Professional Documents
Culture Documents
การวัด เลขนัยสำคัญ
การวัด เลขนัยสำคัญ
1. การวัด (Measurements)
การทดลองทางฟิสิกส์ต้องวัดปริมาณต่างๆ ทางฟิสิกส์ที่เกี่ยวข้อง จากนั้นนามาคานวณเพื่อ
พิสูจน์หรือหาผลสรุป ดังนั้นหากผู้ทดลองวัดผิดพลาดจะส่งผลต่อความถูกต้องและความแม่นยาของ
ผลการทดลองอย่างยิ่ง
เนื่องจากปริมาณทางฟิสิกส์มีมากมาย ซึ่งแต่ละปริมาณจะใช้เครื่องมือวัดแตกต่างกันและมี
วิธีใช้แตกต่างกัน ผู้ทดลองจึงต้องศึกษาชนิดและวิธีใช้เครื่องมือวัดแต่ละชนิดให้เข้าใจและใช้ให้
ถูกต้อง แต่เครื่องมือทุกชนิดจะมีหลักการวัดเหมือนกัน
หลักการวัด มีดังนี้
1.1 พิจารณาว่าเครื่องมือวัดชนิดนั้น ใช้วัดปริมาณฟิสิกส์ปริมาณอะไร ใช้หน่วยอะไร มีคา
อุปสรรคหรือไม่ ถ้ามีคาอุปสรรคคืออะไร
1.2 พิจารณาสเกลของเครื่องมือวัด (กรณีเป็นแบบต่อเนื่อง หรือ analog) จากนั้นคิด
เชื่อมโยงสเกลกับปริมาณฟิสิกส์ของเครื่องมือชนิดนั้น
1.3 การอ่านสเกล ใช้หลักอ่านระยะตามสเกล โดยให้คาดคะเนได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
1.4 ควรระบุความคลาดเคลื่อนกากับค่าที่วัดได้ โดยใช้ค่าความละเอียดของเครื่องมือที่น้อย
สุดเป็นค่าความคลาดเคลื่อน
ตัวอย่างการอ่านสเกล
1 2 3 4
cm
1 2 3 4
cm
1 2 3 4
cm
1 2 3 4
cm
1 2 3 4
cm
ตัวอย่างการนับจานวนเลขนัยสาคัญ และความคลาดเคลื่อน
2.1 หลักการคานวณเลขนัยสาคัญ
เมื่อนาปริมาณฟิสิกส์(เลขจานวนหนึ่ง)ที่ได้จากการวัดซึ่งต่อไปนี้เราจะเรียกว่า “เลข
นัยสาคัญ”มาคานวณ คาตอบที่ได้จะต้องอาศัยวิธีวิเคราะห์ความคลาดเคลื่อน (Errors analysis) แต่
มีวิธีการอีกวิธีหนึ่งคือการปัดเศษให้เหลือตัวเลขที่เป็นเลขนัยสาคัญที่มีความคลาดเคลื่อนสอดคล้องกับ
ข้อมูลเดิม ซึ่งมีหลักดังนี้
1 กรณีการบวกหรือลบ ผลลัพธ์จากการคานวณควรมีจานวนตัวเลขนัยสาคัญหลังจุดทศนิยม
เท่ากับจานวนตัวเลขนัยสาคัญหลังจุดทศนิยมน้อยที่สุด ของเลขนัยสาคัญที่นามาบวกหรือลบกัน
ตัวอย่าง 45.32 2.543 47.863 คาตอบควรเป็น 47.86 เพราะเลข 2 ของจานวน
45.32 มีความคลาดเคลื่อนรวมอยู่ด้วย เท่ากับ 0.01 ส่วน 3 ของจานวน 2.543 มีความคลาดเคลื่อน
รวมอยู่ด้วย 0.001 ถ้าคาตอบเป็น 47.863 จะเป็นว่าคาตอบมีความคลาดเคลื่อน 0.001 ซึ่งถ้านา
เลขจานวนนี้ไปแปรหรือวิเคราะห์ทางฟิสิกส์ ค่อนข้างจะมีความไม่แน่นอนหรือผิดพลาดมากเกินกว่า
จะยอมรับ ดังนั้นคาตอบ 47.86 จึงน่าจะดีกว่า
ตัวอย่าง 30.40 2.1 28.30 คาตอบน่าจะเป็น 28.3 โดยการวิเคราะห์คล้ายข้างบน
4
3. ความคลาดเคลื่อน (Errors)
การวัดทุกรูปแบบจะมีความคลาดเคลื่อนหรือความไม่แน่นอนเกิดขึ้นเสมอ การทดลองที่ได้ผล
สมบูรณ์ต้องเริ่มด้วยการได้ข้อมูลที่มีความคลาดเคลื่อนน้อยที่สุด ความคลาดเคลื่อนเกิดขึ้นจากสาเหตุ
ดังนี้
3.1 ความคลาดเคลื่อนเชิงบุคคล (Personal Errors)
เป็นความคลาดเคลื่อนที่เกิดจากความบกพร่องของผู้วัดหรือผู้ทดลอง ซึ่งสามารถลดความ
คลาดเคลื่อนชนิดนี้ได้ถ้าผู้ทดลองใช้ความระมัดระวังในการอ่านข้อมูลจากเครื่องมือวัดพร้อมทั้ง
ระมัดระวังหน่วยของปริมาณที่วัด นอกจากนั้นต้องบันทึกข้อมูลให้มีระเบียบแบบแผน มีรายละเอียดที่
สามารถสื่อความหมายของข้อมูลดิบ จนสามารถนาข้อมูลไปวิเคราะห์หรือคานวณหาคาตอบได้โดยไม่
ผิดพลาด การแก้ไขทาได้โดยพัฒนานิสัยผู้วัดให้มีลักษณะนิสัยมีความละเอียด สุขุม รอบคอบ
5
w w x y z (4)
x y z
7
w W (6)
x y z
ตัวอย่างที่ 1 ในการทดลองครั้งหนึ่ง ทดลองวัดปริมาณฟิสิกส์ 3 ปริมาณ คือ M , N และ O
โดยแต่ละปริมาณวัดหลายๆ ครั้งเพื่อความถูกต้องและแม่นยา หลังจากวิเคราะห์ทางสถิติได้
M M 86.5 0.5 cm
N N 18.7 0.2 cm
O O 43.6 0.3 cm
จงคานวณ ถ้านาปริมาณ M , N และ O ไปคานวณตามสมการ L M 2N O จะ
ได้ค่า L เท่าใด
วิธีทา จาก L M 2N O แทนค่า M 86 .5 , N 18 .7 และ O 43.6
จะได้ L 86.5 218.7 43.6
L 0.648
แต่ควรเป็น L 0.7
เพราะ 0.7 มีคลาดเคลื่อน 10% เท่ากับ 0.5,0.2 และ 0.3 ตามหลักการคานวณเลข
นัยสาคัญ
ดังนั้นจะได้ L L 92.7 0.7 cm ตอบ
ตัวอย่าง 2 ในการทดลองครั้งหนึ่ง เพื่อทดลองวัดแรงโน้มถ่วง ซึ่งในการทดลองต้องวัดปริมาณ
ฟิสิกส์ 3 ปริมาณ คือ m1 , m2 และ R โดยแต่ละปริมาณวัดหลายๆครั้งเพื่อความถูกต้องและแม่นยา
หลังจากวิเคราะห์ทางสถิติได้ดังนี้
m1 m1 29.7 0.2 cm
m2 m2 7.4 0.2 cm
R R 0.641 0.009 cm
จงคานวณหาแรงโน้มถ่วง ตามสมการ F G m1m2 2 โดย G 6.67 10 11 Nm 2 Kg 2
R
วิธีทา คานวณ F 6.67 10 11 29 .7 7.4
0.6412
F 6.67 10 11
219 .78
0.410881
F 6.67 10 11 534 .899
F 3567 .77633 10 11
F 3.5678 10 8
ควรเป็น F 3.6 10 8 เพื่อให้คลาดเคลื่อน 10% เท่ากับปริมาณ m1 , m2
ต่อไปหาความคลาดเคลื่อน จาก สมการ
m1m2
ปรับสมการ F G 2
ใหม่เป็น F Gm1m2 R 2 แล้วเปรียบเทียบกับสมการ
R
wx, y, z kxa y b z c จะได้ a 1 ; b 1 ; c 2 แทนค่าลงในสมการ ( 6 ) จะได้
F 3.6 10 8
29.7 7.4 0.641
F 3.6 10 8 0.5 10 4 7.3 10 4 7.8 10 4
F 3.6 10 8 15.6 10 4
F 3.6 10 8 3.9 10 2
F 14 .01 10 10
ควรเป็น F 0.1 10 8 เพราะจะมีความคลาดเคลื่อน 10% เท่ากับปริมาณ m1 , m2
9
ดังนั้น คาตอบจึงเป็น
F F 3.6 10 8 0.1 10 8 เซนติเมตร
หรือ F F 3.6 0.1 10 8 เซนติเมตร ตอบ
ซึ่งแต่ละค่าหาได้ดังนี้
ถ้า N เป็นจานวนครั้งของการวัด และ Xi คือข้อมูลที่ได้จากการวัดครั้งที่ i ค่าเฉลี่ย X
ของข้อมูลทั้งหมดหาได้ดังนี้
X i
X (10)
N
Xi X 2
(11)
N 1
จากทฤษฎีความน่าจะเป็น (Probability Theory) กาหนดไว้ว่า 68.3% ของชุดข้อมูลที่วัด
ได้ทั้งหมดควรมีค่าในช่วง X ขณะเดียวกัน 95.54% ของชุดข้อมูลที่วัดได้ทั้งหมดควรมีค่า
ในช่วง X 2 และขณะเดียวกัน 99.73% ของข้อมูลที่วัดได้ทั้งหมดควรมีค่าในช่วง X 3
กราฟของชุดข้อมูลที่วัดได้นั้นจะมีการกระจายแบบปกติ (Normal distribution) ดังรูปข้างล่าง
ค่าเฉลี่ยและความเบี่ยงเบนมาตรฐานของตัวอย่างที่คานวณได้ตามสมการ (10) และ (11) จะเป็นค่าตัว
แทนที่ดีที่สุดของชุดข้อมูลนั้น
11
68.3%
95.54%
99.73%
รูปที่ 1 กราฟแสดงลักษณะชุดข้อมูลที่มีการกระจายแบบปกติ
Xi X
2
N 1
5.68 5.64 2 5.54 5.64 2 5.72 5.64 2 ... 5.62 5.64 2
10 1
0.10 cm
พิจารณาแล้วจะเห็นว่า 0.10 เป็นตัวเลขที่เหมาะสม ตามหลักการคานวณเลขนัยสาคัญ
เพราะมีความคลาดเคลื่อน 1% เท่ากับความคลาดเคลื่อนของข้อมูลแต่ละตัว
ขั้นที่ 3 พิจารณาการกระจายของข้อมูล ดังนี้
พิจารณาจะพบว่า X หรือ 5.64 0.10 นั้น หมายความว่า ข้อมูลต้องมีค่าระหว่าง 5.54
ถึง 5.74 ซึ่งเมื่อตรวจสอบกับจานวนข้อมูลที่วัดจากการทดลอง พบว่าข้อมูลที่มีค่าในช่วงนี้ก็คือ
5.68 , 5.54 , 5.60 , 5.72 , 5.58 , 5.74 , 5.64 และ 5.62 รวม 8 ข้อมูล ตามลาดับ แต่ 68.3%
13
การทดลอง
1. ใช้ไม้โปรแทรกเตอร์วัดความกว้างและความยาวของแผ่นสี่เหลี่ยม จานวน 5 ครั้ง บันทึก
ผล โดยระบุความคลาดเคลื่อนด้วย
2. คานวณความกว้างและความยาวที่เป็นค่าตัวแทนความกว้างและความยาวของแผ่นสี่เหลี่ยม
บันทึกผล
3. คานวณหาพื้นที่ของแผ่นสี่เหลี่ยม โดยใช้หลักการคานวณเลขนัยสาคัญ บันทึกค่าพื้นที่
เป็นค่าที่ 1
4. ทดลองซ้าตั้งแต่ข้อ 1-3 บันทึกค่าพื้นที่เป็นค่าที่ 2
5. นาค่าพื้นที่ทั้ง 2 ค่า มาคานวณหาเปอร์เซ็นต์ความแตกต่าง บันทึกผล
คาถามท้ายการทดลอง (ตอบด้านหลังแบบบันทึกผล)
1 ถ้าวัดกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านตัวนา และความต่างศักย์ระหว่างปลายสองข้างของตัวนา
ชนิดหนึ่ง พบว่า ได้กระแส 250.42 0.02 mA และความต่างศักย์ 4.5 0.3 Volt ตามลาดับ จง
V
คานวณความต้านทานของตัวนาชนิดนี้ (แนะนา R )
I
2 ในการทดลองวัดความหนาของเส้นผมเส้นหนึ่ง ได้ผลดังตาราง
ครั้งที่วัด ความหนา(มิลลิเมตร)
1 0.2465 0.0002
2 0.2464 0.0001
3 0.2466 0.0002
จงหาความหนาเส้นผมที่ดีที่สุด