You are on page 1of 140

ุข ึก าและพล ึก า ม.

5 1

น่ ยการเรียนรู้ที่ 1
ร่างกายข งเรา
ก รท ง นข งร บบต่ งๆในร่ งก ยเร น้นมีค ม มพนธ์ซึ่งกนแล กน ไม่ ม รถแยก กจ กกนได้
ก รด รงชี ิตข งมนุ ย์น้น ขึ้น ยู่กบก รท ง นข งร บบต่ งๆในร่ งก ย กร บบต่ งๆ ม รถท ง น รื
ท น้ ที่ข งตนเ งได้ ย่ งมีปร ิทธิภ พ ก็จ ท ใ ้มนุ ย์ผู้น้น ม รถด รงชี ิต ยู่ได้ ย่ ง
มีค ม ุข
ระบบย่ ย า าร (DIGESTIVE SYSTEM)
ร บบย่ ย ร ท น้ ที่ย่ ย รใ ้เล็กล เ ียดจน ม รถที่จ ถูกดูดซึมเข้ ู่กร แ เลื ดไปยง
่ นต่ งๆข งร่ งก ย เพื่ เป็นแ ล่งพลงง น เ ริม ร้ ง แล ซ่ มแซมเนื้ เยื่ ต่ งๆ

ภ พแ ดง ย ต่ งๆในร บบย่ ย ร
แ ล่งที่ม ข งภ พ http://cms574.bps.in.th/group7/digestive

งค์ประก บและ น้าที่


ปาก เป็นแ ่งแรกที่ รถูกย่ ย ป กมี น้ ที่ 3 ย่ ง คื
(1) รบ ร
(2) เริ่มก รย่ ย รด้ ยน้ ล ย
(3) ใช้ในก ร กเ ียงแล ก ร ยใจ
ลิ้น เป็น ย พิเ รบก รรู้ร ช่ ยในก รพูด บดเคี้ย ร ช่ ยคลุกเคล้ รกบ
น้ ล ยแล ช่ ยในก รกลืน ลิ้นปร ก บด้ ยกล้ มเนื้ มีปุ่ม รบรบร
ฟัน ฝัง ยู่ในเบ้ ข งฟัน มีเ งื ก ุ้ม แล แทรกลงไปในกร ดูกกร ม ฟันท น้ ที่ฉีกตดแล บด ร
ต่ มน้้าลาย จ ช่ ยขบ “น้ ล ย” ซึ่งมีฤทธิ์เป็นด่ ง มี น้ ที่ช่ ยท ใ ้ ร ่ นนุ่ม ด กใน
ก รเคี้ย บดแล กลืน น้ ล ยมีเ นไซม์ไทย ลิน (ptyalin) ช่ ยย่ ย รพ กค ร์โบไ เดรต
ล ดค เป็นท่ ปร ก บด้ ยกล้ มเนื้ ต่ จ กป กไป ล ด รเป็นท งที่ลม ยใจแล
อา ารผ่านตรงทางแยก ลอดลมและ ลอดอา ารมี ต่อมน้ำเ ลือง (tonsils) คอยดักเชื้อโรคไ ้ ต่อมนี้อักเ บ
เนื่องจากเชื้อโรค เรียก ่า ทอนซิลอักเ บ (tonsilitis) จะบั่นทอน ุขภาพ
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 2

ล ด า าร เป็นท่ ย ปร ม ณ 10 นิ้ มี น้ ที่เพียงเป็นท งเดินข ง รแล มีที่แคบ ยู่ งแ ่ง


เพื่ ป้ งกน ิ่งที่เกินไปไม่ใ ้ผ่ น
กระเพาะ า าร ยู่ต่ จ ก ล ด รลงไป รูปร่ งเ มื นน้ เต้ ขน ดปร ม ณ นึ่งลิตรตรงที่ต่ กบ
ล ด รแล ตรงที่ต่ กบล ไ ้เล็กมี ูรูดที่แข็งแรงม ก กร เพ รมีน้ ย่ ย ยู่ 4 ชนิด คื กรดเกลื
เปปซิน เรนิน แล แก ตริกไลเป
ล้าไ ้เล็ก ยู่ต่ จ กกร เพ ร โดยมี ูรูดค่น ยู่ ย ปร ม ณ 23 ฟุต ก ้ ง 1 ½ นิ้ แบ่ง กเป็น
3 ต น ปร ก บด้ ยกล้ มเนื้ 2 ช้น ซึ่งแข็งแรง ด้ นน กเรียบ แต่ด้ นในขรุขร แล มีต่ ม ร้ งน้ ย่ ย ยู่
ม กม ย น้ ย่ ยที่ คญในล ไ ้เล็ก มี ยู่ 3 ชนิดคื
1) น้ ดี มี ีเขีย ปนเ ลื งม จ กตบใช้ย่ ยไขมนแล ช่ ยใ ้ก รดูดซึม ิต มินดีขึ้น
2) น้ ย่ ยจ กตบ ่ น
3) น้ ย่ ยจ กล ไ ้เล็ก
น้ ย่ ยจ กตบ ่ นแล ล ไ ้เล็ก ปร ก บด้ ยน้ ย่ ย ีก ล ยชนิด ท น้ ที่ต่ งๆ ก รย่ ยใน
ล ไ ้ เล็ ก เป็น ก รย่ ยคร้ ง ุ ดท้ ยต่ จ กป กแล กร เพ รทุกชนิดจ ถูกย่ ยใ ้ มีโมเลกุล เล็กลงจน
ม รถดูดซึมผ่ นผนงล ไ ้ เข้ ู่กร แ เลื ดได้ แล จ กเลื ดก็จ ไ ลเ ียนไปใ ้เซลล์ท่ ร่ งก ย กล่ คื
รพ กค ร์โบไ เดรต แล ไขมนจ ถูกน ไปใช้เป็นพลงง น ่ นใ ญ่ ่ นพ กโปรตีนก็จ น ไป ร้ งค ม
เจริญแล ซ่ มแซม ่ นที่ ึก ร ข งร่ งก ย พ ก ิต มิน เกลื แร่แล น้ ไม่ต้ งมีก รย่ ย เพร มีขน ดเล็ก
ยู่แล้ ม รถดูดซึมไปใช้ได้เลย
ล้าไ ้ใ ญ่ ย ปร ม ณ 5-6 ฟุต ก ้ ง 3 นิ้ ต่ จ กล ไ ้เล็ก มี ูรูดค่นแล ไป มดที่ท ร นกล ไ ้
ใ ญ่มี น้ ที่รบก ก รที่ ่งม จ กล ไ ้เล็ก ที่ล ไ ้ใ ญ่ไม่มีก รย่ ย เป็นที่ใ ้ก ก รแล น้ ม พก ยู่
เท่ น้น ่ นน้ จ ถูกดูดซึมเข้ ู่ผนงล ไ ้ได้ท ใ ้ก กแข็งขึ้น ถ้ ก ก ร ยู่น นเกินไปจ ท ใ ้ก กแ ้งขึ้น
ท้ งจ ผูก ถ้ ยู่เร็ เกินไปน้ จ ถูกดูดไปน้ ยก็จ ท ใ ้ท้ งเ ีย ที่ปล ยล ไ ้ใ ญ่เป็ นช่ งใ ้ก ก ร ก
เรียก ่ “ท ร นก” ซึ่งมีกล้ มเนื้ ูรูดค บคุมก รขบถ่ ยก ก ร
ตับ รูปร่ งเ มื นโดม ยู่ช ยโครงข้ งข ใต้ตบมีถุงน้ ดีไปเปิดเข้ ู่ล ไ ้เล็กต นบน
น้ ที่ข งตบ มีดงนี้
- ร้ งน้ ดี ช่ ยย่ ยไขมน
- เป็นที่ ม ร โดยเฉพ พ กกลูโค แต่ ยู่ในรูปข งไกลโคเจน แล้ ม รถ
เปลี่ยนกลบม เป็นกลูโค ได้ ีก เมื่ ร่ งก ยต้ งก ร
- ค บคุมร ดบโปรตีนข งร่ งก ย
- เป็นที่ค ยท ล ยพิ ต่ งๆ ที่เข้ ู่ร่ งก ย
ตับ ่ น ยู่บริเ ณใต้กร เพ ร ท ดม จดไ ้ ่ นท งข เป็นที่ ร้ งน้ ย่ ย เพื่ ย่ ยพ ก
โปรตีน แล มีท่ พ น้ ย่ ยนี้ไปเข้ ู่ล ไ ้เล็กใกล้ๆ กบท่ จ กถุงน้ ดี น กจ กนี้ตบ ่ นยงมีกลุ่มเซลล์ที่ ร้ ง
ร์โมน ินซูลิน(insulin) รบค บคุมน้ ต ลข งร่ งก ย ถ้ เกิดผิดปกติคื น้ ต ลในเลื ด ูงจ ท ใ ้เกิด
โรคเบ น

กระบ นการย่ ย า าร
ปาก มีเ นไซม์ที่ชื่ ่ ไมเล (ไทย ลิน) เพื่ ย่ ย รพ กแป้งแล น้ ต ล แล ช่ ยใ ้ รลื่น
ด กต่ ก รกลืน
กระเพาะ า าร รจ ถูก ล ด รบีบต ไล่ลงไป ู่กร เพ ร รจ ถูกย่ ย ยู่ใน
กร เพ รเป็นเ ล ปร ม น 3-4 ช่ โมง โดยเยื่ ุ้มกร เพ รจ ผลิตน้ ย่ ยที่มีฤ ทธิ์เป็นกรด ได้แก่
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 3

กรดเกลื (กรดไ โดรคล ริก) เ นไซม์เพปซิน ที่ย่ ยโปรตีน เ นไซม์เรนนิน ที่ย่ ยโปรตีนในน้ นม แล จ ผลิต
เ นไซม์ไลเป ที่ย่ ยไขมน กม เพียงเล็กน้ ย แต่จ มี รปร เภทโปรตีนเท่ น้นที่ถูกย่ ยในกร เพ ร
ล้าไ ้เล็ก ก รย่ ย ร ่ นใ ญ่จ ด เนิ นไปในล ไ ้เล็กนี้ โดยจ มีน้ ย่ ยจ กผนงล ไ ้เล็ก ได้แก่
เ นไซม์ม ลเท (maltase) ซูเคร (sucrase) แล แล็กแท (lactase) ท น้ ที่ย่ ยน้ ต ลโมเลกุลคู่ชนิดต่ งๆใ ้
เป็นน้ ต ลโมเลกุลเดี่ย แล เ นไซม์ ิเรพซิน (erepsin) ท น้ ที่ย่ ยโปรตีนใ ้เป็นกรด มิโน น กจ กนี้ยงมี
น้ ย่ ยจ กตบ ่ น ได้แก่ เ นไซม์ทริปซิน เ นไซม์ไลเป แล เ นไซม์ ไมเล แล น้ ดี (bile) ที่ตบ ร้ งขึ้นแล้
กกเก็บ ยู่ในถุงน้ ดีดงที่กล่ ไปข้ งต้น ม ช่ ยในก รย่ ยแป้งแล น้ ต ล ไขมน แล โปรตีนต่ ไปจนเป็นโมเลกุล
ขน ดเล็กที่ ม รถดูดซึมเข้ ู่ ล ดเลื กแล ล ดน้ เ ลื งใน ิลไลจ น นม กที่ ยู่ต มผนงด้ นในข งล ไ ้
เล็ก เพื่ จ ได้น ร รไปเลี้ยงยง ่ นต่ งๆ ข งร่ งก ยต่ ไป
ล้าไ ้ใ ญ่ จ ดูดเ น้ กลูโค แร่ธ ตุ แล ิต มินบ งชนิด กไปจ กก ก รกลบ ู่กร แ เลื ด
เพื่ ใ ้ มดุลข งน้ ในร่ งก ยเป็นปกติ ก ก รจ ค่ ยๆ เป็นก้ นแข็งขึ้นผ่ นลงไป ู่ล ไ ้ ่ นใ ญ่ที่เป็นไ ้
ตรง แล ผ่ น กท งท ร นกเป็น ุจจ ร

1. เริ่มจ กก รย่ ย รในป ก รจ 2. รจ ถูก ่งผ่ นไปค ยซึ่งไม่มีก รย่ ยใดๆ ท้ง ิ้น
ถูกท ใ ้มีขน ดเล็กลงแล ่ นนุ่มด้ ยน้ ล ย ผ่ นไปยง ล ด ร ซึ่งเป็นก รย่ ยเชิงกลโดยก รบีบ
ในป กจ มีเ ็นไซม์ ไมเล ย่ ยแป้งแล ต ข งกล้ มเนื้ ท งเดิน ร เป็นช่ งๆ เรียก ่
ไกลโคเจนใ ้มีขน ดเล็กลง “ เพ ริ ตลซิ (peristalsis)” เพื่ ใ ้ รเคลื่ นที่ลง ู่
กร เพ ร

3. ก รย่ ยในกร เพ รจ เป็นก ร


ย่ ย รปร เภทโปรตีน โดยมีเ นไซม์
เปปซินแล เรนนินย่ ยโปรตีนในน้ นม

แ ล่งที่ม ข งภ พ http://www.takesa2.go.th/site/images/124587.pdf

5. ในล ไ ้ใ ญ่ไม่มีก รย่ ย แต่ท น้ ที่เก็บ 4. ล ไ ้เล็กเป็นบริเ ณที่มีก รย่ ยแล ก รดูดซึมม ก
ก ก ร ดูดซึมน้ กจ กก ก ร แล ที่ ุด โดยเ นไซม์ในล ไ ้เล็กจ ท ง นได้ดีใน ภ พที่
ถูกขบ กม ในรูปข ง ุจจ ร ท งท ร นก เป็นเบ โดยเ นไซม์ที่ล ไ ้เล็ก ร้ งขึ้นแล ก รใช้
เ นไซม์จ กตบ ่ นม ช่ ยย่ ยเพื่ น ไปใช้ปร โยชน์
ในร่ งก ย
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 4

การ ร้างเ ริมและด้ารงประ ิทธิภาพการท้างานข งระบบย่ ย า าร


1. รบปร ท น รใ ้ตรงเ ล ครบทุกมื้ โดยเฉพ รมื้ เช้ ที่เป็นมื้ คญ แล ลี กเลี่ยง
รที่มีร จด ร มกด ง แล รที่มีไขมนม กเกินไป
2. รบปร ท น รที่เ ม มกบ ย ย่ ยง่ ย ร ไม่จด แล ไม่รบปร ท น รม กเกินค ม
ต้ งก รข งร่ งก ย ซึ่งจ ท ใ ้เกิด รไม่ย่ ยท ใ ้ ้ น
3. ไม่รบปร ท น รพ ก มกด ง ร ุก ๆ ดิบ ๆ ซึ่ง จจ ท ใ ้เกิดโรคในร บบท งเดิน ร
ได้ รบปร ท น รที่ ดปร จ กก รปนเปื้ นแล ปรุง ุกใ ม่ๆ เพร รที่ไม่ ด รื
ปรุงไม่ ุกจ มีก รปนเปื้ นข งเชื้ โรค รพิ แล พย ธิต่ งๆ
4. รบปร ท น รที่มีเ ้นใย รม ก ได้แก่ ผก ีเขีย แล ผกทุกชนิด เพื่ ช่ ยใ ้ก รขบถ่ ยข ง
เ ีย กจ กร่ งก ยโดยก รเพิ่มม ล ุจจ ร แล ลดเ ล ที่ข งเ ียจ พก ยู่ในกร เพ ร รื ล ไ ้น น
เกินไป รในแต่ล มื้ ไม่ ่ จ เป็นผก ด ผลไม้ต่ งๆ ก่ นที่จ น ม รบปร ท นจ ต้ งล้ งใ ้ ดทุกคร้ง
เพื่ ป้ งกนเชื้ ร แล รเคมีที่ จเป็น นตร ยเข้ ู่ร่ งก ยได้
5. ลีกเลี่ยงก รรบปร ท นข ง น เพร ่ ข ง นจ ไปกดร บบภูมิคุ้มกนข งร่ งก ย ท ใ ้
เม็ดเลื ดข ผิดปกติ แล ท ใ ้มนก จดไ ร แล แบคทีเรียไม่ได้
6. ค รมี ุขนิ ยที่ดีในก รรบปร ท น ร เช่น รบปร ท น รใ ้เป็นเ ล เคี้ย รใ ้ล เ ียด
ไม่รบปร ท น รที่มีร จด ล้ งมื ใ ้ ดทุกคร้งก่ นแล ลงรบปร ท น ร
7. ดื่มน้ ด ย่ งน้ ย นล 6-8 แก้ จ ช่ ยช ล้ ง ิ่งตกค้ งในล ไ ้แล กร เพ ร แล ช่ ย
ใ ้ก รขบถ่ ยดีขึ้น ลีกเลี่ยงก รใช้แก้ น้ ร่ มกน เพร จติดเชื้ ไ ร บ งชนิดที่เป็น เ ตุใ ้ตบท ง น
ผิดปกติ
8. งด รื ลดเครื่ งดื่มแ ลก ล์ (alcohol) ก รดื่ม ุร รื เครื่ งดื่มที่มีแ ลก ล์เป็นปร จ จ มี
ค มเ ี่ยงต่ ก รเกิดโรคร บบท งเดิน ร ตบท ง น นกในก รก จดข งเ ีย
9. ดูแลรก ุขภ พข งช่ งป กแล ฟัน ย่ ง ม่ เ ม เนื่ งจ กก รมีฟันที่แข็งแรงจ ช่ ยท ใ ้ก ร
บดเคี้ย รเป็นไป ย่ งมีปร ิทธิภ พ ช่ ยในก รย่ ย รในเบื้ งต้นได้ดี
10. ฝึกนิ ยก รขบถ่ ยใ ้เป็นเ ล ย่ ปล่ ยใ ้ท้ งผูก นจ ท ใ ้เกิดปัญ ในเรื่ งข งโรค
ริด ีด งท รต มม ได้ โดยค รขบถ่ ย ุจจ ร ย่ งน้ ย นล 1 คร้ง ก รฝึกนิ ยก รขบถ่ ย ุจ ร ใ ้เป็นเ ล
น้น จ ช่ ยใ ้ก รท ง นข งร บบย่ ย รดีขึ้น
11. กก ลงก ย ย่ ง ม่ เ ม จ ท ใ ้ร่ งก ยได้เคลื่ นไ ซึ่งจ ช่ ยกร ตุ้น ย ในร บบย่ ย
รใ ้ท ง นได้ดี ท้งก ร ล่งเ นไซม์ที่ช่ ยย่ ย ร ก รดูดซึม ร รข งร่ งก ยแล ก รขบถ่ ยก ก
ร กน กร่ งก ยด้ ย
12. ไม่เครียดจนเกินไป ุขภ พจิตดี ไม่โกรธ รื เครียดบ่ ยๆ เพร เมื่ มี รมณ์โกรธ รื เครียด
ต่ มน้ ล ยจ ยุดขบน้ ล ย รื ขบ กม น้ ย ท ใ ้รู้ ึกค แ ้ง จึงไม่ ย ก ร กร เพ รแล ล ไ ้มี
ก รบีบต ช้ ลงจึงย่ ย รได้ไม่เต็มที่ ท ใ ้มีก รท้ ง ืด ท้ งเฟ้ น กจ กนี้ยงท ใ ้มีก ร ล่งข งกรดเกลื
ในกร เพ รม ก จึงเกิดแผลในกร เพ รแล ป ดท้ งต มม
13. พบแพทย์ กมี ก รผิดปกติเกี่ย กบร บบย่ ย รแล กินย ต มแพทย์ ่งไม่ปล่ ยไ ้จนเกิด
ก รเรื้ รง ซึ่งเ ี่ยงต่ ก รเป็นโรคร้ ยแรงขึ้น
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 5

(URINARY SYSTEM)
ร บบนี้ท น้ ที่กร งข งเ ีย กจ กเลื ดแล้ น กน กร่ งก ยเป็นก รท ง นข งร บบขบถ่ ยใน
รูปข งปั แล ยงท น้ ที่ค บคุมค มเป็นกรด-ด่ ง

แ ล่งที่ม ข งภ พ : นง ื เรียนร ย ิช พื้นฐ น ุข ึก แล พล ึก ช้นมธยม ึก ปีที่ 5

งค์ประก บและ น้าที่ข งระบบขับถ่ายปั า ะ ประก บด้ ย


ไต (kidney) มี ยู่ 2 ข้ ง ซ้ ยกบข รูปร่ งเ มื นถ่ แดง มี ี ดน้ ต ลแกมแดง ต้ง ยู่ท งด้ น ลง
ข งช่ งท้ งใกล้กร ดูก น ลง ่ นเ ท่ นที่ 3 ถึง ่ น กท่ นที่ 12 ไตมีเนื้ ยู่ 2 ช้น ช้นน ก รื ่ นเปลื ก
เรียก ่ ค เท็กซ์ (cortex) ่ นเนื้ ช้นในเรียก เมดุลลา (medulla) ไตถูกยึดติดกบกร บงลม มีก รเคลื่ นไ
ได้เล็กน้ ยต มก ร ยใจเข้ ก ค เท็กซ์มี ีจ งก ่ แล มีลก ณ เป็นจุด มี น้ ที่กร งเ ข งเ ีย กจ ก
เลื ดโดยตรง ่ นที่เป็นเมดุลล มี ีเข้มคล้ ก ่ มี น้ ที่รบเ ข งเ ียจ ก ค เท็กซ์ มีลก ณ เป็นท่ เล็กๆ
แล ม เปิดร มต กนเป็นกร ย เรียก ่ กร ยไต ท ใ ้น้ ปั ไ ลม ร มที่กร ยไต ซึ่งบริเ ณนี้ จเรียก ่ ข้
ไต จ มี น้ ที่กร งข งเ ียต่ งๆ จ กเลื ด ร มท้ง รที่เป็นพิ ย บ งชนิดที่ไม่มีปร โยชน์ต่ ร่ งก ย กม
พร้ มกบปั ีกด้ ย
ท่ ไต (ท่ ่งน้้าปั า ะ) (ureter) เป็นท่ รื ล ด ก ้ ง 4-5 มม. ย ท่ ล 10-12 นิ้ มี 2 ท่
ข้ งล ท่ ต่ ม จ กกร ยไต ตรงบริเ ณข้ ไตผ่ นลงม ท งด้ น ลงข งท้ งตรงช่ งเชิงกร น บ งคร้งมีพ กผลึก
รื รตกต ก นจ ก รแล น้ ดื่มที่บริโภคเข้ ไปร มต กนเป็นเม็ดเรียก ่ นิ่ ุดในท่ จ ท ใ ้ปั
ผ่ นลงม ข้ งล่ งไม่ ด ก
กระเพาะปั า ะ (urinary bladder) เป็นถุงกล้ มเนื้ ยืด- ดได้ ภ ยในกร เพ ปั เป็นโพรง
ยู่ข้ ง น้ ล้าไ ้ตรง rectum ถ้ เป็น ญิงกร เพ ปั จ ยู่ น้ มดลูก กร เพ ปั มีช่ งเปิด 2 ท ง
คื เป็นช่ งเปิดรบปั จ กท่ ไต งข้ ง ่ น ีกท ง นึ่งเป็นรูเปิด กม ู่ ล ดปั ปั จ กไต
จ ยดลงไปในกร เพ ปั กล้ มเนื้ ข งกร เพ ปั ก็จ ขย ยต ก จนมีจ น นม กพ ท ใ ้
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 6

รู้ ึกป ดปั (มีน้ ปั เกิน 250 มิลลิลิตร ) เมื่ เ ล ถ่ ยปั กล้ มเนื้ ูรูดก็จ คล ยต แล้
กล้ มเนื้ ข งผนงก็จ บีบต ใ ้ปั พุ่ง กไป
ท่ ปั า ะ ( urethra ) ลก ณ เป็น ล ดซึ่งต้งต้นจ ก ่ นล่ งข งกร เพ ปั จนม ุด
ที่ ย เพ ในเพ ญิง ล ดปั กบช่ ง ืบพนธุ์แยก กจ กกน ล ดปั ข ง ญิงย เพียง
4 เซนติเมตร ่ นในเพ ช ย ล ดปั ย ปร ม ณ 20 เซนติเมตร (ย ก ่ เพ ญิง) เพร ล ด
ปั เป็นท งเดินข งปั แล น้ ุจิ

กระบ นการก้าจัดข งเ ียทางไต มีกระบ นการดังนี้

ไต เป็น ย คญที่ ุดข งร บบนี้ ท่ ไต มีจ น น 2 ท่ เป็น


มี 2 น รูปร่ งคล้ ยเมล็ดถ่ ยู่บริเ ณ ท่ ที่น ปั จ กไตไปยง
ในช่ งท้ ง งข้ งข งกร ดูก น ลง กร เพ ปั มีค ม
ร ดบเ ท น้ ที่กร ง ร ดูดซบน้ ย ปร ม ณ 10-12 นิ้
ไ น แล ร ื่นๆ ที่จ เป็นต่ ร่ งก ย
กลบเข้ ู่กร แ เลื ด แล ขบไ น
แล ร ื่นๆ ที่ร่ งก ยไม่ต้ งก ร รื
ม กเกินพ กจ กร่ งก ย เพื่ ก ร
ปรบ มดุล ค มเป็นกรด–ด่ งข ง
ร่ งก ย โดยไตจ ขบปั กม
เรื่ ยๆ ู่ท่ ไตท้ง งข้ ง

ท่ ปั า ะ เป็น ่ นที่ต่ จ ก กระเพาะปั า ะ เป็นถุงที่เก็บ ม


กร เพ ปั เพื่ น ปั น้ ปั ที่กร งม จ กไต แล เป็นที่
ก ู่ภ ยน กร่ งก ย พกช่ คร ข งปั มีค มจุได้
ปร ม ณ 500 มิลลิลิตร เมื่ มีปั
แ ล่งที่ม ภ พ : https://sites.google.com/site/nasenxreuxngrabbhayci/calendar ปร ม ณ 210-300 มิลลิลิตร จ รู้ ึกป ด
ย กถ่ ยปั ท ใ ้กร เพ
ปั ดแล บีบต เ ปั
กม ท งท่ ปั
การ ร้างเ ริมและด้ารงประ ิทธิภาพการท้างานข งระบบขับถ่ายปั า ะ
1. ไม่ค รรบปร ท นผกที่มีปริม ณข ง ร ๊ กซ เลต ูง เช่น น่ ไม้ ก ล่ ปลี ผกขม ม เขื
ผกแพ ช พลู ใบมน ป ลง ผก เม็ด ผกกร โดน ในปริม ณม ก ๆ เนื่ งจ กจ ท ใ ้เกิดก ร มข งผลึก
รแคลเซียม ๊ กซ เลตในไต รื กร เพ ปั จนเป็นนิ่ ได้
2. ค รรบปร ท น รปร เภทโปรตีน เช่น เนื้ ต ์ นม ไข่ แล ถ่ ต่ ง ๆ ซึ่งมีปริม ณข ง ร
ฟ เฟต ูง ซึ่งจ ช่ ยลด ตร ก รเกิดนิ่ ในร บบข งท งเดินปั ได้เช่นกน
3. ลีกเลี่ยง รร เค็มจด รื รที่มีเกลื โซเดียม ูง เช่น ร มกด ง ก ปิ ซึ่งจ ่งผลต่ ก ร
ท ง นข งไต
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 7

4. ลีกเลี่ยงเครื่ งดื่มที่มีแ ลก ล์ เพร แ ลก ล์จ ท ใ ้ปั บ่ ย ่งผลใ ้ร่ งก ย ูญเ ีย


น้ ม ก
5. ไม่กล้นปั เป็นเ ล น น เพร จ ท ใ ้มีโ ก เกิดก รติดเชื้ ในร บบท งเดินปั ได้
โดยง่ ย เ ล ปั ไม่ค รรีบร้ นเบ่งม ก จท ใ ้ ูรูดปั ช รุดได้
6. ดื่มน้ ดในปริม ณที่เพียงพ ต่ ค มต้ งก รข งร่ งก ย ย่ งน้ ย นล 8-10 แก้
7. ค รล้ งท ค ม ด ลงปั แต่ ย่ ใ ้บริเ ณน้นเปียกชื้น เพร จเกิดเชื้ ร ได้ ท งที่ดี
ลงปั ทุกคร้ง ค รซบใ ้แ ้ง
8. ใ ้ งเกตก รถ่ ยปั แล น้ ปั ข งตนเ งทุกคร้ง ่ ต้ งเบ่งม กผิดปกติ รื ไม่น้ ปั
ล พุ่งดี รื ไม่ ล น้ ปั มีขน ดเล็กลงก ่ เดิม รื ไม่ น้ ปั มี ีเ ลื งใ รื ไม่ เพร ิ่งเ ล่ นี้ จ
เป็น ก รผิดปกติที่ ม รถบ กโรคได้
9. เมื่ เข้ ู่ ยกล งคน ก รบริ ร ุ้งเชิงกร นโดยก รขมิบ (ฝ่ ย ญิงขมิบช่ งคล ด ฝ่ ยช ยขมิบท ร
นก) นล 100 คร้ง จ ช่ ยป้ งกน ก รปั เล็ด
10. ก่ นมีเพ มพนธ์ แล ลงมีเพ มพนธ์ คุณผู้ ญิงค รถ่ ยปั ทิ้ง จ ช่ ยป้ งกนก รเกิด
กร เพ ปั กเ บ
11. กก ลงก ย ย่ ง ม่ เ ม จ ช่ ยท ใ ้ก รไ ลเ ียนข งเลื ดไป ู่ ล ดเลื ดฝ ยข ง น่ ยไตใน
กร บ นก รก รก จดข งเ ียท งไตเป็นไปได้ ย่ งมีปร ิทธิภ พ
12. เมื่ มี ก รผิ ดปกติเกิดขึ้นกบร บบท งเดินปั ก รขบถ่ ยปั ต้ งขบถ่ ยคล่ งไม่มี
ก รเจ็บป ด ถ้ ปั แ บขดล บ ก นบ ่ เป็น ก รผิดปกติ ค รรีบไปพบแพทย์
13. เ ล ปั ไม่ค รรีบร้ นเบ่งม ก จท ใ ้ ูรูดปั ช รุดได้

ระบบ ายใจ (RESPIRATORY SYSTEM)


จุ ดปร งค์ ข งก ร ยใจ คื ก รน ก๊ ซ กซิเ จนจ ก ก ภ ยน กเข้ ู่ เซลล์ รบท
ปฏิกิริย ต่ ง ๆ ภ ยในเซลล์เพื่ เปลี่ยนเป็นพลงง น แล้ ถ่ ยเทก๊ ซค ร์บ นได กไซด์ นเป็นผลจ กปฏิกิริย นี้
กจ กเซลล์ โดยที่เซลล์ต่ งๆ ในร่ งก ยไม่ได้ มผ กบ ก ภ ยน กโดยตรง ร่ งก ยจึงต้ งมี ิธีก รที่จ ช่ ย
ใ ้ก๊ ซที่ ยู่ภ ยน กติดต่ กบเซลล์ในร่ งก ย จึงเกิดกร บ นก รรบ ่งก๊ ซ กซิเจนแล ค ร์บ นได กไซด์
ขึ้น โดย ยก รท ง นข งป ดเป็นเครื่ งน ก เข้ กจ กร่ งก ย แล ยก รไ ลเ ียนข งเลื ดพ
ก๊ ซเ ล่ นี้ไปยงเซลล์แล กจ กเซลล์ท่ ร่ งก ย

แหล่งที่มาของภาพ : หนังสือเรียนรายวิชาพืน้ ฐาน สุขศึกษาและพลศึกษาชัน้ มัธยมศึกษาปี ที่ 5


ุข ึก าและพล ึก า ม.5 8

งค์ประก บและ น้าที่ข งระบบ ายใจ ประก บด้ ย


จมูก (nose) มีลก ณ เป็นโพรง 2 โพรง โพรงจมูกท้ง 2 โพรงจ ท ลุ กที่ค ก จ ผ่ นจ ก
ล ดค เข้ ไปใน ล ดลมแล เข้ ไป ู่ป ด โพรงจมูกแต่ล โพรงยงแบ่ง กเป็น 2 ต น ต นล่ งก ้ งบุด้ ยผิ
แล มีขนจมูกช่ ยกร ง ก แล เชื้ โรค ต นบนมีเยื่ เมื กค ยดกเชื้ โรคแล มีกลุ่มปร ท มผ กลิ่ น
(olfactory nerve) ยื่นจ ก ม งม ร ม ยู่ด้ ย
ล ดค (pharynx) มีลก ณ คล้ ยกร ย เป็น ่ นที่ รแล ลม ยใจม พบกน แต่จ แยกไป
คนล ท ง คื รผ่ นเข้ ล ด รแล ก จ ผ่ นเข้ ู่ ล ดลม โดยมี ลิ้ น ปิ ด เปิ ด ชื่
เ พิกล ทติ (epiglottis) ค ยป้ งกนไม่ใ ้ รตกลงไปใน ล ดลมเ ล กลืน
ล ดเ ียง (larynx) เป็น ย ที่ท ใ ้เกิดเ ียง ยู่ใต้โคนลิ้นเป็นท งไป ู่ ล ดลม
ล ดลม (trachea) ล ดลมต่ เป็น นเดีย กบ ล ดเ ี ยง ล ดลมท ดลงไปในช่ ง กแล ยู่
ด้ น น้ ข ง ล ด ร ที่ปล ยแยก กเป็น 2 แฉก ข แล ซ้ ยเป็นข้ ป ดแต่ล ข้ ง
ขั้ ป ด (bronchi) เป็น ่ น นึ่งข ง ล ดลมน่นเ ง แต่มีขน ดเล็กก ่ มี น้ ที่ รบแยกลมเข้ ป ด
แต่ล ข้ ง
ป ด (lung) คื ย คญที่ท น้ ที่ ยใจ เป็น ่ นที่ ก จ กภ ยน กเข้ ม มผ กบเลื ดที่
เลื ดฝ ยโดยมีผนงข งถุงลมก้น ยู่ ป ดมี ยู่ 2 ข้ ง ข แล ซ้ ย ยู่ในช่ ง กท้งข แล ซ้ ย ติดต่ ถึงกนด้ ย
ข้ ป ด ป ดมีน้ นกเบ เนื้ ป ดมีลก ณ ยุ่นคล้ ยฟ งน้ ขย ยต แล ดต ได้ม ก ปร ก บด้ ยถุงลมเป็น
จ น นม ก ถุงเ ล่ นี้เล็กม กจนต้ งม งด้ ยกล้ งจุลทรร น์จึงจ เ ็น มีเ ้นผ่ น ูนย์กล งปร ม ณ 0.25 มม.
ถุงลมแต่ล ถุง ุ้มด้ ยเ ้นเลื ดฝ ย รบน เลื ดม ู่เซลล์ ฟ ก รื แลกเปลี่ยนก๊ ซ ภ ยในป ดมี ล ดเลื ด
แดงแล ด เ ้นปร ท แล ท่ น้ เ ลื งผ่ นเข้ ก
น กจ กนี้ยงมี ย ื่น ๆ ที่ช่ ยในก ร ยใจ ได้แก่ กร บงลม กร ดูกซี่โครง แล กล้ มเนื้ ที่ช่ งท้ ง

กระบ นการท้างานข งระบบ ายใจ


จมูก (Norsal cavity) เป็น ย ่ นต้นข งร บบ
ยใจ ท น้ ที่เป็นท งผ่ นข ง ก ช่ ยกร งฝุ่น
ล ง แล เชื้ โรคบ ง ่ นก่ น ก จ ผ่ นไป ู่
ย ื่นต่ ไป

ล ดเ ียง (Larynx) ยู่ใต้ ล ดค ขณ


กลืน รจ มีแผ่นเนื้ เยื่ ขน ดเล็กที่
เรียก ่ ฝ กล่ งเ ียง ค ยปิด ล ดลมเพื่
ไม่ใ ้ รลงผิดช่ ง
แ ล่งที่ม ข งภ พ : http://biologywichienmatu.blogspot.com/2016/01/blog-post.html
ป ด (Lung) เป็น ย ที่ คญที่ ุดข งร บบ ยใจ ป ดมี ล ดลม (Trachea) เป็นท่ กล ง
2 ข้ ง ยู่ในทร ง กด้ นซ้ ยแล ข ป ดแต่ล ข้ ง เชื่ มต่ กบข้ ป ดท้ง 2 ข้ ง ท
ปร ก บด้ ยข้ ป ด ซึ่งจ แตกแขนง กเป็น ล ดเล็กๆ น้ ที่เป็นท งผ่ นข ง ก เพื่
เรียก ่ แขนงข้ ป ด (bronchus) ที่ปล ยข งแขนงข้ ป ด น ไป ู่ป ด
จ พ ง กเป็นถุงลมเล็กๆ ม กม ย รบเป็นที่แลกเปลี่ยน
แก๊ เรียก ่ ถุงลมป ด (Pulmonary alveoli)
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 9

กลไกการ ายใจ

แ ล่งที่ม ข งภ พ https://dokkaew.wordpress.com/2012/12/22

ายใจเข้า เกิดจ กกล้ มเนื้ ก บงลม ดต ายใจ ก เกิดจ กกล้ มเนื้ ก บงลมคล ยต
ท ใ ้แผ่นก บงลมเลื่ นต่ ลงม ปริม ตร ท ใ ้แผ่นก บงลมเลื่ น ูงขึ้น ปริม ตรช่ ง ก
ช่ ง กเพิ่มขึ้น กร ดูกซี่โครงเลื่ น ูงขึ้น ลดลง กร ดูกซี่โครงลดต่ ลง

เมื่ เร ยใจเข้ ก จ กภ ยน กร่ งก ยจ ผ่ นรูจมูกท้ง งข้ งเข้ ไปต มช่ งจมูก ขนจมูก แล
เยื่ บุในช่ งจมูกจ ช่ ยกร งฝุ่นล งที่ปนม กบ ก ไ ้ ก จ ถูกปรบ ุณ ภูมิแล ค มชื้นใ ้เ ม ม
กบร่ งก ย แล้ จึงผ่ นจ กค ยเข้ ู่ ล ดลม ( ผ่ นข้ ป ดแล ปล ยแขนงข้ ป ด ) เยื่ เมื กแล ขน ่ นที่
ล ดลมจ กกเก็บแล พดโบกฝุ่นล งขน ดเล็กที่ปนม กบ ก ไม่ใ ้ผ่ นเข้ ู่ป ด ก เมื่ เข้ ู่ป ด
แล้ จ เข้ ู่ถุงลมเล็กๆจ น นม กที่มี ล ดเลื ดฝ ยล้ มร บ ยู่ จ กน้นก๊ ซ กซิเจนใน ก จ แพร่ผ่ น
ผนงถุงลมเข้ ู่ ล ดเลื ดฝ ย ่ นก๊ ซค ร์บ นได กไซด์จ กเลื ดก็จ แพร่ผ่ นจ กผนง ล ดเลื ดฝ ยเข้ ู่
ถุงลม เมื่ เร ยใจ กก๊ ซค ร์บ นได กไซด์ก็จ ถูกขบ กน กร่ งก ย
ก๊ ซ กซิเจนที่แพร่ผ่ นผนงถุงลมเข้ ู่ ล ดเลื ดฝ ยจ กก ร ยใจเข้ จ เข้ ไปร มต กบ ีโมโกลบิน
ในเซลล์เม็ดเลื ดแดง ท ใ ้เลื ดมี ีแดง แล้ ไ ลไปต ม ล ดเลื ดด จ กป ดกลบเข้ ู่ ใจ ใจจ ูบฉีดเลื ด
ไปต ม ล ดเลื ดแดงใ ญ่ไปยง ่ นต่ งๆข งร่ งก ย ก๊ ซ กซิเจนจ ไปท ปฏิกิริย เผ ผล ญ ร รที่ ยู่
ภ ยในเซลล์ ใ ้ปล่ ยพลงง น กม เพื่ ที่ร่ งก ยจ ได้น ไปใช้ในกิจกรรมต่ งๆ ซึ่งปฏิกิริย เผ ผล ญ ร ร
นี้จ ใ ้ก๊ ซค ร์บ นได กไซด์ ก ู่เซลล์ด้ ย
ดงน้น ขณ ที่ก๊ ซ กซิเจนแพร่ผ่ นจ กเซลล์เม็ดเลื ดแดงเข้ ู่เซลล์ใน ่ นต่ งๆ ข งร่ งก ย
ก๊ ซค ร์บ นได กไซด์จ กเซลล์ต่ งๆเ ล่ นี้ก็จ แพร่เข้ ู่เซลล์เม็ดเลื ดแดงด้ ยเช่นเดีย กน เพื่ จ เข้ ู่ ล ด
เลื ดด กลบ ู่ ใจแล เข้ ไป ู่ป ดเพื่ ท ก รแลกเปลี่ยนก๊ ซต่ ไป

การ ร้างเ ริมและด้ารงประ ิทธิภาพการท้างานข งระบบ ายใจ


1. ยู่ใน ถ นที่ที่มี ก บริ ุทธิ์ ไม่ ยู่ใน ถ นที่ที่มีค มแ ด เพร จ ท ใ ้มีโ ก ติดเชื้ ในร บบ
ท งเดิน ยใจ เช่น ณโรค
2. เมื่ มีก รเปลี่ยนแปลงข ง ก ค รรก ค ม บ ุ่นข งร่ งก ย ยู่เ ม ไม่ต กน้ ค้ ง รื
ต กฝน เพร จจ ท ใ ้เป็น ดได้
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 10

3. ไม่ ูบบุ รี่ เนื่ งจ กบุ รี่เป็น เ ตุข งโรคร บบท งเดิน ยใจ ล ยๆโรค เช่น โรคถุงลมโป่งพ ง
โรค ล ดลม กเ บเรื้ รง แล โรคม เร็งป ด
4. ตร จ ุขภ พข งต เ ง ย่ ง ม่ เ ม โดยก รตร จ มรรถภ พในก รท ง นข งป ด
5. เมื่ ยู่ในบริเ ณที่มีฝุ่นล งม ก รื บริเ ณที่มีมลพิ ท ง ก ยู่ค รมี ุปกรณ์ปิดจมูก เช่น ผ้ ปิด
จมูก – ป ก รื เครื่ งกร ง ก
6. มเ ื้ ผ้ ใ ้ น เพื่ ใ ้ ค ม บ ุ่นแก่ร่ งก ย โดยเฉพ ป ด แต่งก ยใ ้ เ ม มกบ ภ พ
ก เ ม มกบฤดูก ล เพื่ ป้ งกนก รเป็น ด
7. ร งก รกร แทก ย่ งแรงกบ ย ก ร ยใจ ได้แก่ น้ ก แล ป ด
8. ลีกเลี่ยงก ร ยู่ใกล้ชิดกบผู้ป่ ยโรคท งเดิน ยใจ ไม่ใช้ ิ่งข งปนกบผู้ ื่น โดยเฉพ ย่ งยิ่งผู้ป่ ย
โรคท งเดิน ยใจ
9. ปิดป กแล จมูกเ ล ไ รื จ ม
10. ค รรบปร ท นผกแล ผลไม้ที่มี รแคโรทีน ยด์ เช่น ม เขื เท ม ล ก จ ลดค มเ ี่ยงก รเป็น
โรคม เร็งป ด รื ผลไม้ที่มี ิต มินซี เช่น ฝร่ง ้ม จ ช่ ย ร้ งภูมิต้ นท นโรคได้
11. กก ลงก ย ม่ เ ม จ ช่ ยใ ้กล้ มเนื้ ที่ท น้ ที่ ยใจแข็งแรงขึ้น ป ดขย ยได้เพิ่มขึ้น
ระบบไ ลเ ียนเลื ด (Circulatory system)
ร บบไ ลเ ี ย นเลื ด ท น้ ที่ ล เลี ย ง ร ร แก๊ กซิ เ จน ไป ู่ เ ซลล์ ต่ งๆแล น แก๊
ค ร์บ นได กไซด์แล ข งเ ียต่ งๆ กจ กเซลล์ รก มดุลข งร่ งก ย ค บคุม ุณ ภูมิข งร่ งก ย ต่ ู้
แล ป้ งกน ิ่งแปลกปล ม ร มท้งเชื้ โรคที่เข้ ู่ร่ งก ย ร บบไ ลเ ียนเลื ดปร ก บด้ ย ใจ เลื ด
ล ดเลื ด น้ เ ลื งแล ล ดน้ เ ลื ง

แ ล่งที่ม ข งภ พ : นง ื เรียนร ย ิช พื้นฐ น ุข ึก แล พล ึก ช้นมธยม ึก ปีที่ 5

งค์ประก บและ น้าที่ข งระบบไ ลเ ียนเลื ด ประก บด้ ย


1. เลื ด คื น้ เลี้ยงร่ งก ย ปร ก บด้ ยเม็ดเลื ด ร ่ิง ล่ เลี้ยงร่ งก ยแล ข งเ ียที่ร่ งก ย
ไม่ต้ งก ร ในร่ งก ยมนุ ย์มีเลื ด ยู่ปร ม ณร้ ยล 9 ข งน้ นกร่ งก ย รื ปร ม ณ 4,500-5,000 ลบ.ซม.
่ นประก บข งเลื ด เลื ดปร ก บขึ้นจ ก 2 ่ น คื น้ เลื ด (plasma) มี ยู่ 55% แล
เม็ดเลื ด (corpuscles) ซึ่งมี ยู่ 45%
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 11

(1) น้้าเลื ด (plasma) เป็น ่ นเ ล ข งเลื ด ีเ ลื ง ่ น ใ มีโปรตีน เกลื แร่ ก๊ ซต่ งๆ ร


ร์โมน แล รที่ฤทธิ์ต่ ต้ นเชื้ โรค ร มท้งข งเ ียที่ร่ งก ยไม่ต้ งก ร
(2) เม็ดเลื ด (corpuscles) เป็น ่ นข งแข็ง มี ยู่ด้ ยกน 3 ชนิด คื
ก. เม็ด เลื ดแดง (erythrocyte or R.B.C.) ในเม็ดเลื ดแดงมีลก ณ มีรู ปร่ งคล้ ยจ น ไม่มี
นิ เคลีย ซึ่งมีธ ตุเ ล็กแล ร ีโมโกลบิน (hemoglobin) รนี้มีคุณ มบติเมื่ ร มกบก๊ ซ กซิเจนจ ท ใ ้
เลื ดด กล ยเป็นเลื ดแดง (oxyhemoglobin) เม็ดเลื ดแดงถูก ร้ งขึ้นจ กไขกร ดูก (bone marrow) มี ยุ
ปร ม ณ 120 น มี น้ ที่ น ก๊ ซ กซิเจนจ กป ดไป ู่เซลล์ท ใ ้เลื ดมี ีแดงแล น ก๊ ซค ร์บ นได กไซด์
ม ู่ป ด
ข. เม็ดเลื ดขา (leukocytes or W.B.C.) เป็นเซลล์เม็ดเลื ดที่มีขน ดใ ญ่ มีนิ เคลีย แต่ไม่มี
ีโมโกลบิน เคลื่ นไ ได้โดย ิ ร ท น้ ที่ ต่ ู้เชื้ โรคแล ิ่งแปลกปล มที่เข้ ู่ร่ งก ย
ค. เกล็ดเลื ด (thrombocytes) เป็น ่ นปร ก บข งเลื ดที่ไม่ใช่เซลล์ มีขน ดเล็กม ก ไม่มี ี
ไม่มีนิ เคลีย มี น้ ที่ช่ ยท ใ ้เลื ดแข็งเป็นก้ นเร็ ขึ้น เนื่ งจ กมี รไฟบริโนเจน (fibrinogen)
น้าที่ข งเลื ด มีดงต่ ไปนี้
(1) น รที่ย่ ยแล ดูดซึมแล้ ท่ ร่ งก ยไปเลี้ยงเซลล์ท่ ร่ งก ย
(2) น ก๊ ซ กซิเจนจ กป ดไปเลี้ยงเซลล์แล รบค ร์บ นได กไซด์จ กเซลล์กลบไปฟ กที่ป ด
(3) น ข งเ ียไป ู่ ย ที่ท ก รถ่ ยเท เช่น ป ด ไต แล ผิ นง
(4) ช่ ยรก ร ดบค มร้ นข งร่ งก ย
(5) ช่ ยน ร์โมนไป ู่ ย เพื่ กร ตุ้นใ ้ ย ท ง นปกติ
(6) ท ใ ้ร่ งก ย ดชื่น แล มี น จต่ ู้ป้ งกนเชื้ โรค
2. ั ใจ (heart) ใจเป็น ย ที่ปร ก บด้ ยกล้ มเนื้ ที่ ยู่น ก น จก รค บคุมข งจิตใจ
ภ ยในเป็นโพรง รูปร่ งเ มื นด กบ ตูมโตมีขน ดเท่ ก ปั้นข งผู้เป็นเจ้ ข ง นกปร ม ณ 150–300 กรม
ต้ง ยู่ในช่ ง กเยื้ งม ท งซ้ ยแล ยู่ตรงร ่ งป ดท้ง งข้ ง ใจมีเยื่ ุ้มภ ยน ก เรียก ่ “เยื่ ุ้ม
ใจ” ภ ยในแบ่งเป็น 2 ซีก คื ซีกซ้ ยกบซีกข ซีกซ้ ยเก็บเลื ดแดง ่ นซีกข เก็บเลื ดด ใจแต่ล ซีก
มี 2 ้ ง ้ งบนแล ้ งล่ งมีรูติดต่ กนที่รูมีลิ้นเปิดปิดใ ้เลื ดไ ลลง ู่ ้ งล่ ง
3. ล ดเลื ด (Blood vessels) แบ่ง กเป็น 3 ชนิด ได้แก่ ล ดเลื ดแดง ล ดเลื ดด แล
ล ดเลื ดฝ ย
(1) ล ดเลื ดแดง (arteries) คื ล ดเลื ดที่น เลื ดจ ก ใจไปเลี้ยง ่ นต่ งๆ ข งร่ งก ย
ลก ณ เป็นกล้ มเนื้ เ นีย ยืดแล ดต ได้ม กไม่แฟบเ ล ไม่มีเลื ดแล ไม่มีลิ้นต้งต้น กจ ก ใจที่ ้ งล่ ง
ซ้ ยด้ ย ล ดเลื ดแดงใ ญ่ที่ ุด (aorta) แล้ แตกแขนง กเล็กลงทุกทีแล ไป ุดเ ที่ ล ดเลื ดฝ ย
(2) ล ดเลื ดด้า (veins) คื ล ดเลื ดที่น เลื ดจ กเนื้ เยื่ ท่ ร่ งก ยเข้ ู่ ล ดเลื ดด ฝ ย
แล้ ่งม ยง ล ดเลื ดด ล ดเลื ดด ใ ญ่แล เข้ ู่ ใจ ้ งบนข ล ดเลื ดด มีผนงบ งก ่ ล ด
เลื ดแดง
(3) ล ดเลื ดฝ ย (capillary) เป็น ล ดเลื ดที่เชื่ มต่ ร ่ ง ล ดเลื ดแดงแล ล ดเลื ดด
นเป็นร่ งแ แทรก ยู่ต มเนื้ เยื่ ต่ งๆ ข งร่ งก ยเป็น ล ดเลื ดที่ มีขน ดเล็กม ก มี น้ ที่น เลื ดจ ก
ล ดเลื ดแดงไปยงเซลล์ เป็นแ ล่งที่มีก รแลกเปลี่ยนแก๊ แล รต่ งๆ ร ่ งเลื ดกบเซลล์
4. น้้ า เ ลื งและ ล ดน้้ า เ ลื ง (Lymph and Lymphatic vessel) รต่ งๆในเซลล์ จ ถู ก
ล เลียงกลบเข้ ู่ ล ดเลื ดด้ ยร บบน้ เ ลื งโดย มพนธ์กบก รไ ลข งเลื ดใน ล ดเลื ดฝ ย ท น้ ที่น
น้ แล โปรตีนกลบเข้ ู่เลื ด ตล ดท งข ง ล ดน้ เ ลื งจ มีต่ มน้ เ ลื ง ยู่ขน บข้ งซึ่งต่ มน้ เ ลื งจ
เป็นที่ผลิตเม็ดเลื ดข แล กกเก็บ ตถุแปลกปล มที่เข้ ู่กร แ น้ เ ลื ง ีกท้งช่ ยป้ งกน นตร ยใ ้แก่
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 12

ร่ งก ย น กจ กนี้ก รไ ลเ ียนข งน้ เ ลื งจ ช่ ยล เลียง ร รกลบ ู่ร บบไ ลเ ียนเลื ด ร มท้งก ร


ถ่ ยเทข งเ ล แล โปรตีน ่ นเกินที่ได้รบจ ก ล ดเลื ดฝ ย กจ กเนื้ เยื่ ต่ งๆ

กระบวนกำรไ ลเวียนเลือดผ่ำน ัวใจ

1. ั ใจ ้ งบนข า (right atrium) 3. ั ใจ ้ งบนซ้าย (left atrium)


รบเลื ดด รื เลื ดเ ียจ กทุก ่ นข งร่ งก ย รบเลื ดแดงจ กป ดแล เปิดเข้ ู่
ล ดเลื ดด ขน ดใ ญ่ชื่ ใจ ้ งล่ งซ้ ย ผ่ นลิ้นไบคั ปิด
ซุพีเรีย เ นาคา า ซึ่งน เลื ดใช้แล้ ซึ่งก้นร ่ ง ใจ ้ งบนแล ้ งล่ ง
ที่ม จ ก ีร แล แขน แล รบเลื ดจ ก
ล ดเลื ดด ขน ดใ ญ่ ชื่
ินฟีเรีย เ นาคา า ซึ่งน เลื ดใช้แล้ ที่ม
จ กล ต แล ข เข้ ู่ ใจ เมื่ ใจ ้ ง
บนข บีบต เลื ดจ เข้ ู่ ้ งล่ งข โดยผ่ น
ลิ้นไตรคั พิด

4. ั ใจ ้ งล่างซ้าย (left venticle)


รบเลื ดแดงจ ก ้ งบนซ้ ย ่งไปเลี้ยง ่ น
ต่ งๆข งร่ งก ย มีผนง น ม กที่ ุด
2. ั ใจ ้ งล่างข า (right venticle) รบเลื ดด จ ก ใจ ้ งบนข เมื่ ้ งล่ งซ้ ยบีบต ดนเลื ดใ ้ไ ลผ่ น
แล้ ่งเลื ดไปฟ กที่ป ด เมื่ ้ งล่ งข บีบต เลื ดจ ผ่ นลิ้นพัลโม ลิ้นเ ร์ติก เซมิลูนาร์ เข้ ู่ ล ดเลื ดแดง
นารี เซมิลูนาร์ ซึ่งเปิดเข้ ู่ ล ดเลื ดแดงชื่ พัลโมนารี (pulmonary เ ร์ตา (aorta) จ มี ล ดเลื ดแดงแตก
artery) ล ดเลื ดนี้จ น เลื ดไปยงป ดเพื่ แลกเปลี่ยนก๊ ซ โดยปล่ ย แขนงแยกน เลื ดดีไปเลี้ยง ่ นต่ งๆข ง
ก๊ ซค ร์บ นไดร์ กไซด์ แล รบก๊ ซ กซิเจน เลื ดที่มีก๊ ซ กซิเจน ร่ งก ยต่ ไป
ูงนี้จ ไ ลกลบ ู่ ใจท ง ล ดเลื ดด้าชื่ พัลโมนารี (pulmonary
vein) เข้ ู่ ใจ ้ งบนซ้ ย

การ ร้างเ ริมและด้ารงประ ิทธิภาพการท้างานข งระบบไ ลเ ียนเลื ด


1. เลื กรบปร ท น รที่มีปร โยชน์ต่ ร่ งก ย โดย รเ ล่ นี้จ ช่ ยบ รุงร บบไ ลเ ียนเลื ด
โดยตรง
- ิตามิน บี3 เป็น ิต มินที่ร่ งก ยจ ข ดไม่ได้ เพร มี ่ นช่ ยรก มดุลข งร บบย่ ย
รใ ้ท ง น ย่ งมีปร ิทธิภ พ ช่ ยป้ งกนก รแข็งต ข ง ล ดเลื ด ลดไขมน มี ่ นช่ ยใ ้ ก รโรค ืด
ดีขึ้น ิต มิน บี3 พบม กในปล ไข่ นม ลูกพรุน โ ค โด ธญพืช เครื่ งใน ต ์ เนื้ ต ์ ปล ทูน่ ถ่
- ิตามิน บี6 เป็น ิต มินที่ท น้ ที่ล เลียง กซิเจนเข้ ู่กร แ เลื ด ร้ งแล ล ยโปรตีน
ซ่ มแซม ร้ งเ ริมเนื้ เยื่ ต่ งๆ ิต มินบี6 พบม กในปล แซลม น กล้ ย เนย ถ่ กร เทียม ง ตบ โ
ค โด ปล ทูน่ เมล็ดท นต น เป็นต้น
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 13

- ิตามิน บี12 เป็น ิต มินที่มี ่ นในก รผลิตเม็ดเลื ดแดง บ รุงเซลล์แล เ ้นปร ทใน
ร่ งก ย ติ มินบี12 พบม กใน ไข่แดง เนื้ ปู นมผงพร่ งมนเนย ปล แซลม น เนื้ เป็ด ปล มึกกล้ ย
เป็นต้น
- ิตามิน ซี เป็น ิต มินที่ท น้ ที่ช่ ยต้ น นุมูล ิ ร เ ริม ร้ งภูมิคุ้มกนโรค ท ใ ้แผล ย
เร็ รก โรคเลื ด กต มไรฟัน แล ช่ ยต่ ต้ นก รติดเชื้ ต่ งๆ ิต มินซี พบม กในผลไม้ที่มีร เปรี้ย ได้แก่
ม น ้ม ฝร่ง แคนต ลูป กี ี่ งุ่น ม เขื เท บล็ กโคลี ตร เบ รี่ แบล็กเบ ร์รี่ เช รี่ แล ผกใบเขีย ทุกชนิด
- ิตามิน ี เป็น ิต มินที่มี รต้ น นุมูล ิ ร ซึ่งเป็น เ ตุข งโรคม เร็ง ใจ มีฤทธิ์ต้ น
ก ร กเ บ แล ร้ งภูมิคุ้มกนโรค ิต มิน ี พบม กในม ม่ ง ม ล ก น้ มนถ่ เ ลื ง น้ มนม ก ก
ผกใบเขีย กี ี บล็ กโคลี ถ่ น้ มนพืช แคร ท ก ล่ ปลี เป็นต้น
- ิตามิน เค เป็น ิต มินที่ท น้ ที่ช่ ยบ รุงกร ดูกแล ฟันใ ้แข็งแรง ท ใ ้เลื ดแข็งต ช่ ย
ลดค มเ ี่ ย งในก รตกเลื ดข ง ตรี มี ค รรภ์ มี ป ร โยชน์ ต่ ผู้ ญิ ง ที่ มี ป ร จ เดื นม ม กผิ ด ปกติ
ิต มินเค พบม กใน ตร เบ ร์รี ม เขื เท น่ ไม้ฝร่ง ถ่ เขีย ผกโขม เนื้ มู โยเกิร์ต ก ล่ ด ก ก ล่ ปลี
ถ่ นม ด น้ มนถ่ เ ลื ง ถ่ เ ลื ง เป็นต้น
- ธาตุเ ล็ก ท น้ ที่ ร้ ง ี โมโกลบินในเลื ดท ใ ้มี ีแดง รก โรคเลื ดจ ง กร่ งก ย
ได้ ร บ ธ ตุ เ ล็ ก ไม่ เ พี ย งพ จท ใ ้ ก ร ยใจผิ ด จง ธ ตุ เ ล็ ก พบม กในลู ก พรุ น ตร เบ ร์ รี
ปล แซลม น ถ่ ลนเต ง ร่ ยท เล ตบไก่ ลูกเกด ยก บ น่ ไม้ฝร่ง เต้ ู้ ม เขื เท บล็ กโคลี
ก ล่ ด ก ข้ ซ้ มมื เป็นต้น
- โพแท เซียม ท น้ ที่ใ ้เ ้นปร ทแล กล้ มเนื้ ท ง นเป็นปกติ ลดค มดนเลื ด ูง
ท ใ ้โรค ใจมี ก รดีขึ้น ลดค มเ ี่ยงโรค ล ดเลื ดใน ม ง ลดค มเ ี่ยงโรคก้ นนิ่ ในไต โพแท เซียม
พบม กในไ น์แดง ลูกเกด เ ร ถ่ ลิ ง พริก นแดง กร เทียม โ ค โด มนฝร่ง ปล ทูน่ เมล็ดท นต น
ผกชีฝร่ง กล้ ย เป็นต้น
2. กก ลงก ย ย่ ง ม่ เ ม แล ใ ้เ ม มกบ ย ซึ่งจ ท ใ ้ก รท ง นข ง ใจดีขึ้นแล แข็งแรง
กก ลงก ยเป็นปร จ ม่ เ ม ก ร กก ลงก ยพ ดี ๆ เช่น ก รเดิน ขี่จกรย น ยู่กบที่จ ช่ ยกร ตุ้นก ร
ท ง นข งเ ็นเคเซลล์ในร่ งก ย แล กร ตุ้นก ร ร้ งเ ็นด ร์ฟิน กม ซึ่งช่ ยก จดเชื้ โรคได้
3. พกผ่ นใ ้เพียงพ กบ ยแล ภ พร่ งก ย ก รน น ลบพกผ่ นใ ้ บ ย ย่ งเพียงพ ม่ เ ม ใน
แต่ล น ก ร ลบ บ ยเป็น ิธีที่ดีที่ ุดในก ร ร้ งร บบภูมิคุ้มกนข งร่ งก ยขึ้นม ใ ม่
4. ท จิตใจใ ้ร่ เริงแจ่มใ ยู่เ ม ปรบปรุงภ พลก ณ์ด้ นก รแ ดง กท ง รมณ์ที่ดี ร้ งท นคติ
ม งโลกในแง่ดี ่ งใย ไ ้ใจ แล เ ใจใ ่คน ื่น มี ่ นช่ ยเ ลื ตด ินใจท บ ง ิ่งบ ง ย่ งท่ ดีเพื่ คน ื่น
ก็จ ช่ ยเ ริมร บบภูมิคุ้มกนใ ้มี ุขภ พดีได้
5. เรียนรู้ที่จ จดก รกบค มเครียดข งตนเ ง ย่ ท ใ ้ต เ งเคร่งเครียดจนเกินไป เพร ค มเครียด
จ ่งผลกร ทบใ ้ร บบต่ งๆท ง นผิดปกติได้ ดงน้นจึงค รรู้จกแบ่งเ ล ใ ้ตนเ งในก รท กิจกรรมที่ช่ ยผ่ น
คล ยค มตึงเครียด ใ ้มีค ม ุขแล นุก น น
6. เลิ ก เ พ รทุ ก ชนิ ด ที่ ล ดปร ิ ท ธิ ภ พแล ท ล ยร บบภู มิ คุ้ ม กนข งร่ งก ย น่ น คื นิ โ คติ น
แ ลก ล์ ก แฟ แล เครื่ งดื่ม ื่น ๆ ที่มีค เฟ ีน แล รเ พติดทุกชนิด
7. ม่นตร จ บ ุขภ พตนเ ง โดยไปพบแพทย์เพื่ ตร จร่ งก ยทุกปี
8. ฉีด คซีนป้ งกนโรคแล ใ ้แพทย์ตร จร ดบลิมโพไซท์ เพื่ ใ ้รู้ ่ มน ยู่ที่ร ดบเท่ ไร แล พย ย ม
รก มนใ ้ ยู่ในร ดบปกติ
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 14

แ ล่ง ้าง ิง
กร ทร ง ึก ธิก ร. ุข ึก าและพล ึก า นัง ื เรียนราย ิชาพื้นฐาน ชั้นมัธยม ึก าปีที่ 4. พิมพ์
คร้งที่ 4 กรุงเทพ : ก ค. ล ดพร้ , 2557.
กร ทร ง ึก ธิก ร. ขุ ึก าและพล ึก า นัง ื เรียนราย ิชาพื้นฐาน ชั้นมัธยม ึก าปีที่ 5.
กรุงเทพ : ก ค. ล ดพร้ , 2554.
พร ุข ่นุ นิรนดร์ แล คณ . นัง ื เรียน ุข ึก า ชั้นมัธยม ึก าปีที่ 5. กรุงเทพ : ก รเจริญท น์ จท,
(ม.ป.ป.).
ม ม ย แตง กุลแล คณ . ุข ึก าและพล ึก า2 ม.4-6. กรุงเทพ : ฒน พ นิช, (ม.ป.ป.).
เ บ็ ไซต์

https://www.thaigoodview.com
https://www.school.obec.go.th
https://www.wikipedia.org
https://www.panpathai.or.th
https://www.nookjung.com
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 15

น่ ยการเรียนรู้ที่ 2
การ างแผนดูแล ุขภาพข งตนเ งและคร บครั
ค าม ้าคัญข งการ างแผนดูแล ุขภาพบุคคลตาม ัย
คร บคร เป็น น่ ยเล็กๆข ง งคมที่ คญม ก เพร ถ้ คร บคร
บ ุ่น มีค มเป็น ยู่ที่ดี ทุกคนในคร บคร มี ุขภ พดี ก็จ ่งผลใ ้ งคม
เป็ น ุ ข ดงน้ น บุ ค คลในคร บคร จึ ง ค รมี ก ร งแผนดู แ ล ุ ข ภ พใ ้
คร บคลุมบุคคลทุก ย
ก ร งดูแล ุขภ พบุคคลในแต่ล ยเป็น ิ่ง คญยิ่งข งชี ิ ต เพร
ชี ิตแต่ล ช่ ง ย จ มีก รเปลี่ยนแปลงข ง ย ทุก ่ นในร่ งก ย ชี ิต
ต้ งผจญ ยู่กบ ิ่งแ ดล้ มต่ ง ๆ ที่มีผลต่ ุขภ พที่ก่ ใ ้เกิดโรคภยต่ ง ๆ
กเร ปล่ ยปล ล เลยไม่เ ใจใ ่ดูแล ุขภ พใ ้ดี ก็จ มีผลใ ้ ุขภ พทรุด
โทรมก่ นเ ล นค ร แล ในแต่ล ช่ ง ยข งชี ิต จ ต้ งพบแล เ ี่ยงกบภย นตร ยต่ งๆ ที่ จเกิดขึ้นไม่ ่ จ
เป็น ุบติเ ตุ รื ภย ื่นๆ ก รได้ งแผนดูแลแล ป้ งกนไ ้ก่ น ย่ งเ ม ม จ ช่ ยใ ้ชี ิตแต่ล ช่ ง ยผ่ น
พ้นไปได้ ย่ งปกติ ุข
ในก ร งแผนดูแล ุขภ พข งบุคคลต ม ยน้นจ มีค มแตกต่ งกนในแต่ล ช่ ง ย คื ใน ยเด็กผู้ที่
จ ต้ งเฝ้ ร งดูแลที่ คญ คื พ่ แม่ ผู้ปกคร ง รื พี่เลี้ยง ่ นใน ยรุ่นแล ใน ยผู้ใ ญ่คงจ ต้ งรบผิดช บ
ดูแลต เ งแต่ใน ยผู้ ูง ยุน้นจ ต้ งร่ มมื กนร ่ งต ผู้ ูง ยุเ งแล บุตร ล น รื คนในคร บคร ที่
จ ต้ งช่ ยกนดูแลใ ้ผู้ ูง ยุคงไ ้ซึ่ง ุขภ พที่ค รจ เป็นไม่เจ็บป่ ย รื ต ยก่ น ย น มค ร

ค าม มายข งการ างแผนดูแล ุขภาพบุคคลตาม ัย


ก ร งแผนดูแล ุขภ พ ม ยถึง กร บ นก รข งก รก นด ิถีท ง รื ก รตด ินใจเลื กรูปแบบใน
ก รดูแล ุขภ พต มที่ต้ งก ร ร มถึงก รก นดแน ท งในก รปฏิบติเพื่ ่งผลใ ้บุคคลในคร บคร เช่น พ่
แม่ รื ม ชิกในคร บคร ทุกคนมี ุขภ ที่ มบูรณ์ท้งร่ งก ย จิตใจ รมณ์ แล งคม
ก ร งแผนดูแล ุขภ พท้งข งตนเ งแล บุคคลในคร บคร จึงเป็นเรื่ งที่ค รใ ้ค ม คญ เพร
น กจ กจ ช่ ยกร ตุ้นใ ้เกิดค มกร ตื รื ร้นในก รดูแ ล ุขภ พแล้ ยงช่ ยใ ้เกิด มพนธภ พ นดีร ่ ง
ม ชิกในคร บคร นจ น ไป ู่ก รมีคุณภ พชี ิตที่ดีใน น คต
การดูแล ุขภาพข งบุคคลแต่ละ ัยในคร บครั
ก รเจริญเติบโตแล พฒน ก รท งร่ งก ยแล จิตใจเป็นกร บ นก รที่เกิดขึ้นค บคู่กนข งร่ งก ย เริ่ม
ต้งแต่ชี ิตปฏิ นธิในครรภ์ม รด คล ด กม เป็นท รก แล้ เจริญเติบโต ู่ ยเด็ก ยรุ่น ยผู้ใ ญ่ จนเข้ ู่ ย
ูง ยุ ซึ่งก รดูแล ุขภ พบุคคลจ ต่ งกนไปในแต่ล ย ดงน้นก รดูแล ุขภ พข งบุคคลในคร บคร
จึงเป็นเรื่ งล เ ียด ่ นที่ต้ งท ค มเข้ ใจท้งท ง ุขภ พก ยแล ุขภ พจิต
บุคคลแต่ล ยมีพฒน ก รท งร่ งก ยแล รมณ์ที่แตกต่ งกน ดงนี้
1. ัยทารกและ ัย เด็ ก เป็ น ยที่พ่ แม่แล ผู้ ใ ญ่ในคร บคร จ ใ ้ ก รดู แลจดก ร งแผน
ร มถึงก รปลูกฝังใ ้มี ุขนิ ยในก รดูแล ุขภ พข งตนเ ง โดยปฏิบติต ม ุขบญญติแ ่งช ติ 10 ปร ก ร จน
เป็นนิ ยเพื่ ใ ้มี ภ ก รเจริญเติบโตที่เ ม มกบ ย
2. ัยรุ่น ยุต้งแต่ 13 ถึง 20 ปี เป็นช่ งข งก รเปลี่ยนแปลงท งร่ งก ย รมณ์ แล พฤติกรรม
ย่ งร ดเร็ เป็นช่ งต่ ร ่ ง ยเด็กแล ยผู้ใ ญ่ ซึ่งถื ่ เป็นช่ งเ ล ที่มีค ม คญที่จ ร้ งเ ริม ุขภ พ
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 16

แล รู้ทก ต่ งๆที่จ เป็นต่ ก รด รงชี ิต ยู่ใน งคม ปลูกฝังแบบแผนก รด เนินชี ิตด้ นก รดูแล ุขภ พที่
เ ม มเพื่ ที่จ ได้เติบโตเป็นผู้ใ ญ่ ย่ งมีคุณภ พ แล มี ุขภ พ มบูรณ์แข็งแรง
3. ัยผู้ใ ญ่ จแบ่งย่ ย กเป็น 2 ช่ งคื ยผู้ใ ญ่ต นต้น ต้งแต่ ยุ 20 ถึง 40 ปี แล ย
กล งคน คื ช่ ง ยุ 40-60 ปี บุคคลใน ยผู้ใ ญ่ต นต้นมีพฒน ก รท งร่ งก ย ย่ งเต็มที่ท้งเพ ญิงแล เพ
ช ย ใน ยผู้ใ ญ่ต นต้นนี้เป็น ยท ง นแล ร้ งคร บคร เมื่ ยุย่ งเข้ ู่ ยกล งคน คื ต้งแต่ ยุ 40 ปีขึ้น
ไป จ มีก รเปลี่ ยนแปลงไปในท งที่เ ื่ มถ ยลง บุคคลที่ ยู่ใน ยผู้ ใ ญ่จึงต้ งมีก รดูแลที่เ ม ม เพื่ ใ ้
ร่ งก ยด รงปร ิทธิภ พที่ดีไ ้แล ป้ งกนก รเกิดโรคที่เกิดจ กค มเ ื่ มข ง ย ต่ งๆในร่ งก ย
4. ัย ูง ายุ มี ยุต้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ย ทุกร บบในร่ งก ยเ ื่ มถ ยต ม ย ปัญ ท งก ยที่
พบบ่ ยในผู้ ูง ยุ ปร ก บด้ ย ก รเคลื่ นไ ไม่คล่ งต แล ก รกล้นปั ไม่ค่ ยได้ ข้ กร ดูกเ ื่ ม
ท้ งผูก ต เป็นต้ กร จก ูตึง แล น นไม่ ลบ ก รดูแล ุขภ พในช่ ง ยก่ นถึง ยผู้ ูง ยุ แล ยผู้ ูง ย จ
ช่ ยลดปัญ ดงกล่ ได้ แล ่งผลใ ้เกิดผลดีต่ ุขภ พก ย ุขภ พจิต แล คุณภ พชี ิตข งผู้ ูง ยุ ิ่งที่บุตร
ล น ม รถช่ ยดูแลเรื่ ง ุขภ พก ย ท ได้โดยก รพ ญ ติผู้ใ ญ่ไปตร จ ุขภ พปร จ ปี ก รดูแล ร
ก รกิน ก รจด ิ่งแ ดล้ มภ ยในบ้ นใ ้ปล ดภยต่ ก รด เนินชี ิตปร จ น
เมื่ เข้ ู่ ยผู้ใ ญ่แม้ ่ ร่ งก ยจ ยงแข็งแรง ยู่ ก็ต้ งมีก ร งแผนดูแล ุขภ พ ่ น ย ูง ยุต้ ง
งแผนดูแลเป็นพิเ ก ร งแผนดงกล่ เป็น น้ ที่ข งท้งผู้ใ ญ่แล ลูก ล นที่จ ใ ้ค มเ ใจใ ่ดูแล ดงนี้
- การ ังเกตค ามผิดปกติข งร่างกาย เมื่ ถึง ยผู้ใ ญ่ร่ งก ยจ ยุดก รเจริญเติบโต เมื่ ยุม ก
ขึ้น ย จ เ ื่ มลงเรื่ ยๆ โรคภยไข้เจ็บจ เกิดขึ้น มีท้งโรคที่เกิดจ กค มเ ื่ มข ง งข ร แล โรคที่เกิดจ ก
เชื้ โรค ดงน้นจึงค ร ม่น งเกตค มผิดปกติข งร่ งก ย กพบ ่ มีค มผิดปกติเกิดขึ้นกบตน รื เ ็นคนใน
คร บคร มี ก รผิดปกติ ค รรีบปรึก แพทย์
- การดูแล ุขภาพ ่ นบุคคล เป็นก รดูแล ย ต่ งๆ เช่น ผิ นง ป ก ฟัน ู ต จมูก ผม มื
เท้ แขน ข เป็นต้น ใ ้มีค ม ดเป็น คญ ถ้ มีค มผิดปกติค รรีบปรึก แพทย์
- างแผนเฝ้าระ ังโรคภัย ผู้ใ ญ่แล ผู้ ูง ยุมกมีภ เ ี่ยงต่ ก รเกิดโรคต่ งๆ ยิ่ง ยุม กก็ยิ่ง
เ ี่ยงม ก เพร ค มเ ื่ มข ง งข ร แล ค มต้ นท นโรคน้ ยลง โรคที่ ยผู้ใ ญ่ แล ย ูง ยุเป็นกนม ก
แล ค ร งแผนเฝ้ ร ง ได้แก่ โรคม เร็งต ม ่ นต่ งๆข งร่ งก ย โรค ใจข ดเลื ด โรคเบ น โรคค ม
ดนเลื ด ูง โรคไ ร ตบ กเ บ โรคเก ต์ ข้ เ ื่ ม
จ กแน คิดข ง ุขภ พแบบ งค์ร มท ใ ้เ ็น ่ ก รมี ุขภ พที่ดีน้นไม่ได้เกิดขึ้นเฉพ ตนเ งเพียง ย่ ง
เดีย แต่จ ต้ งเกิดขึ้นไปพร้ มๆกน ท้ง ุขภ พข งตนเ ง แล คร บคร ซึ่ง ม ชิกในคร บคร ต้ งร่ มมื กน
งแผน เพื่ ก นดแน ท งก รปฏิบติใ ้บรรลุเป้ ม ยด้ น ุขภ พที่ งไ ้

กระบ นการในการดูแล ุขภาพข งตนเ งและคร บครั


ก รดู แล ุ ขภ พตนเ งแล คร บคร จ ต้ งร มไปถึง ก ร ร้ งเ ริ ม ุ ข ภ พ ก รป้ งกนโรค ก ร
รก พย บ ลแล ร มถึงก รฟื้นฟู มรรถภ พข งร่ งก ยแล จิตใจด้ ย ผู้ที่มี ุขภ พที่ดี รื ยู่ในภ เ ี่ยงจ
เน้นก ร ร้ งเ ริม ุขภ พแล ป้ งกนโรคโดยใช้แน ท ง ธ รณ ุขมูลฐ นเป็น ลก ่ นผู้ที่ ยู่ในภ ที่ร่ งก ย
่ นแ รื ยู่ใน ภ พเจ็บป่ ย จ ต้ งมีก รรก พย บ ลข้นต้น แล เมื่ ยจ กโรคก็จ ต้ งฟื้นฟูร่ งก ย
เพื่ ใ ้แข็งแรง มบูรณ์ขึ้นด้ ย ซึ่งกร บ นก รก รดูแล ุขภ พ มีดงต่ ไปนี้
1. การประเมินปัญ า
พิจ รณ ปร เมิน “ ภ ข ง ุขภ พ” โดยตนเ งเป็นคนปร เมินตนเ งแล คร บคร ข งตนเ ง ่
ยู่ในกลุ่มใด ยู่ในกลุ่มที่มี ุ ขภ พดี รื ยู่ในกลุ่มเ ี่ยง โดย ม รถปร เมิน ุขภ พได้ท้งจ กลก ณ ข ง
ร่ งก ย แล ลก ณ ข ง ิ่งแ ดล้ ม
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 17

2. การ ิเคราะ ์ปัญ า


เมื่ ตนเ งทร บ ภ ข งร่ งก ยก็น เ ปัญ น้นๆ ม ิเคร ์ ่ เกิดขึ้นจ ก เ ตุใด เช่น
พฤติกรรมก รกิน รที่ จท ใ ้ร่ งก ย ้ นเกินไป เกิด ภ น้ ต ลในเลื ด ูง ร่ มกบข ดก ร กก ลง
ก ยก็น พฤติกรรมน้นม ิเคร ์ ่ ท ไมจึง ้ น รื ืบ ค มเป็นม จ กพนธุกรรม เป็นต้น
3. การ างแผนในการแก้ปัญ า
เป็นกร บ นก รในก ร ร้ งเ ริม ุขภ พข งตนเ งแล คร บคร โดย ิธีแก้ปัญ ที่ดีที่เ ม ม
่ จ ดูแล ุขภ พข งตนเ งแล คร บคร ย่ งไรจึงจ มี ุขภ พดี ซึ่งกร บ นก รแก้ปัญ นี้เป็นก ร งแผน
เพื่ น คต โดยที่เร รู้ต เร เ งแล คร บคร ่ จ ต้ งแก้ปัญ ใ ้ลุล่ งไปในท งที่ดีได้ โดยปรบใ ้เ ม ม
กบ ภ พจริง
4. การลงมื ปฏิบัติตามแผนที่ างไ ้
ก รลงมื ปฏิบติใ ้บ รรลุจุ ดมุ่ง ม ยน้นจ ต้ งมีก ร งแผน โดยน เ แผนที่ งไ ้ม ปฏิบติใ ้
ดคล้ งกบ ิถีชี ิตข งเร แล คร บคร เช่น ก รใช้ ิธีคล ยค มเครียดด้ ยก รน ด ก รพกผ่ นในกิจกรรมที่
ดคล้ งกบ ุขภ พแผนที่ งไ ้ ก รรบปร ท น รแล กก ลงก ยที่ถูกต้ ง เ ม ม
เป็นต้น
5. การประเมินผล
เป็ น กร บ นก ร ุ ดท้ ยข งทุกๆกิจกรรม เพื่ จ ได้ทร บผลที่เร ได้ปฏิบติต มแผนแล้ เกิดผล
ย่ งไร ปร บค ม เร็จม กน้ ยเพียงใด เพื่ จ ได้น ผลก รปร เมินม ปรบปรุงพฒน ในก รด เนินก รต่ ไป
คื ถ้ ดีก็ด เนินก รต่ ไปแล พฒน ใ ้ดียิ่งขึ้น แต่ถ้ ไม่ดีก็ต้ งปรบปรุงแก้ไขเพื่ จ ได้บรรลุจุดมุ่ง ม ยที่ ง
เ ไ้

ธิ ีการ างแผนดูแล ุขภาพข งตนเ งและบุคคลในคร บครั


ก ร งแผนดูแล ุขภ พ ค รใ ้ค ม คญกบเรื่ งต่ งๆ ดงนี้
1. การ างแผนในการเลื กรับประทาน า าร
รเป็ น ปั จ จยพื้ น ฐ นที่ ท ใ ้ ค นเร มี ชี ิ ต ยู่ ไ ด้ กเร รบปร ท น รที่ ดี มี คุ ณ ค่ แล
รบปร ท นในปริม ณที่เ ม มกบค มต้ งก รข งร่ งก ย ก็จ ก่ ใ ้เกิดปร โยชน์ ย่ งยิ่งต่ ชี ิตแต่ในท ง
ตรงกนข้ ม กเร รบปร ท น รที่ไม่มีปร โยชน์มี รพิ รื รบปร ท น รไม่เ ม มกบค ม
ต้ งก รข งร่ งก ย รที่เร รบปร ท นเข้ ไปก็ จจ ไปก่ ใ ้เกิดพิ ภย เกิดโรคต่ ง ๆ ได้ม กม ย เช่น
เกิดโรค ้ นจ กก รรบปร ท น รม กเกินไป โรค ใจข ดเลื ด โรคเ ้นเลื ดใน ม งตีบ นเป็นผลจ ก
ก รรบปร ท น รที่มีไขมนม ก ยู่ เ ม ดงน้นก รดูแลต เ งแล บุคคลในคร บคร ใ ้ ได้ รที่ดีมี
คุณภ พ จึงเป็น ิ่ง คญยิ่ง รบทุกคน
การ างแผนดูแลการรับประทาน า ารข งบุคคล ัยเด็กและ ัยรุ่น
ยเด็กแล ยรุ่นเป็น ยที่ร่ งก ยก ลงมีก รเจริญเติบโต น้ ที่ข งพ่ แม่ค รจด ร แล ร้ ง
เ ริม ุขนิ ยในก รรบปร ท น รใ ้กบบุตร ล น ดงนี้
1. ึก ค มรู้เกี่ย กบ รที่เ ม ม รบบุคคลแต่ล ย
2. จดเตรียม รใ ้เ ม มกบ ย ท้งด้ นคุณค่ ร ร ปริม ณ ชนิด ลก ณ ร
3. ค รฝึก ุขนิ ยในก รรบปร ท น รต้งแต่เด็ก ใ ้เด็กเป็นคนที่ไม่รบปร ท น รจุกจิก
ไม่รบปร ท น รที่ไม่มีปร โยชน์ ฝึกใ ้รบปร ท น รเป็นเ ล รบปร ท น รแต่พ ิ่ม
เคี้ย รใ ้ล เ ียด
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 18

การ างแผนดูแลการรับประทาน า ารข งบุคคล ัยผู้ใ ญ่และ ัย ูง ายุ


รจ ช่ ยใ ้บุคคล ยผู้ใ ญ่แล ย ูง ยุด รงชี ิต ยู่ได้ ย่ งปกติ ซึ่งค ร งแผนดูแลในเรื่ งก ร
รบปร ท น ร ดงนี้
1. ในแต่ล นค รรบปร ท น รใ ้ครบ 5 มู่ ในปริม ณที่เพียงพ ต่ ค มต้ งก รข งร่ งก ย
โดยค นึงถึงค มแตกต่ งในก รใช้พลงง นข งแต่ล บุคคลด้ ย ่ ใช้พลงง นม กน้ ยเพียงใด
2. ลดแล ลีกเลี่ยง รที่ท ใ ้เกิดโรค เช่น รที่มีไขมน ูง รปร เภท มกด ง ร
ปร เภทปิ้ง ย่ ง รมค น รที่ปนเปื้ น รพิ ต่ งๆ รที่ปรุงไม่ ุก เป็นต้น
3. รบปร ท นผกแล ผลไม้เป็นปร จ ในปริม ณ รที่รบปร ท นในแต่ล นค รมี ด ่ นครึ่ง นึ่ง
ข ง รที่เป็นผกแล ผลไม้
4. รบปร ท น รใ ้เป็นเ ล ไม่ค รรบปร ท น รจุกจิก เพร จ ท ใ ้เป็นโรค ้ น
ก รรบปร ท น รไม่เป็นเ ล จ ท ใ ้เป็นแผลในกร เพ รได้

ปริมาณข ง า ารที่คนไทยค รได้รับใน 1 ัน ตามระดับการใช้พลังงาน


1,600 กิโลแคล รี่ รบเด็ก ยุ 6-13 ปี ญิง ยท ง น ยุ 25-60 ปี ผู้ ูง ยุ 60 ปีขึ้นไป
2,000 กิโลแคล รี่ รบ ญิง-ช ย ยุ 14-25 ปี ช ย ยท ง น ยุ 25-60 ปี
2,400 กิโลแคล รี่ รบ ญิง-ช ยที่ใช้พลงง นม กๆ เช่น เก ตรกร ผู้ใช้แรงง น นกกี

ตารางแ ดงชนิดและปริมาณข ง า ารที่คนไทยค รได้รับใน 1 ัน ตามระดับการใช้พลังงาน


พลงง น(กิโลแคล รี่)
กลุ่ม า าร น่ ยครั เรื น
1,600 2,000 2,400
ข้ -แป้ง ทพพี 8 10 12
ผก ทพพี 4 (6) 5 6
ผลไม้ ่น 3 (4) 5 5
เนื้ ต ์( ุก) ช้ นกินข้ 6 9 12
นม แก้ 2 (1) 1 1
น้ มน น้ ต ล แล เกลื ช้ นช ใช้แต่น้ ยเท่ ที่จ เป็น
ม ยเ ตุ : เลขใน () คื ปริม ณแน น รบผู้ใ ญ่
ที่มา : ก งโภชนาการ กรม นามัย กระทร ง าธารณ ุข, 2542.

2. การ างแผนตร จ ุขภาพ และพบแพทย์


ก รดูแลเ ใจใ ่ต่ ุขภ พข งตนเ งแล บุคคลในคร บคร เป็น น้ ที่ที่ทุกคนค รตร นกใ ้ม ก
เพร จ น ไป ู่ก รมี ุขภ พที่ดี ยุยืนย ในท งตรงกนข้ มถ้ ปล่ ยปล ล เลยไม่ นใจดูแล ุขภ พข ง
ตนเ งย่ มก่ ใ ้เกิด นตร ยต่ ชี ิต ก ร งแผนตร จ ุขภ พแล พบแพทย์จึงเป็นเรื่ งจ เป็น รบทุกคน
แล ค รปฏิบติดงนี้
1. การตร จ ุขภาพทั่ ไป
1.1 เด็กท รกค รได้รบก รตร จ ุขภ พ แล ได้รบ คซีนต มก นด ซึ่งท รกแรกเกิดจ มี
มุดบนทึก ุขภ พ เด็กจ ได้รบเมื่ ม รด ไปคล ดบุตรที่ ถ นพย บ ล
1.2 เด็กแล ยรุ่นค รได้รบก รตร จแล ดูแล ุขภ พฟัน ย่ ง ม่ เ ม ทนตแพทย์จ ใ ้
ค แน น โรคฟันผุร มถึงก รดูแล ุขภ พช่ งป ก
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 19

1.3 ผู้ใ ญ่ค รได้รบก รตร จ ุขภ พปีล 1 คร้ง โดยตร จร่ งก ยท่ ไป ตร จ ค่ น้ ต ล
เลื ด โคเล เต ร ล ไตรกรีเซ ร์ไรด์ ไขมนดี (HDL: High Density Lipoprotein) แล ไขมนเล (LDL: Low
Density Lipoprotein)
ก รตร จดูค ม มบูรณ์ข งเม็ดเลื ด ก รตร จ ค่ ข งกรดยูริก ก รเ กซเรย์ป ด ซึ่งก รตร จเ ล่ นี้เป็น
พื้นฐ นที่จ ท ใ ้ทร บ ภ ข งร่ งก ยขณ น้น ่ เป็น ย่ งไร แล จ ปฏิบติตน ย่ งไรเพื่ ใ ้มี ุขภ พดี
1.4 ผู้ ูง ยุค รได้รบก รตร จ ุขภ พ ย่ งน้ ยปีล 2 คร้ง (6 เดื นคร้ง) แล ค รตร จ
ล ยร ยก รม กก ่ ก รตร จใน ยผู้ใ ญ่ เช่น ก รตร จ ยต ร บบปร ท ม ลกร ดูก เป็นต้น เพร
ผู้ ูง ยุมกเ ี่ยงต่ โรคภยไข้เจ็บได้ม กก ่
2. การตร จเฉพาะเมื่ เกิดโรค รื มีค ามผิดปกติเกิดขึ้น ถ้ พบ ่ มีค มผิดปกติเกิดขึ้นค รรีบไปพบ
แพทย์เพื่ รบก รตร จรก ก รผิดปกติที่ค รไปพบแพทย์ ได้แก่
2.1 น้ นกต ลดลง ย่ งร ดเร็ โดยลดปร ม ณร้ ยล 10 ข งน้ นกต ปกติข งตนเ ง
2.2 ไ ติดต่ กน ล ย น
2.3 มีเลื ด กม กบเ ม
2.4 เจ็บบริเ ณ น้ กบ่ ยๆ
2.5 เ ียน ีร คลื่นไ ้ เจียนโดยไม่ทร บ เ ตุ
2.6 ป ด ีร บ่ ยๆโดยไม่ทร บ เ ตุ
2.7 เ นื่ ยง่ ยผิดปกติ
2.8 มีก้ น รื ไตแข็งเกิดขึ้นที่ ย บ ง ่ นข งร่ งก ย
2.9 ป ดท้ งบ่ ยๆ โดยไม่ทร บ เ ตุ
3. การ างแผน ร้างภูมิคุ้มกันและค ามต้านทานโรค
โรคภยไข้เจ็บนบ ่ เป็ น เ ตุที่ คญที่ท ล ยชี ิตมนุ ย์ได้ เพร จ ก ถิติก รต ยพบ ่ คน ่ น
ใ ญ่เจ็บป่ ยแล ต ยด้ ยโรคภยไข้เจ็บแล ุบติเ ตุที่ป้ งกนได้ โดยมีคน ่ นน้ ยเท่ น้นที่ต ยด้ ยโรคชร รื
แก่ต ย ซึ่งแ ดงใ ้เ ็น ่ ก รเจ็บป่ ยด้ ยโรคต่ ง ๆ แล ุบติเ ตุได้ท ใ ้ชี ิตคนต้ งต ยไปท้งที่ยงไม่ถึงเ ล
นค รดงน้น ถ้ ิธีก รป้ งกนโรคแล ุบติเ ตุได้ก็จ ช่ ยชี ิตมนุ ย์ไ ้ได้ ีกม ก
โรคที่ท ใ ้มนุ ย์เจ็บป่ ยแล ต ยแบ่งเป็น 2 ปร เภท คื โรคติดต่ ที่เกิดจ กเชื้ โรคแล โรคไม่ติดต่
ซึ่งเกิดจ กค มผิดปกติ แล ค มเ ื่ มโทรมข ง ย ต่ ง ๆ ข งร่ งก ย ซึ่งโรคท้ง 2 กลุ่มนี้ ยงมีก รร บ ด
ยู่ม ก เนื่ งจ ก ภ พ งคมแล ิ่งแ ดล้ มยงมีปัญ โดยเฉพ ปัญ ในเรื่ งก ร ุข ภิบ ล เช่น ยงมีแ ล่ง
เพ พนธุ์เชื้ โรคต่ ง ๆ ยู่ม ก ปัญ ก รข ดน้ ดื่มที่ ด ้ มไม่ถูก ุขลก ณ มีขย มูลฝ ยแล ิ่ง ปฏิกูล
ม กม ย ปร ก บกบคน ่ นม กยงมี ุขนิ ยที่ไม่ดี จึงเป็นโรคติดต่ กนม ก น กจ กน้น ภ พแ ดล้ มที่เป็น
พิ ยงมีผลใ ้ร่ งก ยเ ื่ มโทรมเร็ เกิดโรคได้เช่นกน ดงน้น ทุกคนค รต้ งป้ งกนต เ งใ ้ปล ดภยจ กโรค
โดยจ ต้ งมี ุขนิ ยที่ดีในก รด เนินชี ิตปร จ น ร มท้ง ร้ งภูมิคุ้มกนแล ค มต้ นท นโรคใ ้แก่ร่ งก ย
คนทุก ยมีปัจจยที่เ ี่ยงต่ ก รเป็นโรคด้ ยกนท้ง ิ้นโดยเด็กท รกจ มีโ ก เป็นโรคติดต่ ม กก ่
ย ื่น ๆ เพร มีค มต้ นท นโรคต่ ่ น ยผู้ใ ญ่ถึงแม้จ มีค มต้ นท นโรคดีแต่ก็มีกิจกรรมในชี ิตปร จ น
ทีเ่ ี่ยงต่ ก รเกิดโรคได้ม ก แล คน ูง ยุที่มี ภ พร่ งก ย ่ นแ แล ย เ ื่ มโทรม ก็มีโ ก เป็นโรค
ต่ ง ๆ ได้ม กเช่นกน ซึ่งในแต่ล ช่ ง ยข ง ยุ ค รได้ งแผนก รด เนินชี ิตในก ร ร้ งภูมิคุ้มกนโรคต่ งๆ
ได้ โดย ิธีก ร ร้ งภูมิคุ้มกนโรคที่ค รปฏิบติ มีดงนี้
1. การใ ้ ัคซีนเพื่ ร้างภูมิคุ้มกันโรค คซีนที่ใช้ป้ งกนโรคมีม กม ย เช่น คซีนป้ งกนโรค
ค ตีบ ไ กรน บ ดท ยก โปลิโ ด ดเย รมน ค งทูม ไ ร ตบ กเ บบี ไทร ยด์ ิ ตกโรค เป็นต้น
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 20

1.1 ก รใ ้ คซีนในเด็ก เด็กแรกเกิดจนถึง ยเรียน ต้ งได้รบ คซีนป้ งกนโรคต่ งๆข้ งต้น


ใ ้ครบ พ่ แม่ต้ งพ เด็กไปรบ คซีนจ ก ถ นบริก ร ธ รณ ุขต มเ ล ที่ก นด เพื่ ใ ้เกิดภูมิคุ้มกนโรค
กบเด็ก
1.2 ก รใ ้ คซีนในผู้ใ ญ่ โดยม กมกจ ฉีดในร ยที่มีภ เ ี่ยง เช่น ตรีต้งครรภ์ต้ งฉีด
คซีนป้ งกนโรคบ ดท ยก คนที่ถูก ุนขกดต้ งฉีด คซีนป้ งกนโรคพิ ุนขบ้
2. การ างแผนปฏิบัติตนในชี ิตประจ้า ันเพื่ ร้างค ามต้านทานโรคใ ้แก่ร่างกาย
2.1 ดูแล ุ ขภ พตนเ งใ ้ แข็งแรง ยู่เ ม รบปร ท น รใ ้ครบ 5 มู่ในแต่ล นใน
ปริม ณที่ม กพ ต่ ค มต้ งก รข งร่ งก ย กก ลงก ยเป็นปร จ ย่ งน้ ย ปด ์ล 3 น นล 30
น ที มีก รพกผ่ นน น ลบใ ้เพียงพ ลีกเลี่ยงจ ก ิ่งเ พติด แล ลีกเลี่ยงจ กพฤติกรรมเ ี่ยงต่ งๆเป็นต้น
2.2 ลดค มเครียด ก รก จดค มเครียดด้ ย ิธีต่ งๆ เช่นฝึก ม ธิ ก รม งปัญ
เชิงบ ก เป็นต้น
2.3 ยู่ใน ิ่งแ ดล้ มที่ดี ถ้ ยู่ใน ิ่งแ ดล้ มที่ดี ก็จ ลดค มเ ี่ยงต่ ก รได้มลพิ ต่ งๆ ท
ใ ้มีค มต้ นท นโรคที่ดี ีกด้ ย
2.4 เ ริม ร้ งทก ก รด เนินชี ิต เพื่ ใ ้มี ิถีท งก รด เนินชี ิตที่ดี แล มีคุณภ พ
4. การ างแผนป้ งกัน ุบัติภัย
ก รด เนินชี ิตในปัจจุบนน กจ กจ ต้ งเ ี่ยงต่ โรคต่ ง ๆ แล้ เร ยง จจ เ ี่ยงต่ ก รเกิด ุบติภย
ใน ล ยรูปแบบ ท้ง ุบติเ ตุ ภยธรรมช ติ ภยจ ก ธ รณ รื ภยจ ก ต ์ร้ ยต่ ง ๆ ซึ่งในแต่ล ปีจ มีคนเจ็บ
แล ต ยจ ก เ ตุก รเกิด ุบติภยเป็นจ น นม ก ได้น ค ม ูญเ ียม ู่บุคคล คร บคร แล งคม ย่ งยิ่ง
ซึ่งเร ทุกคน ย กมีชี ิตที่ งบ ุข ไม่ ย กพบกบค มเ ร้ โ กเ ียใจที่ต้ ง ูญเ ียบุคคล นเป็นที่รก รื ทรพย์ ิน
ต่ ง ๆ แล ย กมีชี ิตยืดย ไม่ ย กต ยก่ น ย น มค รด้ ยก รได้รบ นตร ยจ ก ุบติเ ตุต่ ง ๆ แต่เร ก็ไม่
ม รถค ดก รณ์ได้ ่ เ ตุก รณ์เล ร้ ยต่ ง ๆ จ เกิดขึ้นเมื่ ใด ดงน้นก ร งแผนก รด เนินชี ิตใ ้มี ดิ
ภ พแล ปล ดภยจ ก ุบติเ ตุ จึงเป็น ิ่ง คญที่ ุดที่จ ช่ ยใ ้ชี ิตปล ดภย
1. การป้ งกัน ุบัติภัยในเด็กและ ัยรุ่น
1.1 จด ิ่งแ ดล้ มในบ้ นแล บริเ ณบ้ นใ ้ปล ดภย เช่ น เก็บ ิ่งข ง นตร ยใ ้พ้นมื เด็ก
ตร จดู ภ พ ยไฟ ปล๊กไฟ ใ ้ ยู่ใน ภ พแล ต แ น่งที่ปล ดภย พื้นบ้ นไม่ลื่น ้ งน้ ไม่ลื่น บริเ ณบ้ น
ต้ ง ด ไม่รกรุงรงจนเป็นที่ ยข ง ต ์มีพิ
1.2 ฝึ ก ทก ที่ จ เป็ น ใ ้ เ ด็ก เช่ น ด ่ ยน้ ก รขบขี่ จ กรย นแล จกรย นยนต์ ย่ ง
ปล ดภย ิธีข้ มถนน ย่ งปล ดภย ลีกเลี่ยงก รเล่นที่ จก่ ใ ้เกิด ุบติภย เป็นต้น
1.3 ดูแลเ ใจใ ่ในเรื่ งค มปล ดภย ถ้ เป็นเด็กเล็กต้ งดูแลเป็นพิเ ถ้ เป็นเด็กโต
ยู่ใน ยซน แล ช บ กไปเล่นน กบ้ น ก็ค ร นใ ้รู้จกค มปล ดภยต่ งๆ ถ้ เป็นเด็ก ยรุ่น ค รใ ้เข
เกิดค มตร นกในค มปล ดภย ย่ คึกค น ง รื มีพฤติกรรมที่เ ี่ยงต่ ก รเกิด ุบติเ ตุ
2. การป้ งกัน ุบัติเ ตุในผู้ใ ญ่และ ัยผู้ ูง ายุ มีแน ปฏิบติดงนี้
2.1 จดบริก รในเรื่ งค มปล ดภย เช่น ร งก ร กล้ม เมื่ เจ็บป่ ยต้ งมีคนดูแล ไม่ค ร
ปล่ ยใ ้ ยู่ต มล พง
2.2 จด ภ พแ ดล้ มใ ้ปล ดภย ค รจดร เบียบในบ้ นแล บริเ ณบ้ นใ ้เรียบร้ ย
ไม่เก ก กีดข ง รื กปรกรกรุงรง ต้ งมีแ ง ่ งเพียงพ รีบซ่ มแซมใน ่ นที่ช รุดทรุดโทรม พื้นบ้ นแล
พื้น ้ งน้ ต้ งไม่ลื่น บริเ ณบนไดต้ งไม่มี ิ่งกีดข ง มีแ ง ่ ง มีร รบเก เพื่ เดินขึ้นลง ค รมีร บบ
ค มปล ดภยในก รใช้ไฟฟ้ ในบ้ นแล ก รใช้แก๊ ุงต้ม
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 21

5. การ ่งเ ริม ุขภาพกาย


โดยท่ ไป กเร มี ุขภ พที่ มบูรณ์แข็งแรงดี ยู่แล้ เร ก็ค รจ ดูแลรก ใ ้คงไ ้ซึ่ง ุขภ พที่ ดี
ตล ดไป แต่เมื่ ใดก็ต มที่ภ ุขภ พบกพร่ ง ไม่ มบูรณ์ เร ก็ค รจ ปรบปรุงแล ่งเ ริม ุขภ พใ ้ดี ยู่ใน
ร ดบที่น่ พ ใจ ใ ้ ม รถด รงชี ิต ยู่ได้ ย่ งมีค ม ุข ซึ่ง กบุคคลใดไม่ใ ่ใจในก ร ่งเ ริม ุขภ พข ง
ต เ ง ปล่ ยใ ้ ย ต่ งๆ ทรุดโทรม เมื่ นเ ล ผ่ นไปก็คงจ ไม่ ม รถปรบปรุงแล ่งเ ริม ุขภ พต เ งใ ้
แข็งแรง แล มีชี ิตยืนย ได้ ดงน้นในก รด รงชี ิตข งแต่ล คนค รแบ่งเ ล ในก ร ่งเ ริม ุขภ พข งตนเ ง
ก ร กก ลงก ยช่ ยพฒน ก รท ง นข ง ย ทุก ่ นใ ้แข็งแรง ได้แก่ ช่ ยใ ้กล้ มเนื้ ใจ
แข็งแรงมีก รไ ลเ ียนเลื ดดีขึ้น ป ดขย ยต ยใจเ กซิเจนเข้ ไปได้ม กขึ้นก รท ง นข งกล้ มเนื้ ใน
ร บบย่ ย รดีขึ้น ก รท ง นข งร บบต่ ง ๆ ในร่ งก ยปร นกน ย่ งดี
ก ร กก ลงก ย ช่ ยใ ้เกิดค ม นุก น น เพลิดเพลิน
คลายเครียด มีค าม ุข และมี ุขภาพจิตดีด้ ย เนื่องจากการออกกาลังกายเป็นกิจกรรมที่ช่ ย ่งเ ริมทั้ง ุขภาพ
กายและ ุขภาพจิต
การ างแผนการ กก้าลังกาย
1. เลื กกิจกรรมก ร กก ลงก ยใ ้เ ม มกบ ยแล เพ ร มท้ง ภ พ
ร่ งก ยข งแต่ล คน เช่น ยเด็กก ร กก ลงก ยจ เป็นก รเล่นเป็น ่ นม ก ่ น
ผู้ใ ญ่แล ผู้ ูง ยุมีกิจ กรรมม กม ย รบก ร กก ลงก ย ท้งก รเล่นกี แล
กิจกรรม ื่น ๆ
2. ค รเริ่มกิจกรรมก ร กก ลงก ยต้งแต่ ยุน้ ยๆ แล ท ต่ เนื่ งไป
ตล ดชี ิตโดยเปลี่ยนกิจกรรมก ร กก ลงก ยใ ้เ ม มกบ ยแล ภ พร่ งก ยที่เปลี่ยนไป
3. กิจกรรมก ร กก ลงก ยค รเป็นกิจกรรมที่ เคลื่ นไ ร่ งก ยทุก ่ น ท ใ ้เกิดค มเ น็ดเ นื่ ย
แล ก รเปลี่ยนแปลงข งชีพจรพ ปร ม ณ แต่ไม่ค รใช้กิจกรรมที่เ นื่ ยเกินไปโดยเฉพ ในผู้ ูง ยุ รื ผู้ที่มี
โรคปร จ ต
4. ค ร กก ลงก ยทุก น นล ปร ม ณ 30 น ที ถึง 1 ช่ โมง รบผู้มีภ รกิจม ก ค ร กก ลง
ก ยปร ม ณ 3 คร้ง ต่ ปด ์ จึงจ เ ม ม
5. ผู้ที่มีโรคปร จ ต ค รปรึก แพทย์ก่ นก ร กก ลงก ย
6. เตรียม ุปกรณ์แล เครื่ งใช้ในก ร กก ลงก ยใ ้เ ม มกบภ รกิจก ร กก ลงก ย เช่น
เครื่ งแต่งก ย ร งเท้ เป็นต้น
7. บุคคลในคร บคร ถ้ ได้ กก ลงก ยร่ มกนจ ก่ ใ ้เกิดค ม มพนธ์ที่ดี ดงนี้ ถ้ เป็นไป
ได้ค ร งแผนเ ล ใ ้มีกิจกรรมก ร กก ลงก ยร่ มกนข งทุกคนในคร บคร
6. กิจกรรม ่งเ ริม ุขภาพจิต
ุขภ พจิต ม ยถึง ค ม ม รถท งจิตใจในก รปรบต ใ ้เข้ กบ ถ นก รณ์ แล ิ่งแ ดล้ มต่ ง ๆ
กิจกรรมก ร ่งเ ริ ม ุขภ พจิตที่ คญ ได้แก่ ก รพกผ่ น นนทน ก ร ก รฝึกบริ รจิต ก รจดก รกบ
รมณ์ แล ค มเครียด
ก รที่บุคคลจ มี ุขภ พที่ดีได้น้น ไม่ใช่แต่เพียงมี ุขภ พก ย มบูรณ์ แข็งแรงปร จ กโรคเพียง ย่ ง
เดีย จ เป็นต้ งมีค ม ม รถในก รปรบต ใ ้เข้ กบผู้ ื่นแล เ ตุก รณ์ต่ ง ๆ ได้ ย่ งดีจึงท ใ ้ชี ิต
มีค ม ุข ย่ งแท้จริง ดงน้น ก ร ่งเ ริม ุขภ พจึงจ เป็นต้ งมีกิจกรรม ่งเ ริม ุขภ พจิตด้ ย เพร ก ยกบจิต
เป็นข งคู่กน กมี ุขภ พจิตดีก็จ ่งผลใ ้มี ุขภ พก ยที่แข็งแรงได้เช่นกน
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 22

ในก ร ่งเ ริม ุขภ พจิตเร ม รถปฏิบติกิจกรรมต่ ง ๆ ได้ม กม ยที่ คญ ๆ ได้แก่


1. ก รพกผ่ น เป็นค มต้ งก รข้นพื้นฐ นข งชี ิตแล มีค ม คญต่ ุขภ พ เพร เมื่ ร่ งก ยได้
ท ง นจนเ น็ดเ นื่ ยร่ งก ยก็ต้ งก รพกผ่ นที่เพียงพ เพื่ ปรบ ภ พร่ งก ยใ ้กลบ ู่ปกติก รพกผ่ นเป็น
กิจกรรมที่ ่งเ ริม ุขภ พก ยแล ุขภ พจิตได้ดีม ก กิจกรรมก รพกผ่ นมี ล ย ย่ งที่ คญที่ ุด คื ก รน น
เพร ก รน น ลบเป็นก รพกผ่ นที่ มบูรณ์ที่ ุดข งร่ งก ย เนื่ งจ กในขณ ที่ร่ งก ยน น ลบจ เปิดโ ก
นดีใ ้ร่ งก ยได้ซ่ มแซม แล ปรบปรุงเซลล์ต่ ง ๆ ใ ้พร้ มที่จ ปฏิบติง นต่ ไปคนแต่ล ยมีค มต้ งก รใน
ก รน น ลบแตกต่ งกน เช่น ท รกแรกเกิดจ น น นล ปร ม ณ 20-22 ช่ โมง ในขณ ที่เด็ก ยุ 2-5 ปี
จ ต้ งน น นล 13-15 ช่ โมง ่ นผู้ใ ญ่ต้ งก รน น นล 8-9 ช่ โมง เป็นต้น ดงน้นทุกคนจึงค รน น
ลบใ ้เพียงพ ต่ ค มต้ งก รข งร่ งก ย
2. กิจกรรมนนทน ก ร เป็นก รพกผ่ นโดยก รใช้เ ล ่ งใ ้เกิดปร โยชน์ต มค ม นใจ แล ค ม
มครใจ โดยมิได้ท กิจกรรมน้นเป็น ชีพ เช่น กิจกรรมง นฝีมื ง นปร ดิ ฐ์ ต่ ง ๆ ก รเล่นดนตรี ฟังเพลง
ร้ งเพลง ท ง น ดิเรก ก รไปท น ึก รื ท น จร ดูภ พยนตร์ รื ก รไปพบเพื่ นฝูง ก รไปง นเลี้ยง
ง รรค์ต่ ง ๆ เป็นต้น

ประโยชน์ข งการ างแผนดูแล ุขภาพข งตนเ งและบุคคลในคร บครั


1. ท ใ ้เ ็น ิธีด เนินก รที่จ ปฏิบติ เพื่ ก รดูแล ุขภ พ ย่ งเป็นร บบ ท้งก รดูแล ุขภ พข งตนเ ง
แล บุคคลในคร บคร
2. ท ใ ้มีพฤติกรรม ุขภ พที่ดี ซึ่ง ่งผลดีต่ ุขภ พก ยแล จิต ท้งข งตนเ งแล บุคคลในคร บคร
3. ป้ งกนก รเกิดภ เ ี่ยงต่ ุขภ พเบื้ งต้น ลดภ ค มเจ็บป่ ย ค มพิก ร รื ก รเ ียชี ิตก่ น
ย นค ร
4. ปร ยดค่ ใช้จ่ ยในก รรก พย บ ลข งคร บคร แล ลดภ ร แล ปร ยดงบปร ม ณในด้ นก ร
ใ ้บริก ร ุขภ พ รื ก รรก ข งรฐ
5. ร้ งค มเข้มแข็งแก่ งคม ลดปัญ ด้ นก ร ธ รณ ุข เพร ปร ช ชนมี ุขภ พ
แ ล่ง ้าง ิง
กร ทร ง ึก ธิก ร. ุข ึก าและพล ึก า นัง ื เรียนราย ิชาพื้นฐาน ชั้นมัธยม ึก าปีที่ 5.
กรุงเทพ : ก ค. ล ดพร้ , 2554.
พร ุข ่นุ นิรนดร์ แล คณ . นัง ื เรียน ุข ึก า ชั้นมัธยม ึก าปีที่ 5. กรุงเทพ : ก รเจริญท น์
จท, (ม.ป.ป.).
ถ บนพฒน คุณภ พ ิช ก ร. นัง ื เรียน ุข ึก า ชั้นมัธยม ึก าปีที่ 5. กรุงเทพ : พฒน คุณภ พ
ิช ก ร, (ม.ป.ป.).
ม ม ย แตง กุลแล คณ . ุข ึก าและพล ึก า2 ม.4-6. กรุงเทพ : ฒน พ นิช, (ม.ป.ป.).
เ ็บไซต์ https://www.gotoknow.org
https://www.lefthit.com
https://www.hugmagazine.com
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 23

น่ ยการเรียนรู้ที่ 3
โรคไม่ติดต่ ทีเ่ ป็นปัญ า ้าคัญด้าน าธารณ ุข
กลุ่มโรค NCDs (Non-Communicable diseases) รื ชื่ ภ ไทยเรียก ่ กลุ่มโรคไม่ติดต่ เรื้ รัง
เป็นชื่ เรียกกลุ่มโรคที่ไม่ได้มี เ ตุม จ กก รติดเชื้ ไม่ได้เกิดจ กเชื้ โรค ไม่ ม รถติดต่ ได้ผ่ นก ร มผ
คลุกคลี รื ติดต่ ผ่ นต น โรค (พ ) รื รคด ล่งต่ งๆ กแต่เกิดจ กปัจจยต่ งๆ ภ ยในร่ งก ย
ซึ่ง ่ นใ ญ่ เ ป็ น ผลจ กไลฟ์ ไตล์ ิ ธีก รใช้ ชี ิ ต ที่ มี พ ฤติก รรมเ ี่ ย ง ย่ ง เ ล้ บุ รี่ ข ดก ร กก ลงก ย
รบปร ท น ร นมนเค็มจด แล มีค มเครียด

ที่ม รูปภ พ : http://www.thaihealth.or.th/microsite/categories/5/ncds

โรคไม่ติดต่ กับ ุขภาพ


โรคไม่ติดต่ เป็นโรคที่เกิดจ กค มผิดปกติแล ค มเ ื่ มโทรมข งร่ งก ยแล จิตใจ นเนื่ งม จ ก
เ ตุ ล ย ย่ งด้ ยกน เช่น พนธุกรรม ิ่งแ ดล้ ม ุขปฏิบติ รื ุขนิ ยที่ไม่ถูกต้ งเ ม ม ร มท้ง
ค มชร ภ พข ง งข รที่ร่ งโรยไปต ม ย น กจ กนี้ ก รด เนิน ชี ิ ตที่ ต้ งเปลี่ ย นแปลงไปต มค ม
เจริญก้ น้ ท ง ิทย ตร์แล เทคโนโลยี ซึ่งท ใ ้เพิ่มค ม ด ก บ ยแล ร ดเร็ ทนใจ แต่กลบได้รบ
รพิ แล เกิดค มเครียดเพิ่มม กขึ้น ปร ก บกบข ดก ร กก ลงก ย ก รพกผ่ น แล นนทน ก ร ิ่ง
เ ล่ นี้ก็เป็นปัจ จยเ ริม ีก ย่ ง นึ่งซึ่งท ใ ้เกิดโรคไม่ติดต่ ได้ง่ ย แล มีแน โน้มที่จ ท ีค มรุนแรงยิ่งขึ้น
ต มล ดบ
ย่ งไรก็ต ม โรคไม่ติดต่ ท้ง ล ย ม รถที่จ ป้ งกนแล ค บคุมได้เช่นเดีย กบโรคติดต่ เ มื นกน
ดงน้น เร จึงค รจ ได้ ึก ค มรู้เกี่ย กบโรคไม่ติดต่ ที่ คญ ๆ เ ไ ้เพื่ จ ได้เป็นแน ท งปฏิบติในก ร
ดูแลรก ุขภ พข งตนเ งแล ม รถแน น ช่ ยเ ลื ผู้ ื่นใ ้ปล ดภยจ กโรคไม่ติดต่

โรค ั ใจ
โรค ใจแล ล ดเลื ด นบเป็นโรคที่ไม่ติดต่ ที่เป็นต้นเ ตุข งก ร
เจ็บป่ ยแล ก ร ูญเ ียชี ิตข งปร ช ชนไทยที่ คญ ก รมีพฤติกรรม ุขภ พ
ที่ถูก ต้ งนบต้ งแต่ ใน ยเด็ ก จ ช่ ยป้ งกนก รเกิด โรคดงกล่ ได้ ซึ่ งท ใ ้
ปร ยดร ยจ่ ยข งคร บคร แล ข งปร เท ช ติในก รดูแลผู้ป่ ยเ ล่ นี้
ี ก ท้ ง ยงเป็ น ก รป้ งกนก รเ ี ย ชี ิ ต ก่ น ย นค ร ซึ่ ง นบเป็ น ก ร ู ญ เ ี ย
ทรพย กรที่ คญข งปร เท ช ติ ีกด้ ย
แ ล่งที่ม ข งภ พ http://excellent.med.cmu.ac.th/meccmu/?p=963
ปัญ า ุขภาพที่เกิดจากโรค ั ใจ
ร บบไ ลเ ียนเลื ดปร ก บด้ ย ใจแล ล ดเลื ดต่ เนื่ งกนเป็น งจรปิด โดยมี ใจท น้ ที่เป็น
ต ูบฉีดเลื ดไป ู่ ย ต่ ง ๆ ท่ ร่ งก ย ขณ เดีย กน ใจได้รบเลื ดม เลี้ยงจ ก ล ดเลื ดชุด นึ่ง คื
ล ดเลื ด ใจ ก รเกิดคร บไขมนมีผลท ใ ้ ผนง ล ดเลื ด น แล แข็ง รูข ง ล ดเลื ดแคบลง ใน
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 24

ร ย แรกยงไม่ปร กฏ ก รเพร เลื ดที่ไ ลเ ียนไปเลี้ยงกล้ มเนื้ ใจยงเพียงพ กบค มต้ งก ร แต่เมื่ มี
ก ร มเป็นเ ล น น ปร ก บกบมี ินปูนม เก ท ใ ้คร บไขมนมีขน ดใ ญ่ขึ้น รื มีก รฉีก ข ดข งคร บ
ไขมนแล มีลิ่มเลื ดเกิดขึ้น จนท ใ ้เกิดก รตีบแคบข ง ล ดเลื ด ค มรุนแรงข งโรคขึ้น ยู่กบก ร ุดตน
ท ใ ้ปร กฏ ก รข งโรค ล ดเลื ด ใจตีบ
ก รตีบ รื ุดตนข ง ล ดเลื ดแดงที่ไปเลี้ยงกล้ มเนื้ ใจ ท ใ ้กล้ มเนื้ ใจข ดเลื ด มี ก ร
เจ็บ น้ กขณ กแรง เช่น กก ลงก ย ิ่ง เดินเร็ ขึ้นบนได ยกข ง นก ภ เครียด โกรธ ตกใจ ก ร
ดงกล่ จ ดีขึ้นเมื่ ยุดกิจกรรมน้นๆ เป็นภ กล้ มเนื้ ใจข ดเลื ดช่ คร ถ้ ล ดเลื ดที่ตีบเกิด ุดตน
เฉียบพลน ท ใ ้เกิดภ กล้ มเนื้ ใจต ยเฉียบพลน มี ก รเจ็บ น้ ก ย่ งรุนแรง จมี ก ร ใจเต้น
ผิดจง รื ใจ ยุดเต้นก ทน นเป็น นตร ยถึงชี ิตได้
าเ ตุโดยทั่ ไปข งโรค ั ใจ
ผู้ที่มีแน โน้มจ เป็นโรค ล ดเลื ด ใจ เช่น คน ้ น คนที่ข ดก ร กก ลงก ย คนที่มีน้ ต ลในเลื ด
ูง ค เล เต ร ลในเลื ด ูง ค มดนโล ิต ูง ยุม กก ่ 40 ปี ตรี ย มดปร จ เดื น ตล ดจนบุคคลท่ ไป
โรค ใจ จมี เ ตุม จ ก ิ่งต่ ไปนี้
1. เป็ น ม แต่ ก เนิ ด เนื่ งจ กม รด เป็ น โรคติ ด เชื้ ขณ ต้ ง ครรภ์ เช่ น เป็ น ไข้ ดเย รมน รื
รบปร ท นย บ ง ย่ ง เช่น ย แก้ ก รแพ้ท้ ง เป็นต้น
2. เป็นพนธุกรรม จ ก ถิติพบ ่ คร บคร ที่มีลูกเป็นโรค ใจคน นึ่ง โ ก ที่จ เป็นในคนต่ ไปร้ ย
ล 2-5 แต่ถ้ มีลูกเป็นโรค ใจ 2 คน โ ก ที่จ เป็นในคนต่ ไปมีถึงร้ ยล 25-50
3. เป็นโรค ื่นม ก่ น เช่น โรคเบ น โรคเก ต์ รื ก รมีน้ นกต ม กเกินไป
4. เป็นเพร ุขนิ ยบ ง ย่ งไม่ดี เช่น ูบบุ รี่ ดื่มก แฟม กเกินค ร ข ดก ร กก ลงก ย ย่ ง
เพียงพ แล เ ม มกบ ย
5. เป็นเพร ภ ท งจิตใจไม่ปกติ เช่น มี รมณ์ตึงเครียด ิตกกง ลตล ดเ ล รื มีปัญ ท ง
รมณ์เรื้ รง
น กจ กนี้ยงมีปัจจยเ ริมที่ท ใ ้เป็นโรค ใจได้คื ยุ ซึ่งโรค ใจเป็นได้ท้งเด็กแล ผู้ใ ญ่ แต่
่ นม กจ พบในผู้ใ ญ่ รบผู้ที่มี ยุน้ ยมกพบ ่ เพ ช ยจ เป็นโรค ใจม กก ่ เพ ญิง รบ ตร
ก รเป็นโรคน้นในท้ง งเพ จ เท่ กนเมื่ ยุเกิน 60 ปี เป็นต้นไป

าการทั่ ไปข งโรค ั ใจ


ก รเจ็บ น้ กมี ลก ณ เฉพ คื เจ็บแน่นคล้ ยถูกบีบรด รื กดทบ จมี ก รร้ ไปที่ บก
ซ้ ย รื แขนท้ง 2 ข้ ง ค ข กรรไกร บ งร ยรู้ ึกแน่นใต้ลิ้นปี่คล้ ย ก ร รไม่ย่ ย น กจ กนี้มี ก ร ื่น
ร่ มด้ ย คื
- มี ก ร บ เ นื่ ยง่ ย ยใจเร็ ร ยที่เป็นรุนแรงจ มี ก รเ นื่ ยแม้ในขณ พกเ นื่ ยจนน น
ร บไม่ได้
- ใจ ่น มีค มรู้ ึก ใจเต้นเร็ รื ช้ ผิดปกติ รื ใจเต้นผิดจง ไม่ ม่ เ ม
- เท้ บ มกดบุ๋ม เป็นก รค่งข งน้ ไม่ ม รถไ ลกลบ ู่ ใจได้ ด ก
- เป็นลม มด ติ เป็นก ร ูญเ ียค มรู้ ึกต ช่ ขณ รู้ ึก น้ มืด ต พร่ ม งภ พไม่ชด
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 25

ิธีการป้ งกันโรค
โรค ใจเป็นโรคเรื้ รงมีร ย เ ล ก รด เนินข งโรคที่ย น น ต้ งใช้เ ล ในก รรก ย่ งต่ เนื่ ง
แล ใช้เ ทคโนโลยี ท งก รแพทย์ ร ดบ ู งในก รรก ก่ ใ ้ เกิ ดผลกร ทบต่ ิ ธีก รด เนิน ชี ิ ต ล ยด้ น
น กจ กนี้โรค ใจยงเป็น เ ตุก รต ยก ทน นเนื่ งจ กร ย แรกข งโรคมกไม่มี ก รน ม ก่ นเมื่ รู้ต ่
เป็ น โรคก็มกเป็ น ม กแล้ ย่ งไรก็ต ม โรค ใจเป็นโรคที่ ม รถป้ งกนได้โ ดยก รดูแลตนเ งใ ้ ถูกต้ ง
ลีกเลี่ยงปัจจยเ ี่ยงต่ งๆ ร้ งเ ริม ุขภ พก ยแล ุขภ พจิตใ ้ มบูรณ์ ยู่เ ม
ิธีป้ งกนไม่ใ ้เกิดโรค ล ดเลื ด ใจโดยปฏิบติตน ดงนี้
1. กก ลงก ย ม่ เ ม ก ร กก ลงก ยที่มีก รเคลื่ นไ ข งกลุ่มกล้ มเนื้ ใ ญ่เป็นจง แล
ต่ เนื่ ง เช่น ิ่งเ ย ๆ เดินเร็ ๆ กร โดดเชื ก ขี่จกรย น เต้นแ โรบิก ช่ ยเพิ่มปร ิทธิภ พก รไ ลเ ียนข ง
เลื ด น กจ กนี้ยงท ใ ้ ุขภ พจิตดีขึ้น รมณ์แจ่มใ เป็นผลใ ้ลด ตร ก รเต้นข ง ใจแล ค มดนโล ิต
2. ก รกิน ร ค ร ลีกเลี่ยง รไขมน ิ่มต รปร เภทไขมน ูงที่ ่งผลต่ ผนง ล ดเลื ด
พบม กในเนยเทียมเช่น เบเก รี่ เค้ก เลื กกิน รที่มีเ ้นใย ูง มีแร่ธ ตุ รที่จ เป็น ได้แก่ ธญพืช ข้ กล้ ง
ถ่ ง ผลไม้ลด รเค็มปริม ณเกลื ใน รไม่ค รเกิน 1 ช้ นช ต่ น ดงน้นไม่ค รเติมเกลื รื น้ ปล ใน
รที่กิน
3. ก รพกผ่ นท้งร่ งก ยแล จิตใจ เช่น ก ร กก ลงก ย ก รพกผ่ น นนทน ก ร ท ม ธิ ลีกเลี่ยง
ค มเครียด ค มเครียดท ใ ้ ล ดเลื ดท่ ร่ งก ย ดต เพิ่มแรงต้ นข ง ล ดเลื ด กล้ มเนื้ ใจต้ งบีบ
ต เร็ แล แรงขึ้น ่งผลใ ้ก รไ ลเ ียนข งเลื ดไม่เป็นไปต มปกติ กล้ มเนื้ ใจ จได้รบเลื ดไม่เพียงพ ได้
4. ค บคุมน้ นกต ใ ้ปกติเพร ปร กฏ ่ คน ้ น มกเป็นโรคนี้ม กก ่ คนที่มีน้ นกปกติ
5. งดดื่มเครื่ งดื่มที่มีแ ลก ล์แล ยุด ูบบุ รี่

โรค ล ดเลื ด ม ง
โรค ล ดเลื ด ม ง ม ยถึง ค มผิดปกติท งร บบปร ทที่เกิดขึ้นทนทีทนใดมี ก ร รื ก รแ ดง
น นก ่ 24 ช่ โมง แล มี เ ตุจ กค มผิดปกติข ง ล ดเลื ด ( งค์ก ร น มยโลก, 2516)
โรค ล ดเลื ด ม งแบ่งเป็น 2 ปร เภทใ ญ่ๆ คื ล ดเลื ด ม งแตก พบปร ม ณร้ ยล 20-25 เกิด
ภ เลื ดค่งกดทบเนื้ ม ง เนื้ ม งถูกท ล ยแล ล ดเลื ด ม งตีบ รื ุดตน พบปร ม ณร้ ยล 75-80
ท ใ ้เลื ดไปเลี้ยง ม งไม่พ เกิดภ ม งข ดเลื ด ม ง จต ยได้ ก รแล ก รแ ดงข งโรคปร กฏ
ล ยรูปแบบ ต ม ่ นข ง ม งที่เลี้ยงโดย ล ดเลื ดน้นๆ ก รบ่งชี้ที่ คญ 4 ปร ก ร FAST ( ม คม ล ด
เลื ด ม ง รฐ เมริก , 2553) ดงนี้
F : FACE คื ป กเบี้ย มุมป กด้ นใดด้ น นึ่งตกลง รื ไม่ขยบ
A : ARM คื แขนข้ งใดข้ ง นึ่ง ่ นแรง รื ท้ง 2 ข้ ง
S : SPEECH คื พูดไม่ชด รื พูดไม่ได้
T : TIME คื เกิดขึ้น ย่ งร ดเร็
ิ่ง คญเมื่ เกิด ก ร คื ก รเ ล่ นี้ จเกิดขึ้นช่ ขณ แล้ ยเ งเป็นปกติ เช่น ่ นแรงปร ม ณ
30 น ที แล ดีขึ้น จึงท ใ ้ ล ยคนช ล่ ใจ ไม่ไปพบแพทย์ เพร ไม่ทร บ ่ นี่คื เพียง ญญ ณเตื น ในกรณีที่มี
ก รช่ คร แล้ ดีขึ้นเรียก ่ TIA ม จ ก Transient ischemic attack ภ ม งข ดเลื ดช่ คร ซึ่งจ ก
ก ร ึก พบ ่ 1 ใน 9 ข งผู้ป่ ยกลุ่มนี้จ เกิดโรค ล ดเลื ด ม งตีบ รื ุดตนถ รใน 90 น ่ น ีก 50 %
จ เกิดใน 2 นแรก ลงมี ก รเตื น จึงค รพบแพทย์เพื่ ตร จ ินิจฉย ย่ งล เ ียดเมื่ มี ก ร เพื่ ก รรก
ย่ งทนท่ งที
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 26

ค มรุนแรงข งโรค ล ดเลื ด ม งท ใ ้ ม งถูกท ล ยม กน้ ยต่ งกน แม้จ ยเป็นปกติแต่ ก ร


ต่ งๆ มีโ ก กลบเป็นซ้ ได้ ูง ก รกลบเป็นซ้ ข งโรค ล ดเลื ด ม งท ใ ้มีค มพิก ร ตร ก รต ยเพิ่ม
ม กขึ้น ปัจจุบนพบ ่ ผู้ที่มี ก รจ ก ม งข ดเลื ด ถ้ ได้รบก รรก ภ ยใน 3 ช่ โมง ลงมี ก ร ม รถลด
ค มพิก รลงได้ร้ ยล 30-50 ผู้ป่ ยจ เป็นต้ งได้รบก รฟื้นฟู ภ พร่ งก ย ก ยภ พบ บดเพื่ ใ ้ ม รถ
ช่ ยเ ลื ตนเ งปฏิบติภ รกิจในชี ิตปร จ นได้ ก รฟื้นฟู ภ พจิตใจโดยก รใ ้ก รย มรบแล เ ็นค ม คญ
จ ก ม ชิกในคร บคร
ปัจจัยเ ี่ยงข งโรค ล ดเลื ด ม ง
ปัจ จยเ ี่ ยงข งโรค ล ดเลื ด ม งมี ล ย เ ตุ แบ่งเป็นปัจจยเ ี่ ยงที่ป้ งกนไม่ได้ แล ปัจจยเ ี่ยงที่
ป้ งกนได้ ซึ่งปัจจยเ ี่ยงที่ป้ งกนได้มกมี เ ตุจ ก ุขภ พโดยร มแล รูปแบบก รด เนินชี ิต

ปัจจัยเ ี่ยงที่ป้ งกันไม่ได้


o ยุ เมื่ ยุม กขึ้น ล ดเลื ดก็จ เ ื่ มต มไปด้ ย โดยผิ ช้นในข ง ล ดเลื ดจ น แล
แข็งขึ้นจ กก รที่มีไขมนแล ินปูนม เก รูที่เลื ดไ ลผ่ นจ แคบลงเรื่ ยๆ
o เพ พบ ่ เพ ช ยมีค มเ ี่ยงต่ โรค ล ดเลื ด ม ง ูงก ่ เพ ญิง
o ภ ก รแข็งต ข งเลื ดเร็ ก ่ ปกติ ่งผลใ ้เกิดก รจบต กนข งเม็ดเลื ดแล มีลิ่มเลื ด
เกิดขึ้นได้ง่ ยก ่ คนปกติ
ปัจจัยเ ี่ยงที่ป้ งกันได้
o ค มดนโล ิต ูง เป็นปัจจยเ ี่ยงที่ คญที่ ุดข งโรค ล ดเลื ด ม ง ผู้ที่มีภ ค มดนโล ิต
ูงจึงมีโ ก เป็นโรค ล ดเลื ด ม งได้ม กก ่ คนปกติ
o เบ น เป็น เ ตุที่ท ใ ้ ล ดเลื ดแข็งท่ ร่ งก ย กเกิดที่ ม งจ มีโ ก เป็นโรค
ล ดเลื ด ม งม กก ่ คนปกติ 2-3 เท่
o ไขมนในเลื ด ู ง เป็ น ค มเ ี่ ย งข งโรค ล ดเลื ด ม งเช่ น เดี ย กบโรค ล ดเลื ด ใจ
คื ภ ไขมน ม ยู่ต มผนง ล ดเลื ด ท ใ ้กีดข งก รล เลียงเลื ด
o โรค ใจ เช่ น โรคลิ้ น ใจผิ ด ปกติ ใจเต้ น ผิ ด จง เป็ น เ ตุ ข งก รเกิ ด ลิ่ ม เลื ด
ถ้ ลิ่มเลื ดไป ุดตนที่ ล ดเลื ด ม ง ก็จ ท ใ ้ ม งข ดเลื ดได้
o ก ร ู บ บุ รี่ รนิ โ คติน แล ค ร์บ นม น กไซด์ท ใ ้ ปริม ณ กซิเจนลดลง แล เป็นต
ท ล ยผนง ล ดเลื ดท ใ ้ ล ดเลื ดแข็งต พบ ่ ก ร ูบบุ รี่เพียง ย่ งเดีย เพิ่มค มเ ี่ยง
ต่ โรค ล ดเลื ด ม งถึง 3.5%
o ย คุมก เนิด ในผู้ ญิงที่ใช้ย คุมก เนิดที่มี ร์โมนเ โตรเจน ูงจ มีค มเ ี่ยงต่ ก รเกิดโรค
ล ดเลื ด ม ง ูง
o โรคซิฟิลิ เป็น เ ตุข ง ล ดเลื ด กเ บแล ล ดเลื ดแข็ง
o ก รข ดก ร กก ลงก ย

การป้ งกันโรค ล ดเลื ด ม ง


ก รป้ งกน ล ดเลื ด ม ง ม รถท ได้โดยก รปรบ รแล เปลี่ยนพฤติกรรมตนเ งได้ดงนี้
1. ก รบริโภค ร
1.1 เกลื จ กดเกลื ใ ้น้ ยก ่ 1 ช้ นช ต่ น ลดก รเติมเกลื น้ ปล ซี ิ๊ ในก รปร ก บ
ร จ กดก รกิน รจ นด่ น ร เร็จรูป
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 27

1.2 รปร เภทไขมน จ กดไขมนจ ก รปร เภทเนื้ ต ์ จ กดไขมนจ กนม แล จ กดน้ มน


ในก รปร ก บ รใ ้น้ ยก ่ 2 ช้ นโต๊ ต่ น
- ใช้น้ มนพืชในก รปร ก บ ร
- กินเนื้ ต ์ ีข เช่นเนื้ ไก่ (ไม่กิน นงไก่) แทนเนื้ แดง
1.3 รปร เภทปล กินเนื้ ปล ย่ งน้ ย 3 มื้ ต่ ปด ์
1.4 ผกแล ผลไม้กิน 400 - 500 กรมต่ น
1.5 ลด รื งดก รดื่มแ ลก ล์
2. งดก ร ูบบุ รี่
3. มีกิจกรรมท งก ยที่เ ม มแล ม่ เ ม เช่น เดินเร็ ปั่นจกรย น
ก รป้ งกนเป็นก รรก โรค ล ดเลื ด ม งที่ดีที่ ุด แล ค รป้ งกนก่ นก รเกิดโรค ล ดเลื ด ม ง
คื ต้ งค บคุ ม ปั จ จยเ ี่ ย งที่ ่ ง เ ริ ม ใ ้ ล ดเลื ดเกิ ด ก รตี บ ุ ด ตน รื แตก เช่ น ค มดนโล ิ ต
ูง โรค ใจ โรคเบ น ไขมนในเลื ด ูง ก ร ูบบุ รี่ รื ข ดก ร กก ลงก ย เป็นต้น

ตร จเช็ค ุขภ พปร จ ปีเพื่ ค้น ปัจจยเ ี่ยง ถ้ พบต้ งรีบรก แล พบแพทย์ ย่ ง ม่ เ ม
ในกรณีที่พบ ่ มีปัจจยเ ี่ยงที่ท ใ ้ ล ดเลื ดตีบ ุดตน รื แตก ต้ งรก แล รบปร ท นย ย่ ง
ม่ เ ม ต มแผนก รรก ข งแพทย์ ้ ม ยุดย เ ง แล ค รรีบพบแพทย์ทนทีถ้ มี ก รผิดปกติ
ค บคุมร ดบค มดนโล ิต ไขมน แล น้ ต ลในเลื ดใ ้ ยู่ในเกณฑ์ปกติ
ค บคุม รใ ้ มดุล ลีกเลี่ยง รร เค็ม น มน
กก ลงก ย ม่ เ ม ย่ งน้ ย 30 น ทีต่ น 3 คร้งต่ ปด ์ แล ค บคุมน้ นกใ ้เ ม ม
งด ูบบุ รี่ ลีกเลี่ยงเครื่ งดื่มแ ลก ล์
ถ้ มี ก รเตื นที่แ ดง ่ เลื ดไปเลี้ยง ม งไม่พ ช่ คร ค รรีบม พบแพทย์ถึงแม้ ่ ก รเ ล่ น้น
จ ยได้เ งเป็นปกติ
ผู้ที่เป็น ล ดเลื ด ม งตีบ รื ุดตนแล้ แพทย์จ ใ ้ก รรก โดยใช้ย เพื่ ป้ งกนก รกลบเป็นซ้
ข งโรค ล ดเลื ด ม ง แต่ก รใช้ย เ ล่ นี้จ เป็นต้ งมีก รติดต มผลแล ใช้ภ ยใต้ค แน น ข ง
แพทย์ ย่ งเคร่งครด เนื่ งจ กถ้ มีก รใช้ย ผิด ปร ม ทเลินเล่ รื ไม่มีก รติดต มดูแล ย่ ง ม่ เ ม
จเกิดภ แทรกซ้ น ย่ งรุนแรง เป็น นตร ยถึงแก่ชี ิตได้

ค ามดันโล ิต ูง
โรคค มดนโล ิต ูงเป็น พท์ท งก รแพทย์ที่ใช้เมื่ แรงดนโล ิตข งร่ งก ย
ูงขึ้นก ่ แรงดนโล ิตปกติ ทุกคน จมีแรงดนโล ิต ูงได้บ้ งเป็นคร้งคร ซึ่งเกิด
จ กแขนงข ง ล ดเลื ดแดงแคบลง เป็นบ งต น รื ตล ดท่ ท้งร่ งก ย เนื่ งจ ก
จเกิดค มกล ค มตื่น เต้ น ก ร กก ลงก ย ก ร ู บ บุ รี่ รื รบ ง
ปร เภท เมื่ แขนงข ง ล ดเลื ดแดงแคบลง ใจต้ งบีบต แรงขึ้นก ่ ปกติ เพื่ ใ ้
มีแรงดนพ ที่จ ใ ้ ล ดเลื ดไ ลไปต มแขนงข ง ล ดเลื ดแดงท่ ท้งร่ งก ย
แรงดนโล ิตใน ล ดเลื ดจึงเพิ่มขึ้น เมื่ ภ ดงกล่ กลบ ู่ป กติ แขนงข ง ล ด แ ล่งที่ม ข งภ พ https://www.pobpad.com/
เลื ดแดงก็จ ขย ยต กช้ ๆ โรคค มดนโล ิตก็จ กลบ ู่ปกติ แต่ กแรงดนโล ิต ูง ยู่ตล ดเ ล เรียก ่
เป็นโรคค มดนโล ิต ูง โรคค มดนโล ิต ูงเป็นโรคที่พบบ่ ยในผู้ใ ญ่ พบปร ม ณร้ ยล 20 แล เป็น เ ตุ
ก รต ยที่ คญข งโรค ล ดเลื ด ม งแล โรค ล ดเลื ด ใจ ภ ที่ค มดนโล ิต ูงเป็นเ ล น นเพิ่ม
ค มเ ี่ยงต่ ผนง ล ดเลื ดต มล ดบค มรุนแรงข งค มดนโล ิต
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 28

ค่าข งค ามดันโล ิต ูงมี ยู่ 2 ค่า คื ค่ ค มดนโล ิตต บนกบค่ ค มดนโล ิตต ล่ ง ได้แก่
1. ค่ ข งแรงดนโล ิตปกติขณ ใจบีบต เรียก ่ ค มดน Systolic (ค มดนโล ิตต บน) จ มีค่
จ ก 90 - 140 มิลลิเมตรปร ทเกี่ย ข้ งกบปริม ณเลื ดใน ใจ
2. ค่ ข งแรงดนโล ิตปกติขณ ใจคล ยต เรียก ่ ค มดน Diastolic (ค มดนโล ิตต ล่ ง) จ มี
ค่ จ ก 50-90 มิลลิเมตรปร ท เกี่ย ข้ งกบค มต้ นท นข ง ล ดเลื ดเมื่ ค มดนโล ิตต บน ดได้ 140
มิลลิเมตรปร ท รื ูงก ่ แล ค มดนโล ิตต ล่ ง ดได้ 90 มิลลิเมตรปร ท รื ูงก ่ ถื ่ เป็นค มดน
โล ิต ูง ซึ่งมกนิยมเขียนเป็นค่ ูง/ค่ ต่ เช่น 160/95 ถื ่ ค มดนโล ิต ูง
าเ ตุข งค ามดันโล ิต ูง
ค มดนโล ิต ูง ่ นใ ญ่เกิดขึ้นโดยไม่ทร บ เ ตุ ซึ่งพบได้ถึงปร ม ณร้ ยล 80 - 90 ข งท้ง มด
1. กลุ่มที่ไปทร บ เ ตุ พบ ่ ิ่งที่เกี่ย ข้ งกบโรคนี้ ได้แก่
- พนธุกรรม ผู้ที่มี พ่ แม่ ปู่ย่ ต ย ย รื ญ ติ พี่น้ งเป็นโรคนี้ จ มกจ เป็นโรคนี้
- ิ่งแ ดล้ ม พบ ่ ผู้ที่ ย ยู่ในปร เท แถบซีกโลกต นตก เช่น ฝร่งช ติต่ งๆมกเป็นโรคนี้ม กก ่
ปร เท แถบซีกโลกต น ก
- ปัจจยเ ี่ยง ื่นๆที่เกิดจ ก พฤติกรรมข งมนุ ย์ แล เป็น เ ตุที่ ม รถป้ งกนได้ เช่น ค ม ้ น
รร เค็มจด ค มเครียด ข ดก ร กก ลงก ย ก รต้งครรภ์บ่ ยคร้ง โรคเบ น กินย คุมก เนิด
2. กลุ่มที่ทร บ เ ตุ มกพบ ่ ป่ ยเป็นโรค ื่นๆแล ท ใ ้เกิดค มดนโล ิต ูง เช่น โรคไต โรคข งต่ ม
ม กไต โรคข ง ล ดเลื ดไปเลี้ยงไตตีบตน โรค ื่นๆ เช่น โรคต่ มไทร ยด์โรค ล ดเลื ดใ ญ่แข็ง โรคเนื้ ง ก
ใน ม ง
าการข งโรคค ามดันโล ิต ูง
ผู้ที่เป็นค มดนโล ิต ูง ่ นใ ญ่จ ไม่มี ก ร ไรเลย เกิด ก รก็ต่ เมื่ เข้ ู่ร ย ุดท้ ยที่มีโรค
แทรกซ้ นแล้ เกิด ก รก็ต่ เมื่ เข้ ู่ร ย ุดท้ ยที่มีโรคแทรกซ้ นแล้ เช่น ใจ ย ล ดเลื ด ใจตีบ
รื ุดตน ไตเ ื่ ม เ ้นโล ิตใน ม งแตกแล เกิด มพ ต รื นตร ยถึงชี ิต
ก รที่พบได้บ่ ย คื ป ด ีร มกป ดบริเ ณท้ ยท ย จ เป็นในต นเช้ ซึ่งจ พบในคนที่มีค มดน
โล ิต ูงค่ นข้ งรุนแรง ก รป ด ีร จ ยไปได้เ ง แต่ใช้เ ล ล ยช่ โมง จมี ก ร ื่นร่ มด้ ย เช่น
คลื่นไ ้ เจียน ใจ ่น ต พร่ ่ นเพลีย มีเลื ดก เด ก รู้ ึกปร ทเครียด เ นื่ ย น นไม่ ลบ แต่ ย่ งไร
ก็ต ม ก รต่ งๆ เ ล่ นี้เป็น ก รที่พบได้ในบุคคลธรรมด ท่ ไป
ผลเ ีย รื ันตรายที่เกิดจากค ามดันโล ิต ูง
ค มดนโล ิต ูงจ ท ใ ้ ใจแล ล ดเลื ดต้ งท ง นเพิ่มขึ้นม กก ่ ปกติจึงท ใ ้เกิด นตร ยคื
1. ใจต้ งกดต แรงแล ท ง นม กขึ้นท ใ ้ ใจโตม กขึ้นเรื่ ยๆ จนกร ท่งถึงร ย ใจ ย ซึ่งจ มี
ก รข ง ใจ ยคื บ เ นื่ ย บ ม น นร บไม่ได้
2. ล ดเลื ดท่ ร่ งก ยจ มีก รเปลี่ยนแปลงคื ผนง ล ดเลื ดแข็งแล ช้นในข งผนง ล ดเลื ด
ขรุขร ท ใ ้ ย คญๆ ต้ งกร ทบกร เทื น เช่น ใจ เมื่ ล ดเลื ดเลี้ยง ใจตีบ รื ุดตนท ใ ้ ใจ
ข ดเลื ดไปเลี้ยง จึงเกิดโรค ใจข ดเลื ด
3. เกิดภ ล ดเลื ดใน ม งตีบตน รื แตก ท ใ ้เป็น มพ ต รื เ ียชี ิตได้ ถ้ เป็นเรื้ รง จท ใ ้
เป็นโรคค มจ เ ื่ ม ม ธิลดลง
4. เลื ด จไปเลี้ยงไตไม่เพียงพ เนื่ งจ ก ล ดเลื ดเ ื่ ม ท ใ ้ไต ยเรื้ รง แล ภ ไต ยจ ยิ่งท
ใ ้ค มดนโล ิต ูงขึ้น ีก
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 29

5. ล ดเลื ดแดงในต จ เ ื่ ม ย่ งช้ ๆ จมีเลื ดที่จ ต ท ใ ้ปร ทต เ ื่ มจนต บ ดได้


ิธีการป้ งกัน
เนื่ งจ กค มดนโล ิต ูง ่ นใ ญ่เกิดขึ้นโดยไม่ทร บ เ ตุจึงป้ งกนไม่ได้ แต่ก ร ลีกเลี่ยงปัจจยเ ี่ยง
ที่ท ใ ้เกิดโรคก็เป็นท งลดค มรุนแรงข งโรคลงได้ จึงค รเข้ รบก รตร จเช็คร่ งก ยแล ดค มดนโล ิตเป็น
ปร จ เมื่ ยุ 40 ปีขึ้นไป แล ปฏิบติตนในก ร ลีกเลี่ยงปัจจยเ ี่ยงต่ งๆโดยก รพย ย มค บคุมน้ นกต
ไม่ใ ้ ้ น ไม่กิน รเค็มจด กก ลงก ย ม่ เ ม พกผ่ นใ ้เพียงพ ลดค มเครียด ค ม ิตกกง ล
งดบุ รี่ ุร
การปฏิบัติตน ้า รับผู้ที่เป็นค ามดันโล ิต ูง
1. พบแพทย์เพื่ ตร จ ดค มดนโล ิตเป็นปร จ
2. รบปร ท นย ต มที่แพทย์ ่ง ย่ ง ม่ เ ม แล ไปพบแพทย์ต มนดทุกคร้ง ไม่ค ร ยุดย รื
ปรบเปลี่ยนย ด้ ยตนเ ง
3. รบผู้ป่ ยที่กินย ขบปั ค รกิน ้ม รื กล้ ยเป็นปร จ เพื่ ทดแทนโพแท เซียมที่เ ีย
ไปในปั
4. ค บคุมน้ นกต ไม่กินข ง น ข งมนๆ ลดปริม ณ รลงเมื่ ยุม กขึ้น กินผกผลไม้ ด
ต มฤดูก ล แต่ค ร ลีกเลี่ยงผลไม้ ุกที่ นจด เช่น ม ม่ ง ทุเรียน ล ไย ก รค บคุม รร่ มกบก ร ก
ก ลงก ยจ ช่ ยลดน้ นกต ได้
5. ลด รเค็มเพร เกลื จ ท ใ ้ค มดนโล ิต ูงขึ้น
6. งดบุ รี่ เพร รนิโคตินในบุ รี่จ ท ใ ้ ล ดเลื ดตีบ ค มดนโล ิต ูงขึ้น
7. งดดื่ม ุร เบียร์ ไ น์ เครื่ งดื่มเ ล่ นี้จ ท ใ ้ค มดนโล ิต ูงขึ้น
8. กก ลงก ยเป็นปร จ เช่น เดิน ่ ยน้ ถีบจกรย น แต่ค ร ลีกเลี่ยงก รเล่นกี ปร เภท
แข่งขน รื กโ มรุนแรง เพร จท ใ ้ค มดนโล ิต ูงขึ้นได้
9. พกผ่ นใ ้เพียงพ ไม่เคร่งเครียด ิตกกง ล น น ลบใ ้ นิท ่ น นง ื ฟังเพลง รดน้ ต้นไม้
รื ท กิจกรรมที่ท ใ ้รู้ ึกผ่ นคล ย รมณ์
10. ดูแลน้ นกข งร่ งก ยใ ้พ ดี เนื่ งจ กน้ นกต ที่เพิ่มขึ้นมีค ม มพนธ์โดยตรงกบร ดบ
ค มดนโล ิตที่ ูงขึ้น

โรค ้ น
โรค ้ นเป็น ภ ที่มีน้ นกต ม กก ่ น้ นกเฉลี่ยข งคน
ท่ ไปเกินก ่ ร้ ยล 20 รื มีไขมนม กก ่ ร้ ยล 25 ถึง 30 ข ง
น้ นกร่ งก ย เ ตุ ข งโรค ้ น จเกิ ด จ กพนธุ ก รรมแล
พฤติกรรม ุขภ พเช่น ก รกิน รม กเกินไปแล ข ดก ร กก ลง
ก ยท ใ ้ มีไขมน ่ นเกิน ไป มต ม ่ นต่ ง ๆ ข งร่ งก ย โดย
ผู้ช ยจ เก็บไขมน ่ นเกินไ ้ใต้ผิ นงที่ น้ ท้ งเป็น ่ นใ ญ่จึงมก
เรี ย ก ่ ้ นลงพุ ง ่ นผู้ ญิ ง จ เก็ บ ไขมน ่ นเกิ น ไ ้ ที่ น้ ท้ ง
โพก ก้นย้ ย น้ ข แล เต้ นม แ ล่งที่ม http://excellent.med.cmu.ac.th/meccmu/?p=963
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 30

โรค ้ นที่ ่งผลต่ ุขภ พแบ่งเป็น งปร เภทต มลก ณ ก รกร จ ยต ข งไขมนในร่ งก ย คื
1. ้ นแบบลูกแ ปเปิล รื ้ นลงพุงมีไขมนม กในช่ งท้ ง
2. ้ นแบบลูกชมพู่ รื ลูกแพรมีไขมนม กต มต้นข
ลก ณ ก รกร จ ยต ข งไขมนในร่ งก ยที่ผิดปกติท้ง งลก ณ โดยเฉพ ้ นแบบลูกแ ปเปิ้ล รื
้ นลงพุงมีค มเ ี่ยงต่ ก รเกิดโรคเรื้ รงม กก ่ ้ นแบบลูกชมพู่เช่นโรคเบ นโรค ล ดเลื ด ใจโรค
ค มดนโล ิต ูง โรคม เร็ง เป็นต้น โรค ้ นท้ง งปร เภทจดเป็นกลุ่ม ก รผิดปกติข งก รเผ ผล ญ ร
ข งร่ งก ย
ค ม ้ น รื น้ นกเกินเป็นภ ไม่พึงปร รถน ข งบุคคลทุกเพ ทุก ย ทุก ชีพ เพร จ ท ใ ้
ภ พพจน์ข งตนเ งด้ ยลงแล ยงท ใ ้ ย ภ ยในร่ งก ยต้ งท ง น นก เ ี่ยงต่ ก รป่ ยด้ ยโรคต่ ง ๆ
าเ ตุข งโรค ้ น
1. รบปร ท น รม กแล ข ดก ร กก ลงก ยจ เป็น เ ตุใ ญ่ข งโรค ้ นถึงร้ ยล 99
ก รรบปร ท นม กแต่ใช้พลงง นปกติ รื ใช้พลงง นน้ ยแล ก รรบปร ท นปกติแต่ใช้พลงง นน้ ยจ ท ใ ้
เกิดพลงง น ม รื ไขมน มในร่ งก ย
2. มีค มผิดปกติข งต่ มไร้ท่ แล เมท บ ลิซึม เช่น
ต่ ม ม กไตท ง นม กก ่ ปกติจึงผลิต ร์โมน ( เตียร ยด์) กม ม กท ใ ้เกิด
ไขมนม กขึ้นในร่ งก ย
ต่ มไทร ยด์ท ง นน้ ย จ ข ด ร์โมนบ งชนิดท ใ ้ก รใช้ รเป็นไปได้ช้
เกิดพลงง น ม ท ใ ้ ้ นฉุ
ต่ มใต้ ม ง ร้ ง ร์โมนม กก ่ ปกติ (Cushing’s Disease) เนื่ งจ กเป็นเนื้ ง ก
ท ใ ้เกิดก ร มไขมนบริเ ณใบ น้ ล ต แล บริเ ณด้ น ลงค
3. ูนย์ค บคุมก ร ิ่มข ง ม งถูกท ล ย เกิดจ กโรคที่ท ใ ้เกิดค มผิดปกติข งต่ ม
ไ โปธ ล ม (Hypothalamus) จ ท ใ ้รบปร ท น รไปเรื่ ยๆ จนเกิดค ม ้ น
4. ผลจ กย บ งชนิดที่รบปร ท นเข้ ไป เช่น ย เจริญ ร ย ลดค มดนโล ิต
5. พนธุกรรม ค ม ้ นถ่ ยท ดในคร บคร ได้ จ ก ถิติถ้ บิด แล ม รด ้ น ลูกมีโ ก ้ น
80% ถ้ พ่ รื แม่คนใดคน นึ่ง ้ นลูกมีโ ก ้ นลดลงเ ลื 40% แต่ถ้ พ่ แม่ไม่ ้ น ลูกจ มีโ ก 10%
ิธีการที่ ามารถบ ก ภา ะข งค าม ้ นได้ มีดังนี้
1. ค้ า น ณ าดั ช นี ม ลกาย (Body Mass Index; BMI) ซึ่ ง เป็ น ตร ่ นร ่ งน้ นก
(กิโลกรม) ต่ ่ น ูง (เมตร) ยกก ลง ง จ ได้ค่ ดชนีม ลก ยที่ ม รถบ กค ม ้ นได้คื (กิโลกรม : ต ร ง
เมตร)
ดัชนีม ลกาย = น้้า นักตั (กิโลกรัม)
( รื ดัชนีค าม นาข งร่างกาย) ่ น ูง(เมตร) ยกก้าลัง ง

ดัชนีม ลกาย / ประเภท ช่ งที่เ มาะ มข ง % ไขมันในร่างกาย*


< 18.5 น้ นกน้ ย ผู้ช ย ผู้ ญิง
18.5 – 23 ปกติ น้ นกปกติ 12 – 20 % 20 – 30 %
23 – 24.9 น้ นกเกิน น้ นกเกิน 21 – 25 % 31 – 33 %
> 25 ้น ้น > 25 % > 33 %
*Bray, 1998
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 31

เ น้ ร บเ (ซม.) ชาย ญิง W/H Ratio ชาย ญิง


ค มเ ี่ยงเพิ่มขึ้น 94 80 ค มเ ี่ยงเพิ่มขึ้น 1 0.8
ค มเ ี่ยงเพิ่มขึ้นม ก 102 88

2. ค้าน ณน้้า นักเฉลี่ยจากค าม ูง โดยใช้ มก รดงนี้ (น้ นกเป็นกิโลกรม)


ชย = ( ่ น ูง / ซม. – 100) x 0.9
ญิง = ( ่ น ูง / ซม. – 100) x 0.8
รื ใช้ ิธี
ชย = ่ น ูง / ซม. – 100
ญิง = ่ น ูง / ซม. – 110

3. การชั่ง น้้า นัก แล้ ค้า น ณ าค่า เกิน มาตรฐาน ถ้ ม กก ่ ร้ ยล 20 ใ ้ ถื ่ ้ นโดย


แบ่งเป็น 3 ร ดบ ดงนี้
3.1 ้ นน้ ย มีน้ นกเกินม ตรฐ นร้ ยล 20 - 40
3.2 ้ นป นกล ง มีน้ นกเกินม ตรฐ นร้ ยล 41 - 100
3.3 ้ นม ก ๆ มีน้ นกเกินม ตรฐ นร้ ยล 100 ขึ้นไป
รบผู้ที่มีน้ นกปกติ รื ดชนีม ลก ยข งร่ งก ย ยู่ในเกณฑ์ดี แต่ถ้ ลงพุง จถื ่ ้ น
ลงพุง แล มี ตร เ ี่ยงต่ ก รเกิดโรคต่ ง ๆ ได้เช่นเดีย กน ิธีก รคิด ่ ร่ งก ย ้ นลงพุงโดย ดเ ้นร บบริเ ณ
ดื แล เ ้นร บ โพก ่ นที่ก ้ งที่ ุดม ค น ณ ตร ่ น (เซนติเมตร)
เพ ช ย ถ้ ตร ่ นเกิน 1 ถื ่ ้ นแบบลงพุง
เพ ญิง ถ้ เกิน 0.8 ถื ่ ้ นแบบลงพุง
ค ามเ ี่ยงที่เป็น ันตรายต่ ุขภาพจากค าม ้ นมีดังนี้
1. เพิ่ม ัตราเ ี่ยงจากการเกิดโรคเรื้ รัง รื ร้ายแรง ได้แก่
โ ก เกิดโรคเบ นเพิ่มขึ้นเป็น 7 เท่ ข งคนปกติ
มีไขมนในเลื ด ูงก ่ ปกติโดยเฉพ ไขมนไตรกลีเซ ไรด์
ร้ ยล 30 ข งคน ้ น (ที่มีน้ นกม กก ่ ม ตรฐ นร้ ยล 30) จ มีค มดนโล ิต ูง
มี ตร เ ี่ยง ูงต่ ก รเกิดนิ่ ในถุงน้ ดี 2-3 เท่ ข งคนปกติ
ล ดเลื ดตีบแข็งบริเ ณกล้ มเนื้ ใจ รื ที่ ม ง
ร บบ ยใจผิ ดปกติ ไขมนในท้ งจ เบียดป ดท ใ ้ ป ดได้รบ กซิเจนน้ ย มีก๊ ซ
ค ร์บ นได กไซด์ค่งในเลื ดม กจึงท ใ ้คน ้ นม กซึม ช บ ลบ เ นื่ ยง่ ย บ
แล ยุด ยใจร ่ งน น ลบ (Sleep Apnea)
2. เ ้นเลื ดตีบแข็ง เป็นผลม จ กมีไขมนในเลื ด ูงร่ มกบค ม ้ น ท ใ ้เ ้นเลื ดตีบแข็งได้ง่ ย
โดยเฉพ เ ้นเลื ดที่เลี้ยงกล้ มเนื้ ใจตีบท ใ ้เกิดภ ใจ ยได้ รื เ ้นเลื ดที่เลี้ยง ม งตีบท ใ ้เกิด
มพ ต
3. ข้ ต่ เ ื่ ม ค ม ้ นท ใ ้ข้ เ ื่ มได้ง่ ย เช่น ข้ เข่ โพก เป็นต้น
4. โรคผิ นัง คน ้ นมกเกิดโรคผิ นงที่บริเ ณข นีบ รกแร้ ใต้ร นม เป็นต้น มกเกิดเชื้ ร จ ก
ก รที่มีเ งื่ กม ก
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 32

5. ัตราเ ี่ยงต่ การเกิดภา ะแทรกซ้ นเมื่ ต้ งรับการผ่าตัดและการดมยา ลบ เช่น ป ดบ ม รื


ป ดแฟบ แผลติดเชื้ ภ ล ดเลื ดค่งแข็งต ใน ล ดเลื ดด ที่ข
6. ารมณ์ ผู้ที่ ้ นมกจ ซึมเ ร้ ิตกกง ล ข ดค มม่นใจ รื เก็บต

ิธีการลดน้้า นัก
1. การค บคุม า าร
1.1 รบปร ท น รที่มีโภชน ก ร มดุล รื ครบ 5 มู่ นล 3 มื้
- เลื กรบปร ท น รค ร์โบไ เดรตที่มีใยพืช ูง จ ท ใ ้ ิ่มเร็ แล ิ่มทน เช่น ข้ ซ้ มมื
- เลื กรบปร ท น รที่มีโปรตีนที่มีไขมนน้ ย รบปร ท นม เป็นปร จ แล ถ้ เป็นเนื้ ต ์
ื่น ๆ ไม่ค รติด นงแล มน
- รบปร ท น รที่มีไขมนใ ้น้ ยลงก ่ 40 - 50 กรมต่ น
- รบปร ท นผกแล ผลไม้ที่ไม่ นจดทุก น โดยเฉพ ผก จ ได้รบ ิต มิน เกลื แร่ แล เ ้นใย
เพิ่มขึ้น
1.2 ก นดปริม ณ รที่จ รบปร ท นต่ มื้ แล ต่ นเพื่ เป็นผลดีต่ ก รลดน้ นก
1.3 ลดปริม ณแคล รีในแต่ล นลงปร ม ณ 500-600 กิโลแคล รี ค รปรุง รโดยก รต้ม นึ่ง
ย่ ง เผ บ ลีกเลี่ยง รท ด
1.4 รบปร ท นแล เคี้ย ช้ ๆ รบปร ท น รแต่ล มื้ ต มเ ล ที่ก นด แล เมื่ รู้ ึก ิ แต่
ไม่ใช่ ย กรบปร ท น
1.5 ดื่มน้ ย่ งน้ ย นล 8-12แก้ ลีกเลี่ยงน้ ดลมแล เครื่ งดื่มที่มีร น
1.6 ลดปริม ณเกลื ใน รที่รบปร ท น
2. การ กก้าลังกาย
ก ร กก ลงก ยลดน้ นกก ร กก ลงก ยที่เ ม ม รบโรค ้ นคื กก ลงก ยที่มีได้
ค มตร นกร ดบเบ ถึงป นกล ง เช่นก รเดินเร็ ถีบจกรย นปิงป งแบดมินตน ่ ยน้ เป็นต้นไม่ค ร กก ลง
ก ยปร เภทที่มีก รกร แทกข้ เช่นกร โดดเชื กก ร ิ่งก รชกม ยก ร กก ลงก ยลดน้ นกค ร กก ลงก ย
ย่ งต่ เนื่ งไม่ต่ ก ่ คร้งล 45 น ที ร่ งก ยจึงจ ดึงพลงง น ร งซึ่งเก็บไ ้ในรูปข งไขมนม ใช้เป็นพลงง น

โรคเบา าน
เบา าน เป็นกลุ่มโรคท งเมต บ ลิซึม (Metabolism) คื ก รเผ ผล ญน้ ต ลไม่ มดุ ล ร่ งก ยไม่
ม รถน น้ ต ลที่ได้จ ก รไปใช้ใ ้เป็นพลงง นได้ ย่ งมีปร ิทธิภ พ ท ใ ้ร ดบน้ ต ลในเลื ด ูงใน
ภ ปกติเมื่ ร่ งก ยได้รบ ร รปร เภทค ร์โบไ เดรตปริม ณน้ ต ลในกร แ เลื ดจ เพิ่มขึ้น ตบ ่ นจ
ลง ร์โมน ินซูลิน (Insulin) เพื่ เปลี่ยนน้ ต ลไปเป็นพลงง น แต่กรณีที่ก รท ง นข งกร บ นก รเผ ผล ญ
น้ ต ลบกพร่ ง ท ใ ้น้ ต ลผ่ นเข้ ไปในเซลล์ไม่ ม่ เ ม ได้แก่
1. ตบ ่ นเ ื่ ม ภ พไม่ผลิต ินซูลิน รื ผลิตลดลง ท ใ ้ ินซูลินที่จ เปลี่ยนน้ ต ลเป็นพลงง นไม่
เพียงพ
2. ตบ ่ นยงท ง นปกติ ไป ินซูลินไม่ ม รถน กลูโค ผ่ นเข้ ไปในเซลล์ รื เกิดภ ดื้ ินซูลิน คื
ปริม ณ ินซูลิน ูงแต่น้ ต ลไม่ลด
ค มไม่ มดุลข งก รเผ ผล ญน้ ต ลใ ้เป็นพลงง น ท้ง 2 กรณี ท ใ ้น้ ต ล มในเลื ดแต่ร่ งก ย
ไม่ ม รถน ไป ร้ งพลงง นได้ท ใ ้เซลล์ข ดพลงง นจึงรู้ ึก ่ นเพลียน กจ กนี้ปริม ณน้ ต ลในเลื ดม ก
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 33

เท่ ไร ไปท น้ ที่กร ง กม ในปริม ณม ก ต ม ด ่ น ขณ เดีย กนท ใ ้เกลื แร่ (Electrolyte) ถูกก จด
กไปด้ ยท ใ ้รู้ ึกเพลียม กขึ้น เมื่ ร่ งก ยไม่ ม รถน น้ ต ลไปใช้เป็นพลงง นได้ จึงต้ ง ล ยพลงง นจ ก
ไขมนแล โปรตีนจ กกล้ มเนื้ ม ทดแทน ท ใ ้น้ นกลดลง น้ ต ลที่ มในเลื ดเมื่ ร มต กบโปรตีนจ ก
เก ติดผนงเซลล์ ท ใ ้ผนง ล ดเลื ดบ มเกิดแรงต้ นก รไ ลเ ียนเลื ดแล ล ดเลื ด ุดตนได้ง่ ย เลื ดไป
เลี้ยงเ ้นปร ท ่ นปล ยลดลง ซึ่งเป็น เ ตุใ ้มี ก รช ปล ยมื ปล ยเท้ ต พร่ ม ตล ดจนแผล ยช้
ภ แทรกซ้ นต่ งๆ พบ ่ ผู้ป่ ยเบ นที่ได้รบก ร ินิจฉยม น นก ่ 15 ปี ปร ม ณร้ ยล 2 จ มีค มผิด
ปกติท ง ยต ม กก ่ ร้ ยล 50 จ มีค มผิดปกติข งปล ยปร ท แล มีค มเ ี่ยงต่ โรค ล ดเลื ด
ใจแล ม ง 2-4 เท่ ข งคนปกติ (เย รตน์ ปรปัก ์ข ม, พรพนธุ์ บุญยรตพนธุ์ แล คณ , www.hiso.or.th)

โรคเบา านแบ่งเป็น 4 ชนิด ตาม าเ ตุข งการเกิดโรค


1. โรคเบา านชนิดที่ 1 (type 1 diabetes mellitus, T1DM) เกิดจ กเซลล์ตบ ่ นถูกท ล ยจ ก
ภูมิคุ้มกนข งร่ งก ย ท ใ ้ข ด ินซูลิน ่ นใ ญ่พบในคน ยุน้ ย รูปร่ งไม่ ้ น มี ก รปั ม ก ดื่มน้
ม ก ่ นเพลีย น นกลด จจ เกิดขึ้นได้ ย่ งร ดเร็ แล รุนแรง (มกพบใน ยเด็ก)
2. โรคเบา านชนิดที่ 2 (type 2 diabetes mellitus, T2DM) เป็นชนิดที่พบบ่ ยที่ ุดในคนไทย พบ
ปร ม ณร้ ยล 95 ข งผู้ป่ ยเบ นท้ง มด เป็นผลจ กก รมีภ ดื้ ต่ ินซูลิน ร่ มกบค มบกพร่ งข ง
ินซูลินที่เ ม ม มกพบในคน ยุ 30 ปีขึ้นไป รูปร่ งท้ น รื ้ น ก รมกไม่รุนแรงแล ค่ ยเป็นค่ ยไป มก
มีปร ติโรคเบ นชนิดที่ 2 ในพ่ แม่ รื พี่ น้ ง โดยที่ค มเ ี่ยงต่ ก รเกิดโรคเบ นชนิดนี้พบม กเมื่ มี
ยุ ูงขึ้น น้ นกต เพิ่มขึ้น ข ดก ร กก ลงก ย
3. โรคเบา านขณะตั้งครรภ์ (gestational diabetes mellitus, GDM) เป็นโรคเบ นที่เกิดจ ก
ก รที่มีภ ดื้ ต่ ินซูลินม กขึ้นในร ่ งต้งครรภ์ จ กปัจจยจ กรก รื ื่นๆ แล ตบ ่ นข งม รด ไม่
ม รถผลิต ินซูลินใ ้เพียงพ กบค มต้ งก รได้ มกเกิดเมื่ ไตรม 2 รื 3 ข งก รต้งครรภ์
4. โรคเบา านที่มี าเ ตุจ้าเพาะ (specific types of diabetes due to other causes) เป็น
โรคเบ นที่มี เ ตุชดเจน เช่น โรคท งพนธุกรรม โรคข งตบ ่ น โรคท งต่ มไร้ท่ จ กย บ งชนิด จ ก
ก รติดเชื้ จ กปฏิกิริย ภูมิคุ้มกน เป็นต้น
การประเมินน้้าตาลในเลื ด มี ิธีก รปร เมิน 2 ิธี คื
1. น้ ต ลในเลื ด (Blood Sugar) ที่ เ ม ม ก่ นกิน รเช้ (งด ร 8 ช่ โมง) = 70-110
มิลลิกรมต่ เดซิลิตร ถ้ ม กก ่ 126 มิลลิกรมต่ เดซิลิตร ถื ่ เป็ นเบ น ลงกิน ร ค รน้ ยก ่ 140
มิลลิกรมต่ เดซิลิตร ถ้ ม กก ่ 200 มิลลิกรมต่ เดซิลิตร ถื ่ เป็นเบ น
2. น้ ต ล มในเลื ด (Hemoglobin) คื ค่ เฉลี่ยน้ ต ล มในช่ ง 3 เดื น ที่ผ่ นม ค่ ปกติ
เท่ กบ 4-5.9 ถ้ ม กก ่ ร้ ยล 7 ร ดบน้ ต ลในเลื ดจ ูงเกิน 170 มิลลิกรมต่ เดซิลิตร ดงน้นผู้ป่ ยเบ น
ค รค บคุมร ดบน้ ต ล มในเลื ดใ ้น้ ยก ่ ร้ ยล 7 ซึ่งปัจจุบนนิยมใช้ ิธีนี้ในก รปร เมินร ดบน้ ต ลใน
เลื ดข งผู้ป่ ยเบ น
เบ นเป็ น โรคที่ ร ก ไม่ ย แต่ ม รถค บคุ ม ได้
โดยเฉพ ก รค บคุ ม ร รที่ มี ค่ ดชนี น้ ต ลต่ เป็ น
รที่เ ม โรคเบ น เนื่ งจ กกลูโค จ ถูกย่ ยช้ ๆ มดุล
กบก รดูดซึมกลูโค เข้ ู่เซลล์ ท ใ ้ร ดบน้ ต ลในเลื ดคงที่ ดชนี
น้ ต ลข ง รที่เป็นปร โยชน์ในก รตด ินใจเลื กชนิด ร
แ ล่งที่ม ข งภ พ http://www.kukeawhosp.com/index.php?r=site%2Fdm
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 34

าเ ตุข งโรคเบา าน
เบ นเกิดได้จ ก ล ย เ ตุ มกไม่ได้เป็นจ ก เ ตุใด เ ตุ นึ่ง แต่เป็นจ ก ล ย ล ย เ ตุ
ร่ มกน ได้แก่
1. กรรมพันธุ์ เบ นมี เ ตุจ กกรรมพนธุ์ ่ น นึ่ง แต่ผู้ที่มีญ ติ ยตรง เช่นพ่ แม่ พี่ น้ ง เป็น
เบ นก็ไม่จ เป็นต้ งป่ ยเป็นโรคเบ นทุกร ย ท้งนี้ขึ้นกบก รค บคุมดูแลปัจจยเ ี่ยง ย่ ง ื่น
2. โรค ้ น ผู้ที่มีน้ นกม ก ไขมน ่ นเกินจ ร้ ง รที่ท ใ ้ก รต บ น งข งเนื้ เยื่ ร่ งก ยต่
ินซูลินไม่ดี รื นย นึ่งเกิดภ ดื้ ต่ ินซูลินขึ้น
3. ผู้ ูง ายุ เมื่ ยุม กขึ้น ตบ ่ นจ เ ื่ มก รท ง นลง ท ใ ้ก ร งเคร ์แล ก ร ล่ง ิน ซูลิน
ลดลง
4. โรคข งตับ ่ น เช่น ภ ตบ ่ น กเ บเรื้ รง จ กก รดื่มเ ล้ ย รื ไขมนไตรกลีเซ ไรด์ใน
เลื ด ูง
5. การติดเชื้ ไ รั บางชนิดเมื่ ยังเป็นเด็ก เช่น ด ดเย รมน ค งทูม โดยพบ ่ เด็กที่ป่ ยเป็นโรค
ดงกล่ มีโ ก เป็นเบ นเมื่ ยุม กขึ้นเมื่ เทียบกบเด็กที่ไม่ได้ป่ ย
6. การได้รับยาบางชนิด เช่น เตียร ยด์ ย ขบปั ย คุมก เนิดบ งชนิด ซึ่งย เ ล่ นี้ท ใ ้มีก ร
ร้ งน้ ต ลที่ตบม กขึ้น รื เกิดก รต บ น งข ง ินซูลินแย่ลง
7. การตั้งครรภ์เนื่ งจ กขณ ต้งครรภ์จ มีก ร ร์โมนจ กรก ซึ่งมีผลต่ ต้ นก รท ง นข ง ินซูลิน
ผู้ที่มีโ กา เป็นโรคเบา าน
เบ น พบได้ในคนทุกเพ ทุก ย แต่จ พบม กในคน ยุ
ก ่ 40 ปีขึ้นไปคนที่ ยู่ในเมื งมีโ ก เป็น เบ น ม กก ่ คนใน
ชนบท คน ้ นที่น้ นกเกินโดยดูจ กดชนีม ลก ย ผู้ที่ข ดก ร ก
ก ลงก ยแล ญิงที่มีลูกดกโดยเฉพ ผู้มี ปร ติคล ดบุตรมีน้ นก
แรกคล ดม กก ่ 4กิโลกรม จ มีโ ก เป็น เบ นได้ม กขึ้นแต่ใน
ปัจจุบนลก ณ ก รบริโภคแล กิจกรรมต่ งๆในชี ิตปร จ น ่งผลใ ้มี
คนเป็ น เบ น เพิ่ ม ม กขึ้ น แล ก รพบผู้ ป่ ยที่ ยุ น้ ยที่ เ ป็ น
เบ น ก็เพิ่ม ูงขึ้น าการข งโรคเบา าน
ผู้เป็นโรคเบ นจ มี ก รเบื้ งต้น คื
1. ป ดปั บ่ ย คร้ ง ขึ้น เนื่ งจ กในกร แ เลื ดแล
ย ต่ งๆมีน้ ต ลค้ ง ยู่ม กไตจึงท ก รกร ง กม ในปั ท
ใ ้ปั น งเกตจ กก รที่มีมดม ต มปั จึงเป็นที่ม ข ง
ก รเรียก เบ น
2. ปั กล งคืนบ่ ยขึ้น
3. กร ยน้ แล ดื่มน้ ในปริม ณม กๆต่ คร้ง แ ล่งทีม่ ข งภ พ https://www.asiaherb-shop.com/content/1520/
4. ่ นเพลีย เ นื่ ยง่ ยไม่มีเรี่ย แรง
5. เบื่ ร
6. น้ นกต ลดโดยไม่ทร บ เ ตุ โดยเฉพ ถ้ กน้ นกเคยม กม ก่ น นเนื่ งม จ กร่ งก ยไม่
ม รถน น้ ต ลไป ร้ งพลงง นได้เต็มที่จึงต้ งน ไขมนแล โปรตีนจ กกล้ มเนื้ ม ใช้ทดแทน
7. ติดเชื้ บ่ ยก ่ ปกติ เช่นติดเชื้ ท งผิ นงแล กร เพ ร งเกตได้จ กเมื่ เป็นแผลแล้ แผลจ
ยย ก
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 35

8. ยต พร่ ม งไม่ชดเจน
9. ก รช ไม่ค่ ยมีค มรู้ ึก เนื่ งม จ กเบ นจ ท ล ยเ ้นปร ทใ ้เ ื่ ม มรรถภ พลง
ค ม ม รถในก รรบรู้ค มรู้ ึกจึงถดถ ยลง
10. จจ มี ก รข งโรค ใจ แล โรคไต
การป้ งกันโรคเบา าน
1. ค บคุมน้้าตาลในเลื ดใ ้ ยู่ในเกณฑ์ปกติแล แก้ไขปัจจยเ ี่ยง ื่นๆ นจ ก่ ใ ้เกิดโรคเบ น
2. ค บคุมโภชนาการใ ้มีค ม มดุลท้งในด้ นโภชน ก ร ก ร กก ลงก ย ร มไปจนถึงก รใช้ย
รก โรค
3. ค รตร จเช็คระดับน้้าตาลในเลื ด ม่้าเ ม โดยปรึก แพทย์ ่ ค รตร จเช็คเมื่ ใด แล ร ย เ ล
่ งในก รตร จที่เ ม ม
4. ยาบางชนิด รื ยา มุนไพร จมีผลต่ ก รค บคุมน้ ต ลในเลื ด จ ต้ งปรึก แพทย์แล เภ ชกร
ก่ นใช้ย รื มุนไพร เ ล่ นี้

โรคมะเร็ง
ม เร็ง คื กลุ่มข งโรคที่เกิดเนื่ งจ กเซลล์ข งร่ งก ยมีค มผิดปกติ ที่ DNA รื รพนธุกรรม
่งผลใ ้เซลล์มีก รเจริญเติบโต มีก รแบ่งต เพื่ เพิ่มจ น นเซลล์ ร ดเร็ แล ม กก ่ ปกติ ดงน้น จึง จท ใ ้
เกิดก้ นเนื้ ผิดปกติแล ในที่ ุดก็จ ท ใ ้เกิดก รต ยข งเซลล์ในก้ นเนื้ น้นเนื่ งจ กข ดเลื ดไปเลี้ยงเซลล์พ ก
นี้เกิด ยู่ใน ย ใดก็จ เรียกชื่ ม เร็ง ต มด้ ย ย น้น เช่น ม เร็งป ด ม เร็ง ม ง ม เร็งเต้ นม ม เร็งป ก
มดลูก ม เร็งเม็ดเลื ดข ม เร็งต่ มน้ เ ลื ง แล ม เร็งผิ นง เป็นต้น
มะเร็งเกิดขึ้นได้ ย่างไร
เซลล์ม เร็งเกิดขึ้นภ ยในร่ งก ยข งมนุ ย์ ยู่ตล ดเ ล ร่ งก ยข งเร เ งที่เป็นผู้ ร้ งเซลล์ม เร็ง
ขึ้นม ปกติแล้ ร่ งก ยมนุ ย์จ ร้ งเซลล์ใ ม่ๆ เพื่ ใช้ในเรื่ งพฒน ก รข งร่ งก ยแล ทดแทนเซลล์เก่ ที่
เ ื่ ม ภ พ ก รแบ่งต ข งเซลล์แบบท ีคูณท ใ ้ใน 1 น ที จมีเซลล์เกิดใ ม่ขึ้นเป็นล้ นๆเซลล์ โดยมี
น่ ยพันธุกรรม (DNA) ท น้ ที่ในก รค บคุม
เซลล์ม เร็งคื เซลล์ที่ท น้ ที่ผิดปกติไปจ กเดิม เกิดจ กค มผิดพล ดในข้นต นข งกร บ นก รแบ่ง
เซลล์ ท ใ ้เซลล์ที่ ร้ งขึ้นใ ม่เกิดค มบกพร่ ง ท น้ ที่ผิดเพี้ยน โดยไม่ย มท น้ ที่ปกติต มที่ค รจ เป็ น
ค มผิดพล ดจ เกิดจ กกร บ นก รค บคุมร พนธุกรรมข งเซลล์ถูกรบก น ปกติแล้ เซลล์ที่แบ่งต กม
จ มีร พนธุกรรม รื ที่เรียก ่ DNA ค ยค บคุมใ ้เ มื นเซลล์ต้นแบบ เมื่ ถูกรบก นซึ่ง ม รถเกิดขึ้นได้
จ ก ล ย เ ตุด้ ยกน ท้งจ กค มผิดปกติภ ยในร่ งก ย ก รกร ตุ้นข งเชื้ โรค จ ก รก่ ม เร็ง รื จ ก
ร นุมูล ิ ร ท ใ ้เซลล์ที่แบ่งต กม ไม่ มบูรณ์

ค าม ันตรายข งมะเร็ง
ม เร็งแต่ล ชนิดมี นตร ยม กน้ ยต่ งกนไป ขึ้น ยู่กบชนิดข งม เร็ง ต แ น่งที่เกิด แล เ ตุข ง
โรค ม เร็งบ งชนิด ม รถรก ใ ้ ยได้แม้จ เข้ ู่ร ย ลุกล มแล้ ก็ต ม ปัจจย คญที่จ เป็นต ก นด
ค ม นตร ยข งม เร็งน้น ขึ้น ยู่กบร ย เ ล ที่ตร จเจ ม เร็ง แพทย์จ แบ่งร ดบค ม นตร ย กเป็น
5 ร ดบด้ ยกนคื
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 36

ระยะที่ 0 เรี ย ก ่ ร ย เริ่ มต้น เป็นช่ งที่เซลล์ ปกติเริ่มกล ยเป็นเซลล์ ต้งต้นข งม เร็ง ยงไม่มี ก ร
ขย ยต แล ก รลุกล ม
ระยะที่ 1 เรียก ่ ร ย เติบโต เซลล์ต้งต้นข งม เร็งเริ่มขย ยต เป็นก้ นเนื้ แต่ยงขน ดไม่เกิน
2 เซนติเมตร แล ยงไม่ลุกล มเข้ ต่ มน้ เ ลื ง
ระยะที่ 2 เรียก ่ ร ย เจริญเติบโต ก้ นม เร็งมีขน ดใ ญ่ม กขึ้น แต่ยงไม่เกิน 5 เซนติเมตร แล ยงไม่
ลุกล มเข้ ู่ต่ มน้ เ ลื ง ช่ งนี้ม เร็งจ เริ่มแ ดง ก ร
ระยะที่ 3 ร ย ลุกล ม ก้ นม เร็งจ ขย ยต ม กขึ้นจนมีขน ดเกิน 5 เซนติเมตร แล ลุกล มเข้ ู่ต่ ม
น้ เ ลื งแล้ แต่ยงไม่แพร่กร จ ยไปยง ย ื่นๆ ม เร็งจ เริ่มแ ดง ก ร แล ่งผลต่ ก รด เนินชี ิตจน
รู้ ึกได้ด้ ยต เ ง
ระยะที่ 4 ร ย แพร่กร จ ย เซลล์ม เร็งลุกล มไปยงต่ มน้ เ ลื ง แล แพร่กร จ ยไปยง ย ื่นๆ
แล้ เมื่ เข้ ู่ช่ งนี้โ ก ที่จ รก ใ ้ ยได้น้นแทบจ เป็นไปไม่ได้ มีบ้ งที่ ม รถรก ยแต่ก็มีโ ก
น้ ยม ก
ัญญาณ ันตราย 7 ประการที่ทุกคนค รจะจ้าไ ้เพื่ ุขภาพที่ดี ได้แก่
1. มีก รเปลี่ยนแปลงข งร บบขบถ่ ย ุจจ ร แล ปั เช่น ถ่ ย ุจจ ร เป็น ีด รื ปั
เป็นเลื ด
2. แผลซึ่งรก แล้ ไม่ย ม ย
3. มีก้ นที่เต้ นม รื ่ นต่ งๆข งร่ งก ย
4. กลืน รล บ ก รื มี ก รเ ียดแน่นท้ งเป็นเ ล น น
5. ู ื้ รื มีเลื ดก เด ไ ลมีเลื ด รื ตกข ที่ผิดปกติ เช่น มีกลิ่นเ ม็น
6. มีก รเปลี่ยนแปลงข ง ูด รื ไฝต มร่ งก ย
7. มี ก รเ ียงแ บ แล ไ เรื้ รง
าการแ ดงข งโรคมะเร็ง
1. ไม่มี ก รใดเลยในช่ งแรกขณ ที่ร่ งก ยมีเซลล์ม เร็งเป็นจ น นน้ ย
2. มี ก ร ย่ งใด ย่ ง นึ่งต ม ญญ ณ นตร ย 7 ปร ก ร ที่เป็น ญญ ณเตื น ่ ค รไปพบแพทย์
เพื่ ก รตร จค้น โรคม เร็ง รื เ ตุ ื่นๆที่ท ใ ้มี ญญ ณเ ล่ นี้ เพื่ ก รรก แล แก้ไขท งก รแพทย์ที่
ถูกต้ งก่ นที่จ กล ยเป็นโรคม เร็ง รื ป่ ยเป็นม เร็งร ย ลุกล ม
3. มี ก รป่ ยข งโรคท่ ไป เช่น ่ นเพลีย เบื่ ร น้ นกลด ร่ งก ยทรุดโทรม ไม่ ดชื่นแล ไม่
แจ่มใ
4. มี ก รที่บ่งบ ก ่ ม เร็ง ยู่ในร ย ลุกล ม รื เป็นม ก ขึ้น ยู่กบ ่ เป็นม เร็งชนิดใดแล มีก ร
กร จ ยข งโรค ยู่ ที่ ่ นใดข งร่ งก ย ที่ คญที่ ุ ดข ง ก รในกลุ่ มนี้ ได้แก่ ก รเจ็บป ด ที่แ นทุกข์
ทรม น
ปัจจัยเ ี่ยงต่ การเป็นโรคมะเร็งที่ ้าคัญ มี 2 ข้
ข้ แรก คื ปัจจัยภายในร่างกาย เช่น ค มผิดปกติท งพนธุกรรม เชื้ ช ติ เพ ยุ ค มบกพร่ ง
ข งร บบภูมิคุ้มกน เป็นต้น
ข้ ที่ ง คื ปัจจัยจาก ิ่งแ ดล้ มภายน กร่างกาย เช่น รก่ ม เร็งที่ปนเปื้ นใน ร ก
เครื่ งดื่ม ย รก โรค ร มท้งก รได้รบ รเคมี รง ี เชื้ ไ ร เชื้ แบคทีเรีย พย ธิบ งชนิดแล ภ ข ด ร
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 37

ผู้ที่มีค ามเ ี่ยงต่ การเป็นโรคมะเร็ง มีดังนี้


1. ผู้ที่ ูบบุ รี่ จ มีค มเ ี่ยงต่ ก รเป็นม เร็งข งร บบ ยใจ ได้แก่ ป ด แล กล่ งเ ียง เป็นต้น
2. ผู้ที่ดื่ม ุร เป็นปร จ จ เ ี่ยงต่ ก รเป็นม เร็งตบ ถ้ ท้งดื่ม ุร แล ูบบุ รี่จด จ เ ี่ยงต่ ก รเป็น
ม เร็งช่ งป กแล ในล ค ด้ ย
3. ผู้ ที่ เ ป็ น พ ข งเชื้ ไ ร ตบ กเ บชนิ ด บี รื ผู้ ที่ ช บรบปร ท น รที่ มี รพิ
ลฟ ท กซิล ที่พบจ กเชื้ ร ที่ปนเปื้ นใน ร เช่น ถ่ ลิ งป่น เป็นต้น กรบปร ท นปร จ จ เ ี่ยงต่ ก ร
เป็นม เร็งตบ แล กได้รบท้ง 2 ย่ ง โ ก จ เป็นม เร็งตบม กขึ้น
4. ผู้ที่รบปร ท น รที่มีไขมน ูงเป็นปร จ จ มีค มเ ี่ยง ูงต่ ก รเป็นม เร็งเต้ นม ล ไ ้ใ ญ่
เยื่ บุมดลูก แล ต่ มลูก ม ก
5. ผู้ที่ติดเชื้ พย ธิใบไม้ตบ แล รบปร ท น รที่ใ ่ดินปร ิ เป็นปร จ จ เ ี่ยงต่ ก รเป็นม เร็ง
ท่ น้ ดีในตบ
6. ผู้ที่มีภูมิคุ้มกนบกพร่ ง นเกิดจ กค มผิดปกติจ กพนธุกรรม รื ติดเชื้ ไ ร HIV จ เ ี่ยงต่ ก ร
เป็นม เร็งต่ มน้ เ ลื ง ม เร็งป ดมดลูก ม เร็งข ง ล ดเลื ด เป็นต้น
7. ผู้ที่รบปร ท น รเค็มจด รที่มี ่ นผ มดินปร ิ แล ่ นไ ม้ ข ง รเป็นปร จ จ
เ ี่ยงต่ ก รเป็นม เร็งกร เพ แล ล ไ ้ใ ญ่
8. ผู้ที่มีปร ติโรคม เร็งในคร บคร ทิ ม เร็ งข งจ ต ม เร็งเต้ นม ม เร็งรงไข่ แล ม เร็งล ไ ้
ใ ญ่ชนิดที่เป็นติ่งเนื้ เป็นต้น
9. ผู้ที่ต กแดดจดเป็นปร จ จ ได้รบ นตร ยจ กแ งแดดที่มีปริม ณข งแ ง ลตร้ ไ โ เลต จ น น
ม กมีผลท ใ ้เป็นม เร็งผิ นงได้
การรัก ามะเร็งตาม ลัก ากลที่ปฏิบัติกัน ยู่ในประเท ไทย
ก รรก ม เร็งแบบ ิธีผ มผ นข ง ลยกรรม(ผ่ ตดเ ก้ นม เร็ง กร มท้งต่ มน้ เ ลื งบริเ ณ
ข้ งเคียง) รง ีรก (ฉ ยแ งบริเ ณที่มีเซลล์ม เร็ง ยู่เป็นก รรก แบบเฉพ ที่เช่นเดีย กบ ิธีข ง ลยกรรม)
เคมีบ บด (ก รรก รื ก รท ล ยเซลล์ม เร็งท้งที่ต้นต แล ที่กร จ ยไปต มท งเดินน้ เ ลื ง กร แ เลื ด
รื ย ื่ น ข งร่ งก ย เป็ น ก รรก ม เร็ ง แบบท้ ง ต ข งผู้ ป่ ยม เร็ ง โดยก รรบปร ท นย ที่ มี
ค ม ม รถในก รฆ่ รื ท ล ย เซลล์ม เร็ง ฉีดย ท ง ล ดเลื ดด รื แดง เป็นต้น) ก รรก โดยก รใช้
ร์โมน เนื่ งจ กม เร็งบ งชนิ ดมีค มไ ต่ ก รรก ด้ ย ร์โมน แล ก รรก โดยก รเพิ่มภูมิคุ้มกนใ ้กบ
ร่ งก ยเพื่ ที่จ ได้ก จดเซลล์ม เร็งใ ้ มดไปจ กร่ งก ย แล ผู้ป่ ยก็จ ยจ กโรคม เร็ง
มะเร็งที่พบบ่ ยในคนไทย
จ กข้ มูลข ง ถ บนม เร็งแ ่งช ติ รบม เร็งที่พบบ่ ยในเพ ช ย 5 นดบแรก คื
1. ม เร็งตบแล ท่ น้ ดี
2. ม เร็งป ด
3. ม เร็งล ไ ้ใ ญ่แล ไ ้ตรง
4. ม เร็งต่ มลูก ม ก
5. ม เร็งต่ มน้ เ ลื ง
โรคม เร็งที่พบบ่ ยในเพ ญิง
1. ม เร็งเต้ นม
2. ม เร็งตบแล ท่ น้ ดี
3. ม เร็งป กมดลูก
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 38

4. ม เร็งล ไ ้
5. ม เร็งป ด

มะเร็งปากมดลูก
ม เร็งป กมดลูกจ เป็นโรคที่ป้ งกนแล รก ใ ้ ยได้ แต่โรคม เร็งป กมดลูกยงคงเป็นม เร็งที่คร่
ชี ิตผู้ ญิง โดยมี ตร เ ียชี ิตข งม เร็งป กมดลูกเฉลี่ย ูงถึง 7 คนต่ น แล พบผู้ป่ ยม เร็งป กมดลูกร ย
ใ ม่ ูงถึง 6,000 คนต่ ปี โดยในจ น นข งผู้มีเชื้ นี้ก ่ ครึ่งต้ งเ ียชี ิต เนื่ งจ กผู้ป่ ย ่ นใ ญ่มก ยแล
กล ที่จ ไปพบแพทย์เพื่ ตร จ เชื้ ม เร็ง ท ใ ้ก ่ จ รู้ ่ ป่ ยด้ ยโรคม เร็งป กมดลูกนี้ ค มรุนแรงข งโรค
ก็ ยู่ในร ย ลุกล มแล้
โรคมะเร็ ง ปากมดลู ก (Cancer of Cervix) เกิ ด จ กเชื้ ไ ร ต นึ่ ง ที่ ชื่ ่ HPV (Human
Papilloma Virus) ภ ไทยเรียกกน ่ ไ ร ูด ไ ร ชนิดนี้ติดต่ จ กก ร มผ ่ นใ ญ่เป็นก ร มผ ท ง
เพ มพนธ์ที่ท ใ ้ มีร ยถล กข งผิ รื เยื่ บุ แล เชื้ ไ ร จ เข้ ไปที่ป กมดลู ก ท ใ ้ ป กมดลู กมีก ร
เปลี่ยนแปลงข งเนื้ เยื่ รื เซลล์ จ กป กมดลูกปกติกล ยเป็นร ย ก่ นเป็นม เร็งป กมดลูก

ค ามเ ี่ยงต่ การติดเชื้ HPV


รบค มเ ี่ยงในก รติดเชื้ เ ชพี ีด เนินได้โดยง่ ย เชื้ ชนิดนี้เป็นเชื้ ที่ทนท นต่ ค มร้ น แล
ค มแ ้งได้ดี ม รถเก ติดต มผิ นง ย เพ เ ื้ ผ้ รื แม้แต่กร จ ย ยู่ร บต ในรูปข งล งฝุ่น
ซึ่งผู้ ญิงทุกคนที่เคยมีเพ มพนธ์ย่ มเ ี่ยงต่ ก รติดเชื้ เ ชพี ี ย่ งไรก็ต มก รติดเชื้ มก ยได้เ ง ด้ ยภูมิ
ต้ นท นข งร่ งก ย มีเพียง 10% เท่ น้น ที่ก รติดเชื้ ยงด เนินต่ ไป ร้ งค มผิดปกติใ ้กบเยื่ บุป กมดลูก
แล ท ใ ้กล ยเป็นกล ยเป็นม เร็งในเ ล ต่ ม ซึ่งเมื่ เชื้ เข้ ู่ร่ งก ยจนกร ท่งก่ ใ ้เกิด ม เร็งป กมดลูก
ได้น้นใช้เ ล ปร ม ณ 10 – 15 ปี

ปัจจัยเ ี่ยงต่ การเป็นมะเร็งปากมดลูก


1. ก รมีเพ มพนธ์ต้งแต่ ยุยงน้ ย
2. ก รมีคู่น น ล ยคน รื ฝ่ ยช ยที่เร ร่ ม ลบน นมีคู่น น ล ยคน
3. ก รคล ดบุตรจ น น ล ยคน
4. ก ร ูบบุ รี่
5. ก รมีภ ภูมิคุ้มกนต่ โดยเฉพ เป็นโรคเ ด ์
6. ก รข ด ร รบ งชนิด

ปัจจัยเ ี่ยงจากฝ่ายชาย ที่ าจท้าใ ้ผู้ ญิงเป็นมะเร็งปากมดลูก


1. ผู้ช ยที่มีปร ติเป็นโรคติดต่ ท งเพ มพนธ์
2. ผู้ช ยที่มีเพ มพนธ์ต้งแต่ ยุยงน้ ย
3. ผู้ ญิงที่มี มีเป็นม เร็ง งคช ติ
4. ผู้ ญิงที่มี มีเคยมีภรรย เป็น ม เร็งป กมดลูก
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 39

าการข งมะเร็งปากมดลูก
โรคม เร็งป กมดลูกมกพบในผู้ ญิง ยุ 35 – 60 ปี แต่ก็ จพบ ม เร็งป กมดลูก ก่ น ย นค รได้
ท้งนี้ ก รข งผู้ป่ ยม เร็งป กมดลูก จ ม ก รื น้ ยขึ้นกบร ย ข งม เร็ง ซึ่ง ก รที่พบในผู้ป่ ยโรคม เร็ง
ป กมดลูก ได้แก่
1. ก รตกเลื ดท งช่ งคล ด เป็น ก รที่พบได้ม กที่ ุดปร ม ณร้ ยล 80 – 90 ข งผู้ป่ ยม เร็ง
ป กมดลูก ลก ณ เลื ดที่ ก จจ เป็นเลื ด กก ปริบก ปร ยร ่ งร บเดื น
2. มีตกข ผิดปกติ กลิ่นเ ม็น มีเลื ดปน รื มีเลื ด กเ ล มีเพ มพนธ์ ถ้ เป็นม กแล ม เร็ ง
ลุกล ม กไปด้ นข้ ง รื ลุกล มไปที่ ุ้งเชิงกร นก็จ มี ก รป ด ลงได้ เพร ไปกดทบเ ้นปร ท
3. ก รในร ย ลงเมื่ ม เร็ ง ลุ ก ล ม รื ไป ู่ ย ื่ น ๆ ได้ แ ก่ ข บ ม ป ด ลง ป ดก้ น กบ
ปั เป็นเลื ด ถ่ ย ุจจ ร เป็นเลื ด เป็นต้น

ผู้ ญิงค รจะเริ่มตร จ าโรคมะเร็งปากมดลูกเมื่ ใด


ผู้ ญิ ง ที่ มี เ พ มพนธ์ ทุ ก ช่ ง ยุ ค รม ตร จคดกร ง เชื้ ม เร็ ง ป กมดลู ก รื ที่ เ รี ย ก ่
แพป เมียร์ (Pap Smear) ย่ งน้ ยปีล 1 คร้ง แล ผู้ ญิงที่ไม่เคยมีเพ มพนธ์ค รเริ่มเมื่ ยุ 30 ปีขึ้นไป
แต่ในกรณีที่พบค มผิดปกติแพทย์ จนดใ ้ไปตร จถี่ขึ้น
ท้งนี้ แพป เมียร์ คื ิธีก รตร จ ค มผิดปกติ รื โรคม เร็งป กมดลูก ที่ค่ นข้ งง่ ย ใช้เ ล เพียง
2 – 3 น ที เท่ น้น เป็นก รตร จที่ท ค บคู่ไปกบก รตร จภ ยในข งผู้ ญิง แพทย์จ ดเครื่ งมื เข้ ไปในช่ ง
คล ด โดยใช้ไม้ขน ดเล็กขูดเบ ๆ เพื่ เก็บเซลล์ม ป้ ยบนแผ่นกร จก แล น ไปตร จ ค มผิดปกติ โดยก่ นที่
จ ตร จ ค รเตรียมร่ งก ยใ ้พร้ ม ไม่ค รตร จในช่ งร ่ งมีปร จ เดื น งดก รมีเพ มพนธ์ แล งดก ร
นล้ งช่ งคล ด รื ดย ใดๆก่ นเข้ ท ก รตร จข้ ดีคื ิธีก รตร จแบบแพป เมียร์นี้ จ ช่ ยลดค ม
เ ี่ยงจ กก รเป็นโรคม เร็งป กมดลูกได้ถึง 70 %
ิธีการป้ งกันมะเร็งปากมดลูก
1. เข้ รบก รตร จ ม เร็งป กมดลูกปีล คร้งด้ ยก รตร จแพป เมียร์ (Pap Smear)
2. แน น ใ ้ ตรีที่เคยมีเพ มพนธ์ รื ตรีที่มี ยุ 30 ปีขึ้นไป ค รรบก รตร จภ ยใน
3. ไม่ ูบบุ รี่ รื ยู่ใกล้ผู้ที่ ูบบุ รี่
4 ล เ ้นก รมีเพ มพนธ์ต้งแต่ ยุยงน้ ย รื เปลี่ยนคู่น นบ่ ย
5. ฉีด คซีนป้ งกนม เร็งป กมดลูก (HPV Vaccine) ใน ตรี ย 9 – 26 ปี จ ม รถป้ งกนได้ ย่ งมี
ปร ิทธิภ พ ูง ุด

มะเร็งเต้านม
มะเร็งเต้านม (Brease cancer) เป็นม เร็งที่พบบ่ ยในผู้ ญิงไทย โดย ม รถพบได้ 1 ใน 10 ข ง
ผู้ ญิง ม เร็งเต้ นมน้น ม รถพบได้ในผู้ช ยเช่นกนแต่พบใน ตร ที่น้ ยม ก
ปัจจัยเ ี่ยงข งการเป็นมะเร็งเต้านม
1. ผู้ ญิงที่มี ยุม กก ่ 40 ปีขึ้นไป จ มีค มเ ี่ยงต่ ก รเป็นม เร็งเต้ นม โดยพบบ่ ยใน ญิงที่มี ยุ
50 ปีขึ้นไป
2. ญิงที่มีปร ติคนในคร บคร เป็นม เร็งเต้ นม จ มีค มเ ี่ยงต่ ก รเกิดม เร็งเต้ นมม กก ่ คน
ปกติ ร มท้งผู้ที่เคยป่ ยเป็นม เร็งเต้ นม ก็มี ตร เ ี่ยงที่จ กลบม เป็นใ ม่ ูงก ่ คนปกติด้ ย
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 40

3. ผู้ที่มีบุตร ลง ยุ 30 ปี ร มท้ง ญิงที่ไม่เคยมีบุตร จ มีค มเ ี่ยงต่ ก รเป็นม เร็งเต้ นมม กขึ้น


4. ก รกล ยพนธุ์ข งยีน เช่น ก รเกิดก รกล ยพนธุ์ข งยีน BRCA1 รื BRCA2 ม รถท ใ ้เกิด
ม เร็งเต้ นม แล ม รถถ่ ยท ดท งพนธุกรรมได้
5. ผู้ ญิงที่มีเต้ นมเต่งตึงก ่ ยุ เช่น ญิงที่มี ยุม กก ่ 45 ปี แล มีค ม น แน่นข งเต้ นม
ม กก ่ ร้ ยล 75 จ มีค มเ ี่ยงต่ ก รเกิดม เร็งเต้ นมม กก ่ คนปกติ
6. ผู้ ญิงที่มีปร จ เดื นม ต้งแต่ ยุก่ น 12 ปี รื ปร จ เดื น มดช้ ลง ยุ 55 ปีจ มีโ ก เป็น
ม เร็งเต้ นมได้ง่ ยก ่ คนปกติ
7. ผู้ที่รบปร ท น ร์โมนเพ ญิง ร มท้งผู้ที่ได้ รบย คุมก เนิดเป็นเ ล น น จเกิดม เร็งเต้ นมม ก
ยิ่งขึ้น
8. ก ร ูบบุ รี่ท ใ ้เพิ่มโ ก ในก รเกิดเป็นม เร็งเต้ นมม กขึ้น
าการเริ่มต้นที่ าจจะเป็นมะเร็งเต้านม
ม เร็งร ย เริ่มต้นน้นมกจ ไม่มี ก รเจ็บ แต่ จจ ตร จพบค มผิดปกติเกิดขึ้นที่เต้ นม ซึ่ง จจ
เป็น ก รเริ่มโรคม เร็งเต้ นม ดงนี้
1. มีก้ นที่เต้ นม (ร้ ยล 15 – 20 ข งก้ นที่คล ได้ บริเ ณเต้ นมเป็นม เร็งเต้ นม)
2. มีก รเปลี่ยนแปลงขน ด แล รูปร่ งข งเต้ นม
3. ผิ นงเปลี่ยนแปลง เช่น ร ยบุ๋ม ย่น ดต น ผิดปกติ บ ง ่ นมี เก็ด
4. นมก ร ดต คน รื แดงผิดปกติ
5. มีเลื ด รื น้ กจ ก นม (ร้ ยล 20 ข งก รมีเลื ด กจ เป็นม เร็ง)
6. เจ็บเต้ นม (ม เร็งเต้ นม ่ นใ ญ่ไม่เจ็บ น กจ กก้ นโตม กแล้ )
7. ก รบ มข งรกแร้ เพร ต่ มน้ เ ลื งโต
การตร จเต้านมตนเ ง
ก รตร จเป็นม เร็งเพื่ ก รเปลี่ยนแปลงที่ จเกิดขึ้น พบ ่ ร้ ยล 80 ข งเนื้ ง กที่เต้ นมผู้ ญิงน้น
ถูกตร จพบคร้งแรกด้ ยตนเ ง ก รตร จเต้ นมด้ ยตนเ ง ค รท ทุกเดื นต้งแต่ ย ถึง ย ูง ยุ เ ล ที่ดีที่ ุด
ที่จ ท ก รตร จ คื ลง มดร ดูแล้ 3- 10 น เพร เป็นช่ งที่เต้ นมไม่คดตึงท ใ ้ตร จได้ง่ ย รบผู้ ญิง
ที่ มดร ดู รื ได้รบก รตดมดลูก จ เป็นก รดีถ้ ได้ท ก รตร จเต้ นมตนเ งทุก นที่ นึ่งข งทุกเดื น

ิธีการป้ งกันมะเร็งเต้านม
1. ยุ 20 ปีขึ้นไป ค รเริ่มตร จเต้ นมด้ ยตนเ งทุกเดื น
2. ช่ งเ ล ที่เ ม ม รบก รตร จคื 3 ถึง 10 น นบจ กปร จ เดื น มด ่ น ตรีที่ มด
ปร จ เดื นใ ้ก นด นที่จดจ ง่ ยแล ตร จใน นเดีย กนข งทุกเดื น
3. รบผู้ที่มีปร ติในคร บคร เป็นม เร็งเต้ นมค รรีบปรึก แพทย์เพื่ ข ค แน น
4. กพบ ิ่งผิดปกติบริเ ณเต้ นม รื รกแร้ ค รรีบปรึก แพทย์ทนทีที่พบ
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 41

ธิ ีการตร จ ามะเร็งเต้านมด้ ยตนเ ง มี ิธีปฏิบัติดังนี้


ขั้นที่ 1 การตร จในขณะ าบน้้า ขณ บน้ ผิ นงจ เปียกแล ลื่น ช่ ยใ ้ ม รถ
ตร จเต้ นมได้ง่ ยขึ้น ิธีตร จใ ้ยกแขนข้ ง นึ่งไ ้เ นื ีร แล้ ใช้ปล ยนิ้ มื ข ง
มื ข้ ง งร บบนเต้ นม คล แล เคลื่ นนิ้ มื ในลก ณ คลึงเบ ๆ ใ ้ท่ ทุก ่ นข ง
เต้ นม เพื่ ค้น ก้ นเนื้ ที่แข็งเป็นไตผิดปกติ

ขั้นที่ 2 การตร จ น้ากระจก ใ ้ปฏิบติดงนี้


- ยืนต ตรง ยกแขนท้ง 2 ข้ งขึ้น ูงเ นื ีร แล้ งเกตลก ณ ข งเต้ นมท้ง 2 ข้ ง
ย่ งล เ ียด

- ยกมื เท้ เ เ มื กด โพกแรงๆ เพื่ ใ ้เกิดก รเกร็งแล ดต ข งกล้ มเนื้ ก


งเกตลก ณ ที่ผดิ ปกติข งเต้ นมท้ง 2 ข้ ง ย่ งล เ ียด

ขั้นที่ 3 การตร จในท่าน น ใ ้ปฏิบติดงนี้

(ก) (ข)

. (ก) น นร บโดยใช้ผ้ ่ม รื ม น นุนตรง โพก ใ ้ กที่จ ตร จน้นแ ่นขึ้น ใช้มื ข้ ง นึ่ง นุนใต้
ีร แล้ ใช้มื ีกข้ ง นึ่งตร จคล ใ ้ท่ ทุก ่ นข งเต้ นม
(ข) ก รตร จเต้ นมแต่ล ข้ ง ใ ้เริ่มต้นที่จุดบริเ ณ ่ นน กแล เ นื ุดข งเต้ นม แล้ คล เ ียนไป
โดยร บเต้ นมเป็นรูป งกลม แล เคลื่ นมื เขยิบเข้ ม เป็น งแคบเข้ เรื่ ยๆ จนถึงบริเ ณ นม เ ร็จแล้
เปลี่ยนใช้มื ีกข้ ง นึ่ง นุนใต้ ีร บ้ ง แล้ ตร จเต้ นม ีกข้ ง นึ่งในลก ณ เดีย กน
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 42

ขั้นที่ 4 การบีบ ั นม

ค่ ย ๆ บีบ นมโดยใช้นิ้ แม่มื แล นิ้ ชี้ งเกตดู ่ มีน้ เลื ด น้ น ง รื น้ ใ ื่นใด กม จ ก


นม รื ไม่ กมีแ ดง ่ จก ลงเป็นม เร็งในร ย เริ่มต้นก็ได้
ลก ณ ผิดปกติที่ จ งเกตได้ แล เป็นข้ ง ย ่ จมีก้ นม เร็ง ยู่ในเต้ นม คื
1. ผิ นงบริเ ณเต้ นม จมีร ยบุ๋ม รื นูนขึ้นผิดปกติ เพร ก้ นเนื้ แข็งภ ยในเ นี่ย ร้งไ ้
2. นม จถูกดึงร้งผิดปกติจน จยุบแบน รื เกื บฝัง ยู่ภ ยใน
3. เต้ นมท้ง 2 ข้ ง จไม่ ยู่ในร ดบเดีย กน ด้ นที่มีก้ นเนื้ ยู่ จเคลื่ นย้ ยลงม ต่ ก ่
4. ขน ดแล รูปร่ งข งเต้ นม จแตกต่ งกน ย่ งผิดปกติ
5. นมบ ด

มะเร็งป ด
มะเร็ ง ป ด( Lung cancer ) เป็ น เนื้ ง กชนิ ด นึ่ งข ง ล ดลมแล ป ด แต่ เป็ น ชนิ ด ที่ร้ ยแรง
เริ่มแรกม เร็งป ดจ เป็นก้ นขน ดเล็ ก กปล่ ยไ ้ก้ นจ โตขึ้นลุกล มเข้ แทนที่เนื้ ป ดปกติ แล กร จ ย
ไป ู่ ย ื่นๆ เช่น ตบ ม ง กร ดูก เป็นต้น
าเ ตุและปัจจัยเ ี่ยง
1. บุ รี่ จ กก ร ึก ิจยข งนก ิทย ตร์แล แพทย์ท่ โลกยืนยน ่ ม เร็งป ดเกี่ย ข้ งโดยตรงกบ
ก ร ูบบุ รี่ ท้งผู้ ูบเ ง แล ผู้ได้รบค นบุ รี่
- ก ร ูบบุ รี่เป็น เ ตุ คญข งก รเกิดม เร็งป ด
- ผู้ ูบบุ รี่โดยเฉลี่ยมีโ ก เป็นม เร็งป ดม กก ่ ผู้ไม่ ูบบุ รี่ 12 เท่
- ผู้ที่ต้ งดูดค นบุ รี่ข งคน ื่น เ ี่ยงต่ ก รเป็นโรคม เร็งด้ ย
- ถ้ ผู้ ูบบุ รี่ ม รถ ยุดบุ รี่ได้ทน ก่ นที่ป ดจ ได้รบค มเ ีย ย ย่ งถ ร โ ก ข งก ร
เกิดโรคม เร็งป ดจ ลดลงทนที
- ผู้ ูบบุ รี่ ม รถ ยุด ูบบุ รี่ได้น น 10 – 15 ปี จ ลด ตร เ ี่ยงข งโรคม เร็งป ดได้ครึ่ง นึ่ง
- รบผู้ที่เป็นม เร็งป ดแล้ ก รเลิก ูบบุ รี่จ ท ใ ้ ก รดีขึ้น แล ยู่ได้น นขึ้นก ่ ผู้ที่
ยงคง บู บุ รี่ต่ ไป
2. แ เบ ต (Asbestos = ารใย ิน) เป็นแร่ธ ตุที่ใช้ใน ุต กรรม ล ยชนิด เช่น ก รก่ ร้ ง
โครง ร้ ง ค ร ผ้ เบรก ครทช์ ฉน นค มร้ น ุต กรรม ิ่งท เ มื งแร่
- ผู้ที่เ ี่ยง ได้แก่ ผู้ที่ท ง นใน ิ่งแ ดล้ มที่มีก รใช้แ เบ ต เป็น ่ นปร ก บ เช่น
โรงง นผลิตกร เบื้ ง ท่ ซีเมนต์ ผ้ เบรก ผ้ ครทช์ แผ่นฉน นกนค มร้ น ใยแก้ ใย ิน
- ร ย เ ล ที่ มผ ฝุ่นแ เบ ต จนเป็นม เร็งป ด จใช้เ ล 15 – 35 ปี
- ผู้ที่ไม่ ูบบุ รี่ แต่ท ง นกบฝุ่นแร่แ เบ ต เ ี่ยงต่ ม เร็งป ดม กก ่ คนท่ ไป 5 เท่
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 43

3. เรด น เป็นก๊ ซกมมนตรง ี ไม่มี ี ไม่มีกลิ่น ไม่มีร เกิดจ กก ร ล ยต ข งแร่ยูเรเนี่ยมใน ินแล ดิน
กร จ ย ยู่ใน ก แล น้ ใต้ดินในที่ๆ ก ไม่ถ่ ยเท เช่น ในเ มื งใต้ดิน จมีปริม ณม ก ท ใ ้มีค มเ ี่ยง
ต่ ก รเกิดโรคม เร็งป ดได้
4. มลภา ะใน ากา ได้แก่ ค นพิ จ กรถยนต์ แล โรงง น ุต กรรม เป็นต้น

าการข งโรคมะเร็งป ด
ร ย แรกข งโรค จ ไม่มี ก รใดๆ บ่งชี้ ย่ งแน่ชด เมื่ โรคลุกล มม กแล้ ก รที่ จพบ
- ไ เรื้ รง / ไ เป็นเลื ด
- บเ นื่ ย / เจ็บแน่น น้ ก
- น้ นกลดร ดเร็ / เบื่ ร
- กลืน รล บ ก
- เ ียงแ บ
- มีก้ นที่ค (ม เร็งกร จ ยม ต มต่ มน้ เ ลื งที่ค )
- ป ดกร ดูกซี่โครง ไ ปล ร้ ป ดกร ดูก น ลง(ม เร็งกร จ ยม กร ดูก)
- แขน ข ่ นแรง(ม เร็งกร จ ยไป ม ง)
- ไม่ ม รถกล้นปั ุจจ ร ได้
โดย ก รดงกล่ มกเป็น ก รร่ มข งโรคต่ งๆได้ เพร ฉ น้น กมี ก รดงกล่ ค รพบแพทย์
เพื่ รบก รรก แล ินิจฉยที่ถูกต้ งต่ ไป

การ ินิจฉัยโรคมะเร็งป ด
1. การเ กซเรย์ทร ง ก (Chest X-ray) นิยมใช้เป็น ิธีก รตร จ ินิจฉยม เร็งป ดเบื้ งต้น กพบ
เนื้ ง กในป ดจ แ ดงเป็นลก ณ โทน ีข -เท ใ ้เ ็นถึง ภ พป ดข งผู้ป่ ย ย่ งไรก็ต ม ิธีนี้ไม่ ม รถ
แยกค มชดเจนร ่ งก้ นเนื้ ม เร็ง รื ภ ื่น ๆ ที่ จเกิดกบป ดได้ ย่ งโรคฝีในป ด (Lung
Abscess) ก่ นที่แพทย์จ ตร จด้ ย ิธี ื่นเพิ่มเติม เพื่ ดู ีกคร้ง ่ ิ่งผิดปกติน้นเป็นม เร็งป ด รื ไม่ ร มถึงชนิด
ข งม เร็ง แล ก รแพร่กร จ ยข งม เร็ง
2. การเ กซเรย์ค มพิ เต ร์ รื ซีที แกน (CT-scan) เป็น ิธีก รตร จ ค มผิดปกติข ง ย
ภ ยในโดยรง ีเ กซ์ก่ นที่จ ร้ ง กม เป็นภ พด้ ยเครื่ งมื พิเ เพื่ ใ ้แพทย์ ม รถเ ็นเนื้ ป ดได้
ชดเจนยิ่งขี้น โดยแพทย์ จมีก รตร จด้ ย ิธีนี้ ลงก รเ กซเรย์ทร ง ก ก่ นก รท ซีที แกนแพทย์ จจ ฉีด
รทึบแ งใ ้แก่ผู้ป่ ย ซึ่ง รทึบแ งนี้จ ท ใ ้ ม รถตร จพบ ิ่งผิดปกติภ ยในป ดได้ชดขึ้น ก รท ซีที แกน
จ ไม่ ่งผลใ ้ผู้ป่ ยเกิดค มเจ็บป ด แล ใช้เ ล ปร ม ณ 20-30 น ที
3. การเ กซเรย์ค มพิ เต ร์ เพทซีที แกน (Positron Emission Tomography-Computerised
Tomography: PET-CT Scan) จจ มีก รตร จในกรณี ลงจ กก รตร จพบ ิ่งปกติที่ค ด ่ น่ จ เป็นม เร็ง
ภ ย ลงก รตร จซีที แกน โดยจ ช่ ยปร เมินก รแพร่กร จ ยข งม เร็ง ท ใ ้รู้ได้ ่ ผู้ป่ ยเป็นม เร็ง ยู่ในข้น
ใด ซึ่งจ ช่ ยในก ร ินิจฉยแล ก รรก ได้ตรงจุดม กขึ้น ก่ นท ก รตร จเพทซีที แกน แพทย์จ ฉีด ร
กมมนตรง ีใ ้แก่ผู้ป่ ยก่ นผ่ นเข้ เครื่ งตร จ ก รตร จด้ ย ิธีนี้จ ไม่ ่งผลใ ้ผู้ป่ ยเกิดค มเจ็บป ด แล ใช้
เ ล ปร ม ณ 30-60 น ที
4. การ ่ งกล้ งและการตัดชิ้นเนื้ (Bronchoscopy และ Biopsy) กพบ ิ่งผิดปกติที่ค ด ่ น่ จ
เป็นม เร็งบริเ ณกล ง น้ ก แพทย์ จใช้ ิธีก ร ่ งกล้ งโดยใช้ท่ ขน ดเล็ก ดลงไปใน ล ดลม เพื่ ตร จดู
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 44

ค มผิดปกติข งป ดแล ตดชิ้นเนื้ บ ง ่ น กม ตร จ ิเคร ท์ ง ้ งปฏิบติก ร ก่ นท ก ร ่ งกล้ ง


แพทย์ จจ ใ ้ผู้ป่ ยรบปร ท นย ที่ช่ ยคล ยกง ล เพื่ ช่ ยใ ้ผู้ป่ ยรู้ ึกผ่ นคล ยขึ้นก่ นท ก รตร จ ซึ่งเป็น
ิธีที่ร ดเร็ แล ใช้เ ล ไม่น น
การป้ งกันโรคมะเร็งป ด
1. เลิก ูบบุ รี่ ไม่รบค นบุ รี่มื ง
2. ลีกเลี่ยงก รได้รบมลพิ ใน ิ่งแ ดล้ ม ได้แก่ มลพิ รื รพิ ใน ก
3. รบปร ท นผกแล ผลไม้ใ ้ม กขึ้น แล รที่มี ิต มินซี ิต มิน ี ร มท้งเซเลเนียม เช่น
ข้ ซ้ มมื ร ข้ แล กก ลงก ย ม่ เ ม จลดค มเ ี่ยงต่ ก รเกิดโรคม เร็งป ด
4. ก รรบปร ท น รที่มีไขมน ูง ก รดื่ม ุร จเพิ่มค มเ ี่ยงต่ ก รเกิดโรคม เร็งป ด
5. กก ลงก ย ย่ ง ม่ เ ม
6. ตร จร่ งก ยเป็นปร จ ทุกปี

มะเร็งตับ
ม เร็งตบ (Liver Cancer) เป็น โรคม เร็งที่รุนแรงชนิด นึ่งที่พบได้บ่ ย โดยจ พบในเพ ช ยม กก ่
เพ ญิง โรคม เร็งตบที่พบม กมี 2 ชนิด คื โรคม เร็งข งเซลล์ตบแล โรคม เร็งท่ น้ ดีโรคม เร็งท่ น้ ดีจ พบ
ม กในภ คต น กเฉียงเ นื แล ภ คเ นื
1. มะเร็งข งเซลล์ตับ (Hepatoma/hepatocellular carcinoma) ม ยถึงม เร็งที่เกิดจ กเซลล์ที่ ยู่
ในเนื้ ตบ ซึ่งพบได้ท่ ทุกภ คข งปร เท เชื่ ่ มี เ ตุ มพนธ์กบ โรคตบ กเ บชนิดบี แล ตบแข็ง ย่ ง
ใกล้ชิดน กจ กนี้ยงพบ ่ ร ลฟล ท็ กซิน (aflatoxin) ซึ่งเป็น รพิ ที่ได้ม จ กเชื้ ร บ งชนิดที่ขึ้นบนถ่ ลิ ง
ข้ โพด พริกแ ้ง ม กร เทียม เป็นต้น เป็น เ ตุที่ คญข งม เร็งชนิดนี้
2. มะเร็งข งเซลล์ท่ น้้าดี (Cholangiocarcinoma) ม ยถึงม เร็งที่เกิดจ กเซลล์ที่เยื่ ภ ยในท่ น้ ดี
่ นที่ ยู่ภ ยในตบ (biliary tree) ซึ่งพบม กท งภ ค ี น เชื่ ่ มีค ม มพนธ์กบโรคพย ธิใบไม้ในตบ แล
รในโตซ มีน (nitrosamine) ซึ่งเป็น รพิ ที่พบใน รพ กโปรตีน มก (เช่น ปล ร้ ปล ้ม แ นม ล )
แล รพ กเนื้ ต ์ที่ปร มดินปร ิ (เช่น กุนเชียง ไ ้กร ก เนื้ เค็ม ปล เค็ม ล )
ปัจจัยเ ี่ยงที่ท้าใ ้เกิดโรค
ปัจจยเ ี่ยงที่ท ใ ้เกิดม เร็งตบเกิดจ กผู้ป่ ยติดเชื้ ไ ร ตบ กเ บ โดยติดเชื้ ไ ร ตบ กเ บบี
ร้ ยล 50-55 แล ติดเชื้ ไ ร ตบ กเ บซีร้ ยล 25-30 โดยผู้ที่เป็นพ ข งไ ร ตบ กเ บบีจ มีค มเ ี่ยง
ต่ ก รเกิดม เร็งตบ ูง ม กก ่ คนที่ไม่เป็นพ ถึง 100-400 เท่
น กจ กนี้ยงม จ กผู้ป่ ยที่เป็นโรคตบแข็ง แล ผู้ที่ดื่มเครื่ งดื่มแ ลก ล์จ มีค มเ ี่ยงต่ ก รเป็น
ม เร็งตบถึง 1.5 เท่ ถึง 7.3เท่ ยิ่ง มีก รดื่มปร จ ทุก นแล้ โ ก ที่จ เป็นม เร็งตบก็จ ยิ่งม กขึ้นเช่นกน แล
ถึงแม้ ่ จ ยุดดื่มแล้ ก็ต ม โ ก ที่จ เป็นโรคม เร็งตบก็จ ไม่ลดลง

าเ ตุข งโรคมะเร็งตับ
เ ตุจ แบ่งต มชนิดข งม เร็งตบ ดงนี้
1. ม เร็ งข งเซลล์ ตบ มี เ ตุ คญม จ กก รรบปร ท น รที่มี รพิ รื เชื้ ร ปนเปื้ น
ร ฟล ท็ กซิน (Aflatoxin) ที่มกพบใน ร เช่น ถ่ ลิ ง มแดง พริกแ ้ง โดยเฉพ กเก็บ ร
เ ล่ นี้ไ ้เป็นเ ล น น รื เก็บในที่ บชื้น แล ยงพบ ่ ผู้ป่ ยด้ ยโรคตบ กเ บชนิดบีแล ซี ร มท้งโรคตบแข็งก็
จกล ยเป็นม เร็งข งเซลล์ตบในภ ย ลงได้
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 45

2. ม เร็ ง ข งเซลล์ ท่ น้ ดี มี เ ตุ คญม จ กก รรบปร ท น รที่ มี รไนโตรซ มี น


(Nitrosamine) ซึ่งเป็น รพิ ที่พบใน รพ กโปรตีน มก เช่น ปล ร้ ปล ้ม แ นม มู ้ม แล รพ ก
เนื้ ต ์ที่ผ มดินปร ิ เช่น กุนเชียง ไ ้กร ก เนื้ เค็ม ปล เค็ม แล พบ ่ ผู้ ที่เป็นโรคพย ธิใบไม้ตบ จ
กล ยเป็นโรคม เร็งข งเซลล์ท่ น้ ดีได้ กไม่ได้รบก รรก ย่ งถูกต้ ง

าการข งโรคมะเร็งตับ
ผู้ที่ป่ ยเป็นม เร็งตบที่มี ก รมกจ เป็นม เร็งที่เป็นม ก ก รข งโรคตบมกจ มี ก รเ มื นกบ
ม เร็งร บบ ื่นๆ ก รต่ งๆที่พบได้คื
- น้ นกลด
- เบื่ ร
- จุกเ ียดแน่นท้ ง
- ป ดท้ งตล ดเ ล
- ท้ งบ มขึ้น ยใจล บ ก
- คล ได้ก้ นที่บริเ ณตบ
- ต เ ลื ง ต เ ลื ง
- ก รผู้ป่ ยทรุดลง ย่ งร ดเร็
การป้ งกันโรคมะเร็งตับ
1. งดดื่ม ุร แล เครื่ งดื่มที่มีแ ลก ล์
2. ลีกเลี่ยง รที่ จปนเปื้ นเชื้ ร รื ร ลฟล ท็ กซิน ได้แก่ ธญพืชต่ งๆ
3. ย่ มผ กบเลื ด รื รคด ล่งใดๆ ข งผู้ ื่น กจ เป็นใ ้ มถุงมื แล ้ มใช้เข็มฉีดย ร่ มกบผู้ ื่น
4. ไม่ ่ นท งเพ มถุงย ง น มยเพื่ ป้ งกนก รติดเชื้ ไ ร ตบ กเ บ
5. ป้ งกนก รติดเชื้ ไ ร ตบ กเ บบี โดยก รฉีด คซีน
6. กป่ ยเป็นโรคตบ กเ บเรื้ รงจ กไ ร ตบ กเ บบี รื ซีต้ งรบก รรก กบแพทย์ ย่ งต่ เนื่ ง
ด้ ย ิธีที่เ ม มซึ่ง ม รถลดค มเ ี่ยงในก รเป็นม เร็งตบได้
7. กรณีที่มีปัจจยเ ี่ยงต่ ก รเกิดม เร็งตบ ค รเฝ้ ร งเป็นร ย ๆโดยก รตร จเลื ดแล ตร จ
ลตร ซ นด์เพื่ ม เร็งตบทุกๆ 6 เดื น

แ ล่งที่ม ข งภ พ http://medicaldevices.oie.go.th/Article.aspx?aid=8136
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 46

ข้ พึงปฏิบัติเพื่ ป้ งกันและลดการเ ี่ยงต่ การเกิดโรคมะเร็ง

7 ประการเพื่ ลดการเ ี่ยง


1. ไม่รบปร ท น รที่มีร ขึ้น รที่มีร ขึ้นโดยเฉพ ี เขีย เ ลื ง จ มี ร ลฟ ท
กซินปนเปื้ นซึ่ง จเป็น เ ตุข งโรคม เร็งตบ
2. ลด รไขมน รไขมน ูงจ ท ใ ้เ ี่ยงต่ ก รเป็นม เร็งเต้ นม
ล ไ ้ใ ญ่แล ต่ มลูก ม ก
3. ลด รด งเค็ม รปิ้ง – ย่ ง รเ ล่ นี้ จ ท ใ ้ เ ี่ ยงต่ ม เร็ง ล ด ร ม เร็ ง
รมค น แล รที่ถน มด้ ยเกลื กร เพ ร แล ม เร็งล ไ ้ใ ญ่
ไนเตรท – ไนไตรท
4. ไม่รบปร ท น ร ุกๆดิบๆ เช่น จ ท ใ ้เป็นโรคพย ธิใบไม้ตบ แล เ ี่ยงต่ ก รเป็นม เร็งข ง
ก้ ยปล ปล จ่ ม ล ท่ น้ ดีในตบ
5. ยุด รื ลดก ร ูบบุ รี่ ก ร ูบบุ รี่ จ ท ใ ้เ ี่ ยงต่ ก รเป็นม เร็งป ด กล่ งเ ียง
ก รเคี้ย ย ูบจ เ ี่ยงต่ ก รเป็นม เร็งช่ งป กแล ช่ งค
6. ลดก รดื่มแ ลก ล์ ดื่มแ ลก ล์ จ เ ี่ยงต่ ก รเป็นม เร็งตบถ้ ท้งดื่มแล ูบ
บุ รี่จ เ ี่ ยงต่ ก รเป็นม เร็งช่ งป ก ช่ งค กล่ งเ ี ยง
แล ล ด ร
7. ย่ ต กแดด ต กแดดจดม กเกินไป จ เ ี่ยงต่ ก รเกิดม เร็งผิ นง

แ ล่ง ้าง ิง
กร ทร ง ึก ธิก ร. ขุ ึก าและพล ึก า นัง ื เรียนราย ิชาพื้นฐาน ชั้นมัธยม ึก าปีที่ 6.
กรุงเทพ : ก ค. ล ดพร้ , 2555.
ุรเกียรติ ช น นุภ พ. ต้าราการตร จรัก าโรคทั่ ไป ลักการ ินิจฉัยและรัก าโรค/250 โรคและ
การดูแลรัก า. กรุงเทพ: (ม.ป.ท.), (ม.ป.ป.).
ม ม ย แตง กุลแล คณ . คู่มื การ น ุข ึก าและพล ึก า1 ม.4-6. กรุงเทพ : ฒน พ นิช, 2551
ม คมโรคเบ นแ ่งปร เท ไทย ในพร บรมร ชูปถมภ์ มเด็จพร เทพรตนร ช ุด ย มบรมร ชกุม รี .
แน ทางเ ชปฏิบัติ ้า รับโรคเบา าน 2560 Clinical Practice Guideline for Diabetes 2017.
พิมพ์คร้งที่ 3 ปทุมธ นี: ร่มเย็น มีเดีย จ กด. 2560.

เ ็บไซต์
กรมก รแพทย์. แ ล่งที่ม https://www.dms.moph.go.th./section3/315016.htm
กรม น มย. แ ล่งที่ม https://www.anamai.moph.go.th. [ มีน คม 2562]
ค มดนโล ิต ูง.[ นไลน์],แ ล่งที่ม
https://www.siamhealth.net/public_html/Disease/endocrine/DM/intro.htm
ถ บนม เร็งแ ่งช ติ กรมก รแพทย์ กร ทร ง ธ รณ ุข. ถิติโรคม เร็ง [ นไลน์], แ ล่งที่ม
https://www.nci.go.th/th/cancer_record/cancer_rec1.html [ มีน คม 2564]
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 47

แ ล่ง ้าง ิง
ม คมแพทย์โรค ใจแ ่งปร เท ไทย. ค มรู้ รบปร ช ช ชน [ นไลน์], แ ล่งที่ม www.thaiheart.org
[ มีน คม 2561]
https://www.blog.spko.moph.go.th
https://www.dpc9.ddc.moph.go.th
https://www.health.kapook.com
https://www.cyber.thailife.com
https://www.bankokhealth.com
https://www.yourhealthyguide.com
https://www.thaicancertreatment.com
https://www.thailabonline.com
https://www.goodhealth.co.th
https://www.thaihealth.or.th
https://www.dmthai.org
www.pobpad.com
https://www.thaihealth.or.th/microsite/categories/5/ncds/2/173/176-กลุ่มโรค+NCDs.html
https://www.phyathai.com/article_detail.php?id=1653
https://www.bumrungrad.com/th/neurology-stroke-dementia-neurosurgery-treatment-center-
bangkok-thailand/conditions/stroke#Risks
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 48

น่ ยการเรียนรู้ที่ 4
ค ามปล ดภัยในชี ิตจากภัยพิบัติ
ก รเกิดภย ธ รณ ทิ ไฟไ ม้ ค ร แผ่นดินไ น้ ท่ ม แล ตึกถล่ม ก่ ใ ้เกิดค มเ ีย ยแล
นตร ย ย่ งม ก บุคคลผู้ที่ ยู่ในเ ตุก รณ์ย่ มมีค มเ ี่ยงต่ ชี ิตข งตน จพิก ร รื เ ียชี ิตได้ ทรพย์ ิน
ต่ งๆ ได้รบค มเ ีย ย จ ูญเ ียบ้ นเรื นที่พก ย ชุมชนร บข้ งเ ี่ยงต่ นตร ยท้งจ กไฟไ ม้แล
มลภ ท ง ก ถ้ เป็น ค รที่ปร ก บกิจก รธุรกิจต่ งๆ ย่ ม ่งผลกร ทบต่ ก รด เนินธุรกิจน้นๆ ข้ มูล
คญท งธุรกิจได้รบค มเ ีย ย ปร บกบค มล้มเ ล ท ใ ้ก รด เนิ นธุรกิจต้ งปร บปัญ ุป รรค
ย่ งม ก ภ พแ ดล้ มบริเ ณที่เกิด ธ รณ ภยได้รบค มเ ีย ย ก่ ใ ้เกิดก รพงทล ย เกิดมลภ ท ง
ก ย่ งม ก ซึ่ง จ ่งผลกร ทบต่ ุขภ พก ย แล ุขภ พจิตข งคนในชุมชนได้
ค าม มายข งภัยพิบัติ
ภัยพิบัติ มายถึง ภยที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้ค ด ม ย จจ เกิดขึ้นเ งต มธรรมช ติ รื เกิดจ กก ร
กร ท ข งมนุ ย์ ท ใ ้ผู้ที่เกี่ย ข้ งเกิดก รบ ดเจ็บ เ ียชี ิต รื เกิดค มเ ีย ยแก่ทรพย์ ิน
ภยพิบติเกิดขึ้นได้กบทุกเพ ทุก ย ทุกเ ล ทุก ถ นที่ ถ้ กไม่มีก ร ึก แล ป้ งกนที่ดีม กพ
ก็ย่ มมีโ ก เกิดภยพิบติได้โดยง่ ย
ภยพิบติที่เกิดจ กธรรมช ติ เช่น พ ยุ น้ ท่ ม แผ่นดินไ ภูเข ไฟร เบิด เป็นต้น
ภยพิบติที่เกิดจ กก รกร ท ข งมนุ ย์ เช่น รถชนกน เครื่ งบินตกเพร นกบินปร ม ท เรื ล่ม
ก รตดไม้ท ล ยป่ ก รใช้ร เบิดท ล ย ิ่งปลูก ร้ ง ม กค นจ กก รเผ ไ ม้ แล ื่นๆ ีกเป็นจ น นม ก
ภัยพิบัติไฟไ ม้ าคาร
ัคคีภัย ภย นตร ย นเกิดจ กไฟที่ข ดก รค บคุมดูแล ท ใ ้เกิดก รติดต่ ลุกล มไปต มบริเ ณที่มี
เชื้ เพลิงเกิดก รลุ กไ ม้ต่ เนื่ ง ภ ข งไฟจ รุนแรงม กขึ้นถ้ ก รลุกไ ม้มีเชื้ เพลิ ง นุน รื มีไ ข ง
เชื้ เพลิงถูกขบ กม ม กค มร้ นแรงก็จ ม กยิ่งขึ้น เป็นภยที่ก่ ใ ้เกิดค มเ ีย ย ย่ งม ลท้งต่ ชี ิต
แล ทรพย์ ิน
ย่ งไรก็ต มเร ม รถ ลีกเลี่ ยง รื ลดค มรุนแรงลงได้ถ้ ผู้ที่เกี่ย ข้ งทุกฝ่ ยได้พิจ รณ แล ใ ้
ค ม คญข งผลจ กภยนี้ ในก ร กแบบ ิ่งก่ ร้ งต้งแต่เริ่มต้นใ ้มีค มเ ี่ยงต่ คคีภยต่ แล ในกรณีเกิด
ไฟไ ม้แล้ มีผลเ ีย ยเกิดขึ้นน้ ยที่ ุด ต มทฤ ฎีแล้ ตร ค มเ ี่ยงต่ คคีภยไม่ได้ ม ยถึงค มเป็นไปได้ใน
ก รจ เกิดไฟไ ม้ขึ้นเท่ น้น แต่ ม ยถึงขน ดค มรุ นแรงข งค มเ ีย ยที่เกิดจ กไฟไ ม้ด้ ย ค มเ ีย ย
เ ล่ นี้คื
1. ก ร ูญเ ียชี ิต
2. ก ร ูญเ ียทรพย์ ินที่ถูกไฟไ ม้
3. ก ร ูญเ ียโ ก ในกิจก รที่ต้ ง ยุดช งกเนื่ งจ กไฟไ ม้
4. ค ม ูญเ ียท งจิต ิทย จ กปร บก รณ์ที่ผ่ นม พบ ่ ผู้ที่ปร บกบ คคีภยมกเกิดค มท้ ถ ย
ท งด้ นจิตใจต มม ด้ ย
าเ ตุข ง ัคคีภัย จเกิดได้ 2 ลก ณ ใ ญ่ คื
เ ตุข ง คคีภย นเกิดจ กค มต้งใจ เช่น ก รล บ งเพลิง ก รก่ ิน กรรม ซึ่งเกิดจ กก ร
จูงใจ นมีมูล เ ตุที่ท ใ ้เกิดก รล บ งเพลิง จเนื่ งม จ กเป็นพ กโรคจิต
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 49

เ ตุข ง คคีภย นเกิดจ กค มปร ม ท เช่น ข ดค มร มดร งในก รค บคุมเชื้ เพลิง ทิ


ก รใช้ไฟแล ค มร้ น ก ร ูบบุ รี่ เต เผ ซึ่งไม่มีฝ ปิด รื เปล ไฟที่ไม่มี ิ่งปกคลุม

งค์ประก บข งไฟ ไฟจ ติดเมื่ มีครบท้ง 3 งค์ปร ก บ ท ปฏิกิริย ท งเคมีต่ เนื่ งเป็นลูกโซ่ คื

แ ล่งที่ม ข งภ พ http://dpm.nida.ac.th/main/index.php/articles/fire/item/87

1. กซิเจน ไม่ต่ ก ่ 16 % (ในบรรย ก ปกติจ มี กซิเจน ยู่ปร ม ณ 21 %)


2. เชื้ เพลิง ิ่งที่ ม รถติดไฟได้ ่ นที่เป็นไ (เชื้ เพลิงไม่มีไ ไฟไม่ติด)
3. ค มร้ น ที่เพียงพ ท ใ ้เกิดก รลุกไ ม้

การป้ งกันไฟ รื การดับไฟ คื ก รก จด งค์ปร ก บข งไฟ (ก รตดปฏิกิริย ลูกโซ่)


ิธีก รดบไฟ จึงมี ย่ งน้ ย 3 ิธี คื
1. ท ใ ้ บ ก ข ด กซิเจน
2. ตดเชื้ เพลิง ก จดเชื้ เพลิงใ ้ มดไป
3. ลดค มร้ น ท ใ ้เย็นลง

ประเภทของไฟ ไฟมี 5 ประเภท คือ A B C D K ตามมาตรฐาน NFPA 10


ไฟปร เภท A มี ญลก ณ์เป็นรูปต A ีข
รื ด ยู่ ใ น มเ ลี่ ย ม ี เ ขี ย เกิด จ กเชื้ เพลิ ง ที่ มี
ลก ณ เป็นข งแข็ง เช่น ฟืน ฟ ง ย ง ไม้ ผ้ กร ด
พล ติก นง ต ์ ป นุ่น ด้ ย เป็นต้น
ิธีดบไฟปร เภท A ที่ดีที่ ุด คื ก รลดค ม
ร้ น (Cooling) โดยใช้น้
ไฟปร เภท B มี ญลก ณ์เป็ น รู ปต B ี ข
รื ด ยู่ ใ นรู ป ี่ เ ลี่ ย ม ี แ ดง เกิ ด จ กเชื้ เพลิ ง ที่ มี
ลก ณ เ ป็ น ข งเ ล แล ก๊ ซ เช่ น น้ มนทุ ก
ชนิด แ ลก ล์ ทินเน ร์ จ รบี แล ก๊ ซติดไฟทุกชนิด
เป็นต้น
ิธีดบไฟปร เภท B ที่ดีที่ ุด คื ก จด กซิเจน
โดยก รท ใ ้ บ ก คลุมเพื่ ดบ รื ใช้ผงเคมีแ ้ง
ใช้ฟ งโฟม
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 50

ไฟปร เภท C มี ญลก ณ์เป็นรูป C ีข รื


ด ยู่ใน งกลม ีฟ้ เกิดจ กเชื้ เพลิงที่มีลก ณ เป็น
ข งแข็งที่มีกร แ ไฟฟ้ ไ ล ยู่ เช่น ุปกรณ์ไฟฟ้ ทุก
ชนิด ก ร ร์ค ก ร ป ร์ค
ิ ธี ด บ ไฟ ป ร เภ ท C ที่ ดี ที่ ุ ด คื ก ร ต ด
กร แ ไฟฟ้ แล้ จึ ง ใช้ก๊ ซค ร์ บ นได กไซด์ รื
น้ ย เ ล ร เ ยที่ไม่มี CFC ไล่ กซิเจน กไป
( ้ มใช้น้ เป็น นข ด)
ไฟปร เภท D มี ญลก ณ์เป็นรูปต D ีข
รื ด ยู่ในด 5 แฉก ีเ ลื ง เกิดจ กเชื้ เพลิงที่มี
ลก ณ เป็ นโล แล รเคมีติดไฟ เช่น ตถุร เบิ ด ,
ปุ๋ยยูเรีย (แ มโมเนียมไนเตรต), ผงแมกนีเซียม ล
ิธีดบไฟปร เภท D ที่ดีที่ ุด คื ก รท ใ ้ บ
ก รื ใช้ รเคมีเฉพ เครื่ งดบเพลิงชนิดผงเคมี
โซเดียมคล ไรด์ ( ้ มใช้น้ เป็น นข ด)
ไฟปร เภท K มี ญลก ณ์เป็นต ก ร K ยู่ใน
รูป กเ ลี่ยมด้ นเท่ พื้น ีด ต ก ร ีข ญลก ณ์ที่
เป็นรูปภ พ จ เป็นรูปกร ท ท รที่ลุกติดไฟ เป็น
ไฟที่เกิดจ กเชื้ เพลิงน้ มนท ร น้ มนพืช , น้ มน
จ ก ต ์ แล ไขมน
ิธีดบไฟปร เภท K ที่ดีที่ ุด คื ก รท ใ ้ บ
ก กไม่ ม รถท ได้ ต้ งท ก รใช้โฟม รื ท
ร ย รื เครื่ งดบเพลิงชนิดน้ ผ ม รโปแท เซียม
ซีเตต (Potassium Acetate)

ถ นีดบเพลิง มเ น. (2562). ประเภทข งไฟ ตามมาตรฐาน NFPA 10. ืบค้นเมื่ 24 มีน คม2562, จ ก
http://www.samsenfire.com/article/83-fire-calss.html
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 51

แน ทางป้ งกัน ุบัติภัยไฟไ ม้ าคาร


1. จดร เบียบภ ยในแล ภ ยน ก ค ร เช่น เก็บ ิ่งข งที่จดเป็น
ตถุไ ไฟไ ้ ย่ งเป็น ด ่ น
2. ตร จตร ซ่ มแซมเครื่ งใช้ต่ งๆ ที่ จเป็นบ่ เกิดข งไฟไ ม้
เช่น ยไฟฟ้ เครื่ งจกรกล เครื่ งท ค มร้ น ถ้ เ ียต้ งซ่ มใ ้ ยู่ใน
ภ พ มบูรณ์ รื แจ้งใ ้มีก รด เนินก รในทนที
3. เตรี ย มก ร รบก รดบเพลิ งไ ้ใ ้ พ ร้ มกบเ ตุก รณ์ที่ ไ ม่
ค ดคิด เช่น น้ ทร ย รื เครื่ งมื ดบเพลิ ง ร มถึง ึก ิธีก รใช้
เครื่ ง มี ก รใ ้ ค มรู้ เ กี่ ย กบก รป้ งกนไฟไ ม้ แ ล ก รใช้ เ ครื่ ง
ดบเพลิง เป็นต้น
4. ใ ้ค มร่ มมื แล ปฏิบติต ม ลกเกณฑ์ รื แน ท งต่ งๆ ที่
น่ ยง น รื งค์กรด้ นค มปล ดภยได้ก นดไ ้ ย่ งเคร่งครด ท้งนี้
เพื่ ค มปล ดภยในชี ิตข งผู้ที่ใช้ ค ร ที่มา :https://www.safetymanshop.com/
5. ก ร กแบบ ค รจ ต้ งจดใ ้มีร บบเตื นภยกล งเพื่ ่ง ญญ ณเตื นภยเมื่ เกิดไฟไ ม้ขึ้น ร บบ
ดบไฟ ตโนมติเบื้ งต้นที่พร้ มท ง นได้ทนทีที่ไฟลุกไ ม้ มีร บบป้ งกนไฟล มภ ยในเ ้นท ง นีไฟแล บนได นี
ไฟที่มีปร ิทธิภ พโดยร บข ง ค รทุกช้น รบผู้ที่ติด ยู่ใน ค รใช้เป็นเ ้นท งในก ร นีไฟได้ในกรณี
ฉุกเฉินเกิดไฟลุกไ ม้แล ล มไปท่ ท้ง ค ร
6. ก ร กแบบ ค รใ ้ ม รถลดค มเ ี่ยงจ ก คคีภย ก รเลื ก
ดุที่เ ม มกบโครง ร้ งข ง ค ร ก รป้ งกนก รเ ื่ มก ลงข ง
โครง ร้ งที่เกิดจ ก ุณ ภูมิที่เพิ่มม กขึ้น แล ก รรก เ ถียรภ พข ง
โครง ร้ งท้งร บบ
7. ผู้ใช้ ค รเป็นที่ ยู่ ย น้ คร บคร ค รแน น บุคคลที่ ยู่
ในคร บคร ใ ้มีค มรู้ ค มเข้ ใจ ในแผนก ร นีไฟแล ฝึกบุคล กรใน
ค รใ ้รู้ ลกในก รป้ งกนแล ก ร นีไฟ แ ล่งที่ม https://th.pngtree.com/free-png-vectors/
8. กจ เข้ พก ยใน ค ร ูง ค นโดมิเนียม รื โรงแรม ใ ้ บถ ม ่ มีเครื่ งป้ งกนค นไฟแล
ุปกรณ์น้ ฉีด ตโนมติบนเพด น รื ไม่ เมื่ เข้ ยู่ ยใ ้ ่ นค แน น เกี่ย กบค มปล ดภยจ กเพลิงไ ม้
แล ก ร นีเพลิงไ ม้
9. ท ง กฉุกเฉิน 2 ท ง ที่ใกล้ ้ งพกตร จ บดู ่ ท ง นีฉุกเฉินไม่ปิด ล็ คต ย รื มี ิ่งกีดข ง
ใ ้นบจ น นปร ตู ้ งโดยเริ่มจ ก ้ งท่ น ู่ท ง นีฉุกเฉินท้ง 2 ท ง
10. เรียนรู้แล ฝึกก รเดินภ ยใน ้ งพกเข้ ปร ตู แล เปิดปร ตู
ได้ในค มมืด งกุญแจ ้ งพกแล ไฟฉ ยไ ้ใกล้กบเตียงน น ในกรณี
เกิดเพลิงไ ม้จ ได้น กุญแจ ้ งแล ไฟฉ ย กไปด้ ย ย่ เ ียเ ล กบ
ก รเก็บ ิ่งข ง
11. เรียนรู้แล ฝึกก รใช้ ุปกรณ์ดบเพลิง เช่น ถงดบเพลิง
แ ล่งทีม่ https://writer.dek-d.com/sirawess/writer/view.php?id=1529587
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 52

แน ทางการปฏิบัติตนเพื่ ใ ้เกิดค ามปล ดภัยจาก ัคคีภัยใน าคาร


1. เมื่ เกิดเ ตุก รณ์ก็ค รค บคุม ติใ ้ ยู่ โดยรีบแจ้งข่ ท งโทร พท์ไปยง
ถ นีดบเพลิง รื ม ยเลข 199
2. ต แ น่ง ญญ ณเตื นเพลิงไ ม้ เปิด ญญ ณเตื นเพลิงไ ม้ กท่ น
พบ จ กน้น นีลงจ ก ค รแล้ โทร พท์เรียก น่ ยดบเพลิง
3. กท่ นได้ยิน ญญ ณเพลิงไ ม้ ใ ้ นีลงจ ก ค รทนที แ ล่งที่ม ข งภ พ https://www.devilfirebasic.com/
ย่ เ ียเ ล ตร จ บ ่ เพลิงไ ม้ที่ใด รีบขนย้ ยเ ก รแล ทรพย์ ินมีค่ เท่ ที่จ เป็น
4. พย ย มดบเพลิงข้นต้นด้ ยเครื่ งมื ที่มี ยู่ในบ้ น ปิดปร ตู น้ ต่ งทุ กบ นพร้ มท้ง ุดท่ ต่ งๆ ที่ จ
เป็นท งผ่ นข งค มร้ น ก๊ ซ รื ค น
5. ถ้ เพลิ งไ ม้ใ น ้ งพกข งท่ นใ ้ นี กม แล้ ปิ ดปร ตู ้ งทนที เมื่ ท่ น นี กม ใ ้ แ จ้งต่
เจ้ น้ ที่ดูแล ค รแล โทร พท์แจ้งเพลิงไ ม้
6. ถ้ ไฟไม่ได้เกิดที่ ้ งพกข งท่ นใ ้ นี กจ ก ้ งก่ น ื่นใ ้ใช้ ลงมื แต ปร ตู กปร ตูมีค มเย็น
ค่ ยๆ เปิดปร ตูแล้ นีไปยงท ง นีไฟฉุกเฉินที่ใกล้ที่ ุด
7. กปร ตู มี ค มร้ น ย่ เปิ ด ปร ตู ใน ้ งข งท่ น จจ เป็ น ที่ ป ล ดภยที่ ุ ด รบท่ นใน
ถ นก รณ์เช่นนี้ โทร พท์เรียก น่ ยดบเพลิงแจ้งใ ้ทร บ ่ ท่ น ยู่ ที่ใดแล ก ลงตก ยู่ใน งล้ มข งเพลิงไ ม้
ผ้ เช็ดต เปียกๆ ปิดท งเข้ ข งค น ปิดพดลม แล เครื่ งปรบ ก ่ง ญญ ณข ค มช่ ยเ ลื ที่ น้ ต่ ง
รื ร เบียง แล ค ยค มช่ ยเ ลื
8. คล นใ ้ต่ เมื่ ค นปกคลุม ก บริ ุทธิ์จ ยู่ด้ นต่ ข งพื้น ้ ง กท่ นต้ งเผชิญ น้ กบค นไฟ
ใ ้ใช้ ิธีคล น นีไปท ง นีฉุกเฉิน ใ ้น กุญแจ ้ งไปด้ ย ก มด นท ง นีจ ได้ ม รถกลบเข้ ้ งได้
9. ย่ ใช้ลิฟท์ขณ เกิดเพลิงไ ม้ ลิฟท์ จ ยุดท ง นที่ช้นเพลิงไ ม้ ใ ้ใช้บนได นีไฟภ ยใน ค ร
ภัยพิบัติแผ่นดินไ
แผ่นดินไ รื ก ร ่น เทื นข งพื้นดิน เป็นปร กฏก รณ์ธรรมช ติ เ ตุ ลกเกิดจ กก รเคลื่ นที่
ย่ งฉบพลนข งเปลื กโลก ท ใ ้เกิดก รแตก กข ง ิน เกิดเป็นร ยเลื่ น แล ก รเคลื่ นที่ ย่ งฉบพลนข ง
ร ยเลื่ นนี้ เกิดจ กก รปลดปล่ ยพลงง นเพื่ ร บ ยค มเครียด ที่ มไ ้ภ ยในโลก ก เนื่ งจ กช้น ิน
ล มล ล ยที่ ยู่ภ ยใต้เปลื กโลก ได้รบพลงง นค มร้ นจ กแกนโลก แล ล ยต ผลกดนเปลื กโลกต นบน
ตล ดเ ล ท ใ ้เปลื กโลกแต่ล ชิ้นมีก รเคลื่ นที่ในทิ ท งต่ งๆกน พร้ มกบ มพลงง นไ ้ภ ยใน บริเ ณ
ข บข งชิ้นเปลื กโลกจึงเป็น ่ นที่ชนกนเ ียด ีกน รื แยกจ กกน
กบริเ ณข บข งชิ้นเปลื กโลก ผ่ น รื ยู่ใกล้กบปร เท ใดปร เท น้นๆ ก็จ มีค มเ ี่ยงต่ ภย
แผ่นดินไ ูง เช่น ปร เท ญี่ปุ่น ปร เท ฟิลิปปิน ์ ปร เท ินโดนีเซีย นิ ซีแลนด์ เป็นต้น น กจ กน้นพลงง น
ที่ มในเปลื กโลก ถูก ่งผ่ นไปยงเปลื กโลกพื้นข งท ีป ตรงบริเ ณร ยร้ ข ง ินใต้พื้นโลก รื เรียก ่
"แน ร ยเลื่ น (Fault)" เมื่ ร น บร ยร้ ที่ปร กบกน ยู่ได้รบแรง ดม กๆ ก็จ ท ใ ้ร ยเลื่ นมีก รเคลื่ น
ต ย่ งฉบพลนเกิดเป็นแผ่นดินไ เช่นเดีย กน

ร ยเลื่ นปกติ ร ยเลื่ นแน ราบ ร ยเลื่ นย้ น


ที่ม รูปภ พ : http://www.ioithailand.com/web_student57/2/Data/Data5.htm
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 53

บริเ ณร ยเลื่ นเคลื่ นต นี้ จ เป็นที่ร มข ง ูนย์กล งแผ่นดินไ ม กม ย ในปร เท ไทยมีร ย


เลื่ นที่ค ด ่ ยงมีก รเคลื่ นต ยู่ในภ คต นตกแล ภ คเ นื ข งปร เท เช่น ร ยเลื่ นเมย – ุทยธ นี
ร ยเลื่ นด่ นเจดีย์ ม งค์ ร ยเลื่ นแม่ท แล ร ยเลื่ นเ ล่ นี้จ เป็นต้ งมีก ร ึก ลก ณ เคลื่ นต
ตล ดจนโ ก ที่จ เกิดแผ่นดินไ ซ้ ีก แล ขน ดแผ่นดินไ ูง ุดที่ค รจ เกิดในแต่ล ร ยเลื่ น เพื่ ก ร
งแผนป้ งกนภย น จจ เกิดขึ้นในบริเ ณที่มี ตร เ ี่ยงต่ แผ่นดินไ ูง
าเ ตุข งแผ่นดินไ
1. แผ่นดินไ จากธรรมชาติ ่ นม กเป็นปร กฏก รณ์ท งธรรมช ติที่เกิดจ กก ร ่น เทื นข ง
พื้นดิน นเนื่ งม จ กก รปลดปล่ ยพลงง นเพื่ ร บ ยค มเครียด ที่ มไ ้ภ ยในโลก กม ย่ งฉบพลน
เพื่ ปรบ มดุลข งเปลื กโลกใ ้คงที่ โดยปกติเกิดจ กก รเคลื่ นไ ข งร ยเลื่ น ภ ยในช้นเปลื กโลกที่ ยู่ด้ น
น ก ุดข งโครง ร้ งข งโลก มีก รเคลื่ นที่ รื เปลี่ยนแปลง ย่ งช้ ๆ ยู่เ ม
2. แผ่นดินไ จากการกระท้าข งมนุ ย์ มีท้งท งตรงแล ท ง ้ ม เช่น ก รร เบิด ก รท เ มื ง
ก ร ร้ ง ่ งเก็บน้ รื เขื่ นใกล้ร ยเลื่ น ก รท ง นข งเครื่ งจกรกล ก รจร จร ร มถึงก รเก็บขย นิ เคลียร์
ไ ้ใต้ดิน เป็นต้น
การ ร้างเขื่ นและ ่างเก็บน้้าขนาดใ ญ่ ซึ่ง จพบปัญ ก รเกิดแผ่นดินไ เนื่ งจ ก
น้ นกข งน้ ในเขื่ นกร ตุ้น ใ ้เกิดก รปลดปล่ ยพลงง น ท ใ ้ ภ ค มเครียดข งแรงในบริเ ณน้น
เปลี่ยนแปลงไป ร มท้งท ใ ้แรงดนข งน้ เพิ่ม ูงขึ้น ่งผลใ ้เกิดพลงง นต้ นท นที่ มต ในช้น ิน
เรียกแผ่นดินไ ลก ณ นี้ ่ แผ่นดินไ ท้ งถิ่น
การท้าเ มื งในระดับลึก ซึ่งจ มีก รร เบิด ิน จท ใ ้เกิดแรง ่น เทื นขึ้นได้
การ ูบน้้าใต้ดิน ก ร ูบน้ ใต้ดินขึ้นม ใช้ม กเกินไป ร มถึงก ร ูบ น้ มนแล แก๊ ธรรมช ติ
ซึ่ง จท ใ ้ช้น ินที่ร งรบเกิดก รเคลื่ นต ได้
การทดล งระเบิ ดนิ เคลียร์ใต้ดิน ก่ ใ ้เกิดค ม ่น เทื นจ กก รทดล งร เบิด ซึ่งมี
่ นท ใ ้เกิดผลกร ทบต่ ช้น ินที่ ยู่ใต้เปลื กโลกได้
เมื่ เกิดแผ่ น ดินไ ขึ้น พื้น ดิน จ ถูกรบก น แล เคลื่ น กจ กจุดก เนิดในรูปข งคลื่ นค ม
่น เทื น เ มื นกบก รโยนกร ดลงในน้ พื้นน้ จ ถูกคลื่นพดพ ไปเป็นร ล กจนกร ทบฝั่ง คลื่นแผ่นดินไ
ก็เช่นเดีย กนจ เคลื่ นที่ไปจนกร ท่งพลงง น มดไป ฉ น้นถ้ เร มีเครื่ งมื ที่มีค มไ พ ก็ ม รถตร จจบ
แผ่นดินไ ในร ย ่ งไกลได้ เครื่ งตร จแผ่นดินไ (Seismograph) นี้จ มีปร โยชน์ในก ร ต แ น่ง
ขน ด แล ค มลึกข งแผ่นดินไ ในแต่ล คร้งได้ ปัจจุบนกรม ุตุนิ ยม ิทย มี ถ นีตร จแผ่นดินไ 12 แ ่ง
คื ถ นีเชียงใ ม่ ถ นีเขื่ นภูมิพล ถ นีนคร รรค์ ถ นีป กช่ ง จง ดนครร ช ีม ถ นี ุบลร ชธ นี
ถ นีเลย ถ นีเขื่ นเข แ ลม จง ดก ญจนบุรี ถ นี น งพลบ ปร จ บคีรีขนธ์ ถ นี งขล ถ นีภูเก็ต
แล ถ นีน่ น
น กจ กน้นยงมีเครื่ งมื ีกชนิด นึ่งที่ ตร จ ัด ัตราเร่งข งพื้นดิน เรียก ่ ( Strong Motion
Accelerograph) (SMA) ติดต้งต มเขื่ นใ ญ่ๆ ค ร ูงในกรุงเทพม นครแล เชียงใ ม่

ขนาดและค ามรุนแรงแผ่นดินไ
ม ตร ดแผ่นดิน ไ มี 2 ปร เภท คื ม ตรที่แบ่งด้ ยค มรุนแรง (Intensity) แล ม ตรที่แบ่งด้ ย
ขน ด (Magnitude) ข งแผ่นดินไ ซึ่งกรมทรพย กรธรณีได้ใ ้ค ม ม ยข งค มรุนแรงแล ขน ดข ง
แผ่นดินไ ไ ้ ดงนี้
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 54

ค ามรุนแรง (Intensity) คื ผลกร ทบข งแผ่นดินไ ที่มีต่ ค มรู้ ึกข งคน ต่ ค มเ ีย ยข ง


ค ร ิ่งก่ ร้ ง ธรรมช ติข้ งเคียง โดยค มรุนแรงจ ม กน้ ยแตกต่ งกนไปในแต่ล แ ่งที่ถูกรบก นขึ้นกบ
่ ถ นที่น้น ยู่ ่ งจ กต แ น่ง ูนย์กล งแผ่นดินไ (Epicenter) ม กน้ ยขน ดไ น
ค ามรุนแรงแผ่นดินไ (Intensity) แ ดงถึงค มรุนแรงข งเ ตุ ก รณ์แผ่นดินไ ที่เกิดขึ้น ดได้
จ กปร กฎก รณ์ที่เกิดขึ้น ขณ เกิด แล ลงเกิดแผ่นดินไ เช่น ค มรู้ ึกข งผู้คน ลก ณ ที่ ตถุ รื ค ร
เ ี ย ย รื ภ พภูมิป ร เท ที่เปลี่ ย นแปลงเป็นต้น ในกรณีข งปร เท ไทยใช้ม ตร เม ร์แคลลี่ รบ
เปรียบเทียบ นดบ ซึ่งมีท้ง มด 12 นดบ เรียงล ดบค มรุนแรงแผ่นดินไ จ กน้ ยไปม ก
ขนาดข งแผ่น ดิ นไ (Magnitude) เป็นปริม ณที่มีค ม มพนธ์กบพลงง นที่พื้นโลกปลดปล่ ย
กม ณ ต แ น่ ง จุ ด ก เนิ ด แผ่ น ดิ น ไ (Hypocenter) ในรู ป แบบข งก ร ่ น เทื น ถ้ ยู่ ใกล้ จุด เกิ ด
แผ่นดินไ ก็จ มีขน ดใ ญ่ แต่ถ้ ยู่ไกล กไปขน ดก็จ เล็กลงเรื่ ยๆ ซึ่ง ขน ดแผ่นดินไ ค น ณได้จ กค่
ค ม ู ง ข งคลื่ น แผ่ น ดิ น ไ (Amplitude) ที่ บ นทึ ก ได้ ด้ ยเครื่ งตร จ ด (Seismograph) ดงน้ น ขน ด
แผ่นดินไ แต่ล คร้งจึงมีได้เฉพ ค่ เดีย ซึ่งได้จ กก รตร จจบด้ ยเครื่ งมื ตร จ ดแผ่นดินไ เท่ น้น

แ ล่งที่ม ข งภ พ http://www.neutron.rmutphysics.com/teaching-
glossary/index.php?option=com_content&task=view&id=8253
- มาตราริกเต ร์ (The Richter Magnitude Scale) เป็นม ตร ที่ ดขน ดข งแผ่นดินไ ซึ่งบนทึก
ได้จ กเครื่ ง ดแผ่นดินไ (Seismograph) ดได้จ กค ม ูงข งคลื่น (Amplitude) แ ดงผลในรูปแบบจ น น
เต็มแล จุดท นิ ยมท ใ ้ ม รถเปรีย บเทียบขน ดข งแผ่นดินไ ที่เกิดขึ้นคนล เ ตุก รณ์กนได้ โดยคลื่ น
แผ่นดินไ ที่ปร กฏในเครื่ งตร จ ด แล ค น ณได้จ ก ูตรท งคณิต ตร์เป็นล ก ริทึมฐ น ิบข งค ม ูง
ข งคลื่นแผ่นดินไ
- มาตราโมเมนต์ แ มกนิจู ด (moment magnitude scale; MMS, Mw) เป็นม ตร ที่ ดขน ดข ง
คลื่นแผ่นดินไ ซึ่งบนทึกแผ่นดินไ ในลก ณ คล้ ยคลึงกบค่ ที่บ นทึกได้ในม ตร ริกเต ร์ แต่มีค มล เ ียด
แล แม่นย ก ่ เพร เป็นม ตร ที่ถูกพฒน ขึ้นใ ม่พร้ มๆ กบเครื่ ง ดแผ่นดินไ ที่มีก รบนทึกผลด้ ยร บบ
ฟังก์ช่นเ ล ในปี พ. . 2513 เพื่ ใช้แทนม ตร ริกเต ร์ที่ถูกพฒน ขึ้นต้งแต่ปี พ. . 2473
ขน ดข งแผ่นดินไ ไม่ได้ ม ยถึง ค มรุนแรงแผ่นดินไ ไปด้ ย เช่น แผ่นดินไ ปี ค. . 1933
มีขน ด 8.9 ริคเต ร์ แต่มีผู้เ ียชี ิตเพียง 3,000 คน เท่ น้น เปรียบเทียบกบปี ค. . 1976 แผ่นดินไ ที่จีน
มีขน ดเล็กลงม คื 8.2 ริคเต ร์ แต่มีผู้เ ียชี ิตถึง 250,000 คน ที่เป็นเช่นนี้เพร ขน ดแผ่ นดินไ จ คงที่ใน
แผ่ น ดิน ไ แต่ล คร้ ง แต่ค มรุ นแรงจ แตกต่ งไปต มร ย ท ง ภ พท งธรณี ิทย แล ม ตรฐ นก ร
ก่ ร้ ง ค มรุนแรงแผ่นดินไ ดโดยใช้ค มรู้ ึก ่ มีก ร ่น เทื นม กน้ ยเพียงใด แล ก รดูจ กค ม
เ ีย ยต่ ค รแล ิ่งก่ ร้ ง
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 55

มาตรการป้ งกันและบรรเทาภัยแผ่นดินไ
1. ก รก่ ร้ ง ค รใ ้แข็งแรงปล ดภยจ กแผ่นดินไ ซึ่งค ด ่ จ เกิดขึ้นในปร เท ไทยได้ โดยก ร
กกฎกร ทร ง รบค บคุมก รก่ ร้ ง ค รต่ งๆ ใ ้ ม รถต้ นท นแรงแผ่นดินไ ได้ดี
2. ตึกแถ รื บ้ นแฝดที่มีค ม ูงไม่เกิน 2 ช้น ต้ งมี
- ร บบ ญญ ณเตื นเพลิงไ ม้ ย่ งน้ ย 1 เครื่ งทุกคู
- เครื่ งดบเพลิงชนิดมื ถื ย่ งน้ ย 1 เครื่ ง ทุกคู
3. ค ร ธ รณ ค ร พก แล ค รที่มีค ม ูง 3 ช้นขึ้นไปต้ งมี
- ร บบ ญญ ณเตื นเพลิงไ ม้ ย่ งน้ ย 1 จุด ทุกช้นแล ทุกคู
- เครื่ งดบเพลิง ย่ งน้ ย 1 เครื่ งต่ พื้นที่ 1,000 ต ร งเมตร ทุกร ย ไม่เกิน 45 เมตร แต่ไม่น้ ย
ก ่ ช้นล 1 เครื่ ง
4. ค ร ูงแล ค รขน ดใ ญ่พิเ (ค ม ูงเกิน 23 เมตร รื พื้นที่ม กก ่ 10,000 ต ร งเมตร
จ ต้ งมีร บบเตื นเพลิงไ ม้ แล ร บบดบเพลิง ย่ งเต็มที่ต มกฎกร ทร งฉบบที่ 33 พ. . 2535 (กฎกร ทร ง
ฉบบที่ 39 พ. . 2537)
5. ก รปร ช มพนธ์แล ใ ้ค มรู้เกี่ย กบแผ่นดินไ ก รแน น ก รปฏิบติตนเมื่ เกิดแผ่นดินไ ซึ่งจ
เป็นก รลดภยจ กแผ่นดินไ ีกท ง นึ่งด้ ย น กจ กน้น น่ ยง นที่รบผิดช บจ ต้ งมีแผนก รเตรียมค ม
พร้ ม จดร บบก รปร นง นข ง น่ ยง นต่ งๆ ท้งภ ครฐแล เ กชนเมื่ เกิดภยขึ้น ใ ้ก รฝึก บรมแล
ฝึ ก ซ้ มแก่ เ จ้ น้ ที่ ผู้ ป ฏิ บ ติ ง น ยู่ เ ป็ น ปร จ มี ก รจด ุ ป กรณ์ แ ล เครื่ งมื นกในก รช่ ยเ ลื
ผู้ปร บภย เป็นต้น
6. ค รพฒน แล ปรบปรุงเครื ข่ ยที่รบข้ มูลแผ่นดินไ ใ ้มีปร ิทธิภ พแล ทน มย
7. ค รมีเครื ข่ ยร บบก รเตื นภยที่ มบูรณ์ แล ค ร นบ นุนใ ้มีก ร ึก ิจยเกี่ย กบก รพย กรณ์
แผ่นดินไ

แ ล่งที่ม https://www.saturnfireproduct.com/product/44/hose-reel-cabinet

แน ทางการปฏิบัติตนเพื่ ใ ้เกิดค ามปล ดภัยจาก ุบัติภัยแผ่นดินไ

การเตรียมพร้ ม “ ก่ นเกิด” แผ่นดินไ


จดจ ต แ น่ง พ นไฟฟ้ รบตดไฟ ล์ ปิดน้ –ปิดก๊ ซ
ยึดเครื่ งใช้ นกๆ ใ ้แน่นกบพื้นผนง
ร้ ง ค รบ้ นเรื นใ ้ตรงต มกฎเกณฑ์ แ ล่งที่ม
https://www.city.shinjuku.lg.jp/
งแผนนดจุดพบกนในกรณีที่ทุกคน จต้ งพลด ลง anzen/kikikanri01_thai02.html
เตรียมไฟฉ ยพร้ มถ่ น เครื่ งมื ดบเพลิง กร เป๋ ย แล ึก ก รปฐมพย บ ลเบื้ งต้น
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 56

การปฏิบัติตั “ ระ ่างเกิด ” แผ่นดินไ


คุม ติใ ้ ยู่ ย่ ิ่งพล่ น นีใ ้ ่ งจ ก ิ่งที่ จจ ล้มทบ
ถ้ ยู่ในที่โล่งใ ้ ยู่ ่ งจ กเ ไฟฟ้ แล ิ่ง ้ ยแข นต่ ง ๆ
ถ้ ก ลงขบรถใ ้ ยุดแล ยู่ภ ยในรถจนก ร ่น เทื น ยุด
ถ้ ยู่ใกล้ท เลใ ้ กจ กฝั่งเพร จมีคลื่นขน ดใ ญ่ ิ่งเข้ ฝั่งได้
ถ้ ยู่ในบ้ นใ ้ยืน รื ม บตรง ่ นที่มีโครง ร้ งแข็งแรง ยู่ ่ งจ กปร ตู ร เบียง แล น้ ต่ ง
กต นที่เกิดเ ตุน้ น ท่ นติด ยู่บนตึก ูงน้นค ร ท งรีบลงจ กตึกน้นทนที โดย ้ มใช้ลิ ฟต์
ท้ง ิ้นมก รลงจ กตึกน้นท่ นยงต้ งพิจ รณ ค มรุนแรงในขณ น้น แล ลบ กม ย่ งเ ม ม
ย่ ใช้เทียน ไม้ขีดไฟ ไฟแช็ก เพร จมีแก๊ ร่ ยู่
เมื่ ลงม ที่พื้นล่ งแล้ ต้ งน นร บกบพื้น ไรที่ม่นคงยึด
เก เ ไ ้ บริเ ณที่เลื กไปค รเป็นพื้นที่ ่ งโล่ง ไม่ ยู่บริเ ณ
นตร ยต่ ก รถล่มข ง ิ่งก่ ร้ งแล ข งต่ งๆที่จ ตกม ทบ

การปฏิบัติตั “ ลังเกิด ” แผ่นดินไ แ ล่งที่ม https://www.city.shinjuku.lg.jp/anzen/kikikanri01_thai02.html


ตร จ บต เ งแล คนร บข้ ง ท ก รปฐมพย บ ลข้นต้นกรณีได้รบบ ดเจ็บ รีบ กจ ก ค รที่
เ ีย ยทนทีเพร จพงทล ยได้ โดยเฉพ เมื่ เกิดแผ่นดินไ ซ้ รื “After Shock”
ใ ่ร งเท้ ุ้ม ้นกนเ แก้ รื ดุที่แ ลมคมจ กก ร กพง
ตร จ บ ยไฟ ท่ น้ ท่ แก๊ ถ้ แก๊ ร่ ใ ้ปิด ล์ ยก พ นไฟ งดก่ ปร ก ยไฟ ใ ้เปิดปร ตู
น้ ต่ งทุกบ น กจ กบริเ ณที่ ยไฟข ดแล ดุ ยไฟพ ดถึง ย่ ใช้โทร พท์เ ้นแต่จ จ เป็น เปิด ิทยุ
ฟังค แน น ฉุกเฉิน ล
ค รรีบจดก รกบจุด นตร ยทุกจุด กท เ งได้ก็ท กเกินก ่ ค ม ม รถก็ค รเรียกเจ้ น้ ที่ม
ดูแล เพื่ ไม่ใ ้เกิด ุบติเ ตุภ ย ลงแก่ตนเ งแล บุคคลร บข้ ง แล ช่ ยกนบูรณ ซ่ มแซม ิ่งที่เ ีย ยใ ้ดีขึ้น
ย่ ปล่ ยใ ้เป็น นตร ยแก่ตนเ งแล ผู้ ื่น
แน ทางปฏิบัติเมื่ ยู่ใน ถานที่ รื ถานการณ์ต่างๆ
าก ยู่ใน าคาร
กรณีค ม ่น เทื นม กใ ้ปิด ิตซ์ไฟ ลกแล ปิดถงแก๊ มุดโต๊ เก้ ี้ พิงผนงด้ นใน แล้ ยู่นิ่งๆ
ถ้ ไม่มีโต๊ ใ ้ใช้แขนปิด น้ ปิด ีร ม บมุม ้ ง ยู่ใ ้ ่ งกร จก น้ ต่ ง แล เลี่ยงบริเ ณที่ ิ่งข ง ล่นใ ่
รื ล้มทบ เช่น โคมไฟ ตู้
ถ้ ยงน น ยู่ใ ้ ยู่บนเตียงใช้ ม นปิดบง ีร ลีกเลี่ยงบริเ ณที่ จมี ิ่งข ง ล่นใ ่ ยู่บริเ ณที่
ปล ดภย ใช้ช่ งปร ตูเป็นที่ ลบภยถ้ ยู่ใกล้ ใ ้ ยู่ใน ค รจนก ่ ก ร ่น เทื นจ ยุด จึง กไปภ ยน ก
บริเ ณที่ปล ดภย นตร ยที่เกิด ่ นใ ญ่เกิดจ ก ิ่งข ง ล่นใ ่
ตร นกเ ม ่ ไฟฟ้ จดบ รื ปริงเก ร์ จจ ท ง น รื มีเ ียงเตื นไฟไ ม้ ย่ ใช้ลิฟต์ขณ มี
ก ร ่นไ ถ้ ยู่ในลิฟต์แล้ ไม่ทร บ ่ ยู่ช้นไ น ใ ้กดทุกปุ่มแล้ กจ กลิฟต์ทนที บริเ ณใกล้ลิฟต์จ เป็น
่ นที่แข็งแรงที่ ุดข ง ค รเ ม แก่ก ร ลบแล ม บ ย่ กรูกน กน ก ค ร เมื่ ก ร ่นไ ยุดลงแล้
จึงทย ย กด้ นน กในบริเ ณที่ปล ดภย ช้นบน ุดข ง ค รเป็นที่ปล ดภยที่ นึ่งแต่ค ม ่น เทื นแล
ก รโยกจ ม กก ่ ช้นที่ต่ ลงม
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 57

ถ้ เกิดไฟไ ม้ในช่ งแรกเริ่มด้ ยใ ้รีบดบไฟแล ใ ้เ จ้ น้ ที่ตร จ บค มเ ีย ยข ง ค ร ก


ปล ดภย ม รถกลบเข้ ู่ ค รได้ ถ้ เป็นแผ่นดินไ ใ ญ่ใ ้ร ลึกเ ม ่ จเกิดแผ่นดินไ ต มม (After
Shock) แต่มีขน ดเล็กก ่
าก ยู่น ก าคาร
ค ร ยู่ในที่โล่งแจ้งปล ดภยที่ ุด ยู่ใ ้ ่ งจ ก ค ร เ ไฟ ยไฟฟ้ ต้นไม้ ป้ ยโฆ ณ รื ิ่งข ง
ที่ จ ล่นทบ
าก ยู่ในโรงเรียน
ปร ก ย่ ตื่ น ตกใจ ใช้ มื ปร น ี ร มุ ด ใต้ โ ต๊ เก้ ี้ ยู่ ใ ้ ่ ง ิ่ ง ้ ยแข น เมื่ ค ม
่น เทื น ยุด ทย ย กม ู่ที่โล่งแจ้ง
าก ยู่ในรถ
ใ ้จ ดรถเมื่ ม รถจ ดได้โดยปล ดภยแล ในที่ซึ่งไม่มีข ง ล่นทบ ยู่ใ ้ ่ ง ค ร ต้นไม้
ท งด่ น พ นล ย เป็นต้น
าก ยู่ในเรื
ค ม ่น เทื นเนื่ งจ กแผ่นดินไ ไม่ท นตร ยผู้ ย ยู่บนเรื กล งท เล เ ้นในกรณีเกิดเ ตุ
ึน มิ เรื ที่ ยู่ใกล้ฝั่งจ ได้รบค มเ ีย ยใ ้น เรื ก ู่ท เลลึก

ากติด ยูใ่ นซาก าคาร


ใ ้ ยู่ ย่ ง งบ ต้ง ติ ใช้ผ้ ปิด น้ เค ฝ ผนง เพื่ เป็น ญญ ณต่ น่ ยช่ ยชี ิต ใช้นก ีด ก ร
ต โกน จ ูดฝุ่นล ง รื ค น นตร ยเข้ ู่ร่ งก ย ช่ ยเ ลื ซึ่งกนแล กน แล ใ ้ก ลงใจต่ กน

ภัยพิบัติ ึนามิ
ึน มิ ม จ กภ ญี่ปุ่น แปล ่ “คลื่นท่ เรื ” ช ญี่ปุ่นใช้เรียกคลื่นยก ์ที่เข้ ท ล ยช ยฝั่ง แล
ท่ เรื ในช่ พริบต เนื่ งจ กปร เท ญี่ปุ่นมีคลื่นยก ์ ึน มิเกิดขึ้นบ่ ยๆ จึงกล ยเป็นค พท์ที่รู้จกแล ใช้เรียก
กนท่ โลก เมื่ เกิด ึน มิขึ้นจึงก่ ใ ้เกิดค มเ ีย ย ย่ งม ลแก่ชี ิตแล ทรพย์ ิน
เมื่ นที่ 26 ธน คม 2547 เป็น นที่คนไทยทุกคนไม่ลืมเลื นกบเ ตุก รณ์ภยพิบติที่ไม่ค ดคิดม ก่ น
จ กคลื่นยก ์ “ ึน มิ” เคลื่ นต เข้ ถล่มช ยฝั่งท เลภ คต นตกข งปร เท ไทย เ ตุเกิดจ กแผ่นดินไ ใต้
ท เลในปร เท ินโดนีเซีย ผลจ กก รเกิด ึน มิคร้งนี้ท ใ ้ปร เท ต่ งๆ ก ่ 17 ปร เท ได้รบค ม ูญเ ียท้ง
ชี ิตแล ทรพย์ ิน ซึ่งไม่ ม รถปร เมินค่ ได้ คลื่นยก ์ “ ึน มิ” เป็นก รเคลื่ นต ข งม ลน้ เป็นชุดๆ พฒน
จ กก รถูกแทนที่ด้ ยม ลข งแข็งขน ดม ึม จ ก เ ตุดงต่ ไปนี้
ก รเคลื่ นต ข งเปลื กโลก นเนื่ งม จ กแผ่ น ดิ น ไ ที่ มี จุ ด
ูนย์กล งในท้ งท เลจ ก ดีตถึงปัจ จุบนพบ ่ ก ่ 80% คลื่ นยก ์ “ ึ น มิ ”
มกจ เกิดจ ก เ ตุนี้ มีก รปร ม ณก ร ่ 2/3 ข งเ ตุก รณ์คลื่ นยก ์ใน
ม มุท รแปซิฟิ กเกิด จ กแผ่ น ดิ น ไ ที่ มีค มรุ นแรงม กก ่ 7.5 ริ กเต ร์
ดงน้น “ ึน มิ” จึงมกจ เกิดขึ้นบริเ ณที่มีค มเ ี่ยงต่ ก รเกิดแผ่นดินไ เช่น
พื้นที่ร บๆ ม มุทรแปซิฟิกที่เรียกกน ่ “ งแ นไฟ” ( Ring of fire)
แ ล่งที่ม : http://reo06.mnre.go.th/home/images/upload/file/report/nong54-4.pdf
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 58

เกิดจ กก รที่ภูเข ไฟร เบิดใต้น้ ท ใ ้ม ลน้ ถูกยกต ูงขึ้นม แล


เคลื่ นต ไปยงช ยฝั่ง เช่น กรณีเ ตุก รณ์ก รร เบิดข งภูเข ไฟ Krakatoa ที่
ปร เท ินโดนีเซีย ในปี ค. .1883 ท ใ ้เกิดคลื่นยก ์เคลื่ นต เข้ ถล่มปร เท
ินโดนีเซีย ซึ่งฆ่ ชี ิตผู้คนก ่ 30,000 คน ท ล ย ภ พภูมิปร เท ข งเก แก่ง
ต่ งๆ แล ยงเคลื่ นต เข้ ม มุทร ินเดีย
เกิดจ กแผ่น ดินถล่มใต้น้ (Submarine Landslide) รื ถล่มจ ก
บนผิ น้ ท ใ ้ม ลข งน้ เคลื่ นต เข้ ถล่มช ยฝั่ง ต ย่ งเ ตุก รณ์คลื่นยก ์
คร้งใ ญ่ที่ ุดในโลกเกิดที่มลรฐ ล ก ใน นที่ 9 กรกฏ คม พ. . 2501
ภาย ลังจากแผ่นดินไ ขนาด 8.3 ริกเตอร์ทาใ ้เกิดแผ่นดินถล่มใต้น้า
เกิดคลื่นยัก ์ “ ึนามิ” ค าม ูงถึง 576 เมตร เคลื่อนตั เข้ามาในอ่า Lituya
ิธี ังเกตก่ นเกิด ึนามิ
1. ร ดบน้ ท เลลดลง รื เพิ่มขึ้นร ดเร็ ย่ งผิดปกติ เช่น น้ ท เลลดลง เ ็นทร ยไกล กไป ล ยร้ ย
เมตร รื น้ ท เลท่ มช ย ดขึ้นม เป็น ญญ ณเตื น ่ ึน มิก ลงเคลื่ นต เข้ ป ท ฝั่ง
2. ภ ย ลงจ กน้ ท เลลดลง คลื่นจ ก่ ต ม งเ ็น นคลื่นเป็นก แพง ูงขน ดใ ญ่ เคลื่ นต เข้ ป ท
ช ยฝั่ง
3. รู้ ึกถึงแรง ่น เทื นข งพื้นดิน รื ข้ ข งเครื่ งใช้ถ้ กเกิดเ ตุก รณ์ดงกล่ ใ ้ต้ง ติรีบ นี ก
จ กช ยฝั่งขึ้น ู่ที่ ูง รื ที่ ลบภยต มเ ้นท ง นีภย ึน มิ
แน ทางการปฏิบัติตนเพื่ ค ามปล ดภัยในชี ิตและทรัพย์ ินจากคลื่นยัก ์ “ ึนามิ”
กรณี ยู่บนบก
1. กได้ยินปร ก เตื นภย ึน มิ รื รู้ ึก ่ มีแผ่นดินไ เกิดขึ้นใ ้รีบ ิ่ง นี กจ กพื้นที่ช ย ด
ไปยงที่ ูงที่มีค มปล ดภย
2. ในกรณีที่พื้นที่บริเ ณดงกล่ เป็นที่ต่ ใ ้รีบ นีขึ้นไป ยู่ช้นบน ข ง ค รค นกรีตเ ริมเ ล็กที่มี
ค มม่นคงแข็งแรง
3. ในกรณีที่ได้รบ ญญ ณเตื นภย ก็ใ ้ปฏิบติต มข้ 1 รื ข้ 2 ทนที
4. ย่ ยู่ร จนกร ท่งเ ็นคลื่น ึน มิ เพร ึน มิเคลื่ นที่ได้เร็ ม ก
5. ใ ้ค ยติดต มข่ รก รเตื นภย ย่ งต่ เนื่ งแล ใกล้ชิด ย่ ลงไปยงช ยฝั่งเป็น นข ดจนก ่
จ ได้รบ ญญ ณก รยกเลิกก รเตื นภย เพร คลื่นยก ์เป็นคลื่นที่เคลื่ นต ม เป็นชุด
กรณี ยู่บนเรื
1. ถ้ ยู่บนเรื ที่ท่ เทียบเรื ค รน เรื กจ กฝั่งไปใ ้ ิ่งเรื ก ู่บริเ ณน้ ลึกทนทีที่รู้ ึกต ่ มี
แผ่นดินไ รื ได้รบ ญญ ณเตื นภยจ กท งก ร
2. ถ้ ยู่บนเรื ในท เล ย่ น เรื เข้ ฝั่งเป็น นข ด พย ย มล ยเรื ยู่กล งท เล ย่ น เรื เทียบ
ท่ จนก ่ จ ได้รบ ญญ ณก รบ กเลิกเตื นภย
ย่ งไรก็ต ม ก ร ร้ งค มตร นกใ ้กบชุมชนใ ้มีก รปฏิบติต มแน ท งดงกล่ ข้ งต้นเป็น
ิ่งจ เป็น ย่ งยิ่ง ท้งนี้เนื่ งจ กปร ช ชนในพื้นที่เ ี่ยงภย ข ด งค์ค มรู้ เกี่ย กบภยพิบติ ปร ก บกบภ พก ร
เกิดคลื่นยก ์ “ ึน มิ” จจ ใช้เ ล เป็น 10 ถึง 100 ปี ซึ่งในชี ิตคนรุ่น นึ่งๆ จจ ไม่ได้รบปร บก รณ์ที่
รุนแรงขน ดนี้ ก รถ่ ยถ ดปร บก รณ์จ กคนรุ่น นึ่งไปยงคนรุ่นต่ ไปผ่ น ื่ ต่ งๆ จึงมีค ม คญ
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 59

แน ทางปฏิบัติตน ลังเกิด ึนามิ


1. ย่ เพิ่ง กจ กพื้นที่ปล ดภย ค รร เพื่ ค มแน่ใจ ีก 1-2 ช่ โมง รื เมื่ ได้ยินปร ก ่ ปล ดภย
แล้ เนื่ งจ ก จมี ึน มิลูกที่ 2 แล 3 ต มม ได้
2. ต ม พ่ แม่ ผู้ปกคร ง รื ร ยู่ในพื้นที่ปล ดภยที่ท งร ชก รจดไ ้
3. ตร จ บต เ งแล คนร บข้ ง ท ก รปฐมพย บ ลข้นต้นถ้ ได้รบบ ดเจ็บ

ภัยพิบัติ ุทกภัย
ุทกภัย มายถึง ภยแล นตร ยที่เกิดจ ก ภ น้ ท่ ม รื น้ ท่ มฉบพลน มี เ ตุม จ กก รเกิดฝน
ตก นก รื ฝนต่ เนื่ งเป็นเ ล น น เนื่ งม จ ก
1. ย่ มค มกด ก ต่
2. พ ยุ มุนเขตร้ น ได้แก่ พ ยุดีเปร ช่น, พ ยุโซนร้ น, พ ยุใต้ฝุ่น
3. ร่ งมร ุม รื ร่ งค มกด ก ต่
4. ลมมร ุมต นตกเฉียงใต้
5. ลมมร ุมต น กเฉียงเ นื
6. เขื่ นพง

ลัก ณะข ง ุทกภัย


ลก ณ ข ง ุทกภยมีค มรุนแรง แล รูปแบบต่ งๆกน ขึ้น ยู่กบลก ณ ภูมิปร เท แล ิ่งแ ดล้ มข ง
แต่ล พื้นที่โดยมีลก ณ ดงนี้
1. น้ ท่ มฉบพลน รื น้ ป่ ไ ล ล ก มกจ เกิดขึ้นในพื้นที่ร บต่ รื ที่ร บลุ่ม บริเ ณใกล้ภูเข ต้น
น้ เกิดขึ้นเนื่ งจ กฝนตก นกเ นื ภูเข ต่ เนื่ งเป็นเ ล น น ท ใ ้จ น นน้ มมีปริม ณม กจนพื้นดิน
แล ต้นไม้ดูดซบไม่ไ จึงไ ลบ่ ลง ู่ที่ร บต่ เบื้ งล่ ง ย่ งร ดเร็ มี น จท ล ยร้ งรุนแรงพ มค ร ที่ท ใ ้
บ้ นเรื นพงทล ยเ ีย ย แล จท ใ ้เกิด นตร ยถึงชี ิตได้
2. น้ ท่ ม รื น้ ท่ มขง เป็นลก ณ ข ง ุทกภยที่เกิดขึ้นจ กปริม ณน้ มจ น นม ก ที่ไ ลบ่
ในแน ร น บ จ กที่ ูงไปยงที่ต่ เข้ ท่ ม ค รบ้ นเรื น เรื ก นไร่น ได้รบค มเ ีย ย รื เป็น ภ พน้
ท่ มขง ในเขตเมื งใ ญ่ที่เกิดจ กฝนตก นกต่ เนื่ งเป็นเ ล น น มี เ ตุม จ กร บบก รร บ ยน้ ไม่ดีพ มี
ิ่งก่ ร้ งกีดข งท งร บ ยน้ รื เกิดน้ ท เล นุน ูงกรณีพื้นที่ ยู่ใกล้ช ยฝั่งท เล
3. น้ ล้นตลิ่ง เกิดขึ้นจ กปริม ณน้ จ น นม กที่เกิดจ กฝนตก นกต่ เนื่ ง ที่ไ ลลง ู่ล น้ รื
แม่น้ มีปริม ณม กจนร บ ยลง ู่ลุ่มน้ ด้ นล่ ง รื ก ู่ป กน้ ไม่ทน ท ใ ้เกิด ภ น้ ล้นตลิ่งเข้ ท่ ม
เรื ก นไร่น แล บ้ นเรื นต ม งฝั่งน้ จนได้รบค มเ ีย ย ถนน รื พ น จช รุด ท งคมน คมถูกตด
ข ดได้
น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่ำไ ล ลำก น้ำท่วมขัง น้ำล้นตลิ่ง

ที่ม รูปภ พ : https://www.tmd.go.th/info/info.php?FileID=70/


ุข ึก าและพล ึก า ม.5 60

ิธีปฏิบัติในการป้ งกันตนเ งและบรรเทาจาก ุทกภัย


1. ก ร กแบบ ิ่งก่ ร้ ง ค รต่ ง ๆ ใ ้มีค ม ูงเ นื ร ดบที่น้ เคยท่ มแล้ เช่น บ้ นเรื นที่ยกพื้น
ูงแบบไทยๆ เป็นต้น
2. ก รย้ ย ดุจ กที่มีโ ก ได้รบค มเ ีย ย นเนื่ งม จ กน้ ท่ ม ใ ้ไป ยู่ในที่ปล ดภย รื ที่ ูง
3. ก ร ร้ งเขื่ น ฝ ย ท นบ แล ถนน เพื่ เป็นก รกกเก็บน้ รื เป็นก รก้นท งเดินข งน้ เป็นต้น
4. ก รน ถุงทร ยม ท เขื่ น เพื่ ป้ งกนน้ ท่ ม
5. ก รพย กรณ์แล ก รเตรียมภยน้ ท่ ม เพื่ ใ ้ปร ช ชนรบทร บล่ ง น้ เพื่ เตรียมก รป้ งกน
ิธีการปฏิบัติตนเมื่ ได้รับค้าเตื นเรื่ ง ุทกภัยจากกรม ุตุนิยม ิทยา
ก่ นเกิด ุทกภัยค รปฏิบัติดังนี้
1. เชื่ ฟังค เตื น ย่ งเคร่งครด
2. ติดต มร ยง นข งกรม ุตุนิยม ิทย ย่ งต่ เนื่ ง
3. เคลื่ นย้ ยคน ต ์เลี้ยง แล ิ่งข งไป ยู่ในที่ ูง ซึ่งเป็นที่พ้นร ดบน้ ที่เคยท่ มม ก่ น
4. ท คนดิน รื ก แพงก้นน้ โดยร บ
5. เคลื่ นย้ ยพ น เช่น รถยนต์ รื รถจกรย นยนต์ไป ยู่ที่ ู ง รื ท แพ รบที่พกรถยนต์
จจ ใช้ถงน้ ขน ด 200 ลิตร ผูกติดกนแล้ ใช้กร ด นปูก็ได้
6. เตรียมกร บใ ่ดิน รื ทร ย เพื่ เ ริมคนดินที่ก้นน้ ใ ้ ูงขึ้น
7. ค รเตรียมเรื ไม้ เรื ย ง รื แพไม้ไ ้ใช้ด้ ย เพื่ ใช้เป็นพ น ในขณ น้ ท่ มเป็นเ ล น น
เรื เ ล่ นี้ ม รถช่ ยชี ิตได้เมื่ ุทกภยคุกค ม
8. เตรียมเครื่ งมื ช่ งไม้ ไม้กร ด น แล เชื กไ ้บ้ ง รบต่ แพ เพื่ ช่ ยชี ิตในย มคบขน เมื่ น้
ท่ มม กขึ้น จ ได้ใช้เครื่ งมื ช่ งไม้เปิด ลงค รื้ ฝ ไม้ เพื่ ใช้ช่ ยพยุงต ในน้ ได้
9. เตรี ย ม รกร ป๋ ง รื ร ร งไ ้ บ้ ง พ ที่ จ มี รรบปร ท นเมื่ น้ ท่ มเป็ น
ร ย เ ล ล ยๆ น รย่ มข ดแคลนแล ไม่มีที่ ุงต้ม
10. เตรียมน้ ดื่มเก็บไ ้ในข ดแล ภ ชน ที่ปิดแน่นๆ ไ ้บ้ ง เพร น้ ที่ ดที่ใช้ต มปกติข ดแคลน
ลง ร บบก ร ่งน้ ปร ป จจ ยุดช งกเป็นเ ล น น
11. เตรียมเครื่ งเ ชภณฑ์ไ ้บ้ งพ มค ร เช่น ย แก้พิ กดต่ ยแมลงป่ ง ต ข บ งู แล ต ์ ื่นๆ
เพร เมื่ เกิดน้ ท่ มพ ก ต ์มีพิ เ ล่ นี้จ นีน้ ขึ้นม ยู่บนบ้ นแล ลงค เรื น
12. เตรียมเชื กม นิล มีค มย ไม่น้ ยก ่ 10 เมตร ใช้ปล ย นึ่งผูกมดกบต้นไม้เป็นที่ยึดเ นี่ย ใน
กรณีที่กร แ น้ เชี่ย แล คลื่นลูกใ ญ่ซดม ก ดผู้คนลงท เล จ ช่ ยไม่ใ ้ไ ลล ยไปต มกร แ น้
13. เตรียม ิทยุที่ใช้ถ่ นไฟฉ ย เพื่ ไ ้ติดต มฟังร ยง นข่ ลก ณ ก จ กกรม ุตุนิยม ิทย
14. เตรียมไฟฉ ย ถ่ นไฟฉ ย แล เทียนไขเพื่ ไ ้ใช้เมื่ ไฟฟ้ ดบ
ขณะเกิด ุทกภัยค รปฏิบัติ ดังนี้
ต้ง ติใ ้ม่นคง ย่ ตื่นกล รื ตกใจ ค รเตรียมพร้ มที่จ เผชิ ญเ ตุก รณ์ด้ ยค ม ุขุม ร บค บ แล
ค รปฏิบติดงต่ ไปนี้
1. ตด พ นไฟ แล ปิดแก๊ ุงต้มใ ้เรียบร้ ย
2. จง ยู่ใน ค รที่แข็งแรง แล ยู่ในที่ ูง พ้นร ดบน้ ที่เคยท่ มม ก่ น
3. ท ใ ้ร่ งก ย บ ุ่น ยู่เ ม
4. ไม่ค รขบขี่ย นพ น ฝ่ ลงไปในกร แ น้ ล ก
5. ไม่ค รเล่นน้ รื ่ ยน้ เล่นในขณ น้ ท่ ม
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 61

6. ร ง ต ์มีพิ ที่ นีน้ ท่ มขึ้นม ยู่บนบ้ นแล ลงค เรื นกดต่ ย เช่น งู แมลงป่ ง ต ข บ
7. ติดต มเ ตุก รณ์ ย่ งใกล้ชิด เช่น งเกตลมฟ้ ก แล ติดต มค เตื นเกี่ย กบ ลก ณ ก
จ กกรม ุตุนิยม ิทย
8. เตรียมพร้ มที่จ พยพไปในพื้นที่ปล ดภยเมื่ ถ นก รณ์จ นต รื ปฏิบติต มค แน น ข ง
ท งร ชก ร
9. เมื่ จ นต ใ ้ค นึงถึงค มปล ดภยข งชี ิตม กก ่ ่ งทรพย์ มบติ
ลัง ุทกภัยค รปฏิบัติ ดังนี้
เมื่ ร ดบน้ ลดลงจนเป็นปกติ ก รบูรณ ซ่ มแซม ิ่งต่ งๆจ ต้ งเริ่มต้นทนที ง นบูรณ ต่ งๆ เ ล่ นี้
จ ปร ก บด้ ย
1. ก รขน ่งคน พยพกลบยงภูมิล เน เดิม
2. ก รช่ ยเ ลื ในก รรื้ ิ่งปรก กพง ซ่ มแซมบ้ นเรื นที่ กพง แล ถ้ บ้ นเรื นที่ถูกท ล ยจน
มด ิ้น ค รได้รบค มช่ ยเ ลื ในก รจด ที่พก ยแล ก รด รงชีพช่ ร ย นึ่ง
3. ก รก ดเก็บขน ิ่งปรก กพงท่ ไป ก รท ค ม ดบ้ นเรื น ถนน นท งที่เต็มไปด้ ย
โคลนตม แล ิ่งช รุดเ ีย ยที่เกลื่ นกล ด ยู่ท่ ไปกลบ ู่ ภ พปกติโดยเร็
4. ซ่ มแซมบ้ นเรื น ค ร ที่พก ย โรงเรียน แล พ นที่ กพงช รุดเ ีย ย กรณีที่เ ีย ย
ม กจนไม่ จซ่ มแซมได้ ก็ใ ้รื้ ถ นเพร จ เป็น นตร ยได้
5. จดซ่ มท เครื่ ง ธ รณูปโภค ใ ้กลบคืน ู่ ภ พปกติโดยเร็ ที่ ุด เช่น ก รไฟฟ้ ปร ป
โทรเลข โทร พท์ เป็นต้น
6. ภ ย ลงน้ ท่ มจ มีซ ก ต ์ต ย ปร กฏในที่ต่ ง ๆ ซึ่งจ ต้ งจดก รเก็บฝังโดยเร็ ต ์ที่มีชี ิต
ยู่ซึ่ง ด รเป็นเ ล น น ใ ้รีบใ ้ รแล น กลบคืนใ ้เจ้ ข ง
7. ซ่ มแซมถนน พ น แล ท งรถไฟที่ข ดต นช รุดเ ีย ย ใ ้กลบ ู่ ภ พเดิมเพื่ ใช้ในก ร
คมน คมได้โดยเร็ ที่ ุด
8. ร้ ง ค รช่ คร รบผู้ปร บ ุทกภยใ ้ ยู่ ยเป็นก รช่ คร
9. ก ร งเคร ์ผู้ปร บ ุทกภย มีก รแจกเ ื้ ผ้ เครื่ งนุ่ง ่ม แล รแก่ผู้ปร บภย ค ม
ด ย ก ค มข ดแคลนจ มี ยู่ร ย นึ่ง ค รได้รบค มช่ ยเ ลื จ ก น่ ยบรรเท ทุกข์ รื มูลนิธิ
10. ภ ย ลง ุทกภย เนื่ งจ ก ิ่งแ ดล้ มมีก รเปลี่ยนแปลง ย่ งม ก จ ท ใ ้ เพิ่มค มเ ี่ยงต่
ก รเจ็บไข้แล โรคร บ ดได้
แ ล่ง ้าง ิง
กร ทร ง ึก ธิก ร. ุข ึก าและพล ึก า นัง ื เรียนราย ิชาพื้นฐาน ชั้นมัธยม ึก าปีที่ 4. พิมพ์คร้ง
ที่ 4 กรุงเทพ : ก ค. ล ดพร้ , 2557.
นกป้ งกนแล บรรเท ธ รณภย กรุงเทพม นคร. ยู่กับภัยใกล้ตั .พิมพ์คร้งที่ 1. กรุงเทพ : โรงพิมพ์
นกง นพร พุทธ น แ ่งช ติ, 2537.
กรม ุ ตุ นิ ย ม ิ ท ย . ( 2562). ค าม รู้ ุ ตุ นิ ยม ิ ท ย า . ื บ ค้ น เมื่ 15 มี น คม พ. . 2562, จ ก
https://www.tmd.go.th/info/info.php?FileID=34/
ถ นีดบเพลิง มเ น. (2562). ประเภทข งไฟ ตามมาตรฐาน NFPA 10. ืบค้นเมื่ 24 มีน คม 2562,
จ ก http://www.samsenfire.com/article/83-fire-calss.html
นง ื ุตุนิยม ิทย . (2562). ุทกภัย (Flood). ืบค้นเมื่ 25 มีน คม 2562, จ ก
https://www.tmd.go.th/info/info.php?FileID=70/
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 62

น่ ยการเรียนรู้ที่ 5
การปฐมพยาบาลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและการเคลื่ นย้ายผู้ป่ ย

ุบติเ ตุเกิดขึ้นได้ทุกเ ล ทุก ถ นที่แล กบทุกคน โดยไม่ได้ค ดคิด รื ค ด งใ ้เกิดขึ้นก รเล่นกี


รื กก ลงก ย จก่ ใ ้เกิด ุบติเ ตุได้ ท ใ ้ร่ งก ยเกิดก รบ ดเจ็บ รื มี ก รผิดปกติ ย่ งฉุกเฉิน
โดยเฉพ ต ม ่ นต่ ง ๆ ข งร่ งก ยที่เป็นข้ ต่ ท ใ ้ร่ งก ยเคลื่ นที่ผิดจง เกิด ก รเรียก ่ ข้ เคลื่ น
ก รช่ ยเ ลื จ กผู้ที่ได้รบ นตร ย รื บ ดเจ็บน้นถ้ เร ไม่รู้จก ิธีก รเคลื่ นย้ ย รื ก รปฐมพย บ ลที่ถูกต้ ง
แล้ จเป็น นตร ยต่ ผู้ป่ ยได้
ก รใ ้ค มช่ ยเ ลื ผู้บ ดเจ็บมีค ม คญ ย่ งยิ่งในก รลดค ม ูญ เ ีย เพร จด ่ เป็นเ ล ิกฤต
ในท งตรงข้ ม กผู้ ใ ้ก รช่ ยเ ลื ปฏิบ ติไม่ถูกต้ งต ม ลกก รปฐมพย บ ล ก็ จก่ ใ ้เกิด นตร ยต่
ุขภ พแล ชี ิตข งผู้ปร บภย ดงน้นทุกคนจึงค รมีค มรู้แล ทก ในก รใ ้ก รปฐมพย บ ลที่จ เป็น เพื่
จ น ไปใช้ได้ ย่ งถูกต้ ง

ค าม มายข งการปฐมพยาบาล
ก รปฐมพย บ ล ม ยถึง ก รช่ ยเ ลื เบื้ งต้นแก่ผู้ได้รบบ ดเจ็บ ก่ นที่จ น ่ง ถ นพย บ ล รื
ได้รบก รดูแลจ กบุคล กรท งก รแพทย์ต่ ไป

ัตถุประ งค์
1. เพื่ ป้ งกน รื ช ยไม่ใ ้ผู้ป่ ยเจ็บเ ียชี ิต
2. เพื่ ไม่ใ ้ผู้ป่ ยเจ็บได้รบ นตร ยเพิ่มขึ้น
3. เพื่ ลดค มเจ็บป ดข งผู้ป่ ยเจ็บ
4. เพื่ ใ ้ผู้ป่ ยเจ็บกลบ ู่ ภ พเดิมโดยเร็

ลักการทั่ ไปข งการช่ ยเ ลื ผู้บาดเจ็บ


ลกในก รช่ ยเ ลื ผู้บ ดเจ็บในกรณีที่มีผู้บ ดเจ็บจ น นม ก ผู้ที่บ ดเจ็บรุนแรงที่ ุดค รได้รบก ร
รก ก่ น แต่จ ไ ้ ่ ผู้บ ดเจ็บที่ ่งเ ียงร้ งดงที่ ุด จไม่ใช่ผู้ที่บ ดเจ็บม กที่ ุด
1. ข้ ก, ข, ค ต่ ไปนี้ต้ งท ภ ยใน 3 น ที ถ้ ผู้ บ ดเจ็บ ยู่ในข้น มด ติ เพื่ ที่จ ป้ งกนก รเกิด
นตร ย ย่ งถ รต่ ไป
ก) ร บบท งเดิน ยใจ (ท งผ่ นร ่ งป ก จมูก แล ค ต้ งเปิดใ ้ช่ งท งผ่ นโล่งม ก
ที่ ุด ถ้ ผู้บ ดเจ็บ มด ติ รื ช็ ก)
ข) ก ร ยใจ ต้ งพย ย มคงก ร ยใจไ ้ตล ดเ ล
ค) รก ร บบ มุนเ ียนโล ิต
2. ถ้ เลื ด กม กต้ ง ้ มเลื ดทนที
3. เมื่ เกิดกร ดูก กแล จ เป็นต้ งเคลื่ นย้ ยผู้บ ดเจ็บ ต้ งเข้ เฝื กไ ้ก่ นเ ม ย่ เคลื่ นย้ ย
ผู้บ ดเจ็บเมื่ ค ด ่ มีก รบ ดเจ็บบริเ ณกร ดูก น ลง
4. ใ ้ค มม่นใจแก่ผู้บ ดเจ็บแล รก ก รเจ็บ ื่นๆเท่ ที่จ ท ได้
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 63

การ ้าร จ าการบาดเจ็บ


เมื่ ผู้ได้ร บ ุบติเ ตุ รื มี ก รผิดปกติก ทน นจ เป็นต้ ง งเกต รื ร จ ก รผิดปกติ ่ มี ไร
ตรงไ นบ้ งที่ต้ งช่ ยเ ลื ย่ งเร่งด่ น ก รช่ ยเ ลื เบื้ งต้น ย่ งถูก ิธีก่ นถึงมื แพทย์จ เป็นปร โยชน์ต่
ผู้บ ดเจ็บ คื
1. ช่ ยใ ้ผู้ป่ ยร ดชี ิตได้
2. เป็นก รผ่ น นกใ ้เป็นเบ จ กก รบ ดเจ็บ
3. ช่ ยใ ้ผู้ป่ ยกลบฟื้นคืน ติเร็ ขึ้นได้
4. ม รถ ่งผู้ป่ ยถึงมื แพทย์ได้ร ดเร็ แล ถูก ิธี
การ ้าร จ าการบาดเจ็บ รื าการผิดปกติ ปฏิบติได้ดงนี้
1. ังเกต ่าผู้บาดเจ็บยังรู้ ึกตั รื มี ติ รื ไม่ ก รดู ่ ผู้บ ดเจ็บมี ติ รื รู้ ึกต มีค มจ เป็นเพร
ถ้ ผู้ป่ ย ม รถบ ก ก รได้ก็จ ท ใ ้ผู้ช่ ยเ ลื ช่ ยได้ร ดเร็ แล ถูกต้ งม กขึ้น
2. ังเกตการ ายใจ โดย งเกตได้ดงนี้
2.1 ปกติผู้ใ ญ่มี ตร ก ร ยใจ 14-20 คร้งต่ น ที เด็ก ยใจ 20-40 ต่ น ที
2.2 ลก ณ ก ร ยใจ งเกตเกี่ย กบ
2.1.1 จง ก ร ยใจ ม่ เ ม รื ไม่
2.1.2 ก ร ยใจลึกตื้น
2.1.3 มีก รเจ็บขณ ยใจ รื ไม่
3. ังเกตการเ ียเลื ด และการเต้นข งชีพจร
ถ้ มีเลื ด กภ ยน กม งเ ็นได้ใ ้ ้ มเลื ด ถ้ เลื ด กภ ยใน เช่น บ ดเจ็บในช่ งท้ ง รื
กร ดูก ก เป็นต้น ต้ ง งเกต ก รต่ งๆ คื ผู้ป่ ยมี ก รเ ียเลื ดม กมีปริม ณเลื ดลดลง เริ่มมี ก รคล้ ย
จ เป็นลม คื น้ มืด ิงเ ียน ี ร มื เท้ ่ นแรง ใจ ิ มื ่น ริมฝีป กซีก ยใจ บ ชีพจรเบ ลง
เ นื่ ยม ก มด ติเนื่ งจ กเ ียเลื ดม ก
4. การตร จ ัญญาณชีพ ปฏิบติดงนี้
4.1 ใช้นิ้ ชี้ นิ้ กล ง แล นิ้ น ง ข งมื ข้ งที่ถนดแต จบเ ้น ญญ ณชีพข้ มื ด้ น น้
แขนข งผู้บ ดเจ็บ บริเ ณเ นื ข้ มื ด้ น แม่มื ปร ม ณ 1 นิ้
4.2 ก รตร จ ญญ ณชีพบริเ ณค แทนก รตร จบริเ ณข้ มื โดยจดผู้บ ดเจ็บ รื ผู้ป่ ย
น น ง ย แล้ งนิ้ ชี้แล นิ้ กล งลงใกล้ลู กกร เดื กกบกล้ มเนื้ ค ข งผู้ ป่ ย มื ีกข้ ง นึ่งจบบริเ ณ
น้ ผ กข งผู้ป่ ย กด น้ ผ กใ ้แ งนเงยขึ้น
5. ังเกต าการผิดปกติ โดย ก รตร จนบชีพจร
5.1 ผู้ใ ญ่ ตร ก รเต้น ใจ 60-80 คร้ง/น ที เด็กปร ม ณ 90-130 คร้ง/น ที
5.2 จง ก รเต้น ม่ เ ม รื ไม่ ม่ เ ม ช้ รื เร็ แรง รื เบ
- ถ้ เต้นเบ แล เร็ จเ ียเลื ดม ก
- ถ้ เต้นช้ แล เบ จบ ดเจ็บที่ ม ง ม งถูกกร ทบกร เทื น ย่ งแรง
- ถ้ เต้นช้ แล แรง จเนื่ งจ กเม ุร รื จเนื่ งจ ก ล ดเลื ดใน ม งแตก
บ งร ยได้รบ ุบติเ ตุ ท ใ ้เนื้ ม งถูกกดจ กก รมีเลื ด กใต้ก โ ลก ีร
6. การ ังเกตลัก ณะบาดแผลและรูปลัก ณ์ข ง ัย ะผิดไปจากเดิม มีดงนี้
6.1 ลก ณ ข งบ ดแผล แผลฟกช้ จ กก รถูกกร แทก แผลขีดข่ นถล ก แผลฉีกข ด
แล มีเลื ด ก
6.2 รูปลก ณ์ข งกร ดูกผิดไป เช่น ก โ ลก ีร ยุบ แขน ข ก ง ผิดรูป กร ดูก ลง ก
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 64

7. ังเกตการท้างานข งระบบประ าท มีดงนี้


7.1 ทด บร ดบค มรู้ ึก จมึนงง เ ล เรียกผู้ป่ ยจ ลืมต แล้ ลบไปใ ม่ รื มด ติ ไม่
มี ก รโต้ต บ
7.2 ตร จ บก รเคลื่ นไ ข งแขน-ข เช่น ล งยกมื แขน รื ข ข งผู้บ ดเจ็บขึ้นทีล ข้ ง
ถ้ ปล่ ยมื แขน รื ข ล่นลง แ ดง ่ มี ก รข ง มพ ตเกิดขึ้น
8. ังเกตค ามผิดปกติ ื่นๆ ได้แก่ ีผิ เช่น น้ แดง ซีด รื เขีย ุณ ภูมิร่ งก ยปกติ 37 ง
เซลเซีย ถ้ ูง รื ต่ ม กก ่ นี้แ ดง ่ มี ก รผิดปกติ รื มี ก รเจ็บป ด ื่น เช่น ป ดท้ ง เจียน เป็นต้น
ลงจ ก ร จ ก รบ ดเจ็บแล พบ เ ตุแล้ ค รใ ้ก รช่ ยเ ลื ผู้บ ดเจ็บต ม ก รด้ ย ิธี
ที่ถูกต้ ง โดยปกติภ ฉุกเฉินที่ต้ งก รก รปฐมพย บ ลมี 2 ปร เภท ได้แก่
1. ภา ะที่คุกคามชี ิต คื ถ้ ปฐมพย บ ลถูกต้ งก็จ ช่ ยใ ้ชี ิตร ด ถ้ ผิดจ พิก ร รื ต ย
- เลื ด ก รื ตกเลื ด
- ช็ กแล เป็นลม มด ติ
- ยุด ยใจ แล ใจ ยุดเต้น
- ก รได้รบ รเป็นพิ เข้ ไป
2. ภา ะที่ไม่รุนแรงถึงตาย แต่ผู้ปฐมพย บ ล ม รถช่ ยใ ้ผ่ นคล ยค มเจ็บป ด แล
ป้ งกนมิใ ้บ ดแผลลุกล ม รื บ ดเจ็บยิ่งขึ้น เช่น บ ดแผลจ กข งมีคม ถล ก รื ไฟไ ม้ กร ดูก ก รื ข้
เคลื่ น เป็นต้น

การบาดเจ็บที่พบได้บ่ ยๆ และการปฐมพยาบาล
1. เลื ดก้าเดาไ ล
เลื ดก เด ไ ลเป็นภ ที่เ ้นเลื ดฝ ยแตกบริเ ณ
ผนงจมูก ่ นใ ญ่เกิดบริเ ณที่ ู่ตรงกล งร ่ งรู
จมูกท้ง งข้ งท ใ ้มีเลื ดไ ล กม โดย เ ตุ
จเกิดจ ก ุบติเ ตุ ก แ ้ง ค มดนโล ิต ูง
เป็น ด เป็นต้น

การปฐมพยาบาล
1. น่งก้ม น้
2. ใช้มื บีบจมูกแล ใ ้ ยใจท งป ก ปร ม ณ 5-10 น ที
ข้ ค รระ ัง
1. ท่ น่งเงย น้ จ ท ใ ้เลื ดไ ลลงค แล ท ใ ้ เจียนได้
2. ก ร ่งน้ มูก แค จมูก รื ขยี้จมูกจ ท ใ ้เลื ด ก ีก
3. ในผู้ป่ ยที่ได้รบ ุบติเ ตุ ถ้ มีน้ ใ ๆไ ลจ กจมูก ใ ้รีบน ่ง ถ นพย บ ล
2. แผลถล ก
แผลถล กเป็นแผลเปิดชนิดตื้นๆ ที่มีผิ นงช้นน ก ลุดล ก ก มีเลื ด กเล็กน้ ย
การปฐมพยาบาล
1. ล้ งแผลด้ ยน้ ดแล บู่จน มด ิ่ง กปรก
2. ใช้ผ้ ดกดที่แผล เพื่ ใ ้เลื ด ยุด
3. ใ ่ย รบแผล ด เช่น เบต ดีน จปิดแผล รื ไม่ก็ได้
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 65

ข้ ค รระ ัง
1. จพบร่ มกบก รบ ดเจ็บข ง ย ภ ยใน
2. แผลถล กที่มีขน ดใ ญ่ จต้ งรบปร ท นย ปฏิชี น เพื่ ป้ งกนก รติดเชื้
3. ไม่ค รใ ้แผลเปียก น้ จนก ่ แผลจ แ ้งเพื่ ป้ งกนก รติดเชื้
3. แผลฟกช้้า
แผลฟกช้ เป็นแผลที่เกิดจ กก รถูกกร แทกไม่มีร ยฉีกข ด รื เลื ด กม ภ ยน กแต่มีก รฉีกข ด
ข งเนื้ เยื่ ใต้ผิ นงท ใ ้เ ็นเป็นร ยช้ บ ม
การปฐมพยาบาล
1. ปร คบด้ ยค มเย็น เช่น ผ้ ่ ถุงน้ แข็งผ มน้ ภ ยใน 24 ช่ โมงแรกเพื่ ้ มเลื ด
2. ลง 24 ช่ โมงปร คบด้ ยค มร้ นเพื่ ลด ก รช้ บ ม
ข้ ค รระ ัง
1. ร ยฟกช้ ภ ยใน จพบร่ มกบก รบ ดเจ็บข ง ย ภ ยใน เช่น กร ดูก ก ตบแตก ม้ ม
แตก เป็นต้น
2. ก รใช้ค มร้ นปร คบต้งแต่แรก ลงเกิด ุบติเ ตุ เช่น ก รใช้ย ม่ ง ไข่ต้มข้ ุกร้ น จ
เป็น เ ตุที่เลื ด กม กขึ้น
4. แผลโดนค ามร้ น
แผลโดนค มร้ น จเกิดจ กเปล ไฟน้ ร้ นไฟฟ้ ดุ รื เครื่ งมื เครื่ งใช้ที่มีค มร้ น ค มรุนแรง
ขึ้น ยู่กบปริม ณค มร้ นร ย เ ล ที่ได้รบขน ดแล ต แ น่งข ง ย ที่โดนค มร้ น ค มรุนแรงข งแผล
โดนค มร้ นแบ่งได้เป็น 3 ร ดบคื
ร ดบที่ 1 ผิ นงเป็น ีแดงป ดแ บเล็กน้ ยเช่นผิ ไ ม้จ กแดด
ร ดบที่ 2 ผิ นงพ งมี น้ ใ ๆ ยู่ ข้ งในป ดแ บร้ นม ก ่ นม กแผลจ แ ้ ง แล ย
ภ ยใน 5 - 10 น
ร ดบที่ 3 ผิ นงจ ถูกท ล ยลึกตล ดช้นข ง นงแท้จ เ ็นลก ณ ไ ม้เกรียม รื เ ็นเป็นเนื้ ีข
จลึกถึงกล้ มเนื้ แล กร ดูกท ใ ้เจ็บป ดม ก
การปฐมพยาบาล
1. ใช้น้ ดร ด รื แช่บริเ ณแผลเป็นเ ล ย่ งน้ ย 10 น ที
2. ถ ดเครื่ งปร ดบที่โดนค มร้ น ก
3. ปิดแผลด้ ยผ้ ด
4. ถ้ มีแผลโดนค มร้ นเป็นบริเ ณก ้ ง รื บริเ ณ ย คญ เช่น ใบ น้ ค
ย เพ รีบน ่งโรงพย บ ลพย บ ล
ข้ ค รระ ัง
1. ผู้ป่ ยเจ็บที่โดนไฟคล กโดนค มร้ นบริเ ณใบ น้ จมีปัญ ท งเดิน ยใจร่ มด้ ย
2. ผู้ป่ ยที่โดนไฟฟ้ ช็ ต ต้ งร งเรื่ ง ใจเต้นผิดปกติ รื ยุดเต้น
3. ผู้ป่ ยเจ็บที่มีบ ดแผลบริเ ณก ้ ง จมี ก รช็ ก
4. ้ มใช้น้ เย็นจด รื น้ แข็งร ดลงบ ดแผล
5. ้ มดึง ิ่งที่ติดแน่น กจ กบ ดแผลเช่นเ ื้ ก งเกง
6. งดจบต้ งแผลโดยไม่จ เป็น
7. ้ มท ใ ้ผิ นงที่พ งน้ แตก
8. ้ มท ย ย ีฟัน น้ ปล รื ขี้ผึ้งลงบนแผล
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 66

5. ิ่งแปลกปล มเข้าตา, ู, จมูก และค

5.1 ิ่งแปลกปล มเข้าตา


ิ่งแปลกปล มที่พบ ่ เข้ ต ม กที่ ุด ได้แก่ ินฝุ่น ขนต รื แมลงเล็กๆ

ธิ ีช่ ยเ ลื
1. บ กผู้บ ดเจ็บ ่ ย่ พย ย มขยี้ต
2. บ กผู้บ ดเจ็บน่งลง น น้ ใ ้ตรงกบแ ง ่ ง แ งน น้ ขึ้นเล็กน้ ย ล้ งมื ข งคุณ
3. บ กผู้บ ดเจ็บเ ลื บม งขึ้นด้ นบน คุณยืนด้ น ลงข งผู้บ ดเจ็บเ มื ข้ ง นึ่งปร ค งค้ งไ ้
ร้งเปลื กต ล่ งลงแล ดึงใ ้กล ง ก ด้ ยค มนุ่มน ล
4. ถ้ เ ็นเ ดุในเปลื กต ล่ ง รื ในต ข ใ ้เขี่ย กด้ ย ลี เปียกที่บีบจน ม ดแล้ รื ใช้
ผ้ เช็ด น้ รื กร ด เช็ดมื ก็ได้
5. ถ้ คุณคิ ด ่ เ ดุ ยู่ บ ริ เ ณเปลื กต บนบ กใ ้ ผู้ บ ดเจ็บ เ ลื บม งลงที่พื้น คุณใช้นิ้ ชี้แล
นิ้ แม่มื จบโคนขนต ลงแล ใ ้ท ง กจนคุมเปลื กต ล่ งไ ้
6. ถ้ ไม่ เร็จใ ้ผู้บ ดเจ็บแ งน น้ แล เทน้ ใ ้ผ่ นต เบ เบ แล บ กใ ้กร พริบต เ ดุขน ลุด
กม ได้
7. ยงไม่ เร็จต้ งน ่งโรงพย บ ล
5.2 ิ่งแปลกปล มเข้า ู
ปกติพบม กที่ ุดในเด็กเล็กซึ่งมีนิ ยช บเ ิ่งข งเข้ ไปใน ูร มถึงแมลงเข้ ูในคนท่ ไปด้ ย
ิธีช่ ยเ ลื
1. ร้ งค มม่นใจแก่ผู้บ ดเจ็บ
2. ถ้ เป็นแมลงเข้ ูใ ้ผู้บ ดเจ็บน นลงเ ียง น้ ใ ้ ูข้ งที่แมลงเข้ ยู่ด้ นบนใช้น้ ุ่นเทลงใน ูเบ ๆ
แมลงจ ล ยขึ้นม ยู่บนผิ น้
3. ถ้ เ ิ่งข งเข้ ไปใน ูใ ้เด็กเ ียงค เ ูข้ งที่มีข งเข้ ไป ยู่ด้ นล่ ง ิ่งข ง จ ลุด กม ได้
4. ถ้ ไม่ เร็จ ่งโรงพย บ ลทนที
5.3 ิ่งแปลกปล มเข้าจมูก
ีกเช่นกนที่กรณีนี้มกพบในเด็กซึ่งพย ย มใ ่ ิ่งข งเข้ ไปในจมูก
ิธีช่ ยเ ลื
1. ร้ งค มม่นใจแก่ผู้บ ดเจ็บแล ใ ้ผู้บ ดเจ็บ ยใจท งป ก
2. น ่งโรงพย บ ลโดยเร็ ที่ ุด
5.4 ิ่งแปลกปล มเข้าค
ก รที่เ ร รื เ ดุเล็กๆ ลุดเข้ ค จเกิดจ กก ร ลก ถ้ เป็นก้ งปล ปัก ยู่
ที่ค ย่ พย ย มท ไรท้ง ิ้นท ได้แค่ใ ้ค มม่นใจกบผู้บ ดเจ็บแล น ่งโรงพย บ ล
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 67

6. การเป็นลม
เป็นภ มดค มรู้ ึกในช่ งเ ล ้นๆ เนื่ งจ กเลื ดไปเลี้ยง ม งไม่เพียงพ ท ใ ้เกิดค มผิดปกติ
ข งร ดบค มรู้ ึกต ในช่ งเ ล ้นๆ
าเ ตุ
1. ร่ งก ย ่ นเพลียม ก จ กก รตร กตร ท ง นม กเกินไป ดน น ไม่ได้รบปร ท น ร
2. ข ด ก บริ ุทธิ์ เช่น ท ง นใน ้ ง บทึบ ยู่ในที่คน น แน่น
3. ภ พจิตใจ เช่น ตื่นเต้น ตกใจกล เจ็บป ดม กเกินไป
4. ก รเปลี่ยนท่ ท งก ทน น ไม่ ่ จ เปลี่ยนจ กท่ น นเป็นน่ง รื น่งเป็นยืน
าการ
่ นเพลีย เ ียน ีร ใจ ่น ต พร่ น้ ซีด ต เย็น มื แล เท้ เย็น บ งคร้งมีเ งื่ กชื้นๆ ต มฝ่ มื
ฝ่ เท้ แล บริเ ณ น้ ผ ก ชีพจรเต้นเบ แล เร็ จล้มลงแล มด ติไปช่ ขณ
การปฐมพยาบาล
1. แน น ต แล ข นุญ ตใ ้ก รช่ ยเ ลื
2. ซกถ มเ ตุก รณ์แล ก รบ ดเจ็บจ กผู้เป็นลม รื บุคคลร บข้ ง
3. เคลื่ นย้ ยผู้เป็นลมไปยงจุดที่ปล ดภย แล ก ถ่ ยเท ด ก กนไม่ใ ้มีคนมุงผู้เป็นลม
4. จดใ ้น นในร บในท่ ที่ บ ย ยกปล ยเท้ ูงก ่ ใจปร ม ณ 1 ฟุต รื 1 ก กน่ง ยู่บน
เก้ ี้ใ ้ก้ม ีร ลงร ่ ง เข่ ท้ง 2 ข้ ง เพื่ ใ ้เลื ดไปเลี้ยง ม งจนก ่ จ ก รดีขึ้น
5. คล ยเ ื้ ผ้ ใ ้ ล ม ใ ้ผู้เป็นลม ยใจเข้ กลึกๆ เพื่ เพิ่ม กซิเจนใ ้แก่ร่ งก ย
6. ดูแลเช็ดต ด้ ยน้ ธรรมด ถ้ รู้ ึกต ใ ้จิบน้ น
7. ตร จ ญญ ณชีพเป็นร ย จนก ่ ก รจ ดีขึ้น ถ้ ก รไม่ดีขึ้นรีบน ่งแพทย์
ก รปฐมพย บ ลผู้ป่ ยที่มีเลื ด ก แล ก ร ้ มเลื ด

การ ้ามเลื ด
ลก ณ แล ก รไ ลข งเลื ด ต มปกติภ ยในร่ งก ยข งคนเร จ มีเลื ดปร ม ณ 4 – 5 ลิตรต่
น้ นกต 50 กิโลกรม ไ ล นเ ียน ยู่ตล ดเ ล โดยเลื ดจ ไ ลไปต ม ล ดเลื ดแดงแล ล ดเลื ดด
ล ดเลื ดแดงจ น เลื ดดี รื เลื ดแดงจ ก ใจไปเลี้ยง ่ นต่ งๆ ข งร่ งก ย ล ดเลื ดด จ น เลื ดที่ใช้
แล้ รื เลื ดด กลบคืน ู่ ใจ ใจจ ่งเลื ดไปฟ กที่ป ดโดยจ ท น้ ที่ขบก๊ ชค ร์บ นได กไซด์ กไป
แล รบก๊ ช กซิเจนเข้ ม ท ใ ้เลื ดที่ใช้แล้ กล ยเป็นเลื ดดี ีกคร้ง นึ่ง เลื ดจ ไ ลกลบไป ู่ ใจเพื่ ถูก
ูบฉีดไปเลี้ยง ่ นต่ ง ๆ ข งร่ งก ยต่ ไป ีก เมื่ เกิดบ ดแผลขึ้น ล
ดเลื ดแดงแล ล ดเลื ดด จ ถูกตดข ด แล มีเลื ดไ ล กม ภ ยน กร่ งก ย เรียก ่ ก รเ ียเลื ด รื
ก รตกเลื ด
ชนิดข งบาดแผล
ก รแบ่งชนิดข งบ ดแผลมี ล ย ิธี ในที่นี้ข กล่ ถึงบ ดแผลที่แบ่งต มร ย ที่เกิดขึ้นใ ม่ เกิดขึ้นโดน
ุบติเ ตุ ร่ มกบก รใช้ผิ นงเป็น ลกในก รแบ่งชนิดข งบ ดแผล ได้แก่
1. แผลปิด คื บ ดแผลที่ผิ นงไม่ฉีกข ด กจ กกน แต่ภ ยในผิ นงมีก รฉีกข ดข งเนื้ เยื่ แล
ล ดเลื ด ได้แก่ แผลฟกช้ ต่ งๆ รื ฟกช้ ภ ยใน ย ภ ยในร่ งก ยที่ คญ
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 68

2. แผลเปิด คื บ ดแผลที่ผิ นงแตกแยก กจ กกน แล มีก รเ ียเลื ด กม ภ ยน ก เช่น แผล


ถล ก แผลจ กข งมีคม แผลฉีกข ด แผลที่มีเนื้ เยื้ ข ด กจ กร่ งก ย แผลเปิดบริเ ณ น้ ท้ ง แผลทีมี
ย ถูกตดข ด เป็นต้น
3. แผลไ ม้ น้ ร้ นล ก คื บ ดแผลที่เกิดจ กก รได้รบค มเย็น รื ค มร้ นชนิดต่ งๆ เช่น น้ ร้ น
น้ มน กร แ ไฟฟ้ รเคมีปร เภทกรด-ด่ ง ก รเ ียด ี มผ รง ี ท ใ ้ผิ นง เนื้ เยื้ แล เ ้นปร ทถูก
ทลย
การเ ียเลื ด รื การตกเลื ด
ก รเ ียเลื ดเป็นภ ฉุกเฉินที่จ ่งผลท ใ ้เกิดภ ช็ กแล เ ียชี ิตได้ ซึ่งก รเ ีย เลื ดรุนแรงม ก
น้ ยเพียงใดขึ้นกบปัจจยที่เกี่ย ข้ ง ทิเช่น ชนิดข ง ล ดเลื ดที่แตกต่ งกนจ มีผลต่ ก รเ ียเลื ดต่ งกน
ปริม ณก รเ ียเลื ดที่ กต่ งกนก็จ ่งผลกร ทบต่ ร่ งก ยต่ งกน เป็นต้น
ในร่ งก ยข งมนุ ย์มี ล ดเลื ด 3 ชนิด ได้แก่ ล ดเลื ดแดง ล ดเลื ดด ล ดเลื ดฝ ย ซึ่งจ มี
ลก ณ ก รเ ียเลื ดที่แตกต่ งกน ดงนี้
ล ดเลื ดแดง (Artery) เลื ดที่ กม มี ีแดง ด พุ่งต มจง ก รเต้นข ง ใจ เพร เป็น
ล ดเลื ดที่น เลื ด กจ ก ใจไปเลี้ยง ่ นต่ งๆข ง ใจ
ล ดเลื ดด้า (Vein) เลื ดที่ กม มี ีแดงคล้ ไ ลรินไม่แรงแล ไม่พุ่งต มจง ก รเต้น
ข ง ใจเพร เป็น ล ดเลื ดที่น เลื ดใช้แล้ กลบ ู่ ใจ
ล ดเลื ดฝ ย (Capillary) เลื ดที่ กม จ มีลก ณ ซึมต มบ ดแผล เพร เป็น ล ด
เลื ดขน ดเล็กที่ ยู่ใต้ช้นผิ นง

ปริมาณการเ ียเลื ด
มนุ ย์ มีปริ ม ณเลื ดในร่ งก ยม กน้ ยต มน้ นกข งแต่ล คน คิดโดยปร ม ณ 80 มิลลิลิ ตรต่
น้ นก 1 กิโลกรม ในผู้ใ ญ่จ มีเลื ดไ ลเ ียนเฉลี่ยปร ม ณ 5-6 ลิตร (5,000-6,000 มิลลิลิตร) ผู้บ ดเจ็บที่มี
ก รเ ียเลื ด จ มี ก รรุนแรง รื ไม่ ขึ้น ยู่กบปริม ณก รเ ียเลื ด
ก รเ ียเลื ด แบ่งเป็น 4 ร ดบ ได้แก่
ระดับที่ 1 มีเลื ด กน้ ยก ่ 15 เป ร์เซ็นต์ ข งเลื ดท้ง มด รื น้ ยก ่ 750 มิลลิลิตรใน
ผู้ใ ญ่ แล ไม่มีก รเปลี่ยนแปลงข ง ญญ ณชีพ
ระดับที่ 2 เลื ด ก 15-30 เป ร์เซ็นต์ รื 750-1,500 มิลลิลิตรในผู้ใ ญ่ ผู้บ ดเจ็บจ เริ่มมี
ใจเต้นเร็ ยใจเร็
ระดับที่ 3 เลื ด ก 30-40 เป ร์เซ็นต์ รื 1,500-2,000 มิลลิลิตรในผู้ใ ญ่ ผู้บ ดเจ็บจ เริ่มมี
ก รข งเลื ดไปเลี้ยง ย ต่ งๆ ไม่เพียงพ ร ดบค มดนโล ิตต่ ลง ใจเต้นเร็ ขึ้น ร ดบค มรู้ ึกต
เปลี่ยนแปลงไป
ระดับที่ 4 เลื ด กม กก ่ 40 เป ร์เซ็นต์ รื ม กก ่ 2,000 มิลลิลิตร (2 ลิตร) ในผู้ใ ญ่
เป็นร ดบที่ท ใ ้ผู้บ ดเจ็บเ ียชี ิตได้ ย่ งร ดเร็
กรณีเด็กปริม ณเลื ดในร่ งก ยม กน้ ยต มน้ นกข งแต่ล คน คิดโดยปร ม ณ 80 มิลลิลิตรต่
น้ นกต 1 กิโลกรม ปริม ณก รเ ียเลื ดแบ่งเป็ น 4 ร ดบ คิดเป็นเป ร์เซ็นต์ เช่นเดีย กบก รเ ียเลื ดใน
ผู้ใ ญ่
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 69

ิธี ้ามเลื ด
ก ร ้ มเลื ด คื ก รป้ งกนไม่ใ ้เลื ดไ ล กจ ก ล ดเลื ด เพื่ ลด นตร ยจ กก รเ ียเลื ด รื
ก รตกเลื ดใ ้แก่ผู้ป่ ย ก ร ้ มเลื ด จกร ท ได้ ล ย ิธี ดงนี้
1. ิธีกดที่บาดแผล
1.1 ิธี ก ดที่ บ าดแผลโดยตรง ถ้ เป็ นบ ดแผลขน ดเล็ ก ใ ้ ใช้ ผ้ ด น ๆ งลงบน
บ ดแผลแล้ ใช้นิ้ มื รื มื กดลงบนบ ดแผลน้น น้ นกจ กก รกดจ ช่ ยใ ้เลื ด ยุดไ ลได้
- กรณีผู้บ ดเจ็บรู้ ึกดี ใช้มื ข งผู้บ ดเจ็บกดลงบนบ ดแผลโดยตรง
- กรณีมีผู้ช่ ยเ ลื ค ร มถุงมื เพื่ ลีกเลี่ยงก ร มผ ผู้บ ดเจ็บ รื ใช้ผ้ ดขยุ้มกดลง
บนบ ดแผล แล้ ใช้ผ้ ีกผืนพนทบ น นปร ม ณ 5-10 น ที รื จนก ่ เลื ดจ ยุด ถ้ ผ้ ปิดแผลชุ่มเลื ดไม่
ค รเ ก เพร จ ท ใ ้ลิ่มเลื ด ลุด กไปด้ ย ใ ้ใช้ผ้ ด ีกชิ้นปิดทบ

แ ดงการ ้ามเลื ดโดย ิธีกดที่บาดแผลโดยตรง

1.2 ิธีใช้ผ้าพันร บบาดแผลใ ้แน่นและกดด้ ยมื ปฏิบติได้ดงนี้


1. ใช้ผ้ ดพบซ้ น ล ย ๆ ช้น งลงบนแผล แล้ ใช้ผ้ พนทบบนผ้ ดที่กด
ไ ้บนแผลใ ้แน่น
2. กดน นปร ม ณ 4-5 น ที แล้ ยกขึ้นดู ่ เลื ด ยุด รื ไม่ ถ้ ยงไม่ ยุดใ ้กด
ต่ ไป รื ิธี ื่นที่ได้ผลก ่ นี้
3. ถ้ เลื ด ยุดแล้ ใ ้ใช้ผ้ ดพนร บแผลแล ใ ้บริเ ณน้น ยู่นิ่ง ๆ ถ้ ผู้ป่ ยมี
ก ร ่ นเพลียใ ้น นพก
2. ิธีใช้น้าแข็ง างบนบริเ ณบาดแผล เพื่ ใ ้ ล ดเลื ดฝ ย ดต ป้ งกนไม่ใ ้เลื ดไ ล กม
พร้ มท้งใ ้มีก้ นเลื ดเกิดขึ้น
3. ิธียก ่ นที่มีเลื ด กใ ้ ูงก ่าระดับ ั ใจ ิธีนี้ จใช้ได้ทนทีในกรณีฉุกเฉินที่ยง ผ้ ดม กด
ไม่ได้ รื ยงไม่ได้ใช้ ิธี ื่น
4. ิธีกด ล ดเลื ดตามจุดต่างๆ ก รกด ล ดเลื ดในต แ น่งต่ งๆ ซึ่งเป็นจุด ้ มเลื ด รื จุดชีพจร
น้นในท งปฏิบติ ิธีนี้มกไม่ค่ ยได้ใช้จ ใช้ได้ก็เพียงช่ ขณ ในกรณีฉุกเฉินยง ิธี ้ มเลื ด ิธี ื่นยงไม่ได้ ท้งนี้
เนื่ งจ กก รกดในบ งต แ น่งจ เป็นภ ร แก่ผู้ปฐมพย บ ล เช่น ิธีกดตรงจุดบริเ ณต้นข เป็นต้น ก ร ้ ม
เลื ดโดย ิธีนี้จ ได้ผลดีก็ต่ เมื่ มีกร ดูก ยู่ที่ด้ น ลง รื ด้ นล่ งข ง ล ดเลื ด ่ นน้น แรงที่กดจ กนิ้ มื จึง
กดลงบนต ล ดเลื ด แล กดใ ้แนบลงไปกบกร ดูกน้นได้ ถ้ กต้ งก รจ ท ใ ้ถูกต้ งทุกปร ก ร ค รจ
ึก ต แ น่ง แล ลก ณ ข ง ล ดเลื ดเ ล่ นี้ไ ้ด้ ย
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 70

จุดต้าแ น่งที่กด (Pressure Point ) เพื่ ใช้ ้ มเลื ดที่ค รทร บ ดงนี้

แ ดงต้าแ น่งต่าง ๆ ข ง ล ดเลื ดที่ใช้กดเพื่ ้ามเลื ด

4.1 จุ ด น้ า ที่ ใ บ ู ใช้ ้ มเลื ดในร ยที่ ีร แตกที่ มี เ ลื ด กม กเนื่ งจ ก


บริเ ณ ีร มี ล ดเลื ดฝ ยม ก โดยกดที่ น้ ูลงบนก โ ลก รี

ิธีกดจุดใต้ใบ ู

4.2 จุดขากรรไกรล่าง ใช้ ้ มเลื ดบริเ ณใบ น้ ใ ้กดลงบนกร ดูกข กรรไกรล่ ง


รื กร ดูกกร ม ซึ่ง ยู่ ่ งจ กมุมกร ดูกกร มไปข้ ง น้ ปร ม ณ 1 นิ้

ิธีกดจุดขากรรไกรล่าง
4.3 จุดเ นื กระดูกไ ปลาร้า ใช้ ้ มเลื ดบริเ ณรกแร้แล น้ กใ ้กดลงบนกร ดูกซี่โครง
ซี่ที่ 1 โดยผู้กด ยู่ด้ น ลงแล ใช้นิ้ มื กดที่ ล ดเลื ดใ ญ่เ นื กร ดูกไ ปล ร้

ิธีกดตรงจุดเ นื กระดูกไ ปลาร้า


ุข ึก าและพล ึก า ม.5 71

4.4 จุดบริเ ณต้นแขนด้านชิดล้าตั ใช้ ้ มเลื ดบริเ ณแขนโดยยกแขนใ ้ ูงขึ้นแล้ กด ล ด


เลื ดแดงใ ญ่ที่ต้นแขนซึ่ง ยู่ปร ม ณกึ่งกล งร ่ ง ไ ล่กบข้ ก

ธิ ีกดตรงบริเ ณต้นแขนด้านชิดล้าตั
4.5 จุดที่ข้ มื ในกรณีที่จ ต้ ง ้ มเลื ดที่มื รื ข้ มื ใ ้ใช้ แม่มื ท้ง งข้ ง กด ล ด
เลื ดที่ข้ มื ด้ น แม่มื โดย ง ยฝ่ มื ขึ้น

ิธีกดตรงจุดที่ข้ มื
4.6 จุ ด บริ เ ณต้ น ขา ใช้ ้ มเลื ดบริ เ ณข ใ ้ ใ ช้ มื กด ล ดเลื ดแดงใ ญ่ ที่ ข ตรง
กึ่งกล งข งข นีบ ซึ่ง ยู่บริเ ณกึ่งกล งข งข บกร ดูกเชิงกร นด้ น น้

ิธีกดตรงจุดบริเ ณต้นขา
5. ิธีใช้ทูนิเกต์ (Tourniquet) รื ายรัด ้ามเลื ด (ขันชะเนาะ) ยรด ้ มเลื ดใช้ได้ดีกบบ ดแผลที่แขน
แล ข ที่ถูกตดข ด รื มีกร ดูกแตก กร่ มด้ ย ซึ่งท ใ ้ก ร ้ มเลื ดโดย ิธีใช้ ผ้ พนไม่ ม รถพนใ ้แน่นได้
เพร จ เกิดเจ็บป ดม กขึ้นๆ จน จช็ กได้ ิธีนี้ท โดยใช้ ยรดรด ล ดเลื ดต นที่ ยู่ร ่ งบ ดแผลกบ
ใจบริเ ณที่มีกร ดูกท่ นเดีย เพื่ ไม่ใ ้เลื ดไป ู่บ ดแผล ิธีนี้มกจ เป็น ิธี ุดท้ ยที่ใช้ ถ้ ไม่ ม รถจ ใช้ ิธี
ื่นได้ ก รใช้ทูนิเกต์มี ลก คญ ดงนี้
1. ใช้เครื่ งขนช เน รื ผ้ เท่ น้น ้ มใช้เชื ก ล ด รื ยไฟ
2. ขนช เน ตรงบริเ ณที่มีกร ดูกท่ นเดีย เช่น เ นื ข้ ก รบแขน แล เ นื เข่ รบข
เป็นต้น
3. ค รคล ยเครื่ งขนช เน กทุก ๆ 10-15 น ที
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 72

ภาพแ ดงการ ้ามเลื ดด้ ย ิธีขันชะเนาะ

การปฐมพยาบาลผู้ป่ ยข้ เคลื่ น กระดูก ัก และการเข้าเฝื กชั่ ครา


ข้ เคลื่ นพบได้ ล ยที่ เช่น ข้ ไ ล่เคลื่ น ข้ กเคลื่ น ข้ เข่ เคลื่ น เป็นต้น ซึ่งเกิดจ ก ล ย เ ตุ
เช่น ได้ร บ ุบติเ ตุรุนแรง เป็นโรคบริ เ ณข้ ต่ รื พิก รม แต่ก เนิดท ใ ้กร ดูกเจริญเติบโตไม่เป็นปกติ
ก รที่พบ คื ข้ ต่ มีรูปร่ งผิดไปจ กเดิมกร ดูกนูนขึ้นข้ เคลื่ นไ ไม่ได้ มี ก รบ ม ป ดม กบริเ ณร บ
ๆ ข้ จช็ กเนื่ งจ กตกใจ รื ป ดม ก ต้ งรีบน ผู้ป่ ย ่งแพทย์ รื โรงพย บ ลโดยเร็
ก รเข้ เฝื กช่ คร เป็น ิ่ง คญ เพร ช่ ยใ ้กร ดูก ่ นที่ ก รื ข้ ที่เคลื่ นใ ้ ยู่นิ่ง ๆ กบที่เป็นก รป้ งกน
ไม่ใ ้เจ็บป ดม กขึ้น รื มี ก ร นกขึ้น ร มท้งป้ งกนไม่ใ ้เกิด ก รแทรกซ้ น ิ่งที่ใช้ รบท เฝื ก
ช่ คร ค รเป็น ิ่งข งเครื่ งใช้ รื ดุต่ ง ๆ ที่พ จ ได้ในบริเ ณที่เกิดเ ตุ ผ้ มเ ลี่ยม ม รถน ม ใช้
ปร โยชน์ได้ ล ย ย่ ง เช่น ใช้ปิดแผล ท ยขนช เน ท ่ งคล้ งแขน ในกรณีที่กร ดูกแขน ก รื ข้
ไ ล่เคลื่ น เพื่ ใ ้ ่ นที่ป ดเจ็บน้น ยู่กบที่ใช้ได้กบ ย ทุก ่ นข งร่ งก ย เช่น ีร แขน ข เข่ ก
น้ ก เป็นต้น

ข้ เคลื่ น การเข้าเฝื ก การใช้ผ้า ามเ ลี่ยม


ุบติเ ตุ รื ก รบ ดเจ็บที่เกิดขึ้นจ เป็นต้ งได้รบก รปฐมพย บ ล ย่ งทนท่ งทีก รช่ ยเ ลื ที่ไม่ถูก
ิธี จก่ ใ ้เกิดค มรุนแรงแล บ ดเจ็บม กขึ้น บ งที จท ใ ้ผู้ป่ ยถึงกบเ ียชี ิตได้ ผู้ช่ ยเ ลื จึงจ เป็นต้ ง
มีค มรู้ ค มเข้ ใจในเรื่ ง ิธีปฐมพย บ ล ย่ งถูกต้ ง
ใน น่ ยนี้จ ได้เรียนรู้เกี่ย กบ ิธีปฐมพย บ ลที่ คญ 3 ปร เภทด้ ย คื ก รปฐมพย บ ลผู้ป่ ยข้
เคลื่ น ก รเข้ เฝื กช่ คร แล ก รใช้ผ้ มเ ลี่ยม ดงนี้

1. การปฐมพยาบาลผู้ป่ ยข้ เคลื่ น


ข้ เคลื่ น (Dislocation) ม ยถึง ปล ย รื กร ดูกที่ปร ก บขึ้นเป็นข้ ต่ น้นเคลื่ น กไปจ กที่
ยู่ ต มปกติ ท ใ ้ เ ยื่ ุ้ ม ข้ น้ น มี ก รฉี ก ข ด รื มี ก รยื ด ข งเ ็ น กล้ มเนื้ ล ดเลื ด เนื้ เยื่ ร มท้ ง
เ ้นปร ทบริเ ณน้น จฉีกข ด รื ช กช้ ไปด้ ย ข้ เคลื่ นที่พบบ่ ย ได้แก่ ข้ ไ ล่ กร ดูกต้นค ข้ โพก
ข้ ข กรรไกร ข้ ต่ นิ้ มื ข้ ก ข้ เข่ กร ดูก บ้ แล ข้ เท้
1.1 ข้ เคลื่ นทั่ ไป
าเ ตุ
1. ได้รบ ุบติเ ตุ ย่ งแรง เช่น ถูกชน กร ช ก เ ี่ยง รื กล้ม เป็นต้น
2. มีโรคที่ข้ ต่ ยู่ก่ น เช่น ณโรคที่ข้ ต่ รื โพก โดย ณโรคจ ท ล ยเบ้ กร ดูกข ง
โพกใ ้ตื้นขึ้น แล กร ดูกต้นข เล็กลงจน จ ลุด กจ กกนได้ เป็นต้น
3. พิก รม แต่ก เนิด เนื่ งจ กกร ดูกมีก รเติบโตไม่เป็นไปต มปกติ พบบ่ ยที่ ุดที่ข้ โพก
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 73

าการ
ข้ เคลื่ นจ กที่เดิมมี ก รที่ จ งเกต รื บ กใ ้รู้ได้ดงนี้
1. มี ก รบ มแล ป ดม กบริเ ณร บ ๆ ข้ น้น
2. จพบกร ดูก ่ นน้นดนนูนขึ้นม เ ็นได้ชด รื จคล พบข้ ที่เคลื่ นน้นได้
3. ข้ ต่ ่ นน้นมีลก ณ รูปร่ งผิดไปจ กเดิม รื ผิดไปจ กข้ งปกติ เช่น บ ม โต แฟบ ้น
รื ย ก ่ ปกติ
4. จมี ก รช็ ก เนื่ งจ กเจ็บป ดม ก รื ตกใจ
5. ข้ น้นเคลื่ นไ ไม่ได้แล มี ก รเจ็บป ดม กที่ ุดเมื่ จบเคลื่ นไ (Lock)
ิธีปฐมพยาบาล
1. ย่ พย ย มดึงข้ ที่เคลื่ นเข้ ที่ด้ ยตนเ ง เพร จท ใ ้เ ็นกล้ มเนื้ ล ดเลื ด
แล เนื้ เยื่ ่ นได้รบ นตร ยจนไม่ ม รถจ แก้ไขใ ้คืนดีดงเดิมได้บ งคร้ง จท ใ ้กร ดูก กได้
2. พย ย มใ ้ ่ นที่ข้ เคลื่ นน้นได้ ยู่นิ่ง ๆ โดยจดใ ้ผู้ป่ ย ยู่ในท่ ที่ บ ย ย่ ใ ้ มีก ร
เคลื่ นไ ใด ๆ
3. กมี ก รช็ ก ใ ้แก้ไข ก รช็ กก่ น
4. ใช้ผ้ ่ น้ แข็งปร คบเพื่ ลด ก รเจ็บป ด
5. ค รท ก รเข้ เฝื กช่ คร ไ ้ ป้ งกนก ร กเ บม กขึ้น
6. ใ ้รีบน ่งโรงพย บ ลโดยด่ น ก รทิ้งผู้ป่ ยไ ้น นๆ จ ท ใ ้ก รดึงเข้ ที่ท ได้ย ก

1.2 ข้ ไ ล่เคลื่ น
าเ ตุ
1. เกิดจ กแรงกร ทบ เช่น มี ิ่งข งตกกร ทบบริเ ณไ ล่ รื ข้ ก เป็นต้น
2. เกิดจ กก ร กล้ม โดยแขน ยู่ในท่ ค ่ ฝ่ มื แล นิ้ ก ง กพร้ มท้งยนพื้นไ ้
าการ
1. มี ก รเจ็บป ดไ ล่บ ม
2. ไม่ ม รถเคลื่ นไ ต้นแขน รื ก งแขนได้ต มปกติ
3. ข้ กข้ งที่ข้ ไ ล่เคลื่ น จ ก ง ก รื ุบลงไม่ได้ ถึงแม้จ พย ย มกดลงไป
4. ข้ กเคลื่ นต่ ลงม ปร ม ณ 1-2 นิ้
5. รูปข ง ไ ล่ข้ งที่เคลื่ นจ แบนแฟบ คล พบ กร ดูก ยู่ผิดที่
ธิ ีปฐมพยาบาล
1. ย่ พย ย มดึงใ ้เข้ ที่
2. ปร คบด้ ยน้ แข็งเพื่ ลด ก รบ มแล ค มเจ็บป ด
3. ใ ้ ่ นน้น ยู่นิ่งที่ ุดโดยใ ้ผู้ป่ ยปร ค งแขนข งตนเ งไ ้
4. ใ ้ผ้ มเ ลี่ยมคล้ งแขน (Sling) ข้ งที่ข้ เคลื่ น
5. ใช้ย แก้ป ด แล้ รีบน ่งโรงพย บ ล
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 74

แ ดงการเปรียบเทียบ
1.3 ข้ กเคลื่ น
าเ ตุ
1. ข้ กเคลื่ นเกิดจ กมีแรงม กร ทบข้ กโดยตรง
2. กล้มในท่ ฝ่ มื ยนพื้นเ ยียดแขนตรงแล นิ้ ก ง ก
าการ
1. เมื่ ขยบข้ กผู้ป่ ยจ มี ก รเจ็บม ก
2. ข้ กง แล เฉไปข้ ง ๆ รูปร่ งข้ กจ แบน ง แล เ ยียดแขนไม่ได้
3. ง แขนข้ งน้นไม่ได้
4. ดูท งด้ นปล ยแขนจ ้นเข้ แต่ดูท งด้ น ลงต้นแขนจ ย
5. บ มไม่ม กเ มื นกร ดูก ก แขนจ ยู่ในท่ ค ่ มื
ิธีปฐมพยาบาล
1. ย่ พย ย มดึงข้ กที่เคลื่ นน้นเข้ ที่ รื ดึงใ ้ตรง
2. ด ม รื ยึดพยุงแขนข้ งน้นไ ้ในท่ ที่พบเ ็นขณ ได้รบ ุบติเ ตุ
3. ปร คบด้ ยน้ แข็งเพื่ ลด ก รบ มแล ลด ก รเจ็บป ด
4. พย ย มใ ้ ่ นน้นนิ่งที่ ุด
5. ใ ้ย แก้ป ดแล้ รีบน ่งโรงพย บ ล
1.4 ข้ เข่าเคลื่ น
าเ ตุ
1. ข้ เข่ เคลื่ นเกิดจ กมีแรงม กกร ทบ บริเ ณ เข่ แรงม กผิดปกติ
2. กล้มในท่ คุกเข่
าการ
1. ป ดบริเ ณข้ เข่ ม ก ไม่ ม รถใช้ข้ เข่ ได้
2. ไม่ ม รถง เข่ ได้
3. เข่ ข้ งที่ได้รบบ ดเจ็บจ ผิดรูปเมื่ เทียบกบข้ งดี
4. นตร ยข งข้ เข่ เคลื่ นที่ คญ จท ใ ้ ล ดเลื ดที่ผ่ นข้ เข่ บริเ ณข้ พบ ฉีกข ด ได้
จึงจ เป็นต้ ง งเกตดู ่ มีเลื ดตกในบริเ ณน้น รื ไม่
ิธีปฐมพยาบาล
1. พย ย มใ ้ข ข้ งที่ได้รบบ ดเจ็บน้น ยู่นิ่ง ๆ
2. ใช้ไม้ด มแล พยุงข ข้ งที่บ ดเจ็บตล ดข แล ใ ้ ยู่ในท่ เดิมที่พบเ ็นขณ ได้รบ
ุบติเ ตุ
3. รีบน ผู้ป่ ย ่งโรงพย บ ลโดยเร็
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 75

1.5 ขากรรไกรเคลื่ น
าเ ตุ
ข กรรไกรมีลก ณ เป็นข้ ต่ ถ้ แรง ๆ รื เร เต็มที่ จจ ลุด รื เคลื่ น ก
จ กที่ที่เคย ยู่ได้ ซึ่งเรียกกน ่ ข กรรไกรค้ ง รื ข กรรไกรเคลื่ น
าการ
ข กรรไกรเคลื่ นไ ไม่ได้ ( พูดไม่ได้ ) รู้ ึกเจ็บป ด แล ุบป กไม่ได้
ิธีปฐมพยาบาล
1. ใช้ผ้ เช่น ผ้ เช็ด น้ เป็นต้น พนร บ แม่มื ท้ง งข้ งข งผู้ท ก รปฐมพย บ ล แล้
ดนิ้ แม่มื ท้ง งข้ งเข้ ไปที่กร มซี่ ุดท้ ยใ ้ลึกที่ ุด
2. ใช้นิ้ มื ที่เ ลื ยู่ท้ง งข้ งปร ค ง ยู่ใต้ค งข งผู้ป่ ย
3. ใช้นิ้ แม่มื ท้ง งกดลงแรง ๆ แล ดนใ ้เลื่ นไปข้ ง น้ ข งผู้ปฐมพย บ ลเพียงเล็กน้ ย
4. เมื่ รู้ ึก ่ ตรงข้ ต่ เลื่ นลงแล ไถลไป ใ ้ค่ ย ๆ งดปล ยค งขึ้น
5. พ รู้ ึก ่ ข กรรไกรกลบเข้ ที่เดิมแล้ ใ ้รีบดึง แม่มื ท้ง ง กจ กป กผู้ป่ ยโดยเร็
เพร ไม่เช่นน้นนิ้ แม่มื จถูกงบได้ ถ้ ใช้นิ้ แม่มื กดแรงจนผู้ป่ ยรู้ ึกเจ็บม กแล้ ข กรรไกรก็ยงไม่กลบ
เข้ ที่เดิม ใ ้ ยุดท แล รีบพ ผู้ป่ ย ่งแพทย์ แต่ถ้ ข กรรไกรเข้ ที่เดิมเรียบร้ ยแล้ ค รใช้ผ้ พนค งรดกบ ีร
ไ ้จนก ่ จ รู้ ึก ่ ยเจ็บบริเ ณกร มจึงเ ผ้ ก

แ ดง ิธีปฐมพยาบาลขากรรไกรค้าง
2. กระดูก ัก (Fracture)
กร ดูก ก ม ยถึง ก รแตก กข งกร ดูกในลก ณ ต่ งๆ แบ่ง กเป็น 2 ชนิด ได้แก่
กร ดูก กชนิดไม่มีบ ดแผล รื ชนิดปิด (Close fracture)
กร ดูก กชนิดมีบ ดแผลเปิด รื ชนิดเปิด (Opened fracture)
าการ ป ด บ ม ช้ รูปร่ งผิดปกติ มีเ ียงผิดปกติ
การปฐมพยาบาล
1. ถ้ มีบ ดแผลเลื ด ก ใช้ผ้ ดปิดแผลไ ้ก่ นเข้ เฝื กช่ คร
2. ยึด รื ด มด้ ยเฝื กช่ คร บริเ ณข้ รื กร ดูกที่บ ดเจ็บไม่ใ ้เคลื่ นไ
3. ถ้ มี ก รป ดม ก ค รปร คบค มเย็นร บๆ บริเ ณที่บ ดเจ็บ
4. ตร จ บ ญญ ณชีพ (ชี พจรแล ก ร ยใจ) เป็น ร ย ๆ ย่ ง ม่ เ ม จนก ่ จ ถึ ง
โรงพย บ ล แล ถ้ พบ ิ่งผิดปกติ เช่น ผู้บ ดเจ็บมี ก รช็ กจ กเ ียเลื ดม ก ยุ ด ยใจ เป็นต้น ต้ งรีบใ ้
ก รช่ ยเ ลื
5. รีบน ผู้บ ดเจ็บ ่งโรงพย บ ลโดยเคลื่ นย้ ยใ ้เ ม มกบก รบ ดเจ็บ
ข้ ังเกต
ในร ยที่เกิด ุบติเ ตุรุนแรง รื มีก รบ ดเจ็บ ล ยแ ล่ง รื ม กก ่ นึ่ง ย ค รปร เมิน
แล ใ ้ก รช่ ยเ ลื ภ คุกค มชี ิตก่ นเป็น นดบแรก เช่น ก ร ยุด ยใจ ภ เลื ด ก ภ ช็ ก รื
ภ มดค มรู้ ึก
ข้ ค รระ ัง
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 76

1. เคลื่ นไ บริเ ณที่บ ดเจ็บด้ ยค มร มดร ง ขณ ท ก รปฐมพย บ ล


2. ไม่ค รดด ดน รื ดึงกร ดูกบริเ ณที่บ ดเจ็บ เพร จท ใ ้เกิด นตร ยต่ ล ดเลื ด
เ ้นปร ท รื กร ดูก
3. ไม่ค รใ ้น้ ร แล ย แกผู้บ ดเจ็บ
3. การเข้าเฝื กชั่ ครา
ก รเข้ เฝื กช่ คร เป็ น ก รปฐมพย บ ลที่ คญม ก รบผู้ ป่ ยที่ข้ เคลื่ น รื กร ดูก ก
จุดมุ่ง ม ยข งก รเข้ เฝื กช่ คร ก็เพื่ ต้ งก รใ ้กร ดูก ่ นที่ ก ยู่นิ่ง ๆ กบที่เป็นก รป้ งกนไม่ ใ ้มีค ม
เจ็บป ดเพิ่มม กขึ้น ร มท้งป้ งกนไม่ใ ้กร ดูกที่ ก ยู่แล้ มี ก ร นก รื มี ก รแทรกซ้ นเพิ่มม กขึ้น ิ่งที่
ใช้ รบท เฝื กช่ คร ค รจ เป็น ิ่งข งเครื่ งใช้ รื ดุต่ ง ๆ ที่พ จ ได้บริเ ณที่เกิดเ ตุ เช่น แผ่น
กร ด นไม้ ด กิ่งไม้ คนร่ม ไม้พล ง ไม้บรรทด กร ด แข็ง ม้ นกร ด เป็นต้น
3.1 ลักการเข้าเฝื กชั่ ครา
1. ดุที่น ม ใช้ค รแข็งแรง น้ นกเบ ก ้ ง รื ใ ญ่ก ่ ย ที่มีกร ดูก กเล็กน้ ย
2. ก รด มใ ้กร ดูกที่ ก ยู่นิ่ง ๆ น้นจ ต้ งยึดเปล นึ่งเ นื ร ยกร ดูกที่ กแล ีก นึ่ง
เปล ใต้ร ยกร ดูกที่ ก เพื่ ใ ้ปล ยกร ดูกที่ ก ยู่นิ่ง ๆ ไม่เคลื่ นไ เพร ถ้ กร ดูก ่ นที่ กเคลื่ นไ จ
ท ใ ้เกิด นตร ยแทรกซ้ นได้
3.2 ข้ ค รปฏิบัติทั่ ไปการเข้าเฝื กชั่ ครา
1. ก รเข้ เฝื กกร ดูก กช่ คร ค รท ณ ที่ผู้ป่ ยน น ยู่ ย่ พย ย มดึงกร ดูกใ ้เข้ ที่เ ง
เป็น นข ด ถ้ เป็ นกร ดูกที่ย งไม่ กข ดจ กกนใ ้เข้ เฝื กได้ทนที แต่ถ้ เป็นกร ดูกที่ ก กจ กกนแล มี
ก รแทรกซ้ นต้ ง ้ มเลื ด แต่งบ ดแผล แล พนผ้ เ ียก่ นแล้ จึงเข้ เฝื กช่ คร ได้
2. ก รเข้ เฝื กช่ คร เป็น ก รใช้ ไ ม้ รื ดุ ไรก็ ไ ด้น ม ดดแปลงแทนเฝื กแต่ ดุ ที่
น ม ใช้ค รแข็งแรง น้ นกเบ ก ้ ง รื ใ ญ่ก ่ ย ที่มีกร ดูก กเล็กน้ ย ด มตล ด ย ที่มีกร ดูก ก
โดยยึด ลกก รเข้ เฝื กช่ คร ก่ นที่จ เข้ เฝื กช่ คร ค รใช้ผ้ ลี ผ้ ดนิ่ม ๆ รื กร ด ร ง
ร ่ งไม้เฝื กกบ ย น้น ๆ ช้น นึ่งก่ น แล้ ใช้เชื ก รื ผ้ พนเพื่ ใ ้บริเ ณน้น ยู่นิ่ง
3. ถ้ ไม้เฝื กช่ คร ไม่ได้ ใ ้ใช้ ่ นข งร่ งก ยผู้ป่ ยแทน เช่น มดข ข้ ง ที่ กเข้ กบข้ ง
ที่ไม่ กด้ ย รื เชื กเป็นเปล ๆ (เฝื กธรรมช ติ)
4. ในกรณี ที่ ง ย ่ ผู้ ป่ ย จจ มี ก ร ดู ก กค รใ ้ ก รปฐมพย บ ลเช่ น เดี ย กบผู้ ป่ ย
กร ดูก ก
5. ต้ งเข้ เฝื กใ ้เรียบร้ ยก่ นที่จ เคลื่ นย้ ยผู้ป่ ยเ ม
6. ก รเข้ เฝื กช่ คร เป็นก รแก้ไขปัญ เฉพ น้ เมื่ ถึงโรงพย บ ลแพทย์จ ใ ้ก รรก
แล เข้ เฝื กใ ้ใ ม่

3.3 ิธีเข้าเฝื กชั่ ครา


3.3.1. การเข้าเฝื กกระดูกขา ัก
กร ดูกข กที่พบม ก คื กร ดูกปล ยข แล กร ดูกต้นข ิธีเข้ เฝื กกร ดูกข
่ นล่ งที่ กโดยเร็ ที่ ุด คื ก รผูกข ข้ งที่ กเข้ กบข้ งที่ดีโดยผูกข ท้ง งข้ งเข้ ด้ ยกน ย่ งน้ ย 4
เปล คื ผูกเ นื ก ่ ่ นที่ ก 2 เปล แล ผูกต่ ก ่ ่ นที่ ก ีก 2 เปล โดยยึดข้ เข่ แล ข้ เท้ ย่
ใ ้เคลื่ นไ ร ่ งข ท้ง งข้ งค รใช้ผ้ ดนิ่ม ๆ เช่น ผ้ ่ม ผ้ เช็ดต รื ม น เป็นต้น งค่นกล ง
เพื่ กนไม่ใ ้ กร ดูกกดกน ซึ่ง จท ใ ้เจ็บป ดภ ย ลงได้ ิ่ งที่ใช้ผูกน้น จเป็นเข็มขดผ้ ชิ้นย ๆ
ผ้ เช็ด น้ รื เชื กก็ได้
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 77

แ ดง ิธีปฐมพยาบาลกระดูกปลายขา รื น้าแข็ง ักโดยใช้ขา ีกข้างเป็นเฝื ก (เฝื กธรรมชาติ)

แต่ถ้ มีเ ล พ รื พ จ ุปกรณ์ได้ ค รเข้ เฝื กกร ดูกข ่ นล่ งโดยใช้ไม้ย ๆ 2 น (ไม้ที่ใช้
จมีลก ณ เป็นท่ นกลม ๆ รื เป็นแผ่นแบน ๆ ก็ได้ ) ดเข้ ไปในร ยพบข งผ้ ่ม รื ผ้ ใบท้ง งข้ ง
แล้ ม้ นเข้ กน จ ท ใ ้เกิดร่ ง รื เป็นร งใ ้ข ที่บ ดเจ็บน้นได้พ ดี แล้ ผูกไม้เฝื กท้ง งน้น ล ย ๆ
เปล ใ ้แน่นพ มค ร (ดงภ พ)

แ ดง ิธีปฐมพยาบาลกระดูกปลายขา ักโดยใช้ไม้เป็นเฝื ก
รบก รเข้ เฝื กกร ดูกต้นข รื โพกจ ต้ งใช้ไม้เฝื ก 2 น นแรกมีค มย ต้งแต่รกแร้ถึง
้นเท้ งท บไ ้ด้ นน กข งข ีก น นึ่ง ง ยู่ร ่ งข ด้ นในมีค มย ต้งแต่โคนข จนถึง ้นเท้ ใช้ผ้
พนเฝื กใ ้แน่นกบข แล ล ต เป็นเปล ใ ้แน่นพ มค ร ปมผ้ ค ร ยู่บนเฝื กด้ นน กช่ งบนค รมดบริเ ณ
กร ดูก โพกแล กร ดูก น้ ก (ไม่ค รมดบริเ ณ น้ ท้ ง) ต้ งดูใ ้แน่ใจ ่ ปล ยเฝื กท้ง งจ ต้ ง ดเข้
ไปได้เ ม พ ดี กจ เป็นต้ งเคลื่ นย้ ยผู้ป่ ยค รผูกข ท้ง งข้ งเข้ ด้ ยกนแล้ ใช้แผ่นกร ด น รื เปล
มไป ถ้ ไม่มี ุปกรณ์ จมดข ท้ง งเข้ ด้ ยกนแล้ ใ ้น น ย่ ใ ้น่งขณ น ่งโรงพย บ ล

แ ดง ิธีใช้ผ้า ่มและไม้เข้าเฝื กกระดูกต้นขา ัก แ ดง ิธีใช้ไม้เข้าเฝื กกระดูกต้นขา ัก


ุข ึก าและพล ึก า ม.5 78

3.3.2. การเข้าเฝื กกระดูกแขน ัก


3.3.2.1 กระดูกต้นแขน ัก กร ดูกต้นแขน จ กที่บริเ ณต้นแขนใต้ไ ล่ต นกล งข งกร ดูก
ต้นแขนแล ต นเ นื ข้ ก ก รเข้ เฝื กท ได้ดงนี้
- ไม้ รื เฝื กช่ คร ม ด ม ่ นที่ กไ ้ใ ้แขนข้ งน้น ยู่แนบล ต แล้ จึง ้ ยแขนข้ งที่
เจ็บน้นด้ ยผ้ คล้ งค (Sling) ถ้ จ น ่งแพทย์ค รใช้เชื กรดเฝื กกบล ต ใ ้แน่น (ดงภ พ)

แ ดง ิธีเข้าเฝื กชั่ ครา กระดูกต้นแขน


ถ้ กข้ กที่บ ดเจ็ บ ยู่ ในลก ณ ที่ง ย่ พย ย มดึงใ ้ ตรง แต่ถ้ กร ดูก กบริเ ณแขน รื
ข้ ก ซึ่งท ใ ้ข้ กไม่ ม รถง เข้ ได้ก็ ย่ ไปพบใ ้แขนง ค รเข้ เฝื กต มลก ณ เดิมข งแขนที่ กน้น
เ ม (ดงภ พ)

แ ดง ิธีเข้าเฝื กชั่ ครา กระดูกต้นแขน ักใกล้ข้ กในลัก ณะข้ กง ไม่ได้

3.3.2.2 กระดูกปลายแขน ัก
กร ดูกปล ยแขนที่กร ดูก 2 ชิ้น ปร ก บกนขึ้น คื กร ดูกเรเดีย (Radius) แล กร ดูก นน
(Ulna) จ กชิ้น ใดชิ้น นึ่ง รื ก งชิ้นก็ได้ มกจ เกิดจ กก ร กล้ มแล้ เ มื ยนพื้น รื เกิดจ กแรง
กร แทกโดยตรงบนท่ นแขน ก รเข้ เฝื กน้นใ ้ใช้ไม้แผ่นบ งๆ 2 แผ่น ค มก ้ งปร ม ณ 2 ½ นิ้ ฟุต ค ม
ย เท่ กบค มย ข งปล ยแขนแล้ พนผ้ ใ ้แน่น ้ ยแขนข้ งน้นไ ้ด้ ยผ้ คล้ งค ในกรณีฉุกเฉิน จ
ดดแปลงใช้ ิ่งข ง ื่นๆแทนไม้ได้ เช่น นง ื พิมพ์ มุด ไม้บรรทดแล ผ้ คล้ งค ถ้ ไม่ได้ จใช้ช ยเ ื้ พบ
ขึ้นแล ใช้เข็มกลด กลดไ ้กบ กเ ื้ ก็ได้
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 79

แ ดง ิธีเข้าเฝื กชั่ ครา กระดูกปลายแขน ัก

3.3.3.3. การเข้าเฝื กกระดูกนิ้ มื ัก


ในกรณีที่กร ดูกนิ้ มื กมี ก รบ ม เจ็บ เคลื่ นไ นิ้
น้นไม่ได้ แล รูปร่ งข งนิ้ มื จผิดไปจ กเดิม ก รเข้ เฝื ก
กร ท ได้โดย งนิ้ มื ที่ กบนไม้แบน ๆ ขน ดเท่ นิ้ มื ผูกไม้ไ ้
กบนิ้ มื แล ฝ่ มื ด้ ยผ้ รื แผ่ น พล เต ร์ (ดงภ พ) แล้ จึง
น ่งโรงพย บ ลเพื่ รบก รรก ต่ ไป
แ ดง ิธีเข้าเฝื กชั่ ครา กระดูกนิ้ มื ัก

4. การใช้ผ้า ามเ ลี่ยม


ผ้ มเ ลี่ยมเป็นผ้ ที่มีรูป มเ ลี่ยม รื จดดแปลงม จ กผ้ ี่เ ลี่ยมโดยพบครึ่งทแยงมุม ก็ได้เป็น
ผ้ ที่ใช้กนม กในก รปฐมพย บ ล เพร ม รถน ม ใช้ปร โยชน์ได้ ล ย ย่ ง เช่นใช้ ่ ุ้ม ย ที่มีบริเ ณ
ก ้ ง ใช้ปิดแผล ใช้ท ่ งคล้ งแขน ใช้ท ยขนช เน เพื่ ้ มเลื ด เป็นต้นแล ใช้ได้กบ ย ทุก ่ นข ง
ร่ งก ย เช่น ีร แขน ข เข่ ก น้ ก เป็นต้นโดยท่ ไปผ้ มเ ลี่ยมที่ใช้ในก รปฐมพย บ ลมกจ มี
ขน ดฐ นก ้ งปร ม ณ 40 นิ้ ด้ นข้ งก ้ งปร ม ณ 30-36 นิ้ รื ใช้ผ้ ี่เ ลี่ยมจตุร ก ้ ง 36 นิ้ ย 36
นิ้ ตดทแยงมุมก็จ ได้ผ้ มเ ลี่ยมม ตรฐ น 2 ผืน น กจ กนี้เร ยง ม รถพบผ้ มเ ลี่ยมใ ้มีขน ดต่ ง ๆ
ต มต้ งก รได้แล้ แต่จ ใช้ ่ นไ นข งร่ งก ย เช่น ถ้ พน ่ นข ท่ นบนก็ต้ งพบใ ้ก ้ ง ถ้ พน ่ นข้ มื ก็
ต้ งพบใ ้มีขน ดเล็กแล แคบ
4.1 ลักทั่ ไปในการใช้ผ้า ามเ ลี่ยม มีดงนี้
1. ผ้ มเ ลี่ยมที่ใช้พนแผลต้ ง ด
2. เ ล พนแผลค รใ ้พ ดี ไม่ใ ้แน่น รื ล มจนเกินไป
3. ก รผูกเงื่ นค รใช้เงื่ นพิร ด แล ไม่ค รผูกเงื่ นตรงบ ดแผล เพร จท ใ ้เจ็บได้

แ ดง ิธีเก็บผ้า ามเ ลี่ยมโดยพันเป็นผ้าพันแบบครา ัท (Cravat bandage)


ุข ึก าและพล ึก า ม.5 80

4.2 การผูกเงื่ นผ้า ามเ ลี่ยม


ก รผูกเงื่ นในก รใช้ผ้ มเ ลี่ยมน้นใ ้ใช้เงื่ นพิร ด เมื่ พนแผลเรียบร้ ยแล้ ปล ยที่เ ลื จ เป็น
จ ต้ งผูกมดเข้ ด้ ยกนเพื่ ใ ้เกิดค มกร ชบ แล ปิดแผล นิท ไม่ ลุดง่ ย น กจ กนี้ก รผูกเงื่ นยงจ เป็นใน
ก รใช้มดเฝื กช่ คร แล ใช้ในก รขนย้ ยผู้ป่ ย ีกด้ ย
ิธีการผูกเงื่ นปฏิบัติได้ดังนี้
1. เมื่ พบผ้ ต มขน ดที่ต้ งก รแล้ งผ้ ใ ้เรียบร้ ยโดยปล ยท้ง งพ ดไข ้กนไ ้
2. ใช้มื ข จบปล ยข้ ง นึ่ง ด ่งไปใ ้มื ซ้ ยแล้ ดึงใ ้ตึงพ มค ร
3. เ ปล ยผ้ ท งซ้ ยมื ดทบปล ยผ้ ท งข มื แล้ ดึงใ ้แน่นพ ดี ีกคร้ง

แ ดง ิธีผูกเงื่ นพิร ด
4.3 การใช้ผ้า ามเ ลี่ยมในลัก ณะต่างๆ
1. การใช้ผ้า ามเ ลี่ยมพันมื และเท้า ใช้ รบพนมื รื พนเท้ ที่มีบ ดแผลมี ิธีปฏิบติ
1.1 ก งผ้ มเ ลี่ยมท้งผืน ก งค ่ มื ข้ งที่เจ็บลงกล งผ้ ท งด้ นฐ น
1.2 จบมุมย ดพนลงม บน ลงมื
1.3 เ ปล ยผ้ ท้ง งม ไข ้ ลบกน
1.4 ดึง ้ มกลบไปร บมื แล้ กลบม ผูกเงื่ นบน ลงมื ใ ้แน่น

แ ดง ิธีใช้ผ้า ามเ ลี่ยมพันมื


ุข ึก าและพล ึก า ม.5 81

แ ดง ิธีใช้ผ้า ามเ ลี่ยมพันเท้าและข้ เท้า

2. การใช้ผ้า ามเ ลี่ยมพัน ีร ะ ใช้ รบ ่ ุ้มบ ดแผลที่ ีร ไม่ใ ้ถูกฝุ่นล ง รื ่ิง


กปรก มี ิธีปฏิบติดงนี้
2.1 พบ ่ นฐ นข งผ้ มเ ลี่ยมขึ้นไปปร ม ณ 2 นิ้
2.2 จบช ยผ้ ด้ นฐ นไ ้ แล้ พลิกผ้ มเ ลี่ยมขึ้นคลุม ีร ใ ้ข บผ้ ที่พบไ ้ น
กข้ งน ก ใ ้กึ่งกล งข งผ้ ยู่บริเ ณกล ง น้ ผ กร ดบคิ้ แล ใ ้ช ยผ้ ด้ นมุมย ด ้ ยลงม คลุม
ท้ ยท ย
2.3 ร บช ยผ้ ท้ง งม ถื ไ ้ข้ ง ลง ีร โดยใ ้ข บผ้ ยู่เ นื ู แล้ ไข ้
ช ยผ้ ไปที่บริเ ณท้ ยท ย ดึงใ ้ตึงแล้ จบช ยผ้ ท้ง ง น ้ มร บ ีร แล น ม ผูกเงื่ นพิร ดที่บริเ ณ
น้ ผ ก
2.4 ใช้มื นึ่งจบ ีร ใ ้ ยู่กบที่ ีกมื นึ่งดึงช ยผ้ ด้ นมุมย ดที่ ้ ย ยู่ใ ้ตึง เพื่
กดผ้ ใ ้ทบบนบ ดแผลใ ้แนบกบ ีร จนแน่น แล้ ตลบช ยผ้ ด้ นนี้ขึ้นม เ น็บไ ้ที่บริเ ณร่ งข งแถบผ้ ที่
ไข ้กนตรงท้ ยท ย รื ใช้เข็มกลดก็ได้

แ ดง ิธีใช้ผ้า ามเ ลี่ยมพัน ีร ะ


ุข ึก าและพล ึก า ม.5 82

3. การใช้ผ้ า ามเ ลี่ย าพัน ข้ กและข้ เข่า ใช้ รบพนแผลเมื่ ข้ ก รื ข้ เข่ มี


บ ดแผล มี ิธีปฏิบติดงนี้
3.1 พบฐ นผ้ มเ ลี่ยมปร ม ณ 1- 2 นิ้
3.2 งท บบนแผลที่ข้ ก แล้ ง กเล็กน้ ยพ บ ย
3.3 ปล ยผ้ ดไข ้กน แล้ ดึงม ร บแขนเพื่ ผูกเงื่ นบนผ้ ค่ นไปท งปล ยแ ลมข งผ้
3.4 ก รใช้ผ้ มเ ลี่ยมพนเข่ ก็ปฏิบติเช่นเดีย กน

แ ดง ิธีใช้ผ้า ามเ ลี่ยมพันข้ กและข้ เข่า

4. การใช้ผ้า ามเ ลี่ยมท้าที่คล้ งแขน ใช้ รบร งรบข้ ก ต้นแขน แล ปล ยแขนใน


ร ยที่มีบ ดแผลข งแขน รื กร ดูกแขน ก มี ิธีปฏิบติดงนี้
4.1 ใช้ช ยผ้ มเ ลี่ย มด้ นย พ ดข้ ม ไ ล่ โดยใ ้ ย ดข งผ้ มเ ลี่ ยม นไปท ง
ข้ กข งแขนข้ งที่เจ็บ
4.2 จบแขนข้ งที่เจ็บ งลงบนผ้ ดึงแนบใ ้ติดกบต แล้ ง ข้ กใ ้ ยู่ในท่ พกที่ บ ย
4.3 จบช ยผ้ ด้ นล่ งขึ้นไปผูกกบช ยผ้ ีกข้ ง นึ่งท งด้ นท้ ยท ย ผูกไ ้ใ ้ปล ยแขนชี้ขึ้น
เล็กน้ ย เพื่ ป้ งกนก รบ มบริเ ณปล ยนิ้ มื
4.4 พบปล ยผ้ ด้ นข้ กใ ้เรียบร้ ย โดยซ่ นปล ยแ ลมเข้ ข้ งใน รื จ ใช้เข็มกลด
ก็ได้
ลักการ คล้ งแขนไ นใ ้ย ดข งผ้ มเ ลี่ยม ยู่ท งข้ กข งแขนน้น

แ ดง ิธีใช้ผ้า ามเ ลี่ยมท้าที่คล้ งแขน

แ ดง ิธีใช้ผ้า ามเ ลี่ยมพันแผลที่ น้า ก


ุข ึก าและพล ึก า ม.5 83

5. การใช้ผ้า ามเ ลี่ยมพัน น้า ก ใช้ รบ ่ ุ้ม น้ กในกรณีที่มีบ ดแผล มี ิธีปฏิบติดงนี้


5.1 ใช้ ผ้ มเ ลี่ ย มท้ ง ผื น ท บลงบน ก โดยใ ้ ป ล ยแ ลมข งผ้ มเ ลี่ ย ม ยู่ ข้ ง
ไ ล่ด้ นที่มีบ ดแผล ปล ย ้ ยลงม ท ง ลงเล็กน้ ย
5.2 ใ ้ปล ยด้ นย ท้ง งข้ ง ดเข้ ใต้แขนท้ง งแล้ เ ม ผูกกนไ ้ท งด้ น ลง
5.3 ก รผูกเงื่ นน้นใ ้ปล ยผ้ ด้ น นึ่งเ ลื ไ ้ย ๆ ดึงใ ้แน่นพ มค ร
5.4 ใ ้ร้งปล ยที่ปล่ ยไ ้ย น้นขึ้นไปผูกกนปล ยย ดที่ ไ ล่ ีกคร้ง นึ่ง ซึ่งจ ท ใ ้ด้ น ลง
มี งเงื่ น
การดัดแปลงข งใช้ แทนผ้า ามเ ลี่ยมในกรณีต่างๆ จกร ท ได้ ดงนี้
1. ผ้ คล้ งแขน จดดแปลงม จ กช ยเ ื้ เชิ้ต เข็มขด รื ผ้ เช็ด น้ ก็ได้
2. ผ้ พน ีร จใช้ ม กแทนได้
3. ผ้ พนมื แล พนข จท ได้โดยใช้ถุงเท้ ย ๆ รื ถุงน่ งแทนได้

แ ดง ิธีดัดแปลงใช้เ ื้ ท้าผ้าคล้ งแขน แ ดง ิธีถุงเท้ายา แทนผ้าพันมื และพันขา

การพันผ้า (Bandaging)
ก รพนผ้ เป็ น เทคนิ ค ที่ ง่ ยต่ ก รเรี ย นรู้ แต่ ก รพนใ ้ ยง มน้ น ย กแก่ ก รปฏิ บ ติ เพร ใน
ถ นก รณ์ฉุกเฉินน้นเร ไม่มีเ ล พ ที่จ ปร ณีตได้ ิ่ง คญในก รพนผ้ คื ต้ งพนใ ้แน่นพ ที่จ ้ มเลื ดได้
รื พนใ ้ แ น่ น พ ที่จ ไม่ใ ้ กร ดูกเคลื่ นที่ในร ยกร ดูก ก ดงน้นผู้ ปฐมพย บ ลจ ต้ งฝึ กพนผ้ เ ม ๆ
จนกร ท่ง ม รถพนได้ ย่ งถูกต้ งแล ร ดเร็ แล ค รเรียนรู้พื้นฐ นเกี่ย กบเทคนิคก รพนผ้ ไ ้ปร ม ณ 2-
3 ิธี เพื่ จ ได้ดดแปลงพน ่ นต่ ง ๆ ข งร่ งก ยได้ทุก ่ น
ชนิดข งผ้าพันแผลที่ใช้ในการปฐมพยาบาล
1. ผ้ พนแผลชนิดเป็นม้ น (Roller bandage)
2. ผ้ พนแผลชนิดเป็นรูป มเ ลี่ยม (Triangular bandage)
่ นชนิด ื่นๆ จ ผลิต กม ในรูปต่ งๆกน เช่น ผ้ พนแผลชนิดม้ นย งยืด ผ้ พนแผลชนิดม้ นติดก
ย ง ล ในบ งโ ก ดุดงกล่ ไม่ได้ ดงน้น ผู้ ปฐมพย บ ล จต้ งดดแปลง ดุ ื่นม ใช้แทน เช่น
ผ้ เช็ด น้ ผ้ เช็ดต เ ื้ ผ้ รื แม้แต่เข็มขดผ้ แต่จ ต้ งเลื กเฉพ ที่ ดๆเท่ น้น
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 84

d
(ก) ผ้าพันแผลชนิดม้ น (ข) ผ้าพันแผลชนิดเป็นรูป ามเ ลี่ยม
แ ดงชนิดข งผ้าพันแผล
แ ล่งที่ม : https://sites.google.com/site/karphanphaelbandaging/home/chnid-khxng
แล http://www.nurse.nu.ac.th/web11/E-learning/FirstAid/cai/firstaid023.html
ประโยชน์ข งผ้าพันแผล
1. ใช้ ้ มเลื ด
2. ป้ งกนก รติดเชื้
3. ใช้พนเฝื กในร ยกร ดูก ก
4. ใช้ยึดผ้ ปิดแผลใ ้ ยู่กบที่
ก่ นที่จ ตด ินใจใช้ผ้ พนแผลชนิดไ นจ ต้ งเตรียมบริเ ณที่จ พนผ้ เ ียก่ น เช่น มีบ ดแผล รื มี
ร ยฉีกข ด ค รปิดบ ดแผลด้ ยผ้ ที่ปร จ กเชื้ โรค ขน ดข งผ้ พนแผลที่น ม ใช้จ ต้ งเ ม มกบขน ด
ข งบ ดแผล โดยท่ ๆ ไปจ ใช้ขน ด 2 นิ้ , 4 นิ้ ถ้ บ ดแผลใ ญ่จ ต้ งใช้ขน ดก ้ งก ่ นี้ ่ นปริม ณ
ข งผ้ พนแผลจ ขึ้น ยู่กบค มรุนแรงข งบ ดแผล เช่น มีก รตกเลื ดม ก ถ้ ไม่มีก รตกเลื ดค รพนผ้ นึ่ง
รื งทบแล้ ผูกยึดใ ้แน่นก็เพียงพ แต่ถ้ มีก รตกเลื ดม กจ เป็นต้ งพนผ้ ล ย ๆ ทบใ ้แน่นพ ค ร
เพื่ ดูดซบเลื ดที่ ก แล กดบ ดแผลใ ้ ล ดเลื ดแฟบ ก รใช้ผ้ พนแผล ผู้ ปฐมพย บ ลค รร งการ
ปนเปื้ น (Contamination) ขณ แก้ ่ ผ้ พนแผล ถ้ ผ้ พนแผล ่ นใด มผ ิ่ง ื่นค รตดทิ้งเพื่ ป้ งกนก ร
ติดเชื้ ในบ ดแผล ิธีพนผ้ ค รใ ้บ ดแผล ยู่ตรงกล ง ขน ดผ้ ที่พ เ ม คื เมื่ พนแล้ ข บข งผ้ ค ร
ก ้ งก ่ ข บบ ดแผล ย่ งน้ ย นึ่งนิ้

ลักทั่ ไปในการพันผ้า
1. ก่ นพนผ้ ทุกคร้ง ผ้ ที่พนต้ งม้ นใ ้เรียบร้ ย ไม่ ลุดลุ่ย
2. จบผ้ ด้ ยมื ข้ งที่ถนด โดย ง ยม้ นผ้ ขึ้น
3. งผ้ ลงบริเ ณที่ต้ งก รพน พนร บ ก 2-3 ร บ เมื่ เริ่มต้น แล ิ้น ุดก รพน เพื่ ป้ งกนไม่ใ ้ผ้
คล ยต ลุด ก
4. พนจ ก ่ นปล ยไป ่ นโคน รื พนจ กข้ งล่ งขึ้นข้ งบน รื พนจ ก ่ นเล็กไป
่ นใ ญ่
5. เมื่ ิ้น ุดก รพน ค รผูก รื ใช้เข็มกลด รื ติดพล เต ร์ใ ้เรียบร้ ย แต่ไม่ใ ้ทบบริเ ณแผล
6. ก รใช้ผ้ ยืดต้ งร งก รรดแน่นจนเกินไป จนเลื ดเดินไม่ ด กแล กดทบเ ้นปร ท งเกตได้
จ กก รบ ม ีผิ ซีด ข แล เย็น พร้ มท้งผู้บ ดเจ็บจ บ กถึง ก รป ดแล ช
7. ถ้ มี ก รป ดแล ช บริเ ณที่พนผ้ ใ ้รีบคล ยผ้ ที่พนไ ้ กแล้ จึงพนใ ม่
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 85

ผ้าก ซพันแผลชนิดม้ น (Roller gauze bandages)


ผ้ ก ซพนแผลชนิดม้ นท ด้ ยผ้ ก ซย ๆ ม้ นเป็ นรูปทรงกร บ ก ซื้ ได้ต มขน ดต่ ง ๆ กน
ท้งค มก ้ งแล ค มย ซึ่ง ่ นม กจ ผ่ นกรรม ิธีข งก รฆ่ เชื้ โรคแล้ ด กแก่ก รน ม ใช้แทนผ้ กด
บ ดแผล ้ มเลื ดที่ไม่ ด ปัจจุบนมีผ้ พนแผลชนิดม้ นย งยืดซึ่งเ ม รบพนข้ ต่ ง ๆ เช่น ข้ เข่
ข้ เท้ ล เพร ท ใ ้ข้ ได้พกนิ่ง ๆ แล ไม่ ลุดง่ ย น กจ กนี้ยงเ ม ที่จ ใช้พนเฝื ก ีกด้ ยในบ งกรณี

ิธีพันผ้าพันแผลชนิดม้ น แบ่งเป็น 3 ขั้น


1. ข้นเริ่มต้น
2. ข้นพน
3. ข้นจบผ้ พน
ขั้นเริ่มต้น จ ต้ งยึดปล ยผ้ เพื่ ไม่ใ ้ ลุด ถ้ ย ที่จ พนเป็นแขน รื ข ต้ งเริ่มต้นพน ่ นที่เล็ก
ก่ น โดยจบมุมผ้ ขึ้นแล้ พนเป็น งร บ นึ่งร บ ร บที่ งพนมุมผ้ ลงแล้ พนทบต่ ไป ร บที่ มร บที่ ี่พน
ทบร บที่ งร บที่ ม เพื่ ใ ้แน่นแล ม่นคง

แ ดงการพันขั้นเริ่มต้น
ขั้นพัน โดยท่ ๆไป นิยมพนเป็นรูปเกลีย รื บนไดเ ียน แล รูปเลขแปด
ก รพนเป็นรูปเกลีย (Spiral bandages) มี 3 ชนิด
1. ก รพนเป็นรูปเกลีย มบูรณ์ (Complete spiral) รื ก รพนเป็น งกลม (Circular turn)
2. ก รพนเป็ น รู ป เกลี ย ปิด (Close spiral) คื พนซ้ นเป็น ช้นๆ แต่ ล ช้ นจ ซ้ นกนเพีย ง
ครึง่ นึ่งข งค มก ้ งข งผ้
3. ก รพนเป็นรูปเกลีย เปิด (Open spiral) คื พนเป็นร บ แต่ล ร บไม่ซ้ นกน แต่จ แยก
จ กกนเพื่ ยึดผ้ ปิดบ ดแผลที่มีบริเ ณก ้ งโดยเฉพ แผลไ ม้

(ก) เกลีย มบูรณ์ (ข) เกลีย ปิด


ุข ึก าและพล ึก า ม.5 86

(ค) เกลีย เปิด


น กเ นื จ กก รพนเป็นรูปเกลีย ท้ง มชนิดดงได้กล่ ม แล้ ยงมีก รพนเป็น รูปเกลีย บิดกลับ
(Spriral reverse) ิธีพนจ เริ่มด้ ยร บที่ นึ่งก่ นแล้ พนแบบเกลีย มบูรณ์ งร บ จ กน้นจึงพนเป็นรูป
เกลีย บิดกลบ ก รพนชนิดนี้ดีก ่ ก รพนเป็นรูปเกลีย ปิดเพร แน่นแล ม่นคงก ่ เ ม กบ ย ที่มีปล ย
เล็กโคนใ ญ่ เช่น แขน ข ่ นปล ย

แ ดงการพันเป็นรูปเกลีย บิดกลับ

การพันเป็นรูปเลขแปด (Figure of eight bandages) เ ม รบพนมื แล เท้ รื ต มข้ ต่ งๆ


เช่น ข้ มื ข้ เท้ ข้ เข่ แล ข้ ก ผู้ปฐมพย บ ลค รใช้ผ้ ที่ปร จ กเชื้ โรคปิดบ ดแผลก่ นพน แล้
เริ่มพนข้นที่ นึ่ง คื ข้นเริ่มต้น จ กน้นพนข้นที่ งโดยพบแบบเกลีย มบูรณ์ก่ นแล้ จึงต่ ด้ ย ิธีพนเป็นรูป
เลขแปด โดยพนทแยงขึ้น ลบกบพนทแยงซ้ นกนไปเรื่ ย ๆ

(ก) พันมื
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 87

(ข) พันเข่า (ค) พันเท้า


แ ดงการพันเป็นรูปเลขแปด

ก รพนข้ มื จ พนเ มื นก รพนมื ก รพนข้ เท้ จ พนเ มื นก รพนเท้ แต่จ ต้ งเริ่มต้นพนที่


ย น้น ๆ ใ ้ ูง เช่นพนข้ มื ค รเริ่มต้นพนที่ง่ มมื แม่มื ถ้ พนข้ เท้ ค รเริ่มต้นพนที่โคนเท้ ท้งนี้
เพื่ จ ได้ใช้ค มย ข งผ้ เกื บท้ง มดไปพนข้ มื แล ข้ เท้ ใ ้ น ๆ เป็นก รปร คบปร ค งข้ มื แล ข้
เท้ ที่เคล็ด
รบก รพนข้ กก็พนเ มื นก รพนข้ เข่ ข้ กเริ่มต้นที่ปุ่มแ ลม ข้ เข่ เริ่มต้นที่กร ดูก บ้
ขั้นจบผ้าพัน ก รจบผ้ พนจ จบ ลงจ กได้มีก รพนโดย ิธีต่ งๆเรียบร้ ยแล้ ซึ่งจ ต้ งมีก รผูก รื
-เก็บช ยผ้ พนแผล มี ิธีท ได้ ล ย ิธีดงนี้
-ใช้แถบก ปิดทบช ยผ้ พนแผล
-ใช้เข็มซ่ นปล ยกลดยึด
-ใช้ผูกช ยผ้ พนแผล
ิธีที่ง่ ยที่ ุดคื ผูกช ยผ้ พนแผล โดยฉีกช ยผ้ พนแผล กเป็น งแฉกแล ผูก นึ่งเงื่ นก่ นจึงจบ
ช ยผ้ ท้ง งแฉก ้ มไปท งด้ น ลง แล้ กกลบม ผูกท งด้ น น้ ีกคร้ง

แ ดงการจับผ้าพันโดย ิธีผูกชายผ้าพันแผล
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 88

การช่ ยชี ิตขั้นพื้นฐาน (Basic Life Support-BLS)


คนเร มีชี ิต ยู่ได้เพร ใจเต้นแล มีก ร ยใจ คนปกติมีชี ิต ยู่ได้ด้ ยร บบ คญ 2 ร บบ คื
ร บบ ยใจแล ร บบไ ลเ ียนเลื ด ร บบ ยใจซึ่งมีป ดเป็น ย คญ จ ท ง นโดย ยใจเ ก ดีที่
มี กซิ เ จน ู ง จ ก ก ภ ยน กผ่ นจมู ก แล ล ดลมเข้ ไปในป ด แล้ ยใจเ ก เ ี ย ที่ มี
ค ร์บ นได กไซด์จ กในป ดผ่ น ล ดลมแล จมูก กม ู่ภ ยน ก
ร บบไ ลเ ียนเลื ดมี ใจเป็น ย คญ ท ง นโดย ใจจ ูบฉีดเลื ดที่รบ กซิเจนจ กป ดไป
เลี้ยงเซลล์ต่ งๆ ข งร่ งก ย เช่น ม ง ล ต แขนข แล้ รบค ร์บ นได กไซด์ซึ่งเป็นข งเ ียจ กก รท ง น
ข งเซลล์ม ที่ป ด เพื่ ใ ้ร บบ ยใจพ กไปทิ้งยง ก น กต เร
าเ ตุที่ท้าใ ้ ยุด ายใจและ ั ใจ ยุดเต้น
1. ร บบไ ลเ ียนโล ิตแล ใจล้มเ ล จ กโรคกล้ มเนื้ ใจข ดเลื ดเฉียบพลน โรง ม งข ดเลื ด
ไปเลี้ยง แล ช็ กจ กก รเ ียเลื ด
2. ยุด ยใจจ กปัญ ท งเดิน ยใจถูก ุดก้นจ กก ร ลก ร รื ก ร ลกค น จมน้ รื ข ด
ก ยใจ
3. ุบติเ ตุ ื่นๆ เช่น ไฟฟ้ ดูด ได้รบย เกินขน ด แพ้ย เป็นต้น
าการและ าการแ ดงภา ะ ยุด ายใจและ ั ยุดเต้น
1. ไม่ต บ น ง (Unresponsive) ไม่มีก รต บ น งเมื่ ถูกกร ตุ้นโดยก ตบไ ล่ ปลุก รื เรียก
2. ไม่ ยใจ (No Breathing) ไม่มีก รเคลื่ นไ ขึ้นลงจ กทร ง กแล น้ ท้ ง รื ยใจผิดปกติ
เช่น ยใจเ ื ก
ายใจเ ื ก (gasping) : มกจ พบในช่ งเ ล แรกข งภ ใจ ยุดเต้นแบบเฉียบพลน ผู้ที่มีภ นี้
จ มีลก ณ เ มื นก ลง ยใจเ ื กๆ พย ย ม ูด ก เข้ ไป ย่ งร ดเร็ ป กจ ้ ข กรรไกร ีร รื
ค จจ เคลื่ นไ ไปต มก ร ยใจ ก ร ยใจเช่นนี้ จจ เป็นก ร ยใจแรงแบบเต็มก ลง รื แบบแผ่ เบ
รื จจ ลบกนช้ ๆ ร ่ ง ยใจแรง แล แผ่ เบ เ ียง ยใจ จจ ฟังดูเ มื นก ร ยใจแบบเป่ ลม
กท งจมูก ย่ งรุนแรงคล้ ยเ ียงกรน รื เ ียงคร ง
3. ใจ ยุดเต้น ไม่มีชีพจร (No Pulse) ไม่มี ญญ ณก รไ ลเ ียนโล ิต ผิ นงซีด เขีย

การช่ ยฟื้นคืนชีพ (CPR = Cardiopulmonary Resuscitation)


ค าม มายข งการช่ ยฟื้นคืนชีพ
ก รช่ ยฟื้น คืน ชีพ รื ก รปฏิบ ติก รช่ ยชี ิต ม ยถึง ิธีก รช่ ยเ ลื ผู้ ป่ ยที่ก ลงจ เ ี ยชี ิตใ ้
ม รถฟื้ น คื น ชี พ ขึ้ น ม ได้ รื เรี ย กเชื่ ่ ซีพี ร์ (CPR = Cardiopulmonary Resuscitation) ซึ่ ง ได้ มี ก ร
ึ ก ิ จ ยที่ ไ ด้ ผ ลแน่ น นแล้ ่ ก รปฏิ บ ติ ก รช่ ยชี ิ ต โดยเร็ ที่ ุ ด จ ท ใ ้ ผู้ ป่ ยที่ เ ี ย ชี ิ ต ฟื้ น คื น ชี พ ได้
โดยเฉพ ก รเ ียชี ิตที่เกิดจ กก รที่ ใจ ยุดบีบต แล ยุด ยใจก ทน น
ก รเ ียชี ิต ย่ งก ทน นเนื่ งม จ ก ใจ ยุดบีบต เกิดจ ก เ ตุ ล ย ย่ งเช่น ใจ ยใน
ผู้ป่ ยที่เป็นโรค ใจ แพ้ย กร แ ไฟฟ้ ดูด จมน้ ูดค นพิ ุบติเ ตุรถยนต์ เป็นต้น ่ นก รเ ี ยชี ิตที่เกิด
จ กเนื้ ม งต ยเนื่ งม จ กก รข ด กซิเจนเป็นเ ล น นจนไม่ ม รถแก้ไขได้ ในกรณีที่ผู้ป่ ย ยุด ยใจ
ย่ งก ทน นถ้ ได้รบก รช่ ยเ ลื ทนที ลงจ กเกิด ุบติเ ตุภ ยใน 4 น ที รื เร็ ก ่ 4 น ทีจ ท ใ ้ผู้ป่ ย
ม รถร ดชี ิตได้ม กถึง 4 เท่ เมื่ เปรียบเทียบกบก รช่ ยเ ลื ที่เริ่ม ลงจ ก 4 น ที รื น นก ่ น้นซึ่งถื ได้
่ เป็นก รช่ ยช ล ชี ิตข งผู้ป่ ยไ ้จนก ่ แพทย์ รื บุคล กรท งก รแพทย์จ ม ท ก รรก ต่ ไป
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 89

ลักการข งการปฏิบัติโดยเร่งด่ นในการพบเจ ผู้ มด ยุดการ ายใจและ ั ใจ ยุดเต้น


1. C ( Circulation / Compression ) ใ ้ผู้ช่ ยเ ลื ท ก ร
ตร จเช็ ค ชี พ จรที่ บ ริ เ ณค ทนที (แม้ ใ นต ร แน น ่
ปร ช ชนท่ ไปไม่ต้ งท ก รเช็คชีพจร เพร จเกิดค ม
ผิ ด พล ดได้ ) ถ้ เต้ น ่ นม ก รื ไม่ มี ใ ้ รี บ น ด ใจ
2. A (Air way) เมื่ ผู้บ ดเจ็บ มด ติ กล้ มเนื้ ทุก ่ นข ง
ร่ งก ยจ คล ยต เป็นเ ตุใ ้ลิ้นมีโ ก เคลื่ นต่ ไป ุด ล ดลมท ใ ้
ผู้บ ดเจ็บ ยใจไม่ได้ ฉ น้น ลงจ กที่ผู้ช่ ยเ ลื ปั๊ม ใจเ ร็จแล้ ใ ้
ท ก รเปิดท งเดิน ยใจผู้บ ดเจ็บทนที โดยก รใช้เทคนิคที่เรียก ่ ท่
กด น้ ผ กแล เชยค ง (Head tilt Chin lift)

3. B (Breathing) ใ ้ท ก รเป่ ป กผู้บ ดเจ็บ 2 คร้ง โดยจดผู้บ ดเจ็บ


ใ ้ ยู่ในท่ กด น้ ผ กแล เชยค งเช่นเดิม ใช้นิ้ แม่มื แล นิ้ ชี้ข งมื ที่
งบน น้ ผ กบีบ จมูกผู้ บ ดเจ็บ ู ด ลม ยใจเข้ งป กผู้ ช่ ยเ ลื
คร บป กผู้บ ดเจ็บ แนบใ ้ นิท แล เป่ ลมเข้ ไป โดยก รเป่ แต่ล คร้งใ ้
ย ปร ม ณ 1 - 2 ิน ที จนเ ็น น้ กผู้บ ดเจ็บยกต ขึ้น พร้ มกบปล่ ย
ใ ้ น้ กผู้บ ดเจ็บยุบลงม ยู่ต แ น่งเดิมก่ นที่จ เป่ คร้งที่ 2

แ ล่งที่ม ข งภ พ https://www.siamfirstaid.com/content/3991/

ปัจจัย ้าคัญในการท้า CPR ย่างมีประ ิทธิภาพ


ก รท CPR ย่ งมีปร ิทธิภ พเป็นก รเพิ่มโ ก ในก รร ดชี ิต ปร ก บด้ ย
- เริ่มกด น้ กภ ยใน 10 ิน ที เมื่ พบผู้ที่ ยุด ยใจแล ใจ ยุดเต้น
- กดลึก กดเร็ เป็นจง (Push hard, push fast)
: ผู้ใ ญ่ กดลึก ย่ งน้ ย 2 นิ้ ฟุตไม่เกิน 2.4 ฟุต (5-6 เซนติเมตร)
: เด็ก กดลึกปร ม ณ 2 นิ้ ฟุต (5 เซนติเมตร)
: ท รก กดลึกปร ม ณ 1.5 นิ้ ฟุต (4 เซนติเมตร)
: ตร ค มเร็ ในก รกด 100-200 คร้งต่ น ที ทุก ย
- ก รกด น้ กแล ผ่ นเพื่ ใ ้ น้ กคืนต กลบ ย่ ง มบูรณ์ ลงก รกดแต่ล คร้ง
(complete chest recoil)
: กด น้ กใ ้ต่ เนื่ ง ลีกเลี่ยงก ร ยุดกด น้ กใ ้น้ ยที่ ุด ไม่ค ร ยุดกด น้ กเกิน
10 ิน ที
- ลีกเลี่ยงก รเป่ ลมช่ ย ยใจม กเกินไป (Avoid excessive ventilation)
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 90

ขั้นต นการน ด ั ใจผายป ดกู้ชีพในผู้ใ ญ่


ขั้นที่ 1 ประเมินการต บ น งและการ ายใจ (Check for response and breathing) โดยก รตบ
ไ ล่ผู้บ ดเจ็บ ปลุก เรียก “คุณๆ เป็น ย่ งไรบ้ ง” เพื่ ปร เมินก รต บ น ง แล ปร เมินก ร ยใจ โดยม ง
ก รเคลื่ นไ ข ง น้ ก น้ ท้ ง ถ้ ไม่ต ง น งแล ไม่ ยใจ รื นใจผิดปกติ ( ยใจเ ื ก : gasping)
ใ ้ข ค มช่ ยเ ลื

แ ล่งที่ม ข งภ พ https://nanananonpim.wordpress.com/

ขั้นที่ 2 ข ค ามช่ ยเ ลื (Call for Help)


- ต โกนข ค มช่ ยเ ลื รื โทร พท์แจ้ง 1669
- ร้ งข เครื่ งช็ กไฟฟ้ ใจ ตโนมติ (AED)
- จดผู้บ ดเจ็บใ ้น น ง ยร บบนพื้นเรียบแข็ง

โทรข ค ามช่ ยเ ลื ด้ ยเบ ร์ 1669 รื 191

แ ล่งที่ม ข งภ พ https://nanananonpim.wordpress.com/

ขั้นที่ 3 กด น้า ก (Chest Compression = C) เพื่ ช่ ยใ ้โล ิตไ ลเ ียน


- ต แ น่ง : กึ่งกล ง น้ ก
- กดด้ ย : นมื 2 ข้ งซ้ นกน
- กดลึก : ย่ งน้ ย 2 นิ้ ฟุต ไม่เกิน 2.4 นิ้ ฟุต (5-6 เซนติเมตร)
- กดเร็ : 100-200 คร้ง/น ที แล ต้ งผ่ นมื ใ ้ น้ กคืนต มบูรณ์ก่ นกดคร้งต่ ไป
- จ น น : 30 คร้ง/น ที นบ นึ่งแล งแล ม...แล ิบ ิบเ ็ด...ยี่ ิบ... ม ิบ
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 91

จัดท่าผู้ มด ติใ ้น น งาย


แ ล่งที่ม ข งภ พ https://nanananonpim.wordpress.com/

ขั้นที่ 4 เปิดทางเดิน ายใจ (Open Airway = A)


ใช้ ิธีกด น้ ผ ก แล เชยค งยกขึ้น (Head tilt chin lift) เพื่ ยกลิ้นขึ้นไม่ใ ้ ุดก้นท งเดิน ยใจ

เปิดทางเดิน ายใจ
แ ล่งที่ม ข งภ พ https://nanananonpim.wordpress.com/

ขั้นที่ 5 เป่าปากเพื่ ช่ ย ายใจ (Rescue Breathing = B)


โดยก รเป่ ป ก (Mouth to mouth) 2 คร้ง ทุกคร้งที่เป่ ต้ งเ ็น น้ กขย ย

เป่าลมเข้าป ด 2 ครั้ง แต่ละครั้งเป่านาน 2 ินาที


แ ล่งที่ม ข งภ พ https://nanananonpim.wordpress.com/
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 92

ท้าการกด น้า ก 30 ครั้ง ลับการเป่า 2 ครั้งต่ เนื่ ง จนก ่าบุคลากรทางการแพทย์มาช่ ยเ ลื


แ ล่งที่ม ข งภ พ https://nanananonpim.wordpress.com/
ขั้นที่ 6 เมื่ ผู้ มด ติรู้ตั แล้ จัดใ ้ ยู่ในท่าพักฟื้น
จดใ ้น นต แคงเ มื ร งแก้มไม่ใ ้ น้ ค ่ ม กเกินไป เพร ถ้ น นต แคงค ่ ม กเกินไปก บงลมจ ขยบได้
น้ ย ท ใ ้ ยใจเข้ - ก ได้น้ ย ก รจดท่ พกฟื้นนี้ท ได้ ล ยแบบ แต่ ลกโดยร มค รเป็นท่ ต แคงต้งฉ ก
กบพื้นใ ้ม กที่ ุด ใ ้ ีร ยู่ต่ เพื่ ร บ ยข งเ ล กม จ กท งเดิน ยใจได้ เป็นท่ ที่ม่นคง ไม่ล้มง่ ย ไม่มี
แรงกดต่ ทร ง กซึ่งจ ท ใ ้ ยใจได้น้ ย จดท กลบม น น ง ยโดยไม่ท ใ ้ค แล ีร บิดได้ง่ ย ม งเ ็น
แล เข้ ถึงป กแล จมูกได้ง่ ย เป็นท่ ที่ไม่ก่ ใ ้เกิดก รบ ดเจ็บแก่ผู้ป่ ย

แ ล่งที่ม ข งภ พ https://nanananonpim.wordpress.com/
เทคนิคการช่ ยชี ิตเด็กทารกใน ่ นที่แตกต่างจากผู้ใ ญ่
ก รช่ ยชี ิตเด็กท รก มีปร เด็น คญที่แตกต่ งจ กก รช่ ยชี ิตในผู้ใ ญ่บ งปร ก ร คื
1. ในกรณีที่ป กเด็กเล็กม ก ก รเป่ ป กค รคร่ มท้งป กแล จมูก

การเป่าปากค รคร่ มทั้งปากและจมูก


แ ล่งที่ม : http://www.nurse.nu.ac.th/web11/E-learning/FirstAid/cai/cpr023.html
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 93

2. ก รคล ชีพจรค รคล ที่ต้นแขนด้ นใน รื ที่ข นีบ

ค รคล้าที่ต้นแขนด้านใน รื ที่ขา นีบ


แ ล่งที่ม จ ก : http://images.google.co.th
แ ล่งที่ม : http://www.nurse.nu.ac.th/web11/E-learning/FirstAid/cai/cpr023.html

3. ก รกด น้ กเด็กมีใ ้เลื ก ง ิธี คื ิธีกดด้ ยนิ้ มื ข้ งเดีย งนิ้ โดย งนิ้ ชี้ นิ้ กล งแล
นิ้ น งร ม มนิ้ ที่ น้ กเด็ก ใ ้น้ิ ชี้ ยู่ร ่ ง นม งข้ ง ยกนิ้ ชี้ขึ้นแล้ ใช้นิ้ กล งแล นิ้ น งกด น้ ก

การกด น้า กเด็กใช้นิ้ กลางและนิ้ นางกด น้า ก


แ ล่งที่ม จ ก : http://images.google.co.th
แ ล่งที่ม : http://www.nurse.nu.ac.th/web11/E-learning/FirstAid/cai/cpr023.html

4. กี ิธี นึ่งคื กดกร ดูก น้ กเด็กด้ ย แม่มื งข้ งโดยใช้ งมื ก ร บทร ง กเด็ก ิธีนี้ต้ งมี
ผู้ปฏิบติก ร กี คน นึ่งท น้ ทีช่ ่ ย ยใจ

กดด้ ย ั แม่มื งข้างโดยใช้ งมื ก้าร บทร ง กเด็ก


แ ล่งที่ม จ ก : http://images.google.co.th
แ ล่งที่ม : http://www.nurse.nu.ac.th/web11/E-learning/FirstAid/cai/cpr023.html
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 94

รุปการช่ ยชี ิตขั้นพื้นฐาน


ข้ ค รจ้า
1. ย่ ยุดก รปฐมพย บ ลช่ ยชี ิต ไม่ ่ จ ด้ ยเ ตุผลใด ๆ แม้ ่ ต้ งท น นเกินก ่ 5 น ที
ก็ต ม เพร ผู้ป่ ยย่ มมีโ ก ฟื้นคืนชีพได้ แล ใ ้คนที่ ยู่ข้ งเคียงรีบต มรถพย บ ล รื ต มแพทย์ม ที่
เกิดเ ตุ ผู้ปฐมพย บ ลต้ งท ก รช่ ยชี ิตดงกล่ ข้ งต้นจนก ่ รถพย บ ล รื แพทย์ม ถึง
2. ใ ้ ยุดก รปฐมพย บ ลช่ ยชี ิตดงกล่ ข้ งต้น เมื่ ผู้ป่ ย ม รถ ยใจเ งได้แล ใจ
เริ่มเต้นเ งได้ โดยคล พบชีพจรจ ก ล ดเลื ดใ ญ่ที่ค

การได้รับ ารพิ
ารพิ (Poisons) ม ยถึง รเคมีที่มี ภ พเป้นข งแข็ง ข งเ ล รื ก๊ ซ ซึ่ง ม รถเข้ ู่ร่ งก ย
โดย ก รรบปร ท น ก รฉีด ก ร ยใจ รื ก ร มผ ท งผิ นง แล้ ท ใ ้ เกิด นตร ยต่ ร่ งก ย ด้ ย
ปฏิกิริย ท งเคมี นตร ยจ ม ก รื น้ ยขึ้น ยู่กบ คุณ มบติ ปริม ณ แล ท งที่ได้รบ รพิ น้น

ชนิดข ง ารพิ
รพิ ที่ท ใ ้เกิด นตร ยต่ มนุ ย์ม จ ก ล ยแ ล่งด้ ยกน ได้แก่ พิ จ ก ต ์ เช่น งูพิ ผึ้ง
แมงป่ ง จ กพืชแล ร เช่น มน ป ลงดิบ เ ็ดพิ จ กแร่ธ ตุต่ งๆ เช่น ต ก่ ฟ ฟ ร ร นู แล พิ
จ ก ร งเคร ์ต่ งๆ เช่น รฆ่ แมลง รฆ่ ชพืช ย นตร ยร มท้ง ร งเคร ์ที่ใช้ในคร เรื น เช่น
น้ ย ฟ กข น้ ย ขด ้ งน้ เป็นต้น รพิ ม รถจ แนกต มลก ณ ก ร กฤทธิ์ ได้ 5 ชนิด ดงนี้
1. ชนิ ด กดเนื้ (Corrosive) รพิ ชนิ ด นี้ จ ท ใ ้ เ นื้ เยื้ ข งร่ งก ยไ ม้ พ ง ได้ แ ก่
รล ล ยพ กกรดแล ด่ งเข้มข้น น้ ย ฟ กข ล
2. ชนิดท ใ ้ร ค ยเคื ง (Irritants) รพิ ชนิดนี้จ ท ใ ้เกิด ก รป ดแ บ ป ดร้ น แล
ก ร กเ บในร ย ต่ ม ได้แก่ ฟ ฟ ร ร นู ร เป็นพิ ซลเฟ ร์ได กไซด์ ล
3. ชนิดที่กดปร ท (Narcotics) รพิ ชนิดนี้จ ท ใ ้ มด ติ ลบลึก ปลุก ไม่ขึ้น ม่ นต ด
เล็ก ได้แก่ ฝิ่น ม ร์ฟีน พิ จ กงูบ งชนิด ล
4. ชนิดที่กร ตุ้น ปร ท (Stimulants) รพิ ชนิดนี้จ ใ ้เกิด ก รเพ้ คล่ง ใบ น้ แล
ผิ นงแดง ตื่นเต้น ชีพจรเต้นเร็ ช่ งม่ นต ขย ย ได้แก่ ย โทรปีน ย บ้ เป็นต้น
5. ชนิดที่ กฤทธิ์ท ล ยร บบ ย ต่ งๆ ท ใ ้มี ก รแตกต่ งกนต ม ย ที่ถูกท ล ย
เช่น รพ ร ค ตท ล ยไต แล ป ด ท ใ ้ปั กน้ ย ไต ยแล ยใจ บเ นื่ ย เ ็ดพิ ท ล ยตบ
ท ใ ้มีต เ ลื งต เ ลื ง ตบ ย เป็นต้น

การประเมินการได้รับ ารพิ
ก รปร เมินก รได้รบ รพิ เป็นภ ฉุกเฉินที่ต้ งได้รบก รปฐมพย บ ลที่รีบด่ น ิ่งที่ คญ
คื จ ต้ งปร เมินจ แนกใ ้ได้ ่ ก รผิดปกติต่ งๆ ที่เกิดขึ้นกบผู้ป่ ยน้นเกิดจ ก รพิ ใด น กจ กปร เมิน
ก รแล้ ยงต้ ง งเกต ภ พก รณ์ ิ่งแ ดล้ มที่เกี่ย ข้ งกบผู้ป่ ยร่ มด้ ย
าการเมื่ ได้รับ ารพิ
- คลื่นไ ้ เจียน ป ดท้ ง น้ ล ยฟูมป ก รื มีร ยไ ม้บริเ ณริมฝีป ก มีกลิ่น รเคมี
บริเ ณป ก
- เพ้ ชก มด ติ มี ก ร มพ ตบ ง ่ น รื ท่ ไป
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 95

- ยใจขด ยใจล บ ก มีเ ม ม ก มี ก รเขีย ปล ยมื ปล ยเท้ รื บริเ ณริมฝีป ก


ลม ยใจมีกลิ่น รเคมี
- ต เย็น เ งื่ ม ก มีผื่น รื จุดเลื ด กต มผิ นง
ภาพการณ์ ิ่งแ ดล้ มที่บ่งชี้ถึงภา ะการได้รับ ารพิ
- เกิด ก รผิดปกติขึ้น ย่ งปัจจุบนทนด่ นที่ผู้ป่ ยเป็นคนที่แข็งแรง มบูรณ์ม ก่ น
- เกิด ก รขึ้นกบคน ล ยๆคน รื ยู่ใน ิ่งแ ดล้ มเดีย กน
- ในบริเ ณที่พบผู้ป่ ยมีภ ชน บรรจุ รพิ รื เป็นแ ล่งข ง ต ์มีพิ เช่น งูพิ แมงป่ ง
แมงก พรุนไฟ เป็นต้น
-มีปัญ ท งด้ นจิตใจ ได้แก่ เป็นโรคเรื้ รงรก ไม่ ย มีปร ติพย ย มฆ่ ต ต ย ผิด งใน
ชี ิต รื ก รท ง น มี ตรูป งร้ ย
ารพิ เข้าทางเดิน ายใจ
ก๊ ซพิ เข้ ู่ท งเดิน ยใจ แบ่ง กเป็น 3 ปร เภท ดงนี้
1. ก๊ ซที่ท ใ ้ร่ งก ยข ด ซิเจน เมื่ ได้รบ รพิ ชนิดนี้จ มี ก ร ิงเ ียน น้ มืด เป็นลม
มด ติ ถึงแก่ค มต ยได้ เช่น ค ร์บ นม นน กไซด์ ค ร์บ นได กไซด์ ไ โดรเจน ไนโตรเจน เป็นต้น ปัจจุบน
พบ ่ ก๊ ซที่ท ใ ้เกิดปัญ ค่ นข้ งน้ ยได้แก่ ค ร์บ นม นน กไซด์ เป็นก๊ ซไม่มี ี ไม่มีกลิ่น ไม่มีร เกิดจ ก
ก รเผ ไ ม้ที่ไม่ มบูรณ์ข งน้ มนเชื้ เพลิง เมื่ ยใจเข้ ไปในร่ งก ย ก๊ ซนี้จ แย่งที่กบ กซิเจนในก รจบ
ีโมโกลบินในเม็ดเลื ดแดง ท ใ ้เม็ดเลื ดแดงไม่ ม รถไปยงเนื้ เยื่ ท่ ร่ งก ยได้ ร่ งก ยจึงข ด กซิเจน ซึ่ง
ถ้ ช่ ยเ ลื ไม่ทนจ ท ใ ้ผู้ป่ ยเ ียชี ิต เช่น ในกรณีที่มีผู้เ ียชี ิตในรถยนต์
2. ก๊ ซที่ท ใ ้เกิดก รร ค ยเคื งต่ ร บบท งเดิน ยใจ ได้แก่ ค ล ดลม แล ป ด ถ้
ได้รบในปริม ณม ก จท ใ ้ต ยได้ เช่น ซลเฟ ร์ได กไซด์ ไม่มี ีแต่มีกลิ่นฉุน พบได้ในโรงง น ุต กรรม ใช้
ท กรดก ม ถน เป็นต้น
3. ก๊ ซที่ท ใ ้ นตร ยท่ ร่ งก ย ได้แก่ ก๊ ซ ร์ซีน ไม่มี ี กลิ่นคล้ ยกร เทียม พบได้ในโรงง น
ุต กรรมที่ใช้ท แบตเต รี่ เมื่ เข้ ู่ร่ งก ยจ ท ใ ้เม็ดเลื ดแดงแตก ปั เป็นเลื ด ต เ ลื ง ต เ ลื ง
ข้ ค รระ ัง ต้ งเคลื่ นย้ ยผู้ป่ ยก่ นท ก รน ด ใจผ ยป ดกู้ชีพ
การปฐมพยาบาล
1. แน น ต เ งแล ข นุญ ตใ ้ก รช่ ยเ ลื ด้ ยค มม่นใจแล เป็นมิตร
2. ซกถ มเ ตุก รณ์ รื ก รจ กผู้ได้รบ รพิ รื บุคคลร บข้ ง
3. กล้น ยใจแล รีบเปิดปร ตู น้ ต่ ง เพื่ ใ ้ ก รถ่ ยเท
4. เคลื่ นย้ ยผู้ที่ได้รบ รพิ ไปยง ถ นที่ที่มี ก ถ่ ยเท ด ก
5. เปิดท งเดิน ยใจใ ้โล่ง ปร เมินก ร ยใจ ถ้ ยุด ยใจใ ้ท ก รน ด ใจผ ยป ด
กู้ชีพ (ดูเรื่ งก รช่ ยชี ิตข้นพื้นฐ น)
6. โทรแจ้ง 1669 / น ่งโรงพย บ ล
7. ปร เมิน ญญ ณชีพเป็นร ย ถ้ ยุด ยใจใ ้ท ก รน ด ใจผ ยป ดกู้ชีพ
ารพิ เข้าทางปาก
รเคมีที่เข้ ู่ ร บบท งเดิน รจ ถูกดูดซึมต่ ไปยงร บบก รไ ลเ ียนโล ิต รเคมี
ปร เภทกดกร่ น เช่น กรด รื ด่ งเข้มข้น จ ท นตร ยเนื้ เยื่ ต่ งๆ ในร บบท งเดิน รได้โดยตรง ก ร
ที่พบได้บ่ ยเมื่ ได้รบ รพิ เข้ ท งป ก ได้แก่ มีแผลไ ม้พ ง แ บร้ นบริเ ณป ก ล ค แล ท้ ง คลื่นไ ้
เจียน กร ยน้ ได้กลิ่น รเคมี ยใจเร็ จมีภ ช็ กแล มด ติได้
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 96

ข้ ้าม ้ มกร ตุ้น รื ท ใ ้ เจียน


การปฐมพยาบาล
กรณีรู้ ึกต
1. แน น ต เ งแล ข นุญ ตใ ้ก รช่ ยเ ลื ด้ ยค มม่นใจแล เป็นมิตร
2. ซกถ มเ ตุก รณ์ รื ก รจ กผู้เจ็บป่ ย/บุคคลร บข้ ง
3. ท ใ ้ รพิ เจื จ ง โดยดื่มน้ รื นม 1 แก้ (ใช้เฉพ รพิ ชนิดกดกร่ น เช่น น้ ย ล้ ง ้ งน้
เป็นต้น)
4. ดูดซบ รพิ ในท งเดิน ร โดยใช้ผงถ่ น ซึ่งมีคุณ มบติ ดูดซบ รพิ ในกร เพ รแล
ล ไ ้ ท ใ ้ รพิ ถูกดูดซึมช้ ลง ผงถ่ นบด รื ผงถ่ นกมมนต์ (Activated Charcoal) ขน ดรบปร ท น
5-10 ช้ นโต๊ (50 กรม) ผ มน้ 1 แก้ (250 cc.)
5. โทรแจ้ง 1669 รื น ่งโรงพย บ ล
ข้ ังเกต
- ก รดื่มน้ รื นม น กจ กช่ ยเจื จ ง รพิ ท ใ ้ รพิ ถูกดูดซึมช้ ลงแล้ ยงช่ ยเคลื บแล
ป้ งกน นตร ยต่ เยื่ บุท งเดิน รด้ ย
- น ผู้ดื่ม รพิ ่งโรงพย บ ลโดยด่ น พร้ มกบ ิ่ง เจียน เพื่ ก ร ินิจฉย รพิ ที่ได้รบ

กรณีไม่รู้ ึกตั
ตร จ บ ญญ ณชีพ vital Sign

ไม่ ยใจ ยใจ ยใจ

CPR จดท่ น นที่ปล ดภย


(recovery Position)
ดูแลท งเดิน ยใจ

โทร พท์แจ้งข ค มช่ ยเ ลื


รื น ่งโรงพย บ ล
ที่ม : ูนย์ฝึก บรมปฐมพย บ ลแล ุขภ พ น มย ภ ก ช ดไทย, 2559

ารพิ ัมผั ผิ นัง


รเคมี ล ยชนิด ม รถท ใ ้เกิด นตร ยกบผิ นงได้โดยตรง เช่น ท ใ ้เกิดค มร ค ยเคื งไป
จนถึง ก รแพ้ รกดกร่ นท ใ ้เกิดก รไ ม้ข งผิ นงในบริเ ณที่ มผ แล รพิ บ งชนิด ม รถซึมผ่ น
ผิ นงเข้ ู่ร บบก รไ ลเ ียนโล ิตได้
การปฐมพยาบาล
1. แน น ต เ งแล ข นุญ ตใ ้ก รช่ ยเ ลื ด้ ยค มม่นใจแล เป็นมิตร
2. ซกถ มเ ตุก รณ์ รื ก รจ กผู้ได้รบ รพิ รื บุคคลร บข้ ง
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 97

3. ถ้ เป็นผงใ ้ปัด กจ กต (ร งฟุ้งกร จ ย)


4. ถ ด ุปกรณ์ รื ิ่งข งที่ มผ รพิ ก เช่น เ ื้ ผ้ เครื่ งปร ดบ ค นแทคเลน ์ ล
5. ล้ งน้ ด้ ย ิธีปล่ ยน้ ไ ลผ่ น
6. โทรแจ้ง 1669 รื น ่งโรงพย บ ล

ารพิ เข้าตา
ก ร มผ บริเ ณด งต เป็นเรื่ งที่ นตร ย เนื่ งจ กด งต เป็น ่ นที่มีเ ้นปร ทแล ล ดเลื ดฝ ย
ม ล่ เลี้ยงจ น นม ก จึงเป็นแ ล่งที่ดูดซบ รพิ ต่ งๆได้ร ดเร็ รเคมี ่ นใ ญ่จ เป็น นตร ยต่ ด งต
ต้งแต่ท ใ ้เกิดก รร ค ยเคื ง ร้ งค มเจ็บป ด ูญเ ียค ม ม รถในก รม งเ ็น ไปจนถึงท ใ ้ต บ ด
ย่ งถ รได้
การปฐมพยาบาล
1. แน น ต เ งแล ข นุญ ตผู้ใ ้ก รช่ ยเ ลื ด้ ยค มม่นใจแล เป็นมิตร
2. ซกถ มเ ตุก รณ์ รื ก รจ กผู้ได้รบ รพิ รื บุคคลร บข้ ง
3 ล้ งต ด้ ยน้ ดโดยใช้ ิธีปล่ ยน้ ไ ลผ่ น ย่ งน้ ย 15 น ที น นต แคงใ ้ต ข้ งที่ถูก รพิ
ยู่ด้ นล่ ง (กรณีใ ่ค นแทคเลน ์ ค รถ ด กก่ นล้ งต )
4 ปิดต ด้ ยผ้ ด
5 โทรแจ้ง 1669 รื น ่งโรงพย บ ล
ข้ ้าม
1. ้ มขยี้ต
2. ้ มใช้น้ ย ล้ งต

การเคลื่ นย้ายผู้บาดเจ็บ (Transportation of the In injured)


ม ยถึง ก รน ผู้บ ดเจ็บซึ่งได้รบก รปฐมพย บ ลแล้ ่งต่ ไปยงโรงพย บ ล รื ก รน ผู้บ ดเจ็บ
กจ กบริเ ณที่เกิดเ ตุซึ่ง จมี นตร ยถึงแก่ชี ิต เพื่ ใ ้ก รปฐมพย บ ลเป็นข้นต่ ไป

ลักการเคลื่ นย้ายผู้บาดเจ็บ
ผู้ช่ ยเ ลื
1. ไม่ยกผู้บ ดเจ็บต มล พง โดยเฉพ ผู้บ ดเจ็บที่มีน้ นกต ม กก ่ รื กรณีมีก รบ ดเจ็บที่เ ี่ยงต่
นตร ยข งกร ดูกค แล ลง
2. กร ดูก น ลงข งผู้ช่ ยเ ลื ค ร ยู่ในแน ตรงขณ ยกผู้บ ดเจ็บ เพื่ ป้ งกนก รบ ดเจ็บข ง ลง
3. ค รยกโดยใช้น้ นกต ผู้บ ดเจ็บชิด ยู่กบต ผู้ช่ ยเ ลื ใ ้ม กที่ ุด
4. กรณีที่มีผู้ช่ ยเ ลื เป็นทีม ต้ งมีก ร ื่ รภ ยในทีมใ ้ชดเจน ขณ ใ ้ก รช่ ยเ ลื
ผู้บาดเจ็บ
1. มุ่งเน้นไม่เพิ่มก รบ ดเจ็บ ื่นๆ แล ไม่ท ใ ้ก รบ ดเจ็บรุนแรงม กขึ้นจ กก รเคลื่ นย้ ย
2. ต้ งได้รบก รปฐมพย บ ลข้นต้นก่ นก รเคลื่ นย้ ย ยกเ ้นในกรณีจ เป็น ยู่ใน ถ นก รณ์ฉุกเฉิน
เช่น เพลิงไ ม้ ตึกถล่ม น้ ท่ ม เป็นต้น ต้ งรีบเคลื่ นย้ ยก่ นเพื่ ค มปล ดภย
3. ขณ เคลื่ นย้ ย ล ต ข งผู้บ ดเจ็บค ร ยู่ในแน ตรง
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 98

การเคลื่ นย้ายผู้บาดเจ็บด้ ย ิธีต่างๆ : ผู้ช่ ยเ ลื 1 คน


การพยุงเดิน (Human Crutch)
: ใช้ รบผู้บ ดเจ็บเล็กน้ ย แล มี ติช่ ยเ ลื ต เ งได้แต่ข ได้รบ
บ ดเจ็บ รื ่ นเพลีย เช่น ข้ เท้ เคล็ด เป็นลม เป็นต้น

การ ุ้ม (Cadle Method)


: ผู้บ ดเจ็บรู้ ึกต ดี น้ นกต น้ ยแต่เดินไม่ได้

การขี่ ลัง (Pick – A Back)


: ผู้บ ดเจ็บรู้ ึกต ดี น้ นกต น้ ย แต่เดินไม่ได้

การแบก (Fireman’s Carry)


: ผู้บ ดเจ็บ มด ติ ่ นใ ญ่เนื่ งจ ก ลกค นไฟ แล จ เป็นต้ งรีบ
เคลื่ นย้ ยฉุกเฉิน น้ นกต น้ ย

ที่ม : ูนย์ฝึก บรมปฐมพย บ ลแล ุขภ พ น มย ภ ก ช ดไทย, 2559


การลาก (Drag Method)
ใช้ในกรณีที่ ถ นก รณ์จ เป็น ผู้บ ดเจ็บ มด ติน้ นกต ม ก

ก รล กแบบใช้ผ้ ่ม ก รล กแบบช้ นใต้รกแร้

ก รล กแบบคล น โดยก รมดข้ มื แล คล้ งค


ุข ึก าและพล ึก า ม.5 99

การเคลื่ นย้ายผู้บาดเจ็บด้ ย ิธีต่างๆ : ผู้ช่ ยเ ลื 2 คน

การพยุงเดิน (Human Crutch)


: ผู้บ ดเจ็บรู้ ึกต ดีแล ม รถเดินได้

ที่ม : ูนย์ฝึก บรมปฐมพย บ ลแล ุขภ พ น มย ภ ก ช ดไทย, 2559

การ ุ้มนั่งบนมื แบบจับ 4 มื (Four – Hand Seat carry)


: ผู้บ ดเจ็บรู้ ึกต ดี แขนท้ง งข้ งใช้ก รได้ แต่ไม่ ม รถเดินได้

ิธีก รจบมื ิธีก รน่ง ใ ้เข่ ผู้ช่ ยเ ลื


ท้ง 2 คน ม ชนกน

ิธีน่งด้ น น้ ิธีน่งด้ น ลง
ที่ม : ูนย์ฝึก บรมปฐมพย บ ลแล ุขภ พ น มย ภ ก ช ดไทย, 2559
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 100

การ ุ้มนั่งบนมื แบบจับ 3 มื (Three – Hand Seat carry)


: ผู้บ ดเจ็บรู้ ึกต ดี แต่เดินไม่ได้ ิธีนี้ผู้ช่ ยเ ลื จ มีมื ่ ง นึ่งมื เพื่ ปร ค ง ลงผู้บ ดเจ็บ
ถ้ มด ติ ป้ งกนก รพลดตก

ิธีก รจบมื ิธีน่งใ ้เข่ ผู้ช่ ยเ ลื


ท้ง 2 คน ม ชนกน

ธิ ีน่งด้ น น้ ธิ ีน่งด้ น ลง
ที่ม : นู ย์ฝึก บรมปฐมพย บ ลแล ุขภ พ น มย ภ ก ช ดไทย, 2559

การ ุ้มนั่งบนมื แบบจับ 2 มื (Two – Hand Seat carry)


: ผู้บ ดเจ็บรู้ ึกต ดี เดินไม่ได้ ิธีนี้ผู้ช่ ยเ ลื จ มีมื ่ ง 2 มื เพื่ ปร ค ง ลง กผู้บ ดเจ็บ มด ติ
ม รถเ นพิงได้ป้ งกนก รพลดตก

ิธีก รจบมื ิธีน่งใ ้เข่ ผู้ช่ ยเ ลื


ท้ง 2 คน ม ชนกน

ธิ ีน่งด้ น น้ ิธีน่งด้ น ลง
ที่ม : นู ย์ฝึก บรมปฐมพย บ ลแล ุขภ พ น มย ภ ก ช ดไทย, 2559
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 101

การ ุ้มแบบพยุงแขนและขา (Carry by the Extremities)

: ผู้บ ดเจ็บรู้ ึกต แต่เดินไม่ได้ บ ดเจ็บไม่รุนแรง เช่น เป็นลม ข้ เท้ เคล็ด ต้ งผ่ นท งแคบ
แคบ น้ นกต ม ก ต้ งก รเคลื่ นย้ ยโดย ด ก ร ดเร็ ม่นคงแข็งแรง ป้ งกน นตร ย
จ กก รพลดตกได้

การนั่งบนเก้า ี้ (Carry Chairs)


: ผู้บ ดเจ็บรู้ ึกต เดินไม่ได้ ิธีนี้ผู้บ ดเจ็บจ น่งบนเก้ ้ีท ใ ้รู้ ึกม่นคงแล ปล ดภยขึ้น
โดยเก้ ี้ที่ใช้ต้ งแข็งแรงแล มีน้ นกพ ดี ที่ผู้ช่ ยเ ลื 2 คน ม รถยกเคลื่ นย้ ยได้
ย่ งปล ดภย

ที่ม : นู ย์ฝึก บรมปฐมพย บ ลแล ุขภ พ น มย ภ ก ช ดไทย, 2559


มายเ ตุ
ก รน่งบนเก้ ี้ต้ งเป็นเก้ ี้ที่มีพนกพิง โดยผู้ช่ ยเ ลื คน นึ่งยกข ด้ น น้ งข้ งข งเก้ ี้ ีกคนยก
ตรงพนก ก รยกเก้ ี้ค รใ ้เก้ ี้ยงไปด้ น ลงปร ม ณ 30 ง ิธีนี้เ ม กบก รเคลื่ นย้ ยผู้ป่ ย
ลงบนได รื ผ่ นท งแคบๆ แล คดเคี้ย

การเคลื่ นย้ายผู้บาดเจ็บด้ ย ิธีต่างๆ (ผู้ช่ ยเ ลื มากก ่า 2 คน)


การเคลื่ นย้ายผู้บาดเจ็บในท่าน น มี 3 ิธีดังนี้
1. ก รเคลื่ นย้ ยผู้บ ดเจ็บโดยใช้มื แทนเปล ใช้ในกรณีผู้บ ดเจ็ บที่ไม่รู้ ึกต เดินไม่ได้ รื น้ นกต
ม ก แล มีผู้ช่ ยเ ลื ล ยคนใ ้ปฏิบติดงนี้

ผู้ช่ ยเ ลื น่งชนเข่ ที่ ยู่ด้ น ีร ผู้บ ดเจ็บขึ้น

พลิกต ผู้บ ดเจ็บเพื่ ดมื เข้ ไปร งรบต ผู้บ ดเจ็บ

ยกผู้บ ดเจ็บพกไ ้ที่เข ด้ นผู้ช่ ยเ ลื 3


ุข ึก าและพล ึก า ม.5 102

เคลื่ นย้ ยไปท งปล ยเท้ ผู้บ ดเจ็บ โดย กค ่งเดิน ก้ – ชิด - ก้

ที่ม : ูนย์ฝึก บรมปฐมพย บ ลแล ุขภ พ น มย ภ ก ช ดไทย, 2559

2. ก รเคลื่ นย้ ยผู้บ ดเจ็บโดยใช้เปลผ้ ่มม้ นข บ


ิธีการเดิน
: เคลื่ นย้ ยไปท งปล ยเท้ ผู้บ ดเจ็บ โดย กค ่ง เดิน ก้ – ชิด - ก้

3. ก รเคลื่ นย้ ยผู้บ ดเจ็บ โดยใช้เปลผ้ ่ม แล ไม้พล ง

ิธีการเดิน
: เคลื่ นย้ ยไปท งปล ยเท้ ผู้บ ดเจ็บ เพื่ ใ ้ผู้บ ดเจ็บ ม รถม งเ ็น
ทิ ท ง ่ จ เคลื่ นย้ ยไปท งใด

ที่ม : นู ย์ฝึก บรมปฐมพย บ ลแล ุขภ พ น มย ภ ก ช ดไทย, 2559


ข้ ้าม
ไม่เคลื่ นย้ ยผู้บ ดเจ็บ ด้ ย ิธีใดๆ ที่กล่ ม แล้ ข้ งต้นในกรณีที่มีก รบ ดเจ็บข ง ีร ค แล
กร ดูก น ลง เนื่ งจ ก จเป็น นตร ยต่ เ ้นปร ทไข น ลง ่งผลใ ้เกิดค มพิก ร รื เ ยี ชี ิตได้
(ดูร ยล เ ียดเรื่ ง ก รบ ดเจ็บข ง ีร ค แล กร ดูก น ลง)
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 103

การท้าเปลประยุกต์

1 แบ่งผ้ ่ม กเป็น 3 ่ น

2. จบช ยผ้ ตลบทบบนไม้พล ง โดยใช้ ่ นที่ 1 ก ้ งก ่ ่ นที่ 2 แล 3

3. น ไม้พล ง นที่ 2 ม งทบบนผ้ ที่ตลบขึ้นม

4. ตลบช ยผ้ ที่ก ้ งปร ม ณ 1 คืบ ่ งจ กข บภ พปร ม ณ 1 คืบ


ทบลงบนไม้พล ง

5 ตลบช ยผ้ ที่เ ลื ทบลงบนไม้พล งท้ง 2 น

ที่ม : ูนย์ฝึก บรมปฐมพย บ ลแล ุขภ พ น มย ภ ก ช ดไทย, 2559


แ ล่ง ้าง ิง
ูน ย์ ฝึ ก บรมปฐมพย บ ลแล ุ ข ภ พ น มย ภ ก ช ดไทย. (2559). คู่มื อ การปฐมพยาบาล FIRST AID
MANUAL. พิมพ์คร้งที่ 13 : บริ ท เนช่นไ ย์ 1954 จ กด.
ก รปฐมพย บ ลผู้ที่ได้รบบ ดเจ็บแล ก รเคลื่ นย้ ยผู้ป่ ย. ( นไลน์). เข้ ถึงได้จ ก www.nurse.nu.ac.th,
www.thaigoodview.com, www.guru.sanook.com, www.rtmahidol.com, www.doctor.or.th
www.nawaporn.files.wordpress.com, www.tm.mahidol.ac.th, www.bangkokhealth.com,
www.stdaffair.ru.ac.th ,www.firstaidblogspot. Blogspot.com, www.safetechthailand.net
แล www.she.cpportal.net. ปีที่ ืบค้นข้ มูล 2560.
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 104

น่ ยการเรียนรู้ที่ 6
พิชิต ารมณ์และค ามเครียด

รมณ์มีค ม คญต่ ชี ิตค มเป็น ยู่ข งมนุ ย์ โดยเฉพ เกี่ย กบก รปรบต ท ใ ้ก รด เนินชี ิต
มีค ม ม ยแตกต่ งไปจ กเครื่ งจกร เร ใช้ รมณ์เป็นเครื่ งบ่งชี้ค มรู้ ึกนึกคิด ช่ ยใ ้เร เรียนรู้ที่จ รู้จ ก
ตนเ งแล ผู้ ื่น เป็นแรงผลกดน รื แรงจูงใจท ใ ้เกิดค มกร ตื รื ร้น เป็นต ช่ ยท ใ ้มีมนุ ย มพนธ์ที่ดี
พร้ มใ ้ก รช่ ยเ ลื ผู้ ื่น เป็น ญญ ณเตื นภยใ ้รู้จกก รต่ ู้ ก รเ ต ร ด แล ก รแ ดง กท ง รมณ์
ยง ม รถบ่งบ กถึง ุขภ พจิตข งบุคคลได้ ีกด้ ย
คณ กรรมก รบญญติ พท์เ ็น ่ รมณ์ตรงกบค ่ Mood ม กก ่ Emotion คุณ มบติข ง รมณ์
ท น้ ที่เป็นแรงจูงใจกร ตุ้นร่ งก ยใ ้แ ดงพฤติกรรมปฏิกิริย โต้ต บในลก ณ ต่ ง ๆ รมณ์ที่ไม่ดีแล
ค มเครียด ม รถคิดขึ้นได้กบทุกคนไม่ ่ จ ยู่ในช่ ง ยใด กไม่ ม รถค บคุม รมณ์แล ค มเครียดได้
ก็จ ท ใ ้เกิดผลกร ทบต่ ตนเ งแล ผู้ ื่น จึงค รมี ิธีก รจดก รกบ รมณ์ที่ ไม่ดีแล ค มเครียดด้ ย ิธีก รที่
เ ม ม เพื่ ไม่ใ ้เกิดผลเ ียต่ ร่ งก ยแล จิตใจ แล ม รถ ยู่ร่ มกบบุคคล ื่นได้ ย่ งมีค ม ุข

ารมณ์ (Emotion) มายถึง


น ยแพทย์เทิด กดิ์ เดชคง (2542:20) กล่ ถึง รมณ์ ่ เป็น ภ ท งจิตใจที่มีผลม จ กต บ น ง
ต่ ิ่งกร ตุ้น ท้งที่ม จ กภ ยใน ได้แก่ ค มไม่ บ ย ค มเจ็บป ด แล จม จ ก ิ่งเร้ ภ ยน ก เช่น บุคคล
ุณ ภูมิ ดินฟ้ ก รมณ์ จมีค ม ม ยได้ ล ยแง่ ท้งแง่ดี แง่ไม่ดี
พรรณทิพย์ ิริ รรณบุ ย์ (2547:71) กล่ ่ รมณ์ ม ยถึง ภ พก รเปลี่ยนแปลงข งร่ งก ยแล
จิตใจ นเนื่ งม จ กก รปฏิ มพนธ์ร ่ ง ิ่งเร้ แล ินทรีย์ แล แ ดงโต้ต บ ิ่งน้นไปต ม ถ นก รณ์
รี เพชรผุด (2541:210) ใ ้ค ม ม ยไ ้ ่ รมณ์ คื ภ ที่ ินทรีย์ (Organism) ถูกเร้ ใ ้เกิดก ร
ต บ น ง รื ที่เรียก ่ ผลกร ทบจก ิ่งเร้ ไม่ ่ ผลกร ทบน้นจ นก รื เบ ก็ต ม จ ท ใ ้เกิดปฏิกิริย ขึ้นได้
แล มีก รแ ดง กได้เป็น 3 แบบ คื
1. แบบที่เกิดทนทีทนใด (Emotional experience) เช่น รู้ ึกโกรธ กล ดีใจ
2. พฤติกรรมที่เป็นผล ืบเนื่ งม จ ก รมณ์ (Emotional behavior) เช่นกล่ ค บถ บ น เมื่ รู้ ึก
โกรธ กร โดดโลดเต้นเมื่ รู้ ึกดีใจ
3. เกิดก รเปลี่ยนแปลงท งด้ นร่ งก ย (Physical change) เช่น น้ แดง มื ่น ป ก ่น รมณ์กบ
ค มรู้ ึกเป็ น ิ่ งที่ต่ เนื่ งกน แล ย กที่จ แยกแย ่ นไ นเป็นค มรู้ ึ ก (Feeling) นไ นเป็น รมณ์
(emotion) เพร เป็นภ ที่ต่ เนื่ งกน จ กค มรู้ ึกที่ธรรมด ไปจนถึงค มรู้ ึกที่ธรรมด ไปจนถึงค มรู้ ึก
ที่รุนแรง
Feldman (1994:320) กล่ ่ รมณ์ เป็ น ค มรู้ ึ ก ต่ ง ๆ (Feeling) เช่ น ุ ข เ ร้ เ ี ย ใจ ซึ่ ง
โดยท่ ไปแล้ มีผลต่ กร บ นก รท ง รีร แล ท งค มคิด ซึ่งร่ มกนท้ง มดมีผลต่ ก รแ ดงพฤติกรรม
จกล่ รุปได้ ่ รมณ์ ม ยถึง
- ภ ค ม ่น ไ ข งร่ งก ย เป็นค มรู้ ึกที่รุนแรงท ใ ้จิตใจปั่นป่ น แล แ ดงพฤติกรรม
กม ไม่เป็นไปตมปกติ พฤติกรรมที่แ ดง กมกรุนแรงก ่ ธรรมด แล มกค บคู่ไปกบค มเคลื่ นไ ข ง
กล้ มเนื้
- เป็นภ ข งจิตใจที่ได้รบก รกร ทบกร เทื น รื ถูกกร ตุ้นจ ก ิ่งเร้
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 105

- เป็นค มรู้ ึกชนิดต่ ง ๆ ที่บุคคลมีต่ ิ่งเร้ ค มรู้ ึกเ ล่ นี้ เปลี่ยนแปลง ยู่เรื่ ย จรุนแรงบ งก ่
ปกติ ต มค มนึกคิดแล ถ นก รณ์ แล จเกิดขึ้นพร้ มกบมีก รเปลี่ยนแปลงก ยภ พร่ มไปด้ ย
- ร ดบข งค มรู้ ึกเป็น ่ น คญข งจิตใจ เป็น ื่ ร้ ง มพนธภ พร ่ งบุคคลช่ ยใ ้เรียนรู้
ตนเ งแล ผู้ นื่ ท ใ ้ปรบต ได้ดกี บเ ตุก รณ์แล ด รงชี ิตใน งคมได้ ย่ งมีปร ิทธิภ พ
ประเภทข ง ารมณ์
รมณ์เป็น ่ น คญข งชี ิตมนุ ย์แล ท ใ ้มนุ ย์แตกต่ งจ ก ต ์ เนื่ งจ ก รมณ์เป็น ิ่งที่ ่ง ผล
ต่ พฤติกรรมที่เกิดต มม ซึ่ง รมณ์แบ่ง กเป็น 2 แบบ ( รีเรื น แก้ กง น, 2543, น.155) คื
1. รมณ์ที่ท ใ ้เกิดค มพึงพ ใจ คื มีค ม ุข ต้ งก รใ ้เกิดขึ้น ต้ งก รยึดเ นี่ย ไ ้ เป็น รมณ์
ท งบ ก เช่น รื่นเริง ชื่นชม รก ย มรบ ล
2. รมณ์ที่ท ใ ้เกิดค มไม่พึงพ ใจ คื มีค มทุกข์ ต้ งก ร ลีกเลี่ยง ไม่ต้ งก รใ ้เกิดขึ้น ีก เป็น
รมณ์ท งลบ เช่น กล เ ร้ เกลียด ขย แขยง เดื ดด ล ดูถูก ิจฉ
ก ร ึก เรื่ ง รมณ์เป็นเรื่ งย ก เนื่ งจ กต้ ง นุม นจ กพฤติกรรมที่ไม่ ม รถ งเกตได้โดยตรง
นกจิต ิทย ได้ งเกตลก ณ ข ง รมณ์พบ ่ รมณ์เป็นภ ที่ไม่คงที่ มีลก ณ ที่ คญ 4 ปร ก รคื (มุกด
รียงค์. 2542 : 255-256)
1. รมณ์ไม่ใช่พฤติกรรมภ ยน ก รื ค มคิดเฉพ ย่ งแต่ รมณ์เป็นปร บก รณ์ค มรู้ ึ ก ่ น
บุคคล
2. รมณ์เป็นค มรู้ ึกที่รุนแรงแล มีก รแ ดง กท ง รมณ์ที่แตกต่ งไปจ กก รกร ท ปกติท่ ไป
เช่น เมื่ มี รมณ์กล จ มื ่น
3. รมณ์มีค มซบซ้ นก ่ ค มรู้ ึกท งร่ งก ย ื่นๆ บุคคลจ มีก รปร เมิน รื แปลค ม ม ยข ง
ถ นก รณ์ที่เกี่ย ข้ งแล้ จึงจ เกิด รมณ์น้นๆ เช่น ช ยคน นึ่งเ ็น ิงโตแล้ มีค มรู้ ึก ย่ งไรขึ้น ยู่กบ ่
ช ยคนน้นเ ็น ิงโตเป็น ต ์เลี้ยงที่เชื่ ง รื ต ์ป่ ที่ก ลง ิ กร ย
4. รมณ์จ เกิดร่ มกบก รเปลี่ยนแปลงท ง รีร เช่น เมื่ เร รู้ ึกปร ล ดใจ จ เบิ่งต โต ป ก ้
จยกมื ปิด น้ ่ นก รต บ น งภ ยในจ มีก รเปลี่ยนแปลง ตร ก รเต้นข ง ใจ
การจัดประเภทข ง ารมณ์
พลูทชิค (Plutchik, 1980, p.56) แบ่ง รมณ์เป็น รมณ์พื้นฐ น 8 ปร เภท ได้แก่ รมณ์กล (Fear),
รมณ์ปร ล ดใจ (Surprise), รมณ์เ ร้ (Sadness), รมณ์รงเกียจ/ขย แขยง(Disgust), อารมณ์โกรธ
(Anger), อารมณ์คาด ัง (Anticipation), อารมณ์รื่นเริง/ นุก นาน (Joy), อารมณ์ยอมรับ (Acceptance)

รูปที่ 1 แ ดงร ดบค มเข้มข ง รมณ์พื้นฐ นข ง Plutchik


ที่ม : Bernstein. 1988: 446
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 106

รมณ์พื้นฐ นท้ง 8 ชนิดนี้ยงแปรเปลี่ยนไปต มร ดบค มเข้มข ง รมณ์ แล ยงมีชื่ เรียกแตกต่ ง


กไป ีกเช่น รมณ์เ ร้ จ มีร ดบต้งแต่ เ ร้ …เ ียใจ…ทุกข์ใจ เป็นต้น
รมณ์ทีมีร ดบค มเข้มน้ ยๆ จ แยกไม่ ก ่ เป็น รมณ์ ไร น กจ กนี้ รมณ์พื้นฐ นท้ง 8 ชนิด
ยง จผ มผ นกนเป็น รมณ์ที่ซบซ้ นขึ้นไป ีก เช่น เด็กคน นึ่งก ลงรบปร ท นคุกกี้ ยู่ จรู้ ึกรื่นเริงผ ม
กบค มรู้ ึกกล ซึ่งก็คื ค มรู้ ึกผิด (Guilt) เพร คุกกี้ที่ก ลงกิน ยู่น้นได้ขโมยม น่นเ ง รมณ์ ิจฉ ก็เป็น
รมณ์ผ มกนร ่ ง รก โกรธ แล กล เป็นต้น
จ เ ็น ่ ก รจ แนก รมณ์เป็นเรื่ งยุ่งย ก เพร คนเร มี ภ รมณ์ ล ย ย่ งเปลี่ยนแปลงไป
ตล ดเ ล แล รมณ์แต่ล ชนิดก็ยงมีร ดบค มรุนแรงแตกต่ งกนไป เป็นต้น ่ รมณ์โกรธจ เริ่มจ ก
ค มรู้ ึกร ค ญใจไปจนถึงโกรธเกรี้ย เดื ดด ล รื รมณ์กล จ มีค มรุนแรงต้งแต่ ่นกล ไปจนถึงกล
ย่ งขนพ ง ย งเกล้

ลัก ณะต่างๆที่เกิดขึ้นตาม ารมณ์พื้นฐานข งแน คิดพลูทชิค


เ ตุการณ์ที่เป็น กระบ นการ พฤติกรรม ผลที่เกิดขึ้น
ตั กระตุ้น รู้คิด ค ามรู้ ึก ที่ ังเกตได้ (Effect)
(Stimulus event) (Cognition) (Feeling state) (Overt behavior)
คุกค ม นตร ย กล ลบ นี ปล ดภย
(Threat) (Danger) (Fear) (Escape) (Safety)
ุป รรค ตรู โกรธ ต่ ู้ ท ล ย ุป รรค
(Obstacle) (Enemy) (Angry) (Attack) (Destroy obstacle)
ได้รบ ิ่งมีค่ ค มเป็น นุก น น จดจ ได้รบแ ล่งข้ มูล
(Gain of valued เจ้ ข ง (Joy) รื กร ท ซ้ (Gain resources)
object) (Possess) (Retain or repeat)
ูญเ ีย ิ่งมีค่ ล ทิ้ง เ ร้ ร้ งไ ้ ยึดติด ิ่งมีค่ ที่เ ียไป
(Loss of valued (Abandonment) (Sadness) (Cry) (Reattach to lost
object) object)
ก รเป็น ม ชิกข ง เพื่ น ไ ้ งใจ เตรียมพร้ ม นบ นุนซึ่งกนแล กน
กลุ่ม (Friend) (Acceptance) (Groom) (Mutual support)
(Member of valued)
ิ่งที่ไม่น่ พ ใจ ิ่ง นตร ย ขย แขยง เจียน ปฏิเ ธ ิ่ง นตร ย
(Unpalatable object) (Poison) (Disgust) (Vomit) (Eject poison)
แน คิดใ ม่ ตร จ บ คด ง งแผน ค มรู้เรื่ ง
(New territory) (Examine) (Expectation) (map) แน คิดใ ม่
(Knowledge of territory)
เ ตุก รณ์ มนคื ไร ปร ล ดใจ ยุด ได้รบเ ล เพื่ ท
ที่ไม่ค ดฝัน (what is it?) (Surprise) (Stop) ค มคุ้นเคย
(Unexpected event) (Gain time to orient)
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 107

งค์ประก บข ง ารมณ์
รมณ์จ ปร ก บไปด้ ย งค์ปร ก บ 3 ปร ก ร คื
1. งค์ประก บด้าน รีระ (Physiological dimension) ม ยถึง ก รเปลี่ยนแปลงต่ ง ๆ ท งร่ งก ย
ที่จ ต้ งเกิดขึ้น ค บคู่กบ ปฏิกิริย ท ง รมณ์ เช่น ใจเต้นเร็ เ งื่ กต มร่ งก ย รื ใบ น้ ร้ นผ่
เป็นต้น รมณ์ที่ก่ ใ ้เกิดก รเปลี่ยนแปลงท ง รีร ได้ม กที่ ุ ดคื รมณ์กล แล รมณ์โกรธ รมณ์กล
จ ก่ ใ ้เกิดก ร ล่งข ง ร์โมน ดรีน ลีนจ กต่ มแ ดรีนล (Adrenal gland) ่ น รมณ์โกรธ จ ก่ ใ ้เกิด
ก ร ล่งข ง ร์โมน น ร์ ดรีน ลีน (Noradrenalin)
2. งค์ประก บทางด้ า นการนึกคิด (Cognitive dimension) ม ยถึง ก รมี ปฏิกิริย ด้ นจิตใจที่
เกิดขึ้นต่ ถ นก รณ์ ที่ก ลงเป็น ยู่แล เกิดเป็น รมณ์ขึ้นม เช่น ช บ-ไม่ช บ รื ถูกใจ–ไม่ถูกใจ เป็นต้น
3. งค์ป ระก บทางด้ า นการมี ป ระ บการณ์ (Experiential dimension) ม ยถึ ง ก รเรี ย นรู้ ที่
เกิดขึ้นภ ยใน จิตใจข งแต่ล บุคคลซึ่งจ มีค มแตกต่ งกนไป

การค บคุม ารมณ์


เนื่ งจ กก รเกิด รมณ์ จท ใ ้เกิดผลเ ียได้ ล ย ย่ ง เร จึงค รรู้จกค บคุม รมณ์พย ย มร งบ
ค มรุ น แรงข ง รมณ์ ใ ้ ยู่ ใ นร ดบที่ พ เ ม พ ค ร ท้ ง นี้ เ พื่ ป้ งกนไม่ ใ ้ ก ร ทบกร เทื นต่
บุคลิกภ พแล ก ร ม คมกบผู้ ื่น ก รค บคุม รมณ์เป็น ิ่งที่จ เป็นแล มีค ม คญต่ คนเร เป็น ย่ งม ก
เนื่ งจ กเร ต้ ง ยู่ร มกบผู้ ื่น ต้ งคบค้ ม คมกบผู้ ื่น เป็น ม ชิกข ง งคม เร จึงต้ งปร พฤติปฏิบติต ม
ร เบียบแบบแผนแล ปร เพณีนิยมข ง งคม ไม่ปล่ ยใ ้ รมณ์มี น จเ นื แล ท ใ ้เร ปร พฤติผิดร เบียบ
แบบแผน นดีง มข ง งคม

การค บคุม ารมณ์ าจท้าได้โดย รุป ดังนี้


1. ฝึกใ ้รู้จกร งบ รมณ์ที่รุนแรง โดยยึด ลกข งค ม ดทนเป็นที่ต้งพย ย มแ ดง รมณ์ใ ้พ เ ม
พ ค รต มก ลเท จนติดเป็นนิ ย
2. พย ย ม ลีกเลี่ยง ถ นก รณ์ที่จ ก่ ใ ้เกิดค มตึงเครียดใ ้ม กที่ ุดเท่ ที่จ ท ได้
3. เมื่ มีเรื่ งที่ท ใ ้เกิดค มไม่ บ ยใจ รื ไม่พ ใจ จงร บ ย รมณ์ กโดยเล่ ใ ้ผู้ที่ไ ้ใจฟัง
จ ช่ ยผ่ นคล ยค มตึงเครียดท ง รมณ์ลงได้
4. ร้ ง รมณ์ที่พึงปร รถน ใ ้เกิดมีขึ้น แล ต้งใจที่จ ร้ ง รมณ์ดีใ ้มีตล ดไป เช่น ใช้เ ล ่ ง
รบท ง น ดิเรก เล่นดนตรี กี แล กิจกรรม ื่น ๆ ที่ตนช บ
5. ง น ใ ้ได้มีก ร กแรงที่ ดแน่น กไป ย่ งเ ม ม ก รถ น ญ้ ขุดดิน ปลูกต้นไม้ ซ่ มแซม
ิ่งข ง จ ช่ ยใ ้ได้ กแรงร บ ย รมณ์ พร้ มกบได้ผลง นที่น่ ชื่นชมขึ้นม แทน

ลัก ณะข งผู้ที่มีเชา ์ทาง ารมณ์


1. รู้จกตนเ ง รู้เท่ ทนภ รมณ์ข งตน รู้จุดเด่นจุดด้ ยในค มเป็นต ข งต เ ง
2. ค บคุม รมณ์ ค มรู้ ึ ก ก รแ ดง กข งตนเ งได้ใ ้ ถู กกบก ลเท ปรบตนเ งใ ้ เข้ กบ
ถ นก รณ์ต่ งๆได้ดี
3. ม รถ ร้ งแรงจูงใจใ ้ดีแก่ตนเ ง ม งโลกในแง่ดี มีค มริเริ่ม ไม่ย่นร ย่ รื ท้ ถ ยง่ ย
4. แ ดงค มเ ื้ ทร เ ็น กเ ็นใจผู้ ื่น ตร นกรู้ในค มรู้ ึกค มต้ งก รข งผู้ ื่นได้ดี ร้ งแล
รก ย มพนธ์ที่ดีกบผู้ ื่นได้
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 108

5. มีพนธ ท ง งคมที่ดี ท้งนี้เป็นผลม จ กก รพฒน ก รในข้นแรกๆ ที่ท ใ ้มี EQ ูง ม รถเข้ กบ


ผู้ ื่นได้ดี มีม รย ท มี รมณ์ขน ม รถแก้ ถ นก รณ์เฉพ น้ ต่ งๆได้เป็น ย่ งดี มีไ พริบในก รปรบ
ร้ งค มร่ มมื ร่ มใจจ กคน ล ยๆท่ นได้

ค ามเครียด (Stress)
ค มเครียด ม รถเกิดขึ้นได้กบคนทุกชนน้นใน งคม โดยมีค มแตกต่ งกนในลก ณ ข งปัญ
แต่ล คน ค มเครียด เป็นภ ข ง รมณ์ รื ค มรู้ ึกที่เกิดขึ้นเมื่ เผชิญกบปัญ ต่ งๆ ที่ท ใ ้รู้ ึกไม่
บ ยใจ คบข้ งใจ รื ถูกบีบค้น กดดนจนท ใ ้เกิดค มรู้ ึกทุกข์ใจ บ น โกรธ รื เ ียใจ
ค มเครียดที่มีไม่ม กนก จ เป็นแรงกร ตุ้นใ ้คนเร เกิดค มมุม น ที่จ เ ชน ปัญ แล ุป รรค
ต่ งๆได้ คนที่มีค มรบผิดช บ ูงจึงมก นีค มเครียดไปไม่พ้น ค มเครียดที่เป็น นตร ย คื ค มเครียดใน
ร ดบ ูงที่คง ยู่เป็นเ ล น น จ ่งผลเ ียต่ ุขภ พก ย ุขภ พจิต พฤติกรรม คร บคร
ก รท ง น แล งคมได้ ดงน้น เร จึงค รรู้จกก รผ่ นคล ยค มเครียดที่ถูก ิธี เพื่ ใ ้ก รด เนินชี ิตข งเร
เป็น ุข
ค าม มายข งค ามเครียด
กรม ุขภ พจิต (2539) ใ ้ค ม ม ย ่ ค มเครียดเป็นภ ที่บุคคลรู้ ึกกดดน ไม่ บ ยใจ ุ่น ยใจ
กล ิตกกง ล ตล ดจนถูกบีบค้น เกิดจ กก รที่บุคคลรบรู้ รื ปร เมิน ิ่งที่ เข้ ม ในปร บก รณ์ข งตน ่ เป็น
ิ่งที่คุกค มจิตใจ รื ก่ ใ ้เกิด นตร ยแก่ร่ งก ย นเป็นผลใ ้ ภ มดุลข งร่ งก ยแล จิตใจเ ียไป ซึ่งมี
ปฏิกิริย ต บ น ง ล ย ย่ ง เป็นต้น ่ ก รใช้กลไกป้ งกนต เ ง ก รเปลี่ยนแปลงด้ น รีร ด้ นพฤติกรรม
ด้ นค มนึกคิด แล ด้ น รมณ์ค มรู้ ึก ถูกกดดน รื ค มเครียดเ ล่ น้นคล ยลงแล กลบ ู่ภ มดุล ีก
คร้ง นึ่ง
กรม ุขภ พจิต (2542: 56) ได้กล่ ถึง ค มเครียดท้งด้ นร่ งก ยแล จิตใจ ่ ค มเครียดเป็นเรื่ งข ง
ร่ งก ยแล จิตใจที่เกิดก รตื่นต เตรียมรบกบเ ตุก รณ์ นึ่งซึ่งเร คิด ่ ไม่ น่ พ ใจเป็นเรื่ งที่ นก น เกิน
ก ลงทรพย กรที่เร มี ยู่ รื เกินค ม ม รถข งเร ที่จ แก้ไขได้ ท ใ ้รู้ ึก นกใจ เป็นทุกข์แล พล ยท ใ ้
เกิด ก รผิดปกติท งร่ งก ย แล พฤติกรรมต มไปด้ ย แต่ กมีค มเครียดในร ดบพ ดีก็จ ช่ ยกร ตุ้นใ ้
เร มีพลง มีค มกร ตื รื ร้นในก รต่ ู้ชี ิตช่ ยผลกดน ใ ้เร เ ชน ปัญ แล ุป รรคต่ งๆ ได้ดีขึ้น
แบบประเมินค ามเครียด “ต นนี้คุณเครียดระดับไ น”
จ กค ถ มท้ง 20 ข้ ต่ ไปนี้ ใ ้เร ล งพิจ รณ ดู ่ ในร ย 2 เดื นที่ผ่ นม เร มี ก ร พฤติกรรม
รื ค มรู้ ึกต่ ไปนี้ม กน้ ยเพียงใด แล้ ใ ้ค แนนกบค ต บที่เร เลื ก ดงนี้

ไม่เคยเลย เป็นครั้งครา เป็นบ่ ย ๆ เป็นประจ้า


าการ พฤติกรรม รื ค ามรู้ ึก
0 ค แนน 1 ค แนน 2 ค แนน 3 ค แนน
1. น นไม่ ลบเพร คิดม ก รื กง ลใจ
2. รู้ ึก งุด งิดง่ ย ร ค ญใจ
3. ท ไรไม่ได้เลย เพร ปร ทตึงเครียด
4. มีค ม ุ่น ยใจ
5. ไม่ ย กพบป ผู้คน
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 109

ไม่เคยเลย เป็นครั้งครา เป็นบ่ ย ๆ เป็นประจ้า


าการ พฤติกรรม รื ค ามรู้ ึก
0 ค แนน 1 ค แนน 2 ค แนน 3 ค แนน
6. ป ด ข้ งเดีย รื ป ดบริเ ณขมบท้ง 2
ข้ ง
7. รู้ ึกไม่มีค ม ุข แล เ ร้ ม ง
8. รู้ ึก มด งในชี ิต
9. รู้ ึก ่ ตนเ งไม่มีคุณค่
10. กร นกร ย ยู่ตล ดเ ล
11. รู้ ึก ่ ตนเ งไม่มี ม ธิ
12. รู้ ึก ่ นเพลีย ไม่มีแรงจ ท ไร
13. รู้ ึกเ นื่ ย ไม่ ย กท ไร
14. มี ก ร ใจเต้นแรง
15. เ ียง ่น ป ก ่น รื มื ่น เ ล ไม่
พ ใจ
16. รู้ ึกกล ผิดพล ดในก รกร ท ิ่งต่ ง ๆ
17. ป ด รื เกร็งกล้ มเนื้ บริเ ณท้ ยท ย
ลง รื ไ ล่
18. ตื่นเต้นง่ ยกบเ ตุก รณ์ที่ไม่คุ้นเคย
19. มึนงง รื เ ียน ีร
20. ค ม ุขท งเพ ลดลง รื ค ม นใจใน
ก รดูแลตนเ งลดลง
ร มคะแนน
การประเมินและ ิเคราะ ์ค ามเครียด
จ กแบบปร เมินนี้ใ ้ร มค แนนจ กค ต บท้ง 20 ข้ คุณ ยู่กลุ่มใด?
0-5 ค แนน 26-29 ค แนน
6-17 ค แนน ม กก ่ 30 ค แนน
18-25 ค แนน
ถ้าคะแนนร ม ยู่ระ ่าง 0-5 คะแนน แ ดง ่ ผู้ต บไม่จริงใจ ไม่แน่ใจในค ถ ม
ท่ นมีค มเครี ย ด ยู่ ในร ดบต่ ก ่ เกณฑ์ ปกติ ย่ งม ก ทฤ ฎี นี้ถื ่ มีค มเป็ นไปได้เพีย ง
เล็กน้ ยเท่ น้นที่จ มีค มเครียดในร ดบต่ ม กเช่นนี้ ในกรณีข งท่ น จ ม ยค ม ่
- ท่ นต บค ถ มไม่ตรงค มเป็นจริง รื
- ท่ น จเข้ ใจค ่ง รื ข้ ค ถ มคล ดเคลื่ นไป
- ท่ น จเป็นคนที่ข ดแรงจูงใจในก รด เนินชี ิต มีค มเฉื่ ยช ชี ิตปร จ นซ้ ซ กจ เจ น่
เบื่ ปร จ กค มตื่นเต้น
ถ้าคะแนนร ม ยู่ระ ่าง 6-17 คะแนน แ ดง ่ ปกติ รื ไม่เครียด
ท่ นมีค มเครียด ยู่ในเกณฑ์ปกติ ม รถจดก รกบค มเครียดที่เกิดขึ้นในชี ิตปร จ น แล
ม รถปรบต กบ ถ นก รณ์ต่ ง ๆ ได้ ย่ งเ ม ม รู้ ึกพึงพ ใจเกี่ย กบตนเ ง แล ิ่งแ ดล้ มเป็น ย่ ง
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 110

ม ก รู้ ึกมีพลง มีชี ิตชี กร ตื รื ร้น ม ง ิ่งเร้ รื เ ตุก รณ์ร บต ่ เป็น ิ่งท้ ท ยค ม ม รถ มี
ค ม ม รถในก รจดก รกบ ิ่งต่ ง ๆ ได้ ย่ งเ ม ม ผลผลิตข งง น ยู่ในร ดบ ูง
ค มเครียดในร ดบนี้ ถื ่ เป็นปร โยชน์ในก รด เนินชี ิตปร จ น เป็นแรงจูงใจในก รน ไป ู่
ค ม เร็จในชี ิตได้
ถ้าคะแนนร ม ยู่ระ ่าง 18-25 คะแนน แ ดง ่ เครียด ูงก ่ ปกติเล็กน้ ย
ท่ นมีค มเครียด ยู่ในร ดบ ูงก ่ ปกติเล็กน้ ย มีค มไม่ บ ยใจ นเกิดจ กปัญ ในก รด เนิน
ชี ิตปร จ นโดยปัญ รื ข้ ขดแย้งข งท่ น จยงไม่ได้รบก รคลี่คล ย รื แก้ไข ซึ่งถื ่ เป็นค มเครียดที่
พบได้ในชี ิตปร จ น จไม่รู้ต ่ มีค มเครียด รื จรู้ ึกได้จ กก รเปลี่ยนแปลงข งร่ งก ย รมณ์
ค มรู้ ึกแล พฤติกรรมบ้ งเล็กน้ ยแต่ยงไม่ชดเจนแล ยงพ ทนได้
แม้ ่ ท่ นจ มีค มยุ่งย กในก รจดก รกบปัญ ยู่บ้ ง แล จต้ งใช้เ ล ในก รปรบต ม กขึ้น
ก ่ เดิม ท่ นก็ ม รถจดก รกบค มเครียดได้ แล ไม่เป็ นผลเ ียต่ ก รด เนินชี ิต ในกรณีนี้ท่ นค รผ่ น
คล ยค มเครียดด้ ยก ร ค มเพลิดเพลินใจ เช่น กก ลงก ย ดู นง ฟังเพลง ง รรค์กบเพื่ น
ถ้าคะแนนร ม ยู่ระ ่าง 26-29 คะแนน แ ดง ่ เครียดป นกล ง
ท่ นมีค มเครียด ยู่ในร ดบ ูงก ่ ปกติป นกล ง ขณ นี้ท่ นเริ่มมีค มตึงเครียดในร ดบค่ นข้ ง
ูง แล ได้รบค มเดื ดร้ นเป็น ย่ งม ก จ กปัญ ท ง รมณ์ที่เกิดจ กปัญ ค มขดแย้งแล ิกฤตก รณ์
ในชี ิต เป็น ญญ ณเตื นข้นต้น ่ ท่ นก ลงเผชิญกบภ ิกฤตแล ค มขดแย้ง ซึ่งท่ นจดก รแก้ไขด้ ยค ม
ย กล บ ก ลก ณ ก รดงกล่ จ เพิ่มรุนแรง ซึ่งมีผลกร ทบต่ ก รท ง น จ เป็นต้ ง ิธีแก้ไขข้ ขดแย้ง
ต่ ง ๆ ใ ้ลดน้ ยลง รื มดไป ด้ ย ิธีก ร ย่ งใด ย่ ง นึ่ง แล ก รคลี่คล ยค มเครียดด้ ยก รพูดคุย
ถ้าคะแนนร ม ยู่มากก ่า 30 คะแนนขึ้นไป แ ดง ่ เครียดม ก
ท่ นมี ค มเครี ย ด ยู่ ใ นร ดบ ู ง ก ่ ปกติ ก ลงตก ยู่ใ น ภ ตึ งเครี ย ด แล ก ลงเผชิ ญ กบ
ิกฤตก รณ์ในชี ิต ย่ งรุนแรง เช่น ก รเจ็บป่ ยที่รุนแรงเรื้ รง มีค มพิก ร ก ร ูญเ ีย ปัญ ค มรุนแรงใน
คร บคร ปัญ เ ร ฐกิจ ซึ่ง ่งผลต่ ุขภ พก ยแล ุขภ พจิต ย่ งชดเจน ท ใ ้ชี ิ ตไม่มีค ม ุข ฟุ้งซ่ น
ตด ินใจผิดพล ด ข ดค มยบย้งช่งใจ จเกิด ุบติเ ตุได้ง่ ย
ค มเครียดในร ดบนี้ ถื ่ มีค มรุนแรง ูงม ก กปล่ ยไ ้โดยไม่ด เนินก รแก้ไข ย่ งเ ม ม
แล ถูก ิธี จน ไป ู่ค มเจ็บป่ ยท งจิตที่รุนแรง ซึ่ง ่งผลต่ ตนเ ง แล บุคคลใกล้ชิดต่ ไปได้ ในร ดบนี้
ค รพบแพทย์ รื ข รบบริก ร Hotline แล คลินิกคล ยเครียด ซึ่งมี ยู่ต ม ถ นบริก รท่ ปร เท
าเ ตุข งค ามเครียด
กรม ุขภ พจิต กร ทร ง ธ รณ ุข (2541) กล่ ถึง ปัจจยที่ ่งผลต่ ค มเครียด คื ปัจจย ่ น
บุคคลแล ปัจจยด้ น ิ่งแ ดล้ ม ดงนี้
1. ปัจจย ่ นบุคคล
1.1 ทางด้านร่างกาย ภ ท งก ยบ งปร ก ร ท ใ ้เกิดค มเครียดไดในลก ณ ที่เรียก ่ ร่ งก ย
เครียด ซึ่งปัจจยท งร่ งก ยที่ก่ ใ ้เกิดค มเครียด ไดแก คุณลก ณ ท งพนธุกรรม เพ ีผิ ลก ณ ท่ ท งที่
ปร กฏเกี่ย กบโครง ร้ งข งกล้ มเนื้ ผิ นง แล ก รทรงต เช่น ก รเดิน ยืน ิ่ง น่ง น น ค มเข้มแข็ง รื
ค ม ่ นแ ข งร บบก รท ง นข งร่ งก ย ภ โภชน ก ร ค มเ นื่ ยล้ ท งร่ งก ย พกผ่ นไม่เพียงพ
ท ง น นกติดต่ กนเป็นเ ล น น ก รรบปร ท น รไม่เพียงพ รื ม ก รื มีก รเจ็บป่ ยท งก ย เช่น มี
ไข้ ูง ุบติเ ตุ มีค มพิก ร รื เป็นโรคเรื้ รงต่ งๆ เช่น โรคเบ น ม เร็ง ตล ดจนค มพิก รท งร่ งก ยที่
เป็นม แต่ก เนิด
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 111

1.2 ทางด้านจิตใจ ไดแก


- บุคลิกภ พแบบเ จริงเ จงกบชี ิต ขยน เจ้ ร เบียบ ยึดม่นกฎเกณฑ์ ท ง น นก แล ท ทุก ย่ ง
ด้ ยตนเ ง บุคลิกภ พแบบพึ่งพิงผู้ ื่น ข ดค มเชื่ ม่นในตนเ ง บุคลิกภ พแบบ ุน นพลนแลน ใจร้ น
ค บคุม รมณ์ไม่ได้ รมณ์ที่ไมดีทุกชนิด ไดแก ค มกล ค ม ิตกกง ล ค มโกรธ ค มเ ร้ ค มทุกข์ใจ
เป็นต้น
- ก รเผชิญเ ตุก รณ์ต่ งๆในชี ิต เช่น มี ม ชิกในคร บคร เ ียชี ิต ก ร ย่ ร้ ง ก รแยกท งกบ
คนรก ขดแย้งกบเพื่ นร่ มง น
- ค มขดแย้งในใจ เกิดจ ก ก รที่บุคคลต้ งเผชิญท งเลื กต้งแต่ งท งเลื กขึ้นไป แต่ต้ งเลื กเ
ย่ งใด ย่ ง นึ่ง รื ในก รเลื กกร ท ใน ิ่งที่ไม่ต้ งก ร รื ไม่ ย กได้ ไม่ ย กท ท้ง ง ย่ ง แต่ต้ งเลื ก
ย่ งใด ย่ ง นึ่ง
- ค มคบข้ งใจ เกิดจ กก รที่บุคคลมี ุป รรคไม่ ม รถบรรลุเป้ ม ยที่ต้ งก รได้ เช่น รถติดท ใ ้
ไปถึงที่ท ง น ย ไม่มีเงินซื้ ิ่งข งที่ตนเ งต้ งก รได้
2. ปัจจัยด้าน ิ่งแ ดล้ ม
- ท งก ยภ พ เช่น ุณ ภูมิ ภูมิ ก ค ม น แน่นข งปร ช กร ภยธรรมช ติ ล
- ท งชี ภ พ เป็น ิ่งแ ดล้ มที่เป็น ิ่งมีชี ิตแล ท นตร ยต่ บุคคลได้ เช่น เชื้ โรคต่ งๆ
- ท ง งคม ฒนธรรม ปร กฏก รณต่ งๆที่เกิดขึน้ ใน งคม แล ิ่งที่บุคคลกร ท จ มีผลกร ทบต่ กน
ตล ดเ ล ทิ ถ นภ พแล บทบ ทใน งคม บรรทดฐ นท ง งคม ร บบก รเมื งก รปกคร ง
รุปได้ ่ ข งค มเครียดท ใ ้ร่ งก ยเกิดค มคบข้ งใจจ ก ิ่งที่ไม่ได้รบก รต บ น งท ใ ้ข ดก ร
ย มรบ เกิดค มขดแย้งใจชี ิตปร บค มล้มเ ล แล ได้รบก ร ูญเ ียใน ิ่งที่ คญต่ ชี ิตจนกล ยเป็นเป็น
ค มทุกข์ รื ค ม ิตกกง ล (Anxiety)
าการและการแ ดง กข งบุคคลที่มีค ามเครียด
ก รแล ก รแ ดง กข งบุคคลที่มีค มเครียด ม รถแบ่ง กเป็น 3 ลก ณ คื ก รแ ดง ก
ท งร่ งก ย จิตใจ พฤติกรรม ดงนี้
การแ ดง กทางร่างกาย การแ ดง กทางจิตใจ การแ ดง กทางพฤติกรรม
- ป ดกล้ มเนื้ - โกรธง่ ย - โผงผ ง
- มึนงง ป ด ีร - ซึมเ ร้ - แยกต จ กคน ื่น
- แน่นท้ ง ท้ งเ ีย รื ท้ งผูกบ่ ยๆ - งุด งิด - รบปร ท นเก่ง บ่ ย
- ใจเต้นเร็ - ม งโลกในแง่ร้ ย - เปลี่ยนง นบ่ ย
- มื เย็น ่ นเพลีย - ิตกกง ลเ ม - ข ้ งป ิ่งข ง
- เ งื่ แตก - ไม่มีค มคิด - ช บกดเล็บ
- ยใจถี่ขึ้น - เ ม่ ล ย - ดึงผมต เ ง
- กล้ มเนื้ เกร็ง - ตด ินใจไม่ค่ ยได้ ลงเล - ลุกลี้ลุกลน
- ป กแ ้ง - เกิดค ม บ น - เดินต เกร็ง
- กร เพ รปั่นป่ น - มก ลงลืมง่ ย - น นไม่ ลบ
- ปั บ่ ย - เบื่ น่ ย - ตื่นแล้ ยงน นต่
- ป ก ่น มื ่น เ ียง ่น พูดเร็ - ข ด ม ธิ ขี้ลืม - ูบบุ รี่ ดื่ม ุร
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 112

ผลกระทบข งค ามเครียด
1. ผลกระทบต่ ร่างกาย เมื่ มีภ กดดน รื ค มเครียดร่ งก ยจ ล่ง ร์โมน ที่เรียก ่
ค ร์ติซ ล แล ดรีน ลิน กม เพื่ ท ใ ้ร่ งก ยมีค มดนโล ิต ูงแล ใจเต้นเร็ เพื่ เตรียมพร้ มใ ้
ร่ งก ยแข็งแรงแล มีพลงง นพร้ มที่จ กร ท ก ร เช่น ิ่ง นี นตร ย ยกข ง นีไฟ แต่ กร่ งก ยไม่ได้ใช้
พลงง นเ ล่ น้น ร์โมนที่ ล่ง กม จ มุนเ ียนเข้ ู่กร แ เลื ด มม กขึ้นจนเป็น นตร ยต่ ย
ต่ งๆ ดงต่ ไปนี้
- ใจ ปกติ ใจจ เต้นปร ม ณ 70-80 คร้งต่ น ที แต่เมื่ เกิดค มเครียด ใจจ เต้นเร็ ขึ้นเป็น
100-120 คร้งต่ น ที งเกตได้ ่ ใจเต้นแรงจนรู้ ึกได้ ใจ ่น เจ็บ น้ ก เ นื่ ย
- ล ดเลื ด ค มเครียดจ ท ใ ้ ล ดเลื ดท่ ร่ งก ย ดต ตีบตน ท ใ ้ ย ต่ งๆได้รบเลื ดไป
เลี้ยงไม่พ ปล ยมื ปล ยเท้ เย็น กเป็นที่ ม ง ท ใ ้เกิด ก รมึนงง ป ด ีร ไม่เกรน เ ียน ีร ก
เกิดกบ ใจ ท ใ ้กล้ มเนื้ ใจต ย แล เมื่ ล ดเลื ดตีบม กๆ จ ท ใ ้เป็นโรคค มดนโล ิต ูง น กจ กนี้
ยงท ใ ้เลื ดมีค ม นืดเพิ่มเนื่ งจ กไปท ใ ้ไขมนที่ ม ยู่ใน ย ต่ งๆไป ุดตน ล ดเลื ดได้ง่ ยขึ้น
- ตบ เมื่ ไขมนที่ ลุด กม ในกร แ เลื ดผ่ นไปยงตบ ตบจ เปลี่ยนไขมนเป็นน้ ต ล ท ใ ้น้ ต ล
ในเลื ด ูงขึ้น จนกล ยเป็นโรคเบ นได้
- กล้ มเนื้ กล้ มเนื้ ทุก ่ นจ ดเกร็ง งเกตได้จ ก น้ นิ่ คิ้ ขม ด ก มด ซึ่งเป็น เ ตุ คญ
ข ง ก รป ดต้นค ป ด ลง ป ดไ ล่ ป ดเ
- ล ดลม ล ดลมจ ดเล็กลงท ใ ้ต้ งถ น ยใจแรงๆ มิฉ น้นจ ได้ กซิเจนไปเลี้ยงร่ งก ยไม่
เพียงพ
- ร บบท งเดิน ร ท งเดิน รต้งแต่ค ย ล ไ ้ กร เพ รจ ดเล็กลง ท ใ ้
รบปร ท น รไม่ค่ ยลง รไม่ย่ ย ท้ ง ืด ท้ งผูก ท้ งเดิน กร เพ ร ล่งน้ ย่ ย กม ก ท ใ ้
ล ไ ้แล กร เพ ร กเ บ รื เป็นแผล
- ภูมิคุ้มกนข งร่ งก ยลดน้ ยลง เป็น ด เจ็บค เป็นเริม งู ด รื เป็นแผลในป กง่ ย แล ท ใ ้
เซลล์เจริญเติบโตผิดปกติกล ยเป็นเนื้ ง ก รื ม เร็งได้ง่ ย
- มีค มผิดปกติข งร บบ ืบพนธุ์ ได้แก่ ก รมี มรรถภ พท งเพ ลดลง
2. ผลกระทบต่ จิตใจและ ารมณ์ เมื่ เกิดค มเครียด รมณ์จ เปลี่ยนแปลงง่ ย จิตใจข งบุคคลที่
เครียดจ เต็มไปด้ ยก ร มกมุ่นครุ่นคิด ไม่ นใจ ิ่ งร บต ใจล ย งุด งิด โมโ ร งบ รมณ์ไม่ได้ ฟุ้งซ่ น
ูญเ ียค มเชื่ ม่นในค ม ม รถที่จ จดก รกบชี ิตข งตนเ ง เกิดค ม ิตกกง ล เป็นโรคย้ คิดย้ ท คิด
ซ้ ๆท ซ้ ๆโดยไม่มีเ ตุผล มค ร จึงกล ยเป็นโรคซึมเ ร้ ท้ แท้ ิ้น ง มด ลยต ย ย ก ล ยคนคิดฆ่ ต
ต ย แล บ งร ยกล ยเป็นผู้ป่ ยโรคจิต มีผลท ใ ้ปร ิทธิภ พก รเรียน ก รท ง น ค ม มพนธ์กบบุคคลร บ
ข้ งแล คุณภ พชี ิตลดลง
3. ผลกระทบต่ พฤติกรรม ก รเปลี่ยนแปลงท งร่ งก ยดงที่กล่ ในข้ งต้น ไม่เพียงแต่จ ท ใ ้ร บบ
ก รท ง นข งร่ งก ยผิดไป แต่ยงท ใ ้พฤติกรรมก รแ ดง กข งบุคคลเปลี่ยนแปลงด้ ย ต ย่ งเช่น บุคคล
ที่เครียดม กๆ บ งร ยจ มี ก รเบื่ ร รื บ งร ย จจ รู้ ึก ่ ต เ ง ิ ยู่ตล ดเ ล แล ท ใ ้มีก ร
บริโภค รม กก ่ ปกติ มี ก รน น ลบย ก รื น นไม่ ลบ ล ยคืนติดต่ กน ปร ิทธิภ พในก รท ง น
น้ ยลง เริ่มปลีกต จ ก งคม บ่ ยคร้งบุคคลจ มีพฤติกรรมก รปรบต ต่ ค มเครียดในท งที่ผิด เช่น ูบบุ รี่
ติดเ ล้ ติดย เล่นก รพนน ก รเปลี่ยนแปลงข ง รเคมีบ ง ย่ งใน ม งท ใ ้บุคคลมีพฤติกรรมก้ ร้ ม ก
ขึ้น ค ม ดทนเริ่มต่ ลง พร้ มที่จ เป็น ตรูกบผู้ ื่นได้ง่ ย จมีก ร ล ด ข ้ งป ข้ ข ง ท ร้ ยผู้ ื่น ท
ร้ ยร่ งก ยตนเ ง รื กบ งร ยที่เครียดม ก จเกิด ก ร ลงผิดแล ตด ินใจแบบช่ ูบน ไป ู่ก รฆ่ ต
ต ยในที่ ุด
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 113

แน คิดเกี่ย กับค ามเครียด


ฟ ร์มแล คน ื่น ๆ (Farmer and Others. 1984 : 20 – 24) ได้กล่ ถึง งจร ุขภ พ (Health Cycle)
ที่เกี่ย กบค มเครียดโดยใช้แบบจ ล งพฤติกรรมค มเครียด (Stress Behavior Model) ดงภ พปร ก บ

2. ผลข งค มเครียด

1. เ ตุข งค มเครียด 3. พฤติกรรม

4. ุขภ พ
ภาพประก บแบบจ้าล งพฤติกรรมค ามเครียด (Stress Behavior Model)

1. เ ตุข งค มเครียด (Source of Stress) มี เ ตุใ ้ ล ยท งต้งแต่ต บุคคลเ ง คร บคร


เพื่ น ภ พแ ดล้ มในก รท ง น แล จเกี่ย ข้ งกบปัจจย ล ย ๆ ย่ งพร้ มกน
2. ผลข งค มเครียด (Effect of Stress) มีค มเกี่ย ข้ งกบ รมณ์ค มรู้ ึก เช่น ค มซึมเ ร้
ค ม ิตกกง ล ค ม งุด งิด ฉุนเฉีย แล มีผลต่ ท งร่ งก ย เช่น ีร ป ดท้ ง เจียน ซึ่งผลข ง
ค มเครียดนี้เป็นปฏิกิริย ข งร่ งก ยที่มีผลต่ เ ตุค มเครียดใน ถ นก รณ์น้น
3. พฤติกรรม (Behavior) บุคคลเกิดค มเบื่ น่ ยจ กผลข งค มเครียด ม รถเปลี่ยนแปลง
พฤติกรรมได้
4. ุขภ พ (Health) ลก ณ ธรรมช ติข งค มเครียดน้น จ ่งผลใ ้เกิดพฤติกรรมท งบ ก เช่น เกิด
ค มมุ่งม่นที่จ เผชิญกบค มเครียด รื จเกิดพฤติกรรมท งลบ เช่น ท้ แท้ ิ้น ง พฤติกรรมที่เกิดขึ้นน้น
จ มีผลต่ ุขภ พ รื ไม่ ย่ มขึ้น ยู่กบพฤติกรรมท งบ ก รื ท งลบ

แน ทางจัดการค ามเครียด
แน ท งจดก รค มเครียด ข งน ยแพทย์เทิด กดิ์ เดชคง ใ ้ ิเคร ์ค มเครียดโดยใช้ต ร งนี้

ผู้ ื่น
1 2

ตนเ ง
3 4
ดีต/ น คต ปัจจุบน

ข้ 1 คื เรื่ งข งผู้ ื่นแล ไม่ใช่ปัจจุบน เช่น กง ลเรื่ งที่เพื่ นเ ดีต นน่ รนม เล่ ใ ้ฟัง
ข้ 2 คื เรื่ งทีเ่ ป็นผู้ ื่น แต่เกิดขึ้นในปัจจุบน เช่น เพื่ นถูก มคร / แกนน เย ชนดุ
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 114

ข้ 3 คื เรื่ งข งตนเ ง แต่เป็น ดีต รื น คตที่ ่ งไกล เช่น ม ชิกกง ล ่ ดีตที่ล้มเ ล จ ่งผล
ต่ ชี ิตข ง ม ชิกตล ดไป
ข้ 4 คื เรื่ งข งตนเ งแล เป็นเรื่ งที่เกิดขึ้นในปัจจุบน เช่น ม ชิกก ลง ง ย ่ โครงง นรบผิดช บ
ยู่จ ไม่ปร บค ม เร็จ ( ้าคัญที่ ุด)
ิธีการจัดการกับ ารมณ์และค ามเครียด
คนเร มีค ม ม รถในก รจดก รกบค มเครียดได้ ยู่แล้ ทุกคนแต่ในร ่ งที่เร ต้ งเผชิญกบ
ค มเครียด เร ค รมีแน ท งที่เ ม มดงนี้ คื
1. ร จตนเ ง ่ เครียด รื ไม่
2. ย มรบค มจริงแล คิดในแง่บ ก
3. ก ร งแผนแก้ไขปัญ
4. ก รผ่ นคล ยค มตึงเครียด

การผ่ นคลายค ามเครียด


เมื่ ทร บ ่ มี ค มเครี ย ดแล รู้ ึ ก ่ ถู ก รบก นจนท ใ ้ ไ ม่ มี ค ม ุ ข ค ร ิ ธี ก รผ่ นคล ย
ค มเครียดที่เ ม ม เพื่ มิใ ้ค มเครียดน้นเป็น นตร ยต่ ุขภ พก ยแล ุขภ พจิต ซึ่งก รผ่ นคล ย
ค มเครียดน้นมี 2 ร ดบ ดงนี้คื
ร ดบที่ 1 ก รคล ยเครียดในภ ปกติ
ร ดบที่ 2 ก รคล ยเครียดในภ ที่มีค มเครียด ูง

การคลายเครียดในภา ะปกติ
เป็น ิธีก รคล ยเครียดที่คนท่ ไปนิยมปฏิบติ โดยมกเลื กปฏิบติใน ิธีที่เคยชิน ถนด รื ช บ แล นใจ
ท้งนี้เพียงเพื่ ใ ้ค มเครียดลดลง รู้ ึก บ ยใจม กขึ้น เช่น
1. ยุดพักการท้างาน รื กิจกรรมที่ก้าลังท้า ยู่นั้นชั่ ครา ลุกเดินไปดื่มน้ เข้ ้ งน้ ยืนยืดเ ้นยืด
ย บดแขนข ูดลม ยใจเข้ ลึกๆ ก็จ ท ใ ้รู้ ึกผ่ นคล ยขึ้น
2. ท้างาน ดิเรกที่ นใจ รื ถนัดและชื่นช บ จ ท ใ ้เกิดค มรู้ ึกเพลิดเพลิน นุก รื มีค ม ุข ลืม
ค มเครียดที่มี ยู่ไปขณ นึ่ง ท ใ ้ไม่ มกมุ่นกบปัญ ที่ท ใ ้รู้ ึกเครียดได้ ง น ดิเรกมี ล ยปร เภท เช่น
- เล่นดนตรี ร้ งเพลง เต้นร ฟังเพลง
- ท ง น ิลป ง นปร ดิ ฐ์
- ปลูกต้นไม้ ขุดดิน ท น
- ตกแต่งบ้ น ตดเย็บเ ื้ ผ้
- เขียน นง ื เขียนบนทึกต่ งๆ ่ น นง ื
- ดูโทรท น์ ภ พยนตร์ ฟัง ิทยุ
3. เล่นกี า รื บริ ารร่างกาย ซึ่ง ม รถท ๆได้ ล ย ิธี เช่น ก รเดิน ิ่ง ขี่จกรย น ่ ยน้ เต
ต กร้ เล่นเทนนิ แบดมินตน เต บ ล โดยเลื กเล่นกี ที่ช บ รื ถนด
4. พบปะ ัง รรค์กับเพื่ นที่ไ ้ างใจ ท้ากิจกรรม ร้าง รรค์ร่ มกัน เช่น ก รร มกลุ่มพูดคุยเรื่ งที่
นุก น น ยู่ใกล้ชิดกบเพื่ นที่ รมณ์ดี ร้ ง รมณ์ขนใ ้กบตนเ ง เพื่ ใ ้เกิดค มรู้ ึกเพลิดเพลินแล ผ่ น
คล ย
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 115

5. พักผ่ นใ ้เพียงพ คนที่เครียดมกจ มี ก รน นไม่ค่ ย ลบ ลบย ก รื ลบแล้ ตื่นกล งดึก


ฝันร้ ย ท ใ ้ร่ งก ย ่ นเพลีย ก รที่จ ท ใ ้กล งคืนมีก รน น ลบที่ดีน้น ิ่งที่ คญคื ค ร ลีกเลี่ยงก ร
น นกล ง น แล ย่ กง ล ่ จ น นไม่ ลบ ใ ้เข้ น นเป็นเ ล แล กไม่ง่ งน น ก็ใ ้ กิจกรรมบ ง ย่ ง
ท ไปก่ น เช่น ่ น นง ื เขียน นง ื ฟัง ิทยุ เป็นต้น
6. ปรับปรุง ิ่งแ ดล้ มในที่ท้างาน รื ที่บ้านใ ้เ มาะ ม เช่น จดเก็บข้ ข งใ ้เป็นร เบียบ ท ค ม
ดบ้ นแล ที่ท ง นใ ้ดูดีขึ้น ซึ่ง ก ิ่งแ ดล้ มดู ด เรียบร้ ย แล ยง มน่ ยู่แล้ ย่ มท ใ ้เกิด
บรรย ก ที่ดี แล ช่ ยลดค มเครียดลงได้
7. เปลี่ยนบรรยากา ชั่ ครา ในบ งคร้งทีเร จคร่ เคร่ง รื เคร่งเครียดกบก รท ง น รื กิจกรรม
บ ง ย่ งม กๆ จท ใ ้เกิดค มรู้ ึกเบื่ น่ ย ซ้ ซ ก จ เจเกินไป จนท ใ ้ไม่มีค ม ุข ดงน้นก รเปลี่ยน
บรรย ก ช่ คร ด้ ยก รชกช นคนในคร บคร รื เพื่ นฝูง กไปท่ งเที่ย ชมธรรมช ติ ลีก นีบรรย ก
ที่จ เจไปช่ คร ยุดง นช่ ขณ ยุดพกผ่ นบ้ ง เดินท งไป ถ นที่ที่ท ใ ้เกิดค มรู้ ึกผ่ นคล ย แล
เพลิดเพลิน กร ย นึ่ง จ ท ใ ้ค มตึงเครียดลดลงแล พร้ มที่จ ลุยง นต่ ไปได้ใ ม่
8. การ ลีกเลี่ยงการกระท้าที่จะเป็น ันตรายต่ ุขภาพ เช่น ก รดื่ม ุร ูบบุ รี่ เล่นก รพนน เที่ย
กล งคืน กินข งจุกจิก รื ใช้ย เ พติด เพร น กจ กจ ท ล ย ุขภ พแล้ ยง จท ใ ้มีปัญ ื่นๆต มม
ม กม ย เช่น เ ียทรพย์ ินเงินท ง เกิดค มขดแย้งไม่เข้ ใจกบคนในคร บคร เป็นต้น

การคลายเครียดในภา ะที่มีค ามเครียด ูง


เมื่ มีค มเครียด กล้ มเนื้ ่ นต่ งๆข งร่ งก ยจ ดเกร็ง แล จิตใจจ ุ่น ย บ น ดงน้นเทคนิค
ก รผ่ นคล ยค มเครียด ่ นใ ญ่จึงเน้นก รผ่ นคล ยกล้ มเนื้ แล ก รท จิตใจใ ้ งบเป็น ลก ซึ่ง ิธีที่จ
น เ น ในที่นี้ จ เป็น ิธีง่ ยๆ ม รถท ได้ด้ ยตนเ ง ซึ่ง ม รถปฏิบติได้ต มค มเ ม ม เนื่ งจ กบ งคน
จจ ปฏิบติได้ผลในบ ง ิธี ดงน้นจึงค รเลื กใช้ใน ิธีที่เ ม มกบตนเ ง คื
1.การฝึกเกร็งและคลายกล้ามเนื้
ิธีก รฝึก เลื ก ถ นที่ที่ งบ น่งในท่ ที่ บ ย คล ยเ ื้ ผ้ ใ ้ ล ม ถ ดร งเท้ ลบต ท ใจใ ้ ่ ง ต้ง
ม ธิ ยู่ที่ ่ นต่ งๆ ข งร่ งก ย โดยฝึกเกร็งแล คล ยกล้ มเนื้ ลบกนไปปร ม ณ 10 คร้ง โดยร ย เ ล ที่
เกร็งใ ้นบ 1-5 แล ร ย เ ล ที่ผ่ นคล ยนบ 1-10 ท ดงนี้
1.1 มื แล แขนข โดยก มื เกร็งแขน แล้ คล ย
1.2 มื แล แขนซ้ ย เ มื นข้ 1 แล ขณ ก มื ร ง ย่ ใ ้เล็บจิกเนื้ ต เ ง
1.3 น้ ผ ก โดยเลิกคิ้ ูงแล้ คล ย ขม ดคิ้ แล้ คล ย
1.4 ต แก้ม จมูก โดย ลบต แน่น ย่นจมูกแล้ คล ย
1.5. ข กรรไกร ลิ้น ริมฝีป ก กดฟันใช้ลิ้นดนเพด น เม้มป กแน่นแล้ คล ย
1.6 ค โดยก้ม น้ ใ ้ค งจดค แล้ คล ย เงย น้ จน ุดแล้ คล ย
1.7 ก ไ ล่ แล ลง โดย ยใจเข้ ลึกๆ กล้นไ ้แล้ คล ย ยกไ ล่ ูงแล้ คล ย
1.8 น้ ท้ ง โดยแขม่ ท้ งแล้ คล ย
1.9 ก้น โดยขมิบก้นแล้ คล ย
1.10 เท้ แล ข ข เ ยียดข ง นิ้ เท้ ลบกร ดกปล ยเท้ แล้ คล ย
1.11 เท้ แล ข ซ้ ย โดยท เช่นเดีย กนกบข้ 10
2. การฝึกการ ายใจ
2.1 ก รนบลม ยใจเทคนิคก ร ยใจแบบนบลม ยใจเป็น ิธีที่ง่ ยที่ ุดในก รฝึก ยใจเพื่
คล ยค มเครียด เพร น กจ ท ใ ้ค มเครียดลงแล้ ยงช่ ยใ ้เร ยใจได้ดีขึ้น ย่ ง ม่ เ ม
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 116

2.2 เทคนิคก ร ยใจแบบเข้ - ก เท่ กน (Equal Breathing) ก รค บคุมใ ้ก ร ยใจเข้


แล ก มดุลกนก็มี ่ น คญใ ้ค มเครียดลดลงได้ ยิ่งถ้ กฝึก ยใจด้ ย ิธีนี้ก่ นน นทุกคื นก็จ ช่ ยใ ้
ลบ นิทขึ้น

3. การท้า มาธิเบื้ งต้น


1.น่ง ลงตรงบนเบ รื เก้ ี้ ก รน่งต ตรงจ ช่ ยเพ่งลม ยใจเข้ แล ก ถ้ น่งเก้ ี้ ย่
พิง ลง รื น่ง ลงง น่งต ตรงไ ้เท่ ที่จ ท ได้ งข ในท่ ที่ ด ก ยืดข ม ข้ ง น้ รื ไข ้ข ทบไ ้เ มื น
ขนมเพรทเซลก็ได้ ถ้ น่งกบพื้นโดยใช้เบ ิ่งที่ คญคื ต้ งน่งต ตรง
2. ย่ กง ลเรื่ งก ร งมื ใน ื่ จ เ ็นผู้คนเ มื ท้ง งข้ ง งไ ้ที่ เข่ ต นท ม ธิ แต่
ถ้ ไม่ ด กก็ไม่ต้ งท จ ปร นมื ไ ้ที่ตก ปล่ ยไ ้ข้ งล ต แบบไ นก็ได้ข ใ ้ ด กพ ที่จ ท ใ ้จิตใจ
ผ่ นคล ยแล เพ่งที่ลม ยใจ
3.ต้ง ีร เ มื นกบก ลงก้ม น้ ถึงแม้ผู้คนม กม ยม ง ่ ก ร ลบต จ ช่ ยปิดก้น ิ่งรบท ง
ก น ยต ได้ง่ ยก ่ แต่ในก รน่ง ม ธิจ ลบต รื ลืมต ก็ได้ ใ ้ต้ง ีร เ มื นกบก ลงก้ม น้ จ ช่ ยเปิด
ช่ ง กท ใ ้ ยใจ ด ก
4.ต้งเ ล เมื่ ยู่ในท่ ที่ ด กแล พร้ มที่จ เริ่มท ม ธิ ต้งเ ล ่ ย กท ม ธิน นแค่ไ น
ปด ์แรก ย่ กดดนท ม ธิเกินก ลงตนเ งถึง นึ่งช่ โมง เริ่มต้นท ม ธิ ก 3-5 น ที แล ค่ ยเพิ่มเป็นครึ่ง
ช่ โมง รื จ น นก ่ น้นก็ได้
5.ปิดป กใ ้ นิทต น ยใจ ูดลม ยใจเข้ แล ปล่ ยลม ยใจ กท งจมูกต นท ม ธิ
ถึงแม้ต้ งปิดป กใ ้ นิท แต่ต้ งไม่เกร็งกล้ มเนื้ ข กรรไกร ย่ ขบฟัน รื กดฟัน จ ได้รู้ ึกผ่ นคล ย
6.จดจ่ ที่ลม ยใจ นี้คื ก รท ม ธิ ล ง “ไม่” คิดเรื่ งต่ งๆ ในชี ิตปร จ นที่ท ใ ้เครียด
แล จดจ่ ิ่งที่ ยู่กบเร ม ตล ดน้นคื ลม ยใจ จดจ่ ที่ลม ยใจเข้ แล ลม ยใจ ก แล้ จ พบ ่ ค มคิด
จ กโลกภ ยน กจ ค่ ยๆจ ง ยไปเ ง โดยไม่ต้ งกง ล ิธีก รปล่ ย งเรื่ งเ ล่ นี้ใช้ ิธีเพ่งลม ยใจที่
ด กม กที่ ุด บ งคนช บจดจ่ ที่ก รขย ยต แล ดต ข งป ด ขณ ที่คน ื่นช บนึกถึง ก ที่ผ่ นเข้ ม
ท งจมูก จถึงข้นจดจ่ ยู่กบเ ียงลม ยใจก็ได้ แค่ต้ง ติใ ้จดจ่ กบลก ณ เ ียงลม ยใจ ย่ งเดีย
7. งเกตลม ยใจแต่ไม่ต้ งถึงกบพินิจพิเคร ์ เป้ ม ยคื ยู่กบลม ยใจแต่ล คร้ง ลม
ยใจเป็น ิ่งที่ ธิบ ยไม่ได้ ยู่แล้ ไม่ต้ ง ุ่น ยจดจ ค มรู้ ึกข งตน รื ธิบ ย ิ่งที่พบเจ ภ ย ลง แค่รบรู้
ถึงลม ยใจแต่ล คร้งในช่ ขณ น้น เมื่ ผ่ นไปแล้ ใ ้รบรู้ถึงลม ยใจคร้งต่ ไป ย่ ใ ้จิตใจคิดถึงเรื่ งก ร
ยใจ แค่รบรู้ผ่ นปร ท มผ เท่ น้นก็พ
8. พ จิตใจใ ้กลบม จดจ่ ที่ลม ยใจถ้ จิตใจเตลิดไปคิดเรื่ ง ื่น ถึงแม้จ ท ม ธิม ม ก แต่
จิตใจก็ จเตลิดไปได้บ้ ง จ เริ่มคิดถึงเรื่ งง น เรื่ งค่ ใช้จ่ ย รื กิจธุร ที่ต้ งไปท ภ ย ลง เมื่ ไรที่ งเกตเ ็น
่ โลกภ ยน กเริ่มเข้ ม รบก น ย่ กง ลแล พย ย มไม่ นใจ ใ ้ค่ ยๆ ดึงต เ งกลบม รู้ ึกถึงลม ยใจแทน
แล ปล่ ยใ ้ค มคิดเรื่ ง ื่นจ ง ยไป ีกคร้ง จพบ ่ จดจ่ ที่ ลม ยใจเข้ ได้ง่ ยก ่ ที่ลม ยใจ ก
9. ย่ ฝืนต เ งจนเกินไป ใ ้ย มรบ ่ ก รจดจ่ น้นย กต นเริ่มต้น ย่ ต นิต เ ง เพร ผู้
เริ่มต้นทุกคนต้ งพบเ ียงพูดไปเรื่ ยเปื่ ยในใจกนท้งน้น บ งคนพูด ่ จริงๆ แล้ ก รกลบคืน ู่ปัจจุบน ยู่เรื่ ยๆ
เป็นก ร “ฝึก” ม ธิ ยิ่งก ่ น้น ย่ ค ด ง ่ ก รฝึก ม ธิจ เปลี่ยนชี ิตได้ช่ ข้ มคืน ก รต้ง ติต้ งใช้เ ล ถึง
จ เ ็นผล ม่นท ม ธิทุก น ย่ งน้ ย นล 2-3 น ที แล้ ค่ ยเพิ่มเ ล ถ้ เป็นไปได้
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 117

การป้ งกันมิใ ้ตนเ งเกิดค ามเครียด มีแน ปฏิบติดงนี้


1. ดูแล ุขภาพร่างกาย ใ ้แข็งแรง มบูรณ์ ท ใ ้มีค มพร้ มกบก รเผชิญค มเครียด ด้ ยก รเลื ก
รบปร ท น รที่มีปร โยชน์ กก ลง ย่ ง ม่ เ ม พกผ่ นใ ้เพียงพ ขบถ่ ยเป็นเ ล ยู่ใน ิ่งแ ดล้ ม
ที่ดี ไม่เ พ รื ใช้ ิ่งที่จ เป็น นตร ยต่ ร่ งก ย เช่น เ ล้ บุ รี่
2. จัด รรเ ลาใ ้กับตนเ ง ในการท้ากิจกรรมที่ช่ ยผ่ นคลายค ามเครียด เช่น ก รเปลี่ยน ิริย บถ
ด้ ยก รเดิน น่ง ลบต ยืดเ ้นยืด ย ูดลม ยใจเข้ ลึกๆ เป็นต้น ท ง น ดิเรกที่ช บ เช่น ง น ิลป ง น
ปร ดิ ฐ์ ปลูกต้นไม้ ท กิจกรรมที่เป็นก รผ่ นคล ย แล นนทน ก ร เช่น เล่นดนตรี ร้ งเพลง เต้นร ดูโทรท น์
ภ พยนตร์ ฟัง ิทยุ กก ลงก ย เล่นกี ที่ถนด พบป ง รรค์ท กิจกรรมร่ มกบผู้ ื่น เช่น คนในคร บคร
รื เพื่ น พกผ่ นใ ้เพียงพ ฝึกเรื่ งก รเข้ น นเป็นเ ล ปรบปรุง ิ่งแ ดล้ มใ ้ ด เป็นร เบียบ เปลี่ยน
บรรย ก ไปท่ งเที่ย บ้ ง เป็นต้น
3. ฝึกการคิดไม่ใ ้เครียด เช่น ก รคิดในท งบ ก คิดแต่เรื่ งดีๆ ม งโลกในแง่ดี คิดยืด ยุ่น คิด ย่ งมี
เ ตุผล คิด ล ยๆแง่มุม ลดค มต้ งก รข งตนเ งลง นึกถึงคน ื่นใ ้ม กขึ้น เป็นต้น
4. การ างแผนแก้ไขปัญ าที่เ มาะ มเมื่ เกิดปัญ าขึ้นในชี ิต ไม่ค รแก้ปัญ แบบ ู่ มโดยใช่
รมณ์เป็น ลก ข ดก รไตร่ตร งพิจ รณ ด้ ยเ ตุผล นีปัญ ไม่ย มรบรู้ ่ มีปัญ เกิดขึ้น ท ง กใ ้ลืม
ปัญ ไปได้ช่ คร เช่น ดื่ม ุร เที่ย เตร่ งพึ่งโชคล ภ ิ่ง กดิ์ ิทธิ์ช่ ยคลี่คล ย ถ นก รณ์ ข ดค มมุม น
พย ย มในก รแก้ไขปัญ ด้ ยต เ ง คิดแต่จ พึ่งพ ผู้ ื่น ยู่ร่ ไป ไม่ค รต นิ รื โท ตนเ ง จ ท ใ ้ข ด
ก ลงใจในก รเผชิญกบปัญ แล ไม่โยนค มผิดใ ้ผู้ ื่น ไม่รบผิดช บใน ิ่งที่เกิดขึ้น
น่ ยง นที่ใ ้บริก ร Hotline แล คลินิกคล ยเครียด ม รถ ่งต่ ผู้ป่ ยภ เครียดที่ใ ้บริก รปรึก ท ง
โทร พท์ แล นู ย์ Hotline
น่ ยงาน จัง ัด มายเลขโทร ัพท์
1. รพ. มเด็จเจ้ พร ย กทม. 02437-7061 02437-0200-9
2. รพ. รีธญญ นนทบุรี 02525-0981-5, 02525-2333-5 ต่ 1655
3. รพ.ร ช นุกูล กทม. 02245-4696
4. ูนย์ ุข ิทย จิต 1 (ภ คกล ง) กทม. 02245-7798
5. รพ.นิติจิตเ ช กทม. 02441-9029
6. รพ.ยุ ปร ทไ ทโยปถมภ์ มุทรปร ก ร 02394-1846
7. รพ. น ร ญรมย์ ุร ฎร์ธ นี (077)331-455,312-991
8. รพ. นปรุง เชียงใ ม่ (053)276-750
9. รพ.พร รีม โพธิ์ ุบลร ชธ นี (045)312-550,281-048
10. รพ.จิตเ ชนครร ช ีม นครร ช ีม (044)245-292, 242-611 ต่ 30
น่ ยงาน จัง ัด มายเลขโทร ัพท์
11. รพ.จิตเ ชข นแก่น ข นแก่น (043)225-103 ต่ 218
12. ูนย์ ุขภ พจิตชยน ท ชยน ท (056)411-268
13. ูนย์ ่งเ ริมพฒน ก รเด็ก ภ คเ นื เชียงใ ม่ (053)890-245
14. รพ.จิตเ ชนครพนม นครพนม (042)513-259
15. นู ย์บริก รใ ้ค ปรึก ปัญ กทม. 02801-590-1
กรมปร ช งเคร ์
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 118

16. นู ย์ ทไลน์ปรึก ปัญ ชี ิต กทม. 02276-2950-1


17. โ ปไลน์ปรึก ปัญ ชี ิต กทม. 377-0073,375-4955
18. ยด่ น ยรุ่น กทม. 02275-6993-4
19. คลินิกนิรน ม (โรคเ ด ์) กทม. 02256-4109

แ ล่ง ้าง ิง
กรม ุขภ พจิต. (2562) การใช้เทปเ ียงคลายเครียดด้ ยตนเ ง. ก รคล ยเครียดในภ ที่เครียด ูง.
ืบค้นเมื่ 26 มีน คม 2562, จ ก http://goo.gl/csMMqA
คณ จ รย์ภ ค ิช จิต ิทย ม ิทย เชียงใ ม่. จิต ิทยาทั่ ไป. เชียงใ ม่, 2535.
น รตน์ ธญญ ิริ. (2561). เ ก รปร ก บก ร น ุข ึก . โรงเรียนจุ ลงกรณ์ม ิทย ลย ฝ่ ยมธยม.
ม ิทย ลย ุโขทยธรรม ธิร ช. (2562). ก รค บคุม รมณ์ (Emotional Control). ืบค้นเมื่ เมื่ 27
มีน คม 2562, จ ก https://goo.gl/keMoT
มูลนิธิธรรมก ย. (2562). ิธีฝึก ม ธิเบื้ งต้น. ืบค้นเมื่ 27 มีน คม 2562, จ ก https://goo.gl/u7JRF4
นกพฒน ุขภ พจิต กรม ุขภ พจิต กร ทร ง ธ รณ ุข คู่มื ก ร นทก ชี ิต
รุณี มิ่งปร เ ริฐ. (2557). แน คิดเกี่ย กับค ามเครียด. ร ร งคม ตร์แล มนุ ย์ ตร์.
(ฉบบที่ 2): น้ 215-216 ืบค้นเมื่ 26 มีน คม 2562, จ ก https://goo.gl/5ZfFQN
https://www.dmh.go.th/news/view.asp?=672
https;//www.thaihealth.or.th/Content/45728kb.psu.ac.th/bitstream/2010/8126/6/Chapter2.pdfhtt
ps;//www.educ-bkkthon.com/blog/apornsiri/wp-content/uploads/2014/02/
http;//eu.lib.kmutt.ac.th/elearning/Courseware/SSC231/Psychology/Chapter12/CH%2012%
2012%20Emotion.pdf
https://www.ninlaya159.pdf
https://www.absorn.ac.th
https://www.pkc.ac.th
https://www.kr.ac.th
https://www.snr.ac.th
https://www.trueplookpanya.com
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 119

น่ ยการเรียนรู้ที่ 7
ุขภาพจิตกับการปรับตั

ขุ ภาพจิต (Mental Health)


ค าม มายและค าม ้าคัญข ง ุขภาพจิต
โลกปัจจุบนนี้มีก รเปลี่ยนแปลง ย่ งร ดเร็ ค มเป็น ยู่ข งคนใน งคม ุ่น ย บ น ลบซบซ้ น
มีก รต่ ู้แย่งชิง ฉ ยโ ก ม กขึ้น ปัญ เด็กข ดค ม บ ุ่น ยรุ่นฆ่ ต ต ยคร บคร แตกแยกเกิดก ร
ขดแย้ง ท เล ิ ท ย่ งรุนแรง แล มีก ร ย่ ร้ งม กขึ้น ใน ภ ดงกล่ คนจ ด รงชี ิต ย่ งเป็น ุขได้
ไม่ง่ ยนก จ ต้ งดิ้นรน ปรบต ใ ้เข้ กบก รเปลี่ยนแปลงข ง ภ พแ ดล้ มใน งคมใ ้ได้ ดงน้น ุขภ พที่
มบูรณ์ท้งร่ งก ยแล จิตใจข งบุคคล จึงขึ้น ยู่กบค ม ม รถในก รปรบต ในชี ิตปร จ น ใ ้ ดคล้ ง
แล เ ม มกบก รเปลี่ยนแปลงในโลกยุคโลก ภิ ฒน์ ก รแ ดงพฤติกรรมที่เ ม ม ดคล้ งกบ ภ
แ ดล้ มแล ถ นก รณ์ที่ก ลงเผชิญ ย่ มแ ดงถึงก รมีภ ุขภ พจิตที่ดีข งบุคคลคนน้น ุขภ พจิตที่ดีก็
จ ยู่ในร่ งก ยที่ มบูรณ์ ดงค กล่ ที่ ่ “ a sound mind is in a sound body “
งค์การ นามัยโลก (World Health Organization. 1976) ได้ใ ้นิย มข ง ุขภ พจิต ม ยถึง ภ พ
ชี ิตที่เป็น ุข ผู้มี ุขภ พจิตดีน้นมิได้ ม ยเพียง ่ บุคคลน้น ๆ ปร จ กโรคจิตโรคปร ทที่เ ็นได้ชดเท่ น้น
แต่จ ม รถปรบต มีค ม ุข ยู่กบ ิ่งแ ดล้ มได้ดี มี มพนธภ พดีง มกบบุคคล ื่น มีชี ิต ยู่ได้ ย่ ง มดุล
ด ก บ ย ม รถ น งค มต้ งก รข งตนในโลกที่เปลี่ยนแปลงนี้ได้โดยไม่มีข้ ขดแย้งภ ยในจิตใจข ง
ตนเ ง
ก รเ ริม ร้ งคุณภ พชี ิต ุขภ พจิต ม ยถึง ก รด เนินชี ิตที่เป็น ุข มีค ม มบูรณ์ท้งร่ งก ย
จิตใจ รมณ์แล งคม ม รถปรบต รื ปรบค มต้ งก รข งตนเ ง ใ ้ ดคล้ งกบ ภ แ ดล้ มที่
ยู่ร่ มกบ งคมที่เกี่ย ข้ งได้ดี โดยไม่ก่ ค มเดื ดร้ นใ ้ตนเ งแล ผู้ ื่น ท้งยงก่ ใ ้เกิดผลดีแล ปร โยชน์ ุข
แก่ตนเ ง แล งคมเพิ่มขึ้น ีกด้ ย

ค าม ้าคัญข ง ุขภาพจิต
ุขภ พจิต เป็นค ม ม รถข งบุคคลในก รด เนินชี ิตใ ้ไป ู่เป้ ม ยที่ได้ก นด รื ค ด งไ ้
ุขภ พจิตแฝง ยู่ กบ ิถีชี ิตข งมนุ ย์ ทุก ย จน จกล่ ได้ ่ ุ ขภ พจิตเป็นปัจจยก นดค ม ุ ข แล
ค ม เร็จในชี ิตข งมนุ ย์ ุขภ พจิตที่ดีจ น พ ใ ้ ุขภ พก ยมีค ม มบูรณ์ แข็งแรงไปด้ ย ดงภ ิตที่
กล่ ่ “จิตเป็นน ย ก ยเป็นบ่ ”
พร บ ท มเด็จพร เจ้ ยู่ ภูมิพล ดุลยเดช ได้มีพร ร ชด ร ต น นึ่งต่ คณ จิตแพทย์ ณ พร
ต นก ภูพิงค์ร ชนิเ น์ เมื่ นที่ 14 ก.พ. 2520 ่
“ ุขภ พจิตแล ุขภ พก ยนี้ มีค ม มพนธ์ ที่จ โยงกน ย่ งยิ่ง พูดได้ ่ ุขภ พจิต คญก ่ ุขภ พ
ก ยด้ ยซ้ เพร ่ คนไ นที่ท งก ย มบูรณ์แข็งแรง แต่จิตใจฟั่นเฟื นไม่ได้เรื่ งน้นถ้ ท ไรก็จ ยุ่งได้
ก ยที่แข็งแรงน้นก็จ ไม่มีปร โยชน์ต่ ตนเ ง รื งคม ย่ งใด ่ นคนที่ ุขภ พก ยไม่ ู้แข็งแรงแต่ ุขภ พจิตดี
ม ยค ม ่ จิตใจดี รู้จกจิตใจข งต แล รู้จกปฏิบติใ ้ถูกต้ งย่ มเป็นปร โยชน์ต่ ตนเ ง แล เป็นปร โยชน์
ต่ งคมได้ม ก ในที่ ุด ุขภ พจิตที่ดีก็ จจ พ ม ซึ่ง ุขภ พท งก ยที่ดีได้ ”ก รดูแลปัญ ุขภ พจิต เป็น
น้ ที่ข งบุคล กรท งจิตเ ช เริ่มจ กก รใ ้ค มรู้ใน ิธีก รป้ งกน ลีกเลี่ยง ิ่งที่จ ก่ ใ ้เกิดปัญ ก รรก
เมื่ มีปัญ เกิดขึ้นแล้ แล ด้ ยก รฟื้นฟู มรรถภ พ ร มถึงก รติดต มผลเพื่ ป้ งกนก รเกิดโรคซ้
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 120

ุ ข ภ พจิ ต ที่ ผิ ด ปกติ ลก ณ ที่ แ ดง กเริ่ ม ต้ ง แต่ พ ฤติ ก รรมที่ เ ปลี่ ย นแปลง มี ผ ลต่ มรรถภ พ
ในก รท ง น ร มถึงค มผิดปกติข งค มคิด แล รมณ์ จนถึงร ดบที่ จเป็น นตร ยต่ ตนเ งแล ผู้ใกล้ชิด
ค มมุ่ง ม ยในก รรก คื บรรเท แก้ไข ก รที่เกิดขึ้น เพิ่ม มรรถภ พใ ้กลบม ู่ปกติ ก รรก ค รเริ่ม
จ กก ร ร้ งค ม มพนธ์ที่ดี ก ร ินิจฉยที่ถูกต้ ง งแผนก รรก ที่ร ดกุม เต็มไปด้ ยค มเข้ ใจแล เ ็นใจ
ต่ ผู้ป่ ย ผู้รก ต้ งกล้ ที่จ ย มรบค มผิดพล ด ย มแก้ไข แม้ปัญ ุขภ พจิตข งตนเ งจ มีผลต่ ก ร
ด รงชี ิตใน ล ยด้ น เช่น ด้ นก ร ึก ด้ น ชีพ ด้ นชี ิตคร บคร เพื่ นร่ มง น ด้ น ุขภ พร่ งก ย ผู้ที่
มี ุขภ พจิตดีจ ปร บค ม เร็จในทุกด้ น ถ้ ุขภ พจิตดีร่ งก ยก็จ ดชื่น น้ ต ยิ้มแย้ม ม งแจ่มใ
เป็นที่ บ ยใจแก่ผู้พบเ ็น ย กคบค้ ม คมด้ ย ท ง น เร็จ ึก ได้ต มที่ งเป้ ม ยไ ้
ลัก ณะข งผู้ที่มี ุขภาพจิตดี
โดยปกติเมื่ เร พูดถึงเรื่ ง ุขภ พจิตคนท่ ไป มกคิด ่ เป็นก ร ึ ก เรื่ งร ข งบุคคล ่ เข เป็นบ้
รื จ้ งจบผิดเข รื จม งเข ในแง่ร้ ย แต่ต มค มเป็นจริงไม่ได้เป็นไปด่งที่คนท่ ไปเข้ ใจ เพียงแต่มุ่งเน้น
ึก ่ มนุ ย์มีค ม ม รถในด้ นใดบ้ ง เช่น ค ม ม รถด้ นก รคิด มีก รกร ท ได้แค่ไ น เพื่ ท ง
่งเ ริมช่ ยเ ลื ใ ้เข เป็นคนดี รื ท งที่ช่ ยใ ้เข มี กยภ พที่ดีขึ้นก ่ เดิมได้ ย่ งไร
ีริค เบิร์น (Eric Berne. 1964) ได้ใ ้มุมม งต แ น่งชี ิตข งบุคคลแบบ “I am OK, You are OK”
ม ยถึง ผู้มี ุขภ พจิตดีเป็นผลง นจ กก รที่บุคคลน้น ยู่ในคร บคร ที่มีก รใ ้ค มเ ใจใ ่เชิงบ กด้ ยค ม
รก ค ม บ ุ่ น ท ใ ้ เ ข มี ค มเข้ ใจตนเ งแล ผู้ ื่ น ม รถปรบต ร้ ง มพนธภ พที่ ดี
มีก รแ ดง กท งพฤติกรรมที่เป็นธรรมช ติ ย่ งมีเ ตุผล เป็นที่เชื่ ถื แล ไ ้ งใจได้
ม โล ์ (Carroll. 1969 ้ งถึง Abraham H.Maslow.) ได้ใ ้แน คิด ่ ผู้มี ุขภ พจิตดี คื ผู้ที่มีค ม
เป็น จก รแ ่งตนเ ง (Self-Actualization) ม รถรู้ ่ ต เ งมีคุณค่ แล ใช้ค มมี กยภ พแ ่งตนใ ้เป็น
ปร โยชน์ต่ ตนเ ง ผู้ ื่นแล งคม โดยจ แ ดงในลก ณ ที่ดีเป็นไปต มธรรมช ติแ ่ง กยภ พข งตน
เ กเบิร์ท (Egbert. 1980: 11) กล่ ถึงผู้ที่มี ุขภ พจิตดีปร ก บด้ ย
1. ก รรู้จกตนเ ง
2. ก รเข้ ใจชี ิตแล มีจุดมุ่ง ม ยในชี ิต
3. ก รมี ลกเกณฑ์ในก รด รงชี ิต
4. ก รเปิดเผยตนเ งแล ร้ ง มพนธภ พที่ดีกบผู้ ื่น
5. ก รต้งค ม งข งชี ิตใ ้เป็นค มจริง
ปัจจัยที่ ่งผลต่ ุขภาพจิต
ิทธิพลที่ คญต่ ก รด รงชี ิตใ ้ ยู่ร ด เรียนรู้ที่จ รู้จกตนเ ง เรียนรู้ต่ ชี ิต งคมได้ ย่ งมีค ม ุข
รู้จกพฤติกรรมข งตนเ งใ ้เ ม ม รื ดคล้ งกบแบบแผนค่ นิยมในก รด เนินชี ิต เพื่ น งค ม
ต้ งก รข งตนเ งได้บรรลุจุด ม ยปล ยท ง เป็นพฤติกรรมที่แต่ล บุคคลต่ ง ท้ นค มรู้ ึกนึกคิด ุปนิ ย
ค ม นใจ เจตคติ ก รปรบต โครง ร้ งข งร่ งก ยแล บุคลิกภ พในลก ณ ที่แตกต่ งกบบุคคล ื่น นเป็นผล
ม จ กพฤติ ก รรมท้ ง ล ยข งบุ ค คลถู ก ก นดด้ ย งค์ ป ร ก บ คญ 2 ปร ก ร คื งค์ ป ร ก บท ง
พนธุกรรมแล ิ่งแ ดล้ ม
1. พันธุกรรม
พนธุกรรมเป็นมรดกที่บุคคลได้รบก รถ่ ยท ดจ กพ่ แม่แล บรรพบุรุ เป็นกลไกที่ท น้ ที่
เป็นโครง ร้ งที่เรียก ่ โครโมโซม (Chromosomes) ในแต่ล โครโมโซมปร ก บด้ ยโครง ร้ งเล็ก ๆซึ่งเป็น
น่ ยพื้นฐ นท งพนธุกรรม คื ยีน (Genes) โดยยีนจ ยู่ในโครโมโซมมีรูปร่ งคล้ ยเ ้นด้ ย ยู่ในนิ เคลีย
(Nucleus) ข งต เซลล์ทุกเซลล์ ท น้ ที่ถ่ ยท ดลก ณ ท งพนธุกรรมปร ก บด้ ยโมเลกุลม กมม ย ซึ่งมี
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 121

รปร ก บท งเคมี Deoxyribonucleic Acid (DNA) ใน ภ พปกติในเซลล์ นึ่งเซลล์ข งมนุ ย์จ มีโครโมโซม
46 น แบ่งเป็น 23 คู่ โดยรบโครโมโซมที่ปร ก บด้ ยดีเ ็นเ (DNA) จ กแม่ 23 นแล ข งพ่ 23 น

ภ พแ ดงโครโมโซม 22 คู่ + โครโมโซมเพ (X & Y)

่งิ ที่ถ่ ยท ดท งพนธุกรรม ่ นม กเป็นลก ณ ท งร่ งก ยที่ ม รถม งเ ็นได้จ กยีนที่มีลก ณ เด่น
(Dominant Gene) เช่น ีข งผม ีผิ ลก ณ ด งต ีแล ขน ดข งเ ้นผม โครง ร้ งข งรู ปร่ ง กลุ่มข ง
โล ิต โรคภยไข้เจ็บบ งชนิดแล จ กค มบกพร่ ง รื ค มพิก รท งร่ งก ย เช่น ต บ ด ี ีร ล้ น ่ นเกิน
ข งนิ้ ลก ณ มื ติดกน รื ก รท ง นที่ผิดปกติข ง ร์โมนจ กต่ มไร้ท่ รื ลก ณ ท ง ติปัญญ ได้แก่ ผู้
ที่เป็นปัญญ ่ น นเป็น เ ตุจ กกรรมพนธุ์ แล จมีลก ณ ที่ซ้ นเร้นไม่ปร กฏใ ้เ ็นเด่นชดจ กยีนที่มี
ลก ณ ด้ ย (Recessive Gene)
2. ่งิ แ ดล้ ม
ปัจจยด้ น ิ่งแ ดล้ มที่ ยู่ร บต บุคคล ได้แก่
2.1 ถาบันคร บครั
ค ม คญข งคร บคร
คร บคร เป็น ถ บนแ ่งก รเริ่มต้นชี ิตข งมนุ ย์ ๆ ต้ งใช้เ ล ตล ดชี ิ ต ยู่กบคร บคร
คร บคร ที่ บ ุ่นเป็น ุข มีค มรกใครปร งด งกน แ ดงค มเข้ ใจต่ กน ค ยใ ้ก ลงใจ ใ ้เกียรติยกย่ งกน
โดยเริ่ม ร้ งค มม่นใจต้งแต่เริ่มเลี้ยงดูจ ช่ ย ่งเ ริมค มไ ้ งใจ ค มเป็นต ข งต เ ง ค มมี ีลธรรม
ค มคิด ร้ ง รรค์ ก รใฝ่ เ กลก ณ์ข งต เ ง แล ร้ งเ ริมพฒน จิ ตใจใ ้ เป็นผู้ ที่มี มนุ ย์ มพนธ์ดี
บุคลิกภ พดี มีก รเจริญเติบโตง กง มต มธรรมช ติ เป็นผู้ที่มี ุขภ พจิตดีดงค กล่ “ ุขภ พจิตดีเริ่มต้นที่
บ้ น” แล “พ่ แม่ดี ลูกมี ีลธรรม” ดงน้นถ้ พ่ ดีแม่ดีเป็นโ ก ที่ดีข งลูกแล คร บคร ดงคร บคร ที่เปี่ยม
ด้ ยค มรกค ม บ ุ่นตรงกบ น นฝร่งที่ ่ “House Made From Brick, But Home Made From Love”
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 122

ถ บนคร บคร มุ่งเ ริม ร้ ง ุขภ พจิตใ ้แก่เด็ก เพร ถูกเลี้ยงม ย่ งไรเมื่ โตขึ้น เข ก็คื ผู้ใ ญ่คน
น้น (Children Learn What They Live) ทุกคร บคร คงไม่ต้ งก รเผชิญบรรย ก ข งคร บคร ล่ม ล ย
“Broken Home Family” เพร จ เป็นก รน ไป ู่ชี ิตคร บคร ที่ไม่ปกติ ุขท ใ ้เกิดปัญ
ยุ ชญ กรได้ แล จ ก งจรชี ิตก รเจริญเติบโตข งเด็กจ เป็นไป ย่ งช้ ๆ ต ม ลกพฒน ก รข ง ยแรก
เกิดเป็ นเด็กเล็ ก เด็ก โต ยรุ่น ย นุ่ม แล ยผู้ ใ ญ่ต มล ดบ ซึ่งเด็กจ ต้ งได้รบก ร บรมดูแลจ ก
คร บคร นบเป็นปัจจยแรกที่เป็นพื้นฐ นค มเป็นมนุ ย์ซึ่งเป็นผลข งก รเลี้ยงดูข งพ่ แม่
ลก ณ ก รเลี้ยงดู
คร บคร เป็นร กฐ นเบื้ งต้นข งก ร ร้ งชี ิตมนุ ย์ เด็กจ เติบโตเป็นผู้ใ ญ่ที่มีคุณภ พ มี
คุณธรรม มีจิตใจเข้มแข็ง ขึ้น ยู่กบ งค์ปร ก บข งบรรย ก ภ ยในคร บคร ที่ บ ุ่นไปด้ ยค มรก ค ม
เข้ ใจ ก รย มรบ ก รยกย่ ง ค มมีเ ตุผล นเป็นผลจ ก มพนธภ พแล บรรย ก นดีง มข งแต่ล
คร บคร ก ร บรมเลี้ยงดูเด็กจึงมีค ม คญ ย่ งยิ่งในก ร งร กฐ นก รปลูกผงจริยธรรม คุณธรรมข งจิตใจ
กร บ นก รคิด พฤติกรรมก ร ล่ ล มบุคลิกภ พแล ุขภ พจิตข งเด็กซึ่งมี ล ยลก ณ ดงนี้
(1) ก รเลี้ยงดูแบบต มใจม กเกินไป (Over Protection) ลก ณ ข งคร บคร แบบนี้จ รกลูก
แล ท นุถน มม กเกินไปจนทุ่มเททุก ิ่งทุก ย่ งใ ้แก่เข ม งเข เป็นเด็กเล็ก ๆ ตล ดเ ล ซึ่งพฤติกรรมข ง
บิด ม รด เป็นก รกร ท แบบชดเชยใน ิ่งที่ตนเ งไม่เคยได้รบจ กคร บคร ในเด็กม ก่ น ซึ่งผลข งก รเลี้ยงดู
แบบรกลูกม กจ มีผลท ใ ้เด็กเ แต่ใจต เ งข ดค มเชื่ ม่นในต เ ง ข ดค มคิดริเริ่ม ไม่มีค มภ คภูมิใจ
ท ใ ้ต้ งพึ่งพ ผู้ ื่นปรบต กบเพื่ นไม่ได้เพร ข ด ุฒิภ ที่เ ม ม ่งผลต่ บุคลิกภ พที่ จแปรปร นแล
ชี ิต จรู้ ึกเบื่ น่ ยเพร ไม่ ม รถแก้ปัญ ได้
(2) ก รเลี้ ย งดู แ บบไม่ ย มรบ รื ถู ก ท ดทิ้ ง (Rejection) ลก ณ ข งคร บคร แบบนี้
เป็นก รเลี้ยงดูแบบนี้พ่ แม่ข ดค มพร้ มที่จ รบผิดช บ ท ใ ้ไม่ต้ งก รลูกที่จ เกิดม เ ็นได้จ กพฤติกรรม
ข งม รด ที่ทิ้งลูกไ ้ที่โรงพย บ ล รื ถ นที่ต่ ง ๆ ลงคล ด เด็กได้รบก รเลี้ยงดูแบบทิ้งข ้ ง ไม่ได้รบก ร
ย มรบ ่ เป็นลูก รื ม ชิกคน นึ่งในคร บคร ซึ่งย่ ม ่งผลต่ บุคลิกภ พที่แ ดง กแบบก้ ร้ ต่ ต้ น
งคม มีค มร แ งไม่ไ ้ใจผู้ ื่น รื แยกต ยู่คนเดีย ไม่เข้ งคมกบกลุ่มเพื่ น รบท ง รมณ์เต็มไปด้ ย
ค มกดดน โมโ ง่ ย มีค ม ิจฉ ริ ย แล เพิ่มท ีค มโกรธรุนแรง
(3) ก รเลี้ยงดูแบบ ตต ธิปไตย (Authoritarian) ลก ณ ข งคร บคร แบบนี้เป็นก รเลี้ยงดู
แบบเข้มง ดก ดขนจ กพ่ แม่ที่ต้งเป้ ม ย ต มกฎเกณฑ์แล ร เบียบ ินยที่ก นดใ ้ลูกปฏิบติต มค ่ง ย่ ง
เคร่งครด ซึ่งถ้ เด็ก ม รถปฏิบ ติต มได้จ ท ใ ้เด็กปร บค ม เร็จในชี ิต มีค มเชื่ ม่น ู ง แล รู้จก
งแผนในก รท ง น แต่ถ้ ค ม ม รถข งเด็กด้ ยก ่ ค ม งข งพ่ แม่ท ใ ้เด็กเกิดค ม ูญเ ียข ด
ค มเชื่ ม่น ค มคิดริเริ่ม รู้ ึก บ นในก รปรบต เพื่ แก้ปัญ ไม่ ม รถใช้ทก ก ร ื่ รติดต่ ได้ดีท ใ ้
มีแน โน้มข ง ก รโรคปร ทแล โรคจิต
(4) ก รเลี้ ย งดู แ บบปล่ ยปล ล เลย (Lesser Faire) ลก ณ ข งคร บคร แบบนี้ พ่ แม่
ใ ้ค มเป็น ิ ร แก่ลูกม กเกินไป เด็ก ม รถท ไรได้ต ม เภ ใจท ใ ้คร บคร ไม่มีร เบียบ ินย ไม่มีเ ล
บรมเลี้ยงดูเพร มุ่งแต่ก รท ง น ร ยได้ใ ้แก่คร บคร รื กิจกรรม งคม แล พ่ แม่ไม่เคยได้รบค มรก
ค ม บ ุ่นแล ก รเลี้ยงดูที่ดีม ก่ นจึงชดเชยค มรกใ ้แก่ลูกโดยมุ่งเงินท งแล ตถุที่ลูกต้ งก ร ซึ่งท ใ ้เด็ก
ข ดร เบียบ ินย เ แต่ใจต เ ง เ ็นแก่ต ช บข่มขู่ผู้ ื่น รื จจ รู้ ึกเ ง ม กจนต้ ง ท ง กด้ ยก ร
ติดย เ พติด คบเพื่ นไม่ดีมีพฤติกรรมที่รุนแรงต่ งคม รื แ ดง ก รเรียกร้ งค ม นใจจ กผู้ ื่น
(5) ก รเลี้ ย งดู แ บบปร ช ธิ ป ไตย (Democracy) ลก ณ คร บคร นี้ เ ป็ น ก รเลี้ ย งดู
โดยใช้เ ตุผล ม ชิกทุกคนมี ่ นร่ มแ ดงค มคิดเ ็น ช่ ยเ ลื ซึ่งกนแล กนใ ้ค มช่ ยเ ลื กนท้ง ุ ข
แล ทุกข์ มีก รเข้ ใจค มรู้ ึกซึ่งกนแล กน รบผิดช บร่ มกน เป็นที่พึ่งแก่กนแล ค ยปล บใ ้ก ลงใจกนซึ่งจ
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 123

ช่ ยใ ้ เ ด็ ก มี บุ ค ลิ ก ภ พที่ ดี เ ป็ น ผู้ ใ ญ่ ที่ มี คุ ณ ภ พ รู้ จ กใช้ ค มคิ ด ย่ งมี เ ตุ ผ ลแล ร้ ง รรค์


เพิ่มคุณลก ณ ข งก รเป็นผู้น ร้ งค มเชื่ ม่นในตนเ ง ย มรบค มจริงใน ิ่งที่ถูกต้ งแล ม รถเป็นต
ข งต เ งได้ ย่ งมีปร ิทธิภ พต่ งคม
จ กบทบ ทข งพ่ แม่แล ก ร บรมเลี้ยงดูในแต่ล คร บคร ต่ ง ่ง นใ ้ลูกเป็นคนดี ไม่เกเร
มีค มขยนเรียน ย่ มแ ดงถึงค ม คญข งบรรย ก มพนธภ พ แล บทบ ทข ง ม ชิกภ ยในคร บคร
ที่มีค ม คญ ย่ งยิ่ งต่ ค ม มบู ร ณ์ข งบุคลิ กภ พ ่ งเ ริมพฒน ก รแล พฤติกรรมข งบุตรธิด ใ ้ มี
ค ม ุขในชี ิตเป็นเย ชนที่มี ุขภ พจิตดี
2.2 ถาบันโรงเรียน
โรงเรี ย นมี บ ทบ ท คญในก รเ ริ ม ร้ งค มรู้ ก ร ึ ก เล่ เรี ย น แล พฒน นกเรี ย น
ในด้ นร่ งก ย รมณ์จิตใจ งคม ติปัญญ กร บ นก รเรียนก ร นข งท งโรงเรี ยนเป็นไปต มล ดบข้น
นุบ ล ปร ถม ึก มธยม ึก แล ุดม ึก ช่ ยใ ้นกเรียนมี ุขภ พจิตดี รู้จกก รปรบต ที่ดี มีบุคลิกภ พที่
เ ม มโดยมุ่งเน้นใ ้เด็กมีทก ท ง งคม ม รถท ง นร่ มกบผู้ ื่นได้ ย่ งมีปร ิทธิภ พ เพื่ ่ นกเรียนจ
ได้เจริญเติบโตเป็นทรพย กรที่มีคุณค่ ข งปร เท ช ติต่ ไป
1) บทบ ทข งครู
ครูเป็น งค์ปร ก บที่มี ิทธิพลต่ ุขภ พจิตข งนกเรียนโดยตรง เพร เด็กมกจ ยึดต แบบ
จ กครูเป็นแน ในก รปฏิบติตน ค มรก ค มเมตต ค มเ ใจใ ่ดูแลด้ ยค มทุ่มเทจ กครูเป็นแรงจูงใจ
ย่ งดีในก รเ ริม ร้ งบรรย ก ภ พใน ้ งเรียนใ ้แก่นกเรียน ตล ดท้ง ื่ ุปกรณ์ก รเรียนก ร น ก รใ ้
แรงเ ริม แล บุคลิกภ พที่ดีง มข งครูได้แ ดงค มจริงใจต่ นกเรียน จ ช่ ยกร ตุ้นฐ นก รเรียนรู้ข งนกเรียน
ใ ้บงเกิดก รใฝ่รู้ใฝ่เรียน ปลุกจิต นึกใ ้ตร นกรู้ในก รเรียนมีค มผูกพนต่ ถ บน
2) บทบ ทข งเพื่ น
เพื่ นเป็นบุคคล คญที่ ุดที่มี ิทธิพลต่ เร กคบเพื่ นดีจ ช่ ยใ ้เร ม รถแก้ไขปัญ
ุป รรคต่ งๆ ในชี ิตไปได้ด้ ยดีเพร เพื่ นจ เป็นผู้ใ ้ก ลงใจ ใ ้ค แน น แล ใ ้ค มช่ ยเ ลื ค ยรบฟัง
เมื่ เร ไม่ บ ยใจ เกิดก รเรียนรู้ที่จ ร้ งค ม มพนธภ พกบผู้ ื่น มีค มปร รถน ที่จ ได้เป็นที่ย มรบข ง
ม ชิกกลุ่มเพื่ น ก รได้แ ดงตนใ ้คุณค่ แล ท ปร โยชน์ข ง ่ นร มร่ มกนช่ ยใ ้เด็กได้ค้นพบตนเ งแล
ซ บซึ้งในมิตรภ พ ดงน้นเพื่ นดีจึงเป็น ิ่งที่มีคุณค่ ม กที่ ุด
3) ภ พแ ดล้ มข งโรงเรียน
1. ลก ณ ท งก ยภ พข งโรงเรียน ปร ก บด้ ย ก ร ร้ งบรรย ก ข ง ถ น ึก ใ ้
น่ ยู่ มีค มปล ดภย ภ พ ้ งน้ ดถูก ุขลก ณ มี ้ ง มุด ้ งพย บ ล น้ ดื่ม ถ นที่พกผ่ นน่งเล่น
แล นไม้ด ก ไม้ปร ดบ ค รจดใ ้เ ม มต่ ปร โยชน์ก รใช้ข งนกเรียนแล บุคล กรในโรงเรียน
2. ร เบียบกฎเกณฑ์ข้ บงคบข งโรงเรียนที่เข้มง ดเกินไป ิธีก ร บรมข งครู ก รลงโท
เกินก ่ เ ตุ ก รเข้ กบเพื่ นไม่ได้ ตล ดจนลก ณ กิจกรรมในโรงเรียน
3. ถ นที่ต้งข งโรงเรียนต้ งมีค มปล ดภย ด กต่ ก รเดินท งข งนกเรียน
4. ภ พ ้ งเรียนมี ก ถ่ ยเท ด มีค มเป็นร เบียบไม่คบแคบ ภ พโต๊ เรียน
เก้ ี้น่งมีจ น นพ เ ม กบนกเรียนไม่ช รุด
5. บรรย ก ุปกรณ์ ื่ เทคโนโลยีในก รเรียนรู้มีคุณภ พแล ทน มยเ ม กบนกเรียน
6. ครู บุคล กรในโรงเรียนแล จ น นนกเรียนต้ งมีค ม มดุลไม่ม กเกินไป รื น้ ยเกินไป
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 124

2.3 ภาพทางเ ร ฐกิจ


ฐ น ท งเ ร ฐกิจเป็นปัจจย คญ น นึ่งต่ ก รด รงชี ิต กล่ คื บุคคลที่มีปัญ ท งเ ร ฐกิจ รื
ฐ น ย กจน โ ก ที่จ มีปัญ ท ง ุขภ พจิตจ มีม กก ่ คนที่มีฐ น ท งก รเงินดี ภ เงินเฟ้ ภ เงิน
ฝืด ค มแตกต่ งข งร ยรบร ยจ่ ยข งคนไทย ภ พก รก่ นี้ ิน ท้งนี้เนื่ งจ กค มย กจนท ใ ้เกิดค ม
ท้ แท้ รื มด ลยในชี ิตท ใ ้ข ดค มม่นคงท ง รมณ์ เกิดค ม ิตกกง ลในที่ ุด จท ใ ้ ุขภ พจิต
ผิดปกติได้
2.4 ภาพข งที่ท้างาน
่ น นึ่งข งชี ิตในแต่ล บุคคล คื ก รท ง นแล ก รใช้เ ล ใน ถ นที่ท ง น ฉ น้น ถ นที่ท ง น
จึงมี ิทธิพลต่ ุขภ พจิตด้ ย ถ้ ถ นที่ที่ท ง นดี เพื่ นร่ มง นดี ผู้ท ง นมีค มรู้ ึกพ ใจในง น รื รู้ ึก ่
มีค มม่นคงในต แ น่ง น้ ที่ ิ่งเ ล่ นี้จ ท ใ ้พนกง นมี รมณ์แล ก ลงใจดี ท ง นได้ ย่ งมีปร ิทธิภ พ
แต่ถ้ พนกง นเกิดค มขดแย้งในใจ เช่น ร เบียบข้ บงคบในก รท ง นมีม กเกินไป ผู้ร่ มง นข ดค ม เป็น
กนเ ง เ รดเ เปรียบแล เ ็นแก่ต ช บปร จบ ิจฉ ริ ย ล เ ียงเล่นพรรคเล่นพ ก มีค มรู้ ึก ่ ต้ งจ
ใจท ง น ใน ชีพ รื ถ นที่ที่ตนไม่ช บ รู้ ึก ่ ฝืนใจตนเ ง ท ใ ้เกิดค มเบื่ น่ ย มดก ลงใจ
2.5 ภาพ ิ่งแ ดล้ มเป็นพิ
ภ พ ิ่งแ ดล้ มเป็นพิ เช่น มลพิ ท งน้ ท ง ก ก รจร จรติดขด รที่เร รบปร ท นมี
รปนเปื้ นปร เภทต ก่ รฆ่ แมลง ย ปร บ ตรูพืช เป็นต้น ิ่งเ ล่ นี้มีผลกร ทบโดยตรง ต่ ภ พท ง
ก ยแล ุขภ พจิตข งเร

ปัญ าในการปรับตั
ก รปรบต ข งบุ ค คลเริ่ ม จ กด ร์ ิ น (Charles Darwin, 1859) พบ ่ ิ่ ง มี ชี ิ ต ม รถปรบต
ใ ้เข้ กบ ภ พแ ดล้ มได้จึงจ ด รงชี ิตใ ้ร ดพ้น นตร ย ท ใ ้เป็นจุดเริ่มต้นข งก รปรบต นกจิต ิทย ได้
ึก พฤติกรรมข งมนุ ย์ที่ย มรบก รกล้ เผชิญต่ ค มจริงข งชี ิต ม รถปรบ ภ พปัญ ใ ้เข้ กบค ม
ต้ งก ร รมณ์ บุ คลิ กภ พ ซึ่งเป็น เรื่ งข งก รปรบต ใ ้ เข้ กบตนเ ง งคม แล โลกภ ยน กได้ ย่ งมี
ปร ิทธิภ พ
1. ปัญ าค ามแตกต่างระ ่างบุคคล
บุคคลที่จ ม รถปรบปรุงตนเ งใ ้เข้ กบ ิ่งแ ดล้ มได้น้น จ ต้ งมี ค มเข้ ใจเกี่ย กบค มแตกต่ ง
ร ่ งบุคคลท้งในด้ นร่ งก ย จิตใจ แล รมณ์ ท้งนี้เพร ค มเข้ ใจในเรื่ งดงกล่ จ เป็นพื้นฐ น คญ
ที่จ ท ใ ้ตนเ ง ม รถปรบต ได้ ก รแก้ปัญ เรื่ งค มแตกต่ งร ่ งบุคคลน้น เร จ ต้ ง ึก ต เ ง
ก่ น ่ มีจุดบกพร่ งท งร่ งก ย จิตใจแล รมณ์ม กน้ ยเพียงใด เช่น กมีรูปร่ งเล็กก็ต้ งย มรบ ่ เป็น
เรื่ งธรรมช ติ ไม่น ม เป็นปมด้ ยข งตน เป็นต้น ในท น งเดีย กนท งด้ นจิตใจแล รมณ์เร จ ต้ งรู้
ต เ ง ่ มีจิตใจแล รมณ์ ย่ งไร เช่น มี รมณ์ร้ น รมณ์รุนแรง ุขุม เยื กเย็น มีค ม ดทนจริง
รื ไม่ กเร ทร บแล ย มรบ ่ ยงมีข้ บกพร่ ง เร ต้ งปรบปรุงจิตใจแล รมณ์ข งเร ใ ้ดีขึ้น เพื่ ใ ้
ม รถเข้ กบบุคคล ื่นใน งคมได้ กเร ได้ ึก ตนเ ง ย่ งร บคร บถี่ถ้ นเกี่ย กบร่ งก ย จิตใจ แล
รมณ์แล้ จ ม รถปรบต ใ ้เข้ กบ ิ่งแ ดล้ มในชุมชนได้ น กจ กนี้มนุ ย์ยงมีค มแตกต่ งท งด้ น
ค มรู้พื้นฐ น ค มฉล ด ไ พริบ ติปัญญ ฐ น ท งเ ร ฐกิจ คุณ ุฒิ แล ย ุฒิข งบุคคลแต่ล ช้น
ฉ น้นเร จ ต้ งรู้จกก ร งต แล ปฏิบติต ใ ้เ ม มกบบุคคลแต่ล คนด้ ย
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 125

2. ปัญ าค ามต้ งการข งบุคคล


นกจิ ต ิทย เม ร์เรย์ ( ุร งค์ โค้ ตร กูล .
2544: 156 ้ ง ิ ง จ ก Murray. 1938) เป็ น ผู้ ร้ ง
ทฤ ฎี ค มต้ งก รโดยถื ่ ค มต้ งก รเป็ น
พื้นฐ นที่จ ท ใ ้เกิดแรงขบ รื แรงจูงใจ ซึ่งเป็นผลใ ้
มนุ ย์ เ ร แ ดงพฤติ ก รรมไปในทิ ท งที่ จ น ไป ู่
เป้ ม ย (Goal) แล รบค มต้ งก รพื้ นฐ น
ข ง ม นุ ย์ ม โ ล ์ ( Maslow.1971) ไ ด้ แ บ่ ง
ค ม คญข งค มต้ งก รเป็น 5 ล ดบข้น ดงนี้
1. ค มต้ งก รด้ นร่ งก ย (Physiological
Need) ได้แก่ ค ม ิ ค มกร ยน้ ก ยใจ
ก รขบถ่ ยข งเ ีย กจ กร่ งก ย ต้ งก รท งเพ
ก รน น ลบพกผ่ น แล เ ื้ ผ้ เครื่ งนุ่ง ่ม
2. ค มต้ งก รค มปล ดภย (Safety Need) ได้แก่ ค มรู้ ึ ก บ ุ่นม่นคงก รได้รบก รปกป้ ง
คุ้มคร งจ กผู้ ื่น
3. ค มต้ งก รค มรกแล ค มเป็ นเจ้ ข ง (Love and Belongingness) ได้ แ ก่ ค มต้ งก ร
ค มรก ค ม บ ุ่ น ก รมี ่ นร่ มรบผิ ด ช บในกิ จ กรรม ตล ดจนก รเข้ ร่ มเป็ น ม ชิ ก ในคณ
แล ได้รบก รย มรบจ ก งคม
4. ค มต้ งก รยกย่ งนบถื (Esteem Need) ได้แก่ ค มต้ งก รชื่ เ ี ยงเกียรติย ค มร่ ร ย
ฐ น ท ง งคม ก รย มรบนบถื แล ก รย มรบท ง งคม
5. ค มต้ งก ร จก รแ ่งตน (Self-Actualization) ได้แก่ ก รเข้ ใจตนเ ง ย่ ง มบูรณ์ ค มเข้
ใจค มเป็นจริงข งชี ิตแล รรพ ิ่งท้ง ล ย ต้ งก รใช้พลงค ม ม รถข งตนเ งใ ้เต็มที่เพื่ ุทิ ตนใ ้เป็น
ปร โยชน์
ค มต้ งก รท งร่ งก ย จิ ต ใจ แล งคมข งมนุ ย์ น้ น เป็ น ปั ญ แล ุ ป รรคที่ คญ
ในก รปรบต แต่ ค มต้ งก รข งจิ ต ใจน้ น มี ิ ท ธิ พ ลเ นื ก ่ ค มต้ งก รท งด้ นร่ งก ยแล งคม
กเร ไม่ ม รถบงคบจิตใจตนเ งได้ เช่น เมื่ จิตใจเกิดค มโลภก็บงคบใ ้ร่ งก ยต้ งปฏิบติต มที่จิตใจ ่ง
เช่น ไปลกขโมย ิ่งข งข งผู้ ื่น
ฉ น้นปัญ แล ุป รรคในก รปรบต ที่ คญที่ ุด คื ก รบงคบจิตใจตนเ ง กเร ม รถบงคบ
จิตใจใ ้เป็นกล ง มีเ ตุผล มีค มม น ดทน รู้จกตด ินใจ ย่ งฉล ดแล้ ก็จ ช่ ยลดปัญ ก รปรบต ใ ้
เข้ กบ ิ่งแ ดล้ มในชุมชนได้
3. ปัญ าค ามคับข้ งใจและค ามขัดแย้ง
3.1 ค ามคับข้ งใจ (Frustration)
ค มคบข้ งใจ ม ยถึง ภ พข งจิตใจ รื ค มรู้ ึกไม่พึงพ ใจ นเป็นผล ืบเนื่ งม จ ก
ค มปร รถน ที่บุคคลมุ่ง งน้นถูกขดข ง ท ใ ้ไม่ ม รถบรรลุในเป้ ม ยได้ เ ตุที่ก่ ใ ้เกิดค มคบข้ ง
ใจ มี 2 ปร ก ร คื ค มคบข้ งใจจ ก ภ พภ ยน กแล ค มคบข้ งใจจ กต เ ง
(1) ค มคบข้ งใจจ ก ภ พภ ยน ก (External Frustration) เกิดขึ้นจ ก ภ พภ ยน ก รื
ิ่งแ ดล้ มเป็น เ ตุใ ้เกิดค มคบข้ งใจ เช่น ก รจร จรที่ติดขดท ใ ้ผิดนด มภ ณ์ง น ค มล่ ช้ ข ง
ร บบง นท ใ ้ผู้ที่ไปติดต่ เกิดค ม ึด ดใจ ไม่ทนใจ ล
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 126

(2) ค มคบข้ งใจจ กต เ ง (Personal Frustration) เกิดขึ้นเนื่ งม จ กค มบกพร่ งท ง


ร่ งก ย รื จิตใจข งแต่ล บุคคลเป็นเ ตุใ ้เกิดค มคบข้ งใจ เช่น ูง 140 เซนติเมตร แต่ ย กเป็นแ ร์โ เต
รื ย กเรียน ม แต่ร ดบ ติปัญญ ต่ ดน นท้งคืนเพื่ ท่ ง นง ื บแต่พ รุ่งเช้ รู้ ึกไม่ บ ยไป บไม่
ไ ร มท้งก รข ดค มเชื่ ม่นในตนเ ง ข ดค มเป็นต ข งต เ ง ก รไม่ย มรบ ภ พค มเป็นจริงในเรื่ ง
ต่ ง ๆ เชื่ ใน ิ่งที่ผิด ๆ มีค่ นิยมในท งไม่ดี ก็เป็นเ ตุท ใ ้บุคคลเกิดค มคบข้ งใจได้เช่นกน
3.2 ค ามขัดแย้ง (Conflicts)
ค มขดแย้งจ เกิดขึ้นก็ต่ เมื่ ร่ งก ยจ ต้ งเลื กตด ินใจท ย่ งใด ย่ ง นึ่ง ในเมื่ มีเ ตุก รณ์ใ ้
เลื กม กก ่ 1 ย่ งขึ้นไป แล แต่ล เ ตุก รณ์มีน้ นกม กพ ๆ กน
ค ามขัดแย้งแบ่ง กเป็น 3 แบบใ ญ่ ๆ คื
1) รักทั้งคู่ (Approach-Approach Conflict) คื ก รที่บุคคลมี ิ่งที่พึงปร งค์ 2 ย่ ง ในเ ล
เดีย กน แล บุคคลจ ต้ งเลื กกร ท แต่เพียง ย่ งเดีย ต ย่ งเช่น
- กรณีที่รกพี่ แต่เ ียด ยน้ ง
- จ ท ง นรบร ชก รซึ่งมีเกียรติดี รื จ ท ง นเ กชนที่มีเงินเดื น ูง
- มคร บเรียนต่ ได้ แต่ง นที่ มครไ ้ก็ต้ งก รบรรจุเข้ ท ง นโดยด่ น
2) เกลี ยดทั้ งคู่ (Avoidance-Avoidance Conflict) คื ก รที่ บุคคลได้ รบ ิ่ งที่ น ม เ น ไม่พึ ง
ปร งค์ 2 ิ่ง แล บุคคลจ ต้ งเลื ก นึ่ง ิ่ง ย่ งที่ไม่ ม รถจ ลีกเลี่ยงได้ ต ย่ งเช่น
- ก ร นีเ ื ป จร เข้
- ถ้ ไม่ ย กตกน้ ใ ่โ ่ง ก็ต้ งด ย ญ้
- ถ้ ไม่ย้ ยไปรบร ชก รในที่ทุรกนด ร ก็ต้ งล กจ กง น
3) รักด้ ยเกลียดด้ ย (Approach-Avoidance Conflict) คื ก รที่บุคคลจ ต้ งเลื กใน ิ่งที่ช บ
แล ไม่ช บพร้ มกนในเ ล เดีย กน ต ย่ งเช่น
- กลืนไม่เข้ ค ยไม่ ก
- ถ้ ย กจ ไปเที่ย น ต ์ ก็ต้ งถื ข ง
- ต้ งไปท ง นในที่ทุรกนด ร แต่ได้เงินเดื น ย่ งง ม
- ย กรกผู้ ญิง ย ๆ แต่กล ค ม ยิ่ง รื ต้ งเ ียเงินแพง
- ย กเปลี่ยนรถยนต์คนใ ม่แต่ก็ไม่ ย กมี นี้ ินเพิ่ม
- ย กท ง นได้เงินแต่ก็กล เรียนไม่จบ
ใน งคมปั จ จุ บ น บุ ค คลต้ งเผชิ ญ กบค มขดแย้ ง ในใจที่ ต้ งเลื กต เลื กที่ ดี พ กน ไม่ ดี พ กน
รื มีท้งดีแล ไม่ดีในต มนเ ง ซึ่งท ใ ้ย กต่ ก รตด ินใจ ท ใ ้บุคคลต้ งปรบต ในก รเลื กปฏิบติ ย่ งใด
ย่ ง นึ่ ง ยู่ เ ม ค มขดแย้ ง ในใจนี้ ถ้ แก้ ไ ขไม่ เร็ จ จมี ผ ลท ใ ้ บุ ค คลน้ น มี ค ม ิ ต กกง ล ู ง
กล ยเป็นคนเครียดแล ก่ ใ ้เกิดผลเ ียต่ ุขภ พก ย แล ุขภ พจิต
การปรับตั (Adjustment)
ก รปรบต ในแง่ ข งจิ ต ิ ท ย ม ยถึ ง ขบ นก รที่ บุ ค คลได้ แ ดงพฤติ ก รรมเพื่ ใ ้ บ รรลุ
เป้ ม ยต่ ง ๆ ใน ิ่ ง แ ดล้ มข งเข มนุ ย์ ทุ ก คนต้ งมี ก รปรบต ตร บเท่ ที่ เ ข ยงด รงชี ิ ต ยู่
ต้ งแก้ปัญ เพื่ ค ม เร็จในก รง น เพื่ ท ม เลี้ยงชีพ เพื่ น งค มต้ งก รท้งท งก ย ท งจิตใจ
แล ท ง งคม
ในชี ิตปร จ นข งเร มีปั ญ ต่ ง ๆ ที่เร จ ต้ งแก้ไขนบต้งแต่ปัญ ย กที่ ุ ดถึงปั ญ เล็ ก
น้ ย เช่น ผู้ที่ก ลง ยู่ใน ยเรียนจ ต้ งเจ ปัญ เกี่ย กบก รเรียน ก รท ต ใ ้เข้ กบเพื่ นฝูง ก รบงคบจิตใจ
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 127

ตนเ งใ ้รู้จกแบ่งเ ล เป็นต้น รบผู้ใ ญ่ รื ผู้ที่ไม่ ยู่ใน ยเรียน จจ เกิดค มคบข้ งใจ (Frustration)
ในเรื่ งต่ ง ๆ เช่น ไม่มีค มรู้ค ม ม รถพ ไม่มีคนรก ไม่มีเพื่ น ไม่มีโ ก มีผู้แข่งขนม ก ล เ ล่ นี้
จเป็น เ ตุใ ้เกิดค มข้ งคบใจ
การปรับตั แบบต่างๆ
ต มปกติ แล้ มนุ ย์ มี ิ ธีก รปรบต ล ยปร ก ร เช่ น ใช้ ิล ป ต่ งๆ ในก รปรบต แล ปรบต
โดยใช้ ิธีก รท งก ร งเงื่ นไขปร เภทต่ งๆ ก รปรบต ิธีก รต่ งๆ พ รุปได้ดงนี้
1. การใช้ ิลปะการปรับตั ก รปรบต ปร เภทนี้มี ล ยปร ก รได้แก่ ก รร้ งไ ้ ก รร บ ย รมณ์
โดยก รพูดจ ปรบทุกข์กบคน ื่น ก รรบปร ท น รแปลกๆ ก รท่ งเที่ย ใน ถ นที่ต่ งๆ ก รเล่น จเป็น
ก รเล่นต มกติก ก รร้ งเพลง ก รเล่นดนตรี ก รเล่นไพ่ ก รเล่นเทนนิ รื ก รเล่นก รพนนปร เภทต่ งๆ
เพื่ คล ยเครียดแล ลดค มขดแย้งในใจลงบ งคนใช้ ิธีก รแต่งต ยๆแล ไปแ ดงต ต มง นต่ งๆ แต่บ งคน
คนที่ตนเ งรกแล ช บเป็นก รปลดปล่ ยพลง รื แรงท งเพ ต มทฤ ฎีข งฟร ยด์ในปม ดิปุ (Oedipus
Complex) รื ปม ีเลคต้ (Electra Complex) โดยมี ิธีก รแปลก บ งคนรกเผื่ เลื ก รกแล้ ทิ้ง ไม่รกใครจริง
แต่ทด บพลงท งเพ ข งตนเพื่ ร บ ยค มไม่ บ ยใจ เป็นต้น
2. การปรับตั โดยการต่ ู้ เป็น ิธีก รปรบต โดยบุคคลท ก รต่ ต้ น แ ดงค มก้ ร้ ต่ ิ่งที่ตน
ไม่ปร รถน ไม่ ่ จ เป็นบุคคล กลุ่มคน ต ์ รื เ ตุก รณ์ต่ งๆ ก รต่ ู้ จเป็นก รต่ ู้โดยตรง ได้แก่ก ร
แ ดงพฤติกรรมท งก ย เช่น ก รชกต่ ย ตี ป ทุบ ท ล ย ีกปร ก ร นึ่งเป็นก รแ ดงก รก้ ร้ รื ก ร
ต่ ู้โดยท ง ้ ม ได้ ่ ก รพูดจ เ ียด ี ก รพูดปร ชดปร ชน ก รเ น็บแนม ก รปร งค์ร้ ยก รแ ดง ฆ ต
พย บ ท ก รก้ ร้ จเป็นในรูปก รก้ ร้ ยย้ ยที่ เช่น ต เ งไม่แ ดง ก รแต่จิตใจต่ ต้ นเข้ ปร เภทดื้ ต
ใ ก็มี รื ต บโต้บุคคลที่ตนเ งไม่ช บ น้ ไม่ได้เลย แ ดงต บโต้กบ ิ่ ง ื่นๆ รื คน ื่นเช่น ท ล ย ิ่งข ง
เครื่ งใช้ ท ร้ ย ต ์เลี้ยง เป็นต้น
3. การปรับตั แบบ นี ก รปรบต แบบ นีเป็น ิธีก รที่บุคคลไม่ต้ งก รที่จ เผชิญ น้ กบ ิ่งที่ท ใ ้
จิตใจไม่ปกติ จึง ิธี ลบ ลีกใ ้พ้นจ กเ ตุก รณ์น้นๆ เพร น้นไม่ได้ที่จ ท ใ ้จิตใจไม่ บ ย ก ร นีมี 2
ปร ก รได้แก่ ก ร ลบ รื ถดถ ย ก ร ยู่ต มล พง ก รไม่ต่ ต้ นด้ ย รื จเป็น ิธีก รที่ต เ งยง ยู่แต่
จิตใจไม่รบรู้ ซึ่งเรียก ่ ใจ นีไป ต ย่ งนกเรียนน่งฟังครู นแต่
4. กล ิธานในการปรับตั ค ่ กล ิธ น ม ยถึง ก รใช้กล ิธี รื เทคนิคในก รปรบต เพื่ รก
จิตใจใ ้ ยู่ใน ภ พ มดุล เพื่ ท ใ ้เกิดค ม บ ยใจ ไม่ ิตกกง ล รื เกิดค มเครียดเพร ถ้ บุคคลใดมี ิ่งที่
ท ใ ้ตนเ งมีค มทุกข์ใจ มีค ม ิตกกง ลใจแล้ บุคคลน้นจ ไม่มีค ม ุขครุ่นคิดจนท ใ ้จิตใจฟุ้งซ่ น ิธีที่จ
ท ใ ้คล ยค ม ิตกกง ลใจลงได้ จกร ท โดยใช้ ิธีก รต่ งๆ ที่ งคมย มรบ ่ ไม่ผิดปกติแล ่งผลต่ จิตใจที่
เกิดค มปกติได้ ลงจ กปรบต แล้ นกจิต ิทย ที่มีชื่ เ ียง เช่น ฟร ยด์ ใ ้ค ม คญข งก รใช้กล ิธ นในก ร
ปรบต ่ เป็นก รท ใ ้ต เ งลดค มเครียดแล เป็นเกร ป้ งกนต เ งที่ท ใ ้ตนเ งใช้ก รปรบต แบบไม่
ย มรบค มเป็นจริง (Curt and Stein 1988: 434 )
บุคคลเมื่ ปร บกบ ุป รรคแล้ จ ท ใ ้เกิดค มข้ งคบใจต มม แต่ล บุคคลจ มีปฏิกิริย โต้ต บ
ต่ ค มข้ งคบใจในลก ณ ต่ ง ๆ เป็นธรรมช ติที่จ ต้ งพย ย ม ท งลดค ม ิตกกง ลน้น ซึ่งเป็น ิธีก รที่
คนเร ใช้ ป รบต ที่ เ รี ย ก ่ Adjustment mechanism รื กล ิ ธี ก ารต่ ู้ ป้ งกั น ตน (Defense
mechanisms) จ ช่ ยปลดปล่ ยแรงกร ตุ้นด้งเดิมที่ งคมย มรบ แล ท ใ ้บุคคลน้นมี พฤติกรรมที่ งคม
ย มรบโดยก รปรบปรุงตนเ งใ ้เ ม มกบ ิ่งแ ดล้ มแล ม รถด เนินชี ิต ยู่ใน งคมได้ ยู่ ย่ งปกติ ุข
ดงนี้
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 128

1. การยกเ ตุผลเข้าข้างตนเ ง (Rationalization) เป็นก ร เ ตุผลที่ค่ นข้ งจ ต่ งไปไปจ กค ม


เป็นจริงม ธิบ ยถึงข้ บกพร งข งตนเ ง เพื่ ช่ ยใ ้ตนเ งพ้นจ กค มบกพร งน้น แล พย ย มจ ล ก
ตนเ งเพื่ ไม่ใ ้รู้ ึก ่ ตนเ งผิด เช่น นกเรียนที่ บตกจ ้ งเ ตุผล ่ ุขภ พไม่แข็งแรง ซึ่งค มจริง จไม่ได้
ข้ เรียน รื ไม่ได้ดู นง ื ผู้ที่ม ท ง น ยจ ้ ง ่ ฝนตก รถติด ท้งๆที่ตนเ งตื่น ย รื ุภ ิต “ร ไม่ดีโท
ปี่โท กล ง”
2. การกล่า โท ผู้ ื่น (Projection) เป็นก รกล่ ถึงค มผิดข งผู้ ื่นที่ท ค มผิดชนิดเดีย
กบตน แต่รุนแรงก ่ เพื่ ใ ้ค มรู้ ึกผิดข งตนลดน้ ยลง จนเกิดค มรู้ ึก ่ ค มผิดข งตนเป็นเรื่ ง
เล็กน้ ย เช่น เด็กที่ทุจริตในก ร บถึงไม่มีใครจบได้ แต่ต เ งรู้ ่ ไม่ดีก็ปล บใจตนเ ง ่ ไม่เป็นไร คน ื่น ๆ
เข ก็ทุจริตกนท้งน้น (ถ้ มีโ ก ) รื คนที่ช บพูดปลดก็ จจ กล่ ่ “ใคร ๆ ก็พูดปลดท้งน้น มยนี้ใครม
พูดค มจริงก็เ ต ไม่ร ด”
3. การเก็บกด (Repression) เป็นก รพย ย มที่จ ลืมเรื่ งร ตล ดจนค มเจ็บป ดร ดร้ ที่เกิดขึ้น
โดยก รเก็บกดค มรู ึกน้นไ ในจิตไร นึก (Unconscious) รื พย ย มที่ไม่ใ ้มีค มคิดค นึงถึงเรื่ งร ที่
เจ็บป ดน้นโดยก รลืมเรื่ งร ต่ งๆที่ท ใ ้ผิด งน่ ล ย เพื่ จ ได้ ลีกเลี่ยงค มเจ็บป่ ยท งจิตใจ
4. การปฏิเ ธ (Denial) เมื่ บุคคลต้ งเผชิญกบ ุป รรค รื ค มผิด งที่ท ใ ้ป ดใจ น้นโดยก รปิด
ต ตนเ ง แล้ ด เนินชี ิตในโลกที่ป ดร้ น้น โดยก รไม่ย มรบ ่ ิ่งน้นได้เกิดขึ้นจริง รื ปฏิเ ธค มจริงที่
เกิดขึ้นเ ล่ น้นแล ท เ มื น นึ่ง ่ ตนไม่ได้รบค มกร ทบกร เทื นจ กเ ตุก รณที่เกิดขึ้น เช่น ก รปฏิเ ธ
ค มจริงเกี่ย กบก รเ ียชี ิตข งบุคคลที่ตนรก เป็นต้น
5. การชดเชย (Compensation) เป็นก รแ ดง กเพื่ ชดเชยค มบกพร ง รื ปมด้ ยข งตน โดย
ก ร ร้ งปมเด่น ีกด้ น นึ่งขึ้นม เช่น คนต เล็กมกจ เ ียงดง คนต เตี้ยมกจ ก้ ร้ รื บ งคนที่เรียนไม่เก่ง
จึง นไปเ ดีด้ นกี เพื่ ตนเ งจ ได้รบค มรก ค ม นใจ รื ก รย มรบจ กบุคคล ื่น
6. การแ ดง กที่ตรงข้ามกับค ามรู ึก (Reaction Formation) เป็นก ร ร้ ง ุปนิ ยแบบ นึ่ง
ขึ้นม เมื่ ค มรู ึกที่แท้จริงใน ่ นลึกข งจิตใจถูกคุกค ม บุคคลน้นจ แ ดงพฤติกรรมที่ตรงข้ มกบค มรู ึก
น้น กม เพื่ ปกปิดค มรู ึกที่แท้จริงไ เช่น บ งคนที่ช บแ ดงท่ ท ง ่ น น ซึ่งแท้ที่จริงแล้ จซ่ น
ค มชิงชง แล ค มเ ็นแกต ที่เก็บกดไ ลึกๆ
7. การแ ดง กแทนที่ (Displacement) เป็นก รลดค ม ิตกกง ล รื ลด รมณ์โดยก รเปลี่ยน
เป้ ม ยซึ่ง จเป็นบุคคล รื ิ่งข ง รื ถ นก รณที่แ ดง กโดยตรงต่ ิ่งน้นไม่ได้ไปยง ิ่งที่มี นตร ยน้ ย
ก ่ เช่น โกรธเจ น ยที่ท ง นแต่กลบม เต ุนขที่บ้ น
8. การ ร้าง ิมานใน ากา รื การฝันกลาง ัน (Fantasy / Day Dreaming) ก รคิดฝัน รื ร้ ง
ิม นขึ้นเ ง ร้ งจินตน ก ร รื มโนภ พเกี่ย กบ ิ่งที่ตนมีค มต้ งก รแต่เป็นไปไม่ได้ ไม่ ม รถเป็นจริงได้
ฉ น้นจึงคิดฝัน รื ร้ ง ิม นใน ก ขึ้นเพื่ น งค มต้ งก รช่ ขณ นึ่ง เช่น คนไม่ ยก็นึกฝัน ่ ตนเ ง
ย เก่งเ มื นน งเ ก มีพร เ กแล ผู้ช ยม รก ม ใ ้เลื กม กม ย เป็นต้น
9. การแยกตั (Isolation) คื ก รแยกต ใ ้พ้นจ ก ถ นก รณ์ที่น ค มคบข้ งใจม ใ ้ โดยก รแยก
ตน กไป ยู่ต มล พงเป็น รมณ์ที่ ย ก ยู่เงียบๆคนเดีย ไม่ ย กยุ่งเกี่ย กบใครแล ไม่ ย กใ ้ใครม ยุ่งด้ ย
10. การแ ดงค ามก้า ร้า (Aggression) เป็นก รกร ท ข งบุคคลเมื่ ถูกขดข งค มคิด ค ม
ต้ งก รข งตน ค มต้ งก รเ ชน จึงแ ดง น จโดยก รต่ ู้ท งก ย จ ด้ ยค มก้ ร้ เพื่ ท ล ย
ผู้ ื่น รื ท ร้ ยผู้ ื่นใ ้เจ็บป ด แล ย มแพ้บุคคลน้นในที่ ุด
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 129

ุขภาพจิตและ ภาพผิดปกติทางด้านจิตใจและ ารมณ์


ในท งจิตเ ชถื ่ คนที่มี ุขภ พจิตปกติ ม ยถึง คนที่ ม รถปรบต เข้ กบ ิ่งแ ดล้ มได้ คื ปฏิบติ
เ มื นคน ื่นๆ ที่ ยู่ร บๆต เร แล ถ้ เกิดค มจ เป็นก็ ม รถปรบค มเป็น ยู่ แล ิถีชี ิตใ ้ ดคล้ งกบ
เ ตุก รณ์ในขณ น้นได้ ่ นคนที่จิตไม่ปกติมกแ ดง ก รรุนแรงเกินก ่ เ ตุ มีค มย กล บ กในก รติดต่ กบ
คน ื่น มีปัญ ชี ิตตล ดเ ล แล ไม่ ม รถแก้ปัญ น้นๆ ได้
าการผิดปกติทางจิต
ปัจจุบนนี้พบ ่ ท่ โลกมีผู้ป่ ยท งจิตเพิ่มม กขึ้นทุก ๆ ปี ย่ งน่ ิตก แม้ปร เท ไทยเร เ งพบ ่ มี
ผู้ป่ ยท งจิต ยู่มิใช่น้ ย ในมุมด้ นจิตเ ช (phychiatry) ค มผิดปกติท งจิตคื ก รป่ ยภ ยในจิตใจ น
เนื่ งม จ กต โรค โดยมี งค์ปร ก บพื้นฐ นคื 4Ds: ค มทุกข์ โ กเ ร้ (distress) มีพฤติกรรมผิดจ กคน
ท่ ไป (deviance) มีก รท ง นข งร่ งก ยที่ผิดปกติ (dysfunction) แล มีแน โน้มเป็น นตร ย (danger)
าเ ตุข งค ามผิดปกติทางจิต
ภ พผิ ดปกติท งด้ นจิ ตใจที่เกิดขึ้นน้น โดยท่ ไป จเนื่ งม จ ก เ ตุที่ คญๆซึ่งเกี่ย ข้ ง
กบ ภ พ ่ นบุคคลแล ภ พแ ดล้ ม ดงนี้
1. ภาพ ่ นบุ ค คล ได้ แ ก่ ค มพิ ก รข งร่ งก ย เช่ น ต บ ด ู น ก ป กแ ่ ง
แขนข ลีบ ซึ่ง จจ ถูกล้ เลียน แล เกิดปมด้ ย รื บุคคลที่มีร ดบ ติปัญญ ูง รื ต่ เกินไป ก็ จก่ ใ ้เกิด
ปัญ ในก รปรบต เข้ กบคน ื่น ร มท้งพ กที่มีค มบกพร่ งท ง รมณ์ โมโ ง่ ย รื รมณ์ ่ นไ ง่ ย
แล พ กที่มีค มผิดปกติท งเพ รื ค มเบี่ยงเบนท งเพ ีกด้ ยมกเกิดปัญ ในก รปรบต เข้ กบ งคม ซึ่ง
จเป็น เ ตุท ใ ้เกิด ภ พผิดปกติท งด้ นจิตใจแล รมณ์ขึ้นได้
2. ภาพคร บครั คร บคร เป็น ถ นที่แรกที่จ ร้ งลก ณ นิ ยใจค รื บุคลิกภ พต่ งๆใ ้แก่
เด็ก โดยท่ ไปผู้ที่มี ุขภ พท งจิตแล ท ง รมณ์ดีมกจ ม จ กคร บคร ที่ บ ุ่น บิด ม รด รื ผู้ปกคร งรู้จก
ิธีเลี้ยง รื บรมเด็ก รู้จกแ ดงค มรกค มเข้ ใจแล ค มเ ็นใจเด็กร มท้งยงเป็นต ย่ งที่ ดีใ ้แก่เด็ก เช่น
มีค มรกใคร่ปร งด งกน มีค ม มคคีกนเป็น ย่ งดี ิ่งเ ล่ นี้นบ ่ เป็นปร บก รณ์แล ภ พแ ดล้ มที่ดี
รบเด็กช่ ยท ใ ้เด็กมีค มเจริญเติบโตท งด้ นจิตใจแล รมณ์ที่พึงปร รถน ตรงกนข้ ม ถ้ ผู้ที่ม จ ก
คร บคร ที่แตกแยกก็จ ถูกล ทิ้ง ท ใ ้ข ดค ม บ ุ่นแล ข ดค ม มพนธ์ที่ดีภ ยในคร บคร ผู้ใ ญ่ไม่เข้ ใจ
แล ไม่ นใจ ท เล เบ แ ้ง ิ่งเ ล่ นี้ย่ มท ใ ้เด็กมี ุขภ พจิตเ ื่ ม บ งคร้งก็ท ใ ้เด็กที่ข ดค มรกแล
ค มม่นคงท งใจเ ล่ นี้กล ยเป็นคนเจ้ รมณ์ โมโ ร้ ย มุท ลุดุดน จนกร ท่งเป็น ชญ กร รื คนไข้โรคจิต
โรคปร ทได้ในที่ ุด
3. ิ่งแ ดล้ ม เนื่ งจ กคนต้ ง ยู่ใน ิ่งแ ดล้ มต่ งๆตล ดเ ล เริ่มต้งแต่เกิดจนกร ท่งต ย
ิ่งแ ดล้ มจึงนบ ่ มี ิทธิพลต่ จิ ตใจแล รมณ์ข งคนเร เป็น ย่ งยิ่ง เช่น ก รที่คนเร ต้ งปร บกบ
ปัญ ค ม บ น ุ่น ยในชี ิตปร จ น ค มแ ดเ ื่ มโทรมข งที่ ยู่ ย ปัญ ก รจร จรที่คบค่ง
ปั ญ ก น้ แล ิ่ ง แ ดล้ มที่ ื่ น ๆเป็ น พิ ปั ญ เ ร ฐกิ จ แล ค่ คร งชี พ ู ง ปั ญ ก ร
เปลี่ยนแปลง ย่ งร ดเร็ ข ง งคม ิ่งแ ดล้ มที่ไม่ดีต่ งๆเ ล่ นี้ ย่ มมีผลท้งท งตรงแล ท ง ้ มต่ จิตใจแล
รมณ์ ข งคนเร ได้ ท้ ง ิ้ น จิ ต ใจแล รมณ์ จึ ง ต้ งมี ก รเปลี่ ย นแปลงแล ต้ งก รก รปรบต ยู่
ตล ดเ ล ใน ภ พแ ดล้ มเช่นนี้บ งคนที่ไม่ ม รถปรบต ได้ก็จ เกิดค มตึงเครียดท งจิตใจแล รมณ์ม ก
จนกร ท่ง จท ใ ้เกิด ภ พผิดปกติ รื โรคท งด้ นจิตใจแล รมณ์ขึ้นได้
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 130

4. ค าม ะเทื นใจ ย่างรุนแรง เ ตุก รณ์ที่คบขน รื ภ ิกฤติบ ง ย่ ง จเกิดขึ้นในชี ิตข ง


คนเร ได้ เช่น ก ร บตก ก ก ผิด งในชี ิต มร ตกง น ก รค้ ล้มเ ล ถูกกล่นแกล้ง รื ถูกป งร้ ย เป็น
นี้ ินล้นพ้นต ล้มล ล ย ูญเ ียบุคคล นเป็นที่รก ร มท้งก รที่บุคคลได้รบค ม เทื นใจ ย่ งรุนแรงจ ก
ธ รณภย รื ภยจ กธรรมช ติ เช่น คคีภย ุทกภย แผ่นดินไ เป็นต้น คนที่มี ุขภ พจิตดีย่ ม ม รถปรบต
เข้ กบเ ตุก รณ์ที่ เทื นใจ ย่ งรุนแรงเ ล่ นี้ได้ แต่ รบคนที่ ุขภ พจิตไม่ดี ยู่แล้ รื คนที่ข ดค มรก
ค มม่นคงท งใจม ต้งแต่ ยเด็ก จปรบต ไม่ได้ แล จเกิด ก รข งโรคจิตโรคจิต โรคปร ทขึ้น
5. าเ ตุ ื่นๆ ได้แก่ ภ ท งร่ งก ยบ ง ย่ งที่ จก่ ใ ้เกิดโรคท งด้ นจิตใจแล รมณ์
เช่น ม งได้รบก รกร ทบกร เทื น เนื้ ง กใน ม ง ซิฟิลิ ขึ้น ม ง โรคลมชก เป็นต้น ร มถึงก รติด รเ พติด
ใ ้โท ปร เภทต่ งๆด้ ย
พฤติกรรมข งบุคคลที่มีปัญ ท ง ุขภ พจิตไม่ ่ เด็ก รื ผู้ใ ญ่เมื่ มีปัญ ท ง ุขภ พจิตเกิดขึ้นจ
แ ดงพฤติกรรมที่ผิดปกติ กม ซึ่ง จแบ่ง กได้เป็น 2 ชนิดใ ญ่ ๆ ดงนี้

1. โรคประ าท (Neurosis)
โรคปร ทมีค มรุนแรงน้ ยก ่ โรคจิต เป็นโรคที่เกิดจ กก รใช้กล ิธีก รแ ่งก รปรบต ไปในท งที่
ผิด ท ใ ้เกิด ก ร ิตกกง ล โดยคิด ่ ตนเ งเป็นโรคน้นโลกนี้ท้ง ๆ ที่ไม่ได้เป็น ไรเลย เป็นโรคที่เกิดขึ้นที่จิตใจ
แล เกิดจ ก ย ที่ร บบปร ท ตโนมติ (Automatic Nervous System) ท ง นม กก ่ ปกติ ซึ่งเป็นร บบ
ก รท ง นโดยไม่ขึ้น ยู่ภ ยใต้ น จข งจิตใจ ได้แก่ ลก ณ ข งคนที่มีค ม ิตกกง ล (anxiety) มี ก รค ม
ดน ูง ใจ ่น ใจเต้นเร็ ม ก ป กแ ้ง ค แ ้ง ท้ งร่ ง ท้ ง ืด แน่นจุก น้ ก มี ก รคลื่นไ ้ เจียน เ งื่
กต มฝ่ มื ฝ่ เท้ เย็น ปั บ่ ย ในรูต ด จ มีม่ นต ขย ย ก ไม่มีเรี่ย แรงแล ตื่นเต้นตกใจง่ ย

าการโรคประ าทมีลัก ณะดังต่ ไปนี้


- มีค ม ิตกกง ล (anxiety) เป็นลก ณ ก รข งค ติดต่ กนเป็นเ ล 6 เดื น รื น นก ่ น้น
- ก รมกเป็นไม่รุนแรง ได้แก่ เกิดค มตึงเครียดบริเ ณกล้ มเนื้ เ งื่ กม ก ยใจไม่ ด ก
ใจ ่น จิตใจกร นกร ย ป ด ีร น นไม่ ลบ คิดม ก เมื่ รแล ข ด ม ธิ
- ก รแ ดง กข งผู้ป่ ย เช่น ก รกร ท ก รพูดจ แล ค มคิดเป็นปกติ
- ไม่มีก รเปลี่ยนแปลงบุคลิกภ พ
- ผู้ป่ ยมีค มเข้ ใจต เ งดี เช่น รู้ต ่ ไม่ บ ยต้ งรีบรก ใ ้ ยด้ ยก รไป แพทย์ ล ยคลินิก
รื ตร จทุกโรงพย บ ลที่คิด ่ รก โรคข งตนได้
- ค มรู้ ึกกล ม กเมื่ ต้ งเผชิญกบ ถ นก รณ์ท ใ ้มีค มกล ตล ดเ ล ่ จ เกิด ก รซึ่งเป็น
ก รแบบแพนิค

ประเภทข งโรคประ าท
โรคปร ทแบ่งเป็น 8 ปร เภท ซึ่งแต่ล ปร เภทมี ก รเฉพ ข งต เ ง ซึ่งต้ งได้รบก รช่ ยเ ลื
ท งด้ นจิตใจ เนื่ งจ กค ม ิตกกง ล (anxiety) เป็น ก ร คญม กในคนที่ป่ ยเป็นโรคปร ท
1. Anxiety Neurosis กลุ่ ม ก รนี้ มีค ม ิ ตกกง ลม กจนบ งคร้ง ุ่น ย แล มกจ ิต กกง ล
เกี่ย กบ ก รผิดปกติท งร่ งก ย ค ม ิต กกง ลมี จขึ้นเมื่ ใดก็ได้ แล ไม่จ กด ถ นก รณ์แต่ต้ งแยกใ ้
กจ กค ม ิตกธรรมด เช่น ค มกล เมื่ ตก ยู่ในภ นตร ยซึ่ง ่ ปกติ
2. Hysterical Neurosis รื Somatization Conversion และ Dissociative Disorders เป็ น
ค มผิดปกติท งจิตใจท ใ ้ ย บ ง ่ นข งร่ งก ยท น้ ที่ต มปกติไม่ได้ ก รแ ดงจ เริ่มเมื่ เกิดค ม
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 131

ขดแย้งใจ (Conflict) มี รมณ์ผิดปกติ แล พฤติกรรมจ ยทนทีเมื่ รมณ์กบเข้ ู่ ภ พปกติ เป็น ก รที่


เกิดขึ้นเพื่ ใช้ขจดค มกดดนพี่ไม่ได้ต มที่ต้ งก รด้ ยก รชก ผู้ป่ ย ิ ทีเรีย จ ใช้ในกลุ่มคนม ก ๆ รื คนที่
ตนเ ง นใจ โดยเลื ก ถ นที่ แล โ ก ที่จ ชก รื เกร็ง ช่ ขณ คล้ ยกบคนที่แกล้งท รื เ แ ร้งม ย ถ้
รู้ ึกต ่ มีคนที่รกม จ ก รื ก ด จ รู้ ึกต แล จ มี ก รเกร็งชกจนก ่ ได้รบปร โยชน์จ กบุคคลผู้น้นแล
ต มค มต้ งก รข งตน ขณ ชกจ ไม่ได้ยินเ ียงดง พบบ่ ยคื พ กที่ช บแ ดงล คร ช บแต่งต ีฉูดฉ ด
ดุดต ในแม่ ม้ ย ฝร่งแก่ ๆ บุคคลที่ กดได้ง่ ย มีค มไ ต่ ค มรู้ ึก (Sensitive) ช บไป ม เข้ ทรง
ม ผี ลก ณ ข ง รมณ์เป็นแบบเด็ก ๆ ที่ไม่รู้จกโต แล มี ก รลืมเรื่ งร เกี่ย กบตนเ ง
3. Phobic Neurosis เป็น ก รที่ผู้ป่ ยกล ตถุกล ตถุ รื เ ตุก รณ์ที่ผู้ป่ ยเ งก็ทร บดี ่ ไม่มี
นตร ย ค มกล นี้ จท ใ ้เป็นลม ่ นเพลีย ใจ ่น เ งื่ ก คลื่นไ ้ แล กร นกร ยเป็น ก รกล โดย
ไม่มีเ ตุผล
- Simple Phobia เป็นลก ณ กล เฉพ ย่ งเพียง ย่ งเดีย จจ เนื่ งจ กเค้ เคยกล
ในจิตใต้ นึก เช่น กล ค ม กปรก (Mysophobia) กล ที่ ูง (Acrophobia) กล ที่แคบ (Claustrophobia)
กล ค มมืด (Nyctophobia) แล กล ค มต ย (Thanatophobia)
- Social Phobia เป็น ก รกล เฉพ ด้ น งคม เช่น กล ก รพูดในกลุ่มชน กล ก รกิน เมื่
ยู่ในที่ ธ รณ ชนกลุ่มใ ญ่
- Agoraphobia เป็น ก รกล ถ นที่จ น นม ก เช่น กล ลิฟต์ กล ก รเดินท ง รื ยู่บ้ น
คนเดีย แล กล ต ยเป็นต้น
4. Obsessive Compulsive Neurosis โรคปร ทชนิดย้ คิดย้ ท มี ก รย้ คิด คื คิดซ้ ยู่เ ม
แล กร ท ซ้ ๆในเรื่ งเดีย กนซึ่งเป็นเรื่ งที่ไร้ ร โดยรู้ต ่ ก ลงคิด ยู่แต่ไม่ ม รถขจดค มคิดน้น กไป
ได้ เช่น ก รช บล้ งมื บ่ ย เพร ไม่ ม รถบงคบตนเ งได้ แล คิด ่ มื กปรก ยู่ตล ดเ ล บุคลิกภ พข ง
บุคคลปร เภทนี้จ เป็นคนเจ้ ร เบียบ เคร่งเครียด ไม่มี รมณ์ขน เป็นคนที่ช บคิดเรื่ ง ีลธรรม มีมโนธรรม
กฎเกณฑ์ งคม ช บต นิตนเ ง เป็นคนตรงต่ เ ล ดเรียบร้ ย บุคคลพ กนี้จ มีท นคติที่เปลี่ยนแปลง
ยก
5. Depressive Neurosis โรคปร ทชนิด นี้ แ ดง กด้ ย ก รซึม เ ร้ เนื่ งจ กเกิด ค มตึ ง
เครียดภ ยในจิตใจ รื เ ตุก รณ์บ ง ย่ ง เช่น ก ร ูญเ ียข งรก บ งร ยไม่แ ดง ก รเ ร้ แต่จ กม ด้ ย
ก รไม่ บ ย ป ดท้ ง มกจ ครุ่นคิด กง ลกบ ุขภ พร่ งก ยข งตน กล ่ จ เป็นโรคน้นโรคนี้ ถึงแม้ ่ แค่จ
ยืนยน ่ ไม่ได้เป็น ไรก็ไม่ย มเชื่ รื จจ เรียก ่ โรคปร ทชนิด "Hypochondriasis"
6. Depersonalization Neurosis รื Somatoform Disorder กลุ่ม ก รนี้มีลก ณ เด่น คื มี
ค มคิด ่ รูปร่ ง น้ ต ผิดปกติไปจ กค มจริง รู้ ึก ่ ตนเ งแปลกไป ิ่งแ ดล้ มก็ดูเปลี่ยนแปลงไป
จ กเดิม
7. Neurasthenia Neurosis ผู้ป่ ยจ บ่น ่ มี ก ร ่ นเพลียเรื้ รงเ นื่ ยง่ ย บ งคร้งท ไรไม่ได้
เลย กลุ่มนี้มี ก รแตกต่ งจ ก Hysterical Neurosis ตรงที่ผู้ป่ ยเดื ดร้ นจริงๆ แล ไม่ได้รบปร โยชน์ ซึ่ง
แตกต่ งจ ก Anxiety Neurosis แล Psycho Physiological Disorders ตรงที่ช บบ่นเป็น คญแล แตกต่ ง
จ ก Depressive Neurosis ตรงที่เ ร้ ป นกล ง แต่ร ย เ ล ที่เป็นเรื้ รงก ่
8. Post Traumatic Neurosis รื Post Traumatic Stress Disorder เรียกย่ ่า PTSD คื โรค
ปร ทที่เกิดจ กเ ตุก รณ์เ ร้ เทื นข ญ ลงจ กผู้ ป่ ยได้รบบ ดเจ็บกร ทบกร เทื นท งจิตใจ จ ก
ุบติเ ตุ (Accident) โดยจ แ ดง ก รปร กฏ เช่น ภ ย ลงผ่ ตดท มน รื จ กภยนตร ย เทื นข ญ
(Traumatic Event รื Incidental Event) เช่น เกิดจล จล เกิดปฏิ ติ น้ ท่ ม ภยพิบติจ ก ึน มิแล ก ร
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 132

ูญเ ียบุคคลที่รกท ใ ้มี ก รใจ ่น งุด งิด ขี้ลืม น นไม่ ลบ ตกใจง่ ย ดุ้ง เบื่ น่ ยแล ช็ กก ทน น
(Shock)

2. โรคจิต (Psychosis)
ผู้ป่ ยที่เป็นโรคจิต รื ิกลจริตจ ูญเ ีย น้ ที่ก รท ง นข งจิตใจ ย่ งม กท ใ ้ไม่ ม รถด เนิน
ชี ิตต มปกติได้ ปร ก บด้ ย ก รท่ ไป คื
1. ค มผิดปกติข งค มคิด (Disorders of Thought) ผู้ป่ ย จแ ดง กในรูปข งค มคิ ดข งผิด
เชื่ ผิด คิดผิด (Delusion) รื ก รเชื่ มโยงค มคิดเ ียไปท ใ ้ก รแ ดงค มคิด ยุดช งก (Blocking) รื
กร ท แบบพูดซ้ ๆ (Preseveration) รื พูด ้ มค้ ม นไปม (Circumstantiality)
2. ค มผิดปกติข งปร ทก รรบรู้ (Disorders of Perception) ที่พบบ่ ย คื ูแ ่ แล ภ พ ล น
(Hallucnation)
3. ค มผิดปกติข ง รมณ์ (Disorder of Affect) ผู้ป่ ยมี รมณ์กล เ ร้ (Depression) รื รื่นเริง
นุ ก น นผิ ด ธรรมด (Euphoria) รื แ ดง รมณ์ ไ ม่ ดคล้ งกบค มคิ ด แล เ ตุ ก รณ์ ข ณ น้ น
(Inappropriate)
4. ค มผิดปกติข งพฤติกรรมก รเคลื่ นไ Disorders of Motor Activity) เช่น ผู้ป่ ย ยู่ในท่ ใด ถ้
นึ่งซึ่งผิดปกติเป็นเ ล น น ๆ (Catalepsy) รื ผู้ป่ ยไม่มีก รเคลื่ นไ เลยคล้ ย ุ่นขี้ผึ้ง (Waxy) ร มท้งไม่มี
ปฏิกิริย ต บโต้ต่ ิ่งแ ดล้ มแล ไม่พูด (Mutism)
5. บุคลิกภ พเปลี่ยนไปจ กเดิม ย่ งม ก (Disorders of Personality) ผู้ป่ ยไม่เ ใจใ ่ต เ งดงเช่น
เคย เช่น ไม่ บน้ แล แต่งต กปรก นิ ยใจค เปลี่ยนแปลงไปจ กเดิมซึ่งเคยเป็นคนดีกล ยเป็นคน ย บค ย
แล ดุร้ ย
6. ก รรู้จกต เ ง ผู้ป่ ยไม่ย มรบ ่ ต เ งไม่ บ ยแล ไม่ย มรบก รรก (Poor Insight) ก รโรค
จิตรุนแรงก ่ โรคปร ทพบได้ปร ม ณ 2.7 ต่ จ น นปร ช กร 1,000 คน

าเ ตุข งโรค
1. เ ตุท ง ม ง (Organic Psychosis) เป็นก ร ูญเ ียก รท ง นข งเนื้ เยื่ ม ง ม งพิก รจน
ท ใ ้เป็นโรคจิตได้
2. เ ตุท งจิตแล รมณ์ (Functional Psychosis)
ประเภทข งโรคจิต
1. โรคจิตเภท (Schizophrenia) มีผลจ กท งพนธุกรรมโดยเฉพ ในผู้ป่ ยที่เป็นพี่น้ ง ถ้ ฝ แฝดไข่
ใบเดีย กนมีโ ก ที่จ เป็น 86% โรคจิตชนิดนี้มีค มผิดปกติข งค มคิด รมณ์แล พฤติกรรม ค มคิดที่
ผิดปกติน้น จจ คิด ไรที่ผิดไปจ กค มจริง บ งคร้งมีค ม ลงผิดแล มี ปร ท ล นเกิดขึ้น ใช้กลไกท ง
จิตปกป้ งตนเ ง รมณ์แปรปร นไม่แน่น น แล แ ดง ก ย่ งไม่เ ม ม ข ดค มเข้ ใจแล เ ็นใจผู้ ื่นมี
ก รแยกต เ งถ ยกลบไป ู่ ยเด็ก แล ท ไรแปลก ๆ ผิดปกติ โรคจิตชนิดนี้มีค มผิดปกติข งค มคิดเป็น
คญ
1) ค ามคิ ด ผิ ด ปกติ (Disorder of Thought) ผู้ ป่ ยจิ ตเภทมีปั ญ ด้ นก รคิด มกข ด
เ ตุผลม เชื่ มโยง ไม่ ม รถล ดบค มคิดข งเ ตุก รณ์จึงท ใ ้ก รพูด ยุดช งก (Blocking) รื พูดช้ ช้ ๆ
(Perseveration) พูดไม่ต่ เนื่ งเป็นเรื่ งร ได้ (Loosening of Association) แล ถ้ เป็นม กท ใ ้ก รพูดก ร
ฟังไม่ ม รถรู้เรื่ งได้ (Incoherence)
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 133

2) ารมณ์ ผิ ด ปกติ (Disorder of Emotion) ผู้ ป่ ยจิ ต เภทมี ค มผิ ด ปกติข ง รมณ์ ที่
คญ 2 ชนิดคื
(1) รมณ์เฉยเมย ี น้ แล แ ต ปร จ กค มรู้ ึกใดๆ (Apathy)
(2) รมณ์ไม่ ดคล้ งกบค มคิด รื เ ตุก รณ์ (Inappropriate of Mood)น กจ กนี้
จมี รมณ์ แบบเ ร้ กง ล รื ดกล เป็นต้น
3) การรับรู้ผิดปกติ (Disorders of Perception) ผู้ป่ ยจิตเภทจ มี ก รปร ท ล น
(Hallucination) แต่ที่พบบ่ ยที่ ุดมีปร ม ณร้ ยล 75 คื แล้ ได้ยินเ ียงจ กภ ยน กเป็นลก ณ ค พูดข ง
คนพูดคุยกน ได้ยินเ ียงดงเกิดขึ้นจ กค มคิดข งตนเ ง โดยมีเ ียง ่งใ ้ท ร้ ยตนเ ง รื ผู้ ื่น แล บ งคน จ
มีภ พร้ น รื ได้กลิ่นแล ก รรบร แปลก รื ท ง มผ ผิ นงเ มื นมีเชื้ โรค รื ิ่ง กปรกไต่ต ม
4) าการ ลงผิด (Delusion) ก ร ลงผิด เชื่ ผิด คิดผิดโดยไม่มีเ ตุผล คื ก รเชื่ ใน
ิ่งที่ผิด ไม่เป็นค มจริง ได้แก่ ลก ณ ก รที่พบบ่ ย คื ลงผิด ่ มีคนป งร้ ย (Delusion of Persecution)
แล ลงผิด ่ มีคนนินท ่ ร้ ยตน (Delussion of Refence)
ประเภทข งโรคจิตเภท โรคจิตประเภทแบ่งได้ 4 ชนิด ได้แก่
1.1 โรคจิตเภทชนิด าดระแ ง (Paranoid Schizophrenia) ชนิดนี้แม้จ เป็นน น ๆ แต่
บุคลิกภ พยงไม่เ ีย ม รถจ ถ นที่ เ ล แล ค มจ ยงใช้ได้ ก รแต่งก ยยงดี ยู่ มี ก ร ลงผิดแล ูแ ่
เป็น ก รเด่นชด
1.2 โรคจิตเภทชนิดเรื้ รัง (Hebephrenia รื Disorganized) ลก ณ ข ง รมณ์ไม่เข้
กบเ ตุก รณ์ ช บพู ดคนเดีย เร ย่ งไม่มี เ ตุ พ กนี้บุคลิกภ พเ ื่ มเป็นแล้ ไม่ค่ ย ย แล ด้ น
ค มคิดมีค มผิดปกติ ม ก มกพบใน ยุยงน้ ยแล ยรุ่นไม่มีโ ก ย เป็นภ ต่ คร บคร แล งคม
1.3 โรคจิตเภทชนิด ารมณ์แปรปร น (Catatonic) พบใน ยรุ่นแล ผู้ใ ญ่ต นต้น มี ก ร
คล่ ง เ ร ด แล ี กปร ก ร นึ่ งคื ไม่ ย มพูดเ มื นคน เป็ นใบ้ (Stupor) แล มี รมณ์รุ นแรง
(Excitement)
1.4 โรคจิตเภทชนิดธรรมดา (Simple Schizophrenia) พบในคนที่ ยุน้ ย (ต่ ก ่ ยรุ่น)
พ กนี้จ เป็นไป ย่ งช้ ๆใช้เ ล น น ล ยปีจึงจ ปร กฏ ก รชด เช่น มี พฤติกรรมไม่ ย กได้ข งใคร ใช้ชี ิต
ย่ งไม่มีจุด ม ยปล ยท ง ช บยิ้ม แยกต เงียบครึม ลก ณ ค มคิดแล ก รปร ท ล นท ง ูยงไม่
ชดเจน
2. โรคจิต ารมณ์แปรปร น (Major Affective Disorders) โรคจิตมนมีค มผิดปกติท ง รมณ์โรคจิต
รมณ์แปรปร น (Major Affective Disorders รื Mood Disorder) ม ยถึง โรคจิตที่มีค มผิดปกติข ง
รมณ์ รื ลงผิด เชื่ ผิด (Delusion) มี ก ร ูแ ่ (Hallucination) เป็นลก ณ คญ รมณ์ที่ผิดปกติน้น
จเป็น (1) รมณ์เ ร้ (Depression) รื (2) รมณ์รื่นเริง นุก น น (Euphoria)
าเ ตุข งโรคจิตชนิดผิดปกติทาง ารมณ์ ได้แก่
1. ด้ นพนธุกรรม ในคนธรรมด ท่ ไปมีโ ก จ เป็นโรคนี้ 1% แต่ในพี่น้ งลูก ล นมี 12% ใน ฝ แฝด
ใบเดีย กน 90%
2. ด้ นบุคลิกภ พ บุคลิกภ พข งคนก่ นที่จ เป็น จเป็นพ กที่มี รมณ์เปลี่ยนแปลง ยู่เ ม
3. ด้ นรูปร่ ง คนที่เป็นมกจ มีลก ณ แบบ ้ นเตี้ย ค ใ ญ่ ้น น้ กลม แขนย เรีย นิ้ เล็ก
4. ยุ ในคนไทย ยุ 40 - 50 ปี ใน ยรุ่นมีบ้ งเล็กน้ ย ในฝร่งมีม กใน ยุ 65 ปี ขึ้นไป
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 134

ประเภทข งโรคจิต ารมณ์แปรปร น โรคจิต รมณ์แปรปร นกลุ่มนี้แบ่งเป็น 3 ชนิด คื


2.1 โรคจิตซึมเ ร้า (Depressive) ก ร คญข งโลกนี้คื
- มีค มคิด ลงผิด (Delusion) ชนิดที่พบบ่ ย คื ลงผิด ่ ตนเ งมีค มผิดแล เป็น
คนไร้ค่
- มี รมณ์เ ร้
- มีค ม ิตกกง ล
- น นไม่ ลบ
- เบื่ ร
- ่ นเพลียไม่มีแรง
- พลุ่งพล่ นกร นกร ย (Agitation)
- ผู้ป่ ย มกมุ่นครุ่นคิด ่ ตนเป็นโรคท งก ย (Hypochondriasis)
2.2 โรคจิตแมนเนีย (Mania) คื มี รมณ์รื่นเริง นุก น นผิดปกติเช่น พูดม ก ไม่มี ม ธิแล
ช บท กิ จ กรรม แล ค มคิ ด เปลี่ ย นแปลงเร็ มกพบในผู้ ป่ ยที่ มี รมณ์ เ ร้ ใน ยต่ ( Involution
Melancholia) ซึ่งเป็นโรคท งจิตเ ช ที่มีค มผิดปกติข ง รมณ์
2.3 โรคจิต ุข - เ ร้า (Manic - Depressive รื Bipolar Disorders) คื ผู้ป่ ยจ มี ก ร
ท้ง 2 ย่ ง ลบกน ย่ งร ดเร็ เดี๋ย เร เดี๋ย ร้ งไ ้ ทุก 2-3 น แล ก รซึมเ ร้ ต้ งมีติดต่ กนเป็นเ ล
ย่ งน้ ย 1 น
นตร ยที่ คญข งโรคจิตซึมเ ร้ คื
1) ก รฆ่ ต ต ย (Suicide) พบ ่ ตร ก รพย ย มฆ่ ต ต ยข งผู้ป่ ย ูงก ่ โรคท งจิตเ ช ทุก
ชนิ ด เ ตุเนื่ งม จ กรู้ต ่ เป็น คนไม่มีค่ (Worthless) ไร้ค ม ม ย (Meaningless) ไม่ได้ท ง น ไม่มี
ปร โยชน์ แ ก่ งคม (Helpless) มด มรรถภ พ (Importance) มกเป็ น ในผู้ ญิ ง ม กก ่ ผู้ ช ย ิ้ น ง
(Hopeless) แล ข ดค มรก (Loveless)
2) ก รฆ่ ผู้ ื่นต ย (Homicide) ผู้ป่ ยโรคจิตซึมเ ร้ กร ท ก รฆ่ ผู้ ื่น ยในขณ ที่ภ จิตใจมี
ค มคิด ลงผิด ่ มีคน ่งใ ้ท พ กเข จ ได้ บ ยไม่ต้ งทนทุกข์ทรม น ีกต่ ไป มดเคร ์กรรม ฉ น้นถ้
ต เ งต ยคร บคร ต้ งต ยไปด้ ยกน
3. โรคจิตระแ ง (Paranoid State) โรคจิตชนิดนี้มี ค มคิด ลงผิดแบบ ดกล ถูก ท ร้ ย รื คิด
่ เป็ น คนใ ญ่ โ ต ซึ่ ง เป็ น ลก ณ เด่ น ข งกลุ่ ม ก รนี้ พ ฤติ ก รรมแล ค มคิ ด ตล ดจนปร ท ล นก็
เนื่ งม จ กค มคิด ลงผิดนี้เป็นค มผิดปกติที่ ยู่ตรงกล งร ่ งจิตเภท (Schizophrenia) กลบโรคจิต นมี
ค มผิดปกติท ง รมณ์ (Major Affective Disorders) เป็น ก ร ดร แ งที่เกิดขึ้น ย่ งช้ ๆ มีค มคิด
ลงผิดในร ย ยเ ื่ ม เป็นโรคจิตเรื้ รงที่มี ก ร ลงผิดชนิดคิด ่ มีคนป งร้ ย (Persecutory Delusion)
รื คิด ่ ต้น เป็ นคน คญผิ ดธรรมด (Grandeur Delusion) เป็น ก รเด่นชดผู้ป่ ย ่ นม กไม่มีปร ท
ล น รมณ์ข งผู้ป่ ยจ ดคล้ งกบค มคิด ลงผิดมีค ม ม รถแล เช ์ปัญญ เป็นปกติ แล ยุเมื่
เริ่มเป็นจ เกิน 30 ปีขึ้นไป
โรคนี้ แตกต่ งจ กโรคจิตเภท คื ก รเชื่ มโยงข งค มคิดเ ียไปลก ณ ข ง รมณ์ไม่ ดคล้ งกน
รื จเฉยเมย ซึ่งเป็นลก ณ คญข งโรคจิตเภท โรคนี้เป็นโรคเรื้ รงเป็น ๆ ย ๆ ไม่ ยข ด ตร บใดที่
ผู้ป่ ยรก ด้ ยย แล จิตบ บด ยู่ ก รจ งบลง แต่เมื่ ยุดย ก รจ กลบม เป็น ีกได้ง่ ย ในร ยที่มี
ก รไม่ม กผู้ป่ ยจ ม รถท ง นได้ปกติ
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 135

ตารางค ามแตกต่างระ ่างโรคประ าทกับโรคจิต


โรคประ าท (Psychoneurosis/Neurosis) โรคจิต (Psychosis)
1. ผู้ ป่ ย ม รถที่ จ ติ ด ต่ กบค มจริ ง ได้ 1. ผู้ ป่ ยไม่ ม รถรบรู้ ใ นโลกข งค มจริ ง มี ก ร
(Contact with Reality) ไม่มี ก รปร ท ปร ท ล นท ง ูที่เรียก ่ ูแ ่ รื เ ียง ่งเกิดภ พ
ล น (Hallucination) ท ง ู ท งต ลงผิด ล งต แล มี ก ร ลงผิด เชื่ ผิด ๆ ย่ งไร้เ ตุผล (Out
เชื่ ผิด (Delusion) แล แปรภ พผิด (Illusion) of Reality)
2. ผู้ ป่ ยรู้ ่ ต เ งไม่ บ ย ต้ งก รค ม 2. ผู้ป่ ยไม่รู้ ภ ข งต เ งในขณ น้นไม่รู้ ่ ต เ งป่ ย
ช่ ยเ ลื ท้ ง ๆ ที่ บ งที ไ ม่ ไ ด้ ป่ ยจริ ง แต่ มกจ บ ก ่ ฉนไม่ได้ คน ื่นบ้ มดยกเ ้นต เ ง ฉนไม่ได้
ต้ งก รไป แพทย์ (Insight) เป็น ไร ท ไมจึงพ ฉนม ยู่ที่นี่ (Lack of Insight)
3. บุคลิ กภ พไม่เปลี่ ย นม ก จเปลี่ ย นบ้ ง 3. บุ ค ลิ ก ภ พเปลี่ ย นแปลงไป ย่ งม ก เปลี่ ย นชนิ ด ที่
เล็กน้ ย (Change of Personality) ตรงกนข้ มจ กคนที่ เ คย นุ ก น นเ กล ยเป็ น คน
ซึมเ ร้ เช่น เคยใ ่ กร ดุมได้ถูกต้ ง จใ ่เม็ดบนคู่กบ
เม็ดล่ ง (Lost of Personality)
การแก้ไข ภาพจิตใจและ ารมณ์ที่ผิดปกติ
1. เมื่ มีค มผิดปกติท งด้ นจิตใจแล รมณ์ ย่ เก็บไ ้คนเดีย ค รเล่ รื ปรึก กบบุคคล
ที่ใกล้ชิด รื ที่เร ไ ้ งใจได้ เช่น พ่ แม่ผู้ปกคร ง ครู เป็นต้น
2. เมื่ มีปัญ ท งด้ นจิตใจแล รมณ์ ค รถื ่ เป็นปัญ ที่ จเกิดขึ้นได้กบทุกคนแล ม รถแก้ไข
ได้ ไม่ค รท้ ถ ย ค รมีจิตใจเข้มแข็งแล มีค มเชื่ ม่นที่จ แก้ไขปัญ
3. บุคคลที่ใกล้ชิดเด็ก เช่น พ่ แม่ ผู้ปกคร ง ครู เป็นต้น ต้ งใ ้ค ม นใจแล เข้ ใจในปัญ
ท งจิตใจแล รมณ์ข งเด็ก แล แน น ิธีก รแก้ไขปัญ ที่ถูกต้ งแก่เด็ก
4. กบุคคลในคร บคร มี ก รผิดปกติท งด้ นจิตใจแล รมณ์ ย่ งรุนแรง เช่น มี ก รซึมเ ร้
รุนแรง ลงผิด เป็นต้น ต้ งรีบน ผู้ป่ ยใ ้แพทย์รก โดยเร็ ไม่ค รปล่ ยไ ้เพร จท ใ ้เกิด นตร ยแก่
ภ พจิตข งผู้ป่ ยม กขึ้น
5. ฝึกปฏิบติท งจิตต ม ลกธรรมที่ช่ ย ่งเ ริม ุขภ พจิตใ ้ดีขึ้น เพื่ แก้ไขปัญ ท งด้ นจิตใจแล
รมณ์ที่ผิดปกติ
ิธีการบ้าบัดทางจิต (Techniques of Psychotherapy)
ิธีก ร รื เทคนิคต่ ง ๆ ที่จ ช่ ยใ ้ผู้ที่มีแน โน้มจ เป็นโรคจิต รื ที่เป็นโรคจิตแล้ แต่ยงรก ไม่
ย เร เรียก ่ ก รบ บดท งจิต ซึ่งบุคคลที่จ ท น้ ที่เกี่ย ข้ งกบเรื่ งนี้ปร ก บด้ ย
1) จิตแพทย์ (Psychiatrist) คื แพทย์ ผู้ บได้บ ร์ดเป็นจิตแพทย์ข งก รเป็นผู้มีค มช น ญ แล มี
ปร บก รณ์เฉพ ท งจิตเ ชท น้ ที่ตร จ ินิจฉย บ บดรก ผู้ป่ ยด้ ย ิธี ท งก รแพทย์ คื ก รใช้ย
บ บด ก รใช้ไฟฟ้ ช็ กคนไข้โรคจิตบ งปร เภทแล ก รบ บดรก ท งจิตเป็นร ยบุคคล รื เป็นกลุ่ม
2) นก งคม งเคร ์ (Social Worker) คื ผู้ที่เรียนจบด้ น งคม งเคร ์ปฏิบติ น้ ที่ในด้ นก รซก
ปร ติญ ติ รื ผู้ปกคร งคนไข้ ตล ดจนก รไปเยี่ยมบ้ นเพื่ น ข้ มูลม ปร ก บก รพิจ รณ รก คนไข้ ช่ ย
จดร บบคร บคร ด้ ยก รใ ้ ก รแน น ด้ นก รเลี้ยงดูที่ถูกต้ ง ก รรู้จกปรบต ที่ดีใ ้ค มรู้ท งก ร ึก
แล แน ท งก รปร ก บ ชีพใน งคมแล ชุมชน
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 136

3) พย บ ลจิ ต เ ช (Psychiatric Nurse) ม ยถึ ง พย บ ลผู้ ผ่ นก ร บแล ก รฝึ ก บรมได้ ใ บ


ปร ก บก รด้ นพย บ ลจิตเ ช โดยมีค มรู้ค มเข้ ใจในผู้ป่ ยที่มี ก รท งจิต ปฏิบติ น้ ที่ดูแลคนไข้ภ ยใน
ร์ด ดูแลค ม ดด้ น ุข น มย ่ นต จด ถ นที่พก ฝึกคนไข้ใ ้ กก ลงก ย ดูแลก รรบปร ท นย
รแล ร่ มท กิจกรรมกลุ่มบ บด
4) นกจิต ิทย (Psychologist) คื ผู้ที่จบก ร ึก ด้ นจิต ิทย โดยปฏิบติ น้ ที่ในก รใ ้บริก รท งจิต
เ ชค รเป็นนกจิต ิทย คลินิก (Clinical Psychologist) รื จเป็นนกจิต ิทย ใ ้ค ปรึก แล นกจิต ิทย
งคม มี น้ ที่ตร จรก โดยก รทด บคนไข้ทด บท งจิต ิทย ได้แก่ แบบทด บเช น์ปัญญ แล
แบบทด บบุคลิกภ พ ท น้ ที่ช่ ยจิตแพทย์แล พย บ ลท กลุ่มบ บดด้ ยก รปรบพฤติกรรม รบก ร
ปร เมินผลแล ินิจฉยพฤติกรรมข งคนไข้ค บคู่กบก รรก ข งจิตแพทย์

การบ้าบัดรัก า (Therapy)
ก รบ บดคนไข้ ที่ มี ค มแปรปร นท งจิ ต มี จุ ด ปร งค์ ใ ญ่ ๆ เพื่ จ ช่ ย ่ ง เ ริ ม ใ ้ ค นไข้ มี
มรรถภ พในก รแก้ปัญ ข งตนเ ง พย ย มปรบต เ งใ ้เข้ กบ ิ่งแ ดล้ ม แล รู้จกบงคบค บคุมแล ใช้
รมณ์ ติปัญญ ข งตนเ งใ ้เกิดปร โยชน์ ก รรก น้น กพูดโดยก ้ ง ๆ ด เนินไปต มข บเขต รบ
ก รบ บดรก (Therapy) ท งจิ ต เ ชในบทบ ท น้ ที่ ข งจิ ต แพทย์ ม รถแบ่ ง ได้ ล ย ิ ธี เช่ น ก ร
บ บดรก ด้ ยย ก รบ บดท งจิต ก รช็ ตไฟฟ้ พฤติกรรมบ บด นิเ น์บ บด คร บคร บ บด ก รบ บด
ด้ ยก รเล่น ก รบ บดด้ ยดนตรี ก รฟื้นฟูบ บดแล นนทน ก ร
1. การบ้าบัดรัก าด้ ยยา (Drug Therapy) ก รใช้ย เพื่ ปรบ มดุลข ง ร ื่ ปร ทใน ม ง โดยมี
ก รแบ่ ง เป็ น 4 กลุ่ ม ลกต มลก ณ ก รรก ก ร รื โรคท งจิ ต ได้ แ ก่ ย รก ก รท งจิ ต
(Antipsychotics) ย รก รมณ์เ ร้ (Antidepressants) ย ปรบ รมณ์ใ ้คงที่ (Mood Stabilizers) แล ย
คล ยกง ล-ย น น ลบ (Sedative and hypnotics) ซึ่ง กได้รบย เ ล่ นี้ภ ยใต้ก รดูแลข งจิตแพทย์ จ ไม่
่งผลเ ียต่ ก ร ม งแล ร่ งก ย ย่ งที่ ล ยคนเข้ ใจ เช่น กดกร ดูก ท ล ยตบแล ไต เป็นต้น ร่ มถึงไม่ท ใ ้
เกิดก รเ พติดย ด้ ย
2. การบ้ า บั ด ทางจิ ต (Psychotherapy) ก รพูดคุย ใ ้ ค ปรึก ก รท จิตบ บดแบบต่ งๆ โดยมี
จุดปร งค์เพื่ ปรบค มคิดแล พฤติกรรมบ ง ย่ งใ ้เ ม ม ร มถึงก รท กิจกรรมบ บด กลุ่มบ บด ก รฝึก
ผ่ นคล ยค มเครียด แล ก รปรบ ิ่งแ ดล้ ม (Milieu therapy)
3. การรั ก าด้ ยไฟฟ้ า (Electro-convulsive therapy; ECT ) จ มี ข้ บ่ งใช้ ในก รรก ผู้ ป่ ยที่ มี
ก รรุนแรง รื ก รป่ ยน้นไม่ต บ น งต่ ก รรก ด้ ยย เพียง ย่ งเดีย
4. พฤติกรรมบ้าบัด (Behavior Therapy) พฤติกรรมบ บดเป็นก รรก พฤติกรรมที่ไม่พึงปร งค์ด้ ย
ก รปรบพฤติกรรม (Behavior Modification) ที่พึงปร งค์ ม รถใช้บ บดรก ได้ท้งในคนปกติแล ผิดปกติ
โดยจิตแพทย์ รื นกจิตบ บด ด้ ยก รพย ย มน ทฤ ฎีก รเรียนรู้ ท ง งคมข งแบนดูร (Bandura. 1977 -
1986) ทฤ ฎีก รเรียนรู้ท งปัญญ นิยมเพื่ ใ ้ผู้ป่ ยได้ฝึกกร บ นก รคิดเป็น ม รถรู้ ึกได้ แล มุ่งก รกร ท
ภ ยใต้ก รถูกก นดเงื่ นไขด้ ยแบบคล ิก รื แบบเต็มใจตล ดจนใช้ก รเรียนรู้แบบ งเกต
5. นิเ น์บ้าบัด (Milieu Therapy) นิเ น์บ บดมีจุดมุ่ง ม ยใ ้ผู้ป่ ยได้เรียนรู้ก ร ยู่ร่ มกบผู้ ื่น
มีค ม มพนธ์ที่ดีกบผู้ ื่นโดยพย ย มจด ิ่งแ ดล้ มในโรงพย บ ลใ ้มีค มเ ม มด้ ยก ร ร้ งบรรย ก
เ มื นที่บ้ นจนผู้ป่ ย ม รถปรบต ได้ดีขึ้น เริ่มมีค มเชื่ ม่นในต เ ง มีค มคิดริเริ่ มแล กล้ แ ดง กม ก
ขึ้น
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 137

6. คร บครั บ้าบัด รื การใ ้ค้าปรึก าคร บครั (Family Counseling) ก รใ ้ค ปรึก คร บคร
เป็นเทคนิคข งก รบ บดที่ท ใ ้ผู้ป่ ยต้ งก รที่จ กลบบ้ นเพื่ จ ได้ ยู่กบคร บคร ที่ต้นรกค ยช่ ยเ ลื ดูแล
รก ภ พจิตใจ ในกร บ นก รที่ทุกคนในคร บคร ต่ งใ ้ค มช่ ยเ ลื โดยเข้ ใจในปัญ ข งเข ที่เกิดขึ้น
เพร ร บบคร บคร เป็นค มรบผิดช บข งทุกคนที่จ ต้ งร่ มมื กน ท งแก้ไข ท ใ ้คร บคร ยู่ใน ภ
ที่ มดุล มีปร ิทธิภ พ นเป็นแน ท งที่จ พฒน ผู้ป่ ยในคร บคร ใ ้ มีค มภ คภูมิใจเป็นต ข งต เ ง
ม รถ ร้ ง มพนธภ พที่ดีแล ปรบต ได้กบทุกคนในคร บคร แล งคมภ ยน ก
7. การบ้าบัดด้ ยการเล่น (Play Therapy) ก รเล่นนบ ่ เป็นก รรก ในผู้ป่ ยที่เป็นเด็กได้ผล ิธี นึ่ง
โดยนกจิต ิทย งเกตพฤติกรรม แล รมณ์ที่ค บคู่กนขณ เล่นได้เป็น ย่ งดี เนื่ งจ กผู้ป่ ยไม่ รู้ต ่ เป็น
เทคนิค ิธีก รรก ด้ ยก รใช้ก รเล่นเกม ตุ๊กต ลูกบ ล ก ร ดภ พร บ ย ี รื ข งเล่น ื่นภ ยใน ้ งที่จด
รบก รบ บดรก โดยเฉพ แล ข งเล่น ต้ งดูใ ้เ ม มกบ ยข งผู้ป่ ยด้ ยช่ ยใ ้เด็กได้ขจดค มรู้ ึก
ก้ ร้ รื ได้ร บ ย รมณ์ กม ท ใ ้เด็ กเริ่มมีค มกล้ ขึ้น แล นกจิต ิทย ม รถเรียนรู้แล เข้ ใจ
พฤติกรรมเด็กได้
8. การบ้าบัดด้ ยดนตรี (Musical Therapy) ก รบ บดด้ ยดนตรีเป็นเทคนิคที่ท ใ ้ผู้ป่ ยคล ยเครียด
ลดค ม ิตกกง ลได้ เมื่ ได้ยินเ ียงเพลงท ใ ้ได้ร้ งเพลงปลดปล่ ย กม รื ถ้ ผู้ป่ ยต้ งก รจบต้ ง รื
ย กเล่นเพื่ เรียนรู้เครื่ งดนตรีจ เป็น ิธีซึ่งผู้บ บดใช้ งเกตพฤติกรรมขณ ผู้ป่ ยแ ดง กค บคู่กบ รมณ์ได้
่ ม รถกร ท ย่ งเ ม ม รื ไม่ ในขณ น้นผู้ป่ ยมี ก รดีขึ้น รื แย่ลงก ่ เดิม เช่น ผู้ป่ ยใช้มื ตีกล่ ง
ซึ่งเค้ บ ก ่ ตีจน ุดแรงแต่ผู้บ บด รื คนใกล้ไม่ ม รถได้ยินเ ียง ไรเลย
9. การฟื้นฟูบ้าบัดและนันทนาการ (Rehabilitation) ก รบ บดด้ ยก รใ ้ผู้ป่ ยได้ผ่ นคล ยช่ ยใ ้
จิตใจไม่ฟุ้งซ่ น เป็นก รฝึกใ ้มี ม ธิด้ ยก รใ ้ท ชีพง่ ย ๆ เ ม กบค ม ม รถข งแต่ล คน ผลง น
จจ ดีบ้ งดู ยง มเ ม มใช้ ได้แต่ก็ จเ ีย ยได้บ้ ง เช่น ก รท ด กไม้ปร ดิ ฐ์ ก ร ดรูป ตดเย็บ
เ ื้ ผ้ ซก - รีดเ ื้ ผ้ ล้ งรถยนต์ (กรณีต ย่ งข ง ูนย์ฝึก ชีพจ กร้ นเพื่ นข งโรงพย บ ล รีธญญ ) ช่ ย
ใ ้ผู้ป่ ยมีร ยได้จ กค ม ม รถใน ชีพปร ดิ ฐ์ข งต้น
การปรับปรุง ง่ เ ริม ุขภาพจิต
รบ ิ ธี ป รบปรุ ง ่ ง เ ริ ม ุ ข ภ พจิ ต ใ ้ แ ก่ ต นเ งน้ น มี ข้ เ น แน เพื่ เป็ น แน ท งปฏิ บ ติ ใ น
ชี ิตปร จ น รุปได้ดงนี้
1. การบ้ารุงรัก า ุขภาพทางกายใ ้ มบูรณ์และแข็งแรง โดยเฉพ ย่ งยิ่งก รรู้จกเลื กรบปร ท น
รที่ดีมีปร โยชน์ ร มท้งรู้จก กก ลงก ยแล พกผ่ นใ ้เพียงพ น กจ กนี้ก็ค รปรบปรุงบ้ นเรื นใ ้
ดเรียบร้ ยถูก ุขลก ณ มีบรรย ก ที่ดี แล น่ ยู่ ยไปด้ ยพร้ มๆกน
2. การจัด กิจ กรรมต่ างๆในชี ิตใ ้ มดุล ในแต่ล นทุกคนค รจ ได้จดกิจกรรมต่ งๆเ ไ ้ ย่ งมี
ร เบียบแล เ ม ม โดยมีก ร งแผนไ ้ล่ ง น้ ก่ นเ ม ท้งในด้ นก รเรียน ก รท ง น ก รเล่น ก ร
พกผ่ น นนทน ก ร แล กิจกรรมที่ คญ ื่นๆ จ ช่ ยใ ้ก รด เนินชี ิตปร จ นเป็นไปได้โดย ด กแล
ร บรื่นยิ่งขึ้น
3. การท้าจิตใจใ ้ร่าเริงและเบิกบาน ยู่เ ม โดยเฉพ ค รฝึก ดตนใ ้เป็นคนยิ้มง่ ย เร ง่ ย
มี รมณ์ขน ม งโลกในแง่ดี รู้จกท จิตใจใ ้ผ่ งใ ร มท้งรู้จกพึงพ ใจแล ชื่นชมยินดีต่ ค ม เร็จเล็กๆน้ ยๆ
ข งตนเ งแล ผู้ ื่น
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 138

4. ประก บกิจกรรมนันทนาการตามค รแก่ ัตภาพ ก รใช้เ ล ่ งใ ้เป็นปร โยชน์ด้ ยก ร


ปร ก บกิจกรรมนนทน ก ร รื ก ร เ ล รบ นุก น นแล เพลิ ดเพลินใ ้กบตนเ งบ้ ง เช่น เล่นกี
รื ท ง น ดิเรกต่ งๆ นบ ่ เป็นก รเปิดโ ก ใ ้ร่ งก ยแล จิตใจข งคนเร ได้ผ่ นคล ยค มตึงเครียดจ ก
ภ รกิจในชี ิตปร จ นได้ ย่ งดี ท้งยงช่ ยใ ้เร มีค ม ุข ดชื่นแล มีชี ิตชี เพิ่มม กขึ้น ีกด้ ย
5. การมีค ามเชื่ มั่นในตนเ งและมีค ามเป็นตั ข งตั เ ง เร ทุกคนค ร ึก ใ ้รู้จกแล เข้ ใจ
ต เ ง ย่ งถ่ งแท้ ย มรบในขีดค ม ม รถแล ข้ บกพร่ งข งตนเ ง ีกท้งพึงพย ย มฝึก ดตนเ งใ ้มี
ค มพร้ มที่จ เผชิญปัญ แล ม รถคิดแก้ปัญ ต่ งๆ ย่ งมีเ ตุผล เมื่ เกิดปัญ ขึ้นจ ต้ งแยกใ ้ได้ ่
ไรเป็นเรื่ งเล็กแล ไรเป็นเรื่ งใ ญ่ ย่ ปล่ ยใ ้เรื่ งเล็กน้ ยม รบก นจิตใจ ตล ดจนค รจ ฝึกตนใ ้เป็น
คนมีจิตใจม่นคงแล ม รถตด ินใจเรื่ งข งต เ งได้โดยไม่ต้ งค ยพึ่งพ ยผู้ ื่น
6. การ ร้าง ัมพันธภาพ ันดีกับคน ื่นๆ เนื่ งจ กบุคคลเป็น ิ่งแ ดล้ มที่ใกล้ชิดที่ ุดข งคน
ดงน้นจึงจ เป็นที่เร ต้ ง ร้ งค ม มพนธ์ นดีกบผู้ ื่น แล รก มพนธภ พกบผู้ ื่นใ ้ร บรื่น ยู่เ ม เพื่ ช่ ย
่งเ ริม ุขภ พจิตด้ ยก รรู้จกปรบต ใ ้เข้ กบเ ตุก รณ์แล ิ่งแ ดล้ ม พร้ มท้งปรบปรุงทก ในเรื่ งมนุ ย์
มพนธ์ ด งได้ ก ล่ ม แล้ ใ ้ ดี ยิ่ งขึ้ น โดยยึด คติ ที่ ่ “ค รเป็ น ผู้ ใ ้ ม กก ่ ผู้ ร บ” แล “ถ้ ยทีถ้ ย ย”
น กจ กนี้ค รจ เป็นผู้รู้จกใ ้เกียรติผู้ ื่นเช่นเดีย กบก รที่ใ ้เกียรติตนเ ง แล มีค มเ ็น กเ ็นใจผู้ ื่นบ้ งต ม
มค ร
7.ค รรัก าค าม มดุลระ ่างการเก็บกด ารมณ์กับการปล่ ย ารมณ์ เมื่ มี รมณ์เกิดขึ้น
จงพย ย มค บคุมโดยใช้ ติปัญญ พินิจพิเคร ์ใ ้ดี ย่ ปล่ ยใ ้ลุกล มไปใ ญ่โตเกินก ่ เ ตุ แต่จง ท งใ ้
รมณ์ร บ ย กไปบ้ งพ มค ร ต มปกติคนเร ไม่ค รจ เก็บกด รมณ์ที่ขุ่นม เ ไ ้ ดงน้นทุกคนจึงค รมี
เพื่ น นิทเ ไ ้บ้ ง เพื่ ช่ ยคิดแก้ปัญ แล ร บ ยค มในใจเมื่ ถึงคร จ เป็น
8. ตั้งจุดมุ่ง มายในชี ิตไ ้ใ ้เ มาะ มกับ ภาพข งตน เร ทุกคนค รมีปรชญ ชี ิต รื แน ท ง
ชี ิตเ ไ ้ในช่ งต่ ง ๆ ข งชี ิตน้นเมื่ จ กร ท ิ่งใดก็ค รต้งจุดมุ่ง ม ย รื เป้ ม ย ใ ้เ ม กบ
ตนเ งแล ใ ้พ มีท งที่จ เป็นจริงได้ แล้ ด เนินชี ิตไป ู่จุด ม ยน้น ๆ แต่ถ้ บงเ ิญเกิดค มผิดพล ด รื ไม่
ม งก็จง ย่ ท้ แท้ใจ ค รคิดเ ีย ่ ผิดเป็นครู ในขณ เดีย กนก็ค รปรบปรุง จุดมุ่ง ม ยแล ิธีด เนินชี ิต
เ ียใ ม่ใ ้เ ม มกบ ถ นก รณ์ จงร ลึกเ ไ ้เ ม ่ ค ม ดทน เท่ น้นที่จ ช่ ยใ ้ชี ิตปร บค ม เร็จ
ได้
9. ย มรับ ภาพแ ่งค ามเป็นจริงในชี ิต คนเร มค รจ ม งทุก ิ่งทุก ย่ งต ม ภ พที่เป็น ยู่จริง
แล พย ย มแยกเ ค มใฝ่ ฝั น รื จิ น ตน ก ร กจ กค มเป็ น จริ ง ใ ้ ไ ด้ พึ ง เข้ ใจ ่ เร ทุ ก คนย่ มมี
ข้ บกพร่ ง รื มีป มด้ ยด้ ยกนท้งน้ น ไม่มี ใครในโลกนี้ ที่จ มบูรณ์ เพียบพร้ มไปเ ี ย มดทุ ก ิ่ งทุ ก ย่ ง
โดยท่ ไปคนเร ไม่ใช่จ ม งกนเฉพ ใน ่ นใด ่ น นึ่งแต่มกจ ม งทุกๆ ่ นปร ก บกนเป็น ภ พบุคคล
ฉ น้นนกเรียนจึงไม่ค รจ มีค ม ิตกกง ลใด ๆ ในเรื่ งปมด้ ย ถ้ กนกเรียนได้ใช้ค มพย ย ม ย่ งเต็มที่ใน
ก รพฒน ต เ งแล้ ก็ ม รถปร บค ม เร็จในชี ิตได้
10. มีค ามเลื่ มใ และ รั ท ธาใน า นา ทุก น ในโลกนี้ย่ มมีจุดมุ่ง ม ยที่ตรงกน กล่ คื
ต้ งก ร บรม ่ง นคนใ ้เป็นคนดี ่ นใน ลกก รแล ิธีปฏิบติข งแต่ล น ก็ย่ มแตกต่ งกน โดยท่ ไป
ลกธรรมข ง น ต่ ง ๆ จ ช่ ยจ กดกิเล รื ค มเ ร้ ม งได้ ร มท้งยงช่ ยกล่ มเกล จิตใจแล รมณ์
ข ง นิกชนได้ ีกด้ ย จึงท ใ ้บุคคลที่มีค มเชื่ ถื แล ยึดม่นปฏิบติต มพร ธรรมค ่ง น เป็นผู้ที่มีจิตใจ
แล รมณ์เพียบพร้ มไปด้ ยกุ ลจิต แล คุณธรรมต่ ง ๆ นจ เป็นเครื่ งช่ ยใ ้เข ม รถปรบต แล มี
ค ม ุข ยู่ใน งคมได้ ย่ ง งบ บุคคลจึงค รบ เพ็ญ นกิจใ ้เป็นนิจ ย่ ง ม่ เ ม ด้ ยก รท บุญตกบ ตร ไป
ดฟังเท น์ แล เข้ ร่ มในพิธีกรรมต่ ง ๆ ต มโ ก นค ร เพื่ ช่ ยใ ้ตนได้กร ท แต่ค มดี ล เ ้นค มช่
แล ร งรก จิตใจใ ้บริ ุทธิ์แจ่มใ
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 139

งานข ง ุขภาพจิตในโรงเรียนแบ่ง กเป็น 3 ประการ


1. ก รป้ งกน เพื่ ไม่ใ ้จิตข งครูแล นกเรียนเ ื่ ม รื เ ียไป โดยก รใ ้ค มรู้เกี่ย กบ ิธีปร พฤติ
ปฏิบติมิใ ้ ุขภ พจิตเ ียเมื่ ปร บปัญ ต่ ง ๆ ตล ดจนเข้ ใจถึงลก ณ ข ง ุขภ พจิตดี แล เ ื่ ม ่ แตกต่ ง
กน ย่ งไร เพื่ เตื นตนเ ง รบบุคคลที่ ุขภ พจิตก ลงจ เ ื่ มใ ้ ยุดช งก แล พย ย มกลบเข้ ู่ ภ พเดิม
โดยเร็
2. ก ร ่งเ ริม เพื่ ใ ้ ุขภ พจิตข งครูแล นกเรียนมี ุขภ พจิตดียิ่งๆ ขึ้น โดยก รรู้จกใ ้นนทน ก รที่
เป็นปร โยชน์ช่ ยเ ริม ร้ ง ุขภ พจิตแล เป็น ย่ งดี เช่น ก รเล่นกี ก รเล่นดนตรี ก รร้ งเพลง ก รชมม ร พ
ต่ งๆ ล เพื่ ผ่ นคล ยค มตรึงเครียดข งจิตใจ แล เป็นก รเ ริมใ ้เกิดค ม มคคีกลมเกลีย เกิดค ม
เข้ ใจ นดีร ่ งครูกบนกเรียน ีกด้ ย
3. ก รรก ในโรงเรียนมกใช้ค ่ “ก รช่ ยเ ลื ” ม กก ่ เพร เป็นเพียงแค่ก รช่ ยเ ลื ข้นต้น
เท่ ที่ จ ท ได้ จ กค มรู้ แ ล ปร บก รณ์ ข งครู ใ นโรงเรี ย น ถ้ เกิ น ค ม ม รถก็ ม กจ ่ ง ต่ ไปยง
ผู้เชี่ย ช ญ (Expert) ในคลินิก รื ถ นพย บ ลต่ ไป
แบบ ัด ุขภาพจิตคนไทยแบบ ั้น
(Thai Mental Health Indication = TMHI-15)
ค้าชี้แจง : ใ ้นกเรียนเขียนเครื่ ง ม ย / ลงในช่ งที่มีข้ ค มตรงกบต นกเรียนม กที่ ุด
ข้ ค ถ ม ไม่เลย เล็กน้ ย มก ม กที่ ุด
1. ท่ นรู้ ึกพึงพ ใจในชี ิต
2. ท่ นรู้ ึก บ ยใจ
3. ท่ นรู้ ึกเบื่ น่ ยท้ แท้กบก รด เนินชี ิต
ปร จ น
4. ท่ นรู้ ึกผิด งในต เ ง
5. ท่ นรู้ ึก ่ ชี ิตข งท่ นแต่ค มทุกข์
6. ท่ น ม รถท ใจย มรบได้ รบปัญ
ที่ย กจ แก้ไข (เมื่ มีปัญ )
7. ท่ นม่นใจ ่ จ ม รถค บคุม รมณ์ได้
เมื่ มีเ ตุก รณ์คบขน รื ร้ ยแรงเกิดขึ้น
8. ท่ นม่นใจที่จ เผชิญเ ตุก รณ์ร้ ยแรง
ที่เกิดขึ้นในชี ิต
9. ท่ นรู้ ึกเ ็น กเ ็นใจเมื่ ผู้ ื่นมีทุกข์
10. ท่ นรู้ ึกเป็น ุขในก รช่ ยเ ลื ผู้ ื่นที่มี
ปัญ
11. ท่ นใ ้ค มช่ ยเ ลื แก่ผู้ ื่นเมื่ มีโ ก
12. ท่ นรู้ ึกภูมิใจในตนเ ง
13. ท่ นรู้ ึกม่นคง ปล ดภยเมื่ ยู่ใน
คร บคร
14. กท่ นป่ ย นก ท่ นเชื่ ่ คร บคร จ
ดูแลท่ นเป็น ย่ งดี
15. ม ชิกในคร บคร มีค มรกแล ผูกพนต่ กน
ที่ม : http//www.dmh.go.th/test/thaihapnew/thi15/asheet.asp?qid=1 15 มกร คม 2550
ุข ึก าและพล ึก า ม.5 140

ค้าต บจะมี 4 ค้าต บ คื


ไม่เลย ม ยถึง ไม่เคยมีเ ตุก รณ์ ก ร ค มรู้ ึก รื ไม่เ ็นด้ ยกบเรื่ งน้น
เล็กน้ ย ม ยถึง เคยมีเ ตุก รณ์ ก ร ค มรู้ ึกเรื่ งน้นๆ เพียงเล็กน้ ย รื เ ็นด้ ยกบเรื่ งน้นๆ เพียง
เล็กน้ ย
มาก ม ยถึง เคยมีเ ตุก รณ์ ก ร ค มรู้ ึกเรื่ งน้นๆ ม ก รื เ ็นด้ ยกบเรื่ งน้นๆ ม ก
มากที่ ุด ม ยถึง เคยมีเ ตุก รณ์ ก ร ค มรู้ ึกเรื่ งน้นๆ ม กที่ ุด รื เ ็นด้ ยกบเรื่ งน้นๆ ม กที่ ุด
การใ ้คะแนน
ดชนีชี้ ดค ม ุขคนไทยฉบบ ้น 15 ข้ (this 15) มีก รใ ้ค แนนปร เมินโดยแบ่งเป็น 2 กลุม่ ดงนี้
กลุ่มที่ 1 ได้แก่ข้ 1,2,6,7,8,9,10,11,12,13,14,15
แต่ละข้ ใ ้คะแนนดังต่ ไปนี้

ไม่เลย = 0 ค แนน เล็กน้ ย = 1 ค แนน


ม ก = 2 ค แนน ม กที่ ุด = 3 ค แนน

กลุ่มที่ 2 ได้แก่ข้ 3,4,5 แต่ล ข้ ใ ้ค แนนดงต่ ไปนี้

ไม่เลย = 3 ค แนน เล็กน้ ย = 2 ค แนน


ม ก = 1 ค แนน ม กที่ ุด = 0 ค แนน

การแปลผล
เมื่ ร มค แนนทุกข้ แล้ น ม เปรียบเทียบกบเกณฑ์ปกติที่ก นดดงนี้
(ค แนนเต็ม 45 ค แนน)

35-45 ค แนน มีค ม ุขม กก ่ คนท่ ไป


28-34 ค แนน มีค ม ขุ เท่ กบคนท่ ไป
27 ค แนน มีค ม ขุ ต่ ก ่ คนท่ ไป

ในกรณีที่มีค แนน ยู่ในกลุ่ม ุขภ พจิตต่ ก ่ คนท่ ไป จช่ ยเ ลื ตนเ งเบื้ งต้น โดยข รบบริก รปรึก
จ ก ถ นบริก ร ธ รณ ุขใกล้บ้ น

นักเรียน ามารถค้นค ้า าค ามรู้เพิ่มเติมเนื้ า าระเกี่ย กับ ารมณ์และค ามเครียด ได้จากเ ็บไซต์ต่ ไปนี้
https://www.somdet.go.th
https://www.dmh.moph.go.th
https://www.swu.ac.th
https://www.nph.go.th
https://www.dnfe5.nfe.go.th
https://www.pirun.ku.ac.th

You might also like