Professional Documents
Culture Documents
อุปกรณ์ป้องกันในระบบไฟฟ้า
อุปกรณ์ป้องกันในระบบไฟฟ้า
Technology
อุปกรณ์ป้องกัน
ผศ. ชูศักดิ์ พฤกษพิทักษ์
ระบบไฟฟ้า
ก่ อนตัดสินใจซื้ออุปกรณ์ป้องกันไฟรั่วมาใช้
ต้องเข้าใจถึงการทำงานและต้องพิจารณา
ถึงข้อดีและข้อเสียของแต่ละชนิด เพื่อประโยชน์ใน
การใช้งาน
อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด ถ้าทำการติดตั้งไม่
ถูกวิธีแล้ว ก็สามารถทำให้เกิดอันตรายได้ โดย
เฉพาะ อุปกรณ์ป้องกันหลัก ซึ่งได้แก่ ฟิวส์และ
เซอร์กิตเบรกเกอร์ ส่วนสายไฟฟ้าถึงแม้จะไม่ใช่
อุ ป กรณ์ ป้ อ งกั น แต่ ก็ เ ป็ น ส่ ว นสำคั ญ ในระบบ ขนาดฟิวส์ (A) สีของฟิวส์
ไฟฟ้าด้วยเช่นกัน การเลือกใช้สายไฟฟ้าผิดขนาด 6 เขียว
หรือผิดชนิดก็สามารถนำมาซึ่งการเกิดอัคคีภัยได้
10 แดง
16 เทา
ฟิวส์ (fuse)
20 ฟ้า
เป็นอุปกรณ์ที่ มีหน้าที่ป้องกันกระแสไฟฟ้า 25 เหลือง
เกิน ซึ่งอาจเกิดจากการใช้โหลดเกินขนาดของฟิวส์
หรื อ เกิ ด จากอุ ป กรณ์ ไ ฟฟ้ า ชำรุ ด หรื อ เกิ ด จาก
กระแสไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งถ้าเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
แล้ว ฟิวส์ไม่ตัดวงจร ก็สามารถทำให้เกิดอันตราย
แก่บุคคลหรือทรัพย์สินได้
ด้านไฟออก
ลูกฟิวส์
การทำงานของฟิวส์ เมื่อกระแสไฟฟ้าไหล
ฐานฟิวส์
ฝาครอบฐานฟิวส์
●
6 เขียว มีกระแสช่วงสตาร์ทสูง เช่น มอเตอร์ ซึ่งมอเตอร์นั้น
10 แดง ขณะสตาร์ทกระแสจะสูงประมาณ 5-7 เท่าของ
16 เทา
กระแสของกระแสปกติ (rated current) ถ้าใช้ฟิวส์
20 ฟ้า
ธรรมดา ฟิวส์จะขาดทันที ไม่สามารถใช้งานได้
25 เหลือง
ลักษณะของฟิวส์ชนิดนี้คือ มีเครื่องหมายคล้ายกับ
หมายเหตุ สีของฟิวส์จะทำเครื่องหมายไว้ที่แผ่นโลหะด้านหัวฟิวส์ ดังรูปที่ 2 ซึ่ง ตัวหอยโข่งกำกับอยู่ด้านข้าง (ดังรูปที่ 3)
สามารถมองดูจากช่องมองฟิวส์ได้ ซึง่ มีประโยชน์ 2 อย่าง คือ บอกขนาดฟิวส์และ
บอกถึงสภาพของฟิวส์ทเี่ ป็นปกติ แต่ถา้ ฟิวส์ ขาดแผ่นโลหะสีนจี้ ะหลุดออกมา
สีบอกขนาดฟิวส์
รูปที่ 3 เครื่องหมายแสดงฟิวส์ขาดช้า
การเข้าสายไฟที่ฟิวส์ จะต้องนำสายเส้นไฟ
(สีดำ) เข้าทางขั้วด้านล่าง ซึ่งเป็นจุดเดียวกับอะแดป-
เตอร์ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความปลอดภัย (ดังรูปที่ 4)
รูปที่ 2 แผ่นสีบอกขนาดและสภาพของฟิวส์
และที่จุดไฟออกก็จะต่อไปยังโหลด แต้ถ้าเข้าสาย
สลับกัน คือ นำสายไฟเข้าที่จุดไฟออก จะทำให้ที่
ส่วนขนาดที่โตขึ้นมา คือ ขนาดเกลียว E 33 ใช้กับฟิวส์ เกลี ย วโลหะด้ า นบนมี ไ ฟด้ ว ย และถ้ า เผลอไป
ขนาด 35 A, 50 A และ 63 A ใช้เป็นฟิวส์เมนควบคุมวงจรย่อย สัมผัสก็มีโอกาสถูกไฟดูดได้ ถึงแม้ไม่ใส่ฟิวส์ก็ตาม
ทั้งหมด
จุดไฟเข้า
จุดไฟออก
การเลือกใช้ขนาดฟิวส์วงจรย่อย จะต้องคำนวณขนาด
ของอุปกรณ์ไฟฟ้าของแต่ละวงจรย่อยนั้น ๆ ตามปกติจะเผื่อไว้ที่
1.25 เท่าของขนาดกระแสที่คำนวณได้
การเลือกใช้ขนาดฟิวส์วงจรหลัก ต้องดูขนาดของมิเตอร์
ไฟฟ้า (Kilowatt-hour; kwh.) ที่หน้าบ้านว่าใช้ขนาดเท่าใด เช่น
ขนาด 5 (15) A, 10 (30)A, 15 (45) A ตัวเลขในวงเล็บ หมายถึง
กระแสสูงสุดที่มิเตอร์รับได้ แต่เป็นเพียงชั่วขณะเท่านั้นไม่ใช่
ตลอดเวลา ดังนั้น ขนาดของฟิวส์ต้องไม่โตเกินขนาดกระแสของ
มิเตอร์ที่อยู่ในวงเล็บ นอกจากการเลือกขนาดของฟิวส์แล้ว จะ รูปที่ 4 จุดเข้าสายหลัก
ต้องเลือกชนิดของฟิวส์ด้วย ซึ่งมีด้วยกัน 2 ชนิดคือ ชนิดธรรมดา
และชนิดขาดช้า ซึ่งมีวิธีเลือกใช้ดังนี้
การเปลี่ยนฟิวส์จะต้องนำลูกฟิวส์ใส่กับฝา
● ฟิวส์ชนิดธรรมดา จะใช้ภายในบ้านเรือนทั่วไป หาซื้อ ครอบฟิวส์ก่อน (ดังรูปที่ 5) แล้วจึงหมุนเข้ากับฐาน
ได้ง่าย
ฟิวส์ มิเช่นนั้นอาจเกิดอันตรายได้ เนื่องจากกระแส
ขนาดอะแดปเตอร์ 10 A
รูปที่ 6 อะแดปเตอร์
หน้ า ที่ ข องอะแดปเตอร์ ก็ คื อ ป้ อ งกั น การใส่ ฟิ ว ส์ เ กิ น
ขนาด เพราะการใส่ฟิวส์เกินขนาดทำให้ฟิวส์ไม่ขาดซึ่งอาจเป็น
รูปที่ 5 แสดงการใส่ฟิวส์ที่ถูกต้อง
อันตรายได้ จากรูปที่ 6 แสดงให้เห็นว่าลูกฟิวส์ขนาด 16 A ไม่
สามารถใส่ลงอะแดปเตอร์ได้ เพราะอะแดปเตอร์ขนาด 10 A
ในกรณีที่จะต้องเปลี่ยนขนาดลูกฟิวส์ จะ ขนาดความโตของรูจะเล็กกว่า
ต้องตรวจดูก่อนว่าฟิวส์ขาดเพราะสาเหตุใด เช่น ในปัจจุบันบางบริษัทผู้ผลิตฐานฟิวส์ ผลิตฐานฟิวส์ชนิด
ถ้าลัดวงจร ก็ให้แก้ไขให้เป็นปกติเสียก่อน หรือถ้า ไม่ต้องใช้อะแดปเตอร์ ซึ่งเป็นอันตรายมากเนื่องจากสามารถ
มีโหลดมากเกินกำหนด จะต้องดูว่า ถ้าเปลี่ยนฟิวส์ เปลี่ยนขนาดลูกฟิวส์ได้หลายขนาด โดยไม่ต้องเปลี่ยนอะแดปเตอร์
ขนาดใหญ่ขึ้นแล้ว สายไฟจะทนกระแสได้หรือไม่ ดังนั้นก่อนที่จะซื้อฟิวส์มาใช้ ต้องดูด้วยว่าเป็นชนิดมีอะแดปเตอร์
ซึ่งอาจต้องถามผู้เชี่ยวชาญหรือหาตารางสายไฟ หรือไม่ ถึงแม้ว่าราคาจะถูกกว่าชนิดมีอะแดปเตอร์ ก็ไม่ควรนำมา
มาศึกษา (ตารางสายไฟดูได้จากบริษัทของผู้ผลิต ใช้ ด้วยเหตุผลดังกล่าว
เช่น บางกอกเคเบิล หรือยาซากิ)
เซอร์กิตเบรกเกอร์ (circuit breaker)
เป็นอุปกรณ์ป้องกันกระแสเกินหรือลัดวงจรเช่นเดียวกับ
ฟิวส์ แต่ต่างกันที่เมื่อตัดวงจรแล้ว สามารถกดหรือโยกให้ต่อ
วงจรได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนเหมือนกับฟิวส์ ดังนั้นจึงสามารถนำมา
แทนฟิวส์ได้ซึ่งทำให้เกิดความสะดวก แต่ราคาแพงกว่า แต่ถ้า
เป็นจุดที่สายเมนเข้า การไฟฟ้ากำหนดให้ต้องมีฟิวส์ใช้ร่วมกับ
เซอร์กิตเบรกเกอร์ ดังรูปที่ 7 และรูปที่ 8
การทำงานของเซอร์กิตเบรกเกอร์ เมื่อกระแสในวงจรเกิน
พิกัด หน้าสัมผัสของเซอร์กิตเบรกเกอร์จะเปิดวงจร โดยอาศัยทั้ง
ความร้อนและการเหนี่ยวนำของเส้นแรงแม่เหล็กช่วยในการ
ปลดกลไกหน้าสัมผัสให้เปิดวงจร
แต่ทั้ง 2 วิธีการนั้นต้องขันสกรูให้แน่นพอ
ประมาณ อย่าแน่นเกินไป อาจทำให้สกรูเกลียวล้ม
(เกลียวหวาน) ซึ่งไม่สามารถใช้งานได้ นอกจากนั้น
ยังมีวิธีการต่อสายไฟเพื่อให้เกิดความปลอดภัย
หลายวิธี ดังรูปที่ 15
รูปที่ 12 ตัวอย่างการเข้าสายที่ฟิวส์
1
2
แต่ถ้าเป็นสายขนาดใหญ่ ไม่ควรม้วนสาย แต่ควรใช้
หางปลา เพราะหางปลาจะทำให้หน้าสัมผัสแน่นไม่เกิดความ
3
ร้อนที่จุดต่อสาย
4
5
6
รูปที่ 15 การต่อสายแบบต่าง ๆ
รูปที่ 13 ตัวอย่างการเข้าสายด้วยหางปลา
โดยที่
แบบที่ 1 เป็นการต่อสาย THW ชนิดตี-
2. การเข้าสายด้วยการเสียบสาย อุปกรณ์ที่ต้องเข้าสาย เกลียว ซึ่งเรียกการต่อแบบนี้ว่าเป็นการต่อแบบ
ด้วยวิธีนี้ได้แก่ สวิตช์ เต้ารับ เซอร์กิตเบรกเกอร์ วิธีการเข้าสายที่ จำปา การต่อสายด้วยวิธีนี้ สามารถรับแรงดึงใน
ปลอดภัยจะต้องปอกฉนวนสายไฟให้พอดี (ดังรูปที่ 14) เพราะ สายได้มาก จึงเหมาะกับงานยึดโยงสายในอากาศ
ถ้าปอกยาวเกินไป โอกาสที่สายทองแดงจะลัดวงจรกับสายเส้น แต่ห้ามต่อสายในท่อโดยเด็ดขาด เนื่องจากถ้าเทป
อื่นได้ง่ายและจะเกิดอันตราย การเข้าสายที่สวิตช์ต้องตัตต่อที่ ฉนวนที่พันจุดต่อชำรุด อาจลัดวงจรกับเส้นอื่นได้
เส้นไฟ (เพื่อให้ปลอดภัยและง่ายในการตรวจซ่อม) และควรใช้ แบบที่ 2, 3 เป็นการต่อแบบแยกสาย เพื่อ
สายฉนวนสีดำ
ใช้ในการแยกวงจร
ปอกฉนวนมากเกินไป อันตราย
แบบที่ 4 เป็นการม้วนสายใส่กรู
แบบที่ 5 เป็นการต่อแบบหางเปีย นิยมใช้
การต่อแบบนี้ในกล่องพักสาย ที่ไม่ต้องรับแรงดึง
ในสาย
แบบที่ 6 เป็นการต่อสายแบบเกี่ยวก้อย
การต่อวิธีนี้สามารถรับแรงดึงในสายได้ เช่น เดียว
กับแบบที่ 1 และจะสังเกตว่าจุดต่อสายทั้งสองเส้น
ปอกฉนวนพอดี ปลอดภัย
ไม่ตรงกัน ทั้งนี้เพื่อป้องกันการลัดวงจรถ้าหากว่า
รูปที่ 14 การเข้าสายเพื่อให้เกิดความปลอดภั
ย
เทปฉนวนที่พันจุดต่อชำรุด
สายดิน
รูปที่ 17 การต่อสายดินของเครื่องใช้ไฟฟ้า
หลักดิน (ground rod)
หลักดิน ทำด้วยแท่งเหล็กชุบหรือหุ้มด้วยทองแดง ความ
โตไม่น้อยกว่า 5/8 นิ้ว ยาวไม่น้อยกว่า 240 เซนติเมตร ปลาย
การต่อสายดิน
ด้านหนึ่งแหลม การตอกลงไปในดินต้องตอกให้จุดที่แคล้มกับ
การต่ อ สายดิ น หมายถึง การต่อสายไฟ สายดินฝังลึกลงไปในดินประมาณ 30 เซนติเมตร (ดังรูปที่ 18)
จากตั ว ถั ง หรื อ ตั ว โครงของอุ ป กรณ์ ไ ฟฟ้ า ที่ เ ป็ น และบริเวณที่ตอกหลักดิน ควรเป็นบริเวณที่มีความชื้นของดินสูง
โลหะลงไปยังหลักดิน (ground rod) สายดินนี้ เพื่อให้กระแสที่รั่วไหลลงดินได้สมบูรณ์และไม่เกิดอันตรายแก่
มีหน้าที่นำกระแสไฟฟ้าที่รั่วจากอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ ผู้ใช้งาน
ชำรุดลงสู่ดิน ทำให้ผู้ที่ไปสัมผัสอุปกรณ์ไฟฟ้าที่
ระดับพื้นดิน
สายดิน
ชำรุด เหล่ านั้นไม่ เป็ นอั นตราย และในปั จ จุ บั นนี้
เครื่องใช้ไฟฟ้าส่วนมากจะติดตั้งสายดินมาแล้ว
30 เซนติเมตร
โดยใช้ปลั๊กชนิดมีสายดิน ดังนั้นเต้ารับก็จะต้องเป็น
ชนิดมีสายดินด้วย ดังตัวอย่างในรูปที่ 16
แท่งหลักดิน
240 เซนติเมตร
รูปที่ 18 การฝังหลักดิน
น
จุดต่อสายดิ
การตรวจสอบการเป็นสายดินที่ปลอดภัย สามารถตรวจ-
รูปที่ 16 ปลั๊กแบบมีสายดิน
สอบได้โดยการใช้โอห์มมิเตอร์วัดระหว่างสายดินที่ติดตั้งกับสาย
ศูนย์ ซึ่งค่าความต้านทานที่อ่านได้ไม่ควรเกิน 5 โอห์ม
แต่ ถ้ า ปลั๊ ก เป็ น แบบไม่ มี ส ายดิ น และตั ว
โครงของอุปกรณ์ไฟฟ้าเป็นโลหะ เช่น เครื่องซักผ้า อุปกรณ์ปอ้ งกันไฟรัว่ (E art Leakage)
เครื่องทำน้ำอุ่น สว่านไฟฟ้า ฯ ต้องต่อสายดินจาก อุ ป กรณ์ ป้ อ งกั น ไฟรั่ ว หรื อ อุ ป กรณ์ ป้ อ งกั น ไฟดู ด ทำ
ตัวถังของอุปกรณ์ไฟฟ้านั้นลงดิน โดยใช้สายไฟชนิด หน้าที่ตัดวงจรไฟฟ้า เช่นเดียวกับเซอร์กิตเบรกเกอร์ แต่มีวงจร
ตัวนำเป็นทองแดงขนาดไม่น้อยกว่า 1.5 ตร.มม.
การตรวจจับกระแสรั่วไหลเพิ่มเข้ามา ทำให้สามารถตรวจจับ
ดังรูปที่ 17
กระแสที่รั่วไหลผิดปกติได้
108
Technology Promotion Mag.
Electrical & Electronics
Technology
มาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าสำหรับประเทศไทย พ.ศ.
2545. (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ. 2548.
[4] Fachkunde Elektrotechnik