Professional Documents
Culture Documents
Copy of หนังสือ-ม.5-ปี-64-เทอม-1-2-จริง
Copy of หนังสือ-ม.5-ปี-64-เทอม-1-2-จริง
5 1
น่ ยการเรียนรู้ที่ 1
ร่างกายข งเรา
ก รท ง นข งร บบต่ งๆในร่ งก ยเร น้นมีค ม มพนธ์ซึ่งกนแล กน ไม่ ม รถแยก กจ กกนได้
ก รด รงชี ิตข งมนุ ย์น้น ขึ้น ยู่กบก รท ง นข งร บบต่ งๆในร่ งก ย กร บบต่ งๆ ม รถท ง น รื
ท น้ ที่ข งตนเ งได้ ย่ งมีปร ิทธิภ พ ก็จ ท ใ ้มนุ ย์ผู้น้น ม รถด รงชี ิต ยู่ได้ ย่ ง
มีค ม ุข
ระบบย่ ย า าร (DIGESTIVE SYSTEM)
ร บบย่ ย ร ท น้ ที่ย่ ย รใ ้เล็กล เ ียดจน ม รถที่จ ถูกดูดซึมเข้ ู่กร แ เลื ดไปยง
่ นต่ งๆข งร่ งก ย เพื่ เป็นแ ล่งพลงง น เ ริม ร้ ง แล ซ่ มแซมเนื้ เยื่ ต่ งๆ
ภ พแ ดง ย ต่ งๆในร บบย่ ย ร
แ ล่งที่ม ข งภ พ http://cms574.bps.in.th/group7/digestive
กระบ นการย่ ย า าร
ปาก มีเ นไซม์ที่ชื่ ่ ไมเล (ไทย ลิน) เพื่ ย่ ย รพ กแป้งแล น้ ต ล แล ช่ ยใ ้ รลื่น
ด กต่ ก รกลืน
กระเพาะ า าร รจ ถูก ล ด รบีบต ไล่ลงไป ู่กร เพ ร รจ ถูกย่ ย ยู่ใน
กร เพ รเป็นเ ล ปร ม น 3-4 ช่ โมง โดยเยื่ ุ้มกร เพ รจ ผลิตน้ ย่ ยที่มีฤ ทธิ์เป็นกรด ได้แก่
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 3
กรดเกลื (กรดไ โดรคล ริก) เ นไซม์เพปซิน ที่ย่ ยโปรตีน เ นไซม์เรนนิน ที่ย่ ยโปรตีนในน้ นม แล จ ผลิต
เ นไซม์ไลเป ที่ย่ ยไขมน กม เพียงเล็กน้ ย แต่จ มี รปร เภทโปรตีนเท่ น้นที่ถูกย่ ยในกร เพ ร
ล้าไ ้เล็ก ก รย่ ย ร ่ นใ ญ่จ ด เนิ นไปในล ไ ้เล็กนี้ โดยจ มีน้ ย่ ยจ กผนงล ไ ้เล็ก ได้แก่
เ นไซม์ม ลเท (maltase) ซูเคร (sucrase) แล แล็กแท (lactase) ท น้ ที่ย่ ยน้ ต ลโมเลกุลคู่ชนิดต่ งๆใ ้
เป็นน้ ต ลโมเลกุลเดี่ย แล เ นไซม์ ิเรพซิน (erepsin) ท น้ ที่ย่ ยโปรตีนใ ้เป็นกรด มิโน น กจ กนี้ยงมี
น้ ย่ ยจ กตบ ่ น ได้แก่ เ นไซม์ทริปซิน เ นไซม์ไลเป แล เ นไซม์ ไมเล แล น้ ดี (bile) ที่ตบ ร้ งขึ้นแล้
กกเก็บ ยู่ในถุงน้ ดีดงที่กล่ ไปข้ งต้น ม ช่ ยในก รย่ ยแป้งแล น้ ต ล ไขมน แล โปรตีนต่ ไปจนเป็นโมเลกุล
ขน ดเล็กที่ ม รถดูดซึมเข้ ู่ ล ดเลื กแล ล ดน้ เ ลื งใน ิลไลจ น นม กที่ ยู่ต มผนงด้ นในข งล ไ ้
เล็ก เพื่ จ ได้น ร รไปเลี้ยงยง ่ นต่ งๆ ข งร่ งก ยต่ ไป
ล้าไ ้ใ ญ่ จ ดูดเ น้ กลูโค แร่ธ ตุ แล ิต มินบ งชนิด กไปจ กก ก รกลบ ู่กร แ เลื ด
เพื่ ใ ้ มดุลข งน้ ในร่ งก ยเป็นปกติ ก ก รจ ค่ ยๆ เป็นก้ นแข็งขึ้นผ่ นลงไป ู่ล ไ ้ ่ นใ ญ่ที่เป็นไ ้
ตรง แล ผ่ น กท งท ร นกเป็น ุจจ ร
1. เริ่มจ กก รย่ ย รในป ก รจ 2. รจ ถูก ่งผ่ นไปค ยซึ่งไม่มีก รย่ ยใดๆ ท้ง ิ้น
ถูกท ใ ้มีขน ดเล็กลงแล ่ นนุ่มด้ ยน้ ล ย ผ่ นไปยง ล ด ร ซึ่งเป็นก รย่ ยเชิงกลโดยก รบีบ
ในป กจ มีเ ็นไซม์ ไมเล ย่ ยแป้งแล ต ข งกล้ มเนื้ ท งเดิน ร เป็นช่ งๆ เรียก ่
ไกลโคเจนใ ้มีขน ดเล็กลง “ เพ ริ ตลซิ (peristalsis)” เพื่ ใ ้ รเคลื่ นที่ลง ู่
กร เพ ร
แ ล่งที่ม ข งภ พ http://www.takesa2.go.th/site/images/124587.pdf
5. ในล ไ ้ใ ญ่ไม่มีก รย่ ย แต่ท น้ ที่เก็บ 4. ล ไ ้เล็กเป็นบริเ ณที่มีก รย่ ยแล ก รดูดซึมม ก
ก ก ร ดูดซึมน้ กจ กก ก ร แล ที่ ุด โดยเ นไซม์ในล ไ ้เล็กจ ท ง นได้ดีใน ภ พที่
ถูกขบ กม ในรูปข ง ุจจ ร ท งท ร นก เป็นเบ โดยเ นไซม์ที่ล ไ ้เล็ก ร้ งขึ้นแล ก รใช้
เ นไซม์จ กตบ ่ นม ช่ ยย่ ยเพื่ น ไปใช้ปร โยชน์
ในร่ งก ย
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 4
(URINARY SYSTEM)
ร บบนี้ท น้ ที่กร งข งเ ีย กจ กเลื ดแล้ น กน กร่ งก ยเป็นก รท ง นข งร บบขบถ่ ยใน
รูปข งปั แล ยงท น้ ที่ค บคุมค มเป็นกรด-ด่ ง
รู้ ึกป ดปั (มีน้ ปั เกิน 250 มิลลิลิตร ) เมื่ เ ล ถ่ ยปั กล้ มเนื้ ูรูดก็จ คล ยต แล้
กล้ มเนื้ ข งผนงก็จ บีบต ใ ้ปั พุ่ง กไป
ท่ ปั า ะ ( urethra ) ลก ณ เป็น ล ดซึ่งต้งต้นจ ก ่ นล่ งข งกร เพ ปั จนม ุด
ที่ ย เพ ในเพ ญิง ล ดปั กบช่ ง ืบพนธุ์แยก กจ กกน ล ดปั ข ง ญิงย เพียง
4 เซนติเมตร ่ นในเพ ช ย ล ดปั ย ปร ม ณ 20 เซนติเมตร (ย ก ่ เพ ญิง) เพร ล ด
ปั เป็นท งเดินข งปั แล น้ ุจิ
กลไกการ ายใจ
แ ล่งที่ม ข งภ พ https://dokkaew.wordpress.com/2012/12/22
ายใจเข้า เกิดจ กกล้ มเนื้ ก บงลม ดต ายใจ ก เกิดจ กกล้ มเนื้ ก บงลมคล ยต
ท ใ ้แผ่นก บงลมเลื่ นต่ ลงม ปริม ตร ท ใ ้แผ่นก บงลมเลื่ น ูงขึ้น ปริม ตรช่ ง ก
ช่ ง กเพิ่มขึ้น กร ดูกซี่โครงเลื่ น ูงขึ้น ลดลง กร ดูกซี่โครงลดต่ ลง
เมื่ เร ยใจเข้ ก จ กภ ยน กร่ งก ยจ ผ่ นรูจมูกท้ง งข้ งเข้ ไปต มช่ งจมูก ขนจมูก แล
เยื่ บุในช่ งจมูกจ ช่ ยกร งฝุ่นล งที่ปนม กบ ก ไ ้ ก จ ถูกปรบ ุณ ภูมิแล ค มชื้นใ ้เ ม ม
กบร่ งก ย แล้ จึงผ่ นจ กค ยเข้ ู่ ล ดลม ( ผ่ นข้ ป ดแล ปล ยแขนงข้ ป ด ) เยื่ เมื กแล ขน ่ นที่
ล ดลมจ กกเก็บแล พดโบกฝุ่นล งขน ดเล็กที่ปนม กบ ก ไม่ใ ้ผ่ นเข้ ู่ป ด ก เมื่ เข้ ู่ป ด
แล้ จ เข้ ู่ถุงลมเล็กๆจ น นม กที่มี ล ดเลื ดฝ ยล้ มร บ ยู่ จ กน้นก๊ ซ กซิเจนใน ก จ แพร่ผ่ น
ผนงถุงลมเข้ ู่ ล ดเลื ดฝ ย ่ นก๊ ซค ร์บ นได กไซด์จ กเลื ดก็จ แพร่ผ่ นจ กผนง ล ดเลื ดฝ ยเข้ ู่
ถุงลม เมื่ เร ยใจ กก๊ ซค ร์บ นได กไซด์ก็จ ถูกขบ กน กร่ งก ย
ก๊ ซ กซิเจนที่แพร่ผ่ นผนงถุงลมเข้ ู่ ล ดเลื ดฝ ยจ กก ร ยใจเข้ จ เข้ ไปร มต กบ ีโมโกลบิน
ในเซลล์เม็ดเลื ดแดง ท ใ ้เลื ดมี ีแดง แล้ ไ ลไปต ม ล ดเลื ดด จ กป ดกลบเข้ ู่ ใจ ใจจ ูบฉีดเลื ด
ไปต ม ล ดเลื ดแดงใ ญ่ไปยง ่ นต่ งๆข งร่ งก ย ก๊ ซ กซิเจนจ ไปท ปฏิกิริย เผ ผล ญ ร รที่ ยู่
ภ ยในเซลล์ ใ ้ปล่ ยพลงง น กม เพื่ ที่ร่ งก ยจ ได้น ไปใช้ในกิจกรรมต่ งๆ ซึ่งปฏิกิริย เผ ผล ญ ร ร
นี้จ ใ ้ก๊ ซค ร์บ นได กไซด์ ก ู่เซลล์ด้ ย
ดงน้น ขณ ที่ก๊ ซ กซิเจนแพร่ผ่ นจ กเซลล์เม็ดเลื ดแดงเข้ ู่เซลล์ใน ่ นต่ งๆ ข งร่ งก ย
ก๊ ซค ร์บ นได กไซด์จ กเซลล์ต่ งๆเ ล่ นี้ก็จ แพร่เข้ ู่เซลล์เม็ดเลื ดแดงด้ ยเช่นเดีย กน เพื่ จ เข้ ู่ ล ด
เลื ดด กลบ ู่ ใจแล เข้ ไป ู่ป ดเพื่ ท ก รแลกเปลี่ยนก๊ ซต่ ไป
3. ไม่ ูบบุ รี่ เนื่ งจ กบุ รี่เป็น เ ตุข งโรคร บบท งเดิน ยใจ ล ยๆโรค เช่น โรคถุงลมโป่งพ ง
โรค ล ดลม กเ บเรื้ รง แล โรคม เร็งป ด
4. ตร จ ุขภ พข งต เ ง ย่ ง ม่ เ ม โดยก รตร จ มรรถภ พในก รท ง นข งป ด
5. เมื่ ยู่ในบริเ ณที่มีฝุ่นล งม ก รื บริเ ณที่มีมลพิ ท ง ก ยู่ค รมี ุปกรณ์ปิดจมูก เช่น ผ้ ปิด
จมูก – ป ก รื เครื่ งกร ง ก
6. มเ ื้ ผ้ ใ ้ น เพื่ ใ ้ ค ม บ ุ่นแก่ร่ งก ย โดยเฉพ ป ด แต่งก ยใ ้ เ ม มกบ ภ พ
ก เ ม มกบฤดูก ล เพื่ ป้ งกนก รเป็น ด
7. ร งก รกร แทก ย่ งแรงกบ ย ก ร ยใจ ได้แก่ น้ ก แล ป ด
8. ลีกเลี่ยงก ร ยู่ใกล้ชิดกบผู้ป่ ยโรคท งเดิน ยใจ ไม่ใช้ ิ่งข งปนกบผู้ ื่น โดยเฉพ ย่ งยิ่งผู้ป่ ย
โรคท งเดิน ยใจ
9. ปิดป กแล จมูกเ ล ไ รื จ ม
10. ค รรบปร ท นผกแล ผลไม้ที่มี รแคโรทีน ยด์ เช่น ม เขื เท ม ล ก จ ลดค มเ ี่ยงก รเป็น
โรคม เร็งป ด รื ผลไม้ที่มี ิต มินซี เช่น ฝร่ง ้ม จ ช่ ย ร้ งภูมิต้ นท นโรคได้
11. กก ลงก ย ม่ เ ม จ ช่ ยใ ้กล้ มเนื้ ที่ท น้ ที่ ยใจแข็งแรงขึ้น ป ดขย ยได้เพิ่มขึ้น
ระบบไ ลเ ียนเลื ด (Circulatory system)
ร บบไ ลเ ี ย นเลื ด ท น้ ที่ ล เลี ย ง ร ร แก๊ กซิ เ จน ไป ู่ เ ซลล์ ต่ งๆแล น แก๊
ค ร์บ นได กไซด์แล ข งเ ียต่ งๆ กจ กเซลล์ รก มดุลข งร่ งก ย ค บคุม ุณ ภูมิข งร่ งก ย ต่ ู้
แล ป้ งกน ิ่งแปลกปล ม ร มท้งเชื้ โรคที่เข้ ู่ร่ งก ย ร บบไ ลเ ียนเลื ดปร ก บด้ ย ใจ เลื ด
ล ดเลื ด น้ เ ลื งแล ล ดน้ เ ลื ง
- ิตามิน บี12 เป็น ิต มินที่มี ่ นในก รผลิตเม็ดเลื ดแดง บ รุงเซลล์แล เ ้นปร ทใน
ร่ งก ย ติ มินบี12 พบม กใน ไข่แดง เนื้ ปู นมผงพร่ งมนเนย ปล แซลม น เนื้ เป็ด ปล มึกกล้ ย
เป็นต้น
- ิตามิน ซี เป็น ิต มินที่ท น้ ที่ช่ ยต้ น นุมูล ิ ร เ ริม ร้ งภูมิคุ้มกนโรค ท ใ ้แผล ย
เร็ รก โรคเลื ด กต มไรฟัน แล ช่ ยต่ ต้ นก รติดเชื้ ต่ งๆ ิต มินซี พบม กในผลไม้ที่มีร เปรี้ย ได้แก่
ม น ้ม ฝร่ง แคนต ลูป กี ี่ งุ่น ม เขื เท บล็ กโคลี ตร เบ รี่ แบล็กเบ ร์รี่ เช รี่ แล ผกใบเขีย ทุกชนิด
- ิตามิน ี เป็น ิต มินที่มี รต้ น นุมูล ิ ร ซึ่งเป็น เ ตุข งโรคม เร็ง ใจ มีฤทธิ์ต้ น
ก ร กเ บ แล ร้ งภูมิคุ้มกนโรค ิต มิน ี พบม กในม ม่ ง ม ล ก น้ มนถ่ เ ลื ง น้ มนม ก ก
ผกใบเขีย กี ี บล็ กโคลี ถ่ น้ มนพืช แคร ท ก ล่ ปลี เป็นต้น
- ิตามิน เค เป็น ิต มินที่ท น้ ที่ช่ ยบ รุงกร ดูกแล ฟันใ ้แข็งแรง ท ใ ้เลื ดแข็งต ช่ ย
ลดค มเ ี่ ย งในก รตกเลื ดข ง ตรี มี ค รรภ์ มี ป ร โยชน์ ต่ ผู้ ญิ ง ที่ มี ป ร จ เดื นม ม กผิ ด ปกติ
ิต มินเค พบม กใน ตร เบ ร์รี ม เขื เท น่ ไม้ฝร่ง ถ่ เขีย ผกโขม เนื้ มู โยเกิร์ต ก ล่ ด ก ก ล่ ปลี
ถ่ นม ด น้ มนถ่ เ ลื ง ถ่ เ ลื ง เป็นต้น
- ธาตุเ ล็ก ท น้ ที่ ร้ ง ี โมโกลบินในเลื ดท ใ ้มี ีแดง รก โรคเลื ดจ ง กร่ งก ย
ได้ ร บ ธ ตุ เ ล็ ก ไม่ เ พี ย งพ จท ใ ้ ก ร ยใจผิ ด จง ธ ตุ เ ล็ ก พบม กในลู ก พรุ น ตร เบ ร์ รี
ปล แซลม น ถ่ ลนเต ง ร่ ยท เล ตบไก่ ลูกเกด ยก บ น่ ไม้ฝร่ง เต้ ู้ ม เขื เท บล็ กโคลี
ก ล่ ด ก ข้ ซ้ มมื เป็นต้น
- โพแท เซียม ท น้ ที่ใ ้เ ้นปร ทแล กล้ มเนื้ ท ง นเป็นปกติ ลดค มดนเลื ด ูง
ท ใ ้โรค ใจมี ก รดีขึ้น ลดค มเ ี่ยงโรค ล ดเลื ดใน ม ง ลดค มเ ี่ยงโรคก้ นนิ่ ในไต โพแท เซียม
พบม กในไ น์แดง ลูกเกด เ ร ถ่ ลิ ง พริก นแดง กร เทียม โ ค โด มนฝร่ง ปล ทูน่ เมล็ดท นต น
ผกชีฝร่ง กล้ ย เป็นต้น
2. กก ลงก ย ย่ ง ม่ เ ม แล ใ ้เ ม มกบ ย ซึ่งจ ท ใ ้ก รท ง นข ง ใจดีขึ้นแล แข็งแรง
กก ลงก ยเป็นปร จ ม่ เ ม ก ร กก ลงก ยพ ดี ๆ เช่น ก รเดิน ขี่จกรย น ยู่กบที่จ ช่ ยกร ตุ้นก ร
ท ง นข งเ ็นเคเซลล์ในร่ งก ย แล กร ตุ้นก ร ร้ งเ ็นด ร์ฟิน กม ซึ่งช่ ยก จดเชื้ โรคได้
3. พกผ่ นใ ้เพียงพ กบ ยแล ภ พร่ งก ย ก รน น ลบพกผ่ นใ ้ บ ย ย่ งเพียงพ ม่ เ ม ใน
แต่ล น ก ร ลบ บ ยเป็น ิธีที่ดีที่ ุดในก ร ร้ งร บบภูมิคุ้มกนข งร่ งก ยขึ้นม ใ ม่
4. ท จิตใจใ ้ร่ เริงแจ่มใ ยู่เ ม ปรบปรุงภ พลก ณ์ด้ นก รแ ดง กท ง รมณ์ที่ดี ร้ งท นคติ
ม งโลกในแง่ดี ่ งใย ไ ้ใจ แล เ ใจใ ่คน ื่น มี ่ นช่ ยเ ลื ตด ินใจท บ ง ิ่งบ ง ย่ งท่ ดีเพื่ คน ื่น
ก็จ ช่ ยเ ริมร บบภูมิคุ้มกนใ ้มี ุขภ พดีได้
5. เรียนรู้ที่จ จดก รกบค มเครียดข งตนเ ง ย่ ท ใ ้ต เ งเคร่งเครียดจนเกินไป เพร ค มเครียด
จ ่งผลกร ทบใ ้ร บบต่ งๆท ง นผิดปกติได้ ดงน้นจึงค รรู้จกแบ่งเ ล ใ ้ตนเ งในก รท กิจกรรมที่ช่ ยผ่ น
คล ยค มตึงเครียด ใ ้มีค ม ุขแล นุก น น
6. เลิ ก เ พ รทุ ก ชนิ ด ที่ ล ดปร ิ ท ธิ ภ พแล ท ล ยร บบภู มิ คุ้ ม กนข งร่ งก ย น่ น คื นิ โ คติ น
แ ลก ล์ ก แฟ แล เครื่ งดื่ม ื่น ๆ ที่มีค เฟ ีน แล รเ พติดทุกชนิด
7. ม่นตร จ บ ุขภ พตนเ ง โดยไปพบแพทย์เพื่ ตร จร่ งก ยทุกปี
8. ฉีด คซีนป้ งกนโรคแล ใ ้แพทย์ตร จร ดบลิมโพไซท์ เพื่ ใ ้รู้ ่ มน ยู่ที่ร ดบเท่ ไร แล พย ย ม
รก มนใ ้ ยู่ในร ดบปกติ
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 14
แ ล่ง ้าง ิง
กร ทร ง ึก ธิก ร. ุข ึก าและพล ึก า นัง ื เรียนราย ิชาพื้นฐาน ชั้นมัธยม ึก าปีที่ 4. พิมพ์
คร้งที่ 4 กรุงเทพ : ก ค. ล ดพร้ , 2557.
กร ทร ง ึก ธิก ร. ขุ ึก าและพล ึก า นัง ื เรียนราย ิชาพื้นฐาน ชั้นมัธยม ึก าปีที่ 5.
กรุงเทพ : ก ค. ล ดพร้ , 2554.
พร ุข ่นุ นิรนดร์ แล คณ . นัง ื เรียน ุข ึก า ชั้นมัธยม ึก าปีที่ 5. กรุงเทพ : ก รเจริญท น์ จท,
(ม.ป.ป.).
ม ม ย แตง กุลแล คณ . ุข ึก าและพล ึก า2 ม.4-6. กรุงเทพ : ฒน พ นิช, (ม.ป.ป.).
เ บ็ ไซต์
https://www.thaigoodview.com
https://www.school.obec.go.th
https://www.wikipedia.org
https://www.panpathai.or.th
https://www.nookjung.com
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 15
น่ ยการเรียนรู้ที่ 2
การ างแผนดูแล ุขภาพข งตนเ งและคร บครั
ค าม ้าคัญข งการ างแผนดูแล ุขภาพบุคคลตาม ัย
คร บคร เป็น น่ ยเล็กๆข ง งคมที่ คญม ก เพร ถ้ คร บคร
บ ุ่น มีค มเป็น ยู่ที่ดี ทุกคนในคร บคร มี ุขภ พดี ก็จ ่งผลใ ้ งคม
เป็ น ุ ข ดงน้ น บุ ค คลในคร บคร จึ ง ค รมี ก ร งแผนดู แ ล ุ ข ภ พใ ้
คร บคลุมบุคคลทุก ย
ก ร งดูแล ุขภ พบุคคลในแต่ล ยเป็น ิ่ง คญยิ่งข งชี ิ ต เพร
ชี ิตแต่ล ช่ ง ย จ มีก รเปลี่ยนแปลงข ง ย ทุก ่ นในร่ งก ย ชี ิต
ต้ งผจญ ยู่กบ ิ่งแ ดล้ มต่ ง ๆ ที่มีผลต่ ุขภ พที่ก่ ใ ้เกิดโรคภยต่ ง ๆ
กเร ปล่ ยปล ล เลยไม่เ ใจใ ่ดูแล ุขภ พใ ้ดี ก็จ มีผลใ ้ ุขภ พทรุด
โทรมก่ นเ ล นค ร แล ในแต่ล ช่ ง ยข งชี ิต จ ต้ งพบแล เ ี่ยงกบภย นตร ยต่ งๆ ที่ จเกิดขึ้นไม่ ่ จ
เป็น ุบติเ ตุ รื ภย ื่นๆ ก รได้ งแผนดูแลแล ป้ งกนไ ้ก่ น ย่ งเ ม ม จ ช่ ยใ ้ชี ิตแต่ล ช่ ง ยผ่ น
พ้นไปได้ ย่ งปกติ ุข
ในก ร งแผนดูแล ุขภ พข งบุคคลต ม ยน้นจ มีค มแตกต่ งกนในแต่ล ช่ ง ย คื ใน ยเด็กผู้ที่
จ ต้ งเฝ้ ร งดูแลที่ คญ คื พ่ แม่ ผู้ปกคร ง รื พี่เลี้ยง ่ นใน ยรุ่นแล ใน ยผู้ใ ญ่คงจ ต้ งรบผิดช บ
ดูแลต เ งแต่ใน ยผู้ ูง ยุน้นจ ต้ งร่ มมื กนร ่ งต ผู้ ูง ยุเ งแล บุตร ล น รื คนในคร บคร ที่
จ ต้ งช่ ยกนดูแลใ ้ผู้ ูง ยุคงไ ้ซึ่ง ุขภ พที่ค รจ เป็นไม่เจ็บป่ ย รื ต ยก่ น ย น มค ร
แล รู้ทก ต่ งๆที่จ เป็นต่ ก รด รงชี ิต ยู่ใน งคม ปลูกฝังแบบแผนก รด เนินชี ิตด้ นก รดูแล ุขภ พที่
เ ม มเพื่ ที่จ ได้เติบโตเป็นผู้ใ ญ่ ย่ งมีคุณภ พ แล มี ุขภ พ มบูรณ์แข็งแรง
3. ัยผู้ใ ญ่ จแบ่งย่ ย กเป็น 2 ช่ งคื ยผู้ใ ญ่ต นต้น ต้งแต่ ยุ 20 ถึง 40 ปี แล ย
กล งคน คื ช่ ง ยุ 40-60 ปี บุคคลใน ยผู้ใ ญ่ต นต้นมีพฒน ก รท งร่ งก ย ย่ งเต็มที่ท้งเพ ญิงแล เพ
ช ย ใน ยผู้ใ ญ่ต นต้นนี้เป็น ยท ง นแล ร้ งคร บคร เมื่ ยุย่ งเข้ ู่ ยกล งคน คื ต้งแต่ ยุ 40 ปีขึ้น
ไป จ มีก รเปลี่ ยนแปลงไปในท งที่เ ื่ มถ ยลง บุคคลที่ ยู่ใน ยผู้ ใ ญ่จึงต้ งมีก รดูแลที่เ ม ม เพื่ ใ ้
ร่ งก ยด รงปร ิทธิภ พที่ดีไ ้แล ป้ งกนก รเกิดโรคที่เกิดจ กค มเ ื่ มข ง ย ต่ งๆในร่ งก ย
4. ัย ูง ายุ มี ยุต้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ย ทุกร บบในร่ งก ยเ ื่ มถ ยต ม ย ปัญ ท งก ยที่
พบบ่ ยในผู้ ูง ยุ ปร ก บด้ ย ก รเคลื่ นไ ไม่คล่ งต แล ก รกล้นปั ไม่ค่ ยได้ ข้ กร ดูกเ ื่ ม
ท้ งผูก ต เป็นต้ กร จก ูตึง แล น นไม่ ลบ ก รดูแล ุขภ พในช่ ง ยก่ นถึง ยผู้ ูง ยุ แล ยผู้ ูง ย จ
ช่ ยลดปัญ ดงกล่ ได้ แล ่งผลใ ้เกิดผลดีต่ ุขภ พก ย ุขภ พจิต แล คุณภ พชี ิตข งผู้ ูง ยุ ิ่งที่บุตร
ล น ม รถช่ ยดูแลเรื่ ง ุขภ พก ย ท ได้โดยก รพ ญ ติผู้ใ ญ่ไปตร จ ุขภ พปร จ ปี ก รดูแล ร
ก รกิน ก รจด ิ่งแ ดล้ มภ ยในบ้ นใ ้ปล ดภยต่ ก รด เนินชี ิตปร จ น
เมื่ เข้ ู่ ยผู้ใ ญ่แม้ ่ ร่ งก ยจ ยงแข็งแรง ยู่ ก็ต้ งมีก ร งแผนดูแล ุขภ พ ่ น ย ูง ยุต้ ง
งแผนดูแลเป็นพิเ ก ร งแผนดงกล่ เป็น น้ ที่ข งท้งผู้ใ ญ่แล ลูก ล นที่จ ใ ้ค มเ ใจใ ่ดูแล ดงนี้
- การ ังเกตค ามผิดปกติข งร่างกาย เมื่ ถึง ยผู้ใ ญ่ร่ งก ยจ ยุดก รเจริญเติบโต เมื่ ยุม ก
ขึ้น ย จ เ ื่ มลงเรื่ ยๆ โรคภยไข้เจ็บจ เกิดขึ้น มีท้งโรคที่เกิดจ กค มเ ื่ มข ง งข ร แล โรคที่เกิดจ ก
เชื้ โรค ดงน้นจึงค ร ม่น งเกตค มผิดปกติข งร่ งก ย กพบ ่ มีค มผิดปกติเกิดขึ้นกบตน รื เ ็นคนใน
คร บคร มี ก รผิดปกติ ค รรีบปรึก แพทย์
- การดูแล ุขภาพ ่ นบุคคล เป็นก รดูแล ย ต่ งๆ เช่น ผิ นง ป ก ฟัน ู ต จมูก ผม มื
เท้ แขน ข เป็นต้น ใ ้มีค ม ดเป็น คญ ถ้ มีค มผิดปกติค รรีบปรึก แพทย์
- างแผนเฝ้าระ ังโรคภัย ผู้ใ ญ่แล ผู้ ูง ยุมกมีภ เ ี่ยงต่ ก รเกิดโรคต่ งๆ ยิ่ง ยุม กก็ยิ่ง
เ ี่ยงม ก เพร ค มเ ื่ มข ง งข ร แล ค มต้ นท นโรคน้ ยลง โรคที่ ยผู้ใ ญ่ แล ย ูง ยุเป็นกนม ก
แล ค ร งแผนเฝ้ ร ง ได้แก่ โรคม เร็งต ม ่ นต่ งๆข งร่ งก ย โรค ใจข ดเลื ด โรคเบ น โรคค ม
ดนเลื ด ูง โรคไ ร ตบ กเ บ โรคเก ต์ ข้ เ ื่ ม
จ กแน คิดข ง ุขภ พแบบ งค์ร มท ใ ้เ ็น ่ ก รมี ุขภ พที่ดีน้นไม่ได้เกิดขึ้นเฉพ ตนเ งเพียง ย่ ง
เดีย แต่จ ต้ งเกิดขึ้นไปพร้ มๆกน ท้ง ุขภ พข งตนเ ง แล คร บคร ซึ่ง ม ชิกในคร บคร ต้ งร่ มมื กน
งแผน เพื่ ก นดแน ท งก รปฏิบติใ ้บรรลุเป้ ม ยด้ น ุขภ พที่ งไ ้
1.3 ผู้ใ ญ่ค รได้รบก รตร จ ุขภ พปีล 1 คร้ง โดยตร จร่ งก ยท่ ไป ตร จ ค่ น้ ต ล
เลื ด โคเล เต ร ล ไตรกรีเซ ร์ไรด์ ไขมนดี (HDL: High Density Lipoprotein) แล ไขมนเล (LDL: Low
Density Lipoprotein)
ก รตร จดูค ม มบูรณ์ข งเม็ดเลื ด ก รตร จ ค่ ข งกรดยูริก ก รเ กซเรย์ป ด ซึ่งก รตร จเ ล่ นี้เป็น
พื้นฐ นที่จ ท ใ ้ทร บ ภ ข งร่ งก ยขณ น้น ่ เป็น ย่ งไร แล จ ปฏิบติตน ย่ งไรเพื่ ใ ้มี ุขภ พดี
1.4 ผู้ ูง ยุค รได้รบก รตร จ ุขภ พ ย่ งน้ ยปีล 2 คร้ง (6 เดื นคร้ง) แล ค รตร จ
ล ยร ยก รม กก ่ ก รตร จใน ยผู้ใ ญ่ เช่น ก รตร จ ยต ร บบปร ท ม ลกร ดูก เป็นต้น เพร
ผู้ ูง ยุมกเ ี่ยงต่ โรคภยไข้เจ็บได้ม กก ่
2. การตร จเฉพาะเมื่ เกิดโรค รื มีค ามผิดปกติเกิดขึ้น ถ้ พบ ่ มีค มผิดปกติเกิดขึ้นค รรีบไปพบ
แพทย์เพื่ รบก รตร จรก ก รผิดปกติที่ค รไปพบแพทย์ ได้แก่
2.1 น้ นกต ลดลง ย่ งร ดเร็ โดยลดปร ม ณร้ ยล 10 ข งน้ นกต ปกติข งตนเ ง
2.2 ไ ติดต่ กน ล ย น
2.3 มีเลื ด กม กบเ ม
2.4 เจ็บบริเ ณ น้ กบ่ ยๆ
2.5 เ ียน ีร คลื่นไ ้ เจียนโดยไม่ทร บ เ ตุ
2.6 ป ด ีร บ่ ยๆโดยไม่ทร บ เ ตุ
2.7 เ นื่ ยง่ ยผิดปกติ
2.8 มีก้ น รื ไตแข็งเกิดขึ้นที่ ย บ ง ่ นข งร่ งก ย
2.9 ป ดท้ งบ่ ยๆ โดยไม่ทร บ เ ตุ
3. การ างแผน ร้างภูมิคุ้มกันและค ามต้านทานโรค
โรคภยไข้เจ็บนบ ่ เป็ น เ ตุที่ คญที่ท ล ยชี ิตมนุ ย์ได้ เพร จ ก ถิติก รต ยพบ ่ คน ่ น
ใ ญ่เจ็บป่ ยแล ต ยด้ ยโรคภยไข้เจ็บแล ุบติเ ตุที่ป้ งกนได้ โดยมีคน ่ นน้ ยเท่ น้นที่ต ยด้ ยโรคชร รื
แก่ต ย ซึ่งแ ดงใ ้เ ็น ่ ก รเจ็บป่ ยด้ ยโรคต่ ง ๆ แล ุบติเ ตุได้ท ใ ้ชี ิตคนต้ งต ยไปท้งที่ยงไม่ถึงเ ล
นค รดงน้น ถ้ ิธีก รป้ งกนโรคแล ุบติเ ตุได้ก็จ ช่ ยชี ิตมนุ ย์ไ ้ได้ ีกม ก
โรคที่ท ใ ้มนุ ย์เจ็บป่ ยแล ต ยแบ่งเป็น 2 ปร เภท คื โรคติดต่ ที่เกิดจ กเชื้ โรคแล โรคไม่ติดต่
ซึ่งเกิดจ กค มผิดปกติ แล ค มเ ื่ มโทรมข ง ย ต่ ง ๆ ข งร่ งก ย ซึ่งโรคท้ง 2 กลุ่มนี้ ยงมีก รร บ ด
ยู่ม ก เนื่ งจ ก ภ พ งคมแล ิ่งแ ดล้ มยงมีปัญ โดยเฉพ ปัญ ในเรื่ งก ร ุข ภิบ ล เช่น ยงมีแ ล่ง
เพ พนธุ์เชื้ โรคต่ ง ๆ ยู่ม ก ปัญ ก รข ดน้ ดื่มที่ ด ้ มไม่ถูก ุขลก ณ มีขย มูลฝ ยแล ิ่ง ปฏิกูล
ม กม ย ปร ก บกบคน ่ นม กยงมี ุขนิ ยที่ไม่ดี จึงเป็นโรคติดต่ กนม ก น กจ กน้น ภ พแ ดล้ มที่เป็น
พิ ยงมีผลใ ้ร่ งก ยเ ื่ มโทรมเร็ เกิดโรคได้เช่นกน ดงน้น ทุกคนค รต้ งป้ งกนต เ งใ ้ปล ดภยจ กโรค
โดยจ ต้ งมี ุขนิ ยที่ดีในก รด เนินชี ิตปร จ น ร มท้ง ร้ งภูมิคุ้มกนแล ค มต้ นท นโรคใ ้แก่ร่ งก ย
คนทุก ยมีปัจจยที่เ ี่ยงต่ ก รเป็นโรคด้ ยกนท้ง ิ้นโดยเด็กท รกจ มีโ ก เป็นโรคติดต่ ม กก ่
ย ื่น ๆ เพร มีค มต้ นท นโรคต่ ่ น ยผู้ใ ญ่ถึงแม้จ มีค มต้ นท นโรคดีแต่ก็มีกิจกรรมในชี ิตปร จ น
ทีเ่ ี่ยงต่ ก รเกิดโรคได้ม ก แล คน ูง ยุที่มี ภ พร่ งก ย ่ นแ แล ย เ ื่ มโทรม ก็มีโ ก เป็นโรค
ต่ ง ๆ ได้ม กเช่นกน ซึ่งในแต่ล ช่ ง ยข ง ยุ ค รได้ งแผนก รด เนินชี ิตในก ร ร้ งภูมิคุ้มกนโรคต่ งๆ
ได้ โดย ิธีก ร ร้ งภูมิคุ้มกนโรคที่ค รปฏิบติ มีดงนี้
1. การใ ้ ัคซีนเพื่ ร้างภูมิคุ้มกันโรค คซีนที่ใช้ป้ งกนโรคมีม กม ย เช่น คซีนป้ งกนโรค
ค ตีบ ไ กรน บ ดท ยก โปลิโ ด ดเย รมน ค งทูม ไ ร ตบ กเ บบี ไทร ยด์ ิ ตกโรค เป็นต้น
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 20
น่ ยการเรียนรู้ที่ 3
โรคไม่ติดต่ ทีเ่ ป็นปัญ า ้าคัญด้าน าธารณ ุข
กลุ่มโรค NCDs (Non-Communicable diseases) รื ชื่ ภ ไทยเรียก ่ กลุ่มโรคไม่ติดต่ เรื้ รัง
เป็นชื่ เรียกกลุ่มโรคที่ไม่ได้มี เ ตุม จ กก รติดเชื้ ไม่ได้เกิดจ กเชื้ โรค ไม่ ม รถติดต่ ได้ผ่ นก ร มผ
คลุกคลี รื ติดต่ ผ่ นต น โรค (พ ) รื รคด ล่งต่ งๆ กแต่เกิดจ กปัจจยต่ งๆ ภ ยในร่ งก ย
ซึ่ง ่ นใ ญ่ เ ป็ น ผลจ กไลฟ์ ไตล์ ิ ธีก รใช้ ชี ิ ต ที่ มี พ ฤติก รรมเ ี่ ย ง ย่ ง เ ล้ บุ รี่ ข ดก ร กก ลงก ย
รบปร ท น ร นมนเค็มจด แล มีค มเครียด
โรค ั ใจ
โรค ใจแล ล ดเลื ด นบเป็นโรคที่ไม่ติดต่ ที่เป็นต้นเ ตุข งก ร
เจ็บป่ ยแล ก ร ูญเ ียชี ิตข งปร ช ชนไทยที่ คญ ก รมีพฤติกรรม ุขภ พ
ที่ถูก ต้ งนบต้ งแต่ ใน ยเด็ ก จ ช่ ยป้ งกนก รเกิด โรคดงกล่ ได้ ซึ่ งท ใ ้
ปร ยดร ยจ่ ยข งคร บคร แล ข งปร เท ช ติในก รดูแลผู้ป่ ยเ ล่ นี้
ี ก ท้ ง ยงเป็ น ก รป้ งกนก รเ ี ย ชี ิ ต ก่ น ย นค ร ซึ่ ง นบเป็ น ก ร ู ญ เ ี ย
ทรพย กรที่ คญข งปร เท ช ติ ีกด้ ย
แ ล่งที่ม ข งภ พ http://excellent.med.cmu.ac.th/meccmu/?p=963
ปัญ า ุขภาพที่เกิดจากโรค ั ใจ
ร บบไ ลเ ียนเลื ดปร ก บด้ ย ใจแล ล ดเลื ดต่ เนื่ งกนเป็น งจรปิด โดยมี ใจท น้ ที่เป็น
ต ูบฉีดเลื ดไป ู่ ย ต่ ง ๆ ท่ ร่ งก ย ขณ เดีย กน ใจได้รบเลื ดม เลี้ยงจ ก ล ดเลื ดชุด นึ่ง คื
ล ดเลื ด ใจ ก รเกิดคร บไขมนมีผลท ใ ้ ผนง ล ดเลื ด น แล แข็ง รูข ง ล ดเลื ดแคบลง ใน
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 24
ร ย แรกยงไม่ปร กฏ ก รเพร เลื ดที่ไ ลเ ียนไปเลี้ยงกล้ มเนื้ ใจยงเพียงพ กบค มต้ งก ร แต่เมื่ มี
ก ร มเป็นเ ล น น ปร ก บกบมี ินปูนม เก ท ใ ้คร บไขมนมีขน ดใ ญ่ขึ้น รื มีก รฉีก ข ดข งคร บ
ไขมนแล มีลิ่มเลื ดเกิดขึ้น จนท ใ ้เกิดก รตีบแคบข ง ล ดเลื ด ค มรุนแรงข งโรคขึ้น ยู่กบก ร ุดตน
ท ใ ้ปร กฏ ก รข งโรค ล ดเลื ด ใจตีบ
ก รตีบ รื ุดตนข ง ล ดเลื ดแดงที่ไปเลี้ยงกล้ มเนื้ ใจ ท ใ ้กล้ มเนื้ ใจข ดเลื ด มี ก ร
เจ็บ น้ กขณ กแรง เช่น กก ลงก ย ิ่ง เดินเร็ ขึ้นบนได ยกข ง นก ภ เครียด โกรธ ตกใจ ก ร
ดงกล่ จ ดีขึ้นเมื่ ยุดกิจกรรมน้นๆ เป็นภ กล้ มเนื้ ใจข ดเลื ดช่ คร ถ้ ล ดเลื ดที่ตีบเกิด ุดตน
เฉียบพลน ท ใ ้เกิดภ กล้ มเนื้ ใจต ยเฉียบพลน มี ก รเจ็บ น้ ก ย่ งรุนแรง จมี ก ร ใจเต้น
ผิดจง รื ใจ ยุดเต้นก ทน นเป็น นตร ยถึงชี ิตได้
าเ ตุโดยทั่ ไปข งโรค ั ใจ
ผู้ที่มีแน โน้มจ เป็นโรค ล ดเลื ด ใจ เช่น คน ้ น คนที่ข ดก ร กก ลงก ย คนที่มีน้ ต ลในเลื ด
ูง ค เล เต ร ลในเลื ด ูง ค มดนโล ิต ูง ยุม กก ่ 40 ปี ตรี ย มดปร จ เดื น ตล ดจนบุคคลท่ ไป
โรค ใจ จมี เ ตุม จ ก ิ่งต่ ไปนี้
1. เป็ น ม แต่ ก เนิ ด เนื่ งจ กม รด เป็ น โรคติ ด เชื้ ขณ ต้ ง ครรภ์ เช่ น เป็ น ไข้ ดเย รมน รื
รบปร ท นย บ ง ย่ ง เช่น ย แก้ ก รแพ้ท้ ง เป็นต้น
2. เป็นพนธุกรรม จ ก ถิติพบ ่ คร บคร ที่มีลูกเป็นโรค ใจคน นึ่ง โ ก ที่จ เป็นในคนต่ ไปร้ ย
ล 2-5 แต่ถ้ มีลูกเป็นโรค ใจ 2 คน โ ก ที่จ เป็นในคนต่ ไปมีถึงร้ ยล 25-50
3. เป็นโรค ื่นม ก่ น เช่น โรคเบ น โรคเก ต์ รื ก รมีน้ นกต ม กเกินไป
4. เป็นเพร ุขนิ ยบ ง ย่ งไม่ดี เช่น ูบบุ รี่ ดื่มก แฟม กเกินค ร ข ดก ร กก ลงก ย ย่ ง
เพียงพ แล เ ม มกบ ย
5. เป็นเพร ภ ท งจิตใจไม่ปกติ เช่น มี รมณ์ตึงเครียด ิตกกง ลตล ดเ ล รื มีปัญ ท ง
รมณ์เรื้ รง
น กจ กนี้ยงมีปัจจยเ ริมที่ท ใ ้เป็นโรค ใจได้คื ยุ ซึ่งโรค ใจเป็นได้ท้งเด็กแล ผู้ใ ญ่ แต่
่ นม กจ พบในผู้ใ ญ่ รบผู้ที่มี ยุน้ ยมกพบ ่ เพ ช ยจ เป็นโรค ใจม กก ่ เพ ญิง รบ ตร
ก รเป็นโรคน้นในท้ง งเพ จ เท่ กนเมื่ ยุเกิน 60 ปี เป็นต้นไป
ิธีการป้ งกันโรค
โรค ใจเป็นโรคเรื้ รงมีร ย เ ล ก รด เนินข งโรคที่ย น น ต้ งใช้เ ล ในก รรก ย่ งต่ เนื่ ง
แล ใช้เ ทคโนโลยี ท งก รแพทย์ ร ดบ ู งในก รรก ก่ ใ ้ เกิ ดผลกร ทบต่ ิ ธีก รด เนิน ชี ิ ต ล ยด้ น
น กจ กนี้โรค ใจยงเป็น เ ตุก รต ยก ทน นเนื่ งจ กร ย แรกข งโรคมกไม่มี ก รน ม ก่ นเมื่ รู้ต ่
เป็ น โรคก็มกเป็ น ม กแล้ ย่ งไรก็ต ม โรค ใจเป็นโรคที่ ม รถป้ งกนได้โ ดยก รดูแลตนเ งใ ้ ถูกต้ ง
ลีกเลี่ยงปัจจยเ ี่ยงต่ งๆ ร้ งเ ริม ุขภ พก ยแล ุขภ พจิตใ ้ มบูรณ์ ยู่เ ม
ิธีป้ งกนไม่ใ ้เกิดโรค ล ดเลื ด ใจโดยปฏิบติตน ดงนี้
1. กก ลงก ย ม่ เ ม ก ร กก ลงก ยที่มีก รเคลื่ นไ ข งกลุ่มกล้ มเนื้ ใ ญ่เป็นจง แล
ต่ เนื่ ง เช่น ิ่งเ ย ๆ เดินเร็ ๆ กร โดดเชื ก ขี่จกรย น เต้นแ โรบิก ช่ ยเพิ่มปร ิทธิภ พก รไ ลเ ียนข ง
เลื ด น กจ กนี้ยงท ใ ้ ุขภ พจิตดีขึ้น รมณ์แจ่มใ เป็นผลใ ้ลด ตร ก รเต้นข ง ใจแล ค มดนโล ิต
2. ก รกิน ร ค ร ลีกเลี่ยง รไขมน ิ่มต รปร เภทไขมน ูงที่ ่งผลต่ ผนง ล ดเลื ด
พบม กในเนยเทียมเช่น เบเก รี่ เค้ก เลื กกิน รที่มีเ ้นใย ูง มีแร่ธ ตุ รที่จ เป็น ได้แก่ ธญพืช ข้ กล้ ง
ถ่ ง ผลไม้ลด รเค็มปริม ณเกลื ใน รไม่ค รเกิน 1 ช้ นช ต่ น ดงน้นไม่ค รเติมเกลื รื น้ ปล ใน
รที่กิน
3. ก รพกผ่ นท้งร่ งก ยแล จิตใจ เช่น ก ร กก ลงก ย ก รพกผ่ น นนทน ก ร ท ม ธิ ลีกเลี่ยง
ค มเครียด ค มเครียดท ใ ้ ล ดเลื ดท่ ร่ งก ย ดต เพิ่มแรงต้ นข ง ล ดเลื ด กล้ มเนื้ ใจต้ งบีบ
ต เร็ แล แรงขึ้น ่งผลใ ้ก รไ ลเ ียนข งเลื ดไม่เป็นไปต มปกติ กล้ มเนื้ ใจ จได้รบเลื ดไม่เพียงพ ได้
4. ค บคุมน้ นกต ใ ้ปกติเพร ปร กฏ ่ คน ้ น มกเป็นโรคนี้ม กก ่ คนที่มีน้ นกปกติ
5. งดดื่มเครื่ งดื่มที่มีแ ลก ล์แล ยุด ูบบุ รี่
โรค ล ดเลื ด ม ง
โรค ล ดเลื ด ม ง ม ยถึง ค มผิดปกติท งร บบปร ทที่เกิดขึ้นทนทีทนใดมี ก ร รื ก รแ ดง
น นก ่ 24 ช่ โมง แล มี เ ตุจ กค มผิดปกติข ง ล ดเลื ด ( งค์ก ร น มยโลก, 2516)
โรค ล ดเลื ด ม งแบ่งเป็น 2 ปร เภทใ ญ่ๆ คื ล ดเลื ด ม งแตก พบปร ม ณร้ ยล 20-25 เกิด
ภ เลื ดค่งกดทบเนื้ ม ง เนื้ ม งถูกท ล ยแล ล ดเลื ด ม งตีบ รื ุดตน พบปร ม ณร้ ยล 75-80
ท ใ ้เลื ดไปเลี้ยง ม งไม่พ เกิดภ ม งข ดเลื ด ม ง จต ยได้ ก รแล ก รแ ดงข งโรคปร กฏ
ล ยรูปแบบ ต ม ่ นข ง ม งที่เลี้ยงโดย ล ดเลื ดน้นๆ ก รบ่งชี้ที่ คญ 4 ปร ก ร FAST ( ม คม ล ด
เลื ด ม ง รฐ เมริก , 2553) ดงนี้
F : FACE คื ป กเบี้ย มุมป กด้ นใดด้ น นึ่งตกลง รื ไม่ขยบ
A : ARM คื แขนข้ งใดข้ ง นึ่ง ่ นแรง รื ท้ง 2 ข้ ง
S : SPEECH คื พูดไม่ชด รื พูดไม่ได้
T : TIME คื เกิดขึ้น ย่ งร ดเร็
ิ่ง คญเมื่ เกิด ก ร คื ก รเ ล่ นี้ จเกิดขึ้นช่ ขณ แล้ ยเ งเป็นปกติ เช่น ่ นแรงปร ม ณ
30 น ที แล ดีขึ้น จึงท ใ ้ ล ยคนช ล่ ใจ ไม่ไปพบแพทย์ เพร ไม่ทร บ ่ นี่คื เพียง ญญ ณเตื น ในกรณีที่มี
ก รช่ คร แล้ ดีขึ้นเรียก ่ TIA ม จ ก Transient ischemic attack ภ ม งข ดเลื ดช่ คร ซึ่งจ ก
ก ร ึก พบ ่ 1 ใน 9 ข งผู้ป่ ยกลุ่มนี้จ เกิดโรค ล ดเลื ด ม งตีบ รื ุดตนถ รใน 90 น ่ น ีก 50 %
จ เกิดใน 2 นแรก ลงมี ก รเตื น จึงค รพบแพทย์เพื่ ตร จ ินิจฉย ย่ งล เ ียดเมื่ มี ก ร เพื่ ก รรก
ย่ งทนท่ งที
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 26
ตร จเช็ค ุขภ พปร จ ปีเพื่ ค้น ปัจจยเ ี่ยง ถ้ พบต้ งรีบรก แล พบแพทย์ ย่ ง ม่ เ ม
ในกรณีที่พบ ่ มีปัจจยเ ี่ยงที่ท ใ ้ ล ดเลื ดตีบ ุดตน รื แตก ต้ งรก แล รบปร ท นย ย่ ง
ม่ เ ม ต มแผนก รรก ข งแพทย์ ้ ม ยุดย เ ง แล ค รรีบพบแพทย์ทนทีถ้ มี ก รผิดปกติ
ค บคุมร ดบค มดนโล ิต ไขมน แล น้ ต ลในเลื ดใ ้ ยู่ในเกณฑ์ปกติ
ค บคุม รใ ้ มดุล ลีกเลี่ยง รร เค็ม น มน
กก ลงก ย ม่ เ ม ย่ งน้ ย 30 น ทีต่ น 3 คร้งต่ ปด ์ แล ค บคุมน้ นกใ ้เ ม ม
งด ูบบุ รี่ ลีกเลี่ยงเครื่ งดื่มแ ลก ล์
ถ้ มี ก รเตื นที่แ ดง ่ เลื ดไปเลี้ยง ม งไม่พ ช่ คร ค รรีบม พบแพทย์ถึงแม้ ่ ก รเ ล่ น้น
จ ยได้เ งเป็นปกติ
ผู้ที่เป็น ล ดเลื ด ม งตีบ รื ุดตนแล้ แพทย์จ ใ ้ก รรก โดยใช้ย เพื่ ป้ งกนก รกลบเป็นซ้
ข งโรค ล ดเลื ด ม ง แต่ก รใช้ย เ ล่ นี้จ เป็นต้ งมีก รติดต มผลแล ใช้ภ ยใต้ค แน น ข ง
แพทย์ ย่ งเคร่งครด เนื่ งจ กถ้ มีก รใช้ย ผิด ปร ม ทเลินเล่ รื ไม่มีก รติดต มดูแล ย่ ง ม่ เ ม
จเกิดภ แทรกซ้ น ย่ งรุนแรง เป็น นตร ยถึงแก่ชี ิตได้
ค ามดันโล ิต ูง
โรคค มดนโล ิต ูงเป็น พท์ท งก รแพทย์ที่ใช้เมื่ แรงดนโล ิตข งร่ งก ย
ูงขึ้นก ่ แรงดนโล ิตปกติ ทุกคน จมีแรงดนโล ิต ูงได้บ้ งเป็นคร้งคร ซึ่งเกิด
จ กแขนงข ง ล ดเลื ดแดงแคบลง เป็นบ งต น รื ตล ดท่ ท้งร่ งก ย เนื่ งจ ก
จเกิดค มกล ค มตื่น เต้ น ก ร กก ลงก ย ก ร ู บ บุ รี่ รื รบ ง
ปร เภท เมื่ แขนงข ง ล ดเลื ดแดงแคบลง ใจต้ งบีบต แรงขึ้นก ่ ปกติ เพื่ ใ ้
มีแรงดนพ ที่จ ใ ้ ล ดเลื ดไ ลไปต มแขนงข ง ล ดเลื ดแดงท่ ท้งร่ งก ย
แรงดนโล ิตใน ล ดเลื ดจึงเพิ่มขึ้น เมื่ ภ ดงกล่ กลบ ู่ป กติ แขนงข ง ล ด แ ล่งที่ม ข งภ พ https://www.pobpad.com/
เลื ดแดงก็จ ขย ยต กช้ ๆ โรคค มดนโล ิตก็จ กลบ ู่ปกติ แต่ กแรงดนโล ิต ูง ยู่ตล ดเ ล เรียก ่
เป็นโรคค มดนโล ิต ูง โรคค มดนโล ิต ูงเป็นโรคที่พบบ่ ยในผู้ใ ญ่ พบปร ม ณร้ ยล 20 แล เป็น เ ตุ
ก รต ยที่ คญข งโรค ล ดเลื ด ม งแล โรค ล ดเลื ด ใจ ภ ที่ค มดนโล ิต ูงเป็นเ ล น นเพิ่ม
ค มเ ี่ยงต่ ผนง ล ดเลื ดต มล ดบค มรุนแรงข งค มดนโล ิต
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 28
ค่าข งค ามดันโล ิต ูงมี ยู่ 2 ค่า คื ค่ ค มดนโล ิตต บนกบค่ ค มดนโล ิตต ล่ ง ได้แก่
1. ค่ ข งแรงดนโล ิตปกติขณ ใจบีบต เรียก ่ ค มดน Systolic (ค มดนโล ิตต บน) จ มีค่
จ ก 90 - 140 มิลลิเมตรปร ทเกี่ย ข้ งกบปริม ณเลื ดใน ใจ
2. ค่ ข งแรงดนโล ิตปกติขณ ใจคล ยต เรียก ่ ค มดน Diastolic (ค มดนโล ิตต ล่ ง) จ มี
ค่ จ ก 50-90 มิลลิเมตรปร ท เกี่ย ข้ งกบค มต้ นท นข ง ล ดเลื ดเมื่ ค มดนโล ิตต บน ดได้ 140
มิลลิเมตรปร ท รื ูงก ่ แล ค มดนโล ิตต ล่ ง ดได้ 90 มิลลิเมตรปร ท รื ูงก ่ ถื ่ เป็นค มดน
โล ิต ูง ซึ่งมกนิยมเขียนเป็นค่ ูง/ค่ ต่ เช่น 160/95 ถื ่ ค มดนโล ิต ูง
าเ ตุข งค ามดันโล ิต ูง
ค มดนโล ิต ูง ่ นใ ญ่เกิดขึ้นโดยไม่ทร บ เ ตุ ซึ่งพบได้ถึงปร ม ณร้ ยล 80 - 90 ข งท้ง มด
1. กลุ่มที่ไปทร บ เ ตุ พบ ่ ิ่งที่เกี่ย ข้ งกบโรคนี้ ได้แก่
- พนธุกรรม ผู้ที่มี พ่ แม่ ปู่ย่ ต ย ย รื ญ ติ พี่น้ งเป็นโรคนี้ จ มกจ เป็นโรคนี้
- ิ่งแ ดล้ ม พบ ่ ผู้ที่ ย ยู่ในปร เท แถบซีกโลกต นตก เช่น ฝร่งช ติต่ งๆมกเป็นโรคนี้ม กก ่
ปร เท แถบซีกโลกต น ก
- ปัจจยเ ี่ยง ื่นๆที่เกิดจ ก พฤติกรรมข งมนุ ย์ แล เป็น เ ตุที่ ม รถป้ งกนได้ เช่น ค ม ้ น
รร เค็มจด ค มเครียด ข ดก ร กก ลงก ย ก รต้งครรภ์บ่ ยคร้ง โรคเบ น กินย คุมก เนิด
2. กลุ่มที่ทร บ เ ตุ มกพบ ่ ป่ ยเป็นโรค ื่นๆแล ท ใ ้เกิดค มดนโล ิต ูง เช่น โรคไต โรคข งต่ ม
ม กไต โรคข ง ล ดเลื ดไปเลี้ยงไตตีบตน โรค ื่นๆ เช่น โรคต่ มไทร ยด์โรค ล ดเลื ดใ ญ่แข็ง โรคเนื้ ง ก
ใน ม ง
าการข งโรคค ามดันโล ิต ูง
ผู้ที่เป็นค มดนโล ิต ูง ่ นใ ญ่จ ไม่มี ก ร ไรเลย เกิด ก รก็ต่ เมื่ เข้ ู่ร ย ุดท้ ยที่มีโรค
แทรกซ้ นแล้ เกิด ก รก็ต่ เมื่ เข้ ู่ร ย ุดท้ ยที่มีโรคแทรกซ้ นแล้ เช่น ใจ ย ล ดเลื ด ใจตีบ
รื ุดตน ไตเ ื่ ม เ ้นโล ิตใน ม งแตกแล เกิด มพ ต รื นตร ยถึงชี ิต
ก รที่พบได้บ่ ย คื ป ด ีร มกป ดบริเ ณท้ ยท ย จ เป็นในต นเช้ ซึ่งจ พบในคนที่มีค มดน
โล ิต ูงค่ นข้ งรุนแรง ก รป ด ีร จ ยไปได้เ ง แต่ใช้เ ล ล ยช่ โมง จมี ก ร ื่นร่ มด้ ย เช่น
คลื่นไ ้ เจียน ใจ ่น ต พร่ ่ นเพลีย มีเลื ดก เด ก รู้ ึกปร ทเครียด เ นื่ ย น นไม่ ลบ แต่ ย่ งไร
ก็ต ม ก รต่ งๆ เ ล่ นี้เป็น ก รที่พบได้ในบุคคลธรรมด ท่ ไป
ผลเ ีย รื ันตรายที่เกิดจากค ามดันโล ิต ูง
ค มดนโล ิต ูงจ ท ใ ้ ใจแล ล ดเลื ดต้ งท ง นเพิ่มขึ้นม กก ่ ปกติจึงท ใ ้เกิด นตร ยคื
1. ใจต้ งกดต แรงแล ท ง นม กขึ้นท ใ ้ ใจโตม กขึ้นเรื่ ยๆ จนกร ท่งถึงร ย ใจ ย ซึ่งจ มี
ก รข ง ใจ ยคื บ เ นื่ ย บ ม น นร บไม่ได้
2. ล ดเลื ดท่ ร่ งก ยจ มีก รเปลี่ยนแปลงคื ผนง ล ดเลื ดแข็งแล ช้นในข งผนง ล ดเลื ด
ขรุขร ท ใ ้ ย คญๆ ต้ งกร ทบกร เทื น เช่น ใจ เมื่ ล ดเลื ดเลี้ยง ใจตีบ รื ุดตนท ใ ้ ใจ
ข ดเลื ดไปเลี้ยง จึงเกิดโรค ใจข ดเลื ด
3. เกิดภ ล ดเลื ดใน ม งตีบตน รื แตก ท ใ ้เป็น มพ ต รื เ ียชี ิตได้ ถ้ เป็นเรื้ รง จท ใ ้
เป็นโรคค มจ เ ื่ ม ม ธิลดลง
4. เลื ด จไปเลี้ยงไตไม่เพียงพ เนื่ งจ ก ล ดเลื ดเ ื่ ม ท ใ ้ไต ยเรื้ รง แล ภ ไต ยจ ยิ่งท
ใ ้ค มดนโล ิต ูงขึ้น ีก
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 29
โรค ้ น
โรค ้ นเป็น ภ ที่มีน้ นกต ม กก ่ น้ นกเฉลี่ยข งคน
ท่ ไปเกินก ่ ร้ ยล 20 รื มีไขมนม กก ่ ร้ ยล 25 ถึง 30 ข ง
น้ นกร่ งก ย เ ตุ ข งโรค ้ น จเกิ ด จ กพนธุ ก รรมแล
พฤติกรรม ุขภ พเช่น ก รกิน รม กเกินไปแล ข ดก ร กก ลง
ก ยท ใ ้ มีไขมน ่ นเกิน ไป มต ม ่ นต่ ง ๆ ข งร่ งก ย โดย
ผู้ช ยจ เก็บไขมน ่ นเกินไ ้ใต้ผิ นงที่ น้ ท้ งเป็น ่ นใ ญ่จึงมก
เรี ย ก ่ ้ นลงพุ ง ่ นผู้ ญิ ง จ เก็ บ ไขมน ่ นเกิ น ไ ้ ที่ น้ ท้ ง
โพก ก้นย้ ย น้ ข แล เต้ นม แ ล่งที่ม http://excellent.med.cmu.ac.th/meccmu/?p=963
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 30
โรค ้ นที่ ่งผลต่ ุขภ พแบ่งเป็น งปร เภทต มลก ณ ก รกร จ ยต ข งไขมนในร่ งก ย คื
1. ้ นแบบลูกแ ปเปิล รื ้ นลงพุงมีไขมนม กในช่ งท้ ง
2. ้ นแบบลูกชมพู่ รื ลูกแพรมีไขมนม กต มต้นข
ลก ณ ก รกร จ ยต ข งไขมนในร่ งก ยที่ผิดปกติท้ง งลก ณ โดยเฉพ ้ นแบบลูกแ ปเปิ้ล รื
้ นลงพุงมีค มเ ี่ยงต่ ก รเกิดโรคเรื้ รงม กก ่ ้ นแบบลูกชมพู่เช่นโรคเบ นโรค ล ดเลื ด ใจโรค
ค มดนโล ิต ูง โรคม เร็ง เป็นต้น โรค ้ นท้ง งปร เภทจดเป็นกลุ่ม ก รผิดปกติข งก รเผ ผล ญ ร
ข งร่ งก ย
ค ม ้ น รื น้ นกเกินเป็นภ ไม่พึงปร รถน ข งบุคคลทุกเพ ทุก ย ทุก ชีพ เพร จ ท ใ ้
ภ พพจน์ข งตนเ งด้ ยลงแล ยงท ใ ้ ย ภ ยในร่ งก ยต้ งท ง น นก เ ี่ยงต่ ก รป่ ยด้ ยโรคต่ ง ๆ
าเ ตุข งโรค ้ น
1. รบปร ท น รม กแล ข ดก ร กก ลงก ยจ เป็น เ ตุใ ญ่ข งโรค ้ นถึงร้ ยล 99
ก รรบปร ท นม กแต่ใช้พลงง นปกติ รื ใช้พลงง นน้ ยแล ก รรบปร ท นปกติแต่ใช้พลงง นน้ ยจ ท ใ ้
เกิดพลงง น ม รื ไขมน มในร่ งก ย
2. มีค มผิดปกติข งต่ มไร้ท่ แล เมท บ ลิซึม เช่น
ต่ ม ม กไตท ง นม กก ่ ปกติจึงผลิต ร์โมน ( เตียร ยด์) กม ม กท ใ ้เกิด
ไขมนม กขึ้นในร่ งก ย
ต่ มไทร ยด์ท ง นน้ ย จ ข ด ร์โมนบ งชนิดท ใ ้ก รใช้ รเป็นไปได้ช้
เกิดพลงง น ม ท ใ ้ ้ นฉุ
ต่ มใต้ ม ง ร้ ง ร์โมนม กก ่ ปกติ (Cushing’s Disease) เนื่ งจ กเป็นเนื้ ง ก
ท ใ ้เกิดก ร มไขมนบริเ ณใบ น้ ล ต แล บริเ ณด้ น ลงค
3. ูนย์ค บคุมก ร ิ่มข ง ม งถูกท ล ย เกิดจ กโรคที่ท ใ ้เกิดค มผิดปกติข งต่ ม
ไ โปธ ล ม (Hypothalamus) จ ท ใ ้รบปร ท น รไปเรื่ ยๆ จนเกิดค ม ้ น
4. ผลจ กย บ งชนิดที่รบปร ท นเข้ ไป เช่น ย เจริญ ร ย ลดค มดนโล ิต
5. พนธุกรรม ค ม ้ นถ่ ยท ดในคร บคร ได้ จ ก ถิติถ้ บิด แล ม รด ้ น ลูกมีโ ก ้ น
80% ถ้ พ่ รื แม่คนใดคน นึ่ง ้ นลูกมีโ ก ้ นลดลงเ ลื 40% แต่ถ้ พ่ แม่ไม่ ้ น ลูกจ มีโ ก 10%
ิธีการที่ ามารถบ ก ภา ะข งค าม ้ นได้ มีดังนี้
1. ค้ า น ณ าดั ช นี ม ลกาย (Body Mass Index; BMI) ซึ่ ง เป็ น ตร ่ นร ่ งน้ นก
(กิโลกรม) ต่ ่ น ูง (เมตร) ยกก ลง ง จ ได้ค่ ดชนีม ลก ยที่ ม รถบ กค ม ้ นได้คื (กิโลกรม : ต ร ง
เมตร)
ดัชนีม ลกาย = น้้า นักตั (กิโลกรัม)
( รื ดัชนีค าม นาข งร่างกาย) ่ น ูง(เมตร) ยกก้าลัง ง
ิธีการลดน้้า นัก
1. การค บคุม า าร
1.1 รบปร ท น รที่มีโภชน ก ร มดุล รื ครบ 5 มู่ นล 3 มื้
- เลื กรบปร ท น รค ร์โบไ เดรตที่มีใยพืช ูง จ ท ใ ้ ิ่มเร็ แล ิ่มทน เช่น ข้ ซ้ มมื
- เลื กรบปร ท น รที่มีโปรตีนที่มีไขมนน้ ย รบปร ท นม เป็นปร จ แล ถ้ เป็นเนื้ ต ์
ื่น ๆ ไม่ค รติด นงแล มน
- รบปร ท น รที่มีไขมนใ ้น้ ยลงก ่ 40 - 50 กรมต่ น
- รบปร ท นผกแล ผลไม้ที่ไม่ นจดทุก น โดยเฉพ ผก จ ได้รบ ิต มิน เกลื แร่ แล เ ้นใย
เพิ่มขึ้น
1.2 ก นดปริม ณ รที่จ รบปร ท นต่ มื้ แล ต่ นเพื่ เป็นผลดีต่ ก รลดน้ นก
1.3 ลดปริม ณแคล รีในแต่ล นลงปร ม ณ 500-600 กิโลแคล รี ค รปรุง รโดยก รต้ม นึ่ง
ย่ ง เผ บ ลีกเลี่ยง รท ด
1.4 รบปร ท นแล เคี้ย ช้ ๆ รบปร ท น รแต่ล มื้ ต มเ ล ที่ก นด แล เมื่ รู้ ึก ิ แต่
ไม่ใช่ ย กรบปร ท น
1.5 ดื่มน้ ย่ งน้ ย นล 8-12แก้ ลีกเลี่ยงน้ ดลมแล เครื่ งดื่มที่มีร น
1.6 ลดปริม ณเกลื ใน รที่รบปร ท น
2. การ กก้าลังกาย
ก ร กก ลงก ยลดน้ นกก ร กก ลงก ยที่เ ม ม รบโรค ้ นคื กก ลงก ยที่มีได้
ค มตร นกร ดบเบ ถึงป นกล ง เช่นก รเดินเร็ ถีบจกรย นปิงป งแบดมินตน ่ ยน้ เป็นต้นไม่ค ร กก ลง
ก ยปร เภทที่มีก รกร แทกข้ เช่นกร โดดเชื กก ร ิ่งก รชกม ยก ร กก ลงก ยลดน้ นกค ร กก ลงก ย
ย่ งต่ เนื่ งไม่ต่ ก ่ คร้งล 45 น ที ร่ งก ยจึงจ ดึงพลงง น ร งซึ่งเก็บไ ้ในรูปข งไขมนม ใช้เป็นพลงง น
โรคเบา าน
เบา าน เป็นกลุ่มโรคท งเมต บ ลิซึม (Metabolism) คื ก รเผ ผล ญน้ ต ลไม่ มดุ ล ร่ งก ยไม่
ม รถน น้ ต ลที่ได้จ ก รไปใช้ใ ้เป็นพลงง นได้ ย่ งมีปร ิทธิภ พ ท ใ ้ร ดบน้ ต ลในเลื ด ูงใน
ภ ปกติเมื่ ร่ งก ยได้รบ ร รปร เภทค ร์โบไ เดรตปริม ณน้ ต ลในกร แ เลื ดจ เพิ่มขึ้น ตบ ่ นจ
ลง ร์โมน ินซูลิน (Insulin) เพื่ เปลี่ยนน้ ต ลไปเป็นพลงง น แต่กรณีที่ก รท ง นข งกร บ นก รเผ ผล ญ
น้ ต ลบกพร่ ง ท ใ ้น้ ต ลผ่ นเข้ ไปในเซลล์ไม่ ม่ เ ม ได้แก่
1. ตบ ่ นเ ื่ ม ภ พไม่ผลิต ินซูลิน รื ผลิตลดลง ท ใ ้ ินซูลินที่จ เปลี่ยนน้ ต ลเป็นพลงง นไม่
เพียงพ
2. ตบ ่ นยงท ง นปกติ ไป ินซูลินไม่ ม รถน กลูโค ผ่ นเข้ ไปในเซลล์ รื เกิดภ ดื้ ินซูลิน คื
ปริม ณ ินซูลิน ูงแต่น้ ต ลไม่ลด
ค มไม่ มดุลข งก รเผ ผล ญน้ ต ลใ ้เป็นพลงง น ท้ง 2 กรณี ท ใ ้น้ ต ล มในเลื ดแต่ร่ งก ย
ไม่ ม รถน ไป ร้ งพลงง นได้ท ใ ้เซลล์ข ดพลงง นจึงรู้ ึก ่ นเพลียน กจ กนี้ปริม ณน้ ต ลในเลื ดม ก
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 33
เท่ ไร ไปท น้ ที่กร ง กม ในปริม ณม ก ต ม ด ่ น ขณ เดีย กนท ใ ้เกลื แร่ (Electrolyte) ถูกก จด
กไปด้ ยท ใ ้รู้ ึกเพลียม กขึ้น เมื่ ร่ งก ยไม่ ม รถน น้ ต ลไปใช้เป็นพลงง นได้ จึงต้ ง ล ยพลงง นจ ก
ไขมนแล โปรตีนจ กกล้ มเนื้ ม ทดแทน ท ใ ้น้ นกลดลง น้ ต ลที่ มในเลื ดเมื่ ร มต กบโปรตีนจ ก
เก ติดผนงเซลล์ ท ใ ้ผนง ล ดเลื ดบ มเกิดแรงต้ นก รไ ลเ ียนเลื ดแล ล ดเลื ด ุดตนได้ง่ ย เลื ดไป
เลี้ยงเ ้นปร ท ่ นปล ยลดลง ซึ่งเป็น เ ตุใ ้มี ก รช ปล ยมื ปล ยเท้ ต พร่ ม ตล ดจนแผล ยช้
ภ แทรกซ้ นต่ งๆ พบ ่ ผู้ป่ ยเบ นที่ได้รบก ร ินิจฉยม น นก ่ 15 ปี ปร ม ณร้ ยล 2 จ มีค มผิด
ปกติท ง ยต ม กก ่ ร้ ยล 50 จ มีค มผิดปกติข งปล ยปร ท แล มีค มเ ี่ยงต่ โรค ล ดเลื ด
ใจแล ม ง 2-4 เท่ ข งคนปกติ (เย รตน์ ปรปัก ์ข ม, พรพนธุ์ บุญยรตพนธุ์ แล คณ , www.hiso.or.th)
าเ ตุข งโรคเบา าน
เบ นเกิดได้จ ก ล ย เ ตุ มกไม่ได้เป็นจ ก เ ตุใด เ ตุ นึ่ง แต่เป็นจ ก ล ย ล ย เ ตุ
ร่ มกน ได้แก่
1. กรรมพันธุ์ เบ นมี เ ตุจ กกรรมพนธุ์ ่ น นึ่ง แต่ผู้ที่มีญ ติ ยตรง เช่นพ่ แม่ พี่ น้ ง เป็น
เบ นก็ไม่จ เป็นต้ งป่ ยเป็นโรคเบ นทุกร ย ท้งนี้ขึ้นกบก รค บคุมดูแลปัจจยเ ี่ยง ย่ ง ื่น
2. โรค ้ น ผู้ที่มีน้ นกม ก ไขมน ่ นเกินจ ร้ ง รที่ท ใ ้ก รต บ น งข งเนื้ เยื่ ร่ งก ยต่
ินซูลินไม่ดี รื นย นึ่งเกิดภ ดื้ ต่ ินซูลินขึ้น
3. ผู้ ูง ายุ เมื่ ยุม กขึ้น ตบ ่ นจ เ ื่ มก รท ง นลง ท ใ ้ก ร งเคร ์แล ก ร ล่ง ิน ซูลิน
ลดลง
4. โรคข งตับ ่ น เช่น ภ ตบ ่ น กเ บเรื้ รง จ กก รดื่มเ ล้ ย รื ไขมนไตรกลีเซ ไรด์ใน
เลื ด ูง
5. การติดเชื้ ไ รั บางชนิดเมื่ ยังเป็นเด็ก เช่น ด ดเย รมน ค งทูม โดยพบ ่ เด็กที่ป่ ยเป็นโรค
ดงกล่ มีโ ก เป็นเบ นเมื่ ยุม กขึ้นเมื่ เทียบกบเด็กที่ไม่ได้ป่ ย
6. การได้รับยาบางชนิด เช่น เตียร ยด์ ย ขบปั ย คุมก เนิดบ งชนิด ซึ่งย เ ล่ นี้ท ใ ้มีก ร
ร้ งน้ ต ลที่ตบม กขึ้น รื เกิดก รต บ น งข ง ินซูลินแย่ลง
7. การตั้งครรภ์เนื่ งจ กขณ ต้งครรภ์จ มีก ร ร์โมนจ กรก ซึ่งมีผลต่ ต้ นก รท ง นข ง ินซูลิน
ผู้ที่มีโ กา เป็นโรคเบา าน
เบ น พบได้ในคนทุกเพ ทุก ย แต่จ พบม กในคน ยุ
ก ่ 40 ปีขึ้นไปคนที่ ยู่ในเมื งมีโ ก เป็น เบ น ม กก ่ คนใน
ชนบท คน ้ นที่น้ นกเกินโดยดูจ กดชนีม ลก ย ผู้ที่ข ดก ร ก
ก ลงก ยแล ญิงที่มีลูกดกโดยเฉพ ผู้มี ปร ติคล ดบุตรมีน้ นก
แรกคล ดม กก ่ 4กิโลกรม จ มีโ ก เป็น เบ นได้ม กขึ้นแต่ใน
ปัจจุบนลก ณ ก รบริโภคแล กิจกรรมต่ งๆในชี ิตปร จ น ่งผลใ ้มี
คนเป็ น เบ น เพิ่ ม ม กขึ้ น แล ก รพบผู้ ป่ ยที่ ยุ น้ ยที่ เ ป็ น
เบ น ก็เพิ่ม ูงขึ้น าการข งโรคเบา าน
ผู้เป็นโรคเบ นจ มี ก รเบื้ งต้น คื
1. ป ดปั บ่ ย คร้ ง ขึ้น เนื่ งจ กในกร แ เลื ดแล
ย ต่ งๆมีน้ ต ลค้ ง ยู่ม กไตจึงท ก รกร ง กม ในปั ท
ใ ้ปั น งเกตจ กก รที่มีมดม ต มปั จึงเป็นที่ม ข ง
ก รเรียก เบ น
2. ปั กล งคืนบ่ ยขึ้น
3. กร ยน้ แล ดื่มน้ ในปริม ณม กๆต่ คร้ง แ ล่งทีม่ ข งภ พ https://www.asiaherb-shop.com/content/1520/
4. ่ นเพลีย เ นื่ ยง่ ยไม่มีเรี่ย แรง
5. เบื่ ร
6. น้ นกต ลดโดยไม่ทร บ เ ตุ โดยเฉพ ถ้ กน้ นกเคยม กม ก่ น นเนื่ งม จ กร่ งก ยไม่
ม รถน น้ ต ลไป ร้ งพลงง นได้เต็มที่จึงต้ งน ไขมนแล โปรตีนจ กกล้ มเนื้ ม ใช้ทดแทน
7. ติดเชื้ บ่ ยก ่ ปกติ เช่นติดเชื้ ท งผิ นงแล กร เพ ร งเกตได้จ กเมื่ เป็นแผลแล้ แผลจ
ยย ก
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 35
8. ยต พร่ ม งไม่ชดเจน
9. ก รช ไม่ค่ ยมีค มรู้ ึก เนื่ งม จ กเบ นจ ท ล ยเ ้นปร ทใ ้เ ื่ ม มรรถภ พลง
ค ม ม รถในก รรบรู้ค มรู้ ึกจึงถดถ ยลง
10. จจ มี ก รข งโรค ใจ แล โรคไต
การป้ งกันโรคเบา าน
1. ค บคุมน้้าตาลในเลื ดใ ้ ยู่ในเกณฑ์ปกติแล แก้ไขปัจจยเ ี่ยง ื่นๆ นจ ก่ ใ ้เกิดโรคเบ น
2. ค บคุมโภชนาการใ ้มีค ม มดุลท้งในด้ นโภชน ก ร ก ร กก ลงก ย ร มไปจนถึงก รใช้ย
รก โรค
3. ค รตร จเช็คระดับน้้าตาลในเลื ด ม่้าเ ม โดยปรึก แพทย์ ่ ค รตร จเช็คเมื่ ใด แล ร ย เ ล
่ งในก รตร จที่เ ม ม
4. ยาบางชนิด รื ยา มุนไพร จมีผลต่ ก รค บคุมน้ ต ลในเลื ด จ ต้ งปรึก แพทย์แล เภ ชกร
ก่ นใช้ย รื มุนไพร เ ล่ นี้
โรคมะเร็ง
ม เร็ง คื กลุ่มข งโรคที่เกิดเนื่ งจ กเซลล์ข งร่ งก ยมีค มผิดปกติ ที่ DNA รื รพนธุกรรม
่งผลใ ้เซลล์มีก รเจริญเติบโต มีก รแบ่งต เพื่ เพิ่มจ น นเซลล์ ร ดเร็ แล ม กก ่ ปกติ ดงน้น จึง จท ใ ้
เกิดก้ นเนื้ ผิดปกติแล ในที่ ุดก็จ ท ใ ้เกิดก รต ยข งเซลล์ในก้ นเนื้ น้นเนื่ งจ กข ดเลื ดไปเลี้ยงเซลล์พ ก
นี้เกิด ยู่ใน ย ใดก็จ เรียกชื่ ม เร็ง ต มด้ ย ย น้น เช่น ม เร็งป ด ม เร็ง ม ง ม เร็งเต้ นม ม เร็งป ก
มดลูก ม เร็งเม็ดเลื ดข ม เร็งต่ มน้ เ ลื ง แล ม เร็งผิ นง เป็นต้น
มะเร็งเกิดขึ้นได้ ย่างไร
เซลล์ม เร็งเกิดขึ้นภ ยในร่ งก ยข งมนุ ย์ ยู่ตล ดเ ล ร่ งก ยข งเร เ งที่เป็นผู้ ร้ งเซลล์ม เร็ง
ขึ้นม ปกติแล้ ร่ งก ยมนุ ย์จ ร้ งเซลล์ใ ม่ๆ เพื่ ใช้ในเรื่ งพฒน ก รข งร่ งก ยแล ทดแทนเซลล์เก่ ที่
เ ื่ ม ภ พ ก รแบ่งต ข งเซลล์แบบท ีคูณท ใ ้ใน 1 น ที จมีเซลล์เกิดใ ม่ขึ้นเป็นล้ นๆเซลล์ โดยมี
น่ ยพันธุกรรม (DNA) ท น้ ที่ในก รค บคุม
เซลล์ม เร็งคื เซลล์ที่ท น้ ที่ผิดปกติไปจ กเดิม เกิดจ กค มผิดพล ดในข้นต นข งกร บ นก รแบ่ง
เซลล์ ท ใ ้เซลล์ที่ ร้ งขึ้นใ ม่เกิดค มบกพร่ ง ท น้ ที่ผิดเพี้ยน โดยไม่ย มท น้ ที่ปกติต มที่ค รจ เป็ น
ค มผิดพล ดจ เกิดจ กกร บ นก รค บคุมร พนธุกรรมข งเซลล์ถูกรบก น ปกติแล้ เซลล์ที่แบ่งต กม
จ มีร พนธุกรรม รื ที่เรียก ่ DNA ค ยค บคุมใ ้เ มื นเซลล์ต้นแบบ เมื่ ถูกรบก นซึ่ง ม รถเกิดขึ้นได้
จ ก ล ย เ ตุด้ ยกน ท้งจ กค มผิดปกติภ ยในร่ งก ย ก รกร ตุ้นข งเชื้ โรค จ ก รก่ ม เร็ง รื จ ก
ร นุมูล ิ ร ท ใ ้เซลล์ที่แบ่งต กม ไม่ มบูรณ์
ค าม ันตรายข งมะเร็ง
ม เร็งแต่ล ชนิดมี นตร ยม กน้ ยต่ งกนไป ขึ้น ยู่กบชนิดข งม เร็ง ต แ น่งที่เกิด แล เ ตุข ง
โรค ม เร็งบ งชนิด ม รถรก ใ ้ ยได้แม้จ เข้ ู่ร ย ลุกล มแล้ ก็ต ม ปัจจย คญที่จ เป็นต ก นด
ค ม นตร ยข งม เร็งน้น ขึ้น ยู่กบร ย เ ล ที่ตร จเจ ม เร็ง แพทย์จ แบ่งร ดบค ม นตร ย กเป็น
5 ร ดบด้ ยกนคื
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 36
ระยะที่ 0 เรี ย ก ่ ร ย เริ่ มต้น เป็นช่ งที่เซลล์ ปกติเริ่มกล ยเป็นเซลล์ ต้งต้นข งม เร็ง ยงไม่มี ก ร
ขย ยต แล ก รลุกล ม
ระยะที่ 1 เรียก ่ ร ย เติบโต เซลล์ต้งต้นข งม เร็งเริ่มขย ยต เป็นก้ นเนื้ แต่ยงขน ดไม่เกิน
2 เซนติเมตร แล ยงไม่ลุกล มเข้ ต่ มน้ เ ลื ง
ระยะที่ 2 เรียก ่ ร ย เจริญเติบโต ก้ นม เร็งมีขน ดใ ญ่ม กขึ้น แต่ยงไม่เกิน 5 เซนติเมตร แล ยงไม่
ลุกล มเข้ ู่ต่ มน้ เ ลื ง ช่ งนี้ม เร็งจ เริ่มแ ดง ก ร
ระยะที่ 3 ร ย ลุกล ม ก้ นม เร็งจ ขย ยต ม กขึ้นจนมีขน ดเกิน 5 เซนติเมตร แล ลุกล มเข้ ู่ต่ ม
น้ เ ลื งแล้ แต่ยงไม่แพร่กร จ ยไปยง ย ื่นๆ ม เร็งจ เริ่มแ ดง ก ร แล ่งผลต่ ก รด เนินชี ิตจน
รู้ ึกได้ด้ ยต เ ง
ระยะที่ 4 ร ย แพร่กร จ ย เซลล์ม เร็งลุกล มไปยงต่ มน้ เ ลื ง แล แพร่กร จ ยไปยง ย ื่นๆ
แล้ เมื่ เข้ ู่ช่ งนี้โ ก ที่จ รก ใ ้ ยได้น้นแทบจ เป็นไปไม่ได้ มีบ้ งที่ ม รถรก ยแต่ก็มีโ ก
น้ ยม ก
ัญญาณ ันตราย 7 ประการที่ทุกคนค รจะจ้าไ ้เพื่ ุขภาพที่ดี ได้แก่
1. มีก รเปลี่ยนแปลงข งร บบขบถ่ ย ุจจ ร แล ปั เช่น ถ่ ย ุจจ ร เป็น ีด รื ปั
เป็นเลื ด
2. แผลซึ่งรก แล้ ไม่ย ม ย
3. มีก้ นที่เต้ นม รื ่ นต่ งๆข งร่ งก ย
4. กลืน รล บ ก รื มี ก รเ ียดแน่นท้ งเป็นเ ล น น
5. ู ื้ รื มีเลื ดก เด ไ ลมีเลื ด รื ตกข ที่ผิดปกติ เช่น มีกลิ่นเ ม็น
6. มีก รเปลี่ยนแปลงข ง ูด รื ไฝต มร่ งก ย
7. มี ก รเ ียงแ บ แล ไ เรื้ รง
าการแ ดงข งโรคมะเร็ง
1. ไม่มี ก รใดเลยในช่ งแรกขณ ที่ร่ งก ยมีเซลล์ม เร็งเป็นจ น นน้ ย
2. มี ก ร ย่ งใด ย่ ง นึ่งต ม ญญ ณ นตร ย 7 ปร ก ร ที่เป็น ญญ ณเตื น ่ ค รไปพบแพทย์
เพื่ ก รตร จค้น โรคม เร็ง รื เ ตุ ื่นๆที่ท ใ ้มี ญญ ณเ ล่ นี้ เพื่ ก รรก แล แก้ไขท งก รแพทย์ที่
ถูกต้ งก่ นที่จ กล ยเป็นโรคม เร็ง รื ป่ ยเป็นม เร็งร ย ลุกล ม
3. มี ก รป่ ยข งโรคท่ ไป เช่น ่ นเพลีย เบื่ ร น้ นกลด ร่ งก ยทรุดโทรม ไม่ ดชื่นแล ไม่
แจ่มใ
4. มี ก รที่บ่งบ ก ่ ม เร็ง ยู่ในร ย ลุกล ม รื เป็นม ก ขึ้น ยู่กบ ่ เป็นม เร็งชนิดใดแล มีก ร
กร จ ยข งโรค ยู่ ที่ ่ นใดข งร่ งก ย ที่ คญที่ ุ ดข ง ก รในกลุ่ มนี้ ได้แก่ ก รเจ็บป ด ที่แ นทุกข์
ทรม น
ปัจจัยเ ี่ยงต่ การเป็นโรคมะเร็งที่ ้าคัญ มี 2 ข้
ข้ แรก คื ปัจจัยภายในร่างกาย เช่น ค มผิดปกติท งพนธุกรรม เชื้ ช ติ เพ ยุ ค มบกพร่ ง
ข งร บบภูมิคุ้มกน เป็นต้น
ข้ ที่ ง คื ปัจจัยจาก ิ่งแ ดล้ มภายน กร่างกาย เช่น รก่ ม เร็งที่ปนเปื้ นใน ร ก
เครื่ งดื่ม ย รก โรค ร มท้งก รได้รบ รเคมี รง ี เชื้ ไ ร เชื้ แบคทีเรีย พย ธิบ งชนิดแล ภ ข ด ร
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 37
4. ม เร็งล ไ ้
5. ม เร็งป ด
มะเร็งปากมดลูก
ม เร็งป กมดลูกจ เป็นโรคที่ป้ งกนแล รก ใ ้ ยได้ แต่โรคม เร็งป กมดลูกยงคงเป็นม เร็งที่คร่
ชี ิตผู้ ญิง โดยมี ตร เ ียชี ิตข งม เร็งป กมดลูกเฉลี่ย ูงถึง 7 คนต่ น แล พบผู้ป่ ยม เร็งป กมดลูกร ย
ใ ม่ ูงถึง 6,000 คนต่ ปี โดยในจ น นข งผู้มีเชื้ นี้ก ่ ครึ่งต้ งเ ียชี ิต เนื่ งจ กผู้ป่ ย ่ นใ ญ่มก ยแล
กล ที่จ ไปพบแพทย์เพื่ ตร จ เชื้ ม เร็ง ท ใ ้ก ่ จ รู้ ่ ป่ ยด้ ยโรคม เร็งป กมดลูกนี้ ค มรุนแรงข งโรค
ก็ ยู่ในร ย ลุกล มแล้
โรคมะเร็ ง ปากมดลู ก (Cancer of Cervix) เกิ ด จ กเชื้ ไ ร ต นึ่ ง ที่ ชื่ ่ HPV (Human
Papilloma Virus) ภ ไทยเรียกกน ่ ไ ร ูด ไ ร ชนิดนี้ติดต่ จ กก ร มผ ่ นใ ญ่เป็นก ร มผ ท ง
เพ มพนธ์ที่ท ใ ้ มีร ยถล กข งผิ รื เยื่ บุ แล เชื้ ไ ร จ เข้ ไปที่ป กมดลู ก ท ใ ้ ป กมดลู กมีก ร
เปลี่ยนแปลงข งเนื้ เยื่ รื เซลล์ จ กป กมดลูกปกติกล ยเป็นร ย ก่ นเป็นม เร็งป กมดลูก
าการข งมะเร็งปากมดลูก
โรคม เร็งป กมดลูกมกพบในผู้ ญิง ยุ 35 – 60 ปี แต่ก็ จพบ ม เร็งป กมดลูก ก่ น ย นค รได้
ท้งนี้ ก รข งผู้ป่ ยม เร็งป กมดลูก จ ม ก รื น้ ยขึ้นกบร ย ข งม เร็ง ซึ่ง ก รที่พบในผู้ป่ ยโรคม เร็ง
ป กมดลูก ได้แก่
1. ก รตกเลื ดท งช่ งคล ด เป็น ก รที่พบได้ม กที่ ุดปร ม ณร้ ยล 80 – 90 ข งผู้ป่ ยม เร็ง
ป กมดลูก ลก ณ เลื ดที่ ก จจ เป็นเลื ด กก ปริบก ปร ยร ่ งร บเดื น
2. มีตกข ผิดปกติ กลิ่นเ ม็น มีเลื ดปน รื มีเลื ด กเ ล มีเพ มพนธ์ ถ้ เป็นม กแล ม เร็ ง
ลุกล ม กไปด้ นข้ ง รื ลุกล มไปที่ ุ้งเชิงกร นก็จ มี ก รป ด ลงได้ เพร ไปกดทบเ ้นปร ท
3. ก รในร ย ลงเมื่ ม เร็ ง ลุ ก ล ม รื ไป ู่ ย ื่ น ๆ ได้ แ ก่ ข บ ม ป ด ลง ป ดก้ น กบ
ปั เป็นเลื ด ถ่ ย ุจจ ร เป็นเลื ด เป็นต้น
มะเร็งเต้านม
มะเร็งเต้านม (Brease cancer) เป็นม เร็งที่พบบ่ ยในผู้ ญิงไทย โดย ม รถพบได้ 1 ใน 10 ข ง
ผู้ ญิง ม เร็งเต้ นมน้น ม รถพบได้ในผู้ช ยเช่นกนแต่พบใน ตร ที่น้ ยม ก
ปัจจัยเ ี่ยงข งการเป็นมะเร็งเต้านม
1. ผู้ ญิงที่มี ยุม กก ่ 40 ปีขึ้นไป จ มีค มเ ี่ยงต่ ก รเป็นม เร็งเต้ นม โดยพบบ่ ยใน ญิงที่มี ยุ
50 ปีขึ้นไป
2. ญิงที่มีปร ติคนในคร บคร เป็นม เร็งเต้ นม จ มีค มเ ี่ยงต่ ก รเกิดม เร็งเต้ นมม กก ่ คน
ปกติ ร มท้งผู้ที่เคยป่ ยเป็นม เร็งเต้ นม ก็มี ตร เ ี่ยงที่จ กลบม เป็นใ ม่ ูงก ่ คนปกติด้ ย
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 40
ิธีการป้ งกันมะเร็งเต้านม
1. ยุ 20 ปีขึ้นไป ค รเริ่มตร จเต้ นมด้ ยตนเ งทุกเดื น
2. ช่ งเ ล ที่เ ม ม รบก รตร จคื 3 ถึง 10 น นบจ กปร จ เดื น มด ่ น ตรีที่ มด
ปร จ เดื นใ ้ก นด นที่จดจ ง่ ยแล ตร จใน นเดีย กนข งทุกเดื น
3. รบผู้ที่มีปร ติในคร บคร เป็นม เร็งเต้ นมค รรีบปรึก แพทย์เพื่ ข ค แน น
4. กพบ ิ่งผิดปกติบริเ ณเต้ นม รื รกแร้ ค รรีบปรึก แพทย์ทนทีที่พบ
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 41
(ก) (ข)
. (ก) น นร บโดยใช้ผ้ ่ม รื ม น นุนตรง โพก ใ ้ กที่จ ตร จน้นแ ่นขึ้น ใช้มื ข้ ง นึ่ง นุนใต้
ีร แล้ ใช้มื ีกข้ ง นึ่งตร จคล ใ ้ท่ ทุก ่ นข งเต้ นม
(ข) ก รตร จเต้ นมแต่ล ข้ ง ใ ้เริ่มต้นที่จุดบริเ ณ ่ นน กแล เ นื ุดข งเต้ นม แล้ คล เ ียนไป
โดยร บเต้ นมเป็นรูป งกลม แล เคลื่ นมื เขยิบเข้ ม เป็น งแคบเข้ เรื่ ยๆ จนถึงบริเ ณ นม เ ร็จแล้
เปลี่ยนใช้มื ีกข้ ง นึ่ง นุนใต้ ีร บ้ ง แล้ ตร จเต้ นม ีกข้ ง นึ่งในลก ณ เดีย กน
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 42
ขั้นที่ 4 การบีบ ั นม
มะเร็งป ด
มะเร็ ง ป ด( Lung cancer ) เป็ น เนื้ ง กชนิ ด นึ่ งข ง ล ดลมแล ป ด แต่ เป็ น ชนิ ด ที่ร้ ยแรง
เริ่มแรกม เร็งป ดจ เป็นก้ นขน ดเล็ ก กปล่ ยไ ้ก้ นจ โตขึ้นลุกล มเข้ แทนที่เนื้ ป ดปกติ แล กร จ ย
ไป ู่ ย ื่นๆ เช่น ตบ ม ง กร ดูก เป็นต้น
าเ ตุและปัจจัยเ ี่ยง
1. บุ รี่ จ กก ร ึก ิจยข งนก ิทย ตร์แล แพทย์ท่ โลกยืนยน ่ ม เร็งป ดเกี่ย ข้ งโดยตรงกบ
ก ร ูบบุ รี่ ท้งผู้ ูบเ ง แล ผู้ได้รบค นบุ รี่
- ก ร ูบบุ รี่เป็น เ ตุ คญข งก รเกิดม เร็งป ด
- ผู้ ูบบุ รี่โดยเฉลี่ยมีโ ก เป็นม เร็งป ดม กก ่ ผู้ไม่ ูบบุ รี่ 12 เท่
- ผู้ที่ต้ งดูดค นบุ รี่ข งคน ื่น เ ี่ยงต่ ก รเป็นโรคม เร็งด้ ย
- ถ้ ผู้ ูบบุ รี่ ม รถ ยุดบุ รี่ได้ทน ก่ นที่ป ดจ ได้รบค มเ ีย ย ย่ งถ ร โ ก ข งก ร
เกิดโรคม เร็งป ดจ ลดลงทนที
- ผู้ ูบบุ รี่ ม รถ ยุด ูบบุ รี่ได้น น 10 – 15 ปี จ ลด ตร เ ี่ยงข งโรคม เร็งป ดได้ครึ่ง นึ่ง
- รบผู้ที่เป็นม เร็งป ดแล้ ก รเลิก ูบบุ รี่จ ท ใ ้ ก รดีขึ้น แล ยู่ได้น นขึ้นก ่ ผู้ที่
ยงคง บู บุ รี่ต่ ไป
2. แ เบ ต (Asbestos = ารใย ิน) เป็นแร่ธ ตุที่ใช้ใน ุต กรรม ล ยชนิด เช่น ก รก่ ร้ ง
โครง ร้ ง ค ร ผ้ เบรก ครทช์ ฉน นค มร้ น ุต กรรม ิ่งท เ มื งแร่
- ผู้ที่เ ี่ยง ได้แก่ ผู้ที่ท ง นใน ิ่งแ ดล้ มที่มีก รใช้แ เบ ต เป็น ่ นปร ก บ เช่น
โรงง นผลิตกร เบื้ ง ท่ ซีเมนต์ ผ้ เบรก ผ้ ครทช์ แผ่นฉน นกนค มร้ น ใยแก้ ใย ิน
- ร ย เ ล ที่ มผ ฝุ่นแ เบ ต จนเป็นม เร็งป ด จใช้เ ล 15 – 35 ปี
- ผู้ที่ไม่ ูบบุ รี่ แต่ท ง นกบฝุ่นแร่แ เบ ต เ ี่ยงต่ ม เร็งป ดม กก ่ คนท่ ไป 5 เท่
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 43
3. เรด น เป็นก๊ ซกมมนตรง ี ไม่มี ี ไม่มีกลิ่น ไม่มีร เกิดจ กก ร ล ยต ข งแร่ยูเรเนี่ยมใน ินแล ดิน
กร จ ย ยู่ใน ก แล น้ ใต้ดินในที่ๆ ก ไม่ถ่ ยเท เช่น ในเ มื งใต้ดิน จมีปริม ณม ก ท ใ ้มีค มเ ี่ยง
ต่ ก รเกิดโรคม เร็งป ดได้
4. มลภา ะใน ากา ได้แก่ ค นพิ จ กรถยนต์ แล โรงง น ุต กรรม เป็นต้น
าการข งโรคมะเร็งป ด
ร ย แรกข งโรค จ ไม่มี ก รใดๆ บ่งชี้ ย่ งแน่ชด เมื่ โรคลุกล มม กแล้ ก รที่ จพบ
- ไ เรื้ รง / ไ เป็นเลื ด
- บเ นื่ ย / เจ็บแน่น น้ ก
- น้ นกลดร ดเร็ / เบื่ ร
- กลืน รล บ ก
- เ ียงแ บ
- มีก้ นที่ค (ม เร็งกร จ ยม ต มต่ มน้ เ ลื งที่ค )
- ป ดกร ดูกซี่โครง ไ ปล ร้ ป ดกร ดูก น ลง(ม เร็งกร จ ยม กร ดูก)
- แขน ข ่ นแรง(ม เร็งกร จ ยไป ม ง)
- ไม่ ม รถกล้นปั ุจจ ร ได้
โดย ก รดงกล่ มกเป็น ก รร่ มข งโรคต่ งๆได้ เพร ฉ น้น กมี ก รดงกล่ ค รพบแพทย์
เพื่ รบก รรก แล ินิจฉยที่ถูกต้ งต่ ไป
การ ินิจฉัยโรคมะเร็งป ด
1. การเ กซเรย์ทร ง ก (Chest X-ray) นิยมใช้เป็น ิธีก รตร จ ินิจฉยม เร็งป ดเบื้ งต้น กพบ
เนื้ ง กในป ดจ แ ดงเป็นลก ณ โทน ีข -เท ใ ้เ ็นถึง ภ พป ดข งผู้ป่ ย ย่ งไรก็ต ม ิธีนี้ไม่ ม รถ
แยกค มชดเจนร ่ งก้ นเนื้ ม เร็ง รื ภ ื่น ๆ ที่ จเกิดกบป ดได้ ย่ งโรคฝีในป ด (Lung
Abscess) ก่ นที่แพทย์จ ตร จด้ ย ิธี ื่นเพิ่มเติม เพื่ ดู ีกคร้ง ่ ิ่งผิดปกติน้นเป็นม เร็งป ด รื ไม่ ร มถึงชนิด
ข งม เร็ง แล ก รแพร่กร จ ยข งม เร็ง
2. การเ กซเรย์ค มพิ เต ร์ รื ซีที แกน (CT-scan) เป็น ิธีก รตร จ ค มผิดปกติข ง ย
ภ ยในโดยรง ีเ กซ์ก่ นที่จ ร้ ง กม เป็นภ พด้ ยเครื่ งมื พิเ เพื่ ใ ้แพทย์ ม รถเ ็นเนื้ ป ดได้
ชดเจนยิ่งขี้น โดยแพทย์ จมีก รตร จด้ ย ิธีนี้ ลงก รเ กซเรย์ทร ง ก ก่ นก รท ซีที แกนแพทย์ จจ ฉีด
รทึบแ งใ ้แก่ผู้ป่ ย ซึ่ง รทึบแ งนี้จ ท ใ ้ ม รถตร จพบ ิ่งผิดปกติภ ยในป ดได้ชดขึ้น ก รท ซีที แกน
จ ไม่ ่งผลใ ้ผู้ป่ ยเกิดค มเจ็บป ด แล ใช้เ ล ปร ม ณ 20-30 น ที
3. การเ กซเรย์ค มพิ เต ร์ เพทซีที แกน (Positron Emission Tomography-Computerised
Tomography: PET-CT Scan) จจ มีก รตร จในกรณี ลงจ กก รตร จพบ ิ่งปกติที่ค ด ่ น่ จ เป็นม เร็ง
ภ ย ลงก รตร จซีที แกน โดยจ ช่ ยปร เมินก รแพร่กร จ ยข งม เร็ง ท ใ ้รู้ได้ ่ ผู้ป่ ยเป็นม เร็ง ยู่ในข้น
ใด ซึ่งจ ช่ ยในก ร ินิจฉยแล ก รรก ได้ตรงจุดม กขึ้น ก่ นท ก รตร จเพทซีที แกน แพทย์จ ฉีด ร
กมมนตรง ีใ ้แก่ผู้ป่ ยก่ นผ่ นเข้ เครื่ งตร จ ก รตร จด้ ย ิธีนี้จ ไม่ ่งผลใ ้ผู้ป่ ยเกิดค มเจ็บป ด แล ใช้
เ ล ปร ม ณ 30-60 น ที
4. การ ่ งกล้ งและการตัดชิ้นเนื้ (Bronchoscopy และ Biopsy) กพบ ิ่งผิดปกติที่ค ด ่ น่ จ
เป็นม เร็งบริเ ณกล ง น้ ก แพทย์ จใช้ ิธีก ร ่ งกล้ งโดยใช้ท่ ขน ดเล็ก ดลงไปใน ล ดลม เพื่ ตร จดู
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 44
มะเร็งตับ
ม เร็งตบ (Liver Cancer) เป็น โรคม เร็งที่รุนแรงชนิด นึ่งที่พบได้บ่ ย โดยจ พบในเพ ช ยม กก ่
เพ ญิง โรคม เร็งตบที่พบม กมี 2 ชนิด คื โรคม เร็งข งเซลล์ตบแล โรคม เร็งท่ น้ ดีโรคม เร็งท่ น้ ดีจ พบ
ม กในภ คต น กเฉียงเ นื แล ภ คเ นื
1. มะเร็งข งเซลล์ตับ (Hepatoma/hepatocellular carcinoma) ม ยถึงม เร็งที่เกิดจ กเซลล์ที่ ยู่
ในเนื้ ตบ ซึ่งพบได้ท่ ทุกภ คข งปร เท เชื่ ่ มี เ ตุ มพนธ์กบ โรคตบ กเ บชนิดบี แล ตบแข็ง ย่ ง
ใกล้ชิดน กจ กนี้ยงพบ ่ ร ลฟล ท็ กซิน (aflatoxin) ซึ่งเป็น รพิ ที่ได้ม จ กเชื้ ร บ งชนิดที่ขึ้นบนถ่ ลิ ง
ข้ โพด พริกแ ้ง ม กร เทียม เป็นต้น เป็น เ ตุที่ คญข งม เร็งชนิดนี้
2. มะเร็งข งเซลล์ท่ น้้าดี (Cholangiocarcinoma) ม ยถึงม เร็งที่เกิดจ กเซลล์ที่เยื่ ภ ยในท่ น้ ดี
่ นที่ ยู่ภ ยในตบ (biliary tree) ซึ่งพบม กท งภ ค ี น เชื่ ่ มีค ม มพนธ์กบโรคพย ธิใบไม้ในตบ แล
รในโตซ มีน (nitrosamine) ซึ่งเป็น รพิ ที่พบใน รพ กโปรตีน มก (เช่น ปล ร้ ปล ้ม แ นม ล )
แล รพ กเนื้ ต ์ที่ปร มดินปร ิ (เช่น กุนเชียง ไ ้กร ก เนื้ เค็ม ปล เค็ม ล )
ปัจจัยเ ี่ยงที่ท้าใ ้เกิดโรค
ปัจจยเ ี่ยงที่ท ใ ้เกิดม เร็งตบเกิดจ กผู้ป่ ยติดเชื้ ไ ร ตบ กเ บ โดยติดเชื้ ไ ร ตบ กเ บบี
ร้ ยล 50-55 แล ติดเชื้ ไ ร ตบ กเ บซีร้ ยล 25-30 โดยผู้ที่เป็นพ ข งไ ร ตบ กเ บบีจ มีค มเ ี่ยง
ต่ ก รเกิดม เร็งตบ ูง ม กก ่ คนที่ไม่เป็นพ ถึง 100-400 เท่
น กจ กนี้ยงม จ กผู้ป่ ยที่เป็นโรคตบแข็ง แล ผู้ที่ดื่มเครื่ งดื่มแ ลก ล์จ มีค มเ ี่ยงต่ ก รเป็น
ม เร็งตบถึง 1.5 เท่ ถึง 7.3เท่ ยิ่ง มีก รดื่มปร จ ทุก นแล้ โ ก ที่จ เป็นม เร็งตบก็จ ยิ่งม กขึ้นเช่นกน แล
ถึงแม้ ่ จ ยุดดื่มแล้ ก็ต ม โ ก ที่จ เป็นโรคม เร็งตบก็จ ไม่ลดลง
าเ ตุข งโรคมะเร็งตับ
เ ตุจ แบ่งต มชนิดข งม เร็งตบ ดงนี้
1. ม เร็ งข งเซลล์ ตบ มี เ ตุ คญม จ กก รรบปร ท น รที่มี รพิ รื เชื้ ร ปนเปื้ น
ร ฟล ท็ กซิน (Aflatoxin) ที่มกพบใน ร เช่น ถ่ ลิ ง มแดง พริกแ ้ง โดยเฉพ กเก็บ ร
เ ล่ นี้ไ ้เป็นเ ล น น รื เก็บในที่ บชื้น แล ยงพบ ่ ผู้ป่ ยด้ ยโรคตบ กเ บชนิดบีแล ซี ร มท้งโรคตบแข็งก็
จกล ยเป็นม เร็งข งเซลล์ตบในภ ย ลงได้
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 45
าการข งโรคมะเร็งตับ
ผู้ที่ป่ ยเป็นม เร็งตบที่มี ก รมกจ เป็นม เร็งที่เป็นม ก ก รข งโรคตบมกจ มี ก รเ มื นกบ
ม เร็งร บบ ื่นๆ ก รต่ งๆที่พบได้คื
- น้ นกลด
- เบื่ ร
- จุกเ ียดแน่นท้ ง
- ป ดท้ งตล ดเ ล
- ท้ งบ มขึ้น ยใจล บ ก
- คล ได้ก้ นที่บริเ ณตบ
- ต เ ลื ง ต เ ลื ง
- ก รผู้ป่ ยทรุดลง ย่ งร ดเร็
การป้ งกันโรคมะเร็งตับ
1. งดดื่ม ุร แล เครื่ งดื่มที่มีแ ลก ล์
2. ลีกเลี่ยง รที่ จปนเปื้ นเชื้ ร รื ร ลฟล ท็ กซิน ได้แก่ ธญพืชต่ งๆ
3. ย่ มผ กบเลื ด รื รคด ล่งใดๆ ข งผู้ ื่น กจ เป็นใ ้ มถุงมื แล ้ มใช้เข็มฉีดย ร่ มกบผู้ ื่น
4. ไม่ ่ นท งเพ มถุงย ง น มยเพื่ ป้ งกนก รติดเชื้ ไ ร ตบ กเ บ
5. ป้ งกนก รติดเชื้ ไ ร ตบ กเ บบี โดยก รฉีด คซีน
6. กป่ ยเป็นโรคตบ กเ บเรื้ รงจ กไ ร ตบ กเ บบี รื ซีต้ งรบก รรก กบแพทย์ ย่ งต่ เนื่ ง
ด้ ย ิธีที่เ ม มซึ่ง ม รถลดค มเ ี่ยงในก รเป็นม เร็งตบได้
7. กรณีที่มีปัจจยเ ี่ยงต่ ก รเกิดม เร็งตบ ค รเฝ้ ร งเป็นร ย ๆโดยก รตร จเลื ดแล ตร จ
ลตร ซ นด์เพื่ ม เร็งตบทุกๆ 6 เดื น
แ ล่งที่ม ข งภ พ http://medicaldevices.oie.go.th/Article.aspx?aid=8136
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 46
แ ล่ง ้าง ิง
กร ทร ง ึก ธิก ร. ขุ ึก าและพล ึก า นัง ื เรียนราย ิชาพื้นฐาน ชั้นมัธยม ึก าปีที่ 6.
กรุงเทพ : ก ค. ล ดพร้ , 2555.
ุรเกียรติ ช น นุภ พ. ต้าราการตร จรัก าโรคทั่ ไป ลักการ ินิจฉัยและรัก าโรค/250 โรคและ
การดูแลรัก า. กรุงเทพ: (ม.ป.ท.), (ม.ป.ป.).
ม ม ย แตง กุลแล คณ . คู่มื การ น ุข ึก าและพล ึก า1 ม.4-6. กรุงเทพ : ฒน พ นิช, 2551
ม คมโรคเบ นแ ่งปร เท ไทย ในพร บรมร ชูปถมภ์ มเด็จพร เทพรตนร ช ุด ย มบรมร ชกุม รี .
แน ทางเ ชปฏิบัติ ้า รับโรคเบา าน 2560 Clinical Practice Guideline for Diabetes 2017.
พิมพ์คร้งที่ 3 ปทุมธ นี: ร่มเย็น มีเดีย จ กด. 2560.
เ ็บไซต์
กรมก รแพทย์. แ ล่งที่ม https://www.dms.moph.go.th./section3/315016.htm
กรม น มย. แ ล่งที่ม https://www.anamai.moph.go.th. [ มีน คม 2562]
ค มดนโล ิต ูง.[ นไลน์],แ ล่งที่ม
https://www.siamhealth.net/public_html/Disease/endocrine/DM/intro.htm
ถ บนม เร็งแ ่งช ติ กรมก รแพทย์ กร ทร ง ธ รณ ุข. ถิติโรคม เร็ง [ นไลน์], แ ล่งที่ม
https://www.nci.go.th/th/cancer_record/cancer_rec1.html [ มีน คม 2564]
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 47
แ ล่ง ้าง ิง
ม คมแพทย์โรค ใจแ ่งปร เท ไทย. ค มรู้ รบปร ช ช ชน [ นไลน์], แ ล่งที่ม www.thaiheart.org
[ มีน คม 2561]
https://www.blog.spko.moph.go.th
https://www.dpc9.ddc.moph.go.th
https://www.health.kapook.com
https://www.cyber.thailife.com
https://www.bankokhealth.com
https://www.yourhealthyguide.com
https://www.thaicancertreatment.com
https://www.thailabonline.com
https://www.goodhealth.co.th
https://www.thaihealth.or.th
https://www.dmthai.org
www.pobpad.com
https://www.thaihealth.or.th/microsite/categories/5/ncds/2/173/176-กลุ่มโรค+NCDs.html
https://www.phyathai.com/article_detail.php?id=1653
https://www.bumrungrad.com/th/neurology-stroke-dementia-neurosurgery-treatment-center-
bangkok-thailand/conditions/stroke#Risks
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 48
น่ ยการเรียนรู้ที่ 4
ค ามปล ดภัยในชี ิตจากภัยพิบัติ
ก รเกิดภย ธ รณ ทิ ไฟไ ม้ ค ร แผ่นดินไ น้ ท่ ม แล ตึกถล่ม ก่ ใ ้เกิดค มเ ีย ยแล
นตร ย ย่ งม ก บุคคลผู้ที่ ยู่ในเ ตุก รณ์ย่ มมีค มเ ี่ยงต่ ชี ิตข งตน จพิก ร รื เ ียชี ิตได้ ทรพย์ ิน
ต่ งๆ ได้รบค มเ ีย ย จ ูญเ ียบ้ นเรื นที่พก ย ชุมชนร บข้ งเ ี่ยงต่ นตร ยท้งจ กไฟไ ม้แล
มลภ ท ง ก ถ้ เป็น ค รที่ปร ก บกิจก รธุรกิจต่ งๆ ย่ ม ่งผลกร ทบต่ ก รด เนินธุรกิจน้นๆ ข้ มูล
คญท งธุรกิจได้รบค มเ ีย ย ปร บกบค มล้มเ ล ท ใ ้ก รด เนิ นธุรกิจต้ งปร บปัญ ุป รรค
ย่ งม ก ภ พแ ดล้ มบริเ ณที่เกิด ธ รณ ภยได้รบค มเ ีย ย ก่ ใ ้เกิดก รพงทล ย เกิดมลภ ท ง
ก ย่ งม ก ซึ่ง จ ่งผลกร ทบต่ ุขภ พก ย แล ุขภ พจิตข งคนในชุมชนได้
ค าม มายข งภัยพิบัติ
ภัยพิบัติ มายถึง ภยที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้ค ด ม ย จจ เกิดขึ้นเ งต มธรรมช ติ รื เกิดจ กก ร
กร ท ข งมนุ ย์ ท ใ ้ผู้ที่เกี่ย ข้ งเกิดก รบ ดเจ็บ เ ียชี ิต รื เกิดค มเ ีย ยแก่ทรพย์ ิน
ภยพิบติเกิดขึ้นได้กบทุกเพ ทุก ย ทุกเ ล ทุก ถ นที่ ถ้ กไม่มีก ร ึก แล ป้ งกนที่ดีม กพ
ก็ย่ มมีโ ก เกิดภยพิบติได้โดยง่ ย
ภยพิบติที่เกิดจ กธรรมช ติ เช่น พ ยุ น้ ท่ ม แผ่นดินไ ภูเข ไฟร เบิด เป็นต้น
ภยพิบติที่เกิดจ กก รกร ท ข งมนุ ย์ เช่น รถชนกน เครื่ งบินตกเพร นกบินปร ม ท เรื ล่ม
ก รตดไม้ท ล ยป่ ก รใช้ร เบิดท ล ย ิ่งปลูก ร้ ง ม กค นจ กก รเผ ไ ม้ แล ื่นๆ ีกเป็นจ น นม ก
ภัยพิบัติไฟไ ม้ าคาร
ัคคีภัย ภย นตร ย นเกิดจ กไฟที่ข ดก รค บคุมดูแล ท ใ ้เกิดก รติดต่ ลุกล มไปต มบริเ ณที่มี
เชื้ เพลิงเกิดก รลุ กไ ม้ต่ เนื่ ง ภ ข งไฟจ รุนแรงม กขึ้นถ้ ก รลุกไ ม้มีเชื้ เพลิ ง นุน รื มีไ ข ง
เชื้ เพลิงถูกขบ กม ม กค มร้ นแรงก็จ ม กยิ่งขึ้น เป็นภยที่ก่ ใ ้เกิดค มเ ีย ย ย่ งม ลท้งต่ ชี ิต
แล ทรพย์ ิน
ย่ งไรก็ต มเร ม รถ ลีกเลี่ ยง รื ลดค มรุนแรงลงได้ถ้ ผู้ที่เกี่ย ข้ งทุกฝ่ ยได้พิจ รณ แล ใ ้
ค ม คญข งผลจ กภยนี้ ในก ร กแบบ ิ่งก่ ร้ งต้งแต่เริ่มต้นใ ้มีค มเ ี่ยงต่ คคีภยต่ แล ในกรณีเกิด
ไฟไ ม้แล้ มีผลเ ีย ยเกิดขึ้นน้ ยที่ ุด ต มทฤ ฎีแล้ ตร ค มเ ี่ยงต่ คคีภยไม่ได้ ม ยถึงค มเป็นไปได้ใน
ก รจ เกิดไฟไ ม้ขึ้นเท่ น้น แต่ ม ยถึงขน ดค มรุ นแรงข งค มเ ีย ยที่เกิดจ กไฟไ ม้ด้ ย ค มเ ีย ย
เ ล่ นี้คื
1. ก ร ูญเ ียชี ิต
2. ก ร ูญเ ียทรพย์ ินที่ถูกไฟไ ม้
3. ก ร ูญเ ียโ ก ในกิจก รที่ต้ ง ยุดช งกเนื่ งจ กไฟไ ม้
4. ค ม ูญเ ียท งจิต ิทย จ กปร บก รณ์ที่ผ่ นม พบ ่ ผู้ที่ปร บกบ คคีภยมกเกิดค มท้ ถ ย
ท งด้ นจิตใจต มม ด้ ย
าเ ตุข ง ัคคีภัย จเกิดได้ 2 ลก ณ ใ ญ่ คื
เ ตุข ง คคีภย นเกิดจ กค มต้งใจ เช่น ก รล บ งเพลิง ก รก่ ิน กรรม ซึ่งเกิดจ กก ร
จูงใจ นมีมูล เ ตุที่ท ใ ้เกิดก รล บ งเพลิง จเนื่ งม จ กเป็นพ กโรคจิต
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 49
งค์ประก บข งไฟ ไฟจ ติดเมื่ มีครบท้ง 3 งค์ปร ก บ ท ปฏิกิริย ท งเคมีต่ เนื่ งเป็นลูกโซ่ คื
แ ล่งที่ม ข งภ พ http://dpm.nida.ac.th/main/index.php/articles/fire/item/87
ถ นีดบเพลิง มเ น. (2562). ประเภทข งไฟ ตามมาตรฐาน NFPA 10. ืบค้นเมื่ 24 มีน คม2562, จ ก
http://www.samsenfire.com/article/83-fire-calss.html
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 51
ขนาดและค ามรุนแรงแผ่นดินไ
ม ตร ดแผ่นดิน ไ มี 2 ปร เภท คื ม ตรที่แบ่งด้ ยค มรุนแรง (Intensity) แล ม ตรที่แบ่งด้ ย
ขน ด (Magnitude) ข งแผ่นดินไ ซึ่งกรมทรพย กรธรณีได้ใ ้ค ม ม ยข งค มรุนแรงแล ขน ดข ง
แผ่นดินไ ไ ้ ดงนี้
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 54
แ ล่งที่ม ข งภ พ http://www.neutron.rmutphysics.com/teaching-
glossary/index.php?option=com_content&task=view&id=8253
- มาตราริกเต ร์ (The Richter Magnitude Scale) เป็นม ตร ที่ ดขน ดข งแผ่นดินไ ซึ่งบนทึก
ได้จ กเครื่ ง ดแผ่นดินไ (Seismograph) ดได้จ กค ม ูงข งคลื่น (Amplitude) แ ดงผลในรูปแบบจ น น
เต็มแล จุดท นิ ยมท ใ ้ ม รถเปรีย บเทียบขน ดข งแผ่นดินไ ที่เกิดขึ้นคนล เ ตุก รณ์กนได้ โดยคลื่ น
แผ่นดินไ ที่ปร กฏในเครื่ งตร จ ด แล ค น ณได้จ ก ูตรท งคณิต ตร์เป็นล ก ริทึมฐ น ิบข งค ม ูง
ข งคลื่นแผ่นดินไ
- มาตราโมเมนต์ แ มกนิจู ด (moment magnitude scale; MMS, Mw) เป็นม ตร ที่ ดขน ดข ง
คลื่นแผ่นดินไ ซึ่งบนทึกแผ่นดินไ ในลก ณ คล้ ยคลึงกบค่ ที่บ นทึกได้ในม ตร ริกเต ร์ แต่มีค มล เ ียด
แล แม่นย ก ่ เพร เป็นม ตร ที่ถูกพฒน ขึ้นใ ม่พร้ มๆ กบเครื่ ง ดแผ่นดินไ ที่มีก รบนทึกผลด้ ยร บบ
ฟังก์ช่นเ ล ในปี พ. . 2513 เพื่ ใช้แทนม ตร ริกเต ร์ที่ถูกพฒน ขึ้นต้งแต่ปี พ. . 2473
ขน ดข งแผ่นดินไ ไม่ได้ ม ยถึง ค มรุนแรงแผ่นดินไ ไปด้ ย เช่น แผ่นดินไ ปี ค. . 1933
มีขน ด 8.9 ริคเต ร์ แต่มีผู้เ ียชี ิตเพียง 3,000 คน เท่ น้น เปรียบเทียบกบปี ค. . 1976 แผ่นดินไ ที่จีน
มีขน ดเล็กลงม คื 8.2 ริคเต ร์ แต่มีผู้เ ียชี ิตถึง 250,000 คน ที่เป็นเช่นนี้เพร ขน ดแผ่ นดินไ จ คงที่ใน
แผ่ น ดิน ไ แต่ล คร้ ง แต่ค มรุ นแรงจ แตกต่ งไปต มร ย ท ง ภ พท งธรณี ิทย แล ม ตรฐ นก ร
ก่ ร้ ง ค มรุนแรงแผ่นดินไ ดโดยใช้ค มรู้ ึก ่ มีก ร ่น เทื นม กน้ ยเพียงใด แล ก รดูจ กค ม
เ ีย ยต่ ค รแล ิ่งก่ ร้ ง
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 55
มาตรการป้ งกันและบรรเทาภัยแผ่นดินไ
1. ก รก่ ร้ ง ค รใ ้แข็งแรงปล ดภยจ กแผ่นดินไ ซึ่งค ด ่ จ เกิดขึ้นในปร เท ไทยได้ โดยก ร
กกฎกร ทร ง รบค บคุมก รก่ ร้ ง ค รต่ งๆ ใ ้ ม รถต้ นท นแรงแผ่นดินไ ได้ดี
2. ตึกแถ รื บ้ นแฝดที่มีค ม ูงไม่เกิน 2 ช้น ต้ งมี
- ร บบ ญญ ณเตื นเพลิงไ ม้ ย่ งน้ ย 1 เครื่ งทุกคู
- เครื่ งดบเพลิงชนิดมื ถื ย่ งน้ ย 1 เครื่ ง ทุกคู
3. ค ร ธ รณ ค ร พก แล ค รที่มีค ม ูง 3 ช้นขึ้นไปต้ งมี
- ร บบ ญญ ณเตื นเพลิงไ ม้ ย่ งน้ ย 1 จุด ทุกช้นแล ทุกคู
- เครื่ งดบเพลิง ย่ งน้ ย 1 เครื่ งต่ พื้นที่ 1,000 ต ร งเมตร ทุกร ย ไม่เกิน 45 เมตร แต่ไม่น้ ย
ก ่ ช้นล 1 เครื่ ง
4. ค ร ูงแล ค รขน ดใ ญ่พิเ (ค ม ูงเกิน 23 เมตร รื พื้นที่ม กก ่ 10,000 ต ร งเมตร
จ ต้ งมีร บบเตื นเพลิงไ ม้ แล ร บบดบเพลิง ย่ งเต็มที่ต มกฎกร ทร งฉบบที่ 33 พ. . 2535 (กฎกร ทร ง
ฉบบที่ 39 พ. . 2537)
5. ก รปร ช มพนธ์แล ใ ้ค มรู้เกี่ย กบแผ่นดินไ ก รแน น ก รปฏิบติตนเมื่ เกิดแผ่นดินไ ซึ่งจ
เป็นก รลดภยจ กแผ่นดินไ ีกท ง นึ่งด้ ย น กจ กน้น น่ ยง นที่รบผิดช บจ ต้ งมีแผนก รเตรียมค ม
พร้ ม จดร บบก รปร นง นข ง น่ ยง นต่ งๆ ท้งภ ครฐแล เ กชนเมื่ เกิดภยขึ้น ใ ้ก รฝึก บรมแล
ฝึ ก ซ้ มแก่ เ จ้ น้ ที่ ผู้ ป ฏิ บ ติ ง น ยู่ เ ป็ น ปร จ มี ก รจด ุ ป กรณ์ แ ล เครื่ งมื นกในก รช่ ยเ ลื
ผู้ปร บภย เป็นต้น
6. ค รพฒน แล ปรบปรุงเครื ข่ ยที่รบข้ มูลแผ่นดินไ ใ ้มีปร ิทธิภ พแล ทน มย
7. ค รมีเครื ข่ ยร บบก รเตื นภยที่ มบูรณ์ แล ค ร นบ นุนใ ้มีก ร ึก ิจยเกี่ย กบก รพย กรณ์
แผ่นดินไ
แ ล่งที่ม https://www.saturnfireproduct.com/product/44/hose-reel-cabinet
ภัยพิบัติ ึนามิ
ึน มิ ม จ กภ ญี่ปุ่น แปล ่ “คลื่นท่ เรื ” ช ญี่ปุ่นใช้เรียกคลื่นยก ์ที่เข้ ท ล ยช ยฝั่ง แล
ท่ เรื ในช่ พริบต เนื่ งจ กปร เท ญี่ปุ่นมีคลื่นยก ์ ึน มิเกิดขึ้นบ่ ยๆ จึงกล ยเป็นค พท์ที่รู้จกแล ใช้เรียก
กนท่ โลก เมื่ เกิด ึน มิขึ้นจึงก่ ใ ้เกิดค มเ ีย ย ย่ งม ลแก่ชี ิตแล ทรพย์ ิน
เมื่ นที่ 26 ธน คม 2547 เป็น นที่คนไทยทุกคนไม่ลืมเลื นกบเ ตุก รณ์ภยพิบติที่ไม่ค ดคิดม ก่ น
จ กคลื่นยก ์ “ ึน มิ” เคลื่ นต เข้ ถล่มช ยฝั่งท เลภ คต นตกข งปร เท ไทย เ ตุเกิดจ กแผ่นดินไ ใต้
ท เลในปร เท ินโดนีเซีย ผลจ กก รเกิด ึน มิคร้งนี้ท ใ ้ปร เท ต่ งๆ ก ่ 17 ปร เท ได้รบค ม ูญเ ียท้ง
ชี ิตแล ทรพย์ ิน ซึ่งไม่ ม รถปร เมินค่ ได้ คลื่นยก ์ “ ึน มิ” เป็นก รเคลื่ นต ข งม ลน้ เป็นชุดๆ พฒน
จ กก รถูกแทนที่ด้ ยม ลข งแข็งขน ดม ึม จ ก เ ตุดงต่ ไปนี้
ก รเคลื่ นต ข งเปลื กโลก นเนื่ งม จ กแผ่ น ดิ น ไ ที่ มี จุ ด
ูนย์กล งในท้ งท เลจ ก ดีตถึงปัจ จุบนพบ ่ ก ่ 80% คลื่ นยก ์ “ ึ น มิ ”
มกจ เกิดจ ก เ ตุนี้ มีก รปร ม ณก ร ่ 2/3 ข งเ ตุก รณ์คลื่ นยก ์ใน
ม มุท รแปซิฟิ กเกิด จ กแผ่ น ดิ น ไ ที่ มีค มรุ นแรงม กก ่ 7.5 ริ กเต ร์
ดงน้น “ ึน มิ” จึงมกจ เกิดขึ้นบริเ ณที่มีค มเ ี่ยงต่ ก รเกิดแผ่นดินไ เช่น
พื้นที่ร บๆ ม มุทรแปซิฟิกที่เรียกกน ่ “ งแ นไฟ” ( Ring of fire)
แ ล่งที่ม : http://reo06.mnre.go.th/home/images/upload/file/report/nong54-4.pdf
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 58
ภัยพิบัติ ุทกภัย
ุทกภัย มายถึง ภยแล นตร ยที่เกิดจ ก ภ น้ ท่ ม รื น้ ท่ มฉบพลน มี เ ตุม จ กก รเกิดฝน
ตก นก รื ฝนต่ เนื่ งเป็นเ ล น น เนื่ งม จ ก
1. ย่ มค มกด ก ต่
2. พ ยุ มุนเขตร้ น ได้แก่ พ ยุดีเปร ช่น, พ ยุโซนร้ น, พ ยุใต้ฝุ่น
3. ร่ งมร ุม รื ร่ งค มกด ก ต่
4. ลมมร ุมต นตกเฉียงใต้
5. ลมมร ุมต น กเฉียงเ นื
6. เขื่ นพง
6. ร ง ต ์มีพิ ที่ นีน้ ท่ มขึ้นม ยู่บนบ้ นแล ลงค เรื นกดต่ ย เช่น งู แมลงป่ ง ต ข บ
7. ติดต มเ ตุก รณ์ ย่ งใกล้ชิด เช่น งเกตลมฟ้ ก แล ติดต มค เตื นเกี่ย กบ ลก ณ ก
จ กกรม ุตุนิยม ิทย
8. เตรียมพร้ มที่จ พยพไปในพื้นที่ปล ดภยเมื่ ถ นก รณ์จ นต รื ปฏิบติต มค แน น ข ง
ท งร ชก ร
9. เมื่ จ นต ใ ้ค นึงถึงค มปล ดภยข งชี ิตม กก ่ ่ งทรพย์ มบติ
ลัง ุทกภัยค รปฏิบัติ ดังนี้
เมื่ ร ดบน้ ลดลงจนเป็นปกติ ก รบูรณ ซ่ มแซม ิ่งต่ งๆจ ต้ งเริ่มต้นทนที ง นบูรณ ต่ งๆ เ ล่ นี้
จ ปร ก บด้ ย
1. ก รขน ่งคน พยพกลบยงภูมิล เน เดิม
2. ก รช่ ยเ ลื ในก รรื้ ิ่งปรก กพง ซ่ มแซมบ้ นเรื นที่ กพง แล ถ้ บ้ นเรื นที่ถูกท ล ยจน
มด ิ้น ค รได้รบค มช่ ยเ ลื ในก รจด ที่พก ยแล ก รด รงชีพช่ ร ย นึ่ง
3. ก รก ดเก็บขน ิ่งปรก กพงท่ ไป ก รท ค ม ดบ้ นเรื น ถนน นท งที่เต็มไปด้ ย
โคลนตม แล ิ่งช รุดเ ีย ยที่เกลื่ นกล ด ยู่ท่ ไปกลบ ู่ ภ พปกติโดยเร็
4. ซ่ มแซมบ้ นเรื น ค ร ที่พก ย โรงเรียน แล พ นที่ กพงช รุดเ ีย ย กรณีที่เ ีย ย
ม กจนไม่ จซ่ มแซมได้ ก็ใ ้รื้ ถ นเพร จ เป็น นตร ยได้
5. จดซ่ มท เครื่ ง ธ รณูปโภค ใ ้กลบคืน ู่ ภ พปกติโดยเร็ ที่ ุด เช่น ก รไฟฟ้ ปร ป
โทรเลข โทร พท์ เป็นต้น
6. ภ ย ลงน้ ท่ มจ มีซ ก ต ์ต ย ปร กฏในที่ต่ ง ๆ ซึ่งจ ต้ งจดก รเก็บฝังโดยเร็ ต ์ที่มีชี ิต
ยู่ซึ่ง ด รเป็นเ ล น น ใ ้รีบใ ้ รแล น กลบคืนใ ้เจ้ ข ง
7. ซ่ มแซมถนน พ น แล ท งรถไฟที่ข ดต นช รุดเ ีย ย ใ ้กลบ ู่ ภ พเดิมเพื่ ใช้ในก ร
คมน คมได้โดยเร็ ที่ ุด
8. ร้ ง ค รช่ คร รบผู้ปร บ ุทกภยใ ้ ยู่ ยเป็นก รช่ คร
9. ก ร งเคร ์ผู้ปร บ ุทกภย มีก รแจกเ ื้ ผ้ เครื่ งนุ่ง ่ม แล รแก่ผู้ปร บภย ค ม
ด ย ก ค มข ดแคลนจ มี ยู่ร ย นึ่ง ค รได้รบค มช่ ยเ ลื จ ก น่ ยบรรเท ทุกข์ รื มูลนิธิ
10. ภ ย ลง ุทกภย เนื่ งจ ก ิ่งแ ดล้ มมีก รเปลี่ยนแปลง ย่ งม ก จ ท ใ ้ เพิ่มค มเ ี่ยงต่
ก รเจ็บไข้แล โรคร บ ดได้
แ ล่ง ้าง ิง
กร ทร ง ึก ธิก ร. ุข ึก าและพล ึก า นัง ื เรียนราย ิชาพื้นฐาน ชั้นมัธยม ึก าปีที่ 4. พิมพ์คร้ง
ที่ 4 กรุงเทพ : ก ค. ล ดพร้ , 2557.
นกป้ งกนแล บรรเท ธ รณภย กรุงเทพม นคร. ยู่กับภัยใกล้ตั .พิมพ์คร้งที่ 1. กรุงเทพ : โรงพิมพ์
นกง นพร พุทธ น แ ่งช ติ, 2537.
กรม ุ ตุ นิ ย ม ิ ท ย . ( 2562). ค าม รู้ ุ ตุ นิ ยม ิ ท ย า . ื บ ค้ น เมื่ 15 มี น คม พ. . 2562, จ ก
https://www.tmd.go.th/info/info.php?FileID=34/
ถ นีดบเพลิง มเ น. (2562). ประเภทข งไฟ ตามมาตรฐาน NFPA 10. ืบค้นเมื่ 24 มีน คม 2562,
จ ก http://www.samsenfire.com/article/83-fire-calss.html
นง ื ุตุนิยม ิทย . (2562). ุทกภัย (Flood). ืบค้นเมื่ 25 มีน คม 2562, จ ก
https://www.tmd.go.th/info/info.php?FileID=70/
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 62
น่ ยการเรียนรู้ที่ 5
การปฐมพยาบาลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและการเคลื่ นย้ายผู้ป่ ย
ค าม มายข งการปฐมพยาบาล
ก รปฐมพย บ ล ม ยถึง ก รช่ ยเ ลื เบื้ งต้นแก่ผู้ได้รบบ ดเจ็บ ก่ นที่จ น ่ง ถ นพย บ ล รื
ได้รบก รดูแลจ กบุคล กรท งก รแพทย์ต่ ไป
ัตถุประ งค์
1. เพื่ ป้ งกน รื ช ยไม่ใ ้ผู้ป่ ยเจ็บเ ียชี ิต
2. เพื่ ไม่ใ ้ผู้ป่ ยเจ็บได้รบ นตร ยเพิ่มขึ้น
3. เพื่ ลดค มเจ็บป ดข งผู้ป่ ยเจ็บ
4. เพื่ ใ ้ผู้ป่ ยเจ็บกลบ ู่ ภ พเดิมโดยเร็
การบาดเจ็บที่พบได้บ่ ยๆ และการปฐมพยาบาล
1. เลื ดก้าเดาไ ล
เลื ดก เด ไ ลเป็นภ ที่เ ้นเลื ดฝ ยแตกบริเ ณ
ผนงจมูก ่ นใ ญ่เกิดบริเ ณที่ ู่ตรงกล งร ่ งรู
จมูกท้ง งข้ งท ใ ้มีเลื ดไ ล กม โดย เ ตุ
จเกิดจ ก ุบติเ ตุ ก แ ้ง ค มดนโล ิต ูง
เป็น ด เป็นต้น
การปฐมพยาบาล
1. น่งก้ม น้
2. ใช้มื บีบจมูกแล ใ ้ ยใจท งป ก ปร ม ณ 5-10 น ที
ข้ ค รระ ัง
1. ท่ น่งเงย น้ จ ท ใ ้เลื ดไ ลลงค แล ท ใ ้ เจียนได้
2. ก ร ่งน้ มูก แค จมูก รื ขยี้จมูกจ ท ใ ้เลื ด ก ีก
3. ในผู้ป่ ยที่ได้รบ ุบติเ ตุ ถ้ มีน้ ใ ๆไ ลจ กจมูก ใ ้รีบน ่ง ถ นพย บ ล
2. แผลถล ก
แผลถล กเป็นแผลเปิดชนิดตื้นๆ ที่มีผิ นงช้นน ก ลุดล ก ก มีเลื ด กเล็กน้ ย
การปฐมพยาบาล
1. ล้ งแผลด้ ยน้ ดแล บู่จน มด ิ่ง กปรก
2. ใช้ผ้ ดกดที่แผล เพื่ ใ ้เลื ด ยุด
3. ใ ่ย รบแผล ด เช่น เบต ดีน จปิดแผล รื ไม่ก็ได้
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 65
ข้ ค รระ ัง
1. จพบร่ มกบก รบ ดเจ็บข ง ย ภ ยใน
2. แผลถล กที่มีขน ดใ ญ่ จต้ งรบปร ท นย ปฏิชี น เพื่ ป้ งกนก รติดเชื้
3. ไม่ค รใ ้แผลเปียก น้ จนก ่ แผลจ แ ้งเพื่ ป้ งกนก รติดเชื้
3. แผลฟกช้้า
แผลฟกช้ เป็นแผลที่เกิดจ กก รถูกกร แทกไม่มีร ยฉีกข ด รื เลื ด กม ภ ยน กแต่มีก รฉีกข ด
ข งเนื้ เยื่ ใต้ผิ นงท ใ ้เ ็นเป็นร ยช้ บ ม
การปฐมพยาบาล
1. ปร คบด้ ยค มเย็น เช่น ผ้ ่ ถุงน้ แข็งผ มน้ ภ ยใน 24 ช่ โมงแรกเพื่ ้ มเลื ด
2. ลง 24 ช่ โมงปร คบด้ ยค มร้ นเพื่ ลด ก รช้ บ ม
ข้ ค รระ ัง
1. ร ยฟกช้ ภ ยใน จพบร่ มกบก รบ ดเจ็บข ง ย ภ ยใน เช่น กร ดูก ก ตบแตก ม้ ม
แตก เป็นต้น
2. ก รใช้ค มร้ นปร คบต้งแต่แรก ลงเกิด ุบติเ ตุ เช่น ก รใช้ย ม่ ง ไข่ต้มข้ ุกร้ น จ
เป็น เ ตุที่เลื ด กม กขึ้น
4. แผลโดนค ามร้ น
แผลโดนค มร้ น จเกิดจ กเปล ไฟน้ ร้ นไฟฟ้ ดุ รื เครื่ งมื เครื่ งใช้ที่มีค มร้ น ค มรุนแรง
ขึ้น ยู่กบปริม ณค มร้ นร ย เ ล ที่ได้รบขน ดแล ต แ น่งข ง ย ที่โดนค มร้ น ค มรุนแรงข งแผล
โดนค มร้ นแบ่งได้เป็น 3 ร ดบคื
ร ดบที่ 1 ผิ นงเป็น ีแดงป ดแ บเล็กน้ ยเช่นผิ ไ ม้จ กแดด
ร ดบที่ 2 ผิ นงพ งมี น้ ใ ๆ ยู่ ข้ งในป ดแ บร้ นม ก ่ นม กแผลจ แ ้ ง แล ย
ภ ยใน 5 - 10 น
ร ดบที่ 3 ผิ นงจ ถูกท ล ยลึกตล ดช้นข ง นงแท้จ เ ็นลก ณ ไ ม้เกรียม รื เ ็นเป็นเนื้ ีข
จลึกถึงกล้ มเนื้ แล กร ดูกท ใ ้เจ็บป ดม ก
การปฐมพยาบาล
1. ใช้น้ ดร ด รื แช่บริเ ณแผลเป็นเ ล ย่ งน้ ย 10 น ที
2. ถ ดเครื่ งปร ดบที่โดนค มร้ น ก
3. ปิดแผลด้ ยผ้ ด
4. ถ้ มีแผลโดนค มร้ นเป็นบริเ ณก ้ ง รื บริเ ณ ย คญ เช่น ใบ น้ ค
ย เพ รีบน ่งโรงพย บ ลพย บ ล
ข้ ค รระ ัง
1. ผู้ป่ ยเจ็บที่โดนไฟคล กโดนค มร้ นบริเ ณใบ น้ จมีปัญ ท งเดิน ยใจร่ มด้ ย
2. ผู้ป่ ยที่โดนไฟฟ้ ช็ ต ต้ งร งเรื่ ง ใจเต้นผิดปกติ รื ยุดเต้น
3. ผู้ป่ ยเจ็บที่มีบ ดแผลบริเ ณก ้ ง จมี ก รช็ ก
4. ้ มใช้น้ เย็นจด รื น้ แข็งร ดลงบ ดแผล
5. ้ มดึง ิ่งที่ติดแน่น กจ กบ ดแผลเช่นเ ื้ ก งเกง
6. งดจบต้ งแผลโดยไม่จ เป็น
7. ้ มท ใ ้ผิ นงที่พ งน้ แตก
8. ้ มท ย ย ีฟัน น้ ปล รื ขี้ผึ้งลงบนแผล
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 66
ธิ ีช่ ยเ ลื
1. บ กผู้บ ดเจ็บ ่ ย่ พย ย มขยี้ต
2. บ กผู้บ ดเจ็บน่งลง น น้ ใ ้ตรงกบแ ง ่ ง แ งน น้ ขึ้นเล็กน้ ย ล้ งมื ข งคุณ
3. บ กผู้บ ดเจ็บเ ลื บม งขึ้นด้ นบน คุณยืนด้ น ลงข งผู้บ ดเจ็บเ มื ข้ ง นึ่งปร ค งค้ งไ ้
ร้งเปลื กต ล่ งลงแล ดึงใ ้กล ง ก ด้ ยค มนุ่มน ล
4. ถ้ เ ็นเ ดุในเปลื กต ล่ ง รื ในต ข ใ ้เขี่ย กด้ ย ลี เปียกที่บีบจน ม ดแล้ รื ใช้
ผ้ เช็ด น้ รื กร ด เช็ดมื ก็ได้
5. ถ้ คุณคิ ด ่ เ ดุ ยู่ บ ริ เ ณเปลื กต บนบ กใ ้ ผู้ บ ดเจ็บ เ ลื บม งลงที่พื้น คุณใช้นิ้ ชี้แล
นิ้ แม่มื จบโคนขนต ลงแล ใ ้ท ง กจนคุมเปลื กต ล่ งไ ้
6. ถ้ ไม่ เร็จใ ้ผู้บ ดเจ็บแ งน น้ แล เทน้ ใ ้ผ่ นต เบ เบ แล บ กใ ้กร พริบต เ ดุขน ลุด
กม ได้
7. ยงไม่ เร็จต้ งน ่งโรงพย บ ล
5.2 ิ่งแปลกปล มเข้า ู
ปกติพบม กที่ ุดในเด็กเล็กซึ่งมีนิ ยช บเ ิ่งข งเข้ ไปใน ูร มถึงแมลงเข้ ูในคนท่ ไปด้ ย
ิธีช่ ยเ ลื
1. ร้ งค มม่นใจแก่ผู้บ ดเจ็บ
2. ถ้ เป็นแมลงเข้ ูใ ้ผู้บ ดเจ็บน นลงเ ียง น้ ใ ้ ูข้ งที่แมลงเข้ ยู่ด้ นบนใช้น้ ุ่นเทลงใน ูเบ ๆ
แมลงจ ล ยขึ้นม ยู่บนผิ น้
3. ถ้ เ ิ่งข งเข้ ไปใน ูใ ้เด็กเ ียงค เ ูข้ งที่มีข งเข้ ไป ยู่ด้ นล่ ง ิ่งข ง จ ลุด กม ได้
4. ถ้ ไม่ เร็จ ่งโรงพย บ ลทนที
5.3 ิ่งแปลกปล มเข้าจมูก
ีกเช่นกนที่กรณีนี้มกพบในเด็กซึ่งพย ย มใ ่ ิ่งข งเข้ ไปในจมูก
ิธีช่ ยเ ลื
1. ร้ งค มม่นใจแก่ผู้บ ดเจ็บแล ใ ้ผู้บ ดเจ็บ ยใจท งป ก
2. น ่งโรงพย บ ลโดยเร็ ที่ ุด
5.4 ิ่งแปลกปล มเข้าค
ก รที่เ ร รื เ ดุเล็กๆ ลุดเข้ ค จเกิดจ กก ร ลก ถ้ เป็นก้ งปล ปัก ยู่
ที่ค ย่ พย ย มท ไรท้ง ิ้นท ได้แค่ใ ้ค มม่นใจกบผู้บ ดเจ็บแล น ่งโรงพย บ ล
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 67
6. การเป็นลม
เป็นภ มดค มรู้ ึกในช่ งเ ล ้นๆ เนื่ งจ กเลื ดไปเลี้ยง ม งไม่เพียงพ ท ใ ้เกิดค มผิดปกติ
ข งร ดบค มรู้ ึกต ในช่ งเ ล ้นๆ
าเ ตุ
1. ร่ งก ย ่ นเพลียม ก จ กก รตร กตร ท ง นม กเกินไป ดน น ไม่ได้รบปร ท น ร
2. ข ด ก บริ ุทธิ์ เช่น ท ง นใน ้ ง บทึบ ยู่ในที่คน น แน่น
3. ภ พจิตใจ เช่น ตื่นเต้น ตกใจกล เจ็บป ดม กเกินไป
4. ก รเปลี่ยนท่ ท งก ทน น ไม่ ่ จ เปลี่ยนจ กท่ น นเป็นน่ง รื น่งเป็นยืน
าการ
่ นเพลีย เ ียน ีร ใจ ่น ต พร่ น้ ซีด ต เย็น มื แล เท้ เย็น บ งคร้งมีเ งื่ กชื้นๆ ต มฝ่ มื
ฝ่ เท้ แล บริเ ณ น้ ผ ก ชีพจรเต้นเบ แล เร็ จล้มลงแล มด ติไปช่ ขณ
การปฐมพยาบาล
1. แน น ต แล ข นุญ ตใ ้ก รช่ ยเ ลื
2. ซกถ มเ ตุก รณ์แล ก รบ ดเจ็บจ กผู้เป็นลม รื บุคคลร บข้ ง
3. เคลื่ นย้ ยผู้เป็นลมไปยงจุดที่ปล ดภย แล ก ถ่ ยเท ด ก กนไม่ใ ้มีคนมุงผู้เป็นลม
4. จดใ ้น นในร บในท่ ที่ บ ย ยกปล ยเท้ ูงก ่ ใจปร ม ณ 1 ฟุต รื 1 ก กน่ง ยู่บน
เก้ ี้ใ ้ก้ม ีร ลงร ่ ง เข่ ท้ง 2 ข้ ง เพื่ ใ ้เลื ดไปเลี้ยง ม งจนก ่ จ ก รดีขึ้น
5. คล ยเ ื้ ผ้ ใ ้ ล ม ใ ้ผู้เป็นลม ยใจเข้ กลึกๆ เพื่ เพิ่ม กซิเจนใ ้แก่ร่ งก ย
6. ดูแลเช็ดต ด้ ยน้ ธรรมด ถ้ รู้ ึกต ใ ้จิบน้ น
7. ตร จ ญญ ณชีพเป็นร ย จนก ่ ก รจ ดีขึ้น ถ้ ก รไม่ดีขึ้นรีบน ่งแพทย์
ก รปฐมพย บ ลผู้ป่ ยที่มีเลื ด ก แล ก ร ้ มเลื ด
การ ้ามเลื ด
ลก ณ แล ก รไ ลข งเลื ด ต มปกติภ ยในร่ งก ยข งคนเร จ มีเลื ดปร ม ณ 4 – 5 ลิตรต่
น้ นกต 50 กิโลกรม ไ ล นเ ียน ยู่ตล ดเ ล โดยเลื ดจ ไ ลไปต ม ล ดเลื ดแดงแล ล ดเลื ดด
ล ดเลื ดแดงจ น เลื ดดี รื เลื ดแดงจ ก ใจไปเลี้ยง ่ นต่ งๆ ข งร่ งก ย ล ดเลื ดด จ น เลื ดที่ใช้
แล้ รื เลื ดด กลบคืน ู่ ใจ ใจจ ่งเลื ดไปฟ กที่ป ดโดยจ ท น้ ที่ขบก๊ ชค ร์บ นได กไซด์ กไป
แล รบก๊ ช กซิเจนเข้ ม ท ใ ้เลื ดที่ใช้แล้ กล ยเป็นเลื ดดี ีกคร้ง นึ่ง เลื ดจ ไ ลกลบไป ู่ ใจเพื่ ถูก
ูบฉีดไปเลี้ยง ่ นต่ ง ๆ ข งร่ งก ยต่ ไป ีก เมื่ เกิดบ ดแผลขึ้น ล
ดเลื ดแดงแล ล ดเลื ดด จ ถูกตดข ด แล มีเลื ดไ ล กม ภ ยน กร่ งก ย เรียก ่ ก รเ ียเลื ด รื
ก รตกเลื ด
ชนิดข งบาดแผล
ก รแบ่งชนิดข งบ ดแผลมี ล ย ิธี ในที่นี้ข กล่ ถึงบ ดแผลที่แบ่งต มร ย ที่เกิดขึ้นใ ม่ เกิดขึ้นโดน
ุบติเ ตุ ร่ มกบก รใช้ผิ นงเป็น ลกในก รแบ่งชนิดข งบ ดแผล ได้แก่
1. แผลปิด คื บ ดแผลที่ผิ นงไม่ฉีกข ด กจ กกน แต่ภ ยในผิ นงมีก รฉีกข ดข งเนื้ เยื่ แล
ล ดเลื ด ได้แก่ แผลฟกช้ ต่ งๆ รื ฟกช้ ภ ยใน ย ภ ยในร่ งก ยที่ คญ
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 68
ปริมาณการเ ียเลื ด
มนุ ย์ มีปริ ม ณเลื ดในร่ งก ยม กน้ ยต มน้ นกข งแต่ล คน คิดโดยปร ม ณ 80 มิลลิลิ ตรต่
น้ นก 1 กิโลกรม ในผู้ใ ญ่จ มีเลื ดไ ลเ ียนเฉลี่ยปร ม ณ 5-6 ลิตร (5,000-6,000 มิลลิลิตร) ผู้บ ดเจ็บที่มี
ก รเ ียเลื ด จ มี ก รรุนแรง รื ไม่ ขึ้น ยู่กบปริม ณก รเ ียเลื ด
ก รเ ียเลื ด แบ่งเป็น 4 ร ดบ ได้แก่
ระดับที่ 1 มีเลื ด กน้ ยก ่ 15 เป ร์เซ็นต์ ข งเลื ดท้ง มด รื น้ ยก ่ 750 มิลลิลิตรใน
ผู้ใ ญ่ แล ไม่มีก รเปลี่ยนแปลงข ง ญญ ณชีพ
ระดับที่ 2 เลื ด ก 15-30 เป ร์เซ็นต์ รื 750-1,500 มิลลิลิตรในผู้ใ ญ่ ผู้บ ดเจ็บจ เริ่มมี
ใจเต้นเร็ ยใจเร็
ระดับที่ 3 เลื ด ก 30-40 เป ร์เซ็นต์ รื 1,500-2,000 มิลลิลิตรในผู้ใ ญ่ ผู้บ ดเจ็บจ เริ่มมี
ก รข งเลื ดไปเลี้ยง ย ต่ งๆ ไม่เพียงพ ร ดบค มดนโล ิตต่ ลง ใจเต้นเร็ ขึ้น ร ดบค มรู้ ึกต
เปลี่ยนแปลงไป
ระดับที่ 4 เลื ด กม กก ่ 40 เป ร์เซ็นต์ รื ม กก ่ 2,000 มิลลิลิตร (2 ลิตร) ในผู้ใ ญ่
เป็นร ดบที่ท ใ ้ผู้บ ดเจ็บเ ียชี ิตได้ ย่ งร ดเร็
กรณีเด็กปริม ณเลื ดในร่ งก ยม กน้ ยต มน้ นกข งแต่ล คน คิดโดยปร ม ณ 80 มิลลิลิตรต่
น้ นกต 1 กิโลกรม ปริม ณก รเ ียเลื ดแบ่งเป็ น 4 ร ดบ คิดเป็นเป ร์เซ็นต์ เช่นเดีย กบก รเ ียเลื ดใน
ผู้ใ ญ่
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 69
ิธี ้ามเลื ด
ก ร ้ มเลื ด คื ก รป้ งกนไม่ใ ้เลื ดไ ล กจ ก ล ดเลื ด เพื่ ลด นตร ยจ กก รเ ียเลื ด รื
ก รตกเลื ดใ ้แก่ผู้ป่ ย ก ร ้ มเลื ด จกร ท ได้ ล ย ิธี ดงนี้
1. ิธีกดที่บาดแผล
1.1 ิธี ก ดที่ บ าดแผลโดยตรง ถ้ เป็ นบ ดแผลขน ดเล็ ก ใ ้ ใช้ ผ้ ด น ๆ งลงบน
บ ดแผลแล้ ใช้นิ้ มื รื มื กดลงบนบ ดแผลน้น น้ นกจ กก รกดจ ช่ ยใ ้เลื ด ยุดไ ลได้
- กรณีผู้บ ดเจ็บรู้ ึกดี ใช้มื ข งผู้บ ดเจ็บกดลงบนบ ดแผลโดยตรง
- กรณีมีผู้ช่ ยเ ลื ค ร มถุงมื เพื่ ลีกเลี่ยงก ร มผ ผู้บ ดเจ็บ รื ใช้ผ้ ดขยุ้มกดลง
บนบ ดแผล แล้ ใช้ผ้ ีกผืนพนทบ น นปร ม ณ 5-10 น ที รื จนก ่ เลื ดจ ยุด ถ้ ผ้ ปิดแผลชุ่มเลื ดไม่
ค รเ ก เพร จ ท ใ ้ลิ่มเลื ด ลุด กไปด้ ย ใ ้ใช้ผ้ ด ีกชิ้นปิดทบ
จุดต้าแ น่งที่กด (Pressure Point ) เพื่ ใช้ ้ มเลื ดที่ค รทร บ ดงนี้
ิธีกดจุดใต้ใบ ู
ิธีกดจุดขากรรไกรล่าง
4.3 จุดเ นื กระดูกไ ปลาร้า ใช้ ้ มเลื ดบริเ ณรกแร้แล น้ กใ ้กดลงบนกร ดูกซี่โครง
ซี่ที่ 1 โดยผู้กด ยู่ด้ น ลงแล ใช้นิ้ มื กดที่ ล ดเลื ดใ ญ่เ นื กร ดูกไ ปล ร้
ธิ ีกดตรงบริเ ณต้นแขนด้านชิดล้าตั
4.5 จุดที่ข้ มื ในกรณีที่จ ต้ ง ้ มเลื ดที่มื รื ข้ มื ใ ้ใช้ แม่มื ท้ง งข้ ง กด ล ด
เลื ดที่ข้ มื ด้ น แม่มื โดย ง ยฝ่ มื ขึ้น
ิธีกดตรงจุดที่ข้ มื
4.6 จุ ด บริ เ ณต้ น ขา ใช้ ้ มเลื ดบริ เ ณข ใ ้ ใ ช้ มื กด ล ดเลื ดแดงใ ญ่ ที่ ข ตรง
กึ่งกล งข งข นีบ ซึ่ง ยู่บริเ ณกึ่งกล งข งข บกร ดูกเชิงกร นด้ น น้
ิธีกดตรงจุดบริเ ณต้นขา
5. ิธีใช้ทูนิเกต์ (Tourniquet) รื ายรัด ้ามเลื ด (ขันชะเนาะ) ยรด ้ มเลื ดใช้ได้ดีกบบ ดแผลที่แขน
แล ข ที่ถูกตดข ด รื มีกร ดูกแตก กร่ มด้ ย ซึ่งท ใ ้ก ร ้ มเลื ดโดย ิธีใช้ ผ้ พนไม่ ม รถพนใ ้แน่นได้
เพร จ เกิดเจ็บป ดม กขึ้นๆ จน จช็ กได้ ิธีนี้ท โดยใช้ ยรดรด ล ดเลื ดต นที่ ยู่ร ่ งบ ดแผลกบ
ใจบริเ ณที่มีกร ดูกท่ นเดีย เพื่ ไม่ใ ้เลื ดไป ู่บ ดแผล ิธีนี้มกจ เป็น ิธี ุดท้ ยที่ใช้ ถ้ ไม่ ม รถจ ใช้ ิธี
ื่นได้ ก รใช้ทูนิเกต์มี ลก คญ ดงนี้
1. ใช้เครื่ งขนช เน รื ผ้ เท่ น้น ้ มใช้เชื ก ล ด รื ยไฟ
2. ขนช เน ตรงบริเ ณที่มีกร ดูกท่ นเดีย เช่น เ นื ข้ ก รบแขน แล เ นื เข่ รบข
เป็นต้น
3. ค รคล ยเครื่ งขนช เน กทุก ๆ 10-15 น ที
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 72
าการ
ข้ เคลื่ นจ กที่เดิมมี ก รที่ จ งเกต รื บ กใ ้รู้ได้ดงนี้
1. มี ก รบ มแล ป ดม กบริเ ณร บ ๆ ข้ น้น
2. จพบกร ดูก ่ นน้นดนนูนขึ้นม เ ็นได้ชด รื จคล พบข้ ที่เคลื่ นน้นได้
3. ข้ ต่ ่ นน้นมีลก ณ รูปร่ งผิดไปจ กเดิม รื ผิดไปจ กข้ งปกติ เช่น บ ม โต แฟบ ้น
รื ย ก ่ ปกติ
4. จมี ก รช็ ก เนื่ งจ กเจ็บป ดม ก รื ตกใจ
5. ข้ น้นเคลื่ นไ ไม่ได้แล มี ก รเจ็บป ดม กที่ ุดเมื่ จบเคลื่ นไ (Lock)
ิธีปฐมพยาบาล
1. ย่ พย ย มดึงข้ ที่เคลื่ นเข้ ที่ด้ ยตนเ ง เพร จท ใ ้เ ็นกล้ มเนื้ ล ดเลื ด
แล เนื้ เยื่ ่ นได้รบ นตร ยจนไม่ ม รถจ แก้ไขใ ้คืนดีดงเดิมได้บ งคร้ง จท ใ ้กร ดูก กได้
2. พย ย มใ ้ ่ นที่ข้ เคลื่ นน้นได้ ยู่นิ่ง ๆ โดยจดใ ้ผู้ป่ ย ยู่ในท่ ที่ บ ย ย่ ใ ้ มีก ร
เคลื่ นไ ใด ๆ
3. กมี ก รช็ ก ใ ้แก้ไข ก รช็ กก่ น
4. ใช้ผ้ ่ น้ แข็งปร คบเพื่ ลด ก รเจ็บป ด
5. ค รท ก รเข้ เฝื กช่ คร ไ ้ ป้ งกนก ร กเ บม กขึ้น
6. ใ ้รีบน ่งโรงพย บ ลโดยด่ น ก รทิ้งผู้ป่ ยไ ้น นๆ จ ท ใ ้ก รดึงเข้ ที่ท ได้ย ก
1.2 ข้ ไ ล่เคลื่ น
าเ ตุ
1. เกิดจ กแรงกร ทบ เช่น มี ิ่งข งตกกร ทบบริเ ณไ ล่ รื ข้ ก เป็นต้น
2. เกิดจ กก ร กล้ม โดยแขน ยู่ในท่ ค ่ ฝ่ มื แล นิ้ ก ง กพร้ มท้งยนพื้นไ ้
าการ
1. มี ก รเจ็บป ดไ ล่บ ม
2. ไม่ ม รถเคลื่ นไ ต้นแขน รื ก งแขนได้ต มปกติ
3. ข้ กข้ งที่ข้ ไ ล่เคลื่ น จ ก ง ก รื ุบลงไม่ได้ ถึงแม้จ พย ย มกดลงไป
4. ข้ กเคลื่ นต่ ลงม ปร ม ณ 1-2 นิ้
5. รูปข ง ไ ล่ข้ งที่เคลื่ นจ แบนแฟบ คล พบ กร ดูก ยู่ผิดที่
ธิ ีปฐมพยาบาล
1. ย่ พย ย มดึงใ ้เข้ ที่
2. ปร คบด้ ยน้ แข็งเพื่ ลด ก รบ มแล ค มเจ็บป ด
3. ใ ้ ่ นน้น ยู่นิ่งที่ ุดโดยใ ้ผู้ป่ ยปร ค งแขนข งตนเ งไ ้
4. ใ ้ผ้ มเ ลี่ยมคล้ งแขน (Sling) ข้ งที่ข้ เคลื่ น
5. ใช้ย แก้ป ด แล้ รีบน ่งโรงพย บ ล
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 74
แ ดงการเปรียบเทียบ
1.3 ข้ กเคลื่ น
าเ ตุ
1. ข้ กเคลื่ นเกิดจ กมีแรงม กร ทบข้ กโดยตรง
2. กล้มในท่ ฝ่ มื ยนพื้นเ ยียดแขนตรงแล นิ้ ก ง ก
าการ
1. เมื่ ขยบข้ กผู้ป่ ยจ มี ก รเจ็บม ก
2. ข้ กง แล เฉไปข้ ง ๆ รูปร่ งข้ กจ แบน ง แล เ ยียดแขนไม่ได้
3. ง แขนข้ งน้นไม่ได้
4. ดูท งด้ นปล ยแขนจ ้นเข้ แต่ดูท งด้ น ลงต้นแขนจ ย
5. บ มไม่ม กเ มื นกร ดูก ก แขนจ ยู่ในท่ ค ่ มื
ิธีปฐมพยาบาล
1. ย่ พย ย มดึงข้ กที่เคลื่ นน้นเข้ ที่ รื ดึงใ ้ตรง
2. ด ม รื ยึดพยุงแขนข้ งน้นไ ้ในท่ ที่พบเ ็นขณ ได้รบ ุบติเ ตุ
3. ปร คบด้ ยน้ แข็งเพื่ ลด ก รบ มแล ลด ก รเจ็บป ด
4. พย ย มใ ้ ่ นน้นนิ่งที่ ุด
5. ใ ้ย แก้ป ดแล้ รีบน ่งโรงพย บ ล
1.4 ข้ เข่าเคลื่ น
าเ ตุ
1. ข้ เข่ เคลื่ นเกิดจ กมีแรงม กกร ทบ บริเ ณ เข่ แรงม กผิดปกติ
2. กล้มในท่ คุกเข่
าการ
1. ป ดบริเ ณข้ เข่ ม ก ไม่ ม รถใช้ข้ เข่ ได้
2. ไม่ ม รถง เข่ ได้
3. เข่ ข้ งที่ได้รบบ ดเจ็บจ ผิดรูปเมื่ เทียบกบข้ งดี
4. นตร ยข งข้ เข่ เคลื่ นที่ คญ จท ใ ้ ล ดเลื ดที่ผ่ นข้ เข่ บริเ ณข้ พบ ฉีกข ด ได้
จึงจ เป็นต้ ง งเกตดู ่ มีเลื ดตกในบริเ ณน้น รื ไม่
ิธีปฐมพยาบาล
1. พย ย มใ ้ข ข้ งที่ได้รบบ ดเจ็บน้น ยู่นิ่ง ๆ
2. ใช้ไม้ด มแล พยุงข ข้ งที่บ ดเจ็บตล ดข แล ใ ้ ยู่ในท่ เดิมที่พบเ ็นขณ ได้รบ
ุบติเ ตุ
3. รีบน ผู้ป่ ย ่งโรงพย บ ลโดยเร็
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 75
1.5 ขากรรไกรเคลื่ น
าเ ตุ
ข กรรไกรมีลก ณ เป็นข้ ต่ ถ้ แรง ๆ รื เร เต็มที่ จจ ลุด รื เคลื่ น ก
จ กที่ที่เคย ยู่ได้ ซึ่งเรียกกน ่ ข กรรไกรค้ ง รื ข กรรไกรเคลื่ น
าการ
ข กรรไกรเคลื่ นไ ไม่ได้ ( พูดไม่ได้ ) รู้ ึกเจ็บป ด แล ุบป กไม่ได้
ิธีปฐมพยาบาล
1. ใช้ผ้ เช่น ผ้ เช็ด น้ เป็นต้น พนร บ แม่มื ท้ง งข้ งข งผู้ท ก รปฐมพย บ ล แล้
ดนิ้ แม่มื ท้ง งข้ งเข้ ไปที่กร มซี่ ุดท้ ยใ ้ลึกที่ ุด
2. ใช้นิ้ มื ที่เ ลื ยู่ท้ง งข้ งปร ค ง ยู่ใต้ค งข งผู้ป่ ย
3. ใช้นิ้ แม่มื ท้ง งกดลงแรง ๆ แล ดนใ ้เลื่ นไปข้ ง น้ ข งผู้ปฐมพย บ ลเพียงเล็กน้ ย
4. เมื่ รู้ ึก ่ ตรงข้ ต่ เลื่ นลงแล ไถลไป ใ ้ค่ ย ๆ งดปล ยค งขึ้น
5. พ รู้ ึก ่ ข กรรไกรกลบเข้ ที่เดิมแล้ ใ ้รีบดึง แม่มื ท้ง ง กจ กป กผู้ป่ ยโดยเร็
เพร ไม่เช่นน้นนิ้ แม่มื จถูกงบได้ ถ้ ใช้นิ้ แม่มื กดแรงจนผู้ป่ ยรู้ ึกเจ็บม กแล้ ข กรรไกรก็ยงไม่กลบ
เข้ ที่เดิม ใ ้ ยุดท แล รีบพ ผู้ป่ ย ่งแพทย์ แต่ถ้ ข กรรไกรเข้ ที่เดิมเรียบร้ ยแล้ ค รใช้ผ้ พนค งรดกบ ีร
ไ ้จนก ่ จ รู้ ึก ่ ยเจ็บบริเ ณกร มจึงเ ผ้ ก
แ ดง ิธีปฐมพยาบาลขากรรไกรค้าง
2. กระดูก ัก (Fracture)
กร ดูก ก ม ยถึง ก รแตก กข งกร ดูกในลก ณ ต่ งๆ แบ่ง กเป็น 2 ชนิด ได้แก่
กร ดูก กชนิดไม่มีบ ดแผล รื ชนิดปิด (Close fracture)
กร ดูก กชนิดมีบ ดแผลเปิด รื ชนิดเปิด (Opened fracture)
าการ ป ด บ ม ช้ รูปร่ งผิดปกติ มีเ ียงผิดปกติ
การปฐมพยาบาล
1. ถ้ มีบ ดแผลเลื ด ก ใช้ผ้ ดปิดแผลไ ้ก่ นเข้ เฝื กช่ คร
2. ยึด รื ด มด้ ยเฝื กช่ คร บริเ ณข้ รื กร ดูกที่บ ดเจ็บไม่ใ ้เคลื่ นไ
3. ถ้ มี ก รป ดม ก ค รปร คบค มเย็นร บๆ บริเ ณที่บ ดเจ็บ
4. ตร จ บ ญญ ณชีพ (ชี พจรแล ก ร ยใจ) เป็น ร ย ๆ ย่ ง ม่ เ ม จนก ่ จ ถึ ง
โรงพย บ ล แล ถ้ พบ ิ่งผิดปกติ เช่น ผู้บ ดเจ็บมี ก รช็ กจ กเ ียเลื ดม ก ยุ ด ยใจ เป็นต้น ต้ งรีบใ ้
ก รช่ ยเ ลื
5. รีบน ผู้บ ดเจ็บ ่งโรงพย บ ลโดยเคลื่ นย้ ยใ ้เ ม มกบก รบ ดเจ็บ
ข้ ังเกต
ในร ยที่เกิด ุบติเ ตุรุนแรง รื มีก รบ ดเจ็บ ล ยแ ล่ง รื ม กก ่ นึ่ง ย ค รปร เมิน
แล ใ ้ก รช่ ยเ ลื ภ คุกค มชี ิตก่ นเป็น นดบแรก เช่น ก ร ยุด ยใจ ภ เลื ด ก ภ ช็ ก รื
ภ มดค มรู้ ึก
ข้ ค รระ ัง
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 76
แต่ถ้ มีเ ล พ รื พ จ ุปกรณ์ได้ ค รเข้ เฝื กกร ดูกข ่ นล่ งโดยใช้ไม้ย ๆ 2 น (ไม้ที่ใช้
จมีลก ณ เป็นท่ นกลม ๆ รื เป็นแผ่นแบน ๆ ก็ได้ ) ดเข้ ไปในร ยพบข งผ้ ่ม รื ผ้ ใบท้ง งข้ ง
แล้ ม้ นเข้ กน จ ท ใ ้เกิดร่ ง รื เป็นร งใ ้ข ที่บ ดเจ็บน้นได้พ ดี แล้ ผูกไม้เฝื กท้ง งน้น ล ย ๆ
เปล ใ ้แน่นพ มค ร (ดงภ พ)
แ ดง ิธีปฐมพยาบาลกระดูกปลายขา ักโดยใช้ไม้เป็นเฝื ก
รบก รเข้ เฝื กกร ดูกต้นข รื โพกจ ต้ งใช้ไม้เฝื ก 2 น นแรกมีค มย ต้งแต่รกแร้ถึง
้นเท้ งท บไ ้ด้ นน กข งข ีก น นึ่ง ง ยู่ร ่ งข ด้ นในมีค มย ต้งแต่โคนข จนถึง ้นเท้ ใช้ผ้
พนเฝื กใ ้แน่นกบข แล ล ต เป็นเปล ใ ้แน่นพ มค ร ปมผ้ ค ร ยู่บนเฝื กด้ นน กช่ งบนค รมดบริเ ณ
กร ดูก โพกแล กร ดูก น้ ก (ไม่ค รมดบริเ ณ น้ ท้ ง) ต้ งดูใ ้แน่ใจ ่ ปล ยเฝื กท้ง งจ ต้ ง ดเข้
ไปได้เ ม พ ดี กจ เป็นต้ งเคลื่ นย้ ยผู้ป่ ยค รผูกข ท้ง งข้ งเข้ ด้ ยกนแล้ ใช้แผ่นกร ด น รื เปล
มไป ถ้ ไม่มี ุปกรณ์ จมดข ท้ง งเข้ ด้ ยกนแล้ ใ ้น น ย่ ใ ้น่งขณ น ่งโรงพย บ ล
3.3.2.2 กระดูกปลายแขน ัก
กร ดูกปล ยแขนที่กร ดูก 2 ชิ้น ปร ก บกนขึ้น คื กร ดูกเรเดีย (Radius) แล กร ดูก นน
(Ulna) จ กชิ้น ใดชิ้น นึ่ง รื ก งชิ้นก็ได้ มกจ เกิดจ กก ร กล้ มแล้ เ มื ยนพื้น รื เกิดจ กแรง
กร แทกโดยตรงบนท่ นแขน ก รเข้ เฝื กน้นใ ้ใช้ไม้แผ่นบ งๆ 2 แผ่น ค มก ้ งปร ม ณ 2 ½ นิ้ ฟุต ค ม
ย เท่ กบค มย ข งปล ยแขนแล้ พนผ้ ใ ้แน่น ้ ยแขนข้ งน้นไ ้ด้ ยผ้ คล้ งค ในกรณีฉุกเฉิน จ
ดดแปลงใช้ ิ่งข ง ื่นๆแทนไม้ได้ เช่น นง ื พิมพ์ มุด ไม้บรรทดแล ผ้ คล้ งค ถ้ ไม่ได้ จใช้ช ยเ ื้ พบ
ขึ้นแล ใช้เข็มกลด กลดไ ้กบ กเ ื้ ก็ได้
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 79
แ ดง ิธีผูกเงื่ นพิร ด
4.3 การใช้ผ้า ามเ ลี่ยมในลัก ณะต่างๆ
1. การใช้ผ้า ามเ ลี่ยมพันมื และเท้า ใช้ รบพนมื รื พนเท้ ที่มีบ ดแผลมี ิธีปฏิบติ
1.1 ก งผ้ มเ ลี่ยมท้งผืน ก งค ่ มื ข้ งที่เจ็บลงกล งผ้ ท งด้ นฐ น
1.2 จบมุมย ดพนลงม บน ลงมื
1.3 เ ปล ยผ้ ท้ง งม ไข ้ ลบกน
1.4 ดึง ้ มกลบไปร บมื แล้ กลบม ผูกเงื่ นบน ลงมื ใ ้แน่น
การพันผ้า (Bandaging)
ก รพนผ้ เป็ น เทคนิ ค ที่ ง่ ยต่ ก รเรี ย นรู้ แต่ ก รพนใ ้ ยง มน้ น ย กแก่ ก รปฏิ บ ติ เพร ใน
ถ นก รณ์ฉุกเฉินน้นเร ไม่มีเ ล พ ที่จ ปร ณีตได้ ิ่ง คญในก รพนผ้ คื ต้ งพนใ ้แน่นพ ที่จ ้ มเลื ดได้
รื พนใ ้ แ น่ น พ ที่จ ไม่ใ ้ กร ดูกเคลื่ นที่ในร ยกร ดูก ก ดงน้นผู้ ปฐมพย บ ลจ ต้ งฝึ กพนผ้ เ ม ๆ
จนกร ท่ง ม รถพนได้ ย่ งถูกต้ งแล ร ดเร็ แล ค รเรียนรู้พื้นฐ นเกี่ย กบเทคนิคก รพนผ้ ไ ้ปร ม ณ 2-
3 ิธี เพื่ จ ได้ดดแปลงพน ่ นต่ ง ๆ ข งร่ งก ยได้ทุก ่ น
ชนิดข งผ้าพันแผลที่ใช้ในการปฐมพยาบาล
1. ผ้ พนแผลชนิดเป็นม้ น (Roller bandage)
2. ผ้ พนแผลชนิดเป็นรูป มเ ลี่ยม (Triangular bandage)
่ นชนิด ื่นๆ จ ผลิต กม ในรูปต่ งๆกน เช่น ผ้ พนแผลชนิดม้ นย งยืด ผ้ พนแผลชนิดม้ นติดก
ย ง ล ในบ งโ ก ดุดงกล่ ไม่ได้ ดงน้น ผู้ ปฐมพย บ ล จต้ งดดแปลง ดุ ื่นม ใช้แทน เช่น
ผ้ เช็ด น้ ผ้ เช็ดต เ ื้ ผ้ รื แม้แต่เข็มขดผ้ แต่จ ต้ งเลื กเฉพ ที่ ดๆเท่ น้น
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 84
d
(ก) ผ้าพันแผลชนิดม้ น (ข) ผ้าพันแผลชนิดเป็นรูป ามเ ลี่ยม
แ ดงชนิดข งผ้าพันแผล
แ ล่งที่ม : https://sites.google.com/site/karphanphaelbandaging/home/chnid-khxng
แล http://www.nurse.nu.ac.th/web11/E-learning/FirstAid/cai/firstaid023.html
ประโยชน์ข งผ้าพันแผล
1. ใช้ ้ มเลื ด
2. ป้ งกนก รติดเชื้
3. ใช้พนเฝื กในร ยกร ดูก ก
4. ใช้ยึดผ้ ปิดแผลใ ้ ยู่กบที่
ก่ นที่จ ตด ินใจใช้ผ้ พนแผลชนิดไ นจ ต้ งเตรียมบริเ ณที่จ พนผ้ เ ียก่ น เช่น มีบ ดแผล รื มี
ร ยฉีกข ด ค รปิดบ ดแผลด้ ยผ้ ที่ปร จ กเชื้ โรค ขน ดข งผ้ พนแผลที่น ม ใช้จ ต้ งเ ม มกบขน ด
ข งบ ดแผล โดยท่ ๆ ไปจ ใช้ขน ด 2 นิ้ , 4 นิ้ ถ้ บ ดแผลใ ญ่จ ต้ งใช้ขน ดก ้ งก ่ นี้ ่ นปริม ณ
ข งผ้ พนแผลจ ขึ้น ยู่กบค มรุนแรงข งบ ดแผล เช่น มีก รตกเลื ดม ก ถ้ ไม่มีก รตกเลื ดค รพนผ้ นึ่ง
รื งทบแล้ ผูกยึดใ ้แน่นก็เพียงพ แต่ถ้ มีก รตกเลื ดม กจ เป็นต้ งพนผ้ ล ย ๆ ทบใ ้แน่นพ ค ร
เพื่ ดูดซบเลื ดที่ ก แล กดบ ดแผลใ ้ ล ดเลื ดแฟบ ก รใช้ผ้ พนแผล ผู้ ปฐมพย บ ลค รร งการ
ปนเปื้ น (Contamination) ขณ แก้ ่ ผ้ พนแผล ถ้ ผ้ พนแผล ่ นใด มผ ิ่ง ื่นค รตดทิ้งเพื่ ป้ งกนก ร
ติดเชื้ ในบ ดแผล ิธีพนผ้ ค รใ ้บ ดแผล ยู่ตรงกล ง ขน ดผ้ ที่พ เ ม คื เมื่ พนแล้ ข บข งผ้ ค ร
ก ้ งก ่ ข บบ ดแผล ย่ งน้ ย นึ่งนิ้
ลักทั่ ไปในการพันผ้า
1. ก่ นพนผ้ ทุกคร้ง ผ้ ที่พนต้ งม้ นใ ้เรียบร้ ย ไม่ ลุดลุ่ย
2. จบผ้ ด้ ยมื ข้ งที่ถนด โดย ง ยม้ นผ้ ขึ้น
3. งผ้ ลงบริเ ณที่ต้ งก รพน พนร บ ก 2-3 ร บ เมื่ เริ่มต้น แล ิ้น ุดก รพน เพื่ ป้ งกนไม่ใ ้ผ้
คล ยต ลุด ก
4. พนจ ก ่ นปล ยไป ่ นโคน รื พนจ กข้ งล่ งขึ้นข้ งบน รื พนจ ก ่ นเล็กไป
่ นใ ญ่
5. เมื่ ิ้น ุดก รพน ค รผูก รื ใช้เข็มกลด รื ติดพล เต ร์ใ ้เรียบร้ ย แต่ไม่ใ ้ทบบริเ ณแผล
6. ก รใช้ผ้ ยืดต้ งร งก รรดแน่นจนเกินไป จนเลื ดเดินไม่ ด กแล กดทบเ ้นปร ท งเกตได้
จ กก รบ ม ีผิ ซีด ข แล เย็น พร้ มท้งผู้บ ดเจ็บจ บ กถึง ก รป ดแล ช
7. ถ้ มี ก รป ดแล ช บริเ ณที่พนผ้ ใ ้รีบคล ยผ้ ที่พนไ ้ กแล้ จึงพนใ ม่
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 85
แ ดงการพันขั้นเริ่มต้น
ขั้นพัน โดยท่ ๆไป นิยมพนเป็นรูปเกลีย รื บนไดเ ียน แล รูปเลขแปด
ก รพนเป็นรูปเกลีย (Spiral bandages) มี 3 ชนิด
1. ก รพนเป็นรูปเกลีย มบูรณ์ (Complete spiral) รื ก รพนเป็น งกลม (Circular turn)
2. ก รพนเป็ น รู ป เกลี ย ปิด (Close spiral) คื พนซ้ นเป็น ช้นๆ แต่ ล ช้ นจ ซ้ นกนเพีย ง
ครึง่ นึ่งข งค มก ้ งข งผ้
3. ก รพนเป็นรูปเกลีย เปิด (Open spiral) คื พนเป็นร บ แต่ล ร บไม่ซ้ นกน แต่จ แยก
จ กกนเพื่ ยึดผ้ ปิดบ ดแผลที่มีบริเ ณก ้ งโดยเฉพ แผลไ ม้
แ ดงการพันเป็นรูปเกลีย บิดกลับ
(ก) พันมื
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 87
แ ดงการจับผ้าพันโดย ิธีผูกชายผ้าพันแผล
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 88
แ ล่งที่ม ข งภ พ https://www.siamfirstaid.com/content/3991/
แ ล่งที่ม ข งภ พ https://nanananonpim.wordpress.com/
แ ล่งที่ม ข งภ พ https://nanananonpim.wordpress.com/
เปิดทางเดิน ายใจ
แ ล่งที่ม ข งภ พ https://nanananonpim.wordpress.com/
แ ล่งที่ม ข งภ พ https://nanananonpim.wordpress.com/
เทคนิคการช่ ยชี ิตเด็กทารกใน ่ นที่แตกต่างจากผู้ใ ญ่
ก รช่ ยชี ิตเด็กท รก มีปร เด็น คญที่แตกต่ งจ กก รช่ ยชี ิตในผู้ใ ญ่บ งปร ก ร คื
1. ในกรณีที่ป กเด็กเล็กม ก ก รเป่ ป กค รคร่ มท้งป กแล จมูก
3. ก รกด น้ กเด็กมีใ ้เลื ก ง ิธี คื ิธีกดด้ ยนิ้ มื ข้ งเดีย งนิ้ โดย งนิ้ ชี้ นิ้ กล งแล
นิ้ น งร ม มนิ้ ที่ น้ กเด็ก ใ ้น้ิ ชี้ ยู่ร ่ ง นม งข้ ง ยกนิ้ ชี้ขึ้นแล้ ใช้นิ้ กล งแล นิ้ น งกด น้ ก
4. กี ิธี นึ่งคื กดกร ดูก น้ กเด็กด้ ย แม่มื งข้ งโดยใช้ งมื ก ร บทร ง กเด็ก ิธีนี้ต้ งมี
ผู้ปฏิบติก ร กี คน นึ่งท น้ ทีช่ ่ ย ยใจ
การได้รับ ารพิ
ารพิ (Poisons) ม ยถึง รเคมีที่มี ภ พเป้นข งแข็ง ข งเ ล รื ก๊ ซ ซึ่ง ม รถเข้ ู่ร่ งก ย
โดย ก รรบปร ท น ก รฉีด ก ร ยใจ รื ก ร มผ ท งผิ นง แล้ ท ใ ้ เกิด นตร ยต่ ร่ งก ย ด้ ย
ปฏิกิริย ท งเคมี นตร ยจ ม ก รื น้ ยขึ้น ยู่กบ คุณ มบติ ปริม ณ แล ท งที่ได้รบ รพิ น้น
ชนิดข ง ารพิ
รพิ ที่ท ใ ้เกิด นตร ยต่ มนุ ย์ม จ ก ล ยแ ล่งด้ ยกน ได้แก่ พิ จ ก ต ์ เช่น งูพิ ผึ้ง
แมงป่ ง จ กพืชแล ร เช่น มน ป ลงดิบ เ ็ดพิ จ กแร่ธ ตุต่ งๆ เช่น ต ก่ ฟ ฟ ร ร นู แล พิ
จ ก ร งเคร ์ต่ งๆ เช่น รฆ่ แมลง รฆ่ ชพืช ย นตร ยร มท้ง ร งเคร ์ที่ใช้ในคร เรื น เช่น
น้ ย ฟ กข น้ ย ขด ้ งน้ เป็นต้น รพิ ม รถจ แนกต มลก ณ ก ร กฤทธิ์ ได้ 5 ชนิด ดงนี้
1. ชนิ ด กดเนื้ (Corrosive) รพิ ชนิ ด นี้ จ ท ใ ้ เ นื้ เยื้ ข งร่ งก ยไ ม้ พ ง ได้ แ ก่
รล ล ยพ กกรดแล ด่ งเข้มข้น น้ ย ฟ กข ล
2. ชนิดท ใ ้ร ค ยเคื ง (Irritants) รพิ ชนิดนี้จ ท ใ ้เกิด ก รป ดแ บ ป ดร้ น แล
ก ร กเ บในร ย ต่ ม ได้แก่ ฟ ฟ ร ร นู ร เป็นพิ ซลเฟ ร์ได กไซด์ ล
3. ชนิดที่กดปร ท (Narcotics) รพิ ชนิดนี้จ ท ใ ้ มด ติ ลบลึก ปลุก ไม่ขึ้น ม่ นต ด
เล็ก ได้แก่ ฝิ่น ม ร์ฟีน พิ จ กงูบ งชนิด ล
4. ชนิดที่กร ตุ้น ปร ท (Stimulants) รพิ ชนิดนี้จ ใ ้เกิด ก รเพ้ คล่ง ใบ น้ แล
ผิ นงแดง ตื่นเต้น ชีพจรเต้นเร็ ช่ งม่ นต ขย ย ได้แก่ ย โทรปีน ย บ้ เป็นต้น
5. ชนิดที่ กฤทธิ์ท ล ยร บบ ย ต่ งๆ ท ใ ้มี ก รแตกต่ งกนต ม ย ที่ถูกท ล ย
เช่น รพ ร ค ตท ล ยไต แล ป ด ท ใ ้ปั กน้ ย ไต ยแล ยใจ บเ นื่ ย เ ็ดพิ ท ล ยตบ
ท ใ ้มีต เ ลื งต เ ลื ง ตบ ย เป็นต้น
การประเมินการได้รับ ารพิ
ก รปร เมินก รได้รบ รพิ เป็นภ ฉุกเฉินที่ต้ งได้รบก รปฐมพย บ ลที่รีบด่ น ิ่งที่ คญ
คื จ ต้ งปร เมินจ แนกใ ้ได้ ่ ก รผิดปกติต่ งๆ ที่เกิดขึ้นกบผู้ป่ ยน้นเกิดจ ก รพิ ใด น กจ กปร เมิน
ก รแล้ ยงต้ ง งเกต ภ พก รณ์ ิ่งแ ดล้ มที่เกี่ย ข้ งกบผู้ป่ ยร่ มด้ ย
าการเมื่ ได้รับ ารพิ
- คลื่นไ ้ เจียน ป ดท้ ง น้ ล ยฟูมป ก รื มีร ยไ ม้บริเ ณริมฝีป ก มีกลิ่น รเคมี
บริเ ณป ก
- เพ้ ชก มด ติ มี ก ร มพ ตบ ง ่ น รื ท่ ไป
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 95
กรณีไม่รู้ ึกตั
ตร จ บ ญญ ณชีพ vital Sign
ารพิ เข้าตา
ก ร มผ บริเ ณด งต เป็นเรื่ งที่ นตร ย เนื่ งจ กด งต เป็น ่ นที่มีเ ้นปร ทแล ล ดเลื ดฝ ย
ม ล่ เลี้ยงจ น นม ก จึงเป็นแ ล่งที่ดูดซบ รพิ ต่ งๆได้ร ดเร็ รเคมี ่ นใ ญ่จ เป็น นตร ยต่ ด งต
ต้งแต่ท ใ ้เกิดก รร ค ยเคื ง ร้ งค มเจ็บป ด ูญเ ียค ม ม รถในก รม งเ ็น ไปจนถึงท ใ ้ต บ ด
ย่ งถ รได้
การปฐมพยาบาล
1. แน น ต เ งแล ข นุญ ตผู้ใ ้ก รช่ ยเ ลื ด้ ยค มม่นใจแล เป็นมิตร
2. ซกถ มเ ตุก รณ์ รื ก รจ กผู้ได้รบ รพิ รื บุคคลร บข้ ง
3 ล้ งต ด้ ยน้ ดโดยใช้ ิธีปล่ ยน้ ไ ลผ่ น ย่ งน้ ย 15 น ที น นต แคงใ ้ต ข้ งที่ถูก รพิ
ยู่ด้ นล่ ง (กรณีใ ่ค นแทคเลน ์ ค รถ ด กก่ นล้ งต )
4 ปิดต ด้ ยผ้ ด
5 โทรแจ้ง 1669 รื น ่งโรงพย บ ล
ข้ ้าม
1. ้ มขยี้ต
2. ้ มใช้น้ ย ล้ งต
ลักการเคลื่ นย้ายผู้บาดเจ็บ
ผู้ช่ ยเ ลื
1. ไม่ยกผู้บ ดเจ็บต มล พง โดยเฉพ ผู้บ ดเจ็บที่มีน้ นกต ม กก ่ รื กรณีมีก รบ ดเจ็บที่เ ี่ยงต่
นตร ยข งกร ดูกค แล ลง
2. กร ดูก น ลงข งผู้ช่ ยเ ลื ค ร ยู่ในแน ตรงขณ ยกผู้บ ดเจ็บ เพื่ ป้ งกนก รบ ดเจ็บข ง ลง
3. ค รยกโดยใช้น้ นกต ผู้บ ดเจ็บชิด ยู่กบต ผู้ช่ ยเ ลื ใ ้ม กที่ ุด
4. กรณีที่มีผู้ช่ ยเ ลื เป็นทีม ต้ งมีก ร ื่ รภ ยในทีมใ ้ชดเจน ขณ ใ ้ก รช่ ยเ ลื
ผู้บาดเจ็บ
1. มุ่งเน้นไม่เพิ่มก รบ ดเจ็บ ื่นๆ แล ไม่ท ใ ้ก รบ ดเจ็บรุนแรงม กขึ้นจ กก รเคลื่ นย้ ย
2. ต้ งได้รบก รปฐมพย บ ลข้นต้นก่ นก รเคลื่ นย้ ย ยกเ ้นในกรณีจ เป็น ยู่ใน ถ นก รณ์ฉุกเฉิน
เช่น เพลิงไ ม้ ตึกถล่ม น้ ท่ ม เป็นต้น ต้ งรีบเคลื่ นย้ ยก่ นเพื่ ค มปล ดภย
3. ขณ เคลื่ นย้ ย ล ต ข งผู้บ ดเจ็บค ร ยู่ในแน ตรง
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 98
ิธีน่งด้ น น้ ิธีน่งด้ น ลง
ที่ม : ูนย์ฝึก บรมปฐมพย บ ลแล ุขภ พ น มย ภ ก ช ดไทย, 2559
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 100
ธิ ีน่งด้ น น้ ธิ ีน่งด้ น ลง
ที่ม : นู ย์ฝึก บรมปฐมพย บ ลแล ุขภ พ น มย ภ ก ช ดไทย, 2559
ธิ ีน่งด้ น น้ ิธีน่งด้ น ลง
ที่ม : นู ย์ฝึก บรมปฐมพย บ ลแล ุขภ พ น มย ภ ก ช ดไทย, 2559
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 101
: ผู้บ ดเจ็บรู้ ึกต แต่เดินไม่ได้ บ ดเจ็บไม่รุนแรง เช่น เป็นลม ข้ เท้ เคล็ด ต้ งผ่ นท งแคบ
แคบ น้ นกต ม ก ต้ งก รเคลื่ นย้ ยโดย ด ก ร ดเร็ ม่นคงแข็งแรง ป้ งกน นตร ย
จ กก รพลดตกได้
เคลื่ นย้ ยไปท งปล ยเท้ ผู้บ ดเจ็บ โดย กค ่งเดิน ก้ – ชิด - ก้
ิธีการเดิน
: เคลื่ นย้ ยไปท งปล ยเท้ ผู้บ ดเจ็บ เพื่ ใ ้ผู้บ ดเจ็บ ม รถม งเ ็น
ทิ ท ง ่ จ เคลื่ นย้ ยไปท งใด
การท้าเปลประยุกต์
1 แบ่งผ้ ่ม กเป็น 3 ่ น
น่ ยการเรียนรู้ที่ 6
พิชิต ารมณ์และค ามเครียด
รมณ์มีค ม คญต่ ชี ิตค มเป็น ยู่ข งมนุ ย์ โดยเฉพ เกี่ย กบก รปรบต ท ใ ้ก รด เนินชี ิต
มีค ม ม ยแตกต่ งไปจ กเครื่ งจกร เร ใช้ รมณ์เป็นเครื่ งบ่งชี้ค มรู้ ึกนึกคิด ช่ ยใ ้เร เรียนรู้ที่จ รู้จ ก
ตนเ งแล ผู้ ื่น เป็นแรงผลกดน รื แรงจูงใจท ใ ้เกิดค มกร ตื รื ร้น เป็นต ช่ ยท ใ ้มีมนุ ย มพนธ์ที่ดี
พร้ มใ ้ก รช่ ยเ ลื ผู้ ื่น เป็น ญญ ณเตื นภยใ ้รู้จกก รต่ ู้ ก รเ ต ร ด แล ก รแ ดง กท ง รมณ์
ยง ม รถบ่งบ กถึง ุขภ พจิตข งบุคคลได้ ีกด้ ย
คณ กรรมก รบญญติ พท์เ ็น ่ รมณ์ตรงกบค ่ Mood ม กก ่ Emotion คุณ มบติข ง รมณ์
ท น้ ที่เป็นแรงจูงใจกร ตุ้นร่ งก ยใ ้แ ดงพฤติกรรมปฏิกิริย โต้ต บในลก ณ ต่ ง ๆ รมณ์ที่ไม่ดีแล
ค มเครียด ม รถคิดขึ้นได้กบทุกคนไม่ ่ จ ยู่ในช่ ง ยใด กไม่ ม รถค บคุม รมณ์แล ค มเครียดได้
ก็จ ท ใ ้เกิดผลกร ทบต่ ตนเ งแล ผู้ ื่น จึงค รมี ิธีก รจดก รกบ รมณ์ที่ ไม่ดีแล ค มเครียดด้ ย ิธีก รที่
เ ม ม เพื่ ไม่ใ ้เกิดผลเ ียต่ ร่ งก ยแล จิตใจ แล ม รถ ยู่ร่ มกบบุคคล ื่นได้ ย่ งมีค ม ุข
- เป็นค มรู้ ึกชนิดต่ ง ๆ ที่บุคคลมีต่ ิ่งเร้ ค มรู้ ึกเ ล่ นี้ เปลี่ยนแปลง ยู่เรื่ ย จรุนแรงบ งก ่
ปกติ ต มค มนึกคิดแล ถ นก รณ์ แล จเกิดขึ้นพร้ มกบมีก รเปลี่ยนแปลงก ยภ พร่ มไปด้ ย
- ร ดบข งค มรู้ ึกเป็น ่ น คญข งจิตใจ เป็น ื่ ร้ ง มพนธภ พร ่ งบุคคลช่ ยใ ้เรียนรู้
ตนเ งแล ผู้ นื่ ท ใ ้ปรบต ได้ดกี บเ ตุก รณ์แล ด รงชี ิตใน งคมได้ ย่ งมีปร ิทธิภ พ
ประเภทข ง ารมณ์
รมณ์เป็น ่ น คญข งชี ิตมนุ ย์แล ท ใ ้มนุ ย์แตกต่ งจ ก ต ์ เนื่ งจ ก รมณ์เป็น ิ่งที่ ่ง ผล
ต่ พฤติกรรมที่เกิดต มม ซึ่ง รมณ์แบ่ง กเป็น 2 แบบ ( รีเรื น แก้ กง น, 2543, น.155) คื
1. รมณ์ที่ท ใ ้เกิดค มพึงพ ใจ คื มีค ม ุข ต้ งก รใ ้เกิดขึ้น ต้ งก รยึดเ นี่ย ไ ้ เป็น รมณ์
ท งบ ก เช่น รื่นเริง ชื่นชม รก ย มรบ ล
2. รมณ์ที่ท ใ ้เกิดค มไม่พึงพ ใจ คื มีค มทุกข์ ต้ งก ร ลีกเลี่ยง ไม่ต้ งก รใ ้เกิดขึ้น ีก เป็น
รมณ์ท งลบ เช่น กล เ ร้ เกลียด ขย แขยง เดื ดด ล ดูถูก ิจฉ
ก ร ึก เรื่ ง รมณ์เป็นเรื่ งย ก เนื่ งจ กต้ ง นุม นจ กพฤติกรรมที่ไม่ ม รถ งเกตได้โดยตรง
นกจิต ิทย ได้ งเกตลก ณ ข ง รมณ์พบ ่ รมณ์เป็นภ ที่ไม่คงที่ มีลก ณ ที่ คญ 4 ปร ก รคื (มุกด
รียงค์. 2542 : 255-256)
1. รมณ์ไม่ใช่พฤติกรรมภ ยน ก รื ค มคิดเฉพ ย่ งแต่ รมณ์เป็นปร บก รณ์ค มรู้ ึ ก ่ น
บุคคล
2. รมณ์เป็นค มรู้ ึกที่รุนแรงแล มีก รแ ดง กท ง รมณ์ที่แตกต่ งไปจ กก รกร ท ปกติท่ ไป
เช่น เมื่ มี รมณ์กล จ มื ่น
3. รมณ์มีค มซบซ้ นก ่ ค มรู้ ึกท งร่ งก ย ื่นๆ บุคคลจ มีก รปร เมิน รื แปลค ม ม ยข ง
ถ นก รณ์ที่เกี่ย ข้ งแล้ จึงจ เกิด รมณ์น้นๆ เช่น ช ยคน นึ่งเ ็น ิงโตแล้ มีค มรู้ ึก ย่ งไรขึ้น ยู่กบ ่
ช ยคนน้นเ ็น ิงโตเป็น ต ์เลี้ยงที่เชื่ ง รื ต ์ป่ ที่ก ลง ิ กร ย
4. รมณ์จ เกิดร่ มกบก รเปลี่ยนแปลงท ง รีร เช่น เมื่ เร รู้ ึกปร ล ดใจ จ เบิ่งต โต ป ก ้
จยกมื ปิด น้ ่ นก รต บ น งภ ยในจ มีก รเปลี่ยนแปลง ตร ก รเต้นข ง ใจ
การจัดประเภทข ง ารมณ์
พลูทชิค (Plutchik, 1980, p.56) แบ่ง รมณ์เป็น รมณ์พื้นฐ น 8 ปร เภท ได้แก่ รมณ์กล (Fear),
รมณ์ปร ล ดใจ (Surprise), รมณ์เ ร้ (Sadness), รมณ์รงเกียจ/ขย แขยง(Disgust), อารมณ์โกรธ
(Anger), อารมณ์คาด ัง (Anticipation), อารมณ์รื่นเริง/ นุก นาน (Joy), อารมณ์ยอมรับ (Acceptance)
งค์ประก บข ง ารมณ์
รมณ์จ ปร ก บไปด้ ย งค์ปร ก บ 3 ปร ก ร คื
1. งค์ประก บด้าน รีระ (Physiological dimension) ม ยถึง ก รเปลี่ยนแปลงต่ ง ๆ ท งร่ งก ย
ที่จ ต้ งเกิดขึ้น ค บคู่กบ ปฏิกิริย ท ง รมณ์ เช่น ใจเต้นเร็ เ งื่ กต มร่ งก ย รื ใบ น้ ร้ นผ่
เป็นต้น รมณ์ที่ก่ ใ ้เกิดก รเปลี่ยนแปลงท ง รีร ได้ม กที่ ุ ดคื รมณ์กล แล รมณ์โกรธ รมณ์กล
จ ก่ ใ ้เกิดก ร ล่งข ง ร์โมน ดรีน ลีนจ กต่ มแ ดรีนล (Adrenal gland) ่ น รมณ์โกรธ จ ก่ ใ ้เกิด
ก ร ล่งข ง ร์โมน น ร์ ดรีน ลีน (Noradrenalin)
2. งค์ประก บทางด้ า นการนึกคิด (Cognitive dimension) ม ยถึง ก รมี ปฏิกิริย ด้ นจิตใจที่
เกิดขึ้นต่ ถ นก รณ์ ที่ก ลงเป็น ยู่แล เกิดเป็น รมณ์ขึ้นม เช่น ช บ-ไม่ช บ รื ถูกใจ–ไม่ถูกใจ เป็นต้น
3. งค์ป ระก บทางด้ า นการมี ป ระ บการณ์ (Experiential dimension) ม ยถึ ง ก รเรี ย นรู้ ที่
เกิดขึ้นภ ยใน จิตใจข งแต่ล บุคคลซึ่งจ มีค มแตกต่ งกนไป
ค ามเครียด (Stress)
ค มเครียด ม รถเกิดขึ้นได้กบคนทุกชนน้นใน งคม โดยมีค มแตกต่ งกนในลก ณ ข งปัญ
แต่ล คน ค มเครียด เป็นภ ข ง รมณ์ รื ค มรู้ ึกที่เกิดขึ้นเมื่ เผชิญกบปัญ ต่ งๆ ที่ท ใ ้รู้ ึกไม่
บ ยใจ คบข้ งใจ รื ถูกบีบค้น กดดนจนท ใ ้เกิดค มรู้ ึกทุกข์ใจ บ น โกรธ รื เ ียใจ
ค มเครียดที่มีไม่ม กนก จ เป็นแรงกร ตุ้นใ ้คนเร เกิดค มมุม น ที่จ เ ชน ปัญ แล ุป รรค
ต่ งๆได้ คนที่มีค มรบผิดช บ ูงจึงมก นีค มเครียดไปไม่พ้น ค มเครียดที่เป็น นตร ย คื ค มเครียดใน
ร ดบ ูงที่คง ยู่เป็นเ ล น น จ ่งผลเ ียต่ ุขภ พก ย ุขภ พจิต พฤติกรรม คร บคร
ก รท ง น แล งคมได้ ดงน้น เร จึงค รรู้จกก รผ่ นคล ยค มเครียดที่ถูก ิธี เพื่ ใ ้ก รด เนินชี ิตข งเร
เป็น ุข
ค าม มายข งค ามเครียด
กรม ุขภ พจิต (2539) ใ ้ค ม ม ย ่ ค มเครียดเป็นภ ที่บุคคลรู้ ึกกดดน ไม่ บ ยใจ ุ่น ยใจ
กล ิตกกง ล ตล ดจนถูกบีบค้น เกิดจ กก รที่บุคคลรบรู้ รื ปร เมิน ิ่งที่ เข้ ม ในปร บก รณ์ข งตน ่ เป็น
ิ่งที่คุกค มจิตใจ รื ก่ ใ ้เกิด นตร ยแก่ร่ งก ย นเป็นผลใ ้ ภ มดุลข งร่ งก ยแล จิตใจเ ียไป ซึ่งมี
ปฏิกิริย ต บ น ง ล ย ย่ ง เป็นต้น ่ ก รใช้กลไกป้ งกนต เ ง ก รเปลี่ยนแปลงด้ น รีร ด้ นพฤติกรรม
ด้ นค มนึกคิด แล ด้ น รมณ์ค มรู้ ึก ถูกกดดน รื ค มเครียดเ ล่ น้นคล ยลงแล กลบ ู่ภ มดุล ีก
คร้ง นึ่ง
กรม ุขภ พจิต (2542: 56) ได้กล่ ถึง ค มเครียดท้งด้ นร่ งก ยแล จิตใจ ่ ค มเครียดเป็นเรื่ งข ง
ร่ งก ยแล จิตใจที่เกิดก รตื่นต เตรียมรบกบเ ตุก รณ์ นึ่งซึ่งเร คิด ่ ไม่ น่ พ ใจเป็นเรื่ งที่ นก น เกิน
ก ลงทรพย กรที่เร มี ยู่ รื เกินค ม ม รถข งเร ที่จ แก้ไขได้ ท ใ ้รู้ ึก นกใจ เป็นทุกข์แล พล ยท ใ ้
เกิด ก รผิดปกติท งร่ งก ย แล พฤติกรรมต มไปด้ ย แต่ กมีค มเครียดในร ดบพ ดีก็จ ช่ ยกร ตุ้นใ ้
เร มีพลง มีค มกร ตื รื ร้นในก รต่ ู้ชี ิตช่ ยผลกดน ใ ้เร เ ชน ปัญ แล ุป รรคต่ งๆ ได้ดีขึ้น
แบบประเมินค ามเครียด “ต นนี้คุณเครียดระดับไ น”
จ กค ถ มท้ง 20 ข้ ต่ ไปนี้ ใ ้เร ล งพิจ รณ ดู ่ ในร ย 2 เดื นที่ผ่ นม เร มี ก ร พฤติกรรม
รื ค มรู้ ึกต่ ไปนี้ม กน้ ยเพียงใด แล้ ใ ้ค แนนกบค ต บที่เร เลื ก ดงนี้
ม ก รู้ ึกมีพลง มีชี ิตชี กร ตื รื ร้น ม ง ิ่งเร้ รื เ ตุก รณ์ร บต ่ เป็น ิ่งท้ ท ยค ม ม รถ มี
ค ม ม รถในก รจดก รกบ ิ่งต่ ง ๆ ได้ ย่ งเ ม ม ผลผลิตข งง น ยู่ในร ดบ ูง
ค มเครียดในร ดบนี้ ถื ่ เป็นปร โยชน์ในก รด เนินชี ิตปร จ น เป็นแรงจูงใจในก รน ไป ู่
ค ม เร็จในชี ิตได้
ถ้าคะแนนร ม ยู่ระ ่าง 18-25 คะแนน แ ดง ่ เครียด ูงก ่ ปกติเล็กน้ ย
ท่ นมีค มเครียด ยู่ในร ดบ ูงก ่ ปกติเล็กน้ ย มีค มไม่ บ ยใจ นเกิดจ กปัญ ในก รด เนิน
ชี ิตปร จ นโดยปัญ รื ข้ ขดแย้งข งท่ น จยงไม่ได้รบก รคลี่คล ย รื แก้ไข ซึ่งถื ่ เป็นค มเครียดที่
พบได้ในชี ิตปร จ น จไม่รู้ต ่ มีค มเครียด รื จรู้ ึกได้จ กก รเปลี่ยนแปลงข งร่ งก ย รมณ์
ค มรู้ ึกแล พฤติกรรมบ้ งเล็กน้ ยแต่ยงไม่ชดเจนแล ยงพ ทนได้
แม้ ่ ท่ นจ มีค มยุ่งย กในก รจดก รกบปัญ ยู่บ้ ง แล จต้ งใช้เ ล ในก รปรบต ม กขึ้น
ก ่ เดิม ท่ นก็ ม รถจดก รกบค มเครียดได้ แล ไม่เป็ นผลเ ียต่ ก รด เนินชี ิต ในกรณีนี้ท่ นค รผ่ น
คล ยค มเครียดด้ ยก ร ค มเพลิดเพลินใจ เช่น กก ลงก ย ดู นง ฟังเพลง ง รรค์กบเพื่ น
ถ้าคะแนนร ม ยู่ระ ่าง 26-29 คะแนน แ ดง ่ เครียดป นกล ง
ท่ นมีค มเครียด ยู่ในร ดบ ูงก ่ ปกติป นกล ง ขณ นี้ท่ นเริ่มมีค มตึงเครียดในร ดบค่ นข้ ง
ูง แล ได้รบค มเดื ดร้ นเป็น ย่ งม ก จ กปัญ ท ง รมณ์ที่เกิดจ กปัญ ค มขดแย้งแล ิกฤตก รณ์
ในชี ิต เป็น ญญ ณเตื นข้นต้น ่ ท่ นก ลงเผชิญกบภ ิกฤตแล ค มขดแย้ง ซึ่งท่ นจดก รแก้ไขด้ ยค ม
ย กล บ ก ลก ณ ก รดงกล่ จ เพิ่มรุนแรง ซึ่งมีผลกร ทบต่ ก รท ง น จ เป็นต้ ง ิธีแก้ไขข้ ขดแย้ง
ต่ ง ๆ ใ ้ลดน้ ยลง รื มดไป ด้ ย ิธีก ร ย่ งใด ย่ ง นึ่ง แล ก รคลี่คล ยค มเครียดด้ ยก รพูดคุย
ถ้าคะแนนร ม ยู่มากก ่า 30 คะแนนขึ้นไป แ ดง ่ เครียดม ก
ท่ นมี ค มเครี ย ด ยู่ ใ นร ดบ ู ง ก ่ ปกติ ก ลงตก ยู่ใ น ภ ตึ งเครี ย ด แล ก ลงเผชิ ญ กบ
ิกฤตก รณ์ในชี ิต ย่ งรุนแรง เช่น ก รเจ็บป่ ยที่รุนแรงเรื้ รง มีค มพิก ร ก ร ูญเ ีย ปัญ ค มรุนแรงใน
คร บคร ปัญ เ ร ฐกิจ ซึ่ง ่งผลต่ ุขภ พก ยแล ุขภ พจิต ย่ งชดเจน ท ใ ้ชี ิ ตไม่มีค ม ุข ฟุ้งซ่ น
ตด ินใจผิดพล ด ข ดค มยบย้งช่งใจ จเกิด ุบติเ ตุได้ง่ ย
ค มเครียดในร ดบนี้ ถื ่ มีค มรุนแรง ูงม ก กปล่ ยไ ้โดยไม่ด เนินก รแก้ไข ย่ งเ ม ม
แล ถูก ิธี จน ไป ู่ค มเจ็บป่ ยท งจิตที่รุนแรง ซึ่ง ่งผลต่ ตนเ ง แล บุคคลใกล้ชิดต่ ไปได้ ในร ดบนี้
ค รพบแพทย์ รื ข รบบริก ร Hotline แล คลินิกคล ยเครียด ซึ่งมี ยู่ต ม ถ นบริก รท่ ปร เท
าเ ตุข งค ามเครียด
กรม ุขภ พจิต กร ทร ง ธ รณ ุข (2541) กล่ ถึง ปัจจยที่ ่งผลต่ ค มเครียด คื ปัจจย ่ น
บุคคลแล ปัจจยด้ น ิ่งแ ดล้ ม ดงนี้
1. ปัจจย ่ นบุคคล
1.1 ทางด้านร่างกาย ภ ท งก ยบ งปร ก ร ท ใ ้เกิดค มเครียดไดในลก ณ ที่เรียก ่ ร่ งก ย
เครียด ซึ่งปัจจยท งร่ งก ยที่ก่ ใ ้เกิดค มเครียด ไดแก คุณลก ณ ท งพนธุกรรม เพ ีผิ ลก ณ ท่ ท งที่
ปร กฏเกี่ย กบโครง ร้ งข งกล้ มเนื้ ผิ นง แล ก รทรงต เช่น ก รเดิน ยืน ิ่ง น่ง น น ค มเข้มแข็ง รื
ค ม ่ นแ ข งร บบก รท ง นข งร่ งก ย ภ โภชน ก ร ค มเ นื่ ยล้ ท งร่ งก ย พกผ่ นไม่เพียงพ
ท ง น นกติดต่ กนเป็นเ ล น น ก รรบปร ท น รไม่เพียงพ รื ม ก รื มีก รเจ็บป่ ยท งก ย เช่น มี
ไข้ ูง ุบติเ ตุ มีค มพิก ร รื เป็นโรคเรื้ รงต่ งๆ เช่น โรคเบ น ม เร็ง ตล ดจนค มพิก รท งร่ งก ยที่
เป็นม แต่ก เนิด
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 111
ผลกระทบข งค ามเครียด
1. ผลกระทบต่ ร่างกาย เมื่ มีภ กดดน รื ค มเครียดร่ งก ยจ ล่ง ร์โมน ที่เรียก ่
ค ร์ติซ ล แล ดรีน ลิน กม เพื่ ท ใ ้ร่ งก ยมีค มดนโล ิต ูงแล ใจเต้นเร็ เพื่ เตรียมพร้ มใ ้
ร่ งก ยแข็งแรงแล มีพลงง นพร้ มที่จ กร ท ก ร เช่น ิ่ง นี นตร ย ยกข ง นีไฟ แต่ กร่ งก ยไม่ได้ใช้
พลงง นเ ล่ น้น ร์โมนที่ ล่ง กม จ มุนเ ียนเข้ ู่กร แ เลื ด มม กขึ้นจนเป็น นตร ยต่ ย
ต่ งๆ ดงต่ ไปนี้
- ใจ ปกติ ใจจ เต้นปร ม ณ 70-80 คร้งต่ น ที แต่เมื่ เกิดค มเครียด ใจจ เต้นเร็ ขึ้นเป็น
100-120 คร้งต่ น ที งเกตได้ ่ ใจเต้นแรงจนรู้ ึกได้ ใจ ่น เจ็บ น้ ก เ นื่ ย
- ล ดเลื ด ค มเครียดจ ท ใ ้ ล ดเลื ดท่ ร่ งก ย ดต ตีบตน ท ใ ้ ย ต่ งๆได้รบเลื ดไป
เลี้ยงไม่พ ปล ยมื ปล ยเท้ เย็น กเป็นที่ ม ง ท ใ ้เกิด ก รมึนงง ป ด ีร ไม่เกรน เ ียน ีร ก
เกิดกบ ใจ ท ใ ้กล้ มเนื้ ใจต ย แล เมื่ ล ดเลื ดตีบม กๆ จ ท ใ ้เป็นโรคค มดนโล ิต ูง น กจ กนี้
ยงท ใ ้เลื ดมีค ม นืดเพิ่มเนื่ งจ กไปท ใ ้ไขมนที่ ม ยู่ใน ย ต่ งๆไป ุดตน ล ดเลื ดได้ง่ ยขึ้น
- ตบ เมื่ ไขมนที่ ลุด กม ในกร แ เลื ดผ่ นไปยงตบ ตบจ เปลี่ยนไขมนเป็นน้ ต ล ท ใ ้น้ ต ล
ในเลื ด ูงขึ้น จนกล ยเป็นโรคเบ นได้
- กล้ มเนื้ กล้ มเนื้ ทุก ่ นจ ดเกร็ง งเกตได้จ ก น้ นิ่ คิ้ ขม ด ก มด ซึ่งเป็น เ ตุ คญ
ข ง ก รป ดต้นค ป ด ลง ป ดไ ล่ ป ดเ
- ล ดลม ล ดลมจ ดเล็กลงท ใ ้ต้ งถ น ยใจแรงๆ มิฉ น้นจ ได้ กซิเจนไปเลี้ยงร่ งก ยไม่
เพียงพ
- ร บบท งเดิน ร ท งเดิน รต้งแต่ค ย ล ไ ้ กร เพ รจ ดเล็กลง ท ใ ้
รบปร ท น รไม่ค่ ยลง รไม่ย่ ย ท้ ง ืด ท้ งผูก ท้ งเดิน กร เพ ร ล่งน้ ย่ ย กม ก ท ใ ้
ล ไ ้แล กร เพ ร กเ บ รื เป็นแผล
- ภูมิคุ้มกนข งร่ งก ยลดน้ ยลง เป็น ด เจ็บค เป็นเริม งู ด รื เป็นแผลในป กง่ ย แล ท ใ ้
เซลล์เจริญเติบโตผิดปกติกล ยเป็นเนื้ ง ก รื ม เร็งได้ง่ ย
- มีค มผิดปกติข งร บบ ืบพนธุ์ ได้แก่ ก รมี มรรถภ พท งเพ ลดลง
2. ผลกระทบต่ จิตใจและ ารมณ์ เมื่ เกิดค มเครียด รมณ์จ เปลี่ยนแปลงง่ ย จิตใจข งบุคคลที่
เครียดจ เต็มไปด้ ยก ร มกมุ่นครุ่นคิด ไม่ นใจ ิ่ งร บต ใจล ย งุด งิด โมโ ร งบ รมณ์ไม่ได้ ฟุ้งซ่ น
ูญเ ียค มเชื่ ม่นในค ม ม รถที่จ จดก รกบชี ิตข งตนเ ง เกิดค ม ิตกกง ล เป็นโรคย้ คิดย้ ท คิด
ซ้ ๆท ซ้ ๆโดยไม่มีเ ตุผล มค ร จึงกล ยเป็นโรคซึมเ ร้ ท้ แท้ ิ้น ง มด ลยต ย ย ก ล ยคนคิดฆ่ ต
ต ย แล บ งร ยกล ยเป็นผู้ป่ ยโรคจิต มีผลท ใ ้ปร ิทธิภ พก รเรียน ก รท ง น ค ม มพนธ์กบบุคคลร บ
ข้ งแล คุณภ พชี ิตลดลง
3. ผลกระทบต่ พฤติกรรม ก รเปลี่ยนแปลงท งร่ งก ยดงที่กล่ ในข้ งต้น ไม่เพียงแต่จ ท ใ ้ร บบ
ก รท ง นข งร่ งก ยผิดไป แต่ยงท ใ ้พฤติกรรมก รแ ดง กข งบุคคลเปลี่ยนแปลงด้ ย ต ย่ งเช่น บุคคล
ที่เครียดม กๆ บ งร ยจ มี ก รเบื่ ร รื บ งร ย จจ รู้ ึก ่ ต เ ง ิ ยู่ตล ดเ ล แล ท ใ ้มีก ร
บริโภค รม กก ่ ปกติ มี ก รน น ลบย ก รื น นไม่ ลบ ล ยคืนติดต่ กน ปร ิทธิภ พในก รท ง น
น้ ยลง เริ่มปลีกต จ ก งคม บ่ ยคร้งบุคคลจ มีพฤติกรรมก รปรบต ต่ ค มเครียดในท งที่ผิด เช่น ูบบุ รี่
ติดเ ล้ ติดย เล่นก รพนน ก รเปลี่ยนแปลงข ง รเคมีบ ง ย่ งใน ม งท ใ ้บุคคลมีพฤติกรรมก้ ร้ ม ก
ขึ้น ค ม ดทนเริ่มต่ ลง พร้ มที่จ เป็น ตรูกบผู้ ื่นได้ง่ ย จมีก ร ล ด ข ้ งป ข้ ข ง ท ร้ ยผู้ ื่น ท
ร้ ยร่ งก ยตนเ ง รื กบ งร ยที่เครียดม ก จเกิด ก ร ลงผิดแล ตด ินใจแบบช่ ูบน ไป ู่ก รฆ่ ต
ต ยในที่ ุด
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 113
2. ผลข งค มเครียด
4. ุขภ พ
ภาพประก บแบบจ้าล งพฤติกรรมค ามเครียด (Stress Behavior Model)
แน ทางจัดการค ามเครียด
แน ท งจดก รค มเครียด ข งน ยแพทย์เทิด กดิ์ เดชคง ใ ้ ิเคร ์ค มเครียดโดยใช้ต ร งนี้
ผู้ ื่น
1 2
ตนเ ง
3 4
ดีต/ น คต ปัจจุบน
ข้ 1 คื เรื่ งข งผู้ ื่นแล ไม่ใช่ปัจจุบน เช่น กง ลเรื่ งที่เพื่ นเ ดีต นน่ รนม เล่ ใ ้ฟัง
ข้ 2 คื เรื่ งทีเ่ ป็นผู้ ื่น แต่เกิดขึ้นในปัจจุบน เช่น เพื่ นถูก มคร / แกนน เย ชนดุ
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 114
ข้ 3 คื เรื่ งข งตนเ ง แต่เป็น ดีต รื น คตที่ ่ งไกล เช่น ม ชิกกง ล ่ ดีตที่ล้มเ ล จ ่งผล
ต่ ชี ิตข ง ม ชิกตล ดไป
ข้ 4 คื เรื่ งข งตนเ งแล เป็นเรื่ งที่เกิดขึ้นในปัจจุบน เช่น ม ชิกก ลง ง ย ่ โครงง นรบผิดช บ
ยู่จ ไม่ปร บค ม เร็จ ( ้าคัญที่ ุด)
ิธีการจัดการกับ ารมณ์และค ามเครียด
คนเร มีค ม ม รถในก รจดก รกบค มเครียดได้ ยู่แล้ ทุกคนแต่ในร ่ งที่เร ต้ งเผชิญกบ
ค มเครียด เร ค รมีแน ท งที่เ ม มดงนี้ คื
1. ร จตนเ ง ่ เครียด รื ไม่
2. ย มรบค มจริงแล คิดในแง่บ ก
3. ก ร งแผนแก้ไขปัญ
4. ก รผ่ นคล ยค มตึงเครียด
การคลายเครียดในภา ะปกติ
เป็น ิธีก รคล ยเครียดที่คนท่ ไปนิยมปฏิบติ โดยมกเลื กปฏิบติใน ิธีที่เคยชิน ถนด รื ช บ แล นใจ
ท้งนี้เพียงเพื่ ใ ้ค มเครียดลดลง รู้ ึก บ ยใจม กขึ้น เช่น
1. ยุดพักการท้างาน รื กิจกรรมที่ก้าลังท้า ยู่นั้นชั่ ครา ลุกเดินไปดื่มน้ เข้ ้ งน้ ยืนยืดเ ้นยืด
ย บดแขนข ูดลม ยใจเข้ ลึกๆ ก็จ ท ใ ้รู้ ึกผ่ นคล ยขึ้น
2. ท้างาน ดิเรกที่ นใจ รื ถนัดและชื่นช บ จ ท ใ ้เกิดค มรู้ ึกเพลิดเพลิน นุก รื มีค ม ุข ลืม
ค มเครียดที่มี ยู่ไปขณ นึ่ง ท ใ ้ไม่ มกมุ่นกบปัญ ที่ท ใ ้รู้ ึกเครียดได้ ง น ดิเรกมี ล ยปร เภท เช่น
- เล่นดนตรี ร้ งเพลง เต้นร ฟังเพลง
- ท ง น ิลป ง นปร ดิ ฐ์
- ปลูกต้นไม้ ขุดดิน ท น
- ตกแต่งบ้ น ตดเย็บเ ื้ ผ้
- เขียน นง ื เขียนบนทึกต่ งๆ ่ น นง ื
- ดูโทรท น์ ภ พยนตร์ ฟัง ิทยุ
3. เล่นกี า รื บริ ารร่างกาย ซึ่ง ม รถท ๆได้ ล ย ิธี เช่น ก รเดิน ิ่ง ขี่จกรย น ่ ยน้ เต
ต กร้ เล่นเทนนิ แบดมินตน เต บ ล โดยเลื กเล่นกี ที่ช บ รื ถนด
4. พบปะ ัง รรค์กับเพื่ นที่ไ ้ างใจ ท้ากิจกรรม ร้าง รรค์ร่ มกัน เช่น ก รร มกลุ่มพูดคุยเรื่ งที่
นุก น น ยู่ใกล้ชิดกบเพื่ นที่ รมณ์ดี ร้ ง รมณ์ขนใ ้กบตนเ ง เพื่ ใ ้เกิดค มรู้ ึกเพลิดเพลินแล ผ่ น
คล ย
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 115
แ ล่ง ้าง ิง
กรม ุขภ พจิต. (2562) การใช้เทปเ ียงคลายเครียดด้ ยตนเ ง. ก รคล ยเครียดในภ ที่เครียด ูง.
ืบค้นเมื่ 26 มีน คม 2562, จ ก http://goo.gl/csMMqA
คณ จ รย์ภ ค ิช จิต ิทย ม ิทย เชียงใ ม่. จิต ิทยาทั่ ไป. เชียงใ ม่, 2535.
น รตน์ ธญญ ิริ. (2561). เ ก รปร ก บก ร น ุข ึก . โรงเรียนจุ ลงกรณ์ม ิทย ลย ฝ่ ยมธยม.
ม ิทย ลย ุโขทยธรรม ธิร ช. (2562). ก รค บคุม รมณ์ (Emotional Control). ืบค้นเมื่ เมื่ 27
มีน คม 2562, จ ก https://goo.gl/keMoT
มูลนิธิธรรมก ย. (2562). ิธีฝึก ม ธิเบื้ งต้น. ืบค้นเมื่ 27 มีน คม 2562, จ ก https://goo.gl/u7JRF4
นกพฒน ุขภ พจิต กรม ุขภ พจิต กร ทร ง ธ รณ ุข คู่มื ก ร นทก ชี ิต
รุณี มิ่งปร เ ริฐ. (2557). แน คิดเกี่ย กับค ามเครียด. ร ร งคม ตร์แล มนุ ย์ ตร์.
(ฉบบที่ 2): น้ 215-216 ืบค้นเมื่ 26 มีน คม 2562, จ ก https://goo.gl/5ZfFQN
https://www.dmh.go.th/news/view.asp?=672
https;//www.thaihealth.or.th/Content/45728kb.psu.ac.th/bitstream/2010/8126/6/Chapter2.pdfhtt
ps;//www.educ-bkkthon.com/blog/apornsiri/wp-content/uploads/2014/02/
http;//eu.lib.kmutt.ac.th/elearning/Courseware/SSC231/Psychology/Chapter12/CH%2012%
2012%20Emotion.pdf
https://www.ninlaya159.pdf
https://www.absorn.ac.th
https://www.pkc.ac.th
https://www.kr.ac.th
https://www.snr.ac.th
https://www.trueplookpanya.com
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 119
น่ ยการเรียนรู้ที่ 7
ุขภาพจิตกับการปรับตั
ค าม ้าคัญข ง ุขภาพจิต
ุขภ พจิต เป็นค ม ม รถข งบุคคลในก รด เนินชี ิตใ ้ไป ู่เป้ ม ยที่ได้ก นด รื ค ด งไ ้
ุขภ พจิตแฝง ยู่ กบ ิถีชี ิตข งมนุ ย์ ทุก ย จน จกล่ ได้ ่ ุ ขภ พจิตเป็นปัจจยก นดค ม ุ ข แล
ค ม เร็จในชี ิตข งมนุ ย์ ุขภ พจิตที่ดีจ น พ ใ ้ ุขภ พก ยมีค ม มบูรณ์ แข็งแรงไปด้ ย ดงภ ิตที่
กล่ ่ “จิตเป็นน ย ก ยเป็นบ่ ”
พร บ ท มเด็จพร เจ้ ยู่ ภูมิพล ดุลยเดช ได้มีพร ร ชด ร ต น นึ่งต่ คณ จิตแพทย์ ณ พร
ต นก ภูพิงค์ร ชนิเ น์ เมื่ นที่ 14 ก.พ. 2520 ่
“ ุขภ พจิตแล ุขภ พก ยนี้ มีค ม มพนธ์ ที่จ โยงกน ย่ งยิ่ง พูดได้ ่ ุขภ พจิต คญก ่ ุขภ พ
ก ยด้ ยซ้ เพร ่ คนไ นที่ท งก ย มบูรณ์แข็งแรง แต่จิตใจฟั่นเฟื นไม่ได้เรื่ งน้นถ้ ท ไรก็จ ยุ่งได้
ก ยที่แข็งแรงน้นก็จ ไม่มีปร โยชน์ต่ ตนเ ง รื งคม ย่ งใด ่ นคนที่ ุขภ พก ยไม่ ู้แข็งแรงแต่ ุขภ พจิตดี
ม ยค ม ่ จิตใจดี รู้จกจิตใจข งต แล รู้จกปฏิบติใ ้ถูกต้ งย่ มเป็นปร โยชน์ต่ ตนเ ง แล เป็นปร โยชน์
ต่ งคมได้ม ก ในที่ ุด ุขภ พจิตที่ดีก็ จจ พ ม ซึ่ง ุขภ พท งก ยที่ดีได้ ”ก รดูแลปัญ ุขภ พจิต เป็น
น้ ที่ข งบุคล กรท งจิตเ ช เริ่มจ กก รใ ้ค มรู้ใน ิธีก รป้ งกน ลีกเลี่ยง ิ่งที่จ ก่ ใ ้เกิดปัญ ก รรก
เมื่ มีปัญ เกิดขึ้นแล้ แล ด้ ยก รฟื้นฟู มรรถภ พ ร มถึงก รติดต มผลเพื่ ป้ งกนก รเกิดโรคซ้
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 120
ุ ข ภ พจิ ต ที่ ผิ ด ปกติ ลก ณ ที่ แ ดง กเริ่ ม ต้ ง แต่ พ ฤติ ก รรมที่ เ ปลี่ ย นแปลง มี ผ ลต่ มรรถภ พ
ในก รท ง น ร มถึงค มผิดปกติข งค มคิด แล รมณ์ จนถึงร ดบที่ จเป็น นตร ยต่ ตนเ งแล ผู้ใกล้ชิด
ค มมุ่ง ม ยในก รรก คื บรรเท แก้ไข ก รที่เกิดขึ้น เพิ่ม มรรถภ พใ ้กลบม ู่ปกติ ก รรก ค รเริ่ม
จ กก ร ร้ งค ม มพนธ์ที่ดี ก ร ินิจฉยที่ถูกต้ ง งแผนก รรก ที่ร ดกุม เต็มไปด้ ยค มเข้ ใจแล เ ็นใจ
ต่ ผู้ป่ ย ผู้รก ต้ งกล้ ที่จ ย มรบค มผิดพล ด ย มแก้ไข แม้ปัญ ุขภ พจิตข งตนเ งจ มีผลต่ ก ร
ด รงชี ิตใน ล ยด้ น เช่น ด้ นก ร ึก ด้ น ชีพ ด้ นชี ิตคร บคร เพื่ นร่ มง น ด้ น ุขภ พร่ งก ย ผู้ที่
มี ุขภ พจิตดีจ ปร บค ม เร็จในทุกด้ น ถ้ ุขภ พจิตดีร่ งก ยก็จ ดชื่น น้ ต ยิ้มแย้ม ม งแจ่มใ
เป็นที่ บ ยใจแก่ผู้พบเ ็น ย กคบค้ ม คมด้ ย ท ง น เร็จ ึก ได้ต มที่ งเป้ ม ยไ ้
ลัก ณะข งผู้ที่มี ุขภาพจิตดี
โดยปกติเมื่ เร พูดถึงเรื่ ง ุขภ พจิตคนท่ ไป มกคิด ่ เป็นก ร ึ ก เรื่ งร ข งบุคคล ่ เข เป็นบ้
รื จ้ งจบผิดเข รื จม งเข ในแง่ร้ ย แต่ต มค มเป็นจริงไม่ได้เป็นไปด่งที่คนท่ ไปเข้ ใจ เพียงแต่มุ่งเน้น
ึก ่ มนุ ย์มีค ม ม รถในด้ นใดบ้ ง เช่น ค ม ม รถด้ นก รคิด มีก รกร ท ได้แค่ไ น เพื่ ท ง
่งเ ริมช่ ยเ ลื ใ ้เข เป็นคนดี รื ท งที่ช่ ยใ ้เข มี กยภ พที่ดีขึ้นก ่ เดิมได้ ย่ งไร
ีริค เบิร์น (Eric Berne. 1964) ได้ใ ้มุมม งต แ น่งชี ิตข งบุคคลแบบ “I am OK, You are OK”
ม ยถึง ผู้มี ุขภ พจิตดีเป็นผลง นจ กก รที่บุคคลน้น ยู่ในคร บคร ที่มีก รใ ้ค มเ ใจใ ่เชิงบ กด้ ยค ม
รก ค ม บ ุ่ น ท ใ ้ เ ข มี ค มเข้ ใจตนเ งแล ผู้ ื่ น ม รถปรบต ร้ ง มพนธภ พที่ ดี
มีก รแ ดง กท งพฤติกรรมที่เป็นธรรมช ติ ย่ งมีเ ตุผล เป็นที่เชื่ ถื แล ไ ้ งใจได้
ม โล ์ (Carroll. 1969 ้ งถึง Abraham H.Maslow.) ได้ใ ้แน คิด ่ ผู้มี ุขภ พจิตดี คื ผู้ที่มีค ม
เป็น จก รแ ่งตนเ ง (Self-Actualization) ม รถรู้ ่ ต เ งมีคุณค่ แล ใช้ค มมี กยภ พแ ่งตนใ ้เป็น
ปร โยชน์ต่ ตนเ ง ผู้ ื่นแล งคม โดยจ แ ดงในลก ณ ที่ดีเป็นไปต มธรรมช ติแ ่ง กยภ พข งตน
เ กเบิร์ท (Egbert. 1980: 11) กล่ ถึงผู้ที่มี ุขภ พจิตดีปร ก บด้ ย
1. ก รรู้จกตนเ ง
2. ก รเข้ ใจชี ิตแล มีจุดมุ่ง ม ยในชี ิต
3. ก รมี ลกเกณฑ์ในก รด รงชี ิต
4. ก รเปิดเผยตนเ งแล ร้ ง มพนธภ พที่ดีกบผู้ ื่น
5. ก รต้งค ม งข งชี ิตใ ้เป็นค มจริง
ปัจจัยที่ ่งผลต่ ุขภาพจิต
ิทธิพลที่ คญต่ ก รด รงชี ิตใ ้ ยู่ร ด เรียนรู้ที่จ รู้จกตนเ ง เรียนรู้ต่ ชี ิต งคมได้ ย่ งมีค ม ุข
รู้จกพฤติกรรมข งตนเ งใ ้เ ม ม รื ดคล้ งกบแบบแผนค่ นิยมในก รด เนินชี ิต เพื่ น งค ม
ต้ งก รข งตนเ งได้บรรลุจุด ม ยปล ยท ง เป็นพฤติกรรมที่แต่ล บุคคลต่ ง ท้ นค มรู้ ึกนึกคิด ุปนิ ย
ค ม นใจ เจตคติ ก รปรบต โครง ร้ งข งร่ งก ยแล บุคลิกภ พในลก ณ ที่แตกต่ งกบบุคคล ื่น นเป็นผล
ม จ กพฤติ ก รรมท้ ง ล ยข งบุ ค คลถู ก ก นดด้ ย งค์ ป ร ก บ คญ 2 ปร ก ร คื งค์ ป ร ก บท ง
พนธุกรรมแล ิ่งแ ดล้ ม
1. พันธุกรรม
พนธุกรรมเป็นมรดกที่บุคคลได้รบก รถ่ ยท ดจ กพ่ แม่แล บรรพบุรุ เป็นกลไกที่ท น้ ที่
เป็นโครง ร้ งที่เรียก ่ โครโมโซม (Chromosomes) ในแต่ล โครโมโซมปร ก บด้ ยโครง ร้ งเล็ก ๆซึ่งเป็น
น่ ยพื้นฐ นท งพนธุกรรม คื ยีน (Genes) โดยยีนจ ยู่ในโครโมโซมมีรูปร่ งคล้ ยเ ้นด้ ย ยู่ในนิ เคลีย
(Nucleus) ข งต เซลล์ทุกเซลล์ ท น้ ที่ถ่ ยท ดลก ณ ท งพนธุกรรมปร ก บด้ ยโมเลกุลม กมม ย ซึ่งมี
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 121
รปร ก บท งเคมี Deoxyribonucleic Acid (DNA) ใน ภ พปกติในเซลล์ นึ่งเซลล์ข งมนุ ย์จ มีโครโมโซม
46 น แบ่งเป็น 23 คู่ โดยรบโครโมโซมที่ปร ก บด้ ยดีเ ็นเ (DNA) จ กแม่ 23 นแล ข งพ่ 23 น
่งิ ที่ถ่ ยท ดท งพนธุกรรม ่ นม กเป็นลก ณ ท งร่ งก ยที่ ม รถม งเ ็นได้จ กยีนที่มีลก ณ เด่น
(Dominant Gene) เช่น ีข งผม ีผิ ลก ณ ด งต ีแล ขน ดข งเ ้นผม โครง ร้ งข งรู ปร่ ง กลุ่มข ง
โล ิต โรคภยไข้เจ็บบ งชนิดแล จ กค มบกพร่ ง รื ค มพิก รท งร่ งก ย เช่น ต บ ด ี ีร ล้ น ่ นเกิน
ข งนิ้ ลก ณ มื ติดกน รื ก รท ง นที่ผิดปกติข ง ร์โมนจ กต่ มไร้ท่ รื ลก ณ ท ง ติปัญญ ได้แก่ ผู้
ที่เป็นปัญญ ่ น นเป็น เ ตุจ กกรรมพนธุ์ แล จมีลก ณ ที่ซ้ นเร้นไม่ปร กฏใ ้เ ็นเด่นชดจ กยีนที่มี
ลก ณ ด้ ย (Recessive Gene)
2. ่งิ แ ดล้ ม
ปัจจยด้ น ิ่งแ ดล้ มที่ ยู่ร บต บุคคล ได้แก่
2.1 ถาบันคร บครั
ค ม คญข งคร บคร
คร บคร เป็น ถ บนแ ่งก รเริ่มต้นชี ิตข งมนุ ย์ ๆ ต้ งใช้เ ล ตล ดชี ิ ต ยู่กบคร บคร
คร บคร ที่ บ ุ่นเป็น ุข มีค มรกใครปร งด งกน แ ดงค มเข้ ใจต่ กน ค ยใ ้ก ลงใจ ใ ้เกียรติยกย่ งกน
โดยเริ่ม ร้ งค มม่นใจต้งแต่เริ่มเลี้ยงดูจ ช่ ย ่งเ ริมค มไ ้ งใจ ค มเป็นต ข งต เ ง ค มมี ีลธรรม
ค มคิด ร้ ง รรค์ ก รใฝ่ เ กลก ณ์ข งต เ ง แล ร้ งเ ริมพฒน จิ ตใจใ ้ เป็นผู้ ที่มี มนุ ย์ มพนธ์ดี
บุคลิกภ พดี มีก รเจริญเติบโตง กง มต มธรรมช ติ เป็นผู้ที่มี ุขภ พจิตดีดงค กล่ “ ุขภ พจิตดีเริ่มต้นที่
บ้ น” แล “พ่ แม่ดี ลูกมี ีลธรรม” ดงน้นถ้ พ่ ดีแม่ดีเป็นโ ก ที่ดีข งลูกแล คร บคร ดงคร บคร ที่เปี่ยม
ด้ ยค มรกค ม บ ุ่นตรงกบ น นฝร่งที่ ่ “House Made From Brick, But Home Made From Love”
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 122
ถ บนคร บคร มุ่งเ ริม ร้ ง ุขภ พจิตใ ้แก่เด็ก เพร ถูกเลี้ยงม ย่ งไรเมื่ โตขึ้น เข ก็คื ผู้ใ ญ่คน
น้น (Children Learn What They Live) ทุกคร บคร คงไม่ต้ งก รเผชิญบรรย ก ข งคร บคร ล่ม ล ย
“Broken Home Family” เพร จ เป็นก รน ไป ู่ชี ิตคร บคร ที่ไม่ปกติ ุขท ใ ้เกิดปัญ
ยุ ชญ กรได้ แล จ ก งจรชี ิตก รเจริญเติบโตข งเด็กจ เป็นไป ย่ งช้ ๆ ต ม ลกพฒน ก รข ง ยแรก
เกิดเป็ นเด็กเล็ ก เด็ก โต ยรุ่น ย นุ่ม แล ยผู้ ใ ญ่ต มล ดบ ซึ่งเด็กจ ต้ งได้รบก ร บรมดูแลจ ก
คร บคร นบเป็นปัจจยแรกที่เป็นพื้นฐ นค มเป็นมนุ ย์ซึ่งเป็นผลข งก รเลี้ยงดูข งพ่ แม่
ลก ณ ก รเลี้ยงดู
คร บคร เป็นร กฐ นเบื้ งต้นข งก ร ร้ งชี ิตมนุ ย์ เด็กจ เติบโตเป็นผู้ใ ญ่ที่มีคุณภ พ มี
คุณธรรม มีจิตใจเข้มแข็ง ขึ้น ยู่กบ งค์ปร ก บข งบรรย ก ภ ยในคร บคร ที่ บ ุ่นไปด้ ยค มรก ค ม
เข้ ใจ ก รย มรบ ก รยกย่ ง ค มมีเ ตุผล นเป็นผลจ ก มพนธภ พแล บรรย ก นดีง มข งแต่ล
คร บคร ก ร บรมเลี้ยงดูเด็กจึงมีค ม คญ ย่ งยิ่งในก ร งร กฐ นก รปลูกผงจริยธรรม คุณธรรมข งจิตใจ
กร บ นก รคิด พฤติกรรมก ร ล่ ล มบุคลิกภ พแล ุขภ พจิตข งเด็กซึ่งมี ล ยลก ณ ดงนี้
(1) ก รเลี้ยงดูแบบต มใจม กเกินไป (Over Protection) ลก ณ ข งคร บคร แบบนี้จ รกลูก
แล ท นุถน มม กเกินไปจนทุ่มเททุก ิ่งทุก ย่ งใ ้แก่เข ม งเข เป็นเด็กเล็ก ๆ ตล ดเ ล ซึ่งพฤติกรรมข ง
บิด ม รด เป็นก รกร ท แบบชดเชยใน ิ่งที่ตนเ งไม่เคยได้รบจ กคร บคร ในเด็กม ก่ น ซึ่งผลข งก รเลี้ยงดู
แบบรกลูกม กจ มีผลท ใ ้เด็กเ แต่ใจต เ งข ดค มเชื่ ม่นในต เ ง ข ดค มคิดริเริ่ม ไม่มีค มภ คภูมิใจ
ท ใ ้ต้ งพึ่งพ ผู้ ื่นปรบต กบเพื่ นไม่ได้เพร ข ด ุฒิภ ที่เ ม ม ่งผลต่ บุคลิกภ พที่ จแปรปร นแล
ชี ิต จรู้ ึกเบื่ น่ ยเพร ไม่ ม รถแก้ปัญ ได้
(2) ก รเลี้ ย งดู แ บบไม่ ย มรบ รื ถู ก ท ดทิ้ ง (Rejection) ลก ณ ข งคร บคร แบบนี้
เป็นก รเลี้ยงดูแบบนี้พ่ แม่ข ดค มพร้ มที่จ รบผิดช บ ท ใ ้ไม่ต้ งก รลูกที่จ เกิดม เ ็นได้จ กพฤติกรรม
ข งม รด ที่ทิ้งลูกไ ้ที่โรงพย บ ล รื ถ นที่ต่ ง ๆ ลงคล ด เด็กได้รบก รเลี้ยงดูแบบทิ้งข ้ ง ไม่ได้รบก ร
ย มรบ ่ เป็นลูก รื ม ชิกคน นึ่งในคร บคร ซึ่งย่ ม ่งผลต่ บุคลิกภ พที่แ ดง กแบบก้ ร้ ต่ ต้ น
งคม มีค มร แ งไม่ไ ้ใจผู้ ื่น รื แยกต ยู่คนเดีย ไม่เข้ งคมกบกลุ่มเพื่ น รบท ง รมณ์เต็มไปด้ ย
ค มกดดน โมโ ง่ ย มีค ม ิจฉ ริ ย แล เพิ่มท ีค มโกรธรุนแรง
(3) ก รเลี้ยงดูแบบ ตต ธิปไตย (Authoritarian) ลก ณ ข งคร บคร แบบนี้เป็นก รเลี้ยงดู
แบบเข้มง ดก ดขนจ กพ่ แม่ที่ต้งเป้ ม ย ต มกฎเกณฑ์แล ร เบียบ ินยที่ก นดใ ้ลูกปฏิบติต มค ่ง ย่ ง
เคร่งครด ซึ่งถ้ เด็ก ม รถปฏิบ ติต มได้จ ท ใ ้เด็กปร บค ม เร็จในชี ิต มีค มเชื่ ม่น ู ง แล รู้จก
งแผนในก รท ง น แต่ถ้ ค ม ม รถข งเด็กด้ ยก ่ ค ม งข งพ่ แม่ท ใ ้เด็กเกิดค ม ูญเ ียข ด
ค มเชื่ ม่น ค มคิดริเริ่ม รู้ ึก บ นในก รปรบต เพื่ แก้ปัญ ไม่ ม รถใช้ทก ก ร ื่ รติดต่ ได้ดีท ใ ้
มีแน โน้มข ง ก รโรคปร ทแล โรคจิต
(4) ก รเลี้ ย งดู แ บบปล่ ยปล ล เลย (Lesser Faire) ลก ณ ข งคร บคร แบบนี้ พ่ แม่
ใ ้ค มเป็น ิ ร แก่ลูกม กเกินไป เด็ก ม รถท ไรได้ต ม เภ ใจท ใ ้คร บคร ไม่มีร เบียบ ินย ไม่มีเ ล
บรมเลี้ยงดูเพร มุ่งแต่ก รท ง น ร ยได้ใ ้แก่คร บคร รื กิจกรรม งคม แล พ่ แม่ไม่เคยได้รบค มรก
ค ม บ ุ่นแล ก รเลี้ยงดูที่ดีม ก่ นจึงชดเชยค มรกใ ้แก่ลูกโดยมุ่งเงินท งแล ตถุที่ลูกต้ งก ร ซึ่งท ใ ้เด็ก
ข ดร เบียบ ินย เ แต่ใจต เ ง เ ็นแก่ต ช บข่มขู่ผู้ ื่น รื จจ รู้ ึกเ ง ม กจนต้ ง ท ง กด้ ยก ร
ติดย เ พติด คบเพื่ นไม่ดีมีพฤติกรรมที่รุนแรงต่ งคม รื แ ดง ก รเรียกร้ งค ม นใจจ กผู้ ื่น
(5) ก รเลี้ ย งดู แ บบปร ช ธิ ป ไตย (Democracy) ลก ณ คร บคร นี้ เ ป็ น ก รเลี้ ย งดู
โดยใช้เ ตุผล ม ชิกทุกคนมี ่ นร่ มแ ดงค มคิดเ ็น ช่ ยเ ลื ซึ่งกนแล กนใ ้ค มช่ ยเ ลื กนท้ง ุ ข
แล ทุกข์ มีก รเข้ ใจค มรู้ ึกซึ่งกนแล กน รบผิดช บร่ มกน เป็นที่พึ่งแก่กนแล ค ยปล บใ ้ก ลงใจกนซึ่งจ
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 123
ปัญ าในการปรับตั
ก รปรบต ข งบุ ค คลเริ่ ม จ กด ร์ ิ น (Charles Darwin, 1859) พบ ่ ิ่ ง มี ชี ิ ต ม รถปรบต
ใ ้เข้ กบ ภ พแ ดล้ มได้จึงจ ด รงชี ิตใ ้ร ดพ้น นตร ย ท ใ ้เป็นจุดเริ่มต้นข งก รปรบต นกจิต ิทย ได้
ึก พฤติกรรมข งมนุ ย์ที่ย มรบก รกล้ เผชิญต่ ค มจริงข งชี ิต ม รถปรบ ภ พปัญ ใ ้เข้ กบค ม
ต้ งก ร รมณ์ บุ คลิ กภ พ ซึ่งเป็น เรื่ งข งก รปรบต ใ ้ เข้ กบตนเ ง งคม แล โลกภ ยน กได้ ย่ งมี
ปร ิทธิภ พ
1. ปัญ าค ามแตกต่างระ ่างบุคคล
บุคคลที่จ ม รถปรบปรุงตนเ งใ ้เข้ กบ ิ่งแ ดล้ มได้น้น จ ต้ งมี ค มเข้ ใจเกี่ย กบค มแตกต่ ง
ร ่ งบุคคลท้งในด้ นร่ งก ย จิตใจ แล รมณ์ ท้งนี้เพร ค มเข้ ใจในเรื่ งดงกล่ จ เป็นพื้นฐ น คญ
ที่จ ท ใ ้ตนเ ง ม รถปรบต ได้ ก รแก้ปัญ เรื่ งค มแตกต่ งร ่ งบุคคลน้น เร จ ต้ ง ึก ต เ ง
ก่ น ่ มีจุดบกพร่ งท งร่ งก ย จิตใจแล รมณ์ม กน้ ยเพียงใด เช่น กมีรูปร่ งเล็กก็ต้ งย มรบ ่ เป็น
เรื่ งธรรมช ติ ไม่น ม เป็นปมด้ ยข งตน เป็นต้น ในท น งเดีย กนท งด้ นจิตใจแล รมณ์เร จ ต้ งรู้
ต เ ง ่ มีจิตใจแล รมณ์ ย่ งไร เช่น มี รมณ์ร้ น รมณ์รุนแรง ุขุม เยื กเย็น มีค ม ดทนจริง
รื ไม่ กเร ทร บแล ย มรบ ่ ยงมีข้ บกพร่ ง เร ต้ งปรบปรุงจิตใจแล รมณ์ข งเร ใ ้ดีขึ้น เพื่ ใ ้
ม รถเข้ กบบุคคล ื่นใน งคมได้ กเร ได้ ึก ตนเ ง ย่ งร บคร บถี่ถ้ นเกี่ย กบร่ งก ย จิตใจ แล
รมณ์แล้ จ ม รถปรบต ใ ้เข้ กบ ิ่งแ ดล้ มในชุมชนได้ น กจ กนี้มนุ ย์ยงมีค มแตกต่ งท งด้ น
ค มรู้พื้นฐ น ค มฉล ด ไ พริบ ติปัญญ ฐ น ท งเ ร ฐกิจ คุณ ุฒิ แล ย ุฒิข งบุคคลแต่ล ช้น
ฉ น้นเร จ ต้ งรู้จกก ร งต แล ปฏิบติต ใ ้เ ม มกบบุคคลแต่ล คนด้ ย
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 125
ตนเ งใ ้รู้จกแบ่งเ ล เป็นต้น รบผู้ใ ญ่ รื ผู้ที่ไม่ ยู่ใน ยเรียน จจ เกิดค มคบข้ งใจ (Frustration)
ในเรื่ งต่ ง ๆ เช่น ไม่มีค มรู้ค ม ม รถพ ไม่มีคนรก ไม่มีเพื่ น ไม่มีโ ก มีผู้แข่งขนม ก ล เ ล่ นี้
จเป็น เ ตุใ ้เกิดค มข้ งคบใจ
การปรับตั แบบต่างๆ
ต มปกติ แล้ มนุ ย์ มี ิ ธีก รปรบต ล ยปร ก ร เช่ น ใช้ ิล ป ต่ งๆ ในก รปรบต แล ปรบต
โดยใช้ ิธีก รท งก ร งเงื่ นไขปร เภทต่ งๆ ก รปรบต ิธีก รต่ งๆ พ รุปได้ดงนี้
1. การใช้ ิลปะการปรับตั ก รปรบต ปร เภทนี้มี ล ยปร ก รได้แก่ ก รร้ งไ ้ ก รร บ ย รมณ์
โดยก รพูดจ ปรบทุกข์กบคน ื่น ก รรบปร ท น รแปลกๆ ก รท่ งเที่ย ใน ถ นที่ต่ งๆ ก รเล่น จเป็น
ก รเล่นต มกติก ก รร้ งเพลง ก รเล่นดนตรี ก รเล่นไพ่ ก รเล่นเทนนิ รื ก รเล่นก รพนนปร เภทต่ งๆ
เพื่ คล ยเครียดแล ลดค มขดแย้งในใจลงบ งคนใช้ ิธีก รแต่งต ยๆแล ไปแ ดงต ต มง นต่ งๆ แต่บ งคน
คนที่ตนเ งรกแล ช บเป็นก รปลดปล่ ยพลง รื แรงท งเพ ต มทฤ ฎีข งฟร ยด์ในปม ดิปุ (Oedipus
Complex) รื ปม ีเลคต้ (Electra Complex) โดยมี ิธีก รแปลก บ งคนรกเผื่ เลื ก รกแล้ ทิ้ง ไม่รกใครจริง
แต่ทด บพลงท งเพ ข งตนเพื่ ร บ ยค มไม่ บ ยใจ เป็นต้น
2. การปรับตั โดยการต่ ู้ เป็น ิธีก รปรบต โดยบุคคลท ก รต่ ต้ น แ ดงค มก้ ร้ ต่ ิ่งที่ตน
ไม่ปร รถน ไม่ ่ จ เป็นบุคคล กลุ่มคน ต ์ รื เ ตุก รณ์ต่ งๆ ก รต่ ู้ จเป็นก รต่ ู้โดยตรง ได้แก่ก ร
แ ดงพฤติกรรมท งก ย เช่น ก รชกต่ ย ตี ป ทุบ ท ล ย ีกปร ก ร นึ่งเป็นก รแ ดงก รก้ ร้ รื ก ร
ต่ ู้โดยท ง ้ ม ได้ ่ ก รพูดจ เ ียด ี ก รพูดปร ชดปร ชน ก รเ น็บแนม ก รปร งค์ร้ ยก รแ ดง ฆ ต
พย บ ท ก รก้ ร้ จเป็นในรูปก รก้ ร้ ยย้ ยที่ เช่น ต เ งไม่แ ดง ก รแต่จิตใจต่ ต้ นเข้ ปร เภทดื้ ต
ใ ก็มี รื ต บโต้บุคคลที่ตนเ งไม่ช บ น้ ไม่ได้เลย แ ดงต บโต้กบ ิ่ ง ื่นๆ รื คน ื่นเช่น ท ล ย ิ่งข ง
เครื่ งใช้ ท ร้ ย ต ์เลี้ยง เป็นต้น
3. การปรับตั แบบ นี ก รปรบต แบบ นีเป็น ิธีก รที่บุคคลไม่ต้ งก รที่จ เผชิญ น้ กบ ิ่งที่ท ใ ้
จิตใจไม่ปกติ จึง ิธี ลบ ลีกใ ้พ้นจ กเ ตุก รณ์น้นๆ เพร น้นไม่ได้ที่จ ท ใ ้จิตใจไม่ บ ย ก ร นีมี 2
ปร ก รได้แก่ ก ร ลบ รื ถดถ ย ก ร ยู่ต มล พง ก รไม่ต่ ต้ นด้ ย รื จเป็น ิธีก รที่ต เ งยง ยู่แต่
จิตใจไม่รบรู้ ซึ่งเรียก ่ ใจ นีไป ต ย่ งนกเรียนน่งฟังครู นแต่
4. กล ิธานในการปรับตั ค ่ กล ิธ น ม ยถึง ก รใช้กล ิธี รื เทคนิคในก รปรบต เพื่ รก
จิตใจใ ้ ยู่ใน ภ พ มดุล เพื่ ท ใ ้เกิดค ม บ ยใจ ไม่ ิตกกง ล รื เกิดค มเครียดเพร ถ้ บุคคลใดมี ิ่งที่
ท ใ ้ตนเ งมีค มทุกข์ใจ มีค ม ิตกกง ลใจแล้ บุคคลน้นจ ไม่มีค ม ุขครุ่นคิดจนท ใ ้จิตใจฟุ้งซ่ น ิธีที่จ
ท ใ ้คล ยค ม ิตกกง ลใจลงได้ จกร ท โดยใช้ ิธีก รต่ งๆ ที่ งคมย มรบ ่ ไม่ผิดปกติแล ่งผลต่ จิตใจที่
เกิดค มปกติได้ ลงจ กปรบต แล้ นกจิต ิทย ที่มีชื่ เ ียง เช่น ฟร ยด์ ใ ้ค ม คญข งก รใช้กล ิธ นในก ร
ปรบต ่ เป็นก รท ใ ้ต เ งลดค มเครียดแล เป็นเกร ป้ งกนต เ งที่ท ใ ้ตนเ งใช้ก รปรบต แบบไม่
ย มรบค มเป็นจริง (Curt and Stein 1988: 434 )
บุคคลเมื่ ปร บกบ ุป รรคแล้ จ ท ใ ้เกิดค มข้ งคบใจต มม แต่ล บุคคลจ มีปฏิกิริย โต้ต บ
ต่ ค มข้ งคบใจในลก ณ ต่ ง ๆ เป็นธรรมช ติที่จ ต้ งพย ย ม ท งลดค ม ิตกกง ลน้น ซึ่งเป็น ิธีก รที่
คนเร ใช้ ป รบต ที่ เ รี ย ก ่ Adjustment mechanism รื กล ิ ธี ก ารต่ ู้ ป้ งกั น ตน (Defense
mechanisms) จ ช่ ยปลดปล่ ยแรงกร ตุ้นด้งเดิมที่ งคมย มรบ แล ท ใ ้บุคคลน้นมี พฤติกรรมที่ งคม
ย มรบโดยก รปรบปรุงตนเ งใ ้เ ม มกบ ิ่งแ ดล้ มแล ม รถด เนินชี ิต ยู่ใน งคมได้ ยู่ ย่ งปกติ ุข
ดงนี้
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 128
1. โรคประ าท (Neurosis)
โรคปร ทมีค มรุนแรงน้ ยก ่ โรคจิต เป็นโรคที่เกิดจ กก รใช้กล ิธีก รแ ่งก รปรบต ไปในท งที่
ผิด ท ใ ้เกิด ก ร ิตกกง ล โดยคิด ่ ตนเ งเป็นโรคน้นโลกนี้ท้ง ๆ ที่ไม่ได้เป็น ไรเลย เป็นโรคที่เกิดขึ้นที่จิตใจ
แล เกิดจ ก ย ที่ร บบปร ท ตโนมติ (Automatic Nervous System) ท ง นม กก ่ ปกติ ซึ่งเป็นร บบ
ก รท ง นโดยไม่ขึ้น ยู่ภ ยใต้ น จข งจิตใจ ได้แก่ ลก ณ ข งคนที่มีค ม ิตกกง ล (anxiety) มี ก รค ม
ดน ูง ใจ ่น ใจเต้นเร็ ม ก ป กแ ้ง ค แ ้ง ท้ งร่ ง ท้ ง ืด แน่นจุก น้ ก มี ก รคลื่นไ ้ เจียน เ งื่
กต มฝ่ มื ฝ่ เท้ เย็น ปั บ่ ย ในรูต ด จ มีม่ นต ขย ย ก ไม่มีเรี่ย แรงแล ตื่นเต้นตกใจง่ ย
ประเภทข งโรคประ าท
โรคปร ทแบ่งเป็น 8 ปร เภท ซึ่งแต่ล ปร เภทมี ก รเฉพ ข งต เ ง ซึ่งต้ งได้รบก รช่ ยเ ลื
ท งด้ นจิตใจ เนื่ งจ กค ม ิตกกง ล (anxiety) เป็น ก ร คญม กในคนที่ป่ ยเป็นโรคปร ท
1. Anxiety Neurosis กลุ่ ม ก รนี้ มีค ม ิ ตกกง ลม กจนบ งคร้ง ุ่น ย แล มกจ ิต กกง ล
เกี่ย กบ ก รผิดปกติท งร่ งก ย ค ม ิต กกง ลมี จขึ้นเมื่ ใดก็ได้ แล ไม่จ กด ถ นก รณ์แต่ต้ งแยกใ ้
กจ กค ม ิตกธรรมด เช่น ค มกล เมื่ ตก ยู่ในภ นตร ยซึ่ง ่ ปกติ
2. Hysterical Neurosis รื Somatization Conversion และ Dissociative Disorders เป็ น
ค มผิดปกติท งจิตใจท ใ ้ ย บ ง ่ นข งร่ งก ยท น้ ที่ต มปกติไม่ได้ ก รแ ดงจ เริ่มเมื่ เกิดค ม
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 131
ูญเ ียบุคคลที่รกท ใ ้มี ก รใจ ่น งุด งิด ขี้ลืม น นไม่ ลบ ตกใจง่ ย ดุ้ง เบื่ น่ ยแล ช็ กก ทน น
(Shock)
2. โรคจิต (Psychosis)
ผู้ป่ ยที่เป็นโรคจิต รื ิกลจริตจ ูญเ ีย น้ ที่ก รท ง นข งจิตใจ ย่ งม กท ใ ้ไม่ ม รถด เนิน
ชี ิตต มปกติได้ ปร ก บด้ ย ก รท่ ไป คื
1. ค มผิดปกติข งค มคิด (Disorders of Thought) ผู้ป่ ย จแ ดง กในรูปข งค มคิ ดข งผิด
เชื่ ผิด คิดผิด (Delusion) รื ก รเชื่ มโยงค มคิดเ ียไปท ใ ้ก รแ ดงค มคิด ยุดช งก (Blocking) รื
กร ท แบบพูดซ้ ๆ (Preseveration) รื พูด ้ มค้ ม นไปม (Circumstantiality)
2. ค มผิดปกติข งปร ทก รรบรู้ (Disorders of Perception) ที่พบบ่ ย คื ูแ ่ แล ภ พ ล น
(Hallucnation)
3. ค มผิดปกติข ง รมณ์ (Disorder of Affect) ผู้ป่ ยมี รมณ์กล เ ร้ (Depression) รื รื่นเริง
นุ ก น นผิ ด ธรรมด (Euphoria) รื แ ดง รมณ์ ไ ม่ ดคล้ งกบค มคิ ด แล เ ตุ ก รณ์ ข ณ น้ น
(Inappropriate)
4. ค มผิดปกติข งพฤติกรรมก รเคลื่ นไ Disorders of Motor Activity) เช่น ผู้ป่ ย ยู่ในท่ ใด ถ้
นึ่งซึ่งผิดปกติเป็นเ ล น น ๆ (Catalepsy) รื ผู้ป่ ยไม่มีก รเคลื่ นไ เลยคล้ ย ุ่นขี้ผึ้ง (Waxy) ร มท้งไม่มี
ปฏิกิริย ต บโต้ต่ ิ่งแ ดล้ มแล ไม่พูด (Mutism)
5. บุคลิกภ พเปลี่ยนไปจ กเดิม ย่ งม ก (Disorders of Personality) ผู้ป่ ยไม่เ ใจใ ่ต เ งดงเช่น
เคย เช่น ไม่ บน้ แล แต่งต กปรก นิ ยใจค เปลี่ยนแปลงไปจ กเดิมซึ่งเคยเป็นคนดีกล ยเป็นคน ย บค ย
แล ดุร้ ย
6. ก รรู้จกต เ ง ผู้ป่ ยไม่ย มรบ ่ ต เ งไม่ บ ยแล ไม่ย มรบก รรก (Poor Insight) ก รโรค
จิตรุนแรงก ่ โรคปร ทพบได้ปร ม ณ 2.7 ต่ จ น นปร ช กร 1,000 คน
าเ ตุข งโรค
1. เ ตุท ง ม ง (Organic Psychosis) เป็นก ร ูญเ ียก รท ง นข งเนื้ เยื่ ม ง ม งพิก รจน
ท ใ ้เป็นโรคจิตได้
2. เ ตุท งจิตแล รมณ์ (Functional Psychosis)
ประเภทข งโรคจิต
1. โรคจิตเภท (Schizophrenia) มีผลจ กท งพนธุกรรมโดยเฉพ ในผู้ป่ ยที่เป็นพี่น้ ง ถ้ ฝ แฝดไข่
ใบเดีย กนมีโ ก ที่จ เป็น 86% โรคจิตชนิดนี้มีค มผิดปกติข งค มคิด รมณ์แล พฤติกรรม ค มคิดที่
ผิดปกติน้น จจ คิด ไรที่ผิดไปจ กค มจริง บ งคร้งมีค ม ลงผิดแล มี ปร ท ล นเกิดขึ้น ใช้กลไกท ง
จิตปกป้ งตนเ ง รมณ์แปรปร นไม่แน่น น แล แ ดง ก ย่ งไม่เ ม ม ข ดค มเข้ ใจแล เ ็นใจผู้ ื่นมี
ก รแยกต เ งถ ยกลบไป ู่ ยเด็ก แล ท ไรแปลก ๆ ผิดปกติ โรคจิตชนิดนี้มีค มผิดปกติข งค มคิดเป็น
คญ
1) ค ามคิ ด ผิ ด ปกติ (Disorder of Thought) ผู้ ป่ ยจิ ตเภทมีปั ญ ด้ นก รคิด มกข ด
เ ตุผลม เชื่ มโยง ไม่ ม รถล ดบค มคิดข งเ ตุก รณ์จึงท ใ ้ก รพูด ยุดช งก (Blocking) รื พูดช้ ช้ ๆ
(Perseveration) พูดไม่ต่ เนื่ งเป็นเรื่ งร ได้ (Loosening of Association) แล ถ้ เป็นม กท ใ ้ก รพูดก ร
ฟังไม่ ม รถรู้เรื่ งได้ (Incoherence)
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 133
2) ารมณ์ ผิ ด ปกติ (Disorder of Emotion) ผู้ ป่ ยจิ ต เภทมี ค มผิ ด ปกติข ง รมณ์ ที่
คญ 2 ชนิดคื
(1) รมณ์เฉยเมย ี น้ แล แ ต ปร จ กค มรู้ ึกใดๆ (Apathy)
(2) รมณ์ไม่ ดคล้ งกบค มคิด รื เ ตุก รณ์ (Inappropriate of Mood)น กจ กนี้
จมี รมณ์ แบบเ ร้ กง ล รื ดกล เป็นต้น
3) การรับรู้ผิดปกติ (Disorders of Perception) ผู้ป่ ยจิตเภทจ มี ก รปร ท ล น
(Hallucination) แต่ที่พบบ่ ยที่ ุดมีปร ม ณร้ ยล 75 คื แล้ ได้ยินเ ียงจ กภ ยน กเป็นลก ณ ค พูดข ง
คนพูดคุยกน ได้ยินเ ียงดงเกิดขึ้นจ กค มคิดข งตนเ ง โดยมีเ ียง ่งใ ้ท ร้ ยตนเ ง รื ผู้ ื่น แล บ งคน จ
มีภ พร้ น รื ได้กลิ่นแล ก รรบร แปลก รื ท ง มผ ผิ นงเ มื นมีเชื้ โรค รื ิ่ง กปรกไต่ต ม
4) าการ ลงผิด (Delusion) ก ร ลงผิด เชื่ ผิด คิดผิดโดยไม่มีเ ตุผล คื ก รเชื่ ใน
ิ่งที่ผิด ไม่เป็นค มจริง ได้แก่ ลก ณ ก รที่พบบ่ ย คื ลงผิด ่ มีคนป งร้ ย (Delusion of Persecution)
แล ลงผิด ่ มีคนนินท ่ ร้ ยตน (Delussion of Refence)
ประเภทข งโรคจิตเภท โรคจิตประเภทแบ่งได้ 4 ชนิด ได้แก่
1.1 โรคจิตเภทชนิด าดระแ ง (Paranoid Schizophrenia) ชนิดนี้แม้จ เป็นน น ๆ แต่
บุคลิกภ พยงไม่เ ีย ม รถจ ถ นที่ เ ล แล ค มจ ยงใช้ได้ ก รแต่งก ยยงดี ยู่ มี ก ร ลงผิดแล ูแ ่
เป็น ก รเด่นชด
1.2 โรคจิตเภทชนิดเรื้ รัง (Hebephrenia รื Disorganized) ลก ณ ข ง รมณ์ไม่เข้
กบเ ตุก รณ์ ช บพู ดคนเดีย เร ย่ งไม่มี เ ตุ พ กนี้บุคลิกภ พเ ื่ มเป็นแล้ ไม่ค่ ย ย แล ด้ น
ค มคิดมีค มผิดปกติ ม ก มกพบใน ยุยงน้ ยแล ยรุ่นไม่มีโ ก ย เป็นภ ต่ คร บคร แล งคม
1.3 โรคจิตเภทชนิด ารมณ์แปรปร น (Catatonic) พบใน ยรุ่นแล ผู้ใ ญ่ต นต้น มี ก ร
คล่ ง เ ร ด แล ี กปร ก ร นึ่ งคื ไม่ ย มพูดเ มื นคน เป็ นใบ้ (Stupor) แล มี รมณ์รุ นแรง
(Excitement)
1.4 โรคจิตเภทชนิดธรรมดา (Simple Schizophrenia) พบในคนที่ ยุน้ ย (ต่ ก ่ ยรุ่น)
พ กนี้จ เป็นไป ย่ งช้ ๆใช้เ ล น น ล ยปีจึงจ ปร กฏ ก รชด เช่น มี พฤติกรรมไม่ ย กได้ข งใคร ใช้ชี ิต
ย่ งไม่มีจุด ม ยปล ยท ง ช บยิ้ม แยกต เงียบครึม ลก ณ ค มคิดแล ก รปร ท ล นท ง ูยงไม่
ชดเจน
2. โรคจิต ารมณ์แปรปร น (Major Affective Disorders) โรคจิตมนมีค มผิดปกติท ง รมณ์โรคจิต
รมณ์แปรปร น (Major Affective Disorders รื Mood Disorder) ม ยถึง โรคจิตที่มีค มผิดปกติข ง
รมณ์ รื ลงผิด เชื่ ผิด (Delusion) มี ก ร ูแ ่ (Hallucination) เป็นลก ณ คญ รมณ์ที่ผิดปกติน้น
จเป็น (1) รมณ์เ ร้ (Depression) รื (2) รมณ์รื่นเริง นุก น น (Euphoria)
าเ ตุข งโรคจิตชนิดผิดปกติทาง ารมณ์ ได้แก่
1. ด้ นพนธุกรรม ในคนธรรมด ท่ ไปมีโ ก จ เป็นโรคนี้ 1% แต่ในพี่น้ งลูก ล นมี 12% ใน ฝ แฝด
ใบเดีย กน 90%
2. ด้ นบุคลิกภ พ บุคลิกภ พข งคนก่ นที่จ เป็น จเป็นพ กที่มี รมณ์เปลี่ยนแปลง ยู่เ ม
3. ด้ นรูปร่ ง คนที่เป็นมกจ มีลก ณ แบบ ้ นเตี้ย ค ใ ญ่ ้น น้ กลม แขนย เรีย นิ้ เล็ก
4. ยุ ในคนไทย ยุ 40 - 50 ปี ใน ยรุ่นมีบ้ งเล็กน้ ย ในฝร่งมีม กใน ยุ 65 ปี ขึ้นไป
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 134
การบ้าบัดรัก า (Therapy)
ก รบ บดคนไข้ ที่ มี ค มแปรปร นท งจิ ต มี จุ ด ปร งค์ ใ ญ่ ๆ เพื่ จ ช่ ย ่ ง เ ริ ม ใ ้ ค นไข้ มี
มรรถภ พในก รแก้ปัญ ข งตนเ ง พย ย มปรบต เ งใ ้เข้ กบ ิ่งแ ดล้ ม แล รู้จกบงคบค บคุมแล ใช้
รมณ์ ติปัญญ ข งตนเ งใ ้เกิดปร โยชน์ ก รรก น้น กพูดโดยก ้ ง ๆ ด เนินไปต มข บเขต รบ
ก รบ บดรก (Therapy) ท งจิ ต เ ชในบทบ ท น้ ที่ ข งจิ ต แพทย์ ม รถแบ่ ง ได้ ล ย ิ ธี เช่ น ก ร
บ บดรก ด้ ยย ก รบ บดท งจิต ก รช็ ตไฟฟ้ พฤติกรรมบ บด นิเ น์บ บด คร บคร บ บด ก รบ บด
ด้ ยก รเล่น ก รบ บดด้ ยดนตรี ก รฟื้นฟูบ บดแล นนทน ก ร
1. การบ้าบัดรัก าด้ ยยา (Drug Therapy) ก รใช้ย เพื่ ปรบ มดุลข ง ร ื่ ปร ทใน ม ง โดยมี
ก รแบ่ ง เป็ น 4 กลุ่ ม ลกต มลก ณ ก รรก ก ร รื โรคท งจิ ต ได้ แ ก่ ย รก ก รท งจิ ต
(Antipsychotics) ย รก รมณ์เ ร้ (Antidepressants) ย ปรบ รมณ์ใ ้คงที่ (Mood Stabilizers) แล ย
คล ยกง ล-ย น น ลบ (Sedative and hypnotics) ซึ่ง กได้รบย เ ล่ นี้ภ ยใต้ก รดูแลข งจิตแพทย์ จ ไม่
่งผลเ ียต่ ก ร ม งแล ร่ งก ย ย่ งที่ ล ยคนเข้ ใจ เช่น กดกร ดูก ท ล ยตบแล ไต เป็นต้น ร่ มถึงไม่ท ใ ้
เกิดก รเ พติดย ด้ ย
2. การบ้ า บั ด ทางจิ ต (Psychotherapy) ก รพูดคุย ใ ้ ค ปรึก ก รท จิตบ บดแบบต่ งๆ โดยมี
จุดปร งค์เพื่ ปรบค มคิดแล พฤติกรรมบ ง ย่ งใ ้เ ม ม ร มถึงก รท กิจกรรมบ บด กลุ่มบ บด ก รฝึก
ผ่ นคล ยค มเครียด แล ก รปรบ ิ่งแ ดล้ ม (Milieu therapy)
3. การรั ก าด้ ยไฟฟ้ า (Electro-convulsive therapy; ECT ) จ มี ข้ บ่ งใช้ ในก รรก ผู้ ป่ ยที่ มี
ก รรุนแรง รื ก รป่ ยน้นไม่ต บ น งต่ ก รรก ด้ ยย เพียง ย่ งเดีย
4. พฤติกรรมบ้าบัด (Behavior Therapy) พฤติกรรมบ บดเป็นก รรก พฤติกรรมที่ไม่พึงปร งค์ด้ ย
ก รปรบพฤติกรรม (Behavior Modification) ที่พึงปร งค์ ม รถใช้บ บดรก ได้ท้งในคนปกติแล ผิดปกติ
โดยจิตแพทย์ รื นกจิตบ บด ด้ ยก รพย ย มน ทฤ ฎีก รเรียนรู้ ท ง งคมข งแบนดูร (Bandura. 1977 -
1986) ทฤ ฎีก รเรียนรู้ท งปัญญ นิยมเพื่ ใ ้ผู้ป่ ยได้ฝึกกร บ นก รคิดเป็น ม รถรู้ ึกได้ แล มุ่งก รกร ท
ภ ยใต้ก รถูกก นดเงื่ นไขด้ ยแบบคล ิก รื แบบเต็มใจตล ดจนใช้ก รเรียนรู้แบบ งเกต
5. นิเ น์บ้าบัด (Milieu Therapy) นิเ น์บ บดมีจุดมุ่ง ม ยใ ้ผู้ป่ ยได้เรียนรู้ก ร ยู่ร่ มกบผู้ ื่น
มีค ม มพนธ์ที่ดีกบผู้ ื่นโดยพย ย มจด ิ่งแ ดล้ มในโรงพย บ ลใ ้มีค มเ ม มด้ ยก ร ร้ งบรรย ก
เ มื นที่บ้ นจนผู้ป่ ย ม รถปรบต ได้ดีขึ้น เริ่มมีค มเชื่ ม่นในต เ ง มีค มคิดริเริ่ มแล กล้ แ ดง กม ก
ขึ้น
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 137
6. คร บครั บ้าบัด รื การใ ้ค้าปรึก าคร บครั (Family Counseling) ก รใ ้ค ปรึก คร บคร
เป็นเทคนิคข งก รบ บดที่ท ใ ้ผู้ป่ ยต้ งก รที่จ กลบบ้ นเพื่ จ ได้ ยู่กบคร บคร ที่ต้นรกค ยช่ ยเ ลื ดูแล
รก ภ พจิตใจ ในกร บ นก รที่ทุกคนในคร บคร ต่ งใ ้ค มช่ ยเ ลื โดยเข้ ใจในปัญ ข งเข ที่เกิดขึ้น
เพร ร บบคร บคร เป็นค มรบผิดช บข งทุกคนที่จ ต้ งร่ มมื กน ท งแก้ไข ท ใ ้คร บคร ยู่ใน ภ
ที่ มดุล มีปร ิทธิภ พ นเป็นแน ท งที่จ พฒน ผู้ป่ ยในคร บคร ใ ้ มีค มภ คภูมิใจเป็นต ข งต เ ง
ม รถ ร้ ง มพนธภ พที่ดีแล ปรบต ได้กบทุกคนในคร บคร แล งคมภ ยน ก
7. การบ้าบัดด้ ยการเล่น (Play Therapy) ก รเล่นนบ ่ เป็นก รรก ในผู้ป่ ยที่เป็นเด็กได้ผล ิธี นึ่ง
โดยนกจิต ิทย งเกตพฤติกรรม แล รมณ์ที่ค บคู่กนขณ เล่นได้เป็น ย่ งดี เนื่ งจ กผู้ป่ ยไม่ รู้ต ่ เป็น
เทคนิค ิธีก รรก ด้ ยก รใช้ก รเล่นเกม ตุ๊กต ลูกบ ล ก ร ดภ พร บ ย ี รื ข งเล่น ื่นภ ยใน ้ งที่จด
รบก รบ บดรก โดยเฉพ แล ข งเล่น ต้ งดูใ ้เ ม มกบ ยข งผู้ป่ ยด้ ยช่ ยใ ้เด็กได้ขจดค มรู้ ึก
ก้ ร้ รื ได้ร บ ย รมณ์ กม ท ใ ้เด็ กเริ่มมีค มกล้ ขึ้น แล นกจิต ิทย ม รถเรียนรู้แล เข้ ใจ
พฤติกรรมเด็กได้
8. การบ้าบัดด้ ยดนตรี (Musical Therapy) ก รบ บดด้ ยดนตรีเป็นเทคนิคที่ท ใ ้ผู้ป่ ยคล ยเครียด
ลดค ม ิตกกง ลได้ เมื่ ได้ยินเ ียงเพลงท ใ ้ได้ร้ งเพลงปลดปล่ ย กม รื ถ้ ผู้ป่ ยต้ งก รจบต้ ง รื
ย กเล่นเพื่ เรียนรู้เครื่ งดนตรีจ เป็น ิธีซึ่งผู้บ บดใช้ งเกตพฤติกรรมขณ ผู้ป่ ยแ ดง กค บคู่กบ รมณ์ได้
่ ม รถกร ท ย่ งเ ม ม รื ไม่ ในขณ น้นผู้ป่ ยมี ก รดีขึ้น รื แย่ลงก ่ เดิม เช่น ผู้ป่ ยใช้มื ตีกล่ ง
ซึ่งเค้ บ ก ่ ตีจน ุดแรงแต่ผู้บ บด รื คนใกล้ไม่ ม รถได้ยินเ ียง ไรเลย
9. การฟื้นฟูบ้าบัดและนันทนาการ (Rehabilitation) ก รบ บดด้ ยก รใ ้ผู้ป่ ยได้ผ่ นคล ยช่ ยใ ้
จิตใจไม่ฟุ้งซ่ น เป็นก รฝึกใ ้มี ม ธิด้ ยก รใ ้ท ชีพง่ ย ๆ เ ม กบค ม ม รถข งแต่ล คน ผลง น
จจ ดีบ้ งดู ยง มเ ม มใช้ ได้แต่ก็ จเ ีย ยได้บ้ ง เช่น ก รท ด กไม้ปร ดิ ฐ์ ก ร ดรูป ตดเย็บ
เ ื้ ผ้ ซก - รีดเ ื้ ผ้ ล้ งรถยนต์ (กรณีต ย่ งข ง ูนย์ฝึก ชีพจ กร้ นเพื่ นข งโรงพย บ ล รีธญญ ) ช่ ย
ใ ้ผู้ป่ ยมีร ยได้จ กค ม ม รถใน ชีพปร ดิ ฐ์ข งต้น
การปรับปรุง ง่ เ ริม ุขภาพจิต
รบ ิ ธี ป รบปรุ ง ่ ง เ ริ ม ุ ข ภ พจิ ต ใ ้ แ ก่ ต นเ งน้ น มี ข้ เ น แน เพื่ เป็ น แน ท งปฏิ บ ติ ใ น
ชี ิตปร จ น รุปได้ดงนี้
1. การบ้ารุงรัก า ุขภาพทางกายใ ้ มบูรณ์และแข็งแรง โดยเฉพ ย่ งยิ่งก รรู้จกเลื กรบปร ท น
รที่ดีมีปร โยชน์ ร มท้งรู้จก กก ลงก ยแล พกผ่ นใ ้เพียงพ น กจ กนี้ก็ค รปรบปรุงบ้ นเรื นใ ้
ดเรียบร้ ยถูก ุขลก ณ มีบรรย ก ที่ดี แล น่ ยู่ ยไปด้ ยพร้ มๆกน
2. การจัด กิจ กรรมต่ างๆในชี ิตใ ้ มดุล ในแต่ล นทุกคนค รจ ได้จดกิจกรรมต่ งๆเ ไ ้ ย่ งมี
ร เบียบแล เ ม ม โดยมีก ร งแผนไ ้ล่ ง น้ ก่ นเ ม ท้งในด้ นก รเรียน ก รท ง น ก รเล่น ก ร
พกผ่ น นนทน ก ร แล กิจกรรมที่ คญ ื่นๆ จ ช่ ยใ ้ก รด เนินชี ิตปร จ นเป็นไปได้โดย ด กแล
ร บรื่นยิ่งขึ้น
3. การท้าจิตใจใ ้ร่าเริงและเบิกบาน ยู่เ ม โดยเฉพ ค รฝึก ดตนใ ้เป็นคนยิ้มง่ ย เร ง่ ย
มี รมณ์ขน ม งโลกในแง่ดี รู้จกท จิตใจใ ้ผ่ งใ ร มท้งรู้จกพึงพ ใจแล ชื่นชมยินดีต่ ค ม เร็จเล็กๆน้ ยๆ
ข งตนเ งแล ผู้ ื่น
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 138
การแปลผล
เมื่ ร มค แนนทุกข้ แล้ น ม เปรียบเทียบกบเกณฑ์ปกติที่ก นดดงนี้
(ค แนนเต็ม 45 ค แนน)
ในกรณีที่มีค แนน ยู่ในกลุ่ม ุขภ พจิตต่ ก ่ คนท่ ไป จช่ ยเ ลื ตนเ งเบื้ งต้น โดยข รบบริก รปรึก
จ ก ถ นบริก ร ธ รณ ุขใกล้บ้ น
นักเรียน ามารถค้นค ้า าค ามรู้เพิ่มเติมเนื้ า าระเกี่ย กับ ารมณ์และค ามเครียด ได้จากเ ็บไซต์ต่ ไปนี้
https://www.somdet.go.th
https://www.dmh.moph.go.th
https://www.swu.ac.th
https://www.nph.go.th
https://www.dnfe5.nfe.go.th
https://www.pirun.ku.ac.th