Professional Documents
Culture Documents
2563
128 MAHASARAKHAM HOSPITAL JOURNAL Vol. 17 No. 2 (May - August) 2020
บทคัดย่อ
ความเป็นมา : การตัง้ ครรภ์นอกมดลูกเป็นภาวะฉุกเฉินทางนรีเวชทีม่ คี วามเสีย่ งสูงในสตรีวยั เจริญพันธุ์ หากเกิดการ
แตกของท่อน�ำไข่จะท�ำให้เกิดภาวะช็อกจากการตกเลือดในช่องท้อง อาจท�ำให้มีอันตรายถึงชีวิตได้ จึงต้องมีการดูแลและ
สังเกตอาการโดยพยาบาลอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องในการดูแลหญิงตั้งครรภ์นอกมดลูกให้ได้ตามมาตรฐานการพยาบาล
วัตถุประสงค์ : เพือ่ ศึกษาเปรียบเทียบการพยาบาลตามมาตรฐานการพยาบาลหญิงตัง้ ครรภ์นอกมดลูก จ�ำนวน 2 ราย
วิธีการศึกษา : เป็นกรณีศึกษาหญิงตั้งครรภ์นอกมดลูก 2 ราย ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมหาสารคาม
ปี 2562 โดยศึกษาจากประวัติการรักษาพยาบาล ข้อมูลจากผู้ป่วย ญาติจากเวชระเบียน ใช้แบบประเมิน 11 แบบแผน
ของกอร์ดอน น�ำมาก�ำหนดข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล และแก้ไขปัญหาสุขภาพโดยใช้กระบวนการพยาบาล 5 ขั้นตอน
ตั้งแต่แรกรับจนถึงจ�ำหน่าย
ผลการศึกษา : กรณีศึกษาที่1 หญิงไทย วัยเจริญพันธุ์ ตั้งครรภ์ครั้งที่2 แท้ง 1 ครั้ง มีอาการปวดท้องน้อยมากมา
30 นาที ตรวจอัลตร้าซาวด์ พบการตัง้ ครรภ์นอกมดลูกบริเวณ ท่อน�ำไข่ขา้ งขวาแตก มีภาวะช็อก และได้รบั การผ่าตัดด่วน
หลังผ่าตัดฟื้นดี รู้สึกตัวดี ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนใดๆรวมระยะการรักษาตัวในโรงพยาบาล 3 วัน กรณีศึกษาที่ 2 เป็น
หญิงไทยวัยเจริญพันธุ์ ตั้งครรภ์ครั้งที่ 3 หลังคลอดบุตรคนที่ 2 ได้ท�ำหมัน มีอาการปวดหน่วงท้องน้อยด้านซ้ายมา
1 สัปดาห์ ร่วมกับมีเลือดออกทางช่องคลอด ส่งตรวจ Urine Pregnancy test (UPT) พบว่า ผลตรวจเป็นบวก (Positive)
ตรวจอัลตราซาวด์พบก้อนการตัง้ ครรภ์นอกมดลูกบริเวณท่อน�ำไข่ขา้ งซ้ายยังไม่แตก และได้รบั การเตรียมผ่าตัดเป็นอย่างดี
หลังผ่าตัดรู้สึกตัวดี ได้รับการดูแลและให้การพยาบาลไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนใดๆรวมระยะการรักษาตัวในโรงพยาบาล
3 วัน
สรุป : หญิงตั้งครรภ์ 2 ราย มีการตั้งครรภ์นอกมดลูกที่ต�ำแหน่งท่อน�ำไข่ส่วนที่เป็น Ampulla part ซึ่งรายที่ 1
ได้รับการการผ่าตัดแบบฉุกเฉินเร่งด่วนและรายที่ 2 ได้รับการเตรียมความพร้อมก่อนผ่าตัดเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน
ดังนั้นพยาบาลจ�ำเป็นต้องมีความรู้ ทักษะความช�ำนาญเป็นพิเศษ ในการประเมินอาการ การประสานงานในทีม ให้การ
พยาบาลที่มีประสิทธิภาพและถูกต้อง รวดเร็วตามกระบวนการพยาบาลได้มาตรฐาน
พยาบาลวิชาชีพช�ำนาญการ โรงพยาบาลมหาสารคาม
*
วารสารโรงพยาบาลมหาสารคาม ปีที่ 17 ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม - สิงหาคม) พ.ศ. 2563
MAHASARAKHAM HOSPITAL JOURNAL Vol. 17 No. 2 (May - August) 2020 129
ABSTRACT
Background : Ectopic pregnancy is an emergency high risk condition in reproductive aged women.
A ruptured tubal ectopic pregnancy with excessive blood lost resulted in patient shock and maternal
death. Clinical observation and proper care are needed. Nurses are healthcare professional who
closelycare for patients have to competence in providing care compliance with nursing standard.
Objective : To study nursing care for two patients with ectopic pregnancy compliance with
nursing standard.
Methods : The purposive sampling method was used to select two patients admitted in Mahasarakham
hospital in fiscal year 2019.Patient’s history from the patients, relatives, and patient records. Nursing
diagnosis was list using Gordon’s 11 functional health patterns. And nursing care was performed base
on five steps of nursing process.
Results : The first case study was a Thai reproductive aged woman, gravida 2, para 0, abortion
1, reported severe dysmenorrhea 30 minutes before admission. The ultrasonography showed ruptured
ectopic pregnancy at right fallopian tube with shock. In order to treat shock and emergency surgery
was performed. After surgery there were no complications after treatment for shock and care. The
hospital stay for this patient were three days. The second case study was a Thai reproductive aged
woman, gravida 3, have had tubal ligation after 2nd birth. The patient reported left lower quadrant
abdominal pain with vaginal bleeding 1 week before admission. Her urine pregnancy test showed
positive result. Ultrasonography showed a non-rupture left tubal ectopic pregnancy. The patient was
well prepared for surgery. After surgery, the patient wakes up from anesthesia with full consciousness.
She received post-operative nursing care and no complications were found. The patient stays in the
hospital for three days.
Conclusion : Two case studies, both have been diagnosed with tubal ectopic pregnancy at the
ampulla part and received surgery. The first patient has been diagnosed with ruptured ectopic
pregnancy with shock and need emergency surgery. The second patient have a non-rupture ectopic
pregnancy. This patient received pre-operative preparations. Nurses who care for patients, specific
nursing competencies needed to provided effective, accurate, systematic and prompt nursing care for
patient base on nursing process, nursing standard and continuity of care including knowledge, health
assessment skill, and collaborative skill.
Keywords : Ectopic pregnancy, Nursing care for Ectopic pregnancy, Case study
วารสารโรงพยาบาลมหาสารคาม ปีที่ 17 ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม - สิงหาคม) พ.ศ. 2563
130 MAHASARAKHAM HOSPITAL JOURNAL Vol. 17 No. 2 (May - August) 2020
ตารางที่ 3 ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลและกิจกรรมการพยาบาล
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล กิจกรรมการพยาบาล
1) มีภาวะช็อกจากการเสีย 1. ประเมินอาการช็อก ได้แก่ เหงื่อออก ตัวเย็น ระดับความรู้สึกตัวลดลง
เลือดในช่องท้อง เนื่องจากมี 2. งดน้ำ�และอาหารเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนผ่าตัด
การแตกของท่อนำ�ไข่ 3. ให้สารน้ำ�และเลือดทางหลอดเลือดดำ�ตามแผนการรักษา
พบในกรณีศึกษารายที่1 4. ใส่สายสวนปัสสาวะ\ สังเกตสีและปริมาณของปัสสาวะซึ่งปัสสาวะควรออก
มากกว่า 30 cc/hr.
5. ประเมินระดับความปวดและภาวะซีด
6. เจาะเลือด เพื่อตรวจหาหมู่เลือด CBC electrolyte Hct, Hb.
7. ให้ออกซิเจน mask with bag 6 ลิตรต่อนาที
8. ประเมินค่าความอิ่มตัวของออกซิเจน ควรมีค่าไม่ต่ำ�กว่า 95 %
2) วิตกกังวลขาดความรู้ความ 1. สร้างสัมพันธภาพ เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยแสดงความรู้สึก
เข้าใจเกี่ยวกับโรคและการ 2. ประเมินการรับรู้เกี่ยวกับโรคและสาเหตุของการเจ็บป่วย
ผ่าตัดพบในกรณีศึกษารายที่ 2 3. ให้ข้อมูลก่อนผ่าตัด และลงนามยินยอมโดยให้ญาติ มีส่วนร่วม
3) มีโอกาสเกิดภาวะ 1. ประเมินความรู้สึกตัวของผู้ป่วยหากซึมลง ปลุกไม่ตื่นให้รายงานแพทย์ทันที
แทรกซ้อนภายหลังการผ่าตัด 2. ประเมินสัญญาณชีพเพื่อติดตามอาการเปลี่ยนแปลงและให้การช่วยเหลือได้
จากการได้รับยาระงับความ อย่างเหมาะสมและทันท่วงที
รู้สึก 3. ประเมินภาวะการขาดออกซิเจน เช่นหายใจตืน้ เหนือ่ ยหอบ ปลายมือปลายเท้าเขียว
พบในกรณีศึกษารายที่1และ2 4. เมื่อผู้ป่วยตื่นดีกระตุ้นให้ผู้ป่วยหายใจเข้าออกลึกๆ(deep breathing exercise)
และไอ อย่างมีประสิทธิภาพ (effective cough)
5. กระตุ้นให้ผู้ป่วยเคลื่อนไหวร่างกายตามสภาพที่เหมาะสม
4) ปวดแผลระดับรุนแรง 1. ประเมินระดับความปวดของแผลผ่าตัด (level of pain score) และดูแลให้ยา
เนื่องจากมีการฉีกขาดของ ลดปวดตามแผนการรักษา
เนื้อเยื่อจากการผ่าตัดทาง 2. ประเมินสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง
หน้าท้องพบในกรณีศึกษา 3. จัดให้นอนท่าศีรษะสูงเล็กน้อย เพื่อให้กล้ามเนื้อหน้าท้องหย่อน
รายที่ 1,2 4.กระตุ้นการหายใจแบบผ่อนคลาย (deep breathing exercise)
5. จัดสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งเสริมให้ผู้ป่วยพักผ่อนอย่างเพียงพอ
วารสารโรงพยาบาลมหาสารคาม ปีที่ 17 ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม - สิงหาคม) พ.ศ. 2563
MAHASARAKHAM HOSPITAL JOURNAL Vol. 17 No. 2 (May - August) 2020 139
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล กิจกรรมการพยาบาล
5) เสี่ยงต่อการเกิดภาวะช็อก 1.ประเมินสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมงจนกว่าจะอยู่ในเกณฑ์ปกติ
จากการเสียเลือดหลังผ่าตัดใน 2. ดูแลให้สารน้ำ�ทางหลอดเลือดดำ�ตามแผนการรักษา
ช่วง 24 ชั่วโมงแรก พบในกรณี 3. สังเกตอาการเปลี่ยนแปลง และเฝ้าระวังภาวะช็อกจากการเสียเลือด
ศึกษารายที่ 1,2
6) เสี่ยงต่อการได้รับสาร 1. ดูแลให้สารน�้ำตามแผนการรักษา ประเมินความเพียงพอของสารน�้ำ
อาหารไม่เพียงพอต่อความ 2. จัดท่านอนศีรษะสูงเล็กน้อย (semi fowler, s position) เพื่อป้องกันการส�ำลัก
ต้องการของร่างกายเนื่องจาก 3. จัดสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ผู้ป่วยได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
มีคลื่นไส้ อาเจียน พบในกรณี 4. รายงานแพทย์เพื่อให้ยาแก้อาเจียน สังเกตอาการหลังให้ยา
ศึกษารายที่ 1
7)มีโอกาสติดเชื้อที่แผลผ่าตัด1.ประเมินแผลผ่าตัด สังเกตอาการผิดปกติของแผล โดยการใช้หลัก
เนื่องจากผิวหนังถูกท�ำลายจาก REEDA(R=redness,แดง, E=edema,บวม ,Ecchymosis=ลักษณะช�้ำเลือด,
การผ่าตัด พบในกรณีศึกษา D=discharge,มีหนองไหลออกจากแผลหรือไม่,A=approximate,ลักษณะขอบ
รายที่ 1,2 แผลเสมอกันหรือไม่)
2.ประเมินบันทึกสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมงเพื่อติดตามภาวะติดเชื้อ
3. แนะน�ำการปฏิบัติตัว การดูแลแผลผ่าตัด
4. ดูแลความสะอาดร่างกายและจัดสิ่งแวดล้อมเพื่อส่งเสริมการหายของแผล
8) ท้องอืดเนื่องจากการ 1. ประเมินการทำ�งานของลำ�ไส้โดยการฟัง Bowell sound ทั้ง 4 quadrants
เคลื่อนไหวร่างกายลดลง หลังผ่าตัด 24 ชั่วโมง
พบในกรณีศึกษารายที่1 2. สังเกตและประเมินท้องอืดหลังผ่าตัด เช่น แน่นท้อง ท้องแข็งตึง
3. อธิบายสาเหตุของภาวะท้องอืด
4. กระตุ้นให้มีการเคลื่อนไหวร่างกายโดยเร็วตามสภาพที่เหมาะสม
5. Step diet เมื่อ Bowell sound positive
6. แนะนำ�เกี่ยวกับอาหารที่ย่อยง่ายและมีกากใยสูง
7. รายงานแพทย์หากอาการไม่ดีขึ้นเพื่อพิจารณาปรับแผนการรักษา
9) เศร้าโศกเนื่องจากการสูญ 1. สร้างสัมพันธภาพโดยการแนะนำ�ตัวเอง ยิ้มทักทาย สัมผัสแบบนุ่มนวล เพื่อให้
เสียตั้งครรภ์และตั้งครรภ์นอก เกิดความอบอุ่นใจ ไว้วางใจ และให้ความร่วมมือ
มดลูกพบในกรณีศึกษารายที่ 1 2.เปิดโอกาสให้ระบายความรู้สึกและซักถามข้อสงสัยต่างๆ
3.อธิบายให้เข้าใจถึงพยาธิสภาพของการตั้งครรภ์นอกมดลูก
4. ส่งเสริมให้สมาชิกในครอบครัวให้การดูแลเอาใจใส่ และให้กำ�ลังใจ
5.ประเมินอารมณ์ พฤติกรรมการดูแลตนเองในการทำ�กิจวัตรประจำ�วัน
วารสารโรงพยาบาลมหาสารคาม ปีที่ 17 ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม - สิงหาคม) พ.ศ. 2563
140 MAHASARAKHAM HOSPITAL JOURNAL Vol. 17 No. 2 (May - August) 2020
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล กิจกรรมการพยาบาล
10) ขาดความรู้ในการปฏิบัติ 1.D=Diagnosis ให้ความรู้เรื่องโรค สาเหตุ อาการ การปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง
ตัวเมื่อกลับบ้านโดยใช้หลัก 2. M = Medicine แนะน�ำการใช้ยาที่ได้รับอย่างละเอียด
D -M-E-T-H-O-D model 3. E=Environment คือช่วง 1-2 สัปดาห์แรกให้เดินไปมาระยะใกล้ๆ ค่อยๆ เพิ่ม
พบในกรณีศึกษารายที่ 1,2 ระยะทางขึ้นเรื่อยๆ ควรออกก�ำลังกายเบาๆไม่ท�ำงานหนัก เป็นต้น
4.T=Treatment คือการดูแลหลังแผล ตัดไหมในวันที่ 7 หลังการผ่าตัด
แล้วถ้าแผลไม่แยก สามารถอาบน�้ำแบบใช้ฝักบัวหรือใช้ขันตักอาบน�้ำ
4.2 อาการปวด ถ้าปวดแผลให้รับประทานยาแก้ปวดตามแผนการรักษา
4.3 การดูแลช่องคลอด รักษาความสะอาดของอวัยวะสืบพันธุ์ควรท�ำความสะอาด
ทุกครั้งหลังอุจจาระ ปัสสาวะและซับให้แห้งเพื่อป้องกันการติดเชื้อไม่เหน็บยาหรือ
สวนล้างช่องคลอด
4.4 งดการมีเพศสัมพันธ์ 6 สัปดาห์หลังผ่าตัดเพือ่ ป้องกันการบาดเจ็บและการติดเชื้อ
4.5 ภาวะเร่งด่วนที่ต้องมาพบแพทย์ก่อนนัด เช่นไข้สูง ปวดท้อง และมีสิ่งคัดหลั่ง
ทางช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น
- เลือดอกทางช่องคลอดมากผิดปกติใช้ผ้าอนามัยเกิน 3 – 4 ผืนต่อวัน
- แผลผ่าตัดแยก เปียกน�้ำ ปวดมาก มีเลือดหรือหนองซึม ขอบแผลบวมแดงให้รีบ
มาพบแพทย์ทันที
- ปัสสาวะไม่ออก และปัสสาวะบ่อยวันละหลายครั้ง
5. H Health การวางแผนครอบครัว การดูแลตนเองการบริหารร่างกายที่เหมาะ
สมและวิธีการผ่อนคลายความเครียด
6. O: Out patient การมาตรวจตามนัด จากสถานพยาบาลใกล้บ้านเช่นการตัด
ไหมและเมื่อเกิดภาวะฉุกเฉิน
7. D=Diet แนะน�ำให้รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่และมีกากใยสูงเพื่อป้องกัน
อาการท้องผูก
วารสารโรงพยาบาลมหาสารคาม ปีที่ 17 ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม - สิงหาคม) พ.ศ. 2563
MAHASARAKHAM HOSPITAL JOURNAL Vol. 17 No. 2 (May - August) 2020 141