Professional Documents
Culture Documents
เรื่อง ยุทธศาสตร์การลงทุนของจีนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภาคพื้นทวีป (CLMV)
เรื่อง ยุทธศาสตร์การลงทุนของจีนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภาคพื้นทวีป (CLMV)
จัดทำโดย
นางสาว กรุณาพร ชัยเลิศ 631910059
นางสาว ผกามาศ ไกรนรา 631910172
นางสาว พรจิรา วีระแก้ว 631910173
นาย วัชรพล บุญแสง 640410242
เสนอ
ผศ.ดร. พิชญ์อาภา พิศุทธ์เศรณี
คำนำ
คณะผู้จัดทำ
ข
สารบัญ
เนื้อหา
1
บทที่ 1
กรอบแนวคิดทฤษฎี
บทที่ 2
ปัจจัยเชิงยุทธศาสตร์การลงทุนของจีนในภาคพื้นทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การศึกษาปัจจัยทางยุทธศาสตร์การลงทุนของจีนในภาคพื้นทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้นโยบาย
นโยบายสี จิ้นผิง ในศตวรรษที่ 21 กับการเปลี่ยนแปลงภูมิทางเศรษฐศาสตร์ ได้ทำการศึกษาวิเคราะห์ 3 ปัจจัย
หลักคือ ปัจจัยทางการเมือง ปัจจัยทางเศรษฐกิจ และปัจจัยเชิงยุทธศาสตร์การลงทุนทางด้านภูมิศาสตร์และ
นิเวศวิทยา
2.1 ปัจจัยเชิงยุทธศาสตร์การลงทุนทางด้านการเมือง
ยุทธศาสตร์การลงทุนของจีนในภาคพื้นทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทางด้านการเมือง ประกอบด้วยปัจจัย
3 ประการ ได้แก่ (1) นโยบายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (2) นโยบายการก้าวออกไปของจีน (Go out Policy)
และ (3) นโยบายหนึ่งแถบและเส้นทาง (Belt and Road Initiative: BRI)
โดยภายหลังจากการประกาศหลักการนิกสัน (Nixon Doctrine) ของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ค.ศ.
1969 เพื่อถอนตัวออกจากสงครามเวียดนาม (Vietnam War) และบทบาทของสหรัฐฯ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ลง ประกอบกับการเปิดประเทศของจีนเมื่อ ค.ศ. 1978 จีนจึงได้ริเริ่มการปฏิรูปและพัฒนาประเทศมากขึ้น ส่งผล
ทำให้จีนกลายเป็นรัฐที่มีบทบาทสำคัญในระบบเศรษฐกิจโลก และมี GDP ระดับโลกเป็นลำดับที่ 2 (14.36 ล้าน
ล้านดอลลาร์สหรัฐ) รองจากสหรัฐฯ ใน ค.ศ. 2019 อีกทั้ง ยังเป็นประเทศที่มีเงินทุนสำรองระหว่า งประเทศมาก
เป็นอันดับต้น ๆ ในศตวรรษที่ 21 ดังนั้น การดำเนินนโยบายต่างประเทศของจีนจึงเป็นการใช้ทุนสำรองที่มีจำนวน
มากเป็นเครื่องมือในการช่วยเหลือ และเข้าไปลงทุนยังต่างประเทศ โดยเฉพาะการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน
(Infrastructure) ในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา อาทิ เอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้ภาคพื้นทวีป (CLMV) ซึ่งจีนได้ใช้
เงินทุนในรูปแบบเงินกู้เป็นตัวขับเคลื่อนในการดำเนินนโยบายต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งผลต่อ
ผลประโยชน์แห่งชาติ (National Interests) ต่อจีนอย่างมากในหลากหลายด้าน (เศรษฐกิจ การเมือง)
2011 -> นโยบายการก้าวออกไปของจีน (Go out Policy) ภายใต้ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
แห่งชาติของจีน ฉบับที่ 12 (2011 - 2015) ซึ่งถือเป็นปัจจัยผลักดันการลงทุนในต่างประเทศของจีน โดยเน้น
โครงการการก่อสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน เพื่อสร้างความเชื่อมโยง (Connectivity) ระหว่างจีนกับบรรดา
ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือภูมิภาคอาเซียนให้มีความสอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับการ
ดำเนินยุทธศาสตร์ของโครงการ BRI -> ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของ/ในการกระจายความเจริญ->ภูมิภาคตอนใต้
และตะวันตกของจีนที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล นอกจากนี้ ยังเป็นการเสริมสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงาน และการ
เข้าถึงทรัพยากรผ่านการเชื่อมโยงเส้นทางการค้าระหว่างประเทศ
3
2.2 ปัจจัยเชิงยุทธศาสตร์การลงทุนทางด้านเศรษฐกิจ
จากนโยบายปฏิรูปประเทศของจีน ที่นอกเหนือจากจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสามารถพัฒนาได้
อย่างรวดเร็วแล้ว กลับกันก็ยังทำให้จีนสามารถพัฒนาเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วจนกลายไปเป็นประเทศที่มี ขนาด
เศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองรองจากสหรัฐอเมริกา ซึง่ จีนได้กำหนดให้การออกไปลงทุนในต่างประเทศเป็นรากฐาน
สำคัญที่ช่วยส่งเสริมการส่งออกของจีนซึ่งทำให้จีนมีการลงทุนในประเทศใหม่อยู่มากขึ้ นเรื่อย ๆ และจีนได้เข้ามามี
บทบาทในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเชียงใต้ หรืออาเซียนหรือโดยเฉพาะกลุ่ม CLMVโดยการเข้าไปให้ความช่วยเหลือ
ของจริงนั้น เพื่อต้องการแสวงหาทรัพยากรและตลาดใหม่ในการรองรับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน และ
เป็นการแก้ปัญหาพื้นที่ที่ไม่ติดทะเลให้สามารถขับเคลื่อนไปสู่ประตูการค้าอาเซียนด้วย และในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ได้มีเงินทุนจากต่างประเทศหลั่งไหลเข้ามาลงทุนในภูมิภาคอาเซียนเป็นจำนวนมากเพราะมีแหล่งทรัพยากรที่สำคัญ
และมีตลาดแรงงานที่เพียงพอ ทั้งจากสหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ทำให้เศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียนได้
เติบโตขึ้นและทำให้จีนที่เป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของอาเซียนพลอยได้ผลประโยชน์ไปด้วย ซึ่งก็ทำให้เห็นถึงความสำเร็จ
ของความพยายามที่จะเข้ามาลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
2.3 ปัจจัยเชิงยุทธศาสตร์การลงทุนทางด้านภูมิศาสตร์และนิเวศวิทยา
4
บทที่ 3
ปัจจัยภายในของแต่ละประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภาคพื้นทวีปที่ส่งผลต่อการลงทุนของจีน
เวียดนามพร้อมกับวางแผนพัฒนาให้พื้นที่เมืองนี้เป็นเมืองอุตสาหกรรม ทั้งนี้จีนยังได้ลงทุนในภาคพลังงานใน
กัมพูชาอีกด้วยแถมยังลงทุนในการสร้างโรงกลั่นน้ำมัน และการลงทุนของจีนในกัมพูชาในการทำโครงการทาง
สิ่งแวดล้อม ยังทำให้บริษัทของจีนได้รับทรัพยากรธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของกัมพูชาไป ไม่ว่าจะเป็นเนื้อไม้
ตลอดจนสามารถเข้าถึงอ่าวไทยและหมู่เกาะทะเลจีนใต้ได้
ทั้งหมดนี้มาจากการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างจีนและกัมพูชาในรูปแบบของทวิภาคี ซึ่งการลงทุนของจีน
มีส่วนช่วยทำให้กัมพูชาพัฒนาเศรษฐกิจและลดระดับความยากจนของชาวกัมพูชาอีกด้วย แต่อีกประเด็นที่ ทำให้
กัมพูชามีเศรษฐกิจที่ดีขึ้นนั้นก็ คือ กัมพูชาได้รับสิทธิการใช้ประโยชน์ทางภาษี 0% จากสหรัฐอเมริกาสหประชาชาติ
อาเซียน เกาหลี ญี่ปุ่นและจีนทำให้การลงทุนของนักลงทุนจากต่างชาติเพิ่มมากินขึ้น แต่อย่างไรก็ตามการลงทุน
ของจีนก็ได้ส่งผลกระทบต่อสังคมของกัมพูชาเป็นอย่างมาก อาทิเช่น จังหวัดสีหนุวิลล์ได้มีการเปลี่ยนแปลงและ
พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว จนทำให้จากเดิ มที่เป็นเมืองพักตากอากาศที่เงียบสงบทางตอนใต้ของกัมพูชา ได้กลายมา
เป็นเมืองอุตสาหกรรมซึ่งส่งผลกระทบต่อสังคมท้องถิ่นและนำไปสู่การต่อต้านและคัดค้านโครงการดังกล่าว หรือจะ
เป็นการที่ประชาชนกัมพูชาต้องย้ายถิ่นฐานเนื่องจากได้รับผลกระทบของการสร้างเขื่อน เป็นต้น ซึ่ งปัจจัยถัดมาคือ
หากมองในระดับการเมืองระหว่างประเทศนั้นจะเห็นได้ว่า การที่จีนลงทุนในกัมพูชาและมีความสัมพันธ์อันดี
ร่วมกัน ทำให้ลดการพึ่งพาเงิน ทุน จากสหรัฐ อเมริกาได้ โดยที่จีนพยายามกระจายอิทธิพลทางการเมือ งและ
เศรษฐกิจทั่วภูมิภาคผ่านโครงการ BRI และในขณะเดียวกันกัมพูชาเองได้มีความพยายามที่จะพัฒนาเศรษฐกิจโดย
ไม่ต้องยึดมั่นในด้านสิทธิมนุษยชน ดังที่สหรัฐประณามสิ่งที่เกิดขึ้นในสีหนุวิลล์ โดยจากเหตุการณ์ที่กล่าวมาทั้งหมด
นี้ถือเป็นความพยายามของจีนที่จะกำจัดอิทธิพลของสหรัฐอเมริกา
และปัจจัยสุดท้ายคือ การขยายบทบาทในภูมิภาคโดย จีนได้ลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของ
จีนในกัมพูชา ถือเป็นส่วนหนึ่งในแนวคิดทางสายไหมในศตวรรษที่ 21 ซึ่งเป้าหมายของจีน คือ ต้องการพัฒนาหรือ
กระตุ้น เศรษฐกิจ ของจีน และเป้าหมายทางภูมิรัฐ ศาสตร์คือจีนต้องการอาศัยการพัฒ นาเศรษฐกิจมาสร้าง
เสถียรภาพในเอเชียกลางเพื่อป้องกัน ความขัดแย้งในภูมิภาคได้ และจีนพยายามทำให้กัมพูชามาอยู่ฝั่งเดียวกันกับ
จีนเพื่อขยายบทบาทในทะเลจีนใต้ แต่อย่างไรก็ตามการลงทุนจากจีนมักก่อให้เกิดความตึงเครียดกับประเทศเพื่อน
บ้านในแถบเอเชียตะวันออกเชียงใต้อยู่เสมอ แต่เพื่อครอบครองความเป็นมหาอำนาจในภูมิภาคจีนจำเป็นต้องรู้ทัน
ต่อสถานการณ์และทำความเข้าใจของสังคมกัมพูชา เพื่อมีให้เกิดความต่อต้านเพราะจีนก็ตระหนักได้ดีว่า ตอนนี้
หลายประเทศเริ่มเข้ามามีบทบาทในกัมพูชาด้านการค้าบ้างแล้ว
2.2 ปัจจัยภายในของลาวที่ส่งผลต่อการลงทุนของจีน
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (Laos People's Democratic Republic) หรือ สปป.ลาว ถือ
เป็นหนึ่งในพื้นที่สำคัญสำหรับการลงทุนของจีนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภาคพื้นทวี ป (CLMV) มาอย่างยาวนาน
โดยปัจจัยภายในหรือปัจจัยดึงดูด (Pull Factors) ที่ส่งผลต่อบทบาทการลงทุนของจีนภายในลาว ประกอบไปด้วย
6
บทที่ 4
พลวัตการลงทุนของจีนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภาคพื้นทวีป
4.3 พลวัตการลงทุนของจีนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภาคพื้นทวีปในปัจจุบัน
ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา (ค.ศ. 2000) ประเทศจีนได้กลายเป็นมหาอำนาจในทางเศรษฐกิจและเป็นตัว
แสดงที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก ทว่าเนื่องด้วยการหดตัวลงเป็นอย่างมากของตลาดส่งออก
โลกภายในปี 2015 ส่งผลให้การออกของจีนชะลอตัวลงไปเช่นกัน ดังนั้น จีนจึงได้หันมาเน้นการลงทุนในระบบ
โครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ภายใต้โครงการ Belt and Road Initiative (BRI) ซึ่งริเริ่มขึ้นในปี 2013
พร้อมกับการจัดตั้ง “ธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย” (Asian Infrastructure Investment Bank:
AIIB) เพื่อปล่อยเงินกู้ให้กับประเทศในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะกลุ่มประเทศอาเซียน (CLMV) เพื่อสอดรับกับ BRI
พลวัตการลงทุนของจีนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภาคพื้นทวีป ยังคงดำเนินเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ดังที่
ปรากฏให้เห็นในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของจีน ฉบับที่ 13 (2016-2020) และฉบับที่ 14 (2021–
2025) ที่มเี ป้าหมายในการขยายเศรษฐกิจเชิงคุณภาพอย่างยั่งยืน ภายใต้ “แผนยุทธศาสตร์สองหมุนเวียน” (Dual
Circulation) หรือนโยบายการสนับสนุนการหมุนเวียนเศรษฐกิจแบบคู่ขนาน ที่จะอาศัยหัวใจสำคัญอย่าง “การ
หมุนเวียนเศรษฐกิจภายในประเทศ” (Internal Circulation) ควบคู่ไปกับ “การหมุนเวียนภายนอกประเทศ”
(External Circulation) เป็นยุทธศาสตร์แกนหลักในการเชื่อมโยงเศรษฐกิจของจีนให้เข้ากับเศรษฐกิจภายนอกมาก
ยิ่งขึ้น เพื่อนำไปสู่สิ่งที่เรียกว่า “ความฝันจีน 2025” (China Dream) ที่/ซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริมเศรษฐกิจภายในของ
จีน ความอยู่ดีกินของคนทั้งประเทศ การแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางรายได้ระหว่างมณฑลชายฝั่งตะวันออกกับ
มณฑลตะวันจีน รวมถึงปัญหาความขัดแย้งของชาวอุยกูร์ในมณฑลซินเจียง
ยุทธศาสตร์นี้ได้สะท้อนให้เห็นว่า จีนยังคงให้ความสำคัญกับกระแสโลกาภิวัตน์ (Globalization) และ
ยังคงยึดถือแนวทางดังกล่าวต่อไปด้วยการไม่ลดระดับการเปิดประเทศ อีกทั้งยังคงมุ่งเน้นการเชื่อมโยงและการ
สร้างเสริมความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับกลุ่มประเทศ BRI (Belt and Road Initiative) ซึ่งเป็นพันธมิตรทาง
ยุทธศาสตร์สำคัญของจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุม่ ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภาคพื้นทวีปอย่างกลุ่มประเทศ
CLMV ด้วยการเดินหน้าสานต่อโครงการลงทุน ประเภทรางรถไฟความเร็ว และโครงข่ายคมนาคมภายในภูมิภาค
อาทิ โครงการทางรถไฟสายจีน-ลาว (China-Laos Railway) และโครงการดาราสาคร (Dara Sakor) เป็นโครงการ
พัฒนาพื้นที่โครงข่ายคมนาคม เป็นต้น
โครงการทางรถไฟสายจีน -ลาว (China-Laos Railway: CLR) ซึ่งเปิดตัวขึ้นเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2021
ระหว่างนครคุนหมิง มณฑลยูนนานของจีน ชายแดนบ่อเต็น และนครหลวงเวียงจันทน์ของลาว ถือเป็นมิติใหม่ใน
ฐานะประตูการเชื่อมโยงระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอาเซียนกับจีนอันเป็นส่วนหนึ่งของ
ระเบียงเศรษฐกิจจีน-อินโดจีน และโครงการ Belt and Road Initiative (BRI) ที่เป็นยุทธศาสตร์หลักในการพัฒนา
ประเทศทางด้านเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งการขยายอิทธิพลทางการค้าและการเมืองของจีน
11
บทที่ 5
สรุปผลกระทบและแนวโน้มในอนาคตของยุทธศาสตร์การลงทุนจีนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภาคพื้นทวีป
13
บรรณานุกรม
http://www.polsci.tu.ac.th/nw_polsci/index.php?option=com_content&view=article&id=191:test-
8&catid=14&Itemid=142
อรสา รัตนอมรภิรมย์. (2563). การทูตโควิด-19 บนเส้นทางสายไหมสุขภาพ. สืบค้น 1 มีนาคม 2566, จาก
http://www.vijaichina.com/sites/default/files/เส้นทางสายไหมสุขภาพ_VJChina FOCUS 6.pdf
อักษรศรี พานิชสาส์น. (2562). ไหนว่าไม่รักกัน : ความสัมพันธ์เศรษฐกิจจีน-เวียดนาม. สืบค้น 28 กุมภาพันธ์
2566, จาก https://www.the101.world/china-and-vietnam/