You are on page 1of 36

การศึกษารายกรณี (CASE STUDY)

เสนอ

อาจารย์วินิรณี ทัศนะเทพ

จัดทำโดย

นายนันทพล พลวัน

ชั้นปีที่ 2 หมู่ 1 รหัส 610113140008

สาขาวิชาคณิตศาสตร์ คณะครุศาสตร์

รายงานเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาจิตวิทยาการแนะแนว รหัสวิชา 1053201


ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565

มหาวิทยาลัยราชภัฎบุรีรัมย์
คำนำ
รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาจิตวิทยาการแนะแนว รหัสวิชา 1053201 โดยมีจุดประสงค์
จัดทำขึ้นมาเพื่อให้นักศึกษาได้นำความรู้ที่ได้จากการเรียนการสอน จิตวิทยาการแนะแนว โดยสามารถนำไปใช้
ประโยชน์ได้จริงใช้ชีวิตประจำวันโดยทำการศึกษารายกรณี คือ เด็กชายพิสิษพงษ์ อังโกรัมย์ นักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบัวหลวงวิทยาคม ตำบลบ้านบัว อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์

การศึกษาเด็กนรากรณี เป็นการศึกษา วิเคราะห์ ข้อมูลของนักเรียนเป็นรายบุคคลหรือรายกลุ่มราย


ห้องเรียนในด้านต่างๆ เช่น พัฒนาการ พฤติกรรม สภาพแวดล้อม การอบรมเลี้ยงดู อย่างละเอียดลึกซึ้งไม่
จำเป็นที่จะต้องศึกษาเฉพาะเด็กที่มีปัญหาเสมอไป อาจอาจศึกษาเด็กที่มีความสามารถ พัฒนาการหรือ
บุคลิกภาพด้านใดด้านหนึ่งเด่นชัด ควรได้รับส่งเสริมพัฒนาได้ยิ่งๆ ขึ้นไป

การศึกษารายกรณีครั้งนี้ สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี เพราะได้รับการอนุเคราะห์จากบุคคลสำคัญดังนี้


อาจารย์รสสุคนธ์ ธัญถนอม คุณครูผู้สอน คุณครูโรงเรียนบัวหลวงวิทยาคม กราบขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้

นายนันทพล พลวัน

ผู้จัดทำ
สารบัญ
เรื่อง หน้า

คำนำ ก

สารบัญ ข

ประวัตผู้สังเกต 1

ประวัติผู้รับการศึกษา 2

ศึกษารายกรณี 3

รายงานการศึกษานักเรียนเป็นรายกรณี 4

แบบบันทึกการสังเกต 13

แบบสัมภาษณ์ 15

แบบสอบถาม 18

อัตชีวประวัติ 22

ระเบียนพฤติการณ์ 24

ระเบียนสะสม 27

ภาพกิจกรรม 32
ประวัติผู้ที่ศึกษา

ชื่อ-สกุล นายนันทพล พลวัน


ชื่อเล่น ไอซ์
กำลังศึกษา นักศึกษาชั้นปีที่ 2 รหัส 640113140008 สาขาวิชาคณิตศาสตร์ คณะครุศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรมั ย์
เกิด วันเสาร์ ที่ 1 กุมพาพันธ์ พ.ศ. 2546
ที่อยู่อาศัย บ้านเลขที่ 7 ม.1 บ้านตะโกตาพิ ตำบลตะโกตาพิ อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ 31140
บิดาชื่อ นายพัฒนา พลวัน
มารดาชื่อ นางยุพา พลวัน
สิ่งที่ชอบ ฟังเพลง ออกกำลังกาย
งานอดิเรก เล่นกีฬา ดูละคร
สีที่ชอบ สีขาว
คติประจำใจ ทำวันนี้ให้ดี กว่าพรุ้งนี้
Facebook Nantapon ponlawan
ประวัติผู้รับการศึกษา

ชื่อ-สกุล เด็กชาย พิสิษพงษ์ อังโกรัมย์


ชื่อเล่น คิว
กำลังศึกษา นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ โรงเรียนบัวหลวงวิทยาคม
ที่อยู่โรงเรียน ตำบล ในเมือง อำเภอเมืองบุรีรัมย์ บุรีรัมย์ 31000
เกิด วันสาร์ ที่ 29 กันยาคม พ.ศ.2551
ที่อยู่อาศัย บ้านบัว หมู่ที่ 2 ต.บัว อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ 11009
บิดาชื่อ นายอำนาจ อังโกรัมย์
มารดาชื่อ นางสาวบัวฑิทรพดี อังโกรัมย์
มีพี่น้องทั้งหมด (รวมตัวเอง) 4 คน เป็นบุตรคนที่ 2
ความสามารถพิเศษ เล่นกีฬาฟุตบอล
งานอดิเรก เล่นฟุตบอล เล่นเกม
อนาคตอยากเป็น เกมเมอร์
การศึกษารายกรณี ( Case Study )
การศึกษารายกรณี หมายถึง การศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับบุคคล อย่างลึกซึ้งและวิเคราะห์ถึงสาเหตุ
ที่ทำให้บุคคลมีพฤติกรรมเช่นนั้น หรือมีพฤติกรรมแปลกไปว่ามีสาเหตุมาจากอะไร รวมทั้งแปลความหมายของ
พฤติกรรมนั้นๆ ว่ามีความสัมพันธ์กับปัญหา และการปรับตัวของบุคคลอย่างไร (พนม ลิ้มอารีย์. 2538: 8) ซึ่ง
สอดคล้องกับ กมลรัตน์ หล้าสุว งษ์ (2529: 3) ได้กล่าวว่า การศึกษาบุคคลเป็นรายกรณี คือ การศึกษา
รายละเอียดต่างๆ ที่สำคัญของหน่วยใดหน่วยหนึ่งในสังคม เช่น บุคคล กลุ่ม ชุมชน สถาบัน ฯลฯ โดยเฉพาะใน
ปัจจุบัน มักเน้นศึกษารายละเอียดของแต่ละบุคคล การศึกษารายละเอียดของแต่ละบุคคลนี้ จะต้องศึกษา
ต่อเนื่องกันไป
ในระยะเวลาหนึ่ง แล้วนำรายละเอียดที่ได้มาวิเคราะห์ตีความ เพื่อให้เข้าใจถึงสาเหตุของ
พฤติกรรม ซึ่งอาจจะเป็นพฤติกรรมที่เป็นปัญหาหรือไม่เป็นปัญหาก็ได้ พัฒนาการด้านต่างๆ ความสามารถ
พิเศษด้านใดด้านหนึ่งหรือหลายๆ ด้าน ถ้าในรายที่เป็นปัญหา จะได้ใช้เป็นแนวทางในการที่จะช่วยเหลือหรือ
แก้ไข แต่ถ้าในรายที่ไม่เป็นปัญหาจะได้ใช้เป็นแนวทางในการป้องกัน ส่งเสริม หรือนำไปเป็นแบบฉบับแก่บุคคล
อื่นต่อไปในปัจจุบัน และในอนาคต
ประหยัด ลักษณะงาม (2524 : 37) กล่าวว่า การศึกษารายกรณีเป็นวิธีการศึกษาบุคคลอย่าง
ละเอียดทุกด้านต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน นับเป็นเทคนิคหนึ่งของการแนะแนวที่ใช้เทคนิคการแนะแนวหลายๆ
อย่างรวมยอดข้อมูล ทุกด้านของบุคคล ต่อจากนั้นนำข้อมูล ที่ได้มาจัดรวมกัน ไว้อย่างเป็นระบบ เพื่อใช้
ประโยชน์ในการวิเคราะห์ สังเคราะห์ และวินิจฉัยปัญหา เพื่อช่วยให้มองเห็นบุคลิกภาพของบุคคล จนสามารถ
เข้าใจถึงธรรมชาติของบุคคลและหาสาเหตุของปัญหาชัดเจน แล้วจึงนำข้อมูลมาพิจารณาวางแผนให้ความ
ช่วยเหลือแนะแนวให้บุคคลพยายามแก้ไขปัญหา และพัฒนาสภาพชีวิตของตนให้ สามารถดำเนินชีวิตอยู่ใน
สังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สุภาพรรณ โคตรจรัส (2528: 1) กล่าวว่า การศึกษารายกรณี เป็นการศึกษาและวิเคราะห์สิ่ง
หนึ่งสิ่งใดโดยละเอียด อาจเป็นการศึกษาบุคคลใดบุคคลหนึ่ง กลุ่มบุคคล กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ชุมชนใดชุมชนหนึ่ง
หรือสถาบันใดสถาบันหนึ่ง การศึกษารายกรณี มิได้หมายความเฉพาะการรวบรวมข้อมูล ประวัติของบุคคลที่
ถูกทำการศึกษาเท่านั้น แต่ยังต้องรวมถึงการนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์จัดหมวดหมู่ และหาความสัมพันธ์
เพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยการให้ข้อเสนอแนะเพื่อดำเนินการ และการติดตามผลตามลำดับ
นันทิกา แย้มสรวล (2529:7) ได้สรุปความคิดรวบยอดของการศึกษารายกรณีว่าเป็น วิธี
การศึกษาบุคคลอย่างละเอียดทุกด้านต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน เป็นการรวบรวมข้อมูลทุกด้านของบุคคลมาจัด
ไว้อย่างเป็นระบบ เพื่อใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์ สังเคราะห์ และวินิจฉัยปัญหา เพื่อช่วยให้มองเห็ น
บุคลิกภาพรวมของบุคคล จนสามารถเข้าใจถึงธรรมชาติของบุคคลและสาเหตุของปัญหาอย่างชัดเจน แล้วนำ
ข้อมูลมาพิจารณาวางแผนให้การช่วยเหลือ แนะแนวให้บุคคลพยายามแก้ไขและพัฒนาสภาพชีวิตของตนให้
สามารถดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วัช ราภรณ์ อภิว ัช รางกูร (2535:10) กล่าวว่า การศึกษารายกรณี หมายถึง การศึกษา
เรื่องราวของบุคคลอย่างละเอีย ดโดยผ่านกระบวนการในการศึกษารายกรณี เพื่อให้ผ ู้ศึกษาได้ทราบถึง
กระบวนการของพฤติกรรม ประสบการณ์ และการเปลี่ยนแปลงอย่างสมบูรณ์ที่สุด พร้อมทั้งแนวทางช่วยเหลือ
การป้องกัน และการส่งเสริม เพื่อให้บุคคลที่ถูกศึกษานั้นสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
รุ่งทิพย์ ยอดประดู่ (2536 :9) กล่าวว่า การศึกษารายกรณี หมายถึง การศึกษาเรื่องราวของ
บุคคลอย่างละเอียดโดยผ่านกระบวนการศึกษารายกรณี เพื่อให้ผู้ศึกษาได้ทราบถึงสาเหตุของการเกิ ดปัญหา
เพื่อจะหาแนวทางช่ว ยเหลือบุคคล ให้ส ามารถปรับปรุงตนเองให้ดีขึ้นทุกด้าน พร้อมทั้งแนวทางในการ
ช่วยเหลือ การป้องกัน และการส่งเสริมให้บุคคลที่ถูกศึกษานั้นสามารถดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมี
ความสุขและมีประสิทธิภาพ
จากแนวคิดข้างต้น จึงสรุปได้ว่า การศึกษารายกรณี หมายถึง การศึกษาสาเหตุของพฤติกรรม
ของบุคคลอย่างละเอียด โดยใช้เครื่องมือในการแนะแนวเพื่อหาทางช่วยเหลือ ป้องกัน และส่งเสริมเพื่อให้
บุคคลที่ถูกศึกษานั้นสามารถดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข
ความมุ่งหมายของการศึกษารายกรณี
1. เพื่อสืบค้นหาสาเหตุที่ทำให้ผู้เรียนมีพฤติกรรมที่ผิดปรกติ ซึ่งทางโรงเรียนจะได้ให้ความ
ช่วยเหลือและแก้ไขได้อย่างถูกต้อง
2. เพื่อสืบค้นรูปแบบของพัฒนาการของนักเรียน ทั้งในด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ สังคม
และจิตใจ
3. เพื่อช่วยให้นักเรียนได้เกิดความเข้าใจในตนเอง สามารถพัฒนาวางแผนชีวิต และตัดสินใจ
เลือกแนวทางการศึกษาต่อ และเลือกอาชีพที่เหมาะสม
4. เพื่อช่วยให้ผู้ปกครองเข้าใจในตัวเด็กของตนได้ดีขึ้น
5. เพื่อช่วยให้ครูเข้าใจนักเรียนได้อย่างละเอียด ลึกซึ้ง และถูกต้อง

ประโยชน์ของการศึกษารายกรณี
ในวิธีการศึกษารายกรณี ที่นำมาใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นรายบุคคลเพื่อให้กรแนะแนวนั้น
จัดเป็นกลวิธีที่มีประโยชน์ต่อผู้ที่นำมาใช้และบุคคลที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างมากซึ่งจำแนกออกได้ ดังนี้
ประโยชน์ต่อครูหรือผู้แนะแนวที่เป็นผู้ศึกษาโดยตรง
1. ช่วยให้ครูหรือผู้แนะแนวได้ทราบรายละเอียด เกี่ยวกับตัวนักเรียนอย่างกว้างขวาง
ทำให้รู้จักและเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์อย่างแท้จริง
2. ช่วยให้ครูและผู้แนะแนวเข้าใจถึงสาเหตุและเงื่อนไขต่างๆ ที่ก่อให้เกิดพฤติกรรมที่เป็น
ปัญหา ทำให้มองเห็นลู่ทางที่จะช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้กับนักเรียนได้อย่างเหมาะสม
3. ช่วยให้ครูและผู้แนะแนวมีความรู้และมีทักษะในการใช้เครื่องมือและกลวิธีต่างๆ ใน
การเก็บข้อมูลเกี่ยวกับตัวนักเรียน และยังช่วยให้เป็นคนที่มีเหตุผล รู้จักเก็บข้อมูลอย่างมีระบบ รู้จักแก้ปัญหา
โดยใช้ข้อมูลที่ได้รวบรวมไว้มาประกอบในการพิจารณาตัดสินใจ
ประโยชน์ต่อนักเรียนที่เป็นผู้ไดรับการศึกษา
1. ช่วยให้นักเรียนได้เกิดความเข้าใจตนเอง ยอมรับความเป็นจริงเกี่ยวกับตัวเองมีการ
ปรับปรุงตนเอง หรือแก้ไขปัญหาของตน เพื่อช่วยให้มีสภาพชีวิตที่ดีขึ้น
2. ช่วยให้นักเรียนมีกำลังใจและมีความเต็มใจที่จะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างมีความหวัง
ประโยชน์ต่อคณะครูและโรงเรียน
1. ช่วยให้ครูรู้จักและเข้าใจนักเรียนของตนดีขึ้น ยินดีให้ความร่วมมือในการช่วยเหลือ
แก้ไขปัญหาให้นักเรียน
2. ช่วยให้โรงเรียนได้ทราบความเท็จจริงต่างๆ เกี่ยวกับปัญหาและความต้องการของตัว
เด็ก ทำให้สามารถนำข้อเท็จจริงเหล่านั้นมาใช้ในการปรับปรุงการเรียนการสอน การจัดกิจกรรมและการใช้
บริการด้านต่างๆ แก่นักเรียนได้อย่างเหมาะสม
ประโยชน์ต่อผู้ปกครองของนักเรียนที่ได้รับการศึกษา
1. ช่วยให้ผู้ปกครองเข้าใจเด็กของตนดีขึ้น ทำให้สามารถปฏิบัติต่อบุตรได้อย่างเหมาะสม
2. ช่วยให้ผู้ปกครองเกิดความสบายใจ เพราะตระหนักได้ว่า โรงเรียนมีความตั้งใจและ
จริงใจในการป้องกัน ช่วยเหลือ แก้ไขและส่งเสริมพัฒนานักเรียน
การเลือกนักเรียนเพื่อทำการศึกษารายกรณี
ในการศึกษารายกรณีนั้น ครูสามารถเลือกนักเรียนได้หลายประเภท ไม่จำเป็นจะต้องเลือก
เฉพาะนักเรียนที่มีปัญหาเท่านั้น ขึ้นอยู่กับจุดมุ่งหมายในการศึกษาของครูว่า ต้องการทราบเรื่องอะไร ครูควร
เลือกนักเรียนเพื่อทำการศึกษารายกรณี สามารถจำแนกได้ดังนี้
1) นักเรียนที่ประสบผลสำเร็จในด้านการเรียนดีเยี่ยม
2) นักเรียนที่มีความสามารถพิเศษบางอย่าง เช่น ศิลปะ ดนตรี ฯลฯ
3) นักเรียนที่มีปัญหามาก
4) นักเรียนที่มีความทะเยอทะยานมีกำลังใจเข้มแข็งที่จะเอาชนะอุปสรรค
5) นักเรียนที่เรียนอ่อนไม่สมารถที่จะทำงานในระดับที่เรียนอยู่ได้
6) นักเรียนที่มีพฤติกรรมดีเด่นสมควรเอาเป็นตัวอย่าง
7) นักเรียนที่มีพฤติกรรมปรกติธรรมดาทั่วๆไป
ลำดับขั้นของการทำการศึกษารายกรณี
ลำดับขั้นของการทำการศึกษารายกรณี (นิรันดร์ จุลทรัพย์, 2539: 210) มีดังนี้
(1) คัดเลือกนักเรียนที่จะทำการศึกษาโดยทำความเข้าใจถึงพฤติกรรมของนักเรียน
แต่ละคนว่าใครประสบปัญหาด้านใดบ้าง เช่น ปัญหาการเรียน ปัญหาด้านความประพฤติ ปัญหาด้านอารมณ์
และสังคม เป็นต้น หรือเป็นนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษเป็นที่สนใจของคนส่วนใหญ่ในโรงเรียน ผลการ
เรียนดีเป็นเยี่ยมเป็นนักกีฬายอดเยี่ยม มีความสามารถสูงทางศิลปะ เป็นต้น
(2) รวบรวมข้อมูลเป็นการค้นหารายละเอียดข้อเท็จจริงต่าง ๆ เกี่ยวกับตัวผู้ถูก
ศึกษาโดยพยายามรวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อนำไปวิเคราะห์และวินิจฉัยต่อไป ข้อมูลที่
รวบรวมนั้นควรได้มาจากตัวนักเรียนเองหรือผู้เกี่ยวข้องกับนักเรียน เช่น บิดามารดา หรือผู้ปกครอง ญาติพี่
น้อง เพื่อนสนิท ครูประจำชั้น ครูประจำวิชา เป็นต้น โดยใช้เครื่องมือ เทคนิคหรือวิธีการต่าง ๆ เช่น การสังเกต
การสัมภาษณ์ การใช้แบบสอบถาม การเยี่ยมบ้าน สังคมมิติและแบบทดสอบชนิดต่าง ๆ เป็นต้น
(3) วิเคราะห์ข้อมูล (Analysis) เป็นการแยกแยะให้เห็นรายละเอียดของข้อมูลและ
สภาพของข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
(4) วินิจฉัยข้อมูล (Diagnosis) เป็นการนำผลจากการวิเคราะห์ข้อมูลมาพิจารณาหา
สาเหตุของพฤติกรรมที่เป็นปัญหาหรือพฤติกรรมในทางบวกโดยใช้หลักทฤษฎีทางจิตวิทยามาเป็นพื้นฐาน
ประกอบการพิจารณา การสรุปผลจากการวินิจฉัยในขั้นนี้อาจจะยังไม่ได้ข้อยุติ แต่ก็เป็นแนวทางที่จะนำไป
ประกอบการสังเคราะห์ข้อเท็จจริงในขั้นต่อไป
(5) การสังเคราะห์ (Synthesis) เป็นการศึกษาหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมด้วยวิธีการต่าง
ๆ เพื่อนำข้อมูลที่ได้มารวมกับข้อมูลเดิมที่มีอยู่แล้ว ซึ่งจะช่วยให้ผู้ศึกษาเกิดความมั่นใจในการวิเคราะห์ และ
วินิจฉัยได้ตรงประเด็นมากยิ่งขึ้น
(6) การให้ความช่วยเหลือ (Treatment) เป็นการคิดหาวิธีการต่าง ๆ ที่จะนำมาใช้
ให้ความช่วยเหลือและแนะแนวทางในการแก้ปัญหา ตลอดจนช่วยให้นักเรียนสามารถเข้าใจตนเองได้อย่าง
ถูกต้องและปรับตัวให้เข้ากับสภาพการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม สามารถตัดสินใจได้อย่างฉลาดโดยแบ่ง
วิธีการให้ความช่วยเหลือเป็น 3 วิธีการ คือ
(6.1) การแก้ไข (Curative) ผู้ศึกษาสามารถใช้วิธีการแก้ ไขเพื่อให้ความช่วยเหลือ
ได้ดังนี้
(6.1.1) ให้คำปรึกษา (Counseling) เพื่อให้คลายความกังวลใจโดยให้ผู้รับ
คำปรึกษา (Counselor) ได้เข้าใจในปัญหาจนกระทั่งสามารถหาทางแก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง
(6.1.2) ส่งให้ผู้มีประสบการณ์หรือผู้เชี่ยวชาญในปัญหานั้น ๆ โดยตรงใน
กรณีที่ผู้ศึกษาพบว่า ปัญหาต่าง ๆ ที่พบนั้นมีผู้ที่มีความสามารถช่วยเหลือได้อยู่ตรงประเด็นหรือในกรณีที่ผู้
ศึกษาขาดความมั่นใจในการให้ความช่วยเหลือในปัญหานั้น ๆ
(6.2) การป้องกัน (Prevention) โดยการหาทางป้องกันหรือสกัดกั้นเพื่อไม่ให้เกิด
ปัญหาต่าง ๆ ขึ้นในอนาคตโดยการให้ข้อมูลที่ถูกต้องเหมาะสมแก่ผู้รับการศึกษาเพื่อแนวทางในการปฏิบัติ
(6.3) การส่ ง เสริ ม (Promotion) เป็ น การช่ ว ยส่ ง เสริ ม ให้ ผ ู ้ ร ั บ การศึ ก ษามี
ความสามารถที่จะปรับตัวได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมกับสภาพการณ์ต่าง ๆ เป็นแรงเสริมให้เกิดกำลังใจในการ
สร้างเสริมสิ่งต่าง ๆ รอบตัวให้ดีขึ้น
(7) การติ ด ตามผล (Follow-Up) เป็ น การศึ ก ษาถึ ง วิ ธ ี ก ารต่ า ง ๆ ที ่ ไ ด้ ใ ห้ ค วาม
ช่วยเหลือแล้วนั้นว่าได้ผลประการใด มีความเหมาะสมมากน้อยเพียงใดมีสิ่งที่ควรต้องปรับปรุงแก้ไขหรือ
เพิ่มเติมอะไรบ้าง
รายงานการศึกษานักเรียนเป็นรายกรณี
1.ชื่อนักเรียนที่ศึกษา/ชั้นที่ศึกษา

เด็กชายพิสิษพงษ์ อังโกรัมย์ ชื่อเล่น คิว


นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบัวหลวงวิทยาคม

2.ผู้ที่ศึกษา

นายนันทพล พลวัน นักศึกษาชั้นปีที่ 2


สาขาวิชาคณิตศาสตร์ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์

3.ระยะเวลาในการศึกษา

วันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ.2565 ถึง วันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2565

4.สาเหตุของการศึกษา

มีผลการเรียนติด ร และติดเกม

5.เครื่องมือและเทคนิคที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล

5.1 การสังเกต
5.2 การสัมภาษณ์
5.3 แบบสอบถามข้อมูลส่วนตัวบุคคล
5.4 อัตชีวประวัติแบบกำหนดโครงสร้างหรือกำหนดหัวข้อ
5.5 ระเบียนพฤติการณ์
5.6 ระเบียนสะสม
5.7 การเยี่ยมบ้าน
6.ข้อมูลที่ได้จากการสังเคราะห์ข้อมูล

6.1 ข้อมูลส่วนตัว

เกิดวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2551 อายุ 14 ปี เชื้อชาติไทย สัญชาติไทย ศาสนาพุทธ มีผิวสี


ขาว รูปร่างสมส่วน ส่วนสูง 160 เซนติเมตร น้ำหนัก 46 กิโลกรัม ปัจจุบันอาศัยอยู่กับตายาย ค่าใช้จ่ายมา
โรงเรียนวันละ 50 บาท บ้านอยูไกลโรงเรียน ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร เดินทางไปเรียนทุกวันโดย
ผู้ปกครองไปรับส่ง

6.2 ข้อมูลครอบครัว

ครอบครัวมีสมาชิกทั้งหมด 5 คน บิดาชื่อนายอำนาจ อังโกรัมย์ มารดาชื่อนางสาวบัวฑิทรัพ


ดี อังโกรัมย์ อาชีพรับจ้าง รายได้ประมาณ 5000 บาท/เดือน มีพี่น้องทั้งหมด 4 คน เป็นหญิง 2 ชาย 2 เป็น
บุตรคนที่ 2 ความสัมพันธ์ในครอบครัวอบอุ่นดี ที่อยู่อาศัยบ้านปูนชั้นเดียว ค่อนข้างเก่า สภาพบ้านชำรุดทรุด
โทรมเล็กน้อย

6.3 ข้อมูลสุขภาพ

6.3.1 สุขภาพร่างกาย เป็นคนที่มีรูปร่างสมส่วน มีโรคประจำตัวภูมิแพ้


6.3.2 สุขภาพจิต เป็นคนร่าเริงแจ่มใส ยิ้มแย้ม

6.4 ข้อมูลทางการเรียน

เริ่มเข้าศึกษาชั้นอนุบาล 1 จนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่โรงเรียนบัวหลวงวิทยาคม ต่อมา


เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นปีที่ 2 โรงเรียนบัวหลวงวิทยาคม ผลการเรียนเฉลี่ยเทอมแรก 2.81

6.5 ข้อมูลทางสังคม

6.5.1 ทางบ้าน มีความสนิทกับพี่น้อง และคนในครอบครัวเป็นอย่างดี เชื่อฟังผู้ปกครอง


6.5.2 ทางโรงเรียน เป็นคนที่มีความตั้งใจในการเรียน เข้ากับผู้อื่นได้ดี เป็นที่พึ่งของเพื่อนๆ
สนุกสนานเวลาอยู่กับเพื่อน
6.6 ความสนใจ งานอดิเรก และประสบการณ์ในด้านต่าง ๆ

6.6.1 ชอบวิชาภาษาอังกฤษ ความสามารถพิเศษคือ เล่นฟุตบอล


6.6.2 งานอดิเรก เล่นเกม
6.2.3 ประสบการณ์ในด้านต่างๆ -

6.7 เป้าหมายและความคาดหวังในอนาคต

อยากเป็น เกมเมอร์

6.8 ความภูมิใจ ปัญหา และอุปสรรค์ในการดำเนินชีวิต

6.8.1 ความภูมิใจ คือ ภูมิใจที่ได้เกิดมาทำคุณประโยชน์


6.8.2 พฤติกรรมในทางที่ดี คือ มีความตั้งใจ มุ่งมั่น มีความรับผิดชอบ
6.8.3 ปัญหาและอุปสรรค์ในการดำเนินชีวิต คือ นิสัยขี้เกียจ

7.การวิเคราะห์และวินิจฉัย

นักเรียนติด ร เนื่องจาก ไม่ส่งงาน ส่งงานไม่ตรงกำหนด ติดเกมปานกลาง แต่นักเรียนเป็นคนที่มี


พฤติกรรมค่อนข้างดี เรียบร้อย สนใจในการเรียน เข้ากับผู้อื่นได้เร็ว เป็นคนที่เพื่อนอยู่ด้วยแล้วสนุกสนาน

8. การช่วยเหลือ ส่งเสริม และพัฒนา

8.1 ผู้ศึกษาให้คำปรึกษาแนะแนวทางเพื่อสร้างแรงจูงใจในการเรียนบอกถึงประโยชน์ของการรีบยื่น
คำร้องขอแก้ ร เพื่อจะเป็นผลดีในการจบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ต่อไป หรืออาชีพที่สนใจในอนาคต
เพื่อเป็นแนวทางให้นักเรียนได้ดูแลสุขภาพตัวเอง และเลือกสิ่งที่ชอบตามความสนใจ ความสามารถ และความ
เหมาะสมในตัวผู้เรียน
8.2 พูดคุยกับตัวนักเรียนเรื่องพฤติกรรมดี หรือความสามารถในด้านต่างๆ ที่ตัวนักเรียนมีอยู่และ
กำลังใจ ชื่นชม และบอกแนวทางต่างๆ ให้เก็บแต่สิ่งที่ดเี อาไว้และพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งๆขึ้นไป

9.การติดตามผล
9.1 จากการไปสัมภาษณ์ครูประจำชั้นของนักเรียน พบว่านักเรียนมีพฤติกรรมที่ดีอยู่ มีความ
รับผิดชอบต่อตนเอง แต่จะมีข้อเสียในการเรียนตอนช่วงที่เล่นเกม แล้วก็บอกแนวทางที่จะพัฒนาให้ดียิ่งๆขึ้นไป
อีก
9.1 จากการไปสัมภาษณ์ผู้ปกครองของนักเรียน พบว่านักเรียนมีพฤติกรรมที่ดีอยู่ แต่จะอยู่กับเกม
มากเกินไป ไม่ชอบอ่านหนังสือ แต่ก็มีความรับผิดชอบที่บ้านดี แล้วก็บอกแนวทางที่จะพัฒนาให้ดียิ่งๆขึ้นไป
อีก
9.3 จากการสัมภาษณ์ พบว่า ให้ความร่วมมือดีในการตอบคำถาม และนำวิธีต่างๆไปใช้แก้ปัญหาใน
การเรียน

10. ข้อเสนอแนะ

10.1 เนื่องจากตัวนักเรียนมีพฤติกรรมที่ดีอยู่แล้ว เราก็ช่วยบอกหรือชี้แนะเพื่อให้ดีกว่าเดิม


10.2 ครูประจำวิชาควรดูแล สังเกต กระตุ้น ให้นักเรียนมีความรับผิดชอบมากขึ้น ส่งงานให้ตรงเวลา
ทุกๆรายวิชา ชื่นชมกิจกรรมที่ทำสำเร็จ
10.3 ครูประจำชั้นคอยเอาใจใส่ตัวนักเรียน คอยเป็นที่ปรึกษาในเรื่องต่างๆ คอยให้กำลังใจเมื่อ
นักเรียนทำในสิ่งที่ดี และตักเตือนในสิ่งที่นักเรียนทำในสิ่งที่ผิด คอยหากิจกรรมหรือสิ่งที่สอดคล้องตาม
ความสามารถ ความสนใจ และความเหมาะสมให้ผู้เรียนทำ และคอยส่งเสริมการเรียนต่อไป
ภาคผนวก
แบบบันทึกการสังเกต

การบันทึกการสังเกต ครั้งที่ 1
ผู้ถูกสังเกต นายนันทพล พลวัน ชั้น ม.2/4
วันพุธ ที่ 17 เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2565 เวลา 13.00 น.
สถานที่ ในห้องเรียน
พฤติกรรม
ขณะที่เริ่มเรียนในรายวิชาวิทยาศาตร์ พิสิษพงษ์ ก็ตั้งใจฟังคุณครูพูดอธิบายเกี่ยวกับการทดลองอย่างตั้งใจ
และทำตามที่คุณครูบอกและตอบคำถามของครูได้ ในขณะเดียวกันก็มีเพื่อนร่วมห้องที่ยังไม่เข้าใจและพิสิษพงษ์ก็
ช่วยอธิบายให้
เพื่อนฟังแนะนำเพื่อนอย่างเต็มใจและมีน้ำใจช่วยเพื่อน

ผลการประเมิน
พิสิษพงษ์ ตั้งใจปฏิบัติตามที่คุณครูบอก และมีน้ำใจในการช่วยเหลือเพื่อน

ข้อเสนอแนะ
อยากให้มีเวลาเรียนมกกว่านี้

ลงชื่อ นันทพล ผู้สังเกต

( นายนันทพล พลวัน )

วันที่ 17 สิงหาคม 2565


แบบบันทึกการสังเกต

การบันทึกการสังเกต ครั้งที่ 2
ผู้ถูกสังเกต นายนันทพล พลวัน ชั้น ม.2/4
วัน ที่ 24 เดือนสิงหาคม พ.ศ.2565 เวลา 13.00 น.
สถานที่ ในห้องเรียน
พฤติกรรม
ขณะที่เริ่มเรียนในรายวิชาดนตรี พิสิษพงษ์ ก็ตั้งใจฟังคุณครูพูดอธิบายเกี่ยวกับตัวเลขสมการอย่าง
ตั้งใจ และทำตามที่คุณครูบอกในการแก้ บางครั้งก็แอบเล่นโทรศัพท์ในห้องเรียน

ผลการประเมิน
พิสิษพงษ์ตั้งใจปฏิบัติตามที่คุณครูบอก

ข้อเสนอแนะ
อยากให้หยุดเล่นโทรศัพท์ในเวลาเรียนลดลง

ลงชื่อ นันทพล ผู้สังเกต

( นายนันทพล พลวัน )

วันที่ 24 สิงหาคม 2565


แบบบันทึกการสังเกต

การบันทึกการสังเกต ครั้งที่ 3
ผู้ถูกสังเกต นายนันทพล พลวัน ชั้น ม.2/4
วันพุธ ที่ 31 เดือนสิงหาคม พ.ศ.2565 เวลา 13.00 น.
สถานที่ ในห้องเรียน
พฤติกรรม
ขณะทีเ่ ริ่มเรียนในรายวิชาดนตรี พิสิษพงษ์ ก็ตั้งใจฟังคุณครูพูดอธิบายเกี่ยวกับการฟังเสียงจังหวะ
เครื่องดนตรีอย่างตั้งใจ และทำตามที่คุณครูบอกในการท่องโน้ต ในขณะเดียวกันก็มีเพื่อนร่วมห้องที่ยังไม่
เข้าใจ ก็ได้ช่วยเพื่อน แนะนำเพื่อนอย่างเต็มใจและมีน้ำใจช่วยเพื่อน

ผลการประเมิน
พิสิษพงษ์ ตั้งใจปฏิบัติตามที่คุณครูบอก และมีน้ำใจในการช่วยเหลือเพื่อน

ข้อเสนอแนะ
อยากให้มีเวลาฝึกซ้อมการฟังเสียงตัวโน้ตมากขึ้นกว่านี้

ลงชื่อ นันทพล ผู้สังเกต

( นายนันทพล พลวัน )

วันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2565


แบบสัมภาษณ์

ชื่อนักเรียน เด็กชายพิสิษพงษ์ อังโกรัมย์ ชั้น ม.2/4 เลขที่ 17


สภาพปัญหาของนักเรียน -
1. จุดประสงค์ในการศึกษา
1. เพื่อให้ทราบถึงสภาพปัญหา และสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นจริงเกี่ยวกับนักเรียน
2. เพื่อให้เข้าใจถึงปัญหาและศึกษาวิธีแก้ไขเกี่ยวกับปัญหาของนักเรียนอย่างถูกต้องเหมาะสม
3. เพื่อจะช่วยเหลือเด็กนักเรียนในเรื่องการเรียน และปรับพฤติกรรมของนักเรียนให้เข้ากับเพื่อน
ร่วมห้องเรียน และสังคมภายนอกให้ดียิ่งขึ้น
3. สภาพทั่วไปเกี่ยวกับนักเรียน
3.1 ประวัติส่วนตัวและครอบครัว
ชื่อ เด็กชายพิสิษพงษ์ อังโกรัมย์
ชื่อเล่น คิว เกิดวันที่ 22 เดือน กันยาคม พ.ศ. 2551
ที่อยู่ปัจจุบัน บ้านเลขที่ - หมู่ 2 ซอย - ถนน - ตำบล บ้านบัว อำเภอ เมือง
จังหวัด บุรีรัมย์ รหัสไปรษณีย์ 11009 โทรศัพท์บ้าน - โทรศัพท์มือถือ 0915588214
มารดาชื่อ บัวฑิทรัพ อังโกรัมย์ อาชีพ ค้าขาย รายได้ต่อเดือน 2000 บาท
ผู้ปกครองชื่อ นางสาวบัวฑิทรัพ อังโกรัมย์ อาชีพ ค้าขาย รายได้ต่อเดือน 2000 บาท
ที่อยู่ปัจจุบัน บ้านเลขที่ 85 หมู่ 2 ซอย - ถนน -
ตำบล บ้านบัว อำเภอ เมือง จังหวัด บุรีรัมย์
รหัสไปรษณีย์ 11009 โทรศัพท์บ้าน - โทรศัพท์มือถือ 0915588214

นักเรียนมีพี่น้องร่วมบิดามารดา 1 คน (รวมทั้งนักเรียนด้วย)
คน เพศ อายุ ประกอบอาชีพ การศึกษา หมายเหตุ
2 หญิง 8 นักเรียน ชั้น ป.3
3.2 ประวัติการศึกษาและผลการศึกษา
ปีการศึกษา ระดับ โรงเรียน เกรด
2564 ม.1/4 โรงเรียนบัวหลวงวิทยาคม 2.81

3.3 ประวัติสุขภาพ
อายุ 14 น้ำหนัก 46 ส่วนสูง 160 กรุ๊ปเลือด บี

3.4 สภาพครอบครัวและฐานะทางเศรษฐกิจ
ปกติ

3.5 ทัศนคติของบุคคลรอบข้างที่มีต่อนักเรียน
-บิดา , มารดา
เป็นเด็กดี ช่วยทำงานบ้าน ชอบช่วยเหลือผู้อื่น

3.6 ความคิดเห็นของรูที่ปรึกษาที่มีต่อนักเรียน
- ด้านการเรียน
เป็นผู้ที่มีความตั้งใจเรียนและรับผิดชอบสูง ติดตามสอบถามในสิ่งที่ตนไม่เข้าใจอยู่เสมอ

- ด้านพฤติกรรมละลักษณะนิสัย
เป็นผู้มีจิตอาสาต่อคนรอบข้างและมีความถึงในงานที่ได้รับมอบหมายเป็นอย่างดี อีกทำเป็นผู้มีความ
รับผิดชอบสูง

- ด้านสุขภาพร่างกาย
เป็นผู้มีสุขภาพแข็งแรง และชอบเล่นกีฬา

- ด้านสังคมและการอยู่ร่วมกับเพื่อนในชั้นเรียน
มีจิตอาสาช่วยงานเพื่อนอยู่เสมอ

- สิ่งที่อยากให้ปรับปรุง
อยากให้ลดการเล่นเกมน้อยลง
3.7 บุคลิกภาพทั่วไปของนักเรียน
- ลักษณะทางร่างกาย ( รูปร่าง หน้าตา การแต่งกาย กิริยา วาจา)
มีรูปร่างที่สมส่วน มีผิวขาว การแต่งกายเรียนร้อย มีกริยาที่อ่อนน้อม วางตัวดี พูดจาไพเราะและมี
หางเสียง

- ลักษณะทางอารมณ์ (การแสดงออกทางอารมณ์ สดชื่น ร่าเริง หรือเงียบขรึม การควบคุมอารมณ์


ฯลฯ)
เป็นคนร่าเริง ยิ้มแย้มจ่มใส เข้ากับเพื่อนได้ดี มีความเรียบร้อยสุภาพ

- ลักษณะทางสติปัญญา ( ความสามารถในการเรียน ความสามารถพิเศษ ความถนัดและความสนใจ


พิเศษ)
เป็นเด็กที่มีความประพฤติดี

- ลักษณะทางสังคม(การปรับตัวเข้ากับเพื่อน ครู บิดา มารดาพี่น้องคนอื่นๆทักษะสังคมในห้องเรียน


และโรงเรียน)
- เพื่อน
เป็นที่รักของเพื่อน เข้ากับเพื่อนได้ดี

- ครู
เป็นเด็กน่ารัก เรียบร้อย มีความรับผิดชอบ มีวินัยในตัวเอง มีสัมมาคารวะ

- บิดามารดาและญาติพี่น้อง
เป็นเด็กดี ชอบช่วยเหลือพี่น้อง

3.8 พฤติกรรมที่ควรปรับปรุงแก้ไข (เรียงลำดับจากมากไปน้อย)


-
แบบสอบถามข้อมูลส่วนตัวของนักเรียน

คำชี้แจง คำถามต่อไปนี้เป็นคำถามส่วน ตัวของนักเรียน เพื่อประโยชน์ของนักเรียนเอง ขอให้ตอบคำถามใน


แบบสอบถามตามความเป็นจริง โดยการกาเครื่องหมาย ✓ ลงในวงเล็บ หรือเติมคำลงในช่องว่างหรือตอบ
คำถามแต่ละข้อ รายละเอียดข้อมูลที่นักเรียนตอบทั้งหมดถือเป็นความลับ

ข้อมูล ณ วันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ.2565 ชั้น ม.2/4

ประวัติส่วนตัวและครอบครัว
1. ชื่อ เด็กชายพิสิษพงษ์ นามสกุล อังโกรัมย์ ชื่อเล่น คิว
เลขบัตรประชาชน -
2. เกิดวัน เสาร์ ที่ 29 เดือน กันยายน พ.ศ. 2551 อายุ 14 ปี
3. ที่อยู่ปัจจุบันบ้านเลขที่ 85 บ้าน บ้านบัว หมู่ที่ 2 ตำบล บ้านบัว อำเภอ เมือง
จังหวัด บุรีรัมย์ รหัสไปรษณีย์ 11009 โทรศัพท์ 0915588214
5. มารดาชื่อ นางสาวบัวฑิทรัพดี อังโกรัมย์ อายุ 38 ปี การศึกษา -
อาชีพ ค้าขาย
6. ผู้ปกครอง (ในกรณีที่ไม่ใช่บิดา/มารดา) ชื่อ นางสาวบัวฑิทรัพดี อังโกรัมย์ อายุ 38 ปี
การศึกษา - อาชีพ ค้าขาย เกี่ยวข้องเป็น มารดา
สถานที่ที่ติดต่อโดยง่าย บ้าน โทรศัพท์ 0915588214
7. สภาพบิดามารดา ( ) อยู่ด้วยกัน ( ) แยกกันอยู่ ( ) หย่าร้างกัน
( ) บิดาถึงแก่กรรม ( ) บิดาสมรสใหม่ ( ) มารดาสมรสใหม่ ( ) มารดาถึงแก่กรรม

8. นักเรียนอาศัยอยู่กับ ( ) บิดาและมารดา ( ) บิดา ( ) มารดา


( ) ญาติ (ระบุ)
9. นักเรียนได้ค่าใช้จ่ายมาโรงเรียน จาก ตา ประมาณวันละ 50 บาท
10. ผู้รับผิดชอบออกค่าใช้จ่ายในการเรียน ชื่อ นายกัมบูญ ทรัพดี เกี่ยวข้องเป็น ตา
11. รายได้ของครอบครัว ประมาณ 3000 บาท/เดือน
12. งานอดิเรกของนักเรียนเวลาว่าง คือ เล่นเกม ช่วยงานบ้าน
13. นักเรียนที่เป็นพี่ น้อง หรือ นักเรียนที่อยู่ใกล้บ้านของนักเรียนที่สุดกรณีต้องการติดต่อเร่งด่วนคือ
1. ชื่อ ชั้น
2. ชื่อ ชั้น
14. พี่น้องร่วมสายโลหิต (ที่มีชีวิตอยู่) และกำลังเรียนอยู่รวมกับนักเรียนเรียงตามลำดับ ดังนี้

ชื่อ-นามสกุล อายุ เพศ เรียนระดับ สถานที่เรียน


1.
2.
3.

พี่น้องที่ทำงานแล้ว
ชื่อ-นามสกุล อายุ เพศ อาชีพ สถานที่ทำงาน
1.
2.
3.

ข้อมูลเกี่ยวกับการเรียน
1. ผลการเรียนของนักเรียนปีที่ผ่านมาได้เกรดเฉลี่ย
2. วิชาที่นักเรียนชอบมากที่สุดได้แก่ ภาษาอังกฤษ
วิชาที่นักเรียนชอบน้อยที่สุด ได้แก่ คณิตศาสตร์
วิชาที่นักเรียนคิดว่ายากที่สุด ได้แก่ คณิตศาสตร์
3. นักเรียนคิดว่าตนเอง ( ) ไม่มีปัญหาด้านการเรียน ( ) มีปัญหาด้านการเรียน
ถ้ามีปัญหา โปรดบอกสภาพปัญหาการเรียนในปัจจุบันของนักเรียน
( ) เรียนไม่เข้าใจ ( ) เบื่อเรียนบางวิชา
( ) เรียนไม่ทันเพื่อน ( ) อยากเลิกเรียน
( ) ต้องการครูที่เข้าใจและปรึกษาได้ ( ) อื่น ๆ (ระบุ)…………………………..
สาเหตุที่ทำให้นักเรียนประสบปัญหาด้านการเรียน (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
( ) พื้นฐานการเรียนเดิมไม่ดี ( ) ครูสอนไม่ดี
( ) สุขภาพไม่ดี ( ) สติปัญญาไม่เหมาะที่จะเรียนทางนี้
( ) ไม่มีเวลาดูหนังสือ ( ) ขาดเรียนบ่อย
( ) ขี้ลืม ( ) ไม่มีสมาธิ
( ) บทเรียนไม่น่าสนใจ ( ) ไม่รู้จักวิธีเรียน
( ) อุปกรณ์การเรียนไม่พอ ( ) สิ่งแวดล้อมในการเรียนไม่ดี
( ) ครูดุ ( ) เวลาสอบมักกลัวจนคิดไม่ออก
ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพนักเรียน
1. สุขภาพของนักเรียนในขณะนี้ ( ) ดีมาก ( ) ดี ( ) พอใช้ ( ) ไม่ดีเลย
2. นักเรียนเคยเป็นลมวิงเวียนศีรษะบ่อย ( ) เป็นเสมอ ( ) เป็นบ้าง ( ) ไม่เคยเป็น
3. นักเรียนมีปัญหาเกี่ยวกับโรคประสาท ( ) มีปัญหา ( ) ไม่มีปัญหา
4. นักเรียนต้องใช้แว่นสายตาในขณะนี้ ( ) ใช้เป็นประจำ ( )ใช้บ้าง ( )ไม่ต้องใช้
5. ในการพูดนักเรียนรู้สึก ( ) พูดคล่อง ( ) พูดไม่คล่องหรือพูดช้า ( ) พูดติดอ่าง
6. นักเรียนได้ยินชัดเจน ( ) ชัดเจนดี ( ) ไม่ค่อยชัดเจน
7. ตามปกตินักเรียนนอนหลับวันละ ( ) 4-6 ชม. ( ) 8-9 ชม. ( ) 8-10 ชม.
8. โรคประจำตัวที่นักเรียนเป็นอยู่เสมอ -
ได้รับการป้องกันและรักษาโดย -
9. ในบางครั้งนักเรียนวิตกกังวลเกี่ยวกันสุขภาพ ( ) วิตกกังวล ( ) ไม่วิตกกังวล
10. สิ่งที่ทำให้นักเรียนวิตกกังวลอย่างมากเกี่ยวกับสุขภาพขณะนี้
คือ -
11. นักเรียนเคยออกกำลังกาย ( ) เป็นประจำ ( ) เป็นบางครั้ง ( ) ไม่เคยเลย
ถ้าเคยออกกำลังกายโดยวิธีใด เล่นฟุตบอล
12. นักเรียนชอบเล่นกีฬาหรือไม่ ( ) ชอบ ( ) ไม่ชอบ
ถ้าชอบชนิดกีฬาที่นักเรียนเล่นคือ ฟุตบอล
ข้อมูลเกี่ยวทางบ้าน
1. บ้านที่นักเรียนพักอาศัยอยู่มีลักษณะ ( ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ )
( ) บ้านเช่า ( ) บ้านญาติ ( ) บ้านห้องแถว ( ) บ้านบิดามารดา
2. สภาพแวดล้อมในบริเวณที่พักอาศัยมีลักษณะอย่างไร ( ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
( ) เขตชุมชนแออัด ( ) เขตสถานเริงรมย์ ( ) เขตโรงเรียน
( ) เขตบ้านพักราชการ ( ) เขตวัด ( ) ……………
3. นักเรียนมีห้องส่วนตัวอยู่หรือไม่ ( ) มี ( ) ไม่มี
4. ความสัมพันธ์ของสมาชิกภายในบ้าน ( ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
( ) ทุกคนรักใคร่กันดี ( ) มีพี่น้องรักใคร่กันดี ( ) บิดา-มารดา มีปากเสียงกันบ่อย
( ) บิดา-มารดารักลูกลำเอียง ( ) พี่น้องไม่ค่อยถูกกันทะเลาะกัน
5. เมื่ออยู่บ้านนักเรียนได้รับความเอาใจใส่จากผู้ปกครอง
( ) มากที่สุด ( ) มาก ( ) น้อย ( ) น้อยที่สุด
6. สิงที่นักเรียนอยากให้ครอบครัวของนักเรียนปรับปรุงคือ
6.1 - 6.2 -
อัตชีวประวัติ
คำชี้แจง ให้นักเรียนเขียนประวัติตนเอง โดยเติมข้อความให้สมบูรณ์ตามความเป็นจริงมากที่สุด ข้อความ
เหล่านี้จะเป็นประโยชน์แก่นักเรียนโดยตรง และทางโรงเรียนจะเก็บเป็นความลับ

1. ข้าพเจ้าเกิด วันที่/เดือน/พ.ศ. 27 ก.ย 2551 สถานที่เกิด โรงพยาบาลบุรีรัมย์

เมื่อครั้งเป็นเด็ก สิ่งที่ข้าพเจ้ากลัวมากที่สุดคือ - ข้าพเจ้าเคยป่วยเป็นโรค - เพื่อน


ๆ ที่ข้าพเจ้าเล่นด้วยมักจะมีอายุ 14 กับข้าพเจ้า ถ้าโตขึ้นข้าพเจ้าอยากเป็น นักเกมเมอร์

2. ข้าพเจ้าเติบโตมาพร้อมๆกับ -

เท่าที่จำได้เหตุการณ์ที่ข้าพเจ้าชอบมากคือ ครอบครัวประสบความสำเร็จ เวลาที่ข้าพเจ้ามีโอกาสได้ใช้


ชีวิตอย่างสนุกสนานคือ ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดอย่างสุจริต พ่อให้ความสนิทสนมกับข้าพเจ้าโดย
การ ให้คำปรึกษาในบางโอกาส แม่ให้ความสนิทสนมโดยการ ให้ความดูแลเอาใจใส่

เมื่ออยูบ่ ้านสิ่งที่ข้าพเจ้าอยากทำคือ เล่นเกม เล่นฟุตบอล และอื่นๆ

3. สิ่งทีข่ ้าพเจ้าอยากทำมากที่สุดในโรงเรียนคือ สร้างประโยชน์ให้แก่สังคม สิ่งที่ข้าพเจ้าอยาก


ทำน้อยที่สุดในโรงเรียนคือ ทำผิดต่อหน้าที่ สิ่งที่ข้าพเจ้าอยากได้จากโรงเรียนมากที่สุดคือ ความรู้ +
คุณธรรม ถ้ามีความจำเป็นต้องย้ายโรงเรียนข้าพเจ้าจะ - ไปอยู่โรงเรียนอื่น

4. ถ้ามีเวลาว่างข้าพเจ้าจะใช้เวลานั้น ให้เกิดประโยชน์ ข้าพเจ้าชอบทำงาน ทำแล้วมี


ความสุข และทำให้เกิดเป็นรูปร่าง สิ่งที่ข้าพเจ้าคิดว่าตนเองทำได้ดที ี่สุดคือ ทำหน้าที่ของตนเอง

5. แผนในอนาคตและความหวัง

• เมื่อข้าพเจ้าโตขึ้นอยากประกอบอาชีพ เกมเมอร์
• ถ้าข้าพเจ้าสามารถขอสิ่งใดได้ตามใจนึก ข้าพเจ้าจะขอ

1. สามารถสร้างคุณประโยชน์ต่อสังคม

2. ตนเองดำรงตนอยู่อย่างพอเพียง

3. เป็นแบบอย่างที่ดี
6. เป้าหมายในชีวิตข้าพเจ้าคือ การตั้งใจเรียนหารายได้ให้ตนเอง

7. คนที่ข้าพเจ้าชอบคือ พ่อ แม่

8. ถ้าให้เลือกสิ่งต่อไปนี้ ข้าพเจ้าจะเลือกเป็นข้อแรกคือ

( ) ชื่อเสียง ( ) เงิน ( ) ความสำเร็จในการเรียน

( ) การทำประโยชน์เพื่อส่วนร่วม ( ) อื่นๆ

9. สิ่งที่ข้าพเจ้าอยากทำมากที่สุดในตอนนี้คือ -

10. สิ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าไม่สบายใจคือ -

และมีเรื่องไม่สบายใจบุคคลที่ข้าพเจ้าไปปรึกษาคือ มารดา บิดา และผู้ใหญ่ที่เคารพ ครูอาจารย์


ระเบียนพฤติการณ์

แบบบันทึกระเบียนพฤติการณ์ ครั้งที่ 1

ชื่อนักเรี ยน เด็กชายพิสิทพงษ์ อังโกรัมย์ ชั้น ม.2/4


วันพุทธ ที่ 17 เดือนสิ งหาคม พ.ศ.2565 เวลา 13.00 น. สถานที่ ในห้องเรี ยน

พฤติกรรมที่แสดงออก การหมอบลงบนโต้ะ

ความหมายของพฤติกรรม มีอาการง่วง

ข้อเสนอแนะของผูส้ ังเกตในการช่วยเหลือหรื อแก้ไข ให้ไปล้างหน้าให้สดชื่น

ลงชื่อ นันทพล พลวัน ผูส้ ังเกต

ตาแหน่ง นักศึกษา
ระเบียนพฤติการณ์

แบบบันทึกระเบียนพฤติการณ์ ครั้งที่ 2

ชื่อนักเรี ยน เด็กชายพิสิทพงษ์ อังโกรัมย์ ชั้น ม.2/4

วันพุทธ ที่ 24 เดือนสิ งหาคม พ.ศ.2565 เวลา 13.00 น. สถานที่ ในห้องเรี ยน

พฤติกรรมที่แสดงออก ไม่ค่อยมีสมาธิมากในการเรี ยนคณิตศาสตร์

ความหมายของพฤติกรรม มีความกังวลกลัวไม่ทนั เวลา

ข้อเสนอแนะของผูส้ ังเกตในการช่วยเหลือหรื อแก้ไข อยากให้มีเวลาในการทาเพิ่มมากขึ้น

ลงชื่อ นันทพล พลวัน ผูส้ ังเกต

ตาแหน่ง นักศึกษา
ระเบียนพฤติการณ์

แบบบันทึกระเบียนพฤติการณ์ ครั้งที่ 3

ชื่อนักเรี ยน เด็กชายพิสิทพงษ์ อังโกรัมย์ ชั้น ม.2/4

วันพุทธ ที่ 31 เดือนสิ งหาคม พ.ศ.2565 เวลา 13.00 น. สถานที่ ในห้องเรี ยน

พฤติกรรมที่แสดงออก หันไปมองเพื่อนอยูบ่ ่อยๆ

ความหมายของพฤติกรรม ความใส่ใจเพื่อน อยากที่จะช่วยเหลือเพื่อน

ข้อเสนอแนะของผูส้ ังเกตในการช่วยเหลือหรื อแก้ไข ให้คุณครู ทบทวนเนื้ อหาในการสอนก่อนมีการ


เริ่ มเรี ยนใหม่

ลงชื่อ นันทพล พลวัน ผูส้ ังเกต

ตาแหน่ง นักศึกษา
ระเบียนสะสม

โรงเรียนบัวหลวงวิทยาคม อำเภอ เมือง จังหวัด บุรรี ัมย์

คำชี้แจง ให้นักเรียนกรอกข้อมูลส่วนตัว และ กา ✓ ในช่อง ให้ครบถ้วน สมบูรณ์ (ข้อมูลเหล่านี้จะ


เก็บไว้เป็นความลับ)
1. ประวัติส่วนตัวนักเรียน
ชื่อ เด็กชายพิสิษพงษ์ นามสกุล อังรัมย์ ชั้น ม.2 ชื่อเล่น คิว
เลขประจำตัว - โทรศัพท์ 0915588214 เกิดวันที่ 29 เดือน กันยายน พ.ศ. 2551
สถานทีเ่ กิดบ้านเลขที่ - หมูท่ ี่ 2 บ้าน บ้านบัว ตำบล บ้านบัว อำเภอ เมือง
จังหวัด บุรีรัมย์
อาศัยอยู่กับ ระยะทางจากบ้านถึงโรงเรียน ประมาณ 3 กิโลเมตร
ความสามารถ(พิเศษ) -
เดินทางมาโรงเรียนโดย เดิน รถจักรยาน รถจักรยานยนต์
รถรับส่ง อื่นๆ (ระบุ)........................................................
ชื่อครูที่ปรึกษา 1.
ชื่อบิดา นายอำนาจ อังโกรัมย์ อายุ 46 ปี อาชีพ ก่อสร้าง
ชื่อมารดา นางสาวบัวฑิทรัพดี อังโกรัมย์ อายุ 38 ปี อาชีพ ค้าขาย
ที่อยู่บิดา/มารดา หมู่ 2 ต.บ้านบัว อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ โทรศัพท์0915588214
เป็นบุตรคนที่ 3 ในจำนวนพี่น้องร่วมสายโลหิต 3 คน เป็นชาย 2 คน หญิง 2 คน
ประกอบอาชีพแล้ว 2 .คน อยู่ในความอุปการะของครอบครัว 2 คน
สถานภาพบิดา มารดา อยู่ด้วยกัน แยกกันอยู่ หย่าร้างกัน อื่นๆ ระบุ...............................
รายได้ของครอบครัว ตั้งแต่ 27,000 บาทต่อปีขึ้นไป 20,000 – 26,000 บาทต่อปี
น้อยกว่า 20,000 บาทต่อปี
ผู้ออกค่าใช้จ่ายในการเรียน นายกัมบูณ ทรัพดี เกี่ยวข้องเป็น ตา
งานอดิเรกของข้าพเจ้า เล่นเกม
หน้าที่รับผิดชอบภายในบ้านที่ทำนอกเหนือการเรียนคือ ล้างจาน , ซักผ้า
2. ด้านเกี่ยวกับสุขภาพ
น้ำหนัก 46 กิโลกรัม ส่วนสูง 160 ซม. โรคประจำตัว -
โรคที่เคยเป็น ภูมิแพ้ เมื่อ ปี พ.ศ. 2560 การรักษา -
ประวัติอุบัติเหตุ - เมื่อ พ.ศ. - สถานที่เข้ารับการรักษา -

3. ด้านเศรษฐกิจ
ข้าพเจ้ามีเงินใช้ จ่ายในการมาโรงเรียนประมาณวันละ 50 บาท
ข้าพเจ้ามีงานพิเศษทำคือ - รายได้เฉลี่ยวันละ -
ข้าพเจ้าคิดว่าค่าใช้จ่ายของข้าเจ้า มากเกินไป พอดี
ไม่พอใช้บางครั้ง น้อยเกินไป
4. ด้านเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมในโรงเรียน และทางบ้าน

น่าเรียน น่าเรียนพอควร ไม่น่าเรียนเลย


โรงเรียนของข้าพเจ้า มาก

อบอุ่นมาก อบอุ่นพอควร ห่างเหินกัน


บรรยากาศในโรงเรียน
สามัคคีกัน ต่างคนต่างอยู่ แยกกันหลายหมู่
อบอุ่นมาก อบอุ่นพอควร ห่างเหินกัน
บรรยากาศของบ้าน
ข้าพเจ้า สามัคคีกัน ต่างคนต่างอยู่ ไม่ลงรอยกันทั้งบ้าน
เงียบเหงา
น่าเบื่อ

สิ่งที่ข้าพเจ้าอยากให้ครอบครัวของข้าพเจ้าปรับปรุง คือ

1. - 2. -

5. ด้านเกี่ยวกับการเรียน

ปัจจุบันข้าพเจ้า เรียนไม่เข้าใจ เบื่อเรียนบางวิชา เรียนไม่ทันเพื่อน

อยากเลิกเรียน ต้องการให้เพื่อนช่วย ต้องการครูที่เข้าใจและ


เป็นที่ปรึกษาได้

สาเหตุของปัญหาทางการเรียน เพราะ..................................................................................................................

ม. 1 ม. 2 ม. 3
ปีการศึกษา 2564 ปีการศึกษา................... ปีการศึกษา............
เกรดเฉลี่ย 2.81 เกรดเฉลี่ย..................... เกรดเฉลี่ย............
ม. 4 ม. 5 ม. 6
ปีการศึกษา.................. ปีการศึกษา.................. ปีการศึกษา..................
ภาคเรียนที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ภาคเรียนที่ 2

เกรดเฉลี่ย เกรดเฉลี่ย เกรดเฉลี่ย เกรดเฉลี่ย เกรดเฉลี่ย เกรดเฉลี่ย


..................... ……………………. ..................... ……………………. ..................... …………………….

ผลการเรียนเฉลี่ย..............................................................
6.ด้านเกี่ยวกับมนุษย์สัมพันธ์ และบุคลิกภาพ

ข้าพเจ้ามีเพื่อนสนิท คือ เด็กชายธนภัทร ปะลุวันรัมย์ ชัน้ ม. 2/4

ผู้นำบางโอกาสผู้
เมื่ออยู่ในกลุ่มเพื่อข้าพเจ้ามักเป็น ผู้นำ ผู้ตาม ตามบางโอกาส

ข้าพเจ้าเข้ากับเพื่อนได้ ง่าย ค่อนข้างง่าย ยาก


ทำด้วยความ ทำเพราะเลี่ยง
เมื่อผู้ใหญ่ใช้งานข้าพเจ้ามักจะ กระตือรือร้น ไม่ได้ พยายามหลีกเลี่ยง
ทำงานมากกว่า ทำงานเท่ากับ ทำงานน้อยกว่า
เมื่อมีกิจกรรมกลุ่มข้าพเจ้ามักจะ เพื่อน เพื่อน เพื่อน

7. ด้านเกี่ยวกับสุขภาพจิตและค่านิยม

ข้าพเจ้ารู้สึกว่าโลกนี้ น่าอยู่ ไม่น่าอยู่

ข้าพเจ้ารู้สึกว่าตัวเอง มีค่า ไม่มีค่า

ข้าพเจ้าคิดว่าคนที่ดีควรมีลักษณะ เป็นแบบอย่างที่ดี ปฏิบัติตามลีธรรมและกฎหมาย


ข้าพเจ้าคิดว่าสังคมที่ดีควรมีลักษณะ สามัคคี รู้หน้าที่ มีวินัย
8. เป้าหมายของชีวิตในอนาคต
ข้าพเจ้าอยากประกอบอาชีพ เกมเมอร์ เพราะ สร้างรายได้แกตนเอง
9. ปัญหาที่ข้าพเจ้ากำลังประสบอยู่ในขณะนี้

1 เรื่องครอบครัว 6 เรื่องการวางตัวในสังคม

2 เรื่องการเรียน 7 เรื่องการใช้เวลาว่าง

3 เรื่องสุขภาพ 8 เรื่องการเลือกอาชีพ

4 เรื่องเศรษฐกิจ 9 เรื่องการเลือกศึกษาต่อ
5 เรื่องการคบเพื่อน 10 เรื่องการปรับตัวเข้ากับ
ครู-อาจารย์ในโรงเรียน

ถ้าต้องการความช่วยเหลือ / ปรึกษา ข้าพเจ้าต้องการความช่วยเหลือ / ปรึกษา จาก


บิดา มารดา ครูแนะแนว
ครูที่ปรึกษา เพื่อน อื่นๆ(โปรดระบุ) ผู้ใหญ่ที่สามารถปรึกษาได้

ลงชื่อ พิสิษพงษ์ ผู้กรอกข้อมูล


( เด็กชายพิสิษพงษ์ อังโกรัมย์)
วันที่ 31 เดือนสิงหาคม พ.ศ.2565
ภาพกิจกรรม

You might also like