Professional Documents
Culture Documents
เสบียงนักดาอีย์ผู้เชิญชวนสู่อัลลอฮฺ
เสบียงนักดาอีย์ผู้เชิญชวนสู่อัลลอฮฺ
2011 ‐ 1432
2011 ‐ 1432
ดวยพระนามของอัลลอฮฺ ผูท รงเมตตา ปรานียงิ่ เสมอ
1
มหาวิทยาลัยกษัตริยอับดุลอะซีซ ณ เมืองญิดดะฮฺ ประเทศซาอุดิอาระเบีย
2
อาล อิมรอน, 3 : 178
1
พั น ธะสั ญ ญาจากอั ล ลอฮฺ นั้ น มิ ไ ด ถู ก จารึ ก เป น ลายลั ก ษณ อั ก ษรและอยู น อกเหนื อ
ความสามารถในการมองเห็ นของมนุษ ย หากแตมนุษ ยทุก คนรั บ รู ว า เมื่ อใดก็ตามที่ อัล ลอฮฺ
ประทานความรูแกเขา เมื่อนั้นเขาจะถูกผูกมัดดวยพันธะสัญญาดังกลาวทันที ไมวาเขาจะเปน
ชายหรือหญิง ฉะนั้นจําเปนสําหรับทุกคนที่มีความรูจะตองเผยแพรบทบัญญัติของอัลลอฮฺ ไมวา
เขาจะอยูแหงหนใดและสถานการณใดก็ตาม
พี่นองทั้งหลาย !
หัวขอบรรยายของเราคือ “เสบียงของนักดาอียสูอัลลอฮฺ”3 และเสบียงสําหรับมุสลิม
ทุกคน ดังที่อัลลอฮฺตรัสไววา:
lb ^] \ [ Z Y m
ความวา: และพวกเจาจงตระเตรียมเถิด แทจริงเสบียงที่ดีที่สุดนั้นคือความ
ยําเกรง4
พี่นองผูมีเกียรติทั้งหลาย !
บางครั้งทานอาจตั้งขอสงสัยวา แลวความยําเกรงคืออะไร ? คําตอบนั้นก็มีอยูดั่งเชน
รายงานจากทานฏ็อลฺก อิบนุ หะบีบ –ขออัลลอฮฺทรงเมตตาทานดวยเถิด- ทานไดกลาววา:
وأن، اﺤﻛﻘﻮى أن ﺗﻌﻤﻞ ﺑﻄﺎﻋﺔ اﷲ ﺒﻟ ﻧﻮر ﻣﻦ اﷲ ﺗﺮﺟﻮ ﺛﻮاب اﷲ
ﺗﺮﺘك ﻣﺎ ﻧﻰﻬ اﷲ ﺒﻟ ﻧﻮر ﻣﻦ اﷲ ﺨﺗ ﻋﻘﺎب اﷲ
"ความยําเกรงคือการที่ทานปฏิบัติการงานที่เปนการภักดีตออัลลอฮฺดวยแสง
สวาง (ความรู)จากพระองค และปรารถนาการตอบแทนจากพระองค และ
การที่ทานละทิ้งสิ่งที่พระองคทรงหาม ดวยแสงสวาง(ความรู)จากพระองค
และเกรงกลัวการลงโทษของพระองค"
เสบียงที่หนึ่ง : ความรู
เสบี ย งแรกที่ นั ก ดาอี ย พึ ง จะต อ งตระเตรี ย มไว คื อ มี ค วามรู เ กี่ ย วกั บ สิ่ ง ที่ เ ขากํ า ลั ง
เผยแพรอยู ความรูที่ถูกตองคือความรูที่วางอยูบนบรรทัดฐานของอัลกุรอานและสุนนะฮฺของ
ทานเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เนื่องจากความรูตาง ๆ ที่ไดมานอกเหนือจากสอง
แหลงนี้ จําเปนที่จะตองนํามาเทียบเคียงกอนวามีความสอดคลองหรือขัดแยงประการใดกับอัลกุ
รอานและสุนนะฮฺ หากวามีความสอดคลองกันเราก็รับ แตถาหากมีความขัดแยงกันเราก็ปฏิเสธ
ไมวาผูที่กลาวจะเปนใครก็ตาม ดังที่มีรายงานจากทานอิบนุ อับบาส เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา ทาน
ไดกลาววา:
5
อาล อิมรอน, 3 : 133 – 136
3
أﻗﻮل ﻗﺎل رﺳﻮل اﷲ وﺗﻘﻮﻟﻮن ﻗﺎل، ﻳﻮﺷﻚ أن ﺗﺰﻨل ﻋﻠﻴﻜﻢ ﺣﺠﺎرة ﻣﻦ اﻟﺴﻤﺎء
أﺑﻮ ﺑﻜﺮ وﻋﻤﺮ
"กอนหินจากทองฟาเกือบหลนใสพวกทานแลว (เพราะพวกทานแยงฉัน)
ขณะที่ฉันกลาววาทานเราะสูลุลลอฮฺไดกลาวอยางนี้ แตพวกทานกลับพูดวา
ทานอบูบักรฺและอุมัรฺไดกลาวอยางนั้น"
สอง ประจักษแจงถึงสภาพของผูที่จะถูกดะอฺวะฮฺ(กลุมเปาหมายที่เขาทําการดะอฺ
วะฮฺ) เมื่อครั้งที่ทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไดสงทานมุอาซฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ไปยัง
ประเทศเยเมน ทานไดกลาวกําชับแกทานมุอาซฺวา “แทจริงแลวทานกําลังจะเผชิญกับชนกลุม
หนึ่งจากชาวคัมภีร” ทั้งนี้ ก็เพื่อใหมุอาซฺไดรับรูถึงสภาพของบุคคลที่เขากําลังจะเชิญชวนเพื่อจะ
ไดเตรียมตัว ฉะนั้นแลวจําเปนอยางยิ่งที่ทานจะตองรูถึงสภาพของบุคคลที่ทานจะเชิญชวนวา
ระดับความรูและระดับการตอบโตของเขาอยูในเกณฑใด ทั้งนี้ ก็เพื่อที่ทานจะไดเตรียมพรอม
และตอบโตเขาได เพราะเมื่อทานถลําสูการโตเถียง แลวเขาเหนือกวาทาน เชนนี้แลวมันทําจะให
เกิดเคราะหรายอันใหญหลวงแกสัจธรรมและทานก็คือตนเหตุในเรื่องนั้น ทานอยาเพิ่งคิดวาสิ่งที่
7
ยูสุฟ, 12 : 108
5
บาฏิล(ไมถูกตอง)จะตองมลายหายไปเสมอ เพราะทานเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได
กลาววา :
وﻟﻌﻞ ﺑﻌﻀﻜﻢ أن ﻳﻜﻮن أﺤﻟﻦ ﺤﺑﺠﺘﻪ ﻣﻦ ﺑﻌﺾ، »إﻧﻜﻢ ﺨﺗﺘﺼﻤﻮن إﻲﻟ
«ﺑﻨﺤﻮ ﻤﻣﺎ أﺳﻤﻊ ﻓﺄﻗ
ความวา : “แทจริงพวกทานไดยกขอพิพาทมาใหฉันตัดสิน บางที คนบางคน
ในหมูพวกทานอาจมีวาทศิลปดีกวาในการพูดยกอางหลักฐาน ดังนั้น ฉันจึง
ตัดสินใหกับเขาดวยเพราะสิ่งที่ฉันไดยิน(ดวยเกณฑผิวเผินที่คูกรณียกอาง
มา ซึ่งอาจจะไมตรงกับขอเท็จจริงแตอยางใด)”
นี่คือสิ่งที่แสดงใหเห็นวาผูที่โตเถียงถึงแมวาเขาจะยืนอยูบนสัจธรรมก็จริง แตเมื่อคูกรณี
มีวาทศิลปและตรรกะในการพูดและยกหลักฐานดีกวา การโตเถียงก็จะถูกตัดสินใหเขาเหนือกวา
ได ฉะนั้นแลว จําเปนที่ทานจะตองรูถึงสถานะของบุคคลที่ถูกเชิญชวนดวย
สาม ประจักษถึงกลยุทธในการดะวะฮฺ
อัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา ตรัสวา:
¡ ~ }| { z y x w v m
° ¯ ® ¬« ª © ¨ § ¦ ¥ ¤ £¢
l ±
ความวา: จงเรียกรองสูแนวทางแหงพระเจาของสูเจาโดยหิกมะฮฺ(วิทย
ปญญา, หลักฐานอันชัดเจนตามกาลเทศะของมัน)และดวยการตักเตือนที่ดี
และจงโตแยงพวกเขาดวยสิ่งที่ดีกวา แทจริง พระเจาของเจานั้นพระองคทรง
รูดียิ่งถึงผูที่หลงออกจากทางของพระองค และพระองคทรงรูดียิ่งถึงบรรดาผู
ที่อยูในทางที่ถูกตอง8
เสบียงที่สอง : ความอดทน
นักดาอียตองเปนผูที่มีความขันติอดทน
- อดทนในการดําเนินงานดะอฺวะฮฺ
- อดทนตออุปสรรคของการดะอฺวะฮฺ
- และอดทนตอความเดือดรอนที่นักดาอียอาจตองประสบ
อดทนในการดําเนินงานดะอฺวะฮฺ
นั่นคือนักดาอียตองเปนผูที่มีความอุตสาหะ ไมละทิ้ง และไมเบื่อหนาย แตใหยืนหยัดใน
งานดะอฺวะฮฺจนสุดความสามารถ ยืนหยัดในขายกรณีที่การดะอฺวะฮฺมีประโยชนกวา ดีกวา และมี
ผลยิ่งกวา เขาจงอดทนและอยาเบื่อหนาย เพราะเมื่อใดก็ตามที่ความเบื่อไดยางเขามาในชีวิตนัก
ดาอีย ความเหนื่อยหนายและการละทิ้งก็จะตามมาในที่สุด แตถาเขามีความอุตสาหะและอดทน
ในการดะอฺวะฮฺ แทจริง เขาจะไดรับผลบุญเปนผลบุญในระดับของเหลา อัศ-ศอบิรีน (บรรดาผูที่
อดทน) และสุดทายเขาจะประสบกับความสําเร็จอยางแนนอน
อัลลอฮฺไดตรัสแกนบีทานหนึ่งวา:
r q p o n m l kj i h g f e m
l { z y x wv ut s
7
ความวา: เหลานั้นคือสวนหนึ่งจากเรื่องราวอันเรนลับที่เราไดประทานวิวรณ
มายังเจา(มุหัมมัด) เจาไมรูเรื่องนี้และกลุมชนของเจาก็ไมรูมากอนเลย ดังนั้น
เจาจงอดทน แทจริงบั้นปลายที่ดีนั้นจะบังเกิดขึ้นสําหรับบรรดาผูยําเกรง9
อดทนตออุปสรรคของการดะอฺวะฮฺ
นักดาอียตองเปนผูที่มีความอดทนตออุปสรรคตางๆ นานาของการดะอฺวะฮฺ จากการถูก
ตอตานและตอบโต เพราะทุกคนที่ยางกาวสูสนามดะอฺวะฮฺยอมหนีไมพนการถูกตอตานและขัด
ขวางอยางแนนอน ดั่งที่อัลลอฮฺตรัสวา:
¾ ½ ¼ »º ¹ ¸ ¶ µ ´ ³m
l À ¿
ความวา: และเชนนั้นแหละ เราไดทําไดทําไดมีศัตรูผูกระทําผิดแกนบีทุกคน
และพอเพียงแลวที่ พระเจาของเจาเปนผูแนะทางฮิดายะฮฺ และทรงเปนผู
ชวยเหลือ10
lu n m l k ji m
ความวา: พวกเขาโตเถียงกับเจาในความจริงหลังจากที่มันไดประจักษขึ้น
แลว11
การตอตานสัจธรรมหลังจากที่มันไดประจักษขึ้นคือคุณลักษณะที่ถูกตําหนิ อัลลอฮฺได
ตรัสถึงผูที่มีคุณลักษณะนี้วา:
9
ฮูด, 11 : 49
10
อัล-ฟุรฺกอน, 25 : 31
11
อัล-อันฟาล, 8 : 6
8
i h gf e d c b a ` _ ^ m
l s r q po n m l k j
ความวา: และผูใดที่ฝาฝนเราะสูลุลลอฮฺหลังจากที่คําแนะนําอันถูกตองได
ประจั ก ษ แ ก เ ขาแล ว และเขายั ง ปฏิ บั ติ ต ามในสิ่ ง ที่ มิ ใ ช ท างของบรรดาผู
ศรั ท ธานั้ น เราก็ จ ะให เ ขาหั น ไปตามที่ เ ขาไดหั น ไป และเราจะให เ ขาเข า
นรกญะฮันนัม และมันเปนที่กลับอันชั่วราย12
โอนักดาอีย !
หากสิ่งที่มาคานกับการเผยแพรของทานคือสัจธรรม ทานก็จงนอมรับมันแตโดยดี(อยา
ถือทิฐิและผลักไสสัจธรรมนั้น) แตถาหากมันเปนสิ่งจอมปลอมทานก็จงอยาเพิ่งหมดกําลังใจที่จะ
เดินไปขางหนาในการทํางานดะอฺวะฮฺของทาน
อดทนตอความเดือดรอนที่นักดาอียอาจตองประสบ
และเชนเดียวกัน นักดาอียตองอดทนตอความเดือดรอน เพราะนักดาอียยอมตองเผชิญ
กับมันไมวาจะโดยทางวาจาหรือการกระทํา แมแตบรรดาศาสนทูตของอัลลอฮฺก็ยังถูกรังควานทั้ง
ดวยวาจาและการกระทํา
อัลลอฮฺตรัสวา:
l NM L K J I H G F E D C B A m
ความวา: เชนนั้นแหละ ไมมีเราะสูลคนใดมายังบรรดา(หมูชน)กอนหนา
พวกเขา เวนแตพวกเขากลาวหาวาเราะสูลนั้นเปนนักเลนกลหรือคนบา13
ทานมีความคิดเห็นเชนไรตอผูทีไดรับวะฮียฺจากพระผูอภิบาล แตเขากลับถูกตราหนาวา
เปนนักไสยศาสตรหรือคนวิกลจริต ? มิตองสงสัยเลยวาเขายอมรูสึกเจ็บปวด แตถึงกระนั้น
บรรดาศาสนทูตก็อดทนตอสิ่งที่พวกเขาไดรับความเดือนรอนจากคําพูดครหาและการกระทํา
สรางความเดือดรอนเหลานั้น
ทานจงครุนคิดถึงเราะสูลคนแรก นั่นคือนบีนูหฺ อะลัยฮิสสลาม ดูสิวา กลุมชนของเขาได
เดินผานมาในขณะที่เขากําลังสรางเรืออยู พวกเขาไดเยยหยันและดูแคลนทานนบีนูหฺ แลวทานก็
ตอบไปวา
W V U TS R Q P O N Mm
l ` _ ^ ] \ [ Z Y X
12
อัน-นิสาอ, 4 : 116
13
อัซ-ซาริยาต, 51 : 52
9
ความวา: หากพวกทานเยาะเยยพวกเรา แทจริงเราก็จะเยาะเยยพวกทาน
เชนเดียวกับที่พวกทานเยาะเยย แลัวพวกทานก็จะรูวาผูใดที่การลงโทษอัน
อัปยศจะมายังเขา และการลงโทษอันยั่งยืนจะประสบแกเขา14
หลังจากนั้นพวกเขาไดขูหมายเอาชีวิตดวยวิธีการเผา
l¦ ¥ ¤£ ¢ ¡ ~ m
ความวา: พวกเขากลาววา จงเผาเขาเสีย และจงชวยเหลือพระเจา(รูป
เคารพ)ทั้งหลายของพวกทาน หากพวกทานจะกระทําเชนนั้น17
ทานนบีมูซาก็เชนเดียวกัน ฟรฺเอานฺไดขูหมายจะเอาชีวิตทาน:
L K J I HG F E D C B A m
lT S R Q P O N M
ความวา: (ฟรฺเอานฺกลาววา) จงปลอยฉัน ฉันจะฆามูซา และใหเขาวิงวอนขอ
ตอพระเจาของเขา แทจริงฉันเกรงวา เขาจะมาเปลี่ยนศาสนาของพวกทาน
หรือจะกอความหายนะใหเกิดขึ้นในแผนดิน20
แตสุดทายชัยชนะก็ประสบแดนบีมูซา อะลัยฮิสสลาม
l m lkj i hm
ความวา: และการลงโทษที่เลวรายก็จะหอมลอมบริวารของฟรฺเอานฺ21
19
อัล-อัมบิยาอ, 21 : 70
20
ฆอฟรฺ, 40 : 26
21
ฆอฟรฺ, 40 : 45
11
เขา(อีซา)ขึ้นไปยังพระองคตางหาก และอัลลอฮฺเปนผูทรงเดชานุภาพ ผูทรง
ปรีชาญาณเสมอ22
แลวพระองคก็ทรงชวยเหลือใหนบีอีซารอดพนจากพวกเขา
และนี่ ศาสนทูตทานสุดทาย ผูนําของบรรดาศาสนทูตและเปนผูนําของลูกหลานอาดัม
นบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม อัลลอฮฺไดตรัสเกี่ยวกับทานวา:
k ji hg f e d c b a ` m
l r q p o nm l
ความวา: และจงรําลึกขณะที่บรรดาผูปฏิเสธศรัทธาวางอุบายตอเจา เพื่อ
กั ก ขั ง เจ า หรื อ ฆ า เจ า หรื อ ขั บ ไล เ จ า ออกไป และพวกเขาวางอุ บ ายกั น
และอัลลอฮฺก็ทรงวางอุบาย และอัลลอฮฺนั้นทรงเปนผูเยี่ยมกวาในหมูผูวาง
อุบาย23
l s r q ponmlkm
ความวา: และพวกเขากลาววา โอผูซึ่งขอตักเตือนถูกประทานแกเขา แทจริง
ทานเปนคนบาอยางแนนอน24
l sr q po n mm
ความวา: และพวกเขาจะกลาววา จะใหเราทอดทิ้งพระเจาตางๆ ของพวกเรา
เพื่อนักกวีบาคนหนึ่งกระนั้นหรือ?25
ทานไดรับการขมเหงจากพวกเขาไมวาจะโดยการกระทําหรือคําพูดดั่งที่รูกันในหมูนัก
ประวัติศาสตรอิสลาม แตถึงกระนั้นทานก็อดทน
ดังนั้น นักดาอียทุกคนจึงตองประสบกับอุปสรรคอยางเลี่ยงไมพน แตเขาก็ตองอดทน
ฉะนั้นครั้นเมื่ออัลลอฮฺ ไดตรัสแกเราะสูลของพระองควา
lÝ ÜÛ ÚÙ Ø × m
ความวา: แทจริงเราไดประทานอัลกุรอานใหแกเจาเปนขั้นตอน26
นี่ก็เปนการบงบอกวาทุกคนที่ยืนหยัดในสิ่งที่อัลกุรอานไดกลาว จําเปนที่จะตองประสบ
กับสิ่งที่จะตองมีความอดทนอยางมหาศาล ดังนั้น จําเปนสําหรับนักดาอียที่จะตองเปนผูมีความ
ขันติอดทนอยางสูงและยืนหยัดในงานดะอฺวะฮฺจนอัลลอฮฺจะเปดประตูความสําเร็จใหแกเขา ไม
จําเปนวาความสําเร็จนั้นจะตองเกิดขึ้นในชวงเวลาที่เขายังมีชีวิตอยู ประการสําคัญก็คือสิ่งที่เขา
ไดเผยแพรนั้นยังคงอยูและถูกนํามาปฎิบัติตลอดไป ตัวบุคคลมิไดเปนสิ่งสําคัญ ที่สําคัญคืองาน
ดะอฺวะฮฺ
ถาหากงานดะอฺวะฮฺของเขายังคงเหลือใหเห็นอยู แมวาเขาจะจากไปแลวก็ตาม แทจริง
แลว เขาก็เสมือนยังมีชีวิตอยูนั่นเอง
r qp o n m l kj ih gm
l ¡ yx w v u t s
ความวา: หรือวาผูที่ตาย แลวเราไดใหเขามีชีวิตขึ้น และเราไดใหแสงสวาง
แกเขาซึ่งเขาใชแสงสวางนั้นเดินทางไปในหมูมนุษยจะเหมือนกับผูที่เสมือน
อยูในบรรดาความมืดโดยไมเคยออกจากมันเลยกระนั้นหรือ28
27
อัน-อินสาน, 36 : 24
28
อัล-อันอาม, 6 : 122
29
กษัตริยของโรม
13
ความวา: เรื่องของอิบนุ อบี กับชะฮฺ (หมายถึงทานนบีมุหัมมัด) นั้นใหญ
หลวงนั้น แทจริงกษัตริยกรุงโรมนั้นเกรงกลัวเขา
£ ¢ ¡ ~} | { z y x m
l « ª © ¨§ ¦ ¥ ¤
ความวา: มูซาไดกลาวแกพวกพองของเขาวา จงขอความชวยเหลือตออัลลอ
ฮฺเถิด และจงอดทนดวย แทจริง แผนดินนั้นเปนสิทธิของอัลลอฮฺ ซึ่งพระองค
จะทรงใหมันสืบทอดแกผูที่พระองคทรงประสงค จากปวงบาวของพระองค
และบั้นปลายนั้นยอมเปนของผูยําเกรงทั้งหลาย30
อัลลอฮฺตรัสวา :
l s r qp o nm l kj i m
ความวา: แทจริง ผูใดที่ยําเกรงและอดทน แนนอน อัลลอฮฺจะมิทรงให
รางวัลของบรรดาผูทําความดีนั้นสูญหายไป31
เสบียงที่สาม : มีหิกมะฮฺ (วิทยปญญา)
30
อัล-อะอฺรอฟ, 7 : 128
31
ยูสุฟ, 12 : 90
14
ความวา จงเรียกรองสูแนวทางของพระผูอภิบาลของเจาดวยหิกมะฮฺและการ
ตักเตือนที่ดีและจงโตแยงพวกเขาดวยกับสิ่งที่ดีกวา32
และพระองคไดตรัสอีกวา:
l NM L K J I H G F E D C B m
ความวา: และพวกเจาอยาโตเถียงกับพวกอะฮฺลุลกิตาบเวนแตดวยวิธีที่ดีกวา
นอกจากบรรดาผูอธรรมในหมูพวกเขา33
32
อัน-นะหฺลฺ : 125
33
อัน-อันกะบูต : 46
34
อัล-อันอาม : 141
15
พระองคไมไดกลาววามันเปนศาสนบังคับและไมไดกําหนดอัตราสวนที่ตองจาย แตได
มอบภาระใหตามความประสงคของผูตองการจายซะกาต
- ในปที่สองของการฮิจญเราะฮฺ พระองคไดกําหนดอัตราสวน (นิศอบ) ของการจายซะ
กาต
- ในปที่เกาของการฮิจญเราะฮฺทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไดสงเจาหนาที่ไป
ยังผูเลี้ยงปศุสัตวและเกษตรกรเพื่อเก็บซะกาต
ทานจงใครครวญถึงบทบัญญัติของอัลลอฮฺที่ใหความสําคัญกับสภาพของผูคนเถิด และ
พระองคนั้นคือผูทรงปญญายิ่ง
และการถือศีลอดก็เชนเดี ยวกัน เปนที่ ทราบกั นดีวาบัญญัติการถื อศีล อดมี ลําดั บขั้ น
ในชวงแรกมีการใหเลือกระหวางการถือศีลอดและการใหอาหาร หลังจากนั้นก็เจาะจงใหถือศีลอด
อยางเดียว สวนการใหอาหารนั้นถู กกําหนดเปนบัญญั ติสําหรับผูที่ไมสามารถที่จะถือศีลอด
ตลอดไปได
ฉันขอกลาววา หิกมะฮฺของอัลลอฮฺมิไดประสงคใหโลกเปลี่ยนแปลงเพียงแคขามวัน แต
จําเปนที่ตองใชเวลา ทานจงเขาไปหาสหายของทานที่ทานตองการเชิญชวนเขา และจงเชิญชวน
เขาอยางคอยเปนคอยไปจนกระทั่งเขาไดละทิ้งสิ่งที่บาฏิล(จอมปลอม)ไป และจงอยามองมนุษย
วาอยูในระดับเดียวกัน เพราะคนที่ไมรูยอมตางจากคนที่ดื้อดึง
เปนการดียิ่งที่ฉันจะขอกลาวถึงตัวอยางการดะอฺวะฮฺของทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะ
ลัยฮิวะสัลลัม
ตัวอยางแรก มีชายคนหนึ่งจากชนบท (อะอฺรอบิยฺ) ไดเขาไปในมัสญิด ขณะนั้นทานนบี
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และเศาะหาบะฮฺไดนั่งอยูในมัสญิดดวย แลวชายคนนั้นก็ไดปสสาวะ
ที่มุมหนึ่งของมัสญิด บรรดาเศาะหาบะฮฺก็ตางตะโกนไล แตทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
ผูซึ่งอัลลอฮฺไดประทานหิกมะฮฺแกทาน ไดหามพวกเขา และเมื่อชายคนนั้นไดปสสาวะเปนที่
เรียบรอยแลว ทานก็ไดสั่งใชใหเอาน้ําหนึ่งถังแลวรดน้ําปสสาวะของเขา แลวรอยของน้ําปสสาวะ
ก็หมดไป หลังจากนั้นทานก็ไดเรียกชายคนนั้น แลวกลาววา “มัสญิดนี้ไมเหมาะและไมควรที่จะ
ใหมีสิ่งสกปรกหรือสิ่งที่กอความเดือดรอน แทจริงมันคือสถานที่เพื่อการละหมาดและอานอัลกุ
รอาน” แลวหัวใจของชายคนนั้นก็เปดรับคําตักเตือนของทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
เนื่องดวยเพราะการปฏิสัมพันธที่ดี และดวยเหตุนี้ ฉันพบวามีนักวิชาการบางทานไดระบุวาชาย
คนนั้นไดวิงวอนตออัลลอฮฺวา “โออัลลอฮฺ โปรดประทานความเมตตาปรานีแกและมุหัมมัดดวย
เถิด และพระองคจงอยาประทานความเมตตาปรานีแกคนอื่นใดอีก”
ทั้งนี้ เพราะท านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิว ะสัล ลัม ไดปฏิสั มพันธ กับเขาอย างดี ส ว น
บรรดาเศาะหาบะฮฺนั้นตางรีบเรงเพื่อยับยั้งสิ่งที่เปนความชั่วโดยมิไดตระหนักและมองถึงสภาพ
ของชายคนนั้นที่เปนคนไมมีความรู
ตัวอยางที่สอง ทานมุอาวิยะฮฺ อิบนุ อัล-หะกัมไดเขามาในขณะที่ทานนบี ศ็อลลัลลอ
ฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไดนําละหมาดผูคนอยู แลวมีชายคนหนึ่งในบรรดาเศาะหาบะฮฺที่ละหมาดอยู
นั้นไดจาม แลวเขาก็กลาววา “อัล-หัมดุลิลลาฮฺ” -เมื่อคนหนึ่งคนใดไดจามในขณะละหมาดใหเขา
16
กลาววา “อัล-หัมดุลิลลาฮฺ” ไมวาเขาจะอยูในอิริยาบถยืน รุกูอฺ หรือสุูดก็ตาม”- ชายคนนั้นกลาว
วา “อัล-หัมดุลิลลาฮฺ” มุอาวิยะฮฺก็ตอบไปวา “ยัรฺหะมุกัลลอฮฺ” คํากลาวของมุอาวิยะฮฺนี้เปนคํา
กลาวของมนุษยซึ่งทําใหการละหมาดเปนโมฆะ แลวผูคนตางก็จองมองมุอาวิยะฮฺ
ทานก็กลาวขึ้นวา “แมพวกทานไดพรากไป” 35 แลวทานมุอาวิยะฮฺก็ละหมาดตอไปจน
เสร็จ แลวทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ก็เรียกเขา ทานมุอาวิยะฮฺกลาววา ฉันขอสาบาน
ดวยอัลลอฮฺ ฉันไมเคยเห็นผูสอนที่สอนไดดียิ่งกวาทานเลย ฉันขอสาบานตออัลลอฮฺ ทานไมไดดุ
วาและตวาดใสฉันเลย แตทานกลาววา: “แทจริงการละหมาดนี้ไมเหมาะกับคําพูดใดๆ ที่เปน
คําพูดของมนุษย แทจริงมันคือการตัสบีหฺ การตักบีรฺ และอานอัลกุรอาน”
ทานจงดูการเชิญชวนที่ถูกตอบรับนี้เถิด ผูคนยอมรับและเปดใจนอมรับ
สวนสาระทางฟกฮฺที่ไดจากหะดีษบทนี้คือ ใครก็ตามที่พูดในขณะละหมาดโดยที่เขาไมรู
วาการพูดในขณะละหมาดนั้นทําใหการละหมาดเปนโมฆะ การละหมาดของเขายังถือวาใชได
ตัวอยางที่สลาม ชายคนหนึ่งมาหาทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม แลวกลาววา:
“ฉันบรรลัยแลว” ทานนบีถามเขาวา “อะไรละที่ทําใหทานบรรลัย?” เขาตอบวา: “ฉันหลับนอนกับ
ภรรยาของฉันในชวงกลางวันของเดือนเราะมะฎอนในขณะที่ฉันถือศีลอด” ทานนบีเลยใชใหเขา
ปลอยทาสเปนไท เขาตอบวา: “ฉันไมมีทาส” หลังจากนั้นทานนบีก็ใชใหเขาถือศีลอดสองเดือน
ติดตอกัน เขาตอบวา : “ฉั นไมมีความสามารถ” หลังจากนั้นทานก็ใ ชเขาให อาหารแกคนจน
จํานวน 60 คน เขาตอบวา “ฉันไมมีความสามารถ” แลวชายคนนั้นก็นั่งอยูชั่วครู จูๆ ก็มีคนมา
มอบผลอินผลัมใหแกทานนบี แลวทานก็กลาววา ทานจงเอานี้ไปบริจาค แตเขาเกิดความโลภใน
ความเอื้อเฟอของทานนบี ซึ่งทานเปนผูที่มีความเอื้อเฟอมากที่สุด แลวชายคนนั้นก็พูดขึ้นวา
“จะมีใครจนไปกวาฉันอีกละ โอทานเราะสูลุลลอฮฺ แทจริงแลวในนครมะดีนะฮฺนี้ไมมีใครจนไป
กวาฉันอีกแลว” ทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม หัวเราะจนเห็นฟนกราม เพราะชายคนนี้มา
หาทานในสภาพที่ตื่นตระหนกและกลาววา “ฉันบรรลัยแลว” แลวเขาก็ไดกลับไปในสภาพที่ได
ลาภ โดยที่ ท า นนบี ศ็ อ ลลั ล ลอฮุ อ ะลั ย ฮิ ว ะสั ล ลั ม ได ก ล า วแก เ ขาว า “ท า นจงเอาไปให แ ก
ครอบครัวของทานเถิด” แลวชายคนนั้นก็เดินจากไปในสภาพที่สบายใจ อิ่มเอิบใจ และสุขใจ
ดวยศาสนา และนี่คือความสะดวกงายดายที่มาจากตัวนักดาอียคนแรกในอิสลาม ขอความสันติ
สุขจงมีแดทานดวยเถิด
ตัวอยางที่สี่: เรามาดูเถิดวาทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ประพฤติปฏิบัติ
อยางไรกับคนที่ไดกระทําผิด ทานไดเห็นชายคนหนึ่งสวมแหวนทองคําที่นิ้วมือของเขา แลวทาน
ก็ไดดึงแหวนวงนั้นออกจากนิ้วของเขาแลวโยนทิ้งลงบนพื้นดิน แลวทานก็พูดขึ้นวา: “คนหนึ่งคน
ใดที่ปรารถนาถานไฟจากนรกก็จงสวมมันที่นิ้วของเขา” ทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
35
คําพูดนี้เปนคําพูดที่เอยโดยไมไดมีจุดมุงหมายในความหมายของมัน และทานนบี جก็ไดใชคํากลาวนี้แก
ทานมุอาซ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ในตอนที่ทานไดกลาวแกมุอาซฺวา “เอาไหมฉันจะบอกแกทานซึ่งสิ่งที่ครอบคลุม
ทั้งหมดดังที่ไดกลาวมา” ทานมุอาซฺตอบวา “เอาสิ ทานเราะสูลุลลอฮฺ” ทานตอบวา “ทานจงยับยั้งสิ่งนี้” แลว
ทานก็จับลิ้นของทาน ทานมุอาซกลาววา: “พวกเราจะถูกไตสวนในสิ่งที่เราไดพูดดวยกระนั้นหรือ?” ทานตอบ
วา “แมขอทานไดพรากทานแลวโอมุอาซฺ แลวที่มนุษยตองถลําหนาหรือจมูกในไฟนรกมิใชเพราะผลจากลิ้น
ของพวกเขาดอกหรือ?”
17
มิไดปฏิบัติกับเขาเสมือนกับที่ทานปฏิบัติกับบุคคลกอนๆ ที่ยกตัวอยางมา กลาวคือทานดึงเอา
และโยนทิ้งลงบนพื้นดิน และเมื่อทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เดินจากไป ก็มีคนบอกแก
ชายคนนั้นวา “ทานเอาแหวานนั้นกลับมาสิ เผื่อทานจะไดเอาประโยชนจากมัน” แตเขาตอบ
กลับไปวา: “ฉันขอสาบานตออัลลอฮฺ ฉันไมมีวันหยิบแหวนที่ทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ
วะสัลลัม ไดโยนทิ้งแลว” อัลลอฮุอักบัรฺ นี้คือการปฏิบัติตามที่ยิ่งใหญของบรรดาเศาะหาบะฮฺ
ขออัลลอฮฺทรงพึงพอพระทัยตอพวกเขาดวยเถิด
ที่สําคัญ นักดาอียตองเผยแพรอยางมีหิกมะฮฺ คนไมรูยอมไมเหมือนกับคนที่รู คนที่ดื้อ
ดึงยอมไมเหมือนกับคนที่นอมรับ ทุกๆ สภานภาพยอมมีวิธีการของมันโดยเฉพาะ
เสบียงที่สี่ : จรรยามารยาทที่ดีงาม
18
เสบียงที่หา : เขาหาผูคน
นักดาอียตองทําลายกําแพงที่ขวางกั้นระหวางเขาและผูคน เพราะมีพี่นองนักดาอียของ
เราหลายตอหลายคนเมื่อเห็นกลุมชนหนึ่งงมงายอยูกับความไมถูกตอง และดวยความเกลียดชัง
กับสิ่งที่ไมถูกตองนั้นๆ ถึงกับทําใหเขาไมไปมาหาสูและตักเตือนพวกเขาเหลานั้น และนี่คือสิ่งที่
ผิด และไมไดเปนหลัก "หิกมะฮฺ" (วิทยปญญา) แตประการใด แตหิกมะฮฺคือการเขาไปหา เชิญ
ชวน เผยแพร ตัรฺฆีบ(ปลุกใจหรือแจงขาวที่ดีสําหรับผูที่ปฏิบัติตามคําสั่งของอัลลอฮฺ) และตัรฺฮีบ
(เตือนสําทับหรือแจงขาวรายสําหรับผูที่ไมปฏิบัติตามคําสั่งของพระองค) และจงอยาพูดวา "เขา
เหลานั้นทําไมดี ฉันไมอาจรวมเดินกับเขาได"
โอนักดาอีย!
เมื่อทานไมเดินไปหาพวกเขาเพื่อทําการดะอฺวะฮฺสูอัลลอฮฺ แลวใครเลาที่จะดะอฺวะฮฺพวก
เขา ? ผูที่มีลักษณะเฉกเชนเดียวกับพวกเขากระนั้นหรือที่จะดะอฺวะฮฺพวกเขา? หรือผูที่ไมรู ผูที่
อวิชชา? ไมอยางแนนอนดวยประการทั้งปวง ฉะนั้นแลว จําเปนอยางยิ่งที่นักดาอียตองอดทน
และนี่คือการอดทนที่เราไดบอกไปแลวกอนหนานี้ นั่นคือการอดทนตอตัวเอง บังคับและทําลาย
กําแพงระหวางเขากับผูคน กระทั่งสามารถสงสาสนแหงการดะอฺวะฮฺไปยังผูที่จําเปนและตองการ
มัน สวนการตัดขาดนั้นมันขัดแยงกับแนวทางของทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ที่ได
ปฏิบัติไวเปนแบบอยาง และทานนบีนั้นดังที่ทราบกันวาในชุมนุมที่มินา(ชวงหัจญ)ทานจะไปหา
พวกมุชริกีนถึงที่พํานักของพวกเขาและเชิญชวนพวกเขาสูอัลลอฮฺ ดังที่มีรายงานจากทานนบี
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ซึ่งทานไดกลาวแกพวกเขาเหลานั้นวา:
ً
« »أﻻ أﺣﺪ ﺤﻳﻤﻠﻲﻨ ﺣ أﺑﻠﻎ ﺎﻠﻛم ر ﻓﺈن ﻗﺮﻳﺸﺎ ﻣﻨﻌﺘﻲﻨ أن أﺑﻠﻎ ﺎﻠﻛم ر
“จะมีใครสักคนไหมที่ชวยเหลือฉัน กระทั่งฉันสามารถเผยแพรถอยคําของ
พระผูอภิบาลของฉัน เพราะแทจริง ชาวกุร็อยชฺไดขัดขวางมิใหฉันเผยแพร
ถอยคําของพระผูอภิบาลของฉัน”
เสบียงที่หก : ยอมรับความเห็นตาง
นักดาอียตองใจกวางตอผูที่มีความคิดเห็นไมตรงกับเขา โดยเฉพาะอยางยิ่งเมื่อรูวาผูที่มี
ความคิดเห็นคานกับเขามีเจตนาที่ดีและบริสุทธิ์ และเขาก็ไมไดเห็นคานนอกจากดวยเพราะตาม
มูลหลักฐานที่เขามี ดังนั้นแลวจําเปนอยางยิ่งที่จะตองมีความสุภาพในประเด็นดังกลาวและไม
นํามาเปนสาเหตุของความเปนศัตรูและบาดหมางกัน นอกเสียจากวาผูที่เห็นคานมีความเยอหยิ่ง
และไมยอมรับสัจธรรมถึงแมวามันจะประจักษขึ้นมาแลวก็ตาม แตกลับดื้อดึงอยูกับความไม
19
ถูกตอง เชนนี้แลวก็ใหปฏิบัติตามที่เขาควรจะไดรับ ดวยการหนีออกหางจากตัวเขาและตักเตือน
ผูคนใหระแวดระวังจากเขา เพราะความเปนศัตรูไดกอเกิดขึ้นในตัวเขาแลว เนื่องจากสัจธรรมได
ปรากฏแตเขากลับไมยอมปฏิบัติตาม
ยังมีประเด็นปญหาขอปลีกยอย(มะสาอิล ฟรฺอิยฺยะฮฺ)ตางๆ ที่บรรดาอุละมาอตางมีทัศนะ
ที่แตกตางกัน ซึ่งที่จริงแลว มันเปนสิ่งที่อัลลอฮฺไดใหความสะดวกแกปวงบาวของพระองค –
ปญหาขอปลีกยอย ณ ที่นี้ฉันหมายถึงที่ไมไดเปนปญหามูลฐาน (อุศูล) ที่ผูที่เห็นคานถึงขั้นตก
เปนกาฟรฺ- และนี่คือสิ่งที่อัลลอฮฺไดเปดกวางแกปวงปาวของพระองค และทรงทําใหความ
ผิดพลาดในประเด็นเหลานั้นเปนสิ่งที่เปดกวาง
ทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไดกลาววา
ُ َ ْ َ َ َ ْ َ ُ َ َ َ َ َ َّ ُ َ َ َ ْ َ ُ ْ َ َ َ َ
َوإِذا َﺣﻜ َﻢ ﻓﺎﺟﺘَ َﻬﺪ ﻋ َّﻢ، ان
ِ ﺮَﺟ ﺎﻛﻢ ﻓﺎﺟﺘﻬﺪ ﻋﻢ أﺻﺎب ﻓﻠﻪ أ ِ َ » ِإذا ﺣﻜﻢ اﺤﻟ
ْ َ ََُ َ ْ َ
« أﺧ َﻄﺄ ﻓﻠﻪ أﺟ ٌﺮ
ความวา: เมื่อผูตัดสินทําการตัดสินและเขาไดวินิจฉัยอยางเต็มความสามารถ
แลวเขาก็ตั ดสิ นถู กตองเขาจะไดรับสองผลบุญ และเมื่อเขาตั ดสินและได
วินิจฉัยอยางเต็มความสามารถ แลวเขาก็ตัดสินผิดเขาจะไดรับเพียงผลบุญ
เดียว36
และพระองคไดตรัสอีกวา
â á àß Þ Ý Ü Û Ú Ù Ø × Ö Õ Ô Ó Ò m
lå ä ã
ความวา : แตถาพวกเจาขัดแยงกันในสิ่งใด ก็จงนําสิ่งนั้นกลับไปยังอัลลอฮฺ
และเราะสูลุลลอฮฺสูล หากพวกเจาศรัทธาตออัลลอฮฺแตวันปรโลก นั่นแหละ
เปนสิ่งที่ดียิ่ง และเปนการกลับไปที่สวยงามยิ่ง38
36
อัล-บุคอรีย หะดีษลําดับที่ 7352,และมุสลิม หะดีษลําดับที่ 4584
37
อัช-ชูรอ : 10
38
อันนิสาอฺ : 59
20
ฉะนั้น จําเปนสําหรับทุกๆ คนที่มีความเห็นขัดแยงกันที่จะตองกลับไปสูสองหลัก นั่นก็
คือคัมภีรของอัลลอฮฺและคําสอนของทานนบี ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม ศาสนทูตของพระองค
และไมเปนที่อนุญาตที่จะใหใครเห็นคานกับพระดํารัสของอัลลอฮฺและวจนะของศาสนทูตของ
พระองคดวยการใชคําพูดของมนุษยอื่นไมวาจะเปนใครก็ตาม
ดังนั้น เมื่อสัจธรรมเปนที่ปรากฏแลว ก็จําเปนที่จะตองละทิ้งคําพูดของคนที่เห็นคาน
เหมือนกับ ทิ้งของใหชนกํ าแพง และไมเ หลียวมองมันถึงแมวาเขาจะมี ฐานะทางความรูแ ละ
ศาสนาสูงสงแคไหนก็ตามที เพราะมนุษยยอมมีผิดมีพลาด แตพระดํารัสของอัลลอฮฺและวจนะ
ของเราะสูลุลลอฮฺนั้นไมมีผิดพลาด
และสิ่งที่ทําใหฉันรูสึกเสียใจอยางมากก็คือ การที่ไดยินวาคนบางกลุมที่มุมานะและเอา
จริงเอาจังในการศึกษาหาความรู แตพบวาพวกเขากลับแบงแยกเปนฝกเปนฝาย ทุกๆ กลุมมีชื่อ
เฉพาะหรือมีคุณลักษณะเฉพาะ ในความเปนจริงแลวนี่เปนสิ่งที่ผิดพลาด เพราะแทจริงศาสนา
ของอัลลอฮฺนั้นหนึ่งเดียว และประชาชาติอิสลามก็หนึ่งเดียว
อัลลอฮฺไดตรัสวา
l § ¦ ¥ ¤ £ ¢ ¡ ~m
ความวา: แทจริงนี่คือประชาชาติของพวกเจา เปนประชาติเดียวกัน และขา
คือพระเจาของพวกเจา ฉะนั้นพวกเจาจงยําเกรงตอขา39
และพระองคไดตรัสอีกวา
x w v u t s r q p o n m l k j im
l s a ` _ ~ } | {z y
ความวา : พระองคไดทรงกําหนดศาสนาแกพวกเจาเชนเดียวกับที่พระองค
ไดทรงบัญชาแกนูหฺ และที่เราไดประทานวิวรณแกเจาก็เชนเดียวกับที่เราได
39
อัลมุอมินูน : 52
40
อัลอันอาม : 159
21
บัญชาแกอิบรอฮีม มูซา และอีซา วาพวกเจาจงดํารงศาสนาไวใหมั่งคงและ
อยาแตกแยกกันในเรื่องศาสนา41
41
อัชชูรอ : 13
22