Professional Documents
Culture Documents
บทที่1 5
บทที่1 5
บทที่ 1
บทนำ
1.1 ที่มาและความสาคัญของปัญหา
นับแต่โบราณกาล ในสังคมโลกของชาวจีนแผ่นดินใหญ่สืบมายังชาวจีนโพ้นทะเล *
ที่ได้มาตั้งรกรากลงยังแผ่นดินอุษาคเนย์ ** รวมทั้งชาวไทยเชื้อสายจีน *** มีความเชื่อในเรื่องของจิต
วิญญาณและได้ให้ความสาคัญต่อธรรมชาติเป็นอย่างมาก แต่ดั้งเดิมก่อนยุคประวัติศาสตร์นั้น มนุษย์
ได้ค้นหาและใช้ประโยชน์จากธรรมชาติ เมื่อมีความใกล้ชิดกันมากเช่นนี้ จึงก่อให้เกิดความเชื่อที่มีต่อ
ธรรมชาติ เชื่อในความศักดิ์สิทธิ์จนเกิดสิ่งที่เรียกกันด้วยความเคารพว่า “เทพเจ้า” ที่สถิตในธรรมชาติ
ปรากฏการณ์และฤดูกาลต่างๆ ตลอดจนมีการพัฒนาทางด้านอารยธรรมของมนุษย์เรื่อยมานั้น ก็มี
การสถาปนาบุ คคลผู้ส ร้างคุณ งามความดีให้ กั บ มวลมนุษย์ ห รือบุค คลสร้า งสรรค์ ผ ลงานอันเป็ น
คุณประโยชน์แก่มวลมนุษย์ขึ้นเป็นเทพเจ้า เพื่อระลึกถึงคุณงามความดีและคุ้มครองชนรุ่นหลังสืบมา
เมื่อปรากฏเทพเจ้าที่เกิดขึ้นจากการที่มนุษย์ได้ให้ความเคารพในธรรมชาติและบุคคลอัน
สมควรแก่การบูชา การบูชาย่อมต้องมีการสรรหาสิ่งที่จะสมควรถวายหรือบวงสรวงขึ้น เพื่อสร้างความ
พอใจให้แก่เทพเจ้าที่ตนเคารพบูชา ชาวจีนไม่ว่าจะเป็นชาวจีนแผ่นดินใหญ่หรือชาวจีนโพ้นทะเล จะ
ให้ความสาคัญและมีความพิถีพิถันมาก ซึ่งการบูชานั้นก็จะมีทั้งการบูชาด้วยเครื่องอามิสบูชาและการ
บูชาด้วยการทาปฏิบัติบูชา**** โดยส่วนใหญ่นั้น การบูชาด้วยเครื่องอามิสบูชาถือว่าเป็นที่นิยมกันมาก
และมีความเป็นระเบียบแบบแผนที่น่าดูชม ด้วยถือกันว่า การบูชาเทพเจ้าสมควรที่จะมีการสรรหาสิ่ง
*
ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ นอกจากจะมีการพื้นที่เดิมของตนเองแล้ว ก็มีการเดินทางข้ามน้าข้ามทะเล
มาเพื่อการสร้างฐานะให้กับครอบครัวของตนเอง กลุ่มคนเหล่านี้จะถูกเรียกกันโดยทั่วไปว่า ชาวจีนโพ้นทะเล
**
ชาวจีนโพ้นทะเลที่ได้เข้ามาอาศัยในพื้นที่ของอุษาคเนย์หรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อมาจาก
แผ่นดินมาตุภูมิก็มักจะนาอารยธรรมของตนเองมาด้วย สิ่งที่จะเห็นได้อย่างชัดเจนที่สุดคือเรื่องของธรรมเนียม
ประเพณี ความเชื่อต่างๆ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อต่างๆในพื้นที่ ที่ได้เข้าไปอาศัยและผสมกลมกลืนกันอย่างลง
ตัว
***
กลุ่มคนไทยที่มีเชื้อสายจากชาวจีนโพ้นทะเล ที่ได้เข้ามาและแต่งงานกันกับคนไทย
****
การบูชาด้วยเครื่องอามิสบูชา คือ การบูชาด้วยข้าวของเครื่องใช้ อาหาร หรือ สิ่งอื่นๆอันเป็น
สิริมงคล มีความหมายทีด่ ี เช่น เครื่องหอม ผลไม้มงคลต่างๆ รวมไปถึงการบูชาด้วยสิ่งของที่หาได้ยากในฤดูกาลหรือ
ในสถานที่ เพื่อสร้างความพอใจให้แก่เทพเจ้า ส่วนการบูชาด้วยการทาปฏิบัติบูชา คือ การบูชาด้วยการใช้แรงกาย
ถวายการปฏิบัติตามแบบที่ท่านทา ปฏิบัติตามคาทีท่ ่านสอน ได้แก่ทา่ นปฏิบัติมาอย่างไรก็ปฏิบัติตาม ท่านสอน
อย่างไร แนะนาอย่างไร ก็ทาตามด้วยความเต็มใจ ด้วยการประพฤติดีปฏิ บัติชอบ กระทาแต่สิ่งที่ดีงาม เป็นประโยชน์
เช่นปฏิบัติตามคาสั่งสอน คาเตือน คาแนะนาของพระพุทธเจ้า ของบิดามารดา ของครูอาจารย์ เป็นต้น
2
1
อู่ลี่ว์ซิง,100เทพและเซียนจีน,(กรุงเทพมหานคร:สานักพิมพ์อมรินทร์,2554),น.2
2
เอวีลีน ลิป, ตานานวัดและเทพเจ้าจีน,(กรุงเทพมหานคร:สานักพิมพ์สร้อยทอง,2537),น.37-41
3
1.2 คาถามการวิจัย
1.3 วัตถุประสงค์การศึกษา
1.4 สมมติฐานในการศึกษา
1.5 ขอบเขตในการศึกษา
1.6 นิยามคาศัพท์
1.7 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1.8 ระเบียบวิธีการวิจัย
2. การเก็บรวบรวมข้อมูล
การเก็บรวบรวมข้อมูลในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ ประกอบด้วย
2.1 การศึกษาวิจัยเอกสาร (documentary research) โดยเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูล
จากเอกสารที่เกี่ยวข้องกับตานานเทพเจ้าจีน ธรรมเนียมประเพณีจีน การบูชาเทพเจ้าจีน สังคมของ
ชาวจีนในเมืองไทย
ด้วยแหล่งข้อมูลในระดับปฐมภูมิ และข้อมูลในระดับทุติยภูมิ ดังนี้
1) เอกสารระดับปฐมภูมิ (primary sources) ได้แก่ เรื่องเล่าต่างๆที่เกี่ยวข้องกับความ
เชื่อและพิธีกรรมเค้งจก
2) เอกสารระดับทุติยภูมิ (secondary sources) ได้แก่ หนังสือ วิทยานิพนธ์ รายงาน
วิจัยที่เกี่ยวข้อง วารสาร บทความต่างๆ
2.2 การศึกษาวิจัยภาคสนาม (field study research) โดยเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูล
จากแนวการสัมภาษณ์ (interview schedule) เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลในส่วนของประวัติความเป็นมา
ของความเชื่อและพิธีกรรม อัตลักษณ์และการสืบทอดธรรมเนียม พิธีกรรมเค้งจกของชาวไทยเชื้อสาย
จีนในเขตอาเภอ บ้านบึง จังหวัด ชลบุรี จากกลุ่มตัวอย่างที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1) ข้อมูลในระดับพื้นที่ โดยการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยวิธีการสัมภาษณ์แบบเจาะลึก
โดยแบบสัมภาษณ์ (interview schedule)กับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมเค้งจกในพื้นที่อาเภอ บ้าน
บึงและบริเวณใกล้เคียงในจังหวัด ชลบุรี
2) ข้อมูลในส่วนกลาง โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบการสัมภาษณ์เชิงลึก (in-
depth interview guideline) กับกลุ่มตัวอย่างในฐานะของผู้ให้ข้อมูลสาคัญ (key information) ซึ่ง
เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมเค้งจกในพื้นที่อาเภอ บ้านบึง จังหวัด ชลบุรี
จากองค์ประกอบของขั้นตอนการดาเนินการศึกษา กลุ่มประชากรที่ใช้ในการศึกษาและ
การเก็บรวบรวมข้อมูล ในการศึกษาดังที่ได้ก ล่าวมานั้นจะได้ข้อมูลเพื่อนามาวิเคราะห์ และอภิปราย
ผลถึง ความเป็นมาของความเชื่อและพิธีกรรมเค้งจกของชาวไทยเชื้อสายจีนในเขตอาเภอ บ้านบึง
จังหวัด ชลบุรี รวมถึงอัตลักษณ์และการสืบทอดธรรมเนียมปฏิบัติโดยการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ
ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีเนื้ อหาความบรรยาย (content analysis) โดยการจัดประเภทของ
ข้อมูล (categories) เพื่อเชื่อมโยงข้อมูล อธิบายประเด็นต่างๆ อันนาไปสู่ความเข้าใจปรากฏการณ์ที่
ศึกษา และวิเคราะห์ข้อ มูลตามแนวคิดที่เกี่ ยวข้อง แล้วนาเสนอในรูปของการอธิบายเชิงพรรณนา
(descriptive method) โดยการวิเคราะห์ข้อมูลนั้น สามารถแยกเป็นประเด็นตามวัตถุประสงค์ได้
ดังต่อไปนี้
8
การวิเคราะห์เพื่ออธิบายถึงความเป็นมาของความเชื่อและพิธีกรรมเค้งจกของชาวไทย
เชื้อสายจีนในเขตอ าเภอ บ้านบึง จัง หวัด ชลบุรี ภายใต้บ ริบ ทของอัตลัก ษณ์ข องความเชื่อและ
พิธีก รรมเค้งจกที่ มีความส าคั ญต่อ การบูชาเทพเจ้าของชาวไทยเชื้อสายจีนในเขตอาเภอ บ้านบึง
จังหวัด ชลบุรี อีกทั้งอธิบายถึงการสืบทอดธรรมเนียมปฏิบัติของการบูชาเทพเจ้าชาวไทยเชื้อสายจีน
ในเขตอาเภอ บ้านบึง จังหวัด ชลบุรีผ่านพิธีกรรมเค้งจก
9
ผลงำนวิจัยที่เกี่ยวข้อง
จากการศึกษาเอกสารและสารวจงานวิจัยในเบื้องต้น พบว่าการศึกษาเกี่ยวกับพิธีกรรม
เค้งจกและบทบาทของร่างทรงในพิธีกรรมดังกล่าว ในส่วนพิธีกรรมเค้งจกยังไม่มีผู้ศึกษาแต่อย่างใด
เอกสารและงานที่ป รากฏมัก จะกล่าวถึง วัฒ นธรรมจีนในภาพรวม เช่น วัฒนธรรม 8 เทศกาลจีน
วัฒนธรรมประเพณีทิ้งกระจาดของชาวจีน เป็นต้น ส่วนเรื่องของของร่างทรงนั้นมีการศึกษาในกรณี
ของบุคคลกลุ่มอื่นๆ ซึ่งสามารถใช้เป็นแนวทางในการศึกษาได้หรือใช้ในกรณีเพื่อการเปรียบเทียบได้
เช่น วัฒนธรรมการฟ้อนผีของชาวล้านนา เป็นต้น โดยผู้วิจัยนาเสนอตามลาดับ ดังนี้
ความเชื่อเรื่องร่างทรงและศาลเจ้า
บทที่ 2
ควำมเป็นมำของควำมเชื่อและควำมสำคัญของพิธีกรรมเค้งจก
ที่มา: บันทึกภาพโดย คุณโสภณ พฤฒานุภาพ สถานที่ กวนอิมธรรมสถาน (หนองแขม) จ.กรุงเทพมหานคร วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ.2554
ในประเทศไทยนี้มีศาลเจ้าอยู่มากมายและในหลายจังหวัดของประเทศก็มีศาลเจ้าที่เป็น
ที่เคารพบูชากันในหมู่คนไทยเชื้อสายจีนและชาวไทย เช่น ศาลเจ้าปู่ย่าของจังหวัดอุดรธานี ศาลเจ้า
พ่อเจ้าแม่ปากน้าโพจังหวัดนครสวรรค์ ศาลเจ้าแม่เบิกไพร อาเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เป็นต้น มี
อีกจังหวัดหนึ่งเป็นจังหวัดที่มีศาลเจ้าเป็นจานวนมาก นั่นคือ จังหวัดชลบุรี ซึ่งจังหวัดนี้มีพิธีกรรมหนึ่ง
ที่มีความสาคัญมากสาหรับศาลเจ้าและผู้คนผู้มีจิตศรัทธาจากที่ต่างๆทั้งในเมืองชลบุรีก็ดีและจากต่าง
ถิ่นก็ดีจะมาพร้อมเพรียงกันเมื่อมีพิธีกรรมนี้เกิดขึ้นและพิธีกรรมนี้จะดาเนินการได้โดยผ่าน “ร่างทรง”
โดยตรง(ในส่วนของร่างทรงจะกล่าวในรายละเอียดต่อไป) อันเป็นที่มาของหัวข้อวิจัยดังกล่าวนี้ นั่นคือ
พิธีเฉลิมฉลองและถวายพระพรเทพเจ้าหรือพิธีกรรมเค้งจก( )
1
เอวีลีน ลิป, ตานานวัดและเทพเจ้าจีน,(กรุงเทพมหานคร:สานักพิมพ์สร้อยทอง,2537),น.24-29
12
ที่มา: บันทึกภาพโดย นรุตม์ ศิลปพิบูลย์ สถานที่ ศาลเจ้าซากัวเล่าเอี๊ย อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี วันที่ 12 เมษายน พ.ศ.2556
ใดหรือความนิยมสิ่งใดในท้องถิ่นหรือเป็นบัญชาของเทพเจ้าผ่านทางร่างทรง ซึ่งจะลงรายละเอียดใน
บทต่อไป
ส่วนของขั้นตอนการถวายพระพรเทพเจ้านี้จะมีรายละเอียดเช่นเดียวกันกับพิธีเค้งจกใน
ต่างประเทศ คือ เน้นความพิถีพิถันในเรื่องของการถวายพระพร ลาดับตาแหน่งของคณะกรรมการ
และแขกผู้มีเกียรติ แต่ความต่างกันของพิธีเค้งจกในต่างประเทศและในประเทศไทย คือ ในประเทศ
ไทย เมื่อ คณะกรรมการของศาลเจ้าที่ มีก ารจัดงานได้ทาการถวายพระพรเทพเจ้าประจ าศาลของ
ตนเองเสร็จแล้ว แขกของเทพเจ้าหรือก็คือร่างทรงจากศาลเจ้าต่างๆและคณะกรรมการของศาลเจ้า
นั้นๆจะเข้ามาร่วมถวายพระพรเทพเจ้าที่ เ ป็นเจ้าภาพของงาน จุดนี้เ องที่ มี เสน่ห์และเป็นหนึ่ง ใน
ประเด็นศึกษา
การจัดงานพิธีเค้งจกนั้นจะมีระยะเวลาของช่วงงานพิธียาวนานถึง 3 วัน คือ วันก่อนวัน
เริ่มงานพิธีกรรมเค้งจก , วันถวายพระพรเทพเจ้าเนื่องในวันคล้ายวันประสูติ(วันประกอบพิธีกรรมเค้ง
จก) , วันประกอบพิ ธีก รรมเซ่นไหว้วิญ ญาณไร้ญ าติ ( ไป๊ฮอเฮียตี๋ ) และแจกทาน โดยวันก่ อนที่ จ ะ
ประกอบพิธีกรรมเค้งจกหนึ่ง วันหรือก่อนวันงาน จะมีการอัญเชิญเทพเจ้าเสด็จลงประทับทรงเพื่อ
สั่งงาน โดยมีความใจความประมาณว่า พรุ่งนี้จะมีงานจะต้องมีการเตรียมงานและต้อนรับแขกให้ดี ซึ่ง
แขกในที่ นี้ก็คือ ร่างทรงจากศาลเจ้าต่างๆที่ ก่ อนหน้านี้ได้มีก ารส่ง เที ยบเชิญเทพเจ้า ร่า งทรงและ
คณะกรรมการจากศาลเจ้าต่างๆเข้าร่วมงานพิธีเพื่อเป็นเกียรติกับศาลเจ้าเจ้าภาพ อย่างในกรณีสมมุติ
เช่น เมื่อศาลเจ้าแม่กวนอิมใกล้จะมีงานเค้งจกประจาปีเนื่องในวันคล้ายวันประสูติของพระองค์ ร่าง
ทรงและคณะกรรมการจะเดินทางนาเทียบเชิญไปเชิญเทพเจ้า ร่างทรงและคณะกรรมการจากศาลเจ้า
ใกล้เคียงหรือศาลเจ้าที่เป็นพันธมิตรกันเข้าร่วมงานกัน หากศาลเจ้านั้นเป็นศาลเจ้าที่ใหญ่ โตและมี
เครือ ข่ ายพั นธมิ ตรที่ ก ว้ างขวาง บรรดาศาลเจ้ าที่ จ ะเข้ ามาร่ว มงานก็ จ ะมากั น เป็น จ านวนมาก
แสดงออกให้เห็นถึง สิ่งหนึ่ง นั่นคือหน้าตาและชื่อเสียงของเทพเจ้าและร่างทรงของศาลเจ้านั้นได้
ปรากฏการณ์นี้จะไม่เห็นพบเห็นเลยในต่างประเทศหรือมีอยู่น้อยมากและยังไม่ชัดเจนเท่ ากับประเทศ
ไทย ซึ่งในวันก่อนงานพิธีถวายพระพรเทพเจ้าหรือพิธีกรรมเค้งจกนี้เอง เทพเจ้าที่เข้ามาประทับทรงจะ
ขึ้นบอกล่าวเทพเทวดาโดยมีการต่อโต๊ะขึ้นไป 3 ชั้น เรียกกันว่า ซาเอี่ยงชึ้ง เพื่อบอกกล่าวเทพเทวดา
ว่า ศาลเจ้าแห่งนี้ชื่อว่าอะไร เทพเจ้าองค์ใดเป็นประธานศาลเจ้า ร่างทรงชื่อว่าอะไร จะจัดงานถวาย
พระพรเทพเจ้าเนื่องในโอกาสอะไร ซึ่งในวันแรกคือวันก่อนวันเริ่มงานพิธีกรรมเค้งจกนี้ ถือเป็นโอกาส
ที่เจ้าบ้านคือศาลเจ้าที่จัดงานจะได้เตรียมงานอย่างเต็มที่ เพื่อให้พร้อมในวันรุ่งขึ้น
19
ที่มา: บันทึกภาพโดย นรุตม์ ศิลปพิบูลย์ สถานที่ ศาลเจ้าซากัวเล่าเอี๊ย อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี วันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2556
21
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า พิธีกรรมเฉลิมฉลองและถวายพระพรเทพเจ้าหรือพิธีกรรมเค้งจกของ
ประเทศไทย จึงแตกต่างจากพื้นที่อื่นๆที่มีการประกอบพิธีกรรมในเรื่องของการปรากฏการประทับ
ทรงเทพเจ้า จุดนี้เองเป็นการแสดงออกในเชิงของ “สัญลักษณ์” จากนามธรรมสู่รูปธรรม หากให้สรุป
แล้ว เมื่อเรามองพิธีกรรมเค้งจกในต่างประเทศ การเฉลิมฉลองและถวายพระพรเทพเจ้าหรือพิธีกรรม
เค้งจก จะเป็นการถวายเครื่องสักการะต่อหน้าเทวรูปของเทพเจ้า แสดงออกในเชิงสัญลักษณ์ที่เป็น
ลักษณะ “นามธรรม” แต่ในประเทศไทยนี้ได้เปลี่ยนสัญลักษณ์ของ “นามธรรม” นี้ ให้ออกมามี
ลักษณะของ “รูปธรรม” เกิดขึ้น
23
ที่มา: บันทึกภาพโดย นรุตม์ ศิลปพิบูลย์ สถานที่ ศาลเจ้ากิมอ๊วงเอี๊ย อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี วันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ.2556
พิธีกรรมเค้งจกเพื่อการบูชาเทพเจ้าในประเทศไทยนี้จะเริ่มมีขั้นตอนและแบบแผนเพิ่ม
มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเรื่องของเครื่องเซ่นสรวง ลาดับการบูชาว่าจะต้องบูชาเทพเจ้าองค์ใดก่อน ใครบ้างที่
จะได้เป็นผู้ประกอบพิธีกรรมหรือร่วมพิธีกรรม ทั้งนี้ในแต่ละพื้นที่และแต่ละศาลเจ้าก็ยังแยกออกไปอีก
ว่าจะต้องมีธรรมเนียมอย่างไร ขั้นตอนอย่างไร ทาให้พิธีกรรมการบูชาเทพเจ้าของชาวจีนโพ้นทะเลใน
ประเทศไทยเริ่มมีความสลับซับซ้อนกันมากขึ้นและเริ่มมีปรากฏให้เป็นเอกลักษณ์ประจาพื้นที่นั้นๆไป
ดังนั้นการประกอบพิธีกรรมการบูชาเทพเจ้าดังเช่นพิธีกรรมเค้งจกนี้ ก็จะมีให้เห็นในพื้นที่ที่มีชาวจีน
อพยพเข้ามาอาศัย ซึ่งก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ทาให้เห็นภาพของการประกอบพิธีกรรมอันเป็นประเพณี
จากชาวจีนโพ้นทะเลที่รับอิทธิพลจากความเป็นวัฒนธรรมเดิมของพื้นที่ ซึ่งจะมีการประกอบพิธีกรรม
โดยมี “การประทับทรง”โดยร่างทรงและร่างทรงเองก็มีความสาคัญมากต่อพื้นที่ในหลายบริบท
จากพิธีกรรมเค้งจกนี้เอง ทาให้เราเห็นได้ว่า เทพเจ้าของชาวจีนโพ้นทะเลเป็นสิ่ง
ศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับการเคารพบูชามากในหมู่ชาวจีนโพ้นทะเลและชาวพื้นเมืองที่ชาวจีนได้เข้าไปอาศัย
ด้วยพระประวัติและความศักดิ์สิทธิ์ไม่ว่าจะเกิดจากการบนบานศาลกล่าวหรือการ “ประทับทรง” ก็
ตาม เทพเจ้าก็ได้รับการเคารพบูชาและเป็นสิ่งยึดเหนียวอย่างเหนียวแน่น เป็นธรรมดาของผู้คนที่มี
ความทุกข์ร้อนต้องการแสวงหาที่พึ่งทางใจ ในสมัยก่อนที่เทคโนโลยีจะก้าวหน้าเหมือนสมัยปัจจุบันนี้
24
2
สัมภาษณ์ , คุณวิทวัส รัตนะ , อายุ 20 ปี , 17 กันยายน 2556
26
ที่มา: บันทึกภาพโดย นรุตม์ ศิลปพิบูลย์ สถานที่ ศาลเจ้าซากัวเล่าเอี๊ย อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี วันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2556
27
3
สัมภาษณ์ , คุณพชรกร นุกูลกิจ , อายุ 30 ปี , 22 กันยายน 2556
28
ที่มา: บันทึกภาพโดย นรุตม์ ศิลปพิบูลย์ สถานที่ ศาลเจ้ากิมอ๊วงเอี๊ย อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี วันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556
29
ที่มา: บันทึกภาพโดย นรุตม์ ศิลปพิบูลย์ สถานที่ ศาลเจ้ากิมอ๊วงเอี๊ย อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี วันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556
ดังที่ได้กล่าวมาทั้งหมดนี้ เราจะเห็นได้ว่าพิธีกรรมเค้งจกในประเทศไทยนี้จะดาเนินการ
มิได้หากขาดการประทับทรงโดยร่างทรง จะเห็นได้ว่าพิธีกรรมเค้งจกในประเทศไทย มีลักษณะเด่น
สาคัญที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดนั่นคือ มีการประทับทรงโดยร่างทรงนั่นเอง ซึ่งต่างจากประเทศอื่นๆ อีกทั้ง
ในกรณีศึก ษาของไทยนี้ ร่างทรงนับ ว่ามี บ ทบาทค่อนข้างมาก ถือเป็นปรากฏการณ์พิเ ศษที่ ไม่
เหมือนกับที่อื่นๆที่มีพิธีกรรมเค้งจก ดังที่ได้กล่าวแล้วในข้อ 2.2 จะเห็นได้ชัดเจนว่า ร่างทรงมิได้เป็น
เพียงผู้อัญเชิญเทพเจ้าลงมากระทาพิธีแต่เพียงอย่างเดียว หากแต่ถือเป็นตัวแทนของเทพเจ้าและศาล
เจ้านั้นๆอีกด้วย รวมทั้งถือเป็นผู้สร้างความน่าศรัทธาให้แก่เทพเจ้าที่ตนเองได้ทาการประทับทรงเพื่อ
เป็นการเผยแพร่ความศัก ดิ์สิทธิ์และเป็นที่ เคารพของผู้ คนในพื้นที่ อีกทั้ งยังเป็นผู้สร้างความเป็น
“นามธรรม” ในพิธีกรรมเค้งจก ให้มีความเป็น “รูปธรรม” มากยิ่งขึ้นอีกด้วย ซึ่งในกรณีของร่างทรงนี้
จะกล่าวโดยละเอียดในบทถัดไป
30
ที่มา: บันทึกภาพโดย นรุตม์ ศิลปพิบูลย์ สถานที่ ศาลเจ้ากิมอ๊วงเอี๊ย อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี วันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556
31
บทที่ 3
ร่ำงทรงในพิธีกรรมเค้งจก
ก่อนที่จะเข้าถึงประเด็นร่างทรงเทพเจ้าจีนในพิธีกรรมเค้งจก จะขอนาเสนอความเป็นมา
โดยรวมของคาว่าร่างทรงก่อน หากเราพิจารณาคาว่า ร่างทรง ทรงเจ้าหรือการประทับทรงตาม
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 สามารถสรุปใจความได้ว่า เป็นการเชิญเจ้าเข้ามาสิง
คนซึ่งจะเรียกคนเหล่านี้ว่า คนทรงเจ้า การทรงเจ้าจึงเป็นความเชื่อที่ว่า มีเทพเจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์จริง
สามารถเชื้อเชิญให้เข้ามาประทับทรงในร่างที่เป็นคนและสามารถขอคาปรึกษาจากเทพเจ้าผ่านร่าง
ทรงได้ ซึ่งในบทที่ 3 นี้จะนาเสนอใน 2 หัวข้อย่อย ดังนี้
3.1 ความเป็นมาของร่างทรงและการทรงเจ้าในบริบทสากล
4
อดิศักดิ์ ทองบุญ,การทรงเจ้าเข้าผี,(กรุงเทพมหานคร:โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
,2547),น.2
32
ด้วยความเชื่อในเรื่องการประทับทรงโดยร่างทรงนี้ ทาให้ร่างทรงสามารถสร้างสรรค์
หรือท าลายประชาชนผู้ม ารับ การช่วยเหลือได้ ทั้ ง นี้ก็ ขึ้นอยู่กั บ ตัวร่างทรงแต่ล ะราย ในทางที่
สร้างสรรค์นั้น ร่างทรงสามารถบาบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ทานายทายทักและให้ คาปรึกษาแนะนา
ทิศทางเรื่องสาคัญต่างๆที่เป็นผลดีให้กับผู้คนที่มาขอรับการช่วยเหลือได้ ช่วยให้เขาเหล่านั้นเกิดความ
มั่นคงและเป็นสุขทั้งทางกายและใจ ซึ่งก็ตรงข้ามกับร่างทรงที่สามารถทาลายประชาชนที่มาขอรับการ
ช่วยเหลือได้ กรณีเช่น ร่างทรงอาจใช้การเข้าทรงทาการสร้างอานาจแฝงบางอย่างเพื่อการกอบโกย
ผลประโยชน์จากผู้คนที่มาขอรับการช่วยเหลือหรือทาการทานายทายทักไปในทางที่ไม่ดีหรือแทนที่จะ
บาบัดโรคภัยไข้เจ็บให้หายขาดหรือบรรเทาเบาบาง กลับสร้างความเจ็บป่วยให้ทวีมากขึ้นไปอีก ทาให้
ประชาชนเกิดความทุกข์ยากขึ้นมากมาย5
หากเราพิจารณาในเรื่องนี้ไปอีกก็จะพบได้อีกว่า กระบวนการของการกลายมาเป็นร่าง
ทรงนั้นจะแบ่งของได้เป็น 2 แบบ คือ แบบความเชื่อที่ร่างทรงมีต่อการประทับทรง กล่าวคือ นอกจาก
ที่ร่างทรงจะเชื่อในเรื่องบาปบุญ คุณโทษแล้ว ก็มี ความเชื่อด้วยว่า การประทับ ทรงนั้นมีอยู่จ ริง
กล่าวคือ เทพเจ้าสามารถเข้ามาประทับในร่างของมนุษย์ได้ แต่ร่างทรงเองนั้นก็มิได้เชื่อทั้งหมดว่า ผู้ที่
เป็นร่างทรงนั้นจะมีเทพเจ้ามาประทับทรงจริง โดยที่ร่างทรงส่วนใหญ่เชื่อว่า มีร่างทรงบางร่างที่
หลอกลวงผู้มาขอรับบริการโดยอาศัยการประทับทรงหลอกลวงทาเป็นเครื่องมือหากินไปกับความเชื่อ
สิ่งที่ร่างทรงจะรู้สึกเหมือนกันหรือในทานองเดียวกัน คือ ความรู้สึกที่ไม่ต้องการเป็นร่างทรง แต่ก็ไม่
สามารถฝืนต่อลิขิตของเทพเจ้าที่จะเข้ามาประทับ ดังนั้นร่างทรงโดยส่วนใหญ่จะอยู่ในฐานะจายอมต่อ
การเข้าประทับทรงของเทพเจ้า ทั้งนี้ร่างทรงโดยส่วนใหญ่ก็มีความเชื่อที่ว่าการที่ตนเองมีเทพเจ้าเข้า
มาประทับทรงนั้นเป็นเรื่องของเวรกรรมและความสัมพันธ์บางอย่างของตนกับเทพเจ้า ซึ่งก็ไม่สามารถ
หลีกเลี่ยงเวรกรรมและความสัมพันธ์ดังกล่าวนี้ไปได้ ในเรื่องของความเชื่อการประทับทรงนั้น อาจจะ
แบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรก เป็นร่างทรงที่มีความเลื่อมใสและสนับสนุนการเข้าทรงอย่างมาก
กล่าวคือ เป็นร่างทรงที่เชื่อ เลื่อมใสศรัทธาและสนับสนุนการเข้าทรงอย่างมากโดยไม่มีข้องแม้หรือข้อ
กังขาใดๆ ร่างทรงกลุ่มนี้จะมีการเคารพบูชาเทพเจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นประจาและมีความเชื่อที่ว่า
การเข้าทรงสามารถช่วยให้เกิดประโยชน์แก่ปัจเจกชนและสังคมอย่างมาก จึงปรารถนาที่จะให้มีการ
ประทับทรงและสนับสนุนความเชื่อนี้ต่อไป ส่วนกลุ่มที่ 2 จะเป็นกลุ่มที่มีความเลื่อมใสศรัทธาและ
สนับสนุนการเข้าทรงในระดับกลางๆ กล่าวคือ การที่ร่างทรงเชื่อและเลื่อมใสศรัทธาการเข้าทรงใน
แบบพอประมาณและแม้ว่าตนเองจะเป็นร่างทรงซึ่งมีเทพเจ้าอยู่กับตัวและต้องปฏิบัติพิธีกรรมต่างๆที่
เกี่ยวข้องกับการเข้าทรงหลายอย่างก็ตาม แต่สิ่งเหล่านั้นก็มิได้ทาให้ร่างทรงกลุ่มนี้ยอมรับหรือเชื่อการ
5
วิรัชและนิภาวรรณ วิรัชนิภาวรรณ,การเข้าทรงและร่างทรง ความเชื่อพิธีกรรมและบทบาทที่มีต่อ
สังคม,(กรุงเทพมหานคร:สานักพิมพ์โอเดียนสโตร์,2533),น.26-27
33
6
วิรัชและนิภาวรรณ วิรัชนิภาวรรณ,การเข้าทรงและร่างทรง ความเชื่อพิธีกรรมและบทบาทที่มีต่อ
สังคม,(กรุงเทพมหานคร:สานักพิมพ์โอเดียนสโตร์,2533),น.28-29
34
สิ่งของต่างๆให้ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าประชาชนกลุ่มนี้จะไม่กระทาการดูหมิ่นดูแคลนหรือกระทาการใดๆ
ที่เป็นการลบหลู่เทพเจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์แม้แต่น้อย ที่สาคัญคือ ประชาชนกลุ่มนี้มีความเชื่อเป็นอย่าง
มากว่า การประทับทรงนั้นช่วยให้ผลประโยชน์แก่ปัจเจกชนรวมทั้งสังคมเป็นอย่างมากและยินดีที่จะ
ให้ก ารสนับ สนุนตลอดไป ต่อ มาคือกลุ่ม ประชาชนที่ เ ลื่อมใสและสนับ สนุนการประทั บ ทรงใน
ระดับกลางๆ จะเป็นกลุ่มที่บางครั้งก็เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง สาหรับในกลุ่มนี้จะเชื่อก็ ต่อเมื่อเทพเจ้าที่
ประทับทรงได้ทานายทายทักได้ตรงหรือตอบคาถามได้ละเอียดช่วยได้มาก แต่ในบางครั้งประชาชน
กลุ่มนี้ก็จะคิดในเชิงที่ว่า เป็นเรื่องของความบังเอิญมากกว่า สาเหตุที่ประชาชนกลุ่มนี้มีความเชื่อใน
เรื่องการประทับทรงในระดับ กลางๆ เนื่องมาจากการได้สังเกตการประทับ ทรงของร่างทรงว่า ใน
บางครั้งคาตอบและการกระทาของร่างทรงจะคล้ายคลึงกับ นิสัยของร่างทรงเอง ในจุดนี้เองทาให้
บางครั้งเกิดความข้องใจบ้าง แต่อย่างไรก็ตาม หากจะให้ยกย่องเคารพบูชาอย่างเต็มที่หรือให้ทาการ
ลบหลู่ดูหมิ่นเทพเจ้า ประชาชนกลุ่มนี้เลือกที่จะไม่กระทาทั้งสองอย่าง แต่จะใช้วิธีการวางเฉยและจะ
ไปร่วมงานในลักษณะของผู้สังเกตการณ์มากกว่าศรัทธาอย่างแท้จริง แต่ประชาชนกลุ่มนี้จะไม่ใช่นัก
จับผิดการประทับทรง ขณะเดียวกัน ประชาชนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะมีความเชื่อว่าการประทับทรงจะเป็น
ประโยชน์ต่อส่วนรวมจึงไม่น่ารังเกียจอย่างไร ส่วนกลุ่มสุดท้ายจะเป็นกลุ่มประชาชนที่ไม่เห็นด้วยและ
ต่อต้านการประทับทรง คนกลุ่มนี้มีความเชื่อว่า การประทับทรงถือเป็นสิ่งหลอกลวงหรือเป็นคนโรค
จิต คนมีปัญหาหรือคนที่เก็บกดและมีการแสดงออกด้วยการเป็นร่างทรง ยิ่งไปกว่านั้นประชาชนกลุ่ม
นี้จะมีข้อสังเกตว่า บรรดาร่างทรงมักจะใช้อานาจแฝงในการหาทางออกให้กับตัวเองด้วย อาทิ เมื่อ
โกรธเกลียดใครก็มักจะด่าว่าผู้นั้นในขณะประทับทรงโดยการอ้างเทพเจ้ามาบังหน้าหรือเมื่อตนเอง
ต้องการสิ่งใดก็จะอ้างว่าเทพเจ้าต้องการ ดังนั้นประชาชนกลุ่มนี้จึงมีความรู้สึกขัดแย้งและต่อต้านการ
ประทับทรง มีบางส่วนที่แสดงออกด้วยการพูดจาดูถูกดูหมิ่นเทพเจ้าและร่างทรงเสมอ
35
7
วิรัชและนิภาวรรณ วิรัชนิภาวรรณ,การเข้าทรงและร่างทรง ความเชื่อพิธีกรรมและบทบาทที่มีต่อ
สังคม,(กรุงเทพมหานคร:สานักพิมพ์โอเดียนสโตร์,2533),น.29-31
37
3.2 ร่างทรงในพิธีกรรมเค้งจก
จากที่ได้นาเสนอเรื่องราวของพิธีกรรมเค้งจกในบทที่แล้วว่า ในประเทศไทยนี้มีการ
ประกอบพิธีกรรมเค้งจกเหมือนกันกับพื้นที่อื่นๆในต่างประเทศโดยมีจุดประสงค์เพื่อการแสดงความ
กตัญญูต่อเทพเจ้าที่ตนเองศรัทธา ซึ่งเห็นได้จากศาลเจ้าต่างๆในอาเภอ บ้านบึง จังหวัด ชลบุรี เมื่อถึง
วันคล้ายวันประสูติของเทพเจ้าเวียนมาบรรจบก็จะมีการจัดเตรียมงานเพื่อการถวายพระพรเทพเจ้า
แต่มีสิ่งหนึ่งที่มีความพิเศษในพิธีกรรมเค้งจกเทพเจ้าของชาวบ้านบึง นั่นคือ มีปรากฏการณ์ของการ
ประทับทรงเทพเจ้าประจาศาลเจ้าโดยร่างทรงของศาล ซึ่งจะมีความแตกต่างกันกับพื้นที่อื่นๆที่จะไม่
ปรากฏปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้ ถือว่าเป็นพื้นที่ที่พิเศษที่หนึ่งเลยทีเดียว
จากการลงพื้ นที่ ภาคสนามเพื่อทาการสังเกตการณ์และทาการสัมภาษณ์ร่างทรงที่ มี
ความเกี่ยวข้องกับการประกอบพิธีกรรมเค้งจก พื้นฐานของการเป็นร่างทรงเทพเจ้าหรือสิ่ง ศักดิ์สิทธิใ์ น
กลุ่มบุคคลที่ได้ทาการสัมภาษณ์นั้น โดยส่วนมากจะมีทั้งเพศหญิงและเพศชาย รวมไปถึงในกลุ่มของ
รักร่วมเพศ (Homosextual)ด้วย ในกลุ่มบุคคลเหล่านี้โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นชาวไทยเชื้อสายจีน
แต้จิ๋ว แต่ก็มีบางส่วนที่เป็นชาวไทยแท้ ซึ่งมีความสามารถในการพูดและรู้ธรรมเนียมปฏิบัติของจีนแต่
มีจานวนน้อยมาก
บุคคลท่านหนึ่งที่ ผู้วิจัยได้ทาการลงพื้นที่ภาคสนามและทาการสัม ภาษณ์ด้วย นั่นคือ
ท่านอาจารย์ พชรกร นุกูลกิจ ร่างทรงเทพเจ้าหน่าไฮ้เซี๊ยะบ้อ แห่งศาลเจ้าหน่าไฮ้เซี๊ยะบ้อ มาบยาง
อาเภอ หนองใหญ่ จังหวัด ชลบุรี ผู้เคยได้รับเที ยบเชิญจากศาลเจ้าต่างๆให้เข้าร่วมงานประจาปีวัน
คล้ายวันประสูติของเทพเจ้าประจาศาลเจ้าซึ่งมีการประทับทรงเทพเจ้าเพื่อประกอบพิธีกรรมเค้งจก
โดยประวัติความเป็นมาของอาจารย์ พชรกร นุกูลกิจ แต่เดิมนั้นเป็นคนจังหวัด ปราจีนบุรี มีอาชีพ คือ
ประกอบธุรกิจส่วนตัวอยู่ที่จังหวัด ปราจีนบุรี แต่การที่อาจารย์พชรกรได้มาประจาอยู่ที่อาเภอ หนอง
ใหญ่ จังหวัด ชลบุรี เนื่องมาจากอาจารย์ได้ทาการประทับทรงเทพเจ้าหน่าไฮ้เซี๊ยะบ้อและมีสานุศิษย์
จานวนหนึ่งที่บังเกิดความเคารพศรัทธาและได้ทาการถวายที่ดินให้กับเทพเจ้าที่เข้าประทับทรงร่าง
ทรงเพื่อ ใช้ในการสร้างศาลเจ้า เป็นเหตุให้อาจารย์ได้ย้ายมาประจาอยู่ที่จัง หวัด ชลบุรี เป็นการ
ชั่วคราวเพื่อทาการสร้างศาลเจ้าถวายเทพเจ้าให้แล้วเสร็จ
40
ที่มา: บันทึกภาพโดย นรุตม์ ศิลปพิบูลย์ สถานที่ ศาลเจ้ากิมอ๊วงเอี๊ย อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี วันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556
41
2.การพยากรณ์ดวงชะตา สาธุชนที่มากราบไหว้เทพเจ้าขณะประทับทรงร่างทรงอาจจะ
ทาการขอให้เทพเจ้าช่วยทาการตรวจทานายดวงชะตาของตนเองและครอบครัว บุคคลผู้เกี่ยวข้องหรือ
ตรวจดวงชะตาของบ้านเมือง ดังนั้นจะเห็นได้ว่า เรื่องที่มาขอให้เทพเจ้าขณะประทับทรงในร่างทรงทา
การพยากรณ์ให้จ ะมี ตั้ง แต่เรื่องระดับ เล็กจนถึง ระดับ ใหญ่ ตั้ง แต่ระดับ ครอบครัวจนถึงระดับชาติ
สาหรับการพยากรณ์ของเทพเจ้าที่เข้ามาประทับทรงนั้น โดยส่วนใหญ่จะเริ่มด้วยการถามวันเดือนปี
เกิ ด เวลาเกิ ดหรือเวลาตกฟากของเหล่าสาธุชน เทพเจ้าในร่างทรงบางองค์อาจจะมี การถามถึง
บ้านเลขที่และทิศทางของบ้าน ทั้งนี้เพื่อใช้ในเป็นแนวทางในการทานาย นอกจากนี้เทพเจ้าบางองค์
อาจจะทาการทานายด้วยวิธีการนั่งทางในโดยไม่จาเป็นต้องถามวันเดือนปีเกิดก็ได้
3.การสะเดาะเคราะห์ เทพเจ้าบางองค์อาจรับสะเดาะเคราะห์ให้แก่เหล่าสาธุชน ซึง่ ส่วน
ใหญ่เ ทพเจ้าที่จ ะรับ สะเดาเคราะห์จ ะรับท าการพยากรณ์ดวงชะตาด้วยควบคู่กั นไป การสะเดาะ
เคราะห์ที่เทพเจ้าในร่างทรงจะแนะนากับเหล่าสาธุชนนั้น ส่วนใหญ่จะแนะนาให้ไปปล่อยนก ปล่อย
ปลา ปล่อยเต่าหรือหากสาธุชนคนใดที่เทพเจ้าในร่างทรงทาการตรวจดวงชะตาแล้วพบว่า อาจมี
อันตรายถึงชีวิต เทพเจ้าในร่างทรงอาจจะแนะนาให้ไปทาบุญซื้อโลงศพ คือ การซื้อโลงศพให้กับศพคน
ยากจนที่ไม่มีโลงใส่ หรือเทพเจ้าในร่างทรงอาจจะแนะนาให้ไปซื้อสัตว์ใหญ่ เช่น วัวควายที่กาลังจะถูก
นาไปฆ่า ให้ไปซื้อวัวควายเหล่านั้นไปบริจาคให้กับวัด ถือเป็นการช่วยชีวิตสัตว์ใหญ่เพื่ อให้ตนเองพ้น
เคราะห์กรรม หรือทาให้เคราะห์กรรมนั้นบรรเทาเบาบางลงได้ นอกจากนี้ยังมีเทพเจ้าในร่างทรงบาง
องค์ที่แนะนาให้สาธุชนไปหาวัตถุมงคลหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เช่น เทวรูปหรือรูปภาพ หรือธงที่ใช้ใน
พิธีกรรมประทับทรงของเทพเจ้าจีนมาเก็บรักษาและกราบไหว้บูชาที่ บ้าน การที่เทพเจ้าในร่างทรง
แนะนาให้สาธุชนไปเสาะหาวัตถุมงคลหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆมากราบไหว้บูชานั้น ส่วนใหญ่จะเป็นสิ่งที่
เทพเจ้าในร่างทรงนั้นเลื่อมใสอยู่ก่อนแล้ว เช่น ถ้าเทพเจ้าในร่างทรงองค์นั้นเลื่อมใสในพระแม่กวนอิม
ก็จะแนะนาให้สาธุชนบูชากราบไหว้พระแม่กวนอิม
44
4.การตั้งชื่อและหาฤกษ์ยาม มีสาธุชนจานวนไม่น้อยที่ไปหาเทพเจ้าในร่างทรงเพื่อขอให้
ตั้งชื่อหรือเปลี่ยนชื่อที่ไม่เป็นสิริมงคลออกให้กลายเป็นชื่อที่มีความเป็นสิริมงคลกับตนเองหรือคนใน
ครอบครัว รวมทั้งให้เทพเจ้าในร่างทรงช่วยหาฤกษ์หายามในการประกอบธุรกิจ รวมไปถึงการให้เทพ
เจ้าในร่างทรงหาฤกษ์หายามเพื่อประกอบงานมงคลต่างๆ เช่น งานมงคลสมรส งานบรรพชาอุปสมบท
หรืองานขึ้นบ้านใหม่ เป็นต้น
5.การให้ศีลให้พรให้บารมี มีสาธุชนบางส่วนที่ชื่นชอบไปขอศีลขอพรหรือขอบารมีจาก
เทพเจ้าในร่างทรงเพื่อความเป็นสิริมงคล ซึ่งเทพเจ้าในร่างทรงอาจจะให้ศีลให้พรให้บารมีแก่สาธุชน
โดยอาจจะให้ด้วยวิธีการเป้ากระหม่อม เจิมหน้าผาก ประพรมน้ามนตร์ เป็นต้น นอกเหนือจากนี้การ
ให้ศีลให้พรให้บารมีของเทพเจ้าในร่างทรงยังรวมไปถึงการเจิมสิ่งของต่างๆเพื่อความเป็นสิริมงคลหรือ
ช่วยให้แคล้วคลาดจากภยันอันตรายต่างๆด้วย เช่น เจิมรถยนต์ เจิมเครื่องมือทามาหากินต่างๆของ
เหล่าสาธุชนหรือเจิมบ้านเรือนร้านค้า เป็นต้น
45
ที่มา: บันทึกภาพโดย นรุตม์ ศิลปพิบูลย์ สถานที่ ศาลเจ้าซากัวเล่าเอี๊ย อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี วันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2556
46
8
วิรัชและนิภาวรรณ วิรัชนิภาวรรณ,การเข้าทรงและร่างทรง ความเชื่อพิธีกรรมและบทบาทที่มีตอ่
สังคม,(กรุงเทพมหานคร:สานักพิมพ์โอเดียนสโตร์,2533),น.58-60
47
ดังนั้นการที่บุคคลธรรมดาที่ได้ชื่อว่าเป็นร่างทรงเทพเจ้าได้เข้าไปสู่สภาวะของความเป็น
เทพเจ้าผ่านการประทับทรง ก็จะเป็นลักษณะของการควบ 2 บุคลิก กล่าวคือ มีบุคลิกเดิมเป็นพื้นฐาน
ก็คือความเป็นตัวของตัวเอง และ การมีบุคลิกใหม่ของความเป็นเทพเจ้าเมื่อประทับทรง เมื่อร่ างทรง
ได้ทาการประทับทรงแล้ว บทบาทของบุคคลเหล่านี้จึงต้องแสดงความเป็นเทพเจ้าออกให้มากที่สุด
รวมทั้งทาหน้าที่ช่วยเหลือผู้คนที่ทุกข์ร้อนตามความสามารถที่ร่างทรงแต่ละร่างจะสามารถทาได้ สิ่งที่
น่าสังเกตประการหนึ่ง คือ ร่างทรงเมื่อทาการประทับทรงแล้วจะมีลักษณะของการลอกรูปแบบประติ
มานวิทยา(Lconography )ของเทวรูปเทพเจ้าองค์ประธานของศาลเจ้าออกมา ซึ่งในกรณีของการมี
รูปเคารพของเทพเจ้าอยู่ก่อนที่จะมีการประทับทรงนั้น การประทับทรงจะมีการแสดงออกถึงประติ
มานวิทยา 2 ลักษณะ คือ
1.เป็นการประทับทรงโดยลอกรูปแบบจากเทวลักษณะของเทพเจ้าที่เป็นเทวรูปประจา
ศาลเจ้า ทั้งในส่วนของชุดประทับทรงและอาวุธของเทพเจ้า
2.เมื่ อมี การประทั บ ทรง ร่างทรงจะแสดงอากั ปกิ ริยาที่เ ป็นเทวลัก ษณะของเทพเจ้า
ออกมา เช่น หากประทับทรงพระแม่กวนอิม ร่างทรงก็จะแสดงออกถึงความเมตตาออกมา
ส่วนกรณีของศาลเจ้าที่ยังไม่มีเทวรูปหรือรูป เคารพของเทพเจ้า ร่างทรงที่ประทับเทพ
เจ้าจะมีคาสั่งให้จัดสร้างรูปเคารพของท่านขึ้นมาใหม่ โดยจะสร้างตามเทวลักษณะของเทพเจ้าที่ผ่าน
การประทับทรงได้ทาการบอกกล่าวไว้ ดังนั้นความคิดชุดนี้ก็จะมีส่วนที่ไปเกี่ยวข้องกับชุดประทับทรง
หรือเทวลักษณะของเทพเจ้าด้วย
ทั้งนี้ประติมานวิทยาทั้ง 2 กรณีก็มิได้มีผลให้เทวลักษณะของเทพเจ้ามีความผิดเพี้ยนไป
เพราะทั้ง 2 เหตุผลต่างก็สร้างเทวลักษณะได้มีความใกล้เคียงกันกับตานานของเทพเจ้าพระองค์นั้นๆ
หากแต่ป ระติมานวิทยาในสังคมร่างทรงสายชลบุรีนั้นเราจะเห็นได้ว่า มี ความแตกต่างกันค่อนข้าง
ชัดเจน ซึ่งในจุดนี้เองที่เราจะเห็นความแตกต่างได้ เช่น ความแตกต่างด้านชุดประทับทรงของเทพเจ้า
ยกตัวอย่างในกรณีของศาลพระแม่เมตตาหรือฉื่อปุยเนี่ยวเนี๊ยว หนองยาง จังหวัด ชลบุรี โดยพื้นฐาน
นั้นพระแม่เมตตาองค์นี้จะเป็นองค์เดียวกันกับพระแม่กวนอิม หรือพระโพธิสัตว์กวนอิม แต่ จังหวัด
ชลบุรี จะมีความเชื่อกันว่า การที่จะประทับทรงพระแม่เมตตานั้นจะแยกออกจากกันกับการประทับ
ทรงพระแม่กวนอิมหรือพระโพธิสัตว์กวนอิม โดยจะถือกันว่าท่านเป็นคนละภาคกัน ดังนั้นการจะแยก
องค์ให้เห็นได้ชัดเจนในขณะประทับทรงนั้นจึงจาเป็นต้องอาศัยชุดประทับทรงในการแบ่ง แยกเทพเจ้า
ขณะประทับทรง จุดนี้เองก็ถือเป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจในเรื่องของประติมานวิทยากับร่างทรง
49
ที่มา: บันทึกภาพโดย นรุตม์ ศิลปพิบูลย์ สถานที่ ศาลเจ้าซากัวเล่าเอี๊ย อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี วันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2556
50
ที่มา: บันทึกภาพโดย นรุตม์ ศิลปพิบูลย์ สถานที่ ศาลเจ้าซากัวเล่าเอี๊ย อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี วันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2556
51
ที่มา: บันทึกภาพโดย นรุตม์ ศิลปพิบูลย์ สถานที่ ศาลเจ้ากิมอ๊วงเอี๊ย อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี วันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556
จากทั้งหมดนี้เราจึงสามารถสรุปได้ว่า การที่บุคคลธรรมดานั้นเปลี่ยนสถานะของตนเอง
ขึ้นมามีบทบาทการแสดงในฐานะของร่างทรงเทพเจ้า ในจุดนี้ถือว่ามีหน้าที่ที่สาคัญมาก ซึ่งหน้าที่ของ
ร่างทรงขณะประทับทรงนี้ จะต้องทาหน้าที่ของการเป็นผู้บรรเทาความทุกข์ทั้งทางกายและทางใจ
ให้กั บ สาธุชนที่ เ ข้ามาพึ่ ง พาเทพเจ้าหรือสิ่ง ศัก ดิ์สิท ธิ์ผ่านกระบวนการของการประทั บ ทรง ทั้ ง นี้
กระบวนการของการกลายมาเป็นร่างทรงนั้นก็จะมีความเชื่อที่ร่างทรงส่วนใหญ่คิดเหมือนกันเมื่อพูด
ถึงการประทับทรง กล่าวคือ นอกจากที่ร่างทรงจะเชื่อในเรื่องบาปบุญคุณโทษแล้ว ก็มีค วามเชื่อด้วย
ว่า การประทับทรงนั้นมีอยู่จริง กล่าวคือ เทพเจ้าสามารถเข้ามาประทับในร่างของมนุษย์ได้ แต่ร่าง
ทรงเองนั้นก็มิได้เชื่อทั้งหมดว่า ผู้ที่เป็นร่างทรงนั้นจะมีเทพเจ้ามาประทับทรงจริง โดยที่ร่างทรงส่วน
ใหญ่เชื่อว่า มีร่างทรงบางร่างที่หลอกลวงผู้มาขอรับบริการโดยอาศัยการประทับทรงหลอกลวงทาเป็น
52
บทที่4
บทวิเครำะห์ร่ำงทรงในพิธีเฉลิมฉลองและถวำยพระพรเทพเจ้ำหรือพิธีกรรมเค้งจกในสังคมไทย
จากที่เราได้เห็นภาพโดยรวมทั้งหมดของพิธีเฉลิมฉลองและถวายพระพรเทพเจ้าหรือ
พิธีก รรมเค้ง จกในสังคมไทยที่มี ปรากฏการณ์ของการประทับ ทรงเทพเจ้ามาเป็นเวลานาน ทั้ งนี้ก็
เนื่องมาจากการที่มีการผสมผสานวัฒนธรรมพื้นถิ่นกับประเพณีจีนเข้าด้วยกันและทาการสืบทอดกัน
มาเป็นเวลานาน จึงทาให้พื้นที่ในประเทศไทยมีความพิเศษที่แตกต่างจากที่อื่นๆที่มีประเพณีพิธีกรรม
ดังกล่าว แต่ขณะเดียวกันพิ ธีกรรมเค้งจกในสังคมไทยเองก็มีการประกอบพิธีก รรมเค้งจกในหลาย
ภูมิภาคและมีปรากฏในจีนทุกกลุ่ม แต่ในพื้นที่ภูมิภาคตะวันออกมีลักษณะที่พิเศษความภูมิภาคอื่นๆ
คือ มีการประทับทรงเทพเจ้าเพื่อประกอบพิธีกรรมเค้งจก ต่างที่ภูมิภาคอื่นๆที่ไม่มีการประทับทรง
ดังนั้นพิธีกรรมเค้งจกที่มีการประทับทรงก็จะมีปรากฏเพียงเฉพาะในประเทศไทย แต่ในประเทศไทย
เองก็ปรากฏเฉพาะพื้นที่ด้วยเช่นกัน เนื่องมาจากพื้นที่จังหวัด ชลบุรี ที่ผู้วิจัยได้ทาการศึกษา เป็นส่วน
หนึ่งของภาคตะวันออกที่มีชาวจีนโพ้นทะเลอาศัยอยู่และมีการประกอบพิธีกรรมเค้งจกโดยมีร่างทรง
ซึ่งไม่ปรากฏในที่อื่น จึงถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีความพิเศษดังที่ได้กล่าวมา ซึ่งร่างทรงในพิธีกรรมเค้งจกของ
สายชลบุรีนี้ ผู้วิจัยจะขอนาเสนอเป็น 2 หัวข้อย่อย ดังนี้
4.1 หน้าที่ของร่างทรงในพิธีกรรมเค้งจกที่มีต่อบริบทของพิธีกรรมจีน
เมื่อความเป็นจีนในแบบสังคมไทยได้นาความเชื่อในพิธีกรรมเค้ง จกมาผนวกรวมกั บ
ความเชื่อท้องถิ่นเดิมที่มีการประทับทรงอยู่ก่อนแล้ว ร่างทรงในพิธีกรรมเค้งจกจึงต่อถือหน้าที่สาคัญ
ประการหนึ่งในพิธีกรรม นั่นคือ การถ่ายทอดบทบาทของความเป็นเทพเจ้าขณะประทับทรงให้ออกมา
เป็นรูปธรรมมากที่สุด ในเรื่องของการแสดงบทบาทดังกล่าวนี้ จะแสดงออกมาให้เห็นในรูปแบบต่างๆ
กรณีตัวอย่างเช่น
การมีบทบาทในการเป็นผู้ดูแลจิตใจของสาธุชนที่มีความทุกข์และต้องการเข้าหาเทพเจ้า
ร่างทรงก็จะต้องทาการประทับทรงเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆให้กับผู้ที่ทุกข์ร้อน ในบทบาทของการ
เป็น ผู้ดูแ ลจิ ตใจนี้จ ะมี ค วามคล้ ายคลึง กั บ ประเพณีพื้น ถิ่น เดิม ของภูมิ ภาคทางเหนือ นั่ นคือ พิ ธี
กรรมการฟ้อนผี การที่บรรดาผีปู่ย่าและผีเจ้านายองค์ต่างๆเข้ามาประทับยังม้าขี่หรือร่าทรง ส่วนหนึ่ง
เพื่อช่วยบาบัดทุกข์บารุงสุขให้กับลูกหลานหรือผู้ที่ทุกข์ร้อนต่างๆ จุดนี้เองที่แสดงออกถึงบทบาทที่มี
ความคล้ายกั นของการประทั บ ทรงในเรื่องของการเป็นผู้ดูแลจิตใจ อีก สิ่ง หนึ่ งที่ ร่างทรงมี ห น้าที่
ถ่ายทอดสิ่งที่เรียกว่า “ความเป็นเทพเจ้า” ให้ออกมาในลักษณะของความเป็นรูปธรรมได้ โดยที่ผู้คนที่
54
ได้เข้าหาร่างทรงก็จะซึมซับสิ่งเหล่านี้ที่ถูกถ่ายทอดออกมาโดยร่างทรง ดังจะเห็นได้จากการที่ร่างทรง
ได้แสดงอากัปกิริยาต่างๆออกมา เช่น หากทาการประทั บทรงพระแม่กวนอิมก็จะแสดงอากัปกิริยา
ของความเมตตาออกมา หรือ หากทาการประทับทรงเทพเจ้ากวนอูก็จะแสดงอากัปกิริยาของความ
ดุดันน่าเกรงขามออกมา สิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวที่บ่งบอกถึงความเป็นเทพเจ้าที่ได้ลงมาประทับทรง ซึ่ง
ที่มาของอากัปกิริยาของการประทับทรงโดยเทพเจ้าเหล่านี้ก็จะมาจากการทาความเข้าใจของร่างทรง
เอง โดยจุดประสงค์ของสิ่ง เหล่านี้ คือ การเสริม สร้างภาวะความศัก ดิ์สิทธิ์ให้กับ การประทับ ทรง
เพื่อให้สาธุชนได้ซึมซับและเข้าใจตรงกันว่า เทพเจ้าที่ตนเองนับถือได้เข้ามาทาการประทับทรงเพื่อ
ช่วยเหลือผู้ที่เดือนร้อนต่างๆ สิ่งนี้ก็จะมีความคล้ายกันกับการที่ม้าขี่หรือร่างทรงในงานพิธีกรรมฟ้อนผี
ของภูมิภาคทางเหนือ ที่บรรดาม้าขี่จะแสดงอากัปกิริยาต่างๆออกมาเพื่อแสดงออกถึงความเป็นผีปู่ย่า
หรือผีเจ้านาย ตามความเชื่อของม้าขี่หรือร่างทรงเอง ทั้งนี้ก็เพื่อดูแลจิตใจให้กับผู้ที่เดือดร้อนต่างๆ
ที่มา: บันทึกภาพโดย นรุตม์ ศิลปพิบูลย์ สถานที่ ศาลเจ้าซากัวเล่าเอี๊ย อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี วันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2556
55
แต่ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากร่างทรงที่ประทับทรงเทพเจ้าจีนจะต้องทาหน้าที่ประดุจการเป็น
ตัวแทนของศาลเจ้า เพราะเทพเจ้าที่ ประจ าในศาลเจ้า คือ สิ่ง ที่เ ป็นที่พึ่ง ทางใจ การที่ ร่างทรงมี
ความสามารถในการอั ญ เชิญ เทพเจ้าที่ เ ป็นสิ่ง ที่ เ ป็นที่ พึ่ง ทางใจของชาวบ้านมาประทั บ ทรงและ
ช่วยเหลือชาวบ้านได้นั้น ก็เปรียบเสมือนกับการเป็นตัวแทนและมีบทบาทเหมือนเป็นศาลเจ้า เมื่อเรา
มองร่างทรงในฐานนะที่ประกอบพิธีกรรม ตัวอย่าง พิธีกรรมเค้งจก ร่างทรงก็ได้แสดงออกถึงหน้าที่
สาคัญประการหนึ่ง นั่นคือ การประทับทรงเพื่อร่วมแสดงความยินดีให้กับเทพเจ้าที่เป็นเจ้าภาพของ
งาน ดังนั้นจะพบว่า พิธีเฉลิมฉลองและถวายพระพรเทพเจ้าหรือพิธีกรรมเค้งจก เป็นพิธีกรรมที่ถูก
สร้างขึ้นเพื่อถวายพระพรเทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เนื่องในวาระของวันคล้ายวันประสูติเทพเจ้าหรือสิ่ง
ศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นการที่บรรดาร่างทรงจากศาลเจ้าต่างๆที่ศาลเจ้าเจ้าภาพได้ทาการเรียนเชิญมาประทับ
ทรงเทพเจ้าเพื่ อร่วมแสดงความยินดีกั บเทพเจ้าของตน ก็สามารถแสดงออกให้เห็นว่า ร่างทรงนี้มี
หน้าที่ถ่ายทอดความรู้สึกของเทพเจ้าให้ออกมาเป็นรูปธรรมด้วย ดังนั้นเมื่องานพิธีกรรมเค้งจก คือ
การร่วมแสดงความยินดีเนื่องในวันคล้ายวันประสูติของเทพเจ้า บรรดาร่างทรงที่ม าร่วมงานและ
ประทับทรงเทพเจ้า เทพเจ้าในร่างทรงนั้นก็ย่อมแสดงออกถึงความยินดีออกมา เราจึงเห็นจุดสาคัญ
ของเรื่องนี้ได้ว่า นอกจากบทบาทของร่างทรงที่จะต้องเป็นผู้เชื่อมต่อระหว่างเทพเจ้าและมนุษย์แล้ว
56
ร่างทรงก็ยังต้องทาหน้าที่เป็นผู้ถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกของเทพเจ้าให้ออกมาในรูปธรรมอีก
ด้วย จุดนี้จึงถือว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่เราจะพบได้ในงานพิธีกรรมเค้งจกโดยเฉพาะในจังหวัด ชลบุรี
อีกทั้งการที่ร่างทรงต่างๆของเทพเจ้าเข้าร่วมงานพิธีกรรมเค้งจก ถือเป็นเรื่องของ “ความสัมพันธ์” กัน
ในหมู่ แวดวงสังคมร่างทรงสายชลบุรี ทั้ง นี้การที่ต้องมี การเรียนเชิญ เทพเจ้าของแต่ล ะศาลเจ้าเข้า
ร่วมงานพิธีกรรมเค้งจก ทางร่างทรงสายชลบุรีมีความเชื่อกัน ว่า เป็นธรรมเนียมที่สืบทอดกันมา ซึ่ง
ธรรมเนียมนี้แสดงออกให้เห็นถึงการให้เกียรติกันในหมู่ร่างทรงสายชลบุรีและเป็นการแสดงออกถึง
ความเคารพนับถือ รวมถึงเป็นการให้เกียรติเทพเจ้าของแต่ละศาลเจ้า จุดนี้เองที่แสดงออกถึงการสาน
สัมพันธ์กันระหว่างศาลเจ้าโดยถือเอาร่างทรงเทพเจ้าเป็นตัวดาเนินการ อีกทั้งยังถือว่าเป็นการถือแรง
กันทาบุญ ช่วยงานกันระหว่างศาลเจ้า เช่น เมื่อมีการเชิญศาลเจ้าต่างๆมาร่วมงานกับศาลเจ้าเจ้าภาพ
เมื่อศาลเจ้าเหล่านี้มีงาน ศาลเจ้าที่เคยเป็นเจ้าภาพก็ต้องไปช่วยงานด้วย โดยถือกันว่าศาลเจ้าต่างๆ
เหล่านี้เคยมาช่วยถือแรงทาบุญกัน ดังนั้นการที่ต้องมีการเชิญเทพเจ้าและร่างทรงต่างๆมาร่วมงาน
พิธีกรรมเค้งจกก็แสดงให้เห็นว่า เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการสานสัมพันธ์ระหว่างศาลเจ้าโดยมีร่างทรง
เป็นผู้ดาเนินงานนี้ด้วย
57
ที่มา: บันทึกภาพโดย นรุตม์ ศิลปพิบูลย์ สถานที่ ศาลเจ้าซากัวเล่าเอี๊ย อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี วันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2556
4.2 ร่างทรงในพิธีกรรมเค้งจกที่มีต่อบริบทความเชื่อความเป็นจีนท้องถิ่นไทย
เนื่องมาจากการที่มีการผสมผสานวัฒนธรรมพื้นถิ่นกับประเพณีจีนเข้าด้วยกันและทา
การสืบทอดกันมาเป็นเวลานาน จึงทาให้พื้นที่ศึกษาในประเทศไทยมีความพิเศษที่แตกต่างจากที่อื่นๆ
ดังนั้นการประทับทรงเทพเจ้าเพื่อประกอบพิธีกรรมเค้งจกขอสายชลบุรี จึงต่างกับภูมิภาคอื่นๆที่ไม่มี
การประทับทรง ดังนั้นพิธีกรรมเค้งจกที่มีการประทับทรงก็จะมีปรากฏเพียงเฉพาะในประเทศไทยและ
เป็นประเทศไทยที่มีปรากฏเฉพาะพื้นที่ด้วย นั่นคือ พื้นที่จังหวัด ชลบุรี ที่ผู้วิจัยได้ทาการศึกษา ซึ่งเป็น
ส่วนหนึ่งของภาคตะวันออกที่มีชาวจีนโพ้นทะเลอาศัยอยู่และมีการประกอบพิธีกรรมเค้งจกโดยมีร่าง
ทรงและไม่ปรากฏในพื้นที่อื่นๆ จึงถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีความพิเศษ เนื่องมาจากการประทับ ทรงเทพเจ้า
และร่างทรงสายชลบุรี มีความเชื่อและมีพิธีกรรมที่เป็นเอกลักษณ์เป็นของตนเอง มีวัตรปฏิบัติที่เก่าแก่
มีการสั่งสมและสืบทอดกันมาเป็นเวลาช้านาน สิ่งนี้เองที่เป็นเหตุให้ผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้พบเห็นเกิ ด
ความเลื่อมใสศรัทธา จึงเป็นเหตุให้พื้นที่จังหวัด ชลบุรี ครองความเป็นเอกลักษณ์ของพิธีกรรมเค้งจก
ไว้ได้ ในขณะเดียวกันก็มีพื้นที่บางพื้นที่ในบริเวณภูมิภาคตะวันออกที่รับพิธีกรรมเค้งจกแบบสายชลบุรี
ไปเช่นกัน อาทิ จังหวัดฉะเชิงเทรา ก็มีการประกอบพิธีกรรมเค้งจกเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้มีขั้นตอนที่เต็ม
60
ร่างทรงมีความสามารถในการอัญเชิญเทพเจ้าที่เป็นสิ่งที่เป็นที่พึ่งทางใจของชาวบ้านมาประทับทรง
และช่วยเหลือชาวบ้านได้นั้น ดังนั้นจุดนี้จึงเป็นภาพสะท้อนประประการต่อมากับการที่ร่างทรงได้เป็น
ตัวแทนและมีบทบาทเหมือนเป็นศาลเจ้า อีกทั้งการที่ร่างทรงต่างๆของเทพเจ้าเข้าร่วมงานพิธีกรรม
เค้งจก ถือเป็นการสะท้อนเรื่องของ “ความสัมพันธ์” กันในหมู่แวดวงสังคมร่างทรงสายชลบุรี อันเป็น
ธรรมเนียมที่สืบทอดกันมา แสดงออกให้เห็นถึงการให้เกียรติกันในหมู่ร่างทรงสายชลบุรีและเป็นการ
แสดงออกถึง ความเคารพนับ ถือ รวมถึง เป็นการให้เ กี ยรติเ ทพเจ้าของแต่ล ะศาลเจ้า จุ ดนี้เ องที่
แสดงออกถึงการสานสัมพันธ์กันระหว่างศาลเจ้าโดยถือเอาร่างทรงเทพเจ้าเป็นตัวดาเนินการ
ประการสุดท้าย ร่างทรงยังต้องแสดงบทบาทในการเรียกศรัทธาด้วย เพราะร่างทรงเทพ
เจ้าต้อ งปฏิบัติห น้าที่เ สมื อนเป็นตัวแทนของเทพเจ้า ดังนั้นแรงศรัท ธาต่ างๆของเหล่าสาธุชนก็จ ะ
หลั่งไหลเข้ามายังศาลเจ้า เพื่อเรามองร่างทรงเทพเจ้าผ่านพิธีกรรมเค้งจก การเรียกศรัทธาของแต่ละ
ร่างทรงจะมีไม่ เหมือนกัน ฉะนั้นจึงเป็นภาพสะท้อนให้เห็นว่า การที่ ร่างทรงจะเป็นผู้เ รียกศรัทธา
จะต้องมาจากการที่เทพเจ้าเข้ามาประทับทรงในร่างทรง มีความแม่นยาในเรื่องของการแก้ไขปัญหา
ให้แก่ผู้คนที่ทุกข์ร้อนและมีประสบการณ์การประทับทรงมาเป็นเวลายาวนาน ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งที่
เป็นภาพสะท้อนให้เห็นว่า การประทับทรงโดยร่างทรงสามารถเรียกศรัทธาและสามารถดารงอยู่ใน
สังคมปัจจุบันได้ เนื่องมาจากการประทั บทรงเทพเจ้าและร่างทรงมี ความเชื่อและมีพิธีก รรมที่เป็น
เอกลักษณ์เป็นของตนเอง มีวัตรปฏิบัติที่เก่าแก่ มีการสั่งสมและสืบทอดกันมาเป็นเวลาช้านาน สิ่งนี้
เองที่เป็นเหตุให้ผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้พบเห็นเกิดความเลื่อมใสศรัทธา
62
บทที่ 5
สรุปและข้อเสนอแนะ
สรุปผลการศึกษา
1.ผลการศึกษาพบว่า พิธีเฉลิมฉลองและถวายพระพรเทพเจ้าหรือพิธีกรรมเค้งจก(
)เป็นพิธีกรรมจีนที่มีวตั รปฏิบัติและสืบทอดต่อกันมาในหมู่ของชาวจีนทั่วไปซึ่งมีความสาคัญ
มาก จะจัดขึ้นเนื่องในวันคล้ายวันประสูติของเทพเจ้า โดยเทพเจ้าจีนนั้นมีทั้งที่เป็นของจีนเองและที่
รับมาจากพระพุทธศาสนาจานวนมาก ซึ่งพิธีดังกล่าวนี้จะจัดเพื่อถวายพระพรให้กับเทพเจ้าที่เป็นองค์
ประธานของศาลเจ้า โดยพิธีกรรมนี้มีรากฐานดั้งเดิมมาจากประเทศจีนซึ่งเป็นสถานที่กาเนิดความเชื่อ
เรื่องของเทพเจ้า พิธีกรรมนี้จะเป็นการถวายเครื่องเซ่นสรวงแด่เทพเจ้า เปรียบเหมือนกับงานเลี้ยง
ฉลองของเทพเจ้าที่มนุษย์ได้จัดถวายให้ จุดประสงค์เพื่อแสดงออกถึงความกตัญญูที่มนุษย์มีต่อเทพเจ้า
ที่ได้คุ้มครองตลอดมา ซึ่งจะแตกต่างไปจากการไหว้เทพเจ้าเนื่องในเทศกาลต่างๆของจีน เช่น เทศกาล
ตรุษจีน เทศกาลสาทรจีน เทศกาลไหว้บะจ่าง เทศกาลไหว้พระจันทร์หรือในเทศกาลไหว้ขนมบัวลอย
เป็นต้น โดยการประกอบพิ ธีกรรมเค้ง จกนั้นจะแตกต่างกั นไปตามแต่แต่ล ะพื้นที่ที่ มีความเชื่อของ
พิธีกรรมนี้ไปปรากฏในสังคมชาวจีนพื้นที่อื่นๆ อาทิ ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซียหรือในประเทศไทยเอง
ก็ปรากฏพิธีกรรมดังกล่าวนี้ แต่ในสังคมไทยบริเวณภูมิภาคตะวันออกของประเทศ มีปรากฏการณ์ที่
พิเศษประการหนึ่ง คือ มีปรากฏการณ์ของการประทับทรงเทพเจ้ าในพิธีกรรมเค้ งจก การประทับ
ทรงดังกล่าวนี ้สะท้ อนให้ เห็นถึงความเชื่อและวัฒนธรรมพืน้ ถิ่นหรื อท้ องถิ่น ซึ่งไม่ใช่ลกั ษณะของ
พิธีก รรมจี นในแบบที่เ ป็ นสากล กล่าวคือ ในพื้นที่อื่นๆที่เ ป็นสัง คมจีนที่มี พิธีก รรมเค้งจกนี้ จะไม่
ปรากฏการประทับทรง ความเชื่อท้ องถิ่นนีไ้ ด้ สะท้ อนให้ เห็นในพิธีกรรมจีนอื่นๆในประเทศไทยดัง
กรณีตวั อย่าง เช่น การคัดเลือกองค์สมมุติเจ้ าแม่กวนอิมในช่วงวันตรุษจีนที่จังหวัด นครสวรรค์
หรือ การประทับทรงโดยม้ าทรงในงานเทศกาลถือศีลกินเจของภูมิภาคทางใต้ จุดนี้เองที่ยังแสดงให้
เห็นว่ายังติดในขนบประเพณีพื ้นเมืองดังเดิ้ ม คือ การมีการประทับทรง ดังนันการที้ ่ทาให้ เทพเจ้ ามา
63
ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะสาหรับการศึกษาเกี่ยวกับร่างทรงดังต่อไปนี้