You are on page 1of 3

Art

ชุติกาญจน์ เสียงดี 63350097


กัญญาพร ศรีนุติภักดี 63350139
กุลนิตา แสนคำฟู 63350140
จาการชมละครเรื่อง Art ทำให้เราทราบว่า บทละครเรื่อง Art
เป็ นบทละครที่การดำเนินเรื่องผ่านตัวละครที่มีมุมมองที่เหมือนและ
แตกต่างกัน โดยมีเรื่องของภาพวาดสีขาวเป็ นประเด็นในการดำเนิน
เรื่อง การแสดงทัศนคติต่อความคิดของเพื่อนที่มีกับรูปภาพ หรือ
ชีวิตในครอบครัว มุมมองที่มีต่อศิลปะที่ต่างกันศิลปะที่แตกต่างกัน
ในเรื่องจะเห็นว่าผู้เขียนบทสอดแทรกประเด็นที่ต้องการจะสื่อ แล้ว
คัดกรองออกมาเปรียบเทียบปั ญหานัน
้ ๆของสังคมเป็ นภาพวาดและ
ถกเถียงถึงประเด็นนัน
้ ๆผ่านมุมมองของคน 3 คน ที่ความคิดเห็น
และมุมมองในเรื่องต่างๆนัน
้ ต่างกันแต่ก็เป็ นเพื่อนกัน
ละครเรื่อง Art เป็ นการเล่าถึงเพื่อน 3 คน ที่แตกต่างกัน โดย
เล่าผ่านตัวละคร ป้ อม ดำและนิกร ป้ อม เป็ นคนที่มีความคิดเป็ น
ของตัวเองในมุมมองด้านศิลปะ แต่งตัวสุขุมตามวัย มีคำพูดติดปาก
คือคำว่า “ช่างแม่ง” แม้ภายในใจจริง ๆ อาจจะไม่ได้ปล่อยวางตาม
ที่พูด ดำ เป็ นคนพูดจาตรง ๆ หัวสมัยใหม่แต่โลกแคป ไม่ให้ความ
สำคัญกับงานศิลปะ ยึดความคิดตัวเองเป็ นหลัก คิดว่าสิ่งที่ตัวเองคิด
คือสิง่ ที่ถูกต้องที่สุดและพยายามทำให้คนอื่นคิดแบบตัวเอง เย้ยหยัน
ในความคิดของคนอื่น รู้ว่าตัวเองผิดแต่ไม่ยอมรับ เป็ นคนรักเพื่อน
และอยากให้เพื่อนได้ดี นิกร เป็ นคนขีต
้ กใจ กระโตกกระตาก เป็ น
คนที่เรื่องของตัวเองและบ่นให้เพื่อนฟั ง ตามคนไม่ค่อยทันไหลตาม
คนอื่นได้ง่าย เอาแน่เอานอนไม่ได้ เป็ นคนคอยไกล่เกลี่ยเพื่อนเวลา
ผิดใจกัน เรื่องราวเริ่มขึน
้ เมื่อป้ อมซื้อภาพสีขาวล้วนมาในราคา 1.2
ล้านบาท นำเอาไปให้ดำดู แต่ก็เกิดการโต้เถียงกันถึงความไม่คุ้มค่า
ของภาพนี ้ ทำให้ดำเย้ยหยันป้ อม และป้ อมเองก็ร้ส
ู ึกว่าโดนเหยียด
หยามในความชอบ ต่อมาป้ อมได้นำภาพไปให้นิกรดู เมื่อนิกรได้ดู
ภาพนิกรก็พูดชมภาพนีแ
้ ม้ความจริงจะไม่ได้ร้ส
ู ึกชอบและรู้สึกว่ามี
ราคาสูงเกินไปเหมือนที่ดำรู้สึก แต่แสดงออกอย่างประนีประนอม
เมื่อดำและนิกรได้พูดคุยกันอีกครัง้ พวกเขาก็ร้ส
ู ึกว่าภาพนีม
้ ันแพงไป
และเป็ นภาพที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากสีขาว ในเวลาถัดไปทัง้ 3 คน
นัดทานข้าว นิกรมาสายทำให้ป้อมและดำได้อยู่ด้วยกัน 2 คน ดำที่
รู้ตัวว่าครัง้ ก่อนพูดแรงเกินไปก็พยายามเข้าใจป้ อมและพยายามจะ
พูดดี ๆ ด้วย แต่สุดท้ายด้วยความเป็ นดำเองก็ทำให้ทงั ้ คู่มีปากเสียง
และเกือบแตกหักกัน แต่ว่าระหว่างที่ดำและป้ อมโต้เถียงกันอยู่ นิกร
ก็มาถึงและเริ่มเล่าเรื่องงานแต่งและแม่ของตัวเอง ดำและป้ อมนั่งฟั ง
และให้คำปรึกษาแต่สุดท้ายหัวข้อการสนทนาก็กลับมาที่ภาพสีขาวที่
ป้ อมซื้อมา ในตอนแรกทัง้ 3 จะแตกหักกัน แต่ป้อมก็ยอมให้ดำใช้
ปากหมึกดำของนิกรวาดลงบนภาพสีขาวล้วน ดำวาดภาพคนเล่นส
เก็ตลงไปและสร้างเรื่องราวให้ภาพนัน
้ ให้เป็ นไปตามทัศนคติของดำ
ในมุมมองของศิลปะ ในวันถัดมาทัง้ 3 คนช่าวยกันล้างหมึกดำบน
ภาพให้กลายเป็ นภาพขาวเหมือนเดิม เมื่อดูจบจะเห็นได้ว่าในตอน
จบทุกคนได้ยอมรับในความคิดของผู้อ่ น
ื และการปล่อยวางกับ
ปั ญหาที่เกิดขึน
้ เพราะบางปั ญหาต่อให้อธิบายหรือโต้แย้งไปมันก็ไม่
เกิดประโยชน์ ประสบการณ์และความรู้สึกของพวกเราหลังดูละคร
จบ พวกเราได้มองเห็นมุมมองทางความคิดของแต่ละตัวละครนัน

แตกต่างกัน แม้สิ่งของที่เห็นจะเป็ นแบบเดียวกัน เรื่องราวที่พบเจอ
จะเป็ นเรื่องเดียวกัน แต่มุมมองและทัศนะคติของแต่ละคนย่อมแตก
ต่างไปตามนิสัย การเลีย
้ งดูของแต่ละครอบครัว ความเชื่อ และ
สภาพแวดล้อม สิ่งที่เราควรทำเมื่อได้เจอคนที่มีความคิดเห็นต่างกัน
คือ ยอมรับและรับฟั งความคิดเห็นเหล่านัน
้ เราอาจไม่จำเป็ นที่จะ
ต้องคล้อยตาม แต่กไ็ ม่ควรดูถูกความคิดใคร และทำให้ร้ว
ู ่าการใช้
เหตุผลกับสิง่ ที่ต้องใช้ความรู้สึก มันไม่ถูกต้อง เพราะบางอย่างเรา
ควรเลือกมองว่าเรื่องนีค
้ วรใช้ความรู้สึกหรือเหตุผลในการมอง
มากกว่ากัน อย่างที่ดำพยายามจะให้เหตุผลกับรูปภาพสีขาวของ
ป้ อม แต่ป้อมใช้ความรู้สึกที่มีมองรูปภาพนัน
้ แทน
สุดท้ายแล้วเราจะเห็นได้ว่าเรื่อง Art เป็ นเรื่องราวที่ส่ อ
ื ถึง
มิตรภาพความเป็ นเพื่อนของคน 3 คน การตัดสินงานศิลปะผ่านมุม
มองที่แตกต่างของคน การสะท้อนปั ญหาของคนในสังคมหลังสมัย
ใหม่ที่เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง ซับซ้อน ทางด้านอาชีพ การงาน
ชีวิตคู่ ครอบครัว หรือแม้กระทั่งสุขภาพทางกายหรือจิตใจที่ทำให้
เกิดความเครียดได้ง่าย แต่โดยสรุปแล้ว บทละครเรื่องนีส
้ ามารถ
ตีความได้หลายความความหมาย วิเคราะห์ได้อย่างอิสระ เพราะคน
ดูจะได้รับสารออกมาแตกต่างกันตามความคิดเหมือนกับ ‘ภาพที่มี
สีสันหลายร้อยเฉด’ หรืออาจจะมีเรื่อราวซ่อนอยู่ภายใต้ความว่าง
เปล่าเหมือนกับ ‘รูปภาพสีขาว’ ในเรื่องก็ได้

You might also like