You are on page 1of 9

1437

ประเภทของเตาฮีด
‫أنواع اتلوحيد‬
>ไทย – Thai - ‫< تايالندي‬

มุฮัมมัด บิน ศอลิหฺ อัล-อุษัยมีน


‫حممد بن صالح العثيمني‬



ผู้แปล: แวมูฮมั หมัดซาบรี แวยะโก๊ ะ


ผู้ตรวจทาน: ฟั ยซอล อับดุลฮาดี

‫ حممد صربي يعقوب‬:‫ترمجة‬


‫ فيصل عبد اهلادي‬:‫مراجعة‬
1

ประเภทของเตาฮีด

คาถามที่ 8 : ท่านชัยคฺที่เคารพ เตาฮีดมี กี่ประเภท ขอให้ ท่านอธิ บายพร้ อมยกตัวอย่างมันด้ วย


ครับ?
คาตอบ : ประเภทของเตาฮีดที่เกี่ยวข้ องกับอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ ได้ หมายรวมอยูใ่ นความหมาย
โดยทั่วไป คือ การให้ เอกภาพต่ อ อั ลลอฮฺ สุ บ หานะฮูวะตะอาลา ในสิ่ งที่ เป็ นลั ก ษณะเฉพาะของ
พระองค์ นั่นคือมีสามประเภทด้ วยกัน
เตาฮีด อั ร-รุ บู บี ยะฮฺ คือการให้ เอกภาพต่อ อัลลอฮฺ ตะอาลา ในการสร้ างสรรค์ การครอบครอง
กรรมสิทธิ์ และการบริ หารจัดการสรรพสิ่งต่างๆ
ซึ่ง (หนึ่ง) อัลลอฮฺ ตะอาลา เป็ นผู้สร้ างสรรค์สรรพสิ่งต่างๆ เพียงพระองค์เดียว ไม่มีผ้ สู ร้ างใดอื่น
จากพระองค์ อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ ดารัสในเรื่ องนี ้ว่า
‫َ َ َِٓ َ َ ِ َٓ َ َ ر‬ ‫ر ر‬ َ ‫َ ر‬ َ َ
]٣ :‫ ﴾ [فاطر‬٣ ‫ۡرض ل إِل َٰ َه إِل ه َو‬‫ي ٱّللِ يَر رزقكم مِن ٱلسماء وٱۡل‬ ‫﴿ هل مِن خَٰل ِق غ‬
“จะมีพระผู้ สร้ างอื่ นใดจากอั ลลอฮฺกระนั น้ หรื อ ที่จะประทานปั จจัยยังชีพแก่ พวกเจ้ าจากฟากฟ้า
และแผ่ นดิน ไม่ มีพระเจ้ าอื่นใดนอกจากพระองค์ ” (สูเราะฮฺฟาฏิร อายะฮฺที่ 3)

และอัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ ชี ้ชัดถึงบรรดาพระเจ้ าของพวกปฏิเสธศรัทธาว่าเป็ นโมฆะ ไว้ วา่


َ َ َ َ َََ ‫َ ر َ َ َ ر‬ ََ
]٧١ :‫ ﴾ [انلحل‬١٧ ‫﴿ أف َمن َيل رق ك َمن ل َيل رق أفل تذك ررون‬
“ดั งนั น้ ผู้ ทรงสร้ างย่ อ มไม่ เหมื อ นกั บ ผู้ ท่ ี ถูก สร้ าง พวกเจ้ าไม่ ใคร่ ครวญดอกหรื อ ?” (สูเราะฮฺ อัน -
นะหฺล์ อายะฮฺที่ 17)

อัลลอฮฺ ตะอาลา จึงเป็ นผู้สร้ างสรรค์สรรพสิ่งต่างๆ เพียงพระองค์เดียว พระองค์ทรงสร้ างทุกสิ่งทุก


อย่าง แล้ วทรงกาหนดมันให้ เป็ นไปตามกฎสภาวะ และการสร้ างสรรค์ของพระองค์ยงั หมายรวมถึงทุกสิ่งที่
เกิดขึ ้นจากกระทาของพระองค์เอง และทุกสิ่งที่เกิดขึ ้นจากการกระทาของสรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้ างมา
เช่นกัน ด้ วยเหตุนีก้ ารศรัทธาต่อกฎสภาวะที่สมบูรณ์ นนคื ั ้ อการที่ท่านศรัทธาว่าอัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงเป็ น
ผู้สร้ างการกระทาของปวงบ่าว ดังที่อลั ลอฮฺ ตะอาลา ได้ ดารัสว่า
َ ‫َ ر‬ ‫َ َر َ ََ ر‬
]٦٩ : ‫ ﴾ [الصافات‬٩٦ ‫ٱّلل خلقكم َو َما تع َملون‬ ‫﴿و‬
“ทัง้ ๆ ที่อัลลอฮฺทรงสร้ างพวกท่ านและสิ่งที่พวกท่ านประดิษฐ์ มันขึน้ มา” (สูเราะฮฺอศั -ศ็อฟฟาต อา
ยะฮฺที่ 96)
2
ตามความเข้ าใจนี ้เอง จึงกล่าวได้ ว่าการกระทาของบ่าวนัน้ คือส่วนหนึ่งจากคุณลักษณะของเขา
ส่วนบ่าวนัน้ เป็ นสิ่งที่ ถูกสร้ างของอัลลอฮฺ ในเมื่อพระองค์เป็ นผู้สร้ างทุกสิ่งทุกอย่าง พระองค์ก็เป็ นผู้สร้ าง
คุณลักษณะของมันด้ วย
อีกความเข้ าใจหนึง่ คือ การกระทาของบ่าวนันเกิ ้ ดขึ ้นด้ วยความต้ องการและความสามารถของบ่าว
โดยสมบูรณ์ ส่วนความต้ องการและความสามารถนันมั ้ นทังสองก็
้ เป็ นสิ่งที่ถกู สร้ างของอัลลอฮฺ อัซซะวะญัล
ละ พระองค์เป็ นผู้สร้ างสาเหตุที่สมบูรณ์ และพระองค์ก็เป็ นผู้สร้ างต้ นเหตุนนด้ ั ้ วย ดังนันหากท่
้ านถามว่า เรา
จะกล่าวอย่างไรว่าอัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงเป็ นหนึ่งเดียวในการสร้ างสรรค์ ทังๆ ้ ที่มีบางสิ่งที่ถกู สร้ างจากสิ่งอื่น
จากอัลลอฮฺ ดังที่อลั ลอฮฺ ตะอาลา ได้ บง่ ชี ้ในเรื่ องนี ้ในอายะฮฺที่วา่
َ ‫َََ َ َ َر َ َ ر‬
َ ‫خَٰلِق‬
]٧١ : ‫ ﴾ [املؤمنون‬١٤ ‫ِي‬ ‫﴿ فتبارك ٱّلل أحسن ٱل‬
“ดังนัน้ อัลลอฮฺทรงจาเริญยิ่ง ผู้ทรงเลิศแห่ งปวงผู้สร้ าง” (สูเราะฮฺอลั -มุอ์มินนู อายะฮฺที่ 14)

และท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ กล่าวไว้ ในเรื่ องการสร้ างรูปภาพว่า


َ َ َ َ ُ َُ
»‫«يقال ل ُهم أحيُوا َما خلقتُم‬
ความว่า “จะถูกกล่ าวแก่ พวกเขาว่ า พวกเจ้ าจงทาให้ มันมีชีวิตในสิ่งที่ท่านได้ สร้ างมันมาสิ ” (บันทึก
โดยอัล-บุคอรี หมายเลข 2105 และมุสลิม หมายเลข 2107)

คาตอบในเรื่ องนีค้ ือ นอกเหนือจากอัลลอฮฺ ตะอาลา แล้ ว จะไม่ มีการสร้ างสิ่งใดเหมือนการสร้ าง


ของอัลลอฮฺ ซึ่งเขาไม่สามารถที่จะทาให้ มีสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน และไม่สามารถที่จะฟื น้ ชีวิตที่ได้ ตายไปแล้ ว
แต่ก ารสร้ างของสิ่ ง อื่ น จากอัล ลอฮฺ สุบ หานะฮู วะตอาลา เป็ นเพี ย งการเปลี่ ยนแปลง และแปรรู ป จาก
คุณ ลักษณะหนึ่งไปสู่คณ ุ ลักษณะหนึ่ง ซึ่งมัน เป็ นสิ่งที่ถูกสร้ างของอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ เช่นคนที่สร้ าง
รูปภาพ เมื่อเขาได้ ทารูปภาพมารูปหนึ่งเขาไม่ได้ สร้ างสิ่งใหม่ขึ ้นมาแต่อย่างใด แต่เขาทาได้ แค่เปลี่ยนจากสิ่ง
หนึ่งเป็ นสิ่งหนึ่งเท่านัน้ เช่นการเปลี่ยนจากดินไปสู่รูปนก หรื อ เปลี่ยนเป็ นรูปของอูฐ และเฉกเช่นการระบาย
แผ่น กระดานสี ข าวเป็ นรู ป ภาพที่ มี สี สัน ซึ่ง วัต ถุทัง้ หมดคือ สิ่ง ที่ อัล ลอฮฺ อัซ ซะวะญั ลละ ทรงสร้ าง และ
กระดาษสีขาวก็เป็ นสิ่งที่อลั ลอฮฺ อัซซะวะญัลละ ทรงสร้ างเช่นกัน ด้ วยเหตุนี ้ จึงมีความแตกต่างกันระหว่าง
การยืนยันในเรื่ องการสร้ างสรรค์ของอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ และการยืนยันในเรื่ องการสร้ างสรรค์ของสิ่งที่
ถูกสร้ าง และด้ วยประการนี ้เองจึงทาให้ อลั ลอฮฺ ตะอาลา ทรงเป็ นหนึ่งเดียวในการสร้ างสรรค์ในส่วนที่เป็ น
การเฉพาะของพระองค์
สอง ส่วนหนึ่งจากเตาฮีดอัร-รุ บูบียะฮฺ คือ การให้ ความเป็ นหนึ่งเดียวแด่อลั ลอฮฺ ตะอาลา ในการ
ครอบครองกรรมสิทธิ์ ซึ่งอัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงครอบครองกรรมสิทธิ์เพียงพระองค์เดียว ดังที่พระองค์ ตะอา
ลา ได้ ดารัสไว้ วา่
َ َ ‫ر ر َ ر َ َ َ َٰ ر‬ َ َ َ َ ََ
ِ ‫﴿ تبَٰرك ٱَّلِي بِي ِده ِ ٱلملك وهو َع‬
]٧ :‫ ﴾ [امللك‬١ ‫ك َشء قدِير‬
“ความเจริญสุขจงมีแด่ พระผู้ซ่ งึ อานาจอยู่ในพระหัตถ์ ของพระองค์ และพระองค์ คือผู้ทรงอานุภาพ
เหนือทุกสิ่งทุกอย่ าง” (สูเราะฮฺอลั -มุลก์ อายะฮฺที่ 1)
3

และพระองค์ ตะอาลา ได้ ดารัสอีกว่า


َ ‫َ رَ ر ر ََ رَ ر‬ َ ‫ََ ر ر ر‬ َ َ ‫ر‬
]٨٨ : ‫ ﴾ [املؤمنون‬٨٨ ِ‫ار َعليه‬‫ُيي ول ُي‬
ِ ‫ك َشء وهو‬
ِ ‫﴿ قل من بِي ِده ِۦ ملكوت‬
“จงกล่ าวเถิด มุ ฮัม มั ด อ านาจอั นกว้ างใหญ่ ไพศาลทุ ก สิ่ งอย่ างนี อ้ ยู่ ในพระหั ต ถ์ ของผู้ ใด ? และ
พระองค์ เป็ นผู้ ทรงปกป้องคุ้มครอง และจะไม่ มีใครปกป้องคุ้มครองพระองค์ ” (สูเราะฮฺอลั -มุอ์มินูน
อายะฮฺที่ 88)

้ ้ ครอบครองกรรมสิทธิ์ที่สมบูรณ์ และครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่างนันคื
ดังนันผู ้ ออัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะ
ตะอาลา เพียงพระองค์เดียว ส่วนการอ้ างกรรมสิทธิ์ถึงสิ่งอื่นจากอัลลอฮฺ นันเป็
้ นการอ้ างถึงส่วนเสริ มเท่านัน้
ซึ่งอัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ ยืนยันว่ามี การครอบครองกรรมสิทธิ์ อื่นจากพระองค์อยู่ ดังที่พระองค์ ตะอาลา ได้
ดารัสว่า
َ َ َ
]٩٧ : ‫ ﴾ [انلور‬٦١ ‫اِتَ ره ٓۥ‬
ِ ‫﴿ أو َما َملك رتم َمف‬
“หรือบ้ านที่พวกเจ้ าครอบครองกุญแจของมัน” (สูเราะฮฺอนั -นูร อายะฮฺที่ 61)

และพระองค์ ตะอาลา ได้ ดารัสว่า


َ َ َ َ َ َ ‫﴿ إ َل َ َ ى‬
]٩ : ‫ ﴾ [املؤمنون‬٦ ‫ج ِهم أو َما َملكت أي َمَٰ رن رهم‬
ِ َٰ ‫َع أزو‬ ِ
“เว้ นแต่ แก่ บรรดาภรรยาของพวกเขา หรื อที่มือขวาของพวกเขาครอบครอง (คือทาสี)” (สูเราะฮฺอลั -
มุอ์มินนู อายะฮฺที่ 6)

และหลักฐานที่คล้ ายคลึงกันนี ้ที่ได้ บ่งชี ้ถึงสิ่งอื่นจากอัลลอฮฺ ตะอาลา ก็ครอบครองกรรมสิทธิ์ ด้วย


แต่การครอบครองกรรมสิทธิ์ในที่นี ้ไม่เหมือนกับการครองครอบกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ ซึ่งการ
ครอบครองกรรมสิทธ์ของสิ่งอื่นนันมี ้ ข้อจากัดและมีลกั ษณะที่เฉพาะ การครอบครองกรรมสิทธิ์ที่มีข้อจากัด
นันจะไม่
้ ครอบคลุม เช่นบ้ านของท่านซัยดฺนนท่ ั ้ านอัมรฺ จะไม่สามารถเข้ ามาครอบครองได้ ส่วนบ้ านของท่าน
อุมัรนัน้ ท่านซัยดฺ ก็ไม่ส ามารถเข้ ามาครอบครองได้ นอกจากนี ก้ ารครอบครองกรรมสิทธิ์ นัน้ มี ลักษณะที่
เฉพาะ ซึ่งมนุษย์ไม่สามารถใช้ สอยสิ่งที่ได้ ครอบครองเป็ นกรรมสิทธิ์นอกจากเป็ นไปตามที่อลั ลอฮฺได้ อนุมตั ิ
ให้ เท่านัน้ ด้ วยเหตุนี ้ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จึงห้ ามจากการใช้ จา่ ยทรัพย์สินโดยสุรุ่ยสุร่าย (ดู
ในอัล-บุคอรี หมายเลข 1477 และมุสลิม หมายเลข 1715) และอัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ ดารัสว่า
‫ُّ َ َ ٓ َ َ َ َٰ َ ر ر َ َ َ َ َ ر َ ر‬ ‫َ ر ر‬
]٥ : ‫ ﴾ [النساء‬٥ ‫ٱّلل لكم ق َِيَٰ ٗما‬ ‫﴿ َول تؤتوا ٱلسفهاء أمولكم ٱل ِت جعل‬
“และจงอย่ าให้ แก่ บรรดาผู้ ท่ ีโง่ เขลาซึ่งทรั พย์ ของพวกเจ้ า ที่อัลลอฮฺได้ ทรงให้ เป็ นสิ่งคา้ จุนแก่ พวก
เจ้ า” (สูเราะฮฺอนั -นิสาอ์ อายะฮฺที่ 5)

และนี่คือหลักฐานการครอบครองกรรมสิทธิ์ ของมนุษย์ นนมี


ั ้ ข้อจากัดและมีลักษณะที่เฉพาะ ต่าง
จากการครอบครองกรรมสิ ท ธิ์ ข องอัล ลอฮฺ สุบ หานะฮู วะตะอาลา ซึ่ ง เป็ นการครอบครองกรรมสิ ท ธิ์ ที่
4
ครอบคลุมทังหมด ้ เป็ นการครอบครองกรรมสิทธิ์ที่ไม่มีจดุ สิ ้นสุด โดยที่อลั ลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา ทรง
กระทาตามที่พระองค์ทรงประสงค์ และพระองค์จะไม่ถูกสอบสวนในสิ่งที่พระองค์ทรงกระทา แต่พวกเขา
ต่างหากที่จะถูกสอบสวน
รุ ก่ ุนที่สามของเตาฮีดอัร-รุ บูบียะฮฺ คือ อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงเป็ นหนึ่งเดียวในการบริ หารจัดการ
ซึ่งพระองค์ สุบหานะฮู วะตะอาลา เป็ นผู้บริ หารจั ดการสรรพสิ่งต่างๆ พระองค์ทรงบริ หารจัดการกิจการ
ต่างๆ ของชันฟ ้ ้ าและแผ่นดินทังหลาย
้ ดังที่อลั ลอฮฺ ตะอาลา ได้ ดารัสว่า
َ ‫ٱّلل َر ُّب ٱل َعَٰلَم‬
]٥١ :‫ ﴾ [األعراف‬٥٤ ‫ي‬ ِ َ ‫ٱۡلل رق َوٱۡلَم رر َت َب‬
‫ار َك َ ر‬ َ ‫﴿ َأ َل َ رل‬

“พึงรู้ เถิดว่ า การสร้ างและกิจการทัง้ หลายนัน้ เป็ นสิทธิของพระองค์ เท่ านัน้ มหาบริ สุทธิ์อัลลอฮฺผ้ ู
เป็ นพระเจ้ าแห่ งสากลโลก” (สูเราะฮฺอลั -อะอฺรอฟ อายะฮฺที่ 54)

และการบริ หารจัดการนี ้เป็ นการบริ หารจัดการที่ครอบคลุม ไม่มีสิ่งใดมาทาให้ พระองค์เพลี ้ยงพล ้า


ได้ และไม่มีสิ่งใดคัดค้ านพระองค์ได้ ส่วนการบริ หารจัดการของสิ่งที่ถกู สร้ างบางอย่างนัน้ เช่น การบริ หาร
จัดการของมนุษย์ในเรื่ องทรัพย์สิน เด็กรับใช้ คนรับใช้ เป็ นต้ น เป็ นการบริ หารจัดการที่เล็กๆ น้ อยๆ และมี
ข้ อจากัด ซึ่งการบริ หารจัดการแบบมีข้อจากัดต่างจากการบริ หารจัดการที่ไม่มีจดุ สิ ้นสุด ดังนันจากข้ ้ อมูลนี ้
เองที่ทาให้ คากล่าวของเรามีความถูกต้ อง นัน่ คือ เตาฮีดอัร-รุบบู ียะฮฺ คือการให้ ความเป็ นหนึ่งเดียวแด่อลั ลอ
ฮฺ ตะอาลา ในการสร้ างสรรค์ การครอบครองกรรมสิทธิ์ และการบริ หารจัดการสรรพสิ่งต่างๆ ซึ่งนี่คือเตาฮีด
อัร-รุบบู ียะฮฺ
สาหรั บประเภทที่สองคือ เตาฮีด อัล -อุลูฮียะฮฺ คือการให้ ความเป็ นหนึ่งเดียวแด่อลั ลอฮฺ สุบหา
นะฮู วะตะอาลา ในการทาอิบาดะฮฺ ด้ วยการที่ ม นุษย์ จะไม่ยึดสิ่งใดอื่น จากอัลลอฮฺ ม าท าอิบาดะฮฺ และ
แสวงหาความใกล้ ชิดต่อพระองค์ เฉกเช่นที่เขาทาอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺ ตะอาลา และแสวงหาความใกล้ ชิด
กับพระองค์ ซึ่งนี่คือประเภทเตาฮีดที่พวกมุชริ กีน (พวกที่ตงภาคี ั ้ ตอ่ อัลลอฮฺ) มักจะหลงผิดกัน และเป็ นกลุ่ม
คนที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ต่อสู้กบั พวกเขา และอนุมตั ิให้ ตอ่ สู้กบั บรรดาผู้หญิงของพวกเขา
ลูกหลานของพวกเขา ทรัพย์สินของพวกเขา แผ่นดินของพวกเขา และบ้ านเมืองของพวกเขา และพวกเขาคือ
สาเหตุที่ต้องมีการแต่งตังบรรดาเราะสู
้ ลขึ ้นมาและประทานคัมภีร์ตา่ งๆ ลงมา พร้ อ มด้ วยสองเตาฮีดที่ควบคู่
กันมานัน่ คือ เตาฮีด อัร-รุ บบู ียะฮฺ และเตาฮีด อัล -อัสมาอ์ วะอัศ-ศิฟาต แต่สิ่งที่บรรดาเราะสูลต้ องใช้ ความ
พยายามอย่างมากในการปรับปรุงแก้ ไขกลุม่ ชนของพวกท่านคือเตาฮีดประเภทนี ้ นัน่ คือเตาฮีด อัล -อุลฮู ียะฮฺ
ด้ วยการที่มนุษย์จะไม่ทาอิบาดะฮฺตอ่ สิ่งใดอื่นจากอัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา ไม่วา่ จะเป็ นบรรดามลาอิ
กะฮฺผ้ ใู กล้ ชิด และนบีที่ถกู ส่งลงมา รวมถึงบรรดาคนดี ทงหลาย ั้ หรื อต่อใครก็ตามที่เป็ นสิ่งที่ถกู สร้ าง เพราะ
การทาอิบาดะฮฺนนจะใช้ ั้ ไม่ได้ นอกจากต้ องเป็ นไปเพื่ออัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ และใครก็ตามที่บกพร่องใน
เตาฮีดนี ้ เขาก็เป็ นคนที่ตงภาคี
ั้ (มุชริ ก) และเป็ นคนที่ปฏิเสธศรัทธา (กาฟิ รฺ) ต่ออัลลอฮฺ แม้ วา่ เขาจะยืนยันใน
เตาฮีด อัร-รุบูบียะฮฺ และเตาฮีดอัล-อัสมาอ์ วะอัศ-ศิฟาต ก็ตาม ซึ่งหากมีใครคนหนึ่งศรัทธาว่าอัลลอฮฺ สุบ
หานะฮู วะตะอาลา เป็ นผู้ทรงสร้ าง ผู้ทรงครอบครองกรรมสิทธิ์ตา่ งๆ และเป็ นผู้ทรงบริ หารจัดการในกิจการ
5
ทังหมด
้ และพระองค์ สุบหานะฮู วะตะอาลา คู่ควรกับบรรดาพระนามและคุณลักษณะต่างๆ (อัล -อัสมาอ์
วะอัศ-ศิฟาต) แต่เขากลับทาอิบาดะฮฺตอ่ อัลลอฮฺพร้ อมกับสิ่งอื่นๆ การยืนยันในเตาฮีด อัร -รุบบู ียะฮฺ และเตา
ฮีด อัล-อัสมาอ์ วะอัศ-ศิฟาต ก็จะไม่เอือ้ ประโยชน์ใดๆ ต่อเขา และหากสมมุติว่าคนๆ หนึ่งได้ ยืนยันอย่าง
สมบูรณ์ตอ่ เตาฮีด อัร-รุบบู ียะฮฺ และเตาฮีด อัล-อัสมาอ์ วะอัศ-ศิฟาต แต่เขาได้ ไปยังหลุมฝั งศพแล้ วทาอิบา
ดะฮฺตอ่ เจ้ าของหลุมฝั งศพนัน้ หรื อได้ บนบาน (นะซัร) ต่อมันด้ วยการพลีสตั ว์เพื่อแสวงหาความใกล้ กบั มัน ก็
ถือว่าคนๆ นันเป็
้ นคนที่ตงภาคี
ั้ (มุชริก) และเป็ นคนปฏิเสธศรัทธา (กาฟิ รฺ ) ต่ออัลลอฮฺ และเขาจะต้ องอยู่ใน
นรกตลอดกาล อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ ดารัสในเรื่ องนี ้ว่า
َ َ ‫ي مِن أ‬
]١٧ :‫ ﴾ [املائدة‬٧٢ ‫نصار‬
َ َ َ ‫َ َ َ َ َ َ َٰ ر َ ر‬
َ ‫ِلظَٰلِم‬ َ ‫َ ََ َََ َر‬
‫ٱّلل َعليهِ ٱۡلنة ومأوىه ٱنلار وما ل‬ ‫ۡشك بِٱّللِ فقد حرم‬‫َر َ ر‬
ِ ِ ‫﴿ إِنهۥ من ي‬
“แท้ จ ริ งผู้ ใดให้ มี ภ าคี แก่ อั ลลอฮฺ แน่ นอนอั ลลอฮฺ จะทรงให้ สวรรค์ เป็ นที่ต้องห้ ามแก่ เขา และที่
พานักของเขานัน้ คือนรก และสาหรั บบรรดาผู้อธรรมนัน้ ย่ อมไม่ มีผ้ ูช่วยเหลือใดๆ” (สูเราะฮฺอลั -มาอิ
ดะฮฺ อายะฮฺที่ 72)

และเป็ นที่ร้ ูดีว่าใครก็ตามที่อ่านคัมภีร์ของอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ (อัลกุรอาน) ก็จะพบว่าชาวมุช


ริ กีนที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ ต่อสู้กบั พวกเขา และอนุมตั ิเลือดเนื ้อและทรัพย์สินของพวก
เขา และจับกุมลูกหลานของพวกเขาและบรรดาผู้หญิงของพวกเขา รวมถึงยึดแผ่นดินของพวกเขานัน้ พวก
เขาต่างก็ยืนยันว่าอัลลอฮฺ ตะอาลา เป็ นพระผู้อภิบาลที่ทรงสร้ างสรรค์สรรพสิ่งต่างๆ เพียงพระองค์เดียว แต่
เมื่อพวกเขาได้ ทาอิบาดะฮฺตอ่ อัลลอฮฺร่วมกับภาคีอื่นๆ พวกเขาก็กลายเป็ นชาวมุชริ กีนที่อนุมตั ให้ หลัง่ เลือด
เนื ้อและยึดทรัพย์สินได้
ส่ วนประเภทที่สามของเตาฮีดนัน้ คือ เตาฮีด อัล -อัสมาอ์ วะอัศ-ศิฟาต คือ การให้ ความเป็ น
หนึ่งเดียวแด่อัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา ตามที่พ ระองค์ได้ เรี ยกพระนามด้ วยพระองค์เอง และตามที่
พระองค์ได้ สาธยายด้ วยพระองค์เองในคัมภีร์ของพระองค์ หรื อด้ วยกับลิ ้น (คาอธิบาย) ของท่านเราะสูลของ
พระองค์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ทังนี ้ ้ด้ วยการยืนยันตามที่อลั ลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา ได้ ยืนยัน
ด้ วยพระองค์เอง โดยไม่มีการบิดเบือน ไม่มีการปฏิเสธ ไม่มีการจินตนาการหรื ออธิบายรูปแบบ และไม่มีการ
เทียบเสมอเหมือน ดังนันจึ ้ งจาเป็ นที่ต้องศรัทธาตามที่อลั ลอฮฺทรงเรี ยกพระนามด้ วยพระองค์เอง และตามที่
ได้ พระองค์ได้ สาธยายด้ วยพระองค์เอง ในรูปแบบที่เป็ นไปตามนันจริ ้ งไม่ใช่เป็ นการเปรี ยบเปรย แต่ต้องไม่มี
การอธิบายรูปแบบและเทียบเสมอเหมือน
ซึ่งเตาฮีดประเภทนี ้เองที่กลุ่มต่างๆ ของประชาชาติ นี ้จากชาวกิบลัต (มุสลิม) มักจะหลงผิดกัน ซึ่ง
พวกเขาทังหมดต่ ้ างก็อ้างถึงความเป็ นอิสลาม บางกลุ่มก็มีความสุดโต่งในการปฏิเสธและให้ ความบริ สุทธิ์
ต่อพระนามและคุณ ลัก ษณะนัน้ จนเกิ น ขอบเขตกระทั่งได้ หลุด ออกจากอิส ลาม ส่วนบางกลุ่ม ก็ อยู่ใน
แนวทางสายกลาง และบางกลุ่ม นัน้ ก็ ใกล้ เคียงกับ ชาวอะฮฺ ลุสสุนนะฮฺ แต่แนวทางของสะลัฟ ในเตาฮี ด
ประเภทนี ้นัน้ คือการเรี ยกพระนามของอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ และสาธยายคุณลักษณะตามที่พระองค์ทรง
6
เรี ยกพระนามและสาธยายถึงคุณลักษณะนันด้ ้ วยพระองค์เองในรูปแบบที่เป็ นไปตามนันจริ ้ ง โดยไม่มีการ
บิดเบือน ไม่มีการปฏิเสธ ไม่มีการอธิบายรูปแบบ และไม่มีการเทียบเสมอเหมือน
ตัวอย่างในเรื่ องนี ้คือ อัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา ได้ เรี ยกพระองค์เองว่า “‫( ”اليح القيوم‬ผู้ทรงชีวิน
ผู้ทรงดารงอยู่) ดังนันวาญิ
้ บที่เราต้ องศรัทธาว่า “‫ اليح‬-ผู้ทรงชีวิน” เป็ นพระนามหนึ่งของอัลลอฮฺ และวาญิบ
ที่เราต้ องศรัทธาตามองค์ประกอบของคุณลักษณะของชื่อนี ้ นันคื ้ อ การมีชีวิตที่สมบูรณ์โดยไม่มาจากสิ่งที่
ไม่มีมาก่อน และเป็ นชีวิตที่ไม่มีวนั สูญสิ ้นสลาย และอัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา ได้ เรี ยกพระนามของ
พระองค์เองว่า “‫( ”السميع العليم‬ผู้ทรงได้ ยิน ผู้ทรงรอบรู้) ดังนันวาญิ้ บที่เราต้ องศรัทธาว่า “‫ السميع‬-ผู้ทรงได้
ยิน” เป็ นพระนามหนึ่งของอัลลอฮฺ และศรัทธาว่าการได้ ยินคือหนึง่ ในคุณลักษณะของพระองค์ และพระองค์
คือผู้ทรงได้ ยิน ดังกล่าวคือผลจากชื่อและคุณลักษณะการได้ ยิน ส่วนการกล่าวว่า พระองค์คือผู้ทรงได้ ยินแต่
ไม่มีคณุ ลักษณะการได้ ยิน หรื อมีคณ ุ ลักษณะการได้ ยินโดยไม่ได้ สมั ผัสหรื อรับรู้เสียงที่ได้ ยิน (ตามความเชื่อ
ของบางกลุ่ม ที่ ห ลงผิ ด – ผู้แ ปล) ดัง กล่า วคื อ เรื่ อ งที่ เป็ นไปไม่ไ ด้ และคุณ ลัก ษณะอื่ น ๆ นอกจากนี ก้ ็
เช่นเดียวกัน

อีกตัวอย่างหนึง่ อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ ดารัสว่า


ٓ َ َ َ َ َ ‫َر ر َ َ ر َ ََ ر َ ر‬ َ َ‫ر ر َر َ َ ر َ ر‬ َ َ
]٩١ :‫ ﴾ [املائدة‬٦٤ ‫ان يرنف رِق كيف يَشا رء‬ ِ ‫﴿ َوقال‬
ِ ‫ت ٱۡلَهود يد ٱّللِ مغلولة غلت أيدِي ِهم ولعِنوا بِما قالوا بل يداه مبسوطت‬
“และชาวยิวนัน้ ได้ กล่ าวว่ า พระหัตถ์ ของอัลลอฮฺนัน้ ถูกล่ ามตรวน มือของพวกเขาต่ างหากที่ถูกล่ าม
ตรวนและพวกเขาได้ รับละอฺนัต (การสาปแช่ ง) เนื่องจากสิ่งที่พวกเขาพูด หามิได้ พระหัตถ์ ทัง้ สอง
ของพระองค์ ถูกแบออกต่ างหาก” (สูเราะฮฺอลั -มาอิดะฮฺ อายะฮฺที่ 64)

ในที่นี ้อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ ดารัสว่า


]٩١ :‫ ﴾ [املائدة‬٦٤ ‫ان‬ َ َ ‫َ ََ ر َ ر‬
ِ ‫﴿ بل يداه مبسوطت‬
“หามิได้ พระหัตถ์ ทงั ้ สองของพระองค์ ถูกแบออกต่ างหาก” (สูเราะฮฺอลั -มาอิดะฮฺ อายะฮฺที่ 64)

ซึ่งพระองค์ได้ ยืนยันว่าพระองค์ทรงมีสองพระหัตถ์ที่แบออกมา กล่าวคือพระองค์ทรงมีการมอบให้


อย่างล้ นเหลือ ดังนัน้ วาญิบที่เราต้ องไม่พยายามอธิ บายรูปแบบของพระหัตถ์ทงสองนั
ั้ นไม่
้ ว่าจะด้ วยหัวใจ
ของเรา จินตนาการของเรา และคาพูดของเรา และจะต้ องไม่เทียบเสมอเหมือนมือของสิ่งที่ ถกู สร้ าง เพราะ
อัลลอฮฺ สุบหานะฮุ วะตะอาลา ได้ ดารัสว่า
‫يع ٱۡلَ ِص ر‬
]٧٧ :‫ ﴾ [الشورى‬١١ ‫ي‬ َ ‫﴿ لَي َس َك ِمثلِهِۦ ََشء َو ره َو‬
‫ٱلس ِم ر‬

“ไม่ มีส่ งิ ใดเสมอเหมือนพระองค์ และพระองค์ ผ้ ูทรงได้ ยนิ ผู้ทรงเห็น” (สูเราะฮฺอชั -ชูรอ อายะฮฺที่ 11)

และอัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ ดารัสอีกว่า


‫َ َر ر‬ َ‫َ َ َ ر‬ ‫َ ََ ر ر‬ َ َ َ َ َ َ َ َ َ َ َ َ َ َ َ َ َ َ َ َ ‫﴿ قرل إ َن َما َح َر َم َر‬
‫نل بِهِۦ رسل َطَٰ ٗنا َوأن تقولوا‬
ِ ‫ي‬ ‫م‬ ‫ل‬ ‫ا‬‫م‬ ِ ‫ٱّلل‬ِ ‫ۡش‬
‫ب‬ ‫وا‬ ‫ك‬ ِ ‫ي ٱۡل ِق وأن ت‬ ِ ‫ب ٱلفوَٰحِش ما ظهر مِنها وما بطن و‬
ِ ‫ٱۡلثم وٱۡلغ بِغ‬ ِ ِ
َ ‫ََ َ َ َ َ َر‬
]٣٣ :‫ ﴾ [األعراف‬٣٣ ‫َع ٱّللِ ما ل تعلمون‬
7
“จงกล่ าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่ า แท้ จริงสิ่งที่พระเจ้ าของฉันทรงห้ ามนัน้ คือบรรดาสิ่งที่ช่ ัวช้ าน่ ารังเกียจ
ทัง้ เป็ นสิ่งที่เปิ ดเผยจากมันและสิ่งที่ไม่ เปิ ดเผย และสิ่งที่เป็ นบาป และการข่ มเหงรั งแกโดยไม่ เป็ น
ธรรม และการที่พวกเจ้ าให้ เป็ นภาคแก่ อัลลอฮฺซ่ ึงสิ่งที่พระองค์ มิได้ ทรงประทานหลักฐานใดๆ ลง
มาแก่ ส่ ิงนัน้ และการที่พวกเจ้ ากล่ าวให้ ภัยแก่ อัลลอฮฺในสิ่งที่พวกเจ้ าไม่ ร้ ู ” (สูเราะฮฺอลั -อะอฺรอฟ อา
ยะฮฺที่ 33)

และอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ ได้ ดารัสอีกว่า


ٗ َ َ َ َ َ ‫َ َ َ َ َ َ َ ر َ َ ر ُّ ر‬ َ َ َ ‫َ َ ر‬
]٣٩ :‫ ﴾ [اإلرساء‬٣٦ ‫ص َوٱلفؤاد ك أو ىلئِك َكن عن ره َمسول‬ ‫﴿ َول تقف َما لي َس لك بِهِۦ عِلم إِن ٱلسمع وٱۡل‬
“และอย่ าติดตามสิ่งที่เจ้ าไม่ มีความรู้ ในเรื่ องนัน้ แท้ จริ งหู และตา และหัวใจ ทุกสิ่งเหล่ านัน้ จะถูก
สอบสวน” (สูเราะฮฺอลั -อิสรออ์ อายะฮฺที่ 36)

ดังนัน้ ใครก็ ตามที่ เที ยบเสมอเหมื อนพระหัตถ์ ทัง้ สองนัน้ กับมื อของสิ่งที่ ถูกสร้ าง แน่น อนเขาได้
กล่าวหาคาดารัสของอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ นี ้แล้ ว
‫يع ٱۡلَ ِص ر‬
]٧٧ :‫ ﴾ [الشورى‬١١ ‫ي‬ َ ‫﴿ لَي َس َك ِمثلِهِۦ ََشء َو ره َو‬
‫ٱلس ِم ر‬

“ไม่ มีส่ งิ ใดเสมอเหมือนพระองค์ และพระองค์ ผ้ ูทรงได้ ยนิ ผู้ทรงเห็น” (สูเราะฮฺอชั -ชูรอ อายะฮฺที่ 11)

และเขาได้ ฝ่าฝื นอัลลอฮฺ ตะอาลา ในคาดารัสของพระองค์ที่วา่


َ َ َ َ َ ََ
]١١ :‫ ﴾ [انلحل‬٧٤ ‫ۡض ربوا ِّللِ ٱۡلمثال‬
ِ ‫﴿ فل ت‬
“ดังนัน้ พวกเจ้ าอย่ ายกอุทาหรณ์ ทงั ้ หลายกับอัลลอฮฺเลย” (สูเราะฮฺอนั -นะหฺล์ อายะฮฺที่ 74)

และใครก็ตามที่อธิบายรูปแบบของพระหัตถ์ทงสองนั ั้ นด้้ วยรูปแบบที่เฉพาะไม่วา่ จะเป็ นรูปแบบใดก็


ตาม แน่นอนเขาได้ กล่าวถึงเรื่ องราวของอัลลอฮฺในสิ่งที่เขาไม่ร้ ู และได้ ยดึ ตามสิ่งที่เขาไม่มีความรู้
8

You might also like