You are on page 1of 43

การวัดแสง

โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์รัชนี นภามรกต

1
การวัดแสงในการถ่ายภาพ
หรือเรียกอีกอย่างว่า การหาค่าการเปิ ดรับแสง
ซึง่ ค่าทีเ่ ราต้องหามี 2 ค่า คือ
1. ค่าความไวชัตเตอร์ Shutter speed
2. ค่ารู รับแสง F-Number

2
การวัดแสงในการถ่ายภาพ
มีการวัดแสง 2 แบบ
1. วัดแสงสะท้อนจากวัตถุ Reflected Metering
2. วัดแสงตกกระทบวัตถุ Incident Metering

Reflected Metering Incident Metering 3


1. วัดแสงสะท้อนจากวัตถุ
Reflected Metering
ต้องวัดแสงจากวัตถุปกติ หรือวัดแสงจากกระดาษสีเทา
สะท้อนแสง 18 %
วัตถุปกติ คือ พืน้ ที่ 1/3 ของวิวด้านหลังเป็ นท้องฟ้ า มี
ดวงอาทิตย์อยู่สูงจากพืน้ ดิน 500 และมุมระหว่างดวงอาทิตย์กับ
แกนมุขสาคัญของเลนส์ = 450

4
1. วัดแสงสะท้อนจากวัตถุ
Reflected Metering
ข้อบกพร่องของการวัดแสงสะท้อนจากวัตถุ Reflected
Metering คือ ฉากหลังมีผลต่อการวัดแสง
- ฉากหลังสว่าง เช่น ภาพหมอก หิมะ ฯลฯ การวัดแสงจะติด
under วัตถุจะมืดเกินไป ดังนั้น ต้องเปิ ดหน้ากล้องให้กว้าง
ขึน้ 1-2 stop
- ฉากหลังมืด การวัดแสงจะติด over วัตถุจะสว่างเกินไป
ดังนั้น ต้องเปิ ดหน้ากล้องให้แคบลง 1-2 stop

5
วัตถุปกติ

Gray Plate

Reflected Metering

6
ฉากหลังสว่าง
White Plate

Reflected Metering

การวัดแสงจะติด under ต้องเปิ ดหน้ากล้องให้


กว้างขึน้ 1-2 stop
เพิม่ 2 stop
7
ฉากหลังมืด
Black Plate
Reflected Metering

การวัดแสงจะติด over ต้องเปิ ดหน้ากล้องให้


แคบลง 1-2 stop
ลด 2 stop

8
9
10
เครื่องวัดแสงสะท้อนจากวัตถุ มีมุมรับภาพ = 450 ดังนั้น เพือ่ ให้
มุมรับภาพของเครื่องวัดแสง = มุมรับภาพของกล้องถ่ายภาพ
- เลนส์มุมกว้างถ่ายภาพ เครื่องวัดแสงต้องอยู่หลังกล้อง

450

- เลนส์เทเลถ่ายภาพ เครื่องวัดแสงต้องอยู่ดา้ นหน้ากล้อง


ถ่ายภาพ หรืออยู่ใกล้วัตถุ

450

11
2. วัดแสงตกกระทบวัตถุ
Incident Metering
การวัดแสง
หันเครื่องวัดแสงเข้าหาตัวกล้องตามแนวแกนมุขสาคัญ
ฉากหลังไม่มีผลต่อการวัดแสง

Incident Metering 12
Incident Metering ต้ นฉบับ Reflected Metering
White Plate

Gray Plate

Black Plate

13
2. วัดแสงตกกระทบวัตถุ
Incident Metering
เครื่องวัดแสงตกกระทบวัตถุ เป็ นเครื่องเดียวกับ
เครื่องวัดแสงสะท้อนจากวัตถุ เพียงแต่เลื่อนพลาสติกสีขาวครึ่ง
วงกลมมาปิ ดทีช่ ่องเซลวัดแสง โดยพลาสติกสีขาวครึ่งวงกลมนี้
ยอมให้แสงผ่าน 18% ดังนั้นแสงทีต่ กกระทบเซลวัดแสงก็จะมี
ค่า = แสงสะท้อนจากกระดาษสีเทา 18%

Incident Metering

14
Specifications
Measuring system Incident light , reflected light
Measuring range (ISO 100)
EV4 ~ EV17 (for incident light)
EV9 ~ EV17 (for reflected light)
Film speed ISO 6 ~ 12,000
f/stop f/0.7 ~ f/128
Shutter speed 60 sec. ~ 1/8000 sec.
Movie scale 8 fps. ~ 128 fps.
Weight 190 grams - 6.7 oz. Sekonic L-398M
Dimensions 112 x 58 x 34mm - 4.4 x 2.3 x 1.3" Studio deluxe II

15
การใช้เครื่องวัดแสงภายนอกกล้อง ถ้า
กล้องถ่ายภาพมีการต่อ Extension tube หรือใส่
ฟิ ลเตอร์ เมือ่ วัดแสงได้แล้ว จะต้องมีการชดเชย
แสง

ค่าแสงทีต่ อ้ งชดเชย
= (ระยะห่างจากเลนส์ถงึ ฟิ ล์ม/ทางยาวโฟกัสของเลนส์)2

16
ตัวอย่างที่ 1 จากการวัดแสงถ่ายภาพดวงตราไปรษณีย ์ วัดแสง
แบบ Incident light ได้ค่าการเปิ ดรับแสง 1/30 วินาที, f/11
ถ่ายภาพโดยใช้เลนส์มาโครทางยาวโฟกัส = 55 มม. มีการต่อ
Extension tube เมือ่ วัดระยะจากเลนส์ถงึ ฟิ ล์ม = 110 มม.จะต้อง
มีการชดเชยแสงกีเ่ ท่า และต้องเปิ ดหน้ากล้องเพิม่ ขึน้ กี่ stop

ค่าแสงทีต่ อ้ งชดเชย
= (ระยะห่างจากเลนส์ถงึ ฟิ ล์ม/ทางยาวโฟกัสของเลนส์)2

= (110 / 55)2 = 22 เท่า


ต้องเปิ ดหน้ากล้องเพิม่ ขึน้ 2 stop

17
กล้องถ่ายภาพแบบสะท้อนแสงเลนส์เดีย่ ว ขนาด 35
มม. มีเซลวัดแสงอยู่ในตัวกล้อง เรียกว่า ระบบวัดแสงผ่าน
เลนส์ (TTL = Through The Lens) โดยวางตาแหน่งของเซลวัด
แสงไว้บริเวณปริซมึ ของช่องมองภาพหรือใต้กระจกสะท้อนภาพ

เครื่องวัดแสงในกล้องถ่ายภาพทุกชนิดเป็ นแบบวัดแสงสะท้อน
จากวัตถุ Reflected Metering ดังนั้นฉากหลังมีผลต่อการวัดแสง
18
19
20
เครื่องวัดแสงภายในกล้อง
ไม่มคี วามจาเป็ นต้องชดเชยแสงในกรณีทม่ี ีการต่อ
Extention tube, หรือการใส่ฟิลเตอร์หน้าเลนส์ เนื่องจาก
วัดแสงทีผ่ ่านเลนส์เข้ามาแล้ว ค่าทีไ่ ด้เป็ นค่าทีแ่ สงตกกระทบ
ฟิ ล์มจริงๆ

21
เครื่องวัดแสงในกล้องถ่ายภาพทุกชนิดเป็ นแบบวัดแสง
สะท้อนจากวัตถุ Reflected Metering แต่สามารถปรับให้เป็ น
เครื่องวัดแสงตกกระทบวัตถุได้ โดยใช้แผ่น EXPO/DISC ปิ ดไว้
หน้าเลนส์ โดยแผ่น EXPO/DISC ยอมให้แสงผ่าน 18% ของแสง
ตกกระทบวัตถุ

วิธีวัดแสงโดยวัดแสงทีว่ ัตถุและหันกล้องไปยังคนถือ
กล้องถ่ายภาพ
22
เครื่องวัดแสงสะท้อนวัตถุทร่ี ะนาบฟิ ล์ม
ออกแบบมาเพือ่ ใช้กับกล้องใหญ่ เพราะไม่ต้อง
คานึงถึงแฟคเตอร์ของเบลโลว์ แสงแฟลร์ ความผิดพลาดของ
ไดอะแฟรม ฟิ ลเตอร์แฟคเตอร์ ฯลฯ

23
ค่าการเปิ ดรับแสง (Exposure Value)
เมือ่ เครื่องวัดแสงทาการวัดแสง ค่าทีว่ ัดออกมาเรียกว่า
ค่าการเปิ ดรับแสง (Exposure Value) ซึง่ มีค่าตัง้ แต่ – 5 ถึง 23
เมือ่ ใช้ฟิล์ม 100 ISO
หลังจากนั้น เครื่องวัดแสงจะทาการคานวณค่าเลขเอฟ
และค่าความไวชัตเตอร์

24
ตารางค่าการเปิ ดรับแสง(Exposure Value)ของฟิ ล์มไวแสง 100 ISO
ปริมาณแสงเพิม่ ขึน้

ค่าความไวชัตเตอร์ Shutter Speed


ปริมาณแสงเพิม่ ขึน้
25
ตัวอย่างที่ 2 จงหาค่าการเปิ ดรับแสง EV เมือ่
ใช้ฟิล์ม 100 ISO เมือ่ วัดแสงได้ค่าดังต่อไปนี้

f / 5.6, 1/60 วินาที

26
ตารางค่าการเปิ ดรับแสง(Exposure Value)ของฟิ ล์มไวแสง 100 ISO

27
วิธีทา f / 5.6, 1/60 วินาที
หาค่า EV จากตารางได้
EV เท่ากับ 11

28
ค่า EV ค่าเดียวกัน สามารถใช้ค่าเลขเอฟ และค่าความ
ไวชัตเตอร์คู่ใดก็ได้ทอี่ ยู่บนเส้น EV เดียวกัน

29
ตัวอย่างที่ 3 ถ้าค่าการเปิ ดรับแสง (EV) ได้ค่าดังต่อไปนี้ 9, 10,
11, 12, 13, 14 จงหาค่าความไวชัตเตอร์เมือ่ ฟิ ล์มทีใ่ ช้เท่ากับ 200
ISO และ 400 ISO ตามลาดับและเปิ ดค่าเลขเอฟ f /11
วิธีทา
ถ้าใช้ฟิล์ม 100 ISO ค่าเลขเอฟ = f /11

จากตารางจะได้ค่าดังนี้
เมือ่ EV = 9 ต้องเปิ ดค่าความไวชัตเตอร์ =
EV = 10 ” =
EV = 11 ” =
EV = 12 ” =
EV = 13 ” =
EV = 14 ” =
30
ตารางค่าการเปิ ดรับแสง(Exposure Value)ของฟิ ล์มไวแสง 100 ISO

31
ตัวอย่างที่ 3 ถ้าค่าการเปิ ดรับแสง (EV) ได้ค่าดังต่อไปนี้ 9, 10,
11, 12, 13, 14 จงหาค่าความไวชัตเตอร์เมือ่ ฟิ ล์มทีใ่ ช้เท่ากับ 200
ISO และ 400 ISO ตามลาดับและเปิ ดค่าเลขเอฟ f /11
วิธีทา
ถ้าใช้ฟิล์ม 100 ISO ค่าเลขเอฟ = f /11

จากตารางจะได้ค่าดังนี้
เมือ่ EV = 9 ต้องเปิ ดค่าความไวชัตเตอร์ = 1/4 วินาที
EV = 10 ” = 1/8 ”
EV = 11 ” = 1/15 ”
EV = 12 ” = 1/30 ”
EV = 13 ” = 1/60 ”
EV = 14 ” = 1/125 ”
32
ถ้าใช้ฟิล์ม 200 ISO แสดงว่าความไวแสงเพิม่ ขึน้ 2 เท่า
ดังนั้นฟิ ล์มต้องการแสงน้อยลง 2 เท่า ดังนั้น คาตอบ คือ ค่า
ความไวชัตเตอร์ทไี่ ด้จากตารางนามาคูณด้วย 1/2
ถ้าใช้ฟิล์ม 400 ISO แสดงว่าความไวแสงเพิม่ ขึน้ 4 เท่า
ดังนั้นฟิ ล์มต้องการแสงน้อยลง 4 เท่า ดังนั้น คาตอบ คือค่า
ความไวชัตเตอร์ทไ่ี ด้จากตารางนามาคูณ ด้วย ¼

33
EV f/11, ค่าความไวชัตเตอร์ (วินาที)
100 ISO 200 ISO 400 ISO
9 1/4 1/8 1/15
10 1/8 1/15 1/30
11 1/15 1/30 1/60
12 1/30 1/60 1/125
13 1/60 1/125 1/250
14 1/125 1/250 1/500

34
การวัดแสงในกล้องถ่ายภาพ
สามารถตัง้ พืน้ ทีข่ อบเขตการวัดแสงได้ 3 แบบ
1. การวัดแสงเฉลี่ยเน้นกลางภาพ
(Center-Weighted Metering)
2. การวัดแสงเฉพาะจุด
(Spot Metering)
3. การวัดแสงแบบแบ่งพืน้ ทีเ่ ป็ นส่วนๆ
(Matrix Metering)

35
1. วัดแสงเฉลีย่ เน้นกลางภาพ
(Center-Weighted Metering)
มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 12 มม.
ระบบวัดแสงเฉลี่ยเน้นกลางภาพหรือ
เฉลี่ยหนักกลางภาพ (Center-weighted
Metering) เป็ นระบบวัดแสงแบบมาตรฐาน
ดัง้ เดิมของกล้อง 35 มม. SLR ระบบนีจ้ ะวัด
แสงโดยเน้นหนักไปยังบริเวณส่วนกลางของ
ภาพมากกว่าพืน้ ทีร่ อบนอก อัตราส่วนพืน้ ที่
ของการวัดแสงแตกต่างไปตามสเปกกล้องของ
ผู้ผลิต เช่น 60/40, 70/30 จนถึง 80/20 ระบบวัด
แสงแบบนีเ้ หมาะสาหรับการถ่ายภาพทั่วๆ ไป

36
2. การวัดแสงเฉพาะจุด (Spot Metering)
มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3.5 มม.
ระบบวัดแสงเฉพาะจุด (Spot
Metering) เป็ นระบบทีเ่ พิม่ เติมมาจากระบบ
แรก ใช้สาหรับ การวัดแสงทีต่ อ้ งการความ
ละเอียดสูง เช่น ในสภาพแสงทีม่ คี วาม
เปรียบต่างสูง ภาพย้อนแสง เป็ นต้น โดย
กล้องจะวัดแสงเฉพาะจุดกลางภาพภายใน
วงกลมขนาดเล็ก 2% ถึง 3% ของพืน้ ที่
ทัง้ หมด ทาให้วัดแสงบนวัตถุทมี่ ขี นาดเล็ก
ได้อย่างแม่นยา แต่ผู้ใช้ตอ้ งใช้ความ
พิถพ ี ถิ ันและระมัดระวังในการวัดแสง
พอสมควร จึงจะได้ภาพทีม่ คี ุณภาพดีทส่ี ุด
37
3. การวัดแสงแบบแบ่งพืน้ ทีเ่ ป็ นส่วนๆ
(Matrix Metering)
เป็ นระบบวัดแสงทีก่ ้าวหน้ามากทีส่ ุด
ระบบนี้ กล้องจะแบ่งพืน้ ทีก่ ารวัดแสงในแต่ละ
พืน้ ทีอ่ ย่างอิสระโดยวัดความสว่างและความ
เปรียบต่างในพืน้ ทีแ่ ต่ละส่วน แล้วทาการ
วิเคราะห์สภาพแสงด้วยไมโครคอมพิวเตอร์
เสร็จแล้ว จึงนาค่าทีไ่ ด้มาประเมินผลหา
ค่าเฉลี่ยในการบันทึกภาพ เป็ นระบบทีเ่ หมาะ
ทีส่ ุดในการนามาใช้กับระบบบันทึกภาพ
อัตโนมัติ การเรียกระบบวัดแสงแบบแบ่งพืน้ ที่
นั้น แต่ละยีห่ อ้ ก็จะมีชื่อเรียกแตกต่างกัน
ออกไป เช่น ระบบ 3D Matrix ของนิคอน
ระบบ Multi - Pattern ของเพ็นแท็กซ์ ระบบ
Evaluation ของแคนนอน และระบบ Honey-
Comb Pattern ของมินอลต้า เป็ นต้น
38
70%

39
70%

40
2-3 %

41
1 2 3

4 5 6

7 8 9

42
เอกสารอ้างอิง
1. Nikon FM10, Instruction Manual, Nikon Corporation, Japan.
2. ศักดา ศิริพันธุ ์ พ.ศ. 2537 “เทคนิคการถ่ายภาพ“ พิมพ์ครั้งที่ 1
3. ศักดา ศิริพันธุ ์ พ.ศ. 2521 “เทคนิคและศิลปะการถ่ายภาพ“ พิมพ์ครั้งที่ 1 บริษัท สานักพิมพ์ไทย วัฒนา
พานิช จากัด
4. Ralph E. Jacobson, Sidney F. Ray, Geoffery G.Attridge, 1988 “The Manual of Photography” Eighth
Edition, Focal Press, London and Boston.
5. NIKON CORPORATION ”Nikon F90 Designed to Inspire” Code No. 8CE41500, Japan.
6. NIKON CORPORATION ”Nikon F-801s ” Code No. 8CE41300, Japan.
7. FUJIFILM I&I-Imaging&Information, Simply More Advanced,” ระบบ Advanced Photo System ของ ฟูจิ
ฟิ ล์ม” FUJI PHOTO FILM CO.,LTD.
8. Canon EOS SERIES “Camera at the leading edge of photography” 1992 English Edition ZC1-
9292ENG1192 Canon Europa N.V.,Netherlands.
9. SHUTTER PHOTOGRAPHY พ.ศ. 2534 “เทคนิคการถ่ายภาพฉบับสมบูรณ์“ พิมพ์ครั้งที่ 2 ศูนย์การ
พิมพ์พลชัย
10. HASSELBLAD Product Catalog 1991, Code: 93562 ,Victor Hasselblad Aktiebolag, Sweden.
11. COKIN CREATIVE FILTER SYSTEM
12. Nikon Speedlight SB-M Instruction Manual
13. www.google.com
14. www.fujifilm.co.th
15. www.canan.com
16. www.hasselblad.com.com

43

You might also like