Professional Documents
Culture Documents
วีระ ศรีอริยะกุล
▪ ความเค้นอย่างง่าย
▪ ความเครียด
▪ การบิด
▪ คาน
▪ ตัวอย่างที่ 1
▪ ตัวอย่างที่ 2
▪ ตัวอย่างที่ 3
2
ความเค้น คือ แรงหารด้วยพืน้ ทีห่ น้าตัดทีร่ บั แรง ความเค้นอย่างง่าย มีอยู่ 3 ชนิด คือ ความ
เค้นดึง ความเค้นกด และความเค้นเฉือน
3
รูปที่ 3.1 (ต่อ) แรงชนิดต่างๆ
4
พิจารณษรูปที่ 3.1 (ก) (ข) ซึง่ เป็ นท่อนโลหะกลมอยูภ่ ายใต้แรงดึง และแรงกด F ความเค้น
ดึงและความเค้นกด คือ
F F
σt = and σ c = (3.1)
A A
จากกฎของฮุค
= E (3.5)
7
แต่ = F/A ฉะนัน้ เมือ่ แทนค่า จากสมการที่ 3.4 ลงในสมการที่ 3.5 จะได้วา่
FL
δ= (3.6)
AE
E
G= (3.7)
2(1+ )
12
มุมบิดและค่าความเค้นเฉือนโดยประมาณ คือ
3TL
θ= (3.12)
2πRt 3G
3T (3.13)
τ= 12
2πRt 2
ชิน้ ส่วนเครื่องจักรกลโดยมากรับแรงในแนวดิง่ เช่นเดียวกับคานโดยทัวไป่ ฉะนัน้ จึงใช้ความ
เค้นดัด (Bending Stress) และการยุบตัว (Deflection) เป็ นข้อจากัดในการออกแบบ ความ
เค้นดัดสูงสุดเกิดทีผ่ วิ นอกสุดของคาน ณ ตาแหน่ งทีโ่ มเมนต์ดดั (Bending Moment) มี
ค่าสูงสุด จากสมการ
Mc
σc = (3.14)
I
โดยที่ M คือโมเมนต์ดดั
c คือระยะจากแกนสะเทิน (Neutral Axis) ไปยังผิวนอกสุด ดังรูปที่ 3.3
I คือโมเมนต์ความเฉื่อยของพืน้ ที่
13
สาหรับคานทีม่ พี น้ื ทีเ่ ป็ นสีเ่ หลีย่ มผืนผ้า ความเค้นเฉือนสูงสุดจะเกิดทีแ่ กนสะเทิน และมีค่า
1.5 เท่าของความเค้นเฉือนเฉลีย่ หรือเท่ากับ
3V
τ= (3.15 ก)
2A
สาหรับหน้าตัดกลม
4V
τ= (3.15 ข)
3A
โดยที่ V คือแรงเฉือนสูงสุด
A คือพืน้ ทีห่ น้าตัด
14
สาหรับค่า I ของหน้าตัดบางชนิด ดูจากตารางที่ ค.1 ส่วนค่าโมเมนต์ดดั สูงสุดและการยุบตัว
ของคาน ดูจากตารางที่ ค.2 ในภาคผนวก ค.
โดยทัวไปความเค้
่ นเฉือนทีเ่ กิดขึน้ ในคานจะมีค่าน้อยมาก จนกระทังไม่
่ ต้องนามาคิด
ในการออกแบบได้ แต่ถา้ คานสัน้ และมีหน้าตัดสูงมาก ความเค้นเฉือนก็อาจจะมีคา่ มากด้วย
15
ชิน้ งานดังรูปที่ 1 ทาด้วยเหล็กกล้า AISI C 1020 รับแรงดึง 30 kN ถ้าให้ h = 1.5b
จงหาขนาดของชิน้ งานเมือ่
(ก) ให้แรงอยูน่ ิ่งและถือความต้านแรงดึงครากเป็ นหลัก
(ข) เช่นเดียวกับข้อ (ก) แต่ให้ถอื ความต้านแรงดึงเป็ นหลัก
(ค) ถ้าแรงกระทาซ้าโดยเปลีย่ นค่าจาก 0-30 kN และความต้านแรงดึงครากเป็ นหลัก
วิธที า จากตารางที่ ข.3 ในภาคผนวก ข. ความต้านแรงดึงและความต้านแรงดึง
ครากของวัสดุ คือ
16
(ก) จากตารางที่ 1.3 ในบทที่ 1 ให้ Ny = 1.5 ฉะนัน้ ความเค้นออกแบบสาหรับแรงดึง
17
(ข) จากตารางที่ 1.3 ในบทที่ 1 ให้ Nu = 3 ฉะนัน้ ความเค้นออกแบบสาหรับแรงดึง
18
(ค) จากตารางที่ 1.3 ในบทที่ 1 ให้ Ny = 3 สาหรับแรงกระทาซ้าทิศทางเดียว ฉะนัน้
ความเค้นออกแบบสาหรับแรงดึง
19
จากการเปรียบเทียบในข้อ (ก) และ (ข) พบว่า ขนาดทีไ่ ด้จากการออกแบบจะแตกต่ าง
กันไปบ้าง สาหรับชิน้ งานลักษณะดังในตัวอย่าง อาจไม่ตอ้ งการความละเอี ยดถึง 1 ใน
100 mm ฉะนัน้ ถ้าจะใช้ขนาดในข้อ (ก) อาจให้ b = 10 mm และ h = 14 mm
20
เพลากลมท่อนหนึ่ง ทาด้วยเหล็กกล้า AISI CD 1030 ใช้สง่ กาลัง 20 kW หมุนด้วยความเร็วรอบ 1,450 rpm จงหา
ขนาดของเพลานี้โดยใช้ความต้านแรงดึงคราก
(ก) เมือ่ เป็ นเพลาตัน
(ข) เมือ่ เป็ นเพลากลวง โดยมีอตั ราส่วนของเส้นผ่านศูนย์กลาง d/di = 2
(ค) เปรียบเทียบมุมบิดต่อความยาวเพลา 500 mm และน้าหนักของเพลาทีไ่ ด้จากข้อ (ก) และ (ข)
(ง) เมือ่ ไม่ตอ้ งการให้เพลาตันมีมมุ บิดมากกว่า 2 องศาต่อความยาวเพลา 500 mm
21
วิธที า จากตารางที่ ข.2 ในภาคผนวก ข.
y = 76 ksi
= 76 x 6.895 = 524 N/mm2
จากตารางที่ ข.16 ในภาคผนวก ข.
E = 207 GN/m2
G = 79.30 GN/m2
สมมติให้แรงที่กระทาต่อเพลามีขนาดสม่าเสมอ ซึ่งถือว่าเป็ นแรงที่ อยู่นิ่งได้ จาก
ตารางที่ 1.3 เลือก N = 2
22
23
24
25
26
ก้านหมุนยึดติดกับเพลาด้วยลิม่ ดังรูปที่ 1 มีขนาดหน้าตัด h = 3b รับแรง F = 9 kN กระทาซ้าสองทิศทางขึน้ และลง
วัสดุทต่ี อ้ งการใช้เป็ นก้านหมุนคือ AISI HR 1020 ถ้าก้านหมุนมีขนาดเล็กลงตามสมการเส้นตรงจากหน้าตัด AA ถึง
หน้าตัด BB จงหาขนาดของก้านหมุนนี้
27
28
29
แบบฝึ กหัด
1. ชิน้ งานดังรูปที่ 1 ทาด้วยเหล็กกล้า AISI C 1022 ถ้าให้ b = 20 mm h = 40 mm
(ก) จงหาแรงดึงสูงสุดทีร่ บั ได้
(ข) จงหาแรงดึงใช้งาน ถ้าให้ N = 2.5 โดยใช้ความต้านแรงดึงครากเป็ นหลัก
30
แบบฝึ กหัด
2. เครื่องอัดอากาศเครื่องหนึ่งมีลูกสูบขนาด 100 mm สามารถอัดอากาศให้มคี วามดันได้
สูงสุด 1 MPa ถ้าก้านสูบทาจากวัสดุ AISI HR 1020 จงหาขนาดของก้านสูบกลมโดย
(ก) ใช้ความต้านแรงดึงคราก
(ข) ใช้ความต้านแรงดึง
31
แบบฝึ กหัด
3. ก้านสูบทาจากวัสดุเหล็กกล้า AISI C 1340 ชุบด้วยน้ ามันทีอ่ ุณหภูม ิ 829 oC เทมเปอริง่ ที่
อุณหภูมิ 316 oC รับแรงซึง่ เปลีย่ นแปลงจาก 0-8 kN จงหาขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของก้าน
สูบนี้โดย
(ก) ใช้ความต้านแรงดึงครากเป็ นหลัก
(ข) ใช้ความต้านแรงดึงเป็ นหลัก
32