You are on page 1of 12

ระวินันท์ กิจาม 6440114028 ตอนเรียนที่ 4

ข้อสอบปลายภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2564


รายวิ ชา 2800100 วาทศาสตร์และการสื่อสารของมนุษย์
วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม 2564 เวลา 13.00-16.00 น.
ผ่าน ZOOM APPLICATION และระบบ Google Classroom
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คาอธิ บาย: ข้อสอบนี้ มีคะแนนเต็ม 40 คะแนน ประกอบด้วยข้อสอบ 5 ตอน
คาชี้แจงในการทาข้อสอบ: ให้นิสติ พิมพ์คาตอบลงในไฟล์นี้ (โดยสามารถเขียน/แปะรูปภาพ) และขอให้ส่ง
คาตอบผ่าน 1) Google Form (แยกแต่ละข้อ) ทีโ่ พสต์ไว้บนระบบ Google Classroom เป็ นไฟล์ *.doc หรือ
*.docx หรือ *.pdf เท่านัน้ 2) ส่งไฟล์ Back-up ลงในโฟลเดอร์สง่ งานของนิสติ บนระบบ Google Classroom
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 1 บริ บทการสื่อสาร (8 คะแนน)
ข้อ 1.1) บริบทหมายถึงอะไร/สิง่ ใด มีความสาคัญในการสื่อสารของมนุษย์อย่างไร และแบ่งเป็ นกี่
ประเภท
บริบทในทางการสื่อสาร คือ สภาพแวดล้อมหรือส่งแวดล้อมทีเ่ กิดขึน้ ในทุก ๆ ขณะของการ
สื่อสาร ทีส่ ามารถส่งอิทธิพลในทุก ๆ ขณะของการสื่อสารเช่นเดียวกัน ซึ่งบริบทเป็ นสิง่ ทีส่ ามารถกาหนด
อะไรบางอย่างในการสื่อสารได้ดว้ ยเช่นกัน
จากแบบจาลองการสื่อสารของมนุษย์ (Model of Human Communication) ซึ่งประกอบไปด้วย
ผูร้ บั สาร ผู้ส่งสาร ช่องทางการสื่อสาร สาร สิง่ ทีร่ บกวนการสื่อสาร พืน้ ทีซ่ ้อนทับของประสบการณ์
รวมถึง “บริบท” ถ้าจารูปแบบของแบบจาลองการสื่อสารของมนุษย์ได้ บริบทไม่ได้อยู่ตรงไหนตรงหนึ่ง
ของแบบจาลอง แต่บริบทอยู่ครอบคลุมทุกสิง่ ของแบบจาลอง ซึ่งหมายความว่า บริบทมีความสาคัญใน
การสื่อสารของมนุษย์ในทุก ๆ องค์ประกอบไม่ว่าจะเป็ น ผูส้ ่งสาร ผูร้ บั สาร สาร กล่าวคือ บริบทสามารถ
ส่งอิทธิพลต่อผูส้ ่งสารว่าทาไมถึงต้องมีรูปแบบการส่งสารเช่นนี้ บริบทสามารถส่งอิทธิพลต่อผูร้ บั สารว่า
ทาไมถึงเลือกรับสารประเภทนี้ เป็ นต้น ดังทีน่ ิสติ กล่าวข้างต้นว่า บริบทส่งอิทธิพลต่อทุก ๆ องค์ประกอบ
ในการสื่อสาร
โดยบริบททางการสื่อสารสามารถแบ่งเป็ น 5 ประเภทด้วยกัน คือ 1. บริบททางด้านกายภาพ
(Physical Context) 2. บริบททางด้านจิตวิทยา (Psychological Context) 3. บริบททางด้านสังคม
(Social Context) 4. บริบททางด้านประวัตศิ าสตร์และประสบการณ์เก่า (Historical Context) และ 5.
บริบททางด้านวัฒนธรรม (Cultural Context) โดยบริบททางวัฒนธรรมสามารถแบ่งได้เป็ นหัวข้อย่อยอีก
2 ประเภท คือ High Context ทีม่ กี ารเน้นกระชับความสัมพันธ์มากกว่าการทางานเพื่อบรรลุจุดประสงค์
โดยการดาเนินงานจะอยู่ในรูปแบบมีผนู้ า และ Low Context ทีม่ กี ารเน้นการทางานเพื่อให้บรรลุ

1
ระวินันท์ กิจาม 6440114028 ตอนเรียนที่ 4

จุดประสงค์ไม่เน้นกระชับความสัมพันธ์เช่นเดียวกับ High Context โดยรูปแบบการทางาน คือ ทุกคน


ช่วยกันทา ไม่มคี นเป็ นผูน้ าในการทางาน
นอกจากนี้ยงั มีศกึ ษาบริบททางวัฒนธรรมในองค์กรโดย Hofstede โดย Hofstede สามารถสรุป
บริบททางวัฒนธรรมในองค์กรได้เป็ น 6 ประเด็น คือ ประเด็นแรก Individualism และ Collectivism
ประเด็นทีส่ อง Femininity และ Masculinity ประเด็นทีส่ าม High Distance และ Low Distance
ประเด็นทีส่ ่ี High Uncertainty Avoidance และ Low Uncertainty Avoidance ประเด็นที่หา้ Short Term
Orientation และ Long Term Orientation และประเด็นสุดท้าย Indulgence and Restraint
ข้อ 1.2) จากคลิปวิดโี อทีน่ ิสติ ได้ชมไป ให้นิสติ วิเคราะห์การสื่อสารของผูพ้ ูดว่าได้มกี ารนาองค์ประกอบ
ด้านบริบทประเภทใดบ้างมาใช้เพื่อสร้างอิทธิพลในการสื่อสารต่อผูฟ้ ั งในเหตุการณ์ เลือกมา
ตอบ อย่างน้อย 2 ประเภทและอธิบายพร้อมยกตัวอย่างให้ชดั เจน
จากวิดโี อทีน่ ิสติ รับชม นิสติ วิเคราะห์ได้ว่าการสื่อสารของคุณพิมรีพ่ ายได้นาองค์ประกอบของ
“บริบททางด้านกายภาพ (Physical Context)” และ “บริบททางด้านประวัตศิ าสตร์และประสบการณ์เก่า
(Historical Context)” มาใช้ในการสร้างอิทธิพลในการสื่อสารต่อผูฟ้ ั งในเหตุการณ์ ซึ่งผูฟ้ ั งในทีน่ ้หี มายถึง
ทีมกู้ภยั โดยสาเหตุทนี่ ิสติ เลือกบริบททางด้านกายภาพ (Physical Context) เนื่องจาก จากวิดโี อ
สามารถสังเกตได้อย่างชัดเจนว่าอะไรคือปัญหาทีค่ ุณพิมรีพ่ ายต้องแก้ ปั ญหาทีเ่ กิดขึน้ คือ การขาด
แคลนถังอ๊อกซิเจนเพื่อช่วยเหลือคนทีป่ ระสบปั ญหา บริบททางกายภาพที่เกิดขึน้ ได้สร้างอิทธิพลต่อคุณ
พิมรีพ่ ายในฐานะผูร้ บั สารว่า “การขาดแคลนถังอ๊อกซิเจน คือ ปั ญหา”
ในลาดับต่อมา อีกบริบททีน่ ิสติ เห็นคือ บริบททางด้านประวัตศิ าสตร์และประสบการณ์เก่า
(Historical Context) ในคลิปวิดโี อ คุณพิมรีพ่ ายมีการใช้คาพูดประมาว่า “พิมพ์นี่แหละ เด็กฝั ง่ ธนตัวจริง”
จากคาพูดคานี้ แสดงให้เห็นว่า คุณพิมรีพ่ ายมีประสบการณ์ร่วมในการใช้ชวี ติ ในฝั ง่ ธนบุรแี ละเล็งเห็น
ปั ญหาทีเ่ กิดขึน้ และพร้อมทีจ่ ะช่วยแก้ไขปัญหาทีเ่ กิดขึน้

ตอนที่ 2 การวิ เคราะห์ผ้รู บั สารและการออกแบบสาร (8 คะแนน)


จากการนำเสนอสุนทรพจน์โดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในการประชุม COP26 ด้านล่าง
ให้นิสิตตอบคำถามต่อไปนี้
กรณีศึกษา
เมื่อเวลา 15.50 น. ตามเวลาท้องถิ่น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเป็นภาษาไทย ต่อที่ประชุม COP 26 ว่า
“ผมมาร่วมประชุมวันนี้ เพือ่ เป็นการยืนยันว่าประเทศไทยให้ความสำคัญสูงสุดกับการแก้ไขปัญหาการ
เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยไทยพร้อมร่วมมือกับทุกประเทศ และทุกภาคส่วนเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกั น
ในการแก้ปัญหาครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งของโลก เพราะภารกิจนี้คือความเป็นความตายของโลกและอนาคต
ของลูกหลานของพวกเราทุกคน”

2
ระวินันท์ กิจาม 6440114028 ตอนเรียนที่ 4

“ในปัจจุบันไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกในปริมาณเพียงประมาณร้อยละ 0.72 ของการปล่อยก๊าซเรือน


กระจกทั่วทั้งโลก แต่ประเทศไทยกลับเป็น 1 ใน 10 ประเทศทีไ่ ด้รับผลกระทบร้ายแรงที่สุดจากการ
เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และนี่คือเหตุผลสำคัญที่ผมไปร่วมการประชุมสุดยอดเรือ่ งภูมิอากาศของ
สหประชาชาติที่กรุงปารีสเมื่อปี 2015 โดยไทยอยู่ในประเทศกลุ่มแรกที่ให้สัตยาบันเข้าเป็นภาคีของความตกลง
ปารีส
คำมั่นสัญญาของไทย มิใช่คำมั่นที่ว่างเปล่า ในช่วงที่ผ่านมา ไทยได้ปฏิบัติตามคำมั่นทุกประการที่ให้ไว้กับ
ประชาคมโลกอย่างต่อเนื่อง และมีการดำเนินการอย่างแข็งขันภายในประเทศภายใต้กรอบอนุสัญญา
สหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไทยได้กำหนดเป้าหมาย NAMA เพื่อลดการปล่อยก๊าซ
เรือนกระจก ในภาคพลังงานและขนส่งอย่างน้อยร้อยละ 7 ภายในปี 2020 แต่ทว่าในปี 2019 ไทยสามารถลด
ก๊าซเรือนกระจกได้แล้วร้อยละ 17 ซึ่งเกินเป้าหมายที่เราตั้งไว้กว่า 2 เท่า และก่อนเวลาที่ได้กำหนดไว้มากกว่า
1 ปี
นอกจากนี้ไทยยังเป็นประเทศแรก ๆ ที่จัดส่ง NDC ฉบับปรับปรุงปี 2020 และจัดทำแผนงานต่าง ๆ ใน
ระดับประเทศ และระดับท้องถิ่น ล่าสุด ไทยได้ส่งยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือน
กระจกระดับต่ำให้กับ UNFCCC โดยไทยเป็นประเทศแรก ๆ ที่จัดทำยุทธศาสตร์นี้
วันนี้ผมจึงมาพร้อมกับเจตนารมย์ที่เป็นความท้าทายอย่างยิ่งว่าประเทศไทยจะยกระดับการแก้ไขปัญหา
ภูมิอากาศอย่างเต็มที่และด้วยทุกวิถีทาง เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน
ภายในปี 2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้ในปี 2065 และด้วยการ
สนับสนุนทางด้านการเงินและเทคโนโลยีอย่างเต็มที่และเท่าเทียม รวมถึงการเสริมสร้างขีดความสามารถจาก
ความร่วมมือระหว่างประเทศ และกลไกภายใต้กรอบอนุสัญญาฯ ผมมั่นใจว่าประเทศไทยก็จะสามารถยกระดับ
NDC ของเราขึ้นเป็นร้อยละ 40 ได้ ซึ่งจะทำให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิของไทยเป็นศูนย์ได้ภายในปี
2050
ขณะนี้ประเทศไทยนำแนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG มาเป็น
ยุทธศาสตร์แห่งชาติ เพื่อนำไปสู่การปรับกระบวนทัศน์และการพัฒนาเศรษฐกิจทีไ่ ม่ทำลายระบบนิเวศ และ
ไทยจะนำแผนนี้มาเป็นวาระหลักของการประชุมเอเปคที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพในปีหน้า
“สุดท้ายนี้ ผมคิดว่าหมดเวลาสำหรับความล้มเหลวแล้ว และโลกกำลังบอกเราว่าการประทุษร้ายธรรมชาติต้อง
ยุติเพียงเท่านี้ เพื่อการดำรงไว้ซึ่งแหล่งอาหาร แหล่งน้ำ และอากาศที่ทุกคนต้องหายใจร่วมกัน ดังนั้น มนุษย์
จะต้องมีความกล้าหาญ มีความชาญฉลาด มีการรู้คิดและมีความอดทนอย่างสูงสุด เพื่อนำชัยชนะมาสู่ลูกหลาน
ของเรา ผมขอย้ำว่าเราทุกคนไม่มี “แผนสอง” ในเรื่องการรักษาเยียวยาสภาพภูมิอากาศ เพราะเราจะไม่มี
“โลกที่สอง” ซึ่งเป็นบ้านของพวกเราเหมือนโลกนี้อีกแล้ว”

3
ระวินันท์ กิจาม 6440114028 ตอนเรียนที่ 4

คำถาม จากสุนทรพจน์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในพิธีเปิดการประชุมผู้นำรัฐภาคีกรอบ


อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 หรือ COP 26 นั้น ขอให้นิสิต
วิเคราะห์ว่า
ข้อ 2.1) ใครคือผู้รับสารของสุนทรพจน์นี้ เพราะเหตุใด (1 คะแนน)
ผู้รับสารที่เกิดขึ้น คือ ผู้นำรัฐในพิธีเปิดการประชุมผู้นำรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติ และ
บุคคลทุกคนที่รับชมสุนทรพจน์นี้ เนือ่ งจาก สุนทรพจน์ของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นการพูดในที่
สาธารณะ (Public Speaking) ดังนั้น การมาเป็นผู้รับสารของสุนทรพจน์นี้เป็นใครก็ได้ซงึ่ ขึ้นอยู่กับความสนใจ
ของผู้รับสาร
ข้อ 2.2) จากผู้รับสารในข้อ 2.1 มีปัจจัยใดบ้างที่มีอิทธิพลต่อการรับรู้และตีความของผู้รับสารที่ผู้ส่งสารจะต้อง
พิจารณา และปัจจัยเหล่านั้นมีอิทธิพลอย่างไร โปรดอธิบายให้เข้าใจ (3 คะแนน)
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการรับรู้และตีความของผู้รับสารที่ผู้ส่งสารจะต้องพิจารณา คือ ปัจจัยบุคคลของ
คู่ปฏิสัมพันธ์ ปัจจัยในตัวสิ่งเร้า และปัจจัยสภาพแวดล้อม มีอทิ ธิพลต่อผู้รับสาร คือ เนื่องจาก พล.อ. ประยุทธ์
จันทร์โอชา เป็นถึงผู้นำประเทศ ถ้าผู้รับสารเป็นผู้นำรัฐอื่น ๆ เลือกฟังสารเหล่านั้น เพราะ ปัจจัย
สภาพแวดล้อมในการประชุมระดับโลก ทำให้ต้องเกิดการฟัง พล.อ. ประยุทธ์ และเพื่อการเจริญสัมพันธไมตรี
ระหว่างประเทศไทยกับประเทศอื่น ๆ ถ้าผู้รับสารเป็นประชาชนชาวไทย ที่มีความสัมพันธ์ทไี่ ม่ค่อยดีกับ พล.อ.
ประยุทธ์ จะมองว่า พล.อ. ประยุทธ์ไม่ควรพูดภาษาไทยบนเวทีโลก เพราะดูไม่เหมาะสม รวมถึงปัจจัย
สภาพแวดล้อมในปัจจุบันในประเทศไทยที่มีการเคลื่อนไหวทางการเมือง ปัจจัยเหล่านี้จึงส่งผลให้ผู้รับสารเลือก
ที่จะรับสารและตีความสาร
ข้อ 2.3) ภาษาและลีลาของสุนทรพจน์นี้เป็นอย่างไร โปรดอธิบายให้เข้าใจ (2 คะแนน)
ภาษาที่เกิดขึ้นมีความเป็นทางการ เนื่องจากเป็นการพูดสุนทรพจน์ในที่สาธารณะและบนเวทีระดับ
โลก ในทางกลับกันนิสิตมองว่า การกล่าวสุนทรพจน์นี้ควรเป็นภาษาอังกฤษเสียมากกว่าเนื่องจาก เป็นเวที
ระดับโลก ซึ่งผู้นำรัฐต่าง ๆ น่าจะฟังภาษาอังกฤษได้มีประสิทธิภาพในระดับหนึ่ง การกล่าวสุนทรพจนืเป็น
ภาษาอังกฤษน่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมยิ่งกว่า และปัญหาอีกหนึ่ง คือ ถ้ามีการนำสุนทรพจน์นี้ไปแปลเป็น
ภาษาอังกฤษ คงจะมีบางประโยคที่ต้องการสื่ออาจจะหายไป
ข้อ 2.4) กลยุทธ์การสร้างและนำเสนอสารของสุนทรพจน์นี้เป็นอย่างไร โปรดอธิบายให้เข้าใจ (2 คะแนน)
กลยุทธ์การสร้างและการนำเสนอสารของสุนทรพจน์นี้ มีลักษณะคือ การสร้างสารสามารถสร้างได้
อย่างมีประสิทธิภาพ กล่าวคือ มีการเกริ่นนำถึงจุดยืนในเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตัวเนื้อหา
สามารถแสดงให้เห็นถึง ประเทศไทยสามารถปฏิบัติได้จริง โดยใช้ประเทศไทยเปรียบเสมือนตัวอย่าง และ
บทสรุปมีการเน้นย้ำว่า หมดเวลาสำหรับความล้มเหลว จึงเป็นการออกแบบสารอย่างครบถ้นและสมบูรณ์
ตอนที่ 3 การสื่อสารภายในบุคคล และ ช่องทางในการสื่อสาร (8 คะแนน)

4
ระวินันท์ กิจาม 6440114028 ตอนเรียนที่ 4

ส่วนที่ 1 ให้นิสติ กาเครื่องหมาย ✓ หน้าข้อความทีถ่ ูกต้องตามแนวคิด ทฤษฎีการสื่อสารภายในบุคคล


และ
เครื่องหมาย  หน้าข้อความทีไ่ ม่ถูกต้องตามแนวคิด ทฤษฎีการสื่อสารภายในบุคคล (4
คะแนน)
✓ 1) การสื่อสารภายในบุคคล หมายถึง การคิด การตัดสินใจ ความรูส้ กึ ทีเ่ กิดขึน้ ภายในบุคคลทีม่ ี
ผลจากพฤติกรรมของผูอ้ ่นื
✓ 2) ระดับการสื่อสารภายในบุคคลเป็ นพืน้ ฐานของการสื่อสารทุกประเภท
✓ 3) จากการทากิจกรรมดอกไม้สะท้อนตัวตนในชัน้ เรียน ส่วนทีเ่ ป็ นเกสรคือส่วนที่เป็ น open Self
ตามแนวคิด Johari window
 4) ลักษณะของการสื่อสารภายในบุคคลเกิดจากจิตใต้สานึกเท่านัน้
 5) การฟัง Listening เกิดจากการที่เรามีอวัยวะในการฟั งครบถ้วน
✓ 6) กระบวนการของการฟังประกอบด้วย ได้ยนิ ตัง้ ใจ เข้าใจ ตีความ ตอบสนอง
 7) ซิกมันด์ ฟรอยด์ เป็ นผูน้ าเสนอทฤษฎี Self = I + Me
✓ 8) Blind Self ตามแนวคิด Johari Window หมายถึง ส่วนทีเ่ รารูแ้ ต่คนอื่นไม่รู้

ส่วนที่ 2 ให้นิสติ ตอบคาถามต่อไปนี้

ข้อ 3.2.1) จงอธิบายความหมายของ Rich Media และ Lean Media พร้อมยกตัวอย่างประกอบให้


ชัดเจน
(2 คะแนน)
โดย Rich Media และ Lean Media เป็ นสื่อทีอ่ ยู่ในทฤษฎี Media Richness Theory ซึ่ง
ความหมายของ Rich Media คือ สื่อที่สามารถโต้ตอบได้ทนั ทีมลี กั ษณะเป็ นการสื่อสารแบบสองทาง
(Two-way Communication) เช่น การสื่อสารแบบหน้าต่อหน้า (Face-to-face Communication) หรือ
การประชุมทางไกล (Teleconference) ซึ่งข้อดี คือ สามารถสื่อสารได้อย่างตรงจุด เข้าใจและชัดเจน
ในทางกลับกัน Lean Media เป็ นสื่อมีลกั ษณะแบบสื่อสารทางเดียว (One-way Communication) ไม่
สามารถส่งผลต้อนกลับได้อย่างทันที เช่น จดหมายเวียน หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งข้อดี คือ
ต้นทุนในการดาเนินงานต่า แต่ต้องเสีย่ งต่อการสื่อสารผิด
ข้อ 3.2.2) จงอธิบายวัตถุประสงค์ทอี่ งค์กรยูเนสโก (2000) กาหนดยุทธศาสตร์ดา้ นสื่อสารมวลชนใน
ศตวรรษที่ 21 ขึน้ และแจกแจงทักษะการรูเ้ ท่าทันสื่อ 5 ประการ อย่างละเอียด (2 คะแนน)
โดยวัตถุประสงค์ทอี่ งค์กรยูเนสโก (2000) กาหนดยุทธศาสตร์ดา้ นสื่อสารมวลชนในศตวรรษที่
21 ขึน้ คือ การเล็งเห็นถึงความสาคัญของสื่อในปั จจุบนั การกาหนดยุทธศาสตร์ดา้ นสื่อสารมวลชนทาให้
ผูค้ นตระหนักถึงว่าสื่อที่เกิดขึน้ มีรูปแบบอย่างไรและไม่ตกภายใต้การครอบงาของสื่อ

5
ระวินันท์ กิจาม 6440114028 ตอนเรียนที่ 4

ทักษะการรูเ้ ท่าทันสื่อ 5 ประการ คือ ประการแรก Access การเข้าถึง คือ ปั จจุบนั มีอุปกรณ์
มากมายทีส่ ามารถเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย ดังนัน้ เราจึงต้องตระหนักว่าเราเลือกรับหรือ
เข้าถึงข้อมูลอะไรอยู่ ประการสอง Analyse การวิเคราะห์ข้อมูลทีเ่ ข้าถึงและได้รบั มาเพื่อเข้าใจว่าข้อมูล
เหล่านัน้ สาคัญอย่างไร ประการสาม Create การสร้าง สร้างข้อมูลในหลากหลายรูปแบบ ให้เหมาะสมกับ
ผูร้ บั สาร ออกแบบสารให้ตรงจุด ประการสี่ Reflect การสะท้อน สะท้อนความคิดในหลากหลายมุมมอง
มองให้มากขึน้ ใช้เหตุผลกับข้อมูลเหล่านัน้ ให้มากขึน้ และประการสุดท้าย Take Action การกระทา
กระทาออกผ่านความคิดของตนเอง เพื่อสร้างความเป็ นผูน้ า

ตอนที่ 4 การสื่อสารระดับกลุ่ม (6 คะแนน)


ในโลกปัจจุบนั เราต้องอาศัยและทางานร่วมกับผูอ้ ่นื ท่ามกลางความหลากหลายทัง้ เรื่องของเพศ
อายุ การศึกษา ชาติพนั ธุ์ ตลอดจนความคิดความเชื่อในเรือ่ งต่างๆ หากนิสติ ต้องทากิจกรรมกลุ่มเพื่อ
จัดกิจกรรมการรณรงค์รกั ษาสิง่ แวดล้อมในมหาวิทยาลัยร่วมกับเพื่อนๆ จากคณะวิ ทยาศาสตร์ทมี่ องว่า
ควรเน้นเรื่องการจัดการขยะ ในขณะทีค่ ณะเภสัชศาสตร์มองว่าควรเน้นเรื่องขยะจากอาหาร อย่างไรก็
ตาม เพื่อนๆ จากคณะนิ เทศศาสตร์เองมองว่าควรเน้นไปเรื่องการลดขยะจากเสือ้ ผ้าแฟชัน่ โดยการทา
กิจกรรมดังกล่าวต้องเลือกทากิ จกรรมที่เน้ นไปเรื่องเดียว ทัง้ นี้ กลุ่มจาเป็ นต้องสื่อสารเพื่อให้เกิด
ข้อสรุปของกลุ่มทีไ่ ด้รบั การยอมรับ และลดความขัดแย้งในการทางานเพื่อความสาเร็จร่วมกัน
ในฐานะของสมาชิ กคนหนึ่ งของกลุ่ม จงตอบคาถามต่ อไปนี้
ข้อ 4.1) นิสติ เห็นว่ามีองค์ประกอบอะไรของกลุ่มบ้าง ทีจ่ ะส่งผลต่อความสาเร็จและความไม่
สาเร็จในการสื่อสารทางานร่วมกันครัง้ นี้โปรดอภิปรายอย่างสังเขป อย่างน้อย 3
องค์ประกอบ (3 คะแนน)
นิสติ เห็นว่าองค์ประกอบของกลุ่มในเหตุการณ์น้ปี ระกอบไปด้วยเพื่อนหลากหลายคณะ สิง่ ที่
นิสติ คิดว่า ส่งผลต่อความสาเร็จ คือ การมีความคิดทีห่ ลากหลายของเพื่อน เพราะทัง้ สามคนเรียนต่าง
คณะ ทาให้มแี นวคิดในการจัดการขยะแตกต่างกัน ถือว่ามีความหลากหลายในความคิด และอีกประการ
ส่งผลต่อความสาเร็จ คือ การมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือการจัดการเรื่องขยะ กล่าวคือ เมื่อคนใดก็ตามทีม่ ี
จุดมุ่งหมายเดียวกันสามารถทาให้งานนัน้ ผ่านพ้นไปได้ดว้ ยดี ส่วนความไม่สาเร็จในการทางาน คือ ถ้ามี
เพื่อนคนในคนหนึง่ ยึดมันในความคิ
่ ดตนเองมากเกินไป โดยไม่ฟังเสียงคนอื่นก็จะส่งผลให้ไม่ประสบ
ความสาเร็จ
ข้อ 4.2) นิสติ จะใช้กระบวนการแก้ไขปั ญหาของกลุ่ม (ประกอบด้วย 5 ขัน้ ตอน ได้แก่ การระบุ
ปัญหา การวิเคราะห์ปัญหาร่วมกัน การค้นหาและสร้างทางเลือก การประเมินทางเลือก
และการนาไปปฏิบตั แิ ละประเมินผลเป็ นระยะ) อย่างไร โปรดอธิบายพร้อมยกตัวอย่าง
การสื่อสารในแต่ละขัน้ ตอน (3 คะแนน)

6
ระวินันท์ กิจาม 6440114028 ตอนเรียนที่ 4

ในทัศนะของนิสติ นิสติ จะใช้กระบวนการแก้ปัญหาของกลุม่ ดังนี้ 1.การระบุปัญหา เช่น อะไรคือ


ปั ญหาก้อนทีใ่ หญ่ที่สุด เพราะประเด็นปัญหาของเพื่อนแต่ละคณะมีประเด็นทีล่ ะเอียดมากเกินไป โดย
ใจความสาคัญคือ “ขยะ” ดังนัน้ นิสติ สามารถตัง้ คาถามได้ว่า กิจกรรมใดในชีวติ ประจาวันทีส่ ามารถ
ก่อให้เกิดขยะได้และเราสามารถจัดการขยะเหล่านัน้ ได้หรือไม่ 2. การวิเคราะห์ปัญหา ให้วเิ คราะห์การ
จากใช้ชวี ติ ประจาวันหรือไม่ เช่น การทานอาหารเหลือ หรือเสือ้ ผ้าในชีวติ ประจาวันทีไ่ ม่ใช้แล้วมีวธิ กี าร
จัดการอย่างไร 3. การค้นหาและสร้างทางเลือก ลองไปปรึกษากับหน่วยงานทีเ่ กี่ยวข้องว่าจะมีการ
จัดการขยะประเภทต่าง ๆ อย่างไร เพื่อหาวิธที จี่ ะจัดการขยะเหล่านัน้ 4. การประเมินทางเลือก ประ
เมมินทางเลือกในการจัดการขยะ คือ ถ้าทาแบบนี้คนในมหาวิทยาลัยทาหรือไม่ ต้องมีนโยบายอะไรไหม
ทีด่ งึ ดูดคนในมหาวิทยาลัยอยากให้ทา ลองชังน ่ ้ าหนักระหว่างผลดีและผลเสีย และ 5. การนาไปปฏิบตั ิ
และประเมินผลเป็ นระยะ ลองนาไปปฏิบตั จิ ริงเป็ นเวลาหนึ่งสัปดาห์เพื่อประเมินผล และปรับปรุงแก้ไข
ส่วนทีเ่ ห็นว่าเป็ นจุดอ่อน

ตอนที่ 5 การสื่อสารในที่สาธารณะ (12 คะแนน)


จากสุนทรพจน์ส่วนหนึ่งของ Deshauna Barber (Miss USA 2016) เนื่องในพิธปี ระสาทปริญญาปี
การศึกษา 2018 ของ Virginia State University หัวข้อ “Don’t fear the word ‘NO’” ให้นิสติ ตอบคาถาม
ต่อไปนี้
ข้อ 5.1) ผูพ้ ูดซึ่งเป็ นทีร่ ูจ้ กั ในฐานะนางงามสหรัฐอเมริกา (Miss USA) มีวธิ กี ารใช้อวัจนภาษาเพื่อสร้าง
Ethos และ Pathos ในการกล่าวสุนทรพจน์น้ตี ่อผูฟ้ ั งซึง่ เป็ นบัณฑิตใหม่ในพิธปี ระสาทปริญญา
ของ Virginia State University อย่างไรบ้าง ให้นิสติ ยกตัวอย่างประกอบและอธิบายว่าการ
ใช้อวัจนภาษาดังกล่าวประสบผลสาเร็จในการสื่อสารในทีส่ าธารณะหรือไม่ อย่างไร (5 คะแนน)
ก) การใช้อวัจนภาษาเพื่อสร้าง ethos (2.5 คะแนน)
Ethos คือ ลักษณะของผูท้ สี่ ่งสารสามารถสร้างความเชื่อถือ (Credibility) ให้แก่ผฟู้ ั งได้ โดยอวัจน
ภาษาที่สามารถสร้าง Ethos ได้ คือ การสวมชุดครุยรับปริญญา สามารถแสดงให้เห็นถึงความเป็ น
ทางการ ทาให้ผรู้ บั สารเห็นถึงว่า ถึงแม้จะเป็ น Miss USA หรือการเป็ นทหาร ก็สามารถประสบ
ความสาเร็จได้ หรืออาจจะมองว่าคนผิวดาก็สามารถประสบความสาเร็จในหลากหลายด้านได้ นิสติ มอง
ว่าการใช้อวัจนภาษาดังกล่าวถือว่าประสบความสาเร็จ
ข) การใช้อวัจนภาษาเพื่อสร้าง pathos (2.5 คะแนน)
Pathos คือ ลีลาในการพูด ลีลาในการสื่อสาร เพื่อสร้างความประดับใจให้แก่ผฟู้ ั ง โดยอวัจนภาษาที่
สามารถสร้าง Pathos ได้ คือ การใช้น้าเสียงมีความหนักแน่น มีการใช้เสียงต่าเพื่อแสดงความเน้นย้า มี
การใช้สายตากวาดมองผูช้ มทาให้ผชู้ มรูส้ กึ ว่ามีความเป็ นส่วนร่วม มีการใช้ภาษากายตามความ
เหมาะสม นิสติ มองว่าการใช้อวัจนภาษาดังกล่าวถือว่าประสบความสาเร็จ

7
ระวินันท์ กิจาม 6440114028 ตอนเรียนที่ 4

ตอนที่ 5 การสื่อสารในที่สาธารณะ (12 คะแนน)


จากสุนทรพจน์ส่วนหนึ่งของ Deshauna Barber (Miss USA 2016) เนื่องในพิธปี ระสาทปริญญาปี
การศึกษา 2018 ของ Virginia State University หัวข้อ “Don’t fear the word ‘NO’” ให้นิสติ ตอบคาถาม
ต่อไปนี้
ข้อ 5.2) ให้นิสติ วิจารณ์เนื้ อหาการพูดครัง้ นี้โดยใช้เกณฑ์องค์ประกอบย่อยต่างๆ ที่ปรากฏอยู่ใน
แบบฟอร์มการประเมิ นส่วนกรอบการออกแบบสาร (Message Design) ซึ่งนิสติ ใช้ในการวิจารณ์
การพูดของเพื่อนในการสอบนาเสนอทัง้ 2 ครัง้ ทีผ่ ่านมา (7 คะแนน)
1 หัวข้อมีความน่าสนใจ/ แปลกใหม่ ดี
2 หัวข้อเหมาะสม/ เกี่ยวข้องกับผูฟ้ ัง ดี
3 การเกริน่ นาดึงดูดความสนใจ ดี
4 การสร้างเหตุผล ดี
5 หัวข้อประเด็นย่อยตอบโจทย์ทเี่ กริน่ ไว้ ดี
6 ข้อมูลมีความน่าสนใจ แปลกใหม่ ดี
7 การใช้หลักฐาน เหตุผลประกอบการนาเสนอ ดี
8 การสรุปปจบสอดคล้อง น่าจดจา/ ประทับใจ ดี
9 การเรียบเรียงเนื้อหา/ ประเด็นในภาพรวม ดี
10 การใช้ภาษาเหมาะสมกับผูฟ้ ัง ดี
11 มารยาทการอ้างอิงและจริยธรรมในการนาเสนอ ดี
การพูดมีความน่าสนใจ มีการใช้ประสบการณ์ร่วมการเล่าถึงส่งตนเองอยากสื่อสารออกมา ซึ่ง
สอดคล้องกับคาพูดตอนสุดท้ายว่า “WHAT IF I DIDN’T GIVE UP”

(ถอดความโดย ผศ.ดร.ปภัสสรา ชัยวงศ์)


(skip the introduction) … (ข้ามส่วนเกริน่ นาไป)

…She said the most offensive thing to me that you can say to a person of color in the United
States of America. She asked me, “Were you born in this country?” And I was immediately
offended. I put my hands on my hips and I said, “Yeah, I was born in this country.”

8
ระวินันท์ กิจาม 6440114028 ตอนเรียนที่ 4

เธอกล่าวกับฉันด้วยถ้อยคาทีเ่ รียกว่าช่างทาร้ายจิตใจคนผิวสีในสหรัฐอเมริกามากทีส่ ุด เธอถามฉันว่า


“หนูเกิดในประเทศนี้รเึ ปล่า?” ฉันผูซ้ งึ ่ รูส้ กึ ถูกทาร้ายจิตใจในทันทีทไี ่ ด้ยนิ เท้าสะเอวและตอบว่า “ใช่คะ่
หนูเกิดในประเทศนี้”
She then goes on to ask me, “How old are you?” I said, “19 years old.”
She said, “Are you married?” I said, “No, Ma’am”
She said, “Do you have any kids?” I said, “No, Ma’am, and may I help you find something?”
จากนัน้ เธอก็ถามฉันต่อว่า “หนูอายุเท่าไหร่” ฉันตอบว่า “19 ปีคะ่ ”
เธอถามต่อว่า “หนูแต่งงานแล้วหรือยัง” ฉันตอบว่า “ยังค่ะ”
เธอถามฉันว่า “แล้วหนูมลี ูกมัย้ ” ฉันตอบว่า “ไม่ค่ะ ว่าแต่ให้หนู ช่วยคุณหาของทีต่ ้องการมัย้ คะ”
She then goes on to tell me something that changed my life forever.
She says, “You look like you could be the next Miss USA”
And I laughed at this woman hysterically.
จากนัน้ เธอก็บอกบางสิง่ ซึง่ ได้เปลีย่ นชีวติ ของฉันไปตลอดกาล เธอพูดว่า “ฉันว่าหนูน่าจะเป็นนางงาม
สหรัฐคนต่อไปได้” เท่านัน้ แหละ ฉันก็หวั เราะราวกับคนเสียสติในทีส่ งิ ่ ทีเ่ ธอพูด
I said, “Lady, I don’t know what you’re talking about. I’m going into my sophomore year Virginia
State. I’m about to commission in three years, go on active duty and be a military officer.”
Somehow this crazy woman convinced me to meet her at Starbucks the very next day. She
brought a foot tall stack of pageant books and she goes on to convince me to compete in my very
first pageant.
ฉันตอบว่า “คุณผูห้ ญิงคะ หนูไม่ทราบว่าคุณกาลังพูดเรือ่ งอะไร หนูกาลังจะขึ้นปีสองทีม่ หาวิทยาลัย
เวอร์จเิ นีย สเตท หนูกาลังจะไปเป็นทหารภายในเวลา 3 ปีในฐานะเจ้าหน้าทีข่ องกองทัพ” แต่ดูเหมือน
ผูห้ ญิงประหลาดๆ คนนี้กส็ ามารถโน้มน้าวให้ฉันไปพบเธอทีส่ ตาร์บกั ส์ในวันรุ่งขึ้น เธอนาหนังสือ
เกีย่ วกับนางงามเป็นตัง้ มาให้ฉัน และเธอก็ชวนให้ฉันลงประกวดนางงาม
I compete in my first pageant three month later and I lose. I go back the second year, compete in
my state pageant and I lose. I go back the third year, compete in my state pageant and I lose, go
back the fourth year, compete in my state pageant and lose, go back the fifth year, compete in my
state pageant and lose. But guess what happens the sixth year… I lose.
ฉันเข้าประกวดนางงามครัง้ แรกใน 3 เดือนถัดมา และฉันก็ตกรอบ ฉันกลับไปในปีที ่ 2 เพือ่ ประกวดใน
รัฐของฉันเอง และฉันก็ตกรอบ ฉันกลับไปในปีที ่ 3 เพือ่ ประกวดในรัฐของฉันเอง และฉันก็ตกรอบอีก
กลับไปในปีที ่ 4 เพือ่ ประกวดในรัฐของฉันเอง และฉันก็ตกรอบ กลับไปในปีที ่ 5 เพือ่ ประกวดในรัฐของ
ฉันเอง และฉันก็ตกรอบ แต่ทายซิคะ ว่าเกิดอะไรขึ้นในปีที ่ 6...ฉันก็ตกรอบอีกค่ะ
I called her on the phone, six years after our target conversation, and I said, “You told me I could
be the next Miss USA.” And she says, “Deshauna, keep trying, keep trying, keep trying.”
ฉันโทรศัพท์ไปหาเธอ มัน 6 ปีแล้วนับจากวันทีเ่ ราได้คุยกัน และฉันบอกเธอว่า “ไหนคุณบอกฉันว่าฉัน
สามารถจะเป็นนางงามสหรัฐได้” และเธอบอกว่า “เดชอนา พยายามต่อไป พยายามต่อไป และ
พยายามต่อไปนะ”

9
ระวินันท์ กิจาม 6440114028 ตอนเรียนที่ 4

In June of 2015, this amazing kind of coocoo woman passed away from leukemia. In December
2015, I win Miss District of Columbia, USA. In June 2016, I’m crowned the first soldier to win Miss
USA. And last January, in Manila, Philippines, I walked the Miss Universe Stage, and placed top 9
amongst 86 countries.
ในเดือนมิถุนายนปี 2015 สุภาพสตรีแสนประหลาดและน่าทึง่ คนนี้กจ็ ากไปด้วยโรคมะเร็งโลหิตขาว ใน
เดือนธันวาคมปี 2015 ฉันได้เป็นนางงามของดิสตริกท์ออฟโคลัมเบีย (D.C.) ในเดือนมิถุนายนปี 2016
ฉันเป็นทหารหญิงคนแรกทีไ่ ด้รบั ตาแหน่งนางงามสหรัฐ และเมือ่ เดือนมกราคมทีผ่ ่านมา ทีก่ รุงมะนิลา
ประเทศฟิลปิ ปินส์ ฉันได้เดินบนเวทีการประกวดมิสยูนิเวิร์ส และได้รบั ตาแหน่งท็อป 9 จากผูเ้ ข้า
ประกวด 86 ประเทศ

Do not fear failure, but please be terrified of regret.


จงอย่ากลัวความล้มแล้ว แต่โปรดกลัวทีจ่ ะเผชิญกับความเสียดาย

When you walk out this door into the real world, you’ll receive a lot of shut doors, a lot of turn down
applications. You’ll hear way more Nos, than you hear Yeses.
เมือ่ คุณก้าวพ้นประตูมหาวิทยาลัยไปสู่โลกของความเป็นจริง จะมีคนปิดประตูใส่หน้าคุณมากมาย คน
จานวนมากจะทิ้งใบสมัครของคุณ คุณจะได้ยนิ คาว่า “ไม่” มากกว่าคาว่า “ใช่”

Giving up is something I did a lot of growing up and I challenged myself to stick anything through
until I joined the track team in middle school. I remember having to ask my mom after tryouts and
making it to the team for my very first pair of track shoes. Now at the time she walks into our
house and she has a bag that has a nice Nike check signed on it. So I get excited because I
wasn’t getting new shoes very often. I go to take the shoe box out of the bag and I noticed that it
says a size 9 on it.
ตลอดช่วงเวลาทีฉ่ ันเติบโตขึ้นมา “การล้มเลิก” เป็นสิง่ ทีฉ่ ันทาอยู่บ่อยครัง้ และฉันต้องพยายามท้าทาย
ตัวเองให้ทาอะไรบางอย่างจนลุล่วง จนกระทังฉั ่ นได้เข้าร่วมทีมกรีฑาตอนมัธยมต้น ฉันจาได้ว่า
หลังจากได้ทดสอบการวิง่ ฉันขอให้แม่ซ้อื รองเท้าวิง่ (กรีฑา) คู่แรกในชีวติ ให้ฉั น ฉันจาได้ว่าเดินเข้าไป
ในบ้านและรูส้ กึ ตืนเต้่ นทีไ่ ด้เห็นถุงทีม่ สี ญ
ั ลักษณ์ไนกี้อยู่บนนัน้ เพราะฉันไม่ค่อยได้รองเท้าใหม่กบั เขา
บ่อยนัก ฉันหยิบรองเท้าออกจากกล่องและฉันก็แอบเห็นว่ามันเป็นรองเท้าขนาด
เบอร์ 9
Mind you in the seventh grade, I was a size 5. I opened the box and I slid my feet into the shoes,
and I looked at my mother and I said, “These shoes are too big.” She said, “I know I did that on
purpose.” I said, “Why did you buy shoes that are too big on purpose, mom?” And she said,
“Because I know that you’re going to grow into them.”
ต้องบอกคุณก่อนว่าตอนนัน้ ฉันอยู่เกรด 7 (ม.1) ฉันสวมรองเท้าเบอร์ 5 เมือ่ ฉันเปิดกล่องและสอดเท้า
เข้าไปในรองเท้า ฉันเงยหน้ามองไปทีแ่ ม่และบอกว่า “แม่ขา รองเท้านี้มนั คู่ใหญ่เกินไป” แม่ตอบว่า
“แม่รจู้ ะ้ แม่ซ้อื มันมาอย่างมีวตั ถุประสงค์” ฉันตอบแม่ว่า “ทาไมแม่ซ้อื รองเท้าคู่ใหญ่เกินไป แม่มี
10
ระวินันท์ กิจาม 6440114028 ตอนเรียนที่ 4

วัตถุประสงค์อะไรคะ” และแม่ตอบว่า “เพราะแม่รวู้ ่าลูกจะเติบโตขึ้น เมือ่ ลูกสวมรองเท้าคู่น้ี (เท้าของ


ลูกก็จะยาวขึ้นในรองเท้าคู่น้)ี ”
Coach has us line up on the starting line, and he wanted us to run a lap around the track.
As we go to take off, I immediately fall to the ground, twist my ankle because the shoes are entirely
too big. See, I couldn’t run at the speed that I wanted to, because I didn’t fit the shoes I was
wearing at the time.
(เมือ่ มาถึงสนามวิง่ ) โค้ชให้เราเรียงหน้ากระดานทีจ่ ุดสตาร์ท และเค้าอยากให้เราวิง่ บนลู่จนครบรอบ
เมือ่ เราเริม่ ออกตัว ฉันล้มลงในทันทีและข้อเท้าพลิกเพราะรองเท้าทีส่ วมนัน้ ใหญ่เกินไป ฉันไม่สามารถ
วิง่ ด้วยความเร็วทีฉ่ ันอยากวิง่ ได้ เพราะในตอนนัน้ เท้าของฉันมันไม่พอดีกบั รองเท้าทีฉ่ ันสวม

Now, many of us have goals we’re trying to achieve, but the person we are right now is not the
person that we need to be when we cross the finish line to our dreams. So we must walk and pace
ourselves on this journey to our goals because we haven’t grown enough in ourselves to fit the
shoes that we need to achieve our aspirations.
มาถึงตอนนี้ พวกเราหลายคนต่างก็มเี ป้ าหมายทีเ่ ราพยายามไขว่คว้า แต่คนทีเ่ รากาลังเป็นอยู่
ในตอนนี้อาจจะไม่ได้เป็นคนเดียวกันกับทีเ่ ราอยากจะเป็นเมือ่ เราเข้าเส้นชัยเพือ่ ทาความฝั นของเราให้
สาเร็จ ดังนัน้ เราจึงต้องเดินและจัดการ (ดูแล ควบคุม) ตัวเองบนเส้นทางทีจ่ ะไปสู่เป้ าหมายของเรา
เพราะเราอาจจะยังเติบโตไม่เพียงพอทีจ่ ะสวมรองเท้าทีเ่ ราอยากจะได้ตามความปรารถนาของเรา
But let me tell you something, if I had won Miss USA my very first year, I would not have been
Miss USA - I would not have been the version of myself I needed to be to properly handle a
national title.
แต่ฉันขออนุญาตบอกคุณในบางสิง่ คือ หากฉันได้เป็นนางงามสหรัฐตัง้ แต่ปีแรก ฉันอาจจะไม่ได้เป็น
นางงามสหรัฐ-ไม่ได้เป็นในแบบทีเ่ ป็นตัวตนของฉันเอง แบบทีฉ่ ันจะสามารถรับผิดชอบได้อย่างดีใน
ฐานะผูด้ ารงตาแหน่ง
Many of us aren’t ready to walk the race. But understand that as we walk this race, we pace
ourselves; and as we pace ourselves, we grow; and as we grow, our foot gets bigger; and as our
foot gets bigger, our shoes begins to fill; and our shoes begin to fill, we can now run a little bit
faster; and as we pick up the pace, we get to the finish line at the exact time we are destined to
cross it.
พวกเราหลายคนไม่พร้อมทีจ่ ะเดินในสนามแข่งขัน แต่การเข้าใจว่า ตราบเท่าทีเ่ รายังอยู่ในสนามนี้ เรา
ต้องดูแลจัดการตัวเอง เมือ่ เราดูแลจัดการตัวเอง เราจะเติบโตขึ้น เมือ่ เราเติบโตขึ้น เท้าของเราจะใหญ่
ขึ้น เมือ่ เท้าของเราใหญ่ข้นึ เท้าของเราก็จะขยายจนสวมรองเท้าได้กระชับมากขึ้น เมือ่ เราเริม่ สวม
รองเท้าได้กระชับขึ้น คราวนี้ เราจะเริม่ วิง่ ได้เร็วมากขึ้นอีกนิด และเมือ่ เรายังคงวิง่ ต่อไป เราจะเข้าและ
วิง่ ข้ามเส้นชัยในเวลาทีเ่ ราถูกลิขติ ไว้

Do not fear the word no, but be afraid of the possibility of a yes that you have prematurely
destroyed because you decided to quit before the clock strikes 12.
11
ระวินันท์ กิจาม 6440114028 ตอนเรียนที่ 4

จงอย่ากลัวคาว่า “ไม่” แต่จงกลัวความเป็นไปได้ทคี ่ ุณจะทาลายสิง่ ที ่ “ใช่” ลงก่อนเวลาอันควร เพราะ


เพียงคุณตัดสินใจทีล่ ม้ เลิกก่อนทีเ่ ข็มนาฬิกาจะหมุนไปถึงเลขที ่ 12 (ครบตามเวลาของมัน)

There are a lot of questions that is going to keep you up at night, but I guaranteed there isn’t one
question that will keep you up long at night than the question, “WHAT IF I DIDN’T GIVE UP?”…
คา่ คืนนี้ คงมีคาถามมากมายทีจ่ ะทาให้คุณหลับตาไม่ลง แต่ฉันรับประกันว่าจะไม่มคี าถามไหนทีจ่ ะทา
ให้คุณยังคงตืน่ เพือ่ ครุ่นคิดกับมันได้เท่ากับคาถามทีว่ ่า “จะเกิดอะไรขึ้น...ถ้าฉันไม่ยอมล้มเลิก (กับสิง่
ทีฉ่ ันเคยล้มเลิกไปแล้ว)”

12

You might also like