมีประโยชนตอการดําเนินชีวิตประจําวัน
จริงว่า เป็นแต่เพียงจิตมิใช่สัตว์ บุคคล ตัวเรา ตัวเขา เมื่อจิตมีราคะก็รู้ว่าจิตมีราคะ จิตปราศจาก อยางไร
ราคะก็รู้ว่าจิตปราศจากราคะ เป็นต้น (แนวตอบ ในชีวิตประจําวันสติมีประโยชน
(๔) พิจารณาเห็นธรรมในธรรม คือ การตั้งสติพิจารณาธรรม ให้รู้เห็นตามความ1 มาก ชวยใหเรามีความระมัดระวัง
เป็นจริงว่า เป็นเพียงธรรมไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวเรา ตัวเขา มีสติรู้จักธรรมทั้งหลาย เช่น นิวรณ์ ๕ ไมประมาท ไมเลินเลอ ความประมาทเปน
อริยสัจ ๔ เป็นต้น ว่าคืออะไร เป็นอย่างไร หนทางนําไปสูความลมเหลว และอาจทําให
การปฏิบัติตามหลักสติปัฏฐาน ๔ นี้ พระพุทธองค์ทรงเรียกว่า “ทางสายเอก” เกิดอันตรายหรือความเสียหายรายแรงได
ที่จะพาชีวิตไปสู่ความสงบสุขตั้งแต่ระดับต้นๆ จนถึงระดับสูงสุด เชน เดินขามถนน หากขาดสติอาจถูกรถชน
2 ไดรับบาดเจ็บสาหัสได ถาระลึกและรูตัวอยู
๖) มงคล ๓๘ คือ สิ่งที่ท�าให้
๖) มงคล ตลอดเวลาวากําลังทําอะไร ดูซายดูขวา
เกิดความดีงาม เป็นธรรมที่น�ามาซึ่งความสุข ใหดีกอนขาม หรือเลือกใชสะพานลอย
ความเจริญ มีทั้งหมด ๓๘ ข้อ แต่ ณ ที่นี้ เดินขามก็เปนวิธีการปลอดภัยที่สุด
จะกล่าวถึง ๓ ข้อ ดังนี้ นอกจากนี้ คนมีสติเมื่อจะพูดหรือจะแสดง
๑. ประพฤติธรรม กิริยาทาทางอะไรออกมาก็รูสึกตัวอยูเสมอ
๒. เว้นความชั่ว ไมพูดหยาบ พูดเพอเจอ กิริยามารยาทก็
๓. เว้นการดื่มน�้าเมา นิ่มนวล ยอมทําใหเปนที่รักใครชอบพอ
๖.๑) ประพฤติ ธ รรม คนเรา ของคนที่คบคาสมาคมดวย ชีวิตก็จะมีแต
เกิดมาย่อมต้องการความสุข ความสุขของ ความราบรื่น นอกจากมีประโยชนในการ
แต่ละคนไม่เหมือนกัน บางครัง้ บางคนต้องการ ทํางานแลวยังทําใหใจสงบดวย)
ความสุขทางใจมากกว่าความสุขทางกาย บางคน 2. ครูใหนักเรียนฝกสติปฏฐาน 4 เปนเวลา 7 วัน
ต้องการความสุ ข ทางกายมากกว่ า ความสุ ข ผลแห่งการปฏิบัติธรรมนำามาซึ่งความสงบสุขทางจิตใจ บันทึกผลกอนและหลังการปฏิบัติ พรอมบอก
อันจะส่งผลให้ชีวิตมีความสุขความเจริญ
ทางใจ บางคนชอบความตื่นเต้นและผจญภัย ประโยชนทไี่ ดรบั จากการปฏิบตั ติ ามสติปฏ ฐาน 4
87 บันทึกผลลงสมุด สงครูผูสอน

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T นักเรียนควรรู
การเดินจงกรม จัดเปนสติปฏฐาน 4 ในขอใด
1 นิวรณ 5 คือ ธรรมที่กั้นจิตไมใหบรรลุความดี สิ่งที่ขัดขวางจิตไมใหกาวหนา
1. กายานุปสสนาสติปฏฐาน
ในคุณธรรม มี 5 ประการ ดังนี้
2. จิตตานุปสสนาสติปฏฐาน
1. กามฉันท คือ ความพอใจในกามคุณ
3. ธัมมานุปสสนาสติปฏฐาน
2. พยาบาท คือ ความคิดรายผูอื่น
4. เวทนานุปสสนาสติปฏฐาน
3. ถีนมิทธะ คือ ความหดหูซึมเซา
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. การเดินจงกรม คือ การกําหนดจิตอยูที่เทา 4. อุทธัจจกุกกุจจะ คือ ความฟุงซานและรําคาญ
โดยผูเดินจงกรมยืนตรง มือประสานกันไวดานหนาหรือดานหลัง ใชจิตกําหนด 5. วิจิกิจฉา คือ ความลังเลสงสัย
อาการที่เทากําลังกาวเดินในแตละครั้งอยางชาๆ ปลอยจิตใหพนจากความ 2 มงคล 38 มีเหตุมาจากเมื่อพระพุทธเจาประทับอยู ณ วัดเชตวัน กรุงสาวัตถี
กังวลตางๆ ซึ่งกลาวไดวา เปนการกระทําที่พิจารณากายใหรูเห็นตามความ ทรงแสดงพระธรรมเทศนาแกพุทธบริษัททั้งหลายที่มาทูลถามปญหาวา อะไรเปน
เปนจริง เรียกวา กายานุปสสนาสติปฏฐาน มงคลสูงสุดของมนุษยทั้งหลาย โดยตรัสชี้ไปที่ขอประพฤติปฏิบัติที่จะนําความสุข
ความเจริญมาให 38 ประการ

คูมือครู 87
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูและนักเรียนอภิปรายรวมกันเกีย่ วกับมงคล 38
จากนั้นใหนักเรียนแสดงความคิดเห็นวา บางคนชอบอยูเ่ งียบๆ ง่ายๆ บางคนชอบงานสังคม บางคนชอบอ่านหนังสืออยูก่ บั
ในสังคมไทยปจจุบนั มีสงิ่ ใดทีเ่ ปนเกณฑการตัดสิน บ้าน บางคนต้องการเงินมากๆ เพือ่ จะได้มคี วามสุข บางคนต้องการไม่มากนัก แต่ความสุขเหล่านี้
ความถูกตองในการกระทําสิ่งตางๆ ในชีวิต จะเกิดกับใครไม่ได้ ถ้าคนคนนั้นปราศจากสิ่งส�าคัญที่สุดสิ่งหนึ่ง คือ “ธรรมะ” ไม่ว่าจะมั่งมีหรือ
ประจําวัน ยากจน โง่หรือฉลาด เด็กหรือผูใ้ หญ่ เป็นชาวกรุงหรือชาวชนบท เป็นหญิงหรือชาย ท�างานเก่งหรือ
(แนวตอบ ครูเปดโอกาสใหนักเรียนแสดงความ ไม่เก่ง หากขาดธรรมะแล้ว ชีวิตก็จะไม่มีความสุข ความสงบ
คิดเห็นไดอยางหลากหลาย โดยคํานึงถึงความ เราคงเคยเห็นว่าครอบครัวที่มั่งมีเงินทองนั้นบางครั้งไม่มีความสงบสุข คนที่
ถูกตองเหมาะสม เชน เกณฑการตัดสินความ เรียนเก่งอาจเอาตัวไม่รอด ดังมีค�ากล่าวว่า “ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด” วิชาความรู้ก็ดี
ถูกตองในการกระทําสิ่งตางๆ ในสังคมไทย ทรัพย์สมบัตกิ ด็ ี ความฉลาดและเก่งก็ดี ล้วนเป็นดาบสองคม ถ้าไม่มธี รรมะเป็นหลักยึดเหนีย่ วแล้ว
คือ กฎหมาย กฎศีลธรรมทางพระพุทธศาสนา ความวิบัติชั่วร้ายจะเกิดขึ้น ธรรมะคือหลักที่จะช่วยเตือนเราว่าอะไรควร อะไรไม่ควร เป็นสิ่งที่
ประเพณีหรือวัฒนธรรม คานิยม ความคิด จะน�ามาซึ่งความสุขสวัสดิ์ทั้งแก่ตัวเองและส่วนรวม
ความเชื่อตางๆ เปนตน) พระพุทธศาสนามีค�าสอนเกี่ยวกับหลักธรรมที่จะให้เราถือปฏิบัติมากมาย แต่ใน
2. ใหนักเรียนแสดงความคิดเห็นวา การที่บุคคล ที่นี้จะกล่าวถึงเบญจธรรม ๕ และเบญจศีล ๕ ดังนี้
ยึดหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาในการดําเนิน
ชีวิตจะเกิดผลดีอยางไร เบญจธรรม ๕
(แนวตอบ หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาจะเปน ๑. เมตตากรุณา มีความรักใคร่เพื่อนมนุษย์ ช่วยเหลือเท่าที่ตนท�าได้
สิ่งที่คอยยํ้าเตือนใหบุคคลเลือกกระทําในสิ่งที่ดี ๒. สัมมาอาชีวะ หาเลี้ยงชีพทางสุจริต
และถูกตอง ทั้งยังทําใหสามารถอยูรวมกับผูอื่น ๓. กามสังวร เดินสายกลางเกี่ยวกับความสุขทางเนื้อหนัง
๔. สัจจะ พูดแต่ความจริง
ไดอยางมีความสุข)
๕. สติสัมปชัญญะ รู้สึกตัวอยู่เสมอว่าอะไรควร อะไรไม่ควร
3. ครูใหนกั เรียนแบงกลมุ รวบรวมสุภาษิต คําพังเพย
คําคม พุทธศาสนสุภาษิต ทีก่ ระตนุ ใหผคู นสนใจ เบญจศีล ๕
ประพฤติธรรม เขียนลงสมุด แลวนําสงครูผสู อน ๑. เว้นจากการท�าลายชีวิต
4. ครูใหนกั เรียนเขียนความสัมพันธของเบญจศีล 5 ๒. เว้นจากการลักขโมย ฉ้อโกง
และเบญจธรรม 5 ในรูปแบบของผังความคิด ๓. เว้นจากการประพฤติผิดในกาม
แลวนําสงครูผูสอน ๔. เว้นจากการพูดเท็จ
๕. เว้นจากน�้าเมา และสิ่งเสพติดทั้งหลาย

๖.๒) เว้นความชั่ว ที่กล่าวข้างต้นเป็นเรื่องการประพฤติธรรม การเว้นความชั่ว


ก็เป็นเรือ่ งเดียวกับการประพฤติธรรม แต่เป็นการมองอีกด้านหนึง่ พระพุทธศาสนาพู1ดถึงความชัว่
มากมายหลายอย่างที่เราควรละเว้น ไม่พึงปฏิบัติ ที่ส�าคัญ เช่น อกุศลกรรมบถ ๑๐ ดังที่ได้กล่าว
มาแล้ว

88

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว  NT  O-NE T
ขอใดเปนประโยชนสูงสุดในการศึกษาเบญจศีล-เบญจธรรม
1 อกุศลกรรมบถ 10 คือ ทางแหงกรรมชั่ว ทางแหงกรรมที่เปนอกุศล กรรมชั่ว
1. เพื่อใหรอบรูวิทยาการแขนงตางๆ
อันเปนทางนําไปสูทุคติ มี 10 ประการ ดังนี้
2. เพื่อสงเสริมสติปญญาใหเฉลียวฉลาด
• กายกรรม 3 ไดแก
3. เพื่อแกไขกรณีพิพาททางศาสนาที่เกิดขึ้นในสังคม
1. ปาณาติบาต คือ การทําลายชีวิต
4. เพื่อรูหลักธรรมและนํามาปฏิบัติในการดําเนินชีวิต
2. อทินนาทาน คือ การถือเอาของที่เขามิไดให
3. กาเมสุมิจฉาจาร คือ การประพฤติผิดในกาม วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เบญจธรรม คือ ขอควรปฏิบัติ สวนเบญจศีล
• วจีกรรม 4 ไดแก คือ ขอหามปฏิบัติเพื่อควบคุมกาย วาจา ใจใหดํารงอยูในความดี ซึ่งการ
4. มุสาวาท คือ การพูดเท็จ 6. ผรุสวาจา คือ การพูดคําหยาบ ศึกษาหลักธรรมทั้งสองจะชวยเปนแนวทางใหมนุษยดําเนินชีวิตไดอยาง
5. ปสุณวาจา คือ การพูดสอเสียด 7. สัมผัปปลาปะ คือ การพูดเพอเจอ ถูกตองและมีความสุข
• มโนกรรม 3 ไดแก
8. อภิชฌา คือ ความละโมบคอยจองอยากไดของเขา
9. พยาบาท คือ การคิดรายตอผูอื่น
10. มิจฉาทิฏฐิ คือ ความเห็นผิดจากคลองธรรม

88 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูและนักเรียนอภิปรายรวมกันเกี่ยวกับ
ส�าหรับคนบางคน การเว้นจากการท�าความชั่วอาจง่ายกว่าการท�าความดีและ อกุศลมูล 3 แลวใหนักเรียนชวยกันยกตัวอยาง
การประพฤติธรรม เช่น การไม่ท�าร้ายคนนั้นไม่ยากนักเพราะเป็นการ “ไม่ท�า” แต่การเสียสละ เหตุการณที่เกิดจากตนตอของความชั่ว 3
เพื่อช่วยคนอื่นนั้นอาจยากกว่าเพราะเป็น “การท�า” เป็นการลงทุนลงแรงท�าให้เราต้อง “เสีย” ประการ อันไดแก โลภะ โทสะ และโมหะ
อะไรไปบางอย่าง แต่พุทธศาสนิกชนควรท�าทั้งสองอย่าง คือ ละเว้นความชั่ว และท�าความดี 2. ครูใหนักเรียนชวยกันบอกวิธีการกําจัดตนตอ
ความชั่วที่พระพุทธศาสนาสอนให้ละเว้นมีมากมาย แต่จริงๆ แล้วอาจรวบรวม ของความชั่วหรืออกุศลมูล 3
ได้เป็น ๓ อย่าง คือ อกุศลมูล ๓ แปลว่า ต้นตอของความชั่ว ๓ ประการ อันได้แก่ โลภะ โทสะ (แนวตอบ วิธีการกําจัดตนตอของความชั่วหรือ
โมหะ หรือ โลภ โกรธ หลง อกุศลมูล 3 คือ การมีสติ ตระหนักรูในสิ่งที่
อกุศลมูล ๓ มีดังนี้ ตนกําลังคิด กําลังกระทํา รูเทาทันความโลภ
(๑) โลภะ คือ ความโลภ หมายถึง ความอยากได้โดยมิชอบ หรือความ โกรธ หลงที่จะเกิดขึ้นภายในใจ หมั่นนั่งสมาธิ
อยากได้เกินพอดี เช่น อยากได้สิ่งที่ไม่เป็นของตนโดยการหลอกลวง ฉ้อโกง ขโมย เป็นต้น บําเพ็ญจิตใหเกิดปญญาในการกระทําสิง่ ตางๆ
(๒) โทสะ คือ ความโกรธแค้น พยาบาท อิจฉาริษยา คิดแต่อยากให้ผู้อื่น อยางมีเหตุผลอยูเสมอ ฝกควบคุมตนใหชนะ
ประสบเคราะห์กรรม ประสบความหายนะ จากกิเลสทั้งปวง และยึดหลักธรรมทาง
(๓) โมหะ คือ ความหลง ไม่อยูใ่ นหลักของเหตุผลและปัญญา มีความล�าเอียง พระพุทธศาสนาในการดําเนินชีวิต)
ไม่เป็นกลาง คิดปักใจแต่เพียงด้านใดด้านหนึ่ง 3. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 3.6 จากแบบวัดฯ
ต้นตอแห่งความชั่วทั้ง ๓ นี้ อาจมิใช่ต้นตอของความชั่วทั้งหมดในโลก แต่ก็เป็น พระพุทธศาสนา ม.2
ต้นตอที่ส�าคัญ หากละเว้นได้ก็จะเป็นการละเว้นความชั่วได้หลายอย่าง
ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ
๖.๓) เว้ น จากการดื่ ม น�้ า เมา ในที่ นี้ ห มายรวมถึ ง การติ ด ของมึ น เมา และ
พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 3.6
สิ่งเสพติดให้โทษ โทษที่เห็นชัดก็คือ เสียเงิน หนวยที่ 3 หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
โดยเปล่าประโยชน์ แทนทีจ่ ะใช้เงินไปกับอาหาร
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได

ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย การทะเลาะวิวาท กิจกรรมที่ ๓.๖ ใหนักเรียนอานกรณีศึกษา แลววิเคราะหหลักธรรมมรรค


ในประเด็นดังตอไปนี้ (ส ๑.๑ ม.๒/๘)
ñð

ก็เกิดขึ้นได้ง่ายในหมู่นักเลงสุรา เรื่องเล็กน้อย ดนัยเรียนอยูชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๓ ในโรงเรียนประจําจังหวัด เขาเปนเด็กตั้งใจเรียน


มีผลการเรียนดีมาตลอด เปนที่ภาคภูมิ ใจของพอแมและเปนที่ชื่นชมของครูบาอาจารย
ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ 1 สุราท�าให้คนใจกล้าเป็น
และเพื่อนๆ จนกระทั่งมาพบกับอนุชาซึ่งยายมาใหมจากโรงเรียนอื่น ทั้งสองไดคุยถูกคอ
จนเปนเพือ่ นสนิทกัน แตอนุชากลับมีพฤติกรรมตรงกันขามกับดนัย เขาเปนเด็กทีม่ ผี ลการเรียน
ยํ่าแย เพราะชอบหนีเรียนไปเลนเกมคอมพิวเตอรและแอบสูบบุหรี่เปนประจํา จากการที่
พิเศษ ท�าให้ขาดสติ คนบางคนพอสุราเข้าปาก ทั้งสองคนเปนพื่อนสนิทกันทําใหดนัยเริ่มมีพฤติกรรมเลียนแบบอนุชา จากที่เคยเปนเด็ก
มีผลการเรียนดี ทําใหภายหลังเขาเริ่มมีผลการเรียนตกตํ่าลงจนทําใหสอบตกหลายวิชา
ก็เปลี่ยนจากคนเงียบขรึมเป็นคนก้าวร้าว นําความผิดหวังมาใหแกครอบครัวของดนัยเปนอยางยิ่ง

๑. ปญหาของดนัยคืออะไรและเกิดจากสาเหตุใด
สุ ร าและสิ่ ง เสพติ ด ทั้ ง หลาย ปญหาของดนัย คือ การสอบตก ซึ่งเกิดจากการหนีเรียนไปเลนเกมคอมพิวเตอรและการแอบ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
สูบบุหรี่เปนประจํา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

ท�าให้เสียสุขภาพ บางคนบอกว่าการดื่มสุรา …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….


๒. การสอบตกของดนัยเปนเพราะเขามิไดปฏิบัติตนตามหลักธรรมใดบาง
ฉบับ
เฉลย
เชน กุศลกรรมบถ ๑๐ ขอ สัมมาทิฏฐิ (มีความเห็นชอบ) สติปฎฐาน ๔ มงคล ๓๘ ขอ เวนความชั่ว
เป็นยานั้นอาจเป็นความจริงบ้างหรือเพียงครึ่ง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
เปนตน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

เปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่เป็นยาพิษมากกว่า สุรา ๓. ควรนําหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาขอใดมาชวยแกไขปญหาของดนัย


สามารถนําหลักธรรม เชน กุศลกรรมบถ ๑๐ มงคล ๓๘ และสติปฏฐาน ๔ มาชวยแกไขปญหาได
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

ท�าให้ร่างกายเสื่อมลงทีละน้อย และท�าให้คน การประกอบอาชีพสุจริตเป็นการประพฤติที่ถูกต้องดีงาม นัน่ คือ การมีสติ ไมประมาท ไมเผลอไปกับการทําความชัว่ โดยไมหนีเรียนไปเลนเกมและแอบสูบบุหรีอ่ กี


…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
และตั้งใจเรียนหนังสือ ควรเตือนเพื่อน คือ อนุชาใหละเวนดวยเชนกัน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

นำามาซึ่งความสุขทั้งต่อตนเองและส่วนรวม ๔. หากเยาวชนมีพฤติกรรมอยางดนัยและอนุชาจะสงผลตอตนเองและสังคมอยางไร
ปัญญาดีกลายเป็นคนโง่ได้ หากเยาวชนเลียนแบบพฤติกรรมของอนุชาและดนัยก็จะทําใหตนเองมีผลการเรียนตกตํ่า ไมสามารถ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
เรียนหนังสือในระดับสูงตอไปได ไมมีความรูที่จะนําไปประกอบอาชีพสุจริต สงผลกระทบทําให
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ประเทศชาติขาดบุคลากรที่จะชวยพัฒนาชาติใหมีความเจริญกาวหนา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
๕. นักเรียนควรนําขอคิดที่ไดมาใชในการพัฒนาตนไดอยางไร
89 ตั้งใจเรียนหนังสือ ใหเลือกคบเพื่อนที่ดีและชักชวนทําในสิ่งที่ดี หรือถาหากเพื่อนคนใดมีพฤติกรรม
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ที่ไมดีก็ใหคําแนะนําใหเขาเปลี่ยนพฤติกรรม
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

๒๗

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T เกร็ดแนะครู
ทุกขอจัดอยูในอกุศลมูล 3 หรือตนตอของความชั่ว 3 ประการ ยกเวน ขอใด
ครูใหนักเรียนศึกษาวิเคราะหโครงการตางๆ ที่จัดทําขึ้นเพื่อรณรงคใหคนงดเวน
1. ความรัก 2. ความโลภ
จากการดื่มสุราและใชยาเสพติดในชุมชนและทองถิ่น วามีผลดีผลเสียอะไรบาง เชน
3. ความโกรธ 4. ความหลง
โครงการเมาไมขับ โครงการงดเหลาเขาพรรษา เปนตน และใหระบุวานักเรียนจะมี
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. อกุศลมูล 3 แปลวา ตนตอของความชั่ว สวนรวมในโครงการเหลานั้นไดอยางไร
3 ประการ ประกอบดวย
- โลภะ คือ ความอยากไดเกินพอดี
- โทสะ คือ คามโกรธแคน พยาบาท อิจฉาริษยา นักเรียนควรรู
- โมหะ คือ ความไมอยูในหลักของเหตุผลของปญญา มีความลําเอียง
ซึ่งลวนเปนสิ่งที่เชื่อมโยงทําใหเกิดกิเลสอื่นๆ ไดอีกมากมาย อันจะนํา 1 ทําใหขาดสติ การดื่มสุราทําใหเกิดปญหาสังคมตางๆ มากมาย นอกจาก
ความทุกขมาใหแกบุคคลผูนั้น จะทําใหเกิดการทะเลาะวิวาท ลดทอนความสงบสุขของครอบครัวแลว ยังเปน
สาเหตุทําใหเกิดอุบัติเหตุ มีผูไดรับบาดเจ็บและเสียชีวิตจํานวนมากในแตละป
จนรัฐบาลตองเขมงวดและกําหนดนโยบายเมาไมขับออกมา

คูมือครู 89
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
ครูใหนักเรียนชวยกันบอกผลกระทบที่เกิดจาก
การดื่มนํ้าเมา คนขีเ้ มานัน้ ไม่มใี ครเชือ่ ถือ ไม่อยากคบค้าสมาคม ไม่อยากท�าธุระติดต่อด้วยเพราะ
(แนวตอบ การดื่มนํ้าเมาหรือดื่มสุราสงผลเสีย ไว้ใจไม่ได้ คนเมาสุราเป็นคนที่กระท�าสิ่งต่างๆ โดยขาดสติ การตกลงกันในเรื่องต่างๆ กับคนขี้เมา
ตอผูดื่มในแงของสุขภาพ ความนาเชื่อถือในสังคม ไม่แน่ว่าจะมีการท�าตามข้อตกลง
และทําใหเกิดปญหาสังคมตางๆ ตามมามากมาย ในบรรดาสิ่งชั่วทั้งหลาย โทษ
เชน การทะเลาะวิวาท การเกิดอุบัติเหตุบนทองถนน ของสุราและสิ่งเสพติดเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดและ
ปญหาความรุนแรงในครอบครัว เปนตน ทั้งนี้สงผล ง่ายที่สุด บางคนอาจบอกว่าสุรานั้นถ้าดื่มแต่
ตอความเจริญกาวหนาของประเทศอีกดวย พอประมาณก็ไม่เสียหายอะไร คนที่ดื่มสุราเป็น
เพราะรัฐบาลตองสูญเสียงบประมาณในการแกไข ครัง้ คราวใช่วา่ จะต้องเป็นคนขีเ้ มาเสมอไป เรือ่ งนี้
ปญหาและเยียวยาผลที่เกิดจากปญหาดังกลาว) เป็นความจริง แต่อย่าลืมว่ามีคนเป็นจ�านวน
ไม่น้อยที่หยุดยั้งการดื่มไม่ได้ ต้อ1งดื่มมากขึ้น
ขยายความเขาใจ Expand เรื่อยๆ กลายเป็นคนติดสุราเรื้อรัง โดยเฉพาะ
1. ครูใหนักเรียนชวยกันสรุปหลักธรรม มรรค ผู้ที่ยังเป็นเยาวชนและอยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน
(ธรรมที่ควรเจริญ) บนกระดานหนาชั้นเรียน สมควรอย่างยิ่งที่จะหลีกหนีให้ห่างเพราะถ้าติด
2. ครูใหนกั เรียนแบงกลุม นําขาวเหตุการณปจ จุบนั สุราหรือสิ่งเสพติดใดๆ จนถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว
สิ่งเสพติดและอบายมุขต่างๆ เป็นเหตุแห่งความหายนะ
ที่เปนปญหาในระดับสังคมหรือระดับประเทศ ทำาให้สูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน อาจท�าให้เสียการเรียนและเสียอนาคตได้
เชน ขาวการระบาดของโรคติดตอตางๆ
ขาวนักเรียนยกพวกตีกัน ขาวปญหายาเสพติด หลักธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นหลักความจริงที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบด้วยพระองค์
เปนตน แลวรวมกันวิเคราะหเหตุการณ เอง แล้วน�ามาเผยแผ่แก่มวลมนุษย์ เพื่อให้มนุษย์ได้เข้าใจความจริงของชีวิต ทั้งนี้หลักธรรม
ดังกลาวโดยนําหลักอริยสัจ 4 มาแกปญหา สามารถให้ผลแก่ผู้ปฏิบัติตามสมควรแห่งการปฏิบัตินั้นๆ
จัดทําเปนปายนิเทศ การท�าความเข้าใจในหลักธรรมค�าสั่งสอนต่างๆ ของพระพุทธองค์ อาทิ หลัก
พระรัตนตรัย และอริยสัจ ๔ ย่อมท�าให้เข้าใจหลักการด�าเนินชีวิต โดยเฉพาะหลักอริยสัจ ๔ นั้น
สอนให้มนุษย์ใช้ปัญญาในการแก้ปัญหา ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท สอนให้ดับทุกข์ด้วยตนเอง
ตลอดจนให้พิจารณาทุกสิ่งตามความเป็นจริง หลักธรรมเหล่านี้สามารถน�ามาประยุกต์ใช้เป็น
เครื่องมือน�าทางให้ด�าเนินชีวิตอย่างถูกต้องและดีงามได้ ดังนั้น พุทธศาสนิกชนที่ดีจึงควรศึกษา
หลักธรรมต่างๆ ให้ชดั เจนเพือ่ น�าไปปฏิบตั ิ เพราะถ้าหากไม่เข้าใจหลักธรรมดีแล้ว การปฏิบตั กิ อ็ าจ
คลาดเคลื่อนไปได้

90

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว  NT  O-NE T
พัชราภาเสียใจที่สอบวิชาพระพุทธศาสนาไมผาน ตามหลักอริยสัจ 4
1 สุราเรื้อรัง ผูปวยที่เปนโรคพิษสุราเรื้อรังจะมีความอยากหรือกระหายสุรา
พัชราภาควรแกปญหานี้อยางไร
อยางมาก สามารถดื่มสุราไดโดยไมจํากัด เมื่อหยุดดื่มสุราจะมีอาการคลื่นไส
1. ลาออกจากโรงเรียน
อาเจียน มือสั่น กระวนกระวาย ซึ่งสงผลเสียตอการดําเนินชีวิตในหลายๆ ดาน
2. ลอกขอสอบเพื่อนที่สอบผาน
เชน ทําใหความสามารถในการขับขี่ลดลงอาจกอใหเกิดอุบัติเหตุได แอลกอฮอล
3. ขอรองอาจารยใหออกขอสอบงายขึ้น
สงผลเสียตอทุกเซลลของรางกายโดยเฉพาะระบบประสาท หัวใจ และหลอดเลือด
4. อานหนังสือพัฒนาตนเองและฝกฝนทําขอสอบใหเชี่ยวชาญขึ้น
อีกทั้งเปนสารกระตุนใหเกิดมะเร็งไดงายขึ้น ซึ่งอาจจะเสียชีวิตได
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. ตามหลักอริยสัจ 4 ไดแก ทุกข สมุทัย นิโรธ
มรรค พัชราภาควรแกปญหาการสอบไมผานดวยการวิเคราะหสาเหตุของ
มุม IT ความทุกขที่เกิดจากการสอบไมผาน จากนั้นหาแนวทางแกไขปญหาจาก
สาเหตุนั้น กลาวคือ ถาสาเหตุเกิดจากการอานหนังสือนอยเกินไป แกไขโดย
ศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับมงคล 38 ไดที่ อานหนังสือใหมากขึ้น ฝกฝนทําขอสอบบอย ๆ เพื่อใหเกิดความชํานาญใน
http://www.thammapedia.com เว็บไซตธรรมะพีเดีย การทําขอสอบ

90 คูมือครู
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ Expand
1. ครูใหนักเรียนอภิปรายรวมกันถึงกระบวนการ
àÊÃÔÁÊÒÃÐ สัตตมหาสถาน คุณประโยชนของอริยสัจ ๔ แกปญหาตามหลักอริยสัจ 4
2. ครูสรางบัตรคําเกี่ยวกับสถานการณตางๆ
สถานที่สำาคัญ ๗ แห่งที่พระพุทธเจ้าเสด็จประทับเสวยวิมุตติสุข หลังจากได้ทรงตรัสรู้ธรรมวิเศษ (อนุตตร-
สัมมาสัมโพธิญาณ) แล้ว เป็นเวลาแห่งละ ๑ สัปดาห์ เรียงตามลำาดับต่อไปนี้ ที่เปนประสบการณใกลตัวในชีวิตประจําวัน
1. อริยสัจ 4 สอนให้เราไม่ประมาท คือ เตือนเราว่า ปัญหาและความทุกข์ของคนเรานั้นเกิดได้ทุกเมื่อ ของนักเรียน ใหนักเรียนจับสลากคูละ
เราไม่ควรหลงระเริง หลังจากที่แก้ปัญหาใดปัญหาหนึ่งได้แล้ว ปัญหาใหม่อาจเกิดตามมาอีกมากมาย ชีวิตและโลก
เต็มไปด้วยปัญหา โลกมิใช่วิมานสวรรค์ แต่โลกก็มิใช่ขุมนรกที่เราจะหลุดพ้นออกไปมิได้ เราต้องไม่มองโลกในแง่ดี
1 บัตรคํา แลววิเคราะหสาเหตุและแนวทางใน
และไม่มองในแง่ร้าย เมื่อมีความสุขก็ไม่หลงลืมตัว แต่พร้อมจะเผชิญปัญหาทุกเมื่อ การแกปญหาดังกลาวรวมกัน บันทึกลงสมุด
2. อริยสัจ 4 สอนให้เราแก้ปัญหาด้วยปัญญาและเหตุผล คือ สิ่งทั้งปวงเกิดจากสาเหตุบางอย่าง สงครูผูสอน
หากต้องการแก้ปัญหาก็ต้องพยายามสืบสาวราวเรื่องให้ถึงต้นตอ ให้รู้ว่าต้นตอที่แท้จริงอยู่ที่ไหน หากดับต้นตอ 3. ครูใหนักเรียนชวยกันบอกวา การเรียนรู
ของปัญหาได้ก็ย่อมดับปัญหาได้ ไม่มีอะไรที่จะเกิดขึ้นได้ลอยๆ ทุกอย่างต้องมีเหตุมีปัจจัย
3. อริยสัจ 4 สอนให้เราแก้ปัญหาด้วยตัวเราเอง ทั้งนี้เพราะว่าปัญหาทั่วไปที่เราประสบนั้นเกิดจาก
หลักธรรมอริยสัจ 4 สามารถนํามาประยุกตใช
ตัวเราเอง ตัวเราเองเท่านั้นจึงจะแก้ไขได้ จะอาศัยโชคชะตา ฤกษ์ยาม สิ่งศักดิ์สิทธิ์เหนือธรรมชาติย่อมช่วยไม่ได้ ในชีวิตประจําวันไดอยางไร
บางปัญหาอาจมีผู้อื่นเข้ามาช่วย แต่ในที่สุดตัวเราเองเท่านั้น ที่จะรู้ว่าความทุกข์หมดหรือยังไม่หมด (แนวตอบ การเรียนรูหลักอริยสัจ 4 สอนใหรูจัก
4. อริยสัจ 4 ช่วยให้เราเห็นสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริง มิใช่นึกคิดเอาตามกิเลสตัณหาของเรา ช่วยให้ คิดอยางเปนระบบ รูจักแกปญหาดวยปญญา
เราหลุดพ้นจากกิเลสตัณหา ทำาให้เกิดแสงสว่างแห่งปัญญา และปัญญาก็จะเป็นเครื่องนำาทางของชีวิต ชีวิตที่ดำาเนิน
ไปตามปัญญาย่อมสงบสุข ปลอดโปร่ง ไม่คิดเห็นแก่ตัว จิตใจก็จะค่อยๆ คำานึงถึงผู้อื่น พร้อมที่จะรับรู้ความสุข
และเหตุผล สามารถวิเคราะหสาเหตุและ
ความทุกข์ของเพือ่ นร่วมโลก ก่อให้เกิดความกรุณาขึน้ แล้วบำาเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์สขุ แก่คนทัว่ ๆ ไป รวมทัง้ สัตว์ แนวทางในการแกปญหาไดตามความเปนจริง
ทั้งหลายด้วย ปัญญากับกรุณาที่ไปด้วยกันจะทำาให้โลกปกติสุข ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดได้จากการเข้าใจอริยสัจ ๔ ฝกใหรูจักคิดอยางรอบคอบและมองการณไกล)
1
พระอุโบสถวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร
2 หาร ตัง้ อยูท่ เี่ ขตดุสติ
พระอารามหลวงชัน้ เอก ชนิดราชวรวิ
ตรวจสอบผล Evaluate
กรุงเทพมหานคร เป็นพระอุโบสถทีม่ สี ถาปัตยกรรมงดงาม
มาก และใช้หินอ่อนสีขาวบริสุทธิ์ในการก่อสร้าง 1. ตรวจสอบจากความถูกตองในการตอบคําถาม
และการอภิปราย
2. ตรวจสอบจากความถูกตองของเนื้อหา
และความสวยงามในการจัดปายนิเทศ

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T เกร็ดแนะครู
ลดาเสียใจที่ไมไดเหรียญทองในการแขงขันกีฬาวอลเลยบอล
ครูควรใหนักเรียนออกมาเลาตัวอยางเหตุการณหรือประสบการณสวนตัวที่แสดง
จัดเปนอริยสัจ 4 ขอใด
ใหเห็นวาไดนําหลักธรรมอริยสัจ 4 ไปใชแกปญหาในชีวิตประจําวัน
1. สมุทัย
2. นิโรธ
3. มรรค
4. ทุกข
นักเรียนควรรู
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. ทุกข หมายถึง ความไมสบายกาย 1 วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร ในสมัยพระบาทสมเด็จ
ไมสบายใจ ซึ่งสอดคลองกับความรูสึกเสียใจของลดา พระจอมเกลาเจาอยูหัว โปรดเกลาฯ พระราชทานนามวา “วัดเบญจบพิตร”
หมายความวา วัดของเจานาย 5 พระองค ครั้นในสมัยพระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกลาเจาอยูหัวโปรดเกลาฯ ใหเปลี่ยนชื่อวัด จาก “เบญจบพิตร” เปน
“วัดเบญจมบพิตร” หมายถึง วัดของพระเจาแผนดิน รัชกาลที่ 5
และเพิ่มสรอยนามวา ดุสิตวนาราม
2 พระอุโบสถ หรือที่โดยทั่วไปเรียกกันวา โบสถ อันเปนสถานที่สําหรับพระสงฆ
ประชุมทําสังฆกรรม
คูมือครู 91
ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Evaluate
Engage Explore Explain Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
ตรวจสอบความถูกตองจากการตอบคําถาม
ประจําหนวยการเรียนรู ค íา¶ามประจ íาหน่วยการเรียนรู้

หลักฐานแสดงผลการเรียนรู ๑. พระธรรมคืออะไร และมีคณุ ประโยชน์ตอ่ ผูป้ ฏิบตั อิ ย่างไร


๒. อริยสัจ ๔ มีองค์ประกอบกีป่ ระเภท อะไรบ้าง
1. ผังความคิดเชื่อมโยงระหวางขันธ 5 กับอายตนะ ๓. อบายมุขมีโทษอย่างไร ให้นักเรียนอธิบายถึงโทษของอบายมุข พร้อมยกตัวอย่างที่เป็น
2. ผังความคิดแสดงการเชื่อมโยงวาการคบคนชั่ว เหตุการณ์ปจั จุบนั ประกอบ
เปนมิตรจะนําไปสูพฤติกรรมการติดการพนัน ๔. หากมีคนกล่าวว่า “ท�าดีได้ดมี ที ่ไี หน ท�าชัว่ ได้ดมี ถี มไป” นักเรียนมีวธิ อี ธิบายให้เขาเข้าใจ
ชอบเที่ยวดูการละเลน ชอบเที่ยวกลางคืน และ ในหลักธรรมในพระพุทธศาสนาอย่างไร
ติดสุราและของมึนเมา ๕. ถ้าบุคคลต้องการจะดับทุกข์ทง้ั มวล ควรปฏิบตั ติ นอย่างไร
3. เรียงความเรื่องความสุขทางใจในกระแสวัตถุ
นิยม
4. ปายนิเทศแสดงขาวที่เปนปญหาระดับสังคมหรือ กิจกรรมสร้างสรรค์พั²นาการเรียนรู้
ระดับประเทศ พรอมวิเคราะห โดยนําหลัก
อริยสัจ 4 มาแกปญหา
กิจกรรมที่ ๑ นักเรียนวิเคราะห์การกระท�าของตนว่า ในแต่ละวันได้นา� หลักอริยสัจ ๔ ข้อใด
มาใช้ในการด�าเนินชีวิตประจ�าวัน แล้วเขียนเป็นรายงานส่งครู
กิจกรรมที่ ๒ นักเรียนหาข่าว บทความจากหนังสือพิมพ์ หรือวารสารที่เกี่ยวกับเรื่องที่
บุคคลน�าเอาอริยสัจ ๔ มาใช้เป็นแนวทางการด�าเนินชีวติ แล้วมาเล่าสูก่ นั ฟัง
และร่วมกันแสดงความคิดเห็นประกอบ
กิจกรรมที่ ๓ เชิญวิทยากรมาอภิปรายในหัวข้ออริยสัจ ๔ และการดับทุกข์โดยใช้มรรค ๘
โดยให้นกั เรียนในชัน้ ร่วมกันซักถาม และสรุปสาระส�าคัญที่ได้จากการอภิปราย
ของวิทยากร

พุทธศาสนสุภาษิต
ÇÔÊØ·Ú¸Ô Ê¾Ú¾à¡ÚÅàÊËÔ âËµÔ ·Ø¡Úà¢ËÔ ¹Ô¾Ú¾ØµÔ : ¤ÇÒÁËÁ´¨´¨Ò¡¡ÔàÅÊ·Ñ駻ǧ
໚¹¤ÇÒÁ´Ñº¨Ò¡·Ø¡¢·Ñé§ËÅÒÂ

92

แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. พระธรรม คือ หลักคําสอนของพระพุทธเจา มีคุณประโยชนตอผูปฏิบัติ คือ ทําใหผูปฏิบัติมีชีวิตที่มีความสุข ลด ละ เลิกจากกิเลสทั้งปวงได
2. อริยสัจ 4 คือ ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ ไดแก ทุกข ความจริงวาสรรพสัตวยอมมีความทุกข สมุทัย ความจริงวาทุกขยอมมีสาเหตุการเกิด นิโรธ ความจริงวา
ความทุกขตางๆ สามารถดับได มรรค ความจริงวาความทุกขยอมมีวิธีการหรือแนวทางในการดับทุกข
3. อบายมุข คือ ทางแหงความเสื่อม มีโทษ 7 อยาง ดังนี้
1) ทําใหเสียทรัพยโดยเปลาประโยชน 5) ทําใหผูคนหวาดระแวง ขาดความนาเชื่อถือ
2) ทําใหหมกมุนในสิ่งที่หาสาระไมได 6) ทําใหรางกาย สติปญญาเสื่อมถอย
3) ทําใหประกอบหนาที่การงานไมได 7) ทําใหเปนคนทุจริต
4) ทําใหชีวิตตกตํ่า
ตัวอยางเชน การเสพสิ่งเสพติดทําใหเกิดอาการจิตหลอน เกิดความคลุมคลั่ง เปนตน
4. กรรม คือ การกระทําสิง่ ตางๆ ทัง้ ทีด่ แี ละไมดี ผลของการกระทํานัน้ ยอมเปนปจจัยเกือ้ หนุนใหบคุ คลไดรบั ผลดังทีก่ ระทําไว ตัวอยาง วันนีเ้ ด็กชายแดงทําการบานทีค่ รูสงั่
เสร็จเรียบรอย แตพอจะสงเพื่อนขางๆ ขอยืมลอก แดงเห็นวาเปนเพื่อนกันก็ใหลอก ครูมาเห็นเขาก็วากลาวทั้งแดงและเพื่อน เหตุการณนี้สะทอนใหเห็นวาการที่แดงรีบ
ทํางานที่ครูสั่งใหเสร็จเปนสิ่งที่ดี ครูชมเชย แตการที่แดงยอมใหเพื่อนลอกแทนที่จะแนะนําหากเพื่อนสงสัยเปนสิ่งที่ไมถูกตอง เปนการทํารายเพื่อนทางออม เพราะเพื่อน
แคเขียนสงแตไมเขาใจเนื้อหา ครูจึงตักเตือน ดังนั้น จึงสรุปไดวาควรแยกแยะเปนกรณี
5. ปฏิบัติตามหลักอริยสัจ 4 เพราะเปนหัวใจของพระพุทธศาสนา สามารถนําพาบุคคลใหหลุดพนจากกิเลสได

92 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู

หน่วยการเรียนรู้ที่
พระไตรปฎก
๔ 1. อธิบายความหมายและความสําคัญของ
พระไตรปฎกได
2. วิเคราะหโครงสรางและสาระสําคัญของ
พระไตรปฎกได
และพุทธศาสน 3. นําหลักพุทธศาสนสุภาษิตมาปรับใชใน
ชีวิตประจําวันได
สุภาษิต
สมรรถนะของผูเรียน
1. ความสามารถในการคิด
2. ความสามารถในการแกปญหา
ตัวชี้วัด 3. ความสามารถในการใชทักษะชีวิต
● อธิ บ ายโครงสร้ า งและสาระโดยสั ง เขปของ
พระไตรปิฎก หรือคัมภีรข์ องศาสนาทีต่ นนับถือ


(ส ๑.๑ ม.๒/๗)
อธิบายธรรมคุณและข้อธรรมสำาคัญในกรอบ
คุณลักษณะอันพึงประสงค
อริยสัจ ๔ หรือหลักธรรมของศาสนาทีต่ นนับถือ
ตามที่กำาหนด เห็นคุณค่าและนำาไปพัฒนา 1. รักชาติ ศาสน กษัตริย
แก้ปัญหาของชุมชนและสังคม
(ส ๑.๑ ม.๒/๘)
2. ใฝเรียนรู

สาระการเรียนรู้แกนกลาง
● โครงสร้าง และสาระสังเขปของพระวินัยปิฎก
กระตุน ความสนใจ Engage
พระสุตตันตปิฎก และพระอภิธรรมปิฎก
● พุทธศาสนสุภาษิต ครูนําหนังสือพระไตรปฎกมาใหนักเรียนดู
และกระตุนโดยถามนักเรียนวา
• นักเรียนเคยอานพระไตรปฎกหรือไม
¾ÃÐäµÃ»®¡à»š¹¤ÑÁÀÕ÷ ºÕè ÃèØËÅÑ¡¸ÃÃÁ¤íÒÊ͹¢Í§
และพระไตรปฎกมีความสําคัญอยางไร
¾Ãоط¸à¨ŒÒ «Ö§è ᵋà´ÔÁÁÕ¡Òö‹Ò·ʹµ‹Íæ ¡Ñ¹ÁÒ´ŒÇ¡ÒÃ
·‹Í§¨íÒ ÀÒÂËÅѧ¨Ö§ä´ŒÁÕ¡ÒèÒÃ֡໚¹ÅÒÂÅѡɳÍÑ¡Éà ตอพระพุทธศาสนา
¾ÃÐäµÃ»®¡¨Ö§ÁÕʋǹÊíÒ¤ÑÞ㹡ÒÃÊ׺µ‹Í¾Ãоط¸ÈÒÊ¹Ò (แนวตอบ พระไตรปฎก คือ คัมภีรของ
´Ñ§¹Ñ¹é ¾Ø·¸ÈÒʹԡª¹·Õ´è ¨Õ §Ö ¤ÇÃÈÖ¡ÉÒ¾ÃÐäµÃ»®¡à¾×Íè ãËŒÁÕ พระพุทธศาสนา ซึ่งบันทึกหลักคําสอน
¤ÇÒÁÃÙ¤Œ ÇÒÁࢌÒã¨ã¹ËÅÑ¡¸ÃÃÁ¤íÒÊ͹¢Í§¾Ãоط¸ÈÒÊ¹Ò ของพระพุทธเจาและพระสาวก โดยมีการ
ä´Œ´ÕÂÔ觢Öé¹ สังคายนามาแลวหลายครั้งจนเชื่อไดวา
¹Í¡¨Ò¡¹Õé ¡ÒÃÈÖ¡ÉҾط¸ÈÒʹÊØÀÒÉÔµ¨Ðª‹ÇÂãËŒ ถูกตอง เพื่อใชเปนแนวทางในการปฏิบัติตน
ࢌÒã¨ËÅÑ¡¸ÃÃÁµ‹Ò§æ 䴌͋ҧ¶Ù¡µŒÍ§ áÅÐÊÒÁÒöàÅ×Í¡ÊÃà และเขาใจธรรมะตางๆ ในพระพุทธศาสนา)
ä»ãªŒà»š¹á¹Ç·Ò§ã¹¡ÒôíÒà¹Ô¹ªÕÇµÔ ä´ŒÍ‹ҧ¶Ù¡µŒÍ§àËÁÒÐÊÁ • นักเรียนสามารถศึกษาพระธรรมคําสอน
ÍÕ¡´ŒÇÂ
ของพระพุทธเจาจากที่ใดบาง
(แนวตอบ เชน หนังสือธรรมะ เว็บไซตธรรมะ
พระไตรปฎก เปนตน)

เกร็ดแนะครู
ครูควรจัดกิจกรรมการเรียนรู เพือ่ ใหนกั เรียนอธิบายความหมายและความสําคัญ
ของพระไตรปฎก รวมถึงวิเคราะหโครงสรางและสาระสําคัญของพระไตรปฎก
ตลอดจนนําพุทธศาสนสุภาษิตมาปรับใชในชีวิตประจําวัน โดยเนนการพัฒนาทักษะ
กระบวนการที่สําคัญ ไดแก ทักษะการคิดวิเคราะห กระบวนการสืบสอบ และ
กระบวนการกลุม ดังนี้
• ใหนักเรียนสืบคนขอมูลเกี่ยวกับพระไตรปฎกและพุทธศาสนสุภาษิต
• จัดใหมีการอภิปรายโครงสรางและสาระสําคัญของพระไตรปฎก ไดแก
พระวินัยปฎก พระสุตตันตปฎก และพระอภิธรรมปฎก หรือคัมภีรทาง
ศาสนาที่นักเรียนนับถือ
• ใหนักเรียนศึกษาและยกตัวอยางพุทธศาสนสุภาษิต เพื่อการนําไปใช
ในชีวิตประจําวัน

คูมือครู 93
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูถามนักเรียนวา คัมภีรในพระพุทธศาสนา
คือ พระไตรปฎก สวนคัมภีรในศาสนาอื่นๆ ที่ ๑. โครงสร้างและสาระสÓคัญของพระไตรปิฎก
นักเรียนรูจักมีอะไรบาง
(แนวตอบ เชน ศาสนาคริสต คือ คัมภีรไบเบิล 1.1 ความหมายและความสำาคัญของพระไตรปิ1 ฎก
ศาสนาอิสลาม คือ คัมภีรอัลกุรอาน ศาสนา พระไตรปิฎก แปลว่า “คัมภีร์ ๓” เพราะปิฎก
พราหมณ-ฮินดู คือ คัมภีรพระเวท ศาสนาสิข คือ แปลว่า “คัมภีร์” พระไตรปิฎก คือ คัมภีรท์ บี่ รรจุ
คัมภีรครันถสาหิพ ศาสนาเชน คือ คัมภีรอังคะ หลักค�าสอนของพระพุทธศาสนา แบ่งเป็น ๓ ส่วน
ศาสนาโซโรอัสเตอร คือ คัมภีรอเวสตะ เปนตน) ได้แก่ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก และ
พระอภิธรรมปิฎก
สํารวจคนหา Explore ในสมัยพุทธกาล พระพุทธองค์มิได้เรียก
ค�าสั่งสอนของพระองค์ว่า “พระพุทธศาสนา”
ครูใหนักเรียนสืบคนขอมูลเกี่ยวกับความหมาย แต่เรียกว่า “พรหมจรรย์” บ้าง “ธรรมวินัย” บ้าง
โครงสราง และสาระสําคัญของพระไตรปฎก หลังจากพระพุทธเจ้าปรินพิ พานแล้ว นิยมเรียก
จากหนังสือเรียนหนา 94-96 และแหลงเรียนรูตางๆ ค�าสัง่ สอนของพระองค์วา่ ธรรมวินยั การสืบทอด
เชน หองสมุด อินเทอรเน็ต ผูรูดานพระไตรปฎก ค�าสัง่ สอนของพระองค์นนั้ กระท�าโดยการท่องจ�า
สนทนาธรรมกับพระสงฆ เปนตน เพื่อนําความรู จนกระทัง่ ประมาณ พ.ศ. ๔๕๐ จึงได้มกี ารจารึก
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวง
มาอภิปรายในชั้นเรียน นราธิวาสราชนครินทร์ ทรงร่วมจัดทำาพระไตรปิฎกฉบับ พระพุทธวจนะลงเป็2นลายลักษณ์อักษร ภาษา
ภาษาโรมัน และได้พระราชทานไปยังประเทศต่างๆ
ทีจ่ ารึกคือภาษาบาลี ในเมืองไทยได้มกี ารตีพมิ พ์
อธิบายความรู Explain พระไตรปิฎกภาษาบาลีด้วยภาษาไทยเป็นครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ ๕ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๘
1. ครูนําสนทนาเกี่ยวกับพระไตรปฎก และ ได้เริ่มแปลพระไตรปิฎกเป็นภาษาไทย และตีพิมพ์ครั้งแรกเป็นการฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ
ถามคําถาม ปัจจุบันมีพระไตรปิฎกท�าเป็นแผ่น CD ROM ผลิตโดยสถาบันต่างๆ เช่น มหาวิทยาลัย
• พระไตรปฎกทั้ง 3 หมวด แตกตางกันเรื่องใด มหามกุฏราชวิทยาลัย ซึ่งสะดวกในการค้นคว้า รวมทัง้ มีผนู้ า� ไปเผยแพร่ลงในเว็บไซต์ทเี่ กีย่ วข้อง
(แนวตอบ แตกตางในเรื่องเนื้อหาสาระ หมวด กับพระพุทธศาสนาอีกเป็นจ�านวนมาก ซึ่งเราสามารถสืบค้นได้โดยผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
พระวินัยปฎก เกี่ยวของกับกฎระเบียบของ 1.2 คัมภีร์และโครงสร้างพระไตรปิฎก
ภิกษุและภิกษุณี หมวดพระสุตตันตปฎก
เกี่ยวของกับประวัติ เรื่องราว หัวขอธรรมะ พระไตรปิฎกแบ่งออกเป็น ๓ หมวด ดังนี้
ณ สถานที่ตางๆ หมวดพระอภิธรรมปฎก พระวินัยปิฎก สุตตวิภังค์ ขันธกะ ปริวาร
เกี่ยวของกับหลักธรรมที่เปนวิชาการ)
พระไตรปิฎก

2. ครูใหนักเรียนแบงออกเปน 3 กลุม และจับสลาก พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มัชฌิมนิกาย สังยุตตนิกาย อังคุตตรนิกาย ขุททกนิกาย


เลือกหมวดที่จะศึกษา ไดแก
• กลุมที่ 1 ศึกษาหมวดพระวินัยปฎก
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี วิภังค์ ธาตุกถา ปุคคลบัญญัติ กถาวัตถุ ยมก ปัฏฐาน
• กลุมที่ 2 ศึกษาหมวดพระสุตตันตปฎก
• กลุมที่ 3 ศึกษาหมวดพระอภิธรรมปฎก 94
จากนั้นใหแตละกลุมทํารูปแบบการนําเสนอ
เปน PowerPoint เพื่ออภิปรายหนาชั้นเรียน
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว  NT  O-NE T
มัสยาตองการคนควาเรื่องมหาชนกชาดกเพื่อทํารายงาน มัสยาควรไป
1 พระไตรปฎก คําวา “พระไตรปฎก” มาจากภาษาบาลีคําวา “ติปฎก” แปลวา
คนหาจากหนังสือเลมใดจึงไดขอมูลที่นาเชื่อถือมากที่สุด
ตะกราสามใบหรือคัมภีรสามหมวด สันนิษฐานวามาจากการที่พระภิกษุจดจารึก
1. ธัมมสังคณี
คัมภีรใสลงในใบตระกูลปาลมและใสลงในตะกรา นอกจากนี้ หลักฐานทางวิชาการ
2. คัมภีรอรรถกถา
สันนิษฐานวา “ไตรปฎก” เปนชื่อที่ใชกันมากอนจะสังคายนาครั้งที่ 3 เพราะมีการ
3. พระสุตตันตปฎก
ใชคําพูดวาไตรปฎกในประวัติศาสตร สวนพระไตรปฎกลายลักษณอักษรเกิดขึ้น
4. พระอภิธรรมปฎก
ครั้งแรกใน พ.ศ. 450 เมื่อมีการสังคายนาพระไตรปฎกครั้งที่ 5 ที่ลังกาทวีป
โดยมีการจารึกพระธรรมวินัยลงใบลานดวยภาษามคธและอักษรบาลีเปนหลักฐาน วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะพระสุตตันตปฎกเปนสวนที่วาดวย
2 ภาษาบาลี คือ ภาษาที่ชาวพุทธเชื่อวามีกําเนิดจากแควนมคธในชมพูทวีป พระธรรมเทศนาของพระพุทธเจา ซึ่งประกอบดวยเนื้อหาสาระ บุคคล
โดยเรียกวาภาษามคธ หรือภาษามาคธี หรือมาคธิกโวหาร ซึ่ง “มาคธิกโวหาร” เหตุการณ สถานที่ และชาดก (เรื่องราวของพระพุทธเจาในอดีตชาติ)
พระพุทธโฆษาจารย พระอรรถกถาจารยนามอุโฆษ ซึ่งมีชีวิตอยูในชวง ดังนั้น การศึกษาเรื่องมหาชนกชาดก ซึ่งเปนพระชาติที่ 2 ใน 10 พระชาติ
พุทธศตวรรษที่ 10 อธิบายวาเปน “สกานิรุตติ” คือ ภาษาที่พระพุทธเจาตรัส (ทศชาติ) สุดทายของพระพุทธเจา จึงตองคนควาในพระสุตตันตปฎก

94 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนกลุมที่ 1 ที่ศึกษาหมวด
๑. พระวินัยปิฎก พระวินัยปฎก สงตัวแทนออกมาอธิบาย
1 โครงสรางและสาระสําคัญของหมวดนี้
พระวินัยปิฎก คือ ส่วนที่ว่าด้วยสิกขาบท หรือศีลของพระภิกษุและพระภิกษุณี จากนั้นครูซักถามนักเรียนกลุมที่ 1 วา
แบ่งออกเป็น ๓ หมวดย่อย ดังนี้ หมวดสุตตวิภังค ขันธกะ และปริวาร
๑. สตุ ตวิภงั ค์ คือ ส่วนทีว่ า่ ด้วยศีลในพระปาฏิ
2 โมกข์ หรือศีลส�าคัญของภิกษุและภิกษุณี
๒. ขนั ธกะ คือ ส่วนทีว่ า่ ด้วยสังฆกรรม พิธกี รรม วัตรปฏิบตั ขิ องพระ ตลอดจนมารยาท
มีความสําคัญอยางไร เพื่อนนักเรียนคนอื่นๆ
เพื่อความงามของสงฆ์ จดสรุปความรูลงในสมุด
๓. ปริวาร คือ ส่วนที่สรุปข้อความหรือคู่มือพระวินัยปิฎก อธิบายในรูปค�าถาม ค�าตอบ 2. ครูใหนักเรียนกลุมที่ 2 ที่ศึกษาหมวด
เพื่อความเข้าใจแจ่มแจ้ง พระสุตตันตปฎก สงตัวแทนออกมาอธิบาย
ความสําคัญของหมวดนี้ และครูสอบถามวา
5 นิกายในหมวดพระสุตตันปฎก แตละนิกาย
๒. พระสุตตันตปิฎก มีความสําคัญอยางไร
3. ครูนาํ สนทนาเรือ่ งพระไตรปฎก และตัง้ คําถามวา
พระสุตตันตปิฎก คือ ส่วนที่ว่าด้วยพระธรรมเทศนาของพระพุทธเจ้า (และของ • ประโยชนที่ไดรับจากการศึกษาพระไตรปฎก
พระสาวกบางส่วน) ที่ทรงแสดงแก่บุคคลต่างๆ ในวาระโอกาสต่างกัน แบ่งเป็น ๕ นิกาย ดังนี้
๑. ทีฆนิกาย คือ หมวดที่ประมวลสูตรขนาดยาว
มีอะไรบาง
๒. มัชฌิมนิกาย คือ หมวดที่ประมวลสูตรขนาดปานกลาง (แนวตอบ เชน ทําใหรูพระธรรมวินัยของ
๓. สังยุตตนิกาย คือ หมวดที่ประมวลสูตรโดยจัดกลุ่มตามเนื้อหา เช่น กลุ่มสัจจะ พระพุทธเจาและคําสั่งสอนของพระสาวก
เรียกว่า สัจจสังยุตต์ ทําใหเกิดความรูและความเขาใจวาธรรมะ
๔. อังคุตตรนิกาย คือ หมวดที่ประมวลหมวดธรรมจากน้อยไปหามาก เช่น ตางๆ ในพระไตรปฎกจะนําไปใชในดานใด
เอกนิบาต เป็นหมวดว่าด้วยธรรมะ ๑ ข้อ ทุกนิบาต เป็นหมวดว่าด้วยธรรมะ บาง ใชขอความในพระไตรปฎกเปนเครื่อง
๒ ข้อ ตัดสินใจเมื่อมีการตีความคําสอนขัดแยงกัน
๕. ขุททกนิกาย คือ หมวดที่ประมวลเรื่องเบ็ดเตล็ดต่างๆ ที่มิได้รวบรวมไว้ใน เขาใจเหตุผลในการบัญญัติพระวินัยและ
๔ นิกายข้างต้น โดยแบ่งออกเป็น ๑๕ ประเภท ที่มาของพระธรรมคําสอน เปนตน)
ถูปาราม เมืองอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา สถานที่ทำา
4. ครูใหนักเรียนในหองบันทึกขอมูลของหมวด
สังคายนาพระธรรมวินัย ครั้งที่ ๔ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๘ พระวินัยปฎกและพระสุตตันตปฎกที่ไดจาก
การอภิปรายหนาชั้นลงในสมุด

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T เกร็ดแนะครู
เพราะเหตุใด พระไตรปฎกจึงเปรียบเสมือนตัวแทนของพระพุทธเจา
ครูแนะนําใหนักเรียนดูรายละเอียดเพิ่มเติมในหนังสือพจนานุกรมศัพท
แนวตอบ เนื่องจากพระพุทธเจาไดตรัสไวครั้งหนึ่งวา พระธรรมวินัยจะเปน พระไตรปฎกอักษร อ. เลม 1-3 ฉบับราชบัณฑิตยสถาน
ศาสดาแทนพระองคภายหลังที่พระองคปรินิพพานไปแลว พระไตรปฎก
จึงเปรียบเสมือนตัวแทนของพระพุทธเจา และเปนที่ที่ชาวพุทธสามารถเขา
เฝาพระศาสดาของตนได เพราะพุทธศาสนิกชนสามารถศึกษาพระปริยัติ นักเรียนควรรู
จากพระไตรปฎก เพื่อใชเปนแนวทางในการปฏิบัติตนใหพนจากความทุกข
และเขาสูนิพพาน ซึ่งเปนเปาหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา 1 สิกขาบท คือ ขอศีล ขอวินัยของพระภิกษุสงฆ
2 สังฆกรรม คือ กิจกรรมทางพระวินัยที่พระภิกษุจํานวน 4 รูปขึ้นไปจะตอง
ทําโดยพรอมเพรียงกันภายในเขตสีมา ที่เรียกวา พระอุโบสถหรือโบสถ ซึ่งตาม
พระธรรมวินัย สังฆกรรมมี 4 อยาง ไดแก
• อุปโลกนกรรม คือ การปรึกษาหารือ
• ญัตติกรรม คือ สวดเผดียงสงฆ (การประชุมทีม่ กี ารสวดตัง้ เรือ่ งทีจ่ ะประชุม)
• ญัตติทุติยกรรม คือ สวดตั้งญัตติและสวดอนุสาวนา
• ญัตติจตุตถกรรม คือ สวดตั้งญัตติและสวด
อนุสาวนา 3 ครั้ง คูมือครู 95
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนกั เรียนกลุม ที่ 3 ทีศ่ กึ ษาหมวด
พระอภิธรรมปฎก สงตัวแทนมาอธิบายหนาชั้น
เกี่ยวกับโครงสรางและความสําคัญของหมวดนี้ ๓. พระอภิธรรมปิฎก
2. ครูใหนกั เรียนกลมุ ที่ 3 เลือกหลักธรรมในหมวดนี้ พระอภิธรรมปิฎก คือ ส่วนที่ว่าด้วยการอธิบายหลักธรรมในรูปวิชาการ ไม่เกี่ยวด้วย
มา 1 หัวขอ พรอมอธิบายและยกตัวอยางวา บุคคลและเหตุการณ์ แบ่งเป็น ๗ คัมภีร์ ดังนี้
หลักธรรมนี้สามารถนํามาประยุกตใชในชีวิต ๑. ธัมมสังคณี คือ คัมภีร์ที่รวมข้อธรรมเป็นหมวดๆ แล้วแยกอธิบายเป็นประเภทๆ
ของนักเรียนไดอยางไร นักเรียนคนอื่นๆ ๒. วิภงั ค์ คือ คัมภีรท์ แี่ ยกแยะข้อธรรมในสังคณี แล้วแสดงรายละเอียดเพือ่ ความเข้าใจ
จดสรุปความสําคัญของหลักธรรมนี้ แจ่มแจ้ง
๓. ธาตุกถา คือ คัมภีร์ที่จัดข้อธรรมลงในขันธ์ ธาตุ อายตนะ ว่ามีข้อใดเข้ากันได้
ขยายความเขาใจ Expand หรือไม่อย่างไร
๔. ปุคคลบัญญัติ คือ คัมภีร์ที่บัญญัติเรียกบุคคลต่างๆ ตามคุณธรรมที่มี
1. ครูใหนักเรียนอานหมวดยอยของพระไตรปฎก ๕. กถาวัตถุ คือ คัมภีร์ที่อธิบายทรรศนะที่ขัดแย้งกัน โดยเน้นทรรศนะของเถรวาท
หมวดใดก็ได แลวใหนกั เรียนเขียนสรุปหลักธรรม ที่ถูกต้อง
และแงคิดที่ไดจากหมวดนั้นลงในสมุดและ ๖. ยมก คือ คัมภีรท์ ยี่ กธรรมขึน้ เป็นคูๆ่ เช่น กุศล ‑ อกุศล แล้วอธิบายโดยวิธถี ามตอบ
สงครูผูสอน ๗. ปัฏฐาน คือ คัมภีร์ที่อธิบายปัจจัยหรือเงื่อนไขทางธรรม ๒๔ ประการ ว่าธรรม
ข้อใดเป็นเงื่อนไขแก่ธรรมข้อใด
2. ครูใหนักเรียนทํารายงานสรุปโครงสรางและ
ความสําคัญของพระไตรปฎกพอสังเขป โดย
วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราช-
ใหนักเรียนพิมพเปนภาษาตามความเขาใจของ วรมหาวิ ห าร กรุ ง เทพมหานคร
ตนเอง แลวนําสงครูผูสอน สถานทีท่ าำ สังคายนาพระธรรมวินยั
ครั้งที่ ๑๐ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๘

ตรวจสอบผล Evaluate
1. ตรวจสอบจากการเขียนสรุปหลักธรรมและ
แงคิดจากหมวดยอยของพระไตรปฎก
2. ตรวจสอบจากรายงานสรุปโครงสรางและ
ความสําคัญของพระไตรปฎก

ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว  NT  O-NE T
เพราะเหตุใด พุทธศาสนิกชนจึงควรศึกษาพระไตรปฎกใหเขาใจอยางถองแท
ครูอธิบายเพิม่ เติมวา เรือ่ งเกีย่ วกับบทบัญญัตขิ องคณะสงฆ สําหรับเปนขอบังคับใน
การปฏิบตั ติ วั ของผูอ อกบวชเทานัน้ เรียกวา “วินยั ” สวน ธรรม เปนคําสอนทีค่ รอบคลุม แนวตอบ พระไตรปฎกเปนคัมภีรทางพระพุทธศาสนาที่บรรจุหลักธรรม
พุทธบริษัท 4 (ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา) แบงออกเปน 2 อยาง ไดแก ธรรมที่ คําสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจาไว พุทธศาสนิกชนจึงควรศึกษา
พระพุทธเจาตรัสแสดงไปตามกาลเทศะ โตตอบกับบุคคลตางๆ เปนเรื่องๆ ในพระ พระไตรปฎกใหแตกฉาน เพื่อใหมีความรูความเขาใจหลักธรรมทาง
ไตรปฎกจะรวบรวมธรรมแบบนี้ไวพวกหนึ่ง เรียกวา “สุตตันตะ” หรือพระสูตร สวน พระพุทธศาสนาอยางถองแทและถูกตอง สามารถนําหลักธรรมที่ดีงาม
ธรรมที่พระพุทธเจาตรัสแสดงไปตามเนื้อหาหรือเปนวิชาการลวนๆ โดยไมเกี่ยวของ ไปปรับประยุกตใชใหสอดคลองกับการดําเนินชีวิตประจําวัน ทําใหชีวิต
กับบุคคลหรือเหตุการณใดๆ เชน เรื่องขันธ 5 ไดอธิบายโดยละเอียดวาขันธ 5 คือ มีความสงบสุข ไมวุนวาย เมื่อเกิดปญหาชีวิตก็สามารถหาทางออกหรือ
อะไร แบงออกเปนอะไรบาง แตละอยางนั้นเปนอยางไร ในพระไตรปฎกจะจัดอยูใน วิธีแกไขไดอยางถูกตองเหมาะสม นอกจากนั้น ยังสามารถถายทอดหรือ
ประเภท “อภิธัมมะ” หรือพระอภิธรรม เมื่อรวมพระวินัยปฎก พระสุตตันตปฎก และ เผยแผคําสอนทางพระพุทธศาสนาใหแกผูที่สนใจหรือผูที่ตองการรู
พระอภิธรรมปฎกเขาดวยกัน ก็จะเกิดสามหมวดหมูใหญเปนพระไตรปฎกขึ้นมา หลักธรรมมากขึ้นไดดวย

96 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
1. ครูใหนักเรียนชวยกันยกตัวอยางพุทธศาสน-
๒. พุทธÈาส¹สุÀาÉิต สุภาษิต โดยออกมาเขียนบนกระดาน
หนาชั้นเรียน
2.1 กมฺมุนา วตฺตตี โลโก : สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม 2. ครูใหนักเรียนบอกคติประจําใจของนักเรียนวา
กรรม แปลว่า การกระท�า และมักหมายรวมถึงผลแห่งการกระท�า ในภาษาไทยปัจจุบัน ตรงกับพุทธศาสนสุภาษิตหรือไม สามารถ
ค�าว่า กรรม มักใช้ในความหมายว่าเป็นการกระท�าที่ไม่ดี เช่น มีค�ากล่าวว่า “กรรมตามสนอง” นํามาใชในชีวิตประจําวันไดอยางไร
หมายถึง การได้รับผลร้ายจากการกระท�าที่ไม่ดี
ในทางพระพุ ท ธศาสนาสอนว่ า คนเราจะมี ชี วิ ต เป็น ไปอย่างไรนั้น ขึ้น อยู่กับ กรรมหรือ สํารวจคนหา Explore
การกระท�าของเรา ดังพุทธด�ารัสทีว่ า่ “ควรพิจารณาโดยเนืองๆ ว่า เรามีกรรมเป็นของตน เป็นผูร้ บั
ผลแห่งกรรม มีกรรมเป็นก�าเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย เราท�ากรรมอันใด 1. ครูใหนักเรียนหากรณีตัวอยางบุคคลจากสื่อ
ไว้ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม เราจักเป็นผู้รับผลแห่งกรรมนั้น” หรือแหลงเรียนรูตางๆ ที่มีการกระทํา
พระพุทธศาสนาสอนว่า คนที่ยังไม่หมดสิ้นซึ่งกิเลส เมื่อตายไปแล้ว จะต้องไปเกิดใหม่ สอดคลองกับพุทธศาสนสุภาษิต มาอภิปราย
ใครจะเกิดที่ใดนั้นย่อมเป็นไปตามกรรมที่ตนท�าไว้ ในหองเรียน
ศาสนาฮินดู เชื่อว่า คนเราแบ่งออกได้เป็น ๔ วรรณะโดยก�าเนิด ได้แก่ วรรณะพราหมณ์ เกิด 2. ครูใหนักเรียนศึกษาตัวอยางพุทธศาสนสุภาษิต
จากปากของพระพรหม วรรณะกษัตริย์ เกิดจากอกของพระพรหม วรรณะไวศยะ เกิดจากขาของ ในหนังสือเรียนหนา 97-101
พระพรหม และวรรณะศูทร เกิดจากเท้าของพระพรหม
แต่พระพุทธองค์ทรงชี้ให้เห็นว่า คนทุกคนไม่ว่าจะเป็นพราหมณ์ กษัตริย์ ไวศยะ และศูทร อธิบายความรู Explain
ล้วนคลอดจากครรภ์มารดาทั้งนั้น คนเราเกิดมาเป็นอะไรก็ได้ แล้วแต่ว่าตนมีความสามารถอะไร
ประกอบอาชีพอะไร คือท�าอะไรนั่นเอง 1. ครูใหนกั เรียนสืบหาและยกตัวอยางพุทธศาสน-
พระพุทธศาสนาสอนว่าคนเราจะมีความสุข ความทุกข์ เป็นคนดี เป็นคนชั่ว ก็แล้วแต่กรรม สุภาษิตที่ไมซํ้ากับหนังสือเรียน คนละ 1 เรื่อง
หรือการกระท�าของตน คนเกียจคร้านสันหลังยาวจะมีความเจริญในอาชีพการงานได้อย่างไร โดยบันทึกลงในสมุด จากนั้นนํามาแลกกับ
คนทีค่ รุน่ คิดพยาบาทหรืออิจฉาริษยาผูอ้ นื่ จิตใจจะสงบสุขได้อย่างไร ถ้าอยากเป็นคนบริสทุ ธิก์ ต็ อ้ ง เพื่อนในชั้นเรียน และบันทึกลงในสมุดเพิ่มเติม
ท�าแต่สิ่งที่บริสุทธิ์ และต้องท�าด้วยตนเอง คนอื่นท�าให้ไม่ได้ 2. ครูใหนักเรียนวิเคราะหวา สัตวโลกยอมเปนไป
ชาวฮินดูเชือ่ ว่า การอาบน�า้ ในแม่นา�้ ศักดิส์ ทิ ธิ์ จะท�าให้ผทู้ า� กรรมชัว่ เป็1นคนบริสทุ ธิ์ พระพุทธองค์ ตามกรรมกับกรรมตามสนอง มีความหมาย
ทรงสอนว่า “ถ้าคนพ้นจากกรรมชั่วเพราะการอาบน�้าในแม่น�้าศักดิ์สิทธิ์ได้ ปลา กบ เต่า จระเข้ เหมือนหรือแตกตางกันอยางไร โดยยกตัวอยาง
และอื่นๆ ก็คงจะได้ขึ้นสวรรค์กันหมด สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามผลกรรมที่ตนท�าไว้” ประกอบคําอธิบาย
3. ครูใหนักเรียนศึกษาคําวา “วิบากกรรม”
2.2 กลฺยาณการี กลฺยาณำ ปาปการี จ ปาปกำ : ทำาดีได้ด ี ทำาชัว่ ได้ชว่ั
“เจากรรมนายเวร” และ “เคราะหกรรม”
พระพุทธศาสนามีหลักค�าสอนที่ส�าคัญยิ่งข้อหนึ่ง เรียกกันว่า “กฎแห่งกรรม” กฎแห่งกรรม ทั้ง 3 คํานี้ มีความหมายแตกตางกันอยางไร
มีความหมายว่า ท�าดีได้ดี ท�าชั่วได้ชั่ว กรรมแปลตามศัพท์ว่า การกระท�า หมายถึง การกระท�าที่ ตรงกับพุทธศาสนสุภาษิตวา ทําดีไดดี ทําชั่ว
ประกอบไปด้วยเจตนา การกระท�าที่ปราศจากเจตนาไม่นับเป็นกรรม อย่างเช่น เดินไปเหยียบมด ไดชั่ว อยางไร
ตายโดยไม่รู้ตัว ไม่มีเจตนาไม่เป็นกรรม และค�าว่า วิบาก แปลว่า ผล กรรมวิบากจึงแปลว่า
ผลแห่งกรรม ผลของกรรม แบ่งเป็น ๓ ระดับ ดังนี้
97

บูรณาการเชื่อมสาระ
ครูสามารถนําเนื้อหาเรื่องวรรณะ ไปบูรณาการเชื่อมโยงกับกลุมสาระ นักเรียนควรรู
การเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาประวัติศาสตร เรื่อง
1 แมนํ้าศักดิ์สิทธิ์ หมายถึง แมนํ้าคงคา มีความยาวประมาณ 2,510 กิโลเมตร
อารยธรรมอินเดียสมัยกอนประวัติศาสตร โดยครูอธิบายวาอินเดียเปนแหลง
มีตน กําเนิดจากเทือกเขาหิมาลัย ไหลผานทางตอนเหนือของอินเดียไปรวมกับแมนาํ้
กําเนิดอารยธรรมลมุ แมนาํ้ สมัยโบราณทีย่ งิ่ ใหญทสี่ ดุ แหงหนึง่ ของโลก คือ
พรหมบุตรที่ประเทศบังกลาเทศ แลวไหลลงอาวเบงกอล ที่ราบลุมแมนํ้าคงคานี้มี
อารยธรรมลุมแมนํ้าสินธุ เมื่อประมาณ 2,500 ปกอนคริสตกาล มีเมืองสําคัญ
ประชากรอาศัยอยูอยางหนาแนนมากที่สุดแหงหนึ่งของโลก ชาวฮินดูเชื่อวาแมนํ้า
คือ โมเฮนโจ-ดาโรและฮารัปปา ซึ่งปจจุบันอยูในประเทศปากีสถาน กลุมคน
คงคาโดยเฉพาะที่ทาเมืองพาราณสีนั้นมีความศักดิ์สิทธิ์มาก สามารถลางบาปได
ที่สรางสรรคอารยธรรม คือ ชาวดราวิเดียนหรือมิลักขะ ซึ่งมีผิวดํา ริมฝปาก
รวมถึงการโปรยเถากระดูกของผูตายลงแมนํ้าคงคา วิญญาณก็จะไดไปสู
หนา จมูกแบน ตอมาเมื่อประมาณ 1,500 ปกอนคริสตกาล ชาวอารยัน ซึ่งมี
สรวงสวรรค
ผิวขาว จมูกโดง รูปรางสูงใหญ ไดอพยพจากเอเชียกลางเขามายังตอนเหนือ
ของอินเดียและขับไลชาวดราวิเดียนลงไปทางใต ชาวอารยันเกรงวาพวกของตน
จะถูกชาวดราวิเดียนกลืนชาติ จึงกําหนดระบบวรรณะขึ้นมา เพื่อกีดกัน
ไมใหชาวอารยันแตงงานหรือใชชีวิตปะปนกับชาวดราวิเดียน โดยชาวอารยัน
จะอยูใ น 3 วรรณะแรก คือ พราหมณ กษัตริย และแพศย สวนชาวดราวิเดียน
จะอยูในวรรณะศูทร ซึ่งถือเปนทาสรับใช 3 วรรณะขางตน

คูมือครู 97
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม เลือกพุทธศาสนสุภาษิต
ที่ดีที่สุด 1 เรื่อง พรอมระบุความหมายและ ๑) ระดับภายในจิตใจหรือคุณภาพของจิต กรรมท�าให้เกิดผลในจิตใจ มีการสั่งสม
คําอธิบาย พิมพลงในกระดาษ ตัดและตกแตง คุณสมบัติ คือคุณภาพทั้งฝ่ายดีและฝ่ายชั่ว มีอิทธิพลปรุงแต่งความรู้สึกนึกคิด ความโน้มเอียง
ใหสวยงาม แลวใหนักเรียนแตละกลุมนํา ต่างๆ ทุกครัง้ ทีบ่ คุ คลท�าความชัว่ เช่น ด่าหรือนินทาคนอื่นหรือคิดพยาบาทคนอื่น นับว่าเขา
พุทธศาสนสุภาษิตมาติดรวมกันที่ปายนิเทศ “ได้ร1บั ผลชัว่ ” เป็นการตอบแทนทันที นัน่ ก็คอื เขาได้สร้างเชือ้ แห่งความไม่ดซี งึ่ ทางศาสนาเรียกว่า
2. ครูใหนักเรียนยกตัวอยางวา สิ่งใดบางรอบตัว กิเลสหรืออาสวะขึ้นในจิตใจ ท�าให้สภาพจิตใจตกต�่ามัวหมองขึ้น ถ้าเขาท�าเช่นนั้นบ่อยๆ จิตใจ
นักเรียนที่มีอิทธิพลทางความคิด ความรูสึก ของเขาก็จะเต็มไปด้วยความชั่วร้าย หยาบกระด้างขึ้น มีคุณภาพยิ่งต�่าลง ในทางตรงกันข้าม
และการกระทํา ที่ทําใหเกิดกิเลสตัณหา จนอาจ ถ้าคนทีค่ ดิ แต่ในทางดี พลังฝ่ายดีกจ็ ะสัง่ สมในจิตใจ ช�าระจิตให้สะอาด สร้างคุณภาพและสมรรถภาพ
ลืมความถูกตองและความรูสึกผิดชอบชั่วดี ที่ดีแก่จิต พูดให้เข้าใจง่าย คือ “ท�าดีเมื่อใด ก็เป็นคนดีเมื่อนั้น ท�าชั่วเมื่อใด ก็กลายเป็นคนชั่ว
ไปชั่วขณะหนึ่ง นักเรียนจะมีวิธีปองกันและ เมื่อนั้น”
แกไขสิ่งเหลานั้นอยางไรบาง ๒) ระดับบุคลิกภาพและอุปนิสัย กรรมที่ท�าลงไปท�าให้เกิดผลในการสร้างเสริม
(แนวตอบ เชน วัตถุนิยม บริโภคนิยม ที่อาจทําให ลักษณะนิสัย ปรุงแต่งลักษณะความประพฤติ การแสดงออก ท่าที การวางตัว การปรับตัวท�าให้มี
คนเกิดกิเลสบังตา จนลืมความรูสึกผิดชอบชั่วดี บุคลิกลักษณะหรืออุปนิสยั ทีด่ ี เช่น มีเมตตาอารี เอือ้ เฟือ้ เผือ่ แผ่ ไม่อจิ ฉาริษยา ไม่อาฆาตพยาบาท
โดยอาจไปขโมยหรือยอมเสียเงินจํานวนมากเพื่อ ไม่วู่วาม พูดจาไพเราะ เป็นต้น บุคลิกภาพและอุปนิสัยที่เลว เช่น ใจแคบ ขี้อิจฉาริษยา มุ่งร้าย
แลกกับสิ่งของราคาแพง บางคนยอมขายอวัยวะ คนอื่น ชอบเอารัดเอาเปรียบ วู่วาม พูดจาก้าวร้าว เป็นต้น ผลของกรรมระดับนี้สืบเนื่องมาจาก
หรือสิ่งที่มีคามากกวา เพราะตัวกิเลสหรือความ ระดับที่หนึ่งนั่นเอง คือ เมื่อคุณภาพของจิตสูงหรือต�่าก็แสดงออกมาทางบุคลิกลักษณะท่าทาง
อยากไดสิ่งของนั้น วิธีปองกันและแกไข ทําโดย อุปนิสัยใจคอ
การใชสติยับยั้งชั่งใจพิจารณาถึงโทษและ
วิบากกรรมที่จะเกิดตามมา เปนตน) ๓) ระดับภายนอกหรือผลทาง
3. ครูใหนักเรียนคนหาความหมายของคําวา สังคม ผลของกรรมระดับนี้ คือ สิ่งที่มองเห็น
“อาสวกิเลส” และ “อุปกิเลส” บันทึกลงในสมุด ในชีวิตประจ�าวัน เช่น ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข
และใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหวาการอยากทํา ทุกข์ อันเป็นผลที่เขาได้รับในสังคมที่เขาอยู่
ความดี การอยากบําเพ็ญประโยชน ชวยเหลือ ผลภายนอกนี้ทางพระพุทธศาสนาไม่ถือว่าเป็น
ผูอื่น นับวาเปนกิเลสหรือไม เพราะเหตุใด ผลโดยตรงของการท�าดีทา� ชัว่ อาจจะมีกไ็ ด้ ไม่มี
4. ครูใหนักเรียนวิเคราะหวา ทําดีไดดี ทําชั่วไดชั่ว ก็ได้ มีตรงกันข้ามก็ได้ เช่น คนบางคนทั้งๆ
หมายความวาอยางไร โดยยกตัวอยางการ ที่กระท�าความชั่ว อาจมีลาภ มียศ หรือได้รับ
กระทําของนักเรียนเองประกอบคําอธิบาย การยกย่องจากคนในสังคม ผู้ที่มองเฉพาะผล
ภายนอกก็จะเห็นว่า คนผู้นี้ท�าชั่ว แต่กลับได้ดี
ความจริงแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่ บุคคลผู้นี้ได้รับ
ผลของกรรม ๒ ระดับดังกล่าวข้างต้นแล้ว คือ
บุคคลทีบ่ าำ เพ็ญคุณงามความดีอย่างสม่าำ เสมอย่อมจะได้รบั เขามีคณุ ภาพจิตอันต�า่ ทราม มีความทุกข์ทางใจ
ผลกรรมของการทำาความดีตอบสนอง หรือมีจิตเศร้าหมองอย่างแน่นอน
98

กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
ครูควรแนะนํานักเรียนวา คนในยุคสมัยนี้มีความเชื่อที่ผิดหรือมิจฉาทิฏฐิ คือ ครูมอบหมายใหนักเรียนไปคนควาพุทธศาสนสุภาษิตที่มีขอคิดเตือนใจ
มีความเขาใจผิดในกฎธรรมชาติ เชน ไมเชื่อวาทําดีไดดี ไมเชื่อในการทําความดี ในเรื่องความขยันหมั่นเพียร ซึ่งเปนคุณธรรมที่จะชวยใหการเรียนประสบ
ไมมีความละอายตอบาป เปนตน ซึ่งจะสงผลอันตรายตอการอยูรวมกันในสังคม ความสําเร็จ จากนั้นรวบรวมและเขียนลงสมุด แลวนํามาแลกเปลี่ยน
เปนอยางยิ่ง โดยครูควรอธิบายและยกตัวอยางกรณีบุคคลที่ทําความดีและไดดี ความรูกับเพื่อนในชั้นเรียน
บุคคลที่ทําความชั่วและหมดอนาคต ใหนักเรียนฟงและยึดถือเปนแบบอยางวา
สิ่งใดควรทํา สิ่งใดไมควรทํา
กิจกรรมทาทาย
นักเรียนควรรู
1 กิเลส คือ สิ่งที่แฝงอยูในตัวคน แลวเปนเหตุใหใจเศราหมอง โดยกิเลสที่อยู ครูมอบหมายใหนักเรียนเขียนเลาประสบการณหรือปญหาที่เกิดขึ้นกับ
ในใจคนมาก ไดแก ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ เพราะกิเลสชอบซุกหมักหมมอยูใ นใจ ตนเอง ซึง่ สามารถนําพุทธศาสนสุภาษิตมาชวยแกไขปญหาหรือเตือนสติได
ของคน จึงเรียกอีกอยางหนึ่งวา “อาสวกิเลส” แปลวา กิเลสที่หมักดองอยูในจิต ความยาว 1 หนากระดาษ A4 จากนั้นนํามาเลาใหเพื่อนในชั้นเรียนฟง

98 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูนําสนทนาเกี่ยวกับพุทธศาสนสุภาษิตที่วา
คนที่มักกล่าวท�านองคัดค้านหลักแห่งกรรมว่า “ท�าดีได้ดีมีที่ไหน ท�าชั่วได้ดีมีถมไป” การสั่งสมบุญนําสุขมาให และตั้งคําถามวา
มักจะมองดูแต่ผลภายนอกหรือผลพลอยได้เพียงอย่างเดียว โดยไม่นกึ ว่าผลของความดีทสี่ า� คัญกว่า • การทําบุญมีความสําคัญตอชีวิตอยางไร
และจะต้องได้รับแน่นอน คือ ความสะอาดของจิตใจ คุณภาพจิตที่สูงขึ้น และความเป็นคนดี มีอะไรบาง
มีบุคลิกลักษณะและอุปนิสัยที่พึงประสงค์ อนึ่ง ถ้าร�าลึกอยู่เสมอว่า “ท�าความดี ย่อมได้ความดี” (แนวตอบ การทําบุญ คือ สิ่งสําคัญที่ทําให
แทนที่จะคิดว่า “ท�าความดีได้ของดี” บางทีอาจท�าให้เข้าใจเรื่องผลของกรรมชัดขึ้น ชีวิตพบเจอแตสิ่งดีๆ มีความสุข ความเจริญ
รวมถึงเปนการขัดเกลากิเลส ทําใหจิตใจ
2.3 สุโข ปุญฺญฺสฺส อุจฺจโย : การสั่งสมบุญนำาสุขมาให้ ผองใส เชน การทําทาน รักษาศีล นั่งสมาธิ
บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ การเคารพผูมีพระคุณ เปนตน)
1 2. ครูใหนักเรียนบันทึกการทําความดีในดาน
บุญ แปลว่า ความดีงาม การท�าบุญท�าได้ ๑๐ วิธี
เรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ มี ๑๐ ประการ ดังนี้ ตางๆ ทีน่ กั เรียนเคยทํามา แลวสํารวจตัวเองวา
๑. ท�าบุญด้วยการให้ นักเรียนเคยทําบุญวิธีใดบางตามหลักธรรม
๒. ท�าบุญด้วยการรักษาศีล บุญกิรยิ าวัตถุ 10 และเกิดผลอยางไร โดยบันทึก
๓. ท�าบุญด้วยการเจริญภาวนา ลงในสมุด และนําสงครูผูสอน
๔. ท�าบุญด้วยการอ่อนน้อม 3. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 4.4 จากแบบวัดฯ
๕. ท�าบุญด้วยการรับใช้ พระพุทธศาสนา ม.2
๖. ท�าบุญด้วยการเกลี่ยความดีให้ผู้อื่น
๗. ท�าบุญด้วยการยินดีในความดีของผู้อื่น ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ
๘. ท�าบุญด้วยการฟังธรรมหาความรู้ พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 4.4
๙. ท�าบุญด้วยการสั่งสอนธรรมให้ความรู้ หนวยที่ 4 พระไตรปฎกและพุทธศาสนสุภาษิต
๑๐. ท�าบุญด้วยการท�าความเห็นให้ตรง คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
กิจกรรมที่ ๔.๔ ใหนักเรียนเติมขอความเกี่ยวกับพุทธศาสนสุภาษิตใหได ñð
ใจความสมบูรณ (ส ๑.๑ ม.๒/๘)
โดยทั่วไปคนมักจะให้ความส�าคัญกับ ๓ กมฺมุนา วตฺตตี โลโก (กัม-มุ-นา-วัด-ตะ-ตี-โล-โก)
๑. พุทธศาสนสุภาษิต : ……………………………………………………………………………………………………………………………………………
สัตวโลกยอมเปนไปตามกรรม
คําแปล……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ข้อแรก คือ การให้ทาน การรักษาศีล และการ คนเราจะมี ชีวิตเปนไปอยางไรนั้น ขึ้นอยูกับกรรมหรือการกระทําของตน กรรมนั้น
ความหมาย……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
เปนของเราโดยเฉพาะ และเราจะเปนผูรับผลของกรรมนั้น จะโอนใหผูอื่นไมได เชน เราทํากรรมดี
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

เจริญภาวนา เรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ ๓ มีคน กรรมดียอมเปนของเรา หรือถาเราทํากรรมชั่ว เราก็ตองรับผลของกรรมชั่วนั้น จะลบลางหรือโอน


…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ไปใหผูอื่นไมได
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
กลฺยาณการี กลฺยาณํ ปาปการี จ ปาปกํ (กัน-ยา-นะ-กา-รี-กัน-ยา-นัง
๒. พุทธศาสนสุภาษิต : ……………………………………………………………………………………………………………………………………………
จ�านวนไม่นอ้ ยคิดว่า “การท�าบุญ” มีความหมาย ทําดีไดดี ทําชั่วไดชั่ว
เรี ย กกั น ว า กฎแห ง กรรม กรรม หมายถึ ง
ปา-ปะ-กา-รี-จะ-ปา-ปะ-กัง)
คําแปล……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
การกระทํ าที่ประกอบดวยเจตนา มีทั้ง
ความหมาย……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
เพียงข้อ ๑ คือ การให้เท่านั้น ซึ่งความจริงไม่ ฝายดีและฝายชั่ว หากบุคคลทําความชั่ว เขาจะไดรับผลชั่วเปนการตอบแทน แตถาคนทําแตความดี
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ก็จะไดผลดีตอบแทน เชน เกิดความสุขทางใจ หรือไดรับสิ่งดีๆ ตอบแทน เปนตน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

เป็นเช่นนั้น ฉบับ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
สุโข ปุฺฺสฺส อุจฺจโย (สุ-โข-ปุน-ยัด-สะ-อุด-จะ-โย)
เฉลย ๓. พุทธศาสนสุภาษิต : ……………………………………………………………………………………………………………………………………………
การสั่งสมบุญนําสุขมาให
การท� า บุ ญ ย่ อ มให้ ค วามสุ ข แน่ น อน คําแปล……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
การทําบุญยอมกอใหเกิดความสุข นอกจากเปนการขัดเกลากิเลส ทําใหจิตใจ
ความหมาย……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ผองใสแลว ยังทําใหการทํางานเปนไปอยางราบรื่น และการทําบุญนั้นจะตองทําอยางตอเนื่อง
การให้ (หรือทาน) เป็นการขัดเกลากิเลส ท�าให้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
สั่งสมไปเรื่อยๆ ผลบุญยอมตอบสนองภายหลัง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

จิตใจผ่องใส ท�าให้การประกอบอาชีพการงาน ปูชโก ลภเต ปูชํ วนฺทโก ปฏิวนฺทนํ (ปู-ชะ-โก-ละ-พะ-เต-ปู-ชัง-วัน-ทะ-โก


๔. พุทธศาสนสุภาษิต : ……………………………………………………………………………………………………………………………………………
ผูบูชายอมไดรับการบูชาตอบ ผูไหวยอมไดรับการไหวตอบ
คําแปล………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ปะ-ติ-วัน-ทะ-นัง)

เป็นไปอย่างปลอดโปร่ง ไม่คดิ คดโกงหรือทุจริต การบริจาคโลหิต จัดเป็นการทำาบุญประเภทหนึ่ง เพราะ


การบู ช าเป น การแสดงความเคารพบุ ค คลหรื อ สิ่ ง ที่ นั บ ถื อ รวมถึ ง การยกย อ ง
ความหมาย……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
เทิดทูนดวยความนับถือ หากเรารูจักใหความนับถือ ใหเกียรติ ใหความเคารพตอผูอื่น เราก็จะได
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
สิ่งเดียวกันนั้นตอบ การบูชานอกจากเปนการแสดงออกซึ่งไมตรีจิตแลว ยังนําไปสูความสําเร็จ
กับใคร โลหิตจากการบริจาค ได้ถูกนำาไปช่วยชีวิตผู้อื่น …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ในหนาที่การงานดวย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
การสั่งสมบุญนําสุขมาให
๕. นักเรียนเลือกใชพทุ ธศาสนสุภาษิต………………………………………………………………………………. ในการดําเนินชีวติ
99 เปนการสอนใหคนทําความดีตอตนเอง ตอผูอื่น และตอสังคม สอนใหรูจักการใหผูอื่น
เพราะ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
และควรหมั่นทําอยางสมํ่าเสมอ เมื่อปฏิบัติแลวจะทําใหเกิดความสุขทั้งผูใหและผูรับ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

๓๖

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T เกร็ดแนะครู
ขอใดเปนพุทธศาสนสุภาษิตที่เกี่ยวของกับการสั่งสมบุญนําสุขมาให
ครูอธิบายเพิ่มเติมวา การทําทานที่สําคัญที่สุด คือ ธรรมทาน หรือการสอนธรรม
1. ททมาโน ปโย โหติ ผูใหยอมเปนที่รัก
ใหคนเปนคนดี รองจากธรรมทาน คือ อภัยทาน หรือการละความโกรธเปนทาน
2. ธมฺมกาโม ภวํ โหติ ผูชอบธรรม เปนผูเจริญ
สวนการนั่งสมาธิหรือเจริญภาวนาจะตองมีการทําทาน การรักษาศีลควบคูกันไป
3. นตฺถิ โลเก อนินฺทิโต ผูไมถูกนินทา ไมมีในโลก
จึงจะนั่งสมาธิไดดี เหมือนการกาวขึ้นบันไดทีละขั้นที่ไมควรกาวขามขั้น ซึ่งการ
4. ครุ โหติ สคารโว ผูเคารพผูอื่น ยอมมีผูเคารพตนเอง
ทําทาน รักษาศีล เจริญภาวนา เปนการทําบุญ 3 อยางทีส่ าํ คัญในการสะสมบุญจนเต็ม
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เพราะการทําบุญดวยการใหอยูใน และเขาสูพระนิพพาน โดยเฉพาะการนั่งสมาธิ เพื่อใหเกิดปญญา เมื่อเกิดปญญาแลว
บุญกิริยาวัตถุ 10 ไมวาจะเปนการใหทาน การใหความรู ซึ่งเปนการ จึงไตรตรองไดถึงผลเสียของกิเลส จนกระทั่งละกิเลส ละสังโยชน หรือการละ
ขัดเกลากิเลสอยางหนึ่ง ทําใหจิตใจผองใส มีความสุข และเปนที่รัก ความโลภ โกรธ หลงได
แกบุคคลทั่วไป

นักเรียนควรรู
1 การทําบุญ แบงไดเปน 3 ประเภท ไดแก อามิสทาน คือ การใหทานดวยวัตถุ
สิ่งของ ธรรมทาน คือ การใหความรู และอภัยทาน คือ การสละความโกรธเปนทาน
คูมือครู 99
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูนําสนทนาเรื่อง ผูบูชายอมไดรับการบูชาตอบ
ผูไหวยอมไดรับการไหวตอบ และตั้งคําถามวา การรักษาศีลท�าให้คนเป็นคนดีมีศีลธรรม มีแต่คนรักใคร่นับถือและไว้วางใจ ในทางโลก
• การบูชาคนที่ควรบูชา หมายถึงอะไร จะท�าให้การท�างานเป็นไปอย่างราบรื่น มีความสุขตามอัตภาพ ในทางธรรมท�าให้เกิดความอิ่มใจ
(แนวตอบ การแสดงความเคารพตอผูมีพระคุณ และสงบ การเจริญภาวนานั้นเป็นการช่วยให้จิตใจแน่วแน่ มีสติ รู้จักตัวเอง รู้ตัวว่าก�าลังท�าอะไร
ผูอาวุโส ซึ่งเปนการใหเกียรติ การยอมรับ การเจริญภาวนา แม้วา่ ส่วนใหญ่จะมุง่ ความสุขทางธรรม แต่กช็ ว่ ยท�าให้ความสุขทางโลกเป็นไปได้
และความสําคัญ และผูที่แสดงความเคารพ แน่นอน มั่นคง
ยอมไดรับการเคารพตอบ เมื่อมีการไหว การท�าบุญนั้นต้องท�าอย่างต่อเนื่องสั่งสมไปเรื่อยๆ ผลบุญย่อมตอบสนองภายหลัง เหมือน
ยอมไดรับการไหวตอบ) หยดน�้าตกลงทีละหยดย่อมเต็มตุ่มได้
• การไหวผอู นื่ นอกจากจะไดรบั การไหวตอบแลว 2.4 ปชู โก ลภเต ปูช ำ วนฺทโก ปฏิวนฺทนำ : ผูบ้ ชู าย่อมได้รบั การบูชาตอบ
ยังกอใหเกิดผลดีอะไรบาง ผู้ไหว้ย่อมได้รับการไหว้ตอบ
(แนวตอบ ไดรับไมตรีจิต ความรูสึกที่ดีตอผูไหว
บูชา หมายถึง การแสดงความเคารพบุคคลหรือสิง่ ทีน่ บั ถือ รวมตลอดไปถึงการยกย่องเทิดทูน
และผูไดรับการไหว รวมถึงเปนการแสดงออก ด้วยความนับถือ และอาจขยายความไปถึงการยอมรับการให้เกียรติและการเห็นความส�าคัญ
ถึงความกตัญู ซึ่งเปนการกระทําที่ดีควรแก คนเรามักจะโต้ตอบผู้อื่นด้วยสิ่งที่ผู้อื่นท�ากับเรา ถ้าเรายิม้ ให้ คนอืน่ จะยิม้ ตอบ ถ้าเราแสดง
การยกยองสรรเสริญ นําไปสูความสําเร็จ ท่าเย่อหยิ่ง คนอื่นก็เย่อหยิ่งตอบ ถ้าเราแสดงความสุภาพอ่อนโยนก่อน คนอื่นก็จะแสดงความ
ในชีวิตและหนาที่การงานได) สุภาพอ่อนโยนตอบ แต่มีคนจ�านวนไม่น้อยมีความภาคภูมใิ จในตัวเองสูง คิดว่าตัวเองส�าคัญกว่า
2. ครูใหนักเรียนจดสรุปแงคิดที่ไดจากการทําบุญ มีปัญญากว่า เก่งกว่าคนอื่น เมื่อพบคนอื่นมักจะแสดงความอหังการออกมา ซึ่งโดยทั่วไปก็มักจะ
10 วิธี และการบูชาผูอื่น โดยบันทึกลงในสมุด ได้สิ่งเดียวกันนั้นตอบ
นําสงครูผูสอน แต่ถ้าเราให้ความเคารพนับถือ ให้เกียรติ
3. ครูใหนกั เรียนสํารวจตัวเองวา ในวันหนึง่ ๆ นักเรียน ให้ความเคารพตามประเพณีต่อผู้อื่น เราก็จะได้
ไดทําบุญหรือความดีอะไรบาง ถาหากยังไมได สิ่งเดียวกันนั้นตอบ มีคนจ�านวนน้อยมากที่เรา
ทําบุญอะไรเลย นักเรียนจะทําอยางไรตอไป ให้เกียรติเขาแล้วเขาแสดงความเย่อหยิ่งตอบ
ในการหาแนวทางปรับปรุงและพัฒนาตนเองโดย เราควรหัดมองโลกในแง่ดี มองคนในแง่ดไี ว้กอ่ น
นําหลักพุทธศาสนสุภาษิตเขามาชวย จากนั้น ไม่ดูถูกดูหมิ่นคนอื่นล่วงหน้า
นําผลการสํารวจบันทึกลงในสมุดสงครูผูสอน บางทีเราอาจไม่ชอบหน้าคนบางคนโดย
เพื่อใหครูชวยชี้แนะเพิ่มเติม หาเหตุผลไม่ได้ แต่เราต้องตั้งสติให้ได้ว่าเรา
ก�าลังกลายเป็นคนไม่มีเหตุผล เห็นสิ่งที่ไม่เป็น
จริง แล้วก็แสดงท่าทาง หรือพูดสิ่งที่ไม่สมควร
กั บ เขา และก็ ค ่ อ นข้ า งแน่ น อนว่ า เราจะได้
สิ่งเดียวกันนี้ตอบ ซึ่งเป็นสิ่งที่พุทธศาสนิกชน
ไม่ควรน�ามาปฏิบัติ เพราะไม่เป็นผลดีทั้งต่อ
ผู้ไหว้ย่อมได้รับการไหว้ตอบ ตนเองและผู้อื่น

100

ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว  NT  O-NE T
ครูแนะนํานักเรียนวา การรักษาศีล 5 ในชีวิตประจําวัน เปนการรักษาเพียง บุคคลใดตอไปนี้ทําบุญแบบอามิสทาน
เล็กนอย ไมเพียงพอตอการทําตนใหเปนปกติ จึงตองใชกรรมบถ 10 ซึ่งเปนเครื่อง 1. วิหคใหอภัยเพื่อนที่ทําหนังสือของตนหาย
รักษาความดีใหเปนปกติ 10 อยาง ไดแก เวนจากการฆาสัตวหรือทรมานสัตว 2. สกุณาติวหนังสือใหเพื่อนกอนสอบ
ใหไดรบั ความลําบาก เวนจากการลักทรัพย คือ ไมถอื เอาทรัพยของผูอ นื่ ทีเ่ ขาไมไดให 3. ปกษีบริจาคสิ่งของชวยเหลือผูประสบอุทกภัย
ดวยความเต็มใจ เวนจากการทําชูในบุตร ภรรยา และสามีของผูอื่น เวนจากการพูด 4. ปกษาหมั่นไปถามพระอาจารยเกี่ยวกับพระธรรมที่ตนสงสัย
โกหก เวนจากการพูดจาหยาบคาย (พูดคํา ดาคํา) เวนจากการพูดสอเสียด ยุแยง วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. อามิสทาน คือ การใหทานดวยวัตถุสิ่งของ
ทําใหผูอื่นแตกราวกัน เวนจากการพูดเพอเจอเหลวไหล (พูดในเรื่องที่เปนไปไมได) ดังนัน้ การทีป่ ก ษีบริจาคสิง่ ของชวยเหลือผปู ระสบอุทกภัย จึงจัดเปนอามิสทาน
ไมคดิ อยากไดทรัพยของผูอ นื่ ทีเ่ จาของไมยกให ไมคดิ จองลางจองผลาญเพือ่ ทํารายใคร ขอ 1. จัดเปนอภัยทาน คือ การสละความโกรธเปนทาน การยกโทษดวย
และมีความเห็นถูก คือ มีสัมมาทิฏฐิ เห็นตรงตามที่พระพุทธเจาสอน การไมพยาบาทจองเวร
ขอ 2. จัดเปนธรรมทานประเภทวิทยาทาน คือ การใหความรูทางโลก เชน
วิชาการตางๆ เปนตน
ขอ 4. จัดเปนธัมมัสสวนมัย คือ การทําบุญดวยการฟงธรรม

100 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 4.5 จากแบบวัดฯ
อย่างไรก็ตาม การให้เกียรติ การยอมรับ และการนับถือนี้ เราควรเดินสายกลาง ไม่แสดง พระพุทธศาสนา ม.2
อาการพินอบพิเทาจนเกินควร ไม่กล่าววาจายกย่องสรรเสริญจนเกินงาม จะกลายเป็นการประจบ ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ
สอพลอ ในการให้เกียรติผู้อื่น เราต้องให้เกียรติตัวเองด้วย ในการนับถือผู้อื่น เราต้องนับถือตัวเอง พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 4.5
เร�่องที่ 4 พระไตรปฎกและพุทธศาสนสุภาษิต
ด้วย มิฉะนัน้ คนจะเย้ยหยันและคิดดูถกู เราในใจ
เราไม่ควรดูถกู ใครล่วงหน้า แต่กไ็ ม่ควรสรรเสริญ กิจกรรมที่ ๔.๕ ใหนักเรียนอานกรณีศึกษาตอไปนี้ แลวเติมขอความ
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
òð
ใหสมบูรณ (ส ๑.๑ ม.๒/๘)
ใครล่วงหน้า เราควรท�าตนให้เป็นคนสุภาพ กรณีศกึ ษาที่ ๑ ทุกวันอาทิตยคณ
ุ ยายจะชวนเกงไปทําบุญ ฟงธรรม และชวยทําความ
อ่อนโยน ไม่ดูหมิ่น หรือสรรเสริญคนโดยที่ยัง สะอาดบริเวณวัด คุณยายชอบทําบุญและใหทานคนที่เดือดรอน คอยสอนเกงอยูเสมอวา
ใหเปนคนรูจักการใหและหมั่นทําบุญอยูเสมอ ผลบุญเหลานั้นจะชวยใหเรามีความสุขใจ
เกิดชาติหนาจะไดสบาย ทุกคืนกอนนอนจะชวนหลานชายสวดมนตดวยกัน คุณยายบอกวา
ไม่รจู้ กั แต่ควรแสดงออกทางกายและวาจาตาม จะไดนอนหลับฝนดี
การสั่งสมบุญนําสุขมาให
๑. การกระทําของคุณยายตรงกับพุทธศาสนสุภาษิต………………………………………………………………………………………
ธรรมเนียมประเพณีที่สังคมถือกันว่าเหมาะสม ทําใหชวี ติ มีความสุข จากการเปนผูใ ห การ
๒. การกระทําดังกลาวมีผลดีตอตนเองและครอบครัว คือ…………………………………………………………………………….
สัง่ สมบุญและการมีหลักธรรมในการดําเนินชีวติ และการทีเ่ กงเชือ่ ฟงคุณยาย ทําใหครอบครัวมีความสุข
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

เช่น พบครูบาอาจารย์กย็ กมือไหว้ พบคนรู้จักที่ ๓. ถาคนในสังคมมีวิธีคิดและปฏิบัติเหมือนคุณยายจะสงผลดีตอสังคมและประเทศชาติ คือ


ทํ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
าใหอยูร ว มกันอยางสงบ คนในสังคมรูจ กั การให การเสียสละ หมัน่ สัง่ สมบุญ จะไมมกี ารเอาเปรียบ

เป็นผู้อาวุโสก็คารวะก่อน เป็นต้น สรางความตระหนักให


๔. สามารถนําแนวคิดและการปฏิบตั ขิ องคุณยายมาพัฒนาสังคมไทยโดย……………………………………………..
คนไทยรูจักการเสียสละ มีจิตสาธารณะ สั่งสมความดี และปลูกฝงแนวคิดเหลานี้ใหกับเยาวชน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ฉบับ
เฉลย
หมัน่ ทําบุญและใหทานตามความเหมาะสม
๕. นักเรียนสามารถปฏิบตั ติ ามคําสัง่ สอนของคุณยายโดย……………………………………………………………………………
กล่าวได้ว่า การบูชาเป็นการแสดงความ และโอกาส เชน ไปทําบุญทีว่ ดั บริจาคสิง่ ของตางๆ ใหผทู ดี่ อ ยโอกาส มีหลักธรรมในการดําเนินชีวติ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

รู้สึกออกมาให้เห็นเป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นความ กรณีศึกษาที่ ๒ ทุกปแตงจะตองไปเยี่ยมครูสุคนธ เธอรําลึกอยูเสมอวาที่มีวันนี้ ได


ก็เพราะการอบรมสั่งสอน การเอาใจใสของครูที่ใหทั้งความรูและชี้แนะแนวทางการดําเนินชีวิต
รู้สึกที่ดีต่อคนที่เรามีความรู้สึกด้วย การบูชา ผูบ ชู ายอมไดรบั การบูชาตอบ ผูไ หวยอ มไดรบั การไหวตอบ
๑. การกระทําดังกลาวตรงกับพุทธศาสนสุภาษิต……………………………………………………………………………………………..
ทํ า ให ลู ก ศิ ษ ย มี ค วามรู  แ ละประสบความสํ า เร็ จ ในชี วิ ต
๒. การกระทําของบุคคลทั้งสองสงผลดี คือ……………………………………………………………………………………………………….
ด้วยวิธีการต่างๆ จึงถือเป็นการแสดงออกซึ่ง สวนครูก็จะไดความภาคภูมิใจในความสําเร็จของศิษย
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
การตั้งใจทําอะไรดวยความรัก ความจริงใจ ยอมไดรับการ
๓. ขอคิดที่ไดจากการกระทําดังกลาว คือ…………………………………………………………………………………………………………….
ไมตรีจิต และเป็นการเปิดโอกาสความรู้สึกที่ดี การแสดงออกซึ่งความกตัญูต่อผู้มีพระคุณ เป็นการ จดจําระลึกถึงจากบุคคลอื่น
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ตัง้ ใจเรียน แสดงความเคารพเทิดทูน และนําคําสอนไปใชในการ
๔. นักเรียนมีวธิ กี ารปฏิบตั ติ อ ครู คือ…………………………………………………………………………………………………………………….
กระทำาที่ดี ควรแก่การยกย่องสรรเสริญ ดําเนินชีวิต
จนน�าไปสู่ความส�าเร็จในหน้าที่การงานได้ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ถานักเรียนมีวิธีคิดและปฏิบัติแบบแตง จะทําให
๕. การปฏิบตั ขิ องแตงสามารถนําไปพัฒนาสังคม คือ………………………………………………………………………………………..
ทุกคนเปนคนดี ไมเกิดปญหาสังคมตามมา เชน ปญหาการยกพวกตีกนั การตัง้ ครรภกอ นวัยอันควร
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

พระไตรปิฎก เป็นบันทึกค�าสอนของพระพุทธเจ้า เดิมอยู่ในรูป “พระธรรมวินัย” ต่อมา ๓๗

ได้แยกออกเป็น พระไตรปิฎก ได้แก่ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก และพระอภิธรรมปิฎก


พระไตรปิฎกได้รบั การถ่ายทอดสืบต่อกันมา โดยการท่องจ�าหรือมุขปาฐะ และได้รบั การบันทึกเป็น
ลายลักษณ์อักษร เมื่อพุทธศตวรรษที่ ๕ ที่ประเทศศรีลังกา ขยายความเขาใจ Expand
ธรรมะในพระไตรปิฎก แม้ว่าจะมีหลากหลายและมีหลายระดับ แต่ก็เน้นลงไปที่การ ครูใหนกั เรียนหาขาวทีเ่ ปนปญหาสังคมในปจจุบนั
กระท�า (กรรม) เพราะฉะนั้นบางครั้งพระพุทธเจ้าจึงทรงเรียกค�าสอนของพระองค์ว่า “กรรมวาท” เชน ปญหาการตั้งครรภไมพึงประสงค ปญหาการ
(สอนเรื่องกรรม) และตรัสเรียกพระองค์เองว่า “กรรมวาที” (ผู้สอนเรื่องกรรม) แพรระบาดของสารเสพติด ปญหาการถูกลวงละเมิด
พระพุทธศาสนาสอนว่า คนเราจะดี จะเลว จะเจริญ หรือเสื่อมถอย ทั้งนี้เพราะกรรม ทางเพศ เปนตน แลวนํามาเขียนวิเคราะหวา จะใช
(การกระท�า) ของเรา จึงไม่ควรท�ากรรมชัว่ ควรท�าแต่กรรมดี ในพระไตรปิฎกมีพทุ ธภาษิตมากมาย พุทธศาสนสุภาษิตใดมาเตือนตนเองไมใหตอ งเผชิญ
ที่เน้นในเรื่องนี้ อาทิ “สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม” “ท�าดีได้ดี ท�าชั่วได้ชั่ว” “การสั่งสมบุญ กับปญหานัน้ ๆ เพราะเหตุใด พรอมทัง้ เสนอแนวทาง
น�าสุขมาให้” เป็นต้น สุภาษิตเหล่านี้จะช่วยเตือนสติเรามิให้หลงไปในทางที่ผิด ซึ่งสามารถ แกไขและปองกันปญหาที่เกิดขึ้น
จะเลือกสรรน�าไปใช้เป็นแนวทางในการด�าเนินชีวิตได้
ตรวจสอบผล Evaluate
101
ตรวจสอบจากการเขียนวิเคราะหขา วทีเ่ ปนปญหา
สังคมในปจจุบัน โดยการนําพุทธศาสนสุภาษิตมา
ขอสอบเนน การคิด ใชแกไขและปองกันปญหาดังกลาว
แนว  NT  O-NE T เกร็ดแนะครู
ทิพอาภาเปนเด็กเรียบรอย มีสัมมาคารวะ สุภาพ ออมนอมถอมตนตอ
ครูอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนเขาใจวา ในการสังคายนาพระไตรปฎกครั้งที่ 5
ผูใหญ จึงเปนที่รักของทุกคน แสดงวาทิพอาภาปฏิบัติตนตามพุทธศาสน-
(พ.ศ. 450) ไดมีการบันทึกพระไตรปฎกเปนลายลักษณอักษร เนื่องจากพระสงฆใน
สุภาษิตบทใด
ลังกาตางเห็นพองตองกันวาพระพุทธวจนะที่ถายทอดกันมาโดยวิธีทองจํานั้น
1. กมฺมุนา วตฺตตี โลโก
อาจจะขาดตกบกพรองไดในภายภาคหนา เพราะผูที่สามารถจดจําไดมีเหลือนอยลง
2. สุโข ปุฺญสฺส อุจฺจโย
ประกอบกับสถานการณทางการเมืองในขณะนั้นกําลังอยูในความไมสงบ เพราะได
3. ปูชโก ลภเต ปูชํ วนฺทโก ปฏิวนฺทนํ
เกิดศึกยืดเยือ้ ระหวางพวกทมิฬกับชาวสิงหล โดยกระทําทีอ่ าโลกเลณสถาน มตเลณ-
4. กลฺยาณการี กลฺยาณํ ปาปการี จ ปาปกํ
ชนบท (หรือมลัยชนบท) ประเทศลังกา มีพระเจาวัฏฏคามณีอภัยเปนผูอุปถัมภ
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. “ปูชโก ลภเต ปูชํ วนฺทโก ปฏิวนฺทนํ”
แปลวา ผูบูชายอมไดรับการบูชาตอบ ผูไหวยอมไดรับการไหวตอบ
การที่ทิพอาภาปฏิบัติตนตามพุทธศาสนสุภาษิตบทนี้ เปนการแสดงของ มุม IT
ผูนอยที่มีความออนนอมถอมตนและมีสัมมาคารวะตอผูใหญ ทําใหเปน
ที่รักของผูอื่น ศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับพุทธศาสนสุภาษิต ไดที่
http://www.fungdhom.com เว็บไซตฟงธรรม
http://www.dhammathai.org เว็บไซตธรรมะไทย
คูมือครู 101
ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Evaluate
Engage Explore Explain Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
ตรวจสอบความถูกตองจากการตอบคําถาม
ประจําหนวยการเรียนรู ค íา¶ามประจ íาหน่วยการเรียนรู้

๑. พระไตรปิฎกแปลว่าอะไร แบ่งออกเป็นกีส่ ว่ น อะไรบ้าง


หลักฐานแสดงผลการเรียนรู ๒. พุทธศาสนสุภาษิต มีความสอดคล้องกับชีวติ ของคนในปัจจุบนั นีอ้ ย่างไร จงอธิบาย
1. การเขียนสรุปหลักธรรมและแงคิดจาก ๓. พระพุทธศาสนาสอนว่า “สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม” นักเรียนเข้าใจว่าอย่างไร อธิบาย
หมวดยอยของพระไตรปฎก ให้เห็นว่าทีเ่ ป็นไปตามกรรมนัน้ เป็นอย่างไร
2. รายงานสรุปโครงสรางและความสําคัญของ ๔. นักเรียนเห็นด้วยหรือไม่กบั ค�ากล่าวทีว่ า่ “ท�าดีได้ดี ท�าชัว่ ได้ชว่ั ” เพราะเหตุใด และจงให้
พระไตรปฎก เหตุผลประกอบ
3. การเขียนวิเคราะหขาวที่เปนปญหาสังคม ๕. จากค�ากล่าวทีว่ า่ “ผูบ้ ชู าย่อมได้รบั การบูชาตอบ ผูไ้ หว้ยอ่ มได้รบั การไหว้ตอบ” นักเรียน
ในปจจุบัน ได้ขอ้ คิดหรือคติสอนใจอย่างไรบ้างจากการศึกษาพุทธศาสนสุภาษิตดังกล่าว

กิจกรรมสร้างสรรค์พั²นาการเรียนรู้

กิจกรรมที่ ๑ นักเรียนศึกษาสาระส�าคัญของพระไตรปิฎกจากในห้องสมุด และรวบรวม


ความรู้โดยบันทึกไว้ในสมุดจดบันทึก
กิจกรรมที่ ๒ นักเรียนยกพุทธศาสนสุภาษิตมา ๑ เรื่อง แล้วแต่งนิทานประกอบ น�ามา
แสดงละครและอธิบายแง่คิดที่ได้
กิจกรรมที่ ๓ นักเรียนค้นคว้ารวบรวมพุทธศาสนสุภาษิตมาคนละ ๑ ข้อ พร้อมทั้งอธิบาย
พุทธศาสนสุภาษิตแต่ละข้อ แล้วน�ามาเสนอร่วมกันหน้าชั้นเรียน

พุทธศาสนสุภาษิต
µ¶µÚµÒ¹í ¹ÔàÇàÊÂÚÂ Â¶Ò ÀÙÃÔ »Ç±Ú²µÔ : »˜ÞÞÒ‹ÍÁà¨ÃÔÞ´ŒÇ»ÃСÒÃã´
¤ÇõÑ駵¹äÇŒ´ŒÇ»ÃСÒùÑé¹

102

แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. พระไตรปฎก แปลวา คัมภีร 3 คือ คัมภีรที่บรรจุหลักคําสอนของพระพุทธศาสนา แบงเปน 3 สวน ไดแก พระวินัยปฎก พระสุตตันตปฎก และพระอภิธรรมปฎก
2. พุทธศาสนสุภาษิตมีความสอดคลองกับชีวิตของคนในปจจุบัน เนื่องจากสามารถนําขอคิดหรือคําสอนที่ดีมาประยุกตใชในชีวิตได โดยเฉพาะอยางยิ่งชีวิต
ของคนสมัยปจจุบันที่เต็มไปดวยสิ่งยั่วยุ มอมเมา และผิดศีลธรรม จึงตองนําพุทธศาสนสุภาษิตมาเตือนตนเองเสมอๆ
3. คนเราจะมีชีวิตเปนอยางไร ขึ้นอยูกับกรรมหรือการกระทําของเราเปนตัวกําหนด ไมไดเกิดจากอํานาจของสิ่งศักดิ์สิทธิ์แตอยางใด เชน ผูที่คิดอิจฉาริษยาผูอื่นเสมอ
ก็ไมอาจหาความสงบสุขได หรือผูเกิดมามีผิวพรรณผุดผอง เพราะชาติที่แลวเปนคนไมมักโกรธ เปนตน
4. เห็นดวย เพราะผูที่ทําความดี ยอมไดรับความดีตอบแทนอยางแนนอน ซึ่งความดีนี้ไมจําเปนตองเปนทรัพยสินเงินทอง แตอาจเปนความสุขใจ ความปลื้มปติ หรือ
คุณภาพของจิตที่สูงขึ้นก็ได สวนผูที่ทําความชั่ว ยอมไดรับความชั่วตอบแทนแนนอนเชนกัน ซึ่งไมจําเปนตองชดใชกรรมชั่วในชาติภพตอไป แตอาจตองชดใชใน
ชาติภพนี้ก็ได อยางไรก็ตาม คนทําความชั่วบางคนอาจไดรับลาภ ยศ สรรเสริญ ทําใหผูอื่นเห็นวาเขาทําชั่วกลับไดดี ความจริงแลวไมใช อยางนอยบุคคลผูนี้
ก็มีความทุกขทางใจ และมีจิตใจที่ตกตํ่าอยางแนนอน
5. ทําใหเราไดมิตรภาพที่ดีกลับมา เปนที่รักของผูอื่น รวมถึงยังไดรับเกียรติ ไดรับความเคารพจากผูอื่น ตลอดจนไดรับการชื่นชมยกยองดวย

102 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู

หน่วยการเรียนรู้ที่
หนาที่ชาวพุทธ
๕ 1. อธิบายบทบาทของพระสงฆในการเผยแผ
พระพุทธศาสนาได
2. ฝกฝนตนเองใหสามารถเผยแผพระพุทธศาสนา
และเปนลูกที่ดีตามหลักทิศ 6 ได
และมารยาท 3. วิเคราะหประโยชนของคายคุณธรรม และ
เขารวมคายคุณธรรมตามโอกาสที่เหมาะสม
ชาวพุทธ 4. อธิบายหลักเกณฑการเขารวมพิธีกรรมทาง
พระพุทธศาสนาและเขารวมพิธีกรรมตาม
โอกาสอันสมควร
5. ปฏิบัติมารยาทชาวพุทธที่ดีได
ตัวชี้วัด
● ปฏิ บั ติ ต นอย่ า งเหมาะสมต่ อ บุ ค คลต่ า งๆ
สมรรถนะของผูเรียน
ตามหลั ก ศาสนาที่ ต นนั บ ถื อ ตามที่ กำ า หนด
(ส ๑.๒ ม.๒/๑) 1. ความสามารถในการสื่อสาร
● มีมรรยาทของความเป็นศาสนิกชนที่ดีตามที่
กำาหนด (ส ๑.๒ ม.๒/๒)
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใชทกั ษะชีวิต
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
● การเป็นลูกที่ดีตามหลักทิศเบื้องต้นในทิศ ๖ คุณลักษณะอันพึงประสงค
● มรรยาทของศาสนิกชน
1. รักชาติ ศาสน กษัตริย
2. ใฝเรียนรู
3. รักความเปนไทย

Êѧ¤Áä·ÂÁÕ¨Òí ¹Ç¹»ÃЪҡûÃÐÁÒ³ öõ Ōҹ¤¹ «Ö§è ã¹


¨íҹǹ¹ÕÁ é Ò¡¡Ç‹ÒÃŒÍÂÅÐ ùõ ¹Ñº¶×;Ãоط¸ÈÒʹÒ໚¹·Õè กระตุน ความสนใจ Engage
ÂÖ´à˹ÕÂè ǨԵ㨠·Ñ§é ¹Õé ¾Ãоط¸ÈÒʹÒ䴌ࢌÒÁÒ¼ÊÁ¼ÊÒ¹
¡ÅÁ¡Å×¹¡ÑºÇÔ¶ªÕ ÇÕ µÔ ¤ÇÒÁ໚¹ÍÂÙ¢‹ ͧ¤¹ä·Â ¨¹äÁ‹ÊÒÁÒö ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับการทําบุญ โดย
á¡ÍÍ¡¨Ò¡¡Ñ¹ä´Œ ËÃ×ÍÍÒ¨¡Å‹ÒÇä´ŒÇÒ‹ ¡ÒûÃоĵԻ¯ÔºµÑ µÔ ¹ ครูถามนักเรียนวา
¢Í§¾Ø·¸ÈÒʹԡª¹Â‹ÍÁÊ‹§¼Å¡Ãзºµ‹Í¾Ãоط¸ÈÒÊ¹Ò • เดือนนี้นักเรียนไปวัดประมาณกี่ครั้ง
äÁ‹Ç‹Ò¨Ð·Ò§µÃ§ËÃ×ͷҧ͌ÍÁ ´Ñ§¹Ñé¹ ¾Ø·¸ÈÒʹԡª¹·Õè´Õ
และไปทําอะไร
¨Ö§ÁÕ˹ŒÒ·Õè·íҹغíÒÃا¾Ãоط¸ÈÒʹÒãËŒà¨ÃÔÞÁÑ蹤§Ê׺ä»
â´Â¡ÒÃËÁѹè ÈÖ¡ÉÒËÒ¤ÇÒÁÃÙŒ »¯ÔºµÑ µÔ ÒÁËÅÑ¡¸ÃÃÁ¤íÒÊ͹ • นักเรียนเคยไปวัดพรอมกันทั้งครอบครัว
áÅлÃСͺ¾Ô¸Õ¡ÃÃÁµ‹Ò§æ ãËŒ¶Ù¡µŒÍ§µÒÁ¾Ø·¸ºÑÞÞÑµÔ หรือไม
• นักเรียนคิดวาคนกลุมใดไปวัดมากที่สุด
• นักเรียนคิดวาแตละวัดควรพัฒนาดานใด
มากที่สุด เพราะเหตุใด

เกร็ดแนะครู
ครูควรจัดกิจกรรมการเรียนรูเพื่อใหนักเรียนสามารถปฏิบัติตนไดอยาง
เหมาะสมตอบุคคลตางๆ และแสดงมารยาทของชาวพุทธที่ดี โดยครูจัดการเรียน
การสอน ดังนี้
• ใหนักเรียนสืบคนขอมูลเกี่ยวกับบทบาทของพระภิกษุในการเผยแผ
พระพุทธศาสนา แลวไปสัมภาษณพระภิกษุเกี่ยวกับการเผยแผ
พระพุทธศาสนาและการปฏิบัติตนในชีวิตประจําวัน
• ครูใหนักเรียนคนหาขอมูลเกี่ยวกับวิธีการมีสวนรวมในการเผยแผพระพุทธ-
ศาสนา การเปนลูกที่ดีตามหลักทิศ 6 การเขาคายคุณธรรม การเขารวม
พิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา และการแสดงตนเปนพุทธมามกะ แลวเขา
รวมพิธีกรรม รวมถึงเขียนสรุปขั้นตอนและประโยชนของพิธีแสดงตนเปน
พุทธมามกะ
• ครูใหนักเรียนศึกษามารยาทชาวพุทธ แลวเขียนสรุปความรูความเขาใจ
ตลอดจนสาธิตระเบียบพิธีปฏิบัติตอพระสงฆ

คูมือครู 103
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
1. ครูใหนักเรียนดูภาพหนา 104 และตั้งคําถามวา
พระสงฆแสดงธรรมอยูบนสิ่งใด จากนั้นครู ๑. หน้าที่ชาวพุทธ
นําภาพธรรมาสนในลักษณะตางๆ มาแสดง
ใหนักเรียนดู เชน ธรรมาสนสิงหเทินบุษบก 1.1 การเข้าใจบทบาทของพระภิกษุในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
ธรรมาสนบุษบก ธรรมาสน 8 เหลี่ยม ธรรมาสน พระภิกษุเป็นผู้สละเหย้าเรือน สละความสุขทางโลกเพื่อแสวงหาสัจธรรม หน้าที่ส�าคัญของ
ขาแขก ธรรมาสนหวาย เปนตน พระภิกษุ ก็คือ ศึกษาพระธรรมค�าสอนของพระพุทธองค์ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ แล้วน�ามาเผยแผ่
2. ครูตั้งคําถามนักเรียนวา แก่มวลมนุษย์ เพื่อเป็นหนทางให้โลกได้พบความสงบและสันติอย่างแท้จริง พระภิกษุอาจเผยแผ่
• บทบาทหนาที่ของพระสงฆมีอะไรบาง พระศาสนาได้หลายทาง เช่น การแสดงธรรม การแสดงปาฐกถาธรรม การประพฤติตนให้เป็น
(แนวตอบ เชน ศึกษาพระธรรมคําสอน ทําวัตร แบบอย่าง เป็นต้น เราชาวพุทธควรท�าความเข้าใจกับบทบาทของพระภิกษุตามสมควร ดังนี้
เชา-เย็น แสดงธรรม เปนผูนําในการประกอบ ๑) การแสดงธรรม ปาฐกถาธรรม การแสดงธรรมนั้นเรียกเต็มๆ ว่า การแสดง
ศาสนพิธี เปนแบบอยางที่ดี เปนตน) พระธรรมเทศนา หรือเรียกย่อๆ ว่า “เทศน์” มีทั้งเทศน์เดี่ยว (เทศน์รูปเดียว) และเทศน์ปุจฉา
วิสัชนา (เทศน์ถาม‑ตอบ) ตั้งแต่ ๒ รูปขึ้นไป การแสดงพระธรรมเทศนานี้เป็นรูปแบบที่ท�ากันมา
สํารวจคนหา Explore แต่โบราณ มีระเบียบวิธีปฏิบัติเป็นแบบอย่างโดยเฉพาะ คือ มีการอาราธนาศีล1 อาราธนาธรรม2
และผู้ฟังนั่งอย่างสงบเรียบร้อย ประนมมือ ตั้งใจฟัง ท่านผู้รู้กล่าวว่าการฟังเทศน์แบบนี้เป็น
ครูใหนักเรียนสืบคนขอมูลเกี่ยวกับบทบาทของ การรักษาศีล ฝึกสมาธิ และอบรมปัญญาไปในตัว ส่วนการแสดงปาฐกถาธรรม คือ การแสดงธรรม
พระสงฆในการเผยแผพระพุทธศาสนา ไดแก การ โดยใช้ภาษาธรรมดาที่สื่อความหมายได้ง่าย ตัดรูปแบบและพิธีกรรมอย่างที่ใช้ในการเทศน์ออก
แสดงธรรม การปาฐกถาธรรม และการประพฤติตน หมดสิ้น
ใหเปนแบบอยาง จากแหลงการเรียนรูตางๆ เชน ทั้งนี้ในการแสดงธรรม และแสดงปาฐกถาธรรม พระภิกษุมีหน้าที่ที่จะสร้างความรู้
หองสมุด อินเทอรเน็ต ฟงพระธรรมเทศนาที่วัด ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา แม้ว่าในบางครั้งบางคนอาจไม่เลื่อมใสศรัทธาใน
เปนตน เพื่อนํามาอภิปรายและแลกเปลี่ยนความรู พระพุทธศาสนา มิใช่เพราะพระพุทธศาสนา
ในชั้นเรียน สอนไม่ดี แต่เป็นเพราะไม่เข้าใจหรือเข้าใจผิด
จึงเหมาเอาว่าพระพุทธศาสนานั้นไม่ดี ไม่น่า
อธิบายความรู Explain เลื่อมใสศรัทธา ยกตัวอย่างเช่น กล่าวหาว่า
พระพุ ท ธศาสนาสอนหลั ก ธรรมที่ ขั ด กั บ การ
1. ครูใหนักเรียนจัดนิทรรศการประวัติและผลงาน พัฒนาคนและสังคม เพราะพระพุทธศาสนาสอน
ของพระภิกษุที่มีเกียรติคุณและเปนแบบอยาง ให้ก�าจัดตัณหา (ความอยาก) โดยเขาให้เหตุผล
ทีด่ ใี นการเผยแผพระพุทธศาสนา เชน พุทธทาส ว่าการจะพัฒนาอะไรได้นั้น ต้องเร้าให้คนเกิด
ภิกขุ หลวงตามหาบัว พระไพศาล วิสาโล ความอยาก เกิดความต้องการ เมื่อต้องการ
พระเมธีวชิโรดม (ว.วชิรเมธี) พระมหาสมปอง มากๆ ก็จะกระท�าหรือพัฒนาตนมากขึ้นเอง
เปนตน ดังนั้น การที่พระพุทธศาสนาสอนให้มนุษย์
2. ครูใหนกั เรียนไปฟงพระธรรมเทศนาทีว่ ดั ใกลบา น พระภิกษุสงฆ์เป็นผูม้ บี ทบาทอย่างสำาคัญในการแสดงธรรม ละความอยากก็เท่ากับสอนให้คนงอมืองอเท้า
นักเรียน โดยใหนักเรียนระบุวาเปนการเทศน แก่พุทธศาสนิกชน
ไม่สร้างสรรค์นั่นเอง
แบบใด เปนการแสดงธรรมหรือปาฐกถาธรรม
และมีเนื้อหาสาระของหลักธรรมอยางไรบาง 104
บันทึกลงในสมุด

ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู
การแสดงธรรมและปาฐกถาธรรม มีความแตกตางกันอยางไร
ครูกลาวเสริมนักเรียนวา ในการเผยแผศาสนาใหใชคําวา “เผยแผ” ไมใชคําวา
“เผยแพร” และครูตงั้ คําถามนักเรียนวา การเผยแผหลักธรรมคําสอนซึง่ เปนภารกิจหลัก แนวตอบ การแสดงธรรม คือ การกลาวถายทอดพระธรรมคําสอนของ
ของพระสงฆนั้น มีวัตถุประสงคเพื่ออะไร ใหนักเรียนชวยกันตอบคําถามในชั้นเรียน พระพุทธเจา หรือการเทศนาธรรมแกพุทธบริษัททั้งหลาย เพื่อเปนการรักษา
ศีล ฝกสมาธิ และอบรมปญญา สวนปาฐกถาธรรมเปนการบรรยายธรรม
ที่ไมตองมีพิธีการเหมือนการแสดงธรรม เพียงแตจัดสถานที่ใหเหมาะสม
นักเรียนควรรู เพื่อใหพระภิกษุกลาวปาฐกถาธรรมดวยภาษาธรรมดา ตัดรูปแบบการเทศน
ออกไป ที่สําคัญ คือ การแสดงปาฐกถาธรรมสามารถแสดงใหเหมาะสมกับ
1 อาราธนาศีล เปนการกลาวขอศีลแกพระภิกษุ เพื่อตั้งจิตรักษาศีลของตน เหตุการณได
ใหมีความบริสุทธิ์ งดเวนจากการกระทําชั่วทั้งปวง โดยกอนการทําศาสนพิธีตางๆ
พระสงฆจะกลาวคําอาราธนาศีล เพื่อใหชาวพุทธรับศีล 5 การอาราธนาศีล
จึงเหมือนการสัญญาหรือตั้งใจวาจะรักษาศีล 5 ในวันนั้น
2 อาราธนาธรรม เปนการกลาวขอใหพระภิกษุแสดงธรรมใหฟง โดยกระทํา
หลังจากอาราธนาศีลและสมาทานศีลหรือการรับศีลมาเปนหลักปฏิบตั เิ รียบรอยแลว

104 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนกั เรียนชวยกันยกตัวอยางวา ความอยาก
พระสงฆ์ผู้ที่มีหน้าที่หลัก1ในการเผยแผ่ธรรมะจะต้องสามารถชี้แจงให้เกิดความเข้าใจ หรือตัณหาที่พระพุทธเจาตรัสสอนใหพยายาม
ให้ได้วา่ ความอยากที่เรียกว่า “ตัณหา” นั้น เป็นความโลภและทุจริต คนที่อยากด้วยอ�านาจความ ลดมากที่สุดมีอะไรบาง และธรรมฉันทะหรือ
โลภและทุจริตย่อมจะกระท�าการใดๆ เพือ่ ตนเองและสร้างความเดือดร้อนให้แก่สงั คมเป็นอย่างมาก ความอยากในทางสรางสรรคมีอะไรบาง
ถ้ายิ่งเร้าให้คนเกิดความอยากชนิดนี้มากเท่าใด สังคมก็จะเต็มไปด้วยคนโลภ คนทุจริต คนที่ ใหนกั เรียนยกตัวอยาง 10 ขอ
เอารัดเอาเปรียบจนหาความสงบสุขได้ยากเท่านั้น ความอยาก (ตัณหา) อย่างนี้ พระพุทธเจ้าตรัส 2. ครูและนักเรียนอภิปรายถึงหลักในการเผยแผ
สอนให้พยายามลดละให้มากสุดเท่าทีจ่ ะท�าได้ แต่ความอยากในทางสร้างสรรค์ เช่น อยากท�าความดี พระธรรม และตั้งคําถามวา
อยากช่วยเหลื • นักเรียนคิดวาพระสงฆที่มีการประพฤติตน
2 อคนอื่น อยากเรียนหนังสือให้มีความรู้มากๆ เพื่อจะออกไปรับใช้ชาติ ท่านเรียกว่า เปนแบบอยางที่ดี ควรมีลักษณะอยางไร
“ธรรมฉันทะ” คนที่มีความอยากชนิดนี้เป็นคนไม่โลภ ไม่ทุจริต จะตั้งหน้าตั้งตาท�างานด้วย
ความขยันหมั่นเพียร ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ความอยากชนิดนี้เท่านั้นที่สนับสนุนส่งเสริมให้เกิด และนักเรียนจะนําการประพฤติเหลานั้น
การพัฒนาอย่างแท้จริง สรุปให้เข้าใจได้ง่ายๆ ก็คือ “พระพุทธศาสนาสอนให้ก�าจัดความอยาก ไปประยุกตใชอยางไร
ที่เรียกว่า ตัณหา แต่ให้พัฒนาความอยากที่เรียกว่า ธรรมฉันทะ” 3. ในปจจุบันไดมีการเสนอขาวเกี่ยวกับการทุจริต
๒) การประพฤติตนให้เป็นแบบอย่าง วิธีท่ีดีท่ีสุดวิธีหนึ่งในการเผยแผ่พระพุทธ คอรรัปชัน การเบียดบังหาประโยชนใสตน
ศาสนา คือ การประพฤติตนให้เป็นแบบอย่าง ผูท้ จ่ี ะเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้นน้ั ก่อนอืน่ ตัวเอง มากขึ้น นักเรียนคิดวาพระสงฆมีบทบาท
จะต้องเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี คือ รู้และเข้าใจหลักธรรมถูกต้องและปฏิบัติตามหลักธรรมนั้นด้วย สําคัญอยางไรที่จะชวยทําใหปญหาเหลานี้ลด
เหมือนครูสอนดนตรีต้องรู้และเข้าใจทฤษฎีดนตรี และต้องเล่นดนตรีให้ดีด้วย ถ้ารู้แต่ทฤษฎีแต่ นอยลง ใหบันทึกคําตอบลงในสมุด
ตัวเองเล่นดนตรีไม่เป็น จะสอนให้คนอืน่ เล่นได้อย่างไร คนทีส่ บู บุหรีม่ วนต่อมวนจะสอนให้คนเลิก
สูบบุหรี่ได้อย่างไร การที่พระพุทธศาสนาสอนให้คนลดและละความโลภ ความโกรธ ความหลง
ขยายความเขาใจ Expand
ให้หมดไปหรือเหลือน้อยทีส่ ดุ เท่าทีจ่ ะท�าได้นน้ั หากพระภิกษุเองเต็มไปด้วยความโลภ ความโกรธ ครูใหนักเรียนศึกษาและบันทึกขอมูลจาก
ความหลงแล้วจะสอนคนอืน่ ให้ลดละได้อย่างไร หากพระสงฆ์มคี วามเป็นอยูอ่ ย่างฟุม่ เฟือย หรูหรา การสนทนาธรรมกับพระภิกษุเกี่ยวกับการเผยแผ
จะสอนให้ชาวบ้านมีความเป็นอยูอ่ ย่างเรียบง่ายได้อย่างไร พระพุทธศาสนาและการปฏิบตั ติ นในชีวติ ประจําวัน
ของพระภิกษุ ลงในกระดาษ A4 แลวนําสงครูผสู อน
เรื่องน่ารู้
ตรวจสอบผล Evaluate
อุปปถกิริยา
อุปปถกิริยา3คือ การกระทำานอกรีตนอกรอยของพระภิกษุสามเณร ๓ ประการ ดังนี้ ตรวจสอบจากบันทึกขอมูลการสนทนาธรรม
1. อนาจาร คื
. อนาจาร อ การประพฤติที่ไม่ดี ไม่งาม ไม่เหมาะสม แก่ภาวะของความเป็นบรรพชิต ซึ่งมี ๓ อย่าง คือ กับพระภิกษุเกี่ยวกับการเผยแผพระพุทธศาสนา
การเล่นเหมือนเด็ก การร้อยดอกไม้ การเรียนดิรัจฉานวิชา เช่น การทำานายฝัน การทายหวย การทำาเสน่ห์ ดูลายมือ
เป็นต้น และการปฏิบัติตนในชีวิตประจําวัน
2. บาปสมาจาร คือ ความประพฤติเหลวไหล เลวทราม เช่น ชอบประจบคฤหัสถ์ดว้ ยอาการอันไม่เหมาะสม
3. อเนสนา4 คือ การหาเลี้ยงชีพในทางที่ไม่เหมาะสมกับความเป็นภิกษุ ผิดสมณวิสัย เช่น การหลอกลวงว่า
ตนเองเป็นพระอริยะ เป็นพระโสดาบัน เป็นพระอรหันต์ เป็นต้น เพื่อหวังลาภสักการะ

105

กิจกรรมทาทาย
นักเรียนควรรู
ครูใหนักเรียนจับสลากเลือกหัวขอหลักธรรมในพระพุทธศาสนา เชน 1 ตัณหา แบงออกเปน 3 ประเภท ไดแก กามตัณหา คือ ความอยากหรือยินดี
อธิปไตย 3 อริยสัจ 4 พรหมวิหาร 4 สังคหวัตถุ 4 สาราณียธรรม 6 ในกามคุณ 5 อยาง คือ รูป รส กลิ่น เสียง โผฏฐัพพะ (สิ่งที่กายสัมผัส) ภวตัณหา
อบายมุข 6 โพชฌงค 7 อริยทรัพย 7 โลกธรรม 8 เปนตน แลวใหออกมา คือ ความอยากทางจิตใจ เมื่อไดสิ่งนั้นมาแลว ไมตองการใหมันเปลี่ยนแปลง
อธิบายพอสังเขป โดยใชหลักการการเผยแผพระพุทธศาสนาที่ถูกตองและ วิภวตัณหา คือ ความไมอยากทางจิต ความอยากดับสูญ ดวยเหตุนี้ ชาวพุทธจึงควร
เหมาะสม เจริญมรรค 8 หรือหนทางแหงความดับทุกขตามหลักอริยสัจ 4 เพื่อละตัณหา
3 ประเภทนี้
2 ธรรมฉันทะ คือ ความอยากในทางสรางสรรคตามวิถีชาวพุทธ
3 อนาจาร คําวา “อนาจาร” ในที่นี้จะแตกตางจากความหมายทางโลก ซึ่งแปล
วา พฤติกรรมหรือกิรยิ าอาการทีแ่ สดงถึงความนารังเกียจและนาอับอายของบุคคลใด
บุคคลหนึ่ง แตคําวา “อนาจาร” ของพระภิกษุ คือ การประพฤติไมดีและไมควร
4 อริยะ หมายถึง เจริญ ประเสริฐ บุคคลผูบรรลุธรรมวิเศษ

คูมือครู 105
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูถามนักเรียนวา
• นักเรียนเคยมีบทบาทในการเผยแผพระธรรม พระภิกษุมีหน้าที่ที่จะท�าให้ช1าวบ้านเห็นว่า การมีชีวิตตามที่พระพุทธองค์ทรงสอนนั้น
คําสอนหรือไม และนักเรียนเคยแสดงตนหรือ เป็นไปได้ หลักค�าสอนนั้นเป็นนามธรรม2การปฏิบัตินั้นเห็นได้เป็นรูปธรรม พระภิกษุนั้นอย่างน้อย
เขารวมพิธีกรรมที่แสดงใหเห็นวาตนเองเปน ต้องมีชีวิตเรียบง่าย พึ่งเพี3ยงปัจจัย ๔ เลี้ยงชีพ ไม่สะสมทรัพย์สินเงินทอง ไม่ยึดติดในลาภ
ชาวพุทธที่แทจริงหรือไม อยางไรบาง สักการะ มีเมตตา ไม่พยาบาท ไม่คิดร้ายต่อผู้อื่น เป็นต้น
พระภิกษุทปี่ ฏิบตั ดิ ี และปฏิบตั ชิ อบ
สํารวจคนหา Explore อาจเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้ดโี ดยไม่ตอ้ งสอน
1. ครูใหนักเรียนคนหาขอมูลเกี่ยวกับวิธีการมี หลักธรรมด้วยวาจาเลยก็ได้
สวนรวมในการเผยแผพระพุทธศาสนา และ 1.2 การฝกบทบาทของตน
การเขารวมกิจกรรมหรือพิธีกรรมตางๆ ในการช่วยเผยแผ่
ทางพระพุทธศาสนา จากแหลงการเรียนรูตางๆ พระพุทธศาสนา
เชน หองสมุด อินเทอรเน็ต เปนตน พระสงฆ์มีบทบาทหน้าที่โดยตรงในการ
2. ครูใหนักเรียนศึกษาและดูภาพประกอบจาก เผยแผ่พระพุทธศาสนา ส่วนชาวบ้านทัว่ ไปหรือ
หนังสือเรียนหนา 106-114 แม้แต่ตวั นักเรียนเองก็มภี ารกิจทางโลกทีต่ อ้ งท�า
อาจไม่มีเวลาหรือความรู้มากพอที่จะเผยแผ่
อธิบายความรู Explain หน้าทีส่ าำ คัญประการหนึง่ ของพระสงฆ์ คือ การประพฤติตน แต่หากมีโอกาสเหมาะสมในการประพฤติปฏิบตั ิ
เป็นแบบอย่างที่ดีแก่พุทธศาสนิกชน
ก็ควรท�าหน้าที่นี้เท่าที่สามารถจะท�าได้ ดังนี้
1. ครูใหนักเรียนสํารวจตัวเองวา นักเรียนสามารถ
ชวยในการเผยแผพระพุทธศาสนาได
๑) การบรรยายธรรม เมื่อได้ยินค�าว่าบรรยาย คนทั่วไปอาจนึกถึงห้องใหญ่ๆ
บรรจุคนได้เป็นร้อยหรือพัน แล้วก็มีคนที่อยู่บนเวทีบรรยาย แต่จริงๆ แล้ว การบรรยายอาจมี
อยางไรบาง และนําประเด็นคําถามนี้มา
คนฟังไม่ถึงสิบคนก็ได้ ห้องก็อาจไม่ใหญ่โต อาจไม่มีเวที มีแต่เพียงโต๊ะและเก้าอี้ธรรมดา และ
อภิปรายในชั้นเรียน
การบรรยายก็เป็นแค่เพียงการฝึกบรรยายเท่านั้น เพราะนักเรียนยังขาดความรู้และประสบการณ์
2. ครูใหนักเรียนศึกษาการใหทานประเภทตางๆ
คงไปบรรยายเต็มรูปแบบไม่ได้ หลักธรรมของพระพุทธศาสนาบางเรือ่ งก็ลกึ ซึง้ เข้าใจยาก มีแง่มมุ
และวิเคราะหคาํ กลาวทีว่ า “การใหธรรมเปนทาน
ในการมองหลายด้าน ผู้ที่มีความรู้ไม่พออาจอธิบายผิดและท�าให้คนอื่นเข้าใจผิดได้
ชนะการใหทั้งปวง” นักเรียนเห็นดวยกับ
ในการบรรยายเพื่อเผยแผ่พระศาสนานั้น มีข้อควรค�านึง ดังนี้
คํากลาวนีห้ รือไม เพราะเหตุใด
๑. อย่าดูหมิ่นศาสนาอื่น ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม ศาสนานั้นเป็นที่สักการบูชา
3. ครูนําสนทนาเรื่องการบรรยายธรรม และตั้ง
ของศาสนิกชนในศาสนานั้นๆ เราควรให้เกียรติและเคารพซึ่งกันและกัน
คําถามวา
๒. ต้องดูกาลเทศะทีเ่ หมาะสม ไม่บรรยายหรืออธิบายพร�า่ เพรือ่ ไปในงานพิธกี รรม
• การบรรยายธรรมที่ถูกตองควรคํานึงถึง
ของศาสนาอื่น ไม่ควรพูดถึงแต่ศาสนาของตน เป็นต้น
เรื่องใดบาง เพราะเหตุใด
๓. ในการบรรยาย เมื่อเปรียบเทียบกับศาสนาอื่น ควรแยกให้ออกว่าอะไรเป็น
(แนวตอบ อยาดูหมิน่ และเปรียบเทียบกับศาสนา
ข้อเท็จจริง อะไรเป็นความเห็น ผู้ที่รู้น้อยควรหลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบ
อืน่ เพราะศาสนานัน้ เปนทีเ่ คารพบูชาของกลุม คน
ทีน่ บั ถือศาสนานัน้ จึงควรใหเกียรติซงึ่ กันและกัน
รวมถึงดูกาลเทศะที่เหมาะสม ไมพูดบรรยาย 106
พรํ่าเพรื่อ ถูกสถานที่ และถูกเวลา)

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว  NT  O-NE T
ขอใดกลาวถึงหลักปฏิบัติในการบรรยายธรรมไม ถูกตอง
1 นามธรรม หมายถึง สิ่งที่ไมมีรูป เพราะรูไมไดทางตา หู จมูก ลิ้น กาย
1. พาดพิงศาสนาอื่นเทาที่จําเปน
แตรูไดเฉพาะทางใจเทานั้น มักใชคูกับรูปธรรม
2. มุงประโยชนของผูฟงเปนที่ตั้ง
2 ปจจัย 4 ของพระภิกษุเรียกวา “จตุปจจัย” เหมือนกับปจจัย 4 ของฆราวาส 3. บรรยายไปตามลําดับความยากงาย
ไดแก จีวร (เครื่องนุงหม) บิณฑบาต (อาหาร) เสนาสนะ (ที่อยูอาศัย) และคิลาน 4. ขยายความดวยเหตุผลและยกตัวอยางประกอบ
เภสัช (ยารักษาโรค)
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เพราะหลักปฏิบัติในการบรรยายธรรม คือ
3 ไมพยาบาท หรืออพยาบาท คือ ความไมพยาบาทปองรายเขา การแผเมตตา ไมควรดูหมิ่น ไมวาทางตรงหรือทางออม หรือกลาวเปรียบเทียบกับศาสนาอื่น
ใหผูอื่นมีความสุข เพราะเปนการไมใหเกียรติและไมคํานึงถึงศาสนสัมพันธกับบุคคลตางศาสนา
ซึ่งเราควรเขาใจหลักศาสนาอื่นๆ เพื่อการอยูรวมกันอยางสงบสุข

106 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนชวยกันตอบคําถามวา นักเรียน
1 เคยเห็นการจัดนิทรรศการเผยแผพระพุทธ-
๒) การจั ด นิ ท รรศการ การเผยแผ่ พ ระพุ ท ธศาสนาที่ นั ก เรี ย นหรื อ คนทั่ ว ไป
อาจท�าได้อีกวิธีหนึ่ง คือ การจัดนิทรรศการ การเผยแพร่ความรู้โดยการแสดงธรรม การแสดง ศาสนาที่ใดบาง และชวงเวลาใด
ปาฐกถาธรรม หรือการบรรยายธรรมนั้นใช้ค�าพูดหรือเสียงเป็นสื่อ ซึ่งก็เป็นวิธีธรรมชาติที่ดี (แนวตอบ วัด สนามหลวง โรงเรียน พิพิธภัณฑ
วิธีหนึ่ง แต่ถ้าใช้อวัยวะอื่นรับรู้ด้วยก็จะดียิ่งขึ้น การรับรู้ด้วยหูเพียงอย่างเดียวอาจจ�าได้ไม่นาน ในชวงวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา)
แต่ถ้าเห็นด้วยตาด้วย คนเราก็จะเข้าใจชัดขึ้นและจ�าได้ดีขึ้น การจัดนิทรรศการมีการใช้รูปภาพ 2. ครูตั้งคําถามใหนักเรียนชวยกันตอบวา
ประกอบเป็นสื่อที่เพิ่มเข้ามาอีกอย่างหนึ่ง น่าจะเพิ่มประสิทธิภาพในการเผยแผ่ศาสนาได้มากขึ้น • การจัดนิทรรศการเผยแผพระพุทธศาสนา
สิ่งที่น�ามาแสดงในการจัดนิทรรศการเพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนาอาจมีทั้งหนังสือ ที่ดีและดึงดูดความสนใจ ควรจัดอยางไร
บทความ ภาพถ่าย โปสเตอร์ ในงานนิทรรศการอาจมีบริการถามตอบในเรื่องของพระพุทธศาสนา (แนวตอบ เชน ใชรูปภาพเปนสื่อประกอบ
ด้วยก็ได้ ปัจจุบนั คนทัว่ ไปต้องใช้เวลาในการท�ามาหากินมาก ไม่มเี วลาอ่านหนังสือหรือเดินทางไป บริการถามตอบในเรือ่ งพระพุทธศาสนา แจก
ฟังธรรม การจัดนิทรรศการจะช่วยให้คนเหล่านี้ใช้เวลาน้อยแต่ได้รบั รูเ้ นือ้ หามาก อนึง่ นิทรรศการ แผนพับ หนังสือ ของที่ระลึก ฉายวีดิทัศน
สามารถดึงดูดคนได้มากกว่าการบรรยายหรือการแสดงปาฐกถา หรือถ้ามีการจัดนิทรรศการประกอบ ทํากิจกรรมตอบคําถาม เปนตน)
กับการบรรยาย หรือการแสดงปาฐกถาก็ยิ่งดี 3. ครูใหนักเรียนเขารวมนิทรรศการหรือฟงการ
การจัดนิทรรศการมีส่วนดีหลายอย่าง แต่ก็มีจุดอ่อน การที่จะให้คนเข้าใจหลักธรรม บรรยายธรรมเนื่องในวันสําคัญทางพระพุทธ-
ทีค่ อ่ นข้างยากและลึกซึง้ โดยการจัดนิทรรศการนัน้ เป็นไปได้ยาก เพราะเรือ่ งเหล่านีต้ อ้ งใช้ความคิด ศาสนา และบันทึกความรูพอสังเขป
ต้องอ่าน ฟัง หรือสนทนากันอย่างเป็นกิจจะลักษณะ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่ใช้ความคิดมากนัก หรือ 4. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 5.1 จากแบบวัดฯ
เป็นเรื่องรูปธรรม เช่น พุทธประวัติ เหตุการณ์ส�าคัญในพระพุทธศาสนา การจัดนิทรรศการจะได้ พระพุทธศาสนา ม.2
ผลมากกว่า นอกจากนั้น การจัดนิทรรศการอาจช่วยให้ผู้ที่รู้จักพระพุทธศาสนาน้อยมากหรือ ✓ แบบวัดฯ
ใบงาน แบบฝกฯ
ไม่รู้เลยมาสนใจและอยากรู้จักพระพุทธศาสนา เกิดความสนใจในพระพุทธศาสนามากขึ้นได้ พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 5.1
หนวยที่ 5 หนาที่ชาวพุทธและมารยาทชาวพุทธ
กิจกรรมตามตัวชี้วัด
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
กิจกรรมที่ ๕.๑ ให นั ก เรี ย นศึ ก ษาหน า ที่ ช าวพุ ท ธแล ว วงกลมหน า คํ า ñð
หรือขอความที่ไมมคี วามสัมพันธกบั ขอความดานซายมือ
(ส ๑.๒ ม.๒/๑)
๑. หนาที่สําคัญ ก. ศึกษาคําสอน ข. แสดงธรรม- ค. แสดงปาฏิหาริย ง. ประพฤติตน
ของพระภิกษุ ของพระพุทธเจา เทศนา เปนแบบอยาง
๒. แสดงธรรม ก. อาราธนาศีล ข. อาราธนาธรรม ค. อาราธนา ง. เทศนปุจฉา-
พระรัตนตรัย วิสัชนา
๓. ปาฐกถาธรรม ก. เทศนเดี่ยว ข. เผยแผหลักธรรม ค. ใชภาษาธรรมดา ง. ไมสอน
ใหกวางขวางใน ที่สื่อความหมาย นอกเหนือ
หมูชน ไดงาย คําสอนของ
พระพุทธเจา
๔. เผยแผ ก. เปนหนาที่ ข. รูและเขาใจ ค. ปฏิบัติตาม ง. ตองจําหลัก
พระพุทธศาสนา พุทธศาสนิกชนทีด่ ี หลักธรรม หลักธรรม คําสอนไดอยาง
ถูกตอง คําสอนได แมนยําที่สุด
๕. บรรยายธรรม ก. ตองมีคนฟง ข. ไมดูหมิ่น ค. ไมบรรยายธรรม ง. หลีกเลี่ยง
อยางนอย ๑๐ คน ศาสนาอื่น พรํ่าเพรื่อไปในงาน การเปรียบเทียบ
ขึ้นไป ไมวาโดยตรง พิธกี รรมของศาสนา กับศาสนาอื่น ฉบับ
หรือออม อื่น เฉลย
๖. จัดนิทรรศการ ก. การเผยแผความรู ข. มีบริการถาม ค. ใชรูปภาพและหุน ง. คนคิดการ
โดยการแสดงธรรม ตอบในเรื่องของ ประกอบแทนคําพูด เผยแผศาสนาที่
พระพุทธศาสนา แปลกใหมไมซาํ้
แบบใคร
๗. ทิศ ๖ ก. พอ แม ข. สามี ภรรยา ลูก ค. เหนือ ใต ตะวันออก ง. ลูกจาง นายจาง
ครูอาจารย ตะวันตก อีสาน เพือ่ นรวมทุกข
กลาง รวมสุข
การจัดนิทรรศการทางพระพุทธศาสนา โดยใช้รปู ภาพและหุน่ จำาลองประกอบ จะช่วยดึงดูดความสนใจ และสร้างความเข้าใจ ๘. หลักเกณฑการ ก. มีความภาคภูมิใจ ข. ถูกตองตาม ค. ประหยัดและคํานึง ง. มีความเหมาะสม
เขารวมพิธีกรรม หลักทาง ถึงประโยชน กับธรรมเนียม
ให้แก่ผู้เยี่ยมชมมากยิ่งขึ้น ทางพุทธศาสนา พระพุทธศาสนา ประเพณี
๙. แสดงตนเปน ก. ประกาศตนวาเปน ข. เกิดขึ้นในสมัย ค. อุบาสกผูป ฏิญานตน ง. อุบาสิกาที่เปน
พุทธมามกะ ผูยอมรับนับถือ พุทธกาลในวินัย เปนพุทธมามกะ พุทธมามกะ
พระพุทธเจา ปฎกมหาวรรค คนแรกคือ พระยสะ คูแ รก คือ มารดา
107 เลม ๔ และภรรยาเกา
ของพระยสะ
๑๐. หนาที่ของ ก. ศึกษาความรู ข. ปฏิบัติตามหลัก- ค. ชักชวนใหบุคคล ง. ปกปอง
ชาวพุทธ เกีย่ วกับหลักธรรม ธรรมและประเพณี ที่อยูใกลเคียงใหมา พระพุทธศานา
คําสอนของ พิธีกรรมทาง สนใจนับถือ ไมใหเสื่อมหรือ
พระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนา ถูกทําลาย
๔๓

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T เกร็ดแนะครู
ในฐานะที่นักเรียนเปนคนไทยสามารถมีสวนชวยสืบทอดพระพุทธศาสนาได
ครูควรจัดกิจกรรมโดยพานักเรียนไปดูนิทรรศการหรือฟงการบรรยายธรรม
อยางไร
เนื่องในวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา เชน วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา
1. บวชเณรหรือบวชชีพราหมณ
วันอาสาฬหบูชา วันเขาพรรษา วันออกพรรษา เปนตน
2. เปนอาสาสมัครออกเผยแผพระพุทธศาสนา
3. พิมพเผยแผตําราทางพระพุทธศาสนาใหหลากหลายภาษา
4. ศึกษาคําสอนทางพระพุทธศาสนาใหถองแทและนําไปปฏิบัติเพื่อเปน
แบบอยางแกผูอื่น
นักเรียนควรรู
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. ศึกษาคําสอนของพระพุทธเจาเพื่อนําไปเปน 1 นิทรรศการ (Exhibition) คือ การจัดกิจกรรมตางๆ เพื่อนําเสนอขอมูล
แบบอยางแกผูอื่น หรือเผยแผเปนธรรมทาน โดยสอนใหผูอื่นปฏิบัติตาม วีดิทัศน ภาพ และเสียง โดยมีกําหนดการ หลักการและเหตุผล วัตถุประสงค
คําสอนของพระพุทธเจา ซึ่งเปนวิธีหนึ่งที่จะชวยสืบทอดพระพุทธศาสนา และหนวยงานที่รับผิดชอบแนนอน เพื่อสรางความเขาใจแกผูที่สนใจ
ใหคนทั่วไปตระหนักและเขาใจพระธรรมคําสอนมากยิ่งขึ้น การจัดนิทรรศการทางพระพุทธศาสนาเปนการนําเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับ
พุทธประวัติ หลักธรรมคําสอน วันสําคัญตางๆ การปฏิบัติตนของชาวพุทธ เปนตน

คูมือครู 107
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนศึกษาและชวยกันสรุปหลักธรรม
ทิศ 6 ในรูปแบบของผังความคิด โดยสุม 1.3 การเป็นลูกที่ดีตามหลักทิศ 6 (ทิศเบื้องหน้า)
ตัวแทนนักเรียนออกมาเขียนบนกระดาน ค�าว่า “ทิศ” ในทางพระพุทธศาสนา เป็นนัยเปรียบเทียบถึงบุคคลประเภทต่างๆ ที่สัมพันธ์
หนาชั้น เกี่ยวข้องในสังคม มิได้หมายถึง ทิศทางด้านภูมิศาสตร์
2. ครูทบทวนความรูเกี่ยวกับทิศ 6 วาในชั้น ม.1 1
“ทิศ ๖” ถือเป็นหลักธรรมที่จะก่อให้เกิด
นักเรียนเคยเรียนหลักธรรมทิศ 6 เกี่ยวกับ ความสมานฉันท์ และการเกือ้ กูลกันระหว่างบุคคล
การปฏิบัติตนอยางเหมาะสมตอเพื่อนตามหลัก ต่างๆ เพือ่ จะได้เป็นบุตรธิดาและเป็นบิดามารดา
พระพุทธศาสนา จากนั้นครูตั้งคําถามเกี่ยวกับ ที่ดี เป็นศิษย์และเป็นครูอาจารย์ที่ดี เป็นมิตร
ทิศเบื้องหนา ไดแก บิดามารดา วา สหายที่ดี เป็นสามีและภรรยาที่ดี เป็นนายจ้าง
• ทิศเบื้องหนามีความสําคัญกับชีวิตของ และลูกจ้างที่ดี และเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี
นักเรียนอยางไร ในที่ นี้ จ ะกล่ า วถึ ง เฉพาะทิ ศ เบื้ อ งหน้ า
(แนวตอบ ทิศเบื้องหนา ไดแก บิดามารดา ซึ่งมีสาระส�าคัญ ดังนี้
คือ ผูใหกําเนิดชีวิต ผูอบรมสั่งสอน ผูให ทิศเบื้องหน้า (ปุรัตถิมทิศหรือทิศตะวัน
คําปรึกษา ใหการศึกษา เลี้ยงดูบุตร และมอบ ออก) ได้แก่ บิดามารดา ซึ่งถือว่าท่านทั้งสอง
ทรัพยสมบัติเมื่อถึงเวลาอันควร เพราะฉะนั้น เป็นผู้ที่มีอุปการคุณแก่เราอย่างสูงที่สุด ท่าน
บิดามารดาจึงเปนที่พึ่งสูงสุด) เป็นบุรพเทพ คือ เป็นเทวดาองค์แรกของลูก
• ตามหลักทิศ 6 นักเรียนสมควรปฏิบัติตนตอ และเป็นบุรพาจารย์ คือ เป็นอาจารย์คนแรก
บิดามารดาอยางไร บิดามารดาพึงหาคู่ครองที่เหมาะสมให้แก่บุตร ของลูก
(แนวตอบ กตัญูกตเวที เชื่อฟงทาน เลี้ยงดู
ทานตอบ ชวยทําธุระ ประพฤติตนให ตารางแสดงการปฏิบัติตนเพื่อเป็นลูกที่ดีตามหลักทิศ ๖
เหมาะสม ทําใหบิดามารดาภูมิใจ) บิดามารดาปฏิบัติต่อบุตรธิดา บุตรธิดาปฏิบัติต่อบิดามารดา
3. ครูยกคํากลอนที่วา “เมื่อแกเฒาหมายเจาชวย บิดามารดาย่อมจะอนุเคราะห์และสงเคราะห์บตุ รธิดา บุตรธิดาก็สมควรปฏิบัติตนต่อบิดามารดาด้วยสถาน
รับใช เมื่อเจ็บไขหมายเจาเฝารักษา เมื่อยาม ด้วยสถาน ๕ ดังนี้ ๕ ดังนี้
ถึงวันตายวายชีวา หวังลูกชวยปดตาเมื่อสิ้นใจ” ๑. ห้ามปรามมิให้ท�าชั่ว ๑. ท่านเลี้ยงดูเราแล้ว เราต้องเลี้ยงดู
ใหนักเรียนบรรยายความรูสึกของตนเองตาม ๒. อบรมให้ตั้งอยู่ในความดี ท่านตอบ
ความหมายของบทกลอนนี้ ๓. ให้การศึกษาเล่าเรียน ๒. ช่วยท�าธุระของท่าน
4. ครูใหนกั เรียนวิเคราะหคาํ กลาวทีว่ า “บิดามารดา ๔. หาคู่ครองที่เหมาะสมให้ ๓. ด�ารงวงศ์สกุล
๕. มอบทรัพย์สมบัติให้เมื่อถึงโอกาสอันควร ๔. ประพฤติตนให้เหมาะสมกับความเป็น
พึงหาคูครองที่เหมาะสมใหแกบุตร” นักเรียน ทายาท
เห็นดวยกับคํากลาวนี้หรือไม เพราะเหตุใด ๕. เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ท�าบุญอุทิศ
ส่วนกุศลให้ท่าน

108

กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
1 ทิศ 6 หมายถึง บุคคลตางๆ ที่มีความเกี่ยวของสัมพันธกันและมีหนาที่ที่พึง ครูมอบหมายใหนักเรียนสํารวจตนเอง วาเคยทําใหบิดามารดาเสียใจ
ปฏิบัติตอกัน ดังนี้ หรือโกรธเรื่องใด แลวเขียนลงกระดาษ A4 พรอมทั้งบอกถึงวิธีการแกไข
• ทิศเบื้องหนา ไดแก บิดามารดา หมายถึง หนาที่ของบิดามารดาและบุตร ปรับปรุงพฤติกรรมนั้นๆ ดวย สงครูผูสอน
ที่พึงปฏิบัติตอกัน
• ทิศเบื้องหลัง ไดแก สามีภรรยา หมายถึง หนาที่ของสามีและภรรยา
ที่พึงปฏิบัติตอกัน
• ทิศเบื้องขวา ไดแก ครูอาจารย หมายถึง หนาที่ของครูอาจารยและ
กิจกรรมทาทาย
ลูกศิษยที่พึงปฏิบัติตอกัน
• ทิศเบื้องซาย ไดแก เพื่อน หมายถึง หนาที่ของเพื่อนที่พึงปฏิบัติตอกัน
ครูมอบหมายใหนักเรียนเขียนเรียงความ 1 หนากระดาษ หัวขอ
• ทิศเบื้องบน ไดแก พระสงฆ หมายถึง หนาที่ของพระสงฆและฆราวาส
“พระคุณของบิดามารดาและการปฏิบัติตนที่เหมาะสม” โดยใหนักเรียน
ที่พึงปฏิบัติตอกัน
เขียนบรรยายถึงบิดามารดาหรือบุคคลที่นักเรียนเคารพรักและการตอบแทน
• ทิศเบื้องลาง ไดแก ผูใตบังคับบัญชา หมายถึง หนาที่ของคนรับใชและ
พระคุณของทาน แลวนําสงครูผูสอน
ผูบังคับบัญชาที่พึงปฏิบัติตอกัน

108 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนทําแผนกระดานขาวคาย
1 คุณธรรม แลวใหนักเรียนแตละคนหรือผูที่มี
๑.๔ การเข้าค่ายคุณธรรม
สภาพสังคมในปัจจุบันเต็มไปด้วยปัญหาต่างๆ มากมาย ทั้งปัญหาแหล่งเสื่อมโทรม ปัญหา ประสบการณและเคยเขาคายคุณธรรมมาแลว
โสเภณี ปัญหาแรงงาน ปัญหาเยาวชน ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาสภาวะแวดล้อมเป็นพิษ ปัญหา เขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่ไดจาก
ความขัดแย้งทางสังคมและการเมือง ปัญหา การไปเขารวม แลวนําไปติดบนกระดานขาว
อาชญากรรม ปัญหายาเสพติด ซึ่งปัญหาต่างๆ 2. ครูใหนักเรียนเขารวมโครงการปฏิบัติธรรม
เหล่านี้ล้วนเกิดจากความเห็นแก่ตัว การเอารัด ระยะสั้น หรือเขาคายพุทธบุตรที่ทางโรงเรียน
เอาเปรียบ การขาดคุณธรรม ซึ่งส่งผลให้สังคม จัดขึ้น แลวทําบันทึกการเขารวมกิจกรรม
เสื่อมโทรม ไม่สงบสุข นําสงครูผูสอน
การแก้ปัญหาทางหนึ่ง ก็คือ การปลูกฝัง 3. ครูเกริ่นนําถึงการเขาคายคุณธรรม และตั้ง
คุณธรรม จริยธรรม ให้แก่เด็กหรือเยาวชนซึ่ง คําถามวา
เป็นวัยรุ่นที่ก�าลังสดใส ตื่นตัว เต็มไปด้วยพลัง • การเขาคายคุณธรรม มีประโยชนใน
ทางกาย พลังทางความคิด และพลังสติปัญญา การพัฒนาคุณธรรมของเยาวชนอยางไร
ถ้าเยาวชนเหล่านี้ได้รับการพัฒนาอย่างถูกวิธ ี (แนวตอบ การเขาคายคุณธรรม คือ การ
อย่างมีระบบแบบแผน เยาวชนก็จะเป็นก�าลัง ปลูกฝงคุณธรรมและจริยธรรมใหเยาวชน
ส�าคัญในการพัฒนาชาติ แต่ในขณะเดียวกัน ซึ่งเปนวัยที่เต็มไปดวยพลังแหงความคิด
หากเยาวชนได้รบั การพัฒนาไม่ถกู วิธ ี ขาดระบบ การเข้าค่ายคุณธรรมเป็นการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม และการสรางสรรคสิ่งใหมๆ ตลอดเวลา
แบบแผนที่ดีพอ เยาวชนก็จะเป็นปัญหาส�าคัญ
ให้แก่เยาวชน เพื่อให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ โดยการรับรูขาวสารภายนอกที่เขามาอยาง
ของชาติเช่นเดียวกัน ดังนั้น จึงจ�าเป็นที่จะต้องหาวิธีการเพื่อให้เยาวชนเข้าใจบทบาทของตนเอง ไมหยุดยั้ง ดวยเหตุนี้ การเขาคายคุณธรรม
มีจติ ส�านึกรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม โดยการจัดกิจกรรมทีม่ งุ่ เน้นการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม จึงชวยใหความคิดของวัยรุนเกิดความ
ให้เยาวชนรู้จักน�าหลักธรรมไปใช้ในการด�ารงชีวิตได้อย่างเหมาะสม เช่น กิจกรรมกตัญญูกตเวที แข็งแกรงทางคุณธรรม มีสามัญสํานึกตั้งแต
กิจกรรมอนุรกั ษ์ศลิ ปวัฒนธรรมไทย กิจกรรมสร้างสายสัมพันธ์ กิจกรรมสร้างความสามัคคี เป็นต้น วัยรุน มีจิตสํานึกรับผิดชอบตอตนเองและ
สังคม อันจะเปนรากฐานของการเติบโต
๑.๕ การเข้าร่วมพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา เปนผูใหญที่มีคุณภาพในอนาคต ซึ่งจะเปน
พิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา หมายถึง ระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับศาสนาหรือลัทธิประเพณีที่ กําลังที่สําคัญในการพัฒนาประเทศชาติ
ก�าหนดขึน้ เป็นแบบอย่างส�าหรับให้พทุ ธศาสนิกชนได้ยดึ ถือปฏิบตั ิ เป็นการแสดงออกถึงความเชื่อ สืบไป)
ทางศาสนา ซึ่งกระท�าเพื่อให้เกิดความอบอุ่นทางใจ ท�าให้การปฏิบัติศาสนกิจเป็นสิ่งส�าคัญและ
มีความน่าเชื่อถือ น่าศรัทธามากยิ่งขึ้น
การเข้าร่วมพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา จะต้องค�านึงถึงความเหมาะสมในหลายๆ ด้าน
ต้องรูจ้ ุดมุ่งหมายแห่งการกระท�า รู้ว่าสิ่งใดมีประโยชน์ สิ่งใดไม่มีประโยชน์ และต้องมีหลักเกณฑ์
ในการจัด เพราะถ้าหากไม่รู้หลักเกณฑ์แล้ว อาจจะเป็นการบ่อนท�าลายพิธีกรรมนั้นๆ ทางอ้อม
ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์
๑09

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T เกร็ดแนะครู
การเขาคายคุณธรรมมีวัตถุประสงคเพื่ออะไร
ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเขารวมพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาวา ตอง
1. ใหเยาวชนมีความรูในหลักธรรม
ปฏิบัติตามหลักศาสนาอยางถูกตอง เพราะในปจจุบันมีการเสริมแตงจนผิดหลักการ
2. ปลูกฝงใหเยาวชนเห็นความสําคัญของพระพุทธศาสนา
เชน การทําพิธตี อ งมีมหรสพประกอบ การเชิญคนใหญคนโตมาเปนประธานจุดธูปเทียน
3. เปดโอกาสใหเยาวชนเขาวัดฟงธรรม สนทนากับพระสงฆ
แตในความเปนจริงแลว ใหยึดหลักงายๆ โดยทําตามศาสนบัญญัติที่สืบตอกันมา
4. ใหเยาวชนรูจักนําหลักธรรมไปใชในการดํารงชีวิตไดอยางเหมาะสม
เปนตน
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะการเขาคายคุณธรรม คือ การจัด
กิจกรรมที่มุงเนนการปลูกฝงคุณธรรม จริยธรรม เพื่อใหเยาวชนรูจักนํา
หลักธรรมไปใชในการดํารงชีวิตไดอยางเหมาะสม ซึ่งจะทําใหมีความสุข นักเรียนควรรู
และประสบความสําเร็จในชีวิต
1 คุณธรรม มาจาก คุณ+ธรรมะ หมายถึง คุณความดีทเี่ ปนธรรมชาติ กอใหเกิด
ประโยชนตอตนเองและสังคม ซึ่งเปนพฤติกรรมที่แสดงถึงมาตรฐานทางศีลธรรม
โดยกระทรวงศึกษาธิการไดประกาศนโยบายเรงรัดการปฏิรูปการศึกษา โดยยึดหลัก
คุณธรรมพื้นฐาน 8 ประการ ไดแก ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย มีวินัย สุภาพ สะอาด
สามัคคี และมีนํ้าใจ
คูมือครู 109
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนกั เรียนเขียนเรียงความหัวขอ “การปฏิบตั ิ
1
ตนที่ถูกตองในพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา” การประกอบพิธีกรรมหรือการเข้าร่วมพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา ควรมีหลักเกณฑ์ ดังนี้
มาคนละ 1 หนากระดาษ แลวครูเลือกเรียงความ (๑) มีใจมั่น หมายถึง มีจิตใจบริสุทธิ์ และมีความแน่วแน่ที่จะเข้าร่วมพิธีกรรมนั้นๆ
ของนักเรียน 5-6 คน มาอภิปรายรวมกันในชั้น (๒) ถูกต้องตามหลักทางพระพุทธศาสนา หมายถึง การเข้าร่วมพิธีกรรมต่างๆ จะต้อง
2. ครูใหนักเรียนชวยกันยกตัวอยางพิธีกรรมทาง ยึดถือหลักเกณฑ์และระเบียบทางพระพุทธศาสนาเป็นส�าคัญ รวมทั้งควรรู้จุดมุ่งหมาย ขั้นตอน
พระพุทธศาสนาที่นักเรียนรูจัก โดยออกมา ตลอดจนรายละเอียดของพิธีกรรมนั้นๆ พอสมควร เพื่อไม่ให้พิธีกรรมนั้นๆ ลดความส�าคัญลงไป
เขียนบนกระดานหนาชัน้ เรียน จากนัน้ ครูซกั ถาม (๓) ประหยัด หมายถึง การประหยัดทรัพย์ทใี่ ช้ในการจัดพิธกี รรมหรือเข้าร่วมพิธกี รรม
และอภิปรายรวมกับนักเรียนวา พิธกี รรมเหลานัน้ นั้นๆ รู้จักพิจารณาว่าสิ่งใดฟุ่มเฟือย สิ่งใดไม่ฟุ่มเฟือย ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ มีการวางแผน
มีลักษณะการประกอบพิธีอยางไร โดยยึดหลักเกณฑ์ทางพระพุทธศาสนาเป็นแนวทางส�าคัญ
3. ครูกลาวถึงการประกอบพิธีกรรมทาง (๔) ค�านึงถึงประโยชน์ หมายถึง การพิจารณาว่าการเข้าร่วมในพิธีกรรมนั้นๆ จะได้รับ
พระพุทธศาสนา และตั้งคําถามวา คุณประโยชน์อย่างใดบ้าง เช่น ช่วยลดความเห็นแก่ตัว ท�าให้จิตใจบริสุทธิ์ มีความเลื่อมใสศรัทธา
• ขอควรคํานึงในการประกอบพิธีกรรมและ ในพระพุทธศาสนามากขึน้ ถ้าท�าโดยไม่คา� นึงถึงประโยชน์ เห็นเขาท�าก็ทา� บ้าง ไม่รจู้ ดุ มุง่ หมายแล้ว
การเขารวมพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา พิธีกรรมนั้นก็ย่อมปราศจากคุณค่า
มีอะไรบาง (๕) มีความเหมาะสม หมายถึง พิธกี รรมนัน้ ไม่ขดั ต่อประเพณีนยิ ม วัฒนธรรม ระเบียบ
(แนวตอบ เชน มีจิตใจที่แนวแนและศรัทธา กฎเกณฑ์ รวมถึงธรรมเนียมปฏิบตั อิ นั ดีงามของสังคม ตลอดจนไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผอู้ นื่
ประกอบพิธีกรรมถูกตองตามหลักศาสนา
คํานึงถึงประโยชนที่จะไดรับ มีความประหยัด
เหมาะสม โดยไมขัดตอจารีตและประเพณี
นิยม ไมสรางความเดือดรอนใหแกผูอื่น
เปนตน)

การเข้าร่วมพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาจะต้องกระทำาด้วยความตั้งใจ และปฏิบัติตนให้ถูกต้องตามระเบียบหลักเกณฑ์
ที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา

110

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว  NT  O-NE T
บุคคลใดตอไปนี้ปฏิบัติถูกตองตามหลักเกณฑการเขารวมพิธีกรรมทาง
1 พิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา จากภาพหนา 110 เปนประเพณีทําบุญ
พระพุทธศาสนามากที่สุด
ตักบาตร ซึ่งจัดขึ้นที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อําเภอธาตุพนม จังหวัด
1. นทีเชิญนายอําเภอมาเปนประธานในพิธีทําบุญขึ้นบานใหม
นครพนม ซึง่ เปนทีป่ ระดิษฐานของพระอุรงั คธาตุหรือกระดูกสวนอกของพระพุทธเจา
เพราะเปนคนมีชื่อเสียง
2. วารีจัดงานบวชของบุตรชาย โดยเนนความหรูหรา เพื่อความมีหนา
บูรณาการอาเซียน มีตาในสังคม
3. ชลธารสํารวมกาย วาจา ใจ และกลาวคํารับศีลตามพระสงฆขณะ
ครูกลาวถึงประเพณีทางพระพุทธศาสนาในประเทศลาว ซึ่งมีงานบุญเดือน 10 รวมพิธีกรรม
เหมือนกับประเพณีทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย โดยประเทศไทยเรียกวา 4. สาครเห็นเพื่อนบริจาคเงินจํานวนมากเพื่อบูรณปฏิสังขรณวัด
“วันสารทไทย” ลาวเรียกวา “บุญขาวสาก” ซึง่ เปนหนึง่ ในประเพณีฮตี สิบสอง ไดแก ก็ทําบาง เพราะกลัวนอยหนา
เดือนอาย- บุญเขากรรม เดือนยี่ - บุญคูณลาน เดือนสาม - บุญขาวจี่ เดือนสี่ - บุญพระเวส
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะการเขารวมพิธีกรรมทางพระพุทธ-
เดือนหา - บุญสงกรานต เดือนหก - บุญบัง้ ไฟ เดือนเจ็ด - บุญซําฮะ เดือนแปด - บุญเขาพรรษา
ศาสนา ตองคํานึงถึงหลักเกณฑตอไปนี้ ไดแก มีใจตั้งมั่น ถูกตองตาม
เดือนเกา - บุญขาวประดับดิน เดือนสิบ - บุญขาวสาก เดือนสิบเอ็ด - บุญออกพรรษา
หลักการ ประหยัด คํานึงถึงประโยชน และมีความเหมาะสม ดังนั้น
เดือนสิบสอง - บุญกฐิน
จึงตอบขอ 3. สวนขออื่นๆ เปนการปฏิบัติที่ไมสมเหตุสมผล
110 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูอธิบายถึงการแสดงตนเปนพุทธมามกะวา
1.6 การแสดงตนเป็นพุทธมามกะ เปนการประกาศตนนับถือพระพุทธศาสนา
พุทธมามกะ หมายถึง ผู้ถือพระพุทธเจ้าว่าเป็นของเรา หรือผู้รับเอาพระพุทธเจ้าเป็นของตน และตั้งคําถามวา
ผู้ประกาศตนว่าเป็นผู้นับถือพระพุทธศาสนา • บทสวดมนตใดที่แสดงตนวาผูสวดเปน
ดังนั้น การแสดงตนเป็นพุทธมามกะ ก็คือ การ พุทธมามกะ
ประกาศตนว่าเป็นผู้ยอมรับนับถือพระพุทธเจ้า (แนวตอบ บทไตรสรณคมน ซึ่งเปนบทสวด
เป็นการแสดงให้ปรากฏว่าตนยอมรับนับถือ เกี่ยวกับการถึงพระรัตนตรัยวาเปนที่พึ่ง
พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจ�าชีวิตของตน ที่ระลึก หรือการเปลงวาจาขอถึงพระพุทธ
ตามปกติแล้ว คนไทยส่วนใหญ่จะรับนับถือ พระธรรม พระสงฆวาเปนสรณะที่พึ่ง เพื่อ
พระพุทธศาสนาตามอย่างบิดามารดา เมื่อ แสดงวาตนมีพระรัตนตรัยเปนที่ระลึกนึกถึง
แจ้งทะเบียนส�ามะโนครัวในการเกิดก็มกั แจ้งว่า และเปนที่พึ่งตลอดไป และแสดงตนเปน
ศาสนาพุทธ จึงเป็นพุทธศาสนิกชนไปโดยปริยาย พุทธมามกะ เปนผูเคารพนับถือ
หาได้มีจิตตั้งมั่นฝังใจอย่างแท้จริงไม่ ดังนั้น พระพุทธศาสนา)
เพื่ อ ให้ เ กิ ด ความซาบซึ้ ง ในพระพุ ท ธศาสนา 2. ครูใหนักเรียนศึกษาวา เพราะเหตุใด พระบาท
จึ ง น� า มาสู ่ ก ารจั ด กิ จ กรรมการแสดงตนเป็ น สมเด็จพระเจาอยูหัว รัชกาลที่ 9 จึงทรงไดรับ
พุทธมามกะขึ้น เพื่อกระตุ้นให้เยาวชนตั้งมั่น พิธีแสดงตนเป็นพุทธมามกะของเยาวชน ยกยองใหเปนแบบอยางของพุทธมามกะ และ
ในความเป็นพุทธมามกะของตน พระองคทรงมีคุณูปการตอพระพุทธศาสนา
อยางไรบาง ยกตัวอยางประกอบคําอธิบาย
๑) ประวัติความเป็นมา การแสดงตนเป็นพุทธมามกะเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยพุทธกาล 3. ครูซักถามนักเรียนถึงประโยชนที่ไดรับจาก
ดังมีปรากฏในวินัยปิฎกมหาวรรคเล่ม ๔ ซึ่งสรุปโดยย่อ ดังนี้ พิธีแสดงตนเปนพุทธมามกะ
ยสกุลบุตรเป็นเศรษฐีผู้มีทรัพย์สมบัติมากมาย และได้รับการบ�ารุงบ�าเรออย่างเต็มที่ (แนวตอบ เปนการแสดงตนเปนพุทธมามกะ
คืนวันหนึ่งเขาได้หลับก่อนบริวาร และตื่นขึ้นมาเห็นบริวารของตนหลับด้วยอาการต่างๆ บางคน หรือผูนับถือพระพุทธศาสนาอยางแทจริง
นอนผ้าหลุดลุ่ย บางคนนอนละเมอ น�้าลายไหล เมื่อยสะเห็นอาการต่างๆ เหล่านี้ จิตจึงตั้งอยู่ ไมเปนเพียงชาวพุทธตามบัตรประชาชน
ในความเบื่อหน่าย เขาจึงเปล่งอุทานขึ้นในขณะนั้นว่า “ท่านผู้เจริ1ญ ที่นี่วุ่นวายหนอ ท่านผู้เจริญ เปนการสัญญาตอพระพุทธเจาวาเปนผูนับถือ
ที่นี่ขัดข้องหนอ” และได้ออกจากเมืองไปยังป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ครั้นรุ่งเช้าพระผู้มีพระภาคเจ้า พระพุทธศาสนา ไดรับศีลรับพรจากพระสงฆ
เสด็จลุกขึ้นจงกรมอยู่ ณ ที่แจ้ง ได้ทอดพระเนตรเห็นยสกุลบุตรเดินมาแต่ไกล จึงเสด็จลงจาก และไดบุญกุศล)
ที่จงกรมประทับนั่งบนอาสนะที่เขาจัดไว้ ขณะนั้นยสกุลบุตรได้เปล่งอุทานขึ้นว่า “ท่านผู้เจริญ ที่นี่
วุ่นวายหนอ ท่านผู้เจริญ ที่นี่ขัดข้องหนอ” พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสกับยสกุลบุตรว่า “ยสะ
ที่นี่ไม่วุ่นวาย ที่นี่ไม่ขัดข้อง มาเถิดยสะจงนั่งลง เราจักแสดงธรรมแก่เธอ” พระผู้มีพระภาคเจ้า
ได้ตรัสอนุปุพพิกถา คือ ทรงประกาศทานกถา สีลกถา สัคคกถา กามาทีนวกถา และเนกขัมมา‑
นิสังสกถาไปตามล�าดับ ท�าให้ยสกุลบุตรได้ดวงตาเห็นธรรมและขอบรรพชาอุปสมบท

111

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T เกร็ดแนะครู
การประกาศตนวาจะปฏิบัติตามหลักธรรมคําสอนของพระพุทธเจาและ
ครูใหนักเรียนดูตัวอยางคลิปวิดีโอไดที่ http://www.youtube.com โดยใช
ขอยึดพระรัตนตรัยเปนที่พึ่ง เปนพิธีกรรมของชาวพุทธในขอใด
คําคนหาวา “การแสดงตนเปนพุทธมามกะ” จากนั้นครูควรนิมนตพระอาจารยมา
1. พิธีบรรพชาเปนสามเณร
บรรยายธรรมเกี่ยวกับความสําคัญของการแสดงตนเปนพุทธมามกะ แลวสาธิต
2. พิธีอุปสมบทเปนพระภิกษุ
การแสดงตนเปนพุทธมามกะ
3. พิธีแสดงตนเปนพุทธมามกะ
4. พิธีถวายภัตตาหารแดพระพุทธเจา
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เนื่องจากพิธีแสดงตนเปนพุทธมามกะ นักเรียนควรรู
คือ การประกาศตนวาเปนผูยอมรับนับถือพระพุทธศาสนาเปนศาสนา
ประจําชีวิตของตน และนอมนําเอาหลักธรรมคําสอนมาประพฤติปฏิบัติ 1 ปาอิสิปตนมฤคทายวัน แปลวา ปาที่ใหอภัยแกเนื้อ ซึ่งเปนสถานที่ที่
เพื่อใหเกิดความเปนมงคลแกการดํารงชีวิต พระพุทธเจาทรงแสดงพระธรรมเทศนาเปนครั้งแรกหรือปฐมเทศนา คือ
ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร แกปญจวัคคีย อยูใกลเมืองพาราณสี แควนกาสี
ปจจุบันคือเมืองสารนาถ อยูในรัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย

คูมือครู 111
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนอานเรื่อง “ยสกุลบุตร” เกี่ยวกับ
การแสดงตนเปนพุทธมามกะ และใหวิเคราะห ครั้นรุ่งเช้า เศรษฐีคหบดีผู้บิดาได้ส่งคนไปตามหายสะทั้ง ๔ ทิศ และตนเองไปยังป่า
วา เพราะเหตุใด บิดา มารดา และภรรยาเกา อิสปิ ตนมฤคทายวัน ได้พบรองเท้าทองวางอยู่ จึงเดินไปยังทีน่ 1นั่ พระผูม้ พี ระภาคเจ้าทอดพระเนตร
ของยสกุลบุตร จึงเปนอุบาสกและอุบาสิกา เห็นเศรษฐีคหบดีเดินมาแต่ไกลจึงทรงบันดาลอิทธาภิสังขาร ไม่ให้เศรษฐีคหบดีเห็นยสกุลบุตร
ผูแสดงตนเปนพุทธมามกะคนแรกของโลก ผูน้ งั่ อยูท่ นี่ นั่ เศรษฐีคหบดีไปเฝ้าพระผูม้ พี ระภาคเจ้าถึงทีป่ ระทับ พระผูม้ พี ระภาคเจ้าตรัสว่า “คหบดี
2. ครูนําสนทนาเรื่องพุทธมามกะ และตั้งคําถามวา เชิญท่านนั่งลงก่อนเถิด บางทีท่านนั่งที่นี่แล้วจะพึงพบยสกุลบุตรนั่งอยู่ที่นี่ก็ได้” เศรษฐีคหบดี2
• เพราะเหตุใด การแสดงตนเปนพุทธมามกะ จึงถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วนั่ง ณ ที่สมควร พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสอนุปุพพิกถา
จึงตองเปนผูถึงพระรัตนตรัย เช่นเดียวกัน เศรษฐีคหบดีได้ดวงตาเห็นธรรม บรรลุธรรมและได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้า
(แนวตอบ เพราะองคประกอบของพระพุทธ- ดังนี้ว่า “พระองค์ผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์ชัดเจนไพเราะยิ่งนัก พระองค์ทรงประกาศธรรม
ศาสนา คือ พระรัตนตรัยหรือพระไตรรัตน แจ่มแจ้งโดยประการต่างๆ เปรียบเหมือนบุคคลหงายของที่คว�่า เปิดของที่ปิด บอกทางแก่
ประกอบดวย พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ ผู้หลงทาง หรือตามประทีปในที่มืด ด้วยตั้งใจว่า คนตาดีจักเห็นรูป พระองค์ 3 ผู้เจริญ ข้าพระองค์นี้
การแสดงตนเปนพุทธมามกะจึงตองเปนผูที่ ขอถึงพระผู้มีพระภาคเจ้า พร้อมทั้งพระธรรม และพระสงฆ์เป็นสรณะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ถึงพระรัตนตรัยเปนสรณะหรือเปนที่พึ่งสูงสุด) จนตลอดชีวิต” เศรษฐีคหบดีนี้จึงนับเป็นเตวาจิกอุบาสก (ผู้กล่าวถึงรัตนะทั้ง ๓ ว่าเป็นสรณะ)
3. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 5.4 จากแบบวัดฯ เป็นคนแรกในโลก
พระพุทธศาสนา ม.2 ครั้นเวลาเช้า พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จไปยังนิเวศน์ของเศรษฐีคหบดี มารดาและ
ภรรยาเก่าของท่านยสะพากันเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ได้ถวายอภิวาทพระผู้มี
ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ พระภาคเจ้า แล้วนั่ง ณ ที่สมควร พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสอนุปุพพิกถาเช่นเดียวกัน มารดาและ
พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 5.4 ภรรยาเก่าของท่านพระยสะได้ดวงตาเห็นธรรม บรรลุธรรม และได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้า
หนวยที่ 5 หนาที่ชาวพุทธและมารยาทชาวพุทธ เช่นเดียวกับเศรษฐีคหบดี และกล่าวว่า “หม่อมฉันทั้งสองนี้ ขอถึงพระผู้มีพระภาคเจ้า พร้อมทั้ง
กิจกรรมที่ ๕.๔ เขียนเครื่องหมาย ✓ลงในชองวางหนาขอความที่ถูกตอง
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
ñð
พระธรรมและพระสงฆ์ เป็นสรณะของพระผูม้ พี ระภาคเจ้า จงทรงจ�าหม่อมฉันทัง้ สองว่าเป็นอุบาสิกา
และเครือ่ งหมาย ✗ ลงในชองวางหนาขอความทีไ่ มถกู ตอง
(ส ๑.๒ ม.๒/๑) ผู้ถึงสรณะตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนตลอดชีวิต”

………………. ๑. หนาที่สําคัญของพระภิกษุ คือ ศึกษาพระธรรมคําสอนของพระพุทธเจาใหเขาใจ
อยางถองแท แลวนํามาเผยแผแกมวลมนุษย
จากข้อความที่ปรากฏในพระไตรปิฎกนี้เป็นการยืนยันว่า อุบาสกผู้ปฏิญาณตน

………………. ๒. การรูแ ละเขาใจหลักธรรมทีถ่ กู ตองนัน้ จะตองปฏิบตั ติ ามหลักธรรมนัน้ ดวย เหมือนครู
สอนดนตรีตองรูและเขาใจทฤษฎีดนตรี และตองเลนดนตรีใหดีดวย
เป็นพุทธมามกะ ผู้ถึงพระรัตนตรัยเป็นคนแรกของโลก คือ เศรษฐีคหบดีผู้เป็นบิดาของพระยสะ
✓ ๓. พระภิกษุที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ อาจเผยแผพระพุทธศาสนาไดดี โดยไมตองสอน
……………….

หลักธรรมดวยวาจาเลยก็ได
ส่วนอุบาสิกาผู้ปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะผู้ถึงพระรัตนตรัยเป็นคู่แรกของโลก คือ มารดาและ
✗ ๔. การจัดนิทรรศการชวยใหพุทธศาสนิกชนมีความรูและเขาใจ โดยไมตองไปศึกษา
………………. ภรรยาเก่าของพระยสะ
หลักธรรมจากหนังสือ

ฉบับ
✗ ๕. วิธกี ารทีด่ ที สี่ ดุ เพือ่ ใหเยาวชนเขาใจบทบาทของตนเอง และมีจติ สํานึกรับผิดชอบตอ
……………….

ตนเองและครอบครัว คือ การเขารับฟงการแสดงพระธรรมเทศนา


๒) การเตรียมการ
เฉลย
✗ ๖. การกําหนดวันเวลาแสดงตนเปนพุทธมามกะ ควรใชเวลาวันหยุดหรือวันเสาร-อาทิตย
……………….

✓ ๗. ผูแ สดงตนเปนพุทธมามกะเมือ่ ถวายเครือ่ งสักการะแลวกราบแบบเบญจางคประดิษฐ


……………….
๑. ผู้จัดก�าหนดวัน เวลา สถานที่ให้แน่นอน จะเป็
4 นช่วงเช้าหรือบ่ายก็ได้ ถ้าจัด
๓ ครั้ง
✗ ๘. คําสวดมนต “อิมินา สกฺกาเรน พุทฺธํ ปูเชมิ” แปลวา ขาพเจาขอบูชาพระธรรม
……………….
ภาคเช้าควรจัดใกล้เวลาเพล พอเสร็จพิธีจะได้ถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์
ดวยเครื่องสักการะนี้
✓ ๙. ควรถวายจตุปจจัยไทยธรรมแดพระสงฆ เมื่อพระใหศีลและรับศีลจบแลว
……………….
๒. จัดหาคณะกรรมการร่วมมือเพือ่ ด�าเนินการประมาณ ๕‑๖ คน เช่น ฝ่ายสถานที่
✗ ๑๐. เมื่อพระสวด…ยถา วริวหา…ตัวแทนกรวดนํ้า รินนํ้าลงในภาชนะใหหมด
………………. ฝ่ายถวายภัตตาหาร จัดเครื่องสักการะ เครื่องไทยทาน เครื่องไทยธรรม และฝ่ายควบคุมเสียง
๓. จัดเครื่องสักการะ (กระทงดอกไม้ ธูปแพ เทียนแพ) ใส่พานเตรียมไว้ถวาย
สักการะพระเถระที่มาในพิธี
112
๔๖

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว  NT  O-NE T
อุบาสกผูป ฏิญาณตนเปนพุทธมามกะ ผูถ งึ พระรัตนตรัยเปนคนแรก
1 อิทธาภิสังขาร คือ การแสดงหรือบันดาลสิ่งตางๆ ใหเกิดขึ้นโดยการใช
ของโลกมีความเกี่ยวของกับพระยสะอยางไร
อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริยตางๆ
1. เปนบิดาของพระยสะ
2 อนุปุพพิกถา คือ พระธรรมเทศนาที่แสดงความลุมลึกลงไปโดยลําดับ เพื่อให 2. เปนมารดาของพระยสะ
ผูฟงเขาใจจากงายไปยาก ขึ้นไปเปนชั้นๆ และเพื่อเตรียมจิตของผูฟงใหพรอมที่จะ 3. เปนบริวารของพระยสะ
รับฟงอริยสัจ 4 ในสมัยพุทธกาลพระพุทธเจาจะทรงแสดงพระธรรมเทศนาแก 4. เปนภรรยาเกาของพระยสะ
ฆราวาสหรือคฤหัสถ ผูมีอุปนิสัยสามารถที่จะบรรลุธรรมพิเศษได โดยแสดงธรรม
แกบุคคลตางๆ เชน พระเจามหากัปปนะ พระนางอโนชาเทวี ยศกุลบุตร วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เปนบิดาของพระยสะ คือ เศรษฐีคหบดี
อุคคตคหบดี เปนตน ผูก ลาวถึงพระรัตนตรัยวาเปนสรณะหรือเปนทีพ่ งึ่ ทีร่ ะลึก ทีย่ ดึ เหนีย่ วสูงสุด
ไมมีสิ่งใดเหนือกวา เปนคนแรกของโลก
3 สรณะ หมายถึง เปนที่พึ่ง ที่ระลึก ที่ยึดเหนี่ยวสูงสุด ไมมีสิ่งใดเหนือกวา
4 ภัตตาหารเพล คือ อาหารสําหรับพระภิกษุและสามเณร ซึ่งฉันระหวาง
เวลา 11.00 - 12.00 น.

112 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนสงตัวแทนออกมากลาวนํา
๔. นิมนต์พระ ๗ หรือ ๙ รูป ตามศรัทธา สวดมนตพรอมคําแปลในพิธีปฏิบัติเปน
พุทธมามกะหนาชั้นเรียน ไดแก บทสักการะ
1 ๕. สถานทีค่ วรจัดในหอประชุม ไม่ควรจัดกลางสนามและเตรียมจัดทีบ่ ชู าพระพร้อม
อาสน์สงฆ์เท่าจ�านวนพระที่นิมนต์มา พระรัตนตรัย บทนมัสการพระพุทธเจา และ
คําปฏิญาณตนเปนพุทธมามกะ จากนั้นเพื่อน
๓) พิธีปฏิบัติ
นักเรียนกลาวคําปฏิญาณตนเปนพุทธมามกะ
๑. ก่อนเวลาก�าหนด ๑๕ นาที ผู้เข้าร่วมกิจกรรมนั่งประจ�าที่ เมื่อพระเถระและ
พรอมกัน
คณะสงฆ์มาถึงเรียบร้อยแล้ว ให้ตัวแทนผู้ที่จะแสดงตนเป็นพุทธมามกะจุดธูปเทียนบูชาพระ
2. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 5.5 จากแบบวัดฯ
กราบเบญจางคประดิษฐ์ ๓ ครั้ง แล้วน�าสวดมนต์ ดังนี้
พระพุทธศาสนา ม.2
อิมินา สกฺกาเรน พุทฺธ� ปูเชมิ ข้าพเจ้าขอบูชาพระพุทธเจ้าด้วยเครื่องสักการะนี้ (กราบ) ✓ แบบวัดฯ
ใบงาน แบบฝกฯ
อิมินา สกฺกาเรน ธมฺม� ปูเชมิ ข้าพเจ้าขอบูชาพระธรรมด้วยเครื่องสักการะนี้ (กราบ) พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 5.5
อิมินา สกฺกาเรน สงฺฆ� ปูเชมิ ข้าพเจ้าขอบูชาพระสงฆ์ด้วยเครื่องสักการะนี้ (กราบ) หนวยที่ 5 หนาที่ชาวพุทธและมารยาทชาวพุทธ
2 กิจกรรมที่ ๕.๕ ใหนกั เรียนเรียงลําดับพิธปี ฏิบตั ใิ นการแสดงตนเปนพุทธมามกะ
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
ñð
๒. เสร็จแล้วตัวแทนผู้แสดงตน คลานเข้าถวายเครื่องสักการะ ดอกไม้ ธูปแพ โดยนําตัวเลข ๑-๑๐ ใสหนาขอความตอไปนี้ (ส ๑.๒ ม.๒/๑)

เทียนแพ แก่พระเถระ แล้วกราบด้วยเบญจางคประดิษฐ์ ๓ ครั้ง (ขณะที่ตัวแทนคลานออกไป ……………………… พระเถระใหโอวาท ขณะใหโอวาททุกคนพนมมือ จบแลวยกมือขึ้นจบกลางหนาผาก
พรอมกับกลาววา “สาธุ” และเปลีย่ นทานัง่ เปนทาพรหมและเทพธิดา และอาราธนาศีล
ดังๆ พรอมกัน ดังนี้
คนอื่นๆ เปลี่ยนท่านั่งเป็นท่าพรหมหรือท่าเทพธิดาตามเพศและกราบ ๓ ครั้ง พร้อมตัวแทน) มยํ ภนฺเต วิสุํ วิสุํ รกฺขณตฺถาย ติสรเณน สห ปฺจ สีลานิ ยาจาม
ทุติยมฺป มยํ ภนฺเต วิสุํ วิสุํ รกฺขณตฺถาย ติสรเณน สห ปฺจ สีลานิ ยาจาม
๓. จากนั้นทุกคนกล่าวนมัสการพระพุทธเจ้า ๓ ครั้ง ดังนี้ ตติยมฺป มยํ ภนฺเต วิสุํ วิสุํ รกฺขณตฺถาย ติสรเณน สห ปฺจ สีลานิ ยาจาม
(เมื่อพระใหศีลและรับศีลจบแลว กราบ ๓ ครั้ง)

……………………… กลาวคําปฏิญาณตนเปนพุทธมามกะ ดังนี้
(ผูชาย) เอเต มยํ
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส (ซ�้า ๓ ครั้ง) (ผูห ญิง) เอตา มยํ ภนฺเต สุจริ ปรินพิ พฺ ตุ มฺป ตํ ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ สงฺฆฺจ
พุทฺธมามกาติ โน สงฺโฆ ธาเรตุ (กราบเบญจางคประดิษฐ ๓ ครั้ง แลวนั่งพับเพียบ)
๒ ตัวแทนผูท จี่ ะแสดงตนเปนพุทธมามกะจุดธูปเทียนบูชาพระ กราบเบญจางคประดิษฐ ฉบับ
ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น (ซ�้า ๓ ครั้ง) ………………………
๓ ครั้ง แลวนําสวดมนต ดังนี้ เฉลย
อิมนิ า สกฺกาเรน พุทธฺ ํ ปูเชมิ ขาพเจาขอบูชาพระพุทธเจาดวยเครือ่ งสักการะนี้ (กราบ)
อิมินา สกฺกาเรน ธมฺมํ ปูเชมิ ขาพเจาขอบูชาพระธรรมดวยเครื่องสักการะนี้ (กราบ)
อิมินา สกฺกาเรน สงฺฆํ ปูเชมิ ขาพเจาขอบูชาพระสงฆดวยเครื่องสักการะนี้ (กราบ)
๔. จากนั้นกล่าวค�าปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะ ดังนี้ ๙
……………………… เมือ่ พระสวด… สพฺพตี โิ ย… รินนํา้ ลงภาชนะใหหมด แลวพนมมือรับพรจากพระ จบแลว
กราบเบญจางคประดิษฐ ๓ ครั้ง
๑๐
……………………… รับพุทธมามกบัตรจากพระเถระ

……………………… ตัวแทนผูแ สดงตน คลานเขาถวายเครือ่ งสักการะ ดอกไม ธูปแพเทียนแพ แกพระเถระ
(ผู้ชาย) เอเต มย� (ผู้หญิง) เอตา มย� ภนฺเต สุจิรปรินิพฺพุตมฺปิ ต� ภควนฺต� สรณ� คจฺฉาม แลวกราบดวยเบญจางคประดิษฐ ๓ ครั้ง (คนอื่นๆ เปลี่ยนทานั่งเปนทาพรหม
หรือทาเทพธิดาตามเพศและกราบ ๓ ครั้ง พรอมตัวแทน)
๔ ทุกคนกลาวนมัสการพระพุทธเจา ๓ ครั้ง ดังนี้
ธมฺมญฺจ สงฺฆญฺจ พุทฺธมามกาติ โน สงฺโฆ ธาเรตุ ………………………


นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส (ซํ้า ๓ ครั้ง)
ถวายจตุปจจัยไทยธรรมแดพระสงฆ
ค�าแปล ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลายถึงพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
………………………

……………………… เมื่อพระสวด… ยถา วริวหา… ตัวแทนกรวดนํ้าอุทิศสวนกุศล

……………………… กอนเวลากําหนด ๑๕ นาที ผูเ ขารวมกิจกรรมนัง่ ประจําที่ เพือ่ รอพระเถระและคณะสงฆ
แม้ปรินิพพานไปนานแล้ว ทั้งพระธรรมและพระสงฆ์ เป็นสรณะที่ระลึกนับถือ ขอพระสงฆ์ ๔๗
จงจ�าข้าพเจ้าทั้งหลายไว้ว่าเป็นพุทธมามกะ ผู้รับเอาพระพุทธเจ้าเป็นของตน คือ ผู้นับถือ
พระพุทธเจ้า (กราบเบญจางคประดิษฐ์ ๓ ครั้ง แล้วนั่งพับเพียบ)

113

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T เกร็ดแนะครู
การแสดงตนเปนพุทธมามกะ เปนพิธีกรรมที่จะปฏิบัติเมื่อใด
ครูควรแนะนํานักเรียนวาการแสดงตนเปนพุทธมามกะ ไมใชแคการสวดมนต
แนวตอบ การแสดงตนเปนพุทธมามกะ จะปฏิบัติเมื่อ กลาวคําปฏิญาณหรือรูคําแปลของบทสวดมนตเทานั้น หากแตตองนําหลักธรรม
• บุคคลตางศาสนาตองการเปลี่ยนมานับถือพระพุทธศาสนา คําสอนมาปฏิบัติในชีวิตประจําวัน เชน ศีล 5 ศีล 8 กรรมบถ 10 เปนตน จึงจะเปน
• ตองการยืนยันความเปนชาวพุทธของตนเองใหหนักแนนยิ่งขึ้น ชาวพุทธที่สมบูรณ
• จะสงบุตรหลานไปเรียนยังตางประเทศที่มิใชดินแดนของพระพุทธศาสนา
• จะปลูกฝงนิสัยของเยาวชนใหมั่นคงในพระพุทธศาสนา ซึ่งสวนใหญ
ทางโรงเรียนจะเปนผูจัดทําพิธีกรรม อาจจะเปนปละครั้ง นักเรียนควรรู
• บุตรหลานมีอายุระหวาง 12-15 ป เพื่อใหเด็กสืบทอดความเปน
พุทธศาสนิกชนตามตระกูลตอไป 1 อาสนสงฆ คือ ที่นั่งของพระสงฆ ซึ่งหากไมมีเบาะรองนั่ง จะใชเสื่อปูลาด
กับพื้นก็ได เพื่อเปนการแสดงใหเห็นวาพระสงฆอยูในตําแหนงที่สูงกวาฆราวาส
ในกรณีที่ปูดวยเสื่อ ฆราวาสจะตองไมนั่งลงบนเสื่อผืนเดียวกับพระสงฆ
2 เครื่องสักการะ คือ ธูปไมระกํา 5 ดอก วางอยูบนเทียน 5 เลม มัดซอนกัน
และมีกรวยดอกไมสด 1 กรวย วางขางบน

คูมือครู 113
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ Expand
1. ครูใหนักเรียนเขารวมพิธีกรรมทางพระพุทธ-
ศาสนา 1 พิธี จากนั้นใหนักเรียนบันทึกลักษณะ ๕. พระเถระให้โอวาท ขณะให้โอวาททุกคนพนมมือ จบแล้วยกมือขึ้นจบที่กลาง
การประกอบพิธีกรรม ความสําคัญ และ หน้าผาก พร้อมกับกล่าวว่า “สาธุ” และเปลีย่ นท่านัง่ เป็นท่าพรหมและเทพธิดา และอาราธนาศีลดังๆ
ประโยชนที่ไดรับจากพิธีกรรมนั้นลงในสมุด พร้อมกัน ดังนี้
และสงครูผูสอน
2. ครูใหนักเรียนเขียนสรุปขั้นตอนและประโยชน มย� ภนฺเต วิสุ� วิสุ� รกฺขณตฺถาย ติสรเณน สห ปญฺจ สีลานิ ยาจาม
ของพิธีแสดงตนเปนพุทธมามกะ โดยบันทึกลง ทุติยมฺปิ มย� ภนฺเต วิสุ� วิสุ� รกฺขณตฺถาย ติสรเณน สห ปญฺจ สีลานิ ยาจาม
ในสมุดและนําสงครูผูสอน ตติยมฺปิ มย� ภนฺเต วิสุ� วิสุ� รกฺขณตฺถาย ติสรเณน สห ปญฺจ สีลานิ ยาจาม

ตรวจสอบผล Evaluate เมื่อพระให้ศีล และรับศีลจบแล้ว กราบ ๓ ครั้ง


๖. ถวายจตุปัจจัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์
1. ตรวจสอบจากบันทึกการเขารวมพิธีกรรมทาง ๗. เมื่อพระสวด...ยถา วาริวหา...ตัวแทนกรวดน�้าอุทิศส่วนกุศล
พระพุทธศาสนาของนักเรียน ๘. เมือ่ พระสวด...สพฺพตี โี ย...รินน�า้ ลงภาชนะให้หมด แล้วพนมมือรับพรจากพระจบแล้ว
2. ตรวจสอบจากการเขียนสรุปขั้นตอนและ กราบเบญจางคประดิษฐ์ ๓ ครั้ง 1
ประโยชนของพิธีแสดงตนเปนพุทธมามกะ ๙. รับพุทธมามกบัตรจากพระเถระ เป็นอันเสร็จพิธี
๒. มารยาทชาวพุ
2
ทธ
มารยาท
มารยาท หมายถึ ง ระเบียบปฏิบัติที่สังคมก�าหนดไว้เป็นแนวทางในการแสดงออกทางกาย
และทางวาจาในด้านต่างๆ เช่น กิรยิ าท่าทาง การแต่งกาย การพูด การแสดงอิรยิ าบถต่างๆ เป็นต้น
สังคมแต่ละแห่งมีประเพณีในการแสดงออกไม่เหมือนกัน เช่น ฝรั่งทักทายกันโดยการจับมือ
คนไทยทักทายกันโดยผู้น้อยไหว้ผู้ใหญ่ก่อน เป็นต้น
คนไทยได้รับการยกย่องจากต่างชาติมานานแล้วว่าเป็นผู้มีมารยาทอ่อนโยน นิ่มนวลน่ารัก
เราจึงควรเรียนรู้เกี่ยวกับมารยาทในสังคมไทย เพื่อจะได้ปฏิบัติถูกต้อง เป็นการรักษาเอกลักษณ์
อันดีงามอย่างหนึง่ ของไทยไว้สบื ไป และท�าให้เป็นทีช่ นื่ ชมของผูอ้ นื่ และเป็นการเสริมบุคลิกภาพด้วย
2.1 การต้อนรับ (ปฏิสันถาร)
การต้อนรับ อาจท�าได้หลายวิธี คือ ปฏิสันถารด้วยวาจา ปฏิสันถารด้วยการให้ที่พักอาศัย
และปฏิสนั ถารด้วยการแสดงน�า้ ใจต่อกัน ในพระพุทธศาสนาพระพุทธเจ้าตรัสว่า การปฏิสนั ถารเป็น
พืน้ ฐานส�าคัญของชีวติ พรหมจรรย์เลยทีเดียว ทรงก�าชับให้พระสงฆ์เอาใจใส่ตอ้ นรับอาคันตุกะด้วย
อัธยาศัยอันดีงาม พระพุทธเจ้าเองก็มิได้ทรงละเลยในเรื่องนี้ ดังมีผู้กล่าวสรรเสริญพระองค์ว่า
ทรงมีพระพักตร์เบิกบานแจ่มใสอยู่เสมอ ทรงทักทายแขกก่อน และตรัสปฏิสันถารด้วยพระวาจา
ที่ไพเราะ รื่นหู คนไทยเราได้รับอิทธิพลส่วนดีเหล่านี้มาจากพระพุทธศาสนา จนมีค�าพังเพยว่า
“เป็นธรรมเนียมไทยแท้แต่โบราณ ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ”
114

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว  NT  O-NE T
ถานักเรียนไปเยี่ยมเพื่อนที่บาน นักเรียนควรปฏิบัติตนอยางไร
1 พุทธมามกบัตร คือ หลักฐานของผูที่ไดแสดงตนเปนพุทธมามกะแลว แตการ
ใหเหมาะสมในฐานะแขกผูมาเยือน
จะมีหรือไมมีพุทธมามกบัตรไมใชสิ่งสําคัญ ขอสําคัญ คือ การที่ชาวพุทธปฏิบัติตน
1. ตะโกนเรียกอยูหนาบาน
ตามหลักธรรมคําสอนของพระพุทธเจาเปนหลัก
2. ทําความเคารพเจาของบานกอน
2 มารยาท หมายถึง กิริยาวาจาที่ถือวาสุภาพ เรียบรอย ถูกกาลเทศะ 3. เปดประตูเขาไปนั่งรอในหองรับแขก
ซึ่งการใชคําวา มารยาทและมรรยาท ขึ้นอยูกับผูใชเห็นสมควรตามความเหมาะสม 4. เขาไปนั่งรวมโตะอาหารของเพื่อนบาน
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. ในฐานะแขกผูมาเยือน เมื่อเขาบานควร
เคาะประตูหรือกดกริ่ง แลวทําความเคารพเจาของบานกอน ไมควรอยูนาน
มุม IT เกินสมควร และควรทําความเคารพเจาของบานกอนแลวจึงกลับ
ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแสดงตนเปนพุทธมามกะ ไดที่
http://www.onab.go.th เว็บไซตสํานักงานพระพุทธศาสนาแหงชาติ

114 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
1. ครูใหนักเรียนชวยกันยกตัวอยางมารยาททาง
เมื่อมีแขกมาบ้าน เราต้องรู้จักปฏิบัติตนว่า จะพูดอย่างไร กับบุคคลวัยใด ฐานะใด สรรพนาม สังคมทีน่ กั เรียนรูจ กั และปฏิบตั ใิ นชีวติ ประจําวัน
แทนตัวเองและแทนแขก ใช้อย่างไร ต้องรู้จักเลือกใช้ให้ถูก แต่อะไรก็ไม่เท่ากับการยิ้มแย้มแจ่มใส 2. ครูถามนักเรียนวา ประเทศตางๆ มีธรรมเนียม
แสดงให้เขาเห็นว่าเรายินดีเต็มใจให้การต้อนรับ การตอนรับแขกอยางไร ยกตัวอยางประกอบ
ไม่ควรแสดงสีหน้าบึ้งตึงใส่แขก อย่างที่เรียกว่า คําอธิบาย
“หน้าไม่รับแขก” (แนวตอบ เชน อังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี กลาว
การปฏิสันถารให้ที่อยู่อาศัยเป็นเรื่องของ พูดคําทักทายแลวเอาแกมชนกัน ชนเผาเมารี
ผู้ใหญ่ที่จะกระท�า ด้วยเป็นประเพณีแต่โบราณ ในนิวซีแลนด เอาจมูกแตะกันและคลึงเล็กนอย
ดังได้กล่าวมาแล้ว ผู้มาจากต่างบ้านต่างถิ่น เกาหลี ผูออนวัยจะคุกเขาและกมศีรษะคํานับ
จะได้รับการต้อนรับโดยให้อาศัย พักพิงเมื่อ ผูอาวุโส อินเดีย จะพูดวา “นะมัสเต” พนมมือ
มาถึงเวลาค�่าคืน ในปัจจุบันธรรมเนียมอย่างนี้ สองขางและโคงตัวเล็กนอย เปนตน)
ได้ละเลยกันเป็นส่วนมาก โดยเฉพาะในเมืองใหญ่
หรือเมืองหลวง เพราะความเจริญของบ้านเมือง สํารวจคนหา Explore
มีมากขึ้น ที่พักคนเดินทางหรือโรงแรมก็จะ
ครูใหนักเรียนศึกษามารยาทชาวพุทธ
สะดวกสบาย จึงมักไม่ใคร่มีใครอยากรบกวน
จากหนังสือเรียนและแหลงการเรียนรูตางๆ เชน
ผู้อื่นให้ล�าบาก จะเหลืออยู่แต่การปฏิสันถาร การต้อนรับแขกด้วยกิริยาที่สุภาพ มีสัมมาคารวะ เป็นการ
แสดงออกซึ่งมารยาทที่ดีงามของชาวพุทธ หองสมุด อินเทอรเน็ต สนทนากับพระสงฆ
ด้วยการต้อนรับญาติหรือมิตรสหายเท่านั้น
เปนตน เพื่อนําความรูมาอภิปรายในชั้นเรียน
เมื่อมีงานเลี้ยงหรืองานรับรองเนื่องด้วยพิธีใดๆ ก็ตาม ผู้เป็นเจ้าของบ้านหรือเจ้าหน้าที่
รับแขกควรกล่าวปฏิสันถารต่อแขกให้ทั่วถึง นักเรียนเป็นเด็กอาจจะได้รับการแนะน�าให้รู้จักญาติ อธิบายความรู Explain
หรือมิตรสหายของบิดามารดา หรือผู้ปกครอง เราจะต้องแสดงตนเป็นผู้มีคารวะต่อผู้ใหญ่และ
ร่วมอยู่ในที่สนทนาตามเวลาอันสมควร แต่ไม่ควรพูดสอดแทรกขึ้นเมื่อผู้ใหญ่ก�าลังสนทนากัน 1. ครูใหนักเรียนออกมาเลาประสบการณของ
ควรตอบก็ต่อเมื่อผู้ใหญ่ถามเราเท่านั้น นักเรียนเองในการปฏิบัติตนเกี่ยวกับการ
2.2 มารยาทของผู้เป็นแขก ตอนรับแขกใหเพื่อนนักเรียนฟง
สังคมไทยมีวัฒนธรรม ประเพณีนิยมที่หลากหลายทั้งในด้านการปฏิบัติและในด้านคุณค่า 2. ครูยกตัวอยางคําพังเพยที่วา “เปนธรรมเนียม
ทีผ่ ปู้ ฏิบตั จิ ะต้องเลือกปฏิบตั ใิ ห้เหมาะสมกับสภาพการณ์นนั้ ดังนัน้ ผูเ้ ป็นแขกหรือบุคคลทีไ่ ปเยีย่ ม ไทยแทแตโบราณ ใครมาถึงเรือนชานตอง
ผู้อื่น ควรปฏิบัติตน ดังนี้ ตอนรับ” แลวใหนักเรียนวิเคราะหวาจาก
๑. ควรหาโอกาสไปเยีย่ มญาติมติ รตามควร โดยเฉพาะอย่างยิง่ เมือ่ ครอบครัวของญาติ คําพังเพยนี้ แสดงใหเห็นถึงธรรมเนียมปฏิบัติ
ได้รับความเดือดร้อน เช่น มีผู้ได้รับอุบัติเหตุ ควรไปถามข่าวคราวและให้ก�าลังใจ หรือเมื่อยาม ของคนไทยตอผูอื่นอยางไร
ครอบครัวของญาติมิตรได้รับความยินดีในเรื่องใดเรื่องหนึ่งก็ควรไปเยี่ยมเพื่อแสดงความยินดีด้วย 3. ครูใหนักเรียนแสดงบทบาทสมมติเกี่ยวกับการ
๒. ก่อนเข้าบ้านควรให้เสียงหรือสัญญาณอื่นๆ เพื่อให้เจ้าของบ้านได้ทราบว่ามีแขก ตอนรับ (ปฏิสันถาร) ในฐานะเจาของบานและ
มาหา เช่น เคาะประตู หรือกดกริ่ง (ถ้ามี) ผูเปนแขก
4. ครูใหนักเรียนวิเคราะหวา การปฏิสันถาร
115
มีความสําคัญอยางไร ใครคือคนที่ตอง
ปฏิสันถารดวย และการปฏิสันถารมีแนวทาง
การปฏิบัติอยางไร
ขอสอบเนน การคิด
ผูใดปฏิบัติตนในฐานะแขกที่ไปเยี่ยมผูอื่นไดอยางเหมาะสม บูรณาการอาเซียน
1. เนตรไปเยี่ยมมุกที่บาน เมื่อเจอพอแมเพื่อนก็ยกมือไหว
ครูเสริมความรูเพิ่มเติมเกี่ยวกับคํากลาวทักทายของภาษาตางๆ ในประเทศ
2. เกพาเพื่อนกลุมใหญไปเยี่ยมขวัญซึ่งปวยเปนไขอยูที่บาน
สมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ
3. ออสนิทกับกิ๊บมาก จึงมักไปหาเพื่อนโดยไมบอกกลาวลวงหนา
4. โอถือโอกาสที่เอกเจาของบานเขาหองนํ้าขอตัวกลับโดยไมบอกลา คํากลาวทักทาย (ภาษาอาเซียน)
บรูไน ซาลามัต ดาตัง
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เพราะเปนการแสดงความเคารพเจาของ อินโดนีเซีย ซาลามัต เตียง
บานเมื่อไปเยี่ยมเยือน
มาเลเซีย ซาลามัต ดาตัง
ขอ 2. ไมควรพาเพื่อนเปนกลุมใหญไป เพราะจะเปนการรบกวนผูปวย
ฟลิปปนส กูมุสตา
ขอ 3. ควรบอกกลาวเพื่อนลวงหนากอนไปหาเพื่อนที่บาน
ขอ 4. ควรบอกกลาวเพื่อนกอนจะขอตัวกลับบาน สิงคโปร หนีหาว (ภาษาจีน)
ไทย สวัสดีครับ/คะ
กัมพูชา ซัวสเด
ลาว สะบายดี
เมียนมา มิงกาลาบา
เวียดนาม ซินจาว
คูมือครู 115
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูสุมตัวแทนนักเรียนออกมาเลาประสบการณ
การปฏิบัติตนตอพระสงฆและในเขตวัด เชน ๓. โดยทั่วไปแขกผู้มาเยี่ยมจะท�าความเคารพเจ้าของบ้านก่อน นอกจากว่าแขกมี
การแตงกายไปวัด การเตรียมภัตตาหารไป อาวุโสกว่าเจ้าของบ้าน
ถวายพระภิกษุ การปฏิบัติตนในระหวางรวมพิธี ๔. ถ้ามิใช่ญาติมิตรที่สนิทสนมกันจริงๆ แล้ว ไม่ควรจะอยู่นานเกินสมควร ถ้ามีธุระ
การสนทนากับพระสงฆ เปนตน เมื่อเสร็จธุระแล้วก็ควรกลับ ถ้าไปเยี่ยมเฉยๆ เมื่อถามข่าวคราวพอควรแล้วก็ควรกลับ นอกจาก
2. ครูนําอภิปรายเรื่องการปฏิบัติตอพระภิกษุ เจ้าของบ้านจะคะยั้นคะยอให้อยู่ต่อ เช่น ในกรณีที่เจ้าของบ้านรู้สึกเหงาอยากมีเพื่อนสนทนา
และตั้งคําถามวา ๕. การไปเยี่ยมผู้อื่นนั้นไม่ควรน�าบุคคลที่เจ้าของบ้านไม่รู้จักไปด้วย นอกจากเป็น
• การเขาพบพระภิกษุ ควรมีการปฏิบัติตน บุตรหลานของตน หรือเป็นผู้เกี่ยวข้องกับการไปเยี่ยมนั้น
ใหเหมาะสมอยางไร 1
๖. เมื่อจะกลับไปควรบอกลาก่อน และท�าความเคารพโดยฐานานุรูปแล้วจึงกลับ
(แนวตอบ เชน ควรแตงกายใหสุภาพเรียบรอย
ควรถวายภัตตาหารในตอนเชาหรือถวายนํ้า
2.3 ระเบียบพิธีปฏิบัติต่อพระภิกษุ
ผลไมในตอนบายและตอนเย็น ตัง้ ใจฟงขณะที่ ๑) การยืน
พระภิกษุใหศีลหรือแสดงพระธรรม สนทนา ๑.๑) การยืนตามล�าพัง การยืนตามล�าพังแม้จะไม่ต้องระวังตัวมากเหมือนยืน
อยางสํารวม เปนตน) ต่อหน้าผู้ใหญ่ แต่ก็ไม่ควรปล่อยตัวให้อยู่ในลักษณะที่น่าเกลียด ซึ่งอาจมีคนมาพบเห็นเข้า เช่น
3. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 5.6 จากแบบวัดฯ ไม่ควรยืนขาถ่าง เท้าสะเอว ท�าท่าทางเย่อหยิง่ หันหน้าไปมาอย่างลุกลีล้ กุ ลน ท�าท่าทางหลุกหลิก
พระพุทธศาสนา ม.2 เป็นต้น
การยืนควรอยู่ในลักษณะสุภาพ ปล่อยตัวตามสบายพอควร ขาชิดกันหรือห่างกัน
ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ เล็กน้อยก็ได้ หรือจะยืนในท่าพักก็ได้ จะยืนเอียงเล็กน้อยพองามก็ได้ แขนปล่อยแนบล�าตัว
พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 5.6
ตามสบาย
หนวยที่ 5 หนาที่ชาวพุทธและมารยาทชาวพุทธ
๑.๒) การยืนต่อหน้าผูใ้ หญ่และ
กิจกรรมที่ ๕.๖ ใหนักเรียนเขียนเครื่องหมาย ✓ ลงใน
ที่เห็นวาถูกตอง (ส ๑.๒ ม.๒/๒)
หนาขอความ
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
ñð พระภิกษุ สมัยก่อนถ้าไม่จ�าเป็นจะไม่ยืนตรง
สถานการณ
นักเรียนควรปฏิบัติ ต่อหน้าผู้ใหญ่ แต่จะยืนเฉียงไปทางใดทางหนึ่ง
วิธีที่ ๑ วิธีที่ ๒

๑. การยืนตอหนาผูใหญ ยืนตรงตอหนา ขาชิด ✓ยืนเฉียงไปทางใดทางหนึ่ง


การยืนท�าได้ ๒ วิธี คือ ยืนตรง
และพระภิกษุ มือแนบขาง ยืนคอม
สวนบนตั้งแตเอวขึ้นไป
ขาชิด มือสองขางแนบขาง
ยืนคอมสวนบนตั้งแตเอวขึ้น
ขาชิด ปลายเท้าห่างกันเล็กน้อย มือทั้งสอง
เล็กนอย แขนแนบลําตัว ไปเล็กนอย มือสองขาง
ประสานกัน แนบข้างหรือยืนค้อมส่วนบนตั้งแต่เอวขึ้นไป
๒. ถาจําเปนตองนั่ง
แถวเดียวกับพระสงฆ
✓ควรนั่งทางดานซายมือ
ของทาน
ควรนั่งทางดานขวามือ
ของทาน
เล็ก น้อย ท่าทางส�ารวมและมือ ประสานกัน
ฉบับ
เฉลย ๓. หากตองเดินสวน
✓หลีกชิดทางดานซายมือ หลีกชิดทางดานขวามือ การค้อมตัวจะมากน้อยแล้วแต่ผู้ใหญ่อาวุโส
กับพระสงฆ ของพระสงฆ ของพระสงฆ

๔. การรับสิ่งของขณะที่ ชาย/หญิง กราบแบบ ✓ชาย/หญิง กราบแบบ


มากหรือน้อย
พระสงฆนั่งกับพื้น เบญจางคประดิษฐ ๓ ครั้ง
ยื่นมือทั้งสองไปรับของ
เบญจางคประดิษฐ ๓ ครั้ง
ยื่นมือทั้งสองไปรับของ
การประสานมือ ท�าได้ ๒ วิธี คือ
แลววางของไวดานซายมือ แลววางของไวดานขวามือ
กราบ ๓ ครัง้ แลวหยิบของนัน้
ดวยมือทั้งสอง ประคอง
กราบ ๓ ครัง้ แลวหยิบของนัน้
ดวยมือทั้งสอง ประคอง เมื่อยืนต่อหน้าพระภิกษุ พึงยืนด้วยอาการสำารวม โดยการ คว� ่ า มื อ ซ้ อ นกั น จะเป็นมือไหนทับมือไหนก็ได้
เดินเขาถอยหลังไปจนหาง
แลวคอยลุกขึ้นยืน หันหนา
เดินเขาถอยหลังไปจนหาง
แลวคอยลุกขึ้นยืน หันหนา
ยืนตัวตรง ขาชิด มือทั้งสองประสานกันและค้อมตัวไป หรือหงายมือทัง้ สอง สอดนิ้วเข้าระหว่างร่องนิว้
เดินกลับได เดินกลับได ข้างหน้าเล็กน้อย ของแต่ละมือก็ได้เช่นกัน
๕. การสนทนา ✓เวลารับไตรสรณคมนและ เวลารับไตรสรณคมนและ
กับพระสงฆ รับศีล วาตามดวยเสียงดัง
ไมควรนั่งเงียบเฉยๆ
รับศีล ใหพนมรับดวยความ
สงบนิ่ง
116
๔๘

ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว  NT  O-NE T
ครูอธิบายเพิ่มเติมวา ชาวพุทธทุกคนควรปฏิบัติตนตอพระภิกษุใหเหมาะสม การสละที่นั่งใหพระสงฆ ถือเปนการปฏิบัติตามมารยาทชาวพุทธขอใด
ทั้งกาย วาจา และใจ ดังนี้ 1. สังฆทาน
1. ทางกาย รูจักแสดงความเคารพที่เหมาะสมแกโอกาส เชน ลุกขึ้นตอนรับ 2. ธรรมทาน
ฟงธรรมดวยอาการสงบ อุปถัมภพระสงฆดวยปจจัย 4 เปนตน 3. อาสนทาน
2. ทางวาจา พูดกับพระสงฆดวยคําพูดที่ไพเราะ ใชคําพูดถูกตองเหมาะสม 4. ทักขิณานุปทาน
ควรใชคําสรรพนามที่ถูกตอง วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. การใหที่นั่งมาจากคําวา อาสนทาน คือ
3. ทางใจ แผความรักความปรารถนาดีตอ ทาน คิดหาโอกาสสนับสนุนบํารุงพระสงฆ การสละที่นั่งใหพระสงฆ
ขอ 1. สังฆทาน คือ การถวายสิ่งของหรือเครื่องไทยธรรมแดพระสงฆ
โดยไมเจาะจงเฉพาะรูปใดรูปหนึ่ง
นักเรียนควรรู ขอ 2. ธรรมทาน คือ การใหธรรมหรือคําสอนเปนทาน
ขอ 4. ทักขิณานุปทาน คือ การทําบุญอุทิศสวนกุศลใหญาติผูลวงลับ
1 ฐานานุรูป คือ สมควรแกฐานะ ใชในกรณีกิจการ การใชจาย การตอนรับ
ไปแลว
การดํารงชีพ ใหเปนไปอยางพอดี พอเหมาะพอควร ไมใหเกินเลยฐานะ
หรือนอยไปจนเกินเหตุ
116 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม เพื่อฝกระเบียบพิธี
๒) การให้ที่นั่ง มาจากค�าว่า “อาสนทาน” ใช้ในเวลาพระสงฆ์มาในบริเวณมณฑลพิธี ปฏิบตั ติ อ พระภิกษุ ทัง้ การยืน การลุกขึน้ ยืนรับ
ซึ่งไม่มีที่ว่างหรือแสดงความเคารพแก่พระสงฆ์ พึงปฏิบัติ ดังนี้ 1 การใหที่นั่ง การเดินสวนทาง การสนทนา และ
๑. ถ้าสถานที่ชุมนุมนั้นนั่งเก้าอี้ เมื่อพระสงฆ์มาในงานนั้น ฆราวาสชายและ การรับสิ่งของ แลวใหนักเรียนออกมาสาธิต
หญิงพึงลุกขึ้น หลีกให้พระสงฆ์นั่งเก้าอี้แถวหน้า หรือขณะขึ้นรถเมล์ประจ�าทางนั่งอยู่เบาะหลัง หนาชั้น
ถ้ามีพระสงฆ์เดินทางไปด้วยพึงให้พระสงฆ์นงั่ แสดงให้เห็นถึงความมีสมั มาคารวะ และมีวฒ ั นธรรม 2. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสมมติสถานการณ
ในการนั่ง แลวแตงบทสนทนาระหวางพระภิกษุกับตนเอง
๒. ถ้าจ�าเป็นต้องนั่งแถวเดียวกับพระสงฆ์ พึงนั่งเก้าอี้ด้านซ้ายมือท่านเสมอ เชน การนิมนตพระสงฆมาประกอบงานบุญ
๓. ส�าหรับสตรีเพศจะนั่งอาสนะยาว เช่น ม้ายาวตัวเดียวกันกับพระสงฆ์ต้องมี ที่บาน การนิมนตพระภิกษุมาเปนวิทยากรที่
บุรุษเพศนั่งคั่นในระหว่างกลาง จึงไม่เกิดโทษแก่พระสงฆ์ โรงเรียน เปนตน ครูสังเกตการใชสรรพนาม
๔. ถ้าสถานที่ชุมนุมนั้นนั่งกับพื้น พึงจัดอาสน์สงฆ์ให้เป็นส่วนหนึ่งต่างหากจาก และคําราชาศัพทสําหรับพระภิกษุใหเหมาะสม
ฆราวาส เช่น ปูพรมผืนใหญ่เต็มห้องควรจัดอาสนะเล็กบนพรมนั้นอีกชั้นหนึ่ง
3. ครูซักถามและสอนนักเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับ
๓) การเดินสวนทาง การเดินสวนทางกับพระสงฆ์ ควรปฏิบัติ ดังนี้ กิริยามารยาทที่เหมาะสมตอพระภิกษุ จากนั้น
๑. หลีกชิดทางซ้ายมือของพระสงฆ์ นักเรียนบันทึกขอควรระวังและการปฏิบัติตน
๒. ยืนตรงหรือนั่งตามความเหมาะสมแล้วหันหน้ามาทางท่าน มือทั้งสองห้อย
ระหวางสนทนากับพระภิกษุลงในสมุด
ประสานกันไว้ข้างหน้าในท่าที่เรียบร้อย
4. ครูถามนักเรียนเพิ่มเติมวา เพราะเหตุใด
๓. เมื่อพระสงฆ์เดินผ่านมาเฉพาะหน้า พึงยกมือไหว้
๔. ถ้าท่านพูดด้วยพึงประนมมือพูดกับท่าน เราจึงตองใหความเคารพพระภิกษุ
๕. ถ้าท่านมิได้พูดด้วย เมื่อไหว้แล้วมือทั้งสองต้องห้อยประสานกันไว้ข้างหน้า (แนวตอบ เพราะพระภิกษุเปนผูทรงศีลถึง 227
มองดูจนกว่าท่านจะผ่านไป ขอ ปฏิบัติตนอยูในสมณเพศอันดีงาม เชื่อไดวา
๔) การสนทนา การสนทนากับ เปนผูรักษาศีลหรือความเปนปกติเหนือมนุษย
พระสงฆ์ พึงปฏิบัติ ดังนี้ ปุถุชนทั่วไป นอกจากนี้ ยังเปนตัวแทนของ
๑. ใช้สรรพนามให้เหมาะสม พระพุทธเจา เปนเนื้อนาบุญของโลก เพื่อให
คือใช้สรรพนามแทนตัวเองว่า “ผม, กระผม” ผูคนไดทําบุญถวายทานตอพระภิกษุ จึงเปนที่
(ส�าหรับชาย) “ดิฉัน” (ส�าหรับหญิง) เคารพสักการะสําหรับพุทธศาสนิกชนทั่วไป)
๒. ใช้ ส รรพนามแทนท่ า นว่ า
“พระคุณเจ้า, หลวงพ่อ, ท่านพระครู, ท่านเจ้า
คุณ, ใต้เท้า, พระเดชพระคุณ” ตามควรแก่กรณี
๓. เวลารับค�า พึงใช้ว่า “ครับ,
ขอรับ” (ส�าหรับชาย) “ค่ะ, เจ้าค่ะ” (ส�าหรับหญิง) การเดินสวนทางกับพระภิกษุ ขณะทีพ่ ระภิกษุเดินผ่านหน้า
พึงยกมือไหว้

117

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T เกร็ดแนะครู
เราควรใชสรรพนามกับพระสงฆรูปที่เราไมรูจักวาอยางไรจึงจะเหมาะสม
ครูแนะนําวา คําวา “หลวงพอ” ไมใชสมณศักดิ์ แตเปนคําพูดแสดงความเคารพ
1. หลวงพอ
ยกยองพระสงฆที่ทานประพฤติปฏิบัติชอบ และมักมีพรรษาหรืออายุมากแลว
2. พระคุณเจา
ในกรณีทอี่ ายุไมมาก ผูพ ดู จะใชคาํ สรรพนามแทนทานวา หลวงอา หลวงพี่ และอืน่ ๆ
3. ทานพระครู
ก็ได ตามแตกรณี
4. พระเดชพระคุณ
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. พระคุณเจา เปนสรรพนามที่ใชเรียก
พระภิกษุที่มีระดับเปนพระราชาคณะชั้นสามัญขึ้นไป และพระทั่วไปที่ไมมี นักเรียนควรรู
สมณศักดิ์
1 ฆราวาส คือ ผูค รองเรือน หรือคฤหัสถ หรือชาวบานธรรมดา โดยฆราวาสธรรม
หรือธรรมของผูครองเรือนมี 4 อยาง ดังนี้
• สัจจะ คือ ความจริงใจ ซื่อสัตย
• ทมะ คือ การฝกฝน การขมใจตนเอง
• ขันติ คือ ความอดทน
• จาคะ คือ ความเสียสละ
คูมือครู 117
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนแตละกลุมออกมาสาธิตการถวาย
สิ่งของและรับสิ่งของในขณะที่พระสงฆยืน ๔. เวลาพระท่านพูด พึงตั้งใจฟังโดยเคารพ ไม่พึงขัดจังหวะหรือพูดแทรกขึ้นมา
นั่งเกาอี้ และนั่งกับพื้น ในระหว่างที่ท่านก�าลังพูดอยู่
2. ครูสนทนาเกี่ยวกับการรับสิ่งของจากพระสงฆ ๕. เวลาท่านให้โอวาทหรื
และตั้งคําถามวา
1 ออวยพร พึงประนมมือฟังโดยเคารพ
๖. เวลารับไตรสรณคมน์และรับศีล พึงว่าตามด้วยเสียงดั 2 ง ไม่พงึ นัง่ เงียบเฉยๆ
• การรับสิง่ ของจากมือพระสงฆกบั การแบมือ ๗. เวลาฟังพระสวด เช่น สวดศพ เจริญพระพุทธมนต์ พึงประนมมือฟังด้วยความ
รอรับสิง่ ของทีพ่ ระสงฆปลอยลง ใชในกรณีใด เคารพ ไม่คุยกันหรือท�าอย่างอื่นในระหว่างที่ท่านก�าลังสวด
บาง ๕) การรับสิ่งของ การรับสิ่งของจากพระสงฆ์ ควรปฏิบัติ ดังนี้
(แนวตอบ ในกรณีสิ่งของชิ้นเล็กๆ ผูชาย ๕.๑) การรับสิ่งของขณะที่พระสงฆ์ยืนอยู่ ขณะที่พระสงฆ์ยืนอยู่หรือนั่งในทีส่ งู
สามารถรับสิ่งของจากพระสงฆโดยตรงได ให้ผรู้ บั เดินเข้าไปด้วยกิรยิ าอาการส�ารวม เมื่อได้ระยะพอสมควร ให้ยืนตรง น้อมตัวลงไหว้ และ
แตผูหญิงจะรับสิ่งของจากพระสงฆโดยแบมือ ยืน่ มือทัง้ สองเข้าไปรับ พร้อมกับน้อมตัวเล็กน้อย ส�าหรับชายรับของจากมือท่านได้แต่สา� หรับหญิง
รอรับสิ่งของที่พระสงฆปลอยลงมา ทั้งนี้เพื่อ ให้แบมือทั้งสองชิดกันคอยรองรับสิ่งของที่ท่านจะปล่อยลงในมือให้ เมื่อรับสิ่งของแล้ว ถ้าสิ่งของ
ปองกันการถูกเนื้อตองตัวกัน) เล็กนิยมน้อมตัวลงยกมือไหว้พร้อมกับสิ่งของในมือ ถ้าสิ่งของที่รับนั้นใหญ่หรือหนักก็ไม่ต้อง
• หากโรงเรียนนิมนตพระสงฆมาเปนวิทยากร ไหว้รับแล้วค่อยหันตัวกลับเดินไปได้
บรรยายความรูท างพระพุทธศาสนา แลว ๕.๒) การรับสิ่งของขณะที่พระสงฆ์นั่งเก้าอี้ ขณะที่พระสงฆ์นั่งเก้าอี้ ให้ผู้รับ
นักเรียนตอบคําถามถูกตอง พระสงฆจงึ เรียก เดินเข้าไปด้วยอาการส�ารวม เมื่อเข้าไปใกล้พอสมควรให้ยืนตรงแล้วนั่งคุกเข่าข้างซ้าย ชันเข่า
นักเรียนออกไปรับรางวัลหนาชั้นเรียน ขวาขึ้น น้อมตัวลงยกมือไหว้ แล้วยื่นมือทั้งสองออกไปรับของเช่นที่กล่าวมาแล้ว เมื่อรับของแล้ว
ซึ่งเปนปากกา 1 ดาม โดยทานกําลังยืน ถ้าของนัน้ เล็กก็นอ้ มตัวลงไหว้พร้อมกับของนัน้ อยูใ่ นมือ ถ้าเป็นของใหญ่หรือหนัก นิยมวางของนัน้
บรรยายอยู นักเรียนจะมีวิธีการรับสิ่งของ ไว้ข้างตัวด้านซ้ายมือ น้อมตัวลงไหว้แล้วยกของนั้นด้วยมือทั้งสองประคองขึ้น ลุกขึ้นยืนถอยหลัง
จากทานอยางไร เล็กน้อยแล้วหันหน้ากลับเดินไปได้
(แนวตอบ หากเปนนักเรียนชาย ใหเดินเขาไป ๕.๓) การรั บ สิ่ ง ของขณะที่
หาพระสงฆดวยอาการสํารวม เมื่อไดระยะ พระสงฆ์นั่งกับพื้น ขณะที่พระสงฆ์นั่งกับพื้น
พอสมควรใหยืนตรง นอมตัวลงไหว แลวยื่น ให้เดินเข้าไปด้วยกิริยาส�ารวม เมื่อใกล้อาสนะ
มือไปรับสิ่งของจากทานไดโดยตรง พรอม ที่พระสงฆ์นั่งอยู่พอสมควร จึงนั่งคุกเข่าลง
นอมตัวเล็กนอย แตถาเปนนักเรียนหญิง แล้วเดินเข่าหรือคลานเข้าไปจนได้ระยะรับของ
ใหแบมือทั้งสองชิดกันคอยรองรับสิ่งของ แล้วนั่งคุก เข่าส�า หรับ ชาย หรือ นั่งพับเพีย บ
ที่ทานจะปลอยลงในมือ เมื่อรับสิ่งของ คือ ส�าหรับหญิง กราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ ๓ หน
ปากกา ซึ่งเปนของเล็กแลว ใหนอมตัวลง แล้วยื่นมือทั้งสองไปรับของแบบที่กล่าวมาแล้ว
ยกมือไหว พรอมกับสิ่งของในมือ) เมื่อรับของแล้วนิยมวางของนั้นไว้ข้างตัวด้าน
การรับสิ่งของจากพระภิกษุสำาหรับหญิงในขณะที่พระภิกษุ
ขวามือ กราบ ๓ หน แล้วหยิบของนั้นด้วยมือ
นั่งกับพื้น ทั้งสองข้าง ประคองเดินเข่าถอยหลังไปจนห่าง
118
พอสมควร แล้วจึงลุกขึน้ ยืน หันหน้าเดินกลับได้

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว  NT  O-NE T
ขอใดเปนการแสดงมารยาทในการรับสิ่งของจากพระสงฆของนักเรียนชาย
1 ไตรสรณคมน ไตร คือ สาม สรณะ คือ ที่พึ่ง คมน คือ การถึง ไตรสรณคมน
หรือสุภาพบุรุษ
จึงหมายถึง การถึงที่พึ่ง 3 ประการ ไดแก พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ ซึ่งการรับ
1. แบมือรับ
ไตรสรณคมน เปนการนอมกาย วาจา ใจ นําพระรัตนตรัยเขาไปไวในตน
2. รับไมใหโดนมือพระสงฆ
เพื่อแสดงวาตนมีพระรัตนตรัยเปนที่ระลึกนึกถึง เปนที่พึ่งตลอดไป และแสดงตน
3. รับจากมือพระสงฆโดยตรง
เปนพุทธมามกะ หรือผูนับถือพระพุทธศาสนา
4. ใชพานหรือผาปูสําหรับรองรับ
2 เจริญพระพุทธมนต มีจุดกําเนิดมาจากการศึกษาเลาเรียนพระพุทธพจน
เพื่อทองจําและสืบตอคําสั่งสอนของพระพุทธเจาโดยตรง โดยพระสงฆสาวกสมัย วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะผูชายสามารถรับสิ่งของจากมือ
พุทธกาลไดนําพระสูตรตางๆ มาสวดสาธยายในรูปแบบการบริกรรมภาวนาใหเกิด พระสงฆโดยตรงได
เปนสมาธิ จึงเรียกวา พระพุทธมนต ขอ 1. ใชกับผูหญิงในกรณีสิ่งของชิ้นเล็กๆ เชน เหรียญ พระเครื่อง
เปนตน
ขอ 2. ใชในกรณีผูหญิง
ขอ 4. พระสงฆใชพานหรือผาปูรองรับสําหรับฆราวาสที่เปนผูหญิง
ถวายของแดพระสงฆ

118 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูกลาวนําเกี่ยวกับการแตงกายในศาสนพิธี
๒.๔ การแตงกายในพิธีตางๆ ตางๆ และตั้งคําถามวา
การแตงกายมิใชวาจะมีจุดประสงคเพื่อปกปดรางกาย ปองกันหนาวรอนเพียงเทานั้น แตยัง • การแตงกายที่ถูกตองเหมาะสมและ
เพื่อประโยชนในการสงเสริมความมีสงาราศีใหตัวเราอีกดวย จําเปนตองรูวาแตงอยางไรจึงจะ ถูกกาลเทศะ กอใหเกิดผลดีอยางไร
เหมาะสมแกกาลเทศะ คือ เรามีระเบียบที่นิยม (แนวตอบ การแตงกายใหเหมาะสม คือ
กันวา ไปในงานอยางหนึ่งแตงกายอยางหนึ่ง การยึดถือความรูสึกของเจาภาพในงาน
ตางๆ กันไป สวนมากมักจะเปนเรือ่ งของผูใ หญ ตางๆ โดยเอาใจเขามาใสใจเรา
เราเปนเด็กก็ควรสังเกตไววันหนึ่งขางหนาโต เมื่อแตงกายถูกตองเหมาะสมในงานนั้น
เปนผูใหญ ก็จะตองปฏิบัติเชนเดียวกัน จะเปนการใหเกียรติ ทําใหเจาภาพมีความ
รูสึกที่ดี และเปนที่ตอนรับของบุคคลทั่วไป
๑) การแตงกายไปวัด วัดเปนที่ รวมถึงเปนที่ชื่นชมของผูอื่นดวย)
พํานักของพระภิกษุและสามเณร เปนที่สําหรับ • สิ่งที่ชาวพุทธควรระลึกอยูเสมอเมื่อไปวัด
ประกอบการบุญการกุศล ในสมัยกอนวัดมีความ มีอะไรบาง
สําคัญมากในสังคมไทย วัดเปนศูนยกลางของ (แนวตอบ ระลึกอยูเสมอวาวัดเปนสถานที่
ชุมชน วัดเปนโรงเรียน เปนที่พักแรมของคน ศักดิ์สิทธิ์ ไมควรทําการคึกคะนอง ไมสง
เดินทาง เปนที่ที่ชาวบานมาพบปะสังสรรคกัน การแตงกายไปวัด ควรแตงกายใหสุภาพเรียบรอยและ เสียงดัง ไมกระทําผิดศีล ไมยุงเกี่ยวกับ
เปนทีท่ คี่ นมาพักผอนหยอนใจเมือ่ มีงาน วัดเปน ถูกตองตามกาลเทศะ อบายมุขตางๆ ควรแตงกายใหสะอาด
ที่ที่คนมาหาความสงบวิเวกทางใจ เปนที่ที่ระบายและปรึกษาความทุกขใจและอื่นๆ อีกมากมาย
เรียบรอย และถูกตองตามกาลเทศะ)
ชาวพุทธที่ดีควรหาโอกาสไปวัดเปนครั้งคราว เชน ในวันพระ วันสําคัญทางพระพุทธ
• พุทธศาสนิกชนที่ดี ควรแตงกายไปวัด
ศาสนาก็เขาไปสนทนาธรรมหรือแมแตไปพักผอนหาที่สงบวิเวก เพื่อตั้งใจที่จะกระทําความชั่ว
อยางไร
ใหนอยลง ทําความดีใหมากขึ้น และในการไปวัดนั้นหากฐานะอํานวยก็ควรนําสิ่งของอันควร
(แนวตอบ การแตงกายไปวัดที่ถูกตองและ
ไปถวายพระดวยตามกําลังความสามารถและศรัทธาของตน เพื่อเปนการทําบุญและชําระจิตใจ
เหมาะสม ควรแตงใหสะอาดเรียบรอย
ใหสะอาด หากฐานะไมอาํ นวยก็ไมเปนไร เพราะการบูชาพระนัน้ ถาบูชาดวยการปฏิบตั ธิ รรมก็ถอื วา
หลีกเลี่ยงเสื้อผาสีสันฉูดฉาด ไมใสเสื้อผาที่
เปนสิ่งประเสริฐสุดอยูแลว
หรูหราหรือนําสมัยมากจนเกินไป ควรใส
การไปวัดนั้นตองระลึกอยูเสมอวาวัดเปนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ตองการความสะอาด
เสื้อผาที่หลวมและไมรัดรูป เพื่อสะดวกใน
สงบ และสํารวม ชาวพุทธที่ดีตองใหความเคารพตอสถานที1่อันเปนที่ตั้งของวั2 ด ควรมีมารยาท
การกราบพระและทําสมาธิ สําหรับผูหญิง
ไมสงเสียงดัง ไมเลนคะนอง ไมพูดหยาบ ไมดื่มสุราในเขตวัด ไมเลนการพนัน เปนตน
จะตองแตงกายสุภาพและมิดชิด ไมใส
การแตงกายไปวัดนั้น ควรแตงใหสะอาดเรียบรอย หลีกเลี่ยงการใชเสื้อผาที่มีลวดลาย
เสื้อที่บางเกินไปหรือเสื้อคอลึก กระโปรง
และสีสันฉูดฉาด ไมควรแตงกายใหหรูหราหรือนําสมัยจนเกินไป ควรใสเสื้อผาหลวมๆ ไมรัดรูป
หรือกางเกงก็ไมควรสั้นมาก และไมควร
เพื่อสะดวกในการกราบพระ และการทําสมาธิ สตรีไมควรใสเสื้อบางจนเกินไป กระโปรงก็ไมควร
ผาหนาผาหลังลึกเกินไป อีกทั้งไมควรใส
สัน้ มาก และไมควรผาหนาผาหลังลึกเกินไป ไมควรใสเครือ่ งประดับมากจนเกินไป วัดไมใชสถานที่
เครื่องประดับมากจนเกินไป เพราะวัดไมใช
อวดมั่งอวดมี ควรเปนที่ที่เราจะไปเพื่อขัดเกลากิเลสตัณหาใหนอยลง
สถานที่อวดความรํ่ารวย และไมควรใส
๑๑๙ นํ้าหอมกลิ่นฉุนดวย)

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T นักเรียนควรรู
ขอใดกลาวไม ถูกตองสําหรับการแตงกายไปงานมงคลหรืองานอวมงคล
1 ไมดมื่ สุราในเขตวัด ในปจจุบนั วัดถือเปนสถานทีป่ ลอดสุรา โดยมหาเถรสมาคม
1. ไปงานแตงงานใสชุดลําลอง
(คณะกรรมการปกครองคณะสงฆไทย) มีมติหามดื่มเหลาในวัดทั่วประเทศ
2. ไปงานบวชแตงกายเสื้อเชิ้ต
ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล พ.ศ. 2551 ฝาฝนมีโทษจําคุก 6 เดือน
3. ไปงานศพควรแตงกายชุดสากล
หรือปรับไมเกิน 10,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ หากพบวาพระสงฆทําผิดเสียเอง
4. ไปงานวันเกิดเพื่อนใสเสื้อสีสันสดใส
ถือโทษ 2 เทา คือ ถูกจับสึกและออกไปรับโทษตามกฎหมายดวย
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เนื่องจากงานแตงงานควรแตงใหเปน 2 การพนัน เปนหนึ่งในอบายมุข 6 หรือทางแหงความเสื่อม มี 6 ประการ ไดแก
ทางการ คือ สวมชุดสากลหรือชุดสุภาพ สวนชุดลําลองสามารถแตง ติดสุราและของมึนเมา ชอบเที่ยวกลางคืน ชอบดูการละเลน ติดการพนัน คบคนชั่ว
ไปงานวันเกิดเพื่อนได และเกียจครานการงาน โดยการเลนการพนัน มีโทษ 6 อยาง ไดแก ผูช นะยอมกอเวร
ผูแพยอมเสียดายทรัพย ความเสื่อมทรัพยในปจจุบัน ไมมีความนาเชื่อถือ ถูกบุคคล
หมิ่นประมาท และไมมีใครประสงคจะแตงงานดวย

คูมือครู 119
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนแตละคนแสดงความคิดเห็นวา
การแตงกายในงานมงคลและงานอวมงคล ควร ๒) การแต่งกายไปงานมงคล งานมงคล คือ งานที่เกี่ยวกับเรื่องดีงาม เป็นการ
แตงกายใหเหมาะสมอยางไรบาง เพราะเหตุใด ฉลองอะไรบางอย่าง หรือเป็นเรื่องที่น่ายินดี เช่น งานบวช งานแต่งงาน งานวันเกิด เป็นต้น
โดยบันทึกลงในสมุด การแต่งกายไปงานมงคลมีข้อควรปฏิบัติ คือ แต่งกายให้เหมาะสมกับงานนั้นๆ
2. ครูใหศึกษาความหมายและคานิยมของสีใน เพื่อเป็นการให้เกียรติเจ้าภาพ บัตรเชิญไปงานอาจบอกได้ว่าควรแต่งกายอย่างไร ทั้งนี้ต้องยึด
วัฒนธรรมไทยและตางประเทศ จากนั้นครูให ความนิยมของสังคมด้วย เช่น ไปงานวันเกิดเพือ่ นอาจแต่งตัวแบบล�าลองตามสบาย ไปงานแต่งงาน
นักเรียนวิเคราะหวา เพราะเหตุใดพระสงฆ ควรแต่งให้เป็นทางการ เช่น สวมชุดสากล ไปงานบวชแต่งตัวให้ดูเรียบง่าย เป็นต้น
สวนใหญจึงครองจีวรสีเหลือง การไปงาน คนแต่ละคนยึดถือประเพณีนิยมของสังคมไม่เหมือนกัน บางคนยึดถือตามระเบียบ
มงคลจึงควรใสสีสดใส สุภาพ และการไปงาน ประเพณีอย่างเคร่งครัด บางคนตามสบาย อันที่จริงเสื้อผ้าที่สวมใส่ไม่ใช่สาระหรือแก่นของการ
อวมงคลจึงควรใสสีดําหรือสีขาว ไปร่วมงาน แต่ถ้าเราไม่ยึดถืออะไรเลย แต่งตัวตามใจชอบ อาจท�าให้เจ้าภาพมีความรู้สึกไม่ดี
3. ครูใหนักเรียนที่เคยบวชเปนสามเณร หรือ คนเราควรด�าเนินสายกลาง นึกถึงใจเขาใจเรา คิดดูว่าหากเราเป็นเจ้าภาพเราจะรู้สึกอย่างไร ถ้ามี
เขารวมงานบวชหรืองานมงคลตางๆ ออกมา คนแต่งตัวอย่างที่เราแต่งมางานของเขา
อธิบายวามีขั้นตอนการดําเนินงานอยางไร เพื่อ
ใหเพื่อนนักเรียนซักถามถึงการปฏิบัติตนและ
การแตงกายไปงานเหลานั้น
4. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 5.7 จากแบบวัดฯ
พระพุทธศาสนา ม.2

ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ


พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 5.7
หนวยที่ 5 หนาที่ชาวพุทธและมารยาทชาวพุทธ
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
กิจกรรมที่ ๕.๗ ใหนักเรียนสรุปหลักปฏิบัติที่เหมาะสมในการแตงกาย ñð
ในพิธีตางๆ (ส ๑.๒ ม.๒/๒)
การแตงกายไปวัด การแต่งกายไปร่วมงานมงคล จะต้องยึดหลักความสุภาพเรียบร้อยและความเหมาะสมกับงาน
ควรแตงกายใหสะอาดเรียบรอย หลีกเลีย่ งการสวมใสเสือ้ ผา
……………………………………………………………………………………………………..
ที่ มี ล วดลายและสี สั น ฉู ด ฉาด ควรใส เ สื้ อ ผ า หลวมๆ
……………………………………………………………………………………………………..
ไมรัดรูป เพื่อสะดวกในการกราบพระและการทําสมาธิ
……………………………………………………………………………………………………..
สตรีไมควรใสเสื้อบางจนเกินไป กระโปรงไมควรสั้น
……………………………………………………………………………………………………..
เรื่องน่ารู้
มากและไมควรผาลึกเกินไป และไมควรใสเครื่องประดับ
……………………………………………………………………………………………………..
มากจนเกินความพอดี
……………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………….. กาสายะหรือกาสาวะ
การแตงกายไปงานมงคล
ควรแตงกายใหสุภาพเรียบรอยเหมาะสมกับงานนั้นๆ
กาสายะหรือกาสาวะ คือ ผ้าที่ย้อมด้วยรสฝาดแห่่งต้นไม้ มีสีเหลืองหม่น ผ้าเหลืองสำาหรับพระ การที่ต้อง
……………………………………………………………………………………………………..
และยึดความนิยมของสังคม เชน ไปงานวันเกิดเพื่อน ฉบับ
……………………………………………………………………………………………………..
อาจแตงตัวแบบลําลองตามสบาย ไปงานแตงงานควร
…………………………………………………………………………………………………….. เฉลย
ย้อมด้วยรสฝาดนัน้ มีจดุ ประสงค์เพือ่ จะฆ่าเชือ้ โรค เพราะสมัยนัน้ พระหาผ้าครองได้จากป่าช้า ซึง่ เป็นผ้าทีช่ าวบ้านใช้
แต ง กายให เ ป น ทางการ ไปงานบวชควรแต ง ตั ว ให
……………………………………………………………………………………………………..
เรียบรอย ไมจําเปนตองใสชุดหรูหราราคาแพง
……………………………………………………………………………………………………..
ห่อศพมีเลือดและหนองเปรอะอยู่ เมื่อจะนำามาใช้เป็นผ้าครองต้องฆ่าเชื้อโรคเสียก่อน อีกประการหนึ่งผ้าเหล่านั้น
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
ย่อมเปือ่ ย จำาเป็นต้องฉีกเอาแต่ทด่ี ๆี มาเย็บต่อเข้าเป็นผืน ด้วยเหตุน้ี ผ้1าครองของพระแต่เดิมจึงมีตะเข็บมากมายไม่เหมือน
การแตงกายไปงานอวมงคล
ในปัจจุบัน จีวรพระสงฆ์ในสมัยพุทธกาลออกแบบโดยพระอานนท์ ที่เป็นตะเข็บ เรียกว่า ขันธ์ มี ๕ ขันธ์ ๗ ขันธ์
ตามประเพณี นิ ย มผู  ช ายแต ง ชุ ด สากลนิ ย มสี เ ข ม หรื อ
……………………………………………………………………………………………………..
แตงกายชุดไทยพระราชทานสีดําทั้งชุด หรือกางเกงสีดํา
……………………………………………………………………………………………………..
มีลักษณะคล้ายคันนาของชาวมคธ (วินัยมุขเล่ม ๒)
หรือเขม เสื้อสีขาว ผูหญิงนุงผาซิ่นหรือกระโปรงตาม
……………………………………………………………………………………………………..
สมัยนิยม ถาเปนไปไดควรเปนสีดําทั้งชุด สวมรองเทา
……………………………………………………………………………………………………..
หุ  ม ส น สี ดํ า ถ า ไม มี ก็ อ าจแต ง กายธรรมดาสี เ รี ย บๆ
……………………………………………………………………………………………………..
ไมฉูดฉาด และไมควรใสเครื่องประดับมากเกินไป
……………………………………………………………………………………………………..
120
……………………………………………………………………………………………………..

๔๙

ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว  NT  O-NE T
ครูอธิบายเพิ่มเติมถึงการแตงกายไปงานมงคลวา เมื่อไปรวมพิธีหรือไปแสดง การแตงกายไปทําบุญฟงเทศนที่วัด ไมควร แตงอยางไร
ความยินดีแกเจาภาพ เนนการแตงกายสุภาพเรียบรอยก็เพียงพอ ไมจําเปนตองใส 1. นุงกระโปรงสีดํา
ชุดหรูหรา แตสิ่งที่ตองยกเวน เชน รองเทาแตะ กางเกงขาสั้น เสื้อผารุมรามหรือ 2. ใสเครื่องประดับ
ฉีกขาด หรือมองแลวไมเหมาะไมควร เปนตน 3. นุงกางเกงขาสั้น
4. ทําผมแตงหนาเล็กนอย
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะการไปทําบุญฟงเทศนที่วัด
นักเรียนควรรู ควรแตงกายใหสุภาพ เหมาะสมกับกาลเทศะ และสุภาพสตรีควรหลีกเลี่ยง
การนุงกระโปรงสั้นหรือกางเกงขาสั้นและใสเสื้อรัดรูป เพราะไมเหมาะสมกับ
1 พระอานนท เปนสหชาติ (เกิดวันเดียวกับพระพุทธเจา) และพุทธอุปฏฐาก กาลเทศะอยางยิ่ง
ของพระพุทธเจา ซึ่งไดรับยกยองวาเปนเอตทัคคะหรือผูเปนเลิศกวาพระสาวกอื่น
ถึง 5 ประการ ไดแก มีสติเปนเลิศ มีความทรงจําเปนเลิศ มีความเพียรเปนเลิศ
พหูสูต (ผูไดยินไดฟงมาก) และยอดพระพุทธอุปฏฐาก

120 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
ครูนําสนทนาเรื่องการแตงกายไปงานอวมงคล
๓) การแต่งกายไปงานอวมงคล งานอวมงคล และตั้งคําถาม
1 หมายถึง งานศพ ตามประเพณี • การแตงกายไปรวมงานอวมงคล เพราะเหตุใด
นิยมชายแต่งชุดสากลนิยมสีเข้ม สวมปลอกแขนทุกข์ที่แขนเสื้อข้างซ้ายเหนือข้อศอก 2หรือ
แต่งกายชุดไทยพระราชทานสีด�าทั้งชุด หรือกางเกงสีด�าหรือเข้ม เสื้อสีขาว หญิงนุ่งผ้าซิ่นหรือ จึงนิยมแตงกายดวยชุดสีดําหรือสีขาว
กระโปรงตามสมัยนิยม ควรเป็นสีด�าทั้งชุดถ้าเป็นไปได้ รองเท้าหุ้มส้นสีด�า ถ้าไม่มีก็อาจแต่งกาย (แนวตอบ เพราะงานอวมงคล คือ งานไวทกุ ข
ธรรมดา สีเรียบๆ ไม่ฉูดฉาด ไม่ควรใส่เพชรนิลจินดาให้มากเกินเหตุ เพราะเป็นงานเศร้าโศก งานโศกเศรา ผูแตงกายจึงควรสวมชุด
มิใช่งานรื่นเริง ที่แสดงถึงการไวทุกข เชน ชุดสีดํา สีขาว
สีเขม เปนตน เพื่อใหผูที่ไปงานสวมชุด
ธรรมดา สีเรียบ ไมฉูดฉาดเหมือนๆ กัน
ซึ่งเปนการแตงกายที่ใหเกียรติเจาภาพเวลา
ไปงานอวมงคล)

ขยายความเขาใจ Expand
1. ครูใหนักเรียนเขียนสรุปความรูและความเขาใจ
เกี่ยวกับมารยาทชาวพุทธ ไดแก การตอนรับ
(ปฏิสันถาร) มารยาทของผูเปนแขก ระเบียบ
พิธีปฏิบัติตอพระสงฆ และการแตงกาย
ในพิธีตางๆ ลงในสมุดและสงครูผูสอน
2. ครูใหนักเรียนแตละคนสาธิตระเบียบพิธีปฏิบัติ
ตอพระสงฆ ไดแก การยืน การใหที่นั่ง การ
เดินสวนทาง การสนทนา และการรับสิ่งของ
การแต่งกายไปงานอวมงคลหรืองานศพ ควรแต่งกายตามประเพณีนิยม หรือแต่งกายธรรมดาสีเรียบ ไม่ฉูดฉาด
ตรวจสอบผล Evaluate
พระพุทธศาสนามีความส�าคัญต่อการด�าเนินชีวิตตามอย่างวิถีไทย ซึ่งไม่สามารถ
แยกออกจากกันได้อย่างเด็ดขาด กระทั่งเป็นที่ยอมรับว่าเมืองไทยเป็นเมืองแห่งพุทธธรรมอย่าง 1. ตรวจสอบจากการเขียนสรุปความรูและความ
แท้จริง ในเมืองไทยจะมีพุทธศาสนิกชนอยู่มากที่สุด ดังนั้น พุทธศาสนิกชนไทยจึงควรปฏิบัติตน เขาใจเกี่ยวกับมารยาทชาวพุทธ
ตามหลักหน้าทีช่ าวพุทธ ได้แก่ ท�านุบา� รุงพระพุทธศาสนาให้ยนื ยงสืบไป อาจจะด้วยวิธหี มัน่ ศึกษา 2. ตรวจสอบจากการสาธิตระเบียบพิธีปฏิบัติตน
หาความรูใ้ นหลักธรรมและน�าไปใช้ในการด�ารงชีวติ ปฏิบตั ติ ามหลักประเพณีพธิ กี รรมทางพระพุทธ ตอพระสงฆ
ศาสนา หรือส่งเสริมอุปถัมภ์พระภิกษุสงฆ์ซึ่งเป็นผู้สืบทอดพระพุทธศาสนา นอกจากนี้ ยังต้อง
ท�าหน้าที่เผยแผ่พระศาสนาให้รุ่งเรืองยิ่งขึ้นไป ตลอดจนปกป้องพระศาสนามิให้เสื่อมหรือถอยลง
สู่ความต�่าด้วย
121

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T นักเรียนควรรู
“หมูแฮมชวนสายปาน ไขดาว และขาวโอตไปงานสวดพระอภิธรรมศพ 1 สวมปลอกแขนทุกข มีหลักเกณฑและเทคนิคการติดปลอกแขนทุกข ดังนี้
ของพอเพื่อน หมูแฮมใสกางเกงขายาวสีดํา เสื้อเชิ้ตขาว สายปาน • การติดปลอกแขนทุกข ตองติดดานซายมือ
นุงกระโปรงดํา เสื้อสีขาว ไขดาวนุงกระโปรงขาว เสื้อสีชมพู ขาวโอต • การติดปลอกแขนทุกขใชในพิธีพระราชทานเพลิงศพ
นุงกางเกงขายาวสีดํา สวมเสื้อแขนยาวสีขาว ผูกเนกไทสีนํ้าเงิน” • ความสูงของดานบนของปลอกแขนทุกข ตองเสมอกับแนวรักแรดา นซายมือ
บุคคลใดแตงกายไม เหมาะสมกับกาลเทศะ • ปลอกแขนทุกขสดี าํ มักเปนขน ลักษณะคลายขนแมวติด ควรใชแปรงปดออก
1. หมูแฮม 2. สายปาน ใหสะอาดเรียบรอย
3. ไขดาว 4. ขาวโอต • ใหแนวตะเข็บของปลอกแขนทุกข อยูต รงตนแขนดานใน ไมใหเห็นเข็มกลัด
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะไขดาวใสเสือ้ สีชมพู ไมเหมาะสมกับ ที่ใชกลัด เพื่อความสวยงาม
การไปงานอวมงคลหรืองานสวดพระอภิธรรมศพ เนือ่ งจากเปนงานไวทกุ ข • ขนาดปลอกแขนทุ ก ข ต อ งพอดี กั บ ขนาดแขน อาจจะหลวมเล็ ก น อ ย
ผูแตงกายควรใสชุดสุภาพ สีขาว สีดํา หรือสีเขม จึงจะเหมาะสม พอสวยงาม ความกวางของปลอกแขนทุกขกวาง 4 นิ้ว
2 ผาซิ่น คือ ผาที่เย็บเปนถุงสําหรับผูหญิงนุง ผาซิ่นจะมีขนาดสั้นยาวและกวาง
แคบแตกตางกันไป ขึ้นอยูกับรูปรางของผูนุงและวิธีการนุง

คูมือครู 121
ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Evaluate
Engage Explore Explain Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
ตรวจสอบความถูกตองจากการตอบคําถาม
ประจําหนวยการเรียนรู ค íา¶ามประจ íาหน่วยการเรียนรู้

หลักฐานแสดงผลการเรียนรู ๑. กล่าวกันว่า “พระสงฆ์ คือผู้ปฏิบัติให้เห็นเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ประชาชน” การปฏิบัติ


เป็นแบบอย่างทีด่ ี คือปฏิบตั อิ ย่างไรบ้าง
1. บันทึกขอมูลจากการสัมภาษณพระภิกษุเกี่ยวกับ ๒. หลักค�าสอนพระพุทธศาสนาที่สอนให้ท�าความดีและมีความกตัญญูต่อพ่อแม่ มีประโยชน์
การเผยแผพระพุทธศาสนาและการปฏิบัติตน ต่อสังคมไทยอย่างไร และอธิบายให้เห็นว่าหากขาดหลักธรรมข้อนี้แล้วจะเกิดปัญหา
ในชีวิตประจําวัน ต่อสังคมไทยอย่างไร
2. บันทึกการเขารวมพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา ๓. หากนักเรียนจะต้องไปท�ากิจธุระที่วัด นักเรียนมีหลักปฏิบัติในการสนทนากับพระสงฆ์
3. การเขียนสรุปขั้นตอนและประโยชนของ อย่างไร จงอธิบายเป็นขัน้ ตอน
พิธีแสดงตนเปนพุทธมามกะ ๔. การปฏิสันถารคืออะไร มีประโยชน์และมีความส�าคัญอย่างไร อธิบายตามหลักพระพุทธ
4. การเขียนสรุปความรูและความเขาใจเกี่ยวกับ ศาสนาและวิถชี วี ติ ของสังคมไทย
มารยาทชาวพุทธ ๕. ในฐานะที่ยังอยู่ในวัยเรียน นักเรียนคิดว่าจะมีแนวทางในการช่วยเผยแผ่พระศาสนาได้
อย่างไรบ้าง ให้แสดงความคิดเห็น

กิจกรรมสร้างสรรค์พั²นาการเรียนรู้

กิจกรรมที่ ๑ ครูและนักเรียนร่วมกันวิเคราะห์บทบาทของพระสงฆ์ในปัจจุบัน จากนั้นครู


สรุปประเด็นส�าคัญให้นักเรียนเข้าใจบทบาทของพระสงฆ์ได้ดียิ่งขึ้น
กิจกรรมที่ ๒ ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม ให้แต่ละกลุ่มออกมาสาธิตการปฏิบัติตนต่อ
พระสงฆ์ อาทิ การยืนหน้าพระสงฆ์ การให้ที่นั่ง การเดินสนทนา และการ
สนทนากับพระสงฆ์ โดยให้ครูและนักเรียนร่วมกันชี้แนะว่าสาธิตได้ถูกต้อง
หรือไม่อย่างไร
กิจกรรมที่ ๓ ครูน�าเทปหรือวีดิทัศน์เกี่ยวกับการสนทนาธรรมมาเปิดหรือฉายให้นักเรียน
ชมและร่วมกันสรุปถึงแนวทางการแสวงหาความรู้ด้วยวิธีการสนทนาธรรม
พุทธศาสนสุภาษิต
ÁÒµÒ ÁÔµÚµí Êà¡ ¦àà : ÁÒôÒ໚¹ÁÔµÃã¹àÃ×͹¢Í§µ¹
122

แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. การปฏิบัติเปนแบบอยางของพระสงฆ เชน ดํารงชีวิตดวยความเรียบงาย สมถะ ไมฟุงเฟอ ไมยึดติดในลาภสักการะ ไมสะสมทรัพยสินเงินทอง เนนพัฒนาดานจิตใจ
ใหสูงขึ้นและเนนขัดเกลากิเลส เปนตน
2. การที่พระพุทธศาสนาสอนใหลูกทําความดี และมีความกตัญูตอพอแม ทําใหสังคมมีความสงบสุข คนไมกลาทําความชั่ว เพราะคนที่รักและกตัญูตอพอแม ยอมไม
กลาทําสิ่งผิด เนื่องจากกลัวพอแมจะเสียใจและผิดหวัง ซึ่งถือเปนความอกตัญูยิ่ง หากขาดหลักธรรมขอนี้ สังคมไทยจะวุนวาย ไมสงบสุข คนที่ไมรักและไมกตัญู
ตอพอแม ยอมทําความชั่วไดงาย เพราะไมกลัววาจะมีผูใดเสียใจ นอกจากนั้น พอแมจะถูกทอดทิ้งเมื่อแกชรา ทําใหภาครัฐตองเลี้ยงดู จึงเปนการสิ้นเปลืองงบประมาณ
อยางมาก
3. การใชสรรพนามแทนตัวเอง ผูชายใช “กระผม” ผูหญิงใช “ดิฉัน” และใชสรรพนามแทนพระสงฆตามแตกรณี สวนเวลารับคํา ใช “ครับ” สําหรับผูชาย “คะ” สําหรับ
ผูหญิง เวลาพระพูด ตั้งใจฟงดวยความเคารพ เวลาพระใหพร ประนมมือฟงดวยความเคารพ รวมถึงเวลารับศีล ใหวาตาม ไมควรนั่งเงียบ
4. การปฏิสันถาร คือ การตอนรับอาคันตุกะดวยวิธีตางๆ คือ ปฏิสันถารดวยวาจา การใหที่พัก และการแสดงนํ้าใจตอกัน มีประโยชนและความสําคัญ คือ ทําให
อาคันตุกะเกิดความประทับใจ ซึ่งพระพุทธเจาทรงใหความสําคัญตอการปฏิสันถารดวยกิริยามารยาทที่สุภาพอยางมาก คนไทยจึงรับอิทธิพลนี้มาจากพระพุทธศาสนา
กอใหเกิดเปนวัฒนธรรมที่ดีงาม
5. ศึกษาคําสอนของพระพุทธศาสนาใหเขาใจอยางถองแท เมื่อมีผูสงสัย จะไดชี้แจงหรืออธิบายใหเขาเขาใจได รวมถึงปฏิบัติตนตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาอยาง
เครงครัด เพื่อเปนแบบอยางที่ดีแกผูสนใจพระพุทธศาสนา ตลอดจนจัดนิทรรศการเพื่อเผยแผพระพุทธศาสนาก็ได

122 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู

หน่วยการเรียนรู้ที่
วันสําคัญทาง
๖ 1. อธิบายประวัติความเปนมาและความสําคัญ
ของวันสําคัญทางพระพุทธศาสนาได
2. ปฏิบตั ติ นไดถกู ตองและเหมาะสมในวันสําคัญ
ทางพระพุทธศาสนา
พระพุทธศาสนา 3. อธิบายคําสอนที่เกี่ยวเนื่องกับวันสําคัญทาง
พระพุทธศาสนาได
และศาสนพิธี 4. ปฏิบัติศาสนพิธีทางพระพุทธศาสนาไดอยาง
ถูกตอง

สมรรถนะของผูเรียน
ตัวชี้วัด 1. ความสามารถในการคิด
● วิเคราะห์คณ
ถูกต้อง
ุ ค่าของศาสนพิธแี ละปฏิบตั ติ นได้ 2. ความสามารถในการแกปญหา
(ส ๑.๒ ม.๒/๑) 3. ความสามารถในการใชทักษะชีวิต
● อธิบายคำาสอนที่เกี่ยวเนื่องกับวันสำาคัญทาง
ศาสนาและปฏิบัติตนได้ถูกต้อง
(ส ๑.๒ ม.๒/๔)
● อธิบายความแตกต่างของศาสนพิธี พิธีกรรม
ตามแนวปฏิบัติของศาสนาอื่นๆ เพื่อนำาไปสู่
คุณลักษณะอันพึงประสงค
การยอมรั บ และความเข้ า ใจซึ่ ง กั น และกั น
(ส ๑.๒ ม.๒/๒) 1. รักชาติ ศาสน กษัตริย
2. ใฝเรียนรู
3. รักความเปนไทย
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
4. มีจิตสาธารณะ
● การปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม
● หลักธรรมเบือ้ งต้นทีเ่ กีย่ วเนือ่ งในวันมาฆบูชา
วันวิสาขบูชา วันอัฏฐมีบูชา วันอาสาฬหบูชา
วันธรรมสวนะ และเทศกาลสำาคัญ
ระเบียบพิธแี ละการปฏิบตั ติ นในวันธรรมสวนะ

ÈÒʹ¾Ô¸ËÕ Ã×;Ը¡Õ ÃÃÁ·Ò§ÈÒʹÒ໚¹ÃÐàºÕºẺἹ

วันเข้าพรรษา วันออกพรรษา วันเทโวโรหณะ
ศาสนพิธี พิธกี รรม แนวปฏิบตั ขิ องศาสนาอืน่ ๆ ·Ò§ÈÒʹҷÕè¡íÒ˹´¢Öé¹à¾×èÍãËŒ¾Ø·¸ÈÒʹԡª¹ä´ŒÂÖ´¶×Í
กระตุน ความสนใจ Engage
»¯ÔºµÑ àÔ »š¹áººÍ‹ҧà´ÕÂǡѹ áÅж×Í໚¹Ê‹Ç¹»ÃСͺ·ÕÊè Òí ¤ÑÞ ครูใหนักเรียนชวยกันตอบวา
»ÃСÒÃË¹Ö§è ¢Í§¾Ãоط¸ÈÒÊ¹Ò ¹Í¡¨Ò¡¹Õé ÈÒʹ¾Ô¸ÂÕ §Ñ ª‹Ç • วันสําคัญทางพระพุทธศาสนาที่นักเรียนรูจัก
áÊ´§ÍÍ¡¶Ö§àÍ¡Åѡɳ¢Í§ªÒµÔáÅÐÊÌҧ¤ÇÒÁÊÒÁѤ¤ÕãËŒ
มีอะไรบาง
à¡Ô´¢Öé¹ã¹ËÁÙ‹¤³Ð
ªÒµÔä·ÂÁÕàÍ¡Åѡɳ¡ÒûÃСͺ¾Ô¸¡Õ ÃÃÁ·Ò§ÈÒÊ¹Ò • วันสําคัญทางพระพุทธศาสนาเหลานี้มีขึ้น
áÅÐä´Œ¡Òí ˹´ãËŒÁÇÕ ¹Ñ ÊíÒ¤ÑÞµ‹Ò§æ à¡ÕÂè Çà¹×Íè §¡Ñº¾Ãоط¸ÈÒÊ¹Ò เพื่อวัตถุประสงคอะไร และชาวพุทธควร
ÁÒ¡ÁÒ ÍÒ·Ô ÇѹÁÒ¦ºÙªÒ ÇѹÇÔÊÒ¢ºÙªÒ ÇѹÍÒÊÒÌËºÙªÒ ÏÅÏ ปฏิบัติอยางไรบางในวันสําคัญนั้น
´Ñ§¹Ñ¹é ¾Ø·¸ÈÒʹԡª¹·Õ´è ¨Õ §Ö ¤ÇÃÈÖ¡ÉÒ¤ÇÒÁ໚¹ÁҢͧÇѹÊíÒ¤ÑÞ
·Ò§¾Ãоط¸ÈÒʹÒáÅÐÈÒʹ¾Ô¸Õµ‹Ò§æ à¾×èÍãËŒÊÒÁÒö
»¯ÔºÑµÔµ¹ä´ŒÍ‹ҧ¶Ù¡µŒÍ§àËÁÒÐÊÁ

เกร็ดแนะครู
ครูควรจัดกิจกรรมการเรียนรูเพื่อใหนักเรียนสามารถอธิบายประวัติความเปนมา
และหลักคําสอนที่เกี่ยวเนื่องกับวันสําคัญทางพระพุทธศาสนาได รวมถึงปฏิบัติตน
ไดอยางถูกตองในวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา ตลอดจนปฏิบัติศาสนพิธีทาง
พระพุทธศาสนาไดถูกตอง โดยครูควรจัดการเรียนการสอน ดังนี้
• ใหนักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา แลวจัดทํา
ผังมโนทัศนสรุปสาระสําคัญ
• ใหนักเรียนสืบคนเกี่ยวกับวันธรรมสวนะและเทศกาลสําคัญ แลวเขารวม
ประกอบพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา
• ใหนักเรียนศึกษาเกี่ยวกับประวัติความเปนมาและวิธีปฏิบัติของศาสนพิธี
ตางๆ แลวเขียนสรุปสาระสําคัญ
• ฝกใหนักเรียนสวดมนตที่ใชในงานศาสนพิธีตางๆ ในพระพุทธศาสนา
• จัดใหมีการสาธิตการปฏิบัติศาสนพิธีในชั้นเรียน รวมถึงจัดใหมีการปฏิบัติ
จริงที่วัด

คูมือครู 123
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูนําภาพเหตุการณตางๆ ในพุทธประวัติ
ที่เกี่ยวของกับวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา เชน ñ. ÇѹÊÓ¤ÑÞ·Ò§¾Ãоط¸ÈÒʹÒ
ภาพพระพุทธเจาประสูติ ตรัสรู พระพุทธเจาแสดง
ปฐมเทศนาแกปญจวัคคีย เปนตน มาแสดงให ๑.๑ หลักธรรมเบือ้ งตนทีเ่ กีย่ วเนือ่ งในวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา
นักเรียนดู และถามเชิงกระตุนวา ๑) วันมาฆบูชา
• เหตุการณในภาพเหลานี้ตรงกับวันสําคัญใด ๑.๑) ความเปนมาและความสําคัญ วันมาฆบูชาเปนวันที่พุทธศาสนิกชนแสดง
ทางพระพุทธศาสนา ความเคารพตอพระธรรม มาฆบูชา ยอมาจากคําวา “มาฆบูรณมีบูชา” แปลวา การบูชาใน
วันเพ็ญเดือน ๓ แตถาปใดมีอธิกมาส คือ มีเดือน ๘ สองหน ก็ใหเลื่อนไปเปนวันเพ็ญกลาง
สํารวจคนหา Explore เดือน ๔ มูลเหตุที่เกิดวันมาฆบูชาขึ้นมาก็เนื่องมาจากวาในสมัยพุทธกาลไดมีเหตุการณสําคัญ
๔ อยาง เกิดขึ้นพรอมกันในวันนี้หรือที่นิยมเรียกกันวา “จาตุรงคสันนิบาต” ซึ่งแปลวา การประชุม
ครูใหนักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับวันสําคัญ อันประกอบดวยองค ๔ ไดแก
ทางพระพุทธศาสนา ไดแก วันมาฆบูชา
วันวิสาขบูชา วันอัฐมีบชู า และวันอาสาฬหบูชา จาตุรงคสันนิบาต
จากหนังสือเรียนหนา 124-131 และแหลงการเรียนรู 1
๑. พระอรหันตสาวก จํานวน ๑,๒๕๐ องค มาประชุมพรอมกัน ณ เวฬุวนั
ตางๆ เชน หองสมุด อินเทอรเน็ต สนทนาธรรม มหาวิหาร กรุงราชคฤห
กับพระสงฆ เปนตน เพื่อนําความรูมาอภิปรายและ ๒. พระอรหันตสาวกเหลานี้ ลวนไดรับเอหิภิกขุอุปสัมปทา คือ ไดรับ
แลกเปลี่ยนในชั้นเรียน การอุปสมบทจากพระพุทธเจาโดยตรง
๓. พระอรหันตสาวกเหลานี้ มาประชุมพรอมกัน2โดยมิไดนัดหมาย
อธิบายความรู Explain กันมากอน และพระพุทธองคทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข
ครูนําอภิปรายเกี่ยวกับวันมาฆบูชา และตั้ง ๔. วันนั้นเปนวันเพ็ญเดือนมาฆะ พระจันทรเต็มดวงบริบูรณ พระพุทธรูปแสดงปางโอวาทปาฏิโมกข
คําถามเชิงวิเคราะหวา
• นักเรียนคิดวา เพราะเหตุใด วันมาฆบูชา เหตุการณที่เกิดขึ้นในครั้งนั้น
จึงมีพระอรหันตสาวก จํานวน 1,250 องค พระพุทธเจาทรงเห็นเปนเรือ่ งอัศจรรย จึงไดทรง
มาประชุมกันโดยมิไดนัดหมาย แสดงพระธรรมเทศนา “พระโอวาทปาฏิโมกข”
(แนวตอบ เพราะวันมาฆบูชาคือวันเพ็ญเดือน 3 ใหปรากฏตอมหาสังฆสันนิบาต คือ ที่ประชุม
ที่พระสงฆจะมาประชุมกันเพื่อมาสดับรับฟง สงฆหมูใหญ ซึ่งมีใจความสําคัญ คือ “การ
พระธรรมเทศนาของพระพุทธเจา) ไมทําความชั่วทั้งปวง ๑ การทําแตความดี ๑
• โอวาทปาฏิโมกข ที่พระพุทธเจาทรงแสดง การทําจิตใจใหสะอาดบริสุทธิ์ ๑ นี้เปนคําสอน
ในวันมาฆบูชามีใจความสําคัญเกี่ยวกับอะไร ของพระพุทธเจาทั้งหลาย” ซึ่งอาจกลาวไดวา
บาง หลักธรรมดังกลาวเปนหลักธรรมที่เกี่ยวเนื่อง
(แนวตอบ การไมทําความชั่วทั้งปวง การทําแต พระพุทธเจาทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกขแกพระสงฆสาวก ในวันมาฆบูชา
จํานวน ๑,๒๕๐ องค ซึง่ มาประชุมพรอมกันโดยมิไดนดั หมาย
ความดี การทําจิตใจใหสะอาดบริสุทธิ์)
๑๒๔

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู เพราะเหตุใด เราจึงเรียกวันมาฆบูชาวา “วันพระธรรม”
1. เกี่ยวของกับไตรสิกขา
1 พระอรหันตสาวก คือ พระสงฆสาวกที่บรรลุธรรมสําเร็จเปนพระอรหันต
2. เกี่ยวของกับการแสดงปฐมเทศนา
โดยสามารถละสังโยชน 10 หรือกิเลสผูกมัดใจไดทั้ง 10 ประการ
3. เกี่ยวของกับพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา
2 โอวาทปาฏิโมกข คือ หลักคําสอนของพระพุทธเจาที่อาจสรุปใจความไดเปน 4. เกี่ยวของกับหลักคําสอนของพระพุทธศาสนา
3 สวน ไดแก หลักการ 3 คือ แนวทางที่พุทธบริษัทควรปฏิบัติ ประกอบดวย การ
ไมทําบาปทั้งปวง การทํากุศลใหถึงพรอม การทําจิตใจใหบริสุทธิ์ อุดมการณ 4 คือ วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะในวันมาฆบูชาเปนวันที่พระพุทธเจา
อุดมการณสูงสุดของพระสงฆ อันมีลักษณะที่แตกตางจากศาสนาอื่น และวิธีการ 6 ทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข ซึ่งเปนการแสดงพระธรรมเกี่ยวกับหลักคําสอน
คือ แนวทางเดียวกันและถูกตองเปนธรรม ของพระพุทธเจา ไดแก หลักการ 3 อุดมการณ 4 และวิธีการ 6

มุม IT
ศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับวันมาฆบูชา ไดที่
http://www.larnbuddhism.com เว็บไซตลานพระพุทธศาสนา

124 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนกั เรียนศึกษาพิธลี อยบาปในวันศิวาราตรี
อนึ่ง อาจจะมีผู้สงสัยว่าในวันจาตุรงคสันนิบาต มีพระอรหันตสาวกจ�านวนถึง ของศาสนาพราหมณ-ฮินดู และการละเวนบาป
๑,๒๕๐ องค์ มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายกันมาก่อนนั้นจะเป็นไปได้หรือ เรื่องนี้ ของพระพุทธศาสนา วาเหมือนหรือแตกตางกัน
มีมูลความจริงอยู่ว่า เมื่อพระพุทธองค์ทรงได้พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะเป็นอัครสาวกแล้ว อยางไร และนํามาอภิปรายในชั้นเรียน
ยังคงประทับอยู่ ณ เวฬุวันมหาวิหาร พร้อมด้วยหมู่พระภิกษุ ๑,๒๕๐ องค์ คือ หมู่พระภิกษุบุราณ 2. ครูสุมใหนักเรียน 2-3 ออกมาเลาประสบการณ
ชฎิล ๑,๐๐๐ รูป และหมู่พระภิกษุซึ่งเป็นศิษย์ของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะอีก ๒๕๐ องค์ และความประทับใจที่นักเรียนเคยไปรวม
โดยที่พระพุทธเจ้ายังมิได้ส่งพระภิกษุเหล่านี้ออกไปประกาศพระธรรม เผยแผ่พระพุทธศาสนา1 ประกอบพิธีกรรมตางๆ เนื่องในวันสําคัญทาง
แต่อย่างใด พอถึงวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค�่า เดือน ๓ ในทางศาสนาพราหมณ์ เรียกว่า “วันศิวาราตรี” พระพุทธศาสนา จากนัน้ ครูใหนกั เรียนวิเคราะห
ซึง่ จะมีการประกอบพิธลี อยบาป ในคืนนัน้ พระสงฆ์ทงั้ ๑,๒๕๐ องค์ คงมีความคิดว่า บัดนีต้ นก็พน้ วา พิธีกรรมตางๆ เหลานี้มีความสําคัญ
จากความเป็นพราหมณ์กลายมาเป็นพุทธสาวกแล้ว แทนที่เราจะประกอบพิธีลอยบาปอย่างที่เคย อยางไร และมีวัตถุประสงคเพื่ออะไร โดยให
กระท�ามา ควรเปลี่ยนเป็นการเข้าไปเฝ้าพระพุทธองค์เพื่อสดับรับฟังพระธรรมเทศนาจะดีกว่า นักเรียนรวมกันอภิปรายและบันทึกความรู
มูลเหตุนี้เองที่ท�าให้มีภิกษุถึง ๑,๒๕๐ องค์ เข้ามาประชุมพร้อมกันเพื่อเฝ้าพระพุทธองค์ ลงในสมุด
2 3. ครูใหนักเรียนยกตัวอยางวา นักเรียนควรจะ
๑.๒) การปฏิบตั ติ นในวันมาฆบูชา ในตอนเช้าพุทธศาสนิกชนจะไปท�าบุญตักบาตร
ที่วัด ฟังพระธรรมเทศนา บ�าเพ็ญสาธารณประโยชน์ และในตอนค�่าก็จะน�าดอกไม้ ธูปเทียนไปยัง ปฏิบัติตนอยางไรในวันมาฆบูชา เพราะเหตุใด
วัดที่อยู่ใกล้บ้าน พอได้เวลาพระสงฆ์จะประชุมกัน ยืนหันหน้าตรงต่อพระพุทธรูป บรรดาฆราวาส 4. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 6.1 จากแบบวัดฯ
ก็ยืนตั้งแถวให้เป็นระเบียบอยู่ด้านหลังพระสงฆ์ จากนั้นจุดธูปเทียน พระเถระชั้นผู้ใหญ่กล่าวน�า พระพุทธศาสนา ม.2
ค�าบูชา เสร็จแล้วท�าทักษิณาวรรต โดยการเดินเวียนขวารอบพระอุโบสถหรือสถูปเจดีย์ ๓ รอบ
ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ
การเดินเวียนเทียนนีต้ อ้ งท�าใจให้สงบ ควรส�ารวมวาจาและละเว้นการท�าอาการตลกคึกคะนอง ต่างๆ
พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 6.1
หนวยที่ 6 วันสําคัญทางพระพุทธศาสนาและศาสนพิธ�

เรื่องน่ารู้ กิจกรรมตามตัวชี้วัด
กิจกรรมที่ ๖.๑ ใหนักเรียนเติมขอความที่สอดคลองและเหมาะสมเกี่ยวกับ
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได

ความสําคัญและการปฏิบตั ติ นในวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา
ñð
เทศนาวิธี 4 วันสําคัญทาง
(ส ๑.๒ ม.๒/๓)
การปฏิบัติตนของ
พระพุทธศาสนา ความสําคัญ พุทธศาสนิกชน
เทศนาวิธี หรือพุทธลีลาในการสอน หมายถึง การสอนของพระพุทธเจ้าในแต่ละครั้ง ที่ประกอบด้วย วันวิสาขบูชา ทําบุญตักบาตร ฟงพระธรรมเทศนา
เปนวันทีพ่ ทุ ธศาสนิกชนแสดงความเคารพ …………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………..
สนทนาธรรม เวียนเทียน รักษาศีล
ตอพระพุทธเจา เปนวันคลายวันประสูติ …………………………………………………………………………
คุณลักษณะ ๔ ประการ ดังนี้ ……………………………………………………………………………..
ตรัสรู และปรินิพพาน
…………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………

1. สันทัสสนา คือ ชี้แจงเรื่องที่ทรงสอนให้เห็นชัดเป็นการแยกแยะ อธิบาย และแสดงเหตุผลให้ชัดเจน วันมาฆบูชา …………………………………………………………………………….. ทําบุญตักบาตร ฟงพระธรรมเทศนา


เปนวันที่พระพุทธเจาทรงแสดงโอวาท- …………………………………………………………………………
บําเพ็ญประโยชน เวียนเทียน
ปาฏิโมกข อันเปนหัวใจสําคัญของพระพุทธ- …………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………..
ศาสนา
จนผู้ฟังเข้าใจแจ่มแจ้งเห็นจริงเห็นจัง ดังได้เห็นกับตา …………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………

ทําบุญตักบาตร ฟงพระธรรมเทศนา
เปนวันทีพ่ ระพุทธเจาทรงแสดงปฐมเทศนา …………………………………………………………………………
วันอาสาฬหบูชา ……………………………………………………………………………..
2. สมาทปนา คือ ชวนใจให้อยากรับเอาไปปฏิบัติ เป็นการสอนให้เห็นว่าสิ่งใดควรปฏิบัติก็แนะนำาหรือ ฉบับ
เฉลย
คือ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร
…………………………………………………………………………….. บําเพ็ญสาธารณประโยชน เวียนเทียน
…………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………

บรรยายให้ซาบซึ้งในคุณค่าและเห็นความสำาคัญที่จะต้องฝึกฝน จนยอมรับและนำาไปปฏิบัติ วันอัฏฐมีบูชา ……………………………………………………………………………..


สรีระ
ทําบุญตักบาตร ฟงพระธรรมเทศนา
เปนวันคลายวันถวายพระเพลิงพระพุทธ- …………………………………………………………………………
ปฏิบัติตนตามหลักคําสอน
…………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………

3. สมุตเตชนา คือ เร้าใจให้อาจหาญแกล้วกล้า เป็นการปลุกเร้าใจให้กระตือรือร้น เกิดความอุตสาหะ …………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………

วันธรรมสวนะ เปนวันสําหรับฟงธรรม ทําบุญตักบาตร ทําวัตร สวดมนต


มีกำาลังใจที่จะทำาให้สำาเร็จลงได้
…………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………
รักษาศีล ๕ หรือศีล ๘
…………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………
ฟงพระธรรมเทศนา
…………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………

4. สัมปหังสนา คือ ปลอบชโลมใจให้สดชื่นร่าเริง เป็นการบำารุงจิตให้แช่มชื่น เบิกบาน เห็นคุณประโยชน์ วันเขาพรรษา พระสงฆหยุดจาริก ประจําอยูใ นวัดเปนเวลา …………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………….. ทําบุญตักบาตร แหเทียนพรรษา
๓ เดือน พระภิกษุมีเวลาปฏิบัติศาสนกิจ …………………………………………………………………………
ถวายผาอาบนํา้ ฝน ฟงพระธรรมเทศนา
ที่จะได้รับ และทางที่จะก้าวหน้าบรรลุผลสำาเร็จยิ่งขึ้นไป ทำาให้ผู้ฟังมีความหวังและเบิกบานใจ
……………………………………………………………………………..
ชาวพุทธไดพบปะพระสงฆไดสะดวกขึ้น
…………………………………………………………………………….. อธิษฐานจิต ทําความดี
…………………………………………………………………………

วันออกพรรษา เปนวันที่พระสงฆทําพิธีปวารณา
…………………………………………………………………………….. ทําบุญตักบาตร ตักบาตรเทโว
…………………………………………………………………………
รักษาศีล ๕ หรือศีล ๘
125
…………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………
บําเพ็ญสาธารณประโยชน
…………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………

๕๔

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T เกร็ดแนะครู
เทศนาวิธีหรือพุทธลีลาในการสอนของพระพุทธเจาแบบใดที่ชวนใหรับ
ครูแนะนํานักเรียนวา เทศนาวิธี 4 จะเรียกวาพุทธลีลาในการแสดงธรรมก็ได
คําสอนนําไปปฏิบัติ
ซึ่งสรุปเปนประโยคสั้นๆ เพื่อใหจํางาย ไดแก 1. ชี้ใหชัด 2. ชวนใหปฏิบัติ 3. เราให
1. สันทัสสนา 2. สมาทปนา
กลัว 4. ปลุกใหราเริง อันเปนแนวทางจิตวิทยาที่ทําใหคนยอมรับและนําไปปฏิบัติ
3. สมุตเตชนา 4. สัมปหังสนา
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะสมาทปนาเปนการสอนใหเห็นวา
สิ่งใดควรปฏิบัติก็แนะนําหรือบรรยายใหเห็นคุณคาและเห็นความสําคัญที่จะ นักเรียนควรรู
ตองฝกฝน
ขอ 1. สันทัสสนา คือ การอธิบายแยกแยะเหตุผลใหชัดเจนจนเห็นภาพ 1 วันศิวาราตรี เปนวันสําคัญทางศาสนาของศาสนาพราหมณ-ฮินดู
ขอ 2. สมุตเตชนา คือ การปลุกเราใจใหกระตือรือรน มีความกลา โดยชาวฮินดูจะประกอบพิธีบูชาพระศิวะดวยพิธีกรรมตางๆ ตลอดทั้งวันทั้งคืน
มีความอุตสาหะ 2 ตักบาตร คือ ประเพณีอยางหนึ่งที่ชาวพุทธปฏิบัติกันมาตั้งแตสมัยพุทธกาล
ขอ 4. สัมปหังสนา คือ การปลอบใจใหแชมชื่น ทําใหผูฟงมีความหวัง โดยพระภิกษุจะถือบาตรออกบิณฑบาตเพื่อรับอาหารหรือทานอื่นๆ ตามหมูบานใน
ที่จะกาวหนาตอไป เวลาเชา

คูมือครู 125
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนสวดมนตบทพระพุทธคุณ
พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ โดยใหพจิ ารณาคําแปล ข้อพึงระลึกในการเวียนเทียน
ของบทสวดวามีความหมายอยางไรบาง รอบแรก ให้ระลึกถึงพระพุทธคุณว่า
2. ครูใหนักเรียนศึกษาความหมายของคําวาวิชชา
และจรณะในบทพระพุทธคุณ คําวาวิญูชนใน ค�าอ่าน อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู
บทพระธรรมคุณ และคําวาพระอริยบุคคล 4 คู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ
ในพระสังฆคุณ โดยใหนักเรียนหาความหมาย ค�าแปล แม้เพราะอย่างนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้
1 าพระองค์นั้นเป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ
ของคําศัพทเหลานี้ แลวบันทึกสาระสําคัญ ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว เป็นผู้รู้จักโลก เป็นยอดสารถีผู้ฝึกคน
จากนั้นครูซักถามใหนักเรียนรวมกันอภิปราย ที่ควรฝึก เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้ตื่นแล้ว และเป็นผู้จ�าแนก
ในชั้นเรียน พระธรรม
3. ครูนําสนทนาเรื่องการเวียนเทียน และตั้งคําถาม
ใหนักเรียนวิเคราะหวา รอบที่ ๒ ให้ระลึกถึงพระธรรมคุณว่า
• การทําทักษิณาวรรต โดยการเดินเวียนเทียน
รอบพระอุโบสถหรือพระเจดีย 3 รอบ ค�าอ่าน สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปสั สิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง
มีจุดประสงคเพื่ออะไร เวทิตัพโพ วิญญูหีติ
(แนวตอบ การเดินเวียนเทียน เพื่อระลึกถึง ค�าแปล พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์ตรัสไว้ดีแล้ว เป็นธรรมที่จะเห็นได้ด้วย
พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ตนเอง ไม่จ�ากัดกาล เป็นสิ่งชวนชม เป็นความดีที่สามารถน้อมน�าเข้ามาสู่ตนได้
ซึ่งเปนการแสดงออกถึงความกตัญูและ ซึ่งวิญญูชนทั้งหลายพึงรู้ได้จ�าเพาะตน
เคารพตอคุณพระศรีรัตนตรัย)
รอบที่ ๓ ให้ระลึกถึงพระสังฆคุณว่า

ค�าอ่าน สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ


ญายะปะฏิปนั โน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สามีจปิ ะฏิปนั โน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลีกะระณีโย อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง
โลกัสสาติ
ค�าแปล พระสงฆ์อนั เป็นสาวกของพระผูม้ พี ระภาคเจ้า เป็นผูป้ ฏิบตั ดิ แี ล้ว ปฏิบตั ติ รง ปฏิบตั ิ
เป็นธรรม ปฏิบตั ชิ อบยิง่ นีค้ อื พระอริยบุคคล ๔ คู่ นับเรียงองค์เป็น ๘ พระสงฆ์
สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ควรแก่การนับถือ ควรแก่การต้อนรับ ควรแก่
การท�าบุญ ควรแก่การกราบไหว้ เป็นเนื้อนาบุญอันยอดเยี่ยมของโลก

126

ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว  NT  O-NE T
บุคคลใดตอไปนี้ปฏิบัติตนไม ถูกตองในวันขึ้น 15 คํ่า เดือน 3
ครูควรใหนักเรียนคนหาคําศัพทและความหมายจากบทสวดมนตแปล บทระลึก
1. เง็กตื่นมาตักบาตรแตเชาตรู
ถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ เพื่อใหนักเรียนมีความเขาใจ
2. เมงชวนเพื่อนๆ ไปเวียนเทียนที่วัดตอนคํ่า
บทสวดมนตแปลมากขึ้น
3. เกียวไปฟงพระเทศนเรื่องโอวาทปาฏิโมกข
4. กิมไปถวายผาอาบนํ้าฝนแดพระสงฆที่วัด
นักเรียนควรรู วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะวันขึ้น 15 คํ่า เดือน 3 เปนวันมาฆบูชา
ซึ่งเปนวันที่พระอรหันต 1,250 องค มาประชุมพรอมกัน ณ เวฬุวันมหาวิหาร
1 วิชชาและจรณะ หมายถึง พระพุทธเจาทรงเปนผูมีความรูแจงโลกและ โดยมิไดนัดหมาย และพระสงฆเหลานั้นไดรับการอุปสมบทจากพระพุทธเจา
มีขอปฏิบัติอันเปนทางบรรลุวิชา 15 ขอ ไดแก สีลสัมปทา 1 อปณณกปฏิปทา 3 โดยตรง รวมถึงพระพุทธเจาไดทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข ดังนั้น กิจกรรมที่
สัทธรรม 7 และฌาน 4 การถึงพรอมดวยวิชชาและจรณะ หมายถึง การปฏิบัติตน พุทธศาสนิกชนควรปฏิบัติ ไดแก ทําบุญตักบาตร ฟงธรรม และเวียนเทียน
จนเกิดผล รูชัดผลที่เกิดกับผล รูชัดในแนวทางที่ปฏิบัติจนเกิดผลนั้น สวนการถวายผาอาบนํ้าฝนจะกระทํากันในวันเขาพรรษา คือ วันแรม 1 คํ่า
เดือน 8

126 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนกั เรียนเขียนตารางวันประสูติ ตรัสรู และ
เมื่อเวียนครบ ๓ รอบแล้ว ก็ให้น�าเครื่องสักการบูชาไปปักในกระถางธูป ซึ่งทางวัด ปรินิพพานของพระพุทธเจา โดยใหระบุเวลา
ได้จดั เตรียมไว้ จากนัน้ ก็เข้าไปในโบสถ์เพือ่ ท�าวัตร สวดมนต์และสดับตรับฟังพระธรรมเทศนาเรือ่ ง สถานที่ ชื่อเมือง และแควนลงในสมุดเรียนและ
“พระโอวาทปาฏิโมกข์” นําสงครูผูสอน
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากพุทธศาสนิกชนท่านใดไม่สามารถไปร่วมเวียนเทียนที่วัดได้ 2. ครูนาํ สนทนาเกีย่ วกับวันวิสาขบูชา และตัง้ คําถาม
จะประกอบศาสนกิจอยู่ที่บ้านก็ได้ โดยจุดธูปเทียนบูชาพระ ท�าจิตใจให้สงบ และน้อมระลึกถึง เชิงวิเคราะหวา
พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ ก็ย่อมได้ชื่อว่าเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีเช่นเดียวกัน • กอนที่พระพุทธเจาจะทรงตรัสรู พระองค
ทรงเอาชนะพญามารที่เขามาขัดขวางการ
๒) วันวิสาขบูชา
ตรัสรูอยางไร
๒.๑) ความเป็นมาและความส�าคัญ วันวิสาขบูชา เป็นวันที่พุทธศาสนิกชนแสดง
(แนวตอบ พระองคทรงอธิษฐานถึงทานบารมี
ความเคารพต่อพระพุทธเจ้า วิสาขบูชา ย่อมาจากค�าว่า “วิสาขบูรณมีบูชา” แปลว่า การบูชาใน
และใหพระแมธรณีมาเปนพยาน หลั่งนํ้าออก
วันเพ็ญ เดือน ๖ แต่ถ้าปีใดมีอธิกมาส ก็เลื่อนไปประกอบพิธีในวันเพ็ญกลางเดือน ๗ วันวิสาขบูชา
จากมวยผมเปนสายนํ้าใหญโถมใสเหลาพญา
ถือเป็นวันคล้ายวันประสูติ วันตรัสรู้ และวันปรินิพพานของพระพุทธเจ้า กล่าวคือ
มารพายแพไป ซึ่งเปนสายนํ้าที่พระพุทธเจา
๑. พระพุทธเจ้าประสูติจากพระครรภ์ของพระชนนี ณ สวนลุมพินีวัน ซึ่งอยู่
ทรงเคยปฏิบัติทานบารมีมานับชาติไมถวน)
ระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์กับกรุงเทวทหะ เมื่อวันขึ้น ๑๕ ค�่า เดือน ๖ ก่อนพุทธศักราช ๘๐ ปี
• เพราะเหตุใด พระพุทธเจาจึงทรงเลือกสถานที่
๒. พระพุทธเจ้าตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ปรินิพพานที่กรุงกุสินารา แควนมัลละ
ณ ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ริมฝั่งแม่น�้าเนรัญชรา ต�าบลอุรุเวลาเสนานิคม แคว้นมคธ ปัจจุบันคือ
(แนวตอบ เพราะพระพุทธเจาทรงดําริวา
เมืองพุทธคยา เมื่อวันขึ้น ๑๕ ค�่า เดือน ๖ ก่อนพุทธศักราช ๔๕ ปี
กรุงกุสินารา แควนมัลละ เปนแควนเล็ก
๓. พระพุทธเจ้าเสด็จดับ
หากพระองคปรินิพพานที่เมืองแหงนี้
ขันธปรินิพพาน ณ ดงไม้สาละ กรุงกุสินารา
พระบรมสารีริกธาตุจะไดรับการอัญเชิญ
แคว้นมัลละ เมื่อวันขึ้น ๑๕ ค�่า เดือน ๖ ก่อน
ไปยังแวนแควนตางๆ แตหากพระองค
พุทธศักราช ๑ ปี
ปรินิพพานในแควนใหญที่มีอํานาจมาก
นับเป็นเรื่องอัศจรรย์อย่างยิ่ง
แควนนั้นอาจไมใหพระบรมสารีรกิ ธาตุแก
ที่ เ หตุ ก ารณ์ ส� า คั ญ ทั้ ง ๓ ได้ ม าอุ บั ติ ขึ้ น ใน
แควนอืน่ ใด ซึง่ อาจทําใหเกิดสงครามแยงชิง
วั น เดี ย วกั น ดั ง นั้ น พุ ท ธศาสนิ ก ชนทั่ ว โลก
กัน ดวยเหตุนี้จึงทรงเลือกสถานที่ปรินิพพาน
จึงได้จัดให้มีการประกอบพิธีกรรมขึ้นในวันนี้
ที่กรุงกุสินารา)
นอกจากนี้ ในการประชุมสมัชชา
• เพราะเหตุใด วันวิสาขบูชาจึงไดรับเลือกให
สหประชาชาติ สมัยสามัญครั้งที่ ๕ เมื่อวันที่
เปนวันสําคัญสากลของโลก
๑๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ องค์การสหประชาชาติ
(แนวตอบ เพราะวันวิสาขบูชาเปนวันสําคัญ
ได้มีมติก�าหนดให้วันวิสาขบูชาเป็นวันส�าคัญ
พระพุทธเมตตาเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ประดิษฐาน ของพุทธศาสนิกชนทัว่ โลก เนือ่ งจากเปนวันที่
สากลในกรอบขององค์การสหประชาชาติ (Inter‑ ในมหาสถูปพุทธคยา เป็นพระพุทธรูปปางแสดงเหตุการณ์
พระพุทธเจาประสูติ ตรัสรู เสด็จดับขันธ-
national Recognition of the Day of Vesak) ตอนตรัสรู้ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ปรินิพพาน อีกทั้งพระพุทธเจาทรงสั่งสอนให
127 มวลมนุษยมีเมตตาธรรมและขันติธรรมตอ
เพื่อนมนุษยดวยกัน เพื่อใหเกิดสันติสุขใน
สังคม อันเปนแนวทางของสหประชาชาติ)
กิจกรรมสรางเสริม
บูรณาการอาเซียน
ครูใหนกั เรียนศึกษาความหมายของคําวา “พุทธชยันตี” และวัตถุประสงค ครูเพิ่มเติมขอมูลวา เมื่อเขาสูประชาคมอาเซียนใน พ.ศ. 2558 จะมีชาวตางชาติ
ที่จัดงานพุทธชยันตี 2,600 ป แหงการตรัสรูของพระพุทธเจา รวมถึงให หลากหลายเชือ้ ชาติเขามาในประเทศไทย เพือ่ ทํางานและลงทุน ในทางกลับกันคนไทย
นักเรียนศึกษาธงสัญลักษณงานฉลองพุทธชยันตีวามีรูปแบบและความหมาย ก็ไปลงทุนในประเทศสมาชิกอาเซียน ดังนัน้ พระสงฆจะตองพบกับความเปลีย่ นแปลง
อยางไร โดยใหบันทึกลงในสมุดและสงครูผูสอน นี้เชนกัน โดยอาจพบกับนักบวชในนิกายหรือศาสนาอื่นๆ จากตางประเทศมากขึ้น
ดวยเหตุนี้ การสอนธรรมะจึงตองมีการเปลี่ยนแปลง เพราะปญหาใหมๆ จะตามมา
เชน ขาดแคลนอาชีพ แรงงานบางสาขาตองตกงาน เปนตน ดังนั้น หนาที่ของ
กิจกรรมทาทาย พระสงฆ คือ ทําใหพุทธศาสนิกชนเขาใจธรรมะ รวมทั้งคอยแนะนําการปรับใชกับ
ทางโลก ตลอดจนนําเทคโนโลยีสมัยใหมเขามาชวยในการเผยแผธรรมะใหเขาถึง
หมูชนไดอยางกวางขวางและสะดวกมากขึ้น
ครูใหนักเรียนหาภาพพระพุทธรูปปางตางๆ ที่เกี่ยวกับวันสําคัญ
ทางพระพุทธศาสนา เชน วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอัฏฐมีบูชา
วันอาสาฬหบูชา เปนตน โดยนําภาพมาติดลงในสมุดใหสวยงาม และเขียน
คําอธิบายใตภาพถึงความสําคัญของวันนั้นพอสังเขป แลวนําสงครูผูสอน
คูมือครู 127
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนระดมความคิดวา วันอัฏฐมีบูชา
ของพระพุทธเจามีความสําคัญอยางไรและควร ๒.๒) การปฏิบตั ติ นในวันวิสาขบูชา การปฏิบตั ติ นในวันนีก้ เ็ ชนเดียวกับวันมาฆบูชา
พึงระลึกถึงอะไรบาง จากนั้นครูสุมใหนักเรียน คือ พุทธศาสนิิกชนจะไปทําบุญตักบาตรที่วัด ฟงเทศน สนทนาธรรม เวียนเทียน รักษาศีล ๕
ออกมาอธิบายหนาชั้น แลวนักเรียนคนอื่นๆ ศีล ๘ หรืออุโบสถศีล สําหรับพระธรรมเทศนาซึ่งพระสงฆจะแสดงใหพุทธศาสนิกชนสดับตรับฟง
บันทึกความรูลงในสมุดและนําสงครูผูสอน ในวันวิสาขบูชานี้ จะเปนเรื่องเกี่ยวกับพระพุทธประวัติ
2. ครูสุมถามนักเรียนวา อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ๒.๓) หลักธรรมที่เกี่ยวเนื่องในวันวิสาขบูชา คือ “หลักอริยสัจ ๔” เพราะเปน
หรือไตรลักษณมีลักษณะอยางไร เกี่ยวของ หัวใจสําคัญของการตรัสรู
อยางไรกับวันอัฏฐมีบูชา และกฎไตรลักษณ
๓) วันอัฏฐมีบูชา วันอัฏฐมีบูชา
ใหแงคิดสําคัญอยางไรกับการดําเนินชีวิตของ
ทุกข ตรงกับวันแรม ๘ คํ่า เดือน ๖ หรือเดือน ๗
นักเรียน ความทุกข หรือปญหา นับถัดจากวันวิสาขบูชาไป ๘ วัน เปนวันคลาย
3. ครูใหนักเรียนศึกษาปจฉิมพุทธโอวาทของ ของชีวิตทั้งหมด
วันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ พุทธศาสนิกชน
พระพุทธเจา แลวเขียนสรุปวามีสาระสําคัญ พึงรําลึกวาแมแตพระพุทธเจาผูท รงเพียบพรอม
อยางไร และสามารถนําไปประยุกตใชกับชีวิต มรรค สมุทัย
ทางดับทุกข สาเหตุของทุกข ทุกอยางยังเสด็จดับขันธปรินพ ิ พาน ทุกสรรพสิง่
ประจําวันของนักเรียนอยางไรบาง หรือแนวทาง
แกปญหาชีวิต
อริ ย สั จ หรือสาเหตุของ ในโลกจึงเปนอนิจจัง มีความไมแนนอน ทุกคน
ปญหาชีวิต
4. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 6.6 จากแบบวัดฯ จึงควรเรงสรางผลบุญสะสมไว โดยยึดหลักธรรม
พระพุทธศาสนา ม.2 วาดวย “อัปปมาทะ” (ความไมประมาท) เปน
นิโรธ
ความดับทุกข แนวทางในการดําเนินชีวติ ดังปจฉิมพุทธโอวาท
ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ หรือภาวะหมดปญหา
พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 6.6 วา “เธอทัง้ หลายพึงยังประโยชนตนและประโยชน
หนวยที่ 6 วันสําคัญทางพระพุทธศาสนาและศาสนพิธ� ทานใหถึงพรอมดวยความไมประมาทเถิด”
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
กิจกรรมที่ ๖.๖ ใหนกั เรียนเขียนเครือ่ งหมาย ✓ ลงในชองวางหนาขอความ ñð
ที่ถูกตอง และครื่องหมาย ✗ ลงในชองวางหนาขอความ
ที่ไมถูกตอง (ส ๑.๒ ม.๒/๔)


………………. ๑. หลักอริยสัจ ๔ คือ ความจริงอันประเสริฐ มี ๔ ประการ คือ ทุกข สมุทัย นิโรธ
และมรรค เปนหลักธรรมที่เกี่ยวของกับวันวิสาขบูชา

………………. ๒. หลักธรรมที่เกี่ยวของกับเหตุการณจาตุรงคสันนิบาต คือ อริยสัจ ๔

………………. ๓. พระพุทธเจาทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกขแกพระอรหันตสาวกจํานวน ๑,๒๕๐ องค
ที่มาเขาประชุมพรอมกัน ณ เวฬุวันมหาวิหาร กรุงราชคฤห

………………. ๔. โอวาทปาฏิโมกข มีใจความสําคัญ คือ การไมทําความชั่วทั้งปวง การทําความดี
การทําจิตใจใหสะอาดบริสุทธิ์

………………. ๕. หลักธรรมที่วาดวย “อัปปมาทะ” (ความไมประมาท) เปนหลักธรรมที่เกี่ยวเนื่องกับ
ฉบับ
วันอาสาฬหบูชา เฉลย

………………. ๖. เทศนาวิธี หรือพุทธลีลาในการสอน เปนการสอนของพระพุทธเจาในแตละครั้ง
ประกอบดวย ๔ ลักษณะ คือ สันทัสสนา สมาทปนา สมุตเตชนา และสัมปหังสนา

………………. ๗. ในวันอาสาฬหบูชาควรสวดมนตและสดับรับฟงพระธรรมเทศนา
เรื่อง โอวาทปาฏิโมกข

………………. ๘. พระพุทธเจาทรงแสดงธรรม (ปฐมเทศนา) ชือ่ “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” แกปญ จวัคคีย
ในวันวิสาขบูชา 1
พระพุทธรูปปางถวายพระเพลิ งที่วัดพระนอน จังหวัดสุพรรณบุรี เปนพระพุทธรูปปางแสดงเหตุการณตอนถวายพระเพลิง

………………. ๙. ปจฉิมพุทธโอวาททีว่ า “เธอทัง้ หลายพึงยังประโยชนตนและประโยชนทา นใหถงึ พรอม พระพุทธสรีระในวันอัฏฐมีบูชา
ดวยความไมประมาทเถิด” เปนพุทธโอวาทในวันอัฏฐมีบูชา
✓ ๑๐. อุคฆฏิตัญู คือ บุคคลที่โงเขลา เบาปญญา แมไดฟงธรรมก็ไมอาจบรรลุไดเหมือน
……………….

ดอกบัวที่อยูใตเปอกตม ไมอาจโผลพนนํ้าเบงบานไดเลย ๑๒๘


๕๙

ขอสอบ O-NET
เกร็ดแนะครู ขอสอบป ’ 52 ออกเกี่ยวกับไตรลักษณ
ครูควรอธิบายคําวา “ปาง” หมายถึง เหตุการณ เชน ปางโอวาทปาฏิโมกข ความเขาใจไตรลักษณ จะชวยในการดําเนินชีวิตของเราอยางไร
ปางมารวิชัย เปนตน สวนการทําพระหัตถในรูปแบบตางๆ เรียกวา “มุทรา” เชน 1. เปนคนแกที่มีคุณภาพ
วิตรรกะมุทรา คือ ปางปฐมเทศนา เปนตน โดยสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมจาก 2. ยิ้มแยมแจมใสมีความเขาใจกัน
หนังสือพระพุทธรูปปางตางๆ ในสยามประเทศ ของศาสตราจารยเกียรติคุณ 3. ดําเนินชีวิตดวยความไมประมาท
คุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ 4. ทําใจไดดั่งคําวา “ใครชอบ ใครชัง” ชางเถิด
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. ดําเนินชีวิตดวยความไมประมาท เพราะ
ไตรลักษณ คือ กฎของความไมเที่ยงแท ไมมีสิ่งใดอยูยั่งยืนตลอดไป ดังนั้น
นักเรียนควรรู จึงควรยึดหลักธรรมวาดวย “อัปปมาทะ” หรือความไมประมาท เปนแนวทาง
ในการดําเนินชีวิต
1 ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ สถานที่ถวายพระเพลิงอยูที่มกุฏพันธนเจดีย
ซึ่งอยูทางดานทิศตะวันออกของกรุงกุสินารา

128 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนศึกษาเหตุการณหลังจากการ
๔) วันอาสาฬหบูชา ตรัสรูของพระพุทธเจาวา พระองคทรงดําริวา
๔.๑) ความเป็นมาและความส�าคัญ วันอาสาฬหบูชาเป็นวันที่พุทธศาสนิกชน จะกระทําสิ่งใดเปนอยางแรกหลังจากพระองค
แสดงความเคารพต่อพระสงฆ์ อาสาฬหบูชา 1ย่อมาจากค�าว่า “อาสาฬหบูรณมีบูชา” แปลว่า ตรัสรูแลว แลวสุมใหนักเรียนออกมาอธิบาย
การบูชาในวันเพ็ญเดือน ๘ แต่ถ้าปีใดมีอธิกมาสก็จะเลื่อนไปเป็นวันขึ้น ๑๕ ค�่า เดือน ๘ หลัง หนาชั้น
มูลเหตุที่เกิดวันอาสาฬหบูชาขึ้นมา ก็เนื่อ2งมาจากว่า เมื่อพระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ 2. ครูกลาวถึงบัว 4 เหลาที่พระพุทธเจาทรงเล็ง
พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ก็ประทับเสวยวิมุตติสุขใต้ร่มไม้มหาโพธิ์ และบริเวณใกล้เคียง เห็นวามีเวไนยสัตวหรือบุคคลที่พระองคทรง
เป็นเวลา ๗ สัปดาห์ ครัน้ ล่วงสัปดาห์ที่ ๗ พระองค์กเ็ สด็จมาประทับที่โคนไม้ไทรชือ่ “อชปาลนิโครธ” สั่งสอนได และตั้งคําถามวา
ทรงทบทวนหลักธรรมทีพ่ ระองค์ตรัสรู้ และพบว่ามีความลึกซึง้ มาก ยากทีผ่ อู้ นื่ จะท�าความเข้าใจได้ • พระพุทธเจาทรงเลือกที่จะเผยแผพระธรรม
จึงเกิดท้อพระทัยไม่คิดจะเผยแผ่พระธรรมออกไป แต่เพราะที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเป็นที่ตั้ง ตอบุคคลกลุม ใด มีใครบาง และเพราะเหตุใด
ก็ทรงเล็งเห็นว่าเวไนยสัตว์ (บุคคลทีพ่ อแนะน�าสัง่ สอนได้) ซึง่ พอจะท�าความเข้าใจสัจธรรมทีพ่ ระองค์ พระองคทรงเลือกเผยแผพระธรรมแกบุคคล
ค้นพบก็คงมีอยู่บ้าง เพราะบุคคลต่างๆ นั้น แบ่งออกเป็น ๔ ประเภท ดังนี้
กลุมนั้น
บุคคล ๔ (แนวตอบ พระพุทธเจาทรงเลือกแสดง
๑. อุคฆฏิตัญญู ได้แก่ บุคคลที่มีสติปัญญาดี พอได้ฟังธรรมซึ่งยกขึ้นมาแสดงแต่เพียงหัวข้อ พระธรรมแกปญจวัคคีย ไดแก โกณฑัญญะ
ก็สามารถท�าความเข้าใจกับธรรมอันวิเศษได้ทันที เหมือนดังดอกบัวที่โผล่พ้นน�้าขึ้นมาแล้วพร้อมที่จะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ อัสสชิ กอนเปน
บานสะพรั่งถ้าได้รับแสงอาทิตย์ กลุมแรก ซึ่งเปนนักบวชที่ติดตามปรนนิบัติ
๒. วิปจิตัญญู ได้แก่ บุคคลที่มีสติปัญญาปานกลาง เมื่อได้ฟังบทธรรมที่จ�าแนกขยายความออกไป พระพุทธเจาตั้งแตเสด็จออกบวชใหมๆ
จึงจะสามารถรู้แจ้งเห็นจริงตาม เหมือนดั่งดอกบัวที่ขึ้นอยู่เสมอระดับน�้าจักเบ่งบานในวันต่อไป เดิมทีพระพุทธเจาตั้งพระทัยวาจะไปโปรด
๓. เนยยะ ได้แก่ บุคคลทีย่ งั พอแนะน�าได้ บุคคลประเภทนีแ้ ม้จะได้ฟงั ธรรมทัง้ โดยย่อและโดยพิสดาร อาจารยของพระองค คือ อาฬารดาบสและ
แล้วก็ยงั ไม่เข้าใจ จนเมือ่ เอาใจใส่ พากเพียรสอบถาม ตริตรอง ทบทวน ก็สามารถรูซ้ งึ้ ถึงธรรมอันวิเศษได้ อุททกดาบส แตทราบดวยญาณวา อาจารย
เหมือนดัง่ ดอกบัวทีอ่ ยูใ่ ต้ผวิ น�า้ ซึง่ มีโอกาสเจริญงอกงาม ทั้งสองถึงแกกรรมแลว จึงไปโปรด
และบานสะพรั่งในวันต่อๆ ไป ปญจวัคคีย เพราะเปนสาวกกลุมแรกและ
๔. ปทปรมะ ได้แก่ บุคคลที่โง่เขลา เพงพิจารณาแลวพบวา โกณฑัญญะเปน
เบาปัญญา แม้ได้ฟังธรรมหรือพากเพียร ผูมีปญญามากพอที่จะฟงธรรมจนบรรลุเปน
จดจ�า ทบทวนมากก็ไม่อาจบรรลุธรรม พระโสดาบันได จนกระทัง่ ตอมาปญจวัคคีย
อันวิเศษได้ เหมือนดอกบัวทีอ่ ยูใ่ ต้เปือกตม
ก็บรรลุเปนพระอรหันตสาวก)
รังแต่จะเป็นภักษาของเต่า ปู ปลา
3. ครูใหนักเรียนแตละคนวิเคราะหวา นักเรียน
ไม่อาจโผล่พ้นน�้าเบ่งบานได้เลย
จะมีวิธีการอยางไรที่จะทําใหตนเองเปน
บุคคลทีม่ สี ติปญ
 ญาดีหรือเปนบัวทีโ่ ผลพน นํา้
ขึ้นมาแลวพรอมที่จะบานสะพรั่งถาไดรับ
129 แสงอาทิตย บันทึกสาระสําคัญ

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T เกร็ดแนะครู
ขอใดคือความสําคัญของวันอาสาฬหบูชา
ครูควรอธิบายเกี่ยวกับสังโยชน 10 หรือกิเลสพวกหนึ่งที่ผูกมัดสัตวไวกับทุกข
1. เปนวันสําคัญสากลของโลก
มี 10 อยาง 1. สักกายทิฏฐิ คือ ความเห็นวารางกายนี้เปนของตน 2. วิจิกิจฉา คือ
2. วันที่พระพุทธเจาทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข
ความลังเลสงสัย 3. สีลัพพตปรามาส คือ ความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยางงมงาย
3. วันที่พระพุทธเจาแสดงปฐมเทศนาแกปญจวัคคีย
4. กามราคะ คือ การยึดติดในกามคุณ 5. ปฏิฆะ คือ ความหงุดหงิดในใจดวย
4. วันที่เกิดเหตุการณจาตุรงคสันนิบาต
อํานาจโทสะ 6. รูปราคะ คือ ความติดใจในรูปธรรม 7. อรูปราคะ คือ ความติดใจ
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะวันอาสาฬหบูชา คือ วันที่ ในอรูปธรรม 8. มานะ คือ การสําคัญตนวาเปนนั่นเปนนี่ 9. อุทธัจจะ คือ ความ
พระพุทธเจาแสดงปฐมเทศนาธัมมจักกัปปวัตนสูตรแกปญจวัคคีย เกิด ฟุงซาน และ 10. อวิชชา คือ ความไมรู ความหลงอันเปนเหตุไมรูจริง
พระสงฆรูปแรกของโลก คือ พระอัญญาโกณฑัญญะ พระพุทธศาสนาจึงมี
พระรัตนตรัยครบ 3 ประการในวันนี้
ขอ 1. คือ วันวิสาขบูชา ขอ 2. และขอ 4. คือ วันมาฆบูชา นักเรียนควรรู
1 อธิกมาส คือ ปที่มีเดือน 8 เพิ่มอีกเดือน หรือที่เรียกกันวา มีเดือน 8 สองหน
2 วิมุตติสุข คือ สุขเกิดแตความหลุดพนจากกิเลสอาสวะและปวงทุกข
คูมือครู 129
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูนําบทสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตรพรอม
คําแปลมาแจกใหนักเรียน จากนั้นใหนักเรียน เมือ่ พระพุทธองคทรงพิจารณาเห็นอยางนีแ้ ลว จึงตกลงพระทัยทีจ่ ะแสดงธรรมโปรด
นําบทสวดมนตนี้ไปสวดที่บาน และเขียนสรุป เวไนยสัตว ซึ่งบุคคลกลุมแรกที่พระพุทธองคเสด็จไปโปรดก็คือ ปญจวัคคียทั้ง ๕ ทาน ไดแก
สาระสําคัญอยางนอย 10 ขอ ลงในสมุด โกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานาม และอัสสชิ
2. ครูนําสนทนาถึงวันอาสาฬหบูชาวา เปนวันที่ หลังจากทีพ่ 1ระพุทธองคแสดงธรรมจบลงแลว ปรากฏวาทานโกณฑัญญะไดดวงตา
พระพุทธเจาทรงแสดงปฐมเทศนา คือ ธัมมจัก- เห็นธรรม บรรลุพระโสดาบันเปนทานแรก จึงกราบทูลขอบวชซึ่งพระพุทธเจาก็ทรงอนุญาต
กัปปวัตตนสูตร และตั้งคําถามนักเรียนวา จากพระพุทธประวัติดังที่กลาวมานี้ เห็นไดวาวันอาสาฬหบูชามีความสําคัญอยู
• ปฐมเทศนาของพระพุทธเจามีสาระสําคัญ ๔ ประการ ดังนี้
อะไรบาง และพระธรรมเทศนาของพระองค ๑. เปนวันแรกที่พระพุทธเจาประกาศพระพุทธศาสนา
สามารถนํามาประยุกตใชกบั ชีวติ ของนักเรียน ๒. เปนวันแรกที่พระพุทธเจาทรงแสดงธรรมโปรดปญจวัคคีย (ปฐมเทศนา)
ไดอยางไร ชื่อ “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” ซึ่งมีใจความสําคัญ ดังนี้
(แนวตอบ ไมปฏิบัติในทางสุดขั้ว 2 ทาง คือ
ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร
การหมกมุนอยูในกามและการทรมานตนให
ลําบาก แตควรเดินทางสายกลางหรือมัชฌิมา- ๑. ไมปฏิบัติตนตามทางที่สุดขั้ว ๒ ทาง คือ การหมกมุนอยูในกาม
ปฏิปทา โดยนักเรียนสามารถนําไปใชในการ (ความสุขทางเนือ้ หนัง) เรียกวา กามสุขลั ลิกานุโยค และการทรมานตนใหลาํ บาก
ตัดสินใจหรือการดําเนินชีวิตประจําวันได เรียกวา อัตตกิลมถานุโยค แตควรเดินตามสายกลาง ไดแก มัชฌิมาปฏิปทา
ในกรณีที่ตองเลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็ควรใชทาง ๒. ทรงแสดงอริยสัจ ๔
สายกลางเปนแนวทางปฏิบัติ เพื่อไมใหเกิด ๓. ทรงแสดงวาทรงรูอ ริยสัจ ๔ ทรงรูห นาทีอ่ นั ควรทําในอริยสัจทัง้ ๔
การสุดขั้วมากเกินไป) และทรงรูวาไดทําหนาที่นั้นแลว
• เพราะเหตุใด ในวันอาสาฬหบูชาจึงเปนวันที่ พระพุทธรูปแสดงปางปฐมเทศนา
มีพระรัตนตรัยครบองค 3
(แนวตอบ เพราะหลังจากที่พระพุทธเจาตรัสรู ๓. เปนวันแรกทีม่ พี ระสงฆ
แลว พระองคเสด็จไปเผยแผพระธรรมแกปญ  จ- เกิดขึ้นในโลก กลาวคือ เมื่อทานโกณฑัญญะ
วัคคีย ดวยทรงเล็งเห็นวาเปนเวไนยสัตวหรือ กราบทูลขอบวช พระพุทธเจาก็ทรงประทาน
บุคคลที่พอจะแนะนําสั่งสอนได เมื่อพระองค อุปสมบทใหดว ยวิธเี อหิภกิ ขุอปุ สัมปทา โดยทรง
ทรงแสดงปฐมเทศนาแลว พระโกณฑัญญะ เปลงพระวาจาวา “ทานจงเปนภิกษุม าเถิด
จึงขอบวชเปนพระสงฆรูปแรกในพระพุทธ- ธรรมอันเรากลาวดีแลว ทานจงประพฤติพรหมจรรย
ศาสนา ทําใหมีพระรัตนตรัยครบองค 3) เพื่อทําที่สุดแหงทุกขโดยชอบเถิด”
3. ครูใหนกั เรียนหาภาพสังเวชนียสถานหรือสถานที่ ๔. เปนวันแรกทีม่ หี รือเกิด
2 3
ทีท่ าํ ใหรสู กึ ระลึกถึงพระพุทธเจา 4 แหง คือ สถานที่ ธัมเมกขสถูป จัดเปนสังเวชนียสถานที่สรางขึ้นในสถานที่ พระรัตนตรัยครบองค ๓ ไดแก พระพุทธรัตนะ
ประสูติ สถานที่ตรัสรู สถานที่แสดงปฐมเทศนา ที่พระพุทธองคทรงแสดงปฐมเทศนา
พระธรรมรัตนะ และพระสังฆรัตนะ
และสถานที่ปรินิพพาน โดยใหนักเรียนนําภาพ
สถานทีเ่ หลานัน้ ติดลงในสมุด และเขียนคําอธิบาย ๑๓๐
ใตภาพวาชื่อสถานที่อะไร ตั้งอยูที่ใด และ
มีความสําคัญอยางไร แลวนําสงครูผูสอน
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว  NT  O-NE T
ขอใดไมใช สาระสําคัญของหลักธรรมธัมมจักกัปปวัตตนสูตร
1 พระโสดาบัน เปนชื่อเรียกพระอริยบุคคลประเภทแรกใน 4 ประเภท ไดแก
1. มัชฌิมาปฏิปทา 2. อัตตกิลมถานุโยค
โสดาบัน สกทาคามี อนาคามี และอรหันต พระโสดาบัน คือ ผูไดบรรลุ
3. กามสุขัลลิกานุโยค 4. กาเลนะธัมมัสสะวะนัง
พระโสดาปตติผลแลว ดวยการละสังโยชนเบือ้ งตํา่ 3 ประการได ไดแก สักกายทิฏฐิ
วิจิกิจฉา และสีลัพพตปรามาส วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. กาเลนะธัมมัสสะวะนัง หมายถึง ฟงธรรม
2 ธัมเมกขสถูป แปลวา สถูปผูเห็นธรรม คือ สถานที่ที่สันนิษฐานวาพระพุทธเจา ตามกาล คือ วันพระ วันที่มีโอกาสหรือมีเวลาวาง ก็ควรไปฟงธรรมบาง
ทรงแสดงปฐมเทศนา อยูในปาอิสิปตนมฤคทายวัน ใกลเมืองพาราณสี ปจจุบัน เพื่อฟงสิ่งที่เปนประโยชนในหลักธรรมนั้นๆ และนํามาใชกับชีวิต ฟงธรรม
เรียกวา “สารนาถ” ตามกาลอยูในมงคลสูตร 38 ซึ่งเปนพระสูตรหรือหลักธรรมที่พระพุทธเจา
ทรงแสดงแกเหลาเทวดาทีม่ าทูลถามพระพุทธเจาเพือ่ ใหตอบขอสงสัยของ
3 สังเวชนียสถาน มี 4 แหง ไดแก สถานที่ประสูติอยูใตตนสาละ ลุมพินีวัน มนุษยและเทวดา
แควนสักกะ สถานที่ตรัสรูอยูใตตนมหาโพธิ์ ตําบลอุรุเวลาเสนานิคม พุทธคยา ขอ 1. มัชฌิมาปฏิปทา หมายถึง ทางสายกลาง
แควนมคธ สถานทีแ่ สดงปฐมเทศนาอยูใ นปาอิสปิ ตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี ขอ 2. อัตตกิลมถานุโยค คือ การประกอบความลําบากเดือดรอนแก
และสถานที่ปรินิพพานอยูที่สาลวโนทยาน เมืองกุสินารา แควนมัลละ ตนเอง ดังเชน พระพุทธเจาทรงบําเพ็ญทุกกรกิริยา
ขอ 3. หมายถึง กามสุขัลลิกานุโยค คือ ความสุขทางกาม

130 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
ครูใหนักเรียนชวยกันยกตัวอยางวิธีทําบุญ
๔.๒) การปฏิบตั ติ นในวันอาสาฬหบูชา ก่อนถึงวันอาสาฬหบูชาเจ้าอาวาสแต่ละวัด ในชีวิตประจําวันของนักเรียนอยางนอย 10 วิธี
จะแจ้งให้พระภิกษุสามเณร อุบาสก อุบาสิกาทราบล่วงหน้าว่า วันพระขึ้น ๑๕ ค�่า เดือน ๘ โดยออกมาเขียนบนกระดานหนาชั้น จากนั้น
จะเป็นวันประกอบพิธีอาสาฬหบูชา ครูซกั ถามนักเรียนวาวิธเี หลานัน้ ไดบญ
ุ หรืออานิสงส
เมื่อถึงวันขึ้น ๑๔ ค�่า เดือน ๘ ก่อนวันอาสาฬหบูชา ๑ วัน พระภิกษุ สามเณร อยางไร และบันทึกวิธีทําบุญตางๆ ลงในสมุด
มรรคนายก พุทธศาสนิกชน ทีว่ า่ งเว้นจากหน้าทีก่ ารงานประจ�า ก็จะช่วยกันปัดกวาดปูลาดเสนาสนะ (แนวตอบ เชน ทําบุญตักบาตร บริจาคทรัพยสิน
จัดตั้งเครื่องสักการะ จัดหาภาชนะใส่น�้าดื่ม ประดับธงธรรมจักร ธงชาติ และประทีปโคมไฟต่างๆ กราบไหวผูใหญ ผูมีพระคุณ กตัญูกตเวที ชวย
รอบพระอุโบสถ พระสถูปเจดีย์ เช่นเดียวกับวันวิสาขบูชา พอแมทํางานบาน รักษาศีล สวดมนต เดินจงกรม
ครั้นถึงวันอาสาฬหบูชา ตอนเช้าพุทธศาสนิกชนจะไปร่วมกันท�าบุญตักบาตรที่วัด นั่งสมาธิ เปนตน)
ฟังเทศน์ และบ�าเพ็ญสาธารณประโยชน์ต่างๆ เช่น บริจาคโลหิต พัฒนาวัด หรือบริจาคทรัพย์
เพื่อการกุศล ตอนค�่าก็จะมีการเวียนเทียนรอบพระอุโบสถ หรือรอบพระสถูปเจดีย์ เสร็จแล้วเข้าไป ขยายความเขาใจ Expand
ท�าวัตรค�่าในพระอุโบสถ หลังจากนั้นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ขึ้นธรรมาสน์แสดงพระธรรมเทศนาชื่อ 1. ครูนําตารางบันทึกความดีมาใหนักเรียน
“ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” และหลังจากจบพระธรรมเทศนา พุทธศาสนิกชนอาจสนทนาธรรม โดยใหนักเรียนบันทึกการทําความดีในชีวิต
ต่อก็ได้ ประจําวัน เชน ชวยคนแกขามถนน ลุกขึ้นให
1.2 วันธรรมสวนะและเทศกาลสำาคัญ ที่นั่งคนแก ใหเงินคนแกที่มาขอเงิน เปนตน
๑) วันธรรมสวนะ หมายถึง วันส�าหรับฟังธรรม เรียกกันทั่วไปว่า “วันพระ” ซึ่งมี และนําสงครูผูสอน
๒ ชนิด คือ วันพระเล็กและวันพระใหญ่ วันพระเล็ก ได้แก่ วันขึ้นและวันแรม ๘ ค�่า ส่วน 2. ครูใหนักเรียนทําผังมโนทัศนสรุปสาระสําคัญ
วันพระใหญ่ ได้แก่ วันขึ้น ๑๕ ค�่า และวันแรม ๑๔ ค�่า (ในเดือนขาด) หรือ ๑๕ ค�่า (ในเดือนเต็ม) ของวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา ไดแก
ในวันธรรมสวนะ พุทธศาสนิกชน วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา
พึงปฏิบัติ คื1อ ในตอนเช้
2 า พระภิกษุ สามเณร และวันอัฏฐมีบูชา โดยใหอธิบายความสําคัญ
และอุบาสก อุบาสิกา ประชุมโดยพร้อมกันที่ พระธรรมคําสอน สิง่ ทีพ่ งึ รําลึกถึงของวันสําคัญ
พระอุ โ บสถหรื อ ศาลาการเปรี ย ญ พระสงฆ์ นั้นๆ ลงในกระดาษ A4 และนําสงครูผูสอน
ท�าวัตรสวดมนต์ เริ่มด้วยนมัสการพระรัตนตรัย
และสวดบทท�าวัตรเช้าไปจนจบ หลังจากนั้น ตรวจสอบผล Evaluate
ฆราวาสก็ทา� วัตรสวดมนต์ (หรืออาจท�าพร้อมกับ
พระสงฆ์) จากนั้นก็มีก3ารรับศีล ๕ หรือศีล ๘ 1. ตรวจสอบจากตารางบันทึกความดีของนักเรียน
เสร็จแล้วพระธรรมกถึกขึน้ ธรรมาสน์แสดงธรรม ในชีวิตประจําวัน
ระหว่างฟังธรรม พุทธศาสนิกชนพึงประนมมือ 2. ตรวจสอบจากผังมโนทัศนสรุปสาระสําคัญของ
ตั้งใจฟังด้วยความเคารพ เมื่อเทศน์จบหัวหน้า การฟังธรรมในวันพระนอกจากจะเป็นแนวทางการปฏิบตั ติ น วันสําคัญทางพระพุทธศาสนา
อุบาสก อุบาสิกา น�ากล่าวสาธุการ ๓ ครัง้ (สาธุ ของพุทธศาสนิกชนที่ดีแล้ว ยังช่วยชำาระจิตใจให้สะอาด
เบิกบานอีกด้วย
สาธุ สาธุ) เป็นอันเสร็จพิธี
131

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T นักเรียนควรรู
วันธรรมสวนะหรือวันพระ มีประวัติความเปนมาอยางไร
1 อุบาสก คือ คฤหัสถหรือชาวบานผูชายทั่วไปที่นับถือพระพุทธศาสนา โดย
แนวตอบ วันธรรมสวนะหรือวันพระ เดิมเปนธรรมเนียมของพวกเดียรถีย อุบาสกสองทานแรกของโลกที่ถึงพระพุทธและพระธรรมเปนที่พึ่ง (ในเวลานั้นยัง
ซึ่งจะประชุมกันแสดงธรรมทุกๆ วัน 8 คํ่า และ 15 คํ่า ในสมัยตนพุทธกาล ไมมพี ระสงฆ) คือ พอคาชือ่ วาตปุสสะและภัลลิกะ ผูถ วายขาวสัตตุผงและขาวสัตตุกอ น
พระพุทธเจามิไดทรงวางระเบียบเรื่องนี้ไว ตอมาพระเจาพิมพิสารไดกราบทูล แดพระพุทธเจาภายหลังจากทรงตรัสรูใ หมๆ สวนอุบาสกทานแรกทีถ่ งึ พระรัตนตรัย
ตอพระพุทธเจาวานักบวชศาสนาอื่นมีวันประชุมสนทนาเกี่ยวกับหลักธรรม เปนที่พึ่ง คือ เศรษฐีคหบดี บิดาของพระยสะ
คําสัง่ สอนในศาสนาของเขา แตวา พระพุทธศาสนายังไมมี พระพุทธองคจงึ ทรง 2 อุบาสิกา คือ คฤหัสถหรือชาวบานผูหญิงทั่วไปที่นับถือพระพุทธศาสนา
อนุญาตใหมีการประชุมพระสงฆในวัน 8 คํ่า และ 15 คํ่า แตในระยะแรก อุบาสิกาทานแรกของโลก คือ ภรรยาเกาของพระยสะและนางสุชาดา มารดาของ
พระภิกษุไมรูวาควรจะทําสิ่งใด จึงนั่งนิ่งบาง นั่งหลับบาง ชาวบานก็ไดตําหนิ พระยสะ ผูถวายขาวมธุปายาสแดพระพุทธเจา เมื่อพระบรมโพธิสัตวรับ
พระพุทธเจาจึงกําหนดใหพระสงฆประชุมสนทนาและแสดงธรรมเทศนาแก ขาวมธุปายาสแลว เสด็จไปประทับที่โคนตนมหาโพธิ์ ทรงบําเพ็ญเพียรทางจิตและ
ประชาชน ตลอดจนการสวดปาฏิโมกข ตรัสรูเปนสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจาในวันนั้น
3 พระธรรมกถึก คือ ผูที่จะตองไปกลาวธรรม แสดงธรรม เปนตัวแทนของ
พระพุทธเจาในการนําธรรมของพระองคไปเผยแผแกประชาชน พระธรรมกถึก
จึงตองเปนผูชาญฉลาด เขาใจในหลักธรรมอยางแจมแจง
คูมือครู 131
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูถามนักเรียนวา ใน 1 เดือนมีวันธรรมสวนะ
หรือวันพระกี่วัน และในแตละวันตรงกับวันใดบาง ประโยชน์ที่เกิดขึ้นก็คือ การได้ฟังธรรมในวันพระ จะเป็นการเพิ่มพูนศรัทธาใน
และในวันพระนักเรียนควรปฏิบตั ติ นอยางไร จึงจะได พระรัตนตรัย และได้ทราบแนวทางในการปฏิบัติตนของชาวพุทธที่ดี รู้ว่าอะไรควรละ อะไรควร
ชื่อวาเปนชาวพุทธที่ดี บ�าเพ็ญ มีความเห็นถูกต้องตามหลักของพระพุทธศาสนา
๒) วันเข้าพรรษา
สํารวจคนหา Explore ๒.๑) ความเป็ น มาและความ
ครูใหนักเรียนสืบคนเกี่ยวกับวันธรรมสวนะและ ส�าคัญ วันเข้าพรรษา คือ วันที่พระภิกษุสงฆ์
เทศกาลสําคัญ ไดแก วันเขาพรรษา วันออกพรรษา อธิษฐานว่าจะอยูป่ ระจ�า ณ อาวาสใดอาวาสหนึง่
และวันเทโวโรหณะ จากหนังสือเรียนหนา 131-136 เป็นระยะเวลา ๓ เดือน ตลอดฤดูฝน ไม่จาริก
และแหลงการเรียนรูต า งๆ เชน หองสมุด อินเทอรเน็ต ไปแรมคืนยังสถานที่อื่นแม้แต่คืนเดียว โดย
สนทนาธรรมกับพระสงฆ เปนตน ปราศจากความจ�าเป็นตามทีร่ ะบุไว้ในพระธรรม
วินัย๑
อธิบายความรู Explain วันเข้าพรรษา มีอยู่ ๒ วัน คือ
๑. วันแรม ๑ ค�่า เดือน ๘
1. ครูใหนกั เรียนยกตัวอยางวา เมือ่ ถึงวันธรรมสวนะ เรี ย กว่ า “ปุ ริ ม พรรษา” (วั น เข้ า พรรษาต้ น )
นักเรียนควรปฏิบัติตนอยางไร โดยบันทึกลงใน เทียนพรรษาทีพ่ ทุ ธศาสนิกชนช่วยกันตกแต่งอย่างสวยงาม ออกพรรษาในวันขึ้น ๑๕ ค�่า เดือน ๑๑
ในเทศกาลเข้าพรรษา
สมุดและสงครูผูสอน ๒. วันแรม ๑ ค�่า เดือน ๙
2. ครูใหนักเรียนออกไปประกอบศาสนพิธีเนื่อง เรียกว่า “ปัจฉิมพรรษา” (วันเข้าพรรษาหลัง) ออกพรรษาในวันขึ้น ๑๕ ค�่า เดือน ๑๒
ในวันธรรมสวนะที่วัดตางๆ ใกลบานหรือ แต่เดิมนั้นยังไม่มีธรรมเนียมการเข้าพรรษา เมื่อถึงฤดูฝน พระพุทธเจ้า รวมทั้ง
ชวนกันไปกับเพื่อนนักเรียน และใหระบุวาวัดที่ พุทธสาวก ซึ่งขณะนั้นยังมีน้อยองค์ก็จะหยุดสัญจร ประทับอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง ด้วยทรงเห็นว่า
นักเรียนไปทําบุญนั้น มีศาสนพิธีอะไรบาง และ ไม่สะดวกด้วยประการทั้งปวงที่จะเดินทางไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในฤดูกาลนี้ กาลต่อมาเมื่อมี
มีวัตถุประสงคเพื่ออะไร พระภิกษุสงฆ์มากขึ้น ภิกษุบางพวก เช่น พวกฉัพพัคคีย์ (กลุ่มพระภิกษุซึ่งอยู่ด้วยกัน ๖ รูป)
3. ครูใหนกั เรียนศึกษาและวิเคราะหวา เพราะเหตุใด มิได้คา� นึงถึงกาลอันควรหรือไม่ควร เทีย่ วไปมาจาริกตลอดทัง้ ปี ซึง่ บางครัง้ ก็ไปเหยียบย�า่ ข้าวกล้า
ในวันเขาพรรษาจึงมีพิธีแหเทียนพรรษา รวมถึง ตลอดจนพืชอื่นๆ ซึ่งชาวบ้านเพิ่งจะลงมือหว่านไถเพาะปลูกให้ได้รับความเสียหายบ้าง หรือ
ทําไมจึงตองสรางเทียนที่สวยงามและใหญโต ไปเหยียบย�่าโดนสัตว์เล็กๆ จนถึงแก่ความตายบ้าง ชาวบ้านจึงพากันต�าหนิติเตียนว่าพวก
ในวันนั้น สมณศากยบุตรกระท�าในสิ่งที่ไม่สมควร เพราะแม้แต่พวกเดียรถีย์ปริพาชก และบรรดาพ่อค้า
วาณิชต่างก็หยุดสัญจรกันในฤดูนี้ เมือ่ พระพุทธเจ้าทรงทราบจึงทรงวางระเบียบให้พระภิกษุสงฆ์อยู่
ประจ�าที่ ณ อาวาสใดอาวาสหนึ่ง ตลอด ๓ เดือนในฤดูฝน เรียกกันโดยทั่วไปว่า “จ�าพรรษา”

ในพระธรรมวินัยระบุไว้ว่า พระภิกษุสงฆ์ที่มี “สัตตาหกรณียะ” หรือมีกิจธุระที่จ�าเป็นเร่งด่วน ก็อนุญาตให้ไปแรมคืนยังอาวาสอื่น
หรือสถานที่อื่นได้ แต่ทั้งนี้ต้องกลับมาภายใน ๗ วัน สัตตาหกรณียะดังกล่าว ได้แก่
๑) ไปรักษาพยาบาลเพื่อนสหธรรมมิก (ผู้มีธรรมร่วมกัน) หรือบิดามารดาที่เจ็บป่วย
๒) เพื่อนสหธรรมมิกกระสันอยากสึก ไปเพื่อระงับความกระสันอยากสึก
๓) ไปเพื่อกิจธุระคณะสงฆ์ เช่น ไปหาอุปกรณ์มาซ่อมแซมวัดที่ช�ารุดภายในพรรษานั้นๆ
132 ๔) ทายกทายิกานิมนต์ไปฉลองศรัทธาในการบ�าเพ็ญกุศลของเขา

กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
ครูแนะนํานักเรียนเกี่ยวกับการรักษาศีล 8 วา การรักษาศีล 8 นั้น มีศีล 3 ขอ ครูใหนักเรียนศึกษาศีล 8 วาขอหามเพิ่มเติมนอกเหนือจากศีล 5
เพิ่มขึ้นมาจากศีล 5 ไดแก หามรับประทานอาหารยามวิกาลหรือหลังบายโมง มีอะไรบาง จากนั้นครูใหนักเรียนถือศีล 8 เปนเวลา 1 วัน ในวันธรรมสวนะ
หามทาเครื่องหอม หามดูการละเลนตางๆ ทุกชนิดไมวาจะเปนการฟงเพลง การดู จากนัน้ ครูสมุ ใหนกั เรียนออกมาอธิบายการรักษาศีล 8 วามีความยากงาย
ละคร ภาพยนตร การแสดงตางๆ และหามนอนบนที่สูง ที่ฟูก อันประกอบดวยนุน และมีประโยชนอยางไร
หรือที่นอนอันสบาย บางครั้งการรักษาศีล 8 นั้นทําไดยาก เพราะตองหักหามกิเลส
จากความอยาก ความหิว ความสบาย ฯลฯ ดวยเหตุนี้การรักษาศีล 8 จึงเปน
เครื่องมือในการลด ละ เอาชนะกิเลสอยางหนึ่ง ซึ่งหากทําไดจะไดบุญบารมีสูงและ
สรางความเจริญใหกับชีวิต กิจกรรมทาทาย

ครูใหนักเรียนรวมกันสงประกวดเรียงความหรือบทรอยกรอง
เพื่อกระตุนและปลุกจิตสํานึกใหพุทธศาสนิกชนลด ละ เลิก อบายมุข
ในชวงเขาพรรษา จากนั้นครูคัดเลือกและนําผลงานที่ดีที่สุด 3 อันดับ
ไปติดบนกระดานความรูหนาชั้น
132 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูนําสนทนาเกี่ยวกับวันเขาพรรษา และตั้ง
นอกจากนี้ ยังมีวัตถุประสงค์อื่นๆ อีกในวันเข้าพรรษา คือ คําถามวา
๑. พระภิกษุสงฆ์จะได้มเี วลาปฏิบตั ศิ าสนกิจส่วนทีพ่ งึ กระท�า เช่น การศึกษา • วันเขาพรรษามีความสําคัญอยางไร
เล่าเรียนพระธรรมวินัย การบ�าเพ็ญภาวนา การสั่งสอนประชาชนในท้องถิ่นนั้นๆ ได้อย่างเต็มที่ และนักเรียนควรปฏิบัติตนอยางไรในวันนี้
๒. เป็ น การเปิ ด โอกาส ถึงจะไดชื่อวาเปนชาวพุทธที่ดี
ให้ทายก ทายิกา ได้มาบ�าเพ็ญกุศล อาทิ การ (แนวตอบ วันเขาพรรษา คือ วันที่พระสงฆ
ถวายทาน รักษาศีล ฟังเทศน์ สนทนาธรรม จําพรรษาอยูที่วัดใดวัดหนึ่งเปนเวลา 3 เดือน
โดยอาศัยพระสงฆ์ได้อย่างเต็มที่ ตลอดฤดูฝน พุทธศาสนิกชนควรรักษาศีล 5
๒.๒) การปฏิบัติตนในวันเข้า อยูเปนนิจศีลตลอด 3 เดือนที่พระสงฆ
พรรษา พิธกี รรมในวันเข้าพรรษา แบ่งแยกออก เขาพรรษา เพือ่ รักษากาย วาจา ใจใหบริสทุ ธิ)์
เป็น ๒ ส่วน ดังนี้ • เพราะเหตุใด พระสงฆจึงตองมีการประกาศ
(๑) พิธขี องพระภิกษุสงฆ์ เขตอาวาสวามีอาณาเขตจดที่ใดบาง
เดิมทีเดียวนั้นการเข้าพรรษากระท�ากันอย่าง (แนวตอบ เพราะอาณาเขตของวัดสมัยกอน
ง่ายๆ คือ เมื่อถึงวันเข้าพรรษา พระภิกษุเพียง หรือในปจจุบันบางแหง มักจะเปนเขตที่
แต่ตั้งจิตอธิษฐานว่า “ข้าพเจ้าจักอยู่จ�าพรรษา เชื่อมตอกับที่ดินของชาวบาน โดยมิไดมีรั้ว
ในอาวาสนี้เป็นเวลา ๓ เดือน” หรือแม้จะมิได้ พระภิกษุสงฆ์ทำาวัตรปฏิบัติร่วมกันก่อนเข้าพรรษา หรือกําแพงกั้นอยางชัดเจน จึงตองประกาศ
ตัง้ จิตอธิษฐาน ครัน้ ถึงวันเข้าพรรษาไม่จาริกไป ไวเพื่อจะไดปองกันมิใหพระภิกษุพลั้งเผลอ
แรมคืนที่อื่น ก็ย่อมได้ชื่อว่าเข้าพรรษา หรืออยู่จ�าพรรษาแล้ว แต่ในปัจจุบันนี้การเข้าพรรษา ออกไปจําพรรษานอกเขตวัดที่ตนอธิษฐาน
มีพิธีรีตองมากขึ้น กล่าวคือ เมื่อถึงวันแรม ๑ ค�่า เดือน ๘ อันเป็นวันเข้าพรรษา พระภิกษุสงฆ์ เขาพรรษา)
จะประชุมกันในโบสถ์เพือ่ ท�าวัตรค�า่ จากนัน้ เจ้าอาวาสหรือสมภาร ซึง่ เป็นหัวหน้าของพระภิกษุสงฆ์ 2. ครูใหนักเรียนศึกษาการทําวัตรของพระสงฆ
ในวัด ก็จะบอกกฎเกณฑ์ กติกา หรือวัตรปฏิบตั ติ า่ งๆ ทีพ่ ระภิกษุควรกระท�าในระหว่างอยูจ่ า� พรรษา เชน ทําวัตรเชา ทําวัตรเย็น เปนตน โดยให
รวมทั้งประกาศเขตอาวาสว่ามีอาณาเขตจดที่ใดบ้าง เพื่อป้องกันมิให้พระภิกษุพลั้งเผลอออกไป ระบุวาการทําวัตรของพระสงฆนั้น ทาน
จ�าพรรษานอกเขตวัดทีต่ นอธิษฐานเข้าพรรษา เสร็จแล้วพระผูน้ อ้ ยจะกล่าวค�าขอขมาต่อพระผูใ้ หญ่ สวดมนตบทใดบาง และบทสวดมนตนั้นมี
มีใจความว่า “ขอให้ท่านจงอดโทษทั้งปวงที่ท�าด้วยไตรทวาร (คือ กาย วาจา ใจ) เพราะความ ความมุงหมายอยางไร โดยใหนักเรียนบันทึก
ประมาทในท่านแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด” พระผู้ใหญ่กล่าวตอบมีใจความว่า “อดโทษให้” เสร็จแล้ว สาระสําคัญลงในสมุด
พระภิกษุทุกองค์กล่าวค�าอธิษฐานเข้าพรรษา ดังนี้ 3. ครูพานักเรียนไปทําวัตรเย็นหรือฟงพระธรรม-
เทศนาที่วัด จากนั้นใหบันทึกวานักเรียน
ค�าอ่าน อิมัสมิง อาวาเส อิมัง เตมาสัง วัสสัง อุเปมิ สวดมนตบทใดบาง ไดแงคิดอะไรจากการฟง
ค�าแปล ข้าพเจ้าขออยู่จ�าพรรษาในอาวาสนี้ตลอดเวลา ๓ เดือน พระธรรมเทศนา และสามารถนําไปประยุกตใช
กับชีวิตของตนเองไดอยางไร

133

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T เกร็ดแนะครู
กิจกรรมในขอใดไม เกี่ยวของกับวันเขาพรรษา
ครูแนะนํานักเรียนเกี่ยวกับการทําสามีจิกรรม ซึ่งเปนธรรมเนียมหนึ่งที่ให
1. การเวียนเทียน
พระสงฆและสามเณรทําความชอบกัน หรือการขอขมาลาโทษและใหอภัยกัน
2. การถวายผาอาบนํ้าฝน
เพื่อความสามัคคีและอยูรวมกันอยางสงบสุข โดยมีโอกาสในการทําสามีจิกรรม คือ
3. การถวายเทียนพรรษา
ในวันเขาพรรษา ระยะเขาพรรษา และในโอกาสที่จะจากกันไปอยูวัดอื่น การขอขมา
4. การงดเหลาและอบายมุขทั้งปวง
ลาโทษทําโดยการจัดเครือ่ งสักการะ ดอกไม ธูปเทียน ประคองไปหาทานทีจ่ ะขอขมา
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. การเวียนเทียน เพราะเปนศาสนพิธีที่ กราบเบญจางคประดิษฐ 3 ครั้ง แลวกลาวคําขอขมา ทานที่รับขอขมาพึงรับคํา
ปฏิบัติกันในวันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา และวันอัฏฐมีบูชา ตามนิยมและรับไหวหรือกราบเปนอันเสร็จพิธี
สวนขอ 2., 3. และ 4. เปนกิจกรรมที่เกี่ยวของกับวันเขาพรรษา

คูมือครู 133
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนกั เรียนหาภาพขาวประเพณีแหเทียนพรรษา
ของจังหวัดตางๆ ที่นักเรียนชื่นชอบ 2-3 รูป กล่าวค�าอธิษฐาน ๓ ครั้ง เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีสงฆ์ในวันเข้าพรรษา
และบันทึกวาประเพณีแหเทียนพรรษามีความ (๒) พิธขี องพุทธศาสนิกชน ในปัจจุบนั นีป้ ระเพณีเข้าพรรษาเป็นอีกประเพณี
สําคัญอยางไร มีจุดประสงคเพื่ออะไร โดยติด ทีส่ า� คัญยิง่ กล่าวคือ ก่อนถึงเทศกาลเข้าพรรษา
ภาพและบันทึกคําอธิบายลงในกระดาษ A4 (ก่อนวันแรม ๑ ค�่า เดือน ๘) บิดามารดาหรือ
นําสงครูผูสอน ผู้ปกครองก็จะประกอบพิธีอุปสมบทให้แก่บุตร
2. ครูนําสนทนาเกี่ยวกับวันออกพรรษา และให หลานของตนที่มีอายุครบบวช (๒๐ ปีบริบูรณ์)
นักเรียนรวมกันตอบคําถามวา ไปบรรพชาอุปสมบทโดยถือกันว่า ถ้าบุตรหลาน
• เพราะเหตุใด พระสงฆจึงมีการรวมสังฆกรรม ของตนได้เข้าบวชเรียนในพระพุทธศาสนาและ
หรือการทําปวารณาหลังจากวันออกพรรษา อยู่จ�าพรรษาจะได้รับอานิสงส์สูงสุด
(แนวตอบ เพราะในระหวางจําพรรษา พระสงฆ ครั้นถึงวันเข้าพรรษา บรรดา1
บางรูปอยูในความประมาท ประพฤติตนไม พุท ธศาสนิก ชนจะร่วมใจกันท� าบุญ ตักบาตร
เหมาะสม และไมมีผูใดกลาวากลาวตักเตือน แห่เทียนพรรษา ซึ่งได้รับการตกแต่งอย่า ง
เพราะตางคํานึงวามิใชหนาที่ของตน มีความ สวยงามไปยังวัดที่ตนนับถือ แล้วเชิญเทียน
เกรงใจและหวั่นเกรงวาจะเปนชนวนใหเกิด พรรษาเข้าไปตั้งไว้ในพระอุโบสถ2 จากนั้นก็มี
การแตกแยกในคณะสงฆได ครั้นออกพรรษา ในวันเข้าพรรษา พุทธศาสนิกชนจะร่วมใจกันทำาบุญตักบาตร การถวายผ้าอาบน�้าฝน จตุปัจจัยแก่พระภิกษุ
ทัง้ นีเ้ พือ่ ความเป็นสิรมิ งคลแก่ตนเองและครอบครัว
แลว พระภิกษุตางก็แยกยายกันไปเผยแผ
3 สามเณร และสดับ ตรับฟังพระธรรมเทศนา
พระพุทธศาสนา ความประพฤติอนั ไมเหมาะสม นอกจากนี้ พุทธศาสนิกชนบางท่านก็ปวารณาตัวต่อพระสงฆ์รับเป็นโยมอุปัฏฐากจัดหาสิ่งของ
ของพระภิกษุบางรูปก็ยังไมไดรับการแกไข ทีข่ าดเหลือถวายให้แก่ทา่ นเป็นการเฉพาะองค์ หรือรับเป็นโยมสงฆ์จดั หาสิง่ ของถวายแด่พระภิกษุ
ครั้นภิกษุบางรูปพบเห็นเขาก็คิดวาถูกตอง สามเณรทัว่ ทัง้ วัด หรือบางท่านก็อธิษฐานกระท�าความดีตา่ งๆ เช่น ท�าบุญตักบาตรทุกวัน งดเสพสุรา
จึงพากันประพฤติปฏิบัติตามอยาง นอกจากนี้ งดเล่นการพนัน หรือรับประทานแต่อาหารมังสวิรตั ิ ตลอดช่วง ๓ เดือน แห่งการเข้าพรรษา เป็นต้น
ความประพฤติอันไมเหมาะสมนั้นยังได ๓) วันออกพรรษา คือ วันที่สิ้นสุดระยะการจ�าพรรษา ถ้าเป็นพรรษาต้นจะตรงกับ
ปรากฏตอชุมชน ทําใหชาวบานพากันติเตียน วันขึ้น ๑๕ ค�่า เดือน ๑๑ และพรรษาหลังจะตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค�่า เดือน ๑๒ แต่เดิมนั้น
และคลายความศรัทธาที่มีตอพระพุทธศาสนา วันออกพรรษาไม่มพี ธิ รี ตี องแต่อย่างใด ต่อมาภายหลังพระพุทธเจ้าทรงเห็นว่าในระหว่างอยูจ่ �าพรรษา
ลง มูลเหตุนี้จึงมีการปวารณา เพื่อเปดโอกาส มีพระภิกษุบางรูปเกิดความประมาท ประพฤติตนไม่เหมาะสม แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าว่ากล่าวตักเตือน
ใหพระสงฆวากลาวตักเตือนกันเกี่ยวกับพระ เพราะต่างค�านึงว่ามิใช่หน้าที่ของตนเอง มีความเกรงใจและหวั่นเกรงว่าจะเป็นชนวนให้เกิดการ
วินัยที่ควรปฏิบัติ พระสงฆจะไดทราบวาสิ่งใด แตกแยกในคณะสงฆ์ได้ ครัน้ ออกพรรษาแล้ว พระภิกษุตา่ งก็แยกย้ายกันไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา
ควรทํา สิ่งใดไมควรทํา) ความประพฤติอนั ไม่เหมาะสมของพระภิกษุบางรูปก็ยงั ไม่ได้รบั การแก้ไข ครัน้ ภิกษุบางรูปพบเห็น
• เมื่อมีผูวากลาวตักเตือน นักเรียนควรจะ เข้าก็คดิ ว่าถูกต้อง จึงพากันประพฤติปฏิบตั ติ ามอย่าง นอกจากนี้ ความประพฤติอนั ไม่เหมาะสมนัน้
ปฏิบัติอยางไร จึงจะเรียกวาเปนชาวพุทธที่ดี ยังได้ปรากฏต่อชุมชน ท�าให้ชาวบ้านพากันติเตียนและคลายความศรัทธาทีม่ ตี อ่ พระพุทธศาสนาลง
(แนวตอบ ควรนําสิ่งที่วากลาวตักเตือนมาคิด พระพุทธองค์จึงทรงมีพระบััญญัติว่า พระภิกษุทุกรูปต้องท�าการปวารณาหลังจากออกพรรษาแล้ว
พิจารณาวาเปนจริงอยางที่ถูกวากลาวหรือไม
เพื่อจะไดรูวาสิ่งใดควรทํา สิ่งใดไมควรทํา 134
และจะไดปรับปรุงพัฒนาตนเองใหดีขึ้น)

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว  NT  O-NE T
ขอใดตอไปนี้ ไม สัมพันธกับวันออกพรรษา
1 ตักบาตร มีการตักบาตรในหลายรูปแบบ เชน งานตักบาตรดอกไมในชวง
1. การปวารณา
เขาพรรษาที่วัดพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ตักบาตรพระขี่มาที่จังหวัดเชียงราย
2. การตักบาตรเทโว
ตักบาตรขาวเหนียวที่เมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว
3. การฟงเทศนฟงธรรม
2 จตุปจจัย จตุ แปลวา สี่ หมายถึง ปจจัย 4 ของพระสงฆที่เปนเครื่องอาศัย 4. การถวายผาอาบนํ้าฝน
เลีย้ งชีวติ คลายคลึงกับปจจัย 4 ของคฤหัสถทวั่ ไป มี 4 อยาง ไดแก จีวร (เครือ่ งนุง หม)
บิณฑบาต (อาหาร) เสนาสนะ (ที่อยูอาศัย) และ คิลานเภสัช (ยารักษาโรค) วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะการถวายผาอาบนํ้าฝน
จะกระทําในวันแรม 1 คํ่า เดือน 8 คือ วันเขาพรรษา สวนตัวเลือกขออื่นๆ
3 ปวารณา คือ การยอมใหวากลาวตักเตือนซึ่งกันและกัน หรือยอมมอบตน เกี่ยวของกับวันออกพรรษาทั้งหมด สําหรับการตักบาตรเทโว จะทําใน
ใหสงฆกลาวตักเตือนในขอบกพรองที่ภิกษุทั้งหลายไดเห็นไดยินหรือมีขอสงสัย วันขึ้น 15 คํ่า เดือน 11 หรือวันแรม 1 คํ่า เดือน 11 ก็ได
ดวยจิตเมตตา เพื่อจะไดสํารวม ระวัง ปรับปรุง แกไขตนเอง เพื่อความเจริญของ
พระธรรมวินัยและความผาสุกในการอยูรวมกัน

134 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูตั้งคําถามใหนักเรียนวิเคราะหวา
การปวารณา หมายถึง การที่พระภิกษุสงฆ์เปิดโอกาสให้ผู้ประพฤติพรหมจรรย์ • พระภิกษุสงฆมีการเรียงตามลําดับอาวุโส
ในธรรมวินัยเดียวกันว่ากล่าวตักเตือนกันได้โดยไม่ต้องเกรงใจกัน เมื่อผู้ใหญ่เห็นผู้น้อยประพฤติ อยางไร และพระสงฆที่อาวุโสตางกันจะใช
บกพร่อง หรือเพียงแต่สงสัยว่าน่าจะมีความ คําเรียกแทนพระสงฆอีกรูปวาอยางไร
ประพฤติบกพร่อง ผู้ใหญ่ก็ว่ากล่าวตักเตือน (แนวตอบ เรียงลําดับอาวุโสตามพรรษาที่บวช
ผู้น้อยได้ ในท�านองเดียวกัน ผู้น้อยก็สามารถ หรือระยะเวลาทีบ่ วชมากอน หากพรรษามาก
ตักเตือนผู้ใหญ่ได้เช่นกัน ถ้าหากเห็นผู้ใหญ่ ก็เปนผูอาวุโส โดยไมไดเรียงตามวัยวุฒิของ
ประพฤติบกพร่องหรือสงสัยว่าน่าจะประพฤติ พระสงฆนนั้ พระสงฆทมี่ พี รรษานอยจะเรียก
บกพร่อง ทั้งนี้การตักเตือนของหมู่สงฆ์นั้น พระสงฆที่มีพรรษามากกวาวา “ภันเต”
มีเจตนาบริสุทธิ์เป็นที่ตั้ง คือ มุ่งหมายให้เพื่อน สวนพระสงฆพรรษาเทากันหรือนอยกวาจะ
สหธรรมิกปราศจากมลทิน เพื่อจะได้รู้ว่าสิ่งใด เรียกวา “อาวุโส”)
ควรท�า สิ่งใดไม่ควรท�า ฉะนั้นการปวารณาจึง 2. ครูใหนักเรียนศึกษาการเรียกจํานวนหรือ
เป็นการร่วมสังฆกรรม และการปฏิบตั ดิ ว้ ยความ ตัวเลขในภาษาบาลี เชน จตุ คือ สี่ ปญจ
เอื้ออาทรต่อกันของพระภิกษุสงฆ์ที่จ�าพรรษา เบญจ คือ หา เปนตน โดยใหนักเรียนคนหา
อยู่ในอาวาสเดียวกัน การปวารณาเป็นการเปิดโอกาสให้พระภิกษุสงฆ์ว่ากล่าว จํานวนที่หนึ่งถึงยี่สิบวามีคําเรียกในภาษาบาลี
โดยปกติภกิ ษุสงฆ์จะท�าการปวารณา1 ตัออกพรรษาแล้
กเตือนกันเกี่ยวกับวินัยที่ควรปฏิบัติ ซึ่งกระทำาหลังจาก วาอะไร แลวบันทึกลงในสมุด

ในวันขึ้น ๑๕ ค�่า เดือน ๑๑ เรียกว่า “วันปัณรสี” 3. ครูใหนักเรียนทดลองใชวิธีปวารณาของ
แต่ถ้าภิกษุสงฆ์ยังไม่พร้อมก็จ2ะเลื่อนวันปวารณาออกไปอีก ๑ ปักษ์ ซึ่งตรงกับวันแรม ๑๔ ค�่า พระสงฆ โดยการเปดโอกาสใหเพื่อนนักเรียน
เดือน ๑๑ เรียกว่า “วันจาตุทสี” ก็ได้ วากลาวตักเตือนกันถึงขอบกพรองหรือขอควร
เมื่อถึงวันปวารณา ภิกษุสงฆ์จะประชุมกันในโบสถ์รับไทยธรรมจากอุบาสก อุบาสิกา ปรับปรุงของอีกฝาย โดยไมตองเกรงใจกัน
พระเถระชัน้ ผูใ้ หญ่แสดงพระธรรมเทศนา เสร็จแล้วภิกษุสงฆ์จะเริม่ ท�าการปวารณา โดยเรียงกันไป และควรบอกวิธีแกไขใหเพื่อนนักเรียนดวย
ตามล�าดับอาวุโส ค�าปวารณามีใจความว่า

“สงฺฆมฺภนฺเต ปวาเรมิ, ทิฏเฺ ฐฺน วา สุเตน วา ปริสงฺกาย วา; วทนฺตุ ม� อายสฺมนฺโต อนุกมฺปํ
อุปาทาย; ปสฺสนฺโต ปฏิกฺกริสฺสามิ. ทุติยมฺปิ ภนฺเต สงฺฆ� ปวาเรมิ,... ตติยมฺปิ ภนฺเต สงฺฆ�
ปวาเรมิ,...”
“ท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอปวารณาต่อสงฆ์ ด้วยได้เห็นก็ดี ด้วยได้ฟังก็ดี ด้วยสงสัยก็ดี
ขอท่านทัง้ หลายจงอาศัยความกรุณาว่ากล่าวต่อข้าพเจ้า เมือ่ ข้าพเจ้าส�านึกได้จกั กระท�าคืนเสีย ”
“ท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอปวารณาต่อสงฆ์ เป็นครั้งที่ ๒.....................”
“ท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอปวารณาต่อสงฆ์ เป็นครั้งที่ ๓.....................”

135

ขอสอบ O-NET
ขอสอบป ’ 52 ออกเกี่ยวกับวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา นักเรียนควรรู
เมื่อถึงวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา ชาวพุทธควรจะระลึกถึงสิ่งใด
1 วันปณรสี แปลวา การเกิดขางขึ้นและขางแรม (ดิถี) เต็ม 15 วัน คือ
มากที่สุด
วัน 15 คํ่า เรียกเต็มๆ วา “วันปณรสีดิถี”
1. พระรัตนตรัย
2. พระไตรปฎก 2 วันจาตุทสี แปลวา การเกิดขางขึ้นและขางแรม (ดิถี) เต็ม 14 วัน คือ
3. พระพุทธคุณ 3 วัน 14 คํ่า เรียกเต็มๆ วา “วันจาตุทสีดิถี”
4. การทํานุบํารุงพระพุทธศาสนา
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เพราะวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา ชาวพุทธ
ควรระลึกถึงพระรัตนตรัย คือ พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ มุม IT
ดังที่ปรากฏในการเวียนเทียนรอบพระอุโบสถ 3 รอบ
ขอ 2. พระไตรปฎก คือ พระธรรมวินัยของพระสงฆ ศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปวารณาในเทศกาลออกพรรษา ไดที่
ขอ 3. พระพุทธคุณ 3 คือ การระลึกถึงพระพุทธคุณอยางเดียว http://www.dhammathai.org เว็บไซตธรรมะไทย
ขอ 4. การทํานุบํารุงพระพุทธศาสนาสามารถทําไดทุกวัน

คูมือครู 135
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับ
วัดสังกัสรัตนคีรี จังหวัดอุทัยธานี วามีศาสนพิธี ๔) วันเทโวโรหณะ โดยปกติในวันออกพรรษานี้ พุทธศาสนิกชนจะไปร่วมท�าบุญ
อะไรบางในวันออกพรรษาและมีการจัดงาน ตักบาตรกันที่วัด ซึ่งบางวัดก็จัดท�าพิธีอย่าง
อยางไร แลวบันทึกลงในสมุด ใหญ่โตมาก เรียกว่า “ตักบาตรเทโว” ค�าว่า
2. ครูตั้งคําถามเกี่ยวกับวันเทโวโรหณะ ใหนักเรียน “เทโว” ย่อมาจาก “เทโวโรหณ” แปลว่า การ
ชวยกันตอบคําถาม เสด็จลงมาจากเทวโลก ตามต�านานกล่าวว่า
• เมื่อพระพุทธเจาเสด็จโปรดพุทธมารดาและ หลังจากทีพ่ ระพุทธองค์เสด็จไปจ�าพรรษา
1 โปรด
ไดตรัสสอนอภิธรรมพุทธมารดาอยางไร พระพุทธมารดาในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เมื่อออก
และพุทธมารดาไดบรรลุอริยบุคคลระดับใด พรรษาแล้ ว พระพุ ท ธองค์ ก็ เ สด็ จ กลั บ มาสู ่
(แนวตอบ พระพุทธเจาทรงแสดงอภิธรรม 7 มนุษยโลกในวันนี้ คือ วันขึน้ ๑๕ ค�า่ เดือน ๑๑
คัมภีร โปรดพระพุทธมารดาตลอด 3 เดือน ได้เสด็จลงมาจากสวรรค์ชนั้ ดาวดึงส์กลับคืนมาสู่
ทําใหพระพุทธมารดาไดบรรลุโสดาปตติผล โลกมนุษย์ ณ ประตูเมืองสังกัสสะ โดยมีเทวดา
สมพระประสงคของพระพุทธเจาที่ทรงตั้ง และมหาพรหมทั้งหลายแวดล้อมลงมาส่งเสด็จ
พระทัยเสด็จขึ้นมาสนองคุณพระพุทธมารดา) ฝูงชนเป็นจ�านวนมากมายก็ได้ไปคอยรับเสด็จ
• พิธีตักบาตรเทโวมีความหมายและความ กระท�ามหาบูชาเป็นการเอิกเกริกมโหฬาร และ
มุงหมายอยางไร พิธีตักบาตรเทโว ณ วัดสังกัสรัตนคีรี บริเวณเขาสะแกกรัง พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงธรรม ท�าให้มีผู้บรรลุ
จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เป็นประจำาทุกปี
(แนวตอบ เปนพิธีตักบาตรเพื่อรับเสด็จ คุณวิเศษจ� านวนมาก พุทธศาสนิกชนจึงถือ
พระพุทธเจา โดยไดปฏิบัติสืบเนื่องตอกันมา เป็นโอกาสพิเศษ พร้อมใจกันตักบาตรเฉลิมฉลอง โดยจัดท�าขึ้นเพียงปีละ ๑ ครั้ง เท่านั้น
เปนประเพณี จนถึงประเทศไทยไดเรียก การตักบาตรเทโวนี้อาจจะจัดให้มีในวันขึ้น ๑๕ ค�่า เดือน ๑๑ หรือแรม ๑ ค�่า เดือน
ประเพณีนี้วา การตักบาตรเทโวโรหณะ โดย ๑๑ ก็ได้ และบางวัดก็จัดท�าพิธีตักบาตรเทโวอย่างมโหฬาร กล่าวคือ บรรดาฆราวาสจะชะลอ
นิยมเรียกสั้นๆ วา การตักบาตรเทโว ซึ่งคําวา พระพุทธรูป ซึ่งประดิษฐานอยู่ในบุษบกมีล้อเลื่อน และมีบาตรตั้งอยู่หน้าพระพุทธรูปน�าหน้า
“เทโว” ยอมาจาก “เทโวโรหณะ” แปลวา พระสงฆ์ผ่านไปรอบๆ บริเวณโบสถ์ หรือบริเวณที่ก�าหนดไว้ เพื่อให้ทายก ทายิกา ซึ่งยืน
การเสด็จจากเทวโลก) นัง่ เรียงรายกันอยูเ่ ป็นทิวแถวได้ตกั บาตรอาหารทีพ่ ทุ ธศาสนิ2 กชนจัดท�ามาเป็น3พิเศษ นอกเหนือจาก
ข้าว กับข้าว ของหวาน และผลไม้แล้ว ก็มีข้าวต้มลูกโยน และข้าวต้มมัดไต้
ขยายความเขาใจ Expand หลังจากท�าบุญตักบาตรเสร็จแล้ว พุทธศาสนิกชนก็จะเข้าไปในโบสถ์ ฟังพระธรรม
เทศนา รักษาศีล ๕ ศีล ๘ หรือบ�าเพ็ญสาธารณประโยชน์ ตามแต่อัธยาศัย
ครูใหนักเรียนเขารวมประกอบพิธีกรรมทาง
พระพุทธศาสนาในวันธรรมสวนะที่วัดที่นักเรียน ๒. ศาสนพิธี
สะดวก จากนั้นบันทึกวานักเรียนเขารวมศาสนพิธี ศาสนพิธี คือ พิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาที่เป็นระเบียบแบบแผนทางศาสนาที่ก�าหนด
หรือทําบุญอะไรบาง และสิ่งที่นักเรียนพึงปฏิบัติใน ขึน้ ไว้เพือ่ ให้พทุ ธศาสนิกชนได้ยดึ ถือปฏิบตั เิ ป็นแบบอย่างเดียวกัน และถือเป็นส่วนประกอบทีส่ า� คัญ
วันธรรมสวนะมีอะไรบาง ลงในสมุด นําสงครูผูสอน ประการหนึ่งของพระพุทธศาสนา
ในระดับชั้นนี้จะกล่าวถึง พิธีที่ส�าคัญทางพระพุทธศาสนาบางพิธี ดังต่อไปนี้
ตรวจสอบผล Evaluate 136
ตรวจสอบจากบันทึกการเขารวมศาสนพิธีและ
สิ่งที่นักเรียนพึงปฏิบัติในวันธรรมสวนะ
บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู ครูสามารถนําเรื่องขาวตมลูกโยนและขาวตมมัดไต ไปบูรณาการเชื่อมโยง
กับกลุมสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยี วิชาการงานอาชีพ
1 ชั้นดาวดึงส เปนชื่อสวรรคชั้นที่ 2 ซึ่งเปน 1 ใน 6 ชั้นของสวรรคชั้นกามาพจร
และเทคโนโลยี เรื่องการเตรียมและการประกอบอาหารประเภทสํารับ
หรือสวรรคชนั้ กามภูมิ สวรรคทงั้ 6 ชัน้ ไดแก จาตุมหาราชิกา ดาวดึงส ยามา ดุสิต
โดยใหนักเรียนศึกษาวาหลักเกณฑในการกําหนดรายการอาหารมีอะไรบาง
นิมมานรดี และปรนิมมิตวสวัตดี
ขาวตมลูกโยนและขาวตมมัดที่พุทธศาสนิกชนจัดทํามาตักบาตรเปนพิเศษ
2 ขาวตมลูกโยน คือ ขาวตมมัดชนิดหนึง่ เปนขนมไทยทีใ่ ชในพิธตี กั บาตรเทโว เขากับหลักเกณฑในกําหนดรายการอาหารอยางไร เพราะเหตุใด โดยบันทึก
ทําจากขาวเหนียวผสมถั่วผัดกับกะทิ นิยมหอดวยใบพง (มีลักษณะคลายใบออย ลงในสมุดและสงครูผูสอน
แตมีกลิ่นหอม) แลวนําไปนึ่งจนสุก
3 ขาวตมมัดไต คําวา ไต เปนชื่อขนมอยางหนึ่ง ทําดวยขาวเหนียวผัดกับกะทิ
และถั่วทอง ปรุงรสดวยนํ้าตาลทราย เกลือ หอไสที่ทําดวยถั่วทองตมสุกแลวผัดกับ
เครือ่ งปรุง มีพริกไทย เกลือ เปนตน ขาวตมมัดไตมกั หอยาวๆ ดวยใบมะพราวออน
ใชตอกมัดหลายเปลาะ เหมือนไตที่ใชจุดไฟ

136 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูถามนักเรียนวาการทําบุญตักบาตรกับการ
2.1 การทำาบุญตักบาตร ถวายสังฆทานเหมือนหรือตางกันอยางไร
(แนวตอบ เหมือนกัน เพราะการทําบุญตักบาตร
“ตักบาตร” หมายถึง การถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ด้วยการใส่ภัตตาหารลงไปในบาตร
ของท่าน ซึ่งมีวัตถุประสงค์ ดังนี้ และการถวายสังฆทาน สามารถถวายภัตตาหาร
๑. ถือเป็นการท�าบุญอย่างหนึ่งซึ่ง และนํ้าแดพระสงฆไดเหมือนกัน แตตางกัน
การท�าบุญนั้นย่อมมีผลดีต่อจิตใจของผู้กระท�า ตรงที่การถวายสังฆทานจะถวายเครื่องไทยธรรม
หลายประการ เช่น ขจัดความตระหนี่ มีเมตตา หรือสิ่งของเครื่องใชของพระสงฆดวย)
กรุณา ช่วยช�าระจิตใจให้สะอาด เบิกบานและสงบ
๒. เป็นการถวายความอุปถัมภ์แด่ สํารวจคนหา Explore
พระสงฆ์ ซึ่งท่านเป็นผู้สืบทอดต่อและเผยแผ่ ครูใหนักเรียนศึกษาเกี่ยวกับความเปนมาและ
พระพุทธศาสนาแก่เรา ได้ชว่ ยท�านุบา� รุงพระพุทธ วิธีปฏิบัติของศาสนพิธีตางๆ ไดแก การทําบุญ
ศาสนาโดยทางอ้อม ถือได้ว่าเป็นประเพณีนิยม ตักบาตร การถวายภัตตาหาร การถวายสังฆทาน
อันดีงามของพุทธศาสนิกชน การถวายผาอาบนํ้าฝน การจัดและถวาย
๓. สร้างความดีให้แก่ตนเอง เพราะ เครื่องไทยธรรม เครื่องไทยทาน การกรวดนํ้า
การท�าบุญนั้นถือเป็นการให้ทาน ซึ่งเป็นการ
การทอดกฐิน และการทอดผาปา จากหนังสือเรียน
กระท�าที่เกื้อกูลกัน ตรงกันข้ามกับความโลภ การทำาบุญตักบาตรถือเป็นการให้ทานที่สามารถกระทำาได้
หลายโอกาสทั้งในงานบุญและงานพิธีต่างๆ หนา 137-149 และแหลงการเรียนรูตางๆ เชน
ความตระหนีอ่ นั เป็นลักษณะของความเห็นแก่ตวั
หองสมุด อินเทอรเน็ต ผูรูดานธรรมะ เปนตน
รวมทั้งสนับสนุนความเป็นมิตรและความมีไมตรีต่อกันของบุคคลในสังคม
เพื่อนําความรูมาอภิปรายและบันทึกลงในสมุด
๔. เป็นส่วนประกอบส�าคัญของการท�าบุญ การท�าบุญตักบาตรสามารถกระท�าได้1
ในหลายโอกาส เช่น การตักบาตรแด่พระสงฆ์ที่ออกบิณฑบาตในตอนเช้า ซึ่งการออกบิณฑบาต
ของพระสงฆ์ในตอนเช้านั้นถือว่าเป็นการโปรดสัตว์ กล่าวคือ เปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนที่ไม่มี
อธิบายความรู Explain
เวลาไปวัด ได้มีโอกาสท�าบุญสร้างกุศล นอกจากนี้ การท�าบุญตักบาตรยังสามารถกระท�าได้ใน 1. ครูใหนกั เรียนชวยกันยกตัวอยางวาขอควรระวัง
งานบุญและงานพิธีต่างๆ ขณะใสบาตรมีอะไรบาง โดยชวยกันตอบ
2.2 การถวายภัตตาหาร ในชั้นเรียน และครูซักถามวาเพราะเหตุใด
“ภัตตาหาร” หมายถึง อาหารต่างๆ ที่เราประกอบขึ้น แล้วน�าไปถวายแด่พระสงฆ์เพื่อให้ท่าน เราจึงควรระวังสิ่งนั้นขณะใสบาตร
ได้ฉัน การถวายภัตตาหารเป็นประเพณีที่ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล โดยมี 2. ครูกลาวถึงการทําบุญตักบาตรและตัง้ คําถามวา
วัตถุประสงค์ ดังนี้ • นักเรียนคิดวา การทําบุญตักบาตร
๑. เพื่อสืบทอดประเพณี มีประโยชนอยางไร
๒. เพื่อสร้างความเป็นสิริมงคลให้เกิดขึ้นแก่ตนเอง (แนวตอบ การทําบุญตักบาตรสงผลดีตอ จิตใจ
๓. เพื่อจะได้มีโอกาสสดับตรับฟังพระธรรมเทศนาจากพระสงฆ์อย่างใกล้ชิด ของผูทํา คือ ลดความตระหนี่และความเห็น
๔. เพื่อเป็นการช่วยท�านุบ�ารุงพระพุทธศาสนา แกตัว มีเมตตากรุณาและรูจักแบงปน
ชวยทํานุบํารุงพระพุทธศาสนา และเปนการ
137 ทําบุญใหกับตนเอง)

ขอสอบ O-NET
ขอสอบป ’ 51 ออกเกี่ยวกับการทําบุญตักบาตร เกร็ดแนะครู
คุณยายพาหลานสาวไปตักบาตรบริเวณหนาบาน พระสงฆรูปหนึ่งเดินมา
ครูแนะนําขอควรระวังขณะใสบาตรวา ไมควรสวมรองเทาหรือยืนสูงกวาพระสงฆ
รับบาตร คุณยายจึงนิมนตใหมารับบาตรในวันพรุงนี้ดวย พระสงฆจะกลาว
ไมโยนสิ่งของลงในบาตร ซึ่งถือวาไมมีความเคารพ และสิ่งของที่จะใสในบาตรตอง
ตอบอยางไร
ไมรอนหรือหนักจนเกินไป ในกรณีที่เปนของหนักควรนําไปถวายพระสงฆที่วัดจะ
1. ครับผม 2. ขอบคุณโยม
เหมาะสมกวา
3. เจริญพร 4. อนุโมทนา
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เจริญพร แปลวา ขอใหมีความเจริญในพร
มาจากพร 4 อยางหรือจตุรพิธพร ไดแก อายุ (อายุยนื ) วรรณะ (ผิวพรรณผองใส)
สุขะ (สุขกายสุขใจ) พละ (สุขภาพดีแข็งแรง) กลาวคือ พระสงฆใหพรผูม าทําบุญ
นักเรียนควรรู
ขอ 1. เปนคํากลาวของบุคคลทั่วไปที่มิใชพระสงฆ 1 บิณฑบาต คือ กิจวัตรของพระสงฆและสามเณรในพระพุทธศาสนา ในการ
ขอ 2. ขอบคุณใชกับบุคคลทั่วไป โยม คือ คําที่พระสงฆใชเรียกคฤหัสถ ออกเดินถือ “บาตร” รับการถวายภัตตาหารหรือสิ่งของจากชาวบานในเวลาเชา
ที่เปนบิดามารดาของตน หรือผูที่เปนผูใหญคราวบิดามารดา การออกบิณฑบาตถือเปนกิจวัตรที่พระพุทธเจาทรงกําหนดไวใหเปนหนาที่ของ
หรือใชขยายออกไปโดยเรียกผูมีจิตศรัทธาในการอุปถัมภบํารุง พระสงฆและสามเณรมาตั้งแตสมัยพุทธกาล
พระพุทธศาสนา
ขอ 4. อนุโมทนา คือ ความยินดีที่ผูอื่นทํากุศล ใชพูดเมื่อไดยินหรือ
รับรูวาใครทําบุญอะไรมา ก็บอกอนุโมทนายินดีในกุศลนั้น
คูมือครู 137
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนยกตัวอยางวาการถวายภัตตาหาร
นิยมทําในโอกาสใดบาง นอกจากนี้ ยังมีจุดมุ่งหมายที่ส�าคัญอีกประการหนึ่ง คือ ท�าให้เรามีความใกล้ชิดและผูกพัน
(แนวตอบ ทําบุญงานมงคลตางๆ เชน งานทําบุญ กับพระพุทธศาสนามากขึ้น จะได้มีความรู้สึกมั่นคงทางจิตใจ เพราะมีศาสนาเป็นที่ยึดเหนี่ยว
วันเกิด งานอุปสมบท งานมงคลสมรส งานขึ้น การถวายภัตตาหาร เป็1นกิจกรรมหนึ่งของการท�าบุญในทางพระพุทธศาสนา ชาวพุทธนิยม
บานใหม เปนตน ทําบุญงานอวมงคลตางๆ เชน เรียกว่า การท�าบุญเลี้ยงพระ
งพระ คือ การถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ ซึ่งอาจกระท�าได้ ๒ วิธี คือ
งานทําบุญหนาศพ งานทําบุญอัฐิ เปนตน) กระท�าที่บ้านของเจ้าภาพ หรือกระท�าที่วัด
2. ครูเกริ่นนําถึงการถวายภัตตาหาร และตั้ง ในการประกอบพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาจะจัดภัตตาหารออกเป็น ๒ ที่ คือ ถวาย
คําถามวา พระพุทธรูป ๑ ที่ และถวายพระสงฆ์อีก ๑ ที่ ดังนี้
• การถวายภัตตาหารแดพระพุทธรูป มีความ ๑) การถวายภัตตาหารแด่พระพุทธรูป การจัดภัตตาหารถวายแด่พระพุทธรูปนั้น
แตกตางจากการถวายพระสงฆอยางไร เป็นการกระท�าทีเ่ ป็นสัญลักษณ์เพือ่ แสดงความระลึกถึง และเคารพสักการะพระพุทธองค์ผทู้ รงเป็น
เพราะเหตุใด พระบรมศาสดาของพระพุทธศาสนาและเพื่อบูชาคุณพระรัตนตรัย
(แนวตอบ การถวายภัตตาหารแดพระพุทธรูป พระพุทธรูปที่อัญเชิญมาไว้ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนานั้นเป็นสิ่งสมมติแทน
ควรจัดถวายภัตตาหารใหประณีตและดีกวา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และถือเป็นประธานสงฆ์ ณ ที่นั้น การจัดภัตตาหารถวายจึงควร
ถวายพระสงฆ เพราะพระพุทธรูปเปนสิง่ สมมติ จัดท�าอย่างประณีตให้ดีกว่าถวายพระสงฆ์ หรืออย่างน้อยก็จัดแบบเดียวกับพระสงฆ์ ไม่ควรจัด
แทนองคสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจา) อย่างลวกๆ โดยใส่ในถ้วยหรือกระทงเล็กๆ แบบไปเซ่นไหว้ศาลพระภูมิหรือภูตผี
• การถวายภัตตาหารแดพระพุทธรูปและ ภัตตาหารที่น�ามาถวายพระพุทธรูป บางครั้งเรียกกันง่ายๆ ว่า “ข้าวพระพุทธ” เมื่อ2
พระสงฆ มีจุดมุงหมายอยางไร พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ใกล้จบหรือจบแล้ว พิธกี รก็ยกส�ารับภัตตาหารไปตัง้ ทีห่ น้าพระพุทธรูป
(แนวตอบ เชน จุดมุงหมายเพื่อใกลชิดและ โดยใช้ผ้าขาวปูรองพื้นเสียก่อน แล้วเชิญเจ้าภาพหรือประธานในพิธีจุดธูป ๓ ดอก และน�าไปปัก
ผูกพันกับพระพุทธศาสนามากขึ้น สรางเสริม ที่กระถางธูป นั่งประนมมือ กล่าวค�าบูชา ดังนี้
สิริมงคล ชวยทํานุบํารุงพระพุทธศาสนา
มีความรูสึกมั่นคงทางจิตใจ เปนตน) ค�าอ่าน อิมงั สูปะพะยัญชะนะสัมปันนัง สาลีนงั โภชะนัง อุทะกัง วะรัง พุทธัสสะ ปูเชมิ
ค�าแปล ข้าพเจ้าขอบูชาเครื่องบริโภคแห่งข้าวสาลี อันถึงพร้อมด้วยแกง กับข้าวและน�้า
อันประเสริฐนี้ แด่พระผู้มีพระภาคเจ้า
3
เมื่อกล่าวค�าบูชาเสร็จแล้ว กราบเบญจางคประดิ
กราบเบญจางคประดิษฐ์ ๓ ครั้ง
ส�าหรับข้าวพระพุทธจะลาออกมาหลังจากที่พระสงฆ์ได้ฉันภัตตาหารเสร็จแล้ว โดย
เจ้าภาพหรือพิธีกรกล่าวค�าลา ดังนี้

ค�าอ่าน เสสัง มังคะลัง ยาจามิ


ค�าแปล ข้าพเจ้าขอส่วนที่เหลืออันเป็นมงคลนี้
กราบ ๓ ครั้ง แล้วยกส�ารับภัตตาหารออกมา
138

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว  NT  O-NE T
“อิมัง สูปะพะยัญชะนะสัมปนนัง สาลีนัง โภชะนัง อุทะกัง วะรัง
1 การทําบุญเลี้ยงพระ มีขอหามที่สําคัญ คือ หามบอกชื่ออาหาร โดยสิ่งของ
พุทธัสสะ ปูเชมิ” เปนคํากลาวบูชาสิ่งใด
ทีค่ วรถวาย ไดแก 1. เปนของสะอาด หามาไดดว ยความซือ่ สัตยสจุ ริตและชอบธรรม
1. ถวายขาวเจาที่
2. เปนของประณีต เปนของดี ปรุงมาอยางดี เปนของใหม 3. เปนของสมควร
2. ถวายขาวเทวดา
ที่พระสงฆฉันได 4. เหมาะแกกาล (พระสงฆไมฉันหลังเที่ยง)
3. ถวายขาวพระพุทธ
2 ตั้งที่หนาพระพุทธรูป พิธีถวายภัตตาหารหนาพระพุทธรูป ควรจัดเวนพื้นที่ 4. ถวายขาวพระรัตนตรัย
หรือจัดหาพื้นที่สําหรับวางภัตตาหารถวายพระพุทธรูปไวลวงหนา เพราะหาก
ไมเตรียมไว จะตองเลื่อนโตะปรับสถานที่ในระหวางงาน ซึ่งจะทําใหดูไมงาม วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะ “อิมัง สูปะพะยัญชะนะสัมปนนัง
สาลีนัง โภชะนัง อุทะกัง วะรัง พุทธัสสะ ปูเชมิ” แปลวา ขาพเจาขอ
3 เบญจางคประดิษฐ แปลวา ตั้งไวเฉพาะซึ่งองคหา คือ การกราบโดยให บูชาเครื่องบริโภคแหงขาวสาลี อันถึงพรอมดวยแกง กับขาวและนํ้าอัน
อวัยวะ 5 สวนจดลงใหติดกับพื้น ไดแก เขาทั้งสอง ฝามือทั้งสอง และหนาผาก ประเสริฐนี้แดพระผูมีพระภาคเจา คําวา สาลีนัง คือ ขาวสาลี และคําวา
ซึ่งเปนการกราบที่ใชแสดงความเคารพตอบุคคลที่ควรเคารพนับถือสูงสุด หรือ พุทธัสสะ คือ พระพุทธเจา
การกราบที่ใชสําหรับกราบพระ

138 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูนําสนทนาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการถวาย
๒) การถวายภัตตาหารแดพระสงฆ การถวายภัตตาหารแดพระสงฆก็คือ การจัด ภัตตาหารแดพระสงฆ และตั้งคําถามวา
อาหารเลี้ยงพระสงฆ โดยมีจุดมุงหมายเพื่อเปนการทําบุญถวายความอุปถัมภแดพระสงฆ และ • เพราะเหตุใด พระพุทธเจาจึงทรงบัญญัติ
เพื่อจะไดฟงธรรมจากพระสงฆอยางใกลชิด ไมใหพระสงฆบริโภคอาหารตองหาม 10
อาหารที่นํามาถวายพระสงฆนั้น ประการ
จะตองไมเปนอาหารตองหาม ๑๐ ชนิด ตามที่ (แนวตอบ เนื่องจากในสมัยพุทธกาล อาจมี
พระพุทธเจาทรงบััญญัติไวมิใหพระภิกษุสงฆ คนศรัทธาแรงกลา ยอมอุทิศตนถวายเปน
บริโภค ไดแก เนื้อมนุษย เนื้อชาง เนื้อมา เนื้อ อาหารแดพระสงฆได การฉันเนื้อและเลือด
สุนัข เนื้องู เนื้อราชสีห (สิงโต) เนื้อเสือโครง มนุษยถอื เปนความผิดรายแรงทีส่ ดุ ในเนือ้
เนื้อเสือเหลือง เนื้อหมี และเนื้อเสือดาว 10 ประการ ไดแก เนื้อชาง เพราะชางเปน
พาหนะของพระมหากษัตริย จึงมีประชาชน
๒.๓ การถวายสังฆทาน ตําหนิพระสงฆที่ฉันเนื้อชาง เนื้อมามีเหตุผล
๑) ความหมาย “สังฆทาน” คือ เชนเดียวกับชาง เนื้อสุนัขเพราะเปนสัตวที่
ทานที่ถวายแดพระสงฆทั�วไป มิไดเจาะจงวา นารังเกียจ ไมสมควรที่สมณะจะบริโภค
จะเปนพระภิกษุรูปใดรูปหนึ�ง การทําบุญแบบ การถวายภัตตาหารแดพระภิกษุสงฆ นอกจากจะเปนการ เนื้องูเพราะมีพญานาคชื่อ สุปสสะ
สังฆทานน�้ ถือวาจะไดรับผลบุญมากกวาการ ชวยทํานุบาํ รุงพระพุทธศาสนาแลว ยังชวยใหพทุ ธศาสนิกชน ไปกราบทูลพระพุทธเจาวา โปรดอยาฉัน
มีความใกลชิดและผูกพันกับพระพุทธศาสนามากขึ้น
ถวายทานโดยเฉพาะเจาะจง เนือ้ งู เนือ้ ราชสีห เพราะภิกษุที่ฉันเนื้อราชสีห
สิ่งของที่จะถวายเปนทานแดพระสงฆนั้น เรียกวา “เครื่องไทยธรรม” เจาภาพจะถวาย แลวอยูในปาตางก็ถูกฝูงราชสีหฆา เนื่องจาก
กี่อยางก็ได ไมจําเปนตองถวายพรอมกันทุกอยาง มีกลิ่นราชสีหติดตัว เนื้อเสือโครง เนื้อเสือ
เครื่องไทยธรรม เหลือง เนื้อหมี และเสือดาว เหตุผลเดียวกับ
เรื่องของเนื้อราชสีห)
เครื่องไทยธรรมสามารถจําแนกออกเปน ๑๐ อยาง ดังนี้
๑. ภัตตาหาร 2. ครูใหนักเรียนหาคําราชาศัพทที่ใชกับพระสงฆ
๒. นํ้า รวมทั้งเครื่องดื่มที่พระสงฆดื่มได เชน กิน ใชคําวา ฉัน อาหาร ใชคําวา
๓. ผา เครื่องนุงหม ภัตตาหาร อาบนํ้า ใชคําวา สรงนํ้า สวดมนต
๔. ยานพาหนะ รวมถึงการถวายปจจัยเปนคาพาหนะ ใชคําวาเจริญพระพุทธมนต เปนตน โดยให
แดพระสงฆ นักเรียนหาคําศัพทเหลานี้มาอยางนอย 10 คํา
๕. มาลัย ดอกไม เครื่องบูชาชนิดตางๆ และบันทึกความหมายลงในสมุด
๖. ของหอม หมายถึง ธูปเทียนบูชาพระ
๗. เครื่องสําหรับชําระรางกายใหสะอาด
๘. เครื่องที่นอนอันสมควรแกพระสงฆ 1
๙. ที่อยูอาศัยและบริวาร อันไดแก กุฏิ เสนาสนะ
เตียง โตะ เกาอี้ เปนตน
๑๐. เครื่องใชที่ใหแสงสวาง เชน เทียน ตะเกียง
๑๓๙

ขอสอบ O-NET
ขอสอบป ’ 51 ออกเกี่ยวกับการปฏิบัติตนตอพระภิกษุ เกร็ดแนะครู
ทุกขอเปนแนวทางในการปฏิบัติตอพระภิกษุ ยกเวน ขอใด
ครูเสริมความรูเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องไทยธรรมวา บางครั้งชาวบานเรียกวา
1. ปฏิบัติตอพระภิกษุดวยอามิสทาน
เครื่องสังฆทาน ซึ่งปจจุบันรานคาจะจัดเปนชุดๆ มีขนาดและมูลคาใหเลือกหลาย
2. ปฏิบัติตอพระภิกษุดวยความเต็มใจ
แบบ เพื่ออํานวยความสะดวกใหผูถวาย ซึ่งมักเรียกวา ชุดสังฆทาน ในการเลือกซื้อ
3. ใหความเคารพตอพระภิกษุดวยกาย วาจา ใจ
ควรตรวจดูคุณภาพสิ่งของดวย เพราะรานคาบางแหงก็นําเอาของหมดอายุหรือ
4. ใหความเคารพตอพระภิกษุที่พรรษามากกวาภิกษุที่มีพรรษานอยกวา
ดอยคุณภาพผสมเขามาดวย หากมีปญหาสามารถรองเรียนไดที่สายดวน สคบ.
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะพระภิกษุไมวา พรรษาหรือระยะเวลา
หรือสํานักงานคณะกรรมการคุมครองผูบริโภค โทร 1166
ในการบวชจะมากกวาหรือนอยกวากัน พุทธศาสนิกชนควรแสดงความเคารพ
พระภิกษุเทาเทียมกัน เนื่องจากพระภิกษุถือศีล 227 ขอเทากันทุกรูป จึงควร
แสดงความเคารพพระสงฆทุกรูปโดยไมคํานึงถึงพรรษา
นักเรียนควรรู
1 เสนาสนะ มาจากภาษาบาลี คือ เสน (ที่นอน) และอาสน (ที่นั่ง) ความหมาย
โดยรวม คือ ที่อยูของพระภิกษุสงฆ เชน กุฏิ วิหาร ศาลา รวมถึงเครื่องนอนและ
เครื่องใชในการพํานัก เชน โตะ เกาอี้ เตียง ตั่ง หมอน เปนตน

คูมือครู 139
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนชวยกันยกตัวอยางประโยชนของ
การทําทานและการทําบุญถวายสังฆทาน โดย ๒) วัตถุประสงคและความสําคัญ การถวายสังฆทานเปนพิธีปฏิบัติที่มีมาตั้งแตครั้ง
ออกมาเขียนบนกระดานหนาชั้น และอภิปราย สมัยพุทธกาลแลว โดยที่พระพุทธเจาไดตรัสแกพระอานนท ความวา “สังฆทาน คือ การรองขอตอ
วาเปนประโยชนเพราะเหตุใด สงฆใหสงใครไปรับ แลวถวายแกผูนั้น” การถวายสังฆทานมีคุณคาและความสําคัญ ดังน�้
2. ครูใหนักเรียนจัดเตรียมสิ่งของจําเปนที่เหมาะ ๑. เปนการสืบตอระเบียบประเพณี 1 ทางศาสนา
ในการถวายสังฆทานแดพระสงฆ ๒. เปนการทําบุญที่ไดอานิสงสมาก เพราะเปนการทําบุญโดยไมเจาะจง
3. ครูสุมใหนักเรียน 2-3 คน ออกมาสาธิตการ ๓. ทําใหจิตใจเบิกบาน สงบ และยังชวยฝกนิสัยใหเกิดการเสียสละ โดยไมหวังผล
ถวายสังฆทานหนาชั้นเรียน โดยใหเพื่อน ใดๆ ตอบแทน
นักเรียนในหองสวดคําถวายสังฆทานพรอมกัน ๔. เปนสิริมงคลแกตนเอง และเปนการระลึกถึงบรรพบุรุษที่ลวงลับไปแลว
อาราธนาศีลและรับศีล และถวายสังฆทาน ๓) วิธีปฏิบัติ ในการถวายสังฆทาน มีวิธีการปฏิบัติ ดังน�้
4. ครูใหนักเรียนเขารวมศาสนพิธีและถวาย ๑. แจงตอพระอธิการของพระสงฆ คือ เจาอาวาสหรือพระภิกษุผูมีหนาที่นิมนต
สังฆทานที่วัด พรอมบันทึกวิธีปฏิบัติตั้งแตเริ่ม พระในวัด ขอใหนิมนตพระสงฆไปรับสังฆทานตามจํานวนที่ตนตองการ พรอมทั้งบอกวัน เวลา
จนจบพิธีวามีอะไรบางลงในสมุด และสถานที่ใหแนนอนดวย
5. ครูใหนกั เรียนศึกษาและวิเคราะหวา เพราะเหตุใด ๒. จัดเตรียมสถานที่ ภัตตาหาร และสิ่งของที่จะถวายใหพรอมสรรพ
พระสงฆจึงใชตาลปตรบังเอาไวขณะประกอบ ๓. เมื่อพระสงฆมาพรอมแลว ทายกทายิกาจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยกราบ
ศาสนพิธี โดยใหนักเรียนบอกเหตุผลและ ๓ ครั้ง จากนั้นหันหนาไปทางพระสงฆ กราบอีก ๓ ครั้ง แลวอาราธนาศีลและรับศีล
ความเชื่อเหลานั้นลงในสมุด และนํามาอภิปราย ๔. เมือ่ รับศีลเสร็จเรียบรอยแลว กราบ ๓ ครัง้ ทายกทายิกากลาวคําถวายสังฆทาน
ในชั้นเรียน ถามีหลายคนก็ใหหัวหนากลาวนําและคนอื่นวาตาม ดังนี้

การถวายสังฆทานนอกจากเปนการทําบุญที่ชวยใหจิตใจสงบเบิกบานแลว ยังเปนการฝกนิสัยใหรูจักเสียสละอีกดวย

๑๔๐

ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว  NT  O-NE T
ครูควรกลาวเพิ่มเติมวา ปจจุบันเพื่อความสะดวกและสภาพสังคมที่ เพราะเหตุใด การถวายสังฆทานจึงถือวามีอานิสงสมาก
เปลี่ยนแปลงไป ทางเจาภาพมักจัดยานพาหนะไปรับ-สงพระสงฆถึงที่วัด ซึ่งจะตอง 1. ถวายไดตลอดเวลา
แจงกําหนดเวลาใหทานทราบวาจะไปรับ-สงทานเวลาใด 2. ถวายไดเฉพาะบางเวลา
3. พระพุทธเจาทรงสรรเสริญ
4. เปนทานบริสุทธิ์เพราะไมเจาะจงผูรับ
นักเรียนควรรู วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. การถวายสังฆทาน องคสมเด็จพระสัมมา-
สัมพุทธเจาทรงสรรเสริญวาเปนทานที่มีอานิสงส เนื่องจากเปนทานที่
1 อานิสงส แปลตรงตัววา คุณทีไ่ หลออกเนืองๆ แหงผล คือ ใหผลทีน่ า ชืน่ ใจยิง่
บริสุทธิ์เพราะไมเจาะจงผูรับ การเจาะจงผูรับอยางนอยที่สุดก็แสดงถึง
โดยอานิสงสมีความหมายวา ผลแหงกุศลกรรม ผลบุญ ซึ่งเปนผลผลิตจากการ
อํานาจของกิเลสเพราะความรักความชอบ
ทําความดีตางๆ ตามคติที่วา “ทําดีไดดี” เมื่อทําความดีแลว ความดียอมให
อานิสงสเปนคุณความดีกอน ลําดับตอมาคุณงามความดีนั้น จึงใหผลที่นาชื่นใจ
ไหลออกมาสนองผูทําในรูปแบบตางๆ ตามเหตุปจจัยที่ทํา เปรียบเสมือนปลูก
ตนมะมวงยอมจะไดผลเปนลูกมะมวงกอน ตอมาลูกมะมวงนั้นจึงใหผลที่นาชื่นใจ
ตอไปเมื่อนําไปเปนอาหาร นําไปแลกเปนของ หรือนําไปขายเปนเงิน
140 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนศึกษาวาผา 3 ผืน ที่พระพุทธเจา
ทรงอนุญาตใหใช ไดแก สังฆาฏิ (ผาพาดบา)
ค�าอ่าน อิมานิ มะยัง ภันเต ภัตตานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ
จีวร (ผาหมคลุมรางกาย) และสบง (ผานุง)
สาธุ โน ภันเต ภิกขุสังโฆ อิมานิ ภัตตานิ สะปะริวารานิ ปะฏิคคัณหาตุ อัมหากัง
มีความแตกตางกันอยางไร โดยนําความรูที่ได
ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ
มาอภิปรายในชั้นเรียน
ค�าแปล ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลายขอน้อมถวายภัตตาหารและของบริวาร
2. ครูนําสนทนาเกี่ยวกับการถวายผาอาบนํ้าฝน
เหล่านี้ แด่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆ์จงรับภัตตาหาร รวมทั้งบริวารเหล่านี้
และตั้งคําถามวา
ของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์และความสุขแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย ตลอด
• เพราะเหตุใด จึงมีการถวายผาอาบนํ้าฝน
กาลนานเทอญ
ในสมัยพุทธกาลและสืบตอมาจนถึงปจจุบัน
(แนวตอบ เนื่องจากนางวิสาขาไดทูลขอ
เมื่อกล่าวค�าถวายจบแล้ว ทายกทายิกาประเคนของ หลังจากประเคนเสร็จ พระท่าน
พระพุทธเจาใหพระสงฆรับผาอาบนํ้าฝนได
จะอนุโมทนา (ให้พร) ด้วยบทยถาและสัพพี พอพระสงฆ์รูปที่เป็นประธานเริ่มสวดว่า ยถา
โดยกลาวถึงเหตุที่นางทาสีไปทูลอาราธนา
วาริวหา... ทายกทายิกาก้มกรวดน�้า ตั้งจิตอุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษผู้ล่วงลับไปแล้วและ
พระพุทธเจาและพระสงฆทวี่ ดั เชตวันในขณะ
สรรพสัตว์รว่ มโลก เมือ่ พระสงฆ์รปู ทีเ่ ป็นประธานอนุโมทนาจบ พระสงฆ์รปู ทีน่ งั่ รองลงมาจะกล่าว
ฝนตก พบพระสงฆเปลือยกายอาบนํ้าฝนอยู
สัพพีตีโย... ทายกทายิกาควรกรวดน�้าให้หมด แล้วประนมมือรับพรต่อไปจนพระสงฆ์สวดจบ
ก็เขาใจวาเปนพวกชีเปลือย เนื่องดวย
2.4 การถวายผ้าอาบน้ำาฝน พระสงฆใชผาเพียง 3 ผืนหรือไตรจีวร จึง
๑) ความเป็นมาและความหมาย มีเรื่องเล่า1อยู่ในพระไตรปิฎกว่า เมื่อครั้งที่ ตองเปลือยกายอาบนํา้ ดวยเหตุนพี้ ระพุทธเจา
พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ เชตวนาราม เมืองสาวัตถี นางวิสาขาได้เข้าไปเฝ้าแล้วกราบทูลอาราธนา จึงประทานอนุญาตใหพระสงฆมี
พระพุทธเจ้า พร้อมด้วยพระสาวกให้ไปรับภัตตาหารที่บ้านของตนในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น พอเวลา ผาอาบนํ้าฝนเพิ่มไดอีก 1 ผืน)
ใกล้รุ่งฝนตกหนัก พระภิกษุสงฆ์ก็พากันไปอาบน�้าฝน ในสมัยนั้นพระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้ 3. ครูสุมใหนักเรียนนํากลาวสวดมนต และเพื่อน
พระภิกษุใช้ผ้าได้เพียง ๓ ผืน ได้แก่ สังฆาฏิ (ผ้าพาดบ่า) จีวร (ผ้าห่มคลุมร่างกาย) และสบง นักเรียนทุกคนในหองกลาวอาราธนาศีลและ
(ผ้านุ่ง) ดังนั้น พระสงฆ์จึงต้องเปลือยกายอาบน�้า ครั้นใกล้เวลาภัตตาหาร นางวิสาขาจึงใช้ รับศีล รวมถึงคําถวายผาอาบนํ้าฝนพรอม
นางทาสีให้ไปทูลอาราธนา ฝ่ายนางทาสีเมื่อไปถึงวัดเชตวัน พบพระภิกษุเปลือยกายอาบน�้าอยู่ คําแปล
กลางแจ้ง ก็เข้าใจว่าเป็นพวกชีเปลือย (อาชีวก) จึงกลับไปบอกนางวิสาขาว่า ที่วัดไม่มีพระสงฆ์ 4. ครูใหนักเรียนบันทึกสรุปความสําคัญของการ
มีแต่พวกอาชีวกก�าลังอาบน�้ากันอยู่ นางวิสาขาพิจารณาด้วยปัญญาทราบว่าคงจะเป็นพระสงฆ์ ถวายผาอาบนํ้าฝนพอสังเขปลงในสมุด และ
เปลือยกายอาบน�า้ หลังจากทีฝ่ นหยุดตกแล้ว นางวิสาขาจึงใช้ให้นางทาสีไปทูลอาราธนาอีกครัง้ หนึง่ นําสงครูผูสอน
คราวนี้นางทาสีพบพระภิกษุสงฆ์นุ่งเหลือง ห่มเหลือง อยู่เต็มไปทั่วลานวัด
เมื่อได้เวลาภัตตาหาร พระพุทธเจ้าและพระสาวกทั้งปวงก็เสด็จมายังบ้านนางวิสาขา
หลังจากเสร็จภัตกิจ นางวิสาขาจึงได้ทูลขออนุญาตต่อพระพุทธเจ้าให้พระสงฆ์รับผ้าอาบน�้าฝนได้
โดยปรารภถึงเหตุที่ประสบมา ซึ่งพระพุทธเจ้าก็ประทานอนุญาตให้พระภิกษุสงฆ์ได้มีผ้าเพิ่มขึ้น
อีก ๑ ผืน เรียกว่า “ผ้าอาบน�้าฝน”

141

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T เกร็ดแนะครู
อุบาสิกาทานใดเปนผูทูลขออนุญาตตอพระพุทธเจาใหพระภิกษุ
ครูควรอธิบายถึงการประเคนวามีองคประกอบ 5 อยาง ไดแก 1. ของไมใหญ
รับผาอาบนํ้าฝนได
หรือหนักเกินไป 2. ผูประเคนควรยืนหางประมาณ 1 ศอก 3. นอมของที่จะประเคน
1. นางสิริมา
เขาไปดวยความเคารพ 4. ในกรณีที่เปนผูชายจะนอมเขาไปถวายเลยก็ได แตถาเปน
2. นางวิสาขา
ผูหญิงใหวางของลงบนผาที่พระสงฆปูลาดออกมา 5. พระภิกษุจะรับดวยมือก็ได
3. นางสุชาดา
ถาหากผูชายเปนผูถวาย แตถาเปนผูหญิง พระสงฆจะใชผาปูลาดสําหรับรับสิ่งของ
4. พระนางมัลลิกา
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. นางวิสาขาไดใชนางทาสีไปอาราธนา
พระพุทธเจาและพระสงฆมาฉันภัตตาหารที่บาน แตเนื่องจากพระพุทธเจา นักเรียนควรรู
ทรงอนุญาตใหพระสงฆใชผาไดเพียง 3 ผืน คือ สบง จีวร และสังฆาฏิ 1 นางวิสาขา คือ มหาอุบาสิกา ซึ่งบรรลุเปนพระโสดาบันเมื่ออายุ 7 ขวบ
พระสงฆจึงตองเปลือยกายอาบนํ้า ทําใหนางทาสีเขาใจวาเปนชีเปลือย หลังจากไปเขาเฝาพระพุทธเจา นางวิสาขาเปนผูอุปถัมภบํารุงพระภิกษุสงฆอยาง
ดังนั้น นางวิสาขาจึงทูลขออนุญาตตอพระพุทธเจาใหพระสงฆรับ มากมาย และเปนบุคคลที่ไดรับความนับถืออยางกวางขวางในสังคม รวมทั้งได
ผาอาบนํ้าฝนได ซึ่งพระองคก็ทรงอนุญาตตามนั้น รับการยกยองจากพระพุทธเจาวาเปนเอตทัคคะในบรรดาทายกและทายิกาทั้งปวง
(ทายกและทายิกา คือ ผูถวายจตุปจจัยแดภิกษุสงฆ หรือผูนับถือพระพุทธศาสนา)
คูมือครู 141
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนสืบคนขอมูลเรื่องอานิสงสของ
การถวายผาอาบนํ้าฝน แลวนําขอมูลมาเรียบ ดังนั้น ผาอาบนํ้าฝนหรือผาวัสสิกสาฎก ก็คือ ผาอาบนํ้าที่พุทธศาสนิกชนนํามาถวาย
เรียงใหมและติดภาพประกอบลงในกระดาษ แดพระสงฆในฤดูฝน มีขนาดกวาง ๑ ศอกคืบ ๔ นิ้ว ยาว ๔ ศอก ๓ กระเบียด (หรือกวาง ๘๓
A4 แลวนําสงครูผูสอน เซนติเมตร ยาว ๒ เมตร)
2. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 6.2 จากแบบวัดฯ ๒) วัตถุประสงคและความสําคัญ
พระพุทธศาสนา ม.2 การถวายผาอาบนํา้ ฝนแดพระสงฆ ก็เพือ่ ทําบุญ
และอุปภัมภพระสงฆใหมเี ครือ่ งใชทจี่ าํ เปนตาม
ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ ฤดูกาล
พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 6.2 ๓) วิ ธี ป ฏิ บั ติ การถวายผาอาบ
หนวยที่ 6 วันสําคัญทางพระพุทธศาสนาและศาสนพิธ�
นํ้าฝน มีวิธีปฏิบัติ ดังนี้
กิจกรรมที่ ๖.๒ ใหนกั เรียนวิเคราะหคณ
ุ คา ความสําคัญ หรือการปฏิบตั ติ น
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
ñð
๑. การถวายผาอาบนํ้าฝนไมมี
ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาตามภาพพอสังเขป
(ส ๑.๒ ม.๒/๓) กฎเกณฑแนนอนตายตัววาจะตองถวายวันไหน
ขึ้นอยูกับความเหมาะสมของแตละแหง ซึ่งโดย
สวนใหญแลวจะกระทํากันในระหวาง แรม ๑
คํ่า เดือน ๗ ไปจนถึงวันขึ้น ๑๕ คํ่า เดือน ๘
การทําบุญตักบาตร การถวายสังฆทาน
การถวายผาอาบน้ําฝนเปนการทําบุญและชวยใหพระสงฆ และมักจะถวายกันในวันพระ เพราะเปนวันที่
ช ว ยทํ า ให จิ ต ใจเกิ ด ความสงบ สะอาด และ เปนการฝกจิตใจใหรูจักการเสียสละ เปนผูให มีเครื่องใชที่จําเปนตามฤดูกาล
พุทธศาสนิกชนทัง้ หลายมาประชุมพรอมเพรียง
…………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………….
เบิกบาน มีความเมตากรุณา และยังถือเปน
…………………………………………………………………………………. โดยที่ไมหวังผลตอบแทน และเปนการอุปถัมภ
………………………………………………………………………………….
การชวยทํานุบาํ รุงศาสนา อีกทัง้ สืบสานประเพณี
…………………………………………………………………………………. พระสงฆไดมีเครื่องอุปโภคที่จําเปนไวใชสอย
………………………………………………………………………………….
ฉบับ
อันดีงามใหคงอยูตอไป
…………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………. เฉลย
กันแตในบางวัดก็จัดถวายในวันเขาพรรษา คือ วันแรม 1 ๑ คํ่า เดือน ๘
๒. ในวันกําหนดถวายผาอาบนํา้ ฝน พระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกาพรอมกัน
ในสถานที่กําหนด มีการทําวัตรสวดมนตบูชาพระรัตนตรัย อาราธนาศีลและรั 2 บศีล
๓. นําผาอาบนํ้าฝนวางไวดานหนาพระสงฆ หัวหนาทายกนํากลาวคําถวาย ดังนี้
การทอดกฐิน การทอดผาปา
ถือเปนการทําบุญที่ไดอานิสงสมาก เนื่องจาก
………………………………………………………………………………….
จะกระทําไดเพียงปละ ๑ ครั้ง เปนการอุปถัมภ
………………………………………………………………………………….
เปนพิธีกรรมที่แสดงถึงความศรัทธา รวมถึง
………………………………………………………………………………….
การสรางกุศลดวยจิตใจที่บริสุทธิ์ เปนการชวย
………………………………………………………………………………….
คําอาน อิมานิ มะยัง ภันเต วัสสิกะสาฏิกานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสงั ฆัสสะ โอโณชะยามะ
ใหพระสงฆไดมีเครื่องใชที่จําเปน และสะทอน
………………………………………………………………………………….
ใหเห็นถึงประเพณีอันดีงาม
………………………………………………………………………………….
ใหพระภิกษุสงฆเกิดความสะดวกไมตองคอยหา
………………………………………………………………………………….
ผาบังสุกุลมาทําเปนเครื่องนุงหม
………………………………………………………………………………….
สาธุ โน ภันเต ภิกขุสังโฆ อิมานิ วัสสิกะสาฏิกานิ สะปะริวารานิ ปะฏิคคัณหาตุ
๕๕ อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะฯ
คําแปล ขาแตพระสงฆผูเจริญ ขาพเจาทั้งหลาย ขอนอมถวายผาอาบนํ้าฝน พรอมกับ
ของบริวารทั้งหลายเหลานี้ แกพระภิกษุสงฆ ขอพระภิกษุสงฆ จงรับผาอาบนํ้าฝน
พรอมกับของบริวารทั้งหลายเหลานี้ ของขาพเจาทั้งหลาย เพื่อประโยชน เพื่อ
ความสุขแกขาพเจาทั้งหลาย ตลอดกาลนานเทอญฯ
๔. ในระหวางการกลาวคําถวายพระสงฆจะประนมมือ พอจบคํากลาวถวายแลว
พระสงฆจะรับพรอมกันวา สาธุ แลวนําผาประเคนพระสงฆ
๕. พระสงฆอนุโมทนาและใหพร อุบาสก อุบาสิกา กรวดนํ้าและรับพร
๑๔๒

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว  NT  O-NE T
มูลเหตุใดทําใหเกิดศาสนพิธีการถวายผาอาบนํ้าฝน
1 ผาอาบนํ้าฝน หรือผาวัสสิกสาฎก คือ ผาเปลี่ยนสําหรับสรงนํ้าฝนของ
พระสงฆ ซึ่งเปนผาที่มีลักษณะเดียวกับผาสบง (ผานุง) เพื่อใหพระสงฆไดใชผลัด แนวตอบ ตามประวัติเลาวา เดิมพระพุทธเจาทรงอนุญาตใหพระภิกษุใชผา
เปลี่ยนกับผาสบงปกติ ไดเพียง 3 ผืนเทานั้น คือ ผานุงหรือผาสบง (อันตรวาสก) ผาหมหรือผาจีวร
2 หัวหนาทายก มีคําศัพท 2 คําเกี่ยวของ คือ มัคนายกและมัคทายก (อุตราสงค) และผาพาดบาหรือผาคลุมชั้นนอก (สังฆาฏิ) ซึ่งใชหมซอนจีวร
• มัคนายก เปนคําสมาสมาจากภาษาบาลี 2 คํา คือ “มัคค” แปลวา ทาง ในฤดูหนาวได รวมเรียกวา ไตรจีวร โดยที่ยังไมอนุญาตใหใชผาอาบนํ้าฝน
และ “นายก” แปลวา ผูนํา วันหนึ่งฝนตก นางวิสาขาใหสาวใชไปนิมนตพระมาฉันภัตตาหาร
• มัคทายก เปนคําสมาสจากภาษาบาลี 2 คํา คือ “มัคค” แปลวา ทาง และ ที่บาน พบพระภิกษุเปลือยกายอาบนํ้าฝน เขาใจวาเปนอาชีวก (ชีเปลือย)
“ทายก” แปลวา ผูถวายปจจัยแดพระสงฆ ไมใชพระภิกษุ จึงกลับมาบอกนางวิสาขาวาไมพบพระภิกษุในวัด นางวิสาขา
พจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช 2554 ไดใหความหมายของ ทราบวาเปนพระภิกษุ จึงทูลขอพรตอพระพุทธเจาเพื่อจะถวายผาสําหรับ
มัคนายกวา หมายถึง ผูจัดการทางกุศล ผูชี้แจงทางบุญ ดังนั้น ถาจะใชคําเพื่อ ผลัดเปลี่ยนเวลาอาบนํ้าแดพระภิกษุ พระพุทธเจาทรงอนุญาตใหพระรับ
เรียกคนที่คอยนํากลาวคําบูชา คําอาราธนา คําถวายสิ่งของใหพระที่วัดแลว คําวา ผาอาบนํ้าฝนเพิ่มไดอีกหนึ่งผืนตั้งแตบัดนั้นเปนตนมา
“มัคนายก” จึงเปนคําที่ถูกตองมากกวา “มัคทายก”

142 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูกลาวถึงการจัดและถวายเครื่องไทยธรรม
1 เครื่องไทยทาน และตั้งคําถามวา
2.5 การจั
การจัดและถวายเครื่องไทยธรรม
งไทยธรรม เครื เครื่องไทยทาน
• เครื่องไทยธรรมและเครื่องไทยทาน มีความ
๑) ความหมาย “เครื่องไทยธรรม เครื่องไทยทาน” หมายถึง สิ่งของที่ควรถวายเป็น หมายแตกตางกันอยางไร
ทานแด่พระสงฆ์ ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช ๒๕๔๒ ให้ความหมายของ (แนวตอบ เครื่องไทยทาน หมายถึง ของ
ค�าว่า “ไทยทาน” ว่า ของส�าหรับท�าทาน และให้ความหมายของค�าว่า “ไทยธรรม” ว่า ของท�าบุญ สําหรับทําทาน เครื่องไทยธรรม หมายถึง
ต่างๆ ของถวายพระ แสดงว่าความหมายของค�าว่า “ไทยทาน” กว้างกว่าค�าว่า “ไทยธรรม”
ของสําหรับทําบุญถวายพระ เพราะฉะนั้น
เพราะหมายความว่าเป็นของส�าหรับท�าทานกับใครก็ได้ ไม่จ�าเพาะเจาะจงว่าต้องเป็นพระสงฆ์
เครือ่ งไทยทานจึงมีความหมายกวางกวาเครือ่ ง
ในขณะที่ค�าว่า “ไทยธรรม” มีความหมายเฉพาะว่าเป็นของถวายพระเท่านั้น ดังนั้น เมื่อใช้ค�าว่า
ไทยธรรม เนื่องจากเปนการทําทานสําหรับ
“ไทยทาน” ในความหมายว่าเป็นของที่ควรถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ จึงนิยมเติมค�าว่า “เครื่อง
ใครก็ได แตเครื่องไทยธรรมใชสําหรับถวาย
ปัจจัย” หรือ “จตุปจั จัย” ไว้ขา้ งหน้าด้วย เป็น “จตุปจั จัย/เครือ่ งปัจจัยไทยทาน” เพือ่ ให้มคี วามหมาย
ชัดเจนว่าหมายถึงของถวายพระ ของท�าบุญ ไม่ใช่เป็นเพียงวัตถุทานที่ให้แก่คนที่ควรให้ พระเทานั้น เชน การถวายสังฆทาน เปนตน)
ตามปกติการจัดเครื่องไทยธรรมไทยทานจะต้องมีดอกไม้ ธูป เทียนบูชาพระ รวมอยู่ • จตุปจจัย มีอะไรบาง สําคัญอยางไร
ด้วยเสมอ และอาจมี “ปัจจัย” ที่ในปัจจุบันใช้กันในความหมายแคบ คือ หมายถึง “เงิน” ที่ถวาย (แนวตอบ จตุปจจัย หมายถึง ปจจัย 4 ของ
พระหรือวัด เพราะเห็นว่าพระสงฆ์สามารถน�าเงินไปซือ้ หาปัจจัยต่างๆ ได้เหมาะสมกับความจ�าเป็น บรรพชิต มี 4 อยาง ไดแก จีวร คือ เครื่อง
หรือตรงกับสิ่งที่ขาดแคลนได้ นุงหม เชน ไตรจีวร ผาหม ผาอาบนํ้าฝน
เปนตน บิณฑบาต คือ อาหาร เชน ขาว
๒) วัตถุประสงค์และความส�าคัญ ในการถวายเครื่องไทยธรรม เครื่องไทยทาน
มีวัตถุประสงค์และความส�าคัญ ดังนี้ นํ้า ผลไม เปนตน เสนาสนะ คือ ที่นอนที่นั่ง
๑. เพื่อถวายความอุปถัมภ์แด่พระภิกษุสงฆ์ เชน กุฏิ ศาลา เตียง หมอน เปนตน และ
๒. เพื่อลดความตระหนี่ ความโลภ ความเห็นแก่ตัว กิเลส ของผู้ถวายของ คิลานเภสัช คือ ยารักษาโรค ซึ่งเปนเครื่อง
๓. เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ถวายเอง สําหรับดํารงชีพของภิกษุสารเณรคลายคลึง
๔. เพื่ออุทิศส่วนบุญกุศลให้แก่บุพการีผู้มีพระคุณญาติมิตรและเจ้ากรรมนายเวร กับปจจัย 4 ของคนทั่วไป)
ที่ล่วงลับไปแล้ว • ไวยาวัจกรมีหนาที่อะไร และควรมีลักษณะ
๓) วิธีปฏิบัติ วิธีปฏิบัติในการถวายเครื่องไทยธรรมเครื่องไทยทานก็เป็นวิธีเดียวกัน หรือคุณธรรมในขอใดเปนสําคัญ
กับการถวายสังฆทาน หรือการท�าบุญเลี้ยงพระในโอกาสต่างๆ และในการถวาย “ปัจจัย” ที่มี (แนวตอบ ไวยาวัจกรมีหนาที่เบิกจายนิตยภัต
ความหมายว่า “เงิน” นั้น วิธีปฏิบัติที่เหมาะสม คือ ชาวพุทธควรเขียนเป็นใบปวารณาและถวาย หรืออาหารประจํา ปจจุบันใชในความหมาย
ใบปวารณานั้นแก่พระสงฆ์พร้อมกับสิ่งของอื่นๆ ส่วนเงินที่ระบุไว้ในปวารณาควรมอบให้แก่ วา เงินคาอาหารที่ทางราชการถวายแดสงฆ
ไวยาวัจกร (ผู้ดูแลการเงินของวัด) หรือมอบไว้กับลูกศิษย์ที่ติดตามพระแทน ไม่ควรให้พระสงฆ์ เปนประจํา และมีอาํ นาจหนาทีด่ แู ลทรัพยสนิ
รับเงินโดยตรง ของวัดตามที่เจาอาวาสมอบหมายเปน
ปัจจุบันได้มีร้านค้าจัดเตรียมเครื่องไทยธรรม เครื่องไทยทานไว้คอยบริการก็เป็น หนังสือ ไวยาวัจกรตองเปนเจาพนักงานตาม
การสะดวกส�าหรับผูท้ มี่ เี วลาน้อย แต่มขี อ้ ควรพิจารณาก็คอื การซือ้ จากร้านควรตรวจดูให้เรียบร้อย กฎหมาย ซึ่งควรเปนบุคคลที่มีความซื่อสัตย
เพราะบางกรณีอาจมีสิ่งของต้องห้ามหรือสิ่งของที่ไม่เหมาะสมส�าหรับพระสงฆ์ปนเข้ามาด้วย สุจริต และมีอริยทรัพย 7 ไดแก ศรัทธา ศีล
หิริ โอตตัปปะ พาหุสจั จะ จาคะ และปญญา)
143 2. ครูใหนักเรียนเขียนบอกเลาประสบการณการ
จัดและถวายเครื่องไทยธรรมลงในกระดาษ A4
และนําสงครูผูสอน
ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T นักเรียนควรรู
การจัดเครื่องไทยธรรมถวายพระควรคํานึงถึงสิ่งใด
1 เครื่องไทยธรรม เครื่องไทยทาน มีขอควรระวัง ดังนี้
1. ไมผิดวินัยสงฆ
• ตองเปนของที่ไดมาโดยบริสุทธิ์
2. ประหยัดและเปนประโยชน
• ไมถวายสิ่งของมึนเมา ยาเสพติดทุกชนิด
3. เหมาะแกการบริโภคใชสอยของพระสงฆ
• ถวายของใหเหมาะสมกับกาลเวลาของสงฆ
4. ทุกขอที่กลาวมา
• ไมถวายสิ่งของตองหาม เชน อาหารดิบทุกชนิด เนื้อสัตวที่เจาะจงฆาเพื่อ
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เครื่องไทยธรรมหรือไทยทาน แปลวา สิ่งของ ถวาย กรณีผลไมมีเมล็ด ควรทําการปอกและแคะเมล็ดออกกอน เปนตน
ที่ควรใหหรือสิ่งของที่เหมาะสมแกการนําไปถวายพระ ดังนั้น การจัด • ไมควรถวายวัตถุอนามาส หรือสิ่งที่พระพุทธเจาทรงหามพระภิกษุจับตอง
เครื่องไทยธรรมถวายพระจึงควรระลึกเสมอวาตองไมเปนสิ่งของที่ขัดตอ เชน สิ่งที่เกี่ยวกับสตรีทุกชนิด รัตนะ 10 ประการ เครื่องอาวุธ
วินัยสงฆ ไมแสดงความฟุมเฟอย เปนประโยชนและควรแกการบริโภคใชสอย เครื่องประโคมดนตรี ขาวเปลือก ผลไมที่เกิดอยูกับที่ เปนตน
ของพระสงฆ ทั้งนี้มีสิ่งของบางประเภทสามารถประเคนพระสงฆไดตลอดเวลา เชน
เครื่องดื่ม เครื่องยารักษาโรค นํ้าตาล นํ้าผึ้ง นํ้าออย เปนตน

คูมือครู 143
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูนําสนทนาถึงการกรวดนํ้า และตั้งคําถามเชิง
วิเคราะหวา 2.6 การกรวดน้ำา
• การกรวดนํ้ามีวัตถุประสงคเพื่ออะไร ๑) ความหมาย การกรวดน�า้ หมายถึง การอุทศิ ส่วนกุศล อันจะพึงเกิดจากการท�าบุญ
เพราะเหตุใด ให้แก่ผู้ล่วงลับไปแล้วด้วยวิธีการหลั่งน�้า พร้อมกับกล่าวค�าอุทิศ (ค�ากรวดน�้า)
(แนวตอบ เชน การกรวดนํา้ เปนอุบายอยางหนึง่
ในการทําจิตใจใหสงบนิ่ง เพราะใน
๒) วัตถุประสงค์และความส�าคัญ ในการกรวดน�้ามีวัตถุประสงค์และความส�าคัญ
ดังนี้
ขณะอุทิศสวนบุญกุศล การกรวดนํ้าจะทําให
๑. เป็นประเพณีทางพระพุทธ‑
เรามีจิตใจจดจอไปยังบุคคลที่ตองการอุทิศ
ศาสนาที่ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมา
บุญกุศลให เปนตน)
๒. เป็นการแสดงออกซึ่งความ
• การกรวดนํ้าเพื่ออุทิศบุญกุศล ตางจากการ
กตัญญูกตเวทีของผูท้ ยี่ งั มีชวี ติ อยู่ ต่อผูม้ พี ระคุณ
แผเมตตาอยางไร
ที่ล่วงลับไปแล้ว
(แนวตอบ การกรวดนํ้า คือ การอุทิศสวนกุศล
๓. เป็นการแสดงความเมตตา
ดวยวิธีหลั่งนํ้า พรอมกับกลาวคําอุทิศ แตบท
แก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว โดยผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่อุทิศ
สวดแผเมตตาโดยทั่วไป จะกลาววาขอสัตว
ส่วนกุศลไปให้
ทั้งหลายทั้งปวงจงเปนผูไมมีเวร ไมมีความ
เบียดเบียน ไมมีทุกข รักษาตนใหพนจากทุกข หลังจากการทำาบุญ ก็มีการกรวดน้ำาอุทิศผลบุญส่วนกุศล ๓) วิธปี ฏิบตั ิ การกรวดน�า้ ทีถ่ กู ต้อง
ให้แก่ญาติที่ล่วงลับไปแล้ว ควรปฏิบัติ ดังนี้
ทั้งสิ้นเถิด)
2. ครูใหนกั เรียนหาบทสวดมนตเต็มของ “ยถาใหผี ๑. เตรียมน�า้ สะอาดใส่ภาชนะทีม่ ขี นาดเล็ก เช่น แก้วน�า้ คนโท หรือภาชนะเฉพาะ
-สัพพีใหคน” ไดแก ยถา วาริวหา ปูรา ส�าหรับการกรวดน�้า 1 2
ปริปูเรนฺติ สาครํ... และสพฺพีติโย วิวชฺชนฺตุ ๒. พอพระสงฆ์เริ่มสวดอนุโมทนา ซึ่งจะเริ่มด้วยค�าว่า “ยถา วาริวหา” ให้เริ่ม
สพฺพโรโค วินสฺสตุ... พรอมคําแปล โดยบันทึกลง หลั่งน�้าอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว น�้าที่รินต้องให้ต่อเนื่องเป็นสาย และรินให้หมด
ในสมุดเรียน นําสงครูผูสอน เมื่อพระสงฆ์เริ่มบทสวดมนต์ที่ขึ้นต้นว่า “สัพพีติโย”
๓. น�้าที3่รินถ้าอยู่บนบ้านให้ใช้ภาชนะที่สะอาด (อย่าใช้กระโถน) รองรับ เสร็จแล้ว
น�าไปเทราดลงบนพื้นดินที่สะอาดหรือในที่ที่เหมาะสม เช่น โคนต้นไม้ กระถางต้นไม้ เป็นต้น
๔. ขณะที่หลั่งน�้าต้องตั้งใจอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว และกล่าวค�า
กรวดน�้าไปพร้อมกันด้วย

ค�าอ่าน อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย


ค�าแปล ขอส่วนบุญนี้ จงส�าเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของ
ข้าพเจ้าจงมีความสุข

144

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว  NT  O-NE T
บุคคลใดตอไปนี้ปฏิบัติตนไดถูกตองขณะกรวดนํ้า
1 อนุโมทนา แปลวา ความยินดีตาม ความพลอยยินดี หมายถึง การแสดง
1. พนาใชกระโถนรองขณะกรวดนํ้า
ความชื่นชมยินดีในบุญหรือความดีที่ผูอื่นทํา โดยอาจทําไดดวยการพูด เขียน
2. ไพรวันนํานํ้าที่กรวดแลวไปเทในหองนํ้า
หนังสือ หรือแสดงกิริยา เชน เมื่อพระสงฆเจริญพระพุทธมนตและเจริญพร ก็กลาว
3. พนาลีเริ่มกรวดนํ้าเมื่อพระสงฆสวดยถา วาริวหา
คําวาสาธุ เมื่อเห็นหรือไดยินคนทําความดีก็กลาวอนุโมทนาบุญ เปนตน
4. ไพรสัณฑนั่งคุยขาวการเมืองกับเพื่อนขณะหลั่งนํ้าอุทิศสวนกุศล
การอนุโมทนาหรือการยินดีในบุญกุศลนี้ถือเปนหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ 10
2 ยถา วาริวหา บทที่เริ่มตนวา “ยถา” มีชื่อเรียกวา บทอนุโมทนารัมภคาถา วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 3. การกรวดนํา้ จะเริม่ หลัง่ นํา้ อุทศิ สวนกุศล
หมายถึง คาถาที่เริ่มกอนการอนุโมทนา กลาวคือ กอนที่พระสงฆจะอนุโมทนาใน เมื่อพระสงฆเริ่มสวด “ยถา วาริวหา” โดยนํ้าที่ใชตองเปนนํ้าสะอาด
บุญกุศลที่อุบาสกอุบาสิกาไดทําแลว พระสงฆจะกลาวบทอนุโมทนารัมภคาถานี้ ภาชนะที่ใชก็ตองเปนภาชนะสะอาด นํ้าที่กรวดแลวตองนําไปเทที่
เพื่อใหอุบาสกอุบาสิกาไดเตรียมตัวตั้งใจรับพรตอไป โคนตนไม หามเทใสที่สกปรก และขณะกรวดนํ้าตองสงบจิตสงบใจ
ตั้งใจอุทิศผลบุญกุศลไปใหแกผูลวงลับ
3 เทราดลงบนพื้นดิน มูลเหตุที่มีการรินนํ้าลงดิน ดวยมีความเชื่อวา นํ้าที่กรวดนี้
พระแมธรณีจะรองรับไวโดยใชมวยผมเก็บรักษาไว เพือ่ เปนประจักษพยานวาผูน นั้ ได
ทําบุญสรางกุศลมาแลวมากนอยเพียงใด

144 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนชวยกันยกตัวอยางชนิดของกฐิน
2.7 การทอดกฐิน และการทอดกฐินในประเทศไทย โดยออกมา
เขียนบนกระดานหนาชั้น
๑) ความเป็นมาและความหมาย ค�าว่า กฐิน เป็นภาษาบาลี แปลว่า “ไม้สะดึง” 2. ครูกลาวนําเกี่ยวกับกฐิน และตั้งคําถามวา
ในสมัยก่อนการตัดเย็บจีวรเป็นเรือ่ งใหญ่ เนือ่ งจากไม่มเี ครือ่ งทุน่ แรง เช่น จักรเย็บผ้า และไม่มรี า้ น
• กฐินมีความหมายวาไมสะดึง ไมชนิดนี้มี
ขายจีวรส�าเร็จรูป การท�าจีวร สบง หรือสังฆาฏิแต่ละผืนต้องอาศัยพระสงฆ์หลายๆ รูป ช่วยกันท�า
ความเกี่ยวของกับผากฐินอยางไร
โดยขึงผ้ากับไม้สะดึงให้ตึงก่อนแล้วจึงตัด เย็บ ดังนั้น ผ้ากฐิน ก็คือ ผ้าที่ส�าเร็จขึ้นได้เพราะอาศัย
(แนวตอบ ไมสะดึง คือ ไมกรอบหรือไมแบบ
ไม้สะดึง และถึงแม้ในปัจจุบันการท�าจีวรจะไม่ต้องอาศัยไม้สะดึงแล้วก็ตาม แต่ชื่อของผ้าชนิดนี้
สําหรับขึงผาที่จะเย็บเปนจีวรในสมัยโบราณ
ก็ยังคงเรียกว่า “ผ้ากฐิน” อยู่ตามเดิม
เมื่อส�าเร็จเป็นผ้ากฐินแล้ว ก็จะน�าไปถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ ผู้อยู่จ�าพรรษาตลอด ซึ่งผาที่เย็บสําเร็จจากไมสะดึงแบบนี้จะ
๓ เดือน เรียกว่า “ทอดกฐิน” อันหมายถึง การน�าผ้ากฐินไปวางไว้ต่อหน้าพระสงฆ์อย่างน้อย เรียกวา ผากฐิน)
๕ รูป โดยมิได้ตั้งใจจะถวายแด่พระสงฆ์รูปใดรูปหนึ่ง สุดแท้แต่พระท่านจะมอบหมายกันเอง • การถวายกฐินมีความพิเศษแตกตางจาก
สมัยก่อนนั้นผ้าที่น�าไปทอดกฐินต้องมีขนาดพอเหมาะส�าหรับตัดเย็บเป็นจีวร สบง หรือสังฆาฏิ การทําทานทั่วไปอยางไร
อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ปัจจุบันนี้ใช้ผ้าส�าเร็จรูปแทน ซึ่งเป็นการช่วยอ�านวยความสะดวกให้แก่ (แนวตอบ เชน การถวายกฐินตองถวายเปน
พระสงฆ์ คือ ท่านไม่ต้องตัดเย็บ หรือย้อมด้วยตนเอง สังฆทานเทานั้น ถวายใหพระสงฆรูปใด
1 รูปหนึ่งไมได จํากัดเวลาวาตองถวายภายใน
๒) วัตถุประสงค์และความส�าคัญ ในการทอดกฐินมีวัตถุประสงค์และความส ละความส�าคัญ
ดังนี้ 1 เดือนหลังจากวันออกพรรษา พระสงฆ
๑. การทอดกฐินถือว่าเป็นการท�าบุญที่มีอานิสงส์ยิ่งกว่าการท�าบุญอื่นๆ เพราะ ผูรับกฐินตองเปนผูจําพรรษาในวัดโดยไม
หาโอกาสท�าได้ยาก ไม่เหมือนกับการท�าบุญอย่างอื่น ซึ่งจะท�าเมื่อใดก็ได้ ขาดพรรษา และจํานวนไมนอยกวา 5 รูป
๒. เป็นการอุปถัมภ์พระสงฆ์ให้มีเครื่องใช้ สับเปลี่ยนจากของเดิม หนึ่งกฐินรับไดเพียงปละ 1 ครั้ง เปนพระ
๓. เป็นการสืบต่อประเพณีทางพระพุทธศาสนาให้ต่อเนื่อง บรมพุทธานุญาตของพระพุทธเจา เปนตน)
๔. เป็นการเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนได้มีโอกาสท�าบุญสร้างกุศลร่วมกัน 3. ครูใหนกั เรียนศึกษาขอมูลเกีย่ วกับความเปนมา
๓) การปฏิบัติ การทอดกฐิน มีวิธีปฏิบัติ ดังนี้ ของกฐินในสมัยพุทธกาลวา กฐินเกิดขึ้น
๑. ก�าหนดระยะเวลาการทอดกฐิน เริ่มตั้งแต่วันแรม ๑ ค�่า เดือน ๑๑ ไปจนถึง จากมูลเหตุใด และเพราะเหตุใดพระพุทธเจา
วันขึน้ ๑๕ ค�า่ เดือน ๑๒ จะทอดก่อนหรือหลังจากนีไ้ ม่ได้ ส่วนจะเป็นวัดใดในช่วงระยะเวลาดังกล่าว จึงมีพระบรมพุทธานุญาตใหพระสงฆรับ
ขึ้นอยู่กับความสะดวกของเจ้าภาพและวัด ผาพระกฐินได
๒. วัดหนึ่งๆ จะรับผ้ากฐินหรือมีการทอดกฐินได้เพียงปีละครั้งเดียวเท่านั้น 4. ครูสุมใหนักเรียนที่เคยทอดกฐินตามวัดตางๆ
๓. วัดที่จะรับกฐิน จะต้องมีพระภิกษุสงฆ์อยู่จ�าพรรษาในวัดนั้นตั้งแต่ ๕ รูปขึ้นไป ออกมาเลาประสบการณและวิธีปฏิบัติในการ
ตลอด ๓ เดือน โดยไม่ขาดพรรษา และผ้ากฐินก็จะถวายแด่พระสงฆ์ที่อยู่ประจ�าวัดเดียวตลอด ทอดกฐิน แลวเปดโอกาสใหเพื่อนนักเรียน
พรรษา ซักถามเพิ่มเติม
๔. ผู้เป็นเจ้าภาพทอดกฐิน จะเป็นบรรพชิตหรือฆราวาสเพศใดๆ ก็ได้ แต่ถ้าเป็น
บรรพชิตต้องเป็นบรรพชิตต่างวัดกัน คือ พระภิกษุสงฆ์จะทอดกฐินในวัดที่ตนอยู่จ�าพรรษามิได้
145

กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
ครูใหนักเรียนศึกษาการทอดกฐินในประเทศไทย ไดแก กฐินหลวง 1 การทอดกฐิน เมื่อวัดไดรับการทอดกฐินแลว จะมีการนําธงรูปจระเขมาปกไว
กฐินตน กฐินพระราชทาน และกฐินราษฎร โดยใหนักเรียนระบุวาการทอด ที่หนาวัด เพื่อผูพบจะไดพลอยอนุโมทนาบุญ อยางไรก็ดี ธงจระเขมีขอสันนิษฐาน
กฐินทั้ง 4 แบบนี้ มีลักษณะสําคัญอยางไร และมีความแตกตางกันอยางไร 2 อยาง ดังนี้
แลวบันทึกสาระสําคัญ นํามาอภิปรายในชั้นเรียน • ความเชื่อที่ 1 ในสมัยโบราณนิยมแหผากฐินไปทอดตามวัดตางๆ โดย
ใชเรือเปนพาหนะ การเดินทางไปตามลํานํ้ามักมีอันตรายจากสัตวนํ้าอยู
เสมอ ดวยเหตุนี้จึงคิดอุบายทําธงจระเขปกหนาเรือ เปนทํานองประกาศ
ใหจระเขรับทราบการทําบุญกุศล จะไดพลอยอนุโมทนาและไมคิดที่จะทํา
อันตรายแกผูคนในกระบวนเรือ
• ความเชื่อที่ 2 เนื่องจากถือกันวาดาวจระเขเปนดาวสําคัญ การเคลื่อน
ขบวนทัพในสมัยโบราณตองคอยดูดาวจระเขขึ้น ซึ่งเปนเวลาจวนสวางแลว
แตเดิมผูจะไปทอดกฐินตองเตรียมเครื่องบริขารและผาองคกฐินไวอยาง
พรอมเพรียง แลวแหไปวัดในเวลาดาวจระเขขึ้น ไปสวางเอาที่วัด ตอมาจึง
มีผูคิดทําธงจระเข โดยถือวาดาวจระเขเปนดาวบอกเวลาเคลื่อนองคกฐิน

คูมือครู 145
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนชวยกันยกตัวอยางวา นอกจาก
การทอดผากฐินแลว ยังมีเครื่องบริวารกฐิน ๕. เครื่องกฐินประกอบด้วย ผ้ากฐินและเครื่องบริวารกฐิน ดังนี้
สิ่งใดบางที่สามารถนํามาถวายเปนเครื่องบริวาร (๑) ผ้ากฐิน เป็นส่วนที่ส�าคัญที่สุดจะขาดเสียมิได้ ผ้ากฐินนั้นพระพุทธเจ้า
กฐินได โดยใหนักเรียนชวยกันตอบในชั้นเรียน ทรงบัญั ญัตไิ ว้วา่ จะต้องมีขนาดกว้างยาวเพียงพอทีพ่ ระสงฆ์จะสามารถน�ามาตัดเย็บท�าเป็นผ้าสบง
2. ครูใหนักเรียนหาภาพผากฐินติดลงในสมุด และ จีวร หรือสังฆาฏิผืนใดผืนหนึ่ง โดยพระสงฆ์ช่วยกันท�าเอง ผ้ากฐินจะเป็นผืนเก่าหรือผืนใหม่ก็ได้
เขียนคําอธิบายใตภาพวาลักษณะสําคัญของ แต่ตอ้ งมีสสี นั เหมาะแก่การท�าเป็นเครือ่ งนุง่ ห่มของบรรพชิต เช่น สีขาว สีเหลือง หรือสีกรัก เป็นต้น
ผากฐินและเครื่องบริวารกฐินมีอะไรบาง ส�าหรับปัจจุบันนี้นิยมตัดเย็บและย้อมสีให้เสร็จ แล้วจึงน�าไปถวายเป็นการสงเคราะห์พระสงฆ์มิให้
3. ครูใหนักเรียนศึกษาพิธีกรานกฐินวาเปนอยางไร เกิดความยากล�าบาก เพราะต้องน�าผ้าไปตัด เย็บ ย้อมเป็นไตรจีวรเอง
และมีขั้นตอนการกรานกฐินอยางไร โดยบันทึก (๒) เครื่องบริวารกฐิน เราจะเห็นได้ว่าเวลาทอดกฐินนั้นมีเครื่องไทยธรรม
ลงในสมุด จากนั้นครูสุมใหนักเรียนออกมา มากมายหลายอย่างที่น�าไปถวายพระ ซึ่งตามความเป็นจริงแล้ว สิ่งของที่ส�าคัญมากที่สุดในการ
นําเสนอหนาชั้นเรียน และนักเรียนคนอื่นๆ ทอดกฐินอันจะขาดเสียมิได้กค็ อื ผ้ากฐิน ส่วนของอืน่ ๆ นัน้ เป็นเครือ่ งบริวารกฐิน จะมีหรือไม่มกี ็ได้
บันทึกความรูเพิ่มเติม แล้วแต่ความนิยม เครือ่ งบริวารกฐินอาจจ�าแนกเป็นเครือ่ งมือ เครือ่ งใช้สา� หรับการก่อสร้าง ภาชนะ
4. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 6.3 จากแบบวัดฯ ส�าหรับเก็บน�้า เช่น ถังเหล็ก ถังน�้า โอ่ง โต๊ะ ตู้ ถ้วย จาน ชาม ช้อน หลอดไฟฟ้า จตุปัจจัย เป็นต้น
พระพุทธศาสนา ม.2 ซึง่ เจ้าภาพจะจัดหาของสิง่ ใดมาเป็นเครือ่ งบริวารกฐินก็ได้ ถ้าของสิง่ นัน้ ไม่ขดั ต่อพระธรรมวินยั หรือ
ไม่น�าความเสียหายมาสู่พระภิกษุสงฆ์และพระพุทธศาสนาแล้วย่อมกระท�าได้ทั้งสิ้น
ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ ๖. พระภิกษุผู้ได้รับการถวายผ้ากฐิน เรียกว่า “พระผู้ครองกฐิน” ซึ่งเมื่อพระภิกษุ
พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 6.3
หนวยที่ 6 วันสําคัญทางพระพุทธศาสนาและศาสนพิธ�
ได้รบั ผ้ากฐินแล้ว ท่านจะเลือกเอาผ้าผืนใดผืนหนึง่ เป็นผ้ากฐินยกขึน้ ท�าพิธี ส่วนผ้าทีเ่ หลือ เรียกว่า
“ผ้าบริวารกฐิน” ส�าหรับเครื่องบริวารกฐินอื่นๆ
ที่ประชุมสงฆ์หรือเจ้าอาวาสจะแบ่งปันให้แก่
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
กิจกรรมที่ ๖.๓ ใหนักเรียนลําดับวิธีปฏิบัติศาสนพิธี พรอมทั้งบอกวาเปน ñð
ศาสนพิธีใด (ส ๑.๒ ม.๒/๓)

๒ เจาภาพจุดธุปเทียนบูชาพระรัตนตรัย กลาวอาราธนาศีลและรับศีล
……………..
พระภิกษุทกุ รูป ซึง่ ถ้าเป็นของใช้ เช่น เครือ่ งมือ
๔ ประเคนผากฐินใหพระภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง ถวายเครื่องบริวาร พระสงฆสวดอนุโมทนา
……………..
กรวดนํ้า ช่างไม้ ถ้วย จาน ชาม ช้อน แก้วน�้า เป็นต้น
๓ วางผาไตรบนแขนทั้งสอง ๒ ขาง กลาวคําบูชาพระรัตนตรัยและคําถวายผากฐิน
ก็จะตกเป็นของวัดเพือ่ ประโยชน์ใช้สอยส่วนรวม
……………..
๑ เตรียมเครือ่ งกฐินใหพรอม นําไปไวทพี่ ระอุโบสถหรือศาลาการเปรียญที่ใชประกอบพิธี
……………..
การทอดกฐิน
ศาสนพิธี……………………………………..
๗. การถวายกฐิน มักนิยมน�า
๑ แจงเจาอาวาสหรือพระภิกษุสงฆผมู หี นาทีน่ มิ นตพระในวัด พรอมแจงจํานวนพระสงฆ
……………..
ที่ตนตองการ บอกวัน เวลา และสถานที่
ผ้ากฐินและเครื่องบริวารไปจัดเตรียมไว้ก่อน
ฉบับ
เฉลย ๔ กรวดนํ้า อุทิศสวนกุศลใหแกบรรพบุรุษที่ลวงลับไปแลว
……………..
๒ เมือ่ พระสงฆมาพรอมแลว ทายก ทายิกา จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย กราบพระสงฆ
……………..
ที่พระอุโบสถหรือศาลาการเปรียญ ซึ่งจะใช้
แลวอาราธนาศีลและรับศีล กลาวคําถวายสังฆทาน
๓ ประเคนของ เสร็จแลวพระจะอนุโมทนาดวยบทยถาและสัพพี
……………..
เป็นสถานที่ในการประกอบพิธี เมื่อพระสงฆ์นั่ง
การถวายสังฆทาน
ศาสนพิธี……………………………………..
เรียบร้อยแล้ว ประธานในพิธี หรือเจ้าภาพ
๒ พระสงฆสวดอนุโมทนา เริม่ ตนดวยคําวา “ยถา วริวหา” หลัง่ นํา้ โดยนํา้ ทีร่ นิ ตองใหตอ เนือ่ ง
……………..
จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย แล้วกลับมานั่ง
เปนสาย
๑ เตรียมนํ้าใสภาชนะที่มีขนาดเล็ก
……………..
๔ นํานํา้ ไปเทลงบนพื้นดินที่สะอาดหรือในที่ที่เหมาะสม เชน โคนตนไม กระถางตนไม
ประเพณีทอดกฐินเป็นประเพณีทก่ี ระทำาหลังจากออกพรรษา ยังที่ที่จัดไว้ จากนั้นพิธีกรกล่าวค�าอาราธนาศีล
……………..
เปนตน
๓ รินนํ้าใหหมดเมื่อพระสงฆเริ่มสวด “สัพพีติโย”
เป็นการอุปถัมภ์พระสงฆ์ให้มสี งิ่ ของเครือ่ งใช้สบั เปลีย่ นจาก ทายกทายิการ่วมกันรับศีล
……………..
การกรวดนํ้า
ศาสนพิธี…………………………………….. ของเดิมหลังจากที่ใช้มาตลอดพรรษา
๕๖
146

ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว  NT  O-NE T
ครูอธิบายเพิ่มเติมวา กรานกฐินเปนพิธีที่พระสงฆอยางนอย 5 รูปกระทํารวมกัน ขอใดไมใช เครื่องบริวารกฐินที่นําไปถวายพรอมผาองคกฐิน
เมื่อพระสงฆรับผากฐินแลวจะประชุมกันทําสังฆกรรม โดยยกผากฐินนั้นใหแก 1. สัปทน 2. กานวม
พระสงฆรูปหนึ่ง พระสงฆรูปนั้นนําผาไปซัก ตัด เย็บ และยอมใหเสร็จภายในวันนั้น 3. ขาวเปลือก 4. เทียนปาฏิโมกข
โดยทําเปนผาสังฆาฏิ ผาอุตราสงค (จีวร) หรือผาอันตรวาสก (สบง) เสร็จแลวก็ทํา วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะขาวเปลือกเปนวัตถุอนามาสหรือเปน
“พินทุกัปปะ” (การทําจุดเปนวงกลมที่มุมจีวรดวยสีเขียวครามหรือดําคลํ้า) จากนั้น สิ่งของที่พระพุทธเจาทรงหามมิใหพระสงฆจับตอง สวนขออื่นๆ เปน
อธิษฐาน วิธีการทั้งหมดนี้เรียกวา “กรานกฐิน” เมื่ออธิษฐานแลวพระสงฆผูกราน เครื่องบริวารกฐินได เพราะไมผิดพระวินัยของสงฆ
กฐินประกาศใหพระสงฆอนุโมทนา เรียกวา “อนุโมทนากฐิน” เมื่อพระสงฆ ขอ 1. กานวม คือ กาสําหรับรินนํ้าชา
อนุโมทนาแลวก็จะไดรับอานิสงสกฐิน คือ ไดรับยกเวนพระวินัยบางประการ เชน ขอ 3. เทียนปาฏิโมกข คือ เทียนสําหรับจุดในเวลาที่พระภิกษุสวด
ไปในที่ตางๆ โดยไมตองนําผาไตรจีวรติดตัวไปครบสามผืนได เปนตน อยางไรก็ดี พระปาฏิโมกขหรือคัมภีรที่รวมพระวินัยของสงฆ 227 ขอ โดยให
ในปจจุบันผากฐินสวนใหญเปนผาสําเร็จรูป กิจที่ตองทําเบื้องตน คือ ซัก ตัด เย็บ สวดในที่ประชุมสงฆทุกกึ่งเดือน เรียกวา สงฆทําอุโบสถ
และยอม ก็ไมตองทํา จึงไมมีพระสงฆผูกรานกฐิน แตทําเพียงพินทุกัปปะ อธิษฐาน ขอ 4. สัปทน คือ รมขนาดใหญ ทําดวยผาหรือแพรสีตางๆ มีระบาย
และอนุโมทนากฐิน ลอมรอบและมีดามยาว ซึ่งใชในการกั้นนาค ผาไตร
หรือพระพุทธรูป

146 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหตัวแทนนักเรียนออกมากลาวคําถวาย
การถวายผ้ากฐิน เจ้าภาพยกผ้าไตรวางบนแขนทั้ง ๒ ข้าง นั่งคุกเข่าประนมมือหันไป ผากฐินพรอมคําแปล และใหนักเรียน 2-3 คน
ทางพระพุ1ทธรูป แล้วกล่าวค�าบูชาพระรัตนตรัย คือ ตั้งนะโม ๓ จบ (ในบางแห่งจะมีการโยง ออกมาสาธิตการถวายผากฐิน จากนั้นเพื่อน
สายสิญจน์ แล้วกล่าวค�านมัสการพร้อมกัน) จากนั้นจึงหันหน้ามาทางพระสงฆ์ แล้วกล่าวค�าถวาย นักเรียนในหองกลาวนมัสการและคํากลาว
ผ้ากฐิน ดังนี้ ถวายผากฐินพรอมกัน
2. ครูใหนักเรียนเขียนสรุปประโยชนที่ตัวนักเรียน
ค�าอ่าน อิมัง สะปะริวารัง กะฐินะจีวะระทุสสัง สังฆัสสะ โอโณชะยามะ (ว่า ๓ ครั้ง) ไดรับจากการถวายผากฐินและประโยชนที่
ค�าแปล ข้าพเจ้าทัง้ หลาย ขอน้อมถวายผ้ากฐินจีวรพร้อมทัง้ ของบริวารนี้ แด่พระภิกษุสงฆ์ พระสงฆไดรบั จากการถวายผากฐิน โดยบันทึก
ลงในสมุดและนําสงครูผูสอน
เมื่อกล่าวค�าถวายจบแล้ว ให้น�าผ้ากฐินประเคนให้แก่พระภิกษุรูปใดรูปหนึ่งหรือจะวาง 3. ครูนําสนทนาเกี่ยวกับการทอดผาปา และตั้ง
ไว้ตรงหน้าเฉยๆ ก็ได้ ต่อจากนี้ผู้มาร่วมพิธีช่วยกันถวายเครื่องบริวารแด่พระภิกษุสงฆ์ทุกรูป คําถามวา
พระสงฆ์จะสวดอนุโมทนา ทายกทายิกากรวดน�้าตั้งใจอุทิศผลบุญให้แก่สรรพสัตว์ร่วมโลกเป็น • เพราะเหตุใด จึงเกิดประเพณีการทอดผาปา
อันเสร็จพิธี มาแตครั้งสมัยพุทธกาล
(แนวตอบ เพราะประชาชนเห็นความยาก
2.8 การทอดผ้าปา ลําบากของพระสงฆที่ตองหาผาตามปา
๑) ความเป็นมาและความหมาย ผ้าป่า หมายถึง ผ้าที่ไม่มีเจ้าของ วางทิ้งอยู่ และยังตองเอาผามาซักฟอก ยอมฝาด
ตามป่า ป่าช้า หรือพาดอยูต่ ามกิง่ ไม้ ประเพณีการทอดผ้าป่ามีมาตัง้ แต่ครัง้ พุทธกาล โดยในสมัยนัน้ ตัดเย็บเอง ดวยมูลเหตุนี้ประชาชนจึงนํา
พระพุทธองค์มิได้ทรงอนุญาตให้ 2 พระภิกษุสงฆ์รับผ้าไตรจีวรจากชาวบ้าน เพียงแต่ทรงอนุญาตให้ ผาที่เปนจีวรสําเร็จรูปไปทอดทิ้งตามปา
พระสาวกแสวงหาผ้าบังสุกลุ คือ ผ้าทีเ่ ปือ้ นฝุน่ เพือ่ ใหพระสงฆชกั ผาปาไปทําเปนผาไตรจีวร)
เศษผ้าจากกองขยะ หรือผ้าห่อซากศพซึ่งเขา 4. ครูใหนกั เรียนศึกษาวาผาไตรจีวร ผากาสาวพัสตร
วางทิ้งไว้ตามป่าช้า เอามาซักฟอก ย้อมฝาด และผาบังสุกลุ มีลกั ษณะเชนใด และแตกตาง
ตัดเย็บ ท�าเป็นผ้ากาสาวพัสตร์๑ กันอยางไร
ภายหลังประชาชนเห็นความยาก
ล� า บากของพระสงฆ์ ใ นการน� า ผ้ า ที่ ผ่ า นการ
ใช้แล้วไปซักล้าง ย้อม และตัดเย็บใหม่ จึงเอา
ผ้าดีๆ ท�าเป็นจีวรส�าเร็จรูป น�าไปทอดทิง้ ตามป่า
ป่าช้า หรือกิ่งไม้ สุดแท้แต่พระภิกษุสงฆ์รูปใด
มาพบเข้าก็ชักเอาไป

แม้พระพุทธองค์เองก็ทรงปฏิบัติเช่นนี้ ดังมีเรื่องเล่าไว้ใน
อรรถกถาว่า ครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าทรงน�าผ้าบังสุกุล ซึ่งเป็นผ้าพัน การทอดผ้าป่าเป็นพิธีทำาบุญที่พุทธศาสนิกชนสามารถ
ซากศพของนางปุณณทาสี น�ามาซักฟอกย้อมฝาดเป็นเครื่องนุ่งห่ม
ส�าหรับพระองค์ กระทำาได้ตลอดปี

147

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T นักเรียนควรรู
ขอใด ไมใช ลักษณะสําคัญของการทอดกฐิน
1 สายสิญจน คือ ดายดิบสีขาวที่นํามาจับทบเปน 3 เสน หรือ 9 เสน โดยใช
1. วัดหนึ่งจะรับผากฐินไดปละ 1 ครั้ง
ในพิธีกรรมทางศาสนา สําหรับพระถือขณะประนมมือเจริญพระพุทธมนต เชน
2. การทอดกฐินสามารถทําไดตลอดทั้งป
ในเวลาทําบุญที่บาน นิยมใชสายสิญจนวงรอบบานโดยเวียนขวา คือ วนใหอยูทาง
3. การทอดกฐินจะตองนําผากฐินไปวางหนาพระสงฆอยางนอย 5 รูป
ขวามือแลวโยงมาวนขวาที่ฐานพระพุทธรูปอีกรอบหนึ่งหรือ 3 รอบ จากนั้นจึงโยง
4. วัดที่ไดรับการทอดกฐินแลว จะมีธงรูปจระเขปกไวที่หนาวัด
มาวางไวบนพานรอง
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. การทอดกฐินสามารถทําไดเพียงปละ 1 ครั้ง 2 บังสุกุล มาจากภาษาบาลีวา ปสุ (อานวา ปง-สุ) แปลวา ฝุน และคําวา กุล
เทานั้น คือ ตั้งแตวันแรม 1 คํ่า เดือน 11 ถึง วันขึ้น 15 คํ่า เดือน 12 (อานวา กุ-ละ) แปลวา เปอน คลุก บังสุกุลจึงแปลวา คลุกฝุน เปอนฝุน ซึ่งเปน
จะทอดกอนหรือหลังจากนี้ไมได แตกตางจากการทอดผาปาที่สามารถทําได คําที่ใชเรียกผาที่พระภิกษุชักจากศพ หรือผาที่ทอดไวหนาศพ หรือผาที่ทอดไวบน
ตลอดทั้งป ดายสายสิญจน ในสมัยพุทธกาลพระภิกษุตองแสวงหาผาที่เขาทิ้งแลวจากกองขยะ
หรือจากปาชามาทําจีวรใช ผาเหลานั้นสวนใหญจะเปอนฝุนหรือสกปรก จึงเรียกวา
บังสุกุล

คูมือครู 147
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูนําอภิปรายเกี่ยวการทอดผาปา และตั้ง
คําถามเชิงวิเคราะหวา ๒) วัตถุประสงค์และความส�าคัญ การทอดผ้าป่ามีวตั ถุประสงค์และความส�าคัญ ดังนี้
• การทอดผาปาและการทอดกฐินมีความ ๑. ธ�ารงรักษาไว้ซึ่งขนบประเพณีอันดีงาม
เหมือนและแตกตางกันอยางไร ๒. เพือ่ แสดงว่าผูท้ อดผ้าป่ามีความเลือ่ มใสศรัทธา มีความบริสทุ ธิท์ างใจทีจ่ ะท�าบุญ
(แนวตอบ การทอดผาปาและผากฐินเหมือนกัน สร้างกุศล ขจัดความตระหนี่ถี่เหนียว
ตรงที่นิยมจัดเครื่องบริวาร เชน จตุปจจัย ๓. เพื่อสร้างความสามัคคีในหมู่พุทธศาสนิกชน
ตางๆ ถวายพรอมกับผา การทอดผาปาเปน ๔. เพือ่ ช่วยสงเคราะห์มใิ ห้พระภิกษุสงฆ์ตอ้ งเกิดความล�าบากในการเทีย่ วแสวงหา
สังฆทานไมเจาะจงพระสงฆรูปใดรูปหนึ่ง ผ้าบังสุกุลมาท�าเป็นเครื่องนุ่งห่ม ท่านจะได้1มีเวลาบ�าเพ็ญสมณกิจอย่างเต็มที่
เหมือนการทอดกฐิน และสามารถทอดผาปา ๓) การปฏิบัติ การทอดผ้าป่ามีวิธีการปฏิบัติ ดังนี้
รวมกันหลายคนเปนผาปาสามัคคีเชนเดียวกับ ๑. การทอดผ้าป่า ไม่มีการจ�ากัดเวลา คือ ทอดได้ตลอดปี และจะทอดกี่ครั้งก็ได้
กฐินสามัคคี แตการทอดผาปาไมมีการจํากัด แต่ต้องมีผ้าบังสุกุลอย่างน้อย ๑ ผืน
เวลา ทอดกี่ครั้งก็ได และใชผาบังสุกุลเปน ๒. นอกจากจะมีผา้ บังสุกลุ เป็นหลักส�าคัญแล้ว เครือ่ งบริวารผ้าป่ายังประกอบด้วย
หลักสําคัญ ในขณะที่การทอดกฐินจะกระทํา ปัจจัยต่างๆ และเครื่องไทยธรรม กล่าวคือ เครื่องบริวารจะเป็นของสิ่งใดก็ได้ที่ไม่ขัดต่อพระธรรม
ไดเพียงปละ 1 ครั้ง ตั้งแตวันแรม 1 คํ่า วินัย และไม่น�าความเสื่อมเสียมาสู่พระสงฆ์และพระพุทธศาสนา เป็นอันใช้ได้ทั้งสิ้น
เดือน 11 ไปจนถึง วันขึ้น 15 คํ่า เดือน 12 ๓. การทอดผ้าป่าเป็นสังฆทาน ไม่เจาะจงว่าพระภิกษุสงฆ์รูปใดจะเป็นผู้รับ
จะทอดกอนหรือหลังจากนี้ไมได) ๔. การทอดผ้าป่าจะกระท�าเป็นส่วนตัวหรือรวมกันหลายคนเป็นผ้าป่าสามัคคีก็ได้
2. ครูใหนักเรียนยกตัวอยางวาการทอดผาปาถูก
นํามาใชในกิจกรรมอะไรบาง เพื่อขอความ
รวมมือใหกิจกรรมนั้นประสบความสําเร็จ โดย
ชวยกันตอบในชั้นเรียน
(แนวตอบ ผาปาหนังสือ ผาปาทุนการศึกษา
ผาปากองทุนเลาเรียนหลวง ผาปาสมทบทุนงาน
บุญกุศลตางๆ เชน สรางพระอุโบสถ โรงอาหาร
อาคารเรียน เปนตน)
3. ครูนําตนผาปามาตั้งในหองเรียนและใหนักเรียน
รวมทําบุญ

นอกจากการทอดผ้าป่าจะช่วยให้เกิดความบริสุทธิ์ทางใจแล้ว ยังช่วยส่งเสริมความสามัคคีในชุมชนอีกด้วย

148

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว  NT  O-NE T
ขอใดกลาวไม ถูกตองเกี่ยวกับการทอดผาปา
1 ผาปา มีชื่อเรียกหลายอยางดวยกัน ทั้งนี้ขึ้นอยูกับลักษณะตางๆ ในการจัด
1. ทอดไดตลอดทั้งปไมจํากัดเวลา
ผาปา ดังนี้
2. ผาบังสุกุลถือเปนของสําคัญที่สุดในการทอดผาปา
• ผาปาหางกฐิน คือ ผาปาที่เจาภาพผูทอดกฐินนําไปพรอมกับองคกฐิน
3. ควรเจาะจงพระภิกษุสงฆรูปใดรูปหนึ่งเปนผูรับ
ไปทอดตามวัดตางๆ ที่ขบวนกฐินผาน หรือทอดที่วัดที่ทอดกฐิน
4. การรวมกันเปนหมูคณะนําผาปาไปทอดที่วัด เรียกวา ผาปาสามัคคี
• ผาปาโยง คือ ผาปาที่มีหลายเจาภาพ แตละเจาภาพจะจัดกองผาปามา
จึงมีผาปาหลายกอง บรรทุกยานพาหนะไปทอดตามวัดตางๆ ในสมัยกอน วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะการทอดผาปาถือเปนสังฆทาน
เจาภาพกองผาปาแตละกองจะนําผาปาบรรทุกเรือพวงกันไปหลายเจาภาพ จึงไมควรเจาะจงใหพระภิกษุสงฆรูปใดรูปหนึ่งเปนผูรับ แตการทอดผาปา
และหลายกองจึงเรียกวา ผาปาโยง สามารถกระทําไดตลอดทั้งปไมจํากัดเวลา แตกตางจากการทอดกฐินที่
• ผาปาสามัคคี คือ ผาปาที่มีการแจกใบฎีกา (ใบที่ทางวัดประกาศเชิญชวน ทําไดเพียงปละ 1 ครั้ง และผาบังสุกุลหรือผาปาถือเปนของสําคัญที่สุดใน
ใหญาติโยมไปรวมบุญเนื่องในวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา) บอกผูมี การทอดผาปา แตจะมีเครื่องบริวารอื่นๆ ที่ไมขัดตอพระธรรมวินัยและ
จิตศรัทธาชวยกันบริจาคเงินมากนอยตามศรัทธา แลวรวมกันนําไปทอด ไมสรางความเสื่อมเสียแกพระพุทธศาสนาก็ได สวนการแจกฎีกาบอกบุญ
ที่วัด ไปยังผูมีจิตศรัทธาใหชวยกันบริจาคเงิน แลวรวมกันนําผาปาไปทอดที่วัด
เรียกวา ผาปาสามัคคี

148 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
1. หลังจากรวบรวมเงินที่ตนผาปาเรียบรอยแลว
๕. การท�าพิธีทอดผ้าป่า เนื่องจากในปัจจุบันบ้านเมืองมีความเจริญมากขึ้น จึงมี ครูสุมใหนักเรียนออกมานํากลาวคําถวาย
การท�าเลียนแบบธรรมเนียมดั้งเดิม ด้วยการตัดกิ่งไม้น�าไปปักที่ศาลาการเปรียญ กุฏิ แล้ววาง ผาปาพรอมคําแปล เพื่อนนักเรียนในหองกลาว
ผ้าบังสุกุลตลอดจนเครื่องบริวารอื่นๆ ทอดไว้บนกิ่งไม้นั้น เจ้าภาพจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย คําถวายพรอมกัน จากนั้นสงตัวแทนนักเรียน
แล้วกล่าวค�าถวายผ้าป่า ดังนี้ ไปทอดผาปาที่วัดใกลโรงเรียน
2. ครูใหนักเรียนบันทึกขั้นตอนการถวายผาปา
ค�าอ่าน อิมานิ มะยัง ภันเต ปังสุกูละจีวะรานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ และวัตถุประสงคสําคัญของการทอดผาปา
โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต ภิกขุสังโฆ อิมานิ ปังสุกูละจีวะรานิ ลงในสมุดและสงครูผูสอน
สะปะริวารานิ ปะฏิคคัณหาตุ อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ
ค�าแปล ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายผ้าบังสุกุลจีวร ขยายความเขาใจ Expand
พร้อมด้วยของบริวารเหล่านั้นแด่พระสงฆ์ ขอพระสงฆ์จงรับผ้าบังสุกุลจีวร 1. ครูนิมนตพระสงฆมาเทศนาถึงวิธีปฏิบัติ
พร้อมด้วยของบริวารเหล่านั้นของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์และ เกี่ยวกับศาสนพิธีตางๆ จากนั้นใหนักเรียน
ความสุขแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย ตลอดกาลนานเทอญ สาธิตวิธีปฏิบัติในการถวายสังฆทานและ
ถวายภัตตาหาร แลวครูซักถามถึงวิธีปฏิบัติ
เมื่อกล่าวค�าถวายผ้าป่าแล้ว พระสงฆ์สวดอนุโ1มทนา กรวดน�้า เป็นอันเสร็จสิ้นพิธี ในขั้นตอนตางๆ เพื่อใหนักเรียนปฏิบัติได
แต่บางกรณีก็อาจมีพระธรรมเทศนาสั้นๆ เกี่ยวกับกุศลกรรมของการทอดผ้าป่าประกอบด้วยก็ได้ อยางถูกตอง
ในสังคมไทยได้มีการก�าหนดให้วันส�าคัญต่างๆ ทางพระพุทธศาสนาจ�านวนหลายวัน 2. ครูใหนักเรียนเขียนสรุปความสําคัญและ
ให้ถือเป็นวันหยุดราชการ ทั้งนี้ เพื่อให้เห็นคุณค่าความส�าคัญของเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ วิธีปฏิบัติศาสนพิธีตางๆ ไดแก การทําบุญ
พระพุทธศาสนาในวันนัน้ ๆ แล้วยังเป็นการเปิดโอกาสให้พทุ ธศาสนิกชนชาวไทยได้มเี วลาปฏิบตั ธิ รรม ตักบาตร การถวายภัตตาหาร การถวาย
ประกอบศาสนกิจได้อย่างเต็มที่อีกด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีศาสนพิธีต่างๆ ที่นักเรียนควรเรียนรู้ สังฆทาน การถวายผาอาบนํ้าฝน การจัดและ
ท�าความเข้าใจ เพื่อจะได้ปฏิบัติตนในการเข้าร่วมศาสนพิธีดังกล่าวได้อย่างถูกต้อง ซึ่งเป็น ถวายเครื่องไทยธรรม เครื่องไทยทาน
ศาสนพิธีที่เราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการท�าบุญตักบาตร การถวายภัตตาหาร การถวาย การกรวดนํ้า การทอดกฐิน และการทอดผาปา
ผ้าอาบน�้าฝน การถวายเครื่องไทยธรรม เครื่องไทยทาน การกรวดน�้า การทอดกฐิน และการ ลงในสมุดและสงครูผูสอน
ทอดผ้าป่า
ตรวจสอบผล Evaluate
ตรวจสอบจากการเขียนสรุปความสําคัญและ
วิธีปฏิบัติศาสนพิธีตางๆ

149

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T นักเรียนควรรู
ขอใดเปนลักษณะสําคัญของประเพณีการทอดผาปา
1 กุศลกรรม หรือกุศลกรรมบถ มี 10 ประการ ไดแก งดเวนจากการฆาสัตวที่มี
1. การทอดผาปาไมมีการจํากัดเวลา
ชีวิตใหตาย งดเวนจากการลักขโมยสิ่งของและไมใชใหผูอื่นลักขโมย ไมหลอกลวง
2. วัดตางๆ รับทอดผาปาไดปละ 1 ครั้ง
ใหผูอื่นตองเสียทรัพยและชื่อเสียง งดเวนจากการประพฤติผิดในกามทั้งหลาย
3. มีพระสงฆอยางนอย 5 รูปในการรับทอดผาปา
งดเวนจากการพูดเท็จ งดเวนจากการพูดสอเสียด งดเวนจากการพูดจาหยาบคาย
4. ทอดในชวงแรม 1 คํ่า เดือน 11 ถึง ขึ้น 15 คํ่า เดือน 12
งดเวนจากการพูดเพอเจอ ไมโลภอยากไดของผูอื่นมาเปนของตน ไมพยาบาท
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เพราะการทอดผาปาทําไดตลอดป ปองรายเขา และเห็นชอบตามทํานองคลองธรรม
และทอดกี่ครั้งก็ได นิยมทอดในชวงเทศกาลปใหม วันตรุษสงกรานต
สวนขอ 2. ขอ 3. และขอ 4. เปนลักษณะสําคัญของการทอดกฐิน
มุม IT
ศึกษาคนควาเพิ่มเติมวาทําบุญอยางไรไดบุญสูงสุด ไดที่
http://www.budsakaeo.org/boon.htm
เว็บไซตสํานักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสระแกว

คูมือครู 149
ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Evaluate
Engage Explore Explain Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
ตรวจสอบความถูกตองในการตอบคําถาม
ประจําหนวยการเรียนรู ค íา¶ามประจ íาหน่วยการเรียนรู้

หลักฐานแสดงผลการเรียนรู ๑. นักเรียนสามารถน�าหลักธรรมในวันวิสาขบูชาไปใช้ในการพัฒนาตนเองได้อย่างไรบ้าง
๒. วันธรรมสวนะหรือวันพระมีประโยชน์ต่อพุทธศาสนิกชนเช่นใด นักเรียนมีวิธีปฏิบัติตน และ
1. ตารางบันทึกความดีของนักเรียนในชีวติ ประจําวัน ในการฟังธรรมในวันพระอย่างไร
2. ผังมโนทัศนสรุปสาระสําคัญของวันสําคัญทาง ๓. ในวันส�าคัญทางพระพุทธศาสนา นักเรียนควรที่จะปฏิบัติตนอย่างไรจึงจะได้ช่ือว่าเป็น
พระพุทธศาสนา พุทธศาสนิกชนทีด่ ี บอกมาอย่างน้อย ๔ ข้อ
3. บันทึกการเขารวมศาสนพิธีและสิ่งที่นักเรียนพึง ๔. จงอธิบายขัน้ ตอนการท�าบุญถวายภัตตาหารแด่พระในงานมงคลตามทีน่ กั เรียนเข้าใจ
ปฏิบัติในวันธรรมสวนะ ๕. นักเรียนคิดว่าจ�าเป็นหรือไม่ทค่ี นไทยจะต้องศึกษาและท�าความเข้าใจเกีย่ วกับวิธปี ฏิบตั ติ น
4. การเขียนสรุปความสําคัญและวิธีปฏิบัติ ในศาสนพิธี จงแสดงความคิดเห็น
ศาสนพิธีตางๆ

กิจกรรมสร้างสรรค์พั²นาการเรียนรู้

กิจกรรมที่ ๑ นักเรียนช่วยกันจัดนิทรรศการเกี่ยวกับวันส�าคัญทางพระพุทธศาสนา ทั้งนี้


อาจจัดให้มีการอภิปรายถาม‑ตอบ หรือจัดกิจกรรมอื่นๆ ร่วมด้วยก็ได้
กิจกรรมที่ ๒ ครูเชิญพระธรรมวิทยากรจากวัดใกล้โรงเรียนมาบรรยาย รวมทั้งชี้แนะการ
ปฏิบตั ศิ าสนพิธตี า่ งๆ เช่น การท�าบุญตักบาตร การถวายภัตตาหาร และการ
ถวายสังฆทาน การถวายผ้าอาบน�า้ ฝน การจัดเครือ่ งไทยธรรม ไทยทาน และ
การกรวดน�้า ทั้งนี้อาจจัดให้มีการถ่ายภาพ และให้นักเรียนร่วมกันอภิปราย
กิจกรรมที่ ๓ นักเรียนบ�าเพ็ญประโยชน์ เช่น การท�าความสะอาดโรงเรียน ถนนรอบโรงเรียน
ขุดลอกคูคลอง ท�าความสะอาดบริเวณวัด ปลูกต้นไม้ บริจาคทานช่วยเหลือ
คนยากจน น�าอาหารไปเลีย้ งเด็กก�าพร้า คนพิการ เป็นต้น เนือ่ งในวันส�าคัญ
ทางพระพุทธศาสนาตามโอกาสอันควร

พุทธศาสนสุภาษิต
Ê·Ú¸Õ¸ ÇÔµÚµí »ØÃÔÊÊÚÊ àʯþ€Úí : ÈÃÑ·¸Ò໚¹·ÃѾ»ÃÐàÊÃÔ°¢Í§¤¹ã¹âÅ¡¹Õé

150

แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. หลักธรรมที่เกี่ยวเนื่องในวันวิสาขบูชา คือ อริยสัจ 4 อันประกอบดวย ทุกข สมุทัย นิโรธ และมรรค เราสามารถนํามาปรับประยุกตใชเพื่อการพนทุกขหรือแกปญหาใน
ชีวิตประจําวันได กลาวคือ เมื่อมีปญหาหรือความทุกขใหพิจารณาสาเหตุอยางมีสติ และหาวิธีการแกปญหาอยางถูกตองเหมาะสม ก็จะทําใหเราแกปญหาได
2. ประโยชนของวันธรรมสวนะหรือวันพระ คือ ไดทาํ บุญ ไดฟง ธรรมจากพระสงฆ ทําใหปฏิบตั ติ นตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาไดถกู ตอง วิธปี ฏิบตั ติ นในการฟงธรรม
คือ ตั้งใจฟงดวยความสํารวม คิดพิจารณาและวิเคราะหตามเนื้อหาธรรมะนั้นๆ เพื่อใหเกิดความเขาใจอยางถองแท
3. ทําบุญตักบาตร ฟงพระธรรมเทศนา บําเพ็ญประโยชนสาธารณประโยชน และเวียนเทียน
4. ขั้นตอนการทําบุญถวายภัตตาหารแดพระในงานมงคล มีดังนี้
1) นิมนตพระสงฆตอเจาอาวาส บอกวัน เวลา สถานที่ และจํานวนพระสงฆตามที่ตองการ โดยไมเจาะจงรูปใดรูปหนึ่ง
2) จัดเตรียมภัตตาหารที่สะอาด เปนของดี ประณีต หามาไดดวยความสุจริต และไมเปนอาหารตองหามตามพุทธบัญญัติ เชน เนื้อ 10 ชนิด ของดิบ เปนตน
3). เมื่อพระสงฆมาพรอม นําภัตตาหารมาตั้งหนาพระสงฆ จากนั้นจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย กลาวคําบูชาพระรัตนตรัย อาราธนาศีล สมาทานศีล
4) กลาวคําถวายภัตตาหาร จากนั้นประเคนภัตตาหารแดพระสงฆ
5) เมื่อพระสงฆอนุโมทนา เจาภาพกรวดนํ้า
5. จําเปนอยางยิ่ง เพื่อใหสามารถปฏิบัติตนไดถูกตองตามระเบียบแบบแผนทางศาสนาที่มีมาตั้งแตสมัยพุทธกาล รวมทั้งยังเปนการสืบทอดประเพณีที่ดีงาม และสราง
ความเปนสิริมงคลแกผูปฏิบัติ

150 คูมือครู
กระตุน้ ความสนใจ
Engage ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู

หน่วยการเรียนรู้ที่
การบริหารจิต
๗ 1. อธิบายความหมายและความสําคัญของ
การบริหารจิตและการเจริญปญญาได
2. บอกวิธีการปฏิบัติและประโยชนของการ
บริหารจิตตามแนวทางศาสนาที่ตนนับถือ
และการเจริญปญญา 3. นําวิธีการบริหารจิตตามหลักอานาปานสติ
และวิธีคิดแบบโยนิโสมนสิการไปใชในชีวิต
ประจําวันได
4. สวดมนตและแผเมตตาไดอยางถูกตอง
รวมถึงแปลความหมายของบทสวดมนตนนั้ ได

ตัวชี้วัด
สมรรถนะของผูเรียน
● เห็นคุณค่าของการพัฒนาจิต เพื่อการเรียนรู้ 1. ความสามารถในการคิด
และดำาเนินชีวติ ด้วยวิธคี ดิ แบบโยนิโสมนสิการ
คือ วิธีคิดแบบอุบายปลุกเร้าคุณธรรม และ 2. ความสามารถในการแกปญหา
วิ ธี คิ ด แบบอรรถธรรมสั ม พั น ธ์ หรื อ การ
พัฒนาจิตตามแนวทางของศาสนาทีต่ นนับถือ 3. ความสามารถในการใชทักษะชีวิต
(ส ๑.๑ ม.๒/๙)
● สวดมนต์ แผ่ เ มตตา บริ ห ารจิ ต และเจริ ญ
ปัญญาด้วยอานาปานสติหรือตามแนวทาง
ของศาสนาที่ตนนับถือ (ส ๑.๑ ม.๒/๑๐) คุณลักษณะอันพึงประสงค
1. รักชาติ ศาสน กษัตริย
สาระการเรียนรู้แกนกลาง 2. ซือ่ สัตยสุจริต
● พัฒนาการเรียนรูด้ ว้ ยวิธคี ดิ แบบโยนิโสมนสิการ 3. ใฝเรียนรู
๒ วิธี คือ วิธีคิดแบบอุบายปลุกเร้าคุณธรรม
และวิธีคิดแบบอรรถธรรมสัมพันธ์
● สวดมนต์แปลและแผ่เมตตา

¡ÒúÃÔËÒèԵ ¤×Í ¡Òýƒ¡½¹ÍºÃÁ¨ÔµãËŒ´§Õ ÒÁ ¹ØÁ‹ ¹ÇÅ


ÁÕ¤ÇÒÁ˹ѡṋ¹ ÁÑ蹤§ á¢ç§áç ¼‹Í¹¤ÅÒ áÅÐʧºÊØ¢ กระตุน้ ความสนใจ Engage
ʋǹ¡ÒÃà¨ÃÔÞ»˜ÞÞÒ ¤×Í ¡Òýƒ¡ãˌèٌ ¡Ñ ¤Ô´ Í‹ҧ·Õàè ÃÕ¡¡Ñ¹Ç‹Ò
ครูใหนักเรียนนําสวดบทกราบพระรัตนตรัย
“¤Ô´à»š¹ á¡Œ»˜ÞËÒ໚¹” ¹Ñ¹è àͧ
¡Òýƒ¡¨Ôµãˌ໚¹ÊÁÒ¸ÔÁËÕ ÅÒÂÇÔ¸Õ Ë¹Ö§è ã¹ËÅÒÂÇÔ¸¹Õ ¹Ñé บทพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ และ
¤×Í ¡ÒáíÒ˹´ÅÁËÒÂã¨à¢ŒÒÍÍ¡ «Ö§è àÃÕÂ¡Ç‹Ò “ÍҹһҹʵԔ ใหนักเรียนนั่งสมาธิประมาณ 5 นาที แลวถาม
àÁ×Íè ¨Ôµà»š¹ÊÁÒ¸ÔáŌǨÐ໚¹ºÑ¹ä´¡ŒÒÇä»ÊÙ»‹ Þ˜ ÞÒ ¤×Í ¨ÐÍ‹Ò¹ นักเรียนวามีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับนักเรียน
¨Ð¿˜§ ËÃ×ÍÈÖ¡ÉÒàÅ‹ÒàÃÕ¹àÃ×Íè §ã´ ¨Ð¤Ô´µÃÔµÃͧÊÔ§è ã´ ¨Ð¡ÃзíÒ อยางไรบาง จากนั้นครูอธิบายวิธีการนั่งสมาธิ
ËÃ×ͽƒ¡»Ã×Íã¹àÃ×Íè §ã´¡çµÒÁ ¡ç¨Ðà¡Ô´¤ÇÒÁÃÙ¤Œ ÇÒÁࢌÒã¨áÅÐ เพิ่มเติม เพื่อใหนักเรียนนั่งสมาธิไดอยางถูกตอง
¤ÇÒÁªíÒ¹ÒÞä´ŒäÁ‹ÂÒ¡ ÇÔ¸Õ¡Òýƒ¡¨Ôµãˌ໚¹ÊÁҸԨ֧໚¹
ÊÔ觷Õè¾Ö§ÈÖ¡ÉÒàÃÕ¹ÃÙŒ à¾×è͹íÒä»»¯ÔºÑµÔãËŒà¡Ô´¤Ø³»ÃÐ⪹
á¡‹µ¹àͧµ‹Íä»

เกร็ดแนะครู
ครูควรจัดกิจกรรมการเรียนรูเพื่อใหนักเรียนสามารถอธิบายความหมายและ
ความสําคัญของการบริหารจิตและการเจริญปญญา สามารถนําวิธีการบริหารจิต
ตามหลักอานาปานสติและวิธีคิดแบบโยนิโสมนสิการไปใชในชีวิตประจําวัน
ตลอดจนสวดมนตและแผเมตตาไดถูกตอง โดยเนนการพัฒนาทักษะการคิดและ
ทักษะการนําไปใช ดังนี้
• ใหนักเรียนแตละคนผลัดเปลี่ยนกันนําสวดมนต เชน บทกราบพระรัตนตรัย
นมัสการพระพุทธเจา ไตรสรณคมน บทถวายพรพระ บทแผเมตตา เปนตน
รวมถึงสาธิตการจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย และการกราบเบญจางคประดิษฐ
ที่ถูกตอง
• ฝกใหนักเรียนสวดมนตแปลในชั้นเรียน โดยสามารถอธิบายถึงความหมาย
ของบทสวดมนตนั้น
• จัดใหมีการปฏิบัติเดินจงกรม สวดมนต และฝกนั่งสมาธิ

คู่มือครู 151
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
Engage Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
ครูใหนักเรียนชวยกันยกตัวอยางประโยชนของ
การบริหารจิตหรือการนั่งสมาธิ ๑. การบริหารจิตและการเจริญปัญญา
(แนวตอบ เชน มีสติสัมปชัญญะ เกิดปญญา
การบริหารจิต หมายถึง การฝึกฝนอบรมจิตใจให้ดีงาม นุ่มนวล มีความหนักแน่น มั่นคง
เรียนหนังสือไดดี มีสมาธิ เปนตน)
แข็งแกร่ง ผ่อนคลาย และสงบสุข ซึง่ มีการฝึกเพือ่ ให้บรรลุผลดังกล่าวมากมาย หลายวิธี ส่วนการ
เจริญปัญญานั้น คือ การฝึกให้รู้จักคิด หรือที่เรียกว่า “คิดเป็น แก้ปัญหาเป็น” นั่นเอง
ส�ารวจค้นหา Explore การเจริญปัญญา หมายถึง การส่งเสริมพัฒนาปัญญาให้เกิดขึ้น ด้วยการฝึกอบรม (ภาวนา)
1. ครูใหนักเรียนศึกษาเกี่ยวกับการบริหารจิตจาก ให้เกิดความรู้และเข้าใจสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริง การใช้ปัญญาเป็นสิ่งส�าคัญอย่างยิ่งในสังคม
หนังสือสวดมนตหรือหนังสือธรรมะที่มีแนวทาง ปัจจุบัน เพราะเราต้องใช้ข้อมูลข่าวสาร (สารสนเทศ) เป็นพื้นฐานในการเลือก ตัดสินใจ และ
เกีย่ วกับการนัง่ สมาธิ เพือ่ ใหการนัง่ สมาธิไดผลดี แก้ปญั หาทุกระดับ ไม่วา่ จะเป็นด้านการศึกษาเล่าเรียน การประกอบอาชีพ ความเป็นอยูใ่ นครอบครัว
ยิ่งขึ้น และการมีบทบาทช่วยเหลือสังคม ดังนั้น เพื่อให้ตัดสินใจไม่ผิดพลาดและสามารถด�ารงชีวิตได้
2. ครูใหนักเรียนศึกษาการสวดมนตบทตางๆ สัมพันธ์สอดคล้องกับสภาพการณ์ของสังคม การฝึกพัฒนาปัญญาและวิธีคิดตามหลักพระพุทธ
พรอมความหมาย เชน บทกราบพระรัตนตรัย ศาสนาจึงเป็นความจ�าเป็นอย่างยิ่งส�าหรับนักเรียน
บทถวายพรพระ บทอาราธนาศีล เปนตน 1.1 ประโยชน์ของการบริหารจิตและการเจริญปัญญา
เพื่อใหนักเรียนเกิดความเขาใจและเขาถึง ประโยชน์ของการบริหารจิตและการเจริญปัญญามีอยู่มากมาย ซึ่งในที่นี้จะกล่าวเน้นเฉพาะ
คําสอนของพระพุทธเจามากขึ้น ประโยชน์ของการน�าไปใช้ในชีวิตประจ�าวัน ซึ่งมีดังนี้
3. ครูใหนกั เรียนศึกษาการบริหารจิตในหนังสือเรียน ๑. ท�าให้จิตใจสบาย หายเครียด มีความสุขผ่องใส
หนา 152-157 ๒. หายจากการวิตกหวาดกลัว หายกระวนกระวาย
๓. หลับง่าย หลับสนิท ไม่ฝันร้าย
อธิบายความรู้ Explain สัง่ ตัวเองได้ เช่น ก�าหนดให้หลับ ให้ตนื่ ตามเวลา
1. ครูสุมใหนักเรียน 2-3 คน ออกมาอธิบาย ที่ต้องการ
เกีย่ วกับวิธกี ารนัง่ สมาธิทถี่ กู ตอง จากนัน้ ๔. มีความว่องไว กระฉับกระเฉง
ครูตั้งคําถามใหนักเรียนตอบวา เมื่อนักเรียน รู้จักตัดสินใจเหมาะแก่สถานการณ์
นั่งสมาธิอยางถูกตองแลว นักเรียนมีความรูสึก ๕. มีความเพียรพยายามแน่วแน่ใน
อยางไรบาง จุดหมาย มีความใฝ่สัมฤทธิ์สูง1
2. ครูใหนักเรียนปฏิบัติการนั่งสมาธิในหองเรียน ๖. มีสติสมั ปชัญญะ มีความรูเ้ ท่าทัน
ประมาณ 10 นาที จากนั้นใหนักเรียนบันทึก ปรากฏการณ์ ยับยั้งชั่งใจได้ดีเยี่ยม
ประโยชนของสมาธิที่สามารถนําไปใชในชีวิต ๗. มี ป ระสิ ท ธิ ภ าพในการท� า งาน
ประจําวันได เช่น เรียนหนังสือเก่ง ท�ากิจการงานทุกอย่าง
3. ครูใหนักเรียนชวยกันวิเคราะหวา เพราะเหตุใด ส�าเร็จด้วยดี
การนั่งสมาธิจึงทําใหเกิดสติปญญา บุคคลที่มีสมาธิในการทำางานจะช่วยให้ทำางานได้อย่างมี ๘. ส่งเสริมความจ�า และสมรรถภาพ
ประสิทธิภาพ
ทางสมอง
152

ขอสอบ O-NET
เกร็ดแนะครู ขอสอบป ’ 52 ออกเกี่ยวกับประโยชนของการบริหารจิต
ครูแนะนําเรื่องการบริหารจิตวา กอนการนั่งสมาธิควรรักษาจิตใจใหมีความสงบ จุดมุงหมายของ “จิตภาวนา” คือขอใด
ในระดับหนึ่ง เพราะหากจิตใจฟุงซาน กระวนกระวาย จะไมสามารถนั่งสมาธิได 1. การสวดออนวอนใหบรรลุผล
ซึ่งเปนอุปสรรคสําคัญที่คนจํานวนมากไมสามารถนั่งสมาธิได จึงควรเริ่มตนดวย 2. การสรางความสงบในจิตใจ
การเดินจงกรมและการสวดมนตออกเสียง อยางไรก็ดี การสวดมนตจะสวดเปน 3. การมีระเบียบวินัย สํารวมกายวาจา
ภาษาใดก็ไดตามแตสะดวก ไมจําเปนตองสวดเปนภาษาบาลี เพียงแตภาษาบาลี 4. การแผความดีไปสูมวลมนุษย
เปนภาษาดั้งเดิมที่ใชในการสืบทอดพระพุทธศาสนา และเมื่อจิตใจสงบไดระดับหนึ่ง วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เนื่องจากการบริหารจิตหรือ “จิตภาวนา”
จึงจะสามารถนั่งสมาธิไดอยางสงบและมีประสิทธิผลมากขึ้น มีจุดมุงหมายสําคัญ คือ ทําใหจิตใจเกิดความสงบ สบาย ผอนคลาย
ไมเครียด ลดความวิตกกังวล ชวยใหการเรียนและการทํางานมี
ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังนั้น คําตอบที่ถูกตองที่สุดจึงเปนขอ 2.
นักเรียนควรรู
1 สติสัมปชัญญะ หมายถึง ความระลึกไดและความรูสึกตัวดวยความรอบคอบ

152 คู่มือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. ครูใหนักเรียนระดมสมองวา กอนการนั่งสมาธิ
๙. เกื้อกูลแก่สุขภาพทางกาย เช่น ชะลอความแก่ ท�าให้ดูอ่อนกว่าวัย นักเรียนควรมีการเตรียมตัวหรือปฏิบัติตน
๑๐. รักษาโรคบางอย่างได้ เช่น โรคท้องผูกเรื้อรัง โรคกระเพาะอาหาร โรคความดัน อยางไรบาง เพราะเหตุใด
โลหิต โรคหืดหอบ และโรคกายจิตอื่นๆ 2. ครูใหนกั เรียนในหองนําสวดมนตบทตางๆ เชน
บทกราบพระรัตนตรัย นมัสการพระรัตนตรัย
1.2 วิธีปฏิบัติในการบริหารจิตและการเจริญปัญญา ไตรสรณคมน อาราธนาศีล แผเมตตา เปนตน
วิธีปฏิบัติในการบริหารจิตและการเจริญปัญญา มีดังนี้ เพื่อรําลึกถึงคุณพระรัตนตรัยและรักษาศีล
๑. เลือกสถานที่ สถานที่จะต้องให้เหมาะสมแก่การฝึกสมาธิ เช่น ต้องเป็นที่ไม่อับลม จากนั้นใหนักเรียนนั่งสมาธิ 5 นาที
ไม่อึกทึก ปราศจากเสียงรบกวน ถ้ามีห้องส�าหรับฝึกสมาธิโดยเฉพาะยิ่งดี 3. ครูใหนักเรียนศึกษาการตรัสรูของพระพุทธเจา
๒. ก�าหนดเวลา ควรเลือกเวลาทีเ่ หมาะสม แต่ถา้ เป็นเวลารับประทานอาหารอิม่ ใหม่ๆ วา พระพุทธเจาสามารถตรัสรูไ ดดว ยพระองคเอง
หรือเวลาท�างานมาจนเหนื่อยแล้ว ไม่1เหมาะส�าหรับฝึกสมาธิ
ดวยวิธีการใด และเพราะเหตุใด พระองค
๓. สมาทานศีล จะนิมนต์พระมาให้ศีล หรือถ้าไม่มีพระก็ตั้งจิตงดเว้นด้วยตนเองก็ได้
จึงสามารถตรัสรูไดดวยวิธีการนั้น
เพื่อให้จิตใจบริสุทธิ์สะอาด ซึ่งเป็นการปูพื้นฐานที่ดีส�าหรับการท�าสมาธิ
4. ครูตั้งประเด็นคําถามใหนักเรียนชวยกันตอบ
๔. นมัสการพระรัตนตรัย สวดร�าลึกถึงคุณของพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ดังนี้
เพื่อฝกทักษะการคิด ดังนี้
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ • การบริหารจิตมีจุดมุงหมายตางจากการ
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ เจริญปญญาอยางไร
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ (แนวตอบ การบริหารจิตมีความมุงหมาย
เพื่อใหจิตใจสงบ ดีงาม มีความสุข ไมลืมตัว
๕. แผ่เมตตา ส่งความปรารถนาดีไปยังสรรพสัตว์ทั้งหลาย โดยเริ่มจากการแผ่เมตตา ขาดสติ สวนการเจริญปญญามีความมงุ หมาย
ให้ตนเองก่อน แล้วจึงแผ่เมตตาให้บิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย จนถึงสรรพสัตว์ การแผ่เมตตา เพื่อใหดํารงชีวิตอยางชาญฉลาด มีความ
จะสวดเป็นภาษาบาลีหรือภาษาไทยก็ได้ หรือถ้าไม่สวดแต่ตั้งจิตส่งความปรารถนาดีไปให้ก็ได้ รอบรู สามารถแยกแยะไดวา สิง่ ใดดีสงิ่ ใดไมดี
๖. ตัดกังวล หมายถึง ตัดห่วง ตัดกังวลทุกอย่างให้หมดสิน้ อย่าคิดเรือ่ งงาน เรือ่ งเรียน หรือมีโทษ จะไดกระทําแตสิ่งที่ดีและ
เรื่องญาติมิตร อย่าคิดถึงอดีต อนาคต ให้ก�าหนดเฉพาะเรื่องที่จะฝึกสมาธิขณะนี้เดี๋ยวนี้เท่านั้น ไมเขาไปของแวะกับสิ่งไมดี)
การบริหารจิตมีความมุ่งหมายเพื่อให้จิตใจสงบดีงาม มีความสุข ไม่ลืมตัว ขาดสติ ส่วนการ • เพราะเหตุใด จึงตองสมาทานศีลกอนปฏิบัติ
เจริญปัญญาตามแนวทางของพระพุทธศาสนาใช้เพื่อให้ด�ารงชีวิตอย่างมีความสงบสุข การบริหารจิตและเจริญปญญา
1.3 การบริหารจิตตามหลักอานาปานสติ (แนวตอบ เพื่อใหจิตใจบริสุทธิ์สะอาด
ซึ่งเปนการปูพื้นฐานที่ดีในการทําสมาธิ)
วิธฝี กึ สมาธิมหี ลายวิธี แต่วธิ ที เี่ ห็นว่าเหมาะสมและสะดวกทีจ่ ะฝึกได้ทกุ เพศทุกวัยและทุกโอกาส
ก็คือ แบบอานาปานสติ (วิธีก�าหนดลมหายใจ) ทั้งนี้เพราะเหตุผล ดังนี้
๑. ไม่ต้องหาอุปกรณ์อื่นใดมาฝึก เพราะทุกคนมีลมหายใจ หายใจออก‑หายใจเข้า
ทุกเวลาอยู่แล้ว
๒. ไม่ซับซ้อน เข้าใจง่าย ท�าได้ง่าย พอลงมือท�าก็ได้รับผลทันที ตั้งแต่ต้นเรื่อยไป
153

ขอสอบ O-NET
ขอสอบป ’ 51 ออกเกี่ยวกับการบริหารจิต เกร็ดแนะครู
บุคคลใดเตรียมตัวเพื่อการบริหารจิตไดดีที่สุด
ครูควรเชิญวิทยากรมาใหความรูเกี่ยวกับการบริหารจิตที่ถูกตอง เพราะการ
1. แกว นอนหลับพักผอนมากอนเพื่อเตรียมใจใหพรอม
นัง่ สมาธินนั้ ถือวาเปนเรือ่ งยากสําหรับนักเรียนหลายๆ คน จึงตองมีการบอกวิธกี ารปฏิบตั ิ
2. เกง ถวายสังฆทานเพื่อเปนอามิสบูชากอนที่จะปฏิบัติบูชา
ใหเขาใจอยางถองแท โดยใหวิทยากรบอกเลาประสบการณเกี่ยวกับการนั่งสมาธิ
3. กลา มีศรัทธา ตัดความวิตกกังวล
ของทาน จากนั้นใหมีการสาธิตการฝกนั่งสมาธิตามหลักอานาปานสติ
4. เกด บริหารรางกายมากอน
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เนื่องจากการเตรียมตัวเพื่อการบริหารจิต
ไดดีที่สุดนั้น เริ่มแรกจะตองมีความศรัทธาหรือความเชื่อกอนวา การบริหาร
จิตสามารถทําใหจิตใจสงบ มีความสุข ไมลืมตัวและขาดสติ โดยความเชื่อ
นักเรียนควรรู
เหลานัน้ จะตองตัง้ อยูบ นฐานของเหตุและผล นอกจากนี้ ยังตองตัดความวิตก 1 นิมนต คือ การเชิญพระสงฆมาประกอบพิธกี รรมทางศาสนา เชน งานแตงงาน
กังวลตางๆ ใหหมดสิ้น และกําหนดเฉพาะเรื่องที่จะฝกสมาธิเทานั้น สําหรับ งานขึ้นบานใหม เปนตน โดยทั่วไปในงานมงคลนิยมนิมนตพระสงฆจํานวนคี่ เชน
การนอนหลับพักผอน การถวายสังฆทาน และการบริหารรางกาย ไมถือเปน การนิมนตพระสงฆ 9 รูป พองกับคําวากาวหนา พระเกตุ 9 คุมกันอันตรายตางๆ
วิธีการเตรียมตัวที่ดีที่สุดกอนจะทําการบริหารจิต ดังนั้น กลาจึงเปนบุคคลที่ เปนตน สวนในงานอวมงคลนิยมนิมนตพระสงฆจํานวนคู เชน การนิมนตพระสงฆ
มีการเตรียมตัวเพื่อการบริหารจิตไดดีที่สุด 4 รูปในการสวดพระอภิธรรม เปนตน

คู่มือครู 153
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูใหนักเรียนยกตัวอยางวิธีกําหนดลมหายใจ
ตามหลักอานาปานสติ โดยใหออกมาเขียนบน ๓. เปนหลักฝกจิตอยางหนึ่งในจํานวนไมกี่อยางที่สามารถปฏิบัติตอเนื่องตั้งแตตนไป
กระดาน จากนั้นใหนักเรียนชวยกันบอกเหตุผล จนสําเร็จขั้นสูงสุด ไมตองพะวงที่จะหาวิธีอื่นมาสับเปลี่ยนในระหวางปฏิบัติ
วาเพราะเหตุใดจึงกําหนดลมหายใจเชนนั้น ๔. ไมกระทบตอสุขภาพ กายก็ไมเหนื่อย ตาก็ไมเมื่อย ชวยใหรางกายพักผอนอยางดี
2. ครูนําสนทนาเกี่ยวกับความแตกตางของการ ๕. ทีส่ าํ คัญพระพุทธเจาทรงใชเวลาสวนมากในการปฏิบตั วิ ธิ นี ี้ และทรงแนะนําใหสาวก
นั่งสมาธิใน 2 ลักษณะ คือ ทานั่งขัดสมาธิราบ ปฏิบัติมากกวาวิธีอื่น
และทานั่งขัดสมาธิเพชร จากนั้นครูนําภาพ การฝกสมาธิตามหลักอานาปานสติ
ทานั่งขัดสมาธิทั้ง 2 ลักษณะมาใหนักเรียนดู มีขั้นตอนการปฏิบัติ ดังนี้
๑) ทานัง่ ใหนงั่ บนพืน้ ในทา “สมาธิ”
ความแตกตาง แลวตั้งคําถามวา การนั่ง
เสมือนพระพุทธรูปปางสมาธิ อาจทําได ๒
ขัดสมาธิทั้ง 2 ลักษณะ มีความหมายและ ลักษณะ คือ
มีเหตุผลในการนั่งลักษณะนั้นอยางไรบาง (๑) นั่งขัดบัลลังก ที่เรียกวา
3. ครูใหนักเรียนศึกษาวิธีการกําหนดลมหายใจวา “ขัดสมาธิราบ” โดยเอาขาขวาทับขาซาย มือขวา
มีวิธีการกําหนดจิตตามหลักอานาปานสติ ทับมือซาย ตัวตั้งตรง
อยางไร จากนั้นใหนักเรียนเลือกวิธีการกําหนด (๒) นั่งขัดสมาธิเพชร คือ นั่ง
ลมหายใจที่นักเรียนมีความสนใจ พรอมบอก การฝกสมาธิตามหลักอานาปานสติ เปนวิธีที่สามารถทํา เอาขาซายทับขาขวา เทาขวาทับขาซาย มือขวา
ไดงาย สะดวก และเหมาะสมกับทุกเพศ ทุกวัย ทับมือซาย ตัวตั้งตรง
เหตุผลพอสังเขป
4. ครูตั้งประเด็นคําถามใหนักเรียนตอบ ๒) วิธีกําหนดลมหายใจ อาจทําไดหลายวิธี ดังนี้
เพื่อฝกทักษะการคิดวิเคราะห เชน (๑) ใหนับลมหายใจเขาออก การนับอาจทําเปนขั้นตอนตามลําดับ คือ นับเปน
• นอกจากการนัง่ สมาธิดว ยทานัง่ ขัดสมาธิแลว คูๆ ไป เชน หายใจเขานับ ๑ หายใจออกนับ ๑
นักเรียนสามารถกําหนดลมหายใจตามหลัก (๒) ใหกาํ หนดเฉยๆ ไมตอ งนับ เชน เวลาหายใจเขา หายใจออก ไมวา ยาวหรือสัน้
อานาปานสติดวยวิธีใดไดบาง เพราะเหตุใด ใหกาํ หนดรูว า หายใจเขาหายใจออกยาวหรือสัน้ ใชสติกาํ หนดลมหายใจเขาออกรูต วั ทัว่ พรอมไมเผลอ
(๓) ใหสังเกตอาการพองและยุบของทองขณะหายใจเขา หายใจออก คือ เวลา
(แนวตอบ เชน การเดินจงกรม การนอนสมาธิ
หายใจเขาทองจะพองออก ใหใชสติกาํ หนดทีท่ อ งใหทนั กับการพองของทอง เวลาหายใจออกทองจะ
การกําหนดลมหายใจเขาออกในทุกชวงเวลา ยุบเขา ใหใชสติกาํ หนดใหทนั กับการยุบของทอง จะภาวนาในใจวา “ยุบหนอ - พองหนอ” ดวยก็ได
เปนตน เพราะในบางครั้งและบางคนไม (๔) ใหภาวนาในใจวา “พุท - โธ” ขณะหายใจเขาออก คือ ขณะหายใจเขาภาวนา
สามารถฝกสมาธิดวยการนั่งได จึงควรฝกจิต วา “พุท” ขณะหายใจออกภาวนาวา “โธ” หรือหายใจเขาวา “พุทโธ” หายใจออกวา “พุทโธ” ดังนี้
ระดับพื้นฐานดวยการกําหนดลมหายใจ ก็ไดตามสะดวกและสมัครใจ แตวธิ แี รกอาจดีกวา เพราะมีพยางคเดียว สามารถกําหนดใหสอดคลอง
โดยกําหนดพุท-โธในใจในทุกชวงเวลา กับจังหวะการหายใจไดดกี วา นอกจากคําวา “พุทโธ” แลวอาจเลือกคําทีเ่ หมาะสมใดๆ มาใชภาวนา
และการเดินจงกรม เพื่อเปนการสงบจิตใจ ในใจก็ได เชน คําวา “อรหัง” เปนตน นอกจากจะใชคําเหลานี้ภาวนากํากับการกําหนดลมหายใจ
ขั้นตนกอนการนั่งสมาธิ) แลว จะใชคําที่ภาวนานั้นเปนจุดที่ใหสติกําหนดโดยลําพัง หรือใหตั้งสติอยูกับคําภาวนานั้นจนจิต
เปนสมาธิก็ได
๑๕๔

ขอสอบ O-NET
บูรณาการอาเซียน ขอสอบป ’ 51 ออกเกี่ยวกับการบริหารจิต
เพื่อนๆ ไมยอมใหสีฟาเขากลุมทํารายงาน เพราะมอบหมายใหทําสิ่งใด
ครูใหนักเรียนไปศึกษาการฝกสมาธิของประเทศสมาชิกอาเซียนที่นับถือ
ก็มักหลงลืมอยูเสมอ ดังนั้น สีฟาควรตัดสินใจทําอยางไร
พระพุทธศาสนาเปนศาสนาประจําชาติ เชน ลาว กัมพูชา เมียนมา เปนตน
1. ขอทดสอบแทนการทํารายงาน
วามีความเหมือนหรือแตกตางจากการฝกสมาธิของประเทศไทยอยางไร แลวนํา
2. ขออนุญาตคุณครูทํารายงานเดี่ยว
ขอมูลที่ไดมาอภิปรายรวมกันในชั้นเรียน
3. พยายามฝกตนใหมีสติสัมปชัญญะอยูเสมอ
4. พยายามขอเขาไปทํารายงานกับเพื่อนกลุมอื่น
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะการที่สีฟามักหลงลืมอยูเสมอ
มุม IT เกิดจากการขาดสติสัมปชัญญะวาในขณะนั้นสีฟากําลังทําอะไรอยู ทําให
ลืมงานที่ไดรับมอบหมาย เพราะฉะนั้น สีฟาควรพยายามฝกตนใหมี
ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการฝกสมาธิเบื้องตน ไดที่
สติสัมปชัญญะดวยการบริหารจิตหรือการนั่งสมาธิ สวนขออื่นๆ เปนการแก
http://www.salatham.com เว็บไซตศาลาธรรม และ
ปญหาที่ปลายเหตุ ซึ่งนอกจากจะไมไดชวยแกปญหาแลว ยังจะเปนปญหา
http://www.dhammathai.org เว็บไซตธรรมะไทย
ในการทํางานรวมกับผูอื่นในอนาคตดวย

154 คูมือครู
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู้ Explain
ครูนาํ สนทนาดวยคํากลาวทีว่ า ทาน ศีล ภาวนา
สรุปแล้วไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตาม หลักการส�าคัญที่สุดก็คือ ต้องการฝึกให้มีสติอยู่กับ เปน 3 กุศลกรรมของมนุษยที่ควรทําควบคูกันไป
ตัวเราทุกขณะ เพราะขณะใดสติอยู่กับตัว จิตจะต้องเป็นสมาธิเสมอ หรือพูดอีกนัยหนึ่ง ถ้าสติเกิด จากนั้นครูตั้งคําถามวา
สมาธิเกิด ถ้าสติไม่เกิด สมาธิก็ไม่เกิด ถ้าสติมีเพียงชั่วขณะ สมาธิก็มีเพียงชั่วขณะ ถ้ามีสติติดต่อ • เพราะเหตุใด กอนที่เราจะนั่งสมาธิจึงควร
กันไปทุกขณะจิตนานๆ จิตจะเป็นสมาธินานๆ เช่นกัน ใหทานและรักษาศีลไปดวย
(แนวตอบ เพราะการบริหารจิตและการเจริญ
ปญญาควรมีพื้นฐานของความดีเปนที่ตั้งมา
กอน การใหทาน เชน การบริจาคชวยเหลือ
ผอู นื่ เพือ่ ลดความตระหนีถ่ เี่ หนียว เกิดความ
ใจกวาง สวนการรักษาศีลนัน้ เปนการทํากุศล
กรรมเพือ่ ใหเกิดความบริสทุ ธิใ์ นจิตใจ เมือ่ ทาน
และศีลพรอมแลว จึงจะสามารถนั่งสมาธิ
ดวยจิตที่สงบ ทําใหเกิดสติปญญาดียิ่งขึ้น)

ขยายความเข้าใจ Expand
1. ครูใหนักเรียนบันทึกวิธีการบริหารจิตตามหลัก
อานาปานสติที่นักเรียนปฏิบัติในชีวิตประจําวัน
โดยใหบอกวิธีการเตรียมตัวกอนการนั่งสมาธิ
1 ระหวางนั่งสมาธิ และประโยชนที่ไดรับลงใน
การเดินจงกรมเป็นการบริหารจิตอีกวิธีหนึ่งที่ใช้ควบคุมจิตให้สงบนิ่ง
กระดาษ A4 แลวนําสงครูผูสอน
เรื่องน่ารู้ 2. ครูใหนักเรียนศึกษาความหมายของ
บทสวดมนตตางๆ และบันทึกความหมาย
สมถกรรมฐาน 2 พรอมคําอธิบายลงในสมุดพอสังเขป
สมถกรรมฐาน คือ อุบายฝึกจิต วิธีอบรมจิตให้สะอาด สว่าง สงบ ผ่องใสจากนิวรณ์ ไม่เศร้าหมองหรือขุ่นมัว
การฝึกจิตจนได้บรรลุฌานเป็นพระอรหันต์ ทำาให้ได้ความสามารถพิเศษ เรียกว่า อภิญญา ๖ อย่าง ดังนี้
1. อิทธิวิธี คือ แสดงฤทธิ์ได้ ตรวจสอบผล Evaluate
2. เจโตปริยญาณ คือ อ่านใจคนอื่นออก 1. ตรวจสอบจากการเขียนบันทึกวิธกี ารบริหารจิต
3. ปุพเพนิวาสานุสสติ คือ ระลึกชาติได้
ตามหลักอานาปานสติที่นักเรียนปฏิบัติใน
4. ทิพพโสต คือ มีหูทิพย์
5. ทิพพจักขุ คือ มีตาทิพย์
ชีวิตประจําวัน
6. อาสวักขยญาณ คือ รู้จักทำากิเลสให้สิ้นไป 2. ตรวจสอบจากการแปลความหมายและ
คําอธิบายของบทสวดมนตในสมุดของนักเรียน
3. ตรวจสอบจากวิธีการสวดมนตและการนั่ง
155 สมาธิของนักเรียน พรอมประเมินวิธีการปฏิบัติ
เพื่อใหนักเรียนนําไปปฏิบัติดวยตนเองได
ถูกตอง
ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T เกร็ดแนะครู
เพราะเหตุใด จึงตองสมาทานศีลทุกครั้งกอนฝกสมาธิ
ครูใหนักเรียนบริหารจิตดวยการเดินจงกรม จากนั้นนั่งสมาธิประมาณ 10 นาที
1. เพื่อทําจิตใจใหสะอาดบริสุทธิ์
แลวใหเปรียบเทียบวา กอนปฏิบตั กิ บั หลังปฏิบตั สิ มาธิมคี วามรูส กึ แตกตางกันอยางไร
2. เพื่อใหการฝกสมาธิทําไดอยางถูกตอง
3. เพื่อใหการฝกสมาธิมีความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น
4. เพื่อรําลึกถึงคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ
นักเรียนควรรู
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เพราะกอนการนั่งสมาธิควรมีการปูพื้นฐาน
ในการทําความดี ไดแก การทําทานเพื่อลดความตระหนี่และเห็นอกเห็นใจ 1 เดินจงกรม คําวา จงกรม มาจากภาษาบาลีวา จังกะมะ แปลวา การกาวยาง
ผูอื่นมากขึ้น รวมถึงการรักษาศีลเพื่อทําจิตใจใหสะอาดบริสุทธิ์ ดวยเหตุนี้ นํามาใชในการเดินกําหนดสติใหอยูก บั การเคลือ่ นไหวของกาย เพือ่ ฝกฝนใหมสี ติและ
จึงตองมีการสมาทานศีลเพื่อเปนพื้นฐานในการฝกสมาธิใหไดผลดียิ่งขึ้น เกิดสมาธิในการเดิน รูเทาทันกับอารมณปจจุบัน
2 นิวรณ คือ ธรรมอันกั้นจิตของบุคคลไวไมใหบรรลุความดีงาม มี 5 ประการ
ไดแก กามฉันทะ คือ ความพอใจในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส พยาบาท คือ ความ
ผูกใจเจ็บ ถีนมิทธะ คือ ความงวงเหงาหาวนอน อุทธัจจกุกกุจจะ คือ ความคิด
ฟุงซาน และวิจิกิจฉา คือ ความลังเลสงสัยในผลของการปฏิบัติ

คู่มือครู 155
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
Engage Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
1. ครูเขียนบนกระดานวา “โยนิโส” และ
“มนสิการ” จากนั้นถามนักเรียนวาทั้งสองคํานี้ ๒. การเจริญปัญญาโ´ยการคิ´แบบโยนิโสมนสิการ
แปลวาอะไร เมื่อรวมกันแลวหมายถึงอะไร
พระพุทธเจ้าตรัสสอนว่า การศึกษาทีแ่ ท้จริงจะเกิดก็ตอ่ เมือ่ มนุษย์รจู้ กั คิด การรูจ้ กั คิด วิเคราะห์
2. ครูใหนักเรียนบอกวา เมื่อนักเรียนจะวิจารณ
วิจารณ์อย่างรอบคอบ รอบด้าน ท�าให้เกิดปัญญาแตกฉาน เรียกว่า โยนิโสมนสิการ ซึ่งค�าว่า
สิ่ ง ใดสิ่ ง หนึ่ ง จะมี วิธีคิดหรือกระบวนการคิด
โยนิโสมนสิการ แยกเป็น ๒ ค�า คือ ค�าว่า “โยนิโส” แปลว่า ถูกต้อง แยบคาย และค�าว่า “มนสิการ”
อยางไร เพื่อใหเปนเหตุเปนผลมากที่สุด
แปลว่า ท�าไว้ในใจ โยนิโสมนสิการ จึงหมายถึง การท�าไว้ในใจโดยแยบคาย กล่าวคือ การคิดเป็น
ถูกต้องตามความเป็นจริง โดยอาศัยการเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ และคิดเชื่อมโยง ตีความ
ส�ารวจค้นหา Explore วิเคราะห์ข้อมูล เพื่อน�าไปใช้ต่อไป
ครูใหนักเรียนสืบคนขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การคิดแบบโยนิโสมนสิการ
การเจริญปญญาโดยการคิดแบบโยนิโสมนสิการ
จากหนังสือเรียนหนา 156-159 หรือจากแหลงเรียนรู การคิดแบบโยนิโสมนสิการ มี ๑๐ วิธี ดังนี้
๑. คิดแบบแยกแยะส่วนประกอบ
อืน่ ๆ เชน หองสมุด อินเทอรเน็ต การสนทนาธรรม
๒. คิดแบบคุณโทษและทางออก
กับพระภิกษุสงฆ เปนตน ทั้งนี้เพื่อใหนักเรียนมี ๓. คิดแบบสืบสาวเหตุปัจจัย
ความเขาใจในกระบวนการคิดแบบโยนิโสมนสิการ ๔. คิดแบบอรรถสัมพันธ์
มากยิ่งขึ้น ๕. คิดแบบแก้ปัญหา
๖. คิดแบบรู้เท่าทันธรรมดา
อธิบายความรู้ Explain ๗. คิดแบบคุณค่าแท้ คุณค่าเทียม
๘. คิดแบบปลุกเร้าคุณธรรม
1. ครูใหนักเรียนแบงออกเปน 10 กลุม จากนั้นให ๙. คิดแบบอยู่ในปัจจุบัน
จับสลากเลือกหัวขอการคิดแบบโยนิโสมนสิการ ๑๐. คิดแบบแยกประเด็น
กลุมละ 1 วิธี ไมซํ้ากัน ตามหนังสือเรียน
หนา 156 แลวใหแตละกลุมออกมาอธิบายและ ในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะวิธีคิดแบบปลุกเร้าคุณธรรม และวิธีคิดแบบอรรถสัมพันธ์ ดังนี้
ยกตัวอยางการคิดแบบโยนิโสมนสิการตามวิธีที่ 2.1 คิดแบบปลุกเร้าคุณธรรม
จับสลากไดหนาชั้นเรียน การคิดแบบปลุกเร้าคุณธรรม (อุปปาทกมนสิการ) วิธีคิดแบบนี้ คือ การใช้
2. ครูซกั ถามแตละกลุม ทีอ่ อกมาอธิบายวา การคิด 1 เหตุผลหรืออุบาย
เพื่อให้เกิดการกระท�าที่เป็นกุศล หรือภาษาสมัยใหม่ว่า “คิดแบบสร้างสรรค์” เรื่องที่คิดจะเป็นเรื่อง
แบบโยนิโสมนสิการดวยวิธีนั้นๆ มีประโยชน อะไรก็ได้ คือ เรื่องดีก็ได้ เรื่องไม่ดีก็ได้ แต่วิธีคิดจะต้องน�าไปสู่การกระท�าที่ดี
อยางไรบางกับการดําเนินชีวิตประจําวันของ ยกตัวอย่างเช่น ความตาย เมื่อพูดถึงความตาย คนมักจะคิดไป ๒ ทาง ดังนี้
นักเรียน ๑. ถ้าคิดว่าเราทุกคนเกิดมาแล้วต้องตาย ชีวิตนี้ไม่จีรังยั่งยืน บางคนตายตั้งแต่ยังเด็ก
3. ครูใหนักเรียนแตละคนบันทึกลักษณะของ บางคนตายตอนเป็นหนุม่ สาว บางคนก็อยูม่ าจนแก่เฒ่า แต่ทา้ ยทีส่ ดุ ก็ตายทุกคน เมือ่ คิดเช่นนีแ้ ล้ว
การคิดแบบโยนิโสมนสิการทั้ง 10 วิธี ก็เกิดความท้อถอย ปล่อยชีวิตไปตามยถากรรม อย่างนี้เรียกว่าคิดถึงความตายแล้วไม่ท�าอะไร
พรอมบอกประโยชนของการคิดในแตละวิธี ความคิดไม่ช่วยให้เกิดการสร้างสรรค์ หรือปลุกเร้าให้เกิดการกระท�าที่เป็นกุศล
พอสังเขปลงในสมุด แลวนําสงครูผูสอน
156

กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
ครูควรอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณธรรมวา ในปจจุบันโลกมีการพัฒนาทางดาน ครูมอบหมายใหนกั เรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีคิดแบบโยนิโสมนสิการ
วัตถุอยางรวดเร็ว ดังนั้น การพัฒนาจิตใจควบคูไปดวยจึงมีความสําคัญอยางยิ่ง ทั้ง 10 วิธี จากนั้นเขียนสรุปเปนผังมโนทัศน แลวสงครูผูสอน
เพราะการพัฒนาทางดานวัตถุเพียงอยางเดียว ทําใหมนุษยและสังคมเกิดความ
เห็นแกตวั และเห็นคาของเงินมากกวาความถูกตอง ดวยเหตุนี้ จึงควรพัฒนาจิตใจ
ดวยการเจริญวิปสสนากรรมฐาน เพื่อยกระดับจิตใจใหรูเทาทันโลก เทาทันกิเลส กิจกรรมทาทาย
ซึ่งจะทําใหมนุษยลดละความยึดมั่นถือมั่นในตัวตน มีความละอายใจตอบาป
รูจักบาปบุญคุณโทษ และกฎแหงกรรม
ครูใหนักเรียนยกตัวอยางกรณีศึกษาหรือหาขาว เหตุการณที่เกิดขึ้น
ในสังคม และสงผลกระทบตอตนเองหรือคนทั่วไป แลวใหนักเรียนนํา
นักเรียนควรรู วิธีการคิดแบบโยนิโสมนสิการ 1 วิธี มาใชแกปญหาที่เกิดขึ้น
1 คิดแบบสรางสรรค เกิดจากการเรียนรูและการฝกฝน โดยเนนใหมีการพัฒนา
ทางดานความคิดอยางมีศักยภาพ คิดในหลายๆ มิติ เชน การคิดในแงบวก
คิดสรางสรรคสงิ่ แปลกใหมทไี่ มลอกเลียนแบบผูอ นื่ และสามารถนําไปพัฒนาตอไปได
156 คู่มือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายและยกตัวอยาง
หรือเมื่อคิดว่าชีวิตมีไม่นาน ไม่ถึงร้อยปีก็จะตาย เพราะฉะนั้นขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่ ก็ควร สุภาษิตที่มีการคิดแบบอุบายปลุกเราคุณธรรม
สนุกสนานให้เต็มที่ กอบโกยให้เต็มที่ เพราะตายไปแล้วทรัพย์สมบัติที่มีเราไม่สามารถน�าติดตัว พรอมทั้งอธิบายความหมายและแงคิดของ
ไปได้ คิดอย่างนีก้ อ่ ให้เกิดการกระท�า แต่จะออก สุภาษิตนั้น
มาในทางเป็นอกุศลหรือท�าชั่ว ไม่ใช่การกระท�า 2. ครูนําสนทนาถึงการคิดแบบอุบายปลุกเรา
แบบสร้างสรรค์ ก็ไม่นับว่าเป็นการคิดแบบ คุณธรรม แลวตั้งคําถามเชิงวิเคราะหวา
ปลุกเร้าคุณธรรม • เพราะเหตุใดวิธีการคิดแบบอุบายปลุกเรา
๒. ถ้าคิดว่าชีวติ ไม่ยงั่ ยืน ไม่ถงึ ร้อยปี คุณธรรม จึงชวยปรุงแตงจิตใจของมนุษย
ก็ต้องตายทุกคนดังข้างต้น แล้วเกิดส�านึกว่า ใหคิดไปในทางกุศล
เรามีเวลาอยูใ่ นโลกนีไ้ ม่นาน เพราะฉะนัน้ ขณะที่ (แนวตอบ เพราะจิตใจมนุษยแตกตางกัน
ยังมีลมหายใจอยู่นี้ เราควรท�าคุณงามความดี วาระจิตแตกตางกัน เมื่อรับรูเรือ่ งราว
ให้มาก เพราะตายแล้วไม่มโี อกาสท�า เราปลุกเร้า เดียวกัน ก็อาจจะมีความคิดและจิตใจปรุงแตง
ความรู้สึกเสมอว่า “เกิดมาทั้งทีควรท�าดีให้ได้ ไปคนละอยาง สุดแลวแตสามัญสํานึกและ
จะตายทัง้ ทีทา� ดีฝากไว้” ถ้าคิดเช่นนี้ จึงจะนับว่า ประสบการณของคนๆ นั้น โดยบางคนคิด
เป็นการคิดแบบปลุกเร้าคุณธรรม วิธคี ดิ แบบปลุกเร้าคุณธรรม สามารถนำามาประยุกต์ใช้ได้กบั ไปในทางที่ดีงาม บางคนคิดไปในทางโทษ
แม้แต่ในพระไตรปิฎกก็มีตัวอย่างง่ายๆ การทำางานทุกอย่าง เพราะจะทำาให้เราเร่งรัดทำางานให้ เพราะฉะนั้น จึงตองมีการคิดแบบอุบายปลุก
ที่พระพุทธเจ้าตรัสถึงบ่อยๆ คือ เหตุปรารภ แล้วเสร็จ ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง เราคุณธรรม เพื่อชักนําความคิดใหเดินไปใน
หรือเรือ่ งราวกรณีอย่างเดียวกัน คิดมองไปอย่างหนึง่ ท�าให้เกียจคร้าน คิดมองไปอีกอย่างหนึง่ ท�าให้ ทางดีงามและแกไขนิสัยความเคยชินของ
เกิดความเพียรพยายาม (ดังความในพระสูตร) ดังนี้ จิตใจที่สั่งสมไวแตเดิม พรอมกับสรางนิสัย
๑. ภิกษุมงี านทีจ่ ะต้องท�า เธอมีความคิดอย่างนีว้ า่ เรามีงานทีจ่ กั ต้องท�า เมือ่ เราท�างาน ความเคยชินใหมๆ ที่ดีงามใหแกจิตใจ)
ร่างกายก็จะเหน็ดเหนื่อย อย่ากระนั้นเลย เรานอน (เอาแรง) เสียก่อนเถิด คิดดังนี้แล้ว เธอก็ 3. ครูใหนักเรียนเขียนสรุปประโยชนของการคิด
นอนเสีย ไม่เริ่มระดมความเพียร เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อเข้าถึงธรรมที่ยังไม่เข้าถึง แบบปลุกเราคุณธรรมวา สามารถพัฒนาจิตใจ
เพื่อประจักษ์แจ้งธรรมที่ยังไม่ประจักษ์แจ้ง... หรือเปลี่ยนแปลงทัศนคติและสามัญสํานึกของ
๒. อีกประการหนึง่ ภิกษุทา� งานเสร็จแล้ว เธอมีความคิดอย่างนีว้ า่ เราได้ทา� งานเสร็จแล้ว มนุษยไดอยางไรบาง พรอมเขียนอธิบายและ
เมื่อเราท�างานร่างกายเหน็ดเหนื่อยแล้ว อย่ากระนั้นเลยเราจะนอน (พัก) ละ คิดดังนี้แล้วเธอ ยกตัวอยางประกอบ
ก็นอนเสีย...
กรณีเดียวกันทั้งหมดนี้คิดอีกอย่างหนึ่งกลับท�าให้เริ่มระดมความเพียร ท่านเรียกว่าเรื่องที่จะ
เริ่มระดมความเพียร เช่น
๑. (กรณีที่จะต้องท�างาน) ...ภิกษุคิดว่า เรามีงานที่จะต้องท�าและขณะเมื่อเราท�างาน
การมนสิการค�าสอนของพระพุทธะทั้งหลายก็จะท�าไม่ได้ง่าย อย่ากระนั้นเลย เราเริ่มระดม
ความเพียรเสียก่อนเถิด เพื่อจะได้บรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อเข้าถึงธรรมที่ยังไม่เข้าถึง เพื่อ
ประจักษ์แจ้งธรรมที่ยังไม่ประจักษ์แจ้ง คิดดังนี้แล้ว ภิกษุนั้นจึงเริ่มระดมความเพียร...
157

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T เกร็ดแนะครู
การกระทําในขอใดเปนวิธีการคิดแบบปลุกเราคุณธรรม
ครูยกตัวอยางวิธีคิดแบบโยนิโสมนสิการใหนักเรียนฟง เชน ชมพูเปนคนไมสวย
1. สมหญิงอุทิศรางกายใหแกสภากาชาดเพื่อการศึกษาวิจัยกอนเสียชีวิต
อวน และเตี้ย จึงมักถูกเพื่อนลออยูสมํ่าเสมอ ชมพูนอยใจในปมดอยของตัวเองอยู
2. สมชายขยันทํางานเพื่อสรางทรัพยสมบัติใหไดมากที่สุด
บอยครั้ง แตแลววันหนึ่งชมพูไดเห็นหญิงพิการกําลังนั่งขอทานอยางนาเวทนา ชมพู
3. สมโชคเดินทางทองเที่ยวรอบโลกเพื่อสรางความสุขใหกับตนเอง
เกิดความสังเวชใจและคิดขึ้นมาไดวา ปมดอยของเรานั้น เปรียบไมไดเลยกับความ
4. สมทรงไมกระทําการอันใดที่เปนการสรางภาระใหกับตนเองและผูอื่น
พิการของบุคคลที่แยกวาเรา ถึงเราจะเกิดมาเปนคนไมสวย อวน และเตี้ย แตเราก็มี
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เนื่องจากวิธีการคิดแบบปลุกเราคุณธรรม อวัยวะครบถวนสมบูรณ ไมพิการ ดังนั้น ชมพูจึงมีกําลังใจและเห็นคุณคาของตัวเอง
เปนการใชเหตุผลหรืออุบายเพื่อใหเกิดการกระทําที่เปนกุศล สําหรับความ มากขึ้น เปนตน จะเห็นไดวาการคิดแบบโยนิโสมนสิการ คือ การคิดสรางสรรคไป
ตายนั้น การคิดแบบปลุกเราคุณธรรมมักจะเนนใหคิดอยูเสมอวามนุษยมี ในทางกุศล ซึ่งการที่มนุษยจะเดินไปสูเสนทางดีหรือเสนทางไมดีนั้น วิธคี ดิ แบบนี้
ชีวิตอยูในโลกนี้ไมนาน ดังนั้น ควรจะทําความดีใหมากๆ ดังคํากลาวที่วา มีสว นสําคัญอยางมาก นักเรียนควรนําวิธคี ดิ เหลานีไ้ ปใชในชีวติ ประจําวัน เพื่อใหมี
“เกิดมาทั้งทีทําดีใหได จะตายทั้งทีทําความดีฝากไว” ซึ่งการที่สมหญิง จิตใจที่เบิกบานและดําเนินชีวิตอยางมีความสุข
บริจาครางกายเพื่อการศึกษาวิจัยถือเปนการคิดแบบปลุกเราคุณธรรม

คู่มือครู 157
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. ครูสุมใหนักเรียนออกมาอธิบายและยกตัวอยาง
การคิดแบบอรรถสัมพันธวามีลักษณะอยางไร ๒. (กรณีทที่ า� งานเสร็จแล้ว) ...ภิกษุคดิ ว่า เราได้ทา� งานเสร็จแล้ว ก็แล ขณะเมือ่ ท�างาน
2. ครูซักถามนักเรียนเกี่ยวกับการคิดแบบ เรามิได้สามารถมนสิการค�าสอนของพระพุทธะทั้งหลาย อย่ากระนั้นเลย เราเริ่มระดมความเพียร
อรรถสัมพันธ โดยตั้งคําถามวา เถิด...
• ถามีคนมาถามนักเรียนวา มาเรียนหนังสือ เรื่องเดียวกัน ถ้าคิดแบบไม่สร้างสรรค์กับคิดแบบสร้างสรรค์ ผลจากการคิดจะออกมาไม่
เพื่ออะไร หรือมาโรงเรียนเพื่ออะไร นักเรียน เหมือนกัน ดังตัวอย่างข้างต้น “เรื่องงาน” คนหนึ่งคิดว่าถ้าท�างาน ร่างกายก็จะเหน็ดเหนื่อย
ควรตอบคําถามโดยใชความคิดแบบ สู้นอนพักผ่อนดีกว่า สบายดี ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อย ผลก็คือกลายเป็นคนขี้เกียจ ผัดวันประกันพรุ่ง
อรรถสัมพันธอยางไร ขณะที่อีกคนคิดว่าเรามีงานต้องท�า การท�างานท�าให้เราได้ปีติชื่นชมเมื่องานเสร็จ แถมยังได้รับ
(แนวตอบ เชน เพื่อตองการศึกษาหาความรู ค่าตอบแทนจากน�้าพักน�้าแรงอันบริสุทธิ์มาเลี้ยงตนและครอบครัวอีก งานของเราถ้าท�าได้อย่างดี
ไดสอบชิงทุนไปตางประเทศ ไดสรางชื่อเสียง ก็จะเป็นเกียรติยศแก่วงศ์ตระกูลและอ�านวยประโยชน์แก่คนทั่วไป ด้วยคนเราไม่มีค่า ถ้าไม่สร้าง
ใหกับโรงเรียนและประเทศชาติ ไดนําความรู ผลงานที่ดีฝากไว้ อีกไม่กี่ปีเราก็จะลาโลกแล้ว เกิดมาทั้งทีต้องท�าดีฝากไว้ ถ้าคิดเช่นนี้จะไม่มีวัน
ไปปรับปรุงและพัฒนาประเทศ นําความรูไป เป็นคนเฉื่อยแฉะ ไม่เอาไหนแน่นอน
ทํานุบํารุงพระศาสนา เปนตน)
2.2 คิดแบบอรรถสัมพันธ์
3. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 7.1 จากแบบวัดฯ
พระพุทธศาสนา ม.2 การคิดแบบอรรถสัมพันธ์ หมายถึง คิดหลักการให้สัมพันธ์กับความมุ่งหมาย คิดเรื่องอะไร
ก็ตาม ถ้าคิดให้หลักการกับความมุ่งหมายสอดคล้องกัน ความคิดนั้นย่อมน�าไปสู่การกระท�าให้
ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ ประสบความส�าเร็จ ไม่เขวออกนอกทาง
พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 7.1 ยกตัวอย่างเช่น การบวช ถ้าหากถามว่า
หนวยที่ 7 การบร�หารจ�ตและการเจร�ญปญญา การบวชคืออะไร ค�า1ตอบอาจมีว่า การบวช
กิจกรรมตามตัวชี้วัด
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
คือ การสละโลกียวิสัย มาบ�าเพ็ญสมณกิ
2 จ เพื่อ
กิจกรรมที่ ๗.๑ ใหนักเรียนเปรียบเทียบวิธีคิดแบบอุบายปลุกเราคุณธรรม
และวิธีคิดแบบอรรถสัมพันธ แลวบันทึกลงในตาราง
(ส ๑.๑ ม.๒/๙)
ñð
ฝึกฝนอบรมตนตามหลักไตรสิกขา (ศีล สมาธิ
หัวขอเปรียบเทียบ การคิดแบบอุบายปลุกเราคุณธรรม การคิดแบบอรรถสัมพันธ
ปัญญา) เพราะฉะนัน้ “การบวชเรียน” หรือ “บวช
๑. ความหมาย การใชเหตุผลหรืออุบาย เพือ่ ทําใหเกิด ……………………………………………………………………
……………………………………………………………………….. การคิ ด โดยให ห ลั ก การมี ค วาม ฝึกฝนตน” คือหลักการของการบวช ถ้าบวชแล้ว
การกระทําทีด่ เี ปนกุศล เปนประโยชน ……………………………………………………………………
สั ม พั น ธ กั บ ความมุ  ง หมาย ซึ่ ง
ไม่สละความเคยชินที่เคยท�าสมัยเป็นฆราวาส
………………………………………………………………………..
ตอผูอื่น อาจเรียกอีกอยางหนึ่งวา ……………………………………………………………………
……………………………………………………………………….. ถาหากหลักการและความมุงหมาย
การคิดแบบสรางสรรค
……………………………………………………………………….. สอดคลองกัน ความคิดนั้นก็จะ
……………………………………………………………………
นําไปสูความสําเร็จ
……………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………
……………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………
ไม่ว่าจะเป็นกิริยามารยาท การพูดจาปราศรัย
ฉบับ
……………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………
เคยประพฤติอย่างไรก็ทา� อย่างนัน้ อย่างนีแ้ สดง
การคิดในเรื่องชีวิตคน เมื่อพิจารณา
เฉลย ๒. ตัวอยางในปจจุบัน ……………………………………………………………………….. การคิดเรือ่ งการบวชจะตองพิจารณา
ว่าผิดหลักการของการบวช
……………………………………………………………………
ถึงความตายจะเห็นวาชีวิตคนสั้นนัก
……………………………………………………………………….. ถึงจุดมุงหมายในการบวชและหลัก
……………………………………………………………………
ดังนั้น เวลาที่เหลืออยูนี้จะตองเรง
……………………………………………………………………….. ของการบวช เชน หลักของการบวช
……………………………………………………………………
ทําความดี ทําประโยชนแกสังคมให
………………………………………………………………………..
ไดมากที่สุด
………………………………………………………………………..
คือ สละความเปนฆราวาส ดังนั้น
……………………………………………………………………
เปาหมายการบวชคือการมุงศึกษา
……………………………………………………………………
ถ้าบวชแล้วอยู่เฉยๆ ไม่ใส่ใจฝึกฝนอบรม
และปฏิบัติธรรม
……………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………

……………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………
ตนตามหลักศีล สมาธิ ปัญญา ไม่ท�าอะไร
๓. ตัวอยางใน
พระไตรปฎก
พระพุ ท ธเจ า ได ต รั ส ยกตั ว อย า งใน ……………………………………………………………………
……………………………………………………………………….. พระพุทธเจาเคยตรัสเปรียบเทียบ
เรื่องการทํางานวา สามารถคิดได ……………………………………………………………………
……………………………………………………………………….. นักบวชกับคนตัดไม คนตัดไมถา
เสียหายแก่พระศาสนาก็จริง แต่ไม่ได้สร้างสรรค์
๒ ดาน คนที่เกียจครานมักคิดวา ……………………………………………………………………
……………………………………………………………………….. ไมรูจักแกนไมจริงก็จะไดแตกิ่งไม
การทํางานตองเหน็ดเหนื่อยจึงตอง ……………………………………………………………………
เปลือกไม เชนเดียวกับพระสงฆ
การวิเคราะห์ปญ
ั หาต่างๆ ด้วยหลักเหตุผลจะทำาให้สามารถ อะไรแก่พระศาสนา อย่างนี้ก็ผิดหลักการของ
พัฒนาความรู้และสติปัญญาได้เป็นอย่างดี
………………………………………………………………………..
พักผอนเอาแรง แตคนขยันจะคิดวา ……………………………………………………………………
………………………………………………………………………..
ตองรีบทํางานใหสําเร็จ
………………………………………………………………………..
หากไมเขาใจหลักธรรมที่แทจริงก็
ไมสามารถบรรลุธรรมได
……………………………………………………………………
การบวช
……………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………

158
๖๔

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว  NT  O-NE T
หลักธรรมในขอใดสนับสนุนการคิดแบบอรรถสัมพันธ
1 โลกียวิสัย หมายความวา ยังเกี่ยวของกับโลกหรือเรื่องของโลก
1. ไตรวัฏฏ 2. ไตรสิกขา
โดยมีความหมายตรงขามกับโลกุตตระ ซึ่งแปลวาพนโลก อยูเหนือวิสัยของโลก
3. ไตรลักษณ 4. ไตรสรณคมน
2 ไตรสิกขา หรือสิกขา 3 หมายถึง ขอปฏิบัติที่ตองศึกษา 3 ประการ ไดแก
อธิสีลสิกขา อธิจิตตสิกขา อธิปญญาสิกขา เรียกสั้นๆ วา ศีล สมาธิ ปญญา วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เนื่องจากวิธีคิดแบบอรรถสัมพันธ คือ
ไตรสิกขาถือเปนพหุลธัมมีกถา หรือคําสอนธรรมที่พระพุทธเจาทรงแสดงบอย การพิจารณาใหเขาใจความสัมพันธระหวางหลักการกับความมุงหมาย
และมีพุทธพจนแสดงตอเนื่องกันของกระบวนการศึกษาฝกอบรม เพือ่ ใหไดผลตามความมุง หมาย ทัง้ นีใ้ นการกระทําตามหลักการใดๆ จะตอง
เขาใจความหมายและความมุงหมายของหลักการนั้นๆ วา ปฏิบัติไปเพื่อ
อะไร และนําไปสูจุดหมายใด ซึ่งในแงปรมัตถนั้น ขอปฏิบัติที่ตองศึกษาใน
มุม IT ไตรสิกขา (ศีล สมาธิ ปญญา) ตางก็มีจุดหมายเดียวกันคือนิพพาน
โดยแตละขอปฏิบตั จิ ะตองไปตอเชือ่ มกับขออืน่ ๆ จึงจะบรรลุจดุ หมายสุดทายได
ศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคิดแบบอรรถสัมพันธ ไดที่ ดังนั้น ไตรสิกขาจึงเปนหลักธรรมที่สนับสนุนการคิดแบบอรรถสัมพันธ
http://www.dhammathai.org เว็บไซตธรรมะไทย

158 คู่มือครู
ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเข้าใจ Expand
1. ครูใหนักเรียนเขียนสรุปประโยชนของการ
ถ้าถามว่า บวชมาเพื่ออะไร เป็นการถามถึง “ความมุ่งหมาย” ของการบวช คนที่คิด เจริญปญญาโดยการคิดแบบโยนิโสมนสิการ
ไม่สัมพันธ์กันระหว่างหลักการกับเป้1 าหมาย จะเขวและออกนอกทางได้ง่าย และการนําไปประยุกตใชในชีวิตประจําวัน
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในพระสูตรหนึ่งในพระไตรปิฎก ทรงเล่าเปรียบเทียบคนที่บวชมาเหมือน ของนักเรียน ลงในกระดาษ A4 แลวนําสง
บุรุษคนหนึ่งถือขวานเข้าไปในป่าเพื่อหาแก่นไม้ เนื้อความโดยสรุปว่า บุรุษคนที่หนึ่งถือเอากิ่ง ครูผูสอน
และใบไม้ คิดว่าเป็นแก่นไม้ คนที่สองถือเอาสะเก็ดไม้ คนที่สามถากเอาเปลือกไม้ คนที่สี่เอากระพี้ 2. ครูใหนกั เรียนเขียนแผนผังความคิดเปรียบเทียบ
คนที่ห้าตัดเอาแก่นไม้ ลักษณะของการคิดแบบปลุกเราคุณธรรมและ
บุรุษสี่คนแรกไม่รู้จักแก่นไม้จึงไม่ได้แก่น ส่วนคนที่ห้ารู้จักว่าแก่นไม้คืออะไรจึงได้แก่น การคิดแบบอรรถสัมพันธ โดยเนนประเด็น
คนที่บวชมาในพระพุทธศาสนาก็เช่นเดียวกัน ถ้าไม่เข้าใจว่า เป้าหมายหรือความมุ่งหมาย การใชประโยชนของการคิดทัง้ 2 วิธเี ปนสําคัญ
ที่แท้ของการบวชคืออะไร ก็จะไม่สามารถได้รับผลของการบวชเต็มที่ จัดทําลงในกระดาษ A4 แลวนําสงครูผูสอน
บางคนบวชมาแล้ว ได้รับความเคารพนับถือจากญาติโยม ยินดีในลาภสักการะที่เขาถวาย
ก็ภูมิใจว่าตนเป็น “พระดัง” มีคนนับถือมาก พอใจอยู่เพียงนี้ ไม่พยายามฝึกฝนตนเพื่อบรรลุธรรม ตรวจสอบผล Evaluate
สูงขึ้น ผู้นี้ก็ได้เพียง “กิ่งใบของพระศาสนา”
บางคนไม่พอใจแค่ชื่อเสียง ลาภสักการะที่ได้รับ พยายามรักษาศีลอย่างเคร่งครัด ได้รับ 1. ตรวจสอบจากการเขียนสรุปประโยชนของการ
ความชมเชยว่าเป็น “พระเคร่ง” ก็พอใจอยู่แค่นั้น ผู้นี้ก็ได้เพียง “สะเก็ดพระศาสนา” บางคน เจริญปญญาโดยการคิดแบบโยนิโสมนสิการ
ไม่พอใจลาภสักการะ และความเคร่งครัดในศีล บ�าเพ็ญสมาธิจนได้ฌานระดับต่างๆ แล้วก็พอใจ และการนําไปประยุกตใชในชีวิตประจําวัน
เพียงแค่นั้น ผู้นี้ก็ได้เพียง “เปลือกพระศาสนา” 2. ตรวจสอบจากแผนผังความคิดเปรียบเทียบ
2 3
บางคนไม่พอใจแค่นั้น ตั้งหน้าตั้งตาบ�าเพ็ญวิปัสสนา จนได้บรรลุญาณ เป็นพระอริยบุคคล ลักษณะของการคิดแบบอุบายปลุกเรา
ระดับต้นๆ แล้วพอใจเพียงแค่นั้น ผู้นี้ได้เพียง “กระพี้พระศาสนา” บางคนปฏิบัติจนได้บรรลุวิมุติ คุณธรรมและการคิดแบบอรรถสัมพันธ
(ความหลุดพ้นจากกิเลสทั้งหลาย) โดยสิ้นเชิง ผู้นี้นับว่าได้ “แก่นพระศาสนา”
มองในแง่บุคคลธรรมดา ถ้าถามว่าหลักการของการศึกษาคืออะไร เป้าหมายคืออะไร
ถ้ามองแบบแคบๆ ก็อาจตอบว่า การศึกษาคือการเรียน เป้าหมายของการเรียน คือ ประกาศนียบัตร
หรือปริญญาบัตร เพียงแค่นถี้ อื ว่าเป็นหลักการและเป้าหมายอย่างพืน้ ฐาน หลักการของการศึกษา
ที่แท้จริง คือ การเรียนรู้เพื่อพัฒนาตนให้มีบุคลิกภาพและคุณลักษณะพึงประสงค์ เช่น ความเป็น
ผู้มีความเก่ง ความดี และมีความสุข เพื่อจะเป็นก�าลังในการพัฒนาประเทศชาติและสังคมต่อไป

การฝึกจิตให้เป็นสมาธิก็เพื่อผลคือ พัฒนาจิตให้มีคุณภาพ มีความดีงาม มีคุณธรรมที่


พึงประสงค์ การฝึกวิปสั สนาก็เพือ่ ให้เกิดปัญญา ความรูค้ วามเข้าใจชีวติ และรูเ้ ท่าทันปรากฏการณ์
ทัง้ หลาย ส่วนการฝึกให้รจู้ กั คิดแบบโยนิโสมนสิการ ก็เป็นการพัฒนาปัญญาอย่างหนึง่ เพราะฉะนัน้
การบริหารจิตและการเจริญปัญญาตามแนวทางของพระพุทธศาสนา จึงเป็นการสร้างบุคลากรที่มี
คุณภาพ สร้างคนเก่ง คนดี คนมีความสุขขึ้นมากๆ เพื่อน�าความเจริญงอกงามและสันติสุขมาสู่ตน
และสังคมส่วนรวมต่อไป
159

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T นักเรียนควรรู
ขอใดเปนวิธีการคิดแบบอรรถสัมพันธ
1 พระสูตร หรือพระธรรมเทศนา คือ คําบรรยายธรรมตางๆ ที่ตรัสยักเยื้องให
1. กิตติคิดหาสาเหตุของการเกิดสุริยุปราคาวาเกิดจากอะไร ดวยการคนจาก
เหมาะกับบุคคลและโอกาส ตลอดจนบทประพันธ เรื่องเลา และเรื่องราวที่เกี่ยวของ
อินเทอรเน็ตจนพบคําตอบ
กับหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
2. กรรณิการตองการมีฐานะดี จึงตั้งใจศึกษาเลาเรียนและขยันทํางาน
จนมีฐานะมั่นคงสมความปรารถนา 2 วิปสสนา คือ การฝกอบรมปญญาใหเกิดความเห็นแจงในสังขารทั้งหลายวา
3. กรกฎเสียใจมากที่แมวตาย แตในที่สุดก็คิดไดวาเปนธรรมดาที่เกิดมาแลว เปนของไมเที่ยง เปนทุกข เปนอนัตตา
ตองตาย จึงคลายความเสียใจได 3 พระอริยบุคคล คือ บุคคลผูประเสริฐทางพระพุทธศาสนา ถือวาความเปน
4. กชกรขายผักไดไมดี เมื่อตรวจสอบพบวาเธอไมระวังในการเก็บทําให พระอริยบุคคลนั้นกําหนดไดดวยการละกิเลสที่ผูกมัดสัตว (สังโยชน) ไวในภพ
ผักชํ้าเสียหาย จึงแกไขปรับปรุงจนขายผักไดดีขึ้น ใครละไดนอยก็เปนพระอริยบุคคลขั้นตํ่า เมื่อละไดมากก็เปนพระอริยบุคคล
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เนื่องจากการคิดแบบอรรถสัมพันธเปน ขั้นสูงขึ้น ใครละไดทั้งหมดก็เปนพระอรหันต
การคิดทีม่ องไปสูเ ปาหมายหรือวัตถุประสงคอยางถูกจริยธรรม ซึง่ กรรณิการ
เปนเพียงบุคคลเดียวที่มีการคิดแบบมองไปสูเปาหมายอยางมีจริยธรรม
กลาวคือ กรรณิการมีเปาหมายที่จะตองมีฐานะดี เธอจึงมีความคิดที่จะ
ตั้งใจศึกษาเลาเรียนและขยันทํางานอยางเต็มที่ เพื่อที่เธอจะไดประสบ
ความสําเร็จตามเปาหมายที่เธอตั้งไว คู่มือครู 159
ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ Evaluate
Engage Explore Explain Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
ตรวจสอบความถูกตองจากการตอบคําถาม
ประจําหนวยการเรียนรู ค íา¶ามประจ íาหน่วยการเรียนรู้

หลักฐานแสดงผลการเรียนรู ๑. นักเรียนศึกษาบทสวดมนต์แปล และน�าบทสวดมนต์ท่ีได้ศกึ ษามาอธิบายว่ามีความหมาย


อย่างไรบ้าง และจะน�าความรูท้ ่ไี ด้จากการศึกษาบทสวดมนต์ไปใช้ในชีวติ จริงอย่างไร
1. การเขียนบันทึกการบริหารจิตตามหลัก
อานาปานสติที่นักเรียนปฏิบัติในชีวิตประจําวัน
๒. นักเรียนคิดว่าพุทธมนต์มีความขลังหรือศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ หากต้องการให้มีมนต์ขลัง
หรือศักดิส์ ทิ ธิ์ จะต้องท�าอย่างไร ทาง
2. การแปลความหมายและคําอธิบายของ ๓. จากค�ากล่าวที่ว่า “การแผ่เมตตาเป็นการช�าระจิตใจให้บริสุทธิ์” นักเรียนเห็นด้วยหรือไม่
บทสวดมนต เพราะเหตุใด
3. การเขียนสรุปประโยชนของการเจริญปญญา ๔. ปัญญาคืออะไร และมีประโยชน์อย่างไรบ้าง ให้อธิบายพร้อมยกตัวอย่างประกอบ
โดยการคิดแบบโยนิโสมนสิการ และการนําไป ๕. การฝึกให้เกิดปัญญามีวธิ กี ารอย่างไร
ประยุกตใชในชีวิตประจําวัน
4. แผนผังความคิดเปรียบเทียบลักษณะของ
การคิดแบบอุบายปลุกเราคุณธรรมและการคิด กิจกรรมสร้างสรรค์พั²นาการเรียนรู้
แบบอรรถสัมพันธ

กิจกรรมที่ ๑ ครูเชิญวิทยากรในท้องถิ่น ซึ่งอาจจะเป็นพระภิกษุหรือฆราวาส มาเล่า


ประสบการณ์เกี่ยวกับการฝึกสมาธิของท่าน รวมทั้งให้ค�าแนะน�าและสาธิต
การฝึกปฏิบัติสมาธิตามหลักอานาปานสติ
กิจกรรมที่ ๒ ครูนิมนต์พระอาจารย์มาสอนวิธีการฝึกสมาธิตามหลักอานาปานสติ และ
ให้นักเรียนฝึกปฏิบัติสมาธิ
กิจกรรมที่ ๓ ครูแบ่งนักเรียนออกเป็น ๒ กลุ่ม โดยให้ศึกษาค้นคว้าท�ารายงานในหัวข้อ
ต่อไปนี้
กลุ่มที่ ๑ ความหมายและประโยชน์ของปัญญา
กลุ่มที่ ๒ การฝึกให้เกิดปัญญา

พุทธศาสนสุภาษิต
ʾÚà¾Êí ʧڦÀÙµÒ¹í ÊÒÁ¤Ú¤Õ ÇرڲÔÊÒ¸Ô¡Ò : ¤ÇÒÁ¾ÃŒÍÁà¾ÃÕ§¢Í§»Ç§ª¹
¼ÙàŒ »š¹ËÁÙ‹ Âѧ¤ÇÒÁà¨ÃÔÞãËŒÊÒí àÃç¨

160

แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. บทสวดมนตเปนการกลาวถึงพระรัตนตรัย โดยใหระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ และใหยึดการปฏิบัติตนของพระพุทธเจาและพระสงฆมาเปนแนวทาง
ในการปฏิบัติ เชน การศึกษา ความเพียร ความสันโดษ เปนตน โดยในชีวิตจริง เราสามารถนําหลักธรรมมายึดถือปฏิบัติเพื่อใหเราเปนคนดีได
2. พุทธมนตจะมีความขลังหรือศักดิ์สิทธิ์ก็ตอเมื่อผูปฏิบัติตองมีคุณธรรม ศีลธรรม และยึดมั่นในความดี
3. เห็นดวย เพราะการแผเมตตาเปนการสงความปรารถนาดีไปยังสรรพสัตวทั้งหลาย เปนการชวยเหลือและแบงปนความดีใหกับผูอื่น ทั้งนี้การที่เราไดเปนผูใหและมอบ
สิ่งดีๆ ใหกับผูอื่นนั้น ยอมทําใหจิตใจของเราบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น
4. ปญญา คือ ความรอบรู มีประโยชนอยางมาก คือ ปญญาสามารถนําไปใชในการแกไขปญหา หรือนําไปใชในการสรางสรรคและพัฒนาความเจริญ เชน การใชปญญา
ในการแกไขปญหาความขัดแยงทางการเมืองโดยไมใชอารมณและความรุนแรง เปนตน
5. ตั้งใจศึกษาเลาเรียนวิชาความรูทั้งทางโลกและทางธรรมใหมาก หมั่นคนควาเพิ่มเติมในเรื่องที่ศึกษามาแลว เพื่อใหเกิดความเขาใจที่ลุมลึกมากขึ้น อีกทั้งตองรูจักนํา
ความรูที่มีมาคิดวิเคราะห วิจารณ อยางรอบคอบและรอบดาน ซึ่งจะทําใหเกิดปญญาแตกฉาน มีความเฉลียวฉลาดมากขึ้น

160 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ
Engage ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู

หน่วยการเรียนรู้ที่
การปฏิบัติตน
๘ 1. อธิบายประโยชนของหลักธรรมคําสอนของ
พระพุทธศาสนาได
2. ใชหลักธรรมทางศาสนาเปนหลักในการ
ดําเนินชีวิตได
ตามหลักธรรม 3. ปฏิบตั ติ นตามหลักธรรมทางศาสนาทีต่ นนับถือ
เพื่อการอยูรวมกันอยางสันติสุขได
ทางพระพุทธศาสนา
สมรรถนะของผูเรียน
1. ความสามารถในการคิด
2. ความสามารถในการแกปญหา
ตัวชี้วัด 3. ความสามารถในการใชทักษะชีวิต
● วิเคราะห์การปฏิบัติตนตามหลักธรรมทาง
ศาสนาที่ตนนับถือ เพื่อการดำารงตนอย่าง
เหมาะสมในกระแสความเปลีย่ นแปลงของโลก
และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข คุณลักษณะอันพึงประสงค
(ส ๑.๑ ม.๒/๑๑)
1. รักชาติ ศาสน กษัตริย
2. อยูอ ยางพอเพียง

สาระการเรียนรู้แกนกลาง
● การปฏิบตั ติ นตามหลักธรรม กระตุน้ ความสนใจ Engage
(ตามสาระการเรียนรูข้ อ้ ๘)
1. ครูใหนักเรียนชวยกันยกตัวอยางวา พระธรรม
คําสั่งสอนของพระพุทธเจามีอะไรบาง
ËÅÑ¡¸ÃÃÁ¤íÒÊ͹¶×Í໚¹ËÑÇã¨ÊíÒ¤ÑÞÊíÒËÃѺ·Ø¡ÈÒÊ¹Ò โดยออกมาเขียนบนกระดานหนาชั้นเรียน
¾Ãоط¸ÈÒʹҡçઋ¹à´ÕÂǡѺÈÒʹÒÍ×¹è ·ÕÁè ¾Õ ÃиÃÃÁ¤íÒÊ͹ (แนวตอบ เชน อริยสัจ 4 พรหมวิหาร 4
¢Í§¾ÃÐ¾Ø · ¸à¨Œ Ò à»š¹ËÑÇã¨ÊíÒ¤ÑÞÊíÒËÃѺ¾Ø·¸ÈÒʹԡª¹ อิทธิบาท 4 วุฒิธรรม 4 ขันธ 5 ทิศ 6
â´ÂËÅÑ¡¸ÃÃÁµ‹Ò§æ ä´Œ¡Í‹ à¡Ô´»ÃÐ⪹µÍ‹ ¡ÒèÃÃâŧÊѧ¤Á สังคหวัตถุ สาราณียธรรม 6 เปนตน)
ãˌʧºÊØ¢ÀÒÂ㵌¡ÃÐáʤÇÒÁà»ÅÕÂè ¹á»Å§¢Í§âÅ¡ â´Â੾ÒÐ
2. ครูสุมถามคําถามนักเรียนวา
ËÅÑ¡¸ÃÃÁ¡ÒÃÍÂًËÇÁ¡Ñ¹Í‹ҧÊѹµÔÊØ¢
´ŒÇÂà˵عËéÕ ÅÑ¡¸ÃÃÁ¤íÒÊ͹¢Í§¾Ãоط¸ÈÒʹҨ֧໚¹ • นักเรียนใชหลักธรรมใดบางใน
ËÅÑ¡¸ÃÃÁ·Õ´è §Õ ÒÁ ÁÕ¤ÇÒÁ໚¹à˵Ø໚¹¼Å áÅÐÊÒÁÒö¾Ôʨ٠¹ä´Œ การดําเนินชีวิตและนํามาปฏิบัติอยางไร
´ŒÇ¡Òû¯ÔºµÑ Ô ¾Ø·¸ÈÒʹԡª¹·Õ´è ¨Õ §Ö ¤ÇÃÈÖ¡ÉÒáÅл¯ÔºµÑ µÔ ¹
µÒÁËÅÑ¡¤íÒÊ͹ Íѹ¨Ð¹íÒä»ÊÙ¡‹ Òû¯ÔºµÑ µÔ ¹ã¹·Ò§·Õ¶è ¡Ù µŒÍ§
´Õ§ÒÁ «Ö觨С‹ÍãËŒà¡Ô´»ÃÐ⪹µ‹Íµ¹àͧáÅÐÊѧ¤Áä´Œã¹
͹Ҥµ

เกร็ดแนะครู
การเรียนรูเกี่ยวกับการปฏิบัติตนตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา เพื่อให
นักเรียนตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงในยุคโลกาภิวัตนหรือยุคดิจิทัล ที่กระแส
วัฒนธรรมตะวันตกแพรกระจายเขามาเปนจํานวนมาก จึงตองมีการนําหลักธรรม
มาใชในการปรับตัวและปฏิบัติตนใหเหมาะสมกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก
โดยครูควรจัดกิจกรรม ดังนี้
• เขียนเรียงความเรื่อง วิธีการปฏิบัติตนใหเหมาะสมกับกระแสการเปลี่ยนแปลง
ของโลก เพือ่ ใหนกั เรียนสามารถนําหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาปรับใชใน
การประพฤติปฏิบัติใหเหมาะสมกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก
• จัดทําผังมโนทัศนแสดงหลักการปฏิบัติตนเพื่อการอยูรวมกันอยางสันติสุข
• จัดทําบันทึกการนําหลักธรรมในการอยูรวมกันอยางสันติสุขมาปรับใชใน
ชีวิตประจําวัน เพื่อใหนักเรียนสามารถประยุกตใชหลักธรรมพระพุทธศาสนา
ในการดําเนินชีวิตและอยูรวมกับผูอื่นไดอยางสันติสุข

คู่มือครู 161
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
Engage Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
ครูนําขาวหรือบทความเกี่ยวกับการประพฤติตน
ทีไ่ มเหมาะสมเพือ่ แลกกับการไดมาซึง่ สินคาฟุม เฟอย ๑. การปฏิบัติตนอย่างเหมาะสมในกระแสความเปลี่ยนแปลง
เชน การทุจริตคอรรัปชันในหนาที่การงาน ของโลก
การเอารัดเอาเปรียบผูอื่น การเพิ่มเวลาทํางาน
ในปัจจุบนั สังคมมนุษย์มกี ารเปลีย่ นแปลงอยูต่ ลอดเวลา วิทยาการสาขาต่างๆ เช่น วิทยาศาสตร์
เปนตน มาสนทนากับนักเรียน แลวชวยกันแสดง
เทคโนโลยี มีความเจริญก้าวหน้ามากขึ้นตามล�าดับ ท�าให้วิถีชีวิตของมนุษย์มีการเปลี่ยนแปลงไป
ความคิดเห็นวา เพราะเหตุใด บุคคลในขาวจึงยอม
อย่างมาก ตัวอย่างเช่น การกินอยูข่ องมนุษย์ตลอดจนสุขภาพอนามัยได้รบั การพัฒนาให้ดขี นึ้ เรือ่ ยๆ
กระทําการดังกลาวเพื่อแลกกับสิ่งตางๆ
แม้ว่าความยากจนและความอดอยากจะยังมีอยู่ในดินแดนส่วนต่างๆ ของโลก แต่สภาพการณ์
ปัจจุบันก็ดีกว่าสมัยก่อนมาก โดยเฉพาะการคมนาคมขนส่ง ถ้าเทียบเวลานี้กับเมื่อ ๑๕๐ ปีที่แล้ว
ส�ารวจค้นหา Explore
ความเร็วและความสะดวกสบายจะต่างกันมาก ตัวอย่างเช่น ก่อนที่จะมีเครื่องบิน การเดินทางโดย
นักเรียนศึกษาและสืบคนขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ใช้เรือจากเมืองไทยไปทวีปยุโรป อาจใช้เวลาเป็นแรมเดือน แต่ปัจจุบันใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง
การปฏิบัติตนอยางเหมาะสมในกระแสความ ส่วนคอมพิวเตอร์ก็นับเป็นสิ่งมหัศจรรย์อีกสิ่งหนึ่งที่มนุษย์สร้างสรรค์และประดิษฐ์ขึ้นมา
เปลี่ยนแปลงของโลก จากหนังสือเรียนหนา คอมพิวเตอร์นอกจากจะเป็นเครื่องทุ่นแรง และทุ่นสมองแล้ว ยังช่วยท�าให้โลกมีความเป็นอันหนึ่ง
162-165 หรือจากแหลงเรียนรูอื่นๆ เชน หองสมุด อันเดียวกันมากขึน้ กล่าวคือ มีการติดต่อสือ่ สารกันผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ท�าให้สามารถรับรูข้ อ้ มูล
อินเทอรเน็ต ผูที่มีความรูดานหลักธรรม ญาติผูใหญ ที่ถูกต้อง ชัดเจน รวดเร็ว อย่างทั่วถึงทุกมุมโลก และในอนาคตอันใกล้นี้ การน�าหุ่นยนต์มาเป็น
เปนตน เพื่อนําขอมูลมาอภิปรายและแลกเปลี่ยน เครื่องทุ่นแรงให้มนุษย์จะกลายเป็นเรื่องธรรมดาส�าหรับผู้คนในสังคมเมือง
เรียนรูซึ่งกันและกันในชั้นเรียน จากที่กล่าวมานี้เป็นการเปลี่ยนแปลงทางวั 1 ตถุในสังคมมนุษย์ และการเปลี่ยนแปลงทาง
วัตถุนี้ก็ท�าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและจิตใจตามมา ซึ่งมีความส�าคัญไม่น้อยกว่าการ
อธิบายความรู้ Explain เปลี่ยนแปลงทางวัตถุ
โลกและสั ง คมมนุ ษ ย์ ใ นกระแสความ
1. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายถึงความหมาย เปลี่ยนแปลงของโลกยุคปัจจุบัน เรียกว่าอยู่
ของคําวา บริโภคนิยม วัตถุนิยม และทุนนิยม ในยุ ค แห่ ง การ “บริ โ ภคนิ ย ม” ซึ่ ง หมายถึ ง
จากนั้นนักเรียนชวยกันวิเคราะหวา บริโภคนิยม การได้กินมากๆ กินดีๆ และใช้มากๆ ใช้ดีๆ
วัตถุนิยม และทุนนิยมมีอิทธิพลตอความคิด มีความพอใจในความหรูหราฟุม่ เฟือย
และการดําเนินชีวิตของนักเรียนอยางไร พฤติกรรมการบริโภคของคนไทยในปัจจุบนั
2. ครูนําสนทนาถึงผลดีและผลเสียของการ มีความเปลีย่ นแปลงไปจากสมัยก่อนค่อนข้างมาก
แพรกระจายวัฒนธรรมตะวันตกเขามาสู จากอดีตทีป่ ระเทศไทยยังคงเป็นสังคมเกษตรกรรม
ประเทศไทย จากนั้นครูและนักเรียนรวมกัน มีการบริโภคเพือ่ การยังชีพ ต่อมาได้ปรับเปลีย่ น
วิเคราะหและอภิปรายเกีย่ วกับปจจัยทีส่ ง เสริมให ทีละเล็กละน้อยกลายเป็นสังคมอุตสาหกรรม ที่
กระแสวัฒนธรรมตะวันตกแพรกระจายเขามาสู การแพร่กระจายของวัฒนธรรมตะวันตก ทำาให้เกิดการ เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทในการด�ารงชีวิต
ประเทศไทยอยางรวดเร็ว เปลีย่ นแปลงในสังคมปัจจุบนั (จากภาพ) การรับเทคโนโลยี ท�าให้วิถีชีวิตความเป็นอยู่มีความสะดวกสบาย
การก่อสร้างจากสังคมตะวันตก
มากขึ้น
162

กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
ครูควรนําภาพผูคนที่มีฐานะยากจนและมีความอดอยากกับผูคนที่มีฐานะ ครูใหนักเรียนสืบคนขอมูล คานิยมการบริโภคของคนไทยในปจจุบัน
รํ่ารวยและใชชีวิตที่หรูหราฟุมเฟอยมาเปรียบเทียบใหนักเรียนดู แลวใหนักเรียน ที่นําไปสูการบริโภคนิยม พรอมทั้งวิเคราะหขอดี ขอเสียจากพฤติกรรม
แสดงความคิดเห็นที่มีตอภาพดังกลาว จากนั้นครูสรุปใหนักเรียนฟงถึงความ การบริโภคดังกลาว สรุปสาระสําคัญ เพื่อนํามาอภิปรายในชั้นเรียน
ไมเทาเทียมกันที่ยังมีอยูมากในสังคมโลก ซึ่งเราจะตองรูจักปรับตัวเพื่อใหสามารถ
ดํารงชีวิตอยูในสังคมไดอยางสงบสุข

กิจกรรมทาทาย
นักเรียนควรรู
1 การเปลี่ยนแปลงทางสังคม คือ การที่ระบบสังคม กระบวนการ แบบอยาง ครูมอบหมายใหนักเรียนเขียนเรียงความเรื่อง พระพุทธศาสนากับวิธี
หรือรูปแบบทางสังคม เชน ขนบธรรมเนียมประเพณี ระบบครอบครัว ระบบการ การแกปญหาสังคมบริโภคนิยมของประเทศไทย ความยาวไมเกิน
ปกครอง ไดเปลี่ยนแปลงไป ไมวาจะเปนดานใดก็ตามการเปลี่ยนแปลงทางสังคมนี้ 1 หนากระดาษ A4 แลวนําสงครูผูสอน เพื่อคัดเลือกผลงานที่ดีเยี่ยม
อาจจะเปนไปในทางกาวหนาหรือถดถอย เปนไปไดอยางถาวรหรือชั่วคราว โดยมี ใหมาอภิปรายหนาชั้นเรียน
การวางแผนใหเปนไปหรือเปนไปเอง และเปนประโยชนหรือใหโทษก็ไดทั้งสิ้น
162 คู่มือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. ครูนําสนทนาเกี่ยวกับมัชฌิมาปฏิปทาหรือทาง
การรับอารยธรรมจากตะวันตก ค่านิยมที่เปลี่ยนแปลงไป ล้วนเป็นปัจจัยให้พฤติกรรมของ สายกลาง แลวตั้งประเด็นคําถามใหนักเรียน
มนุษย์โดยเฉพาะอย่างยิง่ ในสังคมเมือง มีวถิ กี ารด�าเนินชีวติ และการบริโภคทีเ่ คยเป็นไปเพือ่ ความ ชวยกันตอบวา
อยู่รอด กลายเป็นวิถีการด�าเนินชีวิตและบริโภคเพื่อความชอบของแต่ละบุคคล และตามฐานะทาง • สิ่งสุดขั้ว 2 ทางที่พระพุทธเจาทรงคนพบวา
ครอบครัวและสังคม โดยเฉพาะผู้คนในสังคมเมืองทุกวันนี้ การบริโภคส่วนใหญ่ใช้จ่ายในประเภท ไมสามารถนําไปสูการหลุดพนคืออะไรบาง
สินค้าฟุ่มเฟือย มีการซื้อและใช้สินค้าที่มาจากต่างประเทศเพื่อการยอมรับทางสังคม (แนวตอบ สิ่งสุดขั้วขางหนึ่ง คือ การทรมาน
ตนเองและการอดอาหารเหลือแตหนังหุม
1.1 การปฏิบัติตนของชาวพุทธ กระดูก สิ่งสุดขั้วอีกขางหนึ่ง คือ
การปฏิบตั ติ นของเราต้องอยูภ่ ายใต้กรอบหลักธรรมค�าสอนของพระพุทธศาสนา เน้นความสุข การหมกมุนมัวเมากับความสุขทางเนื้อหนัง
สงบทางจิตใจมากกว่าวัตถุ และสอนให้เดินทางสายกลาง และเรียกหลักนี้ว่า “มัชฌิมาปฏิปทา” หรือทางเพศ)
ก่อนที่พระพุทธองค์ตรัสรู้ พระองค์เคยทดลองวิธีการต่างๆ ที่คนสมัยนั้นเชื่อกัน เคยทรมานตัวเอง • มัชฌิมาปฏิปทาหรือทางสายกลางที่
เคยอดอาหารเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก นี่เป็นสิ่งสุดขั้วข้างหนึ่ง ส่วนสิ่งสุดขั้วอีกข้างหนึ่งนั้นก็คือ พระพุทธเจาทรงเทศนาไว อยูใ นเหตุการณใด
การหมกมุ่นมัวเมากับความสุขทางเนื้อหนัง ทรงพบว่าทั้ง ๒ ทางนี้ไม่น�าไปสู่การตรัสรู้ จึงทรง ในพุทธประวัติ และการเทศนาครั้งนั้นมี
ทดลองปฏิบัติทางสายกลาง ปรากฏว่าได้ผล ทางสายกลางได้น�าไปสู่สัจธรรมของชีวิต นี่คือ สาระสําคัญอะไรบาง
หลักทางสายกลางดั้งเดิม ซึ่งเราสามารถประยุกต์หลักดั้งเดิมได้กับทุกอย่าง พระพุทธศาสนามิได้ (แนวตอบ มัชฌิมาปฏิปทาหรือทางสายกลาง
ปฏิเสธความสุขทางกาย แต่เตือนให้ระมัดระวัง เพราะความสุขทางวัตถุเป็นสิ่งไม่จีรัง พระพุทธเจาตรัสไวในวันอาสาฬหบูชา
พระพุทธศาสนามิได้ปฏิเสธความมั่งคั่ง หากความมั่งคั่งนั้นได้มาจากการไม่ 1 เบียดเบียนตน ซึ่งพระพุทธเจาแสดงธรรมปฐมเทศนา
และผู้อื่น ความหรูหราฟุ่มเฟือยก็ไม่มีอะไรผิดส�าหรับคนทั่วไปที่ยังเป็นปุถุชนอยู่ แต่ต้องระลึก ใหแกปญจวัคคียในวันขึ้น 15 คํ่า
เสมอว่าอาจเสือ่ มสูญไปได้วนั หนึง่ พระพุทธศาสนามิได้เชิดชูความยากจน แต่สอนว่าความยากจน เดือน 8 พระองคทรงเทศนาเรื่องธัมมจัก-
เป็ น บ่ อ เกิ ด ของอาชญากรรม และการที่ จ ะ กัปปวัตตนสูตร ซึ่งมีสาระสําคัญเกี่ยวกับ
พ้นจากความยากจนให้มีฐานะขึ้นมานั้นก็ต้อง การปฏิเสธสิง่ สุดขัว้ 2 อยาง แตใหปฏิบตั ติ าม
เป็นไปโดยชอบ 2 มัชฌิมาปฏิปทา ซึง่ เปนแนวทางในการปฏิบตั ิ
พระพุทธศาสนาสอนเรื่องสันโดษ สันโดษ เพื่อบรรลุถึงอริยมรรคมีองค 8)
มิได้แปลว่า มักน้อย อย่างทีค่ นบางคนเข้าใจกัน 2. ครูใหนักเรียนยกตัวอยางเหตุการณในชีวิต
แปลว่า ยินดีในสิ่งที่ตนหาได้อย่างชอบธรรม ประจําวันทีน่ กั เรียนสามารถนํามัชฌิมาปฏิปทา
ความมักน้อยเป็นธรรมของผู้สละโลกถือบวช หรือทางสายกลางไปใชในการแกปญหาได
แต่ชาวบ้านแสวงหาความสุขทางวัตถุให้มากขึน้ โดยบันทึกลงในสมุด แลวนําสงครูผูสอน
ได้ หากเกิดจากความขยันหมั่นเพียรของตน
และไม่เบียดเบียนตนหรือผูอ้ นื่ ผูท้ ที่ �างานพิเศษ
ตอนเย็นเพื่อให้ครอบครัวมีความเป็นอยู่ดีขึ้น 3
พระสงฆ์เป็นผูท้ มี่ วี ตั รปฏิบตั อิ ย่างสันโดษในการดำาเนินชีวติ
มิได้ทา� อะไรผิดจากพุทธธรรมหากเดินสายกลาง พุทธศาสนิกชนที่ดีควรถือเป็นแบบอย่าง

163

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T นักเรียนควรรู
“...ในหมูบานไกลๆ ที่ฉันไป เขามี TV ดู แตใชแบตเตอรี่ เขาไมมีไฟฟา
1 ปุถุชน คือ คนธรรมดาหรือสามัญชนที่ยังคงมีกิเลส ซึ่งยังไมไดเปนอริยบุคคล
แตถา Sufffiiciency นั้น มี TV เขาฟุมเฟอย เปรียบเสมือนคนไมมีสตางค
หรือพระอริยะ มี 2 จําพวก คือ อันธปุถุชน หมายถึง บุคคลผูไมมีการเรียน
ไปตัด Suit และยังใส Necktie Versace อันนี้ก็เกินไป...”
การสอบสวน การฟง การทรงจํา และการพิจารณาในขันธ ธาตุ และอายตนะ
พระราชดํารัสในรัชกาลที่ 9 ขางตนตรงกับขอใดมากที่สุด
และ กัลยาณปุถชุ น หมายถึง บุคคลผูท ไี่ ดมกี ารเรียน การสอบสวน การฟง การทรงจํา
1. ความสุขทางวัตถุเปนสิ่งไมจีรัง
และการพิจารณาในขันธ ธาตุ และอายตนะ
2. ความมักนอยเปนธรรมของผูสละโลก
3. ความเพียงพอคือการรูจักประมาณตนวาแคไหนพอเพียง 2 สันโดษ เปนมงคลขอที่ 24 ในมงคล 38 ประการ หมายถึง ความยินดี หรือ
4. ความหรูหราฟุมเฟอยก็ไมมีอะไรผิดสําหรับคนทั่วไปที่ยังเปนปุถุชน ความพอใจ ตามมี ตามได ตามกําลัง และความจําเปนของตน พรอมทั้งมีความ
ขยันหมั่นเพียรหาเลี้ยงชีพดวยความสุจริต
แนวตอบ ตอบขอ 3. เนื่องจากพระราชดํารัสในขางตนนั้น กลาวถึงความ
พอเพียงของแตละบุคคลที่มีไมเหมือนกัน ทั้งนี้จะตองมีความเหมาะสมกับ 3 วัตรปฏิบัติ หมายถึง การปฏิบัติสิ่งที่พึงปฏิบัติอันเปนกิจวัตรประจํา
ฐานะความเปนอยูของตน ซึ่งตรงกับการเดินทางสายกลางหรือมัชฌิมา เปนหนาที่บาง หรือเปนธรรมเนียมปฏิบัติที่ดีงามซึ่งปฏิบัติกันตอมาในฝายพระ
ปฏิปทา โดยเราตองเตือนตัวเองอยูเสมอวาตองรูจักพอ รูจักประมาณตนวา เชน การปฏิบัติดูแลพระอุปชฌาย การปลงอาบัติ การรักษามารยาทในการขบฉัน
แคไหนพอเพียง ซึ่งคนแตละคนก็มีระดับความพอเพียงไมเหมือนกัน ดังนั้น การปฏิบัติตามธรรมเนียมในการนุงหม เปนตน
ขอ 3. จึงเปนคําตอบที่ถูกตอง
คู่มือครู 163
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. ครูนําสนทนาถึงอริยทรัพย 7 วาเปนทรัพย
อันประเสริฐ เปนทรัพยภายในที่จะติดตัวไป อย่างไรก็ตาม เราต้องเตือนตนเองอยูเ่ สมอว่าต้องรูจ้ กั พอ รู้จักประมาณว่าแค่ไหนพอเพียง
ตลอดชีวิต จากนั้นครูตั้งประเด็นคําถามเพื่อฝก ซึ่งคนแต่ละคนระดับความพอเพียงอาจไม่เหมือนกัน
ทักษะการคิดของนักเรียน ดังนี้ พระพุทธศาสนาสอนให้คนแข่งขันกัน แต่แข่งขันในการท�าความดี มีความเอื้อเฟื้อต่อผู้อื่น
• อริยทรัพย 7 มีความสําคัญในการดําเนินชีวิต มีการแข่งขันโดยชอบธรรม ไม่เอาเปรียบ ไม่โกง ไม่ทุจริตซึ่งกันและกัน ชัยชนะที่ได้จากการท�า
ของนักเรียนอยางไร และนักเรียนสามารถ ผิดศีลธรรม มิใช่สงิ่ ทีจ่ ะได้รบั การสรรเสริญจากพระพุทธศาสนา การแก่งแย่งประหัตประหารกันนัน้
นําไปประยุกตใชไดอยางไรบาง เกิดจากความโลภ พระพุทธศาสนาสอนให้ระงับและลดความโลภเพื่อความเป็นศัตรูในหมู่มนุษย์
(แนวตอบ อริยทรัพย 7 เปนทรัพยที่ชวยใหชีวิต จะได้น้อยลง
มีความเจริญกาวหนา เพราะเปนทรัพยที่ไมมี
ใครเอาไปได โดยสามารถนําไปประยุกตใชกับ
1.2 อริยทรัพย์ 7
การศึกษาเลาเรียน การทํางานของตนเอง ในพระพุทธศาสนามีหลักธรรม ซึ่งสอดคล้องกับการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสมในกระแสการ
รวมถึงสามารถนําความรูความสามารถไป เปลี่ยนแปลงของโลก คือ หลักธรรมที่มีชื่อว่า “อริยทรัพย์”
ชวยเหลือผูอื่นตอไป) ในสังคมบริโภคนิยม ผู้คนต่างแข่งขันกันหาเงินเพื่อน�ามาซื้อสิ่งต่างๆ เพื่อการอุปโภคบริโภค
2. ครูใหนักเรียนจับคูแลวผลัดกันบอกอริยทรัพย ซึ่งการแข่งขันนี้อาจส่งผลท�าให้เกิดความเครียดได้ เราควรหาหลักเพื่อจะช่วยให้การแข่งขันนี้
ที่แตละคนพึงมี โดยใหยกตัวอยางสถานการณ ลดความเข้มข้นลง พระพุทธศาสนาได้ให้ค�าสอนเรื่องนี้แก่เรา เรียกว่า “อริยทรัพย์” หมายถึง
ที่แสดงถึงอริยทรัพยขอนั้นๆ จากนั้นครูให ทรัพย์อันประเสริฐ ทรัพย์อันเป็นคุณธรรมประจ�าใจอย่างประเสริฐ
นักเรียนรวมกันอภิปรายและเสนอแนะแนวทาง ในทางพระพุทธศาสนามีการแบ่งทรัพย์ออกเป็นประเภทกว้างๆ ได้ ๒ ชนิด คือ ทรัพย์
การพัฒนาตนเองใหมีอริยทรัพยขออื่นๆ ภายนอกและทรัพย์ภายใน ทรัพย์ภายนอก หมายถึง ทรัพย์สมบัติที่เป็นวัตถุทั่วๆ ไป เช่น เงินทอง
ใหครบทั้ง 7 ขอ บ้านเรือน ยานพาหนะ
3. ครูใหนักเรียนชวยกันบอกความหมายของ ส่วนทรัพย์ภายใน หมายถึง อริยทรัพย์
คําวา “หิริ” และ “โอตตัปปะ” วามีความ ได้แก่ คุณสมบัติที่ฝังแน่นอยู่ภายในใจ จัดเป็น
แตกตางกันอยางไร และเมื่อรวมกันเปนคําวา ทรัพย์อนั ประเสริฐ ผูม้ ที รัพย์ภายในย่อมหาทรัพย์
“หิริโอตตัปปะ” หมายถึงอะไร โดยใหนักเรียน ภายนอกได้ และย่อมสามารถพึ่งพาตนเองได้
ยกตัวอยางเหตุการณของบุคคลทีม่ หี ริ โิ อตตัปปะ ตลอดไป ส่วนทรัพย์ภายใน หรืออริยทรัพย์ ซึ่ง
ประกอบการอธิบาย แปลว่า ทรัพย์อนั ประเสริฐมี ๗ อย่าง ดังต่อไปนี้
4. ครูยกตัวอยางเหตุการณหรือเรื่องราว แลวให (๑) ศรัทธา หมายถึง ความเชือ่ ทีม่ ี
นักเรียนใชปญญาแยกแยะวาควรทําหรือไม เหตุผล มัน่ ใจในหลักทีถ่ อื และในความดีทที่ า� หรือ
ควรทํา เพราะเหตุใด เชน การหนีเรียน การ หมายถึง ความเลื่อมใสศรัทธาในพระธรรม
ลอกขอสอบ การหลับในหองเรียน การนินทา (๒) ศีล หมายถึง การรักษากาย
อาจารย การลอชื่อพอแมเพื่อน การชวย วาจาให้เรียบร้อย ประพฤติถูกต้องดีงาม
ครูถือของ การพาคนแกขามถนน การชวย นักเรียนสามารถนำาหลักอริยทรัพย์มาประยุกต์ใช้ในการ (๓) หิริ หมายถึง ความละอายใจ
ดำาเนินชีวิต โดยการเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือสังคม
งานบานพอแม การติวหนังสือใหเพื่อน เปนตน ต่อการท�าความชั่ว
164

ขอสอบเนน การคิด
บูรณาการ
เศรษฐกิจพอเพียง แนว  NT  O-NE T
สุรีรัตนไปฟงธรรมที่วัดกับคุณยายเปนประจําตั้งแตเด็กจนถึงปจจุบัน
“เงินทองของมายา ขาวปลาสิของจริง” คําพูดนี้มักปรากฏใหเห็นอยูเสมอ จึงทําใหเธอเปนคนที่มีความเลื่อมใสในพระธรรมคําสอนของพระพุทธเจา
ในหนังสือ หรือบทความเกี่ยวกับปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จากคําพูดดังกลาว อยางแทจริง สุรีรัตนเปนผูมีอริยทรัพยในขอใด
ครูใหนักเรียนปฏิบัติ ดังนี้ 1. ศีล - จาคะ
• รวมกันตีความ เพื่อคนหาความหมาย ขอคิด และวัตถุประสงคของคําพูด 2. หิริ - ปญญา
ดังกลาว 3. จาคะ - โอตตัปปะ
• รวมกันวิเคราะหวา เพราะเหตุใดคนสวนใหญในสังคมปจจุบัน จึงใหความ 4. ศรัทธา - พาหุสัจจะ
สําคัญกับ “เงินทอง” มากกวา “ขาวปลา” และจะมีแนวทางใดบางที่ทําให
คนเหลานั้นเปลี่ยนความคิดมาใหความสําคัญกับขาวปลามากขึ้น วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. จากการที่สุรีรัตนไปฟงธรรมที่วัดกับ
คุณยายเปนประจําตั้งแตเด็กจนถึงปจจุบัน จึงทําใหเธอเปนผูที่ไดยิน ไดฟง
ไดศึกษาพระธรรมคําสอนตางๆ เปนอยางมาก ซึ่งตรงกับอริยทรัพยขอ
พาหุสัจจะ และการที่เธอเปนผูที่มีความเลื่อมใสศรัทธาในพระธรรมคําสอน
ของพระพุทธเจาอยางแทจริง ตรงกับอริยทรัพยขอศรัทธา ดังนั้น ขอ 4.
จึงเปนคําตอบที่ถูกตอง

164 คู่มือครู
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู้ Explain
ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 8.1 จากแบบวัดฯ
(๔) โอตตัปปะ หมายถึง ความเกรงกลัวต่อผลของการท�าความชั่ว พระพุทธศาสนา ม.2
(๕) พาหุสัจจะ หมายถึง ความเป็นผู้ได้ศึกษาเล่าเรียนมาก เป็นผู้ได้ยินได้ฟังมาก ✓ แบบวัดฯ
ใบงาน แบบฝกฯ
(๖) จาคะ หมายถึง ความเสียสละ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ พระพุทธศาสนา ม.2 กิจกรรมที่ 8.1
(๗) ปัญญา หมายถึง ความรู้ความเข้าใจถ่องแท้ในเหตุผล สามารถแยกแยะเหตุผล หนวยที่ 8 การปฏิบัติตนตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
ดีชั่วถูกผิด คุณโทษ ประโยชน์ มิใช่ประโยชน์ รู้คิด รู้พิจารณา และรู้ที่จะจัดท�า กิจกรรมตามตัวชี้วัด
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได

ในทางพระพุทธศาสนาถือว่า ทรัพย์ภายในหรืออริยทรัพย์มีคุณค่ากว่าทรัพย์ภายนอก เพราะ กิจกรรมที่ ๘.๑ ใหนกั เรียนศึกษาคนควาหลักอริยทรัพย แลวนํามาเขียนลงใน


แผนภูมิที่กําหนดให (ส ๑.๒ ม.๒/๑๑)
ñð

ไม่มีผู้ใดแย่งชิงไปได้ ไม่สูญหายไปด้วยภัยอันตรายต่างๆ ท�าใจให้ไม่อ้างว้างยากจน และเป็นทุน แนวทางแกไขปญหาการปฏิบัติตนในปจจุบัน

สร้างทรัพย์ภายนอกได้ด้วย
ใชหลักธรรมอริยทรัพย (ทรัพยอันประเสริฐ)

๒. การปฏิบัติตนเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ประกอบดวย
การอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขคือการอยู่ร่วมกันโดยปราศจากความรุนแรง คนเรามีความเห็น ฉบับ
เฉลย
ขัดแย้งกันได้ แต่ไม่จา� เป็นต้องมีความรุนแรง คือ มีความคิดเห็นต่างกันแต่ไม่ทา� ร้ายกัน การท�าร้าย ความเชื่อที่มีเหตุผล
ศรัทธา หมายถึง……………………………………………..
มั่นใจในหลักที่ถือและในความดีที่ทํา
……………………………………………………………………………..
ความเกรงกลัวตอ
โอตตัปปะ หมายถึง………………………………………..
ผลของการทําความชั่ว
……………………………………………………………………………..

กันมีได้ ๓ ทาง ได้แก่ ทางกาย เช่น ตีด้วยของแข็ง ยิงด้วยปืน ใช้ก�าลังขวางทางเพื่อไม่ให้ไป


การรักษากาย วาจา
ศีล หมายถึง…………………………………………………….. ความเปนผูไดศึกษา
พาหุสจั จะ หมายถึง……………………………………….
ทางวาจา เช่น ด่าด้วยถ้อยค�าหยาบคาย พูดประชด พูดเสียดสี เป็นต้น และทางใจ เช่น แช่งในใจ ใหเรียบรอยประพฤติถูกตองดีงาม
…………………………………………………………………………….. เลาเรียนมาก เปนผูไดยินไดฟงมาก
……………………………………………………………………………..

คิดพยาบาท เป็นต้น วิธีการแก้ปัญหาเกี่ยวกับความรุนแรง มีดังนี้ ความละอายใจตอการทํา


หิริ หมายถึง…………………………………………………….. ความเสียสละ
จาคะ หมายถึง ……………………………………………….
ความชั่ว
…………………………………………………………………………….. ความเอื้อเฟอเผื่อแผ
……………………………………………………………………………..

2.1 ความรุนแรงกับความยุติธรรม
ความรู ความเขาใจถองแทในเหตุผล สามารถแยกแยะเหตุผล ดีชวั่ ถูกผิด คุณโทษ
ปญญา หมายถึง……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
สถานที่ใดก็ตามที่ไม่มีความยุติธรรมมักจะมีความรุนแรงเกิดขึ้น บางทีคนเราก็มีความเห็น ประโยชน มิใชประโยชน รูคิด รูพิจารณา และรูที่จะจัดทํา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

ต่างกันว่าอย่างนี้ยุติธรรมหรือไม่ น�ามาซึ่งความล�าเอียง อันเป็นที่มาแห่งความไม่ยุติธรรม ๗๕

มีด้วยกัน ๔ ประการ หรือที่เรียกว่า อคติ ๔ ได้แก่ ทางความประพฤติที่ผิด มี ๔ อย่าง ดังนี้


(๑) ฉันทาคติ คือ ความล�าเอียงเพราะชอบ หมายถึง การกระท�าสิ่งที่ไม่ควรท�าด้วย
ความชอบพอรักใคร่กัน เช่น การให้ลาภให้ยศ หรือการตัดสินความต่างๆ ด้วยอ�านาจความพอใจ
ขยายความเข้าใจ Expand
รักใคร่ ย่อมท�าให้เสียความเป็นธรรม ครูใหนักเรียนเขียนเรียงความเรื่อง วิธีการ
(๒) โทสาคติ คือ ความล�าเอียงเพราะชัง หมายถึง การกระท�าสิง่ ทีไ่ ม่ควรท�าด้วยความ ปฏิบัติตนใหเหมาะสมกับกระแสการเปลี่ยนแปลง
เกลียดชังไม่ชอบกัน การไม่ให้ลาภไม่ให้ยศ การตัดสินความต่างๆ ด้วยความเกลียดชัง ย่อมท�าให้ ของโลก โดยใหยกตัวอยางหลักธรรมทางพระพุทธ-
เสียความเป็นธรรม ศาสนาที่สามารถนํามาใชเปนหลักในการดําเนิน
(๓) โมหาคติ คือ ความล�าเอียงเพราะหลงหรือความเขลา หมายถึง การกระท�าสิ่งที่ ชีวิตใหเหมาะสมกับกระแสการเปลี่ยนแปลง
ไม่ควรท�าด้วยความโง่เขลา เช่น การให้ลาภให้ยศหรือไม่ให้ และการตัดสินความต่างๆ ด้วยอ�านาจ ดังกลาวอยางนอย 3 หลักธรรม ความยาวไมเกิน 1
ความโง่เขลาย่อมท�าให้เสียความเป็นธรรม หนากระดาษ A4 แลวนําสงครูผูสอน
(๔) ภยาคติ คือ ความล�าเอียงเพราะกลัว หมายถึง การกระท�าสิง่ ทีไ่ ม่ควรท�าด้วยความ
กลัว เช่น การให้ลาภ ให้ยศ ตัดสินความด้วยอ�านาจแห่งความกลัว ย่อมท�าให้เสียความเป็นธรรม ตรวจสอบผล Evaluate
165 ตรวจสอบจากเรียงความเรือ่ ง วิธกี ารปฏิบตั ติ นให
เหมาะสมกับกระแสการเปลีย่ นแปลงของโลก

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T บูรณาการอาเซียน
อรพิมตัดสินใจลาออกจากงาน เนื่องจากไมพอใจที่หัวหนาใหความ
ครูอธิบายนักเรียนเกี่ยวกับความหลากหลายทางศาสนาของประเทศสมาชิก
ยุติธรรมกับลูกนองไมเทาเทียมกัน การกระทําของอรพิมตรงกับอคติ 4
อาเซียน โดยอธิบายวาประชากรในประเทศสมาชิกอาเซียนมีการนับถือศาสนา
ในขอใด
แตกตางกันไป ทั้งศาสนาอิสลาม พระพุทธศาสนา และคริสตศาสนา ดังนั้น
1. ภยาคติ 2. โทสาคติ
เยาวชนไทยจะตองศึกษาประวัติ หลักคําสอน และขอปฏิบัติของศาสนาตางๆ
3. โมหาคติ 4. ฉันทาคติ
ใหเขาใจอยางถองแท เพื่อใหสามารถปฏิบัติตัวตอคนตางศาสนิกไดถูกตอง รวมทั้ง
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เนื่องจากโทสาคติเปนการกระทําสิ่งที่ เพื่อใหเกิดการยอมรับความแตกตาง ตลอดจนเคารพและใหเกียรติผูนับถือศาสนา
ไมควรทําดวยความเกลียดชัง ไมชอบกัน การไมใหลาภยศ การตัดสินความ ตางๆ จะไดสามารถอยูรวมกันไดอยางสันติสุข ซึ่งเรื่องของศาสนาถือเปนสวนหนึ่ง
ตางๆ ดวยความเกลียดชัง ยอมทําใหเสียความเปนธรรม ซึ่งการกระทํา ของประชาสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน อันเปนหนึ่งในสามเสาหลักของประชาคม
ของอรพิมนั้น ทําไปเนื่องดวยความเกลียดชังและความไมพอใจที่หัวหนา อาเซียน
ไมมีความยุติธรรมใหแกลูกนองทุกๆ คนอยางเทาเทียมกัน จึงทําใหเธอ
ตัดสินใจลาออก

คู่มือครู 165
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
Engage Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
ครูยกตัวอยางขาวความรุนแรงที่เกิดขึ้นใน
ประเทศไทยและตางประเทศ แลวใหนักเรียน อคติ ๔ อย่างนี้จัดเป็นอกุศลกรรม เป็นสิ่งที่ควรหลีกเว้น ไม่ควรประพฤติ บุคคลใดหลีกเว้น
ชวยกันวิเคราะหสถานการณความรุนแรงดังกลาว อคติเหล่านี้ บุคคลนั้นย่อมจะเป็นผู้เจริญด้วยเกียรติยศ มีผู้เคารพนับถือ มีผู้เชื่อฟังค�า และ
พรอมทั้งเสนอแนะแนวทางการปฏิบัติตนเพื่อการอยู มีผู้ยกย่องสรรเสริญ อคติ ๔ อย่างนี้เป็นอกุศลกรรม ท�าลายการปกครอง ผู้มีอ�านาจตัดสิน
รวมกันอยางสันติสุข เพื่อทรงไว้ซึ่งความยุติธรรม พึงเว้นอคติ ๔ ต้องวินิจฉัยด้วยปัญญา กล้าแสดงเหตุผลผิดถูก
ตัดสินอย่างเทีย่ งธรรม จึงจะได้ชอื่ ว่าเป็นผูบ้ ริสทุ ธิย์ ตุ ธิ รรม ผูป้ กครองทีห่ วังผลส�าเร็จในการปกครอง
ส�ารวจค้นหา Explore หวังความเจริญก้าวหน้าของหมู่คณะของสังคมส่วนรวม พึงประพฤติหลักเว้นอคติเหล่านี้
นักเรียนศึกษาและสืบคนขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ 2.2 ความรุนแรงกับความไม่รู้
การปฏิบัติตนเพื่อการอยูรวมกันอยางสันติสุขจาก ความรุนแรงในบางครั้งเกิดขึ้นเพราะความไม่รู้หรือความเข้าใจผิด ชาวพุทธที่ดีต้องหมั่น
หนังสือเรียนหนา 165-169 หรือจากแหลงเรียนรูอ นื่ ๆ แสวงหาความรู้เพื่อป้องกันมิให้เกิดความรุนแรง โดยปฏิบัติตนตามหลักวุฑฒิธรรม ๔ หรือวุฒิ ๔
เชน หองสมุด หรืออินเทอรเน็ต เปนตน คือ ธรรมเป็นเหตุแห่งความเจริญ หมายถึง คุณธรรมที่เป็นเครื่องเพิ่มพูนความเจริญงอกงาม
เพื่อนําขอมูลมาอภิปรายและแลกเปลี่ยนเรียนรู มี ๔ ประการ ดังนี้ 1
ซึ่งกันและกันในชั้นเรียน (๑) สัปปุริส2สังเสวะ แปลว่า เสวนาสัตบุรุษ หมายถึง การคบหาท่านผู้ทรงธรรมทรง
ปัญญาเป็นกัลยาณมิตร
อธิบายความรู้ Explain (๒) สัทธัมมัสสวนะ แปลว่า การฟังธรรม หมายถึง การฟังค�าแนะน�าสัง่ สอนของสัตบุรษุ
ด้วยความเคารพและน�าค�าที่ท่านสอนมาปฏิบัติตาม และเอาใจใส่ในการศึกษาเล่าเรียน
1. ครูสุมใหนักเรียนยกตัวอยางสถานการณที่ (๓) โยนิโสมนสิการ แปลว่า การท�าไว้ในใจโดยแยบคาย หมายถึง ตริตรอง พิจารณา
เกี่ยวกับความรุนแรง อันมีสาเหตุมาจากความ ธรรมที่ฟังแล้วด้วยปัญญา ให้รู้ว่าสิ่งใดดี สิ่งใด
ไมยุติธรรมที่นักเรียนพบเจอมาดวยตนเอง ไม่ดี สิ่งใดควร สิ่งใดไม่ควร และให้รู้ว่าค�าสอน
จากนั้นใหนักเรียนรวมกันอภิปรายในประเด็น ของท่านนั้น ตนควรปฏิบัติตามได้มากน้อย
เกี่ยวกับการนําหลักอคติ 4 มาปรับใชเพื่อขจัด เพียงไร เมือ่ ปฏิบตั แิ ล้วเกิดผลอย่างไร สามารถ
ความรุนแรงจากความอยุติธรรม จับสาระที่จะน�าไปใช้ประโยชน์ได้
2. ครูนําสนทนาเกี่ยวกับวุฑฒิธรรม 4 หรือ (๔) ธัมมานุธัมมปฏิปัตติ แปลว่า
ธรรมเปนเหตุแหงความเจริญ แลวใหนักเรียน การปฏิบตั ธิ รรมตามสมควรแก่ธรรม หมายถึง
วิเคราะหตนเองตั้งแตอดีตจนถึงปจจุบันวา สมควรแก่หน้าที่ สมควรแก่เพศ และสมควร
นักเรียนมีการประยุกตใชหลักวุฑฒิธรรมขอใดบาง แก่วัย กล่าวคือ ถูกต้องตามหลักการ
ในการดําเนินชีวติ ใหมคี วามเจริญกาวหนามากขึน้ 3
จากนั้นใหนักเรียนจับคูและเลาเหตุการณ
2.3 พรหมวิหาร 4 กับสันติสขุ
ดังกลาวใหเพื่อนฟง ความรุนแรงในบางครั้งเกิดจากการไม่มี
การปฏิบัติตามหลักวุฑฒิธรรม ๔ ช่วยให้การเรียนรู้ต่างๆ
มีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงทำาให้สามารถเขียนอ่านได้ดีขึ้น
น�า้ ใจ หรือไม่มคี วามเป็นมิตรต่อกัน พรหมวิหาร
ตามไปด้วย และยังทำาให้เรียนหนังสือได้ดีด้วย ๔ หมายถึง ธรรมประจ�าใจอันประเสริฐ
166

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว  NT  O-NE T
“ธีโร จ สุขสํวาโส ญาตีนํว สมาคโม” สอดคลองกับหลักวุฑฒิธรรม 4
1 สัตบุรุษ คือ คนที่มีสัมมาทิฐิ และเปนคนดีที่นานับถือ เพราะมีคุณธรรมและ
ขอใดมากที่สุด
ประพฤติตนอยูในกรอบของศีลธรรมอันดีงาม
1. สัปปุริสสังเสวะ
2 กัลยาณมิตร คือ มิตรที่ดีงามและนาคบหา เพราะเปนบัณฑิตที่พึงนับถือและ 2. สัทธัมมัสสวนะ
นําพาไปสูความเจริญในชีวิต 3. โยนิโสมนสิการ
3 พรหมวิหาร 4 หลักธรรมขอนี้ทําใหผูปฏิบัติเปนพรหม คือ ตามหลักธรรม 4. ธัมมานุธัมมปฏิปตติ
คําสอนในพระพุทธศาสนา มีความเชือ่ วา ถาเราเอาชนะความโลภ ความเห็นแกตวั ได วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เนื่องจากพุทธศาสนสุภาษิตที่วา ธีโร จ
ก็จะหลุดพนจากความทุกขเวทนา คือ หลุดพนจากการเวียนวายตายเกิด ทําใหอยู สุขสํวาโส ญาตีนํว สมาคโม แปลวา อยูรวมกับปราชญนําสุขมาให
ในสถานะพรหม คือ เปนผูประเสริฐและไมเกี่ยวของกับกาม เหมือนสมาคมกับญาติ มีความสอดคลองกับหลักธรรมสัปปุริสสังเสวะ
ซึ่งเปนหนึ่งในหลักธรรมของวุฑฒิธรรม 4 โดยสัปปุริสสังเสวะ หมายถึง
การคบหาทานผูทรงธรรมทรงปญญาเปนกัลยาณมิตร

166 คู่มือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายในประเด็น
พรหมวิหาร ๔ เป็นหลักธรรมที่ส�าคัญข้อหนึ่งที่จะช่วยให้คนเราอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข พรหมวิหาร 4 กับการอยูรวมกันในสังคมอยาง
มีความรัก ความเอื้ออาทรต่
1 อกัน ดังนี้ สงบสุข จากนั้นครูตั้งคําถามเพื่อใหนักเรียน
(๑) เมตตา คือ ความรักใคร่ ปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับความสุข ฝกทักษะการคิดวิเคราะห
(๒) กรุณา คือ ความสงสาร คิดช่วยให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ • ถาประชาชนทุกคนมีพรหมวิหาร 4 เปน
(๓) มุทิตา คื2อ ความยินดีด้วยเมื่อผู้อื่นมีความสุข หลักธรรมประจําใจ จะสงผลตอประเทศ
(๔) อุเบกขา คือ วางใจเป็นกลาง เมื่อเห็นผู้อื่นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขก็รับว่าทุกอย่าง ชาติและสังคมโลกอยางไร
เป็นไปตามกฎแห่งกรรมตามสมควรแก่เหตุ (แนวตอบ หากประชาชนมีพรหมวิหาร 4
เปนธรรมประจําใจ จะทําใหประเทศชาติ
เรื่องน่ารู้ มีความเจริญกาวหนาเทาเทียมกับนานา
คุณประโยชน์ของพรหมวิหาร 4 อารยประเทศและมีสันติสุขเกิดขึ้นอยาง
๑. ผู้มีพรหมวิหาร ๔ ย่อมผูกมิตรไว้มาก เมื่อจะทำาอะไรหรือไปยังสถานที่ใด ก็จะได้รับการต้อนรับจาก แทจริง สําหรับสังคมโลกก็จะมีความสันติสุข
มิตรสหายด้วยดี เกิดขึ้นเชนกัน เนื่องจากประชาชนหรือผูนํา
๒. เป็นผูม้ องการณ์ไกลและพิจารณาชีวติ ได้อย่างมีเหตุมผี ล จิตใจมักเยือกเย็นสุขมุ ทำาสิง่ ใดก็ไม่ตงั้ อยูใ่ นความ ประเทศตางๆ จะมีความเห็นใจซึง่ กันและกัน
ไม่ประมาท คอยชวยเหลือประเทศเพื่อนบานหรือ
๓. ส่งเสริมให้เกิดคุณธรรมอื่นๆ ตามมา ประเทศตางๆ ใหพน ทุกข เชน ประชาชนไทย
๔. ทำาให้สังคมเจริญก้าวหน้าและมีสันติสุข ชวยกันบริจาคเงินเพื่อชวยเหลือผูประสบภัย
๕. ถ้าผู้นำาของประเทศใดมีพรหมวิหาร ๔ ก็จะสามารถช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านหรือแม้แต่ประเทศที่อยู่
ทางธรรมชาติในตางประเทศ เปนตน)
ห่างไกลออกไปให้พ้นทุกข์ได้ เช่น รัฐบาลไทยให้การช่วยเหลือด้านทุนทรัพย์ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจาก
เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศเฮติ เป็นต้น
2. ครูใหนักเรียนชวยกันวิเคราะหวา หากผูนํา
ชุมชนหรือประเทศมีความเปนอัตตาธิปไตยสูง
จะสงผลตอประชาชนในทองถิน่ หรือในประเทศ
2.4 อธิปไตย 3 กับสันติสุข
อยางไร
การที่ผู้มีอ�านาจในการตัดสินใจจะท�าอะไรลงไปนั้น อาจยึดถือหลักอธิปไตย ๓ อันหมายถึง (แนวตอบ หากผูนําชุมชนหรือผูนําประเทศ
ความเป็นใหญ่ ภาวะที่ถือเอาเป็นใหญ่ ความเป็นอิสระ จ�าแนกออกเป็น ๓ อย่าง ดังนี้ มีความเปนอัตตาธิปไตยสูง จะทําใหประชาชน
(๑) อัตตาธิปไตย แปลว่า ความมีตนเป็นใหญ่ ถือตนเป็นใหญ่ กระท�าการด้วยปรารภ ในประเทศไดรับความเดือดรอนยากลําบาก
ตนเป็นประมาณ หมายถึง กิจการที่บุคคลพึงกระท�าโดยมุ่งผลอย่างใดอย่างหนึ่งอันตนจะพึงได้
สังคมเกิดความวนุ วาย ระสํา่ ระสาย เพราะผูนํา
(๒) โลกาธิปไตย แปลว่า ความมีโลกเป็นใหญ่ ถือโลกเป็นใหญ่ กระท�าการด้วยปรารภ
จะกระทํากิจการงานตางๆ โดยยึด
นิยมของโลกเป็นประมาณ หมายถึง กิจการที่บุคคลพึงกระท�าโดยมุ่งให้ผู้อื่นสรรเสริญ หากไม่ท�า
ผลประโยชนของตัวเองเปนที่ตั้ง ไมสนใจวา
ก็กลัวผู้อื่นจะนินทา นั่นคือ อ้3างความเห็นของคนหมู่มากเป็นใหญ่
(๓) ธัมมาธิปไตย แปลว่า ความมีธรรมเป็นใหญ่ ถือธรรมเป็นใหญ่ กระท�าการด้วย ใครจะไดรับผลกระทบหรือผลเสียจาก
ปรารภความถูกต้อง เป็นจริง สมควรตามธรรมเป็นประมาณ หมายถึง กิจการที่บุคคลพึงกระท�า พฤติกรรมของตนเอง)
โดยมุง่ ความถูกต้องเป็นจริง สมควรตามธรรม นัน่ คือ ธรรมาธิปไตย อ้างเหตุผลอันถูกต้องเป็นใหญ่
167

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T นักเรียนควรรู
“กฎของบานหลังนี้ มี 2 ขอ คือ ขอ 1. ไมวาอะไรจะเกิดขึ้น เจาของบาน
1 เมตตา คือ ความปรารถนาใหผูอื่นไดรับความสุข ทั้งนี้ความสุขเปนสิ่งที่
ถูกเสมอ ขอ 2. ถาไมเขาใจ ใหยอนกลับไปดูที่ขอ 1. อีกครั้ง” ขอความ
ทุกคนปรารถนา โดยความสุขเกิดขึ้นไดทั้งกายและใจ ซึ่งความสุขของคฤหัสถ
ดังกลาวสอดคลองกับหลักธรรมในขอใด
มี 4 ประการ ไดแก ความสุขอันเกิดจากการมีทรัพย ความสุขอันเกิดจากการใช
1. คณาธิปไตย 2. อัตตาธิปไตย
จายทรัพย ความสุขอันเกิดจากการไมเปนหนี้ และความสุขอันเกิดจากการทํางาน
3. โลกาธิปไตย 4. ธัมมาธิปไตย
ที่ปราศจากโทษ
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เนื่องจากอัตตาธิปไตย แปลวา ความมีตน 2 อุเบกขา คนมักเขาใจกันวา หมายถึง การวางเฉย ไมเขาไปยุงเกี่ยว
เปนใหญ ถือตนเปนใหญ เปนกิจการที่บุคคลพึงกระทําโดยมุงผล แตอันที่จริง หมายถึง การทําใจใหสงบนิ่ง ไมตื่นเตนไปตามโลก โดยเขาใจวาทุกสิ่ง
อยางใดอยางหนึ่งอันที่ตนพึงจะได ซึ่งมีความสอดคลองกับขอความขางตน ทุกอยาง ลวนแตเกิดจากเหตุปจจัยจากการกระทําทั้งสิ้น จึงสมควรที่ผูนั้นจะไดรับ
ที่แสดงใหเห็นถึงการยึดตนเองเปนใหญ โดยการตั้งกฎในบานที่เอื้ออํานวย ความสุขหรือความทุกข ซึ่งเปนเรื่องธรรมดาของโลก
ประโยชนตางๆ ใหกับเจาของบานเปนอยางมาก ดังนั้น ขอ 2. จึงเปน
คําตอบที่ถูกตอง 3 ธัมมาธิปไตย คือ การยึดถือหลักการ หลักเหตุผล หลักความจริง ความ
ถูกตอง และความเปนธรรม ในการบริหารจัดการตางๆ โดยการจะทําสิ่งใดนั้น
ใหยึดถือธรรมเปนหลัก ละเวนการยึดถือตน และกระแสเสียงคนสวนใหญ
ที่ไมเปนธรรม
คู่มือครู 167
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายและแสดงความ
คิดเห็นวา นักเรียนมีวิธีคิดที่จะทําใหจิตใจมี 2.5 กุศลวิตกกับสันติสุข
ความสุขหรือดํารงชีวิตอยางมีความสุขได กุศลวิตก หมายถึง การนึกคิดในทางที่ดีงาม โดยมีเหตุผลในการตริ ตรึก และนึกถึงเรื่องราว
อยางไรบาง ต่างๆ รู้เหตุแห่งความเสื่อมและเหตุแห่งความเจริญ ผู้ที่นึกแต่สิ่งดีงามจะช่วยให้สังคมลดความ
(แนวตอบ เชน คิดแตในสิ่งที่ดี สิ่งที่เปนกุศล รุนแรงลง จ�าแนกออกเป็น ๓ อย่าง ดังนี้
คิดชวยเหลือผูอื่นใหพนจากความทุกข ไมคิด (๑) เนกขัมมวิตก หมายถึง ความนึกคิดปลอดจากกาม คือ ความตริ ตรึก นึกที่จะน�า
อาฆาตหรือผูกใจเจ็บผูอื่น ไมคิดวิตกกังวล กายและจิตของตนออกจากอ�านาจของวัตถุกามและกิเลสกาม จนถึงคิดที่จะออกบวชเป็นนักบวช
มากจนเกินเหตุ หมั่นคิดบวก มองโลกในแงดี ในศาสนา
ไมคิดเบียดเบียนใหผูอื่นไดรับความเดือดรอน (๒) อพยาบาทวิตก หมายถึง ความนึกคิดปลอดจากพยาบาท คือ ความตริ ตรึก นึก
เปนตน) ในทางที่จะไม่ผูกโกรธ และไม่อาฆาตพยาบาทใคร
2. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายและวิเคราะห (๓) อวิหิงสาวิตก หมายถึง ความนึกคิด ปลอดจากการเบียดเบียน คือ ความตริ
เกี่ยวกับกุศลวิตกในประเด็นตอไปนี้ ตรึก นึกในทางไม่เบียดเบียนประทุษร้ายกันและกัน
• เพราะเหตุใด เมื่อรางกายเจ็บปวย ผลดีจากความตริ ตรึก นึกในทางกุศลที่พึงเห็นได้ชัด คือ มีจิตปลอดโปร่ง แจ่มใส คิดจะท�า
ไมแข็งแรง จิตใจจึงหอเหี่ยวไปดวย อะไรก็ส�าเร็จได้ด้วยดี บุคลิกหน้าตาเบิกบานชวนให้คนอื่นยินดีคบหา เป็นมิตรสนิทสนม และ
(แนวตอบ เนือ่ งจากกายกับจิตเปนสิง่ ทีส่ มั พันธกนั สามารถปิดกั้นสิ่งที่ไม่ดีไม่ให้เกิดขึ้นแก่ตนและบุคคลที่เกี่ยวกับตนได้
ดังนั้น เมื่อจิตมีสุขภาพดี คิดทําแตสิ่งดีๆ
และไมมีความเครียด รางกายก็จะสดชื่น 2.6 สังคหวัตถุกับสันติสุข
ซึ่งในทางการแพทยมีคํากลาวอยูวา “จิตที่ สังคหวัตถุ แปลว่า วิธีในการสงเคราะห์
สดใส จะอยูในรางกายที่แข็งแรง” ในทาง หมายถึง วิธีปฏิบัติเพื่อยึดเหนี่ยวน�้าใจคนอื่น
กลับกัน เมื่อมีรางกายที่ไมแข็งแรง จิตใจก็จะ ที่ยังไม่เคยรักใคร่นับถือ หรือที่รักใคร่นับถืออยู่
ไมแจมใสเบิกบาน เพราะฉะนั้น กายกับจิต แล้วให้สนิทแนบแน่นยิ่งขึ้น กล่าวอย่างง่ายๆ
จึงเปนสิ่งที่สัมพันธกันอยางหลีกเลี่ยงไมได) สังคหวัตถุก็คือ เทคนิควิธีที่ท�าให้คนรัก หรือ
3. ครูแบงกลุมนักเรียนออกเปน 4 กลุม ตาม มนต์ผกู ใจคนนัน่ เอง มีทงั้ หมด ๔1ประการ ดังนี้
หลักธรรมของสังคหวัตถุทั้ง 4 ประการ จากนั้น (๑) ทาน คือ การให้ การเสียสละ
ใหนักเรียนดูภาพในหนังสือเรียนหนา 168 แลว แบ่งปัน ช่วยเหลือกันด้วยสิ่งของ ตลอดจนให้
ชวยกันวิเคราะหวา หลักธรรมของกลมุ ตนเองนัน้ ความรู้และแนะน�าสั่งสอน
สามารถนํามาอธิบายการทํางานเพื่อสวนรวมใน (๒) ปิยวาจา คือ การกล่าวค�าสุภาพ
การแกไขปญหาดานสิ่งแวดลอมในสังคมตาม ไพเราะ อ่อนหวาน สมานสามัคคี เพื่อให้เกิด
ภาพดังกลาวไดอยางไร พรอมทั้งใหแตละกลุม ไมตรีและความรักใคร่นับถือ ตลอดถึงถ้อยค�า
ยกตัวอยางการประยุกตใชหลักธรรมของกลมุ ตน นักเรียนสามารถนำาหลักสังคหวัตถุมาประยุกต์ใช้ในการ แสดงประโยชน์ประกอบด้วยเหตุผลเป็นหลักฐาน
ในการดําเนินชีวิตประจําวัน ดำาเนินชีวิต โดยการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาด้าน จูงใจให้นิยมยอมตาม ไม่พูดหยาบคาย หรือ
สิ่งแวดล้อมในสังคม
ดุด่าว่าเสียดสีให้เจ็บใจ
168

ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว  NT  O-NE T
สุภาษิตขอใดมีความหมายสอดคลองกับหลักสังคหวัตถุ 4 มากที่สุด
ครูควรอธิบายเพิ่มเติมวา กิเลสที่อยูในใจคนมากที่สุด ไดแก ราคะ คือ ความรัก
1. นํ้าพึ่งเรือ เสือพึ่งปา
สวยรักงาม โลภะ คือ ความโลภ โทสะ คือ ความโกรธและเกลียด โมหะ คือ
2. ชาเปนการ นานเปนคุณ
ความหลงและความโง เพราะกิเลสชอบหมักหมมอยูในใจของคน จึงเรียกวา
3. รักยาวใหบั่น รักสั้นใหตอ
อาสวกิเลส แปลวา กิเลสที่หมักดองอยูในจิต อยางไรก็ดี วิธีที่จะกําจัดกิเลสไดนั้น
4. พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตําลึงทอง
คือ การทําทาน การรักษาศีล และการเจริญภาวนา
แนวตอบ ตอบขอ 1. เนื่องจากนํ้าพึ่งเรือ เสือพึ่งปา เปนสุภาษิตที่มี
ความหมายวา คนเรามีความจําเปนตองพึ่งพาอาศัยกัน ดังนั้น เมื่อคนเรา
นักเรียนควรรู มีความจําเปนที่จะตองพึ่งพาอาศัยกัน ก็ควรมีหลักธรรมที่ใชในการยึดถือ
ปฏิบัติตอกัน กลาวคือ ควรเปนหลักธรรมที่ใชเปนเครื่องยึดเหนี่ยวนํ้าใจของ
1 การให การใหที่จะไดบุญกุศลนั้น ขึ้นอยูกับการไดมาของทรัพยสินวา
ผูอื่นที่ยังไมเคยรักใครนับถือ หรือที่รักใครนับถืออยูแลวใหสนิทสนมกันมาก
ไดมาอยางถูกตองหรือไม และใหทรัพยสินนั้นกับผูใด รวมถึงความตั้งใจขณะให
ยิ่งขึ้น ซึ่งตรงกับหลักของสังคหวัตถุ 4 เพราะถาคนเราสามารถยึดเหนี่ยว
นอกจากนี้ การใหยังมีการอภัยทาน คือ ใหอภัยบุคคลที่ทําไมดีกับเรา และ
นํ้าใจของผูอื่นไดแลว ยอมสงผลใหเราสามารถที่จะพึ่งพาอาศัยกันได
ธรรมทาน คือ การสั่งสอนและบอกแนวทางความเจริญในทางธรรมแกผูอื่น
ตลอดไป สงผลใหสังคมที่อาศัยอยูนั้นมีแตความสงบสุข

168 คู่มือครู
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู้ Explain
ครูนําสนทนาเรื่อง สาราณียธรรมกับสันติสุข
(๓) อัตถจริยา คือ การประพฤติประโยชน์ หมายถึง ขวนขวายช่
วยเหลือกิจการบ�าเพ็ญ แลวถามนักเรียนวา
1 • หลักสาราณียธรรมสามารถนํามาใชในการ
สาธารณประโยชน์ และสนับสนุนส่งเสริมในทางศีลธรรม จริยธรรม
(๔) สมานัตตตา คือ ความเป็นผู้มีตนเสมอ หมายถึง ความเป็นผู้ท�าตนเสมอต้น อยูรวมกันในโรงเรียนไดอยางไร
เสมอปลาย ความเป็นผู้วางตนให้เหมาะแก่ฐานะของตน (แนวตอบ หลักสาราณียธรรมเปนหลักธรรม
ที่เปนเหตุใหพึงระลึกถึงกัน เปนหลักการ
2.7 สาราณียธรรมกับสันติสุข อยูรวมกันที่ดี ดังนั้น การนําหลักธรรมนี้
สาราณียธรรม แปลว่า ธรรมหรือสิ่งที่เป็นเหตุให้ระลึกถึงกัน เป็นหลักการอยู่ร่วมกันที่มี มาใชในการอยูรวมกันในโรงเรียน สามารถ
จุดหมายเพื่อต้องการสอนให้คนสมัครสมานสามัคคีกัน มีทั้งหมด ๖ ประการ ดังนี้ นํามาใชไดในหลายๆ กรณี เชน การทํางาน
(๑) เมตตากายกรรม คือ การกระท�าต่อกันด้วยเมตตา หมายถึง ช่วยเหลือกิจธุระของ เปนหมูคณะที่ตองเอื้อเฟอเผื่อแผซึ่งกัน
หมู่คณะด้วยความเต็มใจ และกัน ชวยเหลือเพื่อนรวมหอง เพื่อนรวม
(๒) เมตตาวจีกรรม คือ พูดต่อกันด้วยเมตตา หมายถึง พูดจากันด้วยค�าพูดสุภาพ โรงเรียน ชวยครูอาจารยยกของ ชวยแบงปน
อ่อนหวาน มีประโยชน์ ไม่นินทาว่าร้ายกันลับหลัง ความรูและทรัพยสินในการทํากิจกรรมตางๆ
(๓) เมตตามโนกรรม คือ คิดถึงกันด้วยเมตตา หมายถึง คิดแต่สิ่งที่เป็นความสุข รวมกัน รูจักกาลเทศะ เคารพกฎระเบียบของ
ความเจริญ โรงเรียนและกฎเกณฑของสังคม เปนตน)
(๔) สาธารณโภคี คือ ลาภผลที่ได้มาโดยชอบธรรม แม้เป็นของเล็กน้อย ไม่มีค่าอะไร
มากมาย ก็มีแก่ใจแบ่งกันให้คนอื่นได้กินได้ใช้ ขยายความเข้าใจ Expand
(๕) สีลสามัญญตา คือ ความเป็นผู้มีความประพฤติเสมอกัน หมายถึง ประพฤติตาม
ศีลธรรม จารีตประเพณี ระเบียบข้อบังคับและกฎเกณฑ์ของสังคม รู้จักกาลเทศะ 1. ครูใหนักเรียนเขียนผังมโนทัศนหลักการปฏิบัติ
(๖) ทิฏฐิสามัญญตา คือ ความเป็นผูม้ คี วามคิดเห็นเสมอกัน หมายถึง มีความคิดเห็น ตนเพื่อการอยูรวมกันอยางสันติสุข โดยให
ลงรอยกันในหลักการใหญ่ๆ หรืออุดมการณ์ของส่วนรวม ยกตัวอยางหลักธรรมตางๆ ที่สามารถนํามา
ใชในการลดความรุนแรงและสรางสันติสุขใน
การศึกษาหลักธรรมค�าสอนของพระพุทธศาสนา เป็นสิง่ ทีพ่ ทุ ธศาสนิกชนทุกคนจะต้อง สังคม พรอมทั้งตกแตงใหสวยงาม แลวนําสง
ศึกษาให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ เพื่อที่จะสามารถน�าไปปฏิบัติตนอย่างเหมาะสมในกระแสความ ครูผูสอน
เปลีย่ นแปลงของโลก และการปฏิบตั ติ นเพือ่ การอยูร่ ว่ มกันกับผูอ้ นื่ ในสังคม และเพือ่ สร้างสันติภาพ 2. ครู ใ ห นั ก เรี ย นเขี ย นบั น ทึ ก การนํ า หลั ก ธรรม
ขึ้นในโลก หลักธรรมเป็นแก่นของพระพุทธศาสนาที่พุทธศาสนิกชนสามารถน�าไปปฏิบัติเพื่อ ในการอยูรวมกันอยางสันติสุขมาปรับใชใน
ประโยชน์ของตัวเองและผู้อื่นในการอยู่ร่วมกัน พระพุทธองค์ได้ทรงสั่งสอนหลักธรรมไว้มากมาย ชีวิตประจําวันเปนเวลา 1 เดือน นําสงครูผูสอน
ดังนั้น เราต้องศึกษาและท�าความเข้าใจ แล้วน�ามาปรับใช้ในการด�าเนินชีวิต
การที่พุทธศาสนิกชนศึกษาหลักธรรมแล้วน�ามาปฏิบัติโดยสม�่าเสมอ จะท�าให้บุคคล ตรวจสอบผล Evaluate
ผู้นั้นเกิดความสงบสุขภายในจิตใจ มีการกระท�า ค�าพูด และความคิดไปในทางที่ดี มีความรักใคร่
สามัคคี ไม่คิดร้ายต่อผู้อื่น จะท�าให้เป็นที่รักของคนรอบข้าง สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมี 1. ตรวจสอบจากผังมโนทัศนหลักการปฏิบัติตน
ความสุข เพื่อการอยูรวมกันอยางสันติสุข
2. ตรวจสอบจากบันทึกการนําหลักธรรมใน
169 การอยูรวมกันอยางสันติสุขมาปรับใชใน
ชีวิตประจําวัน

ขอสอบเนน การคิด
แนว  NT  O-NE T นักเรียนควรรู
หมูบานมิตรไมตรีไดรับโลประกาศเกียรติคุณจากนายกรัฐมนตรีใหเปน
1 จริยธรรม เปนคุณสมบัตขิ องความประพฤติทมี่ งุ หวังใหคนในสังคมประพฤติปฏิบตั ิ
หมูบานดีเดน เนื่องจากชาวบานในหมูบานมีความสามัคคีในการทํากิจกรรม
อยางถูกตอง มีเสรีภาพภายในขอบเขตของมโนธรรม เปนหนาที่ที่สมาชิกในสังคมพึง
ตางๆ ของทางราชการอยางดีเยี่ยม แสดงวาชาวบานปฏิบัติตามหลักธรรมใด
ประพฤติปฏิบตั ติ อ ตนเอง ตอผูอ นื่ และตอสังคม เพือ่ ใหเกิดความเจริญรุง เรืองในสังคม
1. อุบาสกธรรม 7 2. สัทธรรม 3
โดยโครงสรางของแนวคิดดานจริยธรรมประกอบดวยคุณธรรมหลายประการ ดังนี้
3. สาราณียธรรม 6 4. ทศพิธราชธรรม 10
• ความรับผิดชอบ คือ ความมุงมั่นที่จะปฏิบัติหนาที่ดวยความพากเพียรและ
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เนื่องจากสาราณียธรรมเปนธรรมหรือสิ่งที่ ความรอบคอบ
เปนเหตุใหมนุษยพึงระลึกถึงกัน เปนหลักการที่ทําใหสามารถอยูรวมกัน • ความซื่อสัตย คือ การประพฤติอยางเหมาะสมและตรงตอความเปนจริง
ไดเปนอยางดี โดยมีจุดมุงหมายเพื่อตองการสอนใหมีความสมัครสมาน ทั้งกาย วาจา ใจ
สามัคคีกัน ซึ่งตรงกับสถานการณของชาวบานในหมูบานมิตรไมตรีที่มีความ • ความกตัญูกตเวที คือ ความรูส าํ นึกในอุปการคุณหรือบุญคุณทีผ่ อู นื่ มีตอ เรา
สมัครสมานสามัคคี รวมมือรวมใจในการทํากิจกรรมการงานตางๆ ของ • ความอุตสาหะ คือ ความพยายามอยางเขมแข็ง เพือ่ ใหเกิดความสําเร็จในงาน
ทางราชการไดอยางมีประสิทธิภาพและสําเร็จลุลวงไปไดดวยดี ดังนั้น ขอ 3. • ความสามัคคี คือ ความรวมมือกันกระทํากิจการใหสาํ เร็จลุลว งดวยดี โดยเห็น
จึงเปนคําตอบที่ถูกตอง แกประโยชนสวนรวมมากกวาสวนตน
• ความเมตตาและกรุณา คือ ความรักใครปรารถนาจะใหผอู นื่ มีสขุ และพนทุกข
• ความยุติธรรม คือ การปฏิบัติดวยความเที่ยงตรง สอดคลองกับ
ความเปนจริงและเหตุผล ไมมีความลําเอียง คู่มือครู 169
ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ Evaluate
Engage Explore Explain Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
ตรวจสอบความถูกตองจากการตอบคําถาม
ประจําหนวยการเรียนรู ค íา¶ามประจ íาหน่วยการเรียนรู้

หลักฐานแสดงผลการเรียนรู ๑. นักเรียนสามารถปฏิบตั ติ นอย่างเหมาะสมในกระแสความเปลีย่ นแปลงของโลกได้อย่างไรบ้าง


๒. นักเรียนสามารถน�าหลักธรรมในการอยูร่ ว่ มกันของพระพุทธศาสนามาใช้ในชีวติ ประจ�าวัน
1. เรียงความเรื่อง วิธีการปฏิบัติตนใหเหมาะสม ได้อย่างไรบ้าง
กับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก ๓. นักเรียนคิดว่าการด�าเนินชีวิตโดยยึดทางสายกลางในสังคมบริโภคนิยม ควรปฏิบัติตน
2. ผังมโนทัศนหลักการปฏิบัติตนเพื่อการอยูรวมกัน อย่างไร
อยางสันติสุข ๔. หลักสาราณียธรรม ๖ เป็นหลักธรรมเพือ่ การอยูร่ ว่ มกันอย่างสันติสขุ ได้อย่างไร
3. บันทึกการนําหลักธรรมในการอยูรวมกัน ๕. การศึกษาหลักธรรมค�าสอนของพระพุทธศาสนามีประโยชน์ตอ่ ตัวนักเรียนอย่างไร
อยางสันติสุขมาปรับใชในชีวิตประจําวัน

กิจกรรมสร้างสรรค์พั²นาการเรียนรู้

กิจกรรมที่ ๑ เชิญวิทยากรผู้มีความรู้ในด้านหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาบรรยาย
ให้นักเรียนฟัง
กิจกรรมที่ ๒ ศึกษาประวัติบุคคลที่ประสบความส�าเร็จในชีวิต แล้วคิดว่าบุคคลเหล่านั้น
ใช้หลักธรรมใดในการด�าเนินชีวิต น�าเสนอผลงานในห้องเรียนแล้วร่วมกัน
อภิปราย
กิจกรรมที่ ๓ นักเรียนหาภาพ ข่าว บทความทีแ่ สดงให้เห็นถึงความส�าคัญของความสามัคคี
แล้วน�าไปติดที่ป้ายนิเทศเป็นเวลา ๒ สัปดาห์

พุทธศาสนสุภาษิต
¸Õâà ¨ ÊØ¢ÊíÇÒâÊ ÞÒµÕ¹íÇ ÊÁÒ¤âÁ : ÍÂًËÇÁ¡Ñº»ÃҪޏ ¹íÒÊØ¢ÁÒãËŒ
àËÁ×͹ÊÁÒ¤Á¡ÑºÞÒµÔ

170

แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. นักเรียนตองปฏิบัติตนใหอยูภายใตกรอบหลักธรรมคําสอนของพระพุทธศาสนา เนนความสงบสุขทางจิตใจมากกวาวัตถุ เชน การนําหลักธรรมมัชฌิมาปฏิปทา
และอริยทรัพยมาปรับใชในการดําเนินชีวิตภายใตกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก เปนตน
2. นักเรียนสามารถนําหลักธรรมในการอยูรวมกันอยางสันติสุขมาใชในชีวิตประจําวัน โดยตองศึกษาใหเกิดความรูความเขาใจในหลักธรรมตางๆ กอนนํามาปฏิบัติ
เชน นําหลักธรรมสัปปุริสสังเสวะจากหลักธรรมวุฑฒิธรรม 4 มาปรับใชในการเลือกคบผูอื่น โดยควรเลือกคบหาผูที่ทรงปญญาเปนกัลยาณมิตรกับตนเอง
หรือการนําหลักธรรมสังคหวัตถุ 4 มาปรับใชเมื่อตองการใหคนรอบขางรักใครและสนใจเรามากขึ้น เปนตน
3. นักเรียนควรศึกษาหลักธรรมใหเขาใจ และนําหลักมัชฌิมาปฏิปทามาประยุกตใชเพื่อใหสอดคลองกับสังคมบริโภคนิยมที่มีสิ่งยั่วยุตางๆ มากมาย ดังนั้น
จึงตองรูจักประมาณตนเอง ขยันหมั่นเพียร ไมเบียดเบียนผูอื่น นอกจากนี้ ยังตองยึดหลักความสันโดษ หรือการพึงพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู เพื่อปองกันความเสื่อมตางๆ
ที่อาจเกิดขึ้นไดกับตัวเรา
4. สาราณียธรรมเปนหลักธรรมที่ใชในการอยูรวมกันอยางสันติสุข มีจุดมุงหมายเพื่อสรางความสามัคคี ไดแก การมีเมตตา การชวยเหลือผูอื่น การพูดจาไพเราะ
ไมนินทาวารายผูอื่น การคิดแตสิ่งที่เปนสุข คิดในทางสรางสรรค การมีความเอื้อเฟอเผื่อแผตอกัน การปฏิบัติตนตามกฎระเบียบของสังคม และมีความคิดในลักษณะ
เดียวกับคนสวนใหญ
5. ประโยชนที่ไดรับจากการศึกษาหลักธรรมคําสอนของพระพุทธศาสนา เชน จะทําใหเกิดความสงบสุขภายในจิตใจ มีการกระทํา คําพูด และความคิดไปในทางที่ดี
มีความรักใครสามัคคี ไมคิดรายตอผูอื่น ซึ่งจะทําใหเปนที่รักของคนรอบขาง และสามารถอยูรวมกับผูอื่นไดอยางมีความสุข เปนตน

170 คู่มือครู
กระตุ้นความสนใจ ส�ำรวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate

ºÃóҹءÃÁ
¨íÒ¹§¤ ·Í§»ÃÐàÊÃÔ°. »ÃÐÇѵÈÔ ÒʵϾ·Ø ¸ÈÒʹÒã¹àÍàªÕÂÍÒ¤à¹Â. ¡Ãا෾ÁËÒ¹¤Ã :
ͧ¤¡ÒäŒÒ¢Í§¤ØÃØÊÀÒ, òõô÷.
ÞÒ³ÇâôÁ, ¾ÃÐ (ʹ¸Ôì ¡Ô¨¨Ú ¡ÒâÃ). ¤ÙÁ‹ Í× »¯ÔºµÑ §Ô Ò¹ÈÒʹ¾Ô¸ÊÕ §Ñ ࢻ. ¡Ãا෾ÁËÒ¹¤Ã :
ÁËÒÁ¡Ø¯ÃÒªÇÔ·ÂÒÅÑÂ, òõõò.
´¹Ñ äªÂâÂ¸Ò ¾ÃÐÁËÒ¡ÉѵÃԏ¡Ñº¾Ãоط¸ÈÒʹÒã¹»ÃÐÇѵÔÈÒʵÏ. ¡Ãا෾
ÁËÒ¹¤Ã : âÍà´Õ¹ÊâµÃ, òõôø.
_______. ¾Ø · ¸¸ÃÃÁ ¾Ø · ¸ÊÒÇ¡ ¾Ø · ¸ÊÒÇÔ ¡ Ò áÅЪÒÇ¾Ø · ¸µÑ Ç Í‹ Ò §.
¡Ãا෾ÁËÒ¹¤Ã : âÍà´Õ¹ÊâµÃ, òõõñ.
_______. ¾¨¹Ò¹Ø ¡ ÃÁ¤í Ò ÈÑ ¾ · ¾ ÃÐ¾Ø · ¸ÈÒʹÒ. ¡ÃØ § à·¾ÁËÒ¹¤Ã : ºÃÔ ÉÑ ·
ÍÑ¡ÉÃà¨ÃÔÞ·Ñȹ ͨ·. ¨íÒ¡Ñ´, òõõò.
_______. ÇѲ¹¸ÃÃÁáÅÐÍÒøÃÃÁÊÑÁ¾Ñ¹¸¢Í§Í¹Ø·ÇÕ»ÍÔ¹à´Õ¡Ѻ¹Ò¹Ò»ÃÐà·È.
¡Ãا෾ÁËÒ¹¤Ã : âÍà´Õ¹ÊâµÃ, òõõó.
´¹Ñ äªÂâÂ¸Ò (ºÃóҸԡÒÃ). õó ¾ÃÐÁËÒ¡ÉѵÃÔÂä ·Â ¸ ·Ã§¤Ãͧã¨ä·Â·Ñ§é ªÒµÔ.
¡Ãا෾ÁËÒ¹¤Ã : âÍà´Õ¹ÊâµÃ, òõôó.
·ÇÕÇѲ¹ »Ø³±ÃÔ¡ÇÔÇѲ¹. “¾Ø·¸ÈÒʹҡѺÊѧ ¤Á¡ÒÃàÁ×ͧã¹ÍØÉÒ¤à¹Â” ã¹
ÍØÉÒ¤à¹Â·ÕèÃÑ¡. ¡Ãا෾ÁËÒ¹¤Ã : ÁËÒÇÔ·ÂÒÅѸÃÃÁÈÒʵÏ, òõõó.
à·¾Ãѵ¹ÃÒªÊØ´Ò à¨ŒÒ¿‡ÒÁËҨѡÃÕÊÔÃÔ¹¸Ã ÊÂÒÁºÃÁÃÒª¡ØÁÒÃÕ, ÊÁà´ç¨¾ÃÐ. ·ÈºÒÃÁÕ
ã¹¾Ø · ¸ÈÒʹÒà¶ÃÇÒ·. ¡ÃØ § à·¾ÁËÒ¹¤Ã : ÁËÒÁ¡Ø ¯ ÃÒªÇÔ · ÂÒÅÑ Â ,
òõôó.
_______. ¾Ø·¸»ÃÐÇѵÔÊѧࢻ áÅÐÈÒʹ¾Ô¸ÕÊѧࢻ. ¡Ãا෾ÁËÒ¹¤Ã : ÁËÒÁ¡Ø¯
ÃÒªÇÔ·ÂÒÅÑÂ, òõôö.
¾ÃËÁ¤Ø³ÒÀó, ¾ÃÐ (».Í.»ÂصâÚ µ). ¾¨¹Ò¹Ø¡ÃÁ¾Ø·¸ÈÒʵÏ ©ºÑº»ÃÐÁÇŸÃÃÁ.
¡Ãا෾ÁËÒ¹¤Ã : ÁËÒÇÔ·ÂÒÅÑÂÁËÒ¨ØÌÒŧ¡Ã³ÃÒªÇÔ·ÂÒÅÑÂ, òõõñ.
ÃÒªºÑ³±ÔµÂʶҹ. ¾¨¹Ò¹Ø¡ÃÁÈѾ·¾ÃÐäµÃ»®¡ ºÒÅÕ-âÃÁѹ-ä·Â àÅ‹Á ñ ÍÑ¡Éà Í.
¡Ãا෾ÁËÒ¹¤Ã : ÃÒªºÑ³±ÔµÂʶҹ, òõôõ.
_______. ¾¨¹Ò¹Ø¡ÃÁÈѾ·¾ÃÐäµÃ»®¡ ºÒÅÕ-âÃÁѹ-ä·Â àÅ‹Á ò ÍÑ¡Éà Í.
¡Ãا෾ÁËÒ¹¤Ã : ÃÒªºÑ³±ÔµÂʶҹ, òõõð.
_______. ¾¨¹Ò¹Ø¡ÃÁÈѾ·¾ÃÐäµÃ»®¡ ºÒÅÕ-âÃÁѹ-ä·Â àÅ‹Á ó ÍÑ¡Éà Í.
¡Ãا෾ÁËÒ¹¤Ã : ÃÒªºÑ³±ÔµÂʶҹ, òõõñ.
ÃҪǪÔÃÒÀó, ¾ÃÐ (ÊÕ¹ÇÅ »ÚÚÒǪÔâà ».¸.ù). ·íÒÇѵÃÊÇ´Á¹µ©ºÑº¤³Ðʧ¦
ÇÑ´¾ÃÐવؾ¹Ï. ¡Ãا෾ÁËÒ¹¤Ã : âç¾ÔÁ¾ ºÃÔÉÑ· Ê˸ÃÃÁÔ¡ ¨íÒ¡Ñ´,
òõôõ.
171

คู่มือครู 171
กระตุ้นความสนใจ ส�ำรวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate

ÃÒªÇÃÁعÕ, ¾ÃÐ (»ÃÐÂÙà ¸ÁÚÁ¨ÔµÚâµ). ͹طԹ¸ÃÃÁÐ ¸ÃÃÁÐÊíÒËÃѺ óöõ Çѹ.


¡Ãا෾ÁËÒ¹¤Ã : ÁÙŹԸԾط¸¸ÃÃÁ, òõóù.
ǪÔÃÞÒ³ÇâÃÃÊ, ÊÁà´ç¨¾ÃÐÁËÒÊÁ³à¨ŒÒ ¡ÃÁ¾ÃÐÂÒ. ¾Ø·¸ÈÒʹÊØÀÒÉÔµ (àÅ‹Á ñ).
¡Ãا෾ÁËÒ¹¤Ã : ÁËÒÁ¡Ø¯ÃÒªÇÔ·ÂÒÅÑÂ, òõôò.
ÇÔªÒ¡ÒÃáÅÐÁҵðҹ¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ ¡ÃзÃǧÈÖ¡ÉÒ¸Ô¡ÒÃ, Êíҹѡ. µÑǪÕÇé ´Ñ áÅÐÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ
᡹¡ÅÒ§ ¡ÅØ‹ÁÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙŒÊѧ¤ÁÈÖ¡ÉÒ ÈÒÊ¹Ò áÅÐÇѲ¹¸ÃÃÁ.
¡Ãا෾ÁËÒ¹¤Ã : âç¾ÔÁ¾ªÁØ ¹ØÁÊˡó¡ÒÃà¡ÉµÃáË‹§»ÃÐà·Èä·Â, òõõñ.
ÇԷ ÇÔÈ·àǷ. »ÃѪÞÒ·ÑÇè ä» : Á¹Øɏ âÅ¡ áÅФÇÒÁËÁÒ¢ͧªÕÇµÔ . ¡Ãا෾ÁËÒ¹¤Ã :
ºÃÔÉÑ· ÍÑ¡ÉÃà¨ÃÔÞ·Ñȹ ͨ·. ¨íÒ¡Ñ´, òõõò.
ÈÖ¡ÉÒ¸Ô¡ÒÃ, ¡ÃзÃǧ. »ÃÐÇѵԾÃÐÊÒÇ¡ àÅ‹Á ñ. ¡Ãا෾ÁËÒ¹¤Ã : ͧ¤¡ÒäŒÒ
¢Í§¤ØÃØÊÀÒ, òõôò.
_______. »ÃÐÇѵԾÃÐÊÒÇ¡ àÅ‹Á ò. ¡Ãا෾ÁËÒ¹¤Ã : ͧ¤¡ÒäŒÒ¢Í§¤ØÃØÊÀÒ,
òõôò.
_______. ¤ÇÒÁÃÙŒàÃ×èͧ¾ÃÐäµÃ»®¡. ¡Ãا෾ÁËÒ¹¤Ã : ͧ¤¡ÒäŒÒ¢Í§¤ØÃØÊÀÒ,
òõôò.
ÊبµÔ ÃÒ ¡ÅÔ¹è à¡Éà (ºÃóҸԡÒÃ). ÊÒÃҹءÃÁä·ÂÊíÒËÃѺàÂÒǪ¹â´Â¾ÃÐÃÒª»ÃÐʧ¤
ã¹¾ÃкҷÊÁà´ç¨¾ÃÐ਌ÒÍÂÙ‹ËÑÇ ©ºÑºàÊÃÔÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ àÅ‹Á ø.
¡Ãا෾ÁËÒ¹¤Ã : â¤Ã§¡ÒÃÊÒÃҹءÃÁä·ÂÊíÒËÃѺàÂÒǪ¹â´Â¾ÃÐÃÒª
»ÃÐʧ¤ã¹¾ÃкҷÊÁà´ç¨¾ÃÐ਌ÒÍÂÙ‹ËÑÇ, òõõð.
Êتվ »ØÞÞÒ¹ØÀÒ¾. ¤Ø³ÅѡɳоÔàÈÉáË‹§¾Ãоط¸ÈÒʹÒ. ¡Ãا෾ÁËÒ¹¤Ã :
ÁÙŹԸÔÁËÒÁ¡Ø¯ÃÒªÇÔ·ÂÒÅÑÂ, òõôñ.
ÊØàªÒǹ ¾ÅͪØÁ. ÊÁà´ç¨¾ÃÐÁËÒÊÁ³à¨ŒÒ ¡ÃÁ¾ÃÐÂÒǪÔÃÞÒ³ÇâÃÃÊ. ¡Ãا෾ÁËÒ¹¤Ã :
ÁËÒÁ¡Ø¯ÃÒªÇÔ·ÂÒÅÑÂ, òõôñ.
àÊ°ÕÂþ§É ÇÃó»¡. ºÒ§á§‹ÁØÁà¡ÕèÂǡѺ¾Ø·¸Í§¤. ¡Ãا෾ÁËÒ¹¤Ã : ËÍÃѵ¹ªÑÂ
¡ÒþÔÁ¾, òõôô.
_______. ¾Ø·¸ÈÒÊ¹Ò ·ÑȹÐáÅÐÇÔ¨Òó. ¾ÔÁ¾¤ÃÑ駷Õè ó. ¡Ãا෾ÁËÒ¹¤Ã :
ÁµÔª¹, òõóø.
_______. ¾Ø·¸ÊÒÇ¡ ¾Ø·¸ÊÒÇÔ¡Ò. ¡Ãا෾ÁËÒ¹¤Ã : ¸ÃÃÁÊÀÒ, òõôô.
ÊíÒÃÇ ¹Ñ¡¡ÒÃàÃÕ¹. ¸ÃÃÁШҡà¨ç´µíÒ¹Ò¹ ÊÔºÊͧµíÒ¹Ò¹¤Ò¶Ò¾ÒËا. ¡Ãا෾
ÁËÒ¹¤Ã : ÃÒªºÑ³±ÔµÂʶҹ, òõôø.
_______. ¸ÃÃÁШҡº·ÊÇ´Á¹µ. ¡Ãا෾ÁËÒ¹¤Ã : ÃÒªºÑ³±ÔµÂʶҹ, òõôø.

172

172 คู่มือครู

You might also like